เช้าวันที่สอง
กบและน็อตเตรียมอาหารเช้าเอาไว้แล้ว
พวกเขาทั้งสี่คนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกันเงียบ ๆ
ทั้งน็อต กบ และสิงห์ ต่างรู้สึกว่า ช่วงเวลาอาหารเช้ามื้อนี้ มันมีค่ามาก
การที่ได้คนในครอบครัวกลับมานั่งกินข้าวพร้อมกันอีกครั้ง มันดีมากจริง ๆ
“เดี๋ยวป๊าจะพาไปดูที่ที่หนึ่ง”
ซินงง ว่าทำไมจู่ ๆ คุณสิงห์ก็เรียกตัวเองว่าป๊า
“ผมทราบดีว่า คุณคาดหวังว่า ผมจะเป็นคน ๆ นั้นของคุณ แต่ผมขอโทษจริง ๆ ผมจำอะไรไม่ได้เลย และผมก็อาจทำให้คุณผิดหวังที่ผมไม่ใช่คนนั้นของคุณ”
“ไม่เป็นไร ซินจะเป็นใครก็ได้ ซินอย่ากดดันเลย ยังไม่อยากเรียกผมว่า ป๊า ก็ไม่เป็นไร จะเรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้น แค่ผมรู้ว่าคุณอยู่ตรงนี้ คุณปลอดภัย มันก็ดีมากแล้ว”
ซินจ้องมองสิงห์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย เพราะในสายตาของสิงห์มันช่าง...
ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว มีความรู้สึกดีบางอย่างแล่นปราดไปทั่วทั้งตัว
และสุดท้าย ก็เขินจนไม่อาจทัดทานต่อสายตานั้นได้
ถ้ำ?
คุณสิงห์พาเขามาที่ถ้ำ ด้วยกันเพียงสองคน
ซินรู้สึกเหมือนมีภาพบางอย่าง แล่นไปมาอยู่ในหัว ภาพเหล่านั้นแว่บไปมา
มีใครสักคนบาดเจ็บที่นี่
ซินอยู่ตรงนั้นด้วย
ถึงภาพจะไม่ชัดเจน แต่ความรู้สึกกลัว ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ซินจำได้แม่น
ซินกลัวว่ากำลังจะสูญเสีย กลัวมากที่สุดในชีวิต
คน ๆ นั้นอาจกำลังจะตาย แล้วซินก็ได้แต่ภาวนา ว่าเขาจะไม่จากซินไป
“ซิน ซินครับ อย่าร้องนะ เราออกจากตรงนี้เถอะ ซินรู้สึกไม่ดีใช่ไหม” สิงห์พาซินออกมาจากถ้ำ
พวกเขาต้องลุยน้ำออกมา
เมื่อออกจากถ้ำได้แล้ว
ซินโผมากอดสิงห์เอาไว้แน่น กอดแบบที่สิงห์เองก็ยกมือขึ้นกอดตอบ
มันเป็นกอด ที่ซินรู้สึกว่า ซินจะต้องกอดคน ๆ นี้เอาไว้ให้แน่นที่สุด กอดให้ได้รับรู้ว่า เขายังอยู่ ยังไม่หายไปไหน กอดให้ได้ไออุ่น ๆ ของการมีชีวิตอยู่จากคนอีกคนหนึ่ง
และสิงห์เอง ก็กอดตอบด้วยความรู้สึกนั้น
ต่างกันแค่เพียง
ซินกำลังระลึกถึงความรู้สึกเมื่อหลายปีก่อนที่เขาเกือบตาย แต่สิงห์กำลังกอดเพื่อชดเชยความกลัวตลอดห้าดือนกว่าที่ผ่านมา
ตอนบ่าย
สิงห์พาซินกลับเข้ามาในบ้านแล้ว
ทั้งสองคน นั่งเล่นกันอยู่ที่เปลนอนหลังใหญ่ ที่แกว่งไกวไปมา
ซินยังรู้สึกติดค้างกับความรู้สึกเมื่อช่วงสาย ความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในถ้ำนั้น
ความกลัวแบบนั้น
เมื่อสิงห์ลุกขึ้นจากเปล ซินถึงกับลืมตัวคว้าชายเสื้อเอาไว้
“ไปไหน”
ซินคงไม่รู้ตัว ว่ากิริยาการกำชายเสื้อ แล้วเงยมองราวกับกลัวว่าจะถูกทิ้งเอาไว้นี่มัน...
น่าคว้าตัวมาจูบ มาฟัด เสียให้หนำใจ
สิงห์ถอนหายใจเบา ๆ ข่มความรู้สึกเหล่านั้น เขายังไม่อยากให้ซินตกใจแล้วเตลิดไป เขาอยากให้ซินไว้ใจเขามากกว่านี้อีกนิด
“ป๊าไปหยิบน้ำ ซินเอาอะไรไหม”
“ป๊า” อีกแล้ว
ซินพ่นลมออกจมูก แล้วส่ายหน้าน้อย ๆ
ค่ำวันนั้น
น็อตและกบทำบาร์บีคิวกินกัน
ซินรู้สึกสนุกกับการช่วยกันปิ้งย่าง แล้วก็แย่งกันกิน
สนุกและมีความสุขกับเสียงหัวเราะ
กับบรรยากาศแบบนี้
คุ้นเคย
ซินใช้คำนี้อีกแล้ว
กบและน็อตเติมไวน์ให้ซินตลอด
กี่แก้วแล้วนะ
แต่ซินรู้สึกว่า ซินคอแข็งพอสมควร
“พี่กบจะมอมซินเหรอ ระวังตัวเองจะเมาก่อนนะ คออ่อนอย่างนี้”
กบชะงัก แล้วยิ้มอย่างดีใจ
“มึงจำได้เหรอ มึงจำได้นี่ว่ากูคออ่อน”
ซินอึ้งไปนิด กระพริบตาเพื่อพยายามเรียกความทรงจำขึ้นมาอีก แต่สุดท้ายแล้วก็ส่ายหน้า
“ซินไม่ได้จำอะไรได้ มันพูดออกมาเอง เหมือนมันรู้อย่างนั้น แต่ไม่มากไปกว่านั้น”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องไปเค้นอะไรมัน รู้สึกยังไงก็พูดออกมา จำอะไรไม่ได้ก็ไม่ต้องไปฝืนคิด” น็อตปลอบ
ดึกของคืนวันนั้น
ซินไม่ได้เมา แต่ก็เกือบแล้วล่ะ
ยังเดินได้แต่ก็โงนเงนไปมา
ตอนนี้ซินนั่งอยู่บนเตียง
คุณสิงห์เดินมาหา คุกเข่าลง
เงยหน้ามองซิน
ยิ้ม แล้วไล้มือไปตามแก้มแดง ๆ นั่น
“ไปอาบน้ำไป จะได้นอนหลับสบาย”
ซินส่ายหน้า แล้วยิ้มแบบคนเมา
“ไม่อาบแล้ว จะนอนเลย”
“ไปอาบ ตัวมีแต่ขี้เกลือ”
“งั้นอาบให้หน่อย”
สิงห์กลั้นหายใจ
ถึงจะจำอะไรไม่ได้ แต่ก็ยั่วโดยไม่รู้ตัวว่ายั่วอยู่ตลอดเลยนะ
เขารอเวลานี้
เวลาที่จะได้เห็นเนื้อตัวของซิน
มันเป็นทางเดียวที่จะพิสูจน์ว่า
นี่ใช่เกมส์ของเขาจริง ๆ หรือเปล่า
เพราะไม่มีส่วนไหนในร่างกายของเกมส์ที่เขาไม่เคยเห็น
ไม่มีไฝฝ้า ตำหนิ ตรงไหน ที่สิงห์จะจำไม่ได้
“งั้นถอดเสื้อผ้าสิครับ” สิงห์กระซิบที่ข้างหูของซิน
เสียงของสิงห์เหมือนเป็นคาถา สะกดให้ซินทำตาม
ซินมองสิงห์อย่างเบลอ ๆ
“ชูมือขึ้นครับ”
ซินยกมือขึ้นอย่างว่าง่าย
เมื่อเสื้อหลุดออกจากหัวและแขนทั้งสองข้าง
ตาของสิงห์ก็ไม่ยอมฟังคำสั่ง มันเอาแต่จับจ้องอยู่ที่เรือนกายนั้น
ผอม
ขาว
เนียน
ขณะที่ตาของสิงห์จับจ้องอยู่ที่ตัวของซิน และตาของซินก็จับจ้องอยู่ที่สายตาของสิงห์อีกที
มือของซินยกขึ้นโอบตัวเองไว้
สิงห์จึงรู้สึกตัว
“ขอโทษ ลืมตัวน่ะ ไม่ต้องกลัวนะ ยังไม่ทำอะไรหรอก”
“ยัง? ถ้าอย่างนั้น ต่อไปอาจจะทำเหรอ”
“ครับผม ทำแน่นอน”
เป็นเพราะซินมึน ๆ หรือเปล่าไม่รู้ ทำให้ซินขำกับคำตอบนี้
“แต่ตอนนี้ ป๊าอยากขออนุญาต พิสูจน์อะไรบางอย่าง”
ซินเอียงคอ
“ใบหน้าเปลี่ยนไป แต่เนื้อตัวคงไม่ได้เปลี่ยนไปทั้งหมด ตำหนิตามร่างกายจะช่วยยืนยัน ว่าซินคือคนนั้นของป๊าหรือเปล่า”
ซินนิ่งคิด ท้ายสุดก็ตกลง
สิงห์จูงมือของซินเข้าไปห้องน้ำ
ปล่อยมือ แล้วหันไปจัดการเปิดน้ำและผสมสบู่ลงไป ตั้งใจวัดอุณหภูมิของน้ำให้อุ่นพอดี
เมื่อหันกลับมา
“โอ…
เห็นซินที่ยืนเปล่าเปลือยตลอดร่าง
“…เคแล้ว…”
สิงห์ตะลึง
“เอ่อ…” ซินทำเป็นนิ่งนานกว่านี้ไม่ไหว เพราะตัวของเขาก็เริ่มจะร้อนวูบ ๆ ด้วยความเก้อเขิน
สิงห์รีบหันหน้าหนี กัดฟันกรอด
“อย่ายั่วกันอย่างนี้ ไอ้ป่วน เดี๋ยวเถอะ เดินลงอ่างไปเลย”
สิงห์ทำเสียงเข้ม
แต่ซินอมยิ้ม
จ๋อม!
ซินนั่งลงไปในอ่าง
แหงนหน้ามองสิงห์เป็นทำนองว่า แล้วยังไงต่อ
“เกมส์มีขี้แมลงวันหกจุด ที่คอด้านซ้าย ใต้วงแขนขวา ข้างหลังสองจุด ขาอ่อนซ้ายด้านใน และก็แก้มก้นขวา”
ซินหลุบตาต่ำ เม้มปาก
“แล้ว?”
“เดี๋ยวถูสบู่ให้ แล้วขอดูไปทีละจุดนะ”
ซินพยักหน้า
สิงห์จึงก้าวขาลงในอ่างอาบน้ำทั้ง ๆ ที่ยังใส่เสื้อผ้าครบ
นั่งซ้อนด้านหลัง
กดสบู่เหลวจากขวด แล้วค่อย ๆ นวดวนไปตามแผ่นหลังช้า ๆ
เริ่มต้นนับตำหนิที่หาเจอ
“หนึ่ง สอง”
นวดขึ้นมาตรงต้นคอด้านหลัง
ซินเอียงคอด้านซ้ายให้สิงห์ได้มองเห็นได้ถนัด
“สาม”
สิงห์ถูสบู่วนรอบคอจากนั้นยกสองมือขึ้นบีบนวดหัวไหล่
“เอนตัวลงมาอีกครับ” สิงห์กระซิบแผ่ว
ซินจึงทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงบนอกนั้น
“ยกแขนนี้ขึ้นหน่อย” สิงห์ชี้ไปที่แขนขวา
เมื่อซินยกขึ้นสูง สิงห์ลูบฟองไปตามแขนนั้น จากปลายข้อมือเรื่อยลงมาตามใต้วงแขน
และแล้วก็อดใจไม่อยู่
กดจูบตรงขี้แมลงวันตำแหน่งที่สี่
ซินหายใจลึก แล้วนับแทน “สี่”
สิงห์ลูบวนสบู่มาที่ลำตัวด้านหน้า
อก
หน้าท้อง และ…
ซินต้องคว้ามือไว้
สิงห์แกล้งทำเสียงจิ๊จ๊ะ
“ชันขาซ้ายขึ้นครับ”
ซินเริ่มลังเล แต่แล้วก็ยอมชันขาขึ้น
“มองไม่เห็น” สิงห์กระซิบที่ข้างหูอีกแล้ว จนซินต้องหดคอหนี น้ำที่เต็มไปด้วยฟองสบู่บังขาอ่อนไว้
“นั่งบนนี้ได้ไหม” สิงห์ชี้มือไปที่ขอบอ่าง
สิงห์ต้องใช้ความอดกลั้นทั้งหมดที่มีกับภาพตรงหน้า
ซินที่นั่งบนขอบอ่าง เท้ามือไว้ด้านหลัง แล้วแยกขาออกเล็กน้อย
มัน…ทำให้จังหวะหายใจติดขัด
สิงห์ยังอยู่ในอ่าง ขยับแทรกตัวเข้าไประหว่างขาคู่นั้น
เกลี่ยมือไปที่ขานั้น
มือสั่น และใจก็สั่น
เขาเห็นแล้ว ยังอยู่ที่เดิม
มันเป็นตำหนิ ที่สิงห์แกล้งบอกผิดไป เพื่อดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้า แล้วดูเหมือนว่าตัวซินเองก็เลือกจะเงียบไว้ ไม่บอกสิ่งที่ถูกต้อง
รอยสักรูปเดียวกับที่ปรากฏบนหัวแหวนที่เขาเคยให้เกมส์
รูปสิงห์
น้ำตากลบดวงตาทั้งสองข้าง
สิงห์ต้องกระพริบตาเพื่อไล่มันไหลลงไป ภาพจึงชัดขึ้น
ชายหนุ่มตรงหน้าก็ร้องไห้เหมือนกัน
“ผมคิดว่าคงทำให้คุณผิดหวังเสียแล้ว ตอนที่คุณบอกว่า มันเป็นแค่ขี้แมลงวันตรงขาซ้าย”
สิงห์ยกมือขึ้นโชว์แหวนที่เขาใส่ติดนิ้วตลอดเวลาให้ซินดู
มันเป็นรูปเดียวกัน
จากนั้นสิงห์ก็จรดริมฝีปากลงตรงรอยสักนั้น เนิ่นนาน
แล้วกลับขึ้นมากอดซินเอาไว้แน่น
“กลับบ้านเราเสียทีนะเด็กดื้อ”
การอาบน้ำจบลงโดยที่สิงห์ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องตรวจตำหนิแห่งที่หก
“เก็บไว้ดูเมื่อถึงเวลา”
.
.
.
เช้าวันต่อมา
ตอนนี้กบกอดซินไว้แน่น แล้วยังคงร้องไห้ไม่หยุด ร้องไปด้วยยิ้มไปด้วย น็อตและสิงห์ปล่อยให้พี่น้องได้กอดกันเท่าที่พอใจ
ซินยังดูสับสน แต่ก็กอดตอบเสียแน่น
“ผมควรเรียกตัวเองว่ายังไง ผม เกมส์ หรือ ซิน ผม...จำอะไรไม่ได้เลย...ผมขอโทษด้วย”
“อยากเรียกตัวเองว่ายังไงก็เรียก จะเป็นเกมส์หรือซิน มึงก็เป็นคนในครอบครัวเรา” น็อตบอก
ตอนนี้ซินกำลังนั่งดูรูปถ่ายตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ที่กบเซฟเก็บไว้ในแท็บเล็ต
สิงห์เดินเข้ามา กอดที่เอวหลวม ๆ
“จำอะไรได้บ้างไหม”
ซินส่ายหน้า แล้วเลื่อนหน้าจอไปที่ภาพวันที่สิงห์กับเกมส์ฉลองวันครบรอบ
“ผมก็สวมแหวนแบบเดียวกับคุณเหรอครับ ผมจำไม่ได้เลย ป่านนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหนแล้ว”
“แหวนไม่สำคัญ คนสำคัญกว่า”
ซินดูกังวล
“เสียใจไหม ที่ผมจำอะไรไม่ได้เลย ที่บอกว่าเรารักกัน ผมก็จำไม่ได้”
“ความรัก ไม่ต้องจำหรอก แต่ต้องรู้สึก ตั้งแต่ซินอยู่กับป๊านี่ ซินรู้สึกยังไงบ้าง” สิงห์ยังไม่อยากเรียกซินว่าเกมส์เพราะไม่อยากกดดันหรือทำให้ซินรู้สึกว่าถูกบีบบังคับ
“ซินรู้สึกโล่ง เหมือนได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้จนสำเร็จ ตอนอยู่กับเจ็กเฟย ซินนอนไม่ค่อยหลับ มีเรื่องค้างคาในหัวตลอด แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอย่างนั้นแล้ว”
ซินยิ้ม และสิงห์ก็ยิ้มเช่นกัน
“แต่ว่า...”
ซินขบปาก อย่างลังเล
“ไม่ต้องกลัว อยากพูดอะไรก็พูด” สิงห์ปลอบ
“ซินไม่แน่ใจว่า ตัวของซิน...เอ่อ... ตามที่เจ็กเล่าให้ฟัง พวกเขาช่วยซินออกมาจากสถานที่แบบนั้น...”
ซินยังไม่ได้พูดอะไรต่อ สิงห์ก็ประกบปากลงมาอย่างนุ่มนวล เพียงแค่ริมฝีปากแตะ มิได้ล่วงล้ำ
“มันไม่สำคัญเลย จะผ่านอะไรมาบ้าง มันไม่สำคัญ ขอแค่ปลอดภัย ขอแค่กลับมา”
ซินมองสิงห์อย่างคนคิดมาก
“แล้วถ้าซินจำอะไรไม่ได้เลยตลอดชีวิต”
“ป๊าก็จะเริ่มจีบซินใหม่ ก็น่าสนุกดีนะ จะทำให้รักมากกว่าเดิมอีก คอยดู”
เป็นซินเอง ที่เงยหน้าขึ้น แล้วเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้สิงห์
ตาของซินกวาดมองใบหน้าของสิงห์ในทุกส่วน
ยกมือขึ้นลูบหนวดเครานั่น
ซินอธิบายความคิดถึงที่เกิดขึ้นได้ไม่หมด รู้แต่ว่าคิดถึงคน ๆ นี้มาก
แทนคำพูดทั้งหมด
ซินจึงแตะปากลงไปช้า ๆ
ซินงับริมฝีปากบนของสิงห์
และสิงห์ก็งับริมฝีปากล่างของซิน
จากช้ากลายเป็นเร็ว
จากแผ่วเบากลายเป็นหนักหน่วง
จากทีเล่นทีจริงกลายเป็นหิวกระหาย
เมื่อผละออกจากกัน
“ป๊าให้โอกาสซินคิด ถ้ายังไม่พร้อมซินต้องเดินออกไปตอนนี้ ไม่อย่างนั้น ต่อให้เช้าอีกวัน ซินก็จะไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย”
ซินหอบหายใจขณะสบตาของสิงห์ แล้วมองที่ริมฝีปากนั่นอีกครั้ง
“ซิน...อยากจูบ...อยาก...แต่ไม่แน่ใจว่า ซินยังดีพอที่จะได้มันหรือเปล่า.....อื้อ...”
สิงห์ใจร้อนเกินกว่าจะฟังให้จบ
“ในเมื่อพูดไม่เชื่อ ว่าอย่าคิดมาก งั้นมาดูกันที่การกระทำก็แล้วกัน ป๊าเตือนซินแล้วนะ คงถึงเวลาตรวจดูตำหนิแห่งสุดท้ายแล้ว”
สิงห์จัดการถอดกางเกงของซิน
“ยกสะโพกครับ”
สิงห์ดึงกางเกงทั้งสองชิ้นออกพร้อม ๆ กัน
ซินเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองเป็นกระต่ายบ้านที่ชักรู้สึกตื่นกลัวกับเรื่องตรงหน้า เมื่อสิงห์กำลังจะคว้าเอาส่วนนั้นของซิน
ซินจึงหุบขาและดึงเสื้อมาปิดเอาไว้
สิงห์ผละมือทั้งสองออก ยกมือขึ้นสูง ทำท่าเหมือนแสดงให้ดูว่าไม่มีอาวุธ แล้วถอยไปสองก้าว
“ป๊าจะรอให้ซินพร้อม จะไม่บังคับ ซินยังมีโอกาสปฏิเสธ”
ซินเม้มปาก มือยังดึงเสื้อลงมาปิด มองอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้น
แล้วสบตากับสิงห์ เห็นความหิวกระหาย แต่ก็เห็นความอ่อนโยนด้วย
จากนั้นมือก็คลายออก ยกปลายเสื้อที่ปิดไว้ขึ้น อ้าขาออกเล็กน้อย
สิงห์เดินก้าวเข้าใกล้ คุกเข่าลง จูบซับที่รอยสัก แล้วเคลื่อนปากไปทำให้ซินร้องครางอย่างหวามไหว
ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอน
สิงห์สัมผัสซินอย่างหิวกระหายแต่ก็ทะนุถนอม
ตลอดเวลา ซินร้อง และร้อง แต่เป็นเสียงร้องของคนที่หลงวนอยู่ในห้วงของความสุข
จนถึงตอนนี้ สิงห์ยังไม่ได้ถอดกางเกง
จู่ๆ สิงห์ก็ผละออกจากตำหนิแห่งสุดท้าย
ดึงซินให้ลุกขึ้นนั่งที่ปลายเตียง
มือของสิงห์ควานหาโทรศัพท์
“ฮัลโหล น็อต มึงเองเจลกับถุงมาส่งให้กูที เร็ว ๆ” สิงห์สั่งลูกชาย
ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีเสียงเคาะที่หน้าห้อง
สิงห์เอาผ้าคลุมตัวของซินไว้ ให้โผล่มาแต่หน้า แล้วเดินไปเปิดประตู
น็อตพยายามจะโผล่หน้าเข้ามา แต่ถูกสิงห์ดันประตูไว้
“รีบ ๆ ออกไป”
ซินได้ยินเสียงหัวเราะล้อเลียน ทำให้หน้าแดงก่ำ
สิงห์เดินกลับมาหยุดที่ปลายเตียง
จากนั้นดึงมือของซินมาวางที่ซิบกางเกง
“ถอดให้ป๊าหน่อย”
ซินทำตามด้วยมืออันสั่นเทา
แทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นขนาดของมัน
ทุกอย่างต่อจากนั้นมันมึนงง และรวดเร็ว
ซินรู้สึกเมา ยิ่งกว่าตอนกินเหล้า ในหัวไม่ทันได้คิดอะไร ความรู้สึกเหล่านั้นมาถาโถมเข้ามา
รู้ตัวอีกทีก็พบว่า สิงห์จ้องหน้าของตนอยู่
และบางอย่างก็จ้องอยู่ที่ตรงนั้นเช่นกัน
“ครั้งสุดท้ายครับซิน ป๊าให้โอกาสเลือกว่าจะหยุดหรือเปล่า” สิงห์คงกำลังใช้ความพยายามอย่างมากที่จะข่มความปรารถนานั้นไว้ก่อน เหงื่อซึมตามใบหน้า เล้นเลือดบางแห่งปูดโปน
คำตอบของซินคือการเคลื่อนสะโพกเข้าหา
จากนั้นเสียงร้องของซินก็ดังขึ้นอีก
ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด
มันเป็นจังหวะที่ซินรู้ว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อน
ภาพคล้าย ๆ กันผุดขึ้นให้ซินเห็น
ภาพที่เป็นซินอีกคนที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ผู้ชายคนนี้
“ป๊า” ซินหลุดร้องออกมา
“ครับ”
สิงห์มองหน้าซินอยู่ตลอด มองทุกกิริยาของซิน คอยเอาใจใส่สัมผัสต่าง ๆ
ในช่วงสุดท้าย
ซินโผเข้ากอดสิงห์ไว้แน่น
ริมฝีปากกดแนบกับใบหูของสิงห์
“ซิน...เกมส์....ซิน....เกมส์...ดี...ใจ....ที่....ที่...ได้....กลับ...มา....”
แม้ว่าจะเป็นถ้อยคำที่สับสนเพราะความทรงจำยังไม่กลับคืนอย่างสมบูรณ์
แต่ความสุขสมของทั้งคู่นั้นสมบูรณ์แล้ว
มันแล่นริ้วไปทั่ว
สิงห์เป็นคนรักษาคำพูด
เพราะกว่าที่ซินจะได้ออกจากห้องนั้น ก็คือเช้าอีกวัน
ซินพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กับสายตาของน็อตและพี่กบ
“กูว่า ไม่ต้องพิสูจน์อย่างอื่นหรอกไอ้เกมส์ แค่ได้ยินเสียงร้อง กูก็รู้ว่าเป็นมึง”
ซินหน้าร้อนผ่าว และไม่รู้จะทำอย่างไร จึงซุกหน้าลงกับหลังของสิงห์
สิงห์ยกยิ้ม แล้วทำท่าไม่ให้น็อตล้ออะไรซินอีก
“ห้ามล้อ เดี๋ยวกูอด”
สิงห์และซินอยู่ด้วยกันจนถึงวันที่ห้า
เขารู้สึกเหมือนเป็นช่วงฮันนีมูน ที่ได้ดื่มกินความสุขเพื่อชดเชยความทุกข์ที่ผ่านมา
“คุณสิงห์ ครบห้าวันแล้วนะครับ” แฟรงค์โทรมาในสายวันนั้น
“เขาเป็นคนของผม ซึ่งผมว่าคุณรู้อยู่แล้วตั้งแต่แรก”
“ฉลาดและแหลมคมอย่างที่ได้ยินมา” แฟรงค์หัวเราะชอบใจ
“แต่ตอนนี้หากคุณจะกรุณาช่วยเล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าเกมส์ไปเจออะไรมา” สิงห์ถามอย่างสุภาพ
“ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาก่อนบาดเจ็บ....” แฟรงค์เริ่มต้นเล่า
“...เมื่อหลายเดือนก่อนที่ฝั่งเกาลูน เขาหลงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่กำลังมีคนลักพาตัวจิว จิวคือผู้ชายอีกคนที่มากับผม จิวตาบอด ซินจะหนีเอาตัวรอดก็ได้ แต่เขาไม่ทำยอมติดร่างแหไปกับจิวด้วย
ทั้งคู่ถูกพาไปขังเพื่อส่งประมูลในHUBB โชคร้ายหน่อยที่เขาเป็นที่ต้องตาของบุคคลสำคัญมาก ๆ คนหนึ่ง
เขาถูกประมูล ในวันที่ผมเข้าไปเพื่อชิงตัวจิวกลับมาพอดี
ในระหว่างทางที่เขาจะถูกส่งตัวเข้าฮาเร็ม เขากระโดลงจากรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง
เขาใจเด็ดมาก ที่จะไม่ยอมตกเป็นของคนอื่น
จิวเล่าให้ผมฟังว่า เขาสั่งเป็นคำสุดท้ายว่า
ถ้าเป็นไปได้ให้พาเขาหรือส่วนใดก็ได้ของเขามาคืนคนรักของเขา
เราช่วยเขาเอาไว้ได้ แต่ก็สาหัสมาก เขาความจำเสื่อม ใบหน้าและร่างกายซีกซ้ายแย่มาก
บ้านของผมเป็นหมอ มาตั้งแต่ต้นตระกูล
วิชาแพทย์ของเราได้ช่วยชีวิตเขาไว้
เราตัดสินใจศัลยกรรมใบหน้าของเขาใหม่”
สิงห์ร้องไห้อีกแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นมันแย่มาก เขาแทบจินตนาการไม่ออกว่า เกมส์ของเขาต้องเผชิญกับความทุกข์และเจ็บปวดมากเท่าไหร่
“แล้วทำไมคุณถึงเพิ่งพาเขามาหาผม”
“ไม่ง่ายเลยนะที่จะหาตัวคนรักของเขา ตามที่เขาสั่ง เพราะตัวเขาเองก็สูญเสียความทรงจำไป และเฉพาะการพักฟื้นจากบาดแผลพวกนั้นก็กินเวลาหลายเดือนแล้ว”
“แล้วสุดท้ายคุณรู้ได้ยังไง ว่าเป็นผม” สิงห์ถาม
“เราแค่ลองดู เพราะได้ยินข่าววงใน ว่าคุณกำลังตามหาคนรักของคุณอย่างไม่หยุดหย่อน”
“ขอบคุณที่คุณพาเขามา” สิงห์รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
“มันเป็นสิ่งที่ผมเต็มใจ เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตคนที่ผมรักไว้เหมือนกัน”
หลังจากนั้น แฟรงค์ จิว และ หมิง ก็เดินทางกลับไป
ซินหรือเกมส์เริ่มต้นทำงานในบริษัทอีกครั้ง
และยังไม่ลืมนิสัยบางอย่าง
นั่นคือยังคงหัวรั้นและดื้อ
แต่ซินหรือเกมส์ไม่เคยหนีเที่ยวอีกเลย
และสิงห์ก็ลดบทบาทบางอย่างลง เดินทางน้อยลง ใช้ชีวิตกับเด็กดื้อของเขาให้มากขึ้น
พวกเขากลัวการที่ต้องห่างกัน
.
.
.
ตลอดจนถึงตอนที่เล่าอยู่นี้ ความทรงจำของซินหรือเกมส์ก็ยังไม่ฟื้นคืนทั้งหมด
มีเพียงบางภาพเท่านั้นที่พอจะจำได้
เกมส์หรือซินใช้ชีวิตทุกวันโดยเชื่อในความรู้สึก และทำบางอย่างโดยอัตโนมัติตามความคุ้นเคย
ทั้งสิงห์ น็อต และกบ ก็ไม่คิดว่า มันเป็นสิ่งจำเป็นที่เกมส์จะต้องจำเรื่องราวทั้งหมดได้
เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว
พวกเขาไม่ได้ใช้อดีตเป็นตัวผูกมัดกันและกันเอาไว้ แต่ใช้ ความรัก
อาจมีสักวันที่เกมส์สามารถจำเรื่องทั้งหมดได้
หรืออาจไม่มีวันนั้นก็ได้
ไม่สำคัญเลย
--จบตอนพิเศษ--
เนื่องจาก เรื่องป๊าครับผมจะไม่ดื้อ มีฉากร่วมรักเยอะมาก และมีแนวคิดที่ไม่อยากให้เอาไปเป็นตัวอย่าง อยู่ค่ะ ตอนนั้นเลยขอให้ทางเล้าลบไป
ที่นำมาลงใหม่นี้ คือที่เซ็นเซอร์แล้ว เลยเหลือมาเท่านี้ค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
Treenature