[นิยาย] THE LATE LIGHT 17: ตอนที่ 1
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยาย] THE LATE LIGHT 17: ตอนที่ 1  (อ่าน 416 ครั้ง)

ออฟไลน์ monosapien

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
[นิยาย] THE LATE LIGHT 17: ตอนที่ 1
« เมื่อ12-07-2025 15:15:27 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ....เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า....บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x, ทำให้กระทู้กลายพันธ์, ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่น ๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่องการเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง)

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com                                                       

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



ผลงานวรรณกรรมเรื่องนี้ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมในเวลาต่อมา เจ้าของลิขสิทธิ์ขอสงวนสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข คัดลอก เผยแพร่ต่อสาธารณชน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนของเนื้อหาในรูปแบบใดก็ตาม รวมถึงการนำไปจัดทำเป็นหนังสือเสียง หรือสื่อประเภทอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของลิขสิทธิ์ การละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยเจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิ์ในการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 อย่างเต็มที่



เรื่องย่อ

ในตึกสำนักงานใจกลางเมือง ที่ผู้คนเดินสวนกันโดยไม่เคยสบตา
มีสองชีวิตที่กลับ 'เห็นกัน' ชัดเจน…ในเวลาที่โลกเงียบที่สุด

'อิน' กราฟิกดีไซเนอร์ผู้รักความเงียบของยามค่ำคืน
'ตุน' เจ้าหน้าที่ SI กะดึก ที่ใช้กลางวันเพื่อเรียน และกลางคืนเพื่อทำงาน

หน้าต่างของทั้งสองห้อง บนชั้น 17 ของตึกฝั่งตะวันตกและตะวันออก
หันตรงเข้าหากันพอดี และทุกคืน เมื่อแสงไฟของทั้งสองเปิดพร้อมกัน

แสงนั้น…กลับกลายเป็นการ 'ทักทาย' ที่ไม่มีคำพูด
แต่ค่อย ๆ เปลี่ยนความเหงาของกันและกันให้กลายเป็นบางอย่างที่ไม่อาจละสายตา

จากการมองผ่านกระจก สู่การสื่อสารด้วยไฟบนโต๊ะ
จากความเงียบ สู่ความเข้าใจ…โดยไม่ต้องเอ่ยชื่อ

THE LATE LIGHT 17 เรื่องราวโทนเรียบง่าย ลึกซึ้ง และอบอุ่น
ว่าด้วยความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้นจาก 'ความเงียบ'
และแสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่คอยปลอบใจเราในคืนที่ไม่มีใครอยู่



ฝากผลงานเขียนเรื่องแรกด้วยนะครับ ในแต่ละตอนอาจจะยาวหน่อย แต่อยากชวนทุกคนค่อย ๆ อ่านไปแบบไม่รีบ หาเวลาว่าง จิบชา จิบกาแฟ แล้วเปิดหน้าต่าง ปล่อยให้ลมเย็น ๆ พัดผ่านเข้ามา

เป็นเรื่องที่แต่งไป โพสต์ไปครับ จะพยายามลงให้บ่อยที่สุด เท่าที่ความวุ่นวายในแต่ละวันจะอนุญาตให้ทำได้ เพราะในความเงียบของชีวิตประจำวัน บางทีการเขียนก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกว่ามีใครบางคนรออยู่ที่ปลายอีกฝั่งของหน้าต่าง

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน หวังว่าทุกคนจะได้พบใครบางคนของตัวเอง ผ่านแสงไฟของ THE LATE LIGHT 17 เช่นกันครับ

จาก คนชั้น 17
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ monosapien

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [นิยาย] THE LATE LIGHT 17: ตอนที่ 1
«ตอบ #1 เมื่อ12-07-2025 15:22:07 »

บทที่ 1

เวลาประมาณ 23.30 น. ‘กรุงเทพฯ’ เมืองที่เคยเต็มไปด้วยจังหวะเร่งรีบทั้งวันเหมือนเริ่มเหนื่อย แสงจากป้ายโฆษณาค่อย ๆ ดับลงทีละดวง เหลือเพียงไฟถนนสีส้มอมเหลืองที่ทอดเงายาวไปตามขอบฟุตบาท แสงนั้นสะท้อนบนกระจกของตึกสำนักงานสูง เส้นสายแสงแตกร้าวเมื่อกระทบมุมอาคาร ดูนิ่งจนน่าใจหาย มีก็แต่คนทำงานดึกไม่กี่คน ที่ยังได้เห็นเมืองในสภาพแบบนี้—เงียบ ช้า และเหมือนหลุดออกจากจังหวะปกติของใครหลายคน

และหนึ่งในนั้นคือชายหนุ่ม บนชั้น 17 ฝั่งตะวันตกของอาคารสำนักงานทรงโมเดิร์น ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ใจกลางกรุง โต๊ะของเขายังเปิดไฟอยู่ ทั้งออฟฟิศเงียบสนิท เหลือเพียงเสียงแผ่วของเครื่องปรับอากาศ กับเสียเคาะเมาส์ปากกาเป็นระยะ ๆ

อินทนิล หรือ 'อิน' วัย 28 ปี กราฟิกดีไซเนอร์ประจำเอเจนซี่โฆษณาขนาดกลาง เขาไม่ใช่คนที่ใครจะจำได้เพราะเสียงดังหรือบุคลิกโดดเด่น อินเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ขยันออกหน้า ไม่ชอบเข้าสังคม แต่ชื่อของเขากลับถูกพูดถึงบ่อยในแวดวงโฆษณา

ไม่ว่าจะเป็นบอร์ดพรีเซนต์งาน บทความเกี่ยวกับทิศทางการออกแบบใหม่ ๆ หรือคำชื่นชมจากลูกค้าที่อาจไม่เคยเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่ผลงานของอินมีลายเซ็นเฉพาะตัว—เส้นสายคมชัด แสงสีสไตล์โมโนโทนที่เยือกเย็นและหนักแน่น สไตล์ที่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นฝีมือเขา

ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวในแบบที่ใครเห็นก็เผลอคิดว่าเป็นนายแบบ—ส่วนสูง 182 เซนติเมตร ผิวขาวซีดจัด โครงหน้าเรียวคมราวกับถูกสเก็ตช์ขึ้นด้วยเส้นตรงและมุมตัดที่จงใจ แววตาเรียบนิ่งแต่หม่นลึกบวกกับท่าทางเงียบ ๆ ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพชัด ๆ ใบหน้าของเขาไม่ต่างจากโทรศัพท์ที่แบตใกล้หมด—ไม่ถึงกับดับสนิท แต่ก็ไม่เคยดูสดชื่นเต็มร้อยเลยสักครั้ง

เสื้อผ้าของเขาแทบไม่มีความหลากหลาย—ดำ เทา กรมท่า เรียบเฉียบและดูจงใจ เหมือนยูนิฟอร์มที่ช่วยเขาแยกตัวเองออกจากโลกวุ่นวายรอบข้างได้ง่ายขึ้นนิดหนึ่งในแต่ละวัน

อินมักสวมหูฟังไร้สาย เปิดเพลง City Pop คลอแทบตลอดเวลาทำงาน ไม่รู้ว่าเพื่อกันเสียงรบกวน หรือกันคนรอบข้างไม่ให้เข้ามายุ่งกันแน่

คืนนี้เขานั่งจ้อง iMac สีส้มลูกรักอยู่เงียบ ๆ ในห้องทำงานที่เหลือเพียงเขาและเพื่อนร่วมงานอีกหนึ่งคน เมาส์ปากกาในมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เหมือนกำลังนับจังหวะบางอย่าง แต่หน้าจอยังคงว่างเปล่า ไม่ต่างจากเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

เขาทำงานเก่ง แต่ไม่ใช่เครื่องจักร และไฟในตัวเขามักลุกโชนเฉพาะเวลาที่โลกภายนอกเงียบพอ เวลาที่ไม่มีใครคอยพูด ไม่มีคำสั่ง ไม่มีเสียงพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดจากโต๊ะข้าง ๆ เขาถึงจะเริ่มเห็นภาพในหัวตัวเองได้ชัด

"ฉันกลับแล้วนะ อย่าลืมปิดไฟด้วย เดี๋ยวเช้ามาพี่เข็มวีนอีก ฉันขี้เกียจฟังชีบ่น"

เสียง 'เม้' AE (Account Executive) สาวหมวยร่างเล็กในชุดเดรสเข้ารูปสีเข้ม ทักขึ้นขณะที่สะพายกระเป๋าเตรียมออกไปจากออฟฟิศ

อินพยักหน้าแบบขอไปที ไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำ เขาได้ยิน แต่สมองไม่ได้ประมวลผลมากกว่านั้น เขาเป็นแบบนี้เสมอ—คนนิ่ง ๆ ขรึม ๆ มึน ๆ หลงทางอยู่ในความคิดของตัวเองเกินครึ่งวัน คนที่อาจดูเหมือนเบลอโลก แต่จริง ๆ แล้วกำลังมองลึกเข้าไปในบางสิ่งที่คนอื่นมองข้าม

ไฟเพดานในออฟฟิศยังคงสว่างจ้า โต๊ะของอินรกแต่ไม่ถึงขั้นระเกะระกะ มีสติกเกอร์โพสต์อิทแปะไว้บนจอมอนิเตอร์ ลายเส้นดินสอหลายแผ่นวางทับซ้อนกันดูไม่เป็นระเบียบ ถึงคนอื่นจะมองว่ามันวุ่นวาย แต่คนในทีมรู้ดี—ในความยุ่งเหยิงนั้น อินมีระบบของเขาเอง และในความไม่เป็นระเบียบที่ใครไม่เข้าใจ อินกลับโฟกัสได้ดีที่สุด

หลังจากเม้เดินออกไป เสียงประตูเลื่อนอัตโนมัติก็ปิดลงตามหลัง ทิ้งให้อินอยู่กับความเงียบที่เขาคุ้นเคยดี

เขาพิงหลังกับพนักเก้าอี้ ยกมือขึ้นลูบหน้าช้า ๆ เหมือนจะเคาะตัวเองให้หลุดจากหมอกในหัว แล้วสายตาก็เหลือบขึ้นไปยังหน้าต่างบานสูงที่กินพื้นที่เกือบชิดเพดาน

จากชั้น 17 ฝั่งตะวันตกที่เขานั่งอยู่ อินมองเห็นอีกด้านของตึกได้ชัดเจน อาคารสำนักงานแห่งนี้ออกแบบเป็นรูปตัว U—แต่ละปีกจึงหันหน้าเข้าหากัน ราวกับกำลังเฝ้าสังเกตกันอยู่เงียบ ๆ

แสงส้มจากถนนด้านล่างสะท้อนบนผิวกระจกของตึกฝั่งตรงข้าม ทำให้ทั้งอาคารดูเหมือนฉากจำลองในกล่องไฟ ไม่มีใครเดินผ่าน ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดมา มีเพียงแสงไฟบางดวงที่กะพริบแผ่วเบา คล้ายลมหายใจของเมืองที่ยังไม่หลับ

ในความเงียบของตึกแทบทั้งหลังนั้น มีห้องหนึ่งที่ยังคงสว่างอยู่เป็นประจำหลังห้าทุ่ม—มุมตะวันออกของชั้น 17 หน้าต่างบานใหญ่เผยให้เห็นแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และเงาร่างของใครบางคนที่ยังนั่งอยู่หลังโต๊ะ

อินไม่เคยเห็นหน้าเขาชัด ๆ เห็นแค่เงาร่างหลังกระจกฝ้าที่สะท้อนแสงจากจอคอมในเวลากลางคืน รู้แค่ว่าเขาเป็นผู้ชายร่างสูง อาจจะสูงกว่าอินด้วยซ้ำ รูปร่างสมส่วนเหมือนคนที่ดูแลตัวเองสม่ำเสมอ เขามักใส่เชิ้ตสีขาว แขนพับถึงข้อศอก และใส่แว่นสายตากรอบบางที่สะท้อนแสงจอในบางมุม

เขานั่งตรงหลังเป๊ะ ไม่เอน ไม่งอ เหมือนคนที่มีวินัยในตัวเองโดยไม่ต้องอธิบาย แค่ท่านั่งกับจังหวะที่หยิบจับของ ก็ทำให้อินรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเร่งรีบ และถึงจะมองจากไกล ๆ แต่ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวในกรอบหน้าต่างฝั่งตะวันออก อินก็จำได้ทันทีว่าเป็นเขาคนเดิม

อินไม่รู้ว่าฝั่งนั้นคือบริษัทอะไร ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำงานตำแหน่งไหน ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยเดินสวนกันในลิฟต์หรือเปล่า รู้แค่ว่าคนคนนั้นมักจะอยู่ตรงนั้น—ดึก ๆ แบบนี้เสมอตลอดเวลาระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

เหมือนเพื่อนร่วมกะกลางคืน...ที่ไม่รู้จักกันเลยสักนิด

และสำหรับอิน แค่นั้นก็พอแล้ว ในคืนที่โลกทั้งใบดูหม่นและไม่เข้าใจเขา อย่างน้อยยังมีอีกคนหนึ่ง ที่ยังไม่หลับและกำลังพยายามอยู่เหมือนกัน…



ชายในเสื้อเชิ้ตขาวลุกจากเก้าอี้ ยืดตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังโต๊ะกาแฟกลางออฟฟิศ—มุมที่บริษัทสตาร์ตอัปสมัยใหม่มักจัดไว้เป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์มากกว่าเพื่อความจำเป็นจริง ๆ

เขาถอดแว่นกรอบใสออก ลูบเปลือกตาด้วยปลายนิ้วอย่างคนที่จ้องหน้าจอมานาน ความล้าเริ่มก่อตัว แต่ดูเหมือนเขาจะชินกับมันดีแล้ว

ตุนท์ หรือ 'ตุน' วัย 26 ปี เพิ่งเริ่มงานในบริษัทโลจิสติกส์สตาร์ตอัปได้เดือนกว่า ๆ เขาทำหน้าที่เป็น SI (System Integrator) รับผิดชอบการเชื่อมต่อระบบภายในบริษัท ตั้งแต่การประสาน API กับระบบพาร์ตเนอร์ ไปจนถึงการดูแลโครงสร้างหลังบ้านให้ทำงานต่อเนื่องโดยไม่สะดุด

งานของเขาไม่ได้มีเวลาเข้าออกชัดเจน เพราะระบบที่ดูแลต้องออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง การอัปเดตใด ๆ จึงมักถูกเลื่อนมาทำตอนกลางคืน—ช่วงที่ไม่มีลูกค้าใช้งาน เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบ

ชีวิตของเขาจึงสวนทางกับคนทั่วไป กลางวันเรียนปริญญาโทด้าน Data Science ค่ำถึงดึกคือเวลาทำงานที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเบื้องหลังบริการที่ลื่นไหลคือการนั่งเฝ้าจอคนเดียวเงียบ ๆ อย่างนี้

ตุนเป็นหนุ่มตี๋ผิวแทนบ่มแดด แต่ถ้าถอดเสื้อเมื่อไหร่ จะเห็นชัดว่าผิวจริง ๆ ของเขาขาวจัดตามแบบฉบับลูกครึ่งไทย-จีน ใบหน้าคมคายได้รูป ชวนให้นึกถึงนักกีฬาทีมชาติเกาหลี ดวงตาเรียวคมซ่อนอยู่หลังแว่นกรอบใสที่เขาใส่ติดหน้าเป็นประจำ ทั้งที่สายตาไม่ได้สั้นขนาดนั้น

รูปร่างสูงสมส่วน ไหล่กว้าง กล้ามเนื้อแน่นจากการเล่นบาสเกตบอลมาตั้งแต่สมัยมหา’ ลัย แต่ท่าทางกลับดูสบาย ๆ ไม่รีบร้อน เหมือนคนที่ไม่คิดอะไรมาก แต่อะไรบางอย่างในสายตากลับบอกเป็นนัยว่า…เขาอาจจะคิดมากกว่าที่เห็นก็เป็นได้

เขาดูมีพลังเมื่ออยู่ในกลุ่ม—พูดเร็ว ขำง่าย และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่พออยู่คนเดียว เขากลับเงียบจนน่าประหลาด คล้ายมีสวิตช์ที่ดับตัวเองลงทันทีที่เสียงรอบข้างจางหาย เขาจะกลายเป็นอีกคน—สุขุม เงียบขรึม และมักหมกมุ่นอยู่กับรายละเอียดเล็กน้อย แม้แต่ตอนกดน้ำร้อนใส่ซองกาแฟธรรมดา ๆ ก็ยังดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรลึก ๆ อยู่ตลอดเวลา

ยังไม่กลับเหมือนกันสินะ

ตุนเหลือบมองไปยังฝั่งตะวันตกของตึก ที่นั่นมีโต๊ะทำงานตัวหนึ่งซึ่งเปิดไฟค้างอยู่เสมอยามดึก เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำงานกะกลางคืนเหมือนกัน หรือแค่เป็นคนบ้างานที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง—แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นแบบไหน มันก็ทำให้ตึกกระจกฝั่งนั้นดูไม่เดียวดายจนเกินไป

ตุนจิบกาแฟไปเรื่อย ๆ พลางไถโทรศัพท์อ่านข่าวสารตั้งแต่เศรษฐกิจ การเมือง ไปจนถึงข่าวดาราทะเลาะกันในแอป X เขาไม่รู้ว่ากาแฟหรือดราม่าทำให้ตาสว่างมากกว่ากัน แต่ก็ช่วยได้พอสมควรในคืนยาว ๆ แบบนี้

พอว่าง เขาก็กดเข้าแชทส่งข้อความหาพี่สาว

“พี่ตาล วันนี้ตุนดึกเหมือนเดิมนะ ล็อกบ้านได้เลย”

“อีกแล้วเหรอ หางานใหม่มั้ย?”

“ตุนหาเงินเรียนเอง จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ตาลไง จะได้มีเงินให้พี่ไปตามติ่งน้องโดฮุนไง”

“ฉันจะติ่งใครมันก็เรื่องของฉันย่ะ กลับถึงบ้านแล้วไลน์บอกด้วย ถ้าหิว ในตู้เย็นมีข้าวผัดกับไข่ดาว แต่ถ้ายังไม่อิ่ม พี่มี—”

“พอแล้วคร้าบแม่ ตุนกลายเป็นหมูพอดี 555 ไปนอนได้แล้ว ไป๊”


ตุนโตมากับ 'ตาล' หลังพ่อแม่เสียตั้งแต่ยังจำความไม่ค่อยได้ ถึงจะอายุห่างกันแค่สี่ปี แต่ผู้หญิงคนนี้กลับต้องแบกชีวิตสองคนไว้คนเดียว สำหรับตุน เธอไม่ใช่แค่พี่สาว แต่คือ ‘บ้าน’ คือทุกอย่างที่หลงเหลืออยู่ เขาไม่ค่อยพูดคำว่ารัก แต่ทุกการเลือกของเขาก็มีเธอเป็นเหตุผลเสมอ

เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมแชทเด้งขึ้นอีกครั้ง

“ตูนจ๊ะ พี่ฝากดู Log ให้คุณเก้งหน่อย เขาโทรมาเมื่อกี้ว่าระบบมันค้าง”

ข้อความจาก ‘พี่เมย์’ PO ควบ PM (Product Owner และ Project Manager) สาวโหดประจำทีมที่ถึงเขาจะบอกไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า ‘ตุน’ ไม่ใช่ ‘ตูน’ แต่ดูเหมือนเรื่องการจำชื่อคนน่าจะไม่ใช่จุดแข็งของพี่เมย์นัก โดยเฉพาะเมื่อมีบั๊กคาอยู่กลางดึกกับลูกค้าสายไฟแรงสูงอย่างคุณเก้ง

ตุนถอนหายใจ ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มจนหมด—เย็นชืดไปแล้วแต่ก็ยังพอช่วยให้ตาไม่ปิด เขาวางแก้วลง กลับไปนั่งที่โต๊ะ เปิดหน้าจอ ไล่เปิดเทอร์มินัล ขมวดคิ้วขณะเริ่มไล่ดู Log บรรยากาศในห้องยังคงเงียบ มีแค่เสียงพัดลมจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่มุมห้อง

ดูท่าคืนนี้จะยังไปไม่ถึงคำว่าเข้านอนอีกพักใหญ่

แสงจากจอคอมพิวเตอร์ฝั่งตรงข้ามสะท้อนผ่านกระจกตึกขึ้นมาอ่อน ๆ พอให้รู้ว่ายังมีใครอีกคนที่ยังไม่นอนเหมือนกัน—ทิศเดิม โต๊ะเดิม แสงไฟดวงเดิมที่เปิดค้างไว้เสมอ

กระจกฝั่งตะวันตกนั้นอยู่ห่างออกไปพอสมควร แต่ก็ใกล้พอจะมองเห็นเงาร่างเลือน ๆ ของใครบางคนที่ยังนั่งอยู่หลังโต๊ะ

ไม่มีบทสนทนา ไม่มีชื่อ ไม่มีแม้แต่เหตุผลว่าทำไมต้องมองหา แต่สำหรับตุน การเห็นแสงไฟที่โต๊ะนั้น ยังเปิดอยู่ในคืนแบบนี้ ก็พอให้รู้สึกว่าตึกทั้งหลังไม่ได้ว่างเปล่าเกินไป เหมือนเป็นเพื่อนร่วมงานที่ไม่รู้จักชื่อ— เงียบแต่ซื่อตรง ไม่ทิ้งกันไปก่อน



อินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูนาฬิกา—01.45 น. งานคืบหน้าไปได้ราว 30% แต่ท้องของเขาเริ่มส่งเสียงร้องแข่งกับเสียงแอร์ในออฟฟิศอย่างไม่มีใครยอมใคร ดูท่าคืนนี้คงต้องฝากชีวิตไว้กับร้านสะดวกซื้อชั้น G อีกตามเคย

เขากดลิฟต์ลงไปทั้งที่สมองยังครุ่นคิดเรื่องงาน สองตาเริ่มพร่าเพราะแสงหน้าจอ แต่ความหิวก็พาให้สติกลับมาจับอยู่ที่ปัจจุบันชั่วคราว อย่างน้อยก็พอมีแรงประคองตัวไปถึงร้านสะดวกซื้อก่อนที่จะเป็นลมคาโต๊ะทำงาน

ลิฟต์จอดสนิทในชั้นล่าง ไม่มีใครเลยนอกจากพี่รปภ. ที่นั่งหลับสัปหงกหลังเคาน์เตอร์ อินพยายามเดินเบาเท่าที่จะทำได้—พี่เขาคงล้าพอ ๆ กับเขา

ไฟในร้านสะดวกซื้อยังเปิดสว่างเหมือนเดิม กลบความเงียบของทั้งตึกด้วยเสียงทักทายจากพนักงานสาวที่ยังคงสดใสเกินเวลา อินพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ แล้วเดินตรงไปยังชั้นวางของ

ข้าวปั้นสามเหลี่ยม เยลลี่สตรอเบอร์รี่ เครื่องดื่มชูกำลังสองขวด—หนึ่งให้ตัวเอง อีกหนึ่งเผื่อให้พี่รปภ. ที่คงต้องอยู่กันยาว ๆ อีกหลายชั่วโมง

“รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยคะ?”

ประโยคเดิม ๆ จากพนักงานสาวหน้าใส อินส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ทั้งหมด 65 บาทค่า—”

มือเขาควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงแล้วก็หยุดไปชั่วครู่ อ้าว...ไม่อยู่ เขาลืมหยิบมันลงมาด้วย—โคตรหิวแต่โคตรพลาด

“เอ่อ...ฝากไว้ก่อนได้มั้ยครับ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาโทรศัพท์—”

เขาพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง

“ไม่เป็นไรครับ ใช้ของผมสแกนก็ได้”

อินหันกลับไป ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวยืนอยู่ไม่ไกลนัก รอยยิ้มของเขาไม่ได้หวือหวา แต่กลับดูเป็นมิตรอย่างประหลาด คนแปลกหน้าในร้านสะดวกซื้อในเวลาเกือบตีสอง

ไม่มีคำพูดฟุ่มเฟือย ไม่มีท่าทีรีบร้อน มีแค่แววตานิ่ง ๆ กับความใจดีที่ยื่นมาแบบไม่ต้องมีคำอธิบาย

“มะ...ไม่เอาครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาโทรศัพท์ก็ได้ แป๊บเดียวเอง”

อินปฏิเสธทันทีพร้อมโบกมือประกอบคำพูด แล้วรีบเดินออกจากร้านไปกดลิฟต์โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไร เขาอายจนอยากแทรกตัวลงไปในรอยกระเบื้อง อะไรคือหิวจนลงมาซื้อของแล้วลืมหยิบโทรศัพท์วะ

หน้าเขาร้อนผ่าว เหมือนคนเพิ่งโดนแสงแฟลชสาดใส่กลางดึก หมดกัน...ภาพลักษณ์หนุ่มสุดเท่ ลุ่มลึก ที่ใคร ๆ ในออฟฟิศชอบแอบมองเขาตอนยืนขรึมเวลารอหน้าลิฟต์

ไม่ถึงห้านาที อินกลับลงมาถึงหน้าร้านอีกครั้ง พร้อมโทรศัพท์ในมือ เขาก้าวเข้าไปด้วยท่าทีมั่นใจขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อย...จะได้จ่ายเองให้จบ ๆ

แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก พนักงานสาวก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า

“ไม่ต้องแล้วพี่ พี่ผู้ชายคนนั้นเขาจ่ายให้หมดแล้วค่ะ บอกว่าไม่ต้องคืน”

อินชะงัก หันขวับไปมองรอบร้านอย่างอัตโนมัติ แต่แน่นอน...ผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว ไม่มีแม้แต่เงา มีเพียงกลิ่นกาแฟอ่อน ๆ และอากาศที่ยังอุ่นอยู่ในจุดที่เขาเคยยืน

อินรับของมาเงียบ ๆ ใบหูยังร้อนผ่าวไม่หาย รู้ตัวอีกที เขาแอบวางขวดเครื่องดื่มชูกำลังให้พี่รปภ. อย่างเบามือ ก่อนเดินกลับขึ้นลิฟต์พร้อมถุงจากร้านสะดวกซื้อ

ความสงสัยในหัวของอินยังค้างคาอยู่ตลอดทางขึ้นลิฟท์ไปชั้น 17 ฝั่งตะวันตก เขามองไปที่ถุงในมือ สัมผัสที่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ความใจดีแบบธรรมดา แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ดูพิเศษเกินกว่าจะเป็นแค่การช่วยเหลือในยามหิวในร้านสะดวกซื้อช่วงดึก

อินนั่งลงที่โต๊ะทำงาน มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนจะเริ่มงานใหม่ แต่ก็ยังรู้สึกค้างคา

“ใครวะ…” เขาพึมพำกับตัวเอง

อินหยิบข้าวปั้นสามเหลี่ยมออกมาจากถุง ทันใดนั้นก็มีกระดาษโน้ตใบเล็กหล่นออกจากจากถุงที่เขานำกลับมา มือของอินหยิบมันขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก่อนจะเปิดดูข้อความสั้น ๆ ที่เขียนไว้ด้วยลายมือที่อ่านยากชิบหาย

กินให้อร่อย ท่าทางคืนนี้คงจะยาวพอ ๆ กัน

อินหรี่ตามองข้อความนั้น ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่รู้จะเรียกว่าคืออะไรก็เริ่มแทรกเข้ามาทีละนิด เขาพับกระดาษเก็บลงกระเป๋าเสื้ออย่างเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนยังไม่แน่ใจว่าควรรักษามันไว้ทำไม

…โอเค ถ้าเขียนหนังสือได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผีวะ (แล้วผีที่ไหนมันจะสแกนจ่ายเงินได้วะ)

เขาไถลตัวนั่งลงที่เก้าอี้ ทำท่าเหมือนจะเริ่มงานต่อ แต่สายตากลับจ้องหน้าจอแบบว่างเปล่า สมองดื้อด้านกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ข้อมูลที่ไหลผ่านหน้าจอไม่ได้เข้าหัวเลยแม้แต่นิด

เพราะอยู่ดี ๆ มันก็มีประโยคเดียวที่วนอยู่ในหัวไม่หยุด

ท่าทางคืนนี้คงจะยาวพอ ๆ กัน

อินขมวดคิ้วเหมือนอยากจะหยุดคิด แต่สมองไม่ฟัง เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

จะยาวอะไรกันนักหนาวะ…

อินทนิลปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอีกพักใหญ่ ก่อนจะรีบพยายามสะบัดความสงสัยออกไปแล้วกลับมาจริงจังกับงานที่ต้องทำ แต่นั่น...มันก็เหมือนกับการจะพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่อยากคิด แต่กลับยิ่งทำให้มันวนเวียนอยู่ในหัวมากขึ้น

ออฟไลน์ monosapien

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [นิยาย] THE LATE LIGHT 17: ตอนที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ12-07-2025 15:22:38 »

ตุนยืนกอดอกพิงลิฟต์ในขณะที่มันกำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้น 17 ฝั่งตะวันออกแต่ใบหน้าของเขากลับประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ห้ามไม่ได้

ทำหน้าเหวออะไรขนาดนั้น คนอะไรวะโคตรขาว...พอหน้าหูแดงเลยเห็นชัด เขาพึมพำกับตัวเองพลางหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดูในความเขินเกินเหตุของคนแปลกหน้าคนนั้น

แต่พอคิดไปคิดมา ตุนก็เริ่มงงกับตัวเองนิด ๆ ว่าเขายิ้มให้กับผู้ชายที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกทำไมกันนะ? เขาไม่ใช่คนที่ยึดติดกับเพศอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็มีทั้งผู้หญิง ผู้ชายวนเวียนเข้ามาให้ความสนใจอยู่บ้าง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป

มันไม่ใช่แค่เพราะอีกฝ่ายหน้าแดง หรือเพราะท่าทางเหวอ ๆ แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างในแววตา สีหน้า หรือแม้แต่ความพยายามเก็บอาการเขินที่ดูซื่อ ๆ แบบนั้น มันชวนให้รู้สึกว่า...น่ารัก

น่ารักในแบบที่ไม่ได้ตั้งใจจะน่ารักด้วยซ้ำ

โอเค...คืนนี้คงยาวจริง ๆ ว่ะ ตุนพึมพำพลางยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นของเขา

ตุนมองผ่านกระจกไปยังฝั่งตะวันตกที่ยังมีแสงไฟส่องสว่าง ชายหนุ่มในชุดดำยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน หัวก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับจอคอมพิวเตอร์ท่ามกลางกองงานที่ดูไม่มีทีท่าจะจบ ตุนเห็นเขาขยับตัว หยิบมือมาขยี้ผมแรง ๆ อย่างคนที่กำลังเหนื่อยใจ หรือไม่ก็หงุดหงิดอะไรบางอย่าง

แล้วทันใดนั้น...เขาก็หายไปหลังจอคอมพิวเตอร์—แบบที่ดูแล้วไม่ใช่การลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่เหมือนคนที่ถอดใจแล้วเอาหัวฟุบลงกับโต๊ะ

ตุนยืนนิ่งมองผ่านกระจกไปยังโต๊ะฝั่งตรงข้ามที่ตอนนี้ไม่เห็นการเคลื่อนไหวเลยสักนิด ในห้องนั้นไม่มีเสียงรบกวนใด ๆ นอกจากเสียงแอร์ที่ดังเบา ๆ เขาคิดถึงครั้งล่าสุดที่ได้เจอชายหนุ่มในชุดดำคนนั้น—ตอนที่เขาจ่ายเงินให้ในร้านสะดวกซื้อไม่นานมานี้

คนเดียวกันแน่ ๆ

ตุนหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงหัวเราะของเขากลับมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สงสัยเขาคงจะเริ่มสนใจชายหนุ่มในชุดดำฝั่งตรงข้ามแล้วสินะ

เขาขยับตัวกลับไปนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ท่าทางจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คืนนี้ของเขายาวขึ้นอีกหน่อย จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้หงุดหงิดหรือเครียดกับงานเหมือนเคย ความคิดเกี่ยวกับชายหนุ่มในชุดดำกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเกิดขึ้นในชีวิตเขา

แต่มันจะเป็นแค่ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นจากความเหงาหรือเปล่า? ตุนไม่ได้รู้คำตอบ แค่รู้สึกว่าผ่านคืนนี้ไป...ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป



อินสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น กรอบหน้าจอสว่างวาบในความมืด เขารีบคว้ามันขึ้นมากดรับสาย โดยไม่ทันได้ดูชื่อปลายสายให้ดี

“แหม นึกว่าจะไม่รับสายเกลแล้ว” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากอีกฝั่ง อินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ครับ” อินตอบสั้น ๆ น้ำเสียงอ่อนล้า

“เกลมาเที่ยวร้าน Late Bar ใกล้ ๆ ออฟฟิศอินเลย กลับด้วยกันมั้ย?”

อินเหลือบมองกองเอกสารบนโต๊ะ หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ยังเปิดค้างไว้อยู่และนาฬิกาที่บอกเวลาว่าเกือบเที่ยงคืน

“ไม่เป็นไร ผมน่าจะอีกสักพัก”

“เดี๋ยวเกลไปนั่งรอเป็นเพื่อนก็ได้นะ” เสียงเกลฟังดูอ่อนหวาน แต่สำหรับอิน มันกลับฟังดูหนักอึ้ง

อินหลับตาลงครู่หนึ่ง สูดหายใจลึก ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามรักษาระยะห่าง

“เกล...เราเลิกกันไปแล้วนะ อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวคนใหม่ของเกลจะเข้าใจผิด”

อีกฝั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“แต่เกลยังรู้สึกดีกับอินอยู่นะ เกลว่า—”

“ผมขอกลับไปทำงานต่อก่อนนะ” อินรีบตัดบทอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดตัดสายไปทันที

เขานั่งนิ่งอยู่สักพัก จ้องมองชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังคงสว่างขึ้นมาเป็นระยะ ๆ —เกลโทรมาอีกครั้ง อินไม่กดรับ เขาปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแล้วค่อย ๆ เงียบหายไป

แต่คำพูดของเกลยังคงวนเวียนอยู่ในหัว “เกลยังรู้สึกดีกับอินอยู่นะ” คำพูดธรรมดา ๆ ที่ทิ้งร่องรอยไว้ในใจเขา ไม่ใช่เพราะหวั่นไหว...แต่เพราะไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกับมันดี

อินเอนหลังไปกับพนักเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นมองเพดาน แสงไฟนีออนสลัว ๆ ทำให้ห้องดูเงียบเหงาและว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม

“ดึกขนาดนี้แล้วเหรอ…” เขาพึมพำกับตัวเอง รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าจากการทำงาน อาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวที่ถ่วงเขาไว้ในตอนนี้…

02.44 น. บนหน้าจอแจ้งเวลา เขาควรกลับห้องได้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้สึกพร้อมจะลุกไปไหน สายตาเขาเหลือบออกไปนอกหน้าต่าง ฝั่งตรงข้ามของตึกยังมีแสงสว่างส่องออกมาอยู่ ชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตขาวยังนั่งอยู่ที่เดิม เอาแว่นคาดไว้เหนือหัว สีหน้าดูครุ่นคิด หยุดพิมพ์ไปพักหนึ่งเหมือนกำลังติดอะไรบางอย่าง

อินมองเขานิ่ง ๆ รู้สึกเหมือนเห็นภาพนี้มาก่อน ใช่...หน้าคุ้น ๆ เหมือนคนที่จ่ายเงินให้เขาในร้านสะดวกซื้อเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว

ความอยากรู้อยากเห็นค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ แบบที่เจ้าตัวก็ยังแปลกใจ อินทนิลไม่ใช่คนชอบสอดรู้ แต่คืนนี้กลับมีบางอย่างผิดปกติไปนิดหน่อย

เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดกล้องโดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายภาพอะไรจริงจัง ก็แค่อยากเห็นให้ชัดกว่านี้อีกหน่อย...แค่นั้นเอง

นิ้วโป้งแตะบนหน้าจอเบา ๆ ซูมเข้าไปช้า ๆ ภาพตรงหน้าขยายขึ้น ชายคนนั้นนั่งเอนพิงเก้าอี้ มือข้างหนึ่งแตะอยู่แถวขมับ สีหน้าดูเหนื่อย ๆ แล้วก็หายกลับไปหลังจอมอนิเตอร์ เหมือนเพิ่งนึกอะไรได้

อินขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองเบา ๆ

“...ใช่คนเดียวกันปะวะ”

เขายังคงเพ่งมองหน้าจอเหมือนกำลังต่อจิ๊กซอว์ในหัวช้า ๆ แบบคนที่ยังไม่แน่ใจ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีแสงวาบจ้าสะท้อนกลับมาเข้าตาเขาเอง

แฟลช…

อินกะพริบตาปริบ ๆ ก้มมองโทรศัพท์ในมือตัวเองด้วยสีหน้างง ๆ เหมือนใช้เวลาไปสองวินาทีในการประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้น

“อ้าว…” เขาอุทานเบา ๆ อย่างมึน ๆ พร้อมถอนหายใจในลำคอ

“ลืมปิดแฟลชอีก…”

เขาก้มหน้าก้มตากดปิดหน้าจออย่างเงียบ ๆ แล้วก็แอบมองไปที่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้งแบบเนียน ๆ แน่นอน อีกฝ่ายหันมาพอดี

อินนิ่ง ไม่ไหวติงนั่งตัวตรงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจเต็มไปด้วยความเงิบที่ไม่ได้แสดงออก เขาคิดว่าคงไม่มีใครสังเกต แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สายตาก็ประสานเข้ากับอีกฝ่ายพอดี

ชายหนุ่มในเชิ้ตขาวฝั่งตรงข้าม กำลังยิ้มให้เขาอยู่เงียบ ๆ จากหลังบานกระจก

อินขมวดคิ้วนิด ๆ มองกลับไปแบบนิ่ง ๆ คล้ายจะถามว่ายิ้มทำไมวะ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขายังคงนั่งอยู่ท่าเดิม ไม่ไหวติง ใบหน้าแทบไม่มีแววอะไรชัดเจน นอกจากความเบลอจากความง่วง และความไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็น

อือ...ก็คล้ายอยู่นะ

เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ สายตายังไม่ละไปจากหน้าต่าง เหมือนสมองยังวนเวียนอยู่กับคำถามเดิม—ผู้ชายคนนั้นใช่คนเดียวกับในร้านสะดวกซื้อหรือเปล่า

แต่มันก็ไม่ง่ายเลยสำหรับคนอย่างอินทนิล ความสามารถในการจำหน้าใครต่อใครได้แม่น ๆ ไม่เคยอยู่ในรายการความถนัด ต่อให้เป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากันตอนกลางวัน ยังเผลอลืมได้ในเวลาแค่ข้ามคืน

เขาหลุดยิ้มบาง ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เพราะเขารู้คำตอบ แค่รู้สึกว่า...ก็แปลกดี

แต่ก่อนที่ความคิดของเขาจะไหลไปไกลกว่านั้น ร่างกายก็เตือนกลับมาด้วยความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้—เขาง่วง พรุ่งนี้มีประชุมตอนสิบโมงเช้า ถึงเวลากลับห้องแล้วจริง ๆ

อินลุกจากเก้าอี้ ปิดหน้าจอ ปิดไฟ ห้องทั้งห้องมืดลงทันที เขาเพิ่งจะก้าวแรกออกจากประตู ก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารไว้ในลิ้นชัก มือเอื้อมกลับไปเปิดสวิตช์ แสงไฟสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง

ในจังหวะเกือบจะพอดี ห้องฝั่งตรงข้ามก็กะพริบไฟ—ปิดแล้วเปิด เหมือนกำลังส่งสัญญาณบางอย่างกลับมา อินชะงักไป ยืนมองแสงที่กลับมาสว่างเงียบ ๆ ไม่มีใครอยู่ตรงหน้าต่าง แต่จังหวะมัน...เป๊ะเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ

เขาไม่แน่ใจว่าใครเริ่มก่อน แต่ตอนนี้มันชัดเจนว่าเขากำลังเล่นอะไรบางอย่างกับใครสักคน ที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันเลย

อินยิ้มนิดหนึ่ง หยิบเอกสารออกจากลิ้นชักโดยไม่รีบ ก่อนจะปิดไฟอีกครั้ง

เขายืนนิ่งตรงประตู รออยู่เงียบ ๆ ไม่รู้ว่ากำลังรออะไร—หรือรอใคร แล้วมันก็เกิดขึ้น ไฟจากห้องฝั่งตรงข้ามดับ แล้วสว่างขึ้นอีกครั้ง

อินหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่แน่ ๆ คือมีใครบางคนกำลังคุยกับเขาอยู่จริง ๆ ผ่านไฟ กับความเงียบ กับระยะห่างที่ไม่มีคำพูด ไม่มีชื่อ



หลังจากแสงแฟลชวาบจากตึกฝั่งตะวันตก ตุนก็ชะงัก เขาเลิกคิ้วแล้วหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

อีกฝั่งเปิดกล้อง? ซูมดูเขา? หรือแค่อยากลองเล่นอะไรบางอย่างกันแน่?

เขาไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ คือเขากำลังยืนยิ้มอยู่กลางห้อง ทั้งที่อีกฝ่ายอาจจะไม่ได้ตั้งใจทำอะไรเลยก็ได้

เขาพิงขอบหน้าต่าง มองไปยังห้องฝั่งตรงข้ามเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง แล้วไฟฝั่งนั้นก็ดับลง เขาคิดว่าค่ำคืนนี้น่าจะจบแค่นั้น แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา แสงไฟก็กลับมาสว่างอีกครั้ง

ตุนหลุดขำในลำคอ มันเหมือนการส่งสัญญาณแบบไม่ต้องใช้คำพูด

เขาลองเอื้อมไปปิดไฟ แล้วเปิดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามจะเห็นไหม แต่เขาก็อยากตอบกลับอยู่ดี

เขายืนรอสักพัก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีไฟ ไม่มีเงาคน คิดไปเองหมดเลยมั้งเรา...เขาหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง

แต่ทันใดนั้น ไฟฝั่งตรงข้ามก็ดับ แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง ตุนยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนฝั่งนั้น...เข้าใจสัญญาณของเขาจริง ๆ เขาเกือบจะยกมือขึ้นโบกทักทาย แต่ก็นิ่งไว้ จะให้โบกมือใส่คนแปลกหน้า...มันก็แปลกอยู่นะ



อินยืนอยู่เงียบ ๆ ที่หน้าประตู ทำท่าจะกลับบ้านจริง ๆ คราวนี้ ก่อนจะหันกลับไปมองห้องฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง—ไฟยังเปิดอยู่ แต่ไม่มีเงาคนตรงหน้าต่าง เขายิ้มมุมปาก ยกมือขึ้นช้า ๆ แล้วปิดไฟห้องลง...หายไปจากกรอบหน้าต่างในพริบตา

ฝั่งตะวันออก ตุนยังยืนพิงกระจกอยู่อย่างลืมตัว เผลอเอนตัวแนบเข้าไปอีกนิด เหมือนอยากจะทะลุผ่านม่านบาง ๆ ไปให้ถึงอีกฝั่ง แต่สิ่งที่เห็นมีเพียงความมืดสนิท—เขาคิดว่าเกมเล็ก ๆ ระหว่างเขากับคนแปลกหน้าคงจบลงแล้ว

...แต่ไม่ใช่

กระดาษ A4 สีขาวถูกแปะขึ้นกับกระจกฝั่งตรงตะวันตก ข้อความสั้น ๆ เขียนด้วยหมึกดำ ตุนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างเร็ว รีบซูมเข้าไปอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะอ่านออก—แล้วเขาก็หลุดหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง

「 ว่างเหรอ เอาเวลาไปทำงานเถอะ 」

เรียบ ง่าย และตรงใจอย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่ใช่แค่ข้อความล้อเลียนจากคนแปลกหน้า แต่เป็นเหมือนคำเตือนจากใครสักคนที่รู้จักเขาดี ดีเสียจน...เขาไม่แน่ใจว่าเคยบอกอะไรแบบนี้กับใครหรือเปล่า

ตุนรีบคว้ากระดาษเปล่าจากกองงาน แต่อะไร ๆ ก็ดูจะเล่นตลกกันหมด หาเท่าไรก็หาปากกาไม่เจอ “ให้ตายเถอะ…” เขาบ่น พึมพำ แล้วรีบวิ่งไปโต๊ะพี่เมย์ หยิบมาร์กเกอร์สีดำกลับมาอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเขียนตอบกลับด้วยลายมือเร่งรีบแบบไม่คิดมาก

「 กินข้าวปั้นยัง? 」

มันดูไม่มีเหตุผลอะไรเท่าไหร่ แต่เขาก็แปะกระดาษนั้นไว้แนบกับกระจกฝั่งตะวันออก เงยหน้ามองความมืดที่ไม่มีใครอีกแล้ว ไฟฝั่งตะวันตกดับสนิท ไม่มีคนตรงหน้าต่าง ไม่มีคำตอบกลับ

แต่ตุนยังยืนนิ่งอยู่แบบนั้นอีกพักใหญ่...เหมือนจะเฝ้ารอ เหมือนจะหวัง เหมือนยังไม่อยากให้คืนนี้จบง่าย ๆ แบบนั้น

อินเดินลงจากตึกอย่างเงียบ ๆ พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ ลมเย็นของค่ำคืนพัดผ่านปลายผม เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

แสงไฟจากฝั่งตรงข้ามยังเปิดอยู่ เงาใครบางคนขยับผ่านหลังหน้าต่าง—ราง ๆ ไม่ชัดเจน แต่เขาไม่ได้พยายามเพ่งมองให้แน่ใจ

เพียงแค่ยิ้มมุมปาก...อย่างคนที่รู้ดีว่า อีกฝ่ายก็ยังอยู่

อินสวมหูฟัง เพลง Plastic Love ของ Mariya Takeuchi ค่อย ๆ ดังคลอขึ้นในความเงียบ จังหวะดนตรีกลิ่นยุค 80s ลอยกรุ่น เคลือบอากาศหนาวให้ดูละมุนกว่าที่ควรจะเป็น

เขายกคอเสื้อขึ้นนิด ปิดความเย็นที่แทรกซึมเข้ามาทีละน้อย ก่อนจะก้าวเดินช้า ๆ ไปตามลานจอดรถว่างเปล่า และค่อย ๆ หายลับไปในความมืดของค่ำคืน

...เหมือนไม่เคยอยู่ตรงนี้เลย

บนชั้น 17 ห้องฝั่งตรงข้าม ตุนยังคงยืนมองออกมาอยู่เงียบ ๆ เขาไม่ได้ยินเพลงที่อีกฝ่ายฟัง แต่ในวินาทีนั้น กลับรู้สึกว่าความเงียบมันเต็มไปด้วยเสียงอะไรบางอย่าง

บางอย่างที่เขา...อยากฟังอีกครั้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด