- Happy New Year -"ไอ้ตาม มึงแน่ใจนะว่าดูแลตัวเองได้อ่ะ" ไอ้พุด เพื่อนสนิทของผมถามผมด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่มันกำลังเดินมาส่งผมขึ้นรถไฟ
"เออ กูโตแล้วนะเนี่ย เลิกเป็นห่วงกูได้ละไอ้พุด" ผมหยุดเดินแล้วหันไปบอกไอ้พุด มันก็พยักหน้าแล้วทำสีหน้านิ่งๆ
"ก็มึงไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้นี่หว่า ปกติกูจะไปด้วยตลอด แถมนี่ไปไกลถึงเชียงใหม่ จะไม่ให้กูเป็นห่วงมึงได้ไงวะ"
"เอาน่า เดี๋ยวกูไลน์คุยกับมึงเรื่อยๆก็แล้วกัน แต่พอขึ้นไปบนเชียงดาวอาจจะติดต่อไม่ได้นะ เพราะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์"
"โถ่ ไอ้ตาม มึงนี่นะ ถ้ากูรู้ว่ามึงจะขึ้นดอยขนาดนั้นกูไม่ให้มึงไปแน่ๆ" ไอ้พุดต่อว่าผมด้วยสีหน้าเซ็งๆ
"ก็เพราะกูรู้ไง กูถึงไม่บอกมึง กูขึ้นรถละนะ ขอบใจที่มาส่ง" ผมบอกไอ้พุด มันก็พยักหน้าแล้วส่งกระเป๋าเป้ที่มันสะพายอยู่มาให้ผม
ผมชื่อ
"มะตาม" ครับ มีพี่ชายหนึ่งคนชื่อมะตูม ผมเป็นนักศึกษาปี2 นี่เป็นทริปแรกของผมที่ไปเที่ยวคนเดียว แล้วก็เลือกไปไกลถึงเชียงใหม่ด้วยน่ะสิ ในช่วงวันสิ้นปีแบบนี้ก็วุ่นวายหน่อยๆ แต่ผมจองทั้งหมดมาล่วงหน้าแล้วทั้งตั๋วรถไฟ ที่พักบนดอยเชียงดาว นี่ก็อ้อนพ่อกับแม่อยู่นานกว่าจะไปได้ ส่วนไอ้พี่ชายของผมน่ะหรอครับ มันเรียนอยู่ที่เชียงใหม่อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้มันออกค่ายอาสา เพราะฉะนั้นก็เลยเป็นทางสะดวกของผมที่จะได้เที่ยวด้วยตัวเองคนเดียว ตามประสาคนโสด
พูดถึงเรื่องความรักของผม ย้อนไปเมื่อตอนเรียนมัธยม ผมก็มีโมเม้นต์ที่ดีๆกับคนๆนึงเหมือนกันนะครับ แฟนคนแรกของผม มันชื่อ
"พายุ" เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียน สูง180 ผิวสีน้ำตาล จมูกโด่ง คิ้วเข้ม รูปร่างกำยำ จริงๆมันก็ผิวขาวแหล่ะครับ แต่คงเพราะชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ผิวมันก็เลยดูคล้ำๆไปกลายเป็นคนหล่อเข้มไปเลย สายตาที่ดูดุๆของมันทำให้ผมรู้สึกกลัวได้ทุกทีที่มันมองมาที่ผม รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเหยื่อ ผมจำได้ว่าตอนม.5 ไอ้พายุมาขอผมเป็นแฟน มันไม่ใช้ผู้ชายที่โรแมนติกอะไร ออกจะนิ่งๆ พูดน้อย ดูเข้าถึงยากด้วยซ้ำ แต่คงเพราะความนิ่งขรึม น่าค้นหาของมันนี่แหล่ะ เลยทำให้บรรดาสาวๆ ตุ๊ดๆทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องพากันชื่นชอบมัน วาเลนไทน์ทีได้ดอกกุหลาบเพียบ แถมสติ๊กเกอร์รูปหัวใจแปะเต็มเสื้อไปหมด แต่มันก็เลือกที่จะคุยกับผม ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ต้น เรียนห้องเดียวกันตลอด จนขึ้นม.ปลายก็ต้องแยกกัน ผมได้อยู่ห้อง1 ส่วนไอ้พายุมันอยู่ห้อง2 ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า ความรู้สึกว่ารักของผมกับมันเริ่มขึ้นตอนไหน แต่รู้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ ม.ปลาย ถึงจะเรียนกันคนละห้องแต่ผมกับไอ้พายุก็ไม่เคยห่างกันเลย แยกกันแค่ตอนไปเรียนเท่านั้น ทุกเย็นหลังเลิกจากเรียนพิเศษ มันก็จะเดินไปส่งผมถึงหน้าบ้าน บ้านของผมกับมันอยู่ในตลาดใกล้ๆกับโรงเรียนครับ มันเป็นลูกชายเจ้าของร้านทอง ส่วนบ้านของผมเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ซึ่งอยู่แค่เยื้องๆกันเท่านั้น ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนมันจะมานั่งกินข้าวหมูแดงของโปรดของมันที่บ้านของผม แล้วผมกับมันก็เดินไปโรงเรียนด้วยกัน
วันที่มันขอผมเป็นแฟน ผมนี่หัวเราะออกมาอย่างดังเลยครับ ทำเอาไอ้พายุแสดงสีหน้าประหม่าออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมก็ต้องหยุดหัวเราะ เพราะคำพูดของมัน
"ไม่มีใครที่กูรู้สึกพิเศษแบบนี้ ทั้งโลกนี้มีแค่มึงคนเดียวไอ้ตาม" หลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกัน มันดูแลผมโคตรจะดี ผมเองก็รู้สึกว่าโคตรจะรักมันเลย
จนถึงวันนึงที่ทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับมันเริ่มระหองระแหงด้วยเรื่องไร้สาระและงี่เง่าของผมเอง เพียงเพราะอยากให้มันไปเรียนต่อที่เดียวกับผม แต่ไอ้พายุมันได้โควต้านักกีฬาของคณะที่มันอยากเรียนมหาวิทยาลัยเกษตรแล้ว มันเลยทำตามคำที่ผมขอไม่ได้ ผมก็เลยบอกเลิกมันด้วยความงี่เง่าของตัวเอง ปิดทุกช่องทางการสื่อสาร และไม่เจอกันเลยตลอด2ปีนับตั้งแต่จบม.6 จนตอนนี้ขึ้นปี2แล้ว ไม่รู้เลยว่าช่วงเวลา2ปีที่ไม่ได้เจอกันนั้น ไอ้พายุมันเป็นอย่างไรบ้าง
----ออกเดินทาง----
ผมขึ้นมาบนรถไฟก็เดินหาที่นั่งของตัวเอง ขบวนที่ผมจองมาเป็นรถนอนครับ เดี๋ยวตอนค่ำๆก็จะมีพนักงานมาปรับจากเบาะเป็นเตียงนอน แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่า ผมจะได้นอนกลับใคร ผมจองเตียงบนมาครับ เพราะราคาถูกกว่าเตียงล่าง ในที่สุดก็เจอแล้ว ที่นั่งของผม ผมจัดการวางกระเป๋าแล้วก็สำรวจที่นั่ง คนที่นั่งเบาะเดียวกับผมมาแล้ว แต่ตัวคนไม่รู้หายไปไหนมีแต่กระเป๋าเป้ใบโตพอๆกับของผมวางอยู่ แต่ผมกลับสะดุดตากับเสื้อคลุมสีกรมที่วางกองอยู่ เห็นแค่ตัวอักษรที่ปักอยู่ว่า KU
"เค ยู มอเกษตรนี่หว่า" ผมพึมพัมออกมาเบา เพราะไอ้พายุแฟนเก่าของผมก็เรียนที่มอเกษตร พร้อมกับหยิบหน้ากากออกมาปิดปาก เพราะไม่ชอบกลิ่นบนรถไฟถึงจะเป็นตู้แอร์ก็ตาม สวมแว่นดำทับอีกทีเพื่อความเท่ห์ แค่นี้ก็สบายละ ถึงจะนั่งหลับก็ไม่มีใครรู้ ฮ่าๆ
รถไฟเปิดหวูด พร้อมกับขยับเคลื่อนขบวนออกจากสถานีกรุงเทพฯ ไอ้พุดก็ไลน์มาคุยกับผมเรื่อยๆ จนผมต้องตัดบทกับมันว่าจะนอน มันถึงได้ยอมเงียบไป รถไฟออกมาได้ซักพักแล้ว คนที่นั่งเบาะตรงข้ามผมก็ยังไม่มา หรือว่ามันตกรถ แล้วทิ้งของไว้บนรถเนี่ยนะ ผมเลิกสนใจว่าใครจะมานั่งกับผม แล้วก็หลับพักสายตา ซักพักหูของผมก็ได้ยินเสียงคนคุยโทรศัพท์ เหมือนคุยกับแม่ บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่ไปเที่ยวคนเดียว ผมแอบหรี่ๆตาขึ้นมามองว่าใครกันที่มานั่งตรงข้ามผม ทั้งๆที่ความจริงไม่ต้องหรี่ตาก็ได้ เพราะผมใส่แว่นดำอยู่แล้ว แต่ผมก็ต้องเบิกตาโพลง เพราะไอ้คนที่นั่งตรงหน้าผมในตอนนี้คือ
ไอ้พายุ แฟนเก่าของผม มันแต่งตัวสบายๆ ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าแตะ ตามสไตล์ที่คุ้นเคยของผม ไอ้พายุมันชอบแต่งตัวแบบนี้โดยเฉพาะกางเกงยีนส์สีดำที่มันชอบใส่จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของมัน
"เชี่ยยยยย ไม่เจอกันตั้งสองปีแม่งก็ยังเหมือนเดิม" ผมอุทานออกมาในใจ พลางมองท่าทีของมัน ที่เหลือบมามองผมเป็นระยะๆ ในขณะที่คุยโทรศัพท์อยู่
ผมแอบสังเกตุท่าทีของมันผ่านแว่นดำที่ผมใส่อยู่ มันคุยโทรศัพท์เสร็จก็เสียบหูฟังฟังเพลงนั่งมองวิวนอกหน้าต่างไปเรื่อย บางทีก็แอบเหลือบตามามองที่ผม หัวใจผมก็เต้นแรง กลัวว่ามันจะจำผมได้ ผมเลยต้องทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะนิ่งได้เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ ผมตายแน่ กว่าจะถึงเชียงใหม่อีกตั้งหลายชั่วโมง แถมต้องมีไอ้พายุ มานั่งควบคุมความรู้สึกอยู่แบบนี้อีก
"คุณครับๆ ตื่นๆ พนักงานจะมากางเตียงครับ" ไอ้พายุมาเขย่าตัวปลุกผม ผมก็สะดุ้งตัวตื่น พนักงานมายืนรอเพื่อปรับจากเบาะเป็นเตียงนอนให้ ตอนนี้เกือบๆทุ่มแล้ว ผมหลับไปนานเหมือนกันนะเนี่ย ในระหว่างที่รอพนักงานกางเตียงให้ ผมก็เดินเลี่ยงหนีไอ้พายุออกมาที่ตู้เสบียงเพื่อหาอะไรรองท้อง เพราะรู้สึกหิวขึ้นมานิดๆแล้ว ผมโทรคุยกับไอ้พุด เพื่ออัพเดตระยะทางมันจะได้ไม่เป็นห่วงผม สำหรับไอ้พุดนี่ผมมาเจอกับมันก็ตอนรับน้องคณะแหล่ะครับ ไอ้นี่ก็ลูกเจ้าของร้านทอง ตี๋หล่อรวย แต่ทำตัวโคตรติดดิน ไอ้พุดมันสายกินครับ ชอบเสาะหาร้านอร่อยๆราคาไม่แพงแล้วก็พาผมไปกินด้วย ผมกับมันตัวติดกันตลอดมีพุดต้องมีตาม มีตามต้องมีพุด จนเพื่อนๆในภาควิชาคิดว่าผมกับไอ้พุดเป็นแฟนกัน
ผมนั่งกินข้าวเสร็จ คุยกับไอ้พุดเสร็จก็เดินกลับ ผ่านไอ้พายุที่นั่งฟังเพลงอยู่พร้อมกับเบียร์หนึ่งกระป๋องที่วางตรงหน้า มันเงยหน้ามามองผม ผมก็เดินผ่านมันทำเป็นไม่สนใจทั้งๆที่หัวใจเต้นแรงมาก
"นั่งด้วยกันก่อนไหมครับ" ไอ้พายุเอื้อมแขนมาคว้าข้อมือของผมไว้ ทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง
"เอ่อ ไม่เป็นไรครับเราจะไปเข้าห้องน้ำอ่ะ" ผมบอกมัน พายุมันก็พยักหน้าแล้วปล่อยมือจากผม
มันมองพิจารณาใบหน้าของผม หรือว่ามันจะจำผมได้ก็ไม่รู้ แต่ขออย่าให้มันจำผมได้เลย
หลังจากเข้าห้องน้ำ แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมก็ขึ้นไปประจำที่บนเตียงนอนของผม ไม่ได้สนใจว่าไอ้พายุมันจะกลับมานอนตอนไหน จนตอนเช้า รถไฟเข้าเทียบชานชาลาที่สถานีเชียงใหม่เรียบร้อย ผมลงจากรถไฟพร้อมๆกับมัน แต่เห็นว่ามันมีเพื่อนผู้ชายมารอรับ ส่วนผมน่ะหรอก็ตามแพลนครับ วันแรกนี่ก็เที่ยวในตัวเมืองแล้วก็พักค้างคืน ตอนเช้าก็จะไปเชียงดาวแล้วก็เค้าท์ดาวบนนั้นครับ
---- พายุบนดอยเชียงดาว ----
หลังจากเที่ยวไหว้พระ เดินถนนคนเดินในตัวเมืองไปแล้วหนึ่งวัน ก็ได้เวลาที่ผมจะได้ขึ้นไปบนดอยเชียงดาวครับ ผมจองที่พักที่เห็นวิวดอยหลวงเชียงดาวไว้ล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ในขณะที่กำลังรอขึ้นรถของชาวบ้านเพื่อขึ้นไปบนดอยหลวง ผมก็เจอกับไอ้พายุอีกครั้ง นี่อย่าบอกนะว่ามันก็ไปนอนที่เชียงดาวเหมือนกันอ่ะ
"ขึ้นรถเลยครับ ขึ้นก่อนเต็มก่อนออกก่อนนะครับ" เสียงคนที่จัดคิวขึ้นรถพูดขึ้น ผมก็รีบก้าวขาขึ้นไปบนรถ ช่วงใกล้ปีใหม่ก็งี้แหล่ะครับ แอบทำใจไว้ละว่าคนต้องเยอะแน่ๆ
ไอ้พายุตามขึ้นมานั่งข้างๆผม มันก็หันมามองผมแล้วก็ทำสีหน้าสงสัย คงจะจำผมได้เพราะตอนนี้ผมก็ใส่หน้ากากปิดปากแล้วก็แว่นดำเหมือนเดิม
ตลอดเวลาที่นั่งรถขึ้นไปบนเชียงดาว ผมนั่งเงียบเสียบหูฟังเพลง ไอ้คนข้างๆผมก็เช่นกัน จนรถไปจอดบนเชียงดาว อากาศเย็นๆก็มากระทบตัวแถมมีลมหนาวพัดเบาๆ ผมเดินหาที่พักที่จองไว้ ด้วยความที่ผมจองมาล่วงหน้าหลายเดือนก็เลยได้ที่พักเป็นกระท่อมมีระเบียงส่วนตัวไว้นั่งด้านหน้า มองวิวดอยหลวงเชียงดาวได้เต็มๆ เป็นส่วนตัวดี แต่คนก็เยอะมาก บางคนก็ได้ที่นอนเป็นเต๊นท์แต่ก็มีที่นอนหมอน ผ้าห่มให้ พี่เจ้าของที่พักพาผมไปยังกระท่อมที่พักของผม ผมก็เดินสำรวจรอบๆกระท่อม เก็บของแล้วก็นั่งพัก ส่วนเรื่องโทรศัพท์ เก็บไปได้เลยเพราะเครือข่ายที่ผมใช้ไม่มีสัญญาณบนนั้น
"น้องครับ พี่รบกวนหน่อยได้ไหมครับ" เสียงพี่เจ้าของที่พักดังมาจากหน้ากระท่อมของผม ผมโผล่หน้าออกไปดูเห็นไอ้พายุยืนอยู่ด้วย เลยต้องรีบกลับเข้าห้องใส่หน้ากากปิดปากแล้วก็แว่นดำเหมือนเดิม
"ครับพี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"พอดีว่าช่วงนี่มีคนเข้าพักเยอะมากที่กางเต๊นท์ไม่พอ พี่รบกวนให้น้องเขากางเต๊นท์นอนตรงระเบียงหน้ากระท่อมของน้องได้ไหมครับ"
เชี่ยยยยย ให้ไอ้พายุมากางเต๊นท์นอนตรงระเบียงหน้าบ้านผมเนี่ยนะ
"เอ่อ ก็...ก็ได้ครับพี่" ผมจำต้องตอบรับ เพราะช่วงเทศกาลแบบนี้คนเยอะมากจริงๆ ไอ้พายุเตรียมเต๊นท์มาเอง มันก็จัดการกางเต๊นท์ของมัน ส่วนพี่เจ้าของที่พักก็กลับไปเอาชุดที่นอนมาให้มัน ผมยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อม มองไอ้พายุกางเต๊นท์ซักพัก ก็กลับเข้าห้อง
"ขอบคุณนะตามที่แบ่งที่ให้กางเต๊นท์"
คำพูดขอบคุณของไอ้พายุทำเอาผมหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าประตูห้องพัก
"ดีใจนะครับที่ได้เจอกันอีก" ไอ้พายุบอกผม
ตอนนี้ผมหัวใจเต้นแรงมาก มันจำผมได้ ความรู้สึกจุกอยู่ที่อก หน้าร้อนผ่าวๆ น้ำตาเริ่มเอ่อ ผมรีบเปิดประตูกระท่อมเข้าไปหมกตัวอยู่ในนั้น คนที่อยู่ข้างนอกคือแฟนเก่าของผม ที่จำผมได้
"ตาม ออกไปเดินเที่ยวกันมั๊ย" ไอ้พายุมาเคาะประตูเรียกผม ผมรวบรวมสติแล้วความรู้สึกค่อยๆเปิดประตูออกไปหามัน คนตรงหน้าของผมยังคงหล่อเข้มเหมือนเดิม รอยยิ้มของมันที่เห็นหน้าผมตอนที่ไม่ได้ใส่หน้ากากปิดปาก ไม่ได้ใส่แว่นดำ มันยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ผมคุ้นเคย
"ถ้าไม่รังเกียจ เราไปเดินเล่นกันไหมครับ" ไอ้พายุถามผม
"ไม่เคยเกลียด"
"จริงหรอครับ โคตรดีใจที่ได้เจอกันอีก" ไอ้พายุบอกผมพร้อมกับก้มตัวลงมาดึงแขนของผมให้ลุกขึ้นยืนข้างๆมัน
"ยังเหมือนเดิม ยังน่ารักเหมือนเดิม" มันมองหน้าผมแล้วก็บอกผม
"พูดถึงใคร" ผมถามมัน
"คนนี้ไง ที่พายุคนนี้ยังรักไม่เคยเปลี่ยน" ไอ้พายุพูดแล้วเอาสองมือมาทาบลงที่แก้มทั้งสองข้างๆของผม ผมรู้สึกดีเพราะมันช่วยทำให้อบอุ่น
"พอได้แล้ว ป่ะเดินเล่นกัน อากาศโคตรดีเลย" ผมบอกมันแล้วก็ชิ่งหนีเดินลงจากกระท่อม พายุมันก็เดินตามผมมา ร่างสูงใหญ่ของมันเดินตามมาจนทันและมาอยู่ข้างๆผม
"ไม่ใส่แว่นดำพลางตัวแล้วหรอ" คนข้างๆออกปากแซว
"รู้ได้ไงว่าเป็นตาม" ผมถามมัน
"คนรักของพายุ จะไม่รู้ได้ยังไงหล่ะครับ เห็นครั้งแรกก็จำได้แล้ว"
"เว่อร์ไป จำได้แล้วทำไมไม่ทักตั้งแต่บนรถไฟหล่ะ"
"ก็อยากรู้ว่าจะหนีกันไปถึงไหน"
"สุดท้ายก็ไม่พ้น" ผมบอกมันแล้วก็หัวเราะออกมา
"จริง สุดท้ายตามก็หนีพายุไม่พ้นอยู่ดี สร้อยข้อมือที่ซื้อให้ยังใส่อยู่ตลอดเลยหรอครับ" ไอ้พายุถามถึงสร้อยข้อมือที่มีจี้รูปพระจันทร์กับพระอาทิตย์ที่มันซื้อให้ผมตอนวันเกิดก่อนที่จะเลิกกัน นี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้มันจำผมได้ มันจับข้อมือของผมบนรถไฟ คงจำได้ตั้งแต่ตอนนั้น
"อือ ใส่ตลอดเลย"
"ยังรักพายุอยู่ใช่มั๊ยหล่ะครับ"
แม่ง ยิงคำถามมาตรงๆแบบนี้ หัวใจเต้นแรงอีกแล้ว
"รักเสมอ ขอโทษนะสำหรับวันนั้นที่ทำให้เสียใจ"
"โคตรเสียใจอ่ะ"
"ขอโทษ"
"ง้อพายุดิ" ไอ้พายุบอกให้ผม ง้อ มัน
"โอเค เดี๋ยวเย็นนี้เลี้ยงหมูกะทะ"
"ยังไม่พอ"
"โห่...ต้องทำไงอีกอ่ะ"
"เดี๋ยวคืนนี้บอก" ไอ้พายุบอกผม หลังจากนั้นผมกับมันก็เดินเล่นกันไป คุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในระหว่างที่แยกย้ายและไม่ได้เจอกัน จนรู้สึกว่าความรู้สึกที่เคยมีต่อกันยังเหมือนเดิม
เย็นวันนั้นผมสั่งหมูกะทะมาเลี้ยงไอ้พายุตามสัญญา เราสองคนนั้นกินหมูกะทะกันตรงระเบียงหน้าห้องพักของผม ข้างๆเต๊นท์ของไอ้พายุ ค่ำคืนนี้เป็นคืนเค้าท์ดาว อากาศหนาวมาก ดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้าสวยมาก หลังจากกินหมูกะทะเสร็จผมกับมันก็นั่งดูดาวกันเงียบๆรอเวลานับถอยหลังสู่ปีใหม่ แค่ได้มองท้องฟ้ากับอากาศหนาวๆก็รู้สึกดี
"หนาวหรอครับ"
"นิดหน่อย"
"เดี๋ยวห่มผ้าให้นะ"
ไอ้พายุบอกผม แล้วมันก็ลุกขึ้น ก่อนที่จะนั่งลงมาข้างหลังของผมแล้วเอาสองแขนของมันมาโอบกอดผม
ความอบอุ่นที่เคยได้รับ มันกลับคืนมาแล้วในตอนนี้ ผมนั่งก้มหน้าน้ำตาไหลออกมา ไอ้พายุแม่ง ยังคงเป็นพายุที่ผมคุ้นเคย ยังเป็นพายุที่โคตรจะรักผม เหมือนกับที่มันชอบบอกทุกครั้งไม่เคยเปลี่ยน
"ไม่ร้องไห้ดิวะ"
"ขอบคุณนะที่ยังรัก"
"ครับ กลับมาเป็นคนของพายุนะตาม" ไอ้พายุบอกผมแล้วก็เอาหน้าของมันมาวางบนไหล่ของผม ลมหายใจอุ่นๆของมันพ่นลงซอกคอของผม
"อืม ตามจะเป็นคนของพายุ"
"นี่ถ้าเราสองคนไม่มาที่นี่ พายุก็คงไม่ได้แฟนกลับคืนมา"
"เว่อร์ไป"
"ความจริงพายุไปตาม ตามที่บ้านก็ได้นะ"
"แล้วทำไมไม่ไปตามหล่ะ"
"ไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจอ"
"ติดต่ออะไรก็ไม่ได้ ขอเบอร์โทรจากพ่อกับแม่ พอโทรไป ตามก็ไม่รับสาย"
"ก็ตอนนั้นโคตรโกรธ ที่พายุไม่ยอมมาเรียนที่เดียวกับตาม"
"เด็กเกษตรก็รักจริงนะครับ"
"เชื่อแล้ว"
"ดีใจว่ะ ได้แฟนกลับคืนมา" ไอ้พายุกระซิบบอกข้างๆหูของผม แล้วมันก็ซุกหน้าลงมาขโมยหอมแก้มของผม
ปีเก่ากำลังหมดไป แต่ความรักเก่ากำลังเริ่มต้นขึ้นใหม่
---------ขอบคุณเชียงดาว ที่ทำให้ความรัก กลับคืนมาอีกครั้ง----------
------The End------