เป็นครั้งแรกที่ทั้งที่รักแต่ก็พูดไม่ได้
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของพ่อ
เป็นครั้งแรกที่เถียงแม่ที่ไม่ให้รับโทรศัพท์ของเธอ
เป็นครั้งแรกที่กลัวที่จะกลับบ้าน
เป็นครั้งแรกที่หาวิธีที่จะหนี
เป็นครั้งแรกที่คิดจะลาจากโลกนี้
เป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำให้บุพการีต้องเสียใจ
ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
ตั้งแต่รู้ตัวว่ามีรสนิยมไม่เหมือนคนปกติ ก็พยายามแล้วพยายามอีก
ที่จะเปลี่ยนตัวเอง ทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนเป็นคนปกติได้
ตั้งแต่ไม่สามารถแม้แต่จะส่องกระจกมองหน้าตัวเอง ได้แต่วนเวียนกลัดกลุ้ม
ยามนอนก็ฝันร้าย
ตั้งแต่รู้ว่าการที่เปิดเผยตัวตน ให้ผู้คนได้รับรู้ครั้งนี้นำมาซึ่งความเสียใจ
ของครอบครัว
ถึงแม้จะมีสักวันที่พวกเราต้องสูญเสียทุกอย่าง
ถึงแม้จะมีสักวันที่พวกเราใช้ได้แค่เสียงพูดคุยกับครอบครัว
ถึงแม้จะมีสักวันที่พวกเราต้องนอนตามข้างถนน
ถึงแม้ว่าจะมีสักวันที่พวกเราต้องกินเศษอาหารดื่มนํ้าก๊อกข้างถนน
ถึงแม้ว่ามีสักวันที่พวกเราต้องเหลืออยู่เพียงคนเดียว
โปรดดูแลถนอมตัวเองด้วย
เพราะพวกเราเหมือนกัน
เพราะพวกเรารักครอบครัวของพวกเรา
เพราะพวกเราต้องชดใช้ที่ได้ทำร้ายผู้คน
แน่นอน..จะต้องอดทนเข้มแข็ง
โปรดเชื่อมั่นในความรักแบบนี้
ไม่ใช่คิดกบฎ ไม่ใช่จะฝืนธรรมชาติหรือจารีตประเพณี
ไม่ใช่แค่พูดว่าจะเปลี่ยนก็จะเปลี่ยนได้
มันเป็นความรักที่ต้องนอนหลั่งนํ้าตาจนหลับไป
มันเป็นความรักที่คนปกติไม่เข้าใจ
พวกเราไม่ได้อยากให้พวกเธอเข้าใจหรือให้การยอมรับ
ขอเพียงอย่าให้ต้องแยกจากหรือห้ามปรามขัดขวาง
นั้นก็เป็นการอวยพรให้กับพวกเราแล้ว
โปรดเหลือทางรอดให้พวกเราสักหน่อย ให้พวกเราได้พบแสงสว่างบ้าง
การที่บุพการีไม่ยอมรับ สังคมที่ต่อต้าน
ขอรอยยิ้มน้อยๆยิ้มรับความขมขื่นในความสุขไปด้วยกัน
พวกเราไปกันเถอะ
ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ.....
แปลแล้วก็งงๆนะ ฉวนท่าจะสับสนคิดมากอยู่เหมือนกัน น่าสงสาร เป็นกำลังใจให้สองหนุ่มสู้ต่อไป