“เป็นแฟนกันนะ” ประโยคนี้เขาเอ่ยมันครั้งแรกที่ได้เจอกับแฟนหนุ่มของตัวเองอย่าง กานต์ บุรุษพยาบาลที่เพิ่งถูกบรรจุที่โรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ วันนั้นเขาจำได้ดี นัยน์ตาแสนเศร้าและรอยยิ้มหวานที่ส่งให้คุณยาย ที่เข้ามารับบริการที่โรงพยาบาลชวนให้น่าหลงใหล ตัวเขาที่กำลังรีบขึ้นไปสอนนิสิตแพทย์ต้องหยุดชะงักและเคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มที่ขัดกับดวงตาคู่นั้น หลังจากนั้นแพทย์หนุ่มอย่างเขาก็มักจะแอบมองอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา แม้โรงพยาบาลจะกว้างแต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงหาตัวอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ราวกับอีกคนตั้งใจมาโผล่ให้เขาเห็นอยู่เสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่งเป็นวันที่อากาศดีมาก แต่จู่ ๆ ฝนก็เทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ตัวเขาที่เพิ่งตรวจคนไข้เสร็จกำลังจะเดินลงไปหาข้าวกินที่โรงอาหาร สายตาก็พลันไปสะดุดกับบุรุษพยาบาลสุดหล่อที่เขาแอบมองอยู่ทุกวัน กำลังเดินตัวเปียกไปยังห้องพัก ราวกับถูกมนตร์สะกดเข้า เขาเดินตามอีกฝ่ายไป รู้ตัวอีกทีก็อยู่หน้าห้องพักเรียบร้อย เขายืนนิ่งอยู่นานสองนานครั้นพอจะเดินออกไป ประตูตรงหน้าก็ดันเปิดออกพอดี คนที่โผล่มาก็คือเจ้าของรอยยิ้มหวานที่เขาต้องมนตร์สะกดอยู่นั่นเอง หลังจากนั้นเขาก็เผลอเอ่ยประโยคขอเป็นแฟนไปอย่างไม่ตั้งใจ เขาเห็นสีหน้าคนตรงหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่คำตอบที่ตอบกลับมากลับทำให้ตัวเขาตะลึงเช่นกัน
“เอ่อ ตกลงครับ”
เรื่องราวต่อจากนั้นคือ เขาเป็นแฟนกับกานต์บุรุษพยาบาลที่น้อยอายุกว่าประมาณสองปี ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี ช่วงแรกของการคบกันอาจจะค่อนข้างวุ่นวายสักหน่อย เพราะเป็นช่วงที่ต้องศึกษากัน แต่พอทุกอย่างมันลงตัวความรักก็ไปได้สวย ตลอดสามปีที่คบกันมา แม้จะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันเลย เพราะต่างคนต่างไม่มีเวลา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรักของเขาทั้งคู่ลดลง แต่นั้นมันก็เป็นแค่ความคิดของเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น พอขึ้นปีที่สี่ทุกอย่างมันก็เริ่มเปลี่ยนไป แม้ว่าพวกเขาจะใช้สถานะคนรักกันอยู่ แต่ความรู้สึกของอีกฝ่ายกลับเปลี่ยนไปแทน ความรักที่ว่าเคยดี เคยหวาน เคยสวยงาม ก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นจืดชืด ทั้งคู่ต่างไม่มีเวลาให้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหนึ่งในนั้นเลือกใช้วิธีนอกใจ แตกต่างจากอีกคนที่ยังมั่นคงในความรัก
“ตกลงว่าจะเลิกกันหรอกานต์” เสียงหวานเอ่ยถามในขณะที่ในมือถือกล่องของขวัญไว้ ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบห้าปีที่พวกเขาคบกัน คนหนึ่งตั้งใจเลือกของขวัญชิ้นที่ดีที่สุดให้ ส่วนอีกคนเลือกที่จะทำลายความรักลงในวันนี้
“ใช่”
“ไม่ได้รักกันแล้วหรอ” เสียงหวานถามเริ่มสั่นเครือ จ้องมองไปยังใบหน้าของคนรักที่กำลังจะกลายเป็นอดีตในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ใบหน้านั้นยังคงเหมือนเดิม ยังเป็นของคนที่เขารักเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้านั้น วันนี้มันกลับหายไป หายไปตั้งแต่ตัวเขาจับได้ว่าคนรักนอกใจ เขาเพิ่งสังเกตวันนี้ว่า เขาไม่ได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มสวยนั้นอีกแล้ว
“ตอบไม่ได้ แต่ไม่เหมือนเดิม” คำตอบนั้นทำให้แพทย์หนุ่มหน้าสั่น เขากัดริมฝีปากแน่นจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดจาง ๆ สูดลมหายเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้ามองเพดานเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา
“ขอโอกาสได้ไหม” เขาอ้อนวอนแต่อีกฝ่ายเลือกที่จะหลบตาลงพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ
“อย่าเลย รั้งแต่จะเจ็บซะเปล่า” น้ำตาไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขามองใบหน้าอดีตคนรักอย่างไม่ชัดเจน มือทั้งสองข้างสั่น เขาเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก่อนจะยื่นกล่องของขวัญที่เตรียมมาให้
“รับไว้นะ ถือว่าเป็นของขวัญก่อนจาก” ชายหนุ่มยื่นมือรับกล่องของขวัญนั้นไว้ ร่างบางได้แต่มองพื้นไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย หยาดน้ำตาไหลเป็นสายแต่ก็ต้องซ่อนไม่ให้อีกคนเห็น เขายื่นมือไปแตะแขนอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา พร้อมเอ่ยปากอวยพรขอให้โชคดี
“ขอบคุณกับที่ผ่านมานะ หมอกั้ง” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้อดีตคนรักอย่างแพทย์หนุ่มทรุดลงกับพื้นพร้อมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร จบแล้วความรักห้าปีของพวกเขา จบลงเพราะอีกฝ่ายไม่มั่นคงพอ แม้ว่าจะจากกันด้วยดี แต่เชื่อเถอะ ความรู้สึกของแพทย์หนุ่มในตอนนี้พังไม่มีชิ้นดี
เวลาผ่านไปหนึ่งปีทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น กั้งได้เลื่อนขั้นจากรองผู้ช่วยศาสตราจารย์เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์แทน งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงพยาบาลอย่างอบอุ่นท่ามกลางญาติมิตรที่มาแสดงความยินดี ไม่แม้แต่คนรักเก่าของเขาอย่าง ‘กานต์’ ก็มาร่วมงานเช่นกัน แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว…
“ยินดีด้วยหมอกั้ง” ชายหนุ่มยื่นช่อดอกทิวลิปสีม่วงให้เจ้าของงาน ดอกไม้โปรดของแพทย์หนุ่ม
“ขอบใจนะกานต์” เขาสังเกตเห็นผู้ชายคนข้าง ๆ ที่มาพร้อมกับอดีตคนรัก ทั้งคู่แม้ว่าจะยืนห่างกันเล็กน้อย แต่สัญชาตญาณก็บอกให้เขารู้ได้ว่า คน ๆ นี้คือคนรักของอีกฝ่าย
“เอ่อ นี่ไม้ แฟนกานต์เอง” ร่างสูงแนะนำคนข้างกายให้แพทย์หนุ่มรู้จัก ความรู้สึกจุกกลับเข้ามาเล่นงานหัวใจของร่างบางอีกครั้ง เขาส่งยิ้มให้คนรักใหม่ของอดีตคนรักของเขาเล็กน้อย
“ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย กานต์ไม่เห็นจะเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังเลย”
“สองปีแล้วครับ” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เขานิ่งงัน ช่อดอกไม้ในมือร่วงหล่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ …สองปีงั้นหรอ… ตอนนั้นเขากับกานต์ยังไม่เลิกกันด้วยซ้ำ หมายความว่าคน ๆ นี้ก็คือ คนที่กานต์นอกใจเขาไปคบด้วย คน ๆ ที่แย่งกานต์ไปจากเขา และก็คน ๆ นี้ที่ทำให้ความรักระหว่างกานต์กับเขาต้องพังทลายลง
ไม้เห็นช่อดอกไม้ในมือแพทย์หนุ่มล่วงลงไปจึงก้มลงไปหยิบให้ ขณะที่กำลังจะยกช่อดอกไม้ขึ้นมาเท้าของเจ้าของช่อดอกไม้ก็เหยียบลงมาบนมือเต็มแรง
“โอ้ยย” ไม้พยายามจะชักมือกลับแต่ก็ไม่มีผล เมื่อแรงเหยียบจากอีกฝ่ายค่อย ๆ หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนคนถูกเหยียบต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“กั้ง ทำอะไร” ร่างสูงผลักแพทย์หนุ่มออกก่อนจะดึงคนรักลุกขึ้นมา
“โทษที มองไม่เห็น” ร่างบางตอบปัดก่อนจะหันไปขอโทษคนที่ถูกเขาเหยียบมือ อย่างจงใจ
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณไม้มือเป็นแผลนะครับ แย่จังผมก็ซุ่มซ่ามอย่างนี้อยู่เรื่อย ถ้าไม่รังเกียจเดี๋ยวผมทำแผลให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ” ร่างบางฉุดมืออีกฝ่ายที่ตอบปฏิเสธให้เดินตามไปยังห้องพักของตน แต่ก็ไม่ลืมสั่งอดีตคนรักของตัวเองให้ไปเอาเครื่องดื่มมาด้วย ทั้งสองเดินไปยังห้องพักด้วยความเงียบต่างคนต่างไม่ปริปากพูด บรรยากาศชวนน่าอึดอัด
“จริง ๆ หมอกั้งไม่จำเป็นต้องทำแผลให้ไม้ก็ได้นะครับ” เจ้าของบาดแผลเปิดปากพูด เขาเดินตามคุณหมอหน้าสวย ทั้งลอบมองใบหน้าของแพทย์หนุ่มตรงหน้ามาได้สักพักแล้ว หน้าก็ยังเด็กคาดว่าอายุคงราว ๆ ยี่สิบกว่า แต่ได้เป็นถึงรองศาสตราจารย์แสดงว่าเป็นคนที่มีความสามารถมาก
“ผมกลัวแผลคุณไม้ติดเชื้อน่ะครับ อีกอย่างรองเท้าผมก็สกปรกอยู่ด้วย เกิดคุณไม้เป็นอะไรขึ้นมา เดี๋ยวกานต์เสียใจนะครับ อ่ะ ถึงพอดี เชิญครับ” แพทย์หนุ่มเปิดประตูเชิญให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปในห้อง เอื้อมมือไปกดเปิดสวิตซ์ไฟบนกำแพง ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่ชั้นวางของ
“ยื่นมือมาครับ” ไม้ลังเลแต่สุดท้ายก็ยื่นมือให้กับแพทย์หนุ่มตรงหน้า ร่างบางหยิบคีมคีบสำลีจุ่มแอลกอฮอล์ที่เตรียมไว้อยู่ในกระป๋องเหล็กเช็ดบริเวณรอบ ๆ แผลอย่างบรรจง
“คุณไม้กับกานต์นี่ ใครจีบใครก่อนหรอครับ” ร่างบางเช็ดบาดแผลอย่างเชื่องชาระหว่างชวนคนตรงหน้าสนทนา
“ไม้เองครับ”
“หรอครับ แล้วคุณไม้ไม่คิดว่าตอนนั้นกานต์มีแฟนอยู่แล้วหรอครับ” กั้งสะบัดสำลีก้อนนั้นลงถังขยะก่อนจะหยิบก้อนใหม่ขึ้นมาเช็ดแผลต่อ แม้ว่ามือจะสาละวนอยู่กับบาดแผลตรงหน้า แต่ปากของเขากับขยับตลอดเวลา
“ไม่นะครับ ผมแอบมองพี่กานต์มาตลอด” มือที่ทำแผลอยู่นั้นชะงักเล็กน้อยและก็กลับมาทำแผลต่อ ร่างบางให้ความสนใจกับสรรพนามที่คนบาดเจ็บเรียกอดีตคนรัก แสดงว่าเด็กคนนี้อายุน้อยกว่าเขา…
“รู้จักกันเมื่อไหร่หรอครับ”
“ตอนมาฝึกงานครับ ผมมาฝึกงานที่นี่”
“คุณไม้เป็นบุรุษพยาบาลเหมือนกันหรอครับ”
“ใช่ครับ พอดีได้พี่ไม้เป็นพี่เลี้ยงน่ะครับ”
“ก็เลยงาบสินะ…” ร่างบางพึมพำ
“อะไรนะครับ”
“ป่าวครับ” แพทย์หนุ่มหยิบสำลีชุบเบตาดีนเช็ดไปที่แผลอย่างเบามือตามนิสัยของตัวเอง ไม้ลอบมองใบหน้าของแพทย์หนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ตั้งคำถามภายในหัวมากมาย
“หมอกั้งมีแฟนหรือยังครับ” เจ้าของชื่อชะงักเล็กน้อยก่อนจะทำแผลต่อไม่ตอบอะไร สร้างบรรยากาศชวนน่าอึดอัดใจอีกครั้ง
“ถ้าไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรครับ” ผู้เป็นแพทย์วางอุปกรณ์ในมือลง ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาเพียงแว๊บหนึ่ง เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าก๊อสในกล่องอุปกรณ์ และนำมันไปพันปกปิดบาดแผลให้กับคนเจ็บที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“ผมเคยมีแฟนครับ ตอนนี้โสด” แพทย์หนุ่มส่งยิ้มเศร้าให้อีกฝ่าย มองหน้าเด็กหนุ่มใสซื่อที่ไม่รู้ว่าเผลอแย่งคนรักของเขาไป แม้ว่าจะโกรธแต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของคนตรงหน้า ถ้าจะผิด ก็ผิดที่พวกเขาทั้งคู่ ผิดที่ไม่เวลาให้กันตอนที่ยังเป็นคนรักกัน ผิดที่ปล่อยให้อะไร ๆ มันแย่ โดยที่ไม่พยายามประคับประคองให้มันดีขึ้น ผิดที่พวกเขาไม่ได้รักษาความรักเอาไว้เอง
“หมอร้องไห้ทำไมครับ ไม่สบายหรือเปล่า” เด็กหนุ่มถลาเข้าใส่คุณหมอหน้าสวยที่ก้มหน้าร้องไห้เงียบ ๆ ประจวบกับร่างสูงที่เปิดประตูพรวดเข้ามา โดยมีแก้วน้ำสองใบในมือ
“หมอกั้งเป็นอะไรน่ะไม้” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามคนรัก แต่อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่รู้
“หมอกั้งเป็นไรครับ” กานต์เดินเข้าไปถามอดีตคนรักของตัวที่นั่งร้องไห้อยู่บนเก้าอี้ เขาเอื้อมมือเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลลงมาจากตาคู่สวยนั้น ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวของตัวเองยื่นให้อีกฝ่าย ร่างบางรับผ้าเช็ดหน้านั้นมาบรรจงซับลงใบหน้าอย่างช้า ๆ ซึมซับกลิ่นของอีกฝ่ายที่ไม่ได้สัมผัสมาแสนนาน
“ปวดหัวนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก” ร่างบางผลักร่างสูงตรงหน้าออกเล็กน้อยเพราะเกรงใจคนรักของอีกฝ่ายที่ยืนดูเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้ ไม้เดินไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามแพทย์หนุ่มอีกครั้ง เขาใช้สายตาจับผิดอาการของอีกฝ่าย ก่อนจะเงยหน้ามองคนรักของตัวเองที่ยืนอยู่ สังเกตเห็นความเป็นห่วงผ่านดวงตาคู่นั้น แต่เขาก็ได้แต่ปิดปากเงียบไว้
“คุณไม้มีประวัติแพ้ยาอะไรไหมครับ”
“ไม่มีครับ” ไม้สังเกตว่ามือของอีกฝ่ายสั่นเล็กน้อยขณะที่กำลังเขียนใบสั่งยาให้เขา
“นี่ครับใบรับรองแพทย์และใบสั่งยา คุณไม้เอาไปที่เภสัชแถวบ้านนะครับ ต้องขอโทษที่จ่ายยาให้ไม่ได้เพราะอยู่นอกเวลา” แพทย์หนุ่มยื่นซองสีขาวให้ คนเจ็บรับซองนั้นมาก่อนจะยื่นให้คนรักของตนเองอีกต่อ
“เท่านี้แหละครับ เดี๋ยวผมต้องกลับไปที่งานเลี้ยงแล้ว เดี๋ยวเขาหาว่าเจ้าของงานแอบชิ่งหายไปก่อน ฮะ ๆ” หมอกั้งลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้มตัวให้ทั้งสองคน ไม่ลืมหันมาบอกทั้งคู่ให้ล็อคห้องแทนด้วย
“หมอกั้งเขาเป็นคนดีเนอะ” ไม้เอ่ยขึ้น เขาสังเกตสายตาของคนรักตั้งแต่เข้ามาเห็นหมอกั้งร้องไห้ว่าอีกฝ่ายจ้องหมอกั้งไม่วางตา
“อืม เป็นคนดีที่สุดเท่าที่พี่รู้จักมาเลยล่ะ”
“เอ้ย ผมก็ลืมขอบคุณหมอกั้งเลย พี่กานต์ฝากล็อคห้องด้วยนะครับ แล้วไปเจอกันที่งานเลี้ยงนะครับ” คนตัวเล็กพูดอย่างเพิ่งนึกได้ เขารีบวิ่งตามแพทย์หนุ่มที่เพิ่งออกไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ในห้อง ห้องนี้เป็นห้องพักของหมอกั้งอดีตคนรักของเขา ไม่แปลกที่ในห้องแห่งนี้จะเต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย กานต์เดินไปยังต้นทิวลิปสีส้มที่เสียบอยู่ในแจกันมุมห้องพัก เขายกมือลูบกลีบดอกแสนสวยนั้นอย่างอ่อนโยน เขาจำได้ดีว่าร่างบางชอบดอกทิวลิปมากโดยเฉพาะดอกสีม่วง เคยถามหลายครั้งว่าทำไมถึงชอบดอกไม้ชนิดนี้ เจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มมาให้ก่อนจะโยนภาระให้เขาไปหาความหมายเอาเอง แต่เขาก็ไม่เคยจะเปิดหาความหมายเลยสักครั้ง เพราะคิดว่ามันไร้สาระทุกครั้งไป เขาผละออกจากกลีบดอกไม้แสนสวยนั้นเดินไปยังชั้นหนังสือของอดีตคนรัก เขาเคยมาขอยืมหนังสือหลายเล่มจากชั้นวางนี้ หนังสือทุกเล่มเขายังจำได้ดี กานต์ใช้นิ้วไล่สันหนังสืออย่างแผ่วเบาก่อนจะสะดุดกับชื่อของหนังสือเล่มหนึ่ง
‘Flower language’ เขาหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาอย่างสนใจและเปิดหาความหมายของดอกทิวลิปสีม่วง ดอกไม้ของอดีตคนรักที่ชอบมากที่สุด ดอกไม้ที่เขาไม่เคยคิดจะเปิดหาความหมายเลย
‘Purple Tulips – Honest and Stable’
‘ความซื่อสัตย์และมั่นคง’ ทันทีที่ได้รับรู้ถึงความหมายของดอกทิวลิปสีม่วงเขาก็ปิดหนังสือลงและสอดมันไว้ที่เดิม เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินไปปิดไฟเตรียมตัวล็อคห้อง ทันทีที่เขาเดินผ่านโต๊ะของแพทย์หนุ่มเขาก็สะดุดตากับสิ่งของที่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั้น มันคือโพสอิทสีเหลืองจำนสนมากที่มีลายมือของเขาเขียนอยู่ แปะอยู่บนกรอบรูป
‘สู้ ๆ นะหมอกั้ง อย่าหักโหมตรวจคนไข้นะ’
‘ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่อย่าลืมทานข้าวนะครับ’
‘อย่าลืมคิดถึงผมนะ’
‘ยิ้มเข้าไว้นะครับ ผมชอบรอยยิ้มของคุณ’ และอีกหลายแผ่นที่เขาเคยให้อดีตคนรักตลอดห้าปีที่คบกัน เขาคลี่โพสอิทพวกนั้นออกอ่านความทรงจำเก่า ๆ บางใบเขาก็จำได้ว่าเขาเขียน แต่บางใบเขาก็จำไม่ได้ ราวกับตอนนั้นที่เขียนไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ทันทีที่อ่านถึงใบสุดท้ายเขาก็เห็นใบหน้าของตัวเองที่ถูกโพสอิทปิดบังเอาไว้ รูปในกรอบรูปนั้นคือรูปของเขาและหมอกั้ง เขาจำได้ว่ารูปนี้ถ่ายตอนไปเดทกันครั้งแรก น่าแปลกที่จู่ ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ ก็กลับมาอีกครั้ง
…ถ้าบอกว่าคิดถึงจะเป็นอะไรไหมนะ… กานต์วางกรอบรูปนั้นไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินไปปิดไฟ ขณะที่กำลังจะปิดประตู เขาหันไปมองภายในห้องอีกครั้ง ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ ห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นกายของอดีตคนรัก ห้องที่เขาชอบแอบโดดงานมานอนพัก ห้องที่เขามานั่งรอหมอกั้งเลิกงาน ห้องที่เขากับหมอกั้งจูบกันครั้งแรก…
ชายหนุ่มกลั้นใจปิดประตูห้องนั้น กร่นด่าตัวเองในใจว่าเลือกที่จะทิ้งอีกฝ่าย เพื่อไปเริ่มต้นกับไม้ก็ต้องกล้าที่จะยอมรับความจริง ตอนนี้เขามีเพียงชายหนุ่มตัวเล็กรุ่นน้องอย่างไม้ที่เป็นคนรัก พวกเขาสองคนรักกันและไม่มีอะไรมากพรากจากได้ สิ่งที่ผ่านก็เป็นเพียงอดีต
อย่าให้อดีตมาทำร้ายอนาคตเลย… ในขณะเดียวกันทางไม้ที่วิ่งตามแพทย์หนุ่มออกมา ส่งเสียงตะโกนเรียก ‘หมอกั้ง ๆ’ จนเจ้าของชื่อต้องหันมาตามเสียงเรียก คนอายุน้อยกว่าหยุดยืนหอบเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว” ร่างบางฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย เขามีความรู้สึกแปลก ๆ กับคนตรงหน้า อีกทั้งแรงบีบที่มือที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
“แหม่ จะไม่ขอบคุณได้ยังไงล่ะครับ” ไม้เขยิบหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะเบี่ยงไปกระซิบข้างหูทำเอาหมอกั้งช็อคกับคำพูดของอีกฝ่าย
“ก็ขอบคุณที่ยอมปล่อยพี่กานต์มาให้ผมไงครับ” ร่างบางตกตะลึงกับความพูดของอีกฝ่าย พยายามสะบัดมืออกจากการเกาะกุม
“ปล่อย!”
“แหม่ เจ็บหรอครับ ผมคิดว่าคุณกั้งน่าจะชินกับความเจ็บแล้วนะครับ” ไม้เพิ่มแรงบีบที่มือมากขึ้นกว่าเดิม จนแพทย์หนุ่มต้องย่นหน้าด้วยความเจ็บ
“จะบอกความจริงให้นะครับ ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพี่กานต์มีแฟนอยู่แล้ว ผมทำทุกวิธีที่จะได้อยู่ใกล้ชิดพี่เขา จนพี่กานต์หลงผมหัวปักหัวปำยังไงล่ะ”
“ปล่อย! หยุดพูด! โอ้ยย”
“ฟังต่อ! คุณจำวันที่พี่กานต์โกหกคุณว่าขึ้นวอร์ดในวันเกิดคุณได้ไหม ความจริงคือ เขามานอนเอากับผมที่ห้องต่างหากล่ะ!!”
“โอ้ยย หยุด! หยุดนะไม้! หมอเจ็บ!!”
“เจ็บหรอ!? หมอยังเจ็บได้อีก ฟังนะ! ผมกับพี่กานต์น่ะ มีเซ็กกันตั้งหลายครั้งลับหลังคุณ เรื่องของคุณเขาเล่าให้ผมฟังทุกอย่าง ไม่เคยมีอะไรกันใช่ไหมล่ะ แย่หน่อยนะ แต่กับผมน่ะ เรามีเซ็กกันแทบทุกวันเลยล่ะ!”
“พอได้แล้ว!!” ร่างบางสะบัดมือตัวเองออกก่อนจะผลักอีกฝ่ายล้มไปกองลงกับพื้น ประจวบเหมาะกับร่างสูงที่เดินมาเห็นพอดี เขาถลาเข้าประคองคนรักของตัวเองก่อนจะหันไปตะคอกใส่อดีตคนรักที่ยืนตัวสั่นอยู่
“นี่มันหมายความยังไง หมอกั้ง คุณผลักไม้ทำไม!”
“ฉะ ฉัน--” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะตอบ คนถูกผลักก็สวนขึ้นมาแทน
“อย่าว่าหมอกั้งเลยครับ ผมผิดเองที่ไปเซ้าซี้คุณหมอเขาน่ะ”
“ไปเถอะไม้” กานต์ประคองคนรักลุกขึ้นก่อนจะจับมืออีกฝ่ายไว้พร้อมกับออกเดิน ทิ้งให้คุณหมอหน้าสวยยืนร้องไห้เงียบ ๆ คนเดียว โดยที่ยังไม่ได้อธิบายอะไรเลยทั้งนั้น
“…” เขามองมือของตัวเองที่ถูกคนรักของร่างสูงบีบ มันช้ำเล็กน้อยมีรอยเล็บจิกและสั่นเครือ แม้ว่ามันจะเจ็บแต่เทียบไม่ได้กับความเจ็บที่ใจ เจ็บที่ต้องมารับรู้ความจริงที่เขาพยายามค้นหามาตลอดหนึ่งปีถึงเหตุที่เขาและกานต์ต้องเลิกกัน เมื่อได้รู้ความจริงที่เจ็บปวดเช่นนี้ เขาเลือกที่จะไม่รับรู้เลยจะดีกว่า
ริมฝีปากของหมอกั้งสั่นระริกด้วยความเศร้า ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาที่ออกมาจากดวงตาคู่สวย เขาย่อตัวลงซบหน้าลงกับเข่าตัวเองระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร เนื่องด้วยตรงนี้เป็นที่ลับตาคน เขาร้องไห้เสียงดัง เสียใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
…เสียใจที่ถูกเข้าใจผิด…
…เสียใจที่รู้ความจริง…
…เสียใจที่ยังลืมไม่ได้…
…เสียใจที่ยังรัก…
เขายังคงรักอดีตคนรักของเขาอย่างกานต์จนหมดหัวใจ เขายังจำวันแรกที่เจอกันได้ รอยยิ้มแสนหวานและดวงตาแสนเศร้าที่มีเสน่ห์นั้นเป็นตัวสะกดมนตร์ให้เขาหลงใหลผู้ชายคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น มนตร์สะกดนั้นยังส่งผลมาจนถึงตอนนี้ เขาจึงลืมผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาที คนที่เป็นจูบแรกและเจ้าของหัวใจเขา… แต่นั่นก็เป็นเพียงอดีตที่แสนหวาน ไม่มีทางจะย้อนกลับมาให้เขาได้เชยชมอีกครั้ง เขาไม่ใช่เจ้าของสายตาแสนเศร้า ไม่ใช่เจ้าของรอยยิ้ม และไม่ใช่เจ้าของหัวใจของกานต์อีกต่อไป
อดีตนั้นแสนหวาน ต่างคนต่างพูดประโยคที่ไม่คำนึงถึงอนาคต วาดฝันไว้สวยหรู แต่สุดท้ายก็ไม่เคยเป็นจริงเลยสักครั้ง
_________________________________________________
‘กานต์ รักกั้งไหมครับ’
‘รักครับ ถามทำไมหรอ’
‘แค่อยากจะย้ำให้แน่ใจว่ากานต์รักกั้งแล้ว เพราะเราคบกันโดยที่กั้งรักกานต์อยู่ฝ่ายเดียว’
‘ตอนนั้นอาจจะยังไม่ได้รัก แต่ตอนนี้รักนะครับ มาขอหอมหน่อย’
‘อื้อ…’
‘พอใจหรือยังครับคนดี’
‘พอใจแล้วครับ’
‘กานต์สัญญานะครับว่าจะรักกั้งคนเดียวและก็ตลอดไปด้วย’
‘สัญญานะครับ’
‘สัญญาครับ’
_____________________________________
ดีจ้าาาา
แอบหนีนิยายของตัวเองมาลงเรื่องสั้น
สารภาพความจริงเลยเป็นคนแต่งเรื่องสั้นเยอะมากๆ
แต่ไม่ได้ปล่อยลงที่ไหนเลย (แต่งเก็บเอง+ส่งให้เพื่อนอ่าน)
เลยคิดมาสักพักว่าจะทำเป็นรวมเรื่องสั้นดีไหมน้าาา
เพราะแนวที่แต่งก็เป็นแนวนี้หมดเลย
สุดท้ายก็ตัดสินใจ เอาวะ ลงเป็นลง ฮ่าๆ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้นะคะ วู้วๆ
![:katai4:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/katai4.gif)
กำหนดการอัพตอนต่อไป 16/03/60 เด้อ