PART 1
หากจะพูดถึงความดื้อรั้นเอาแต่ใจที่ทำเอาวุ่นวายไปทั้งวงการก็คงไม่พ้นนายแบบตัวเล็กอย่างนัตสึ และหากเขาไม่ได้มีอำนาจในการดึงลูกค้ามากพอคงจะโดนเด้งไปนานแล้วเช่นกันเพราะไม่มีใครจะอดทนไหว ใบหน้าหวานที่คอยจะมอบรอยยิ้มราวกับนางฟ้าให้บุคคลที่เขาพึงพอใจและนำพาความเลวร้ายมาให้กับคนที่เขาไม่พึงพอใจ มันเป็นเช่นนี้อยู่ตั้งแต่แรก ตั้งแต่ก้าวแรกที่เขาเข้ามาอยู่ในวงการมายานี้
เขาแสดงเก่ง มีหน้ากากที่ทรงประสิทธิภาพ..
แต่เหนือกว่าสิ่งใด สิ่งที่เจ้าตัวต้องการก็เพียงมือใครซักคนที่มีแรงมากพอมากระชากมันออก
“ไฮ"
“...”
“นี่ผมไปฆ่าคนตายหรือไง หยุดสายตาน่ารังเกียจนั่นเดี๋ยวนี้ฟุคุชิม่าซัง" เสียงหวานสั่งเรียบและเมินผู้จัดการส่วนตัวไปซะเพราะรู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์ที่จะสั่ง
เขารู้ดีว่าอีกคนกำลังโมโหเรื่องรอยสักคำว่า 'Your Shadow' ที่ต้นคอของตน
สาเหตุของมันก็ไม่มีอะไรมากเลย เพียงแค่เขาไปเจอกับเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าคนหนึ่งที่หน้าตาและท่าทางถูกใจเมื่ออาทิตย์ก่อน ต่างคนต่างกำ้กึ่งระหว่างสติดีกับเมาแอ๋ สั่งเครื่องดื่มให้กันและกันแก้วแล้วแก้วเล่าจนสุดท้ายก็เดินกอดคอออกไปริมชายหาด
พวกเขาตะโกนโหวกเหวก ร้องเพลงรักคู่กันแม้มันจะผิดเพี้ยนทำนองต้นฉบับ ซื้อดอกไม้ไฟมาจุดเล่น นั่งบนผืนทรายที่ไม่มีใครเลยอยู่นานสองนาน ก่อนจะปล่อยให้อีกคนขับ Audi R8 สีแดงเพลิงคันส่วนตัวของเขาพาไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมาย มันจบลงที่ร้านสักร้านหนึ่งที่ความเบลอของทั้งคู่ทำให้ตกลงจะสลักคำว่า 'Your shadow' บนต้นคอแสดงความเป็นเจ้าของของกันและกันทั้งที่ความจริงแล้วเพิ่งเจอเพียงครั้งแรก มันเจ็บเล็กน้อยและพวกเขาก็ไม่ได้ทำแม้กระทั่งถ่ายรูปคู่เก็บเอาไว้
เหมือนเป็นวันไนท์แสตนด์ที่เซย์กู๊ดบายกันก่อนพระอาทิตย์จะมาอรุณสวัสดิ์
นัตสึไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับอีกฝ่าย นอกจากชื่อของเด็กคนนั้น
ฮารุ
“นัตสึ"
“...”
สิ่งที่ทิ้งเอาไว้ให้คิดถึงนอกจากรอยสักก็คงจะเป็นน้ำเสียงและรสจูบที่เซ็กซี่เป็นบ้า..
“นัตสึ!”
“ว้อท~!" ร่างบางอุทานออกมาเสียงหลงเพราะนิตยสารสองเล่มถูกจับมาตีกระทบกันตรงหน้า ลมที่เกิดขึ้นบางเบาทำให้ผมม้าของคนหน้าหวานกระพือขึ้นก่อนจะตกลงมาเหมือนเก่า
นายแบบชื่อดังมองผู้จัดการส่วนตัวตาขวาง
“คิดว่าฉันจะกลัวนายหรือไง ไอ้เด็กเอาแต่ใจนี่"
“ผมไม่คิดว่าคุณจะกลัวอยู่แล้วล่ะ คุณมันน่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว"
“ปากเหรอนั่น" ฟุคุชิม่า ฮิเมอิม้วนนิตยสารแล้วเคาะลงบนหน้าผากมนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ "แล้วยังไง วันนี้มีถ่ายภาพนิ่งลงปก"
“คอนเสปต์?”
“นายไม่เคยได้รับการติดต่ออย่างอื่นนอกจากน่ารักสดใสแบบวัยรุ่นหรอกน่า"
คนฟังพรูลมหายใจยาว เพราะแท้จริงแล้วถึงแม้นิสัยของเขาไม่ใช่คนเลวร้าย แต่นัตสึคิดว่าตัวเองก็แข็งกระด้างกว่าการต้องปั้นหน้ายิ้มและทำกิริยาน่ารักตลอดเวลาแบบที่แสดงให้ทุกคนเห็น อย่างน้อยก็ในตอนนี้ที่ในหัวใจเขายังไม่เปิดรับใครเลยซักคน
เป็นอีกเสี้ยววินาทีที่ใบหน้าคมคายของฮารุโผล่เข้ามา
เขาสะบัดหน้าเบาๆ และสั่งตัวเองให้กลับมาโฟกัสบทสนทนาเรื่องงานเสียก่อน ..อยากจะสั่งให้ลืมคืนนั้นไปเสียด้วยซ้ำแต่ความทรงจำที่จัดว่าดีมากๆ ก็สลัดไม่พ้นเสียที
“แล้วยังไง กลัวว่าเขาจะเห็นรอยสักนี่?”
“แหง ก็วันนี้มันเป็นเชิ้ตขาวของนักเรียนมอปลาย ไม่ก็พวกเสื้อกล้ามเล่นบาสอะไรทำนองนั้น"
“มันก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย ผมแค่สักเองนะ" นัตสึเอนตัวลงกับพนักโซฟาด้านหลัง และหลับตานิ่งเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าไม่พอใจของอีกคน
เขารู้ดีว่าฮิเมอิโกรธจัดและผู้จัดการตัวเล็กคนนี้ก็เพิ่งจะดับโทสะได้เพียงเล็กน้อยเพื่อคุยกันดีๆ เรื่องงาน
เนื่องจากทำสัญญากันไว้แล้วว่าอยู่ในวงการนี้เขาต้องเป็นคนที่ดีทุกระเบียดนิ้ว เป็นเด็กชายน่ารักสมกับหน้าตาที่ทุกคนต้องเอ็นดู แต่นิสัยส่วนตัวที่ซ่อนกันได้ยากก็ทำมันพังไปทีละนิด
และครั้งนี้มันก็คือความผิดพลาด ความผิดพลาดที่แม้จะแก้ไขได้แต่เขาก็ไม่อยากทำ
นัตสึไม่มีความต้องการจะลบรอยสักคำนี้ออกไปแม้แต่น้อยแม้ว่าหลังจากคืนนั้นสติเขาจะกลับมาอย่างครบถ้วนแล้ว
“ฉันถามจริง คืนนั้นไปเจอกับใครมา"
“ก็แค่เด็กคนนึง..”
“นายไปเคลมผู้หญิง?”
“เฮ้ บ้าน่า" ตากลมเปิดมองคู่สนทนาชั่วครู่ก่อนจะหลับลงไปใหม่ คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนท่อนแขนขาวจะทับลงไปราวกับไม่ต้องการให้ใครเห็น "ไปนั่งดื่มกับวัยรุ่นผู้ชายคนนึงอะ"
“เออ! ให้มันได้อย่างนี้! ดีนะที่ไม่มีรูปหลุดอะไรเลย!”
“พี่จะตะคอกทำไมเนี่ย!”
“ไม่ต้องมาขึ้นเสียงตามฉัน หุบปากเลย หนีไปเที่ยวคนเดี่ยว นั่งดื่ม ควงเด็ก รอยสัก ..นี่คงไม่ใช่ว่าเป็นรอยสักคู่ใช่ไหม?”
“ต้องแหงสิ"
“นัตสึ!”
“เด็กหนุ่มที่ทำเอาเลดี้และเจนเทิลแมนล้มระเนระนาด"
“เฮ้อ..” ฮิเมอิส่ายหน้าปลงพลางมองเด็กในปกครองที่ยังคงหลับตาเอาแขนก่ายหน้าผากนิ่ง เธอเป็นคนเดียวที่นัตสึยังพอจะเชื่อฟังแม้จะไม่เต็มร้อย และหน้าที่นี้ดูเหมือนจะหนักหนาสาหัสกับตัวเธอเองมากขึ้นทุกวัน
ผู้จัดการตัวเล็กลุกขึ้นไปจัดเตรียมชุดที่นายแบบต้องใส่และเครื่องประดับต่างๆ ที่ต้องผลัดเปลี่ยนตลอดเพื่อขอบคุณสปอนเซอร์ เธอไม่ได้พิธีรีตรองอะไรมากเพราะวันนี้ก็ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สตูดิโออยู่ดี
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็จับอีกคนโยนเข้าห้องน้ำและสั่งกำชับว่าอาหารที่เธอกำลังเทใส่จานจะรออยู่บนโต๊ะเพียงสิบห้านาที ..คำขู่นั้นได้ผลเสมอเพราะรอเพียงไม่นานอีกคนก็สวมชุดคลุมอาบน้ำและใช้มือขวาถือผ้าผืนเล็กเช็ดผมเดินมาที่โต๊ะทานอาหาร
ฮิเมอิสังเกตได้ว่านัตสึใจลอยอยู่บ่อยครั้งนับตั้งแต่คืนนั้น แต่คาดคั้นยังไงก็ไม่ยอมพูดจนกระทั่งวันนี้ที่ปริปากมาเล็กน้อยว่าคนที่ไปเจอมาเป็นเด็กผู้ชาย
“ฟุคุชิม่าซัง ทำไมวันนี้ไม่มีของโปรดผมเลยล่ะ!”
มีลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับเธอว่าต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นหลังจากนี้
“กินๆ เข้าไปเถอะน่า"
บางอย่างที่เธอคิดว่านัตสึจะป่วนทุกคนมากกว่าทุกครั้งที่เคยทำมา..
“สวัสดีครับ ขอโทษที่ผมมาสายนะครับ"
นัตสึโค้งคำนับทุกคนโดยรวมเป็นการทักทายรวมถึงขออภัยที่ตนมาช้าเกือบสิบนาที ..นั่นเรียกรอยยิ้มจากคนที่กำลังหงุดหงิดอย่างตากล้องได้เป็นอย่างดีเพราะเขามีต้นทุนในความปลาบปลื้มส่วนบุคคลอยู่ไม่น้อย
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราก็ยังเตรียมการไม่เรียบร้อย" เซจิโร่เอ่ยขึ้นอย่างเป็นมิตร วางกล้องในมือและเดินเข้าหานายแบบภาพนิ่งประจำวันนี้จนเกือบประชิดตัว
นัตสึลอบเบ้ปาก และเสียมารยาทอย่างโจ้งแจ้งด้วยการไม่ยื่นมือไปจับกับอีกคนที่ส่งมาคอย เขาปั้นรอยยิ้มเสแสร้งหวานๆ อยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำเอาคนฟังหน้าตึง
“งั้นก็ดีเลยครับ แสดงว่าไม่ใช่แค่ผมที่ทำให้งานไม่เดิน"
คนตัวเล็กเบี่ยงหลบและเดินจากไปในทันที ทิ้งไว้เพียงผู้จัดการอีกคนที่ยืนก้มหัวขอโทษขอโพยตากล้องรวมถึงทีมงานคนอื่นๆ ที่เด็กในปกครองทำตัวไม่เหมาะสม
นัตสึนั่งหน้าหงิกหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เขาปล่อยให้ผู้หญิงสองคนแต่งหน้าและทำผมตามอำเภอใจแต่มีการชักสีหน้าใส่เล็กน้อยหากเห็นขั้นตอนไหนที่ตนไม่เห็นด้วย เขาพยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะเรียบร้อยน่ารัก แต่การเอาแต่ใจและดื้อรั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ปิดบังกันง่ายๆ
และทุกคนรู้ดี
ทุกคนยกเว้นเซจิโร่ช่างภาพคนใหม่ที่เพิ่งร่วมงานกับเขาเป็นครั้งแรก
นัตสึช่างเป็นคนที่สร้างเฟิร์สอิมเพรสชั่นได้อย่างยอดเยี่ยมเสมอ..
“เป็นอะไรของนายอีก ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานเลยหรือไง" ฮิเมอิที่เพิ่งเดินตามเข้ามาเปิดการสนทนาที่เป็นการโต้เถียงอีกครั้ง และนั่นทำให้คนฟังแสร้งถอนหายใจแม้ว่าความจริงแล้วการทำให้ผู้จัดการส่วนตัวหัวหมุนเป็นเรื่องสนุกสำหรับเขา
“ผมไม่ชอบเขา"
“ฮะ?”
“พี่ก็รู้ว่าถ้าผมถูกชะตา ผมจะดีแค่ไหน และถ้าไม่ถูกชะตา ผมจะร้ายได้ซักแค่ไหน"
“โอเค้" ฮิเมอิยกมือสองข้างขึ้นระดับไหล่เป็นเชิงยอมแพ้ และไล่สไตลิสสองคนออกไปทันทีที่จัดการผมกับหน้าของนายแบบหน้าหวานเรียบร้อย
เก้าอี้ของนัตสึถูกจับหมุนและมันหยุดลงเมื่อประจันหน้ากับผู้จัดการส่วนตัว
“แต่ฟังเอาไว้ เซจิโร่คนนั้นน่ะ จะมาเป็นช่างภาพสุดเอ็กซ์คลูซีฟของนาย เรียกได้ว่าเป็นกล้องหลักที่ถ่ายนายในทุกๆ งานหลังจากนี้เป็นระยะเวลาสามเดือน"
“อะไรนะ!” นัตสึเด้งตัวขึ้นนั่งหลังตรงและทำหน้างอง้ำ "ผมไม่เอา"
“ประธานเซ็นสัญญาไปแล้ว ฉันจะไปขัดอะไรได้ยังไง"
“ทำไมไม่ถามผมก่อน"
“ฉันค้านให้สุดความสามารถแล้ว และเขาก็เส้นใหญ่มากกว่าที่นายคิด"
“...”
“เปลี่ยนให้รู้สึกถูกชะตาซะยังง่ายกว่าวิ่งหนีเขาอีก นัตสึ"
เพราะการทำงานวันนี้มันแย่แสนแย่ในความรู้สึกของนายแบบตัวเล็ก
เขาจึงหนีมาที่นี่อีกครั้ง
บาร์ริมหาดที่ที่เจอกับฮารุเป็นครั้งแรก
แต่เนื่องจากหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปและเขาก็ไม่ได้ถามเลยว่าแท้จริงแล้วเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน จึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะเจอกันรึเปล่า ซึ่งแน่นอนว่านั่งเซ็งจนถึงเกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
นัตสึจิบมาร์ตินี่ครั้งสุดท้ายก่อนจะวางเงินจำนวนหนึ่งที่เกินราคาจริงของเครื่องดื่มทั้งหมดที่ตัวเองสั่งไปมากโขลงกับบาร์ เขาดื่มมาเกือบสี่ชั่วโมงและนั่นทำให้ตากลมโตพร่าเบลอเล็กน้อย แน่นอนว่าคนตัวเล็กคอแข็ง แอลกอฮอล์ไม่เคยทำร้ายเขาได้มากไปกว่าการมึนเมาจนอาจทำอะไรที่ใช้ความกล้าผิดปกติ แต่เขายังควบคุมตัวเองอยู่
มันโชคไม่ดีเลยซักนิด
โชคไม่ดีเลยที่เขาไม่เมาเละจนพับคาบาร์ไปซะ
นัตสึกำหมัดแน่นมองภาพคนสองคนตรงหน้ากำลังนัวเนียกันไม่อายฟ้าดิน ซึ่งฝ่ายชายเป็นคนที่เขาจำได้อย่างแม่นยำแม้ว่าจะเจอกันเพียงหนึ่งครั้งในสภาพที่สติไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ เจ้าของ 'เงา' ของเขาที่แยกย้ายกันไปครบรอบหนึ่งอาทิตย์กำลังละเลียดชิมริมฝีปากของผู้หญิงคนอื่น
คนอื่น?
แท้จริงแล้วสองคนนั้นอาจเป็นแฟนกันก็ได้
ความคิดนี้ทำให้ขอบตาของเขาร้อนผ่าว แต่นัตสึจะโทษว่ามันเป็นเพียงผลข้างเคียงของการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินปกติไป ร่างเล็กพยายามเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่ยังไงเสียเขาก็ต้องผ่านสองคนนั้นเพราะรถที่จอดทิ้งเอาไว้อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นเลย
เจ็บใจเข้าไปอีกเมื่อคิดว่าฮารุอาจจะจำรถของเขาไม่ได้ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะเคยขับมาแล้ว
“นัตสึ?”
เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกทำให้ต้องหันกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นเพราะเขายังคงเห็นสองคนนั้นโอบกันอยู่ แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างที่เขาแสดงออกมาตลอด
“ไม่เจอกันหลายวันเลย ฮารุ"
“อ่า ใช่ ผมคิดว่าพี่จะไม่มาที่นี่แล้วซะอีก" ร่างสูงยิ้มมุมปาก หันไปกระซิบกับคนในอ้อมกอดและจูบลาหญิงสาวเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาอีกคนที่ยืนมองอยู่ด้วยแววตาไม่พอใจ
“คิดถึงพี่จัง"
“อย่ามาโกหกหน้านิ่ง คิดว่าฉันอินโนเซ้นส์ขนาดนั้น?”
“โอเค ผมรู้ว่าพี่รู้ทัน แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจะโกหกนะ" ใบหน้าคมคายยังคงยิ้มให้ ก่อนจะก้มลงมาจนปลายจมูกแตะกันแผ่วเบา "ผมคิดถึงพี่ แม้มันจะไม่ใช่ตลอดเวลาแต่มันก็คิดถึงพี่..”
“...”
“บ่อยๆ มาก.. แต่ละวัน"
“คิดถึงฉันแต่ก็เคลมสาวไปทั่ว"
ฮารุผละตัวออกไป หัวเราะลั่น และสิ่งเดียวที่นัตสึทำได้คือการมองอย่างไม่เข้าใจ นัยน์ตาคมมีแววกังวลขัดกับการกระทำนั้นซึ่งเขาเห็นมันได้ชัด
มือเล็กจับเข้าที่เอวสอบทั้งสองข้าง รั้งร่างของอีกคนให้เข้าหาและผลักตัวเองให้แนบชิด
เสียงหัวเราะอันเสแสร้งเงียบลง ก่อนที่อีกคนจะยอมบอกความจริงกับเขา
“มันเป็นงานน่ะ"
“...”
“ครั้งก่อนผมไม่บอกอะไรพี่เลยทั้งๆ ที่พี่เล่าอะไรมากมายให้ผมฟัง เพราะว่าผมกลัวจะถูกรังเกียจและพี่จะไล่ผมออกมาอย่างกับหมูกับหมา"
“...”
“พี่สวยงาม และความทรงจำคืนนั้นของเราก็สวยงาม"
“...”
“มันคือความสุขที่ผมพยายามสร้างให้พี่โดยที่ไม่คิดว่ามันคือหน้าที่หรือต้องแลกด้วยเศษเงินอะไรเลย"
“นาย.. กำลังจะบอกว่า นาย ขะ..”
“คล้ายๆ โฮสต์น่ะ ผู้หญิงพวกนั้นแค่จ่ายเงินมาและบอกความประสงค์ของพวกเธอ ผมก็แค่ทำยังไงก็ได้ให้เธอมีความสุขและจากนั้นก็จบกัน มันก็เป็นวันไนท์แสตนด์อีกทางหนึ่ง บางคนก็แค่จ้างผมให้ไปรับฟังเรื่องราวแย่ๆ ในชีวิตของเธอ บางคนก็สั่งให้ผมปรนเปรอเธอ นั่นมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ผมก็แค่ต้องทำมันตามคำบัญชาของผู้ว่าจ้าง"
“...”
“แต่ผมป้องกันตลอดน่า"
ลงท้ายด้วยน้ำเสียงขี้เล่นอีกครั้งและยีผมนุ่มจนมันฟูไม่เป็นทรงเมื่อเห็นว่าคนฟังกำลังขมวดคิ้วมุ่น นัตสึไม่ได้ปัดมือเขาออกซ้ำยังก้มหน้าลงมาซบกับแผ่นอก จนกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเขากำลังยืนกอดกัน
“ฉันไม่รู้เลยว่าชีวิตแบบนายเป็นยังไง"
“อย่ารู้เลย มันแย่กว่าที่พี่คิดอีก..”
“...”
“ฉันไม่เก่งเรื่องเอาใจคนอื่นเลยซักนิด ฉันต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาทำงาน แต่มันไม่ใช่การบริการความพอใจของใคร ฉันโลดแล่น และเดินผ่านเสียงเชียร์นับไม่ถ้วน..”
“แต่ผมไม่มีใครเลย"
นิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากบางเป็นเชิงห้ามไม่ให้พูดต่อ ฮารุกดจูบลงบนเรือนผมนุ่มก่อนที่พวกเขาจะผละจากกันและเปลี่ยนเป็นเดินจับมือกันไปเรื่อยๆ
ผ่าน Audi R8 ไปอย่างไม่สนใจ และมุ่งสู่ชายหาดที่มีแต่ความทรงจำดีๆ อีกครั้ง
“รอยสักของพี่ยังอยู่ไหม" ร่างสูงเอ่ยถาม เขาไม่สามารถเห็นมันเพราะถูกปกเสื้อบดบังเสียหมด แต่อีกคนไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากพยักหน้า
เพียงเท่านั้นก็เรียกรอยย้ิมได้กว้างพอตัว
“ผมก็เหมือนกันนะ"
“มันหลอกหลอนซะอย่างกับว่านายเป็นเงาของฉันจริงๆ"
“คิดถึงล่ะสิ"
“เฮอะ" นัตสึแค่นหัวเราะ อารมณ์ทุนเดิมของเขาในวันนี้คือหงุดหงิด และยังเฟลนิดหน่อยที่การพบเจอกับบุคคลที่อยู่ในความคิดมันค่อนข้างแย่ เขาเหลือบมองเสี้ยวหน้าของอีกคนบ่อยครั้งในจังหวะที่พวกเขายืนมองพระจันทร์กันอย่างโง่ๆ ริมทะเล
“มองอะไรครับ"
“...”
ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ แต่เมื่อถูกทักแล้วเขาจึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปที่จะหลบสายตาไปทางอื่น ในเมื่อความรู้สึกของเขามันชัดเจนว่าอยากมอง
เขาอยากจดจำทุกรายละเอียดของฮารุ
“มองผมนานกว่านี้จะคิดเงินแล้วนะครับ" ใบหน้าคมหันมาหาโดยไม่ทันตั้งตัวและนั่นทำให้ปลายจมูกของพวกเขาใกล้กันอีกครั้ง
นัตสึย่นคอหนีแต่มือใหญ่ก็คว้าท้ายทอยตรึงไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ เขาพยายามดิ้นตามนิสัยชอบเอาชนะ แต่แล้วก็แพ้ราบคาบเมื่อถูกจู่โจมด้วยการมอบจูบแผ่วเบาที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าริมฝีปากแตะกัน
“นาย..”
“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรขัดใจพี่"
“...”
“แต่จะขอบคุณมากถ้าหากคืนนี้พี่จะให้ที่นอนผมหน่อย เพราะผมเพิ่งปฏิเสธลูกค้าไปเพื่อให้เราได้คุยกัน"
“เด็กเจ้าเล่ห์ฮารุ!”
ฮารุหัวเราะรับคำด่าทออย่างยินดี ตวัดร่างบางขึ้นอุ้มท่าเจ้าสาวและมือข้างที่กระชับข้อพับขาก็ทำให้นัตสึรู้ว่าเขาไม่
สามารถผลักไสอีกคนออกไปได้ในคืนนี้ เพราะสัมผัสเย็นวาบนั้นเขารู้ดีว่ามันคือกุญแจรถของตนเอง
ดวงตาหวานค้อนมองอีกคนขวับ แต่ร่างสูงก็หาได้สะทกสะท้าน ซ้ำยังส่งรอยยิ้มละมุนละไมมาทำลายกำแพงกันอีกหน
“ผมมือไวใช่มั้ย"
“มากที่สุด ฉันไม่ควรไว้ใจนาย"
“พี่ควรรักผม"
“...”
“ล้อเล่นเท่านั้นครับ"
นัตสึเพียงแค่ยกมือขึ้นโอบรอบคอแกร่ง เขาก้มหน้างุดและไม่ยอมพูดอะไรแม้ว่าอีกคนจะพามาถึงรถและวางร่างเขาลงกับเบาะนุ่มอย่างระวังมือ ห้วงความคิดของเขายังคงติดอยู่กับสองประโยคสุดท้ายที่ฮารุได้พูด
เขาไม่ได้ถือว่าอีกคนทำอาชีพอะไร หรือผ่านอะไรมา มันเป็นความรู้สึกชอบและถูกชะตาแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยใช้เวลาทำความรู้จักกันเลยแม้แต่นิด และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดใจกับใครรวดเร็วถึงเพียงนี้ ฮารุทำให้เขารู้สึกปลอดภัยแม้จะมีสถานะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่ผ่านมาทักทายทำความรู้จัก
แต่เขากลับอยากให้เป็นมากกว่านั้น
นัตสึแค่คิดว่าเขาอาจจะรักฮารุได้
และมันไม่ใช่แค่การล้อเล่น
(มีต่อ)