ความรักบังตา (จบแล้ว) 17/6/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ความรักบังตา (จบแล้ว) 17/6/2559  (อ่าน 1511 ครั้ง)

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ความรักบังตา (จบแล้ว) 17/6/2559
«ตอบ #1 เมื่อ17-06-2016 02:51:59 »

ไม่อนุญาตให้นำบทความโพสหรือแชร์ลงบนเว็บไซต์อื่น





ความรัก...มันคืออะไร...

ความรัก มันทำให้คนเรามีความสุขจริงๆเหรอ

แล้วทำไม...ตอนนี้...

มันถึงเจ็บเจียนตายแบบนี้กันล่ะ




พวกเราสองคนเป็นรู้จักกันตั้งแต่ม.1 แต่ไม่สนิทกันเท่าไหร่ เพราะอยู่ต่างห้อง แต่พอขึ้นม.4 ก็เริ่มสนิทกันเพราะอยู่ห้องเดียว มันเป็นเพื่อนผู้ชายที่เราสนิทที่สุดในตอนนั้น เราเหมือนกันมาก ทั้งนิสัย หรืออะไรก็ตาม เรามักจะเป็นรวมหัวกันแกล้งเพื่อนอยู่บ่อยๆ มันอ่านความคิดเราออก และเราก็รู้ความคิดมันเหมือนกัน บางทีมองตาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดหรือจะทำอะไร แล้วเรา...ก็ตกหลุมรักมันเข้าให้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น


จนกระทั่งขึ้นม.6 คำว่าพี่ปีสุดท้าย เราไม่ค่อยจะอะไรมากกับคำว่าปีสุดท้าย เพราะเราคิดว่า ยังไงเรากับมัน หรือเพื่อนคนอื่นๆก็นัดมาเจอกันได้เรื่อยๆ


เรากับมันยังคงสนิทกันเหมือนเดิม กวนตีนกันเหมือนเดิม หยอกล้อแกล้งกัน เราไม่คิดว่าเราจะรักมันได้ขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกัน


ต้นปีเป็นวันเกิดเรา เราก็จัดงานเล็กกินเนื้อย่าง ชวนเพื่อนในกลุ่มมากินกัน วันนั้นเป็นวันที่มันเริ่มเปลี่ยน มันแคร์เรามากขึ้น มันให้เรานั่ง ส่วนมันก็ยืนอยู่ข้างๆ ย่างเนื้อย่างแล้วเอามาใส่จานให้เรา เราใจเต้น เราดีใจมากๆ แต่ก็แย้งกับตัวเองในใจว่า คงเป็นเพราะวันเกิดเรามั้ง เพราะตัวมันเองก็ไม่มีของขวัญมาให้


มันสนิทกับแม่เรามาก จนเพื่อนคนอื่นๆก็ยังงงๆที่มันยืนคุยกับแม่เราอย่างสนิทสนม


หลังจากวันเกิดเราไม่นาน เราก็ชวนมันไปเดินเล่นตลาดนัด มีเราแล้วก็เพื่อนอีกสามสี่คนไปด้วยกัน เราก็แกล้งถามมันว่าไหนของขวัญวันเกิดเรา มันก็บอกว่าอยากเอาอะไรก็บอก เดี๋ยวซื้อให้ ตอนนั้นเราก็ตกใจ พร้อมกับคิดในใจว่า มันจะซื้อให้เราจริงๆเหรอ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา มันไม่เคยให้อะไรเราเลย เราเลยแกล้งบอกว่าอยากได้กระเป๋า มันก็ถามว่าใบไหน เราก็บอกว่าไปเดี๋ยวเดินดูก่อน เราเดินออกมากันสองคน เพราะเพื่อนคนอื่นๆอยากดูรองเท้า เราเลยเดินนำกันมาก่อน จนไปเจอใบที่เราชอบ เป็นกระเป๋าสะพายข้าง ตอนแรกก็ลังเลว่าจะเอาดีไหม เพราะมันเกือบห้าร้อย เราเลยหันไปบอกมันว่าอยากได้ใบนี้ มันก็พยักหน้าแล้วหยิบเงินให้เรามาห้าร้อย เราตกใจเพราะไม่คิดว่ามันจะซื้อให้จริงๆ


ปลายเดือนมกราคมเราจะไปเข้าค่ายอิงลิชแคมป์ ปีนี้เราได้ไปที่เขาใหญ่ เรากับมันอยู่คนละสี แต่ทุกครั้งที่เขาปล่อยให้ไปพักหรือกินข้าว เรากับมันก็จะมาคุยกันหรือกวนตีนกันทุกครั้ง มันเหมือนเป็นความเคยชิน เราทำอะไรให้มันได้เราก็ทำ แม้ว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่อยากทำ หรือตอนนั้นเราจะขี้เกียจมากก็ตาม แต่ก็ไม่รู้ทำไม เราต้องตามใจมันทุกทีจนติดเป็นนิสัย


เพื่อนเราบางคนเคยถามพวกเรา บอกว่าพวกเราเหมือนแฟน เราก็ขำๆเหมือนเป็นเรื่องตลก ทั้งที่ใจเรามันสั่นไหวไปหมด เราคิดในใจว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็คงดี


วันสุดท้ายของการเข้าค่าย เจ้าหน้าที่พาเราไปเดินป่า เราอยู่กลุ่มสุดท้าย และเดินรั้งท้ายพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงที่เราสนิทอีกคน การเดินป่าเป็นอะไรที่สนุก แต่ก็เหนื่อย เราถือกล้องไป ถ่ายบ้างไม่ถ่ายบ้าง แล้วแต่อารมณ์ เพราะเราเดินตลอด มันเหนื่อย จนกระทั้งไปเจอทางที่ลำบากเสียหน่อย เพราะต้องโหนเถาวัลย์ข้ามน้ำไป แต่ใครจะเดินได้ เพราะมีหินอยู่กลางน้ำที่ไหลผ่าน เราอยู่เป็นคนเกือบสุดท้าย ส่วนมันก็ยืนรออยู่ฝั่งเพื่อรอรับคนทางนี้ เราก็ข้ามไปแล้วหันกลับมารอเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่เดินมากับเรา เพื่อนผู้หญิงกับมันกอดกันเพราะเพื่อนผู้หญิงเสียหลัก ในใจเราเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ค้านว่าอาจจะไม่ใช่หรอก แม้ว่ามันจะเคยชอบเพื่อนผู้หญิงคนนี้ แต่เราก็พยายามหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่ จนเมื่อเราออกจากป่า เราและพวกเพื่อนก็ร่าเริงพากับถ่ายรูป เราก็แอบยกกล้องขึ้นไปถ่ายมัน ทั้งเผลอและไม่เผลอ


ขากลับอาจารย์พาพวกเรานั่งรถไปกลับ มันกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นนั่งด้วยกัน เราเริ่มรู้แล้วล่ะ ว่าพวกมันสองคนคงจะมีใจให้กัน อยากจะร้องไห้แต่มันทำไมได้ ไม่ใช่ว่าเพิ่ง แต่เรายายามหลอกตัวเองมาตลอดว่ามันไม่ใช่ ตอนนั้นเราคิดว่าเราโง่มากนะ พยายามหลอกตัวเอง ทั้งที่คนอื่นๆก็แซวก็ล้อทั้งสองคน มีแต่เราเอง จนเมื่อมาเห็นทั้งสองคนนอนซบกัน เราถึงได้สติสักที ว่าพวกมันสองคงจะแอบชอบกัน เพราะทั้งชอบคุยโทรศัพท์กัน มันชอบไปถือกระเป๋าให้เพื่อนผู้หญิง มันทำทุกอย่างที่ชัดเจนว่ามันชอบเพื่อนผู้หญิง


เรากลับมาจากค่าย ในใจคิดแค่มันชอบกัน แต่อีกหนึ่งก็ค้านว่ามันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ความรักที่บังตามันเป็นอะไรที่อันตรายจริงๆ


หลังจากที่เรากลับมาจากค่าย เราก็ทำตัวเหมือนเดิม คุยกับมันจนไม่รู้ว่าคุยอีท่าไหนถึงตกลงจะไปวิ่งตอนเย็นด้วยกัน เราก็ไปวิ่ง ตอนแรกไปกันสองคน เราก็ชวนเพื่อนอีกคนมาวิ่งด้วยกัน ทุกวันเราจะเป็นคนไปรับไปส่งมันทุกวัน โทรถามทุกครั้งว่าวันนี้จะไปกันกี่โมง จนกระทั่งเราคุยกันและคิดว่ามันเสียเวลา เรากับมันเลยกระจากโรงเรียนพร้อมกัน โดยที่แวะบ้านเราก่อน ให้เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วค่อยเตลิดไปบ้านมัน


จนมีอยู่วันนึง อาจเป็นเพราะเราออกกำลังกายกันทุกวัน และเหนื่อยจากกลับมาเรียน เราเปลี่ยนเสื้อผ้าจากบ้านเรา แล้วตรงไปยังบ้านมัน เราเข้ามารอมันในบ้านเป็นครั้งแรก ทั้งที่ทุกทีเราจะรออยู่ข้างนอก


เรานั่งรอจนเปลี่ยนเป็นนอนรอ มันก็เดินมาแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆเรา เราคุยกันว่าวันนี้ไม่ไปวิ่งหรอกเพราะมันง่วง


เราก็เออออเพราะว่าง่วงเหมือนกัน เราก็เลยนอน โดยที่มันก็นอนอยู่ข้างๆ แต่ด้วยความที่มันต่างที่ เราเลยหลับๆตื่นๆ ด้วยความที่เตียงมันแคบ ตัวเราทั้งคู่เลยติดกัน มันก็นอนพลิกไปมา เหมือนไม่รู้จะวางแขนไว้ตรงไหน สุดท้ายมันก็พาลงมาบนท้องเรา คล้ายๆกับนอนกอด เราทำอะไรไม่ถูก ตัวแข็งไปหมด คิดในใจว่าจะลืมตาดีไหม แต่เราไม่มีความกล้ามากพอที่จำ เลยพยายามหลับ จนสองทุ่มเราก็กลับบ้าน


กลับมาถึงบ้านเราก็พยายามคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร เราเคยนอนข้างกัน แต่มันไม่เคยกอดเรา อย่างมากก็แค่นอนตัก พยายามคิดหาเหตุผล สุดท้ายความบังตามันก็เข้ามาอีกครั้ง เราหลอกตัวเองว่ามันมีใจให้


วันต่อมาก็เหมือนเดิม เราไปนั่งรอมันเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้าน พอมันเปลี่ยนเสร็จ มันก็เข้ามาอ้อนเราว่าง่วง ไม่ต้องไปวิ่งหรอก เราก็โอเค ด้วยความรัก ความงี่เง่าและโง่งม เราอยากอยู่กับมันสองต่อสอง เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข เราเลยให้มันนอนและเราก็นอนข้างๆ แต่เรานึกสนุก หันไปแกล้งมัน กวนมัน ไม่ให้มันนอน มันก็พยายามปัดหนี พยายามจับแขนเราเอาไว้ พอนานเข้าเราก็ไม่หยุด มันเลยพูดมาประโยคนึงว่า


‘ถ้ามึงไม่หยุดก็จะจูบนะ’


เราตกใจที่ได้ยิน แต่คิดแค่ว่าพระความคึกคะนอง หรือเพราะเราสนิทกันมากมันเลยแกล้งพูด


‘มึงไม่ทำหรอก’


เราตอบมันกลับไปแบบนั้น และแกล้งมันต่อ มันจึงเอื้อมมือมาจับหน้าเราไว้ เราก็นิ่งเงียบ แกล้งทำเป็นใจเด็ด ทั้งที่ในใจก็กลัว


‘ใจไม่กล้าพอว่ะ’


มันพูด เราก็โล่งใจในระดับนึง เพราะถ้าหากมันทำ แล้วสิ่งที่ตามมา เราจะรับมันได้หรือเปล่า


แต่ตอนนั้นเรายังเด็ก และความอยากรู้อยากลองมันมีมากกว่า จึงลืมตาและพูดเย้ยมันไป


‘เห็นไหม มึงไม่กล้าหรอก’


ยังไม่ทันขาดคำ ใบหน้าของมันก็เลื่อนเข้ามาใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมใจหาย ชั่ววินาทีที่ปากของเราทั้งคู่แตะกัน มันเหมือนกับโลกหยุดหมุน แต่นังมีผีเสื้อเป็นร้อยตัวบินอยู่ในท้อง เราทำอะไรไม่ถูก ความกลัวเราเข้ามาแทนที่


มันไม่ตลกแล้ว มันไม่ใช่แล้ว มันไม่ได้ชอบเราแล้วจะมาจูบเราทำไม


เราคิดในใจ และเริ่มเข้าข้างตัวเองว่า มันอาจจะชอบเราอยู่บ้าง


เราทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรแล้วบอกให้มันนอน มันก็นอนแต่ยังนอนกอดเราเหมือนเดิม เรานอนไม่หลับ ในหัวพยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น มันทำทำไม ทำไปเพื่ออะไร


คนที่เขาไม่คิดอะไรด้วย เขาคงจะไม่จูบกัน


ด้วยความที่ชอบมันมาก เราคิดเข้าข้างตัวเองอีกครั้ง


วันต่อมาเรายังทำตัวเหมือนเดิมตอนไปเรียน แม้ใจจะสั่น กลัวว่าถ้ามันเจอหน้าเรา มันอาจจะเปลี่ยนไป แต่ก็โล่งใจได้เปราะนึงว่ามันยังเหมือนเดิม เฮฮากวนตีนเราเหมือน จนตกเย็นเราก็มานอนบ้านมันเหมือนเดิม แต่ท่าทีที่ต่างไปทำเอาเราไปไม่เป็น มันอ้อน มันนุ่นนวล และเหมือนจะถนอมเราอย่างที่มันไม่เคยเป็น เกือบสามปีที่สนิทกันมา นี่มันแปลกไป มันกอดเรา หอมเรา จูบเรา แกล้งพูดอ้อนเรา ทั้งน้ำเสียง ท่าทางที่มันแสดงออกต่างไป จนเราข้าวของตัวเองได้ว่ามันก็ชอบเราเหมือนกัน


จนกระทั่งวันนึงเรารู้สึกไม่สบายตัว เราตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนอยู่ เรารู้สึกหนาว และตัวของมันที่กอดเราอยู่ก็เย็นจนเราถอยห่างมัน มันเลยตื่นและถามเราว่าเป็นอะไร เราบอกว่าเราหนาว และตัวมันเย็น มันเลยเอื้อมมือมาแตะเรา บอกว่าเราตัวร้อน ตอนนั้นมันเปิดพัดลมแล้วหันมาทางเรา ยิ่งเราโดนลมเราก็ยิ่งหนาว มันเลยนอนตะแคง พลิกตัวมากอดเรา และพยายามบังลมให้เรา เราทั้งดีใจและมีความสุข จนกระทั่งสองทุ่ม เราบอกว่าเราตั้งกลับบ้านแล้ว มันก็อิดออด จนเราต้องลุกขึ้น มันก็ดึงให้เรานั่งตักมัน คลอเคลียเรา บอกว่าเราตัวร้อน เราไม่สบาย แต่เราต้องกลับบ้าน เราไม่รู้จะต้องทำยังไง เราเลยตัดสินใจบอกมันว่ากลับบ้าน แถมพรุ่งนี้ยังมีสอบ


เช้าวันต่อมาเราต้องไปสอบ เพื่อนผู้หญิงคนนั้น คนที่เราสงสัยว่ามันชอบโทรหาเรา ถามเราว่าอยู่ไหน จะได้ไปห้องสอบพร้อมกัน เราจึงนัดเจอกันที่หน้าโรงเรียน แต่เพื่อนผู้หญิงบอกเราว่ารอก่อน เราก็รอไป ไม่รู้ว่ามันรอใคร อาจจะเป็นเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ แต่กลับกลายเป็นว่ารอมัน เราเริ่มคิดใจอีกครั้งว่า มันสองคนยังคุยกันอยู่ แล้วเราล่ะ


แต่ทั้งเราและมันก็ทำตัวเหมือนเดิม เหมือนเรื่องระหว่างเราไม่เคยเกิดขึ้น จนกระทั่งเลยเดินไปหาเพื่อนๆที่รออยู่ในโรงเรียนอยู่ก่อนแล้ว ยืนคุยกันนิดหน่อยก็พากันขึ้นห้องสอบ เราเดินรั้งท้าย เพราะอยู่ปวดหัวอยู่นิดหน่อย ส่วนมัน แทนที่จะเดินไปก่อนแล้วกลับเดินมาหาเราแล้วเอามือแตะหน้าผาก


‘ตัวไม่ร้อนแล้วหนิ’


มันพูดแบบนั้น เราก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะยังช็อคกับความคิดที่ว่ามันกับเพื่อนผู้หญิงชอบกัน


จนกระทั่งสอบเสร็จ เราก็ต้องไปเอารถที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน ด้วยความที่เราปวดหัว เราเลยไม่อยากวิ่งตามพวกเพื่อนที่วิ่งไปอีกฝั่งจนถึงเกาะกลางถนน จนกลายเป็นเหลือเรากับมันอยู่รั้งท้าย เราจึงมองรถและเห็นว่าถนนเริ่มว่าแล้ว เราเลยเอื้อมมือไปแตะมือมันที่อยู่หน้าเรา และกลายเป็นว่ามันจับมือเราข้ามถนนไปยังเกาะกลางที่พวกเพื่อนยืนอยู่ก่อนจะปล่อย
มันจับมือเรา เราพยายามคิด พยายามไตร่ตรองทุกอย่าง มันไม่เคยทำแบบนี้ แต่อีกใจก็เชื่อไปแล้วว่ามันกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นชอบกัน


เรารู้สึกขัดแย้งแล้วสับสนกับตัวเองสุดๆ


จนกระทั้งวาเลนไทน์ก็มาถึง เราคิด ว่าถ้ามันกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นไปไหนด้วยกัน มันต้องใช่แน่ๆ


และก็ใช่ ทั้งคู่ไปด้วยกัน


มันทำให้เราเริ่มมีสติ ว่าความจริงแล้วสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันคืออะไร คนเราไม่สารถใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ชัดได้ เรากระทั้งเย็นวันนั้นไปวิ่งกัน หลังจากที่ไม่ได้วิ่งมาสักพักเพราะเอาแต่อยู่ด้วยกัน มันโทรเข้ามาตอนนี้เดินมาได้ครึ่งทาง มันบอกจะไปกินนมกับเพื่อน มันถามเราว่าเราจะไปด้วยหรือเปล่า แต่ความรู้สึกเราตอนนั้นมันหม่นหมองไปหมด ความรู้สึกอึมครึมอยู่ในใจมันทรมานมากทั้งที่เราก็ยืนอยู่เฉยๆ


‘ไม่อ่ะ’


เราตอบปฏิเสธมันไป


‘มึง...กูถามอะไรหน่อย’


สุดท้ายเราก็ตัดสินใจได้ เราตัดสินใจที่จะถาม ถามซะมันจะได้จบๆ เกือบสองปีที่ชอบมันมา เราเสียเวลาชีวิตมามากพอแล้ว ถ้าใช่มันก็คือใช่ ไม่ใช่ชีวิตเราก็จะได้ไปต่อ ไม่ใช่มามัวจมปรักอยู่กับความสับสนและไม่ชัดเจนแบบนี้


‘ถามมาดิ’


มันบอกเรา


‘.....’


เราเงียบไปสักพัก ก่อนจะถามมัน เราเสียงสั่น เรารู้ ทั้งหมดที่ถามไปมันคือความกลัว กลัวว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไป กลัวว่าทุกอย่างมันจะไม่เหมือนเดิม


‘มึงจูบกูทำไมวะ’


เราถามออกไปแล้ว มือสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ขาแทบไม่มีแรงจนต้องทรุดนั่งลงกับพื้นหญิงแถวนั้น ใจเต้นแรงแต่ช้า ทุกอย่างเหมือนค่อยๆผ่านไปอย่างช้าและทรมาน ทั้งที่มันก็แค่อึดใจเดียว


‘ก็...ไม่มีอะไร ทำไม..มึงคิดมากเหรอ’


มันเงียบไปสักพักก่อนจะตอบออกมา คำตอบที่ราวกลับกรีดหัวใจเราจนไม่เหลือซาก เรากลั้นหายใจทั้งที่น้ำตามันไม่ลงมาอย่างไม่ขาดสาย หัวใจที่ชาจากการได้รับบาดแผลอันยิ่งใหญ่ เราไม่สามารถถามในสิ่งที่อยากรู้ไปมากกว่านี้อย่างเช่น มันทำไปทำไม หรือที่ผ่านมาไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ เราทำได้เพียงไปว่าเปล่าแล้วกดวางสายในทันที


น้ำตาเราไหลออกมาไม่หยุด แต่เรากลับไม่สะอื้นไห้ มันช็อคไปหมด มือสั่นอย่างห้ามไม่ได้ หูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
การนั่งร้องไห้เป็นอะไรที่ว่าเจ็บ แต่เดินร้องไห้มันเจ็บเสียยิ่งว่า เหมือนสวิตซ์ทุกอย่างในตัวเรามันสั่งให้ปิด เราเดินกลับไปที่รถ ทั้งที่ปกติแค่สิบนาทีก็ถึง แต่ครั้งนี้มันยาวนานจากยากจะวิ่งหนีออกจากความรู้สึกนี้ แต่เราเลือกที่จะไม่ทำ เราอยู่กับมันเพราะจะได้รู้สึกตัวเสียที ว่าทั้งหมดนี้ มันไม่มีอะไรตั้งแต่แรกแล้ว เพราะความรักที่มันบังตาเรา เพราะเราโง่งมที่จะเชื่อในสิ่งที่มันไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว


เรากลับบ้านมาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง เราไม่พูดกับใคร มันเหมือนกับพูดไม่ออก เรากลับมานั่งนิ่งๆอยู่ในห้องตัวเอง สมองว่าเปล่า ไม่สามารถคิดหรือไตร่ตรองอะไรได้ทั้งนั้น พอเราอ้าปากที่จะพูด กลับกลายเป็นสะอื้นจนแทบขาดใจ


คล้ายๆกับอาการช็อคย้อนหลัง เราไม่รู้ว่ากลับบ้านมาถูกได้ยังไง แต่ในใจก็คิดว่าดีแล้วที่กลับมาอย่างปลอดภัย พร้อมกับเศษซากหัวใจที่ถูกใครบางคนทำร้ายจนมันไม่เหลือสภาพ รู้เลยว่าต่อให้รักษาจนมันหายดีก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม


วันต่อมาเราตื่นมาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งในใจ ขอบคุณสำหรับการนอนหลับที่ทำให้เราผ่านมันมาได้ เราพยายามทำตัวปกติเพื่อไม่ให้ที่บ้านสงสัย เราไม่ไปวิ่งอีกเลยหลังจากวันนั้น ยังดีที่ตื่นมาแล้วมันเป็นวันอาทิตย์ แต่ยังไงพรุ่งนี้เราก็ต้องไปเจอกับความจริง ความจริงที่ว่ามันไม่ได้รักเรา ทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ ความจริงที่เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ถ้าไม่อยากจมปรักอยู่กับความรู้สึกที่มันอธิบายไม่ถูก มันแย่ไปหมดกับการที่ต้องมองไปส่วนไหนของบ้านก็ต้องเจอกันภาพที่มันเคยอยู่เคยเข้ามา เคยนั่งเก้าอี้ตัวนี้ เคยเล่นกับหมาเรา เคยนั่งคุยกับแม่เรา ทุกอย่างมันแย่ไปหมด


วันจันทร์ที่เราไม่อยากให้ถึง แต่เราก็เลี่ยงไม่ได้ เราต้องมาเรียน มันก็มาเรียน แต่ระหว่างเรามันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เรารู้สึกได้ เรากับมันเหมือนกำลังพยายาม พยายามจนกลายเป็นฝืน จนเพื่อนเราเริ่มรู้สึกว่าเราทั้งคู่แปลกไป เราไม่สามารถคุยกันได้เหมือนเดิม ไม่สามารถเล่นกันได้เหมือนเดิมอีกแล้ว เราฝืนจนไม่รู้จะทำยังไง เราแทบจะไม่ค่อยคุยกันเลย เราไม่นั่งข้างกันอีกเลย เราไม่เล่นด้วยกัน แต่เราก็ฝืนทำมันไป เราไม่อยากให้เพื่อนสักคนต้องมาถามว่า เรากับมันทะเลาะกันหรือเปล่า เพราะเรื่องระหว่างเรามันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีหรือสมควรเล่า แถมมันกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเปิดตัวมากขึ้น จนเพื่อนๆเริ่มเชียร์ ส่วนเราก็อยู่ในมุมของเราไปอย่างหมดหนทาง เราไม่โกรธใครทั้งนั้น เพราะเรื่องของความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้


ต่อให้เรากับมันคบกันอยู่ แต่ถ้าไม่ได้รักก็คือไม่ได้รัก


มันอยู่ที่ใจเราต่างหาก ที่จะไหวไหม พร้อมรับกับทุกเรื่องหรือเปล่า


แต่ตอนนี้เราได้คำตอบกับตัวเราแล้วว่า เราไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆ มันหนักไปหมด มันทรมานกับการที่ทุกๆวันเราต้องมาเจอกัน ถ้าเราอยู่คนละห้องมันคงดี แต่นี่เราต้องเจอกันทุกวัน ที่นั่งก็ใกล้กัน โต๊ะก็นั่งกลุ่มเดียวกัน ทุกอย่างมันดูทรมาน ใจเราหนักอึ้งและเป็นแผลกว้างเพิ่มขึ้นทุกวัน วันเวลามันดูเชื่องช้าไปหมด วันไหนที่เราเกินจะทนเราก็หยุดไม่ไปโรงเรียนเสียเองเพื่อของพักบ้าง
พักใจที่ถูกทำร้ายอย่างทารุณ ยังดีที่เราติดมหาลัยไปตั้งแต่ต้นปี เราจึงไม่ซีเรียสกับการขาดเรียน เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยขาดเรียนเลย


เราทนอยู่ในสภาพนั้นมาเป็นเวลาเดือนกว่าๆ แล้วทุกอย่างๆก็ดีขึ้นเมื่อมันใกล้จะปิดเทอม เราใกล้จะจบแล้ว


ทุกอย่างที่ผ่านไปมันค่อยๆดีขึ้นไปตามเวลาที่ผ่านมา เรากับมันสามารถคุยกันได้มากขึ้น แต่มันก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น เราเหมือนกับต่อกันไม่ติดอีกแล้ว ฟันเฟืองที่ใช่สำหรับไขลานให้ทุกอย่างมันทำงานอย่างราบลื่นตัวนั้น มันได้แตกสลายไปแล้ว


แต่มันก็คงยากที่ทุกอย่างที่ผ่านมาที่เราทำให้กัน เราทำมันจนชิน เราชิน และมันเองก็คงชินเหมือนกัน


ในวันจบการศึกษาทุกคนทั้งยินดีและเสียใจที่ต้องจากกัน แต่เราคิดว่ามันดีแล้ว


แผลที่ยังไม่หายควรจะได้รักษาอย่างเต็มที่และถนุดถนอมอย่างที่สุด ไม่เหมือนที่ผ่านมาที่เราเจอกันมันทุกวันก็เหมือนการที่เราพยายามรักษาแผลโดนการราดแอลกอฮอลลงไป เราพยายามรักษาแผลทั้งที่เราต้องทรมานจากความเจ็บปวดทั้งมวล
เราฝืนกันมามากแล้ว เราฝืนรักษาพร้อมกับสร้างบาดแผลไปไหว


เรานั่งเล่นอยู่กับเพื่อน ช่วงเช้าเป็นการปัจฉิมนักเรียนม.6 ส่วนช่วงบ่ายนักเรียนม.6 ก็ได้นั่งเล่นอยู่ด้วยกัน โดยที่เราก็นั่งอยู่กับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นด้วย เราเจ็บ แต่เธอคนนั้นก็ไม่ได้ผิดอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นที่เรากับมันและจบลงไปแล้ว มันไม่ใช่เพราะใครหรือเพราอะไรที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ มันก็เกิดแค่ว่าเรารักมัน แต่แค่เราไม่ได้รักกันเท่านั้น ประโยคง่ายๆที่เราใช้เตือนใจ
แต่มันช่างเจ็บสิ้นดี


มันเดินเข้าห้องมาพร้อมกับลูกโป่งที่เพื่อนมันให้มา มันก็เดินมานั่งรวมกลุ่ม เรานอนเล่นอยู่ และเพื่อนผู้หญิงคนนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆเรา มันเดินมานั่งข้างๆเราก่อนจะพูดกับเราประโยคแรกของวัน


‘ผูกแขนให้หน่อย’


เราชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยอมทำให้ อย่างที่บอกเราเคยทำอะไรให้กันจนชิน มันคงจะชินที่มีเราเคยทำอะไรหลายๆให้


จนเราเริ่มที่จะมีสติและคิดทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมา


เราเจ็บมาพอแล้วหรือยัง?


เราทำร้ายหัวใจเรามาพอแล้วหรือยัง?


เราควรจะยอมรับความจริงได้แล้ว


นั่นคือสิ่งที่เราสมควรทำ เราควรจะยอมรับความจริงได้แล้ว พอได้แล้ว เลิกดันทุรังได้แล้ว


เรายิ้มให้กับตัวเองนิดๆ แผลที่ยังไม่หาย ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมารักษา เราทำมันเอง เราพามันไปเสี่ยงเอง เราก็ต้องดูแลและรักษามันเองอย่างดีเอง


เวลาแค่ช่วยเยียวยา แต่คนที่รักษาก็คือตัวเอง


แม้ว่าจะทำใจกับเรื่องต่างๆไม่ได้ แต่เราก็ยอมรับความจริงได้แล้ว


จนกระทั่งทีเรื่องตลกร้ายขึ้น มันสอบติดมหาลัยเดียวกับเรา ตอนนั้นเราช็อค ทั้งที่คิดว่าถ้าไม่เจอกันมันจะดี ทุกอย่างมันจะดี แต่มันไม่ใช่แล้ว มันสอบติดคนละคณะกับเรา แต่มหาลัยเดียวกันก็ใช่ว่าจะไม่เจอกัน


แต่มันก็อีกตั้งนาน ถึงเวลานั้นเราคงจะเข้มแข็ง เราคิดอย่างอย่างนั้น


จนกระทั่งเปิดเรียนได้เดือนกว่าๆ เราก็ได้เจอกันมัน เป็นการเจอหน้ากันครั้งแรก และมันทำให้เรารับรู้ว่า เรายังรักมันอยู่
แต่มันเป็นความรู้สึกที่สบายใจตรงที่ว่า เราอยากเป็นแค่เพื่อนกับมัน


เราไม่ได้อยากครอบครองมันอีกแล้ว


เราต้องการเพื่อนมากกว่า


ถ้าตัดเรื่องนั้นออกไป มันเป็นเพื่อนที่ดีมากๆคนนึง ดีจนเรารู้สึกไม่อยากจะสูญเสีย เราไม่พร้อมจะสูญเสีย เพราะงั้นตอนนั้นเราจึงพยายามคุยกับมันทั้งที่ใจเหนื่อยล้าเกินทน


เราเจอกันอีกหลายครั้งในมหาลัย เพื่อนเราที่มหาลัยบอกว่าตอนที่เราอยู่กับมันเราเหมือนแฟนกันมาก เราก็ได้แต่ยิ้มอย่างขำๆ เรื่องนี้มันแก้ไม่หายจริงๆ ใครๆก็ว่าเราเหมือนแฟนกัน ตอนที่อยู่โรงเรียนก็มีแต่คนถาม แต่ความรู้สึกตอนนี้มันต่างกัน ตอนนั้นเราเขิน แต่ตอนนี้เรากลับรู้สึกว่ามันตลกเสียมากกว่า เราก็คิดว่าจะมีแค่เพื่อนเรา เพื่อนที่มหาลัยของมันก็มาบอกเราตอมเมาเหมือนกันว่าคิดว่าเราเป็นแฟนกับมัน



เคมีเราเข้ากันมาก แต่ก็นั่นแหละ เพราะเราเหมือนกันมาก เราจึงรักกันไม่ได้


สุดท้ายเราก็ใช้เวลาเกือบปี ตอนนี้เราสามารถคุยกันได้เหมือนเดิม เล่นกันได้เหมือนเดิม


และเรายังรักมัน...เหมือนเดิม



สุดท้ายแล้วความรักคืออะไร เราก็ตอบตัวเองไม่ได้


เจ็บแต่จบ นั่นคือสิ่งที่เราเลือกใช้ในความรักของเราครั้งนี้


ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืดยาวอะไรเลย สงสัย อยากรู้อะไรก็ถามไป จะได้ไม่เสียเวลาชีวิต


ทุกอย่างๆที่เกิดขึ้น มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมัน


อดีตที่ผ่านมา แล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ เราเปลี่ยนแปรงความรู้สึกของคนไม่ได้


ทุกอย่างอยู่ที่เรา ว่าเราจะจมปรักอยู่กับความปวดในอดีต หรือเราจะใช้มันเป็นเครื่องเตือนสติ


เราทุกคนต้องทำอะไรด้วยสติ คิดไตร่ตรองด้วยสติ เราปฏิเสธสิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่ได้ เราห้ามมันไม่ได้ เราทำลายมันไม่ได้
อะไรที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องรับมือกับมันอย่างมีสติ


อดีตก็คืออดีต อย่าให้มันมาทำลายปัจจุบันจนไม่มีอนาคต


แล้วความเข้มแข็งที่เราถามหามัน มันไม่ได้อยู่ไหนไกลเลย มันอยู่กลับเราตลอด เพียงแค่ในตอนนั้น เราก็กลับที่เลือกจะคว้าความเจ็บปวด จนทุกอย่างมันพังไปหมด


เวลาแค่ช่วยเยียวยา แต่มันไม่สามารถช่วยอะไรเราได้ถ้าเราไม่ลงมือทำเอง


ทุกคนไม่จำเป็นต้องทิ้งอดีต เพราะถ้าทิ้งอดีตแล้วเราจะมีปัจจุบันได้อย่างไร คนเรามีวิธีต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วเราก็จะค้นพบการใช้ชีวิตให้ดำเนินต่อไปได้ อดีตคือส่วนหนึ่งของเรา มันมีความสำคัญ แต่ปัจจุบันสำคัญยิ่งกว่า มันจะเป็นทางเดินที่เราเดิน เราอยู่ปัจจุบันและกำลังเดินไปหาอนาคต


เราเรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดจากอดีต และอยู่กับมันได้ โดยที่ตอนนี้เราไม่เป็นปวดอะไร


แต่เราอยากทุกคนที่เข้ามาอ่านรู้เอาไว้ว่า อย่าปล่อยให้ความรักบังตา


เราอยู่ได้ด้วยเหตุผลและสติ รักด้วยหัวใจ และสมองก็มีไว้ไตร่ตรองการกระทำ


เราถือคติที่ว่า ทุกสิ่งที่เกิดมาแล้วนั้น ล้วนเป็นสิ่งดี แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุด แต่ในความเลวร้ายนั้น มันก็จะมีข้อดี กลับมาให้เราคิดได้เสมอ


ขอให้เรื่องของเราเป็นข้อคิดดีๆให้แก่ผู้อ่าน จนมาถึงตอนนี้เราเรียนรู้แล้วว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เราจะผ่านมันไปได้ถ้าเราเจริญสติ


และสุดท้ายก็ขอย้ำอีกครั้งว่า อย่าปล่อยให้ความรักบังตา เพราะอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราอย่างแสนสาหัสก็เป็นได้


ขอบคุณ






***************************************************

นี่เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริงๆ เป็นเรื่องราวของพี่ที่ผมรักและเคารพ ที่อยากจะนำมาบอกทุกคนเพื่อให้เป็อุทาหรณ์

ความรักในชีวิตจริงกับนิยายมันต่างกัน เพราะชีวิตจริงมันเจ็บจริง ร้องไห้จริง สูญเสียจริงๆ กว่าพี่ผมจะผ่านมันไปได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย

ผมนับถือเขา เขาเข้มแข็งขึ้นด้วยตัวของเขาเอง อยากให้คนที่เข้ามาอ่าน ได้ประโยชน์จากเรื่องของพี่ผมไปไม่มากก็น้อย

ย้ำอีกครั้งว่านี้เป็นเรื่องจริง ไม่อนุญาตให้นำออกไปโพสต์หรือแชร์ใดๆทั้งสิ้น

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: ความรักบังตา (จบแล้ว) 17/6/2559
«ตอบ #2 เมื่อ17-06-2016 12:52:55 »

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่นำมาบอกเล่านะคะ  :L2: :L2:

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ความรักบังตา (จบแล้ว) 17/6/2559
«ตอบ #3 เมื่อ17-06-2016 18:06:17 »

ขอบคุณค่ะ สำหรับประสบการณ์ดีๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด