-ฝนตกหนักเลยนะครับ-
เสียงที่พุดขึ้นในความทรงจำในคณะที่ผมนั่งมองผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาตามริมท้องถนนเสียงนั้นยังอยู่ในส่วนลึกนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้เอ่ยคุยกัน
หนุ่มร่างสูงใส่ชุดนิสิตเต็มยศถึงจะไม่ได้หล่อมากแต่ถือว่าเป็นคนที่ดูดีเลยทีเดียวรอยยิ้มที่ส่งมายังคงเด่นชัดเสมอสำหรับครั้งแรกที่ผมเจอเขาแต่ผมไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปก่อนจะหันกลับไปมองออกนอกกระจกที่ตอนนั้นสายฝนกระหน่ำยามท้องฟ้ามืดมิดเราทั้งคู่ได้แต่นั่งเงียบนั่งมองริมถนนที่ไร้ผู้คนเดินไปมาแต่รถกลับแออัดเมื่อเป็นเวลากลับบ้านพักผ่อน
-พี่ชื่อไนท์นะครับ-
เขาเอ่ยท่ามกลางความเงียบที่ผมก็จำไม่ได้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก่อนเขาจะลุกออกไปทางแคชเชียร์โดยที่ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรไปนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอเขา
ผมได้แต่ยิ้มบางๆกับภาพในหัวกับการเจอกันครั้งแรกของเราผมยกโกโก้ร้อนที่เริ่มจะเย็นชืดจากกลางปล่อยทิ้งไว้มาดื่ม
ไม่กี่วันหลังจากวันนั้นผมถึงได้รู้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ต่างสาขาส่วนมากผมจะไปไหนมาไหนคนเดียวและเป็นพวกไม่ค่อยพูดเลยไม่ค่อยมีเพื่อนก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเราเริ่มใกล้ชิดกันตั้งแต่เมื่อไหร่เริ่มไปไหนมาไหนกันสองคนพอถึงช่วงเลิกคลาสบางวิชาก็จะเจอเขามาดักรอที่ทางลงบันไดในบางครั้งที่กลับหอด้วยกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เกือบหนึ่งปีจากวันที่เราเจอกันมันเป็นอะไรที่อบอุ่นสำหรับผมเราต่างพูดกันแทบจะนับครั้งได้แต่การกระทำของเราสองคนเหมือนสื่อสารกันตลอดโดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำใดๆออกมา
-นิวเป็นแฟนพี่นะครับ-
-ครับพี่ไนท์-
ตอนนั้นน่าจะหลังวาเลนไทน์สองสามวันเห็นจะได้จำได้ว่าวันนั้นผมว่างทั้งวันอยู่แต่ในห้องอ่านหนังสือส่วนเขามีเรียนทั้งวันจนแสงตะวันเริ่มจางหายเสียงเคาะประตูดังขึ้นโดยที่ไม่บอกผมก็รู้ว่าเป็นใครเมื่อผมเปิดประตูสิ่งแรกที่ผมเห็นคือดอกกุหลาบช่อเล็กกับเสียงนุ่มที่เอ่ยกับการเพิ่มความสัมพันธ์อีกระดับของเรา
ตอนที่เขาเอ่ยขอนั้นผมถึงกับน้ำตาคลอหัวใจเต้นระส่ำเมื่อผมตอบตกลงไปเขาสวมกอดผมทันทีอ้อมกอดของเขานั้นอบอุ่นสำหรับผมเสมอไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เรากอดกัน
การใช้ชีวิตของเราไม่ได้หวือหวาเหมือนคู่อื่นเรามักใช้เวลาว่างที่ตรงกันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่มีแค่เราสองคนไม่ต้องพูดอะไรให้มากความเพียงแค่นี้ก็สุขใจสำหรับผมแล้ว
ในบางครั้งเขาก็พาผมไปเจอเพื่อนเขาบ้างแต่ผมก็จะไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอะไรมากปล่อยให้เขาเฮฮากับเพื่อนตามประสาซึ่งในบางครั้งมันก็เป็นมุมของเขาที่ผมไม่เคยเห็นจริงๆ
-นิวนี้พ่อแม่พี่ส่วนนั้นก็น้องชาย-
นั้นเป็นการเจอพ่อแม่ของเขาครั้งแรกสำหรับผมซึงเป็นวันรับปริญญาของเขาซึ่งทำให้ผมประหม่าเล็กน้อยเออ..จริงๆก็ไม่น้อยหรอกมากๆเลยแหละสำหรับผม ผมกลัวมากจริงๆที่ทำให้ลูกขายเขาเป็นแบบนี้แต่ผมก็คลายกังวนลงบ้างเมื่อท่านสองคนยิ้มให้ผมก้มไหว้ท่านสองคนจากนั้นเราก็ถ่ายรูปกันโดยมีน้องชายเขาเป็นคนถ่ายรูปให้ซึงบางครั้งผมก็เป็นคนถ่ายให้ในบางครั้งที่น้องของเขาเข้าร่วมในรูปส่วนมากเป็นจะเป็นคนถือของให้พ่อแม่ของเขาเวลาถ่ายรูปและผมถ่ายร่วมกับเขาสองสามรูป
เขาเริ่มทำงานมาสักพักแล้วเวลาที่เราอยู่ด้วยกันลดลงมากพอสมควรเวลาเขากลับมานั้นดูเขาเหนื่อยจริงๆบางวันกลับมาเขาก็บ่นโน้นบ่นนี้ให้ผมฟังเสมอผมก็ได้แต่ทำตัวเป็นผู้รับฟังที่ดีและกอดเขาเพื่อให้รับรู้ว่าผมเข้าใจ
ตั้งแต่คบกันมาปกติเราไม่เคยไปเที่ยวไหนกันเลยจริงๆส่วนมากนั้นจะอยู่ในห้องกันแค่สองคนเหมือนโลกนี้มีแค่เราตอนนั้นเป็นช่วงวันหยุดยาวปีใหม่เราก็ใช้เวลาด้วยกันในห้องของผมตามปกติจนตกเย็นวันนั้นเราออกจากหอผมก็นึกว่าจะพาไปกินข้าวข้างนอกปกติแต่เมื่อขับรถออกไปเขาก็ถึงบอกผมว่าเราจะไปเที่ยวกัน
ตลอดทางเราคุยกันบ้างประปรายเพราะผมก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรดีส่วนมากผมจะมองแต่วิวข้างทางในตอนนั้นเพราะผมไม่เคยเดินทางไกลหรือไปเที่ยวที่ไกลๆเลย
ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกันรู้ตัวอีกที่ก็เกือบเช้าแล้วโดยที่เขาเปิดประตูรถฝั่งผมมาปลุกรถจอดสนิดริมหาดทรายเขาเดินจูงผมเดินลงไปที่หาดก่อนจะนั่งลงเพื่อนรออาทิตย์ขึ้น
-สุขสันต์วันเกิดนะ-
แสงอาทิตย์ทอแสงพร้อมเอ่ยคำครบรอบวันเกิดของผม..ผมไม่เคยสนใจวันเกิดตัวเองเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้มันเริ่มพิเศษสำหรับผมแล้วสิ
-ขอบคุณนะครับพี่ไนท์-
เขาเอื้อมมือมาดันหัวผมให้พิงกับเขาก่อนที่จะจูบลงที่หน้าผากของผม...ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับไปให้เขา.....เขาจะทำให้ผมมีความสุขไปถึงไหนกันนะ
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นมาไม่นานเขาก็พาผมกลับไปที่รถก่อนจะไปบ้านพักที่เขาเช่าไว้ที่ไม่ไกลจากที่เราชมอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน
ช่วงที่เราเที่ยวกันนั้นเราออกไปเที่ยวกันบ้างไปถนนคนเดินบ้างเดินริมหาดบ้างบ้านที่เช่านั้นเป็นบ้านเล็กๆแต่ละหลังจะอยู่ห่างกันมากเลยทำให้ไม่ค่อยมีเสียงมารบกวนเราเท่าไหร่เวลาอยู่กันสองคนในบ้านจนใกล้หมดวันหยุดยาวก็ถึงเวลากลับของเราสองคน
ถึงวันที่ผมรับปริญญาบ้างแล้วเขาก็ให้น้องชายของเขามาถ่ายรูปให้ผมแล้วก็แนะนำเขาให้พ่อแม่บุญธรรมของผมได้รู้จักผมเล่าเรื่องของเขาให้ท่านสองคนฟังตลอดส่วนมากผมก็ไม่ได้เจอพวกท่านสักเท่าไหร่ส่วนมากเขาจะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆเขาก็คุยกับพวกท่านสองคนเป็นอย่างดีดูไม่เคอะเขินแต่อย่างใด
เมื่อจบผมก็เข้าไปช่วยงานของพ่อแม่บุญธรรมของผมซึงบริษัทของเราสองคนทำนั้นอยู่ไกลกันพอสมควร
-ซื้อคอนโดมั้ยนิวออกมาอยู่ด้วยกัน-
ผ่านมาปีกว่าๆสำหรับการทำงานของทำเนื่องจากเราแยกย้ายอยู่บ้านของเราแต่ละคนเลยทำให้ช่วงที่บ้านมานี้เจอกันบ้างไม่เจอบ้างจนเขาเอ่ยปากชวนซึงเขาจะให้ใช้สิทธ์ในชื่อของผมซึ่งตอนแรกผมก็ไม่ค่อยยอมเท่าไหร่แต่เขาคะยั้นคะยอจนผมต้องยอม
เมื่อมาอยู่ด้วยกันเหมือนเวลาเก่าๆกับคืนมาที่เป็นโลกของเราสองคนเมื่ออยู่ด้วยกันถึงแม้จะไม่ได้มีเวลามากเหมือนเก่า
ในวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกเขาบอกให้ผมลงมารอที่ร้านคาเฟ่ด้านล่างของคอนโดเพื่อจะพาผมออกไปทานข้าวข้างนอกและเขาโทรมาบอกผมอีกครั้งเมื่อใกล้ถึงแล้วแต่ก็ร่างของผมก็เหมือนแข็งทื่อหนาววาบไปทั้งตัวเมื่อจู่ๆสายนั้นตัดไปดื้อๆพร้อมกับเสียงอุบัติเหตุดังสนั่นด้านนอกพร้อมผู้คนที่เริ่มออกไปดูเป็นไทมุง
ขาผมค่อยๆก้าวออกไปอย่างช้าๆภวานาในใจหวังว่ามันคงไม่ใช่แต่ต่อให้ร่ำร้องเพียงใดมันก็คงไม่เกิดขึ้นภาพตรงหน้าคือรถที่เขาใช้มารับผมเป็นประจำผมเร่งวิ่งและตระโกนชื่อของเขาแต่เมื่อใกล้ถึงผู้คนรอบๆรั้งตัวผมไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้
เพียงไม่นานรถกู้ภัยมาถึงที่เกิดเหตุใช้เวลาพักใหญ่ๆกว่าจะงัดตัวเขาออกมาจากรถได้เตียงพยาบาลเคลื่อนที่รองรับตัวเขาที่แน่นิ่งผมบอกให้คนที่รั้งผมไว้ปล่อยผมได้แล้วผมรีบเข้าไปเพื่อที่จะไปพร้อมกับเขาทันที
ผมได้แต่เรียกชื่อเขาระหว่างทางกำมือเขาไว้ดูเขาที่หายใจรวยรินเลือดท้วมตัวผมได้แต่ร้องขอให้เขาไม่เป็นอะไร
เมื่อถึงโรงพยาบาลผมวิ่งลงรถตามเตียงของเขาจนพยาบาลต้องรั้งผมไว้เพื่อเข้าห้องฉุกเฉินผมรับกดโทรหาที่บ้านของเขาและเพื่อนของเขาให้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
ไม่รู้ว่าเขาเข้าไปในนั้นนานเท่าไหร่จนหมอออกมาแจ้งว่าเขานั้นเสียแล้วผมบอกได้เลยว่าเหมือนโลกทั้งใบของผมนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆตระโกนชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมาร่ำร้องในใจว่าอย่าทิ้งผมไว้แต่เสียงของผมคงส่งไปไม่ถึงเขาเสียแล้ว
เสียงโทรศัพท์ตรงหน้าเรียกผมจากภาพเก่าๆผมยกขึ้นมากดรับทันที่เมื่อเห็นชื่อขึ้นโชว์
-ครับพี่เต้ครับผมกำลังจะออกไปครับ-
ผมรีบลุกไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ทันทีที่วางโทรศัพท์เมื่อก้ามออกมาจากร้านก็เจอพี่เต้รออยู่ที่หน้าร้านเขายื่นมือมาหาผมก่อนที่ผมจะยื่นมือไปคว้ามือของพี่เขาไว้
-เหม่ออะไรละเรา-
-ไม่มีอะไรครับแค่คิดอะไรนิดหน่อย-
ผมตอบเขาไปก่อนที่จะโดนพี่เขาขยี้ผมเล็กน้อยพี่เต้เดินจูงมือผมเพื่อจะขึ้นรถแต่เมื่อใกล้ถึงผมชะงักเล็กน้อยรู้สึกเนื้อตัวเย็นเชียบ
-ไม่เป็นไรหรอก-
เสียงทุ้มของพี่เต้เอ่ยบอกพร้อมบีบมือผมแน่นขึ้นเพื่อให้ผมสบายใจขึ้นเมื่อขึ้นรถพี่เต้เอี่ยวตัวมาคาดเข็มขัดให้ผมก่อนจะคาดของตัวเองพี่เขาบีบมือผมสองสามครั้งเมื่อเห็นผมยังเกร็งๆอยู่
-ขอบคุณนะครับพี่เต้ที่รั้งผมไว้ขอบคุณจริงๆ-
ผมหันไปบอกพี่เต้ก่อนจะส่งยิ้มให้เขาและเขาส่งยิ้มกลับมาพร้อมโน้มตัวมาจูบผมเบาๆ
-ไปกันเถอะพ่อกับแม่ไนท์รออยู่-
เมื่อสิ้นเสียงก็ถึงเวลาออกเดินทางเสียที
ขอบคุณนะพี่ไนท์ที่ทำให้ผมได้เรียนรู้รักแรก ขอบคุณพี่เต้ที่ช่วยผมจากความทุกข์ให้ผมลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง
**************************END***********************************
เรื่องนี้จะตั้งทั้งหมดสามตอนนะครับ ยังไงก็ฝากติชมด้วยครับจะได้ปรับปรุงเพื่อพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้นครับ