[กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [กระทู้สาระ รึป่าว?] โรคที่พบเจอได้ทั่วไป? <ถาม-ตอบ ฮ่าๆ นึกไม่ออกแล้ว> P.6  (อ่าน 71743 ครั้ง)

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
^
^
^
นอกจากทู้นี้จะมีหมอแล้ว ยังมีเภสัชร่วมด้วยอีกหนึ่ง ดีมากๆ

แอคโรเห็นเค้า(พันทิพย์)ว่า ถ้าวางแผนจะตั้งครรภ์นี่ ให้หยุดยา และปรึกษาหมอ. บางคนบอกว่ากมอให้หยุด1ปีก่อนตั้งครรภ์ แต่อีกข้อมูลหนึ่งเค้าว่า กินมานานเท่าไหร่ ก็หยุดไปเท่านั้นเลย

เราว่าเอาให้ชัวร์ก็ปรึกษาหมอล่ะนะ

pizzy

  • บุคคลทั่วไป
โรแอค: แล้ว ไมโครโดส คือยังไงคะ

ไฮโดส คือยังไงคะ แบบว่า สงสัยค่ะ

shunsuke15

  • บุคคลทั่วไป
คุณหมอกระทู้นี้หายไปไหนแล้ว อยากตอบกระทู้ข้างบนแต่ความรู้ไม่มากพอ กลัวจะมั่วเกินไป เอาที่เราเข้าใจนะ
(อย่าฟังแต่ความคิดเห็นของเรานะ รอผู้รู้มาตอบเอาชัวร์ก็ดี ไม่ก็ถามหมอเลย)

dose เนี้ย ปกติจะใช้กับยา คือ dose สามารถแปลได้ว่า สัดส่วนของปริมาณสารในยาที่เราได้รับต่อหน่วย อะไรก็ว่าไป แล้วแต่กรณี
แต่ถ้า เป็นฉลากที่เขียน พวกยาหรือ วิตามิน แล้วบอกว่ากล่องนี้ มีปริมาณขนาด, น้ำหนัก ของตัวยา ต่อเม็ด สมมติ 10 mg
แล้วที่กล่อง เนี้ย เขียนไว้ว่า high dose vitamin c คือ ใน 1 เม็ดเนี้ย อาจจะมีวิตามิน c ซัก 80% (สมมุติ)
แต่อีกกล่องนึง ปริมาณ ขนาด น้ำหนัก ของตัวยา เท่ากันเลย 10mg แต่เขียนไว้ว่า low dose vitamin c คือ วิตามิน c จริงๆ อาจจะมีอยู่แค่ 20% (สมมุติอีก)

ดังนั้นถ้าให้พูดตามภาษาปกติคือ ความเข้มข้น ของยามีมาก หรือ น้อย นั่นแหละ

แต่บางครัั้งก็จะมีการพูด ถึงในการกินด้วย เช่น Roaccutane ถ้าเราไปโรงพยาบาล เค้าก็จะตรวจเลือด ใช่ไหม
แล้วหมอก็จะดูว่า คุณ สามารถ กิน Roaccutane ได้ในชีวิต อะ กี่ dose และก็จะมีการคำนวณ ถึงการรับปริมาณยา ต่อวัน ต่ออาทิตย์ อีก อะไรก็ว่าไป
ซึ่งทานแล้วจะปลอดภัย แต่ถ้าคุณทานมากเกินไป เคยได้ยินคำว่า overdose ไหม นั่นแหละ ก็จะเป็นอันตราย

ใน Roaccutane ของแต่ละยี่ห้อ เราไม่แน่ใจ ว่า dose เท่ากันหมดไหม เคยกินแต่ของ acnotin โดยปกติมากที่สุดเค้าจะให้กินแค่วันละเม็ด

lolipop55

  • บุคคลทั่วไป
รูปน่ากลัวมากครับพี่!!!   


ปล.พี่หมอครับ เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า




ออฟไลน์ TiiTa

  • อยากแปลงร่างเป็น"เมะ" เมื่อเห็น"เคะ"น่ารักและน่ากด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
คุณหมอกระทู้นี้หายไปไหนแล้ว อยากตอบกระทู้ข้างบนแต่ความรู้ไม่มากพอ กลัวจะมั่วเกินไป เอาที่เราเข้าใจนะ


ช่วงนี้คุณหมอไม่ค่อยว่างรบกวนเภสัชให้ความรู้ก่อนแล้วกันนะคะ ^^

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
ขอโทษที่หายไปนานนะครับ
ช่วงนี้ติดงานเยอะแยะเลยอ่าครับผม >.<
ทั้งพรีเซนต์เคส ทั้งออก OPD ทั้งอยู่เวร TT__TT

เดี๋ยวยังไงภายในวันพฤหัสนี้ (12/1/55) จะมาลงบทความใหม่ พร้อมตอบคำถามให้นะครับ

ปล. ยังไงก็ขอขอบคุณ shunsuke15 ที่มาแบ่งปันความรู้กันด้วยนะครับ  :pig4:

murua

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ TiiTa

  • อยากแปลงร่างเป็น"เมะ" เมื่อเห็น"เคะ"น่ารักและน่ากด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
โรแอค: แล้ว ไมโครโดส คือยังไงคะ

ไฮโดส คือยังไงคะ แบบว่า สงสัยค่ะ

ตอบน้องพิซซี่นะคร้าบ :D
เอาสรุปๆง่ายๆเลยนะครับ
โดสยา... ก็คือขนาดของยาที่กินครับ

ไมโครโดส ก็คือ ขนาดยาที่ต่ำมากๆที่จะให้ผู้ป่วยน่ะครับ ส่วนมากจะใช้ในการศึกษาทดลองครับผม
ส่วนไฮโดส ก็คือ ขนาดยาที่สูงมากๆที่จะให้กับผู้ป่วยน่ะครับ ในกรณีที่ให้ขนาดยาตามปกติแล้วรักษาไม่หาย (ในบางโรค) ครับผม

อย่างเช่น

การศึกษาตัวอย่างยาชนิดใหม่ชนิดนึงคือ "A" ว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยได้เท่าไหร่ ก็จะเริ่มให้ยา "A" แบบไมโครโดสก่อนครับ (ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ทำการทดลองแบบนี้แล้วครับ เพราะผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์)

นาย B ป่วยเป็นโรคไซนัสอักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน ซึ่งเคยป่วยเป็นโรคนี้มาก่อนแล้วสามครั้ง เมื่อก่อนให้ยา C อาการดีขึ้นช้ามาก จึงทำให้ครั้งนี้ตัดสินใจให้ยา C แบบไฮโดสเพื่อรักษาโรค

เป็นต้นครับผม
หวังว่าจะแอบเข้าใจ (รึเปล่าแฮะ)



รูปน่ากลัวมากครับพี่!!!   


ปล.พี่หมอครับ เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า





อะไรครับคนเนี้ย หึหึ

===============================================

ปล. วันพฤหัสนี้ หรือไม่ก็วันศุกร์นี้ มาต่อบทความตอนหน้าแน่นอนครับ
เกี่ยวกับการดื่ม (รึกิน) น้ำยาล้างห้องน้ำ !!!
มันจะน่ากลัว ทรมาน ขนาดไหน และจะตายหรือไม่ รอกันหน่อยนะครับ อิอิ

ออฟไลน์ TiiTa

  • อยากแปลงร่างเป็น"เมะ" เมื่อเห็น"เคะ"น่ารักและน่ากด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
รออย่างใจจดใจจ่อ น้ำยาล้างห้องน้ำท่าทางจะ อร่อย!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
ในความรู้สึกจำได้ลางๆว่า หมอ กับพยาบาล 3-4 คน ยึดตัวผู้หญิงคนหนึ่งไว้ แล้วเอาท่อสายยางยาวๆสอดลงคอ แล้วก็มีน้ำดำๆ ใส่ลงไปด้วย..... :oak:  จำได้แค่นั้น   มารอฟังดีกว่า ขอบคุณล่วงหน้านะ :L2:

ออฟไลน์ TiiTa

  • อยากแปลงร่างเป็น"เมะ" เมื่อเห็น"เคะ"น่ารักและน่ากด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ว่าจะรออ่านบทความแต่คิดว่าพี่หมอคงมาดึกขอนอนก่อนแล้วกันไม่ไหวแล้วเครื่องจะดับแล้วพรุ่งนี้จะมาอ่านนะคร้าบบบ

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
กลับมาอีกครั้งหลังจากจบการพรีเซนต์เคสผู้ป่วย 3 เคสติดกันใน 2 วัน TT__TT
และอยู่เวร 2 วันติด  :sad4:

วันนี้กลับมาพร้อมกับเรื่องการดื่มสารพิษในครัวเรือนเนอะ อย่างที่สตรองเคยดื่ม (รึป่าว?) ฮ่าๆๆๆ
การดื่มสารพิษในครัวเรือนแบ่งเป็นสองประเภทครับ คือดื่มสารที่เป็นกรด และ สารที่เป็นด่างครับ

     ขอเริ่มจากสารที่เป็นด่างก่อนนะครับ สำหรับสารที่เป็นด่างในบ้านเรือนก็มักจะเป็นพวกน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ โดยที่หลังจากดื่มลงไป สารพวกเนี้ยมันจะกัดเซาะเข้าไปเรื่อยๆในเนื้อเยื่อครับ เพราะสารมีคุณสมบัติเป็นเบส (ด่าง) และเนื้อเยื่อของร่างกายนั้นมีไขมัน และไขมันกับเบสก็จะทำปฏิกิริยากันทำให้เกิดการเซาะไปได้เรื่อยๆ ทำให้การกลืนสารเป็นด่างจะทำให้เกิดการทะลุได้ง่ายมากๆๆๆๆเลยครับ

     สารที่เป็นกรดในบ้านเราพบได้ง่ายมากเลยครับ เช่นพวก น้ำยาล้างห้องน้ำเกือบทุกชนิด น้ำยาซักผ้าบางชนิดครับ หลังจากที่ทานเข้าไปเนี่ย กรดจะเริ่มทำลายตั้งแต่ในช่องปากเลยครับ ทำลายตลอดทางที่มันผ่านเข้าไป ทั้งหลอดอาหาร และในที่สุดก็ลงไปละลายเนื้อเยื่อในกระเพาะอาหาร ซึ่งในกระเพาะอาหารก็มีคุณสมบัติเป็นกรดอยู่แล้ว ยิ่งเจอกรดเข้าไปอีก ก็ยิ่งทำลายเร็วขึ้นเป็นผลให้กระเพาะอาหารเกิดแผล และในที่สุดก็อาจทำให้เกิดการทะลุของกระเพาะอาหารได้ครับ
   
     ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ก็คือ
1.)   Acute Phase (อะคิวท์เฟส)
     เป็นระยะ 1-4 วันแรกหลังจากที่กลืนสารลงไป จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่สารผ่านนั้นตาย หลอดเลือดตีบ มีการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบๆ และจะทำให้เชื้อแบคทีเรียบริเวณแผลเติบโตเร็วขึ้น
2.)   Subacute Phase (ซับอะคิวท์เฟส)
     วันที่ 5-14 จะมีการบวมของเนื้อเยื่อที่โดนสารอันตราย และเป็นช่วงที่ผนังหลอดอาหารอ่อนแอมากที่สุด เสี่ยงต่อการเกิดการทะลุของหลอดอาหารมากที่สุด
3.)   Scaring Phase (สการ์ริ่งเฟส)
     เริ่มสัปดาห์ที่ 3 จนถึงเดือนที่ 3 จะมีการเพิ่มจำนวนของเซลล์และคอลลาเจนเพื่อรักษาบริเวณที่เป็นแผล และเนื้อเยื่อคอลลาเจนก็จะหดตัว ทำให้เกิดการตันของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหารได้ในที่สุด

      อาการของผู้ป่วยหลังจากกลืนสารกรดและด่าง ในระยะแรกอาจจะมีแค่อาการบวมแดงของช่องคอ เสียงแหบ จากการที่สารโดนกล่องเสียง กลืนเจ็บหรือกลืนติดเนื่องจากเป็นแผลในหลอดอาหาร แต่เมื่อมีหลอดอาหารทะลุก็จะทำให้เกิดการแสบในช่องอก มีลมรั่วออกมาใต้ผิวหนังได้ และถ้ากระเพาะอาหารโดนด้วยก็จะมีอาการปวดท้อง อาเจียน ถ้ากระเพาะอาหารทะลุก็จะปวดท้องทั่วๆได้ หรือแม้กระทั่งมีอาการช็อคได้ครับ
       ต่อมาในระยะหลังจะเป็นอาการของการตีบตันของหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร เป็นเหตุให้กลืนเจ็บ กลืนลำบาก กลืนอาหารไม่ลง แน่นท้อง อาเจียนหลังทานอาหาร หรือแม้กระทั่งน้ำหนักลดลงได้ครับ

       ถ้าพบผู้ป่วยที่กลืนสารน่ะครับ ห้ามทำให้อาเจียนเด็ดขาด !!! ห้ามให้กินสารอย่างอื่น เช่น น้ำ หรือ นม เด็ดขาด ให้รีบพาส่งโรงพยาบาลทันทีที่ทราบ ถึงแม้ว่าจะทานลงไปเพียงเล็กน้อยครับ
       หลังจากที่แพทย์ได้ตัวผู้ป่วยก็จะต้องให้ผู้ป่วยงดอาหารและน้ำ หลังจากนั้นก็ให้ยาฆ่าเชื้อ ทำ X-ray ดูการบาดเจ็บของหลอดอาหารและกระเพาะอาหารว่ามีภาวะแทรกซ้อน (เช่น หลอดอาหารทะลุ กระเพาะอาหารทะลุ) ส่องกล้องดูแผลภายใน 24 ชั่วโมง และในที่สุดอาจจะต้องทำการผ่าตัดรักษาภาวะแทรกซ้อนต่างๆครับ
       หลังจากรักษาในระยะแรกหายเรียบร้อยแล้ว อย่างที่บอกไปในช่วงแรกว่า ช่วงสัปดาห์ที่ 3 จะมีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนมาซ่อมแซมแผล และเกิดการหดตัวลงทำให้เกิดการตีบตันของหลอดอาหารได้ ซึ่งแพทย์ต้องทำการรักษาภาวะหลอดอาหารตีบตัน จะทำโดยการใช้เครื่องมือถ่างขยายหลอดอาหารเพื่อทำให้หลอดอาหารกลับมาใช้งานได้ตามปกติ (ซึ่งเป็นไปตามปกติได้น้อย) ถ้าไม่สามารถถ่างขยายหลอดอาหารได้ ก็จำเป็นต้องผ่าตัดสร้างหลอดอาหารเทียมขึ้นมาใหม่ครับ


       จากที่นำเสนอได้เนอะ ก็สรุปได้ว่า “ไม่ควร” ดื่มพวกน้ำยาล้างห้องน้ำเป็นอย่างยิ่งเลยครับ มันไม่ได้ทำให้ตายดีหรอกนะครับ ทั้งปวดท้องทรมาน เจ็บคอแทบตาย มีการทะลุของหลอดอาหาร การทะลุของกระเพาะอาหาร ถ้ารักษารอดในระยะแรกแล้วก็ต้องมาทรมานกับการดื่มกินตามปกติไม่ได้อีก... ดังนั้น ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง !!!

lolipop55

  • บุคคลทั่วไป
ขอคุณสำหรับความรู้คร้าบบบ

เป็นการตายที่ทรมานมาก  :jul3:

แล้วมีแบบไม่ทรมานมั้ย

 :m15:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ
อิฉันคนนึงล่ะที่ไม่ขอดื่ม ท่าทางจะไม่อร่อยแถมทรมานมากมาย หยึย...

ออฟไลน์ TiiTa

  • อยากแปลงร่างเป็น"เมะ" เมื่อเห็น"เคะ"น่ารักและน่ากด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ไม่รู้จะรีพลายอะไร ขอบคุณสำหรับความรู้คร้าบ
ทำไมอ่านแล้วรู้สึกกลืนน้ำลายลำบาก ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
อืม นอกจากตายไม่สวยแล้วยังทรมาณอีกด้วย อ่านะ ใช้วิธีอื่นเหอะ
 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่า

ยกมือถามค่า

บางครั้งเรานอนไม่หลับ เราจะกินยาแก้แพ้ให้หลับซึ่งจะหลับสนิทไปประมาณ3-4ชม.
มีผลเสียยังไงบ้างค่ะ (รู้ว่าไม่ดี แต่ว่ามันต้องนอนแล้ว เพราะว่าวันต่อไปมันต้องทำธุระแต่เช้าเลยอ่ะ)

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
สงสัยนิดนึงคุณหมอ
ที่เค้าว่ากันว่าล้างท้องนี่คือทำยังไงหรอจ๊ะ

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
อืม นอกจากตายไม่สวยแล้วยังทรมาณอีกด้วย อ่านะ ใช้วิธีอื่นเหอะ
 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่า

ยกมือถามค่า

บางครั้งเรานอนไม่หลับ เราจะกินยาแก้แพ้ให้หลับซึ่งจะหลับสนิทไปประมาณ3-4ชม.
มีผลเสียยังไงบ้างค่ะ (รู้ว่าไม่ดี แต่ว่ามันต้องนอนแล้ว เพราะว่าวันต่อไปมันต้องทำธุระแต่เช้าเลยอ่ะ)


     ยาแก้แพ้ส่วนมากที่กินกันมักจะเป็น Chlorpheniramine (คลอเฟนิรามีน) หรือ CPM ครับ อาจจะมีตัวอื่นๆเช่น Loratadine (ลอราทาดีน) Cetirizine (เซทิริซีน) ซึ่งถ้าเป็นยี่ห้อการค้าก็จะได้ยินบ่อยๆคือ Carinose และ Zyrtec ตามลำดับครับ ;)
     ยาแก้แพ้พวกนี้จะมีฤทธิ์ช่วยลดการคัดจมูก น้ำมูก และน้ำต่างๆในร่างกายที่หลั่งออกมาครับ

     ดังนั้นผลเสียจะเกิดกับพวก น้ำมูก น้ำตา น้ำลาย ครับ สรุปว่าจะทำให้ตาแห้ง คอแห้ง จมูกแห้ง (มาก) ครับ

     นอกจากนี้ ไอ้ยาแก้แพ้พวกเนี้ยครับ มันไปยับยั้งการทำงานของสารตัวนึงในร่างกาย ด้วยครับ มันทำให้บางคนอาจใจสั่น รู้สึกอารมณ์เสียง่ายๆ คลื่นไส้ ปวดหัว หรือง่วงนอนได้ครับ
     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยาแพ้แก้ตัวหลังๆที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมา เช่น Loratadine กับ Cetirizine มักจะมีอาการดังกล่าวลดลงกว่ารุ่นแรกๆอย่าง CPM ครับผม

     แต่ยาแก้แพ้ทั้งหมดนี้ เมื่อใช้แล้วไม่ควรทำอะไรที่ต้องใช้สมาธิสูง เช่นการขับรถ การทำงานกับเครื่องจักร เป็นต้นครับ และไม่ควรใช้กับคนที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด นอกจากนี้ "ห้ามกินเหล้า" ด้วยนะครับ

     และสิ่งสำคัญเลยครับ ถ้ากินยาปฏิชีวนะบางตัวอยู่ เช่น Ketoconazole (คีโตโคนาโซล) หรือยาฆ่าเชื้อรา เป็นต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยาครับ เพราะยาพวกนี้มันจะทำให้สารเหลือทิ้งจากยาคงเหลือในร่างกายได้ครับ เป็นผลให้อาจเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดปกติได้ครับผม

     ดังนั้นทางที่ดี การใช้ยาแก้แพ้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา "ทุกชนิด" นะครับ
เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเองเนอะ ;)


สงสัยนิดนึงคุณหมอ
ที่เค้าว่ากันว่าล้างท้องนี่คือทำยังไงหรอจ๊ะ

ฮ่าๆๆๆ แนนอยากล้างท้องหรอ อิอิ
การล้างท้องนี่ก็คือ การใส่สายยางผ่านเข้าไปทางจมูกแล้วให้สายลงไปถึงกระเพาะอาหารน่ะครับ แล้วก็ใส่น้ำเกลือเข้าไปแล้วก็ดูดกลับออกมาน่ะครับ
หึหึ ทรมานมากเลยนะ

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
เรากิน actifed แอคติเฟด. ค่ะ
มี Triprolidine กับ Pseudoephedrine
กินแล้วไปนอนเลย

เพิ่งรู้ว่า ทำให้ตาแห้งด้วย เราเป็นคนอ่านหนังสือเยอะมาก เลยตาแห้งอยู่งแล้วเลยไม่ทันสังเกต

แล้วก็เพิ่งรู้ว่าห้ามกินกับแอลกอฮอล (เราเราไม่ค่อยกินเหล้า แต่ก็ต้องระวังชอคโกแลตผสมเหล้าอ่ะ)

ขอบคุณมากๆสำหรับความรู้ค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
ครับผม

ตัวที่ทำให้ง่วงก็คือ Triprolidine นี่แหละครับ
มันเป็นตัวยาแก้แพ้ขั้นที่ 1 น่ะครับ (ปัจจุบันพัฒนาแล้วถึงขั้น 4)
ซึ่งขั้นแรกมันก็ทำให้ง่วง (มากถึงมากที่สุดน่ะครับ)
ส่วน Pseudo นั้นทำให้หายคัดจมูกครับผม ไม่เกี่ยวกับความง่วงครับ :)

ยังไงก็ระวังการใช้กับแอลกอฮอล์ด้วยนะครับ :)

ส่วนเรื่องตาแห้งนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็งดใส่คอนแท็คต์เลนส์ด้วยก็ได้ครับ เพราะอาจทำให้ตาแห้งยิ่งขึ้นได้ครับ
ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ ให้ใช้แว่นจะดีต่อตาในระยะยาวมากกว่าครับ เพราะคอนแท็คต์มันจะทำให้ลูกตาเกิดรอยขีดข่วนได้ครับผม :)
แล้วก็ถ้าตาแห้งมากๆ ก็ใช้น้ำตาเทียมได้ครับ เดี๋ยวนี้มีน้ำตาเทียมให้เลือกใช้มากมาย อย่างไรก็ตามลองปรึกษาแพทย์และเภสัชกรดูก่อนตัดสินใจใช้นะครับ 

:L1:

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
ขอบคุณที่ห่วงใยค่ะ :กอด1:

ไม่ใส่คอนแทค (เคืองตาแล้วปวดหัว ไมเกรนขึ้น อ่านหนังสือไม่ได้) ไม่ใส่แว่น(หนักดั้ง กดหู ปวดหัวอีก แล้วก็ หน้าแก่มากๆๆๆๆด้วยอ่ะ)

พยายามดื่มน้ำมากๆๆแทน ถ้าไม่ไหวจริงๆถึงหยอดน้ำตาเทียมค่ะ

เดี๋ยวนี้ไม่กินยาเยอะๆแล้วค่ะ. (เพราะว่าน่าจะเกิดจากความเก็บกดเราทำอะไรแปลกๆด้วย แต่คนรอบตัวจะติดภาพที่เรากินยาเยอะๆไปนานเลย)

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
ดีแล้วครับ :)

เดี๋ยวซักปลายสัปดาห์จะมาต่อเรื่องใหม่นะครับ
คราวนี้เอาเรื่องอะไรดีอ่าาาาาา ใครว่างช่วยคิดหน่อยสิครับ >.<'

ออฟไลน์ sapphire_yaoi

  • Because A True Love Never Die
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ TiiTa

  • อยากแปลงร่างเป็น"เมะ" เมื่อเห็น"เคะ"น่ารักและน่ากด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
อยากรู้เรื่องข้อจำกัดของยาต่างๆน่ะค่ะ พอจะเป็นหัวเรื่องได้มั้ยคะ
แล้วก็... คิดไม่ออกแล้วค่ะ ห่ะๆ

ออฟไลน์ BossoM

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1092
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-5
    • my twitter
จะถามคุณหมอหน่อยว่า
คือเราปวดหัวมา 3-4 วันแล้ว
เอ่อ..มันไม่เชิงว่าปวดหัว มันคล้ายๆกับเวียนหัว หรือมึนๆมากกว่า
แบบเวลาหันหน้าไปมา หรือก้มหน้าเงยหน้า บางจังหวะมันก็จะบ้านหมุนเล็กน้อยอะจ่ะ
แต่บางทีนั่งเฉยๆก็เป็นนะ
แล้วก็ปวดต้นคอมาก
พอจะบอกอะไรได้มั่งอะคะ

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
จะถามคุณหมอหน่อยว่า
คือเราปวดหัวมา 3-4 วันแล้ว
เอ่อ..มันไม่เชิงว่าปวดหัว มันคล้ายๆกับเวียนหัว หรือมึนๆมากกว่า
แบบเวลาหันหน้าไปมา หรือก้มหน้าเงยหน้า บางจังหวะมันก็จะบ้านหมุนเล็กน้อยอะจ่ะ
แต่บางทีนั่งเฉยๆก็เป็นนะ
แล้วก็ปวดต้นคอมาก
พอจะบอกอะไรได้มั่งอะคะ

ผมยังไม่ใช่หมอนะคร้าบ ยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆอยู่เลยครับ ห่ะๆๆ (ถึงแม้จะใกล้จบก็เหอะ)

ก่อนอื่นอยากถามก่อนว่า เคยมีอาการอย่างนี้มาก่อนรึเปล่าครับ ถ้าเคยมี มีมานานเท่าไหร่แล้ว?
แล้วอาการมันมี "บ้านหมุน" หรือเพียงแค่ "เวียนศีรษะเฉยๆ" ครับผม เพราะโรคค่อนข้างแตกต่างกันครับ

ถ้าอาการเด่นคืออาการบ้านหมุนเวลาหันหรือเงยหน้า
เราอาจจะคิดถึงโรคเด่นๆอยู่ประมาณ 2-3 โรคครับ

     อันแรกเลย คือ Benigh Paroxysmal Positional Vertigo หรือ BPPV หรือ อาจเรียกภาษาไทยว่า โรคบ้านหมุนเปลี่ยนท่าหรือโรคหินปูนในหูชั้นในผิดปกติ แล้วแต่จะเรียกครับ ส่วนมากเรียกทับศัพท์ว่า BPPV มากกว่าครับ

     อาการเด่นของโรคนี้ก็อย่างที่ว่าแหละครับ จะเวียนศีรษะแบบมีบ้านหมุนเวลาหันหน้าหรือเปลี่ยนท่าครับ ดังนั้นมักจะมีอาการช่วงที่ตื่นนอนลุกจากเตียง นอนกลิ้งไปมาบนเตียง เงยหน้าหรือก้มหน้า หรือแม้กระทั่งโดนอุบัติเหตุเล็กน้อยที่ศีรษะ (ที่ทำให้ศีรษะหันได้อย่างรวดเร็ว) โดยเมื่อมีอาการมักจะเป็นไม่นาน แค่ชั่ววินาที หรือนานสุดก็ประมาณ 1 นาที แล้วอาการก็จะหายเป็นปกติ อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยก็ได้

     สาเหตุมักเกิดจากหินปูนภายในหูมันย้ายไปอยู่ผิดที่ครับ คือไอ้หินปูนเนี่ย มันจะทำหน้าที่คล้ายกับศูนย์ถ่วงของร่างกายน่ะครับ ถ้ามันย้ายที่ไปผิดที่ก็จะทำให้เวียนศีรษะได้ครับ

     สำหรับการรักษาโรคนี้ ขั้นแรกอาจใช้วิธีการหลีกเลี่ยงหรือทำท่าที่ทำให้เกิดภาวะดังที่บอกไปแล้วให้ช้าลงน่ะครับ ต่อมาอาจมีการทำกายภาพบำบัด ซึ่งให้นักกายภาพบำบัดหรือแพทย์เป็นผู้ทำให้ก็ได้ครับ ทำง่ายๆ เพียงแค่ให้ล้มตัวลงนอนและลุกขึ้นมานั่ง แต่ ไม่ควรทำเองเป็นอันขาด ครับ ไม่งั้นลงผิดท่าแล้วยิ่งเวียนหัวแล้วจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ ห่ะๆๆ ส่วนเรื่องยา ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคนี้โดยตรงครับ มีเพียงยาแก้เวียนหัวกับอาเจียนเท่านั้น และขั้นสุดท้ายเมื่อใช้วิธีที่กล่าวมาแล้วไม่หาย ก็คงต้องผ่าตัดล่ะครับ >.<’

     โรคที่สองที่คิดถึงได้ก็คือ Meniere’s Disease (มีเนียร์ หรือ มีแนร์ ดิซีส) หรือที่เรียกกันติดปากว่า โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

     อาการของโรคนี้จะมีอาการเวียนหัวบ้านหมุนเช่นเดียวกันครับ แต่ว่าจะแตกต่างกันที่ไอ้โรคนี้เนี่ยมันบ้านหมุนทีนึงนานเป็นนาทีถึงชั่วโมงเลยน่ะสิครับ (แทบอ้วกเลยล่ะ) แถมยังมีตัวผู้ป่วยจะรู้สึกว่าได้ยินเสียงเบาลงด้วย เหมือนหูดับน่ะครับ จะค่อยๆดับไปเรื่อยๆจนกระทั่งหูไม่ค่อยได้ยินเสียงเลยทีเดียว แล้วก็อาจจะมีอาการได้ยินเสียงผิดปกติในหูก็ได้ครับ

     โดยที่สาเหตุของโรคนี้ปัจจุบันยังไม่แน่ชัดครับ แต่เชื่อกันว่าเกิดจากการที่น้ำในหูมีการสร้างมากกว่าปกติน่ะครับ

     ส่วนการรักษาก็หลากหลายตั้งแต่การใช้ยาจนถึงการผ่าตัดครับผม



     อีกโรคนึงที่จะเจอได้บ่อยก็คือโรค Vestibular neuritis (เวสติบูลาร์ นิวไรติส) หรือเส้นประสาทหูอักเสบ ครับผม

     ไอ้โรคนี้ก็มีอาการเด่นคือเวียนหัวบ้านหมุนเช่นเดียวกันครับ แต่อาการโหดมากครับ คือมันจะเวียนหัวเป็นวันๆเลยทีเดียว และมักจะมีคลื่นไส้อาเจียนด้วยเสมอ บางคนอาเจียนจนหมดแรงก็มี (คือผมเคยเป็นน่ะครับ ทรมานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)  ไอ้โรคนี้จะไม่มีอาการเรื่องการได้ยินผิดปกตินะครับ

     สาเหตุของโรคนี้มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสครับ เช่น บางคนเป็นหวัดหนักๆเข้าก็อาจเกิดโรคนี้ได้น่ะครับ เพราะในช่องปากคนเรามันมีท่อเชื่อมต่อกับหูชั้นในที่มีเส้นประสาทหูอยู่น่ะครับ พอเป็นหวัดนานๆเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดหวัดมันก็อาจจะหลุดผ่านท่อเข้าไปในหูชั้นใน ไปทำให้เส้นประสาทมันอักเสบ แล้วเกิดเป็นโรคนี้เพิ่มเติมขึ้นมาได้ครับ

     ส่วนการรักษาของโรคนี้จะเป็นการรักษาแบบประคับประคองเป็นส่วนมากครับ เพราะสามารถหายได้เองครับ เพียงแค่ให้ยาแก้เวียนหัวกับอาเจียนก็เพียงพอ (ในบางคนครับ)

============================================

ว่าจะเขียนแค่นิดๆหน่อยนะเนี่ย ไปๆมาๆเขียนไป 3 โรคเลยทีเดียว
อ่านแล้วงงรึเปล่าเนี่ยครับ >.<’

ยังไงก็ตามถ้ามีอาการมากๆก็ควรพบแพทย์เลยดีกว่านะครับ เพื่อสุขภาพของตัวเองเนอะๆๆ


ออฟไลน์ TiiTa

  • อยากแปลงร่างเป็น"เมะ" เมื่อเห็น"เคะ"น่ารักและน่ากด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ผมยังไม่ใช่หมอนะคร้าบ ยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆอยู่เลยครับ ห่ะๆๆ (ถึงแม้จะใกล้จบก็เหอะ)
ทำไมพี่เน้นคำว่านักศึกษาแพทย์ แต่แพรดันสะดุดตรง "ตัวเล็กๆ" อิอิ

     อีกโรคนึงที่จะเจอได้บ่อยก็คือโรค Vestibular neuritis (เวสติบูลาร์ นิวไรติส) หรือเส้นประสาทหูอักเสบ ครับผม

     ไอ้โรคนี้ก็มีอาการเด่นคือเวียนหัวบ้านหมุนเช่นเดียวกันครับ แต่อาการโหดมากครับ คือมันจะเวียนหัวเป็นวันๆเลยทีเดียว และมักจะมีคลื่นไส้อาเจียนด้วยเสมอ บางคนอาเจียนจนหมดแรงก็มี (คือผมเคยเป็นน่ะครับ ทรมานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)  ไอ้โรคนี้จะไม่มีอาการเรื่องการได้ยินผิดปกตินะครับ
อีโรคนี้อาการน่ากลัว

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ
เคยเป็นหนึ่งกับสอง แต่ไม่บ่อย แบบสามน่าทรมานมาก

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
ผมยังไม่ใช่หมอนะคร้าบ ยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ตัวเล็กๆอยู่เลยครับ ห่ะๆๆ (ถึงแม้จะใกล้จบก็เหอะ)


ขอบคุณที่ให้ความรู้ค่ะ ว่าที่คุณหมอตัวเล็กๆ (ทำไมมีคำนี้ตัวเดียวทำเราจิ้นไปไกลเลย)

ดีใจที่ตัวเองไม่เป็น แค่เคยบางทีเครียดมากจนลุกนั่งแล้วบ้านหมุนๆเอียงๆแป๊บๆ เราก็แย่แล้วอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด