ผมก็เคยเป็นเหมือนกันนะ
สมัยมอต้น ผมมีเพื่อนสนิทคนนึง ผมมีความรู้สึกกับมันมากกว่าคำว่าเพื่อน
ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นทั่วไป แต่ผมว่ามันไม่ใช่ความรักนะ หรือว่าผมไม่เข้าใจ
ก็ไม่รู้ เพราะผมก็ไม่เคยได้รับความรักจากใครแม้แต่พ่อแม่ ผมเลยไม่เข้าใจ
ความรักที่ผมให้กับคนอื่น ว่ามันคือความรักแบบไหน
ตอนจบ ม.ต้น ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปเรียนตามยถากรรมเด็กบ้านนอก
คิดถึงมันมาก จนรู้สึกว่าตัวผมเองไม่ใช่ตัวเองที่แท้จริง ผมต้องมีมัน
กลับมาเจอกันอีกที พร้อมเพื่อนเป็นกลุ่ม 10 กว่าคน แต่ผมอยากเจอมันคนเดียว
อยากนอนดูดาวคุยกันกับมัน สองต่อสอง กลางทุ่งบ้านนอก อยากถามมันว่า
มันไปตกระกำลำบากยังไง ซึ่งก็คงไม่ต่างจากผมเท่าไร แต่ผมก็เป้นห่วงมัน
กับเพื่อนคนนี้ ผมกล้าคุย กล้าทำอะไรฮาแตกแดกห่า อะไรกับมันก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ
แต่กับเพื่อนคนอื่น ผมต้องนึกถึง สถานภาพ มารยาท จนเพื่อนหลายคนๆ มองว่าผมกับ
เป็นคู่เกย์กัน เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเราไม่ได้เป็น เลยไม่นำมาใส่ใจกับคำพูดคนอื่น
เดี๋ยวเราจะไม่ใช่เรา ที่สนิทกันจนไม่สามารถบอกได้ว่าเรารู้สึกต่อกันยังไง เดี๋ยวเราจะไม่
กล้าเฮฮาปาร์ตี้ตีหัวตบไหล่กันเหมือนเดิม
คุณเป็ดครับ คุณมีเวลาที่จะกล้าเป็น เป็ด กับอ้อย คนเดิม อย่ากลัว อย่าเกรงกับคำโพส
คำกระทู้ และอย่ากลัวสถานภาพ พระ เพราะพระก็ต้องมีฆราวาสคอยอนุโมทนา เวลาไป
เดินธุดงค์ไกลๆ บางครั้งพราะป่วย เพราะสภาพอากาศ ก็ต้องมีโยมคอยติดตามบ้าง
เพื่อรักษาดูแลอาการ
ผมว่าถ้า คุณเป็ด ตามหา พระ คงไม่เป็นการรบกวนหรอก เพราะคุณอ้อย คงไม่ได้รัก
กับคุณเป็ดแบบเกย์แน่ แต่เป็นความรู้สึกที่มากกว่าคำว่าเพื่อน จนเหมือนเราเป็นคนเดียวกัน
จนมีความรู้สึกว่า ถ้ากูขาดมึง ก็เหมือนกูขาดกู (มั้งครับ)
ผมอยากให้คุณเป็ดตามหาพระนะ เพราะยังมีเวลา
แต่สำหรับผม จนถึงวันนี้ ผมยังคิดถึงมัน เป็นห่วงมัน ทั้งๆ
ที่ผมรู้ว่ามันยังอยู่ที่นั่น วัดนั้น วัดที่ผมไปบวชมัน
และก็เป็นวัด ที่ผมไปส่งมัน เป็นครั้งสุดท้าย
มันคือเพื่อน ที่ผมสนิทที่สุดในชีวิตผมครับ