โดนคนทำร้ายหัวใจจนรู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังแกล้งเราอยู่...
ผมโดนทั้งหมดสามดอกคอมโบติดครับ
ดอกแรก
แฟนที่คบกันมา 4 ปี เลิกกันแบบไม่มีสาเหตุ แบบ อยู่ดีๆก็หายไป คือด้วยความที่เขาเป็นวัยทำงาน ผมจะไม่ส่งไลน์ไปกวนเขาเลย (เราไม่มีเฟรนด์บุ๊คกันเพราะต่างคนต่างอยากมีพื้นที่ส่วนตัว) แต่เราจะโทรหากันวันล่ะรอบ ผมจะเป็นฝ่ายโทรหาตามความเคยชินตั้งแต่สมัยเขาอยู่ต่างประเทศมากกว่า เราจะคุยกันประมาณครึ่งชมอัพเดทชีวิตในวันที่ผ่านมา ก่อนต่างคนต่างไปใช้ชีวิตทำหน้าที่และบริบทของตัวเอง เขามีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ผมเองก็มีหน้าที่และภาระของผม เราคบกันมาแบบนั้นด้วยความเข้าใจ ก่อนเขาจะหายไปจากชีวิตผมโดยไม่มีแม้กระทั้งคำตอบว่าเพราะอะไร เราไม่ได้ทะเลาะกัน ก่อนวันนั้นผมกับเขายังเล่นมุกตลกๆด้วยกันด้วยซ้ำ
ผมรู้สึกเหมือนสูญเสียคนในครอบครัวไป ผมไม่ได้มองว่าเขาเป็นแค่แฟน ผมมองว่าพี่เขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของผมคนหนึ่ง คนที่คอยให้กำลังใจผมมาตลอดในระยะเวลา 4 ปีที่ครบกันมา ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าเขาทั้งเป็นที่รักและเป็นคนที่มีบุญคุญกับผมคนหนึ่ง ถ้าไม่มีเขาให้โอกาส ผมอาจจะไม่มีกระทั้งแรงจะลุกขึ้นสู้จนสามารถะพาชีวิตมาถึงตรงจุดนี้ได้
....การเสียเขาไปมันไม่ใช่แค่ความอกหัก แต่เสมือนว่าผมเสียบุคคลอันเป็นที่รัก จนผมรู้สึกดาวน์
กระนั้นเอง ผมยืนอยู่บนความจริง แม้ชีวิตจะเสียเขาไปผมเองก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบต่อไป ผมแค่พยายามทำความเข้าใจว่าทุกอย่างมีอายุขัยของมัน แม้กระทั้งความรักเองก็เหมือนกัน วันหนึ่งเรารักกันได้ วันนี้เราคงหมดรักกันได้ และสักวันผมคงหมดรักเขาได้ มันคงจะเป็นแบบนั้นในอนาคตข้างหน้า ผมยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ยังต้องรับผิดชอบตัวเอง ภาระที่บ้านและการงาน
สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะหายไปจากชีวิตเรา แต่เราก็ต้องก้าวเดินต่อไป....
ดอกที่สอง
ผมยังใช้ชีวิตต่อไป มันไม่ได้หายเจ็บแต่ผมแค่พยายามทำความเข้าใจและพยายามอยู่กับมัน ผมยังคงทะเล้นและเกรียนแตกใส่กระทู้ชาวบ้านเขานับไม่ถ้วน วันหนึ่งมีล็อกอินท่านหนึ่งหลังไมค์มาหาผม ความประหลาดใจของผมอย่างหนึ่งคือเขาแมร่งก็ไม่ได้อยู่ไทย (อีกแล้ว ตอนผมคุยกับแฟนครั้งแรกเขาก็อยู่ออส) มันไม่ใช่ความไม่รู้จักเจ็บหรอก แต่ผมมองว่าถ้าจะมีใครผ่านเข้ามาในชีวิตเรา เราก็ควรให้โอกาสทั้งเขาให้เรา
"ผมเข้าใจว่าคุณเจ็บขนาดไหนเพราะผมก็เคยโดนแฟนเก่าบอกเลิกหลังจากผมบินมาเรียนที่เมกาได้ไม่นาน ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมจะชัดเจนกับทุกอย่างให้ได้มากที่สุด" เขาบอกกับผมแบบนั้น
เอาเข้าจริงๆมันคงไม่แฟร์สำหรับอีกฝ่ายที่คุณไปเจอคนใส่ร้ายใส่คุณมา คุณเองตั้งแง่กับเขาเพราะแค่คนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
ผมคิดแบบนั้นก่อนจะปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปในตามครรลองของมัน ผมคุยกับเขาได้สักระยะหนึ่งจนกระทั้งเขาไปเที่ยวที่ซานฟรานซิสโก โชคร้ายที่เกิดขึ้นคือกระเป๋าตังค์พร้อมมือถือโดนขโมย เขาติดต่อผมกลับมาทางหลังไมค์พันทิปก่อนจะแจ้งว่าเขาต้องเดินทางไปกลับระหว่างซานฟรานฯ-แคลิฟอเนียเป็นระยะๆเพราะกลัวการจับโจรผิดคน ผมคุยกับเขาผ่านทางหลังไมค์วันล่ะหนึ่งข้อความ
.....ก่อนเขาจะหายไป พร้อมข้อความสุดท้ายว่าเขากำลังจะส่งเปเปอร์ก่อนจะจบการศึกษานี้
ใครอยู่แคลิฟอเนียเรียนกม.ยูฯชื่อดังก็คิดว่าน่าจะรู้จักเขาไม่ยาก นักเรียนทุนรัฐบาลด้านกฎหมายที่จ่ายให้เดือนล่ะหลายหมื่นเหรียญไม่ได้มีเกร่อซะหน่อย
ผมแค่อยากบอกเขาว่ามันไม่ยากเลยกับการตามหาช่องทางติดต่อเขา และ/หรือ จริงๆผมรู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ไหนเพราะความเป็นห่วงตั้งแต่เขาบอกว่าโดนโจรปล้น .....แต่ผมไม่ทำมัน เพราะถ้าคุณเลือกที่จะหายไปแปลว่าคุณคงมีเหตุผลของคุณ
เพียงแต่ ผมเจ็บปวดมากเหลือเกิน
ยิ่งคุณเป็นคนที่เข้าใจว่าผมเจ็บปวดมากเพียงไหน ยิ่งคุณบอกว่าจะชัดเจนให้ได้มากที่สุดเท่าไหร่
ทุกคำพูดของคุณกับการกระทำในวันนี้ มันเหมือนมีดที่กรีดหัวใจผมซ้ำไปซ้ำมา
การที่คุณเข้าใจความเจ็บปวดนั้นว่ามันหนักเพียงไหนแต่คุณยังสามารถทำมันลงได้
ผมว่านั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา และผมคงไปทำแบบนั้นกับใครไม่ได้จริงๆ
คนที่ให้อภัยได้กับทุกคนและสอนให้ผมรู้จักการให้ กลับกลายเป็นคนที่ทำให้ผมเจ็บได้ลึกที่สุดเท่าที่คนๆหนึ่งจะรู้สึกได้
ก็ต้องยอมรับจริงๆว่าถ้ามีโอกาสผมคงอยากตอบแทนเขาสักหน่อย
ดอกที่สาม
ประมาณช่วงก่อนหน้านี้ผมเจอมรสุมชีวิตซะจนว่า ผมหมดกำลังใจ แม้จะกลับมามี "ครอบครัว" อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกอย่างมันจะเหมือนเดิม ผมร้องไห้ไม่ออก เหนื่อยเรื่องงาน เครียดเรื่องเรียน จนกระทั้งโพสต์ลงในพันทิป ณ ตอนนั้นคือขอบคุณทุกคนมากๆจริงๆครับ ผมไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้รับอะไรหลายๆอย่างจากคนแปลกหน้ามากมายขนาดนั้น และก็มีอยู่ท่านหนึ่งที่ทักเข้ามาหาผม
เอาเป็นว่าผมจะไม่เล่าเต็มๆแล้วกัน สั้นๆง่ายๆเลยคือเขามีแฟนอยู่แล้ว แต่เขาก็บอกว่าเขาอยากมีผม (?) ซึ่งผมยอมรับไม่ได้กับการมีอะไรลับหลังกันวะ ผมเลยโพสต์ลงที่พันทิปนี้แหละรอบหนึ่งก่อนเขาจะส่ง MG มาบอกว่าเลิกกับแฟนแล้วนะ ขอบคุณเอย ขอโทษเอย เวรกรรมเอย (ไม่ใช่เวรกรรมอะไรหรอก การกระทำและสันดานของมึงล้วนๆนะครับพี่น้องงงง) ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็๋ปั่นประสาทผมได้ช่วงหนึ่งเหมือนกัน
ไม่คิดเหมือนกันว่าชีวิตจะต้องมาเจอคอมโบอะไรแบบนี้สามดอกติด
โดยเฉพาะดอกแรกและดอกที่สอง (ส่วนอันสุดท้าย แมร่งเหมือนเป็นตะปูตอกฝ่าโลงความอดทน)
บางที่ผมก็สงสัยนะ คนที่เจอแบบผมเนี้ย เขาไม่คิดอยากจะไปทำแบบนี้ใส่คนอื่นบ้างเหรอ?
ในเมื่อคนอื่น ในเมื่อโลกมันร้ายกับเราขนาดนี้
ทำไมเรายังต้องเป็นคนดี?
ผมถามตัวเองแบบนั้นก่อนจะยกคำตอบของตัวเองนั้นแหละมาตอบ
บางครั้งต่อให้เราเป็นคนไม่ดีก็ไม่ได้หมายความว่าโลกจะใจดีกับเรา
ในเมื่อเราเองเรียนรู้ว่าการโดนกระทำมันเจ็บปวดยังไง เราก็แค่ไม่ต้องไปทำแบบนั้นให้ใครเขาต้องมาสัมผัสความเจ็บปวดแบบเราก็พอ
สุดท้ายแล้วชีวิตผมก็ยังต้องก้าวเดินต่อไป..