บางทีผมก็คิดว่าผมน่าจะบ่นดังมากเกินไป อย่างคำว่า "เบื่อชิบหายเลยโว้ย ถ้าคนแม่งหมดๆ ไปจากโลกก็ดีดิวะ!!" ซึ่งมันก็เป็นแค่การตะโกนไร้สาระหาใจความไม่ได้ของผมเท่านั้น
แต่ไม่รู้ทำไมทันทีที่ลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกวันกลับพบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกนี้เหมือนหายไปซะเฉยๆ
เห้ย ผมไม่ได้พูดเล่น นี่เรื่องจริงไม่อิงสแตนด์อินใดๆ เลย มองไปไม่เห็นใครสักคน โทรศัพท์มือถือก็เปิดติดนะแต่พอทักใครไปก็ไม่มีใครตอบผมเลย หรือเอาจริงๆ ไม่มีใครออนด้วยซ้ำ
ผมยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นเลยไล่โทรหาแม่งทุกคนที่รู้จัก เพื่อน พ่อแม่ ญาติพี่น้อง โทรเป็นร้อยๆ สายไม่มีใครรับ ไหนจะทีวีอีกที่เปิดแล้วการเป็นหน้าจอซ่าๆ ฉายภาพสีจัดๆ ที่ดูไม่ออกว่าแม่งคืออะไร
เอาเป็นว่าตอนนี้กำลังเกิดเรื่องบ้าๆ ขึ้นเว้ย ว่าทุกอย่างที่มีชีวิตหายไป หมาแมวมดที่เคยมาร่วมอาศัยชายคาหอพักยังไม่มีสักตัว ป้าแดงที่ชอบทวงตังค์ค่าห้องทั้งๆ ที่ผมจ่ายไปแล้ว ก็ไม่อยู่ที่ประจำแก
ทุกอย่างมันหายไปจริงๆ จนตอนนี้เหมือนกับว่าผมอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้
เชี่ย ผมเข้าบทดราม่าเหรอวะ ขอโทษ ตอนนี้อารมณ์มันไม่โอเคจริงๆ แต่ที่แน่ๆ หิวมาก
ตื้อ ดือออ
เสียงประตูอัตโนมัติดังขึ้นพร้อมกับการต้อนรับอันหนาวเย็นจากแอร์เย็นฉ่ำ
ความเคยชินของผมก็คือการเข้าเซเว่น ตอนนี้ผมก็กำลังเข้าเซเว่นหยิบตะกร้าแล้วโกยอาหารทุกอย่างที่ผมชอบ ผมเดินไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์และก็พบว่ามันไม่มีคนอยู่เหมือนเดิม
แต่ผมก็ยังคงบรรจงวางแบงค์แดงลงไปหน้าเคาน์เตอร์แล้วค่อยออกจากเซเว่น
ไม่รู้ดิ ผมยังอยากรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวนี่หว่า อีกไม่นานไอ้พนักงานที่หายหัวไปจะกลับมาเก็บตังค์ที่ผมวางแล้วบ่นงึมงำว่าตังค์ใครวะหลังจากนั้นมันจะเอาเข้าร้านหรือเข้าตัวเองก็เรื่องของมัน
ขนมปังนุ่มๆ ละลายในปากผม ความหวานจางๆ ชวนให้ผมครุ่นคิดถึงภาพตอนที่ตัวผมตอนที่เคยเหมาขนมปังอันนี้ไปให้รุ่นพี่ที่เป็นเดือนวิศวะ ตอนนั้นพี่แกกำลังเข้าห้องน้ำก่อนขึ้นคอนเสิร์ต ผมแอบได้ยินแว่วๆ ว่าพี่แกอยากกินเลยรีบไปหามาให้พี่แก พอตอนให้ดอกไม้ผมก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยเอาไปให้พี่แกคนแรก เข้าใจอารมณ์ผมปะ? ก็อยากเป็นคนแรกที่ให้อ่ะ ที่นี้ผมก็ให้พี่เขาไปเว้ย พี่เขาแม่งมองหน้าผมงงๆ เพราะคนอื่นแม่งให้แต่ดอกกุหลาบแต่ผมให้ขนมปังแถมถุงเซเว่นด้วย แต่อย่าคิดว่าทุกอย่างจะกลายเป็นโลกสีชมพูชวนฟินอย่างที่พวกคุณคิดนะครับ ทุกอย่างแม่งพังหมด พอพี่แกได้ยินเสียงเพื่อนผมโห่แซวผมที่ใจกล้าหน้าด้านเอามาให้ผู้ชาย พี่เขาก็โยนมันใส่หน้าผมแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดไปหลังเวทีเลย
ความรักอันงดงามของผมก็จบลงตรงนั้นด้วย
เพราะหลังจากนั้นพี่แกก็ประกาศกร้าวว่าเกลียดเกย์ถ้าใครหน้าไหนกล้าเข้ามาจีบพี่แกจะกระทืบไม่เลี้ยง
แม่งนี่สิ่งตอบแทนความรักผมรึไงวะ ทุเรศสิ้นดี เพื่อนๆ ที่โห่ผมพากันมาปลอบใจผมด้วยการพาผมไปก๊งเหล้าฟรีทั้งเดือนโดยมีชื่องานว่า น้องมินที่ไม่มีโอกาสแม้แต่ได้นก ชื่องานแม่งยาวมากและเจ็บชิบหาย
ผมเมาแอ๋อยู่วันสองวันก็กลับสู่สภาพปกติใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการหาเป้าหมายใหม่ที่น่าจะใจดีกับผมมากกว่านี้ แต่แม่งไม่รู้ทำไมอีพี่ที่เป็นเดือนคณะวิศวะแห่งมหาวิทยาลัยถึงชอบเข้ามาอยู่ในครรลองสายตาของผมนัก แล้วอย่างงี้ผมจะตัดใจยังไงวะ พอจะกินข้าวก็ชอบมาซื้อน้ำ เวลาจะไปไหนก็ชอบเจอโดยบังเอิญชิบหายจนไม่รู้ว่ามันคือพรหมลิขิตหรือบ้าอะไร
อีที่บ่นๆ มาเมื่อวานก็มีไอ้พี่ซีนี่แหละที่เกี่ยวข้อง ฉะนั้นแม่งก็ผิดเอามันมาอยู่กับผมด้วย แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เหงามากเดินด้วยใจวาบ
หวิวในมหาลัยอันเงียบสงบ
เรื่องเล่าต่างๆ เริ่มผุดในหัว อย่างเรื่องวนรอบหอนาฬิกาสามครั้งจะเจอบางอย่างปรากฎตัว ไหนจะเรื่องนู้นนี่นั่นเต็มไปหมดที่พวกพี่ปีสูงจะสรรหามาหลอกน้อง
แต่ขนาดคนยังหายไปผีก็ต้องหายไปด้วยดิวะ
จากอาการกลัวเปลี่ยนเป็นสงสัย
เออ แล้วสรุปกูจะมามหาลัยทำไมวะ ในเมื่อไม่มีใครอยู่
ผมชะงักขาที่กำลังก้าวเดินเตรียมจะไปขึ้นตึกเรียนแล้วงงกับชีวิต
หรือว่าผมกำลังฝันวะ?
คิดเสร็จก็หยิกตัวเองแล้วร้องลั่น
แม่งเล่นจริงเจ็บจริง แขนผมช้ำไปทั้งแขนเพราะแรงหยิกตัวเอง จะเรียกว่าโง่หรือโง่ดีว่ะเนี่ยกู สรุปคือผมไม่ได้ฝัน มันเกิดขึ้นจริงแล้วผมต้องเอายังไงกับชีวิตต่อ
หันไปทางไหนก็เจอแต่บรรยากาศเดิมๆ อากาศชื้นๆ ของเมฆฝนที่เริ่มตั้งเค้า กระพริบตาครั้งนึงก็เหมือนจะเห็นเพื่อนตัวเองโบก
ไม้โบกมือให้ลางๆ ซึ่งผมก็พอจำได้ว่ามันเป็นภาพในความทรงจำตอนขึ้นปีหนึ่งใหม่ๆ
น้ำหยดเล็กสัมผัสใบหน้าผม
เห้ย มินมึงอย่าบ้า หยุด แค่อยู่คนเดียวมึงจะร้องไห้ทำไมวะ!!
ขาสองข้างของผมออกแรงวิ่งเมื่อฝนที่ตั้งเค้าเมื่อกี้เสือกตกจริงจังและผมก็เผลอวิ่งไปหลบตึกวิศวะ..
"ฮือออ"
แม่งเอ้ย กูจะร้องไห้ทำไมวะ ก็แค่เห็นพี่ซีแม่งกำลังนั่งงีบตรงนั้นเอง ไหนจะเพื่อนๆ ผมที่กระจุกกันหลังเสานั่นอีก บ้าเอ้ย ไม่ว่า
ผมจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพลวงตาที่ผมอยากเห็น
แม่งเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ... ทำไมทุกคนถึงหายไปหมด ตลอดระยะทางที่ผมขี่มอไซต์จากหอมามหาลัยก็มีแค่ทางโล่งๆ ไม่เหมือนทุกทีที่จะมีคนจอแจเดินข้ามตึกไปมา
มันไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากความทรงจำของผมที่ยังคงกู่ร้องในหัว
ผมเพิ่งรู้สึกว่าคำว่า เหงา มันน่ากลัวมากขนาดนี้ ความรู้สึกว่างเปล่าที่หันไปไม่เจอใครและไม่สามารถติดต่อใครได้ มีเพียงผมที่ยังเหลือรอดอยู่แล้วคนอื่นล่ะหายไปไหน?
ผมไม่รู้และไม่เข้าใจสักนิด
มันคงจะไม่ได้เกิดโรคซอมบี้บ้าๆ บอๆ เหมือนในหนังใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมผมถึงไม่โดนไปด้วยเลยล่ะ ผมไม่ได้อยากเป็นพระเอกตัวเอกที่รอดจนถึงตอนสุดท้ายหรอกนะ
"มึงจะร้องไห้ทำไม กูรำคาญ นอนไม่หลับ ไอ้เหี้ย!!"
แต่จู่ๆ ไอ้ร่างที่งีบหลับทำไมมันลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อผมได้วะเนี่ย!
"เฮ้ย ทำไม ทำไมพี่ถึงไม่หายไปวะ" ผมเบิกตากว้างมองพี่ซีตาแทบถลน
"กูจะไปรู้เหรอครับ น้องมินนี่ ถ้ามึงเข้าใจแล้ว กรุณาหุบปากเพราะกูจะนอนต่อ" พี่ซีแยกเขี้ยวขู่ผมแล้วจึงกลับไปฟุบหน้านอนบนโต๊ะต่อ
"เดี๋ยว เดี๋ยวสิพี่ซี ทุกคนหายไปเลยนะ พี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ" ผมถามกล้าๆ กลัวๆ ลืมร้องไห้ไปทันที
"เออ เงียบเหอะ สัส กูง่วง" เดือนมหาลัยพูดเสียงงัวเงีย
ผมทิ้งตัวตรงข้ามกับพี่ซีแล้วนั่งนิ่งๆ มองฝนที่ตกลงหนักขึ้นทุกที
ไม่รู้ทำไมมองไปมองมัน น้ำที่ตกลงมาจะไม่ใช่น้ำที่มาจากการควบแน่นแต่เป็นน้ำตาของผมเอง ผมรู้สึกคิดถึงทุกคนจนแทบบ้า ต่อให้ข้างๆ ผมจะเป็นพี่ซีก็เถอะ
แต่แล้วร่างที่ผมคิดว่าหลับก็ไม่ได้หลับ พี่ซีกลับมานั่งตัวตรงตามบุคลิกมองผมด้วยสีหน้าที่ผมเดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ "เออกูยอมรับก็ได้ว่ากูรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่เดี๋ยวมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แค่มึงนอนต่ออีกวันเวลาก็จะหมุนไปข้างหน้าต่อเอง เอาเป็นว่าตอนนี้มึงกับกูกำลังอยู่ในช่องว่างของเวลา เคยได้ยินไหมมึง เวลาของโลกมันไม่ได้มี 24 ชั่วโมง ไอ้ที่เราอยู่นี่คือมันกำลังชดเชยเวลาพวกนั้นอยู่ ซึ่งกูก็ไม่รู้เหมือนกันมันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่สำหรับกูมันเกิดขึ้นจนกูชินแล้ว"
ผมส่ายหัวเชิงไม่เข้าใจ
พี่ซีกำลังพูดถึงอะไรอยู่? มิติเวลาอะไรวะ โดเรม่อนเหรอ
"อย่ามองกูแบบนั้นไอ้มินนี่" พี่ซีถลึงตามองผม "แม่งปกติก็เกิดกับกูคนเดียวนะ ทำไมมันถึงลากมึงมาอยู่ในนี้ด้วยวะ"
"แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม?" ผมเลือกที่จะตั้งคำถามขึ้นมาใหม่แทนการค้นหาคำตอบในคำถามที่ชวนให้งงและหลับพวกนั้น
"เออกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉะนั้นมึงเลิกกังวลและกลับไปนอนห้องนอนมึงได้แล้ว" พี่ซีสะบัดมือไล่ผม
งั้นก็หมายความว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอะดิ ครอบครัวผมก็ยังอยู่ เพื่อนผมก็ยังครบ
พอได้สติสตังค์กลับมาครบผมก็รู้สึกว่าตัวเองแม่งไร้สาระมาก
จะขี้ฟูมฟายไปไหนวะกู แม่ง จากใจโหวงๆ ก็กลับมาเหมือนเดิม ผมเหลือบมองพี่ซีแล้วลุกขึ้นยืน
"งั้นผมขอตัวกลับหอนะพี่"
เพราะยังไงมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะยืนตรงนี้อยู่แล้ว ดอกไม้ที่กระแทกหน้าวันนั้นแม่งบอกทุกอย่างแล้วว่าพี่ซีคิดยังไงกับผม
พี่ซีไม่รู้แม่งหรอกว่ามันทำให้ผมขายหน้าขนาดไหนท่ามกลางคนนับร้อยที่ยืนบริเวณนั้น
โคตรอายและเจ็บชิบหาย..
พอคิดเรื่องนี้หัวใจก็เจ็บจี๊ด ถึงจะบอกตัดใจๆ ก็เหอะ แต่มันตัดไม่ได้สักทีฉะนั้นผมก็ต้องรีบพาร่างจิตใจพังๆ นี่ออกจากสถานที่นี่
ให้ไวที่สุด
ผมไม่อยากกลายเป็นมินอดนกรอบสองนะครับ
พอไม่ได้ยินเสียงตอบรับผมก็ก้าวไวๆ หนีออกมา แต่ฝนที่ตกอยู่กลับตกแรงขึ้นยิ่งกว่าเดิม
โห นอกจากเจ็บใจอยากต้องตากฝนอีกเหรอวะ น้ำฝนชุ่มฉ่ำขนาดนี้แล้วดอกไม้ความรักน้องมินทำไมมันยังเหี่ยวเหมือนเดิมละ ตอบบบ
"มึงกลัวกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ" เสียงแหบๆ ดังมาจากด้านหลัง
จากคนเดิมคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
ผมเม้มปากแน่นเขี้ยวบดลงริมฝีปากจนเจ็บนิดๆ
ดีใจก็ดีใจนะที่ได้คุยกันได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ แต่ถ้าไม่คิดอะไรกันก็อย่าคุยดีกว่า ผมไม่อยากไปนั่งร้องไห้คนเดียวอีกรอบหรอกนะ มันไม่สนุกเลยจริงๆ
โมเมนต์แอบชอบใครว่าสนุก ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ แม่งเจ็บเว้ย เข้าใจไหมแม่งเจ็บ ไหนจะดาวอักษรที่มาวนๆ เวียนๆ ในวิศวะอีกอ่ะ อีเพื่อนผมก็จมูกไวเกินไปนะรีบแจ้นมาบอกผมเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้อยากรู้กับมันเลย ห่า
ผมไม่ได้ตอบพี่ซี รีบฝ่าฝนออกไปทันที
ผมจะเลิกคุย จะเลิกมอง จะเลิกยุ่ง ไม่เอาแล้ว!
ผมไม่ได้กลัวโดนกระทืบ ผมแค่เสียใจ..
เคยลองไปส่องเพจเดือนดาวมหาลัยก็รู้สึกว่าไม่มีใครเข้าตาผมสักเท่าไหร่ ถึงเขาจะไม่ได้เลือกผมก็เถอะแต่ผมก็ติ๊ต่างไปเองแล้วว่ามันคือคอลเลคชั่นของผม ถ้าผมอยากได้ก็ต้องได้ อะไรแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่แค่เปิดมาเจอรูปพี่ซีผมก็ดูแม่งแต่รูปนั้นอะ โชคดีที่ยังพอควบคุมตัวเองไม่เซฟมาเป็นหน้าจอล็อคได้ ไม่งั้นคงจะเขินตายเวลามีคนมาขอยืมใช้โทรศัพท์
"เห้ย ถามก็ตอบดิวะ!"
ผมถูกกระชากกลับมาในร่มจนตัวปลิวก่อนที่จะโดนพี่ซีขยำคอเสื้อแน่น ตาดุๆ นั่นจ้องผมเขม็ง
"กูถามมึงกลัวกูขนาดนั้นเลย?"
ผมเบือนหน้าหนีทันที
"พี่ต้องการอะไรจากผมวะ ทำแบบนั้นจะยุ่งอะไรกับผมอีก แค่ผมชอบพี่มันผิดนักเหรอถ้าผิดมากก็ขอโทษครับ ผมพยายามตัดใจอยู่ ขอเวลาด้วย"
ผมพูดทั้งๆ ที่ในถุงเซเว่นยังเต็มไปด้วยอาหารที่พี่ซีชอบ ขนมปังหน้านม นมช็อกโกแลต ไข่ตุ๋น เต้าฮวยนมสด ทุกอย่างที่พี่ซีชอบผมซื้อกินตามหมด บางอย่างตอนแรกก็ไม่ชอบนะแต่พยายามกินจนตอนนี้รู้สึกชอบละ ตอนนั้นผมก็แค่รู้สึกอยากมีโมเมนต์สั่งอะไรก็ชอบกินเหมือนกัน ไม่ต้องแย่งกันสั่ง เพราะยังไงก็กินเหมือนกัน โห แค่่คิดผมก็รู้สึกถึงบรรยากาศหวานแหววนั่นละ
แต่แม่งก็เป็นแค่การมโนของผม มันเป็นได้แค่นั้นจริงๆ
"นี่มึงยังโกรธกูเรื่องนั้นอีกเหรอวะ มิน" แรงขยำหายไปทำให้ผมพอหายใจหายคอโล่งขึ้นบ้าง
"ผมไม่ได้โกรธพี่ ต้องขอบคุณพี่ด้วยซ้ำที่ชัดเจนกับผมดีว่าไม่ชอบเกย์และแหกหน้าผมกลางคอนเสริ์ต ขอบคุณมากจริงๆ ครับ
เรื่องเป็นเกย์ที่ผมปิดไว้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วพอๆ กับข่าวดารา เอาเหอะ พี่แม่งก็ทำให้รู้ว่าผมควรคบใครเป็นเพื่อนไม่คบใครเป็นเพื่อน"
ผมยักไหล่ด้วยสีหน้าไม่ยี่หระเหลือบเห็นพี่ซีหน้าเจื่อนลง
"เรื่องนั้นพี่ไม่ได้ตั้งใจ"
"จะตั้งใจไม่ตั้งใจก็ช่างเหอะ พี่ปล่อยๆ ผมกลับบ้านไปสักที จะได้ไม่ต้องรำคาญผมที่มายืนขวางหูขวางตาพี่" ผมปัดมือพี่ซีที่ทำท่าจะมากระชากตัวผมอีกรอบออก
"มึงมันโง่ ไอ้มิน"
ผมที่ก้มหน้าเงยหน้ามองทันทีเมื่อโดนเดือนมหาลัยว่าซึ่งๆ หน้า
ผมเตรียมจะตอกกลับด้วยคำแรงๆ ไปแล้วแต่พอเห็นใบหน้าเปื้อมยิ้มบางๆ ของพี่ซี ก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
"มึงอยากโดนรุมตบตรงนั้นรึไง ถ้ากูรับทั้งขนมปังรับทั้งตัวมึงขึ้นมา"
ผมหน้าบูด
"พี่อย่ามาแก้ตัวแบบนี้ดิวะ เกลียดเกย์เข้าไส้ก็บอกตรงๆ ไม่ต้องมาพูดแบบนี้ ผมไม่ชอบ"
"กูพูดความจริง มึงก็ยังสงสัยที่กูพูดอีก ไอ้หนูโง่ อยากนกพี่ซีอีกเหรอวะ รู้อะไรไหม เวลามึงไปร้านเหล้าเพื่อนมึงก็ตะโกน น้องมินทั้งอดแดกทั้งอดนก กูฟังทีไรขำจนท้องแข็ง"
รู้สึกเหมือนโดนตบจนหน้าชา กล้ามเนื้อบนใบหน้าของผมเริ่มจะทำงานไม่ออกเมื่ออารมณ์ของเจ้าของร่างดิ่งลงต่ำ
"สำหรับพี่แม่งคงตลกมาก แต่สำหรับผมมันไม่ตลกว่ะ" ผมแค่นเสียงพูด
พี่ซีหน้าเจื่อนลงทันตาแล้วดึงข้อมือผมไปจับ ผมก็พยายามดึงออกแต่ก็ไม่สำเร็จ
"โอเค โอเค กูรู้ว่ากูผิดที่ตลกตัวมึง แต่มึงก็สังเกตดูบ้างสิวะ ว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นบ้าง"
อะไรแปลกๆ ? อะไรวะ
ผมพยายามค้นหาความทรงจำที่ว่าในหัวก่อนจะเบิกตากว้าง
"เหี้ย! นี่พี่เป็นคนไขประตูห้องน้ำผมหรอวะ!"
พี่ซีหน้าเหวอไปสักพักก่อนจะโบกหัวผมจนเซ "ไอ้ห่า ฉลาดหน่อยมินนี่ ประตูห้องน้ำเพื่อนมึงก็ไขกันเองได้อยู่แล้ว ไม่ต้องมาโทษกู ที่กูต้องการให้มึงสนใจก็คือดอกกุหลาบที่มึงได้ทุกวัน ควาย"
ผมสะดุ้งอีกรอบ
"เห้ย ดอกกุหลาบพวกนั้นเป็นของพี่เหรอวะ บ้าป่ะ เหี่ยวก็เหี่ยว โง่ซื้อมาทำไมเยอะแยะ"
เดือนมหาลัยถลึงตามองผมทำท่าคล้ายอยากจะฆ่าผมเต็มทน
"เรื่องอื่นก็เห็นมึงฉลาดนะ ทำไมทีเรื่องแบบนี้โง่นักวะ" พูดพร้อมผลักหัวผมแรงๆ "กูชอบมึง มิน จบไหม? ไม่ต้องสงสัยอะไรกูมาก กูเป็นผู้ชายที่หาความโรแมนติกไม่เจอ มึงอย่าคาดหวังว่ากูจะพามึงไปทำเรื่องน่ารักๆ กินข้าว ใส่เสื้อคู่กัน กูทำแบบนั้นไม่เป็น กูทำเป็นแค่นี้ ซื้อกุหลาบโง่ๆ ช่อนึงไปฝากมึงทุกวันหลังจากวันนั้น"
ตอนแรกผมไม่เข้าใจเว้ย แต่พอเข้าใจแม่งเขินเฉย
งงแรงกับตัวเอง
"แล้ววันนั้นพี่โยนใส่หน้าผมทำไมวะ"
"กูบอกเหตุผลมึงไปแล้ว มึงก็ไปคิดดูดีๆ ส่วนอีกเหตุผลก็อยากแกล้งมึงเฉยๆ" ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยีหัวผม
แล้วฝนที่ตกหนักมาตลอดก็เริ่มซาลง
พอคิดตามดีๆ ผมเริ่มจะยิ้มออก เชื่อครึ่งไม่เชื่อ หยิกตัวเองใหม่อีกรอบแล้วร้องลั่น
แต่ถึงเจ็บยังไงก็ช่าง ตอนนี้ผมดีใจมาก ไม่ดิ โครตๆๆๆ ดีใจ
"แล้วหลังจากนี้พี่จะยังเหมือนเดิมปะวะ หรือพี่จะปล่อยให้มันหายไปเหมือนกับช่วงเวลาที่กำลังถูกชดเชยพวกนี้"
พี่ซีกระชากตัวผมไปกอดลูบและหัวผม
"ก็แล้วแต่มึงจะคิดแล้วกันว่ะ"
----------------------------
อยากเขียนพลอตที่เหลือแค่คนสองคนบนโลกใบนี้ค่ะ 5555 เลยได้เรื่องฟีลกู๊ดนี่ออกมา
ไม่ได้เขียนแนวนี้นานคิดถึง
เพจ ♥ :
https://www.facebook.com/FoggyTime/