มูนตะวัน (คุณพระจันทร์ที่ผมรัก) อัพเดตตอน 20 รักนะคุณพระจันทร์ end
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มูนตะวัน (คุณพระจันทร์ที่ผมรัก) อัพเดตตอน 20 รักนะคุณพระจันทร์ end  (อ่าน 6424 ครั้ง)

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 18 ใครชอบใครนะ


Moon Thanaphat
[/b]



ผมกำลังมองดูหลังของคนตัวเล็กที่กำลังง่วนหน้าตั้งอกตั้งใจกับการทำอาหารในครัว ผมมองน้องแทบจะไม่วางตาไม่ใช่อะไรนะแค่อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เพราะตะวันดูไม่ได้ชำนาญในการเข้าครัวขนาดนั้น ท่าทางการใช้อุปกรณ์แต่ละอย่างผมหวาดเสียวไปหมด พอออกตัวว่าจะทำให้ตะวันก็ไม่ยอม แถมบังคับให้ผมนั่งรอห้ามขยับห้ามเข้าไปวุ่นวายเขาในครัวอีกต่างหาก

“ตะวัน เป็นไงบ้าง?” อีกคนหันกลับมามองหน้าผมแล้วยกแขนเท้าสะเอวสองข้างอย่างหงุดหงิด

“พี่มูนนนน พี่มูนถามตะวันหลายรอบแล้วนะ ตะวันทำได้น่า...” น้องทำหน้ายุ่งๆ

“ตะวัน..  อะไรไหม้หรือเปล่า?” ผมถาม เมื่อเห็นควันโขมงลอยมาจากด้านหลังของอีกคน

“เฮ้ยยยย เพราะพี่มูนนั่นแหละชวนตะวันคุย ดูสิ เกือบจะไหม้แล้ว” ตะวันโวยวายเมื่อหันกลับไปแล้วเห็นอาหารที่ตัวเองกำลังทำเริ่มเละ ก่อนที่จะหันมาชี้นิ้วขู่ผม

“พี่มูนนั่งอยู่เฉยๆไปเลย ตะวันขอเวลาอีกแปปนึง เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว

“ขอเวลาทำอาหารให้เสร็จหรือขอเวลาพังครัว?”

“พี่มูน ! อย่ามาดูถูกตะวันนะ ตะวันนี่แข่งกับเชฟกระทะเหล็กได้เลยนะจะบอกให้” น้องกอดอกแล้วดูจะมั่นใจเอามากๆ

“แต่เราทำนานแล้วนะ”

“เอาน่า อยากกินของอร่อยๆก็รอหน่อย” ก่อนที่จะหมุนตัวกลับไปทำอาหารต่อ ผมส่ายหัวไปมาเมื่อมองเห็นสภาพห้องครัวตัวเองที่เละเทะไปแล้ว จะรอดไหมเนี่ย



Fb.

Moon Thanaphat




   เจ้าดื้อบอกจะไปแข่งกับเชฟกระทะเหล็ก with ตะวัน อัศวถาวรานุกูล

 

ผมลงรูปตะวันที่แอบถ่ายจากด้านหลังโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้และเป็นตอนที่ครัวยังไม่เละเทะด้วย



Man thawin : ห้องพี่? พี่ทำไมกล้าให้มันเข้าครัว

After you : ดูก็รู้ว่าต้องอร่อย

Lemon now : +แมน

Momomo : +แมน

BoomBoom’z : เดี๋ยวผมรีบโทรเรียกรถดับเพลิงไว้ให้

BigBro : ห่า บูม มันจะขนาดนั้นเลยหรอวะ 55555

ลิลลี่ที่สวยๆ : อิจฉาตาร้อนมากกู โทรสั่งแกร็บก่อน

บ้านคนหล่อ : พบคนขิงว่ามีคนทำอาหารให้กิน



ผมนั่งอ่านคอมเม้นท์ไปขำไปเพราะเห็นด้วยกับที่เพื่อนๆตะวันบอก แต่ไม่นานน้องก็เดินมาหาผมที่สภาพมีเหงื่อเล็กน้อย

“ทำอาหารหรือไปรบมา?”

“พี่มูน ! ไปทำอาหารมาสิ ปะๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว กินได้ชัวร์” ตะวันดึงแขนผมให้เดินยังไปโต๊ะอาหาร

ผมยืนสำรวจดูอาหารที่ตะวันทำจนครบทุกจาน ไม่ว่าจะเป็นไข่เจียวที่มีไหม้แค่ขอบๆ แกงจืดที่ไม่มั่นใจว่าจะจืดสมชื่อหรือเปล่า ผัดกะเพราที่ดูสีเข้มจนจะเค็มเกินไปหรือเปล่า แต่รวมๆแล้วผมรู้ว่าตะวันใส่ความตั้งใจเข้าไปมากอยู่พอสมควร

“นั่งๆ” น้องดันให้ผมนั่งลง ก่อนที่ตัวเองจะอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง

“พี่ไม่เคยเห็นเราทำอาหารกินเอง เลยคิดว่าทำไม่เป็น”

“ทำได้สิ มันจะไปยากอะไร แต่ตะวันไม่ค่อยได้ทำ ซื้อกินง่ายกว่า” ผมพยักหน้า ก่อนจะตักไข่เจียวมาลองชิม แล้วตามมาด้วยผัดกะเพราและแกงจืด

“อืม...” น้องยังนั่งนิ่ง รอให้ผมพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่ตอนนี้ผมต้องขอประมวลในหัวตัวเองก่อน

“ว่ายังไง อร่อยม้ะ?”

“ก็... ไม่ได้อร่อยขนาดนั้น แต่กินได้” ผมยิ้มให้

“หมายความว่ายังไง?” ตะวันทำหน้ายุ่งแบบยุ่งมากๆ

“ก็กินได้ ไม่ได้รู้สึกว่าไม่อร่อย หรือกินไม่ได้ไง”

“งั้นก็อร่อยสิ”

“เอ่อ... ก็ไม่ถึงกับอร่อยไง”

“พี่มูน ไม่อร่อย มันก็เท่ากับอร่อยไง พี่มูนจะปากแข็งทำไมเนี่ย ชมออกมาเลย”

“ตะวัน....”

“ก็มันจริงไหมล่ะ?” อีกคนพูดอย่างเอาใจ

“ฮ่าๆๆๆ ยอมๆ อร่อยๆ เห็นแก่ความตั้งใจของเราหรอกนะ”

“ก็มันแน่ล่ะ”

อาหารที่น้องทำมันก็อย่างที่ผมบอกไปว่าไม่ได้อร่อยขนาดนั้นแต่มันกินได้ จริงๆก็กะว่าจะอวยน้องไปเลยดีกว่าแต่คิดไปคิดมาเลือกที่จะบอกตรงๆจะดีกว่า ตะวันจะได้รู้ว่าฝีมือที่แท้จริงของตัวเป็นยังไง ความจริงน้องน่าจะรู้ถึงฝีมือตัวเองแต่แค่ทำเป็นมั่นใจเพื่อไม่ให้เสียความมั่นใจก็เท่านั้น

“งั้นไว้ตะวันจะฝึกเข้าครัวบ่อยๆ”

“ให้พี่ทำให้กินก็ได้”

“ก็ตะวันอยากทำให้พี่มูน”

“พี่กลัวเราลำบาก”

“ไม่เห็นลำบาก”

“กลัวทำครัวพัง”

“โห ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” อีกคนขมวดคิ้ว

“ก็กลัวตะวันเจ็บตัว”

“หึหึ ทั้งรัก ทั้งหลงตะวันอะไรขนาดนั้น”

“พองลมได้แบบนี้มีคนเดียวนิ”

“พี่มูน!”



“พี่มูน!”

“อะไร เรียกซะเสียงดังเลย”

“แอบถ่ายรูปตะวัน” หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จแล้วผมเลยอาสาจัดการทำความสะอาดให้ อีกคนเลยพึ่งจะได้จับมือถือ

“แล้วไม่ได้หรอ?” ผมเช็ดมือแล้วรีบเดินเข้าไปหาตะวัน

“ถ่ายด้วยกัน” น้องบอกก่อนที่จะยกมือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายรูป ซึ่งผมก็ยังทำหน้างงอยู่ ปกติตะวันค่อนข้างจะอายที่ต้องทำอะไรแบบนี้

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่อยากถ่ายกับตะวันหรอ?”

“เดี๋ยว ไม่ใช่ พี่แค่งงนิดหน่อย”

“งงทำไมเล่า มาๆขยับเข้ามาใกล้ๆตะวัน” ผมขยับเข้าไปอย่างที่น้องบอกแต่เหมือนจะไม่พอใจ ตะวันเลยขยับมานั่งแทรกตรงกลางระหว่างขาผมกลายเป็นว่าเรานั่งซ้อนกัน ตะวันจะรู้ตัวไหมว่าเราแนบชิดกันขนาดไหน ผมจะบ้าตาย !

“ยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาสิพี่มูน” ผมยื่นหน้าเข้าไปวางไว้ที่ไหล่ของอีกคน

“ยิ้มด้วยน๊า หนึ่ง สอง ชั่ม”

แชะ !

ผมไม่ได้หันไปมองกล้องเพียงแต่เอียงหน้ามองตะวัน ส่วนน้องก็กลับไม่มองกล้องเหมือนที่คิดไว้แต่หันกลับมาผมแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้หน้าเราชิดกันมากจนจมูกชนจมูก

“อะ เอ่อ....”

“ถ่ายอีกไหม?” ผมยังคงอยู่ในท่าเดิมแล้วน้องก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน

“มะ มะไม่แล้ว” พอรู้ตัวน้องก็ขยับหน้าออก

“ว๊า อดเลยพี่”

“ตีเนียน” น้องว่าก่อนจะเอนตัวทับผมจนผมต้องเอนไปพิงที่โซฟา สายตาก็มองไปที่มือถือของตะวันที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังดูรูป

“แคปชั่นอะไรดีอะ?”

“อยากจูบพี่มูน”

“มันใช่ไหมล่ะ” อีกคนทำเสียงขัดใจเบาๆ ก่อนจะทำถ้าคิดไปคิดมาแล้วพิมพ์อะไรสักอย่างโดยบังไว้ไม่ให้ผมเห็น

“ความลับหรอ?”

“เปิดดูเองสิ ก่อนที่ตะวันจะดับหน้าจอมือถือแล้วซุกหน้าลงมาที่ตัวผม” ผมต้องใจแข็งวันละกี่รอบเนี่ยย ทำไมขยันอ้อนกันจังวะช่วงนี้



Fb.

ตะวัน อัศวถาวรานุกูล


   จงรัก จงหลง ตะวันแค่คนเดียว with Moon Thanaphat





After you : โอ๊ยย พี่อาฟเจ็บที่ใจ

DewBro ที่หล่อกว่า BigBro : เจอแบบนี้ไอ้หล่อมีชีวิตอยู่ไหมวะ 5555

BigBro : แค่นี้เพื่อนพี่ก็ไปไหนไม่รอดแล้ว

Man thawin : เกินไป

Veevy very cool : จะฟ้องเฮียภู @ภูผา อัศวถาวรานุกูล

Lemon now : แม่จะตี !

เพจคิ้วท์บอย (รวมพลคนหล่อกำลังสอง) : โอ๊ยยยยย อิจฉาในความหวานนะคะ เห็นใจคนโสดด้วยย

ลิลลี่ที่สวยๆ : ทำไมกูต้องเข้ามาเจออะไรแบบนี้ด้วย ลูกชั้นนนนน

บ้านคนหล่อ : น่ารักกกกก

BoomBoom’z : อ้อนชิบหาย



ผมยิ้มกว้างให้กับแคปชั่นของคนที่ซุกหน้าอยู่ที่ตัวของผม อยากจะฟัดให้จมโซฟาเลยจริงๆ แต่ผมก็ต้องข่มใจตัวเองไว้ไม่ให้ทำอะไรน้องแต่ก็ขอนิดๆหน่อยแล้วกันพอให้ชื่นใจ ผมแอบก้มลงไปขโมยหอมแก้มของอีกคนแต่น้องก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเพียงแค่บ่นให้เล็กน้อย

“นิสัยไม่ดี”

“อะไรนะ ว่าพี่หรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ มาหอมแก้มกันแบบนี้ได้ไง”

“อยากทำมากกว่านี้อีก”

“พอเลย” น้องพูดเบาๆ ดูก็รู้ว่าอีกคนคิดไปถึงไหนจนทำให้ตัวเองเขิน

“ทำไมอ้อนเก่งจัง?”

“ไม่อยากให้อ้อนใช่ไหม?”

“อยากครับ อยากให้อ้อน แต่แค่มันแปลกๆนิ”

“พี่มูน....”

“ว่าไง?”

“รักตะวันไหม?”

“รักสิ ถามทำไม?”

“แล้วจะรักตลอดไปไหม?”

“ไม่รู้สิ”

“งืออ”

“ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรักตลอดไปไหม รู้แค่ว่าอยากจะรักตะวันแบบนี้ไปเรื่อยๆ”

“จะเบื่อตะวันไหม?”

“ไม่”

“ถ้าตะวันดื้อล่ะ?”

“ก็ดื้อให้น้อยลงสิ”

“ก็... ก็ถ้าตะวันยังดื้อมากๆล่ะ?”

“เดี๋ยวพี่จะปราบเด็กดื้อเอง” น้องค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าน้องเหมือนมีความกังวลอะไรสักอย่าง ไม่มั่นใจในตัวผมงั้นหรอ?

“ถ้ามีคนที่ถูกใจพี่มูนเข้ามาจีบล่ะ?”

“พี่ถูกใจแค่ตะวัน กังวลอะไรอยู่ตะวัน พี่ทำอะไรให้ไม่มั่นใจงั้นหรอ?”

“ไม่ๆ พี่มูนแค่หน้าตาดีเกินไปต่างหาก เลยทำให้ตะวันกังวลแบบนี้”

“ห๊ะ? อะไรนะ?”

“ก็เพราะใบหน้าหล่อๆแบบนี้ไง มีแต่คนจ้องจะเข้าหาพี่มูน”

“นี่เรากังวลเรื่องนี้?”

“ก็ไม่เชิง แต่เวลาเราออกไปไหนนะ มีแต่คนมองพี่มูน มองเหมือนจะสิงพี่มูนเลย ตะวันนะอยากจะขังพี่มูนไว้ขังไม่ให้ออกไปไหนเลย” น้องบอกในขณะที่ทำหน้ามุ่ยๆ

“แบบนี้นี่เองหรืออ้อนบ่อยๆ”

“กะก็.... ตะวันหวงพี่มูนนี่”

“ดีใจจัง”

“ยิ้มทำไม ตะวันเครียดนะ ตะวันกำลังทำตัวไม่น่ารัก”

“ไม่น่ารักตรงไหน สำหรับพี่ตะวันน่ารักมากๆ น่ารักทุกเวลาอะแหละ” ผมค่อยๆนิ้วเกลี่ยไปที่แก้มขาวๆ

“รุ่นน้องปีหนึ่งที่คณะตะวันชอบพี่มูน”

“แล้วยังไงทีนี้?”

“น้องเขาน่ารัก”

“ไหนมาดูหน่อย น่ารักจริงหรอ?”

“ไม่ ไม่ให้ดู ไม่ให้เห็น ไม่ให้รู้จัก ห้าม” ตะวันยกมือขึ้นมาทำมือห้าม ห้ามจริงจังเลยแหละ

“แล้วถ้าเขาเข้ามาทักพี่ล่ะ พี่ก็ต้องรู้จักอยู่ดี” ผมพูดลองใจน้อง

“เฮ้อ นี่ไงที่ตะวันกลัว” ฉันถอนหายใจอย่างแรง

“ไม่เชื่อใจพี่หรอครับ?”

“ไม่เชื่อใจคนอื่นต่างหาก”

“งั้นก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยนี่”

“ก็.......”

“พี่รักตะวันคนเดียว สนใจตะวันคนเดียว คนอื่นไม่อยู่ในสายตาเลย” ผมบอกเสียงหนักแน่นจนน้องจ้องหน้าผม

“มันก็อดคิดไม่ได้นี่”

“ก็ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแหละ คิดถึงแค่พี่ก็พอ”

“งือออ อยากจะเก็บไว้ดูคนเดียวเลยจริงๆ” น้องใช้มือสองข้างประคองไว้ที่แก้มผม แล้วมองหน้าผมนิ่งๆ

“เราเองก็หลงพี่มากๆอะแหละ”

“รักด้วย หลงด้วย หวงด้วย” ปากยู่ๆนั่นบอกออกมา จนผมนึกหมั่นเขี้ยว

จุ๊บ

!

!

ตะวันจุ๊บผม โอ้โห ในใจผมนี่วิ่งเต้นละแต่ต้องนิ่งเก็บอาการไว้ก่อน เมื่อผมไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไปตะวันก็ก้มลงมาจุ๊บผมอีกครั้ง อย่างกับจะย้ำว่านี่คือของเขา ผมเป็นของเขา



“เอ่อ ใช่พี่มูนไหมครับ?” มีรุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักผม ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นเด็กปีหนึ่งซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วย

“ครับ? มีอะไรกับพี่หรอ?” ผมถามกลับไป

“อ่อ ผมไม่คิดว่าจะเจอพี่โรงอาหารนิเทศฯ ผมตกใจนิดหน่อย พอมองใกล้ๆพี่หล่อมากเลยนะครับ” น้องมันเอ่ยชมแล้วยิ้มมาให้ ผมงงอยู่เหมือนกันแต่ก็ยิ้มๆกลับไป

“แล้วพี่รอพี่ตะวันหรอ?”

“อืม”

“งั้นให้ผมนั่งเป็นเพื่อนไหม? ภาคฟิล์มปี 3 น่าจะยังไม่เลิก” น้องมันไม่รอให้ผมตอบ มันกลับนั่งลงตรงข้ามผมทันที

“รู้ได้ไงว่าพี่มารอใคร?”

“แหมพี่ ข่าวพี่ดังจะตายไป ใครๆก็รู้ว่าพี่คบกับพี่ตะวัน” ผมหรี่ตามองคนตรงหน้า

“เราเรียนฟิล์มหรอ?”

“ใช่ครับปี 1 อ่อ ผมชื่อไผ่นะครับ อยากแนะนำตัวแม้พี่จะไม่ได้ถามก็เถอะ” ผมค่อนข้างตลกกับท่าทางของเด็กที่ชื่อไผ่ น้องมันดูเฟรนลี่เข้ากับคนง่ายดี เข้ามาทักทายคุยกับผมง่ายๆซึ่งหลายคนไม่กล้าทำแบบนี้

“แล้วมากินข้าวคนเดียวหรอ?” ผมถามกลับเมื่อเห็นว่ามาคนเดียว

“ใช่ครับ เพื่อนพากันกลับหมดแล้ว”

“ไม่มีเรียนแล้ว แต่ยังมากินข้าวที่โรงอาหารคณะแสดงว่าข้าวที่นี่อร่อย”

“ก็ไม่ขนาดนั้นนะพี่ แต่แค่มีคนที่อยากเจอเลยมา” มันยิ้มให้ผมก่อนจะล้วงเอามือถือขึ้นมาเล่น นี่มันจะนั่งอยู่แบบนี้จริงๆหรอ

ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเล่นบ้างข้อความของตะวันแจ้งเตือนมาว่าตะวันพึ่งเลิกและกำลังเดินมาหาผมที่นี่ รอไม่ถึง 5 นาที คนที่ผมต้องการเจอก็เดินเข้ามาแต่มาด้วยท่าทางที่คาดเดาไม่ได้เท่าไหร่นั่งลงข้างๆผมแล้วสายตาจ้องแต่เด็กที่ชื่อไผ่

“รู้จักกันหรอ?” ตะวันถามขึ้น

“เมื่อกี้อะ น้องมันมารอเป็นเพื่อน” ผมตอบกลับไป

“ทำไมต้องรอเป็นเพื่อนอะ?” น้องทำหน้าตาไม่เข้าใจ

“ก็ผมเห็นพี่มูนนั่งอยู่คนเดียวอะ อ.สั่งเยอะหรอพี่ตะวัน?” ประโยคเมื่อกี้ผมเดาเอาว่าสองคนนี้น่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว

“ไม่เยอะ แล้วเพื่อนมึงไปไหน?” ตะวันถามไผ่

“หนีกลับหมดแล้วพี่”

“แล้วรู้จักกันหรอ?” ผมมองหน้าสองคนนี้สลับกัน

“ไผ่ รุ่นน้องสาขา” ตะวันบอกพร้อมคล้องแขนผมไว้

“ผมรู้จักพี่ตะวันตอนรับน้องครับ สต๊าฟที่ไม่ได้ดูแลน้องเลย ฮ่าๆ” ไผ่มันบอก แต่เหมือนผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

“ดูแลเหอะ ใส่ร้ายกูจังเลย” ตะวันบอก

“ดูแลแต่สาวๆดิพี่ รุ่นน้องผู้ชายก็แห้งเหี่ยวไปดิ”

“ปากมากจังวะ” ตะวันหันมายิ้มแห้งๆให้ผม ซึ่งผมก็ส่ายหน้าให้เล็กน้อย

“เอ่อ พี่ตะวันช่วงนี้ได้ออกไปถ่ายรูปไหนบ้างไหมอะ?”

“ไม่ค่อยอะ แต่ว่าจะหาเวลาไปอยู่ ห่างหายไปนาน”

“งั้นถ้าพี่จะไปชวนผมด้วยสิ อยากให้พี่สอน”

“ทำมาเป็นอยากให้สอน ถ่ายรูปออกจะเก่ง”

“ไม่เก่งเท่าพี่ตะวันหรอก รูปที่พี่ถ่ายอะมันยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับผม” ผมสะดุดกับทำพูดของไผ่ เลยนั่งฟังสองคนนี้คุยกัน

“ไม่ต้องมายอกูเลยย ไว้จะชวน”

“พูดแล้วนะ งั้นผมไปละ” ตะวันมองไผ่เดินออกไป

“หิวไหม?” ผมหันไปถามตะวัน

“หิว แต่เราไปกินที่อื่นไหม ที่นี่คนเริ่มเยอะแล้ว” ผมเลยพยักหน้าให้

ผมกับตะวันออกจากมหาลัยมุ่งตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเพื่อหาอะไรกินแล้วตะวันจะได้ซื้อของเข้าห้องด้วย ตะวันตัดสินใจไม่นานเลือกเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นทันทีพอถึงก็สั่งอาหารจนลืมคิดไปว่ามากันสองคน

“น่าจะหิวจริงแหละ”

“ก็ลืมไปว่าอย่าสั่งตอนหิว พี่มูนไม่ห้ามกันเลยอะ” น้องมองไปที่อาหารที่เหลือเยอะอยู่บนโต๊ะ

“ไม่อยากขัด กินไม่หมดห่อกลับก็ได้ อาจจะหิวตอนดึก”

“ใครเขาหิวตอนดึกกัน ไม่มีหรอก”

“ตะวันไงจะใคร หืม?”

“ตะวันคนเดิมไม่มีแล้ว มีแต่ตะวันคนจะผอม”

“รอบที่แล้วก็พูดแบบนี้ สุดท้ายก็ตบะแตก”

“ก็มีคนคอยให้ท้ายตลอดไง” ทำปากยู่จนผมอยากบีบ

“อะๆ จะคอยดู”



“พี่มูน มาทำไรอะ?”

ในขณะที่กำลังเลือกซื้อของเข้าห้อง จู่ๆก็มีเสียงคนทักจากทางด้านหลัง ผมหันไปเจอกับรุ่นน้องที่พึ่งได้รู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว

“มาซื้อของ แล้ว?”

“เหมือนกันพี่ ของที่ห้องหมดน่ะ”

“พี่...” ตะวันที่เดินเข้ามาเหมือนพึ่งจะสังเกตเห็นอีกคน “ไผ่...”

“เอ้า พี่ตะวัน บังเอิญเนอะวันนี้”

“เออ มาซื้อของหรอ? งั้นกูไปก่อนนะ รีบ” ตะวันบอกแถมไม่รอให้ไผ่ได้ตอบอะไรก็รีบดึงแขนผมไปจากตรงนั้นทันที



“ทำไมรีบขนาดนั้นด้วย มีอะไรกับไผ่งั้นหรอ?” ผมถามตะวันเมื่อมาถึงห้อง

“ก็...”

“ก็อะไร?” ผมถามเสียงเข้ม

“มันชอบพี่”

“อะไรนะ”

“ไผ่มันชอบพี่มูน!”



























ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 19 ผ่านมาให้เรียนรู้


วันนี้ผมหงุดหงิดจริงๆนะที่ต้องเจอหน้ากับรุ่นน้องในสาขาตั้งสองรอบในวันเดียว ใช่ครับ คนนั้นชื่อ ไผ่ รุ่นน้องปี 1 ผมรู้จักน้องมันตั้งแต่ตอนรับน้อง ไผ่เป็นคนหน้าตาน่ารักสูงกว่าผมเล็กน้อยแต่มันหุ่นผู้ชายเล่นกีฬามีกล้ามเนื้อทำให้มีเสน่ห์ไปอีกแบบ ช่วงแรกๆผมก็ไม่อะไรกับมันหรอก แต่พักหลังมานี้มันถามเรื่องพี่มูนกับผมบ่อยมาก

‘แฟนพี่เป็นคนยังไงอะ’

‘พี่มูนหล่อดีนะพี่’

‘ทำไมพี่ถึงชอบพี่มูนหรอ’

‘พี่น่าอิจฉาเนอะมีแฟนทั้งหล่อ ทั้งเก่ง’


และอีกหลายๆอย่างที่มันพยายามเข้ามาคุยกับผมจนผมปะติดปะต่อเอาได้ว่ามันกำลังชอบแฟนผม ผมเลยพยายามจะออกห่างมันแต่ก็ทำได้ยาก มันชอบหาเรื่องมาให้ผมสอนถ่ายรูปนั่นนี่อยู่บ่อยๆจะให้ปฏิเสธก็ดูจะไม่เข้าท่าเพราะยังไงก็เป็นรุ่นน้องเลยพยายามไม่ให้มันเข้าใกล้พี่มูน

แต่แล้ววันนี้ที่ผมกลัวมันก็มาถึง เมื่อผมเห็นมันนั่งอยู่กับพี่มูนในโรงอาหารแถมพูดคุยกันอย่างกับรู้จักกันมาก่อนหน้านี้

“ไผ่นี่นะชอบพี่?” พี่มูนถามกลับอย่างไม่เชื่อ

“ก็คิดว่าใช่”

“ไปเอามาจากไหน น้องเขาบอกหรอ?”

“ก็ไม่ แต่เอาเถอะน่า พี่มูนอย่าไปอะไรกับเขามากนะ”

“หึงหรอ?”

“หวง”

“มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้นะ” เขายีผมเบาๆก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ

ผมพยายามเอาความคิดนี้ออกจากหัวตัวเอง ไม่อยากหึงหวงมากเกินไป แต่ก็ไม่อาจไว้วางใจได้ก็รุ่นน้องคนนั้นมันออกจะน่ารักแถมหุ่นดีมากด้วย

แถมมันอยากกล้าเข้าหาพี่มูน ซึ่งหลายคนไม่กล้า...



“ตะวันวันนี้จะออกไปถ่ายรูปอ่อ?”

“อืม ไปมะ?” ผมถามแมน

“มึงเอาไอ้ไผ่ไปด้วยดิ มาวอแวถามกูหลายรอบละ บอกให้กูคุยกับมึงให้”

“เออๆ งั้นบอกมันกูไปห้าโมง”

“กูว่ามึงบอกเองเลย มานั่นละ”

“สวัสดีครับพี่ๆ” ไอ้คนที่พูดถึงก็เดินเข้ามาพอดี

“ไม่มีเรียนหรอวะ?” แมนมันถามน้อง

“ไม่มีแล้วพี่ แต่มีเข้าชมรมตอนห้าโมงเย็น”

“ชมรมบอลอะนะ?”

“ใช่พี่”

“งี้มึงก็อดไปถ่ายรูปกับตะวันมันดิ”

“วันนี้พี่ตะวันจะไปถ่ายรูปหรอ?” มันหันมาถามผม

“อืม ว่าจะชวนมึงอยู่พอดี”

“งั้นผมไปกับพี่” มันบอก

“อะไร มึงไม่เข้าชมรมแล้วหรอ เดี๋ยวพี่ก็ตามด่า”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมคุยได้”

“อย่าหาเรื่อง ถ่ายรูปมึงไปวันหลังก็ได้”

“ถ่ายรูปไปวันไหนก็ได้ แต่ถ้าได้ไปถ่ายรูปกับพี่ตะวันมันเลือกวันไม่ได้ไง” มันบอกแบบนั้นจนผมหรี่ตามองมัน อะไรของมันวะแค่ถ่ายรูปเอง

“นี่ตะวันเป็นตากล้องมือทองไปแล้วหรอวะ?” แมนมันพูดขำๆ

“พี่ตะวันเป็นไอดอลผมไง” มันยักคิ้วให้

“เออๆ แล้วแต่มึงละกัน กูไปห้าโมงนะ”

“งั้นเดี๋ยวผมทักแชทหานะพี่ ผมขอตัวก่อน” มันบอกผมเลยพยักหน้ารับแล้วมองมันเดินออกไป

“แล้วนี่มึงจะไปถ่ายรูปที่ไหนอะ?”

“ถามแต่ไม่ไปจะถามเพื่อ?” ผมย้อนแมน

“ตอบกูหน่อยเถอะ ตั้งแต่มีแฟนนี่ก็ปีกกล้าขาแข็ง กล้าหือกับเพื่อนนะ” มันผลักที่ไหล่ของผมเบาๆ

“คณะสถาปัตย์ฯ แล้วมึงอะช่วงนี้ติดเมียหนักมากนะ” ผมจ้องมัน

“อะไรของมึง ไปเอามาจากไหน” มันหลบตาผม

“หึ ตกลงเป็นแฟนแล้ว?”

“เอาอะไรมาเป็นแฟนอะ แค่มันคุยดีๆกับกูก็บุญแล้ว”

“ก็สมควรละ ทำกับเขาไว้เยอะ”

“มึงก็.. อย่าซ้ำเติมกูดิ”

“แล้วมึงไปกกอยู่กับมันจริงไหมนี่?” ผมถามด้วยความรู้อยากรู้เห็น เพราะบูมมันก็ดูยอมอ่อนให้แมนบ้างแล้ว

“ดูใช้คำ ก็นั่นแหละ อยากเอาชนะใจเขานี่หว่า”

“ฮ่าๆ มึงนี่นะ แต่มันก็ดูอ่อนลงแล้วนี่”

“ก็บ้าง แต่มึงก็น่าจะรู้นิสัยมันดี ดื้อรั้นขนาดไหน แต่กูก็ยอมสุดๆแล้ว”

“เอาน่ะ ชอบเขาไปแล้วนี่ สู้ๆเพื่อน”

“มันก็ต้องเป็นแบบนั้น”



ตอนนี้เวลาห้าโมงเย็นผมยืนอยู่ที่หน้าคณะสถาปัตย์ฯดินแดนที่รกร้างมีแต่ศิลปะรูปปั้นต่างๆนาๆตั้งอยู่ คนคณะอื่นไม่ค่อยเข้ามาหรือแม้แต่คนในคณะนี้ก็ยังไม่ค่อยเห็น จะเห็นเฉพาะช่วงเช้าหรือดึกเลยที่พวกนั้นต้องมาต่อคิวรอส่งงานอะแหละ ระหว่างรอคนที่บอกจะมาถ่ายรูปด้วยผมก็สอดส่องดูว่ามีมุมไหนที่น่าสนใจบ้าง

ผมชอบใช้เวลาว่างหาสถานที่ไปถ่ายรูปเล่น บางทีก็ไม่เล่นเพื่อได้พัฒนาฝีมือตัวเองไปในตัว ส่วนใหญ่ผมเน้นถ่ายวิว ถ่ายสถานที่ไม่เน้นถ่ายคน ถ้าถ่ายคนส่วนใหญ่แอบถ่ายแฟนตัวเองมากกว่า ไม่ว่าจะมุมไหนเขาก็สมบูรณ์แบบไปหมดตามความคิดผม

“พี่ตะวัน มานานยังพี่?” ไผ่เดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้

“พึ่งมา แล้วนี่มึงไปทำไรมา เหงื่อโซกเชียว” ผมถามเมื่อเห็นเสื้อนักศึกษามันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเหมือนคนไปวิ่งรอบสนามกีฬามา

“โดนซ่อมนิดหน่อยพี่”

“ซ่อม?”

“ช่างมันเถอะพี่ แล้วพี่จะถ่ายอะไรยังไงอะ สอนผมด้วยดิ”

“มึงเอากล้องมาไหม?”

“เอามาๆ แต่เป็นกล้องฟิล์มนะพี่” มันเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอากล้องฟิล์มออกมา

“เออดี กูก็เอากล้องฟิล์มมา” ก่อนที่ผมจะเดินนำเพื่อมองหามุมที่เหมาะที่จะถ่ายรูป

“พี่ตะวันมุมนี้โอเคปะ?” มันหันมาถามผม

“ก็ใช้ได้นะ”

“งั้นพี่มายืนตรงนี้ให้หน่อย” มันบอก ผมที่ไม่เข้าใจแต่ก็ยอมเดินไปตรงที่มันบอก มันยกกล้องขึ้นมาถ่ายโดยที่มันเปิดแฟลชด้วยเพราะมุมนั้นแสงค่อนข้างน้อย

“ไอ้ห่า ตาจะบอด” ผมบอกก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ

“โทษๆพี่” ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินหามุมไปเรื่อยๆ มันก็เดินตามผมต้อยๆ ใช้คติเดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัดหรอไอ้เด็กนี่

“พี่ ทำไมเดี๋ยวนี้พี่ไม่ค่อยถ่ายรูปพระจันทร์ลงแล้วอะ?”

“หืม? นี่เป็นเอฟซีกูหรอ? แต่กูก็ถ่ายลงอยู่นะ”

“มีแต่รูปแฟนพี่” มันบอก ผมมองหน้ามัน

“เขาเป็นพระจันทร์สำหรับกู” ผมบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“พี่แม่ง... รักเขาขนาดนั้นเลยหรอ?”

“อะไรของมึงไผ่ ใครๆก็รักแฟนตัวเองปะ”

“พวกพี่รักกันจนผมไม่กล้าเข้าแทรกกลางเลยอะ”

มันพูดจบ จากที่ผมกำลังจะยกกล้องถ่ายต้องเอาลงทันที ก่อนจะหันไปมองมันตรงๆซึ่งมันก็มองมาที่ผมเช่นกัน

“หมายความว่ายังไง?”

“ช่างมันเถอะพี่” มันบอกก่อนจะเดินหลีกออกไป

“ไผ่ มึงพูดมาตรงๆเลยดีกว่า” จู่ๆมันก็เดินเข้ามาหาผมซึ่งระยะห่างของเราไม่ถึงห้าก้าว

“ผมไม่ชอบเลยพวกพี่รักกันขนาดนี้” มันบอกแบบไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแต่ผมรู้สึกแปลกๆ

“มึงชอบพี่มูนหรอ?”

“หึ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นล่ะ?” มันยิ้มๆ ยิ้มแบบที่ผมก็อ่านความหมายไม่ออก

“ก็ได้แค่ชอบไง เพราะนั่นแฟนกู”

“รู้แล้วว่าแฟนพี่ ย้ำจังวะ” มันหันหน้าไปทางอื่น

“ถ้ามึงไม่สบายใจที่กูคบกับพี่มูน... มึงจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับกูก็ไม่เป็นไรนะเว้ย เรื่องถ่ายรูปให้บูมมันสอนให้ได้”

“ทำไมต้องแคร์ความรู้สึกคนอื่นขนาดนั้นอะพี่ ผมสบายใจถ้าเป็นพี่สอน ผมสบายใจถ้าเป็นพี่” อะไรของมันวะ แล้วก็บอกว่าไม่ชอบที่ผมคบกับพี่มูนแต่ก็อยากจะให้ผมสอนให้

“อะไรของมึงวะไผ่”

“เอาเถอะ สบายใจได้เลยผมไม่ไปแย่งแฟนพี่หรอก” ว่าแล้วมันก็เดินออกไป ปล่อยให้ผมยืนโง่ๆอยู่คนเดียว



“ผมกินข้าวด้วยดิพี่?” ไผ่ที่เดินถือจานข้าวมาคนเดียว

“เออนั่งดิ แล้วเพื่อนไปไหนหมด?” แมนถาม

“กลับกันแล้วพี่” ไผ่บอกก่อนที่จะนั่งลงข้างแมนซึ่งมันตรงข้ามกับผม “แล้วพี่มูนมากินข้าวที่นี่ตลอดเลยหรอ?” มันมองผ่านผมไปถามพี่มูนที่นั่งข้างๆผม

“ก็มาบ้าง”

“ไม่บ้างละพี่ ผมเห็นตลอดเลย”

“คนตั้งเยอะตั้งแยะทำไมเห็นแต่พี่มูน” ผมสวนขึ้น

“ฮ่าๆ ก็แฟนพี่หล่อดูดีขนาดนั้น ใครจะไม่สังเกตบ้างอะ” มันบอกแล้วตักข้าวเข้าปาก ส่วนคนข้างๆก็นั่งหน้าหล่ออยู่นี่ล่ะ !

“เป็นไรอะ?” พี่มูนกระซิบถาม

“เปล่า” ผมปฏิเสธแต่เบะปากให้

“ตลอด” อีกคนบอกก่อนจะบีบเข้าที่ปลายจมูกผม

“หยุดหวานกันวันนึงได้ไหมคะ แตงโมน้ำตาลขึ้น”

“จริงค่ะคุณพี่ อะไรจะขนาดนั้นโรงอาหารนะเนี่ย”

“ไม่มีแบบเขาก็อิจฉากันไปเรื่อย” บูมมันว่าจนแตงโมตีแขนมันสักป๊าบ

“นี่แหนะ เงียบไปเลยบูม”

“แขนหลุดยังนั่น” มะนาวถามเหมือนเป็นห่วง แต่น้ำเสียงและสีหน้ามันไม่ใช่

“ถามจริงแรงผู้หญิงหรอเนี่ย เธอกินเยอะขึ้นหรือเปล่าโม?”

“ฉันเท่าเดิมยะ !” เธอกระแทกเสียงใส่บูม

“เออวันนั้นไปถ่ายรูปกันมาเป็นไงบ้างวะ?” แมนถาม

“ก็ดี”

“พี่ตะวันสอนเทคนิคแยอะเลยพี่” ไผ่ว่า

“ไปถ่ายรูปกันมาหรอ? ไม่เห็นรู้เลย” พี่มูนหันมาถาม เรื่องนี้ผมไม่ได้บอกเขาด้วยแหละ ไม่อยากพูดถึงเด็กนี่ให้พี่มูนฟังเท่าไหร่

“ใช่ครับ ผมให้พี่เขาสอนถ่ายรูปด้วยอะ พี่ไม่ว่าอะไรใช่ไหมอะ?” มันจ้องหน้าพี่มูน

“ไม่ว่าหรอก”

“ใจดีจังอะ มิน่าล่ะหลายๆคนถึงชอบพี่” มันบอกยิ้มๆ

“ไม่สนหรอกว่าใครจะชอบ ขอแค่ตะวันชอบก็พอ” พี่มูนละสายตาจากไผ่แล้วมองมาที่ผม ผมก็เขินไปตามระเบียบ

“แหนะ หยอดกันตลอดดด กูล่ะเบื่อ” บูมมันว่า

“แต่พี่ตะวันคนก็ชอบเยอะนะ”

“อะไรของมึงวะ?” ผมถามมัน

“จริงนะพี่ พี่โคตรป็อบในหมู่ปีหนึ่ง พวกนั้นมันบอกว่าพี่น่ารัก เล่นกีต้าร์เก่ง ถ่ายรูปก็เก่ง”

“เกินไป กูไม่ได้เก่งซะหน่อย ทำได้ครึ่งๆกลางๆ”

“จริงของตะวัน ตะวันมันได้แค่ขี้เล็บกูเนี่ย” บูมมันว่า

“ปากแข็งแบบนี้แต่ก็เคยชอบพี่ตะวันไม่ใช่หรอพี่บูม?” ไผ่มันว่าขึ้น จนทั้งโต๊ะเงียบ

“เอ่อๆ พวกมึงก็นะ กินๆไปเลยข้าวอะ” ผมบอกปัดๆเมื่อรับรู้ถึงความอึดอัด บูมมันก็นิ่งไป แมนก็ทำมองมาที่ผม ส่วนสองสาวก็รู้ดีว่าอะไรควรพูดไม่ควรเลยนั่งเงียบ

“แล้วไผ่ล่ะ ชอบตะวันด้วยหรือเปล่า?” อยู่ดีๆพี่มูนก็ถามขึ้นจนผมหันไปมองหน้าเขาทันที แต่เขากลับมองไปที่ไผ่เพื่อรอฟังคำตอบ

“ก็ชอบนะพี่ พี่ตะวันนิสัยดี” มันบอก

“แล้วถ้าตะวันไม่มีพี่ เราจะจีบตะวันหรือเปล่า?”

“หึ นี่เป็นคำถามลองใจหรอเนี่ย? แต่ถ้าตอบจริงๆก็คงจะจีบนะ” มันมองพี่มูนกลับ

“แต่ตอนนี้พี่กับตะวันยังคบกันอยู่เลยนะ แต่เราก็ยังเลือกที่เข้ามาจีบอยู่นี่” พี่มูนว่าต่อ

“พี่คิดงั้นหรอ?” ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งโต๊ะนั่งมองหน้ากันไปมามีแค่พี่มูนกับไผ่ที่ตอบโต้กันอยู่ขณะนี้

“แล้วว่าไงล่ะ?”

“ผมว่าผมไปดีกว่า ขอตัวก่อนนะครับพี่ๆทุกคน” ไผ่ยิ้มให้แล้วเดินออกไป

“คุยอะไรกัน? ตะวันไม่เข้าใจ” ผมหันไปถามแฟนตัวเอง

“เปล่า”

“เปล่าอะไรล่ะ ที่มันเดินหนีไปแบบนี้อะ จริงๆอะคนที่มันจีบไม่ใช่ตะวันซะหน่อย แต่เป็นพี่ต่างหาก”

“มึงไปเอามาจากไหนตะวัน?” บูมมันทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“ก็ เออน่า เชื่อสายตากู” ผมโคตรจะมั่นใจเลย

“พี่มูนเลี้ยงตะวันยังไงไม่ให้มันฉลาดขึ้นหน่อยอะ” แมนว่า เอ้า พวกนี้กำลังรุมผมอยู่หรอ

“เฮ้อ ตะวัน นี่ดูไม่ออกจริงอะ?”

“อะไร ถ้าเรื่องที่น้องมันชอบพี่ ตะวันดูออก”

“ไม่ใช่ ไผ่ชอบเราต่างหาก”

“ห๊ะ ? ตะวัน?”

“เออ มึงแหละไอ้ตัวดี” บูมว่า

“ไม่ใช่หรอก มันไม่เห็นมีท่าทีแบบนั้นเลย ที่มันเข้าหากูนะ มีแต่ถามเรื่องแฟนกู”

“อะๆ ตามนั้นเลยเพื่อน” แมนมันว่าแล้วทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก อะหยังของพวกนี้แฟนผมก็อีกคน ทำไมทุกคนไม่เชื่อว่าเด็กนั่นมันชอบแฟนผมไม่ใช่ผม


จากวันนั้นผ่านมาเกือบอาทิตย์ผมก็ไม่เห็นหน้าไผ่มันเลย แทบมันก็ไม่ได้ทักแชทมาเหมือนเช่นเคยหรือว่ามันจะยอมแพ้เรื่องจะจีบแฟนผมแล้ว

“พี่ตะวัน นั่งทำไรอะ?” ตายยากจริงๆ

“นั่งเล่น แล้วมึงมาไง”

“เดินมาไงพี่ แล้วเพื่อนไปไหนหมดทำไมนั่งอยู่คนเดียว” มันถามก่อนจะนั่งลงตรงข้ามผม

“กวนกูละ กูมารอแฟน” ผมตั้งใจพูดคำว่าแฟนไป มันขำในลำคอเบาๆ

“เอ่อพี่ ผมยังไม่ได้ล้างฟิล์มเลย”

“อ่อ แล้วบอกกูทำไม” ผมว่าอย่างงงๆ

“ก็ผมถ่ายรูปพี่ไง”

“อ่อ รูปที่ทำกูเกือบตายบอดอะนะ”

“พี่ก็ไม่ขนาดนั้นมั้ง”

“จริงเลยแหละ แล้วมึงนี่ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวหรอ เจอทีไรก็อยู่แต่คนเดียว”

“ผมมีเพื่อนนะพี่ แต่ไม่มีเรียนก็แยกย้ายกันกลับหมดแล้ว”

“แล้วมึงไม่กลับอะ มานั่งทำไร?”

“ไม่ชอบผมจนไล่กันเลยหรอ?”

“ก็เปล่าก็ถามไง” ผมไม่ใช่ไม่ชอบมันขนาดนั้นหรอก มันเป็นน้องที่นิสัยดีคนหนึ่ง ติดแค่เรื่องเดียวเรื่องที่มันชอบแฟนผมนี่แหละ แค่ไม่อยากให้มันอยู่ใกล้กับแฟนตัวเองเท่านั้นเอง

“ก็เห็นพี่นั่งอยู่คนเดียวเลยมานั่งเป็นเพื่อน”

“อ่อ กูอยู่ได้ มึงมีไรก็ไปทำเถอะ”

“ผมอยู่เป็นเพื่อนพี่ได้น่า เอ่อพี่ ถามไรหน่อยสิ?”

“อืม ว่า”

“รูปที่พี่ชนะการประกวด ผมอยากรู้ความหมาย” ผมเลิกคิ้วให้มัน

“อยากรู้ไปทำไม?”

“เล่าให้ฟังหน่อยได้ปะล่ะ?”

“แรงบันดาลใจได้มาจากพี่มูน เขาเหมือนแสงสว่างในชีวิต เป็นแสงที่คอยนำทางให้กูมาอยู่ตรงนี้ จุดที่รู้ว่าตัวเองชอบการถ่ายรูป จุดที่รู้ว่าตัวเองหลงใหลพระจันทร์ยามค่ำคืนมากแค่ไหน แสงสว่างที่ทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้น”

“พระจันทร์อีกดวงสินะ”

“อืม ตั้งแต่ที่เจอพี่มูน ก็ฝันมาตลอดว่าอยากมีพระจันทร์เป็นของตัวเอง”

“แต่ผมอยากมีตะวันเป็นของตัวเองนะ..” ผมชะงักทันทีเมื่อมันบอกออกมา..

“มึง....?”

“ตะวันทั้งน่ารัก ตะวันทั้งสดใสตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ รอยยิ้มแบบนั้น ความมุ่งมั่นเวลาที่ทำอะไรสักอย่าง จริงใจกับคนรอบข้าง แคร์แทบจะทุกคน ตะวันคนที่ทำให้ผมอยากเรียนถ่ายรูปอย่างจริงจัง แล้วตะวันทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองถ่ายรูปออกมาได้ดีโดยเฉพาะรูปของตะวัน”

“เอ่อ... มึงหมายถึงตะวัน ตะวันที่อยู่บนท้องฟ้าอะนะ”

“ตะวัน” มันชี้มาที่ผม อยู่ดีๆคำพูดพี่มูนก็ลอยมาทันทีว่าไผ่มันชอบผม

“อย่ามาอำกูเล่น ฮ่าๆ” ผมขำกลบเกลื่อน

“พูดจริง ผมชอบพี่ แต่พี่ก็ดันคิดว่าผมชอบแฟนพี่ซะงั้น”

“แล้วไม่ใช่หรอ?”

“ก็บอกอยู่นี่ไงว่าผมชอบพี่ เลิกทำเป็นไม่รู้ซะที”

“แต่กูมีแฟนแล้ว”

“รู้แล้วน่า เลิกย้ำสักที แค่นี้ก็เจ็บมากแล้วเมื่อรู้ว่าพวกพี่รักกันขนาดไหน”

“กะกู.... กูต้องพูดไงวะ”

“ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ แววตาพี่มันบอกผมตั้งแต่แรกแล้วว่ายังไงก็ไม่มีใครเข้ามาทำให้พี่รู้สึกเหมือนที่เขาทำให้พี่รู้สึกได้หรอก ผมไม่จีบคนมีแฟนหรอกนะ แต่แค่... อยากรู้ อยากอยู่ใกล้ อย่างน้อยๆพี่ก็เป็นกำลังใจที่สำคัญสำหรับผม”

“เฮ้อ..”

“ผมทำให้พี่ลำบากใจหรอ?”

“ไผ่ แค่กูพูดถึงเขามึงยังเจ็บแล้วถ้ามาอยู่ใกล้ๆ มาเห็นกูอยู่กับแฟนมึงไม่เจ็บกว่าเดิมหรอ?”

“นี่พี่ห่วงผมหรอ?”

“ก็เออ กูอยากให้มึงตัดใจเลิกชอบกูนะ”

“ผม....”

“มึงเป็นน้องที่น่ารักของกูได้”

“เป็นน้องก็พอ ไม่ต้องเป็นน้องที่น่ารัก” ผมหันไปตามเสียงแฟนสุดหล่อผมก็เดินมาแล้วทำหน้านิ่งๆ

“เอ่อ...”

“เจ้าที่แรงจริง” ไผ่มันปรายตามองพี่มูน

“บอกแล้วไง ว่าเด็กนี่ชอบตะวัน” พี่มูนนั่งลงเอามือคล้องคอผมไว้

“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยพี่ มองซะ” ไผ่บอก

“ถ้ามีคนมาบอกชอบแฟนเรา เราจะทำไง?”

“ไม่รู้ ผมยังไม่มีแฟน หรือพี่จะยกแฟนพี่ให้ผม”

“ไอ้เด็กเวร” พี่มูนลุกขึ้นคว้าเข้าที่คอเสื้อไผ่ ผมตกใจร้องห้ามแทบไม่ทัน

“พี่มูน ! น้องมันพูดเล่นน่า”

“มันคิดจริง” พี่มูนยังจ้องหน้าไผ่ ผมพยายามแยกให้สองคนนี้ออกจากตัวกันและกัน ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของพี่มูน เวลาโมโหก็น่ากลัวเหมือนกันแฮะ

“พี่มูนนี่อ่านใจคนเก่งชะมัด” ไผ่มันยิ้มมุมปากก่อนจะจัดคอเสื้อตัวเองให้เข้าที่

“พอเลยๆ พี่มูนกลับกันเถอะ” ผมเอ่ยชวนอีกคนที่ดูจะนิ่งขึ้น

“งั้นผมไปก่อนนะพี่ตะวัน” ไผ่มองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ ก่อนจะเดินจากไป

“ไม่ต้องไปยุ่งกับเด็กนั่นเลยนะ” พี่มูนหันมาบอกผม

“มันก็น้อง”

“แต่มันชอบตะวันนะ” พี่มูนพูดขึ้นเสียง

“ผมปฏิเสธไปแล้วไง”

“ไม่สนอะ เด็กนี่มันคาดเดายาก ไม่รู้ว่าจะตัดใจหรือทำอะไร อยู่ห่างๆมันดีกว่า” อีกคนบอกอย่างอารมณ์เสีย

“หวงหรอ?” ผมแอบยิ้ม

“ก็ใช่น่ะสิ ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย ความน่ารักอะเก็บไว้ให้พี่เห็นคนเดียวพอ”

“บ้าน่ะ มันเก็บได้ยังไงกัน ฮ่าๆ”

“ไม่ต้องหัวเราะ ทำหน้าตึงๆไว้คนจะได้ไม่อยากเข้าหา แค่นี้พี่ก็ตามดูไม่ไหวละ”

“หืมม อะไรนะ ตามดูอะไรนะ?”

“กลับห้องกัน” เขาว่าแล้วเดินนำออกไป ถ้าคิดไม่ผิดนี่คือพี่มูนกำลังแสดงออกชัดเจนว่าหึงและหวงผมสินะ ฮ่าๆๆ ปกติจะวางมาดคุณชายนิ่งๆไม่ค่อยแสดงท่าทีแบบนี้ พอได้เห็นกับตาใจก็ฟูไปอีกแบบ



รู้งี้ขยันทำให้หึงบ่อยๆดีไหมนะ....


หลังจากวันที่ไผ่มันบอกว่าชอบผม มันก็ไม่ได้เข้ามาวนเวียนกับชีวิตผมเลย มีบ้างที่เห็นตามโรงอาหารมันก็แค่ยิ้มมาให้ผมเท่านั้น ไม่ได้เข้ามาคุยหรืออะไรเหมือนแต่ก่อน ถ้าเดามันคงกำลังขอเวลาทำใจสินะ ผมก็ไม่ได้คาดหวังเท่าไหร่ว่ามันจะมาเป็นน้องที่พูดคุยกับผมได้ปกติ เพราะเรื่องแบบนี้มันอธิบายยาก

“มองขนาดนั้นก็เข้าไปคุยเลยไหม?” พี่มูนหันมาพูดใส่ผมแล้วหันไปกินข้าวของตัวเอง

“อะไรกัน แค่มองมันเอง”

“ก็นั่นแหละ ถ้าจะมองขนาดนั้น”

“อะไรกัน ตะวันยังไม่ได้ทำไรผิดเลยนะ”

“วันหลังไปกินข้าวที่อื่น”

“เกินไปแล้วพี่มูน ฮ่าๆ”

“ก็จริง พี่ไม่สามารถมากินข้าวที่นี่กับตะวันได้ทุกวันนะ” อีกคนบอกพลางทำหน้างอนๆ

“มันก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับตะวันซะหน่อย” ผมบอกตามจริง

“แต่มันก็คอยมองตะวันตลอดเลย ไม่รู้ล่ะ ไม่ชอบ”

“อ่า.... อคติกับเด็ก”

“ตอนที่เราเข้าใจว่ามันชอบพี่ เราก็เป็น”

“งะ ไม่เถียงนะ แต่...”

“ไม่ต้องเลย ห้ามมองมัน กินๆไปเลยข้าว” พลางตักหมูในจานตัวเองมาวางไว้ที่จานผม จนผมอดที่จะหมั่นเขี้ยวไม่ได้


“พี่ตะวัน ผมซื้อชานมไข่มุกมาให้” อยู่ๆไผ่มันก็เดินถือแก้วชานมมาวางไว้ที่หน้าผม มันยิ้มมาให้จนผมรู้สึกถึงรังสีบางอย่างจากแฟนตัวเอง

“เอ่อ ขอบใจ แต่ไม่น่าลำบากเลยนะ”

“สำหรับพี่ผมเต็มใจ”

“อะแฮ่ม”

“ไปซื้อน้ำกินหน่อยไหมพี่?” ไผ่มันถามพี่มูน ดูยังไงมันก็กำลังกวนพี่มูน

“ไม่ละ นี่ไงน้ำ” พี่มูนชี้ไปที่แก้วชานม ไวเท่าความคิดพี่มูนหยิบมาดูดอย่างหน้าตาเฉย

“ผมซื้อมาให้พี่ตะวันนะ” ไผ่มันพูดอย่างหงุดหงิดแต่ไม่ได้มากอะไร

“ซื้อมาให้แฟนพี่ ก็เหมือนให้พี่อะแหละ” ยังดูดไปทำหน้าตากวนกลับไปอีก

“เด็กจังวะพี่” ไผ่มันว่าก่อนจะตั้งท่าเดินออกไป แต่จังหวะที่มันจะหมุนตัวไปมันแม่งเล่นผมเข้าแล้ว

“ไอ้ไผ่!” ผมตกใจเสียงมันเสียงดังเพราะมันใช้มือดึงแก้มผมเบาๆ ซึ่งพี่มูนก็เห็นเต็มๆสองตา เหมือนเห็นไฟลุกโชนขึ้นดวงตาคู่นั้น

“นิ่มดีนะพี่ ถือว่าเป็นค่าชานมแล้วกัน หึ” แล้วมันก็สาวเท้าเดินออกไปอย่างไว

“ไอ้เด็กเวร!”

พี่มูนตะโกนออกมา จนคนอยู่ใกล้ๆแถวนั้นหันมามองเทพบุตรที่ตอนนี้แทบจะกลายร่างเป็นซาตาน งือออ ผมดึงแขนพี่ไม่มูนไว้เกือบไม่ทัน ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองผมอย่างดุๆ

“กลับไปโดนลงโทษแน่”


ไผมันวางระเบิดไว้ให้ผมเต็มๆ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผมก็ได้รับข้อความที่ถูกส่งเข้ามาโดยไอ้เด็กที่หาเรื่องให้ผมนั่นแหละ


ขอโทษด้วยนะพี่ ผมแค่แกล้งแฟนพี่เล่น เห็นแล้วหมั่นไส้ มองก็ไม่ได้หวงเกิน แต่แก้มพี่นุ่มดีนะ ฮ่าๆ ไว้น้องรักคนนี้จะโผล่ไปให้เห็นหน้าบ่อยๆ



ไผ่...

ผมรู้ตัวว่าชอบพี่ตะวันตั้งแต่ช่วงรับน้อง เพราะหน้าตาที่น่ารักจนโดดเด่นจากทุกคนทำให้ผมหลงรักรอยยิ้มนั้นที่มักจะแจกจ่ายให้กับคนที่ผ่านไปผ่านมา เสียดายที่จีบพี่เขาช้าไปพอรู้ตัวอีกทีเขาก็เปิดตัวแฟนแล้ว แถมเป็นคนที่ไม่รู้ว่าผมจะเอาอะไรไปสู้ด้วย เลยคิดว่าอย่างน้อยได้อยู่ใกล้ๆก็ยังดีกว่าไม่ได้รู้จักเลย พอได้รู้จักจริงๆทำให้ผมตัดใจยากขึ้นกว่าเดิมอีก อย่างที่พี่ตะวันเคยบอกว่าเป็นแบบนี้จะไม่เจ็บกว่าเดิมหรอ ซึ่งมันก็จริงมันเจ็บแหละ ที่ได้เห็นความรักของเขาทั้งสองคน

สายตาที่เขามองกันและกันทำให้ผมรู้เลยยังไงผมก็ไม่มีวันไปแทรกกลางเขาสองคนได้ เลยต้องทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ในรักครั้งนี้


แต่พี่ตะวันก็คือพี่ตะวัน เขาทำให้รู้ว่าครั้งหนึ่งผมชอบคนไม่ผิด หลังจากที่เจ็บหนักกับการโดนปฏิเสธผมก็ยิ้มออกได้เพราะเป็นพี่ตะวันไง ผมเลยรู้สึกว่าไม่นานไม่ช้าผมจะเจอตะวันของตัวเองสักวัน...





ออฟไลน์ moon.star

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
บทที่ 20

รักนะคุณพระจันทร์



ทานตะวันที่แหงนมองแต่พระอาทิตย์งั้นหรอ....

    แต่ทานตะวันคนนี้มองแต่พระจันทร์ต่างหาก.....

         พระจันทร์ที่อยู่เคียงข้างตะวันในตอนนี้ และหวังว่าพระจันทร์จะอยู่เคียงข้างตะวันตลอดไป


“คิดอะไรอยู่?”

“คิดว่าพระจันทร์อยู่อย่างนี้ตลอดไปเลยได้ไหม?”

“พระจันทร์ทำงานช่วงเย็นเมื่อถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนให้พระอาทิตย์มาทำงานแทน”

“ตะวันไม่อยากละสายตาไปจากพระจันทร์เลย”

“หันมามองสิ พระจันทร์ดวงนี้จะไม่หายไปจากตะวันนะ”

ผมค่อยๆหันหน้าไปมองอีกคนที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าที่ไร้ที่ติ แม้เขาจะมีจุดที่บกพร่องไม่ต่างจากคนทั่วไปแต่เขากลับสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผม

“อย่าหายไปไหนนะ”

“ถึงไล่ก็ไม่ไปหรอก” เขาส่งรอยยิ้มแสนหวานนั้นมาให้

“พวกพี่สองคนหลบมาสวีทกันอีกแล้วหรอ?”

“ไอ้ไผ่!”

“ครับพี่มูน เรียกผมทำไม?” เด็กนั่นทำหน้าไม่เดือดไม่ร้อนอะไร

“จะขัดจังหวะทำไมวะ?”

“ไม่ได้มาขัดจังหวะ มาเรียกไปกินข้าว”

“เออๆ เดี๋ยวตามไป”

“ไม่ เดี๋ยวพวกพี่ไปช้า ผมจะรอ”

“ไอ้เด็กเวร ไปก่อนไป”

“ฮ่าๆ หยอกเล่นน่ะพี่ ตามมานะ”

ผมขำให้กับสองคนนี้ชอบพูดจากวนกันตลอด

“ขำอะไร? ไม่มีอะไรน่าขำเลยสักนิด”

“ก็ขำพี่กับไผ่อะดิ ตีกันมาเป็นปีแล้วนะ”

“ก็ดูมันดิชอบกวนพี่อะ มันน่าหงุดหงิดจริงๆนะ”

“พี่ก็ น้องมันก็หยอกเล่น”

“มันกวนตีน”

“มีแค่ไผ่คนเดียวล่ะมั้งที่ทำให้พี่มูนหงุดหงิดออกอาการได้ขนาดนี้ ฮ่าๆ”

         ผมกับพี่มูนคบกันมาได้ปีกว่าๆแล้ว ซึ่งตอนนี้พี่มูนกำลังจะจบปี 4 ผมก็กำลังจะขึ้นมาเป็นพี่ปี 4 นับตั้งแต่ที่พี่มูนรู้ว่าไผ่มันชอบผมก็ทำให้พี่มูนไม่อยากญาติดีกับน้องมันเท่าไหร่ ขนาดน้องมันบอกว่าทำใจเรื่องผมได้แล้วและก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วพี่มูนก็ยังไม่วางใจ ตีกันไปกันมาจนกลายมาเป็นน้องที่สนิทของเราทั้งคู่ได้ยังไงก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันยังมาขอคำแนะนำเรื่องเรียนกับผมตลอดจนมันกลายเป็นสายเทคของผมเรียบร้อย

“นี่กำลังคิดเรื่องมันอยู่หรอ?” อีกคนถามเมื่อเห็นผมนิ่งไป

“ก็คิดอะไรเพลินๆ”

“ถ้าเป็นเรื่องมัน หยุดเลยนะ”

“หวงอะไรอีกอะ มันก็น้องไหมล่ะ?”

“แต่ก่อนมันชอบตะวันไง” อีกคนบอกด้วยสีหน้าตึงๆ

“นั่นมันเมื่อก่อน”

“ไม่อะ ไม่ไว้ใจมัน เผื่อมันกลับมาชอบอีก”

“ฮ่าๆ ทั้งที่รู้อยู่แล้วอะนะว่าจุดประสงค์ที่น้องมันตามมาเที่ยวด้วยคืออะไร?”

“เฮ้อ รอให้มันจีบเขาติดก่อน พี่ค่อยเชื่อมัน”

ผมมองไปที่กลุ่มเพื่อนๆของผมและเพื่อนของพี่มูนกำลังนั่งล้อมวง โดยมีกองไฟขนาดเล็กที่พอจะให้แสงสว่างและความอบอุ่นแก่ทุกคน นานๆทีพวกเราทุกคนจะมีวันหยุดที่ตรงกันเลยนัดกันออกมาเที่ยว ส่วนไผ่ก็ติดสอยห้อยตามผมมาด้วยเพราะคำว่า

‘ผมเป็นน้องเทคพี่นะ ให้ผมไปด้วย’

แค่น้องเทคเองนะไผ่ น้องรหัสผมยังไม่เคยพาไปเที่ยวไหนเลย แต่พอผมรู้เหตุผลที่มันอยากตามมาเที่ยวด้วยผมก็เลยให้น้องมันมาด้วย

“มาสักทีนะคู่รักแห่งปี” พี่อาฟแซวทันทีที่ผมกับพี่มูนนั่งลง

“คู่รักแห่งปีอะไรของมึง?” พี่มูนว่า

“แหม วันที่พวกมึงสารภาพรักกันมันยังเป็นตำนานที่ยังไม่มีใครมาแทนได้” พี่ดิวว่า

“แมนกับบูมไงพี่” ผมบอก

“คู่นั้นมันตำนานดราม่าแห่งปี ไอ้ห่ากว่าจะคบกันได้พวกกูเลือดตาแทบจะกระเด็น”

“ไม่ต้องมาพาดพิงเลยพี่”
         แมนมันบอกในขณะที่มือมันคล้องอยู่ที่คอบูม ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับพี่ดิว เพราะคู่มันโคตรจะดราม่าน้ำตาแตกกว่าจะคบกันได้เล่นเอาทุกคนเป็นห่วงแทบตาย แต่สุดท้ายพวกมันก็ปรับความเข้าใจกันได้และเป็นคู่รักที่ไม่หวือหวาเท่าไหร่ เพราะรักกันด้วยลำแข้งและเป็นลำแข้งของไอ้บูมคนเดียวด้วย

“พวกมึงนี่นะ เลิกทำให้กูอิจฉาสักที” พี่อาฟบอกหน้าเบื่อๆ

“มึงก็มีจริงๆจังๆสักทีสิวะอาฟ” พี่บิ๊กบอก

“มึงไม่ต้องมาบอกกูหรอก ไอ้คนหลงเด็กยิ่งกว่าไอ้หล่อ”

“ทำไมพี่อาฟชอบว่าแฟนวี่”

“เต็มปากเต็มคำนะน้องวี่ แต่พี่ให้อภัยคนน่ารัก”

“แฟนกู!”

“เหม็นความรักเลยกู ไอ้ดิวคบกับกูไหม ไหนๆเราก็โสดทั้งคู่” ตอนนี้ทุกคนกำลังขำท่าทางพี่ดิวที่ทำหน้ากลัวพี่อาฟ

“ไอ้ห่าอาฟ หยุดเลย ขนลุก”

“กูพูดเล่น!”

“ลองดูก็ไม่เสียหายนะพี่” อยู่ๆไผ่ก็พูดขึ้นทำเอาพี่อาฟชี้หน้าคาดโทษ

“ไอ้ไผ่ มึงระวังตัวดีๆ”

“อะไรพี่ ลองดูไม่เสียหายหรอก”

“หยุดความคิดไปเลยมึงอะ แล้วนี่จะตามมาทำไมเกี่ยวอะไรกับเขา?” พี่ดิวถามไผ่

“พี่ผมก็น้องพี่ไหม? ก็ให้มาเที่ยวด้วยหน่อย”

“มึงน้องใครไม่นับ” พี่มูนแกล้งพูดใส่

“โหยยย พี่มูนนผมเนี่ยน้องรักพี่ตะวันเลยนะ”

“น้องเฉยๆพอ!”

“อะๆ น้องเฉยๆที่น่ารักของพี่ตะวัน”

“ไม่น่ารัก!”

“พี่มูนยังหวงตะวันกับไผ่อยู่อีกหรอคะ?” มะนาวพูดขึ้นทุกคนใช้สายตามองกันเลิ่กลั่กเลยทีเดียว

“จะเลิกหวง ถ้ามะนาวยอมเป็นแฟนกับมัน” คำพูดของพี่มูนทำเอามะนาวเงียบไปทันที ซึ่งทุกคนก็เงียบตาม

หลังจากที่ไผ่มันทำใจเรื่องผมอยู่สักพัก มันก็กลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้งโดยที่ให้เหตุผลว่าอยากจีบมะนาวมันเลยอยากให้ผมช่วยจีบ ซึ่งทีแรกผมก็งงเล็กน้อย


‘พี่รู้ไหมทำไมผมถึงชอบพี่มะนาว พี่มะนาวเป็นคนแรกที่ถามว่าผมโอเคไหมหลังจากที่อกหักจากพี่ ไหนจะชวนผมไปถ่ายรูปไปทำนั่นนี่ให้หายคิดถึงพี่ ผมรู้ว่าพี่เขาทำแบบนั้นเพราะเป็นห่วงและหวังดีกับผม และก็ไม่คิดอะไรกับผมเกินเลยด้วย แต่ความรู้สึกของผมมันเปลี่ยนไปตอนไหนไม่รู้ ที่มองว่าพี่มะนาวเป็นกำลังใจที่สำหรับแทนที่พี่ตะวัน...’


นั่นแหละ ผมถึงยอมช่วยน้องมัน แม้ตอนนี้มันจะไม่คืบหน้าเท่าไหร่นะ แต่น้องมันก็เดินหน้าจีบมะนาวอย่างเต็มที่ ซึ่งมะนาวก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าชอบน้องคืนด้วยเช่นกัน

“ล้อเล่นนะน้องมะนาว” พี่มูนเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี มะนาวก็ยิ้มแบบว่าเธอไม่ได้คิดมากอะไร แต่ไอ้คนที่คิดมากน่ะคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆเธอต่างหากที่หน้าเจื่อนลงทันที

“พี่พูดไม่คิดใช่ป่ะ?” พี่มูนหันมากระซิบถามผม

“มะนาวไม่คิดอะไรหรอก” ผมบอก

“แต่ไผ่มัน...” พี่มูนมองไปที่น้องที่ดูซึมไปเลย เห็นไหมถึงจะชอบตีกัน แต่ก็ยังเป็นห่วงน้องมัน

“ตะวันว่าน้องมันจัดการตัวเองได้”

“เอ้อ ตะวัน น้องกันต์ไปหาพี่ชายเราที่อังกฤษหรอ?” พี่บิ๊กเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาทันที

“อ่อใช่ ทนความคิดถึงไม่ไหว”

“กันต์โคตรสตรอง อยู่ไกลกันขนาดนั้น นานๆทีถึงจะได้เจอกัน เป็นวี่อกแตกตาย”

“ไม่ตายหรอก พี่จะไม่ไปไกลจากวี่” พี่บิ๊กหันไปพูดกับวี่ รายนั้นก็ก็ม้วนบิดไปตามสไตล์

“เออ คู่นั้นก็ตลกดี เกลียดขี้หน้ากันแทบตายไปๆมาๆเอ้าคบกันเฉย” แมนว่า

“เฮียขี้เนียน ชอบเขาตั้งแต่แรก แต่ไม่รู้จะจีบยังไงเลยหาเรื่องทะเลาะกับกันต์เฉยๆนี่แหละ”

“นับถือเลย วิธีนี้น่าใช้”

“มึงจะไปใช้กับใคร?” บูมหันไปถามแมนเสียงเข้ม มันรีบส่ายหน้าทันที หึ ไอ้คนกลัวเมีย

“ชอบเขาแต่ไม่จีบ ปล่อยให้น้องกันต์วิ่งตามอยู่ตั้งนาน” พี่มูนแซะเฮียภู

“เดี๋ยวตะวันฟ้องเฮีย ว่าพี่มูนว่าเฮีย”

“โธ่ แค่นี้คะแนนการเป็นน้องเขยก็ติดลบแล้วนะ” พี่มูนทำหน้าอ้อนๆ

“นี่มึงยังชนะใจพี่ภูไม่ได้อีกหรอไอ้หล่อ?”

“มึงก็เหมือนกูแหละไอ้บิ๊ก ไม่ต้องมาทำหน้าตาล้อเลียน” พี่มูนย้อนพี่บิ๊ก ซึ่งรายนั้นก็โดนเฮียกันท่าให้ยัยวี่อยู่บ่อยๆ ช่วยไม่ได้นะ เฮียภูหวงน้องยิ่งกว่าอะไร

“พอๆ ค่ะ แตงโมขอขัด บรรยากาศแบบนี้ตะวันช่วยเล่นกีต้าร์ให้ฟังโหน่ยย” แตงโมยื่นกีตาร์ตัวเก่งของผมมาให้โดยที่ไม่รู้ว่าเธอไปหยิบมาตั้งแต่ตอนไหน

“เห็นด้วยๆ” มะนาวเตรียมปรบมือละ

“เอาเพลงอะไรอะ?” ผมรับกีต้าร์มา

“เพลงอะไรก็ได้ ที่อยากมอบให้พี่มูนอะ” บูมมันบอกพลางยิ้มๆมาให้


All day long I can hear people talking out loud
But when you hold me near
You drown out the crowd
Try as they may, they can never define
What’s been said between your heart and mine


‘ชอบกอดของพี่มูนที่สุดเลยนะ’

The smile on your face let me know that you need me
There’s a truth in your eyes saying you’ll never leave me
The touch of your hand says you’ll catch me wherever I fall
You say it best, when you say nothing at all

‘ตะวันชอบทุกอย่างที่เป็นพี่มูน’



        ขอแค่สายตาคู่นั้นยังคงมองมาที่ตะวัน

        ขอแค่รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อๆนั่นยังคงยิ้มมาให้ตะวัน

        ขอแค่มือคู่นั้นยังคงจับมือตะวันไว้

        ขอแค่กอดของเขายังเป็นของตะวัน

        ขอแค่เขายังส่องแสงมาที่ตะวัน ตะวันจะตอบแทนเขาด้วยความรักทั้งหมดของตะวัน....


‘รักตะวัน’


ทันทีที่เสียงกีต้าร์และเสียงร้องของผมจบลง ผมก็ยิ้มให้กับประโยคที่ไม่มีเสียงจากปากของเขา คนที่เป็นทุกอย่างๆของตะวัน คนที่ทำให้ตะวันละสายตาไปมองใครไม่ได้เลย

“โอ๊ยยยย หยุดหวานนน” พี่อาฟพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“เออจริง ไอ้หล่อ พวกกูเห็นนะเว้ยเมื่อกี้อะ” พี่ดิวชี้หน้าพี่มูน

“แล้วไงใครแคร์” พี่มูนบอกก่อนจะทำเป็นไม่สนใจคนอื่น แล้วเลื่อนมือมากุมมือผมเอาไว้

“ใครก็ได้เอากีต้าร์ไปเผาที” ไผ่มันพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ

“หึงหรอ?” มะนาวถามไผ่

“ไม่หึง แต่อิจฉาครับ ถ้าพี่รับรักผม ผมจะเลิกอิจฉาเขาทันที แล้วผมจะเล่นเพลงหวานๆแบบเมื่อกี้ให้พี่ฟังด้วย” ไผ่มันบอกในขณะที่จ้องหน้ามะนาว ส่วนมะนาวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่ยิ้มออกมาโดยที่พวกเราทุกคนน่าจะเดากันได้แล้วว่าเธอรู้สึกยังไง

“ยิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

“คิดเอา” มะนาวบอกแค่นั้นก่อนจะยกเครื่องดื่มมาดื่มแก้เขิน ส่วนไผ่ที่พอจะรู้คำตอบก็ยิ้มไม่หุบ แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ คาดว่ามันคงจะรู้แล้วว่าต่อไปมันจะทำยังไงกับความรักของมัน

“อะ นับคนโสดได้ละทีนี้ ไอ้ดิววว” พี่อาฟหันไปทำหน้าร้องไห้กับพี่ดิว พี่ดิวก็ดันหน้าพี่อาฟหนีทันที

อยู่ดีๆก็มีแรงสะกิดมาจากคนข้างๆ ผมหันไปมอง พี่มูนเพยิดหน้าไปทางแมนกับบูมที่นั่งถัดจากผม ผมว่าพวกมันพยายามจะพูดให้ได้ยินกันสองคน แต่มันคงลืมไปว่าที่นี่เงียบสงบมากและเราทุกคนก็ไม่ได้เสียงดังกันขนาดนั้น

“มึงไม่ร้องเพลงให้กูบ้างอะ?” แมนมันถามบูม

“ทำไมต้องร้อง?”

“มึงอะ ไม่หวานกับเขาบ้างเลย กูอยากให้มึงร้องให้กูฟังแบบนั้นบ้าง”

“กูก็ร้องให้มึงฟังทุกคืน”

“บูม ทะลึ่งวะ แต่กูชอบ ฮ่าๆ”

.....

......... มันทำเหมือนอยู่กันสองคน

“อะแฮ่ม!” เสียงพี่มูนทำให้สองคนออกจากโลกของพวกมันสองคน

“ค่อยไปร้องให้กันฟังสองต่อสองนะพวกมึงอะ แม่ง” พี่อาฟทำหน้าล้อเลียนสองคนนั้น แต่ถามว่าพวกมันอายไหม ก็อายแต่ชินชาไปแล้วล่ะดูจากท่า

“งั้นคืนนี้ตะวันร้องให้พี่ฟังบ้างสิ”

“ร้องบ้าอะไรพี่มูน!” ผมร้องเสียงดังเพราะตกใจ

“เอ้า ก็ร้องเพลงไง เมื่อกี้ตะวันร้องเพราะดี” พี่มูนยิ้มล้อ

“ไม่ต้องเลย ตะวันรู้ว่าพี่มูนตั้งใจแกล้งตะวัน”

“ฮ่าๆ เปล่าซะหน่อย อยากฟังตะวันร้องเพลงจริงๆแต่ถ้าร้องอย่างอื่นให้ฟังก็ไม่ขัดนะครับ” ก่อนจะขยิบตาให้ผมทีนึง



          ตั้งแต่ตอนนั้นที่บังเอิญได้เจอผู้ชายหน้าตาดูดีคนนั้น

          ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมได้รู้ตัวเองว่าชอบอะไร อยากทำอะไร

          ตั้งแต่ตอนนั้นที่ได้เจอเขาอีกครั้ง

          ตั้งแต่ตอนนั้นที่ทำให้ตกหลุมรักเขาอย่างแรง

          ตั้งแต่ตอนนั้นที่ทำให้กล้าเข้าใกล้เขา

          ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขาค่อยๆส่องแสงมาที่ผม

          ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขารับความรักจากผม

          ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็รู้ทันทีว่าเขาคือพระจันทร์อีกดวงที่จะคอยส่องแสงมาให้ผม

          จนตอนนี้เขาก็ยังคงคอยส่องแสงมาที่ผม

          จนตอนนี้เขาก็ยังคงอยู่ข้างผม

          จนตอนนี้เขาเป็นคุณพระจันทร์ที่ผมรัก.....



         เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้ผมกับเขาค่อยๆเติบโต แต่ก็ยังคงมีอีกหลายเรื่องราวที่จะเข้ามาเป็นบทเรียนในชีวิตของเราสองคน ถึงเวลานั้นจะยังอยู่ข้างๆกันต่อสู้ปัญหาไปด้วยใช่หรือเปล่า แววตาคู่นั้นบอกว่าจะไม่หายจากผมไปไหน มันทำให้ผมอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก


ไม่รู้ว่าจะรักกันตลอดไปหรือเปล่า

ไม่รู้ว่าจะดูแลกันได้นานแค่ไหน

รู้แค่ว่าตอนนี้ยังอยากอยู่กับคนนี้ รู้แค่ว่าอยากจับมือคนนี้ไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง



แสงสว่างจากเขามันยังสวยงามที่สุดสำหรับตะวัน ช่วยส่องแสงมาที่ตะวันเรื่อยๆเลยนะ ตะวันจะไม่หันไปรับแสงจากใครนอกจากแสงของพระจันทร์ดวงนี้



“วันนี้พระจันทร์สว่างมากเลยเนอะ สงสัยพระจันทร์จะมีความสุข”



รอยยิ้มจากพี่มูนที่ส่งมาให้ตะวัน ตะวันรู้ว่าตะวันจะเป็นคนเดียวที่ได้รับ....




  “รักนะคุณพระจันทร์ที่ตะวันรัก”







end .
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2021 15:11:11 โดย moon.star »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
น้องตะวันน่ารัก เอ็นดูความใสซื่อของนาง ส่วนพี่มูนก็ช่างหวงอะไรขนาดน้านนน แต่ก็น่ารักทั้งคู่ สนุกค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ
ชอบตะวัน
แต่ทำไมเราถึงชอบเฮียภูเป็นพิเศษ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด