พิมพ์หน้านี้ - ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: bellbomb ที่ 10-11-2008 00:43:03

หัวข้อ: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-11-2008 00:43:03
ประกาศครั้งที่ 1 (ละมั้ง?) เปิดจอง "ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก" = "บริบทแห่งรัก" ฉบับรวมเล่มแล้วจ้า!!!
+ รีปรินท์เรื่องก่อนๆ ด้วย ถึง 30 กันยายนนี้

หลังจาก Bellbomb ห่างหายการรวมเล่มมาปีกว่าๆ ก็ได้ฤกษ์เปิดจองรวมเล่มเรื่องใหม่ทีเดียวสองเรื่องเลย ก็คือ “ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก” กับ “บริบทแห่งรัก” (ลำนำรักสีรุ้ง Side Stories) รายละเอียดตามด้านล่างค่ะ

เรื่องที่ 1: ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก

(http://i1095.photobucket.com/albums/i474/bellbomb/Cover-02-8croppedteaser.jpg)


คำโปรยหลังปก: ณรงค์เป็นซีเนียร์ดีไซเนอร์ในบริษัทรับออกแบบและก่อสร้างแห่งหนึ่ง เขาไม่เคยคิดเรื่องอยากมีคนรัก จนกระทั่งในคืนที่ได้เข้าไปช่วยชายหนุ่มผู้เมามายจนมีเรื่องวิวาทในบาร์ และพบว่านั่นคือไรอัน บอสหนุ่มลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียที่เพิ่งมาประจำตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว หรือนี่จะนำไปสู่ความสัมพันธ์อันน่าระทึกระหว่างเจ้านายกับลูกน้องที่บุคลิกต่างกันสุดขั้ว??

“บางทีคุณก็ทำให้ผมอยากต่อยคุณจริงๆ รู้ตัวหรือเปล่า?”
-ไรอัน

“ถ้าเป็นคุณ ถึงโหดแค่ไหนผมก็รัก”
-ณรงค์


ข้อมูลหนังสือ:

• ราคา 360 บาท
• ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
• ตอนพิเศษเฉพาะในหนังสือ
• ของแถม 1: ที่คั่นหนังสือ
• ของแถม 2: ปกพลาสติก ปั๊มทองลายเซ็นต์ของ Bellbomb จะได้เอาไว้หุ้มหนังสือกันเลอะค่ะ :)
• อ่านตัวอย่างได้ที่นี่ -> [คลิก] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21049.0)


++++++++++++


เรื่องที่ 2: บริบทแห่งรัก (ลำนำรักสีรุ้ง Side Stories)

(http://www.bloggang.com/data/b/bellbomb/picture/1343230903.jpg)


คำโปรยหลังปก: เรื่องราวของเป้กับวิวที่เคยทำให้คนอ่านอมยิ้ม ห่วงใย และเอาใจช่วยใน "ลำนำรักสีรุ้ง" ได้กลับมาถ่ายทอดความเป็นไปของทั้งคู่อีกครั้ง

"บริบทแห่งรัก" จะพานักอ่านไปทำความคุ้นเคยกับ "คนน่ารักของเป้" และ "คนเจ้าเล่ห์ของวิว" ให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคย กับแต่ละบทตอนซึ่งถักทอขึ้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ทั้งสองมีกันและกันเช่นในวันนี้...


ข้อมูลหนังสือ:

• ราคา 220 บาท
• ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
• ตอนพิเศษเฉพาะในหนังสือ + ตอนโบนัสที่เคยล็อกพาสเวิร์ดไว้ที่บล็อก
• ของแถม 1: ที่คั่นหนังสือ
• ของแถม 2: ปกพลาสติก ปั๊มทองลายเซ็นต์ของ Bellbomb
• สามารถอ่านตัวอย่างได้ที่นี่ -> [คลิก] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=6982.0)

Special Note:

สำหรับเล่มนี้ แต่ละตอนจะไม่ซ้ำกับลำนำรักสีรุ้งเล่มแรกเพราะเขียนขึ้นทีหลัง เนื้อหาส่วนใหญ่จะย้อนกลับไปสมัยเป้กับวิวยังเรียนอยู่ สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านเล่มแรก แนะนำให้ซื้อเล่มนั้นไปอ่านคู่กันเพื่อจะได้ไม่สับสนถึงที่มาของตัวละครในเรื่องค่ะ


**สำคัญมาก**

1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสำหรับสั่งนิยายได้ที่นี่ <<คลิก>> (http://www.mediafire.com/?320e6162t6mech9)  แล้วกรอกจำนวนเรื่องที่ต้องการในแบบฟอร์ม แล้วก็โอนเงินตามยอดหนังสือ + ค่าส่ง เสร็จแล้วอีเมล์แบบฟอร์มมาที่ bellbomb[at]hotmail.com
 
2. เปิดจองถึง 30 กย. และเริ่มส่งหนังสือต้น ตค. หลังจากนั้นจะเริ่มวางที่ร้านประจำ (เล่มที่วางตามร้านจะไม่แถมปกพลาสติก และอาจปรับราคาขึ้น)
 
3. ถ้าหากสั่งทั้งสองเรื่องพร้อมกัน คิดค่าส่งลงทะเบียน 40 บาท (ตัวอย่างคำนวน ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก 360 + บริบทแห่งรัก 220 + ค่าส่ง 40 = 620 บาท)
 
4. ถ้าไม่แน่ใจว่าต้องโอนเท่าไหร่แน่ อีเมล์มาถามหรือแปะถามที่หน้าแฟนเพจ http://www.facebook.com/BellbombNovels (http://www.facebook.com/BellbombNovels) ก็ได้

5. โปรโมชั่น ท่านที่สั่งนิยายของเราทั้ง 5 เรื่องงวดนี้ ไม่คิดค่าส่งจ้า


เรื่องที่เคยรวมเล่มแล้วและจะรีปรินท์ในครั้งนี้

- ลำนำรักสีรุ้ง
- เมื่อหัวใจเราใกล้กัน
- แม้นมั่นคำสัญญา

(http://www.bloggang.com/data/b/bellbomb/picture/1343321652.jpg)

จบประกาศคับผ้ม


****************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)


****************************************************


ขอเบรกเรื่องยาวที่กำลังเขียนอยู่ด้วยเรื่องสั้นนะงับ แบบว่าคันไม้คันมือขึ้นมา แต่เรื่องนั้นไม่ได้ทิ้งนะจ๊ะ ติดตามกันเรื่อยๆละกันเน้อ  :a3:


*edit 07.01.08* เนื่องจากเรื่องที่สอง "เมื่อหัวใจเราใกล้กัน" ซึ่งลงต่อจาก "ลำนำรักสีรุ้ง" ในกระทู้เดียวกันนี้ตอนนี้ยาวขึ้นเกินสถานะ [เรื่องสั้น] จึงขอเปลี่ยนเป็น [นิยาย] นะจ๊ะ


เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง


ผมรู้จักเป้ครั้งแรกตอนปีสองเทอมสอง เพราะโอ๊คซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเคยชี้ให้ดูตอนนั่งที่คอมมอนด้วยกันว่าแอบชอบผู้ชายรุ่นเดียวกันต่างเอกคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นตัวสูงใหญ่ ตาโต จมูกโด่ง ผิวขาวอมเหลือง เขามักจะนั่งอยู่กับเพื่อนๆที่โต๊ะกลุ่มซึ่งอยู่คนละฟากกับโต๊ะกลุ่มของพวกผม

“ก็หน้าตาใช้ได้อะ แต่เราว่าโอ๊คเองก็หน้าตาดีนะ ไม่ลองไปทำความรู้จักเค้าดูละ”

เพื่อนตัวดีมองค้อนผมปะหลับปะเหลือก ถึงจะเป็นกริยาที่ผู้ชายไม่น่าทำ แต่พอเพื่อนผมทำทำไมมันดูไม่ขัดก็ไม่รู้

ที่ผมบอกโอ๊คไปผมหมายความตามนั้นจริงๆ โอ๊คเป็นคนผิวขาว หน้าใส ตาออกเฉี่ยวๆเหมือนนักร้องเกาหลีที่สาวๆนิยมกัน สูง 170 ต้นๆเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย เวลาเดินไปไหนมาไหนด้วยกันผมโดนโอ๊คกลบรัศมีตลอด สิ่งที่พอจะเชิดหน้าชูตาหน้าจืดๆของผมได้บ้างคือผลการเรียนที่ค่อนข้างดีเป็นระดับต้นๆของคณะ แต่นอกนั้นแล้วก็แทบพูดได้ว่าเด็กบ้านนอกที่เอ็นท์ติดมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯอย่างผมไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย

++------++

ตอนที่พวกเราย้ายวิทยาเขตมาที่นี่ใหม่ๆมีคนมาจีบโอ๊คประปราย บางทีก็เข้าผ่านทางผมเพราะเห็นเป็นเพื่อนสนิท (ผมรู้จักโอ๊คเพราะเคยเรียนกวดวิชาที่เดียวกัน พอเอ็นท์ติดคณะเดียวกันเลยยิ่งสนิทไปโดยปริยาย) หลังจากที่โอ๊คบอกผมว่าชอบเป้ได้ประมาณสองสัปดาห์ วันหนึ่งโอ๊คก็เข้ามาบอกผมอย่างดีใจว่ากำลังคบเป็นแฟนกับเป้อยู่ เล่นเอาผมเหวอไปเพราะปกติเวลาเรียนหรือกินข้าวโอ๊คจะอยู่กับผมและเพื่อนในกลุ่มตลอด เว้นบ้างคือเวลาที่เรียนคนละวิชากัน มารู้ทีหลังว่าทั้งสองคนเริ่มสนิทสนมกันเพราะโอ๊คไปลงเรียนวิชาเลือกเดียวกับเป้

ตั้งแต่โอ๊คคบเป้เป็นแฟนเพื่อนผมดูมีความสุขมาก ผมก็แซวๆเพื่อนบ้างไปตามประสา มีครั้งหนึ่งโอ๊คพาผมไปกินข้าวกับเป้ตอนพักกลางวันเพราะกลัวผมน้อยใจที่ทำตัวห่างเหินไปหลังมีแฟน มื้อนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าเป้เป็นคนพูดน้อยมาก จะว่าเขินที่ผมนั่งอยู่ด้วยก็ไม่น่าใช่เพราะบุคลิกเป้ไม่ใช่แบบนั้นเลย

สิ่งที่ผมสังเกตเห็นอีกอย่างตลอดมื้อกลางวันนั้นก็คือ ผมรู้สึกเหมือนเพื่อนผมเทคแคร์แฟนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่เห็นเป้จะดูแลเทคแคร์โอ๊คกลับบ้างเลย แต่ผมก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้เพราะกลัวเพื่อนจะเสียความมั่นใจ ตราบใดที่เพื่อนมีความสุขผมก็ไม่ขัดข้องอะไร

++------++

จุดพลิกผันในความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาถึงเมื่อวันหนึ่งโอ๊คโทรมาหาผมแล้วร้องไห้ บอกว่าเป้ไปมีคนอื่นเลยจะขอเลิก แล้วก็บอกว่าขอมานอนที่คอนโดผม ผมค่อนข้างตกใจเพราะทั้งคู่เพิ่งคบกันได้ไม่ถึงสามเดือน แล้วอีกอย่างถึงจะไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าคู่นี้สวีทหวานแหววแต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่าจะทะเลาะหรือมีเรื่องผิดใจกัน คืนนั้นโอ๊คหิ้วเบียร์มาที่ห้องหลายกระป๋อง แล้วก็ดื่มไปร้องไห้ไป แต่จนแล้วจนรอดโอ๊คก็ไม่เล่ารายละเอียดเรื่องเป้ให้ผมรู้ วันรุ่งขึ้นเจ้าตัวดีก็แฮงก์เลยขอโดดเรียนนอนอยู่ที่ห้องผม ด้วยความแส่และสงสารเพื่อนผมเลยตัดสินใจไปเค้นเอากับเป้ให้รู้เรื่องเอง

เป้ดูไม่ค่อยพอใจนักตอนผมเดินไปหาที่โต๊ะกลุ่มแล้วบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย พอผมเดินนำแยกมาที่ซอกตึกข้างคณะที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านผมก็ถามเป้ตรงๆเรื่องโอ๊ค แล้วก็เล่าว่าเพื่อนผมร้องไห้เสียใจแค่ไหน เป้เพียงแค่นหัวเราะแล้วก็มองผมด้วยสายตาแฝงแววบางอย่างที่ทำให้ผมหงุดหงิดเหลือทน

“วิว แทนที่จะมาถามเรา นายไปถามเพื่อนตัวเองดีกว่านะว่าเค้าทำอะไรไว้”

“พูดยังงี้หมายความว่าไง นายเองไม่ใช่เหรอที่นอกใจเพื่อนเรา นี่นายจะเอายังไงกันแน่”

“ก็ไม่ยังไง เราแค่ไม่ชอบคบกับคนไม่จริงใจ แล้วก็ร่าน”

ผมเลือดขึ้นหน้า โอ๊คที่ผมรู้จักเป็นคนร่าเริง เข้ากับคนง่ายแต่ก็ไม่เคยทำตัวอย่างที่ไอ้บ้านี่พูดสักครั้งเดียว ด้วยความโมโหผมเงื้อกำปั้นขึ้นจะตะบันเอาเลือดไอ้คนตรงหน้าออก แต่เหมือนคนตัวใหญ่กว่ารู้ทัน ผมจึงโดนจับแขนแล้วบิดไพล่หลังจนต้องร้องด้วยความเจ็บ แม้จะพยายามดิ้นให้หลุดแต่สู้แรงไม่ไหว หลังจากนั้นผมมารู้ทีหลังว่าเป้เคยเรียนยูโดจนได้สายดำมาก่อน

“บัดซบเอ๊ย ปล่อยกูนะไอ้เป้!!”

“เพิ่งรู้ว่าเด็กเกียรตินิยมก็ใช้อารมณ์เป็นเหมือนกัน ขอบอกอีกครั้ง ไปถามเพื่อนนายเอาเอง เราไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”

จบประโยคร่างใหญ่ก็ผลักผมออกแล้วเดินจากไปทันที ผมได้แต่ยกมือลูบแขนตัวเองที่แดงขึ้นเป็นจ้ำจากรอยบีบแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างของเป้อย่างไม่เข้าใจ

++------++

สรุปว่าเย็นนั้นพอกลับไปที่ห้องเพื่อนตัวดีของผมก็กลับไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงผมจึงโทรเข้ามือถือแต่โอ๊คก็ไม่รับสาย ตอนแรกผมคิดว่าแบตโทรศัพท์โอ๊คคงหมด แต่พอฟ้าเริ่มมืดผมลองโทรเข้าไปที่บ้านปรากฏว่าหม่าม้าของโอ๊คก็ไม่รู้ว่าโอ๊คไปไหน ผมรีบโทรถามเพื่อนคนอื่นๆแต่ต่างก็ตอบปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน ผมกดไล่หมายเลขในโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจโทรหาเป้

(ส่วนสาเหตุว่าทำไมผมมีเบอร์เป้ เพราะโอ๊คเคยให้ผมไว้ บอกว่าเผื่อต้องโทรตามตอนที่อยู่กับเป้แล้วเกิดแบตหมด)

“เป้เหรอ โอ๊คอยู่กับนายหรือเปล่า?”

“คนไม่ได้เป็นอะไรกันจะอยู่ด้วยกันได้ไง?”

ปลายสายทำเสียงไร้อารมณ์กวนประสาทผมสุดฤทธิ์ หลังเจ้าตัวฟังคำผรุสวาทของผมไปอีกสามสี่ชุด สุดท้ายเป้ก็ถอนหายใจแล้วบอกว่าพอเดาได้ว่าโอ๊คอยู่ไหน จากนั้นจึงถามที่อยู่ของหอผมเพราะจะได้ขับรถมารับให้ไปด้วยกัน ใจผมตอนนั้นเป็นห่วงเพื่อนอย่างเดียวจึงไม่ได้อิดออดและยอมบอกไปแต่โดยดี

ระหว่างที่นั่งมาในรถด้วยกันเป้ไม่พูดกับผมเลย ผมเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรเหมือนกันเพราะเรื่องเมื่อกลางวันทำให้ยังมองหน้าไม่ติดอยู่ แต่แล้วพอรถยาริสสีดำของเป้เลี้ยวเข้าถนนมีชื่อเส้นหนึ่งผมก็หันไปมองคนข้างจัวอย่างสงสัย เป้ยิ้มมุมปากแล้วก็มองผมด้วยสายตากวนประสาทสุดขีด

“หน้าตาตื่นเชียว ไม่เคยมาเที่ยวกลางคืนหรือไง”

“ไม่เที่ยวกลางคืนผิดหรือไงวะ!?”

นัยน์ตาคมใต้คิ้วหนาคู่นั้นเพียงเลิกขึ้นมองผมก่อนจะเอารถเข้าจอดตรงที่ว่างริมฟุตบาท ผมอาจจะแปลกกว่าเด็กมหาวิทยาลัยคนอื่นคือผมไม่นิยมเที่ยวผับบาร์เท่าไรนัก แต่ก็ใช่จะไม่เคยรู้กิตติศัพท์สถานที่ท่องเที่ยวว่าย่านไหนขึ้นชื่อเรื่องอะไร

เป้เปิดประตูรถแล้วเดินนำผมไปร้านหนึ่งที่แค่ทางเข้าก็ทำเอาผมเสียวๆเพราะมีแต่ผู้ชายส่งสายตามาที่พวกเราสองคนตาเป็นมัน แล้วจู่ๆเป้ก็หันมาจับมือผมไว้แน่น พอผมจะสะบัดมือออกก็โดนบีบมือจนเจ็บแล้วถูกกระซิบดุๆใส่ว่าถ้าไม่อยากโดนลวนลามก็ให้เดินใกล้ๆเจ้าตัวไว้ ใจผมตอนนั้นทั้งสงสัยทั้งระแวงว่าเป้พาผมมาร้านนี้ทำไม

เจ้าคนตัวโตเดินนำผมเบียดคนเข้าไปด้านใน สายตาก็เหมือนสอดส่ายหาใครไปด้วย สักพักก็หยุดเดินแล้วก็กระตุกมือชี้ให้ผมดูโต๊ะด้านในสุดที่มีคนนั่งอยู่เกือบสิบคน ท่าทางแต่ละคนกำลังเมากันได้ที่ แม้แสงไฟในร้านจะไม่สว่างนักแต่จากจุดที่ยืนอยู่ผมสามารถเห็นหน้าของผู้ชายผิวขาวตัวผอมบางที่เป็นเพื่อนสนิทผมได้อย่างชัดเจน และนั่นทำให้ผมตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นอยู่ในระยะห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร

โอ๊คนั่งอยู่บนตักผู้ชายไว้เคราแพะใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์ แล้วก็มีผู้ชายอีกคนที่นั่งข้างๆกำลังลูบหน้าอกกับไซ้คอขาวๆของเพื่อนผมอยู่ หน้าตาคนทั้งโต๊ะนอกจากเพื่อนผมดูน่าจะอยู่ในวัยทำงานแล้ว เป้ฉุดแขนผมที่ยืนตัวชาให้เดินตรงไปที่โต๊ะนั้นทั้งที่ใจผมอยากจะวิ่งไปจากตรงนั้นให้ไกล โอ๊คที่กำลังหลับตาพริ้มหน้าแดงก่ำ ดูเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสจากชายที่ผมไม่รู้จัก เสื้อเชิ้ตสีขาวกระดุมหลุดลุ่ยเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นและไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น

หูผมได้ยินเสียงเป้เรียกชื่อโอ๊คแว่วๆ แล้วคนทั้งโต๊ะก็หันมาที่เราสองคนรวมทั้งเจ้าตัวด้วย หน้าที่เมื่อสักครู่แดงก่ำของโอ๊คซีดไปทันทีที่เห็นพวกผม ผมได้ยินเป้พูดอะไรสักอย่างแล้วโอ๊คก็ลุกขึ้นมาพยายามจะยื้อเป้ไว้ แต่ตอนนั้นผมไม่สนใจอีกแล้วว่าทั้งสองคนจะพูดอะไรกัน ผมรีบสะบัดมือใหญ่ที่จับยึดมือผมเอาไว้แล้วเดินเร็วๆเบียดคนออกมาหน้าร้าน รู้สึกเหมือนขอบตาร้อนผ่าวไปด้วยน้ำตาที่พาลจะไหลลงมาให้ได้ ผมไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นเพื่อนที่เคยคิดว่ารู้เรื่องของกันและกันทุกเรื่องในสภาพไม่คาดฝันแบบนี้

“เป็นอะไรไปครับน้อง หน้าตาเศร้าจัง ให้พี่ช่วยปลอบไหม”

เสียงแหบต่ำที่ดังอยู่ข้างหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจและพบว่ามีผู้ชายตัวใหญ่สองคนยืนขวางทางออกเอาไว้ สายตาหยาดเยิ้มที่ทั้งสองทอดมาให้ทำให้ผมขนลุกชัน แต่ความที่ยังช็อคไม่หายกับสิ่งที่เพิ่งได้เห็นมาทำให้ผมโต้ตอบอะไรไม่ได้ในทันที แล้วฉับพลันผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนท่อนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งยื่นมาล็อกคอเอาไว้จากด้านหลังแล้วดึงกลับไปปะทะแผ่นอกกว้างพร้อมกับเสียงคุ้นหูที่เอ่ยขึ้นอย่างเครียดๆ

“ไม่ต้องครับพี่ นี่เด็กผม”

คำพูดแสดงความเป็นเจ้าของแบบมัดมือชกทำให้ผมหันกลับไปมองหน้าคนที่ยืนแนบหลังตัวเองอยู่อย่างฉุนๆ แต่พอเห็นนัยน์ตาดุที่มองกลับมาก็พูดอะไรไม่ออก จึงได้แต่ปิดปากเงียบแล้วปล่อยให้เป้เดินโอบไหล่ผมผ่านเกย์สองคนที่ทักผมเมื่อกี้กลับไปที่รถ เป้เปิดประตูรถให้แล้วก็ดันผมให้ขึ้นไปนั่งก่อนจะขับออกมาโดยไม่พูดอะไร ตอนนั้นสมองผมเบลอไปหมดเมื่อคิดถึงภาพที่เพิ่งได้เห็นมาจะๆกับตา

ตอนนี้เพื่อนผม...กำลังทำอะไรอยู่

“เอ้า”

ผมหันไปหาเจ้าของเสียงแล้วก็ก้มดูกล่องกระดาษทิชชูที่อีกฝ่ายยื่นให้อย่างเหม่อลอย แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เป้จอดรถอยู่ใต้สะพานแห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา อาจเพราะความที่ดึกมากแล้วทำให้แถวนั้นไม่มีรถราผ่านไปมาสักเท่าไหร่

“อะไร?”

เป้ได้ยินคำถามผมแล้วก็เดาะลิ้น “จะอะไรล่ะ น้ำตาน่ะจะให้ไหลถึงเมื่อไหร่ หรือว่าต้องให้เช็ดให้?”

พอได้ยินคนข้างตัวทักแบบนั้นผมเลยยกมือขึ้นแตะหน้าตัวเองแล้วถึงเพิ่งรู้ว่าน้ำตากำลังไหลอาบแก้ม ความเปียกชื้นที่สัมผัสได้จากปลายนิ้วทำให้ผมเผลอหัวเราะออกมาทั้งที่ไม่ได้รู้สึกขำขันอะไรเลย เป้หันมามองผมงงๆ แล้วก็ตาโตขึ้นเมื่อเสียงหัวเราะของผมค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น แขนใหญ่รีบเอื้อมมาดึงผมเข้าไปกอดพลางลูบหลังผมที่กำลังสั่นขึ้นลงไปมาราวกำลังปลอบเด็ก

“ขอโทษนะที่พาไปเห็นอะไรแบบนั้น ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมเราถึงบอกเลิกโอ๊ค?”

ผมซุกหน้างุดกับอกใหญ่นั้น วินาทีนั้นสับสนสุดขีด เพื่อนที่ผมเคยคิดว่าเป็นคนเรียบร้อย ไว้เนื้อไว้ตัวกลับกลายเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ในใจผมนึกเป็นห่วงเพื่อน แต่อีกใจก็นึกเห็นใจคนที่กำลังโอบกอดปลอบใจผมอยู่

ผมพยายามสูดน้ำมูกก่อนจะถอยตัวออกพลางยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา แต่กลับทำให้ทั้งน้ำมูกน้ำตาแถมน้ำลายด้วยกระมังเปรอะหน้าจนเละไปหมด

“สกปรกจริงๆเล้ย เอ้านี่”

แม้คำพูดจะเหมือนแสดงความรังเกียจแต่น้ำเสียงบ่งว่าเป้กำลังหยอกล้อผมอยู่ มือใหญ่ดึงกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดใบหน้าที่เลอะเทอะของผมในขณะที่อีกมือช่วยลูบผมที่ลงมาปรกหน้าผากให้ ผมพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงไปขณะมองรอยยิ้มของเป้ผ่านตาที่พร่าเพราะม่านน้ำตาจนต้องกระพริบตาถี่ๆ

“ขอโทษว่ะเป้ เราไม่รู้จริงๆว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ เรานึกว่าเป้บอกเลิกโอ๊คเพราะไปมีคนอื่น”

เป้ฟังคำขอโทษของผมแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหันไปมองทางอื่น “ที่จริงเราพอรู้สึกอยู่บ้างแล้วล่ะว่าโอ๊คแค่คบเราเพราะเอาไว้อวดคนอื่น ก่อนนี้ก็เลยคิดว่าจะคุยกับโอ๊คให้รู้เรื่องอยู่แล้ว พอดีมีเพื่อนที่เคยเรียนม.ปลายที่เดียวกับโอ๊คมาเล่าให้เราฟังว่าเมื่อก่อนโอ๊คเป็นไง แล้วก็พาเราไปให้เห็นกับตาเอง เลยตัดสินใจได้ทันที”

ผมแย้งไม่ออกกับคำอธิบายที่ได้รับ นี่เองคือคำตอบต่อคำถามที่ผมเคยถามเป้เมื่อกลางวัน แต่ถ้าหากว่าเจ้าตัวตอบผมมาตามตรงตั้งแต่ตอนที่ผมถามโดยไม่ได้พามาเห็นเหตุการณ์ที่ร้านด้วยตัวเองผมก็คงไม่เชื่ออยู่ดี เป้เห็นผมไม่พูดอะไรจึงชำเลืองมองผมอีกครั้ง

“แล้วอีกอย่าง...เรามีคนที่รู้สึกชอบจริงๆขึ้นมาแล้วด้วย”

ผมช้อนสายตาขึ้นสบตากับคนตรงหน้าแล้วก็เห็นประกายบางอย่างในตาคู่นั้นที่ผมไม่อยากรู้ว่ามันคืออะไร ผมจึงถอยออกแล้วนั่งพิงพนักของตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือการได้อยู่ตามลำพังแล้วคิดอะไรเงียบๆคนเดียว

“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะเป้ แต่ไปส่งเราที่หอหน่อยได้ไหม”

แม้จะไม่หันไปมองแต่ผมก็พอรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองผมอยู่ สักพักเป้ก็เข้าเกียร์แล้วขับรถพาออกถนนใหญ่เพื่อวนไปส่งผมตามที่ขอ



++------++

ตอนนี้ไม่ต้องใส่หัวเรื่องว่าเป็นเรื่องเล่าหรือนิยายแล้วนะยกเว้นเรื่องสั้น

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 10-11-2008 00:59:25
ดูท่าเจ้าเป้จะตกหลุมรักเจ้าวิวซะแล้ว   :t2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 10-11-2008 01:33:46
 :z1:  ป้าจะขยันเกินไปแย้วววววว
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 10-11-2008 02:58:39
โถ่วิวโดนหลอกซะตั้งนาน

แล้วจะรออ่านต่อนะคราบ อิๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 10-11-2008 06:30:14
 :L2: :L2:
ต้อนรับเรื่องใหม่ 
ขออย่าดองเลยนะจ้ะ :oni3:
ช่วยกลับไปแต่งเรื่องเก่าให้จบๆด้วย รออยู่ว่าต้นจะทำยังไง  :m12:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(10/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 10-11-2008 17:18:37
แหมตัวเอง bb มาลำนำรัก เป้วิว อยู่ตรงนี้นี่เอง นึกว่าจะได้เห็นคุณพ่ออิ่มกิมจิ
อยู่แดนไกลแล้วไม่อยากกลับบ้านซะอีก คิกคิก

เค้าชอบนะ เรื่องสั้นเรื่องนี้

หัวข้อ: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-11-2008 17:23:25
มาต่อให้จบกันเลยนะกั๊บ :m7:

++------++


ลำนำรักสีรุ้ง [ครึ่งหลัง]


ตั้งแต่วันนั้นโอ๊คก็หลบหน้าหลบตาผม ไม่มานั่งที่โต๊ะกลุ่มเหมือนเคย แม้แต่ตอนที่ต้องเข้าเรียนวิชาเดียวกันก็ไม่มานั่งด้วยกัน เพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มถามผมว่าเราทะเลาะกันหรือเปล่าผมก็ตอบไม่ถูก จะว่าเราทะเลาะกันก็ไม่ใช่ ผมคิดว่าโอ๊คคงอายมากกว่าที่ถูกผมไปเห็นในร้าน และเรื่องที่เคยพูดโกหกผมว่าเป้นอกใจ

ใช่ว่าผมจะไม่อยากเคลียร์กับเพื่อนให้เข้าใจ เพราะยังไงซะผมก็เสียดายมิตรภาพที่เรามีให้กันมา แต่ไม่ว่าผมจะเพียรโทรหาโอ๊คเท่าไรหรือพยายามหาโอกาสเข้าไปพูดคุยด้วยโอ๊คก็ไม่ยอมคุยกับผมเลยจนผมเริ่มท้อ และไม่นานฤดูกาลแห่งการสอบปลายภาคก็งวดเข้ามาจนผมหัวปั่นกับการทำรายงานและอ่านหนังสือสอบจนต้องพักคิดเรื่องโอ๊คไว้ชั่วคราว

วันหนึ่งขณะผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำก็ได้ยินเสียงคนเลื่อนเก้าอี้ใกล้ตัวแล้วนั่งลง ผมไม่ทันได้สนใจจึงอ่านหนังสือแล้วขีดปากกาไฮไลท์ตามจุดสำคัญไปเหมือนเดิม สักพักเหมือนคนข้างตัวจะอดรนทนไม่ไหวจนต้องยื่นมือใหญ่มาปิดลงบนหน้าหนังสือที่ผมอ่านอยู่

ผมหันขวับไปมองคนข้างๆอย่างไม่พอใจ แล้วก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจที่ได้เห็นเป้นั่งเท้าคางยิ้มให้ผมอยู่ แต่ตอนนั้นผมกำลังเครียดกับเนื้อหาที่ต้องเตรียมสอบในเช้าวันต่อไปเลยได้แต่ถลึงตาใส่แล้วยกหนังสือออกจากใต้มือหนานั้น

“เอ้าๆ กลัวไม่ได้คะแนนเต็มหรือไง จะขยันอะไรนักหนาเนี่ย”

“เสือก! แล้วตัวเองไม่มีหนังสือหนังหาต้องอ่านหรือไง”

หลังจากวันที่เป้พาผมไปเห็นโอ๊คที่ร้านวันนั้น ผมกับเป้ก็ไม่ได้พูดคุยหรือทักทายกันอีกเลย ผมเองเมื่อหลุดปากว่าเป้ไปแล้วก็รู้สึกแย่ที่ตัวเองเผลอปากเสียออกไป แต่แทนที่เจ้าตัวจะหน้าจ๋อยกลับยิ้มอวดเขี้ยวให้ผมแทนซะอย่างนั้น

“ดุจริงเว้ย จะสองทุ่มแล้วนะ เดี๋ยวห้องสมุดก็ปิดแล้ว ไม่หิวข้าวหรือไง จะชวนไปกินข้าว”

ผมมองนาฬิกาที่ข้อมือแล้วก็มองหน้าเป้อย่างไม่เข้าใจ คนตัวโตตรงหน้าเลยถือโอกาสหยิบหนังสือเรียนผมที่วางกองบนโต๊ะไปถือไว้เองแล้วเดินนำผมออกไป ผมมองไปรอบตัวก็พบว่าคนในห้องสมุดเริ่มบางตาลงและเจ้าหน้าที่ก็เริ่มดับไฟบางจุดแล้วจึงต้องหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นพาดไหล่แล้วเดินตามออกไปอย่างเสียไม่ได้

เป้เดินนำผมออกจากมหาวิทยาลัยผ่านประตูหน้าแล้วก็ไปหยุดที่ร้านขายกับข้าวตามสั่งบนฟุตบาทข้างถนน ผมจำใจต้องนั่งตามเพราะยังไงเป้ก็มีหนังสือเรียนผมเป็นตัวประกันอยู่ เจ้าคนตัวโตยื่นเมนูที่เป็นกระดาษเอสี่เคลือบพลาสติกเก่าๆเลอะๆให้แล้วถามว่าอยากกินอะไร ผมจึงบอกปัดไปว่าสั่งอะไรมาผมก็กินได้เพราะอยากรีบกินแล้วรีบกลับไปอ่านหนังสือต่อ ตอนนั้นผมพะวงแต่เนื้อหาที่จะสอบวันต่อไปอยู่อย่างเดียว

“จะเครียดอะไรกันขนาดนั้น ตอนมิดเทอมก็คะแนนดีอยู่แล้วนี่”

เหมือนเป้จะรู้ว่าผมไม่พอใจที่โดนบังคับมากินข้าวด้วยเลยเอ่ยขึ้นล้อๆ ผมเลยทำตาเขียวใส่

“เออสิ นอกจากเรื่องเรียนก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ภูมิใจนี่หว่า เครียดแล้วผิดด้วยรึไง”

หลังได้ยินคำตอบเป้ก็เท้าคางจ้องหน้าผมจนผมเริ่มอึดอัด โชคดีว่าอาหารที่สั่งเริ่มลำเลียงมาแล้วผมจึงคว้าตะเกียบขึ้นพุ้ยข้าวต้มกับกับข้าวสามสี่อย่างบนโต๊ะทันทีจนคนที่นั่งตรงข้ามต้องเอ่ยทัก

“กินช้าๆก็ได้ เดี๋ยวก็ลวกปากกันพอดี”

“จะรีบกิน จะกลับไปอ่านหนังสือ ไม่ได้มีเวลาทั้งคืน”

เป้หัวเราะแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบ พรุ่งนี้หมอนี่ก็มีสอบเหมือนกันแต่กลับดูท่าทางไม่อนาทรร้อนใจเลยจนผมหมั่นไส้

“อย่าหงุดหงิดน่า เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะไปส่งที่หอ”

“ไม่ต้อง รถเมล์สายที่ผ่านหอเราวิ่งทั้งคืน กลับเองได้”

เป้รินเบียร์ใส่แก้วของตัวเองเพิ่มก่อนจะจิ๊ปากกับคำปฏิเสธของผม “เออน่ะ บอกว่าจะไปส่งก็ไปส่งสิ เลิกเถียงซะที”

ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้ผมที่ปกติเป็นคนเถียงไม่เลิกถ้าหากไม่พอใจยอมเงียบแล้วก็กินข้าวต่อโดยมีเป้นั่งจิบเบียร์รอ หลังกินข้าวเสร็จเจ้าคนที่บังคับให้ผมมากินข้าวด้วยก็ออกเงินค่าข้าวให้แม้ผมจะบอกว่าไม่จำเป็น จากนั้นก็ขับรถไปส่งผมที่หอตามที่สัญญาไว้

ก่อนผมออกจากรถเป้บอกว่าจะไม่กลับจนกว่าผมจะขึ้นไปแล้วออกมาโบกมือให้สัญญาณจากระเบียงก่อนว่าถึงห้องแล้ว ถึงผมจะงงๆว่าทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วย แต่พอขึ้นไปถึงห้องที่ชั้นหกแล้วผมก็ยื่นหน้าออกมาโบกมือให้คนตัวโตที่ยืนสูบบุหรี่รออยู่ข้างรถ เป้โบกมือตอบแล้วขยี้ก้นบุหรี่ที่ถังขยะใต้ตึกก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไป ถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ผมคิดว่าเห็นเป้ยิ้มตอนผมโบกมือให้เมื่อครู่

ตลอดเวลาสัปดาห์กว่าๆที่ผมสอบปลายภาคชีวิตดำเนินไปอย่างนี้ทุกวัน ผมจะไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแล้วเป้ก็จะโทรหาแล้วมารับผมไปกินข้าวและขับรถไปส่งที่หอ ตอนนั้นผมเริ่มฉุกคิดแล้วว่าเป้ทำแบบนี้ทำไม แต่ไม่อยากเอ่ยอะไรออกไปเพราะยังไงเป้ก็เป็นแฟนเก่าเพื่อนผม และผมกับโอ๊คก็ยังไม่ได้คุยกันเลย ผมไม่กล้าถามเป้ตรงๆพอๆกับที่เริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับการที่เป้มาอยู่ใกล้ๆจนไม่อยากให้มันจบลงแม้จะรู้สึกผิดกับโอ๊คก็ตาม

วิชาสอบสุดท้ายของผมเป็นช่วงบ่ายของวันศุกร์ ตลอดเวลาที่ทำข้อสอบผมรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูกและคอยมองแผ่นหลังของโอ๊คเป็นระยะ พอโอ๊คทำข้อสอบเสร็จก็ลุกขึ้นเอากระดาษคำตอบไปให้อาจารย์ที่โต๊ะหน้าห้องก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยแววตาเศร้าๆ ผมสะดุดใจกับแววตานั้นจนต้องรีบปั่นข้อสอบที่เหลือให้เสร็จเพราะอยากออกไปหาแล้วคุยทำความเข้าใจ ผมไม่อยากให้เราทั้งสองปิดเทอมแล้วต้องห่างเหินกันไปทั้งที่ยังไม่พูดไม่จากันอยู่แบบนี้

“ภัส เห็นโอ๊คมั่งมั้ย?”

พอออกจากห้องสอบผมก็ตรงไปที่โต๊ะกลุ่มใต้คณะทันทีแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของคนที่อยากพบ เพื่อนสาวในกลุ่มจึงเงยหน้าขึ้นจากการเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือแล้วก็ส่ายหน้า “ไปไหนไม่รู้แล้วว่ะ เออ แต่มันฝากจดหมายนี่ไว้ให้แกแน่ะ”

ผมรีบคว้ากระดาษจดหมายมาไว้ในมือ ขณะกำลังจะคลี่ออกอ่านก็ฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นเรื่องที่ผมไม่ควรทำตอนอยู่กลางกลุ่มเพื่อนแบบนี้จึงผละไปที่ลานริมแม่น้ำ จากนั้นจึงคลี่จดหมายออกด้วยมือสั่นเทา



“วิว

ขอโทษนะที่เราทำให้วิวต้องเสียความรู้สึก เราไม่มีอะไรจะแก้ตัว เราผิดตั้งแต่ต้นที่ไปคะยั้นคะยอให้เป้คบเราทั้งที่เค้าไม่ได้ชอบเราเลย เราเคยคิดว่าเป้อาจเปลี่ยนใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรคืบหน้าจนเราเหนื่อย เราเลยกลับไปเที่ยวตามร้านที่เมื่อก่อนเคยไปกับเพื่อนเก่า เราไม่คิดว่าเป้จะไปเห็นแล้วบอกเลิกกับเรา ตอนนั้นเรากลัวว่าเป้จะเอาเรื่องเราไปพูดเลยชิงโกหกวิวก่อน แต่สุดท้ายวิวมาเห็นเองกับตาจนได้ เราขอโทษด้วยจริงๆ

ตอนนั้นเราโกรธเป้มากที่ทำให้เราต้องเสียเพื่อนดีๆอย่างวิว แต่คิดอีกทีเราก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเป้ทำแบบนั้น เพราะเราสังเกตมาตลอดว่าตอนอยู่คอมมอนเป้ชอบมองใคร เราหวังว่าวิวก็คงรู้

สุดท้ายนี้เราอยากขอโทษอีกครั้งที่ไม่กล้าคุยกับวิวตรงๆ หลังสอบวันนี้เราจะบินไปซิดนีย์ หลังจากนั้นคงจะหาทางเรียนต่อที่นั่นเลยเพราะพี่สาวก็อยู่ด้วย เราอยากขอให้วิวยกโทษให้เรา และหวังว่าสักวันเราคงกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม

โอ๊ค”



ผมรู้สึกว่าสมองว่างเปล่าเมื่ออ่านจดหมายจบ คำถามที่ผุดขึ้นในหัวคือโอ๊คตั้งใจจะไปเรียนต่อที่โน่นอยู่แล้วหรือเพิ่งตัดสินใจหลังเกิดเรื่องกันแน่? แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็อยากพบและพูดคุยกับโอ๊คอีกครั้งก่อนเพื่อนของผมจะจากไปไกลอยู่ดี ทว่าพอผมหมุนตัวลุกขึ้นก็ชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของคนตัวใหญ่ที่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

“ว่าไง ปล่อยให้เดินหาตั้งนาน โทรหาก็ไม่รับ”

ผมกระพริบตาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแล้วก็เห็นว่ามีมิสคอลจากเป้จริง แต่เนื่องจากตั้งแต่ก่อนเข้าสอบผมตั้งระบบปิดเสียงเอาไว้ทำให้ไม่รู้ตัวว่ามีสายเข้า แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าการอธิบายเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟังคือเพื่อนที่กำลังจะจากไปไกลของผม

“เป้ โอ๊คจะบินไปซิดนีย์คืนนี้ พาเราไปสนามบินหน่อยได้มั้ย?”

เป้ฟังคำขอแล้วก็ทำหน้ามุ่ย ผมดึงแขนเสื้อของเป้ไว้แล้วก็ขอร้องอีกอย่างร้อนรน “ขอร้องล่ะเป้ แต่ถ้านายไม่พาไปเราจะนั่งแท็กซี่ไปเอง”

ก่อนผมจะหมุนตัวไปก็โดนมือใหญ่คว้าแขนไว้ซะก่อน เป้มองหน้าผมที่ขมวดคิ้วหันไปมองแล้วก็ถอนหายใจ

“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ไปส่งก็ได้ ไปรอหน้าศูนย์หนังสือแล้วกันเดี๋ยวเราวนรถไปรับ”

ระหว่างอยู่บนรถผมพยายามโทรหาโอ๊คหลายครั้งแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะปิดเครื่อง พอโทรไปที่บ้านก็เจอแต่แม่บ้าน แต่โชคดีที่ป้าเหลียงจำสายการบินได้ผมเลยโทรเช็คกับสายการบินว่าไฟลท์ไปซิดนีย์คืนนั้นมีกี่โมงและพบว่ามีไฟลท์เดียว เป้มองผมที่นั่งกระวนกระวายอยู่ในรถแล้วก็ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะจับมือผมไว้ ผมจึงบีบมือใหญ่ตอบอย่างขอบคุณ ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจมากที่ตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว

พอถึงสนามบินเป้ก็หย่อนผมลงหน้าทางเข้าผู้โดยสารขาออกแล้วบอกว่าหาที่จอดรถได้แล้วจะตามไปหา ผมจึงรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินเพราะตอนนั้นเริ่มใกล้ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วแต่ก็ไม่เห็นคนที่กำลังตามหา ขณะที่กำลังละล้าละลังอยู่นั่นเองก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังมาจากด้านหลัง พอหันไปก็เห็นหม่าม้าของโอ๊คและญาติๆยืนอยู่เลยรีบเข้าไปหาแล้วถามว่าโอ๊คอยู่ไหน

“เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เองลูกเพราะเดี๋ยวเค้าจะเข้าไปข้างในแล้ว นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี”

ผมหันกลับไปมองแล้วก็เห็นโอ๊คยืนหน้าซีดอยู่หลังผม แต่คราวนี้จะหนีก็ไม่ได้เพราะญาติๆและหม่าม้าอยู่ตรงนั้น ผมเลยหันไปบอกหม่าม้าว่าขอลาโอ๊คเป็นการส่วนตัวแป๊บนึงแล้วก็จูงมือโอ๊คเดินห่างออกไป

ผมรู้สึกได้ว่ามือในอุ้งมือผมสั่น พอเราเดินห่างจากญาติๆของโอ๊คมาพ้นระยะที่ไม่น่าจะได้ยินบทสนทนาของเราแล้วผมก็ฉุดเพื่อนให้นั่งลงที่ม้านั่งข้างผนัง

“โอ๊ค โอ๊คอย่าร้องไห้สิ”

ผมจับมือเพื่อนแน่นขึ้นเมื่อคนตรงหน้าเริ่มสะอื้น โอ๊คก้มหน้าหลบตาผมแล้วก็เอ่ยถามเสียงสั่น “วิว อ่านจดหมายเราแล้วใช่มั้ย เรามันเลว”

“ไม่เอา อย่าคิดอย่างนั้นสิ ยังไงโอ๊คก็เป็นเพื่อนเรานะ แต่เราอยากให้โอ๊คสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรอย่างนั้นอีก”

“ไม่แล้วล่ะวิว เราไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”

ผมดึงร่างผอมบางมากอดก่อนจะลูบแผ่นหลังที่สั่นเพราะแรงสะอื้นอย่างปลอบโยนจนรู้สึกว่าโอ๊คเริ่มสงบลง เสียงสายการบินเริ่มประกาศเรียกผู้โดยสารทำให้รู้ว่าเวลาที่เราจะได้คุยกันหมดลงแล้ว ร่างในอ้อมแขนผละจากอกผมแล้วก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“ยังไงเราไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงที่โน่นแล้วเราจะอีเมล์กับโทรหา คราวนี้จะยอมคุยด้วยนานๆเลย”

“อื้ม เราจะรอ”

เสียงที่ร่าเริงของคนตรงหน้าทำให้ผมใจชื้นขึ้น โอ๊คชำเลืองมองหลังผมแวบหนึ่งแล้วก็ยิ้มจนตาหยีให้ผมอีกครั้ง
“วิวดูแลตัวเองด้วยล่ะ แล้วก็...ที่เราเขียนในจดหมายเรื่องคนที่เป้ชอบ เราว่าวิวคงช่วยเป้ได้นะ”

ผมรู้สึกเหมือนหน้าร้อนขึ้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงแฝงแววล้อเลียนของเพื่อน แล้วก็อดคิดถึงหน้าของคนที่ถูกพูดถึงไม่ได้  “อะไรล่ะโอ๊ค เป้จะชอบใครก็ช่างเค้าสิ พอโอ๊คไม่อยู่เราก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับหมอนั่นแล้ว”

“ใครบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก หลังจากนี้แหละจะยุ่งกันหนักยิ่งกว่าเดิมเลยล่ะ”

ผมสะดุ้งกับเสียงเข้มๆที่ดังขึ้นใกล้ตัวแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นเป้ยืนอยู่ตรงนั้น โอ๊คบีบมือผมแล้วก็มองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างผมอย่างอาวรณ์ เป้จึงยิ้มตอบ

“ไปอยู่โน่นแล้วขยันเรียนล่ะ ส่วนวิวเดี๋ยวเราดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”

เฮ่ย! อยู่ดีๆมาทึกทักเอาเองงี้ได้ไง?! แล้วผมไปตกลงเออออด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะยอมให้ดูแล???

โอ๊คกอดผมแน่นอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาญาติๆที่ยืนรออยู่ ผมมองตามหลังเพื่อนแต่คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องไปส่งอีกแล้ว แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมืออุ่นวางลงบนบ่า

“ว่าไงเรา พามาส่งตามที่ขอแล้วนะ จะไม่ขอบคุณกันสักคำเลยหรือไง”

ผมเงยหน้ามองคนพูดตาดุแต่พอเห็นสายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายก็ต้องรีบก้มหน้าลงมองมือตัวเองทันที เป้รีบมานั่งเก้าอี้ตัวที่โอ๊คนั่งเมื่อครู่แล้วก็จับบ่าผมรั้งไว้ก่อนผมจะทันหันไปทางอื่น

“เมื่อกี้คุยเรื่องจดหมายอะไรกัน?”

“ไม่มีอะไร แล้วก็ไม่เกี่ยวกับนายเลยด้วย”

ผมยังพยายามไม่สบตาคมที่จ้องตัวเองเขม็ง รู้สึกว่าตอนนี้หน้าคงแดงไปถึงไหนต่อไหนเพราะมันไม่หยุดร้อนเสียที เรายื้อกันอยู่สักพักผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะเลยหันไปมองหน้าเป้อย่างงงๆ

“วิวจะแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ไปถึงไหนครับ เป้ไปรับไปส่ง เลี้ยงข้าววิวทุกวันอย่างนี้วิวยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าโดนจีบอยู่?”

“ใครจีบ จีบอะไร ไม่รู้เรื่องโว้ย!!”

ผมพยายามบ่ายเบี่ยงสุดฤทธิ์ อีกฝ่ายดูเหมือนจะยิ่งชอบใจที่ทำผมอายจนพูดไม่รู้เรื่องได้จึงดึงตัวผมไปกอดไว้แน่น ใจผมเต้นแรงจนเหมือนจะกระดอนออกมานอกอกกับความใกล้ชิดที่ไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีอีก

“ดี อยู่นิ่งๆอย่างนี้ซะบ้างจะได้ไม่ต้องใช้กำลัง ชอบเถียงดีนัก”

ผมเงยหน้าขึ้นจะอ้าปากโต้ แต่พ่อตัวดีก้มลงจูบผมหน้าตาเฉยก่อนจะถอยออกแล้วยิ้มให้ตาเป็นมัน คราวนี้ผมเลยได้แต่อ้าปากค้าง อะไรที่กำลังจะพูดพาลปลิวหายจากสมองไปหมด

“กลับกันได้แล้ว หิวข้าวจะแย่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปเที่ยวด้วยกันอีก”

เที่ยว? เที่ยวอะไร?? ตอนนั้นผมเบลอจนยอมให้อีกฝ่ายลากตามไปที่รถแต่โดยดี พอกลับไปนั่งในรถเป้ก็จัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผมเสร็จสรรพ พอจะหันไปบอกว่าผมไม่ใช่เด็กก็โดนขโมยหอมแก้มอีกจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ขนาดผมยังไม่ได้ตกลงจะเป็นแฟนด้วยยังโดนฉวยโอกาสขนาดนี้ ถ้าผมยอมเป็นแฟนหมอนี่จริงๆจะเป็นยังไงผมไม่อยากคิดเลย


++------++


ขออภัยผู้อ่านทุกท่าน edit มากไปหน่อยเนื้อหาเลยหาย ตามลงไปอ่านตอนจบข้างล่างนะจ๊ะ (กรรมของป้าจริงๆ)
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(10/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-11-2008 17:25:29
แหมตัวเอง bb มาลำนำรัก เป้วิว อยู่ตรงนี้นี่เอง นึกว่าจะได้เห็นคุณพ่ออิ่มกิมจิ
อยู่แดนไกลแล้วไม่อยากกลับบ้านซะอีก คิกคิก

เค้าชอบนะ เรื่องสั้นเรื่องนี้



The Living Rive มาโพสต์ติดกันฉิวเฉียดเลย หวังว่าจะชอบครึ่งหลังเหมือนครึ่งแรกนะจ๊ะ

กำลังสอนป๊ะป๋าให้กินกิมจิอยู่ ได้ความอย่างไรจะมาลงเรื่องนู้นต่อ อิๆ  :t2:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(10/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 10-11-2008 18:25:46
จิ้มป้าฮ่ะ


อย่าลืมเรื่องนู้นเน้อ


เขียนดีจริงๆคับ

ชอบสำนวนการใช้ของป้าอะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(10/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 10-11-2008 21:36:28
เรื่องน่ารักดีจริง ๆ  :m1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(10/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 10-11-2008 21:46:09
ขอแอบเอาไป print อ่านที่ทำงานก่อนนะป้านะ
       แล้วจะมาวิจารณ์ทีหลัง  :m23:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(10/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-11-2008 23:19:17
ชื่อเรื่องโดนใจ เห็นคำว่า รุ้ง แล้วแพ้ทาง  :laugh:

เลยได้อ่านเรื่องน่ารักๆๆ เลย  ชอบความผูกพันของวิว กับ โอ๊ค
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(10/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 11-11-2008 01:47:21
จบซะแล้ว แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้น่ารักมากๆ ชอบ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(10/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 11-11-2008 08:33:08
น่ารักจังค่ะ ชอบมากๆ :m1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(อีดิทจิ๊ดนึง ขอโทษก๊าบ 11/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-11-2008 12:02:59
ต่อๆๆๆๆ

++------++


จากวันนั้นก็ผ่านมาห้าปีแล้ว หลังจากเรียนจบผมก็เข้าทำงานในแผนกส่งเสริมการตลาดของธนาคารแห่งหนึ่ง ส่วนเป้ทำงานที่บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์ซึ่งเป็นสาขาของต่างชาติ แต่เราอาศัยอยู่คอนโดเดียวกัน ตอนเช้าเป้จะขับรถมาส่งผมก่อนเพราะผ่านทางไปออฟฟิศตัวเอง ส่วนตอนเย็นถ้าเลิกงานเวลาใกล้กันเป้จะมารับยกเว้นว่าต้องทำโอที แต่กิจกรรมที่พวกผมยังทำร่วมกันอย่างเคร่งครัดก็คือ ไม่ว่าดึกแค่ไหนก็จะรอกินข้าวเย็นด้วยกัน ยกเว้นว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องไปงานเลี้ยงหรือกลับดึกมากจริงๆ

ส่วนโอ๊ค ตั้งแต่ไปเรียนที่ซิดนีย์เราก็โทรศัพท์และอีเมล์คุยกันอย่างสม่ำเสมอ และบางซัมเมอร์โอ๊คก็บินกลับมาเยี่ยมบ้านและนัดเจอผมบ้าง ผมดีใจที่อย่างน้อยผมไม่ได้เสียเพื่อนไป และโอ๊คดูจะยินดีอย่างจริงใจที่ผมคบหากับเป้ หลังเรียนจบโอ๊คหางานทำในบริษัทด้านการพิมพ์ที่ซิดนีย์ และเห็นว่าตอนนี้กำลังเดทกับหนุ่มลูกครึ่งรุ่นน้องที่บริษัท

“ทำอะไรอยู่ฮึ? ยังไม่นอนอีก”

เป้เดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำพลางเอ่ยถาม ผมเลยหันไปยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปหาจอคอมพิวเตอร์ต่อ

“กำลังส่งรูปตอนไปเที่ยวบาหลีคราวที่แล้วให้โอ๊คอยู่ โอ๊คบอกว่าอยากดู”

“เห็นแล้วอยากไปฮันนีมูนกันอีกรอบเนอะ”

มือของคนที่มานั่งเอาคางเกยไหล่ผมเริ่มซุกซนไปมาจนผมต้องตีมือที่กำลังเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อนอนของผมอยู่

“เมื่อกี้มาไล่ให้ไปนอนอยู่ไม่ใช่หรือไง พูดเองแล้วอย่ามาทำรุ่มร่ามสิ”

นัยน์ตาคมของคนที่ผมตื่นมาเจอทุกเช้ามองผมทะเล้น ก่อนจะลุกแล้วย่อลงจับผมอุ้มพาดบ่าเดินไปที่เตียง

“เฮ้ย! เป้ ไม่เอา พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า อื้อ...”

คนตัวใหญ่จูบปิดปากผมจนอะไรๆที่จะพูดต่อหายลงคอไปหมด ลิ้นร้อนที่รุกไล่เข้ามาในปากพร้อมกับมืออุ่นๆที่ไล้บนผิวใต้เสื้อนอนผืนบางทำเอาผมสะท้าน กว่าอีกฝ่ายจะยอมถอนริมฝีปากออกเสื้อกับกางเกงผมก็หลุดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“ไม่ต้องห่วง รับรองไม่ทำถึงเช้า แค่เช้ามืด”

ใบหน้าคมยิ้มยั่ว ผมตีแขนคนเจ้าเล่ห์ที่ชอบเอาแต่ใจอีกครั้ง แต่คราวนี้ยอมให้อีกฝ่ายทำตามที่ต้องการแต่โดยดีเพราะห่างหายกันไปร่วมสัปดาห์ บทรักที่เคยคุ้นแต่ไม่เคยหน่ายดำเนินไปอย่างลื่นไหลและเร่าร้อนราวบทละครที่เราช่วยกันกำหนดจังหวะจนเข้าขากันเป็นอย่างดี เป้รู้ว่าต้องปลุกเร้าผมอย่างไรเช่นเดียวกับที่ผมรู้ว่าเป้อยากให้ผมตอบสนองแบบไหน หลังเราทั้งคู่ทะยานถึงที่สุดของอารมณ์ผมโน้มคอแข็งแรงของคนที่นอนคร่อมอยู่ลงมาจูบก่อนจะกระซิบติดริมฝีปากเสียงเบา

“รักเป้นะ”

คนตัวโตยิ้มแล้วจูบหน้าผากผม ความต้องการที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยของคนตรงหน้าเริ่มตื่นตัวขึ้นในตัวผมอีกครั้ง ค่ำคืนนี้ผมคงไม่ได้พักผ่อนง่ายๆอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ แต่ไม่เป็นไรเพราะผมชินเสียแล้ว

“เป้ก็รักวิว”



++-- END ลำนำรักสีรุ้ง --++




นี่ละหนาผลของการกลับมาอ่านเรื่องตัวเองใหม่แล้วอยากปรับแก้คำจนเนื้อหาขาด (เคยโดนกับอีกเรื่องมาแล้วยังไม่เจียม o12)

ใครอ่านจบไปแล้วก็อย่าอารมณ์เสียนะจ๊ะ เค้าขอโต้ด~  o1

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(อีดิทจิ๊ดนึง ขอโทษก๊าบ 11/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 11-11-2008 14:08:23
คิกคิก อย่ากังวลไปเลย bb เค้าเองก็เบ๊อะผิดประจำเหมือนกัน
ตัวเองกับเค้าคงต้องไปทำความรู้จักกับ แคร็ก ของพี่โต๋แล้วล่ะมั้ง คิกคิก

น่ารักดีนะ ผิดฝาผิดตัว แต่ไม่ผิดใจแบบนี้ คู่ใครก็คู่คนนั้นสิ จริงไหม เป้วิว  :o8:

มาลงเรื่องต่อไปเร็วๆล่ะ และอย่าลืม กิมจิ กิมจิ กิมจิ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(อีดิทจิ๊ดนึง ขอโทษก๊าบ 11/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 11-11-2008 14:48:58

ชอบครับ เรื่องน่ารักดี เป้กะวิว เข้าใจในรักระหว่างกัน  :กอด1:

ขอบคุณป้านะครับ  กำลังจะตามไปอ่านอีกเรื่องของป้า  :impress:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(อีดิทจิ๊ดนึง ขอโทษก๊าบ 11/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: abcd ที่ 12-11-2008 04:41:47
สั้นจริงๆด้วย  :pig3:



:00210030:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(อีดิทจิ๊ดนึง ขอโทษก๊าบ 11/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: cartoons ที่ 12-11-2008 14:57:03
 :m4: ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(อีดิทจิ๊ดนึง ขอโทษก๊าบ 11/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: ben~ya ที่ 13-11-2008 10:27:16
อารมณ์อย่างไม่น่าเชื่อ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(แวะรีพลาย 13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-11-2008 10:45:50
แวะมารีพลายแป๊บนึง ตอนแรกว่าจะปั่นตอนพิเศษวันลอยกระทงมาลง แต่โดนสั่งไปประชุมข้างนอก ยังไงเย็นๆค่ำๆอาจได้มาลงเป็นควันหลงหลังสงกรานต์แทนละกันนิ ส่วนเรื่องที่สองจะตามมาเร็วๆนี้จ้า  :call:

mist   ยินดีที่ทำให้คนอ่านยิ้มได้ค่า
BeePed  เรื่องนู้นต่อแน่จ้าไม่ต้องห่วง (จริงๆพิมพ์แล้ว แต่ยังไม่ถูกใจเลยยังไม่ลง ขอเวลาขัด+เกลาอีกหน่อยเน้อ)
<Ju!_Ju!>   โดนเอจิ้มอีกแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องนู้นน่าจะได้อัพในเร็ววันนี้แน่นอน ว่าแล้วป้าก็ขอทวงบทเอาคืนของกั๊มพ์ด้วยเลยละกันนิ
pickki_a  อ่านจบยางงงงงงนู๋ใหญ่
dahlia  มิตรภาพก็สำคัญไม่แพ้คนรักเนอะ
newykung  เป็นเรื่องสั้นก็เลยจบเร็วหน่อยนะจ๊ะ ขอบคุณที่ชอบจ้า
nana  หมายถึงคนเขียนอ๊ะป่าว ฮิ้ว
The Living Rive  คนคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน ส่วนกิมจิตอนนี้กำลังดองได้ที่ รอป้อนป๊ะป๋าอย่างเดียว
Jeremy_F  เนอะๆ ได้คนเข้าใจกันมาอยู่ข้างตัวสักคนคงสุขใจ ว่าแต่เรื่องนู้นแนวการเขียนจะต่างจากเรื่องนี้หน่อยนะจ๊ะ
ที่รักของ...   เจ้แน๋วอ้า เค้าก็บอกตั้งแต่ต้นแย้วว่าเรื่องสั้น อิๆ
cartoons เค้าเขินนะ มาบอกชอบกันงี้เลยเหรอ
ben~ya อารมณ์ไหนจ๊ะ หวังว่าจะอารมณ์ดีเน้อ

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง--ครึ่งหลัง(แวะรีพลาย 13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 13-11-2008 11:19:20
ฮั่นแน่!! แอบหลบเจ้านายมาตอบรีฯซะด้วย  ขยันๆเพื่อโบนัส ท่องไว้ๆอิอิ   o11

"ยังไงเย็นๆค่ำๆอาจได้มาลงเป็นควันหลงหลังสงกรานต์"
รอได้ครับ ค่ำจะย่องมาดูน่ะ

 :bye2:
หัวข้อ: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำŨ
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-11-2008 20:09:20
^
^
^
^

สาธุ สมพรปากนู๋ Jeremy_F ป้าจะได้มีตังค์ไปเที่ยวหลวงพระบางเดือนหน้า อิๆ
กระแสลอยกระทงกำลังป่วนเต็มบอร์ดเลยตอนนี้ หวังว่าคนอ่านจะไม่เบื่อกันไปซะก่อนนะจ๊ะ  :impress2:



ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง


“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันที่บีทีเอสสยามเลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วโทรหา”

ผมกดปิดโทรศัพท์แล้วเช็คอีเมล์อีกนิดหน่อยก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์แล้วแวะเคาะประตูห้องหัวหน้าเพื่อลากลับ

“Khun Gerald, I’m gonna go now.  See you tomorrow”
[คุณเจรัลด์ ผมกลับก่อนนะครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้]

หัวหน้าผมซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารบนโต๊ะแล้วขยับแว่นก่อนยิ้มเพลียๆให้

“Ok.  Happy Loy Kratong.  Are you gonna take your special someone out tonight?”
[โอเค สุขสันต์วันลอยกระทงนะ ว่าแต่จะพาแฟนไปเที่ยวไหนหรือเปล่าคืนนี้?]

ผมยิ้ม หัวหน้าผมอยู่ในประเทศไทยมาหลายปีพอที่จะรู้จักความพิเศษของประเพณีประจำชาติ อาจเพราะมีภรรยาเป็นชาวไทยด้วย แต่สิ่งที่ทั้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานของผมต่างไม่รู้ก็คือ แฟนผมเป็นผู้ชาย

“Yep, so I’d better get going.  Happy Loy Kratong to you too.  Oh, and watch out for the traffic tonight.”
[ครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน สุขสันต์วันลอยกระทงเช่นกันครับ แล้วก็คืนนี้ท่าทางรถจะติดนะ]

หัวหน้าผมเดาะลิ้นก่อนจะโบกมือไล่

“It’s always the same.  Anyway, have fun.”
[ก็เป็นอย่างนี้ทุกวันน่ะแหละ ขอให้สนุกล่ะ]

ผมแวะเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตและเนคไทที่ใส่มาทำงานเป็นเสื้อโปโลแล้วเอาของไปเก็บในรถที่จอดไว้ชั้นใต้ดิน แล้วก็เดินออกมาโบกมอเตอร์ไซค์หน้าออฟฟิศให้ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้ๆ ดูจากรถที่ติดกันยาวเหยียดเต็มถนนแล้ว ขืนผมขึ้นแท็กซี่ไปหาแฟนมีหวังได้ลอยกระทงกันตอนเที่ยงคืนแน่ๆ

เนื่องจากปรกติผมขับรถไปกลับระหว่างคอนโดกับที่ทำงาน ก็เลยไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์โดยสารรถไฟฟ้าในช่วงเวลาเร่งด่วนมาก่อน ผู้คนมากมายยืนรอรถขบวนถัดไปกันแทบล้นชานชาลา ผมเลือกรอที่ช่องสำหรับตู้ที่ติดหัวขบวนที่สุด พอเบียดคนอื่นๆเข้าไปด้านในได้แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดส่งข้อความรัวเร็ว

“On BTS now. C u soon.”

ไม่ถึงอึดใจโทรศัพท์ผมก็ส่งเสียงว่ามีข้อความตอบกลับ

“OK. c u :]”

รอยยิ้มเล็กๆในข้อความนั้นทำให้ผมยิ้มตาม อดเร่งให้รถไฟฟ้าไปถึงสถานีปลายทางเร็วๆไม่ได้ นี่จะเป็นการลอยกระทงด้วยกันครั้งแรกตั้งแต่ผมกับวิวเริ่มทำงาน ปีแรกหลังจากเรียนจบวิวต้องกลับไปช่วยงานศพญาติที่ต่างจังหวัดเราจึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน ส่วนปีที่แล้วผมก็ต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาข้ามคืนจนวิวหลับไปก่อน เราสองคนจึงไม่ได้ไปลอยกระทงด้วยกันเลยตั้งแต่เรียนจบมา

“สถานีต่อไป สยาม ท่านผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนไปสายสุขุมวิทได้ที่สถานีนี้”

ผมแทบไม่ต้องก้าวเองเพราะโดนคนที่ยืนเบียดกันอยู่ในรถดันให้ไหลออกไปที่ประตู พอเห็นคิวยาวของผู้คนที่ต่อแถวกันรอลงบันไดเลื่อนผมก็ตัดสินใจลงบันไดธรรมดาแทนแล้วตรงไปหาคนที่ยืนรออยู่หน้าทางออก

“โทษที รอนานหรือเปล่า”

คนสำคัญของผมส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่นานเท่าไหร่ ก่อนได้เมสเสจก็ไปเปลี่ยนชุดมา”

ร่างผอมๆของวิวเปลี่ยนจากชุดทำงานตอนผมไปส่งที่ออฟฟิศเมื่อเช้าเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ชุดที่ถอดเปลี่ยนคงเก็บไว้ในกระเป๋าที่สะพายหลังอยู่ ถ้าใครที่ไม่รู้จักมองเผินๆคงนึกว่าวิวยังเป็นนักศึกษา ผมเองยังชอบแซวแฟนบ่อยๆเวลาเดินด้วยกันแล้วมีคนถามว่าวิวเป็นน้องหรือเปล่า  ผมเอื้อมมือไปจะคว้ากระเป๋าแต่โดนอีกฝ่ายดึงไว้

“ไม่ได้หนักอะไรหรอกเป้ เดี๋ยวถือเองก็ได้”

“อย่าดื้อสิครับ ขอเป้เซอร์วิสแฟนหน่อย”

วิวยิ้มเขินๆก่อนจะยอมให้ผมรับกระเป๋ามาสะพายเองแต่โดยดี แล้วเราทั้งคู่ก็ลงจากสถานีเพื่อเดินต่อไปยังที่หมายของการลอยกระทงคืนนี้ ตลอดทางเดินมีคนร่วมทางเต็มไปหมด ทั้งนักเรียน นักศึกษาและคนทำงานแล้ว ประกอบกับมีแผงขายของบนฟุตบาทเป็นระยะเลยทำให้ถนนที่ปูอิฐไว้ไม่ราบเรียบเดินลำบากเข้าไปอีก ก็อย่างว่าละ ที่นี่กรุงเทพฯ

“เป้ ซื้อกระทงจากแถวนี้ไปเลยดีกว่า รู้สึกว่าถ้าเข้าไปซื้อข้างในจะแพงนะ”

“โอเค งั้นเอาอันใหญ่อันเดียวไปเลยแล้วกัน”

คนขายกระทงซึ่งท่าทางเป็นเด็กนักศึกษามองพวกผมสองคนที่ซื้อกระทงใบเดียวกันยิ้มๆ แต่วิวคงไม่ทันสนใจ ผมจ่ายเงินให้โดยไม่รอเงินทอนแล้วก็เดินเอามือแตะหลังวิวช่วงเอวเหมือนกึ่งๆประคอง วิวเงยหน้าขมวดคิ้วมองผมแต่ไม่ได้ว่าอะไร คนเบียดเสียดกันขนาดนี้ ผมไม่อยากเสี่ยงให้ใครมาถือโอกาสเพราะแฟนผมไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่ามีคนแอบมองเยอะแค่ไหน

ที่ที่เราเลือกไปลอยกระทงมีคนมาร่วมงานเยอะทีเดียว พวกเราเดินดูซุ้มขายของต่างๆทั้งขนม น้ำดื่ม ขนมหากินยากอย่างน้ำตาลปั้น แล้วก็ซุ้มเล่นเกมแปลกๆอย่างสาวน้อยตกน้ำ (ที่เปลี่ยนสาวน้อยเป็นหนุ่มน้อย) ซุ้มเกมเป่ายิงฉุบพระราชาที่ท่าทางจะเก็บเงินคนเล่นไปได้ไม่น้อย ซุ้มดูไพ่ยิปซี มินิคอนเสิร์ตโดยน้องๆนักศึกษาที่มีคนมุงดูแน่นจนแทบเดินผ่านไม่ได้ เด็กผู้ชายสองคนปีนขึ้นไปเต้นบนนั่งร้านที่ปูแผ่นรองเอาไว้ท่าทางน่ากลัวหล่น เหล่านักศึกษาหญิงที่ยืนล้อมวงถ่ายรูปกันอยู่ส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นเมื่อน้องคนหนึ่งเข้าไปทำท่ากอดเอวอีกคน ผมไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้สาวๆชอบดูอะไรแบบนี้

ผมมองหน้าวิวที่ท่าทางกำลังเพลินกับกิจกรรมและแสงสีจากไฟเย็นและแท่งเรืองแสงที่หลายๆคนในงานถือโบกกันไปมาแล้วก็เอาไหล่ชนเบาๆ

“ไปลอยกระทงกันเลยมั้ย เดี๋ยวจะดึก”

วิวหันมาพยักหน้าให้แล้วเราก็เดินตัดสนามไปยังสระน้ำที่มีคนยืนออกันแน่น ผมล้วงไฟแช็กขึ้นมาจุดธูปเทียนแล้วเราสองคนก็นั่งอธิษฐานด้วยกันก่อนจะค่อยๆหย่อนกระทงใบตองลงในน้ำที่เต็มไปด้วยกระทงของคนอื่นๆ

“ปีนี้วิวอธิษฐานขออะไร”

หลังลุกเดินจากสระน้ำมาแล้วผมหันไปถามคนข้างๆที่ยังมองตามซุ้มกิจกรรมต่างๆตลอดทางเดินก่อนถึงประตูทางออกอยู่ นัยน์ตาวาววับหันมามองผมยิ้มๆ

“ก็เหมือนทุกปี ขอให้โลกสงบสุข คนไทยรักใคร่กลมเกลียวกัน”

“อะไรเนี่ย ขออะไรไม่โรแมนติคเลย มีบ้างมั้ยขอว่าให้เป้กับวิวได้อยู่ด้วยกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเงี้ย”

ผมเห็นวิวหน้าแดงๆก่อนเจ้าตัวจะตีแขนผมดังเพียะ

“ก็เป้ขอไปแล้วไม่ใช่รึไง จะขอพรเดิมให้ซ้ำกันทำไมเล่า”

ผมยิ้มแล้วก็คว้ามือวิวมากุมไว้ ขณะเรากำลังจะเดินออกจากประตูก็มีเสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากข้างหลัง

“พี่วิว พี่วิวใช่มั้ยคะ”

วิวหันกลับไปมองแล้วก็สะดุ้งก่อนจะบิดมือออกจากมือผมแล้วเอามือไขว้หลังไว้ ผมขมวดคิ้วมองคนข้างตัวที่หันไปยิ้มให้กับเด็กสาวผมประบ่าที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง

“ว่าไงพีช ไม่เจอกันตั้งนาน พี่ลืมไปเลยว่าพีชเรียนที่นี่”

“พี่วิวก็ไม่โทรมาบอกกันเลยว่าคืนนี้จะมาลอยกระทงด้วย แล้วนี่มากับเพื่อนหรือคะ”

ผมกำลังจะอ้าปากแต่เห็นวิวแอบส่งสายตาดุให้ก่อนหันไปยิ้มให้กับน้องคนนั้นอีกที “อื้อ นี่เพื่อนพี่ตั้งแต่สมัยเรียน ชื่อพี่เป้”

“สวัสดีค่ะ หนูเป็นลูกพี่ลูกน้องพี่วิว แล้วนี่จะกลับกันแล้วเหรอคะ”

ผมเริ่มหงุดหงิดหน่อยๆแต่พยายามบังคับเสียงกับหน้าให้ยิ้ม

“ครับ เดี๋ยวพี่จะพาพี่วิวไปกินข้าวที่ตลาด มาเดินกันตั้งนานแล้วเค้าคงหิว” ผมเห็นวิวแอบส่งตาเขียวมาให้แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น

“ว้า ว่าจะชวนไปแวะซุ้มของคณะพีชซะหน่อย ยังไงพี่วิวกลับบ้านตอนปีใหม่ใช่มั้ยเอ่ย งั้นค่อยเจอกันนะ”

วิวพยักหน้าให้ยิ้มๆ ก่อนจะโบกมือลาญาติผู้น้อง ผมเลยหมุนตัวเดินนำออกมาโบกแท็กซี่แล้วเปิดประตูให้วิวขึ้นไปก่อน จากนั้นเราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกตลอดระยะเวลาสั้นๆที่นั่งอยู่ในรถ

ด้วยความที่ไม่ได้มาตลาดสามย่านนานมากแล้วทำให้ผมอดทึ่งกับภาพลักษณ์ของอาคารที่ทาสีใหม่และเปิดไฟสว่างไสวไม่ได้ เนื่องจากตอนผมมาครั้งล่าสุดเมื่อหลายปีก่อนอาคารยังดูเก่าๆโทรมๆวังเวงผิดกับตอนนี้หน้ามือเป็นหลังมือ เราเลือกนั่งโต๊ะใกล้กับบันไดทางขึ้นแล้วก็สั่งอาหารกันคนละจาน ผมสั่งเบียร์เฉพาะของตัวเองขณะที่วิวสั่งเพียงน้ำเปล่า

“...โกรธอะไร”

วิวถามผมเสียงอ่อนหลังเราเงียบกันอยู่นาน ผมยกขวดเบียร์ขึ้นจิบแล้วแกล้งพูดเสียงเย็นชา ที่จริงผมไม่ได้คิดอะไรแล้วแต่อดป่วนไม่ได้ นานๆทีวิวจะเป็นฝ่ายง้อผมซักที

“เปล่า หรือวิวคิดว่าตัวเองทำอะไรที่เป้ต้องโกรธ”

คนตรงหน้าผมเบ้ปาก “ไม่ต้องมาแกล้งมึน งอนที่เมื่อกี้แนะนำเป้ไปว่าเป็นแค่เพื่อนใช่มั้ย”

ถึงผมจะไม่ติดใจแล้ว แต่พอโดนจี้ใจดำขึ้นมาก็อดหงุดหงิดหน่อยๆไม่ได้เหมือนกัน ผมทำเป็นเลี่ยงเปิดเมนูดูรูปอาหารที่เด็กเสิร์ฟลืมเก็บออกไปจะได้ไม่ต้องสบตาวิว

“ก็รู้ตัวนี่ แล้วจะถามทำไม”

“เข้าใจกันหน่อยสิ บ้านพีชอยู่ติดบ้านวิวที่สกลฯ เกิดน้องเค้าเผลอไปบอกที่บ้านแล้วเข้าหูพ่อแม่จะทำไง วิวยังไม่อยากให้ที่บ้านรู้ตอนนี้”

“ก็บอกน้องเค้าว่าอย่าเอาไปพูดก็ได้นี่ โตๆกันแล้วเค้าคงไม่แกล้งหรอก”

ผมจิบเบียร์อีกอึกก่อนจะถามต่อ “ถ้าเกิดพ่อกับแม่วิวรู้ขึ้นมาจริงๆแล้วรับไม่ได้จะทำไง จะเลิกกันหรือไง”

วิวกอดอกแล้วชักสีหน้า

“ถ้าคิดอย่างนั้นก็เลิกกันเดี๋ยวนี้เลยดีมั้ย”

น้ำเสียงหงุดหงิดของอีกฝ่ายทำเอาผมเริ่มใจอ่อน ที่อยากให้แฟนง้อคงต้องเปลี่ยนเป็นง้อแฟนแทนเสียแล้ว

“เลิกได้ไง อธิษฐานไปแล้วว่าชีวิตนี้ขอให้วิวรักเป้คนเดียว ขืนเลิกกันพรก็ไม่ขลังสิ”

ผมยกมือของวิวขึ้นจูบแล้วก็วางลงที่เดิมอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวชักมือหนีไม่ทัน ก่อนจะยิ้มมองหน้าแดงๆที่มองผมกลับตาขุ่น ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมวิวชอบคิดว่าตัวเองหน้าตาไม่น่าสนใจทั้งที่สะดุดตาผมตั้งแต่ตอนอยู่ปี 1 แท้ๆ

ผมเท้าคางแล้วถามวิวอีกครั้งอย่างจริงจัง “เอาจริงๆเลยนะ ถ้าเกิดพ่อแม่วิวรู้ว่าเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันวิวจะทำยังไง”

ผมเคยเจอพ่อแม่วิวตอนที่วิวพาไปเยี่ยมบ้านช่วงปิดเทอม แต่ทั้งสองรับรู้เพียงว่าเราเป็นเพื่อนร่วมคณะ หลังจากที่เรียนจบแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันวิวก็ไม่ได้บอกที่บ้านว่าเช่าคอนโดอยู่กับผม แต่ถึงแม้เราจะปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหนสักวันความจริงก็ต้องแตกอยู่ดี

วิวเม้มปากแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ

“จะให้ทำยังไงล่ะ ถ้าเค้ารับไม่ได้ก็คงต้องคุยกันจนกว่าเค้าจะเข้าใจนั่นแหละ คบกันมาตั้งนานขนาดนี้แล้วนี่”

น้ำเสียงจริงจังทำให้ผมยิ้มออก ผมเลยยื่นนิ้วไปลูบมือวิวที่จับแก้วน้ำอยู่เบาๆ

“ต้องอย่างนี้สิ ค่อยสมกับเป็นแฟนกันหน่อย”

“อ่า...อาหารมาแล้วครับพี่”

เด็กเสิร์ฟที่พูดออกสำเนียงไทยไม่ชัดยืนถือจานอาหารสองจานเก้ๆกังๆอยู่ข้างโต๊ะ ท่าทางคงได้ยินบทสนทนาของพวกเราเมื่อครู่ วิวหน้าแดงซ่านส่วนผมได้แต่หัวเราะ

“อุ๊ย...จุดพลุกันแล้ว!”

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-11-2008 22:02:10
เสียงกรี๊ดกร๊าดจากกลุ่มเด็กสาวที่นั่งถัดผมไปสองสามโต๊ะทำให้ผมกับวิวหันไปมองฟ้าฝั่งที่มีพลุสว่างวาบเป็นประกายไฟพร่างพราว พลุหลากสีบนท้องฟ้าในคืนไร้เมฆดึงดูดผู้คนที่นั่งทานอาหารอยู่ให้หันไปมองอย่างหลงใหล แต่ผมเลือกที่จะหันกลับมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของวิว สำหรับผมพลุในเมืองไทยจะดูเมื่อไหร่ก็เหมือนๆกัน แต่ใบหน้าสดใสมีชีวิตชีวาของคนตรงหน้ามีเสน่ห์น่ามองกว่ากันเยอะ

“วิวครับ”

คนโดนเรียกหันกลับมาตามเสียง ใบหน้ายังมีรอยยิ้มตื่นเต้นประดับอยู่ “หืม? อะไร?”

“คืนนี้เป้ขอหลักฐานพิสูจน์รักของวิวได้มั้ย ถ้าเป็นไปได้ขอหลายๆครั้งเลย”

วิวเรียบเรียงคำพูดของผมในหัวครู่หนึ่งแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาอีกก่อนจะเตะขาผมใต้โต๊ะเบาๆ

“ไอ้ทะลึ่ง!”

“ทะลึ่งแต่ก็รักใช่มั้ยล่ะ”

“...ไม่พูดด้วยแล้ว”

วิวตัดบทแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารบนโต๊ะ ผมหัวเราะกับท่าทางเขินๆนั้นแล้วก็เริ่มลงมือจัดการอาหารของตัวเองบ้าง

นานๆที ทะเลาะกันบ้างก็ดีเหมือนกัน ผมนึกดีใจที่เมื่อห้าปีก่อนผมเลือกที่จะเดินเข้าไปหาวิวที่ห้องสมุดแล้วชวนออกไปทานข้าว ถ้าหากผมไม่เริ่มสานสัมพันธ์ก่อนในวันนั้น ผมคงไม่มีวันรู้เลยว่าในวันนี้คนตรงหน้าจะเป็นคนที่ทำให้ชีวิตผมเติมเต็มและมีความสุขได้ขนาดนี้

“...เลิกยิ้มอย่างนั้นซะทีได้มั้ย”

“ทำไมล่ะ มองแฟนตัวเองแล้วยิ้มผิดด้วยเหรอ หรือวิวไม่ชอบให้เป้ยิ้มให้”

วิวค้อนผมแล้วก็ก้มหน้าทานข้าวต่อ ทำไมผมจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำหน้าตาแบบไหนอยู่ ก็วิวน่ารักจนน่ากลืนกินไปทั้งตัวจริงๆนี่นา

“กินเสร็จรึยัง อยากกลับจะแย่แล้ว อิ่มมากๆเดี๋ยวคืนนี้จุกนะ”

วิวมองผมตาเขียวก่อนจะรวบช้อนส้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“ก็ลองทำให้จุกดูสิ เดี๋ยวคืนนี้มีใครบางคนไม่ได้นอนเตียงแน่”

คนน่ารักของผมทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งโมโหแต่แก้มทั้งสองข้างแดงจัด ผมเรียกเด็กเสิร์ฟเก็บเงินแล้วก็จูงมือวิวเดินไปโบกแท็กซี่เพื่อกลับไปเอารถที่ออฟฟิศ ระหว่างรอก็ถือโอกาสหอมแก้มคนข้างๆ โชคดีว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นไม่งั้นผมคงโดนงอนอีก

“มัดจำก่อนนะ เดี๋ยวค่อยไปเก็บที่เหลือที่ห้อง”

วิวแกล้งทำเป็นถอนหายใจแล้วเอนหัวพิงไหล่ผม เราแกว่งมือที่กุมกันอยู่เบาๆ อากาศช่วงปลายปีเริ่มเย็นลงแล้วแต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก

“นี่เห็นว่าเป็นคืนลอยกระทงหรอกนะ ยกให้ซักคืนก็แล้วกัน”


++-- END ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง --++


เมื่อคืนมีใครไปลอยกระทงที่จุฬาป่าว เราอาจสวนกันโดยไม่รู้ตัวนะ

สำหรับเรื่องต่อไปคงยังวนเวียนอยู่ในรั้วมหา'ลัยเน้อ ปั่นเสร็จเมื่อไหร่จะมาลงนะจ๊ะ :bye2:



หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 13-11-2008 22:28:09
คู่นี้น่ารักเหมาะสมกันดี ชอบๆน่ารักครับ :o8:

มีบรรยากาศงาน ลอยกระทงเข้ากับชื่อเลยเนอะ   :-[

ผมลอยที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน อิอิ คนเยอะมากมายครับพี่น้อง

รอเรื่องใหม่นะเป็นกำลังใจ +นะ   :L2:

 :bye2:

ลป.โทษนะจ๊ะป้าเม็นท์ช้าไปนิดส์
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-11-2008 22:35:51
อ้างถึง
ถ้าหากผมไม่เริ่มสานสัมพันธ์ก่อนในวันนั้น ผมคงไม่มีวันรู้เลยว่าในวันนี้คนตรงหน้าจะเป็นคนที่ทำให้ชีวิตผมเติมเต็มและมีความสุขได้ขนาดนี้


กรี๊ดดดดดดดดดด เขิน แทน วิว  :o8:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 13-11-2008 23:57:53
ฮิ้วววว หวานซ้า ขอตอนพิเศษหวาน ๆ อีกหลาย ๆ ตอนเลย หลงรักคู่นี้ซะแล้วสิเรา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 13-11-2008 23:59:31
 :3123:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 14-11-2008 00:02:02
หวานซะ

ไอ้เอเขิ้นเขิน :-[

ในชีวิตจะมีหวานกะเค้าบ้างไหมหนอเรา
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 14-11-2008 11:05:27
แหม กระทงคู่นี้ไม่หลงทางซะด้วยนะ คิกคิก  :n1:

ขอบคุณนะตัวเอง bb ที่เขียนเรื่องดีๆมาให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 14-11-2008 11:33:29
^
^
^
^

เน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 14-11-2008 12:06:51
 :L2:มารอค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: ben~ya ที่ 14-11-2008 13:27:02
อารมณ์ดีจ๊ะ อารมณ์ดีที่ได้อ่าน :-[
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 15-11-2008 10:04:32
ตามอ่านทันแว้ววววววว :กอด1:

เป้-วิว จะหวานไปไหนคร๊าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 1: ลำนำรักสีรุ้ง-ตอนพิเศษ รักเธออีกครั้งในวันลอยกระทง (13/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 16-11-2008 14:15:17
 :L1:
เรื่องราวน่ารัก ๆ อ่านแล้วมีความสุขดี
รู้สึกมีความหวังในความรักมากขึ้น...
ขอให้ เป้กับวิว รักกันต่อไปนาน ๆ  :call:
หัวข้อ: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-11-2008 18:48:52
สวัสดียามเย็นและขอขอบคุณทุกคนที่ให้การต้อนรับเรื่องแรกด้วยดีจ้า ก่อนกลับบ้านเลยขอแวะเอาเรื่องสั้นเรื่องที่สองมานำเสนอ ขอบอกว่ายังอยู่ในรั้วมหา'ลัยเหมือนเดิมนะจ๊ะ (ป้ากำลังอยู่ในโหมดรำลึกความหลัง 55555)  :really2:


เรื่องที่ 2 เมื่อหัวใจเราใกล้กัน

ตอนที่ 1: คนข้างห้อง



“ก๊อกๆๆๆๆ”

เสียงเคาะประตูรัวไม่หยุดปลุกผมจากห้วงนิทราอันแสนสุข อีกแล้วเหรอ...ผมถอนหายใจแล้วหรี่ตาขึ้นมองนาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียง เกือบจะตีสามอยู่แล้ว ผมเลิกผ้าห่มนวมผืนหนาออกแล้วเกาหัวก่อนจะลุกไปเปิดไฟแล้วเปิดประตูให้ผู้มาเยือนที่รู้ดีว่าเป็นใคร

“หวาดดี...อ๊อฟ...แหะๆ โทษที เรา...อึ๊ก...ลืมกุญแจอีกแล้วว่ะ ฮ่าๆๆ”

ผมส่ายหน้ากับเสียงที่แสดงความเมามาย แล้วก็ต้องเบ้หน้ากับกลิ่นเหล้าปนบุหรี่ที่โชยฟุ้งจากคนตัวผอมบางหน้าห้องก่อนจะถอยหลังให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาแล้วปิดประตูตามหลัง ผิวของนะที่ปกติขาวใสเป็นสีแดงเรื่อไปทั้งตัวเพราะแอลกอฮอลล์

คนตัวเล็กกว่าเดินตัวเซๆผ่านผมไปเลื่อนบานหน้าต่างในห้องก่อนจะปีนออกไปเหมือนทุกครั้ง ผมยกขวดน้ำใกล้หัวเตียงขึ้นดื่มแล้วก็นั่งรอจนได้ยินเสียงเลื่อนปิดหน้าต่างจากห้องข้างๆแล้วจึงปิดไฟก่อนล้มตัวลงนอน

ทว่าการจะพยายามข่มตาให้หลับหลังจากถูกปลุกขึ้นมากลางดึกไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ผมนอนพลิกไปพลิกมา หูก็คอยแต่จะฟังทุกเสียงที่ดังมาจากห้องข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้า เสียงเปิดตู้เย็นบานเล็ก หรือเสียงเปิดวิทยุ แต่พอเสียงน้ำฝักบัวกระทบพื้นเริ่มลอยมา อยู่ๆผมก็เกิดจินตนาการภาพเรือนร่างของนะกำลังที่เปียกปอนอยู่ใต้สายน้ำจนต้องรีบยกผ้านวมขึ้นคลุมหัวแล้วหลับตาปี๋เพื่อไล่ภาพนั้นกับความรู้สึกอึดอัดที่ร่างกายท่อนล่างออกไป

ผู้ชาย! ผู้ชายโว้ย! น่ารักแค่ไหนก็เป็นผู้ชาย! ท่องไว้ไอ้อ๊อฟ!!

++------++

ครั้งแรกที่นะมาเคาะประตูห้องผมคือราวสามเดือนที่แล้ว คืนนั้นผมนั่งแกะโน้ตดนตรีแล้วก็ซ้อมกีตาร์โปร่งอยู่จนดึกดื่นเพราะต้องเตรียมตัวสำหรับขึ้นแสดงของชุมนุมโฟล์คซองในวันถัดไป จู่ๆก็มีเสียงคนเคาะประตูดังขึ้น ตอนแรกผมคิดว่าคงมีใครเพิ่งกลับจากไปเที่ยวกลางคืนแล้วนึกคะนองอยากแกล้งปลุกคนอื่นเลยไม่ได้สนใจ แต่ไม่นานเสียงเคาะก็ดังรัวขึ้นอีกผมจึงต้องลุกไปเปิดประตูให้อย่างเสียไม่ได้

แว่บแรกที่เห็นนะผมชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนหน้าแดงตัวเล็กคนนี้คือคนที่เพิ่งย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ผมจำได้ลางๆว่าเคยเห็นนะที่มหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากเราไม่เคยคุยกันผมจึงไม่รู้ว่านะเรียนอยู่คณะไหน

“ขอโทษที คือว่า...เราลืมกุญแจไว้เลยเข้าห้องไม่ได้ ขอปีนหน้าต่างเข้าไปจากห้องนายได้เปล่า”

น้ำเสียงอ้อแอ้สะกดผมให้ยืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอยให้อีกฝ่ายเข้ามา “อ๋อ ก็ได้ เข้ามาสิ”

“โทษที เราไม่ได้ปลุกนายใช่มะ”

นัยน์ตาเชื่อมเพราะฤทธิ์น้ำเมาที่หันมามองผมอย่างขอโทษทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้

“ไม่เป็นไร เราก็ยังไม่นอน พอดีซ้อมกีตาร์อยู่”

นะหันไปมองกีตาร์ของผมที่วางอยู่บนเตียงแล้วก็พยักหน้าหงึกๆก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง ทว่าก่อนร่างบางนั้นจะยกตัวข้ามออกไปที่กันสาดผมก็รั้งต้นแขนไว้เสียก่อน แขนนั้นผอมเรียวจนมือผมแทบจะกำได้รอบ นัยน์ตากลมโตหันมามองผมงงๆ

“เดี๋ยวสิ แล้วเมาอยู่อย่างนี้มาปีนหน้าต่างเกิดตกลงไปจะทำยังไง”

“อ๋อ ไม่ต้องห่วง เราเคยขอปีนจากห้องอีกฝั่งเหมือนกัน แต่ตอนนี้คนเช่าเปลี่ยนแล้วเราเลยไม่กล้าไปขอ ยังไงขอบใจมากนะที่ช่วยเปิดประตูให้ นายชื่ออะไรอะ”

“อ๊อฟ”

“อ๊อฟ เราชื่อนะ ยังไงยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็ราตรีสวัสดิ์นะ ไปก่อนล่ะ”

นะยิ้มอวดเขี้ยวเล็กๆให้ผมก่อนจะยกตัวโหนขอบหน้าต่างออกไป ผมชะโงกหน้าตามไปดูด้วยความเป็นห่วง แล้วก็รอจนร่างเล็กนั่นผลุบหายเข้าไปในห้องตัวเองแล้วจึงค่อยเลื่อนหน้าต่างปิดเหมือนเดิม ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เดิมที่จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกหลายครั้งในเวลาต่อมา

++------++

“เค้าคิดอะไรกับแกเปล่าวะ ถึงได้มาขอเข้าห้องแกบ่อยๆ”

ผมกลั้นปากหาวแล้วก็เหล่มองมุ้ยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กและเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯเหมือนกัน เนื่องจากสถาบันของมุ้ยอยู่ใกล้จนเดินไปมาหาสู่กันได้สบาย บางครั้งเจ้าหล่อนเลยชอบนัดมากินข้าวกับผมบ่อยๆ โดยให้เหตุผลว่า ‘ก็ผู้ชายที่นี่หน้าตาดีกว่า’

“เราว่าแกดูละครมากไปแล้วล่ะมุ้ย นะเค้าคงเห็นว่าเราสะดวกดีเพราะไม่เคยบ่นเวลาโดนกวนตอนดึกๆเท่านั้นแหละ แต่เราก็ห่วงว่าสักวันเค้าจะเมาหล่นจากกันสาดตอนปีนหน้าต่างอยู่เหมือนกัน”

“แน่ะๆ ฮั่นแน่ เป็นห่วงด้วยเหรอจ๊ะ”

“ก็คนอยู่ห้องติดกันนี่ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาก็ต้องช่วยดูแลใช่มั้ยล่ะ”

มุ้ยยิ้มให้ผมอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะแขวะผมเสียงแหลม

“เอ๊อ ให้มันจริง ชั้นละกลัวแกจะเพิ่งค้นพบตัวเองจริงจริ๊ง ไม่แน่นะเว่ยพฤติกรรมที่มันเกิดซ้ำๆของคนข้างห้องแกเนี่ยมันอาจมีความหมายแฝงก็ได้นะ ตอนปี 1 แกไม่ได้เรียนจิตวิทยารึไงฮะ”

“แกคิดมากไปต่างหาก เวลาอยู่ที่ม.นะไม่เคยทักเราเลย”

ผมพูดความจริง ถึงแม้นะจะชอบลืมกุญแจจนต้องมาเคาะห้องผมบ่อยๆเวลาเมาเหมือนไม่เกรงใจก็ตาม แต่เวลาเราเดินสวนกันในมหาวิทยาลัยนะจะไม่เข้ามาคุยทักทายผมเลยแถมยังดูจะรีบเดินหลบเสียด้วยซ้ำ

“ยังไงแกหาโอกาสแนะนำชั้นให้รู้จักบ้างสิ อยากเห็นหน้าว่ะ จะดูว่าเหมาะกับแกรึเปล่า”

“เออดี ไม่ยักรู้ว่าแกดูโหงวเฮ้งเป็นด้วย แล้วตกลงแกจะกลับไปเรียนยังเนี่ย”

มุ้ยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดดูเวลาแล้วก็โวยวายใหญ่

“ตายแล้ว! อ.บอกไว้ว่าวันนี้จะมีควิซด้วย งั้นเดี๋ยวชั้นไปก่อนแล้วกันว่ะ วันหลังจะมานั่งเหล่ผู้ชายแถวนี้ใหม่น้า”

เพื่อนตัวดียิ้มทะเล้นแล้วตบแก้มผมเบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกไป ผมมองตามเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะเอาจานและแก้วของตัวเองไปวางที่ชั้นสำหรับรอล้าง พอหันกลับมาก็ชนกับคนข้างหลังเข้าอย่างจัง

“ขอโทษครับ! อ้าวนะ”

หน้าหวานที่ตอนแรกดูสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่เงยขึ้นมองผมแล้วก็ผงะ มือที่ถือจานอยู่เผลอดันเข้าหาตัวเองจนน้ำแกงที่เหลือหกเลอะเสื้อเชิ้ตสีขาว ผมรีบดึงจานจากมือนะไปวางบนชั้นแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาช่วยเช็ดรอยเปื้อนออกให้

“เอ้า ไม่ระวังเลยนะเรา เสื้อเลอะหมดแล้ว”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปล้างๆเอาแล้วถือหนังสือปิดก็คงได้”

นะก้มหน้าเหมือนหลบตาผมแล้วก็ทำท่าจะเดินหนี มือไวเท่าความคิด ผมรีบคว้าข้อมือผอมบางนั้นแล้วจูงให้เดินตามไปขึ้นลิฟต์เก่าๆของตึกกิจกรรมที่อยู่ติดลานขายอาหาร

“เรามีเสื้อยืดอยู่ในชุมนุม ยังไงเดี๋ยวเอาไปใส่ก่อนแล้วกันจะได้ไม่ต้องใส่เสื้อเลอะๆเข้าเรียนช่วงบ่าย มันส่งกลิ่นรู้หรือเปล่า”

นะกัดริมฝีปากแต่ยังก้มหน้าไม่ยอมสบตาผมอยู่ เออแฮะ ไม่น่าเชื่อว่าคนเราเวลาเมากับเวลาปกติจะบุคลิกต่างกันได้ขนาดนี้ นะที่ผมรู้จักไม่เห็นเคยทำท่าเขินอายเวลามาเคาะประตูห้องผมเลย ผมอดแซวระหว่างอยู่ในลิฟต์ไม่ได้

“เป็นอะไร ใครขโมยปากไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่พูดไม่จาเลย”

“ไม่ใช่ซักหน่อย ก็แค่...”

นะค้างคำพูดไว้พร้อมๆกับที่ลิฟต์หยุดที่ชั้นสี่ คนตัวเล็กเดินฉับๆนำผมออกไปก่อนแล้วก็ยืนเคว้งอยู่ตรงลานหน้าบันได

“เอ้า เห็นเดินออกมาก่อนก็นึกว่ารู้ซะอีกว่าห้องชุมนุมเราอยู่ไหน กำลังรอให้เดินนำไปอยู่เลยเนี่ย”

ผมพูดกลั้วหัวเราะ นะหันมาทำตาดุใส่ก่อนจะสะบัดหน้าพรืด

“รู้หรอกน่ะว่าอยู่ชุมนุมไหน แต่ไม่รู้ว่าห้องมันอยู่ตรงไหนนี่”

ผมเลิกคิ้ว แต่แล้วก็คิดเอาเองว่าเพราะนะเห็นผมซ้อมกีตาร์บ่อยๆเลยรู้กระมัง ผมเดินนำนะไปที่ห้องชุมนุมแล้วก็เดินเตะข้าวของที่กองรกอยู่บนพื้นเข้าไปในห้องก่อนจะชำเลืองมองคนที่หยุดยืนอยู่หน้าประตู ขนาดตัวเราสองคนต่างกันมากผมเลยต้องพยายามคุ้ยล็อคเกอร์ตัวเองหาเสื้อที่ตัวเล็กที่สุดเท่าที่มี ส่วนใหญ่เสื้อที่ผมเก็บไว้ที่นี่มีเตรียมไว้เผื่อมาค้างดังนั้นเลยมีแต่เสื้อตัวใหญ่ๆหลวมๆที่คงไม่เหมาะกับนะสักเท่าไหร่

ผมหยิบเสื้องานฟุตบอลประเพณีของปีที่แล้วซึ่งเป็นเสื้อที่ตัวเล็กที่สุดในล็อคเกอร์ออกมายื่นให้คนที่ยืนรออยู่ เจ้าตัวกางเสื้อแล้วก็พลิกดูไปมาก่อนจะเงยหน้ามองผม นัยน์ตากลมโตคู่นั้นเวลาไม่ได้ฉ่ำเยิ้มเพราะเมาก็ดูเป็นประกายน่ามองไม่หยอก

“แล้วห้องน้ำอยู่ตรงไหน”

ผมกระพริบตาก่อนจะนั่งลงที่โซฟาตัวเก่าในห้องแล้วกอดอก

“ก็เปลี่ยนในห้องนี้ไปเลยซิ ผู้ชายเหมือนกันจะอายอะไร”

“จะเปลี่ยนในห้องน้ำ”

นะยืนยันเสียงแข็ง ผมเลิกคิ้วแต่แล้วก็ชี้ทางไปห้องน้ำให้แต่โดยดี ใจหนึ่งก็อดเสียดายไม่ได้ที่จะไม่ได้เห็นว่าผิวส่วนที่โดนเสื้อบดบังอยู่เสมอของคนตัวเล็กจะขาวนวลกว่าส่วนที่โผล่ออกมาให้ตาเห็นหรือเปล่า...

เฮ่ย! แล้วนี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย?! ถึงจะหน้าตาน่ารักแต่ก็ผู้ชายเหมือนกันนะเว้ย!!

ก่อนจะยิ่งฟุ้งซ่านไปกว่านี้ผมหันไปหยิบกีตาร์คุณปู่ในห้องแล้วออกมานั่งดีดเล่นที่ระเบียงรอคนที่ยืมเสื้อผมไปเปลี่ยน (ความจริงไม่ใช่กีตาร์ของปู่ใคร แต่มันเก่าจนตามหาเจ้าของไม่ได้เลยตั้งชื่อให้ว่ากีตาร์คุณปู่) ผมดีดกีตาร์ไปร้องเพลงคลอเบาๆไปพลาง ไม่นานนะก็เดินกลับมาโดยมีเสื้อตัวที่ถอดออกอยู่ในมือ

ผมหันไปมองคนที่ใส่เสื้อผมอยู่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้กับขนาดเสื้อที่พอดีตัวผมแต่กลับดูหลวมบนรูปร่างเล็กๆนั้น นะมองผมกลับตาขุ่นทั้งที่มีริ้วสีแดงพาดบนแก้ม ผมวางกีตาร์ลงแล้วลุกไปหยิบถุงกระดาษจากกล่องเก็บของข้างประตูยื่นให้สำหรับใส่เสื้อตัวที่เลอะ มือเรียวยื่นมารับถุงไปแล้วก็ยืนละล้าละลังมองผมที่นั่งแปะลงที่ระเบียงเหมือนเดิม

“แล้วอ๊อฟ...ไม่ไปเรียนเหรอ?”

ผมส่ายหน้าแล้วก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาใหม่ “ยังหรอก พอดีช่วงบ่ายเรามีเรียนอีกทีก็บ่ายสามโน่นเลยว่าจะนอนกลางวันซักงีบก่อน”

นะพยักหน้าแล้วก็ทำท่าจะผละไปแต่ถูกผมเรียกไว้ก่อน

“นะ ชื่อนะมาจากอะไรเหรอ”

ใบหน้าหวานที่มักทำให้ผมใจเต้นเวลาได้มองหันกลับมาแล้วก็ขมวดคิ้ว

“จะรู้ไปทำไม”

“ก็ถามดูเฉยๆ หรือแค่นี้บอกไม่ได้?”

ผมไม่ได้ตั้งใจจะป่วนเลยนะ จริงจริ๊งสาบานได้ แค่อยากรู้จักคนตรงหน้าให้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง

“ชื่อเต็มเราชื่อมานะ นะเลยเป็นชื่อเล่น”

นะตอบเสียงสะบัดๆ ผมทวนชื่อที่ได้ยินในใจ มานะ...มานะเหรอ ทั้งที่เป็นชื่อที่ฟังแล้วทำให้นึกถึงหนังสือเรียนภาษาไทยสมัยประถม พวกมานะ มานี ปิติ ชูใจ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันน่ารักเข้ากับคนตัวเล็กตรงหน้าผมอย่างบอกไม่ถูก

“แล้วนะอยู่คณะอะไร ทำไมก่อนย้ายมาอยู่ห้องข้างๆเรารู้สึกเหมือนไม่เคยเห็นนะมาก่อนเลย”

คิ้วเรียวโก่งขมวดมุ่นก่อนเจ้าตัวจะหันหน้าไปอีกทาง “เราอยู่สินสาด ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่มั้ย จะไปเรียน”

ร่างเล็กๆนั่นไม่รอฟังคำตอบผมแล้วก็เดินออกไปเลย ผมว่าผมก็ไม่ได้ถามอะไรละลาบละล้วงนี่นา? แล้วทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนโมโหใส่อยู่เลยแฮะ?


++------++

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 18-11-2008 19:26:49
มาต่อไวๆนะป้า




อืมเรื่องนู้นด้วยเน้อ



หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-11-2008 19:35:13
^
^
^
^
จริงดิ๊ ชอบเรื่องไหนอะ ขอบคุณคับ :pig4:

ป.ล. ฝากบอกจักรว่าป้าคิดถึงนะจ๊ะ คิดถึงตอนเผาเอตอนต่อไปด้วย อิๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 18-11-2008 19:41:05
หวัดดีครับป้า ถึงบ้านหรือยังเอ่ย เดินทางปลอดภัยนะครับ

-------
“เค้าคิดอะไรกับแกเปล่าวะ ถึงได้มาขอเข้าห้องแกบ่อยๆ”: อือ ถูกของมุ้ย คนอะไรลืมกุญแจได้ตลอดฟ่ะ  นะคงทำเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองบ้าง อะไรบ้าง แต่อ๊อฟก็อย่าลืมปีนไปห้องนายนะ บ้างล่ะ เอาคืน อิอิ  :oo1:

“เราอยู่สินสาด ไม่มีอะไรจะถามแล้วใช่มั้ย จะไปเรียน”: สงสัยจะผิดหวังที่ไม่เคยอยู่ในสายตา หุหุ เลยงอน งอน  o16

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-11-2008 01:52:09
มาทักทายป้าด้วยคน อิๆ

เรื่องที่สอง กวนน่ารักๆ ดี
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 19-11-2008 03:06:41
มานะ :z1:


น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกแต่ทำไมขี้โมโหจัง

หรือกลบเกลื่อนเพราะอาย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 19-11-2008 08:51:06
มานะหนุ่มสองบุคลิก :L2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-11-2008 10:40:27
สงสัย นู๋นะ ต้องดื่มเหล้าย้อมใจก่อนถึงจะกล้า 555
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 19-11-2008 12:25:50
สงสัยว่าหนูนะจะแอบมองเจ้าออฟมานานแล้ว พอเจ้าออฟบอกไม่เคยเห็นก็เลยโกรธ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 1 (18/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 19-11-2008 15:08:02
เอ๋ยขอมาให้กำลังใจน้องนะและน้องอ๊อฟนะจ๊ะ  :z2:

คนเรารักใคร ขอเพียงได้อยู่ใกล้ๆ ปีนหน้าต่างข้ามห้องเขาก็ยังดี เว้ยยยยย คิกคิก
หัวข้อ: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-11-2008 22:52:25
<Ju!_Ju!> จะลืมเรื่องนั้นได้ไง ปลุกปั้นกันมาขนาดนี้ แค่เดี๋ยวนี้ไม่อัพบ่อยเหมือนเมื่อก่อนเอ๊ง แหะๆ
Jeremy_F   หุๆๆ แล้วหน้าต่างห้องนู๋ J มีใครปีนมั่งยาง
newykung  หวัดดีจ๊ะ กำลังพยายามให้กวนยิ่งกว่าี้นี้อยู่นะนี่
19NT   มานะ เด็กเจ้าอารมณ์ อิๆ
nana    เขาว่าเหล้าทำให้บุคลิกคนเปลี่ยนไป...รึเปล่าน้า?
dahlia  เป็นไปได้นิ
mist   น่านจิ ตาอ๊อฟนี่ก็ไม่ค่อยสังเกตอะไรเอาซะเลย
The Living Rive   ขอบคุณคับพี่เอ๋ย แล้วตกลงเรื่องพี่หมงพี่เอ๋ยจะว่าไง?   :laugh:


มาต่อตอนที่ 2 กันเต๊อะ~  :mc1:


เมื่อหัวใจเราใกล้กัน

ตอนที่ 2: เหตุผลที่รัก


ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินก่อนนักศึกษาจะพากันกลับบ้านเป็นเวลาที่ภายในมหาวิทยาลัยเล็กๆติดแม่น้ำแห่งนี้วุ่นวายไปด้วยกิจกรรมมากมาย กลางสนามฟุตบอลมีทีมรักบี้ที่กำลังฝึกซ้อมเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน ขณะที่โต๊ะม้าหินที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบสนามต่างมีคนจับจองจนเต็ม ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจับกลุ่มกันอ่านหนังสือทำการบ้าน คู่รักนั่งคุยหยอกล้อกัน ชาวต่างชาติที่เดินผ่านมาเที่ยวจากวัดใกล้ๆ หรือเด็กนักเรียนที่นัดกันเข้ามานั่งรอผู้ปกครองมารับ ส่วนบริเวณลู่วิ่งรอบสนามและถนนเส้นเล็กๆในมหาวิทยาลัยก็มีคนมาวิ่งออกกำลังกายมากมายทั้งนักกีฬาของชมรมต่างๆและคนภายนอก บางทีก็มีแม่ค้าหอบกระจาดขนมเข้ามาขายตามโต๊ะต่างๆพลางพูดคุยหยอกล้อกับนักศึกษาอย่างสนุกสนาน

ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินริมร้านขายของสวัสดิการข้างสนามฟุตบอลพลางทำแบบสอบถามที่มีเด็กต่างคณะเอามาแจกให้ ช่วงเวลานี้ของวันเป็นช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะไม่มีวิชาเรียนแล้วเท่านั้น แต่เพราะผมรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยของผมในยามเย็นจะคึกคักและมีสีสันมากกว่าตอนกลางวันที่มีแต่นักศึกษากับอาจารย์เดินสวนกันไปเดินสวนกันมาอย่างเทียบกันไม่ติด

“ยังไม่เสร็จเหรอ งั้นเดี๋ยวเป้นั่งรอที่โต๊ะข้างสนามบอลตรงแถวๆหน้าคณะแล้วกันนะ อีกสิบนาทีเจอกันครับ”

ผมเงยหน้าหลังได้ยินเสียงเพื่อนร่วมโต๊ะคุยโทรศัพท์เสร็จ เป้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผมที่คณะแต่ว่าเพิ่งจะมาเริ่มสนิทกันเมื่อตอนปีสอง เราสองคนรูปร่างใกล้เคียงกันก็จริงแต่ผมต้องยอมรับว่าเป้หน้าตาดีกว่าผมมาก ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนๆก็มักมีแต่คนมองตามจนเหลียวหลัง ทว่าในบรรดาเพื่อนที่ค่อนข้างจะสนิทกับเจ้าตัวหน่อยจะรู้ดีว่าเพื่อนผมมีแฟนแล้วแถมเป็นผู้ชายที่เรียนอยู่คณะเดียวกันเสียด้วย

“จะพาแฟนไปไหนวะเย็นนี้?”

เป้หย่อนโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะยิ้มแล้วตอบคำถามผม

“วันนี้วันเกิดวิว กะจะพาเค้าไปเซอร์ไพรส์”

“อ้อ…”

เป้ถอดปลอกปากกาของตัวเองแล้วก็เริ่มทำแบบสอบถามบ้าง ผมกรอกความคิดเห็นในแบบสอบถามของตัวเองได้สักพักก็หยุดแล้วนั่งเท้าคางมองเพื่อน สารภาพตรงๆว่าผมไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมคนหน้าตาดี ฐานะทางบ้านก็ดี สาวๆมาแอบชอบก็เยอะแยะกลับเลือกไปคบกับเด็กเรียนที่ดูเผินๆไม่ได้เด่นสะดุดตาใครแบบวิวเป็นแฟน ถ้าเพื่อนผมเลือกคบกับดาวคณะหรือเชียร์ลีดเดอร์ของงานบอลฯยังจะดูเหมาะสมกับเจ้าตัวกว่า

ผมจำได้ว่าตอนปลายปีสองเป้คบกับเด็กต่างเอกอีกคนหนึ่งอยู่ถึงเจ้าตัวจะดูไม่ยินดียินร้ายกับความสัมพันธ์ครั้งนั้นนัก ดังนั้นเมื่อจู่ๆเพื่อนผมก็เปิดตัวแฟนใหม่หลังเปิดเทอมปีสาม พวกเราที่ได้รู้ว่าวิวเป็นเพื่อนสนิทของแฟนเก่าเป้จึงอดตั้งคำถามกันไม่ได้ว่าเป็นกรณี “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” หรือเปล่า แต่พอเป้รู้ว่าเพื่อนๆแอบซุบซิบเรื่องนี้กันลับหลังก็จัดการเคลียร์ทุกข้อกล่าวหาที่ว่าวิวฉวยโอกาสด้วยการยืนยันหนักแน่นว่า

‘กูจีบเค้าก่อน’

“เป้ กูถามอะไรหน่อยสิ”

“อืม ว่ามา”

เป้งึมงำรับคำผมแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากแบบสอบถาม ผมเลยชักไม่แน่ใจว่าควรจะถามเรื่องที่สงสัยอยู่ดีหรือเปล่า

“มึงชอบวิวตรงไหนวะ”

คราวนี้เพื่อนหน้าหล่อของผมยอมสละเวลาขึ้นสบตาผมแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วก้มลงทำแบบสอบถามต่อ

“แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ”

ผมหยิบแก้วน้ำอัดลมที่น้ำแข็งเริ่มละลายขึ้นมาคนด้วยหลอดก่อนจะดูดอึกใหญ่ “ไม่รู้ดิ ก็กูเห็นมึงมีคนเข้ามาจีบตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมสุดท้ายมึงถึงได้เลือกวิว ทั้งที่ตอนแรกเค้าไม่ได้สนใจมึงด้วยซ้ำ”

เพื่อนของผมยิ้มกวนพลางทำเครื่องหมายถูกลงในช่องสี่เหลี่ยมของแบบสอบถาม

“ก็เพราะเค้าไม่เคยสนใจกูตั้งแต่แรกไงกูถึงได้รู้ว่าคนนี้ไม่ธรรมดา แล้วอีกอย่างใครจะคิดยังไงกูไม่สนใจหรอกนะ เพราะกูมั่นใจแล้วว่าวิวคือตัวจริง”

คนตรงหน้าผมพูดคำนั้นออกมาอย่างไม่ลังเล ถ้าหากเป็นคนอื่นมาพูดอะไรแบบนี้ผมคงแซวกลับไปแล้ว แต่พอเป้เป็นคนเอ่ยผมรู้สึกว่าเพื่อนผมใส่ความจริงจังลงไปกับทุกคำพูดนั้นจนไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่น ถึงแม้เจ้าตัวจะรู้ดีว่าตัวเองมักตกเป็นเป้าสายตาของใครๆแต่ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเกือบสามปีเป้ไม่เคยใช้รูปลักษณ์หรือฐานะของตัวเองไปหาเศษหาเลยกับใครสักครั้ง

ผมทบทวนสิ่งที่ได้ยินจากเพื่อนในหัว ตัวจริงงั้นเหรอ ใช่ว่าเกิดมาผมไม่เคยมีแฟน แต่ถ้าให้ทบทวนประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเองแล้ว ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้ผมรู้สึกลึกซึ้งถึงขั้นคิดไปไกลกับคนที่คบด้วยขนาดนั้นเลยสักครั้ง ที่สำคัญคนที่ผมเคยคบๆมาก็มีแต่ผู้หญิง คนที่เคยคบกันนานที่สุดก็ตอนอยู่ปีหนึ่ง แต่ก่อนจะขึ้นปีสองเจ้าหล่อนก็ซิ่วไปเอ็นท์ใหม่เราเลยห่างกันไปแล้วก็เลิกกันไปเอง หลังจากนั้นมาผมก็ไม่ได้คบใครจริงจังอีกเลย

“คนนี้รักจริงหวังแต่งสิท่า” สุดท้ายผมก็อดแหย่ไม่ได้

“ก็ตั้งใจอยู่ ที่จริงตื๊อจนได้ไปเจอว่าที่พ่อตาแม่ยายที่ต่างจังหวัดมาแล้วนะ แต่เค้าดันแนะนำกูว่าเป็นแค่เพื่อนซะงั้น”

เป้พูดจบแล้วก็หัวเราะ ผมละอดหมั่นไส้คนมีความรักไม่ได้จริงๆ แต่ก่อนจะพูดอะไรต่อก็มีร่างผอมเพรียวคาดกระเป๋าสะพายและถือหนังสืออีกหอบใหญ่ก้าวเร็วๆเข้ามาที่โต๊ะเราเสียก่อน

“ขอโทษที คิวห้องสมุดยาวเลยเสียเวลาไปหน่อย”

วิวพูดไปหอบไป หน้าขาวๆนั้นแดงก่ำ เป้หันไปยิ้มให้คนที่เพิ่งมาแล้วก็ดึงแขนให้นั่งลงข้างๆ ตัวเอง

“ไม่เป็นไรหรอก ทีหลังถ้าวิวจะยืมหนังสือเยอะก็บอกสิจะได้ไปช่วยถือ”

ผมยิ้มให้วิวที่หันมาผงกหัวให้เมื่อเห็นว่าผมนั่งอยู่ด้วยก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปรับขวดน้ำเย็นจากเป้ ผมนั่งเท้าคางมองแฟนของเพื่อน ความจริงผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเป้ถึงได้ติดใจวิวนัก เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ใช่คนที่เด่นสะดุดตาทันทีที่ได้เห็นครั้งแรก แต่ถ้าหากได้มองนานๆ นัยน์ตาคมที่มักแสดงอารมณ์อย่างเปิดเผยและรอยยิ้มที่ดูจริงใจบนใบหน้าขาวเนียนนั้นก็ชวนให้มองจนเพลินได้เหมือนกัน

“โอ๊ย!”

วิวเลิกคิ้วมองผม ส่วนผมหันไปทำตาดุใส่ตัวต้นเหตุที่ยิ้มให้แฟนตัวเองพลางทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ มองนิดมองหน่อยแค่นี้ต้องถึงกับเหยียบเท้ากันเต็มแรงเลยนะไอ้เป้!

“เอาของไปเก็บที่ห้องวิวก่อนแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า เป้หิวแล้วเนี่ย”

ดูมัน! ทำเป็นอ้อนแฟน ผมชักเริ่มหมั่นไส้เพื่อนตัวเองที่ทำเป็นตีหน้าซื่อตาใสขึ้นมาตงิดๆ

“ก็ได้ เอ่อ...แล้วอ๊อฟล่ะ”

วิวชำเลืองมองผมอย่างเกรงใจจนผมต้องรีบโบกมือปฏิเสธแล้วยกเท้าหลบ ไม่อยากโดนเดชบาทาไอ้คุณชายอีก

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราว่าจะไปหาเพื่อนต่อ วิวไปกับเป้สองคนเหอะ เราไม่อยากเป็นกขค.ว่ะ”

คนโดนแซวหน้าแดงขึ้นนิดหน่อย เป้เลยถือโอกาสลุกแล้วหยิบหนังสือกองโตที่วิวยืมมาจากห้องสมุดไปถือในมือข้างหนึ่ง แต่ก่อนทั้งสองคนจะเดินออกไปเพื่อนผมก็หันกลับมาตบบ่าผมไม่แรงนัก

“งั้นพวกกูไปก่อนนะอ๊อฟ แล้วมึงอย่าลืมซื้อยากินก่อนนอนด้วยล่ะคืนนี้ กูเห็นมึงนั่งสูดน้ำมูกหลายทีแล้ว”

“ขอบใจว่ะเพื่อน บายครับวิว”

เป้ก็ยังเป็นเป้ ถึงจะหึงหวงแฟนบ้างแต่ก็ยังอุตส่าห์สังเกตว่าผมไม่ค่อยสบาย ผมมองตามหลังคนทั้งคู่ที่เดินไปทางลานจอดรถด้วยกันแล้วก็ให้นึกอิจฉาขึ้นมา ยามเย็นย่ำแบบนี้ ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นมีใครนั่งโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่คนเดียวเหมือนผมสักคน

ผมถอนหายใจก่อนหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายแล้วส่งแบบสอบถามคืนให้กับเด็กสาวต่างคณะที่ยังนั่งรออยู่กับกลุ่มเพื่อน ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะแวะไปที่ห้องชุมนุมก่อนกลับหอแต่คงต้องเปลี่ยนแผนเพราะเริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมา เย็นนี้กลับไปหาก๋วยเตี๋ยวกินแถวตลาดหน้าหอแล้วนอนเลยดีกว่า

++------++

เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังเสียดแทงโสตประสาทปลุกผมให้ตื่นจากการนอนหลับที่ไม่ค่อยสบายตัวนัก ผมยกมือขึ้นควานไปมาบนหัวเตียงแล้วก็กดปิดเสียงนาฬิกาก่อนจะหรี่ตาขึ้นดูเวลาแล้วก็หลับตาลงใหม่ก่อนบิดขี้เกียจ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงข้อต่อกระดูกตามตัวลั่นดังเปรี๊ยะ

ปกติผมไม่ใช่คนร่างกายอ่อนแอ นานๆครั้งถึงจะป่วยเป็นหวัดบ้างแต่ก็แทบจะปีละครั้งหรือน้อยกว่านั้น ดังนั้นเวลามีอาการอะไรเล็กๆน้อยๆผมเลยไม่ค่อยได้ใส่ใจกินยาหรือวิตามินกันป่วยเสียเท่าไหร่ แต่ดูท่าทางแล้ววันนี้ผมคงลากสังขารไปเรียนไม่ไหวแน่ๆ ผมพยายามฝืนโงหัวขึ้นควานหาโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตอยู่ข้างเตียง ยังไงเสียก็คงต้องบอกให้ใครสักคนรู้ไว้ก่อนว่าผมเป็นอะไรอยู่ที่ไหน เกิดจับพลัดจับผลูเป็นอะไรหนักหนาขึ้นมาอย่างน้อยจะได้มีคนตามเก็บศพถูก

“เป้เหรอ สงสัยวันนี้กูคงไปเรียนไม่ไหว เวียนหัวไปหมดแล้วเนี่ย ยังไงถ้าเจอเพื่อนที่ชุมนุมกูก็ฝากบอกเค้าด้วยแล้วกันนะ เออๆ ขอบใจว่ะ”

ผมวางสายก่อนจะไอออกมา ด้วยความที่ไม่ได้ป่วยมานานเลยรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ ผมควานหาขวดน้ำที่วางกลิ้งอยู่บนพื้นขึ้นมาดื่มก่อนจะลงนอนแผ่หลาบนเตียง รู้สึกเหมือนเห็นพัดลมบนเพดานหมุนเองได้ทั้งที่ผมไม่ได้เปิดเสียหน่อย

เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะหลับไปอีกครั้งคือเสียงเปิดปิดประตูของห้องข้างๆ นะคงกำลังจะออกไปเรียน ผมนอนฟังเสียงฝีเท้าเป็นจังหวะที่เดินผ่านหน้าห้องไป ใจหนึ่งก็อยากเปิดประตูออกไปทักทาย อยากเห็นหน้าใสๆของคนข้างห้องแต่ก็เมื่อยตัวเกินกว่าจะลุกไหว

++------++

ผมนอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่มาสะดุ้งตื่นขึ้นก็เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสชื้นๆนิ่มๆที่แปะลงบนหน้าผากแล้วลูบไล้ผ่านแก้มลงไปที่ซอกคอ สัมผัสนั้นอ่อนโยนจนผมครางออกมาก่อนจะคว้ามือที่กำลังเช็ดหน้าผมเอาไว้ พอฝืนเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งสายตาผมก็ประสานเข้ากับดวงตากลมโตของคนที่อยู่ในความคิดผมก่อนจะหลับไป เจ้าตัวเองก็ดูจะตกใจเหมือนกันที่จู่ๆผมก็ตื่นขึ้นมา

“นะ เข้ามาได้ไง”

ผมถามเสียงแหบแห้งแล้วก็ไอออกมาขณะพยายามยันตัวขึ้นนั่ง รู้สึกว่าเสียงตัวเองยังกับเสียงพื้นไม้เวลาโดนกระดาษทรายขัดก็ไม่ปาน ผมจำได้ว่าผมล็อกประตูไว้แน่ๆนี่นา

คนตัวเล็กสะบัดมือจากมือผมแล้วก็หลบสายตาก่อนจะตอบ

“ไม่เห็นจะยาก หน้าต่างไม่ได้ล็อกก็ปีนเข้ามาสิ”

ผมอ้าปากค้างมองคนที่หันหนีผมอยู่แล้วก็หัวเราะออกมาทั้งที่เจ็บคอแทบตาย นะหันมามองผมแล้วก็ทำหน้าตาหงุดหงิด

“ขำอะไร?”

“เปล่าๆ แค่คิดว่านะนี่ปีนหน้าต่างเก่งจริงๆเลยนะ”

นัยน์ตากลมโตคู่สวยมองผมตาเขียวก่อนจะปาผ้าขนหนูชื้นๆใส่อกผมจนผมสะดุ้ง ผมก้มมองตัวเองที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นแล้วก็ชะงัก เอ...จำได้ว่าก่อนจะหลับไปผมก็ใส่เสื้อนี่นา แล้วไหงตอนนี้มันเหลือแต่ท่อนล่างล่ะเนี่ย?  แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถามก็โดนอีกฝ่ายทำเสียงดุใส่เสียก่อน

“อยากเป็นปอดบวมหรือไง รีบเช็ดตัวสิจะได้รีบใส่เสื้อผ้า!”

“อ้อ ครับๆ”

ผมหยิบผ้าขนหนูอุ่นชื้นผืนเล็กที่หล่นบนตักขึ้นมาเช็ดไปตามลำตัวอย่างงงๆ ถึงจะยังเมื่อยอยู่บ้างแต่พอได้เช็ดเหงื่อเหนียวๆออกไปแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก รู้อย่างนี้ไม่รีบลืมตาขึ้นมาก็ดีนะจะได้เช็ดตัวให้ผมจนเสร็จ ว่าแต่ผมคิดไปเองหรือเพราะแดดตอนเย็นส่องเข้ามาในห้องก็ไม่รู้ ทำไมหน้าของนะแดงๆพิกล?

เหมือนคนตัวเล็กจะรู้ว่าโดนผมมองหน้าอยู่เลยรีบลุกไปเปิดไฟแล้วก็หยิบเสื้อยืดโยนมาให้ผม จากนั้นก็เดินไปหยิบโจ๊กคัพจากมุมห้องกดน้ำร้อนใส่ให้แล้วเอามาวางไว้หัวเตียงพร้อมกับแผงยาที่ผมก็จำไม่ได้ว่าเคยมีเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยระหว่างที่ผมยังไม่ตื่นนะคงค้นห้องผมจนปรุไปหมด

“กินข้าวกินยาเสร็จแล้วก็นอนพักต่อแล้วกัน เราจะกลับห้องล่ะ”

“นะ เดี๋ยวก่อน”

คนข้างห้องผมหันมามองมือตัวเองที่โดนผมคว้าจับไว้แล้วก็ขมวดคิ้ว “มีอะไร?”

“คืนนี้มีธุระต้องออกไปไหนหรือเปล่า ถ้ายังไงอยู่เป็นเพื่อนคุยกันก่อนสิ”

นะมองผมหน้าตื่นๆ ก่อนจะพยายามบิดแขนออก “จะคุยกันทำไม ไม่นอนพักผ่อนเดี๋ยวก็ไม่หายหรอก”

“ฮื้อ แค่ไข้ขึ้นนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า เผลอๆพรุ่งนี้ก็หาย” พอเห็นนะยังทำท่าสองจิตสองใจอยู่ผมเลยใช้ไม้ตายทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า

“ถ้านะไม่อยู่ด้วยเราไม่กินยานะ”

คนตัวเล็กถลึงตาใส่ผมก่อนจะสะบัดแขนออกแล้วก็กอดอกนั่งแปะลงที่เก้าอี้เหมือนเดิมก่อนจะพูดเสียงเขียว

“ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ เอ้า งั้นก็รีบกินโจ๊กเร็วๆเข้าสิจะได้กินยาซักที”

ผมอมยิ้ม ไม่น่าเชื่อว่าลูกอ้อนทื่อๆแบบนี้จะใช้ได้ผล นะเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก แต่ที่ถึงขั้นปีนเข้าห้องมาช่วยดูแลผมที่นอนป่วยนี่ก็เกินคาดอยู่เหมือนกัน จะว่าไป...

“นะรู้ได้ไงว่าเราไม่สบาย?”

ผมตักโจ๊กกินไปก็มองหน้านะไปด้วยจนเจ้าตัวเริ่มนั่งยุกยิกไปมา “ก็...พอดีเมื่อตอนบ่ายแวะเอาเสื้อไปคืนที่ห้องชุมนุม แต่คนที่นั่นบอกว่าวันนี้อ๊อฟลาป่วย พอเคาะประตูห้องเรียกก็ไม่ได้ยิน เลยต้องปีนหน้าต่างเข้ามา”

“หืม แต่ปีนหน้าต่างบ่อยๆไม่ดีรู้มั้ย วันดีคืนดีหล่นไปจะทำยังไง”

ผมเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง แต่ก่อนที่นะจะตอบอะไรก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของผมที่สั่นอยู่บนแท่นชาร์จผมจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดรับ

“ฮัลโหล”

“ว่าไงยะสุดหล่อ แล้วทำไมเสียงแกแย่งั้นล่ะ ไม่สบายอยู่เหรอ”

เสียงแหลมๆของมุ้ยดังออกมานอกโทรศัพท์จนผมแทบปวดหัวอีกรอบ พลันหางตาผมเหลือบไปเห็นนะทำท่าผลุนผลันจะลุกขึ้นเลยรีบยื่นมือไปคว้าแขนเรียวข้างหนึ่งไว้ก่อนโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำแบบนั้นทำไม

“เออ ไม่สบายอยู่วันนี้เลยลาป่วย มีอะไรหรือเปล่าวะมุ้ย?”

ผมบอกแล้วก็แกล้งไออีกสองสามทีให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าผมป่วยหนักจะได้รีบวางสาย ส่วนนะที่พยายามแกะมือผมออกแต่ไม่สำเร็จก็ได้แต่ทำท่าฮึดฮัดก่อนจะนั่งลงเหมือนเดิมจนผมต้องแอบยิ้ม

“โธ่เอ๊ย วันนี้ตอนกลางวันชั้นว่างโคตรๆเลยว่าจะมานั่งเล่นที่มหา’ลัยแกซักหน่อยแต่โทรเข้าไปแล้วแกไม่รับสาย แล้วตกลงนี่ได้กินข้าวกินปลาหรือยังเนี่ย?”

“ไม่ต้องห่วง มีนางพยาบาลมาดูแลแล้ว ยังไงถ้าไม่มีอะไรอีกค่อยคุยกันวันหลังนะ”

“เฮ้ยเดี๋ยวดิ๊ ใครมาเป็นนางพยาบาลให้แกวะ ไอ้อ๊อฟบอกมาก๊อน”

ผมรีบกดวางสายแล้วก็หันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงที่ตอนนี้หน้าย้อมสีเลือดไปทั้งหน้า นะเอามือข้างที่ว่างหยิบหมอนใบเล็กที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาปาใส่หน้าผม

“ใครเป็นนางพยาบาลฮะ ไอ้โรคจิต!”

ผมปัดหมอนใบเล็กให้กลิ้งไปอีกทางแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ท่าทางเขินอายของนะทำให้ยิ่งอยากแหย่มากเข้าไปอีก

“อ้าว ก็เห็นอุตส่าห์เข้ามาช่วยเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนยาให้ซะขนาดนี้ก็หลงคิดว่าเป็นนางพยาบาลน่ะสิ แต่ถ้านะไม่อยากเป็นนางพยาบาลเดี๋ยวให้เป็นบุรุษพยาบาลแทนก็ได้เอ้า”

นะหยิบหมอนเล็กใบเดิมขึ้นมาแล้วก็ทุบผมลงมาอีก ผมปัดไปก็หัวเราะไปจนเริ่มหอบ แปลกดีนะ ทั้งที่เราเล่นกันเป็นเด็กๆแต่ผมกลับรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก ท่าทางของนะที่ลืมตัวหัวเราะไปด้วยก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ทั้งที่เริ่มเหนื่อยจนชักหายใจไม่ทัน

“พอแล้วนะ ไม่เล่นแล้ว เหนื่อย”

ผมจับมือนะไว้ ผ้าห่มเริ่มหลุดลุ่ยไปที่ปลายเท้าเพราะดิ้นหนีคนตัวเล็กที่ประเคนหมอนใส่ลงมาเมื่อครู่

“สมน้ำหน้า อยากเล่นดีนัก ดูซิเหงื่อออกอีกแล้ว”

นะหยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นทำท่าจะเช็ดหน้าผากให้ผม แต่แล้วจู่ๆก็หันหลบสายตาผมแล้วยัดผ้าใส่มือผมแทน

“เช็ดต่อเองแล้วกัน แล้วก็อย่าลืมกินยานะ”

ผมขมวดคิ้ว เมื่อกี้บรรยากาศยังดีๆอยู่เลย แล้วจู่ๆมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?

“นะ เดี๋ยวก่อนสิ นะ”

นะหันกลับมามองผมด้วยท่าทางเพลียๆ

“ทำไม อยากได้อะไรอีก”

ผมยิ้มมองใบหน้าหวานที่วันนี้แสดงหลากหลายอารมณ์ให้ผมเห็นแล้วก็ชี้ไปที่ประตู
 
“ไหนๆก็เข้าห้องมาได้แล้วก็เดินออกทางประตูก็ได้นี่ จะปีนหน้าต่างกลับไปอีกทำไมล่ะ”

นะมองตามมือผมที่ชี้ไปที่ประตูสลับกับหน้าต่างที่ตัวเองตั้งท่าจะปีนแล้วก็หน้าแดงขึ้นมา มือเล็กๆเลื่อนหน้าต่างปิดแล้วก็เดินย้อนมาที่ประตูห้องก่อนจะค้อนผมตาคว่ำที่หัวเราะไม่หยุด ผมนั่งรอจนได้ยินเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาลง รู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของคนที่เพิ่งเดินออกไปซึ่งไม่ใช่กลิ่นในห้องของผมแน่ๆ ผมอดยิ้มกับความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ในอกไม่ได้ ถ้าหากได้รู้สึกอย่างนี้ทุกวันก็ดีสิ

“สงสัยคืนนี้คงได้นอนหลับฝันดี”


++------++






หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 20-11-2008 01:42:32
มีนางพยาบาลมาดูแลแบบนี้อิจฉาอ่ะ

น้องนะ น่ารักมากกกๆ ขอจุ๊บสองที

ป้าครับให้ไอ้สองตัวเนี้ยะรักกันๆ มากมายได้ไม๊


ป.ล. ตอนนี้ลงได้จุใจ เจงๆ

ตอนนี้เจ้าของหน้าต่างกำลังสับสน ขอเวลาเลือกว่าไปหน้าหรือกลับหลัง

+นะ ขอบคุณที่สละเวลามาโพสต์

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 20-11-2008 02:52:55
อิๆ นะนี่ ขี้อายจัง

แล้วจะรอนะ ป้า
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-11-2008 10:14:09
มีนางพยาบาลมาดูแลแบบนี้อิจฉาอ่ะ

น้องนะ น่ารักมากกกๆ ขอจุ๊บสองที

ป้าครับให้ไอ้สองตัวเนี้ยะรักกันๆ มากมายได้ไม๊


ป.ล. ตอนนี้ลงได้จุใจ เจงๆ

ตอนนี้เจ้าของหน้าต่างกำลังสับสน ขอเวลาเลือกว่าไปหน้าหรือกลับหลัง

+นะ ขอบคุณที่สละเวลามาโพสต์

 :bye2:

จว้าย อ๊อฟยังไม่ได้ทำอะไรเลย นะโดนคนอ่านจุ๊บไปสองทีแล้ว 5555

เป็นกำลังใจให้หนู J นะจ๊ะ ไม่ต้องรีบเลือกก็ได้นิ ปล่อยไปเรื่อยๆเดี๋ยวคำตอบก็มาเองว่าจะไปหน้าหรือกลับหลังดี (ว่าแต่ตีความหมายได้หลายอย่างจริงวุ้ย)  :3123:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 20-11-2008 10:31:21
เป็นกำลังใจให้หนู J นะจ๊ะ ไม่ต้องรีบเลือกก็ได้นิ ปล่อยไปเรื่อยๆเดี๋ยวคำตอบก็มาเองว่าจะไปหน้าหรือกลับหลังดี (ว่าแต่ตีความหมายได้หลายอย่างจริงวุ้ย)  :3123:

ครับป้า ตามนั้น อิอิ
จุ๊บๆ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 20-11-2008 11:41:37
อ๊อฟจะเลียนแบบเป้กับวิวใช่ไหมเนี่ย วิ้ดดด วิ้ววววว รอนะเมาๆอีกครั้ง  :really2: มาขอปีนข้ามห้อง คราวนี้ล่ะได้เรื่อง เว้ยยยย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 20-11-2008 13:54:13
น้อง นะ น่ารัก

รอตอนต่อไปนะคับ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: watermoonj ที่ 20-11-2008 14:26:46
พึ่งได้มาตามอ่าน ยังอ่านไม่ทันเลย

แต่อยากบอกไว้ก่อนว่า แค่ตอนแรกก็สนุกดี อ่านแล้วชอบ :man1:

เขียนเรื่องสั้นได้ดีนะ ไม่ต้องคอยลุ้นนาน

ไม่เศร้าด้วย

จะมาตามอ่านจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 20-11-2008 14:28:30

ท่าทางคงอยากให้พยาบาลทั้งตัวและใจเลยนะเนี่ย
 :-[

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 20-11-2008 17:50:28
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


โอ่ย  อยากได้นางพยาบาลแบบนี้มั่ง

ฝันดีตามอ๊อฟแหงๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-11-2008 21:43:10
ไม่ต้องให้ นะ ปีนหน้าต่างข้ามไปข้ามมาแล้ว ตกลงไปทำไงเนี่ย 

ย้ายมาอยู่ด้วยเดียวกันซะหมดเรื่อง    :laugh:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 21-11-2008 02:31:03
ชอบใจตรงที่มีเจ้าเป้กะเจ้าวิวจากเรื่องก่อนมาแจมด้วยนี่แหละ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 21-11-2008 03:02:12
ว้าว นะน่ารักจังเลย

มีวิวกะเป้โผล่มาด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 21-11-2008 15:45:48
น่ารักกันจริงนะป้านะ
โครงเรื่องมาจากชีวิตจริงป่ะ :a5:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (19/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-11-2008 23:12:51
^
^
^
^
นู๋ใหญ่กลับมาแล้น เค้าโครงขอปีนห้องข้างๆเพราะเมานี่มีที่มาจริงๆ แต่ไม่ใช่ตัวป้าเองนะ รุ่นพี่สมัยเรียนต่างหาก นึกถึงกี่ทีก็ยังขำอยู่เลยเนี่ย  :laugh:

ว่าแต่คนอ่านเรื่องนี้ยังไม่เป็นเบาหวานกันใช่มั้ยจ๊ะ (ถ้ามีใครบอกว่าเป็นจะได้ลดดีกรีลง เหอๆ) :m12:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (แว้บมาทักกันนิด 21/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 22-11-2008 10:26:43
^
^
^
จิ้มก้นคุณ bellbomb สามที
อิอย่างนี้....นะ นี่ท่าทางจะชอบพระเอกเราฝ่ายเดียวมานาน ถึงขนาดย้ายมาอยู่ห้องข้างๆกัน :-[ :-[
แต่อิตาพระเอกเราช่างทึ่มดีแท้  :angry2: :angry2:สนใจ นะ มาสองสามเดือนแต่ไม่รู้ว่าเค้าเรียนคณะอะไร
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (แว้บมาทักกันนิด 21/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 22-11-2008 18:59:06
ตามหนู BP มาทัก เพื่อนสาว bb จะบอกว่า ตัวเองเอามาลงต่ออีกตอนนึงก่อนสิ
ว่าหวานจริง แล้วเค้าจะบอกว่าให้ลดดีกรีลงหรือไม่ ลองซิจ๊ะ ลองซิจ๊ะ กล้าเปล่า คิกคิก  :m20:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (แว้บมาทักกันนิด 21/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-11-2008 23:09:41
ู^
^
^
อย่าท้านะ ตัวเองอย่าท้าเค้านะ แง้้งงงงงงงงงง  :o12:

ขอไปนอนฝันถึงตอนต่อไปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยเอามาลงเน้อ  :really2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (แว้บมาทักกันนิด 21/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 23-11-2008 00:28:49
^
^
^จิ้มกันวันละนิดจิตแจ่มใส

จิ้มมากมากอยากจิ้มจิ้มเข้าไป

จิ้มคือ'ไรก็ไม่รู้ ตูหล่ะงง

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (แว้บมาทักกันนิด 21/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 23-11-2008 10:57:33
มารอค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 2 (แว้บมาทักกันนิด 21/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 23-11-2008 17:20:23

ป้าจ๋า
เมื่อไรจะเอาตอนสามมาสักทีอ่ะจ๊ะ
 :impress:

หัวข้อ: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-11-2008 00:40:42
มาอัพเสียหน่อยก่อนไปนอน มีลางสังหรณ์ว่าคนอ่านตอนนี้ต้องโวยไอ้เจ้าอ๊อฟกันแน่ๆ 5555   :z2:

Jeremy_F    จะรักกันไหมน้าคู่นี้ หึๆๆๆ
Newykung   อ่านตอนนี้แล้วจะเห็นว่านะยังขี้อายอยู่ไหมน้า
The Living Rive  ตอนนี้นะเมาและได้เรื่องจริงๆด้วยแหละเพื่อนสาว วะฮะฮ่า
<Ju!_Ju!>  หลงรักน้องนะอีกคนแล้ว เย่
watermoonj    ขอบคุณคับ
krappom  ฮี่ๆๆ เพราะป๋อมแป๋มมาตามนะเนี่ยเลยรีบปั่นมาให้
19NT      เอาจริงเหรอ เอาคนเขียนไปก่อนม้ายยยย ก๊าก
dahlia   นะ นักปีนมืออาชีพจ้ะ อิๆ
mist      ติดใจเป้วิวขนาดนั้นเลย
palpouverny   น้องนะคนหลงเยอะจัง
pickki_a   นู๋ใหญ่ เบาหวานลงตับไปยางงงง
BeePed    อ่านตอนนี้แล้วอาจเห็นอ๊อฟทึ่มกว่าเดิม ก๊ากกก
muhan   ระวังโดนจิ้มคืนมั่งนะตัว
nana   มาต่อให้แล้วจ้า

ขอบพระคุณเสียงตอบรับจากทุกท่านเจ้าค่า ไปติดตามต่อตอนที่ 3 กันเลยนะ   :man1:


3. ความไม่เข้าใจ

“อยากจะขอปาฏิหารย์ขีดชะตาชีวิตฉันใหม่
ขอให้พบและได้เจอกับบางคน คนที่รู้ใจ
ขออธิษฐานต่อ ดวงดาวทำให้ฉันไม่ต้องอยู่เดียวดาย
และทำให้เราเจอใครซัก...คน

เหม่อมองความรักที่มันหลุดลอย
ปล่อยใจดวงน้อยเฝ้าคอยความหวัง
กี่คนหมื่นล้านที่เดินผ่านไป จะมีใครมั้ยที่ฉันเฝ้ารอ

อยู่กับความเหงามานาน มันทรมาน เหมือนอยู่บนทางแสนไกล
ก่อนมันจะสายเกินไป ทุกลมหายใจ มันอยู่เพื่อรอใครซักคน”



ผมยังร้องไม่ทันจบเพลงก็โดนตบหัวเสียก่อน พอจะหันไปหาเรื่องว่าใครเป็นคนมาลอบทำร้ายก็ปรากฏว่าเจอพี่หล่งซึ่งเป็นประธานชุมนุมยืนกอดอกทำหน้าเซ็งอยู่ข้างหลัง

“อะไรพี่ อยู่ดีๆมาตบหัวผมทำไมเนี่ย”

“ถ้าไม่เล่นแบบนี้มึงจะหยุดเหรอ รู้ตัวมั้ยเนี่ยว่านั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงเดิมมากี่รอบแล้ว”

ผมหันไปมองเติ้ลซึ่งเป็นรุ่นน้องชุมนุมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านการ์ตูนอยู่ที่กรอบประตูแล้วถามให้แน่ใจ “เฮ้ยเติ้ล พี่เล่นเพลงนี้ซ้ำหลายรอบแล้วจริงเหรอวะ”

คนถูกถามชำเลืองมองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจหนังสือการ์ตูนต่อ “เออดิพี่ ผมได้ยินพี่เล่นเพลงนี้ตั้งแต่ผมอ่านการ์ตูนเล่มแรกจนตอนนี้จะขึ้นเล่มที่สามแล้วเนี่ย รอบแรกๆผมก็รำคาญอะนะแต่ขี้เกียจทัก เป็นบุญจริงๆที่พี่หล่งเข้ามา”

ผมเขวี้ยงกล่องกระดาษทิชชูใกล้มือใส่รุ่นน้องปากดีแต่เจ้าตัวยกหนังสือการ์ตูนขึ้นปัดทัน “เฮ้ยพี่อ๊อฟ ผมพูดความจริงเฉยๆแค่นี้ต้องประทุษร้ายกันด้วยเหรอวะ”

“นี่พวกมึง จะทำร้ายร่างกายกันก็ไปนอกห้องแต่ห้ามเอาทรัพย์สินชุมนุมไปเล่นโว้ย ไอ้เติ้ลเอากล่องทิชชูมานี่”

พี่หล่งว่าแล้วก็เอาเท้าเขี่ยข้าวของที่กองสุมรกเต็มพื้นออกจนพอนั่งได้ ผมวางกีตาร์พิงข้างผนังแล้วก็เขยิบหลบไปนั่งพิงล็อคเกอร์ขณะที่ไอ้เติ้ลเดินเข้ามาช่วยพี่หล่งกินข้าวเหนียวหมูทอดที่ซื้อมา นอกจากพี่หล่งจะเป็นประธานชุมนุมแล้วแกยังนับเป็นสวัสดิการย่อยๆด้วยเพราะมักซื้อของกินติดไม้ติดมือขึ้นมาเผื่อแผ่คนอื่นในชุมนุมประจำ

“กำลังมีความรักหรือไงวะอ๊อฟ นานทีปีหนไม่เคยเห็นร้องเพลงจนเหม่อได้ขนาดนี้”

“โอ้ยพี่! มีใครหลงมาให้รักก็ดีดิ ผมแค่นึกเพลงอื่นที่จะเล่นไม่ออกหรอก”

ทั้งไอ้เติ้ลและพี่หล่งมองผมแบบไม่เชื่อ ก็น่าอยู่หรอก ผมฟังที่ตัวเองพูดแล้วยังรู้สึกเลยว่าเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นสิ้นดี แต่ให้บอกว่ากำลังมีความรักอยู่หรือเปล่ามันก็ไม่ใช่อีก ผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าการที่รู้สึกดีกับใครคนหนึ่งเฉยๆนี่จะเรียกว่าผมรักคนคนนั้นไปแล้วหรือยัง ก็คนที่ว่าเป็นผู้ชายที่อยู่ข้างห้องนี่นา

“เสียงโทรศัพท์ใครวะ เติ้ลใช่ของมึงเปล่า”

“เปล่าพี่ ของผมอยู่ในกระเป๋ากางเกงนี่ ของพี่อ๊อฟล่ะมั้ง”

เจ้ารุ่นน้องตัวดีเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของผมที่วางอยู่ข้างกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้ พอผมเห็นเบอร์โทรเข้าก็ถอนหายใจก่อนกดรับ

“ว่าไงมุ้ย”

“อ๊อฟจ๋า บ่ายนี้แกว่างมั้ย ชั้นขอเอาหนังแผ่นไปดูที่ห้องแกได้มั้ยอะ”

“อ้าว แล้วทำไมไม่กลับไปดูที่ห้องตัวเองล่ะ เครื่องเล่นดีวีดีที่ห้องแกก็มีไม่ใช่เหรอ”

“ก็ตอนนี้เครื่องมันเสียเลยเอาไปซ่อมอยู่ นะๆๆๆขอไปอาศัยห้องแกดูหน่อย อีกสามแผ่นชั้นก็จบซีรีส์แล้วเนี่ย ไม่ได้ดูให้จบเร็วๆแล้วคาใจว่ะ”

ผมฟังเพื่อนแล้วก็ชักเริ่มสงสัยว่าวันๆเพื่อนผมเข้าเรียนบ้างหรือเปล่า มันน่าโทรฟ้องน้าเหมียวแม่ยายมุ้ยซะให้เข็ดจริงๆ

“เอ้าๆ บ่ายนี้เราเรียนเสร็จตอนบ่ายสาม ซักสามครึ่งเดี๋ยวเจอกันตรงป้ายรถเมล์แล้วกัน”

ผมกดวางสายแล้วก็รู้สึกถึงสายตาสองคู่ที่มองตัวเองอยู่เลยถามงงๆ

“เป็นไร มองอะไรกัน”

พี่หล่งมองผมยิ้มๆระหว่างยกกระป๋องเป๊ปซี่ขึ้นดื่ม “ไหนบอกไม่มีความรักไง แล้วโทรศัพท์เมื่อกี้อะไรวะ มีนัดด่งนัดเดทกันที่ป้ายรถเมล์ด้วย”

ผมหัวเราะเมื่อนึกถึงคนที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง “โอ้ยพี่ ฟ้าผ่ากันพอดี เมื่อกี้นี่เพื่อนผมตั้งแต่สมัยเด็กๆต่างหาก เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออกให้เป็นแฟนกันไม่ไหวหรอก”

“แหมพี่ ผมเห็นเยอะแยะไปพวกที่ปากบอกเป็นเพื่อนๆแต่สุดท้ายก็เป็นแฟนกันน่ะ ยกเว้นว่าพี่จะยืนยันเสียงแข็งได้เพราะมีคนอื่นอยู่แล้วนั่นแหละ” เติ้ลเสนอความเห็นบ้างทั้งที่เคี้ยวข้าวเหนียวอยู่เต็มปาก

จู่ๆผมก็นึกถึงใบหน้าของคนข้างห้องขึ้นมา แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้าก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าขึ้นพาดไหล่ก่อนจะเดินออกจากห้อง

“ยังไงผมไปเรียนก่อนแล้วกันพี่หล่ง แล้วก็เย็นนี้คงไม่ขึ้นมานะพี่”


++------++


ผมนอนอ่านหนังสือบนเตียงขณะที่มุ้ยนั่งดูแผ่นละครซีรีส์ที่เช่ามาอยู่หน้าทีวี เรื่องที่เพื่อนผมกำลังติดตามดูอย่างขะมักเขม้นเป็นซีรีส์หนังเกาหลีที่มีนักร้องชื่อดังเป็นพระเอก ขนาดผมไม่ค่อยสนใจแต่ก็พอจะรู้ว่าละครเรื่องนี้กำลังเป็นที่นิยมเพราะขนาดเพื่อนที่คณะยังชอบพูดถึงกันบ่อยๆ

“จบแล้วๆ ว้า เสียดายจัง อยากให้มีภาคต่อว่ะ”

ผมหัวเราะระหว่างที่มุ้ยเอาแผ่นซีดีออกจากเครื่องกลับใส่กล่อง “ชอบดูละครรักหวานแหววจริงๆนะแกนี่”

“แหม เรียนก็เครียดแล้วนี่แก เรื่องรักๆของตัวเองให้ตื่นเต้นก็ไม่มี ก็ต้องมาดูละครแบบนี้แหละให้ชุ่มชื่นหัวใจ”

ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า ไม่ใช่ว่าเพื่อนผมไม่มีคนมาจีบ แต่เพราะมุ้ยเป็นคนขี้รำคาญเลยทนผู้ชายที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของชอบโทรตามหรือขอให้มุ้ยเปลี่ยนตัวเองไปเป็นแบบที่ชอบไม่ได้ สุดท้ายจนป่านนี้เพื่อนผมก็เลยยังโสดสนิท

“จะว่าไป เดี๋ยวนี้คนข้างห้องแกเป็นไงบ้างอะ ไม่มาเคาะห้องแล้วเหรอ”

“ช่วงนี้ไม่ค่อยว่ะ ก็เดินสวนกันที่มหา’ลัยบ้าง แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

“เหรอ...ว้า”

ผมทำเป็นอ่านหนังสือเรียนที่วางอยู่บนตักจะได้เลี่ยงสายตาเพื่อน จะให้บอกได้ไงว่าตั้งแต่วันที่นะมาช่วยดูแลผมที่ห้อง ตอนไม่สบายบางครั้งผมก็ชวนนะทานข้าวด้วยกันตอนเจอกันแถวตลาดหน้าหอสองสามครั้ง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ยังไม่สนิทใจยอมพูดคุยเรื่องราวของตัวเองให้ผมฟังมากนักอยู่ดี

ผมยอมรับว่าผมอยากทำความสนิทสนมกับคนข้างห้องให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ยิ่งได้พูดคุยด้วยก็ยิ่งอยากรู้จักให้มากขึ้น แต่กระนั้นผมก็ยังไม่อยากรีบตัดสินว่าความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกเดียวกับความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ชอบ’ แล้วหรือยัง อีกอย่างนะเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษกับผมเลย

“ชักหิวข้าวแล้วว่ะอ๊อฟ ไปหาอะไรกินกันมะ เดี๋ยวชั้นจะได้กลับหอเลยด้วย”

ผมปิดหนังสือแล้วพยักหน้า “ก็ดี สองทุ่มกว่าแล้ว ระวังเหอะแกเป็นสาวเป็นนางกินข้าวดึกๆเดี๋ยวก็อ้วนหรอก”

มุ้ยค้อนผมระหว่างปิดประตูล็อกห้องแล้วก็แกล้งทำเป็นเข้ามาควงแขน “แหม ถ้าวันไหนที่มุ้ยทำท่าจะอ้วนจนขายไม่ออกจริงๆมุ้ยจะให้แม่ไปขอน้องอ๊อฟมาเป็นเจ้าบ่าวแล้วกันนะคะ ไหนๆก็เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออก หรือน้องอ๊อฟว่าไงจ๊ะ”

“โอ้ย ไอ้บ้า คงแต่งกันลงหรอกนะ”

เราหัวเราะกัน แต่ขณะกำลังจะออกเดินประตูห้องข้างๆผมก็เปิดออกพอดี

“อ้าวนะ อยู่ที่ห้องหรอกเหรอเนี่ย”

ผมหันไปยิ้มให้คนตัวเล็กข้างห้อง นะมองผมแล้วก็หันไปมองมุ้ย แต่ผมยังไม่ทันจะแนะนำเพื่อนให้รู้จักคนหน้าหวานก็หลบตาผมแล้วเดินหนีไปเสียก่อน มุ้ยกระตุกเสื้อผมเบาๆ

“เฮ้ยอ๊อฟ นั่นคนข้างห้องที่แกบอกว่าชอบมาขอปีนหน้าต่างใช่ปะ หน้าตาน่ารักนี่หว่า แต่ทำไมดูไม่ค่อยพูดค่อยจาเลยแฮะ”

ผมไม่ได้ตอบความเห็นของมุ้ยขณะมองตามหลังร่างเล็กบางที่เดินหลบเข้าลิฟต์ไป อะไรบางอย่างในแววตากลมโตคู่นั้นตอนที่สบตากับผมเมื่อกี้ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดในใจยังไงพิกล


 ++------++


ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากับเสียงคนคุยกันจากหน้าห้อง พอเหลือบดูนาฬิกาหัวเตียงแล้วก็ต้องขยี้ตาเพราะตีสองเข้าไปแล้ว อุตส่าห์เช่าหนังมาดูเพราะตั้งใจจะรอคนข้างห้องกลับมาแต่สุดท้ายก็เผลอหลับไปจนได้ ผมกดรีโมตปิดโทรทัศน์ก่อนจะเปิดประตูออกไปเพื่อดูว่าใช่นะหรือเปล่า แต่พอเห็นว่าคนที่ผมรออยู่กำลังโดนประคองในอ้อมแขนของผู้ชายอีกคนก็รู้สึกหน้าตึงขึ้นมาทันที

“เอ้า นะ ยืนดีๆสิ แล้วตกลงหากุญแจห้องเจอมั้ย”

คนตัวเล็กดูท่าจะเมามากจนถ้าไม่ได้ยืนพิงคนข้างตัวอยู่คงล้มลงไปนั่งบนพื้นแล้ว ใบหน้าหวานที่ปกติขาวใสแดงก่ำ นัยน์ตากลมโตเหลือบขึ้นมองผมนิดหนึ่งหลังได้ยินเสียงผมเปิดประตูห้องก่อนจะหลบตาแล้วพยายามล้วงหากุญแจในกระเป๋ากางเกง

“หาไม่เจอน่ะเชน สงสัยเราลืมไว้ในห้อง ถ้ายังไงคืนนี้เราไปนอนที่หอเชนได้มั้ย”

หืม!!??

ไอ้หนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนประคองนะอยู่ทำเป็นถอนหายใจทั้งที่นัยน์ตาคู่นั้นเป็นประกายมันวาวจนผมเริ่มหงุดหงิด
 
“ก็บอกแล้วให้ไปนอนหอเราตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อจะได้ไม่ต้องวนมาที่นี่ งั้นกลับไปที่รถกัน”

ขณะที่นะถูกประคองเดินผ่านห้องผมไปตามทางเดินแคบๆผมรู้สึกเหมือนเห็นนัยน์ตาฉ่ำเยิ้มคู่นั้นตวัดมองผมอย่างตัดพ้อก่อนจะหันหนีเหมือนเดิม ผมรู้สึกเหมือนขาสองข้างถูกตอกหมุดตรึงอยู่กับที่ขณะหูแว่วเสียงสัญญาณประตูลิฟท์ปิดจากด้านหลัง ประโยคที่นะพูดกับเพื่อนเมื่อครู่ยังดังอยู่ในหัวแต่อะไรบางอย่างบอกผมว่ามันไม่ถูกต้อง

จริงๆแล้วการที่นะจะไปนอนไหนมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของผมหรอก แต่อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่ที่ห้องของคนที่มองนะด้วยตาเป็นประกายแบบนั้น!

ผมหันหลังแล้วก็ตัดสินใจวิ่งลงทางบันไดไปที่ลานจอดรถหลังหอ พอไปถึงก็ทันเห็นไอ้หนุ่มคนที่พานะมาส่งกำลังจะเดินอ้อมรถไปขึ้นฝั่งคนขับพอดี ผมเลยรีบก้าวเร็วๆไปกระชากประตูฝั่งผู้โดยสารเปิดออกแล้วก็ดึงแขนของนะออกมา คนตัวเล็กมองผมอย่างตกใจพอๆกับคนขับที่ก้าวลงจากรถแล้วตรงเข้ามาหาผมอย่างหาเรื่อง

“เฮ้ย! ทำอะไรวะ”

“ไม่ทำอะไร ก็แค่จะพานะกลับห้อง หอเค้าอยู่นี่เค้าก็ต้องนอนที่นี่สิ”

ผมให้เหตุผลแบบกำปั้นทุบดิน ตรรกกะพรรณไหนไม่รู้ละ ผมรู้แต่ว่ายังไงคืนนี้ผมไม่ยอมให้นะไปนอนห้องไอ้หมอนี่แน่ๆ!

“ตลกแล้วมึง นะเค้าบอกเองว่าจะไปนอนหอกู มึงเป็นใครแล้วจะมาเสือกทำไม”

ผมหรี่ตามองคนตรงหน้าที่ถ้าโดนผมชกทีเดียวก็คงปลิว ผมอาจไม่เกิดอาการเหม็นขี้หน้าหมอนี่ขนาดนี้ถ้าหากไม่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยกับนะแค่ไหน ผมเลยปล่อยมือที่จับแขนผอมเรียวอยู่เป็นโอบเอวของนะไว้แทนแล้วดึงมาใกล้ตัว

“ปกติเวลานะเข้าห้องไม่ได้ก็มานอนห้องกูอยู่แล้ว ดังนั้นคืนนี้ก็ไม่ต้องรบกวนคนอื่นหรอก นะ เรากลับขึ้นห้องกันดีกว่า”

ท้ายประโยคผมก้มลงไปพูดกับคนข้างตัวที่อ้าปากค้างมองผมทั้งหน้าแดงๆ ผมมองตรงเข้าไปในตาฉ่ำเยิ้มคู่นั้น หวังแต่ว่าความเป็นห่วงของผมจะส่งไปถึงและนะจะไม่ปฏิเสธ ก่อนที่เพื่อนของนะจะได้อ้าปากเถียงคนในอ้อมแขนก็หันเข้าซุกอกผมแล้วพูดเสียงอู้อี้กับเจ้าของรถที่ยืนรออยู่

“...ขอโทษนะเชน เดี๋ยวคืนนี้เรานอนที่หอนี่แหละ”

ไอ้หนุ่มตี๋ทำหน้าเจื่อนขณะที่ผมยิ้มยิงฟันอย่างสะใจก่อนจะรีบประคองนะเดินผ่านหมอนั่นกลับไปในหอเพราะกลัวว่าคนในอ้อมแขนจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเสียก่อน

ถ้าให้สารภาพตรงๆผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องรู้สึกหวงคนตัวเล็กคนนี้นัก แต่แค่คิดว่าจะมีคนอื่นได้ใกล้ชิดหรือเอาเปรียบนะตอนที่เมามายไม่มีแรงสู้แล้วก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ได้ขึ้นมา

“ปล่อยได้แล้ว...”

พอเราสองคนออกจากลิฟต์มาถึงชั้นที่พวกเราอยู่นะก็สะบัดตัวออกจากแขนผมก่อนจะเดินเซๆนำไปแล้วรอให้ผมเปิดประตูให้ แต่พอเข้ามาในห้องแล้วคนตัวเล็กก็ทำท่าจะเดินตรงไปที่หน้าต่างทันทีผมเลยรีบคว้าแขนเรียวไว้จนเจ้าตัวหันกลับมาแล้วทำเสียงหงุดหงิด

“มีธุระอะไรอีก เดี๋ยวเราจะกลับไปนอนห้องตัวเองเหมือนทุกครั้งแหละ ไม่อยู่รบกวนหรอก”

ผมขมวดคิ้วกับเสียงของนะที่หายอ้อแอ้กว่าตอนแรกไปเยอะ แต่ท่าทางที่ยืนได้มั่นคงกว่าตอนอยู่ที่ลานจอดรถทำให้ผมรู้ว่าเจ้าตัวคงสร่างเมาขึ้นบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...

“นะ...คืนนี้นอนห้องนี้แล้วกัน ได้มั้ย”

คราวนี้คนที่ทำท่าโมโหผมยืนตัวแข็งทื่อแล้วมองผมตาโต ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของนะไว้ รู้สึกเหมือนร่างกายเล็กๆสั่นสะท้านขณะที่ผมก้มลงไปมองคนที่ก้มหลบสายตาผม

“ได้มั้ย อย่ากลับไปนอนห้องตัวเองเลยคืนนี้”

“แล้ว...แล้วทำไมต้องให้นอนห้องนี้ด้วยล่ะ”

นะถามเสียงสั่นๆขณะช้อนสายตาที่วาวเยิ้มขึ้นมองผมจนผมแทบหยุดหายใจ ไหล่บางใต้มือผมสั่นน้อยๆจนผมเริ่มไม่มั่นใจว่าผมทำให้นะกลัวอยู่หรือเปล่า แต่คืนนี้ผมไม่อยากให้นะปีนหน้าต่างกลับไปห้องตัวเองจริงๆนี่นา ผมเอามือข้างหนึ่งประคองแก้มเนียนไว้ก่อนเอ่ยเสียงเบา

“ก็เป็นห่วง คืนนี้นะเมากว่าทุกครั้งเลยนะ ถ้าเกิดหล่นจากกันสาดลงไปแล้วบาดเจ็บจะทำยังไง”

คนตรงหน้าผมเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเงยหน้าแล้วเอ่ยถามเสียงเบา

“อ๊อฟแค่อยากให้เรานอนที่นี่เพราะเป็นห่วงเรื่องนั้นเหรอ”

นัยน์ตากลมโตคู่นั้นฉายแววปวดร้าวจนผมเผลอมองนิ่ง ก็ผมเป็นห่วงจริงๆนี่นา แต่อะไรบางอย่างบอกผมว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่คนตรงหน้าอยากฟัง แล้วผมควรจะพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้ในเมื่อผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงได้บอกกับนะไปแบบนั้น

ท่าทางละล้าละลังของผมที่เงียบไปนานทำให้นะก้มหน้านิ่งจนผมเริ่มใจเสีย แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหยดน้ำใสๆไหลจากหางตากลมโตนั่นจนผมต้องรีบยกปลายนิ้วขึ้นปาดออกให้

“นะ! เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?”

“ปล่อย! ไม่ต้องมายุ่ง ตกตึกไปได้ก็ดี ตกลงไปให้มันคอหักตายไปเลย!”

นะผลักอกผมล้มลงบนเตียงก่อนจะเดินจ้ำอ้าวไปที่หน้าต่าง ผมรีบลุกตามคนตัวเล็กไปทว่าอีกฝ่ายกระโดดลงไปที่กันสาดแล้ว

“เฮ้ย! นะ อย่าอยู่ๆก็กระโดดไปพรวดพราดอย่างนั้นสิ คนเค้าเป็นห่วงจริงๆนะ!!”

“ไม่ต้องมาห่วง ไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องมาทักกันอีกเลยด้วย ไปคอยดูแลแฟนตัวเองโน่นไป ไอ้งี่เง่า!”

ผมขมวดคิ้ว จะไม่ให้งงได้ไง ก็แฟนเฟินอะไรที่นะพูดถึงเนี่ยผมมีเสียที่ไหนกัน

“เดี๋ยวสิ แฟนอะไรเข้าใจผิดแล้ว นะ ออกมาคุยกันก่อน!”

ตะโกนไปก็เท่านั้น คนตัวเล็กไม่ฟังเสียงผมแล้วก็ปีนเข้าห้องตัวเองแถมเลื่อนหน้าต่างปิดเสียงดัง ผมชะโงกหน้าออกไปหวังว่าอีกฝ่ายจะยอมโผล่หน้าออกมาคุยกันให้รู้เรื่องแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากห้องข้างๆอีกเลย แล้วตกลงคราวนี้ผมทำอะไรผิดล่ะเนี่ย!?


++------++




หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 24-11-2008 00:57:35
มันหึงแกไง ไออ๊อฟฟฟฟฟฟฟฟ

แค่นี้ก้อไม่รุ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 24-11-2008 01:09:40
โถ่ๆ นะ เธอ ช่าง หึง ได้ไม่ฟังเหตุฟังผลเลย

 :m16: :m16:
 
กลุ้มแทน อ๊อฟ อะ อิๆ แล้วจะรออ่านนะ ป้า

 :really2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 24-11-2008 09:05:21
เข้าใจผิดจนได้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 24-11-2008 09:07:45
อีตาอ๊อฟก็ทำซื่อบื้ออี๊กกกกก โธ่ นะเขาอุตส่าห์พูดขนาดนั้น โธ่ อดกัน เอ๊ย หมดกัน  :serius2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 24-11-2008 09:19:39
นายนะคงรู้สึกรักเค้าข้างเดียว แอบมองมานานแล้ว ก็รักชอบทำไงได้ มันคงเจ็บพิลึกดีเนอะถ้าเค้าไม่รักตอบ

โชคดีที่นายนะรักถูกคน  :กอด1:

 :bye2:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 24-11-2008 12:37:34
น้องนะ มามะมา หาไอ้เอก็ได้   อ้อมแขนของพี่ยังว่างอยู่



กร๊ากกกกกกกกกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เม&
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-11-2008 13:02:35
^
^
^

55555 พูดมาได้ไม่กลัวคนข้างตัวเลยนิ  :laugh:


ตอนหน้าอาจเป็นเซอร์ไพรส์ของหลายๆคน (รึเปล่าน้า)
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-11-2008 14:21:31
อ่านรวดเดียวเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 24-11-2008 14:44:10
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ชอบมากๆๆ ชอบทุกเรืองเลยยยยยยยยยยยย


ไอตาอ๊อฟฟฟฟ เมื่อไหร่จะเข้าใจ :beat: :serius2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 24-11-2008 14:51:29
ปีนระเบียงตามไปเคลียร์ด่วนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-11-2008 19:49:29
ขัดใจ ตาอ๊อฟ มากมายมหาศาล   :m16:

หนูนะ มานี่มะ มาหาพี่แทนดีกว่า
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 24-11-2008 21:50:21
สนุกทุกเรื่องเลย รีบมาต่อนะ  :m3:

ตอนหน้าอ๊อฟจะหายบื้อรึป่าวน๊าา  :z1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 24-11-2008 22:53:06
เซอร์ไพรส์อย่าบอกนะว่า....

ปีนตามไปแล้วตกตึก

ตาย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-11-2008 23:13:56
^
^
^
เจี๊ยกกก คิดไปได้เน้อคนเรา  :a5:  :a5:

เค้าเขียน comedy อยู่นะตัวเอ๊ง อย่าเพิ่งมาเปลี่ยนบทให้เป็น tragedy ดิ๊ 5555  :m20:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-11-2008 23:41:50
^

^

จิ้มจึ๊กๆ

น้องนะเข้าใจผิดนี่เอง

ฮี่ๆ

 :impress2:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 25-11-2008 05:23:55
อ๊อฟต้องตามไปเคลียร์ด่วน 

ต้องเคลียร์สองต่อสองคืนนี้เลยด้วยนะ  :impress2:
.
.
ลุ้นให้เข้าใจกันเร็วๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 3 (24/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-11-2008 14:48:46
 :m15:

โฮฮฮฮฮฮฮฮ  มานะร้องไห้

จ๋งจ๋าน :z3:
หัวข้อ: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-11-2008 18:03:38
 มาอัพแล้วจ้า~ :pig2:

palpouverny   เอ้อ จริง งานนี้คนไม่รู้มีแต่ตาอ๊อฟคนเดียว เฮ้อ
newykung     แบบว่าน้องนะเป็นคนคิดมากอะจ้ะ เหอๆ
nana   มาลุ้นว่าปรับความเข้าใจกันหรือยังนะ
The Living Rive    เพื่อนสาวหนีเที่ยวๆๆๆ 5555 กว่าอ๊อฟจะหายซื่อบื้อทำคนเขียนปวดหัวเลยเชียว
Jeremy_F    อะฮิ้ว หนู J พูดถูกใจ
<Ju!_Ju!>   เหมือนเดิม ก่อนจะอ้าแขนให้น้องนะ ขออนุญาตคนข้างๆก่อนนะ เหอะๆ
pongsj   ขอบคุณจ้า
RN       นั่นสิ บื้อจริงๆตาอ๊อฟนี่
Mist     เอางั้นจะดีเหรอ
dahlia   เอิ๊กๆ คนอ่านขัดใจอ๊อฟมากมาย คนเขียนประสบความสำเร็จ
Poes     มาลุ้นกันคับ
muhan  พลังจินตนาการล้ำลึกมาก คนเขียนขอคารวะ 5555
krappom    นะหนอนะ คิดไปเองจนได้เรื่อง
BeePed   มาดูกันว่าเคลียร์มั้ย หึๆ
19NT   แง้ว งั้นเดี๋ยวได้จ๋งจ๋านน้องนะอีกแหงๆเลยตอนนี้       

สถาณการณ์บ้านเมืองช่วงนี้เครียดจัง เฮ้อ ดีว่าพิมพ์ตอนนี้ไว้อยู่แล้วไม่งั้นอาจไม่มีอารมณ์เขียนนะเนี่ย ขอสารภาพหน่อยว่าพิมพ์เรื่องนี้ไปก็คิดถึงเรื่องยาวของตัวเองตลอดเลย เรื่องนั้นก็อยากอัพนะ แต่เพราะว่ามันเขียนยากกว่าเรื่องนี้เลยใช้เวลาเยอะอะคับ (จะว่าไป แฟนเรื่องนี้คงไม่ค่อยมีใครรู้จักเรื่องนู้น แล้วป้ามันจะบ่นทำไรเนี่ย ก๊าก)

ไปอ่านตอนที่ 4 กันดีกว่านิ   :call:



4. คนที่ตามหา


“ตื่นได้แล้วอ๊อฟ หมดเวลานอนแล้วมึง”

ผมงัวเงียขึ้นมองคนที่เขย่าไหล่ผมก่อนจะขยี้ตาแล้วมองไปรอบตัว เพื่อนคนอื่นๆที่เรียนด้วยกันเริ่มทยอยออกจากห้องบรรยายกันแล้ว พอก้มมองสมุดตัวเองก็พบว่าหน้ากระดาษว่างเปล่าไม่มีตัวหนังสือสักตัว ให้มันได้งี้สิ สรุปว่าผมหลับไปทั้งคาบเลยหรือนี่

“เป็นอะไรวะ ทำหน้าอย่างกับคนอดหลับอดนอน โชคดีนะเมื่อกี้ไอ้โบ้นั่งบังมึงอยู่ไม่งั้นโดนอาจารย์เรียกแหงๆ”

ผมหัวเราะเฝื่อนๆขณะเดินลงบันไดตามเพื่อน “ต้องขอบคุณมันนะเนี่ย แต่เมื่อคืนนี้กูก็ไม่ค่อยได้นอนจริงๆแหละว่ะ”

ผมพยายามกลั้นหาวพลางเดินตามเป้ไปที่โต๊ะม้าหินข้างสนามฟุตบอล พอวิวที่นั่งอ่านหนังสือรออยู่เห็นพวกเราก็ยิ้มให้ก่อนจะเขยิบที่นั่งข้างๆตัวเองให้แฟน ผมวางกระเป๋าลงฝั่งตรงข้ามก่อนจะเดินไปซื้อกาแฟเย็นแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ แต่พอได้หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ปุ๊บก็รู้สึกง่วงจนต้องฟุบหน้าลงอีกรอบ

“อ๊อฟยังไม่สบายอยู่เหรอ”

“หืม? อ๋อเปล่า เราแค่นอนน้อยไปหน่อยเมื่อคืน ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”

ผมงึมงำตอบวิวไปทั้งที่ยังคว่ำหน้าอยู่กับแขนตัวเอง เมื่อคืนกว่าผมจะข่มตานอนหลับได้ก็เกือบเช้ามืดเพราะมัวแต่กังวลเรื่องของนะ แล้วก็ทั้งที่ตั้งใจจะตื่นมาดักรอคนข้างห้องตอนเช้าแต่ปรากฏว่าดันหลับเพลินจนตื่นสายเลยต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวมาเรียนทั้งที่สมองยังไม่ตื่นตัวเท่าไหร่

บรรยากาศร่มรื่นใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์กับลมที่พัดโชยมาทำให้ผมเริ่มเคลิ้ม แต่ยังไม่ทันจะหลับก็โดนเสียงห้าวๆของเป้เรียกไว้ซะก่อน

“อ๊อฟ กูกับวิวจะข้ามเรือไปกินข้าวฝั่งโน้นกัน มึงจะไปด้วยมั้ย”

“อือออ...เอาไงดีวะ”

ผมยังไม่ทันตัดสินใจโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น พอเปิดอ่านข้อความแล้วผมเลยส่ายหน้าง่วงๆให้เพื่อน

“ไปกันสองคนเหอะว่ะ วันนี้มุ้ยจะมากินข้าวด้วย”

“อ๊อฟกับมุ้ยสนิทกันดีนะ”

ผมหันไปหาวิวที่ทักผมยิ้มๆอย่างงงๆ “ก็เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอดตั้งแต่ที่นครสวรรค์น่ะ แม่เรากับแม่มุ้ยก็เพื่อนกันเลยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ”

“ระวังเหอะมึง จะไม่มีสาวเข้ามาจีบเพราะเค้านึกว่ามึงกับมุ้ยเป็นแฟนกันนี่แหละ” เป้ว่าก่อนจะช่วยวิวเก็บเลคเชอร์ลงแฟ้มพลาสติกที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็เตรียมตัวจะลุกขึ้น

พอได้ยินสิ่งที่เป้พูดผมก็ขมวดคิ้ว จริงอยู่หรอกที่ผมกับมุ้ยสนิทกันและอยู่ด้วยกันบ่อยแต่เราไม่เคยจับมือถือแขนหรือทำท่าหวานแหววใส่กันสักที แต่พอคิดไปถึงคำพูดของคนข้างห้องเมื่อคืนแล้วก็เหมือนอะไรบางอย่างจะเริ่มคลิกในหัว

ถ้าเป็นอย่างที่เป้ว่าจริงก็แปลว่าผมโดนนะเข้าใจผิดน่ะสิ แล้วถ้าอย่างนั้นทำไมผมจะต้องโดนโกรธด้วยล่ะ?

ยิ่งคิดก็ยิ่งมึนหัวจนต้องเอานิ้วนวดขมับ พลันหางตาผมก็เหลือบไปเห็นแหวนเกลี้ยงสีเงินคาดริ้วทองคำเล็กๆบนนิ้วนางข้างขวาของเป้เลยทักขึ้นเพราะปกติผมเห็นเพื่อนใส่แต่นาฬิกาข้อมือ

“แหวนสวยนี่หว่าเป้ ไม่เห็นเคยใส่มาก่อน”

เป้ยกมือตัวเองข้างที่สวมแหวนขึ้นดูแล้วก็ยิ้ม “เหรอ แต่แปลกว่ะคนบางคนไม่ยักอยากใส่”

ท้ายประโยคเพื่อนผมหันไปยิ้มกวนให้คนข้างตัว วิวเลยค้อนให้ทั้งที่แก้มสองข้างเริ่มมีสีเรื่อขึ้น

“อะไรเล่า ก็มันไม่ชินนี่นา ไม่ใส่นิ้วแต่ก็ใส่เป็นสร้อยแทนแล้วไง”

ประโยคนั้นทำให้ผมเลิกคิ้ว พอสังเกตดีๆก็เห็นว่าที่คอวิวมีสร้อยเงินที่ร้อยแหวนอยู่จริงๆแต่เจ้าตัวใส่หลบไว้ใต้คอเสื้อเลยมองเห็นไม่ชัด ผมอดยิ้มอย่างหมั่นไส้กับท่าทางของคู่รักตรงหน้าไม่ได้ ท่าทาง ‘เซอร์ไพรส์’ ที่เป้เคยบอกว่าจะให้วิวตอนวันเกิดจะเป็นเรื่องนี้เอง เดาจากรสนิยมของเพื่อนผมแล้วแหวนสองวงนี้คงไม่ใช่ของที่เดินหาซื้อได้ตามห้างทั่วไปแน่

ผมโบกมือให้เพื่อนทั้งสองที่เดินผละไปแล้วก็นั่งรอเพื่อนสนิทอีกคนที่ดูจะกลายเป็นตัวป่วนโดยไม่ตั้งใจ ไม่นานคนที่นัดไว้ก็มาถึงหลังโทรถามว่าผมอยู่ที่ไหน

“เป็นอะไรของแก หน้าตาอย่างกับคนป่วย”

มุ้ยทักผมทันทีที่มาถึงจนผมต้องยกมือลูบหน้า “แกทักเราเป็นคนที่สามแล้วนะมุ้ย หน้าตาเรามันดูแย่มากเลยเหรอวะ”

“ก็ลองไปส่องกระจกดูเองดิ๊ ทำไมจ๊ะ กลุ้มเรื่องคนข้างห้องหรือไง”

ผมไม่ตอบแล้วก็เสยกแก้วกาแฟเย็นที่ตั้งทิ้งไว้บนโต๊ะนานแล้วขึ้นดูด บทมุ้ยจะสงสัยอะไรขึ้นมาเจ้าตัวก็วิเคราะห์ได้เฉียบคมอย่างไม่น่าเชื่อ  แถมไม่รู้ว่าเพราะเราคบกันมานานเกินไปหรือเปล่า แต่มุ้ยมักอ่านสีหน้าผมออกเสมอไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน ยิ่งโดนเพื่อนจ้องมากเข้าผมยิ่งอยากยกหนังสือขึ้นปิดหน้าตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด

“ไม่ใช่หรอกน่ะมุ้ย แกก็ช่างคิดอะไรเพ้อเจ้อ”

“ฮู้ย แต่ไอ้เรื่องเพ้อเจ้อของชั้นเนี่ยแหละมันดันชอบออกมาตรงว่ะ ให้ชั้นเดานะ แกหลงรักเค้าเข้าแล้วใช่ม้า”

ข้อสันนิษฐานของมุ้ยทำเอาผมแทบสำลักกาแฟเย็น เอากับคุณเธอสิ!

“เฮ่ย! บ้า! หลงรักอะไรวะ แล้วแกจะมายัดเยียดเค้าให้เราทำไมเนี่ย”

“ไอ้คนปากแข็ง แล้วทำไมต้องทำเป็นกระบิดกระบวนไม่อยากคุยถึงเค้าขนาดนั้นด้วย?”

มุ้ยขึ้นเสียงอย่างไม่ยอมแพ้ สมแล้วที่แม่ผมเคยทักว่ามุ้ยเหมาะจะเป็นพี่สาวผมยิ่งกว่าพี่จริงๆอีก และถึงผมจะพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงคนข้างห้องแค่ไหนแต่พอโดนเพื่อนรุกเรื่องนี้มากๆเข้าก็ชักจะหงุดหงิดขึ้นมา มุ้ยคงสังเกตเห็นสีหน้าผมเริ่มเปลี่ยนไปเลยรีบยิ้มแล้วทำเสียงร่าเริงใส่

“โอ๋ๆ อ๊อฟจ๋า แกอย่าทำหน้าน่ากลัวงั้นดิ ความจริงที่มาหาแกวันนี้ชั้นมีประเด็นนะ แกจำอาจารย์วรรณีที่เป็นที่ปรึกษาตอนเราอยู่ม. 6 ได้ปะ”

ผมเหล่มองเพื่อน เพิ่งจะกวนอารมณ์คนอื่นไปแล้วอยู่ดีๆนึกอยากมาเท้าความหลังอะไรกันตอนนี้เนี่ย?

“อือจำได้ แล้วทำไม”

“แกจำได้มั้ยว่าตอนเทอมสองลูกชายเค้าที่ตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักๆย้ายมาเรียน ม. 4 ที่โรงเรียนเราอาจารย์เลยขอให้เราช่วยดูแลน่ะ รู้สึกว่าตอนนั้นเค้าติดแกแจเลยนะ อะไรก็พี่อ๊อฟๆ”

ผมดูดกาแฟเย็นไปพลางพยายามทบทวนความทรงจำสมัยม.ปลายไปด้วย ช่วง ม.6 เทอมสองเป็นเวลาที่ชีวิตผมค่อนข้างวุ่นวายเพราะพ่อกับแม่เตรียมจะหย่ากันแล้วมีปัญหาเรื่องใครจะเป็นฝ่ายได้สิทธิ์เลี้ยงดูผมกับพี่สาว ผมเลยมีความทรงจำไม่ค่อยดีกับช่วงเวลานั้นเท่าไหร่ แต่พอโดนมุ้ยทักผมก็เริ่มคุ้นๆว่าเคยมีเด็กแบบนั้นอยู่จริงๆ

“แล้วไง ทำไมอยู่ดีๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา”

“ก็ชั้นเพิ่งนึกได้ว่าคนข้างห้องแกหน้าคล้ายน้องเค้าเลยว่ะ ถึงว่าสิตอนเห็นหน้าเมื่อวานชั้นถึงได้ติดใจพิกล”

ผมคิดตามที่มุ้ยพูดไปพลางก็เอานิ้วเคาะโต๊ะไปด้วย อะไรบางอย่างที่เพื่อนเล่ามามันดูไม่สมเหตุสมผลชอบกล

“เดี๋ยวก่อนมุ้ย ถ้านะเป็นรุ่นน้องเราสองปีจริงๆ เค้าก็ต้องอยู่แค่ปีหนึ่งสิ แต่ที่นี่มีแต่เด็กปีสองขึ้นไปนี่นา ยกเว้นว่าเรียนภาคอินเตอร์....”

มุ้ยทำตาโตพลางตบโต๊ะดังฉาด บางทีผมก็นึกอยากเตือนเพื่อนเหมือนกันว่าให้เพลาๆไอ้ท่าทางเลียนแบบชายอกสามศอกลงบ้างก่อนจะโดนใครต่อใครเข้าใจผิดว่าเป็นทอมไปเสียก่อน

“ชื่อนะด้วยใช่มะ งั้นก็ไม่ผิดตัวแล้ว ชั้นจำได้ว่าอาจารย์แกชอบเรียกลูกว่าน้องนะๆ รู้สึกว่าตอนขึ้นม.5 น้องเค้าจะได้ทุนไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศปีนึงรึไงเนี่ย เฮ้ย...แล้วแกจะไปไหนวะอ๊อฟ”

“โทษนะมุ้ย วันนี้แกกินข้าวคนเดียวแล้วกัน แล้วค่อยคุยกันทีหลังนะ”

หลังได้รับรู้ข้อมูลใหม่ผมก็รู้สึกร้อนใจจนนั่งไม่ติดที่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็แปลว่านะรู้จักและอาจจะจำผมได้มาตลอดตั้งแต่เราเจอกันที่กรุงเทพฯแล้วน่ะสิ แต่เจ้าตัวไม่เห็นเคยทักผมว่าเราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อน หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่ตอนแรกๆนะชอบทำท่าเหมือนไม่พอใจผมอยู่เรื่อย?

ผมตรงไปที่สำนักงานดูแลนักศึกษาภาคภาษาอังกฤษที่คณะของนะแล้วก็ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือจากเจ้าหน้าที่โดยอ้างเหตุผลว่าผมเป็นเพื่อนร่วมหอและมีเหตุจำเป็นต้องคืนของที่ยืมมา แต่ไม่ว่าผมจะต่อสายเข้าไปกี่ครั้งก็ได้ยินแต่เสียงตอบอัตโนมัติว่าไม่สามารถติดต่อได้อยู่ท่าเดียวจนผมเริ่มอารมณ์เสีย ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของนะแบตหมดหรือเจ้าตัวตั้งใจปิดเครื่องกันแน่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ได้เวลาเข้าเรียนภาคบ่ายแล้วผมเลยต้องซื้อซาลาเปาจากเซเว่นไปนั่งแอบกินหลังห้องระหว่างอาจารย์ยังไม่เข้าด้วยความหิว

การบรรยายช่วงบ่ายผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย ตลอดเวลาที่อาจารย์บรรยายในหัวผมก็คอยแต่จะคิดย้อนถึงความทรงจำสมัยเรียนมัธยมปลาย ผมเริ่มนึกภาพเด็กผู้ชายหน้าหวานตัวเล็กจนดูแล้วน่าจะเป็นเด็กม.ต้นที่ชอบมาเข้ามาชวนคุยและทานข้าวกลางวันด้วยก่อนผมจะเรียนจบได้มากขึ้น และถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นเห็นภาพของนะซ้อนกับภาพของเด็กคนนั้น แต่ผมเริ่มมั่นใจขึ้นทุกทีว่าเด็กน้อยตากลมใสแป๋วคนนั้นกับคนข้างห้องผมต้องเป็นคนเดียวกันแน่ๆ

“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียก...”

ผมกดตัดสายทันทีที่ได้ยินเสียงตอบอัตโนมัติเดิมซ้ำเป็นครั้งที่ไม่รู้เท่าไหร่หลังเดินออกจากห้องบรรยาย เอาวะ ถ้าตามตัวระหว่างอยู่ที่มหา’ลัยไม่ได้ก็กลับไปดักรอที่หน้าห้องเลยแล้วกัน ผมอยากถามเจ้าตัวให้แน่ใจว่านะคือคนเดียวกับรุ่นน้องที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อนจริงหรือเปล่า และนะจำผมได้มาตลอดใช่ไหม

...และหากคำตอบของนะคือใช่ ผมก็จะบอกว่าผมจำเด็กคนนั้นได้แล้วเหมือนกัน

‘แกหลงรักเค้าเข้าแล้วใช่ม้า’

ผมก้าวลงจากรถเมล์พลางนึกถึงคำพูดของมุ้ยแล้วก็ส่ายหน้า ยังไงก็ต้องยอมรับว่าเพื่อนผมจินตนาการสูงส่งจนน่าชมเชย แต่ผมยังไม่ได้รักนะเสียหน่อย ผมแค่คิดถึงใบหน้าหวานกับตากลมโตนั่น ชอบมองเวลาที่คนตัวเล็กคนนั้นแสดงอารมณ์ต่างๆให้เห็น รู้สึกดีตอนที่ได้จับมือและอยู่ใกล้ๆ มันก็เท่านั้นเอง...

...แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่าผมรักนะ...ใช่ไหม?

ผมรู้ตัวว่าเผลอหยุดยืนกลางฟุตบาทก็ตอนที่โดนคุณป้าคนหนึ่งเดินเบียดจากด้านหลังและหันมามองตาขวางเลยรีบก้มหัวขอโทษแล้วเดินต่อ จะยังไงก็เถอะ ถ้ายังไม่ได้เจอตัวคนที่ตามหาแล้วคุยกันให้รู้เรื่องล่ะก็วันนี้ไม่หายหงุดหงิดแน่ๆ!

ต่อให้อารมณ์ไม่ดีแค่ไหนกองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง แล้วถ้าต้องนั่งหิวระหว่างรอคนข้างห้องก็คงไม่ไหวเหมือนกัน พอคิดได้ผมก็เลี้ยวเข้าเซเว่นที่อยู่หน้าปากซอยเข้าหอ แต่พอก้าวเข้าไปปุ๊บก็ต้องชะงักเพราะคนที่ผมอยากพบมาตลอดทั้งวันกำลังจ่ายเงินซื้อของอยู่ที่แคชเชียร์พอดี

“นะ”

เจ้าของชื่อหันมามองผมหน้าตื่นๆเมื่อได้ยินเสียงเรียก ก่อนจะหันไปรับเงินทอนกับหยิบถุงสินค้าที่จ่ายเงินเสร็จแล้วรีบเดินก้มหน้าเบียดผมที่ยืนนิ่งอยู่หน้าทางเข้าเซเว่นทันที

...แต่ไม่มีวันเสียล่ะที่คราวนี้ผมจะยอมให้หนีไปแบบเมื่อคืนอีก

“ปล่อยนะ! อยากซื้อของก็ไปซื้อสิ”

เจ้าของแขนเรียวที่ผมจับไว้แน่นพยายามสะบัดแขนหนีแต่ผมไม่ปล่อย คิดจะสู้แรงอดีตนักกีฬาบาสเกตบอลโรงเรียนก็ให้รู้ไป

“ไม่ซื้อแล้ว ตอนนี้อยากคุยกับคนนี้มากกว่า”

คนหน้าหวานเม้มปากแน่นอย่างไม่พอใจ ผมถือโอกาสโบกแท็กซี่ที่ผ่านมาแถวปากซอยพอดีให้เข้าไปส่งที่หอทั้งที่ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ก่อนจะดันคนตัวเล็กให้เข้าไปในรถ นะหันมามองผมที่ก้าวตามเข้าไปนั่งเบียดข้างๆแวบหนึ่งแล้วก็กอดอกหันหนีตลอดทางจนผมต้องอมยิ้มกับท่างอนแก้มป่องนั่น

ก็ดูแล้วมันน่ารักน่าจับหยิกแก้มชะมัดเลยนี่นา…

นะหันมามองผมที่หัวเราะคนเดียวอย่างงงๆ ไม่นานนักแท็กซี่ก็มาถึงที่หมายผมเลยยื่นค่ารถให้คนขับแล้วก็จับมือนะไว้แน่นก่อนจะพาเดินเข้าในหอด้วยกัน อาม่าเจ้าผู้ดูแลหอที่กำลังนั่งเล่นกับแมวของแกอยู่หน้าประตูหันมามองเราสองคนยิ้มๆ นะเลยรีบเดินนำเข้าไปในลิฟต์ทั้งที่มือข้างหนึ่งยังโดนผมกุมอยู่

“ทำไมตัวร้อนจัง นะมีไข้นี่”

ผมเอามืออีกข้างที่ว่างขึ้นทาบกับหน้าผากเนียนของคนตัวเล็กหลังเราอยู่ในลิฟต์กันสองคนแล้วก็ต้องตกใจกับอุณหภูมิที่สูงจนน่าเป็นห่วง ถึงว่าสิว่าทำไมวันนี้คนข้างห้องผมถึงไม่ค่อยออกฤทธิ์เหมือนปกติเลย

นะเอาแต่นิ่งเงียบแล้วก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาผมท่าเดียว พอลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่เราอยู่ร่างเล็กๆนั่นก็รีบเดินจ้ำอ้าวนำผมออกไปเหมือนจะหนี แต่พอเจ้าตัวจะดึงกุญแจออกมาเปิดประตูห้องตัวเองผมก็ดึงตัวอีกฝ่ายจนปลิวกลับมาชิดกับอกผมแล้วกอดเอาไว้แน่นเสียก่อน

“อ๊อฟ! ทำอะไร!”

คนตัวเล็กพยายามดิ้นขลุกขลักทั้งที่ไม่มีแรง ผมเลยถือโอกาสสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของคนตัวอุ่นในอ้อมแขนเข้าเต็มปอด ความรู้สึกขุ่นมัวเหมือนมีเมฆหมอกในใจที่ทำให้กระวนกระวายมาตลอดทั้งวันที่ไม่ได้เห็นหน้าคนตัวเล็กคนนี้ค่อยๆจางหายพร้อมกับความรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างพองแน่นอยู่ในอกแทรกเข้ามาแทนที่

จะผิดไหมถ้าผมคิดเอาเองว่าที่คนตัวเล็กพูดจาร้ายๆใส่ผมเมื่อคืนเพราะว่าใจเราตรงกัน...

“เรียกพี่อ๊อฟเหมือนตอน ม. ปลายสิครับ น้องนะเด็กกว่าพี่ตั้งสองปีนะ หรือเราลืมแล้วว่าเคยเรียกพี่ว่ายังไง?”

คราวนี้คนในอ้อมแขนผมนิ่งไป มือเล็กๆที่เมื่อกี้พยายามจะยกแขนผมออกกลับเพียงจับแขนผมไว้ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงสั่นหลังเงียบไปครู่ใหญ่

“เพิ่งจำได้เหรอ คนบ้า” 

ไหล่บางของคนตรงหน้าเริ่มกระเพื่อมไหวผมเลยกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่มและอุ่นจัดเพราะพิษไข้แล้วกระซิบข้างหูเบาๆ

“พี่อ๊อฟขอโทษนะครับ อย่าร้องไห้เลยนะคนเก่ง เงียบเร็วเงียบ”

จบประโยคของผมกลายเป็นว่าคนตัวเล็กยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ผมเลยจับร่างในวงแขนให้หันมาหาแต่นะกลับซุกหน้าเข้ากับอกผมแล้วก็กำเสื้อผมแน่นทั้งที่ยังสะอื้นไม่หยุด ผมยิ้มแล้วก็กอดร่างเล็กๆนั้นไว้พลางลูบหลังบางขึ้นลงไปมาแล้วเอาคางเกยศีรษะของนะไว้

“ขี้แยจังเลยนะเรา อย่างนี้พี่จะปล่อยให้อยู่ไกลสายตาได้ยังไง” 

พอผมพูดจบก็โดนมือข้างหนึ่งทุบหลังแบบไม่ออมมือจนผมถึงกับสะอึก แต่ความอบอุ่นที่ได้กอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนก็ทำให้ผมยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนคนบ้า ที่แท้คำตอบของหัวใจผมก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง ดูท่าจะถึงเวลาที่ผมต้องยอมรับความจริงว่าตัวเองหลงรักเด็กน้อยเจ้าอารมณ์ข้างห้องคนนี้เข้าเต็มเปาแล้วเสียที


++------++



หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 26-11-2008 18:25:51
 :o8: :m3:

อย่าว่าแต่อ๊อฟ รัก นะเข้าเต็มเปา

เค้าก็รักนะ เข้าเต็มเปาเหมือนก๊านนนนนน


ไอ้เอหล่อมาก.  ที่ป้าบอกอ่ะนะ

<Ju!_Ju!>   เหมือนเดิม ก่อนจะอ้าแขนให้น้องนะ ขออนุญาตคนข้างๆก่อนนะ เหอะๆ

มิจำเป็นหรอก เชอะ :a14:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 26-11-2008 19:15:12
เพราะอ๊อฟนี่เอง น้องนะเราเลยงอนซะ  :laugh:



น่ารักมากมาย :m3:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 26-11-2008 19:58:30
นายออฟของเราคงรักน้องนะแล้ว

น้องนะคงสมหวังซะทีเนอะ :really2:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 26-11-2008 20:37:10
อ่อ  มันเป็นแบบนี้นี่เองงงงงง

กรี๊ดดดดดดดดดดดด

พี่อ๊อฟ ง้อไปหอมไป เอ๊ะ ยังไง..

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-11-2008 20:58:33
^
^
^
^
จิ้มๆๆๆ



โอ๊ย....ตอนนี้ อีตาอ๊อฟ ได้ใจสุดๆๆๆ  ฉลาดแล้วววววววว


กรี๊ดดดดดดดดดด พี่อ๊อฟ กะ น้องนะ   รักกันๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 26-11-2008 21:17:56
นายอ๊อฟนี่ปลาทองเจงๆสองปีทำเป็นเบลอ  :z6:

ขอบคุณที่ไม่ค้าง จุ๊บๆ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 26-11-2008 23:56:54

น้องนะน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[


ลป.ป้าจ๋า เรื่องยาวของป้าเค้าก็อ่านน้า  :กอด1:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 27-11-2008 01:52:36
น้องนะ ไมน่ารักได้ขนาดนี้ สรุปที่ผ่านมา นะ งอนๆ มาตลอดอะสิเนี่ย

อิๆ 
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 27-11-2008 02:48:25
 :impress2:น้องนะ น่ารักกกกกกกกกกก  ชอบๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-11-2008 03:21:16
แล้วก็เข้าใจกัน  :-[ น่าร๊ากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 27-11-2008 06:00:10
คราวหน้าขอฉากหวานๆนะจ้ะ  :-[ :-[

แต่สงสัยอ่ะ...ว่าทำไมอ๊อฟถึงจำน้องนะไม่ได้ คนน่ารักๆนี่ยิ่งต้องจำได้แม่นสิ  :confuse:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-11-2008 10:03:24
^
^
^
อ๊อฟไม่ได้รสนิยมชอบเด็กมาแต่ต้นเน้อ ^^" แถมช่วงที่เจอกันตอนม.ปลายอ๊อฟเครียดเพราะเรื่องที่บ้านอยู่แถมต้องเตรียมเอ็นท์อีกเลยไม่ทันสนใจน้องนะอะค่า


ว่าแต่ฉากหวานๆเหรอ เอาหวานซักขั้นไหนดีละเนี่ย ฮิๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 27-11-2008 14:02:43
ปรับความเข้าใจกันแล้ว งี้ก็เหลือแค่สารภาพรักกับ  :z1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: watermoonj ที่ 27-11-2008 14:30:26
แหม่ อ๊อฟ เสียแรงมีเพื่อนชอบดูซีรี่ย์เกาหลี  :seng2ped:
เรื่องงอน หึงแค่นี้ก็ดูมิออก

ส่วนน้องนะ ร้ายไม่เบานะเนี่ย ทั้งเรื่องอยู่ข้างห้องกับเรื่องปีนระเบียง เหอเหอ  :m12:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 28-11-2008 12:21:01
หายเครียดแล้วอย่าลืมมาอัพ ละคนสวย  :sad3:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 4 (อัพแก้เครียด 26/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 28-11-2008 16:49:36
กรี๊ด โดนทุบแล้ว ยังจะมัวบื้ออยู่อีก อ๊อฟเป็นกระท้อนแน่ๆ ต้องค่อยๆทุบ จะได้หวานๆ คิกคิก

โหได้กอดหนูนะ ได้หอมขนาดนี้แล้ว ตามด้วยจูบุจูบุ แล้วก็ นะ & อ๊อฟ ใต้ผ้าห่มอุ่น แก้ไข้ ว้ายยย เขิน  :-[
หัวข้อ: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-11-2008 00:42:22
อัพสักหน่อยก่อนไปนอน  :-[

<Ju!_Ju!>   อู้วววว FC นะตัวจริง ว่าแล้วเมื่อไหร่จะมาต่อก๊ากับกั๊มพ์ซะทีล่ะเอจ๋า
nana     ยังไม่หมด จะมีงอนมาอีกเป็นระลอก
น้ำค้าง     มาลุ้นกันเลยจ้า
19NT    เอ้อ อ๊อฟนี่ยังไง พอหายบื้อแล้วเอาใหญ่เลย
dahlia   เย้ๆ ด้วยคนค่า
Jeremy_F   หวังว่าตอนนี้ก็คงไม่ค้าง(มั้งนะ)
krappom   กอดป๋อมแป๋มตอบคับ
newykung    แฮ่กๆ ความน่ารักของน้องนะทำคนเขียนเหงื่อตกไปหลายรอบ
RN    FC นะอีกคนแล้ว เย้
Poes    กว่าจะเข้าใจกันได้ อิๆ
BeePed   หวานพอไหมเอ่ยตอนนี้ (ว่าแล้ว BP ก็อย่าไปพรากน้องอาร์มจากพี่แนทเลยน้า)
mist      จัดห้าย
watermoonj   ใครๆก็ว่าเด็กน่ะเจ้าเล่ห์ จริงไหม หึๆ
The Living Rive   งั้นต้องจับอ๊อฟทุบๆๆให้น่วม จะได้หวานขึ้นไปอีก อิๆ  


*คำเตือน* ใครเป็นเบาหวานอยู่โปรดใช้ความระมัดระวังในการอ่านเนื้อหาตอนใหม่ เดี๋ยวระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นจะว่าป้าไม่เตือนไม่ได้นะจ๊ะ :pigha2:



ตอนที่ 5: ก็เพราะหัวใจเราใกล้กัน


“ทำไมนะถึงคิดว่าพี่กับมุ้ยเป็นแฟนกันล่ะ”


ผมเอ่ยถามหลังจากพานะเข้าห้องผมและโทรสั่งอาหารตามสั่งจากร้านใต้หอให้ขึ้นมาส่งเพราะเรายังไม่ได้ทานข้าวเย็นกันทั้งคู่ คนถูกถามตักน้ำแกงจืดเต้าหู้ขึ้นซดเบาๆก่อนจะตอบ

“ก็...เห็นว่าชอบนั่งกินข้าวด้วยกันแทบทุกวัน แล้วเมื่อวานก็มาที่ห้องด้วยนี่นา”

เสียงตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงทำให้ผมยิ้มก่อนจะยื่นมือไปลูบผมนิ่มลื่นของคนที่ก้มมองจานข้าวตัวเองอยู่ น่าแปลกที่พอผมเริ่มจำนะได้ ภาพของเด็กรุ่นน้องตอนม.ปลายที่เคยชอบมานั่งทานข้าวกลางวันกับผมที่โรงอาหารก็เริ่มแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาคนตรงหน้าเติบโตขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร ส่วนสูงของนะคงเพิ่มขึ้นบ้างจากตอนนั้นแม้จะยังนับว่าเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างตัวเล็กอยู่ดี แต่รูปร่างที่เคยผอมแห้งจนดูเก้งก้างเมื่อสมัยมัธยมถูกแทนที่ด้วยรูปร่างที่ดูสมส่วนขึ้น ผมที่ไว้ยาวระต้นคอก็ถูกตัดแต่งและโกรกเป็นสีน้ำตาลอ่อนทำให้ไม่ดูกะโปโลเหมือนตอนตัดผมรองทรงตามระเบียบโรงเรียน ยังไม่นับรวมนัยน์ตากลมโตที่ตอนนี้ดูจะหวานซึ้งชวนมองกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าอีก

“พี่กับมุ้ยก็สนิทกันอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ให้เป็นแฟนกันคงไม่ไหวหรอก ถ้านะยังไม่เชื่ออีกพี่จะต่อสายให้คุยกับเจ้าตัวเดี๋ยวนี้เลยก็ได้นะ”

คนตัวเล็กส่ายหน้าทั้งที่มือเขี่ยข้าวในจานไปมา ผมจัดการอาหารส่วนของตัวเองเสร็จไปนานแล้วแต่ส่วนของคนป่วยดูไม่พร่องลงสักเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่กินข้าวมากกว่านี้จะกินยาได้ยังไงล่ะเนี่ย อาการไม่พูดไม่จาของคนตรงหน้าทำให้ผมเริ่มกังวลว่าเป็นเพราะนะไม่สบายหรือว่ายังมีเรื่องไม่พอใจอะไรผมอยู่อีกหรือเปล่ากันแน่

“...อิ่มแล้ว”

“อะไรกัน เพิ่งกินไปไม่กี่คำเอง”

“เจ็บคอ...กลืนไม่ลง”

นะตอบผมเสียงเบาแล้วก็ผลักจานข้าวออกจากตัวทั้งที่ยังตักอาหารเข้าปากไม่ถึงห้าคำเลยด้วยซ้ำ แต่ผมไม่อยากบังคับเลยหยิบจานชามทั้งหมดวางซ้อนกันแล้วเอาออกไปวางรอพนักงานมาเก็บที่หน้าประตูห้อง

“กินข้าวน้อยอย่างนี้ประจำหรือเปล่าเนี่ยถึงได้ไม่ค่อยโตเลยน่ะเรา”

ผมพยายามแหย่เผื่ออีกฝ่ายจะยอมเงยหน้ามาสบตากันแล้วพูดอะไรยาวๆบ้าง ซึ่งก็ได้ผลเพราะใบหน้าหวานช้อนสายตาขึ้นมามองค้อนผมทีหนึ่งก่อนจะหันหนีแต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรจนผมต้องลูบท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ ตกลงนี่เราปรับความเข้าใจกันแล้วหรือเปล่าเนี่ย?

ผมเดินเลี่ยงไปคุ้ยถุงยาของนะบนหลังตู้เย็นที่เจ้าตัวถือติดมือเข้ามาแล้วก็ไล่อ่านว่ายาหลังอาหารมีตัวไหนบ้าง พอแกะออกมาจนครบก็ตกใจกับปริมาณของยาที่หมอสั่งจ่ายมาให้พอสมควร พอคนป่วยเห็นยากับแก้วน้ำที่ผมยื่นให้แล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าเบ้ทันที

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ยังไงก็ต้องกินยาให้ครบนะ อุตส่าห์โดดเรียนไปหาหมอมาไม่ใช่เหรอ”

“...แต่มันขมนี่”

เสียงที่แสดงความแขยงรสชาติของยาเหมือนเด็กๆทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ “ยามันก็ขมทั้งนั้นแหละ แต่ถ้านะไม่ยอมกินยาแล้วเมื่อไหร่จะหายป่วยล่ะครับ”

ใบหน้าหวานทำหน้านิ่วอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะยื่นมือมารับยาจากผมอย่างเสียไม่ได้ แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ถือยาไว้แล้วนั่งนิ่งลูกเดียวจนผมต้องเริ่มขู่

“นะครับ จะยอมกินยาดีๆหรือจะให้พี่จับป้อน จะเอาแบบนั้นก็ได้นะ แต่ถ้าทำให้ร้องไห้ไม่รู้ด้วย”

คนตัวเล็กตวัดสายตาขึ้นมองผมตาเขียวทั้งที่หน้าแดงขึ้นแล้วก็ทำท่ากลั้นใจก่อนยกยาทั้งกำเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามแทบหมดทั้งแก้ว แต่เพราะเจ้าตัวพยายามจะกลืนทั้งน้ำทั้งยาพร้อมกันเร็วเกินไปเลยสำลักจนไอหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม ด้วยความตกใจผมรีบถลาเข้าไปหยิบแก้วน้ำออกจากมือนะแล้วก็ลูบแผ่นหลังบางทันที

“ยังไงเนี่ยเรา รีบร้อนกินเข้าไปแบบนั้นก็สำลักสิ เอ้า หายใจเข้าลึกๆช้าๆนะ”

ผมลูบหลังบางขึ้นลงโดยที่นะยังคงไอเสียงดังจนน่าเจ็บคอแทน ผมเห็นใบหน้าหวานที่แดงก่ำ ตาสองข้างหลับปี๋ก็อดสงสารไม่ได้ สักครู่เสียงไอของคนตัวเล็กก็ค่อยๆแผ่วลงจนเงียบไปพร้อมกับเสียงลมหายใจที่เริ่มพรูออกมาด้วยความโล่งอก

กว่าจะรู้ตัวอีกที เราสองคนก็เผลอขยับเข้านั่งชิดกันโดยไม่ตั้งใจ ผมรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของนะที่ระอยู่บริเวณอกเสื้อเชิ้ตของตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าลมหายใจสะดุดขึ้นมา คนตัวเล็กนั่งนิ่งครู่หนึ่งเหมือนจะเริ่มรู้ตัวเช่นกัน ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมนุ่มค่อยๆเอนลงพิงกับอกผมขณะที่ผมเลื่อนมือบนแผ่นหลังของอีกฝ่ายไปกุมที่ไหล่บางแล้วบีบเบาๆแทน

เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก ได้แต่นั่งเงียบๆฟังเสียงหัวใจเต้นของกันและกันอยู่แบบนั้นเหมือนอยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้ให้นานแสนนาน

ผมไม่รู้ว่าเราสองคนนั่งเงียบแบบนั้นกันนานแค่ไหน แต่พอได้ยินเสียงกรนขึ้นจมูกเบาๆจากคนในอ้อมแขนผมเลยดันคนตัวเล็กออก ฝ่ายคนป่วยที่ถูกปลุกขมวดคิ้วพลางปรือตาขึ้นมองผมอย่างขัดใจจนผมต้องยิ้มกับหน้าง่วงๆนั่น

“ไม่ไหวแล้วสิเรา ไปนอนบนเตียงดีกว่าไป”

นะขยี้ตาแล้วก็ยอมลุกตามผมที่ฉุดแขนนำไปที่เตียงแต่โดยดี ผมปล่อยให้คนตัวเล็กก้าวขึ้นนั่งบนฟูกหนานุ่มก่อนจะเดินเข้าไปหยิบของจำเป็นในห้องน้ำ

“มานะ อย่าเพิ่งหลับนะ ลุกมาให้เช็ดตัวก่อนเร็ว”

ผมเขย่าไหล่ของคนที่กำลังทำท่าจะหลับอีกครั้งให้รู้สึกตัว ตอนแรกใบหน้าหวานเพียงขมวดคิ้วทั้งที่ไม่ลืมตาแต่พอจบประโยคคนป่วยก็ทำตาโตแล้วลุกพรวดขึ้นนั่งตัวตรงพร้อมรวบชายเสื้อตัวเองเข้าหากันทันที

“ไม่เอา! ไม่ต้อง! แค่เช็ดตัวเดี๋ยวทำเองก็ได้!”

“อย่าดื้อสิ ตอนที่พี่ไม่สบายนะยังแอบมาถอดเสื้อเช็ดตัวให้พี่เลยไม่ใช่รึไง”

พอโดนเตือนความจำเรื่องที่ตัวเองเคยเข้าห้องผมโดยไม่ขออนุญาตคนโดนย้อนก็หน้าแดงขึ้นมาก่อนจะหันหนีผมทั้งตัว

“ก็ตอนนั้นพี่อ๊อฟหลับไปแล้วมันไม่เหมือนกันนี่ ถ้ายังบังคับกันอีกจะตะโกนจริงๆด้วย!”

ผมฟังคำขู่ของคนที่นั่งหันหลังให้แล้วก็ชักเหนื่อยใจขึ้นมาจนต้องยกมือลูบหน้า เกิดมาก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้เสียด้วยสิ กับเด็กดื้อเค้าต้องรับมือกันยังไงเนี่ย?!

“มานะครับ พี่แค่จะเช็ดตัวให้เองนะ นี่เราคิดอะไรไปถึงไหนแล้ว?”

จบประโยคผมคนหน้าหวานเอี้ยวคอกลับมามองทั้งที่ยังนั่งตัวแข็งทื่อหน้าแดง นัยน์ตาที่ฉายแววหวาดหวั่นทำให้ผมเริ่มเอะใจว่าที่ตัวเองเพิ่งพูดไปเมื่อกี้สามารถตีความได้แบบไหน แล้วก็ให้รู้สึกร้อนที่หน้าตัวเองขึ้นมากะทันหัน

“เฮ้ย! พี่ไม่ได้คิดอะไรอกุศลนะ พี่เห็นว่าเราไม่สบายอยู่เลยจะช่วยดูแลให้สบายตัวขึ้นก็เท่านั้นเอง”

ไหล่บางที่เมื่อกี้ตั้งตรงเพราะความเกร็งค่อยๆลู่ลงขณะที่หน้าหวานหันหนีผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนบ่าของคนตัวเล็กนั้นจะไหวน้อยๆด้วย

“ใช่สิ พี่อ๊อฟไม่คิดอกุศลกับนะหรอก ก็นะเป็นแค่รุ่นน้องนี่”

เสียงสั่นเครือของคนที่ไม่ยอมหันกลับมาสบตาทำให้ผมร้อนใจจนต้องรีบก้าวเข้าไปนั่งซ้อนหลังคนตัวเล็กแล้วเอาคางเกยไหล่พร้อมกับโอบเอวบางไว้ ผมโยกตัวคนในอ้อมแขนเบาๆหลังได้ยินเสียงสูดน้ำมูกที่เจ้าตัวคงไม่ตั้งใจให้ผมได้ยินแล้วก็ถอนหายใจ

“นะรู้ตัวมั้ยครับว่าทำให้พี่ลำบากใจแค่ไหน”

คนที่นั่งพิงอกผมอยู่ตัวเกร็งขึ้นอีกครั้ง “งั้นเหรอ เพราะนะน่ารำคาญล่ะสิ งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งมาสนใจกันแล้วก็ได้ กะอีแค่หวัดแค่นี้นะดูแลตัวเองได้”

พูดไม่พูดเปล่า คนตัวเล็กทำท่าจะแงะแขนผมออกผมเลยยิ่งเพิ่มแรงรัดเข้าไปอีกจนคนในอ้อมแขนร้องประท้วง

“พี่อ๊อฟ! เจ็บนะ!”

“ก็พี่ยังพูดไม่จบเลยเราก็คิดอะไรไปก่อนแล้วนี่นา ฟังนะ พี่จะบอกว่าพี่ลำบากใจเพราะตั้งแต่นะมาเคาะประตูห้องพี่ครั้งแรกพี่ก็กลัวใจตัวเองมาตลอดเลยต่างหาก”

คนฟังเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามผมด้วยเสียงนิ่งขึ้นกว่าตอนแรก

“กลัวใจตัวเองแบบไหน”

ผมยิ้มกับคำถามที่ดูเหมือนจะไร้เดียงสานั้น นี่คงพยายามจะล่อให้ผมพูดสิ่งที่ตัวเองอยากฟังอยู่ล่ะสิเนี่ย บทจะเจ้าเล่ห์ก็วางใจไม่ได้เลยแฮะเด็กคนนี้

“ก็แบบที่ทำให้จินตนาการเตลิดเปิดเปิงเวลาเห็นเราทำตาเยิ้มตาฉ่ำตอนเมากลับมา เวลาจินตนาการว่าเรือนร่างของนะเวลาไม่ใส่เสื้อเป็นยังไงตอนได้ยินเสียงอาบน้ำ แล้วก็อะไรอีกล่ะ...โอ๊ย! เจ็บนะครับน้องนะ”

พ่อหนูน้อยของผมถองศอกใส่แบบไม่ออมแรงด้วยความเขิน แต่ผมยังไม่ยอมปล่อยแขนที่โอบอีกฝ่ายไว้แล้วก็พูดต่อ “แล้วที่แย่กว่านั้นนะ วันนี้พี่คิดถึงคนข้างห้องคนนี้ทั้งวัน แต่พอเจอตัวเค้าก็เอาแต่หลบหน้าไม่พูดไม่คุยกับพี่ แล้วยังคิดเอาเองว่าพี่ไม่สนใจเค้าอีก ไม่คิดว่าพี่น่าสงสารบ้างเหรอ”

“ดีสม แล้วพี่อ๊อฟเคยคิดบ้างมั้ยล่ะว่าทำไมเค้าถึงคิดเอาเอง ถ้าพี่อ๊อฟไม่พูดบอกความรู้สึกตรงๆเค้าจะไปเดาใจพี่อ๊อฟได้ยังไงว่าคิดอะไรกับเค้าหรือเปล่า”

“เข้าใจละ ถ้างั้นพี่ก็ต้องพูดตรงๆแสดงออกตรงๆให้เค้ามั่นใจดีกว่าใช่มั้ย?”

คนตัวเล็กหันมามองผมที่ผละตัวออกด้วยแววตาสงสัย ผมยิ้มให้เจ้าของดวงตาใสแป๋วกลมโตคู่นั้นที่ไล่ตามผมมาตลอดก่อนจะจับคางของนะเชยขึ้นแล้วถือโอกาสก้มลงจูบคนที่ไม่ทันระวังตัว คนหน้าหวานดูจะตกใจกับจูบแรกของเราสองคนที่ไม่ได้มีบรรยากาศโรแมนติกอะไรเลย แต่พอโดนผมดุนไล้ริมฝีปากนุ่มด้วยปลายลิ้นก็ค่อยๆยอมให้ผมล่วงล้ำเข้าไปลิ้มรสชาติภายในแต่โดยดี ปลายลิ้นของนะที่ได้สัมผัสอุ่นจนเกือบร้อนเพราะพิษไข้และขมนิดๆจากยาที่เพิ่งกินเข้าไปแต่ในความรู้สึกของผมมันกลับหวานเหลือเกิน ผมเคลิ้มไปกับความละมุนของรสจูบจนกระทั่งโดนมือเล็กทุบอกประท้วงจึงยอมถอนริมฝีปากอย่างเสียดาย

นะช้อนตาขึ้นมองผมด้วยนัยน์ตากลมโตฉ่ำวาว แก้มใสสองข้างแดงซ่านซึ่งผมมั่นใจว่าไม่ใช่แค่เพราะอีกฝ่ายกำลังไม่สบายแน่นอน หน้าตาที่ดูเชิญชวนโดยไม่ตั้งใจนั่นทำให้ผมยิ้มแล้วบีบจมูกอีกฝ่ายเล่นอย่างมันเขี้ยว

“จะน่ารักไปถึงไหนฮึเนี่ย แค่นี้ก็ทำคนเค้าหลงจะแย่แล้วรู้ตัวมั้ย”

นะยกมือขึ้นลูบจมูกตัวเองแล้วมองผมตาเขียว แต่แล้วใบหน้าหวานก็ยิ้มกว้างก่อนจะโผเข้ากอดเอวผมไว้แน่น ผมกอดคนตัวเล็กตอบก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้เลยรีบพูดก่อนจะลืม

“นะ ต่อไปนี้ไม่เที่ยวกลางคืนบ่อยๆอีกได้มั้ย”

คนถูกขอร้องถอยออกแล้วมองผมด้วยตาจ๋อยๆ “ไม่ให้ไปอีกเลยเหรอ”

“ไม่ถึงขนาดนั้น แค่อย่าไปบ่อยเหมือนเมื่อก่อน แล้วก็อย่าเมามากแบบคราวที่แล้วอีก เกิดใครมาหาเศษหาเลยกับนะตอนพี่ไม่อยู่ด้วยจะทำยังไง พี่เป็นห่วงเรานะ”

นะก้มหน้าหลบตาผมแล้วค่อยๆพยักหน้า “ก็ได้ จะพยายาม”

เอากับพ่อหนูน้อยของผมสิ ยังมีการ ‘จะพยายาม’ อีกแน่ะ แต่อย่างน้อยก็ถือว่ารับรู้แล้วล่ะนะว่าผมไม่ชอบ

“แล้วก็อีกอย่าง ไม่ต้องมาเคาะห้องขอปีนหน้าต่างแล้วนะ มันอันตราย”

คราวนี้ใบหน้าหวานเหมือนจะเจื่อนไป นะปล่อยมืออุ่นที่โอบเอวผมอยู่แล้วเขยิบไปนั่งขอบเตียงก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“...เข้าใจล่ะ งั้นต่อไปไม่มารบกวนอีกก็ได้”

เสียงขึ้นจมูกเหมือนคนจะร้องไห้ทำผมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ต้องทำยังไงถึงจะเลิกน้าไอ้นิสัยชอบคิดอะไรเอาเองเนี่ย

“มานะครับ”

หน้าหวานช้อนสายตาขึ้นมองผมแต่ไม่ยอมขยับตัวเข้ามาหา

“อะไร”

“มานั่งนี่ เร็ว”

ผมตบฟูกข้างตัวเองที่เมื่อกี้คนตัวเล็กนั่งอยู่เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายกลับมานั่งที่เดิม นะมองแล้วก็ตวัดขาขึ้นเตียงก่อนจะคลานกลับมานั่งคุกเข่าตรงที่เดิมแต่ไม่ยอมสบตาผมเลย

ผมถือโอกาสฉุดแขนเรียวของคนป่วยให้ล้มลงบนที่นอนก่อนจะตามลงไปคร่อมไว้แล้วเริ่มลงมือจี้เอวคนที่ยังมัวแต่ทำหน้าเศร้าทันที เสียงหัวเราะใสของคนที่ไม่ทันระวังตัวทำให้ยิ่งอยากแกล้งมากเข้าไปอีก

“ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยพี่อ๊อฟ ปล่อย! เหนื่อยแล้วนะ”

ผมยิ้มกับคำขอของคนที่เหนื่อยจนหอบแล้วก็ก้มลงหอมแก้มอุ่นของร่างเล็กที่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผมกับซอกคอเพราะออกกำลังมากไปหน่อย ก่อนจะเท้าศอกดันตัวเองขึ้นแล้วมองเข้าไปในตากลมโตคู่สวยตรงๆ

“ปล่อยก็ได้ ทีนี้ก็ฟังให้ดีๆนะ ที่พี่บอกว่าไม่ต้องมาขอปีนหน้าต่างเพราะตั้งแต่คืนนี้นะต้องกลับมาค้างที่ห้องนี้อยู่แล้วต่างหาก”

นะสบตาผมแล้วก็อ้าปากค้างก่อนจะเอ่ยถามย้ำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

“พี่อ๊อฟ หมายความว่า...”

“พี่ขอให้เรามาอยู่ด้วยกันไง ทีนี้ก็แล้วแต่นะว่าจะเก็บของย้ายมาหรือจะยังปีนหน้าต่างเป็นลิงเป็นค่างอยู่อีก”

“พี่อ๊อฟ! ว่าใครเป็นลิงเป็นค่าง เดี๋ยวเถอะ!”

คนตัวเล็กพยายามจะผลักอกผมออก ผมหัวเราะไปก็ปัดมือเล็กๆไปด้วยก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มของคนที่นอนอยู่เบื้องล่างอย่างหวงแหนอีกครั้ง นัยน์ตากลมโตของนะฉายประกายสุกใสเมื่อผมถอนริมฝีปากออก

“ไม่ปฏิเสธพี่ถือว่าตกลงนะ”

นะยิ้มเขินแล้วก็พยักหน้ารับ ผมเลยยกมือบางข้างหนึ่งขึ้นจูบก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้

“เอาล่ะ ถือว่าเราเข้าใจกันแล้วนะ ทีนี้จะยอมเป็นเด็กดีให้พี่เช็ดตัวให้ได้หรือยังครับ”


++------++


ทายซินะตอบว่าอะไร กิ๊วๆ   :really2:








 
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Mint ที่ 30-11-2008 00:47:44
กีซซซซซซซซซซ ชอบค่ะชอบ

 :m1:

ป.ล. นะไม่ตอบ แต่นะถอดเสื้อเลย

กร้ากกกกกกกก  :laugh:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 30-11-2008 00:55:39
^
^
^

จิ้มมิ้นท์




เออ คิดเหมือนตูเลย



ตอนนี้ร่างกายและหัวใจกำลังขาดความหวาน  มาอ่านเรื่องนี้ช่วยได้เยอะคับ


ปล. เรื่องนู้นสงสัยว่าคงไม่ได้แต่งต่อสักระยะอะครับ(ไอ้คนข้างๆบอกว่าไอ้เอแก่เกินจะแต่งแนวนั้น ดูมันๆ) 
ลอปอ ตอนนี้ไอ้เอกำลังแต่งเรื่องใหม่อยู่ด้วยอ่ะครับ แหะๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 30-11-2008 01:06:59
bb เค้าจิ้มบวกให้ทันที ตอนนี้น่ารักมาก ชอบอ่ะ แต่แบบว่า ยังไม่ได้ฉีดยาเล้ยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 30-11-2008 01:16:53
จิ้มเบ๊อะ  :z1:

มิ้นท์จ๋า ถอดเสื้อเลยก็ดูจะไม่รักนวลสงวนตัวจิ  :-[ ต้องให้พี่อ๊อฟ ถอดให้
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 30-11-2008 01:31:01
อ๊อฟมันจะอดใจไหวหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 30-11-2008 02:40:53
หวานจัง เรื่องน่ารักถูกใจมากมาย แฮปปี้ๆ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 30-11-2008 04:31:49
แหม ป้า บทจะหวานก็หวานเลยน๊า อิๆ

ย้ายมาห้องเดวกันละตอนหน้าจะมีลุ้น ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 30-11-2008 07:29:45
ตอนนี้หวานมากมาย  :-[
.
.
.
แต่ตอนหน้า.......อยากเสียเลือดดดดดดดดด  :m25:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 30-11-2008 07:35:21
ให้พี่อ๊อฟเช็ดตัวให้ซะดีๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 30-11-2008 09:20:26


แล้วคืนนี้น้องนะจะโดนฉีดยาป่าวเนี่ย

 :z1:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 30-11-2008 10:15:13
ร่างกายกะลังขาดน้ำตาลเพราะรู้สึกหวิวๆ  อ่านจบก็ปรับระดับน้ำตาลได้พอดีเหมือนกัน อาการหวิวๆ หายไป กลายเป็นสยิวแทน :impress2:

แต่มันขาดไปนี่นา ยังไม่ได้เช็ดตัวเลย ฉากเช็ดตัวไปไหนอ้ะ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 30-11-2008 11:00:49
อา สารภาพรักไปแล้ว ทีนี้ก็เหลือ  :z1:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 30-11-2008 12:41:08
เบาหวานเข้าตับไปแล้วป้า
น่ารัก โคตรๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 30-11-2008 22:59:03
 :กอด1:
 o1 (ขออภัยที่เม้นท์สั้น คนเม้นท์ง่วงมากมาย )

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-12-2008 00:10:55
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อ่านแล้วเขินแทนเลย จะน่ารักไปไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 01-12-2008 04:54:47
หวานมากกกกกกกกกกกก:o8:

นะน่ารักอะ :man1:

+1ให้กับความหวานค่ะ :L2:

หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 01-12-2008 10:05:23
:impress2:

นิสัยคิดเอาเองนี่มันก็น่ารักมากๆ เลยทีเดียว

ฮิ้วววววววววววววววว

ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-12-2008 11:25:22
ข้าพเจ้าอยากเสียเลือดดดดดดดดดด  :o8:
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (เบาหวานลงตับกันไปเล้ย 30/11/08)
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 01-12-2008 12:01:19
จะเช็ดตัวกันแล้วววววว

แอร๊ยยยยยย จะเช็ดตัวกันแล้ววววววววววว

 :-[

ปล.น้องนะ ก็ยังน่ารักกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [Short Story] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (มารีฯก่อนจ๊ะ 1/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-12-2008 16:35:11
แว้บจากงานมารีพลายแป๊บบบบบบ

โชคดี ไม่พบว่ามีใครน้ำตาลในเลือดพุ่งปรี๊ดไปเสียก่อนจากตอนนี้ อิๆ  :pigha2:

ว่าแต่อ่านเม้นต์แล้ว ขอกันหลายคนจัง ฉากเช็ดตัวเอย ฉากฉีดยาเอย ฉากเสียเลือดเอย...โดนขอมากๆเดี๋ยวเขียนนะเนี่ย คนเขียนยิ่งบ้ายุอยู่  :laugh:

ตอนใหม่...ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้คงได้มาลงนะคับทุกท่าน (แบบว่าตามอ่านนิยายคนอื่นอยู่ ตอนนี้เรื่องใหม่ๆสนุกๆเยอะจ้า)

แล้วเจอกันน้อ ขอบคุณทุกเสียงที่ติดตามเป็นกำลังใจนะจ๊า  :pig4:



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 5 (มารีฯก่อนจ๊ะ 1/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 02-12-2008 09:25:05
รีบมาต่อไวๆเลย
.
.
.
อยากเสียเลือดแย้ววว  :-[
หัวข้อ: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-12-2008 23:22:50
*WARNING*  Explicit Adult Material

แปลเป็นไทยแบบซื่อๆว่า เนื้อหาอาจไม่เหมาะสำหรับเด็ก ใครไม่นิยมฉากอัศจรรย์พันลึก (เ่อ่อ ว่าไปนั่น) ก็อ่านแล้วเงียบๆไว้ ไม่ต้องเอาอะไรโยนใส่ป้านะจ๊ะ  :o8:



ตอนที่ 6: เธอคือคำตอบ


“นั่งในห้องบรรยายก็อย่าอยู่ใกล้จุดที่แอร์ลงนะ แล้วก็ตอนกลางวันต้องกินยาให้ครบรู้มั้ย”

“รู้แล้วพี่อ๊อฟ ไม่รีบไปเดี๋ยวตัวเองก็เข้าห้องสายหรอก”

ผมเดินมาส่งนะที่หน้าทางเข้าคณะแล้วก็จัดปกเสื้อคลุมกันหนาวของคนตัวเล็กให้เข้าที่และเตือนเรื่องยาที่ได้จากหมอ ทั้งที่ผมเสนอไปเมื่อเช้าให้วันนี้คนป่วยหยุดเรียนต่ออีกสักวันแต่เจ้าตัวก็ยังดึงดันจะมาให้ได้เพราะเพื่อนเมสเซจมาบอกว่าจะมีสอบย่อย ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจระบบเก็บคะแนนของพวกภาคอินเตอร์นัก เลยต้องยอมตามใจทั้งที่ใจจริงอยากให้นะได้นอนพักผ่อนมากกว่า

“น่าเสียดายวันนี้พี่พักกลางวันไม่ตรงกับนะ ยังไงตอนบ่ายเรียนเสร็จเมื่อไหร่โทรมาแล้วกันพี่จะได้มารับ”

คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วก็ขยับสายสะพายกระเป๋าตัวเอง ผมหันมองซ้ายขวาก่อนจะก้มลงกดปลายจมูกที่แก้มของคนหน้าหวานทีหนึ่งก่อนจะถอยออกยิ้มให้ คนโดนหอมยกมือขึ้นกุมแก้มด้วยความตกใจ หน้าที่แดงเพราะไข้อยู่แล้วยิ่งแดงมากเข้าไปอีก

“พี่อ๊อฟ!”

“จูบให้พรไงจะได้ทำข้อสอบได้ แล้วบ่ายๆเจอกันนะ”

หลังลานะแล้วผมก็เดินผิวปากกลับไปที่คณะของตัวเอง เนื่องจากคณะของเราสองคนอยู่ไม่ไกลกันนัก ผมเลยเดินตัดผ่านอาคารอเนกประสงค์ไปได้อย่างไม่เสียเวลามากมาย และโชคดีว่าวิชาที่ต้องเรียนเช้านี้อาจารย์มักเข้าสายเป็นประจำเลยไม่น่ากลัวว่าจะโดนเช็คขาดเท่าไหร่

“ไงวิว แล้วไอ้เป้มันอยู่ไหนล่ะ?”

ผมวางกระเป๋าลงข้างแฟนเพื่อนแล้วก็หันหาเพื่อนตัวเอง ความจริงวิชานี้เป็นวิชาของเอกพวกผมแต่วิวมาลงเรียนด้วยเพื่อเก็บหน่วยกิต และปรกติเป้จะไปรับส่งแฟนที่หอทุกวันดังนั้นคู่นี้จะอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลายกเว้นวิชาที่เรียนไม่ตรงกัน

วิวละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่แล้วก็มองหน้าผมยิ้มๆ “คุณชายไม่สบาย วันนี้เลยลาป่วย”

“ไอ้เป้เนี่ยนะป่วย? ร้อยวันพันปีจะเห็นมันเป็นอะไรซักที”

ผมเอ่ยอย่างแปลกใจเพราะเป้เป็นพวกที่สุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไข้ง่ายๆเหมือนกับผม ท่าทางอากาศที่เปลี่ยนจะทำให้คนรอบตัวผมพากันป่วยไปหมด ผมนั่งลงแล้วก็หยิบสมุดกับปากกาออกมาจากกระเป๋าเตรียมพร้อมรอจดเล็คเชอร์ ห้องบรรยายที่มีคนนั่งเพียงโหรงเหรงบอกให้รู้ว่าหลายๆคนคงมาเข้าสายหรือไม่ก็ไม่สบายจนหยุดเรียนเหมือนกัน

“เมื่อกี้ใครเหรอ”

“หือ?”

ผมหันไปหาคนข้างตัวเพราะไม่เข้าใจว่าวิวถามถึงใคร อีกฝ่ายคงเห็นเครื่องหมายคำถามบนหน้าผมเลยยิ้มให้อย่างใจเย็น

“คนที่อ๊อฟหอมแก้มลาก่อนมาเรียนไง หน้าตาน่ารักดีนะ”

“เฮ้ย! วิวเห็นด้วยเหรอ”

ผมหลุดปากไปแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นโดยไม่ตั้งใจ โดนเห็นได้ยังไงล่ะเนี่ย? ผมว่าผมมองรอบตัวดีแล้วนา

วิวมองหน้าผมแล้วก็หัวเราะเสียงใส “ใจเย็นๆ พอดีตอนนั้นเราแวะไปที่ตึกอเนกฯพอดีแต่คิดว่าคงไม่มีคนอื่นเห็นหรอก ว่าแต่ไม่คิดมาก่อนเลยนะว่าอ๊อฟชอบสไตล์แบบนั้น”

“จะว่าไงดี เรื่องมันยาวน่ะ”

ผมเอ่ยอย่างเขินๆ ก็ผมเพิ่งตกลงคบกับนะเมื่อคืนที่ผ่านมาเองนี่นา แล้วก็ทั้งที่ยังไม่ตั้งใจจะบอกใครแต่กลายเป็นว่าโดนเห็นเข้าเองเสียแล้ว

“เป็นเด็กคณะนั้นเหรอ”

“อืม อยู่ปี 1 พอดีเค้าเรียนภาคอินเตอร์”

วิวพยักหน้ารับรู้แล้วก็หันมายิ้มให้ตอนที่อาจารย์เดินเข้ามาพอดี “พร้อมเมื่อไหร่พามาแนะนำแล้วกัน เป้ก็คงอยากรู้จักแฟนอ๊อฟด้วย เพื่อนกันนี่นะ”

ผมพยักหน้า แล้วก็พลันนึกถึงเพื่อนอีกคนที่ทำให้ผมได้ปรับความเข้าใจกับคนตัวเล็กขึ้นมา งานนี้ไม่เรียกมาขอบคุณเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว

++------++

มุ้ยหัวเราะชอบใจหลังจากมานั่งกินข้าวกลางวันกับผมตามปกติแล้วคะยั้นคะยอให้ผมเล่าเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืนให้ฟัง

“เป็นไงละ ชั้นว่าแล้วสัญชาตญาณชั้นไม่ค่อยผิดหรอก ว่าแต่เมื่อคืนแค่เช็ดตัวคนป่วยแล้วแกก็ปล่อยให้เค้านอนไปเลยจริงอะ?”

ผมรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองคงแดงขึ้นเพราะเพื่อนตัวดีหัวเราะไม่หยุดเลยต้องรีบตัดบท “ก็แค่นั้นดิวะ เราไม่ได้เป็นซาดิสต์นะเว่ยจะได้ทำมิดีมิร้ายกับคนป่วย”

คนฟังจุ๊ปากขัดใจจนผมแอบนึกในใจว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนผู้หญิงนี่คงเบิร์ดกะโหลกให้ไปแล้วโทษฐานมาล้อเลียนคนอื่น

“ไม่ใจเลยว่ะอ๊อฟ โอกาสดีออกขนาดนี้ แทนที่จะรวบหัวรวบหางให้รู้แล้วรู้รอด น้องเค้าอุตส่าห์ตามแกมาตั้งสองปี”

ผมกอดอกแล้วยิ้มแยกเขี้ยวให้เพื่อนตัวดีที่ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการนัก “แกจะไปรู้อะไร เมื่อคืนกว่าเค้าจะยอมให้เช็ดตัวเราก็ต้องหว่านล้อมจนเหนื่อยเลย เราว่านะยังมีคุณสมบัติผู้ดีมากกว่าผู้หญิงบางคนอีก”

ท้ายประโยคผมแอบจิกคนที่นั่งตรงข้ามไปหน่อยแต่คนโดนแขวะนั่งตักเฉาก๊วยเข้าปากแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ผู้ชายอายผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ? เกิดมาไม่เคยได้ยินว่ะ แสดงว่าน้องเค้าคงชอบแกน่าดู”

พอได้ยินความเห็นจากมุ้ยผมก็เลิกคิ้ว นี่เพื่อนผมตั้งตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เห็นคบใครยืดๆนานๆได้ซักที

“แต่แกคงไม่เกรงใจเค้าไปตลอดใช่ม้า คนป่วยแป๊บๆเดี๋ยวก็หาย แล้วอีกอย่างคนคบกันจะไม่มีเรื่องถึงเนื้อถึงตัวแบบลึกซึ้งคงไม่ไหวม้าง”

ผมถอนหายใจแล้วเสยผมตัวเอง จะว่าอย่างนั้นก็ใช่หรอก ใช่ว่าผมไม่คุ้นเคยเรื่องเซ็กส์มาก่อน เพราะตอนที่คบกับแฟนเก่าเมื่อตอนปีหนึ่งก็เคยมีประสบการณ์มาแล้ว แถมขานั้นดูจะเจนจัดรู้นั่นรู้นี่ดียิ่งกว่าผมเสียอีก

แต่กับผู้ชายด้วยกัน...ผมไม่เคยมีประสบการณ์ และถึงแม้จะไม่ได้ถามเป็นคำพูดออกมา เท่าที่สังเกตจากท่าทางตื่นๆของนะตอนโดนผมสัมผัสเนื้อตัวเมื่อคืน คนตัวเล็กก็คงไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาก่อนเหมือนกัน

“อยากได้คู่มือเพื่อการศึกษามั้ยอ๊อฟ ชั้นมีเพื่อนในกลุ่มคนนึงชอบอะไรแนวนี้มากเลยนะ มีทั้งวีดีโอ นิยาย หนังแผ่น การ์ตูน อยากได้แบบใสๆหรือ SM มีให้ยืมได้ทุกแบบ”

มุ้ยกวาดมือทำท่าเหมือนโฆษณาสินค้า ผมเท้าคางมองเพื่อนเซ็งๆ

“เพื่อนที่ว่านี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

เพื่อนสนิทผมกระพริบตาเมื่อได้ยินคำถาม “ผู้หญิงดิวะ ในกลุ่มชั้นมีผู้ชายซะที่ไหน”

ผมฟังแล้วก็ต้องถอนหายใจ ผู้หญิงสมัยนี้เดารสนิยมยากจริงๆ

“มาถอนหายใจอะไรของแก ผู้ชายกับผู้ชายมันยุ่งยากมากเรื่องกว่าผู้หญิงกับผู้ชายนะเฟ่ย ถ้าแกไม่เรียนรู้ไว้ก่อนเกิดทำให้น้องเค้ามี bad experience ขึ้นมาจะทำไงยะ”

ผมหลับตาแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นถูหน้าผาก “พอเหอะมุ้ย ยิ่งฟังแกเรายิ่งปวดหัวว่ะ”

“เอ๊ะไอ้นี่ คนเค้าอุตส่าห์ช่วยให้คำแนะนำยังจะมาทำหน้าเหม็นเบื่ออีก คอยดูนะถ้าแกมาบ่นขอคำปรึกษาเพราะทำน้องเค้าไม่ปลื้มลีลาแกชั้นจะหัวเราะให้ฟันหัก”

ผมถลึงตาใส่เพื่อนตัวดี เรื่องอย่างนี้ผู้ชายที่ไหนเค้ายอมให้สบประมาทกัน!

“ไม่มีหรอก! ระดับนี้แล้ว ถึงเราจะหัวช้าเรื่องของนะแต่ก็ไม่ได้ไร้เดียงสานะเว่ย”

“อ๋อเหรอยะ น่าดีใจแทนน้องเค้าจริงๆ”

ผมยกมือนวดขมับ เริ่มไม่เข้าใจว่าจะมานั่งเถียงกับเพื่อนเรื่องชีวิตส่วนตัวให้ได้อะไรขึ้นมา

“เอาเป็นว่า เราขอละเรื่องนี้เอาไว้ในฐานที่เข้าใจซักเรื่องละกันว่ะมุ้ย ส่วนเรื่องอื่นถ้าแกอยากรู้อะไรแล้วเราเล่าได้จะเล่าให้ฟังแล้วกัน”

เพื่อนสาวตั้งแต่สมัยเด็กของผมนั่งเชิดคอทำหน้างอน แต่ดูแล้วไม่ได้น่ารักได้ซักเศษเสี้ยวของนะเลยสักนิด ว่าแต่เมื่อตอนพักกลางวันพ่อหนูน้อยของผมยอมกินยาหลังอาหารหรือเปล่านะ

พอคิดถึงเรื่องพักกลางวันผมเลยนึกอีกเรื่องที่จะบอกเพื่อนขึ้นมาได้

“เออมุ้ย ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปถ้าแกจะมากินข้าวที่นี่แกพาเพื่อนมาแล้วกันนะ เราคงมากินข้าวกับแกไม่ได้แล้วว่ะ”

มุ้ยหันขวับมาอ้าปากเตรียมจะว่าผม แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้เลยถอนหายใจ “เฮ้อ เอาวะ เข้าใจหรอกว่าคนมีแฟนแล้วมันคงไม่มีเวลาให้เพื่อนเหมือนแต่ก่อนหรอก ชั้นก็ไม่อยากให้น้องเค้าเข้าใจผิดอีกเหมือนกัน”

“ขอบใจนะ ยังไงเดี๋ยวเราค่อยนัดเลี้ยงข้าววันหลัง คราวนี้จะพานะไปด้วยจะได้คุ้นเคยกันไว้”

“...ก็ได้อะ เออ...งั้นเดี๋ยวชั้นกลับแล้วล่ะ ต้องไปเตรียมพรีเซ้นต์งานกับเพื่อน”

ผมพยักหน้าแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมตัวจะไปเข้าเรียนวิชาต่อไปเหมือนกัน แต่ก่อนจะเดินออกจากโรงอาหารมุ้ยยังไม่วายหันมากระซิบกระซาบข้างหูผม

“ว่าแต่ถ้าเปลี่ยนใจอยากยืมหนังของเพื่อนชั้นก็กริ๊งกร๊างมาบอกกันได้เลยนะอ๊อฟ เดี๋ยวชั้นใช้สิทธิพิเศษให้มันเอาสเปเชียลคอลเลคชันมาให้เลย ไปละ”

ผมยิ้มเจื่อนๆให้เพื่อนตัวดีที่เดินโบกมือจากไป บางครั้งผมก็นึกดีใจที่มีเพื่อนคอยเป็นห่วงเป็นใย แต่กับเรื่องบางเรื่องนี่ไม่ต้องให้ความใส่ใจกันมากขนาดนี้ก็ได้มั้ง

++------++

ผมเข้าฟังบรรยายช่วงบ่ายอย่างไม่ค่อยมีสมาธินัก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษมุ้ยคนเดียวที่มาจุดประเด็น แต่ก็ใช่ว่าผมจะปิดหูปิดตาไม่เคยรู้ว่าการมีอะไรกันของผู้ชายมันเป็นแบบไหน เพราะสมัยที่คบแฟนเก่าคุณเธอเคยเอาหนังเอวีแบบ 3P ซึ่งมีตัวละครเป็นชายสองหญิงหนึ่งมาให้ดูมาแล้ว ต้องยอมรับว่าบทอัศจรรย์ที่ได้เห็นทำเอาผมอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าแฟนตัวเองจะช่างสรรหาอะไรพรรณนี้มาปลุกอารมณ์ให้ แต่เพราะหลายๆครั้งบางสิ่งที่หล่อนต้องการผมก็ไม่สามารถสนองให้ได้เราเลยทะเลาะกันบ่อยจนกระทั่งสุดท้ายก็แยกทางกัน ไอ้ที่บอกใครๆว่าเพราะฝ่ายนั้นตัดสินใจไปสอบเอ็นท์ใหม่มันก็แค่ข้ออ้างที่เราสองคนตกลงใช้ร่วมกันเพื่อกันคำถามอื่นๆที่จะตามมาเท่านั้นเอง

ใจผมคิดประหวัดไปถึงคนข้างห้องที่สัญญากันไว้ว่าจะไปช่วยแพ็คของเตรียมย้ายห้องในวันพรุ่งนี้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ความใสซื่อบริสุทธิ์ของนะเป็นของจริงไม่ได้ปรุงแต่ง แม้เจ้าตัวจะเจ้าคิดเจ้าวางแผนไปบ้างตอนที่สืบหาหอผมแล้วย้ายมาอยู่ห้องติดกัน แล้วยังเรื่องที่มาขอปีนหน้าต่างเพราะลืมกุญแจอีก แต่ท่าทางที่ดูตื่นๆและอาการสั่นสะท้านของคนตัวเล็กที่ยอมนั่งนิ่งให้ผมเช็ดตัวให้เมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้ผมรู้สึกอยากทะนุถนอมความใสบริสุทธิ์นั้นเอาไว้ แม้จะยอมรับว่าต้องใช้ความอดทนข่มกลั้นอารมณ์พอสมควรตอนเห็นผิวขาวๆกึ่งเปลือยของคนที่ไม่ยอมถอดกางเกงออกให้เช็ดตัวท่อนล่างให้

รูปร่างสมส่วนติดไปทางผอมที่ได้เห็นเมื่อคืนยังคงติดตา ผิวตัวเนียนลื่นและอุ่นเพราะพิษไข้ที่ได้สัมผัสผ่านปลายนิ้วมือกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างที่ห่างหายไปนานให้ตื่นตัวขึ้นมา แต่ผมก็ต้องคอยเตือนตัวเองว่าอย่าเพิ่งทำอะไรเร่งเร้าให้คนตัวเล็กตกใจ ถึงแม้เราจะรู้จักกันมาก่อนก็ตาม ทว่านี่เพิ่งจะเป็นก้าวแรกของความสัมพันธ์ที่เราจะช่วยกันสานต่อในอนาคตเท่านั้นเอง

และถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้นะมีประสบการณ์ไม่ดีจนจำฝังใจไปตลอดเพียงเพราะผมวู่วามเอาแต่ได้


++------++



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-12-2008 23:24:50

ช่วงสายของวันเสาร์นะเปิดประตูรับผมที่ไปเคาะห้องเรียก แล้วก็พบว่าคนตัวเล็กเริ่มรื้อข้าวของบางอย่างออกมาจัดใส่กล่องแล้ว บนพื้นเต็มไปด้วยกองเสื้อผ้าที่พับแยกไว้ หนังสือที่วางซ้อนกันหลายเล่ม แล้วก็ข้าวของเครื่องใช้อย่างพวกจานชาม กระติกน้ำร้อนแล้วก็อะไรจิปาถะอีกนิดหน่อย

“นี่กะเก็บให้หมดวันนี้เลยใช่มั้ยเนี่ย”

“อื้อ ก็พอไปบอกอาม่าข้างล่างว่าจะย้ายห้องแกก็บอกว่ามีคนจองคิวเช่าต่อพอดี เลยอยากรีบเก็บของให้เรียบร้อยแต่เนิ่นๆไปเลยสิ้นเดือนจะได้ไม่วุ่นวาย”

ผมเดินข้ามกองหนังสือสองสามกองที่ตั้งอยู่บนพื้นข้างกล่องใส่ทีวีแล้วก็นั่งลงข้างๆคนตัวเล็กที่กำลังห่อจานชามกับแก้วน้ำด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อยู่

“แล้วจะให้พี่ช่วยอะไรเนี่ย”

“พี่อ๊อฟ...ช่วยไปเอาของในลิ้นชักตรงมุมห้องใส่ถุงก็ได้มั้ง ส่วนใหญ่มีแต่พวกของสะสม จะได้ยกขนไปง่ายๆ”

“โอเค”

ผมลุกไปหยิบถุงพลาสติกสีดำใบใหญ่แล้วก็เริ่มปฏิบัติการเก็บกวาดของในลิ้นชักทั้งสามชั้นของนะ ข้าวของในนี้เป็นพวกสมุดเฟรนด์ชิปเก่าๆ อัลบัมรูปถ่าย การ์ดวันเกิดกับเทศกาลต่างๆที่เจ้าตัวได้จากที่บ้านกับเพื่อนๆ แล้วก็มีของเล่นที่แถมมากับชุดแฮปปี้มีลของแมคโดนัลด์ ดูท่าทางนะจะเป็นพวกชอบสะสมของเล็กๆน้อยๆแบบนี้พอสมควร

“พี่อ๊อฟ เดี๋ยวนะลงไปซื้อน้ำที่มินิมาร์ทแป๊บนึง จะเอาอะไรมั้ย”

“เอานะกลับขึ้นมาให้พี่ก็พอ”

ผมรามือที่กำลังจัดของลงถุงแล้วหันไปยิ้มให้ คนถามเลยเดินหน้าแดงออกจากห้องไปหลังค้อนผมเสียทีหนึ่ง มีแฟนขี้อายนี่แหย่ง่ายดีแฮะ

นั่งบนพื้นนานๆก็เริ่มเมื่อย ผมเลยลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วมองสำรวจไปรอบห้องเพราะไม่เคยเข้ามาในนี้มาก่อน ห้องของนะเล็กกว่าผมนิดหน่อย ข้าวของที่วางกองบนพื้นและในลังกระดาษทำให้ห้องดูรกไปบ้างแต่โดยรวมแล้วก็นับว่าเป็นห้องที่ค่อนข้างสะอาด ผ้าปูที่นอนกับหมอนที่ยังไม่ได้ถอดปลอกยังอยู่บนเตียง ที่โต๊ะหน้ากระจกมีขวดโคโลญจน์กับแป้งเด็กแล้วก็พวกครีมกันแดดวางอยู่ ผมหยิบขวดโคโลญจน์ที่เป็นแก้วใสขึ้นดมแล้วก็ยิ้มเพราะเป็นกลิ่นที่คนตัวเล็กใช้ประจำ มิน่าทำไมอยู่ใกล้นะทีไรถึงได้กลิ่นหอมๆทุกที

ผมวางขวดโคโลญจน์ลงที่เดิม แต่พอจะถอยกลับไปเก็บของที่ลิ้นชักมุมห้องต่อก็ไปเตะเอาถุงพลาสติกที่อัดแน่นไปด้วยซีดีจนของข้างในหล่นกระจายออกมากองเต็มพื้นไปหมด ผมนั่งลงเก็บกล่องและซองซีดีที่หล่นออกมาจากถุงแล้วเรียงกลับเข้าไปใหม่ อดหยิบบางแผ่นขึ้นมาพลิกดูไม่ได้ว่านะสนใจดูหนังแบบไหน แผ่นหนังอนิเมชันญี่ปุ่น หนังอินดี้นอกกระแสแล้วก็อัลบัมรวมเพลงเอ็มพีสามที่ดูแล้วเจ้าตัวคงไปซื้อจากแถวถนนข้าวสารทำให้ผมอมยิ้ม แต่พอมือควานไปหยิบซีดีก้นถุงขึ้นมาดูแล้วก็ต้องอึ้งไปพร้อมๆกับเสียงประตูที่เปิดออกพอดี

“พี่อ๊อฟ กินไอซ์ทีมั้ย”

ผมได้ยินเสียงคนตัวเล็กวางถุงขนมกับน้ำกระป๋องลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงแต่ไม่ได้หันไปหา ภาพบนปกซีดีสองสามแผ่นในมือกำลังดึงดูดความสนใจจนลืมตอบคำถาม ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆเลยหันไปมองแล้วก็เห็นใบหน้าหวานทำหน้าสงสัย

“ดูอะไรอยู่อะพี่อ๊อฟ…เฮ้ย!”

คนตัวเล็กส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นของในมือผมก่อนจะแย่งไปถือแล้วเอาซ่อนไว้หลังตัวเอง หน้าหวานแดงจัดแต่ผมคิดว่าหน้าตัวเองก็คงสีสันไม่ต่างกันเท่าไหร่

“เอ่อ...โทษที พอดีพี่เตะถุงซีดีล้มเมื่อกี้เลยกะจะเอาใส่กลับเข้าไปให้ เลยบังเอิญ...เจอ”

นะก้มหน้างุดแล้วรีบเอาซีดีทั้งสามแผ่นยัดใส่ก้นถุงเหมือนเดิมแล้วก็เดินหนีไปนั่งกอดเข่าหันหลังให้ผมที่มุมห้อง ท่าทางเจ้าตัวจะเขินน่าดูที่โดนผมเห็นคอลเลคชันพิเศษเข้าเลยไม่ยอมหันกลับมาพูดอะไรด้วยอยู่เป็นนานจนผมเริ่มไม่สบายใจ

คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อผมเดินตามไปทรุดตัวลงนั่งเอนหลังพิงกับหลังบางไว้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เรานั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่จนบรรยากาศเริ่มจะอึดอัดผมเลยตัดสินใจทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“นะครับ...เอ่อ...”

“พี่อ๊อฟไม่ต้องพูดอะไรก็ได้”

คนตัวเล็กรีบตัดบทรวดเร็วจนผมหุบปากทันที แค่ตั้งใจจะถามว่าซีดีที่ผมเจอเข้าเมื่อกี้คนตัวเล็กเคยเปิดดูไปบ้างแล้วหรือยังเท่านั้นเอง

ภาพผู้ชายญี่ปุ่นหน้าตาเกลี้ยงเกลา ร่างกายเปลือยเปล่าโพสต์ท่ายั่วยวนแบบต่างๆและรูปย่อยเล็กๆด้านหลังที่เป็นพรีวิวของเนื้อหาข้างในซีดียังติดตาผมไม่หาย

“นะไม่ได้โรคจิตนะ...”

เสียงขึ้นจมูกทำให้ผมเลิกคิ้วแล้วก็หันไปหาคนตัวเล็กทั้งตัว แต่นะก้มหน้าซุกเข่าตัวเองท่าเดียว ผมทนมองท่าทางน่าสงสารอย่างนั้นไม่ไหวเลยดึงคนที่ตัวอุ่นหน่อยๆเพราะยังไม่หายไข้ดีเข้ามากอดไว้แล้วลูบหลังบางไปมา

“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเราเลยซักคำ บอกแล้วไงครับว่าอย่าคิดอะไรเอาเอง”

คนตัวเล็กซุกหน้าลงกับอกผมแล้วก็พูดอะไรบางอย่างเสียงเบาจนผมต้องถามซ้ำ

“อะไรนะ”

“นะบอกว่าซีดีพวกนั้นเพื่อนให้ยืมมา ตอนนะบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย”

ผมฟังแล้วก็เงียบไปด้วยความตะลึง ตกลงไม่ได้มีแต่ผมคนเดียวที่กลุ้มเรื่องความต้องการของตัวเองอยู่น่ะสิ

“เพื่อนบอกว่าถ้าไม่มีประสบการณ์มาก่อน อย่างน้อยก็น่าจะศึกษาจากหนังพวกนี้เอาไว้เป็นแนวทางบ้าง ตอนทำจริงจะได้ไม่ลำบากมาก แต่ว่าที่ยืมมาทั้งสามแผ่นนะยังดูไม่หมดนะ ขนาดแผ่นแรกก็เพิ่งดูได้แค่ครึ่งเดียวเอง”

เสียงอธิบายรัวเร็วของคนตัวเล็กทำให้ผมหัวเราะออกมา เออหนอ บทจะไร้เดียงสา พ่อหนูน้อยของผมก็ใสซื่อได้กินขาดจริงๆ ผมก้มลงจูบผมนิ่มแล้วเอ่ยถามเสียงเบา

“ถ้าพี่จะบอกว่าไม่ต้องดูวีดีโอแบบนั้นแล้วมาลงมือทำเลยดีกว่าล่ะ นะจะว่ายังไง”

ผมไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจู่ๆถึงได้ถามแบบนั้นออกไป ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเร็วไปหรือเปล่ากับความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้น รู้แต่ว่าความรู้สึกบางอย่างที่มีให้กับคนตัวเล็กมันกำลังแผ่ซ่านขึ้นในใจ และอยากจะระบายให้อีกฝ่ายได้รับรู้

พอผมพูดจบคนในอ้อมแขนก็นิ่งชะงักไป ผมไม่รู้ว่านะจะคิดยังไง แต่ถ้าคนตัวเล็กสนใจเรื่องพวกนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจเรื่องอย่างว่าเสียทีเดียว

นะนิ่งเงียบไปนานโดยไม่ให้คำตอบผม ทว่าสัมผัสจากหัวใจที่เต้นแรงขึ้นซึ่งรู้สึกได้ผ่านแผ่นอกของเราสองคนที่แนบชิดกันอยู่บ่งบอกให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตื่นเต้นแค่ไหน ผมค่อยๆลอดมือข้างหนึ่งที่โอบเอวบางไว้เข้าไปใต้เสื้อยืดของอีกฝ่ายแล้วลูบแผ่นหลังเนียนละเอียดเบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็บีบคลึงที่ท้ายทอยของนะไปมาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่สะดุดไม่เป็นจังหวะของคนในอ้อมแขน

“พี่อ๊อฟ...”

“อืม”

ผมส่งเสียงตอบรับงึมงำในลำคอ พอได้สัมผัสร่างกายของคนตรงหน้ามากเข้าก็เริ่มรู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ นะหลุดเสียงครางเบาๆเมื่อผมก้มลงขบเม้มริมฝีปากตรงต้นคอขาวที่โผล่พ้นเสื้อยืดขึ้นมา

“จะทำ...ตอนนี้เลยจริงๆเหรอ...”

เสียงแผ่วหวิวแบบคนไม่มีแรงและนิ้วที่จิกลงบนไหล่ดึงผมให้เงยหน้าขึ้นสบสายตากับตากลมโตที่เริ่มเชื่อมไปด้วยความปรารถนาผสมปนเปไปกับความหวาดหวั่น ใช่ว่าผมจะมองข้ามความไม่มั่นใจของนะ แต่ความรู้สึกที่อยากครอบครองร่างตรงหน้าที่เริ่มเอ่อท้นขึ้นมาทำให้ผมอยากจะประคองคนตัวเล็กไว้แล้วพาข้ามกำแพงแห่งความกลัวนั้นไปด้วยกัน

ผมคว้ามือบางขึ้นมาจูบ แล้วก็เลื่อนมือที่กุมไว้ไปแตะที่อกตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าหัวใจผมก็กำลังเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน

“มันอาจจะดูเร็วไปหน่อย แต่นะเชื่อใจพี่หรือเปล่า”

หน้าหวานเม้มริมฝีปากแน่น ผมนวดมืออีกข้างที่หลังคอของนะให้คนตัวเล็กรู้สึกผ่อนคลาย ผมเองไม่เป็นไรเพราะอย่างไรเสียก็เคยมีประสบการณ์เรื่องเพศมาก่อนแม้จะไม่ใช่กับผู้ชายด้วยกัน แต่สำหรับนะที่ไม่เคยทำแบบนี้กับใคร การที่อีกฝ่ายจะทำท่าตื่นกลัวก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก

“นะ...ไม่รู้”

ผมรู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุด แต่ก่อนจะตัดใจแล้วถอยออกใบหน้าหวานก็ซุกลงกับอกผมพร้อมกับมือสองข้างที่เอื้อมมาโอบคอผมไว้แน่นเสียก่อน

“แต่ถ้าพี่อ๊อฟต้องการ...ก็ทำก็ได้”

เสียงกระซิบอ่อนหวานริมหูกับริมฝีปากที่จรดลงมาที่สันกรามทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นรัวแรงขึ้นราวกับกลองที่โดนกระหน่ำตี ผมซุกหน้าลงกับซอกคอขาวๆของนะเพื่อสูดกลิ่นหอมของอีกฝ่ายเข้าเต็มปอดแล้วกอดรัดเอวบางไว้แน่น แทบทนที่จะปลดปล่อยความอึดอัดในตัวออกมาไม่ไหวอยู่รอมร่อ

“...ไปที่เตียงนะ”

เสียงที่ผ่านริมฝีปากออกไปแหบพร่าจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นเสียงตัวเอง ร่างในอ้อมแขนของผมสั่นเล็กน้อยก่อนจะถอยออกสบตาแล้วพยักหน้าที่แดงซ่านแต่โดยดี ผมลุกขึ้นแล้วอุ้มคนตัวเล็กเหมือนอุ้มเด็กก่อนจะเดินระยะสามก้าวไปที่เตียง

“พี่อ๊อฟ! จะอุ้มท่านี้ทำไมเนี่ย!”

“ไม่ดีเหรอ ให้ความรู้สึกเหมือนอุ้มเด็กดีออก”

ผมแกล้งแหย่เพื่อให้คนที่กำลังประหม่าได้ผ่อนคลายอาการเกร็งลง แล้วก็หอมแก้มนิ่มของคนในอ้อมแขนก่อนจะวางร่างเล็กลงบนเตียง นะมองผมที่ถอยออกเพื่อถอดเสื้อตัวเองตาไม่กระพริบแล้วก็ทำตาโตเมื่อผมก้าวขึ้นคร่อมคนตัวเล็กที่ตอนนี้กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ นัยน์ตากลมโตมองผมตื่นๆเมื่อผมเริ่มล้วงมือเข้าใต้เสื้อยืดเพื่อสัมผัสกับผิวเนียนเรียบที่เคยได้สัมผัสเพราะเช็ดตัวให้ไปเมื่อสองคืนก่อน ทว่าความรู้สึกของวันนั้นกับวันนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สัมผัสของวันนั้นเป็นไปอย่างทะนุถนอมและหวงแหนคนที่ไม่สบาย แต่ความรู้สึกในวันนี้คือความปรารถนาอยากจะครอบครองร่างกายนี้ให้เป็นของตัวเองตลอดไป

“พี่อ๊...อื้ม”

ผมก้มปิดริมฝีปากอิ่มเต็มก่อนนะจะทันหลุดประโยคใดๆออกมาพร้อมกับใช้ลิ้นตัวเองแหย่เย้าให้ริมฝีปากนิ่มแย้มออกจากกัน ขณะที่มือสองข้างก็ไล้ตามหน้าท้องราบสูงขึ้นไปจนพบติ่งเนื้อนิ่มบนแผ่นอกแล้วใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างคลึงไปมาจนรู้สึกว่าตุ่มไตนั้นแข็งชูชันขึ้นพร้อมกับอาการสั่นระริกและเสียงครางของร่างที่กำลังโดนผมชื่นชมอยู่

ผมผละจากคนตัวเล็กเพื่อจะถอดเสื้อยืดของอีกฝ่ายออกแล้วโยนลงข้างเตียงอย่างไม่ไยดี ก่อนจะก้มลงแลกลิ้นกับลิ้นอุ่นๆของคนที่เพิ่งหายไข้อีกครั้ง กลิ่นหอมหวานของแป้งผสมโคโลญจน์อ่อนๆที่นะใช้เป็นประจำกรุ่นเข้าจมูก ยิ่งกระตุ้นความต้องการให้อยากลิ้มรสเรือนร่างของคนตรงหน้ามากขึ้น นะยกมือขึ้นโอบคอผมไว้ราวคนหมดแรงที่ต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว แล้วก็สะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นเมื่อมือผมข้างหนึ่งเลื้อยลงใต้ขอบกางเกงด้านหลังแล้วบีบก้อนเนื้อแน่นหยุ่นข้างหนึ่งผ่านกางเกงชั้นในเนื้อบางแล้วลูบไปมา

คนหน้าหวานเม้มปากแน่นหลับตาปี๋ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อผมเลื่อนมือทั้งสองข้างเข้าไปสัมผัสกับเนินเนื้อด้านหลังโดยตรงจนผมต้องจูบเปลือกตาข้างหนึ่งเบาๆ

“ไม่เป็นไร นะไม่ต้องกลัวนะ”

คนตัวเล็กโอบคอผมแน่นโดยไม่ยอมมองหน้าขณะที่ผมเลื่อนมือที่โลมไล้ด้านหลังของนะมาปลดประดุมกางเกงยีนส์และดึงรั้งทั้งกางเกงชั้นนอกและชั้นในลงพร้อมกันจนผิวกายขาวโพลนและส่วนที่แสดงให้รู้ถึงความปรารถนาของร่างเล็กปรากฏอยู่ตรงหน้า ผมรู้สึกถึงหน้าร้อนๆของนะที่ซุกอยู่ที่บ่าผมเลยดึงคนตัวเล็กให้ถอยออกแต่นะพยายามจะหันหนีผมลูกเดียว ถึงจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ริมฝีปากที่เม้มแน่นกับใบหน้าที่แดงก่ำลงมาจนถึงคอก็บ่งบอกให้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังเขินอายแค่ไหน

ผมจับมือเล็กให้แตะลงที่จุดกึ่งกลางของร่างกายผมและจับยึดไว้แน่นเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะถอนมือออกเหมือนถูกของร้อน นะหันมาสบตาผม นัยน์ตากลมโตแฝงไว้ด้วยความหวาดหวั่นกับความปรารถนาของผมที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงผืนหนาเหมือนกัน

“นะช่วยถอดให้พี่ได้มั้ย นะครับ”

ผมเอ่ยเว้าวอนเสียงเบาชิดริมฝีปากของคนที่ถูกขอก่อนจะปล่อยมือที่ยึดไหล่บางไว้แล้ววางลงด้านหลังตัวเอง นะตัวสั่นขณะก้มแกะกระดุมและรูดซิปกางเกงผมลง มือเล็กที่ป่ายสะเปะสะปะมาโดนจุดยุทธศาสตร์ที่กำลังต้องการความสนใจทำให้ผมอดสูดปากไม่ได้ ผมยกสะโพกตัวเองขึ้นให้นะดึงกางเกงของผมลง แต่เพราะท่าทางงกๆเงิ่นๆของอีกฝ่ายผมเลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วถอดทั้งกางเกงตัวนอกและชั้นในออกเอง คราวนี้คนหน้าหวานที่ได้เห็นร่างเปลือยของผมบ้างก็ถึงกับหันหนีผมทั้งตัว

ร่างเล็กที่นั่งสั่นสะท้านหันหลังให้ผมอยู่บนเตียงดูน่าสงสาร แต่ถึงตอนนี้ถ้าจะให้ผมหยุดก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

นะสะดุ้งเมื่อผมเข้าสวมกอดและใช้ปลายจมูกดุนไล้แก้มนิ่มจากด้านหลัง ผมใช้มือข้างหนึ่งเชยคางบอบบางให้หันมาสบตาก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากแดงเย้ายวนเพื่อให้นะลืมความอาย ขณะที่มืออีกข้างค่อยๆไล้ไปตามผิวกายเนียนลื่นละมุนมือ ลมหายใจของคนตัวเล็กขาดห้วงเมื่อปลายนิ้วร้อนของผมไล่ต่ำลงผ่านหน้าท้องแบนราบจนไปถึงศูนย์รวมความต้องการเบื้องล่าง ร่างกายเล็กบิดเร่าเมื่อผมกุมส่วนสำคัญนั้นไว้เต็มมือและเริ่มรูดรั้งให้อารมณ์อีกฝ่ายเตลิดมากยิ่งขึ้นจนคนที่ถูกกระตุ้นต้องส่งเสียงร้องออกมา

“พี่อ๊อฟ...พี่อ๊อฟ...ฮ้า...ไม่ไหว...ฮึก”

ร่างเล็กๆปลดปล่อยความต้องการอุ่นข้นออกมาในเวลาไม่นานนักจนเต็มมือผมที่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดจนกระทั่งส่วนแข็งขืนนั้นเริ่มอ่อนตัวลง นะหอบหายใจหนัก ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงถูกทิ้งลงพิงผมทั้งตัว ผมก้มลงจูบไหล่มนและรับรู้ถึงรสเค็มปะแล่มของเหงื่อที่ซึมออกมาจากร่างของคนตรงหน้าแม้เครื่องปรับอากาศจะทำงานอยู่

ผมเปลี่ยนท่านั่งตัวเองแล้วดึงตัวนะให้เอนลงพิงอกมากขึ้นก่อนจะจับแยกขาเรียวทั้งสองข้างที่เจ้าของดูจะหมดแรงต่อต้านออกจากกัน ผมยิ้มให้คนในอ้อมแขนที่เงยหน้าขึ้นมองผมตาปรอยทั้งที่ลมหายใจยังไม่เป็นปกติและแผ่นอกขาวกระเพื่อมขึ้นลงแล้วก็ก้มลงกระซิบข้างหูเบาๆ

อยากให้คนคนนี้มีความสุขมากที่สุด และได้รับรู้ความรู้สึกของผมด้วยเช่นกัน

“ไม่ต้องเกร็งนะครับคนเก่ง”

นะแทบเด้งลุกจากอกผมอีกครั้งเมื่อผมชำแรกนิ้วที่ฉาบด้วยหยาดหยดอุ่นของเจ้าตัวเองผ่านช่องทางด้านหลังเข้าไป การบีบรัดอย่างรุนแรงของช่องทางคับแคบที่ไม่เคยมีสิ่งใดล่วงล้ำมาก่อนและเสียงครางด้วยความเจ็บทำให้ผมเลื่อนมือที่รัดเอวบางไว้ลงไปเคล้าคลึงกับแก่นกายที่เพิ่งอ่อนตัวอีกครั้งเพื่อเบนความสนใจของคนในอ้อมแขน นะสะบัดหน้าที่หลับตาแน่นไปมาอยู่บนอกผม แผ่นอกขาวแอ่นขึ้นและปลายนิ้วเท้าสองข้างจิกลงบนผ้าปูเตียงเพราะสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย แต่การแสดงออกถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอย่างไร้เดียงสานั้นกลับยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ผมให้ตื่นตัวจนผมมั่นใจว่านะต้องรู้สึกผ่านทางแผ่นหลังที่พิงผมอยู่แน่นอน

“อะ...อ๊า...ซื้ด...พี่อ๊อฟ...พี่อ๊อฟ”

นะจิกเล็บมือข้างหนึ่งลงบนแขนผมเมื่อผมถอนนิ้วแรกออกจนเกือบสุดแล้วเพิ่มนิ้วที่สองเข้าไป ผมไล่จูบขมับและแก้มเนียนของคนที่นั่งหอบหายใจแรงพิงอกผมอยู่ รู้สึกเหมือนร่างกายของนะเริ่มลดอาการเกร็งลงบ้างจึงเลื่อนมือที่สัมผัสแก่นกายอ่อนไหวไปลูบไล้ที่ต้นขาเนียนแทนแล้วค่อยๆแทรกนิ้วที่สามเข้าไป เสียงร้องครางแผ่วหวานของนะและแรงจิกบนแขนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมรู้ว่าตัวเองก็คงทนนานไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“นะ มีโลชั่นหรืออะไรพอหล่อลื่นได้บ้างมั้ย”

รู้ดีว่าอาจทำให้อีกฝ่ายเขินขึ้นมาอีกถ้าถาม แต่ถ้าไม่ถามผมคงทำนะร้องไห้ทีหลังแน่ๆ เจ้าของนัยน์ตาหวานมองผมตาปรือเหมือนไม่เข้าใจคำถามในตอนแรก แต่แล้วก็หันหน้าแดงๆไปทางลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียง

“มี...เบบี้ออยล์อยู่...น่าจะใช้ได้…”

เสียงตอบเบาหวิว แหบเครือราวคนไม่มีแรงทำให้ผมยิ้มก่อนจะค่อยๆถอนนิ้วตัวเองออกแล้วจับร่างของนะให้นอนหงาย นะไล่สายตาตามผมที่เอื้อมตัวไปเลื่อนลิ้นชักหยิบเบบี้ออยล์ออกมาเทใส่มือแล้วชโลมบนแก่นความต้องการของตัวเองที่กำลังตื่นตัวและร้อนรุ่มจากภาพอันเย้ายวนของคนตรงหน้าด้วยท่าทางเหมือนคนอยู่ในความฝัน คนตัวเล็กพยายามเท้าศอกขึ้นมาเมื่อผมจับขาขาวเนียนทั้งสองข้างแยกออกกว้างแล้วกระถดตัวเองเข้าหาจนแนบชิดกับปากทางเข้าที่แดงก่ำและร้อนผ่าว

คนหน้าหวานสะดุ้งเฮือกพลางยกหลังมือข้างหนึ่งขึ้นกัดแน่นเมื่อผมเริ่มดันตัวเองผ่านปากโพรงที่อ่อนนุ่มและคับแน่นเข้าไปช้าๆ

“พี่อ๊อฟ เดี๋ยวก่อน...อย่าเพิ่งขยับนะ”

ภาพนัยน์ตากลมโตที่น้ำตาซึมออกมาที่หางตาและเสียงวอนขอให้ผมชะลอการเดินเครื่องทำให้ผมต้องขบฟันสะกดกลั้นความต้องการที่จะผสานร่างเป็นหนึ่งเดียวกับคนตัวเล็กอย่างรุนแรงไว้เต็มกำลัง นะหลับตาแล้วพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ส่วนผมก็ลูบไล้ไปทั่วสะโพกและต้นขาเนียนแน่นเพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลายลงพร้อมกับข่มใจตัวเองไม่ให้ทะยานไปตามอารมณ์ที่กำลังร้อนขึ้นเต็มที่เหมือนกัน

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกร็งนะเด็กดี ทนหน่อยนะครับ”

นะปรือตาขึ้นมองผมช้าๆ ขณะที่ผมก็ถือโอกาสค่อยๆเดินหน้าต่อเมื่อรู้สึกว่าลมหายใจของคนตรงหน้าเริ่มเป็นปรกติมากขึ้น แต่กระนั้นก็ยังต้องหยุดเป็นจังหวะเพราะช่องทางอ่อนนุ่มด้านในคอยแต่จะตอดรัดเหมือนไม่ต้องการสิ่งแปลกปลอมให้แนบชิดลึกล้ำไปกว่าที่เป็นอยู่ ฝ่ายคนหน้าหวานที่ต้องรองรับความแข็งขืนเอาแต่ใจของผมก็กัดฟันข่มความเจ็บที่ดูจะแล่นขึ้นเป็นระยะ ทว่าร่างเล็กบางก็ไม่ได้เอ่ยคำขอร้องให้ผมหยุดอีก จนสุดท้าย ผมก็เข้าไปในร่างกายของนะได้ทั้งหมดหลังจากผ่านช่วงเวลาที่ราวกับเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุดไปได้เสียที

เราทั้งคู่หอบหายใจแรงเมื่อรู้สึกอุณหภูมิที่รุมร้อนของกันและกันผ่านร่างกายที่เชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ ผมขบฟันแน่นขณะรอให้ร่างกายของนะคุ้นเคยกับการรุกรานจากความต้องการของผม

“เข้ามาหมดแล้วใช่มั้ยพี่อ๊อฟ”

เสียงถามแหบแห้งอย่างไร้เดียงสาทำให้ผมหัวเราะเบาๆ ยังจะมีใครน่ารักแม้แต่ในเวลาแบบนี้ได้อย่างคนคนนี้อีก ผมเอื้อมมือไปช้อนแผ่นหลังบางของนะขึ้นให้นั่งซ้อนบนตักจนคนตัวเล็กผวาโอบรอบคอผมอย่างตกใจ การเคลื่อนไหวนั้นทำให้ผมหลุดครางเสียงต่ำออกมาเพราะรู้สึกได้ถึงช่องทางเบื้องล่างที่ผมเป็นส่วนหนึ่งอยู่กำลังตอดรัดอย่างรุนแรง ผมซุกไซ้ที่คอขาวแล้วกระซิบเสียงพร่าที่ข้างหูของคนบนตัก

“นะครับ ขยับเองไหวมั้ย”

คนถูกถามถอยออกมองหน้าผมเหมือนจะถามด้วยสายตา แล้วก็ค่อยๆพยักหน้าเมื่อผมจ้องตอบแน่วนิ่ง ผมรู้ว่าตัวเองขอร้องอะไรยากไปหน่อยสำหรับคนที่ไม่เคยกับเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าหากให้ผมเป็นฝ่ายคุมจังหวะเองตั้งแต่ต้น ผมอาจจะเผลอทำรุนแรงจนทำร้ายนะเอาได้

คนหน้าหวานเริ่มขยับร่างกายช้าๆในทีแรกเหมือนไม่มั่นใจ แต่ผมคอยลูบไล้แผ่นหลังและสะโพกแน่นไปทั่วพร้อมกับส่งเสียงแสดงความพอใจเพื่อให้นะเชื่อใจตัวเองมากขึ้น สักพักคนตัวเล็กก็เริ่มจับจังหวะได้และเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น แรงขึ้น เล็บมือทั้งสองข้างที่ตัดจนสั้นจิกลงบนไหล่ผม เหงื่อที่ผุดพรายออกมาตามร่างกายของเราทั้งสองที่เสียดสีกันอยู่ยิ่งเสริมให้รู้สึกถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านมากขึ้นทุกที

นะหวีดร้องเมื่อผมถอนกายออกแล้วจับคนตัวเล็กให้นอนตะแคงบนเตียงก่อนจะตามลงทาบทับและเริ่มจังหวะรักใหม่ด้วยตัวเอง มือเล็กข้างหนึ่งทึ้งหมอนที่หนุนอยู่ขณะที่อีกข้างจิกลงบนผ้าปูที่นอนทำให้ร่างกายท่อนบนที่เริ่มเป็นสีแดงเรื่อไปทั้งตัวเปิดชัดต่อสายตา ผมชะลอจังหวะที่ดำเนินอยู่แล้วก้มลงไล้ปลายลิ้นที่ยอดอกข้างหนึ่งที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า มือเล็กที่จิกผ้าปูที่นอนเลื่อนขึ้นมากดศีรษะผมที่กำลังคลอเคลียแผ่นอกของตัวเองแล้วยึดไว้แน่น

“พี่อ๊อฟ...นะไม่ไหวแล้ว”

เสียงหอบฮักราวกับเสียงสะอื้นทำให้ผมผละตัวเองออกแล้วจับคนตัวเล็กนอนหงายก่อนจะรีบเร่งจังหวะเต็มที่เพราะตัวเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน นิ้วมือสองข้างของนะจิกไหล่ผมเต็มแรงกับจังหวะที่โหมเร้ายิ่งขึ้น .นัยน์ตาหวานซึ้งปิดแน่นขณะที่ริมฝีปากแดงเผยอหอบ

“พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟ อื๊อออ”

“ไปพร้อมกันนะ”

ช่องทางอบอุ่นที่โอบรัดผมอยู่ร้อนผ่าวและรัดรึงเป็นจังหวะ ใบหน้าหวานสะบัดไปมา ริมฝีปากล่างถูกขบเม้มจนน่ากลัวจะห้อเลือดเมื่อคนตัวเล็กเกร็งตัวแน่นขณะข้ามผ่านสู่ดินแดนแห่งความสุขสมเป็นครั้งที่สอง แรงบีบรัดอย่างรุนแรงที่ส่งผ่านมาทางร่างกายที่สอดประสานกันอยู่ทำให้ผมแทบปวดหัวจี๊ดเมื่อความต้องการของตัวเองได้รับการเติมเต็ม

ผมขยับกายต่ออีกไม่กี่ครั้งร่างทั้งร่างก็กระตุกวูบพร้อมกับความรู้สึกเต็มตื้นที่ได้มีความสัมพันธ์กับคนที่ตัวเองรัก

ผมยันตัวเองบนศอกคร่อมร่างของนะไว้เพื่อไม่ให้ลงไปทับคนตัวเล็กที่ตอนนี้นอนหอบหายใจแรงไม่ต่างกัน ใบหน้าหวานของนะส่งยิ้มอ่อนเพลียมาให้ นัยน์ตาที่ฉ่ำปรอยดึงดูดให้ผมก้มลงบดเบียดริมฝีปากกับกลีบปากแดงอิ่มที่หวานยิ่งกว่าขนมหวานไหนๆ ก่อนจะไล่ขึ้นไปที่ปลายจมูกและหน้าผากที่ชื้นไปด้วยเหงื่อจนได้ยินเสียงระบายลมหายใจยาวอย่างอิ่มเอมของคนที่ผมกอดอยู่

ความต้องการที่ได้รับการปลดปล่อยค่อยๆคืนสภาพเดิม ผมรอจนช่องทางร้อนผ่าวด้านล่างเริ่มผ่อนแรงบีบลงจึงค่อยถอนตัวเองออกแล้วล้มตัวลงนอนตะแคงพลางรั้งคนตัวเล็กให้หันมาหา

ร่างกายของเราทั้งคู่ต่างเหนียวเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อและหยาดรัก แต่ผมกลับไม่รู้สึกรำคาญเลย นะเองที่เบียดซุกอกผมก็บอกให้รู้ว่าร่างในอ้อมแขนของผมก็ไม่รังเกียจเช่นกัน เรานอนกอดกันนิ่งๆอยู่อย่างนั้น รู้สึกพอใจกับความเงียบที่ไม่ได้เกิดจากความอึดอัดและเสียงลมหายใจของกันและกัน

ผมลูบไหล่บางไปมาแล้วก็หัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเสียงหาวของคนในอ้อมแขน

“ง่วงแล้วเหรอครับ”

“...เพราะพี่อ๊อฟน่ะแหละ”

เสียงต่อว่าอย่างงอนๆทำให้ผมต้องก้มลงไปหอมแก้มนิ่มอย่างอดใจไม่ไหว นะถอนหายใจเสียงเบาแล้วก็ทำท่าเตรียมจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง

“แย่จัง อุตส่าห์กะว่าจะต่ออีกซักรอบ”

คนหน้าหวานปรือตาขึ้นมามองผมตาดุทั้งที่ใบหน้าแดงซ่านแล้วก็ขยับตัวพลิกหนีไปอีกทาง “ไม่เอาแล้ว คนเพิ่งหายป่วยนะ แล้วดูซิจะแพ็คของวันนี้เลยยังไม่เสร็จเพราะพี่อ๊อฟคนเดียวเลย”

คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ ผมเลยกดรีโมทเร่งแอร์แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมเราทั้งสองคนก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดคนตัวเล็กจากข้างหลัง นะยอมเบียดกลับมาชิดอกผมแต่โดยดีผมเลยก้มจูบเรือนผมนุ่มแล้วก็กอดร่างเล็กๆเอาไว้แน่น

“งั้นตอนนี้จะปล่อยให้นอนพักเอาแรงก่อน ตื่นแล้วจะได้ไปหาอะไรกินกันแล้วค่อยมาแพ็คของต่อ ส่วนเรื่องรอบสองเดี๋ยวค่อยว่ากันคืนนี้แล้วกันนะ”

คนโดนกอดถองศอกกลับมาหาผมไม่เต็มแรงนักแต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ผมยิ้มเมื่อเห็นใบหูของคนตรงหน้าแดงขึ้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอที่บ่งบอกว่าคนตัวเล็กหลับแล้วผมเลยกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

กลิ่นหอมจากเรือนผมของคนตรงหน้าทำให้จั๊กจี้จมูกนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญ ผมมองนาฬิกาแขวนผนังในห้องของนะแล้วก็เริ่มรู้สึกเพลียตามคนตัวเล็กขึ้นมา สงสัยผมจะติดเชื้อหลับง่ายจากคนในอ้อมแขนมาเสียแล้ว

ชีวิตคนเราบางครั้งก็แปลก ไม่น่าเชื่อว่าอดีตรุ่นน้องที่เคยพบกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆจะกลายมาเป็นคนข้างห้องและสุดท้ายก็เป็นคนที่ทำให้หัวใจผมหวั่นไหว แล้วยังเป็นคนที่ทำให้ผมได้พบเจอกับความอ่อนหวานและอบอุ่นของความรักที่ผมลืมเลือนไปแล้วอีกครั้ง ถึงแม้ต่อจากนี้ไปผมอาจจะต้องมีเรื่องปวดหัวบ้างเพราะคบกับพ่อหนูขี้งอนแถมเจ้าอารมณ์ แต่หากว่าสิ่งนั้นจะได้แลกกับการที่มีคนคนนี้มาอยู่ข้างๆตลอดไปก็ไม่เป็นไร ผมเชื่อว่าชีวิตที่มีนะอยู่ด้วยนับจากวันนี้เป็นต้นไปจะต้องมีสีสันกว่าวันคืนเหงาๆที่มีผมอยู่คนเดียวแน่นอน


++------++


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-12-2008 23:29:36
เป็นครั้งแรกที่โดนเตือนว่าตัวหนังสือเยอะเกินเลยต้องแบ่งเป็นสองโพสต์ คราวนี้ขอยกยอดมาตอบเม้นต์หลังตอนใหม่ เพราะว่าอยากคุยกับทุกคนหลังได้อ่านตอนนี้กันแล้วมากกว่า แหะๆ  :laugh:

Mint  นะก็ถอดเสื้อให้เช็ดตัวจริงๆด้วยล่ะ แต่แค่เช็ดตัวไง 555
<Ju!_Ju!>   มะเป็นไร แล้วป้าจะรออ่าน ว่าแต่ทำไมชีวิตเอถึงขาดความหวานล่ะ ไปบอกคนข้างๆรีบเอาน้ำตาลมาเติมด่วน
The Living Rive  บวกคืนให้เบ๊อะนะจ๊ะ แถมกอดอีกหนึ่งที ส่วนฉีดยาคงไม่ต้องเพราะนะคงหายขาดแล้วทีนี้ ฮิ้ว
Poes   อร๊ายยย น้องนะเค้าออกจะหวงเนื้อหวงตัว มีอ๊อฟที่ยอมให้ดูได้คนเดียว อิ๊ๆ
palpouverny    อ๊อฟก็อดใจไหวเป็นบางเวลานะ แต่บางเวลาก็...นั่นแหละ
punchnaja    แฮปปี้ๆเช่นกันจ้า
newykung    ยังไม่ทันย้ายห้องก็ได้ลุ้นแล้ว เป็นไงล่า
BeePed     BP อยากเสียเลือดทำไม เค้ากลัวเลือดดดด (แต่ก็ไปบริจาคบ่อยนะ)
nana      พี่อ๊อฟได้เช็ดตัวสมใจแล้วเน้อ
krappom   ทำป๋อมแป๋มผิดหวังรึเปล่าเนี่ย อิๆๆ
น้ำค้าง    เริ่มรู้สึกผิด คนอยากอ่านฉากเช็ดตัวกันเยอะจังแต่คนเขียนเขียนถึงจิ๊ดเดียว ไม่โกรธกันเนาะ
mist   สารภาพรักไปแล้ว เลยไม่เหลือ...อุ๊บ
pickki_a    คนเป็นเบาหวานต้องคอยหาอะไรหวานๆเติมเป็นระยะเน้อ
Jeremy_F   อ่านตอนนี้แล้วตื่นไหมเอ่ยหนู J
pongsj   อย่าว่าแต่คนอ่าน ตอนใหม่นี่คนเขียนเขินยิ่งกว่า
moonlight   หวานได้อีก ขอบคุณค่า บวกคืนให้นะจ๊ะ
19NT    เพราะมีคนบอกว่าน่ารัก นะเลยจะคิดเอาเองต่อไป กิ๊วๆ
dahlia    ป่านนี้เสียเลือดไปบ้างรึยังนี่
RN   ฉากเช็ดตัวมีพูดถึงจิ๊ดเดียว แต่เอาฉากอื่นมาชดเชยให้ ไม่ว่ากันนะคับ

โพสต์ตอนนี้เสร็จแล้วง่วงมากมาย ขอไปนอนก่อนละคับทุกท่าน  :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 02-12-2008 23:45:30
^
^
^
จิ้มคุณป้ายังสาวและสวย   :o8:


 :m25:



น่ารัก :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 03-12-2008 01:25:53
 :m25: :m25: :m25:

+1 ให้ป้าเลยอิๆ ชอบมาก นะน่ารักสุดๆแล้วจะรอ รอบสองนะอิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 03-12-2008 01:55:45
แฟนเก่าพี่อ๊อฟนี่ หื่นใช่เล่นนะเนี่ย

หึหึหึหึ 3P ซะด้วยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 03-12-2008 02:03:31
 :m25: หวานๆ+หื่น

มุ้ยเป็นเพื่อนที่ดีมาก

สนับสุนน ช่วยเหลือเพื่อนเต็มที่ :impress2:

นะน่ารัก :กอด1:

รอรอบ2นะค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 03-12-2008 02:23:14
bb: อ่านตอนนี้แล้วตื่นไหมเอ่ยหนู J

อ่านคราวนี้ตั้งและค้างไม่ยอมลงอีก อ่ะ หึหึ หมายถึงลูกนัยน์ตาน่ะครับ  :o8:

ละเอียดทุกช๊อตแถมยาวอีก สะใจ อิอิ

+  :bye2:

Edited:
“มาถอนหายใจอะไรของแก ผู้ชายกับผู้ชายมันยุ่งยากมากเรื่องกว่าผู้หญิงกับผู้ชายนะเฟ่ย ถ้าแกไม่เรียนรู้ไว้ก่อนเกิดทำให้น้องเค้ามี bad experience ขึ้นมาจะทำไงยะ”
มุ้ยค๊าบบ ไม่เคลียร์ช่วยบอกด้วยทำไง ยังไม่เคย  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-12-2008 05:16:47
 :m25: นะเสร็จอ๊อฟไปแว้ว

แล้วซีดีที่เพื่อนมุ้ยมีถ้าอ๊อฟไม่ยืมเดี๋ยวเรายืมเอง  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 03-12-2008 07:23:08
ฉากเช็ดตัวเหรอ ไม่เอาแล้ว ฉากบนเตียงมันเด็ดกว่า

แอร้ยยยย แต่งได้เริดมากจ้า อ่านแล้ว :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 03-12-2008 10:01:33
bb จ๊ะ ให้อ๊อฟไปร้านข้าวต้มเดียวกับหมงสิจ๊ะ อ๊อฟจะได้มีแรงเบิ้ลหนูนะ เหมือนหมงหมงเบิ้ลเอ๋ยเอ๋ย  :jul3:


ชื่นใจมากมาย ละเอียดทุกซอกทุกมุม อ๊อฟเนี่ยช่างรื้อช่างค้นนะ รื้อจนได้ดี อ๊อฟรื้อจนนะเสร็จเลย คิกคิก  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 03-12-2008 10:52:07
เอ็นซี :haun4:  โฮกเกิ้น

โอ่ยยยยยยยยยย

สยิว

 o13

รีบนอน รีบตื่น รีบกินข้าว รีบแพคของ

แล้ว...

ฮา..
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 03-12-2008 11:25:11
 :jul1: :jul1: :jul1:

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย น้องนะ น่ารักจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-12-2008 11:50:50
พะ พะ พี่อ๊อฟฟฟฟฟฟฟฟ ทำไรอะ

กรี๊ดดดดดด  :m25:  :pighaun: 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 03-12-2008 12:01:22
 :m25:ไม่ต้องอาศัยซีดีเลย o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 03-12-2008 15:43:25
 :m25: แอร๊กกก

อา มีความสุข  :m2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-12-2008 17:04:22
แว้บมาบอกว่าตอนนี้คนเขียนโดนเลือดจากอีโมคนอ่านอาบจนแดงแปร๊ดไปทั้งตัวแล้วจ้า 555

ว่าแต่ใครเลือดกรุ๊ปไรกันมั่ง จะไปเบิกธนาคารเลือดมาเติมให้ ฮิๆ   :kikkik:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 03-12-2008 17:10:01
เค้ากรุ๊ป เอ เบิกมาเยอะๆเลยนะ  :z1:  วันนี้จะต่ออีกปะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 6 (ตามรีเควสต์ 2/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 03-12-2008 23:54:12
เข้ามา +1 ไว้ก่อน

ยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลย

^^

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-12-2008 02:31:15
ช่วงนี้ป้าเข้าโหมดขยัน เพราะเค้ากำลังจะหนีเที่ยวแว้วว อิิอิ
ขอมาตอบเม้นต์พรุ่งนี้นะจ๊ะเพราะตอนนี้คนเขียนง่วงมากกกก ว่าแต่ กำลังงงๆตัวเองว่าตอนพิเศษนี้จะขึ้นกับเรื่องไหนดี ยังไงก็เป็นตัวละครในเรื่องสั้นทั้งสองเรื่องอ่ะนะ
แฟนเป้-วิวคงหายคิดถึงกันมั่งนะจ๊ะ

*Warning* Explicit Adult Material
เช่นเคย ใครไม่นิยมฉากเข้าพระเข้านาย ก็หลับตาอ่านข้ามๆไปเลยแล้วกันเด้อค่า   :laugh:


ลำนำรักสีรุ้ง/ เมื่อหัวใจเราใกล้กัน

ตอนพิเศษ: สองใจในคืนหนาว


“เป้! มาทำไมเนี่ย ไม่สบายทำไมไม่นอนพักที่บ้าน”

ผมไขประตูเข้าห้องของตัวเองแล้วก็ต้องตกใจที่มีคนที่ไม่คิดว่าจะเจอในวันนี้นั่งรออยู่เพราะเจ้าตัวโทรมาบอกตั้งแต่เช้าว่าไม่สบายเลยจะหยุดเรียนจนผมทำใจแล้วว่าอาจไม่ได้คุยหรือเห็นหน้ากันทั้งวัน

“ก็คิดถึงแฟน อยากให้แฟนพยาบาลให้มากกว่า”

คนป่วยที่ไข้ขึ้นจนหน้าแดงเรื่อบอกผมหน้าตาชื่นมื่น ผมวางกระเป๋าแล้วเข้าไปทาบมือกับหน้าผากของคนรักแล้วก็ต้องผงะกับอุณหภูมิที่สูงจนน่าตกใจ เป้ถือโอกาสดึงผมเข้าไปกอดแล้วก็กดปลายจมูกร้อนๆลงมาที่แก้มผมก่อนจะก้มลงซุกหน้าบนบ่า

“ค่อยยังชั่ว นึกว่าวันนี้จะอดเจอวิวซะแล้ว ทำไมกลับดึกจัง”

“ก็ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแล้วก็แวะหาอะไรกินก่อนกลับนี่นา ว่าแต่เป้กินข้าวเย็นหรือยัง”

“เรียบร้อยมาจากบ้านแล้ว ถึงได้แอบแว้บมานี่ได้ไง”

ผมเงยหน้ามองคนป่วยอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “นี่แอบพ่อกับแม่มางั้นเหรอ?”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เค้าออกไปข้างนอกกันทั้งคู่ ไม่รู้หรอกว่าลูกชายไม่อยู่ที่ห้อง”

ผมขมวดคิ้ว ถึงอย่างงั้นก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้ดอดออกมาหาผมทั้งที่ตัวเองไม่แข็งแรงเสียเมื่อไหร

“ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้เดี๋ยวกินยาแล้วนอนเลยดีกว่านะ ขอวิวอาบน้ำแป๊บนึงเดี๋ยวออกมาเอายาให้”

เป้พยักหน้าแล้วก็หันไปนั่งเปิดโทรทัศน์ดู ผมมองแผ่นหลังคนป่วยที่ใส่เสื้อแจ๊คเกตทับเสื้อตัวในอยู่แล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหรี่แอร์ลงเพื่อไม่ให้อากาศหนาวเกินไปก่อนจะเข้าไปจัดการธุระตัวเองในห้องน้ำ พอผมอาบน้ำเสร็จก็จัดการเอายาแก้หวัดกับน้ำให้คนป่วยที่รับไปกินโดยไม่อิดออด แล้วก็หันไปหยิบผ่าห่มออกคลี่คลุมตัวให้คนป่วยที่เอนหลังลงบนเตียง เป้ขมวดคิ้วพอเห็นผมหันไปลากฟูกอีกชุดออกมาวางที่พื้น

“วิวจะนอนบนพื้นทำไมล่ะ ขึ้นมานอนบนนี้ด้วยกันสิ”

ผมมองเหล่เด็กโข่งด้วยสายตาตำหนิหน่อยๆ

“นอนด้วยกันก็ติดหวัดสิ อีกอย่างคนป่วยนอนคนเดียวไม่มีคนเบียดน่าจะสบายตัวกว่า”

“ไม่ติดหรอก สัญญาด้วยเกียรติของอดีตนักเรียนร.ด. ถ้าทำให้วิวติดหวัดเดี๋ยวเป้มาเฝ้าไข้เอง”

คำปฏิญาณแบบเด็กๆทำให้ผมกลอกตา ปกติก็ชอบหนีที่บ้านมาค้างที่นี่อยู่แล้วนี่...ผมนึกค่อนคนเจ้าปัญหาในใจ ยังไงก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่แล้ว ตามใจคนป่วยซะหน่อยแล้วกัน

“ถ้าจามหรือไอใส่ วิวลงมานอนข้างล่างแน่ๆนะ”

“รับทราบครับผม ไม่ต้องห่วงหรอกเป้แค่มีไข้ อย่างอื่นปกติดี”

ผมขมวดคิ้ว เวลาคนแข็งแรงเกิดป่วยขึ้นมานี่จะมีอาการไม่เหมือนคนอื่นเขาหรือไงกัน แต่ก็ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดเลยลุกไปปิดไฟ ทิ้งไว้เพียงโคมไฟหัวเตียงที่ส่องแสงสลัวๆแล้วยอมลงนอนข้างคนป่วยบนเตียงแต่โดยดี ทว่าพอล้มตัวลงก็โดนแขนแกร่งสองข้างคว้าเข้าไปกอดแน่นทันทีเหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว

“เป้ ตัวร้อนจัง”

ผมอดทักไม่ได้ พอได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิสูงจัดจากร่างกายของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ตัวร้อนขนาดนี้แล้วยังจะฝืนขับรถมาหาถึงนี่อีก บ้านเป้ไม่ใช่อยู่ใกล้ๆเลย

คนตัวใหญ่ยกมือผมขึ้นจูบเบาๆแล้วยิ้มให้ “ไม่เป็นไรหรอก กินยาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็หาย”

“หายจริงๆก็ดีสิ ทีหลังไม่สบายอย่าฝืนตัวเองอย่างนี้อีกนะ”

เป้หัวเราะเบาๆผมเลยอดถามด้วยความข้องใจไม่ได้ “หัวเราะอะไร”

“เปล่า ดีใจ แฟนเป็นห่วง”

อ้อมแขนอุ่นโอบกระชับรอบตัวผมแน่นขึ้น ร่างกายเราแนบชิดจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นจัดที่ระเรี่ยลงบนริมฝีปากตัวเอง เราสองคนนอนมองตากันผ่านแสงสลัวของโคมไฟ ก่อนจะรู้ตัว ริมฝีปากอุ่นของเป้ก็เคลื่อนลงประทับบนริมฝีปากผม สัมผัสนั้นแผ่วเบาและยั่วเย้าในทีแรกก่อนจะค่อยๆร้อนแรงขึ้น ผมหลับตาแล้วเผยอริมฝีปากรับลิ้นอุ่นร้อนที่ไล้เลียขออนุญาตแต่โดยดี

สัมผัสจากมือใหญ่ข้างหนึ่งที่ลูบแผ่นหลังผมใต้เสื้อไปมาและอีกข้างที่บีบสะโพกด้านหลังอยู่ทำให้ผมถอนริมฝีปากแล้วมองตาคนป่วยที่จาบจ้วงโดยไม่ดูสังขารตัวเองอย่างดุๆ

“เป้...ไม่สบายอยู่นะ”

แทนที่จะสำนึกตัว คนถูกเตือนยิ้มตอบตาเป็นประกายแถมยังเพิ่มแรงที่มือล่างเสียอีกจนผมต้องทุบแขนเบาๆ

“ก็คิดถึงแฟนนี่นา อุตส่าห์ฝืนสังขารมาหาทั้งที วิวตามใจเป้หน่อยสิครับ”

น้ำเสียงกับนัยน์ตาออดอ้อนทำผมเริ่มจะใจอ่อน แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้ายอมให้ตามที่ขอครั้งหนึ่งก็จะต้องมีครั้งที่สองและสาม และคืนนี้มีหวังทั้งคนป่วยทั้งผมไม่ได้นอนกันทั้งคู่แน่ๆ แล้วพรุ่งนี้ผมก็ยังมีเรียนแต่เช้าอีก

“ถ้าอยากให้ตามใจก็จะช่วย แต่ไม่ให้ทำถึงที่สุด ตกลงมั้ย”

คราวนี้คิ้วเข้มบนใบหน้าคมที่อยู่ห่างผมไม่ถึงคืบขมวดมุ่น

“ถ้ามีเงื่อนไขแบบนี้ก็ไม่เรียกว่าตามใจสิ”

“ไม่รู้ละ ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ จะเอาอย่างนั้นก็ได้นะ วิวอยากให้เป้พักผ่อนมากกว่าอยู่แล้วด้วย”

เด็กโข่งตัวโตมองตาผมที่แสดงออกว่าเอาจริงแล้วก็ถอนหายใจ “เอ้า ยอมก็ได้ นี่เพราะป่วยอยู่หรอกนะ หายป่วยเมื่อไหร่จะทบต้นทบดอกให้น่าดูเลย”

ประโยคขู่คาดโทษทำเอาผมร้อนวูบบนหน้า ก็เวลาโดนทบต้นทบดอกครั้งก่อนๆทีไรเป้ทำผมแทบลุกไม่ขึ้นตลอดเลยนี่นา

เป้จูบเบาๆลงบนจมูกผมแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกครั้งจนผมนึกอยากหยิกพ่อตัวดีให้เนื้อเขียว แต่แล้วเป้ก็เอามือสองข้างกดสะโพกผมให้เบียดกับสะโพกตัวเองจนรู้สึกได้ถึงความร้อนและแข็งขืนของความต้องการผ่านเนื้อผ้าของกางเกงขายาวที่สวมอยู่

“เป้ เดี๋ยว..”

ผมยังไม่ทันพูดจบก็ต้องครางออกมาเมื่อมือใหญ่ข้างหนึ่งล้วงเข้าไปใต้กางเกงของผมแล้วบีบสะโพกผมเต็มแรงขณะที่ลิ้นร้อนฉกเข้าที่กกหูอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

“ไม่ต้องห่วง รับรองว่าไม่ทำถึงที่สุด”

เสียงแหบต่ำที่บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหนทำเอาผมสะท้าน เป้ค่อยๆเลื่อนริมฝีปากร้อนไปตามแก้มและลำคอของผมพร้อมกับที่ปลดกระดุมเสื้อนอนเม็ดบนของผมไปเรื่อยแล้วก้มลงดูดเม้มที่บ่าอย่างแรงจนน่ากลัวว่าพรุ่งนี้จะมีรอย ขณะเดียวกันมือใหญ่ข้างหนึ่งก็รั้งขอบกางเกงนอนของผมลงแล้วลูบไล้แผ่วเบาที่ส่วนอ่อนไหวจนผมต้องจิกเล็บลงบนบ่ากว้างเพื่อระงับความรู้สึกไว้

ผมยกสะโพกให้เป้ได้รูดถอดกางเกงของผมได้ถนัดขึ้นแม้จะขลุกขลักอยู่สักหน่อยเพราะเรานอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน เป้ลุกขึ้นจัดการกับกางเกงและเสื้อของตัวเองก่อนจะนั่งลงคร่อมผมไว้แล้วลูบไล้ไปตามร่างกายผมที่ตอนนี้มีเพียงเสื้อนอนติดตัวอยู่ชิ้นเดียว มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อที่เหลือแล้วก็ดึงรั้งลงจนพ้นไหล่ผมแต่ไม่ยอมถอดออกจนสุด

“วิวเซ็กซี่ที่สุดเลยรู้มั้ย”

คำชมที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นพร่าพร้อมกับริมฝีปากที่จรดลงบนหัวไหล่ทำให้ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า เป้เป็นคนปากหวานเสมอแม้ระหว่างเวลาที่มีอะไรกัน แต่ถึงจะได้ยินไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งผมก็ยังรู้สึกดีเพราะคนพูดพูดออกมาจากใจจริง การกระทำทุกอย่างของเป้ตอกย้ำความรู้สึกที่มีให้ผมเสมอ

เป้ค่อยๆถอยร่างตัวเองออกแล้วใช้มือร้อนลูบไล้ไปมาบนต้นขาด้านในของผม ส่วนริมฝีปากก็คอยแต่จะคลอเคลียอยู่บนแผ่นอกของผมจนผมต้องเอามือสองข้างกดศีรษะของเป้ไว้และแอ่นกายขึ้นรับสัมผัสด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นร้อนที่เย้าแหย่บนตุ่มเนื้อทั้งสองบนหน้าอกและลากไล้ไปมาทำให้ผมหอบราวคนขาดอากาศหายใจ

“เป้...อ๊ะ”

ผมอุทานเมื่อคนเบื้องบนไล่ริมฝีปากต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องแบนราบขณะที่มือข้างหนึ่งก็ลูบไล้ต้นขาด้านในของผมโดยระวังไม่สัมผัสกับศูนย์รวมความปรารถนาที่เริ่มตื่นตัวมากขึ้นทุกที ผมเลื่อนมือข้างหนึ่งเข้าไปในเรือนผมลื่นมือของเป้ขณะแอ่นร่างตัวเองมากขึ้นเพื่อให้สัมผัสกับเรือนร่างแข็งแกร่งที่ทาบทับผมอยู่

“เด็กดื้อ อยากได้อะไรทำไมไม่บอกล่ะครับ”

คนป่วยที่เริ่มไม่เหมือนป่วยเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยนัยน์ตายั่วเย้าจนผมต้องมองกลับตาเขียวแม้จะรู้ดีว่าหน้าตาของตัวเองตอนนี้คงดูแล้วไม่น่ากลัวเท่าไหร่ บางทีก็นึกอยากแกล้งงอนคนตัวใหญ่นานๆดูบ้างโทษฐานที่รู้จักร่างกายผมดียิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก

“ว่าไง ไม่บอกเป้ก็ไม่รู้นะ”

ริมฝีปากร้อนของคนพูดประทับจูบบนท้องน้อยผมใกล้กับส่วนที่ต้องการให้สัมผัสจนผมสะดุ้งแล้วก็เม้มปากแน่น แม้จะรู้ตัวว่าถูกแกล้งแต่ความปรารถนาที่ต้องการระบายออกก็เรียกร้องให้ผมจริงใจกับตัวเอง

“อยาก...ให้เป้ทำให้”

“ก็แค่นั้นแหละ”

คนถูกขอยิ้มให้อย่างพอใจก่อนจะก้มลงแตะริมฝีปากที่ส่วนไวสัมผัสอย่างกะทันหันจนผมผวา มือสองข้างจิกลงบนผ้าปูที่นอนแน่นขณะที่เป้ใช้สองมือกดต้นขาผมไว้ไม่ให้กระตุกขึ้นเพราะความวาบหวามจากสัมผัสที่อีกฝ่ายบรรจงมอบให้

โพรงปากอุ่นร้อนปรนนิบัติความต้องการให้ผมอย่างเชี่ยวชาญด้วยความคุ้นชินในร่างกายของกันและกัน เป้รู้ว่าผมชอบให้ทำแบบไหนจากภาษากายที่แสดงออกถึงความพึงพอใจโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด จังหวะที่เริ่มจากช้าเอื่อยสลับกับรวดเร็วรุนแรงทำให้ผมเริ่มจะบังคับตัวเองไม่อยู่จนต้องร้องเตือนอีกฝ่ายเสียงพร่า

“เป้...ฮ้า...จะออกแล้ว”

“อือ”

คนถูกเตือนเพียงครางในลำคอ แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกถึงการสั่นของโพรงปากที่ครอบครองผมอยู่จนภายในท้องน้อยอุ่นวาบและร่างเกร็งกระตุกไปทั้งร่างเมื่อเป้ใช้มือข้างหนึ่งช่วยรูดรั้งจนอารมณ์ของผมพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดและแตกระเบิดออกอย่างควบคุมไม่ไหวอีกต่อไป

ผมล้มตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากกล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งร่าง เป้ยังคงใช้ปลายลิ้นร้อนเล็มไล้หยาดหยดขุ่นข้นที่ค้างอยู่บนร่างกายของผมจนหมด ร่างสูงเลื่อนตัวขึ้นมองผมที่มองกลับตาปรอยแล้วก็ก้มลงจูบบนริมฝีปากอย่างอ่อนโยนพลางจับแขนสองข้างที่อ่อนปวกเปียกของผมขึ้นคล้องคอตัวเองไว้ ผมกระสากลิ่นความต้องการของตัวเองที่ติดอยู่บนปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาในปากจางๆแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงหรือนึกรังเกียจ ก็สิ่งนี้คือหลักฐานที่แสดงถึงความพึงพอใจที่เป้มอบให้ผมนี่นา

เป้ล้มตัวลงนอนแล้วกอดผมเข้าไปแนบอก มือใหญ่ลูบหลังผมไปมาแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้นจนผมต้องผงกหัวขึ้นสบตาคนรักอย่างสงสัย

“ไม่เป็นไรหรอก เป้ทำให้วิวมีความสุขก็พอแล้วล่ะคืนนี้ สัญญาไว้แล้วนี่ว่าจะไม่ทำถึงที่สุด”

ผมเม้มปากแน่น รับรู้ได้ถึงร่างกายเบื้องล่างที่บดเบียดกับตัวเองอยู่ว่าอีกฝ่ายก็มีความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองเช่นกัน แต่เป้ไม่เคยขัดใจหรือบังคับผมสักครั้งถ้าเป็นเรื่องที่ผมขอร้อง หลายครั้งที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรน่าสนใจอย่างตัวเองถึงได้เป็นที่รักของคนที่เพียบพร้อมแบบนี้นัก

“งั้นวิวถือว่าเป้รักษาสัญญาแล้ว จากนี้จะให้รางวัลคนป่วยคืนแล้วกัน”

ผมพูดออกไปแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้า เป้เลิกคิ้วมองผมแต่แล้วก็ยิ้มให้จนผมต้องก้มลงขบที่จมูกโด่งๆนั่นอย่างมันเขี้ยว คนอะไรไม่สบายอยู่แท้ๆกลับทำตัวยั่วอารมณ์คนอื่นได้ไม่ต่างจากเวลาปกติเลย

ผมค่อยๆเลื่อนตัวลงซุกไซ้ตามลำคอและแผงอกแกร่งที่ไม่ว่าได้เห็นหรือจับต้องกี่ครั้งก็อดอิจฉาไม่ได้ เป้สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อผมครอบริมฝีปากลงไปบนติ่งเนื้อกลมเล็กบนหน้าอกข้างหนึ่ง ขณะที่มือผมไล้ต่ำลงไปกอบกุมที่ส่วนไวสัมผัสของอีกฝ่ายที่เริ่มพองขยายตามแรงที่ส่งผ่านไปจนคับแน่นเต็มมือ

ร่างสูงยันตัวบนข้อศอกขึ้นเมื่อผมถอยร่างตัวเองต่ำลงเรื่อยๆจนสายตาอยู่ระดับเดียวกับความต้องการที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของเรือนร่างแกร่งที่ยิ้มนัยน์ตาพราวมาให้ แล้วก็ก้มลงใช้ริมฝีปากปรนนิบัติให้คนป่วยเหมือนที่ตัวเองถูกทำให้เมื่อครู่

ผมรู้ว่าผมไม่ได้เก่งกาจอะไรเรื่องแบบนี้นักเพราะเป้เป็นคนแรกและคนเดียวที่ผมเคยมีประสบการณ์ลึกซึ้งด้วย แต่กระนั้นคนรักที่ไม่ค่อยปล่อยให้ผมเป็นฝ่ายต้องเหนื่อยก็ทำท่ายินดีทุกครั้งยามผมเสนอตัวเป็นคนเริ่มบ้าง ซึ่งนานครั้งเท่านั้นที่ผมจะยอมให้สักหนจนเราต่างรู้กัน ผมพยายามใช้ประสบการณ์ที่ได้จากเวลาที่อีกฝ่ายเป็นคนทำให้ตอบแทนให้กับเจ้าตัวเพื่อบอกให้รู้ว่าที่ผมยอมขนาดนี้เพราะผมมีความรู้สึกให้กับเป้มากแค่ไหน

“วิวครับ...อือ...ดีจัง...จะออกแล้ว”

เสียงบอกและหน้าท้องที่เกร็งขึ้นส่งสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังจะถึงที่สุดของความปรารถนาในไม่ช้า ผมจึงเร่งภารกิจที่ทำอยู่เพื่อให้อีกฝ่ายก้าวสู่จุดหมายเร็วขึ้น เป้ยื่นมือมากดศีรษะผมไม่แรงนักขณะที่ผมเลื่อนริมฝีปากตัวเองขึ้นลงตามจังหวะที่อีกฝ่ายนำให้

“ซื้ด..วิว...เป้รักวิวนะ”

สิ้นประโยคร่างของเป้ก็กระตุกก่อนผมจะรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งอารมณ์ที่คนรักปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรง ผมถอยตัวออกก่อนจะใช้ปลายนิ้วช่วยรีดเร้นความปรารถนาอุ่นข้นให้ล้นหลั่งออกมาจนสุด

อ้อมแขนแข็งแกร่งเลื่อนลงมาดึงตัวผมขึ้นไปจูบและลูบไล้แผ่นหลังที่ชื้นไปด้วยเหงื่อใต้เสื้อนอนที่ติดตัวอยู่อย่างหมิ่นเหม่ แล้วก็จูบหน้าผากผมเบาๆก่อนจะยิ้มแบบที่ทำให้ใจผมเต้นรัวเร็วขึ้นทั้งที่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้มาแล้วไม่รู้ต่อกี่ครั้ง

“แฟนเป้น่ารักที่สุดเลย”

ผมซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างด้วยความเขิน ทั้งที่ตอนที่ทำอะไรทะลึ่งๆไปเมื่อกี้ไม่รู้สึกอายเท่าไหร่ แต่พอโดนหยอดคำหวานเข้าทีไรเป็นไม่กล้ามองหน้าคนพูดทุกที

เรานั่งนิ่งในอ้อมกอดของกันและกันได้สักพักผมก็นึกขึ้นได้ว่าเป้ไม่สบายเลยรีบลุกจากเตียง แต่คนตัวใหญ่ดึงแขนผมรั้งไว้แล้วขมวดคิ้วใส่ “จะไปไหน?”

“ไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้น่ะสิ ถ้าเป้มาไข้กลับที่ห้องล่ะก็คราวนี้จะไม่ให้มาหาทั้งอาทิตย์จริงๆด้วย”

คนตัวใหญ่ยอมปล่อยมือแต่โดยดีพอได้ยินคำขู่ ผมรีบหยิบกางเกงนอนของตัวเองมาสวมให้เรียบร้อยเพราะขืนเดินไปเดินมาทั้งที่ยังกึ่งเปลือยแบบเมื่อครู่ไม่รู้คนป่วยที่มีแรงเหลือเฟือจะนึกขอให้ตามใจอะไรขึ้นมาอีก ผมทำความสะอาดร่างกายตัวเองในห้องน้ำอย่างรีบๆ แล้วก็คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอุ่นมาเช็ดคราบเหงื่อและคราบรักจากตัวของเป้จนสะอาดก่อนยื่นเสื้อผ้าให้ใส่ เป้ยิ้มตลอดเวลาที่ผมคอยดูแลจนชักนึกหมั่นไส้อยากไล่คนป่วยหน้าเป็นให้ไปนอนบนพื้นขึ้นมาตงิดๆ

ผมปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วก็ก้าวขึ้นนอนข้างคนตัวอุ่นที่ดึงผมไปโอบเอวไว้หลวมๆ อาจเพราะฤทธิ์ยาและความเหนื่อย ไม่นานร่างสูงก็หลับใหลจนผมได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ผมยกปลายนิ้วขึ้นลูบริมฝีปากบางที่ร้อนผ่าวของคนตรงหน้า แล้วจึงค่อยแตะริมฝีปากตัวเองประทับลงเบาๆโดยไม่ให้เจ้าตัวตื่นก่อนจะซุกหน้าลงพลางสอดแขนกอดคนตัวใหญ่ตอบ ไม่กล้าบอกความจริงต่อหน้าคนรักว่าที่จริงแล้วในอกรู้สึกเต็มตื้นแค่ไหนที่อีกฝ่ายฝืนขับรถมาหาทั้งที่ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ บางทีในใจลึกๆผมอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวโดยที่ตัวเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน

เป้ระบายลมหายใจยาวออกมาแล้วก็กอดรัดผมแน่นขึ้นเหมือนละเมอ ผมยิ้มก่อนจะเบียดตัวเองเข้าหาร่างอุ่นๆข้างกายแล้วก็หลับตาลง บางทีในดินแดนแห่งความฝันของเราสองคนคืนนี้อาจจะมีผมและเป้อยู่ในนั้นด้วยกันก็ได้กระมัง


++------++


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: muhan ที่ 04-12-2008 02:37:02
จิ้มก่อนเดี๊ยวมาอ่านนะคะ

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-12-2008 03:04:35
 :pighaun: รอบนี้ก็เสียเลือดอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 04-12-2008 04:47:12
คู่นี้น่ารักจริงๆ ความจริงอยากอ่านตอนพิเศษแบบ ตอนที่ทำงานแล้วมากกว่า อิๆ

โถ่ป้าจะเที่ยวแล้วก็ขอก่อนไปสักหลายๆตอนหน่อนนะ จะรอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 04-12-2008 08:01:05
โอ๊ยยย....เสียเลือดชุดเล็ก  :m25: :m25:

คราวหน้าเป้หายป่วย.....ขอชุดใหญ่นะค้าาาาาาาาาาาาาาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 04-12-2008 08:11:58
เป้น่าร้ากกกกกกกกกกกจังเลย นี่ขนาดป่วยนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 04-12-2008 08:58:34
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ในที่สุดวิวก็ตามใจคนป่วย

เยส!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 04-12-2008 09:41:19
ว่าแล้ว ต้นไผ่ ยังไม่ได้ชนท้ายกันซักที เพราะเพื่อนสาว มาเขียนเรื่อง โฮกกกกกกกก อยู่นี่เอง  :z1:

รอบนี้ เป้วิิว มาเข้ารับการฝึกอบรมวิธีปรนนิบัติคนป่วย เชิญทั้งคู่รับประกาศนียบัตรด้วยค่าาาาา  :jul3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 04-12-2008 10:01:22
เพิ่ง เข้ามาอ่านเรื่องนี้ 

ชอบ มาก เรยค่ะ

รอตอนต่อไป นะค่ะ

 :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: torto ที่ 04-12-2008 11:50:07
เพิ่งเข้ามาอ่านแต่ติดใจ เป้ - วิว มากเลย  อ่านยังไม่หมดเลย  แต่อ่านหน้า 8 ก่อน   น่ารักมากเลย  หื่นๆๆ หวานๆๆ  คนหื่นน่ะเป้  คนหวานก็ต้องเป็นวิว

อ่านแล้วรู้สึกถึงความรักที่มีให้กันนะ  คนรักกันก็แบบนี้แหละป่วยจะตายยังอยากสัมผัสคนรัก  แล้วจะติดตามต่อไปนะ  คงมาอัพอีกนะ :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 04-12-2008 12:40:21
คู่นี้ก็ยังหว๊าน หวานนนนนนนน ไม่สร่างจริง ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 04-12-2008 13:00:16
 :jul1:


หวานมากกกกกกกกกกเลย


อิจฉา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-12-2008 13:24:01
เสียเหงื่อแบบนี้ ไข้จะหายเร็วดีนักแหละๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 04-12-2008 16:42:55
เสียเลือดอีกแล้วววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 04-12-2008 19:17:04
นายเตรียมตัวเฝ้าไข้วิว ไว้ได้เลย อิอิ :กอด1:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-12-2008 19:22:40
 :mc4: บอกไว้แล้วว่าจะมาตอบเม้นต์วันนี้ จึงขอมาทักทายแฟนๆซะหน่อยก่อนจะแว้บหายไปหลายวันจ้า

<Ju!_Ju!>    คนสวยเขียนอะไรก็น่ารักนิ (โอ้ย ป้าไม่หลงตัวเองเท่าไหร่เล้ย 555)
newykung      รอบสองเหรอ เดี๋ยวถามตาอ๊อฟก่อนว่าพูดจริงรึเปล่านะ
palpouverny   ต้องขอบคุณแฟนเก่าอ๊อฟเพราะเป็นคนเปิดหูเปิดตาให้ ฮิๆ
moonlight    ถ้าไม่มีมุ้ยเรื่องนี้คงยืดเยื้ออีกยาวเลยจ้ะ
Jeremy_F  ตั้งและค้างขนาดนั้นเลย (หมายถึงลูกนัยน์ตาน่ะ ก๊าก)
Poes   เดี๋ยวไปขอจากเพื่อนมุ้ยให้ แต่หลังคนเขียนได้ดูครบทั้งคอลเลคชันก่อนนะจ๊ะ 555
น้ำค้าง   ใครก็ไม่รู้แชทมาบอกว่าอยากอ่าน เลยจัดให้ซะเลย
The Living Rive   อ๊อฟช่างรื้อช่างค้นจริงๆด้วย ว่าแล้วเดี๋ยวไปตามหาร้านข้าวต้มร้านนั้นก่อนนะเบ๊อะ
19NT    รีบแพคของ แล้ว???? อิๆ ไม่เคลียร์
pongsj    เฮ่อ ชักอิจฉาความน่ารักของตัวละครตัวเอง ก๊าก
dahlia    ช่วยกรี๊ดพี่อ๊อฟฟฟด้วยคน
nana   ซีดีไม่ต้อง ประสบการณ์และสัญชาตญาณสิแน่กว่า อะฮิ้ว
mist    ขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นไหนแล้วเอ่ย
Poes  แหม่ ถ้ากรุ๊ปบีเหมือนกันจะเจาะให้เลยนะเนี่ย
ltahset  +1 คืนให้เน้อ ขอให้สนุกกับเรื่องนี้นะจ๊ะ
muhan   ตามสบายจ้า
Poes   หวาย โมฯเสียเลือดบ่อยๆงี้เดี๋ยวใครจะดูแลบอร์ดละค้าบ ตัวเอ๊ง
newykung  อูย จะไปคืนนี้แล้ว ยังไงตอนพิเศษเป้-วิวช่วงทำงานแล้วจะเอาเก็บไว้เป็นการบ้านละกัน
BeePed   อ่า ถ้า BP จะขอเสียเลือดชุดใหญ่ยังไงอ่านตอน 6 ของพี่อ๊อฟกับน้องนะไปก่อนน้า แหะๆ
น้ำค้าง  FC เป้ตัวจริงนะจ๊ะน้ำค้างเนี่ย
19NT   ถ้าไม่ป่วยอยู่นะ อย่าหวัง...หึๆๆ
The Living Rive  อย่างนี้ต้องได้ประกาศนียบัตรพร้อมโล่และเหรียญเกียรติยศเลยนะเบ๊อะนะ
sakiko   ขอบคุณค่า ^^
torto  มาอัพอีกชัวร์จ้า แต่หลังคนเขียนกลับจากไปเที่ยวก่อนนิ
mist  ขอสารภาพความลับ จริงๆคนเขียนเป็นเบาหวาน ก๊ากกก
<Ju!_Ju!>   ฮี่ๆๆๆ คนข้างตัวเอก็มียังจะมาอิจฉาอีกเรอะ
pongsj    ช่ายเลย ถูกต้องนะคร้าบบบบ
palpouverny   อุ๊บ เลือดกระเซ็นโดนเสื้อเลอะเลย ฮิๆ
Jeremy_F  คิดเหมือนกันเลย วิวจะไม่ติดหวัดไหวเหรอเนี่ย


ตอบเม้นต์เรียบร้อยก็ขอแถลงแจ้งข่าวว่าป้าจะไปแอ่วลาวระหว่างวันที่ 5-10 ธค.นี้ เพราะงั้นระหว่างนี้ก็คงไม่ได้มาอัพตอนใหม่นะจ๊ะ (จริงๆก็อยากเขียนตอนพิเศษรับวันพ่อมาลง แต่ไม่ทัน นี่ก็ต้องรีบไปหมอชิตละ) ส่วนใครที่หยุดยาวนี้จะเดินทางเหมือนกันก็ขอให้เที่ยวให้สนุก เดินทางปลอดภัย แล้วกลับมาเจอกันใหม่หลังวันเกิดป้านะจ๊ะ (เกิด 10 ธค. วันรัฐธรรมนูญคับ ส่วนปีเกิดนี่ใครอ่านเรื่องยาวของป้าคงรู้ 55555)

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 04-12-2008 19:46:42
เที่ยวให้สนุกนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 04-12-2008 19:56:38
เที่ยวให้สนุกนะคับ   





 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 04-12-2008 20:04:48
จะน่ารักกันไปถึงไหน :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-12-2008 20:06:44
Poes   เดี๋ยวไปขอจากเพื่อนมุ้ยให้ แต่หลังคนเขียนได้ดูครบทั้งคอลเลคชันก่อนนะจ๊ะ 555
งั้นรีบไปขอแล้วรีบดูนะ หรือว่าเราจะมาดูพร้อมกัน  :z1:

Poes  แหม่ ถ้ากรุ๊ปบีเหมือนกันจะเจาะให้เลยนะเนี่ย
ถ้าเจาะของตัวเองมาให้เราแล้วตัวเองจะไหวหรอ  :-[ ใจดีจัง

Poes   หวาย โมฯเสียเลือดบ่อยๆงี้เดี๋ยวใครจะดูแลบอร์ดละค้าบ ตัวเอ๊ง
ไม่เป็นไรเราเลือดเยอะ ถ้าหมดจะไปดูดจากคนข้างๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 05-12-2008 19:56:00
ขอโทษด้วยจ้า bb มาอวยพรเพื่อนสาวไปแอ่วเมืองลาวช้าไปหน่อย

ไปไหนจ๊ะเนี่ย เวียงจันทน์ หลวงพระบาง หรือปากเซ

ยังไงก็เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ กลับมาก็มา โฮกกกกกกกกก กันต่อ คิกคิก


โฮกกกกกกกกกกก <<< เมื่อไหร่ต้นกับไผ่จะได้ทำมั่งเนี่ย  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 06-12-2008 00:28:50
แง่ๆ หนีเที่ยวอีกแล้ว เข้ามาบายๆไม่ทัน  :sad4: ข้าน้อยสมควรรับโทษ กระซิกๆ

เที่ยวให้สนุกนะครับ ไปอยู่ที่ไหนก็ขอให้เจอแต่เรื่องดีๆ

เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ โอมเพี้ยง!!!

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 06-12-2008 00:32:34
เพิ่งได้เข้าอ่านเรื่องนี้...สำนวนและเนื้อเรื่องน่ารักจริงๆด้วยค่ะ
เดี๋ยวจะแว้บไปตามหาเรื่องยาว..ว่าแต่แล้วเรื่องนั้นมันอยู่ไหนหนอ..แหะแหะ :m23:
ยังไงก็+เป็นกำลังใจคนไปเที่ยวต่างประเทศจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 06-12-2008 04:31:43
ขนาดป่วยนะเนี่ย :pighaun:

เดินทางปลอดภัย

เที่ยวให้สนุกนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 06-12-2008 16:35:57
ตามอ่านทันแล้วค่ะ

น่ารักกันมากมาย

ขอบคุณค่ะ

^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 09-12-2008 08:26:12
มารอค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 09-12-2008 12:08:24
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

จะรอฉากเสียตัว เอ้ย เสียเลือดต่อไป

ขอให้เที่ยวให้สนุกนะค่ะ

เดินทางปลอดภัยค่ะ

 :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 10-12-2008 00:22:05
 :HBD1:


มีความสุขมากๆนะคับ





ปล. แก่อีกปีแล้วเน้อ  :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 10-12-2008 00:33:17
เข้ามา HBD ท่านป้าาาา
มีความสุขมากๆๆเน้ออออ
แล้วก้อกลับมาต่อไวๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 10-12-2008 06:54:35
Happy Birthday นะจ๊ะ bb มีความสุขในวัยแซยิดมากๆนะจ๊ะ  :-[

ขอให้เดินทางกลับบ้านด้วยความปลอดภัย
หนีเที่ยวแล้วก็ลง ต้นไผ่ ลู่ลม เสียโดยดีและโดยดี

Happy Happy จ้ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 10-12-2008 09:50:52
:pig3: BIRTHDAY

มีความสุขมากๆ นะคะ

ขอให้มีความสุขกับการเขียนนิยายน้า..
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 10-12-2008 15:07:18
Happy Birthday

ด้วยคน?

555+

ขอให้สุขภาพแข็งแรง

แล้วก็มีความสุขมากๆนะคะ

^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 10-12-2008 15:26:07
HDB  ด้วยคน

:L2:

กลับมายังค่ะ   

รอตอนต่อ ไป ยุนร้า   :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอบเม้นต์+ประกาศลาเที่ยว (4/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: karenoo ที่ 10-12-2008 16:53:47
HBD ด้วยอีกคน  :HBD1:

ขอให้เที่ยวให้สนุกแล้วก็รีบๆ กลับมาเขียนตอนต่อไปนะจ๊ะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-12-2008 20:49:10
ซะบายดีบ่.... :3123:


เข้ามารายงานตัวว่ากลับมาจากไปแอ่วลาวแล้ว และขอขอบคุณคำอวยพรวันเกิดจากเพื่อนร่วมเล้าที่น่ารักทุกคนจ้า ไปลาวมาคราวนี้ประทับใจไม่อยากกลับมาทำงานเลย อยากหยุดยาวๆๆๆๆจะได้เที่ยวต่อ อิๆ

ทริปนี้เป็นทริปใหญ่ที่ไปกันทั้งหมด 7 คน มีผู้บ่าว 4 คน ผู้สาว 3 คือป้า เพื่อนอีกคนและแม่ของเพื่อน โชคดีว่าเพื่อนกับแม่เป็นคนอีสานเลยเว่าลาวกับคนที่นั่นได้สะดวก ป้าเองก็พยายามหัดพูดตามเขาสุดฤทธิ์ เริ่มๆจะอ่านภาษาลาวได้แล้วด้วย ถ้าอยู่ต่ออีกสักอาทิตย์คาดว่าจะนุ่งซิ่นไปเข้าเรียนกับเด็กๆที่นั่นได้เลย 555

ทริปนี้ได้ไปตะลุยลาวเหนือ วังเวียง (1 คืน) –หลวงพระบาง (3 คืน) –เวียงจันทน์ (1 คืน) แบบ backpacker  คือนั่งรถแทบทั้งทริปและไม่มีการจองหรือวางแผนอะไรล่วงหน้า ปรากฏว่าโชคดี ได้แต่ที่พักดีๆติดแม่น้ำตลอดในราคาไม่แพง อากาศก็หนาวกำลังดี เสียดายก็แต่ที่ตลาดมืดของที่ระลึกไม่ค่อยโดนใจเพราะเอามาจากจีนซะเยอะ เลยไม่ค่อยได้ใช้เงินจนมาหายไปกับชอกโกแลตและกาแฟลาวที่ดิวตี้ฟรีตรงด่านขากลับนั่นแล งานนี้คาดว่าน้ำหนักของสมาชิกร่วมทริปคงขึ้นไปหลายขีด (เพราะอืดเบียร์ลาว ฮิ้ววววว)

กลับมาแล้วเจอนิยายที่ติดตามอยู่อัพกันพรวดๆ คงต้องตามอ่านอีกหลายวัน ส่วนตอนใหม่ของป้าเองก็กำลัง in process อยู่ น่าจะได้มาลงเร็วๆนี้แหละนะคับ

คิดถึงทุกคนและขอบคุณสำหรับทุก +1 ระหว่างที่ป้าไม่อยู่ ขอ+คืนให้ทุกคนด้วยจ้า   :pig4:

(ปล. ไม่มีรูปแปะให้ดู เพราะรอรูปจากกล้องเพื่อนอยู่ กดกันไปพันกว่ารูป ยังไงได้รูปเมื่อไหร่จะเอาบรรยากาศสวยๆมาลงให้ดูกันนะ)

Happy วันหยุดรัฐธรรมนูญแก่ทุกคนจ้า   :really2:




หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 10-12-2008 20:56:43
จิ้มๆๆ คุงป้าาาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 11-12-2008 01:23:28
 :b:

ย้อนหลังนิดนึงนะค่ะ

คิดสิ่งใดขอให้สมหวังนะค่ะ

ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ

ปล.เบียร์ลาวอร่อยเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 11-12-2008 01:57:21
มาทักทาย ป้า อิๆ

ท่าทางทริปนี้สนุกดีจริงๆ พูดแล้วก็อยากเที่ยวบ้างจัง

พักนี้ไม่ว่างเลยงุงิ แล้วจะรออ่านต่อนะ ที่บอกว่าจะอัพพลวดๆ

ขอให้จริงๆเถอะเพี้ยง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 11-12-2008 08:43:15
ยินดีต้อนรับการกลับมาจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-12-2008 10:31:11
มา Happy Birthday ย้อนหลัง มีความสุขมากๆๆ นะคะ   :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 11-12-2008 11:21:27
เย้ กลับมาแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 11-12-2008 20:50:18
HDB ย้อนหลังนะจ๊ะ ขอให้ป้ามีความสุขมากๆ น่อ

ไปเที่ยวสนุกสนานสบายใจแล้ว อย่าลืมมาทำให้คนอ่านสนุกสนานสบายตาด้วยนะจ๊ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 11-12-2008 22:18:39

ต้อนรับกลับคับป้า
แล้วก็เบิร์ทเดย์ย้อนหลังด้วย
 :3123:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 12-12-2008 10:04:21
เบียร์ลาวอร่อยมะป้า

อยากกินมั่ง

อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 12-12-2008 14:08:26
 :L2:

ยินดีต้อนรับกลับจ้า


 :L2:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ซะบายดีบ่...ป้ากลับมาแล้วจ้า - 10/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 12-12-2008 14:11:37
BB กลับมาแล้วก็รีบมาต่อไวๆเลยนะจ๊ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (รายงานความคืบหน้าฉบับขำๆ - 12/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-12-2008 20:26:56
มาแชร์ให้อ่านเล่นๆ พอดีป้า subscribe คำทำนายชะตารายวันจาก astrocenter.com ไว้ วันไหนว่างก็อ่านไม่ว่างก็ไม่อ่าน ปรากฏว่าของวันนี้อ่านแล้วตรงเผงจนตัวเองงง   :jul3:

Your horoscope for December 12, 2008

You are likely aware of your writing abilities, but you may not realize just how talented you are. It would be worthwhile for you to consider devoting more time to honing your craft. You can't expect to improve much when your writing time is scattered in between other obligations. You need large blocks of uninterrupted time in order to really produce something of value. Why not give it a try, even if just for a week or so, to see what you are capable of.  


แปลสรุปคร่าวๆได้ว่า ป้าจะสามารถสร้างงานเขียนเป็นเรื่องเป็นราวได้ถ้าไม่มัวแต่ติดพันการงานประจำอยู่ ไม่เชื่อให้ลางานไปแต่งนิยายซักอาทิตย์ (ได้ข่าวว่าเพิ่งลาไปเที่ยว ก๊ากกกก จะให้ตรูโดนไล่ออกเรอะ) อ่านแล้วแบบ เออจริง เพราะกลับมาจากลาวปุ๊บนายโยนงานให้ปั๊บราวจะบอกอ้อมๆให้รู้ว่าคิดถึงม้ากมาก จริงๆนะตัวเอ๊ง แล้วเสาร์นี้นอกจากต้องมาทำงานตอนเช้าแล้ว ตอนเย็นยังมีนัดกับเพื่อนอีก สงสัยตอนต่อไปคงได้มาลงวันอาทิตย์ เนื่องจาก ณ ตอนนี้ป้าเพิ่งพิมพ์ได้ครึ่งตอนเองง่ะ  o22

ไงก็รออ่านกันหน่อยนะจ๊ะทุกคน คู่ของอ๊อฟ-นะใกล้จบแล้วแหละ (ตอนแรกกะว่าจะให้จบในสี่ถึงห้าตอนด้วยซ้ำ แต่โดนพิษน้องนะเข้าไปเลยออกมายาวกว่าที่คาด)  อีกไม่กี่ตอนคงจะได้ขึ้นเรื่องใหม่แล้วล่ะคับ

กลับบ้านละวันนี้ ขืนอยู่ออฟฟิศต่อเดี๋ยวโดนเมสเซจมาสั่งงานอีก รอบหน้ารับรองว่ามาพร้อมตอนใหม่จ้า   :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (รายงานความคืบหน้าฉบับขำๆ - 12/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 12-12-2008 20:39:44
โฮะๆ ท่าจะแม่นจริง เด่วต้องลองไปเข้าดูซะแล้วอะนะ

แหม ป้า จะจบคู่ น้องนะแล้วหรอ

อุตส่าหลงว่าป้าลืมว่าเป็นเรื่องสั้นจะได้อ่านยาวๆซะละ อิๆ

แล้วจะรออ่านต่อน๊า อะบวก 1 ให้ฐานขยันอัพข่าว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (รายงานความคืบหน้าฉบับขำๆ - 12/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 12-12-2008 22:43:48
 :กอด1:

^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (รายงานความคืบหน้าฉบับขำๆ - 12/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 13-12-2008 01:09:38

งั้นรออ่านวันอาทิตย์นะจ๊า
 :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (รายงานความคืบหน้าฉบับขำๆ - 12/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 13-12-2008 02:22:08
รออ่านค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (รายงานความคืบหน้าฉบับขำๆ - 12/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 13-12-2008 02:53:26
รอจ้า  :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (รายงานความคืบหน้าฉบับขำๆ - 12/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-12-2008 10:18:45
ป้าอยากได้ของฝากจากลาวอ่ะ ?
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-12-2008 20:50:09
ตอนที่ 7: เปิดตัว เปิดใจ

“ไงเป้ หายป่วยแล้วเหรอวะ”


ผมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะม้าหินที่เพื่อนผมนั่งกับแฟนประจำแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม คนถูกถามเพียงเหลือบตาขึ้นมองผมนิดหนึ่งก่อนจะก้มลงอ่านปึกซีร๊อกซ์เลคเชอร์ต่อ นานๆทีผมจะเห็นเพื่อนทำท่าสนใจการเรียนสักที แต่ปกติเป้ก็หัวดีอยู่แล้วไม่งั้นตอนเอ็นท์คงไม่ได้คะแนนอันดับต้นๆของคณะ

“สบายมาก ได้พยาบาลดีซะอย่าง”

น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ทำให้ผมกลอกตาเพราะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนพูดถึงใคร จะว่าไปตั้งแต่มาถึงผมยังไม่เห็นแฟนเพื่อนเลย

“วิวไปไหนล่ะ”

“ไปซื้อเครื่องเขียนที่ศูนย์หนังสือ เดี๋ยวคงมา”

“อ้อ”

ผมออกเสียงรับรู้ก่อนจะเปิดฝากระป๋องกาแฟเย็นขึ้นดื่มแล้วเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมมองเพื่อนที่ก้มอ่านเลคเชอร์อยู่แล้วก็ให้นึกสงสัยว่าวิวเล่าเรื่องผมกับนะให้เป้ฟังหรือยัง แล้วผมควรจะเปิดประเด็นตอนไหนดีเพราะยังไม่ได้ถามนะเลยว่าพร้อมจะให้ผมพามาแนะนำกับเพื่อนเมื่อไหร่

“มีอะไรที่กูควรจะรู้มั้ยอ๊อฟ”

คำถามที่ดังขึ้นตรงจังหวะกับความคิดในหัวทำเอาผมสะดุ้ง หรือว่าวิวจะเล่าไปแล้ว?

“เฮ่ย อยู่ๆก็ถามกันเลยเหรอ กูยังไม่ได้เตรียมใจเลยมึง”

เป้ละสายตาจากเลคเชอร์ขึ้นมองผมแล้วก็ขมวดคิ้ว

“ความจริงกูก็ตั้งใจจะบอกมึงเร็วๆนี้อยู่แล้วแหละ แต่ว่านะเค้าขี้อาย กูเลยยังไม่ได้ถามว่าเค้าพร้อมจะให้กูพามาแนะนำหรือยัง”

“เดี๋ยวนะอ๊อฟ กูแค่จะถามว่า FN331 อาจารย์สั่งงานวันที่กูหยุดรึเปล่า พอดีวิชานั้นวิวไม่ได้ลงด้วยเลยไม่รู้ แล้วนี่มึงพูดเรื่องอะไรของมึงเนี่ย”

เราสองคนเงียบไปแล้วก็มองหน้ากันอย่างงงๆ

“เดี๋ยวก่อนนะ นี่วิวยังไม่ได้เล่าให้มึงฟังเหรอ กูก็นึกว่ามึงถามเรื่องของนะซะอีก”

“นะไหน วิวยังไม่เห็นเล่าอะไรให้กูฟังเลย”

จบประโยคของเป้คนที่พูดถึงก็มาพอดี แฟนเพื่อนผมมองหน้าเราสองคนสลับกันไปมาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง

“วิวมาขัดจังหวะหรือเปล่า ทำไมทั้งสองคนทำหน้าแปลกๆ”

“วิว อ๊อฟมันมีความลับอะไรที่วิวรู้แล้วไม่บอกเป้ด้วยเหรอ”

วิวกระพริบตาแล้วก็หันมามองผม ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มก่อนจะหันกลับไปตอบแฟนตัวเอง

“อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเอง ก็วิวคิดว่าอ๊อฟคงอยากเล่าให้เป้ฟังเองมากกว่า ยังไงถ้ากำลังคุยกันเรื่องนี้อยู่แล้วก็ถามอ๊อฟไปเลยสิ”

“เฮ่ย...ตกลงวิวยังไม่ได้บอกเป้มันจริงๆอะ?”

คนถูกถามส่ายหน้า นัยน์ตาบ่งบอกว่าไม่ได้โกหกจริงๆ เป้เลยท้วงแฟนตัวเองเสียงงอนจนผมหมั่นไส้

“อะไรเนี่ย เดี๋ยวนี้มีเรื่องที่ไม่ยอมบอกเป้ด้วยเหรอครับ”

“ก็ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของอ๊อฟก็ต้องให้อ๊อฟเล่าเองสิ จะงอแงทำไม”

“ก็เกริ่นๆกันหน่อยก็ได้นี่”

ผมเริ่มเวียนหัวกับบทสนทนาที่วนไปมาเหมือนงูกินหางเลยรีบเบรกเสียเอง “ใจเย็นเป้ กูเข้าใจผิดเองที่นึกว่ามึงถามเรื่องนะ ไม่ต้องไปว่าวิวเลย”

“กูไม่ได้ว่าวิว กูแค่ทักขึ้นมาเฉยๆ”

เพื่อนผมหันมามองผมหน้าเครียด เป้เคยยอมเสียที่ไหนถ้าหากมีใครมาว่าแฟนตัวเองหรือหาว่าเป้ดูแลแฟนไม่ดี ผมเลยยกมือทำท่ายอมแพ้เพื่อตัดปัญหา

“ครับๆคุณชาย ผมผิดเองที่ใช้คำไม่ดูตาม้าตาเรือ ข้าน้อยสมควรตาย แค่นี้พอไหมครับ”

เป้ยังทำตาดุ แต่แล้วใบหน้าคมก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แบบคนที่รู้ความลับสุดยอดที่คนอื่นไม่รู้จนผมเริ่มระแวง

“แล้วตกลง หนุ่มน้อยหน้าใสที่มึงเดินจูงมือแถวป้ายรถเมล์เมื่อเช้านั่นใคร พอจะเล่าให้กูฟังได้มั้ยอ๊อฟ”

ผมอ้าปากค้าง แต่วิวกลั้นหัวเราะจนไหล่กระเพื่อม

“โทษทีนะอ๊อฟ เราไม่ได้เล่าเรื่องวันนั้นจริงๆนะ แต่พอดีเมื่อเช้าเป้ขับรถผ่านป้ายหน้ามหา’ลัยพวกเราเลยเห็นอ๊อฟกับน้องเค้าพร้อมกันเลย ยังไงเล่าให้เป้ฟังตอนนี้เลยก็ได้มั้ง”


++------++


สรุปแล้ว ตอนเย็นหลังเลิกเรียนวันนั้นผมก็นัดทานข้าวเย็นกับเป้และวิวพร้อมให้สัญญาว่าจะพานะมาแนะนำให้รู้จักจนได้ ตอนแรกคนตัวเล็กก็อิดออดอยู่บ้างหลังจากผมเล่าแผนการของช่วงเย็นให้ฟัง แต่พอได้รู้ว่าเพื่อนผมก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกันเลยยอมตกลงแต่โดยดี

ร้านอาหารที่พวกเรานัดกันเป็นร้านอาหารแนวอิตาเลียนฟิวชันเล็กๆซึ่งดัดแปลงจากบ้านเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ผนังรอบด้านที่กรุกระจกทำให้ร้านดูโปร่งและสบายตา เนื่องจากช่วงเย็นต่อหัวค่ำแบบนี้ยังไม่มีลูกค้าคนอื่น และพนักงานเสริฟที่มีไม่กี่คนก็อยู่ที่เคาน์เตอร์ด้านในกันหมดเพราะผมบอกไปว่าจะรอเพื่อนมาก่อนจึงจะสั่งอาหาร ทั้งร้านจึงเหมือนมีเพียงผมกับนะที่นั่งฟังเสียงดนตรีคลอเบาๆกันอยู่สองคน

พ่อหนูน้อยดูจะตื่นเต้นกับการจะได้พบเพื่อนผมจนนั่งยุกยิกอยู่ไม่สุขตลอดเวลา เดี๋ยวก็หยิบป้ายเมนูที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาพลิกอ่านแล้วอ่านอีก เดี๋ยวก็พับกระดาษทิชชูบนโต๊ะเล่นจนหมดแก้ว เดี๋ยวก็นั่งโยกเก้าอี้ ผมเลยตัดปัญหาด้วยการจับมือของคนที่นั่งข้างตัวขึ้นมากุมไว้ข้างหนึ่งเผื่อจะทำให้สงบลงได้บ้าง

“มานะเป็นอะไรครับ วันนี้ซนจังนะเรา”

นัยน์ตาหวานช้อนขึ้นมองผมแล้วก็ก้มลงมองแก้วชอกโกแลตเย็นของตัวเองพลางเอาหลอดคนไปเรื่อยๆแต่ไม่ได้ตอบ ผมเลยเหลือบขึ้นมองเข้าไปในร้านว่าพนักงานไม่ได้มองพวกผมอยู่ก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่มของคนข้างตัวเร็วๆ

“เอ้า ตกลงเป็นอะไรเนี่ย อย่าบอกนะว่าเครียดที่จะมาเจอเพื่อนพี่น่ะ”

คราวนี้คนโดนแหย่หันมาค้อนผมหน้าแดงก่อนจะสะบัดหน้าพรืด ผมมองแก้มป่องๆนั่นแล้วก็ต้องยิ้มขำเพราะดูแล้วมันเขี้ยวน่าจิ้มเล่นเป็นบ้า แต่ไม่รู้ถ้าทำเข้าจริงๆจะโดนโวยใส่หรือเปล่า
 
“ก็เพื่อนพี่อ๊อฟ แต่นะไม่ได้รู้จักเค้ามาก่อนนี่ ไม่รู้ว่าจะโดนมองแบบไหนนี่นา”

เสียงงอนๆของคนที่พูดโดยไม่ยอมหันมามองหน้าทำให้ผมอมยิ้ม

“อย่าไปกังวลสิ นะเป็นแบบนี้แหละดีแล้วรู้มั้ย”

ผมยกมือขึ้นบีบต้นคอเรียวด้านหลังเบาๆเผื่อจะช่วยให้นะผ่อนคลายลงบ้าง แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวทำท่าจั๊กกะจี้พลางย่นคอหนีจนผมต้องหัวเราะ ก็ถ้านะไม่เป็นแบบนี้มีเหรอผมจะหลงขนาดนี้ พอนึกถึงที่วิวเคยทักว่าดูไม่ออกว่าผมชอบสไตล์แบบนี้ก็ต้องเห็นด้วยขึ้นมา ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบคนท่าทางเด็กๆแบบนี้มาก่อนจริงๆน่ะแหละ

เสียงประตูเปิดทำให้ผมกับนะหันไปมองพร้อมกันแล้วก็พบว่าเป้กับวิวมาถึงร้านแล้ว พอคนตัวเล็กเห็นเพื่อนผมทั้งสองคนก็ขยับเก้าอี้มานั่งเบียดผมทันที

“โทษทีว่ะอ๊อฟ มัวไปเลื่อนรถอยู่เลยมาช้าไปหน่อย”

เป้เอ่ยขึ้นก่อนแล้วก็หันไปส่งสัญญาณขอเมนูจากพนักงาน วิวนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับนะ ท่าทางแฟนเพื่อนผมจะสังเกตอาการของคนข้างตัวผมออกเลยยิ้มให้ก่อนจะทักทายอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีครับ น้องนะใช่มั้ย ได้เจอกันซักทีเนอะ”

ผมกระทุ้งไหล่คนที่นั่งเบียดผมเบาๆ “นะครับ นี่พี่วิว เรียนอยู่คณะเดียวกับพี่ ส่วนคนนี้ชื่อพี่เป้ เป็นเพื่อนสนิทพี่ที่เอก”

“แล้วก็เป็นแฟนพี่วิวด้วยครับ”

เป้แนะนำตัวเองต่อแบบไม่ให้เสียจังหวะเลยโดนวิวมองเหล่แบบยิ้มๆ นะยกมือไหว้ทั้งสองคนแล้วก็ลดมือลงมาจับมือผมเหมือนเดิม พนักงานเสริฟเดินเข้ามาพร้อมเมนูเมื่อเห็นว่าพวกผมนั่งกันเรียบร้อยแล้วเราสี่คนเลยง่วนกับการสั่งอาหารอยู่ครู่หนึ่ง

ระหว่างนั่งรออาหารเป้นั่งกอดอกพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบคาง นัยน์ตาก็จับจ้องคนข้างตัวผมด้วยใบหน้าครุ่นคิด ผมเห็นนะเหลือบตาขึ้นมองเพื่อนผมแล้วก็ก้มหลบสายตาเป็นระยะจนวิวต้องทักขึ้นมา

“เป้ ทำไมไปจ้องน้องเค้าอย่างนั้นล่ะ เสียมารยาทนะ”

คนถูกทักหันไปมองหน้าแฟนตัวเองแล้วก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งรู้ตัว

“หือ? อ้อโทษที พอดีได้เห็นใกล้ๆแล้วรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยเจอกันมาก่อน นะเรียนจบมาจากที่ไหนครับ”

นะบอกชื่อโรงเรียนมัธยมที่จบมาซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกับผมที่ต่างจังหวัดแล้วเป้ก็ขมวดคิ้ว

“แปลกจัง แต่พี่ว่าพี่เคยเจอนะที่ไหนมาก่อนแน่ๆ”

“มึงเดินสวนนะที่มหา’ลัยเลยคุ้นหน้าหรือเปล่า ยังไงคณะพวกเราก็อยู่ใกล้ๆกัน”

ผมเสนอความเห็นเผื่อจะคลายข้อสงสัยได้ แต่เพื่อนผมก็ยังส่ายหน้า

“ไม่น่าใช่ ถ้าแค่เดินสวนกูไม่รู้สึกคุ้นงี้หรอก งั้นนะเคยไปซัมเมอร์หรือเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศหรือเปล่า”

คราวนี้คนที่นั่งเบียดผมอยู่สะดุ้งหน่อยๆ นะก้มหน้าตอบงึมงำเสียงเบาผมเลยพูดซ้ำให้ คราวนี้เป้ดีดนิ้วทำตาโต

“นึกออกแล้ว น้องมานะที่ไปแลกเปลี่ยนตอนม.ปลายรุ่นหลังพี่สองปีนี่เอง เคยเจอกันที่ค่ายปฐมนิเทศ มิน่าถึงได้คุ้นหน้า ตอนนั้นทำเพื่อนพี่ช้ำในเลยนะเรา”

เป้พูดแล้วก็หัวเราะขำ ผมกับวิวมองหน้ากันอย่างงงๆ ส่วนนะเปลี่ยนมาดึงชายเสื้อผมแล้วก้มหน้างุด แต่หน้าใสๆแดงก่ำไปถึงหูแล้ว

“ตอนนั้นมีอะไรเหรอ”

วิวถามขึ้นอย่างสงสัย เป้เลยหันไปมองแฟนตัวเองยิ้มๆก่อนจะพยักหน้ามาทางคนตัวเล็กข้างผม “ก็ปกติพวกเด็กแลกเปลี่ยนที่ได้ตอบรับแล้ว ทางโครงการจะจัดค่ายปฐมนิเทศให้โดยให้พวกศิษย์เก่ามาช่วยให้คำแนะนำ พอดีเป้เป็นประธานรุ่นก็เลยกลับไปช่วยดูด้วย ตอนนั้นมีเพื่อนคนนึงชื่อไอ้เบนซ์ มันชอบนะตั้งแต่เจอกันทีแรกเลยหาทางจีบทุกวิถีทาง เวลาเล่นเกมที่ต้องถึงเนื้อถึงตัวก็แต๊ะอั๋งน้องเค้าใหญ่แต่นะไม่เล่นด้วยสักที ทีนี้คืนสุดท้ายแต่ละกลุ่มต้องมีการแสดง เบนซ์มันก็ขึ้นไปร้องเพลงประกาศจีบน้องเค้าบนเวทีจนคนทั้งค่ายกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ แต่พอมันเดินลงมาปุ๊บนะก็ลุกไปบนเวทีแล้วคว้าไมค์มาประกาศว่าตัวเองมีแฟนแล้วแถมเท่ห์กว่าไอ้เบนซ์ร้อยเท่า เล่นเอามันหน้าแหกไปเลย” 

ผมอ้าปากค้างแล้วก็หันไปมองนะที่เหลือบตากลมโตและหน้าที่แดงก่ำขึ้นมองผมก่อนจะก้มหน้าลงไปใหม่ด้วยความเขิน คนขี้อายอย่างนี้น่ะเหรอจะกล้าทำอะไรแบบนั้น

“คนที่เข้าค่ายครั้งนั้นเห็นเหตุการณ์กันทุกคน ทุกวันนี้เรื่องนี้ก็ยังเป็นมุกที่รุ่นพี่เล่าให้รุ่นน้องฟังต่อๆกันอยู่เลย”

เป้พูดไปแล้วก็หัวเราะไป ผมเลยเอื้อมมือไปกอดไหล่คนตัวเล็กแล้วดึงเข้าหาตัวก่อนจะปรามเพื่อนเพราะแค่นี้ก็ท่าทางแฟนผมจะอายจนแทบมุดดินหนีแล้ว

“พอได้แล้วมึง ขุดคุ้ยซะแฟนกูเขินหมดแล้ว ตกลงกูพานะมาแนะนำนะโว้ยไม่ได้เอามาให้มึงเผา”

“ขอโทษที แต่นึกถึงแล้วมันอดไม่ได้จริงๆว่ะ น้องนะอย่าโกรธพี่นะครับ”

เจ้าเพื่อนตัวป่วนพูดแล้วยิ้มทะเล้นจนคนนั่งข้างๆต้องถองศอกเข้าที่เอว “พอได้แล้วเป้ นะไม่ต้องไปสนใจนะ พี่รับรองว่าถ้าพี่เป้ยังไม่เลิกพูดอีกเดี๋ยวเจอดีแน่”

ท้ายประโยคคนพูดหันไปทำตาดุใส่เพื่อนผม แต่เจ้าตัวกลับยิ้มตอบเหมือนไม่รู้สึกรู้สา

“โอเค ไม่พูดแล้วก็ได้ครับ เดี๋ยวคืนนี้โดนแฟนไล่ให้กลับไปนอนที่บ้านล่ะเซ็งแน่เลย”

ผมได้ยินเสียงกึกกักจากใต้โต๊ะ ไม่รู้ว่าสองคนตรงข้ามผมทำอะไรกันแต่วิวหันไปมองแฟนตัวเองตาเขียวทั้งที่หน้าแดง ส่วนเป้ก็ยิ้มหวานอ้อนแฟนตัวเองเหมือนลืมว่าพวกผมนั่งอยู่ด้วยจนผมต้องส่ายหน้า ตกลงนี่จะให้ผมพานะมาแนะนำหรือพามาดูพวกตัวเองสวีทกันแน่เนี่ย

หลังทานอาหารเย็นเสร็จพวกเราทั้งสี่คนไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะตรงป้อมเก่าริมแม่น้ำฆ่าเวลาต่ออีกนิดหน่อย สายลมอ่อนๆที่โชยมาหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วกำลังเย็นสบาย ตรงส่วนที่เป็นลานกว้างริมแม่น้ำมีคนมาออกกำลังกายและนักท่องเที่ยวนั่งพักผ่อนกันประปราย ผมค่อนข้างโล่งอกที่นะเข้ากับเพื่อนๆผมได้ดีแม้จะยังดูประหม่าอยู่บ้าง คงเพราะบุคลิกที่ดูคล้ายเด็กของเจ้าตัวทำให้ใครๆที่ได้รู้จักนะก็ให้ความเอ็นดูได้ไม่ยาก ผมมองนะที่ยิ้มแย้มเวลาคุยกับเพื่อนผมทั้งสองคนแล้วก็ต้องยิ้มตามไปด้วย เจ้าตัวจะรู้บ้างไหมนะว่าตัวเองมีเสน่ห์แค่ไหนทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรนอกจากการเป็นตัวของตัวเองเลย


++------++


“พี่อ๊อฟ งั้นขอนะอาบน้ำก่อนนะ”

“อื้อ”

ผมวางกุญแจห้องหลังตู้วางรองเท้าขณะที่คนตัวเล็กคว้าเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อตอนเย็นหลังพวกเราเดินเล่นกันจนได้เวลาสักพักเป้อาสาจะขับรถมาส่งผมกับนะ แต่ผมปฏิเสธเพราะถ้าเรียกแท็กซี่จากแถวป้อมจะกลับถึงหอผมได้เร็วกว่า แล้วอีกอย่างหอของวิวก็อยู่คนละทางกับผมด้วย

ผมเลื่อนบานหน้าต่างกระจกให้ลมเย็นภายนอกได้ผ่านเข้ามา ข้าวของส่วนใหญ่ของนะได้รับการขนย้ายมาห้องผมเกือบหมดแล้ว แต่เนื่องจากผมเองยังไม่มีเวลาเคลียร์ห้องตัวเอง ของบางอย่างของนะเลยยังต้องอยู่ในกล่องไปก่อน สงสัยช่วงปีใหม่คงได้มีโปรแกรมทำความสะอาดกันยาว

ผมหยิบกีตาร์มานั่งดีดเล่นฆ่าเวลาเพราะไม่นึกอยากดูโทรทัศน์ อยู่ดีๆก็นึกถึงเรื่องวีรกรรมของนะที่เป้เล่าให้ฟังขึ้นมา จะว่าไปก็น่าสงสารเจ้าคนชื่อเบนซ์ที่โดนนะหักอกต่อหน้าเพื่อนๆอยู่เหมือนกัน แต่พอนึกภาพที่คนตัวเล็กข่มความอายขึ้นไปพูดปฏิเสธออกไมค์บนเวทีแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ถึงตอนนั้นนะจะยังไม่น่ารักเท่าตอนนี้ แต่ก็โทษเจ้าเบนซ์นั่นไม่ได้หรอกที่จะมาหลงชอบ

ทว่าพอคิดถึงเรื่องที่นะประกาศออกไมค์ว่ามีแฟนที่เท่ห์กว่าหมอนั่นเป็นร้อยเท่าแล้วก็ให้นึกตะขิดตะขวงใจขึ้นมา  ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะโกรธคนในอดีตที่ได้คบกับนะช่วงที่ตัวเองไม่ได้สนใจอีกฝ่ายก็ตาม แต่ก็อดเคืองขึ้นมาไม่ได้ว่าไอ้หมอนั่นเป็นใคร  นะไปรู้จักด้วยตั้งแต่ตอนไหนและคบกันจนถึงเมื่อไหร่...

...แล้วทำไมผมจะต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องนี้ด้วย?

“พี่อ๊อฟเป็นอะไร ทำไมหน้าบึ้งเชียว”

ผมสะดุ้งเมื่อโดนนิ้วมือเย็นๆจิ้มเบาๆลงที่หน้าผาก พอเงยหน้าก็เห็นคนตัวเล็กที่ใส่ชุดนอนกางเกงขายาวมีผ้าขนหนูคล้องคออยู่ ผมที่ยังซับน้ำไม่หมาดเป็นปอยยุ่งมีหยดน้ำเกาะพราวไปทั้งหัว

“ไม่มีอะไรหรอก สระผมแล้วทำไมไม่เช็ดให้แห้งล่ะครับ มานั่งนี่มาเดี๋ยวพี่เช็ดให้”

ผมวางกีตาร์แล้วชี้ให้นะนั่งลงหันหลังพิงเตียง ส่วนตัวเองขยับไปนั่งขอบเตียงคร่อมหลังนะไว้จะได้เช็ดผมให้ได้ถนัด

เราสองคนนั่งเงียบกันไประหว่างที่ผมเอาผ้าขนหนูซับผมให้คนตัวเล็กจนอีกฝ่ายคงชักเริ่มแปลกใจเลยถามผมขึ้นอีก

“พี่อ๊อฟไม่ได้เป็นอะไรจริงๆนะ?”

“ทำไมถามงั้นล่ะ”

“ก็ตั้งแต่กลับมาห้องก็เงียบๆไป มีอะไรหรือเปล่า”

ผมหยุดมือที่ขยำผ้าขนหนูเช็ดผมให้คนตัวเล็กจนอีกฝ่ายหันมามองอย่างสงสัย พอเห็นตากลมโตไร้เดียงสานั่นแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะลงมือเช็ดผมให้ต่อ

“พี่แค่กำลังคิดว่า แฟนพี่น่ารักขนาดนี้ แฟนเก่าของนะคงเสียใจน่าดูที่ปล่อยนะไป”

“เห? แฟนเก่าของนะ? แฟนที่ไหน?”

เสียงถามอย่างงงๆของเจ้าตัวทำให้ผมขมวดคิ้วอีกรอบ

“อะไร เป็นเด็กเป็นเล็กก็เริ่มความจำไม่ดีแล้วเหรอ ก็ที่เป้เล่าให้ฟังเมื่อเย็นว่านะเคยหักอกเพื่อนมันเพราะมีแฟนอยู่แล้วไง”

คนตัวเล็กเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิด ครู่เดียวก็หันหน้ากลับมามองผมแล้วยิ้มจนตาหยี ร่างเล็กปีนขึ้นเตียงมานั่งกอดเอวผมไว้จนได้กลิ่นสบู่กับแชมพูที่เจ้าตัวใช้ลอยกรุ่นเข้าจมูก

“ทำไมล่ะ พี่อ๊อฟหึงเหรอ?”

คำถามจี้ใจดำแม่นยำซะจนผมรู้สึกร้อนที่หน้า นี่ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?!

“เปล่า!! เรื่องอะไรต้องหึง ก็แค่แฟนเก่าไม่ใช่เหรอ ถ้าจบกันแล้วก็จบไปสิ พี่แค่...คาใจ.... เอ้า! หึง!! ใช่ ยอมรับก็ได้ พี่หึงไอ้หมอนั่น!”

ผมพยายามพูดแก้ตัวรัวเร็วจนลิ้นแทบพันกัน แต่เพราะคนที่กอดเอวอยู่ส่งยิ้มให้แบบรู้ทัน สุดท้ายผมเลยตกม้าตายต้องยอมรับความจริงจนได้

นะยิ้มดีใจแล้วก็หอมแก้มผมโดยที่ไม่ปล่อยอ้อมแขนที่กอดเอวผมอยู่ พอโดนลูกอ้อนอย่างนี้ผมเลยต้องยอมแพ้ หันไปจูบผมหอมๆของคนตัวเล็กคืนแล้วก็กอดไหล่บางกลับ ถ้าคิดดูให้ดีผมไม่น่าจะต้องมาคิดมากกับเรื่องในอดีตแบบนี้เหมือนเด็กๆในเมื่อตัวเองก็เคยมีแฟนมาก่อน แต่สาเหตุที่ทำให้หงุดหงิดคงเพราะแฟนเก่าของนะดันเป็นผู้ชายเหมือนผมนี่แหละ

“ความจริงนะมีรูปเค้าเก็บไว้ด้วยนะ พี่อ๊อฟอยากดูมั้ย”

อารมณ์หวานๆเมื่อครู่แทบเหือดหายทันที ผมก้มมองคนในอ้อมแขนที่เงยหน้าขึ้นยิ้มให้แล้วก็รู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี นี่ผมโดนยั่วอยู่หรือเปล่าเนี่ย?

“ไม่เอาหรอก จะดูทำไม เดี๋ยวเห็นว่าคนเก่าเค้าเท่ห์กว่าแค่ไหนแล้วพี่เสียเซลฟ์ขึ้นมานะจะทำยังไง”

ผมปฏิเสธแล้วก็ดันคนตัวเล็กออกจากอกก่อนจะหันหนีไปอีกทาง รู้หรอกว่าตัวเองทำตัวไม่มีเหตุผล แต่พอโดนแกล้งมากๆเข้าก็ชักอยากทำตัวงี่เง่าขึ้นมาเหมือนกัน

ผมได้ยินเสียงนะขยับตัวลุกจากเตียงตามด้วยเสียงกุกกักจากด้านหลังเพราะคนตัวเล็กลงไปนั่งรื้ออัลบัมรูปจากกล่องตรงมุมห้อง ผมชำเลืองดูนิดหนึ่งแล้วก็รู้สึกเสียดแทงใจจนต้องหันหนีกับภาพคนหน้าหวานที่ยิ้มอย่างมีความสุขตอนเปิดเจออัลบัมที่ตัวเองหาอยู่

“ทั้งอัลบัมนี่รูปเค้าหมดเลย พี่อ๊อฟเปิดดูสิ”

ผมสะอึกเมื่อนะโถมตัวมากอดคอจากข้างหลังแล้วก็ยื่นอัลบัมมาให้ตรงหน้า ลมหายใจอุ่นจากคนตัวเล็กที่ระอยู่ข้างใบหูทำให้จั๊กจี้ ผมมองอัลบัมที่นะชูแกว่งไปมา รู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างเล็กที่แนบหลังตัวเองอยู่แล้วก็อดค้านเสียงอ่อนไม่ได้

“จำเป็นต้องดูด้วยเหรอ”

“ก็นะอยากให้พี่อ๊อฟดูนี่ ดูแค่รูปแรกก่อนก็ได้ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องดูที่เหลือ”

แค่รูปแรกรูปเดียวก็เกินจะพอแล้ว ผมจะไปชอบขี้หน้าคนที่เคยเป็นอดีตของแฟนตัวเองจนทนดูรูปหมดอัลบัมไหวได้ยังไง แต่คนตัวเล็กที่รบเร้าไม่หยุดทำให้ผมต้องยอมตามใจ
 
“เอ้า ดูก็ดู รูปเดียวก็พอนะ”

ผมรับอัลบัมมาถือไว้ในมือ อดหวั่นๆไม่ได้ว่าพอเห็นรูปแล้วจะเกิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนในรูปขึ้นมา รู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กกำลังลุ้นปฏิกิริยาผมด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อได้พลิกดูรูปแรกก็ต้องงงเพราะคนในรูปคือคนที่ผมรู้จักและคุ้นหน้าเป็นอย่างดี ผมรีบพลิกดูรูปอื่นๆจนหมดอัลบัมอย่างไม่อยากเชื่อสายตา คนตัวเล็กที่กอดคอผมอยู่หัวเราะคิกคัก

“ไหนบอกจะดูรูปเดียวไงพี่อ๊อฟ”

ทั้งอัลบัมอัดแน่นไปด้วยรูปเดี่ยวและรูปหมู่ของผมจากกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนสมัยเรียนอยู่ม.6 ทั้งรูปในชุดนักกีฬาตอนไปแข่งบาสกับโรงเรียนอื่น รูปตอนเป็นตัวแทนถือพานวันไหว้ครู รูปตอนงานแข่งกีฬาสีที่ผมเป็นประธานสี รูปตอนไปทัศนศึกษา รูปวันจบการศึกษาแล้วก็รูปปลีกย่อยอื่นๆที่ผมก็จำไม่ได้ว่าเคยโดนถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“หมายความว่าไงเนี่ย”

ผมหันไปถามพ่อหนูน้อยที่เกาะหลังตัวเองอยู่ด้วยความสงสัย ใจหนึ่งก็อดปลื้มไม่ได้ที่คนตัวเล็กเก็บอัลบัมที่มีแต่รูปของผมไว้เป็นอย่างดี อีกใจก็ยังตะขิดตะขวงใจว่าแล้วตกลงคนที่ผมเข้าใจว่าเป็นแฟนเก่าของนะคือใครกัน

คนตัวเล็กเลื่อนตัวจากหลังผมมานั่งข้างๆแทนแล้วก็หยิบอัลบัมไปพลิกดูเล่น

“ก็หมายความว่าพี่อ๊อฟก็คือแฟนคนแรกและคนเดียวที่นะเคยมีไง”

ผมมองหน้าด้านข้างของคนหน้าหวานที่ตอนนี้แก้มเป็นสีแดงระเรื่อและไม่ยอมหันมาสบตาผมแล้วก็ขมวดคิ้ว แต่แล้วพอเริ่มคิดลำดับความในหัวได้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ถึงบางอ้อ เลยฉุดคนตัวเล็กให้ล้มลงบนเตียงแล้วลุกขึ้นคร่อมทับก่อนจะตะโบมหอมแก้มพ่อหนูน้อยจอมเจ้าเล่ห์อย่างมันเขี้ยว

“เล่นงี้เลยนะเรา นี่ทึกทักให้พี่เป็นแฟนตั้งแต่ยังไม่ได้ตกลงกันเลยเหรอ”

คนโดนแกล้งหัวเราะเสียงใสทั้งที่พยายามดิ้นหนีผมไปด้วย ผมมองคนในอ้อมแขนที่หัวเราะจนหน้าแดงไปทั้งหน้าแล้วก็อดหัวเราะตามไม่ได้ ความรู้สึกหงุดหงิดใจเมื่อครู่ปลิวหายไปจนหมดเมื่อได้รู้ว่าคนที่ตัวเองนึกหึงหวงที่แท้ก็คือตัวเองนั่นเอง

ผมล้มตัวลงนอนตะแคงข้างคนตัวเล็กแล้วเท้าศอกพลางยื่นมือขึ้นปัดผมที่ลงมาปรกหน้าผากเนียนออกให้พ้นทาง นะยังคงนอนหงายท่าเดิมแต่นัยน์ตาหวานหลับลง มุมปากยังมีรอยยิ้มติดอยู่

“ตอนยังเรียนอยู่ม.ปลายพี่อ๊อฟก็ชอบลูบหัวนะแบบนี้เหมือนกัน”

ผมขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้หยุดมือที่ลูบผมนิ่มอยู่ นะลืมตาแล้วมองผมด้วยนัยน์ตากลมโตที่เป็นประกายสุกใส

“ตอนที่ย้ายโรงเรียนมาเมื่อตอนม. 4 ใหม่ๆนะเคยโดนแกล้งเพราะเป็นลูกอาจารย์แล้วก็ตัวเล็ก นะไม่เคยฟ้องแม่หรอกแต่อาจมีคนไปบอก เค้าเลยขอให้พี่อ๊อฟกับพี่มุ้ยมาช่วยดูแลเพราะเห็นว่าเป็นเด็กม. 6 คนอื่นคงไม่กล้ามายุ่ง ความจริงตอนแรกนะก็ไม่ค่อยชอบที่แม่ทำเหมือนนะดูแลตัวเองไม่ได้ แต่มีครั้งนึงนะโดนแกล้งขัดขาล้มในโรงอาหารจนเข่าแตกแล้วพี่อ๊อฟเข้ามาช่วยอุ้มพาไปห้องพยาบาล ตอนนั้นพี่อ๊อฟลูบหัวนะแล้วชมว่านะเก่งที่ไม่ร้องไห้ด้วยล่ะ”

ผมคงทำหน้าตาเหรอหราออกไปเพราะนะมองหน้าผมแล้วก็หัวเราะ แต่ผมจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เลยจริงๆ

“ตั้งแต่ตอนนั้นเวลาพวกเด็กเกเรเห็นนะอยู่กับพี่อ๊อฟก็ไม่กล้าเข้ามาแกล้งเพราะพี่อ๊อฟตัวโตแถมเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย ตอนแรกๆนะก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าพี่อ๊อฟเป็นรุ่นพี่ที่ดี แต่หลังได้เห็นว่ามีพวกผู้หญิงกรี๊ดพี่อ๊อฟกันเยอะแค่ไหนเลยทำให้เริ่มรู้ตัวว่าอิจฉาเวลาเห็นพวกนั้นขอถ่ายรูปคู่กับพี่อ๊อฟเวลาแข่งบาสหรือมีงานโรงเรียน”

“ที่เค้ากรี๊ดๆกันก็ไม่ใช่พี่คนเดียวซักหน่อย เพื่อนในทีมคนอื่นๆก็โดนเหมือนกันนั่นแหละ” ผมแย้ง เรื่องที่เด็กนักกีฬาจะมีเด็กสาวมาชื่นชมเป็นเรื่องปกติของทุกโรงเรียนอยู่แล้ว นะฟังแล้วก็ย่นจมูก

“ก็ตอนนั้นพี่อ๊อฟไม่ค่อยสนใจใครนี่ นะเคยเลียบๆเคียงๆถามแม่เพราะเค้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาพี่อ๊อฟใช่มั้ยล่ะ แม่บอกว่าครอบครัวของพี่อ๊อฟมีปัญหาอยู่แต่พี่อ๊อฟก็ยังตั้งใจเรียนกับทำกิจกรรม ไม่ทำตัวเป็นเด็กเกเร นะก็เลยยิ่งอยากอยู่ใกล้ๆพี่อ๊อฟมากขึ้นถึงจะโดนมองว่าเป็นแค่รุ่นน้องก็เถอะ พอพี่อ๊อฟเรียนจบออกไป เวลามีใครทำท่าจะเข้ามาจีบนะเลยบอกไปว่านะเป็นแฟนพี่อ๊อฟเพื่อตัดปัญหาซะเลย”

“อะไรนะ! ทำไมไม่เห็นมีใครเคยบอกพี่เลย”

“พี่อ๊อฟกับพี่มุ้ยไม่ค่อยกลับไปเยี่ยมบ้านเองนี่ แล้วเด็กโรงเรียนเราพอจบแล้วก็กระจัดกระจายกันไปหมด นะก็แปลกใจเหมือนกันแหละที่พี่อ๊อฟไม่รู้ แถมตอนเจอกันอีกครั้งยังจำนะไม่ได้อีกต่างหาก”

ท้ายประโยคคนตัวเล็กตวัดเสียงงอนๆจนผมต้องหัวเราะแล้วก็รั้งเอวบางเข้าหา “ไม่ยักรู้เลยนะเนี่ยว่าพี่ได้เป็นแฟนนะตั้งแต่ก่อนจะขอคบกับเราซะอีก”

“ใช่สิ ก็นะไม่เคยอยู่ในสายตานี่”

คนในอ้อมแขนแกล้งตัดพ้อ แต่นัยน์ตาที่ส่งยิ้มให้ทำให้ผมรู้ว่าคนตัวเล็กไม่ติดใจเรื่องที่ผมเคยจำตัวเองไม่ได้อีกแล้ว จะว่าไปถ้าผมโดนแบบเดียวกันก็คงโมโหเหมือนกันแหละ

“ตอนนี้ไม่เหมือนกัน มานะทำให้พี่มองคนอื่นไม่ได้แล้วรู้ตัวหรือเปล่า”

ใบหน้าหวานเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา ผมยอมรับว่าตัวเองโรคจิตหน่อยๆที่ชอบแกล้งให้แฟนตัวเองเขิน ก็มันแสดงให้เห็นว่าคนตัวเล็กชอบผมแค่ไหนนี่นา ผมก้มลงประทับริมฝีปากตัวเองกับริมฝีปากอิ่มแดงตรงหน้าเร็วๆแล้วถอยออกยิ้มให้

“นะยังไม่ง่วงนอนใช่มั้ยครับ”

“ก็ยัง...เอ๊ะ...พี่อ๊อฟ จะทำอะไร”

ท้ายประโยคเจ้าของคำถามเสียงขาดห้วงเมื่อผมเลื่อนมือเข้าไปลูบผิวเนื้อเนียนใต้เสื้อนอนแล้วก็ก้มลงสูดกลิ่นสบู่ที่ซอกคอขาวแรงๆ

“ก็เท้าความหลังกันเรียบร้อยแล้ว คราวนี้พี่จะได้ชดใช้โทษฐานที่ปล่อยให้นะเหงามาตลอดสองปีไง”

“ใครเหงา! พี่อ๊อฟหลงตัวเอง”

คนในอ้อมแขนแย้งผมเขินๆแต่ก็ไม่ได้ดิ้นหนีอย่างจริงจังนัก รู้ตัวมั่งมั้ยเนี่ยว่าทำแบบนี้แล้วยิ่งทำให้อยากกอดมากขึ้นไปอีก ถ้าไม่รักไม่หลงคนตัวเล็กคนนี้ก็ไม่รู้จะไปรักไปหลงใครอีกแล้ว

“เด็กดื้อ ปากแข็งด้วย งั้นคืนนี้พี่ต้องชดใช้หลายๆรอบจะได้ปากตรงกับใจซักที เตรียมตัวไว้เลยนะ”

++------++





หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-12-2008 20:55:13
^
^
^
^

จิ้มตัวเอง ลืมเตือนคนอ่านว่าระวังเบาหวานขึ้นกันอีกแล้ว แต่คงไม่เป็นไรหรอกเนาะ :laugh:

^^ คิดถึงคนอ่านทุกคน และขอบคุณสำหรับทุก+1 นะคับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: NT llSJs ที่ 14-12-2008 21:14:47
^
^
^
จิ้มป้า ทันป่าว


จิ้มทันด้วย เย้ เย้ เย้
อ่านตอน 7 จบแล้วค้าบ
พี่อ๊อฟกับน้องนะ น่ารักมากกกกกก หวานจนคนอ่านปลื้มมมมมมมมม
อยากได้แบบน้องนะสักคนอ่ะป้าจ๋า หาได้แถวไหนเอ่ย

ขอบคุณที่มาลงต่อนะคับ รออ่านเรื่องต่อไปด้วยความหวัง อิๆๆๆๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-12-2008 21:17:07
อ่านไปยิ้มไปอีกแล้ว ช่วงนี้มีแต่นิยายหวานๆ ช๊อบ ชอบ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 14-12-2008 21:19:58
ได้อ่านเรื่องหวานๆ น่ารักๆ ของทั้งสี่คน เป้วิว อ๊อฟนะ ก่อนไปนอน ชอบมากมาย :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 14-12-2008 21:51:59
 :กอด1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-12-2008 22:06:21
หวานเยิ้ม หยดย้อย
 :m3: :m3:

ของฝากปายเหรอป้า อับเรื่องของผมคราวหน้าจะเอามาฝากละกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 14-12-2008 23:47:49

 :m3: :m3:

หวานนนนนนนนนนน

ชอบบบบบบบบบบบ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 15-12-2008 00:13:47
เย้ๆๆ  :z2:   ในที่สุด  การอ่าน สปีตเต่า ของคนจ๋วย ก้อตามทันแล้ว

ทั้ง หว๊าน ....หวาน....  :-[  ทั้งเรียกเลือด    :jul1:

ตอนล่าสุด หวานน่ารักมั่กมัย.... แต่ ว่าตอนเช้า น้องนะจะลุกขึ้นมะน่อ คึคึ   :z1:

ขอตามอ่านด้วยคนคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 15-12-2008 01:10:21
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 15-12-2008 02:35:51
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

หวานขนาดนี้ ใกล้จบเต็มทีแล้วสิป้า กำลังหลงน้องนะเลยอิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 15-12-2008 03:46:41
สำลักความหวาน

อ่านไปยิ้มไป

นะน่ารัก :-[

 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 15-12-2008 04:04:59
ป้า ตอนนี้หวานมากกกก
สงสัยตอนหน้าคงจะได้ 
อะหึอะหึ แหงมๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 15-12-2008 08:35:13
กรี๊ดดดด หนูนะน่ารักจริงๆ :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 15-12-2008 10:40:51
ฮ่าๆ

คนขี้อายบางทีก้อทำอะไรที่เกินคาดเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 15-12-2008 15:09:51
จะติดตามต่อไปนะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-12-2008 15:35:02
อ๊ายยยยยย  ตอนนี้น่ารักกุ๊กกิ๊กมากมาย

อ่านไป ยิ้มไป เขิลลลลลลลล ไป 5555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ - 14/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-12-2008 20:39:54
เคยบอกใช่ม้าว่าจะเอารูปจากลาวมาฝาก ระหว่างตอนใหม่ยังไม่มาก็ดูวิวงามๆจากทริปลาวของป้าไปก่อนเน้อ ถ้ารูปสวยก็ขอยกเครดิตให้เพื่อนป้า เพราะงานนี้เป็นนางแบบอย่างเดียวคับ 5555

(http://photos-d.ak.fbcdn.net/photos-ak-snc1/v1353/175/89/580397846/n580397846_1071171_6501.jpg)
รูปประตูชัย สัญลักษณ์ของเวียงจันทร์และลาว เอามาลงรูปแรก แต่จริงๆเป็นที่สุดท้ายที่ได้แวะถ่ายรูปเพราะตอนไปถึงพอผ่านด่านที่หนองคายแล้วก็หารถตู้ตรงไปวังเวียงเลย รูปนี้มาแวะถ่ายวันกลับก็คือวันเกิดป้าพอดี


(http://photos-c.ak.fbcdn.net/photos-ak-snc1/v1353/175/89/580397846/n580397846_1071178_6090.jpg)
ส่วนนี่ สะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองที่วังเวียง เห็นแล้วนึกถึงสะพานไม้ที่ปาย อันนั้นเคยไปเมื่อสองปีที่แล้ว ไม่รู้ป่านนี้น้ำพัดไปยัง -*-

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 15-12-2008 21:03:18
^
^
^
จิ้มป้า

สะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองที่วังเวียง เห็นแล้วนึกถึงสะพานไม้ที่ปาย อันนั้นเคยไปเมื่อสองปีที่แล้ว ไม่รู้ป่านนี้น้ำพัดไปยัง -*-

ยังอยู่ดีป้า confirm
ตอนนี้อย่าไปเที่ยวเชียวนะ เพราะใครๆก็ไป"ปาย" คนเยอะอย่างกับเดินสยาม ไว้คนน้อย ๆ จะน่าไปมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: palpouverny ที่ 15-12-2008 21:41:42
ยังป้า ไปปายเมื่อปีที่แล้วยังไม่โดนพัด
เด๋วตอนปีใหม่ไปอีกรอบจะดูให้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 15-12-2008 21:46:45
เข้ามาดู รูป ทริป จากลาวค่ะ

พยามส่องๆ ไหนคะ นางแบบ  อิอิ

รูปนางแบบอยู่หนายยย  คึคึ   :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-12-2008 21:48:15
^
^
^

โอ้ว ขอบคุณทั้งสองคนค่าที่มารายงาน ป้าเคยไปเคาน์ดาวน์ที่ปายตอนเข้าปี 06 กับอีกทีเมื่อต้นปี 07 ขนาดไปห่างกันปีเดียวยังเห็นความเปลี่ยนแปลงเลย ตอนนี้คงยิ่งเปลี่ยนไปเยอะ แต่ก็อยากไปอีกนะ


มีรูปอีกหน่อยนิ ไปลาวแล้วจะไม่หิ้วเบียร์ลาวมาฝากได้อย่างไร ล่อเบียร์ดำซะเลย(แอบติดแขนนายแบบมาติ๊ดนึง จะว่าไปทำไมไม่มีเบียร์ไทยยี่ห้อไหนทำเบียร์ดำมั่งเนี่ย)
(http://photos-a.ak.fbcdn.net/photos-ak-snc1/v1353/175/89/580397846/n580397846_1071840_7771.jpg)


รูปต่อไป วิวภูเขาระหว่างทางจากวังเวียงไปหลวงพระบาง ประทับใจมากๆ ปกติชอบภูเขาอยู่แล้ว งานนี้ได้ดูเต็มอิ่มเลย
(http://photos-b.ak.fbcdn.net/photos-ak-snc1/v1353/175/89/580397846/n580397846_1071841_8052.jpg)

ส่วนอันนี้ บ้านทรงอนุรักษ์ที่หลวงพระบาง ทั้งเมืองมีแต่อาคารเก่าเพราะเค้ามีนโยบายห้ามสร้างอาคารพาณิชย์สมัยใหม่ ตอนกลางคืนเปิดไฟแล้วสวยดี
(http://photos-b.ak.fbcdn.net/photos-ak-snc1/v1353/175/89/580397846/n580397846_1071513_1507.jpg)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื&#
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-12-2008 21:58:47
อันนี้ สถานที่ขึ้นชื่อของหลวงพระบาง ไม่มาถือว่ามาไม่ถึง วัดเชียงทองที่อดีตเจ้ามหาชีวิตเป็นผู้สร้างเมื่อสี่ร้อยกว่าปีมาแล้ว (เค้าเรียกกษัตริย์เค้ากันว่าอย่างนั้นนะ)
(http://photos-g.ak.fbcdn.net/photos-ak-snc1/v1353/175/89/580397846/n580397846_1071454_2657.jpg)


รูปแม่น้ำโขงจากหน้าที่พักในหลวงพระบาง ดูในรูปไม่ค่อยใหญ่ แต่ของจริงกว้างมากๆๆ
(http://photos-f.ak.fbcdn.net/photos-ak-snc1/v1353/175/89/580397846/n580397846_1071509_355.jpg)


รูปป้าและผองเพื่อนตอนตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า คนตักบาตรต้องนั่งกับพื้น และทั้งชายหญิงต้องห่มสไบ ส่วนป้าคือคนไหนเดาเอาละกันนะก๊าบ(ปล.คนผมขาวๆนั่นแม่เพื่อนนะจ๊ะ ไม่ใช่ป้า)
(http://photos-b.ak.fbcdn.net/photos-ak-snc1/v1353/175/89/580397846/n580397846_1071457_3578.jpg)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 15-12-2008 22:06:18
ท่าทางอากาศคงเย็น...อยากไปมั่งจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื&#
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-12-2008 22:07:32
เอามาให้ดูยั่วเผื่อมีใครคิดอยากไปเที่ยวลาวบ้าง แนะนำว่าถ้ามีตังค์หน่อยก็บินตรงไปหลวงพระบางได้เลย หรือถ้าไม่ชอบนั่งรถยาวๆ ไปล่องเรือที่เชียงของมาจะสบายกว่าสำหรับคนที่อยากชมวิวแม่น้ำโขง หรือเป็นคนเมารถง่าย ทริปนี้เพื่อนป้าพานั่งรถตูดแฉะ แบบว่าประหยัดซำเหมาสุดๆ แต่ก็ชอบนะ อยากไปอีก คนลาวสุภาพน่ารักมาก ภาษาก็เข้าใจง่าย แต่ข้าวของก็ไม่ได้ถูกหรอกเน่อ ยังไงเรื่องอาหารการกินพี่ไทยก็ชนะขาดลอย  :really2:


ตอนใหม่ ตอนใหม่ มาเมื่อไหร่ดี แหะๆ มีแววว่าอาทิตย์นี้จะงานเข้าเยอะอีกแย้วววว  :z3:

ปล. ตอบคุณ patiharn เช้าๆกับค่ำๆจะอากาศเย็นสบายค่ะ แต่กลางวันแดดออกก็ต้องถอดแจ๊กเกตเหลือเสื้อยืดตัวเดียวอยู่ดี มันหนาวตอนนั่งรถสามล้อโต้ลมกันนี่ละ :D
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 15-12-2008 22:53:54
รูปเมืองลาวนี่สวยดีจัง ยังเป็นแบบเก่าๆ อยู่เลยนะ

น้องนะนี่มันน่าฟัดซะจริงๆ นะ น่ารักอะไรอย่างเงี้ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 16-12-2008 00:21:45

ติดใจลาวเหมือนกัน
รู้สึกว่าบ้านเมืองเขายังสวย
เคยไปแต่เวียงจันทน์
อยากไปหลวงพระบางมั่ง
ไว้ต้องหาโอกาสไปให้ได้เลย

ลป.ป้าบอกว่าไม่ใช่คนผมขาวๆ งั้นของเดาว่าป้าคือคนที่ทำผมมวย เสื้อแดงๆ นั่งตรงหัวแถวเห็นลิบๆ  :jul3:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 16-12-2008 04:02:25
เคยไปแต่เวียงจันทร์

ยังไม่เคยไปหลวงพระบาง

เพราะเค้าบอกว่านั่งรถไกลมาก

เห็นด้วยว่าของแพง โดยเฉพาะของกิน

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 16-12-2008 06:42:50
เห็นรูปแล้วอยากไปเที่ยวจัง
.
.
.
ว่าแต่ตอนนี้อ่านแล้ว....สดชื่นจัง
มีเพื่อนที่หวังดีและเข้าใจคนหัวอกเดียวกันเนี่ย..... ดีมากเลยล่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 16-12-2008 08:26:36
อิจฉาป้างะ แหมมีเวลาไปเที่ยวบ่อยๆ

ไว้ว่างๆจะลองไปดูเห็นรูปแล้วย๊ากอยากอิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-12-2008 09:59:07

ลป.ป้าบอกว่าไม่ใช่คนผมขาวๆ งั้นของเดาว่าป้าคือคนที่ทำผมมวย เสื้อแดงๆ นั่งตรงหัวแถวเห็นลิบๆ  :jul3:



ป๋อมแป๋มเอางั้นเลยเหรอ ถ้าเดาว่าเป็นคนนั้นจริงป้าคงต้องเปลี่ยนสรรพนามเป็นย่าแทน ก๊ากกกก   :m20:


เคยไปแต่เวียงจันทร์

ยังไม่เคยไปหลวงพระบาง

เพราะเค้าบอกว่านั่งรถไกลมาก

เห็นด้วยว่าของแพง โดยเฉพาะของกิน



นั่งรถไกลจริง(ป้านั่งวีไอพีบัสจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็สิบชั่วโมง) ของกินแพงจริง ดีว่าแม่ของเพื่อนหิ้วตะกร้าเสบียงไปเลยกันตายไปได้หลายมื้อ การมีผู้ใหญ่ไปด้วยช่วยได้มากเหมือนกัน อิๆ


อิจฉาป้างะ แหมมีเวลาไปเที่ยวบ่อยๆ

ไว้ว่างๆจะลองไปดูเห็นรูปแล้วย๊ากอยากอิๆ

ถ้ามีโอกาสและมีงบไปเลยจ้า หนับหนุนๆ ถ้าพาเพื่อนที่เข้าใจภาษาอีสานเหนือไปด้วยก็ดี จะได้คุยกับคนที่นั่นง่ายขึ้น


เห็นรูปแล้วอยากไปเที่ยวจัง
.
.
.
ว่าแต่ตอนนี้อ่านแล้ว....สดชื่นจัง
มีเพื่อนที่หวังดีและเข้าใจคนหัวอกเดียวกันเนี่ย..... ดีมากเลยล่ะ  :impress2:

^
^
เห็นด้วยสุดๆคับ BP   :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 16-12-2008 10:56:14
น้องนะ น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 16-12-2008 13:34:37
ไปมั่ง ไปมั่ง จดๆๆๆ หลวงพระบาง เดี๋ยวแลกตั๋วเครื่องบินฟรีไปเที่ยวบ้าง

ภาพสวยมากนะจ๊ะ bb แต่อย่ากระนั้นเลย ตอนใหม่ของ ต้นไผ่ กิมจิ ดองได้ที่แล้วนะ  :jul3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 16-12-2008 15:20:42
 เคยแต่ข้ามฟากไปหน่อยเดียวเอง
ไม่ค่อยได้เห็นอะไรเท่าไหร่ แหะๆ  อยากไปหลวงพระบางมั่งจัง  :impress2:
น่าไปเที่ยวโนะ  ขอบคุณ สำหรับภาพจ๋วยๆค่า
แต่ ทายม่าถูก คนไหนป้าเคอะ อิอิ   :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 17-12-2008 02:31:01
คิดถึงป้านะครับ กอดหมับ  :กอด1:

ต้องหาเวลาไปเที่ยวบ้างแล้ว หลวงพระบาง

ขอบคุณที่เอารูปมาฝากสวยจัง มรดกโลก

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 17-12-2008 03:28:15
มาตอบเม้นแต่ไม่มีตอนใหม่มา :z3:

นั่งรถไกลจริง(ป้านั่งวีไอพีบัสจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็สิบชั่วโมง) ของกินแพงจริง ดีว่าแม่ของเพื่อนหิ้วตะกร้าเสบียงไปเลยกันตายไปได้หลายมื้อ การมีผู้ใหญ่ไปด้วยช่วยได้มากเหมือนกัน อิๆ

ตอนนั่งรถไปหลวงพระบางต้องใช้passportป่าวอะค่ะ

ตอนเราไปเราจะเช่ารถตู้ข้ามไปเค้าบอกต้องใช้passport

พอดีมีคนไม่ได้เอาไป เลยไม่ได้ข้ามไป

:กอด1:


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-12-2008 09:23:31
^
^
^

ไม่รู้ว่าแสงจันทร์จะข้ามไปหลวงพระบางจากทางไหน พอดีเราไปข้ามด่านที่หนองคายก็ต้องใช้ค่ะ คิดว่าพกไปด้วยน่าจะเซฟที่สุดนะ ทริปนี้ป้าไปกับเพื่อนแบบก่งก๊ง ไม่ค่อยได้หาข้อมูลไปก่อนเท่าไหร่ โชคดีว่ามีเวลาหลายวันเลยได้ดูอะไรเยอะ

ส่วนตอนใหม่ กำลังเบ่งอยู่เน้อ แหะๆ   :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-12-2008 10:22:00
เบียร์ดำรสชาติเป็นไงมั้งค่ะ แรงมั้ย :sad4:

ชอบภาพ บ้านทรงอนุรักษ์  แสงสวยมากๆๆ  เขาทำเป็นร้านอะไรหรือเปล่าค่ะ น่าเอามาทำเป็นพวกแกลอรี่นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 17-12-2008 12:04:43
วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

น่าไปเที่ยวมากมายค่ะ

ขอบคุณที่โพสรูปมาให้ดูนะคะ

อยากกินเบียร์เลยอันดับแรก  หุหุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-12-2008 19:07:26
เบียร์ดำรสชาติเป็นไงมั้งค่ะ แรงมั้ย :sad4:

ชอบภาพ บ้านทรงอนุรักษ์  แสงสวยมากๆๆ  เขาทำเป็นร้านอะไรหรือเปล่าค่ะ น่าเอามาทำเป็นพวกแกลอรี่นะเนี่ย

เบียร์ดำมันจะมีกลิ่นไหม้ๆหน่อยๆ เพราะรู้สึกเค้าเอาไปหมักในถังไม้ที่เผาไว้ หรืออะไรประมาณนี้ เพื่อนป้าชอบ บอกหอมดี แต่พอดีป้าชอบแบบธรรมดามากกว่าอะจ้า ส่วนบ้านนั้น คาดว่าชั้นล่างจะเป็นเอเจนซี่ทัวร์หรืออะไรสักอย่างนะ

วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

น่าไปเที่ยวมากมายค่ะ

ขอบคุณที่โพสรูปมาให้ดูนะคะ

อยากกินเบียร์เลยอันดับแรก  หุหุ


ถ้าไปนั่นได้กินแน่ๆคับ เพราะราคาไม่แพงกว่าน้ำเปล่าเท่าไหร่ วันๆไม่รู้ซัดกันไปกี่กระป๋อง ใครแฟนเบียร์สิงห์หรือเบียร์ช้าง ที่นั่นหาไม่ได้เจ้าค่ะ เค้าปกป้องเบียร์ตัวเองได้ดีมาก ปลื้มใจแทนคนลาวนะ  :really2:

ว่าแต่ กระทู้นิยายกำลังจะกลายพันธุ์เป็นกระทู้นำเที่ยวไปแย้ว ก๊าก  :pigha2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-12-2008 19:15:02
มารอตอนใหม่  :z2: รีบเบ่งนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ตอนที่ 7 เปิดตัว เปิดใจ + รูปจากทริปลาว 15/12/08
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 18-12-2008 11:22:35
 :serius2:
อยากไปเที่ยวบ้างจัง




ตอนต่อไปอย่าลืมนะคับทั้งเรื่องนี้และเรื่องนู้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-12-2008 23:48:49
^
^
^
จิ้มเอ คิดถึงเน้อ และคิดถึงนักอ่านที่น่ารักทุกคนด้วยจ้า แม้ไม่เอ่ยนามแต่เอาเป็นว่าเรารู้กันเนอะ  :L1:

สัปดาห์นี้งานยุ่งตลอดไม่มีเวลาพิมพ์ตอนต่อแบบเต็มๆเลย มาเปิดคอมดูปรากฏว่ามีตอนพิเศษที่พิมพ์ไว้กะลงเมื่อตอนวันพ่อ แต่เนื่องจากต้องรีบแว้บไปเที่ยวเลยเขียนทิ้งไว้แบบรีบๆ แต่ว่าตอนนี้รีไรท์ใหม่ให้เรียบร้อยแล้ว แม้จะเลยวันพ่อมาหลายวันแล้ว แต่หวังว่าคนอ่านจะเอ็นจอยตอนนี้เหมือนตอนอื่นๆนะจ๊ะ


++------++


ตอนพิเศษ: คำแนะนำของพ่อ

เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นจากแท่นชาร์จข้างเตียงปลุกผมให้หรี่ตาขึ้นดูนาฬิกาอย่างงัวเงีย ปรกติเวลานี้เป็นเวลาที่ผมต้องอยู่ที่มหา'ลัยแล้ว แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสำคัญของปีซึ่งต่อกับวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี แถมคนตัวเล็กที่เป็นแฟนผมก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปตั้งแต่เมื่อคืนก่อน ผมเลยตั้งใจว่าจะนอนให้เต็มอิ่มหลังอ่านหนังสือจนดึกดื่นติดต่อกันมาหลายคืนเสียที

ผมหลับตาลงใหม่แล้วหยิบหมอนใบเล็กขึ้นปิดหู หวังว่าใครก็ตามที่โทรมาจะวางสายไปเอง ทว่าปลายสายดูจะไม่ยอมให้ผมกลับไปนอนต่อง่ายๆเพราะเสียงโทรศัพท์ยังร้องดังไม่หยุดจนผมต้องยอมแพ้กับความพยายามของคนโทร

“ใครวะ...ยิ่งง่วงๆอยู่”

ผมเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดรับโดยไม่ทันดูชื่อว่าเป็นหมายเลขของใครด้วยซ้ำแล้วหลับตาลง จะใครก็ตามรีบๆคุยให้เสร็จแล้วปิดโทรศัพท์หนีจะได้นอนต่อดีกว่า

“...อ๊อฟ? อ๊อฟรึเปล่า?”

ผมขมวดคิ้วกับเสียงคุ้นหูแล้วก็ยกมือถือขึ้นดูชื่อคนโทรเข้าก่อนจะตอบรับเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร

“หวัดดีพี่อิม ไม่ได้คุยกันตั้งนาน”

“หยุดยาวสามวันนี้ไม่กลับมาบ้านเหรอ นี่พี่อุตส่าห์แลกเวรกับเพื่อนจะได้กลับมาเยี่ยมแม่เลยนะ”

ผมเสยผมแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง พี่สาวโทรหาทั้งทีจะไม่คุยด้วยก็เสียมารยาทไปหน่อย ตั้งแต่พี่อิมย้ายไปทำงานเป็นหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือและผมเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯเราก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านตรงกันเท่าไหร่

“ขี้เกียจอะพี่อิม แล้วเมื่อตอนปิดเทอมคราวที่แล้วก็กลับไปอยู่บ้านยาวมาทีนึงแล้ว แม่เค้าคงไม่คิดถึงอ๊อฟมากเท่าพี่อิมหรอก”

คนปลายสายหัวเราะกับประโยคแสร้งทำเป็นงอนของผม “ยังไงอ๊อฟก็ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนะ ถึงแม่เค้าจะไม่พูดแต่เค้าก็ต้องอยากเห็นหน้าอยู่แล้วล่ะ”

“ที่จริงก็ตั้งใจจะกลับบ้านหลังสอบมิดเทอมเสร็จนะพี่อิม ว่าแต่เมื่อไหร่พี่จะแต่งงานซะทีเนี่ย ยังคบกับสารวัตรคนนั้นอยู่รึเปล่า”

“อุ้ย พี่ธัญเค้ายังไม่ได้ขอเลย สงสัยต้องรอให้แกได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กำกับก่อนมั้ง”

ผมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสดชื่นของพี่สาว เพราะตั้งแต่พี่ผมเลิกกับแฟนเก่าที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเนื่องจากฝ่ายชายถูกที่บ้านคลุมถุงชนเมื่อสี่ปีก่อนพี่ก็ไม่ร่าเริงอีกเลย จนกระทั่งได้พบแฟนใหม่คนนี้ที่มาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลของพี่หลังการปะทะกับผู้ร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเมื่อสองปีก่อน ใครๆที่ได้ฟังเรื่องราวการพบกันครั้งแรกของพี่อิมกับพี่ธัญก็บอกว่าเหมือนเรื่องในนิยายกันทั้งนั้น โชคดีที่ถึงแม้คนรอบตัวจะตักเตือนว่าชายในเครื่องแบบไม่น่าไว้ใจ แต่พี่ธัญก็ไม่เคยทำตัวเจ้าออกนอกลู่นอกทางให้เห็น แถมยังแสดงความจริงใจด้วยการตามจีบพี่อิมอยู่หนึ่งปีเต็มๆกว่าพี่สาวผมจะยอมตกลงคบด้วย

“ยังไงปีใหม่พี่จะหาโอกาสชวนพี่ธัญมาเยี่ยมด้วยแล้วกัน ว่าแต่อ๊อฟมีแฟนใหม่รึยัง ตั้งแต่เลิกกับคนก่อนก็เป็นโสดมานานแล้วนะ”

ผมหันไปมองรูปถ่ายคู่กันของผมกับแฟนตัวเองที่ใส่กรอบตั้งอยู่บนโต๊ะหนังสือแล้วก็ยิ้ม “ว่าไงดี ก็มีแล้วแหละพี่ ทั้งขี้งอนทั้งขี้อ้อนจนผมปวดหัวบ่อยๆเลยแหละ”

“อื้อหือ ฟังดูแล้วน่าจะน่ารักนะ ยังไงส่งรูปมาให้ดูหรือพามาแนะนำกับแม่เค้ามั่งสิ”

ผมหัวเราะแห้งๆ ชักเริ่มกังวลขึ้นมาว่าถ้าพาคนตัวเล็กหน้าหวานไปแนะนำกับสมาชิกครอบครัวจะเป็นยังไง

“ถ้าเค้าพร้อมผมจะพาไปแล้วกันพี่อิม ว่าแต่นี่แม่ไม่อยู่บ้านเหรอ”

“ขานั้นออกไปบ้านเพื่อนตั้งแต่เช้าแล้ว เย็นๆโน่นมั้งคงกลับ ว่าแต่อ๊อฟได้โทรหาพ่อหรือยัง”

พอโดนพี่สาวทักผมก็เหลือบมองนาฬิกาแล้วคำนวณเวลาในใจ “ตอนนี้พ่อคงหลับอยู่มั้งพี่อิม เดี๋ยวเย็นๆค่อยโทรดีกว่า นี่พี่อิมโทรไปแล้วเหรอ”

“ยังเลย พี่ก็ว่าจะโทรหาตอนดึกๆเหมือนกัน จะว่าไปก็คิดถึงพ่อนะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”

“นั่นสิ ยังไงพี่อิมแต่งงานแล้วไปฮันนีมูนที่โน่นสิจะได้ไปเยี่ยมพ่อ รับรองได้ซองช่วยเป็นดอลลาร์เต็มซองแน่”

พี่ผมหัวเราะแล้วเราก็คุยอะไรกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย พอมองนาฬิกาอีกทีก็อดจะชื่นชมตัวเองไม่ได้ที่หลับได้มาราธอนขนาดนี้เพราะเลยเวลาอาหารกลางวันไปนานแล้ว

ผมล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็หอบเสื้อผ้าส่วนของผมกับคนร่วมห้องใส่ตะกร้าลงไปซักที่ตู้หยอดเหรียญด้านล่าง พอกลับขึ้นมาบนห้องอีกทีก็เสียบสายกระติกน้ำร้อนสำหรับต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นมื้อกลางวัน ระหว่างกินบะหมี่ก็เริ่มจะคิดถึงคนตัวเล็กขึ้นมาทั้งที่เพิ่งห่างกันได้ไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำ

ผมหยิบโทรศัพท์มากดหาเบอร์ของคนที่กำลังคิดถึงแล้วก็ชั่งใจ ใจหนึ่งก็อยากได้ยินเสียง แต่พอคิดได้ว่าวันนี้น่าจะเป็นวันที่แฟนของตัวเองได้ใช้เวลากับครอบครัวที่บ้านอย่างเต็มที่ก็ตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงบนเตียงเหมือนเดิม ยังไงค่ำๆค่อยโทรหาคงไม่เป็นไร

ผมกลับลงไปเอาเสื้อผ้าที่อบแห้งแล้วขึ้นมาบนห้องแล้วก็นั่งพับผ้าไปดูหนังจากช่องเคเบิ้ลรอเวลาไป พอกะว่าน่าจะได้เวลาที่คนที่ตั้งใจจะโทรหาตื่นแล้วก็หยิบนามบัตรที่มีเบอร์โทรพร้อมรหัสประเทศยาวเหยียดมาดูก่อนจะกดต่อสาย

“Hello?  Dan speaking.”

“ฮัลโหล นี่อ๊อฟเองนะ หวัดดีครับพ่อ”

ปลายสายทำเสียงอุทานตกใจแบบที่พวกฝรั่งชอบทำกัน แต่ผมชินแล้วเพราะพ่อผมไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่หลังหย่าขาดจากแม่ไม่นานทำให้ติดนิสัยแบบชาวตะวันตกมาหลายอย่าง แถมเมื่อปีที่แล้วพ่อยังเพิ่งแต่งงานกับสาวผมทองที่โน่นอีกต่างหาก

“ไงอ๊อฟ! ไม่ได้คุยกันตั้งนานแน่ะ สบายดีมั้ยไอ้ลูกชาย”

“ก็ดีครับ ตอนนี้อ๊อฟเรียนปีสามแล้วนะพ่อ อีกปีกว่าก็จบแล้ว”

“เออดีๆ ปีสามแล้วเหรอเนี่ย เวลาผ่านไปเร็วจริงแฮะ แล้วที่บ้านเป็นไงมั่ง”

“พี่อิมกับแม่ก็สบายดี เมื่อเช้าเพิ่งถามพี่อิมไปว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ แต่เค้าบอกว่าท่านสารวัตรยังไม่ขอเลยยังไม่รู้”

“อุวะ! อย่างงี้มันต้องให้พ่อคุยเองซะแล้ว อ๊อฟไปสืบหาเบอร์ของไอ้หมอนั่นมาเดี๋ยวพ่อโทรไปจัดการเอง”

“อย่าเลยพ่อ แทนที่จะดีกลับกลายเป็นว่าเค้าจะแหยงเอาซะมากกว่า”

เราหัวเราะให้กัน ผมถามถึงสภาพอากาศกับครอบครัวใหม่ของพ่อว่าเป็นยังไงบ้าง แล้วพ่อก็วกถามเรื่องผมอีกครั้ง

“ว่าแต่ตอนนี้อ๊อฟมีแฟนหรือยัง”

รู้อยู่แล้วละว่าต้องโดนถาม เพราะคุยกันทีไรนี่ก็เป็นคำถามยอดฮิตทุกครั้ง แต่ปีนี้ผมมีคำตอบแล้ว แล้วไหนๆก็เกริ่นกับพี่อิมไปแล้ว ก็บอกพ่ออีกคนเสียเลยจะได้เลิกถามเสียที

“มีแล้วครับ เพิ่งเริ่มคบกันเมื่อเร็วๆนี้เอง”

เสียงหัวเราะในคอของพ่อดังมาตามสาย “ว่าแล้วเชียว พ่อรู้ว่าลูกพ่อเสน่ห์แรง ว่าแต่แฟนเป็นไงน่ารักมั้ย ไว้พ่อกลับไปเมืองไทยคราวหน้าพามาแนะนำให้พ่อรู้จักหน่อยเป็นไง”

ผมหัวเราะอย่างไม่เต็มเสียงนัก คำถามแรกน่ะยังพอตอบได้ แต่คำถามที่สองนี่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าถ้าพานะไปแนะนำจริงๆพ่อผมจะแสดงปฏิกิริยาแบบไหน ถึงผมจะมั่นใจว่าไม่ว่าใครที่ได้เจอพ่อหนูน้อยของผมก็ต้องเอ็นดูกันทั้งนั้นก็ตามเถอะ

“เอาไว้พ่อกลับมาเมื่อไหร่ผมจะถามเจ้าตัวให้แล้วกัน พอดีนะเค้าขี้อายน่ะครับพ่อ”

“ชื่อน้องนะเหรอ ชื่อน่ารักดีนี่ ชื่อจริงชื่ออะไรล่ะ”

ทั้งที่แอร์ในห้องก็ออกจะเย็น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนเหงื่อกำลังซึมออกมาที่ฝ่ามือยังไงพิกล

“เอ่อ...นะจาก...มานะครับ”

“หือ...มานะเหรอ ชื่อเหมือนผู้ชายเลยแฮะ”

พ่อทักขึ้นแล้วก็เงียบไป ส่วนผมก็ไม่ได้แย้ง เราต่างคนต่างเงียบกันครู่ใหญ่ก่อนพ่อจะทำลายความเงียบขึ้นก่อน

“อ๊อฟ มีอะไรอยากบอกพ่อหรือเปล่า เราลูกผู้ชาย มีอะไรก็พูดกันตรงๆได้นะ”

ผมถอนหายใจ บ่ายเบี่ยงไปก็คงเปล่าประโยชน์ แล้วผมก็ไม่ได้อยากปิดบังพ่อเรื่องนี้ด้วย

“ก็ตามที่พ่อเข้าใจแหละครับ แฟนผมชื่อมานะ เป็นรุ่นน้องที่มหา’ลัย ตอนนี้อยู่ปี 1…”

“ปี 1 เหรอ!? Shit! แล้วน้องเค้าอายุเกิน 18 หรือยัง?”

ผมฟังคำถามแล้วก็ขมวดคิ้ว นี่พ่อผมกังวลเรื่องอะไรอยู่เนี่ย?!

“เกินแล้วพ่อ! แล้วถึงยังไงนะเค้าก็เรียนมหา’ลัยแล้ว ไม่ใช่เด็กๆแล้วครับ”

ถึงบางครั้งจะชอบทำตัวเหมือนเด็กเจ้าอารมณ์ไปบ้างก็เถอะ ผมละประโยคนั้นไว้ในใจแล้วก็ยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าของคนที่กำลังโดนพูดถึงขึ้นมา

ปลายสายเงียบไปนานก่อนพ่อจะเอ่ยขึ้นช้าๆอีกครั้ง

“อ๊อฟ พ่อไม่ค่อยได้ใช้เวลากับลูกเท่าไหร่ พ่อก็ไม่รู้ว่าพ่อมีสิทธิ์ออกความเห็นหรือเปล่า แต่อ๊อฟรู้ใช่มั้ยว่าการคบกับผู้ชายด้วยกันอาจโดนมองจากคนอื่นยังไง แล้วยังครอบครัวของ...เอ่อ...ของนะเค้าอีก ทางนั้นยังไม่รู้เรื่องใช่ไหม แล้วนี่เราเริ่มคบกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเพื่อนรู้บ้างหรือเปล่า”

คราวนี้พ่อยิงคำถามรัวเป็นชุดจนผมไม่รู้จะตอบคำถามไหนดี ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจหรอกว่าพ่อเป็นห่วง แต่ตอนนี้ปัญหามันยังไม่เกิด ก็ไม่รู้จะรีบกังวลไปทำไม

“ใจเย็นก่อนพ่อ พวกเราเพิ่งเริ่มคบกันได้ไม่นาน ทางบ้านนะน่าจะยังไม่รู้ ส่วนแม่กับพี่อิมผมก็ยังไม่ได้บอกรายละเอียด ส่วนเพื่อนผม ถ้าใครถามผมก็บอกแหละครับ”

ผมได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจดังมาตามสายเลยรีบพูดต่อ “พ่อครับ การที่เราสองคนคบกันไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย พ่อเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”

ถึงจะไม่พูดตรงๆแต่พ่อก็คงรู้ว่าความหมายของผมคือการที่ผมจะเลือกคบใครเป็นสิทธิ์ส่วนตัวที่ผมตัดสินใจได้เอง พ่อคงสับสนพอดูที่จู่ๆก็มาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแฟนของลูกที่เป็นผู้ชายเหมือนกันในวันพ่อแบบนี้ แต่ผมอยากให้พ่อรับรู้ว่ายังไงผมก็ยังเป็นผมเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“อ๊อฟ พ่อเชื่อว่าลูกไม่ใช่คนที่คบใครแค่เพราะอยากรู้อยากลอง ถ้าเราจริงใจกับเด็กคนนี้ ยังไงก็ขอให้คบกันด้วยความเข้าใจนะ”

ผมเงียบไปหลังได้ยินคำแนะนำนั้น พ่อคงยังไม่ลืมประสบการณ์ความผิดพลาดในอดีตจากชีวิตสมรสของตัวเองกับแม่ ผมยังจำได้ดีถึงวันคืนที่พวกเราสมาชิกครอบครัวทั้งสี่คนมีความสุขกันพร้อมหน้า แต่โดยที่ไม่รู้ตัว รอยปริร้าวเล็กๆก็คืบคลานเข้ามารังควานความสัมพันธ์ของผู้นำครอบครัวทั้งสอง จากรอยเล็กๆก็ค่อยๆขยายใหญ่จนสุดท้ายก็จบลงด้วยการแตกหัก การหย่าร้างที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันทำเอาผมสับสนกับชีวิตตัวเองไปพักใหญ่ แต่เมื่อถึงตอนนี้ ผมเข้าใจแล้วว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง และเรื่องที่ผ่านมาก็ถือเป็นเพียงประสบการณ์ให้จดจำและเรียนรู้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บมาหวาดกลัวว่าตัวเองจะดำเนินรอยตามความผิดพลาดนั้น

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับพ่อ ยังไงพ่อรักษาสุขภาพด้วยนะครับ แล้วก็ฝากสวัสดีครอบครัวที่โน่นด้วย”

“เราก็ดูแลแม่กับพี่เค้าดีๆล่ะ แล้วถ้าอยากมาเที่ยวเมื่อไหร่ก็โทรหาพ่อได้ตลอดเลยนะ ตั้งใจเรียนล่ะอ๊อฟ”

ปลายสายยังคงเอ่ยเสียงทุ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง ผมหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นนั้น จะดีแค่ไหนถ้าชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ครอบครัวที่หายไปได้กลับมาวางต่อกันเป็นภาพใหญ่ที่สมบูรณ์ดังเดิม แต่เปล่าประโยชน์ที่จะเรียกร้องสิ่งที่สูญเสียไปแล้วให้คืนกลับมา

“ครับ สุขสันต์วันพ่อนะครับ”

ผมวางสายแล้วก็นอนแผ่ลงบนเตียง จู่ๆก็รู้สึกโหวงเหวงในอกจนพาลคิดถึงคนที่นอนกอดทุกคืนขึ้นมาตงิดๆ ไม่รู้ตอนนี้พ่อหนูน้อยของผมทำอะไรอยู่ จะกินข้าวแล้วหรือยัง หรือว่าออกไปดูหนังกับที่บ้าน ใจผมอยากจะโทรหาแต่ก็ไม่อยากทำลายเวลาครอบครัวของคนที่รัก

เสียงร้องประท้วงของน้ำย่อยในกระเพาะฉุดผมให้กลับจากภวังค์ผมเลยลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจไปมา ขณะกำลังคิดว่าจะลงไปเดินหาอะไรกินที่ตลาดโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นพอดี พอผมเห็นรูปของคนโทรเข้าที่แสดงอยู่บนหน้าจอก็อดยิ้มไม่ได้

“ว่าไงครับ นะ”

“พี่อ๊อฟ ทำอะไรอยู่”

“เมื่อกี้พี่เพิ่งโทรทางไกลไปหาพ่อ นี่ก็ว่าจะโทรหานะต่ออยู่พอดีเลยเนี่ย”

“ก็แล้วทำไมไม่โทรมาตั้งแต่ตอนกลางวันล่ะ”

ผมขมวดคิ้ว ลองฝ่ายนั้นทำเสียงกระเง้ากระงอดมาอย่างนี้ก็เดาได้เลยว่าท่าทางผมจะโดนงอนอีกแล้ว

“ก็นะจะได้ใช้เวลากับครอบครัวได้เต็มที่ไงครับ อุตส่าห์กลับไปหาพ่อกับแม่เค้าทั้งทีจะให้พี่โทรไปกวนได้ไง”

“...ถึงงั้นก็เมสเซจมาบ้างก็ได้นี่นา”

ปลายสายเสียงอ่อนลงนิดหน่อย ผมนึกภาพคนหน้าหวานที่คงกำลังทำแก้มอูมอยู่แล้วก็เสียดายที่คนตัวเล็กไม่ได้อยู่ใกล้ๆไม่งั้นจะจับหยิกแก้มให้รู้แล้วรู้รอด เด็กเอ๋ยเด็ก....ไม่ได้รู้ตัวบ้างเลยว่าคนทางนี้คิดถึงแทบบ้า แต่เพราะผมเข้าใจดีถึงความอ้างว้างของการมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ผมเลยอยากให้นะให้ความสำคัญกับครอบครัวของตัวเองมากกว่า

“เข้าใจแล้วครับคนเก่ง ต่อไปจะไม่หายเงียบแบบนี้แล้ว ว่าแต่ตอนนี้นะทำอะไรอยู่ กินข้าวเย็นหรือยัง?”

“ยัง แล้วพี่อ๊อฟกินยังล่ะ”

ผมหนีบหูโทรศัพท์กับไหล่แล้วก็เปิดตู้เสื้อผ้าหากางเกงสำหรับใส่เปลี่ยนไปด้วย “ยังเลย แต่เดี๋ยวกำลังจะไปหาอะไรกินที่ตลาด ว่าแต่ทำไมบ้านนะกินข้าวเย็นกันช้าจัง นี่จะสองทุ่มแล้วนะ”

“ก็ไม่ได้อยู่กับที่บ้านนี่ งั้นถ้าพี่อ๊อฟยังไม่ได้กินข้าวก็รีบลงมาหน้าหอเลย เดี๋ยวไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

ประโยคชักชวนของคนตัวเล็กทำให้ผมชะงักมือ “เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าตอนนี้ไม่ได้อยู่กับที่บ้านแล้วนะอยู่ที่ไหนเนี่ย?”

ปลายสายหัวเราะเสียงใสหลังได้ยินคำถามของผม “อยู่บนแท็กซี่ นี่เลี้ยวเข้ามาจากปากซอยแล้ว อย่าลืมลงมาเจอกันหน้าหอนะพี่อ๊อฟ แค่นี้แหละ”

ผมมองโทรศัพท์ในมืออย่างงงๆก่อนจะรีบหันไปคว้ากุญแจห้องกับประเป๋าสตางค์แล้ววิ่งลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่าง พอออกไปที่หน้าทางเข้าหอก็พบว่าพ่อหนูน้อยของผมยืนสะพายกระเป๋ารออยู่แล้ว

“ทำไมรีบกลับมาล่ะ ไหนเมื่อวานบอกว่าจะกลับมาวันอาทิตย์ไง”

นะทำหน้ามุ่ยทันทีที่โดนผมทัก “ก็กลับไปแล้วก็ไม่เห็นพ่อกับแม่จะตื่นเต้นดีใจกันเลยนี่นา แค่พาไปดูหนังกินข้าวเมื่อกลางวัน พอกลับถึงบ้านก็เอาแต่สนใจไอ้กุ๊งกิ๊ง จะให้อยู่บ้านต่อก็เซ็งเลยกลับมาดีกว่า หรือพี่อ๊อฟยังไม่อยากเจอนะ จะได้เรียกแท็กซี่ไปขึ้นรถตู้กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย”

ผมรีบคว้าข้อมือเรียวของคนที่ทำท่าจะเดินหนีไปจริงๆแล้วดึงกลับมากอดไว้ แต่พ่อหนูน้อยตัวดีดิ้นจะออกจากอ้อมแขนผมให้ได้ลูกเดียวผมเลยแกล้งทำเสียงเข้มใส่

“อะไรเนี่ย พี่ถามคำเดียวใส่มาเป็นชุดเลยเหรอ จะขี้งอนไปไหนฮึเรา”

“ไม่ได้งอน! ปล่อยนะพี่อ๊อฟเดี๋ยวใครมาเห็น!”

คนตัวเล็กเถียงไปก็ดิ้นขลุกขลักไม่หยุด แก้มสองข้างเริ่มเรื่อเป็นสีชมพู ขี้งอนแล้วยังจะขี้อายอีกนะคนเรา ผมเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจูงมือนะให้เดินตามไปที่ซอกข้างตึก

“โอเค งั้นตามมานี่”

พอผมพาคนตัวเล็กเดินตามเข้าไปในมุมอับสายตาข้างตึกแล้วก็ดึงร่างเล็กๆเข้าประชิดตัวก่อนจะก้มลงปิดปากคนที่เงยหน้าขึ้นเตรียมจะอ้าปากถามด้วยความสงสัย นะยืนตัวแข็งทื่อในตอนแรกด้วยความตกใจ แต่แล้วเมื่อผมเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นประคองตรงท้ายทอยของศีรษะเล็กพร้อมกับแทรกลิ้นเข้าในริมฝีปากอุ่น นัยน์ตากลมโตก็ค่อยๆพริ้มหลับ ริมฝีปากนิ่มเผยอขึ้นและตอบรับจูบของผมอย่างเต็มใจ เราแลกเปลี่ยนความคิดถึงกันผ่านปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดไปมาอย่างเปี่ยมด้วยความรู้สึกโหยหา ผมขบกลีบปากล่างของนะเบาๆก่อนจะถอนริมฝีปากออกแล้วจ้องนัยน์ตาหวานที่ค่อยๆปรือขึ้นมองผม แผ่นอกบางกระเพื่อมขณะพยายามปรับลมหายใจของตัวเอง ริมฝีปากที่อิ่มแดงและฉ่ำเยิ้มนั้นเผยอนิดหน่อยดูเชิญชวนจนผมต้องก้มลงไปจูบเร็วๆซ้ำอีกรอบ

“นะรู้ตัวมั้ยว่าทำให้คนเค้าคิดถึงมาทั้งวันเลย ทีนี้จะหายงอนพี่ได้หรือยังครับ”

แม้มุมที่เรายืนอยู่จะมืดสลัวเพราะมีเพียงแสงไฟที่ส่องลอดหน้าต่างมาจากห้องข้างบน แต่ผมก็เห็นได้ว่าหน้าของคนในอ้อมแขนมีสีเข้มขึ้น นะซุกหน้าลงกับอกผมก่อนจะพูดเสียงอู้อี้

“นะก็คิดถึง วันนี้ก็นั่งรอโทรศัพท์ทั้งวันพี่อ๊อฟก็ไม่โทรมาเลยรีบกลับมาซะเลย แต่ว่าตอนอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่ก็เอาแต่สนใจไอ้กุ๊งกิ๊งมากกว่าจริงๆนะ”

น้ำเสียงท้ายประโยคที่รัวเร็วเหมือนอยากระบายความน้อยใจที่คนในครอบครัวสนใจลูกหมามากกว่าตัวเองทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้

“งั้นไม่เป็นไร ถ้าพ่อกับแม่ไม่สนใจนะเดี๋ยวพี่สนเอง ว่าแต่เราไปตลาดกันดีกว่า ตั้งแต่บ่ายมาพี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย”

ผมจูงมือพาคนตัวเล็กเดินออกมาจากซอกข้างตึก คราวนี้ใบหน้าหวานยิ้มออกแล้ว มือเล็กบีบกระชับมือผมที่กุมมือตัวเองอยู่แน่น
 
“นะอยากกินอะไร”

คนถูกถามส่ายหน้าแล้วก็ส่งยิ้มเอาใจแบบที่เจ้าตัวชอบทำเวลาอ้อนมาให้ “แล้วแต่พี่อ๊อฟแหละ นะกินอะไรก็ได้”

ผมยิ้มแล้วก็บีบมือบางตอบขณะเดินไปที่ตลาดด้วยกัน รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ถูกถ่ายทอดให้กันผ่านทางมือที่กุมกันอยู่จนซ่านเข้าไปถึงข้างในหัวใจ ผมหันไปแกล้งทำตาเชื่อมใส่คนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างๆ

“เล่นตามใจกันแบบนี้ งั้นขอพี่กินนะก่อนดีมั้ย”

“อย่าแหย่กันสิพี่อ๊อฟ ไปกินข้าวก่อน นะหิวแล้ว”

คนตัวเล็กเร่งฝีเท้าเดินนำไปก่อนด้วยความเขิน ผมหัวเราะก่อนจะก้าวยาวๆจนตามทันแล้วคว้ามือบางมากุมไว้อีกครั้ง คราวนี้นะไม่ได้สะบัดมือหนีอีก แต่ถึงเจ้าตัวจะยังไม่ยอมหันมาหาผมก็เห็นว่าหน้าของนะแดงไปถึงใบหูแล้ว

โชคดีของผมที่แต่ละวันได้มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเพราะมีคนน่ารักคนนี้อยู่ใกล้ๆ ถึงจะคอยทำให้เวียนหัวกับการต้องง้องอนบ้าง แต่ก็เพราะคนตัวเล็กคนนี้ที่ทำให้หัวใจผมได้สัมผัสกับความสุขของการมีความรักอีกครั้ง และต่อให้อนาคตเราอาจต้องเจอเรื่องยุ่งยากจากการที่เราคบกัน แต่ผมเชื่อว่าความรู้สึกที่เรามีให้กันจะทำให้เราฝ่าฟันอุปสรรคพวกนั้นไปได้แน่นอน ก็เหมือนที่พ่อผมให้คำแนะนำไว้กระมัง

‘ถ้าเราจริงใจกับเด็กคนนี้ ยังไงก็ขอให้คบกันด้วยความเข้าใจนะ’

“ไม่ต้องห่วงนะครับพ่อ ผมตั้งใจแบบนั้นอยู่แล้ว”


++------++


สุขสันต์วันพ่อย้อนหลังเน้ (ย้อนนานไปไหมนี่)  :mc4:



หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 19-12-2008 00:15:17
นะขี้งอล น่ารักดี

 :dad2:

:กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 19-12-2008 08:28:54
น่ารักกันจริงๆ :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 19-12-2008 08:40:59
น้องนะ น่ารักจังคร๊าบบ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 19-12-2008 09:38:30
หวานๆๆ น่ารักมากมายยยยยยยยยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 19-12-2008 09:50:01
ตามยายข้างบนมาติดๆ

อ๊อฟกับนะ เหลืองานยากอีกหนึ่ง คือบอกกับทางบ้าน
ขอให้รักนี้ ไม่มีอุปสรรคใดๆนะจ๊ะ น่ารักมากทั้งอ๊อฟทั้งนะเลย  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 19-12-2008 10:10:57
:L1:

เข้ามาหาความสำราญ

จากเรื่องสั้นมันในอารมณ์ของคุณ bellbomb

จนตามอ่านทันแล้ว ด้วยความสุข

อิ อิ มีทริปพิเศษด้วยชอบจัง รูปสวยดี

ตอนแรก วิวเป้ อ่านแล้วเป๋ เข่าอ่อนหมดแรงเลยอ่ะ

กระชุ่มกระชวยดีจัง(ภาษาคนแก่ใช่มะเนี่ย คิ คิ)

แล้วมาเจอ *อ๊อฟนะ* เข้าไป จะหลงสองคนนี้ป่าววะนี่

มันกุ๊กกิ๊กกันน่ารัก บางฉากก็เลือดกระฉูด กับ ครั้งแรกของเค้า

ชอบภาษาและสำนวนการเขียน แบบนี้นะครับ(ไม่ใช่^^^อย่างแถวบนอย่างเดียวนะ)

ขอตามอ่านแล้วเป็นกำลังใจให้ต่อไปด้วยครับ

แล้วก็กลับไป จิ้ม +80 ให้ด้วยความชื่นชมคร้าบบบบ
 :z2: :pig4: :pig4: :pig4: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 19-12-2008 11:16:16
หวานส่าาาาาาาาาาาาาาาาาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 19-12-2008 11:26:17
พ่อใจดีจัง

 :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-12-2008 12:07:39
ชอบคำพูดของพ่ออ็อฟจังเลยอะ

แต่ไงๆน้องนะก็น่ารักอิๆ

รีบมาต่อตอนหลักนะป้า รออยู่  :t3: :t3: :t3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-12-2008 13:12:06
น้องนะ หัวอกเดียวกันเลย  กลับบ้านทั้งที หามีผู้ใดสนใจเราไม่ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด   :laugh:


ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 19-12-2008 13:17:49
น้องนะ น่ากินที่สุด 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-12-2008 16:54:14
:L1:

เข้ามาหาความสำราญ

จากเรื่องสั้นมันในอารมณ์ของคุณ bellbomb

จนตามอ่านทันแล้ว ด้วยความสุข

อิ อิ มีทริปพิเศษด้วยชอบจัง รูปสวยดี

ตอนแรก วิวเป้ อ่านแล้วเป๋ เข่าอ่อนหมดแรงเลยอ่ะ

กระชุ่มกระชวยดีจัง(ภาษาคนแก่ใช่มะเนี่ย คิ คิ)

แล้วมาเจอ *อ๊อฟนะ* เข้าไป จะหลงสองคนนี้ป่าววะนี่

มันกุ๊กกิ๊กกันน่ารัก บางฉากก็เลือดกระฉูด กับ ครั้งแรกของเค้า

ชอบภาษาและสำนวนการเขียน แบบนี้นะครับ(ไม่ใช่^^^อย่างแถวบนอย่างเดียวนะ)

ขอตามอ่านแล้วเป็นกำลังใจให้ต่อไปด้วยครับ

แล้วก็กลับไป จิ้ม +80 ให้ด้วยความชื่นชมคร้าบบบบ
 :z2: :pig4: :pig4: :pig4: :z2:

เจอคอมเม้นต์คุณ dokjarn เข้าไป ถึงกับเขินอายม้วนต้วนแทบกลิ้งตกเก้าอี้เลยทีเดียว  ขอ+1 คืนหน่อยเป็นไร ขอบคุณมากนะค้า  :-[

อ่านคอมเม้นต์คนอื่นๆก็เขินเหมือนกัน (สงสัยติดโรคเขินมาจากน้องนะ ก๊ากกกก) ถ้าคนอ่านชอบ มีความสุข คนเขียนก็มีกำลังใจเบ่งตอนต่อไปจ้า (พูดถึงทั้งเรื่องนี้และเรื่องยาวแหละ กำลังพยายามเข็นออกมาอยู่ ฮือออออ) 

ขอบคุณทุกเม้นต์คับ ขอกลิ้งกลับไปทำงานละ เดี๋ยวเสาร์นี้ต้องทำงานอิเว้นต์ให้ลูกค้าที่ชลบุรีตั้งแต่เช้ายันสี่ทุ่ม ถ้าโชคดีตอนต่อไปไม่มาลงวันอาทิตย์ก็อาทิตย์หน้าเลยแหละ แล้วเจอกันน้อ   :pig4: 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-12-2008 16:59:19
รอจ้าขอให้มาต่อเหอะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 19-12-2008 17:04:26
ตอนพิเศษน่ารักจัง  :m1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 20-12-2008 22:16:01
น่ารักทั้งสองคู่เลย รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ :3123:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 20-12-2008 23:27:24
ช่วงนี้สงสัยน้ำตาลลดราคาเพราะว่า..หวานกันเหลื๊อเกิน..แต่ยังไงก็ชอบนะคะ   น่ารักดี :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 20-12-2008 23:28:27
น่ารักนะ งอนๆอย่างนี้ มันน่าให้อ๊อฟสั่งสอนคืนนี้  :z1:

แต่แม่นะเป็นครูที่โรงเรียนเก่าอ๊อฟนี่นา

แอบกังวลแทนว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าแม่รู้ความจริง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ (18/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 21-12-2008 01:03:17
น่ารัก หลังกลับจากกินข้าว อ๊อฟจะกินนะเป็นของหวานชิมิ  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-12-2008 01:54:34
เข้าวันใหม่จนได้ ลงตอนนี้ไปก็ง่วงสุดๆเลยก๊าบ  :a6:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ให้การติดตามเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ อย่างที่เคยเกริ่น เรื่องนี้อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วล่ะเน้อ (ถ้าคนเขียนไม่คิดแทรกพล็อตอะไรเข้ามานะ เพราะเริ่มเห็นแววเรื่องที่ 3 มาแพลมๆ)   :m18:

ไปอ่านตอนต่อไปกันดีกว่านิ



ตอนที่ 8: ริ้วคลื่นในใจ

“ก็น่าจะได้ วันนี้เรากับนะสอบเสร็จช่วงเช้าเหมือนกัน งั้นนัดเจอกันซักบ่ายโมงก็ได้มั้ง”


ผมกรอกเสียงใส่หูโทรศัพท์ หลังจากคนตัวเล็กที่กำลังนั่งทานโจ๊กใส่ไข่อยู่ตรงข้ามพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าไม่มีปัญหา

“หือ? ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกลางวันก็เจอกันแล้ว อีกอย่างตอนนี้นะกินข้าวอยู่”

ผมบอกปัดเมื่อได้ยินคำขอจากเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เพราะแม่เจ้าประคุณกรี๊ดเสียงแหลมอย่างขัดใจจนผมต้องรีบยกโทรศัพท์ออกห่าง แต่ก็ยังไม่วายรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงวิ้งๆในหูยังกับกระดูกทั่ง ค้อน โกลนแข่งกันเต้นระบำอยู่อย่างนั้นแหละ

นะส่งสายตาแสดงคำถามมาให้จากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ผมเลยเอามือปิดลำโพงโทรศัพท์เพื่อไม่ให้ปลายสายได้ยินก่อนจะถามความเห็นเจ้าตัว

“มุ้ยอยากคุยด้วย แต่ถ้านะไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่บอกมุ้ยให้เอง ไหนๆกลางวันนี้ก็จะไปกินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว”

คนตัวเล็กยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วส่งยิ้มให้ “ไม่เป็นไรหรอก พี่อ๊อฟเอาโทรศัพท์มาสิ”

คำตอบรับง่ายดายทำเอาผมอดเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจไม่ได้ “จะคุยจริงๆเหรอ?”

“ก็คุยสิ ไม่เห็นเป็นไร พี่มุ้ยก็เคยช่วยดูแลนะเหมือนกันนี่”

พอเห็นว่าเจ้าตัวไม่แสดงท่าทางอิดออดผมเลยยกโทรศัพท์ขึ้นบอกมุ้ยแล้วก็ยื่นให้คนตัวเล็กที่รับไปแต่โดยดี

“สวัสดีครับพี่มุ้ย”

“ก็เรื่อยๆนะครับ เพื่อนๆกับอาจารย์ที่คณะก็น่ารักทุกคน”

“อ๋อ...ก็ดีครับ”

คำตอบรับของคนตัวเล็กที่ทิ้งช่วงห่างบอกให้รู้ว่าเพื่อนผมคงเอาแต่พูดฝ่ายเดียวเป็นต่อยหอย แต่ก็ไม่น่าแปลกหรอก มุ้ยชอบคุยกับผมก็เพราะส่วนใหญ่ผมจะเอาแต่ฟังแล้วก็ไม่คุยแข่งนี่แหละ

ผมปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันไปแล้วก็หันมาสนใจอาหารตรงหน้าตัวเองบ้าง วันนี้ผมกับนะมีสอบช่วงเวลาเดียวกันเราเลยรีบมามหาวิทยาลัยเพื่อทานอาหารและเตรียมตัวสอบกันแต่เช้า สักพักผมจับสังเกตได้ว่าประโยคสนทนาของนะเริ่มสั้นขึ้นเรื่อยๆ พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นคนตัวเล็กนั่งหน้าแดงพลางมองผมเหมือนจะขอความช่วยเหลือ ผมเลยรีบกลืนโจ๊กแล้วรับโทรศัพท์มาคุยเอง

“...แล้วยังไม่หมดนะ ตอนพี่บอกมันว่าจะให้ยืมหนังสอนเทคนิคของเพื่อนพี่มันก็ไม่ยอมเอา นี่อ๊อฟมันคงไม่เผลอทำตัวเป็นไก่อ่อนให้ขายหน้าใช่มั้ยจ๊ะ”

“ไอ้มุ้ย!!”

ผมลืมตัวเรียกชื่อเพื่อนเสียงดัง แต่พอเห็นคนที่นั่งโต๊ะรอบๆพากันหันมามองผมเลยลดเสียงลงแต่ไม่วายทำเสียงเขียวใส่คนที่มองไม่เห็นหน้าตอนนี้

“เคยบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้เราขอ รู้มั้ยว่าแกทำนะอายจนพูดไม่ออกแล้ว”

“อ้าวจริงเหรอ ตายแล้ว~ น่ารักจริงๆเลยน้องเขยชั้น เอ๊ะ หรือต้องเรียกว่าน้องสะใภ้ถึงจะถูกวะ ฮะๆๆ งั้นฝากขอโทษน้องนะด้วยแล้วกัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวบ่ายโมงเจอกันที่ท่าน้ำนะอ๊อฟ อย่าลืมล่ะว่าแกต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงชั้นวันนี้ แค่นี้ก่อนนะยะ”

มุ้ยไม่รอฟังคำตอบผมแล้วก็ชิงวางสายไปเลย ผมฟังเสียงสัญญาณที่โดนตัดไปแล้วก็นึกอยากจะขอถอนคำพูดขึ้นมา จะโทรกลับไปยกเลิกนัดตอนนี้ได้ไหมเนี่ย!?

“นะ มุ้ยมันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ต้องคิดมากนะ”

ผมหันไปบอกคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าคนโจ๊กในถ้วยโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองผมอยู่

“ไม่เป็นไรหรอกพี่อ๊อฟ แค่โดนถามตรงๆเลย...มันแปลกๆ”

นะพูดแล้วก็ยิ่งก้มหน้างุด ผมอดยิ้มแล้วยกมือไปลูบผมนิ่มๆนั่นไม่ได้  เดี๋ยววันนี้เจอมุ้ยตอนกลางวันคงต้องเตือนกันซะหน่อยแล้วเรื่องชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัว ทั้งที่ผมก็เคยห้ามไว้แล้วแท้ๆเชียว

เสียงเก้าอี้ข้างตัวผมเลื่อนออกพร้อมกับมีใครบางคนนั่งลงแล้วก็ตบไหล่ผมไม่เบามือนัก พอหันไปมองก็ต้องตกใจที่เห็นรุ่นพี่ชุมนุมที่ใบหน้าไม่ได้โกนหนวดเครามานานนั่งยิ้มให้อยู่

“อ้าวพี่หล่ง ไปไงมาไงเนี่ยพี่”

“พอดีเดินผ่านเลยมาทักทายซะหน่อยว่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ขึ้นชุมนุมเลยนะมึง”

รุ่นพี่ของผมเอ่ยขึ้นแล้วก็มองผมกับนะสลับกันไปมา ผมเลยแนะนำคนตัวเล็กให้รู้จัก

“นะครับ นี่พี่หล่งอยู่ปีสี่ เป็นรุ่นพี่ที่ชุมนุมพี่”

พี่หล่งรับไหว้คนตัวเล็กตรงข้ามผมแล้วก็มองกลับยิ้มๆ “เคยเจอกันแล้วละ น้องเค้าเอาเสื้อบอลมึงมาคืนที่ห้องชุมนุมเมื่อวันที่มึงโดดเรียนไง”

“เฮ่ยพี่ วันนั้นผมป่วยจริงหรอก เปล่าโดดซะหน่อย”

“ป่วยจริงหรือไม่จริงก็ช่างมึงเหอะ กูจะไปอ่านหนังสือต่อละ ว่างๆก็แวะขึ้นไปมั่งละกัน”

ผมหัวเราะแห้งๆ เพราะตั้งแต่วันที่ผมหยุดเรียนเพราะป่วยผมก็ไม่ได้แวะไปชุมนุมเลยจริงๆนั่นแหละ แต่ก่อนพี่หล่งจะเดินกลับไปคณะตัวเองที่อยู่ตรงข้ามโรงอาหาร เจ้าตัวก็หันกลับมาสำทับอีกทีเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

“อ้อ ลืมไป จะพาแฟนขึ้นมาเที่ยวห้องชุมนุมด้วยก็ได้นะ เด็กน่ารักๆพี่ยินดีต้อนรับ”

รุ่นพี่ของผมหันมามองเราสองคนด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเหมือนรู้ทันก่อนจะเดินจากไป ผมหันไปสบตากับนะแล้วก็เห็นคนตัวเล็กทำหน้าตกใจเหมือนกัน นี่พวกเราสองคนดูออกง่ายหรือพี่หล่งแกเซนส์ดีกันแน่เนี่ย?


++------++


“สวัสดีค่าน้องนะ~”

เพื่อนวัยเด็กของผมทักแฟนผมและอดีตรุ่นน้องตัวเองเสียงหวานจนน่าหมั่นไส้ตอนที่เราสองคนไปหาที่ท่าน้ำตามเวลาที่นัดไว้เมื่อเช้า นะยกมือไหว้มุ้ยพลางยิ้มแย้มตอบแม้จะยังดูเขินๆอยู่บ้างเพราะตัวเองเคยเข้าใจมุ้ยผิดว่าเป็นแฟนผม

“หวัดดีครับพี่มุ้ย”

มุ้ยรับไหว้พลางมองนะอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง แถมยังถือวิสาสะคว้ามือของนะไปจับเสียด้วย ผมเลยรีบดึงนะกลับมาแล้วกอดไหล่ไว้จนมุ้ยส่งสายตาแสดงความขัดใจให้

“ไอ้อ๊อฟ! ชั้นแค่แตะนิดแตะหน่อยน้องเค้าไม่สึกหรอหรอกน่ะ ถ้าน้องเค้าจะสึกก็เป็นเพราะแกน่ะแหละ”

ผมถลึงตามองเพื่อนทั้งที่รู้สึกร้อนวูบที่หน้า แต่คนพูดทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้สึกรู้สา ดูเหมือนคนตัวเล็กจะเข้าใจว่าถ้าไม่พูดอะไรบ้างสักพักต้องโดนวกเข้าตัวอีกแน่ๆเลยรีบกระตุกเสื้อผมแล้วเงยหน้าถาม

“พี่อ๊อฟ แล้วนี่ตกลงจะไปกินอะไรที่ฝั่งโน้นเหรอ”

“อ๋อ....อ๊อฟมันสัญญาว่าจะเลี้ยงแบล็คแคนยอนพี่น่ะค่ะ นี่พี่ใจดีมากเลยนะถึงยอมให้มันเลี้ยงแค่นี้ ไม่งั้นแม่จะบังคับให้พาไปกินบุฟเฟต์ที่โอเรียนเต็ลให้รู้แล้วรู้รอด”

“เฮ่ย น้อยๆหน่อย ต่อให้ทำงานมีเงินเดือนแล้วเราก็ยอมเลี้ยงแกมากสุดแค่เอ็มเคเท่านั้นแหละ”

นะหัวเราะเมื่อเห็นมุ้ยทำท่าจิ๊ปากด้วยความขัดใจ จากนั้นพวกเราก็เดินไปลงเรือข้ามฟากเพื่อไปทานอาหารที่ร้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกัน ช่วงกลางวันในฤดูสอบแบบนี้ไม่ค่อยมีคนใช้บริการเท่าไหร่เราเลยได้ที่นั่งบนเรือกันทั้งสามคน ระหว่างที่นั่งเรือมุ้ยก็ยังชวนนะคุยเจื้อยแจ้วได้เรื่อยๆจนผมชักเริ่มสงสัยว่าตอนน้าเหมียวอุ้มท้องมุ้ยนี่น้าแกฝันเห็นนกขุนทองหรือเปล่า

“เห...งั้นตอนนี้คณะของน้องนะก็กำลังสอบปลายภาคอยู่งั้นเหรอ”

คนตัวเล็กที่นั่งข้างผมพยักหน้ารับ ตอนนี้พวกเรานั่งทานอาหารกันอยู่บนชั้นสองของร้านซึ่งติดกับกระจกหน้าต่าง ทำให้สามารถมองกลับไปเห็นมหาวิทยาลัยของผมได้อย่างชัดเจน โชคดีที่ตอนเรามาถึงลูกค้าที่นั่งอยู่ก่อนเรียกเก็บเงินพอดีทำให้ได้โต๊ะที่วิวดีแบบนี้

“คณะของนะใช้ระบบเปิดภาคการศึกษาเหมือนเมืองนอกน่ะครับ เพราะงั้นเวลาสอบมันเลยจะดูสลับๆกับของภาคปกติ ของนะจะได้ปิดเทอมใหญ่ช้ากว่า แต่ก็เปิดเทอมช้ากว่าด้วย”

“งั้นเหรอ ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย”

มุ้ยเอ่ยอย่างประหลาดใจ ก่อนจะหันมาถามผมบ้าง

“ว่าแต่ปีใหม่นี้แกจะอยู่บ้านหรือเปล่าวะอ๊อฟ”

พอได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองผมเลยเงยหน้าขึ้นจากเท็กซ์ที่กำลังอ่านอยู่ ผมเหลือสอบวิชาสุดท้ายในช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น แถมเป็นวิชาที่ไม่ถนัดที่สุดเสียด้วยเลยค่อนข้างกังวลเป็นพิเศษ

“ช่วงปีใหม่อาจอยู่กรุงเทพฯเพราะจะเคลียร์หอว่ะ แต่กะว่าสอบมิดเทอมเสร็จจะกลับบ้านให้แม่เค้าเห็นหน้าซะหน่อย พอดีว่านะก็สอบเสร็จวันมะรืนนี้พอดี จะได้กลับรถตู้ไปพร้อมกัน”

“งั้นเหรอ แต่ชั้นกะว่าปีใหม่จะกลับบ้านว่ะ พี่สะใภ้ชั้นเพิ่งคลอดลูก กะจะไปช่วยเลี้ยงหลาน”

“ไปเลี้ยงหรือไปเล่นวะ ระวังพี่เม่นจะไล่ตะเพิดเพราะแกอุ้มหลานแล้วทำหล่นล่ะ”

ผมแซวเพราะรู้ดีว่ามุ้ยชอบทำเปิ่นจนโดนพี่ชายตัวเองดุอยู่บ่อยๆ เพื่อนผมเลยทำท่าส่งมะเหงกให้ก่อนจะหันไปรับอาหารของพวกเราสามคนที่พนักงานลำเลียงมาเสิร์ฟ ผมรับจานผัดไทยกุ้งสดของตัวเองแล้วก็ก้มลงจัดการ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนข้างตัวกำลังเขี่ยผักกาดออกจากผัดมักกะโรนีของตัวเองอยู่

“นะครับ ไม่ยอมกินผักอีกแล้วนะเรา”

คนโดนทักหันมามองผมแล้วทำหน้ามุ่ย “ก็มันเหม็นเขียวนี่นา แต่นะกินข้าวโพดอ่อนกับมะเขือเทศแล้วนะ”

“เพราะเลือกกินอย่างนี้ไงถึงได้ตัวเล็กไม่ยอมโตซักที”

ผมพูดยิ้มๆ คนโดนแหย่เลยหันมาค้อนให้แต่ก็ไม่ยอมกินผักกาดเหมือนเดิม ความจริงผมก็รู้อยู่แล้วว่านะไม่ชอบกินผักเท่าไหร่ ผมเองก็ไม่อยากบังคับให้กินหรอก แต่เวลาเห็นแฟนทำท่าเหมือนเด็กๆแบบนี้ทีไรอดแกล้งไม่ได้ทุกที

“ไม่ต้องไปฟังเสียงนกเสียงกานะคะน้องนะ ตัวเล็กๆอย่างนี้แหละดีแล้ว อ๊อฟมันชอบแบบนี้แหละ”

เสียงแทรกจากอีกคนในวงสนทนาทำเอาผมสะดุ้ง เกือบลืมไปแล้วว่ามีมุ้ยนั่งกินข้าวอยู่ด้วย

“ยุ่งจริงแกนี่ รีบๆกินข้าวตัวเองไปเลย”

“ย่ะพ่อคุณ ว่าแต่กลับไปคราวนี้ตั้งใจจะพากันไปแนะนำกับที่บ้านเลยหรือเปล่าเนี่ย”

คำถามที่พวกเราไม่เคยเอามาปรึกษากันอย่างจริงจังทำให้ผมกับนะหันมาสบตากันโดยอัตโนมัติ จริงอยู่หรอกว่าเราตั้งใจจะกลับบ้านพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันได้คิดกันเลยว่ากลับไปแล้วจะบอกกับคนในครอบครัวเลยดีหรือเปล่าเรื่องที่พวกเราคบกันอยู่

ผมรู้ว่าตั้งแต่นะตัดสินใจย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับผมเจ้าตัวก็บอกกับที่บ้านให้รับรู้แล้ว เพราะถ้าหากจะให้หลอกพ่อกับแม่ด้วยการเช่าอีกห้องทิ้งไว้ก็สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แถมยังไงห้องของนะก็จะมีคนมาเช่าต่ออยู่แล้วด้วย ส่วนเหตุผลนั้นก็ยังพอกล้อมแกล้มไปได้ว่าเพราะเราเคยเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกันมาก่อน จึงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าหากจะเช่าห้องอยู่ด้วยกันเพื่อประหยัดเงินของทางบ้าน ส่วนแม่ของผมก็ค่อนข้างจะปล่อยผมให้เป็นอิสระพอสมควรอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาอะไร แต่ถึงกระนั้น การจะให้จู่ๆก็จูงมือกันไปเปิดตัวกับผู้ใหญ่ว่าความจริงเราคบกันในสถานะไหนยังไม่เคยอยู่ในบทสนทนาของเราเลย แม้ผมจะรู้ดีว่าหากผมกับนะคบกันไปเรื่อยๆสักวันก็ต้องบอกกับที่บ้านอยู่ดีก็ตาม

นะก้มหน้าลงจัดการกับอาหารกลางวันของตัวเองต่อเงียบๆ ส่วนผมก็เขี่ยเส้นผัดไทยไปมา อยู่ๆก็รู้สึกตื้อขึ้นมาจนไม่อยากกินต่อ

“นะไปห้องน้ำแป๊บนึงนะพี่อ๊อฟ”

คนตัวเล็กหันมายิ้มให้ผมแล้วก็ลุกไป ผมมองตามก่อนจะหันไปส่งตาดุให้ตัวต้นเหตุที่มองผมด้วยหน้าตาเหลอหลา

“เฮ้ย นี่ชั้นทำให้น้องเค้ารู้สึกไม่ดีหรือเปล่าวะ แค่ถามดูเฉยๆเองนะ”

“ทีหลังก็คิดก่อนถามมั่งสิ ถึงกับเพื่อนๆจะไม่เป็นไร แต่กับคนที่บ้านมันไม่เหมือนกันนะเว่ย”

มุ้ยยกแก้วน้ำส้มของตัวเองขึ้นดูดแล้วก็ขมวดคิ้ว “แต่ชั้นว่าถ้าเป็นน้าอ้อมน่าจะเข้าใจแกนะ แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้อาจารย์วรรณีเข้มงวดกับลูกแกแค่ไหน น้องเค้าเป็นลูกคนเดียวใช่มั้ย”

ผมพยักหน้า จริงอยู่ว่าแม่ผมไม่ถึงกับมองคนที่ชอบเพศเดียวกันในแง่ลบไปเสียหมด แต่กับลูกชายตัวเองผมก็ไม่แน่ใจว่าถ้าบอกตรงๆแม่จะรับได้แค่ไหน ส่วนของนะไม่ต้องพูดถึง อาจารย์ที่ปรึกษาผมเคยเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองที่ทำเด็กในโรงเรียนแขยงกันมาแล้วกับความเจ้าระเบียบ แม้นอกเวลาท่านจะเป็นคนใจดีก็ตาม ผมไม่อยากให้ตัวเองเป็นสาเหตุให้นะมีปัญหากับที่บ้าน ถ้าคนตัวเล็กไม่พร้อมจะบอกกับครอบครัวผมก็ไม่ติดใจอะไรอยู่แล้ว

สีหน้าผมคงแสดงความยุ่งยากใจพอดูมุ้ยเลยเอื้อมมือมาตบแขนผมเบาๆ

“เอาวะแก อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย ขอโทษทีที่ชั้นพูดอะไรไม่ทันคิด ยังไงชั้นก็เป็นกำลังใจให้แกกับน้องเค้านะ”

ผมหยักหน้ารับแล้วก็ตอบไปอย่างแกนๆ “ขอบใจนะมุ้ย ยังไงอย่าเพิ่งคิดถึงมันเลย เราไม่อยากรีบกังวลกับอะไรที่ยังไม่เกิดขึ้นว่ะ”

“พี่อ๊อฟกับพี่มุ้ยกินอิ่มกันหรือยัง นะอยากไปเดินเล่นแล้วละ”

คนตัวเล็กเดินกลับมาจากห้องน้ำแล้วก็ส่งยิ้มให้พวกผมสองคน แต่ถึงนะจะทำท่าทางสดชื่นแค่ไหนผมก็ดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังฝืน และอาหารกลางวันที่เจ้าตัวทานเหลือก็พร่องไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ ท่าทางคำถามของมุ้ยเมื่อกี้จะทำให้นะกังวลใจไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ผมยิ้มตอบก่อนจะดึงข้อมือเรียวให้ร่างเล็กนั่งลงที่เดิมแล้วก็ลูบผมนิ่มๆนั่น ได้แต่หวังว่าการทำแบบนั้นจะช่วยให้อีกฝ่ายคลายความเครียดลงได้บ้าง

“เอาสิ พี่ก็ชักอิ่มแล้วเหมือนกัน”

“ดีเหมือนกันค่าน้องนะ พี่กำลังอยากไปดูกระเป๋าใหม่พอดีเลย เดี๋ยวนะต้องไปช่วยพี่เลือกนะ น้องจ๊ะน้อง คิดเงินโต๊ะนี้ด้วยค่า”

เหมือนมุ้ยจะสัมผัสอารมณ์ของนะได้เหมือนกันเลยรีบทำตัวร่าเริง ซึ่งผมก็นึกขอบคุณอยู่ในใจ เพราะถ้าลำพังผมคนเดียวอาจไม่พอจะเบนความสนใจของคนตัวเล็กในตอนนี้ก็ได้

เราเดินเล่นในตลาดกันอยู่พักใหญ่ มุ้ยพาผมกับนะเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้แล้วก็ทักคนขายไปทั่วอย่างคุ้นเคยจนผมชักสงสัยว่าเพื่อนตัวเองเป็นขาช้อปไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอผมถามเจ้าตัวก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“เปล่าหรอกแก ปกติชั้นมากับเพื่อนแล้วจะเป็นคนคอยเชียร์ให้พวกมันซื้อของไง ป้าคนขายเค้าเลยพากันชอบชั้นน่ะสิ”

ก่อนผมกับนะจะพากันกลับมุ้ยก็ซื้อเสื้อยืดให้นะตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวที่เจ้าตัวหยิบดูแล้วทำท่าสนใจ ผมมองแล้วก็เห็นว่าเข้ากับนะอยู่เหมือนกัน แต่พอผมบอกว่าจะซื้อให้มุ้ยก็รีบเสนอตัวขึ้นมาก่อนและบอกว่าขอจ่ายเองจะได้ถือเป็นของขวัญในโอกาสที่ได้เจอรุ่นน้องอีกครั้ง นะยิ้มแล้วก็ขอบคุณมุ้ยอย่างดีใจ ผมเองเมื่อได้เห็นว่าแฟนเริ่มจะผ่อนคลายแล้วก็เริ่มยิ้มออกได้บ้าง เพราะเวลาเห็นใบหน้าหวานนั่นขมวดคิ้วหรือทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่แล้วผมไม่สบายใจเลยจริงๆ


++------++


“พี่อ๊อฟ ตีสามแล้วนะ ยังไม่นอนอีกเหรอ”

ผมหันไปตามเสียงงัวเงียที่เอ่ยทักจากบนเตียงแล้วก็หันไปยิ้มให้อย่างเพลียๆ ความจริงก็อยากนอนแล้วเหมือนกัน แต่อยากอ่านเท็กซ์ให้จบอย่างน้อยสักรอบก่อน พรุ่งนี้เช้าจะได้ให้เป้กับวิวช่วยทวนให้อีกครั้งก่อนเข้าสอบ โชคดีว่าวิชานี้แฟนเพื่อนผมลงเรียนด้วยเลยหายห่วงเพราะวิวเก็งข้อสอบได้ค่อนข้างแม่น แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ก็วิวเป็นถึงว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทองนี่นา

“พี่เหลืออีกไม่กี่หน้าก็จะจบแล้วล่ะ นะนอนต่อเถอะ”

ผมหันกลับไปที่หนังสือบนโต๊ะแล้วก็ปรับโคมไฟให้เอียงลงมากขึ้นจะได้ไม่แยงตาคนนอน แต่นะกลับเอาผ้าห่มคลุมตัวแล้วลุกจากเตียงมานั่งที่พื้นข้างๆผม คนตัวเล็กพิงต้นขาผมแล้วก็ทำท่าจะหลับทั้งอย่างนั้นจริงๆ

“นะครับ ง่วงก็ไปนอนที่เตียงดีๆสิ”

ผมพูดไปก็สางผมนิ่มๆของคนที่นั่งพิงขาตัวเองไปด้วย แต่นะส่ายหน้าแล้วก็ตอบผมเสียงง่วง

“ไม่เอา นอนคนเดียวหนาว ถ้าพี่อ๊อฟยังนั่งอยู่ตรงนี้นะก็จะนอนตรงนี้นี่แหละ”

ประโยคเอาแต่ใจนั่นทำเอาผมถอนหายใจก่อนจะยกนิ้วขึ้นคลึงที่หว่างคิ้ว ความจริงก็เริ่มรู้สึกว่าเนื้อหาไม่เข้าหัวมาพักใหญ่ๆได้แล้ว แต่คิดว่าอย่างน้อยอ่านให้ผ่านตาไว้ก่อนเผื่อตอนสอบอาจพอนึกเนื้อหาได้บ้าง ทว่าพอก้มลงมองคนตัวเล็กที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆก็เริ่มรู้สึกง่วงตามจนต้องยอมแพ้ ผมหยิบโทรศัพท์มากดตั้งเวลาปลุกก่อนจะเขย่าไหล่บางเบาๆ

“นะครับ พี่จะนอนแล้วนะ ลุกไปที่เตียงกันเร็ว”

“อื้อ…”

คนตัวเล็กผงกหัวขึ้นยิ้มให้แล้วก็ลุกกลับไปที่เตียงพร้อมกับผ้าห่ม ผมเลยคั่นหน้าหนังสือแล้วปิดโคมไฟก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนฝั่งของตัวเองบ้าง นะขยับตัวเข้ามาซุกอกผมแล้วไม่นานก็ผล็อยหลับไปจนได้ยินเสียงกรนขึ้นจมูกเบาๆ

มือเล็กที่กำเสื้อผมแน่นทำให้ผมยิ้มก่อนจะโอบคนในอ้อมแขนไว้แล้วหลับตาตามอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกหวงแหนช่วงเวลานี้จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากที่บ้านของเราสองคนรู้เรื่องที่เราคบกันแล้วรับไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง

ผมได้แต่ภาวนาว่า หากถึงเวลานั้นขึ้นมาเมื่อไหร่ อย่าได้มีใครทำให้คนตัวเล็กของผมต้องเสียน้ำตาก็พอ...



++------++















หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 22-12-2008 02:08:10
รอลุ้นกะปัญหา ที่จะเกิด หรือไม่เกิดดี เอาใจช่วยทั้งคู่เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 22-12-2008 02:46:46
เอาใจช่วยทั้งคู่

ให้ผ่ายอุปสรรคนี้ไปให้ได้ :n1:

นะน่ารัก

:กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 22-12-2008 03:12:43

ไม่แ่น่ว่าอะไรๆ อาจจะง่ายกว่าที่คิด

ขอให้ง่ายทีเท้อออออออออ

 :call:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 22-12-2008 07:49:45
ขำป๋อมแป๋ม  พี่ช่วยภาวนาด้วยคน ขอภาวนาให้คุณแม่ของออฟกะนะ เป็นสาววายด้วยเถอะนะ จะได้ยอมรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 22-12-2008 08:03:01
เอาใจช่วยให้ผ่านไปด้วยดี :m13:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 22-12-2008 09:07:24
เข้ามารอลุ้น :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Asahi ที่ 22-12-2008 09:19:10
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-12-2008 09:53:47
ภาวนาเอาใจช่วยคู่นี้ ไม่อยากเห็น นะ ร้องไห้   o9
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 22-12-2008 10:29:31
ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตรักนะจ๊ะ ทั้งอ๊อฟและนะ จะได้ จือดึ๊ด จือดึ๊ด ฉลองกันอีกรอบ  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-12-2008 11:17:09
ขำป๋อมแป๋ม  พี่ช่วยภาวนาด้วยคน ขอภาวนาให้คุณแม่ของออฟกะนะ เป็นสาววายด้วยเถอะนะ จะได้ยอมรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ  :call:


ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตรักนะจ๊ะ ทั้งอ๊อฟและนะ จะได้ จือดึ๊ด จือดึ๊ด ฉลองกันอีกรอบ  :z1:

^
^
^
แว้บเข้ามาขำ สองรีฯนี้ คิดกันไปได้น้อ 5555  :pigha2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 22-12-2008 11:23:37
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

อ่านตอนนี้แล้วกลัวจัง อะป้า มันเหมือนจะเป็นลางไงๆอยู่

แต่จากที่ป้าบอกว่าอีกไม่กี่ตอนก็จะจบ แสดงว่าเรื่องราวคงผ่านไปด้วยดี อิๆ

แล้วจะรออ่านต่อนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 22-12-2008 18:33:18
^
^
ขอให้รีฯ ข้างบนคิดถูกทีเถอะ   :กอด1:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 22-12-2008 20:05:26
“ไม่เอา นอนคนเดียวหนาว ถ้าพี่อ๊อฟยังนั่งอยู่ตรงนี้นะก็จะนอนตรงนี้นี่แหละ”

^
^
อ๋ายยยย...แบบนี้ เด๋วพี่ออฟ ก้อตะบะแตก บ่อยๆหรอก เอิ้กๆ  :laugh:


ไม่แน่นะ ทางบ้าน อาจจะ ทางโปร่ง โล่งสบายก้อด๊ะ อิอิ

แม่ของน้องนะ อาจจะใจดีเกินคาดเดา ก้อได้ ใครจะไปรู้ โนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 22-12-2008 20:25:52
 :z3:  เป็นกำลังใจให้ครับ กอดๆ พี่ริน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 22-12-2008 21:32:28
:o8: :-[
ยังไง ๆ อ่านตอนนี้แล้วก็ยังมีความสุขอ่ะ

แล้วก็แอบชอบตอนนี้ด้วย
อ้างถึง
นะขยับตัวเข้ามาซุกอกผมแล้วไม่นานก็ผล็อยหลับไปจนได้ยินเสียงกรนขึ้นจมูกเบาๆ

มือเล็กที่กำเสื้อผมแน่นทำให้ผมยิ้มก่อนจะโอบคนในอ้อมแขนไว้แล้วหลับตาตามอย่างเหนื่อยอ่อน

รู้สึกหวงแหนช่วงเวลานี้จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากที่บ้านของเราสองคนรู้เรื่องที่เราคบกันแล้วรับไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง


 :call:

ถึงแม้จะเป็นความสุข ที่ไม่รู้ว่าจะทอดยาวไปได้สักแค่ใหนและต้องเผชิญกับอะไร

ที่รออยู่ข้างหน้า    ก็อิ่มใจนะว่ามะ

มาต่อเลยน้าถ้าพร้อม คนรักเรื่องนี้เค้ารอกันอยู่ครับ

ขอบคุณมาก

 :z2: :pig4: :pig4: :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 22-12-2008 21:49:40
ลุ้นคับ


 :กอด1:











 :angry2: ป้าคับถ้าไม่ happy มีเคืองนะเออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 22-12-2008 23:01:21
เหมือนมีลางว่าจะเกิดเรื่องยุ่งๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 23-12-2008 00:15:08
ทุกคนเอาใจช่วยขนาดนี้ถ้าคุณแม่ไม่ยอมรับก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วเน๊อะ(เกี่ยวกันมั้ย...แหะๆๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-12-2008 18:44:01

 :angry2: ป้าคับถ้าไม่ happy มีเคืองนะเออ


 :impress:  เอจะเคืองป้าลงคอเหรอ ใจร้ายยยยยย~~~

ตอนใหม่กำลังกระดึ๊บๆมาอยู่นะค้าทุกคน น่าจะวันสองวันนี้ละ ตอนนี้เคลียร์งานไปได้เยอะแล้ว แถมนายบินไปเยี่ยมบ้านที่ออสเตรเลียยาวกันทั้งคู่ เสร็จป้า ก๊ากก (หวังว่าจะไม่ออนไลน์มาสั่งงานด่วนเอาอะจิ เหอๆ)  


อ่านเม้นต์แล้วมีความสุข คิดถึงคนอ่านทุกคนจ้า   :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 23-12-2008 18:50:09
นานจัง  :z3: อยากอ่านๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-12-2008 23:34:11
มารอตอนต่อไปค่า ขอให้เจ้านายไม่ออนมาสั่งงานทีเถอะ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 24-12-2008 18:30:37
(http://i200.photobucket.com/albums/aa319/teerak_photos/Merry_Christmas_Glitter_Wreath.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 24-12-2008 19:45:15
น้องนะเครียดเลยทีเดียว

สู้ๆ  เอาใจช่วยค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 24-12-2008 20:25:00
(http://img10.glitterfy.com/graphics/332/merry_christmas_bear.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 24-12-2008 22:37:41
(http://i223.photobucket.com/albums/dd277/akapong/newyear/02-12-2008_02.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 25-12-2008 00:05:12
(http://upload.mwake.com/images/VYSiusKUEX.gif) (http://upload.mwake.com/v.php?id=VYSiusKUEX.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 ริ้วคลื่นในใจ (22/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 25-12-2008 09:35:45
(http://th.upload.sanook.com/embed/fa0fac5a262214fbbd3b2ed17cdf5152.gif)
     
" Merry Christmas Krab "
มีความสุขมากๆๆ ครับ ริน
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 & Merry X-Mas! (25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-12-2008 10:26:57
Merry X-Mas & Happy Holidays แด่นักอ่านทุกคนค่า~~

(http://www.profile-comments.com/images/xmas/images/ho-ho-ho-merry-christmas.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 & Merry X-Mas! (25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: ben~ya ที่ 25-12-2008 10:51:55
สุขสันต์วันX'Mas นะป้าคนงาม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 & Merry X-Mas! (25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 25-12-2008 11:25:50
(http://widget.sanook.com/static_content/widget/full/graphic_1/0770/252770/404a5041c81a53c35ffc662c3085f8c0_1228298152.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 & Merry X-Mas! (25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 25-12-2008 12:19:18
Merry X'Mas คราบ ป้า

ขอให้ปีนี้งามขึ้นงามขึ้นน๊า อิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 & Merry X-Mas! (25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-12-2008 12:42:18
(http://i64.photobucket.com/albums/h200/BlackCrescent/Avatar/merry_christmas2.jpg)

Merry X'mas........Best Wishes naka
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 8 & Merry X-Mas! (25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 25-12-2008 17:18:23
แปะไว้ก่อนนะป้านะ เด๋วผมตามอ่าน
 :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 25-12-2008 22:39:11
merry X mas :mc1: มีความสุขกันอย่างทั่วถึงทุกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-12-2008 22:56:38
หวัดดีค้าบมิตรรักนักอ่านทุกคน เทศกาลพิเศษทั้งทีแถมช่วงนี้งานไม่เยอะ แต่ป้าบิ๊วท์อ๊อฟกับนะไปได้แค่ครึ่งตอน เลยขอเข็นตอนพิเศษเป้-วิวมากำนัลเนื่องในวันคริสต์มาสก่อนแล้วกัน แม้จะยังไม่ถึงวาเลนไทน์ แต่ก็ช่างเป็นเทศกาลที่ชวนให้คู่รักสวีทวิ้ดวิ้วกันดีแท้ จริงม้าย (หาเรื่องเอาน้ำตาลมาเพิ่มให้คนอ่านอีกแระ)

Merry Christmas แก่ทุกคนอีกทีจ๊ะ :D  

:L1:  :L1:  :L1:

++------++



ตอนพิเศษ: งานฉลองของสองเรา

บ่ายคล้อยแล้ว ผมเหลือบสายตาอันเมื่อยล้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหม่นเนื่องจากเมฆหนาบดบังพระอาทิตย์ผ่านกระจกหน้าต่าง ก่อนจะหันความสนใจกลับมายังเนื้อหาของหนังสือเรียนที่กางอยู่บนโต๊ะตามเดิม เหลือสอบมิดเทอมอีกวิชาเดียวเท่านั้นผมก็จะได้หยุดพักและเตรียมเก็บกระเป๋ากลับบ้านช่วงปีใหม่เสียที

เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะที่คุ้นเคยเรียกให้ผมลุกไปเปิดเพราะรู้ดีว่าคนที่มารบกวนเวลานี้คือใคร ความจริงเจ้าตัวก็ขอปั๊มกุญแจห้องไปเก็บไว้เองแล้วแท้ๆแต่ทำไมถึงไม่ไขเข้ามาเลยก็ไม่รู้

“เอ้า”

กล่องของขวัญห่อกระดาษสีทองผูกริบบิ้นสีแดงสดที่ถูกยื่นให้ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนยิ้มอยู่หน้าประตูอย่างไม่เข้าใจ

“อะไรเหรอเป้”

พ่อตัวดียิ้ม ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดพลางกดจมูกลงมาที่แก้มแรงๆทีหนึ่ง “เมอร์รีคริสมาสต์ นี่วิวอ่านหนังสือจนลืมไปเลยเหรอ?”

พอโดนทักผมเลยนึกขึ้นได้ วันนี้วันที่ 25 ธันวานี่นา แต่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้สักทีเพราะที่บ้านเป็นพุทธกันหมดแถมอยู่ต่างจังหวัดอีกต่างหาก ไม่เหมือนเป้ที่เคยเรียนโรงเรียนคาธอลิกมาก่อนจึงคุ้นเคยกับเทศกาลเฉลิมฉลองของตะวันตกแบบนี้ดี

“อ้อ ลืมไปเลย งั้นก็...เมอร์รีคริสต์มาส”

เอ่ยไปแล้วก็ให้รู้สึกเขินปนกระดากปากแปลกๆ เพราะผมไม่เคยพูดแบบนี้หรือได้รับของขวัญเทศกาลนี้จากใครมาก่อนในชีวิต นี่เป้ตั้งใจจะขโมยครั้งแรกของผมไปอีกกี่ครั้งกัน?

“แกะของขวัญสิ”

คนตัวโตจูงมือผมไปนั่งที่เตียงแล้วก็คะยั้นคะยอให้แกะห่อของขวัญในมือ น้ำหนักของกล่องไม่มากแต่ก็ไม่เบาเสียทีเดียวจึงเดาไม่ถูกว่าของข้างในเป็นอะไร แต่เมื่อผมปลดริบบิ้นและกระดาษห่อแล้วดึงของที่อยู่ข้างในออกมาก็อดแปลกใจไม่ได้ คนข้างตัวที่รอลุ้นปฏิกิริยาของผมอยู่คลี่ยิ้มให้พลางช่วยหยิบของแต่ละชิ้นออกวางลงบนเตียง

“ชุดนี้เป็นไง? ตอนแรกเป้ก็ดูสูทสีเทาอยู่เหมือนกันแต่คิดว่าวิวน่าจะเหมาะกับสีอ่อนๆแบบนี้มากกว่า เดี๋ยวคืนนี้ใส่ชุดนี้ไปดินเนอร์ด้วยกันนะ”

สิ่งที่วางเรียงอยู่บนเตียงคือชุดสูทผ้าเนื้อดีสีครีมกับรองเท้าหนังสีดำเป็นเงามันและเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ถึงแม้ชื่อยี่ห้อที่เห็นจะไม่คุ้นตาแต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าของขวัญกล่องนี้ต้องมีราคารวมกันเป็นเลขหลายหลักแน่นอน

“เป้ ของฟุ่มเฟือยแบบนี้...”

“อ๊ะๆ ห้ามบ่นนะ นี่น่ะจากบัญชีเงินเก็บของเป้ที่ไปช่วยงานบริษัทพ่อ ทั้งชุดนี่เป้จองไว้นานแล้วแต่เพิ่งไปเอา กะให้วิวใส่คืนนี้โดยเฉพาะเลย”

เจ้าของของขวัญพูดดักทางซะก่อนเพราะรู้ดีว่าผมไม่นิยมการใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ถึงแม้จะรู้ดีว่าฐานะที่บ้านของเป้ดีมากแล้วเจ้าตัวก็ค่อนข้างชินกับการใช้เงินก็เถอะ ว่าแต่ตาคนนี้ลืมอะไรไปหรือเปล่า?

“เป้ เป้สอบเสร็จแล้วก็จริง แต่พรุ่งนี้วิวยังเหลืออีกวิชานึงนะ”

พ่อตัวดีย่นจมูกใส่ผม “จำได้อยู่แล้วน่า แต่ตัวสุดท้ายของวิวมันสอบตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ เป้รู้นะว่าวิวอ่านหนังสือจบไปตั้งหลายรอบแล้ว อย่าลืมสิว่าปีใหม่นี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน คืนนี้ทำหัวโล่งๆแล้วออกไปพักผ่อนสักวันเถอะ”

ทั้งที่ทักไปประโยคเดียวแต่โดนใส่กลับมาเป็นชุดจนผมต้องค้อนคนพูด ก็ไม่ผิดหรอกว่าผมอ่านหนังสือจบไปหลายรอบแล้ว แล้วก็ทั้งที่ปีนี้จะเป็นปีใหม่แรกตั้งแต่เราคบกันมา แต่เนื่องจากครอบครัวของเป้จะพากันไปเยี่ยมพี่ชายคนรองที่กำลังเรียนต่ออยู่ที่อังกฤษในอีกไม่กี่วันนี้ ส่วนผมเองก็ตั้งใจจะกลับบ้านไปใช้เวลากับครอบครัว โปรแกรมเค้าท์ดาวน์สิ้นปีที่เคยคุยกันไว้จึงเป็นอันต้องพับไปโดยปริยาย

พอเห็นผมไม่ตอบ เป้เลยลุกขึ้นแล้วรุนหลังผมเข้าไปในห้องน้ำทั้งที่ผมยังไม่ทันจะเออออด้วยเลย

“เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้บอกซักคำว่าจะไปด้วย”

“ถ้าวิวยังดื้ออีกเป้จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เองแล้วนะ แล้วจะอุ้มลงไปถึงที่รถด้วย จะเอาแบบนั้นมั้ย?”

ไม่ขู่เปล่า มือใหญ่จับชายเสื้อยืดผมแล้วทำท่าจะเลิกขึ้นจริงๆ ผมเลยรีบผลักอกกว้างออกก่อนจะหนีเข้าห้องน้ำปิดประตูลงกลอนอย่างแรง แล้วก็ต้องหันไปตะโกนเสียงดังเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากคนที่ยืนอยู่ข้างนอก

“ไอ้โรคจิต!!”


++------++


สุดท้ายหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็โดนพ่อตัวดีจับเซ็ทผมแล้วก็พาลงไปที่รถจนได้ คนอื่นๆในหอหันมามองผมด้วยความสนใจเนื่องจากเสื้อผ้าที่ใส่อยู่จนต้องเร่งฝีเท้านำคนเจ้ากี้เจ้าการไปที่รถ เสื้อสูทสีดำของเป้แขวนอยู่ที่ด้านหลัง เจ้าตัวที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงสแล็คเลยดูไม่เป็นเป้าสายตามากเท่าผมที่ใส่สูทเต็มยศ ยังดีว่าไม่ต้องผูกเน็คไทไม่งั้นคงยิ่งเรียกร้องความสนใจมากขึ้นไปอีกเพราะใครๆในหอก็รู้ว่าผมยังเป็นนักศึกษาอยู่

หลังเข้านั่งประจำที่ตัวเองและดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดแล้วเป้ก็หันมามองผม พลันมือใหญ่ก็เอื้อมมาแถวปกเสื้อจนผมต้องรีบคว้าไว้ด้วยความตกใจ จะทำอะไรในรถกลางลานจอดแบบนี้เนี่ย!?

“อะไร คิดว่าเป้จะทำอะไร แค่จะปลดกระดุมให้เอง วิวเล่นติดซะครบทุกเม็ดแบบนั้นไม่อึดอัดมั่งเหรอ”

เจ้าของใบหน้าคมยิ้มทะเล้นแต่นัยน์ตาไม่ได้ไปทางเดียวกับคำพูดจนผมต้องทำตาดุใส่ แต่เจ้าตัวก็เพียงจับคอเสื้อผมแบะออกหลังปลดกระดุมเม็ดบนให้ นิ้วแข็งแรงยื่นมาเกี่ยวสร้อยเงินซึ่งห้อยแหวนที่เป้เคยให้เมื่อตอนวันเกิดออกมานอกเสื้อเชิ้ตแล้วก็จับพลิกดูไปมา

“แฟนอุตส่าห์ซื้อให้ทั้งทีก็เอาออกมาโชว์มั่งสิ  เค้าจะได้รู้ว่าคนนี้น่ะมีเจ้าของแล้ว”

คนตัวโตพูดแล้วก็หันไปสตาร์ทรถก่อนจะออกตัวจากลานจอด ประโยคเมื่อกี้ทำเอาผมรู้สึกร้อนวาบที่หน้าจนต้องหันไปมองนอกหน้าต่างฝั่งตัวเองแทน รู้สึกหมั่นไส้คนขับรถที่หัวเราะในคอขึ้นมาติดหมัด เป้ยื่นมือมาจับมือผมไปกุมไว้หลังเราออกมาถึงถนนใหญ่แต่ผมไม่ได้ชักมือหนี

“ว่าแต่ นี่จะพาไปดินเนอร์ที่ไหน ทำไมต้องแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้”

ผมหันไปถามหลังเราออกมาจากหอได้สักพักและผมเริ่มเบื่อกับภาพการจราจรที่ติดขัดด้านนอกรถ เป้หันมาเลิกคิ้วมองผมแวบหนึ่งแล้วก็หันกลับไปมองถนนต่อ “นึกว่าจะไม่ถามซะอีก พอดีที่นี่เค้าบังคับเดรสโค้ดน่ะ ทนแป๊บนึง เดี๋ยวผ่านไฟแดงหน้าก็ถึงแล้ว”

จบประโยคไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี เป้เร่งเกียร์ผ่านสี่แยกตรงไปถนนใหญ่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นย่านที่เรียงรายไปด้วยโรงแรมชื่อดังก่อนจะหักเลี้ยวเข้าชั้นใต้ดินของโรงแรมแห่งหนึ่ง ผมหันขึ้นไปมองโดมสีทองบนดาดฟ้าโรงแรมที่ถูกอาบไล้ด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็นแล้วก็อดหันไปมองคนข้างตัวที่กำลังฮัมเพลงตามเสียงเพลงในวิทยุไม่ได้ พวกลูกคุณหนูนี่ช่างสรรหาสถานที่เปลี่ยนบรรยากาศกันเสียจริงๆ

เป้เดินนำผมออกจากลิฟต์ไปยังชั้นลอยซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารชื่อดังที่ขึ้นชื่อทั้งเรื่องรสชาติอาหารและราคา ผมเคยได้ยินเพื่อนๆพูดถึงร้านนี้อยู่บ้างจึงเพิ่งเข้าใจว่าทำไมต้องใส่สูท คนตัวโตเดินนำผมผ่านโต๊ะที่จองไว้ไปยังโซนของบาร์ซึ่งทอดตัวแยกออกจากโซนสำหรับทานอาหาร รอบด้านของบาร์รูปครึ่งวงกลมกรุไว้ด้วยกระจกใสที่สูงขึ้นมาเหนือระดับเอวเล็กน้อยทำให้ดูราวกับลอยอยู่กลางอากาศ ส่วนเคาน์เตอร์บาร์ทรงกลมที่ตั้งอยู่ตรงกลางก็ซ่อนไฟที่เปลี่ยนสีได้เอาไว้ทำให้ดูโดดเด่นจับสายตา

ลมบนดาดฟ้าชั้นที่ห้าสิบกว่าในช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกค่อนข้างแรง ผมยืนเท้าราวระเบียงซึ่งเป็นกระจกใสทว่าได้รับการติดตั้งอย่างแข็งแรงแล้วก็กวาดตามองทิวทัศน์โดยรอบ ทุกอย่างดูน่าตื่นตาไปหมดเพราะผมไม่เคยได้ขึ้นมาบนอาคารสูงกลางกรุงแบบนี้มาก่อน

มือใหญ่ข้างหนึ่งแตะที่เอวด้านหลังจนผมสะดุ้งก่อนจะได้ยินเสียงห้าวที่คุ้นเคยกระซิบใกล้หู “ชอบมั้ย จากบนนี้เห็นพระอาทิตย์ตกชัดดีนะ มองเห็นมหา’ลัยเราได้ด้วย”

ลมหายใจของคนตัวโตที่ระอยู่ข้างแก้มเหมือนจะถ่ายทอดความอบอุ่นมาที่ผิวหน้า ผมหันไปยิ้มตอบพ่อคนจอมวางแผนก่อนจะก้มลงมองมือตัวเองที่เกาะราวอยู่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้

“เอ่อ...เป้ วิวขอโทษนะ”

“หืม? ขอโทษเรื่องอะไร?”

มือใหญ่บีบมือผมที่จับราวระเบียงอยู่ ผมเลยเหลือบตาขึ้นสบกับเจ้าของใบหน้าคมที่กำลังขมวดคิ้วมองผมอย่างกังวล “ก็เป้อุตส่าห์ซื้อสูทให้ แถมยังจองร้านหรูขนาดนี้ให้เราสองคนมาทานข้าวด้วยกัน แต่วิวไม่ได้คิดเตรียมอะไรไว้ให้เป้เลยสักอย่าง”

“โธ่เอ๊ย! นึกว่าเรื่องอะไร”

เป้ยิ้มโล่งอกก่อนจะดึงมือผมไปแล้วประทับริมฝีปากลงที่หลังมืออย่างแผ่วเบา “ไม่เห็นต้องคิดมากเลย วิวยอมตามใจเป้วันนี้ก็เป็นของขวัญพอแล้ว”

นัยน์ตาวิบวับที่มองตรงมาทำเอาผมต้องรีบชักมือกลับแล้วขยับตัวออกห่างคนพูด สายตาที่ส่งมาให้สื่อความหมายชัดเจนจนรู้ได้จากประสบการณ์ว่าถ้ายังยืนอยู่ข้างแฟนตัวเองล่ะก็แขกคนอื่นๆได้ดูหนังสดประกอบดินเนอร์แน่

“ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า คืนนี้ยังอีกยาว เป้ไม่ยอมให้วิวกลับหอหรอกนะ เปิดห้องสวีทไว้แล้ว”

คนเป็นเจ้ามือทิ้งท้ายยิ้มๆก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะที่จองไว้ ผมมองตามแผ่นหลังกว้างแล้วก็ให้นึกอยากถองพ่อคุณชายจอมเอาแต่ใจขึ้นมา คิดดูแล้วก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองตกลงยอมเป็นแฟนกับตาหื่นแบบนี้ได้ยังไง ตอนที่เรายังไม่ได้คบกันเป้ดูเป็นคนนิ่งเฉยจนเกือบเหมือนจะหยิ่งด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ผมตามใจมากเกินไปหรือเปล่าพักหลังๆนี้พ่อเจ้าประคุณถึงชักได้ใจมากขึ้นทุกที


++------++


หลังจบมื้อค่ำที่เต็มไปด้วยอาหารคอร์สรสชาติไม่คุ้นลิ้นและไวน์แดงที่ทำให้ผมเริ่มจะมึนหัวนิดหน่อย เป้ก็ทำให้ผมประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวพาไปห้องพักที่จองไว้ซึ่งมีระเบียงสำหรับเปิดรับสายลมเย็นและชมทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องให้ใครบอกก็พอจะเดาได้ว่าห้องตำแหน่งพิเศษในคืนเทศกาลอย่างนี้คงต้องถูกจองล่วงหน้านานพอสมควรทีเดียว

เตียงใหญ่กลางห้องซึ่งมีผ้าห่มนวมสีขาวสะอาดคลุมอยู่ทำให้ผมรีบเบนสายตาแล้วก้าวออกไปที่ระเบียง ภาพแม่น้ำสายหลักของเมืองหลวงที่คดเคี้ยวและทอดยาวสุดสายตาตัดกับสะพานข้ามแม่น้ำเป็นระยะและแสงไฟจากบ้านเรือนที่แผ่ตัวออกบรรจบกับผืนฟ้าสีเข้มดึงดูดสายตาให้มองได้ไม่รู้เบื่อ แต่ขณะที่กำลังเพลินอยู่กับการมองภาพกรุงเทพฯจากมุมที่ไม่เคยเห็น ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่ออ้อมแขนใหญ่เข้ามาโอบรัดจากข้างหลัง ริมฝีปากอุ่นก้มลงคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอจนขนอ่อนที่ท้ายทอยลุกชัน แต่พอจะหันกลับไปแขนแกร่งสองข้างก็หมุนตัวผมเข้าหาก่อนริมฝีปากหยุ่นจะบดเบียดลงกับริมฝีปากผมอย่างร้อนแรงจนผมทำให้แทบสำลัก

“เป้...อื๊อ”

ผมหลุดปากได้เพียงคำเดียว มือแข็งแรงก็ประคองที่ท้ายทอยก่อนใบหน้าคมจะหันเปลี่ยนมุม ลิ้นอุ่นที่เจือด้วยรสไวน์แดงจางๆรุกไล้อย่างดื้อดึงและเร่งเร้าทำให้ผมต้องเผยอปากรับอย่างขัดขืนไม่ได้ แม้จูบนั้นจะเร่าร้อนแต่ในขณะเดียวกันก็อ่อนโยนและเรียกร้องการสนองตอบ ความหวามหวานที่ได้รับแล่นพล่านไปทั่วร่างจนรู้สึกว่าขาสองข้างอ่อนยวบแทบยืนไม่อยู่หากไม่ยึดเกาะบ่ากว้างตรงหน้าไว้

ผมไม่รู้ว่าตัวเองโดนอีกฝ่ายตักตวงความหวานจากตัวเองไปนานแค่ไหน กว่าจะรู้ตัวอีกทีริมฝีปากก็เริ่มชาจากการถูกจูบบดเบียดซ้ำๆ เป้เม้มริมฝีปากล่างผมแผ่วเบาก่อนจะไล่จูบขึ้นไปที่เปลือกตาและหน้าผาก ทั้งที่ลมตรงระเบียงไม่ได้แรงนักและผมยังอยู่ในเสื้อสูทแต่ก็ยังรู้สึกว่าร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“ชื่นใจละ ตอนอยู่ที่บาร์ต้องอดทนแทบแย่”

คนตัวโตกว่าพูดแล้วก็กดคอผมให้ซุกหน้าลงกับบ่าตัวเอง ผมพยายามปรับลมหายใจที่หอบระรัวให้เป็นปกติก่อนจะเอื้อมแขนไปโอบรอบเอวอีกฝ่ายตอบอย่างช้าๆ อย่างน้อยเสียงหัวใจที่เต้นแรงคงถ่ายทอดให้เป้รับรู้ได้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกอย่างไรมากกว่าการบอกออกมาเป็นคำพูด

“เสียดายจัง ปีใหม่ทั้งทีเป้กลับต้องไปเยี่ยมพี่ชายกับที่บ้าน”

เสียงห้าวทุ้มเอ่ยขึ้นตามด้วยเสียงถอนหายใจ ผมหัวเราะก่อนจะถอยออกแล้วยิ้มให้คนรักที่ทำหน้าเหงาๆ แต่กลับดูแล้วน่าหมั่นไส้มากกว่า

“ไม่เห็นเป็นไร ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันช่วงปีใหม่แต่เป้ก็ใช้เวลาอยู่กับวิวมากกว่าที่บ้านอยู่แล้ว สิ้นปีทั้งทีได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวบ้างก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

ผมไล้ปลายนิ้วบนผิวแก้มของคนตรงหน้า เป้เลยจับมือผมยึดไว้ให้แนบแก้มตัวเองแล้วก็หลับตาลง พอเห็นผู้ชายตัวโตๆทำท่าอ้อนอย่างนี้ก็อดจะยิ้มไม่ได้ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นผู้ชายที่ชื่อภูริปรัชญ์คือคนที่มีความเป็นผู้นำ เจ้าคารมและพึ่งพาได้ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าผมเท่านั้นที่เป้จะยอมเผยอีกด้านที่เหมือนเด็กชายตัวน้อยผู้โหยหาความรักและการเอาใจใส่ออกมา พอคิดว่าตัวเองเป็นที่วางใจของคนที่ใครๆก็อยากอยู่เคียงข้างแล้วก็อดจะรู้สึกว่าหัวใจพองโตจนคับอกไม่ได้

เรายืนนิ่งในอ้อมแขนของกันและกันได้ไม่นานนัก มือร้อนที่โอบผมอยู่ก็เริ่มขยับและลากเลื้อยเข้าไปใต้เสื้อสูทเนื้อดีที่ตัวเองเป็นคนเลือกมาให้ ผมหลับตาแล้วแกล้งทำเป็นปิดปากหาวก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้อง

“เป้ วิวง่วงนอนแล้วล่ะ”

ไม่มีทางที่คำพูดแค่นี้จะหยุดคุณชายได้ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าไล่ตามมาประชิดแล้วจู่ๆก็โดนอ้อมแขนแข็งแรงช้อนอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้นทั้งที่เพิ่งเดินหนีได้ไม่กี่ก้าว

“เฮ้ย!!”

ผมเผลอร้องอย่างตกใจเมื่ออีกฝ่ายโยนผมลงบนเตียงไม่เบานักก่อนร่างสูงใหญ่จะทาบทับตามลงมา พอพยายามจะดิ้นหนีข้อมือทั้งสองข้างก็โดนยึดแล้วกดลงกับเตียงแน่นจนสะบัดไม่หลุด ผมตวัดสายตาขึ้นมองใบหน้าคมที่กำลังส่งยิ้มกวนให้อย่างฉุนๆ

“ไปหัดมาจากไหนฮึ ยั่วกันอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ อยากเห็นแฟนอกแตกตายรึไงครับ”

เป้พูดไปก็เบียดร่างกายท่อนล่างของตัวเองลงกับหน้าขาของผมจนลมหายใจสะดุด ไม่ต้องให้เจ้าตัวพูดซ้ำก็รู้ว่าค่ำคืนนี้จะจบลงในรูปแบบไหน

“เค้าว่าการที่ผู้ชายซื้อเสื้อผ้าให้แฟนก็เพื่อจะได้เป็นคนถอดให้ งั้นเป้ไม่เกรงใจล่ะนะ”

มือแกร่งข้างหนึ่งละจากมือผมแล้วไล้เข้าไปคลึงเบาๆบนยอดอกผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อนิ่ม ขณะที่ลิ้นอุ่นไล้เลียที่ติ่งหูอย่างหยอกเย้าจนผมต้องหลับตาปี๋ ท่าทางคืนนี้เป้คงไม่เกรงใจผมทั้งคืนแน่ๆ

ไหนๆก็ตกกระไดพลอยโจนมาจนถึงขนาดนี้ ยอมตามใจคุณชายเค้าหน่อยแล้วกัน...


++------++












หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 25-12-2008 23:08:39
 :o8:อืมมมมม...หวานจริงๆจ้า...ชอบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 25-12-2008 23:23:24
 :man1: กอดป้าแน่นๆๆ แล้วก็ :จุ๊บๆ: ป้าสักสองสามที


ขอบคุงค๊าบบสำหรับความหวาน







ปล. แน่จริงหวานอีกเซ่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-12-2008 23:36:00
:man1: กอดป้าแน่นๆๆ แล้วก็ :จุ๊บๆ: ป้าสักสองสามที

ขอบคุงค๊าบบสำหรับความหวาน


ปล. แน่จริงหวานอีกเซ่

^
^
^
อย่าท้านะเอ เดี๋ยวบ้าจี้ตามให้ซะหรอก ยิ่งยุขึ้นอยู่ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 25-12-2008 23:44:56
^
^
^


หวานๆหื่นๆ นะป้า


ไอ้เอชอบ กิ้ววววววววววววววววววววว :z2:



ปล. อย่าลืมเน้ออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: BeePed ที่ 25-12-2008 23:54:52
หวานมากก


แต่อยากอ่าน.........ฉากบนเตียงอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 26-12-2008 00:55:28
^
^
^
bpแค่คุยกับbbยังไม่พอหรอค่ะ

ถึงมาขอในทู้ต่อ  :laugh:

หวานไปไหนนนนนนนนน เป้ วิว  :haun4:
 
:กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 26-12-2008 01:02:32
หวานรับคืน คริสต์มาส    :-[

หวานกัยจริงๆด้วย คู่นี้  แต่เป้ แอบหื่น หรือหื่นจริงๆหว่า เอิ้กๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-12-2008 01:03:30
แหมป้าเขียนซะ

หวานจับใจ จนน่าอิจฉา วิว จริงจรีง เลย

ซักอยากอ่าน ตอนแบบนี้ของนะ กับ อ็อฟ บ้างละ อิๆ

ท่าทาง นะ คงอายแบบสุดๆเลย

แล้วจะรออ่านตอนต่อน๊า ป้า

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 26-12-2008 07:05:31
หวานมากกกก สมกะที่รอคอย  :3123:

ขออีกคู่หวานอย่าให้แพ้กันเลยนะคะ  :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 26-12-2008 11:07:08
ให้ถอดแล้วไง ไม่ให้ถอดแล้วไง ทำไมไม่บอกให้ จอ โอะ บอ  :jul3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-12-2008 11:10:40
^
^
^

เอ่อเนอะ ลืม แหะๆ

ทิ้งไว้ให้คนอ่านใช้จินตนาการต่อเติมได้ไงจ๊ะ   :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 26-12-2008 11:46:23
หวานได้อีกค่ะ :m1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 26-12-2008 12:27:21
ตัดฉับ แบบไม่เกรงใจคนอ่านเลย
โห ตอนพิเศษ วันปีใหม่ก็คงไม่มีคู่นี้ให้อ่านแล้วซิ แง่ๆ
รอ อ๊อฟ กับ นะ ก็ได้  :o8:

 :bye2:
Edited:แก้คำผิดคับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-12-2008 15:05:52
คู่นี้น่ารักตลอดเลย  ว่าแต่  เป้ไม่เกรงใจ  แล้วไงต่ออะค่ะ  เค้าอยากรู้   :z1:


Merry Christmas & Best wishes to you all naka
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 26-12-2008 15:43:14
อร๊ายยยยยย

เป้น่ารักจัง :n1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 26-12-2008 23:12:42
 :call:ขอให้เข้าใจง่ายดีเทอด
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน (ลำนำฯตอนพิเศษ เป้-วิว ฉลองคริสต์มาส:25/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-12-2008 10:18:57

คุณป้าบีบีคับ
แบบว่าเป็นคนจินตนาการน้อย
เลยอยากให้เล่าหน่อยว่าฉากต่อไปเป็นยังไง
 o18

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-12-2008 00:16:39
แฮ่กๆ ตอนใหม่มาแล้วจ้า อยากบอกว่าตอนนี้อีโมตัวนี้โดนใจมากๆเลย สะท้อนภาพคนเขียนสุดๆ วะฮะฮ่า --> :z13:

ส่วนใครที่รอติดตามพี่อ๊อฟน้องนะอยู่ ก็เลื่อนลงไปอ่านข้างล่างเลยคับ หวังว่าจะยาวสะใจสมกับที่หายไปนานเน้  :really2:


++------++



ตอนที่ 9: คนสำคัญกับน้ำตา


“เป็นไงมั่งวะอ๊อฟ หน้าซีดเชียวมึง”


ผมก้าวออกจากห้องสอบอย่างหมดแรงก่อนจะทิ้งตัวลงข้างคนถามบนม้านั่งติดระเบียง เป้ทำข้อสอบเสร็จก่อนและออกมานั่งรออยู่นานแล้ว มือแข็งแรงยื่นขวดน้ำที่ตัวเองดื่มค้างไว้ให้ผมจึงรับมาดื่มอย่างกระหาย หางตาเหลือบไปเห็นขวดน้ำอีกขวดที่ยังไม่ได้เปิดฝาซีลตั้งอยู่ข้างๆ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าขวดนั้นเพื่อนซื้อไว้ให้ใคร

“คงเพราะเมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อยว่ะ ดีนะเนี่ยว่านี่วิชาสุดท้ายแล้ว”

ผมเทน้ำจากขวดหน่อยหนึ่งลงบนฝ่ามือแล้ววักขึ้นลูบหน้า เป้รับขวดน้ำกลับไปแล้วก็หัวเราะ “อะไรของมึงวะ กูเห็นคนอื่นสอบเสร็จมีแต่จะโล่งอก มีแต่มึงเนี่ยอึมครึมมาเชียว เพิ่งมิดเทอมเองโว้ยอย่าคิดมาก เดี๋ยววิวออกมาแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า”

“ก็ดีเหมือนกัน เมื่อกลางวันกูไม่ค่อยได้กินอะไร แสบท้องชิบ”

ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับหน้าตัวเองก่อนจะมองไปรอบๆ เหลืออีกประมาณสิบห้านาทีจะหมดเวลาสอบ รอบตัวเราสองคนจอแจไปด้วยเสียงถามไถ่กันเกี่ยวกับเรื่องข้อสอบที่เพิ่งทำเสร็จไปบ้าง เรื่องแผนนัดปาร์ตี้เลี้ยงฉลองบ้าง เรื่องสถานที่ที่จะไปเที่ยวเคานท์ดาวน์บ้าง และแล้วก่อนจะหมดเวลาสอบไม่นานนักคนที่รออยู่ก็เปิดประตูห้องสอบออกมา ผมกับเป้จึงพากันลุกเพื่อเตรียมย้ายที่

“แล้วตกลงทำข้อสอบได้มั้ยอ๊อฟ”

วิวหันมาถามผมระหว่างเดินลงจากตึกคณะ เพราะก่อนเข้าห้องสอบเราสามคนนั่งติวด้วยกันจนถึงนาทีสุดท้าย หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือผมขอให้วิวช่วยติวให้ ส่วนเป้เพียงนั่งฟังเหมือนให้ผ่านหู เพราะเพื่อนผมเป็นคนความจำค่อนข้างดีเลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าผมที่ชอบสับสนเรื่องทฤษฎีอยู่เรื่อย

“ก็พอไหว ขอบคุณมากนะวิว สองข้อสุดท้ายถ้าไม่เพราะวิวสรุปให้เมื่อกลางวันเราเขียนคำตอบไม่ออกแหงๆ”

“ไม่เป็นไร ว่าแต่วันนี้น้องนะไม่มาเหรอ”

“วันนี้นะหยุด แต่พรุ่งนี้มีสอบวันสุดท้าย เลยไปติวหนังสือที่บ้านเพื่อนตั้งแต่เช้าแล้ว”

ผมรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสั่น พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าพ่อหนูน้อยของตัวเองโทรมา

“เฮ้ยเป้ เดี๋ยวกูตามไปที่ร้านนะ ขอรับโทรศัพท์ก่อน”

“โอเค เจอกันชั้นสองเลยแล้วกัน”

เป้ชี้ไปที่ร้านอาหารติดแอร์เยื้องกับประตูมหาวิทยาลัย ผมจึงพยักหน้าให้ก่อนจะรั้งอยู่ที่ม้านั่งใกล้กับประตูทางออกแล้วกดรับโทรศัพท์ที่ยังสั่นไม่หยุด

“ไงครับ นะ”

“เป็นไงบ้างพี่อ๊อฟ ทำข้อสอบได้หรือเปล่า?”

เสียงที่ถามผ่านหูโทรศัพท์เจือด้วยความตื่นเต้นจนผมต้องยิ้ม ความรู้สึกอ่อนเพลียที่ตกค้างอยู่ในตัวเมื่อครู่เหมือนโดนพลังงานของอีกฝ่ายหลั่งไหลเข้ามาแทนที่จนร่างกายเบาขึ้นแทบจะทันตา ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าความรู้สึกอบอุ่นหัวใจของการมีคนคอยเป็นห่วงในเรื่องจุกจิกแบบนี้เป็นยังไง

“ก็น่าจะทำได้เพราะพี่วิวเค้าช่วยติวเข้มให้ นะล่ะติวหนังสือกับเพื่อนไปถึงไหนแล้ว?”

“ก็เกือบจบบทที่อาจารย์บอกไว้แล้ว ตอนนี้เลยพากันเบรกแล้วสั่งพิซซามากินกันก่อน ว่าแต่คืนนี้พี่อ๊อฟจะกลับหอค่ำหรือเปล่า?”

ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาแล้วก็เห็นว่าเพิ่งจะบ่ายแก่ๆเท่านั้น “คงไม่ค่ำหรอก เดี๋ยวพี่กินข้าวกับเพื่อนแล้วคงกลับเลย ไม่เกินหกโมงก็น่าจะถึงหอ แล้วนะจะกลับกี่โมง”

“นะกะว่าติวกันเสร็จเมื่อไหร่ก็จะกลับ แต่เชนบอกว่าจะขับรถไปส่งให้ที่หอ...อ้าวเชน ขอบคุณนะ ที่จริงเดี๋ยวเราไปหยิบเองก็ได้”

ชื่อที่ได้ยินกระตุกความทรงจำส่วนลึกขึ้นมา ชื่อของคนที่นะเรียกคุ้นราวกับเคยผ่านหูมาก่อน แต่สถานที่ที่คนตัวเล็กบอกว่าจะไปติวหนังสือวันนี้คือบ้านของเพื่อนที่ชื่อกิ๊ฟท์นี่นา

“นะ เชนนี่ใคร?”

“หือ? ก็เพื่อนที่มาติวหนังสือด้วยกันที่บ้านกิ๊ฟท์นี่แหละ ความจริงคืนนี้คนอื่นเค้าจะค้างกันที่นี่ด้วยนะ แต่นะจะกลับหอ เชนเลยอาสาจะขับรถไปส่งเพราะเคยไปแล้วทีนึง”

“ใช่คนที่เคยมาส่งคืนที่นะเมามากๆตอนนั้นหรือเปล่า?”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด “เอ่อ...ใช่ เชนน่ะแหละ เพราะปกตินะไม่เคยให้เพื่อนไปส่งที่หอ”

คำตอบที่ได้ทำเอาต่อมโมโหพุ่งปรี๊ด ไม่ใช่ว่าผมโมโหแฟนตัวเอง แต่โมโหไอ้เด็กบ้านั่นต่างหาก

“ไม่ต้องให้เชนมาส่ง บ้านกิ๊ฟท์อยู่แถวไหน เดี๋ยวคืนนี้พี่ไปรับเอง”

“เอ๋?  แต่บ้านกิ๊ฟท์ไกลหอเรามากเลยนะพี่อ๊อฟ เปลืองค่าแท็กซี่เปล่าๆ”

คนตัวเล็กแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ จะด้วยเกรงใจหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ใครจะไปยอมปล่อยแฟนตัวเองเข้าปากเสือง่ายๆกันเล่า!

“ไม่เป็นไรหรอก บอกมาแล้วกันว่าแถวไหน เดี๋ยวใกล้ถึงเมื่อไหร่พี่จะโทรหาอีกที”

ผมจดบ้านเลขที่กับถนนตามที่อีกฝ่ายบอกลงสมุดก่อนจะกำชับอีกครั้งว่าให้รอผมไปรับ ใครจะว่าเป็นโรควิตกจริตก็ยอมล่ะ ในหัวผมยังจำสายตาโลมเลียที่ไอ้หนุ่มหน้าตี๋ใช้มองนะคืนที่เราทะเลาะกันเพราะคนตัวเล็กเข้าใจผมผิดได้แม่น พอคิดว่าถ้าคืนนั้นผมไม่วิ่งลงไปขวางไว้ก่อนจะเกิดอะไรขึ้นทีหลังก็ยิ่งนึกเหม็นหน้าเพื่อนร่วมคณะของแฟนตัวเองมากเข้าไปอีก

ผมเกี่ยวสายกระเป๋าขึ้นสะพายก่อนจะตามไปสมทบเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งรออยู่ที่ร้านอาหาร เป้หันมาทักเมื่อเห็นผมเดินพ้นขอบบันไดขึ้นไปที่ชั้นสอง

“ไงวะ รอตั้งนานจนนึกว่าหนีกลับไปแล้วซะอีก”

“โทษที พอดีคุยธุระอยู่”

ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าตึง เสียงก็ห้วนทั้งที่พยายามจะทำบังคับให้เป็นปกติเพราะเป้เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างสงสัย ผมหันไปรับเมนูจากพนักงานเสิร์ฟแล้วก็จิ้มที่รูปอาหารจานเดียวแบบส่งๆไปก่อนจะหันไปมองด้านนอกร้าน หูได้ยินเสียงเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสองคุยอะไรกันแว่วๆแต่ยังไม่อยู่ในอารมณ์จะร่วมวงสนทนาด้วยเลยไม่ได้หันไปสนใจ

“เฮ้ยอ๊อฟ...อ๊อฟเว้ย...ไอ้อ๊อฟ!”

“หือ? มีอะไรวะเรียกซะดัง นั่งอยู่ใกล้กันแค่นี้” ผมสะดุ้งหันไปตามเสียงเรียกของเพื่อนตัวเองทั้งที่นั่งห่างกันแค่ระยะโต๊ะกั้น เป้มองผมอย่างระอาใจหน่อยๆ

“ก็เรียกตั้งหลายครั้งแล้วมึงไม่หันมาเองนี่ ไม่กินข้าวรึไงวะ เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอก”

พอโดนทักผมถึงได้สังเกตว่าอาหารของตัวเองวางอยู่ตรงหน้า จะว่าไปตอนที่สั่งก็ไม่ทันได้ดูรูปในเมนูด้วยซ้ำว่าตัวเองชี้ภาพไหนไป เลยได้ข้าวผัดอเมริกันมาทั้งที่ผมไม่ค่อยชอบลูกเกดแท้ๆ

“อ๊อฟ เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเหม่อๆพิกล”

“เปล่าหรอกวิว พอดีเพลียเพราะเมื่อคืนอ่านหนังสือดึกน่ะ”

ผมพยายามตัดบทเพื่อไม่ให้เพื่อนทั้งสองต้องเป็นกังวลขณะเขี่ยลูกเกดออกจากข้าวผัดไปด้วย การเอาเรื่องขุ่นข้องหมองใจของตัวเองมาแบ่งปันให้เพื่อนฟังไม่ใช่นิสัยผม และโชคดีที่ทั้งสองคนก็ไม่ถามอะไรซอกแซกแม้สีหน้าจะยังแสดงอาการสงสัยพฤติกรรมของผมอยู่ก็ตาม

ขณะกำลังตักข้าวเข้าปากความคิดหนึ่งก็วาบขึ้นในหัวจนทำให้นึกอยากเสยตัวเองที่ไม่คิดออกให้เร็วกว่านี้ ผมทำแบบนั้นก็ได้นี่นา ติดอยู่แต่ว่าเจ้าตัวจะให้ความร่วมมือหรือเปล่าก็เท่านั้น...

“เฮ้ยเป้ คืนนี้มีแผนจะไปไหนหรือเปล่า”

คนโดนถามเหลือบตาขึ้นจากจานข้าวตัวเองแล้วมองผมงงๆ “ก็เปล่า ว่าจะกลับไปหอกับวิว แต่หลังจากนั้นยังไม่ได้วางแผนจะไปไหน ทำไมวะ”

“งั้นก็พอดีเลย ถ้ามึงไม่ว่าอะไรกูขอยืมรถหน่อยสิ”

พอหลุดปากขอไปแล้วก็ให้กลั้นใจรอคำตอบ เป้เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมองผมอย่างมีคำถาม

“มีอะไรหรือเปล่าวะอ๊อฟ ถ้าอยากไปไหนเดี๋ยวกูขับไปส่งให้ก็ได้นะ”

“เฮ่ย...เรื่องส่วนตัวว่ะ แล้วก็ถ้าเป็นไปได้กูอยากเป็นคนขับเองมากกว่า”

ผมอึกอัก ความจริงก็รู้ตัวดีว่าเสียมารยาทที่ไม่บอกเหตุผล แต่ถ้าไม่ยืมเพื่อนสนิทคนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปขอยืมของสำคัญแบบนี้จากใครได้อีก

“พอดีมีเรื่องจำเป็นต้องใช้จริงๆ ขอยืมแค่คืนนี้เท่านั้นแหละ ได้มั้ยวะเป้”

เป้กอดอกมองตาผมนิ่ง แต่ไม่นานใบหน้าคมก็ยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเวลานึกสนุก ตามมาด้วยประโยคที่ทำให้ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะยิ้มออกบ้าง

“ตั้งแต่ถอยคันนี้มากูยังไม่เคยยอมให้ใครแตะพวงมาลัยเลยนะ แต่เอาเถอะ นี่ให้ยืมเพราะเห็นว่าเป็นมึงหรอกนะอ๊อฟ อย่าให้รถกูมีรอยก็แล้วกัน”


++------++


หลังทานข้าวเสร็จเป้ขอพาวิวกลับหอก่อน หลังจากเลี้ยวรถเข้าเทียบหน้าหอพักขนาดความสูงสิบชั้นในย่านที่ค่อนข้างเงียบสงบกว่าหอของผม เป้ก็ดับเครื่องก่อนจะเดินลงไปหยิบของของตัวเองกับวิวออกจากกระโปรงท้ายรถแล้วหันมายื่นกุญแจให้พลางสำทับยิ้มๆ

“ยังไงเอามาคืนก่อนเที่ยงพรุ่งนี้แล้วกัน ขับรถระวังล่ะมึง”

ผมโบกมือให้ทั้งสองคนแล้วก็นึกขอบคุณที่ทั้งคู่ไม่ถามเซ้าซี้ว่าผมยืมรถไปเพื่ออะไร ทั้งที่ถ้าได้รู้แล้วอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระก็ได้ อันที่จริงผมจะนั่งแท็กซี่ไปเลยก็ได้อยู่ แต่แค่ได้ยินว่ามีผู้ชายคนอื่นอาสาจะขับรถมาส่งพ่อหนูน้อยของผมเท่านั้นเส้นประสาทก็เหมือนจะขาดผึงขึ้นมาทันที

เอาวะ ให้มันรู้กันไปว่าถึงจะไม่มีรถของตัวเองผมก็ยืมรถคนอื่นไปรับแฟนได้เหมือนกัน!

ผมเปิดประตูขึ้นนั่งที่คนขับแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นกดถามเส้นทางจากนะอีกรอบหนึ่ง น้ำเสียงของคนตัวเล็กที่แสดงความตื่นเต้นเมื่อได้รู้ว่าผมจะขับรถไปรับทำให้อดยิ้มไม่ได้

“ถึงถนนตัดใหม่แล้วขึ้นวงแหวน...จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงสะพานลอยที่สาม...แล้วพอเข้าหมู่บ้านแล้วไปยังไงต่อ...ซอยสิบเอ็ดหลังแรกทางขวามือ ได้ๆ ถ้าหาไม่เจอเดี๋ยวพี่โทรไปอีกที แล้วเจอกันครับ”

ผมกดตัดสายโทรศัพท์ก่อนจะถอยรถออกจากลานจอด โชคดีว่าปกติเวลากลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดผมจะเป็นสารถีพาแม่ไปซื้อของหรือทำธุระอยู่แล้วทำให้ค่อนข้างคุ้นกับการขับรถ ต่างกันตรงที่รถของแม่ผมเป็นรถโคโรลลาอายุการใช้งานมากกว่าสิบปี ขณะที่รถยาริสของเป้เพิ่งโดนเจ้าของถอยมาแค่ปีกว่า เวลาขับเลยอดเกร็งไม่ได้เพราะถ้าโดนเฉี่ยวเป็นริ้วรอยอะไรขึ้นมาผมคงมองหน้าเพื่อนไม่ติดแน่

แถบชานเมืองที่ผมต้องไปรับคนตัวเล็กนับว่าไกลจากมหาวิทยาลัยและหอของพวกเรามากทีเดียว หลังผ่านการจราจรที่ติดขัดกลางตัวเมืองออกมาถนนรอบนอกได้แล้วจำนวนรถก็เริ่มบางตาลง แต่ขณะเดียวกันป้ายหมู่บ้านจัดสรรหรูหราที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งมาจัดตั้งได้ไม่นานก็เพิ่มจำนวนถี่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ผมเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้านชื่อเดียวกับที่จดไว้ แล้วก็หาบ้านหลังที่ต้องการเจออย่างง่ายดายเพราะบริเวณด้านหน้าเต็มไปด้วยรถยนต์ที่จอดเต็มเป็นพรืดราวกับกำลังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์  ขณะกำลังคิดว่าจะโทรหาคนที่มารับให้ออกมาหรือเดินเข้าไปกดกริ่งเรียกตรงๆดีโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้นราวกับรู้ใจ

“พี่อ๊อฟ ตอนนี้อยู่ไหน?”

“อยู่หน้าซอยบ้านกิ๊ฟท์นี่แหละ พอดีพี่เข้าไปหน้าบ้านไม่ได้เพราะรถจอดเต็มแล้ว แล้วนะพร้อมจะกลับหรือยัง”

“งั้นขอนะเก็บของแป๊บนึง อีกสามนาทีจะออกไป”

พอได้ยินแบบนั้นผมเลยดับเครื่องรอ ไม่นานคนตัวเล็กก็เดินกึ่งวิ่งออกมาจากรั้วบ้านแล้วส่งยิ้มกว้างให้ ผมยิ้มตอบไปพลางเปิดประตูรถฝั่งตัวเองเพื่อลงไปรับ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนที่เดินตามมาด้วย นะหันไปขอบคุณคนที่ผมเหม็นขี้หน้าเหลือแสนเมื่อเดินมาใกล้ถึงรถแล้ว

“ขอบคุณนะเชน จริงๆไม่ต้องออกมาส่งก็ได้”

“ไม่ได้หรอก ข้างในหมู่บ้านนี้ตอนกลางคืนมันเปลี่ยว ตัวเล็กๆอย่างนะเดินคนเดียวมันอันตราย”

อีกฝ่ายพูดแล้วก็วางมือลงบนบ่าบาง ผมเลยรีบจ้ำไปดึงคนตัวเล็กมาไว้ข้างตัวแล้วถลึงตาใส่ไอ้มือดีจอมฉวยโอกาสจนหมอนั่นมองกลับผมแหยงๆ

“เอ่อ...เชน นี่พี่อ๊อฟ”

นะคงงงกับการกระทำของผมอยู่บ้าง แต่ไม่ลืมหันไปแนะนำผมให้กับเพื่อนตัวเอง อาจจะเพราะพ่อหนูน้อยของผมไม่ได้ขยายความต่อว่าเราเป็นอะไรกัน อีกฝ่ายที่สูงแค่ปลายคางผมเลยมองผมกลับหัวจดเท้าแล้วก็ยิ้มเหยียดๆ

“อ๋อ พี่ข้างห้องของนะใช่มั้ย สนิทกันดีนี่ ความจริงไม่น่าต้องลำบากมาเลยนะ เดี๋ยวเราพานะกลับไปส่งเองก็ได้”

“ไม่เป็นไร ยังไงพี่มีหน้าที่ดูแลนะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนคนอื่นหรอก”

ผมโต้กลับไปทันควันพร้อมกับเน้นเสียงคำว่า “คนอื่น” ช้าๆชัดๆ รู้สึกสะใจขึ้นมาหน่อยเมื่อเห็นคนตรงหน้าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แต่แล้วไอ้ตัวมารกวนอารมณ์ก็หันไปยิ้มให้คนที่ผมโอบไหล่ไว้แทน

“งั้นก็ช่างเถอะ ว่าแต่ปาร์ตี้ฉลองสอบเสร็จที่บ้านเชนคืนพรุ่งนี้ นะจะไปด้วยใช่มั้ย”

“พรุ่งนี้...คือว่าเรา...”

“ขอบคุณที่ชวน แต่พรุ่งนี้นะต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัดตอนเย็น ไม่ว่างไปปาร์ตี้”

ผมรีบตอบแทนคนตัวเล็กที่ยังอึกอักอยู่จนโดนเจ้าของคำชวนมองกลับตาขวางอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องเหลือบตาลงมองคนข้างตัวเมื่อรู้สึกว่าโดนกระตุกเบาๆที่ชายเสื้อ

“อะไรครับ”

“เรากลับกันดีกว่าพี่อ๊อฟ มันดึกแล้ว” คนตัวเล็กว่าก่อนจะหันไปหาเพื่อนตัวเอง “ขอโทษนะเชนที่พรุ่งนี้เราคงไปไม่ได้ เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”

หน้าตาที่ดูมีความหวังเมื่อกี้สลดแทบจะทันที ผมพ่นหัวเราะออกทางจมูกทีหนึ่งก่อนจะหันกลับไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้คนตัวเล็กขึ้นรถ แต่ท่าทางคนที่ตามมาส่งจะไม่สำเหนียกเสียทีว่าตัวเองหมดหน้าที่แล้วเลยเดินมาเคาะกระจกฝั่งของนะ พอคนตัวเล็กเลื่อนกระจกลงไอ้หน้าตี๋ก็ทำยิ้มร่าเริงใส่

“เรื่องคืนพรุ่งนี้ไม่เป็นไรหรอก ยังไงคืนนี้นะกลับไปนอนพักผ่อนให้เต็มที่แล้วกัน แล้วก็อย่าลืมที่เราติวให้ล่ะ พรุ่งนี้จะได้ทำข้อสอบได้คะแนนดีๆ”

“อื้อ เชนก็ไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ขอบคุณมาก”

“คุยธุระกันเสร็จหรือยัง”

ผมอดไม่ไหวต้องสอดขึ้นเมื่อเห็นว่าบทร่ำลาของทั้งสองคนดูจะไม่สิ้นสุดเสียที นะหันกลับมามองผมก่อนจะหันไปโบกมือลาเพื่อน ผมเลยปิดประตูฝั่งตัวเองแล้วกระชากเกียร์ออกรถอย่างแรง  อดคิดไม่ได้ว่าถ้าล้อรถทับเท้าไอ้เด็กเปรตนั่นได้คงสะใจพิลึก

เราออกจากหมู่บ้านหรูชานเมืองมาได้สักพักแต่ภายในรถเงียบจนน่าอึดอัด นะคงสังเกตอาการผมออกเลยหันมาถาม

“พี่อ๊อฟ เป็นอะไร?”

“เปล่า”

ผมเผลอตอบเสียงห้วน แต่แล้วก็รู้สึกตัวเลยรีบพูดต่อ “พี่แค่เพลียนิดหน่อย ไม่มีอะไร”

คนข้างตัวเงียบไป ผมเลยพยายามชวนคุยบ้าง “นะรู้จักกับเชนมาก่อนเข้าเรียนที่นี่หรือเปล่า?”

“หือ? เปล่า...เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ที่คณะนี่แหละ เชนเค้าหัวดี เลยคอยติวหนังสือให้นะบ่อยๆ”

คำพูดแสดงความชื่นชมทำให้ผมอดน้อยใจไม่ได้ โชคไม่ดีที่ผมดันไม่รู้เรื่องเนื้อหาของคณะที่แฟนตัวเองเรียนอยู่จนถึงขั้นจะอาสาเป็นคนติวให้เองเสียด้วย

“หลังจากนี้สนิทกับหมอนั่นน้อยลงได้ไหม”

นะหันขวับมามองผมทันทีที่จบประโยค แต่ผมพยายามบังคับสายตาให้อยู่กับถนน

“ทำไมล่ะพี่อ๊อฟ เชนก็เพื่อนของนะ ทำไมต้องห้ามสนิทด้วยล่ะ”

ผมเหลือบมองคนข้างตัวแล้วก็ตัดสินใจหักพวงมาลัยเข้าจอดใกล้กับปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพราะท่าทางคงต้องคุยกันยาว พอบิดกุญแจดับเครื่องเสร็จก็หันไปสบนัยน์ตากลมโตที่เต็มไปด้วยความสงสัยตรงๆ

“นี่นะดูไม่ออกจริงๆเหรอว่าตัวเองโดนไอ้หมอนั่นมองแบบไหน”

คิ้วเรียวขมวดมุ่น “มองแบบไหน? เชนเค้าไม่ได้มาจีบนะสักหน่อย พี่อ๊อฟคิดมากเกินไปแล้ว”

“หึ แววตาส่อออกขนาดนั้นเนี่ยนะไม่ได้จีบ นะจำได้มั้ยว่าตัวเองเกือบไปกับมันเมื่อตอนที่เมามากกลับมาหนโน้นน่ะ ถ้าพี่ไม่ไปตามเรากลับขึ้นห้องก่อนจะโดนพาไปทำอะไรก็ไม่รู้”

พ่อหนูน้อยของผมทำสีหน้าไม่เข้าใจ แต่แล้วไม่นานก็ทำตาโตเหมือนเพิ่งนึกตามได้ “พี่อ๊อฟจะบอกว่า... แต่เชนมีแฟนแล้วนะ”

ข้อมูลใหม่ที่ได้รู้ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดหนักเข้าไปใหญ่ มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วยังจะมาทำท่าก้อร่อก้อติกใส่คนอื่นอีก!?

“เชนจะมีแฟนหรือยังพี่ไม่รู้ แต่พี่เชื่อว่าสายตาแบบนั้นน่ะเจตนาไม่บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าหากนะจะโกรธเพราะพี่เป็นห่วงเราพี่จะได้รู้ไว้”

ผมพูดจบก็เปิดประตูแล้วออกมายืนพิงท้ายรถเพื่อสงบอารมณ์ ลมที่พัดตึงจากการไม่มีตึกสูงกีดขวางของย่านชานเมืองทำให้หัวเย็นลงบ้าง สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินมายืนข้างๆ

ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาก่อนเป็นครู่ใหญ่

“พี่อ๊อฟ โกรธเหรอ”

เสียงถามอ่อยๆทำให้ผมเริ่มรู้สึกผิดที่เผลอขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายเมื่อครู่ แต่ทิฐิบางอย่างทำให้เอ่ยย้อนกลับไปโดยที่ยังไม่ยอมหันไปสบตา

“พี่มีสิทธิ์โกรธที่ไหนล่ะ นะต่างหากที่โกรธพี่”

“นะไม่ได้โกรธ แค่ไม่เข้าใจ พี่อ๊อฟไม่เคยเป็นแบบนี้นี่”

เสียงเครือท้ายประโยคทำให้ผมหันกลับไปมองอย่างตกใจ แล้วก็ให้รู้สึกเหมือนโดนใครเอาของหนักๆทุบหัวเมื่อเห็นว่านัยน์ตากลมโตกำลังมีน้ำตาคลอหน่วย ริมฝีปากแดงเม้มแน่นและสั่นน้อยๆเหมือนคนที่กำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อยู่

“นะ! ไม่เอาอย่าร้องไห้สิ พี่ขอโทษ”

ผมรีบจูงมือคนตัวเล็กเข้าไปนั่งที่เบาะหลังด้วยกันแล้วก็ดึงร่างที่กำลังสะอื้นเข้ามากอด ไม่รู้เลยว่าการเอาแต่ใจของตัวเองที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่จะทำให้คนตัวเล็กลำบากใจขนาดนี้

“นะครับ พี่ขอโทษ พี่ไม่อยากให้คนอื่นมาอยู่ใกล้ๆนะตอนที่พี่ไม่ได้อยู่ด้วยเลยลืมคิดถึงความรู้สึกของเราไป พี่อ๊อฟผิดเอง หยุดร้องเถอะนะ”

ร่างเล็กที่สั่นเพราะแรงสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนทำให้ปวดแปลบที่หัวใจ ความจริงผมไม่ควรทำให้นะต้องไม่สบายใจเลย อีกฝ่ายมีสอบวันพรุ่งนี้แท้ๆ ตอนนี้ผมควรพาอีกฝ่ายกลับไปพักผ่อนโดยไม่ให้มีเรื่องอะไรกวนใจถึงจะถูก แต่กับเรื่องแค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากลงโทษตัวเองมากขึ้นทุกที

คนในอ้อมแขนไม่ยอมพูดอะไรตอบเป็นนาน มีเพียงเสียงสูดน้ำมูกที่เล็ดลอดออกมาเป็นระยะกับอาการสั่นที่สัมผัสได้จนผมต้องกระชับวงแขนแน่นขึ้นแล้วลูบหลังบางขึ้นลงไปมา สักพักมือเรียวสองข้างก็ดันมาที่อกก่อนใบหน้าชุ่มน้ำตาจะแหงนขึ้นมองผม

“พี่อ๊อฟนี่หึงไม่เข้าเรื่องจริงๆเลย”

ใบหน้าหวานส่งยิ้มเจือจางให้ทั้งที่คราบน้ำตายังติดอยู่ที่แก้ม ผมใช้ปลายนิ้วกรีดหยาดน้ำจากแก้มใสก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากชื้นเหงื่อเบาๆ

“พี่ขอโทษ จะไม่ให้หึงได้ไง นะมีอยู่คนเดียว ถ้าใครขโมยไปพี่จะไปหาอีกได้จากที่ไหน”

พอได้ยินผมพูดแบบนั้นคนตัวเล็กก็หัวเราะออกมา “ใครจะยอมให้ตัวเองโดนขโมย พี่อ๊อฟจำอัลบัมรูปที่นะเคยเอาให้ดูไม่ได้เหรอ คนที่นะยอมให้ก็มีแต่คนนั้นคนเดียวแหละ”

คำพูดเอาใจแบบนั้นทำเอาผมหุบยิ้มไม่อยู่ สองแขนรวบร่างเล็กมากอดแน่นจนโดนคนในอ้อมแขนทุบอกประท้วง

“พี่อ๊อฟ! จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”

เสียงตัดพ้อทำให้ผมหัวเราะก่อนจะคลายวงแขนออกแล้วโอบอีกฝ่ายไว้หลวมๆแทน “ขอโทษที ก็ใครใช้ให้แฟนพี่น่ารักแบบนี้ล่ะ คราวนี้ทีหลังอย่าไปอยู่ใกล้ๆไอ้หมอนั่นสองต่อสองอีกนะ หรือถ้ามีใครทำท่าจะเข้ามาสนิทสนมด้วยแบบไม่น่าไว้ใจก็ต้องรีบเล่าให้พี่ฟัง เข้าใจมั้ย”

นัยน์ตาหวานช้อนขึ้นมองตาผมขณะใช้อุ้งมือข้างหนึ่งเช็ดหน้าตัวเองไปด้วย ผมเลยหยิบทิชชู่จากกล่องหลังรถขึ้นซับคราบน้ำตากับน้ำมูกให้แทน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังปลอบเด็กตัวเล็กๆอยู่ แต่ถ้าเด็กคนนั้นคือคนที่ได้หัวใจผมไปก็ไม่เป็นไรหรอก

“นะจะไปรู้หมดได้ไงว่าใครเข้ามาแบบไหน แต่ของเชนคงไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ จะทำตามที่พี่อ๊อฟบอกก็แล้วกัน”

ท้ายประโยคคนตัวเล็กมองค้อนผมงอนๆ ริมฝีปากอิ่มแดงยื่นออกเหมือนเด็กที่ขัดใจเพราะถูกบังคับดึงดูดให้ก้มลงจูบเร็วๆด้วยความมันเขี้ยว “ถ้างั้นก็ดีแล้ว เอาเป็นว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า คราวหลังพี่อ๊อฟจะไม่ใช้อารมณ์แบบนี้อีกแล้ว นะก็หายโกรธพี่นะครับ”

ใบหน้าหวานหันไปมองปั๊มน้ำมันข้างหน้าแล้วก็หันกลับมาหาผมด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

“หายโกรธก็ได้ ถ้าพี่อ๊อฟยอมเลี้ยงไอติมก่อนกลับหอ ให้ได้มั้ยล่ะ”

น้ำเสียงหลอกล่ออย่างเด็กเจ้าเล่ห์ทำให้ผมอดหัวเราะแล้วลูบผมนิ่มเล่นไม่ได้ “เอ้า เอาก็เอา ความจริงกินของหวานตอนดึกไม่ดีหรอกนะ แต่คืนนี้ยอมให้ก็ได้”

ผมรีบตอบเอาใจเพราะอยากให้คนตัวเล็กรู้สึกดี ตอนนี้ถ้าโดนขออะไรผมก็พร้อมให้ได้หมดแลกกับการที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียน้ำตา ทั้งที่เคยคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากเห็นคนตัวเล็กร้องไห้ แต่สุดท้ายก็กลับเป็นตัวเองที่เป็นต้นเหตุ นึกแล้วก็อยากเตะตัวเองหลายๆทีให้สาสมจริงๆ

เราสองคนลุกกลับที่นั่งก่อนที่ผมจะขับรถเลี้ยวไปจอดหน้าร้านไอศกรีมในปั๊มน้ำมัน เราสั่งซันเดย์ถ้วยใหญ่มาทานด้วยกันสองคน นัยน์ตากลมโตยังแดงช้ำหน่อยๆแต่รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าหวานทำให้ผมเบาใจลงบ้าง โชคดีว่าในเวลาใกล้ปิดร้านแบบนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่นผมเลยถือโอกาสกุมมือคนตัวเล็กได้ตลอดเวลา แถมบังคับป้อนไอศกรีมให้อีกฝ่ายได้อีกต่างหาก

พอกลับมาถึงห้องปุ๊บพ่อหนูน้อยของผมก็หลับไปแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอนหลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ อาจเป็นเพราะเพลียกับการติวหนังสือมาตลอดทั้งวัน แถมก่อนกลับยังต้องมาทะเลาะกับผมให้เสียพลังงานเพิ่มอีก

ผมจัดการปิดไฟในห้องจนเหลือแค่โคมไฟหัวเตียงก่อนจะกลับมานั่งข้างร่างเล็กบนฟูกนุ่ม รอบดวงตาที่หลับพริ้มมีร่องรอยบวมช้ำจางๆ ถึงแม้จะรู้ดีว่ารอยช้ำนั้นจะหายไปในวันรุ่งขึ้น แต่ความสำนึกผิดในใจว่าตัวเองเป็นสาเหตุก็ไม่ได้น้อยลงเลย ผมก้มลงแตะริมฝีปากบนเปลือกตาที่ปิดสนิทช้าๆก่อนจะกระซิบเสียงเบาแม้รู้ดีว่าคนฟังจะไม่ได้ยินก็ตาม


"คราวนี้พี่อ๊อฟไม่ดีเอง แต่ต่อไปจะไม่ยอมให้คนสำคัญของพี่ต้องร้องไห้เพราะพี่แล้วนะครับ"


++------++


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 30-12-2008 00:22:15
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Mint ที่ 30-12-2008 00:27:12
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 30-12-2008 00:58:21

น้องนะน่าร๊ากกกกกกกกกกก
 :impress2:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-12-2008 01:26:21
อิอิ..............สะใจจิงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 30-12-2008 01:29:34
น่ารัก  :-[ อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 30-12-2008 01:51:38
มีเมียเด็ก ก้องี๊แล่ะ  ต้องหึงมากเป็นธรรมดา ยิ่ง น้องนะ น่าร๊ากกกก ขนาดนี้
คลาดสายตาไม่ได้นะออฟ เด๋วมีหนุ่ม มาขายหนมจีบ อิอิ  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 30-12-2008 02:45:45
โฮะๆ :laugh: สะใจ เชน โดนตรอกกลับ อิๆ

ตอนนี้หวานโดนใจจริงจรีงอะป้า

หวังว่าตอนหน้าจะได้อ่าน เป้กับวิวบ้างน๊าเริ่มคิดถึงละ

ตอนนี้โผล่มานีดๆจริงๆ แล้วจะรออ่านต่อ น๊า :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 30-12-2008 08:15:27
รักมากก็หึงมากอ่ะนะเข้าใจๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-12-2008 10:12:10
น่าตีพี่อ๊อฟจริงๆๆ มาทำให้ น้องนะ ร้องไห้ได้อย่างไงเนี่ย

โธ่ๆๆ น้องนะ มานี่มะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 30-12-2008 10:45:19
 o13 ให้อ๊อฟ

 :o8:  :กอด1: น้องนะ










ปล..  ตอนต่อไปขอไวๆๆนะป้า เอ้ย!! พี่สาวแสนสวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย(ประจบสุดๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 30-12-2008 10:58:55
คิดถึงเป้กะวิวแล้วน้า  อ้อ คิดถึงป้าด้วยล่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื&#
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-12-2008 12:57:50
โฮะๆ :laugh: สะใจ เชน โดนตรอกกลับ อิๆ

ตอนนี้หวานโดนใจจริงจรีงอะป้า

หวังว่าตอนหน้าจะได้อ่าน เป้กับวิวบ้างน๊าเริ่มคิดถึงละ

ตอนนี้โผล่มานีดๆจริงๆ แล้วจะรออ่านต่อ น๊า :bye2: :bye2:

คิดถึงเป้กะวิวแล้วน้า  อ้อ คิดถึงป้าด้วยล่ะ :กอด1:

อิๆ แต่ตอนพิเศษของคู่เป้-วิวก็เยอะออกน้า นานๆออกมาทีคนอ่านจะได้คิดถึงอยู่เรื่อยๆไง :man1:


o13 ให้อ๊อฟ

 :o8:  :กอด1: น้องนะ





ปล..  ตอนต่อไปขอไวๆๆนะป้า เอ้ย!! พี่สาวแสนสวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย(ประจบสุดๆ)

แหม เอไม่ต้องใส่ ย.ยักษ์ให้เยอะขนาดนั้นป้าก็รู้ตัวอยู่แล้วละว่าสวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ก๊าก (ขอบใจนะที่เลื่อนให้เป็นพี่แทนป้า จะว่าไปใครว้าทำให้เราเป็นป้าตั้งแต่แรก หือ?)  :laugh:


 :pig4: ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้พี่อ๊อฟน้องนะกันนะจ๊า ไม่แน่ใจว่าตอนหน้าจะมาเมื่อไหร่ แต่ระหว่างหยุดปีใหม่คงมีเวลาปั่นเยอะขึ้นล่ะคับ  :pig4:


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: benxine ที่ 30-12-2008 13:00:13
^
^
^
^
^


จิ้มๆๆๆ


หุหุ


 :impress3: :impress3: :impress3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-12-2008 13:19:45
^
^
^

โอ๋ๆ เบนซินไม่เศร้านะคับ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 31-12-2008 03:46:01
^
^
^
 :z13: bb

มีเมียเด็กแถมน่ารัก

ก้อต้องหึงเป็นธรรมดา อิอิ

นะน่ารัก  :-[
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 31-12-2008 09:23:58
Greetings of the New Year 2009. Wishing you all success in the next.
(http://th.upload.sanook.com/embed/27cd94a836b587f2bec247cb9fb2e53c.gif)

หวังอะไรได้ดั่งที่วาดหวัง
ขอพลังจงอยู่คู่เสมอ
ให้ก้าวมั่นสิ่งใดสมใจเธอ
มีความสุขอยู่เสมอ..ทุกคืนวัน
:bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 31-12-2008 12:04:53
เอ่อมมมมมมม เพิ่งเห็นอ่ะ ว่ามาลงตอนใหม่แล้ว แหะๆๆ  :m17:

แหม ความจริง แค่เลี้ยงไอติมปลอบใจน่ะ ไม่พอหรอกนะ มานต้องงงงงง

โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :pighaun:

ส่วนอันนี้ ตรบ อิ เชน ค่ะ :beat:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-คนสำคัญกับน้ำตา (30/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 31-12-2008 13:05:23
นะน่ารักอ่ะ  :o8:


แฮปปี้ปีใหม่คร้าบ..ป้า... :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-HAPPY NEW YEAR! (31/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-12-2008 19:12:49
(http://img85.imageshack.us/img85/4346/3481643055c548225mq1.gif)

HAPPY NEW YEAR TO EVERYONE!!

ขอให้ชาวเล้าเป็ดทุกคนมีความสุข เที่ยวสนุกสนานและปลอดภัย คิดหวังสิ่งใดได้ตามที่หวังทุกคนตลอดปี 2552 นะจ๊ะ

จากป้าคนเขียน บีบี สุดสวยคับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-HAPPY NEW YEAR! (31/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 31-12-2008 19:44:48
(http://i107.photobucket.com/albums/m282/pure100/07/009/023.gif)
ขอให้หน้ามีตีนกา.....ด้วยเหตุว่ายิ้มทุกวัน
ขอให้เธอตัวดำ......ด้วยไฟฝันที่มาครอก
ขอให้เธอถูกหลอก....แบบหยอกๆด้วยความรัก
ขอให้เธอถูกลัก......พาความเศร้าไปจากใจ
ขอให้เธอจนๆ...จนความทุกข์รวยสุขใจ
ขอให้เธอจากไป...จากเรื่องร้าย สู่เรื่องดี
ขอให้เธอถูกจี้.....จี้ให้ขำ ทำเบิกบาน
ขอให้เป็นดีซ่าน...ความดีแผ่ซ่าน สำราญจิตใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-HAPPY NEW YEAR! (31/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 31-12-2008 22:11:45
"สวัสดีปีใหม่จ้า มีความสุขมากๆจ่ะ"


(http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/glitter/newyear/30-12-2008_01K.gif)




* รอตอนใหม่ จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-HAPPY NEW YEAR! (31/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 01-01-2009 01:11:29
 :mc4: :mc4: :mc4:

Happy New Year 2009

ขอให้ป้าสวยวันสวยคืนน๊า ทำอะไรก็ขอให้รุ่งๆ อิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-HAPPY NEW YEAR! (31/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 01-01-2009 03:33:44
Have a great Year. Happy New Year 2009

  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-HAPPY NEW YEAR! (31/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 01-01-2009 06:38:00
 :L2:สวัสดีปีใหม่ค่ะ :L2:



ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-HAPPY NEW YEAR! (31/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 01-01-2009 13:48:50
(http://img100.imageshack.us/img100/9721/hnyltahsetgp1.gif)


รักมากมาย

^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนที่ 9-HAPPY NEW YEAR! (31/12/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 01-01-2009 18:10:10
อ้างถึง
“พี่อ๊อฟนี่หึงไม่เข้าเรื่องจริงๆเลย”

น้องนะเอ้ยยยยยย  คนเขารักนี่นา

----------------

(http://i367.photobucket.com/albums/oo111/taan19/z1.gif)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-01-2009 17:39:43
ตอนพิเศษขำๆ เนื่องจากตอนนี้คนเขียนป่วย (เข้าปีใหม่ปุ๊บภูมิแพ้เล่นงานปั๊บ จามทั้งวันเลย แหงะ  :sad4:)

อ่านเล่นๆกันระหว่างรอตอนใหม่ละกันนะจ๊า แท๊น แท๊น แท๊น แถ่น  

 :really2:  :really2:

++------++


บทสัมภาษณ์วิว (วิสุทธิ์)


ถาม: คิดยังไงกับเป้
วิว: เป้เค้าเป็นคนรูปร่างหน้าตาโดดเด่น ฐานะทางบ้านก็ดี รวมๆแล้วก็ต้องยอมรับว่าเป็นคนที่ค่อนข้างเพอร์เฟ็คท์ในสายตาคนทั่วไป

ถาม: ที่ว่าค่อนข้างนี่หมายความว่าไง
วิว: ก็บางทีก็เอาแต่ใจ แล้วก็บ้าพลัง...(พูดไปก็หน้าแดงนิดๆ) แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้นอกจากผมแล้วจะไม่มีใครรู้นะ เพราะต่อหน้าคนอื่นเป้จะดูเป็นคนเฉยๆ

ถาม: เป้บ้าพลังเรื่องอะไรเหรอ
วิว: (ยิ้มหวาน) เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่าไหมครับ

ถาม: งั้นขอถามถึงคู่อ๊อฟกับนะหน่อยสิ
วิว: เป็นคู่ที่น่ารักดี ตอนแรกนึกว่าอ๊อฟจะคบกับมุ้ยซะแล้วเพราะดูอ๊อฟเงียบๆแล้วมุ้ยก็ชอบมาหาบ่อยๆ แต่พอได้เห็นตอนทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้วก็รู้เลยว่าอ๊อฟคงทะนุถนอมน้องนะมาก ก็ดีใจกับอ๊อฟด้วย

ถาม: อยากฝากบอกอะไรถึงเป้บ้าง
วิว: คงไม่ต้องฝากหรอกครับ อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว (ยิ้ม)


++------++


บทสัมภาษณ์เป้ (ภูริปรัชญ์)

ถาม: วิวเป็นคนยังไง
เป้: ขยัน เอาจริงเอาจัง จริงใจกับทุกคน ชอบคิดว่าตัวเองธรรมดาแต่ผมว่าตรงนี้แหละเสน่ห์ของเค้า แล้วก็รับความเอาแต่ใจของผมได้ดี

ถาม: แล้วปกติเป้ชอบเอาแต่ใจเรื่องไหน
เป้: ขืนตอบก็โดนแฟนไล่กลับไปนอนบ้านสิครับ (ยิ้มเจ้าเล่ห์)

ถาม: รู้จักกับอ๊อฟครั้งแรกเมื่อไหร่
เป้: ก็ตอนรับน้องรวมปี 1 จากนั้นก็เรียนคณะเดียวกันเอกเดียวกันอีก อ๊อฟมันเป็นคนจริงใจ ไม่ทำตัวโอ้อวดน่ารำคาญ คบด้วยแล้วก็สบายใจดี

ถาม: แล้วคิดยังไงที่มีคนบอกว่าอ๊อฟมีเมียเด็ก
เป้: (หัวเราะ) จะว่าไงดี น้องเค้าก็ให้อิมเมจอย่างนั้นจริงๆด้วยสิ แต่เพื่อนผมมันรักจริงนะ เอาเป็นว่าเห็นเพื่อนมีความสุขก็ดีแล้วล่ะ

ถาม: แล้วคืนนี้มีแผนจะทำอะไรบ้าง
เป้: ก็พาแฟนไปกินข้าว แล้วก็คงดูหนังด้วยกันสักเรื่องแล้วค่อยกลับหอมั้ง (ยิ้มเจ้าเล่ห์อีกรอบ)


++------++


บทสัมภาษณ์อ๊อฟ (อรรถพล)

ถาม: อ๊อฟมาสนิทกับเป้ได้ยังไง
อ๊อฟ: ยังไงเหรอ ตอนปี 1 เคยเล่นบาสด้วยกันหลังเลิกเรียนตอนอยู่หอใน แล้วก็อยู่โต๊ะกลุ่มเดียวกันที่คณะด้วย ที่สนิทกันได้เพราะพวกเราไม่ค่อยเรื่องมากเหมือนกันมั้ง ผมก็ไม่เคยมานั่งคิดด้วยสิว่าเราสนิทกันได้ยังไง

ถาม: ถามหน่อยเถอะ ตอนได้เจอนะอีกครั้งจำไม่ได้จริงๆเหรอ
อ๊อฟ: (หน้าแดงขึ้นนิดหน่อย) ตอนม.ปลายผมเคยเจอนะแค่เทอมเดียวเองเพราะเค้าย้ายมาตอนเทอมสอง แล้วถ้าเอารูปมาเทียบตอนนั้นกับตอนนี้เจ้าตัวก็เปลี่ยนไปตั้งเยอะ รู้สึกแย่เหมือนกันที่ตอนแรกจำไม่ได้จนมุ้ยทักขึ้นมา แต่แฟนผมก็ไม่ได้โกรธเรื่องนั้นแล้วนะ

ถาม: แล้วความรู้สึกตอนที่จำได้แล้วล่ะ
อ๊อฟ: ก็ดีใจ มันเหมือนมีสายใยบางๆที่เชื่อมเราไว้จากสองปีก่อนแล้วโยงมาจนถึงตอนนี้ บางทีที่ผมสะดุดตานะตอนได้เจอกันอีกครั้งเพราะว่าลึกๆผมจำเค้าได้ แต่ไม่ทันคิดว่าเป็นคนคนเดียวกับรุ่นน้องสมัยม.ปลายล่ะมั้ง
   
ถาม: นะขี้งอนจริงเหรอ
อ๊อฟ: ก็มีบ้าง แต่ก็ขี้อ้อนด้วย เลยทำให้รู้สึกว่าคลาดสายตาไม่ได้เลย กลัวคนอื่นมาจีบน่ะครับ ถึงจะรู้ว่าแฟนผมจะไม่เล่นด้วยก็เถอะ

ถาม: คิดยังไงกับเชน
อ๊อฟ: เชน?  ไอ้เด็กเวรนั่นน่ะเหรอ? ไม่ชอบ มีแฟนอยู่แล้วยังจะมาทำหน้าหม้อกับแฟนคนอื่นอีก จะไม่ให้นะไปอยู่ใกล้ๆแล้วด้วย (ยิ่งพูดหน้ายิ่งดุขึ้นเรื่อยๆ)


++------++

 
บทสัมภาษณ์นะ (มานะ)

ถาม: ทำไมถึงชอบอ๊อฟล่ะ
นะ: เอ่อ...ก็...พี่อ๊อฟใจดี คอยดูแลตอนที่โดนพวกเด็กเกเรแกล้งเมื่อตอนม.ปลาย แล้วพอเป็นแฟนกันแล้วก็ทำให้นะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษอยู่ตลอดเวลาล่ะมั้ง (หน้าแดง)

ถาม: คิดยังไงตอนได้เจอคู่พี่วิวกับพี่เป้
นะ: พี่อ๊อฟเคยเล่าให้ฟังก่อนจะพาไปเจอว่าทั้งสองคนคบกันยังไม่ถึงปี แต่พอได้เจอแล้วกลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคู่ที่คบกันมานานเลย ดูทั้งคู่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็เหมาะสมกันดีครับ

ถาม: อ๊อฟขี้หึงมากไหม
นะ: เอ...ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเทียบกับคู่อื่นแล้วเรียกว่ามากหรือเปล่า แต่ก็ดีใจนะที่พี่อ๊อฟหึง เพราะทำให้รู้ว่าเค้าหวงแค่ไหน (ยิ้ม)

ถาม: แล้วนะขี้หึงหรือเปล่า
นะ: ก็เคยหึงพี่มุ้ยอยู่ช่วงนึงก่อนจะคบกับพี่อ๊อฟ แต่พอเป็นแฟนกันแล้วรู้สึกว่าจะมีแต่พี่อ๊อฟน่ะแหละที่เป็นคนหึง

ถาม: อยากฝากบอกอะไรถึงเชนไหม
นะ: ฝากบอกอะไรเหรอครับ? (อ๊อฟเดินแยกเขี้ยวเข้ามาจูงนะออกไปเลยสัมภาษณ์ต่อไม่ได้)


++------++


บทสัมภาษณ์มุ้ย (มินตรา)

ถาม: คิดยังไงกับคู่อ๊อฟ-นะ
มุ้ย: น้องนะน่ารักมากเลยค่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอ๊อฟไปทำท่าไหนน้องเค้าถึงยอมเป็นแฟนด้วย (โดนอ๊อฟค้อนให้ทีนึง) ก็เห็นเพื่อนมีความสุขก็ดีใจนะ แต่แม่มขี้หวงแฟนมันจัง (มุ้ยค้อนอ๊อฟกลับ)

ถาม: เคยได้เจอเป้กับวิวบ้างไหม
มุ้ย: อ๊อฟเคยแนะนำบ้าง ถ้าเดินสวนกันก็จะทักนะ แต่ไม่ได้สนิทด้วยอะค่ะ

ถาม: มุ้ยไม่อยากมีแฟนมั่งเหรอ
มุ้ย: วุ้ย! ถามอะไรประหลาด ใครจะไม่อยากมีแฟนมั่งละค้า แต่มันยังหาคนเข้ากันไม่ได้ ตอนนี้ก็อาศัยลุ้นคู่ของเพื่อนไปก่อน เดี๋ยวฟ้าประทานคู่มาให้เมื่อไหร่คงได้เจอกันเองแหละ

ถาม: แบบรุ่นพี่ที่ชุมนุมของอ๊อฟล่ะชอบมั้ย
มุ้ย: (เบ้หน้า) ไอ้พี่หล่งนั่นน่ะเหรอ ท่าทางติสต์แตกขนาดนั้นขอผ่านละกัน ที่ม.ตัวเองก็มีให้ตรึม ถ้าชอบแบบนั้นคงไม่ถ่อเดินมาถึงม.อ๊อฟให้เมื่อยหรอกค่า

ถาม: ได้ดูหนัง special collection ของเพื่อนครบหรือยัง
มุ้ย: เพื่อนมันมีล็อตใหม่มาเรื่อยๆล่ะค่ะ ใครสนใจมาขอไรท์ได้นะ จะไปเลียบๆเคียงๆถามให้ (ปิดปากหัวเราะ หน้าตาเจ้าเล่ห์)


++------++

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 02-01-2009 17:55:24
ตอนพิเศษขำๆ เนื่องจากตอนนี้คนเขียนป่วย (เข้าปีใหม่ปุ๊บภูมิแพ้เล่นงานปั๊บ จามทั้งวันเลย แหงะ  )

อ่านเล่นๆกันระหว่างรอตอนใหม่ละกันนะจ๊า แท๊น แท๊น แท๊น แถ่น  


++------++


ถาม: อยากฝากบอกอะไรถึงเชนไหม
นะ: ฝากบอกอะไรเหรอครับ? (อ๊อฟเดินแยกเขี้ยวเข้ามาจูงนะออกไปเลยสัมภาษณ์ต่อไม่ได้)



กร๊ากกกกกกก ขำอ๊อฟกับนะ  :jul3:

มุขนะคะ bb ยังไงก็ทวงนะ ทั้งสองเรื่องเลย โดยเฉพาะกิมจิ (((ส่งกลิ่นมาเชียว)))

ปล. รักษาสุขภาพนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-01-2009 18:35:51
น่ารักทั้งสองคู่เลย  :-[ รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-01-2009 19:09:58
อ่านทันแล้ว เรื่องน่ารักดีนะ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 02-01-2009 20:29:48
 :z13: จิ้มตูด.......ให้เสียวเล่นๆ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 02-01-2009 21:44:38

อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกขัดตาทัพ
เรื่องนี้ไม่เท่าไร
อีกเรื่องเนี่ยสิ
ดองนะคะ...
 o18

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-01-2009 22:02:09

มุขนะคะ bb ยังไงก็ทวงนะ ทั้งสองเรื่องเลย โดยเฉพาะกิมจิ (((ส่งกลิ่นมาเชียว)))

ปล. รักษาสุขภาพนะจ๊ะ



อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกขัดตาทัพ
เรื่องนี้ไม่เท่าไร
อีกเรื่องเนี่ยสิ
ดองนะคะ...
 o18



แอร๊ยย์ โดนเบ๊อะบ๊ะกับป๋อมแป๋มแท็คทีมกันทวง :jul3:

ของดองเนี่ย ดองยิ่งนาน รสชาติยิ่งดีเนะ (เอ่อ ว่าแล้วก็ไปปั่นสักทีดีกว่า -*-)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 02-01-2009 23:36:13
 ^
^
^
:z13:

น่ารักทั้ง2คู่เลยค่ะ ชอบๆๆ

:กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 03-01-2009 00:13:03
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย

ช่างคิดเนอะ

บทสัมภาษณ์ o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 03-01-2009 00:22:59
บทสัมภาษณ์ สองคู่ชู้ชื่น  อิอิ

รู้สึกว่าออฟ จะขี้หึง +หวง กว่าที่คิดนะ ฮ่าๆ   :laugh:

แต่เป้ นี่ กลัว ม สระ เอีย  ...หรือว่ากลัว อด หว่า?   :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 03-01-2009 00:46:30
หวัดดีปีใหม่ค่ะ...ไม่ได้เข้ามาหลายวันเลยอวยพรช้า
ยังไงขอให้หายป่วยไวไวนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 03-01-2009 00:50:37
 :man1: :man1:

อ่านแล้วสดชื่นจริงงะเหมือนกระจ่างขึ้นบางจุดอะนะ

แล้วจะรออ่านต่อ หายไวๆนะครบป้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 03-01-2009 12:07:27
ยิ่งอ่านยิ่งน่ารัก  :m1:

หายป่วยไว ๆ นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/08)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-01-2009 14:24:08
หายป่วยเร็วๆ   :L2:

แล้วมาต่อตอนต่อไปไวๆ นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 03-01-2009 17:19:36

....เพิ่งเข้ามาอ่านครับ...แล้วก็อ่านทันแล้ว
....ชอบมากครับ...ภาษาง่ายๆ...เข้าใจง่าย
....อ่านแล้วมีความสุขทุกตอน...ยิ้มบ้าอยู่คนเดียวทุกตอนเลยครับ

ปล.ถามย้อนหลังนิดส์นึ่งครับ...รูปที่ใส่บาตรตอนไปเที่ยวลาว...คนผมขาวไม่ใช่"ป้า"จริงๆหรอครับ???
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื&#
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-01-2009 18:20:50
^
^
^

จิ้มน้องเบียร์ลีโอ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะจ๊ะ คนอ่านชอบใจคนเขียนก็ยินดี :pig4:

ปล. ว่าแต่ใครปล่อยให้หลุดคำถามนี้มาคะ ถึงผมป้าจะไม่สีดำสนิทเพราะทำไฮไลท์มา แต่ก็ไม่ได้ขาวสลวยนะคะ  :laugh:

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 03-01-2009 23:41:51
ปล.ถามย้อนหลังนิดส์นึ่งครับ...รูปที่ใส่บาตรตอนไปเที่ยวลาว...คนผมขาวไม่ใช่"ป้า"จริงๆหรอครับ???

ปล. ว่าแต่ใครปล่อยให้หลุดคำถามนี้มาคะ ถึงผมป้าจะไม่สีดำสนิทเพราะทำไฮไลท์มา แต่ก็ไม่ได้ขาวสลวยนะคะ  :laugh:

นั่งขำน้องLeo ป้าเค้าไม่เฒ่าขนาดนั้น  :m20:
************
บทสัมภาษณ์ น่ารักดีครับ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 04-01-2009 03:49:08
+1 ให้

ชิวๆ

ทวงด้วยบวกด้วยไรเง้~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 04-01-2009 18:26:13
... :z13: ป้าคร้าบบ (ทำไมใครๆก็เรียกป้าหว่า...คุณพี่คร้าบบบ...หึ...ไม่คือ..ป้าคร้าบบบ...อืมม..โอเค)
...อีกเรื่องที่เค้ากล่าวหาว่าป้าดองเนี๊ยะเรื่องอะไรครับ...จะไปติดตาม"ขุด"มาอ่านคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-01-2009 20:03:47
^
^
^
สาเหตุที่ป้ากลายเป็นป้า คือ...ถ้าอ่านเรื่องยาวอีกเรื่องของป้าจะรู้ที่มาที่ไปเจ้าค่ะ -*- (รู้สึกน้องลีโอก็เรียกป้าคล่องปากกว่าพี่เหมือนกันนิ เอาวะหยวนๆ)

ตามลิ้งค์นี้เลยนะ --> แม้นมั่นคำสัญญา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=6271.0)

อ่านแล้วคิดเห็นยังไงก็เม้นต์บอกกันได้ เพิ่งอัพตอนล่าสุดไปเมื่อวานนี้จ้า  :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 04-01-2009 20:11:11
^
^
^
ขอบคุณครับ :pig4:

ตามไปเจอแล้วครับ...อ่านแล้วจะเมนท์ให้น่ะครับป้าน้องไอซ์
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - บทสัมภาษณ์พิเศษ (02/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 04-01-2009 22:03:31
บทสัมภาษณ์พิเศษ
ป้าไปสัมภาษณ์เองป่ะ?? ถามซะถึงรูขุมขนเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-01-2009 16:24:19
ตอนใหม่ของพี่อ๊อฟกับน้องนะมาแล้วจ้า ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรปีใหม่และความห่วงใยนะคะ ตอนนี้ป้าก็ยังคัดจมูกกับมึนๆหัวบ้างนิดหน่อยแต่คาดว่าน่าจะใกล้หายแล้วละ (หวังว่า เหอะๆ)

ปล. ว่าแต่ในที่สุดเรื่องนี้ก็ขึ้นตอนที่ 10 แล้ว ควรเปลี่ยนสถานะจาก [เรื่องสั้น] เป็น [นิยาย] ไหมเนี่ย? ไม่มีใครจำกัดความให้ด้วยสิว่าเรื่องสั้นพอยาวขนาดไหนแล้วจะไม่เป็นเรื่องสั้น ใครตอบได้มาบอกหน่อยนะจ๊ะ :m28:

มาลุ้นกับตอนต่อไปกันเลยนะ~

++------++


ตอนที่ 10: กลับบ้าน


“อีกสิบห้านาทีก็คงถึงท่ารถแล้วแม่ เดี๋ยวออกมารอเลยก็ได้”

ผมกดตัดสายโทรศัพท์แล้วก็หันไปมองคนข้างตัวที่นั่งหลับพิงไหล่ตัวเองอยู่ นัยน์ตากลมโตปิดสนิทจนเห็นแพขนตางอนยาวได้ลางๆจากแสงสลัวของไฟข้างถนนที่รถตู้วิ่งผ่าน เราออกจากกรุงเทพฯกันค่อนข้างช้าเพราะว่าหลังนะสอบเสร็จพวกเราพากันไปดูหนังแล้วก็เดินเล่นในห้างกันก่อน กว่าจะกลับไปเอาของที่หอและไปถึงที่ท่ารถตู้ก็เย็นมากแล้ว พอมาถึงตัวเมืองนครสวรรค์ท้องฟ้าภายนอกจึงมืดสนิท

“นะครับ ใกล้ถึงแล้ว ตื่นเร็ว”

พ่อหนูน้อยของผมสะดุ้งก่อนจะปรือตาขึ้นเมื่อผมเขย่าไหล่เบาๆ นิ้วเรียวยกขึ้นขยี้ตาก่อนใบหน้าหวานจะหันออกไปมองนอกหน้าต่าง

“ฟ้ามืดเร็วจัง”

พอได้ยินเสียงพึมพำอย่างงัวเงียผมก็อดหัวเราะไม่ได้ “ไม่มืดเร็วได้ไงล่ะ ขึ้นรถปุ๊บนะก็หลับปั๊บเลยนี่นา”

คนโดนแซวมองค้อนผมวงใหญ่ก่อนจะหาวแล้วเอนหัวลงพิงไหล่อีกรอบ “แล้วแม่พี่อ๊อฟต้องไปส่งนะที่บ้านต่ออย่างงี้ ไม่รบกวนเหรอ?”

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ว่าจะอยู่ห่างกันมากมาย แล้วเดี๋ยวพี่คงเป็นคนขับรถเองแหละ”

เรานั่งต่ออีกไม่นานคนขับก็เปิดไฟในรถเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงที่หมาย หลังจากรถจอดสนิทผมกับนะก็รอจนผู้โดยสารคนอื่นทยอยลงกันหมดแล้วจึงเดินลงบ้างเนื่องจากเรานั่งกันแถวหลังสุด ขณะกำลังมองหาว่าแม่ผมอยู่ไหนก็โดนมืออุ่นแตะที่หลังเบาๆ

“มองไปไหนจ๊ะ แม่อยู่นี่”

“อ้าวแม่! อ๊อฟนึกว่าแม่ยังมาไม่ถึงซะอีก”

“แหม ก็พอเราบอกว่าอีกสิบห้านาทีจะถึงแม่เลยออกมาจากบ้านเลยน่ะสิ โชคดีว่ารถไม่ติดเลยมารอก่อนนานแล้วเนี่ย”

แม้น้ำเสียงจะออกแนวค่อนขอดแต่แม่ผมก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ผมเลยหันไปแนะนำคนข้างตัวที่เมื่อกี้โดนผมยืนบังซะมิดให้แม่รู้จัก

“แม่ นี่น้องนะที่ตอนนี้แชร์ห้องอยู่กับอ๊อฟ นะครับ นี่แม่พี่”

แม่รับไหว้คนตัวเล็กข้างตัวผมแล้วก็ยิ้มจนแก้มบุ๋ม “อ๊อฟบอกแม่แล้วละว่าเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อนใช่มั้ยลูก หน้าตาน่ารักจัง มาๆเดี๋ยวแม่ไปส่งที่บ้าน”

คนตัวเล็กหน้าแดงขึ้นนิดหน่อยที่โดนชม ผมเลยตบบ่านะเบาๆก่อนจะรุนหลังให้เดินตามไปที่รถด้วยกัน ส่วนตัวเองรับกุญแจที่แม่ยื่นให้แล้วก็เข้านั่งที่คนขับ หลังออกจากท่าได้สักพักแม่ก็หันไปถามพ่อหนูน้อยของผมที่นั่งอยู่ข้างหลัง

“น้องนะหิวข้าวไหมลูก แวะกินอะไรด้วยกันก่อนมั้ย”

“ชวนแบบนี้ แม่ไม่ได้ทำกับข้าวไว้ล่ะสิเนี่ย”

“แหม รู้ทันไปหมดเชียวพ่อคุณ”

แม่ผมหันมาตีไหล่ผมเบาๆหลังโดนแซว เนื่องจากหลังพี่อิมไปเป็นหมอประจำโรงพยาบาลที่จังหวัดทางเหนือและผมเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯแล้วแม่ก็อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งเลยไม่ได้ทำอาหารอะไรเพราะมักซื้ออาหารตามสั่งไปทานที่บ้าน หรือถ้าทำก็จะทำแต่อะไรง่ายๆแค่พอสำหรับทานในมื้อนั้น

ผมสบตากับนะผ่านทางกระจกมองหลัง “นะแวะกินข้าวด้วยกันได้หรือเปล่า หรือว่าต้องรีบกลับบ้าน?”

คนตัวเล็กเงียบไปนิดหนึ่งเหมือนชั่งใจก่อนจะส่ายหน้า “ช้าไปแป๊บนึงแม่คงไม่ว่า นะไปด้วยก็ได้”

เมื่อได้ความเห็นตรงกันพวกเราก็เลยแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในตัวเมือง ตลอดเวลาแม่ผมก็คอยชวนคนตัวเล็กคุยไม่หยุด อาจเพราะตั้งแต่ผมไปอยู่หอแล้วก็ไม่เคยพาเพื่อนมาแนะนำเลย แถมตอนนี้นะยังเป็นรูมเมทกับผมด้วยแม่เลยยิ่งให้ความสนใจเข้าไปใหญ่

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้พวกเรามองหน้ากันไปมาโดยอัตโนมัติ นะดึงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกจากช่องหน้ากระเป๋าเป้แล้วก็กดรับสาย

“ฮะแม่ ถึงแล้ว ตอนนี้แวะกินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ แม่จะฝากซื้ออะไรมั้ย อื้อๆเดี๋ยวกลับแล้ว หวัดดีฮะ"

“แม่น้องนะโทรมาตามแล้วสิ แม่ก็เผลอชวนคุยซะตั้งนาน เดี๋ยวคิดเงินแล้วไปส่งน้องเค้าเลยแล้วกันอ๊อฟ”

แม่ผมเดินไปจ่ายเงินแล้วก็คุยทักทายเจ้าของร้านเพราะรู้จักกันดี ระหว่างนั่งรอเลยกระซิบถามนะเบาๆ

“ให้พี่เข้าไปไหว้อาจารย์คืนนี้มั้ย”

“ไปวันพรุ่งนี้ดีกว่าพี่อ๊อฟ เกิดแม่เค้าชวนคุยนาน เกรงใจแม่พี่อ๊อฟ”

หลังพวกเราออกมาจากร้านผมก็ขับรถพาคนตัวเล็กไปส่งตามเส้นทางที่เจ้าตัวบอก ทางเข้าบ้านของนะเป็นถนนซอยส่วนบุคคลแคบๆที่มีสวนผลไม้ขนาบทั้งสองด้าน ถ้าเป็นตอนกลางวันคงร่มรื่น แต่ตอนกลางคืนดูแล้ววังเวงน่ากลัวไม่ใช่เล่น

นะไหว้แม่ผมแล้วก็สะพายกระเป๋าลงจากรถ ผมรีบไขกระจกฝั่งตัวเองลงแล้วเรียกอีกฝ่ายไว้ก่อน ความจริงอยากหอมแก้มลาด้วยซ้ำแต่ติดว่าแม่นั่งอยู่ข้างๆเลยทำไม่ได้

“ฝากสวัสดีอาจารย์ด้วยนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาหา”

ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้ก่อนจะโบกมือแล้วก็เปิดประตูรั้วเข้าไป หลังจากเห็นว่าคนตัวเล็กเดินเข้าบ้านเรียบร้อยแล้วผมจึงถอยรถออกเพื่อกลับบ้านตัวเองบ้าง

“น้องเค้าน่ารักดีนะ ลูกอาจารย์ของอ๊อฟสมัยม.ปลายเหรอลูก ตัวเล้กเล็กยังกับเด็กผู้หญิง”

ผมยิ้มกับความเห็นของแม่ เพราะบ้านผมตัวสูงกันทั้งบ้าน แม่เองก็สูงตั้ง 174 เซนติเมตร เวลาเดินกับใครเลยรู้สึกว่าคนรอบข้างตัวเล็กกันไปหมด แต่เรื่องความน่ารักแม่ก็พูดถูกจริงๆแหละ

“พอดีแม่ของนะเค้าก็ตัวเล็กน่ะแม่ เลยได้เชื้อแม่เค้ามาละมั้ง”

“เหรอ นี่ถ้ามีลูกน่ารักอย่างนี้บ้างแม่หวงตายเลย”

“อ้าวแม่ แล้วอ๊อฟไม่น่าหวงเหรอ”

แม่ผมหันมาค้อนให้ “กับคุณลูกคนนี้แม่ไม่ต้องหวงหรอกมั้ง จะกลับมาบ้านทั้งทีก็มาแค่ไม่กี่วัน ว่าแต่พี่อิมเค้าบอกแม่แล้วนะว่าอ๊อฟมีแฟนใหม่แล้ว แล้วเมื่อไหร่จะพามาแนะนำกับแม่สักที”

พอโดนจี้ใจดำผมเลยหัวเราะแห้งๆ ใจหนึ่งก็อยากจะบอกแม่อยู่เหมือนกันว่าก็คนที่เพิ่งไปส่งที่บ้านมาเมื่อกี้น่ะแหละ แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรอถามนะก่อน ถ้าจะบอกกับที่บ้านจริงๆผมก็อยากให้ทั้งผมและแฟนพร้อมกันแล้วทั้งคู่มากกว่า

“รอก่อนแล้วกันแม่ เค้าพร้อมเมื่อไหร่อ๊อฟพามาแนะนำแน่ๆ”


++------++


เช้าวันถัดมาผมโดนแม่ปลุกแต่เช้าให้ไปตักบาตรด้วยกันก่อนจะกลับบ้านมาช่วยกันทำความสะอาดบ้านและโยกย้ายกระถางต้นไม้ในสวนด้านหลัง แดดยามสายกับการออกกำลังกลางแจ้งเล่นเอาเหงื่อท่วมไปทั้งตัวเพราะดูท่าแม่จะตั้งใจรอผมกลับมาช่วยโดยเฉพาะ หลังอาบน้ำเสร็จเลยขึ้นมานอนเล่นอ่านหนังสืออยู่บนห้อง แต่พอกำลังเคลิ้มๆจะหลับอีกรอบก็โดนแม่เคาะประตูเรียกให้ไปซื้อของที่ห้างเป็นเพื่อน

“ช่วงนี้อ๊อฟเรียนหนักมั้ย”

 แม่ถามขึ้นระหว่างผมผลักรถเข็นเลาะไปตามชั้นวางของในห้าง เพราะปกติแม่อยู่บ้านคนเดียวเลยไม่ค่อยได้ซื้อของใช้อะไร แต่ถ้าซื้อทีก็จะซื้อตุนทีละเยอะชนิดไม่ต้องซื้ออะไรไปอีกหลายเดือน

“ก็เรื่อยๆน่ะแม่ ตอนเทอมสองอาจต้องมีฝึกงาน แต่อ๊อฟคงดูก่อนว่าจะไปฝึกที่ไหน”

“เหรอ แล้วพี่อิมเค้าได้โทรไปหาอ๊อฟบ้างหรือเปล่า”

ผมหยิบห่อมาม่ารสใหม่ขึ้นดูก่อนจะวางที่ชั้นตามเดิม “ก็เพิ่งคุยกันไปเมื่อวันพ่อ เห็นว่าพี่อิมเค้าลงมาหาแม่นี่”

“อืม แม่ก็ถามว่าเมื่อไหร่เค้าจะพาแฟนมาเจอแม่ซักที เพราะท่าทางแม่จะได้ลูกเขยเป็นคนในเครื่องแบบแน่แล้ว”

พอได้ยินแม่พูดแบบนั้นผมก็อดหัวเราะไม่ได้ “ไม่ดีเหรอแม่ ทีนี้มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องกังวล ลูกสาวก็เป็นหมอ ลูกเขยก็เป็นตำรวจ สบายดีออก”

“พูดอย่างกับอ๊อฟไม่ต้องช่วยดูแลแม่แน่ะ” แม่ค้อนให้ก่อนจะหันมาคล้องแขนผมไว้แล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง

“นี่อ๊อฟ”

“ครับผม”

“ถ้าหากว่าตอนนี้มีคนมาขอแม่แต่งงาน อ๊อฟจะว่ายังไง”

“หือ!?”

ประโยคที่ไม่คาดคิดเล่นเอาผมอึ้งไป เพราะความจริงก็พอรู้อยู่ว่ามีผู้ชายมาจีบแม่บ้างหลังจากแยกทางกับพ่อแล้ว แต่เพราะว่าไม่เคยเห็นแม่ตกลงคบกับใครเลยไม่เคยคิดมาก่อนว่าจู่ๆจะโดนชวนคุยเรื่องนี้

“ใครเหรอแม่”

ผมถามเสียงเบา จะบอกไม่ช็อคเลยก็คงไม่เชิง เพราะถ้าหากแม่มาถามความเห็นผมก็แสดงว่าแม่คงจริงจังกับคนนี้พอสมควร

“เพื่อนสมัยเรียนน่ะ ความจริงเค้าทำงานอยู่ที่อื่นแต่ว่าเพิ่งกลับมางานศพพ่อตัวเองเมื่อครึ่งปีก่อนเลยได้เจอกัน แฟนเค้าเสียไปหลายปีแล้ว ลูกสาวคนเดียวก็เพิ่งแต่งงานไป ตอนนี้เลยเหมือนคนโสด”

แม่ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพาผมออกเดินต่อ “หลังจากเจอกันตอนนั้นก็ติดต่อกันแล้วก็นัดทานข้าวด้วยกันบ้างตามประสาเพื่อนเก่า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆวันนึงเค้าก็ถามเรื่องแต่งงานขึ้นมาเฉยเลย”

“แล้วแม่ตอบตกลงไปหรือยัง”

“ยัง แม่อยากคบกันไปเรื่อยๆให้แน่ใจก่อนว่าไม่ใช่เพราะเค้าอารมณ์ชั่ววูบ ถ้าต้องแต่งแล้วหย่าอีกรอบก็คงไม่สนุกเท่าไหร่ แต่ถ้าวันนึงแม่แน่ใจขึ้นมาแม่ก็อยากให้ลูกๆรู้ไว้ นี่ก็บอกพี่อิมไปแล้ว”

ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของแม่เวลาพูดถึงเขาคนนั้น ถึงจะยังรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้แต่เมื่อคิดให้ดีก็เข้าใจว่าแม่เองก็คงเหงาเพราะลูกๆโตกันหมดแล้ว ถ้าหากมีคนที่พร้อมจะดูแลและให้ความสุขกับแม่ในเวลาที่ผมไม่ได้อยู่ด้วยก็น่าจะดีกว่า ผมตบหลังมืออุ่นที่คล้องแขนตัวเองอยู่แล้วก็ยิ้มให้ แม้จะรู้สึกว่าในอกโหวงๆและรอยยิ้มของตัวเองนั้นค่อนข้างจะฝืดฝืนก็ตาม

“ถ้าแม่มีความสุขอ๊อฟก็ไม่มีปัญหา”


++------++


บ่ายคล้อยมากแล้ว ผมจอดรถเทียบที่หน้ารั้วเหล็กดัดจุดเดียวกับที่เพิ่งมาจอดเมื่อคืนแล้วก็กดกริ่ง หลังจากที่กลับบ้านเพื่อเก็บของที่ซื้อมาจากห้างและพาแม่ไปส่งที่บ้านเพื่อนแล้วผมก็ขอเอารถออกมาหานะ ไม่รู้ทำไมหลังจากที่แม่เปรยเรื่องแต่งงานใหม่ขึ้นมาผมก็อยากเจอหน้าคนตัวเล็กจนแทบทนไม่ไหว

ผมยืนรอไม่นานหญิงสาววัยกลางคนร่างเล็กสวมแว่นก็เดินมาที่ประตูรั้ว พอร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้ผมก็รีบยกมือไหว้ทันทีด้วยความคุ้นเคย

“สวัสดีครับอาจารย์”

“ว่าไงอรรถพล ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไหว้พระเถอะจ้ะ”

ใบหน้าของอดีตอาจารย์ยังคงดูใจดีไม่ต่างจากที่เคยเห็นเมื่อสองปีก่อน ยกเว้นก็แต่เส้นผมที่เริ่มมีสีเทาแซมแม้ว่าอาจารย์จะอายุไม่ต่างจากแม่ผมนัก มือผอมบางเปิดประตูรั้วให้ก่อนจะเบี่ยงตัวให้ผมเข้าไปข้างใน พอชะเง้อมองเข้าไปในบ้านแล้วไม่เห็นคนที่ผมตั้งใจมาหาก็อดแปลกใจไม่ได้

“นะไม่อยู่เหรอครับ เมื่อกี้ผมโทรมาเห็นบอกว่าอยู่บ้าน”

“พอดีครูเพิ่งให้ออกไปซื้อของที่ตลาดหน้าวัดเมื่อกี้นี้เอง ยังไงเข้ามารอก่อนสิจ๊ะ”

อาจารย์วรรณีเดินนำผมเข้าไปในห้องรับแขกในตัวบ้าน ผมรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสามีของอาจารย์ไม่อยู่เพราะไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด ดังนั้นพอต้องเผชิญหน้ากับอดีตอาจารย์และแม่ของแฟนตามลำพังก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้

ผมรีบรับแก้วน้ำเย็นที่อาจารย์รินมาส่งให้ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ “ขอบคุณครับอาจารย์ ที่จริงไม่ต้องก็ได้”

“ได้ยังไงกัน ลูกศิษย์กลับมาเยี่ยมทั้งที แถมตอนนี้ยังเป็นรูมเมทกับลูกครูอีก ต้องให้เธอดูแลน้องนะอยู่เรื่อย ขอบใจมากนะ”

ผมลูบต้นคอด้วยความเขิน ก็ถึงแม้เหตุผลที่ช่วยดูแลลูกอาจารย์เมื่อตอนม.ปลายจะเป็นเพราะถูกฝากฝังไว้ก็จริง แต่มันต่างกับเหตุผลตอนนี้เป็นคนละเรื่องเลยนี่นา

เสียงกระดิ่งและเสียงฝีเท้าของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆวิ่งมาจากใต้บันไดแล้วก็เข้ามาคลอเคลียอยู่ที่ขาผม พอก้มลงมองก็เห็นว่าเป็นลูกหมาปอมเมเรเนียนขนฟูสีน้ำตาล นัยน์ตากลมโตจ้องผมด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่พวงหางพองฟูส่ายไปมา พอผมยื่นมือลงไปหาลิ้นสีชมพูเล็กๆก็แลบออกมาเลียจนจั๊กกะจี้

“จุ๊ๆ กุ๊งกิ๊ง มานี่มะ”

อาจารย์วรรณีเรียกแล้วก็ตบโซฟาข้างตัวเบาๆ เจ้าลูกหมาตัวน้อยจึงผละจากผมแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งตรงที่ที่โดนสั่งอย่างแสนรู้จนผมอดทักไม่ได้

“ฉลาดจังเลยนะครับ”

“ใช่มั้ยล่ะ ตั้งแต่น้องนะเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯครูกับพ่อเค้าก็ได้เจ้านี่แหละมาทำให้หายเหงา เอ้าๆกุ๊งกิ๊งหิวเหรอลูก เดี๋ยวครูไปเอาอะไรให้มันกินก่อนนะอรรถพล ตามสบายนะจ๊ะ”

ท่าทางของอาจารย์ที่ประคบประหงมลูกหมาขนฟูตัวน้อยทำให้ผมต้องยิ้ม ไม่น่าแปลกใจหรอกที่นะจะน้อยใจที่พ่อกับแม่โอ๋เจ้าหนูนี่มากกว่าตัวเองตอนกลับมาเยี่ยมบ้านคราวที่แล้ว

ผมนั่งจิบน้ำเย็นรอในห้องรับแขกคนเดียวสักพักก็ได้ยินเสียงประตูรั้วเปิด พอหันไปมองก็เห็นคนที่ตั้งใจมาหากำลังจูงจักรยานเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพอดี

“แม่! เมื่อกี้ยางจักรยานมันแตกนะเลยแวะไปเปลี่ยนยางมาแล้วนะ อ้าว...พี่อ๊อฟ”

แก้มสองข้างของคนตัวเล็กเป็นสีเรื่อขึ้นพอเห็นว่าผมนั่งอยู่ในบ้านเพราะเผลอตะโกนเสียงดัง เออแฮะ เวลาอยู่บ้านนี่ท่าทางเป็นคนละคนกับเวลาอยู่ที่มหา’ลัยเลย อาจารย์วรรณีเดินออกมารับของที่สั่งซื้อแล้วก็หันมาหาผม

“งั้นเดี๋ยวขอครูทำกับข้าวก่อน ถ้าเธอไม่มีธุระก็อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันสิ หรือว่าต้องกลับไปทานกับที่บ้าน”

“อ๋อ เย็นนี้แม่ผมไปกินเลี้ยงกับพวกเพื่อนๆเค้าน่ะครับ งั้นเดี๋ยวผมช่วยอาจารย์นะครับ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะพ่อคุณ น้องนะพาพี่เค้าไปเดินเล่นในสวนสิลูก เดี๋ยวข้าวเย็นเสร็จแล้วแม่จะไปเรียก”

คล้อยหลังอาจารย์นะก็เดินนำผมไปที่รั้วด้านหลัง เมื่อเปิดประตูรั้วออกไปก็พบสวนผลไม้ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางพอสมควร ใบไม้แห้งร่วงหล่นเต็มพื้นจนได้ยินเสียงดังกรอบแกรบยามย่ำเท้าลงไป

“พี่อ๊อฟมานานหรือยัง?”

“มาถึงก่อนนะกลับมาแป๊บเดียวแหละ ไม่โทรไปบอกล่ะว่าจะไปซื้อของ พี่จะได้แวะซื้อเข้ามาให้”

คนตัวเล็กย่นจมูก “ก็แม่เค้าเพิ่งสั่งหลังนะวางหูจากพี่อ๊อฟแป๊บเดียวเอง เห็นว่าตลาดมันอยู่ใกล้ๆคงไปแป๊บเดียว ไม่คิดว่ายางล้อรถมันจะแตกกลางทางเลยเสียเวลา”

ผมคว้ามือเล็กมากุมไว้หลังเดินห่างรั้วบ้านมาได้สักพัก นะเงยหน้ามองผมแล้วก็กระตุกมือก่อนจะนำไปนั่งที่แคร่เก่าๆใต้ต้นทองหลางขนาดใหญ่ที่ทำไว้สำหรับนั่งได้สองคนพอดี บรรยากาศสงบชวนให้น่านอนผมเลยเอนหัวลงพิงไหล่บางไว้แล้วคลึงนิ้วมือที่ตัวเองกุมอยู่เล่น

“พี่อ๊อฟเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมท่าทางซึมๆ”

“เหรอ พี่ว่าพี่ก็ปกตินี่” ผมยกหัวขึ้นสบตาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่นัยน์ตากลมโตจ้องกลับเขม็ง

“นะดูออกนะ มีอะไรไม่สบายใจบอกกันก็ได้นี่”

พอโดนทักผมเลยทิ้งตัวลงนอนตักของนะเสียเลย โชคดีว่าบ่ายมากแล้วและมีลมพัดแผ่วๆทำให้อากาศเย็นสบาย มือเล็กยื่นมาลูบผมให้เบาๆผมเลยหลับตาลง

“เมื่อเช้าตอนพี่ออกไปซื้อของกับแม่ แม่เค้าบอกว่าอาจจะแต่งงานใหม่ล่ะ”

มือเล็กชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะลูบผมให้ต่อ “เหรอ แล้วพี่อ๊อฟคิดว่าไง?”

“จะว่าไงดี พี่ยังไม่เคยเจอว่าที่พ่อเลี้ยงคนนี้น่ะสิ จะว่าไม่ห่วงแม่เลยก็ไม่ได้”

ผมพูดแล้วก็นึกถึงพ่อ ถึงพ่อจะแต่งงานใหม่เหมือนกัน แต่ความที่เจ้าตัวอยู่ต่างประเทศทำให้ไม่ค่อยรู้สึกอะไรนัก แต่กับแม่ซึ่งเป็นคนดูแลผมกับพี่สาวมาตลอดหลังจากแยกทางกับพ่อทำให้ความรู้สึกสนิทสนมและห่วงใยมีมากกว่าอย่างเทียบกันไม่ติด ถึงผมจะบรรลุนิติภาวะแล้วก็เถอะ พอคิดว่าตัวเองจะได้พ่อใหม่ก็อดใจหายหน่อยๆไม่ได้

นะเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังเรียบเรียงความคิดก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “นะว่าวัยขนาดพ่อแม่ของพวกเราเค้าผ่านอะไรมาตั้งเยอะแล้ว ถ้าหากพูดเรื่องชีวิตคู่ก็คงไม่พูดกันเล่นๆหรอก”

“...ก็คงอย่างนั้น” เรื่องนั้นก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้

“มองในแง่ดีสิพี่อ๊อฟ ถ้าแม่เค้ามาบอกอย่างนี้แสดงว่าเค้าก็คิดถึงความรู้สึกพี่อ๊อฟเหมือนกันนะ”

ผมคิดทบทวนตามสิ่งที่คนตัวเล็กพูด แล้วก็นึกถึงท่าทางของแม่ตอนที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สายตาที่มองผมอาบไปด้วยความเป็นห่วงอย่างเต็มเปี่ยม ถึงอย่างไรแม่ก็ยังเป็นแม่ของผมนี่นะ

“อืม...จะว่าไปก็ใช่ แฟนพี่ก็พูดอะไรมีหลักการเหมือนผู้ใหญ่ได้เหมือนกันนะเนี่ย”

“พูดงี้หมายความว่าไง นะไม่ได้เป็นเด็กแล้วนะ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวเองหนุนตักอยู่แล้วก็หัวเราะก่อนจะดีดตัวขึ้นนั่ง เวลาเห็นคนตัวเล็กทำแก้มป่องเพราะไม่พอใจแบบนี้ทีไรอารมณ์ที่ขมุกขมัวอยู่จะดีขึ้นทุกที

“รู้แล้วน่าว่าไม่ได้เป็นเด็กแล้ว ไม่งั้นจะทำแบบนี้กับพี่ได้เหรอ”

ผมโน้มศีรษะทุยเข้าหาก่อนจะแตะริมฝีปากตัวเองกับริมฝีปากนิ่มเบาๆแล้วผละออก นะกระพริบตามองผมก่อนจะเอื้อมแขนเรียวสองข้างมากอดคอผมไว้ นัยน์ตากลมโตที่เชื่อมแสงเป็นประกายกับริมฝีปากแดงๆดึงดูดให้ก้มลงไปบดเบียดริมฝีปากอีกครั้งอย่างอดใจไม่อยู่ แล้วคนขี้อายก็ทำให้ผมต้องประหลาดใจเมื่อปลายลิ้นเล็กๆยื่นออกมาไล้เลียอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปากของผมก่อนจนผมต้องเผยอปากรับ ถึงแม้จะรู้ว่าแม่ของนะอาจจะออกมาตามเราได้ทุกเมื่อ แต่รสสัมผัสอันหวานซ่านตรงหน้าก็ทำให้ผมผลักความคิดนั้นออกไปจากหัว ร่างบางๆของนะแนบชิดกับผมจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของอีกฝ่ายผ่านเสื้อที่สวมอยู่
 
ผมค่อยๆถอนริมฝีปากออกก่อนจะกอดคนตัวเล็กไว้กับอกแล้วก็ถอนหายใจ “อยากกลับหอจัง อยู่ที่บ้านแบบนี้ทำอะไรไม่ถนัดเลย”

“พี่อ๊อฟทะลึ่ง”

คนในอ้อมแขนงึมงำเสียงเบาแล้วก็เอากำปั้นทุบผมทีหนึ่ง แต่ถึงปากจะพูดอย่างนั้นผมก็พอจะรู้แหละว่าอีกฝ่ายก็คงคิดเหมือนกัน เราสองคนนั่งฟังเสียงลมพัดยอดไม้จนแดดเริ่มอ่อนแสงจึงพากันเดินกลับบ้าน

“ชักหิวแล้วสิ นะรู้มั้ยว่าอาจารย์เค้าจะทำกับข้าวอะไร”

“น่าจะแกงข่าไก่กับผัดกุยช่ายมั้ง ถ้าดูจากของที่แม่ให้ซื้อนะ ว่าแต่แปลกจัง บอกว่าจะออกมาตามแต่ไม่เห็นมาเลย”

พอเดินใกล้ถึงประตูรั้วหลังบ้านนะก็ผละจากผมแล้วเดินนำไปที่รั้ว อย่างว่าละ ถึงจะอึดอัดที่เวลาอยู่บ้านเราทำตัวใกล้ชิดกันออกนอกหน้าไม่ได้ แต่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ยังไงก็ต้องสำรวม แล้วพวกเราก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านเรื่องที่เราคบกันอยู่ด้วยสิ

“แม่ มีกับข้าวอะไรมั่ง”

คนตัวเล็กเดินเข้าไปในครัวแล้วก็กอดเอวแม่ตัวเองที่กำลังวุ่นอยู่กับหม้อแกงหน้าเตาแก๊ส ผมมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ พอจะรู้แล้วละว่าทำไมพ่อหนูน้อยของผมถึงขี้อ้อนนัก ติดนิสัยมาจากที่บ้านนี่เอง

“เอ้าๆ ไปล้างมือแล้วช่วยแม่เอาจานชามไปตั้งที่โต๊ะก่อนสิน้องนะ เดี๋ยวแม่ยกกับข้าวออกไป”

“อาจารย์ให้ผมช่วยมั้ยครับ”

“ขอบใจ เธอไปนั่งรอที่โต๊ะเฉยๆก็พอ”

เสียงของอาจารย์สั้นห้วนจนผมนึกถึงสมัยตัวเองโดนดุตอนอยู่ ม.ปลาย แถมนัยน์ตาหลังกรอบแว่นสีเงินยังไม่แม้แต่จะชายตามามองด้วยซ้ำจนอดแปลกใจไม่ได้ ผมเผลอไปทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่านะ?

“พี่อ๊อฟ ช่วยหยิบแก้วน้ำมาให้หน่อยสิ”

“หือ? อ้อได้ เดี๋ยวนะ”

ผมหันไปหยิบแก้วน้ำสามใบจากถาดบนหลังตู้เย็นแล้วก็เดินตามคนตัวเล็กไปที่โต๊ะ ยังสงสัยไม่หายว่าทำไมจู่ๆท่าทางของอาจารย์ก็เปลี่ยนไปกะทันหันเพราะเมื่อกี้ยังคุยกับผมดีๆอยู่เลย

เราสามคนนั่งลงที่โต๊ะอาหารโดยผมนั่งตรงข้ามกับนะและอาจารย์วรรณีนั่งหัวโต๊ะ มื้ออาหารเริ่มขึ้นอย่างเงียบๆเมื่ออาจารย์เริ่มตักกับข้าวประเดิมก่อนพวกผมจึงเริ่มทานบ้าง

“เอ้านะ”

ผมตักปีกไก่บนพร้อมน้ำแกงต้มข่าไก่ให้คนที่นั่งตรงข้ามเพราะรู้ว่าคนตัวเล็กชอบ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงกระแอมจากคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

นะหันไปมองแม่แล้วก็หันกลับมามองผมงงๆ ผมคาดว่าสีหน้าตัวเองก็คงแสดงอาการเดียวกัน เพราะนึกไม่ออกจริงๆว่าไปทำอะไรขัดใจอาจารย์ตอนไหน

“แม่ฮะ พรุ่งนี้พ่อเค้าจะกลับมากี่โมง”

คนตัวเล็กเริ่มชวนคุยเมื่อสังเกตได้ว่าโต๊ะอาหารเงียบผิดปกติ

“น่าจะตอนสายๆ ยังไงก็น่าจะทันก่อนน้องนะกลับกรุงเทพฯนั่นล่ะ หรือว่ามีธุระอะไรต้องรีบกลับจนรอเจอพ่อเค้าก่อนไม่ได้?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยแม่ก็ พอดีนะต้องกลับไปช่วยพี่อ๊อฟจัดห้องใหม่ ตอนนี้มันรกๆอยู่”

“เหรอ สงสัยจะรกมากเลยสินะ”

ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าน้ำเสียงนั้นฟังประชดประชันยังไงชอบกล แต่แล้วอาจารย์วรรณีก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนจะมองพวกผมสองคนสลับกันไปมา สายตาหลังกรอบแว่นแฝงแววไม่พอใจอย่างชัดเจน

“ครูมีเรื่องจะพูดเกี่ยวกับความสนิทสนมของพวกเธอสองคน ทานข้าวเสร็จแล้วอยู่คุยกันหน่อยนะ อรรถพล”

“เอ่อ...ครับ”

น้ำเสียงเฉียบขาดทำเอาผมขนลุก พอชำเลืองมองคนตรงข้ามก็เห็นนะทำหน้าตื่นๆเหมือนกัน ท่าทางเรื่องที่อาจารย์จะคุยด้วยจะเป็นเรื่องที่ผมกับคนตัวเล็กต่างกังวลกันเสียแล้ว



“เมื่อกี้ในสวนทำอะไรกัน ครูเห็นนะ”


++------++




หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 05-01-2009 18:12:55
อ่า...โดนจับได้ซะงั้น จะเหมือนโต้งมิวไหมนี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-01-2009 19:36:31
แอร๊ยยยยส์ อ๊อฟ นะ งานเข้า  :z3: อาจารย์จะว่างัยเนี่ย ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 05-01-2009 20:06:38
เง้ออ งานเข้าเลย

ไม่ดูตาม้าตาเรือซ่ะงั้น  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 05-01-2009 21:15:54
แย่แล้ว ทำไงดีล่ะ  ครูจะว่าไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 05-01-2009 22:21:25


...ก่อนอื่นต้องชมป้าก่อน   ป้าใช้ภาษาในการสื่อสารได้ลื่นมากเลยครับ 

...ไม่มีคำผิดให้สะดุด  แล้วก็ตรงๆเข้าใจง่าย  ไม่เสียอรรถรสเลยครับ...ชอบป้ามากกกกก :o8:

ปล.ป้าเป็นคนป่าวครับ???...............ม้ายช่ายยย!!!....ป้าเป็นคนใต้ป่าวครับ??? :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 05-01-2009 22:29:20
T_T


อยากร้องไห้...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 05-01-2009 22:34:23
อ่า...โดนจับได้ซะงั้น จะเหมือนโต้งมิวไหมนี่
เห็นด้วย
 :serius2:
เหมือนรักแห่งสยามเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 05-01-2009 23:09:39

เฮ้ย
โดนจับได้เหรอเนี่ย
งานเข้าแล้วไง
 o22

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 05-01-2009 23:57:10
หวังว่าคุณแม่จะเข้าใจ..เพี้ยง :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 06-01-2009 00:08:16
งานเข้าจังเบ้อเริ่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 06-01-2009 01:22:16
งานเข้าแล้วอ๊อฟ   o22 o22

เห็นด้วยกะป้านะ ท่าทางเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องยาวไปซะแล้ว อิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 06-01-2009 03:48:55
มาแปะ ไว้ก่อนนะจ้ะ บีบี

กำลังตามอ่าน

อ่านทันแล้วจะมาบอกอีกที

ฮาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 06-01-2009 04:49:28
คุณครูอย่าดุนักสิคะ

อรรถพลเค้ากลัวเห็นไหม

เอาน่าแล้วมันจะผ่านไปชิมิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 06-01-2009 07:52:02
ความแตกแล้วคุณแม่เปลี่ยนโหมดโหดเลย  :sad4:


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 06-01-2009 07:55:56
อาจารย์แม่ เห็นแล้ว :sad3:  “เมื่อกี้ในสวนทำอะไรกัน ครูเห็นนะ”

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-01-2009 11:09:55
อ่า...โดนจับได้ซะงั้น จะเหมือนโต้งมิวไหมนี่
อ่า...โดนจับได้ซะงั้น จะเหมือนโต้งมิวไหมนี่
เห็นด้วย
 :serius2:
เหมือนรักแห่งสยามเลย

แป่ว โดนทักถึงเพิ่งรำลึกได้ว่าเรื่องนั้นมีฉากคล้ายๆกันอยู่นิ เอาเป็นว่าตอนที่ป้าเขียนนี้ไม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากที่ใดทั้งสิ้นละกันนะจ๊ะ
(แอบสารภาพว่าเคยดูเรื่องนี้ไปแค่สองรอบจากช่องทรู และไม่ได้ตั้งใจดูเท่าไหร่เพราะเล่นเน็ตอยู่อะ แหะๆ แต่พิชชี่น่าร้ากกก)




...ก่อนอื่นต้องชมป้าก่อน   ป้าใช้ภาษาในการสื่อสารได้ลื่นมากเลยครับ 

...ไม่มีคำผิดให้สะดุด  แล้วก็ตรงๆเข้าใจง่าย  ไม่เสียอรรถรสเลยครับ...ชอบป้ามากกกกก :o8:

ปล.ป้าเป็นคนป่าวครับ???...............ม้ายช่ายยย!!!....ป้าเป็นคนใต้ป่าวครับ??? :pig4:

แอร๊ยย์!! โดนสารภาพรัก ว่าแต่ คำถามตรง ปล. นี่มันอะร้าย (สงสัยเป็นอีที -*-) ครอบครัวป้ามาจากโคราชแต่ป้าเกิดและโตในกทม.เจ้าค่ะ (ว่าแต่คำถามนี้มาได้ไงเนี่ย? ของงอีกที)  :a5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 06-01-2009 13:29:01




...ก่อนอื่นต้องชมป้าก่อน   ป้าใช้ภาษาในการสื่อสารได้ลื่นมากเลยครับ 

...ไม่มีคำผิดให้สะดุด  แล้วก็ตรงๆเข้าใจง่าย  ไม่เสียอรรถรสเลยครับ...ชอบป้ามากกกกก :o8:

ปล.ป้าเป็นคนป่าวครับ???...............ม้ายช่ายยย!!!....ป้าเป็นคนใต้ป่าวครับ??? :pig4:

แอร๊ยย์!! โดนสารภาพรัก ว่าแต่ คำถามตรง ปล. นี่มันอะร้าย (สงสัยเป็นอีที -*-) ครอบครัวป้ามาจากโคราชแต่ป้าเกิดและโตในกทม.เจ้าค่ะ (ว่าแต่คำถามนี้มาได้ไงเนี่ย? ของงอีกที)  :a5:

[/quote]

...ว่าววๆๆๆๆว้าวววว...โคราชบ้านเอ๋ง...คนบ้านเดี๋ยวกั๋น..ดู๋ถัวะๆๆ..แต่ผมเกิดและเติบใหญ่ที่นี้ครับ

...เอ่อ...ที่ถามเพราะอ่านแล้วเจอคำว่า"รุนหลัง"น่ะครับ...เคยได้ยินเพื่อนที่เป็นคนใต้มันพูดว่า"รุน"แล้วงง  มันบอกว่ามันหมายถึง"เข็น"น่ะครับ

...แต่ไม่รู้ว่าเค้าใช้ว่าอะไร  ปกติผมใช้"ดันหลัง"น่ะครับ  ไม่รู้ความหมายเดียวกันป่าว??

...รักและเคารพป้ามากครับ...จุ๊ฟฟๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-01-2009 13:54:33
อาจารย์แม่ นี่ อดีตคุณครูฝ่ายปกครองด้วยป่าวเนี่ย  น่ากลัวมาก  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 06-01-2009 18:44:39
เย้ๆ

บีบี เค้าอ่านทันแล้วน้าาาาา

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

กว่าจะอ่านมาถึงตรงนี้

แทบเป็นเบาหวานตาย

แอร๊ยยยยย น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเกิ๊นนนนน



แต่ตอนล่าสุดเนี่ย

คุณครูขา เห็นใจเถอะนะคะ

เด็กเค้ารักกันอ่ะ


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 06-01-2009 19:23:46
แอร๊ยยยยยยยยย...

โดนอาจารย์จับได้ซะแล่ะ

งานนี้จะออกหมู่หรือจ่า น่อ... เสียงอาจารย์น่ากลัว   o22
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-01-2009 19:47:17
 o22 โดนจับได้ซะแล้ว  :jul3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: poona28 ที่ 06-01-2009 21:41:12
 :laugh: :laugh:

ซวยแน่คับอ๊อฟ

แก้ตัวดีๆก็แล้วกัน

 o18 o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องที่ 2: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 10 (05/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 07-01-2009 04:11:52
งานเข้าเลย หุหุ

หวังว่าอาจารย์แม่จะเข้าใจนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - UP Status เป็นนิยาย (07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-01-2009 09:51:59
แม้จะยังไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะอีกกี่ตอนจบ แต่คิดว่าเท่าที่เขียนมาก็เกินความเป็นเรื่องสั้นไปมากโข เลยอัพเป็นนิยายละกันนิ

ตอนหน้าขณะนี้คืบหน้าไปประมาณครึ่งตอน ไม่วันนี้พรุ่งนี้คงได้มาลงนะจ๊ะ แต่ก่อนไปทำงานขอตอบข้อสงสัยข้างล่างจิ๊ดนึง  :really2:



...ว่าววๆๆๆๆว้าวววว...โคราชบ้านเอ๋ง...คนบ้านเดี๋ยวกั๋น..ดู๋ถัวะๆๆ..แต่ผมเกิดและเติบใหญ่ที่นี้ครับ

...เอ่อ...ที่ถามเพราะอ่านแล้วเจอคำว่า"รุนหลัง"น่ะครับ...เคยได้ยินเพื่อนที่เป็นคนใต้มันพูดว่า"รุน"แล้วงง  มันบอกว่ามันหมายถึง"เข็น"น่ะครับ

...แต่ไม่รู้ว่าเค้าใช้ว่าอะไร  ปกติผมใช้"ดันหลัง"น่ะครับ  ไม่รู้ความหมายเดียวกันป่าว??

...รักและเคารพป้ามากครับ...จุ๊ฟฟๆๆ :กอด1:

อุว้าว ญาติกั๋นๆ อิๆ อยากบอกว่า ความจริงแล้วป้าเว่าภาษาถิ่นไม่ได้เลยอะ แต่ฟังพอรู้เรื่องบ้างนิโหน่ย ว่าแต่คำว่า "รุนหลัง" นี่ป้าเคยเห็นนักเขียนใช้กันทั่วไปนะ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจริงๆเป็นคำภาษาใต้ ความหมายก็ครือกันกับดันหลังแหละจ๊ะ แต่อ่านแล้วมันรู้สึกนิ่มนวลกว่า"ดัน"นะ

กอดน้องลีโอ(หรือไอซ์?) คืนคับ   :man1:


อาจารย์แม่ นี่ อดีตคุณครูฝ่ายปกครองด้วยป่าวเนี่ย  น่ากลัวมาก  :sad4:

แม่นเลยค่า รู้สึกจะเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ไปเหมือนกันในตอนที่แปด(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ตอนหน้าก็ช่วยกันลุ้นอ๊อฟหน่อยละกันว่าจะฝ่าด่านว่าที่แม่ยายจอมดุไปได้ไหม  :jul3:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - UP Status เป็นนิยาย (07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 07-01-2009 10:36:53
^
^
^

จิ้มเบลลลลลลลลลลลลลล

อร๊ายยยยยยยย

เป็นนิยายแว้ววววววววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - UP Status เป็นนิยาย (07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 07-01-2009 10:45:01
จะโดนมั้ยเนี่ย :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - UP Status เป็นนิยาย (07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-01-2009 11:29:19
จะนิยาย จะเรื่องสั้น ก็รออ่านค่ะ

เอาใจช่วยตาอ๊อฟ จะรอดหรือเปล่าเนี่ย   :amen:



แม่นเลยค่า รู้สึกจะเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ไปเหมือนกันในตอนที่แปด(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ......

เดี๋ยวลองกลับไปอ่านดูใหม่ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-01-2009 19:06:44
ตอนที่ 11: ปัญหาที่ต้องฝ่าฟัน

“น้องนะ แม่บอกว่าให้ขึ้นไปบนห้องก่อนไง”


อาจารย์วรรณีหันไปสั่งเสียงเฉียบขาดกับคนตัวเล็กหลังจากที่ยกจานชามไปไว้ในอ่างล้างแล้ว มื้ออาหารเย็นที่เพิ่งสิ้นสุดเต็มไปด้วยบรรยากาศฝืดเฝือเพราะทั้งผมทั้งนะต่างทานอะไรไม่ลงด้วยความเกร็ง นะหันมาประสานสายตากับผมแล้วก็หันไปต่อรองกับแม่ตัวเองเสียงแห้ง

“แต่ว่าแม่ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับนะด้วยนะ”

“นะครับ ขึ้นไปบนห้องตามที่อาจารย์บอกเถอะ”

ผมพยักหน้าให้ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความกังวลเพราะไม่อยากให้อาจารย์วรรณีขัดใจมากไปกว่านี้ และถ้าอาจารย์มีเรื่องอะไรที่ต้องถามจากผม ผมก็อยากจะรีบตอบให้เสร็จไปมากกว่าจะปล่อยให้คาราคาซัง แม้ว่าจะไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเพราะไม่คิดว่าความจะแตกเร็วขนาดนี้ก็ตาม

ริมฝีปากอิ่มแดงเม้มแน่นขณะที่เราสบตากันก่อนเจ้าตัวจะหันไปมองแม่ตัวเองอีกครั้ง ร่างเล็กหมุนตัวเดินขึ้นไปบนห้องอย่างเงียบๆโดยมีเจ้ากุ๊งกิ๊งวิ่งตามขึ้นไปด้วย ผมฟังเสียงประตูปิดที่ดังแว่วมาจากชั้นบนแล้วก็ถอนหายใจ อย่างน้อยเจ้าลูกหมาขนฟูคงพอเป็นเพื่อนปลอบใจนะในตอนนี้ได้

“เอาล่ะ...”

เสียงเรียบเย็นจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะปลุกผมจากภวังค์ สายตาที่จ้องเขม็งมาทำให้อดขยับนั่งตัวตรงขึ้นไม่ได้
ในสายตาของอาจารย์ตอนนี้ผมคงดูเหมือนผู้ร้ายอุกฉกรรจ์เลยกระมัง

“ไหนอธิบายมาซิ ว่าที่ครูเห็นเมื่อกี้น่ะมันอะไร”

ผมอึกอัก แม้คำถามนั้นจะฟังดูง่ายแต่กลับครอบคลุมเนื้อความกว้างขวางจนไม่แน่ใจว่าคำตอบที่ถูกคืออะไร หรือแม้แต่ว่ามีคำตอบที่ถูกหรือเปล่าในกรณีนี้ ผมเลยเลือกถามกลับเพื่อประวิงเวลาไปก่อน

“อาจารย์เห็นตอนไหนล่ะครับ”

นัยน์ตาหลังกรอบแว่นมองผมตาเขียว “ก็ทันตอนที่พวกเธอนั่งทำอะไรกันอยู่ใต้ต้นไม้นั่นแหละ ครูขอถามหน่อยเถอะ พวกเธอสองคนเริ่มคบกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?”

“...ก็ตั้งแต่เราย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันครับ”

“ตั้งแต่น้องนะย้ายไปอยู่ห้องเธอ? อะไรกัน…”

อาจารย์วรรณีอุทานแล้วก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นทาบอก ผมเห็นสีหน้าตกใจนั้นแล้วก็รู้สึกเห็นใจอาจารย์ขึ้นมา ถ้าผมเล่าให้แม่ฟังบ้างแม่จะแสดงอาการแบบเดียวกันหรือเปล่านะ

“อาจารย์ครับ คือว่า...พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนะครับ เพียงแต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาจะบอก”

“แล้วพวกเธอคิดว่าจะบอกครูเมื่อไหร่? ไม่ต้องรอจนลูกครูเรียนจบเลยงั้นเหรอ!?”

น้ำเสียงที่เริ่มกราดเกรี้ยวทำให้ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆทั้งที่เริ่มอยากขึ้นเสียงตามอยู่รอมร่อ ไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกว่าตัวเองถูกต้อนให้จนมุมทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดขนาดนี้เลย

“พวกผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดนานขนาดนั้น เพียงแต่พวกเราเองก็ยังคบกันได้ไม่นาน เลยยังไม่อยากทำอะไรกระโตกกระตาก”

“แต่ก็ย้ายไปอยู่ห้องเดียวกันแล้ว?”

“ผมยอมรับว่าผมเป็นคนชวนนะให้มาอยู่ห้องเดียวกับผมเอง แต่ว่าเพราะผมอยากให้เราได้ใช้เวลาด้วยกัน ผมคบกับนะด้วยความจริงใจนะครับ”

ผมย้ำทุกคำพูดด้วยเสียงหนักแน่นและสบตากับผู้ให้กำเนิดของคนที่ผมรักตรงๆ ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยังไม่มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์สิ่งที่เพิ่งพูดไปก็ตาม อย่างน้อยผมก็ใส่ความจริงใจกับทุกคำที่ถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายจะยอมเปิดใจบ้างหรือเปล่าเท่านั้น

อาจารย์วรรณีถอดแว่นออกแล้วก็นวดขมับก่อนจะเงียบไปนานจนผมรู้สึกว่าเสียงหรีดหริ่งเรไรในสวนดังระงมจนหูอื้อ มือผอมบางที่เริ่มมีริ้วรอยและใสจนเห็นเส้นเลือดยกแว่นขึ้นสวมตามเดิมก่อนจะประสานมือเข้าด้วยกันบนโต๊ะ ใบหน้าที่ละม้ายกับคนสำคัญของผมเงยขึ้นสบตากับผมตรงๆหลังจากที่อาจารย์ไม่ยอมหันมามองอยู่เป็นนาน
 
“ไม่ใช่ว่าครูไม่เคยเห็นเด็กที่เป็นแบบนี้มาก่อนหรอกนะ แต่สมัยที่เธอยังเรียนอยู่กับครู ครูก็ไม่เห็นว่าเธอจะแสดงท่าทางว่าจะเป็นแบบนี้เลยนี่”

น้ำเสียงที่ทักนั้นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มสงบสติอารมณ์ลงมากแล้ว ทว่าสายตาที่มองมาทำให้ผมอดรู้สึกร้อนที่หน้าไม่ได้

“นะเป็นแฟนคนแรกและคนเดียวของผมครับที่เป็นผู้ชาย และจะไม่มีคนอื่นอีกแล้วด้วย”

ผมตอบเสียงนิ่งจนอาจารย์ผงะนิดๆ พอเห็นท่าทางแบบนั้นผมเลยรีบพูดต่อ “อาจารย์ครับ ที่เราสองคนคบกันไม่ใช่ว่าเพราะอยากรู้อยากลองนะครับ อาจารย์เชื่อใจผมเถอะครับ”

“อรรถพล ทั้งเธอทั้งลูกครูยังอายุน้อยกันอยู่ บางทีสิ่งที่เธอคิดว่าใช่ในตอนนี้มันอาจจะเปลี่ยนแปลงในอนาคตก็ได้นะ ถ้าได้ห่างกันสักพักอาจจะทำให้พวกเธอเข้าใจตัวเองมากขึ้นก็ได้”

การแสดงความเห็นแบบไม่ยึดติดกับอารมณ์นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกว่ามือเท้าเย็นไปหมด “อาจารย์หมายความว่าไงครับ”

“ครูพอจะจำได้ว่าตอนม.ปลาย น้องนะค่อนข้างจะชื่นชมเธอมาก แต่บางทีเค้าอาจจะแค่หลงไปเพราะเห็นว่าเธอเป็นรุ่นพี่ที่พึ่งพาได้ ถ้าเกิดวันหนึ่งในอนาคตเค้าไปเจอคนอื่นแล้วขอเลิกกับเธอขึ้นมาล่ะ? ถ้าถึงวันนั้นคนเจ็บก็จะเป็นเธอเองนะ สู้หยุดซะตั้งแต่ตอนนี้จะไม่เจ็บน้อยกว่าเหรอ”

เหมือนโดนอะไรตีลงมากลางแสกหน้าจนผมนึกคำพูดโต้ตอบไม่ออก อาจารย์ยังคงมองผมด้วยสายตาเหมือนเห็นใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้เลยสักนิด ผมเห็นอาจารย์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ก็โดนแทรกด้วยเสียงตะโกนจากด้านหลังเสียก่อน

“แม่! พูดอะไรน่ะ!”

เสียงคุ้นเคยที่ดังมาจากประตูเชื่อมห้องนั่งเล่นกับห้องทานอาหารทำเอาผมกับอาจารย์วรรณีสะดุ้ง พอหันไปก็เห็นคนที่กำลังถูกพูดถึงยืนตาแดงๆอยู่ พอเห็นใบหน้าที่ดูราวกับน้ำตาจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อแบบนั้นผมก็เผลอตัวจะลุกเข้าไปหา แต่แล้วก็โดนเสียงดุตวาดขึ้นจนผมชะงัก

“น้องนะ!! แม่บอกว่าให้อยู่ในห้องไง!”

“ทำไมแม่ถึงไม่ฟังอะไรก่อนเลยล่ะ นะไม่ใช่เด็กๆที่แค่ชื่นชมใครก็จะเผลอคบด้วยนะ”

“แม่กำลังชี้ทางที่ถูกให้ลูกอยู่นะ คิดบ้างหรือเปล่าว่าการคบกันของพวกเธอมันจะส่งผลกระทบกับใครบ้าง!”

จบคำของอาจารย์นะก็หันมามองผมด้วยนัยน์ตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะหันมองแม่ตัวเอง ร่างเล็กหันหลังแล้วก็วิ่งตึงตังขึ้นไปชั้นบน ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมรีบลุกขึ้นเพื่อจะตามไปแต่โดนมือผอมบางยื้อไว้เสียก่อน

“เธอกลับไปก่อน...”

“อาจารย์ครับ! แต่ว่า...”

นัยน์ตาหลังขอบแว่นที่เริ่มแดงช้ำขึ้นแม้จะไม่ได้สบตากับผมโดยตรงทำให้อะไรที่กำลังจะพูดไหลกลับลงคอ มือเล็กเรียวค่อยๆปล่อยมือก่อนจะเดินผ่านผมไปแล้วก็หันหลังให้ เสียงที่ลอดออกมาให้ได้ยินเบาหวิวทว่าเนื้อหาไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ

“ถือว่าครูขอร้อง วันนี้เธอกลับไปก่อนเถอะ”


++------++


“ช้าจัง”

ผมพยักหน้าเนือยๆให้แม่ แล้วก็ต้องฝืนยิ้มไหว้พวกป้าๆน้าๆที่นัดกันมาปาร์ตี้คาราโอเกะที่บ้านของป้าเพ็ญซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของแม่ หลังยืนเป็นตุ๊กตาให้ป้าทั้งหลายลูบหัวลูบไหล่ตามประสาลูกเพื่อนที่เคยเห็นแต่อ้อนแต่ออกอยู่สักพักผมก็ขอแม่ออกไปสตาร์ทรถรอที่หน้าบ้านเพราะเริ่มฝืนไม่ไหว สักพักแม่ก็เดินตามมาขึ้นรถ

“อ๊อฟเป็นไรหรือเปล่าลูก หน้าตาไม่ค่อยดีเลย”

แม่ยื่นมือมาลูบหัวผมหลังเราออกจากบ้านป้าเพ็ญมาได้สักพัก สัมผัสอันอบอุ่นนั้นทำให้รู้สึกว่าขอบตาร้อนเหมือนน้ำตาจะไหล แต่ผมพยายามฝืนหายใจเข้าลึกๆแล้วก็เสไปกดเปิดเพลงวิทยุก่อนจะหันไปยิ้มให้แม่

“ง่วงอะแม่ เมื่อเช้าแม่ปลุกอ๊อฟมาตั้งแต่เช้านี่นา”

“เอ๊า! ก็จะไปตักบาตรก็ต้องตื่นแต่เช้าซิ แต่แค่นอนไม่พอนิดหน่อยจะทำลูกแม่ซึมกะทือขนาดนี้รึ มีอะไรหรือเปล่าอ๊อฟ บอกแม่ได้ไหม”

ผมชำเลืองมองแม่นิดหนึ่ง ความคิดในใจขัดแย้งกันอย่างรุนแรงระหว่างจะเล่าหรือไม่เล่าเรื่องที่ผมเพิ่งเผชิญมาหยกๆให้ฟัง แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าหากแม่ปลอบใจผมด้วยการสนับสนุนความเห็นของอาจารย์ผมคงทนไม่ไหวแน่ หลังจากคิดตกแล้วผมเลยตัดสินใจว่าไม่เล่าดีกว่า

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกแม่ เอาเป็นว่าถ้าอ๊อฟแก้ปัญหาได้เมื่อไหร่อ๊อฟจะเล่าให้ฟังเองนะ”

ผมยื่นมือไปจับมือแม่แล้วบีบไว้แน่นแต่ไม่กล้าหันไปหา แม่ถอนหายใจก่อนอุ้งมือนิ่มๆอุ่นๆจะบีบผมตอบ

“เอางั้นก็เอา แต่อย่าลืมนะว่าแม่พร้อมจะฟังอ๊อฟทุกเรื่อง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่อ๊อฟพร้อมจะเล่าล่ะก็นะ”


++------++


พอกลับถึงบ้านปุ๊บผมก็รีบโทรศัพท์หานะทันทีเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังผมออกมาแล้ว แต่ไม่ว่าโทรศัพท์จะดังกี่ครั้งก็ไม่มีคนรับผมเลยส่งเมสเซจไปหาแทน ผมรอแล้วรออีกจนเกือบตีสามก็ยังไม่มีข้อความอะไรตอบกลับจนผมเผลอหลับไป แต่ไม่ว่าจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากดดูโทรศัพท์กี่ครั้งก็ยังไม่ได้รับข้อความตอบรับจากคนที่ผมส่งไปหาอยู่ดี

“อ๊อฟ อ๊อฟเอ้ย นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ ไม่สบายหรือเปล่าลูก”

ผมได้ยินเสียงแม่เคาะประตูเลยผงกหัวขึ้นอย่างงัวเงีย แต่พอรู้สึกตัวก็รีบหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใกล้หมอนขึ้นดู ทว่าก็ยังคงไม่มีข้อความหรือมิสคอลกลับมาจนผมเริ่มกังวล ตกลงเมื่อคืนอาจารย์วรรณีได้คุยอะไรกับนะต่อหรือเปล่า หรือว่านั่นจะเป็นเหตุผลที่คนตัวเล็กไม่รับโทรศัพท์และไม่ตอบเมสเซจของผมจนป่านนี้?

ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอีกรอบและเสียงแม่ที่เหมือนจะร้อนใจกว่าเดิม “อ๊อฟ เป็นอะไรหรือเปล่า ให้แม่เข้าไปได้มั้ย”

“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกแม่ ขออาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวอ๊อฟลงไป”

ผมรอจนได้ยินเสียงแม่เดินลงบันไดไปแล้วถึงค่อยลุกขึ้นบิดขี้เกียจ อาจเพราะเมื่อคืนนอนหลับไม่สนิททำให้รู้สึกปวดเมื่อยจนได้ยินเสียงข้อต่อลั่นดังเปรี๊ยะไปทั้งตัว พอคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำแล้วก็ต้องตกใจกับหน้าตัวเองที่เห็นในกระจกเพราะนัยน์ตาแดงไปหมดและเหมือนจะบวมหน่อยๆ แถมเพราะไม่ได้โกนหนวดมาสองสามวันแล้วตอนนี้เลยเริ่มเห็นเคราขึ้นเป็นตอแข็งๆจนลูบแล้วจั๊กกะจี้ปลายนิ้วไปหมด


“พี่อ๊อฟทำไมโกนหนวดบ่อยจัง”

“ก็พี่เป็นคนหนวดขึ้นเร็วนี่ นะน่ะแหละทำไมไม่เห็นเคยโกนเลย”

“ก็หนวดมันไม่ขึ้นจะให้นะโกนยังไงล่ะ”



ผมนึกถึงบทสนทนาครั้งหนึ่งตอนเราแปรงฟันด้วยกันในห้องน้ำที่หอ ตอนนั้นคนตัวเล็กยิ้มก่อนจะแย่งที่โกนหนวดแบบใส่ถ่านจากมือผมไปแล้วก็พยายามจะโกนหนวดให้แบบเก้ๆกังๆเพราะตัวเองไม่เคยใช้ พอนึกถึงเสียงหัวเราะตอนนั้นแล้วก็พาลให้นึกถึงหน้าของนะตอนที่โดนอาจารย์ตวาดเมื่อคืนนี้ แล้วก็คิดว่าผมคงปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้
 
ผมอาบน้ำสระผมแล้วก็แต่งตัวลวกๆก่อนจะวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง กะว่ายังไงวันนี้ก็ต้องไปบ้านของนะและขอคุยกับอาจารย์วรรณีให้รู้เรื่อง ในเมื่อเราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมจะต้องโดนสั่งให้แยกกันด้วยล่ะ

“อ้าวอ๊อฟ จะออกไปไหนล่ะลูก กินข้าวก่อนสิ”

“อ๊อฟยังไม่หิวน่ะแม่ วันนี้แม่ไม่มีธุระใช่มั้ย อ๊อฟขอยืมรถไปข้างนอกหน่อย”

แม่มองหน้าผมงงๆก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจให้ แต่พอผมยื่นมือไปจะรับกุญแจแม่ก็ดึงกลับไปซะก่อน

“แม่ อ๊อฟรีบนะครับ”

แม่มองท่าทางร้อนรนของผมแล้วก็ถอนหายใจ “จริงๆนะเราเนี่ย ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มีอะไรทำไมไม่เล่าให้แม่ฟังมั่งฮึ ไม่แน่แม่อาจช่วยเราได้ก็ได้นะ”

แวบหนึ่งผมนึกขึ้นมาว่าถ้าขอให้แม่ไปช่วยคุยกับอาจารย์วรรณีจะดีไหม แต่ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเล่าเรื่องจากฝ่ายผมให้แม่ฟังก่อน แล้วถ้าแม่เกิดไม่เห็นด้วยขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนใจ ตอนนี้ใช่เวลามาอธิบายอะไรเสียที่ไหน อีกอย่างนี่มันก็ปัญหาส่วนตัวของผมเอง จะดึงแม่มาปวดหัวด้วยก็ใช่ที่

“แม่ อ๊อฟสัญญาว่าจะเล่าให้ฟังทีหลังแน่ๆ ยังไงตอนนี้ขอกุญแจรถให้อ๊อฟก่อนเถอะนะ”

เสียงรถจักรยานยนต์ที่ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านดึงความสนใจของผมกับแม่ไปที่ประตู แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นเพื่อนสนิทเดินถือถุงพะรุงพะรังเข้ามา

“มุ้ย!”

“หวัดดีค่ะน้าอ้อม แม่ให้หนูเอาขนมมาฝาก ไงอ๊อฟ ชั้นนึกว่าแกจะไปขลุกอยู่บ้านน้องนะซะอีก”

แม่เลิกคิ้วหันมามองผมอย่างมีคำถาม ผมเลยรีบดึงถุงขนมจากมือมุ้ยไปวางบนโต๊ะแล้วก็ลากเพื่อนปากมากให้หลบไปคุยกันในครัว

“แกนี่มันโดนผีเจาะปากมาพูดหรือเปล่าเนี่ย แม่เรายังไม่รู้เรื่องของนะเว่ย แล้วอีกอย่างตอนนี้มันเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

มุ้ยทำตาโตแล้วก็ปิดปากเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดมากอีกแล้ว พอเห็นเพื่อนทำหน้าตาแบบนี้แล้วอยากเขกกะโหลกจริงๆ

“อ้าว ขอโทษๆ ชั้นก็นึกว่าแกเปิดตัวกับน้าอ้อมไปแล้วซะอีก ว่าแต่เรื่องใหญ่ของแกนี่เรื่องอะไร อย่าบอกนะว่าอาจารย์วรรณีรู้เรื่องแล้วเลยสั่งให้แกกับน้องเค้าเลิกคบกันน่ะ”

ไม่รู้ว่าผมโชคดีหรือโชคร้ายที่มีเพื่อนผูกเรื่องเก่งแบบนี้แถมดันชอบถูกอีก พอเห็นผมไม่ตอบยายตัวดีเลยจ้องผมแล้วก็ทำตาโตยิ่งกว่าเดิม “เฮ้ยจริงดิ้!! นี่ชั้นเดาเล่นๆนะ แล้วงี้จะทำไงกันล่ะ อาจารย์เค้ารู้เรื่องได้ไงวะอ๊อฟ”

ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นนิดหน่อย จะให้บอกได้ไงว่าไปทำอีท่าไหนเข้าถึงโดนจับได้ เลยรีบตัดบทก่อนจะโดนซักไซ้ไล่เลียงมากกว่านี้

“เอาเป็นว่าไอ้ที่แกเดามาน่ะมันถูกหมด ตอนนี้เราเลยจะไปขอคุยกับอาจารย์เค้าอีกทีเพราะเมื่อคืนเค้าไม่ฟังเราเลย จะไปด้วยหรือจะไม่ไป”

“อ้าว นี่ถามหรือท้าวะ ชั้นก็ผู้สมรู้ร่วมคิดคนนึงนะ งั้นไปด้วยดีกว่าจะได้ช่วยเผื่ออาจารย์เค้าว่าอะไรแกอีก”

คำว่าสมรู้ร่วมคิดของมุ้ยทำให้ผมรู้สึกเหมือนพวกเราเป็นผู้ก่อการร้ายยังไงก็ไม่รู้ แต่ไม่ทันจะทักขึ้นมาโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ส่งเสียงดังผมเลยรีบหยิบออกดู

รูปของคนที่คิดถึงมาตลอดทั้งคืนโชว์หราอยู่บนหน้าจอทำให้ผมรีบกดรับสายอย่างละล่ำละลัก

“ครับนะ เป็นไงบ้าง พี่โทรไปตั้งหลายรอบ เราได้เมสเซจของพี่หรือเปล่า”

ปลายสายเงียบไปนาน ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนคนสะอึกเบาๆผมเลยถามซ้ำ “นะครับ นะอยู่หรือเปล่า”

คราวนี้คนปลายสายยอมพูดแล้ว แต่เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของคนที่ผมอยากฟัง และสิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาผมแทบปล่อยโทรศัพท์หลุดจากมือ

“อรรถพลเหรอ มาที่บ้านครูหน่อย น้องนะ น้องนะเค้า...”


++------++


เอาล่ะสิ น้องนะ...น้องนะเป็นอร้าย!! อาจารย์แม่ไม่เคลียร์นะคะแบบนี้  :laugh:


เอ่อ ป้าไม่ได้ทำคนอ่านค้างใช่ไหมค้าาาาาาา ไม่หรอกเน้อ ฮิๆๆ ยังไงมาลุ้นตอนหน้ากันต่อละกันนะ  :bye2:


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 07-01-2009 19:14:00
โอ้ยๆๆๆๆๆๆ

ค้างงงงงงงงงงงงงงง

มาต่อเด๋วนี้เรยนะ   :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 07-01-2009 19:30:40
แอร๊ยยยย ...มุ้ย...ผู้สมรู้ร่วมคิด ( อ่านมาเครียดๆ เจอคำนี้ ขำพรืด เอิ้กๆ)


ไม่ค้างเลยค่ะป้าขา   o18

แต่ค้างอย่างแรงนิ   :serius2:

น้องนะเป็นอะไร .... ลุ้นนะคะ

ฉะนั้น มาต่อซะดีๆค่า ( ว๊าย...แอบขู่ คน เเต่งซะแล่ะ)   :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Seiki ที่ 07-01-2009 20:16:33
ค้างงงงงงงงงงง  :z3: :z3: น้องนะเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-01-2009 22:18:58
 :serius2: ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 07-01-2009 22:35:14

...โหหหห...ป้าคร้าบบบบ

...อาจารย์แม่ไม่เคลียร์...ให้ผมเคลียร์ให้ป่าวครับ???...ไม่ไหวแล้ว!!!

...ปล.รักป้าคร้าบบบ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 07-01-2009 22:39:37
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ ค่ะ

เรื่องแรก....หวานกำลังดี อิจฉาวิวด้วย หาไม่ได้น๊าคนน่ารักแบบนี้
ส่วนเรื่องสอง..........ค้างอ่ะคะ น้องนะจะเป็นไรมั้ย  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-01-2009 22:58:59
^
^
^
เจาะไข่รีบน เพิ่งมาโพสต์คอมเม้นต์ในเล้าให้เรื่องของเราเรื่องแรกเลยหรือเปล่าเนี่ย ขอบคุณมากๆค่า  :pig4:

ส่วนน้องนะ...จะเป็นยังไงต่อไป ขอปล่อยให้ลุ้นกันไปอีกสักวันสองวันก่อนละกัน เอิ๊กๆ (ว่าแล้วก็วิ่งหนีโมสวย~ถึก~บึก~บึน และคนอื่นๆ อิๆ)


กระซวกพี่แขทะลุถึงป๋อมแป๋มและคนถัดไป และถัดๆไป (ใครโดนบ้างละเนี่ย) ก๊าก :laugh:

v
v
v
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 07-01-2009 23:07:31
ู^
^
^

จิ้มมมมมมมมมมมมม

จะหนีไปไหนนน


กร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

บีบี กลับมาต่ออย่างด่วนเลย

น้องนะของเค้า เป็นอะไรอ่ะ :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 07-01-2009 23:24:10

ไม่ค้างค่ะป้า
ถ้าป้าจะรีบมาต่อ

แต่ถ้าป้าไม่รีบมาต่อล่ะก็
ค้างกันเป็นแถวแน่นอน

 o18

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 07-01-2009 23:38:48
^

เจาะไข่รีบน เพิ่งมาโพสต์คอมเม้นต์ในเล้าให้เรื่องของเราเรื่องแรกเลยหรือเปล่าเนี่ย ขอบคุณมากๆค่า 


ใช่แล้วค่า มาโพสต์ comment เรื่องนี้เรื่องแรกเลยเพราะแอบหลงรักน้องนะ  :o8:


โห...นึกว่ามาโพสต์เรื่องต่อซะอีก จะให้รอวันสองวันเชียวหรอคะ พรุ่งนี้เลยได้มั้ยเอ่ย จะแวะเข้ามารอเรื่อยๆนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-01-2009 23:43:27
:a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: FRODO ที่ 07-01-2009 23:44:59
 :z1:   เพิ่งตามมาค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 07-01-2009 23:51:13
 :serius2: :serius2: :serius2:

ป้าใจร้ายงะ ค้างอีกละ

แล้วจะรออ่านต่อน๊า อิๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The_miracle ที่ 07-01-2009 23:55:50
น้องนะเป็นอะไรไปอะ อยากรู้    บอกได้เลยว่าค้าง!!!!!!!!!!!!!!!! :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 08-01-2009 00:13:18
ไม่ค้างเลยยยยยย  :z3:

รีบมาต่อไว ๆ นะคะ  :z2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 08-01-2009 00:41:34
ป้ามันค้างงงงงงงงอย่างแรง o9

น้องนะเป็นอารายยย  :m31:

 :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 08-01-2009 01:59:16
เอ้อ...


o_O"
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 08-01-2009 13:49:52
 :z2:  สวัสดีครับ....เหอะๆ เข้ามาทักทายครับผม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 09-01-2009 03:03:50
แงๆๆ

ค้างค่ะป้า

น้องนะเป็นอะไรอ่ะ






(((แอบ+1 ป้าแหละ))))
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 09-01-2009 11:14:12
 :serius2:  ป้าอย่าบอกนะ ว่าน้องนะ คิดสั้น  :serius2: (เอ่อ........คิดมากเกินไปหรือป่าวเนี่ย...เหอๆ)


ขอให้แค่น้องนะ  แค่หนีออกจากบ้านก็พอนะคะป้า  บีบหัวใจสุดๆ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 09-01-2009 11:21:46
 :กอด1:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-01-2009 11:39:53
เข้ามาบอกว่า สุขสันต์วันเด็กนะจ๊ะทุกคน (แม้วันนี้เค้าจะต้องมาทำงานก็ตาม แงงงงงงง)

สำหรับตอนใหม่...ไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้คงได้มาลงนะ   :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 10-01-2009 14:12:19
^
^

ทิ่มมมมมมมมรับวันเด็ก

อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 10-01-2009 21:27:24
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดส์ หลังจากดั๊นอ่านเรื่อง "ลำนำรักสีรุ้ง" ของเธอแล้ว ก็ต้องร้องอย่างนี้ และพอมาอ่านเรื่องนี้ต่อ แหม...ลูบอกและแย้มยิ้มก่อนกรีดร้อง... "เริ่ดดดดดดดดดดดดดดดดค่าาาาาาาาาาา" แบบว่าต้องอ่านอ่านอ่านอ่าน และก็อ่าน จนกระทั่งมาถึงตอนที่หกนี้ ตอนนี้ ตอนที่...โอ มาย ก๊อด...ทิชชูอยู่ไหนเคอะ...ขอหยุดอ่านก่อน แล้วจะมาอ่านต่อนะคะ แบบว่า มันไม่ไหวแล้วจริงๆค่ะ

 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 10-01-2009 23:16:07
ลุ้นจัง....น้องนะของเค้าเป็นอะไรหนอ....Oh No
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: StopLove ที่ 10-01-2009 23:52:54
 :o12: :o12:


ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย - -


ยังไงคุณครูก็ รับได้อยู่เเล้ว หล่ะครับ พี่ออฟ สู้ๆนะครับ ความสุขของ ลูก ที่ครูเค้าห้ามอาจจะมองว่าความรักแบบนี้มันไม่ยืนยาว เฮ้ออออ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 11 (ย่ำค่ำ 07/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 11-01-2009 09:58:20
ไม่มีซักตอนที่ป้าแกจะไม่ค้าง  :angry2: :angry2:
อร๊าย+++!!!!
มาซักทีเด่ะป้า... :m31:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-01-2009 23:07:13
ตอนที่ 12: ความทรงจำที่หายไป...ความรู้สึกที่กลับมา


“เอ่อ...อ๊อฟจ๋า ชั้นเข้าใจว่าแกรีบ แต่ไม่ต้องเหยียบขนาดนี้ได้มั้ย!!!???”


มุ้ยเอ่ยทักด้วยเสียงสั่นๆ ผมชำเลืองมองคนพูดที่นั่งตัวเกร็งจนหลังแทบจะกลืนเข้ากับพนักพิง มือข้างหนึ่งยึดหูจับเหนือหน้าต่างแน่นแล้วก็ยิ่งเพิ่มแรงเหยียบคันเร่งมากขึ้นอีก ปกติผมไม่ใช่คนชอบขับรถซิ่ง และถ้าเป็นเวลาปกติผมก็คงไม่เหยียบระห่ำขนาดนี้ แต่สิ่งที่เพิ่งได้ยินจากอาจารย์วรรณีทำให้ผมมัวแต่เย็นใจอยู่ไม่ไหวแล้วน่ะสิ!!

“กรี๊ด!!! ไอ้อ๊อฟ!!!! มอเตอร์ไซค์!!!!!”

ผมหักพวงมาลัยหลบมอเตอร์ไซค์ที่จู่ๆก็ทิ่มพรวดออกมาจากซอยข้างถนนจนแทบจูบกระโปรงหน้ารถทันหวุดหวิดก่อนจะสบถอย่างหัวเสีย มุ้ยหันไปมองรถมอเตอร์ไซค์ด้านหลังที่ผมทิ้งห่างออกมาแล้วก็หันกลับมาถอนหายใจพลางเอามือลูบอก

“ดีนะเนี่ยที่ไม่ชน นี่ถ้าเมื่อกี้หลบไม่ทันหรือมีรถสวนมาล่ะซวยแน่ ไอ้อ๊อฟ! แกช่วยขับรถดีๆหน่อยได้มั้ย!? อยากไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มก่อนถึงบ้านน้องนะหรือไงยะ!?!”

ท้ายประโยคมุ้ยหันมาแหวผมหลังจากเริ่มหายตกใจแล้ว ผมยักไหล่แต่ไม่ได้ตอบเพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วย จากประสบการณ์ที่คบกันมานานทำให้ผมรู้ว่าพูดอะไรไปตอนมุ้ยกำลังอารมณ์ขึ้นก็ไม่มีทางชนะ และผมก็ไม่อยู่ในอารมณ์จะเพิ่มเรื่องปวดหัวให้ตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่ด้วย

มุ้ยยังบ่นไม่หยุดหลังจากที่ผมผ่อนความเร็วลงจนมาตรวัดไม่ได้ชี้ไปเกินหลักร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะทนรำคาญเพื่อนไม่ไหว แต่เพราะผมเห็นปากซอยส่วนบุคคลที่มีต้นหูกวางขนาดใหญ่คุ้นตาอยู่ถัดไปอีกไม่กี่ร้อยเมตรต่างหาก

“นี่อ๊อฟ แล้วตกลงอาจารย์เค้าไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรตอนที่โทรมาเมื่อกี้เลยเหรอวะ” มุ้ยเริ่มถามด้วยเสียงปกติขึ้นเมื่อเห็นผมไม่เถียงด้วย ผมเลยส่ายหน้าเบาๆก่อนเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว

“อาจารย์เค้าคงตกใจเลยไม่ได้บอกรายละเอียดน่ะ บอกแต่ว่าให้รีบมา”

ผมดับเครื่องและดึงเบรกมือขึ้นทันทีเมื่อรถจอดเทียบกับประตูรั้วเหล็กสีน้ำเงินเข้ม จากนั้นก็ผลักประตูรั้วเปิดโดยไม่สนเรื่องมารยาทแล้วว่าควรกดออดก่อนหรือเปล่า แต่ว่าคนที่รอคงได้ยินเสียงรถและเห็นผมจากหน้าต่างเลยเปิดประตูมุ้งลวดออกมายืนรอที่หน้าบ้าน พอผมเข้าไปใกล้จนได้เห็นใบหน้าของอาจารย์วรรณีที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักชัดๆก็อดนึกสงสารไม่ได้

มุ้ยที่เพิ่งก้าวมาทันผมยกมือไหว้ทักทายอาจารย์จนผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำความเคารพอีกฝ่ายเลย แต่ดูจากท่าทางของอาจารย์แล้วตอนนี้เจ้าตัวคงไม่ทันได้สนใจเท่าไหร่

“สวัสดีค่ะอาจารย์ จำหนูได้ใช่ไหมคะ มินตราที่เคยเรียนกับอาจารย์กับไอ้เจ้านี่ไงคะ”

พอได้ยินสรรพนามที่เพื่อนใช้เรียกตัวเองส่งๆทำให้ผมหันไปเขม่นใส่คนข้างตัวแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้สึกรู้สา

อาจารย์เพียงพยักหน้าให้เราสองคนแล้วก็หมุนตัวเดินนำเข้าข้างในบ้าน “จ้ะ...เข้ามากันก่อนสิ”

เสียงที่เอ่ยเชิญแหบเครือและขึ้นจมูก ผ้าเช็ดหน้าสีครีมที่อีกฝ่ายกำไว้ในมือเปียกชุ่ม ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าอาจารย์คงร้องไห้ตลอดเวลาระหว่างที่รอผมมาที่นี่ พอผมหย่อนตัวลงที่โซฟาในห้องรับแขกปุ๊บก็เลยรีบยิงคำถามทันทีด้วยความร้อนใจ

“อาจารย์ครับ ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ครับ”

อาจารย์ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดปากเหมือนพยายามกลั้นสะอื้น แต่แล้วมือผอมเรียวนั้นก็ลดลงวางประสานบนตักก่อนเจ้าตัวจะหันไปทางบันได

“เมื่อคืน...ครูตั้งใจจะคุยกับน้องนะหลังจากเธอกลับไปแล้ว แต่คุยกันได้ไม่กี่คำเค้าก็ร้องไห้แล้วผลุนผลันเข้าห้องไป ครูเลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นครูจะให้เค้าคิดทบทวนดีๆแล้วค่อยมาคุยกันวันนี้ พอดีน้องนะลืมว่าตัวเองชาร์จมือถือไว้ที่ห้องรับแขกข้างล่าง ก็เลยไม่ได้ลงมารับสายตอนที่เธอโทรมา ครูเลยปิดเครื่องซะแล้วเอามาเก็บไว้เอง”

คำอธิบายของอาจารย์ไขข้อสงสัยว่าทำไมนะถึงไม่รับโทรศัพท์และตอบเมสเซจของผมเมื่อคืน ทว่าก็ยังไม่ได้ให้ความกระจ่างถึงสาเหตุที่ทำให้ผมขับรถเร็วเกินกำหนดจนหวิดเกิดอุบัติเหตุเพราะรีบร้อนมาที่นี่


“แล้ว...ที่ว่านะหายไปนี่หมายความว่าไงครับ”


ผมถามคำถามที่ทำให้ตัวเองร้อนใจที่สุด เพราะตั้งแต่ที่ได้ยินเรื่องจากอาจารย์ทางโทรศัพท์ สิ่งเดียวที่ผมรับรู้คือความเป็นห่วงที่เอ่อล้นท่วมอกเพราะความอึดอัดที่ไม่รู้ว่าคนสำคัญของตัวเองหายไปไหน

มุ้ยที่นั่งอยู่ข้างๆหันมามองผมแล้วก็บีบไหล่เหมือนจะให้กำลังใจ อาจารย์วรรณีถอดแว่นออกแล้วใช้ปลายนิ้วกรีดหยดน้ำที่คลออยู่ตรงหางตาก่อนจะใส่แว่นกลับตามเดิม

“ปกติครูจะตื่นประมาณหกโมงเช้าแทบทุกวันอยู่แล้ว เมื่อเช้าตอนเดินผ่านห้องของน้องนะเลยไม่ได้ปลุกเพราะคิดว่าเค้าอาจจะเหนื่อยเลยจะให้นอนพักไปก่อน แต่จวนจะเที่ยงแกก็ยังไม่ลงมาเสียทีครูเลยไปเคาะเรียก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ยินเสียงตอบจนครูเริ่มเอะใจ พอเอากุญแจไขห้องเข้าไปถึงได้รู้ว่าน้องนะหายไปแล้ว”

“แล้วน้องเค้าไม่ได้เขียนโน้ตอะไรทิ้งไว้เลยเหรอคะอาจารย์?”

อาจารย์วรรณีส่ายหน้าแล้วก็เอามือแตะขมับตัวเอง “ครูก็พยายามหาทั่วห้องแล้วแต่ไม่เจอ ท่าทางเค้าคงแอบออกไปตั้งแต่เช้ามืดเพราะเมื่อคืนกว่าครูจะเข้านอนก็ดึกมากแล้ว นี่จักรยานก็หายไปด้วย”

“แล้วนอกจากผมอาจารย์ได้บอกใครอีกหรือเปล่าครับ?”

“ยังเลย ครูไม่กล้าแจ้งตำรวจเพราะกลัวมันจะเป็นเรื่องใหญ่  แล้วอีกอย่างคนเพิ่งหายไปไม่กี่ชั่วโมงอย่างนี้เค้าอาจไม่รับเรื่อง สามีครูที่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดก็ยังไม่รู้ เมื่อคืนแกก็โทรมาบอกว่าอาจเลื่อนวันกลับอีก...”

ผมลุกขึ้นทันที ถ้านะหายไปตั้งแต่ก่อนอาจารย์จะตื่นมาตอนหกโมงก็เท่ากับหายไปอย่างต่ำหกถึงเจ็ดชั่วโมงเข้าไปแล้ว แล้วยิ่งอีกฝ่ายเอาจักรยานออกไป ยิ่งไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปไกลถึงไหนแล้ว

“อาจารย์ครับ เอาเป็นว่าอาจารย์ลองโทรตามบ้านเพื่อนของนะสมัยมัธยมที่ยังอยู่แถวนี้แล้วฝากให้ช่วยดูแล้วกันครับ แล้วก็อาจจะโทรบอกพวกเพื่อนๆของอาจารย์ด้วย เดี๋ยวผมจะขับรถออกไปตามหานะเอง ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ผมจะรีบโทรกลับมาบอก”

อาจารย์วรรณีเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย แต่นัยน์ตาแดงช้ำนั้นส่องประกายขอบคุณก่อนจะพยักหน้า “เอาอย่างนั้นก็ได้...ขอบใจมากนะ”

“เฮ้ยอ๊อฟ! งั้นชั้นไปด้วย!”

มุ้ยดึงแขนผมไว้ก่อนจะเดินพ้นประตู ผมหันกลับไปมองอาจารย์ที่ลุกเดินตามพวกเรามา ร่างที่เล็กอยู่แล้วดูลีบลงไปอีกจนน่าใจหาย ผมเลยจับแขนมุ้ยแล้วดันหลังให้กลับไปหาอาจารย์แทน

“แกอยู่กับอาจารย์ที่นี่แหละจะได้คอยช่วยเผื่อมีใครติดต่อเข้ามา เวลาอย่างนี้อาจารย์ไม่ควรจะอยู่คนเดียว”

มุ้ยขมวดคิ้วแล้วมองผมอย่างขัดใจ แต่พอหันไปเห็นอาจารย์ก็คงคิดเหมือนผมเลยยอมพยักหน้าแต่โดยดี “เอางั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวชั้นจะช่วยโทรติดต่อคนอื่นๆจากที่นี่ก็แล้วกัน ได้ความว่ายังไงชั้นจะโทรรายงานแกด้วย”

“ขอบใจนะมุ้ย”

ผมเอ่ยขอบคุณเพื่อนอย่างจริงใจ ถึงแม้ปกติเจ้าตัวจะชอบป่วนหรือหาเรื่องแหย่ผมแบบผิดกาลเทศะไปบ้าง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมมีเรื่องเดือดร้อนและเป็นเรื่องที่ตัวเองช่วยได้มุ้ยจะอาสาตัวทันทีแบบไม่รีรอทุกครั้ง มุ้ยยิ้มเขินๆก่อนจะตีไหล่ผมดังพลั่ก

“มาขอบจงขอบใจอะไร เขินนะว้อย แกก็ไปหาน้องเค้าให้เจอเร็วๆเถอะ”

ผมพยักหน้าแล้วก็หันไปลาอาจารย์ “งั้นผมไปแล้วนะครับ”

“อรรถพล...ไม่สิ...อ๊อฟ เดี๋ยวก่อนลูก”

ชื่อเล่นของตัวเองที่หลุดจากปากคนที่ไม่คิดว่าจะมอบความสนิทสนมให้ทำให้ผมชะงักก่อนจะหมุนตัวกลับไปมองคนพูด และถ้าผมไม่ได้หูฝาด...ยังมีคำลงท้ายอีกคำที่แสดงความเอ็นดูนั่นอีก

อาจารย์วรรณีเดินมาใกล้แล้วก็ดึงมือผมทั้งสองข้างไปกุมไว้ นัยน์ตาหลังแว่นที่เงยขึ้นสบตาผมมีน้ำตารื้นอยู่

“ครูขอโทษเธอด้วยนะที่พูดแรงๆกับเธอไปเมื่อวาน ยังไงครูฝากตามหาน้องนะให้เจอด้วย แล้วก็พากันกลับมาอย่างปลอดภัยทั้งคู่นะลูก”

คำลงท้ายประโยคที่อาจารย์พูดอย่างเต็มปากในคราวนี้ทำให้ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมายินดีเพราะการตามหานะให้เจอเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า ผมบีบมือผอมเรียวในอุ้งมือตอบแล้วก็รับคำหนักแน่น

“ไม่ต้องห่วงนะครับ อ๊อฟจะพาน้องกลับมาบ้านด้วยกันแน่ๆ อาจารย์รอที่นี่กับมุ้ยนะครับ”

“ถ้าเจอน้องเค้าเมื่อไหร่รีบโทรมาบอกด่วนเลยนะอ๊อฟ” มุ้ยกำชับผมก่อนถอยไปประคองอาจารย์ไว้ ผมพยักหน้าแล้วก็รีบกลับไปขึ้นรถทันที แม้จะยังไม่รู้ว่าคนที่ตามหาอยู่ที่ไหน แต่กำลังใจที่ได้มาหลังจากแม่ของนะแสดงท่าทีว่ายอมรับผมบ้างแล้วก็ทำให้รู้สึกฮึกเหิมอย่างประหลาด

ผมสตาร์ทรถก่อนจะออกตัวสู่ถนนใหญ่ ในใจอัดแน่นไปด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าไม่ว่ายังไงผมก็หาพ่อหนูน้อยของผมเจออย่างแน่นอน


อย่างน้อยนั่นก็คือความรู้สึกของผมเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว


.................................
............................
......................
.................
...........
......
...


ผมเริ่มการตามหาด้วยการมุ่งไปที่สถานีขนส่งเป็นที่แรก เพราะถึงแม้นะจะขี่จักรยานแต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะทิ้งรถไว้แล้วต่อรถโดยสารไปที่อื่น แต่หลังจากที่เอารูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือโชว์ให้เจ้าหน้าที่และคนขับรถแถวสถานีขนส่งดูแล้ว คำตอบที่ได้รับแทบเป็นเสียงเดียวกันก็คือไม่เห็นหรือจำไม่ได้เพราะผู้โดยสารแถวสถานีขนส่งมีเยอะจนไม่มีใครใส่ใจ แล้วพอเดินเช็คโดยรอบแล้วว่าไม่มีจักรยานสีแดงคุ้นตาจอดอยู่ผมเลยพุ่งเป้าไปที่ห้างกลางตัวเมืองต่อเพราะก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่คนตัวเล็กจะไปเดินที่นั่น แต่หลังจากถามยามก็แล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ประกาศหาก็แล้วจนเกือบครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยหันไปขับรถตามหาในย่านที่อยู่ไม่ไกลนักจากบ้านของนะแล้วค่อยขยายวงค้นหาออกไป และไม่ลืมจะต่อสายกลับไปหาพี่คนดูแลหอที่กรุงเทพฯว่าถ้าหากเห็นรูมเมทของผมกลับไปให้ติดต่อมาบอกด้วย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ยินข่าวของนะเลย


.................................
.................................
.................................


หลังจากขับรถเวียนไปมาทั้งในตัวเมืองและนอกเมืองกว่าสามชั่วโมงโดยไม่ได้เบาะแส ผมก็ตัดสินใจเบี่ยงรถเข้าจอดข้างทางก่อนจะซบหน้าลงกับพวงมาลัยอย่างเหนื่อยใจ ไม่คิดเลยว่าการตามหาคนหายสักคนจะลำบากขนาดนี้ หลังจากผงกหัวขึ้นผมก็เหลือบไปเห็นเพิงขายข้าวแกงที่อยู่เยื้องฝั่งถนน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ตัวเองตื่นมายังไม่มีอะไรตกถึงกระเพาะเลยนอกจากน้ำเปล่าในรถ แต่ครั้นจะให้แวะทานอะไรตอนนี้ผมก็ไม่มีอารมณ์อยู่ดีเพราะใจมัวแต่พะวงถึงคนที่กำลังตามหาอยู่


ตอนนี้นะของพี่อยู่ที่ไหน...

ป่านนี้ได้กินข้าวแล้วหรือยัง...

เมื่อไหร่จะพี่จะหาเราเจอเสียที...


คำถามเดิมๆวนเวียนซ้ำไปมาอยู่ในหัวจนผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่หน้ารถก็ดังขึ้น พอหยิบออกมาดูก็เห็นว่าเป็นมุ้ยนั่นเองที่โทรมา

“ฮัลโหล ว่าไงมุ้ย”

“อ๊อฟเหรอ เป็นไงบ้างอ่ะแก ได้เบาะแสน้องนะมั่งยัง?”

“ยังเลย แต่เราคิดว่านะไม่น่าจะออกไปนอกตัวจังหวัดหรอก แล้วทางนั้นล่ะได้ความมั่งมั้ย”

“ก็โทรติดต่อตามบ้านเพื่อนสมัยเด็กกับโทรหาเพื่อนๆของอาจารย์วรรณีแล้วแต่ยังไม่มีใครติดต่อมา นี่อาจารย์ก็เพิ่งร้องไห้อีกรอบจนเป็นลมไป ชั้นไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลยอ่ะ แกรีบหาน้องเค้าให้เจอเร็วๆนะอ๊อฟ”

พอได้ยินว่าอาจารย์เป็นลมผมก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาอีก

“งั้นแค่นี้ก่อนแล้วกัน เราจะไปหานะต่อ ยังไงฝากดูอาจารย์ด้วยนะมุ้ย”

ผมกดวางสายแล้วก็วางโทรศัพท์ไว้หน้ารถเหมือนเดิมพลางคิดว่ามีที่ไหนอีกที่ผมมองข้ามไป ท่ารถก็ไปแล้ว ห้างก็ไปแล้ว พวกสถานที่สำคัญๆ สะพานข้ามแม่น้ำหรือแม้แต่ตามถนนสายหลักที่คาดว่าน่าจะมีคนเห็นนะขับจักรยานผ่านก็วนไปมาแล้ว ที่ที่ยังไม่ได้แวะดูก็มีแต่ตามวัดกับโรงเรียน...


โรงเรียน!!


ทำไมผมไม่คิดได้ให้มันเร็วกว่านี้นะ! ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันอาทิตย์แต่ก็มีสิทธิ์ที่คนตัวเล็กจะไปที่นั่น ผมอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยที่มั่นใจว่าถ้ากลับไปที่โรงเรียนที่เราเคยเรียนด้วยกันต้องได้เจอนะแน่ๆเพราะนั่นเป็นที่ที่เราพบกันครั้งแรก และตอนนี้พ่อหนูน้อยของผมกำลังรอให้ผมไปหา

หลังจากคิดได้แล้วว่าจะไปไหนต่อผมก็เข้าเกียร์ออกรถทันที แต่ด้วยความที่รีบร้อนออกตัวจากจุดที่จอดอยู่ จู่ๆก็รู้สึกว่ารถโดนกระแทกจากข้างหลังอย่างแรงจนรถตัวเองพุ่งกระเด็นไปข้างหน้า และสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนสติจะดับวูบคือความรู้สึกเจ็บร้าวอย่างรุนแรงที่หน้าผาก กับภาพใบหน้าของคนที่กำลังคิดถึงสุดหัวใจ...


“นะ...”
 

++------++


“...ง”

เสียงอะไร?

“...น้องครับ”

ผมกระพริบตาแล้วก็พยายามจะยกหัวขึ้น แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บหนึบที่หน้าผาก เสียงวิ้งๆที่ดังอยู่ในหูกับเสียงเรียกที่เหมือนดังมาจากไกลๆตีกันจนปวดหัวไปหมด

“...น้อง น้อง!!! น้องเป็นอะไรมากมั้ย น้อง!!!”

เสียงคนตะโกนโหวกเหวกและเสียงเคาะกระจกหน้าต่างเรียกให้ผมพยายามยกหัวขึ้นพิงพนักเก้าอี้อีกครั้ง พอกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสก็พบว่าที่พวงมาลัยรถมีรอยเลือดผมเประอยู่เป็นวงใหญ่ ผมกระพริบตาแล้วสะบัดหน้าไปมาก่อนจะค่อยๆหันไปมองนอกกระจกหน้าต่างที่มีคนเคาะเรียกอยู่

“เฮ้ย!! ฟื้นแล้วเว้ย น้องๆ เป็นไงบ้าง ได้ยินพวกพี่มั้ย เฮ้!!”

ภาพไทยมุงกลุ่มเล็กราวเจ็ดแปดคนที่ยืนมุงรถผมกันอยู่ทำให้ตกใจนิดหน่อย แต่แล้วพอสติกลับมาเต็มที่ก็นึกขึ้นได้ว่ารถผมโดนชนท้ายเลยหันไปเข้าเกียร์จอดก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ ดูจากการที่ชายหญิงสองคนในจำนวนไทยมุงนั้นคาดผ้ากันเปื้อนทำให้ผมอนุมานเอาว่าคงจะเป็นเจ้าของเพิงขายข้าวแกงใกล้กับจุดที่ผมจอดรถเมื่อครู่ อาจเป็นเพราะผมขยับตัวเร็วเกินไปเลยหน้ามืดจนคุณลุงคนหนึ่งต้องช่วยจับตัวไว้ก่อนจะล้มลงวิดพื้น

“เอ้าๆ เป็นไรมากมั้ย รถน้องโดนปิ๊คอัพมันชนท้ายแล้วหนีนะ แต่พวกพี่จดทะเบียนไว้แล้ว เดี๋ยวเอาไปแจ้งความได้เลย รถในจังหวัดนี่แหละ”

ผมหันไปมองคนพูดแล้วก็พยักหน้าก่อนจะผละไปดูท้ายรถที่โดนอัดจนยับยู่ยี่และฝากระโปรงหลังโป่งขึ้น แต่วินาทีนั้นแทนที่จะคิดถึงเรื่องแจ้งความหรือเรื่องโทรหาแม่เพื่อติดต่อเคลมประกัน ความคิดแรกในหัวผมคือภารกิจที่ยังคั่งค้างอยู่ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ กับคำสัญญาที่ให้กับอาจารย์ไว้


"“ไม่ต้องห่วงนะครับ อ๊อฟจะพาน้องกลับมาบ้านด้วยกันแน่ๆ..”


“พี่ครับ ผมขอเลขทะเบียนของรถที่ชนผมเมื่อกี้ด้วยครับ”

ทุกคนมองหน้ากันไปมา แล้วเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ท่าทางจะยังเรียนอยู่ชั้นประถมก็ยื่นกระดาษโน้ตที่จดเลขทะเบียนมาให้ ผมรับมาถือไว้แล้วก็ชำเลืองดูผู้คนที่ยืนมุงตัวเองอยู่ โชคยังดีว่าถนนช่วงนี้เป็นย่านที่ไม่ค่อยพลุกพล่านไม่งั้นกองทัพไทยมุงคงเยอะกว่านี้แน่ๆ

“ขอบใจมากนะน้อง แล้วก็ขอบคุณพวกพี่ๆด้วยนะครับ เดี๋ยวผมโทรแจ้งตำรวจเอง พอดีผมมีธุระด่วนต้องไปทำต่อ ขอตัวก่อนนะครับ”

“เฮ้ย! แล้วคิ้วแตกซะขนาดนั้นไม่ไปทำแผลก่อนเรอะ แผลตรงนั้นเลือดหยุดยากนะ”

ผมยกมือแตะเหนือคิ้วบริเวณที่รู้สึกเจ็บ พอยกมือออกดูก็เห็นเลือดสีแดงสดติดนิ้วออกมาเลยเช็ดปัดๆเข้ากับกางเกงยีนส์ “เดี๋ยวผมทำธุระเสร็จค่อยไปโรงพยาบาลก็ได้ครับ ถ้ายังไงผมขอทิชชู่หรือผ้าอะไรที่พอเช็ดเลือดได้ก็แล้วกัน พี่พอมีมั้ยครับ”

“ไอ้ต้อย ไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้พี่เค้าซิ”

ชายวัยกลางคนร่างอวบที่ดูจากผ้ากันเปื้อนรอบเอวและผ้าโพกหัวแล้วคงจะเป็นเจ้าของร้านหันไปสั่งเด็กผู้ชายที่เอาเลขทะเบียนรถให้ผมเมื่อกี้ เจ้าหนูวิ่งตื๋อเข้าไปหลังร้านแล้วไม่นานก็เอาผ้าขนหนูผืนเล็กลายทางสีฟ้าอ่อนมายื่นให้

“ขอบคุณครับพี่ เท่าไหร่ครับผืนนี้”

“โฮ่ย! คนเพิ่งโดนอุบัติเหตุมาหยกๆ ถ้าพี่ยังจะคิดเงินอีกก็เลวแล้วน้อง ผ้านั่นน่ะเอาไปเถอะ พี่ไม่รู้หรอกนะว่าธุระน้องสำคัญแค่ไหน แต่ยังไงรีบไปทำแผลเร็วๆล่ะ”

“ครับ ขอบคุณทุกคนมากนะครับ”

ผมยกมือไหว้ไทยมุงกลุ่มย่อยๆที่ยังยืนล้อมผมอยู่โดยเฉพาะพี่เจ้าของร้านผู้อารี แล้วก็รีบกลับขึ้นรถเพื่อไปยังจุดหมายที่ตั้งใจไว้ หลังจากนี้ผมคงต้องอธิบายกับแม่ว่าไปทำอะไรมาถึงได้เจ็บตัวและรถพังขนาดนี้ แต่เรื่องนั้นคงต้องเอาไว้ว่ากันหลังจากผมหาตัวนะเจอแล้วเสียก่อน

กว่าผมจะมาถึงหน้าประตูโรงเรียนที่คุ้นเคยพระอาทิตย์ก็ลอยต่ำจนขอบฟ้าเริ่มเป็นสีแดงอมส้มแล้ว โชคดีว่ายามหน้าโรงเรียนยังเป็นคนเดิมกับสมัยที่ผมยังเรียนอยู่ พอเห็นผมแกก็จำได้ทันทีเพราะเมื่อก่อนผมเคยต้องมาค้างเพื่อเก็บตัวซ้อมกีฬาอยู่บ่อยๆ ลุงยามทักเรื่องแผลที่หน้าผากแต่ผมตอบไปอย่างส่งๆว่าหกล้มมา แล้วก็ถามเข้าประเด็นทันทีว่าลูกชายอาจารย์วรรณีได้มาที่โรงเรียนหรือเปล่าเพราะน่าจะง่ายกว่าอธิบายลักษณะของคนตัวเล็กให้ลุงยามฟัง

จะด้วยความบังเอิญหรือโชคช่วย หรือเพราะความคิดของผมกับพ่อหนูน้อยตรงกันก็แล้วแต่ แต่คำตอบที่ได้รับก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกหลังจากวันอันแสนยาวนานเสียที

ผมเดินไปตามทางเดินในอาคารซึ่งมีทางเชื่อมต่อไปยังโรงอาหารซึ่งติดกับสระบัวและสวนหย่อมขนาดย่อม แม้จะไม่เคยกลับมาเยี่ยมโรงเรียนเลยหลังจากที่เรียนจบไปแล้ว แต่พอได้กลับมาเดินไปตามเส้นทางเก่าๆ ได้เห็นห้องเรียนและบริเวณต่างๆที่คุ้นตา ภาพความทรงจำสมัยที่ตัวเองยังเป็นนักเรียนอยู่ที่นี่ก็เริ่มแจ่มชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

แทนที่จะเลี้ยวตามทางเชื่อมที่แยกไปสู่โรงอาหาร ผมเลือกที่จะเดินตามทางเดินไปเรื่อยๆจนสุดอาคารเรียนซึ่งอยู่ใกล้กับกำแพงโรงยิม ตรงจุดนี้มีช่องทางเดินไปที่สวนหย่อมข้างสระบัวซึ่งอยู่ด้านหลังของอาคารและอยู่ตรงข้ามกับโรงอาหาร เนื่องจากมุมนี้ค่อนข้างอับและทางเดินก็เป็นเพียงซอกแคบๆที่ส่วนมากภารโรงจะใช้สำหรับเป็นทางลัดไปที่โรงเก็บของซึ่งอยู่หลังโรงยิมอีกทีทำให้ไม่ค่อยมีใครใช้

ผมจำได้ว่าริมสระบัวฝั่งที่ใกล้กับโรงเก็บของมีต้นไทรต้นใหญ่ผูกผ้าแพรเจ็ดสีอยู่ต้นหนึ่ง และมีเก้าอี้ม้าหินตัวหนึ่งตั้งอยู่ ความที่มันเป็นจุดที่ดูน่ากลัวเพราะโดนเงาต้นไทรบังและพวกนักเรียนชอบเล่าเรื่องสยองขวัญเกี่ยวกับที่นั่งตรงนั้นทำให้ไม่มีใครอยากเข้าไปใกล้บริเวณนั้นสักเท่าไหร่ ทั้งที่ความจริงมันเป็นจุดที่สงบและนั่งสบายมากเพราะสามารถมองดูสระบัวและโรงอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ชัดเจนโดยไม่มีใครมารบกวน

ม้านั่งตัวนั้นคือที่ที่ผมชอบมานั่งเล่นหลังกินข้าวกลางวันเสร็จในวันที่อยากหลบคำชวนเล่นบาสหรือเตะบอลกับเพื่อนร่วมชั้น หลายครั้งที่ผมแค่มานั่งเฉยๆแล้วเฝ้ามองฝูงปลาในสระบัวหรือมองนักเรียนคนอื่นจากมุมที่ไม่มีใครสนใจจะมองกลับมา เพราะทำให้ผมได้นั่งคิดทบทวนอะไรเงียบๆคนเดียว ยิ่งช่วงที่พ่อกับแม่กำลังจะหย่ากันม้านั่งตัวนี้แทบจะเป็นจุดสิงสถิตประจำของผมนอกเวลาซ้อมบาสเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเด็กรุ่นน้องอยู่คนหนึ่งที่ชอบตามหาผมจนเจอแล้วก็มาขอนั่งด้วยทั้งที่ไม่ได้ชวนคุยกันมากมาย แต่เพราะรุ่นน้องคนนั้นไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญผมก็เลยไม่ถือสาที่อีกฝ่ายมาขอแบ่งพื้นที่ส่วนตัวในการนั่งฆ่าเวลาพักกลางวันไปด้วยกัน

ผมยิ้มเมื่อนึกถึงความทรงจำที่ซ้อนทับอยู่กับภาพตรงหน้า เด็กรุ่นน้องตัวเล็กที่ไม่ค่อยพูดคนนั้นตอนนี้กำลังนั่งมองสระบัวที่ม้านั่งตัวเดิมโดยไม่มีวี่แววจะรับรู้การมาถึงของผม มือเรียวขาวหยิบขนมปังแผ่นจากถุงพลาสติกบิออกแล้วโยนให้ฝูงปลาที่ดำผุดดำว่ายแย่งอาหารกันอย่างสนุกสนานจนน้ำกระเซ็นขึ้นมาบนขอบสระ

ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะกระแอมเสียงดังให้คนที่นั่งอยู่รู้ตัว ไหล่บางสะดุ้งก่อนที่ศีรษะทุยจะค่อยๆหันกลับมาทางผมอย่างหวาดๆ แต่พอนัยน์ตาเราประสานกันริมฝีปากอิ่มแดงก็เม้มเหมือนพยายามข่มใจไม่ให้ร้องไห้ ผมเห็นท่าทางแบบนั้นก็เลยอ้าแขนรอ ร่างเล็กทิ้งถุงขนมปังในมือลงแล้วก็เดินกึ่งวิ่งเข้ามากอดเอวผมแน่นทันที

“พี่อ๊อฟ...พี่อ๊อฟ...พี่อ๊อฟ”

นะเรียกชื่อผมไปก็ร้องไห้ไป ความอบอุ่นที่สัมผัสได้จากร่างในอ้อมแขนทำให้ผมผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก ในที่สุดก็ได้พ่อหนูน้อยของผมกลับมาเสียที ผมก้มลงจูบผมหอมๆของคนตรงหน้าก่อนจะเอาคางเกยไว้แล้วกอดตอบคนที่คิดถึงมาตลอดทั้งวันแน่นราวกับกลัวคนตรงหน้าจะหนีหายไปอีก

“ครับน้องนะ พี่อ๊อฟมาหาแล้ว คนเก่งไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ”

“ฮึก...แม่เค้า...แม่ไม่ฟังนะเลย เอาแต่พูดว่าที่เราคบกันมันไม่ถูก แล้วยังจะบังคับให้นะย้ายออกไปอยู่บ้านป้าแทนด้วย แต่นะไม่อยาก นะอยากอยู่กับพี่อ๊อฟมากกว่า...ฮึก”

ผมปล่อยให้คนในอ้อมแขนพูดระบายความอัดอั้นตันใจออกมา เพราะตั้งแต่เมื่อคืนคนตัวเล็กคงต้องแบกรับความทุกข์และอึดอัดใจไว้คนเดียวมาตลอดโดยไม่มีใครรับฟังเลย แถมจะติดต่อผมก็ยังไม่ได้เพราะถูกยึดมือถือไปอีก ผมฟังนะพูดไปก็ลูบหลังลูบไหล่แล้วก็คอยจูบหน้าผากกับขมับไปด้วยให้นะรู้ว่าผมอยู่ข้างๆไม่ไปไหนแน่นอนจนเจ้าตัวเริ่มสงบได้

ผมยืนกอดนะนิ่งๆจนอีกฝ่ายเริ่มหยุดสะอื้น คนในอ้อมแขนยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองแล้วก็ถอยออกยิ้มให้ผมทั้งที่ขอบตายังแดงอยู่ แต่แล้วคิ้วเรียวโก่งก็ขมวดมุ่นเมื่อจ้องมองหน้าผมชัดๆ

“พี่อ๊อฟไปโดนอะไรมา ทำไมหน้าผากแตกแบบนั้น!?”

ผมละมือข้างหนึ่งลงหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงขึ้นมาห้ามเลือดต่อแล้วก็ยิ้มเพื่อไม่ให้คนที่เห็นต้องกังวล “ไม่มีอะไรหรอก พอดีระหว่างทางเกิดแอคซิเดนท์นิดหน่อย ยังไงเรากลับกันบ้านกันก่อนดีกว่า แม่เค้าเป็นห่วงเรามากเลยรู้มั้ย”

นะเม้มปากแน่นแล้วก็เงียบไป ผมเลยดึงมือเล็กมากุมไว้ แต่พอจะก้าวออกจากริมสระคนถูกจูงก็ขืนตัวเองไว้จนผมต้องหันกลับไปมองอย่างงงๆ

“นะอย่าดื้อสิครับ กลับบ้านกันดีกว่า เร็ว”

ใบหน้าหวานหลับตาปี๋แล้วก็ส่ายหน้าไปมา “กลับไปก็แม่ก็ต้องเรียกไปพูดเรื่องเดิมๆอยู่ดี ถ้างั้นนะไม่กลับ”

พ่อหนูน้อยสะบัดมือตัวเองจนหลุดแล้วก็ยืนกอดอกหันหลังให้ผม ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจว่าทำไมนะถึงกังวล แต่ตอนนี้ผมเพลียแล้วก็เริ่มจะเวียนหัวเกินกว่าจะหว่านล้อมอีกฝ่ายไหว เลยตัดสินใจหักดิบด้วยการก้มลงช้อนตัวคนที่ยังยืนงอนอยู่แล้วก็พาเดินออกมาเลย

“เอ๊ย! พี่อ๊อฟ ปล่อยลงเดี๋ยวนี้นะ!”

ผมไม่สนเสียงร้องและการดิ้นหนีของคนที่ตัวเองอุ้มระหว่างเดินออกจากสวนหย่อม โชคดีว่านะตัวเบากว่าผมมากทำให้ไม่ลำบากเท่าไหร่ กลัวก็แต่ถ้าดิ้นมากๆเข้าผมจะเผลอทำหลุดมือนี่แหละ

“เอ้า ดิ้นจัง ดิ้นมากๆหล่นไปจะทำไง นะไม่อยากให้พี่รีบไปทำแผลเหรอ เลือดไหลเปรอะไปหมดแล้วเนี่ย”

ผมหยุดเดินแล้วก็หันไปแกล้งทำเสียงเข้มใส่คนที่อุ้มอยู่ พอโดนอ้างเรื่องแผลคนที่กำลังแผลงฤทธิ์เลยยอมสงบลง นะสบตาผมแล้วก็หลบสายตาก่อนจะยอมตวัดแขนมาคล้องคอแต่โดยดี ผมเลยจัดท่าอุ้มให้ถนัดขึ้นก่อนจะออกเดินต่อ พอใกล้ถึงประตูโรงเรียนวงแขนเรียวก็กระชับรอบคอผมแน่นขึ้นก่อนเจ้าตัวจะซุกหน้าลง

คนตัวเล็กพึมพำเสียงเบาที่ข้างหู แต่ถึงกระนั้นผมก็ได้ยินทุกคำพูดชัดเจน และสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ผมดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้


“นะรักพี่อ๊อฟที่สุดเลย”



++------++



ตอนใหม่มาแบบยาวๆแล้วคับผม ไหนใครบอกว่าตอนที่แล้วป้าทำอารมณ์ค้าง หวังว่าตอนนี้คงจะไม่ค้างแล้วนะจ๊ะ (ว่าแล้วก็ชิ่งไปนอนละ) :really2:






หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 11-01-2009 23:12:39
 ^
^
^
:z13: bb

ไปอ่านก่อนค่ะ :oni1:

********************

เย้ๆๆ คุณแม่ใจอ่อนแล้ว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-01-2009 23:17:30
ในที่สุด คุณแม่ก็ใจอ่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 11-01-2009 23:22:49
 :z13:

จิ้มทะลุรี ไปหาป้า อิๆ

ตอนนี้อ่านแล้วลุ้นดีอะชอบ แล้วจะรออ่านต่อน๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 11-01-2009 23:56:11

เจอกันสักทีนะ
 :3123:

ว่าแต่โรงเรียนเก่าของทั้งคู่นี่โรงเรียนอะไรนะ
โรงเรียนชายป่าวหว่า
 o18

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 11-01-2009 23:57:32
ต่อไปคงไม่มีอุปสรรคแล้วนะ ขอให้ทางสะดวก   :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 11-01-2009 23:59:44
ทางรัก เริ่มคลี่คลาย และเบ่งบานแล้วชิมิเคอะ แบบนี้   :impress2:

เห็น ความหวาน มาไวๆ อิอิ  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 12-01-2009 00:11:53
สงสารน้องนะอ่ะ  :monkeysad: ดีนะที่ใจส่งถึงใจ รู้ว่าน้องนะอยู่ไหน (แม้ว่าจะผ่านไปหลาย ชม. และมีอุบัติเหตุนิดๆ)

คิดว่าคุณแม่ของน้องนะคงพอเข้าใจบ้างแล้วเนอะ จะได้หมดอุปสรรคไปทางนึง

วันนี้ไม่ขม แต่ก็ยังไม่หวานเท่าไหร่...ไว้มารอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 12-01-2009 09:23:51
คุณแม่เริ่มจะไฟเขียวแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย 

รอความหวานของอ๊อฟ&นะ :m1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 12-01-2009 10:56:46
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ในที่สุดก็ตามหาจนเจอ
พี่อ๊อฟเท่ห์มากกกกกกก

อยากเป็นน้องนะ
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 12-01-2009 16:03:56
ขอเป็นกำลังใจให้ จะติดตามต่อไปเช่นเคยนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-01-2009 17:32:40
งานนี้หวังว่า อาจารย์แม่คงใจอ่อนลงบ้างนะเนี่ย

ไม่งั้นแย่ทั้งพี่อ๊อฟ ทั้งน้องนะ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-01-2009 21:37:19

เจอกันสักทีนะ
 :3123:

ว่าแต่โรงเรียนเก่าของทั้งคู่นี่โรงเรียนอะไรนะ
โรงเรียนชายป่าวหว่า
 o18



^
^
^
มาตอบว่าเป็นโรงเรียนสหฯจ้า เพราะมุ้ยก็จบมาจากที่เดียวกัน (เว้นแต่ว่ามุ้ยจะเคยเป็นปู้จายมาก่อน 55555)  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 12-01-2009 22:33:44
^
^
^

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

บีบี มาต่อแล้วเหรอออออ พึ่งเห็น

ไปอ่านก่อน

ฟิ้วววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 13-01-2009 00:16:51
จะยังไงกันต่อล่ะนี่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 13-01-2009 00:37:53
^
^
^
มาตอบว่าเป็นโรงเรียนสหฯจ้า เพราะมุ้ยก็จบมาจากที่เดียวกัน (เว้นแต่ว่ามุ้ยจะเคยเป็นปู้จายมาก่อน 55555)  :laugh:

โรงเรียนไรหว่า
เดี๋ยวนี้ก็เป็นสหฯ เกือบหมดแล้วนิ
นวมินเหรอ
เอิ๊กกกกกกกกกกกกส์
มั่วอ่ะ
รู้จักแค่ไม่กี่โรงฯ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-01-2009 09:05:56
^
^
^
มาตอบว่าเป็นโรงเรียนสหฯจ้า เพราะมุ้ยก็จบมาจากที่เดียวกัน (เว้นแต่ว่ามุ้ยจะเคยเป็นปู้จายมาก่อน 55555)  :laugh:

โรงเรียนไรหว่า
เดี๋ยวนี้ก็เป็นสหฯ เกือบหมดแล้วนิ
นวมินเหรอ
เอิ๊กกกกกกกกกกกกส์
มั่วอ่ะ
รู้จักแค่ไม่กี่โรงฯ
 :laugh:


แอร๊ยยย์ เพื่อสวัสดิภาพของคนเขียนจุดจ๋วย ขอไม่เอ่ยนามสถานที่ราชการเจ้าค่ะ (โรงเรียนนับเป็นสถานที่ราชการใช่มั้ย?)  :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 14-01-2009 08:35:48
^
^
^

ทิ่มเล่นๆ
ระหว่างรอ
อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-01-2009 12:59:02
เหมือนจะเคลียร์
 :a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: juuuno99 ที่ 14-01-2009 22:38:39
กอดๆๆ ฟอดๆๆ  ด๊วฟๆๆ




หายคิดถุงแหระ






 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 14-01-2009 23:29:52
^
^
^
ซวกพี่เอ

บีบี

เค้ารอ กระบวนท่าใหม่ๆแบบฟูลคอร์สอยู่นะ :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 15-01-2009 09:15:21
ตามจนเจอ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: archi_10_001 ที่ 15-01-2009 13:59:49
ตามมาจากที่อื่นเหมือนกันเจ้าค่ะ แหะๆ เจอตอนที่ 8 เอิ๊กๆ ไม่รู้ว่ามาลงที่นี่.....ไปอ่านก่อนเจ้าค่ะ

เอิ๊กๆ....


 :pigha2: :pigha2: :pigha2: :pigha2: :pigha2: :pigha2: :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-01-2009 16:14:47
^
^
^

ว้าย!! ตามมาจากบอร์ดไหนจ๊ะนี่ พอดีแปะไว้หลายที่อะค่า แหะๆ  :m32:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 15-01-2009 16:39:06
 :z13: :z13:

จิ้มป้า มาลงไวๆเลย รออ่านอยู่

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง, เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 12 (11/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: StopLove ที่ 15-01-2009 16:42:19
จิ้มๆ :z13: :z13:


ชอบ สองคู่ สองมุม เลย น่ารักดี

ยังไงก็ ฝากนิยายใหม่ ให้ ป้าอ่านด้วยนะครับ


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8034.0
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-01-2009 00:06:11
ตอนที่ 13: แผนง้อคนขี้งอน


“อีกสี่วันหมอขอนัดมาตัดไหม แล้วก็เดี๋ยวจะสั่งยาแก้ปวดให้ ยังไงช่วงนี้ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ”

ผมพยักหน้าให้คุณหมอท่าทางวัยสามสิบต้นๆที่พูดไปเขียนอะไรขยุกขยิกไปบนฟอร์มสั่งยา เห็นแล้วก็อดนึกถึงพี่อิมไม่ได้ ถึงจะไม่เคยเห็นเวลาพี่อิมทำงาน แต่ในสายตาคนไข้ที่ได้รับการรักษา พี่สาวผมก็คงดูท่าทางทรงภูมิน่าเชื่อถือแบบนี้เหมือนกัน หลังคุณหมอเขียนสั่งยาเสร็จก็หันไปเรียกนางพยาบาลให้มารับแบบฟอร์มไปก่อนจะหันกลับมามองผมยิ้มๆ

“เมื่อกี้ท่าทางน้องชายจะเป็นห่วงมากเลยนะคะ”

ด้วยความที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินหมอชวนคุยเรื่องนอกเหนือการรักษา ผมเลยอดทวนคำด้วยความงงไม่ได้

“น้องชายเหรอครับ?”

คุณหมอยิ้มหวานให้ แต่แววตาหลังแว่นกรอบเหลี่ยมทรงเก๋ดูฉาบไปด้วยประกายของคนรู้ทัน

“ค่ะ น้องชายที่เข้ามาด้วยกันเมื่อกี้ไง หมอเห็นเค้าท่าทางเป็นห่วงคนเจ็บมากเลย ยังไงต่อไปอย่าทำน้องชายใจเสียแบบนี้บ่อยๆนะ เดี๋ยวก่อนกลับอย่าลืมจ่ายเงินและรับยาที่ด้านหน้าก่อนด้วยนะคะ”

หลังจบประโยคคุณหมอก็ผายมือไปทางประตูห้องฉุกเฉินทั้งที่ยังอมยิ้มแปลกๆไม่หยุด แต่สายตานั่นก็ทำให้ผมอดเขินไม่ได้ เพราะฟังจากคำพูดแฝงนัยแล้วก็พอจะเดาได้ว่าคุณหมอคงไม่ได้พูดถึง “น้องชาย” ในความหมายที่เป็นน้องชายร่วมสายเลือดแน่ๆ

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

ผมเอ่ยลาแล้วก็เดินผลักประตูออกจากห้องฉุกเฉิน พอคนตัวเล็กที่นั่งรออยู่ตรงม้านั่งเห็นเข้าก็รีบลุกมาหาทันที

“พี่อ๊อฟ เป็นไงบ้าง”

“ก็ชาๆตึงๆแต่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ยังไงไปจ่ายเงินแล้วรับยาก่อนดีกว่า”

ผมพูดไปอย่างนั้น แต่ก็ยังยืนจ้องหน้าคนตัวเล็กที่สูงแค่ไหล่ตัวเองนิ่งจนคนถูกมองเริ่มขมวดคิ้ว

“มองอะไรพี่อ๊อฟ จะไปจ่ายเงินกับรับยาไม่ใช่เหรอ จะยืนอยู่ทำไมล่ะ”

“หือ...อ้อ ไปสิ”

ผมโอบไหล่บางไว้แล้วพาเดินไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินด้วยกัน นะเงยหน้ามองงงๆแต่ก็ไม่ได้ขืนตัวหนี โชคดีว่าผมกดเงินสดติดกระเป๋าไว้ตั้งแต่ก่อนออกจากกรุงเทพฯเลยมีเงินพอจ่ายค่ารักษา แต่เนื่องจากวันนี้คนมาใช้บริการโรงพยาบาลเยอะเลยต้องรอคิวเรียกรับยาก่อน

ระหว่างนั่งรอกันอยู่ที่ม้านั่งผมก็ไพล่นึกถึงสิ่งที่คุณหมอพูดด้วยตอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน พอหันไปมองคนข้างตัวที่ตาจับจ้องรายการซิทคอมบนโทรทัศน์ก็อดหัวเราะในคอไม่ได้ ก็ท่าทางของคนตัวเล็กเมื่อกี้ชวนให้สงสัยน้อยอยู่เมื่อไหร่ เพราะตอนมาถึงโรงพยาบาลนะยืนยันว่ายังไงก็จะอยู่เป็นเพื่อนผมในห้องฉุกเฉินทั้งที่เจ้าหน้าที่ขอแล้วขออีกว่าให้รอด้านนอก ผมเห็นว่าแค่เย็บแผลไม่กี่เข็มเลยช่วยพูดให้จนเจ้าหน้าที่ยอม ตอนแรกก็เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่พอนางพยาบาลเริ่มลงมือทำแผลบนหน้าผากด้วยการเช็ดคราบเลือดออกจนเห็นรอยแตกชัดๆ จากนั้นก็ใช้กรรไกรเล็มแต่งขอบแผลผมก็รู้สึกว่ามือตัวเองโดนบีบแน่น พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นคนเก่งที่ออกปากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนยืนหน้าซีดหลับตาปี๋ สุดท้ายเลยต้องขอร้องแกมบังคับให้นะออกไปรอด้านนอก แต่ท่าทางอิดออดไม่เต็มใจจนผมต้องจูงมือออกไปส่งถึงหน้าประตูห้องฉุกเฉินก็ทำให้เราเป็นเป้าสายตาพอดู สงสัยที่ทุกคนยิ้มให้ตอนผมเดินกลับเข้าไปรอเย็บแผลจะเพราะเหตุผลเดียวกับคุณหมอเสียกระมัง

ผมหันไปสนใจโทรทัศน์บ้างเพราะรายการนี้เราสองคนก็ดูด้วยกันเวลาอยู่ที่หออยู่แล้ว ถึงหลายๆมุขจะเสี่ยวไปหน่อยแต่ดูฆ่าเวลาไปก็เพลินดี พอถึงช่วงพักโฆษณานะก็หันมาสะกิดแขนผม นัยน์ตากลมโตใสแป๋วจ้องหน้าผากของผมตรงที่โดนผ้าก๊อซปิดทับรอยเย็บไว้เขม็ง

“เจ็บแผลมากมั้ยพี่อ๊อฟ”

พอโดนทักนิ้วผมเลยเผลอไปแตะหน้าผากตัวเองโดยอัตโนมัติ “ตอนที่โดนกระแทกใหม่ๆมันก็เจ็บแหละ แต่ตอนนี้โดนยาชาเข้าไปเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรแล้ว”

“ขอนะจับหน่อยได้มั้ย”

คนตัวเล็กถามผมแบบกล้าๆกลัวๆ ผมเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นนั่นเลยยิ้มให้ก่อนจะอนุญาต “ได้สิ เบาๆก็แล้วกัน”

ผมเอี้ยวหน้าด้านที่มีแผลให้คนข้างตัวเห็นได้ถนัด ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาชาหรือเพราะอีกฝ่ายเบามือมากจริงๆจึงแทบไม่รู้สึกถึงสัมผัสจากปลายนิ้วเรียวเล็กที่ลูบไปมาบนผ้าก๊อซเหนือแผลเลย

“ทีหลังพี่อ๊อฟอย่าขับรถไม่ระวังแบบนี้อีกนะ”

สัมผัสอ่อนโยนที่แตะลงบนหลังมือทำให้ผมเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจ้องหน้าผมนิ่ง ผมเลยพลิกมือที่โดนจับอยู่ขึ้นกุมมืออีกฝ่ายไว้แทน

“แค่ครั้งเดียวก็เข็ดแล้วครับ แต่จะว่าไปใครกันล่ะทำให้พี่ร้อนใจจนขับรถประมาทแบบนั้น”

คิ้วเรียวเหนือดวงตากลมโตขมวดมุ่นก่อนจู่ๆเจ้าตัวจะชักมือออกแล้วก็หันหน้าหนีจนผมงง

“ใช่สิ นะผิดเองแหละ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจใครสักอย่าง”

...........................................

........เอ่อ.........

….ซวยแล้วไง....

ทั้งที่แค่ตั้งใจว่าจะแซวเล่นเฉยๆแต่สงสัยจะไปแทงใจดำแฟนตัวเองเข้าให้ ผมก็ลืมไปสนิทว่าวันนี้นะเพิ่งหนีออกจากบ้านเพราะทะเลาะกับแม่มา อารมณ์เลยอ่อนไหวง่ายกว่าปกติเป็นทุนอยู่แล้ว พอได้ยินที่ผมพูดเลยเกิดอาการน้อยใจขึ้นมาอีก

“นะครับ พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ”

“คุณอรรถพล รับยาที่ช่องหมายเลขสามด้วยค่ะ”

เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ออกไมค์ทำเอาผมสะดุ้ง แต่พอจะลุกไปที่เคาน์เตอร์คนที่นั่งข้างกันก็ลุกพรวดขึ้นแล้วเดินตรงดิ่งออกไปที่ทางเข้า ด้วยความพะวักพะวนผมเลยรีบฉวยถุงใส่ยาโดยไม่รอฟังคำแนะนำแล้วก็รีบเดินกึ่งวิ่งตามคนที่ยังเดินหนีจนไปทันที่หน้าประตูโรงพยาบาลแล้วก็ฉุดข้อมือผอมเล็กไว้

“เดี๋ยวสิ เมื่อกี้พี่แค่ล้อเล่น นะโกรธพี่เหรอ”

“ไม่ได้โกรธ พี่อ๊อฟไม่ได้พูดอะไรผิด นะจะโกรธทำไม”

ปากพูดอย่างนั้นก็จริง แต่น้ำเสียงกับสีหน้าไม่ได้ไปด้วยกันกับคำพูดเลย ใบหน้าหวานหงิกงอแถมยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาด้วย ท่าทางจะโดนงอนเข้าเต็มๆเลยงานนี้

คนตัวเล็กสะบัดมือตัวเองจนเป็นอิสระแล้วก็เดินนำไปที่รถที่จอดอยู่ อาจจะเพราะลักษณะของรถผมที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าโดนชนมาทำให้ไม่มีใครกล้ามาจอดข้างๆ ผมรีบปลดล็อครถแล้วเปิดประตูให้นะขึ้นไปนั่งก่อนจะเดินอ้อมกลับไปขึ้นรถฝั่งตัวเอง แต่พอจะหันไปง้อ พ่อหนูน้อยก็เท้าคางกับขอบหน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก ท่าทางมึนตึงนั่นบอกให้รู้ชัดเจนว่าเจ้าตัวยังไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย

“นะครับ...”

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เรียก แต่กลับได้ยินเสียงเรียกเข้าจากมือถือของตัวเองแทน พอเห็นว่าใครเป็นคนโทรมาก็อดจะถอนหายใจไม่ได้

“ฮัลโหลมุ้ย ว่าไง”

“ว่าไงกับผีอะไรล่ะ! ไหนแกบอกว่าเจอน้องนะแล้วไม่ใช่เหรอ นี่มันเป็นชั่วโมงแล้วนะยะ พาน้องเค้ากลับบ้านซักทีสิไอ้อ๊อฟ!”

เสียงแหลมๆของมุ้ยแหวดังออกมานอกโทรศัพท์จนแม้แต่คนตัวเล็กที่หันหน้ามองไปนอกกระจกยังสะดุ้ง

“เอ่อ...ก็มันมีธุระต้องทำก่อนนี่หว่า แต่ว่าเรากำลังจะพากลับแล้วล่ะ”

“ธุระอะไรของแกถึงรอไม่ได้ อาจารย์เค้าเป็นห่วงน้องนะจะแย่อยู่แล้วเนี่ย! อะไรนะคะอาจารย์?...เดี๋ยวแป๊บนึงนะอ๊อฟ”

ผมได้ยินเสียงอู้อี้จากปลายสายเหมือนคนกำลังคุยกันแต่จับความไม่ได้เท่าไหร่ ไม่นานก็ได้ยินเสียงแหลมๆของมุ้ยอีกครั้ง

“อ๊อฟ เดี๋ยวแกคุยกับอาจารย์เองแล้วกันนะ”

เสียงกุกกักดังขึ้นเหมือนโทรศัพท์โดนเปลี่ยนมือก่อนจะได้ยินเสียงอาจารย์ดังมาตามสาย

“อ๊อฟเหรอ เจอน้องนะแล้วใช่มั้ย ทำไมยังไม่กลับบ้านกันอีกล่ะลูก”

“ขอโทษครับอาจารย์ ผมพาน้องมาแวะโรงพยาบาลก่อน แต่เดี๋ยวจะกลับแล้วครับ”

พอได้ยินคำว่าโรงพยาบาลเสียงอาจารย์ก็เปลี่ยนทันที “อะไรนะ! น้องนะเป็นอะไร ทำไมถึงต้องเข้าโรงพยาบาล?!”

“นะปลอดภัยดีครับอาจารย์ แต่พอดีผมได้แผลนิดหน่อยเลยต้องแวะมาทำแผลก่อน เดี๋ยวจะพากันกลับแล้วล่ะครับ อาจารย์ไม่ต้องห่วงนะครับ”

ผมรีบอธิบายให้อีกฝ่ายสบายใจเพราะกลัวว่าอาจารย์จะตกใจจนเป็นลมอีก ปลายสายเลยถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ “ค่อยยังชั่ว ว่าแต่อ๊อฟไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยลูก?  ยังไงขอครูคุยกับน้องนะได้หรือเปล่า?”

ผมหันไปหาคนข้างตัวที่ตอนนี้เลิกมองนอกหน้าต่างฝั่งตัวเองแล้ว แต่กำลังนั่งกอดอกตามองตรงไปข้างหน้าแทน ท่าทางเจ้าตัวจะได้ยินบทสนทนาของผมแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“นะครับ แม่เค้าอยากคุยด้วยแน่ะ”

คนตัวเล็กเม้มปากเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “นะยังไม่อยากคุยตอนนี้”

“ได้ยังไง แม่เค้าเป็นห่วงเรามากเลยนะ อย่างน้อยก็พูดทักทายสักคำสองคำก็ยังดี”

“...ไม่เอา กลับบ้านไปเดี๋ยวก็ได้คุยอยู่แล้ว ถ้าพี่อ๊อฟอยากคุยก็คุยเองแล้วกัน”

ผมกลอกตา ตอนนี้เลยกลายเป็นว่านอกจากนะจะยังไม่หายงอนอาจารย์แล้ว แม้แต่ผมก็โดนหางเลขไปด้วย แถมเวลาอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์นี้ต่อให้พูดอ่อนด้วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ผมอดถอนหายใจเบาๆก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูไม่ได้

“อาจารย์ พอดีนะเค้าเพลียๆอยู่น่ะครับ ยังไงค่อยคุยตอนถึงบ้านเลยดีกว่า ครับ...เข้าใจแล้วครับ สวัสดีครับ”

ผมกดตัดสายก่อนจะหย่อนมือถือกลับลงกระเป๋ากางเกง พอชำเลืองมองคนข้างตัวก็เห็นคนตัวเล็กยังนั่งนิ่งไม่ยอมหันมามองหน้าอยู่เหมือนเดิม ผมเลยสตาร์ทรถแล้วก็ขับออกจากลานจอดแบบไม่รีบร้อนเพราะยังไงก็บอกอาจารย์กับมุ้ยไว้แล้ว

ผมขับรถไปก็ชำเลืองมองคนข้างตัวไปด้วย เหมือนนะจะรู้ดีว่าโดนผมมองอยู่แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดอะไรจนผมต้องหาเรื่องชวนคุย

“นะครับ หิวหรือยัง”

ไม่มีเสียงตอบ แถมพ่อหนูน้อยยังยื่นมือไปปรับโวลุมเสียงวิทยุเพิ่มเสียอีกจนผมต้องรีบปรับเสียงลงให้เท่าเดิมไม่งั้นคงหูแตก

“เอ้า ไม่หิวก็ไม่หิว แต่พี่หิว งั้นขอแวะหาอะไรกินก่อนค่อยกลับบ้านแล้วกันนะ”

นัยน์ตากลมโตแค่ตวัดมองผมแว่บหนึ่งแล้วก็หันไปมองหน้ารถเหมือนเดิม ผมเลยขับรถไปจอดที่ตลาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก แล้วก็อ้อมลงไปเปิดประตูให้คนที่ยังนั่งกอดอกนิ่งไม่ยอมลุกท่าเดียว

ให้มันได้งี้สิแฟนผม บทจะดื้อก็ดื้อขาดใจจริงๆเลย

“นะครับ ไปกินข้าวกันเถอะ”

“นะไม่หิว พี่อ๊อฟหิวก็ไปกินสิ ต้องกินยาไม่ใช่รึไง”

คนตัวเล็กว่าแล้วก็หันหนีผมอีก แต่ถึงจะทำเสียงสะบัดใส่แค่ไหน คำพูดท้ายประโยคก็บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง

...ขนาดงอนอยู่นะเนี่ย เชื่อเค้าเลยเด็กคนนี้...

ผมไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะทำหน้าบึ้งใส่เด็กจอมดื้อดี พลันหางตาก็เหลือบไปเห็นร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่อยู่ติดกับตลาดจนเกิดไอเดียขึ้นมา

“ถ้านะไม่กินพี่ก็ไม่กิน แต่เดี๋ยวขอแวะเซเว่นแป๊บนึง นะล็อกประตูรถดีๆนะครับ ถ้าใครมาเคาะเรียกห้ามตามไปนะ”

ใบหน้าหวานหันมาค้อนให้แต่ก็ยอมกดล็อคประตูรถแต่โดยดี ผมเลยยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปอีกขณะเดินไปที่เซเว่น ในหัวก็เริ่มคิดว่าจะปฏิบัติการง้อพ่อหนูน้อยตามแผนที่เพิ่งคิดขึ้นยังไงดีให้อีกฝ่ายไม่งอนผมหนักเข้าไปอีก

ความจริงแล้วเวลานะงอนก็น่ารักดี แต่ปล่อยให้งอนนานๆก็ไม่ไหว ยังไงผมก็ชอบเวลาคนตัวเล็กทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อนมากกว่านี่นา

ผมใช้เวลาซื้อของไม่นานก็เสร็จ พอกลับมาที่รถนะก็เอื้อมมาปลดล็อกประตูฝั่งผมให้ก่อนจะกลับไปนั่งพิงพนักตัวเองนิ่งๆเหมือนเดิม หลังเข้านั่งประจำที่แล้วผมก็หยิบขนมปังไส้ถั่วแดงกับนมเปรี้ยวแบบที่เจ้าตัวชอบออกจากถุงยื่นให้ แต่คนรับแค่รับไปแล้วก็เอาวางไว้หน้ารถจนผมต้องแอบส่ายหน้า เอาเถอะ ยังไม่กินตอนนี้ เดี๋ยวสักพักก็คงทนหิวไม่ไหวต้องกินอยู่ดี

ผมเลี้ยวรถออกจากเส้นทางที่ตรงกลับบ้านอาจารย์ ตาก็มองหาที่ที่จำได้ว่าเคยผ่านตอนขับรถมารับแม่เมื่อวันก่อนไปด้วย เหมือนคนข้างตัวจะเริ่มรู้แล้วว่าผมไม่ได้กำลังพากลับบ้านเลยนั่งยุกยิกไปมาแล้วก็เหลือบมองผมเป็นระยะ พอเห็นป้ายชื่อสถานที่ที่ผมหักเลี้ยวเข้าไปคนตัวเล็กก็ทำตาโตก่อนจะหันมาขมวดคิ้วใส่ผม


“พี่อ๊อฟ พาเข้ามาที่นี่ทำไม”


++------++


เอามาลงให้ก่อนคนเขียนหนีเที่ยว ตอนต่อไปคงราวๆอาทิตย์หน้าเน้

ปล. +1 ให้กับคนอ่านที่น่ารักทุกคนคร้าบบบบบบบบ

ปล.2 ใครอยากอ่านตอนหวานๆ ติดตามตอนหน้าเด้อค่า
 :really2:










หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: meeyai ที่ 17-01-2009 00:08:03
เพิ่งเห็นอะคับ เรื่องนี้หนุกอะ มาต่อเร็วๆนะคับ...... o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 17-01-2009 00:18:29
+ให้คนแต่งเช่นกัน

อยากอ่านตอนหน้าใจจะขาด มาต่อไว ๆ นะคะ   :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 17-01-2009 00:56:03

เฮ้ย
พาน้องนะไปไหนฟระ
ทำไมน้องนะทำท่าทางตกใจขนาดนั้น
หรือว่าพาไปดูลิงที่เขาหน่อ
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
 :jul3:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 17-01-2009 03:13:31
น้องอ๊อฟจะพาน้องนะเค้าไปหนาย....แจ้งด่วน...เพราะช่วยลุ้นให้ไปที่...อิอิอิ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 17-01-2009 03:16:38
ไปไหนกันอ่ะ

หืมมม พี่อ๊อฟจะพาน้องนะไปไหนอ่ะ

หรือว่าเค้าจะได้ดูกระบวนท่าใหม่ๆ

ใช่ป่ะ บีบี :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 17-01-2009 03:28:42
นั่นจิ ออฟ พาน้องนะปายหนายยยยยยยยยยยย อิอิ

แล้วเมื่อไหร่จะถึงบ้านน่อ  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-01-2009 03:59:34
ไปไหน ออฟพาน้องนะมาเคลียร์ก่อนเข้าบ้านอะป่าว  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 17-01-2009 07:12:13
แวะข้างทางก่อนเหรอ :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-01-2009 10:30:23
 :haun4:  :haun4:

แวะไหนอันอะป้า

รีบมาอัพเลย อยากรู้จะง้อกันไง อิๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 17-01-2009 10:36:16
อูยกว่าจะได้อ่านต่อ คนเขียนหนีไปเที่ยวอีกแล้ว :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-01-2009 12:00:20
อิตาอ๊อฟแกจะพาน้องนะของชั้นไปไหนเนี่ย

มัน ค้าง ค่ะ ค้าง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 17-01-2009 14:04:07
พาไปไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ลูกเค้ามีพ่อมีแม่น่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 17-01-2009 19:11:38
อ๊อฟพานะไปไหนเนี่ย  o9
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 17-01-2009 21:45:50
ผมพอจะรู้ว่าพี่อ๊อฟพาน้องนะไป....(ดึ๊งดึงดึ่งดึ่งๆๆๆๆ  :laugh: :laugh:)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 18-01-2009 00:15:19
ไอ้ "ที่นี่" น่ะ มันที่ไหนน้อ อยากรู้จัง  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 18-01-2009 00:21:12
ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยย ทิ้งไว้แบบนี้แล้วบอกว่ามาต่ออาทิตย์หน้า

เศร้าอ่ะ  >>>>>>>> มาต่อเร็วๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 18-01-2009 15:59:20
น้องนะงอนน่ากดมาก
ก๊ากกกกกกกกกกก

+1 กลับคนแต่งเน้..
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-01-2009 23:06:21
เพิ่งกลับจากไปเที่ยวตจว. เลยแวะมาทักทายก่อน ท่าทางคนอ่านสงสัยกันเยอะว่า "ที่นี่" ที่เจ้าอ๊อฟพาน้องนะไปนี่มันที่ไหน อืม รอเฉลยตอนหน้าละกันน้อ (ถ้างานไม่ยุ่งก็คงได้มาลงเร็วนะจ๊ะ)  :3123:


ปล. เพชรบูรณ์หนาวมาก ถุงมือมิได้ช่วยอะไรเล้ย เพื่อนบอกว่าหนาวกว่าภูกระดึงอีก  o21



หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 13 (17/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 19-01-2009 20:42:06
อยากไปมั่ง

ป้าได้เที่ยวเยอะอ่ะ

ดีจัง

^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-01-2009 19:50:37
ตอนที่ 14: กันและกัน


“ห้องของคุณจะอยู่ด้านในสุดฝั่งซ้ายนะคะ ขับรถเข้าไปจอดได้เลย ส่วนพรุ่งนี้เช็คเอาต์ได้ตอนเที่ยง ว่าแต่นี่มาเที่ยวหรือคะ?”


“ก็...ทำนองนั้นแหละครับ”

ผมยืนรอพนักงานต้อนรับคีย์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ไปพลางก็เอานิ้วเคาะเคาน์เตอร์ไปด้วย พอเหลือบไปมองรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านหน้าก็ค่อยวางใจว่าคนในรถยังนั่งนิ่งอยู่

“ขอโทษนะครับ ถ้าหากไม่อยู่ทั้งคืนนี่มีลดราคาไหมครับ?”

พี่พนักงานต้อนรับละสายตาจากคอมพิวเตอร์แล้วมองผมแปลกๆ แต่จะว่าไปผมก็โดนมองแบบนี้ตั้งแต่เดินเข้ามาในล็อบบี้เพราะแผลบนหน้าผากตั้งแต่แรกแล้ว ยังดีว่าก่อนลงจากรถผมเอาแจ๊คเกตที่แม่เอาติดรถไว้ประจำมาใส่ทับปิดรอยเลือดบนเสื้อไว้ก่อน ไม่งั้นมีหวังโดนโทรแจ้งตำรวจว่าเป็นผู้ต้องสงสัยหลบหนีคดีอะไรมาแน่ๆ

“เราไม่มี policy แบบนั้นน่ะค่ะ จะว่าไปมันก็มีที่ที่เค้าเปิดสำหรับแบบนี้โดยเฉพาะนะคะน้อง ถ้าไงเดี๋ยวพี่แนะนำให้มั้ย”

คนถามมองผมแล้วก็อมยิ้มแบบรู้ทันจนผมต้องรีบตัดบท “พอดีแฟนผมไม่ค่อยชอบที่แบบนั้นน่ะครับ งั้นก็ช่างมันเถอะ ขอบคุณครับ”

ผมรับกุญแจห้องแล้วก็เดินกลับไปที่รถซึ่งจอดเยื้องกับโถงล็อบบี้ขนาดไม่ใหญ่โตนัก ห้องพักแต่ละหลังของรีสอร์ทนี้จะเป็นบังกะโลหลังเล็กตั้งเรียงหันหน้าเข้าหากันสองแถวโดยมีสระว่ายน้ำสีฟ้าใสคั่นกลางอยู่ แม้แต่ละหลังจะตั้งไม่ห่างกันเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับติดกันจนไม่มีความเป็นส่วนตัว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแม่บอกให้ผมขับเข้ามาดูเพราะสนใจเมื่อตอนที่ไปรับกลับจากบ้านป้าเพ็ญเมื่อวันก่อนผมคงไม่ทันนึกถึงที่นี่เหมือนกัน และโชคดีว่าช่วงนี้ห้องไม่เต็มผมเลยขอเช็คอินเข้าบ้านหลังที่อยู่ด้านในสุดได้

คนที่นั่งรออยู่สะดุ้งนิดหน่อยตอนผมกลับมาที่รถแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร เนื่องจากรีสอร์ทไม่ได้กว้างขวางมาก ผมออกรถแป๊บเดียวก็ถึงหน้าบ้านหลังที่จองไว้ แต่พอเดินลงจากรถไปเปิดประตูอีกฝั่งออกคนตัวเล็กก็ยังเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมลุกท่าเดียว

“ลงมาคุยกันข้างในก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยพากลับบ้าน”

“ไม่ลง”

คนตัวเล็กพูดเสียงแข็งก่อนจะกอดอกแล้วหันหนีไปอีกทาง ความจริงผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอปฏิกิริยาแบบนี้ จะว่าไปวันนี้ผมโดนงอนนานที่สุดตั้งแต่คบกันมาเลยมั้งเนี่ย

“ไม่ลงเองใช่มั้ย ได้ครับ พี่อ๊อฟไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

นัยน์ตากลมโตเหลือบขึ้นมองอย่างระแวง ผมเลยหย่อนกุญแจห้องพักลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะก้มลงปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วช้อนตัวคนที่ยังนั่งดื้ออยู่ออกมาจากรถแล้วเตะประตูให้ปิด

“พี่อ๊อฟ!!”

นะตวาดผมแต่เหมือนพยายามข่มเสียงไว้เพราะกลัวคนอื่นได้ยิน ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะวันนี้เสียเลือดไปเยอะหรือนึกครึ้มอะไรขึ้นมา แต่หลังจากที่หมดแรงกับการตามหาคนตัวเล็กไปทั้งวัน พอโดนอีกฝ่ายงอนใส่เมื่อเย็นผมเลยนึกอยากแกล้งพ่อหนูเจ้าอารมณ์ขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหว

“ทำไมครับ ก็พี่ขอแล้วนะไม่ยอมลงมาดีๆเองนี่ ว่าแต่ไม่รีบเข้าห้องเดี๋ยวใครผ่านไปผ่านมาก็เห็นพี่อุ้มเรายืนอยู่ตรงนี้หรอก ถ้าอยากอยู่อย่างนี้ทั้งคืนก็ตามใจนะ หรือจะเอาแบบนั้นดี?”

คนโดนขู่มองผมตาเขียวทั้งที่หน้าแดงเรื่อ พอเห็นหน้าตาน่ารักแบบนั้นก็ให้นึกอยากจูบขึ้นมา แต่พอผมก้มลงไปหาก็โดนเจ้าตัวยกมือขึ้นปิดปากเสียก่อนจนต้องขมวดคิ้ว นะมองไปรอบๆแล้วก็กระซิบเสียงเข้มใส่ผม

“อย่าทำรุ่มร่ามตรงนี้นะพี่อ๊อฟ! จะเข้าห้องก็รีบเข้าสิ แล้วก็ปล่อยนะลงได้แล้ว จะอุ้มไว้ทำไม!”

ผมยิ้มให้คนพูดทั้งที่ยังโดนมือปิดปากอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายทั้งเขินทั้งโมโห แต่แทนที่จะปล่อยคนตัวเล็กลงผมกลับกระชับวงแขนมากขึ้นกว่าเดิม

“กุญแจอยู่ในกระเป๋าเสื้อพี่เนี่ย นะเปิดประตูสิ เข้าไปในห้องได้ก่อนพี่ถึงจะปล่อย”

นะมองผมด้วยหน้าตาบูดบึ้ง แต่แล้วก็ยอมหยิบกุญแจออกมาไขเปิดประตูให้เพราะรู้ว่าผมทำตามที่พูดแน่ๆ พอผมเบี่ยงตัวพาคนตัวเล็กเข้าในห้องได้แล้วก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายลงยืนแต่โดยดีก่อนเจ้าตัวจะโวยวายอีก

ผมกดเปิดสวิทช์ไฟข้างประตูจนทั้งห้องถูกย้อมไปด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนๆ คนตัวเล็กกวาดสายตาไปรอบห้องทำให้ผมมองตามบ้าง ขนาดของห้องเล็กกว่าห้องของผมที่หอแต่ก็ดูใหม่กว่าและตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนสบายตา โทรทัศน์ก็เป็นแบบจอแบนขนาดใหญ่แถมมีมินิบาร์ให้ด้วย แต่สิ่งที่หยุดสายตาของนะและผมไว้พร้อมกันเห็นจะเป็นเตียงดับเบิ้ลขนาดใหญ่ปูด้วยผ้าคลุมสีขาวสะอาดที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง

“พี่อ๊อฟ กะจะอยู่นี่ถึงเมื่อไหร่?”

นะถามขึ้นเสียงเบาจนผมเกือบหลุดหัวเราะเลยต้องแกล้งทำเป็นกระแอมแทน นานๆจะได้แกล้งแฟนตัวเองซักที วันนี้ขอหน่อยละกัน

“ก็ขึ้นอยู่กับว่านะเป็นเด็กดีแค่ไหน ไม่งั้นคืนนี้ก็นอนกันที่นี่แหละจนกว่าจะหายงอนพี่กับอาจารย์”

“นะไม่ได้งอนแล้ว งั้นกลับกันเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”

คนตัวเล็กว่าแล้วก็ก้มหน้างุดพลางทำท่าจะเดินไปที่ประตู ผมเลยรีบถอยไปยืนขวางไว้จนคนที่จะเดินออกชะงัก นะเงยหน้ามองผมแล้วก็เม้มปากแน่น หน้าตาเหมือนเด็กกำลังโดนขัดใจกลับดูแล้วยั่วยวนจนผมอยากจะจับอุ้มขึ้นเตียงซะเดี๋ยวนั้น

“ไม่เชื่อ ถ้าหายงอนจริงทำไมไม่ยอมมองหน้าพี่เวลาพูดล่ะ”

นัยน์ตากลมโตตวัดขึ้นมองผมแว่บหนึ่งแล้วก็รีบหันหนีไปทางอื่น “พี่อ๊อฟ อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ”

ท่าทางเหมือนคนที่โดนต้อนจนมุมทำให้ผมเผลอยิ้มก่อนจะดันตัวเองออกจากกรอบประตู

“อะไร กล่าวหากันนี่นา พี่แกล้งนะตรงไหน”

ร่างเล็กถอยหลังหนีผมที่ย่างสามขุมเข้าหาทั้งที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาด้วย แต่ในห้องแคบๆแบบนี้มันจะมีที่ไหนให้ถอยไปเจอได้ นอกเสียจาก....

“อ๊ะ!”

พ่อหนูน้อยอุทานอย่างตกใจเมื่อเสียหลักล้มหงายหลังลงบนเตียง ผมเลยถือโอกาสก้าวตามขึ้นคร่อมแล้วก็ยึดแขนผอมเรียวทั้งสองข้างไว้ก่อนคนโดนรุกจะตั้งตัวทัน นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมองผมอย่างตกใจ

“พี่อ๊อฟ! จะทำอะไร ไม่เอานะ...อื๊อออ!”

นะละล่ำละลักพูดไปก็พยายามหดคอหนีการซุกไซ้ของผมไปด้วย ทั้งที่ความจริงก็ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน แต่วันนี้ดูคนตัวเล็กประหม่าจนรู้สึกได้ แต่ยิ่งร่างเล็กดิ้นหนีมากเท่าไหร่ผมกลับยิ่งอยากแกล้งมากเข้าไปอีก เลยจัดการรวบแขนทั้งสองข้างที่พยายามดันผมออกไว้ด้วยมือข้างเดียวแล้วใช้มือข้างที่ว่างเลิกเสื้อยืดเนื้อนิ่มขึ้นจนร่นอยู่เหนือแผ่นอกขาว ใบหน้าหวานหลับตาปี๋เมื่อผมก้มลงเลียใบหูเบาๆ

“พี่อ๊อฟ! หยุดก่อน ไม่เอาแบบนี้! หยุด!...อ๊ะ!!”

ผมเขี่ยติ่งเนื้อกลมข้างหนึ่งบนแผ่นอกเรียบจนร่างเล็กผวาเฮือกก่อนจะก้มลงเลียที่จุดที่นิ้วตัวเองเพิ่งสะกิดไปหมาดๆ แขนสองข้างที่โดนผมรวบไว้เหมือนจะอ่อนแรงขึ้นมาทันที ผมเลยปล่อยมือเพื่อลูบไล้ไปตามช่วงลำตัวผอมบางแทนจนอีกฝ่ายต้องยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงไว้

ร่างกายของนะสั่นสะท้านและสะดุ้งทุกครั้งไม่ว่าผมจะใช้ริมฝีปาก ปลายลิ้นหรือปลายนิ้วมือกระตุ้นที่ส่วนไหน ทั้งที่ผมยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออกเลยด้วยซ้ำ

“พี่...อ๊อฟ....เดี๋ยวก่อน...อย่า...เพิ่ง...”

ร่างเล็กบิดไปมาขณะพยายามใช้มือสองข้างที่อ่อนปวกเปียกดันศีรษะผมที่ยังคลอเคลียกับแผ่นอกของตัวเองอยู่โดยระวังไม่ให้โดนแผล ผมเลยก้มจูบบนหน้าท้องขาวเบาๆก่อนจะเลียริมฝีปากแล้วถอยออกโดยที่ยังนั่งคร่อมอีกฝ่ายอยู่

นัยน์ตากลมโตปรือขึ้นมองผมขณะที่ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงถี่ๆตามลมหายใจที่รัวเร็ว ใบหน้าหวานเป็นสีแดงก่ำ ลำตัวท่อนบนส่วนที่โผล่พ้นเสื้อยืดออกมาก็มีรอยที่โดนผมจูบไซ้ขึ้นแดงเป็นปื้นๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโดนไรหนวดที่ยังไม่ได้โกนของผมเข้าไปด้วย แต่ภาพที่ได้เห็นก็ทำเอาผมแทบหยุดหายใจ อาจเพราะเราไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งกันมาหลายอาทิตย์ แล้วยังความกังวลใจที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อวานรวมกัน เวลานี้ผมเลยรู้สึกโหยหาคนตรงหน้าจนเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ไหว

ความต้องการในใจเริ่มขัดแย้งกับความรู้สึกรับผิดชอบที่ว่าต้องรีบพานะกลับบ้าน ตอนแรกที่ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้ามาในรีสอร์ทก็แค่ตั้งใจว่าจะแกล้งคนขี้งอนเสียหน่อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนความตั้งใจของตัวเองจะโดนเรือนร่างขาวๆที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงทำให้กระเจิดกระเจิงไปหมด

“อื๊อ!”

นะหลุดเสียงร้องในคอออกมาเมื่อผมก้มลงประกบริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มแล้วฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวส่งปลายลิ้นเข้าหาความหวานภายใน ริมฝีปากอิ่มเผยอหอบเบาๆเมื่อผมถอยตัวออกเพื่อถอดเสื้อของคนตัวเล็กกับของตัวเองเหวี่ยงลงข้างเตียงก่อนจะก้มลงดูดเม้มที่ซอกคอขาวเนียนอีกครั้ง ปลายเล็บสั้นจิกลงบนไหล่ผมจนเจ็บแต่ตอนนี้อารมณ์ผมเตลิดเกินกว่าจะสนใจแล้ว

“พี่อ๊อฟ อย่า...เดี๋ยวมันเป็นรอย”

เสียงแตกพร่าของคนที่ร่างกายเริ่มอ่อนไปตามสัมผัสทำให้ผมผละออกก่อนจะยันตัวท่อนบนไว้ด้วยข้อศอก นะแลบลิ้นสีชมพูออกเลียริมฝีปากของตัวเอง ถึงจะเป็นกริยาที่เจ้าตัวทำไปโดยไม่ตั้งใจแต่ก็ดูยั่วจนผมต้องก้มลงจูบคนตัวเล็กอีกครั้งด้วยความมันเขี้ยว

“พูดอย่างนี้ ถ้าพี่ไม่ทำให้เห็นรอยนะจะยอมใช่มั้ย”

“แล้วถ้านะห้ามพี่อ๊อฟจะหยุดให้หรือเปล่าล่ะ”

คนตัวเล็กพูดเสียงหอบแล้วก็จ้องผมทั้งที่นัยน์ตาเชื่อมจนผมต้องเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้พ่อหนูน้อยของผมเริ่มย้อนเป็นแล้ว แต่ที่แย่กว่าคือทั้งย้อนทั้งยั่วแบบนี้แล้วผมจะห้ามใจตัวเองไหวได้ยังไง


“ไม่มีทาง”


ผมตอบก่อนจะเลื่อนตัวลงพรมจูบไปตามลำตัวขาวเนียนที่ไม่ว่าจะแตะต้องตรงไหนก็ลื่นมือไปหมด ร่างกายเพรียวบางผวาเฮือกเมื่อริมฝีปากผมสัมผัสกับผิวตรงท้องน้อย มือเล็กรีบยื่นมาปิดส่วนสำคัญของตัวเองไว้หลังผมใช้นิ้วเกี่ยวดึงกางเกงยีนส์และชั้นในออกจนตอนนี้ผิวกายขาวโพลนของคนเบื้องล่างปรากฏให้เห็นทั้งตัว ท่าทางเขินอายของคนตรงหน้าดูน่ารักจนผมอดแหย่ไม่ได้

“นะจะปิดทำไมล่ะ พี่เห็นตั้งหลายทีแล้ว”

ผมเย้าคนที่นอนเขินอยู่ยิ้มๆ เลยโดนอีกฝ่ายหรี่ตามองอย่างเคืองๆ  “ไม่ต้องมาแซวเลย  อ๊ะ! พี่อ๊อฟ!!”

ผมขบเนื้อนิ่มตรงต้นขาด้านในแล้วดูดเบาๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเลียจนผิวอ่อนๆขึ้นรอยจ้ำแดง ขาเรียวขาวสองข้างสั่นระริก ถึงจะมีอะไรกันหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นว่าแฟนของตัวเองรู้สึกดีเพราะสัมผัสที่ตัวเองมอบให้ก็อดพอใจอยู่ลึกๆไม่ได้

ทั้งผิวเนื้อที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูยามหอบเหนื่อย เสียงครางยามโดนสัมผัส หรือชื่อของผมที่นะเปล่งออกมายามที่เรามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ทุกอย่างทำให้รู้ว่านะเป็นของผมคนเดียว ไม่เคยมีใครได้ใกล้ชิดหรือเห็นคนตัวเล็กยามที่อารมณ์เพริศเพราะความปรารถนาแบบนี้นอกจากผม

ผมลุกจากเตียงแล้วก็ปลดชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่เหลือของตัวเองก่อนจะหยิบหลอดเจลที่ซื้อมาจากเซเว่นที่ยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา นะเบิกตามองสิ่งที่อยู่ในมือผมแล้วก็ขมวดคิ้ว หน้าหวานที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำมากขึ้นอีก

“พี่อ๊อฟ นี่ตั้งใจอยู่แล้วใช่มั้ย”

ผมยิ้มก่อนจะขึ้นนั่งคร่อมคนตัวเล็กบนเตียงเหมือนเดิมแล้วก็ก้มลงจูบที่มุมปากของนะเบาๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่กำลังจะขย้ำลูกกวางน้อยเป็นอาหารยังไงไม่รู้

“ก็แฟนพี่น่ารัก ตั้งใจจะมีอะไรกับแฟนนี่ผิดด้วยเหรอ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ก้มหน้าซุกอกผม ยกเว้นก็แต่อ้อมแขนที่เอื้อมขึ้นโอบคอไว้แน่นแทนคำตอบ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“อึ๊ก”

“นะครับ อย่าเกร็งสิ พี่จะทำช้าๆนะ”

ร่างเล็กที่กำลังรองรับความต้องการของผมหลับตาแน่นขณะที่มือสองข้างเกร็งจิกผ้าปูเตียงจนข้อนิ้วขึ้นเป็นสีขาว แผ่นอกเนียนแอ่นขึ้นจนลอยจากเตียงเมื่อผมพยายามดันตัวเองให้ผ่านช่องทางที่ร้อนและคับแน่นเข้าไป เสียงหอบกระเส่ากับความรู้สึกบีบรัดทำให้ต้องกัดฟันข่มใจที่จะไม่เผลอเร่งตัวเองเพราะเราร้างเรื่องนี้กันไปนานพอสมควร

ในที่สุดนะก็รับผมเข้าไปทั้งหมดได้สำเร็จ ผมก้มลงจูบหน้าผากที่ชื้นไปด้วยเหงื่อก่อนจะค่อยๆขยับเอวช้าๆเมื่อรู้สึกว่าแรงต่อต้านจากร่างกายของอีกฝ่ายน้อยลงแล้ว

“อื้อ....ฮ้า....พี่อ๊อฟ....พี่อ๊อฟ....พี่อ๊อฟ”

เสียงใสหอบครางเรียกชื่อผมไม่หยุดเมื่อผมเริ่มขยับตัวเร็วขึ้น ขาเรียวสองข้างกระหวัดรอบเอวผมขณะที่เจ้าตัวขยับตัวตามเหมือนทำไปโดยสัญชาตญาณ ความรู้สึกหอมหวานจากเรือนร่างของคนตรงหน้าทำให้ผมเผลอตัวออกแรงเต็มที่จนนะร้องออกมาอย่างตกใจ หยาดน้ำใสที่ซึมอยู่บนแพขนตางอนยาวทำให้ผมชะงัก

“นะ!...เจ็บเหรอ ขอโทษ พี่หยุดแล้วนะ อย่าร้องนะครับ”

ผมจูบซับน้ำตาที่หางตากลมโตก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นนั่งตักนิ่งๆโดยพยายามไม่ขยับเขยื้อนอีก นะซบหน้ากับบ่าผมให้ลูบแผ่นหลังปลอบประโลมแต่โดยดี ร่างกายที่สั่นน้อยๆอยู่บนหน้าขากับความร้อนผ่าวของส่วนที่รัดรึงตัวเองไว้ทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก แม้จะทรมานที่ต้องข่มความต้องการที่กำลังพลุ่งพล่าน แต่ถ้าหากอีกฝ่ายไม่มีความสุขไปด้วยผมก็ฝืนทำต่อไม่ลงอยู่ดี

เสียงจังหวะหายใจของคนที่ผมกอดอยู่เริ่มเป็นปกติมากขึ้น ร่างเล็กถอยออกหลังจากนั่งนิ่งได้สักพักแล้วก็กระพริบตามองผม ขอบตากับปลายจมูกยังแดงช้ำอยู่นิดหน่อย

“พี่อ๊อฟ ไม่ทำแล้วเหรอ”
 
นะถามเสียงค่อย ผมเลยจูบเบาๆลงบนปลายจมูกที่แดงเรื่อแล้วยิ้มให้ คนตัวเล็กคงรู้ว่าผมอยู่ในอารมณ์ไหนถึงได้ถามแบบนั้น

“ถ้าทำต่อแล้วนะเจ็บพี่ก็ไม่อยากให้เราฝืนแล้วล่ะ ยังไงเดี๋ยวพี่ค่อยจัดการตัวเองเอาทีหลังก็ได้”

ผมเลื่อนมือลงที่สะโพกเพรียวเพื่อจะยกร่างที่นั่งตักตัวเองอยู่ออก แต่นะกลับกอดคอผมแน่นแล้วก็กระซิบที่ข้างหูเบาๆ

“ไม่เป็นไร พี่อ๊อฟทำต่อเถอะ แต่เบาๆแล้วกัน มันเจ็บ”

พอได้ยินคนตัวเล็กให้สัญญาณไฟเขียวอะไรที่เหมือนจะอ่อนไปแล้วเลยตื่นตัวขึ้นใหม่ ผิวกายอุ่นกับกลิ่นหอมๆที่ติดตัวนะอยู่ตลอดทำให้ผมเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยก้มลงสูดความหอมจากซอกคอขาวเข้าเต็มปอดแล้วก็รัดเอวบางแน่นเข้า

“ขอบคุณครับ งั้นพี่สัญญาว่าคราวนี้ไม่ทำแรง นะไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ”

ผมกดจมูกลงกับผิวแก้มนิ่มก่อนจะผ่อนร่างเล็กลงกับเตียงเหมือนเดิม พอสายตาเราประสานกันนะก็ยิ้มเขิน ผมเลื่อนมือไปตามต้นขาเนียนลื่นแล้วก้มลงดูดดุนที่แผงอกขาวเพื่อปลุกอารมณ์อีกฝ่ายก่อนจะเริ่มบทรักของเราสองคนใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ได้ใช้กำลังจนลืมตัวอีก และเสียงร้องที่สะท้อนถึงแต่ความสุขสมก็ทำให้ผมยินดีที่ตัวเองไม่ดึงดันเอาแต่อารมณ์อยู่ฝ่ายเดียวเหมือนในตอนแรก


++------++


“โอ๊ย! นะครับ เบาๆ พี่เจ็บ”

“ก็ใครใช้ให้พี่อ๊อฟออกแรงทั้งที่เพิ่งไปเย็บแผลมาล่ะ ดูซิเหงื่อออกเต็มไปหมดเลย ดีนะว่าแผลไม่ปริ”

คนตัวเล็กว่าพลางเอาสำลีชุบเบตาดีนทาแผลบนหน้าผากผมก่อนจะปิดตามด้วยผ้าก๊อซกับเทปปิดแผล โชคดีว่าผมคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าอาจมีสถานการณ์แบบนี้เลยซื้อติดมาด้วย และเพราะเมื่อครู่ได้ออกกำลังจนเหงื่อซึมไปทั้งตัว ผ้าก๊อซที่ปิดแผลไว้เลยชุ่มเหงื่อจนต้องแกะเปลี่ยน จะว่าไปถ้าเกิดแผลดันอักเสบขึ้นมาก่อนวันนัดเจอหมอผมคงขำไม่ออกแน่

“เสร็จแล้วพี่อ๊อฟ”

ปลายนิ้วเรียวเล็กแตะลงบนรอยแผลเบาๆก่อนจะถอยออกมองผลงานตัวเองอย่างชื่นชม ผมเลยรวบตัวคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆมานั่งตักซะก่อนจะก้มลงฟัดซอกคอขาวด้วยความมันเขี้ยว

“พี่อ๊อฟ อื้อ จั๊กกะจี้”

นะพูดไปก็หัวเราะไปทั้งที่พยายามดันอกผมไปด้วย ผมเลยก้มลงหอมแก้มของเด็กดื้อที่ตอนนี้ไม่ดื้อแล้ว ก่อนจะยอมผ่อนแรงเป็นโอบอีกฝ่ายไว้หลวมๆแทน

“แฟนพี่เก่งนะเนี่ย ตั้งแต่ตอนพี่เป็นหวัดแล้ว เปลี่ยนสายไปเรียนพยาบาลเลยดีมั้ย”

“ไม่เอาหรอก ดูพี่อ๊อฟคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นะไม่ชอบเห็นเลือดด้วย”

คนตัวเล็กพูดยิ้มๆแล้วก็เอนลงพิงอกผม ผมเลยกอดคนที่นั่งตักตัวเองอยู่แน่นขึ้น เวลาพ่อหนูน้อยอ้อนแบบนี้นี่แหละที่ผมชอบที่สุด นะเงยหน้าขึ้นแล้วก็ใช้ปลายนิ้วลูบบนคางกับเหนือริมฝีปากผมเบาๆ

“พี่อ๊อฟอย่าเพิ่งโกนหนวดนะ รอกลับไปที่หอก่อนเดี๋ยวนะโกนให้”

พอโดนทักแบบนั้นผมเลยเผลอยกมือขึ้นลูบคางอย่างไม่ตั้งใจ “เอางั้นเหรอ แต่อีกสี่วันหมอนัดไปตัดไหมนะ ถ้างั้นปีใหม่นี้คงได้อยู่ที่บ้านกันแทนที่จะกลับไปเคลียร์ห้องแล้วล่ะ นะทนดูพี่เคราเฟิ้มได้เหรอ”

คนตัวเล็กขมวดคิ้วแล้วก็ทำท่าคิด “แต่นะอยากเห็นหน้าพี่อ๊อฟเวลามีหนวดเหมือนกันนี่ งั้นรอดูก่อนก็ได้ ถ้าเกิดรำคาญจริงๆเดี๋ยวไปซื้อมีดโกนอันละสิบบาทมาโกนให้”

“คราวนี้พี่ได้ดูเหมือนผู้ร้ายลักพาตัวเด็กเข้าไปใหญ่น่ะสิ”

ผมพูดเปรยๆ แต่พอจบประโยคปุ๊บก็โดนรัวกำปั้นลงบนไหล่ทันที “จะไปเหมือนได้ยังไงล่ะ อีกอย่างนะไม่ใช่เด็กแล้วนะ ถ้ายังไม่เลิกเรียกว่าเด็กอีกคราวนี้ไม่หนีไปแค่ที่โรงเรียนแล้วด้วย”

“เฮ้ย ได้ไง แค่นี้กว่าจะตามเจอก็เหนื่อยแล้ว อาจารย์อุตส่าห์ฝากให้พี่มาตามนะกลับบ้าน เจอตัวแล้วทั้งทีเรื่องอะไรจะให้หนีไปอีกล่ะ”

ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจนต้องถอยออกมองหน้าคนตัวเล็กที่ก้มหน้าอยู่

“นะเป็นอะไรครับ อยู่ๆก็เงียบไป”

“...แม่เค้า โกรธนะมากหรือเปล่าที่จู่ๆก็หนีออกมาแบบนี้?”

นะเงยหน้าขึ้นสบตาผม นัยน์ตากลมโตฉายแววกังวลจนผมต้องก้มลงจูบที่ขมับเนียนเพื่อให้กำลังใจ

“ใครบอกว่าแม่เค้าโกรธ เค้าเป็นห่วงนะมากเลยต่างหาก มุ้ยบอกว่าอาจารย์ร้องไห้จนเป็นลมไปตั้งหลายรอบ นี่ก็คงรอพวกเรากลับบ้านกันอยู่”

นะเงียบไปอีก มือข้างหนึ่งกำเสื้อผมแน่น

“แล้วเรื่องของนะกับพี่อ๊อฟล่ะ แม่เค้าจะเข้าใจหรือยัง?”

พอโดนถามแบบนี้ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน จริงอยู่ว่าอาจารย์อ่อนลงมากแล้วตอนที่ขอร้องให้ผมออกมาตามหานะให้ แต่ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าพอผมพาลูกชายอาจารย์ไปส่งแล้วอีกฝ่ายจะไม่เย็นชาใส่อีก แถมผมเจ็บตัวกับทำรถพังแบบนี้ก็คงต้องอธิบายกับแม่ว่าไปทำอะไรมา แล้วยังพ่อของนะที่ยังไม่กลับบ้านอีกล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าปัญหาร้อยแปดช่างพันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด

“คิดไปตอนนี้ก็ปวดหัวเปล่าๆ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถึงผู้ใหญ่เค้าจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเสียหายสักวันเค้าคงยอมรับเองแหละ ว่าแต่ตอนนี้กลับบ้านกันก่อนดีกว่า ถ้าพี่ไม่พานะกลับคืนนี้เดี๋ยวต่อไปอาจารย์ไม่ยอมให้พี่เข้าบ้านแหงๆ”

ผมลุกขึ้นแล้วก็ฉุดคนตัวเล็กให้ลุกตามโดยไม่ลืมเก็บของที่เอามาด้วยกลับใส่ถุงให้เรียบร้อย แต่พอจะเดินออกจากประตูก็โดนรั้งแขนเอาไว้ พอผมหันกลับไปหาก็โดนแขนเรียวสองข้างโน้มคอลงไปจูบแบบไม่ให้ตั้งตัวก่อนคนจูบจะถอยออกยิ้มหวานให้

“พี่อ๊อฟรู้มั้ย นะชอบคนไม่ผิดจริงๆด้วยแหละ”

นัยน์ตากลมโตดูสดใสจนผมอดยิ้มตอบแล้วขยี้ผมนิ่มเบาๆไม่ได้ “อ้อนเก่งนัก ห้ามไปอ้อนคนอื่นอีกนะ ตลอดชีวิตนี้ให้นะอ้อนพี่ได้คนเดียวเข้าใจมั้ย”

ใบหน้าหวานยิ้มกว้างก่อนจะเข้ามากอดเอวผมไว้ ผมเลยกอดร่างเล็กตอบก่อนที่เราจะยืนนิ่งกันไปพักใหญ่ ผมรู้ดีว่าเมื่อก้าวออกจากประตูนี้ไปแล้วเรายังมีปัญหาที่รอให้กลับไปเผชิญอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วเราก็จะผ่านมันไปด้วยกันจนได้

ผมแวะเช็คเอาต์ที่ล็อบบี้หลังจากใช้ห้องได้ไม่ถึงสองชั่วโมง แล้วระหว่างทางก็พาคนตัวเล็กแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่แผงรถเข็นข้างทางเพราะเราต่างคนต่างหิว ตอนแรกนะก็ดูจะร่าเริงดี แต่ยิ่งใกล้ถึงบ้านมากเท่าไหร่พ่อหนูน้อยของผมก็ยิ่งเงียบมากขึ้น ร่างเล็กเอนมาพิงไหล่ผมโดยที่มือข้างหนึ่งก็กำแขนเสื้อผมไว้ตลอด

ผมเลี้ยวรถเข้าจอดที่หน้ารั้วสีน้ำเงินเข้มที่เมื่อกลางวันเพิ่งแวะมา เสียงถอนหายใจจากคนข้างตัวทำให้ผมก้มลงไปหอมแก้มนิ่มเบาๆ

“นะอย่าเพิ่งกังวลสิ ถ้ามีอะไรพี่จะพูดกับอาจารย์เอง ยังไงตอนนี้เราเข้าบ้านกันก่อนเถอะ”

นัยน์ตาหวานช้อนขึ้นมองผมเหมือนไม่มั่นใจ แต่แล้วก็พยักหน้าก่อนจะยอมลงจากรถแต่โดยดี ผมล็อครถเสร็จแล้วก็ยื่นมือไปหาคนตัวเล็กที่ส่งมือกลับมาจับมือผมไว้ก่อนจะเดินเข้าบ้านด้วยกัน แต่แล้วเราทั้งคู่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาของคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

“พ่อ!”

นะอุทานอย่างตกใจ ขณะที่ผมเองก็อึ้งไปเหมือนกัน เพราะคนที่เดินออกมาจากประตูบ้านหลังอาจารย์วรรณีกับมุ้ยแล้วส่งยิ้มให้คนนั้นดูยังไงก็แม่ผมชัดๆ


“กลับถึงบ้านกันสักทีนะ ทั้งสองคน”


++------++



ไม่ค้างเน้อ ไม่ค้างกันใช่ป่าว เอิ๊กๆ :laugh:

คราวนี้ได้เจอกันพร้อมหน้าสองครอบครัวเสียที ตอนหน้าจะเป็นยังไงคงต้องขอให้ลุ้นกันต่อนะจ๊ะ

ปล. อันนี้ถามเล่นๆ ว่าตอนหน้าคนอ่านอยากให้ต่อเรื่องของอ๊อฟ-นะเลยหรือจะให้เอาตอนพิเศษเป้-วิวมาลงก่อน
แบบว่ามีเรื่องในหัวแล้วแต่ยังรักพี่เสียดายน้องอะ ไม่รู้จะพิมพ์ของคู่ไหนก่อนดี แหะๆ

 :bye2:











หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 21-01-2009 20:50:15
เอา ออฟ นะ ให้เคลียร์ก่อน แล้วค่อย เป้ วิว ตามนี้จ้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 21-01-2009 22:00:03
รักพี่เสียดายน้อง อย่างงั้นก็ลงทั้งพี่และน้องพร้อมๆ กันเลยสิจ๊ะ  อิอิ  ไม่โลภเลยเนอะเรา :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: snoopy ที่ 21-01-2009 22:05:47
สองครอบครัวเจอกันและ
เอ่อ เอาเรื่องไหนลงก่อนก็ได้จ้าเพราะอยากอ่านทั้งสองเรื่อง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 21-01-2009 22:22:43
ไม่ค้างเลยจ้า..ไม่ค้าง :a5:แต่ตอนต่อไปขอคู่นี้น๊า เค้าชอบน้องนะ
 :L2:ให้คนแต่งจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-01-2009 22:31:42
แม่ไม่พอ พ่อน้องนะโผล่มาอีก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 21-01-2009 23:17:46
เอานะ อ๊อฟก่อนค่ะ

เพราะมันค้างงงงงงงงง :a5:

งานเข้าไม่จบไม่สิ้น

ที่นี้มากันครบเลย หุหุ

*******************

bb หนีเที่ยวได้บ่อยมากๆ

อิจฉาจริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 21-01-2009 23:29:45
ขอให้เคลียร์ได้ในตอนหน้าทีเถอะ มากันครบทั้งพ่อแม่ของทั้งคู่เลย  :call:


เอาเรื่องของอ๊อฟนะให้เคลียร์ก่อนเลยค่ะ แล้วขอเป้วิวตามมาติด ๆ (^^ ไม่โลภเลย)



หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-01-2009 23:50:20

จะคู่ไหนก็เอามาให้ว่อง
อย่าดอง อย่าช้า อย่าขาด อย่าหาย
 :laugh:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 22-01-2009 00:30:30
 :z3:

แหม ป้า ไม่ค้างเลยนะ อิๆ

จะรออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 22-01-2009 02:47:12
กรี๊ดด....ฉากเรียกเลือดไฉไล มาอีกแล้ว   :-[

ดูท่า ทางจะสะดวกแล้วล่ะม๊างงง...ง คิคิ

ไฉไล โลภอ่ะ  อยากกอ่านหมดเลยค่า ...  :impress2:


ออฟ-นะ ให้เคลียร์ และต่อด้วย ตอนหวานๆ ของ เป้-วิว อิอิ


และก้อ สองคู่เขาแข่งกันหวีทหวานด้วย เอาโม๊ดดดดดด   :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 22-01-2009 03:01:41
แอร๊ยยยย

ดีๆๆ มาเจอกันสองครอบครัว

จะได้จัดการสู่ขอกันให้เรียบร้อย อิอิ


เอ่อ บีบี

เค้าไม่เลือกอ่ะ

เอาสองตอนมาลงพร้อมกันเลยได้ป่ะ :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-01-2009 10:35:10
รักพี่เสียดายน้อง อย่างงั้นก็ลงทั้งพี่และน้องพร้อมๆ กันเลยสิจ๊ะ  อิอิ  ไม่โลภเลยเนอะเรา :กอด1:

สองครอบครัวเจอกันและ
เอ่อ เอาเรื่องไหนลงก่อนก็ได้จ้าเพราะอยากอ่านทั้งสองเรื่อง

เอาเรื่องของอ๊อฟนะให้เคลียร์ก่อนเลยค่ะ แล้วขอเป้วิวตามมาติด ๆ (^^ ไม่โลภเลย)




จะคู่ไหนก็เอามาให้ว่อง
อย่าดอง อย่าช้า อย่าขาด อย่าหาย
 :laugh:



ไฉไล โลภอ่ะ  อยากกอ่านหมดเลยค่า ...  :impress2:


ออฟ-นะ ให้เคลียร์ และต่อด้วย ตอนหวานๆ ของ เป้-วิว อิอิ


และก้อ สองคู่เขาแข่งกันหวีทหวานด้วย เอาโม๊ดดดดดด   :z1:


แอร๊ยยยย
เอ่อ บีบี

เค้าไม่เลือกอ่ะ

เอาสองตอนมาลงพร้อมกันเลยได้ป่ะ :z1:


ก๊ากกกก คนอ่านเรา อารมณ์เหมือนคนเขียนกันหมดเลย ง้า่นรอกันก่อนเน่อ พิมพ์สองเรื่องรวดมันกินเวลารู้ม้ายยยยย :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 22-01-2009 11:56:47
 :haun4:ง้อสำเร็จ เย่...



พ่อแม่พี่น้องทั้งสองฝ่ายต่างมารอโดยพร้อมเพรียง
เอ๊ยยยยยยไหวมะเนี่ยยย

ปล. อยากอ่านอ๊อฟ-นะ เอ้ะ แต่เป้-วิว ก็น่าสน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
รักน้องเสียดายพี่ว่ะตรู

+1 ให้ป้าเบลบอมน้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-01-2009 12:02:58
แทคทีมกันครบเซตแบบนี้ อะไรจะเกิดขึ้นล่ะเนี่ย

มาต่อเร็วๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 22-01-2009 15:26:02
ครบองค์ประชุมแบบนี้ เริ่มทาบทามสู่ขอกันเลยดีกว่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-01-2009 09:24:01
+เป็นกำลังใจให้คุณ bellbomb มีแรงพิมพ์สองตอนต่อเนื่อง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 14 (21/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 23-01-2009 15:01:38
น้องนะน่ารัก น่าเอ็นดูมากเลย  :กอด1:

ส่วนเรื่องอยากได้ตอนไหนก่อน รู้สึกว่ามีคนคิดเหมือนกันตอบไปแล้วมากมาย

สรุปง่ายๆว่า โลภเหมือนกัน  :-[

รักคนแต่งนะคะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-01-2009 02:09:10
สาบานได้ว่า ไม่ได้อยากขัดใจแม่ยกของน้องนะ แต่ว่าพิมพ์ไปพิมพ์มาตอนนี้มันไหลออกมาก่อน ก็อ่านตอนสวีทหวานๆของเป้กับวิวกันไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ คู่นี้ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเล้านานแล้ว แหะๆ
 :laugh:


*************************



ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: เรื่องธรรมดาของคนรักกัน


“สวัสดีค่ะ พี่วิวใช่ไหมคะ”



น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยเอ่ยทักขึ้นไม่ห่างจากโต๊ะที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่เท่าไหร่ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหญิงสาวผมตรงยาวสลวยถึงเอวในชุดเครื่องแบบกระโปรงสั้นเหนือเข่า ผิวสีน้ำผึ้งดูนวลเนียน ดวงตาคมที่ใส่คอนแทคเลนส์สีเทาอมฟ้ากรีดอายไลเนอร์สีเข้มรับกับรูปคิ้วโก่งได้อย่างพอเหมาะ ถ้าใครบอกผมว่าเธอเป็นนางแบบหรือดาราผมก็คงไม่แปลกใจเพราะเธอดูโดดเด่นจริงๆจนอดแปลกใจไม่ได้ว่าคนแบบนี้เข้ามาทักผมทำไม

“ครับ มีอะไรหรือครับ”

ใบหน้าสวยหวานยิ้มแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แต่อะไรบางอย่างในรอยยิ้มนั้นกลับสร้างความรู้สึกแปลกๆให้อย่างบอกไม่ถูก

“หนูชื่อดาค่ะ อยู่ปีสอง โต๊ะกลุ่มเดียวกันกับพี่เป้”

ผมกระพริบตา จริงอยู่ว่าที่คณะของพวกเรานักศึกษาส่วนใหญ่จะมีโต๊ะกลุ่มประจำ แต่ตั้งแต่ผมเริ่มคบกับเป้เราก็ไม่ค่อยเข้าไปนั่งที่กลุ่มของตัวเองกันเท่าไหร่ยกเว้นเวลามีกิจกรรมอย่างรับน้องหรือบายเนียร์ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะผมเคยขออีกฝ่ายไว้ว่าไม่อยากเป็นเป้าสายตาและไม่อยากให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเราสองคน

“ครับ...แล้วมีอะไรกับผมเหรอครับ”

“คือว่า ตอนนี้ดากับเพื่อนลงเรียนวิชาเดียวกับพี่เป้อยู่ แล้วเราได้ทำงานกลุ่มด้วยกัน ทีนี้เพื่อนของดาเค้าสนใจพี่เป้ แต่พอเค้าอยากเข้าไปทำความสนิทสนมกับพี่เป้ก็จะเห็นว่าเค้าอยู่กับพี่วิวตลอดเลย ดาเลยอยากมาถามให้แน่ใจว่าพวกพี่เป็นอะไรกัน”

เจ้าของใบหน้าสวยสะดุดตาถามแล้วก็ยิ้มมองผมนิ่ง ความจริงก็ใช่ว่าเรื่องที่ผมกับเป้คบกันจะเป็นความลับอะไร เพียงแต่เราไม่ได้ป่าวประกาศหรือทำตัวโจ่งแจ้งเท่านั้นเอง และอีกอย่างเพื่อนๆรุ่นเดียวกันในกลุ่มของเป้และกลุ่มของผมก็พอจะรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่คนตรงหน้าจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

“แล้วน้องดาไม่ได้ถามรุ่นพี่ที่โต๊ะหรือครับ พวกเพื่อนๆของเป้ก็น่าจะรู้คำตอบเหมือนกัน ไม่เห็นต้องมาถามผมเลย”

สีหน้าของดาเปลี่ยนไปทันที แม้ริมฝีปากจะยังยิ้ม แต่แววตาดูเย็นชากว่าตอนแรกอย่างชัดเจน แขนเรียวที่ใส่กำไลเต็มข้อมือยกขึ้นประสานกันบนโต๊ะขณะที่เจ้าตัวเอียงคอมองหน้าผม

“ความจริงก็ได้ยินมาบ้างล่ะค่ะ แต่ดาแค่อยากถามจากคู่กรณีโดยตรง เพราะดาไม่เข้าใจว่าพี่เป้ติดใจพี่วิวตรงไหน เท่าที่รู้มาคือพี่วิวเป็นคนขยัน เรียนเก่ง เป็นว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทอง แต่ดาเห็นว่าเวลาอยู่คนเดียวทีไรพี่วิวก็เอาแต่อ่านหนังสือ ขนาดดามาชวนคุยด้วยก็ยังไม่ค่อยอยากจะคุยเลย พี่เป้เค้าไม่เบื่อพี่วิวบ้างเหรอคะ”

คำถามนั่นทำเอาผมรู้สึกชาไปทั้งหน้า ไม่ใช่แค่เพราะโดนอีกฝ่ายวิจารณ์ตัวเองตรงๆแบบที่ไม่เคยได้ยินใครพูดด้วยแบบนี้มาก่อน แต่เพราะสิ่งที่เจ้าหล่อนพูดมานั้นเป็นความจริงทั้งนั้น ก่อนที่จะคบกับเป้ใครๆก็เรียกผมว่า “เด็กเรียน” หรือ “ว่าที่เกียรตินิยม” เพราะผมทุ่มเทให้กับการเรียนจริงๆ และแทบไม่ออกไปเที่ยวกลางคืนหรือทำกิจกรรมอะไร จนหลังจากที่เริ่มคบกับเป้นั่นแหละผมถึงได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้างเพราะเป้จะคอยชวนไปทำโน่นทำนี่หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยชวนผมออกนอกลู่นอกทางเพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าผมซีเรียสกับเรื่องเรียนแค่ไหน และถึงแม้จะเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างว่าเป้ชอบผมตรงไหน ทว่าผมก็ไม่เคยคิดถามตัวเองว่าเป้จะนึกเบื่อที่ผมเป็นแบบนี้หรือเปล่าเลยสักครั้ง

ผมไม่รู้จะตอบคำถามอีกฝ่ายอย่างไรดี เลยได้แต่นั่งนิ่งๆทำสีหน้าเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรแม้ว่าในใจจะขุ่นเหมือนมีใครมากวนตะกอนในใจจนลอยฟุ้งขึ้นมา ริมฝีปากได้รูปที่ทากลอสวาววับของคนตรงหน้าแย้มยิ้มก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้น อากัปกริยาราวกับคนที่ประสบความสำเร็จในภารกิจบางอย่างทำให้ผมอดมองตามไม่ได้

“ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ว่าแต่ถ้าหากพี่วิวเห็นว่าพี่เป้สำคัญจริงๆก็น่าจะปรับปรุงตัวเองบ้างนะก่อนที่จะโดนใครเขาคว้าไปเสียก่อน แล้วคงได้คุยกันอีกนะคะ”

ผมเหม่อมองตามแผ่นหลังเชิดตรงของรุ่นน้องสาวที่เดินจากไปเหมือนไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่านั้น เนื้อหาในหนังสือที่อ่านค้างไว้เหมือนถูกอะไรหนักๆเคาะจนหล่นหายไปจากสมอง ดังนั้นพอถูกมืออุ่นตบลงบนบ่าผมเลยถึงกับสะดุ้งเฮือก

“ขอโทษทีมาช้าไปหน่อย คุยงานกลุ่มยืดเยื้อมากเลย วิวหิวหรือยัง?”

ผมหันไปมองคนพูดแล้วก็เห็นรอยยิ้มที่เจ้าตัวมีให้เสมอติดอยู่บนใบหน้าคมที่เจอกันแทบทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองยิ้มตอบได้ไม่เต็มที่เหมือนเคย ราวกับว่ามีใครเอาอะไรมาบีบหัวใจไว้จนมันเรื้อขึ้นมาถึงการแสดงออกบนหน้าอย่างนั้นแหละ

เป้มองผมที่นั่งเงียบแล้วก็ขมวดคิ้ว ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวแล้วก็คว้ามือผมไปจับไว้

“วิว เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?”

มืออุ่นข้างที่เหลือยื่นมาแตะที่หน้าผากก่อนจะเลื่อนลงไปที่ซอกคอ สัมผัสที่อ่อนโยนและคุ้นเคยทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นเมื่อครู่สงบลงบ้าง ทว่าความรู้สึกราวกับมีอะไรมาสะกิดใจทำให้ผมยังไม่กล้าสบตาที่จ้องมองมาเพราะกลัวจะเผลอแสดงความหวั่นไหวออกไป เป้มักจะมีประสาทสัมผัสไวเสมอถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผม

“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกเป้ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า จะได้กลับหอเร็วๆ”

ผมฝืนยิ้มหลังจากที่คิดว่าจิตใจตัวเองมั่นคงพอที่จะไม่แสดงอารมณ์อะไรออกไปให้ผิดสังเกตแล้ว เป้ยังมองผมอย่างสงสัยอยู่ แต่แล้วก็พยักหน้าก่อนจะหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะกับกระเป๋าสะพายไปถือไว้ เราเดินคู่กันไปที่ลานจอดรถอย่างเงียบๆแต่ผมก็รู้ว่าคนข้างตัวคอยจับสังเกตท่าทางของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

เป้เปิดประตูรถให้ผมก่อนจะอ้อมไปนั่งที่ตัวเอง พอสตาร์ทเครื่องเตรียมจะออกจากลานจอดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป้เลยหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมากดรับสายก่อนจะหันมากระซิบกับผมเบาๆ

“แป๊บนะ แม่โทรมา”

ผมพยักหน้าแล้วก็มองออกไปที่สนามหญ้าซึ่งมีนักกีฬาและเชียร์ลีดเดอร์แบ่งพื้นที่ซ้อมกันอยู่ และถึงแม้จะไม่อยากแอบฟังบทสนทนาของครอบครัวคนอื่น แต่ด้วยความที่เรานั่งอยู่ในรถด้วยกันเสียงของเป้จึงลอยมาเข้าหูอย่างช่วยไม่ได้

“เย็นนี้เหรอแม่ เป้คงไม่กลับน่ะครับ พี่ปิ่นจะพาพี่เก่งมาทานข้าวด้วย? ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ยายปอนด์ก็อยู่ ก็ให้คุยกับว่าที่พี่เขยไปสิ”

เสียงโต้ตอบที่ได้ยินทำให้ผมพอจะประมาณได้ว่าเป้กำลังคุยเรื่องอะไร เลยดึงสมุดโน้ตของตัวเองออกมาเขียนข้อความเร็วๆแล้วยื่นไปตรงหน้าคนที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่ เป้อ่านข้อความแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปคุยกับแม่ต่อ แต่เสียงที่พูดใส่หูโทรศัพท์เหมือนจะเข้มขึ้นนิดหน่อย

“ไม่ล่ะครับ คืนนี้เป้ต้องคุยงานกับเพื่อนแล้วคงค้างหอเค้าไปเลย แค่นี้นะครับ แล้วเจอกัน”

เป้กดตัดสายแล้วก็ถอยรถออกจากลานจอด ผมเลยอดหันไปทักไม่ได้ “ทำไมบอกแม่เค้าอย่างนั้นล่ะเป้ ถ้าแม่อยากให้กลับไปทานข้าวกับที่บ้านเดี๋ยวส่งวิวเสร็จแล้วเป้กลับเลยก็ได้”

คนโดนท้วงเพียงแค่ยักไหล่แต่ก็ไม่ได้หันมาหา “ไม่เป็นไรหรอก แม่เค้าชินแล้วล่ะ อีกอย่างเป้เจอว่าที่พี่เขยคนนี้บ่อยแล้วเพราะเค้าก็ทำงานอยู่บริษัทพ่อนั่นแหละ ที่สำคัญ...วันนี้เป้อยากอยู่กับวิวมากกว่า”

มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมาพลิกมือผมให้หงายขึ้นก่อนจะประสานปลายนิ้วเข้าแล้วก็บีบเบาๆ  ผมจ้องกระดาษโน้ตที่เขียนว่า “กลับบ้านก็ได้นะ” ที่วางอยู่บนตักตัวเอง แต่ถึงจะไม่พูดอะไรตอบออกไป ผมก็ดีใจที่คนข้างตัวให้ความเอาใจใส่ผมมากขนาดนี้

เป้พาผมไปทานข้าวเย็นที่ร้านอาหารตามสั่งในตลาดไม่ไกลจากหอนัก จากนั้นเราก็แวะซื้อของใช้กันนิดหน่อยก่อนจะกลับ หลังจากเราตกลงคบกันและเป้มาขลุกอยู่ที่ห้องผมบ่อยๆแล้ว ข้าวของในห้องก็มีส่วนที่เป็นของเป้มาแบ่งพื้นที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะในตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำหรือในตู้เย็น จนบางครั้งผมก็ลืมไปว่าชิ้นไหนของเป้และชิ้นไหนของผมเพราะดูทุกอย่างจะกลืนกันไปหมด จะยกเว้นก็แต่พวกเสื้อผ้าที่ยังไงก็แยกออกเพราะของเป้ส่วนมากจะเป็นของค่อนข้างมีราคาและไซส์ต่างกับเสื้อผ้าของผมอย่างเห็นได้ชัด

พอกลับถึงห้องปุ๊บผมก็ขอตัวอาบน้ำก่อนทันที ทว่าหลังจากที่ได้อยู่ตามลำพังก็อดที่จะหวนคิดถึงบทสนทนากับรุ่นน้องสาวก่อนเป้จะมารับไม่ได้


“...พี่เป้เค้าไม่เบื่อพี่วิวบ้างเหรอคะ”


น่าแปลกที่คำถามเชิงรำพึงนั่นติดแน่นอยู่ในหัว ผมส่ายหน้าก่อนจะเข้าไปยืนใต้ฝักบัวเผื่อว่าสายน้ำอุ่นจะช่วยชำระความขุ่นมัวในใจให้ละลายออกไปได้บ้าง ฟองแชมพูที่ไหลเข้าตาทำให้แสบตาจนต้องยกมือขึ้นลูบออก แล้วก็ให้นึกถึงสีหน้ากังวลใจของคนตัวโตตอนที่เห็นผมไม่ตอบคำถามเมื่อตอนเย็น แต่ถ้าหากผมเล่าไปตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น เป้อาจตามไปคุยกับน้องดาแล้วทำให้เรื่องมันใหญ่โตเกินเหตุก็ได้ ดังนั้นแม้ว่าผมจะไม่นิยมการมีความลับกับคนใกล้ชิด แต่สำหรับเรื่องนี้ผมก็คิดว่าไม่ควรเล่าให้อีกฝ่ายฟังจะดีกว่า

ผมอาบน้ำเช็ดตัวจนเสร็จแล้วก็คว้าเสื้อผ้าชุดนอนขายาวขึ้นมาเปลี่ยน พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าพ่อคนตัวโตกำลังนั่งพิงเตียงพลางเปิดดูอัลบัมรูปฆ่าเวลาอยู่ ผมเลยเอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งที่ราวตรงระเบียงก่อนจะเดินกลับไปนั่งลงข้างๆ 

“รื้อมาดูอีกแล้ว มันก็รูปเดิมๆนั่นแหละเป้ ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านมาอยู่หอในกรุงเทพฯผมเลือกรูปถ่ายครอบครัวและรูปตั้งแต่สมัยเด็กจนถึงม.ปลายใส่อัลบัมขนาดเล็กติดกระเป๋ามาด้วย เนื่องจากตัวเองเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ต้องมาอยู่หอคนเดียวแถมญาติที่อยู่ในกรุงเทพฯก็ไม่ใช่ญาติสนิท ผมจึงทุ่มเวลาให้กับการเรียนเต็มที่เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางเวลาที่รู้สึกว้าเหว่ขึ้นมา ดังนั้นนอกจากจะโทรกลับไปหาครอบครัวเป็นระยะๆแล้ว ผมก็ได้อัลบัมรูปนี้ที่เป็นเพื่อนคลายเหงาได้บ้าง แต่ว่าหลังจากที่คบกับเป้แล้วผมก็ไม่ค่อยได้หยิบอัลบัมนี้ออกมาดูเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยมีเวลาอยู่คนเดียวให้ได้เหงานัก  

เป้หันมายิ้มให้แล้วก็ดึงผมไปหอมแก้มทีหนึ่งก่อนจะพลิกอัลบัมดูต่อ “เบื่อทำไม ดูรูปแฟนตัวเองนี่นา แล้วอีกอย่าง วิวตอนเด็กน่ารักจะตายไป”

โชคดีที่เป้ไม่ได้หันมามอง เพราะผมรู้ว่าตัวเองต้องหน้าแดงอยู่แน่ๆ ไม่รู้ว่าเป้รู้บ้างหรือเปล่าว่าถึงแม้เจ้าตัวจะชอบปากหวานใส่ผมบ่อยจนแทบจะเป็นเรื่องปกติ แต่เวลาได้ยินทีไรผมก็ยังรู้สึกประดักประเดิดอยู่ดีนั่นแหละ

ผมมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังยิ้มกับรูปถ่ายในเครื่องแบบสมัยม.ต้นของผมอยู่ แล้วก็คิดถึงคำพูดของดาเมื่อตอนเย็น พลันจู่ๆก็รู้สึกอยากทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยทำขึ้นมา

“เป้”

“หือม์?”

เป้หันมาตามเสียงเรียก ผมเลยหยิบอัลบัมรูปในมืออีกฝ่ายออกก่อนจะคล้องแขนสองข้างรอบคอแกร่งแล้วโน้มใบหน้าคมลงจูบ ผมได้ยินเสียงเป้ครางในคอเหมือนประหลาดใจก่อนที่มือใหญ่ข้างหนึ่งจะเลื่อนมาโอบเอวผมไว้ ขณะที่มืออีกข้างลูบไปตามแผ่นหลังผ่านเสื้อนอนเนื้อบาง ตลอดเวลาที่คบกันมาผมไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มความสัมพันธ์ทางกายก่อนเลยสักครั้ง แต่วันนี้ผมอยากทำให้เป้รู้ว่าผมกำลังโหยหาความอบอุ่นจากอีกฝ่ายมากแค่ไหน

ผมลดมือลงปลดกระดุมเสื้อนอนของตัวเอง พอผละออกเพื่อถอดเสื้อให้พ้นจากตัวก็เห็นว่าเป้กำลังจ้องผมนิ่งอยู่ นัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มอาบไปด้วยปรารถนาจนผมต้องหลบสายตาแล้วพุ่งความสนใจไปที่การปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเป้แทน แต่ยังไม่ทันจะเลื่อนเสื้อออกจากไหล่กว้าง มือใหญ่ก็จับยึดมือผมเอาไว้ก่อนเจ้าตัวจะก้มลงจูบบนหน้าผากเบาๆ

“เป็นอะไรไป วันนี้วิวใจดีจัง”

“...เปล่าสักหน่อย”

ผมดันคนรักที่กำลังพรมจูบไปทั่วหน้าตัวเองออกเบาๆก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวที่ฉายประกายราวสัตว์ป่าที่กำลังออกล่าเหยื่อ เป้ยิ้มมุมปากแบบที่ผมชอบบอกเจ้าตัวว่าทำแบบนี้ทีไรหน้าตาดูเจ้าเล่ห์ทุกที ผมเลยเลื่อนมือสองข้างขึ้นประคองหน้าอีกฝ่ายไว้แล้วจูบที่ปลายจมูกโด่งก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะกล้าพูดมาก่อน

“วันนี้เป้อยู่เฉยๆได้มั้ย ให้วิวนำเอง”

ใบหน้าคมเลิกคิ้ว แต่แล้วก็คลี่ยิ้มให้ก่อนจะดึงมือผมข้างหนึ่งไปจูบ ลิ้นร้อนตวัดเลียที่กลางฝ่ามือจนผมอดสั่นไม่ได้

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ เป้เคยขัดใจวิวด้วยเหรอ”

ผมลุกขึ้นแล้วฉุดเป้ให้นั่งบนเตียงก่อนจะดันคนตัวโตกว่าให้นอนหงายแล้วแหวกเสื้อเชิ้ตขาวออกจนเห็นแผงอกแกร่งถนัดตา ผมไล้ปลายนิ้วไปมาบนกล้ามเนื้อแน่นก่อนจะค่อยๆไล่ต่ำลงจัดการกับเข็มขัดและกางเกงแสล็คสีดำ ความต้องการของเป้เริ่มแสดงเป็นรูปร่างให้เห็นผ่านกางเกงชั้นในเนื้อหนาสีน้ำเงินเข้ม ผมรูดกางเกงนอนของตัวเองลงก่อนจะขยับขึ้นนั่งคร่อมบนส่วนแข็งขืนที่กำลังขยายตัวขึ้นตามแรงสัมผัส

ลมหายใจของคนตัวโตเริ่มหอบถี่เมื่อผมโยกตัวเบาๆ ผมเลยก้มลงจูบริมฝีปากบางขณะที่มือสองข้างก็ลูบไล้ไปทั่วแผงอกที่เรียบลื่นมือ ปลายลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไปมา ผมรู้สึกได้ว่ามืออบอุ่นสองข้างเริ่มเลื่อนต่ำลงไปกดสะโพกผมลงขณะที่เจ้าตัวก็เกร็งร่างกายส่วนล่างให้บดเบียดกลับมาจนผมต้องถอยออกแล้วพยายามทำตาดุใส่

“ไหนว่าจะไม่ขัดใจไง”

เป้หัวเราะเบาๆ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือที่บีบคลึงสะโพกด้านหลังของผมอยู่ “ขอโทษ มันติดนี่นาเลยอดไม่ได้”

ผมค้อนคนพูดก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบหลอดเจลที่เก็บไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียง ท่านั้นเปิดโอกาสให้คนเบื้องล่างฉวยใช้ริมฝีปากอุ่นขบเม้มที่แผ่นอกจนสะดุ้งเฮือก พ่อตัวดียันตัวขึ้นทั้งที่ผมยังนั่งคร่อมตักอยู่แล้วก็แย่งของในมือไปก่อนจะส่งยิ้มให้

“อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิ เดี๋ยวให้วิวนำอยู่แล้วล่ะ แต่ช่วงเตรียมตัวนี่ขอให้เป้ทำเองแล้วกันนะ”

คนตัวโตพูดแล้วก็บีบเจลออกใส่มือโดยไม่รอฟังคำปฏิเสธ ผมเลยต้องยอมอย่างเสียไม่ได้ สัมผัสเย็นๆลื่นๆของปลายนิ้วที่ชุ่มไปด้วยของเหลวหนืดใสซึ่งไล้วนอยู่รอบช่องทางเบื้องล่างทำให้ผมเผลอกอดคออีกฝ่ายแน่น 

นิ้วใหญ่แข็งแรงนิ้วแรกค่อยๆแทรกเข้ามาในกายทีละนิดจนผมต้องกลั้นหายใจ เป้ก้มลงจูบซับที่หัวไหล่ผมก่อนจะค่อยๆไซ้ขึ้นมาที่คอและใบหู มือข้างที่ว่างก็ลูบขึ้นลงบนลำตัวผมเหมือนจะปลอบให้ผ่อนคลาย ไม่นานนิ้วที่สองก็ถูกสอดใส่ตามเข้ามาและไล้วนไปรอบๆช่องทางด้านในเพื่อเตรียมความพร้อมให้ การเคลื่อนไหวของนิ้วมือทั้งสองนั้นทำให้ผมสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้และปลดปล่อยเสียงน่าอายออกมา

“เป้...เป้...อ๊ะ...ฮะ...”

ผมเผลอร้องเสียงหลงเมื่อส่วนอ่อนไหวของตัวเองถูกกลั่นแกล้งจนปวดแปลบไปหมดเพราะอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น ริมฝีปากนุ่มหยุ่นประทับลงบนหน้าผากของผมที่เริ่มมีเหงื่อผุดซึมก่อนที่เป้จะถอนนิ้วออก ความรู้สึกว่างโหวงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ร่างผมกระตุกและหลุดครางเสียงแผ่ว

“จากนี้วิวทำให้เป้นะ”

เสียงทุ้มทว่าแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูก่อนคนพูดจะถอยตัวออกแล้วยันร่างกายส่วนบนไว้ ผิวกายแกร่งเนียนเริ่มเป็นสีเรื่อเพราะความต้องการ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะถอยตัวลงจูบบนหน้าท้องที่เกร็งขึ้นจนเป็นลอนแล้วใช้ริมฝีปากและปลายนิ้วรูดรั้งชั้นในสีเข้มออกจากช่วงขายาว จากนั้นจึงไล้ปลายลิ้นอย่างแผ่วเบาที่ศูนย์รวมความต้องการที่กำลังตื่นตัวของคนตรงหน้าก่อนจะคว้าหลอดเจลที่หล่นอยู่บนเตียงขึ้นบีบชโลมไปยังแก่นกายร้อนผ่าวจนชุ่ม พอเงยหน้าขึ้นมองเป้อีกทีก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังจ้องตรงมา ผมเลยดันร่างอีกฝ่ายให้นอนราบลงขณะที่มือข้างหนึ่งก็เลื่อนไปด้านหลังเพื่อนำทางให้สิ่งที่กำลังจะรุกรานตัวเองผ่านช่องทางที่คับแน่นเข้ามาได้ง่ายขึ้น

เสียงครางของเราสองคนดังขึ้นพร้อมกันเมื่อความต้องการของเป้เริ่มชำแรกผ่านเข้ามาในร่างผม ท่าที่ไม่เคยคุ้นทำให้รู้สึกอึดอัดในแรกเริ่มจนต้องคอยหยุดเป็นระยะ ทว่าไม่กี่ชั่วอึดใจร่างกายของเราก็ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว อุณหภูมิและความแข็งขืนที่กำลังเป็นส่วนหนึ่งในกายทำให้ลมหายใจติดขัด ความร้อนรุ่มทั้งจากภายในและภายนอกจุดเม็ดเหงื่อใสให้ผุดพรายขึ้นตามร่างทั้งที่เครื่องปรับอากาศยังทำงานอยู่

“จะขยับแล้วนะ”

ผมให้สัญญาณเสียงพร่าหลังจากที่เริ่มชินกับความต้องการของคนตัวโตที่อิงแอบอยู่ในร่างของตัวเอง เป้พยักหน้าแล้วก็ช่วยจับเอวผมไว้ก่อนที่ผมจะเริ่มขยับร่างกายตัวเองเป็นจังหวะ เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทที่เริ่มอื้ออึง แต่ถึงผมจะบอกเป้ไว้แล้วว่าผมจะนำ สุดท้ายเรือนร่างแกร่งที่โดนผมครอบครองอยู่ก็เริ่มขยับเองอยู่ดี แต่เพราะความรู้สึกที่เริ่มฉุดรั้งไม่อยู่ผมจึงไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ใครเป็นคนนำและใครเป็นคนตาม เพราะถึงอย่างไรนี่ก็คือท่วงทำนองรักที่เราสองคนบรรเลงร่วมกัน

มือใหญ่รั้งผมลงจูบขณะที่ร่างกายของเราสอดประสานกันอย่างเร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะทนแรงกระตุ้นไม่ไหวจึงเท้าแขนข้างหนึ่งลงบนเตียงขณะที่อีกข้างเลื่อนไปกอบกุมส่วนที่กำลังเรียกร้องการปลดปล่อยเบื้องล่าง ความรู้สึกปั่นป่วนเริ่มแผ่ซ่านจากกึ่งกลางของร่างกายและแล่นพล่านไปถึงปลายนิ้วขณะที่ผมเร่งโหมจังหวะตัวเองมากขึ้น ไม่กี่อึดใจความรู้สึกที่ล่องลอยราวกับถูกคลื่นพายุพัดโหมขึ้นสู่ที่สูงก็ซัดกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงจนผมเกร็งกระตุกไปทั้งร่าง

เป้กดท้ายทอยผมไว้แน่นขณะที่ความต้องการของผมเอ่อทะลักจากพายุอารมณ์ที่กักเก็บไว้ เสียงครางที่หลุดออกมาจึงหายไปกับริมฝีปากร้อนที่ยังคงดูดดุนปลายลิ้นผมอยู่ มือใหญ่เลื่อนลงกดที่สะโพกก่อนเป้จะพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนแทนแล้วกระแทกเอวเข้ามาอย่างรุนแรงจนผมผวาไปทั้งร่าง ผมพยายามฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นสบตากับคนเบื้องบน ใบหน้าคมขบฟันจนกรามขึ้นเป็นสันนูนก่อนที่ร่างแกร่งจะสอดแทรกเข้ามาอีก เป้เกร็งไปทั้งตัวขณะปลดปล่อยหยาดของเหลวอุ่นร้อนให้สาดซัดเข้ามาในร่างผมโดยที่ร่างสูงใหญ่ไม่ได้ชะลอจังหวะลงเลย

พ่อคนตัวโตก้มลงจูบที่แก้มผมแรงๆก่อนจะนอนคร่อมผมเอาไว้ ทั้งห้องมีแต่เสียงครางต่ำๆของเครื่องปรับอากาศกับเสียงหอบหายใจของเราสองคน ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยกันไปแค่ครั้งเดียว แต่คราวนี้ผมเหนื่อยราวกับเราเพิ่งออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงก็ไม่ปาน ผมพยายามควบคุมลมหายใจที่ถี่รัวให้เป็นปกติก่อนจะเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหลังชื้นเหงื่อของคนรักไปมา เป้ผงกหัวขึ้นยิ้มให้ก่อนจะถอนกายออกแล้วจับตัวผมพลิกให้นอนทับตัวเองไว้

ริมฝีปากอุ่นแนบลงบนขมับขณะที่นิ้วมือใหญ่นวดคลึงให้ที่ต้นคอกับท้ายทอยเบาๆ ผมเลยกระชับอ้อมแขนรอบคอเป้แน่นขึ้นก่อนจะซุกตัวเข้ากับแผ่นอกกว้างที่รองรับตัวเองอยู่ รู้สึกว่าร่างกายได้ระบายความตึงเครียดออกไปจนแทบจะหลับไปทั้งอย่างนั้น แต่ผมก็เพียงนอนจ้องผนังห้องแล้วแนบหูฟังเสียงหัวใจของเป้เงียบๆ

“วิว หลับหรือยัง?”

เสียงที่ดังขึ้นใกล้หูทำให้ผมที่เริ่มเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมองคนที่ตอนนี้เป็นกึ่งๆเบาะให้ตัวเองอยู่  “หือ?...ยัง แค่อยู่แบบนี้แล้วสบายดี เป้เมื่อยเหรอ?”

“แค่นี้ไม่เมื่อยหรอก ว่าแต่รู้ตัวมั้ย วิวไม่เคยอ้อนเป้แบบวันนี้มาก่อนเลยนะ”
 
เป้พูดแล้วก็ยิ้มตาเป็นประกาย แต่นั่นกลับทำให้ผมประหม่าขึ้นมา

“แปลกเหรอ? หรือว่าเป้ไม่ชอบให้ทำแบบนี้”

พ่อตัวดียิ่งยิ้มมากขึ้นเมื่อได้ยินคำถามก่อนจะกดจมูกลงบนหน้าผากผม “แฟนอ้อนใครจะไม่ชอบล่ะ ความจริงอยากให้อ้อนบ่อยๆเลยด้วยซ้ำ แต่กลัวว่าเดี๋ยวจะขอมากไป”

คำพูดที่เรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาแต่นัยน์ตาที่มองตรงมาเหมือนจะตอกย้ำคำพูดทำให้อดรู้สึกร้อนที่แก้มไม่ได้ ผมเลยซุกหน้าลงกับไหล่กว้างเหมือนเดิมก่อนจะตัดสินใจถามคำถามที่กวนใจมาตั้งแต่ตอนเย็น

“เป้ เป้เคยคิดว่าวิวน่าเบื่อบ้างหรือเปล่า?”

คราวนี้คนตัวโตดันผมออกแล้วขมวดคิ้วมองหน้าอย่างค้นหา “ทำไมอยู่ๆก็ถามแบบนั้น หรือว่าใครมาพูดอะไรกับวิว?”

“เปล่า แค่สงสัยเพราะว่าเราอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน ถ้าเกิดวันไหนเป้นึกเบื่อขึ้นมา วิวก็อยากจะให้พูดบอกกันมาตรงๆ”

ผมตอบเลี่ยงๆแต่ไม่กล้ามองหน้าคนถาม เป้ถอนหายใจก่อนจะกอดผมแน่นขึ้นแล้วใช้ฝ่ามือใหญ่ลูบหลังไปมา ปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบให้เป้ทำเหมือนผมอ่อนแอเท่าไหร่ แต่วันนี้ผมยอมให้อีกฝ่ายปลอบเหมือนตัวเองเป็นเด็กเล็กๆแต่โดยดี

“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย วิวเป็นแบบนี้แหละดีอยู่แล้ว อีกอย่างเราคบกันมาเป็นปีแล้วนะ มีวันไหนเป้ทำท่าเบื่อให้เห็นหรือไง?”

เป้ถามแล้วก็ถอยออกมองหน้าผม ผมคิดทบทวนตามแล้วก็ส่ายหน้า เป้ไม่เคยแสดงท่าทางแบบนั้นจริงๆนั่นแหละ มีแต่จะยิ่งตรงกันข้ามด้วยซ้ำ จะว่าไปผมเองไม่น่าจะต้องคิดมากเพียงเพราะคำพูดของคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ที่คำพูดนั้นกระทบความรู้สึกขนาดนี้คงเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ผมเองก็เคยคิดอยู่เหมือนกันกระมัง

ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองจนสะดุ้งเมื่อโดนปลายนิ้วมือเชยคางตัวเองขึ้น พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นว่าเป้กำลังยิ้มให้ขณะที่มือที่อยู่บนต้นคอค่อยๆเพิ่มแรงกดให้ก้มลงหา ผมเลยหลับตาก่อนจะคล้องแขนรอบบ่ากว้างไว้ ริมฝีปากเราสัมผัสกันก่อนคนตัวโตจะค่อยๆพลิกร่างผมให้นอนหงาย ถ้าเป็นวันอื่นหลังจากเหนื่อยขนาดนี้ผมคงบ่นไปแล้ว แต่วันนี้ผมไม่นึกอยากปฏิเสธความสุขสมที่อีกฝ่ายต้องการจะมอบให้

“เป้ วิวขออะไรอย่างได้มั้ย?”

ผมสบตากับเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มแล้วกระซิบถามเสียงเบา เป้ไล้ข้อนิ้วบนแก้มผมราวกำลังแตะต้องบางสิ่งที่บอบบางแล้วก็ยิ้มให้

“ครับ ว่าไง”

“คืนนี้ กอดวิวจนถึงเช้าเลยนะ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้น แต่แล้วริมฝีปากบางก็ยิ้มกว้าง อ้อมแขนอบอุ่นรั้งร่างผมเข้าไปแนบชิดก่อนปลายจมูกโด่งจะก้มลงคลอเคลียที่ซอกคอจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงบนผิว


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ สำหรับวิว เป้กอดเท่าไหร่ก็ไม่เคยพออยู่แล้ว”


++------++


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-01-2009 02:12:12
“อ่านหนังสืออีกแล้วเหรอคะพี่วิว ขยันได้ตลอดเลยนะคะ”

เสียงทักทายเสียงเดียวกับวันก่อนและเสียงรองเท้าส้นแหลมกระทบพื้นดังขึ้นใกล้ตัว แม้ผมจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่ก็พอจะรู้ว่าใครเป็นคนทัก ทว่าผมเลือกจะทำเฉยเสียแล้วไล่สายตาไปบนตัวหนังสือตรงหน้าต่อ

ผมรู้สึกว่าดารอให้ผมพูดอะไรด้วย แต่พออีกฝ่ายเห็นผมนิ่งเงียบเลยทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกับผมแล้วยื่นมือเรียวมาปิดทับบนหน้าหนังสือที่กางอยู่ ถ้าหากจะมีวิธีไหนที่เรียกความสนใจผมได้ชะงัดก็เห็นจะเป็นวิธีนี้แหละ อย่างน้อยเป้ก็เคยทำสำเร็จมาแล้วคนนึง เพียงแต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครมาทำแบบนี้ด้วยอีก

ใบหน้าสวยหวานมองผมที่ยอมละสายตาจากหนังสือขึ้นแล้วก็ยิ้มให้ ความที่เรานั่งใกล้กันผมจึงได้กลิ่นน้ำหอมที่อีกฝ่ายใช้ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศจางๆ มันเป็นกลิ่นหอมหวานเหมือนผลไม้ ต่างกับกลิ่นโคโลญจน์เจือบุหรี่ที่ผมคุ้นเคยจากตัวเป้จนรู้สึกเวียนหัวแปลกๆ

“อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิคะ หนังสือเรียนมันก็พูดเรื่องเดียวกับที่อาจารย์บรรยายในห้องไม่ใช่เหรอ อ่านซ้ำไปซ้ำมาน่าเบื่อจะตายไป”

“แต่อ่านซ้ำแล้วมันก็ทำให้ผมจำเนื้อหาดีขึ้น อีกอย่างนี่ก็ใกล้สอบแล้ว น้องดาก็น่าจะเตรียมตัวอ่านหนังสือเหมือนกันนะ”

คนถูกเตือนทำหน้างอง้ำเหมือนไม่พอใจ แต่เรือนร่างสมส่วนกลับเบียดเข้าหามากขึ้นกว่าเดิมจนผมขมวดคิ้ว ความใกล้ชิดที่ไม่ทันได้ตั้งตัวและสัมผัสนุ่มนิ่มของลำแขนเรียวที่ชิดกับแขนผมทำให้จู่ๆก็รู้สึกอยากถอยหนีขึ้นมา

“พี่วิวนี่ทำตัวน่าเบื่อจริงๆด้วย พี่เป้เค้าทนได้ไงน้า... ถ้าเป็นดา ดาคงต้องบังคับพาพี่วิวไปดูหนังหรือทำอย่างอื่นที่มันน่าสนุกกว่านี้แน่ๆ”

ดาใช้ปลายนิ้วตลบเรือนผมที่ยาวจนถึงเอวไปพาดรวมกันที่ไหล่ข้างหนึ่งจนเห็นลำคอระหงได้ชัดแล้วก็ช้อนสายตาขึ้นมองผมยิ้มๆ ใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้ทำให้ผมเอนหลังหนีอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่

“จริงๆนะ ถ้าเกิดดาเป็นพี่เป้ล่ะก็ ดาคงไม่สนใจคนน่าเบื่อแบบพี่วิวหรอก”


“งั้นก็แย่หน่อยนะครับ บังเอิญว่าผมชอบที่คนของผมเป็นแบบนี้ แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคิดแทนให้ด้วย”


“เป้!”

ผมหันไปมองเจ้าของเสียงเข้มๆที่ดังอยู่เหนือหัวด้วยความโล่งใจ จู่ๆก็รู้สึกว่าไออุ่นจากผิวเนื้อที่แนบชิดตัวเองอยู่หายไปเลยหันไปมองดาอีกที แล้วก็พบว่าเจ้าตัวชักสีหน้าไม่พอใจอยู่ เป้ทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งอีกตัวแล้วก็เอามือข้างหนึ่งมากุมมือผมบนโต๊ะไว้ ใบหน้าคมส่งยิ้มให้หญิงสาวรุ่นน้อง แต่จากสัญชาตญาณทำให้ผมรู้ว่าคนตัวโตไม่ได้ส่งรอยยิ้มให้เพราะความรู้สึกเป็นมิตรแน่ๆ

“ผมไม่รู้นะว่าน้องดาคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าจะเป่าหูวิวให้เสียความมั่นใจเพื่อหวังผลล่ะก็ บอกได้เลยว่าเสียเวลาเปล่า”

ผมมองหน้าเป้กับดาสลับกันไปมา ทั้งไม่เข้าใจว่าเป้กำลังจะสื่ออะไร และไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ดาต้องการคืออะไรกันแน่ แต่คนทั้งสองจ้องตากันเหมือนหยั่งเชิงอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่หญิงสาวข้างตัวผมจะเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนแล้วลุกขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ ว่าแต่พี่เป้ก็บอกให้พี่วิวปรับปรุงตัวบ้างนะคะ ถ้ามัวแต่ไร้เดียงสาอยู่อย่างนี้สักวันอาจจะโดนคนอื่นแย่งไปก็ได้”

ท้ายประโยคดาหันมามองผมด้วยสายตาที่ยากจะอ่านความรู้สึกก่อนเจ้าตัวจะหันหลังแล้วเดินออกไป เป้เลยขยับตัวเข้ามานั่งข้างผมทันที

“วิวเป็นไงบ้าง โดนทำอะไรหรือเปล่า?”

คำถามแปลกๆนั่นทำให้ผมอดงงเป็นคำรบสองไม่ได้ “โดนทำอะไร? เป้หมายความว่าไง? แล้วเมื่อกี้ทั้งสองคนพูดอะไรกัน วิวไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

คนตัวโตมองผมแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ “ที่น้องเค้าพูดมาก็ถูกแฮะ ช่างมันเถอะ ว่าแต่ทำไมเค้าถึงเข้ามาคุยกับวิวได้ล่ะ ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ก็ไม่เชิงรู้จักกันหรอก เมื่อวันก่อนตอนนั่งอ่านหนังสืออยู่น้องเค้าเข้ามาบอกว่าเพื่อนเค้าแอบชอบเป้ แต่จากที่ฟังๆมา วิวว่าน้องเค้าเองก็คงจะสนใจเป้เหมือนกัน ไม่งั้นก็ไม่รู้จะเข้ามาพูดกับวิวแบบนั้นทำไม”

เป้มองผมที่ปิดหนังสือแล้วก็เก็บเครื่องเขียนกลับเข้ากระเป๋าเงียบๆ สายตาคมเหม่อมองไปทางทิศที่ดาเดินจากไปเมื่อครู่ก่อนจะพูดเสียงเปรยๆขึ้นมา

“ใช่แน่เหรอ เป้ว่า...คนที่น้องเค้าสนใจจริงๆคือวิวมากกว่านะ”

ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ คนข้างตัวเลยเท้าคางมองผมแล้วก็ยิ้ม “เรื่องน้องแจนที่มาจีบเป้น่ะเป้รู้อยู่แล้ว แล้วก็เคยคุยกับน้องเค้าจบไปแล้วด้วยว่าเป้คบกับวิวอยู่ เพราะงั้นที่เด็กคนเมื่อกี้เข้ามาหาวิวน่าจะเป็นเพราะเค้าอยากจะแย่งวิวไปมากกว่า”

“แย่งวิว? แต่วิวไม่รู้จักน้องเค้ามาก่อนเลยนะ”

บทวิเคราะห์ของเป้ทำให้ผมอดจะแย้งขึ้นมาไม่ได้ เพราะนอกจากเพื่อนในโต๊ะกลุ่มตัวเองกับเพื่อนที่เรียนวิชาเดียวกันแล้ว นอกจากนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้จักใครในคณะเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเป็นรุ่นน้องยิ่งรู้จักน้อยจนแทบจะนับหัวได้ แถมผมเองก็ไม่เคยแม้แต่จะสังเกตเห็นน้องดามาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“คนเราจะชอบใคร บางทีก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักคุ้นเคยกับคนคนนั้นมาก่อนหรอก อย่างเป้กับวิวก็ไม่ได้สนิทกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ สงสัยเค้าจะมองว่าคนเงียบๆแบบวิวดูแล้วท้าทายดีล่ะมั้ง”

ผมยังมองหน้าคนพูดอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ และคำอธิบายนั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าอะไรกระจ่างขึ้นมาแม้สักนิดเดียว มือใหญ่ข้างหนึ่งเลยเลื่อนขึ้นตบบ่าผมเบาๆ

“เลิกคิดมากได้แล้ว เอาเป็นว่าหลังจากนี้น้องเค้าคงไม่มายุ่งกับวิวแล้วล่ะ เดี๋ยวเราเอาของไปเก็บในรถแล้วกลับกันเลยดีกว่า เป้หิวแล้ว”

คนตัวโตว่าแล้วก็ฉุดผมให้ลุกตาม เราเลยพากันเดินไปที่รถของเป้ซึ่งจอดไว้ในลานจอดติดกับหอประชุมใหญ่ แต่ขณะที่กำลังจะเดินผ่านตึกคณะแขนแข็งแรงข้างหนึ่งก็ยื่นมาโอบไหล่ผมไว้ซึ่งปกติเจ้าตัวไม่เคยทำถ้าหากเราอยู่ในที่ที่คนมากๆเพราะรู้ว่าผมไม่ชอบ ผมเงยหน้ามองตามสายตาของคนข้างตัวไปจนสบกับคนที่กำลังมองพวกเราสองคนอยู่จากโต๊ะใต้คณะ พอสายตาประสานเข้ากับผมดาก็รีบหันหน้ากลับทันที

ผมเห็นเป้ยิ้มที่มุมปากก่อนจะรั้งไหล่ผมให้เดินต่อ ถึงแม้ท่าทางของรุ่นน้องสาวจะดูแล้วน่าเห็นใจแต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ พอเรานั่งในรถกันแล้วผมถึงค่อยหันไปหาคนที่เมื่อกี้ทำท่าแสดงความเป็นเจ้าของตัวเองออกนอกหน้าไปเมื่อครู่ก่อน

“เป้ เมื่อกี้หึงเหรอ”

“แหงอยู่แล้วสิ ใครมองวิวหรือมาคุยกับวิวเป้หึงทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกหรือเปล่าก็เท่านั้น”

เป้ตอบเสียงเรียบก่อนจะหันไปถอยรถออกจากลานจอด คำตอบทันควันแบบไม่ต้องคิดนั่นทำเอาผมอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ว่าพวกเราสองคนจะแตกต่างกันแทบทุกอย่างไม่ว่าในด้านความคิดหรือนิสัย แต่คงมีจุดนี้กระมังที่เราเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีวันพูดออกไปตรงๆให้อีกฝ่ายได้ใจหรอก   

“วันนี้กินอะไรดี? วิวอยากไปหาร้านนั่งหรือว่าอยากกลับไปกินแถวหอมากกว่า?”

เป้หันมาถามหลังจากผ่านประตูด้านหน้าออกมาถนนใหญ่แล้ว ผมใช้เวลาคิดไม่นานก็หันกลับไปยิ้มบางๆตอบ

“เดี๋ยววนไปจอดข้างวัดแล้วไปร้านกับข้าวตามสั่งเจ้าเดิมกันดีกว่า วิวอยากกินข้าวต้มกับผัดกุ้ยช่ายขาว”

ผมพูดถึงร้านที่เป้เคยพาผมไปเลี้ยงข้าวครั้งแรกตั้งแต่ก่อนที่เราจะคบกัน ถึงแม้มันจะเป็นแค่ร้านข้างทางที่มีแต่โต๊ะเหล็กพับเก่าๆกับเก้าอี้พลาสติกเลอะๆ ทว่าสำหรับผมร้านนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความทรงจำช่วงที่เราเพิ่งเริ่มทำความรู้จักกัน และอีกอย่างอาหารที่ร้านนั้นก็อร่อยและราคาถูกด้วย ผมไม่ค่อยชอบนักหรอกเวลาเป้พาไปกินแต่ร้านแพงๆเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่โลกของผมยังไงไม่รู้

เป้พยักหน้าแล้วก็หักเลี้ยวพวงมาลัยไปตามทิศที่บอก ผมหันไปมองคนตัวโตที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำตามคำขอของผมเสมอก่อนจะเอนลงพิงไหล่แข็งแรงไว้ พอรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นที่หันมาจูบผมตัวเองก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปขับรถต่อก็หุบยิ้มไม่ได้


เอาเถอะ ปล่อยให้เป้อ้อนผมฝ่ายเดียวมาก็บ่อยแล้ว นานๆที เปลี่ยนตัวเองเป็นคนอ้อนให้แฟนดีใจบ้างก็ดีเหมือนกัน...




++---End เรื่องธรรมดาของคนรักกัน---++









หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 24-01-2009 02:12:59
ู^
^
^

จิ้ม บีบี ก่อนไปนอน

เด๋วพรุ่งนี้มาอ่าน

วันนี้ไม่ไหวแล้ววววววว เหนื่อย เพลียยยยย

ฝันดีน้าาาาาาาา จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 24-01-2009 02:19:10
^
^
^
 :z13: พี่แข ทะลุ bb

แล้วไปอ่าน  :oni1:

*****************

เป้ วิว หวานกันตลอด

วิวอ้อนน่ารัก น่าฟัด อิอิ 

ฝันดีค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 24-01-2009 02:23:07
 :กอด1: กอดรัดฟัดเหวี่ยงพี่บีบี ก่อน

แปะอุ้งเท้าไว้ก่อนด้วยเดี๋ยวพรุ่งนี้ ...หึหึ :interest:

ฝันหวานๆนะค่ะ ตั้งใจนอนด้วยนะ

พยายามเข้ากับงานวันพรุ่งนี้นะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 24-01-2009 02:32:40
หวานสมกะที่รอคอย ไว้มาอ้อนกันบ่อยๆ อีกนะคะ  :m1:


ทีนี้ก้อรอคู่พี่ออฟ น้องนะ ต่อไป  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 24-01-2009 02:33:54
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

เป้ น่าร๊ากกกก ไม่เคยเปลี่ยนเลยน๊าอิๆ

รอน้องนะอยู่นะป้า

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 24-01-2009 03:02:48
คู่นี้หวานน่ารัก  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 24-01-2009 04:55:39
อร๊ายยยย น่าร๊ากกกกกกกกกกกก หว๊านหวานนนนนน  เป้ - วิว  :-[

นานๆวิวอ้อนเป้มั่ง แค่นี้ นายเป้ ก้อตีปีกด้วยความดีใจพรั่บๆแล้ว กรี๊ดๆๆๆ

  วิวนี่ไม่รู้เสน่ห์ตัวเองริงๆเหรอ สงสัย มัวแต่ก้ม อ่านแต่หนังสือ อย่างน้องดา ว่าจริงๆนั่นแล่ะ

เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างมีใครสนใจตัวเองมั่ง อิอิ 

แบบนี้ เป้หึงแย่เลยนะเนี่ย.. :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-01-2009 10:46:52
^
^
^
^

จิ้ม และ+1 ให้ทุกคนข้างบน ก่อนเริ่มทำงานประจำวันเสาร์ (โอ้ชีวิตพนง.กินเงินเดือนมันช่างเศร้า) :o11:


ว่าแต่มีใครอ่านตอนนี้แล้วคิดเหมือนป้ามั่งป่าว ว่าถ้าน้องดาเป็นคนได้เจอวิวก่อน เป้มีสิทธิ์อดแดร๊กเหมือนกันนะเนี่ย น้องเค้าแรง!  :pigha2:  :pigha2:

v
v
v
v

ปล. จิ้ม+ ให้ทุกคนที่มาเม้นต์ต่อข้างล่างด้วยจ้า เพื่อกระจายรายได้อย่างเท่าเทียม (เอ้ย ไม่ใช่ละ มุขเสี่ยวไปมะเนี่ย)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 24-01-2009 10:58:17
สาบานได้ว่า ไม่ได้อยากขัดใจแม่ยกของน้องนะ  
 :laugh:




 :-[ คล้ายกับว่าเราก็จะเป็นหนึ่งในนั้น


อ่านเรื่องของเป้ วิว ก่อนก็ได้ค่ะ คิดถึงสองคนนี้เหมือนกัน ขอบคุณคนแต่งด้วยนะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-01-2009 12:08:30

โอ้
ปรากฎว่าคุณน้องดาเธอจะมาแย่งวิวหรอกเหรอ
 :jul3:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-01-2009 12:55:41
ตอนแรกๆ ที่อ่านไม่คิดว่าเป้ จะอ่อนโยนได้มากขนาดนี้  น่ารักทั้งคู่เลย

ขอบคุณนะคะ


ปล. + คืนให้แล้วนะ จะได้มีพลังทำงานวันเสาร์ (ชะตากรรมรันทดพอกันเลย  :monkeysad:)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 24-01-2009 15:23:13
อร๊ายยยยยย หว๊านหวาน  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 24-01-2009 16:21:05
เฮ้อ อ่านแล้วมีความสุขจัง  โลกเป็นสีชมพูไปหมดเลย

เป้ยังน่ารักเหมือนเดิม อ้อ มากกว่าเดิมอีกแน่ะ  จุ๊บเป้ทีนึง ฐานที่เข้าใจวิวดีที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: StopLove ที่ 24-01-2009 16:37:58
 :-[ :-[

อ่านเเล้วทำให้ สบายใจคล้อยตามไปกับอารมณ์ดีครับ


 :o8: :o8:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-01-2009 23:26:37
คู่นี้ ก็น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-01-2009 09:20:26
อ๊ายยยย
เป้-วิวที่คิดถึง
ธรรมดาของคนรักกันจริงๆ
น่ารักจังวิวอ้อนเป้อ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-01-2009 18:32:04
:mc4:  ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ :mc4:

ใครได้หยุดงานไปเที่ยวก็ขอให้เดินทางปลอดภัย ได้ซองแดงกันถ้วนหน้าค่า

(ส่วนป้า ไม่ได้ไหว้ ไม่ได้เที่ยว เพราะไม่มีเชื้อจีนน่ะคับ เอิ๊ก)  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 25-01-2009 20:34:07
 วิว ก็เร้าใจไม่ใช่เล่นๆ หญิงยังติดเลยอ่ะ  :o8:
ขอให้รินมีความสุขในวันตรุษจีน รวยๆ เฮงๆ ขาวขึ้นๆ เอิ้กๆ   :jul3:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 25-01-2009 22:50:46


"ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้ " รวยๆ เฮงๆ ทุกคนค่ะ


(http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/glitter/chinesenewyear/13-01-2009_06K-1.gif)



* แบมือ ขออังเปา ซองโตๆ อิอิ   o11
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 27-01-2009 14:42:55
อ่านแล้วเลือดสาดไปเลย
 :jul1:
จมกองเลือดตายเพราะเป้กับวิว

น้องดานั่นก็เหลือเกิน เขาไม่ชอบยังจะมา... :angry2: น่า  :z6:มาก

แล้วอย่าลืมกระจาย +1 มามั่งนะป้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 28-01-2009 02:03:45
 :z2: 500 เสร็จเราล่ะ ....หึหึ

อ่านอย่างละเอียดเลยเรื่องนี้พี่บีบี ได้ครึ่งหนึ่งแล้ว

เดี๋ยวจะมาเม้นท์ที่เดียวเลย

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดคนแต่ง จัดมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไปอ่านต่อฟิ้ววววววววววววววววววววว :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-01-2009 09:47:00

^
^
^
501 เลขสวย (ตรงไหน?)   :laugh:

เข้ามาตอนแรกต๊กกะใจที่จู่ๆนิยายหลายเรื่อง(ของตัวเองด้วย)จำนวนหน้าเพิ่มพรวดพราด พี่เรย์เค้า์ลดจำนวนรีพลายต่อหน้านี่เอง เห็นว่าช่วงนี้เซอร์เวอร์โหลดมาก หวังว่าคงไม่ต้องถึงขั้นหาเซอร์เวอร์ใหม่เนาะ

ส่วนตอนต่อไป ไม่เสาร์ก็อาทิตย์นี้แล้วกันนะค้าทุกคน งานหลวงเยอะอะ ซิกๆ  :o12:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 29-01-2009 15:59:35
^
^
^

จ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 29-01-2009 16:19:06
ยังน่ารักกันเหมือนเดิม :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 30-01-2009 01:01:15
 :กอด1:กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดพี่บีบี

ดีเลย...หึหึ กำลังตอนถึงตอนล่าสุดแล้วพรุ่งนี้จบแน่

ตอนใหม่จงมาๆๆๆๆๆๆๆๆ เป้-วิว จงมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z3: :z3:


 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 30-01-2009 08:48:41
แทงป้า จึก :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษเป้-วิว (24/01/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 30-01-2009 09:54:31
ช่วยๆ   :z13:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-02-2009 00:27:49
ตอนที่ 15: เมสเสจก่อนนอน

“ยังไงก็รีบพากันเข้าบ้านมาคุยให้เรียบร้อยก่อนเถอะครับคุณอ้อม ดึกๆแบบนี้ยุงมันชุม”


เสียงลุงพงษ์ร้องบอกมาจากหลังรั้วแล้วก็กอดไหล่คนตัวเล็กที่เหลียวหลังมามองผมอย่างเป็นห่วงพลางหันกลับเข้าบ้าน หลังจากที่ผมเล่าให้ทุกคนฟังว่าแผลบนหน้าผากมาจากอะไรแม่ก็ขอออกมาตรวจความเสียหายของรถ หลังวนเดินดูรอบๆแล้วแม่ก็เงยหน้าขึ้นมองผมแว่บหนึ่ง ตอนแรกผมคิดว่าแม่จะพูดอะไรด้วย แต่กลายเป็นว่าแม่แค่ปั้นหน้าเรียบแล้วเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน ผมเลยรีบฉุดแขนมุ้ยที่เดินออกมาดูรถด้วยไว้ก่อนจะเดินตามแม่ผมไป

“ทำไมแม่เรามาอยู่นี่ได้วะมุ้ย แล้วพ่อของนะด้วย แล้วนี่เค้าคุยอะไรกันไปบ้างรึยัง?”

มุ้ยมองผมแล้วก็ยิ้มแหยๆ “ก็...ชั้นก็ไม่รู้นะว่าวันนี้มันฤกษ์ราหูเข้าดาวเสาร์แทรกหรืออะไร แต่ว่าลุงพงษ์ดันกลับมาจากต่างจังหวัดหลังแกโทรมาบอกว่าตามน้องนะเจอแล้วจี๊ดดดดเดียว ทีนี้อาจารย์เค้าเลยเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้ชั้นก็เป็นห่วงว่าเดี๋ยวแกกลับมาจะโดนลุงพงษ์คาดคั้นเลยโทรให้น้าอ้อมมาอยู่ด้วย อย่างน้อยฝั่งเราก็จะได้นับว่ามีผู้ใหญ่เหมือนกันไง”

มุ้ยอธิบายเสียงอ่อยๆแล้วก็เหลือบมองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่พอได้ยินคำอธิบายแล้วผมกลับรู้สึกเหนื่อยใจมากกว่าโกรธ ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจตรรกกะของเพื่อน แล้วก็รู้ด้วยว่าเพื่อนเป็นห่วง แต่ไม่รู้ว่าพอเป็นแบบนี้แล้วเรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่หรือเปล่าน่ะสิ

ผมถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวเดินตามแม่ไป ยายเพื่อนตัวดีเลยรีบจ้ำตามมายื้อแขนผมไว้แล้วทำเสียงน่าสงสาร “เฮ้ยๆๆ แกอย่าโกรธชั้นนะอ๊อฟ ที่จริงทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็ดีนะ จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไปเลยไง น้าอ้อมน่าจะช่วยพูดให้แกอยู่แล้วแหละ”

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องของเรากับนะทำให้ผู้ใหญ่ลำบากใจกันขนาดนี้”

ผมหมายความตามที่พูดจริงๆ เพราะผมเชื่อว่าการที่เราคบกับใครมันก็เป็นเรื่องของเราสองคน แต่ในเมื่อพวกพ่อแม่รับรู้กันแล้วอย่างนี้ จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ได้

มุ้ยตบบ่าผมอย่างให้กำลังใจก่อนพวกเราจะพากันเข้าไปในบ้าน พอเปิดประตูมุ้งลวดออกก็เห็นว่าลุงพงษ์กับอาจารย์วรรณีนั่งขนาบลูกชายตัวเองอยู่บนโซฟายาวในห้องรับแขก ผมเลยเดินไปนั่งลงข้างๆแม่ที่โซฟาสั้นฝั่งตรงข้าม ส่วนมุ้ยก็นั่งลงที่เก้าอี้เดี่ยวที่ตั้งอยู่ใกล้กัน

ไม่มีใครพูดอะไรก่อนอยู่เป็นนาน ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าสถานการณ์แบบนี้ผมควรเป็นฝ่ายพูดอะไรก่อน หรือว่ารอให้พ่อแม่ของนะพูดก่อนถึงค่อยตอบโต้กันแน่ แต่ผมก็ขยับนั่งตัวตรงโดยสัญชาติญาณทันทีที่เห็นลุงพงษ์อ้าปากทำท่าจะพูด ทว่าเสียงที่ดังขึ้นก่อนกลับเป็นเสียงจากคนข้างตัวซะนี่

“ขอโทษนะคะ ก่อนจะมาว่ากันเรื่องตาอ๊อฟกับน้องนะ ชั้นมีเรื่องต้องคุยกับลูกก่อน”

ผมหันไปมองแม่อย่างงงๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนตีแขนดังเพียะ

“มันน่ามั้ย ฮึ!? มีเรื่องอะไรก็ไม่เคยบอกให้แม่รู้ แล้ววันนี้ยังขับรถประมาทจนเจ็บตัวอีก ใจคอจะให้แม่หัวใจวายให้ได้เลยใช่มั้ย ว่าไงอ๊อฟ!?”

แม่หันมาเอ็ดผมเสียงเขียว ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะโดนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกผมเลยอ้ำๆอึ้งๆ “ไม่ใช่นะแม่ ฟังอ๊อฟก่อนสิ…”

“นี่ดีนะว่าโดนแค่หัวแตก ถ้าหากมันกลับตาลปัตรเป็นรถคว่ำหรือประสานงากับคนอื่นจนเป็นอะไรรุนแรงกว่านี้จะทำยังไง ไม่อยากมาเผาผีแม่แล้วใช่มั้ย ใช่สิ เดี๋ยวนี้โตแล้ว ไม่ต้องพึ่งแม่แล้วนี่ อยากทำอะไรก็ทำ อยากตัดสินใจอะไรเองก็ได้แล้ว แม่คงผิดเอง เลี้ยงลูกมาไม่ดี ลูกมันเลยไม่เห็นหัว”

แม่เล่นใส่เอาๆจนผมเริ่มมึน เพราะปกติแม่ไม่ใช่คนชอบใช้อารมณ์เลยทำให้ไม่รู้จะแทรกยังไง แต่พอได้ยินคำตัดพ้อท้ายประโยคผมก็เงียบต่อไม่ได้

“เฮ้ย! แม่พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ อ๊อฟเคยคิดแบบนั้นที่ไหน ยังไงแม่ก็สำคัญที่สุดสำหรับอ๊อฟอยู่แล้ว”

“จริงด้วยค่ะน้าอ้อม ถึงอ๊อฟมันจะหัวช้าไปบ้าง แต่มุ้ยก็คิดว่าซื่อๆอย่างมันเนรคุณไม่เป็นหรอกค่ะ”

ผมหันกลับไปถลึงตาใส่เพื่อนตัวดีที่ชอบสอดไม่ดูกาลเทศะก่อนจะหันกลับไปกอดไหล่แม่ไว้ อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันดูผิดที่ผิดทางชอบกล ทั้งที่ตอนนี้ผมควรจะโดนลุงพงษ์กับอาจารย์วรรณีซักไซ้ไล่เลียง แต่กลับกลายเป็นว่าผมต้องมานั่งง้อแม่ตัวเองให้ครอบครัวของแฟนดูไปซะฉิบ

“เอ่อ...พี่อ๊อฟไม่ผิดหรอกฮะ นะต่างหากที่จู่ๆก็หายไป พี่อ๊อฟเลยต้องเจ็บตัวเพราะไปตามหา”

พ่อหนูน้อยของผมเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งเงียบมาตั้งแต่ต้น ร่างอวบน้อยๆในอ้อมแขนผมเลยหันกลับไปยิ้มอย่างใจดีให้จนผมตามแทบไม่ทันว่าทำไมแม่ตัวเองถึงเปลี่ยนอารมณ์ได้ฉับพลันทันใจขนาดนั้น

“น้องนะไม่ผิดหรอกลูก อ๊อฟน่ะใจร้อนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แถมมีอะไรก็ชอบเก็บเงียบเอาไว้คนเดียว ถ้าจะโทษว่าใครผิดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุวันนี้...ก็น่าจะลูกแม่คนเดียวนี่ล่ะ”

แม่ว่าแล้วก็หันมาค้อนใส่ ผมเลยกอดไหล่แม่แน่นเข้า “เอ้า! อ๊อฟผิดก็ได้ แม่ก็เลิกโกรธซักทีสิ”

สุดท้ายเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นจากคนที่อาวุโสที่สุดในวงสนทนา ผมอดหันไปมองลุงพงษ์ที่นั่งกอดอกฟังพวกเรามานานไม่ได้ ถึงแม้จะเคยเห็นสามีของอาจารย์ผ่านๆสมัยยังเรียนม.ปลาย แต่ผมก็ไม่เคยได้พูดคุยด้วยมาก่อนเลยไม่รู้ว่าพ่อของนะเป็นคนยังไง

“เอาล่ะ ผมคงต้องขอพูดอะไรบ้างในฐานะที่เป็นพ่อของคู่กรณี ผมยอมรับว่าช็อคพอสมควรที่กลับถึงบ้านปุ๊บก็เจอเซอร์ไพรส์แบบนี้เลย แต่อย่างน้อยเรื่องในวันนี้มานะก็มีส่วนผิด เพราะงั้นผมว่าคุณอ้อมก็ไม่ควรจะโทษลูกคุณอยู่ฝ่ายเดียว หรือมานะจะว่าไง?”

ท้ายประโยคลุงพงษ์หันไปถามคนตัวเล็กที่นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ

“เอาล่ะ ผ่านเรื่องนั้นไปก็มาว่าเรื่องของสองคนนี้กันบ้าง ใช่ว่าผมไม่เข้าใจว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป บ้านเราก็เลี้ยงลูกมาแบบประคบประหงมกันจริงๆ เป็นไปได้ว่าพอมานะไปอยู่กรุงเทพฯคนเดียวเลยเหงา แล้วพอดีว่า...”

ลุงพงษ์ตวัดสายตามาทางผมจนรู้สึกว่าตัวเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ “ชื่ออ๊อฟใช่มั้ยเราน่ะ?”

“ครับ”

“นั่นแหละ คงเพราะมานะเห็นว่าอ๊อฟเป็นรุ่นพี่ตั้งแต่สมัยม.ปลาย ก็เลยทำให้รู้สึกคุ้นเคยและวางใจ ทีนี้ก็เลยหลงเข้าใจว่าความรู้สึกแบบพี่น้องนี่เป็นความรู้สึกแบบอื่น”

ใบหน้าหวานหันขวับไปมองพ่อตัวเอง “ไม่ใช่นะพ่อ! ทำไมชอบเห็นนะคิดอะไรเป็นเด็กๆแบบนั้นอยู่เรื่อยเลยล่ะ”

“น้องนะ ให้พ่อเค้าพูดให้จบก่อนสิลูก”

อาจารย์วรรณีพูดเสียงอ่อนโยนแล้วก็จับมือเล็กข้างหนึ่งไว้ ผมเห็นนะตวัดสายตาขึ้นเหลือบมองแม่ตัวเองแล้วก็ก้มหน้าไม่สบตาจนผมอดเห็นใจอาจารย์ไม่ได้

“ชั้นเข้าใจที่คุณพงษ์พูดมานะคะ เพราะลูกเราก็เข้าไปเรียนในกรุงเทพฯตามลำพังกันทั้งคู่ เด็กๆคงจะเหงา ก็เลยเป็นไปได้ที่จะหลงไปอย่างที่ว่า”

คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับผมทันทีที่แม่พูดจบประโยค ดวงตากลมโตคู่สวยวูบไหวจนผมต้องรีบหันไปแก้ความเข้าใจผิดของคนข้างตัว

“แม่พูดอะไรแบบนั้นล่ะ!  อ๊อฟไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อย”

“ไม่รู้ละ ว่าแต่น้องนะ แม่ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”

แม่โบกมือไม่สนใจผมแล้วก็หันไปหาคนตัวเล็กที่เหลือบตามองผมนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้า

“พูดกันตรงๆ อย่าโกหกนะ อ๊อฟบังคับให้เราไปอยู่ห้องเดียวกันหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าน้องนะต้องลำบากใจมาตลอดก็บอกมาได้เลย แม่จะได้ให้อ๊อฟย้ายออกมา คุณพ่อคุณแม่เค้าจะได้สบายใจกว่าด้วย หรือน้องนะว่าไงลูก?”

ผมถึงกับผงะ นี่แม่เห็นผมเป็นพวกชอบบังคับขู่เข็ญไปแล้วหรือเนี่ย พอหันไปมองพ่อกับแม่ของคนตัวเล็กที่ทำท่าเงียบไปเหมือนเห็นด้วยก็ให้ร้อนใจขึ้นมาทันที แต่นะกลับยิงทะลุกลางปล้องออกมาก่อนผมจะทันอ้าปากเสียอีก

“พี่อ๊อฟไม่ได้บังคับ นะเป็นคนขอย้ายไปอยู่ด้วยเอง”

!!!!????

“ตอนแรกพี่อ๊อฟห้ามแล้ว แต่นะรั้นเอง เพราะงั้นพี่อ๊อฟไม่จำเป็นต้องย้ายออกหรอกฮะ”

พ่อหนูน้อยของผมพูดเสียงนิ่งแต่ไม่ยอมหันมาสบตาจนผมขมวดคิ้ว ก็จริงอยู่ว่าตอนนั้นผมไม่ได้บังคับ (ถึงตอนถามจะรวบรัดแบบไม่ให้ปฏิเสธก็เถอะ) แต่เรื่องที่ว่านะเป็นคนขอมาอยู่ห้องเดียวกันเองนี่ยังไงก็แต่งขึ้นมาชัดๆ

ลุงพงษ์มองหน้าคนข้างตัวแล้วถามอย่างตกใจ “มานะ นี่พูดจริงหรือเปล่า?”

“อื้อ”

“ไม่จริงครับ”

ผมแทรกขึ้นทันที คนตัวเล็กหันมามองผมอย่างขัดใจแต่ผมส่งสายตาปรามไป ยังไงผมก็เป็นลูกผู้ชายพอ กล้าชวนเค้าให้มาอยู่ห้องเดียวกันได้ก็ต้องกล้ายอมรับกับพ่อแม่เค้าสิ จะให้นะโกหกเพื่อปกป้องผมได้ยังไงล่ะ

“ผมชวนนะให้มาอยู่ห้องเดียวกันเอง เพราะว่าอยากให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น และถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากขอให้เป็นอย่างนั้นต่อไปครับ”

ผมตัดสินใจไม่เล่าว่าเพื่อนร่วมคณะของคนตัวเล็กก็มีส่วนทำให้ผมชวนนะมาอยู่ด้วยกัน เพราะกลัวไอ้เชนมันจะมาทำก้อร่อก้อติกกับนะอีกหลังจากมาส่งที่หอเมื่อคืนนั้น แต่ขืนเล่าไปเดี๋ยวจะยิ่งทำให้เรื่องยาวกันเปล่าๆ

“ต่อให้วันนึงข้างหน้า...อะไรๆระหว่างพวกเธอสองคนอาจจะเปลี่ยนไปน่ะเหรอ?”

ผมหันกลับไปหาอาจารย์วรรณีที่เพิ่งยอมพูดด้วยเป็นประโยคแรกตั้งแต่ผมพานะกลับมา ใบหน้าของอาจารย์เรียบสนิทไม่แสดงอารมณ์อะไร ทว่าความแน่วนิ่งของแววตาและน้ำเสียงกลับทำให้ผมรู้สึกว่าอนาคตของเราสองคนขึ้นอยู่กับคำตอบของคำถามนี้อย่างบอกไม่ถูก

“นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ แต่สำหรับตอนนี้ผมตั้งใจว่าจะคอยดูแลนะไปเรื่อยๆ แล้วก็มั่นใจว่าไม่มีใครดูแลน้องได้ดีกว่าผม”

ชั่ววูบหนึ่งผมเห็นประกายบางอย่างในแววตาหลังกรอบแว่นของอาจารย์ เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งหลังจากที่ผมพูดประโยคสุดท้ายออกไปเพราะไม่มีใครปริปากพูดอะไรอีกเลย ห้องทั้งห้องเงียบจนได้ยินเสียงพัดลมคอสูงที่กำลังพัดส่ายไปมาชัดเจน

ลุงพงษ์ถอนหายใจก่อนจะกอดไหล่บางไว้หลวมๆ “พ่อยังยอมรับไม่ได้เท่าไหร่หรอกนะเรื่องที่พวกเราคบกันน่ะ ยังไงมานะก็เป็นลูกชายคนเดียว”

“พ่อ...” นะหันไปหาพ่อตัวเองเหมือนจะแย้ง แต่ลุงพงษ์ยกมือห้ามไว้ซะก่อน

“แต่มานะก็โตแล้ว ถ้าลูกเลือกคบใครแล้วมีความสุขพ่อกับแม่ก็คงห้ามไม่ได้ แล้วพ่อก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบวันนี้อีก เพราะถ้าใครคนใดคนหนึ่งเจ็บตัวหนักกว่านี้พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายคงทนไม่ไหว หรือคุณอ้อมว่าไงครับ?”

ลุงพงษ์หันมาถามแม่ผม ซึ่งแม่ก็พยักหน้าก่อนจะยิ้มให้ “ชั้นเข้าใจคุณพงษ์ค่ะ ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน แต่ในฐานะที่เลี้ยงอ๊อฟมากับมือ ชั้นเชื่อว่าลูกพูดคำไหนคำนั้น แล้วแกก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะชักชวนใครไปทำเรื่องเสียหายแน่นอน ส่วนเรื่องที่ลูกจะคบกับใคร ชั้นก็เห็นว่าเป็นอิสระของเจ้าตัว เราไปห้ามเค้าไม่ได้หรอกค่ะ”

“ผมก็คิดว่าการที่ผู้ใหญ่รับรู้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยถึงจะอยู่ไกลบ้านกันทั้งคู่แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในสายตาพ่อแม่ แม่ล่ะว่าไง?” 

ท้ายประโยคลุงพงษ์หันไปถามอาจารย์ที่วันนี้ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นอะไร อาจารย์เลยยิ้มบางๆตอบ

“พ่อพูดไปหมดแล้วนี่ แม่ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ แม่แค่เป็นห่วงลูกเฉยๆ กลัวว่าวันนึงลูกจะถูกใครทำให้เสียใจ”

“ฮื้อ!  ก็มัวแต่ประคบประหงมอย่างนี้ลูกก็ไม่โตกันพอดีซิ พ่อว่าเรื่องของคนหนุ่มให้เขาตัดสินใจเองเถอะ ถ้าในอนาคตมันจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ถือว่าเพราะเจ้าตัวเค้าเลือกเอง”

คนตัวเล็กหันมองพ่อกับแม่ของตัวเองสลับกันไปมา แล้วสุดท้ายก็หันไปหาลุงพงษ์

“ตกลงว่า...พ่อกับแม่ไม่ว่าเรื่องที่นะคบกับพี่อ๊อฟแล้วนะ?”

“ก็ตราบใดที่พวกเราไม่พากันไปทำเรื่องเสียหายล่ะก็นะ แล้วต่อให้พ่อกับแม่ห้าม มานะจะยอมทำตามหรือไงล่ะ?”

ลุงพงษ์ว่าแล้วก็หัวเราะก่อนจะโอบไหล่คนตัวเล็กที่ทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ ผมเห็นภาพนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ จู่ๆบรรยากาศอึดอัดก็ค่อยๆคลี่คลาย อย่างน้อยตอนนี้ที่บ้านก็ไม่มีปัญหากับการที่พวกเราคบกันแล้ว สิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกตัวเบาอย่างบอกไม่ถูก

ผมเหลือบมองแม่ที่ในที่สุดก็ยอมหันมายิ้มให้สักทีก่อนจะจับมือแม่มาบีบไว้แล้วยิ้มตอบ

“อ๊อฟอย่าลืมขอบคุณมุ้ยเค้าด้วยล่ะ ถ้าไม่ได้เพื่อนเรามาอยู่เป็นเพื่อนครูวันนี้ ตอนนี้เราคงไม่ได้นั่งคุยกันดีๆอย่างนี้หรอกนะ”

อาจารย์วรรณีเอ่ยขึ้น ผมหันไปมองยายตัวดีที่นั่งยิ้มหน้าบานและไม่วายหันมายักคิ้วให้แล้วก็ต้องยิ้มก่อนจะส่ายหน้า ถือว่าติดค้างกันไปอีกดอกแล้วกันคราวนี้ “ครับๆ”

ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นอีกพักใหญ่ แต่ใบหน้าหวานก็ยิ้มให้ผมอย่างมีความสุข และผมคิดว่าหน้าตาตัวเองตอนนี้คงไม่ต่างกันเพราะโดนแม่กระทุ้งเอวเข้าให้เบาๆ

“เอาล่ะ มารบกวนก็นานแล้ว คงต้องขอพาสองคนนี้กลับบ้านก่อนนะคะจะได้พักผ่อนกันเสียที แล้วก็น้องนะ อย่าทำผู้ใหญ่ใจหายใจคว่ำแบบวันนี้อีกนะลูก นี่ถ้าอ๊อฟไม่ไปตามเราจนเจอพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นห่วงมากแน่ๆเลย”

พ่อหนูน้อยของผมยิ้มเขินขณะที่แก้มสองข้างแต้มสีเลือดฝาดขึ้นนิดหน่อย ทั้งสามคนเดินตามมาส่งพวกผมที่หน้ารั้วแล้วอาจารย์ก็ชวนพวกเราให้มาทานข้าวด้วยกันสักวันซึ่งแม่ก็รับคำด้วยความยินดี ผมเห็นนะยืนยุกยิกอยู่ข้างพ่อตัวเอง ใจหนึ่งผมก็อยากเดินเข้าไปหาแล้วกอดร่างเล็กด้วยความโล่งใจที่เราผ่านพ้นปัญหากันไปได้สักที แต่ก็รู้ว่าต่อให้พวกผู้ใหญ่รับรู้แล้วผมก็ไม่ควรทำอะไรรุ่มร่ามอยู่ดี

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวนัดกันอีกทีก่อนพวกเด็กๆกลับกรุงเทพฯแล้วกันนะคะ คืนนี้คงต้องขอเคลียร์เรื่องรถกับพ่อจอมซิ่งคนนี้ก่อน ไป อ๊อฟ มุ้ย กลับบ้าน”

แม่ว่าแล้วก็เดินนำออกไปโดยมีมุ้ยเดินตามไปติดๆ ผมเลยไหว้ลาอาจารย์กับลุงพงษ์ก่อนจะยิ้มให้แฟนตัวเองอีกทีแล้วจึงตามไปขึ้นรถ คราวนี้แม่ขอขับเองเพราะผมเพิ่งเอารถไปโดนเสยมาหมาดๆ

“เฮ้อออออ ค่อยยังชั่ว เมื่อกี้หนูกลัวแทนอ๊อฟเลยแหละน้าอ้อมว่าลุงพงษ์จะว่าอะไรหรือเปล่า น้องนะก็น่ารักซะขนาดนั้น นี่ถ้าเกิดเป็นลูกหนู หนูก็คงหวงเหมือนกัน”

พอขึ้นรถปุ๊บเพื่อนผมก็ทำเสียงโล่งอกขึ้นมาทันทีจนผมอดงึมงำกับตัวเองด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

“จะได้มีเร้อ...ลูกน่ะ หาพ่อของลูกให้เจอก่อนดีกว่ามั้ง”

“ไอ้อ๊อฟ! เมื่อกี้พูดอะไร ได้ยินนะยะ!!”

แม่เหลือบมองกระจกหลังแล้วก็หัวเราะ เพราะผมกับมุ้ยชอบแหย่กันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนเป็นเรื่องปกติ

“น้าก็ว่างั้นแหละ ที่จริงน้าเองก็สงสัยตั้งแต่ตอนเจอน้องนะครั้งแรกแล้วล่ะ แถมอ๊อฟยังอ้ำๆอึ้งๆเหลือเกินตอนถามถึงเรื่องแฟน แต่เห็นว่าเจ้าตัวไม่อยากเล่าน้าเลยไม่ได้คาดคั้น”

ผมหันไปมองแม่อย่างไม่อยากเชื่อหู “อ้าว! งั้นแม่ก็รู้อยู่แล้วเหรอ?”

“แหม ก็แค่คิดเผื่อๆไว้ ตอนมุ้ยโทรมาเล่าให้ฟังแม่เลยไม่ค่อยแปลกใจไง ถือว่าโชคดีไปนะอ๊อฟที่สุดท้ายพ่อแม่น้องเค้ายอมฟังเราน่ะ แม่ก็ไม่ถนัดพูดเกลี้ยกล่อมใครด้วยสิ”

“แล้วแม่ไม่ว่าใช่มั้ย เรื่องของอ๊อฟกับน้อง”

ถึงแม่จะไม่ได้มีท่าทางต่อต้านอะไรแต่ผมก็ยังกังวลอยู่ดีว่าแม่โอเคด้วยจริงๆหรือเปล่า แม่ชำเลืองมองผมแวบหนึ่งก่อนจะยื่นมือมาเขย่าหัวเบาๆ “ความสุขของลูกนี่แม่จะไปว่าอะไรได้ อีกอย่างน้องเค้าก็น่ารัก แม่ถูกชะตาด้วยกว่าแฟนเก่าอ๊อฟเมื่อตอนปีหนึ่งเป็นไหนๆ ยังไงตัวเองออกปากจะดูแลน้องเค้าซะขนาดนั้นแล้วก็รักษาคำพูดด้วยล่ะ ถ้ามีเรื่องแบบวันนี้อีกแม่ไม่ช่วยแล้วนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะน้าอ้อม เดี๋ยวหนูช่วยดูให้ ถ้าเห็นแววจะเกิดเรื่องเมื่อไหร่หนูจะรีบรายงานเลยค่ะ”

มุ้ยว่าแล้วก็แลบลิ้นให้ผมก่อนจะถอยกลับไปนั่งเบาะหลังดีๆเสียที ผมอดส่ายหน้าด้วยความระอาไม่ได้ ถ้ามันจะยุ่งก็เพราะมียายตัวดีนี่มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆนี่แหละ แม้จะอดยอมรับไม่ได้ว่าผมได้เพื่อนคนนี้ช่วยมาหลายครั้งแล้วก็เถอะ

หลังจากกลับถึงบ้านและมุ้ยขับมอร์เตอร์ไซค์ตัวเองออกไปแล้ว แม่ก็ต้มโจ๊กให้แล้วถามผมเรื่องรายละเอียดตอนโดนชนกับเอาเลขทะเบียนรถไป หลังทานโจ๊กเสร็จผมอาสาจะล้างถ้วยกับหม้อให้แต่แม่ไล่ผมขึ้นนอนเพราะเห็นว่าดึกแล้ว

พอเข้าห้องแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าน่าจะโทรหาแฟนตัวเองก่อนนอนเสียหน่อย แต่พอหยิบมือถือออกดูก็ปรากฏว่าแบตหมดสนิทเลยรีบหาสายชาร์จมาเสียบ ปรากฏว่ามีมิสคอลมาจากนะถึงห้าครั้งผมเลยรีบโทรกลับทันที

“ฮัลโหล...ทำไมพี่อ๊อฟโทรกลับช้าจัง?”

เสียงงัวเงียจากปลายสายทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ เพราะปกตินอนด้วยกันทุกคืนผมเลยนึกภาพคนหน้าหวานขยี้ตาด้วยความง่วงได้ชัดเจน

“โทษที พอดีพี่คุยกับแม่เรื่องรถอยู่แล้วพอดีแบตหมดเลยไม่รู้ว่านะโทรมา จะนอนต่อมั้ย? เดี๋ยวพี่โทรมาหาพรุ่งนี้ก็ได้”

“ไม่เป็นไร ไม่ง่วงแล้ว ว่าแต่แผลพี่อ๊อฟเป็นไงบ้าง?”

พอโดนทักปุ๊บก็เหมือนความรู้สึกปวดหนึบๆที่ตรงหางคิ้วจะกลับมาทันที ผมหนีบหูโทรศัพท์กับไหล่ก่อนจะหยิบถุงยาจากโรงพยาบาลขึ้นคุ้ยดูก่อนจะตอบกลับไป “ก็ตึงๆอยู่ แต่ถ้าได้กินยาก็คงดีขึ้นแล้วล่ะ ว่าแต่หลังจากพี่กลับมาพ่อกับแม่ของนะเค้าคุยอะไรต่อหรือเปล่า?”

“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เค้าก็แค่บอกว่าเป็นห่วง แต่นะบอกแล้วว่าพี่อ๊อฟดูแลดี ไม่เคยพาไปทำเรื่องเสียหาย เพราะงั้นไม่ต้องห่วง”

“พอฟังนะพูดอย่างนั้นแล้วเหมือนพี่เป็นพี่ชายเราเลยแฮะ” 

ผมอดแซวไม่ได้ เสียงอีกฝ่ายกลั้นหาวดังมาตามสายเลยยิ่งทำให้ยิ่งหุบยิ้มไม่ได้เข้าไปใหญ่

“พี่อ๊อฟอยากเป็นพี่ชายเฉยๆมั้ยล่ะ” เสียงพ่อหนูน้อยเริ่มงัวเงียขึ้นมาอีกครั้ง สงสัยตอนนี้จะง่วงเต็มที่แล้วแต่ยังไม่อยากวางสาย เผลอๆอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังพูดอะไรอยู่เพราะเวลาง่วงทีไรเป็นแบบนี้ทุกที

“ไม่เอา เป็นพี่ชายเฉยๆก็ทำนู่นทำนี่กับน้องชายไม่ได้สิ”

“ทะลึ่ง...”

แม้น้ำเสียงจะงัวเงียแต่ผมก็นึกภาพออกว่าอีกฝ่ายกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ แล้วก็อดคิดถึงร่างอุ่นๆที่ชอบมานอนซุกอยู่ข้างๆทุกคืนไม่ได้ เฮ้อ พอคิดถึงแล้วก็อยากกอดชะมัดเลย

“นะเสียงง่วงมากแล้วนะครับ คืนนี้นอนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”

“อือ...งั้นพรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวนะโทรหา พี่อ๊อฟอย่าลืมกินยาก่อนนอนด้วยนะ”

“ไม่ลืมครับ ราตรีสวัสดิ์”

ปลายสายกดวางโทรศัพท์ไปแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม ถึงแม้จะเริ่มเพลียเพราะแค่วันนี้วันเดียวก็มีเรื่องราวต่างๆประดังประเดเข้ามาเยอะเหลือเกิน แต่พอมานั่งคิดว่าผลลัพธ์ของวันนี้คืออะไรก็อดยิ้มไม่ได้ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกที แต่คราวนี้เลือกส่งข้อความเฉยๆจะได้ไม่รบกวนคนที่หลับไปแล้ว

“ฝันดีครับคนเก่ง ถึงคืนนี้จะไม่ได้นอนด้วยกัน แต่พี่ก็จะคิดถึงนะทั้งคืนเลยนะ”   


++------++


แฮ่กๆ เอิ๊กส์ ว่าจะเอามาลงวันอาทิตย์แต่ข้ามคืนมาจนได้ (แต่ก็พิมพ์วันอาทิตย์น้า) อ่านตอนนี้แล้วทุกคนที่ช่วยลุ้นพี่อ๊อฟ-น้องนะมาตลอดคงสบายใจกันแล้วเน้อ

นอกเรื่องนิด ตอนนี้วันๆเปิดเว็บหาข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น กะจะไปกับเพื่อนอีกคนแบบไม่ง้อทัวร์ช่วงสงกรานต์น่ะคับ ใครมีทิปอะไรจะแบ่งปันมะ (ได้ข่าวว่ากว่าจะสงกรานต์ก็อีกสองเดือน วีซ่ายังไม่ได้ไปขอเลยแต่อิป้าบอกลางานล่วงหน้าแล้ว ก๊าก)  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 02-02-2009 00:47:20
แล้วก็ผ่านได้ได้ด้วยดี คู่นี้  :o8: ดีใจแทนออฟกะน้องนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 02-02-2009 01:47:22

ค่อยยังชั่วที่เคลียร์ได้

ลป.ป้ามาช่วงต้นๆ เมษาดิ่ ช่วงนั้นซากุระบานพอดี ถ้าช้ากว่านั้นร่วงหมด อดดูนะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 02-02-2009 02:19:08
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

โล่งอกไปทีตอนแรกคิดว่าจะมีปัญหาไรซะอีก

ก็อย่างว่าแหละถ้าอยากให้จบสวยก็ต้องมาอีหรอบนี้กันทุกเรื่องละ

แล้วจะรออ่านต่อนะป้า

พูดแล้วชักอยากไปญี่ปุ่นเหมือนกัน อ่านเรื่องหนึ่งกะออยแล้วชักจะติดใจญี่ปุ่น อิๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 02-02-2009 04:21:49
 
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 02-02-2009 08:05:33
ในที่สุดก็เคลียร์กันได้ อิอิ แมสเสจหวานเจี๊ยบเลย น้องนะคงนอนฝันดีทั้งคืน ^^


มารอลุ้นคู่เป้ - วิว ต่อ  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-02-2009 09:55:18

ค่อยยังชั่วที่เคลียร์ได้

ลป.ป้ามาช่วงต้นๆ เมษาดิ่ ช่วงนั้นซากุระบานพอดี ถ้าช้ากว่านั้นร่วงหมด อดดูนะ



ที่จองไฟลท์ไว้ มันจะบินไปถึงโอซาก้าเช้าวันที่ 9 เมษาอะ แล้วคงตะลุยแถบคันไซก่อนค่อยย้อนเข้าโตเกียวเพราะขากลับบินจากนาริตะ ตอนนั้นซากุระจะยังอยู่ไหมจ๊ะป๋อมแป๋ม  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 02-02-2009 10:04:32
^

^

จิ้ม บีบี ก่อนไปอ่าน

อิจฉา คนจะได้ไปเที่ยวอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 02-02-2009 10:13:54
ลองดู web นี้สิครับ เรื่องท่องเที่ยว http://board.trekkingthai.com/board/search.php?search=nath&search_opt=3&forum_id=2
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 02-02-2009 10:50:59
พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายยอมรับแล้ววววววว  :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 02-02-2009 11:13:35
พ่อแม่เปิดไฟเขียวแล้ว
ดีใจจัง

ปล จะเที่ยวอีกแล้วนะป้า อิจฉาง่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-02-2009 11:21:19
ค่อยโอเคหน่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-02-2009 23:09:12
ค่อยโล่งอกหน่อย ผ่านด่านอรหันต์แล้ว  :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 03-02-2009 03:55:32
ดีจังที่ฟ้าสดใสแล้ว...เย้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 03-02-2009 22:06:59
ดีจาย  o18 มีความสุข
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 04-02-2009 01:28:14
ในที่สุดพ่อแม่ก็ยอมรับแล้ว ดีใจจัง

ชอบเวลาที่คนแต่งเขียนบรรยายถึงน้องนะจังเลย ดูตัวเล็ก น่ารัก น่าเอ็นดูได้อีก

อยากกอดน้องนะด้วยคน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 04-02-2009 02:21:42
และแล้วก้อผ่านพ้นไปด้วยดี   :impress2:

ตอนหน้า จะหวานแล้ว ชิมิเค่อะ โฮ่ะๆ   :z1:  << ( แต่ทำไมไอคอนมัน..?  คิดอาร๊ายย....ย)   
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (2/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 04-02-2009 09:41:11
 :กอด1: กอดดดดดดด พี่บีบี

วุ่นวายสอบย่อย เดี๋ยวสอบเสร็จก่อนเถอะ ฮืออออออออ

คิดถึงเป้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (แว้บมาตอบเม้นต์จ้า 4/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-02-2009 15:44:23
+1 ให้คนอ่านที่น่ารักทุกคน เพราะป้าสามารถ ฮิๆ ส่วนตอนต่อไปจะมาเมื่อเวลาอำนวยนะจ๊า :man1:

ในที่สุดก็เคลียร์กันได้ อิอิ แมสเสจหวานเจี๊ยบเลย น้องนะคงนอนฝันดีทั้งคืน ^^

^
^
หุๆ ^^

ดีจาย  o18 มีความสุข
^
^
ดีใจที่คนอ่านมีความสุขค่า ว่าแต่ไหงมีมีดแถมมาให้ด้วยละนั่น :laugh:


ในที่สุดพ่อแม่ก็ยอมรับแล้ว ดีใจจัง

ชอบเวลาที่คนแต่งเขียนบรรยายถึงน้องนะจังเลย ดูตัวเล็ก น่ารัก น่าเอ็นดูได้อีก

อยากกอดน้องนะด้วยคน  :กอด1:
^
^
อ๊อฟมันตัวใหญ่ค่ะ (180+ cm.) แถมน้ำหนักเยอะกว่าน้องนะอีก 30 กว่ากิโล (อ่านแล้วเหมือนหั่นเนื้อหมูแบ่งขาย) พอเล่าเรื่องจากสายตาของพ่อพระเอกเรา น้องนะที่ตัวเล็กอยู่แล้วเลยยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่ (ความจริงเคยคิดพวก นน. + สส. ของคาแรคเตอร์ไว้เล่นๆเหมือนกัน แต่ปล่อยให้คนอ่านจินตนาการเองดีกว่า)


และแล้วก้อผ่านพ้นไปด้วยดี   :impress2:

ตอนหน้า จะหวานแล้ว ชิมิเค่อะ โฮ่ะๆ   :z1:  << ( แต่ทำไมไอคอนมัน..?  คิดอาร๊ายย....ย)   
^
^
นั่นจิ คิดอาร๊ายย....ย จะคิดตรงกับคนเขียนอ๊ะป่าว กิ๊วๆ รอดูตอนหน้าจ้า

ส่วนใครที่ป้าไม่ได้โควตมาไม่ต้องน้อยใจนะจ๊ะ ประทับใจทุกคอมเม้นต์และจำชื่อได้ทุกคนค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (แว้บมาตอบเม้นต์จ้า 4/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 04-02-2009 15:51:08
ู^

^

อ้าว บีบี

นึกว่ามาต่อ o18


+1 ให้บีบีจ้ะ

แล้วรีบมาต่อโด้ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (แว้บมาตอบเม้นต์จ้า 4/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 05-02-2009 02:16:48
 :-[ พี่บีบีเรื่องที่เขาบอกจะส่งให้อ่ะ
หาเจอแล้วนะ รอบหน้าเจอกันจะเอาให้นะ

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฝากไปให้เป้นะ....คริๆๆ :jul3:

ล้อเล่นกอดพี่บีบีนั้นแหละนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (แว้บมาตอบเม้นต์จ้า 4/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 07-02-2009 01:08:32
 :sad11: นึกว่าจะมาต่อซะอีก

อ่ะ  :กอด1: คนแต่ง 1 ที แล้วเดินออกไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 15 (แว้บมาตอบเม้นต์จ้า 4/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 08-02-2009 01:40:18
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
ได้อ่านแล้วตอน 15 น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้วตอนแรกลุ้นแทบแย่เลยกลัวพ่อน้องนะไม่โอเคด้วย
แต่ว่าตอนอ๊อฟง้อแม่น่ารักมากๆเลยอะชอบบบบบบ
งานยังไม่เสร็จเลยพี่บีบี แต่ว่าแอบแว๊บมาอ่านก่อน
ชอบตอนที่ปกป้องกันและกันด้วยนะ น้องนะน่ารักได้ใจไปเลย
อ๊อฟหวานมากมาย แบบนี้ต้องให้แต๊ปหวานแข่งมั้งล่ะ
ชอบอ๊อฟตอนนึกถึงน้องนะนะมันดูแล้วอิจฉาน้องนะมากมายเลย
เฮ้อออออ ข้อความแบบนั้นถ้าได้บ้างคงบ้าไปเลย นะอ่านแล้วจะหลับได้อยู่ม่ายยยยย

ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ พี่บีบีพยายามเข้านะ

เอาเป้เขามาได้แล้ว คิดถึงเป้ :-[


 :กอด1:กอดพี่บีบีไม่เจอเลยนะ คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-02-2009 14:31:37
เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ: การเริ่มต้นกับคนสุดท้าย


“พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟไปสนิทกับพี่เป้ได้ยังไงเหรอ?”


อยู่ๆนะก็ยิงคำถามขึ้นในบ่ายของวันอาทิตย์ที่เราไม่ได้ออกไปไหนกัน ผมละสายตาจากเสื้อเชิ้ตสีขาวบนที่รองรีดขึ้นสบตากับคนที่นอนคว่ำเอาคางเกยหลังมือตัวเองอยู่บนเตียง หนังสือการ์ตูนจากร้านเช่าที่เพิ่งอ่านจบไปวางกองระเกะระกะอยู่รอบตัว

“ทำไมอยู่ๆก็อยากรู้ขึ้นมาล่ะ?”

ผมนาบเตารีดลงบนเสื้อต่อ ความจริงนะชอบส่งเสื้อผ้าของตัวเองให้ร้านซักรีดจัดการ แต่เพราะผมโดนที่บ้านหัดให้ซักรีดผ้ามาตั้งแต่เด็กเลยติดนิสัยทำทุกอย่างเอง หลังจากที่คนตัวเล็กย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันแล้วผมก็เลยเหมาจัดการเรื่องนี้ให้ด้วยซะเลย

“แค่คิดว่าโลกมันกลมจัง นะเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่อ๊อฟตอนม.ปลาย พอไปเป็นเด็กแลกเปลี่ยนก็เป็นรุ่นน้องพี่เป้ แล้วพอมาเข้ามหา’ลัยก็ดันเจอว่าพี่อ๊อฟสนิทกับพี่เป้อีก”

“จะว่าไปก็จริงแฮะ”

ผมดึงปลั๊กเตารีดออกแล้วแขวนเสื้อเชิ้ตขาวของเราสองคนตามฝั่งที่แบ่งไว้ ฝั่งซ้ายเป็นของผมที่มีแต่เสื้อตัวใหญ่ๆขณะที่ฝั่งขวาเป็นของนะที่เสื้อเล็กกว่าผมหลายไซส์ แต่ตรงกลางเป็นพื้นที่สำหรับแขวนเสื้อยืดลำลองรวมกันเพราะบางทีคนตัวเล็กก็ชอบเอาเสื้อผมไปใส่เล่นเวลาไม่ต้องออกไปข้างนอก

ผมหยิบหนังสือการ์ตูนบนเตียงลงวางบนพื้นแล้วขึ้นไปนอนบ้าง วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่พวกเราไม่ได้ออกไปไหนกันเลยขลุกอยู่ที่ห้องแล้วต่างคนก็ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่าวันธรรมดาแบบนี้ แค่ได้อยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษก็พอแล้ว

นะหยิบหมอนอีกอันมานั่งกอดอยู่ข้างๆแล้วมองผมตาแป๋ว ท่าทางที่กำลังรอให้ผมเล่าเรื่องให้ฟังดูแล้วน่ามันเขี้ยวจนต้องดึงแขนลงมาหอมแก้มแรงๆทีนึง

“อื้อ...อย่าเพิ่งสิพี่อ๊อฟ เล่าให้นะฟังก่อน”

มือเล็กตะปบมือผมที่เริ่มเลื้อยเข้าไปใต้เสื้อยืดแล้วก็ถอยออกทำหน้ามุ่ยใส่ ผมเลยต้องเลิกฟัดไหล่ขาวๆที่โผล่พ้นคอเสื้อยืดตัวโคร่งที่เจ้าตัวยืมไปใส่แต่โดยดี

“เล่าก็ได้ แต่หลังจบแล้วพี่ขอค่าเล่าด้วยนะ”

ผมดึงมือเล็กข้างหนึ่งขึ้นมาหอมก่อนจะยอมถอยมานอนหนุนแขนตัวเอง พ่อหนูน้อยหน้าแดงขึ้นนิดหน่อยก่อนจะดึงไหล่เสื้อขึ้นแล้วเขยิบมานอนเท้าคางอยู่ใกล้ๆ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้สายตาผมเลยอยู่ระดับเดียวกับคอเสื้อที่ย้วยลงจนทำให้เห็นเข้าไปถึงแผ่นอกขาวเนียนข้างใน แล้วอย่างนี้มันจะได้เล่าจนจบไหมล่ะเนี่ย

“เล่าเรื่องตอนพี่เป้จีบพี่วิวด้วยนะว่ามาเป็นแฟนกันได้ไง”

ผมขมวดคิ้ว เรื่องนี้ผมก็ไม่เคยถามรายละเอียดจากเจ้าตัวซะด้วยสิ ถึงจะสนิทกันขนาดไหน เรื่องบางเรื่องผมก็พอจะรู้ว่าไม่ควรละลาบละล้วงเหมือนกันแหละ

“เรื่องว่าพี่สนิทกับเป้ได้ไงน่ะพอเล่าได้ แต่เรื่องวิวกับเป้พี่ก็ไม่ค่อยรู้ ยังไงจะเล่าให้เท่าที่รู้แล้วกัน”

ใบหน้าหวานยิ้มแล้วก็พยักหน้าให้ ผมเลยพยายามนึกย้อนกลับไปยังความทรงจำสมัยที่ยังเรียนอยู่ปีหนึ่งตอนเพิ่งเจอกับเป้ใหม่ๆ



++------++



“เฮ้ย! คนมันไม่ลงตัวว่ะ อ๊อฟ มึงไปหามาอีกคนเลย ขืนทีมไหนได้มึงไปก็ชนะใสเลยสิ”

เพื่อนผมส่งเสียงโวยวายหลังจากพวกเรามารวมตัวกันที่สนามบาสหน้าหอในเย็นวันหนึ่ง แต่เนื่องจากเพื่อนอีกคนที่นัดไว้แล้วโทรมายกเลิกกะทันหัน ตอนนี้พวกเราเลยมีกันแค่ห้าคน ไอ้ครั้นจะแบ่งทีมเล่นสองต่อสามก็กระไรอยู่เพราะมีผมคนเดียวในวงที่เคยเป็นนักกีฬาแชมป์ระดับม.ปลายของจังหวัด ดังนั้นที่เพื่อนโวยก็พอจะมีเหตุผล แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันจะต้องโบ้ยให้ผมเป็นคนไปหาสมาชิกเพิ่มด้วย

“อ้าว ความผิดกูมั้ยเนี่ย ก็ไอ้จิ๊กมันตกลงจะมาแต่ดันต้องไปกินข้าวกับแฟนนี่หว่า งั้นเดี๋ยวกูโทรถามไอ้โก้ก็ได้ว่าว่างรึเปล่า”

ผมเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าที่วางอยู่บนม้านั่ง แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นหน้าคนคุ้นเคยกำลังยืนสูบบุหรี่พลางกดโทรศัพท์มือถือพิงรถตัวเองอยู่ในลานจอดเลยเดินเข้าไปเรียกซะเลย
 
“เฮ้ยเป้ ว่างอยู่ป่าววะ วงบาสกูขาดคนว่ะ มาช่วยเล่นหน่อยดิ”

เป้ละสายตาจากมือถือแล้วก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น คงจะงงเหมือนกันที่จู่ๆก็เห็นผมใส่เสื้อยืดกางเกงบอลเดินมาทัก เพราะถึงแม้ว่าเราจะอยู่โต๊ะกลุ่มเดียวกันที่คณะแต่ก็เคยคุยกันแทบจะนับประโยคได้

“ก็พอมีเวลาอยู่ ถ้าแค่ชั่วโมงเดียวล่ะก็ได้ ขอกูเปลี่ยนรองเท้าแป๊บนึง”

ไอ้เพื่อนหน้าหล่อของผมตอบรับคำชวนง่ายดายจนผมอ้าปากค้าง ตอนแรกผมแค่กะว่าจะลองถามเล่นๆแต่ไม่ได้คิดว่าเจ้าตัวจะตกลง เพราะปกติเป้จะเป็นคนเงียบๆแล้วก็เหมือนมีรัศมีความเป็นลูกคนรวยจับตลอดเวลาจนผมนึกว่าหมอนี่คงเป็นหนุ่มเจ้าสำอางประเภทที่ทำอย่างอื่นนอกจากมาเรียน กินข้าวแล้วก็ขับรถไม่เป็นซะอีก

เป้ดีดก้นบุหรี่ทิ้งก่อนจะพับแขนเสื้อแล้วเดินไปหยิบรองเท้าผ้าใบจากท้ายรถขึ้นเปลี่ยนแทนรองเท้าหนังสีดำ พอปิดฝากระโปรงรถแล้วเจ้าตัวก็หันมาสบตากับผมก่อนจะยิ้มขำ

“ทำไมทำหน้าเอ๋อยังงั้นวะ มึงมาชวนกูเล่นบาสไม่ใช่รึไง นำไปสิ”

“อ้อ…เออๆ เพื่อนกูรออยู่โน่นแน่ะ”

ผมชี้นิ้วโป้งไปทางสนามก่อนจะพาเป้ไปแนะนำกับเพื่อนๆที่เล่นบาสด้วยกันประจำ ซึ่งทั้งวงอยู่หอเดียวกับผมหมดแต่ไม่มีใครอยู่คณะเดียวกับพวกเราเลยสักคน พอแนะนำตัวกันเสร็จเจ้าพวกที่เหลือก็จัดแจงให้ผมกับเป้แยกฝั่งกันด้วยเหตุผลง่ายๆว่าแต่ละทีมจะได้มีคนที่ตัวสูงที่สุดฝ่ายละคนซึ่งเจ้าตัวก็ไม่มีปัญหา

หลังเริ่มเกมได้ไม่นานเป้ก็ทำให้ผมแปลกใจในทักษะการเล่นบาสที่เก่งเกินคาด ขนาดผมเคยเป็นตัวทำคะแนนให้ทีมของโรงเรียนมาก่อนยังโดนแย่งตัดลูกไปหลายครั้งจนต้องโหมเล่นเต็มที่ชนิดที่ไม่ได้เล่นมานาน ผมกับเป้ผลัดกันแย่งลูกทำคะแนนจนข้างๆสนามเริ่มมีคนสนใจมาหยุดยืนดูพลางส่งเสียงเชียร์กันเซ็งแซ่ไปหมด

สุดท้ายก่อนจะหมดเวลาและทีมผมยังเป็นรองอยู่ ผมก็อาศัยจังหวะที่เป้ผ่านบอลให้เพื่อนอีกคนตัดลูกมาชู้ตทำสามคะแนนได้อย่างเฉียดฉิว ทีมผมเลยชนะไปด้วยสกอร์มากกว่าเพียงหนึ่งแต้ม

“เล่นดีนี่หว่าเป้ เคยเป็นนักกีฬามาก่อนหรือเปล่าวะ”

ผมยกชายเสื้อตัวเองขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าแล้วยื่นขวดน้ำให้เพื่อนหลังเรานั่งพักกันที่ม้านั่งข้างสนาม เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีของเป้ชุ่มเหงื่อจนเปียกไปทั้งตัว มือใหญ่รับน้ำไปดื่มหน่อยหนึ่งก่อนจะยกขึ้นราดหัวแล้วก็สะบัดจนฝอยน้ำเล็กๆแตกกระจาย ไอ้ท่าทางห่ามๆแบบนี้ก็ดูแปลกตาจากอิมเมจลูกคุณหนูที่ผมเคยคิดไว้เหมือนกัน

“ถ้าหมายถึงว่าเป็นนักกีฬาบาสล่ะก็ไม่เคยว่ะ เพราะจริงๆแล้วกูเล่นยูโด บาสนี่เล่นเฉพาะในชั่วโมงพละ”

“เหรอ...น่าเสียดายแทนทีมโรงเรียนมึงนะเนี่ย”

ผมรับขวดน้ำคืนแล้วก็ยกขึ้นดื่มบ้าง เป้เสยผมชื้นเหงื่อของตัวเองยิ้มๆก่อนจะเหลือบตาดูนาฬิกาแล้วก็ลุกขึ้น “ขอบใจนะที่ชวนกูเล่นบาสวันนี้ พอดีกูต้องกลับแล้ว ยังไงเจอกันที่ห้องบรรยายพรุ่งนี้แล้วกัน”

เป้ตบบ่าผมแล้วก็เดินออกไป ผมมองตามแผ่นหลังของเพื่อนแล้วก็สะดุ้งเมื่อโดนตบไหล่ป้าบเข้าจากเพื่อนที่เล่นบาสด้วยกันเมื่อครู่

“เพื่อนมึงก็เอาเรื่องนี่หว่าอ๊อฟ กูเห็นตอนแรกนึกว่าจะเป็นคุณชายมาจากไหน ที่ไหนได้แม่งสูสีกับมึงเลย”

“เออ กูก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าเพื่อนกูเก่งกีฬา ปกติเวลาอยู่ที่คณะพวกกูไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่หรอก”

เพื่อนผมหันไปทางเป้ที่ขับรถออกจากลานจอดไปแล้วก่อนจะหันกลับมามองผมอย่างประหลาดใจ

“จริงเด้ะ เห็นมึงชวนแล้วมาง่ายๆกูก็นึกว่าพวกมึงสนิทกันซะอีก”

ผมยักไหล่เพราะยังไงก็มองไม่ออกว่าผมจะสนิทกับเป้ได้ยังไง แต่ถ้ามาคิดให้ดีๆ การที่ผมกล้าเข้าไปทักเป้วันนั้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นก้าวแรกก็ได้กระมัง
 


++------++



“ไงเป้ วันนี้มาเช้านี่หว่า”

ผมวางกระเป๋าแล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างเพื่อนในห้องประชุมใหญ่ที่นักศึกษาปีหนึ่งต้องเรียนวิชาพื้นฐานด้วยกัน ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าหลังจากวันที่ผมชวนเป้เล่นบาสเป็นต้นมาพวกเราก็คุยกันบ่อยขึ้น บางเย็นเป้ก็ตามมาเล่นบาสด้วยถ้าไม่รีบกลับ พอเริ่มคุ้นเคยกันผมจึงได้รู้ว่าการที่เจ้าตัวดูเงียบๆก็เพราะปกติเป็นคนไม่ค่อยพูดมากอยู่แล้ว และในความจริงเป้ก็มีบางมุมที่ค่อนข้างติดดินและเข้ากับคนอื่นได้ง่ายกว่าที่เคยคิดทีเดียว

“พอดีตื่นเช้าว่ะ ขี้เกียจนอนต่อเลยรีบมา ดีซะอีกมาเช้าๆหาที่จอดรถง่าย”

“เออจริง”

พอใกล้เวลาเริ่มบรรยายนักศึกษาคนอื่นๆก็ทยอยเข้ามาในห้องมากขึ้น แต่ผมก็เห็นว่าสายตาของเป้ยังจ้องไปที่ที่นั่งแถวหน้าสุดที่มีคนนั่งอยู่สองคน ปกติคนที่หัวพอใช้ได้อย่างผมไม่ใช่คนขวนขวายเรื่องเรียนอะไรนัก ดังนั้นเวลาได้เห็นคนที่ขยันแบบนั้นก็จะรู้สึกชื่นชมปนเกรงๆ เพราะถ้าหากไม่ตั้งใจอยากฟังเลคเชอร์มากจริงๆคงไม่ค่อยมีใครไปนั่งแถวหน้าสุดทั้งที่ยังมีที่นั่งแถวอื่นว่างอยู่หรอก

“มึงมองคนไหนอยู่วะเป้ กูเห็นมึงจ้องอยู่นานแล้วนะ”

ผมอดถามไม่ได้ เพราะสองคนที่เห็นแม้ว่าจะอยู่ในระยะไกลแต่ก็ดูออกว่าเป็นผู้ชายแม้ว่าจะรูปร่างผอมบางทั้งคู่ คนหนึ่งโกรกผมสีน้ำตาลอ่อนเซ็ทไว้เป็นทรงแบบที่กำลังฮิตขณะที่อีกคนผมสีดำระต้นคอธรรมดา

“หือ? เปล่า แค่คิดว่าน่าสนใจดี กูไม่ค่อยเห็นคนขยันแบบนั้นเท่าไหร่”

เป้เอนหลังพิงเก้าอี้พลางเท้าคางลงบนมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ควงปากกาเล่นไปด้วย แต่ผมก็พอจะรู้ว่าเพื่อนเลี่ยงไม่ตอบคำถามผมตรงๆ

“กูก็ว่างั้นแหละ ไม่เหมือนมึงนะ มาซะเช้าแต่ดันนั่งซะแถวหลังสุดเชียว”

เป้หัวเราะในคอ ความจริงแล้วเพื่อนผมเป็นคนหัวดีทีเดียวเพราะผมเคยถามถึงคะแนนตอนเอ็นท์ แถมพอรู้ว่าเป้เลือกที่นี่เป็นอันดับแรกผมเลยยิ่งสงสัยว่าด้วยคะแนนขนาดนั้นทำไมเจ้าตัวถึงไม่เลือกมหาวิทยาลัยอีกแห่งที่ใครๆก็อยากเข้า แต่คำตอบที่ได้ก็สมเป็นเจ้าตัวจนผมต้องยอมยกให้ว่าเพื่อนผมมันก็หยิ่งใช่เล่นเหมือนกัน


‘ไม่ล่ะว่ะ ทั้งพ่อแม่ทั้งพี่ๆกูก็เด็กรั้วนั้นกันหมด กูไม่อยากได้ยินใครทักว่าเป็นพวกลูกไม้ใต้ต้น’


เสียงโทรศัพท์มือถือของเป้ส่งสัญญาณว่ามีเมสเสจเข้า เป้เลยหยิบออกมาเปิดดูแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนจะพิมพ์ข้อความกลับแล้วปิดเครื่องเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ ใบหน้าที่ฉายแววหงุดหงิดหน่อยๆทำให้ผมนึกสงสัยว่าใครส่งข้อความอะไรมาแต่ก็ไม่อยากถาม

“ขอโทษนะ เรานั่งตรงนี้ได้มั้ย?”

ผมหันไปตามเสียง แล้วก็เห็นว่าคนถามเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก นัยน์ตาสองข้างเรียวรีแต่ไม่ถึงกับหมวยจ๋า ผมดัดเป็นลอนเคลียไหล่ถูกคาดด้วยที่คาดผมลูกไม้สีชมพูอ่อน เจ้าตัวบุ้ยคางไปตรงที่ว่างข้างตัวผม ผมเลยพยักหน้าให้

“อือ นั่งสิ”

“หวัดดีจ้ะเป้”

เด็กสาวทรุดตัวลงนั่งแล้วก็เอ่ยทักเพื่อนผมที่ยังนั่งเงียบอยู่ แต่เป้เพียงชำเลืองมองแวบหนึ่งแล้วก็ส่งเสียงรับรู้ในคอก่อนจะเบนสายตากลับไปที่เดิมจนผู้มาใหม่หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง ผมเลยรีบชวนคุยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

“หวัดดี เพื่อนเป้เหรอ?”

“ก็นะ เราชื่อทราย เธอล่ะ” ทรายดูสีหน้าดีขึ้นเมื่อผมหันไปชวนคุย น้ำเสียงเล็กใสฟังแล้วรื่นหูอย่างบอกไม่ถูก

“อ๊อฟ เราอยู่โต๊ะกลุ่มเดียวกับเป้น่ะ”

“เหรอจ๊ะ”

เราไม่ทันได้คุยอะไรกันต่ออาจารย์ก็เดินขึ้นแท่นบรรยาย พวกเราจึงเริ่มสนใจฟังเลคเชอร์โดยที่ทรายคอยหันมาถามผมเป็นระยะเพราะฟังไม่ทันหรืออ่านสไลด์ไม่ชัดบ้าง ความจริงผมก็ใช่ว่าจะหัวดีอะไรแต่ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ บางครั้งที่ผมเหลือบไปทางเป้ก็เห็นเจ้าตัวชำเลืองมองผมแล้วยิ้มมุมปากจนผมต้องทำปากขมุบขมิบใส่

หลังจากการบรรยายภาคเช้าที่สุดแสนจะชวนให้ฟุบหลับจบลงพวกเราก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก พอทรายเก็บสมุดโน้ตกับเครื่องเขียนลงแฟ้มพลาสติกเรียบร้อยแล้วก็หันมาหาผมกับเป้

“หิวจัง ทั้งสองคนไปทานข้าวด้วยกันมั้ย”

ผมหันไปสบตากับเป้โดยอัตโนมัติ แต่เพื่อนตัวดีตบบ่าผมแล้วก็ลุกขึ้นก่อน

“ทรายไปกับอ๊อฟมันแล้วกัน พอดีเราไม่ว่าง โชคดีนะเว่ยอ๊อฟ”

เป้ว่าแล้วก็เดินออกไปโดยไม่รอ พอผมหันกลับไปหาทรายก็พบว่าผิวแก้มเนียนสองข้างเรื่อขึ้นเป็นสีชมพู ผมเลยเริ่มจะรู้สึกเขินๆตาม

“เอ่อ งั้นพวกเราไปโรงอาหารกันเลยดีกว่ามั้ย เดี๋ยวคนจะเยอะ”


++------++

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-02-2009 14:33:00
หลังจากทานข้าวด้วยกันวันนั้นความสัมพันธ์ของผมกับทรายก็เริ่มก้าวหน้าทำให้ผมกับเป้เริ่มห่างกันไป ด้วยความที่ทรายมีความเป็นผู้หญิงในตัวสูง ชอบอะไรน่ารักๆแล้วก็ช่างเอาใจ ผมที่ไม่เคยคบใครเป็นแฟนจริงจังมาก่อนจึงหลงเจ้าหล่อนจนบางครั้งยอมโดดเรียนไปเป็นเพื่อนเดินช้อปปิ้งดูหนังหรือทำเรื่องอื่นที่เจ้าตัวอยากทำอยู่บ่อยๆ

ทว่าอาจเพราะเราต่างคนต่างยังใหม่ต่อกัน ช่วงแรกที่คบกันไม่ว่าทรายจะเอาแต่ใจหรือเรียกร้องในเรื่องที่ฝืนใจยังไงผมจึงไม่เคยขัด แต่เมื่อต้องฝืนใจบ่อยๆเข้าผมก็เริ่มจะตระหนักว่าอะไรบางอย่างที่ทรายเป็นและต้องการไม่สอดคล้องกับตัวตนของผม และผมเองก็ไม่ได้รักเธอถึงขนาดจะยอมเปลี่ยนตัวเอง จากท่าทีที่เริ่มเปลี่ยนไปของผมคงทำให้ทรายรู้ตัวบ้างเหมือนกัน หลังจากเข้าเทอมสองพวกเราจึงยิ่งคุยกันน้อยลงและไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยเหมือนแต่ก่อนจนคนรอบข้างรู้สึก

เมื่อผมกับทรายเริ่มห่างเหินกันมากขึ้นผมก็เริ่มแวะเวียนกลับไปเล่นบาสกับเพื่อนๆที่หอเหมือนเดิม แต่พอเข้าฤดูสอบปลายภาคซึ่งเป็นฤดูรายงานด้วยผมก็วุ่นจนหัวปั่น ไหนจะยังมีเรื่องต้องหาหอใหม่หลังจากที่ย้ายวิทยาเขตเข้าไปในเมืองตอนปีสองอีก ช่วงนี้ผมจึงเริ่มกลับมาสนิทกับเป้อีกครั้งเพราะเราต้องทำงานกลุ่มด้วยกัน บางทีเป้ก็แวะมาอ่านหนังสือที่ห้องผมจนเกือบถึงเวลาปิดหอด้วยเหตุผลว่าบรรยากาศเงียบสงบกว่าที่บ้านซึ่งมีคนในครอบครัวอยู่กันเต็มไปหมด

วันหนึ่งหลังจากที่พวกเราเอารายงานไปส่งอาจารย์เสร็จเป้ก็ชวนผมไปกินข้าวที่ร้านดังแห่งหนึ่งนอกมหาวิทยาลัย แต่ขณะที่พวกเรากำลังจะเดินเลี้ยวมุมตึกก็สวนกับเด็กหนุ่มซึ่งวิ่งมาชนเป้เข้าเต็มแรงแต่ดีว่าเพื่อนผมคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ได้ทันก่อนจะล้ม

“ขอโทษ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“อ๊ะ! ไม่ ไม่เป็นไร”

คนถูกชนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนผมแล้วก็หน้าแดงเรื่อพลางเอ่ยตะกุกตะกัก ดูแล้วท่าทางน่าจะเป็นเด็กปีหนึ่งเหมือนกัน รูปร่างผอมบางกับผมสีน้ำตาลอ่อนดูคุ้นตาจนสะกิดใจผมอย่างบอกไม่ถูก

“โอ๊ค! บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ไม่เป็นอะไรนะ?”

“ไม่เป็นไรหรอกวิว พอดีเป้ช่วยจับไว้ก่อน”

ผมขมวดคิ้วแล้วก็หันไปมองคนข้างตัว เพราะเด็กคนนี้พูดเหมือนรู้จักเพื่อนผม ซึ่งความจริงก็อาจไม่แปลกอะไรถ้าเป็นเด็กคณะเดียวกันเพราะเป้เป็นที่สนใจของใครๆอยู่แล้ว แต่สายตาของคนข้างตัวผมกลับมองผ่านคนที่ตัวเองจับแขนไว้ไปยังเด็กหนุ่มอีกคนที่เพิ่งเดินตามเข้ามาพร้อมกับทำสีหน้ายุ่งๆ

“ดีนะที่ไม่ล้มก้นจ้ำเบ้าไป ยังไงขอโทษด้วย แต่ปล่อยแขนเพื่อนผมได้แล้ว”

“อ้อ โทษที คราวหน้าเดินระวังหน่อยแล้วกัน”

ผมเห็นเด็กคนที่วิ่งมาชนเป้ทำตาละห้อยนิดหน่อยเมื่อแขนตัวเองเป็นอิสระ แถมพอทั้งสองคนเดินห่างไปแล้วเด็กคนนั้นก็ยังหันกลับมามองเพื่อนผมเป็นระยะ แต่ผมค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนที่สายตาของเป้จับจ้องอยู่คือเพื่อนของเจ้าตัวที่ไม่ได้หันกลับมา พอได้เห็นแผ่นหลังของทั้งสองจากระยะไกลผมเลยนึกขึ้นได้ว่าสองคนนั้นคือคู่ที่มักนั่งอยู่แถวหน้าสุดในห้องบรรยายที่เป้ชอบมองบ่อยๆ

“มึงสนใจเด็กนั่นเหรอวะ?”

เป้ชำเลืองมองผมแวบหนึ่งแล้วก็ยิ้ม

“มึงพูดถึงเด็กที่ไหนล่ะ เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะมึง”

“ก็กูเห็นมึงมองเค้าอยู่เต็มสองลูกกะตาเนี่ย ทำไมไม่เข้าไปคุยด้วยซะเลยล่ะ ใช่คนเดียวกับที่มึงชอบมองในห้องบรรยายไม่ใช่รึไง?”

สายตาคมใต้คิ้วเข้มมองกลับไปยังทางที่สองคนนั้นเดินจากไปอีกครั้ง แต่แล้วเป้ก็ส่ายหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินนำผมไปทางลานจอดรถ

“ไม่ล่ะ กูยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับใครตอนนี้”

……………!!??

เหมือนเป้จะเพิ่งรู้สึกว่าผมยังยืนอยู่ที่เดิมหลังเดินไปได้สักระยะเลยหันกลับมา พอเห็นสีหน้าผมพ่อคุณชายก็ยิ้มขำ

“มึงนี่ชอบทำหน้าเหมือนคนคันปากแต่ไม่อยากพูดอยู่เรื่อยเลยนะ ถ้ามีอะไรจะถามก็ว่ามา”

“เดี๋ยวนะ ที่มึงพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง?”

พอโดนทักผมเลยสาวเท้าเข้าไปหาคนที่ยืนรออยู่ เป้กอดอกแล้วก็หันมองไปอีกทาง

“ไม่มีอะไร กูแค่เพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่ม.4 ตอนนี้เลยยังไม่พร้อมจะมีคนใหม่ เคลียร์รึยัง?”

ท้ายประโยคเป้หันมาถามผม แต่มันช่างดูเป็นคำตอบที่รวบรัดตัดตอนได้สมกับความเป็นคนไม่ช่างพูดจนผมเผลอยกมือขึ้นเกาต้นคอ เพราะการมาเค้นถามอะไรเอาหลังจากเรื่องจบไปแล้วแบบนี้มันเหมือนที่ผ่านมาผมไม่สนใจความเป็นไปของเพื่อนเลยนี่นา

“เอ่อ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นมึงพามาโชว์ตัวมั่งเลยวะ กูนึกว่าที่มึงไม่ควงใครซักทีนี่เพราะยังไม่เจอคนถูกใจซะอีก”

เป้ขมวดคิ้ว แต่แล้วก็เดินนำไปที่ลานจอดรถเหมือนเดิมผมเลยรีบเดินตาม

“พอดีเค้าทำงานแล้วเลยไม่ค่อยว่าง อีกอย่างก็คงไม่ค่อยอยากให้ใครรู้จักมากนักเพราะตั้งใจจะเลิกกับกูอยู่แล้ว กูเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องเล่าให้ใครฟัง”

ผมชำเลืองมองเพื่อนที่หยิบพวงกุญแจออกมากดรีโมทเปิดล็อกประตูด้วยท่าทางราวกับกำลังเล่าว่าวันหยุดที่แล้วไปเที่ยวไหนมา แล้วก็ให้รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเจ้าตัวถึงพูดเรื่องนี้ได้ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เพราะถ้าคำนวณตามเวลาที่บอกก็เท่ากับว่าเป้คบแฟนคนนี้มาเกือบจะสี่ปีซึ่งไม่ใช่เวลาสั้นๆเลย

“ที่ว่าทำงานแล้ว งั้นเค้าก็อายุมากกว่าน่ะสิ”

ผมก้าวเข้าไปนั่งตรงที่ข้างคนขับแล้วก็คว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาด เป้สตาร์ทรถก่อนจะไขกระจกหน้าต่างลงแล้วควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ

“ก็เจ็ดปี พอดีเค้าเป็นเพื่อนพี่สาวตั้งแต่สมัยเรียนคอนแวนต์ จะว่าไปเราก็เริ่มห่างกันมาก่อนหน้านี้นานแล้วล่ะ นี่ก็เพิ่งได้ยินมาว่าเค้ากำลังวางแผนแต่งงานกับผู้ชายที่พ่อแม่ดูไว้ให้อยู่”

“นี่มันศตวรรษไหนกันแล้ววะ ยังมีจับคลุมถุงชนอยู่อีกเหรอมึง อีกอย่างถ้าเค้าอายุแค่ 26-27 ก็ยังไม่เห็นต้องรีบแต่งงานเลยนี่”

ผมฟังเป้เล่าแล้วก็ให้นึกฉุนขึ้นมา เพราะอย่างนี้มันก็ไม่ต่างกับว่าเพื่อนผมเป็นฝ่ายถูกทิ้งเลยน่ะสิ

“เค้าก็คงมีเหตุผลของเค้าที่จะทำตามที่ทางบ้านขอนั่นล่ะ กูก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรหรอก ออกจะโล่งด้วยซ้ำที่ได้คุยกันให้รู้เรื่องก่อนจะจบกันไป แต่เพราะอย่างนี้กูเลยอยากอยู่คนเดียวไปสักพักก่อน”

ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเป้ที่มองตรงไปข้างหน้า ไม่มีความเศร้าโศกขุ่นเคืองไม่ว่าจะในแววตาหรือน้ำเสียง ผมเคยคิดตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่าทำไมหมอนี่ถึงได้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าผมนักทั้งที่เรียนปีเดียวกัน แต่สงสัยว่าการที่เจ้าตัวเคยคบกับคนอายุมากกว่ามาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นจะเป็นคำตอบกระมัง

“อืม กูเข้าใจ แล้วมึงคิดว่าต้องอีกนานแค่ไหนกว่ามึงจะพร้อมมีคนใหม่”

เป้ขมวดคิ้วแล้วก็ปรายตามองผมแวบหนึ่งก่อนจะเบนสายตากลับไปมองถนนเหมือนเดิม

“เวลาเกือบสี่ปีมันไม่ใช่น้อยๆว่ะ กูไม่ได้อยากปิดตัวเองหรอกนะ ถ้าเกิดมีใครเข้ามาช่วงที่กูทำใจได้แล้วกูก็คงจะลองเริ่มต้นใหม่กับเค้าดู แต่มันคงไม่ใช่เร็วๆนี้”

ผมหวนนึกถึงสายตาของเป้ตอนมองเด็กที่เจอเมื่อช่วงบ่ายแล้วก็คิดว่าเพื่อนอาจจะทำใจได้เร็วกว่าที่คิดก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาและเจ้าตัวยังไม่อยากยอมรับก็เท่านั้น

“เรื่องของกูก็ให้มันจบแค่นั้นเถอะ เรื่องของมึงกับทรายน่ะ จะว่าไง?”

เป้หันไปพ่นควันบุหรี่ออกทางหน้าต่างก่อนจะหันมาถาม พอโดนเปลี่ยนเรื่องปุบปับผมเลยนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็มีคดีอยู่เหมือนกัน เอาแต่ซอกแซกเรื่องชาวบ้านเค้าจนเกือบลืมเรื่องของตัวเองแล้วไหมล่ะ

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เค้าว่าจะไปเอ็นท์ใหม่เพราะไม่ค่อยชอบที่นี่ เห็นว่าอยากไปเชียงใหม่หรือเชียงราย ก็ถ้าห่างๆกันไปก็คงไม่ค่อยได้คุยกันละมั้ง”

ผมเลือกจะเก็บงำรายละเอียดไว้เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเล่า อีกอย่างเรื่องที่ทรายจะเอ็นท์ใหม่ก็เป็นเรื่องจริง และเราก็คุยกันเรียบร้อยแล้วว่าความสัมพันธ์ของเราคงไม่สามารถพัฒนาเกินไปกว่าที่เป็นอยู่ได้ ตอนที่คุยกันเรื่องนี้ทรายทำท่าเบื่อเหมือนอยากรีบพูดให้จบๆไปด้วยซ้ำ แต่น่าแปลกที่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโมโหหรือเสียดายอีกฝ่ายเลย บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกที่ผมมีให้ทรายนั้นไม่เคยก้าวข้ามระดับของ “ความหลง” ไปถึงระดับที่เรียกว่า “ผูกพัน” และ “รัก” เลยกระมัง

ผมคงจมกับความคิดตัวเองนานไปหน่อยคนข้างตัวเลยหันมาตบไหล่จนผมสะดุ้ง

“พอๆ เลิกคิดเลิกคุยเรื่องเครียดได้แล้วมึง เดี๋ยวเย็นนี้กินข้าวเสร็จไปโยนโบวล์กันดีกว่า กูเลี้ยงเอง ไม่ได้ไปโยนนานแล้วด้วย”

จากตอนแรกที่ผมตั้งใจว่าช่วยจะรับฟังปัญหาเรื่องทุกข์ใจของเพื่อน กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมโดนไอ้เพื่อนตัวดีปลอบใจแทน แถมเป้ยังทำท่าเหมือนเรื่องของผมดูน่าเวทนากว่าจนผมต้องซัดไหล่หนาด้วยความหมั่นไส้ระหว่างรถติดสัญญาณไฟแดงไปทีนึง

“เป้เอ๊ย...มึงกับกูนี่สมแล้วที่เป็นเพื่อนกันจริงๆเลยว่ะ”



++------++



หลังจากขึ้นปีสองและพวกเราย้ายวิทยาเขตเข้ามาอยู่ในเมืองผมกับเป้ก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้นเพราะเราพูดเรื่องต่างๆกันได้อย่างเปิดอก แต่ถึงกระนั้นก็มีบางเวลาที่เป้ไปเที่ยวหรือนัดเจอเพื่อนเก่าของตัวเองบ้าง ขณะที่ผมเองด้วยความที่เพื่อนสมัยเด็กก็ย้ายวิทยาเขตเข้ามาอยู่ใกล้ๆกันทำให้ผมต้องแบ่งเวลาไปกินข้าวหรือเดินเที่ยวเป็นเพื่อนมุ้ยบ้าง และบางครั้งก็ไปแจมกับพวกชุมนุมโฟล์คซองโดยการแนะนำของรุ่นพี่ด้วยเพราะเห็นว่าผมเล่นกีตาร์เป็น

ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่ใหม่เพื่อนผมก็ดูจะยิ่งป๊อบขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเพราะมีสาวๆและหนุ่มๆทั้งในคณะและนอกคณะคอยเข้ามาหว่านเสน่ห์ทำคะแนนกันอยู่ไม่ขาด แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นพิเศษกับใครอยู่ดี ทว่าหลังจากเปิดเทอมสองได้ไม่นานผมก็ต้องประหลาดใจที่เป้ตกลงคบกับเด็กต่างเอกซึ่งผมจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยวิ่งมาชนเป้เมื่อตอนปีหนึ่ง แถมเด็กคนนี้ยังเป็นคนออกปากขอคบกับเป้ก่อนเองด้วย และถึงแม้จะตะขิดตะขวงใจอยู่บ้างว่าเพื่อนผมไม่ได้ตกลงคบด้วยเพราะชอบอีกฝ่ายจริงๆแต่ผมก็เลือกที่จะไม่ถามและคอยสังเกตการณ์เงียบๆไปเรื่อยๆ 

แล้วก็เป็นไปตามที่ผมคาดว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนคงดำเนินไปได้ไม่นาน เพราะตลอดเวลาที่คบกับเด็กคนนั้นผมเห็นว่าเป้ก็ยังคอยมองหาใครอีกคนอยู่เสมอ ดังนั้นแม้เจ้าตัวจะไม่เคยเล่าว่าทำไมจึงเลิก ผมก็ไม่เซอร์ไพรส์เท่าไหร่ที่เป้มาบอกว่ากำลังคบกับเพื่อนสนิทของเด็กคนนั้นที่ไปเรียนต่อเมืองนอกอยู่ ผิดกับเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มที่พากันพูดถึงวิวลับหลังเสียๆหายๆเพราะเข้าใจผิดจนเป้ต้องออกโรงห้ามทุกคนถึงได้เลิกพูด

แวบแรกที่ได้เห็นวิวใกล้ๆอีกครั้งตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อตอนปีหนึ่งทำให้ผมรู้สึกว่าแฟนเพื่อนเป็นคนที่ธรรมดาจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนที่เป้สนใจ แต่เมื่อผมได้เห็นเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันบ่อยครั้งเข้าก็ทำให้เริ่มเข้าใจว่าเพราะอะไรเป้ถึงได้เลือกวิว เพราะถ้าเป็นคนแบบที่คอยพะเน้าพะนอเอาใจหรือทำตัวนุ่มนิ่มให้ดูน่าปกป้องแบบที่คนอื่นๆชอบทำเพื่อนผมคงทนคบด้วยไม่ได้แน่ แต่ความซื่อตรงไม่เสแสร้งแถมติดจะเอาจริงเอาจังของวิวกลับชนะใจเพื่อนผมได้อย่างอยู่หมัดโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเลย

ตั้งแต่ทั้งสองคนเริ่มคบกันเป้ก็ไม่ค่อยเข้าโต๊ะกลุ่มสักเท่าไหร่ ความที่เพื่อนคงดูออกว่าผมไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นๆในกลุ่มทำให้เจ้าตัวออกปากชวนให้ผมไปนั่งด้วยเวลาที่ไม่ได้เข้าห้องบรรยายซึ่งวิวก็ไม่ได้ขัดข้อง แรกๆผมก็เกรงใจอยู่บ้างแต่ว่านานเข้าก็เริ่มชิน  ความสม่ำเสมอที่ทั้งสองคนมีให้กันทำให้ผมมั่นใจว่าคราวนี้เป้คงเจอตัวจริงที่จะไม่ทำให้ “การเริ่มต้น” ครั้งนี้มี “จุดจบ” เหมือนความสัมพันธ์ครั้งก่อน เพราะถึงแม้วิวจะไม่ค่อยแสดงออกมากเท่ากับเป้ แต่ผมก็รู้ว่าความห่วงใยและเอาใจใส่ที่เพื่อนผมมอบให้นั้นไม่เคยโดนละเลย และอีกฝ่ายก็คอยหาโอกาสตอบแทนในแบบของตัวเองอยู่เสมอ



++------++



“นะหลับแล้วเหรอครับ บอกให้พี่เล่าให้ฟังเองนะ”

หลังจากนอนเล่าเรื่องมานานเป็นชั่วโมงผมก็เริ่มคอแห้งแต่ขี้เกียจลุก อีกอย่างตอนนี้คนตัวเล็กก็นอนซุกผมอยู่ แขนข้างหนึ่งพาดมาบนอกผมขณะที่ขาก็ก่ายขึ้นมาเหมือนกำลังกอดหมอนข้างอันใหญ่
 
“ไม่ได้หลับ นะฟังอยู่”

ใบหน้าหวานแหงนขึ้นยิ้มให้แล้วก็หอมแก้มผมทีหนึ่งก่อนจะกลับไปนอนท่าเดิม ผมเลยขยับตัวเป็นนอนตะแคงแล้วโอบคนข้างตัวไว้หลวมๆแทน พอเหลือบมองนาฬิกาหัวเตียงก็เห็นว่าเพิ่งจะบ่ายแก่ๆ แถมอากาศในห้องก็เย็นกำลังดีเลยชักเริ่มง่วงขึ้นมา เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยทวงค่าเล่าเรื่องคืนนี้แทนแล้วกัน

“แล้วตอนนี้พี่ทรายเค้าไปอยู่ไหนแล้วล่ะพี่อ๊อฟ?”

พอได้ยินคำถามผมที่เริ่มจะเคลิ้มๆเลยตาสว่างขึ้นนิดหน่อย นะแหงนหน้ามองผมแล้วส่งสายตาอยากรู้จนผมอดยิ้มไม่ได้

“รู้แค่ว่าเอ็นท์ติดที่เชียงใหม่ จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว นะถามทำไม?”

“เปล่า....ก็แค่ถามดูเฉยๆ”

คนในอ้อมแขนซุกหน้าลงแล้วก็ตอบเสียงอุบอิบ แต่อาการแบบนั้นทำให้ผมพอจะเดาออกว่าที่นะถามคงจะเพราะ...หึง ผมเลยลุกขึ้นหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเราสองคนแล้วก็ล้มลงนอนกอดคนตัวเล็กใหม่

“ง่วงจัง นะนอนเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ เดี๋ยวนี้ไม่ได้กอดแฟนแล้วนอนไม่หลับ”
 
“แต่นะไม่ได้ง่วงนี่”

ตอนแรกคนตัวเล็กพยายามจะลุกหนี แต่หลังจากเห็นว่าผมไม่ยอมปล่อยตัวเองแน่เลยยอมหยุดดิ้นแล้วนอนนิ่งๆให้ผมลูบหลังแต่โดยดี กลายเป็นว่าไม่กี่นาทีก็มีเสียงกรนขึ้นจมูกเบาๆจากคนที่เมื่อกี้บอกว่าไม่ง่วงแทน ผมเลยยันตัวขึ้นบนศอกข้างหนึ่งแล้วเท้าคางมองใบหน้าหวานของคนที่หลับไปแล้ว

ความจริงก็ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมนะถึงได้ถามถึงทรายขึ้นมา คนคบกัน ต่อให้มั่นใจในกันและกันขนาดไหน เวลาได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับคนที่เป็นอดีตของแฟนก็คงรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆกันทั้งนั้น ผมไม่ชอบเวลาเห็นนะไม่สบายใจโดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะต้องเสียเวลาคิด อีกอย่างผมก็ไม่ได้ติดต่อทรายแล้วจริงๆเพราะตั้งแต่เลิกกันเราก็แทบไม่ได้คุยกันอีกเลย และที่รู้ว่าเจ้าตัวเอ็นท์ติดที่ไหนนี่ก็เพราะเพื่อนบอกมาอีกทีด้วยซ้ำ

ผมยื่นปลายนิ้วชี้ไปเขี่ยแก้มนิ่มเล่น นัยน์ตากลมโตเลยหรี่ขึ้นมองผมอย่างสะลึมสะลือแล้วก็ทำหน้ามุ่ย

“พี่อ๊อฟ...ไหนบอกว่าง่วงไง”

“ก็พี่ยังนอนไม่หลับนี่ นะง่วงก็นอนต่อเถอะ”

“อื้ม”

คนตัวเล็กส่งเสียงงึมงำในคอก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาซุกใกล้ๆแล้วก็หลับต่อ ผมเลยก้มลงหอมแก้มพ่อหนูน้อยฟอดนึงก่อนจะกอดเจ้าตัวไว้ ก็เล่นหว่านลูกอ้อนแทบจะตลอดอย่างนี้แล้วจะให้ผมมีเวลาไปคิดถึงคนอื่นยังไงไหว และถึงแม้ว่านะจะยังมีแง่มุมที่ชอบงอนเหมือนเด็กๆบ้างแต่ก็ไม่เคยเอาแต่ใจในเรื่องที่ผมทำให้ไม่ได้ เจ้าตัวก็ดูจะไม่รู้เอาเสียเลยว่าตัวเองมีอิทธิพลกับผมจนถึงขั้นที่ผมไม่คิดอยากจะมองใครอีกแล้ว


“โชคดีนะที่พี่ได้เริ่มต้นใหม่กับเรา เพราะต่อจากนี้พี่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาแทนที่นะเหมือนกัน”


++---End การเริ่มต้นกับคนสุดท้าย---++



*แถลงการณ์จากอิป้า*

สารภาพความจริงว่า ตอนต่อไปเพิ่งพิมพ์ไปได้ไม่เท่าไหร่ แต่พอดีมีแฟนขาประจำที่น่ารักคนหนึ่งรีเควสต์ตอนเป้กับอ๊อฟกิ๊กกัน เอ้ย! เจอกันครั้งแรกมา รู้ตัวอีกทีก็พิมพ์เสร็จแล้ว เลยเอามาลงให้ก่อนระหว่างรอตอนต่อไปนะจ๊ะ ยังไงจะรีบเข็นตอนต่อไปมาให้ด้วยจ้า

v
v
v
ตอบสุดสวยรีล่าง ไม่ได้ปาดจ๊ะ เอิ๊ก  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 08-02-2009 14:45:09
จองโด้ยยยยยยยยยยยย

ไม่ปาดช่ายป่ะ บีบี


อ้าว น้องนะ อย่าพึ่งหลับดิ

พี่อ๊อฟยังไม่ได้ทวงค่าเล่าเลยน้าาาา :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 08-02-2009 23:55:19

บีบีจ๋า ปปมาแย้วววววววววววววววววววว
อิอิ

น้องนะมัวแต่ไปห่วงคนชื่อทราย
หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วอ๊อฟน่ะเคยกิ๊กกะเป้มาก่อน
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 09-02-2009 00:02:07
อิอิ...........................แอบหึง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 09-02-2009 00:33:30
 :z2: :z2: :z2:
+1ให้เลยน๊าอิๆ
อิป้าอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าจะเข้าใจเป้มากขึ้นไปอีกระดับนึง
อาจเพราะเป้เป็นคนเงียบก็ได้รวมถึงป้าแทบจะไม่เคยให้เป้เป็นคนเล่าเรื่องอะนะ
ทำให้ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับมุมมองความคิดของเป้สักเท่าไร
ดังนั้นแล้วตอนนี้จึงเป็นตอนพิเศษที่มีค่ายิ่งในความรู้สึกของนิวนะ
เพราะเป้ดูมีอะไรให้น่าพิจารณามากขึ้นทั้งเหตุผลที่เป้กับวิวสามารถคบกันได้
ทั้งๆที่แทบจะดูไปแล้วไม่มีไรที่เข้ากันเลย เหตุผลที่ป้ามีให้ดูพอดีไม่ได้หวือหวาเกินไป
ส่วนที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ เรื่องบางเรื่องที่ไม่เคยรู้อย่างเรื่องของเพื่อนพี่สาวเป้
รวมถึงเรื่องของทรายด้วย ทำให้รู้ว่าทั้ง เป้ และ อ๊อฟ
ต่างมีผู้ชายคนแรกที่รักจริงจัง คือ วิว และ นะ ตามลำดับ ยิ่งเป็นไรที่ส่งเสริมให้เห็นชัดว่า
การเริ่มต้นที่เกิดขึ้นครั้งนี้ของคนทั้งสี่ดูจะมั่นคง และคงเป็นที่จบของหัวใจด้วยกันทั้งหมด
อ่านแล้วอยากจะบอกว่าชอบมากเหมือนยิ่งอ่านแล้วยิ่งได้อะไรหลายๆอย่างสอดแทรก
ทั้งในเรื่องของ การมองคน การทำความเข้าใจกับหัวใจของตนเอง
ว่าเราจะเหมาะกับคนแบบไหน ทำให้คิดว่าตอนนี้เป็นตอนหนึ่งที่ป้า
เขียนออกมาได้เป็นเอกเทศน์มากที่สุดตอนหนึ่ง
แต่แหมเห็นมีรีเครสงั้นขอรีเครสบ้างนะ
ขอตอนที่อ๊อฟ กับนะยังอยู่สมัยมัธยม ให้ นะเป็นคนถ่ายทอดบ้างดูสิว่า
อะไรเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าประทับใจในตัวพี่ชายคนนึง
ซึ่งในอนาคตคือ คนรักคนแรกและคนสุดท้าย
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 09-02-2009 01:51:51
^
^
-ข้างบนอธิบาย ได้ชัดเจนเลย   o13  ใจจ่ะ

อ่านตอน เบลอๆไฉไลเลยสมองกลวงไปชั่วขณะ  :really2:

สงสัยได้เวลาไปนอน อิอิ

ไว้จะรออ่าน ตอนหวานๆ ของพี่ออฟ กับ น้องนะนะเค่อะ คุนป้าขรา   :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-02-2009 02:51:45
 o13 ยอมนิวเลยงานนี้ตีกระจุยทุกเรื่องปะเนี่ย

จิ้มไฉไลคนงาม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 09-02-2009 10:41:33
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเป้เนี่ย น่ารักจัง น่าค้นหา มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ดี แล้วก็เป็นตัวของตัวเอง มั่นคง มั่นใจในตัวเองสูง โชคดีที่เป้ได้วิวเป็นแฟน ดูจากนิสัยวิวแล้ว มันลงตัวกันได้อย่างเหมาะสมที่สุดเลย

ขอบคุณบีบีนะจ๊า ที่เขียนตอนนี้ให้อ่าน ยาวจุใจเลย :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 09-02-2009 11:17:04
ค่าเล่าเรื่องของพี่อ๊อฟละน้องนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-02-2009 13:44:20
กอดรัดฟัดเหวี่ยงทุกเจ้าของคอมเม้นต์ โทษฐานทำคนเขียนเขิน หุๆ :man1:

ไม่รู้คนอื่นที่แต่งนิยายจะเป็นเหมือนป้าหรือเปล่านะ คือตอนที่พิมพ์เรื่องเสร็จแล้วโพสต์เนี่ย ก็ชอบและคิดว่าทำดีที่สุด ณ อารมณ์ตอนนั้นแล้วล่ะ แต่พอได้อ่านคอมเม้นต์ที่มีนักอ่านใจดีมาวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเรื่องภาษา พล็อตหรือตัวละครก็ตาม เป็นต้องย้อนกลับไปอ่านเรื่องของตัวเองใหม่ว่า เราทำให้คนอ่านเค้ารู้สึก/คิดอย่างนี้จริงๆเหรอ ดีใจมากๆเลยนะที่คนอ่านสัมผัสได้ถึง "อะไร" ที่ป้าใส่ไว้แต่ไม่พูดถึงตรงๆ ดังนั้นถึงแม้เรื่องของป้าจะไม่หวือหวา แต่ก็มาจากใจนะคับ (ยุงตอมได้อีก-อิป้าเป็นโรคเขินแล้วชอบเล่นมุขกลบเกลื่อน) :laugh:


ปล. นิวจ๋า เรื่องจากมุมมองของน้องนะสมัยเรียนม.ปลายจริงๆเคยคิดไว้เหมือนกันนะ และคงเป็นหนึ่งในโครงการที่จะเขียนแหละจ้า (ทำไมป้ามันเชื่องงี้หว่า) ว่าแต่เมื่อไหร่นิวจะแต่งเรื่องของตัวเองมั่งอะ ขนาดคอมเม้นต์นิยายคนอื่นยังสละสลวยได้ขนาดนี้ นิวแต่งเรื่องเองบ้างน่าจะรุ่งน้า รออ่านๆ

:pig4: ทุกคอมเม้นต์อีกครั้งค่า ติดตามตอนต่อไปกันด้วยเนาะ~
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 09-02-2009 13:51:08
 :z13:
จิ้มอิป้าตอนบ่ายๆ
อยากบอกว่ายังไม่มีเวลาแบบมาแต่งจริงๆจังๆอะ
พักนี้งานที่ให้อ่านมันเยอะมากต้องคอยเขียนพวกบทวิเคราะห์ไรเงี่ย
ไว้ว่างจริงๆเมื่อไหร่จะมาแต่งเรื่องยาวให้อ่าน
 :กอด1: กอดป้าก่อนไปอิๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-02-2009 14:58:07
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ แต่ละเรื่องแต่ละตอน อ่านแล้วอินตามตลอดเลย   :-[


ขอบคุณนะคะ มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 09-02-2009 17:09:24
อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ว่าทำไมถึงมาซี้ๆ กัน
แอบได้เห็นมุมมองของเป้ผ่านอ๊อฟเนอะ
ว่าจริงๆ แล้วชอบเป้มานานโข
เหอๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: patiharn ที่ 09-02-2009 17:10:22
+ให้แถม :กอด1:เพราะยาวได้ใจแฟนๆจริงๆจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 09-02-2009 22:49:40
ชอบสองเรื่องนี้มากเลย มีหลายมุมดีค่ะ

ว่าตอนพิเศษของเป้วิวไม่มีอีกหรอค่ะ ชอบคุณชายเป้อะค่ะ  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 09-02-2009 23:59:47
 :กอด1: คนเขียนด้วยเหมือนกันค่ะ

ชอบเรื่องเล่าในมุมมองแบบนี้จัง ทำให้ได้เห็นว่าเวลาเป้มองวิว(จากสายตาคนอื่น)เป็นยังไง

วิวจะรู้มั้ยนะว่าโดนมองมาตลอดขนาดนี้  :-[


ส่วนน้องนะ คนนี้ไม่ต้องพูดถึง คนเขียนบรรยายออกมาทีไรน่ากระโดดเข้าไปหยิกแก้มทุกทีเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 10-02-2009 00:59:45
ต๊ายยย รีเควสต์ได้เหรอคะ งั้นขอตอนที่เป้กำลังจีบวิว ช่วงปิดเทอมฯ ที่นึงค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 10-02-2009 01:02:15
 :กอด1: กอดดดดดดดดดดดดดดดดด พี่บีบี
ไม่ได้แล้วต้องรีบมาอ่านตอนนี้แปะอุ้งเท้าไว้ก่อน
กีสสสสสสสสสส มายด์เป้ของจุ๊บ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-02-2009 11:44:51
Dahlia ขอบคุณมากค่า (คนเขียนลอยไปแล้ว) ^^

19NT   ตาลจ๋า นึกภาพว่าถ้าเป้กิ๊กกับอ๊อฟขึ้นมาจริงๆ เค้าแอบบรื๋อส์นะเนี่ย

Patiharn  แหะๆ ปกติก็พยายามเข็นให้แต่ละตอนไม่ต่ำกว่าเจ็ดหน้าเอสี่ค่ะ แต่ตอนไหนเนื้อหาเยอะก็มาหลายหน้าหน่อย ^^;

Ferfa เห็นประกายมีดทีไรเสียวแว้บทุกที ตราบใดที่คนอ่านไม่เบื่อ คนเขียนก็เข็นตอนพิเศษเป้-วิวมาได้เรื่อยๆค่ะ (กลัวใจคนอ่านมากกว่า ไม่เบื่อกันใช่ไหมเอ่ย)

LOT เป็นเรื่องเดียวที่เป้ไม่เคยบอกวิวมั้งเนี่ย ส่วนน้องนะนี่อ๊อฟอนุญาตให้หยิกแก้มได้(แบบไม่ค่อยเต็มใจ) แต่ถ้าหยิกที่อื่นนี่คงต้องคุยกันอีกที^^

Mist เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๋ออออ...(โดนรีเควสต์ทับถม เริ่มเบลอ) ตอนที่เป้จีบวิวอยู่ในลำนำฯตอนแรกสุดแล้วน่ะค่ะ กลัวว่าเขียนออกมาอีกเดี๋ยวจะซ้ำซ้อน ขอเปลี่ยนเป็นตอนพิเศษอย่างอื่นให้แล้วกันเนาะ

LOVEJUICE  จุ๊บแจง  แปะอุ้งเท้าไว้แล้วอย่าลืมกลับมาอ่านด้วยเด้อ


 :man1: ทุกคนด้วยความคิดถึง แล้วก็ชะแว้บไปทำงานต่อละคับ~
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 10-02-2009 23:00:08
^
^
^
จิ้มๆๆคนแต่ง

กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ...น่ารักมากๆเลยนะค่ะชอบมากๆเลย
ชอบทั้งสองคู่เลยแต่แอบปลื้เป้เป็นพิเศษ ชอบจริงเลย
เวลาอยู่กับวิวยิ่งทำตัวน่ารัก

คู่อ๊อฟหวานมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ชอบบบ
น้องนะน่ารักสุดๆไปเลยขี้อ้อนมากเลยตอนไปที่บ้านลุ้นแทบแย่
ดีที่พ่อกับแม่ยอมให้คบกันดีๆ
ตอนล่าสุด เป้อ่านแล้วชอบนายมากขึ้นไปอีก โลกมันกลมจริงอย่างที่นะว่านั้นแหละ
แต่น้องนะแอบหึงน่ารักไปม่ายยยยย


เสียดายมากมายทำไมอ๊อฟไม่คิดค่าเล่าตอนนี้เลยนะ :-[

กอดดด :กอด1:

รอตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 12-02-2009 22:24:47
แทงป้า  :z13: :z13: จึ๊ก จึ๊ก

ยาวสะใจ คุ้มกับการที่ผมหายไปหลายวัน o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 14-02-2009 01:23:54
(http://i356.photobucket.com/albums/oo7/Bogiecoco/ValentineBear.gif)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 14-02-2009 01:33:27
(http://www.up-pic.com/2/pic/1322009-23568-61403.gif) (http://www.up-pic.com)
ขอให้มีความสุขในวันแห่งความรักมากๆนะคราบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 14-02-2009 09:06:34
Happy Valentine's day นะคร้าบบ ริน  :L1:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 14-02-2009 11:24:01
(http://i367.photobucket.com/albums/oo111/taan19/10-01-2009_05.gif)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 16-02-2009 14:02:53
ว๊ายยยยยยยยยย

ตกไปหน้าสองล่ะ

ดันๆๆๆ

บีบี มาต่อได้แล้ววววววววววว

คิดถึงเป้วิว อ๊อฟนะ แล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: karenoo ที่ 21-02-2009 23:16:44
ร่วมด้วยช่วยดันคะ :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 22-02-2009 17:17:35
 :กอด1:กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดพี่บีบี ด้วยความคิดถึงงงง
เขามาอ่านแล้วนะตอนพิเศษ กีสสสสน่ารักจริงเลยเป้ของเขาชอบบบ
โลกกลมของจริงเลย แล้วทำไมเขายิ่งอ่านเขาก็ยิ่งชอบเป้ล่ะพี่บีบี
กลับมารับผิดชอบแต่งตอนเป้มาให้อ่านเลยนะไม่งั้นไม่ยอมจริงด้วย
คิดถึงนะค่ะ ไม่ได้เจอกันเลย กระซิกๆๆๆ :กอด1:


ทวงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

มาได้แล้วม่ายยยยย เขามาแล้วนะ :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: สุขาพาเพลิน ที่ 22-02-2009 23:17:45
ขอติดตามเรื่องอีกคนนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ (8/02/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 24-02-2009 15:22:12
มาดันให้ป้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-03-2009 00:33:03
ตอนที่ 16: แพ้ทางเธอคนเดียว

“จริงๆน้า พวกคนหนุ่มเนี่ย กลับมาทำผู้ใหญ่ตกอกตกใจได้ไม่กี่วันก็จะหนีกลับกันอีกแล้ว”


แม่พูดไปปอกมะม่วงไปแต่นัยน์ตาก็เหล่มองผมไปด้วย ผมเลยต้องรีบกลืนบัวลอยไข่หวานคำสุดท้ายจนเกือบสำลัก

“โหยแม่ พูดซะเสียเลย อ๊อฟกลับไปเรียนนะครับไม่ได้หนีไปเที่ยว”

ผมแก้ตัวแล้วก็ดึงกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดปาก เนื่องจากบ่ายวันนี้ผมจะกลับกรุงเทพฯแล้ว เมื่อเช้าเลยโดนแม่ปลุกไปตักบาตรด้วยก่อนจะกลับมาช่วยกันทำความสะอาดบ้านและจัดห้องตัวเองให้เรียบร้อย ไม่น่าเชื่อว่าจากตอนแรกที่ผมวางแผนกับนะไว้ว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านกันแค่สองสามวัน แต่ต้องมาเจอทั้งเรื่องปวดหัวแถมยังทำให้ผมเจ็บตัวเราเลยต้องอยู่กันนานกว่าที่ตั้งใจ ทว่าหลังจากเคลียร์เรื่องยุ่งๆกันไปได้ เผลอแผลบเดียวพวกเราก็ได้เวลาเตรียมตัวกลับไปเรียนกันอีกแล้ว

แผลของผมที่โดนเย็บเพิ่งถูกตัดไหมออกไปเมื่อวาน คุณหมอคนเดิมบอกว่าโชคดีที่แผลอยู่ขนานกับหางคิ้ว ดังนั้นถึงจะมีรอยแผลเป็นบ้างแต่ถ้าไม่มองใกล้ๆก็จะไม่เห็นชัด ส่วนหนวดที่นะเคยขอว่าให้ไว้จนกว่าจะกลับไปหอก็โดนโกนออกเรียบร้อยเพราะแม่ผมบ่นว่าเห็นแล้วรกหูรกตา ตอนที่พาพ่อหนูน้อยมาเยี่ยมบ้านเมื่อวันก่อนเลยให้จัดการโกนให้เสร็จกันไปซะเลย   

“จ้ะพ่อคุณ แต่หลังจากนี้อ๊อฟต้องพาน้องนะกลับมาบ้านบ่อยๆหน่อยรู้มั้ย พ่อแม่เค้ารู้แล้วว่าเราคบกับลูกเค้าอยู่ ยังไงก็ต้องรู้จักเกรงใจผู้ใหญ่บ้าง”

แม่ว่าแล้วก็ฝานมะม่วงดิบออกเป็นแผ่นๆเอาไว้สำหรับทานกับกะปิหวาน ผมคว้าเหยือกน้ำบนโต๊ะมารินใส่แก้วดื่มแล้วก็พยักหน้ารับ

“เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วล่ะ ขนาดที่ไปกินข้าวด้วยกันที่บ้านเมื่อคืนก่อนอ๊อฟยังโดนลุงพงษ์ซักฟอกซะขาวเลยนี่ โดนจับตามองขนาดนี้อ๊อฟให้แม่ยกขันหมากไปขอนะไว้เลยดีมั้ยเนี่ย”

ผมแหย่จนแม่หัวเราะชอบใจ “อู้ย ที่ไปพูดให้เมื่อวันที่เราโดนชนนั่นยังไม่เหมือนไปสู่ขออีกเรอะ แต่จะว่าไปก็แปลกดีเหมือนกันแฮะ ได้ลูกสะใภ้เป็นเด็กผู้ชาย นี่ถ้าพี่อิมเค้ารู้คงตกใจน่าดู แต่แม่ว่าพี่สาวเราคงไม่มีปัญหาอยู่แล้วละ น้องเค้าออกจะเป็นเด็กดีขนาดนั้น”

ผมฟังแม่พูดแล้วก็ยิ้ม ท่าทางจะโดนนะทำเสน่ห์เข้าไปอีกคนแล้ว แต่อย่างว่า ดูเหมือนแฟนผมจะค่อนข้างชินกับการเข้าหาผู้ใหญ่เพราะถูกแม่ซึ่งเป็นอาจารย์สอนมาตั้งแต่ยังเล็ก แถมแม่ผมเองก็เป็นคนเข้ากับคนอื่นง่ายเลยเอ็นดูนะได้ง่ายเข้าไปอีก ต่างกับผมที่ไม่ค่อยได้เจอญาติผู้ใหญ่เพราะกระจัดกระจายไปอยู่คนละจังหวัดกันหมด เวลาต้องคุยกับลุงพงษ์กับอาจารย์วรรณีผมเลยแอบเกร็งทุกที

“ว่าแต่ทำไมมุ้ยยังไม่กลับไปด้วยกันวันนี้เลยล่ะอ๊อฟ?”

“เห็นบอกว่าน้าเหมียวจะพาไปเยี่ยมบ้านคุณยายก่อน แล้วพรุ่งนี้พี่เม่นคงขับพาเข้ากรุงเทพฯเพราะเค้ามีธุระในเมืองอยู่แล้ว”

แม่พยักหน้าเข้าใจก่อนจะลุกขึ้นล้างมือแล้วเปิดตู้หยิบถุงพลาสติกใสกับหนังยางออกมาวางบนโต๊ะให้

“งั้นเดี๋ยวอ๊อฟช่วยแม่ตักกะปิหวานกับมะม่วงใส่ถุงสองชุดนะ แม่จะเอาไปฝากพ่อแม่น้องนะกับให้เราสองคนเอากลับไปทานที่หอ เดี๋ยวแม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง”

“ครับๆ ไม่ต้องสวยมากก็ได้นะแม่ แค่ไปส่งอ๊อฟกลับกรุงเทพเอง”

แม่หันมาค้อนเข้าให้ที่โดนแซวก่อนจะเดินขึ้นห้อง ผมเลยจัดการล้างถ้วยบัวลอยแล้วก็เอาถุงพลาสติกใสมาแยกใส่มะม่วงกับกะปิหวานตามที่แม่บอก ถ้าหากเทียบฝีมือทำกับข้าวแล้วต้องยอมรับว่าแม่ผมไม่เก่งเท่าอาจารย์วรรณี แต่เรื่องกะปิหวานนี่ใครได้กินก็ต้องชมจนแม่ชอบทำเป็นของฝากคนรู้จักอยู่บ่อยๆ

เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นผมเลยละมือที่กำลังมัดถุงมะม่วงหยิบขึ้นดู พอเห็นชื่อคนโทรเข้าก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจก่อนจะกดรับ

“ไงเป้ ทำไมกลับจากอังกฤษเร็วจังวะ”

เสียงเพื่อนสนิทหัวเราะในคอกลับมาตามสาย ผมจำได้ว่าหลังสอบเสร็จเป้บินไปเยี่ยมพี่ชายที่อังกฤษเพื่อฉลองปีใหม่พร้อมหน้ากับครอบครัวเลยนึกว่าคงได้เจอกันอีกทีที่มหา’ลัยเลยเสียอีก

“เบื่อเลยกลับมาก่อนว่ะ ว่าแต่มึงกับน้องนะจะกลับมาหอกันเมื่อไหร่ กูจะได้เอาของฝากไปให้”

ผมได้ยินคำตอบแล้วก็ยิ้ม ปากดีจริงๆเพื่อนผม คิดถึงแฟนเลยรีบกลับมาก่อนสิไม่ว่า เพราะผมจำได้ลางๆว่าช่วงหยุดปีใหม่ที่ผ่านมาวิวไม่ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด พูดถึงถ้าเป็นผมก็คงเป็นห่วงกลัวแฟนจะเหงาเหมือนกัน

“น่าจะกลับถึงกันเย็นนี้แหละ แต่ว่าไม่ต้องรีบเอามาให้ก็ได้นี่หว่า มึงอุตส่าห์รีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนวิวทั้งที”

“ไม่เป็นไรหรอก วิวเองแหละที่บอกกูว่าน่าจะรีบเอาให้ ยังไงเย็นนี้นัดกินข้าวด้วยกันเลยมั้ยล่ะ มึงถึงหอแล้วโทรบอกแล้วกันจะได้นัดกันอีกที”

“เออ เอางั้นก็ได้ งั้นเย็นนี้เจอกันมึง”

ผมวางสาย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าถ้างั้นเอามะม่วงกะปิหวานไปฝากเป้กับวิวด้วยดีกว่า เลยฝานมะม่วงเพิ่มอีกสองลูกใส่ถุงแยกไว้อีกชุด ไม่นานแม่ก็เดินลงมาจากชั้นบน ผมเลยหยิบกระเป๋าเป้กับถุงมะม่วงทั้งสามชุดเดินตามแม่ไปที่รถที่ศูนย์ให้มาใช้แทนรถที่ยังเข้าอู่ซ่อมอยู่

“อ้าวแม่ ไม่ให้อ๊อฟขับเหรอ?”

ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นแม่ไม่ส่งพวงกุญแจให้แถมเดินไปนั่งฝั่งคนขับเอง เลยโดนย้อนกลับซะสะอึก

“ไม่เอา แม่กลัวโดนเสยอีก”

ผมคงทำหน้าเจื่อนๆไป แม่เลยหันกลับมาหัวเราะให้หลังผมขึ้นนั่งประจำที่ข้างคนขับแล้ว

“แม่ล้อเล่นน่า ยังไงอ๊อฟก็จะกลับไปกรุงเทพทั้งที ให้แม่ขับไปส่งเถอะ”

แม่ยื่นมือมาโยกหัวผมแล้วก็ยิ้มให้ ผมเลยยิ้มตอบก่อนจะคว้าสายเข็มขัดนิรภัยมาคาด เราใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงท่าจอดรถตู้สำหรับเข้ากรุงเทพฯ พอดีกับที่นะโทรเข้ามือถือผมพอดี

“พี่อ๊อฟ ถึงท่ารถหรือยัง?”

เสียงคุ้นเคยเอ่ยถาม เสียงลมหวีดหวิวกับเสียงการจราจรที่ดังแทรกโทรศัพท์เข้ามาบอกให้รู้ว่าปลายสายคงไม่ได้นั่งอยู่ในรถ

“ถึงแล้วครับ กำลังจอดรถอยู่ นะถึงไหนแล้ว?”

“พอดีแม่เค้าให้พ่อจอดแวะซื้อขนมสำหรับเอาไปฝากเพื่อนก่อน อีกห้านาทีคงไปถึง พี่อ๊อฟรอแป๊บนึงนะ”

 “ครับ ไม่รอแล้วพี่จะกลับคนเดียวได้ไงล่ะ ยังไงรีบมานะ”

“อื้อ”

คนตัวเล็กรับคำสั้นๆก่อนจะวางสายไป พอผมวางมือถือลงก็เห็นแม่กำลังยิ้มเหมือนกลั้นหัวเราะอยู่

“แหม ไม่ยักรู้ว่าลูกแม่ก็ปากหวานเป็น มิน่าล่ะน้องนะถึงได้ติดน่าดู”

“อ้าว แฟนกันนี่แม่ อ๊อฟก็ต้องอ้อนมั่งสิ”

พอโดนคนข้างตัวเอ่ยทักผมก็เริ่มจะเขินขึ้นมาเหมือนกัน จะว่าไปผมกับนะก็ไม่เคยคุยหวานๆอย่างที่ปกติทำกันเวลาอยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวเลยเพราะเกรงใจ แต่แม่ก็ไม่ได้แซวอะไรต่อ เรานั่งฟังวิทยุรอกันไม่นานรถปิ๊กอัพของลุงพงษ์ก็มาเทียบจอดต่อจากรถแม่ผมเราเลยเปิดประตูลงไปรับ แล้วก็ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ทักทายกันไปขณะผมกับนะเอาถุงของฝากทั้งหลายใส่ท้ายรถตู้ก่อนจะเดินกลับไปลา

“ต่อไปก็พากันกลับมาบ้านบ่อยๆแล้วกันนะ ทั้งสองคน พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรามาก”

ลุงพงษ์ย้ำกับนะแล้วก็ตวัดสายตาขึ้นมองผมช่วงท้ายประโยคจนสะดุ้ง ผมเลยยิ้มแห้งๆก่อนจะตอบรับ ดูท่าว่าถึงแม้พ่อของนะจะรับเรื่องที่ผมคบกับลูกชายได้ก็จริงแต่ก็ยังไม่ได้วางใจผมซะทีเดียว ผมเห็นแม่ที่ยืนอยู่ข้างอาจารย์วรรณีกำลังอมยิ้มเพราะลุงพงษ์เล่นพูดเหมือนที่แม่เตือนไว้ก่อนเป๊ะ

“รถเที่ยวต่อไปใกล้จะออกแล้วนะน้อง”

เสียงคนปล่อยรถตู้ตะโกนบอกเสียงดัง นะเลยไหว้ลาพ่อกับแม่ของตัวเอง แต่พอจะหันไปไหว้แม่ผมต่อก็โดนดึงเข้าไปกอดแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ขนาดผมยังตกใจเพราะกับแฟนเก่าที่เคยพามาเยี่ยมตอนปีหนึ่งแม่ยังไม่เอ็นดูขนาดนี้เลย สักครู่แม่ก็ดันตัวนะออกเบาๆก่อนจะลูบหัวแล้วยิ้มให้

“ต่อไปก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วนะลูกนะ ถ้ากลับถึงหอเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกหน่อยแล้วกันพ่อแม่เค้าจะได้รู้ว่าเดินทางปลอดภัย แล้วไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะจ๊ะ”

ผมเห็นนัยน์ตากลมโตเหมือนจะรื้นน้ำตาขึ้นก่อนคนตัวเล็กจะพยักหน้า ผมเลยหันไปไหว้ลาอาจารย์วรรณีกับลุงพงษ์แล้วก็บีบมือแม่ด้วยความขอบคุณก่อนจะรับเป้ของนะมาถือไว้เอง

“งั้นพวกผมไปก่อนนะครับ”

ผมดันหลังนะเบาๆให้คนตัวเล็กเข้าไปนั่งด้านในก่อนจะส่งตัวเองตามเข้าไป เรารอกันอีกไม่กี่นาทีรถก็เคลื่อนตัว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมองออกจากกระจกหน้าต่างผมก็ยังเห็นพวกผู้ใหญ่ยืนส่งพวกเรากันอยู่ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมต้องจากบ้านเพื่อกลับเข้ากรุงเทพฯ แต่ก็อดใจหายนิดๆไม่ได้เพราะแค่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีเรื่องราวที่ไม่คาดคิดประดังเข้ามาเต็มไปหมด แต่นั่นก็ทำให้ผมกับนะยิ่งใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และทำให้ครอบครัวของพวกเรารับรู้และยอมรับการที่เราคบกัน ถึงทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ แต่ผมก็ดีใจที่ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี และทำให้ผมมั่นใจในความสัมพันธ์ของผมกับนะมากขึ้นไปอีก บรรยากาศตอนขากลับคราวนี้จึงเต็มไปด้วยความปลอดโปร่งใจต่างกับขามาชนิดหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

“ได้กลับห้องเรากันซักทีนะพี่อ๊อฟ”

นะหันมาบีบมือผมแล้วก็ยิ้มให้ทั้งที่ปลายจมูกแดงเรื่อ ผมเลยยิ้มตอบก่อนจะสอดแขนโอบไหล่บางแล้วฝังจมูกลงกับเรือนผมนิ่มเบาๆ ใครจะหันมาเห็นก็ช่างละตอนนี้ ผมอยากให้คนข้างตัวได้รู้ว่าผมก็ดีใจเหมือนกันนี่นา

“อื้ม กลับห้องเรากันนะ”


+------+


หลังรถตู้กลับเข้าถึงท่ารถที่กรุงเทพฯผมก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่หอ นะแวะเอาขนมโมจิที่อาจารย์วรรณีซื้อให้สำหรับเอามาฝากเพื่อนๆให้ยามหน้าหอหนึ่งกล่องแล้วก็ให้อาม่าผู้ดูแลหอสองกล่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลือขนมในถุงอีกเป็นสิบกล่องอยู่ดี

“แล้วจะจัดการโมจิที่เหลือยังไงดีล่ะเนี่ย?”

ผมเอ่ยขึ้นเมื่อกลับมาถึงห้องแล้ว พ่อหนูน้อยวางกระเป๋าเป้ตัวเองลงแล้วก็หยิบกล่องขนมมานั่งนับบนเตียงพลางทำท่าคิด

“เดี๋ยวนอกจากส่วนที่ฝากเพื่อนนะจะเอาไปฝากพี่ๆที่ออฟฟิศนักศึกษากับพวกอาจารย์แล้วกัน พี่อ๊อฟบอกว่าเย็นนี้พี่เป้นัดไปกินข้าวด้วยใช่มั้ยล่ะ งั้นเดี๋ยวนะกันไว้ให้พี่เป้กับพี่วิวคนละกล่องด้วย แค่นี้ก็หมดละ”

คนตัวเล็กว่าแล้วก็หันมายิ้มให้ ผมเลยทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงบ้างแล้วก็หันไปจุ๊บริมฝีปากนิ่มเร็วๆทีนึง พอถอยออกก็ยิ้มชอบใจที่ได้เห็นว่าคนถูกจูบหน้าแดงขึ้นเพราะไม่ทันตั้งตัว

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวพี่ขออาบน้ำก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยโทรหาเป้มันอีกที นะจะอาบน้ำกับพี่เลยมั้ย?”

หลังประโยคสุดท้ายผมหันไปทำตาวิบวับใส่คนที่ยังหน้าแดงไม่หาย เลยโดนกำปั้นเล็กๆทุบไหล่มาทีหนึ่ง แต่แล้วนะก็ก้มหน้าพูดเสียงอุบอิบ

“ไม่เอาหรอก ขืนอาบน้ำกับพี่อ๊อฟเย็นนี้ก็ไม่ได้ไปไหนกันพอดีสิ รีบๆโทรหาพี่เป้เดี๋ยวนี้เลยจะได้นัดกันให้รู้เรื่องรู้ราว"

ผมยิ้ม ช่างเฉไฉจริงคนเรา ต่อให้ผมโทรนัดเป้เย็นนี้จริงๆตอนนี้ก็ยังบ่ายอยู่ มีเวลาทำ “อะไรๆ” อีกถมถืด ผมเลยหยิบมือถือมากดโทรออกขณะดึงมือข้างหนึ่งของนะมาคลึงเล่นไปด้วย หลังฟังเสียงเพลงรอสายได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเพื่อนผมตอบรับ

“ฮัลโหล กลับถึงห้องแล้วเหรอวะ”

“เออ เพิ่งถึงเดี๋ยวนี้แหละ ว่าแต่ที่นัดกันเย็นนี้กูขอเลื่อนเป็นวันหลังได้มั้ยวะเป้ พอดีกูกับนะตั้งใจว่าจะช่วยกันจัดห้องใหม่ตั้งแต่หลังสอบ จนตอนนี้ก็ยังไม่มีเวลาได้ทำเลยเนี่ย”

ผมรีบแก้ตัวจนคนที่ผมกุมมืออยู่ทำตาโต ผมเลยถือโอกาสยกมือที่ตัวเองคลึงเล่นอยู่ขึ้นมาหอมซะเลย พอนะเหลือบตาขึ้นสบตากับผมก็รีบเบนสายตาลงมองมือที่ถูกกุมอยู่แทน สีเลือดฝาดที่แต้มอยู่บนผิวแก้มสองข้างดูจะยิ่งแดงก่ำขึ้นไปอีก ยิ่งมองก็ยิ่งน่าฟัดเป็นบ้า

“ก็ไม่มีปัญหา ว่าแต่มึงอ้างรึเปล่าวะอ๊อฟ ทำเป็นพูดอย่างโน้นอย่างนี้ ที่จริงไม่อยากเสียเวลาอยู่กับน้องนะมากกว่าล่ะสิ”

ปลายสายหัวเราะแล้วเอ่ยดักคออย่างรู้ทัน แต่ตอนนี้คนที่นั่งหน้าแดงอยู่ตรงหน้าทำให้ผมไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำด้วยแล้ว

“มึงไม่ต้องทำเป็นรู้ดี สรุปว่าเดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีแล้วกันนะเว่ย บาย”

ก่อนกดตัดสายผมยังไม่วายได้ยินเสียงไอ้เพื่อนตัวดีหัวเราะอีก เลยกดปิดโทรศัพท์เสียเลยกันใครโทรเข้ามาก่อนจะโยนมือถือไว้แถวๆหมอน สงสัยเป้มันจะลืมเรื่องที่ตัวเองรีบบินกลับจากอังกฤษเพื่อมาหาแฟนไปแล้วมั้งเนี่ย เดี๋ยวโดนแซวกลับมั่งเหอะจะรู้สึก

“ทีนี้ก็หมดปัญหาแล้วนะ จะอาบน้ำกับพี่ได้หรือยัง?”

ผมเขย่ามือที่ตัวเองกุมอยู่เบาๆ พาลให้คนถูกทวงถามก้มหน้างุด แต่พอเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้ต่อต้านผมเลยแกล้งยื่นมืออีกข้างไปทำท่าจะเลิกชายเสื้อที่นะใส่อยู่จนเจ้าตัวรีบยกมือตะปบทันควัน

“พี่อ๊อฟ! ไหนบอกว่าจะอาบน้ำไง”

“อ้าว ก็จะอาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อก่อนไม่ใช่เหรอ หรือนะจะเข้าไปอาบกับพี่ทั้งที่ยังใส่เสื้อ?”

ผมแกล้งเลิกคิ้วแถมทำน้ำเสียงสงสัยจนคนรู้ทันค้อนควั่ก ที่จริงเจ้าตัวก็คงจะรู้อยู่แล้วละว่าต่อให้บ่ายเบี่ยงยังไงก็โดนผมจับอาบน้ำด้วยอยู่ดี นะนั่งยื้อชายเสื้อตัวเองแข่งกับผมที่พยายามจะเลิกเสื้อขึ้นแล้วก็ขมวดคิ้ว

“จะอาบน้ำก็ต้องเข้าไปถอดเสื้อในห้องน้ำสิ ถ้าพี่อ๊อฟมาถอดเสื้อให้นะตรงนี้แล้วจะได้อาบกันมั้ยล่ะ?”

ใบหน้าหวานก้มลงแล้วก็พูดเสียงอุบอิบ ผมเลยเด้งลุกจากเตียงแล้วยื่นมือส่งให้คนตัวเล็กยึดเอาไว้ก่อนจะฉุดให้ตามเข้าไปในห้องน้ำ ตอนแรกพ่อหนูน้อยก็ยังทำท่าอิดออดแถมรำพึงเสียงเบาว่า ‘ฟ้ายังสว่างอยู่เลย’ แต่พอผมเริ่มถอดเสื้อแล้วก้มลงจูบซุกไซ้กับซอกคอขาวๆพลางลูบไล้ไปตามจุดอ่อนไหวที่รู้กันระหว่างเรา คนที่ยังทำท่าไม่ค่อยเต็มใจเมื่อกี้ก็มือไม้อ่อนลงทันที ผมคลอเคลียริมฝีปากกับใบหูนิ่มไปก็กระซิบเสียงเบาใส่จนคนในอ้อมแขนสั่นสะท้าน

“ไม่ได้อาบน้ำด้วยกันตั้งนานแล้ว งั้นวันนี้พี่จะขัดตัวนะให้สะอาดทุกส่วนเลยแล้วกันนะ”


+------+


“หิวจัง”

ร่างเล็กกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงในเสื้อยืดตัวโคร่งของผมกับกางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นโดยมีผมนั่งตัดเล็บเท้าให้ น้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงบอกให้รู้ว่าคนพูดคงจะเพลียน่าดูเพราะโดนผม “อาบน้ำ” ให้ไปหลายรอบ ถ้าไม่ติดว่าหลังรอบที่ห้าผมโดนขอร้องด้วยเสียงที่เริ่มแหบแห้งกับหน้าตาน่าสงสารว่าไม่ไหวแล้วจริงๆสงสัยตอนนี้ก็คงยังอาบน้ำกันไม่เลิก

ผมละสายตาขึ้นมองคนพูดที่เอามือสองข้างวางประสานกันไว้บนตัก นัยน์ตากลมโตดูมีแววเหนื่อยอ่อน แต่ผิวใสที่เป็นสีชมพูเรื่อหลังอาบน้ำคงทำเอาผมจ้องนานไปหน่อย คิ้วเรียวเลยขมวดก่อนจะกระตุกเท้าในมือผมเหมือนจะเตือนว่าให้ตัดเล็บต่อให้เสร็จจนผมหัวเราะ จะว่าไปเสื้อผ้าที่นะใส่อยู่ตอนนี้ก็ผมเองที่เลือกมาใส่ให้ เพราะพออุ้มออกมาจากห้องน้ำแล้วท่าทางนะจะหมดแรงจริงๆเลยไม่ดิ้นหรือบ่นสักคำไม่ว่าจะโดนผมจับเช็ดตัวท่าไหน ได้แต่นอนหลับตาทั้งที่หน้าแดงอย่างเดียว แต่ครั้นจะแซวก็กลัวว่าเดี๋ยวจะโดนงอนเลยต้องยอมหุบปากเงียบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกลั้นยิ้มไม่อยู่จนโดนพ่อหนูน้อยลืมตาขึ้นส่งค้อนให้ซะหลายรอบ

“จะพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยลงไปหาอะไรกินที่ตลาดมั้ย? หรือนะอยากสั่งอะไรขึ้นมากินบนห้องมากกว่า?”

ผมหันไปหยิบกองใบปลิวของพวกร้านแนวเดลิเวอรีทั้งหลายส่งให้คนที่เพิ่งบ่นหิวแล้วก้มลงตัดเล็บต่อ พอชำเลืองมองก็เห็นเจ้าของนัยน์ตากลมโตกำลังกวาดสายตาไปตามเมนูของแต่ละร้านอย่างไม่รู้จะเลือกอะไร พอดีกับที่ผมตัดเล็บนิ้วสุดท้ายให้นะเสร็จเลยขยำกระดาษที่รองเศษเล็บทิ้งลงถังขยะมุมห้อง พอล้างมือเรียบร้อยก็กลับมานั่งเอนหลังบนเตียงข้างคนตัวเล็กที่ขยับที่ให้ผมนั่งโดยที่มือยังพลิกใบปลิวไปมา ผมเลยใช้ปลายนิ้วสางผมเส้นเล็กที่ยังชื้นนิดๆเล่น

“ตกลงเอาเป็นพิซซาก็แล้วกัน ตอนนี้มันมีหน้าที่เพิ่งออกใหม่อยู่นี่นา พอพิซซามาแล้วก็เปิดหนังดูกัน ตกลงตามนี้นะ?”

ผมช่วยเลือกให้แทนคนที่ยังคิดไม่ตกเพราะดูท่าว่าเจ้าตัวจะตัดสินใจไม่ได้สักที ที่จริงนะก็คงอยากลงไปเดินเล่นที่ตลาดอยู่เหมือนกัน แต่เพราะว่าร่างกายกำลังเพลียก็เลยยังสองจิตสองใจ สุดท้ายพ่อหนูน้อยก็พยักหน้าแล้วเอนหัวลงพิงไหล่ผมเพราะดูท่าทางจะเป็นทางเลือกที่เข้าท่าที่สุดแล้ว

ผมหยิบมือถือมากดโทรสั่งพิซซา แล้วระหว่างที่รอก็ช่วยนะนั่งคุ้ยกองแผ่นดีวีดีที่เจ้าตัวสะสมไว้ (รู้สึกไอ้หนังเกย์ที่นะเคยยืมเพื่อนมาจะเอาไปคืนแล้ว พอผมถามถึงเลยโดนค้อนเข้าให้) เนื่องจากเจ้าของคอลเลคชันอยากดูการ์ตูนอนิเมชันแต่ผมอยากดูหนังสืบสวนเราเลยต้องใช้วิธีเป่ายิ้งฉุบสามครั้งตัดสิน ปรากฏว่าผมชนะได้เลือกเรื่องที่จะดูก่อน พอพิซซามาส่งนะเลยให้ผมป้อนพิซซาให้เพื่อชดเชยกับการที่ตัวเองได้ดูหนังทีหลัง ตอนที่หยิบพิซซาขึ้นป้อนหลังเปิดแผ่นหนังแล้วผมเลยแกล้งทำเป็นยื่นมือหนีบ้าง เลี้ยวเข้าปากตัวเองบ้างจนโดนทุบไปหลายที กว่าจะกินพิซซาหมดถาดเลยกลายเป็นว่าทั้งผมทั้งนะดูหนังเรื่องแรกกันไม่รู้เรื่องเลย ส่วนเรื่องที่เราดูกันต่อเป็นอนิเมชันญี่ปุ่นที่เห็นว่าเคยชนะรางวัลออสการ์เมื่อหลายปีก่อนมาแล้ว ปกติผมไม่ค่อยชอบดูหนังญี่ปุ่นหรือเกาหลีเพราะปวดหัวกับภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง หรือต่อให้ฟังพากษ์ไทยก็จะจั๊กกะจี้กับเสียงที่บอกความเป็นพระเอกนางเอกจ๋าเลยมักจะหลีกเลี่ยงหนังพวกนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังที่นะเลือกมาดูสนุกจนผมเองยังดูเพลินจนลืมบ่นไปเลย

กว่าหนังเรื่องที่สองจะจบก็เที่ยงคืนกว่าเข้าไปแล้ว ผมหันไปหาคนข้างตัวที่นั่งพิงไหล่ผมอยู่เพราะกะจะถามว่าจะดูเรื่องอะไรต่อ แต่กลายเป็นว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้วตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ท่าทางคงจะเหนื่อยจริงๆผมเลยก้มลงจูบหน้าผากแล้วก็เขย่าไหล่ปลุก ความจริงเห็นคนอื่นหลับสนิทก็ไม่อยากกวนให้ตื่นเท่าไหร่ แต่ขืนปล่อยให้นอนทั้งที่ยังไม่ได้แปรงฟันคงไม่ดีแน่

“นะครับ ไปแปรงฟันก่อนเร็วจะได้ไปนอนบนเตียงดีๆ”

คนถูกปลุกงัวเงียขึ้นมองผมก่อนจะหันไปทางหน้าจอทีวีที่กำลังขึ้นเครดิตหนังกับเพลงประกอบแล้วก็ทำหน้ามุ่ย

“อ้าว หนังจบตอนไหน พี่อ๊อฟทำไมเห็นนะหลับแล้วไม่รีบปลุกล่ะ”

เสียงตัดพ้อแบบง่วงๆทำเอาผมต้องขยี้ผมนิ่มอย่างมันเขี้ยว พ่อหนูน้อยเลยยิ่งทำหน้ามู่ทู่เข้าไปอีกจนผมอดหัวเราะไม่ได้

“ก็พี่เพิ่งเห็นเราหลับก็ตอนหนังจบแล้วเนี่ย แบบนี้หลับไปตั้งแต่ฉากไหนยังจำไม่ได้เลยสิท่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นแล้วค่อยมาดูใหม่ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ไปแปรงฟันนอนก่อนดีกว่าไป”

นะขยี้ตาแล้วก็ยอมลุกไปเข้าห้องน้ำแต่โดยดี ผมเลยจัดการเก็บแผ่นดีวีดีลงกล่องแล้วเอาถุงขยะมาใส่ถาดพิซซาที่กินเหลือก่อนจะเอาไปทิ้งที่ถังขยะหน้าลิฟต์ ขืนแค่มัดถุงแล้วปล่อยทิ้งไว้ในห้องมีหวังได้ตื่นมาโดนมดหามแน่

พอผมเดินกลับมาที่ห้องอีกทีก็เห็นว่าคนตัวเล็กแปรงฟันเรียบร้อยและขึ้นไปนอนอ่านหนังสือรอบนเตียงแล้ว ผมเลยเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันบ้างก่อนจะเดินกลับมาหาคนที่นอนรออยู่ พอนะเห็นผมซุกตัวลงใต้ผ้าห่มก็ปิดหนังสือแล้วกระเถิบเข้ามานอนใกล้ๆ ผมเลยเอื้อมมือไปปิดโคมไฟก่อนจะกอดร่างเล็กตอบแล้วก็ขยับตัวให้นอนสบายขึ้น 

หลังจากดับโคมไฟหัวเตียงแล้วคนในอ้อมแขนก็เงียบไปนานจนผมนึกว่าหลับไปแล้ว แต่พอผมกำลังจะหลับบ้างก็รู้สึกว่าโดนริมฝีปากนิ่มๆอุ่นๆยื่นมาแตะที่ริมฝีปากตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนคนจูบจะรีบถอยออกไป

“ฝันดีนะพี่อ๊อฟ”

เสียงใสกระซิบก่อนจะซุกหน้าลงกับอกผมเหมือนเดิม แต่สงสัยเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าที่จริงผมยังไม่หลับ แถมตอนนี้ยังหุบยิ้มไม่ลงอีกต่างหาก ก็คนตัวเล็กเล่นมาแอบทำหวานใส่ตอนที่คิดว่าผมไม่รู้นี่นา ผมเลยกระชับร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นแล้วปิดตาลงบ้าง หลังจากกลับไปนอนเตียงที่บ้านเสียหลายวัน การได้กลับมานอนเตียงที่หอซึ่งคุ้นเคยมากกว่าพร้อมกับคนที่นอนด้วยทุกคืนให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ  

ถ้าพรุ่งนี้คนที่กอดอยู่ตื่นขึ้นมาก่อนแล้วเห็นผมนอนยิ้ม ก็คงต้องโทษความน่ารักของเจ้าตัวแล้วละ...


+------+


รีบมาลงให้แฟนๆอ๊อฟ-นะโดยเฉพาะ ไม่ได้อัพคู่นี้ตั้งนาน หวังว่าตอนนี้คงยาวพอจะชดเชยให้แฟนๆได้บ้างเน้อ (มีใครคิดเหมือนกันไหมว่าทำไมยิ่งเขียนอ๊อฟมันยิ่งหื่นขึ้นๆยังไงไม่รู้ หรือว่าป้าจะคิดไปเอง?)

หลังจากนี้อาจไม่ได้มาอัพบ่อยเหมือนเดิม เพราะว่างานเริ่มจะยุ่งขึ้นมากๆ แล้วต้องเขียนอีกสองเรื่องควบด้วย (พูดถึงเรื่องแรกที่ค้างเติ่งมาสองเดือนแล้วก็โอ้ย อายอะ) แต่ตามประสาคนชอบอู้งาน ยังไงก็จะพยายามเข็นมาลงให้ถี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อมิตรรักนักอ่าน เพราะงั้นก็ติดตามกันต่อด้วยนะจ๊ะ แล้วเจอกันตอนใหม่น้า :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 03-03-2009 00:39:53
^
^
^


 :z13:
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
บ้านแตกไปเลยพี่บีบี
คิดถึงกอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1:

แวบไปอ่านก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากัน
หุหุ


มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
มีเป้ของเขาด้วยกีสแตกลั่นบ้านเลยเป้น่ารักมากมายอ่ะพี่บีบี ถึงจะมาเพียงน้อยนิดแต่ก็ได้ใจเขาไปครองนะจะบอกให้น่ารักมากๆเลยอ่ะ รีบบินกลับมาเลยนะ ชอบบบบ แต่ว่าสมกับที่เป็นเพื่อนกันจริงเลยนะค่ะ ทำเป็นปากหนักอ้างโน่นนี่กันทั้งคู่เลยที่จริงก็อยากอยู่กับแฟนตัวเองนั้นแหละ อยากกินโมจมากมายเฮือกกกก เดี๋ยวไปเชียงใหม่ต้องแวะซื้อที่ระหว่างทางไปกินให้ได้เลย เห้นด้วยว่าอ๊อฟเราหื่นไปทุกวันเลยแต่ถามว่าชอบมั้ยบอกได้คำเดียวเลยว่าชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ฮ่าๆๆ...ก็เข้าใจล่ะนะกลับบ้านต้องนอนแยกกันได้ กุ๊กกิ๊กกันนิดเดียวเอง กลับมาเลยจัดการอาบน้ำกันซะยกใหญ่ ตัวนะนี้แววไปหมดแล้วมั้งสังสัย 555+ ด้วยความที่อ๊อฟเราขัดซะทุกส่วนเลย
ชอบใจมากมายมีตัดเล็บเท้าให้กันด้วย หวานแหววกว่านี้ได้อีกมั้ย อร๊ากกกกกกกกกกกกกกจริงเลยนะ เคลิ้มรู้สึกดีมากๆเลยป้อนกันให้เขาอิจฉาตาร้อนวาบไปไหนเนี้ย อยากกินพิซซ่าเลยเมื่อกี้ก็โมจิไปที่หนึ่งแล้ว ตอนนี้มาพิซซ่าอีกแต่เราไปกินคงไม่มีคนป้อนเล่นแบบนี้แซด ฮ่าๆๆชวนเป้ไปกินด้วยกันดีกว่า คริๆๆๆ
น้องนะจ้าได้ใจไปเต็มเลยนะกับการแอบจุ๊บๆบอกรักอ๊อฟแอ๊ฟของเราแบบนี้เล่นเอาอ๊อฟน้าบานกว่ากระด้งแล้ว เอิ๊กๆๆ คู่นี้หวานมากกกกกกกกกกกกกกกก ชอบจริงเลย รอคอยความหวานของเป้อยู่นะค่ะ จุ๊บๆ

อืมพยายามเข้านะค่ะ ทั้งเรื่องงานแล้วก็ทุกๆอย่างเลยนะค่ะ
กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คิดถึงมากมายเลยนะ ช่วงนี้ไม่ได้คุยด้วยกันเลย กระซิกๆๆคิดถึงงงง
คิดถึงเขาบ้างนะค่ะ (อ้อนๆๆๆๆ) ดูแลตัวเองด้วยนะ กอดดดดดดดดดดด

เป็นอะไรที่บังเอิญมากตอนที่ 16 เหมือนกันเลย กีสๆๆๆๆๆ

อัพแล้วนะ....ด๊วฟๆๆๆๆ

จิ้มกลับๆๆๆ กอดดดดดดดดดดดดด
v
v
v
v
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-03-2009 00:45:31
^
^
^
จิ้มกลับจจ. ตอนนี้ต้องขอไปนอนก่อน แบบว่าง่วงจะไม่ไหวแล้ว เดี๋ยววันหลังค่อยคุยกันเน้อ :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 03-03-2009 01:29:00
 o18น้องนะน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกอะ ไม่ไหวแล้ว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 03-03-2009 02:37:05
กรี๊ดดดดดดดดด มาแล้วๆๆๆๆ ได้อ่านจุใจมากคราวนี้ ขอบคุณนะคะ  :L2:

อ๊อฟนะอ๊อฟ  :z6: คิดเหมือนคนแต่งว่าอ๊อฟเริ่มหื่น (หรือว่าคนแต่งหื่นกันน๊า)

ส่วนน้องนะจ๋า มาให้กอดซะดีๆ ยังน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเดิมเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 03-03-2009 16:32:03
ตอนใหม่มาซะที แต่จะว่าอะไรไหมอ่ะ ถ้าเค้าอยากอ่านตอนพิเศษเป้-วิว ขวัญใจเค้าอ่ะ เอาตอนที่เป้กลับมาจากอังกฤษก็ดีนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 03-03-2009 23:19:34
ยาวสะใจ
สมกับที่รอคอย และคอยรอ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-03-2009 00:27:39
หวานเจื้อยแจ๊วมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 04-03-2009 00:31:36
หวานสมใจกะที่รอคอยเลย

ขอบคุณนะคะ บีบี   :3123:


หาเวลาอู้แล้วมาต่อนิยายเยอะ ๆ นะคะ  :กอด1:

นนนี่ ผู้สนับสนุนหลักให้อู้งานอย่างเป็นทางการ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 04-03-2009 14:20:40
^
^
^
จิ้มๆ คนสวยข้างบน

เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
แต่ต่อไปจะติดตามเรื่อยๆนะคะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 04-03-2009 16:28:13
อ๊อฟหื่นจริงๆ แต่น้องนะน่ารัก :o8:

bb มาทำให้ติดคุณเชฐกับภัทร แล้วก้อจากมา                       

:กอด1:

 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-03-2009 18:52:51
โอ๊ยยยยยยย คู่นี้น่ารัก จริงๆ เลย อ่านไปอิจฉาไป   :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 04-03-2009 23:04:31
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

พึ่งเห็นนนนว่าตอน 16 มาแล้ววววววววว

+ 1 ให้ บีบี ก่อนเลยยยยยยย


-----------------------------

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย

บีบี

ข้ามตอนอาบน้ำไปได้งายยยยยยยยยยยยยยยยยยย :serius2:




น้องนะก็ยังน่ารักหมือนเดิมมมมมม

พี่อ๊อฟ หื่นขึ้นเหรอ ดีแล้วๆๆ เค้าชอบบบบบบ :z1:



v

v

v..  :กอด1:รีล่าง คิดถึงนะว้อยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 05-03-2009 18:17:52
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย :impress2:

น้องนะ พี่อ๊อฟน่ารักมาก

เป็นหนึ่งวันที่คุ้มค่าจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 05-03-2009 18:42:57
 :z2: :z2: :z2:
+1 ให้ป้ายังดีนะเนี่ยที่จำได้ว่าเรารออ่านอยู่ คิๆ
แค่เรื่องของ ภัทร ก็อย่าช้าละ(พูดเล่นน๊าไม่รักไม่หยอกหรอกอิๆ)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 05-03-2009 22:47:19
คราวนี้ก็ทางสะดวกล่ะ
พ่อแม่รับรู้ขนาดนี้แล้ว
อิอิ

ลป.จะว่าไปเรื่องแรกก็ค้างนานแล้วนะ ไปต่อหน่อยดีมั้ย  o18

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 16 (3/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-03-2009 23:19:21
^
^
^
แทงใจได้อีก.....:z3:


ว่าแล้วก็ขอแด๊นซ์ประกอบการตอบเม้นต์ให้ฉ่ำอุรานะจ๊ะ :z2:


LOVEJUICE   อ่านะ พิมพ์ไปยังหิวเองเลยตอนนี้ ส่วนเป้นี่ขอเช็คคิวก่อนว่าจะได้มาเต็มๆเร็วๆนี้ป่าว

Ferfa    รับน้องนะไปเลี้ยงสักคนมั้ยคะ อิๆ

LOT   เค้าเปล่าหื่นน้า อ๊อฟต่างหากที่หื่น นี่ถ้าให้อ๊อฟบรรยายว่าอาบน้ำให้น้องนะยังไงตั้งห้ารอบมันไม่ยิ่งดูหื่นเข้าไปใหญ่เหรอเนี่ย

mist   หึๆๆ...o3

pickki_a    อร๊ายยยยย คัมแบ๊คทั้งทีเก๊าะต้องให้คุ้มสำหรับคนรอจริงม้าย

pongsj   อย่าเพิ่งเบื่อหวานๆละกันน้า T^T

nOn†ღ    เรามาแท็คทีมตั้งสมาคมกันน่าจะดีเนาะนนนี่ เป็นสมาคม “เป็ดจอมอู้” เย่!

@BUA@   ขอบคุณจ้าน้องบัว~

moonlight   แอร๊ยย์ ตอนนี้เลี้ยงองค์ไว้หลายเรื่องอะสจ. กำลังมึนชีวิตว่าเรื่องไหนจะได้จบก่อน

dahlia   อืม เด็กๆนี่มันน่าอิจฉาจริงๆด้วย แง่ม

Bg LoVe NT    อันนี้มาให้พอเป็นกระสัยไงจ๊ะพี่แขฉุดฉวย (ฟังดูคนเขียนขี้เกียจๆนิ)

19NT   เนอะ จะให้คุ้มกว่านี้อ๊อฟคงต้องขยันอีกหลายๆวัน

newykung   หึๆ นอกจากนิวป้าก็โดนหยอกจากอีกหลายคนอยู่นะเนี่ย

krappom    โปรดอ่านบรรทัดแรกอีกครั้ง...:z3:

ยังไงก็เอาเป็นว่า เจอกันอีกทีเร็วๆนี้ละกันเนะ จุ๊บๆทุึกคนด้วยความคิดถึงจ๊ะ  :o8:

ปล. เมื่อเย็นไปเดินเฉิดฉายที่พารากอนมา ข้าวของในซุปเปอร์ราคาแพงขึ้นมากมาย คนสวยเลยแทบไม่กล้าซื้ออะไรเลย แง้ววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-03-2009 17:28:42
ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: ของขวัญที่เฝ้ารอ (1/2)


เสียงสัญญาณเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่ดังกังวานไปทั่วห้องทำให้ผมรีบหยิบผ้าขนหนูขึ้นซับหน้าแล้วตรงดิ่งไปหยิบมือถือขึ้นดู ทว่าหมายเลขโทรเข้ากลับไม่ใช่หมายเลขของคนที่รออยู่แต่เป็นชื่อ “Anonymous” ผมเลยขมวดคิ้วก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นรับ

“สวัสดีครับ”

“วิวเหรอ? นี่โอ๊คนะ เป็นไงบ้าง ไม่ได้คุยกันตั้งนาน”

เสียงของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบปีทำให้ผมส่งเสียงอุทานด้วยความดีใจ “โอ๊คเหรอ? ไม่ได้คุยกันนานจริงๆด้วย นี่อยู่ที่ซิดนีย์อยู่ใช่มั้ย? หรือว่ากลับมาเยี่ยมบ้าน?”

“เปล่าๆ พอดีหม่าม้ามาเยี่ยม นี่ก็บ่นใหญ่เลยว่าอากาศร้อน เห็นว่าปีนี้ที่เมืองไทยหนาวมากนี่นา เราก็อยากกลับไปเยี่ยมแต่คงไปช่วงปิดเทอมใหญ่เลย แล้วนี่วิวอยู่ที่บ้านหรือเปล่า? ที่สกลฯน่าจะหนาวยิ่งกว่ากรุงเทพฯนี่”

เสียงใสเจื้อยแจ้วตามประสาคนช่างพูดจนผมต้องยิ้ม น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงสุขสบายดีกับการใช้ชีวิตนักเรียนนอก หลังจากที่โอ๊คบินไปออสเตรเลียแล้วส่วนใหญ่เราจะติดต่อกันทางอีเมล์เสียมากกว่าเลยไม่ค่อยได้คุยกันนัก ครั้งสุดท้ายที่เจ้าตัวโทรมาก็ตั้งแต่วันเกิดผมเมื่อปีที่แล้ว

“ปีนี้ไม่ได้กลับน่ะ พอดีช่วงหยุดยาวนี่พ่อกับแม่เค้าไปเที่ยวมาเลเซียกับพวกญาติๆ แต่ว่าเราไม่สบายก็เลยอยู่ที่หอนี่แหละ”

“อ้าว? แล้ววิวอยู่คนเดียวเหรอ เป้ไปไหนล่ะ?”

ผมเดินไปเลื่อนเปิดกระจกหน้าต่างเพื่อให้อากาศภายนอกถ่ายเทเข้ามาแล้วก็มองลงไปยังลานจอดรถที่มีรถยาริสสีดำของใครบางคนจอดอยู่ ที่จริงเจ้าของรถจะจอดทิ้งไว้ที่บ้านตัวเองก็ได้ แต่ก่อนวันเดินทางไปต่างประเทศเป้กลับเอากุญแจมาให้ผมแล้วบอกว่าฝากดูแลรถแทนให้ด้วย ทำอย่างกับว่าถ้าบินกลับมาปุ๊บก็ต้องตรงมาหาผมก่อนเพื่อเอารถคืนปั๊บอย่างนั้นแหละ ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าเจ้าตัวเคยโดนที่บ้านถามบ้างหรือเปล่าว่าที่ไม่ชอบกลับบ้านนี่เพราะไปขลุกอยู่ที่ไหน

“เป้ไปเยี่ยมพี่ชายที่อังกฤษกับที่บ้านน่ะ เห็นว่าคงบินกลับมาก่อนเปิดเทอมวันนึงมั้ง”

“เหรอ...แต่อย่างนี้วิวก็ต้องอยู่คนเดียวทั้งที่ไม่สบายน่ะสิ”

“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่เจ็บคอนิดหน่อย เดี๋ยวกินยาลดไข้แล้วนอนพักก็น่าจะหาย”

“ได้ยังไง วิวไปหาหมอดีกว่า แล้วก็ให้ทายนะ นี่คงไม่ได้บอกเป้แหงเลยสิท่าว่าตัวเองไม่สบาย?”

โอ๊คจุ๊ปากแล้วก็ดักคออย่างรู้ทันจนผมยิ้มเจื่อนๆแม้อีกฝ่ายจะไม่เห็นก็ตาม

“เราไม่ได้เป็นอะไรจริงๆโอ๊ค ไม่ต้องห่วง”

ผมยืนยันไม่ลดละจนสุดท้ายคนทักก็ต้องยอมแพ้ “เอาเถอะ ว่าแต่นี่เดี๋ยวเราต้องออกไปข้างนอกกับหม่าม้าแล้วล่ะ เดี๋ยววันหลังจะโทรมาใหม่ ยังไงวิวอย่าลืมไปหาหมอนะ”

“อื้ม ขอบคุณนะโอ๊คที่โทรมาหา บาย”

ผมกดวางสาย ลมเย็นๆที่โชยเข้ามาจากช่องหน้าต่างที่เปิดไว้ทำให้เริ่มหนาวจนต้องรีบเลื่อนปิด ผมยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจ บางทีการไปหาหมอกันไว้ก่อนอย่างที่เพื่อนแนะนำอาจจะดีกว่าก็ได้


+------+


ผมปิดโทรทัศน์หลังจากไล่กดรีโมทครบทุกช่องจนวนกลับมาที่ช่องแรกเป็นรอบที่สอง ก่อนอาการคันและแสบร้อนในคอจะทำให้ต้องฝืนยกตัวที่เมื่อยล้าไปกดน้ำอุ่นจากกระติกมาจิบและเอาสองมืออังกับแก้วไว้ คุณหมอที่คลินิกบอกว่าคงเพราะอากาศที่หนาวจัดในปีนี้ประกอบกับไข้หวัดที่กำลังระบาดทำให้ผมไม่สบายขึ้นมา แต่ผมก็คิดเอาเองว่ายังดีที่เพิ่งจะมามีอาการเอาในช่วงวันหยุดที่ไม่ต้องมีธุระไปไหน ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดป่วยขึ้นมาระหว่างที่ยังสอบไม่เสร็จคงทำให้อารมณ์เสียแน่ๆ

ตอนแรกที่เป้มาบอกผมว่าต้องไปเยี่ยมพี่ชายที่ต่างประเทศกับครอบครัว ผมก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเหมือนกันเพราะวันหยุดปีนี้ยาวมาก แต่พอได้รู้ว่าพ่อกับแม่วางแผนจะไปเที่ยวมาเลเซียกันผมเลยขอตัวอยู่หอคนเดียว เพราะท่าทางก๊วนที่ไปด้วยก็คงมีแต่พวกญาติผู้ใหญ่ที่ผมไม่ได้สนิทด้วย อีกอย่างต่อให้โดนกระเตงไปด้วยจริงๆ สังขารที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คงทำให้ผมเที่ยวไม่สนุกอยู่ดี

นาฬิกาบนผนังชี้บอกเวลาสามทุ่มกว่าซึ่งถือว่ายังหัวค่ำอยู่มาก แต่อาการเวียนหัวที่คอยจู่โจมเป็นระลอกก็เหมือนจะส่งสัญญาณให้ผมรีบพักผ่อนเร็วๆ ผมเลยกินยาที่หมอสั่งให้สำหรับก่อนนอนแล้วปิดไฟในห้องจนเหลือเพียงโคมไฟหัวเตียง อุณหภูมิที่ลดต่ำลงอีกในยามค่ำแบบนี้ทำให้ผมต้องเอาผ้าห่มมาคลุมตัวถึงสองชั้นแม้ว่าจะใส่เสื้อไหมพรมเนื้อหนาทับชุดนอนและสวมถุงเท้าแล้วก็ตาม

อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวและความปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อทำให้ผมนอนพลิกไปมาอย่างไม่สบายตัว ได้แต่พยายามข่มตาให้หลับขณะรอยาออกฤทธิ์เพื่อจะได้พักผ่อนเสียที ถึงแม้อาการป่วยที่เป็นอยู่ตอนนี้จะไม่ได้ถือว่ารุนแรงหนักหนาอะไร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ชอบความรู้สึกว่าร่างกายกำลังอ่อนแอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้อยู่ดี

หลังจากที่การข่มตาหลับอยู่เป็นนานไม่ส่งผล ผมเลยเอื้อมไปหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างหมอนก่อนจะกดหาเบอร์คนที่ได้คุยกันครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ ทั้งที่ผมเคยบอกก่อนเจ้าตัวจะบินไปอังกฤษแล้วว่าอยู่ที่โน่นไม่ต้องโทรกลับมาทุกวันก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพ่อตัวดีก็ไม่ยอมฟัง ยิ่งหลังจากผมหลุดปากว่าช่วงวันหยุดนี้ไม่ได้กลับบ้านเป้เลยยิ่งโทรมาเช็คทั้งเช้าทั้งเย็น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เห็นแก่ตัวพอจะทำให้อีกฝ่ายกังวลใจเลยพยายามปิดเรื่องที่ตัวเองไม่สบายเอาไว้ พอเห็นเวลาที่เป้โทรมาหาครั้งล่าสุดผมก็อดนึกถึงบทสนทนาตอนนั้นขึ้นมาไม่ได้

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“วิวกินข้าวหรือยัง แล้ววันนี้กะจะออกไปไหนหรือเปล่า?”

“เรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้คงนั่งๆนอนๆอยู่ที่ห้องนี่แหละ แล้วเป้ล่ะ?”

“เห็นพ่อกับแม่คุยกันว่าอยากขึ้นไปดูปราสาทโบราณที่เอดินเบิร์ก แต่พี่ปิ่นกับยายปอนด์อยากข้ามไปเที่ยวปารีส เลยยังตกลงกันไม่ได้สักทีว่าจะไปไหนกันแน่”

เสียงที่แสดงความเซ็งของคนพูดทำเอาผมอมยิ้ม ความจริงแล้วเป้ก็เป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยวพอสมควร เคยขับรถพาผมไปเที่ยวต่างจังหวัดก็หลายครั้ง แต่เจ้าตัวเคยบอกว่าตั้งแต่โตมาไม่ค่อยชอบเวลาไปเที่ยวพร้อมหน้ากับครอบครัวเท่าไหร่เพราะคนยิ่งเยอะก็ยิ่งยุ่งยากเวลาจะตัดสินใจทำอะไรแต่ละที

“ดีจังนะ ครอบครัวได้ไปเที่ยวไกลๆด้วยกัน พี่ชายเป้คงดีใจที่ทุกคนไปเยี่ยม”

“ปูมก็คงดีใจแหละ แต่ก็แอบมาบ่นเหมือนกัน นี่ถ้ารู้ว่าวิวจะไม่กลับบ้านช่วงนี้เป้ชวนมานี่ด้วยแล้ว”

“บ้า จะให้ไปเป็นส่วนเกินในทริปครอบครัวคนอื่นได้ไง อีกอย่างค่าเครื่องบินวิวก็ไม่มี แล้วก็ไม่ต้องบอกนะว่าเป้จะออกให้ ถ้าพูดอย่างนั้นจะโกรธจริงๆด้วย”

ผมรู้ดีว่าเป้มีเงินเก็บในบัญชีเยอะเพราะได้หัดช่วยงานที่บริษัทของพ่อมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้เจ้าตัวจะชอบบอกว่าเรียนจบเมื่อไหร่จะไปสมัครงานที่อื่นเพราะไม่อยากสืบทอดธุรกิจครอบครัวก็ตามที แต่เพราะอีกฝ่ายก็คอยทำอะไรๆให้ผมมาตลอด อีกอย่างผมอยากรู้สึกว่าตัวเองเท่าเทียมเป้บ้าง ถ้าหากว่าเราเรียนจบและผมทำงานมีเงินเดือนแล้วก็คงไม่กระอักกระอ่วนเวลาเป้ชวนไปทำอะไรที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะถึงแม้ฐานะทางบ้านผมจะถือว่าโอเคในระดับหนึ่งแต่ผมก็ไม่ชอบขอเงินพ่อแม่มาทำอะไรฟุ่มเฟือยอยู่ดี

ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดเสียงแข็งไปหรือเปล่า แต่ท่าทางเจ้าตัวจะสำนึกได้ว่าพูดจี้จุดผมเข้าเลยตอบด้วยเสียงอ่อนลง  “เข้าใจละ เอาไว้วิวพร้อมเมื่อไหร่เราค่อยมาเที่ยวกันเองสองคนก็แล้วกัน ว่าแต่ทำไมเสียงถึงแหบๆชอบกล ไม่สบายหรือเปล่า?”

จังหวะที่เป้ถามผมเกือบจะไออยู่แล้ว เลยต้องรีบยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วสูดหายใจลึกๆก่อนจะพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับได้

“เปล่านี่ สัญญาณไม่ค่อยดีเพราะโทรทางไกลหรือเปล่า วิวไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“แน่นะ?”

เสียงเข้มที่ทวนถามกลับมาอย่างระแวงทำให้ผมต้องรีบเบี่ยงประเด็นไปชวนคุยเรื่องอื่นแทน เพราะรู้ว่าถ้าบอกไปตามตรงคงทำให้เป้ไม่สบายใจและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวแน่ๆ แต่กระทั่งก่อนจะวางสายผมก็ยังโดนยกเรื่องนี้ขึ้นมาถามอีกจนต้องตัดบทด้วยน้ำเสียงแกมรำคาญนั่นแหละพ่อคุณชายถึงได้เลิกเซ้าซี้

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


ผมกดปุ่มดูฟังก์ชันอื่นๆในมือถืออย่างเลื่อนลอยเพราะไม่รู้จะทำอะไร สุดท้ายเลยเปิดอัลบัมรูปในเครื่องดู ในนั้นมีโฟลเดอร์หนึ่งที่คนตัวโตถือวิสาสะเอามือถือผมไปถ่ายรูปตัวเองเก็บไว้ พอผมเปิดดูรูปของคนที่อุตส่าห์ถ่ายตัวเองไว้แล้วก็ต้องยิ้ม ปกติเป้ไม่ใช่คนบ้ากล้อง ถ้าจะถ่ายรูปก็ชอบถ่ายภาพวิวหรือภาพคนอื่นมากกว่า แต่สำหรับกล้องในโทรศัพท์ผมเจ้าตัวบอกว่ายกให้เป็นกรณีพิเศษ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยกให้ทำไมทั้งที่ผมเองก็ไม่เคยขอสักหน่อย

ผมกดเลื่อนดูรูปไปเรื่อยๆระหว่างที่ยังนอนไม่หลับ พลันคลื่นแห่งความเหงาที่เริ่มสะสมมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็ถาโถมเข้าหา ความคุ้นเคยกับการที่ได้พูดคุย เห็นหน้าและสัมผัสเนื้อตัวกับใครบางคนทุกวันทำให้ผมชินกับการมีเป้อยู่ข้างๆไปโดยไม่รู้ตัว และถึงแม้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าตัวจะอยู่ไกลถึงต่างประเทศ แต่เพราะเป้คอยโทรมาหาสม่ำเสมอทำให้ผมไม่ทันได้รู้สึกถึงความเหงาสักเท่าไหร่ แต่อาจเป็นเพราะร่างกายที่กำลังอ่อนแอบวกกับการไม่ได้อยู่คนเดียวมานาน การที่ไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายแค่วันเดียวจึงส่งผลให้ผมคิดถึงคนที่อยู่ไกลมากอย่างที่ไม่เคยคิดถึงขนาดนี้มาก่อน

ปลายนิ้วของผมเลื่อนไปที่หมายเลขโทรศัพท์ซึ่งเจ้าตัวเปิดใช้บริการโรมมิ่งเอาไว้ ทว่าเมื่อจะย้ำแรงที่ปุ่มโทรออกก็ให้ลังเลใจขึ้นมา ถ้าหากผมโทรไปก็เท่ากับผิดคำพูดตัวเองที่บอกว่าไม่อยากทำลายเวลาครอบครัวของเป้ อีกอย่างก็ผมเองอีกนั่นแหละที่เคยออกปากเป็นมั่นเหมาะว่าผมไม่เหงากับการที่ต้องอยู่คนเดียวในช่วงวันหยุดนี้ ความอึดอัดใจซึ่งมาจากความต้องการที่ตีกันในหัวทำให้ผมกดปุ่มเข้าฟังก์ชันเมสเสจแล้วพิมพ์ข้อความสั้นๆแทน

‘I miss you’

ผมรัวนิ้วลงที่ปุ่มตัวอักษรแต่ละปุ่มราวกับทุกตัวอักษรบรรจุความรู้สึกของตัวเองไว้ พอพิมพ์เสร็จก็นอนอ่านทวนข้อความนั้นอยู่อีกหลายรอบก่อนจะเลื่อนนิ้วไปที่คำสั่ง ‘Send to’ แล้วเลือกชื่อของเป้ ทว่าพอถึงคำสั่งสุดท้ายที่ให้ยืนยันว่า ‘Send’ ผมก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาอีก เป้จะคิดยังไงถ้าได้รับข้อความนี้จากผม แล้วเจ้าตัวจะตอบรับด้วยการโทรมาหาทันทีเลยหรือเปล่า แต่ถ้าอย่างนั้นไม่เท่ากับว่าทุกคำพูดที่ผมพร่ำบอกอีกฝ่ายไปไม่มีค่าให้เชื่อถือหรอกหรือ

สุดท้ายเมสเสจที่เพิ่งพิมพ์เสร็จก็ถูกกดลบทิ้งก่อนผมจะวางเครื่องไว้ข้างหมอนเหมือนเดิม ทันทีที่มือละจากสัมผัสเย็นเฉียบของเครื่องมือสื่อสารทรงสี่เหลี่ยมแบนๆได้ก็เหมือนความตั้งใจแต่เดิมจะกลับคืนมา ผมจึงระบายลมหายใจยาวด้วยความโล่งอกและบอกตัวเองว่าทำถูกแล้วที่ไม่ส่งข้อความนั้นไป

ความง่วงงุนที่แล่นขึ้นเป็นริ้วส่งสัญญาณว่ายาเริ่มออกฤทธิ์จนร่างกายหนักอึ้ง ผมเลยเอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียงก่อนจะซุกตัวเองลงใต้ผ้าห่ม แต่ท่ามกลางความสะลึมสะลือผมฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อคว้าหมอนที่เป้ใช้หนุนเวลามาค้างที่ห้องมากอดแนบอก อย่างน้อยถึงเจ้าของหมอนจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่กลิ่นประจำตัวที่ติดอยู่บนหมอนก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น และเมื่อหลับตาลงอีกครั้งผมก็แทบจะหลับสนิทในทันที


+------+


Assignment ที่โดนสั่งเสร็จเร็วกว่าที่คิด แล้ววันนี้นายก็หายไปทั้งบ่าย เลยมีเวลาปั่นครึ่งแรกตอนพิเศษของคู่นี้มาให้ก่อนจ้า พอดีคืนนี้เค้าจะไปปาร์ตี้เลยไม่มีเวลาพิมพ์ต่อ แต่จะรีบเข็นครึ่งหลังตามมาให้โดยไวแล้วกันเน้อ :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 06-03-2009 17:44:54
^

^

จิ้มทะลุทะลวง
 :laugh:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 06-03-2009 18:49:45
มาต่อ เร้ว ๆๆนะ

 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 06-03-2009 18:55:12
อร๊ายยยย ตอนพิเศษมาแล้วววว




 :monkeysad: สงสารวิวอ่ะ

ไม่สบายแล้วต้องอยู่คนเดียวอีก


บีบี มาต่อครึ่งหลังเร็วๆนะ

อยากรู้ว่าของขวัญที่เฝ้ารอคืออารัยยย


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 06-03-2009 19:24:34
วิวไม่สบาย
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
น่าสงสารอ่ะ
แฟนก็ไม่อยู่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 06-03-2009 20:13:41
 :กอด1: กอดวิว  :กอด1:

พี่เป้ไม่อยู่ ฟะกอดวิวแทนก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 06-03-2009 23:27:43
เพิ่งมาได้อ่านเรื่องนี้

พลาดไปได้อย่างไร

สนุกมากเลยค่ะ

ชอบทั้งสองคู่เลย

ขอฝากเนื้อฝากตัวอ่านเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-03-2009 00:02:01
เป้ จงกลับมา กลับมา กลับมา   :oni3:   :oni3:   :oni3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 07-03-2009 02:55:03
แง่มๆๆๆ แต่งค้างไว้แบบนี้อย่าหาว่าเค้าไม่ร้ากกกกกกกกก คนแต่งเลยน๊า  :z6:

ถ้าทิ้งไว้แบบนี้แล้วครั้งหน้าไม่หวานนะ คอยดู  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-03-2009 10:52:45
^
^
^
:try2:
ส่งครึ่งแรกเหงาๆมาให้้ก่อน จะได้เบรกความหวานบ้างไรบ้าง แหะๆ

ตอนต่อไป กำลังกระดื๊บมาได้สามบรรทัดแล้วก๊าบ...:z6: (<--เล่นตัวเองซะ)  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 07-03-2009 11:21:15
 :z2:   :z2:

ท่าสวยมะค่ะ

รอต่อปายยยย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 07-03-2009 11:35:50
ป้าๆ
ถ้าอ่านตอนนี้แล้วผมจะไม่สบายไม๊อ่ะ?
แต่ถ้าไม่สบาย ผมก็ไม่มีคนให้โทรหาหรอกนะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 07-03-2009 14:44:48
อ่านแล้วเหงาๆ ตามวิวไปด้วย

แต่เชื่อว่า เป้ไม่โทรมา เพราะเป้กำลังนั่งเครื่องบินกลับมาหาวิวแน่ๆ  :o8:




ใช่ไหมคะป้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 07-03-2009 15:18:37
 :call: จุดเรียกเป้ให้กลับมาหาวิวเร็วๆ

 :call: จุดเรียกบีบี ให้มาต่อไว ๆ ด้วย

 :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 07-03-2009 16:14:21
 :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 07-03-2009 20:53:02
โอ๊ย อยากอ่านต่อแล้ว
บีบีจ๋า มาต่อไวๆ หน่อยเถ้อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-03-2009 21:55:08
คิดถึงก็โทรไปเลยอย่าคิดมาก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 08-03-2009 09:41:15
 :กอด1: คนเขียน ที่อุตสาห์จัดมาให้ตามคำขอ  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 1/2 (6/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: vin2526 ที่ 08-03-2009 13:10:06
เรื่องนี้ก็ยังสวีทเหมือนเดิม น่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-03-2009 15:23:56
ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: ของขวัญที่เฝ้ารอ (2/2)


เสียงโทรศัพท์แจ้งว่ามีเมสเสจเข้ากลางดึกทำให้ผมผวาตื่นแล้วรีบหยิบมือถือขึ้นกดดู แต่แล้วหัวใจที่พองฟูก็ต้องแฟบลงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าข้อความบนหน้าจอเป็นเพียงเมสเสจสวัสดีปีใหม่จากเพื่อนคนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบสงัดผมได้ยินเสียงเฮฮาเหมือนมีคนตั้งวงเหล้าในบ้านหลังที่อยู่ถัดไปจากหอแว่วๆ

เวลาบนหน้าจอมือถือแจ้งให้รู้ว่าเพิ่งเลยเที่ยงคืนมาไม่นานนัก และเลขวันเดือนปีที่ปรากฏก็เตือนให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ทั่วประเทศกำลังฉลองการเข้าสู่ปีใหม่แล้ว

ผมกดปุ่มลบข้อความจากเพื่อนที่คงส่งหาทุกคนที่เจ้าตัวมีหมายเลขทิ้งโดยไม่พิมพ์ตอบ แม้จะเสียมารยาทอยู่บ้างแต่ผมก็ไม่อยู่ในอารมณ์จะเฉลิมฉลองกับใครจริงๆ ความรู้สึกแห้งผากในคอทำให้ผมต้องเอื้อมหยิบแก้วน้ำที่ตั้งไว้บนหัวเตียงขึ้นจิบก่อนจะสำลักเพราะเกิดไอตอนจังหวะที่จะกลืนน้ำพอดี ผมยกหลังมือขึ้นปาดริมฝีปากลวกๆหลังจากหอบสำลักจนตัวโยนก่อนจะทิ้งตัวลงนอนใหม่อีกครั้งแล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นก่ายหน้าผาก

แม้ตอนนี้จะเป็นปีใหม่ที่นี่ แต่ที่อังกฤษตอนนี้คงเพิ่งเป็นช่วงเย็นของวันที่ 31 ธันวาคม ดังนั้นกว่าที่นั่นจะได้ฉลองการเข้าสู่ปีใหม่บ้างก็ต้องเป็นเวลาเช้าของวันที่ 1 มกราคมตามเวลาในเมืองไทยไปแล้ว

ผมกระพริบตาไล่หยดน้ำที่เอ่อขึ้นมาคั่งอยู่ในหน่วยตาทั้งสองออกไป แล้วก็ต้องสูดจมูกที่แสบร้อนจากน้ำมูกซึ่งไม่ได้มาจากหวัด ทว่าพอพลิกตัวนอนตะแคงหยาดน้ำในตาก็ซึมลงไปบนหมอนจนผมต้องใช้อุ้งมือเช็ดออก น่าอายจริงๆที่ต้องมานอนป่วยและซึมเศร้าอยู่คนเดียวในเทศกาลวันหยุดแบบนี้ แต่จะไปเรียกร้องอะไรกับใครได้ในเมื่อผมเป็นคนเลือกที่จะทำแบบนี้เอง

ผมตัดสินใจฝืนลุกขึ้นไปล้างคราบน้ำตาและสั่งน้ำมูกในห้องน้ำ ก่อนจะตัดสินใจว่าถ้าหากพรุ่งนี้เป้ยังไม่โทรมาอีก พอถึงเวลาก้าวสู่วันใหม่ที่อังกฤษเมื่อไหร่ผมจะโทรไปหาเอง อย่างน้อยถ้าใช้ข้ออ้างว่าโทรไปสวัสดีปีใหม่ก็คงดูไม่เหมือนว่าผมอยากได้ยินเสียงอีกฝ่ายจนยอมกลืนน้ำลายตัวเองจนเกินไปนัก

ผมไล้ปลายนิ้วบนหมอนที่เอามากอดอีกครั้งก่อนจะปิดตาลง ครั้งนี้ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ขณะที่กำลังขดตัวด้วยความหนาวอยู่ใต้ผ้าห่ม จู่ๆก็รู้สึกว่าได้ยินเสียงฝีเท้าในห้องก่อนที่เตียงข้างตัวจะยุบลงแล้วตามด้วยสัมผัสเย็นๆบนแก้ม ทว่าเปลือกตาที่ยังหนักอึ้งบวกความสะลึมสะลือทำให้ผมลืมตาไม่ขึ้น แม้จะตกใจว่าทำไมถึงมีใครมาอยู่ในห้องแต่ประสาทสัมผัสที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่

ความเย็นแต่อ่อนโยนที่ไล้สัมผัสอยู่บนผิวหน้าทำให้ผิวที่ร้อนผ่าวรู้สึกสบาย สัมผัสนั้นไล้ต่ำเรื่อยลงไปที่ซอกคอจนผมต้องรีบหดคอหนี เสียงสวบสาบเหมือนใครคนนั้นขยับตัวพร้อมกับเสียงถอนหายใจลอยมาเข้าหูก่อนที่อะไรบางอย่างที่นุ่มและหยุ่นจะประทับลงมาบนหน้าผาก ประสาทการรับรู้ที่ค่อยๆเป็นอิสระจากการหลับใหลมากขึ้นทำให้เริ่มแยกแยะได้ว่าสัมผัสนั้นมาจากริมฝีปากของใครคนหนึ่งที่กำลังพรมจูบไปทั่วใบหน้า เช่นเดียวกับที่ใครคนนั้นชอบทำเวลาที่รู้ว่าผมไม่สบายใจหรือเวลาที่อยากแหย่ผมเล่น กลิ่นอ่อนๆที่คุ้นเคยยิ่งตอกย้ำให้ผมมั่นใจมากขึ้นว่าเจ้าของจูบคือใครแม้จะยังไม่ลืมตา

หยดน้ำตาซึมจากหางตาผมอย่างกลั้นไม่อยู่ทันทีที่ริมฝีปากนั้นเคลื่อนไปหยุดที่ริมฝีปากตัวเอง ผมเอื้อมแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรงเอาไว้และเผยอริมฝีปากต้อนรับลิ้นอุ่นชื้นที่สอดแทรกเข้ามาราวจะปลอบประโลมและปลุกเร้าความต้องการไปพร้อมกัน ภายใต้การรับรู้ที่ตื่นเต็มที่ผมรู้สึกถึงปลายนิ้วแข็งแรงที่ช่วยกรีดน้ำตาออกให้ทั้งที่ริมฝีปากของเราสองคนยังคลอเคลียกันอยู่ไม่ห่าง

เป็นนานกว่าที่ผู้มาเยือนยามวิกาลจะถอนริมฝีปากออก ผมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมองคนที่กำลังจ้องตัวเองอยู่พร้อมรอยยิ้ม เป้เลื่อนมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

“ไหนบอกว่าอยู่คนเดียวได้ไง แล้วนี่ร้องไห้ทำไม?”

“ทำไมเป้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

ผมไม่ตอบแล้วยังถามกลับด้วยเสียงแหบแห้งโดยไม่ปล่อยมือที่โอบคอคนตัวโตอยู่ มันประจวบเหมาะเกินไปที่เป้มาปรากฏตัวหลังจากที่ผมเพิ่งคิดถึงอีกฝ่ายในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนจนเหมือนกับฝัน แต่รอยยิ้มมุมปากประจำตัวกับความอบอุ่นจากเลือดเนื้อที่ได้สัมผัสก็ทำให้รู้ว่าคนที่กำลังคิดถึงอยู่ตรงหน้าผมแล้วจริงๆ

“ก็ใครล่ะมาทำให้คนอื่นสงสัยว่าตัวเองไม่สบายแล้วก็พยายามปิดแทบตายน่ะ เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้อ้อนเป้บ้างก็ได้”

เป้พูดแล้วก็ก้มลงจูบบนหางตาผมที่ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ ส่วนมือใหญ่ก็เลื่อนขึ้นเสยผมที่ชื้นเหงื่อจนแนบติดหน้าผากออกให้ ผมหลับตาลงก่อนจะระบายลมหายใจที่ไม่รู้ว่ากลั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ออกมาด้วยความโล่งอก


...เป้กลับมาหาจริงๆด้วย…


ความดีใจทำให้ผมซุกตัวกับอกกว้างโดยไม่ยอมปล่อยมืออยู่นาน คนตัวโตเลยนวดต้นคอให้ก่อนจะเอ่ยทักเสียงเบา

“วิวตัวร้อนมากเลย เดี๋ยวเช็ดตัวแล้วกินยาดีกว่านะจะได้นอนสบายๆ”

ร่างสูงใหญ่พูดแล้วก็ทำท่าจะลุกขึ้น ความเย็นเยือกจากผิวกายที่ถอยห่างทำให้ผมรีบลุกนั่งแล้วรั้งแขนอีกฝ่ายไว้ทันที เป้หันกลับมามองด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วก็ยิ้มให้

“เป็นอะไรไป? เป้ไม่ได้ไปไหนนะ แค่จะไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เอง”

คนตัวโตทรุดตัวลงนั่งที่เดิมแล้วเอ่ยปลอบ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการมากกว่าการพักผ่อนคืออะไร

“นั่นไว้ทีหลังก็ได้ ตอนนี้วิวอยากให้เป้อยู่ใกล้ๆก่อน”

ผมกระถดตัวเข้ากอดเอวคนตรงหน้าไว้แน่นเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไปอีก ไออุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่จุดความปรารถนาในจิตใต้สำนึกและสั่งให้ผมเลื้อยมือเข้าใต้แจ๊คเก็ตที่เจ้าตัวสวมอยู่เพื่อลูบไปตามแผงอกอุ่นและหน้าท้องตึงแน่น ร่างสูงใหญ่ลมหายใจสะดุดเมื่อมือผมเริ่มป่ายไปมาบนร่างต่ำลงเรื่อยๆ

“...วิวแน่ใจเหรอ?”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามราวกำลังพยายามชั่งใจตัวเอง ผมไม่ตอบอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วสอดมือผ่านขอบกางเกงอีกฝ่ายเข้าเกาะกุมส่วนไวสัมผัสที่แทบจะตื่นตัวทันทีที่โดนแตะต้อง คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อผมเพิ่งแรงส่งที่ปลายนิ้วไปยังท่อนเนื้อร้อนรุ่มจนเจ้าตัวต้องรั้งมือห้ามเอาไว้

ผมเงยหน้าสบกับนัยน์ตาคมนิ่งแต่ก็ไม่ชักมือหนี ถึงแม้จะไม่เอ่ยอะไรออกมาแต่เป้ก็คงรู้แล้วว่าผมเอาจริง มือแกร่งจึงเลื่อนขึ้นเชยคางผมให้แหงนหน้ารับจูบก่อนจะดันร่างผมให้เอนลงบนเตียงและตามเข้าทาบทับ นัยน์ตาสีเข้มจัดถอยออกจ้องตาเหมือนจะถามให้แน่ใจเป็นครั้งสุดท้าย ผมเลยเลื่อนมือสองข้างขึ้นลูบไปตามแผ่นหลังใต้เสื้อหนาและเบียดสะโพกเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อย้ำว่าผมอยากให้ทำอย่างที่พูดจริงๆ

มือแข็งแรงแทบจะทึ้งเสื้อผ้าผมออกทันทีที่ส่วนอ่อนไหวของเราบดเบียดซึ่งกันและกัน แต่ความต้องการที่กำลังปลุกปั่นให้วงจรความคิดไม่ปะติดปะต่อทำให้ผมไม่ท้วงคนที่กำลังประทับตราความเป็นเจ้าของไปทั่วร่างอย่างรุนแรง ไม่น่าเชื่อว่าการอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่วันจะทำให้เราสองคนกระหายที่จะเติมเต็มซึ่งกันและกันด้วยร่างกายมากถึงขนาดนี้ อาจเพราะผมกำลังไข้ขึ้นสูงอยู่ด้วย ร่างกายทุกส่วนจึงยิ่งตอบสนองทุกแรงสัมผัสจนน่าตกใจ

ผมรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของปลายนิ้วที่ไล่ลงวนรอบปากทางคับแคบด้านหลัง ก่อนจะสะดุ้งจนตัวงอเมื่อโดนปลายนิ้วใหญ่ที่ฉาบด้วยหยาดอารมณ์ข้นใสของเจ้าตัวแทรกเข้ามา ลิ้นอุ่นชื้นลากไล้ระหว่างตุ่มไตเล็กทั้งสองบนหน้าอกผมจนเปียกชุ่มก่อนที่เป้จะขบตามด้วยฟันอย่างไม่ออมแรงนักจนผมร้องคราง

“วิวเจ็บข้างล่างหรือเปล่า? ให้หาอะไรมาหล่อลื่นก่อนมั้ย?”

เสียงแหบพร่าที่เอ่ยถามชิดแผ่นอกอย่างเป็นห่วงขัดแย้งกับสัมผัสทางกายอันเร่งเร้า ผมเลยหลับตาแน่นแล้วเร่งมือที่รูดรั้งศูนย์รวมความปรารถนาของอีกฝ่ายมากขึ้นแทนการโต้ตอบ ร่างสูงขบกรามก่อนจะครูดนิ้วออกไปแล้วสอดกลับเข้ามาใหม่พร้อมนิ้วที่สองอย่างรวดเร็วจนผมกระตุกไปทั้งร่าง

“วิว...พอก่อน”

มือข้างที่ว่างของเป้ดึงมือผมออกขณะที่นิ้วทั้งสองซึ่งควานไล้ไปมาอยู่ในกายเมื่อครู่ถูกถอนออกไป ผมปรือตาขึ้นอ่านความต้องการที่ฉายอยู่หลังนัยน์ตาสีเข้มแล้วก็บังคับร่างกายที่สั่นสะท้านให้ก้มลงปรนนิบัติคนตรงหน้าด้วยริมฝีปากและปลายลิ้น หน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นลอนหดเกร็งราวจะพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้รีบปลดปล่อยเมื่อผมโหมเร่งจังหวะมากขึ้นขณะที่มือใหญ่ยื่นมาประคองท้ายทอยไว้ ผมจึงละริมฝีปากที่ฉ่ำด้วยหยาดอารมณ์แล้วเลื่อนตัวขึ้นจูบไปตามหน้าท้องและแผงอกกว้างของคนรักแทน ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองที่เอื้อมมาบีบเคล้นเนินสะโพกด้านหลังทำให้ผมต้องโอบคออีกฝ่ายไว้แล้วกระซิบเสียงสั่น

“เข้ามาเถอะเป้ วิวจะไม่ไหวแล้ว”

ราวกับคนตัวโตจะรอประโยคนี้อยู่แล้ว ลำแขนแข็งแรงจึงจับร่างผมให้นอนคว่ำลงก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะตามเข้าประชิด ปลายนิ้วแกร่งคลี่เบิกปากทางก่อนที่สัมผัสอุ่นและชื้นแฉะจะจรดตามมาจนร่างกายผมที่สั่นอยู่แล้วยิ่งสั่นมากขึ้นไปอีก

“จะเข้าแล้วนะ”

เป้เลื่อนตัวขึ้นทาบทับแล้วกระซิบบอกเสียงพร่าที่ริมหู ผมเลยพยักหน้าแล้วย่อแขนลงให้ร่างท่อนล่างยกสูงเพื่อให้คนข้างหลังเข้ามาได้ง่ายขึ้น แต่ถึงแม้จะคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว วินาทีแรกที่ช่องทางเบื้องหลังถูกขยายเพราะสิ่งที่กำลังสอดใส่เข้ามาก็ยังทำให้ผมเจ็บจนต้องจิกมือลงกับหมอนแน่นอยู่ดี

“วิวไหวหรือเปล่า? จะให้หาอะไรมาช่วยก่อนมั้ย?”

แม้อารมณ์ที่สานต่อกันมาตั้งแต่แรกเริ่มจะคุกรุ่นแต่เป้ก็ยังสังเกตอาการผมออก แต่ผมคงทนไม่ได้หากความต้องการในตอนนี้ต้องขาดช่วงเพราะร่างกายที่กำลังแนบชิดต้องแยกจากกันแม้เพียงวินาทีเดียว

“ไม่ต้อง เป้ต่อเถอะ ทำแบบที่อยากทำเลย”

ผมเอี้ยวคอบอกก่อนจะพยายามระงับความเจ็บด้วยการลากมือข้างหนึ่งไปยังจุดกึ่งกลางของตัวเอง แล้วก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกเมื่อรู้สึกถึงความแข็งขืนที่รุกไล่เข้ามาในช่องทางอุ่นแน่นต่อหลังจากได้รับอนุญาต

เป้ดันตัวเองเข้ามาช้าๆแต่ไม่หยุดจนกระทั่งเข้ามาในตัวผมได้หมด ตลอดเวลาเสียงหอบของเราสองคนดังสะท้อนไปทั่วห้องที่ถูกย้อมด้วยแสงสลัวของโคมไฟ มือหนาสองข้างยึดตรึงสะโพกผมที่สั่นสะท้านให้อยู่นิ่งก่อนริมฝีปากอุ่นจะขบเม้มไปทั่วแผ่นหลัง ทั้งที่เราสองคนคุ้นเคยกับการใกล้ชิดกันแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว แต่ร่างกายของผมก็ยังตอบรับการรุกรานของอีกฝ่ายด้วยการบีบรัดอย่างรุนแรงจนเรียกเสียงครางต่ำจากร่างสูงทุกครั้งอยู่ดี

“รู้ตัวมั้ยว่าวิวยั่วเก่งขึ้นทุกทีแล้วนะ”

เสียงทุ้มกระซิบอย่างหยอกล้อ แต่เป้ไม่รอให้ผมตอบเพราะพอพูดจบอีกฝ่ายก็เริ่มสวนกายเข้าออกทันทีจนในหัวผมเบลอไปหมด มือที่ดึงรั้งสะโพกผมเข้าหาเพิ่มแรงจิกขึ้นเรื่อยๆจนไม่ต้องสงสัยว่าพรุ่งนี้ต้องทิ้งรอยช้ำแน่นอน แต่ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดในตอนแรก ความต้องการในสิ่งที่คนตัวโตกำลังปรนเปรอให้ก็มีมากกว่าจนผมเริ่มปรับลมหายใจและการเคลื่อนไหวของตัวเองให้สอดคล้องกับจังหวะของเป้บ้าง

“อือ เป้....อ๊ะ....จะ...อึ๊ก...จะถึงแล้ว...อ๊า!”

ผมร้องเสียงหลงเมื่อโดนอ้อมแขนแข็งแรงรั้งตัวให้นั่งทับบนตักใหญ่ทั้งที่ร่างกายของเรายังเชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ แผ่นหลังเปียกชื้นของผมแนบชิดกับแผ่นอกตึงแน่นของคนที่รองรับขณะที่ปลายลิ้นอุ่นเล็มไล้ตามผิวแก้ม เป้ยันมือข้างหนึ่งลงบนเตียงขณะที่มืออีกข้างอ้อมมากุมส่วนที่กำลังเรียกร้องการปลดปล่อยของผมไว้ แม้ว่าท่านี้จะทำให้ขยับตัวได้ไม่ถนัดเท่ากับเมื่อครู่ แต่ก็ทำให้ผิวกายเราเพิ่มเนื้อที่สัมผัสกันมากขึ้น ความปั่นป่วนที่เดือดพล่านไม่หยุดในท้องน้อยทำให้ผมรู้ว่าร่างกายกำลังจะทนการถูกกระตุ้นได้อีกไม่นานแล้ว

“อื้อ...วิว เป้ขอออกข้างในนะ”

“เป้...เป้ อ๊ะ!...อ๊า!!!”

ผมกรีดร้องอย่างสุดกลั้นเมื่อแก่นกายโดนปลุกเร้าจนความต้องการที่สั่งสมกลั่นตัวออกมาอย่างรุนแรง ช่องทางเบื้องหลังที่โอบอุ้มท่อนเนื้ออุ่นตอดรัดสิ่งแปลกปลอมแน่นราวกับจะดูดกลืนเอาไว้ เป้ยึดเอวผมไว้มั่นก่อนจะกระแทกตัวส่งสายธารแห่งความพึงพอใจเข้ามาในร่างผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหยาดหยดข้นขาวไหลเอ่อออกมาด้านนอก

ความเสียวซ่านถึงขีดสุดจากการร่วมรักทำให้ในหัวผมขาวโพลนด้วยแสงวูบวาบและในหูอื้ออึงจากเสียงที่ไม่มีความหมาย ผมทิ้งตัวลงหอบหายใจแรงบนแผ่นอกกว้างก่อนที่จะถูกมือใหญ่บิดคางให้หันไปรับจูบท่ามกลางเสียงเต้นของหัวใจที่รัวประสานกันไม่หยุด

“ตัวเหนียวไปหมดเลย...”

ผมเอ่ยขึ้นลอยๆหลังจากนั่งพิงอกเป้ได้สักพักจนจังหวะลมหายใจเริ่มเป็นปกติขึ้น แต่ผมมั่นใจว่าเสียงที่แหบหวิวน่าจะเป็นผลจากกิจกรรมอันหนักหน่วงเมื่อครู่มากกว่าอาการป่วยที่เป็นอยู่ในตอนแรก เป้แตะหน้าผากตัวเองเข้ากับหน้าผากผมเบาๆแล้วก็หัวเราะในคอ

“แต่เหงื่อออกแล้ววิวจะได้หายไข้เร็วๆไง เดี๋ยวเป้เช็ดตัวให้เอง”

“อืม...”

ผมยกมือใหญ่ขึ้นจูบก่อนจะส่งยิ้มให้คนพูดอย่างอ่อนเพลีย ใบหน้าคมยิ้มตอบขณะที่ไล้มืออีกข้างไปมาบนร่างกายที่เปียกลื่นไปด้วยเหงื่อของผม ความร้อนรุ่มที่ยังไม่ได้ถอนออกไปเริ่มฟื้นตัวขึ้นใหม่อย่างช้าๆ และนัยน์ตาสีเข้มที่มองตรงมาก็สื่อความหมายในใจโดยไม่ต้องใช้คำพูด

“เป้....”

ผมเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลังเล แต่แล้วปลายจมูกโด่งก็กดลงบนไหล่เหมือนจะช่วยตัดสินใจแทนให้
 
“เหนื่อยใช่รึเปล่า? ถ้าวิวไม่ไหวแล้วก็นอนพักดีกว่านะ ไม่ต้องฝืนตัวเองหรอก”

ประโยคที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวนั่นทำให้ผมตัดสินใจได้ทันที เป้อุตส่าห์บินข้ามทวีปกลับมาหาทั้งที่กำลังได้ใช้เวลากับครอบครัว ส่วนผมเองถึงแม้จะรู้ว่าร่างกายกำลังเรียกร้องการพักผ่อน แต่ความหวามไหวที่ปนเปไปกับความยินดีเพราะคนที่คิดถึงกลับมาอยู่ใกล้ๆทำให้ความคิดที่จะปฏิเสธถูกปัดออกจากหัวอย่างรวดเร็ว

ผมสูดหายใจรวบรวมกำลังก่อนจะบดร่างกายท่อนล่างเข้ากับหน้าตักของคนที่รองรับอยู่ เป้ผงกหัวแล้วเลิกคิ้วขึ้นมองเหมือนจะถาม ผมจึงยิ้มให้ก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนคางสากเบาๆ ขอตอบแทนที่คนตัวโตทำเซอร์ไพรส์ได้ถูกใจผมบ้างก็แล้วกัน

“ไม่เป็นไร คืนนี้วิวยกให้ ถือว่าเป็นของขวัญต้อนรับเป้กลับบ้าน”


+------+


หลังจากค่ำคืนอันยาวนานผมก็หลับยาวไปจนถึงบ่าย ความทรงจำสุดท้ายที่เลือนลางก่อนจะไม่รับรู้อะไรอีกคือความรู้สึกว่าถูกเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ อาจเพราะความเหนื่อยล้าและโล่งใจที่ประดังเข้ามาพร้อมกันทำให้ผมหลับลึกจนไม่ฝันถึงอะไรเลยตลอดทั้งคืน

ตอนที่ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งคือเมื่อรู้สึกว่าเตียงข้างตัวยวบไหวและหลังมือเย็นๆอังลงบนหน้าผาก พอปรือตาขึ้นก็เห็นเป้ที่สวมเพียงยีนส์สีเข้มนั่งพับขาข้างหนึ่งอยู่บนเตียง  บนลำคอเปลือยเปล่ามีผ้าขนหนูผืนเล็กคล้องอยู่ เรือนผมที่ยังเปียกชื้นกับกลิ่นสบู่ที่กรุ่นเข้าจมูกบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาดๆ

“ว่าจะปลุกพอดี เป้ลงไปซื้อโจ๊กมาให้แล้วนะ วิวลุกมากินหน่อยแล้วกันจะได้กินยา”

ผมหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าแล้วค่อยๆยืดแขนออกบิดขี้เกียจ ความปวดเมื่อยตามเนื้อตัวเพราะอาการหวัดเริ่มบรรเทาลงมากแล้ว แต่พอขยับตัวจะลุกขึ้นก็รู้สึกถึงความระบมที่แล่นจี๊ดขึ้นมาจากร่างกายส่วนล่างจนต้องทิ้งตัวลงนอนใหม่ทันที

ผมกระพริบตาถี่มองเพดานที่หมุนไปมาแล้วพยายามคิดทบทวนว่าเมื่อคืนทำอะไรร่างกายท่อนล่างถึงได้ปวดหนึบขนาดนี้ แล้วภาพเหตุการณ์ของคืนก่อนก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวจนรู้สึกว่าผิวหน้าร้อนเหมือนโดนไฟลวก ทั้งที่ไม่สบายขนาดนี้ยังจะดึงดันทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเองอีก ผมชำเลืองมองแผ่นหลังของเป้ที่กำลังยืนเลือกเสื้อจากตู้เสื้อผ้าแล้วก็ถอนหายใจ กรณีนี้จะบ่นคนทำก็คงไม่ได้เพราะตัวผมเองที่เป็นคนปล่อยให้เลยตามเลย ผมหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะพยายามยันตัวขึ้นใหม่แล้วเอนหลังพิงหมอนที่ตะแคงขึ้นชิดหัวเตียงก่อนคนตัวโตจะทันหันมาเห็น 

“ตัวยังรุมๆอยู่เลย เดี๋ยวกินเสร็จแล้ววิวนอนต่อดีกว่านะ”

เป้พูดแล้วก็เสยผมบนหน้าผากผมไปด้วย ผมคนโจ๊กในชามพร้อมถาดรองที่เจ้าตัวเอามาวางให้บนตักอยู่พักใหญ่ ทั้งที่ความจริงก็หิวอยู่บ้างเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่พออาหารมาอยู่ตรงหน้ากลับรู้สึกพะอืดพะอมจนขัดแย้งในตัวเองแปลกๆ สุดท้ายผมก็ฝืนตักโจ๊กขึ้นทานเพราะไม่อยากให้คนที่ซื้อมาให้ต้องเสียน้ำใจ

ผมทานโจ๊กไปก็เหลือบมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีอยู่นอกหน้าต่างไปด้วย จริงอยู่ว่าร่างกายของผมตอนนี้ไม่แข็งแรงเต็มร้อย แต่ความที่ได้แต่อุดอู้อยู่ในห้องมาตั้งแต่เที่ยงเมื่อวานทำให้ผมเริ่มอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง

“เป้ วิวอยากออกไปเดินเล่น”

พ่อตัวดีที่กำลังยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกหันมาขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเสียงผม “จะไปได้ไง ข้างนอกลมแรงแถมอากาศก็เย็น เดี๋ยววิวไข้กลับกันพอดี วันนี้นอนพักอีกวันแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้”

“แต่วิวนอนมาหลายชั่วโมงแล้วนะ เอาแต่นอนๆๆเดี๋ยวก็อืดกันพอดีสิ”

ผมเอ่ยอย่างหงุดหงิดก่อนจะตักโจ๊กเข้าปากอีก ท่าทางนี่จะเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่โดนเป้ขัดใจ อาจเพราะปกติผมไม่ค่อยเรียกร้องอะไร ดังนั้นถ้าเรื่องไหนที่ผมเอ่ยปากขออีกฝ่ายจึงยอมตามใจตลอด ถ้าหากคิดด้วยหลักเหตุผลก็ใช่จะไม่เข้าใจว่าทำไมเป้ถึงไม่เห็นด้วยกับคำขอในคราวนี้ แต่ความรำคาญสภาพร่างกายที่ปวกเปียกของตัวเองบวกกับอาการมึนหัวเพราะพิษไข้ทำให้ผมเริ่มจะพาลขึ้นมา

จากหางตาผมรู้ว่าคนตัวโตกำลังยืนกอดอกมองตัวเองอยู่แต่ก็ไม่ยอมหันไปสบตาด้วย สุดท้ายก็ได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนเป้จะเดินมานั่งลงข้างๆแล้วเท้าศอกกับหัวตียง

“เวลาวิวไม่สบายแล้วดื้อเป็นเด็กๆเลย รู้รึเปล่า?”

ผมตวัดสายตามองคนพูดที่ทำยังกับตัวเองแก่กว่ามากทั้งที่เกิดก่อนแค่ไม่กี่เดือน แล้วเลยเลือกทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะตักโจ๊กเข้าปากต่อ

“ไม่รู้ล่ะ เป้เคยบอกเองนี่ว่าให้วิวอ้อนได้ แต่ถ้าวันนี้ไม่ยอมให้ไปไหนจะได้จำไว้ว่าถึงอ้อนก็ไม่มีประโยชน์”

คนที่นั่งอยู่ข้างๆหัวเราะกับคำยอกย้อนก่อนจะรั้งไหล่ผมไปหอมแก้มฟอดใหญ่ ไม่เหม็นที่ผมไม่ได้อาบน้ำสระผมข้ามวันบ้างหรือไงก็ไม่รู้

“เข้าใจละ แต่แค่พาไปขับรถเล่นเฉยๆนะ ยังไงก็ถือว่าไปข้างนอกเหมือนกัน เอาไว้หายดีแล้ววิวอยากไปไหนเดี๋ยวเป้พาไปให้ทุกที่เลย”

คำตอบรับแม้จะมีเงื่อนไขแต่ก็ทำให้ผมยิ้มออก หลังจัดการโจ๊กจนเกือบหมดชามเป้เลยเช็ดตัวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกรอบก่อนจะหยิบผ้าห่มติดมือลงไปให้ที่รถด้วย จากนั้นคนตัวโตก็ขับวนพาไปดูแสงไฟที่ประดับตามห้างกับถนนในย่านดังต่างๆแถวใจกลางเมืองตามที่ขออยู่หลายชั่วโมง ความที่ไม่ได้ออกไปไหนไกลกว่าละแวกหอตลอดช่วงวันหยุดที่ผ่านมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นที่ได้เห็นผู้คนและโลกภายนอกบ้าง

ระหว่างทางกลับหอเป้แวะซื้อชาร้อนให้ผมจากร้านในปั๊มน้ำมันแล้วก็ขับรถไปจอดพักใต้สะพานริมแม่น้ำก่อน พ่อตัวดียืนกรานไม่ให้ผมลงจากรถแต่ยอมไขกระจกหน้าต่างลงให้จะได้สูดอากาศบ้าง ส่วนตัวเองกลับเปิดประตูลงไปยืนสูบสารก่อมะเร็งอยู่ข้างรถหน้าตาเฉย ขี้โกงกันชะมัด

เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกัน แค่ทอดสายตามองแสงไฟจากเหล่าเรือล่องแม่น้ำและร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายริมฝั่งตรงข้ามไปเงียบๆ ผมเท้าแขนทั้งสองข้างลงกับขอบหน้าต่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนล้วงกระเป๋าพิงรถอยู่

“เป้ แล้วกลับมาก่อนอย่างนี้พ่อกับแม่ไม่สงสัยเหรอว่ารีบกลับมาทำไม”

คนถูกถามดูดบุหรี่อึกสุดท้ายก่อนจะทิ้งลงบนพื้นแล้วขยี้ด้วยส้นรองเท้าผ้าใบ “ก็ไม่มีอะไร บอกเค้าไปตามตรงว่าเป็นห่วงแฟนเลยต้องรีบกลับ”

ผมทำตาโต แต่พอเตรียมอ้าปากจะว่าเจ้าตัวก็หันกลับมาแล้วก็หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าผม

“ล้อเล่นน่า เป้บอกเค้าว่าอยากมีเวลาเตรียมตัวก่อนเปิดเรียนหลายวันหน่อยเลยขอกลับมาก่อน เค้าก็ไม่ได้ถามซอกแซกอะไร ไม่ต้องห่วงหรอก”

พอได้ฟังแบบนั้นผมจึงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ใช่ว่าผมชอบใจนักกับการต้องคบกันแบบไม่ให้ครอบครัวรู้ และไม่ใช่เพราะผมไม่มั่นใจในตัวเราสองคนด้วย แต่เพราะผมกับเป้เพิ่งคบกันได้ปีเดียว ถ้าเกิดต้องมีปัญหาระหว่างเรียนเพราะเรื่องนี้คงทำให้เรามองหน้ากันไม่ติดหรือเผลอๆอาจถึงขั้นต้องเลิกกันไปเลยก็ได้ ผมเลยอยากประวิงเวลาไว้ก่อนจนถึงตอนที่เราต่างมีงานทำและดูแลตัวเองกันได้แล้วค่อยคิดถึงเรื่องนี้อีกที

“อากาศชักเย็นขึ้นแล้วนะ กลับกันดีกว่าวิวจะได้ไปนอนพัก หรืออยากให้ช่วยเรียกเหงื่อให้แบบเมื่อคืนอีก?”

พ่อตัวดีค้อมตัวลงแซวผมแล้วก็ยิ้มกวน ผมเลยค้อนกลับเข้าให้ก่อนจะเอนหลังพิงพนักแล้วยกผ้าห่มขึ้นคลุมตัว

“คืนนี้ไม่ได้ เอาไว้วิวหายดีเมื่อไหร่แล้วค่อยว่ากัน”

ผมเอ่ยตอบเสียงเฉียบขาด เป้เลยหัวเราะแล้วเดินอ้อมกลับมานั่งประจำที่ตัวเอง แต่ก่อนเจ้าตัวจะสตาร์ทรถผมก็หันไปสะกิดไหล่หนาเสียก่อน

“ครับผม?”

ผมยิ้มให้กับน้ำเสียงตอบรับอย่างขี้เล่นแล้วก็โน้มใบหน้าคมลงจูบ เป้ดูจะแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็จูบตอบผมแทบจะทันที ผมไล้ปลายลิ้นดุนลิ้นอุ่นไปมาแล้วเม้มริมฝีปากล่างของคนตัวโตเบาๆก่อนจะผละออกยิ้มให้ทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือ

“ขอบคุณที่บินกลับมาหานะ แค่นี้วิวก็ไม่อยากได้ของขวัญปีใหม่อย่างอื่นจากเป้แล้ว”

ผมเอ่ยขอบคุณด้วยความรู้สึกที่อยู่ในใจจริงๆ เป้เลยยิ้มจนตาเป็นประกายก่อนจะรั้งผมเข้าไปจูบคืนอีกที 

“วิวก็เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับเป้เหมือนกัน”

“เรากลับห้องกันเถอะ”

ผมเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามือไม้ของอีกฝ่ายชักทำท่าจะรุ่มร่ามขึ้นทุกที เป้เลยหัวเราะในคอก่อนจะยอมปล่อยแล้วเข้าเกียร์ออกรถ ผมดึงผ้าห่มบนตักขึ้นคลุมจนถึงคอก่อนจะหันออกไปมองแสงไฟหลากสีที่ประดับอยู่ตามข้างถนนเพื่อต้อนรับเทศกาล แล้วก็ให้นึกขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ตามที่บันดาลให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผมเคยได้รับ

และที่เทศกาลนี้มีความหมายที่สุดสำหรับผมในปีนี้ ก็เพราะการที่ผมมีผู้ชายตัวโตชื่อเป้คอยอยู่ข้างๆนั่นเอง...


+--- End ของขวัญที่เฝ้ารอ ---+



ได้อ่านเกี่ยวกับบรรยากาศช่วงหนาวๆคงทำให้คนอ่านเย็นขึ้นบ้างเนอะ (หรืออ่านแล้วร้อนกว่าเดิม คงไม่ม้าง :try2:) หลังจากนี้จะไปปั่นเรื่องแรกที่ร้างไว้นานมั่งแล้วนะคับ (แฟนเรื่องนั้นคงอยากตีหัวป้าแล้ว บอกจะมาๆไม่มาซักที) ยังไงก็ขอให้อ่านตอนนี้กันอย่างมีความสุขนะจ๊ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: 111_1 ที่ 08-03-2009 15:27:48
 :z13:


               :z13:

                               :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 08-03-2009 15:44:00
เผ็ดร้อน   หวาน   มันส์....   ครบทุกรสเลยอ่ะป้า
^
^
^
^
(เสียดาย จิ้มป้าไม่ทัน งั้นกระซวกรีบนไปถึงป้าละกันนะ)  :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 08-03-2009 16:48:50
ทำไมเป้ถึงได้น่ารักอย่างนี้นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-03-2009 17:58:39
^
^
^
จิ้มฉลองเม้นต์ที่ 600  :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 08-03-2009 19:56:30
 :m25:  อ่านแล้วรู้สึกเลือดมันวิ่งปรู๊ดปร๊าดผิดปกติ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 08-03-2009 21:12:52
 o18โอ๊ยยยย  วิวน่าร๊ากอะ  :-[ :-[ :-[วิวไม่เขิลแต่ฟะเขิลอ่าาาา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 08-03-2009 22:37:49
 :m25: อ่านจบแล้วรู้สึกอุณหภูมิจะสูงขึ้นกว่าเดิม

จิ้ม+ คนเขียนเป็นกำลังใจในการต่อเรื่องที่ค้างๆ เอาไว้ค่า  :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 08-03-2009 23:20:20
ยิ้ม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 09-03-2009 15:40:14
 :m25:วิวร้อนแรง :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 09-03-2009 23:30:50
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮออ
ในที่สุดเป้ก็กลับมา
ปีใหม่ปีนี้ไม่เหงาแล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-03-2009 11:12:42
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด น่ารัก ชอบคู่นี้จริงๆ  ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า เป้รักวิวมากขึ้นทุกที

จริงๆ แล้ว คือ อิจฉาชาวบ้าน  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-03-2009 08:42:09
เผ็ดร้อน   หวาน   มันส์....   ครบทุกรสเลยอ่ะป้า
^
^
^
^
(เสียดาย จิ้มป้าไม่ทัน งั้นกระซวกรีบนไปถึงป้าละกันนะ)  :z13:

อย่ากระซวกแรง อูย 555 เม้นต์ซะนึกว่ากินไวไวควิกรสต้มโคล้งแกล้มเชียว  :laugh:

o18โอ๊ยยยย  วิวน่าร๊ากอะ  :-[ :-[ :-[วิวไม่เขิลแต่ฟะเขิลอ่าาาา

 o18 คนเขียนก็เขิน (แต่ก็ยังเขียน อิๆ)  :-[

:m25: อ่านจบแล้วรู้สึกอุณหภูมิจะสูงขึ้นกว่าเดิม

จิ้ม+ คนเขียนเป็นกำลังใจในการต่อเรื่องที่ค้างๆ เอาไว้ค่า  :3123:

ขอบคุณจ้า ^^ เรื่องแรกได้ต่อแระ (ปาดเหงื่อ)

:m25:วิวร้อนแรง :o8:

หุๆๆ เป้เลยไปไหนไม่รอดงั้ย   o3

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด น่ารัก ชอบคู่นี้จริงๆ  ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า เป้รักวิวมากขึ้นทุกที

จริงๆ แล้ว คือ อิจฉาชาวบ้าน  :serius2:

ใจเย็นก๊าบ อ่านเรื่องหวานๆแล้วเดี๋ยวเรื่องหวานๆก็ตามมาเอ๊ง :haun5:

จริงๆจะเข้ามาตอบเม้นต์ตั้งแต่เมื่อวานแต่เน็ตที่ออฟฟิศเต่านรกมาสองวันละ ยังไงโทษทีที่อาจไม่ได้ตอบทุกคน แต่ก็คิดถึงทุกคนนะจ๊ะ แล้วเจอกันตอนใหม่เนะ   :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 11-03-2009 11:32:38
^

^

ซวก บีบี

พร้อมกับ  +1 ทีพาเป้กลับมา

อ่านแล้วร้อนนนนนนนนขึ้นมาทันที :m25:

ชอบให้วิวอ้อนเป้ อ้อนเยอะๆเลยน้าาาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 11-03-2009 14:28:08
แอบเขินแทนวิวเหมือนกัน  :-[

แต่เป้น่ารักเนอะ แล้วก็หวานมากเลย อ่านไปยิ้มไป แก้มจะแตกแร้ววววว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 13-03-2009 17:55:33
 :-[ในที่สุดก็ได้อ่านกับเขาสักทีสองตอนเลย
กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
ไม่ไหวแล้วเป้น่ารักมากมายเลยอ่ะจะทำให้เขารักเขาหลงไปถึงไหน
แต่ว่าชอบอารมณ์ของวิวมากๆเลยนะพี่บีบี อืมแอบว่าก็ปากดีบอกไปงั้นแหละว่าอยู่คนเดียวได้
ไม่ต้องโทรมาบ่อยๆก็ได้ถ้าอยู่ที่โน่น แต่ว่าเอาเข้าจริงก็ทนไม่ไหวสักอย่าง
อยากได้ยินเสียง อยากเจออยากให้มาอยู่ด้วย ชอบตอนที่เอาหมอนของที่เป้ใช้นอนมากอดไว้ด้วยอ่ะ
มันดูแบบน่ารักอบอุ่นขึ้นมาทันทีเลยชอบบบบบบบบบบบบ

แต่พอเป้กลับมาเท่านั้นแม่เจ้าวิวอ้อนยั่วได้ใจไปเลย
แบบนี้เป้จะได้มาเป็นของเขาได้ไงเนี้ยก็นะวิวเล่นทำให้เป้หลงไม่ไหวแล้วไปซะขนาดนั้น
เป็นแฟนที่น่ารักมากๆเลยนะเป้ ห่วงใย ใส่ใจ สนใจ และรู้ใจคนที่ตัวเองรัก
เฮ้ออออออ....วิวเขาอิจฉาอ่ะ....กระซิกๆๆ

อ่านแล้วยิ้มหวานมีความสุขมากมายขอบคุณพี่บีบีนะค่ะ
กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อยากจะบอกว่า....เอาอีก....เอาอีก....เอาอีก.....เป้วิวๆๆๆๆๆ ....ฮ่าๆๆๆๆ

พยายามเข้ากับพ๊อกเก็จมันนี่นะค่ะ แล้วก็ทุกๆเรื่องด้วยเน๊าะ
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


แอบหอมแก้มซ้ายขวาแล้ว กลิ้งออกไปปปปป :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 13-03-2009 23:31:39
วิวใจป้ำจริงๆ
 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนพิเศษ เป้-วิว 2/2 (8/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 19-03-2009 14:57:20
เป้วิววววววววววววววววว  คิดถึงงงงงงงงง o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ป้าแวะมาทักทาย (31/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-03-2009 10:17:30
ฮาโหลๆ สบายดีกันไหมเอ่ย :D

ขอโทษที่เงียบหายไปนานคับ (แต่ยังไม่ถึงเดือนเลยนะ กร๊าซซ์  :z13: ) เนื่องจากตอนนี้คอมฯที่บ้านป้าป่วยๆ วันดีคืนดีก็นึกอยากรีสตาร์ทเอง สร้างความรำคาญให้ผู้ใช้(ป้า)เป็นยิ่งนัก แต่นั่นก็หาใช่ข้ออ้างที่ยังไม่มาลงตอนใหม่ เพราะเรื่องของเรื่องคือกำลังอัพเรื่องอื่นไปด้วยเลยอาจช้านี้ดนึง  แถมตอนนี้นอกจากต้องรีบเคลียร์งานแล้วก็ต้องเตรียมตัวไปเที่ยวช่วงสงกรานต์อีก แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะพยายามเข็นตอนใหม่ให้ได้ก่อนไปเที่ยวนะจ๊ะ เพราะป้าก็คิดถึงพี่อ๊อฟ-น้องนะและเป้-วิวเหมือนกัน กลัวคนอ่านลืมด้วย (คงไม่เน้อ แง้ว)

คิดถึงคนอ่านทุกคนเช่นเคยนะจ๊ะ เวลาย้อนกลับมาอ่านคอมเม้นต์ทีไรก็ยิ้มแก้มปริทุกที แล้วไว้เจอกันคราวหน้าพร้อมตอนใหม่เน้อ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ป้าแวะมาทักทาย (31/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 31-03-2009 10:56:04
จะรอจ้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ป้าแวะมาทักทาย (31/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 31-03-2009 12:42:23
รับทราบแล้วจะรอนะค่ะ   
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ป้าแวะมาทักทาย (31/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: karenoo ที่ 18-04-2009 19:45:14
 :z12:คิดถึงคนเขียนค่ะ

คอมที่บ้านยังไม่หายป่วยเหรอคะ หรือว่าเที่ยวเพลินจนลืมน้องนะไปแล้ว
รีบๆ กลับมาต่อนะ :teach:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ป้าแวะมาทักทาย (31/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 18-04-2009 20:40:12
 :z2:

ป้ากลับจากเที่ยวยังค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ป้าแวะมาทักทาย (31/03/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-05-2009 14:43:12
ป้ากลับมาแล้วค้า ขอบคุณทุกเสียงที่ถามหา และขอโทษมากๆที่ไม่ได้มาก่อนหน้านี้ ที่จริงก็แวะเข้ามาบอร์ดทุกวันนะ แต่ว่าถ้าเข้ามาโพสต์ทักทายโดยไม่มีตอนใหม่มาเสียทีก็จะกระไร แถมช่วงที่ผ่านมาไม่รู้เป็นไงเกิดสงครามแย่งชิงคอมกันที่บ้านเนื่องจากมามี้ของป้าต้องใช้คอมทำงาน ส่วนแลปท็อปที่มีก็ดันเสีย ชาร์จไฟไม่เข้า ส่วนเวลาอยู่ออฟฟิศนี่ไม่มีสมาธิพิมพ์เลย ดังนั้นขอโทษอีกครั้งจริงๆที่หายไปนาน หลังจากนี้จะพยายามมาให้สม่ำเสมอเหมือนเดิมจ้า

สำหรับแฟนๆที่คิดถึง เป้ - วิว - อ๊อฟ - นะ ไปอ่านตอนต่อไปกันเลยเนาะ~
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-05-2009 14:50:48
ตอนที่ 17: หน้าร้อนนี้...มีแผนหรือยัง?

แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาทางหัวเตียงจนผมต้องหยีตาแล้วพลิกตัวไปกอดคนที่นอนอยู่ข้างๆ ร่างของคนในอ้อมแขนยุกยิกถอยออกจนผมต้องรั้งเอวบางกลับมากอดเหมือนเดิมทั้งที่ยังไม่ลืมตา แป๊บเดียวพ่อหนูน้อยก็พลิกตัวกลับมาหาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดอยู่แถวปลายคาง

“พี่อ๊อฟ...แปดโมงแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก...”

เสียงที่ปกติใสเหมือนกระดิ่งแหบนิดหน่อยและเจือไปด้วยความงัวเงียจนผมต้องยิ้มทั้งที่ยังหลับตาอยู่ แขนสองข้างกระชับรอบคนตัวเล็กแน่นเข้าก่อนจะส่งเสียงอ้อน บรรยากาศแบบนี้มันน่าลุกไปไหนเสียเมื่อไหร่

“อีกสิบนาทีแล้วกัน ยังไม่อยากตื่นเลย”

ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆก่อนคนตัวเล็กจะเอี้ยวตัวหนีอ้อมกอดอีกครั้ง พอปรือตาขึ้นมองถึงได้เห็นว่านะเหยียดแขนเอานาฬิกากลับไปวางบนหัวเตียงเหมือนเดิมก่อนเจ้าตัวจะล้มตัวลงนอนข้างผมอีกครั้ง

“ไหนเมื่อคืนบอกว่าวันนี้พี่อ๊อฟมีควิซไง...แล้วอย่าหาว่านะไม่ได้ปลุกนะ”

“อืม...พี่จะไปว่านะทำไมล่ะ...หือ?”

.
.
.

เอ๊ะ?...

คีย์เวิร์ดที่คนข้างตัวเอ่ยเมื่อครู่ทำให้สมองที่กำลังมึนงงเพราะยังไม่หายจากอาการง่วงงุนเริ่มทำงาน ควิซ...ควิซเหรอ จะว่าไปเมื่อคืนผมก็ถ่างตานอนดึกเพราะมัวแต่อ่านหนังสืออยู่นี่หว่า

“ชิบหายแล้ว!”

ผมรีบเด้งลุกขึ้นจากเตียงทันทีเมื่อสมองตื่นตัวเต็มที่และนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องทำอะไร แต่พอได้ยินเสียงอู้อี้ในคอจากคนที่ยังนอนอยู่เลยหันไปตลบชายผ้าห่มที่เลิกขึ้นลงคลุมให้อย่างเดิมก่อนจะรีบก้าวเข้าห้องน้ำ เนื่องจากวันนี้คนร่วมห้องไม่มีเรียนช่วงเช้าพ่อหนูน้อยเลยได้สิทธิ์ในการนอนต่อขณะที่ถ้าผมยังไม่ลุกล่ะก็ได้ไปสายแน่ๆ

พอก้าวเข้าห้องน้ำปุ๊บผมก็รีบล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว อาศัยว่าเมื่อคืนอาบน้ำดึกแถมตอนนอนก็ไม่ได้เหงื่อออกเลยลัดขั้นตอนการอาบน้ำตอนเช้าไปได้ แต่พอเห็นภาพผมบนหัวตัวเองที่ชี้โด่เด่อยู่ในกระจกก็ต้องยอมคว้าฝักบัวมารดหัวให้พอเปียกซะทีหนึ่ง ความจริงผมชอบไว้ผมสั้นเพราะไม่ต้องทำอะไรกับมันให้ยุ่งยาก แต่คงเพราะไม่ได้ไปตัดผมมาสามเดือนแล้วตอนนี้ผมเลยชักยาว สงสัยอาทิตย์นี้ต้องแวะไปให้ร้านเจ้าประจำหน้าหอช่วยเล็มออกเสียที

โชคดีว่าผมรีดเสื้อเตรียมไว้ตั้งแต่วันหยุดแล้วเลยเลือกเชิ้ตแขนสั้นแบบที่ไม่ต้องยัดชายเสื้อกับยีนส์สีเข้มออกมาใส่ ความจริงมหา’ลัยผมไม่เคร่งครัดเรื่องเครื่องแต่งกายแต่อาจารย์ที่คณะจะชอบให้นักศึกษาใส่เครื่องแบบกันมากกว่า ผม
ขยี้ผ้าเช็ดตัวกับผมที่ยังชุ่มน้ำอยู่หน้ากระจกก่อนจะหยิบหวีมาสางๆพอเป็นพิธี แต่พอจะวางหวีลงเหมือนเดิมมือเจ้ากรรมก็เผลอไปปัดเอาขวดน้ำหอมที่วางอยู่ใกล้ๆจนเกือบหล่นจากโต๊ะ

“เฮ้ย!”

ผมถอนหายใจหลังยื่นมือไปจับขวดน้ำหอมที่ทำท่าเตรียมจะกลิ้งลงจากโต๊ะได้ทัน เพราะถึงในขวดจะเหลือน้ำหอมติดก้นขวดอยู่นิดเดียว แต่ถ้าต้องมาเก็บกวาดเศษแก้วตั้งแต่เช้าคงเสียเวลาน่าดู จริงอยู่ว่านี่เป็นน้ำหอมกลิ่นเดียวที่ผมเคยเห็นนะใช้ แต่ช่วงหลังๆนี้เจ้าของก็ไม่ค่อยหยิบเจ้านี่มาใช้เท่าไหร่เลยไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มเบื่อกลิ่นนี้แล้วหรือเปล่า

ผมวางขวดน้ำหอมลงกลางโต๊ะจะได้ไม่เสี่ยงโดนปัดหล่นอีกก่อนเดินวนไปหาคนที่ยังนอนหลับคุดคู้อยู่บนเตียง ความจริงแม่ผมเคยย้ำนักย้ำหนาว่าให้ประหยัดค่าไฟด้วยการปิดแอร์ตอนเช้าแล้วเปิดพัดลมแทน แต่วันไหนที่ผมเห็นคนตัวเล็กยังหลับสบายใต้ผ้าห่มอยู่ขณะที่ผมต้องออกไปเรียนก่อนก็ทำใจแข็งปิดแอร์ไม่ไหวทุกที แถมตอนนี้อากาศก็เริ่มร้อนขึ้น ไม่เหมือนช่วงปลายปีที่แล้วที่อากาศหนาวชนิดที่แค่เปิดหน้าต่างให้ลมผ่านมุ้งลวดเข้ามาก็เย็นไปทั้งห้องแล้ว

“นะครับ พี่จะไปเรียนแล้วนะ”

“อื้อ...”

พ่อหนูน้อยส่งเสียงงึมงำรับรู้ในคอเบาๆขณะที่ผมใช้นิ้วสางผมเส้นเล็กนิ่มที่เป็นสีน้ำตาลตัดกับปลอกหมอนสีเขียวอ่อน แล้วเจ้าตัวก็ลากหมอนหนุนของผมมากอดแน่นเตรียมทำท่าจะหลับต่อ

ไม่ยอมลุกมาส่งกันเลยแฮะ...น้อยใจนะเนี่ย ยิ่งเห็นท่าทางคนที่กำลังหลับสบายแล้วก็ยิ่งอิจฉาเป็นบ้า

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วเห็นว่าพอมีเวลา ยังไงนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างบึ่งไปมหา’ลัยในเวลาสิบนาทีก็เคยทำมาแล้ว เลยขอป่วนคนตัวเล็กก่อนไปเรียนเสียหน่อยแล้วกัน

“พี่อ๊อฟ...หนักนะ”

คนถูกคร่อมเอ่ยพลางหรี่ตาขึ้นทำหน้ามู่ทู่เมื่อผมก้มลงหอมแก้มอย่างมันเขี้ยว เวลาเห็นนะทำหน้าตาแบบนี้แล้วอยากล้มลงนอนซุกผ้าห่มแล้วกอดเนื้อตัวอุ่นๆไว้อีกรอบชะมัด ผมดันไหล่ผอมบางให้เจ้าตัวนอนหงายแล้วก้มลงไซ้ซอกคอขาวจนพ่อหนูน้อยขมวดคิ้วแล้วหดคอหนีด้วยความจั๊กกะจี้

“พ่อหนูขี้เซา นอนมากๆเดี๋ยวเวียนหัวนะ แล้วตกลงกลางวันนี้จะไปกินข้าวกลางวันกับพี่หรือเปล่าเนี่ย?”

“ไม่รู้...เดี๋ยวนะโทรหาแล้วกัน...พี่อ๊อฟก็ไปเรียนได้แล้ว...”

มือขาวเนียนข้างหนึ่งยกขึ้นปัดมือผมที่จิ้มแก้มตัวเองเล่นอยู่ก่อนเจ้าตัวจะตะแคงไปอีกทาง พอจบประโยคไล่แบบงัวเงียๆปุ๊บคนพูดก็หลับต่อทันทีพร้อมเสียงกรนขึ้นจมูกที่แผ่วจนแทบไม่ได้ยินราวกับตุ๊กตาถูกกดปิดสวิทช์ ภาพตรงหน้าทำให้ผมอดหัวเราะในคอไม่ได้ ขนาดเมื่อคืนเจ้าตัวก็เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วแท้ๆ ไม่รู้จะง่วงสะสมมาจากไหนมากมาย ผมสิน่าจะง่วงกว่าเพราะมัวแต่อ่านหนังสือยันตีหนึ่งกว่าโน่นถึงได้นอน   

ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้จนถึงหัวไหล่คนโชคดีที่มีเวลานอนต่ออีกทีก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเอง หางตาเหลือบไปเห็นเข็มยาวบนนาฬิกาหัวเตียงชี้เลขแปดผมถึงรู้สึกตัวว่าชักจะอ้อยอิ่งนานไปแล้ว และขืนยังไม่รีบออกไปตอนนี้ล่ะก็ได้สายจริงๆแน่


+------+


สุดท้ายหลังจากรีบบึ่งลงจากหอด้วยการวิ่งลงบันไดแทนการรอลิฟต์ที่ช้ายังกับใช้รอกรุ่นโบราณแล้ว ผมก็รีบโบกมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากวินหน้าปากซอยที่เหลืออยู่คันเดียวพอดีให้ไปส่งที่มหาลัยได้ทันเวลาทำควิซอย่างเฉียดฉิว เนื่องจากคะแนนสอบมิดเทอมที่ผ่านมาไม่น่าพอใจเท่าไหร่ทำให้ผมยิ่งต้องใส่ใจกับการเก็บคะแนนช่วงครึ่งหลังเทอมสองมากยิ่งขึ้นเพราะปีหน้าผมก็จะขึ้นปีสี่แล้ว อีกอย่างถึงจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่าเกรดเฉลี่ยไม่ใช่ตัววัดคุณภาพพนักงานแต่ผมว่าพวกเอชอาร์ยังไงก็คงใส่ใจรายละเอียดพวกนี้เวลาดูประวัตินักศึกษาจบใหม่อยู่ดีนั่นแหละ

หลังจากหมดเวลาทำควิซซึ่งกินเวลาเกือบทั้งคาบอาจารย์ก็บรรยายเนื้อหาต่ออีกนิดหน่อย เนื่องจากวิชาถัดไปผมไม่ต้องย้ายห้องเลยแค่นั่งส่งเมสเสจหานะเพื่อเตือนให้ตื่นมาเรียน ระหว่างนั่งรออาจารย์เข้าห้องก็มีมือมาตบปุลงบนไหล่

“ไงมึง ได้ข่าวว่าเพิ่งควิซไปเหรอ?”

เป้ทักก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผมเลยสไลด์ปิดโทรศัพท์แล้วหย่อนลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะพยักหน้า ความจริงวิชาที่เพิ่งผ่านไปเป้ก็ลงเหมือนกันแต่ว่าคนละ sect กัน ดังนั้นอาจารย์จึงเป็นคนละคนและใช้วิธีเก็บคะแนนต่างกันด้วย

“เออ ของมึงโดนมั่งยังล่ะ?”

“ยัง เห็นอาจารย์บอกว่าเค้าจะสอนให้หมดเล่มแล้วค่อยควิซทีเดียว”

“ฮะ? เอางั้นเลยเหรอ โหดว่ะ”

ผมอุทานด้วยความทึ่ง เพราะว่าเนื้อหาของเท็กซ์บุ๊คที่ต้องเรียนของวิชานี้ช่วงหลังสอบมิดเทอมมีหลายบทพอสมควร ไหนยังจะรายงานอีก แต่เป้แค่ยักไหล่เหมือนจะบอกว่า “ทำไงได้” ก่อนจะหันไปทางหน้าห้องเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาเตรียมสไลด์สำหรับเลคเชอร์วิชาถัดไป

“กลางวันนี้น้องนะมากินข้าวด้วยรึเปล่าวะอ๊อฟ?”

เป้หันมาถามหลังอาจารย์บรรยายไปได้พักใหญ่ ผมเลยเลิกคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่ชัวร์ว่ะ พอดีวันนี้นะมีเรียนตอนบ่ายเลย แต่ก็บอกกูไว้เหมือนกันว่าถ้าจะมากินข้าวด้วยจะโทรหาก่อน ทำไมวะ?”

“เรอะ...งั้นเดี๋ยวกลางวันนี้มึงไปกินข้าวกับกูกับวิวก็แล้วกัน แล้วถ้าน้องนะมาก็ให้ไปด้วยกันเลย”

ไอ้คนพูดพูดจบปุ๊บก็หันไปจดเลคเชอร์ต่อโดยไม่อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมจนผมงง แต่ความจริงก็ใช่ว่าจะไม่ชินกับนิสัยชอบรวดรัดตัดความของเพื่อนสนิทคนนี้เพราะคบกันมาจะสามปีแล้ว ผมเลยแอบมองอาจารย์ที่ยังขีดเขียนอะไรสักอย่างบนไวท์บอร์ดหน้าห้องแล้วหยิบมือถือออกมาตั้งใจจะเมสเสจหานะอีกรอบ ก็พอดีกับที่เครื่องในมือสั่นเป็นสัญญาณว่ามีข้อความเข้าพอดี พอกดอ่านจบผมเลยเอาศอกกระทุ้งเพื่อนเบาๆ

“เฮ้ยเป้ ตกลงนะมากินข้าวกลางวันด้วยนะเว่ย ว่าแต่มีอะไรเป็นพิเศษหรือไงวะ?”

เป้เบนสายตาจากไวท์บอร์ดหน้าห้องมาที่ผมแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มแล้วก้มลงจดเลคเชอร์เหมือนเดิม “บอกก่อนก็ไม่ตื่นเต้นสิวะ รอน้องนะมาก่อนแล้วกันจะได้บอกทีเดียว” 


+------+


พอถึงเวลาพักกลางวันผมก็โทรนัดพ่อหนูน้อยให้รอที่หน้าศูนย์หนังสือ ส่วนวิวหลังเรียนวิชาของตัวเองเสร็จก็รอพวกผมอยู่ที่ใต้คณะอยู่แล้ว พอเจอกันพร้อมหน้าแล้วพวกเราเลยตกลงกันว่าจะไปกินข้าวที่ร้านอาหารติดแอร์ซึ่งต้องเข้าซอยเล็กๆเลียบริมแม่น้ำไปเพราะเวลาแค่ชั่วโมงครึ่งไม่อำนวยให้ไปไหนได้ไกลนัก

“น้องนะเป็นไงบ้าง เทอมนี้เรียนหนักกว่าเทอมที่แล้วมั้ย?”

วิวเอ่ยถามคนข้างตัวผมหลังเราสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากคณะที่นะเรียนอยู่จะเปิดเทอมไม่ตรงกับภาคปกติ ตอนนี้เจ้าตัวเลยเพิ่งเปิดเทอมสองมาได้แค่สองอาทิตย์ในขณะที่สำหรับพวกผมนั้นอีกแค่เดือนเศษๆก็จะสอบปลายภาคเทอมสองแล้ว

“ก็ยังเป็นพวกวิชาพื้นฐานอยู่ฮะพี่วิว แต่ว่าเทอมสองนี้ส่วนมากจะเป็นวิชาของสายวิทย์เลยลำบากเหมือนกัน นะไม่ถนัดวิชาแนวนี้”

พ่อหนูน้อยตอบพลางย่นจมูก เพราะตอนม.ปลายเจ้าตัวก็เรียนสายศิลป์ภาษา ซึ่งสำหรับเด็กที่เรียนแผนนี้ที่โรงเรียนเก่าผมจะไม่เน้นสอนวิชาพวกนี้อยู่แล้ว แถมเจ้าตัวยังไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศหนึ่งปีตอน ม.5 เลยยิ่งทำให้ถนัดวิชาเกี่ยวกับภาษาหรือสังคมศึกษามากกว่า

“เหรอ ถ้ายังไงถามพี่ได้นะ พี่ยังเก็บเท็กซ์ของตอนปีหนึ่งไว้อยู่ แต่ไม่รู้ว่าของภาคอินเตอร์เนื้อหาจะเหมือนกับของภาคปกติหรือเปล่าน่ะสิ”

“ได้จริงๆเหรอฮะพี่วิว? งั้นถ้ามีวิชาไหนไม่เข้าใจนะขอโทรถามพี่วิวนะ”

เสียงคนข้างตัวผมตื่นเต้นขึ้นอย่างดีใจขณะที่วิวยิ้มให้ ความจริงตอนแรกที่พานะมาแนะนำเมื่อหลายเดือนก่อนผมคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่เพื่อนกับแฟนของผมจะได้รู้จักกันไว้ แต่เรื่องที่แฟนผมเข้ากับแฟนเพื่อนได้ดีนี่ค่อนข้างจะอยู่เหนือความคาดหมายเพราะบุคลิกทั้งสองคนไม่เหมือนกันเลย พอลองเลียบๆเคียงๆถามเป้ถึงได้รู้ว่าวิวเองก็มีน้องชายที่อายุห่างกันมากพอสมควรกำลังเรียนชั้น ม.ต้น อยู่ที่ต่างจังหวัด พอได้มาเจอนะที่บุคลิกคล้ายน้องชายที่บ้านเลยเกิดเอ็นดูขึ้นมากระมัง

บทสนทนาหยุดลงกะทันหันเมื่อเด็กเสิร์ฟในร้านเริ่มนำอาหารมาให้ที่โต๊ะ เนื่องจากพวกเรามากันสี่คนเลยใช้วิธีสั่งข้าวเปล่าเป็นจานแล้วก็กับข้าวอีกสามอย่างมาแชร์กันแทนการสั่งอาหารจานเดียว ผมตักแกงข่าไก่ที่นะชอบใส่จานให้เจ้าตัวก่อนจะตักให้ตัวเอง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าที่เป้ชวนมากินข้าวกลางวันเพราะมีเรื่องจะคุยด้วย

“เออเป้ ตกลงเรื่องที่มึงจะบอกกูกับนะนี่เรื่องอะไรวะ?”

“อ้าว นี่ยังไม่ได้บอกอ๊อฟเหรอ?”

วิวหันไปถามเพื่อนผมด้วยท่าทางแปลกใจ เป้เลยยิ้มให้แฟนตัวเองก่อนจะบุ้ยคางมาทางคนข้างตัวผมที่กำลังตักข้าวเข้าปากอยู่

“ก็กะว่ารอน้องนะมาก่อนจะได้บอกทีเดียว ไหนๆอยู่ครบแล้วก็ชวนเลยแล้วกัน หยุดยาวสัปดาห์หน้ามีแผนจะไปไหนหรือยังวะอ๊อฟ?”

ผมกับพ่อหนูน้อยหันมาสบตากันทันที วันหยุดยาวที่เป้ว่าคือวันหยุดราชการที่ตรงกับวันศุกร์หน้า ความจริงผมไม่ได้มีโครงการว่าจะไปไหน แต่จริงๆก็พอมีแพลนแล้วว่าจะทำอะไร เพราะวันเสาร์ของสัปดาห์นั้นมันเป็นวันพิเศษสำหรับผมพอดี

“ก็ไม่ได้วางแผนอะไร ช่วงนี้กรอบว่ะเลยคิดว่าคงไม่ไปไหน”

ความจริงเงินที่แม่ผมให้มาเมื่อตอนกลับบ้านช่วงปีใหม่กับเงินส่วนตัวของเดือนนี้ยังพอมีเหลือ แต่ถ้าหากถูกชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดที่ต้องใช้เงินมากๆผมก็คงต้องปฏิเสธเพราะว่าเงินก้อนที่มีอยู่ตอนนี้มันพ่วงรวมค่าหอกับค่าโทรศัพท์ที่ยังไม่รู้ว่าจะโดนเรียกเก็บเท่าไหร่ไว้ด้วย

อีกอย่าง...ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะเอาเงินส่วนที่พอมีอยู่ไปใช้ทำอะไรนี่สิ

“งั้นก็พอดีเลย สนใจจะไปทะเลมั้ย พอดีว่าแฟนพี่ปิ่นเค้ามีรีสอร์ตที่ทำกับเพื่อนอยู่ที่ปราณบุรี กูเคยเกริ่นกับเค้าไว้ว่าอยากไปเที่ยวเค้าเลยบอกจะเปิดห้องให้ ถ้ามึงกับน้องนะไปด้วยกูจะได้ขอให้เค้าเปิดสองห้อง”

“รีสอร์ตอะไรวะ?”

พอเพื่อนเอ่ยนำขึ้นมาผมเลยต้องถาม แต่ความจริงก็ถามไปอย่างนั้น เพราะถึงเป้จะบอกชื่อไหนมาหูผมก็คงไม่กระดิกอยู่ดีเพราะไม่เคยไปปราณบุรีสักครั้ง ที่ใกล้เคียงสุดที่เคยไปแถบนั้นก็หัวหินเท่านั้นแหละ

“...................”

พอได้ยินชื่อรีสอร์ตปุ๊บพ่อหนูน้อยที่นั่งกินข้าวเงียบๆมาตลอดก็ทำตาโตทันที “นะรู้จัก เพื่อนเคยไปแล้วส่งรูปมาให้ดู เค้าแต่งห้องแบบบาหลีสวยมากเลย รู้สึกว่าค่าห้องก็แพงมากด้วย”

“แล้วอย่างงี้เค้าคิดราคาพิเศษให้เหรอวะเป้?”

ผมนึกไม่ออกว่าที่นะพูดว่าแพงมากนี่มันแพงระดับไหน แต่ยังไงถ้าเป็นหลักหลายพันนี่ยังไงผมก็คงต้องบาย เพราะต่อให้ไม่ได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเอาเงินไปทำอะไรแต่ผมคงไม่มีปัญญาจ่ายค่ารีสอร์ตหรูๆอยู่ดี ยังต้องพึ่งกระเป๋าเงินแม่อยู่นี่นา และถึงพ่อผมที่หย่าขาดจากแม่ไปแล้วจะเคยบอกว่าถ้าอยากได้อะไรให้โทรทางไกลไปบอกได้เลยแต่ผมก็ไม่อยากทำแบบนั้นอยู่ดี

เป้คงเห็นสีหน้าเป็นกังวลของผมเลยยิ้มมุมปากก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มด้วยท่าทางที่ชวนให้หมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ

“กูเป็นว่าที่น้องเขยนะเว่ย จะคิดเงินได้ไง?”

“หือ...งั้นก็ฟรีเหรอวะ?”

“ไปบังคับขอฟรีมาน่ะสิ”

วิวปรายตามองเพื่อนผมพลางถอนหายใจอย่างระอา เป้เลยเท้าคางแล้วพาดแขนอีกข้างหนึ่งไปบนพนักพิงเก้าอี้ของแฟนตัวเองก่อนหันไปแก้ตัวยิ้มๆ “อย่ากล่าวหากันสิ พี่เก่งเค้าเคยบอกเองว่าถ้าเป้อยากไปตอนไหนก็บอกได้ ไม่ได้ห้ามไว้นี่ว่าห้ามขอห้องช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์”

“ครับๆคุณชาย จะไปขอมาแบบไหนก็ช่างเถอะ ว่าแต่อ๊อฟไม่สะดวกเหรอ?”

วิวคงเห็นสีหน้าผมที่ดูคิดไม่ตกเลยถามขึ้นมา ความจริงไอ้ที่เพื่อนเสนอมาก็น่าสนใจอยู่ แต่ว่าถ้าอย่างนั้นแผนที่ผมเตรียมไว้ก็คงต้องปรับใหม่น่ะสิ

แรงกระตุกที่ชายเสื้อทำให้ผมหันไปมองคนข้างตัว แล้วก็เห็นนัยน์ตากลมโตส่องประกายวิบวับมองผมอย่างมีความหวัง

ไม่ต้องบอกก็รู้ ใครมาโดนมองด้วยสายตาแบบนี้เข้าแล้วยังปฏิเสธได้อีกก็คงใจแข็งน่าดู

“เปล่าหรอกวิว ไปเที่ยวทะเลก็ดีเหมือนกัน ไหนๆเรากับนะก็ว่างอยู่แล้ว นี่ดูท่าทางพร้อมจะไปตอนนี้ยังได้เลยเนี่ย”

ผมหันไปแซวคนข้างตัวจนโดนทุบแขนมาทีหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าหวานก็ยังยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ผมเห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วก็อดจะยิ้มแล้วส่ายหน้าไม่ได้ ความจริงตั้งแต่คบกันมาผมกับนะก็ไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันนอกจากเวลากลับบ้านเลย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะตื่นเต้นกับทริปนี้แถมยังเป็นรีสอร์ตหรูที่ได้ห้องมาฟรีด้วย ถ้าอย่างนั้นบางทีนี่อาจเป็นผลดีกับแผนการณ์ที่ผมตั้งใจไว้มากกว่าการแกร่วอยู่ในกรุงเทพฯกันสองคนช่วงสุดสัปดาห์ก็ได้ 

หลังจากจัดการอาหารกลางวันกันเรียบร้อยเราก็จ่ายเงินแล้วแวะเดินเล่นตากแอร์ในร้านหนังสือกันครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับเข้ามหา’ลัย พอส่งพ่อหนูน้อยของผมที่หน้าคณะของเจ้าตัวแล้วผมถึงค่อยเดินไปหาเป้กับวิวที่รออยู่ที่ตึกเอนกเพราะวิชาต่อไปเราสามคนลงเรียนด้วยกัน

“เฮ้ยเป้ พรุ่งนี้ตอนกลางวันมึงมีพักสองคาบเหมือนกันใช่มั้ยวะ?”

ผมเอ่ยถามขึ้นหลังจากเราเข้ามานั่งในห้องบรรยายกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่ออกไปเดินกลางแดดเพียงไม่นาน แต่ด้วยความอบอ้าวทำให้กว่าจะขึ้นบันไดมาถึงที่ห้องก็เล่นเอาเหงื่อซึม

“พรุ่งนี้กูก็มีเรียนเหมือนมึงทุกตัวนั่นแหละ วิวเองก็ได้พักสองคาบเหมือนกัน ถามทำไมวะ?”

เข้าทางพอดี เพราะถึงผมจะพอมีแผนไว้คร่าวๆในใจแล้วก็จริง แต่ถ้าหากให้เป้ที่ถนัดเรื่องพวกนี้มากกว่ามาให้คำแนะนำน่าจะดีกว่าผมไปคนเดียวแน่ๆ

“งั้นไปเป็นเพื่อนกูหน่อย พอดีกูมีแผนจะทำเซอร์ไพรส์ให้นะ”


++------++


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 03-05-2009 15:13:46
แหม ดีจริง มาคราวนี้พร้อมกัน 2 คู่ เลย เป้ก็กวนๆ เจ้าเล่ห์เหมือนเดิมเลยนะ พ่อหนูน้อยนะก็น่ารักน่าหยิกซะจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 03-05-2009 15:19:44
แผนอะไรน่ะ?? ลุ้นๆ  :a5:
ปล.ป้าหายไปนาน จนเกือบลืมไปแล้วนะเนี๊ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: karenoo ที่ 03-05-2009 15:20:56
กรี๊ด....หายไปนานเลยนะตัวเอง :pig2:

กลับมาปุ๊บก็ทำเซอร์ไพรส์ปั๊ปเลย....ว่าแต่ว่าอ๊อฟจะเซอร์ไพรส์เนื่องใจโอกาสอะไรเอ่ย
 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: vin2526 ที่ 03-05-2009 18:35:11
อยากรู้เหมือนกันครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 03-05-2009 20:28:54
 :-[กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
กระโดดกอดพี่บีบีแบบไม่ให้ตั้งตัว
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ช่วงนี้นานๆที่ได้เล่น โชคดีมากมายที่ได้เข้ามาเล่นวันนี้ยิ้มแก้มปริแล้วเนี้ย

ไม่ไหวแล้วม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
จะมีเซอร์พงเซอร์ไพสืกันด้วยยยยย
อะไรเนี้ยอยากรู้อ่ะ แต่ว่าโหยยยยยยยยยยยยยยยยย
เป้น่ารักไปมั้ย ทำเป็นมัลับลมคมใน ให้อ๊อฟงงเล่นๆ
ฮ่าๆๆๆๆ นั้นสิร้อนๆแบบนี้ไปไหนกันดี มันต้องทะเลจริงๆ
อยากไปด้วยอ่ะ อยากไปกับเป้.............. (วิว อย่าเผลอเชียวนะ ฮ่าๆๆๆ)

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดูแลตัวเองด้วยนะค่ะ คิดถึงพี่บีบี จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 03-05-2009 21:13:27
 :impress2:
ป้าหายไปนานเลยนะเนี่ยกลับมาทีมีดีมาฝากด้วย อิๆ
ทั้งเรื่องแพลนไปเที่ยวที่ ปราณบุรี แถมวันรุ่งในเรื่องยังจะมีแอบแพลนแผนกันด้วย
อย่างนี้ นิว ขอ+1ให้สมกับที่รอคอยเลย

นิว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 03-05-2009 23:56:06
มาพร้อมกันสองคู่เลย คุ้มจริง ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-05-2009 12:47:47
กรี๊ด....หายไปนานเลยนะตัวเอง :pig2:

กลับมาปุ๊บก็ทำเซอร์ไพรส์ปั๊ปเลย....ว่าแต่ว่าอ๊อฟจะเซอร์ไพรส์เนื่องใจโอกาสอะไรเอ่ย
 :L2:

นั่นสิ อ๊อฟคิดอะไรอยู่นะเนี่ย อย่างนี้ต้องติดตามตอนต่อไปสิเน้อ  :impress2:


:-[กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
กระโดดกอดพี่บีบีแบบไม่ให้ตั้งตัว
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ช่วงนี้นานๆที่ได้เล่น โชคดีมากมายที่ได้เข้ามาเล่นวันนี้ยิ้มแก้มปริแล้วเนี้ย

ไม่ไหวแล้วม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
จะมีเซอร์พงเซอร์ไพสืกันด้วยยยยย
อะไรเนี้ยอยากรู้อ่ะ แต่ว่าโหยยยยยยยยยยยยยยยยย
เป้น่ารักไปมั้ย ทำเป็นมัลับลมคมใน ให้อ๊อฟงงเล่นๆ
ฮ่าๆๆๆๆ นั้นสิร้อนๆแบบนี้ไปไหนกันดี มันต้องทะเลจริงๆ
อยากไปด้วยอ่ะ อยากไปกับเป้.............. (วิว อย่าเผลอเชียวนะ ฮ่าๆๆๆ)

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ดูแลตัวเองด้วยนะค่ะ คิดถึงพี่บีบี จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :กอด1:

ไม่ได้คุยกันนานเลยนะจ๊า นั่นสิอากาศร้อนๆแบบนี้ต้องทะเลเท่านั้น เสียดายไม่เป็นทะเลใต้ไม่งั้นจจ.ได้เจอเป้แน่ อิิอิ

มาพร้อมกันสองคู่เลย คุ้มจริง ๆ  :impress2:

โปรโมชันพิเศษสมนาคุณที่หายหน้าไปนานค่า~

ดีใจจัง ถึงจะไม่ได้มาลงเรื่องนี้ตั้งนาน(สองเดือนแน่ะ) แต่แฟนประจำยังติดตามป้ากันอยู่เน้อ ยังไงจะรีบปั่นตอนต่อไปมาเร็วๆ เพราะสุดสัปดาห์จะแว้บไปโต้ลมร้อนที่ ตจว.อีกแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 04-05-2009 14:04:29
ป้ามาแว้ววว
คิดถึงนิยายป้าจัง

ว่าแต่เค้ามีแผนจะเซอไพร์สไรกันน้า
อยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 17 (3/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 05-05-2009 04:01:58
มากันเป็นแพ็คคู่ให้หายคิดถึง แล้วอ๊อฟจะเซอไพร์สอะไรน้องนะกันน้า ลุ้นๆๆ

แต่บีบีไม่ต้องเซอไพร์สโดยปล่อยให้คนอ่านรอนานๆ นะจ้ะ รออ่านอยู่จ้า  :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 18 (14/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-05-2009 00:39:26
ตอนที่ 18: จุดเริ่มต้นของเซอร์ไพรส์


ที่มาที่ไปมันเริ่มมาจากช่วงเวลาบ่ายๆของวันเสาร์ที่ผ่านมา...


ตอนนั้นผมกับนะกลับมาจากไปเยี่ยมบ้านได้เกือบเดือนแล้ว และอากาศที่เคยอวลด้วยไอเย็นของฤดูหนาวก็เริ่มถูกลมร้อนเข้ามาแทนที่จนต้องเปิดแอร์ในห้องตั้งแต่บ่าย ด้วยความที่ภาคอินเตอร์ของนะเปิดเทอมช้ากว่าผมแถมเป็นการเปิดเทอมสองซึ่งต้องเริ่มเรียนวิชาใหม่หมดทำให้เจ้าตัวต้องทำความเข้าใจกับเนื้อหามากเป็นพิเศษ ต่างกับผมที่แค่เปิดเทอมมาก็เจอวิชาเดียวกับเมื่อตอนก่อนสอบมิดเทอมเลยคุ้นกับวิชาที่เรียนอยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้รู้สึกว่ายิ่งเรียนก็ยิ่งจำเนื้อหาได้มากขึ้นเลยก็ตาม

วันนั้นผมนอนอ่านหนังสือเล่นอยู่บนเตียงขณะที่คนตัวเล็กนั่งพิมพ์อะไรสักอย่างในโน้ตบุ๊คอยู่ที่โต๊ะ ระหว่างที่สายตาผมเริ่มเห็นตัวหนังสือซ้อนกันและเคลิ้มๆจะหลับเพราะอากาศเย็นได้ที่ก็ได้ยินเสียงเรียกตัวเองดังมาจากหน้าประตูห้อง

“พี่อ๊อฟ นะจะเอาการ์ตูนไปคืนที่ร้านหน้าปากซอยนะ จะฝากซื้ออะไรรึเปล่า?”

ไม่รู้ว่าคนพูดปิดโน้ตบุ๊คแล้วเปลี่ยนกางเกงตั้งแต่ตอนไหน แต่พอผมหยิบหนังสือที่ปิดหน้าอยู่ออกแล้วหันไปตามเสียงก็เห็นว่าเจ้าตัวใส่รองเท้าแตะเตรียมจะออกจากห้องแล้ว ผมเลยกลั้นหาวแล้วส่ายหน้าตอบเพราะตอนนั้นเริ่มอยู่ในอาการอยากนอนกลางวันมากกว่า

“นึกไม่ออกแฮะ นะอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาแล้วกัน”

คนตัวเล็กพยักหน้ารับแล้วก็เปิดประตูออกไป ผมเลยวางหนังสือที่อ่านค้างไว้บนหัวเตียงแล้วพลิกตัวเพื่อจะนอนต่อ แต่ทั้งๆที่ตอนอ่านหนังสือเมื่อกี้หนังตาจะปิดมิปิดแหล่อยู่แล้ว พอตั้งใจจะนอนจริงๆกลับนอนไม่หลับซะอย่างนั้น

ผมนอนพลิกไปพลิกมา พยายามแล้วพยายามอีกที่จะข่มตาให้หลับแต่ก็ไม่หลับ ด้วยความเซ็งเพราะไม่รู้ว่าร่างกายจะเอายังไงแน่ผมเลยตัดสินใจลุกไปล้างหน้าให้รู้แล้วรู้รอดก่อนจะออกมานั่งรื้อชั้นหนังสือตรงมุมห้องเพื่อหาการ์ตูนอ่าน ระหว่างที่หยิบแสลมดั๊งค์ซึ่งเคยเป็นการ์ตูนโปรดสมัยมัธยมออกมา สายตาก็สะดุดเข้ากับอัลบัมรูปคุ้นตาที่วางแทรกอยู่กับหนังสือเล่มอื่นบนชั้น แล้วก็ให้นึกขึ้นได้ว่านั่นคืออัลบัมสุดหวงที่นะเคยเอาออกมาให้ดูเมื่อนานมาแล้ว

สันอัลบัมที่ทำจากกระดาษอาร์ตอาบมันสีสดแบบที่ร้านล้างรูปชอบใช้เริ่มแตกลายเป็นริ้วตามรอยพับ แสดงให้เห็นว่าอัลบัมนี้คงผ่านการเปิดดูจากเจ้าของมานับครั้งไม่ถ้วนเพราะผมไม่คิดว่านะจะเอาไปอวดให้ใครดู แล้วอะไรบางอย่างก็ดลใจผมให้วางหนังสือการ์ตูนที่เพิ่งเลือกมากลับเข้าที่เดิมก่อนจะหยิบอัลบัมรูปนั้นออกมาพลิกดูแทน

อัลบัมที่นะเก็บไว้อัดแน่นไปด้วยรูปไซส์จัมโบ้ประมาณสี่สิบรูป แต่ละรูปมีแต่ผมตอนที่ยังไว้ผมทรงทุยๆเกรียนๆที่พอได้เห็นแล้วก็ต้องขำตัวเอง ขณะที่เพื่อนคนอื่นในระดับม.ปลายด้วยกันมีแต่จะอยากไว้ผมยาวเพื่อแต่งหล่อหลังจากได้รับอนุญาตให้ไว้รองทรงสูงได้ ผมกลับผ่าเหล่าด้วยการไถทั้งหัวให้ยาวเท่ากันจนโดนแซวบ่อยๆว่าเหมือนเณรเพิ่งสึกถ้าไม่ติดว่าคิ้วค่อนข้างจะดกอยู่ แต่สงสัยจะเพราะติดใจความสบายหัวในตอนนั้น แถมไม่ต้องห่วงว่าจะโดนอาจารย์ฝ่ายปกครองเพ่งเล็งทำให้ผมติดใจไว้ผมสั้นมาตลอดจนถึงตอนนี้ (ถึงจะไม่เกรียนจ๋าอย่างตอนนั้นแล้วก็เถอะ)

ผมยิ่งพลิกเปิดรูปดูไปก็ยิ่งประหลาดใจที่เห็นว่าตัวเองโดนถ่ายรูปไว้เยอะขนาดนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรผมไม่ใช่คนชอบตามเก็บรูปตัวเองนักทั้งที่โดนถ่ายขึ้นบอร์ดโรงเรียนอยู่บ่อยๆโดยเฉพาะเวลามีแข่งกีฬาจนแม่ต้องขอให้มุ้ยช่วยเก็บให้
ขณะที่พลิกเปิดดูรูปไปเรื่อยๆจนเกือบหมดเล่มสายตาผมก็สะดุดเข้ากับรูปหมู่รูปหนึ่งที่มีใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่ในรูปด้วย และรูปนั้นก็ดึงความสนใจจนผมเผลอจ้องอยู่นาน

ผมจำได้ว่ารูปนั้นเป็นรูปหมู่ที่ถ่ายหลังจากทีมบาสของสีผมแข่งชนะได้ถ้วยประจำปีของโรงเรียน อาจารย์ที่ดูแลสีก็เลยให้กองเชียร์กับนักกีฬามาถ่ายรูปด้วยกันเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ในรูปหมู่ที่อัดแน่นไปด้วยสมาชิกร่วมสีนั้นมีเด็กผู้ชายตัวเล็กหน้าหวานที่ตอนนี้กลายเป็นคนร่วมห้องผมติดอยู่ด้วย แต่ตอนนั้นผมยืนถือถ้วยอยู่กลางรูปกับเพื่อนร่วมทีม ขณะที่พ่อหนูคนนั้นยืนติดไปทางริมๆจนเกือบจะตกขอบรูปอยู่แล้วด้วยซ้ำ

หากใครได้มาเห็นรูปนี้เทียบกับนะตัวจริงก็ต้องคิดเหมือนผมว่าคนในรูปเปลี่ยนไปจากตอนนั้นค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเรื่องทรงผมหรือรูปร่างที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นเค้าหน้าที่มีนัยน์ตากลมโต จมูกโด่งเล็กและริมฝีปากอิ่มก็ไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ ใบหน้ายิ้มแย้มในชุดเสื้อสีกับกางเกงวอร์มของคนในรูปที่ทำท่าชูสองนิ้วให้กล้องทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้

ตั้งแต่เริ่มคบกันและย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันเป็นต้นมา หลายครั้งที่ผมมองหน้าคนที่นอนกอดทุกวันแล้วก็ให้นึกสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้ใส่ใจจดจำนะตอนสมัยม.ปลายนัก ทั้งที่ตอนเจอกันอีกครั้งผมกลับสะดุดตาเจ้าตัวตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ข้างห้องวันแรก และถึงแม้ตอนนี้เราจะเป็นแฟนกันแล้ว แต่ถ้าหากเทียบช่วงเวลาที่ผมเริ่มรู้สึกว่าพ่อหนูน้อยเป็นคนพิเศษกับช่วงเวลาที่นะมองผมข้างเดียวมาตลอดแล้ว ช่วงเวลาที่ผมไม่ได้รับรู้ความรู้สึกที่นะมีให้คงช่างยาวนานในความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างเทียบไม่ติดเลยทีเดียว

จริงอยู่ว่าบางครั้งเราคุยกันถึงเรื่องสมัยที่ยังเรียนม.ปลายบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นพ่อหนูน้อยก็ไม่เคยท้วงติงเรื่องที่ผมจำเจ้าตัวไม่ได้ตอนที่ได้กลับมาเจอกันใหม่ แถมพอนะเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนผมเคยทำอะไรให้บ้างก็ต้องตกใจที่เจ้าตัวจำเรื่องต่างๆได้มากขนาดนี้ ทั้งที่สำหรับผมแล้วถ้าไม่ได้ยินจากที่นะเล่าให้ฟังก็แทบจะจำเรื่องพวกนั้นไม่ได้เลยเพราะไม่เคยเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร และนั่นก็ทำให้ผมสำนึกขึ้นได้ว่าตัวตนของตัวเองในตอนนั้นฝังแน่นในความทรงจำของนะแค่ไหน


“...อย่างนี้พี่ก็ทำนะผิดหวังแย่เลยสิ พอมาเจอกันอีกทีรุ่นพี่แสนดีคนนั้นดันจำนะไม่ได้เลยแบบนี้”


ผมเคยเอ่ยทักหลังจากคนตัวเล็กเล่าเรื่องตอนที่ตัวเองปีนขึ้นต้นไม้ไปเก็บรองเท้าที่ถูกเพื่อนแกล้งโยนขึ้นไปแล้วผมเข้าไปช่วยตอนเจ้าตัวปีนลงมา แต่พอผมพูดจบนะเพียงแค่เอียงคอทำท่าคิดก่อนจะเอ่ยตอบด้วยประโยคที่ทำให้ผมแย้งไม่ออก


“ก็...นะก็เคยคิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ถ้าเกิดว่าพี่อ๊อฟเห็นแล้วจำได้เลยตั้งแต่ต้น พี่อ๊อฟก็คงมองว่านะเป็นแค่รุ่นน้องสมัยม.ปลายธรรมดาๆคนนึงแล้วก็คงไม่สนใจกันอีกเลยใช่มั้ยล่ะ?”


หลายครั้งที่ผมโดนพ่อหนูน้อยทำให้อึ้ง เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะขี้งอนและขี้อ้อนแบบเด็กๆ แต่ในบางเรื่องนะก็มีมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่ชนิดที่น่าจะทำให้คนอายุมากกว่าหลายคนโต้ตอบไม่ถูกได้เหมือนกัน

การที่อีกฝ่ายมองการเจอกันอีกครั้งของเราในแง่บวกแถมไม่ติดใจถือโทษทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองควรจะรับผิดชอบความรู้สึกของนะตอนที่ผมยังจำเจ้าตัวไม่ได้บ้าง ขณะเดียวกันก็เกิดแรงกระตุ้นที่อยากจะสร้างความทรงจำใหม่ๆให้คนตัวเล็กเกี่ยวกับผมในตอนนี้เพื่อลบล้างภาพของตัวเองในสมัยนั้นไปด้วย ใครจะว่าการที่ผมหึงตัวเองในอดีตมันพิลึกหรือคิดมากเกินเหตุก็ตามทีเถอะ แต่ผมรู้สึกว่าผมตอนที่ยังไม่ได้ชอบนะกับผมในตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่นา

พอคิดได้แบบนั้นผมก็รู้สึกว่าอยากทำอะไรสักอย่างให้กับนะขึ้นมา แต่ในเมื่อจะทำอะไรให้ทั้งทีมันก็ควรมีโอกาสที่เหมาะสมมารองรับหน่อยไม่งั้นมันคงดูเลื่อนๆลอยๆพิกล และถึงแม้จะยังไม่ถึงวาเลนไทน์ก็จริง แต่ในความคิดผมที่ไม่ค่อยชอบตามกระแสกลับมองว่าวันวาเลนไทน์เป็นเทศกาลที่ออกจะเกร่อๆไป ถึงแม้จะเป็นวันที่ถูกกำหนดให้เป็นวันพิเศษสำหรับคู่รักก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่วันที่เป็นวันพิเศษสำหรับพวกผมแค่สองคนจริงๆอยู่ดี

ผมปิดอัลบัมแล้วเก็บเข้าที่เดิมก่อนจะพยายามคิดว่าพอจะมีวิธีไหนที่จะทำอะไรพิเศษให้กับนะได้โดยไม่ต้องอิงเทศกาลเหมือนคนอื่น คิดไปคิดมาเลยหยิบปฏิทินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาพลิกดู แล้วผมก็ต้องยิ้มออกเมื่อเห็นว่ายังพอมีวันที่ผมสามารถทำให้เป็นวันสำคัญสำหรับแค่ผมกับนะเท่านั้นได้อยู่เหมือนกัน

ไอเดียต่างๆที่แล่นเข้ามาในหัวหลังจากปิ๊งความคิดนี้ได้ทำให้ผมเริ่มอยากทำโน่นทำนี่เต็มไปหมด ยิ่งพอนึกว่าถ้าทำให้เป็นเซอร์ไพรส์กับนะได้เจ้าตัวจะทำหน้ายังไงก็ยิ่งยิ้มอย่างหยุดไม่อยู่ บ่ายคล้อยของวันนั้นผมเลยได้เห็นสีหน้างงๆของคนตัวเล็กประเดิมไปก่อนเพราะพอเจ้าตัวเข้าห้องมาปุ๊บก็โดนผมดึงตัวมากอดแล้วหอมแก้มอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งที่ยังถือถุงขนมเต็มมือ



++------++



“...ก็ประมาณนี้แหละ ทีนี้เรื่องว่าจะปรับแผนให้เข้ากับทริปนี้ยังไงขอไปคิดก่อน แต่เรื่องของขวัญนี่ยังไงก็คงต้องให้มึงช่วยว่ะ พอดีกูไม่เคยใช้ของแบบนี้ จะให้ไปซื้อเองคนเดียวก็กลัวเดี๋ยวเลือกไม่ถูก”

ผมยกขวดน้ำขึ้นดื่มหลังจากอธิบายเสียยืดยาว พอดีตอนเข้าเรียนช่วงบ่ายผมยังไม่ทันได้ขยายความเรื่องเซอร์ไพรส์ที่อยากจะทำให้นะอาจารย์ก็เข้าห้องมาซะก่อน เลยต้องรอจนหมดคาบแล้วถึงค่อยออกมาเล่าให้เป้กับวิวฟังที่โต๊ะม้าหินข้างสนามบอลที่นั่งกันประจำว่าอยากได้คำแนะนำในเรื่องอะไรและเพราะอะไร

เป้นั่งกอดอกพิงพนักแล้วก็พยักหน้ารับรู้เรื่องที่ผมขอให้ช่วย ส่วนวิวเอาแต่ยิ้มหลังฟังเรื่องที่ผมเพิ่งเล่าจบไปจนผมชักจะเริ่มเขินๆขึ้นมาเหมือนกัน

“อืม เข้าใจล่ะ...มึงก็เลยอยากให้กูกับวิวโดดเรียนไปช่วยเลือกเป็นเพื่อน?”

“กูไม่ได้ขอให้โดดเรียนโว้ย! พักตั้งสองคาบนี่มันนานพอจะดูหนังได้เรื่องนึงเลยนะเว่ย ก็แค่ไปช่วยกันเลือกไอ้นี่ เสร็จแล้วก็กลับมาเรียน สามชั่วโมงนี่เวลาออกจะถมถืดไป”

เป้ขมวดคิ้วหลังโดนผมเถียง “กูพูดถึงเวลาไปกลับด้วยต่างหาก ของแบบนี้จะมารีบๆเลือกส่งๆได้ไงวะ อีกอย่างทำไมไม่นัดกันตอนเย็นจะได้มีเวลาไปเลือกนานๆหน่อย ไประหว่างวันแบบนี้มันก็ต้องรีบน่ะสิ”

“ก็ตอนเย็นมันหาข้ออ้างปลีกตัวลำบากนี่หว่า แล้วขืนพานะไปด้วยก็ไม่ใช่เซอร์ไพรส์กันพอดี”

ผมโต้กลับ เพราะการเบี้ยวมื้อกลางวันกับนะโดยอ้างเหตุผลว่าต้องคุยรายงานกับเพื่อนยังพอฟังขึ้น แต่ถ้าเบี้ยวมื้อเย็นนี่พ่อหนูน้อยของผมได้สงสัยแน่ๆว่าผมจะแอบไปไหนแล้วทำไมถึงให้รู้ไม่ได้ สุดท้ายคนตรงข้ามผมเลยต้องถอนหายใจก่อนจะยกมือเหมือนยอมแพ้

“โอเคๆ ตกลงกลางวันพรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ ว่าแต่ของแบบนี้ถ้าเกิดซื้อให้โดยไม่พาเจ้าตัวไปเลือกเองก็เสี่ยงเหมือนกันนะ เกิดซื้อมาแล้วไม่ชอบเดี๋ยวจะกลายเป็นของตั้งโชว์ซะเปล่าๆ หรือวิวว่าไง?”

“หือ...แต่ปกติน้องนะก็ใช้ของพวกนี้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ งั้นเราว่าถ้าเป็นของที่อ๊อฟตั้งใจเลือกให้คงไม่เป็นไรหรอก”

วิวที่นั่งเงียบมานานหันมาคุยกับผมแล้วทำท่าเหมือนไม่รู้ว่าเป้กำลังพูดเรื่องอะไร ไอ้หน้าหล่อเลยขมวดคิ้วเหมือนเด็กเวลาโดนพี่เลี้ยงแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะเห็นเพื่อนตัวเองทำหน้าตาแบบนี้ สงสัยจะมีวิวคนเดียวล่ะมั้งที่แกล้งเป้แบบนี้ได้

“วิวครับ นั่นเป้ลงทุนขอร้องปูมให้ไปจองให้ตั้งแต่วันที่มันยังไม่ออกวางขายที่อังกฤษเลยนะ”

“รู้แล้วน่า แต่ว่าคนเค้าไม่ชอบใช้จะมาบังคับกันได้ไงเล่า”

ผมมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังเถียงกันอยู่สลับกันไปมา ดูท่าไอ้ของที่ผมตั้งใจจะซื้อให้นะนี่คงไม่ใช่ออริจินอลไอเดียเท่าไหร่ แต่ก็อดขำไม่ได้ที่ได้รู้ว่าของนั้นเป็นหนึ่งในของขวัญที่เป้ให้แล้วดันไม่ถูกใจวิว แต่สีหน้าผมคงแสดงออกมากไปเลยโดนไอ้เพื่อนบังเกิดเกล้าเตะขาเข้าให้ แต่เรื่องอะไรผมจะยอมโดนเตะอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ เพื่อนกันก็ต้องเท่าเทียมกันสิ

เสียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นสั้นๆจากในกระเป๋าเสื้อก่อนจะเงียบไปทำให้ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วก็เห็นว่าได้เวลาที่นัดไว้กับพ่อหนูน้อยแล้วเลยหยิบกระเป๋าขึ้นมาพาดไหล่ก่อนจะลุกจากที่นั่ง

“นะยิงมาเรียกแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อแล้วกัน ไปก่อนนะ”

ผมบอกลาเพื่อนทั้งสองคนก่อนจะเดินไปที่จุดนัดพบประจำของผมกับนะ ปกติตอนเลิกเรียนเราใช้วิธีให้สัญญาณกันโดยการยิงหากันหนึ่งครั้ง เป็นการบอกว่าให้เจอกันที่หน้าศูนย์หนังสือซึ่งอยู่ติดกับประตูทางออกฝั่งที่ไปขึ้นเรือข้ามฟากได้ แต่ถ้าเกิดวันไหนจะนัดเจอกันที่อื่นถึงค่อยใช้วิธีโทรบอกหรือเมสเสจหากันแทนเป็นครั้งๆไป

พอผมเลี้ยวผ่านทางเดินใต้ตึกเอนกฯเพื่อเดินต่อไปที่ศูนย์หนังสือก็เห็นว่านะกำลังยืนคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้อยู่แถวใกล้ประตูทางออก ซึ่งก็ไม่แปลกอยู่แล้วเพราะว่าตึกคณะที่พ่อหนูน้อยเรียนอยู่มันอยู่ตรงข้ามกับศูนย์หนังสือพอดี ท่าทางปลายสายจะเป็นเพื่อนสนิทนะเลยคุยไปหัวเราะไปและไม่ทันได้สังเกตเห็นผม แต่พอเดินเข้าไปใกล้เข้าผมก็ต้องขมวดคิ้วเพราะดันเห็นมลพิษทางสายตาและเป็นคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าอย่างที่สุดยืนอยู่ข้างๆคนตัวเล็กด้วย

จังหวะเดียวกับที่ผมสังเกตเห็นเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะเป็นจังหวะเดียวกับที่มันเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมเหมือนกัน แล้วคิ้วเหนือตาตี่ๆนั่นก็ขมวดเข้าหากันพร้อมกับการชักสีหน้าแบบไม่เป็นมิตรทันที แต่สีหน้าผมตอนนี้ก็คงดูแล้วไม่ต่างจากมันเท่าไหร่หรอก

ปกติผมไม่ใช่คนเข้ากับคนยากหรือชอบตั้งแง่อคติกับใคร แต่ทุกกรณีย่อมมีข้อยกเว้น และไอ้เชนนี่ก็ดูจะเป็นข้อยกเว้นขั้นถาวรเสียด้วยสิ


"ว่าไง..."



++------++


ขออภัยที่อาจจะแอบสั้นไปนิด (เอ...หรือไม่แอบ) แว้บมาลงตอนดึกๆเพราะเพิ่งพิมพ์เสร็จ ยังไงขอไปนอนก่อนละจ้า :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 18 (14/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 14-05-2009 21:30:08
นายอ๊อฟจะซื้อน้ำหอมให้อ่ะดิ เดาถูกป่าว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 18 (14/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 14-05-2009 22:16:08
น้องนะสนใจพี่ออฟมาตั้งแต่มัธยมเลยเหรอ  น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 18 (14/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-05-2009 15:06:50
มาไม่สั้นเลยจ้ะ บีบี แต่มันก็ยังไม่ถึงตอนเซอร์ไพร์สซ้าที

แถมพี่ออฟจะมีวางมวยกะเชนซะอีก

ขอบคุณที่มาต่อจ้า รออ่านนะจ้ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 18 (14/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: vin2526 ที่ 15-05-2009 20:16:22
รอตอนต่อไปอยู่คร้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 18 (14/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-05-2009 14:11:10
^
^
^
รอเหมือนกันค่า พอดีเสาร์นี้โดนเพื่อนเกณฑ์ไปใช้แรงงานทาส (ให้ไปช่วยย้ายของที่หอ เห็นสาวน้อยร่างบอบบางอย่างป้าเป็นตัวอะร้ายยย) ถ้าวันอาทิตย์มีเวลาจะมาต่อให้เน้อ :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 18 (14/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 16-05-2009 17:59:15
 :z13: bb ด้วยความคิดถึง :กอด1:

อ๊อฟจะซื้อไรให้นะ หว่า

รอเซอร์ไพร์ของอ๊อฟ นะจ๊ะbb

ว่าแต่ไปญี่ปุ่นมาสนุกป่าวbb

เอาปู้จายมาฝากมั่งป่าว :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 18 (14/05/09) p.32
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-05-2009 22:15:11
:z13: bb ด้วยความคิดถึง :กอด1:

อ๊อฟจะซื้อไรให้นะ หว่า

รอเซอร์ไพร์ของอ๊อฟ นะจ๊ะbb

ว่าแต่ไปญี่ปุ่นมาสนุกป่าวbb

เอาปู้จายมาฝากมั่งป่าว :o8:

ไปญี่ปุ่นสนุกดีจ้ะสจ. หลั่นล้าสุดๆ ตื่นตาตื่นใจกับสถานที่และความหน้าตาดีของผู้คน อิอิ  :impress2:

เซอร์ไพรส์ของนะใกล้คลอดแล้วละ รอกันอีกนิด ว่าแต่ไปอ่านตอนต่อไปกันเลยแล้วกันนะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-05-2009 22:23:29
ตอนที่ 19: ความสำคัญของคนสำคัญ

ผมเอ่ยทักก่อนจะสาวเท้าเข้าไปยืนข้างคนตัวเล็กที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่ แล้วก็ไม่แปลกใจที่ได้ความเงียบเป็นเสียงตอบรับจากไอ้คนที่ยืนทำหน้าเหม็นบูดอยู่อีกข้างหนึ่งของแฟนตัวเอง ที่จริงก็ใช่ว่าผมจะเอ่ยทักออกไปก่อนเพราะอยากผูกสมัครรักใคร่อะไรกับมันหรอก และถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เจอหน้าไอ้เด็กนี่บ่อยๆแต่เวลาได้เห็นสายตาที่มันมองนะทีไรผมก็อดหงุดหงิดไม่ได้ทุกที

พ่อหนูน้อยหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเหลือบไปทางเพื่อนตัวเอง บรรยากาศตึงเครียดระหว่างผมกับมันคงแผ่ออกมาแรงพอดูคนตัวเล็กเลยรีบรวบบทสนทนากับปลายสายทันที

“น้องคุ้กกี้อย่าลืมกินเค้กเผื่อพี่แล้วกันนะ แฮปปี้เบิร์ธเดย์จ้า บ๊ายบาย”

ผมได้ยินเสียงตอบรับที่ดังอู้อี้ลอดลำโพงออกมาแหลมเล็กเหมือนเสียงเด็กผู้หญิงก่อนที่นะจะกดตัดสาย แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนตัวเล็กหันไปยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้ตี๋ที่ยืนอยู่อีกด้าน แต่เมื่อมองดีๆก็จำได้ว่านั่นไม่ใช่เครื่องของเจ้าตัวเพราะว่านะใช้โทรศัพท์แบบฝาสไลด์เหมือนของผม แต่เครื่องที่ไอ้เชนรับคืนไปเป็นแบบทัชสกรีน เจ้าของโทรศัพท์แกล้งทำหน้าหงอยจนน่าหมั่นไส้หลังจากรับเครื่องของตัวเองคืนไปแล้ว

“นะไม่ไปจริงๆเหรอ คุ้กกี้ชอบบ่นคิดถึงนะบ่อยมากเลยนะ ขนาดแม่เรายังถามถึงเลย”

“เอ่อ...เราไม่สะดวกวันนี้น่ะ”

คนตัวเล็กตอบเสียงอ้ำๆอึ้งๆ ผมได้แต่คิดในใจว่าวันไหนที่มึงเป็นคนชวนนะก็ไม่สะดวกทั้งนั้นแหละโว้ย  แต่ไม่รู้ไอ้เชนอ่านใจผมได้หรือยังไงมันถึงตวัดสายตามองผมด้วยแววตาไม่พอใจอย่างออกนอกหน้า

“นะไม่สะดวกหรือใครไม่สะดวกกันแน่ เทอมที่แล้วนะยังไปบ้านเราบ่อยๆได้เลยนี่”

พอได้ยินประโยคชวนหาเรื่องผมก็ชักรู้สึกเหมือนหางคิ้วฝั่งที่มีรอยแผลเป็นกระตุกขึ้นมา จะว่าไปผมไม่เคยรู้มาก่อนว่านะสนิทสนมกับที่บ้านไอ้เชนมากขนาดนี้ก่อนที่เราจะคบกัน แต่จะโทษคนตัวเล็กก็คงไม่ได้เพราะตอนนั้นพวกเราสองคนยังเป็นแค่คนข้างห้องที่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่านั้นเอง

ใบหน้าหวานเม้มริมฝีปากก่อนจะเหลือบมาทางผมแว่บหนึ่งเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง ผมเลยช่วยตอบให้เผื่อไอ้เด็กเวรนี่จะได้เลิกตื๊อเสียที

“เทอมที่แล้วก็ส่วนของเทอมที่แล้วสิ ไม่ได้ยินนะบอกหรือไงว่าวันนี้ไม่สะดวก หรือต้องให้ใครมาช่วยแคะหูให้?”

“พี่อ๊อฟ!”

นะหันขวับมามองผมอย่างตกใจขณะที่ไอ้เชนทำหน้าเหมือนพร้อมจะกระโดดบีบคอผมได้อยู่รอมร่อ จริงอยู่ที่โดยพื้นฐานแล้วผมไม่ใช่คนมีนิสัยอันธพาลหรือชอบการทะเลาะวิวาท แต่ถ้าหากเป็นกรณีที่มีคนอื่นมาหาเรื่องก่อนผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน คนนี่ไม่ใช่พระอิฐพระปูนจะได้ปล่อยให้โดนท้าทายอยู่ฝ่ายเดียว

มือเล็กยื่นมาจับแขนผมไว้พร้อมกับที่นัยน์ตากลมโตมองมาเหมือนจะขอให้ใจเย็นๆ ผมเห็นสีหน้าลำบากใจของคนข้างตัวแล้วก็เลยถอนหายใจก่อนจะหยิบหนังสือเรียนเล่มใหญ่ในมือของนะมาถือไว้เอง

“นะจะเอาไงก็ตามใจแล้วกัน พี่จะไปรอเราที่ท่าน้ำ แต่ถ้าจะไม่กลับกับพี่ก็โทรมาบอกกันก่อนพี่จะได้ไม่ต้องรอ”

ผมเอ่ยแล้วก็เดินออกมาโดยไม่หันไปมองทั้งสองคนข้างหลังอีก อาจเพราะผมมั่นใจว่ายังไงนะก็ต้องตามมาแน่ๆผมเลยกล้าพูดแบบนั้น แต่ความจริงลึกๆแล้วผมก็อยากให้นะบอกปัดไอ้เชนด้วยตัวเองให้เด็ดขาดไป ไม่งั้นเราคงมีเรื่องผิดใจกันเพราะไอ้บ้านี่ไม่จบไม่สิ้นเสียที

ไม่ว่าชาติที่แล้วผมจะทำกรรมอะไรกับไอ้เด็กนี่ไว้ก็ตาม แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากทะเลาะกับนะเพราะเรื่องของมันอีก ภาพที่ผมทำให้คนตัวเล็กร้องไห้โดยที่มีมันเป็นต้นเหตุตั้งแต่เมื่อตอนโน้นยังติดตาผมอยู่เลย

ผมเดินออกจากประตูข้างศูนย์หนังสือแล้วก็เลียบไปตามทางเดินข้างลานหน้ามหา’ลัยซึ่งเต็มไปด้วยแผงขายของเพื่อไปรอคนตัวเล็กที่จุดนัดพบ แต่ยังไม่ทันเข้าไปถึงท่าเรือผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนมือข้างหนึ่งยื่นมารั้งแขนไว้เสียก่อน

“อ๊อฟ! เป็นไรของแกเนี่ย ชั้นเรียกตั้งหลายรอบก็ไม่ได้ยิน แล้วทำไมทำหน้าเป็นตูดงั้นอะ?”

ผมหันไปตามเสียงแปดหลอดอันแสนจะคุ้นหูแล้วก็รู้สึกว่าไหล่ลู่ลงทันทีที่ได้เห็นหน้าคนพูด อะไรมันจะจังหวะดีขนาดนี้ก็ไม่รู้ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะคุยเล่นกับใครเสียด้วยสิ

“แกมาทำอะไรแถวนี้วะมุ้ย?”

คนถูกถามเลิกคิ้ว แล้วผมก็ให้รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าสิ้นดีที่ถามอะไรแบบนั้นออกไป เพราะมหา’ลัยมุ้ยกับมหา’ลัยผมอยู่ใกล้กันแค่ระยะเดินไม่กี่นาที แถมการที่เพื่อนจะเดินมาเลือกซื้อของหรือหาอะไรทานแถวนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยโทรเรียกผมออกมาเป็นเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ตาม

“ชั้นมาช่วยเพื่อนขายกระเป๋าตรงแผงข้างๆร้านขายรองเท้าโน่นไง พอดีชั้นเห็นแกเดินดุ่มๆหน้าตายังกับจะไปกินหัวใครชั้นเลยเรียกไว้ แล้วนี่น้องนะอยู่ไหนล่ะ?”

พอโดนทักผมเลยหันกลับไปมองทางที่ตัวเองเพิ่งเดินออกมา เนื่องจากช่วงเวลานี้มีแต่คนเดินเลือกซื้อของและเข้าออกท่าน้ำตลอดเวลา ทั่วทั้งลานจึงละลานตาไปด้วยผู้คนเต็มไปหมด แต่ไม่ว่าจะพยายามเพ่งมองยังไงก็ไม่เห็นร่างเล็กคุ้นตาเดินตามผมออกมาเลย

นี่ผมคิดไปเองหรือไงว่ายังไงนะก็ต้องตามผมมาแน่ๆ...

“...จะไปบ้านเพื่อนเค้ามั้ง”

ผมเอ่ยขึ้นลอยๆด้วยความขุ่นใจ มุ้ยเลยมองหน้าผมสลับกับมองไปทางทิศที่สายตาผมจับอยู่แล้วก็ยกมือขึ้นโบกไปมา

“เฮ่ยๆ อะไรเนี่ย อย่าบอกนะว่าแกกับน้องนะทะเลาะกัน?”

“ไม่ได้ทะเลาะ แต่...ไม่รู้ว่ะ เราจู้จี้กับนะมากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ผมจับมือที่โบกอยู่หน้าตัวเองลงก่อนจะนึกขึ้นได้ก็เมื่อวินาทีที่หลุดปากออกไปแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

นะจะรำคาญผมที่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องไอ้เชนบ้างหรือเปล่า...

จริงอยู่ว่าตั้งแต่คบกันมา ถ้าให้นึกเรื่องที่ผมเอ่ยปากห้ามนะอย่างจริงจังก็มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนตัวเล็กจะไม่อึดอัดที่ผมไปกะเกณฑ์ไม่ให้คบกับเพื่อนตัวเองนี่นา ถึงแม้ผมจะมองสายตาไอ้เชนออกว่ามันไม่ได้มองนะแบบที่มองเพื่อนธรรมดาก็เถอะ

โอ๊ย! ยิ่งคิดแล้วมันยิ่งโมโหโว้ย!!

มุ้ยเอียงคอมองผมที่ยืนนิ่งแล้วก็ยกมือขึ้นตบไหล่ ก่อนจะเริ่มเทศนาสั่งสอนอย่างกับคนที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชนก็ไม่ปาน

“ใจเย็นก่อนแก ของอย่างนี้มันต้องค่อยๆถามเจ้าตัวเองดิวะ น้องนะเค้าเคยพูดหรือแสดงท่าทีอึดอัดใจให้แกเห็นรึไง คิดมากไม่เข้าเรื่องเป็นพระเอกหนังไปได้”

ผมเหล่มองยายตัวดีที่ทำราวกับตัวเองเป็นผู้รู้แม้จะตระหนักดีว่าที่เพื่อนพูดมานั้นถูกทุกอย่าง บางทีอาจเป็นเพราะตอนที่คบกับแฟนเก่าผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องหึงหวงแบบนี้มาก่อน พอได้เจอกับความรู้สึกนี้เข้าตอนคบกับนะผมเลยรู้สึกกระวนกระวายไปหมด

คนที่เดินผ่านไปมามองเราสองคนที่ยืนคุยกันกลางทางเดินอย่างไม่ค่อยพอใจจนผมต้องลากมุ้ยให้ไปยืนคุยกันที่หน้าร้านหนังสือแทน จะว่าไปไอ้ที่มายืนปรึกษาเรื่องนี้กันข้างตลาดมันก็แปลกๆอยู่เหมือนกันแหละ

“ไม่คิดมากได้ไงวะ แฟนตัวเองทั้งคนนะ ถ้าเกิดแกเห็นว่ามีคนอื่นมาคอยทำรุ่มร่ามใกล้ๆคนที่แกชอบบ่อยๆแกจะไม่คิดอะไรเลยได้ไหมล่ะ?”

มุ้ยฟังคำถามผมแล้วก็กอดอกก่อนจะเอียงคอทำท่าคิดจนผมต้องถอนหายใจ ที่จริงผมอาจจะถามผิดคนไปก็ได้ ก็ไม่เคยเห็นยายเพื่อนคนนี้มาบ่นเรื่องปัญหาหัวใจด้วยเลยสักที สุดท้ายหลังจากที่ยายตัวดีทำท่าเหมือนคิดไม่ตกอยู่นาน เจ้าหล่อนก็ส่ายหน้าแล้วตบไหล่ผมดังปั้ก

“วู้ย เอาน่ะ มีคนมาชอบแฟนแกสิแกควรจะปลื้มว่าแฟนแกมีเสน่ห์ อีกอย่างน้องนะเค้าชอบแกข้างเดียวมาตั้งแต่ตอนม.ปลายไม่ใช่เหรอ คิดว่าน้องเค้าจะเปลี่ยนใจง่ายๆแค่เพราะมีคนอื่นเข้ามาเกาะแกะหรือไง?”

“พี่อ๊อฟ”

ผมกับมุ้ยสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นใกล้ๆ เมื่อหันหลังไปก็เห็นคนที่กำลังถูกพูดถึงกำลังดึงชายเสื้อผมอยู่ ร่างเล็กหายใจหอบนิดหน่อยและมีหยาดเหงื่อผุดซึมบางๆบนหน้าผากจนผมต้องรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับให้

“นะไปทำอะไรมา ทำไมเหงื่อออกอย่างนี้ล่ะ?”

คนถูกถามทำหน้ามุ่ยก่อนจะรั้งมือผมที่กำลังซับเหงื่อให้แล้วกุมไว้หลวมๆแทน “ก็พี่อ๊อฟบอกว่าจะไปรอที่ท่าน้ำนี่ นะคุยกับเชนเสร็จแล้วก็รีบตามไปที่ท่าน้ำแต่ไม่เจอเลยมาเดินวนหาในตลาดตั้งหลายรอบ พอดีโทรศัพท์ของนะแบตหมดแล้วด้วยเลยโทรหาไม่ได้”

นะตอบก่อนจะหันไปไหว้มุ้ยที่ยืนอยู่ด้วย ผมลูบไหล่ของคนตรงหน้าเบาๆแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยสัญชาตญาณของตัวเองที่บอกให้เชื่อใจว่านะจะตามมายังทำงานได้แม่นอยู่

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะจ๊ะน้องนะ ที่จริงพี่อยากชวนไปกินข้าวเย็นด้วยกันมากเลย แต่เห็นอาการไอ้อ๊อฟเมื่อกี้แล้วพี่ว่าพี่ยังไม่ไปด้วยดีกว่า อ้อ แต่ถ้าสนใจจะซื้อกระเป๋าก็แวะแผงของเพื่อนพี่ก่อนได้นะ เดี๋ยวพี่บอกให้มันลดราคาให้เป็นพิเศษเลย”

ผมถลึงตาใส่ยายเพื่อนปากมากที่หันมายิ้มกวนให้ก่อนเจ้าตัวจะยอมถอยกลับไปหาเพื่อนตัวเอง นะมองตามมุ้ยที่คล้อยหลังไปแล้วก็หันกลับมาดึงแขนผม

“พี่อ๊อฟ เดี๋ยวไปแวะห้างกันก่อนกลับนะ”

ประโยคคำขอที่ไม่ปล่อยให้ตั้งตัวทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างงงๆ แล้วพ่อหนูน้อยก็ลากแขนผมไปที่ท่าเรือข้ามฟากทันที ความจริงถ้าจะไปห้างพวกเราจะนั่งรถเมล์ไปจากหน้ามหา’ลัยเลยก็ได้ แต่อาจเสียเวลารถติดตอนข้ามสะพาน ดังนั้นถ้าลงเรือข้ามฟากแล้วไปต่อรถที่อีกฝั่งหนึ่งจะเร็วกว่า

ตอนที่ผมจ่ายเงินค่าเรือข้ามฟากและเดินผ่านที่กั้นเข้าไปพนักงานตรงท่าเรือก็ปลดเชือกที่เกี่ยวกับโป๊ะออกแล้ว เราสองคนเลยรีบวิ่งลงไปที่เรือทันก่อนที่คนขับจะหักหัวเรือออกพอดี ผมหันมองซ้ายขวาแล้วก็เห็นว่าที่นั่งตรงกลางเต็มหมดแล้วเลยฉุดแขนนะไปตรงที่ว่างท้ายเรือ จากหางตาผมเห็นคนอื่นในเรือมองมายังมือที่จับกันอยู่ของเราสองคนแต่ว่าผมขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจ

พอเรานั่งลงเรียบร้อยผมก็หยิบหนังสือในมือขึ้นพัดโบกไปมาแถวๆหน้ากับคอคนตัวเล็กให้ มือเล็กเลยยกขึ้นทาบบนหลังมือผมข้างที่วางอยู่เฉยๆก่อนจะเอ่ยปากถาม

“พี่อ๊อฟไม่ได้โกรธนะใช่มั้ย?”

ผมสบตากับนัยน์ตากลมโตที่มองมาอย่างรอคำตอบ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้เอ่ยว่าเรื่องที่ผมจะโกรธคือเรื่องอะไรแต่ผมก็รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องไหน ผมเลยลดมือที่โบกหนังสือลงแล้วหงายมือที่มีมือเล็กทาบอยู่ขึ้นกุมไว้แทน

“ไม่มีอะไรต้องโกรธนี่ พี่สิกลัวนะจะโกรธที่ไปพูดกับเพื่อนเราแบบนั้น”

ผมเบนสายตาไปทางด้านหน้าเรือก่อนจะถอนหายใจ พอได้มาคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไปก็ทำให้สำนึกได้ว่าตัวเองช่างทำตัวเป็นเด็กจริงๆ เสียภาพพจน์พี่ชายใจดีที่นะเคยวาดไว้หมด

มือเล็กที่ผมกุมอยู่บีบมือผมแน่นขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเอนหัวมาชนไหล่ผมเบาๆ พอผมหันไปหาเจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นยิ้มให้

“ตอนแรกนะก็ตกใจ นึกว่าพี่อ๊อฟจะทะเลาะกับเชนตรงนั้นแล้ว แต่ว่านะก็ดีใจเวลาเห็นพี่อ๊อฟเป็นแบบนั้นเหมือนกันนะ”

พอพูดจบพ่อหนูน้อยก็เอนหัวลงพิงไหล่ผมเหมือนเดิม แต่พอได้ยินเจ้าตัวพูดแบบนั้นก็ทำให้ผมยิ้มออกบ้าง

“น่าดีใจตรงไหน นะชอบเวลาพี่พูดจาหาเรื่องคนอื่นเหรอ?”

ผมแกล้งถามเพราะไม่ได้บื้อขนาดจะไม่รู้ว่าทำไมคนตัวเล็กถึงได้พูดแบบนั้น แต่ก็อยากได้ยินจากปากอีกฝ่ายให้มั่นใจว่าไม่ได้อึดอัดกับการที่ผมแสดงอารมณ์ออกไปแบบนั้นจริงๆ นะเหลือบตาขึ้นสบตาผมแล้วก็ย่นจมูกอย่างรู้ทัน

“ไม่ใช่แบบนั้น พี่อ๊อฟก็รู้นี่ว่านะหมายความว่ายังไง”

“เอ...พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าหากนะไม่พูดพี่จะรู้ได้ไงว่าเราคิดเหมือนกันหรือเปล่า?”

คราวนี้พ่อหนูน้อยขมวดคิ้วก่อนจะปล่อยมือจากมือผมแล้วยกแขนขึ้นกอดอกแทน “งั้นก็ช่างมันเถอะ พี่อ๊อฟคิดซะว่าเมื่อกี้นะไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน”

อ้าว...

พ่อหนูมานะงอนซะแล้วสิแฮะ ไอ้อ๊อฟเอ๊ย เรื่องยั่วแฟนตัวเองนี่เก่งจริงๆ

ผมอดหัวเราะไม่ได้เพราะว่าพอจะดูออกว่าคนงอนไม่ได้งอนจริงจังอะไรนัก เมื่อเรือเทียบท่าผมเลยรีบคว้าแขนคนที่เดินลิ่วออกจากเรือแล้วพาไปโบกเรียกแท็กซี่ที่หน้าท่าน้ำ พอเข้าไปนั่งในรถปุ๊บพ่อหนูน้อยก็กระเถิบหนีผมไปจนชิดประตูอีกฝั่งพลางนั่งกอดอกจนผมต้องส่ายหน้า ครั้งสุดท้ายที่เห็นแฟนงอนก็ตอนกลับไปเยี่ยมบ้านโน่นละมั้ง

ผมดึงมือข้างหนึ่งของนะมากุมไว้ คนตัวเล็กเหลือบตามองผมแล้วทำท่าฮึดฮัดนิดหน่อย แต่จะชักมือหนีก็ไม่ได้เพราะผมจับเอาไว้แน่น

“มานะงอนพี่เหรอครับ?”

“ไม่ได้งอน”

“ก็งอนอยู่เห็นๆ นี่ไง แก้มป่องเชียว”

ไม่พูดเปล่า ผมยื่นมือไปจิ้มแก้มนะจริงๆเลยโดนหันมามองตาเขียว

“พี่อ๊อฟ! เดี๋ยวเถอะ!”

เรานั่งแหย่เล่นกันอย่างนั้นไปตลอดทางจนกระทั่งมาถึงห้าง โชคยังดีว่าคุณลุง (หรือคุณปู่ก็ไม่รู้) ที่เป็นคนขับแท็กซี่ไม่ได้แสดงท่าทางรำคาญอะไรพวกเรา แถมออกจะยิ้มๆเอ็นดูซะด้วยซ้ำ ตอนลงจากรถผมเลยไม่เอาเงินทอน ถือว่าเป็นทิปที่คุณลุงต้องทนฟังผมง้องแง้งกับพ่อหนูมานะมาตลอดทางไป

“แล้วตกลงนะพาพี่มาห้างทำไมเนี่ย จะกินข้าวที่นี่เหรอ?”

ผมเอ่ยถามหลังจากเราเข้ามาในห้างกันแล้ว สงสัยจะเพราะเริ่มเหนื่อยกับการโดนผมง้อไปแกล้งไปคนตัวเล็กเลยตอบคำถามตามตรงโดยไม่อิดออด

“เดี๋ยวค่อยกินแล้วกัน นะขอซื้อของขวัญให้คุ้กกี้ก่อน”

พ่อหนูน้อยว่าก่อนจะเดินนำผมไปที่บันไดเลื่อน ตอนแรกผมก็งงๆว่านะพูดถึงคุ้กกี้อะไร แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนเย็นได้ยินคนตัวเล็กคุยกับไอ้เชนเรื่องคุ้กกี้นี่อยู่เหมือนกัน

“นะ คุ้กกี้นี่ใคร?”

ผมเอาหนังสือเรียนของนะยัดลงกระเป๋าตัวเองขณะเดินตามหลังคนตัวเล็กไปที่แผนกของเล่นเด็ก พ่อหนูน้อยหันมามองผมแล้วก็หันกลับไปเลือกดูตุ๊กตาในกล่องที่วางเรียงอยู่บนชั้นเหมือนเดิม

“น้องสาวของเชน นะเคยเจอตอนไปเที่ยวบ้านเชนเมื่อเทอมที่แล้ว พอดีวันนี้วันเกิดครบหกขวบของน้องเค้า นะเลยสัญญาว่าจะฝากของขวัญไปให้ พี่อ๊อฟว่าตัวนี้หรือตัวนี้ดีกว่า?”

ผมมองตุ๊กตาสองตัวที่นะยกขึ้นมาให้ดูแล้วก็ต้องทำหน้าเบ้ มันสนุกตรงไหนนะกับการเล่นแต่งหน้าตุ๊กตาที่มีแต่หัวเนี่ย

“ทำไมไม่ซื้อพวกตุ๊กตาหมีที่ขนฟูๆตัวใหญ่ๆล่ะ เด็กหกขวบเล่นแต่งหน้าไม่แก่แดดไปหน่อยเหรอ?”

“เด็กผู้หญิงเค้าเล่นกันทั้งนั้นแหละพี่อ๊อฟ ตอนนะไปบ้านเชนคราวโน้นคุ้กกี้ยังมาชวนนะให้เล่นถักผมตุ๊กตาด้วยอยู่เลย”

ผมนึกภาพนะที่กำลังนั่งเล่นทำผมตุ๊กตาอยู่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแล้วก็ต้องยิ้มขำจนต้องแกล้งทำเป็นกระแอม ทำไมนึกถึงแล้วไม่ขัดลูกตาก็ไม่รู้สิ แต่ท่าทางพ่อหนูน้อยจะรู้ทันเลยหันมาค้อนให้ก่อนจะยอมวางตุ๊กตาแต่งหน้าลงแล้วเดินไปตรงชั้นวางตุ๊กตาสัตว์แทน

“แสดงว่าเมื่อเทอมหนึ่งเราไปบ้านหมอนั่นบ่อยล่ะสิ เห็นมันบอกว่าคุ้กกี้ถามถึงนะบ่อยๆด้วยนี่”

ผมพยายามไม่เอ่ยปากพูดชื่อไอ้เชนออกไปขณะหยิบตุ๊กตาหมีขนหยิกสีขาวขึ้นมาดู เพราะแค่คิดถึงหน้ามันก็หงุดหงิดพอแล้ว คนตัวเล็กที่กำลังก้มๆเงยๆเลือกตุ๊กตาอยู่ถัดไปเลยเดินกลับมาหาแล้วก็ดึงตุ๊กตาในมือผมกลับไปวางบนชั้นเหมือนเดิม

“แต่ตอนนั้นนะไม่ได้ไปคนเดียวนะพี่อ๊อฟ เชนก็ชวนเพื่อนคนอื่นๆไปด้วยเหมือนกัน เพียงแต่คุ้กกี้ชอบเล่นกับนะมากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง”

“อือฮึ...แผนสูงดีเหมือนกัน เอาน้องสาวมาล่อ”

ผมบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะกอดอกแล้วหันไปมองทางอื่น คนเราลองว่าไม่ชอบขี้หน้าใครสักคนขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าใครหรืออะไรที่เป็นพวกเดียวกับคนที่เราไม่ชอบก็จะพาลโดนเหม็นขี้หน้าไปด้วยเอาง่ายๆ และตอนนี้ผมก็เริ่มจะไม่ชอบน้องคุ้กกี้นี่ขึ้นมาแล้วสิ

เสียงถอนหายใจเบาๆหลุดมาจากคนตรงหน้าก่อนที่ร่างเล็กจะหันกลับไปเลือกตุ๊กตาต่อ แล้วผมก็ต้องกระพริบตาเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านล่าง

“พี่อ๊อฟๆ มาดูตุ๊กตาตัวนี้สิ”

ผมก้มมองเจ้าของเสียงก็เห็นว่านะกำลังนั่งยองๆพลางชี้ไปที่ตุ๊กตานกเพนกวินที่อยู่ตรงชั้นวางด้านล่างสุด เลยพยักหน้าให้อย่างไม่รู้จะออกความเห็นว่ายังไง

“ก็น่ารักดี ซื้อเลยสิ”

ผมว่าแล้วก็หยิบพวงกุญแจรูปหางกระต่ายที่แขวนอยู่บนราวขึ้นมาดู พ่อหนูน้อยเลยจิ๊ปากก่อนจะกวักมือเรียกอีก

“พี่อ๊อฟ นะบอกว่าให้ลงมาดูตรงนี้ไง”

ผมขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้ผมย่อลงไปดูในเมื่อคนขอจะหยิบตุ๊กตานั่นขึ้นมาก็ได้ ก็คนขายาวๆนี่เวลานั่งยองๆระหว่างชั้นวางของที่แคบนิดเดียวมันลำบากจะตายไป แต่ผมก็ยอมทำตามที่นะขอแต่โดยดีพลางรับตุ๊กตาเพนกวินสีฟ้าอ่อนมาถือในมือ

เจ้านกเพนกวินที่คนตัวเล็กส่งมาให้เป็นตุ๊กตายัดนุ่นขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือผมสักเท่าไหร่ ตรงลำตัวหุ้มด้วยผ้าที่มีขนปุยสีขาว ส่วนตรงหัวกับปีกหุ้มด้วยผ้าสีฟ้าอ่อน ตรงลูกตาทำด้วยเม็ดพลาสติกสีดำเม็ดกลมๆเล็กๆ ถึงจะดูแล้วน่ารักเหมาะกับเด็กเล็กๆดีแต่ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะน่าสนใจเป็นพิเศษจนนะต้องคะยั้นคะยอให้ผมดูตรงไหน

“อืม แล้วตกลงเพนกวินนี่มันทำไมล่ะ?”

ถามไปยังไม่ทันขาดคำ สิ่งที่ตามมาคือการเคลื่อนไหวแบบไม่ทันให้ตั้งตัวของคนที่นั่งอยู่ก่อน กว่าผมจะทันรู้สึกตัวว่าโดนริมฝีปากนุ่มๆมาแตะลงที่ริมฝีปากของตัวเอง ตามด้วยสิ่งที่นะพูดต่ออย่างรัวเร็วจนผมไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินถูกหรือเปล่า ร่างเล็กก็ลุกขึ้นแล้วเดินจ้ำอ้าวไปไกลแล้ว

“นะ เดี๋ยวก่อนสิ นะ”

ด้วยความงุนงงปนดีใจผมเลยเผลอถือตุ๊กตาเพนกวินติดมือตอนที่ลุกตามไปคว้าแขนเรียวไว้ แล้วก็ได้เห็นใบหน้าหวานที่เอี้ยวคอกลับมามองผมมีสีแดงเรื่อพาดอยู่บนแก้ม

“เมื่อกี้พี่ได้ยินไม่ถนัดเลย นะพูดว่าไงนะ”

“พี่อ๊อฟ! นี่มันกลางห้างนะ ปล่อยก่อน”   

คนตัวเล็กบิดแขนตัวเองออกจากมือผมแล้วก็เดินหนีอีก แต่ใบหูที่แดงเรื่อก็ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ส่วนผมได้แต่ยิ้มไม่หุบเพราะเพิ่งได้ยินประโยคที่ทำให้ลิงโลดสุดๆ


‘นะบอกเชนแล้วล่ะว่าพี่อ๊อฟเป็นแฟนของนะ’


ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมพ่อหนูน้อยถึงได้บอกความจริงไป แต่แค่นึกภาพว่าไอ้เด็กนั่นทำหน้ายังไงตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ผมก็สะใจแล้ว ผมเลยไม่บ่นหรือทำหน้าเหม็นเบื่ออีกไม่ว่านะจะถามความเห็นเกี่ยวกับของเล่นชิ้นไหนจนโดนส่งค้อนให้มาหลายวง

หลังจากเดินวนในแผนกของเล่นกันอยู่นานโดยมีพนักงานขายมองพวกผมยิ้มๆ สุดท้ายพ่อหนูน้อยก็ซื้อตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนขนหยิกตัวใหญ่เบ้อเริ่มสำหรับน้องสาวของไอ้เชน แต่พอไปถึงแคชเชียร์ผมก็วางตุ๊กตาเพนกวินที่หยิบติดมาลงด้วยจนนะต้องหันมาถาม

“พี่อ๊อฟ ซื้อตัวนี้ทำไม?”

“ก็เก็บไว้เป็นที่ระลึกไง”

ผมยักคิ้วก่อนจะขอรับเจ้าตุ๊กตาขนาดใหญ่กว่ามือผมนิดเดียวมาถือเองโดยไม่ใส่ถุง เลยโดนมือเล็กทุบไหล่มาทีหนึ่งอย่างเขินๆ แต่ตอนนี้อยากทุบให้น่วมไปเลยผมก็ยอมแล้วล่ะ คนมันดีใจจะแย่อยู่แล้วนี่นา

พอเราเดินออกมาจากแผนกของเล่นผมก็พานะไปทานข้าวเย็นที่ศูนย์อาหารชั้นใต้ดิน เสร็จแล้วก็พากันเดินย่อยในซูเปอร์มาร์เก็ตกันครู่หนึ่งก่อนจะออกมาโบกเรียกแท็กซี่ไปส่งที่หอ ใจผมนี่แล่นกลับไปถึงห้องเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนจะจ่ายเงินซื้อตุ๊กตากันเสร็จเสียอีก พอขึ้นมาถึงห้องและปิดประตูปุ๊บผมเลยดึงร่างเล็กที่วางของแล้วทำท่าจะก้าวเข้าห้องน้ำมากอดแน่นทันที

“พี่อ๊อฟ อื๊อ!”

อาจเพราะไม่ทันตั้งตัวริมฝีปากนุ่มจึงเผยอรออยู่แล้ว ผมเม้มกลีบปากสีสดก่อนจะก้มจูบคนตัวเล็กซ้ำๆจนคนในอ้อมแขนต้องทุบไหล่ผมเพราะหายใจไม่ทัน แต่พอผมถอยออกยิ้มให้แล้วกดจมูกลงเกลี่ยกับจมูกโด่งเล็กนะก็หัวเราะเบาๆ

“วันนี้พี่ดีใจมากเลย นะรู้มั้ย”

ผมวางคางตัวเองลงเกยผมนุ่มขณะที่คนตัวเล็กซุกหน้าลงกับอก ร่างในอ้อมแขนกอดเอวผมแน่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้

“ต่อไปนี้พี่อ๊อฟจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสียเรื่องเชนแล้วไง เวลาพูดชื่อเชนทีไรพี่อ๊อฟชอบทำหน้าดุใส่นะทุกทีเลย”

คนตัวเล็กว่าแล้วก็ซุกหน้าลงกับอกผมอีกครั้ง ผมเลยเลิกคิ้วก่อนจะแกะแขนที่กอดตัวเองอยู่แล้วจูงให้นะไปนั่งตักผมบนเตียงแทน

“พี่ไม่ได้ทำหน้าดุใส่นะสักหน่อย พี่ทำหน้าดุใส่เพื่อนนะต่างหาก ว่าแต่ทำไมถึงได้บอกเชนไปล่ะ เพิ่งบอกไปเมื่อเย็นนี้เหรอ?”

ผมถามไปก็เคลียจมูกกับซอกคอขาวของคนตรงหน้าไปด้วย ใบหน้าหวานแดงเรื่อขึ้นเหมือนอายที่ถูกจับนั่งคร่อมบนตัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเมื่อผมยกแขนเรียวทั้งสองข้างให้ขึ้นมาคล้องบนไหล่

“ก็ตอนที่พี่อ๊อฟเดินออกมาก่อนเมื่อตอนเย็นนะก็รู้แล้วว่าพี่อ๊อฟกำลังโกรธแน่ๆ เลยตัดสินใจบอกเชนไปเลยว่าทำไมนะถึงไม่สะดวกเวลาเชนชวนไปไหนมาไหน อีกอย่างนะไม่อยากเห็นเวลาพี่อ๊อฟทำหน้าไม่สบายใจแล้วด้วย...”

เสียงท้ายประโยคของคนพูดแผ่วหวิว มือเล็กสองข้างบีบไหล่ผมแน่นขึ้นเมื่อผมเลื่อนมือเข้าไปสัมผัสกับผิวเนื้อตึงแน่นใต้ชายเสื้อเชิ้ตสีขาว แสดงว่าตั้งแต่ตอนที่เราทะเลาะกันเมื่อหนโน้นนะก็คิดถึงความรู้สึกผมเรื่องไอ้เชนเหมือนกันสินะ

ผมก้มลงจูบหัวไหล่มนเสียงดังก่อนจะเลื่อนเสื้อที่ปลดกระดุมแล้วลง ร่างเล็กถอยออกให้ผมถอดเสื้อให้แต่โดยดีก่อนจะโอบแขนรอบบ่าผมเหมือนเดิม พอเห็นเวลานะทำท่าเขินๆแบบนี้ผมก็แทบจะลืมแล้วว่าตัวเองตั้งใจจะคุยเรื่องอะไร

“แล้วหมอนั่นทำท่าทางเสียใจที่นะบอกว่าเป็นแฟนพี่หรือเปล่า?”

ผมอดถามไม่ได้ เพราะยังไงผมก็เชื่อสายตาตัวเองว่าดูไม่ผิดแน่นอนเรื่องที่ไอ้เชนก็ชอบนะอยู่ ขึ้นอยู่กับว่ามันจะทำเป็นวางฟอร์มเข้าหานะแบบเพื่อนไปอีกนานแค่ไหนก็เท่านั้น

“ไม่รู้สิ...นะอธิบายให้เชนฟังแล้วก็ตามพี่อ๊อฟออกมาเลย แต่คิดว่าจากนี้ไปเชนคงไม่มาชวนไปไหนเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ”

ถ้าได้อย่างนั้นจริงก็คงดี ผมกลัวแต่ว่ามันจะยังทู่ซี้หน้าด้านอยู่น่ะสิ แต่อย่างน้อยเอาเป็นว่ามันก็รับรู้สถานะของผมกับนะแล้วล่ะนะ

“งั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่ตอนนี้มาคุยเรื่องของเรากันมั่งดีกว่า พี่เบื่อคุยเรื่องคนอื่นแล้ว”

ผมหันไปแนบริมฝีปากลงกับขมับที่มีผมสีน้ำตาลนิ่มระอยู่ แล้วก็จับร่างคนบนตักพลิกให้นอนหงายโดยที่ยังเกลี่ยจูบไปบนผิวแก้มนิ่มก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากที่เผยอรออยู่แล้ว อ้อมแขนเรียวกระชับบ่าผมแน่นขึ้นเมื่อผมพันปลายลิ้นเข้ากับลิ้นอุ่นนุ่มที่ยังมีรสหวานของไอศกรีมที่กินไปเมื่อหัวค่ำติดอยู่

นะยิ้มเมื่อผมผละออกถอดเสื้อแล้วโยนลงข้างเตียงก่อนจะก้มลงหาผิวที่เรียบละมุนมืออีกครั้ง ริมฝีปากสีสดหลุดเสียงครางแผ่วเบาเมื่อผมไล่ปลายนิ้วมือต่ำลงไปยังส่วนไวสัมผัส ปลายเท้าที่สั่นระริกจิกลงกับผ้าปูเตียงขณะที่แผ่นอกขาวแอ่นขึ้นสูงเมื่อผมออกแรงกระตุ้นที่ส่วนนั้นมากขึ้น แม้จะเห็นภาพนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าได้เห็นเมื่อไหร่ก็ยังทำให้ผมรู้สึกว่าเลือดลมในร่างสูบฉีดอย่างรุนแรงทุกครั้งอยู่ดี

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


กว่าผมจะยอมพาคนที่ลุกเองไม่ไหวไปอาบน้ำแล้วอุ้มกลับมานอนก็ดึกมากแล้ว พอแผ่นหลังของร่างเล็กแตะลงกับเตียงปุ๊บพ่อหนูน้อยก็คว้าหมอนใบเล็กไปกอดแล้วหลับไปแทบจะทันที ผมเห็นท่าทางหลับสนิทเพราะความเพลียนั่นแล้วก็หยิบผ้าห่มขึ้นคลี่คลุมให้จนถึงคอก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของนะเบาๆ

ผมปิดไฟในห้องก่อนจะเดินไปเปิดโน้ตบุ๊คของนะที่อยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือขึ้นมา เป้แนะนำว่าให้ลองเข้าไปดูเว็บของรีสอร์ตที่เราจะไปพักกันไว้ก่อนเผื่อจะได้ไอเดียเกี่ยวกับเซอร์ไพรส์ของนะเพิ่มขึ้นเพราะยังพอมีเวลาเตรียมตัว ผมคลิกดูรูปห้องกับรูปบริเวณโดยรอบของรีสอร์ตแล้วก็เริ่มจดไอเดียไปด้วยว่าน่าจะพอทำอะไรได้บ้าง ยิ่งคิดไอเดียใหม่ๆได้ใจก็ยิ่งเร่งอยากให้ถึงวันที่ไปทริปนี้เร็วๆ

วันนี้นะทำให้ผมยิ้มออกเพราะประกาศว่าคบกับผมต่อหน้าเพื่อนตัวเองไปแล้ว คราวนี้ล่ะผมจะทำเซอร์ไพรส์ที่ทำให้คนสำคัญของผมยิ้มไม่หยุดไปทั้งวันคืนให้กับนะบ้างเหมือนกัน


++------++


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 19-05-2009 23:04:23
กรี้ดดดดดดดด มาต่อล่ะ

อ่านตอนนี้แล้ว แอบยิ้มไปด้วย (ดีใจแทนพี่อ๊อฟ 5555)

ตอนหน้า อยากเห็นเซอร์ไพร์สแล้วอ่ะ  ทำอะไรให้น้องนะยิ้มไม่หุบ อยากรู้จัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-05-2009 16:06:25
กรี้ดดดดดดดด มาต่อล่ะ

อ่านตอนนี้แล้ว แอบยิ้มไปด้วย (ดีใจแทนพี่อ๊อฟ 5555)

ตอนหน้า อยากเห็นเซอร์ไพร์สแล้วอ่ะ  ทำอะไรให้น้องนะยิ้มไม่หุบ อยากรู้จัง

^
^
^
ขอบคุณ & บวกให้นะคะ นั่นสิ ตอนหน้าอ๊อฟจะได้ทำเซอร์ไพรส์หรือยังน้า อย่างนี้ต้องติดตามกันต่อสิเนอะ ^^

ที่จริงวันนี้ลาป่วยเป็นวันที่สองแล้ว หมอบอกว่าเป็นคออักเสบแต่ยังดีที่ไม่ถึงขั้นรุนแรง ยังไงหายดีแล้วจะมาต่อเน้อ ไม่กล้าพิมพ์ตอนนี้ กลัวฤทธิ์ยาจะทำเรื่องออกมาเบลอๆเหมือนสมองป้าตอนนี้อ่ะ เอิ๊กๆ

ช่วงหลังนี้เม้นต์น้อย เลยไม่รู้ว่าเพราะเล้าล่มบ่อย หรือเพราะคนอ่านเห็นเรื่องนี้อัพช้าเลยเลิกอ่านไปแล้วกันหนอ  o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 20-05-2009 18:12:52
อ้าววว ป้ามาต่อสองตอนแล้วเพิ่งเห็น
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก

น้องนะน่ารักเนอะ
ยิ่งอ่านก้อยิ่งชอบเค้า
คู่นี้หวานกันดี งอนๆ ง้อๆ น่ารักอะ

มารอดูเซอไพร์สของพี่อ๊อฟนะจ๊ะป้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 20-05-2009 18:34:39
 :impress2: :impress2:
นะ น้องน้อยที่น่าร๊ากมิเคยเปลี่ยน ลัลล๊า
มารออ่านว่าจะเกิดไรในตอนหน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 20-05-2009 18:50:49
 o22กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
สองตอนแล้วเหรอพี่บีบี
แปะอุ้งเท้าไว้ก่อนนะ
แล้วจะรีบมาอ่านด่วนเลย
แง่มๆๆๆ...คิดถึงมากมายยยยยยยยยยยยยยย
กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 20-05-2009 19:31:49
น้องนะนี่ก็กล้าไม่เบาแฮะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 21-05-2009 15:04:29
มาเสนอหน้าว่ายังรออ่านอยู่จ้า  :z2:

ไม่สบายอยู่ก็พักผ่อนมาก ๆ นะจ้ะ

หายป่วยไวๆ จ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-05-2009 18:03:19
มาเสนอหน้าว่ายังรออ่านอยู่จ้า  :z2:

ไม่สบายอยู่ก็พักผ่อนมาก ๆ นะจ้ะ

หายป่วยไวๆ จ้า  :L2:

ขอบคุณพี่นนท์มากๆค่า  :3123:

เนื่องจากหยุดงานไปสองวัน เมื่อเช้าเลยฮึดฝืนสังขารไปทำงานเพราะรู้ว่างานเยอะ นั่งไอไป สั่งน้ำมูกไปจนนายต้องไล่กลับบ้าน (เรื่องของเรื่องคงกลัวคนอื่นติด ออฟฟิศมันเล็ก ฮา) แต่เมื่อบ่ายได้นอนไปเลยคิดว่าน่าจะดีขึ้นแล้วละ ขืนหยุดนานๆเดี๋ยวโดนหักเงินเดือน บรึ๋ย  :serius2:

คนอื่นๆก็รักษาสุขภาพกันด้วยน้า  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 22-05-2009 11:17:06
นะ o13

^_____^

หายป่วยไวๆนะค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 05-06-2009 01:26:46
ช่วงนี้งานเยอะ ไม่ได้แวะมาหาน้องนะเลย แต่พอเข้ามาแล้วก็ไม่ผิดหวัง  o13

น้องนะน่ารักมากกกกกกกกกกกก โดยเฉพาะตอนเลือกของขวัญ  :-[
ขอกอดน้องนะแน่นๆ + หอมแก้มซักฟอดได้มั้ยคะเนี่ย  :กอด1:


คนแต่งเองก็รักษาสุขภาพมากๆ ด้วยนะคะ ฝากความห่วงใยไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 06-06-2009 02:52:06
 :-[น้องนะนี่น่ารักจริงๆ กล้าบอกด้วย o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 06-06-2009 16:46:36
รอน้องต่อไป


อิอิ  น่าร๊ากกกก

 :impress2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 27-06-2009 23:03:52
ลุ้นเซอไพรซ์น่ะป้า  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-06-2009 02:26:12
^
^
^
หายไปนานนะคนเนี้ย! ชีวิตเป็นสีชมพูดีล่ะสิเนี่ย หุหุ    :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 06-07-2009 13:54:59
^
^
^
หายไปนานนะคนเนี้ย! ชีวิตเป็นสีชมพูดีล่ะสิเนี่ย หุหุ    :impress2:

งานเยอะน่ะป้า อีกอย่างชีวิตก็เป็นสีชมพูด้วย เพราะงั้นเลยไม่ค่อยได้แวะมาอ่านนิยายเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 19 (19/05/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 06-07-2009 15:56:13
เข้ามารออ่านเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ

น่ารักน่าหยิกทั้งสองคู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-07-2009 18:43:25
ตอนที่ 20: เริ่มออกเดินทาง

“เสร็จซักที ไม่นึกเลยว่าซื้อน้ำหอมขวดนึงมันจะเหนื่อยขนาดนี้”

ผมเอ่ยขึ้นหลังจากได้ของที่ต้องการซึ่งห่อกระดาษห่อของขวัญอย่างสวยงามเรียบร้อยในถุงกระดาษ โชคดีที่วันนี้ได้พักกลางวันสองคาบติดกัน ผมเลยมีเวลาพอจะแว้บจากมหา’ลัยมาเดินเลือกของขวัญให้นะที่ห้างได้ และเพราะของที่อยากจะซื้อไม่ใช่ของที่ตัวเองใช้เป็นประจำ ผมเลยต้องชวนเป้กับวิวมาช่วยเลือกเพราะรู้ว่าถ้ามาคนเดียวมีหวังไม่ได้ของอย่างที่ต้องการแน่ จะว่าไปก็ต้องชื่นชมคนที่มาเป็นพนักงานขายสินค้าแบบนี้เพราะถ้าเป็นผมคงจำรายละเอียดปลีกย่อยจำพวกน้ำหอมกลิ่นนี้ผสมจากอะไร เบสโน้ต ท็อปโน้ตกลิ่นไหน หรือขวดที่ใส่ได้รางวัลการออกแบบจากสถาบันอะไรไม่ไหวหรอก

“อุตส่าห์เลือกอยู่ตั้งนาน หวังว่าน้องนะคงชอบนะอ๊อฟ”

วิวมองของในมือผมแล้วก็ยิ้มให้ ผมเลยยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยขอบคุณเบาๆ อาจเพราะเราสองคนไม่ใช้น้ำหอมเหมือนกันเลยรู้สึกเหมือนเข้าใจหัวอกกันอย่างบอกไม่ถูก ในขณะที่ตอนเดินเลือกเมื่อครู่เป้จะเป็นคนคอยถามรายละเอียดและขอลองกลิ่นนั้นกลิ่นนี้ให้จนแทบจะโดนพนักงานขายนึกว่าเป็นคนซื้อเองไปแล้ว

จะว่าไปพอพูดถึงนะแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย เพราะเมื่อเช้าผมบอกไปว่าไม่ว่างทานข้าวเที่ยงด้วยเพราะต้องคุยรายงานกลุ่มกับเพื่อน แต่ก็หวังว่าการมุสาครั้งนี้คงไม่ผิดบาปร้ายแรงในเมื่อผมแอบมาซื้อของขวัญให้เจ้าตัวนี่นา

“ว่าแต่เซอร์ไพรส์ของมึงถึงไหนแล้วล่ะอ๊อฟ มีอะไรจะให้ช่วยอีกหรือเปล่า?”

เป้หันมาถามผมระหว่างที่เราสามคนเดินออกมาจากแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอางด้วยกัน คงเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาแถมเป็นช่วงกลางวัน คนจึงไม่ค่อยพลุกพล่านจนเกือบจะเรียกได้ว่าเงียบเหงาทีเดียว ผมนึกถึงแผนคร่าวๆที่ตัวเองคิดไว้แล้วก็ยักไหล่ก่อนจะตอบเพื่อน

“เดี๋ยวต้องไปเห็นสถานที่จริงก่อนถึงจะรู้ว่ะ ไว้ถึงตอนนั้นแล้วจะบอกอีกทีแล้วกัน แต่ยังไงวันนี้ก็ขอบใจมากเว่ยที่มาช่วยซื้อเป็นเพื่อน ถ้ากูมาคนเดียวสงสัยได้เปลี่ยนไปซื้ออย่างอื่นแทนแหง”

ผมตอบแล้วก็ชูถุงในมือไปด้วย เป้เลยส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหันไปหาคนข้างตัว “ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เดี๋ยวแวะซื้ออะไรไปกินในรถแล้วกันนะวิว ขืนนั่งกินที่นี่เดี๋ยวกลับไปเรียนไม่ทัน”

คนถูกถามพยักหน้า พวกเราสามคนเลยรีบเดินไปที่ร้านแมคโดนัลด์เพื่อจะได้รีบซื้อแฮมเบอร์เกอร์ไปกินในรถ ความจริงเมื่อออกมาพ้นรั้วมหา’ลัยซะไกลแล้วแบบนี้ ถ้ามีแค่ผมกับเป้แค่สองคนก็อาจพากันเลือกโดดเรียนไปแล้ว แต่เพราะเกรงใจวิวซึ่งมาด้วยจึงตกลงกันว่าต้องใช้เวลาพักสองคาบให้คุ้มที่สุดโดยไม่เบียดเบียนคาบเรียนที่เหลือ แต่ว่าคิวซื้อที่ร้านก็ยาวเหลือใจเพราะเป็นช่วงพักกลางวันพอดี ผมเลยอาสาต่อคิวซื้อให้เพื่อที่เป้กับวิวจะได้ไปวนรถจากลานจอดออกมารอจะได้ไม่เสียเวลา ทว่าพอได้อาหารครบแล้วและกำลังจะเดินออกจากร้าน สายตาผมก็ปะทะเข้ากับคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันนานเข้าเสียก่อนจนต้องร้องทัก

“อ้าวเฮ้ย พี่หล่ง มาทำไรแถวนี้อะพี่”

เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียกแล้วก็เลิกคิ้วรกๆขึ้นสูงจนเกือบจะชนตีนผม “อ้าว ไอ้อ๊อฟ แล้วมึงมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ เดี๋ยวนี้หายหัวไม่โผล่ขึ้นไปชุมนุมเลยนะมึง หนอยแน่ะ”

ไม่ทักตอบเปล่า อีกฝ่ายยังยิ้มแบบติดจะเหี้ยมประกอบคำทักทายคืนมาให้ด้วยจนผมต้องยิ้มแห้งๆ

“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยว่างว่ะพี่ ว่าแต่นี่ผมมาซื้อของแล้วเดี๋ยวจะกลับไปเรียนเนี่ย แล้วพี่หล่งไม่มีเรียนตอนบ่ายเหรอ?”

ผมถามไปก็เบี่ยงตัวหลบคนที่กำลังจะเดินเข้าร้านไปด้วย รุ่นพี่ของผมจึงกอดอกแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ

“จริงๆวันนี้กูไม่มีเรียนเลยด้วยซ้ำว่ะ แต่พอดีมีนัดกับสาวเลยต้องออกมา”

คำตอบที่ได้ทำเอาผมต้องเลิกคิ้วบ้าง เพราะตั้งแต่รุ่นพี่ผมเลิกกับแฟนเก่าไปเมื่อปีที่แล้วก็ยังไม่เห็นแกคบใครอีกเลย แต่ยังไม่ทันถามว่าเป็นคนที่ผมรู้จักหรือเปล่าเสียงมือถือในกระเป๋าก็ดังขัดจังหวะผมเลยต้องขอตัว

“สงสัยเพื่อนโทรมาตามแล้วว่ะพี่หล่ง ยังไงเดี๋ยวค่อยคุยกันแล้วกัน ว่าแต่วันหลังพาแฟนใหม่มาแนะนำมั่งสิ”

พี่หล่งตบไหล่ผมก่อนจะหัวเราะเบาๆแล้วเดินเข้าไปด้านใน แต่คำตอบงึมงำที่ได้ยินฟังคล้าย ‘เค้าจะยอมให้แนะนำรึเปล่าอะดิ’ ก็ทำให้ผมอดสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆไม่ได้ว่าใครคือสาวโชคร้ายคนนั้น ว่าแต่ทำไมหนังตาขวาถึงกระตุกๆก็ไม่รู้สิแฮะ


++------++


ถัดจากวันที่ไปซื้อของขวัญ วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันศุกร์ที่เราจะไปเที่ยวทะเลกันเสียที ตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมนัดเวลากับเป้แล้วก็แยกไปรับคนตัวเล็กที่หน้าคณะของเจ้าตัวตามปกติ โชคดีว่าตั้งแต่วันที่นะบอกความจริงกับไอ้เชนไปแล้วว่าคบกับผมในฐานะอะไร ไอ้เด็กนั่นก็ไม่โผล่มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆแฟนผมให้รำคาญลูกตาอีกเลย ซึ่งก็ดีแล้วเพราะเวลาเห็นหน้าไอ้ตี๋นั่นทีไรผมเป็นต้องอารมณ์เสียทุกที

ด้วยความที่วันนี้ทั้งผมทั้งนะเลิกเรียนกันค่อนข้างเย็นเลยหิวจนท้องกิ่วกันทั้งคู่ พวกเราเลยตกลงกันว่าจะไปนั่งทานข้าวที่ร้านในตรอกริมแม่น้ำกันก่อนกลับหอ ระหว่างทางไปก็ต้องผ่านลานริมท่าน้ำที่คับคั่งไปด้วยแผงขายของและคนที่เดินเลือกซื้อเป็นปกติ ผมเห็นมุ้ยที่ท่าทางกำลังคุยกับลูกค้าเพลินอยู่ที่แผงขายกระเป๋าซึ่งเจ้าตัวเคยบอกว่าช่วยเพื่อนขายอยู่ ตอนแรกนะก็อยากจะเข้าไปทัก แต่ผมรู้ว่าถ้าหากเจอกันตอนนี้ล่ะก็มีหวังโดนรั้งตัวไว้เม้าท์ยาวแน่เลยขอเลือกกินข้าวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า

พวกเราแทบไม่ต้องเสียเวลาเลือกร้านเพราะว่าตอนเย็นแบบนี้มีร้านที่ยังเปิดให้บริการไม่กี่เจ้า หลังจากเข้าไปนั่งในร้านที่ติดกับท่าน้ำที่สุดและได้อาหารตามสั่งกันเรียบร้อยแล้วนะก็เงยหน้าขึ้นหาผม

“แล้วรายงานที่วันก่อนคุยกับเพื่อนไปเป็นไงมั่งพี่อ๊อฟ”

คำถามของคนตัวเล็กทำเอาผมเกือบสำลักข้าวกระเพราหมูกรอบที่กำลังเคี้ยวอยู่ นะทำหน้าเหรอหราพลางรีบหยิบแก้วน้ำส่งให้ พอเห็นแววตาที่ไร้ซึ่งวี่แววเคลือบแคลงใจกับสิ่งที่ผมเคยบอกไปโดยสิ้นเชิงก็ให้รู้สึกผิดเล็กๆขึ้นมา แต่ในเมื่อผมเคยอ้างกับเจ้าตัวไปแบบนั้น ตอนนี้ก็คงทำได้แต่ต้องไหลตามน้ำไปเท่านั้นเอง

“ก็...คุยๆกันแล้วแต่ยังแบ่งเนื้อหากันไม่ลงตัวเลย สงสัยคงต้องนัดคุยกันอีกหลายรอบแหละ หัวข้อรายงานคราวนี้มันยากด้วยน่ะ”

คนฝั่งตรงข้ามทำเสียงรับรู้ในคอก่อนจะก้มลงสนใจก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ของตัวเองตามเดิม ผมได้แต่หวังว่าตัวเองคงปิดนะได้ไปตลอดจนกระทั่งถึงวันที่ตั้งใจจะให้ของขวัญ เพราะถ้าหากเจ้าตัวรู้ก่อนขึ้นมา ไอ้เรื่องที่กะจะให้เป็นเซอร์ไพรส์มันก็ไม่เซอร์ไพรส์กันพอดี

หลังทานข้าวเย็นเสร็จนะก็ขอไปแวะหามุ้ยที่แผงขายกระเป๋าตรงตลาดท่าน้ำ ส่วนผมเองด้วยความขี้เกียจเจอเพื่อนเลยปลีกไปซื้อของที่เซเว่นแล้วนัดเจอกับพ่อหนูน้อยตรงป้ายรถเมล์แทน และท่าทางสิ่งที่ผมกลัวก็จะไม่ผิดจากความจริงนักเพราะทั้งที่ผมซื้อน้ำจากเซเว่นไปยืนดื่มรอที่ป้ายรถเมล์ตั้งนานแล้วคนที่นัดไว้ก็ยังไม่มา แถมกลุ่มเมฆครึ้มกับลมที่เริ่มพัดแรงก็บ่งบอกว่าฟ้าคงจะรั่วในอีกไม่นานผมเลยตัดสินใจโทรตาม แต่เมื่อคนที่รออยู่เดินมาถึงผมก็ต้องแปลกใจเพราะสีหน้าของนะดูซีดต่างจากตอนที่เพิ่งทานข้าวเสร็จอย่างเห็นได้ชัด

“นะเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ โดนมุ้ยแกล้งอะไรมาหรือเปล่า?”

ผมรีบดึงคนที่ก้มหน้าเงียบเข้ามาใกล้ แต่พอแตะหลังมือเข้ากับหน้าผากก็พบว่าอุณหภูมิของอีกฝ่ายปกติดี ผมเลยจับบ่าสองข้างของนะไว้แล้วมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ แต่พ่อหนูน้อยก็แค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้

“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกพี่อ๊อฟ เรารีบกลับหอกันดีกว่า เดี๋ยวต้องไปเก็บของเตรียมไปเที่ยวพรุ่งนี้อีก”

เสียงของคนตอบฟังดูอ่อยๆไม่ค่อยเต็มเสียง แถมพอตอบเสร็จก็หลบสายตาผมอีก แต่ผมไม่อยากซักไซ้เพราะคิดว่านะคงเหนื่อยเลยแค่บีบมือเล็กเบาๆ

“หืมม์? ขี้เห่อจังนะเรา ไปแค่สองคืนเองเก็บของไม่นานหรอก ว่าแต่นะหน้าซีดจริงๆรู้ตัวมั้ย ยังไงเรียกแท็กซี่กลับหอแล้วกันนะ”

คนตัวเล็กย่นจมูกนิดหน่อยตอนผมแซวว่าขี้เห่อ แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วยที่จะโบกแท็กซี่กลับเพราะฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว พอกลับถึงหอผมเลยเอายาให้นะกินเผื่อไว้ก่อนแล้วให้รีบอาบน้ำแต่หัววัน ระหว่างนั้นก็รีบเอาของขวัญกับอย่างอื่นที่ต้องใช้ระหว่างไปเที่ยวยัดลงกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองไว้จะได้พ้นหูพ้นตาคนร่วมห้อง พอพ่อหนูน้อยอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วผมถึงค่อยเข้าไปอาบน้ำต่อบ้าง

“พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟว่าไปทะเลคราวนี้น่าจะต้องเอาเสื้อผ้าไปกี่ตัวดี?”

พอผมเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเช็ดผมไปด้วยก็เห็นว่าคนถามกำลังนั่งกอดอกอยู่กลางเตียง รอบตัวรายล้อมไปด้วยเสื้อกับกางเกงที่ดูแล้วน่าจะพอสำหรับไปค้างแรมสักหนึ่งสัปดาห์ได้ ผมเลยต้องหยิบเสื้อขึ้นตัวหนึ่งเพื่อให้ตัวเองมีที่นั่งก่อนจะไล่สายตาดูข้าวของบนเตียงยิ้มๆ

“โหย นี่จะไปทริปสองคืนหรือสิบคืนกันแน่เนี่ย นะไม่ต้องเอาไปเยอะขนาดนี้ก็ได้ หนักกระเป๋าเปล่าๆ”

“ก็ไม่ได้กะว่าจะเอาไปทั้งหมดนี้ซักหน่อย นี่นะเอาออกมาวางเฉยๆ นานๆจะได้ไปทะเลซักทีก็อยากเอาเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใส่มาใช้มั่งนี่นา”

เสียงคนตัวเล็กตอบแบบติดจะงอนๆ ผมเลยหัวเราะพลางหยิบเสื้อผ้าที่วางกระจัดกระจายบนเตียงขึ้นดู เสื้อตัวนี้...ผ้าบางไปนิด กางเกงตัวนี้ก็...อืม...ใส่ตอนอยู่กันสองคนได้แต่อย่าให้ใส่ตอนอยู่ข้างนอกดีกว่า นะมองตามมือผมที่แยกกองเสื้อผ้าให้แล้วก็ทำหน้ามุ่ย

“ตกลงพี่อ๊อฟเหลืออะไรให้นะใส่มั่งเนี่ย?”

พอได้ยินคำท้วงขผมเลยหยิบกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดแขนสั้นแบบที่ไม่เข้ารูปเกินไปยื่นให้คนถาม ก็เข้าใจหรอกว่าอีกฝ่ายคงอยากใส่เสื้อผ้าตามแบบที่ฮิตๆกันอยู่บ้างซึ่งที่จริงผมก็ไม่ได้ว่า แต่บางแบบนี่ก็ไม่ค่อยอยากให้ใส่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเลยต้องขอมีส่วนเลือกนิดนึง

“ก็นี่ไง แบบนี้แหละใส่สบายเหมาะกับไปทะเล ที่เหลือนี่เอาไว้ทริปอื่นแล้วกัน ส่วนกระเป๋านี่ใช้ใบเล็กก็คงพอมั้ง”

ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็หยิบกระเป๋าสะพายที่คนตัวเล็กชอบใช้เวลากลับไปเยี่ยมบ้านขึ้นส่งให้ นัยน์ตากลมโตมองหน้าผมสลับกับกระเป๋าในมือแล้วก็ขมวดคิ้ว

“แล้วพี่อ๊อฟใช้ใบไหนล่ะ เอาใส่ไปด้วยกันเลยไม่ได้เหรอ?”

...เอ่อ....

“พี่ว่าอย่าดีกว่า ถ้ากระเป๋าใครกระเป๋ามันเวลาจะหยิบเอาอะไรก็สะดวกดีไง เอาไปคนละใบแหละดีแล้ว”

ผมเอ่ยตอบไปก็รู้สึกอยากปาดเหงื่อไปทั้งที่ในห้องไม่ได้ร้อน แต่จะให้บอกความจริงนะได้ยังไงว่าทำไมถึงใช้กระเป๋าใบเดียวกันไม่ได้ ทั้งที่ถ้าหากว่าผมไม่ได้ซ่อนของขวัญสำหรับเซอร์ไพรส์เจ้าตัวไว้ล่ะก็ผมคงยินดีให้เราใช้กระเป๋าใบเดียวกันอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลยสักนิด

นัยน์ตากลมโตหรี่มองผมก่อนจะก้มหน้าแล้วยัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าที่ยื่นให้โดยไม่พูดอะไรอีก แต่ว่าท่าทางเม้มปาก แถมคิ้วยังขมวดแน่นแบบนี้...มองยังไงก็ไม่เข้าท่าแน่ๆ

“นะครับ...”

“เสร็จแล้ว นะจะไปแปรงฟันล่ะ พี่อ๊อฟก็นอนไปได้เลยไม่ต้องรอ”

คนตัวเล็กว่าแล้วก็ลุกเข้าห้องน้ำแบบไม่รอฟังว่าผมจะพูดอะไรต่อ ผมมองกระเป๋าของอีกฝ่ายที่รูดซิปเรียบร้อยอยู่บนเตียงแล้วก็มองตามประตูห้องน้ำที่ปิดลง สรุปว่าคราวนี้ผมโดนแฟนงอนเพราะแค่ไม่ให้ใช้กระเป๋าใบเดียวกันเหรอเนี่ย?


++------++


“ถึงปากซอยแล้วเหรอวะ เออๆ งั้นเดี๋ยวถึงแล้วจอดรอที่หน้าทางเข้าได้เลย โอเคเว่ย เดี๋ยวเจอกัน”

ยามเช้าของวันศุกร์มาถึงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ผมกดวางสายจากเป้ก่อนจะหันกลับไปหาคนที่กำลังเอาผ้าขนหนูแขวนที่ราวพาดข้างตู้เสื้อผ้า นัยน์ตากลมโตเหลือบขึ้นสบกับผมแวบเดียว แต่แล้วก็ตวัดสายตาลงพลางก้มลงคุ้ยหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าจนผมต้องกลอกตา

“นะเก็บของเสร็จยังครับ เป้มันน่าจะใกล้ถึงหอแล้วล่ะ ไปรอข้างล่างกัน”

ผมหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นพาดบ่าแล้วก็ยื่นมือออกไปเพื่อจะรับกระเป๋าของคนตัวเล็ก แต่แล้วมือที่ยื่นไปก็ต้องค้างเก้อเพราะอีกฝ่ายเดินผ่านผมไปใส่รองท้าแล้วเปิดประตูเดินลิ่วออกจากห้อง ผมมองตามแผ่นหลังเล็กนั่นแล้วก็ต้องถอนหายใจก่อนจะออกจากห้องบ้างแล้วล็อกประตูให้เรียบร้อย

ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าเรื่องที่ทำให้แฟนงอนล่าสุดนี่มันจะไร้สาระได้ขนาดนี้ แต่ดูเหมือนนะจะงอนแบบจริงๆจังๆเสียด้วยเพราะตั้งแต่เข้านอนเมื่อคืนจนมาถึงเช้าวันนี้เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมพูดกับผมสักคำ

เสียงสัญญาณลิฟต์เปิดที่ดังขึ้นเบาๆทำให้ผมต้องรีบสาวเท้าตามคนตัวเล็กที่ยืนรออยู่เพราะว่าลิฟต์ที่นี่ช้ามากถึงมากที่สุด ถ้าพลาดรอบนี้ก็เลือกเดินแทนได้เลยเพราะไม่อย่างนั้นจะต้องเสียเวลารออีกหลายนาที ผมเหลือบมองพ่อหนูน้อยที่ยังยืนกอดอกคิ้วขมวดอยู่ระหว่างรอให้ลิฟต์พาลงชั้นหนึ่ง แต่พอยื่นมือไปจะช่วยหยิบกระเป๋าจากหลังอีกฝ่ายมาถือให้ก็โดนตาโตๆทำตาเขียวใส่ แค่นั้นไม่พอยังขยับกระเป๋าหนีมือผมอีกต่างหาก

“นะอย่าทำงี้สิ พี่แค่จะช่วยถือ...”

“ไม่เป็นไร ของเบานิดเดียว นะถือเองได้”

เหมือนจะได้ยินเสียงเน้นหนักตรงคำว่า ‘ของเบานิดเดียว’ แล้วพ่อหนูน้อยก็ไม่พูดอะไรอีก พอลิฟต์ถึงชั้นหนึ่งแล้วนะก็รีบเดินจ้ำไปที่รถสีดำคุ้นตาของเพื่อนผมที่จอดอยู่เยื้องทางเข้าหอไปนิดหน่อยทันที เป้คงเห็นพวกผมจากกระจกมองหลังเลยเดินลงมาเปิดท้ายรถให้ขณะที่วิวยื่นหน้าออกมาทักทายจากที่นั่งข้างคนขับ

หลังจากพายุฝนซัดกระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตาไปตอนกลางดึกเมื่อคืน เช้านี้อากาศจึงแจ่มใสจนไม่น่าเชื่อ บนท้องฟ้ามีเพียงเมฆปุยบางเบาเหมือนขนมสายไหมลอยห่างกันเป็นหย่อมๆ เป้ไม่ได้นัดพวกผมเช้ามากเพราะไม่มีเหตุผลจะต้องรีบร้อนเข้าที่พัก เมื่อวานเลยตกลงว่าจะเจอกันที่หอผมตอนเก้าโมงครึ่ง แต่เอาเข้าจริงเจ้าเพื่อนตัวดีก็มาถึงเอาซะตอนสิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว

“หวัดดีครับน้องนะ โทษทีว่ะอ๊อฟมาช้าไปหน่อย เดี๋ยวเอาของเก็บที่หลังรถก่อนแล้วกัน”

เป้รับไหว้คนตัวเล็กแล้วก็ช่วยจัดระเบียบข้าวของในท้ายรถให้ นอกจากกล่องรองเท้ากับพวกกองหนังสือที่เดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นของวิวแล้วก็มีกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อลากขนาดไม่ใหญ่นักวางอยู่ใบเดียว นะมองกระเป๋าใบนั้นแวบหนึ่งแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนผมที่ใส่แว่นกันแดดยืนอยู่ข้างๆ

“พวกพี่เป้เอากระเป๋าไปใบเดียวเหรอฮะ?”

คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แต่เลนส์แว่นกันแดดสีเข้มทำให้มองไม่เห็นว่าเพื่อนผมทำตาแบบไหนอยู่ แต่ผมก็พอจะเดาได้ว่าเป้คงแปลกใจเหมือนกันที่โดนถามแบบนั้น

“อืม ก็ของๆพี่กับพี่วิวรวมกันก็ไม่ได้เยอะ อีกอย่างเวลาไปเที่ยวก็ไม่อยากเอากระเป๋าหลายใบไปให้มันรุงรังน่ะ”

“อ๋อ”

พ่อหนูน้อยตอบรับในคอแล้วก็วางกระเป๋าตัวเองก่อนจะเดินไปเปิดประตูขึ้นรถฝั่งซ้ายโดยไม่หันมามองผมเลย ผมหันกลับไปเห็นรอยยิ้มมุมปากของเพื่อนที่ยังยืนกอดอกรออยู่แล้วก็ให้รู้สึกขัดหูขัดตายังไงชอบกล

“จะยิ้มหาอะไรนักหนาวะ แดดร้อนไปรึไงมึง”

“เปล๊า”

ทั้งๆที่ไอ้เพื่อนตัวดีตอบปฏิเสธแล้ว แต่เสียงหัวเราะในคอที่ดังตามหลังมานี่มันฟังแล้วน่าเอาอะไรทุ่มใส่ซะจริงๆ เป้ผละไปขึ้นประจำที่คนขับทั้งที่ยังยิ้มไม่เลิก ผมเลยเดินไปเปิดประตูหลังทางฝั่งซ้ายบ้าง แต่ปรากฏว่าคนที่นั่งอยู่แล้วกลับขมวดคิ้วมองผมเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาขึ้นฝั่งนี้ด้วย แล้วก็เลยพาลไม่เขยิบหนีให้อีกต่างหาก

นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคนอื่นอยู่ในรถผมจะจับนะกดติดเบาะหลังแล้วจูบซะให้หายดื้อเลย จะงอนเรื่องไม่เป็นเรื่องไปทำไมกันนักหนาก็ไม่รู้

“เอ่อ…พี่ว่าน้องนะขยับไปนั่งหลังพี่เป้ดีกว่านะ เป้ก็ขายาวอ๊อฟก็ขายาว ขืนให้นั่งฝั่งเดียวกันเดี๋ยวอ๊อฟเมื่อยแย่”

วิวคงเห็นท่าทางประหลาดๆของผมสองคนเลยช่วยเสนอทางออกให้ นะละสายตาจากผมไปมองคนพูดที่เอี้ยวตัวมาจากเบาะหน้าแล้วก็พยักหน้าเบาๆก่อนจะยอมกระเถิบไปอีกฝั่งแต่โดยดี ผมเห็นท่าทางแบบนั้นก็ต้องแอบถอนหายใจก่อนจะขึ้นนั่งตามแล้วปิดประตูรถ พอหันไปหาคนข้างตัวอีกทีก็เห็นว่าฝ่ายนั้นเอาหมอนอิงใบเล็กขึ้นกอดแล้วหันไปด้านนอกรถแล้ว


++------++


หลังจากออกจากกรุงเทพฯมาได้ราวชั่วโมงกว่าโดยที่ไม่มีใครคุยอะไรกันมากมาย เป้ก็พาเลี้ยวเข้าแวะพักในปั๊มใหญ่แห่งหนึ่งเพื่อให้ทุกคนได้เข้าห้องน้ำกับซื้อขนมสำหรับทานเล่น พอจัดการธุระส่วนตัวเสร็จนะกับวิวก็พากันเข้าไปในมินิมาร์ทขณะที่ผมกับเป้นั่งรอกันอยู่ที่ศาลาข้างลานจอดรถเพราะเป้จะสูบบุหรี่ ที่จริงผมเองก็สูบเป็นเพราะเคยลอง แต่ไม่ได้ติดใจจนต้องมีพกติดตัวประจำเหมือนกับเพื่อน แม้ว่าหากเทียบกับสมัยที่ผมรู้จักเจ้าตัวใหม่ๆแล้วจะสังเกตได้ว่าระยะหลังนี้เป้สูบบุหรี่น้อยลงเยอะแล้วก็ตาม

บรรยากาศภายในปั๊มที่เราแวะพักค่อนข้างคึกคักเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว ในลานจอดรถเต็มไปด้วยรถยนต์หลายขนาดที่คงต่างมุ่งหน้าไปเที่ยวพักผ่อนนอกเมืองเหมือนกัน ดูจากเหล่าลูกค้าที่เดินเบียดกันอยู่ในร้านมินิมาร์ทซึ่งขนาดไม่ได้เล็กตามชื่อแล้ว กว่าวิวกับนะจะได้ซื้อของแล้วจ่ายเงินเสร็จออกมาก็คงจะอีกพักใหญ่ ผมเลยนั่งเท้าคางปักหลักมองมินิมาร์ทนั้นไปเรื่อยๆเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี

“ชะเง้ออยู่นั่นแหละมึง ไปทำอะไรให้น้องนะงอนเข้าล่ะคราวนี้”

เป้ตบไหล่แล้วถามยิ้มๆก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นจุด ผมเหล่ตามองคนข้างตัวแล้วก็ไม่เข้าใจว่าทั้งที่มานั่งอยู่ในศาลาแล้วอีกฝ่ายจะยังใส่แว่นกันแดดอยู่ทำไม แต่ถึงจะเห็นไม่ถนัดผมก็มั่นใจว่านัยน์ตาหลังแว่นนั่นต้องกำลังเกลื่อนยิ้มเพราะขำผมอยู่แน่ๆ

“กูก็อยากรู้เหมือนกันแหละ ว่าจะถามแล้วแต่นะก็ไม่ยอมคุยด้วยยาวๆสักทีเลยไม่รู้ว่างอนอะไรแน่”

ผมงึมงำตอบในคอ ความจริงก็ใช่ว่าจะไม่ชินกับการโดนงอนเพราะยังไงก็โดนเป็นประจำ เพียงแต่ปกติพอผมง้อหนักๆเข้าแป๊บเดียวนะก็หายงอนแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โดนงอนข้ามวันเลยค่อนข้างสับสนว่าทำไมคราวนี้อีกฝ่ายถึงงอนนานกว่าทุกครั้ง แถมเมื่อคืนนะถึงกับหนีผมลงไปนอนพื้นจนผมต้องอุ้มกลับขึ้นมานอนบนเตียงหลังเจ้าตัวหลับไปแล้ว แต่พอตื่นเช้ามาอีกทีก็เห็นว่านะรีบตื่นหนีมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วอีก

“ที่จริง...เรื่องใช้กระเป๋าใบเดียวกันหรือคนละใบมันก็เรื่องเล็กนิดเดียวเองนะเว่ย ไม่เห็นจะน่าเอามางอนกันเลยด้วยซ้ำ”

ผมบ่นพึมพำขึ้นมาอีกครั้ง เป้เลยเคาะเถ้าบุหรี่ลงข้างๆเท้าก่อนจะหันกลับมาหา

“เรื่องเล็กของมึง แต่อาจเรื่องใหญ่ของเค้าหรือเปล่า อีกอย่างมึงแน่ใจแล้วเหรอว่าน้องนะไม่ได้งอนมึงแค่เพราะเรื่องกระเป๋าเรื่องเดียว?"

ผมเท้าศอกข้างหนึ่งลงบนเข่าพลางถอดหมวกแก๊ปที่ใส่อยู่ออกมาพัดคอ พยายามนึกแล้วนึกอีกแต่ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองไปทำอะไรที่จะทำให้นะต้องไม่พอใจ ความจริงก็คิดอยู่เหมือนกันว่าฝ่ายนั้นไม่น่าจะงอนแค่เพราะเรื่องที่ผมไม่ให้จัดกระเป๋ามาด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะพยายามนึกจนหัวแทบแตกยังไงก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าผมไปทำอะไรให้พ่อหนูน้อยงอนตอนไหน จะว่าทะเลาะกันหรือเปล่าก็ไม่ใช่ซะด้วยซ้ำ

ทั้งผมทั้งเป้ต่างเงียบกันไปขณะที่ยังรอคนที่ไปซื้อของในมินิมาร์ท ผมรู้สึกเหมือนจะเห็นคนตัวเล็กเดินผ่านแถวริมกระจกหน้าร้านแว้บๆแต่แล้วก็กลืนหายไปกับเหล่าคนที่เดินกันยุ่บยั่บอยู่ข้างในอีก กลิ่นควันบุหรี่เจือจางในอากาศทำให้ผมต้องเบนสายตาไปมองมวนกระดาษสีขาวในมือเพื่อนซึ่งถูกสูบจนเกือบจะถึงก้นกรองอยู่แล้ว

“เฮ้ยเป้ วิวเคยงอนมึงมั่งมั้ยวะ?”

คนถูกถามเลิกคิ้วก่อนจะหันไปขยี้ก้นบุหรี่ลงกับถังทรายที่ตั้งอยู่ใกล้ม้านั่งแล้วพ่นควันออกช้าๆ เป้ทำท่าคิดเพียงไม่นานก็ยักไหล่

“ก็มีบ้างแต่ไม่บ่อย ครั้งล่าสุดนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กูยังจำไม่ได้เลย”

ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะหันกลับไปมองทางเดิม ความจริงก็ไม่แปลกใจนักกับคำตอบที่ได้รับ เพราะตั้งแต่สองคนนี้คบกันมาก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีเรื่องผิดใจหรือทะเลาะกันเวลาอยู่ต่อหน้าผมเลยสักครั้ง อีกอย่างด้วยบุคลิกของวิวที่เป็นคนเงียบๆก็ทำให้ผมนึกภาพแฟนเพื่อนเวลางอนไม่ออกเหมือนกัน

“วิวเป็นผู้ใหญ่ดีนะ”

ผมพูดเปรยๆทั้งที่ยังนั่งเท้าคางอยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะพูดแบบนั้นขึ้นมาทำไม แต่เป้ก็เพียงแค่หัวเราะในคอเมื่อได้ยินผมชมแฟนให้ฟัง

“อะไรของมึง พูดอย่างกับว่าถ้าน้องนะเป็นผู้ใหญ่มั่งมึงจะดีใจงั้นแหละ”

เสียงเป้ลอยเข้าหูขณะผมเห็นคนที่ถูกพูดถึงกำลังเดินออกมาจากมินิมาร์ท ในมือเล็กมีถุงพลาสติกอยู่หนึ่งถุง ส่วนร่างสูงโปร่งของวิวที่เดินตามมาติดๆก็มีถุงในมือใบหนึ่งเหมือนกัน ท่าทางของพ่อหนูน้อยที่หันไปพูดอะไรบางอย่างกับคนข้างหลังก่อนจะหัวเราะทำให้ริมฝีปากผมยกยิ้มโดยไม่ตั้งใจ

...ก็จริงอยู่ที่นะยังมีความเป็นเด็กสูง นอกจากขี้อ้อนแล้วแถมยังงอนเก่งด้วยอีกต่างหาก แต่แล้วจะทำไมล่ะ ถ้าเกิดพ่อหนูน้อยเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาผมก็ไม่มีใครให้ตามง้อน่ะสิ

“เฮ้ยอ๊อฟ คิดอะไรอยู่ก็เก็บๆอาการไว้มั่งนะเว่ย”

ผมหันไปตามเสียงคนแซวก็เห็นว่าเป้กำลังยืนกอดอกยิ้มอยู่ ผมเลยใส่หมวกตามเดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่ไม่แพ้เพื่อนบ้างแล้วหันไปแขวะกลับ

“ถ้ากูมองแฟนแล้วทำหน้าโรคจิตมึงก็พอกันแหละวะ อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่าทำไมมึงถึงไม่ยอมถอดแว่นกันแดดซักทีน่ะ ไอ้เชี่ยนี่”

เจ้าเพื่อนตัวดีได้ยินที่ผมพูดแล้วก็หัวเราะ พอดีกับที่คนที่กำลังรออยู่พากันเดินมาถึงศาลา เป้รับกระป๋องกาแฟเย็นที่วิวส่งให้แล้วก็ยิ้มตอบพลางใช้นิ้วชี้ดันเลนส์แว่นขึ้นไป แต่ความที่ผมยืนอยู่ข้างๆเจ้าตัวทำให้เห็นแววตาของเพื่อนที่กำลังมองแฟนตัวเองอย่างชัดเจนจนอดหมั่นไส้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าถ้าวิวได้มาเห็นเหมือนที่ผมเห็นว่าเป้มองตัวเองแบบไหนอยู่จะเขินหรือเปล่า หรือว่าจะชินเพราะโดนเพื่อนผมมองแบบนี้ตลอดอยู่แล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน

“แดดชักร้อนแล้วนะ รีบไปกันดีกว่าจะได้แวะหาที่กินข้าวกลางวันก่อนถึงรีสอร์ต ไปครับน้องนะ ไปอ๊อฟ”

เป้รับถุงสีขาวพิมพ์ลายจากในมือวิวไปถือไว้แล้วก็หันมาเรียกพวกผม ผมเหลือบตาลงมองถุงในมือของนะบ้างแล้วก็ยื่นมือไปจะหยิบมาถือให้ แต่พ่อหนูน้อยกลับรีบดึงถุงหนีจนเกือบจะเหมือนกระชาก

“นะถือเองได้”

หางเสียงอีกฝ่ายแอบห้วนนิดหน่อยจนเจ้าตัวยังเผลอทำหน้าตกใจก่อนจะก้มหน้าเงียบ ผมหลุบปีกหมวกแก๊ปที่ตัวเองใส่อยู่พลางมองแก้มสองข้างที่เรื่อสีชมพูของคนตรงหน้า ท่าทางนะคงจะร้อนเพราะขนาดเดินออกมาจากมินิมาร์ทไม่นานก็มีเหงื่อเม็ดเล็กๆซึมบนหน้าผากแล้ว แถมเปลวแดดที่กำลังสาดส่องลงมาเต็มที่ในตอนสายก็อาบพื้นปูนซะจนรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่ไล้อยู่บนขา ผมเลยยกนิ้วขึ้นเกลี่ยไรผมเส้นเล็กๆที่เกาะหน้าผากชื้นเหงื่อของคนตรงหน้าออกก่อนจะปลดถุงจากมือเล็กมาถือไว้เอง

“ไม่เอาน่า นะอุตส่าห์ไปเบียดคนซื้อของมาให้แล้ว ยังไงให้พี่ถือให้แล้วกันนะ”

คนตัวเล็กสบตากับผมแล้วก็เม้มปาก แต่จากประกายในตาก็บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มใจอ่อนลงบ้างแล้ว มือเล็กผ่อนแรงที่รั้งถุงไว้และยอมปล่อยให้ผมถือแต่โดยดีก่อนจะเดินตามผมกลับไปที่รถเงียบๆ ผมชำเลืองมองท่าทางเหมือนคนที่ยังทำท่ากึ่งงอนแล้วก็ต้องแอบยิ้ม ยิ่งพอมาขึ้นรถแล้วได้เห็นว่าพ่อหนูน้อยซื้อน้ำอัดลมยี่ห้อที่ผมชอบมาให้ด้วยก็ยิ่งต้องยิ้มมากเข้าไปใหญ่ ถึงแม้คนที่ซื้อมาให้จะยังนั่งกอดหมอนอิงแล้วมองไปนอกหน้าต่างอีกด้านแทบจะตลอดระยะทางที่เหลือก็ตามทีเถอะ

++------++

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-07-2009 18:46:34
พวกเราแวะทานอาหารกลางวันที่ตัวเมืองหัวหินกันก่อนจะไปปราณบุรีต่อแบบไม่รีบร้อน หลังมื้อเที่ยงเสร็จไปผมก็ถามเป้เหมือนกันว่าจะให้ช่วยขับรถให้ไหม แต่เพื่อนบอกว่าเอาไว้ขากลับก่อนแล้วอาจจะให้ช่วย (มีการมาแขวะอีกว่าผมจะทำรถโดนชนท้ายหรือเปล่า รู้งี้ไม่เล่าวีรกรรมตอนกลับไปเยี่ยมบ้านช่วงปีใหม่ให้ฟังซะก็ดี)

กว่าพวกเราจะมาถึงที่พักก็เป็นเวลาบ่ายจัดแล้ว แต่ทว่าแสงแดดก็ยังคงแผดจ้าสม่ำเสมอจนไม่น่าจะลงเล่นน้ำได้ในชั่วโมงหรือสองชั่วโมงนี้แน่ ผมมองนะที่แก้มแดงเรื่อเพราะไอแดดทันทีที่ลงจากรถแล้วก็ถอดหมวกตัวเองออกจะยื่นให้ใส่ แต่คนตัวเล็กก็ยืนยันเสียงแข็งว่ายังไงก็ไม่เอาจนผมต้องใส่หมวกกลับไว้ตามเดิม

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจองห้องพักไว้แล้วหรือเปล่าคะ?”

พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยทักทายแล้วก็เดินนำพวกเราเข้าไปด้านใน ความที่ได้เห็นรูปภาพจากในเว็บไซต์มาบ้างแล้วทำให้ผมไม่ตื่นเต้นกับสถานที่เท่าไหร่ แต่ถึงยังไงก็ต้องยอมรับว่ารูปถ่ายกับสถานที่จริงนั้นแทบจะเทียบกันไม่ได้เพราะเราไม่มีทางเห็นสีสันหรือมิติของสถานที่จากในรูป อันที่จริงรีสอร์ตแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรนัก ถัดจากล็อบบี้และห้องอาหารซึ่งอยู่เยื้องไปหลังเดินเข้าประตูหน้ามาแล้ว เลยเข้าไปตรงกลางคือสระว่ายน้ำสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวซึ่งปูพื้นด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม ส่วนอาคารสำหรับแขกที่เข้าพักจะเป็นอาคารสองชั้นซึ่งตั้งขนาบข้างสระว่ายน้ำ ดูจากผังแล้วก็เรียบง่ายดี แต่เพราะการจัดสวนที่ออกแบบมาให้มีร่มสนามสีแดงอิฐตัดกับพื้นหญ้าและต้นไม้สีเขียวสด รวมทั้งมีตุ๊กตาหินประดับเป็นระยะตามทางเดินทำให้รู้สึกร่มรื่นโดยไม่ว่างโล่งหรืออึดอัดจนเกินไป

ผมเหลือบมองสีหน้าของคนตัวเล็กที่ท่าทางกำลังตื่นเต้นกับสระว่ายน้ำตรงกลางโรงแรมซึ่งมองเผินๆแล้วเหมือนยาวออกไปจรดกับผืนน้ำทะเลแล้วก็ต้องยิ้ม แต่ขืนลงเล่นน้ำตอนนี้ก็รับรองว่าสุกเกรียมกันทั้งตัวแน่ๆ ขนาดแขกคนอื่นที่มาถึงก่อนยังนอนอาบแดดริมสระกันอยู่ประปรายเพียงไม่กี่คนเอง แถมเท่าที่มองแล้วส่วนมากก็จะเป็นชาวต่างชาติกันแทบทั้งนั้นด้วย

เป้ปล่อยพวกเราที่เหลือสามคนให้นั่งดื่มน้ำเย็นรอตรงล็อบบี้ขณะเจ้าตัวเข้าไปลงชื่อเช็คอินที่เคาน์เตอร์ ไม่นานเพื่อนผมก็เดินกลับมาพลางอธิบายรายละเอียดห้องพักให้

“อ๊อฟ ห้องของมึงกับน้องนะจะเป็นห้อง Ocean View บนชั้นสองตึกฝั่งซ้ายนะ เบอร์ห้องจะอยู่บนคีย์การ์ด ส่วนห้องกูกับวิวจะอยู่ชั้นสองตึกขวา ห้องริมสุดเหมือนกัน”

“อ้าว ไม่ได้อยู่ห้องใกล้ๆกันเหรอฮะ?”

นะที่เงียบมาแทบตลอดทางในรถถ้าไม่โดนเป้กับวิวชวนคุยเงยหน้าขึ้นถามคนพูด วิวเลยเหลือบมองผมก่อนจะหันไปบีบไหล่คนตัวเล็กที่สุดในวงเบาๆแล้วยิ้มให้

“อยู่กันคนละตึกก็จริงแต่ก็ห่างกันแค่นิดเดียวเองนี่นา อีกอย่างน้องนะกับอ๊อฟจะได้เป็นส่วนตัวด้วยไง แต่ถ้ามีอะไรก็โทรหาพวกพี่ก็ได้ ถึงยังไงเดี๋ยวตอนกลางคืนเราก็ต้องทานข้าวเย็นด้วยกันอยู่ดี”

ผมแทบจะยกมือไหว้วิวด้วยความขอบคุณถ้าไม่ติดว่าเดี๋ยวคนตัวเล็กอาจหันมาเห็นเข้า แต่ราวกับนะจะรู้ทัน พ่อหนูน้อยเลยเม้มปากหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปหาวิวอีกครั้ง

“ถ้างั้น...เก็บของเสร็จแล้วนะขอไปนั่งเล่นที่ห้องพี่วิวได้มั้ย?”

“เฮ่ย!”

 “เอ่อ...”

สายตาของผมกับวิวประสานกันโดยอัตโนมัติขณะที่คนถูกถามทำสีหน้าลำบากใจ ท่าทางเป้คงเล่าให้วิวฟังไปแล้วว่าคนตัวเล็กกำลังงอนผมอยู่ หรือต่อให้เป้ไม่บอก ท่าทางพ่อหนูน้อยที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนปกติก็คงบอกกลายๆอยู่แล้วว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่นี่กะจะหนีผมจนถึงตอนนอนเลยหรือไงกันนะ

“ก็เอาสิ น้องนะเก็บของเสร็จแล้วก็มาหาวิวได้เลย ไม่ต้องโทรบอกก่อนก็ได้”

!!??

คราวนี้สายตาสามคู่รวมทั้งของผมด้วยหันไปทางต้นเสียงเป็นตาเดียว เป้ใช้นิ้วชี้ดันแว่นกันแดดขึ้นแล้วก็เอามือล้วงกระเป๋าพลางส่งยิ้มให้กับนะ แต่ไอ้ยิ้มมุมปากของเพื่อนกลับทำให้ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลยังไงไม่รู้ ทว่าคนข้างตัวผมคงไม่ทันสังเกตเลยหันไปยิ้มอย่างดีใจให้วิวที่ยังขมวดคิ้วใส่แฟนตัวเองอยู่

“ขอบคุณฮะพี่เป้ งั้นเดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วนะไปหาพี่วิวนะ”

“เอ๋? เอ่อ...พี่ว่า...”

วิวเบนสายตากลับไปหาคนตัวเล็กทั้งๆที่ยังมีร่องรอยของความไม่แน่ใจระบายอยู่เต็มหน้า แต่แล้วเป้ก็ยัดคีย์การ์ดใส่มือผมก่อนจะแตะบ่าวิวเป็นเชิงบอกให้ลุกไปด้วยกัน ผมมองตามหลังทั้งสองคนแล้วก็รู้ได้โดยสัญชาตญานว่าเพื่อนผมต้องคิดอะไรแผลงๆอยู่แน่ไม่งั้นเป้คงไม่ยอมให้นะไปกวนเวลาส่วนตัวของตัวเองกับแฟนง่ายๆอย่างนี้หรอก แต่ว่าผมยังไม่ทันจะหันไปพูดอะไรกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ คีย์การ์ดในมือก็ถูกฉกไปโดยเจ้าของร่างเล็กบางที่เดินจ้ำไปยังอาคารฝั่งที่มีห้องพักของพวกเราอยู่แล้ว

...ให้มันได้งี้สิ

ผมหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นพาดบ่าก่อนจะก้าวยาวๆจนตามทันอีกฝ่ายที่หน้าห้องของพวกเราบนชั้นสอง สิ่งแรกที่กระทบสายตาหลังจากนะรูดคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปในห้องคือเตียงขนาดใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ฝาผนังด้านหัวเตียงทาด้วยสีเขียวตองอ่อนสบายตาและมีรูปวาดลงรักประดับเป็นลายใบไม้ ส่วนผนังด้านอื่นที่เหลือทาสีขาวนวล เลยเข้าไปด้านในเป็นห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำซึ่งอวลกลิ่นน้ำมันตะไคร้หอมเจือจาง ขณะที่ฝั่งระเบียงด้านหน้าซึ่งเป็นกระจกสามารถเปิดออกไปเห็นทะเลได้ทันทีและมีม้านั่งยาววางอยู่สองตัว

ผมปลดกระเป๋าวางลงบนโต๊ะเตี้ยข้างหัวเตียง แต่ยังไม่ทันจะนั่งพักให้หายเหนื่อย คนตัวเล็กก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือล้างหน้าแล้วก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องทันทีจนผมต้องรีบลุกตาม

“นะครับ เดี๋ยวสิ ไม่นั่งพักหน่อยเหรอ จะรีบไปไหนน่ะเรา”

ผมก้าวยาวๆสองก้าวก็คว้าแขนเรียวของคนที่กำลังจะเปิดประตูห้องได้ทัน นะขมวดคิ้วมองผมนิดหนึ่งก่อนจะก้มหน้าแล้วก็ทำท่าจะดึงแขนหนี แต่ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมยิ่งจับแขนข้างนั้นแน่นขึ้นไปอีก ผมยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองโดนงอนเรื่องอะไร รู้แค่ว่าไม่ชอบเวลาที่นะทำท่าเหมือนไม่อยากอยู่กับผมสองคนแบบนี้เลยจริงๆ

“บอกพี่ได้มั้ยว่างอนเรื่องอะไรอยู่ พี่จะได้ง้อเราถูก ว่าไงครับ?”

ผมปล่อยแขนที่ตัวเองจับอยู่แล้วเปลี่ยนมาโอบอีกฝ่ายหลวมๆจากข้างหลังแทน แล้วก็อดไม่ไหวต้องก้มลงแนบริมฝีปากบนเรือนผมนุ่มเบาๆขณะรอคำตอบเพราะตั้งแต่อุ้มคนตัวเล็กขึ้นนอนบนเตียงเมื่อคืนแล้วก็แทบจะไม่ได้แตะตัวกันเลย คนในอ้อมแขนยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่อึดใจใหญ่ แต่แล้วประโยคที่หลุดออกมาก็ทำเอาผมต้องยอมปล่อยมือแต่โดยดี

“จะไปหาพี่วิว”

ผมมองคนที่ยังยืนก้มหน้าจับลูกบิดประตูแล้วก็ต้องยกมือกอดอก นี่ถ้าไม่ติดว่าวิวเป็นแฟนของเพื่อนอยู่แล้วผมคงได้หึงขึ้นมาแน่ๆ แต่โชคดีที่สมองยังแยกแยะได้อยู่ว่าที่นะเกิดอาการติดวิวแจขึ้นมากะทันหันคงเป็นเพราะฝ่ายนั้นให้ความรู้สึกปลอดภัยเหมือนพี่ชาย และถ้าหากเจ้าตัวอ้อนผมระหว่างที่ตัวเองงอนอยู่ไม่ได้ก็คงต้องหันไปอ้อนวิวแทนอะไรทำนองนั้น

“เอ้า ไปก็ไป งั้นพี่ไปด้วย”

นัยน์ตากลมโตหันขวับมามองผม แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรเมื่อผมหยิบหมวกขึ้นใส่แล้วดึงคีย์การ์ดออกจากช่องข้างประตู ผมปล่อยให้คนตัวเล็กเดินนำไปก่อนแล้วเดินล้วงกระเป๋าตามแบบเรื่อยๆ แต่พอใกล้จะถึงห้องของเป้ผมก็รีบสาวเท้าไปเดินคู่กับคนที่อยู่ข้างหน้าแล้วรั้งแขนเรียวไว้เบาๆ

“เดี๋ยวก่อน นะจะไม่โทรบอกวิวหน่อยเหรอว่าจะมาหา เกิดเจ้าตัวเค้ากำลังอยากนอนพักล่ะจะทำไง?”

“ก็พี่เป้บอกเองนี่ว่าให้มาได้เลย อีกอย่างถ้าพี่วิวจะนอนพักจริงๆเดี๋ยวนะนั่งรอเงียบๆก็ได้”

พ่อหนูน้อยหันมาตอบผมแล้วก็ออกเดินต่อ ส่วนผมเองพอได้ยินคำตอบแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ถ้าหากวิวนอนพักอยู่จริงๆก็แล้วไปเถอะ ที่ผมห่วงน่ะเพราะกลัวว่ามันจะไม่ใช่แบบนั้นเอาน่ะสิ

พอเดินขึ้นชั้นสองของตึกที่พักอีกฝั่งก็รู้สึกได้ถึงความเงียบที่ปกคลุมอยู่ตลอดระเบียงทางเดิน เป็นไปได้ว่าแขกห้องอื่นๆคงไปเที่ยวข้างนอกหรือไม่ก็เดินเล่นกันอยู่ด้านล่างกันหมด แต่ยิ่งเดินใกล้ห้องเพื่อนผมเข้าไปเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรจะมารบกวนมากขึ้นทุกที และบทสนทนาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องด้านในสุดขณะที่คนตัวเล็กยกมือขึ้นเตรียมจะเคาะประตูก็ดูจะช่วยย้ำว่าผมคิดไม่ผิด

“เป้! เดี๋ยวก่อน! ถ้าเกิดน้องนะมาหาจะทำยังไ!?”

“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ เป้บอกว่าให้มาได้แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะนั่งดูทีวีรอเฉยๆ ไม่ต้องห่วงหรอกวิว อ๊อฟมันไม่ปล่อยให้น้องนะมานี่หรอก”

“แล้วจะแน่ใจได้ยังไงเล่าว่าจะไม่มา...อื๊ออ...นี่! ฟังที่คนอื่นพูดไม่เข้าใจรึไง! บอกว่าให้ปล่อยยย!!!”

เสียงตุบตับจากในห้องทำเอาผมต้องยกมือขึ้นบีบขมับ ไม่รู้ละว่าสองคนข้างในกำลังเล่นอะไรกัน แต่พอลืมตาขึ้นมองนะอีกทีก็เห็นว่าคนตรงหน้ากำลังยืนตัวแข็ง นัยน์ตาหวานดูจะยิ่งโตขึ้นกว่าเดิมขณะที่ผิวหน้าก็สุกปลั่งไปถึงใบหู พ่อหนูน้อยรีบหันกลับมาแล้วก็เดินก้มหน้างุดเบียดผมเพื่อย้อนกลับทางเก่าทันที ผมมองตามแผ่นหลังบางแล้วก็ต้องยกมือเคาะประตูหนักๆแก้แค้นไปเพราะมั่นใจว่าเป้วางแผนให้เป็นแบบนี้อยู่แล้วแหงๆ แถมเสียงหัวเราะที่ลอดประตูออกมาก็ดูจะช่วยยืนยันความคิดผมเสียด้วย แต่จากนี้เจ้าตัวจะโดนแฟนโวยหรือเปล่าก็ช่างมันเพราะผมต้องรีบตามคนที่เขินแทนคนอื่นจนเดินลิ่วลงจากตึกไปนู่นแล้วก่อน

...จะว่าไปนี่มันทริปมาพักผ่อนแน่หรือเปล่านะเนี่ย…


++------++


ไม่ได้พาน้องนะกลับมาเยี่ยมเล้าซะนาน แต่ก็พามาแบบยาวๆนะจ๊ะ คิดถึงคนอ่านทุกคนนะ
(เดี๋ยวนี้เบลอ ไม่ค่อยรู้จะทอล์คอะไรดี รอตอบคอมเม้นต์ดีกว่า อิอิ)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 21-07-2009 20:39:19
คิดถึงวิวกะเป้ เอ๊ย ป้าจังเลย นานๆ มาที แต่น้องนะยังไม่เคลียร์เลยนะ เรื่องงอนพี่อ๊อฟเนี่ย  เอ้า พี่อ๊อฟ  รีบมาง้อเร็วๆ นะจ๊ะ  :really2:


ปล. ขอทวงอีกเรื่องด้วยนะ คิดถึงเรื่องนั้นใจจะขาด จวนเจียนจะขาดใจอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-07-2009 21:24:32
^
^
^
พูดถึงเรื่องไหน ไม่รู้ไม่ชี้ อิ๊ิๆๆ   :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 21-07-2009 21:50:48
มาแล้ว คิดถึงเป้กะวิวที่สุด น้องนะกะอ๊อฟก็เป็นรอง  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 22-07-2009 10:01:34
เซอร์ไพร์สจะรอดมั้ยเนี่ย เจ้าของวันเกิดดันงอนอะไรพี่ออฟก็ไม่รู้ 

รีบมาเฉลยไวๆ นะจ้ะ บีบี  :man1:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-07-2009 11:26:22
มายาวจุใจมาก ขอบคุงนะคะ

สงสัยมุ้ยต้องบอกอะไร นะ หรือเปล่าเนี่ย ถึงงอนหนักขนาดนี้

แต่ตอนนี้รู้สึกว่า หลงรักเป้ มากกว่าเดิมอีก แอร๊ยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 22-07-2009 12:37:09
ยังไม่ได้อ่าน แต่มาทักทาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-07-2009 14:25:14
^
^
^
สวัสดีจ๊ะ เอ ว่าแต่ไหงรีบนๆคิดถึงเป้กันมากกว่าน้องนะอ่า เดี๋ยวน้องยิ่งงอนเข้าไปใหญ่นะเนี่ย  :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 22-07-2009 16:12:19
ตามมาจิ้มบวกหนึ่งให้คนเขียนแล้วนะคะ

คาใจอย่างแรงเลย

ตกลงใครเซอร์ไพรส์ใครกันแน่เนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 25-07-2009 21:49:28
งอนอะไรไปถึงไหนเนี๊ยน้องนะ  :serius2: ปวดหัวกับพี่อ๊อฟด้วยคน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 28-07-2009 17:24:57
 :serius2:พรุ่งนี้จะมากอ่านให้หมดเลยยยยยยยยยยย

แอบแปะอุ้งเท้าไว้ก่อน

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1:

คิดถึงมากมาย :monkeysad:

++++++++++++++++++++++++

มาล่ะ อ่านรวดเดียวเก็บตกทั้งหมดเลย หึหึ
ขอพูดถึงคนโปรดก่อนเลย เป้อ่ะน่ารักกกกกกกกกกกกก
เก่งไปหมดว่าแล้วเชี่ยวว่าทำไมถึงบอกให้น้องนะไปหาที่ห้องได้แบบไม่ต้องโทรไปบอก่อน
ชอบนะเนี้ยแล้ววิวของเราจะมองหน้าอ๊อฟกับน้องนะติดม๊ายยย :-[
น้องนะต้องไปรู้มาแล้วแน่เลยว่าอ๊อฟแแอบมุสาว่าไปทำรายงานกับเพื่อน
ไม่งั้นคงไม่งอนอย่างงี้หรอกแล้วมาเจอเรื่องกระเป๋าอีก งานเข้าหลายงานแบบไม่ได้เงินเดือนเลยนะอ๊อฟ
แต่เดี๋ยวน้องนะก็จะหายงอนแล้วใช่มั้ย ก็เซอร์ไพส์รออยู่นี้เน๊าะ หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายแรงเข้ามาแทรกซะก่อนนะ
แต่ว่าตอนที่ไปเลือกของขวัญอ่ะน่ารักเวอร์ๆเลยไม่ไหวแล้ว แบบว่าน้องนะน่ารักไปไหน ทำแบบนั้นอ่านแล้วยิ้มค้างกรามข้างไปใครจะรับผิดชอบ
แล้วก็นะอยากจะไปเป็นคนขับรถแท็กซี่่แทนคุณลุงเข้าจริงๆ อ้อนกันน่ารักๆไปไหน ชอบบบบบบบ

แง่มๆพี่บีบี เขาอยากอ่านเป้ วิวๆๆ :impress2: ฮ่าๆๆ(ชอบเป้มันจริงๆ)

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

หายป่วยแล้วยัง ดูแลตัวเองนะค่ะ รออ่านตอนต่อไป :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 02-08-2009 01:10:52
แอบมากรี๊ดใส่คนแต่ง เห็นว่ามาต่อแล้วเลยพุ่งตัวเข้ามาอ่าน

แต่ๆๆๆๆๆ ค้างไว้แบบนี้ได้ไงอ่ะ  :z3:


มาต่อไวๆ น๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 08-08-2009 13:36:25
คาดว่า สาวที่พี่หล่งมารอ น่าจะเป็นมุ้ยนะ

แล้วตอนน้องนะไปคุยกะมุ้ย  มุ้ยคงถาม หรือเล่าให้ฟัง ว่าเจออ๊อฟที่ห้างเมื่อตอนกลางวัน  ทำให้น้องนะ เกิดความระแวงขึ้นมาว่าอ๊อฟแอบไปหาใครหรือป่าว แถมของยังไม่ใส่กระเป๋าเดียวกันอีก   มันน่าสงสัยจริงๆนะ :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: kom-kamol ที่ 09-08-2009 11:21:32
 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-08-2009 23:32:48
ตอนใหม่คงได้มาลงในวันสองวันนี้นะค้า พอดีป้าเริ่มพิมพ์ไปบ้างละ แต่ขอขัด+เกลาภาษาแปร๊บบบบนึง แล้วเจอกันจ้า  :impress2: 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 10-08-2009 02:33:59
 :pig4: เพิ่งเข้ามาอ่าน แต่สนุกมากเลยครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 20 (21/07/09) p.33
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 10-08-2009 08:43:48
 :z2:มาเต้นรอพี่บีบี....


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-08-2009 16:12:51
ตอนที่ 21: Our celebration (ครึ่งแรก)

หลังจากลงมาจากอาคารฝั่งที่เป้กับวิวพักอยู่ นะก็เดินอ้อมสระน้ำไปทางชายหาดแล้วก็เอาแต่ก้มหน้าเดินๆๆไม่พูดไม่จา ร้อนถึงผมต้องรีบเดินตามไปด้วยเพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะไปไหน แต่พอออกมาพ้นบริเวณรีสอร์ตปุ๊บคนตัวเล็กก็หยุดเดินปั๊บจนผมต้องรีบเบรกตามแทบไม่ทัน

“พี่อ๊อฟ! รู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าจะเป็นแบบเนี้ย ทำไมไม่ห้ามนะไม่ให้ไปกวนล่ะ!?”

อีกฝ่ายต่อว่าเสียงเขียวทั้งที่ไม่หันมาหา แต่ใบหูแดงๆที่เห็นชัดจากด้านหลังก็บอกให้รู้ว่านะคงยังไม่หายเขิน ว่าแต่ไปเอาที่ไหนมาพูดล่ะน่ะว่าผมไม่ได้ห้ามเอาไว้ก่อน เตือนไปก็แล้วแต่เจ้าตัวยอมฟังที่ไหนกัน

“เฮ้ๆ พี่ไม่ได้รู้เห็นอะไรมาก่อนเลยนะ อีกอย่างก็นั่งรถด้วยกันมาเกือบทั้งวันแล้ว เป้มันก็คงอยากอยู่กับแฟนสองคนมั่งสิ นะน่ะแหละจะเอาแต่เดินหนีพี่ไปถึงไหน”

ผมรีบแก้ตัว แม้ความจริงผมจะสงสัยตะหงิดๆตั้งแต่ก่อนที่เป้จะแยกไปที่ห้องเหมือนกันว่าทำไมเพื่อนผมมันใจดีชอบกล แต่ถ้ารู้มาก่อนว่าเพื่อนผมตั้งใจจะกันท่านะเพื่อไม่ให้ไปกวนวิวด้วยวิธีนี้ล่ะก็  ให้โดนงอนหนักกว่านี้ผมก็ไม่ปล่อยให้ไปหาตั้งแต่แรกหรอก

พ่อหนูน้อยหันขวับมามองผมแล้วก็ทำเสียงฮึดฮัดทั้งที่แก้มทั้งยังไม่หายแดง ตอนแรกริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วนะก็หันหลังเดินหนีไปอีกโดยไม่หลุดอะไรออกมาสักคำ คราวนี้ผมเลยใช้วิธีเดินขึ้นไปดักหน้าแล้วจับไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้เลย เพราะขืนเอาแต่เดินตามกันทั้งวันแบบนี้ก็ไม่ต้องทำอย่างอื่นกันพอดี

“นะจะไปไหน แดดแรงขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

ผมถามไปก็เพิ่มแรงจับที่มือไปด้วยเพราะอีกฝ่ายทำท่าจะเบี่ยงตัวหนี สุดท้ายพ่อหนูน้อยเลยหยุดดิ้นแล้วช้อนสายตามองผมเคืองๆเพราะรู้ว่าสู้แรงไม่ได้

“นะจะไปเดินเล่น กลับไปที่ห้องก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี ถ้าพี่อ๊อฟอยากกลับก็กลับไปคนเดียวสิ”

อืม...เป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ได้ยินจากอีกฝ่ายนับตั้งแต่เมื่อคืนเป็นต้นมาเลยมั้งนี่ แต่เนื้อหาฟังแล้วไม่น่าปลื้มเท่าไหร่ ก็ต่อให้ตีลังกาฟังยังไงผมก็กำลังโดนไล่อยู่เห็นๆเลยนี่นา แล้วถ้าบ้าจี้ยอมทำตามล่ะก็ ไม่แคล้วคืนนี้นะคงไปขอเปิดห้องนอนแยกอีกห้องแหงๆ ดังนั้นอย่าเปิดโอกาสให้ทำแบบนั้นได้เลยเป็นดีที่สุด

“ถ้าจะไปเดินเล่นพี่จะไปเป็นเพื่อน แล้วนะก็ต้องเอาหมวกพี่ไปใส่ด้วย ถ้าไม่ยอมใส่ล่ะก็พี่จะพาเรากลับห้องเดี๋ยวนี้เลย ถ้าคิดว่าไม่กล้าก็ลองดู”

ผมแปะมือทับลงไปบนมือเล็กที่ทำท่าจะดึงหมวกแก๊ปออกแล้วก็กุมไว้ นะเหลือบตาขึ้นมองผมแล้วก็หลบตาหนี แต่ว่าหลังจากออกเดินกันได้ไม่กี่ก้าวผมก็ถูกกระตุกมือจนต้องหันกลับไปมอง จึงได้เห็นว่าคนถูกจูงกำลังทำหน้ามุ่ยพลางพยักหน้ามายังมือที่โดนจูงอยู่

“ตกลงไปเดินเล่นด้วยกันก็ได้ แต่พี่อ๊อฟอย่าจับมือแน่นแบบนี้สิ นะไม่หนีไปไหนหรอกน่ะ”

ผมเลิกคิ้ว แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอจับข้อมืออีกฝ่ายแน่นไปจริงๆเลยรีบผ่อนแรงให้ ก็เมื่อกี้ผมกลัวนะสะบัดมือออกนี่นา

“พี่จะไปรู้ได้ไงว่านะจะไม่หนี เอ้า งั้นไม่จับแน่นแล้วก็ได้ งั้นเอาแบบนี้แทนแล้วกัน”

“เฮ้ย พี่อ๊อฟ! ทำอะไรเนี่ย!!”

นะเผลอร้องเสียงดังเมื่อโดนผมดึงแขนให้มาคล้องกับแขนผม จากนั้นผมก็หนีบแขนข้างนั้นไว้ด้วยการยัดมือตัวเองลงกระเป๋ากางเกงซะ อีกฝ่ายจะได้ชักแขนออกไม่ได้ง่ายๆ

หมายเหตุ ผมไม่ได้เจ้าเล่ห์นะ ก็ไม่จับแน่นแล้วนี่

พ่อหนูน้อยเซนิดหน่อยเมื่อผมพาออกเดินต่อ “แบบนี้โอเคมั้ย ทีนี้ห้ามดึงแขนหนีแล้วก็ห้ามบ่นแล้วนะ ถ้าไม่ดื้อเดี๋ยวพี่จะปล่อยให้ แต่ถ้านะยังบ่นอีกพี่จะเล่นหนังสดโชว์บนหาดนี่แหละ”

ผมพูดจบก็หันไปแกล้งยิ้มใส่ คนตัวเล็กเลยรีบหลุบปีกหมวกหนีเพราะแก้มที่เพิ่งจะหายแดงไปเริ่มแดงขึ้นมาอีกแล้ว “...จะบ้าเหรอ อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวเหอะ นะไม่เล่นกับพี่อ๊อฟด้วยหรอก”

ปากว่าผมไปแต่ผมก็เห็นแหละว่าคนพูดแอบหันไปยิ้มคนเดียวน่ะ เขินก็ไม่ยอมรับว่าเขินแฮะคนเรา

“อ้าว พี่แค่คนเดียวจะเล่นได้ไงอะ หรือว่านะอยากดู ถ้างั้นเดี๋ยวพี่กลับไปเล่นให้ดูที่ห้องเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ โอ๊ยๆ ไม่พูดแล้วครับ แหม แหย่เล่นหน่อยเดียวเอง”

ผมลูบแขนตัวเองที่โดนหยิกป้อยๆ แต่ไม่มีทางซะล่ะที่จะยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียว คราวนี้ผมเลยชิงก้มลงหอมแก้มที่ชื้นเหงื่อนิดๆของคนตัวเล็กเพื่อเอาคืน แล้วก็ได้ผลสมใจเพราะนะรีบยกมือขึ้นกุมแก้มทั้งที่หน้าแดงแจ๋ ก่อนจะถอดหมวกออกปาใส่ผมแล้วก็วิ่งหนีไปเลย

เสียงหัวเราะแถมท่าทางที่วิ่งไปแล้วหยุดหันมายิ้มให้เป็นระยะทำให้ผมรู้ว่าคนตัวเล็กเริ่มอารมณ์ดีแล้ว ผมเลยหยิบหมวกที่ตกพื้นขึ้นมาแล้วแกล้งทำท่าชี้คาดโทษ

“ทำร้ายร่างกายกันเหรอ เดี๋ยวถ้าพี่จับเราได้เมื่อไหร่ล่ะน่าดู”

ผมว่าแล้วก็ออกวิ่งตามร่างเล็กไปบนหาดทราย พื้นทรายละเอียดทำให้วิ่งลำบากอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคถ้าหากผมตั้งใจจะไล่กวดให้ทันจริงๆ แต่ผมเลือกจะแกล้งทำเป็นตามไม่ทันแล้วปัดมือเฉี่ยวไหล่บ้าง แกล้งหยุดทำท่าหอบให้บ้างเพื่อที่นะจะได้คิดว่าตัวเองหนีพ้น เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วก้องไปทั้งหาดฟังแล้วสดใสกว่าเวลาอีกฝ่ายทำเสียงแข็งใส่ผมเป็นไหนๆ

“โอ๊ย!”

จู่ๆร่างเล็กที่วิ่งอยู่ก็สะดุดอะไรบางอย่างบนพื้นจนผมต้องรีบถลาเข้าไปรับ ผลที่ได้เลยกลายเป็นว่าเราล้มกลิ้งไปบนพื้นทรายกันทั้งคู่ แต่ผมพลิกตัวให้นะอยู่ข้างบนจะได้ไม่กระแทกพื้นเลยโดนน้ำหนักของคนตัวเล็กกระแทกแทน ถึงปกตินะจะตัวเบาแต่โมเมนตัมตอนโดนทับก็ทำให้จุกเล็กๆไปเหมือนกัน

“อูย...พี่อ๊อฟ! เป็นอะไรรึเปล่า!?”

พอหยุดกลิ้งกันแล้วนะก็รีบยันตัวขึ้นถามอย่างเป็นห่วง พอเห็นสีหน้ากังวลแบบนั้นผมเลยดึงแขนร่างเล็กให้ล้มลงหาแล้วก็ชิงจูบหน้าผากก่อนอีกฝ่ายจะทันขืนตัว โชคดีว่าแถวๆนั้นไม่มีคนอื่นเดินผ่านไปมาเลยไม่งั้นผมคงเขินจนไม่กล้าเหมือนกัน

“ตอนแรกก็เป็นแหละ แต่พอได้จุ๊บนะเมื่อกี้เลยหายแล้ว”

“บ้า พี่อ๊อฟนี่ชอบฉวยโอกาสชะมัด”

คนตัวเล็กบ่นอุบอิบทั้งที่หน้าแดงแล้วก็ลุกหนี ผมเลยรีบลุกตามแล้วก็ปัดทรายจากหมวกที่หล่นบนพื้นแล้วเดินตามไปเอาสวมกลับให้อย่างเดิม นะมองผมแล้วก็ยื่นแขนขึ้นปัดทรายที่ติดบนไหล่กับหลังออกให้ ผมเลยจับมือข้างหนึ่งเอาไว้แล้วมองอีกฝ่ายตรงๆ

“ตกลงนะหายงอนพี่หรือยัง?”

พอหลุดคำถามไปแล้วก็ให้อยากตบปากตัวเองขึ้นมาทันที เพราะรอยยิ้มบนใบหน้าหวานเมื่อครู่ค่อยๆจางลงเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ นะเม้มปากก่อนจะหันมองไปทางอื่น อีกอึดใจถัดมาผมถึงได้คำตอบจากคนที่พูดอ่อยๆไม่เต็มเสียง

“นะไม่ได้งอน แค่...มีเรื่องไม่ชอบใจนิดหน่อย...”  คนตัวเล็กตอบแล้วก็ลงท้ายด้วยการถอนหายใจ

เอาล่ะสิ แล้วไอ้ที่นะไม่ชอบใจนิดหน่อยนี่มันเรื่องไหนกันล่ะเนี่ย ผมอยากจะถามต่อให้รู้เรื่องแต่ก็พอจะรู้ว่าถ้าเจ้าตัวไม่ขยายความเองแปลว่ายังไม่อยากพูดถึง ดังนั้นถ้าคาดคั้นไปตอนนี้อาจจะทำให้อารมณ์เสียอีกก็ได้ เลยตัดสินใจว่างั้นจะยอมปล่อยไปก่อนแล้วค่อยหาจังหวะถามทีหลังก็แล้วกัน

“ถ้ายังไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ขอพักยกก่อนได้มั้ย กลับไปที่ห้องกันก่อนเถอะนะครับ”

ผมบีบมือที่กุมอยู่เบาๆแล้วก็จูงนะกลับไปรีสอร์ตโดยไม่รอคำตอบ แต่ครั้งนี้พ่อหนูน้อยไม่ได้โต้แย้งอะไร แดดที่เริ่มร่มลงทำให้พวกเราตัดสินใจว่าจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้องแล้วลงไปเล่นน้ำกัน แต่ปรากฏว่าพอกลับลงไปข้างล่างอีกครั้งก็เจอเป้กับวิวนั่งอยู่ที่เก้าอี้ชายหาดโดยใส่กางเกงเซิร์ฟและมีผ้าขนหนูคลุมไหล่กันคนละผืน หยาดน้ำที่เกาะตามตัวกับผมที่เปียกลู่บอกให้รู้ว่าคงไปลงน้ำกันมาแล้ว

“อ้าวอ๊อฟ น้องนะ ไปเดินเล่นกันมาเหรอ?”

วิวทักขึ้นเมื่อผมพานะเดินเข้าไปหา แต่ท่าทางคนตัวเล็กจะนึกถึงเรื่องที่ได้ยินตอนแวะไปหาเจ้าตัวที่ห้องขึ้นมาได้เลยยืนแอบผมอยู่ข้างหลัง เป้ที่กำลังเช็ดผมอยู่หันมาเห็นเข้าพอดีเลยหัวเราะ

“อ๊อฟ มึงพาน้องนะไปตากแดดมากไปป่าววะ ทั้งหน้าทั้งตัวแดงไปหมดแล้ว” ผมหันกลับไปหาคนข้างหลังเมื่อได้ยินคำเอ่ยทักของเพื่อน แล้วก็เห็นว่านะหน้าแดงจริงๆ แต่นอกจากที่ไปตากแดดมาแล้วก็น่าจะเพราะเพื่อนผมด้วยน่ะแหละ

“มึงไม่ต้องมาแหย่แฟนกู เล่นอะไรไม่เกรงใจกันมั่ง”

วิวชะโงกหน้ามองคนที่ยืนหลบอยู่หลังผมแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “โอ้ย น้องนะ มานี่มา ไปเล่นน้ำกับพี่ดีกว่า ไม่ต้องไปสนใจที่เป้พูดนะ ไอ้บ้านี่บางทีก็ชอบเล่นอะไรเป็นเด็กๆงี้แหละ”

วิวหยิบผ้าขนหนูจากไหล่ตัวเองโยนโปะลงบนหัวแฟนก่อนจะคว้าข้อมือของคนตัวเล็กแล้วพาเดินลงไปที่ทะเล ผมเลยหันมากอดอกมองคนที่ดึงผ้าลงจากหัวแล้วก็หัวเราะหึๆทั้งที่สายตามองตามคนที่เดินลงน้ำไปแล้วบ้าง

“เอ้า ไอ้โรคจิต หัวเราะเข้าไป ตกลงตอนที่กูกับนะขึ้นไปหาที่ห้องเมื่อกี้มึงจงใจแกล้งใช่มั้ย?”

เป้เหลือบตาขึ้นมองผมแล้วก็หันหลังไปหยิบบุหรี่ออกมาเคาะจุด ท่าทางยิ้มเหมือนคนอมพะนำอะไรอยู่ทำให้ผมขี้เกียจเซ้าซี้เลยเดินหนีไปลงทะเลแทน แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งผมก็นึกคันมืออยากเบิ๊ดกะโหลกเพื่อนตัวเองอยู่เหมือนกัน

“เมื่อกี้เราขอโทษแทนเป้ด้วยนะอ๊อฟ เดี๋ยวกลับขึ้นไปแล้วจะทำโทษให้อีกทีแล้วกัน”

วิวหันมาบอกเมื่อผมลงน้ำไปใกล้ๆทั้งคู่ พ่อหนูน้อยเลยผละจากวิวเข้ามาหาผมแทนแล้วก็ดีดตัวขึ้นกอดคอจากข้างหลังไว้ ความจริงตรงที่พวกเรายืนอยู่นี่ระดับน้ำยังไม่ท่วมอกผมด้วยซ้ำแต่ก็ปริ่มไหล่นะแล้ว อีกอย่างผมก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าที่จริงคนตัวเล็กชอบเล่นน้ำแต่ว่ายน้ำไม่เป็น ผมเลยใช้แขนเกี่ยวขาทั้งสองข้างของนะขึ้นมาให้ทำท่าขี่หลังผมแทน

“ไม่เป็นไรหรอกวิว ยังไงเมื่อกี้เราก็ต้องขอโทษเหมือนกัน ที่ไป...เอ่อ...ขัดจังหวะ”

ผมเอ่ยตะกุกตะกักก่อนจะกระแอมตบท้ายเพราะไม่รู้จะพูดยังไงไม่ให้คนฟังเขิน  วิวเลยทำตาโตแล้วรีบโบกมือปฏิเสธยกใหญ่ แต่ถ้ามองไม่ผิดผมว่าแก้มอีกฝ่ายเหมือนจะมีสีเรื่อขึ้นหน่อยๆ

“เฮ้ย! เมื่อกี้ไม่มีอะไร ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ทั้งสองคนคิดกันอยู่นะ เฮ้อ...จะพูดไงดีเนี่ย เราว่าที่เป้ทำแบบนั้นเพราะอยากให้อ๊อฟกับน้องนะได้อยู่กันตามลำพังบ้างน่ะ ว่าแต่นี่ตกลงว่าดีกันแล้วใช่มั้ย?”

พอได้ยินคำถามผมเลยหันไปเลิกคิ้วมองคนที่กอดคอตัวเองอยู่ นะหลบตาผมแล้วก็ตอบเสียงอ้อมแอ้ม “ก็...ดีกันแล้วมั้งฮะ”

“อ้าว ถ้ามีคำว่ามั้งมันจะแปลว่าดีกันแล้วได้ไงล่ะครับ”

ผมย้อนถาม เลยโดนคนตัวเล็กทุบไหล่ดังบึ้ก ถึงจะเห็นตัวเล็กๆอย่างงี้แต่ที่จริงนะก็มือหนักไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ตอนแรกวิวมองผมสองคนแล้วก็หัวเราะ แต่แล้วพอเจ้าตัวหันไปทางชายหาดก็เงียบเสียงไปจนผมกับนะมองตาม จึงได้เห็นว่าที่เก้าอี้ข้างๆเป้มีผู้หญิงสาวในชุดบิกินีกำลังนั่งคุยกับเพื่อนผมอยู่ แต่พอผมเบนสายตากลับมาหาวิวอีกครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะขยับตัวออกจากจุดที่ยืนอยู่เลย

“พี่วิว...ไม่ขึ้นไปหาพี่เป้จะดีเหรอฮะ”

ผมกำลังจะอ้าปากถามคำถามเดียวกันเป๊ะเมื่อนะเอ่ยขึ้นก่อน วิวเลยหันกลับมามองพวกผมสองคนแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ

“ไม่เอาล่ะ ขืนไปหาก็ไปขัดจังหวะเขาน่ะสิ เรามาเล่นน้ำกันต่อดีกว่า”

วิวตอบอย่างไม่ใส่ใจ พวกเราเลยเลิกสนใจภาพบนชายหาดแล้วก็ช่วยกันสอนว่ายน้ำให้นะแทน แต่เพราะพ่อหนูน้อยเคยมีประสบการณ์จมน้ำตอนเด็กๆเลยดูจะไม่ค่อยกล้าปล่อยมือจากผมเท่าไหร่ สุดท้ายผมเลยตัดสินใจว่าให้นะกอดคอผมแล้วพาว่ายตามเดิม ส่วนวิวว่ายน้ำเก่งอยู่แล้วก็เลยออกไปเล่นตรงที่น้ำลึกด้วยกันได้โดยไม่มีปัญหา

พวกเราว่ายน้ำเล่นกันอยู่ราวๆหนึ่งชั่วโมงคนตัวเล็กก็เริ่มบ่นว่าหิวข้าว เราสามคนเลยตัดสินใจว่าจะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมทานมื้อเย็นกัน ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงที่มาคุยกับเป้ลุกไปตั้งแต่ตอนไหนเพราะว่ามองไปอีกทีก็เห็นเพื่อนผมนั่งอยู่คนเดียว และพอวิวขึ้นจากน้ำปุ๊บคนที่นั่งรออยู่ก็ลุกขึ้นแล้วหยิบผ้าขนหนูมาห่มไหล่ให้ทันที

“เมื่อกี้เห็นนะว่าหันมามอง ทำไมไม่ขึ้นมาช่วยกันมั่งล่ะ"

ไอ้เพื่อนตัวดีของผมทำเสียงอ้อนแฟนจนน่าหมั่นไส้ แต่วิวแค่ยักไหล่แล้วก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้เหมือนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร “ก็เห็นช่วยตัวเองได้อยู่นี่ อีกอย่างเมื่อกี้ช่วยอ๊อฟสอนน้องนะว่ายน้ำอยู่ เลยไม่อยากขึ้นมาเป็น ก.ข.ค.”

เป้ทำหน้ามุ่ย แต่พอหันมาเห็นคนตัวเล็กที่ยังขี่หลังผมอยู่ก็ยื่นมือมาขยี้หัวเบาๆแล้วก็ยิ้ม

“ไงเรา ตกลงว่ายน้ำเป็นหรือยัง แต่พี่ว่าที่จริงเกาะไอ้อ๊อฟแล้วให้มันพาว่ายไปไหนมาไหนแหละสะดวกกว่านะ”

นะพยักหน้างงๆขณะที่ผมแยกเขี้ยวใส่เพื่อนไปเรียบร้อยแล้ว ไอ้บ้านี่เห็นผมเป็นนางเงือกหรือไงก็ไม่รู้ เป้หันไปหยิบของของตัวเองกับวิวขึ้นมาก่อนจะหันมานัดพวกผมให้ไปเจอกันที่ล็อบบี้ในอีกครึ่งชั่วโมง ผมเลยปล่อยคนตัวเล็กลงแล้วหยิบผ้าขนหนูและคีย์การ์ดขึ้นมาเพื่อกลับห้องของพวกเราบ้าง

เราแวะล้างตัวที่ฝักบัวข้างสระว่ายน้ำก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง ด้วยความที่เป้ไม่ได้บอกว่าจะกินข้าวที่ห้องอาหารของรีสอร์ตหรือจะพาไปกินที่อื่น ผมกับนะเลยแต่งตัวแบบที่พร้อมสำหรับออกไปข้างนอกได้เอาไว้ก่อน กว่าจะลงมาชั้นล่างกันอีกครั้งพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าจนเห็นเป็นเส้นสีแดงอยู่ลิบๆ และก็เป็นไปอย่างที่คาดคือเป้เสนอว่าจะไปหาอะไรกินในตลาดที่หัวหินเผื่อจะได้เดินเล่นด้วย คราวนี้ผมเลยอาสาขับรถให้บ้างเพราะไหนๆเพื่อนผมก็ขับรถมาตลอดทั้งวันแล้ว

ครั้งสุดท้ายที่ผมมาหัวหินก็ตั้งแต่ตอนมาเข้าค่ายรับน้องเมื่อตอนขึ้นปีสามใหม่ๆ แต่ตลาดกลางคืนที่นี่ก็ยังคงคึกคักไม่ต่างจากครั้งนั้น แถมเพราะสุดสัปดาห์นี้เป็นช่วงวันหยุดยาวเลยยิ่งทำให้คนเยอะเข้าไปอีก พวกเราเลยตัดสินใจว่าจะหาร้านนั่งทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยแยกกันเดินดูตลาด พอถึงเวลาที่นัดไว้ค่อยเจอกันอีกที

พ่อหนูน้อยดูจะสนุกกับการได้มาเที่ยวเพราะชวนผมแวะแทบจะทุกร้าน (ยกเว้นร้านที่ขายเสื้อผ้าผู้หญิง ก็แหงล่ะ) สุดท้ายก็ได้เสื้อที่ระลึกมาสองตัว โปสการ์ด หมวกสานทรงคาวบอย แล้วก็สร้อยข้อมือที่เป็นเชือกถัก หลังช้อปกันเสร็จแล้วผมก็เอาถุงใส่ของทั้งหมดมาถือให้ แต่พอเหลือบมองของในถุงแล้วก็ต้องแอบขำ เพราะที่จริงผมว่าของพวกนี้ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็หาซื้อได้เหมือนๆกัน แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรให้ขัดใจคนที่มาด้วยไม่งั้นเดี๋ยวโดนงอนอีก

หลังเดินเล่นกันจนใกล้เวลานัดเจอกับเป้ผมก็ชวนนะเดินกลับ ระหว่างทางเราต้องผ่านรถเข็นขายนมปั่นที่ผมเห็นคนรุมเยอะตลอดตั้งแต่ขามา แล้วก็เป็นไปตามทีคิดว่าพ่อหนูน้อยต้องขอแวะแน่ๆเพราะเห็นจ้องอยู่ตั้งแต่ตอนเดินเข้าตลาดทีแรกแล้ว คิวที่ยาวเหยียดทำให้กว่านะจะได้นมปั่นใส่เยลลีที่สั่งไปก็เสียเวลาพอสมควร ดังนั้นกว่าเราสองคนจะไปถึงจุดนัดพบก็ทำให้เกินเวลานัดไปเกือบสิบนาที แต่พอไปถึงผมก็ต้องประหลาดใจที่เห็นเป้กับวิวยืนทำหน้าเครียดกันอยู่จนชักสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา


*********


แอบเบียดเบียนเวลางานส่งครึ่งแรกมาให้ก่อน แต่โดนงานด่วนเข้ากะทันหัน ยังไงจะรีบเอาครึ่งหลังมาลงให้นะจ๊ะ (เซอร์ไพรส์ของอ๊อฟเลยไม่ได้ฤกษ์แตกซักทีแฮะ เง้อ =A=")
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 10-08-2009 16:16:12
 :z13: ด้วยความคิดถึง  :กอด1:

แล้วไปอ่าน  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-08-2009 16:22:17
^
^
^
 :z13: กลับด้วยความคิดถึงกว่า แล้วก็ไปทำงานต่อล่ะจ้า หุหุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-08-2009 16:35:46
ใจดีจัง เอาเวลางานมาส่งความสุขให้คนอ่าน  :กอด1: อยากอ่านต่ออีกแล้ว  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 10-08-2009 16:46:03
เป้ วิว เครียดเรื่องไรหว่า

รอเซอร์ไพรส์ของอ๊อฟ

นะป้าสุดสวย :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 10-08-2009 19:18:04
แว๊กกกกกกกกกก
เป้กะวิวงานเข้าอะไรป่าว
ทำไมหน้าเครียดอ่า
บีบีรีบมาต่อน้า
 :z10:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 10-08-2009 19:26:17
เป้กะวิวเป็นไรไป ป้ารีบมาเฉลยด่วนจ้า  :m20:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 10-08-2009 22:20:11
 :กอด1:ป้าให้หายคิดถึง ไม่ได้มาอ่านนานมากละ
(เอ๊ะหรือไม่ได้ลงนานแล้ว 555+)
อ่านแล้วยิ้มๆเช่นเคยเพียงแต่ท้ายตอนเล่นให้รู้สึกเครียดไม่น้อยเลยทีเดียว
แล้วจะเข้ามาดูบ่อยๆน๊าว่าอัพยัง อิๆ

นิว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-08-2009 23:26:52
^
^
 :man1: นิว ไม่เจอกันนานเลยน้า ว่าแต่เอาอะรายมาพูดว่าป้าไม่มาลงนาน แค่นี้ก็เจียดเวลาจะแย่แร้วววววว   :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-08-2009 09:59:31
เกิดอารายขึ้นอีกอ่า  มาต่ออีกครึ่งเร็วๆ นะคะ   :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 11-08-2009 12:14:17
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 11-08-2009 13:17:13
 :fire: :m31: :fire: :m31:

พี่บีบีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เป้วิวเป็นอารายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เอาอีกครึ่งมาต่อด่วนเลย

วิวอ่ะตอบเย็นชา ยิ่งกว่าชาเย็นผสมชาเขียวอีกนะ (จะออกมารสไหนกันเนี้ย)

แง่มๆอยากอ่านเป้ วิวขึ้นมาเลยอ่ะ

ดีใจที่คู่อ๊อฟนะ ดีกันไปได้หน่อยนึงแล้ว แล้วจะได้เซอร์กันตอนไหนเนี้ย ฮ่าๆๆ

เป็นกำลังใจให้พี่บีบี เสมอ สู้ๆกับงานนะค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 11-08-2009 14:16:56
แวะมา +1 ให้เป็นกำลังใจนะคะ

น้องนะ น่ารักจังเนาะ

เอ...วิวกะเป้ งอนไรกันป่าวเนี่ย   :เฮ้อ:

รีบมาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 16-08-2009 09:55:49
จะ  :z6: ป้าก็ตรงปล่อยให้มันค้างอย่างงี๊แหล่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-08-2009 11:50:48
^
^

 :beat: อุฮิ ก็วางกับดักไว้ให้ไงจะได้แว้บมาหาป้าบ่อยๆ เหอเหอ   :haun5:


ปล. ข้อความข้างบนล้อเล่งเน่อ ครึ่งหลังยังไม่เสร็จจริงๆอะ ยิ่งวันธรรมดาแอบเขียนไปโดนนายจี้งานไปเลยขยึกขยักชอบกล เดี๋ยวปรับแต่งเรียบร้อยแล้วจะรีบมาต่อให้นะคะทุกคน เพราะย้อนกลับมาอ่านเองมันก็แอบค้างจริงๆด้วยสิเนี่ย  :jul3:

ว่าแล้วก็ไปจุดธูปปลุกผีตัวเองดีกว่า โอม กุลิโกะ ป๊อกกี้ แอลฟี่ ทูโทน (คาถาไรเนี่ย ไม่ขำก็อย่าถือสากันนะ ป้าแก่แระนึกมุกสมัยใหม่ไม่ออก ก๊าก)  :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: Seiki ที่ 16-08-2009 13:08:57
มารอครึ่งหลัง  :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 16-08-2009 20:49:18
กอดคนเขียนหนึ่งที :กอด1:

ยังไม่รู้เลยว่าน้องนะน้อยใจเรื่องอะไร เป้กะวิวก็มาเคืองๆ กันซะงั้น  :z3:


รอ ร้อ รอ ต่อไปค่า

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งแรก 10/08/09) p.34
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 17-08-2009 00:48:13
อย่าเครียดดิ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-08-2009 01:57:40
ตอนที่ 21: Our Celebration (ครึ่งหลัง)

“เฮ้ยเป้ โทษทีว่ะที่ให้รอ นี่จะรีบกลับกันหรือเปล่า?”

ผมกับนะเร่งฝีเท้าเข้าไปหาเพราะนึกว่าทั้งสองคนอารมณ์ไม่ดีที่พวกผมมาสาย เป้ที่ยืนกอดอกพิงราวเหล็กข้างถนนอยู่จึงเงยหน้าขึ้นมองผมแว่บหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้า แต่ทว่าร่องรอยแห่งความกังวลที่สัมผัสได้ก็ทำให้ผมต้องเลิกคิ้วมองคนที่ยืนอยู่ข้างเจ้าตัวแทนอย่างมีคำถาม

ร่างสูงโปร่งใช้มือหนึ่งบีบไหล่หนาของคนที่ยืนเงียบเบาๆก่อนจะหันมาหา สีหน้าที่ฉายชัดถึงความห่วงใยของวิวทำให้ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับการที่ผมกับนะมาช้ากว่าเวลานัด และคำตอบที่ได้รับในอึดใจถัดมาก็ยืนยันข้อสันนิษฐานของผมได้เป็นอย่างดี

“เปล่าหรอกอ๊อฟ พอดีแม่ของเป้โทรมาบอกว่าพ่อล้มเลยต้องพาส่งโรงพยาบาล เลยกำลังคุยกันว่าพรุ่งนี้เรากับเป้อาจต้องกลับกรุงเทพฯกันก่อน”

“อ้าวเฮ้ย! แล้วเป็นอะไรมากมั้ย แล้วนี่แม่เค้ามีคนอื่นอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า?” ผมรีบหันไปถามเป้ด้วยความตกใจ เพราะไม่เห็นเพื่อนเคยเล่าให้ฟังมาก่อนว่าพ่อมีปัญหาทางสุขภาพ  คราวนี้คนถูกถามเลยถอนหายใจสั้นๆก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้ง

“เห็นแม่บอกว่าหมอให้นอนให้น้ำเกลือแล้วก็ดูอาการก่อน ปกติพ่อเค้าไม่ได้เป็นโรคอะไรเลยเป็นไปได้ว่าเพราะช่วงนี้ทำงานหนักไปหน่อย ที่จริงแม่เค้าก็ไม่ได้เร่งให้กลับหรอกเพราะพี่ปิ่นกับยายปอนด์ก็อยู่ แต่ยังไงกูก็ว่าควรจะกลับไปอยู่ด้วยอีกคนดีกว่า”

ท้ายประโยคเป้หันไปหาวิวพลางดึงมืออีกฝ่ายที่อยู่บนไหล่ไปกุมไว้แทน ผมเห็นสีหน้ากังวลจากเสี้ยวหน้าด้านข้างของเพื่อนจึงเข้าไปตบไหล่ให้กำลังใจ เพราะถ้าหากเป็นผมที่ได้รับโทรศัพท์ว่าแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ผมก็คงต้องการความมั่นคงจากคนข้างกายไม่ต่างกัน

“ดีแล้วล่ะมึง พี่ปูมก็อยู่ต่างประเทศ ตอนนี้เหลือลูกชายคนเดียว มึงกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อแหละดีแล้ว”

เพื่อนผมหันกลับมาพยักหน้าให้ ก่อนจะเบนสายตามาทางคนตัวเล็กที่ยืนกุมมือผมอยู่ด้วยสีหน้าลำบากใจ “ว่าแต่น้องนะจะเอาไง? ถ้าอยากอยู่เที่ยวกับอ๊อฟต่อก็ไม่เป็นไรนะเพราะพี่ขอห้องไว้สองคืนอยู่แล้ว เดี๋ยวพอวันที่จะกลับค่อยให้คนของรีสอร์ตพามาส่งที่ท่ารถก็ได้”

พอคนตัวเล็กได้ยินคำถามก็ทำท่าอึกอัก ใบหน้าหวานหันมามองผมเป็นเชิงขอความเห็น แต่ผมแค่ยักไหล่เพราะนะว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้นอยู่แล้ว พ่อหนูน้อยเลยทำท่าชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปหาคนถาม

“ถ้าพี่เป้กับพี่วิวจะกลับก่อน นะกับพี่อ๊อฟก็กลับด้วยดีกว่าฮะ อุตส่าห์มาด้วยกันจะให้เที่ยวสนุกกันแค่สองคนได้ไง”

คนตัวเล็กพูดจบก็บีบมือผมเบาๆ ผมเลยก้มลงยิ้มให้แล้วบีบมือตอบเพราะสิ่งที่นะพูดนั้นตรงกับความคิดผมอยู่เหมือนกัน และต่อให้รู้ว่าเป้คงจะไม่ถือสา แต่ผมก็คงทำใจเที่ยวต่อในขณะที่เพื่อนต้องกลับไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาลโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่ได้อยู่ดี

เป้ยิ้มแล้วก็ตบบ่าของร่างเล็กเป็นเชิงขอบคุณแม้หัวคิ้วจะยังไม่คลายจากกันเสียทีเดียว จากนั้นพวกเราทั้งสี่คนจึงเดินกลับไปที่รถด้วยกัน แต่ขณะกำลังจะเลี้ยวเข้าในตรอกเล็กๆที่มีรถยาริสสีดำจอดทิ้งเอาไว้ผมก็เกิดฉุกคิดขึ้นมาได้

ฉิบหาย!! ถ้าเลื่อนวันกลับขึ้นมา ไอ้ที่ผมจะเซอร์ไพรส์นะคืนพรุ่งนี้ก็ล่มน่ะสิ!!!

“เฮ้ยเป้! เดี๋ยวดิ๊”

ผมรีบรั้งไหล่เพื่อนที่เดินนำอยู่จนเจ้าตัวหันกลับมามองผมงงๆ แต่คงเพราะเราสนิทกันมากพอที่ไอ้เพื่อนหน้าหล่อจะดูออกว่าผมมีเรื่องอยากคุยเป็นการส่วนตัว เป้เลยหยิบพวงกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วยื่นให้แฟนตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆ

“วิวพาน้องนะไปสตาร์ทรถรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวคุยกับอ๊อฟมันเสร็จแล้วจะตามไป”

ตอนแรกวิวรับกุญแจไปถือไว้ด้วยสีหน้างงๆ แต่พอหันมาสบตากับผมนัยน์ตาวาววับก็เปล่งประกายราวกับนึกอะไรขึ้นได้ อีกฝ่ายอมยิ้มรู้ทันก่อนจะหันไปแตะไหล่คนตัวเล็กที่มองหน้าพวกเราสามคนสลับไปมาอย่างไม่เข้าใจแล้วพาเดินต่อ ผมรอจนทั้งคู่เข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยจึงค่อยหันไปหาเป้ที่กำลังยืนกอดอกรออยู่ แต่ยังไม่ทันอ้าปากไอ้ตัวดีก็ยิ้มแล้วชิงเอ่ยขึ้นก่อน

“เรื่องเซอร์ไพรส์ของมึงใช่มั้ย ขอโทษทีว่ะ เมื่อกี้กูก็มัวแต่ห่วงเรื่องพ่อจนลืมไป”

เอ่อ...เค้าว่าเพื่อนสนิทกันนี่ บางทีแค่มองหน้าก็รู้ใจจริงๆแฮะ แต่ข้อดีของการมีเพื่อนความจำดีก็ตรงนี้เอง ผมจะได้ไม่ต้องตีโค้งอ้อมแม่น้ำแควเพราะความเกรงใจกว่าจะได้เข้าเรื่อง

“นั่นแหละ คือเรื่องกลับเร็วขึ้นน่ะกูไม่มีปัญหาหรอกนะเว่ย เพียงแต่ไหนๆก็อุตส่าห์วางแผนไว้ว่าจะให้ของขวัญนะที่นี่ กูไม่อยากรอจนกลับไปถึงกรุงเทพฯแล้วค่อยให้อ่ะ ไม่งั้นฟีลมันก็ไม่ใช่แล้ว”

เป้ฟังผมแล้วก็ครางในคอพลางพยักหน้า แต่ทว่าเวลานี้ก็ดึกเกินกว่าที่เราจะกลับไปรีสอร์ตแล้วทำตามแผนเดิมที่ผมตั้งใจเอาไว้เพราะห้องอาหารคงปิดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แถมที่ที่เราพักก็ไม่ได้มีบาร์ที่เปิดตลอดคืนเพราะเป็นบูติกรีสอร์ตขนาดเล็กที่เน้นความเป็นส่วนตัว ผมพยายามนึกว่าจะใช้ประโยชน์จากสถานที่ในรูปแบบไหนแทนดี แล้วฉับพลันก็เกิดความคิด (ที่น่าจะ) ดีขึ้นมา

 “เฮ้ย กูนึกออกละ ตกลงแบบนี้แล้วกัน”

ผมเล่าให้เป้ฟังถึงแผนที่เพิ่งคิดสดขึ้นได้แบบคร่าวๆ เจ้าตัวฟังจบแล้วก็หัวเราะพลางส่ายหน้าก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกให้ “มึงนี่มันช่างคิดจริงๆ เอ้า ลองดูแล้วกัน แต่ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก”

เป้ใช้เวลาคุยกับปลายสายไม่นานก็ยกนิ้วโป้งขึ้นบอกเป็นสัญญาณว่าโอเค เราจึงตกลงอะไรกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะเดินไปที่รถโดยให้ผมเป็นคนขับเหมือนเดิม ระหว่างทางเป้ให้ผมแวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมันขณะเจ้าตัวหายไปซื้อของในเซเว่นแป๊บหนึ่ง และพอกลับถึงที่พักปุ๊บพวกเราสี่คนก็แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมันทันทีเพราะดึกมากแล้ว แต่เมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มจากเป้และวิวผมก็วางใจว่าเรื่องที่ฝากฝังไว้คงไม่มีปัญหา

เรื่องบางเรื่องในชีวิตคิดไปแล้วก็แปลกดี ทั้งที่ตอนแรกผมเคยคิดไว้แล้วว่าจะเซอร์ไพรส์นะด้วยวิธีไหน พอเป้ชวนมาเที่ยวก็เลยปรับแผนให้เป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่พอถึงสถานที่จริงก็ต้องเปลี่ยนแผนอีก แต่ในเมื่อผมตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงก็จะสร้างความทรงจำดีๆให้คนตัวเล็กที่นี่ให้ได้ เพราะงั้นต่อให้ต้องพลิกแผนกันเป็นสิบตลบผมก็จะดันทุรังทำให้ได้อยู่ดีนั่นแหละ

พอกลับเข้าห้องผมก็ให้คนตัวเล็กเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะดูออกว่าอีกฝ่ายท่าทางจะเพลียมาก แล้วก็อาศัยช่วงที่นะเข้าห้องน้ำโทรถามเป้ว่าเตรียมการให้เรียบร้อยดีไหม หลังจากนั้นก็นั่งดูทีวีรออยู่บนเตียงไปเรื่อยๆ ความจริงผมเองก็เหนื่อยนิดๆเหมือนกันเพราะใช้พลังงานทำอะไรไปตั้งมากมายในวันเดียว แต่เพราะความตื่นเต้นกับแผนการที่จะต้องทำให้สำเร็จในคืนนี้จึงทำให้ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด

ระหว่างกำลังกดรีโมทเปลี่ยนช่องเพราะหนังในช่องเคเบิลเพิ่งจบไป นะก็เปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินออกมาในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดแขนกุดตัวหลวม พอพาดผ้าขนหนูกับราวข้างตู้เสื้อผ้าแล้วคนตัวเล็กก็เลิกผ้าห่มฝั่งตัวเองขึ้นแล้วซุกตัวลงอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ผมเลยขยับตัวขึ้นนั่งพิงหมอนแล้วใช้ปลายนิ้วสางผมเส้นเล็กละเอียดไปมา

“เหนื่อยแล้วเหรอเรา? ทำไมคืนนี้รีบนอนจัง”

คนถูกทักหรี่ตาขึ้นนิดหนึ่งแล้วก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆก่อนจะหลับตาลงใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้มือเล็กจับมือผมแล้วเอาไปซุกไว้ที่ซอกคอ ผิวของนะที่เพิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆนั้นทั้งเย็นทั้งเนียนจนลื่นมือไปหมด

“ไม่เหนื่อยได้ไง ก็ตอนลงทะเลใครก็ไม่รู้บอกให้นะตีขาๆอยู่ได้ แถมตอนไปเดินตลาดเมื่อกี้ก็พาเดินเบียดคนจนเหงื่อออกไปหมดอีก นะง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”

พ่อหนูน้อยบ่นอุบอิบทั้งที่ไม่ยอมลืมตา ว่าแต่ผมจำได้ว่าตอนไปเดินตลาดนั่นเจ้าตัวเป็นคนชี้ชวนว่าอยากดูนั่นดูนี่เองนะ ไปๆมาๆไหงกลายเป็นว่าผมเป็นคนผิดไปได้ล่ะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ...ท่าทางนะคงจะอยากพักผ่อนจริงๆ ผมเลยรอจนเจ้าตัวหลับแล้วจึงค่อยดึงมือออกก่อนจะก้มลงหอมแก้มที่กรุ่นกลิ่นสบู่เบาๆ

ผมปิดโคมไฟในห้องให้เหลือเพียงดวงเดียวแล้วก็เข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าให้สดชื่น หลังจากกลับออกมาและมองให้แน่ใจว่าคนบนเตียงยังหลับสนิทดีอยู่ ผมก็หยิบกระเป๋าที่ใส่ของขวัญไว้แล้วแอบเปิดประตูออกจากห้อง แต่ก่อนจะออกไปก็ไม่ลืมวางโทรศัพท์ของนะไว้ข้างหมอนเพื่อที่เจ้าตัวจะได้ได้ยินถนัดเมื่อผมโทรหา เพราะปกติแล้วเวลาที่เหนื่อยมากๆนะจะหลับลึกจนบางทีผมเปิดทีวีเสียงดังยังไม่ยอมตื่นเลย

ด้วยเวลาที่ล่วงผ่านเที่ยงคืนมานานทำให้รอบด้านไม่มีแสงไฟลอดออกมาจากห้องพักอื่นเลยสักห้อง แต่แสงไฟจากโคมสีส้มดวงเล็กที่วางอยู่ตามขอบทางเดินก็ช่วยให้ผมเดินไปที่ชายหาดได้โดยไม่สะดุด เมื่อถึงหาดทรายหน้ารีสอร์ตผมก็ต้องโล่งใจเมื่อเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตามที่เป้ติดต่อกับทางรีสอร์ตไว้ให้วางอยู่ ส่วนของที่อยู่บนโต๊ะก็คือขนมเค้กก้อนเล็กที่เป้ช่วยซื้อให้จากมินิมาร์ทในปั๊มน้ำมัน ข้างกล่องเค้กมีช่อกุหลาบสีแดงช่อเล็กๆซึ่งตรงก้านถูกมัดไว้ด้วยรากไม้ที่สานไปมาจนแน่นเอาไว้ด้วย เห็นเป้บอกว่าวิวเป็นคนทำช่อดอกไม้นี้ให้ด้วยการไปขอแบ่งจากเคาน์เตอร์ตรงล็อบบี้หลังจากที่เราแยกกันกลับห้องนั่นเอง

หลังจากกวาดตามองข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วผมก็ต้องเท้าเอวพลางส่ายหน้ายิ้มๆ เพราะแผนดั้งเดิมที่ผมวางไว้สำหรับคืนพรุ่งนี้คือจะให้เป้กับวิวทำทีเป็นลุกไปที่อื่นระหว่างทานข้าวเย็นกัน แล้วค่อยให้พนักงานยกเค้กที่สั่งทำพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ออกมาให้เพื่อเป็นเซอร์ไพรส์ในโอกาสพิเศษให้กับนะ แต่พอมองของที่อยู่ตรงหน้าแทนแล้วก็...เอาน่ะ สงสัยผมคงเหมาะจะทำเซอร์ไพรส์ให้แฟนด้วยของบ้านๆพื้นๆแบบนี้มากกว่าของสั่งทำหรูๆเสียกระมัง 

ผมหยิบของขวัญออกจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ หลังจัดระเบียบของต่างๆให้เข้าที่เข้าทางดีแล้วก็สูดหายใจเข้าลึกทีหนึ่งก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก ระหว่างรอสายก็รู้สึกว่าใจเต้นแรงจนเหมือนกับจะดังเข้าไปในโทรศัพท์ด้วยก็ไม่ปาน แต่หลังจากรอแล้วรออีกจนเริ่มคิดว่าจะไปเคาะประตูเรียกเจ้าตัวซะดีไหมก็ได้ยินเสียงงัวเงียดังมาตามสาย

“พี่อ๊อฟ...ทำไมโทรมาล่ะ...แล้วนี่อยู่ไหนเนี่ย...” เสียงสะลึมสะลือมาเชียว นี่ตกลงว่าคนรับตื่นแน่แล้วหรือกำลังละเมออยู่ก็ไม่รู้

“พี่ออกมาเดินเล่น เห็นพระจันทร์สวยดี นะลงมาดูด้วยกันสิ”

ผมพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้ฟังดูตื่นเต้นจนเกินไป เสียงผ้าที่เสียดสีกันดังสวบสาบบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังพลิกตัว อึดใจใหญ่ถัดมาผมถึงได้ยินเสียงง่วงๆดังขึ้นอีกครั้ง

“ก็ดูจากระเบียงห้องก็เห็นนี่...พี่อ๊อฟจะลงไปข้างล่างทำไมล่ะ”

เออแฮะ...สงสัยพ่อหนูน้อยจะง่วงจัดจริงๆถึงได้อิดออดไม่อยากลุกซะขนาดนี้ แต่ถ้าหากเจ้าตัวไม่ยอมลงมา ไอ้ที่ผมอุตส่าห์เจ้ากี้เจ้าการให้เพื่อนช่วยเตรียมโน่นเตรียมนี่ให้ก็เสียแผนหมดน่ะสิ

“เอาน่า มาเดินเล่นเป็นเพื่อนพี่แป๊บนึงแล้วเดี๋ยวค่อยไปนอนต่อก็ได้ แล้วตอนลงมาฝากหยิบของที่พี่ลืมไว้หน้าประตูลงมาด้วยนะครับ”

ผมพูดจบก็รีบตัดสายเพื่อไม่ให้คนในห้องมีโอกาสปฏิเสธอีก หลังจากปลุกคนตัวเล็กสำเร็จผมก็รีบกดหาเพลงในมือถือเพื่อเปิดรอ อดรู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนที่ขอให้เจ้าตัวย้ายห้องมาอยู่ด้วยกันครั้งแรกไม่ได้ ก็ขนาดกับแฟนคนก่อนผมยังไม่เคยทำอะไร ‘พิเศษ’ แบบนี้ให้เลยนี่นา

คงเพราะความเงียบสงัดรอบด้านทำให้เสียงคลื่นที่เซาะหาดทรายดังกังวานไปทั่ว ผมเบนสายตาจากหน้าจอมือถือไปยังผืนทะเลสีเข้ม น่าแปลกที่ทั้งที่คืนนี้ท้องฟ้ามีเมฆมาก แต่บริเวณรอบๆดวงจันทร์ทรงกลดสีเหลืองนวลกลับไม่มีเมฆบดบังจนทำให้เห็นแสงสีเงินที่สะท้อนบนผิวน้ำได้กระจ่างตา

เสียงคลื่นและความสงบโดยรอบทำให้หัวใจผมที่กำลังเต้นแรงค่อยๆผ่อนจังหวะลง ผมนึกย้อนกลับไปถึงวันเดียวกันนี้เมื่อหกเดือนก่อนแล้วก็ต้องยิ้ม ภาพของนะที่นอนไข้ขึ้นอยู่บนเตียงในห้องผมยังแจ่มชัดในความทรงจำ อุณหภูมิของผิวเนื้อยามกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนก็ยังทำให้รู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจทุกครั้งที่ได้สัมผัส แม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ยังจำสีหน้าของคนตัวเล็กหลังจากจูบแรกของเราสองคนและนัยน์ตากลมโตที่เบิ่งกว้างหลังผมชวนให้มาอยู่ห้องเดียวกันได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน และแม้ว่าตอนนี้ผมจะได้เห็นเจ้าของใบหน้าหวานทุกวันทั้งยามหลังตื่นและก่อนนอนแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกว่ารอยยิ้มที่เจ้าตัวมอบให้ยามที่อยากอ้อนผมนั้นจะน่ารักน้อยลงเลยสักครั้ง

ไม่รู้ว่าผมหลงรักพ่อหนูน้อยตั้งแต่ตอนไหนก่อนที่จะรู้สึกตัวและกล้าเอ่ยออกไปเป็นคำพูด และแม้เวลาที่พวกเราเริ่มตกลงคบกันอย่างจริงจังอาจไม่ใช่เวลาที่ยาวนานนักในสายตาของคนอื่นๆ แต่สำหรับผม มันคือการเริ่มชดเชยเวลาที่เราเสียไปสมัยอยู่ม.ปลายซึ่งคนตัวเล็กคอยมองผมข้างเดียว และช่วงเวลาที่เราได้ใช้แบ่งปันประสบการณ์ต่างๆร่วมกันตั้งแต่ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่มีค่ามาก เพราะมันทำให้ผมมั่นใจว่านะคือคนที่ผมจะปกป้องดูแลนับจากนี้ไป เช่นเดียวกับที่ผมเชื่อว่านะเองก็พร้อมที่จะใช้เวลาต่อจากนี้เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไปร่วมกับผมเช่นกัน

ผมยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง และกดเล่นเพลงที่ต้องการในมือถือเมื่อหาเจอโดยปรับโวลุ่มไม่ให้ดังจนรบกวนบรรดาห้องพักที่อยู่ชั้นล่าง ความจริงแล้วผมเพิ่งหาเพลงนี้เจอโดยบังเอิญเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่เพียงแค่ครั้งแรกที่ได้ฟังก็สะดุดใจกับเนื้อหาที่ตรงกับความรู้สึกจนต้องโหลดเก็บเอาไว้ และแม้ว่าหลังจากนั้นผมจะได้เปิดเพลงนี้ฟังอีกหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่เนื้อหาในเพลงก็ยังคงทำให้นึกถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับพ่อหนูน้อยเหมือนครั้งแรกที่ได้ฟังไม่มีผิดอยู่ดี

 
รู้ทั้งรู้ ฉันไม่ได้มีพร้อม
ยังคงไกล ห่างจากคำว่าดี
ฉันก็รู้ว่าแค่ไหน สิ่งที่ตัวฉันมี
รู้ว่ายังคงไกลจากฝันของเธอ

รู้ทั้งรู้ ก็ยังต้องการขอ
ขอให้ฉันอยู่กับเธอเรื่อยไป
เพราะว่ารักจากเธอนั้น
ส่งเรี่ยวแรงให้หัวใจ ผลักให้ชีวิตฉันก้าวไป

ไม่ขอให้มากกว่านี้ แค่ให้สิ่งที่มี
ขอให้อยู่ตรงนี้ กับฉันนานๆ  


เสียงฝีเท้าบนพื้นทรายที่ดังขึ้นไม่ห่างทำให้ผมละสายตาขึ้นจากโต๊ะ และก็ได้เห็นคนที่รออยู่กำลังเดินมาหาโดยในอ้อมแขนกอด ‘ของที่ผมลืมไว้’ จากหน้าประตูห้องเอาไว้แน่น นัยน์ตากลมโตสบตากับผมผ่านแสงเทียนที่จุดอยู่บนเค้กขณะที่เพลงยังดังคลอไปเรื่อยๆ


แค่เธอนั้นได้อยู่ข้างเคียงกันเรื่อยไป
ฉัน ขอเพียงแค่เท่านี้ ทุกๆ สิ่งที่มี
ขอให้อยู่อย่างนี้ อย่าเสียมันไป
แค่มีเธอข้างกาย สิ่งเดียวที่ใจต้องการ

ฝันของฉัน ถึงยังอยู่อีกไกล
มีอะไรอีกมากมายให้เจอ
ขอแค่ฉันอยู่กับเธอ
เจอะอะไรก็ไม่กลัว
ฉันพร้อมเผชิญ ทุกอย่าง

เสียงเพลงที่เล่นจบไปแล้วรอบหนึ่งเริ่มดังซ้ำขึ้นอีกครั้ง คนตัวเล็กยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้หนีสายตาผมเลย และแม้แสงจากเทียนเล็กๆไม่กี่แท่งจะไม่ได้สว่างอะไรนัก แต่ผมก็เห็นได้ว่าขอบตาอีกฝ่ายแดงเรื่อและมีม่านน้ำใสคลออยู่ ผมจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้และอ้าแขนออกรับคนที่เดินย่ำเท้าเร็วๆเข้ามาหาทันที

“เห็นของที่พี่ลืมไว้แล้วใช่มั้ยครับ?”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-08-2009 02:05:29
ผมถามเสร็จก็หอมแก้มของคนตรงหน้าแรงๆให้สมกับความรู้สึกที่เอ่อล้นอยู่ในใจทีหนึ่ง คนในอ้อมแขนเลยหัวเราะเบาๆทั้งที่น้ำตาซึมแล้วก็พยักหน้า นะดันตัวออกแล้วยกตุ๊กตาเพนกวินที่ผมซื้อตอนไปเลือกของขวัญด้วยกันขึ้นมา ปีกข้างหนึ่งของเจ้าเพนกวินสีฟ้าหนีบการ์ดที่ผมเขียนด้วยลายมือไว้ที่ซองว่า ‘For Na: Happy 6th Months Anniversary’ เอาไว้ด้วย

ครับ...เซอร์ไพรส์ที่ผมตั้งใจเตรียมไว้ให้นะมาเป็นอาทิตย์ ก็คือวันครบรอบหกเดือนที่นะตอบตกลงคบเป็นแฟนผมนี่เอง อาจไม่ใช่เวลาที่เนิ่นนาน แต่ก็มีค่าและความหมายจนผมต้องทำอะไรสักอย่างให้คนตัวเล็กได้รู้ว่าผมเห็นความสำคัญของ ‘เรา’ แค่ไหน

นะกระชับอ้อมแขนกอดเอวผมแน่นพลางเหลือบมองสิ่งต่างๆที่วางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าหวานเงยขึ้นส่งยิ้มมาให้ทั้งที่ปลายจมูกแดงเรื่อ

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่อ๊อฟจะนับไว้ด้วย” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นแล้วก็ซุกหน้าลงกับอกผมอีกครั้ง ผมเลยลูบผมนิ่มเบาๆอย่างที่เจ้าตัวชอบให้ทำก่อนจะก้มจูบข้างขมับที่มีผมสีน้ำตาลระอยู่

“นับสิครับ วันสำคัญของเราสองคนนี่นา”

ผมจับมือนะไว้แล้วก็พาไปนั่งตักที่เก้าอี้ ก่อนจะพยักหน้าไปทางการ์ดในซองที่ยังหนีบอยู่ใต้ปีกเจ้านกเพนกวินในมือของคนตัวเล็ก

“ตกลงได้อ่านการ์ดที่พี่เขียนไว้ยัง?”

แก้มเนียนสองข้างของคนตรงหน้าเป็นสีเรื่อจนเห็นได้ชัดใต้แสงจันทร์และแสงเทียน นะพยักหน้าก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วจ้องตาผมนิ่ง นัยน์ตากลมโตดูวูบไหวราวกับมีน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่อ๊อฟพูดจริงหรือเปล่า? ต่อจากนี้จะฉลองกับนะทุกปีจริงๆนะ?”

พ่อหนูน้อยถามแล้วก็สูดน้ำมูก ไม่น่าแปลกใจที่นะจะถามแบบนี้ เพราะเนื้อความที่คนใช้คำไม่เก่งอย่างผมเขียนในการ์ดก็คือ



‘ถึงเด็กคนนี้จะขี้งอน แต่ก็เป็นแฟนที่น่ารักของพี่เสมอตลอดหกเดือนที่ผ่านมา แล้วเรามารอฉลองครบรอบปีที่หนึ่งและปีต่อๆไปด้วยกันนะ

รักครับ

พี่อ๊อฟ’




ผมยิ้มให้แล้วโน้มคออีกฝ่ายจนริมฝีปากเราสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ผมค่อยๆไล่จูบจากริมฝีปากนิ่มที่สั่นระริกขึ้นไปบนผิวแก้ม เปลือกตาและหน้าผาก จู่ๆก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าบอบบางจนต้องคอยระวังเวลาจับต้องไปหมด

“พูดจริงสิครับ ตอนไปเจอพ่อกับแม่ของนะพี่ก็เคยบอกแล้วนี่ว่าจะคอยดูแลเราเอง พี่เคยโกหกนะที่ไหน”

ผมพูดจบก็ย้ำริมฝีปากลงบนเรียวปากนิ่มอีกครั้ง แต่คราวนี้คนที่กอดคอพลางซบไหล่ผมอยู่กลับดันตัวเองออกแล้วก็ทำหน้าตึงๆก่อนจะหันหนี

แล้วปฏิกิริยาโต้ตอบของผมหลังจากเพิ่งผ่านอารมณ์อุ่นหวานเมื่อครู่ เมื่อจู่ๆก็มาเจอท่าทางเย็นชากะทันหันของคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไปได้ นอกจาก...เอ๋อรับประทานสิครับ! ก็เมื่อกี้เพิ่งจะซึ้งกันอยู่หยกๆ แล้วผมพูดอะไรไม่เข้าหูขึ้นมากันล่ะเนี่ย??

คนตัวเล็กปรายตามามองผม แต่คงเพราะสีหน้างุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกทำให้เจ้าตัวทำหน้าเบ้ขึ้นมาทันที

“ทำไมจะไม่เคยโกหก วันก่อนที่พี่อ๊อฟอ้างว่าไปทำรายงานกับเพื่อนน่ะ นะรู้นะว่าที่จริงพี่อ๊อฟแอบไปที่อื่นมาต่างหากใช่มั้ยล่ะ?”

นะว่าแล้วก็ปล่อยมือจากคอผมไปกอดเจ้าตุ๊กตาเพนกวินตัวเล็กแทน ตอนแรกผมยังงงอยู่เพราะเรียบเรียงประโยคที่ได้ยินไม่ทัน แต่พอโดนคนบนตักส่งค้อนจนตาแทบคว่ำมาให้ก็ถึงบางอ้อ

ที่แท้สาเหตุที่ทำให้ผมโดนงอนมาตั้งแต่เมื่อวานก็เรื่องนี้เอง ว่าแต่นะไปรู้มาจากไหนล่ะเนี่ย? เป้กับวิวที่ไปด้วยกันก็ไม่น่าจะเล่าให้ฟังนี่นา

“ไม่ต้องถามว่ารู้มาจากใคร เอาเป็นว่ารู้ก็แล้วกัน”

เหมือนนะจะรู้ว่าผมจะถามอะไรเลยพูดดักซะก่อน ผมมองท่าทางปากยื่นๆแก้มป่องนิดๆของอีกฝ่ายแล้วก็ต้องยิ้มอย่างอ่อนใจ แต่ไหนๆก็ได้เวลาให้ของขวัญแล้ว ยอมรับความจริงไปเลยคงจะดีกว่า

“โอเค พี่ยอมรับว่าคราวนั้นโกหก แต่ถ้าหากพี่บอกไปตามตรงนะก็รู้ไต๋หมดสิว่าพี่จะไปซื้อของขวัญให้ ยังไงแกะกล่องดูก่อนสิครับ”

ผมหอมแก้มคนงอนอีกฟอดก่อนจะพยักหน้าไปทางกล่องของขวัญบนโต๊ะ พ่อหนูน้อยจึงมองกล่องอย่างชั่งใจก่อนจะหยิบขึ้นมาแกะกระดาษกับริบบิ้นออก พอดึงของในกล่องออกมาคนบนตักก็หันมามองผมตาโตเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อสายตา

“พี่อ๊อฟซื้อน้ำหอมให้นะเหรอ?”

พอโดนถามด้วยเสียงประหลาดใจผมเลยชักจะเขินขึ้นมา เพราะดูแล้วผมก็ไม่น่าจะเป็นคนซื้ออะไรแบบนี้ให้ใครจริงๆน่ะแหละ แต่ก็เพราะรู้ว่านะก็คงจะคิดแบบนี้เหมือนกันถึงตั้งใจซื้อไอ้เจ้านี่ให้เป็นเซอร์ไพรส์ไง

“อื้อ ก็ขวดเก่าที่นะใช้มันใกล้หมดแล้วพี่เลยว่าจะซื้อกลิ่นอื่นที่น่าจะเหมาะกับเราให้ แต่ถ้าไปเลือกคนเดียวก็กลัวแป้กเลยให้เป้กับวิวไปช่วยเลือก ที่จริงพี่ก็ไม่อยากปิดหรอกนะ แต่ขืนให้เรารู้ก่อนมันก็ไม่ลุ้นใช่มั้ยล่ะ ยังไงขอโทษนะครับที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ทีนี้จะหายโกรธพี่ได้ยัง?”

นะพลิกขวดแก้วทรงเหลี่ยมในมือไปมาก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วหันมาหอมแก้มผมกลับ ผมเลยเร่งให้เป่าเทียนเพราะว่าแทบจะละลายใส่เจ้าเค้กก้อนเล็กกะจิ๋วหลิวหมดแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตักเค้กผมก็รู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆจากหยดน้ำที่หล่นลงมาบนแขน พวกเราสองคนหันมามองหน้ากันโดยไม่ต้องนัดหมาย ก่อนจะรีบลุกแล้วคว้าทุกอย่างบนโต๊ะวิ่งกลับขึ้นห้องทันที

โชคดีว่าระยะห่างจากหน้าชายหาดกับอาคารที่พักของพวกเราไม่ได้ไกลนัก แต่กว่าจะวิ่งไปถึงก็ทำเอาทั้งผมทั้งนะหลังเปียกชุ่มเพราะอยู่ดีๆห่าฝนจากไหนไม่รู้ก็เทลงมาโครมใหญ่จนตอนนี้นอกกระจกระเบียงกลายเป็นภาพมัวๆไปหมด  พอเข้าห้องปุ๊บผมก็รีบคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดผมและเนื้อตัวให้คนตัวเล็กทันที นะก้มมองถาดเค้กที่อุตส่าห์ประคองวิ่งขึ้นมาแล้วก็ทำหน้ามุ่ย

“เละหมดเลยพี่อ๊อฟ นะขอโทษ”

พ่อหนูน้อยเอ่ยเสียงอ่อยๆ เพราะว่าเจ้าสิ่งที่เหลือติดอยู่บนถาดกระดาษแข็งซึ่งเจ้าตัวถือมาตอนนี้แปรสภาพเป็นก้อนฟองน้ำเละๆที่มีครีมชุ่มฝนไหลเยิ้ม ผมเลยรับถาดนั้นมาแล้วหย่อนลงในถังขยะข้างโต๊ะเครื่องแป้งแทน เพราะต่อให้เอาไปแช่ตู้เย็นจนครีมอยู่ตัวขึ้นมาก็คงไม่มีใครกินลงอยู่ดี

“ของแค่นี้ไม่ต้องเสียดายหรอก เดี๋ยวกลับไปกรุงเทพแล้วพี่จะซื้อเค้กที่ดีๆกว่านี้ให้ แต่ตอนนี้นะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าไปจะได้ไม่เป็นหวัด”

ผมบอกพลางถอดเสื้อตัวเองออกแล้วก็หันไปเปิดตู้เพื่อหยิบชุดสำหรับใส่นอนชุดใหม่ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อถูกอ้อมแขนเรียวเล็กกอดรัดเข้าที่เอวพร้อมๆกับความอบอุ่นที่แนบลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่า พ่อหนูน้อยเกลือกแก้มตัวเองกับหลังผมไปมาแล้วก็พูดด้วยเสียงอู้อี้ แต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำให้ผมยิ้มและหันกลับไปรวบร่างเล็กมากอดตอบพร้อมกับแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากอิ่มอย่างแผ่วเบาด้วยความดีใจ

คงไม่มีใครโชคดีและมีความสุขกว่าผมแล้วในคืนนี้ อย่างน้อยก็ในวินาทีนี้ที่มีคนตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขนของผมแหละน่า

“พี่อ๊อฟก็รักนะที่สุดเหมือนกันครับ”


+------+


เสียงฝนที่ยังคงดังเปาะแปะกระทบระเบียงอยู่ภายนอกรั้งให้เปลือกตาผมค่อยๆเปิดขึ้นด้วยความงัวเงีย พอเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมากดดูเวลาก็เห็นว่าเพิ่งจะหกโมงครึ่งเท่านั้น และเมื่อหันไปมองคนข้างๆที่ตะแคงซุกผมอยู่ด้วยท่าทางหลับสนิทก็ต้องหันไปกอดแล้วหอมแก้มนิ่มอย่างอดใจไม่ไหว

ผมระบายลมหายใจยาวก่อนจะปิดตาลงอย่างสะลึมสะลือ แต่ก็ผลอยหลับไปได้ไม่นานก่อนจะโดนเสียงสัญญาณปลุกจากมือถือฉุดให้ต้องตื่นขึ้นมาอีกรอบ ผมรีบกดปิดเสียงเพราะกลัวจะรบกวนคนที่เริ่มขมวดคิ้วเพราะถูกรบกวนการนอนกะทันหัน แต่แล้วก็ให้นึกขึ้นได้ว่าที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เพราะวันนี้เป้ต้องรีบกลับบ้านไปหาพ่อ ผมเลยต้องจำใจลุกขึ้นมาทั้งที่ยังง่วงโดยไม่ลืมแซะคนข้างตัวขึ้นมาด้วยกันแม้ว่าอีกฝ่ายจะอิดออดอยู่บ้าง

“อื้อ...พี่อ๊อฟก็ไปอาบน้ำก่อนสิ”

คนโดนแซะเบี่ยงตัวหนีแล้วก็ล้มลงนอนใหม่แถมหันหนีผมซะอีก พอมองคนที่ทิ้งตัวลงนอนนิ่งอย่างไม่มีวี่แววจะลุกแล้วก็ต้องถอนใจ แต่จะว่าไปไอ้รอยแดงๆตามเนื้อตัวอีกฝ่ายที่เห็นได้ชัดใต้แสงยามเช้าอย่างนี้ทำให้ผมเกิดอารมณ์อยากแกล้งอย่างบอกไม่ถูก ผมเลยงัดไม้ตายซึ่งใช้ประจำเวลาที่จำเป็นต้องปลุกให้คนตัวเล็กตื่นทั้งที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจขึ้นมา ด้วยการยื่นปลายนิ้วชี้ลากลงบนแนวแผ่นหลังเนียนเบาๆจนอีกฝ่ายสะดุ้ง แล้วก็...

“ฮ่าๆๆ โอ๊ย! พี่อ๊อฟ ตื่นแล้ว หยุดๆๆ!!”

ในเมื่อปลุกกันดีๆไม่ยอมก็ต้องจี้เอวกันนี่แหละ แถมนะเส้นตื้นอยู่แล้ว แล้วเมื่อคืนเราก็นอนกันแบบไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยยิ่งทำให้แกล้งง่ายเข้าไปใหญ่ พ่อหนูน้อยหัวเราะจนหอบหน้าแดงตัวงอเป็นกุ้ง ผมเลยฉวยโอกาสนี้ช้อนตัวร่างเล็กขึ้นอุ้มแล้วพาเดินเข้าห้องน้ำซะเลย ทีนี้ถึงจะงอแงไม่อยากลุกอีกก็สายไปเสียแล้วล่ะ

พวกเราใช้เวลาแต่งตัวและเก็บของกันไม่นานก็เดินลงไปที่ห้องอาหารด้านล่าง ความที่ห้องอาหารของรีสอร์ตไม่ได้ใหญ่แถมยังเป็นแบบเปิดโล่งทำให้ผมมองเห็นเป้และวิวทันทีที่เดินเข้าไป ผมกับนะวางสัมภาระลงบนเก้าอี้ว่างก่อนจะผละกันไปตักอาหารเช้าซึ่งมีทั้งแบบไทยและอเมริกันแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ

“เป็นไงมั่งทั้งสองคน งานฉลองเมื่อคืนนี้?”

เป้เอ่ยถามขึ้นยิ้มๆเมื่อพวกเรานั่งลงประจำที่ นะเลยเหลือบตามองผมก่อนจะพยักหน้าให้คนถามด้วยแก้มที่เป็นสีชมพูเรื่อ

“ก็...ดีฮะ ขอบคุณพี่เป้กับพี่วิวด้วยฮะ”

ตอบเสร็จปุ๊บพ่อหนูน้อยก็ทำทีเป็นสนใจกับการจัดการไส้กรอกและไข่ดาวตรงหน้าจนผมต้องลูบท้ายทอยอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ที่จริงเมื่อคืนผมก็บอกนะไปแล้วว่านอกจากไปช่วยเลือกน้ำหอมแล้ว เป้กับวิวก็ช่วยเรื่องจัดหาของและเตรียมสถานที่เมื่อคืนด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่แปลกอะไรที่นะจะเขิน เพราะความที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อนเกี่ยวกับเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวเผลองอนผมอวดเพื่อนๆไปแทบทั้งวันเลยนี่นา

“แล้วพ่อเป็นไงมั่งแล้ววะเป้ แม่เค้าได้โทรมาบอกอะไรเพิ่มหรือเปล่า?”

ผมเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการถามถึงพ่อของเป้แทน ร่องรอยคล้ำนิดๆใต้ตาของเจ้าตัวทำให้พอจะเดาได้ว่าเพื่อนผมคงหลับไม่สนิทเท่าไหร่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา

“น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ เมื่อเช้าโทรถามแม่เค้าก็บอกว่าพ่อตื่นมารอบนึงแล้วก็บ่นว่าจะพาส่งโรงพยาบาลทำไม ยังไงถึงกรุงเทพแล้วคงต้องโทรเช็คอีกทีว่าหมอจะให้กลับบ้านวันนี้เลยหรือจะให้อยู่ดูอาการต่อ”

เป้ตอบแล้วก็ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ผมเลยพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเริ่มจัดการอาหารเช้าของตัวเองบ้าง ขณะที่พวกเรากำลังกินไปพลางคุยไปถึงเรื่องสอบปลายภาคที่กำลังใกล้เข้ามาพลางนั่นเองก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ นี่จะกลับกันแล้วเหรอ?”

ผมหันไปตามเสียง แล้วก็เห็นว่าเจ้าของคำถามเป็นหญิงสาวรูปร่างเพรียว คะเนแล้วน่าจะสูงกว่านะนิดหน่อย เจ้าหล่อนใส่เสื้อเชิ้ตลายทางตัวโคร่งพับแขนขึ้นถึงศอกแบบสมัยนิยมทับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขา ผมสีดำสนิทที่รวบขึ้นเป็นมวยหลวมๆมีปอยหล่นลงมาระข้างแก้มและต้นคอ ขับให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งขาวเข้าไปอีก นัยน์ตาเรียวซึ่งใส่คอนแทคต์เลนส์สีเทาอมฟ้าส่งยิ้มให้ทุกคนในโต๊ะแต่ดูจะจับจ้องที่เป้ซึ่งนั่งตรงข้ามผมเป็นพิเศษ ผมเหลือบมองวิวซึ่งนั่งอยู่ข้างเพื่อนแล้วก็เห็นว่าเจ้าตัวเพียงยิ้มตอบเรียบๆมาให้

เป้เหลือบมองคนข้างตัวนิดหนึ่งก่อนจะหันไปหาคนถาม และแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะหน้าเด็กจนเหมือนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผม แต่จากท่าทางและการพูดจาทำให้ผมรู้สึกว่ายังไงเจ้าตัวก็น่าจะเรียนจบและทำงานแล้ว

“ครับ พอดีมีธุระด่วนเลยต้องรีบกลับ”

สาวเจ้าเอียงคอทำท่ารับรู้ ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดต่อด้วยท่าทางเสียดายที่แม้แต่ผมซึ่งไม่ได้ชำนาญเรื่องผู้หญิงอะไรก็ยังพอมองออกว่าเพื่อนผมโดน ‘อ่อย’ อยู่

“อะไรกัน เห็นเมื่อวานบอกว่าจะมาพักสองคืน กะว่าวันนี้จะชวนทุกคนมาทานข้าวกับพวกเพื่อนๆของเมย์อยู่เชียว”

กล้าชะมัด...คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวหลังได้ยินประโยคนั้น ผมอดทึ่งไม่ได้กับการแสดงออกว่ากำลัง ‘รุก’ อย่างชัดเจนของหญิงสาวซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพื่อนไปทำความรู้จักด้วยตั้งแต่ตอนไหน แต่นึกไปนึกมาอีกครั้งก็เริ่มจำได้ลางเลือนว่าเมื่อวานมีผู้หญิงมานั่งคุยกับเป้ระหว่างที่พวกผมสามคนเล่นน้ำกันอยู่ สงสัยว่าคงไม่แคล้วจะเป็นคนนี้เสียกระมัง

จากหางตาผมเห็นว่านะหยุดทานแล้วและกำลังแอบมองผู้หญิงคนนั้นสลับกับวิวที่ยังคงนั่งจิบโอวัลตินเหมือนทองไม่รู้ร้อนอยู่ ท่าทางของอีกฝ่ายที่ดูสงบนิ่งทั้งที่แฟนกำลังโดนจีบต่อหน้ากลับทำให้ผมเสียวสันหลังยังไงชอบกล เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาก็ยังไม่เคยเห็นวิวเป็นแบบนี้ซะด้วยสิ

โชคยังดีว่าผมกับนะไม่ต้องทนนั่งเกร็งกันอยู่นาน เพราะเป้ซึ่งคงจะรู้ดีว่าต้องรับมืออารมณ์ไหนของคนข้างตัวอย่างไรเพียงหันไปพยักหน้ายิ้มๆให้วิวที่ยังนั่งเงียบก่อนจะหันกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง

“ต่อให้ผมอยู่ต่อก็คงโอเคทันทีเลยไม่ได้หรอกครับ เพราะยังไงก็ต้องขออนุญาตแฟนก่อนอยู่ดี ใช่มั้ยวิว?”

คนถูกพาดพิงถึงเพียงชำเลืองไปทางคนถามด้วยแววตาเหมือนขำปนระอาพลางยกแก้วในมือขึ้นจิบอีกครั้ง หญิงสาวที่เข้ามาทักพวกเราจึงเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มและเอ่ยเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่า ‘แสร้ง’ ทำให้สดใสขึ้นมาอีกครั้ง

“ว้า! น่าเสียดายจัง ถ้าเย็นนี้ได้ทานข้าวด้วยกันกลุ่มใหญ่น่าจะสนุกแท้ๆเลย ยังไงขอให้กลับบ้านปลอดภัยนะคะ ถ้าโชคดีคงได้มีโอกาสเจอกันที่กรุงเทพ”

ผมไม่แน่ใจว่าอากาศที่ลอยอยู่ตรงหน้ามีประจุไฟฟ้าอัดแน่นอยู่มากแค่ไหน แต่ผมว่าสายตาของเมย์ที่มองวิวก่อนจะหันหลังเดินจากไปนั้นแทบจะทำให้ผมเห็นสายฟ้าแลบเปรี๊ยะอยู่ตรงหน้าได้เลยทีเดียว และพอหันไปมองคนตัวเล็กข้างๆก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นนะทำท่าถอนหายใจโล่งอกราวกับกลั้นหายใจมานานอย่างนั้นแหละ

“เป็นอะไรครับน้องนะ นี่เพิ่งเคยเห็นพี่วิวเป็นแบบนี้ครั้งแรกล่ะสิ?”

“เอ้อ...ก็”

นะตอบเป้เสียงอ้อมแอ้มจนคนถามหัวเราะ อย่าว่าแต่นะเลย ขนาดผมอยู่กับสองคนนี้บ่อยๆก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิวรับสถานการณ์ได้สมเป็นวิวจริงๆ ถ้าเทียบกับผมเวลาเห็นคนอื่นมาเกาะแกะนะนี่ก็เหมือนเด็กอนุบาลกับนักศึกษาปริญญาโทเลยล่ะมั้ง

“ไอ้บ้า! ไม่ได้เป็นบ่อยซักหน่อย แล้วนี่ตกลงจะกินข้าวเช้าให้เสร็จซักทีได้มั้ย เอาแต่ยิ้มแล้วอิ่มรึไง?”

วิวหันไปแขวะคนข้างตัวทั้งที่ใบหน้าเริ่มจะมีสีแดงแต้มจางๆเหมือนกัน แต่พอเห็นเพื่อนจอมกวนของผมยังยิ้มตาพราวให้ไม่เลิกเลยถอยเก้าอี้ออกแล้วพึมพำว่าจะไปเดินเล่น เป้เลยลุกตามทั้งที่เพิ่งกินอาหารเช้าในจานไปได้แค่ครึ่งเดียวก่อนจะหันมาขยิบตาให้พวกผม

“สงสัยจะงอนแล้วล่ะ ยังไงทั้งสองคนกินข้าวไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะกลับแล้วจะโทรหา”

ผมมองตามหลังเพื่อนทั้งสองคนที่เดินออกไปทางชายหาดแล้วก็หันมาสบตากับนะ ก่อนจะหัวเราะเบาๆออกมาพร้อมกัน ไม่น่าเชื่อว่าตอนขามาผมจะต้องปวดหัวกับการตามง้อคนตัวเล็กโดยไม่รู้ว่าโดนงอนเพราะอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าขากลับเป้ต้องไปง้อวิวแทนเรื่องที่แซวจนเจ้าตัวเขิน จะว่าไปพวกผมนี่ก็สมแล้วที่เป็นเพื่อนกันจริงๆเลยแฮะ

พวกผมนั่งทานอาหารเช้ากันต่อแบบไม่รีบร้อน และหลังจากนั่งพักกันเพียงไม่นานเป้กับวิวก็กลับมา ไม่รู้เพราะวิธีง้อของเป้หรือเพราะนิสัยปกติของวิวที่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แต่ผมก็รู้สึกดีที่เพื่อนทั้งสองคนไม่ขัดใจกันนานๆ เพราะถ้าเป็นแบบผมกับนะล่ะก็สงสัยกว่าจะได้กลับกันก็คงสายๆหรือไม่ก็เที่ยงโน่นเลยเป็นอย่างเร็ว

“กลับกันเถอะ เมื่อกี้แม่โทรมาบอกว่าอีกเดี๋ยวคงพาพ่อออกจากโรงพยาบาลแล้ว กว่าจะกลับไปถึงกรุงเทพก็คงอยู่บ้านกันพอดี กูจะได้แวะไปส่งมึงกับน้องนะที่หอก่อน”

เป้หันมาบอกผมก่อนจะหยิบแว่นกันแดดที่เกี่ยวอยู่บนคอเสื้อขึ้นใส่ ผมเลยหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาบ้าง แต่เนื่องจากคราวนี้ไม่จำเป็นต้องปิดนะแล้วว่าแอบอะไรไว้ ผมเลยเอาข้าวของของพวกเราสองคนยัดลงกระเป๋าผมใบเดียวให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย วิวหันมามองกระเป๋าที่ตุงจนป่องบนหลังของผมกับนะที่เอาตุ๊กตาเพนกวินมาถือไว้แล้วก็ยิ้มๆแต่ไม่พูดอะไร

ระหว่างที่เป้กับวิวไปเช็คเอ๊าท์ที่ล็อบบี้และกล่าวร่ำลาผู้จัดการรีสอร์ต ผมก็เดินไปหาคนตัวเล็กที่กำลังมองไปรอบๆราวจะจดจำสถานที่ที่เราฉลองครบรอบหกเดือนด้วยกัน ก่อนจะรีบก้มลงไปหอมแก้มขาวเนียนเบาๆจนเจ้าตัวไม่ทันได้โวย กลิ่นหอมจางที่อ้อยอิ่งอยู่ตรงปกคอเสื้อทำให้ผมยิ้มออกมาเพราะว่านั่นเป็นกลิ่นจากของขวัญที่ผมเพิ่งมอบให้เจ้าตัวไปเมื่อคืน

“เดี๋ยวครบรอบหนึ่งปีเมื่อไหร่เราหาที่ไปเที่ยวกันเองสองคนนะ เดี๋ยวคราวนี้พี่ไปเปิดหนังสือหาเลยว่าจะไปที่ไหนดี หรือถ้านะอยากไปไหนก็บอกพี่ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วกัน ดีมั้ยครับ?”

ผมพูดพลางก็ลูบผมนิ่มของอีกฝ่ายไปด้วย แม้ว่านะจะไม่ได้ตรงเข้ามากอดผมเหมือนทุกครั้งเวลาอยู่กันสองคน แต่นัยน์ตาที่เป็นประกายระยับด้วยความสุขก็เพียงพอที่จะบอกให้รู้ว่าคนตรงหน้าดีใจกับสิ่งที่ผมบอกแค่ไหน คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วตอบรับสั้นๆในคอด้วยรอยยิ้มที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ทำให้ผมตกหลุมรักนะใหม่ได้ทุกครั้ง

“อื้อ”


+---tbc---+



บอกแล้วว่าครึ่งหลังยาว อิอิ สำหรับเพลงประกอบของตอนนี้มีชื่อว่า "แค่นี้...ที่ต้องการ" (http://www.imeem.com/musiccente/music/4-iSKDAM//) แต่ด้วยความโลเทคและง่วงสุดๆของป้าทำให้ไม่มีเวลาศึกษาวิธีเอาเพลงลงบอร์ด แต่ถ้าใครอยากฟังก็คลิกที่ชื่อเพลงได้เลยจ้า   :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-08-2009 02:21:58
 o13 o13 o13
โรแมนติกมากมายป้า อ่านแล้วแอบยิ้มกับตัวเอง
หลงรักอ๊อฟเพิ่มอีกนิดเลยนะเนี่ย 555+
มาตอนนี้อารมณืช่วงต้นๆอ่านแล้วก็แอบๆจะกังวลดีที่ไม่มีอะไรมาก
โล่งใจไปได้นิดนึง แล้วจะรออ่านต่อน๊าาาาาาา

นิว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 17-08-2009 02:46:26
ตอนแรกว่าจะไปนอนแหละ แต่ดีนะที่เข้ามาดูอีกครั้ง เป้วิวยังน่ารักเหมือนเดิม

น้องนะก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 17-08-2009 08:52:32
น้องนะเนี่ย น่ารักแบบเด็กๆ จริงๆ

ส่วนเป้ก็ยังน่ารักมากๆ เหมือนเดิม น่ารักตรงที่รักวิวมากนี่แหละ

กอดป้าทีนึง แล้วก็ทวงเรื่องนั้น เรื่องโน้น เรื่องนี้ ต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 17-08-2009 13:24:32
เฮ้อ!!(ถอนหายใจดังๆเลย) โล่งเลยนะเนี่ยที่ เป้ กะ วิว ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน  ยังไงคู่นี้ก็ยังน่ารักเสมอเลย 

พี่อ๊อฟ โรแมนติกชะมัด น่าอิจฉา นะ จริงๆ:-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 17-08-2009 13:57:37
 :3123:หวานกันน่าดู ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 17-08-2009 16:44:36
 :z2:วิ่งมาแปะอุ้งเท้าจอง

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเข้ามาอ่านนนนนนนนนนนนนนนน

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 17-08-2009 20:50:26
ในที่สุด ก้อแฮปปี้เอนดิ้ง เข้าใจกันแล้ว อิอิ

พี่อ๊อฟโรแมนติคมากเลยอ่ะ  อิจฉาอ่ะ

แล้วจารอตอนต่อไปน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-08-2009 21:51:06
น้องนะเนี่ย น่ารักแบบเด็กๆ จริงๆ

ส่วนเป้ก็ยังน่ารักมากๆ เหมือนเดิม น่ารักตรงที่รักวิวมากนี่แหละ

กอดป้าทีนึง แล้วก็ทวงเรื่องนั้น เรื่องโน้น เรื่องนี้ ต่อไป


สองประโยคแรกอ่านไปยิ้มแอ๊บแบ๊วไป

แต่พอถึงประโยคสุดท้าย...

-->  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-08-2009 16:57:31
หลงเสน่ห์ความน่ารักของ น้องนะ เต็มๆๆ   :m1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-08-2009 23:52:14
ครึ่งหลังมาแล้ว อยากได้เป้เป็นแฟนจัง หรือว่าเราจะเป็นน้อง นะ ดี  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: Seiki ที่ 20-08-2009 00:17:46
 :mc4: ครึ่งหลังมาแล้ว หวานกันได้อีกคู่นี้  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 20-08-2009 14:47:09
หวานซะไม่มี

น่ารักทั้ง2คู่เลย

 :กอด1 ป้าด้วยความคิดถึง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-08-2009 12:18:34
ครึ่งหลังมาแล้ว อยากได้เป้เป็นแฟนจัง หรือว่าเราจะเป็นน้อง นะ ดี  :-[

ง่า พี่หนึ่งจะควบ(?)เลยเหรอจ๊า เหอๆๆ ระวังคนที่บ้านงอนน้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 22-08-2009 21:48:02
เซอร์ไพรซ์หวานได้อีกอ่ะ
เสียดายที่ฝนตก ไม่งั้นน่าจะหวานกว่านี้อีกมั้ง  o13
(Base on true story หรือเปล่าป้า  :laugh:)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน - ตอนที่ 21 (ครึ่งหลัง 17/08/09) p.35
เริ่มหัวข้อโดย: LOT ที่ 29-08-2009 00:32:15
ในที่สุดเค้าก็ได้ฉลองกันซะที  :กอด1:

ขอบคุณสำหรับน้ำตาลยามดึกนะคะ หวานมากกกกกกกกกกกก

ชอบเวลาที่คนเขียนบรรยายถึงน้องนะจังค่ะ อ่านแล้วแอบอยากเข้าไปหอมแก้มทุกทีเลย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-08-2009 21:45:50
ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: ขอแค่มีรัก

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเป็นจังหวะสามครั้งฉุดความสนใจผมจากข่าวภาคดึกที่กำลังดูอยู่ ผมจึงค่อยพลิกตัวลุกขึ้นจากท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงแล้วเดินไปที่หน้าห้อง ผมรู้อยู่แล้วว่าคนที่มาหาคือใคร พอๆกับที่เจ้าตัวก็รู้อยู่แล้วว่าผมอยู่ในห้อง จึงไม่ถือวิสาสะไขกุญแจเข้ามาทั้งที่ตัวเองก็มีก๊อปปี้อยู่แล้ว

“ไง”

เจ้าของเสียงยิ้มทักทายพลางเบี่ยงตัวเข้ามาด้านใน หลังจากปิดประตูตามหลังแล้วแขนแกร่งก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ริมฝีปากอุ่นซึ่งแนบลงบนขมับบวกกับลมหายใจอุ่นซึ่งเป่าลงบนใบหูอย่างแผ่วเบาทำให้จั๊กกะจี้หน่อยๆ แต่ความคิดถึงก็ทำให้ผมยกแขกขึ้นกอดอีกฝ่ายตอบแล้วลูบแผ่นหลังกว้างไปมา

เราซึมซับความอบอุ่นในอ้อมแขนของกันและกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะถอยออกและยิ้มให้กับเป้ที่ยิ้มมองผมอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นผมก็สังเกตได้ถึง ริ้วรอยของความเหนื่อยล้าที่รอยยิ้มสดใสนั้นปิดไว้ไม่มิด ผมจึงเลื่อนมือทั้งสองลงไปจับมือของเป้เอาไว้แล้วบีบเบาๆ

“ตกลงเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ?”

เป้พยักหน้าก่อนจะจูงมือผมไปที่เตียง พอได้นั่งปุ๊บพ่อตัวดีก็รั้งเอวผมเข้าไปกอดไว้หลวมๆก่อนจะซบหน้าลงมาบนไหล่ ดูแล้วอย่างกับเด็กที่กำลังต้องการออดอ้อนก็ไม่ปาน

“เหนื่อยเป็นบ้า ไม่เข้าใจเลยว่าอาจารย์จะบังคับจัดกลุ่มให้ทำไม นี่ถ้าให้เลือกสมาชิกกันเองตั้งแต่ต้นเป้คงทำรายงานเสร็จไปนานแล้ว”

พอจบประโยคคนพูดก็ถอนหายใจยาวก่อนจะไซ้คอผมไปมา แต่เหมือนด้วยอารมณ์ง่วงๆเสียมากกว่าผมเลยไม่ได้ทักท้วงอะไร และที่จริงผมก็เห็นใจคนข้างตัวอยู่เหมือนกัน เพราะรายงานกลุ่มที่ว่านี้เป็นวิชาบังคับของเป้ซึ่งผมไม่ได้ลงด้วยเพราะเราเรียนกันคนละเอก แถมอาจารย์ที่สอนก็ใช้วิธีบังคับจับกลุ่มให้แบบสุ่มเลือกรหัสนักศึกษา กลุ่มที่เป้ต้องทำรายงานด้วยจึงมีแต่เพื่อนที่ไม่เคยสนิทกันมาก่อน แถมกว่าจะรู้ว่าเนื้อหาที่เตรียมมาของเพื่อนบางคนมีปัญหาก็เมื่อไม่กี่วันก่อนทั้งๆที่กำลังจะต้องเตรียมพรีเซ้นต์กันอยู่แล้ว ดังนั้นช่วงที่ผ่านมาเป้จึงต้องไปขลุกอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่ทำรายงานนั้นด้วยกันเพื่อช่วยซ่อมรายงานใหม่จนดึกดื่นแทบทุกวัน ประกอบกับช่วงเดียวกันผมก็ยุ่งกับการทำรายงานของตัวเองแม้ว่าจะเป็นรายงานเดี่ยวก็ตามที เป้เลยกลับไปนอนที่บ้านเพราะถึงอย่างไรก็ปลอดภัยกว่าต้องขับรถมาหาผมตอนดึกๆ ทำให้เราได้เจอกันแค่ที่มหาวิทยาลัยตอนกลางวันและโทรคุยกันตอนกลางคืนเท่านั้น

ผมเหลือบตามองนาฬิกาบนฝาผนังก่อนจะเหลือบกลับลงหาเด็กโข่งที่เป่าลมหายใจรดคอผมอยู่ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าซึ่งตามปรกติก็นับว่าเลยเวลาของมื้อเย็นมาพอสมควรแล้ว แต่ถึงยังไงก็ควรจะถามเพื่อให้แน่ใจไว้ก่อนว่าคนที่มาหาไม่ได้กำลังหิวโซอยู่

“เป้หิวหรือเปล่า? จะไปตลาดโต้รุ่งกันก่อนมั้ย เดี๋ยววิวไปนั่งเป็นเพื่อน”

ผมถามไปก็ยักไหล่เป็นเชิงปลุกไปด้วยเพราะไม่รู้เป้หลับหรือเปล่า พอจบประโยคคำถามปุ๊บ อ้อมแขนที่ตอนแรกโอบเอวผมไว้หลวมๆก็รัดแน่นขึ้นทันที ก่อนที่คนตัวโตจะถอยออกแล้วยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายราวกับไม่เคยง่วงมาก่อนอย่างนั้นแหละ

“ไม่เอาล่ะ เมื่อเย็นกินข้าวกับพวกที่ทำรายงานด้วยกันไปแล้ว ตอนนี้เป้อยากกินของหวานมากกว่า”

ผมมองนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ของคนพูดที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบแล้วก็รู้สึกว่ามุมปากตัวเองยกขึ้นนิดๆโดยอัตโนมัติ แต่เพราะความอ่อนใจมากกว่าเขิน ถ้าหากโดนแหย่แบบนี้ตอนเพิ่งเริ่มคบกันใหม่ๆเป้อาจโดนผมโวยใส่ไปแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมคิดว่าตัวเองรับมือเวลาโดนแซวได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ...ล่ะมั้ง?

“ของหวานอะไร เมื่อกี้ยังบ่นเหนื่อยอยู่เลย ไปอาบน้ำแล้วนอนดีกว่าไป เดี๋ยววิวเอากางเกงนอนให้”

ผมแงะมือที่รัดเอวเอาไว้แล้วลุกหนีไปเปิดตู้เสื้อผ้า ทว่าพอหยิบกางเกงแล้วหันกลับมาก็ต้องสะดุ้งเพราะคนร่วมห้องลุกตามมายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมตอนนี้ยังยื่นแขนสองข้างมายันประตูตู้เสื้อผ้าไว้ไม่ให้ผมหนีเสียอีกด้วย

“อาบก็ได้ แต่ไหนๆก็ไม่ได้มาหาตั้งหลายวัน วิวช่วยอาบให้หน่อยสิ”

เป้ก้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดเสียงต่ำทั้งที่ยังมีรอยยิ้มบนมุมปากจนผมต้องกลอกตา เอากับพ่อเจ้าประคุณสิ ขนาดตรรกกะที่ฟังแล้วไม่ได้ขึ้นเลยยังจะอุตส่าห์เอามาใช้แถเข้าข้างตัวเองจนได้ เวลาใครพูดถึงเป้ให้ฟังว่าดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยนี่ผมอยากให้มาได้ยินประโยคเมื่อกี้เสียจริงๆ ผมไม่เถียงหรอกว่าบางทีเป้ก็ดูเป็นผู้ใหญ่อย่างที่คนอื่นว่า แต่เวลาอยู่กับผมสองคนแล้วรู้สึกว่าความเป็นเด็กที่เจ้าตัวซุกซ่อนไว้จะชอบออกมาวิ่งเล่นอย่างเริงร่าเสียเหลือเกิน

“เรื่องอะไร ขืนไปอาบให้ก็...ฮื้อ”

ผมพูดไม่ทันจบประโยค จู่ๆแขนแกร่งข้างหนึ่งก็รั้งเอวผมเข้าไปหาก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะแนบลงมาแบบไม่ให้ตั้งตัว เป้ใช้ร่างตัวเองดันเข้าหาจนหลังผมติดกับตู้เสื้อผ้าโดยไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออก ความที่ร่างกายถูกเบียดระหว่างแผ่นไม้ด้านหลังกับร่างหนาจนเจ็บข้อศอก ทำให้ผมต้องยอมปล่อยกางเกงในมือให้ร่วงลงบนพื้น แล้วยกแขนทั้งสองขึ้นโอบรอบคอของร่างสูงเพราะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่ถึงแม้ว่าเรียวลิ้นของเป้จะยังรุกไล้หยอกเย้าบนเรียวปากผมไม่ห่าง ผมก็บอกได้โดยสัญชาติญาณว่าอีกฝ่ายต้องกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ

เสียงหอบหายใจของเราสองคนก้องกังวานแข่งกับเสียงโทรทัศน์ที่ผมไม่รู้ว่ากำลังฉายรายการอะไร แต่แล้วเมื่อลำแขนข้างที่ไม่ได้โอบเอวผมอยู่เลื่อนลงยกขาข้างหนึ่งขึ้นทั้งในท่ายืน สติผมก็ถูกดึงกลับมาและบอกตัวเองให้รีบลืมตาและทุบแผงอกกว้างเพื่อประท้วงทันที แต่ดูท่าคนตัวโตกว่าจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ซ้ำยังอมยิ้มชอบใจกลับมาให้เสียอีก

“เป้! เล่นอะไรเนี่ย!?”

ผมพยายามทำตาดุใส่คู่กรณีซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยขาผมแล้วยังแถมจงใจเบียดร่างกายท่อนล่างเข้าหามากกว่าเดิมเสียอีก ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นทำให้ผมรับรู้ได้ถึงความร้อนและเกร็งแน่นที่แนบท่อนล่างของตัวเองอยู่แม้เราจะยังสวมเสื้อผ้ากันครบทุกชิ้นก็ตาม ผิวหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อใบหน้าคมโน้มลงหาแล้วขบติ่งหูเบาๆจนต้องหดคอหนี ขาที่ถูกรั้งขึ้นข้างหนึ่งทำให้ผมยืนไม่ถนัด และถ้าไม่ใช่เพราะด้านหลังเป็นตู้เสื้อผ้าและด้านหน้าเป็นร่างสูงที่เบียดจนชิดผมก็คงเสียหลักล้มลงไปบนพื้นแล้ว

“ไม่ได้เล่น แค่คิดว่าทำตรงนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ หรือวิวว่าไง?”

เป้พูดเสียงต่ำพลางไล้ริมฝีปากอุ่นไปมาผะแผ่วอยู่บนผิวแก้ม แค่นั้นไม่พอ พอเห็นผมเม้มปากแน่นพลางหลบตาหนี พ่อเจ้าประคุณก็ยกขาผมอีกข้างขึ้นแล้วช้อนตัวจนขาลอยจากพื้น อารามตกใจทำให้ผมอุทานและรีบโอบแขนรอบลำคอแกร่งพร้อมกับหนีบขาทั้งสองไว้รอบเอวหนาเพราะกลัวหล่น ทว่าพอได้เห็นนัยน์ตาซุกซนที่กำลังจ้องมายิ้มๆก็ให้นึกอยากเปลี่ยนจากที่กำลังโอบคออีกฝ่ายเป็นบีบคอแทนขึ้นมาทันที

คนเป็นผู้ใหญ่จริงเค้าจะทำอะไรแบบนี้กันมั้ยล่ะ!!

“เป้มีให้สองตัวเลือก วิวเลือกแล้วกันว่าจะเอาแบบไหน”

คนพูดพูดไปก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ไป ผมจึงพยายามขืนตัวออกเพราะรับรู้ได้ถึงอันตรายตรงหน้า แม้ว่าจากท่าที่โดนอุ้มอยู่จะไม่เปิดโอกาสให้ผมทำอย่างที่ใจต้องการได้สักเท่าไหร่ แต่ความคุ้นเคยกับความเอาแต่ใจแบบเด็กๆของเป้ก็ทำให้รู้ว่า ถึงจะมีตัวเลือกมาให้สักกี่สิบตัวผมก็ขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่ดี

“ไม่เอาแบบไหนทั้งนั้นแหละ เมื่อกี้ใครนะที่บ่นว่าเหนื่อย โกหกกันเห็นๆเลยนี่”

ผมพยายามบ่ายเบี่ยงและหลบสายตาคมที่หรี่มองผมยิ้มๆไปด้วย พลันก็นึกอยากให้ตัวเองตัวใหญ่เท่าเป้หรือไม่ก็อ้วนกว่านี้จนอีกฝ่ายอุ้มไม่ไหว ผมจะได้เลิกโดนแกล้งแบบโต้ตอบไม่ได้แบบนี้เสียที แต่ท่าทางคนแกล้งจะไม่ได้นำพากับความคิดกระด้างกระเดื่องในใจของผมเลยสักนิด

“ไม่ได้โกหก เมื่อกี้เหนื่อยจริงๆแต่ตอนนี้หายแล้ว ว่าแต่วิวไม่ยอมเลือกเองแบบนี้...งั้นเป้เลือกให้ก็แล้วกัน”

ร่างสูงก้าวถอยโดยที่ยังอุ้มผมไว้ราวไม่รับรู้ถึงน้ำหนัก แต่พอร่างกายผละออกจากตู้เสื้อผ้าที่คอยรองรับ อากาศเย็นๆในห้องที่พรูผ่านเสื้อเข้ามาบนแผ่นหลังก็ทำให้ผมรู้สึกหวิวจนต้องโอบแขนรอบคอแข็งแรงแน่น ทว่าเมื่อได้เห็นจุดหมายที่เป้กำลังพาเดินไปก็ต้องถอยออกถลึงตาให้คนตัวโตที่เกิดหน้าเป็นผิดเวลาขึ้นมาทันที น่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆว่าเป้เก่งแค่ไหนกับการใช้คำพูดของผมมาย้อนใช้กับผมเอง แต่ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็ยังหาวิธีรับมือเจ้าคนตัวโตแถมเอาแต่ใจคนนี้ไม่ได้อยู่ดีสิน่า

“ก็วิวอยากให้เป้อาบน้ำไง แต่ไหนๆคืนนี้วิวก็ต้องอาบน้ำใหม่อยู่แล้ว งั้นก็อาบด้วยกันเลยดีกว่าจะได้เสร็จๆไปทีเดียว”


+------+


ผมนอนมองแสงไฟจากทางต่างระดับที่เห็นได้ลิบๆจากหน้าต่างห้อง ด้านหลังมีคนตัวใหญ่นอนประกบอยู่โดยที่แขนข้างหนึ่งล็อกเอวผมไว้หลวมๆ ลมหายใจอุ่นซึ่งระอยู่บนต้นคอด้านหลังอย่างสม่ำเสมอทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่น่าแปลกที่ถึงแม้จะล่วงเลยเวลาแห่งการอาบน้ำของเราสองคนมานานแล้ว แต่ผมกลับยังไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย และไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือกระวนกระวายที่นอนไม่หลับอีกด้วย

สายตาของผมจับจ้องไปยังแสงบนทางต่างระดับต่อไปอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่าเสียงลมหายใจด้านหลังสะดุดลงจึงหันกลับไปมอง แล้วก็ได้เห็นว่าเป้กำลังเท้าศอกข้างหนึ่งขึ้นพลางจ้องมองผมอยู่ มือใหญ่อีกข้างยกขึ้นบีบจมูกผมเบาๆจนผมต้องย่นจมูกใส่

“ตื่นมาทำไม? พรุ่งนี้ต้องพรีเซ้นต์งานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?”

ผมเอ่ยถามก่อนจะพลิกตัวตะแคงกลับไปหาและเว้นระยะไว้นิดหนึ่ง ถึงเราจะรักกันก็ไม่ได้หมายความว่าต้องกอดกันกลมตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะถึงอย่างไรระหว่างคนสองคนก็ต้องมีที่ว่างเว้นไว้บ้างเพื่อไม่ให้ต่างคนต่างอึดอัดจนเกินไป ผมจึงคิดว่านี่เป็นข้อดีข้อหนึ่งของการที่เป้ไปๆมาๆระหว่างบ้านกับหอของผม เพราะมันทำให้เราต่างได้มีเวลาที่เป็นส่วนตัวอย่างแท้จริงเหลืออยู่บ้าง

“ไม่รู้สิ สงสัยนอนดึกติดกันหลายคืนร่างกายเลยชินมั้ง งีบไปแค่นิดเดียวก็หายง่วงแล้ว วิวน่ะแหละทำไมยังไม่นอนอีก?”

เป้พูดไปก็เลื่อนมือขึ้นเสยผมให้ ผมจึงหลับตาลงพลางระบายลมหายใจยาวกับสัมผัสอ่อนโยนจากปลายนิ้วแกร่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงการขยับตัวที่บอกให้รู้ว่าร่างสูงใหญ่ลดตัวลงนอนตะแคงอยู่ข้างๆ แม้ไฟในห้องจะดับหมดแล้วแต่แสงไฟสลัวจากนอกหน้าต่างก็สะท้อนจนผมเห็นนัยน์ตาวาววามของเป้ได้ชัด

“ไม่รู้เหมือนกัน พยายามจะนอนแล้วแต่มันไม่ง่วงน่ะ”

ผมตอบเสียงเบา อาจเป็นเพราะความมืดและความเงียบของยามค่ำคืนทำให้แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังสะท้อนดังจนผมไม่อยากทำลายความสงบนั้น คนร่วมเตียงจึงส่งเสียงรับรู้ก่อนจะโอบเอวผมเข้าไปหาแล้วลูบแผ่นหลังผ่านเสื้อเนื้อบางไปมา ผมอดจะอมยิ้มหน่อยๆไม่ได้เมื่อนึกได้ว่าความจริงแล้วคนที่น่าจะเป็นคนกล่อมอีกฝ่ายให้หลับมันน่าจะเป็นผมมากกว่า ในเมื่อวันรุ่งขึ้นคนที่ต้องรีบตื่นเพื่อเตรียมไปพรีเซ้นต์หน้าห้องคือเป้แท้ๆ กลับกลายเป็นตอนนี้เจ้าตัวพยายามจะช่วยให้ผมหลับไปเสียนี่

“ทำไมวิวไม่ค่อยห้อยแหวนที่เป้ให้เลยล่ะ”

เพราะความที่เราสองคนต่างเงียบกันไปนานจนผมเองก็เริ่มจะเคลิ้มเพราะสัมผัสอบอุ่นบนหลัง พอได้ยินคำถามจึงลืมตาขึ้น แล้วก็เห็นว่าสายตาคมกำลังจับจ้องคอของผมพร้อมๆกับที่ใช้ปลายนิ้วอุ่นไล้ผิวบริเวณนั้นไปมา ผมจึงยกมือขึ้นจับมือเป้เอาไว้เพราะเริ่มจะจั๊กกะจี้ขึ้นมาหน่อยๆ

“ก็กลัวหายเลยเก็บไว้ที่ห้อง กลัวมันดำด้วย อีกอย่างเป้ก็รู้นี่ว่าวิวไม่ค่อยชอบใส่ของพวกนี้”

ผมตอบพลางระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ความจริงก็พอจะรู้ว่าคนถามคงน้อยใจอยู่เหมือนกันที่ผมไม่ค่อยใส่ของขวัญวันเกิดที่เจ้าตัวซื้อให้อวดใครต่อใครบ้างเลย แต่ว่าปรกติผมก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว คือนอกจากของที่มีฟังก์ชันใช้งานได้อย่างนาฬิกาข้อมือแล้วผมจะไม่ใส่เครื่องประดับอย่างอื่นเลย ขนาดสร้อยพระก็ยังไม่เคยห้อยเลยด้วยซ้ำ จู่ๆจะให้เปลี่ยนความเคยชินกันแบบฉับพลันทันทีก็คงจะยาก

เป้เงียบไปเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนจะถอนหายใจออกมาบ้างแล้วรั้งตัวผมเข้าไปกอดอีกครั้ง แต่คราวนี้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดทำให้ผมต้องหัวเราะเบาๆออกมา

“เอาเถอะ รักเค้าไปแล้วนี่ทำไงได้ วิวไม่โยนแหวนเป้ทิ้งก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

ถ้าไม่ติดว่าโดนกอดอยู่ผมจะทุบคนพูดเข้าให้สักอึ้ก ไอ้คำพูดที่เหมือนไม่มีอะไรแต่ทำให้คนฟังรู้สึกตะหงิดในใจได้นี่พ่อตัวดีเก่งนักเชียว แต่อย่านึกเลยว่าแค่นี้จะทำให้ผมรู้สึกผิดได้ เพราะผมก็รู้ดีพอๆกับที่เป้ก็รู้ ว่าใช่ว่าผมจะไม่รู้คุณค่าของสิ่งที่เป้ให้มาเสียเมื่อไหร่

“รู้ตัวก็ดี งั้นก็หยุดบ่นได้แล้ว ยังไงวันหลังจะเอาออกมาใส่บ้างแล้วกัน...ถ้าไม่ลืม”

ผมสำทับไปก่อนจะหลับตาลงใหม่ ในใจคิดว่าคราวนี้คงจะได้หลับพักผ่อนจริงๆเสียที แต่แล้วก็ต้องลืมตาพรวดแล้วขืนตัวออกทำตาดุใส่คนที่แกล้งหลับทั้งที่เพิ่งตีก้นผมไปหมาดๆ

“เป้ ยังอยากนอนบนเตียงอยู่มั้ย!?”

ผมลืมตัวโวยเสียงเขียว แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วว่าตัวเองจะเสียงห้วนหรือเปล่า ก็ใครใช้ให้เป้มาทำร้ายร่างกายผมก่อนล่ะ ต่อให้เป็นแฟนกันก็ตามทีเถอะ แต่ดูเหมือนคำพูดแข็งๆกับตาวาวๆของผมจะไม่ทำให้คนทำผิดสำนึกตัวขึ้นมาเลยสักนิด เพราะคนถูกโวยแค่หรี่ตาข้างหนึ่งขึ้นมองผมยิ้มๆก่อนจะปิดตาลงแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่นอีกครั้ง

“แหงสิครับ แฟนเป้นอนที่ไหนเป้ก็นอนที่นั่นแหละ วิวก็นอนได้แล้วนะ พรุ่งนี้ยังต้องไปเรียนด้วยกันแต่เช้าอีก ฝันดีครับ”

โอ๊ย!! ไอ้ตอแหล!!! ทีอย่างนี้ล่ะทำหน้าซื่อตาใส พูดจามีหางเสียงเอาใจขึ้นมาเชียว ผมอดจะกลอกตาอย่างเหนื่อยใจไม่ได้ แต่ก็รู้ดีว่าถึงจะบ่นหรือดิ้นหนีตอนนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะสองแขนที่รัดร่างไว้แน่นบวกกับตาที่ปิดสนิทและรอยยิ้มน้อยๆนั่นก็บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายตัดบทสนทนาไปแล้ว สุดท้ายผมจึงต้องยอมนอนนิ่งๆและหลับตาลงแต่โดยดีบ้าง ทว่าระหว่างที่ในหัวเริ่มจะพร่าเลือนเพราะถูกความง่วงงุนเข้าครอบงำ ผมก็ยังไม่วายคิดถึงคำพูดของเป้ตอนที่คุยกันเรื่องแหวนขึ้นมาอีก และความคิดนั้นก็ทำให้ต้องถอนหายใจเบาๆก่อนจะสอดแขนออกไปโอบเอวคนที่ทำท่าจะไม่ยอมปล่อยผมทั้งคืนตอบ

เอาเถอะ ก็รักเค้าไปแล้วนี่ ทำไงได้ล่ะนะ...


+----End ขอแค่มีรัก---+
 

เป็นตอนพิเศษที่ใช้เวลาเขียนสั้นเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับตอนอื่นๆ ใครเป็นแฟนคู่เป้-วิวคงหายคิดถึงกันมั่งนะจ๊ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 30-08-2009 22:33:52
ดีใจที่ได้อ่านตอนพิเศษ

คิดถึงคู่เป้-วิวอ่ะ 

ตอนนี้แอบหวานเล็กน้อย  ชอบจังเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: nirun4 ที่ 30-08-2009 22:40:06
 :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 30-08-2009 22:58:10
น่ารัก  :-[ ชอบตอนแบบนี้ลงบ่อยๆนะ เป้น่ารัก อยากได้อีกแล้ว
.
.
.
.
คนที่บ้านไม่ต้องห่วงเดะในคอนโทรล  :laugh5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 30-08-2009 23:10:07
miz  เป้-วิว ที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดด o13 ขอบคุนจ้า :t3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 31-08-2009 00:08:35
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
กอดป้า กอดเป้ และกอดวิว
อ่านตอนนี้แล้วแบบว่าเป้น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก
อยากได้งี้ซักคนจริงๆน่ารักมากอะไรมาก
ถ้าเป็นเป้นะจะแอบงอลด้วยเหอะว่าไม่ยอมเอาแหวนมาห้อย
ทั้งๆที่ให้ไปแล้ว ไม่รู้เกินไปเปล่าแต่แอบอยากงอล 555+
ตอนพิเศษน่ารักดีรออ่านตอนหลักต่อกำลังเครียดๆด้วยมาอ่านแบบนี้ขั้นก็ดี
นิว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 31-08-2009 03:21:09
รักกันก็ต้องเข้าใจกันนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 31-08-2009 08:07:08
น่ารักจริงๆเป้ วิว ชอบๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 31-08-2009 08:10:28
อืมม์  อ่านแล้วหายคิดถึงไปได้หน่อยนึง   คิดถึงคนแต่งด้วยละ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-08-2009 13:40:53
ชอบๆๆๆ หวานไม่น้อยหน้าคู่ อ๊อฟ กะ น้องนะ เลย

ขอบคุณนะคะ  :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว (30/08/09) p.36
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 31-08-2009 15:52:54
 o13

วิวน่ารักอะ

แต่เค้าอยากได้ฉากเป้อะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-09-2009 05:57:20
ตอนพิเศษตอนนี้ จริงๆแล้วผิดลำดับการเขียนน่าดู เพราะเป็นตอนที่เป้กับวิวเริ่มคบกันใหม่ๆ แต่ไอ้ที่โพสต์ๆไปก่อนหน้านี้มันข้ามขั้นไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า ก็ไม่ต้องไปสนใจเรื่องลำดับเวลาแล้วกันนะจ๊ะ อ่านกันขำๆละกัน จะให้ดีย้อนไปอ่านตอนหนึ่งใหม่แล้วต่อด้วยตอนนี้จะอินมากขึ้นจ้า (เอ๊ะ อิป้านี่ยังไงเนี่ย)  :z2:




ลำนำรักสีรุ้ง ตอน แรกเปิดใจ

นับจากวันที่โอ๊คบินไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียก็สองเดือนได้แล้ว หลังจากสอบปลายภาคปีสองเสร็จผมก็แวะกลับไปเยี่ยมบ้านที่สกลนครเป็นช่วงเวลาสั้นๆก่อนจะกลับมากรุงเทพฯอีกครั้ง เพราะว่าผมตั้งใจไว้ว่าจะทำงานพาร์ทไทม์ที่บริษัทซึ่งรุ่นพี่แนะนำให้ช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ ความจริงแล้วด้วยฐานะทางบ้านของผม ตราบใดที่ผมไม่ทำตัวเป็นเด็กเที่ยวและซื้อของฟุ่มเฟือย พ่อแม่ของผมก็สามารถจ่ายค่าเทอมและค่าใช้จ่ายอื่นๆให้ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากลองสัมผัสประสบการณ์การทำงานในออฟฟิศจริงๆ ตลอดจนการหารายได้ด้วยตัวเองดูบ้าง เพราะถึงอย่างไรด้วยสายการเรียนของผม เมื่อเรียนจบผมก็คงจะหางานทำในกรุงเทพฯอยู่แล้ว

และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมต้องอยู่ทำงานที่ออฟฟิศล่วงเวลา ปกติถ้าไม่ใช่ช่วงที่งานยุ่งจริงๆ ยังไม่ทันหกโมงทั้งออฟฟิศก็แทบจะร้างคน แต่ทั้งๆที่ตอนนี้เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้วแต่ก็ยังมีพนักงานนั่งทำงานกันอยู่ประปราย ในส่วนห้องที่ผมนั่งทำงานอยู่ด้านในนั้นเป็นห้องที่ทางแผนกบุคคลมีแผนจะปรับแต่งใหม่ในอีกไม่นาน ดังนั้นนอกจากโต๊ะทำงานและคอมพิวเตอร์แล้วทั้งห้องจึงค่อนข้างโล่ง พนักงานที่นั่งในห้องนี้มีสามคน หนึ่งในนั้นก็คือผมและรุ่นพี่อีกสองคน แต่คนหนึ่งกลับบ้านไปแล้วเพราะว่าต้องรีบไปดูแลลูกที่ยังเป็นทารกแบเบาะอยู่ และก็เป็นพี่คนนั้นเองที่แนะนำผมให้มาฝึกงานที่นี่เพราะว่าเป็นสายรหัสของผมสมัยเรียน

“งานยุ่งมากเหรอวิว ยังไม่กลับบ้านอีก”

เมื่อได้ยินเสียงทักผมจึงหันหลังไปตามเสียงเรียก เพราะว่าโต๊ะของผมหันเข้าหาหน้าต่าง ซึ่งเท่ากับว่านั่งหันหลังให้ประตูและคนอื่นๆในห้องด้วย แล้วก็เห็นว่าพี่ศิลป์ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมห้องกำลังเก็บโน้ตบุ๊คลงกระเป๋าอยู่

“ผมยังหารูปกับข้อมูลเพิ่มเติมให้พี่ก้อยยังไม่เสร็จน่ะครับ พอดีพรุ่งนี้เช้าเค้าต้องรีบเข้ามาทำพรีเซ้นต์ให้ลูกค้า”

หลังจากตอบคำถามแล้วผมก็หันกลับมาคลิกเมาส์เพื่อเลือกรูปต่อ บริษัทที่ผมมาฝึกงานนี้เป็นบริษัทด้านมาร์เก็ตติ้งโซลูชันส์แบบครบวงจร แม้จะไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ แต่ก็เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้ามาทำงานช่วงปิดเทอมได้โดยมีค่าตอบแทนให้ นอกจากนั้นยังให้ผมได้ลงมือทำงานจริงๆ ไม่ใช่เพียงมาคอยถ่ายเอกสารหรือส่งแฟกซ์แบบที่เคยได้ยินเพื่อนที่ไปฝึกงานที่อื่นบ่นให้ฟัง ดังนั้นแม้บางครั้งจะถูกโยนงานมาให้แต่ผมก็ไม่บ่นเพราะคิดว่าจะได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย

“หือม์ ไอ้ก้อยมันลุกไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย จริงๆเล้ยยายคนนี้ งานตัวเองแท้ๆดันเอาให้น้องให้นุ่งทำ แต่มีลูกเล็กอยู่ก็ว่าเค้ามากไม่ได้แหละนะ”

พี่ศิลป์บ่นจบแล้วก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง สาเหตุที่ผมรู้เพราะว่าพี่เขามาบังแสงจากไฟด้านหลังพอดีทำให้หน้าจอมืดไปนิดหนึ่ง แต่ผมไม่อยากเสียมารยาทจึงเพียงเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์โคมไฟข้างโต๊ะเพื่อเพิ่มแสงสว่าง

“เฮ้ ภาพนี้สวยดีนี่นา ไม่ๆ ไม่ใช่อันนั้น อันที่สองน่ะ เอ้อนั่นแหละ”

พี่ศิลป์พูดไปก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปชี้บนจอพร้อมกับชะโงกหน้าข้ามไหล่ผมจนหน้าแทบชิดกัน ผมกำลังจะบอกขอบคุณและขยับตัวหนีเพราะรู้สึกว่าพี่เขาเข้ามาชิดเกินไปหน่อย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นตรงประตู

“วิว เสร็จหรือยัง?”

ผมหันหน้าไปทางประตูโดยระวังไม่หันไปทางพี่ศิลป์ แล้วก็ได้เห็นว่าเป้กำลังยืนกอดอกพิงกรอบประตูอยู่ ท่าทางพี่ศิลป์คงตกใจเหมือนกันที่จู่ๆก็มีคนนอกเข้ามาในบริษัท ผมจึงถือโอกาสนี้หันกลับไปเซฟภาพลงคอมฯแล้วปิดเครื่องเสียเลย

“เสร็จแล้วล่ะ พี่ศิลป์ครับ รบกวนปิดไฟห้องด้วยแล้วกันนะครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับพี่”

พี่ศิลป์พยักหน้า แต่สายตายังคงมองผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องด้วยความสงสัย ผมจึงรีบหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่าแล้วเดินนำเป้ออกมา เพราะถึงแม้ว่าคนที่มารอจะไม่แสดงอะไรออกมาทางสีหน้า แต่ว่าน้ำเสียงห้วนสั้นที่ได้ยินเมื่อครู่ก็พอจะบอกได้ว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ผมชะงักเมื่อจู่ๆก็ถูกฝ่ามืออุ่นทาบลงบนหลังจากคนที่เดินตามมาจนต้องหันไปมอง แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรพูดอะไรตอนนี้เพราะยังมีพนักงานคนอื่นนั่งอยู่ในบริษัท แม้ว่าจะไม่มีใครทำท่าสนใจพวกเรานักก็ตาม ผมจึงรีบหันกลับและเดินจ้ำไปที่ลิฟต์เพื่อที่จะได้คุยกับเป้สองคนได้โดยที่คนอื่นไม่ได้ยิน

“เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าทำด้วยเหมือนเป็นผู้หญิง ไม่ชอบ”

ผมหันไปบอกเป้เมื่อเราสองคนเข้ามาในลิฟต์กันเรียบร้อยแล้ว เจ้าของใบหน้าหล่อคมที่ทั้งสาวแท้และสาวเทียมชอบมองเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมองผมจนผมชักคันไม้คันมือขึ้นมา รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าผมหมายความว่าอะไรยังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก

“ไอ้ที่...มาประคองเมื่อกี้น่ะ ไม่ชอบ ชัดหรือยัง?”

พูดจบปุ๊บผมก็ต้องถอยหลังเข้าด้านในเพราะลิฟต์หยุดที่ชั้นถัดลงมาและมีคนอื่นทยอยเดินเข้ามาในลิฟต์ แต่แล้วก็ต้องหันไปส่งตาเขียวให้คนที่ยืนเงยหน้ามองตัวเลขแสดงชั้นยิ้มๆโดยไม่หันมามองผมกลับ แต่ผมมั่นใจว่าเป้รู้ตัวแน่ๆว่าโดนผมจ้องอยู่ ก็จะไม่จ้องได้ยังไงในเมื่อไอ้คุณชายจอมเอาแต่ใจเอามือผมไปกุมไว้แน่นเลยนี่นา ยังดีว่าตอนนี้คนแน่นและพวกเรายืนอยู่ด้านในสุดเลยไม่มีใครหันมาสังเกต แต่ถ้าผมสะบัดมือหรือพูดอะไรออกมาล่ะก็รับรองว่าได้เป็นจุดสนใจขึ้นมาแน่ ผมเลยหันกลับไปมองด้านหน้าเหมือนเดิมและข่มใจที่จะไม่หันกลับไปส่งสายตาพิฆาตให้เป้อีกครั้ง ก็ไอ้มือที่กุมมือผมมันไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่ดันใช้นิ้วโป้งมาไล้หลังมือผมไปด้วยเนี่ยสิ!

ผมนึกโมโหที่บริษัทของตัวเองอยู่บนชั้นสี่สิบขึ้นมาทันที แล้วทำไมลิฟต์ตอนเย็นๆแบบนี้มันจะต้องจอดแทบทุกชั้นด้วยนะ!?

หลังจากเร่งในใจให้ลิฟต์ลงไปถึงชั้นลานจอดรถใต้ดินเร็วๆ ในที่สุดเป้ก็ยอมปล่อยมือผมแต่โดยดีเพราะคนในลิฟต์เริ่มเหลือน้อยลงแล้ว หลังจากเราเดินออกจากลิฟต์และลงบันไดไปอีกชั้น เป้ก็รั้งข้อมือผมเอาไว้จนผมต้องหันไปขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย เป้จึงถอนหายใจก่อนจะปล่อยมือแต่โดยดี

“ขอโทษสำหรับเมื่อกี้แล้วกัน รู้อยู่แล้วล่ะว่าวิวไม่ชอบให้ทำรุ่มร่ามเวลาอยู่ข้างนอก แต่ว่าเมื่อกี้น่ะมันจำเป็น”

“ฮะ? จะบ้าเหรอ จำเป็นเรื่องอะไร ว่าแต่ทำไมเข้าไปในบริษัทได้ล่ะ ทุกทีคนนอกต้องรอที่หน้ารีเซฟชันนี่นา”

ผมไม่ได้ถามซอกแซกอีกเรื่องที่เป้ประคองผมเมื่อครู่ เพราะผมถือว่าต่างคนต่างโตๆกันแล้ว ถ้าหากผมเคยบอกแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ไม่ควรให้ต้องพูดซ้ำซากหลายหน เลยเปลี่ยนไปถามเรื่องที่จู่ๆเป้ก็เดินเข้ามาในบริษัทจนถึงห้องที่ผมทำงานได้แทน

“ไม่เห็นยาก บอกรีเซฟชันว่ารุ่นพี่ของวิวฝากเอางานด่วนมาให้ เค้าก็เลยให้เข้าไปข้างในได้”

เป้พูดยิ้มๆพลางสตาร์ทรถและขับออกจากที่จอด ผมจึงยกมือขึ้นบีบขมับอย่างเหนื่อยใจก่อนจะดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดเมื่อออกมานอกตึกแล้ว นี่ผมจะไปแจ้งผู้จัดการฝ่ายบุคคลดีไหมนะว่ารีเซฟชันทำงานหละหลวม แต่คิดอีกทีผมก็เป็นแค่พนักงานพาร์ทไทม์ที่มาทำงานชั่วคราว อีกอย่างเป้ก็ไม่ใช่คนร้ายที่จะไปขโมยของในบริษัทเพราะฐานะที่บ้านก็รวยจนไม่จำเป็นต้องอยากได้อะไรแล้ว ดังนั้นจะยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ให้ก็แล้วกัน

ว่าแต่ความจริงผมยังแอบติดใจนิดๆที่เป้บอกว่าจำเป็นต้องแสดงท่าทางเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมเมื่อกี้ แต่ผมรีบปัดความสงสัยทิ้งไป วันนี้นั่งทำงานจ้องคอมมาทั้งวันจนทั้งแสบตาทั้งเวียนหัวไปหมด เพราะงั้นไม่ถามดีกว่า

“...วิว วิว”

“หือม์?”

ผมลืมตาเมื่อถูกเขย่าไหล่ แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะหน้าเป้อยู่ห่างออกไปแค่คืบจึงรีบถอยหลังหนีจนชิดหน้าต่าง

“วันนี้เหนื่อยมากล่ะสิ ออกจากตึกมาก็หลับตลอดทางเลย จะบอกว่าแวะกินข้าวเย็นกันแถวนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเป้ค่อยพาไปส่งหอ”

คนตัวโตถอยหลังไปเมื่อผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ หวังว่าเป้คงไม่ได้ยินเสียงหัวใจของผมที่มันเต้นแรงขึ้นเมื่อกี้นี้หรอกนะ ก็จู่ๆเล่นเข้ามาใกล้ขนาดนั้นจะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน จริงอยู่ว่าผมตกปากรับคำขอคบเป็นแฟนของเจ้าตัวไปแล้วตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน แต่ว่าเวลามองตากันใกล้ๆยังไงก็ยังไม่หายเขินอยู่ดี

พวกเราลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารริมแม่น้ำซึ่งไม่ไกลจากหอผมเท่าไหร่ หลังจากสั่งข้าวเปล่าคนละจานและกับข้าวอีกสองสามอย่างแล้ว เป้ก็หันไปคีบน้ำแข็งกับรินน้ำเปล่าให้ผม ส่วนเจ้าตัวเองดื่มเบียร์จากขวด ผมมองเป้ที่กำลังยกขวดเบียร์ขึ้นดื่มพลางมองไปทางแสงจากเรือล่องแม่น้ำที่แล่นผ่านไปมา เคยนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเป้น่าจะเคยเป็นเด็กเที่ยว แต่ทำไมตั้งแต่คบกับผมแล้วจึงไม่ค่อยไปสังสรรค์กับเพื่อนกลุ่มตัวเองบ่อยๆ แต่คำตอบเจ้าตัวก็ทำเอาผมเลิกถามไปเลย


“ทำไมชอบมาอยู่ด้วยดึกๆทุกวันเลย ไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างเหรอเป้ กลุ่มสมัย ม.ปลาย เค้าชอบชวนไม่ใช่รึไง”

“ก็สมัยยังไม่มีแฟนก็ไปกับพวกมันอยู่หรอก แต่ตอนนี้มีแฟนแล้วก็ต้องอยู่กับแฟนสิ หรือวิวไม่ชอบให้เป้อยู่ด้วย?”



ผมนึกถึงบทสนทนาในคืนหนึ่งหลังเป้พาไปดูหนังรอบดึกที่เลิกตอนตีหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะพาไปนั่งเล่นที่โป๊ะริมแม่น้ำแล้วก็ต้องยิ้มออกมา นี่ถ้าผู้หญิงคนไหนมาได้ยินเป้พูดอ้อนแบบนี้คงละลายกันเป็นแถบ แต่ตอนที่ได้ยินนั่นผมกลับหมั่นไส้มากกว่า เพราะพ่อตัวดีเล่นใส่คำว่าแฟนลงในประโยคตั้งไม่รู้กี่รอบ กลัวผมจำไม่ได้หรือไงนะว่าตอนนี้ตกลงคบกันอยู่ ทำเป็นคนย้ำคิดย้ำทำไปได้

ผมมองเป้ที่เคาะนิ้วมือข้างหนึ่งบนโต๊ะเหมือนไม่รู้ตัวแล้วก็รู้ว่าเป้คงอยากสูบบุหรี่ แต่ว่าตอนนี้ลมแรงแถมยังอยู่ในร้านอาหาร ถึงแม้ส่วนที่เรานั่งอยู่จะเป็นโซนด้านนอกที่ไม่มีหลังคาก็ตามเจ้าตัวเลยต้องอดใจไว้ จะว่าไปนี่ก็เป็นนิสัยประจำตัวอีกอย่างหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นและเริ่มคุ้นเคย ใช่ว่าผมจะรับคนสูบบุหรี่ไม่ได้ เพราะว่าสมัยพ่อผมยังหนุ่มๆก็เป็นคนสูบบุหรี่จัดเหมือนกัน เพียงแต่ผมไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาคบกับผู้ชายตัวโตกว่าแถมสูบบุหรี่ด้วยนี่นา ถ้าใครมาถามผมเมื่อสองเดือนก่อนว่าอยากได้แฟนแบบไหน ผมก็คงบอกว่าขอผู้หญิงที่เรียบร้อย นิสัยดีและไม่เอาแต่ใจ แน่นอนล่ะว่านั่นมันตรงข้ามกับคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งโต๊ะตอนนี้เป็นคนละขั้วเลย

“เป็นอะไรวิว นั่งยิ้มคนเดียว”

“เอ๊ะ? เปล่าซักหน่อย อ้อ...ขอบคุณครับ”

ผมกะพริบตาเมื่อโดนเป้ทัก ก่อนจะหันไปขอบคุณพนักงานที่เอาข้าวและอาหารมาเสิร์ฟให้ ถึงผมจะหิวแต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะกินอะไรหนักๆไหว อาหารที่สั่งมาจึงมีแต่ของง่ายๆ เช่นไข่เจียวปู ผัดก้านคะน้าน้ำมันหอยแล้วก็แกงส้มไข่ปลาเท่านั้นเอง  

“แน่นะว่าไม่ได้คิดอะไรทะลึ่งอยู่ เมื่อกี้เห็นมองเป้ด้วย”

เป้ยกเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้งก่อนจะยิ้มล้อๆ ผมเลยทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วตักอาหารใส่จาน ถึงจะเพลียมาแค่ไหน แต่เจอข้าวสวยกับอาหารร้อนๆควันฉุยอยู่ตรงหน้าก็ทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงานขึ้นมาทันที

“แถวนี้ไม่มีใครคิดอะไรทะลึ่งหรอก ถ้าจะมีก็คนพูดคนเดียวน่ะแหละ ทะลึ่งได้ตลอดไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย”

ผมกัดคนที่นั่งด้วยไปเล็กๆก่อนจะตักอาหารขึ้นทาน รสแกงส้มเข้มข้นกำจายไปทั่วทั้งปาก ความอร่อยของรสอาหารทำให้ลืมความเหนื่อยไปแทบจะในทันควัน แต่แล้วผมก็แทบจะสำลักเมื่อได้ยินเป้พูดประโยคถัดมา

“หึๆ งั้นก็แปลว่ารู้เหมือนกันนี่ว่าเป้คิดเรื่องทะลึ่งอยู่ แต่ช่วยไม่ได้นะ เห็นคนตรงหน้าแล้วมันน่า...”

เป้พูดทิ้งท้ายเหมือนละคำพูดในประโยคไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะผมถลึงตาใส่หรือเพราะเจ้าตัวตั้งใจให้ฟังดูคิดลึกอยู่แล้วถึงไม่พูดต่อ ผมเลยชิงตักอาหารใส่จานให้เสียเลยเพื่อที่เจ้าคนพูดมากจะได้ปากไม่ว่างเสียที

“พอแล้ว พามากินข้าวไม่ใช่รึไง รีบๆกินเข้าไปเลย นั่งดูคนอื่นกินอยู่ได้ เสียมารยาท”

ผมได้ยินเป้หัวเราะเบาๆในคอต่อ แต่ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเป้ตอนนี้เพราะรู้ว่าตัวเองหน้าแดงอยู่แน่ๆ แต่เป้ก็ไม่ได้แซวอีกและเริ่มจัดการอาหารตรงหน้าแต่โดยดี เราต่างคนต่างกินข้าวเงียบๆไปสักพักเป้จึงเอ่ยขึ้นมาอีก

“ที่จริงวิวน่าจะมาฝึกงานที่บริษัทของพ่อเป้นะ”

ผมละสายตาขึ้นจากจานข้าวที่พร่องไปเกินครึ่งพลางขมวดคิ้วมองคนพูด เป้กินข้าวส่วนของตัวเองหมดแล้วและตอนนี้กำลังเท้าคางมองผมอยู่ สายตาที่จ้องเขม็งทำให้ผมต้องเบนสายตาลงที่จานข้าวของตัวเองตามเดิม แต่ว่าความอยากอาหารตอนนี้น้อยลงจนเกือบเป็นศูนย์ ถ้ามองในแง่ดีก็สงสัยว่าผมคงจะอิ่มแล้วกระมัง

“เป้พูดจริงนะ...ถึงปกติที่บริษัทจะไม่มีนโยบายให้ค่าจ้างนักศึกษาที่มาขอฝึกงานก็เถอะ แต่กรณีของวิวเดี๋ยวเป้คุยให้ก็ได้ บอกว่าเป็นเพื่อนที่คณะ พ่อเค้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

เป้พูดต่ออีก ผมเขี่ยข้าวที่เหลือในจานแล้วก็พาลไม่อยากกินต่อขึ้นมาดื้อๆเลยรวบช้อนส้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม พอเหลือบตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นว่าเป้ยังจ้องอยู่เหมือนเดิม ผมจึงเสมองไปด้านนอกร้านยังเหล่าเรือและแสงไฟจากคอนโดที่เรียงรายอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน

“ไม่เอา...นโยบายของบริษัทเป็นยังไงก็ต้องยึดตามนั้นสิ ถึงสนิทกับลูกชายท่านประธานก็ไม่ใช่ว่าจะต้องได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่นนี่ อีกอย่าง...ออฟฟิศที่ทำตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

จะเรียกว่าเป็นความยึดติดกับศักดิ์ศรี หรือแค่ความหัวแข็งของผมก็ตามทีเถอะ ถึงคบกันก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องอยู่ในสายตาของเป้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่นา อีกอย่างแค่เรื่องหางานพาร์ทไทม์ทำน่ะผมหาเองได้ ไม่ได้ต้องคอยงอมืองอเท้ารอให้ใครยื่นความช่วยเหลือให้สักหน่อย ถึงจะบ้าเรียนแต่ผมก็ไม่อยากโดนใครมองว่าทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือกับไปสอบไม่เป็น นี่คบกันมาสองเดือนแล้วเป้ยังไม่เข้าใจวิธีคิดของผมอีกหรือไงกันนะ

ผมได้ยินเสียงเป้ถอนหายใจ ผมจึงกำมือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะแน่นขึ้นแต่ยังไม่หันกลับไปมอง เป้ไม่รู้หรอกว่านอกจากเหตุผลที่ผมบอกไปแล้ว สาเหตุสำคัญอีกอย่างคือผมเริ่มเกรงความใกล้ชิดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกที หลังจากได้คบกันและรู้จักกันและกันมากขึ้น ผมก็ได้รู้ว่าสมัยมัธยมเป้เคยมีแฟนมาแล้วสามคน และมีคนหนึ่งที่เป้เคยคบอย่างจริงจังอยู่ถึงสี่ปีก่อนจะเลิกกันไปตอนเจ้าตัวอยู่ปีหนึ่ง การที่เป้ไม่มีใครต่อจากนั้นเลยเกือบปีเต็มๆบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงต้องใช้เวลาทำใจจากความรักครั้งนั้นมากพอดู และถึงแม้เป้จะให้เหตุผลว่าที่คบกับโอ๊คนั้นเพราะโอ๊คมาขอร้อง แต่ทั้งสองคนก็คบกันอยู่ถึงสองเดือนก่อนจะเลิกกันไป แล้วสำหรับผมล่ะ ตอนนี้เราก็คบกันมาได้สองเดือนแล้ว เป้เห็นอะไรในตัวผมกันถึงได้เข้ามาขอคบด้วยตอนนั้น เราจะคบกันไปได้อีกนานแค่ไหนในเมื่อผมเองไม่เคยทำตัวออดอ้อนเอาใจอย่างคนที่เป็นแฟนกันควรทำเลย แล้ว...ตอนนี้เป้จะเริ่มเบื่อผมที่ชอบขัดใจคำขอของเจ้าตัวอยู่เรื่อยหรือยัง

เราต่างคนต่างไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นต่อจากนั้นอีกครู่ใหญ่ ลูกค้าโต๊ะอื่นๆเริ่มทยอยลุกกันออกไปเพราะเริ่มดึกแล้วและวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันทำงาน สักพักเป้จึงยกมือขึ้นโบกเรียกพนักงานให้มาเก็บโต๊ะและคิดเงิน

“ไปเดินเล่นกันก่อนแล้วกันนะ วิวยังไม่ง่วงใช่มั้ย?”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนเรียกหลังจากพวกเราเดินออกมาจากร้านแล้ว ท่าทางผมคงใจลอยน่าดูถึงได้เดินตามมาโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเป้เดินเลยบริเวณลานจอดรถออกมาไกลพอควร ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูและเห็นว่ายังไม่สี่ทุ่มดี และปกติผมก็ไม่ใช่คนนอนเร็วอยู่แล้วถ้าไม่ได้เหนื่อยจนตาแทบปิดจริงๆ จึงพยักหน้าและเลี้ยวตามเป้ไปยังทางเดินที่ทำไว้เลียบแม่น้ำและมีโคมไฟแขวนอยู่ตามเสาเป็นจุดๆ

เป้หยุดยืนก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วหันไปพ่นควันทางทิศที่จะไม่ลอยมาโดนผม ผมจึงเดินไปเท้าแขนที่ราวทางเดินพลางมองไปยังแสงไฟฝั่งตรงข้ามและรอให้อีกฝ่ายสูบบุหรี่หมดมวนโดยไม่พูดอะไร เพราะผมถือว่าเวลานี้เป็นเวลาส่วนตัวสำหรับให้อีกฝ่ายใช้ความคิดอะไรเงียบๆคนเดียวได้ และบางครั้งผมเองก็ต้องการช่วงเวลาที่ได้ใช้ความคิดอยู่กับตัวเองระหว่างที่อยู่ด้วยกันสองคนเหมือนกัน

สักครู่เป้ก็หันไปขยี้ก้นบุหรี่ทิ้งแล้วหันมาสะกิดผมให้ออกเดินไปตามทางเดินเลียบแม่น้ำด้วยกัน กลิ่นนิโคตินเจือจางที่อ้อยอิ่งอยู่บนตัวคนตัวสูงที่เดินอยู่ข้างๆทำให้ผมรู้สึกสบายใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกเพราะความจริงแล้วถ้ามีใครจุดบุหรี่ยื่นส่งมาให้ หรือว่ามีใครที่เพิ่งสูบบุหรี่จนกลิ่นติดเสื้อมายืนอยู่ใกล้ๆผมจะทำหน้ายู่ทันที แต่พอเป็นกลิ่นที่ติดตัวของคนคนนี้ผมกลับรับได้ และที่ยิ่งทำให้น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ ผมคิดว่าผมชอบกลิ่นนี้ของเป้เสียด้วยสิ แต่ไม่มีวันเสียล่ะที่ผมจะบอกออกไปให้เป้ได้ใจ เขาว่ากันว่าเด็กๆไม่ควรโดนตามใจจนเหลิง ดังนั้นผมก็เลยกำลังพยายามดูแลไม่ให้เด็กโข่งคนนี้เหลิงเกินไปอยู่ล่ะมั้ง (ถึงเป้จะแก่เดือนกว่าผมก็ตามเถอะ)

“ลมเย็นดีนะ”

“อืม...”

ผมตอบรับในคอ เพราะลมริมน้ำตอนกลางคืนแบบนี้เย็นดีจริงๆ ทั้งที่เป็นหน้าร้อน เราเดินกันได้สักพัก เป้ก็ดึงมือผมให้ไปนั่งที่ม้านั่งว่างตัวหนึ่งด้วยกัน ม้านั่งตัวนั้นไม่ได้อยู่ใต้โคมไฟเสียทีเดียวทำให้แสงไม่จัดจ้าจนเกินไป ด้านหน้าหันเข้าหาแม่น้ำ ส่วนด้านหลังคงเป็นอาคารสำนักงานที่ปิดไฟมืดไปแล้ว พอนั่งลงเรียบร้อยผมก็หันไปเลิกคิ้วมองคนที่พาดแขนมาบนพนักพิงด้านหลังเอาไว้ เป้คงรอจังหวะมานานเลยก้มลงมาจูบขมับผมก่อนจะถอยออกยิ้มให้ แต่ผมยังไม่ทันพูดอะไรอีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นก่อน


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-09-2009 06:10:04
“ห้ามว่านะ ตรงนี้ไม่มีใครเห็นนี่นา ยกเว้นว่าวิวจะเขินคนที่อยู่บนคอนโดฝั่งโน้น” เป้พูดแล้วก็พยักหน้าไปทางคอนโดสูงริมน้ำอีกฝั่งที่มีแสงไฟลอดออกมาเพียงบางห้อง ผมเลยส่งค้อนให้คนพูดไปทีหนึ่ง รู้หรอกว่าผู้ชายค้อนกันมันไม่น่าดู แต่เคสนี้อดไม่ได้จริงๆ

“เออ ไอ้บ้า ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

ผมอดคิดในใจไม่ได้ว่าโชคดีชะมัดที่ไฟตรงนี้สลัว ไม่งั้นเป้ได้เห็นแน่ๆว่าหน้าผมแดงเพราะผิวแก้มมันร้อนไปหมด ไอ้ความขัดเขินที่ชอบเกิดขึ้นเวลาโดนแตะเนื้อต้องตัวนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมต้องทำความคุ้นเคยเหมือนกัน เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีแฟน อย่างดีก็เคยแอบจับมือเด็กผู้หญิงที่ชอบเวลาเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมโรงเรียนสมัยมัธยม แต่พอกลายมาเป็นคนโดนทำอะไรที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เคยไปทำกับคนอื่นนี่มันก็แหม่งๆเหมือนกันนะ

เป้ใช้มือข้างที่พาดอยู่บนพนักลูบไหล่ผมขึ้นลงเบาๆ ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของใบหน้าคมที่มองตรงไปข้างหน้า แล้วจึงค่อยๆวางหัวตัวเองลงบนไหล่กว้างนั่น นานๆที จะยอมว่าง่ายให้บ้างก็แล้วกัน ถือว่าเพราะตรงนี้ไม่มีใครมาเห็นหรอกถึงยอม

“เมื่อเย็นขอโทษนะ แต่ไม่อยากให้คู่แข่งได้ใจเลยต้องตัดไฟก่อน”

คำพูดของเป้ทำให้ผมต้องหันหน้าไปมองคนพูดพลางขมวดคิ้ว พูดอะไรแปลกๆ คู่แข่งงั้นเหรอ...คู่แข่งอะไรล่ะ แล้วเป้ไปมีคู่แข่งในบริษัทผมได้ไงในเมื่อไม่เคยเข้าไปทำงานในนั้นสักหน่อย

“คู่แข่งอะไรเป้ เมื่อเย็นก็เจอแต่พี่ศิลป์ หรือว่า...”

อะไรบางอย่างเริ่มคลิกในหัว น้ำเสียงห้วนของเป้ตอนที่พี่ศิลป์มายืนดูจอคอมพิวเตอร์อยู่ข้างๆผม ท่าทางแสดงความเป็นเจ้าของตอนเดินออกมาจากบริษัทด้วยกัน นี่เป้สงสัยว่าพี่ศิลป์ชอบผมงั้นเหรอ หน้าตาท่าทางจืดๆแถมไม่ค่อยพูดแบบนี้เนี่ยนะ

“นั่นแหละ เขามองวิวตาละห้อยเลยนะตอนเป้ไปรับออกมาน่ะ”

เป้พูดไปก็ยิ้มไปเหมือนเด็กที่สะใจกับชัยชนะจนผมต้องผลักไหล่หนานั้นด้วยความหมั่นไส้ จะมาภูมิใจทำไมกัน อีกอย่างป่านนี้ผมไม่โดนพี่ศิลป์มองว่าเป็นเด็กในโอวาทหมอนี่ไปแล้วเหรอเนี่ย รู้งี้โวยตั้งแต่ตอนอยู่ในออฟฟิศไปก็ดีหรอก “โอ๊ย!! จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ตอนนั้นพี่เค้าแค่มาช่วยดูงานให้ต่างหาก อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าจะคิดเหมือนตัวเองกันหมดสิ”

เป้ทำหน้ามุ่ยนิดหน่อยที่โดนผมผลัก แต่แล้วริมฝีปากบางก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นหน้ามาซะใกล้จนผมต้องรีบถอยเสียเอง

“อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าจะคิดอะไร คิดว่าวิวน่ารักน่าอยู่ใกล้ๆ ยิ่งไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากยั่วให้พูดน่ะเหรอ?”

“อะ ไอ้…”

ผมพูดอะไรต่อไม่ออก แต่ที่แน่ๆตอนนี้หน้าร้อนไปทั้งหน้า และถึงแสงจะสลัวแค่ไหนผมก็เห็นว่านัยน์ตาของเป้มองผมเป็นประกายวาวแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องหลับตาปี๋ แต่แล้วก็ต้องลืมตาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆก่อนที่เจ้าเด็กโข่งช่างแกล้งจะล้มตัวลงนอนบนตักแล้วชันเข่าข้างหนึ่งขึ้นยันพนักวางแขนไว้ ไม่รู้ว่าตอนเด็กกินนมแทนข้าวหรือไงถึงได้ขายาวเป็นบ้า

“นี่! มานอนอะไรตรงนี้เล่า ง่วงก็กลับไปนอนที่บ้านสิ พรุ่งนี้ก็ต้องไปช่วยงานพ่อที่บริษัทไม่ใช่รึไง”

ผมพูดพลางผลักไหล่คนบนตักเบาๆ เป้เลยหรี่ตาขึ้นก่อนจะจุ๊ปาก จากนั้นก็ดึงมือของผมข้างนั้นไปจูบแล้วเอาวางไว้บนอกพลางหลับตาลงใหม่ ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ผมคิดว่าอุณหภูมิบนหน้าตัวเองคงร้อนขึ้นอีกไม่ได้ ตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าผมคิดผิด ทำไมหมอนี่ถึงทำอะไรน่าอายได้ด้วยท่าทางไม่รู้สึกรู้สานักนะ หรือว่าต่อมความอายจะตายด้านไปแล้วก็ไม่รู้

“ไม่ได้ง่วง แค่อยากนอนตักแฟนเฉยๆ ก็วิวไม่ยอมให้เป้ขึ้นไปบนห้องสักทีนี่นา”

พอโดนท้วงด้วยน้ำเสียงเหมือนงอนหน่อยๆก็ทำเอาผมสะอึก ก็จริงอยู่ที่คบกันมาก็สองเดือนแล้ว แต่ทุกครั้งที่เป้ขับรถไปส่งผมจะไม่ยอมให้ขึ้นไปที่ห้องเลยสักครั้ง ผมไม่เคยคิดว่านั่นจะทำให้เป้คิดมากหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆสำหรับผม...ผมคิด เพราะการที่ผมจะยอมให้เป้เข้าไปในห้องก็เท่ากับผมยอมรับให้เป้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว จริงอยู่ว่าตอนนี้เราสองคนก็เกือบๆจะเป็นแบบนั้น เพราะเป้จะไปรอรับผมจากออฟฟิศและหาร้านทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนพาไปส่งที่หอทุกวัน แต่ถึงกระนั้นซอกหลืบหนึ่งภายในใจของผมก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาอยู่ดี

ผมใช้มือข้างที่ว่างปัดผมบนหน้าผากคนที่นอนหลับตาอยู่เบาๆก่อนจะถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ผมยังไม่พร้อมจะรับเป้เข้ามาในชีวิตเต็มที่ขนาดนั้น แน่นอนล่ะว่านั่นรวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่จะพัฒนามากขึ้นไปกว่าการกอดและจูบแบบนานๆครั้งอย่างเช่นตอนนี้ด้วย อาจฟังดูเหมือนคนวิตกจริต แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อผมยัง...ไม่พร้อมจริงๆ

“เบื่อวิวหรือยังนะ?”

คนที่นอนอยู่ลืมตาขึ้นมองผม ในจังหวะเดียวกับที่ผมทำตาโตเพราะรู้ตัวว่าเผลอหลุดคำถามในใจออกมาเป็นคำพูดจริงๆเสียแล้ว น้ำหนักที่เมื่อครู่พาดทับมาบนตักหายไปทันทีเมื่อเป้ดันตัวขึ้นนั่งแล้วรั้งไหล่ผมให้หันไปหา แต่ตอนนี้ผมอยากมองที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นที่เดียว นึกอยากตบปากตัวเองนักที่ดันเชื่อมตรงกับความคิดจนเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรให้อีกฝ่ายได้ยินออกไปจนได้

“วิว เมื่อกี้ได้ยินนะ ถามเป้ใช่มั้ย?”

ถามเสาไฟมั้ง...ผมชักนึกอยากจะกวนกลับไปแล้วทำเป็นพูดเรื่องตลกแทน แต่ผมรู้ว่าผมทำไม่ได้ และเป้ก็คงรู้ว่านั่นคือคำถามจากใจผมจริงๆเพราะผมปฏิเสธไม่ออก ให้ตายเถอะ ถ้ารู้แล้วก็เลิกจ้องเสียทีสิ ผมรู้สึกว่ากำลังสูญเสียความมั่นใจจนจะทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว

อ้อมแขนใหญ่รั้งตัวผมเข้าไปกอดไว้ ไม่ถึงกับแน่นจนสร้างความอึดอัด แต่ก็ไม่หลวมไปจนทำให้รู้สึกห่างเหิน ปลายนิ้วใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นนวดคลึงที่ต้นคอให้ขณะที่อีกข้างลูบแผ่นหลังของผมขึ้นลง ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดอยู่บนกระหม่อมก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะแนบตามลงมา ความอ่อนโยนนั้นทำให้ผมสับสน แค่ผมเผลอถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยอยู่ออกมาเท่านั้นต้องทำให้เป้เป็นห่วงขนาดนี้เลยหรือ

ผมยกมือขึ้นกุมเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ ทั้งที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนตัวโตถึงได้แสดงสีหน้าเป็นห่วงขนาดนั้น แต่อ้อมแขนแข็งแรงที่กำลังโอบร่างและเสียงหัวใจเต้นจากอกที่แนบชิดก็ทำให้ผมรู้สึกว่าในหัวปลอดโปร่งขึ้นจนต้องหลับตาลง

“เป้ขอมากไปใช่มั้ย? เลยทำให้วิวคิดมาก”

เสียงอบอุ่นที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ผมต้องคิดตาม แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้า ผมไม่รู้ว่าคำถามนั้นมาจากการที่ผมคอยแต่จะบ่ายเบี่ยงข้อเรียกร้องต่างๆของเป้ทางอ้อม หรือเพราะการที่ผมยังสลัดความคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นที่เป้เคยคบมาก่อนมากมายไม่ได้กันแน่ แต่สิ่งที่ผมแน่ใจตอนนี้คือผมตอบคำถามที่เป้ถามไม่ได้ และจู่ๆผมก็รู้สึกว่าในหัวล้าจนไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่ออีกแล้ว

“ไม่รู้ ไม่ใช่หรอก ไม่มีอะไรหรอกเป้ วิวคงทำงานเยอะไปหัวมันเลยเบลอๆน่ะ”

ผมตอบแล้วดันตัวเองออกจากอ้อมอกอุ่นนั้น หากพึ่งพาความอ่อนโยนของเป้มากไป ต่อไปผมก็จะเคยชินและยิ่งอ่อนแอมากเข้าไปอีก และหากผมไม่ต้องการเป็นแบบนั้นผมก็ต้องรู้จักยับยั้งตัวเองให้ได้ตั้งแต่ตอนนี้ แต่ดูท่าว่าเจ้าคนตัวโตตรงหน้านี่จะไม่อยากให้ความร่วมมือเลยนี่สิ

“ไม่เชื่อ ตอบมาดีๆว่าเพราะเป้หรือเปล่า ไม่งั้นคืนนี้ก็ไม่ต้องกลับห้อง”

มาแล้ว พ่อคุณชายเริ่มเข้าโหมดเอาแต่ใจขึ้นมาแล้ว แต่อย่าคิดนะว่าเป้จะเอาแต่ใจได้คนเดียว เวลากำลังเหนื่อยๆแบบนี้ผมก็อารมณ์ขึ้นเป็นเหมือนกัน

“ปัดโธ่เว้ย! จะอะไรกันนักกันหนา เออใช่! เรากลัวเป้เบื่อ เมื่อก่อนเป้ก็ไม่เคยคบผู้ชายนี่ จะมีอะไรเป็นหลักประกันล่ะว่าวันหนึ่งเราจะไม่โดนบอกเลิกแบบโอ๊ค เราไม่อยากเป็นตัวสนองความอยากรู้อยากเห็นให้ใครนะ ถ้าจะเบื่อก็รีบๆเบื่อซะตั้งแต่ตอนนี้แล้วก็เลิกกันไปเลย!”

เป้ทำตาโตขณะที่ผมหอบหายใจแรง ไม่รู้ทำไมจู่ๆในเวลาไม่กี่วินาทีผมก็เปิดเผยความอัดอั้นตันใจให้อีกฝ่ายฟังจนหมดเปลือก บางทีผมอาจจะประสาทไปเองก็ได้ที่คิดมากเรื่องนี้ทั้งที่คบกันได้ไม่นาน แต่ผมไม่อยากให้ตัวเองถลำลึกมากไปกว่านี้กับความอ่อนโยนที่เป้มอบให้ ผมกลัวการที่ต้องตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งแล้วพบว่าตัวเองขาดมันไม่ได้แล้ว แต่เป้กลับไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าและเปลี่ยนใจไปหาคนคนนั้นแทน ถ้าเป็นอย่างนั้นสู้ผมรีบทำให้เป้รู้ตัวว่าผมเป็นคนแบบนี้ หัวแข็งแบบนี้ ไม่ชอบการทำตามใจใครเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าจะมาสร้างภาพน่ารักจอมปลอมแล้วให้เป้ค้นพบความจริงทีหลังจะดีเสียกว่า

ใบหน้าคมยังจ้องผมนิ่ง นัยน์ตาสีเข้มกะพริบเหมือนยังคิดตามสิ่งที่ผมพูดอยู่ แต่ว่าผมเองเมื่อเริ่มสำนึกได้ว่าเมื่อครู่หลุดปากพูดอะไรไปบ้างก็ชักจะรู้สึกว่าหน้าชาขึ้นมา เพราะอย่างนี้มันไม่เท่ากับตัวเองแบไต๋ให้อีกฝ่ายรู้หมดเลยหรือว่าผมคิดอะไรอยู่ ทั้งที่เคยคิดว่าจะใจเย็นๆแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองที่ควรจะเป็นแต่ก็กลับมาทำตัวเป็นเด็กใจร้อนเองเสียได้ แต่พอผมหันหลังแล้วผลุนผลันจะลุกหนีก็กลับโดนมือแข็งแรงข้างหนึ่งฉุดให้ล้มลงไปนั่งบนตักแข็งๆ แถมเจ้าของตักยังถือวิสาสะโอบแขนรัดเอวผมไว้แน่นอีกต่างหาก

“หัวเราะอะไร!?”

ผมหันไปตวาดเสียงเขียวเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในคอเบาๆจากคนที่ตัวเองนั่งทับอยู่ แต่พอหันไปมองก็เห็นนัยน์ตาเป็นประกายระยับที่จ้องอยู่ก่อนแล้วจนต้องรีบหันหนีแทบไม่ทัน เป้กดจมูกลงมาบนแก้มผมแรงๆทีหนึ่งก่อนจะโยกตัวผมเบาๆไปมา แต่ตอนนี้หัวผมตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วเลยได้แต่เงียบอย่างเดียว

“รู้ตัวมั้ย ต่อให้อยากเบื่อยังไงเป้ก็เบื่อวิวไม่ลงหรอก อยากรู้มั้ยว่าเพราะอะไร?”

ลมหายใจอุ่นที่ระอยู่ข้างแก้มกับเสียงทุ้มที่เอ่ยอยู่ชิดริมหูทำให้หัวใจผมพองโตจนแน่นหน้าอก ความอึดอัดรำคาญใจที่คอยแวะมาเยี่ยมเยียนดูเหมือนจะถูกพัดให้หายไปเป็นปลิดทิ้งจากคำพูดของเป้เพียงไม่กี่ประโยค ใจหนึ่งผมก็นึกอยากรู้ว่าที่เป้พูดนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่นึกอีกที ผมชักไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่เป้คิดจะเป็นสิ่งที่ผมอยากฟังจริงๆหรือเปล่า ไอ้บ้านี่ชอบมองอะไรไม่เหมือนคนอื่นอยู่ด้วย หลักฐานก็คือการที่มาชอบผมนี่ไง ดังนั้นผมไม่เออออไปด้วยดีกว่า

“ไม่เอา ไม่อยากรู้ ไม่ต้องบอก พาไปส่งที่หอได้แล้ว”

ผมถองศอกใส่คนด้านหลังไปทีหนึ่งแต่ไม่ได้รุนแรงอะไรนัก เป้หัวเราะหึๆในคอก่อนจะยอมปล่อยผมให้ลุกจากตักแต่โดยดี เราเดินเคียงข้างกันกลับไปที่รถโดยที่อีกฝ่ายไม่หันมาขอจับมือหรือกอดไหล่อีกเลย แต่บรรยากาศอบอุ่นที่อบอวลอยู่รอบตัวแม้ว่าไหล่ของเราจะไม่สัมผัสกันด้วยซ้ำก็ทำให้ผมอดหันไปยิ้มให้คนตัวโตที่หันกลับมายิ้มตอบไม่ได้

เป้ขับรถมาส่งผมที่ใต้หอหน้าทางเข้าลิฟต์ด้านในแทนที่จะเป็นทางเข้าด้านหน้าเหมือนทุกครั้ง แต่ขณะที่ผมกำลังปลดสายเข็มขัดเพื่อจะออกจากรถเป้ก็หันมาเรียก ผมจึงหันไปหา แล้วก็ต้องสะดุ้งนิดหน่อยที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ยื่นหน้ามาประกบริมฝีปากผมอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันได้ตั้งรับเลยด้วยซ้ำ

“หลับฝันดีนะ คืนนี้จะปล่อยเรื่องขอขึ้นห้องไว้ก่อน แต่หลังจากวันนี้วิวเตรียมใจไว้ได้เลย”

ผมมั่นใจว่าตัวเองคงหน้าแดงเลยไม่พูดอะไรตอบ แต่แล้วพอจะหันไปเปิดประตูรถก็นึกอะไรขึ้นได้จึงชะงัก เป้ยอมตามใจผมด้วยการไม่เร่งรัดผมแล้ว แล้วผมล่ะ ควรจะได้เวลาตามใจอีกฝ่ายเพื่อตอบแทนบ้างหรือยัง

เป้เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างสงสัยเมื่อผมเอี้ยวตัวกลับไปหา ผมจึงรั้งคออีกฝ่ายลงมาหอมแก้มหนักๆทีหนึ่งก่อนจะรีบเดินลงจากรถ แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมาก่อนจะปิดประตูจนได้สิน่า

ผมรีบตรงเข้าลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นหก จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้ผมมั่นใจว่าเป้คงยังรออยู่แน่ๆจึงรีบไขกุญแจเข้าห้องและวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ พอเลื่อนประตูกระจกออกไปตรงระเบียงก็ได้เห็นว่าคนตัวโตกำลังยืนพิงรถรออยู่จริงๆ เป้ยิ้มแล้วโบกมือให้ก่อนจะกลับเข้ารถแล้วขับออกไป แต่ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้โบกมือตอบ ผมก็มั่นใจว่าเป้คงสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของผมเหมือนกัน

ผมยืนมองจนรถยาริสสีดำลับตาไปแล้วจึงค่อยเดินกลับเข้ามาในห้อง จากนั้นจึงเปิดแอร์และเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแปรงฟันเพื่อเตรียมตัวเข้านอน เมื่อออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งผมก็กวาดสายตามองไปยังข้าวของที่วางอยู่โดยรอบ ความจริงห้องผมไม่ได้รกอะไรนักหนาเพราะปกติผมจะเก็บกวาดเป็นระยะอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ใครบางคนมาเยี่ยม สงสัยว่ายังไงก็คงจะต้องจัดข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่านี้สักหน่อยก่อน

เสียงโทรศัพท์มือถือส่งสัญญาณว่ามีเมสเสจเข้าขณะที่ผมปิดไฟแล้วและกำลังจะล้มตัวลงนอน พอเปิดข้อความที่รู้ดีว่าคนส่งมาคือใครออกอ่านผมก็ต้องยิ้ม แต่ทว่าเมื่ออ่านจบผมก็เพียงปิดเครื่องแล้ววางไว้บนหัวนอนโดยไม่พิมพ์อะไรกลับ ในเมื่อเป้บอกเองว่ายังไงก็ไม่มีวันเบื่อผมลง ผมก็จะเดิมพันกับคำพูดนั้นแล้วให้เป้รอต่ออีกหน่อย ไหนๆก็รอมาได้สองเดือนแล้ว ให้รอต่ออีกสักเดือนก็คงไม่อกแตกตายหรอกน่า ผมคิดก่อนจะกระชับผ้าห่มขึ้นจนชิดคางทั้งที่รอยยิ้มบนหน้ายังไม่ยอมหายไปตลอดทั้งคืน


+------+


“สวัสดีครับ พี่ก้อย พี่ศิลป์”

ผมเอ่ยทักทายก่อนจะตรงเข้าไปวางกระเป๋าลงใต้โต๊ะและเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้น พี่ก้อยลุกจากที่นั่งมาพร้อมแฟ้มงานเพื่อปรึกษากับผมและตรวจดูข้อมูลกับรูปที่ผมหาไว้ให้เมื่อวานเพื่อเตรียมทำพรีเซ้นต์ ส่วนพี่ศิลป์เอาแต่นั่งทำงานของตัวเองไปเงียบๆทั้งที่ปกติจะคอยชวนคุยจนพี่ก้อยต้องหันไปแซวเป็นระยะว่าเป็นอะไร

ช่วงพักกลางวันผมไม่ได้หิวมากเพราะเมื่อเช้ากินข้าวต้มไปแล้ว จึงแค่ลงไปซื้อลูกชิ้นปิ้งกับผลไม้ขึ้นมาบนออฟฟิศเพราะพี่ก้อยเพิ่งสั่งงานให้ช่วยทำเพิ่ม แต่พอเดินเข้ามาในห้องก็ต้องชะงักที่เห็นว่าพี่ศิลป์ก็ไม่ได้ลงไปกินข้าวเหมือนกัน แต่กระดาษห่อแฮมเบอร์เกอร์และกล่องเฟรนช์ฟรายส์ที่อยู่บนโต๊ะก็บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงเดินลงไปซื้อจากร้านใต้ตึกนี่เองขึ้นมาเป็นอาหารกลางวันแล้ว

“งานเยอะเหรอครับพี่ศิลป์”

“นิดหน่อย พอดีมีรีพอร์ตตัวนึงที่ลูกค้าอยากได้ด่วนเลยต้องรีบเช็คให้เค้าน่ะ”

ผมส่งเสียงรับรู้ในคอ ก่อนจะวางถุงอาหารที่ซื้อมาลงบนโต๊ะและนั่งทำงานต่อ เราต่างคนต่างนั่งทำงานไปโดยไม่คุยกัน แต่โชคดีว่าพี่ศิลป์เปิดวิทยุคลอเอาไว้เบาๆทำให้บรรยากาศไม่เงียบจนเกินไปนัก พักหนึ่งผมก็รู้สึกว่าเสียงคลิกเมาส์และคีย์บอร์ดจากสมาชิกร่วมห้องเงียบไปจึงหันไปหา และได้เห็นว่าพี่ศิลป์ที่กำลังนั่งเท้าคางมองผมอยู่สะดุ้งนิดหน่อย เจ้าตัวเลยยกมือขึ้นปิดปากกระแอมก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อ

ผมนึกถึงสิ่งที่เป้พูดเกี่ยวกับพี่ศิลป์ขึ้นมาทันที แต่ไม่ว่าเป้จะคิดถูกหรือเข้าใจผิดไปเองก็ตาม ผมก็คิดว่าไม่ควรจะให้ความหวังพี่เขาด้วยการรับรู้ว่าเขาแอบมองผมอยู่ดีกว่า พอคิดได้ดังนั้นแล้วจึงหันกลับไปทำงานตามเดิม แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงหมุนเก้าอี้เอี๊ยดอ๊าดดังมาจากด้านหลัง ทว่าผมยังคงนั่งมองหน้าจอแทนที่จะหันกลับไปมองเพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องสนใจ

“เอ่อ...วิว”

“ครับ?” ผมตอบรับแต่ไม่ได้หันกลับไปมอง เพราะว่ากำลังเปิดลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดงานอยู่พอดี

“เพื่อนที่มาหาวิวเมื่อวานน่ะ...เค้า...เอ้อ...”

“ครับ เค้าทำไมเหรอ?”

คราวนี้ผมหันกลับไปมองคนถามตรงๆ พี่ศิลป์ทำท่าอ้ำๆอึ้งๆ แต่ผมคิดว่าถ้าหากพี่ศิลป์กล้าถามขึ้นมาจริงๆ ผมก็กล้าตอบไปตามความจริงเหมือนกัน ทว่าอีกฝ่ายเพียงแค่จ้องหน้าผมอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้

“คือ...ไม่มีอะไรว่ะ ช่างมันเถอะ ที่จริงไม่ต้องถามก็พอจะเดาได้อยู่แล้วล่ะ ท่าทางขี้หวงออกนอกหน้าซะขนาดนั้น”

ผมหัวเราะเบาๆเมื่อคนถามหันกลับไปนั่งเท้าคางพลางคลิกเมาส์ของตัวเองไปเรื่อยๆต่อ ผมจึงหันกลับมาหางานของตัวเองบ้าง อดคิดเล่นๆไม่ได้ว่าจะไปเล่าให้เจ้าตัวฟังดีไหมว่าโดนนินทาว่ายังไง แต่เมื่อคิดดีๆแล้วก็ตัดสินใจได้ว่าไม่เล่าดีกว่า ขืนเป้ได้ใจแล้วบอกว่าตัวเองคิดถูกที่หึงพี่ศิลป์ เดี๋ยวก็คงได้เถียงกับผมจนเป็นเรื่องอีกรอบแน่

จากหางตาผมเห็นแสงเรืองๆจากหน้าจอมือถือที่เปิดสั่นไว้จึงรีบยกขึ้นกดรับ แล้วก็ต้องยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เพิ่งถูกพูดถึงพอดีทักทายมา เพิ่งจะพักกลางวันเองแท้ๆจะมารีบถามว่าตอนเย็นจะกินอะไรทำไมก็ไม่รู้

ผมคุยกับเป้ต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย ทว่าพอลุกขึ้นเพื่อจะเอาแก้วน้ำไปเติมน้ำเย็นจากในครัวก็ได้ยินเสียงพี่ศิลป์ลอยมาเบาๆ และสิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาผมต้องรีบเดินหนีเพราะร้อนไปทั้งหน้า พี่ศิลป์นะพี่ศิลป์ ยังดีว่าตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันเลยไม่มีคนอื่นในออฟฟิศ ไม่งั้นโดนผมโมโหใส่แน่

“เฮ้ออออ อิจฉาคนมีแฟนแล้วโว้ยยย”


+---End แรกเปิดใจ---+  


*ปล.* ถามนิดนึง คือป้ากำลังคิดว่าจะรวมเล่มลำนำรักสีรุ้งค่ะ จุดประสงค์หลักคือจะเอาไว้อ่านเอง เลยมาถามดูว่ามีใครสนใจไหมเพราะจำนวนพิมพ์ขั้นต่ำมันกี่เล่มก็ได้ และในรวมเล่มคาดว่าคงจะจัดเรียงตอนต่างๆใหม่ตามลำดับเวลาในเรื่องและรีไรท์บางตอนด้วย ถ้าหากมีคนสนใจอยากได้เหมือนกันจะได้เพิ่มตอนพิเศษสำหรับหนังสือเท่านั้นให้ ถ้าใครสนใจก็พีเอ็มหรือทิ้งอีเมล์ไว้แล้วกันเด้อ (ถ้าถามว่าทำไมไม่ทำของอ๊อฟนะบ้าง เพราะมันยังไม่จบอะกั๊บ อีกอย่างของอันนั้นท่าทางจะหนาแหงมๆด้วยล่ะเลยยังไม่มีโครงการ)
 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 12-09-2009 07:04:19
จบได้ยังไง  วิวยังไม่ได้รับเป้เข้าหอเลย  ป้ารีบมาต่อด่วน อ๊ากซ์ซ์ซ์ซ์ซซซซซซซ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 12-09-2009 08:10:41
^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: kitty ที่ 12-09-2009 11:51:18
 o18น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-09-2009 12:38:38
^
^
ขอบคุณค่ะ แต่เห็นมีดแอบข้างหลังแล้วเสียวนะเนี่ย อิอิ  :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 12-09-2009 13:43:41
อยากอ่านเรื่องของเป้-วิว อีกจังเลยค่ะ

รีบ ๆ มานะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 12-09-2009 14:12:11
 o13
+1ให้เลยน๊า
ป้าตอนนี้ยอดมาก อ่านแล้วยิ้มทั้งตอนเลย
ไม่ว่าจะอ่านเรื่องนี้กี่ที กี่ตอนก็ยิ้มตลอด
ด้วยเป้ เป็นคนนิสัยแบบนี้มีมุมมองอะไรไม่เหมือนใครเลยยิ่งอ่านแล้วชอบ
ส่วนวิวก็มีความคิดที่ตรงไปตรงมาไม่เหรงใจใคร แต่ก็มีความรู้สึกที่ชัดเจน
แยกอารมณ์กับเหตุผลได้มากกว่าคุณชายเป้ เวลาอยู่ด้วยกันก็ดลยยิ่งน่ารัก
แล้วจะรออ่านต่อไปน๊า
นิว(LOVEis)
ปล.จะส่ง PM ไปนะป้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 12-09-2009 15:20:57
ชอบมากตอนหวานๆแบบนี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-09-2009 15:42:25
:impress2: หวานๆ ชอบๆ มะไหร่เป้จะได้เผด็จศึกวิว ครั้งแรกล่ะป้า อยากอ่านแว้ว  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 12-09-2009 16:23:17
นี่ยังแค่เริ่มต้นใช่ปะคะ ยังจะมีตอนพิเศษต่อจากนี้ของเป้กะวิวอีกใช่ป่าว  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 12-09-2009 17:35:10
ชอบๆ เป้ วิว น่ารัก อิอิ

มาต่อเร็วๆนะป้าคนสวย :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: สุขาพาเพลิน ที่ 12-09-2009 18:05:06
จบได้ยังไง  วิวยังไม่ได้รับเป้เข้าหอเลย  ป้ารีบมาต่อด่วน อ๊ากซ์ซ์ซ์ซ์ซซซซซซซ


เห็นด้วยกับคุณน้ำค้างอ่ะครับ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 13-09-2009 00:34:44
โอ้ย กว่าจะอ่านจบ
เบาหวานรับประทาน
เตรียมอินซูลินไม่ทันเลย
หวานมากกกกกกกก อร้ากกกก
ชอบสุดๆไปเยยคร้าบ ขอบคุณนะครับ
^^
 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 13-09-2009 12:44:30
ชอบอะ ถ้าทำเล่มก็สนใจนะ รักเป้วิวมากๆ o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-09-2009 13:02:21
อ้างถึง
“รู้ตัวมั้ย ต่อให้อยากเบื่อยังไงเป้ก็เบื่อวิวไม่ลงหรอก อยากรู้มั้ยว่าเพราะอะไร?”

วิวไม่อยากรู้ แต่เราอยากรู้  :laugh:
ป้า กลับมาบอกก่อน  :z3:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-09-2009 13:31:15
^
^
^
นั่นสิ ใครเดาได้มั่งว่าเพราะอะไร ป้าเองยังไม่รู้เลยค่ะว่าเป้คิดอะไรอยู่ คนอะไรเข้าใจยากจริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ เป้-วิว Again (12/09/09) p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-09-2009 13:43:14
ชอบอะ ถ้าทำเล่มก็สนใจนะ รักเป้วิวมากๆ o18

แอร๊ยย์ เจาะไข่ไม่ทัน คุณ maio2000 จองด้วยจริงหรือเปล่าคะ ถ้าได้รายละเอียดแล้วจะพีเอ็มไปเน้อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-09-2009 12:41:42
หลังจากแจ้งรวมเล่ม “ลำนำรักสีรุ้ง” ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต้องขอบคุณแฟนๆที่อีเมล์และพีเอ็มมาจองนะจ๊ะ เนื่องจากตอนนี้ภาพปกเรียบร้อยแล้วเลยเอามาแปะยั่วก่อน ใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น  o18

ปกหน้า (ทายซิเขาคือใคร?)
(http://farm4.static.flickr.com/3528/3932717141_66bd239c6e.jpg)

ข้อมูลหนังสือ:
•   ราคาหนังสือรวมค่าส่งแบบลงทะเบียน เล่มละ 190 บาท
•   ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
•   ตอนปฐมบทแบบ extended version (ใครเคยดูลอร์ด ออฟ เดอะ ริง extended version บ้าง ฟีลจะประมาณนั้นละ)
•   ตอนพิเศษที่ไม่เคยลงในบอร์ด น่าจะไม่ต่ำกว่าสามตอน (รวมทั้งตอนที่หลายคนอยากอ่านนั่นล่ะ หุหุ)
•   แถมที่คั่นหนังสือ
•   รูปปกแบบครบทั้งปกหน้าและหลัง สามารถดูได้ที่ http://bellbomb.bloggang.com
•   หมดเขตรับจองและโอนเงิน 9 ตุลาคม ทั้งนี้เพื่อจะได้ทราบจำนวนที่จะสั่งแน่นอนและเผื่อเวลาสำหรับเขียนตอนพิเศษเพิ่ม ส่วนหนังสือน่าจะเสร็จและจัดส่งได้ในเดือนตุลาค่ะ

รายละเอียดสำหรับการโอนเงิน:

ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานพระปิ่นเกล้า
บัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่ 162-4-13857-2
ชื่อบัญชี Sirin Siri…..

เมื่อโอนเงินเสร็จแล้ว ส่งอีเมล์มาที่ bellbomb แอท ฮอทเมล์ ดอท คอม พร้อมรายละเอียดดังนี้ค่ะ

- ธนาคาร+สาขาที่โอน
- วันที่และเวลาที่โอน
- เลขที่สลิป (หรือแสกนแล้วส่งมาก็ได้ค่ะ)
- ชื่อ+นามสกุลจริง และที่อยู่สำหรับส่งแบบลงทะเบียน

สงสัยอะไร พีเอ็มหรืออีเมล์ถามป้าได้เลยค่า~   :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 19-09-2009 13:27:39
โอ้ย  ชอบปกมาก ต้องวิ่งตามไปดูในบล็อค  

ชอบอ่ะ  ปกหน้านี่ขอทายว่าเป็น วิวอ่ะ  ปกหลังเป้  ดูจากสัดส่วนของร่ายกาย

ถูกหรือผิด มาเฉลยด้วยน่ะค่ะ  

เด๋วต้นเดือนค่อยโอน อิอิ

ปล.  รอตอนในวงเล็บนี่ล่ะ  (รวมทั้งตอนที่หลายคนอยากอ่านนั่นล่ะ หุหุ)

ปล2  กระดาษเป็นกระดาษถนอมสายตาเปล่าค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-09-2009 13:54:41
เริ่มโอนได้เลยชิมิค่ะ  จะได้บอกบัญชีส่วนตัวให้ไปโอนให้ อิอิ  :laugh:

เ้ค้าก็ทายว่า รูปปกเป็นเป้วิว จำได้ตอนที่อ่านตอนพิเศษ ที่ว่าไปนั่งท่าน้ำหรือไรนี่แหละ

แบบวิวคิดมากหรือไรมิแน่ใจเรื่องของเป้ กลัวเป้เบื่อ เพราะตัวเค้ามิยอมให้เป้สักที  :z1: ถูกมั้ยป้า

มายถูกได้ส่วนลดมะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-09-2009 17:24:56
 :impress2: เงินช๊อต 555+
ไว้ต้นต้นเดือนไปโอนเงินให้นะป้ายังไงๆก็ต้องมีเก็บไว้ให้ได้เรื่องนี้
นิว(งามอย่างผู้ดี)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-09-2009 17:44:42
jaaeyboy พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตาค่ะ โทษทีลืมพิมพ์ แก้ให้แล้วน้า ส่วนตอนพิเศษก็...รออ่านละกัน  :laugh:

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ 

[N]€ẃÿ{k}uñĢ ต้นเดือนด้ายยย ที่ให้ถึงวันที่ 9 ก็เพราะรู้ว่าหลายคนตังค์ช็อตนี่แหละ (ป้าก็ช็อตอยู่เหมือนกัน ก๊ากก)

ส่วนปกหน้าปกหลังคือใคร ทายถูกกันหลายคน งั้นให้ที่คั่นหนังสือฟรีละกัน (ขอเล่นง่ายนิดส์นึง หุหุหุ)  :pigha2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-09-2009 17:58:21

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ[/color] 


โหป้า ส่งให้จิงหรอ  :impress2: แล้วจะเอาอะไรไปแลกล่ะ สามีที่ใช้อยู่เอามะ  :laugh: พอดีอยากได้ของใหม่แระ
จะโละของเก่าๆ  :jul3: เอออย่าลืมลายเซ็นนะ ของเค้าอยากได้ เซ้นให้ด้วย งามๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-09-2009 18:25:04

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ[/color] 


โหป้า ส่งให้จิงหรอ  :impress2: แล้วจะเอาอะไรไปแลกล่ะ สามีที่ใช้อยู่เอามะ  :laugh: พอดีอยากได้ของใหม่แระ
จะโละของเก่าๆ  :jul3: เอออย่าลืมลายเซ็นนะ ของเค้าอยากได้ เซ้นให้ด้วย งามๆ



งืมๆ ไหนๆก็มีบัญชีส่วนตัวอยู่ที่นี่ใช่มะ งั้นเค้าส่งผ่านคนนั้นละกาน 555 ส่วนของมือสองเราไม่เอา จาเอาของใหม่ ถ้าได้เป็นตัวมาแลกจริงๆเดี๋ยวส่งหนังสือให้ฟรี (ไม่ค่อยเล้ยตรู)  :z1:

ส่วนลายเซ็น มะมีปัญหาจ้า สำหรับคนสวยเด๋วจัดห้าย  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 19-09-2009 19:03:25
ปกสวยจังเลย

ชอบหนังสือทำเองแบบนี้จัง จะช่วยอุดหนุนนะครับ

แต่ต้องใกล้ๆ สิ้นเดือนก่อน เงินเริ่มเหลือน้อยแล่ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 19-09-2009 19:16:28
วันจันทร์จะโอนเงินไปให้นะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 19-09-2009 19:21:36

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ[/color] 


โหป้า ส่งให้จิงหรอ  :impress2: แล้วจะเอาอะไรไปแลกล่ะ สามีที่ใช้อยู่เอามะ  :laugh: พอดีอยากได้ของใหม่แระ
จะโละของเก่าๆ  :jul3: เอออย่าลืมลายเซ็นนะ ของเค้าอยากได้ เซ้นให้ด้วย งามๆ



งืมๆ ไหนๆก็มีบัญชีส่วนตัวอยู่ที่นี่ใช่มะ งั้นเค้าส่งผ่านคนนั้นละกาน 555 ส่วนของมือสองเราไม่เอา จาเอาของใหม่ ถ้าได้เป็นตัวมาแลกจริงๆเดี๋ยวส่งหนังสือให้ฟรี (ไม่ค่อยเล้ยตรู)  :z1:

ส่วนลายเซ็น มะมีปัญหาจ้า สำหรับคนสวยเด๋วจัดห้าย  :o8:
ป้าจ๋านิวขอ ที่คั่นกับลายเซ็นด้วยน๊า อยากได้ๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-09-2009 19:49:14

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ[/color] 


โหป้า ส่งให้จิงหรอ  :impress2: แล้วจะเอาอะไรไปแลกล่ะ สามีที่ใช้อยู่เอามะ  :laugh: พอดีอยากได้ของใหม่แระ
จะโละของเก่าๆ  :jul3: เอออย่าลืมลายเซ็นนะ ของเค้าอยากได้ เซ้นให้ด้วย งามๆ



งืมๆ ไหนๆก็มีบัญชีส่วนตัวอยู่ที่นี่ใช่มะ งั้นเค้าส่งผ่านคนนั้นละกาน 555 ส่วนของมือสองเราไม่เอา จาเอาของใหม่ ถ้าได้เป็นตัวมาแลกจริงๆเดี๋ยวส่งหนังสือให้ฟรี (ไม่ค่อยเล้ยตรู)  :z1:

ส่วนลายเซ็น มะมีปัญหาจ้า สำหรับคนสวยเด๋วจัดห้าย  :o8:
ป้าจ๋านิวขอ ที่คั่นกับลายเซ็นด้วยน๊า อยากได้ๆ  :impress2:

ที่คั่นไม่มีปัญหาได้ทุกคนที่ซื้อจ้า แต่ลายเซ็นนี่ให้เป็นรายๆที่ขอไปละกันนะ จะเซ็นให้ทุกคนก็เขินๆแฮะ  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 19-09-2009 22:18:10
ป้าำคับ
รวมเรื่องทั้งหมดที่ป้าเขียน หรือว่าเฉพาะเรื่องเป้ วิว เท่านั้น?
ว่าแต่น่าจะรวมทั้งหมดเนอะ พิมพ์ทีนึงจะได้คุ้มค่า

ส่วนตังอ่ะ ต้นเดือนนะ (ถ้าไม่ลืม!!! เอ๊ะ ต้องไม่ลืมดิ :serius2:)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-09-2009 22:48:48
ป้าำคับ
รวมเรื่องทั้งหมดที่ป้าเขียน หรือว่าเฉพาะเรื่องเป้ วิว เท่านั้น?
ว่าแต่น่าจะรวมทั้งหมดเนอะ พิมพ์ทีนึงจะได้คุ้มค่า

ส่วนตังอ่ะ ต้นเดือนนะ (ถ้าไม่ลืม!!! เอ๊ะ ต้องไม่ลืมดิ :serius2:)

^
^
^
จะรวมทุกเรื่องได้ง้าย มันยังไม่จบเลยซักกะเรื่อง อีกอย่างขืนรวมหมดได้กลายเป็นสมุดหน้าเหลืองพอดี :laugh:

ว่าแต่มาลงชื่อแล้วก็มัดมือชกเลย ถ้าลืมอีกเด๋วไปหลอกที่บ้าน เหอๆ  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 20-09-2009 03:52:58
มาลงชื่อด้วยคนครับ แต่คงต้องรอต้นเดือนหน้าเหมือนกันครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 20-09-2009 09:06:57
อิจฉาอะ จะเอาด้วยเอาด้วย

ไม่ยอมพี่หนึ่งหรอก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-09-2009 16:12:39
อิจฉาอะ จะเอาด้วยเอาด้วย

ไม่ยอมพี่หนึ่งหรอก

 :beat: น้องสาว ฟะจ่ายเงินค่าหนังสือให้ด้วยจิ  :laugh: ติดต่อยายไม่ได้ เดี๋ยวพลาด อดได้พอดี



ปล.ขอโทษ จขกท นะค่ะ ที่มาคุยเรื่องเงินๆทองๆออกอากาศ  :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-09-2009 16:39:48
อิจฉาอะ จะเอาด้วยเอาด้วย

ไม่ยอมพี่หนึ่งหรอก

 :beat: น้องสาว ฟะจ่ายเงินค่าหนังสือให้ด้วยจิ  :laugh: ติดต่อยายไม่ได้ เดี๋ยวพลาด อดได้พอดี



ปล.ขอโทษ จขกท นะค่ะ ที่มาคุยเรื่องเงินๆทองๆออกอากาศ  :jul3:

ไม่เป็นไรค่ะสาวๆ ว่าแต่ขอเก็บค่า on air fee ได้มะ หุหุหุ (นานน้านจะขยันตอบกระทู้ขนาดนี้นะนี่)  :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-09-2009 18:44:13


ไม่เป็นไรค่ะสาวๆ ว่าแต่ขอเก็บค่า on air fee ได้มะ หุหุหุ (นานน้านจะขยันตอบกระทู้ขนาดนี้นะนี่)  :m20:
[/quote]

โห ป้าซับเลือดที่หน้าหน่อยเร็ว มันไหลเปรอะแล้ว  o18

ทู้ยังอยู่ห้องนิยายเล่มมากไม่ได้เดี๋ยวโดน งั้น มะไหร่ตอนต่อไปจะลงค่ะ มาทวงนิยาย อยากอ่านเป้วิว ตอนครั้งแรกที่โดน  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-09-2009 19:08:55
^
^
^
แหะๆ เล่นมากๆเสียวโดนเตือนเหมือนกัน ว่าแต่พี่หนึ่งมาทวงตอนแรกอะไรต่อหน้าประชาชี อายค้าวม้ายยยยย :o8:

ตอนที่ว่าเดี๋ยวรออ่านในรวมเล่มละกันนะ เพราะตอนพิเศษหลังจากนี้ทั้งหมดจะสงวนให้คนที่ซื้อหนังสือเท่านั้นจ้า ^^

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: kuraki ที่ 20-09-2009 19:14:19
ลงชื่อด้วยคนนะคะ

 :pig4:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 21-09-2009 13:43:56
อยากได้อีกเรื่องด้วยงะ (น้องนะ) 555+
ต้นเดือนจะโอนเงินนะค่ะ

ปล. เล่มนี้คือ มีเเค่คู่เป้กะวิว ใช่มั้ยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-09-2009 14:54:05
อยากได้อีกเรื่องด้วยงะ (น้องนะ) 555+
ต้นเดือนจะโอนเงินนะค่ะ

ปล. เล่มนี้คือ มีเเค่คู่เป้กะวิว ใช่มั้ยค่ะ


เล่มนี้เป้กับวิวล้วนๆค่ะ ส่วนอ๊อฟกับน้องนะเอาไว้เขียนจบแล้วค่อยว่ากันเนาะ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 21-09-2009 15:33:24
 :z13: ป้า

อย่าลืมของฝากเค้านะ 555+
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 23-09-2009 09:24:27
อ่านทันแระ
คู่เป้กะวิวหวานดีคร้าบบบบบบบ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: มาโซซายตี้ ที่ 23-09-2009 20:47:21
ไม่ได้เข้ามานานมาก
รวมเล่มแร๊ววววว
เอาเล่มนึงค่ะ
รักนะจ๊วบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 24-09-2009 14:18:05
จองด้วยเล่มนึงค่ะ สนุกดี
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-09-2009 17:18:02
>としんゃ<    แอมจะเอาไรอะ เด็กน้อยเอธิโอเปียดีปะ อิอิ (เลียนแบบแองเจลินากับมาดอนนาเลยนะเนี่ย)  :laugh:

kungyung   ขอบคุณค่า ^^

Y-IN-SOUL  OK จ้าพี่นิ้ง

M@nfaNG   ได้เลยค่ะ กระบวนการจองตามหน้าที่ 38 เลยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: PAN@DA ที่ 24-09-2009 22:45:32
จองด้วย 1 เล่มค่ะ  เดี๋ยวโอนเงินแล้วจะเมลไปนะคะ

เรื่องนี้น่ารักมากมายอ่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 25-09-2009 12:20:49
โอนเงินค่าหนังสือไปแล้วกลัวยุ่งแล้วลืม แจ้งไปทางอีเมลล์แล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-09-2009 14:33:37
โอนเงินค่าหนังสือไปแล้วกลัวยุ่งแล้วลืม แจ้งไปทางอีเมลล์แล้วนะคะ

ตอบเมล์แล้วนะคะ ถ้าไม่ได้ลองเช็คโฟลเดอร์ Junk ดูนะคะว่าหลุดไปในนั้นหรือเปล่า ขอบคุณค่า  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: LPNGUY ที่ 26-09-2009 20:10:12
หวัดดีค๊าบบบบ.... o13

จองด้วย 1 เล่มค๊าบบบบบบ ติดตามอานมาด้วยเหมือนกัน  จะโอนกะตังค์ไปอาทิตย์หน้านะค๊าบบบ
แล้งจะแจ้งไปทางอีเมลล์อีกทีค๊าบบบบป๋ม :z2:

จหนุ่มลำพูนค๊าบบบ o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: Joobperman ที่ 01-10-2009 22:05:43
หมายความว่า เป้กะวิว มีแค่ 1 เล่มใช่มั้ยคะ
จำนวนเงินโอน คือ 190 บาท
ขอจอง  1 เล่มจ้า  พรุ่งนี้โอนเงินให้นะคะ
แล้วจะอีเมล ไปบอกรายละเอียดนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แปะปกเป้-วิว & รายละเอียดการโอนเงิน (19/09/09) p.
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-10-2009 08:36:52
จอง 1 เล่มค่ะ จะโอนเงินวันนี้
ถ้าโอนแล้วจะแจ้งไปทางmail ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-10-2009 17:01:54
รับทราบจ้าคุณ LPNGUY คุณ Joobperman และคุณ winndy :D

ถึงท่านอื่นๆที่อาจโอนเงินจองและอีเมล์มาแล้ว ถ้าใครยังไม่ได้อีเมล์ตอบในสองวันขอให้เช็คจากโฟลเดอร์จั๊งค์นะคะ เพราะอีเมล์ที่บางคนส่งมาก็เด้งไปอยู่ในจั๊งค์ของป้าเหมือนกัน แต่ป้าเช็คหมดค่ะดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้รับเน้อ

ว่าแล้วก็อัพเดตความคืบหน้าของหนังสือซะหน่อย ปัจจุบันเสร็จไป 80% ส่วนที่เร่งสุดๆก็คือตอนพิเศษอีกสองตอน เพราะว่าช่วงที่ผ่านมาป้างานด่วนเข้าเลยมีเวลาเขียนแบบขยึกขยัก แต่ข่าวดีก็คือปฐมบทรีไรท์เขียนเสร็จแล้ว และมันงอกยาวออกมาจากออริจินอลเยอะมากกกกก ใครไม่อิ่มเป้จาก original version ก็น่าจะอิ่มกันจากในรวมเล่มนี้แหละ อิอิอิ  :laugh:

แล้วก็ขอแจ้งว่าอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์ป้าอาจไม่ค่อยได้ใช้เน็ตนะ พอดีต้องเดินทางไปเรื่องงาน ณ ประเทศ อ. ในทวีป อ. (แอนตาร์กติกา?) ดังนั้นถ้าใครโอนเงินมาระหว่างวันที่ 4-8 ก็ไม่ต้องตกใจถ้าไม่ได้เมล์ตอบในทันที แต่ยังไงกลับมาแล้วจะรีบเคลียร์ให้เลยค่า

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคนที่สนใจหนังสือนะคะ เห็นยอดจองตอนนี้เกินกว่าที่กะไว้ตอนเริ่มโปรเจ็กต์ก็ดีใจ มีกำลังใจจะเข็นออกมาให้ทันเดดไลน์ปลายเดือนจ้า

ปล. เค้าคิดถึงอ๊อฟกับน้องนะง่ะ แต่ตอนนี้ยุ่งกับโปรเจ็กต์รวมเล่มเป้-วิวเลยไม่มีเวลาเขียนถึงเลย น้องนะจ๋าอย่างอนป้านะลูกกกกก  :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: kijah ที่ 02-10-2009 19:30:09
ชอบน้องวิวมากมายยย
ที่ใจที่รวมเล่มนะคะ
อยากให้เขียนให้น้องวิว อ้อนๆๆมั่งอ่าค่ะงอนๆๆอ้อนๆๆ
เหมือนน้องแมวน้อยบ้างงงง :-[
ขอจองเล่มนึงจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: SANDSEAME ที่ 02-10-2009 21:00:50
จองเล่มหนึ่งค่ะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโอนแล้วจะเมล์ไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: kuraki ที่ 02-10-2009 21:52:40
โทษทีนะคะ ต้นเดือนมางานยุ่งจนไม่มีเวลาไปโอนเลย :sad4:

จะรีบไปโอนภายในกำหนดแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 02-10-2009 21:55:17
ผมโอนเงินไปแล้วนะครับ เพิ่งเมลล์ไปตะกี้เอง
จะรอรับหนังสือนะคร้าบบบบ ขอลายเซ็นด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-10-2009 22:52:35
คุณ ~Kir@ku~ ไม่มีปัญหาค่า ยังเหลืออีกหลายวัน

คุณ Vesi เช็คพีเอ็มหน่อยนะค้า มีไรถามจิ๊ดนึง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 03-10-2009 08:23:52
โอนเงิน และส่ง mail ไปแล้วนะค๊ะ
ขอบคุณสำหรับผลงานที่น่าอ่านแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 03-10-2009 19:59:03
 :m25:ในเล่มมีตอนพิเศษเป้วิว 100 ตอนใช่มั้ยพี่บีบี :laugh:

แอร๋ยๆ อยากได้ไว้มากมาย ไปเที่ยวอีกแล้วเหรอ แง่มๆๆ เอาของฝากมั้ง แนบมากับหนังสือเลยนะ

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1:ให้กำลังนะจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: LPNGUY ที่ 03-10-2009 20:46:06
เย้เย้เย้ :impress2:

ผมโอนเงินเรียบร้อยแย้วค๊าบบบบบบ ก้อตั้งหน้าตั้งตารอหนังสือกันค๊าบผมมมมม
ได้รับเมลล์ตอบกลับเรีบยร้อยแย้ว :pig4:

ขอบคุณมากนะครับ :กอด1:

หนุ่มลำพูน o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-10-2009 20:54:56
Windy ขอบคุณมากค่ะ ได้เมล์ตอบแล้วใช่ไหมเอ่ย ^^

จุ๊บแจง เจี๊ยกกกกก ตอนพิเศษร้อยตอนมันงอกมาจากหน้ายยยยยย คราวนี้ไปทำงานเป็นหลักอะจ้า แต่ถ้ามีเวลาได้เที่ยวก็กะเอาให้คุ้มเหมือนกัน 555  :laugh:

คุณหนุ่มลำพูน ไม่มีปัญหาค่า รอรับเมล์แจ้งส่งหนังสือช่วงท้ายๆเดือนเน้อ  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 03-10-2009 21:30:58
ได้รับเมลล์ตอบกลับละครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: Joobperman ที่ 04-10-2009 13:13:38
ส่งรายละเอียดการโอนเงินไปแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-10-2009 17:16:09
ส่งรายละเอียดการโอนเงินไปแล้วนะคะ

ตอบกลับแล้วค่า ^^

ปล. ต้องไปสนามบินในอีกไม่กี่ชม.แล้วยังไม่ได้จัดกระเป๋าเลย ยังไงขอย้ำอีกทีว่าใครโอนเงินมาตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 อาจยังไม่ได้เมล์ตอบในวันสองวัน แต่ถ้าเข้าเน็ตจากที่โน่นได้ป้าจะรีบตอบนะคะ

เจอกันเมื่อกลับมาจ้า  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 04-10-2009 22:20:12
 :bye2: โชคดีน๊าป้าเดินทางโดยปลอยภัย
ไปทำงานและเที่ยวให้สนุก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 05-10-2009 00:26:17
ตามที่เราตกลงกันนะจ๊ะบีบี
อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: SANDSEAME ที่ 05-10-2009 15:02:01
ส่งรายละเอียดการโอนเงินไปให้แล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: kuraki ที่ 06-10-2009 19:43:38
โอนเงินแล้วค่า ส่งรายละเีีอียดไปทาง e-mail แล้วค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 07-10-2009 03:08:04
 :กอด1:ส่งทุกอย่างที่คิดว่าใช่ไปให้แล้วน๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: milphinnejj ที่ 07-10-2009 14:12:08
แจ้งโอนและส่งรายละเอียดไปทางอีเมลแล้วนะคะ :]
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 08-10-2009 14:38:15
เกือบลืมไปแล้วอ่ะ
เดี๋ยวเย็นนี้ไปโอนเงิน แล้วคืนนี้จะส่งเมลไปนะป้านะ
( :serius2:)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-10-2009 19:36:54
ป้ากลับมารายงานตัวจ้าา า า า า า า  o13

ทุกคนที่อีเมล์มาระหว่างวันที่ 4-8 น่าจะได้รับเมล์ตอบกันหมดแล้วนะ แต่ต้องขอโทษที่ต้องตอบเป็นภาษาปะกิต เพราะโน้ตบุ๊คออฟฟิศที่เอาไปด้วยเป็นไรไม่รู้ พอออกนอกประเทศก็พิมพ์ไทยไม่ได้ซะงั้นอะ (แทบเขวี้ยงทิ้ง จะพิมพ์นิยายซะหน่อยเลยพิมพ์ไม่ได้ ฮึ่มๆๆๆ -*-) สำหรับคนที่ยังไม่ได้โอนก็ยังโอนได้ถึงวันที่ 9 เช่นเดิม หลังจากนั้นป้าจะตัดยอดพิมพ์และอาจปัดเศษให้เหลือนิดหน่อยเผื่อมีคนสนใจทีหลัง แต่ถ้าคิดว่ายังไงซื้อชัวร์ก็โอนนี่ล่ะค่ะได้รับถึงมือด้วยบริการไปรษณีย์ไทยแน่นอน

ว่าแล้วก็ไปปั่นตอนพิเศษให้เป้-วิวต่อก่อนละเน้อ  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 08-10-2009 20:04:20
^
^
ได้รับเมลตอบกลับเรียบร้อยแล้วจ้า
ทีนี้ก็เป็นขั้นตอนการรอคอย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-10-2009 18:03:55
ขอจอง 1 เล่มค่ะ  ไม่ทราบว่าจะทันไหม

งือ  แต่อยากได้จริงๆนะคะ 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-10-2009 20:41:20
^
^
คุณ warin เช็คพีเอ็มด้วยจ้า ตอบไปแล้วเน้อ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน อัพเดตความคืบหน้าหนังสือ (2/10/09) p.39
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 09-10-2009 21:51:07
^
^
^
 :กอด1:กอดดดด กลับมาแล้วใช่มั้ยยย
อะไรกานนน แค่ร้อยตอนเอง ฮ่าๆๆ
เมื่อกี้พึ่งส่งรายละเอียดไปอีกหนึ่งนะค่ะ

คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง นะค่ะ ไปทำงานรวดเที่ยวเป็นไงบ้าง อย่าลืมของฝาก วะฮ่าๆๆ

คิดถึงเป้วิว อ๊อฟนะด้วย  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ขยายเวลารับจองหนังสือ (12/10/09) p.40
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-10-2009 11:25:17
^
^
คิดถึงอ๊อฟกับน้องนะเหมือนกัน แต่ต้องปั่นตอนพิเศษสำหรับนิยายให้เป้กับวิวก่อน ตอนนี้อดตาหลับขับตานอนกับเรื่องรวมเล่มอย่างเดียว เสร็จโปรเจ็กต์เมื่อไหร่ค่อยมาปั่นต่อจ้า  :call:

แล้วก็ เนื่องจากยังมีหลายคนติดต่อมาว่าสนใจหนังสือ ป้าก็เลยจะขยายเวลาโอนเงินให้ได้ถึงวันศุกร์ที่ 16 นี้นะคะ เพราะตอนนั้นต้นฉบับก็น่าจะพร้อมส่งโรงพิมพ์แล้วเหมือนกัน จะได้รู้จำนวนที่จะสั่งพิมพ์แน่นอนด้วย (ไหนๆยอดก็จะทะลุเป้าแล้ว+ขอเวลาเขียนเพิ่มอีกนิด) แล้วก็สำหรับคนที่โอนเงินมาตั้งแต่วันแรกๆไม่ต้องน้อยใจน้า รับรองว่าตอนพิเศษคุ้มค่าการรอคอยชัวร์จ้า  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ขยายเวลารับจองหนังสือ (12/10/09) p.40
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 12-10-2009 23:45:02
^
^
 :a5:คุ้มค่า คุ้มค่า..... :z1:ยังไงกันนะ เอิ๊กๆๆ
ได้รอต่อไป ขอให้ยอดทะลุเป้าเยอะเลยนะจ้า เป้วิว เป้วิว ของเขาดีจริงๆ
กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ขยายเวลารับจองหนังสือ (12/10/09) p.40
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-10-2009 00:49:26

เอ่อ  อยากจะสอบถามว่า....สรุปแล้ว นิยายเรื่องนี้จบยังคะ?
คืองงๆ นิดหน่อยน่ะค่ะ
ถ้าจบแล้วจะได้ย้ายไปเก็บไว้ให้น่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ขยายเวลารับจองหนังสือ (12/10/09) p.40
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-10-2009 11:42:01

เอ่อ  อยากจะสอบถามว่า....สรุปแล้ว นิยายเรื่องนี้จบยังคะ?
คืองงๆ นิดหน่อยน่ะค่ะ
ถ้าจบแล้วจะได้ย้ายไปเก็บไว้ให้น่ะ


ยังค่ะเจ้ พอดีเรื่องที่กำลังรวมเล่มมันเป็นเรื่องสั้นที่ลงควบกับเรื่องยาวอีกเรื่อง ส่วนที่เป็นเรื่องยาวยังไม่จบ เดี๋ยวจบเมื่อไหร่จะแจ้งนะค้า  
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ขยายเวลารับจองหนังสือ (12/10/09) p.40
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-10-2009 21:11:57
โอนเงินให้แล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ขยายเวลารับจองหนังสือ (12/10/09) p.40
เริ่มหัวข้อโดย: MIXER ที่ 13-10-2009 21:39:48
โอนเงินไปแล้วเช่นกันค่ะ ^^
ส่งเมลล์ไปตอนประมาณ 4โมงอ่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ขยายเวลารับจองหนังสือ (12/10/09) p.40
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 25-10-2009 08:29:55
 :a12: ฝันหวาน รอรับหนังสือ....หนังสือจ๋า มาเร็วๆ น๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-10-2009 15:44:20
ป้าแวะมาบอกว่า.....

:mc4: ~ส่งหนังสือไปแล้วนะค้าทู้กโคน~   :mc4:

(http://farm3.static.flickr.com/2538/4042189236_3d2149f5a5.jpg)

โรงพิมพ์เอาหนังสือมาส่งตั้งแต่พฤหัสที่ผ่านมา และอีกสองวันก็หมดไปกับการแพ็คหนังสือ (แพ็คตั้งแต่ช่วงเย็นๆยันตีสามอยู่สองคืน) ทุกเล่มห่อกันกระแทกก่อนลงซอง บนที่อยู่ก็ปิดสติ๊กเกอร์ใสทับ ดังนั้นคงได้หนังสือในสภาพสมบูรณ์ไม่เปียกไม่ยับกันทุกคนจ้า

วันนี้ป้าส่งอีเมล์แจ้งรหัสพัสดุให้ทุกคนแล้ว ดังนั้นถ้าใครยังไม่ได้ขอให้เช็ค Junk folder ด้วยนะคะ หลังจากนั้นก็เข้าเว็บไปรษณีย์ที่แปะไปสำหรับตรวจสถานะได้เลย ส่วนใครได้หนังสือไปแล้ว อ่านแล้วคิดเห็นยังไงมาบอกกันด้วยน้า

ขอบคุณทุกคนมากๆที่ซื้อ "ลำนำรักสีรุ้ง" ได้เข็นเป้-วิวออกมาเสร็จเรียบร้อยดีก็โล่งอกไปหนึ่งเปลาะ ส่วนแฟนๆอ๊อฟ-นะไม่ต้องน้อยใจไป จะรีบเข็นตอนใหม่ออกมาให้จ้า แล้วเจอกัน~   :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 25-10-2009 15:51:57
ได้รับอีเมลแล้วค่ะ
รอรับหนังสือปกสวยมากๆเล่มนี้นะคะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: kuraki ที่ 25-10-2009 15:54:24
ได้ัรับ e-mail แล้วเหมือนกันค่า

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 26-10-2009 10:22:05
ได้รับ "ลำนำรักสีรุ้ง" เรียบร้อยแล้วค่ะ
ห่อพลาสติกมาอย่างดีเลย
ทั้งปกและที่คั่นหนังสือสวยคลาสสิกมากค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-10-2009 11:00:58
ได้รับ "ลำนำรักสีรุ้ง" เรียบร้อยแล้วค่ะ
ห่อพลาสติกมาอย่างดีเลย
ทั้งปกและที่คั่นหนังสือสวยคลาสสิกมากค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
 :pig4:


ไปรษณีย์ไทยนี่รวดเร็วฉับไวจริงๆ ขอบคุณที่มาแจ้งค่า
(ขนาดลองเอารหัสพี่น้ำตาลไปแทร็คในเว็บไปรษณีย์มันยังขึ้นว่า “เตรียมนำจ่าย” อยู่เลยนะเนี่ย)    :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 26-10-2009 11:07:08
^
^
สงสัยเพราะบ้านเราอยู่เขตใกล้ๆกันมั้งจ๊ะ  o13
เมื่อวานก็มีน้องอีกคนส่งของแบบลงทะเบียนมาให้ เวลาใกล้เคียงกัน
แต่น้องเค้าส่งมาจากรังสิต ยังไม่ได้รับเลยจ้า

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 26-10-2009 11:11:36
 o13 ได้รับหนังสือแล้วค่ะ สวยจริงๆ
ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: gboy ที่ 26-10-2009 11:12:59
 o13
ได้หนังสือแล้วคับ
โดนเลย
ปกสวยสุดๆ
รีบไปอ่านก่อน
 :oni1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: nongree ที่ 26-10-2009 12:37:55
ได้รับหนังสือแล้วค่ะเมื่อกี้นี้เอง
ห่อมาอย่างดีเลยปกสวยงาม
น้องเอาไปอ่านแล้วประจำ :เฮ้อ:อะไรส่งมามันอ่านก่อนหมด
ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: milphinnejj ที่ 26-10-2009 16:25:19
ได้รับแล้วเช่นกันค่า .. ยังไม่ได้แกะพัสดุเลย ..
แต่เห็นแล้ว .. บ้านพี่อยู่แถวบ้านคุณยายหนูเลยค่ะ 55+
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-10-2009 16:55:02
ได้รับหนังสือแล้ว แต่อยู่ที่เพื่อน  :laugh:


มีนาเค้าก็ได้จับแล้ว  :z2:
v
v
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-10-2009 17:03:17
ได้รับแล้วเช่นกันค่า .. ยังไม่ได้แกะพัสดุเลย ..
แต่เห็นแล้ว .. บ้านพี่อยู่แถวบ้านคุณยายหนูเลยค่ะ 55+

โอ๊ะโอ มาเยี่ยมคุณยายบ่อยไหมคะ ไม่แน่อาจเดินสวนกันโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว อิอิ   :-[

ได้รับหนังสือแล้ว แต่อยู่ที่เพื่อน  :laugh:
ส่วนคนนี้ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้จับฉบับจริงแฮะ ก๊ากกกก  :laugh:


มีนาเค้าก็ได้จับแล้ว  :z2:
v
v

งั้นระหว่างนี้พี่หนึ่งโทรมาให้เพื่อนอ่านให้ฟังก่อนก็ได้น้า~  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 26-10-2009 17:16:35
แง่งงงง ตอนนี้อยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ป่านนี้คงถึงหอแล้วม้างเนี่ย
กว่าจะกลับวันที่ ๓๐ นู่น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 26-10-2009 18:58:33
 :man1: ได้มาอยู่ในมือแล้วววววววว
ว่าจะเปิดอ่านตอนพิเศษก่อน อ่านหน้าแรกไปแล้วก็เลยว่าจะอ่านใหม่อีกที
อ่านจบแล้วจะมาเวิ่นอีกรอบนะค๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-10-2009 20:23:21
:man1: ได้มาอยู่ในมือแล้วววววววว
ว่าจะเปิดอ่านตอนพิเศษก่อน อ่านหน้าแรกไปแล้วก็เลยว่าจะอ่านใหม่อีกที
อ่านจบแล้วจะมาเวิ่นอีกรอบนะค๊า

หุหุ ที่จริงตอนปฐมบทรีไรท์นี่ควรนับเป็นตอนพิเศษด้วยนะคะเนี่ย เพราะมันย้าวววกว่าตอนพิเศษตอนอื่นอีกง่ะ (บังคับให้คนที่เคยอ่านมาแล้วต้องอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นนั่นเอง)   :z3:

แต่ก็หวังว่าน่าจะชอบกันแหละน้า โดยเฉพาะคนที่อ่านออริจินอลหลายรอบแล้ว อิอิ

ว่าแต่อยากรู้คอมเม้นต์คนที่อ่านจบทั้งเล่มแล้วจัง  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 26-10-2009 20:29:30
ได้รับหนังสือแล้วน่ะค่ะ

เห็นปกตั้งแต่ตอนโพสรูป เจอของจริง ชอบมากเลยค่ะ

ที่คั่นก็น่ารักดี 

แต่ยังมิได้อ่านกะว่าจะอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบเลย 

เด๋วค่อยมาคอมเม้นท์ทีหลังเนอะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 26-10-2009 21:49:09
ได้รับหนังสือแล้วจ้า สีสวยหวานมากเลย อ่านไปหน่อยนึงแล้ว เก็บไว้อ่านวันพรุ่งนี้มั่ง กลัวจบเร็ว อิอิ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 27-10-2009 07:54:27
 :man1:อ่านช่วงปฐมบทจบแล้นนนน

คำอ่านง่ายขึ้นค่ะ ฉบับปรับใหม่ช่วยให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมและละเอียดดีค่ะ (ละเอียดในที่นี้หมายถึง การอธิบาย เล่า บอก อากัปกิริยาของตัวละครนะคะ)
ทำให้อ่านไป รู้สึกเหมือนเห็นภาพลอยมาตรงหน้า 55555555555555 ชั้นมีภาพของน้องวิวกะพ่อตัวดีในหัวชั้นด้วย เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ

เพิ่งอ่านเรื่องต้นฉบับไปไม่กี่วัน มาอ่านในเล่มอีก อื้ม เหมือนอ่านเรื่องใหม่จริงๆ แบบที่คุณคนเขียนว่าไว้จริงๆ นะคะ

มาถึงเนื้อเรื่องกัน
(อ่านถึงแค่น้องโอ๊คขึ้นเครื่องแล้วสองหนุ่มจีบกันอ่ะนะคะ ตอนพิเศษยังมะด้ายอ่าน)
ชอบการเสริมที่อธิบายความรู้สึกของวิวค่ะ
วิวไม่ค่อยพูดไม่ค่อยแสดงออก การอธิบายบอกว่า เพราะคิดอย่างนี้ๆๆๆๆ
เลยเข้าใจและร่วมความรู้สึกกับวิว มากกว่าตอนอ่านฉบับต้นฉบับ (ชอบบบบบบ แบบในหนังสือนั่นเอง 55555)
ใจมันปวดหนึบๆ ช่วงที่พ่อพระเอกมารับมาส่งไปกินข้าว แหมมมมมมมม เข้าใจหัวอกคนกลางอย่างน้องวิวจริงๆ ..........ไม่วาบหวามใจสั่น แต่มันอึมครึมในหัวอกไงไม่รุ

พ่ออ็อฟน่ะ เข้ามาอยู่กับสองหนุ่มแล้วทำให้รู้สึกว่า อื้มมมมม บางครั้ง เพื่อนอ่ะ ไม่ต้องมีมากมายก้อได้นา..........

แต่ไม่รู้เป็นไง เราเสียน้ำตาไปตอนที่ วิวกับโอ๊คเจอกันที่สนามบิน
เข้าใจ๊ๆๆๆ โอ๊คมากกกกกกกกกก เขาจริงใจกับวิวดี
อื้มมมม น้ำตาทะลักตอนที่โอ๊คมองพ่อตัวดีก่อนไปขึ้นเครื่อง -------กรีดจายเจงๆๆๆๆ
(เป็นการซึ้งผิดคู่ไปรึเปล่าตู แต่คุณ bellbomb ขา อิชั้นซึ้งมิตรภาพของน้องวิวกะน้องโอ๊คคร่า-----ตาคู่เอกนี่ รู้อยู่แล้วว่า พ่อตัวดีเขารักเมียเขา 555555555 เลยสบายใจ)[/color]

ส่วนตอนพิเศษ ไว้จะมาเวิ่นใหม่
ขออภัยผู้เขียนด้วยที่อธิบายความได้ไม่ดีนัก
แต่เอากำลังใจสั้นๆ ให้คุณผู้เขียนนะคะ
ชอบทัศนะของคุณที่ใส่ลงมาในเรื่องนี้ ชอบการการเขียนในมุมที่ อื้ม...ไม่เพ้อฝัน...เป็นจริงจับต้องได้
และเหนือสิ่งอื่นใด ต้นฉบับว่าดีแล้วนะ ในหนังสือดีกว่าค่ะ เราชอบเวอร์ชั่นหนังสือค่ะ

ขอบคุณที่เขียนผลงานดีๆ ออกมาให้อ่านนะคะ +1 เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-10-2009 12:42:16
^
^
+1 ตอบแทนให้เลยค่ะ ชื่นใจจริงๆที่ได้อ่านคอมเม้นต์แบบนี้ ที่เรารีไรท์ตอนปฐมบทเพราะอยากให้คนอ่านได้ซึมซับบรรยากาศที่ไม่ได้เขียนถึงในต้นฉบับนี่แหละ

คุณ BaoBao ไม่ซึ้งผิดคู่หรอกค่ะ เพราะนอกจากเรื่องของเป้กับวิว เราก็อยากเน้นเรื่องมิตรภาพของโอ๊คกับวิวด้วย เนื่องจากส่วนนี้มันสะท้อนให้เห็นว่าวิวเป็นคนรักเพื่อนแค่ไหน อีกอย่างเรื่องราวของโอ๊คก็มักโดนมองข้าม ทั้งที่ถ้าไม่มีโอ๊คก็ไม่รู้เป้จะมาจีบวิวเมื่อไหร่ (เอ่อ...แต่ในต้นฉบับก็เขียนถึงน้อยจริงๆแฮะ) ดังนั้นถ้าเนื้อหาของโอ๊คที่เพิ่มขึ้นทำให้คนอ่านชอบตัวละครนี้มากขึ้นก็ดีใจค่ะ   

ส่วนเรื่องทัศนะสมจริง อันนี้คงมาพร้อมกับวัยของคนเขียน (ฮา) บางทีว่างๆยังนั่งคิดเลยว่าวิวตัวจริงตอนนี้อยู่ไหนหว่า อารมณ์ว่าเขียนเองอินเองยังกับเอาเรื่องของเพื่อนมาเล่า แต่เราชอบที่คุณ BaoBao บอกว่าอ่านแล้วเห็นภาพของเป้กับวิว อยากรู้จังว่าเห็นเป็นยังไง ^^
   
มารอคอมเม้นต์หลังอ่านตอนพิเศษอื่นๆจบนะคะ และคอมเม้นต์จากคนอื่นด้วยค่า~   :3123:



หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 27-10-2009 16:41:24
 o9 o9 อิจฉาน้องหลินได้อ่านแล้ว เค้ายังไม่ได้อ่านเลย กว่าจะได้อ่านสงสัยตลาดวายแล้ว  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-10-2009 17:47:28
o9 o9 อิจฉาน้องหลินได้อ่านแล้ว เค้ายังไม่ได้อ่านเลย กว่าจะได้อ่านสงสัยตลาดวายแล้ว  :z3:

ตลาดในเล้าก็ “วาย” หมดแหละพี่หนึ่ง หุหุหุ  :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 27-10-2009 18:00:09
ได้รับหนังสือแล้ว น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: MIXER ที่ 27-10-2009 22:29:02
เข้ามาบอกว่า ได้รับหนังสือ (ตั้งแต่เมื่อวาน) แล้วค่ะ ^^
หนังสือน่ารักมากๆเลย เดี๋ยวขอไปนั่งอ่านอย่างละเอียดก่อนนะค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 29-10-2009 23:43:37
ได้หนังสือมาเขาอ่านไปรายรอบแล้ว ชอบมาเลยที่เนื้อเรื่องมันเชื่อมโยงกัน ชอบมืตรภาพของเพื่อนทั้งอ็อฟ ทั้งโอ๊ค เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ได้หนังสือมันทำให้เขาใจวิวมากขึ้น เราเขาก็ชอบที่เป้เจอกับแฟนเก่ามันทำใหรู้ว่าเรายังมีมืตรภาพดีๆให้กัน แม้ว่าอดีตอาจจะไม่สวยงามเท่าไร รู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่สั่งซื้อไป รอหนังสือของอ็อฟกับนะอยู่นะค่ะ  ให้เป้ วิว โผล่มาอีกนะค่ะ ชอบคู่นี้มากๆ มันดูเป็นความรักที่เรียบง่าย เข้าใจกัน อ่านไปก็ยิ้มไป มีความสุขมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-10-2009 18:24:07
^
^
ขอบคุณจ้า อ่านคอมเม้นต์นี้แล้วยิ้มเหมือนกัน  ^_______^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 30-10-2009 19:04:49
อ่านจบแล้วชอบมากมาย  :-[
ส่งต่อให้เพื่อนอ่านก็กริ๊ดดดแตกไปแล้ว
เดี๋ยวเค้าคงจะPmไปสั่งหนังสือค่ะ อยากสนับสนุนผลงานดีๆค่ะ
ยังไงจะรอรวมเล่มเรื่องต่อไปนะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Joobperman ที่ 30-10-2009 20:37:39
 :-[ 
ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วนะคะ
ขอบอก...สนุกมาก ชอบจ้า
และจะรอรวมเล่มเรื่องต่อไปด้วยจ้า
รีบปั่นออกมาไวไวนะจ๊ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 31-10-2009 19:08:02
เย้ๆๆๆๆ ได้หนังสือละคร้าบ
เพิ่งกลับมาถึง กทม วันนี้เอง
ยังไม่ได้อ่านเลยครับ แต่ปกสีสวยมากๆ
วันนี้ขอนอนพักก่อน เพลียครับ พรุ่งนี้จะเริ่มอ่านล่ะ
ปล. ดีใจจัง เซ็นให้จริงๆ ด้วย  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: milphinnejj ที่ 31-10-2009 22:04:10
สวัสดีค่ะ .. เราอ่านส่วนที่เพิ่มในหนังสือครบแล้วค่ะ เย้~  :mc4:

เป็นหนังสืออีกเล่มที่เราดีใจมากที่ได้มีไว้ในครอบครองค่ะ ..
จะหยิบมาอ่านกี่รอบ ๆ ก็ไม่รู้เบื่อจริง ๆ ..

ใครบอกว่า .. การเขียนนิยายทำได้ง่าย ๆ ..
เรานั่งอ่านไปก็คิดว่า สองคนนี้น่าจะมีตัวตนจริง ๆ อยู่บนโลกนี้เนอะ ..
คุณ bellbomb ทำได้ และเขียนได้ประทับใจเราจริง ๆ เลยค่ะ ..

เราชอบตรงที่บรรยายให้เราได้รู้ว่าในใจของเป้และวิวกำลังคิดอะไรอยู่ ..
น้อยใจ เสียใจ ดีใจ หรือสับสน ..
เราอ่านไปก็รู้สึกตามได้ทันที .. มันก็เลยทำให้รู้สึกผูกพันกับตัวละครมากขึ้นอะค่ะ :]

บางทีคนเราก็คิดก็ทำอะไรงี่เง่า ๆ ออกไปได้บ่อย ๆ ..
แฟนทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็งอน ..
เวลาป่วยก็อยากให้มาอยู่ใกล้ ๆ ..
วันสำคัญก็อยากมีอะไรพิเศษ ๆ ..
คู่นี้มีครบเลยล่ะค่ะ .. ไม่รู้จะว่าไง แต่ให้เราพูดไปก็เหมือนจะมีแต่คำชม 555+

จะติดตามผลงานของคุณ bellbomb ต่อไปเรื่อย ๆ นะคะ ..
ขอบคุณมาก ๆ ที่ทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาด้วยจ้าาา :]


ปล. เราไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดอะไรนะคะ .. แต่เหมือนมันเป็นโรคจิตไปแล้วอะค่ะ 55+
พอดีเมื่อกี้เราอ่านอยู่แล้วเจอจุดผิดที่นึงด้วยค่ะ ฮ่าๆ ..

คุณ bellbomb ลืม "หอหีบ" ตรงคำที่เขียนว่า "ลืบ" ไปตัวนึงล่ะค่ะ อิอิ~
(ส่อเลยมั้ย .. ว่าเราอ่านตรงไหนอยู่เนี่ย 555+)  :กอด1:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-11-2009 00:34:47
^
^
ขอบคุณมากค่ะ ดีใจที่ชอบ และมีความรู้สึกร่วมไปกับเป้และวิวด้วย
เพราะตอนพิเศษที่เพิ่มขึ้นจากในบอร์ดนั้น เราตั้งใจมากที่จะสร้างให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์ที่สุด
ได้รู้ว่าเรื่องนี้ทำให้หยิบอ่านได้บ่อยๆเราก็หายเหนื่อยค่ะ  o13

ปล. เห็นเหมือนกันค่ะว่า 'ลืบ' ที่ว่ามาจากหน้าไหน ทั้งที่เราก็ว่าตรวจคำจนตาแฉะแล้วนะ
พอเห็นคำตรงไหนที่ผิด หรือเกินหลังพิมพ์ออกมาแล้วก็แทบกรี๊ดเหมือนกันว่าหลุดไปได้ไง(ฟะ)
แต่เอาน่า คำนี้คำเดียวตรงตอนที่ว่าคงไม่ทำให้อารมณ์เสียมากนักนะคะ แหะๆ
ตอนรวมเล่มอ๊อฟกับนะจะพยายามไม่ให้มีแบบนี้อีกค่ะ ^^"

ขอบคุณคุณ mirufuine* อีกที และขอบคุณเม้นต์บนๆด้วยค่า
คนอ่านเรื่องนี้น่ารักทุกคนเล้ย  :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 01-11-2009 16:03:00
ไม่มีไรทำ มาเม้นอีกรอบวันนี้ห่อหนังสือเก็บรักษาอย่างดี เมื่อไรพี่จะลงของอ๊อฟกับนะซักทีอะ รออ่านอยู่
ชอบหน้าปกมากเลยมันรู้สึกว่าไม่ผูกขายจิตนาการมากเกินไป อย่างมีหน้าปกแบบเห็นหน้าเลย เราก็จะผูกติดกับรูปมากไป
รอๆๆๆ ต่อไป
 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 03-11-2009 08:52:20
o9 o9 อิจฉาน้องหลินได้อ่านแล้ว เค้ายังไม่ได้อ่านเลย กว่าจะได้อ่านสงสัยตลาดวายแล้ว  :z3:

ยังไม่ได้อ่านเหมือนกันค่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-11-2009 09:36:24
o9 o9 อิจฉาน้องหลินได้อ่านแล้ว เค้ายังไม่ได้อ่านเลย กว่าจะได้อ่านสงสัยตลาดวายแล้ว  :z3:

ยังไม่ได้อ่านเหมือนกันค่ะ  :serius2:

ง่ะ ยังไม่ได้อ่านนี่เพราะไม่ได้อยู่บ้านหรือหนังสือไปไม่ถึงคะนี่ ป้างง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 04-11-2009 08:15:12
^
^
^
โทษทีที่ทำให้สับสน ได้รับหนังสือแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาอ่านค่ะ 5555


หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: lucky ที่ 04-11-2009 20:33:58
ได้รับหนังสือแล้วค่ะแต่เพิ่งได้ว่างอ่าน กำลังอ่านอย่างเมามันส์
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 04-11-2009 22:18:55
มาลงชื่อไว้ก่อนนะเดี๋ยวอ่านแล้วจะเม้นให้

เปงกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-11-2009 20:26:55
มาลงชื่อไว้ก่อนนะเดี๋ยวอ่านแล้วจะเม้นให้

เปงกำลังใจให้

ขอบคุณค่า ส่วนอีกเรื่องที่เม้นต์ไว้ด้วย รออีกนิดน้า (คิวอัพเดตหลายเรื่องจนไม่รู้จะอัพเรื่องไหนก่อน ^^")
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: lucky ที่ 09-11-2009 22:31:14
อ่านแบบรวดเดียวจบ สนุกมากค่ะ
คือไม่ได้ตามอ่านในบอร์ดตั้งแต่แรกแต่ไปลุ้นอ่านในหนังสือเอา
แบบว่าน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆ ชอบ ๆ ลงตัวที่สุด  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 28-11-2009 12:50:27
ได้หนังสือแล้วครับ นานแล้วด้วย แต่ยังไม่ได้อ่านจนจบ(ไม่รู้ทำไม)
แต่ทว่า.....ถ้าจบแล้วจะค่อยมาเม้นละกันนะป้าBB
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-11-2009 13:01:32
ได้หนังสือแล้วครับ นานแล้วด้วย แต่ยังไม่ได้อ่านจนจบ(ไม่รู้ทำไม)
แต่ทว่า.....ถ้าจบแล้วจะค่อยมาเม้นละกันนะป้าBB

^
^
 :z6: ด้วยรักและคิดถึงอย่างแรง

อ่านในเล่มจบแล้วอย่าลืมไปอ่านตอนโบนัสในบล็อกต่อด้วยนะจ๊ะ หุหุหุ  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 29-11-2009 05:00:29
ป้าอย่าเพิ่งลบในบล๊อคนะ เค้ายังไม่ได้เข้าไปอ่านอะ กะว่ากลับไปเอาหนังสือ
แล้วอ่านจบค่อยไปอ่านในบล๊อค อิอิ  :laugh: ถ้าจะลบบอกเค้าด้วยนะ จะได้เข้าไปเก็บไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-11-2009 10:17:38
ป้าอย่าเพิ่งลบในบล๊อคนะ เค้ายังไม่ได้เข้าไปอ่านอะ กะว่ากลับไปเอาหนังสือ
แล้วอ่านจบค่อยไปอ่านในบล๊อค อิอิ  :laugh: ถ้าจะลบบอกเค้าด้วยนะ จะได้เข้าไปเก็บไว้ก่อน

พี่หนึ่ง ตอนโบนัสใน blog ไม่ลบจ้า เก็บไว้เผื่อใครซื้อหนังสือทีหลังจะได้เข้าไปอ่านได้ แค่ขอความร่วมมือคนที่ได้พาสไปแล้วไม่ให้ไปแจกต่อเท่านั้นเอง ขอให้พี่หนึ่งได้อ่านรวมเล่มเร็วๆน้า (เคยบอกกลับมีนาชิมิ อีกสามสี่เดือนเอ๊งงงงง)   :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 11-12-2009 13:16:22
 :m1:เค้าอ่านตอนพิเศษในหนังสือกับที่ส่งมาให้พิเศษสุดๆ มาแล้วจ้า
อธิบายความรู้สึกมากมายไม่ได้ เพราะไม่รุจะเริ่มตรงไหน
แต่รวมๆ นะคะ เราชอบความคืบหน้าแต่ละก้าวของน้องวิวมากๆ เลยค่ะ กุลเกย์ จิงๆ น้องวิวขรา  :man1:
เข้าใจอารมณ์ตาเป้ที่อยากฟัดน้องวิวมั๊กมัก แหม ทำตัวน่าฟัดน่าหม่ำงี้สิน้องขรา

ฮ้า :impress2: เจ๊รักน้องนะคะ น้องวิว ........(ตาเป้อย่าน้อยใจไป เจ๊ก็มิได้ชิงชังนายนะจ๊ะ เพราะมีนาย น้องวิวของเจ๊ถึงได้น่ารักขนาดนี้ ดังนั้น ในใจเจ๊ นายอยู่ในฐานะที่ละไว้ในความเข้าใจนะจ๊ะ หุ หุ หุ)

แล้วก็น๊า
ชอบเวลาที่ตาเป้เค้าเรียกน้องวิวว่า "แฟน" มากๆ เลยค่ะ
มันเป็นคำที่ อึ้มมมม หากเราโดนคนที่รักเรียกสรรพนามถึงเราว่า "แฟน" งั้นงี้ มันอมยิ้มทุกทีเลยง่า

ส่งท้ายส่วนตัวจากใจจริง ถึง คุณbellbomb
คุณขรา เจ๊ของน้องวิวอยากได้ตอนพิเศษในอารมณ์ของตาเป้อีกง่า ตอนเดียวม๊ะพอๆๆๆๆๆ o9

ย้ำอีกครั้ง แนวความคิดที่คุณbellbomb  ใส่มาในเนื้อเรื่อง เป็นแนวความคิดบวกที่ดีค่ะ ยังสนับสนุนให้คงเช่นนี้อยู่ต่อไปนะคะ อย่าทิ้ง อย่าเปลี่ยน อย่าเพี้ยน และมันจะทำให้เรื่องราวที่คุณรังสรรค์ คงอยู่ไปได้นานเท่านาน ไม่มีเบื่อ.....ทุกถ้อยความมาจากความจริงใจ และด้วยปราถนาดีค่ะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-12-2009 15:44:09
คิดถึงพี่อ๊อฟ กับ น้องนะ มากมาย เมื่อไรจะกลับมาค่ะ :m17:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-12-2009 14:50:47
BaoBao ที่จริงก็เคยได้ยินคำว่า กุลเกย์ มาก่อนนะ แต่ไม่เคยคิดว่าน้องวิวจะได้รับคำชมแบบนี้จากผู้อ่าน ฮา  :jul3:

 :laugh: ความจริงน้องเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ อยู่ของเขาดีๆ ตาเป้ดันมาทั้งจีบทั้งแหย่จนมีพัฒนาการอย่างที่เห็น น่าคิดว่าถ้าคนที่เข้ามาหาไม่ใช่เป้แต่เป็นคนอื่นจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆวิวทำสาวอกหักในเรื่องไปแล้วสองคน อันนี้ต้องป้ายเป็นความผิดของเป้ไปเต็มๆล่ะค่ะ 555

สำหรับเรื่องแนวความคิดที่เขียนไปในเรื่อง ถ้าคนอ่านไม่รู้สึกว่ายัดเยียดให้เราก็ดีใจ เพราะเราอยากดำเนินเรื่องให้อยู่ในโลกของความเป็นจริง ยังไงจะรักษาและพัฒนาจุดนี้ต่อไปในเรื่องอื่นๆด้วยค่ะ

ว่าแต่ตอนพิเศษจากมุมมองของเป้เนี่ย... ก็รับไว้พิจารณานะคะ แต่ก็กลัวๆอีกกระแสจะหาว่ารวมเล่มแล้วจะเขียนตอนพิเศษต่ออีกทำไม เข้าใจว่าคนที่ได้นิยายเป็นเล่มแล้วก็คงอยากให้ทุกอย่างมันรวมในเล่มไปเลย เอาไว้ถ้าจะมาก็คงได้อ่านแล้วกันเนาะ
 
dahlia ป้าลากสังขารไปตามหาสองคนนี้บนภูกระดึงกับเชียงคานมาแล้วค่ะ หลังจากนี้ก็คงไม่มีทริปเดินทางไกลให้ลูกค้าแล้ว น่าจะได้ปั่นต่อให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีละ (ตาอ๊อฟจะได้มีรวมเล่มของตัวเองบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวน้อยใจหาว่าป้าลำเอียง)   :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 24-12-2009 15:00:13
เค้าขอเสนอไรหน่อยได้ป่ะ คือลองทำเป็นเล่มเล็กๆออกมาขายพร้อมกับเล่มของพี่อ๊อฟกับนะอ่ะ ตอนพิเศษแบบในมุมมองของเป้บ้าง
แบบใครอยากได้ก็สั่ง ใครไม่อยากได้ก็ไม่ต้องสั่งไรเงีย ส่งพร้อมกับเล่มของพี่อ๊อฟกับนะ รอพิจารณาดูนะค่ะ ได้ไม่ได้ไงเค้าก็รออยู่นะค่ะ สู้ๆๆ
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-12-2009 12:06:51
เค้าขอเสนอไรหน่อยได้ป่ะ คือลองทำเป็นเล่มเล็กๆออกมาขายพร้อมกับเล่มของพี่อ๊อฟกับนะอ่ะ ตอนพิเศษแบบในมุมมองของเป้บ้าง
แบบใครอยากได้ก็สั่ง ใครไม่อยากได้ก็ไม่ต้องสั่งไรเงีย ส่งพร้อมกับเล่มของพี่อ๊อฟกับนะ รอพิจารณาดูนะค่ะ ได้ไม่ได้ไงเค้าก็รออยู่นะค่ะ สู้ๆๆ
รอค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและรับไว้พิจารณาค่ะ เดี๋ยวพอใกล้จะทำจริงๆแล้วคงซาวด์เสียงอีกทีจะได้รู้ว่าใครอยากได้บ้าง (แฟนเป้เค้าเยอะนิ) ยังไงขอบคุณมากๆที่เสนอมานะค้า   :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 03-01-2010 14:01:49
 :fire: :fire: :fire: :fire:

อิจฉาว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อยากได้สักเล่มบ้างอะ  :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 05-01-2010 12:40:34
มาแฮปปี้นิวส์เยียร์พี่บีบี ก่อน
กอดดดดดดดดดดดดดดดดด

น้องได้หนังสือแล้วนะกำลังได้ฮ่าๆ
เพราะช่วงก่อนติดงานด่วนเลยไม่ได้ไปเอาที่บ้านเพื่อน
แค่น่าปกก็ละลายละ
เดี๋ยวขออ่านก่อนแล้วจะมาเม้นต์บอกนะค่ะ

มีความสุขรับปีใหม่นะค่ะ
ขอบคุณนะค่ะสำหรับเมล์ พี่บีบีน่ารักที่สุดเลย

 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: ryuka ที่ 05-01-2010 13:10:57
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ได้อ่านในบอร์ด หรือไม่ Blog เลยค่ะ
แต่พอดีว่า...เดินผ่านร้าน ๆ หนึ่ง @ MBK 555+ คนเขียนน่าจะรู้ว่าร้านไหน
เห็นหน้าปกแล้วแบบว่า..เห้ย!!! อยากได้ ซะงั้นเลย เข้าไปเป็นเพื่อนเพื่อนอีกที แต่ตัวเองกลับได้มาเล่มหนึ่ง

แรก ๆ ยอบรับเลยว่า...ซื้อมาเพื่อสนองตันหา (ต้องบอกว่าตันหาเพราะว่าไม่มีอะไรอ่าน อยากอ่าน)
ซึ่งถ้าไม่ชอบ หรือไม่เคยอ่านมาก่อน ก็จะถามคนโน้นคนนี้ว่าเนื้อเรื่องเป็นยังงัย หนุกมั้ย จบดีมั้ย (อันนี้ต้องถาม เพราะจะได้ทำใจก่อน)
แล้วก็มาอยู่ในมือเรา เพราะด้วยความที่ไม่มีอะไรอ่าน 555+

และเมื่อได้อ่านไป (จบภายในไม่กี่ชั่วโมง)

ถามว่าเนื้อหาเป็นยังงัย ถ้าเทียบกับหลาย ๆ เรื่อง...บอกได้ว่าเป็นเนื้อเรื่องที่เรื่อย ๆ น่ะ ในความคิดของเรา ไม่ได้แบบว่าหวือหวา หรือว่า NC มากมาย

แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างนี้แหละที่ทำให้อ่านรวดเดียวจบ ด้วยความอยากรู้ว่าตัววิวจะทำอย่างไร แล้วเป้ที่ดูก็รู้ว่ามีใจกับเพื่อนของคนที่มาบอกรักจะทำอย่างไร

แล้วเมื่อทั้ง 2 ลงตัวก็ทำให้รู้สึกว่า...ความรักมันไม่ได้ยากเลย 555+ แค่เปิดใจ และยอมรับมันเท่านั้นเอง ความรักไม่ใช่อะไรที่ผิด ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย
แค่ทำความรู้จักมัน แล้วการที่คนสองคนรักกัน ก็เพียงแค่เข้าใจกัน ...สำคัญเลยคำนี้...ความเข้าใจ ความเชื่อใจกัน
ก็น่ะ...กว่าวิวจะทำใจเชื่อในความรักของเป้ได้ ก็แอบลุ้นอยู่นานเลยอ่ะ ก็คนไม่เคยจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คงแปลก แล้วยังเป็นแฟนเก่าเพื่อนรักอีก
เฮ้อ!!! กว่าจะผ่านมันไปได้ ก็ถือว่าเป้ก็มีความอดทนสูงน่ะ สำหรับพระเอกเนี๊ยะ

แต่เมื่ออะไรมันง่ายขึ้น...เป้ก็เหมือนกับพระเอกในทุก ๆ เรื่องที่แบบว่า...หี่นได้อีกอ่ะ ไม่ว่าจะกี่คู่ เรารู้สึกสงสารนายเอกจริง ๆ เลย 555+ แต่มันก็คือการแสดงความรักวิธีหนึ่งนี่นะ

เราชอบตอนที่นั่งในสวนอ่ะ มันให้ความรู้สึกที่ดีมากเลยล่ะ บรรยายไม่ค่อยถูก รู้แต่ว่า..ตอนที่อ่าน มันเหมือนทุกอย่างหยุดที่คนสองคน ณ ม้านั่งตรงนั้น
แล้วก็ตรงกับหน้าปกพอดีเลยนะเนี๊ยะ 555+ ชอบความรู้สึกของเป้ที่แสดงออกมาให้เห็นว่าความรักของเป้นั้น เชื่อถือได้ เป้รักวิว ไม่ว่าวิวจะเป็นอย่างไร

เรื่องนี้...เราประทับใจกับตัวพระเอกน่ะ ให้ความรู้สึกว่า...มั่นคงดีอ่ะ เหมือนกับพระเอกของเรื่อง ๆ หนึ่งที่ทุกวันนี้เราก็ยังคงให้เค้าเป็นพระเอกของนิยายแนวนี้ที่เราชอบมาก
ตอนนี้เป้ก็คงจะตีขึ้นมาอยู่อันดับ top ของเราอีกคนล่ะ แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบวิวน่ะ วิวก็น่ารัก แต่ถ้าจะให้ตัดสินใจระหว่างนายเอกกับพระเอก ... เราชอบพระเอกก็เท่านั้นเอง

เรายังไม่ได้ลองเข้าไปใน blog เลย อยากลองอ่านคู่อีกคู่หนึ่งอ่ะ เด่วคงต้องเข้าไปอ่านหน่อยละ

ปล...เห็นว่ามี bonus ของเรื่องนี้อยู่ใน blog เหรอค่ะ ง่ะ!!! ต้องมี pass ด้วยเหรอ แล้วเค้าจะได้อ่านมั้ยอ่ะ หรือว่ามีการบอกเป็นนัย ๆ ในหนังสือ เด่วต้องกลับไปดูใหม่ล่ะ

ปล...อยากรู้ตอนที่ครอบครัวของทั้งสองรู้เรื่องของทั้งสองคนจังว่าจะเป็นยังงัย แบบว่า...มันค้างกับเรื่องนี้อ่ะ อยากรู้มาก ๆ  ดูเหมือนครอบครัวเป้น่าจะไม่มีปัญหา แต่ครอบครัววิวนี่ซิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-01-2010 14:38:14
Wordslinger ตามที่เราตกลงกันนะจ๊ะเพื่อนสาว  :impress2:

LOVEJUICE   :man1:  รับขวัญปีใหม่จ้า จุ๊บแจงสบายดีนะ อ่านให้สนุกและแฮปปี้นิวเยียร์อีกรอบจ้า สุขีสุโขมากๆน้า

ryuka เราส่งลิ้งค์กับพาสสำหรับ Bonus Ep. ไปทางพีเอ็มแล้วนะคะ แล้วก็ยินดีมากที่ได้รับสารที่เราสื่อผ่านเป้กับวิวค่ะ เพราะนั่นแหละคือสิ่งที่เราอยากให้คนอ่านสัมผัสได้ ยังไงเรื่องของคู่อ๊อฟกับนะอ่านจากในนี้เลยก็ได้ค่ะเพราะลงสลับกับเรื่องของเป้-วิวในลิ้งค์นี้แหละ หรือถ้าจะอ่านที่บล็อกก็ได้เหมือนกัน ยังไงอย่าลืมเช็คพีเอ็มนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 05-01-2010 15:21:53
สวัสดีปีใหม่นะป้า

สวยๆรวยๆนะ อิอิ

ไปตามรอยนาธารมาเป็นไงบ้าง  :laugh:

นึกว่าป้ามาต่อ  :z3: 

เค้าอยากอ่านมั้งอะ :monkeysad:
 
:กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 13-01-2010 21:57:19
แวะมาดันกระทู้ป้า BB
คืออย่าเพิ่งทำอะไรกับ blog นะครับ เพราะยังอ่านไม่จบ(รับไปตั้งแต่แรกๆ แต่ยังไม่ค่อยได้อ่าน ชอบดองไว้แล้วก็มาอ่านรวดเดียว)

แล้วพี่อ๊อฟกับน้องนะล่ะไปไหนเเล้วอ่ะครับ  :a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 14-01-2010 23:43:42
 :laugh: :laugh: :laugh:

ไม่มีอะไรนะคะ แค่เข้ามาทักทายและทักท้วงกับถามทวงเรื่องน้องนะกับพี่อ๊อฟ

ไปเที่ยวเหนือก็อย่าลืมหาอะไรดีๆมา spark จินตนาการนะคะ เรื่องของพี่อ๊อฟหนุ่มธรรมดาน่ารักกับน้องนะน่าร๊ากกว่า จะได้สดชื่นสดใสมากกว่าที่สดใสและสดชื่นและหื่นนิดหน่อยอยู่แล้ว  :laugh:

อ้อ...นั่งกระดิกขาจิบไวน์รอเป้กับวิวที่ปลิวมากับไปรษณีย์ :laugh: :laugh: :laugh: เมื่อไหร่น้า  เมื่อไหร่จะถึงน้าาา

เดี๋ยวนะ ถ้าเพื่อนสาวถูกทุกคนเรียกว่าป้า แล้วอย่างนี้ เพื่อนสาวที่เป็นเพื่อนสาวของเพื่อนสาวก็ต้องกลายเป็นป้าด้วยคนดิ กรี๊ดด :serius2:

แต่ไม่เป็นไร เป็นป้าแต่สวย  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-01-2010 12:48:55
^
^
^
ใช่ค่ะ ถึงจะป้าแต่ก็เป็นป้าอย่างมีคุณค่า ดังนั้นเพื่อนสาวอย่าได้แคร์สื่อ  :laugh:

เป้วิวน่าจะปลิวไปลงเมืองภารตะเร็วๆนี้ล่ะ ส่วนไอ้อ๊อฟหนุ่มธรรมดาแต่น่ารัก(?) กับน้องนะน่ารักกว่า (อันนี้ชัวร์) ในที่สุดเดี๊ยนก็พิชิตทางตันได้แล้ว รอกลับลงจากดอยแล้วจะไปพิมพ์ให้นะเจ้าคะ ระหว่างนี้ขอเอ็นจอยขาหมูกับหมั่นโถวบนดอยแม่สลอง + จิบชาอู่หลงไปพลางๆก่อน

คิดถึงเพื่อนสาวและนักอ่านทุกท่านค่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 15-01-2010 13:29:41
ป้ามาแอ่วเหนือเหรอ บ้านเฮาเอง ไดไปเที่ยวแม่สายไม ตอนนี้อยู่ดอยแม่สลองไปดูซากุระเหรอค่ะ ปีนี้ออกดอกเยอะไม ยังไม่ได้ไปเลย ก็ขอให้ happy นะค่ะ กลับไปก็ต่ออ๊อฟ นะ ด้วยนะค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 18-01-2010 18:29:16
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ย่องเบาเข้ามาบอกกล่าวกันก่อนว่า ได้รับหนังสือแย้ววววววววววววววววววส์  :impress2: :impress2:

แกะกระดาษห่อด้วยระมัด แกะที่กันกระแทกด้วยระวัง แกะพลาสติกใสหุ้มด้วยความจริงจัง และเปิดอ่านหน้าแรกด้วยจริงใจ  :really2:

โห...อ่านที่เขียนมาให้แล้วเกิดความรู้สึกไม่กล้าอ่าน ไม่กล้าอ่านในความหมายที่ว่า ไม่กล้าอ่านรวดเดียวจบ แต่กะว่าจะเอาไว้อ่านตอนก่อนนอน อ่านทีละตอน อ่านอย่างละเอียด อ่านแบบที่ครั้งหนึ่งเคยอ่าน ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ (เป็นหนังสือที่ใช้เวลาอ่านนานที่สุด ทั้งภาคภาษาไทยและภาคภาษาอังกฤษ และเป็นหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียนนิยายเมื่อตอนอยู่มอปลาย) อ่านทีละประโยค ทีละตัวอักษรให้ซึมซาบ กรี๊ดดดดด ว่าไปนั่น

ขอบอกว่า ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ :mc4: :mc4:

แต่ว่า...ตรูสอบกลางภาคอาทิตย์หน้าหว่า  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: n_sugar_t ที่ 21-01-2010 11:08:13
โอนเงินค่าหนังสือแล้วค่า
pm รายละเอียดให้แล้วนะคะ

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือแล้วจ้า (25/10/09) p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-01-2010 00:50:21
โอนเงินค่าหนังสือแล้วค่า
pm รายละเอียดให้แล้วนะคะ

ขอบคุณค่า

ตอบพีเอ็มไปแล้วนะคะ

ส่วนคนที่รออ่านตอนหน้าของอ๊อฟนะ ไม่วันหยุดนี้ก็ต้นสัปดาห์หน้าเจอกันค่า :m32:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-01-2010 03:34:12
สวัสดีค่ะทุกคน ในที่สุดป้าก็เอาตอนต่อของอ๊อฟ-นะมาลงจนได้ ขอโทษอย่างแรงที่หายไปนานค่อดๆ แบบขอไม่นับล่ะนะว่ากี่เดือน สำหรับตอนนี้เนื้อหาจะต่อจากตอนที่แล้วเลย (อ่านได้ที่ p.35) ดังนั้นอนุญาตให้แฟนๆย้อนกลับไปเท้าความก่อนได้เพื่อกันความงง เพราะอิป้าเองยังงงว่าตอนนู้นเขียนอะไรไว้  :z3:

ไหนๆตอนนี้ป้าก็ว่างงานชั่วคราวแล้ว จะพยายามเข็นมาลงอย่างสม่ำเสมอให้น้า (ได้ข่าวว่าอิป้าพูดแบบนี้แทบทุกครั้งที่มาโพสต์ อย่าถือสาหาความกับคนมีอายุเลยนะจ๊ะ)  :laugh:

ใครสนใจอัพเดตข่าวคราวชีวิตของป้า (มีคนสนด้วยเรอะ) ติดตามได้ที่บล็อกของป้านะคะ   :pig2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-01-2010 03:41:44
ตอนที่ 22: ความสุขของทุกๆวัน


หลังจากที่เช็คเอ๊าท์เรียบร้อยและขึ้นรถกันแล้ว ขากลับพวกเราก็ไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหนอีกแม้จะรู้ว่าพ่อของเป้ปลอดภัยดีและตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ตาม เป้เพียงแวะเติมน้ำมันระหว่างทางครั้งเดียวก่อนจะตรงเข้ากรุงเทพฯและแวะมาส่งผมกับนะที่หอก่อน

“ขอบใจนะเว่ยเป้ ไงฝากหวัดดีพ่อกับแม่มึงด้วย”

หลังจากรถจอดสนิทที่หน้าทางเข้าหอ ผมก็ตบไหล่เพื่อนก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ ส่วนนะก็ลงมายืนอยู่ข้างๆ เป้เลยเลื่อนกระจกรถลงแล้วพยักหน้าให้

“เดี๋ยวจะบอกให้ก็แล้วกัน งั้นกูไปส่งวิวต่อล่ะ พวกพี่ไปแล้วนะครับน้องนะ”

“หวัดดีฮะ พี่เป้ พี่วิว”

นะยกมือไหว้เพื่อนผมทั้งสองคน ก่อนที่เป้จะเลื่อนกระจกขึ้นแล้วขับรถออกไป พอลับหลังรถยาริสสีดำคุ้นตาแล้วผมจึงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เพราะว่าเมื่อตอนเช้าผมไม่ได้กินอาหารที่รีสอร์ตเต็มที่นัก แล้วขากลับมานี่ก็ไม่ได้แวะทานอะไรกัน ตอนนี้น้ำย่อยในกระเพาะเลยเริ่มจะทำงานเสียแล้วสิ

“จะบ่ายโมงแล้ว ไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ย?  หรือนะอยากขึ้นไปเก็บของที่ห้องก่อน?”

ผมหันไปถามคนตัวเล็กขณะขยับสายสะพายกระเป๋าที่อยู่บนหลังไปด้วย คนถูกถามเลยหันมามองแล้วก็ยิ้มให้ “นะก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน งั้นไปกินข้าวกันก่อนก็ได้”

พอนะตอบรับ ผมเลยเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ห้องผู้ดูแลหอที่ชั้นล่างก่อน แล้วก็หยิบแค่กระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือออกมาจะได้ไม่ต้องหอบของไปทั้งหมด จากนั้นก็เดินออกจากซอยแล้วโบกแท็กซี่ไปห้างที่อยู่ใกล้ๆ เพราะยังไงวันนี้ก็วันเสาร์ พวกเราทั้งคู่เลยว่างกันทั้งวันอยู่แล้ว

การจราจรของวันเสาร์ตอนกลางวันไม่ติดขัดนัก อาจเป็นเพราะเมื่อวันศุกร์เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตอนนี้หลายคนก็เลยยังไม่กลับมาจากการเที่ยวต่างจังหวัด หลังไปถึงห้างแล้วผมกับนะก็เดินวนไปมาอยู่สักพัก ก่อนจะสรุปกันได้ว่าจะกินอาหารญี่ปุ่น เพราะว่าเอ็มเคที่ผมอยากกินคิวยาวไปหน่อย

หลังสั่งอาหารกันแล้วพนักงานก็เอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ก่อน ของผมเป็นชาเขียวเย็นธรรมดา ส่วนของนะเป็นชาเขียวใส่นมปั่น ผมยกแก้วชาของตัวเองขึ้นดื่มจนเกลี้ยงด้วยความกระหายก่อนจะโบกมือเรียกพนักงานให้มาเทเติมให้ใหม่ แต่พอหันกลับมามองคนตัวเล็กตรงหน้าก็ให้นึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องที่ติดใจอยากจะถามมาตั้งแต่เมื่อคืน

“นะครับ”

“หือ?”

พ่อหนูน้อยเงยหน้าขึ้นจากรูปอาหารในเมนูที่ยังไม่ได้คืนพนักงานไป ผมเลยยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคางก่อนจะเอ่ยถาม

“พี่มีเรื่องจะถามหน่อย ที่จริงสงสัยมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว นะรู้ได้ยังไงว่าตอนที่พี่บอกเราว่าจะไปทำรายงานกับเพื่อนนั่นพี่ไปที่อื่น?”

พอถามไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน เพราะนี่เท่ากับยอมรับว่าก่อนหน้านี้ผมโกหกนะจริงๆเพื่อแอบไปซื้อของขวัญให้เจ้าตัว แต่ตอนนั้นมันช่วยไม่ได้นี่นา อีกอย่างนะก็รู้แล้วว่าความจริงผมไปไหน ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากรู้ในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายรู้เรื่องได้ยังไงต่างหาก

พ่อหนูน้อยใช้หลอดคนชานมปั่นในแก้วไปมา แต่ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนไม่ค่อยเต็มใจอยากจะบอกเท่าไหร่ ผมเลยนั่งเท้าคางจ้องหน้าคนตัวเล็กนิ่งๆอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ให้ผมนั่งมองหน้านะทั้งวันก็ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ ชุดไก่ยากิโทริกับอุด้งนะคะ”

พนักงานเสิร์ฟเอาอาหารที่ผมกับนะสั่งมาวางให้ที่โต๊ะแล้วก็เดินออกไป ร่างเล็กตรงข้ามผมเลยหยิบตะเกียบออกจากซองขึ้นมาฉีก แต่พอเหลือบสายตามาเห็นผมที่ยังจ้องตัวเองอยู่ก็ทำหน้ามุ่ย

“พี่อ๊อฟหิวไม่ใช่เหรอ กินก่อนสิ เดี๋ยวไก่ก็เย็นหมดหรอก”

นะพูดแล้วก็ชี้ปลายตะเกียบมาที่ถาดอาหารชุดของผม แต่ตอนนี้ผมอยากคุยกันให้รู้เรื่องก่อนนี่นา “แล้วเราจะเล่าให้พี่ฟังไหมล่ะ ถ้าไม่ตกลงพี่ก็จะนั่งจ้องแบบนี้จนกว่านะจะกินอุด้งหมดนั่นแหละ”

คนถูกขู่ทำปากยื่นอย่างไม่เห็นด้วย ผมเลยต้องกลั้นหัวเราะด้วยการกระแอมแล้วพยายามปั้นหน้านิ่งเข้าไว้ ที่จริงก็ขู่เล่นๆเท่านั้นแหละ เพราะผมน่ะหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว แต่เห็นพ่อหนูน้อยทำท่าอิดเอื้อนนักเลยแกล้งซะเลย

 ตอนแรกนะทำเหมือนไม่สนใจแล้วคีบอุด้งเข้าปาก แต่กินเข้าไปได้แค่สองคำก็ทำท่าห่อไหล่เพราะเห็นว่าผมไม่แตะอาหารของตัวเองจริงๆ แต่แล้วนัยน์ตาหวานก็มองค้อนเมื่อได้ยินผมหัวเราะในคอ

“เล่าก็ได้ แต่ขอกินข้าวให้เสร็จก่อนได้มั้ยล่ะ ถ้าพี่อ๊อฟกินของพี่อ๊อฟไม่หมดนะก็ไม่เล่าให้ฟังเหมือนกัน”

จบประโยคปุ๊บคนตัวเล็กก็หยิบตะเกียบกับช้อนขึ้นมากินอุด้งต่อ ผมเลยแกล้งทำเป็นถอนหายใจแล้วยักไหล่ ความจริงการที่ต้องทนนั่งดูคนอื่นกินข้าวทั้งที่ของตัวเองก็วางอยู่ตรงหน้านี่ก็ทรมานใช่ย่อยเหมือนกัน แต่ในเมื่อคนตัวเล็กสัญญาแล้วว่าจะยอมเล่า ผมก็เลยได้โอกาสทิ้งมาดแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาพุ้ยข้าวกินให้หายอยากได้เสียที

หลังจากจัดการมื้อกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็สั่งไอศกรีมกันมาคนละถ้วย แต่ในเมื่อที่ตกลงกันไว้คือนะจะเล่าเรื่องให้ผมฟังหลังกินข้าวหมด ผมเลยทวงสัญญาทันทีหลังจากพนักงานเก็บถาดอาหารไปและเอาไอศกรีมมาเสิร์ฟแล้ว

“ถ้านะเล่าแล้ว...พี่อ๊อฟสัญญาว่าจะไม่ไปว่าคนที่บอกนะได้มั้ย?”

นะเอ่ยพลางทำท่าเหมือนเกรงๆผมนิดหน่อย ผมยอมรับว่าตอนแรกผมแค่สนใจว่านะรู้เรื่องผมมาจากใคร แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนไม่ค่อยอยากบอกเพราะเป็นห่วงไอ้คนนั้น ตอนนี้ผมเลยชักจะหงุดหงิดกับไอ้บุคคลปริศนานี่มากขึ้นทุกทีแล้วสิ

“พี่ยังรับปากไม่ได้ จนกว่าจะได้รู้ก่อนว่าไอ้หมอนั่นที่บอกนะน่ะเป็นใคร”

ผมพูดพลางตักไอศกรีมคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นก็เอนหลังพิงเก้าอี้และยกมือขึ้นกอดอก พอนะเงยหน้าขึ้นสบตาผมก็ทำหน้าเบ้ “พี่อ๊อฟอย่าทำหน้าดุแบบนั้นสิ อีกอย่างคนที่เล่าก็ไม่ใช่ ‘ไอ้หมอนั่น’ สักหน่อย”

ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะรีบถามต่อ “ไม่ใช่ ‘ไอ้หมอนั่น’ งั้นก็หมายความว่าเป็นผู้หญิง?”

“ก็....”

คนตัวเล็กพูดยังไม่จบก็หลบตาผมแล้วตักไอศกรีมขึ้นทาน แต่ไม่รู้ทำไม ท่าทางเหมือนไม่ค่อยอยากเล่านั่นทำให้ผมชักสังหรณ์ว่าคนที่กำลังพูดถึงนี่น่าจะเป็นคนใกล้ตัวผมมากขึ้นทุกที ผมพยายามจะนึกย้อนเวลากลับไปว่านะน่าจะรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ให้นึกขึ้นได้ว่าพ่อหนูน้อยเริ่มทำท่าแปลกๆเมื่อวันพฤหัสบดีก่อนที่จะจัดกระเป๋าเพื่อไปปราณบุรี แต่วันนั้นช่วงเช้าเจ้าตัวก็ยังไม่ได้แสดงท่าทางผิดปกตินี่นา เพิ่งจะมาเป็นเอาเมื่อตอนเย็นก่อนกลับหอด้วยกันเท่านั้นเอง เพียงแต่ช่วงก่อนที่จะกลับกันนั่น ถ้าจำไม่ผิด...พอกินข้าวเย็นเสร็จแล้วผมก็แยกไปรอนะที่ป้ายรถเมล์ ส่วนอีกฝ่ายขอแวะไปหามุ้ยที่ตลาดตรงลานหน้ามหา’ลัยก่อน...

ถ้างั้นก็คิดได้อย่างเดียวเท่านั้น  

“อย่าบอกนะว่า ไอ้คนที่นะอิดเอื้อนไม่อยากบอกพี่สักทีนี่คือมุ้ย?”

ผมถามขึ้นหลังจากไม่ว่าจะคิดยังไงก็สรุปได้แต่แบบนี้ และก็ได้คำตอบเมื่อเห็นรอยยิ้มแหยๆของคนที่โดนถาม ผมเลยอดจะถอนหายใจพลางคิดไม่ได้ว่ายายนี่ชอบทำป่วนได้ไม่เว้นกาละและเทศะจริงๆ แต่แล้วก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อมือเล็กข้างหนึ่งยื่นมาจับมือผมที่อยู่บนโต๊ะ

“ที่จริง ตอนที่นะไปหานั่นพี่มุ้ยไม่ได้บอกตรงๆหรอกว่าเห็นว่าพี่อ๊อฟไปไหน แค่ทักขึ้นมาว่านะโดดเรียนไปเที่ยวห้างกับพี่อ๊อฟมาเหรอ พอนะถามพี่มุ้ยว่าเจอพี่อ๊อฟมาเองหรือเปล่า พี่มุ้ยก็บอกแค่ว่าได้ยินต่อมาจากคนรู้จักอีกที พอนะบอกไปว่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน พี่มุ้ยเลยขอร้องว่าอย่าบอกพี่อ๊อฟว่านะรู้มาจากใคร”

ผมฟังแล้วก็แทบจะจินตนาการสีหน้าเหรอหราของเพื่อนตอนที่ขอให้นะอย่าบอกผมได้อย่างกับเห็นมาเอง นะเล่าจบก็ชักมือกลับไปแล้วใช้ช้อนเขี่ยไอศกรีมที่เริ่มจะละลายจนเหลวในถ้วยไปมา ผมเลยยื่นมือไปลูบผมปลอบเสียทีหนึ่ง เพราะรู้ดีว่ายายเพื่อนผมคนนี้น่ะโกรธใครไม่เป็นหรอก อย่างดีก็งอนแป๊บๆ โดนง้อเข้าหน่อยก็หายแล้ว แต่นะคงกังวลว่ามุ้ยจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเพราะไม่รู้จักนิสัยยายนั่นดี ก็เลยไม่ค่อยอยากบอกผมก็เป็นได้

ทว่าคราวนี้เลยกลายเป็นว่าผมเกิดคำถามในใจขึ้นอีกข้อ ก็ในเมื่อมุ้ยไม่ได้เห็นผมที่ห้างด้วยตาตัวเอง แล้วยายนั่นไปได้ยินเรื่องนี้มาจากใครกัน แต่ก็แทบจะไม่ต้องเสียเวลาคิดหาคำตอบเลย เพราะวันนั้นคนที่ผมบังเอิญไปเจอที่ห้างซึ่งเป็นคนรู้จักก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น

พอเดาเรื่องได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ผมก็ส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ มุ้ยเอ๊ยมุ้ย....แล้วเคยทำทีเป็นบอกว่าไม่ชอบขี้หน้ารุ่นพี่ผมตอนแนะนำให้รู้จักกันอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วนี่ไปสนิทสนมกันอีท่าไหนพี่หล่งถึงได้เล่าเรื่องที่เจอผมให้ฟังได้ล่ะน่ะ สงสัยงานนี้ไม่จับยายเพื่อนผมมาถามคงไม่หายข้องใจเสียแล้วสิ

นะเลิกคิ้วแล้วมองผมอย่างไม่เข้าใจว่าหัวเราะอะไร แต่เพราะว่าตอนนี้ผมเริ่มจะปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้แล้ว แถมยังได้โอกาสหาเรื่องแกล้งเพื่อนสนิทแต่เด็กได้อีกด้วย อารมณ์ที่หงุดหงิดเมื่อครู่เลยดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ผมเลยยิ้มให้คนตัวเล็กแล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปจับมือนะบ้าง

“ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวเราเช็คบิลแล้วไปเดินเล่นกันดีกว่า จะดูหนังก็ได้นะถ้ามีเรื่องไหนน่าดู เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”


+------+


หลังจากวันเสาร์นั้น ผมก็โทรหามุ้ยเพื่อจะนัดกินข้าวด้วยกัน แต่เพราะว่าช่วงนี้เจ้าตัวมีโปรเจ็กต์ต้องส่งอาจารย์ซึ่งยังทำไม่เสร็จเสียที ดังนั้นกว่าจะว่างมาเจอผมได้ก็เลยปาเข้าไปอาทิตย์ถัดมา แถมทั้งที่ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะให้นะมาด้วย แต่เจ้าตัวบอกว่ายังไม่กล้าเจอมุ้ยเพราะไม่รู้จะโดนโกรธที่บอกความจริงให้ผมรู้หรือเปล่า ผมเลยรับปากว่าจะคุยกับมุ้ยเรื่องนี้ให้ แล้วก็นัดยายจอมป่วนให้มากินข้าวกลางวันที่โรงอาหารมหา’ลัยวันที่คาบพักเที่ยงของผมกับนะไม่ตรงกันแทน

“โย่ว”

หลังจากนั่งรอแม่เจ้าประคุณที่มาสายเกินเวลานัดไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยที่ทักขึ้นพร้อมกับมือที่ตบเบาๆลงบนหลัง พอหันไปหาเจ้าของเสียงก็เจอคนที่นัดไว้กำลังเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม ผมที่มานั่งรออยู่เป็นนานเลยอดจะแขวะไม่ได้

“โย่วเยิ่วอะไรของแก แล้วทำไมโทรไปไม่รับสายวะ เราทนหิวไม่ไหวเลยกินข้าวไปก่อนแล้วเนี่ย”

มุ้ยยกมือหนึ่งขึ้นกุมหน้าผากแล้วก็ยกอีกมือมาตรงหน้าผม “พอเลยไอ้อ๊อฟ ชั้นรู้ตัวแล้วน่ะว่ามาสาย พอดีเมื่อกี้เอาโปรเจ็กต์ที่ปั่นทั้งอาทิตย์ไปส่งอาจารย์มา แล้วไม่รู้ผีอะไรเข้า เค้าเล่นหยิบงานชั้นขึ้นมาติๆๆให้ฟังตรงนั้นเลยว่าต้องแก้ตรงไหน นี่ถ้าไม่ใช่ว่าเค้าต้องไปประชุมชั้นคงไม่ได้หลุดมาหาแกหรอก เฮอะ!”

มุ้ยว่าแล้วก็ยกแก้วโอเลี้ยงที่ถือติดมาขึ้นดูดจนเกลี้ยง ผมฟังเพื่อนบ่นแล้วก็สังเกตสีหน้าเจ้าตัวไปด้วย ถึงได้เห็นว่าท่าทางช่วงนี้มุ้ยคงอดหลับอดนอนกับเจ้างานชิ้นนี้จริงๆ เพราะแก้มดูซูบไปจากครั้งที่ได้เจอกันล่าสุด แถมใต้ตาก็เป็นรอยคล้ำจนเห็นได้ชัด แต่พวกเด็กอาร์ตก็แบบนี้ล่ะมั้ง เพราะมุ้ยเรียนมัณฑนศิลป์นี่นา

“งั้นแกจะซื้ออะไรมากินก่อนมั้ย? ที่จริงเมื่อกี้เราก็ยังไม่อิ่มเหมือนกัน ว่าจะกินอีกจานอยู่”

ผมเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง เพราะถึงปกติมุ้ยมักจะโดนแซวว่าเป็นสาวถึก แต่ยังไงผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงที่ขีดจำกัดทางร่างกายน้อยกว่าผู้ชายอยู่วันยันค่ำ อีกอย่างถ้าให้เจ้าตัวมาเป็นลมที่มหา’ลัยผมเพราะนอนไม่พอแถมยังกินข้าวไม่เป็นเวลาก็คงดูไม่ดีเท่าไหร่

“ก็ดีเหมือนกัน งั้นแกกินอะไรชั้นก็กินนั่นแหละ ขอบใจนะ”

มุ้ยพูดจบก็เอาหนังสือเรียนเล่มหนึ่งขึ้นมารองบนโต๊ะก่อนจะฟุบหน้าลงไป เนียนได้อีกนะเนี่ย ที่จริงผมแค่ถามเผื่อเจ้าตัวอยากไปเดินเลือกอาหารกลางวันมากินก่อนจะคุยกันเองนะ ไม่ได้พูดเลยสักคำว่าจะไปซื้อให้หรือออกเงินให้ แต่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางเหนื่อยๆอย่างนี้ก็คงมีแต่จะต้องเลยตามเลย

ผมตัดสินใจเดินไปซื้อข้าวราดแกงเขียวหวานกับหมูยอทอดมาสองจานเพราะง่ายและเร็วดี จากนั้นก็ซื้อน้ำเปล่ามาอีกสองขวด แต่พอเอาอาหารวางลงบนโต๊ะก็เห็นมุ้ยยังฟุบไม่เลิกเลยต้องเขย่าไหล่ปลุก

“เอ้าเฮ้ย! ซื้อข้าวมาให้แล้วเว่ย กินก่อนแล้วค่อยนอน”

“หือ? อ้อ...ก็ได้...แหวะ นี่แกซื้ออะไรมาให้ชั้นวะ”

มุ้ยเงยหน้าขึ้นตอบรับอย่างงัวเงีย แต่พอเห็นกับข้าวที่ผมเลือกมาก็บ่นต่อทันทีจนผมรู้สึกว่าหางตาเต้นตุบๆ นี่มีคนรู้จักของผมคนไหนเรื่องมากกว่าลูกน้าเหมียวอีกมั้ยเนี่ย!

“ไม่ต้องบ่นเลย เมื่อกี้ให้โอกาสแล้วแกไม่ไปเลือกเองนี่นา ถ้าอยากเปลี่ยนก็ลุกไปซื้อเองโน่น แต่ขอค่าข้าวจานนี้มาก่อนด้วย”

“ไอ้งก! กินก็ได้ย่ะ บ่นเป็นคุณลุงไปได้”

มุ้ยตอกกลับก่อนจะหยิบที่คาดผมออกจากกระเป๋าขึ้นมาแล้วคาดผมที่ปรกหน้าขึ้นไป แต่อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกตงิดในใจชอบกล เมื่อก่อนยายนี่ใช้เครื่องประดับแบบนี้ด้วยเหรอ?

“มองอะไรของแกวะอ๊อฟ ทำยังกับเห็นจิ้งจกอยู่บนหัวชั้นงั้นแหละ”

ยายเพื่อนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยทักเมื่อเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว ผมเลยชี้ไปที่ที่คาดผมแถบใหญ่ลายจุดที่เจ้าตัวสวมอยู่

“ไม่ใช่ก็เกือบล่ะ เดี๋ยวนี้แกใส่ที่คาดผมด้วยเหรอ?”

มุ้ยทำหน้ามุ่ย “ก็ผมมันบังหน้าบังตาก็ต้องเสยมันขึ้นไปน่ะสิ นี่แกไม่ดีใจหรือไง เพื่อนจะทำตัวเป็นผู้หญิงเหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขามั่งเนี่ย”
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-01-2010 03:42:48
จะว่าดีใจไหม ก็ดีอยู่หรอกนะที่มุ้ยจะทำตัวเป็นผู้หญิงขึ้นมาบ้าง เพียงแต่มันไม่ชินตาเลยรู้สึกแปลกๆ แต่จะว่าไป...ผมเองก็มีสมมติฐานที่พอจะโยงกับเรื่องนี้อยู่บ้างนี่นา

ผมตักข้าวของตัวเองเข้าปากบ้าง พลางทำทีเป็นถามเรื่อยๆเหมือนไม่ใส่ใจ

“จริงสิ ช่วงนี้แกเดินสวนพี่หล่งมั่งมั้ย?”

“แค่กๆ! ฮะ!? ถามอะไรของแกวะ!!”

ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เพราะทันทีที่คำถามหลุดปากออกไปก็ได้เห็นปฏิกิริยาไม่คาดฝันทันที อาการแบบนี้เขาเรียก ‘กินปูนร้อนท้อง’ ใช่ไหมนะ ก็แค่ผมตรงเข้าประเด็นเลยโดยไม่อารัมภบทก่อนแค่นั้นเอง

ผมหยิบขวดน้ำขึ้นมาบิดฝาขวดเปิดออกแล้วยื่นส่งให้เพื่อน มุ้ยเลยรับไปแล้วก็ดื่มอั้กๆจนน่ากลัวจะสำลักซ้ำแทน แต่ก็ยังไม่วายไอต่อจนหน้าแดงไปหมด นี่ผมควรจะสงสารหรือขำดีล่ะเนี่ย

“ไอ้อ๊อฟ! ยิ้มทำซากอะไรของแก ชอบเห็นเพื่อนทรมานนักรึไง แล้วจะถามถึงไอ้บ้านั่นทำไมฮะ!”

สงสัยสีหน้าผมจะดูออกง่ายไปหน่อยแฮะ

“เปล๊า ก็แค่พอดีอาทิตย์ก่อนโน้นเรากับนะมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย คุยไปคุยมา ได้ความว่าใครก็ไม่รู้ไปบอกนะเรื่องไปเจอเราที่ห้าง แต่คนนั้นก็ไม่ได้ไปเห็นเองนะ เห็นว่าได้ยินจากคนอื่นมาอีกทีน่ะ”

ผมเล่าไปก็แอบสังเกตสีหน้าเพื่อนไปด้วย แล้วก็เห็นว่าหน้าที่ไอจนแดงเมื่อกี้เริ่มซีดลงหน่อยๆ แต่มุ้ยก็รีบปรับสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่รู้เรื่องมาก่อน

“อ้าวเหรอ แกทะเลาะกับน้องนะด้วยเหรอ แล้วตอนนั้นแกไปทำอะไรที่ห้างถึงไม่บอกน้องนะไว้ก่อนล่ะ แอบนัดเจอกิ๊กหรือไง”

“กิ๊กบ้านแกน่ะสิ! เราไปซื้อของขวัญให้นะเลยต้องแอบไปจะได้เซอร์ไพรส์เว่ย แล้วนะก็บอกว่ารู้เรื่องที่เราไปห้างวันนั้นมาจากแกน่ะแหละ!”

ผมล่ะหน่ายกับวิธีแถหน้าตายของยายเพื่อนคนนี้จริงๆ รู้ตัวดีอยู่แล้วยังจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก!

“นี่ๆ อย่าขึ้นเสียงสิ ก็ชั้นกะจะแแซวน้องนะเล่นเฉยๆ แต่ชั้นไม่ได้รู้มาก่อนนี่ว่าวันนั้นน้องเค้าไม่ได้ไปกับแกด้วย จะมาว่าชั้นได้ไงเล่า”

มุ้ยแก้ตัวพลางทำหน้ามุ่ย คราวนี้ผมเลยได้ทีเกทับบ้าง “แหงล่ะสิ ในเมื่อคนที่เจอเราไม่ใช่แกนี่ แต่ไม่ต้องบอกก็ได้นะว่าใครเล่าให้แกฟัง เพราะเราเดาได้แล้วล่ะว่าใคร”

ผมพ่นหัวเราะทางจมูกก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก ยายตัวดีเลยขมวดคิ้วมองผมอย่างระแวง “อะไร แกเดาว่าใคร อย่ามามั่วนะไอ้อ๊อฟ คนที่แกคิดอยู่อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะยะ!”

ยิ่งเห็นท่าทีแก้ตัวอย่างลนลานของมุ้ยผมยิ่งสะใจ และโชคก็แสนจะเข้าข้าง เมื่อผมเหลือบไปเห็นคนที่เป็นเป้าหมายกำลังถือจานข้าวเดินมาที่โต๊ะผมพอดีโดยไม่ได้นัดหมาย ความจริงผมมีจุดประสงค์แอบแฝงที่นัดมุ้ยมาโรงอาหารนี้เหมือนกัน เพราะว่ามันอยู่ตรงข้ามคณะของรุ่นพี่ชุมนุมผมพอดีน่ะสิ

“หวัดดีพี่หล่ง กำลังพูดถึงอยู่พอดีเชียว”

“ว้าย! ไอ้อ๊อฟ!! ไอ้บ้า!! ปล่อยช้าน!!!!!”

ทันทีที่ผมเอ่ยทักพี่หล่งซึ่งเดินมานั่งเก้าอี้ข้างมุ้ย ยายเพื่อนผมก็ดีดตัวพรวดยังกับจรวดที่เตรียมจะพุ่งหนี ผมเลยรีบคว้าข้อมือเอาไว้ก่อนเจ้าตัวจะทันลุกจนโดนโวยด้วยเสียงแปดหลอดใส่

“เป็นอะไรไป ไม่อยากนั่งกินข้าวข้างผมขนาดนั้นเลยเหรอ?”

พี่หล่งหันไปทักมุ้ยที่ยังพยายามจะแกะมือผมออกจากข้อมือตัวเอง คนโดนถามเลยหันไปแหวใส่ทั้งที่หน้าซับสีเลือดจนแดงจัด “เออ! ไม่อยาก!!”

“จุ๊ๆ พูดอะไรไม่น่ารักเลย งั้นเอางี้”

ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อพี่หล่งหยิบจานข้าวแล้วลุกอ้อมโต๊ะมาฝั่งผม ก่อนเจ้าตัวจะบุ้ยคางให้ผมเขยิบไปนั่งเก้าอี้อีกตัว ส่วนเจ้าตัวก็ทรุดนั่งลงตรงที่ที่ผมนั่งเมื่อครู่แทน

“มานั่งฝั่งตรงข้ามแทนให้ก็ได้ แบบนี้คงไม่มีปัญหาแล้วนะ?”

พี่หล่งพูดแล้วก็อมยิ้ม ส่วนมุ้ยทำหน้าเหมือนถ้ากินเลือดกินเนื้อพี่หล่งได้คงทำไปแล้ว ผมเห็นท่าทางของทั้งสองคนแล้วก็ต้องกลอกตา ภาพที่เห็นตรงหน้าดูไม่ตรงกับที่ผมจินตนาการไว้เท่าไหร่ แต่สงสัยว่าที่เดาเอาไว้คงจะไม่ไกลความจริงนักกระมัง

“พี่หล่ง พี่จำวันที่ไปเจอผมที่หน้าร้านแม็คที่ห้างเมื่ออาทิตย์ก่อนโน้นได้มั้ย?”

ผมหันไปถามรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆโดยไม่ปล่อยมือจากมุ้ยที่ยังคงพยายามจะแงะข้อมือตัวเองให้หลุด พี่หล่งเลยทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ “จำได้ ทำไมวะ?”

“นั่นล่ะ พี่ได้เอาเรื่องนั้นไปเล่าให้ใครฟังหรือเปล่า?”

ผมถามต่อ รุ่นพี่ผมเลยแสดงคำถามออกมาทางแววตา ก่อนจะหันไปหาเพื่อนผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “ก็เล่านะ คนที่กูเล่าให้ฟังน่ะ....”

“เว้ย! ไม่ต้องพูดแล้ว!! ไอ้อ๊อฟ แกไม่ต้องชวนชั้นมากินข้าวด้วยอีกเลยนะ ไอ้เพื่อนบ้า!!!”

มุ้ยขัดจังหวะด้วยเสียงแปดหลอดขึ้นมาพร้อมกับที่ดึงข้อมือให้เป็นอิสระได้ จากนั้นก็รีบเก็บกระเป๋าและหนังสือเรียนตัวเองก่อนจะถลึงตาใส่ผมแล้วก็รีบเดินหนี แต่ก็ยังช้ากว่าพี่หล่งที่หันไปส่งเสียงเรียกไว้เสียก่อน

“แล้วเย็นนี้ผมจะโทรไปหานะ”

มุ้ยชะงัก แต่ก็ไม่ได้หันกลับมา แถมคราวนี้ยังจ้ำอ้าวต่อจนเหมือนจะไปแข่งเดินเร็วเอาโล่ห์งั้นแหละ แต่ท่าทางที่ผมเห็นเมื่อกี้กลับทำให้นึกถึงสภาพแมวตอนโมโหจนพองขนยังไงชอบกล

หลังเพื่อนผมเดินไปไกลแล้ว พี่หล่งก็หัวเราะพลางหันกลับมาตบไหล่ผมเหมือนขำเสียเต็มประดาจนผมต้องเลิกคิ้วอย่างงงๆ

“เพื่อนมึงนี่สุดยอดเลยว่ะอ๊อฟ ยั่วขึ้นง่ายฉิบหาย ฮ่าๆๆ”

เอ...ดูจากท่าทางการปะทะคารมของพี่หล่งกับมุ้ยเมื่อกี้ บางทีไอ้ที่ผมคิดไว้ตอนแรกมันอาจจะไม่เข้าเค้าแล้วสิ

“เมื่อกี้มันอะไรวะพี่ ตกลงพี่กับมุ้ยไม่ได้แอบกิ๊กกันอยู่เหรอ?”

“กิ๊กห่าอะไรล่ะ ไม่เห็นท่าทางเพื่อนมึงเมื่อกี้หรือไง นี่ถ้าหาไม้หน้าสามได้คงเอาฟาดหัวกูไปแล้วมั้ง”

พี่หล่งตอบพลางก็ตักข้าวเข้าปากไปด้วย แต่รอยยิ้มขำที่ยังระบายอยู่บนหน้าทำให้ผมยิ่งงงหนักเข้าไปทุกที “อ้าว แล้วเรื่องที่พี่ไปเล่าให้มุ้ยฟังว่าเจอผมที่ห้างวันนั้นล่ะ แล้วที่เมื่อกี้บอกจะโทรไปหาเย็นนี้ด้วย นี่พี่ยังไงกันแน่วะเนี่ย?”

ผมถามพลางตักข้าวของตัวเองที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อครู่ขึ้นกินบ้าง ส่วนจานข้าวของมุ้ยที่กินเข้าไปได้แค่คำเดียวก็ยังวางแหมะอยู่ที่เดิม กินทิ้งกินขว้างจริงๆเลยสิน่าเพื่อนผมนี่

“ก็ไม่มีอะไร เมื่อเดือนก่อนคณะของเพื่อนมึงเค้าจัดนิทรรศการที่เปิดให้คนนอกเข้าไปดูได้ พอดีกูไปดูแล้ววิจารณ์งานของเพื่อนมึงจนเขาโมโห กูเลยขอเบอร์เจ้าตัวจากเด็กที่รู้จักในคณะนั้นเพื่อจะโทรไปขอโทษ แต่คุยไปคุยมาแล้วสนุกดี จากนั้นมากูเลยชอบโทรไปแหย่เค้าเล่นบ่อยๆ บางทีก็เล่าอะไรไร้สาระเรื่อยเปื่อยให้ฟัง ก็แค่นั้นแหละ”

ผมพยายามจะคิดว่าบทสนทนาของทั้งคู่เป็นอย่างไร แต่เพราะรู้นิสัยมุ้ยดี เลยเดาได้แบบเชื่อขนมกินเลยว่าเพื่อนผมคงไม่พูดจาภาษาดอกไม้กับพี่หล่งแน่ๆ แถมมุ้ยยังเป็นคนประเภทคิดอะไรก็พูดอย่างนั้นเสียด้วยสิ

“แค่แหย่เล่นแล้วจะมีเกินไปกว่านั้นมั้ยพี่ นี่มันก็เข้าข่ายจีบแล้วนะ ถ้าไม่จริงจังก็อย่าแกล้งเพื่อนผมเลย ขอร้องเหอะ”

ถึงบางทีผมจะหมั่นไส้มุ้ยบ้าง แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเหมือนพี่น้อง และผมเองก็ไม่อยากเห็นเพื่อนโดนคนอื่นปั่นหัวเล่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่ผมเคารพด้วย ถ้าพี่หล่งไม่ได้คิดอะไรกับมุ้ยมากไปกว่าเห็นว่าแหย่เล่นแล้วสนุก ผมก็ไม่อยากให้รุ่นพี่แกล้งเพื่อนผมไปมากกว่านี้เหมือนกัน

“เพื่อนมึงเคยมีแฟนมั่งยัง?”

พี่หล่งละสายตาจากจานข้าวขึ้นมองผม ผมเลยส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ “ไม่เคยมีสักคนหรอกพี่ ก็เห็นอยู่ว่านิสัยโผงผางแถมชอบใช้ภาษาผู้ชายแบบนั้น ผู้ชายที่ไหนเค้าจะมาชอบ”

“อ้อ”

รุ่นพี่ผมส่งเสียงรับรู้ในคอก่อนจะตักข้าวกินต่อจนหมด พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะลุกผมเลยสำทับอีกที “เมื่อกี้ผมพูดจริงนะพี่ ถ้าไม่คิดอะไรจริงจังกับมุ้ยก็เลิกโทรไปกวนเหอะ”

“เออ กูจะลองเอาที่มึงพูดไปคิดดู ว่าแต่ห่วงเพื่อนอย่างกับเป็นพ่อเลยนะมึงน่ะ”

พี่หล่งพูดจบก็เดินเอาจานข้าวของตัวเองกับจานที่มุ้ยกินเหลือไปวางที่ชั้นสำหรับรอล้างให้ ผมมองตามแผ่นหลังของรุ่นพี่ที่เดินห่างไปเรื่อยๆแล้วก็ได้แต่คิดในใจ สองคนนี้เค้าจะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กันไปได้ไหมนะ แต่มัวคิดไปก็เท่านั้น อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นให้มากนักจะดีกว่า


+------+

 
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ช่วงบ่ายผมก็เข้าเรียนตามปกติ และพอเลิกเรียนแล้วก็แวะไปรับนะที่หน้าคณะของเจ้าตัวตามเดิม แต่พอออกไปหน้ามหา’ลัยและเดินผ่านร้านขายกระเป๋าที่ปกติมุ้ยมาช่วยเพื่อนขายก็ไม่เห็นเจ้าตัวเลย คนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างผมเลยชักจะหน้าเสีย

“ตกลงเมื่อกลางวันพี่อ๊อฟคุยกับพี่มุ้ยไปว่าไงบ้าง? พี่มุ้ยโกรธนะหรือเปล่าถึงได้ไม่มาขายของวันนี้?”

นะถามขึ้นเมื่อเราเดินมาถึงป้ายรถเมล์ด้วยกัน ผมนึกถึงสีหน้าท่าทางของเพื่อนผมเมื่อกลางวันแล้วก็ส่ายหน้า ถ้าจะโกรธล่ะก็ ผมว่าตอนนี้มุ้ยคงมีคนอื่นที่น่าให้โกรธมากกว่านะไปแล้วล่ะ

“ไม่เกี่ยวหรอก เห็นว่าอาทิตย์ที่ผ่านมามัวแต่ทำโปรเจ็กต์จนไม่ค่อยได้นอนน่ะ วันนี้เลยกลับเร็วเพราะจะไปนอนพักล่ะมั้ง”

ผมเอ่ยพลางลูบผมนะไปด้วยเพื่อให้สบายใจ นะเลยพยักหน้าแม้ว่าดูท่าทางยังกังวลอยู่ พวกเรายืนรอกันไม่นานนัก รถเมล์ปรับอากาศสายที่รออยู่ก็มา ผมเลยกระตุกแขนนะแล้วก็รอให้เจ้าตัวเดินขึ้นรถไปก่อนค่อยขึ้นตาม

“จะว่าไป พี่คงต้องเริ่มกลับไปอ่านหนังสือเตรียมสอบแล้วล่ะ เผลอแป๊บๆก็จะสอบปลายภาคอีกแล้ว”

หลังจากขึ้นนั่งในรถเรียบร้อยแล้วผมก็เอ่ยขึ้นมา นะที่หันไปมองวิวด้านนอกรถอยู่เลยหันกลับมาหา

“นะก็ต้องเริ่มอ่านหนังสือกับทำรายงานแล้วเหมือนกัน เพราะตารางสอบมิดเทอมของภาคอินเตอร์ก็ไล่ๆกับสอบปลายภาคของภาคปกติเลย”

“เข้าสู่ช่วงที่ต้องถ่างตานอนดึกกันอีกแล้วสินะเนี่ย”

ผมเปรยก่อนจะถอนหายใจ นะเลยยิ้มแล้วบีบมือผมเบาๆ “ปีหน้าก็ปีสี่แล้วนะพี่อ๊อฟ เหลือเรียนอีกปีเดียวก็จบแล้ว”

คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเหลืออีกปีเดียวผมก็จะเรียนจบแล้วจริงๆ แต่ว่านะเป็นรุ่นน้องผมสองปี ดังนั้นกว่าอีกฝ่ายจะเรียนจบก็ต้องหลังผมไปอีกนานเหมือนกัน “อืม....ต้องทำไงนะจะจบพร้อมพี่ได้ล่ะเนี่ย ไม่อยากจบไปก่อนเลยแฮะ”

ผมบีบมือนะตอบก่อนจะเอ่ยต่อแบบลอยๆ ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากทำได้ผมก็อยากให้พวกเราเรียนจบปีเดียวกันได้ซะจริงๆ เพราะถ้าหากผมจบออกไปและทำงานแล้ว ตอนกลางวันก็จะไม่ได้กินข้าวกับนะ และตอนเย็นก็คงมารับนะที่คณะไม่ได้แล้วเพราะเลิกงานเย็นกว่าน่ะสิ

“ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่อ๊อฟเรียนจบก่อนแต่พวกเราก็ยังอยู่หอด้วยกันเหมือนเดิมนี่นา ยังไงหลังนะเลิกเรียนเราก็ยังได้อยู่ด้วยกันอยู่ดีน่ะแหละ”

นะยิ้มกว้างกว่าเดิม ส่วนผมได้แต่คิดถึงสิ่งที่คนตัวเล็กพูด ‘ได้อยู่ด้วยกัน’...จริงสินะ ถึงแม้ระหว่างวันเราอาจไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด แต่ถึงยังไงที่หอเราก็ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน อีกอย่างกว่าผมจะเรียนจบก็อีกตั้งปี ดังนั้นจะรีบกังวลให้ปวดหัวไปทำไม พอคิดได้แบบนั้นแล้วผมเลยโล่งอกขึ้นมา

“พี่ชักง่วงแล้วสิ ขอพิงหน่อยนะ เดี๋ยวใกล้จะถึงหอแล้วนะปลุกพี่ด้วยนะครับ”

“อื้อ”

ผมหลับตาแล้วก็เอนหัวพิงไหล่คนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ ท่าทางการจราจรที่ติดขัดตอนเย็นคงทำให้ผมได้หลับอย่างน้อยก็หนึ่งตื่นก่อนจะถึงหอ เสียงเขย่ากระบอกเก็บเงินของพนักงานบนรถเป็นเหมือนเสียงกล่อมที่ยิ่งชวนให้ง่วงงุน แต่การได้ที่นั่งบนรถปรับอากาศที่แอร์เย็นสบายไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ผมยิ้มหรอก

แต่เป็นความอบอุ่นจากร่างของคนตัวเล็กที่ให้ผมยืมไหล่พิง แล้วก็ความสุขของการที่ได้รู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในทุกๆวันก็จะมีเราสองคนอยู่ด้วยกันแบบนี้ต่างหาก


+---tbc---+
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 24-01-2010 05:20:17
อ่านก่อน เดี๋ยวกลับมาเม้นต์

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 24-01-2010 09:49:56
อ๊อฟก็เรียนโทต่อสิ จบพร้อมน้องนะเลย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 24-01-2010 13:34:29
อ๊อฟกับน้องนะมาต่อแล้ว ดีใจจัง

อีกตั้งปี อ๊อฟยังเพิ่งคิดมากเลยเนอะ

ถึงจบแล้ว ทำงานแล้ว ก้ออยู่หอกะน้องนะต่อนะ่จ๊ะ






หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 24-01-2010 13:49:59
ดีใจจนน้ำตาไหล :sad4: ป้ามาลงแล้ว หวังว่าป้าคงไม่หายไปนานแบบนี้อีกนะ แต่ไงก็รอเสมอ
ขอฉากสวีทเยอะๆน้อยนะค่ะ รักอ๊อฟ นะ เป้ วิว จะรอรวมเล่มด้วยนะค่ะ ป้าสู้ๆ :bye2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-01-2010 14:01:17
ดีใจจนน้ำตาไหล :sad4: ป้ามาลงแล้ว หวังว่าป้าคงไม่หายไปนานแบบนี้อีกนะ แต่ไงก็รอเสมอ
ขอฉากสวีทเยอะๆน้อยนะค่ะ รักอ๊อฟ นะ เป้ วิว จะรอรวมเล่มด้วยนะค่ะ ป้าสู้ๆ :bye2:

แหะๆ ทำน้อง maio2000 หดหู่กับ side story ไป หวังว่าตอนนี้ของอ๊อฟกับนะคงทำให้ cheer up ขึ้นมามั่งนะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 24-01-2010 19:09:48
แอร๊ยยย เพิ่งจะโงหัวมาอ่านนิยายได้
น่ารักกันตามเคยเลยคู่นี้ แถมมีคู่มุ้ยมาอีกคู่ :o8:
จะรอผลงานรวมเล่มโปรเจคต่อไปนะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 24-01-2010 21:36:15
กี๊ดดดดดดดดดด
น้องนะกลับมาแล้ววววววว

ลป.จะบอกว่าอ่านรวมเล่มจบแล้วนะ ชอบมากเลย รีบๆมีเล่มต่อมานะจ๊ะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 24-01-2010 22:34:42
ตามอ่านใหม่จนจบอีกรอบ
หนุกมากมาย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-01-2010 19:51:40
กรี๊ดดดดดดดดด พี่อ๊อฟกะน้องนะ มา ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง  :a5:  :a5:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-01-2010 21:17:55
กรี๊ดดดดดดดดด พี่อ๊อฟกะน้องนะ มา ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง  :a5:  :a5:

ง่ะ ไม่เชื่อย้อนขึ้นไปอ่านอีกรอบได้นะคะ (นี่อิป้าคงผลัดวันประกันพรุ่งจนเครดิตบ๋อแบ๋แล้วดิเนี่ย) :m29:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 26-01-2010 03:43:37
writer หนังสือยังเหลือมั๊ยเอ่ย
มาจองไม่ทันอ่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-01-2010 08:50:17
writer หนังสือยังเหลือมั๊ยเอ่ย
มาจองไม่ทันอ่ะ  :monkeysad:

มีอยู่ค่ะ เดี๋ยวส่งรายละเอียดให้ทางพีเอ็มนะ  o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 26-01-2010 08:55:08
เต้นระบำต้อนรับน้องนะกะพี่อ๊อฟ  :z2:

โครงการ2 รวมเล่มด่วนๆ เลยจ้า  :man1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-02-2010 00:09:38
ดันๆๆๆ รอพี่อ๊อฟ กะ น้องนะ   :z3:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พี่อ๊อฟน้องนะกลับมาแล้วค่า (24/1/10) p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-02-2010 02:29:27
มาต่อแล้วจ้า แต่ว่าครึ่งแรกก่อนนะคะ พอดีครึ่งหลังป้าปั่นไม่หวายแย้ว แต่จะพยายามเข็นให้ออกมารับวันวาเลนไทน์พอดีก็แล้วกัน ถ้าไม่ปาร์ตี้กับเพื่อนที่หัวหินเพลินไปซะก่อนนะ

แอนด์ ฟอ ยัวร์ อินฟอร์เมชัน ตอนนี้ตอนจบแล้วน้า ขออภัยที่อ่านครึ่งแรกแล้วอาจอารมณ์ค้างกันนิดนึงนะจ๊ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบของพี่อ๊อฟน้องนะ ครึ่งแรกค่า (12/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-02-2010 02:31:32
ตอนที่ 23: ปลายทางของสองเรา (ครึ่งแรก)


เวลา...จะว่าไปมันก็ชอบผ่านเลยเราไปแบบไม่ให้โอกาสตั้งตัว จากวันที่ผมได้กลับมาเจอนะอีกครั้ง จนวันที่รู้ใจตัวเองและตกลงคบกัน ผ่านเรื่องใจหายใจคว่ำตอนที่กลับไปเยี่ยมบ้านครั้งแรกด้วยกัน จนได้ไปฉลองครบรอบครึ่งปีด้วยกันที่ริมทะเล ตอนนี้ชีวิตการเป็นศึกษาปีที่สามในรั้วมหาวิทยาลัยของผมและปีที่หนึ่งของนะก็จบลงไปแล้ว

เนื่องจากภาคปกติของผมกับภาคอินเตอร์ของนะเปิดและปิดเทอมไม่พร้อมกัน ผมเลยสอบไล่ปลายภาคเทอมสองเสร็จก่อนและได้ปิดเทอมเร็วกว่าเกือบสามเดือน ระหว่างนั้นผมจึงตัดสินใจไปฝึกงานที่บริษัทด้านการค้นคว้าข้อมูลการตลาดแห่งหนึ่งซึ่งอาจารย์ช่วยแนะนำให้ เพราะนอกจากจะตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะหาอะไรที่มีสาระทำระหว่างปิดเทอม อีกเหตุผลสำคัญก็คือ ผมจะได้ไม่ต้องกลับบ้านแล้วปล่อยให้นะอยู่หอคนเดียวระหว่างที่เจ้าตัวยังสอบไม่เสร็จด้วย

ขณะที่เราเติมเต็มเวลาที่หายไปช่วง ม.ปลายผ่านการใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยกัน ก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับผู้คนรอบตัวเราเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของพี่หล่งกับมุ้ย ที่ผมว่าดูยังไงมันก็ใกล้เคียงการเป็นคู่รักเข้าไปทุกที เพราะจากที่พี่หล่งเคยโทรศัพท์ไปแหย่มุ้ยทุกวัน เดี๋ยวนี้ทั้งสองคนก็พัฒนาถึงขั้นออกไปทานข้าวหรือดูหนังด้วยกันแล้ว ถึงแม้ว่าพอผมทักมุ้ยเรื่องนี้ทีไรก็จะโดนแผดเสียงแว้ดๆใส่ว่าผมคิดไปเองทุกครั้งก็ตาม หรือว่าเรื่องของพี่อิม พี่สาวผมที่เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลในเชียงรายซึ่งเริ่มปรึกษากับแฟนเรื่องการแต่งงาน เพราะว่าฝ่ายชายเพิ่งได้รับเลื่อนยศเป็นพันตำรวจโท และตอนนี้ก็พาพี่สาวผมไปแนะนำกับทางบ้านอย่างเป็นทางการแล้วอีก

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมายเหล่านั้น ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดสำหรับผม ก็คือการที่แม่ตัดสินใจแต่งงานใหม่ในที่สุดหลังจากดูใจกับว่าที่สามีใหม่มาปีกว่า โดยแม่บอกเรื่องนี้กับผมระหว่างที่ปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้นปีสี่นั่นเอง

เจ้าของนามสกุลใหม่ของแม่ หรือในอีกแง่ก็คือคนที่จะมาเป็น ‘พ่อเลี้ยง’ ของผมชื่อลุงตั๋ง ซึ่งลุงตั๋งกับแม่เคยเรียนโรงเรียนมัธยมเดียวกันและเคยคบกันมาก่อนแล้วตอนยังเป็นวัยรุ่น เพียงแต่หลังจากที่เรียนจบแล้วต่างฝ่ายต่างสอบติดคนละที่จึงทำให้แยกห่างกันไป และจากนั้นก็ไม่ได้นัดพบหรือติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งลุงตั๋งกลับมาร่วมงานศพพ่อของตัวเองที่นครสวรรค์เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อนจึงทำให้ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง

ถ้าใครได้มาฟังเรื่องของลุงตั๋งกับแม่แล้วอาจจะนึกว่าเป็นนิยายก็ได้ เพราะทั้งๆที่ตลอดเวลาซึ่งทั้งสองคนแยกไปมีครอบครัวของตัวเองนั้น มีบางช่วงที่ลุงตั๋งกลับมาเยี่ยมญาติที่นครสวรรค์บ้าง แต่ว่าก็ไม่เคยได้เจอแม่ผมเลยสักครั้ง ส่วนแม่เองก็ไม่เคยติดตามถามไถ่ข่าวคราวของอีกฝ่ายจากคนรู้จักเลยเหมือนกัน สาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันก็เป็นเพราะลุงตั๋งต้องเข้าไปคัดลอกเอกสารที่สำนักงานเขตเพื่อจัดการเรื่องพินัยกรรมมรดก และแม่ผมก็ดันต้องเข้าไปทำบัตรประชาชนใหม่แทนบัตรเดิมที่หายในวันนั้นพอดี อดีตคู่รักวัยเรียนเลยได้กลับมาพบกันใหม่หลังจากเวลาผ่านไปเกือบสามสิบปีด้วยเหตุนี้

การได้พบกันอีกครั้งทำให้ทั้งสองคนได้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างก็กลายเป็นโสดรอบสอง เพราะว่าภรรยาของลุงตั๋งเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน ส่วนลูกสาวคนเดียวที่มีก็เพิ่งแต่งงานออกเรือนไปได้ไม่นาน ในขณะที่ฝ่ายแม่ผมก็หย่าขาดจากพ่อมาสี่ปีกว่า และคงไม่มีวันหวนกลับไปคืนดีกันอีกเพราะพ่อก็แต่งงานใหม่ไปแล้ว

แน่นอนว่าลุงตั๋งกับแม่ไม่ได้ตกลงใจแต่งงานกันทันทีหลังจากได้กลับมาเจอกัน เพราะถึงแม้ลูกๆของแต่ละคนจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่การตัดสินใจจะใช้ชีวิตคู่กับใครก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เสมอ ยิ่งทั้งคู่ห่างหายกันไปเกือบสามสิบปีก็ยิ่งทำให้ต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่อีกครั้ง และที่สำคัญที่สุดก็คือการที่ทั้งคู่ต่างทำงานและมีสังคมกันคนละที่ เพราะในขณะที่แม่ผมทำงานและมีเพื่อนๆอยู่ที่นครสวรรค์ แต่ว่าลุงตั๋งกลับมีบ้านและการงานอยู่ที่กาญจนบุรี ดังนั้นหากทั้งสองคนจะแต่งงานกันจริงๆก็หมายถึงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยอมย้ายไปอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่งแทน และสุดท้ายก็เป็นลุงตั๋งที่ยอมเสียสละด้วยการทำเรื่องขอย้ายงานจากการประปาส่วนภูมิภาคที่กาญจนบุรีมาที่นครสวรรค์ เพราะถึงอย่างไรลุงตั๋งก็ต้องมาดูแลมรดกซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ตามพินัยกรรมของพ่อที่เสียไปอยู่แล้ว แต่ว่าแม่ผมก็ต้องย้ายของออกจากบ้านเดิมเพื่อไปอยู่บ้านสามีหลังจากแต่งงานกันแล้วเหมือนกัน

ตอนแรกที่แม่โทรมาขอให้กลับบ้านในสุดสัปดาห์หนึ่งระหว่างที่ยังฝึกงาน ผมก็คิดอยู่แล้วว่าแม่คงมีเรื่องสำคัญจะบอก เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงกับระบุว่าต้องเป็นวันเสาร์นั้นเท่านั้น และตอนแรกผมก็ตั้งใจจะพานะกลับไปด้วย แต่ว่าเจ้าตัวติดทำรายงานกับเพื่อนๆ ผมเลยต้องกลับไปที่บ้านคนเดียว แล้วก็เป็นอย่างที่คาดคือแม่นัดผมไปเพื่อให้ได้พบกับลุงตั๋งจริงๆ แต่ที่ไม่ได้คาดไว้ก็คือการได้เจอพี่อิมที่มาพร้อมกับพี่ธัญญ์ แฟนซึ่งเป็นตำรวจที่เพิ่งได้เลื่อนขั้น ส่วนลุงตั๋งเองก็พาลูกสาวกับลูกเขยมาแนะนำด้วย จึงนับเป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับว่าที่สมาชิกครอบครัวใหม่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาโดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน

พี่จี๊ด ลูกสาวของลุงตั๋งอายุน้อยกว่าพี่อิมหนึ่งปีและมากกว่าผมสามปี เพิ่งแต่งงานกับแฟนชื่อพี่โชคซึ่งเป็นเจ้าของอู่รถแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาญจน์ได้ไม่นานและปลูกบ้านอยู่ด้วยกันที่นั่น ส่วนด้านพี่อิมเอง ที่พาพี่ธัญญ์มาครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการพาคนรักมาแนะนำกับครอบครัวแล้ว พี่อิมก็มากระซิบบอกผมว่าเพราะตอนแรกพี่ธัญญ์ตั้งใจจะมาสู่ขอพี่อิมด้วย แต่หลังจากที่รู้ว่าแม่ผมนัดให้ทุกคนมารวมตัวกันเพราะจะประกาศเรื่องแต่งงานกับลุงตั๋งอย่างเป็นทางการ พี่อิมเลยต้องขอให้พี่ธัญญ์เลื่อนการสู่ขอไปก่อน แต่แหวนวงเล็กบนนิ้วพี่อิมก็ทำให้ผมรู้ว่าถึงอย่างไรท่านสารวัตรก็ได้หัวใจและคำตอบของพี่ผมไปแล้ว

อันที่จริงผมก็เตรียมใจไว้ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินแม่บอกว่ามีเพื่อนสมัยเรียนมาจีบแล้ว แต่พอได้ยินคำยืนยันเข้าจริงๆ ก็ยังอดจะช็อคไม่ได้ เพราะในที่สุดผมก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่ากำลังจะมีผู้ชายอื่นเข้ามาในชีวิตของแม่ และครอบครัวที่เคยเหลือเพียงเราสามคนก็จะไม่ใช่แค่ ‘เราสามคน’ ที่มีเพียงผม พี่อิมและแม่อีกต่อไป แต่หลังจากที่ได้เจอลุงตั๋ง ผมก็เริ่มมั่นใจว่าอย่างน้อยแม่ผมคงจะมีคนที่คอยดูแลไปจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน เพราะในขณะที่พ่อผมมักชอบออกไปสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูงตลอดเวลาแม้กระทั่งวันหยุด ลุงตั๋งกลับเป็นคนขรึมๆและไม่ชอบกินเหล้าเมายา นอกจากนี้ยังชอบอยู่บ้านทำสวนในวันหยุด ความทุ่มเทเอาใจใส่ครอบครัวของลุงตั๋งซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อของผมเคยขาดไปนั่นเอง คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมคลายความกังวลว่าแม่ได้พบคนที่ดีแล้ว และผมเองก็ต้องปรับตัวกับครอบครัวใหม่ที่ขยายใหญ่ขึ้น เพราะว่าหากแม่ทำอะไรแล้วมีความสุข นั่นก็ถือเป็นความสุขสำหรับผมด้วยเหมือนกัน


+------+


นับจากวันที่ทุกคนในครอบครัวรับรู้ว่าพวกเรากำลังจะเกี่ยวดองกัน และหลังจากการย้ายงานของลุงตั๋งผ่านไปอย่างราบรื่น เวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งเทอมพอดี และขณะที่ผมกำลังรอให้ภาคการศึกษาสุดท้ายเริ่มเพื่อจะได้เรียนให้จบเสียที แม่กับลุงตั๋งก็ได้กำหนดฤกษ์พิธีแต่งงานกันระหว่างนั้นนั่นเอง

ความที่แม่กับลุงตั๋งไม่อยากสิ้นเปลืองเงินทองจัดงานให้เอิกเกริกเพราะต่างคนก็ไม่ได้เพิ่งจะแต่งงานเป็นครั้งแรก หลังจากปรึกษากันแล้ว พวกผู้ใหญ่เลยคิดว่าจะทำพิธีสงฆ์และจัดเลี้ยงอาหารง่ายๆที่บ้านก็พอ เพียงแต่ว่าใช้วิธีจ้างร้านอาหารมาจัดการให้จะได้ไม่ต้องวุ่นวายเก็บกวาดกันเอง แต่เพราะว่าลุงตั๋งเองก็มีเพื่อนที่รู้จักกันที่กาญจนบุรีเยอะ งานที่ตอนแรกคาดกันว่าคงมีแขกมาเพียงยี่สิบสามสิบคนเลยกลายเป็นงานที่มีแขกหกสิบกว่าคน พอถึงวันงานจริงๆจึงต้องให้ทางร้านเอาเต๊นท์มากางที่สนามและเอาโต๊ะกับเก้าอี้เสริมมาวางให้ด้วย

กำหนดการของงานก็คือจะมีการทำพิธีสงฆ์ในตอนเช้า หลังจากนั้นก็ตามด้วยการเลี้ยงเพลและเลี้ยงอาหารโต๊ะจีนให้กับแขกที่มาร่วมงาน จะว่าไปนี่ก็เป็นการรวมญาติที่ผมห่างหายไปนานเหมือนกัน เพราะว่ายายผมเสียไปก่อนที่ผมจะเกิด ส่วนตาก็เสียไปตั้งแต่ตอนผมแปดขวบ หลังจากนั้นเลยไม่ค่อยมีงานใหญ่ที่ทำให้ญาติๆได้มารวมกันพร้อมหน้าพร้อมตาเท่าไหร่

นอกจากญาติๆแล้ว ครอบครัวของเพื่อนและคนรู้จักที่สนิทก็ได้รับเชิญมาด้วย ดังนั้นในบรรดาแขกเหรื่อของวันนี้จึงมีครอบครัวของน้าเหมียว แม่ของมุ้ยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ผมมาร่วมงาน โดยน้าเหมียวพาครอบครัวมาครบ ทั้งลุงปุ่นซึ่งเป็นสามี พี่เม่น ลูกชายคนโตก็พาภรรยากับลูกสาวที่อายุได้ขวบกว่ามาด้วย และแน่นอนว่ามุ้ยก็ต้องมา ส่วนนะเองก็มากับลุงพงษ์และอาจารย์วรรณีตั้งแต่เช้าเหมือนกัน

คงเพราะในการ์ดเชิญก็บอกไว้แล้วว่าขอให้แขกแต่งตัวตามสบายได้ วันนี้พวกสาวๆก็เลยแต่งชุดกระโปรงที่ดูไม่เป็นทางการมากนัก ส่วนพ่อหนูน้อยใส่เสื้อผ้าฝ้ายคอจีนสีครีมแขนสามส่วนกับยีนส์ฟอกสีดำ ขณะที่ผมเองใส่กางเกงสีเทากับเสื้อเชิ้ตสีขาวมีลายกราฟฟิคที่ด้านหลัง

“อ้าวน้องนะ ไงลูก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณวรรณี คุณพงษ์ สวัสดีค่ะ”

แม่ซึ่งยืนรับแขกอยู่หน้าบ้านคู่กับลุงตั๋งเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นแฟนผม ก่อนจะคว้าตัวเข้าไปกอดอย่างดีใจราวกับได้เจอลูกชายคนเล็กที่หายไปนาน จากนั้นก็หันไปทำท่ากระซิบกระซาบกับพี่อิมที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วพยักเพยิดมาทางผม ตอนแรกพี่อิมทำตาโตขึ้นแวบหนึ่ง แต่แล้วก็หันมามองผมสลับกับนะแล้วก็ยิ้ม พ่อหนูน้อยเองก็คงพอจะรู้ตัวว่ากำลังโดนมอง แก้มสองข้างเลยเริ่มเรื่อเป็นสีเลือดฝาดขึ้นมา ผมเลยขอตัวพาเข้าไปหลบญาติๆในครัวด้วยกันก่อน เพราะว่าผมต้องไปเตรียมน้ำชามาถวายคณะของพระสงฆ์ที่เพิ่งมาถึงบ้านพอดี

“เมื่อคืนพี่อิมทำน้ำพั้นช์เหลือไว้ในตู้เย็นพอดี แต่ไม่ได้ใส่เหล้าหรอกนะ นะจะเอาหน่อยมั้ย?”

คนถูกถามพยักหน้า ผมเลยหยิบเหยือกใส่น้ำพั้นช์ออกมาจากตู้เย็นแล้วรินใส่แก้วส่งให้ระหว่างรอกระติกน้ำเดือด  พ่อหนูน้อยรับแก้วไปแล้วก็กวาดสายตาไปรอบห้องครัวที่ค่อนข้างใหญ่และสะอาดเรียบร้อยด้วยความสนใจ เพราะว่าตั้งแต่ผมย้ายของออกจากบ้านเดิมมาอยู่ที่นี่เมื่อเดือนก่อนก็ยังไม่เคยพานะมาเที่ยวเลย ส่วนบ้านเก่าของผม ตอนนี้แม่เปิดให้คนอื่นมาเช่าไปแล้ว

“พี่อ๊อฟชินกับบ้านใหม่หรือยัง?”

นะถามขึ้นหลังจากชิมน้ำพั้นช์สูตรของพี่อิมไปอึกหนึ่ง ผมเลยยิ้มให้คนถามก่อนจะมองไปรอบๆ ยอมรับว่าตอนแรกที่รู้ว่าต้องย้ายของตามแม่มาอยู่ที่นี่ผมก็ตะขิดตะขวงใจเหมือนกัน เพราะว่าผมเองก็ผูกพันกับบ้านเก่าที่อยู่มาตั้งแต่เกิด แต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บของไว้ที่นั่นในเมื่อผมเองก็ไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยๆ และความจริงที่นี่ก็สะดวกดี เพราะว่าอยู่ใกล้ในเมืองมากกว่า จะขับรถออกไปไหนก็ง่ายกว่าที่บ้านเดิมตั้งเยอะ

“ก็เริ่มคุ้นขึ้นมากกว่าเดิมแล้วล่ะ ห้องใหม่ก็ใหญ่ดี เพียงแต่คงต้องหาเวลาจัดข้าวของให้เป็นระเบียบหน่อย ของบางส่วนพี่ยังไม่ได้เอาออกมาจากกล่องเลย”

“งั้นให้นะช่วยด้วยนะ”

พ่อหนูน้อยเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระตือรือร้น พอผมเห็นสีหน้าตื่นเต้นอย่างกับเจ้าตัวกำลังขอไปเที่ยวก็อดจะยื่นมือไปบีบจมูกโด่งเล็กเบาๆไม่ได้ ความจริงตั้งแต่นะขึ้นปีสองเป็นต้นมา ผมก็รู้สึกเหมือนเจ้าตัวเริ่มทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้างแล้วเหมือนกัน แต่ก็จะมีเวลาที่อยู่กับผมสองคนนี่แหละที่ยังไงก็ยังชอบอ้อนอยู่ดี

“โอเค แต่เอาไว้ให้จบงานวันนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”

ผมยิ้มเมื่อคนตัวเล็กย่นจมูก แต่ว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากประตูครัว

“อ๊อฟ แกชงชาเสร็จยัง เดี๋ยวใกล้จะได้เวลาเริ่มทำพิธีแล้วนะ พี่อิมฝากให้ชั้นมาตาม”

มุ้ยเอ่ยขึ้นพลางโยกตัวหลานสาวที่อุ้มติดมาด้วยไปมา วันนี้ยายเพื่อนผมใส่ชุดกระโปรงเข้ารูปสีฟ้าอ่อน ส่วนกระโปรงซึ่งยาวแค่เข่านั้นเป็นผ้าเนื้อบางพลิ้ว ส่วนผมก็ถักเปียเดี่ยวแล้วปัดมาไว้เหนือไหล่ ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักมุ้ยมาก่อนคงเห็นแล้วคิดว่าน่ารัก แต่สำหรับผมที่รู้จักคุ้นเคยกันดีตั้งแต่เด็ก มองแล้วให้รู้สึกแปลกๆพิกลที่เห็นเพื่อนแต่งตัวหวานได้ซะขนาดนี้ เห็นแล้วน่าถ่ายรูปส่งไปให้พี่หล่งดูชะมัด แต่ดูเหมือนยายจอมจุ้นจะอ่านสายตาผมออกเลยถลึงตาใส่ ส่วนนะก็ได้แต่หัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของพวกผมสองคน

“แป๊บนึง น้ำเดือดแล้ว เดี๋ยวจะยกออกไปให้แล้วล่ะ งั้นนะออกไปกับมุ้ยก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการตรงนี้เสร็จก็จะออกไปแล้วเหมือนกัน”

ท้ายประโยคผมหันไปบอกคนข้างตัว นะเลยเอาแก้วน้ำพั้นช์ที่เหลืออยู่นิดเดียวไปล้างก่อนจะเดินออกไปกับมุ้ย พอผมเทน้ำชาใส่แก้วที่เรียงไว้ในถาดแล้วจึงเดินออกไปตรงส่วนสำหรับทำพิธีสงฆ์บ้าง

หลังจากได้เวลาตามฤกษ์ที่กำหนด พระสงฆ์ที่นิมนต์มาทั้งเก้ารูปก็เริ่มพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ส่วนผมเองก็ไปคอยช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าพิธีซึ่งเป็นพี่ชายของลุงตั๋งนั่นเอง ความที่แขกมากันเยอะทำให้ห้องนั่งเล่นซึ่งใช้เป็นที่ทำพิธีดูแน่นไปถนัดตาทีเดียว

หลังจากเสร็จพิธีสงฆ์แล้ว ผมก็คอยช่วยประสานเรื่องถวายอาหารเพลต่อ และพาคณะไปส่งที่รถหลังจากฉันอาหารเพลเสร็จแล้วอีก เพราะผมรู้สึกว่านี่เป็นงานแต่งงานครั้งที่สองของแม่ทั้งที และก็คงจะไม่มีครั้งที่สามอีกแล้ว จึงอยากจะช่วยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นพอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว กว่าจะได้กลับมาตรงที่จัดเลี้ยงอีกทีผมเลยรู้สึกว่าตัวเองเหนียวเหงื่อไปหมด

“ไปกินข้าวได้แล้วล่ะอ๊อฟ เราน่ะพักได้แล้วนะ”

พี่อิมเดินมาบอกแล้วก็แตะบ่าผมเบาๆขณะที่ผมเดินกลับเข้าไปในงาน ผมเลยชะโงกหน้ามองว่าใครนั่งอยู่โต๊ะไหนกันบ้าง และดูเหมือนพี่อิมก็อ่านสายตาผมออก เลยบอกผมยิ้มๆ

“น้องนะนั่งอยู่กับพ่อแม่เค้า แต่ว่าก็อยู่โต๊ะติดกับพวกพี่น่ะแหละ เดี๋ยวอ๊อฟไปนั่งกับน้องนะก็ได้ ส่วนแม่กับลุงตั๋งก็ให้นั่งกับพวกแขกผู้ใหญ่ไปเถอะ”

ผมพยักหน้ารับรู้ แต่เพราะความที่รู้สึกเหนียวตัวเต็มที ผมเลยคิดว่าน่าจะไปล้างหน้าล้างตาเสียก่อนค่อยมานั่งกินข้าวดีกว่า

“งั้นเดี๋ยวอ๊อฟไปเปลี่ยนเสื้อบนห้องแป๊บนึง ถ้านะถามหา พี่อิมก็บอกว่าเดี๋ยวอ๊อฟลงมาก็แล้วกัน”

พี่สาวผมยิ้มแล้วก็รับคำก่อนจะผละไป ผมเลยเดินอ้อมสนามหญ้าที่มีโต๊ะและแขกบางส่วนนั่งอยู่เพื่อเข้าไปในบ้าน ห้องใหม่ของผมที่บ้านนี้อยู่ด้านในสุดของชั้นสอง ซึ่งนอกจากจะเป็นห้องที่รับลมได้ดีที่สุดแล้วก็ยังมองออกไปเห็นวิวคลองหลังบ้านได้ด้วย และที่ผมเลือกห้องนี้ก็เพราะแบบนี้นี่แหละ ถึงจะรู้ตัวว่าคงไม่ค่อยได้กลับมาบ่อยๆก็ตามทีเถอะ

ผมถอดเสื้อเชิ้ตเนื้อหนาออกจากตัวแล้วโยนลงตะกร้ามุมห้อง จากนั้นก็เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าและเอาน้ำลูบเหงื่อตามตัวออกเสียหน่อย แต่ขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำพลางใช้ผ้าเช็ดตัวซับน้ำไปพลาง จู่ๆผมก็รู้สึกเพลียขึ้นมาอย่างกะทันหัน เลยใช้เท้ากดเปิดพัดลมแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อนี่แหละ

ในที่สุดแม่ผมก็แต่งงานใหม่อย่างเป็นทางการแล้วสินะ...

ผมนอนมองเพดานห้องไปพลางก็ระบายลมหายใจยาว นับจากวันนี้ไป บ้านที่ผมจะกลับมาเวลาปิดเทอมหรือเวลาอยากเจอแม่ก็คือที่นี่ เวลาผมจะกรอกเอกสารอะไรที่ต้องระบุชื่อของแม่ด้วย ผมก็ต้องจำให้ได้ว่าแม่เปลี่ยนนามสกุลตามลุงตั๋งไปแล้ว และถ้าจะตัดสินใจทำอะไรในอนาคต นอกจากแม่ พี่อิมแล้วก็พ่อ ก็จะมีคนที่ผมต้องบอกให้รู้เพิ่มขึ้นอีกคน

สามีใหม่ของแม่เป็นคนดี...เรื่องนั้นผมรู้และมั่นใจ เพราะบรรดาเพื่อนๆของลุงตั๋งที่มาร่วมงานจากาญจนบุรีต่างพูดชมเชยลุงตั๋งให้ฟังไม่หยุดปากกันทั้งนั้น และผมเองก็โตเกินวัยที่จะมาต่อต้านกับการที่แม่มีพ่อใหม่แล้ว เพียงแต่สำหรับตอนนี้ ถ้าใครถามว่ารู้สึกดีใจ เสียใจ หรือน้อยใจ ผมก็คงตอบได้แค่ผมรู้สึกเนือยๆก็เท่านั้น บางทีการที่ต้องตื่นนอนตั้งแต่เช้าก็อาจจะมีส่วนทำให้เป็นแบบนี้ด้วยล่ะมั้ง

ขณะที่ผมปิดเปลือกตาลงเพราะกะจะพักสายตาสักแป๊บ จากนั้นก็จะลุกไปใส่เสื้อแล้วลงไปกินอาหารข้างล่าง เสียงเคาะประตูห้องเบาๆก็ทำให้ผมต้องหรี่ตาขึ้นมอง และก็ได้เห็นว่าเป็นพ่อหนูน้อยนั่นเองที่มาเคาะเรียก

“พี่อ๊อฟ นะเข้าไปนะ”

“อื้อ เข้ามาสิ”

ผมพูดแล้วก็หลับตาลง เสียงฝีเท้าของนะที่เดินอ้อมเตียงและไปหยุดตรงหน้าต่างทำให้รู้ว่าคงกำลังเพลินกับวิวจากคลองหลังบ้าน แต่เพียงครู่เดียวผมก็รู้สึกได้ว่าฟูกตรงข้างตัวยวบเพราะคนตัวเล็กมานอนหงายลงข้างๆ หลังมือของนะแตะเข้ากับหลังมือผมอย่างแผ่วเบา ผมเลยขยับมือไปประสานนิ้วเข้ากับมือข้างนั้น แต่ว่าก็ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับอยู่เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบของพี่อ๊อฟน้องนะ ครึ่งแรกค่า (12/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 12-02-2010 03:22:02
 :z3: ค้างงง
อย่าหนีนะ writer
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบของพี่อ๊อฟน้องนะ ครึ่งแรกค่า (12/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 12-02-2010 09:37:41
อยากอ่านต่อ แต่ไม่อยากให้ถึงตอนจบเลย  :monkeysad:


อะโอ๋ อย่ามัวแต่เพลิดเพลินกับปาร์ตี้นะจ้ะ รออ่านอยู่จ้า   :z2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบของพี่อ๊อฟน้องนะ ครึ่งแรกค่า (12/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 12-02-2010 10:40:03
ใจร้ายยย มาตัดตอนกันแบบนี้ได้ไง :serius2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบของพี่อ๊อฟน้องนะ ครึ่งแรกค่า (12/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-02-2010 16:55:02
ป้า อยู่หนายยยยยยยยย ป้ารีบมาด่วนนนนนนนนนนนนน  เรา ว้อนท์เต็ด ตอนที่ 2 มากมาย  :z3:  :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบของพี่อ๊อฟน้องนะ ครึ่งแรกค่า (12/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 14-02-2010 10:38:05
ป้าใจร้าย :m15: ทำค้างอย่างแรงอ่ะ มาลงต่อด่วน น่ารักมากเลยอ่ะ แต่ป้าอย่าลืมมาอัพเกี่ยวกับรูปเล่มด้วยนะ
อยากได้มากๆๆ อย่าลืมเป้กะวิวด้วยอยากอ่านอีกอ่ะ น่าๆๆๆๆ  :L2:  :bye2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-02-2010 21:05:53
ตอนที่ 23: ปลายทางของสองเรา (ครึ่งหลัง)

“เตียงพี่อ๊อฟนอนสบายกว่าที่ห้องเราอีกนะเนี่ย”

ผมลืมตัวหัวเราะออกมา เพราะไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งแรกที่ได้ยินหลังจากคนข้างตัวเงียบอยู่นานคือเรื่องนี้ ผมเลยลืมตาขึ้นแล้วตะแคงหน้าไปหา ทำให้เห็นว่าคนพูดยังนอนจ้องเพดานเป๋งอยู่ ผมเลยบีบมืออีกฝ่ายเพื่อเรียกความสนใจเสียทีหนึ่ง

“นะชอบเหรอ งั้นพี่ขอลุงตั๋งย้ายเอาไปไว้ที่หอแทนดีมั้ย?”

คนตัวเล็กเหล่ตามาค้อนผมทั้งที่ยังอยู่ในท่านอน ผมเลยยกมืออีกข้างที่ไม่ได้ประสานกันขึ้นไปเสยผมบนหน้าผากออกให้ เจ้าของนัยน์ตากลมโตจึงนอนหลับตานิ่งและปล่อยให้ผมลูบผมแต่โดยดี

“ไม่ต้องเอาย้ายกลับไปหรอก เดี๋ยวห้องก็ได้แคบกว่าเดิมน่ะสิ เอาไว้ที่นี่ให้พี่อ๊อฟได้นอนเวลากลับบ้านแหละดีแล้ว”

นะเอ่ยทั้งที่ยังนอนหลับตา แต่ผมกลับชะงักมือเมื่อได้ยินคำว่า ‘บ้าน’ ในประโยคที่คนตัวเล็กพูด

“ก็ไม่แน่นะ หลังจากนี้พี่จะได้กลับมาบ่อยๆหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ผมเอ่ยพลางหันหน้ากลับไปมองเพดานเหมือนเดิม มือข้างที่เมื่อครู่ลูบผมให้กับนะถูกทิ้งลงวางข้างตัว จริงอยู่ว่าผมไม่ได้นึกต่อต้านการที่แม่แต่งงานใหม่ แต่ผมก็ไม่ได้มีความทรงจำกับบ้านหลังนี้หรือรู้สึกผูกพันกับมันเหมือนบ้านหลังที่ผมเติบโตขึ้นมาเลยสักนิดเช่นกัน ดังนั้นเมื่อได้ยินคำว่า ‘กลับบ้าน’ ความรู้สึกในใจของผมจึงยังไม่สามารถโยงคำนั้นเข้ากับที่นี่ได้ในทันที และลึกลงไปในใจ ผมก็รู้ดีว่าผมคงไม่มีวันจะรู้สึกผูกพันกับที่นี่ได้เหมือนที่บ้านเก่าแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมคงยุ่งกับการหางานทำอยู่ที่กรุงเทพฯหลังจากเรียนจบแล้วด้วย

ความเงียบงันตามมาหลังจากประโยคนั้นหลุดไปจากริมฝีปากของผม ผมไม่รู้ว่านะคิดยังไงกับสิ่งที่ผมพูด หรือว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจความหมายของผมหรือเปล่า เพราะว่านะเป็นลูกคนเดียวที่เติบโตมาในบ้านที่พ่อกับแม่ต่างให้ความอบอุ่นโดยไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ต่างกับผมที่ได้เห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันเป็นระยะก่อนที่จะหย่า ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำเช่นนั้นต่อหน้าผมกับพี่อิมก็ตาม ดังนั้นผมจึงไม่ได้คาดหวังว่าคนตัวเล็กจะต้องเข้าใจความรู้สึกของผมที่พ่อกับแม่ต่างแยกกันไปสร้างครอบครัวใหม่ แต่แล้วขณะที่เราต่างนอนมองเพดานกันไปเงียบๆ จู่ๆนะก็ถอนมือที่ประสานกับผมอยู่ออกก่อนจะพลิกตัวขึ้นนอนคว่ำและใช้ศอกทั้งสองยันร่างกายท่อนบนเอาไว้ ผมเลยเลิกคิ้วและหันไปมองด้วยความสงสัย

นัยน์ตากลมโตสบตาผมอยู่ครู่หนึ่งด้วยประกายที่อ่านไม่ออก จากนั้นร่างเล็กก็โน้มตัวลงมาหา ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากที่ประทับลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา และไม่กี่วินาทีถัดมาสัมผัสนั้นก็ผละออกไป

ผมกะพริบตาปริบๆหลังจากความอบอุ่นบนหน้าผากเมื่อครู่หายไปแล้ว เพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ผมโดนนะจูบแบบนี้ จริงอยู่ว่าบางทีพ่อหนูน้อยก็เอาใจผมด้วยการหอมแก้มบ้าง แต่กับการจูบหน้าผากเมื่อครู่...มันแทบจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กตัวเล็กๆที่กำลังถูกปลอบขึ้นมาทันที

ปลายนิ้วเรียวจากมือข้างหนึ่งยื่นมาลูบแก้มผมก่อนที่ร่างเล็กจะทิ้งตัวลงนอนตะแคงแล้วส่งยิ้มมาให้ แต่ว่านะไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ขณะที่ผมเองก็นึกสิ่งที่จะพูดต่อหลังจากการกระทำเมื่อครู่ไม่ออกเหมือนกัน

ผมไม่รู้ว่าการที่นะทำแบบนั้นเป็นเพราะคำพูดของผม หรือว่าเป็นเพียงการขยับตัวไปโดยสัญชาตญาณ แต่ว่ายิ่งได้จ้องมองเงาของตัวเองที่สะท้อนในดวงตากลมโตคู่นั้นนานขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกราวกับกำลังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายที่เริ่มเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นทุกที และบางที...นี่อาจเป็นครั้งแรกที่การเปลี่ยนแปลงนั้นปลุกความรู้สึกหวาดหวั่นในใจผมให้ตื่นขึ้นมา

ความรู้สึกดำมืดที่จู่ๆก็พลุ่งพล่านขึ้นทำให้ผมเคลื่อนไหวร่างกายไปก่อนที่จะทันได้ห้ามตัวเอง ผมยื่นมือออกไปจับไหล่ของนะกดไว้กับเตียง แล้วอาศัยน้ำหนักกับรูปร่างที่ใหญ่กว่าพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมทับ ร่างเล็กที่นอนอยู่ด้านล่างเบิกตาโตอย่างตกใจกับท่าทางของผมที่จู่ๆก็แปลกไปอย่างกะทันหัน แต่ตอนนี้ผมห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว มือของผมสอดเข้าใต้เสื้อผ้าฝ้ายแล้วลูบไล้ไปตามผิวเนียนลื่น ขณะที่กลิ่นหอมอ่อนๆจากซอกคอขาวก็ดึงดูดให้ผมก้มลงจูบไซ้อย่างรุนแรง

“อื๊อ...พี่อ๊อฟ...พี่อ๊อฟ!! อย่า!! ข้างล่างมีคนอยู่เต็มเลยนะ!!!”

นะดิ้นไปก็พยายามจะเตือนและใช้มือทั้งสองดันตัวผมออกไปด้วย เพราะว่าตอนนี้เสื้อผ้าฝ้ายสีครีมถูกเลิกขึ้นไปจนเห็นแผ่นอกที่หอบกระเพื่อมตามแรงเต้นของหัวใจ แต่ผมก็ยังดึงดันที่จะไม่หยุดและก้มลงเม้มตุ่มไตสีชมพูบนแผ่นอกจนได้ยินเสียงครางหวิวจากริมฝีปากอิ่มเต็ม แต่ว่าขณะที่มือข้างหนึ่งของผมเริ่มเลื้อยต่ำลงไปเกี่ยวขอบกางเกงบนเอวผอมบาง มือเล็กสองข้างก็ยื่นมาจับหน้าผมไว้และบังคับให้เงยขึ้นสบตากับเจ้าของนัยน์ตากลมโตที่ตอนนี้ฉายประกายเป็นสีเข้ม

“พี่อ๊อฟ!!”

เสียงเรียกของนะช่วยฉุดสติผมที่กระจัดกระจายให้กลับคืนมา แววตาที่จ้องมองบวกกับมือที่จับหน้าเอาไว้แน่นตรึงสายตาผมจนหันหนีไม่ได้ และจู่ๆเสียงของสรรพสิ่งรอบตัวก็หลั่งไหลกลับเข้ามาในการรับรู้ของโสตประสาทอีกครั้ง ไม่ว่าจะเสียงของเหล่าแขกเหรื่อที่หัวเราะเฮฮากันอยู่ด้านล่างของบ้าน เสียงพัดลมที่ยังคงส่ายไปมาในห้อง หรือแม้แต่เสียงนกร้องจากต้นไม้ริมฝั่งคลองก็ลอยมาเข้าหู

เสียงชีพจรที่กำลังเต้นแรงดังก้องอยู่ในหัวของผม และเรียวคิ้วที่ขมวดมุ่นบนใบหน้าของอีกฝ่ายก็ทำให้ผมนึกได้ถึงความไม่ควรของเวลาและสถานที่กับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป และนั่นก็ทำให้ผมแทบอยากจะต่อยตัวเองขึ้นมา ทำไมผมถึงได้ขาดสติจนทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้ได้นะ ถ้าหากใครมาได้ยินเสียงหรือมาเห็นเข้า นะจะถูกมองยังไงบ้างก็ไม่รู้แท้ๆ

“ขอโทษ พี่ลืมตัวไป”

ผมกัดฟันขณะพยายามบังคับลมหายใจที่หอบรัวให้สงบลง ผมไม่อยากให้นะตกใจกลัวกับการที่จู่ๆผมก็ทำตัวเหมือนไอ้โรคจิตที่มีความต้องการผิดที่ผิดเวลาขึ้นมา แต่ความอ่อนไหวที่เข้าจู่โจมเมื่อครู่ก็ทำให้ผมยับยั้งสติเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ

จริงอยู่ว่านะเป็นฝ่ายชอบผมก่อน และก็มองตามผมด้วยสายตาชื่นชมมาตลอดตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว แต่ว่าเวลาไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ สักวันพ่อหนูน้อยที่ผมเคยมองว่าเป็นเด็กมาตลอดก็ต้องเติบโตขึ้น และเมื่อถึงวันนั้นขึ้นมา นะจะเริ่มตระหนักได้ว่าผมก็เป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษเหนือไปกว่าคนอื่นหรือเปล่า แล้วจะเบื่อหรือว่าตีจากผมไปหาคนอื่นไหม เพียงแค่ความคิดนี้วาบขึ้นในหัวผมก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ได้อยู่แล้ว

ความคิดที่เตลิดไม่หยุดทำให้ผมเข้าใจว่าสิ่งที่อาจารย์วรรณีเคยเตือนตอนรู้ว่าพวกเราคบกันคืออะไร นี่อาจจะนับเป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มสำนึกถึงความไม่แน่นอนของสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีอะไรที่ผมควบคุมได้เลยสักอย่าง ไม่ว่าจะการห้ามไม่ให้พ่อกับแม่ต้องหย่ากัน การห้ามไม่ให้ต่างฝ่ายต่างไปแต่งงานใหม่ หรือแม้แต่การที่จะห้ามนะไม่ให้เบื่อและจากผมไปทั้งที่เรื่องยังไม่เกิดขึ้น ต่อให้ความรู้สึกที่ผมมีให้อีกฝ่ายจะฝังลึกจนผมรู้ว่าถึงอย่างไรผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจแล้วก็ตาม

ผมยันตัวขึ้นขณะที่สายตาของนะยังมองตามด้วยความเป็นห่วง ร่างเล็กสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อถูกผมใช้ปลายนิ้วแตะเข้าที่แก้ม แต่แล้วอีกฝ่ายก็นอนนิ่งเมื่อผมเพียงแค่ลูบผิวตรงนั้นเบาๆ เมื่อเห็นว่านะหายตกใจแล้วผมจึงค่อยดึงเสื้อที่ถูกผมร่นขึ้นไปเหนือแผ่นอกลงและช่วยจัดให้เรียบร้อย จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งหันหลังให้อยู่บนปลายเตียง

ผมยกศอกทั้งสองข้างตั้งขึ้นบนเข่า ก่อนจะแนบหน้าผากลงบนหลังมือที่ประสานกันและระบายลมหายใจยาว ถ้าหากพูดกันแบบเปิดอก บางทีลึกๆผมอาจจะรู้อยู่แก่ใจมาตลอด แต่ที่ผ่านมาพยายามทำเป็นไม่สนใจและมองข้ามไป แต่ถึงอย่างไรความจริงก็ไม่มีวันจะเปลี่ยนแปลงไปได้อยู่ดี

นะหัวดีและเรียนเก่งกว่าผม มีโอกาสได้เจอคนอื่นที่เพียบพร้อมกว่าผมมากมายเพราะคณะอินเตอร์ที่เรียนก็มีแต่เด็กที่ฐานะดีและฉลาดอยู่รวมกันเต็มไปหมด และหากจะมีใครในนั้นที่มาหลงชอบความน่ารักของเจ้าตัวก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ดังนั้นไม่ว่าจะมองจากแง่มุมไหน นะก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องมายึดติดกับรักแรกแบบเด็กๆแล้วผูกตัวเองอยู่กับผมตลอดไปเลยสักนิด ในขณะที่ผมนึกภาพตัวเองไม่ออกเลยว่าหากมีวันหนึ่งที่นะจากผมไปหาคนอื่นจริงๆ ถึงตอนนั้นผมจะเสียศูนย์ขนาดไหน

ความฟุ้งซ่านอันไร้ที่มาเข้ารุมเร้าความรู้สึกของผมจนยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวใจ แต่ผมก็ไม่กล้าเสี่ยงกับการทำให้นะต้องเสียความรู้สึกเพราะความเห็นแก่ตัวของผม หรือทำลายภาพพจน์พี่ชายที่แสนดีด้วยการยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอและขอให้อีกฝ่ายสัญญาว่าจะไม่จากผมไป ถ้าหากในอนาคตจะต้องเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ ผมก็อยากให้ภาพของผมในความทรงจำของนะยังคงเป็นภาพเดียวกับที่เจ้าตัวเคยเห็นตอนที่เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกมากกว่า

ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าแรงๆ จู่ๆก็ให้นึกรำคาญความอ่อนแอที่เข้ามาครอบงำจิตใจเมื่อครู่ และให้สาบานกับตัวเองว่าต่อไปจะไม่เผลอปล่อยตัวทำอะไรมุทะลุแบบนี้อีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากมันจะทำให้นะต้องเสียใจทีหลังด้วย

ขณะที่คิดว่าตัวเองน่าจะสงบลงมากพอที่จะคุยกับอีกฝ่ายได้โดยไม่ทำให้นะตกใจกลัว ผมกลับลมหายใจสะดุดเมื่อรู้สึกถึงอ้อมแขนที่เข้ามาโอบกอดเอวผมไว้ และความอบอุ่นจากร่างที่แนบลงมาจากด้านหลัง ลมหายใจที่เป่ารดลงมาเบาๆตัดกับความเย็นจากเม็ดกระดุมเสื้อซึ่งกดแนบลงมา และนั่นก็ทำให้หัวใจของผมที่เพิ่งจะกลับไปเต้นจังหวะปกติแล้วกลับรัวเร็วขึ้นอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้

ความใกล้ชิดจากอ้อมแขนที่โอบกอดจุดความโหยหาในใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่ผมก็พยายามข่มใจให้นั่งอยู่กับที่และไม่หันกลับไปดึงร่างเล็กเข้ามากอดให้แน่นๆเพราะไม่รู้ว่าคราวนี้ตัวเองจะหยุดได้หรือเปล่า หลังจากที่เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอซึ่งส่งผ่านมาทางแผ่นหลังก็ราวจะช่วยดับความกระวนกระวายของผมลงไป และผมก็รู้สึกว่าจิตใจเริ่มจะมั่นคงพอที่จะเรียกการควบคุมตัวเองกลับคืนมาได้อีกครั้ง

ทั้งผมทั้งนะต่างก็ไม่มีใครขยับตัวหรือพูดอะไรออกมา ได้แต่นั่งนิ่งๆและปล่อยให้เสียงเต้นของหัวใจสื่อสารกันแทนคำพูดอยู่อย่างนั้น สักพักผมจึงขยับตัวก่อนด้วยการทาบมือทั้งสองข้างลงบนลำแขนเรียวที่โอบอยู่บนเอว จากนั้นจึงหลับตาลงและระบายลมหายใจยาว

ไม่เป็นไร...

ผมผ่อนลมหายใจและเตือนตัวเอง สัมผัสที่ผมรับรู้ผ่านร่างกายในเวลานี้คือของจริง ดังนั้นถึงแม้จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ไม่ว่านะจะอยู่กับผมตลอดไปหรือไม่ แต่ความรู้สึกห่วงใยและความอบอุ่นที่เคยได้รับก็จะถูกบันทึกในความทรงจำของผมไปตลอดชีวิต และต่อให้ผมจะต้องเผชิญกับวันหนึ่งข้างหน้าที่ไม่มีนะอยู่ข้างๆแล้วก็ตาม แต่ความทรงจำเหล่านี้ก็จะทำให้ผมดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมต้องทรมานอย่างที่สุดกับการที่ต้องเดินต่อไปตามลำพังก็ตามที

อ้อมแขนเรียวกระชับรอบเอวผมแน่นขึ้นก่อนจะที่นะจะแนบแก้มลงมาทาบบนหลัง ผมจึงจับมือทั้งสองข้างนั้นแน่นเข้า ก่อนจะค่อยแกะมือทั้งสองที่โอบเอวผมอยู่ออก จากนั้นก็หันไปยิ้มให้และยกมือขึ้นไล้ผิวแก้มของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา นะเป็นคนรักที่น่ารัก และเป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้สำหรับผม และมันก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ไม่ว่านะจะอยู่กับผมหรือไม่ก็ตาม

“ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนั้นแล้วนะครับ”

คนตัวเล็กมุ่นหัวคิ้วเมื่อผมพูดจบ นะรั้งมือของผมข้างที่กำลังไล้ผิวแก้มตัวเองอยู่แล้วก็บีบไว้แน่น แล้วผมก็ต้องตกใจที่เห็นหยาดน้ำใสกลิ้งลงมาจากดวงตากลมโตทั้งสองข้าง

“พี่อ๊อฟบ้า! บ้า! บ้า! บ้าที่สุดเลย!! ไอ้คนบ้า!!!”

นะใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมรัวกำปั้นลงมาบนอกจนผมต้องจับมือข้างนั้นไว้ อารามตกใจที่เห็นอีกฝ่ายร้องไห้ทำให้ผมดึงร่างเล็กเข้ามากอดแน่น

“ขอโทษครับ พี่ขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำให้เราตกใจแบบนี้อีกแล้วล่ะ นะไม่ต้องร้องแล้วนะ”

ผมพูดปลอบไปพลางก็ลูบหลังอีกฝ่ายไม่หยุด แต่คนในอ้อมแขนกลับส่ายหน้าอย่างแรงก่อนจะโผเข้ามากอดผมไว้แน่นเหมือนกัน

“พี่อ๊อฟบ้า! นะไม่ได้ร้องเพราะตกใจซักหน่อย แล้วที่บอกว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกนี่หมายความว่าไง!? จะขอเลิกกับนะใช่มั้ย!?”

ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะความคิดนั้นไม่เคยแม้แต่จะผ่านหัวผมเลยสักครั้ง  “พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้นเลยนะ คนเก่ง หยุดร้องแล้วคุยกันก่อนได้มั้ย?”

ผมพยายามจะดันตัวนะออกจะได้ช่วยเช็ดหน้าให้ แต่กลายเป็นว่านะกลับยิ่งกอดผมแน่นเข้าไปใหญ่ คราบน้ำตาของอีกฝ่ายที่สัมผัสได้จากบนอกทำให้ผมปวดแปลบในใจ ผมจึงไม่ขอให้นะหยุดร้องอีกและเพียงกอดเจ้าตัวตอบแน่นๆแทน

“พี่อ๊อฟ...ก็พี่อ๊อฟน่ะ ฮึก...นะแค่จะเตือนว่าตอนนี้มันไม่เหมาะ แล้วทำไม...อยู่ๆจะต้องทำท่าเหมือนห่างเหินกันแบบนั้นด้วยล่ะ”

เสียงตัดพ้อสลับกับเสียงสะอื้นของนะอู้อี้ไปหมดเพราะว่าพูดอยู่กับอกผม แต่ดูเหมือนการกระทำของผมเมื่อครู่จะทำให้นะเข้าใจผิดไป ผมเลยยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น จนเมื่อรู้สึกว่าไหล่ของคนในอ้อมแขนสั่นน้อยลงแล้วผมจึงค่อยดันตัวร่างเล็กออกเบาๆ และคราวนี้นะก็ยอมถอยออกแต่โดยดี แต่ว่าก็ไม่ยอมสบตากับผมและก้มหน้างุด มีเพียงเสียงสูดน้ำมูกเป็นระยะที่ดังมาให้ได้ยิน ผมเลยยกมือขึ้นลูบผมให้ เพราะรู้ดีว่านี่เป็นวิธีที่จะช่วยทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายได้มากที่สุด

“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวห่างเหินหรืออะไรแบบนั้นเลยนะ แต่เมื่อกี้พี่เผลอทำแบบนั้นไป พี่ก็กลัวว่าเราคงตกใจเลยต้องอยู่ห่างออกมาก่อนน่ะสิ นะเข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ย?”

ร่างเล็กนั่งนิ่ง แต่แล้วก็ค่อยๆพยักหน้าว่าเข้าใจ มือเล็กข้างหนึ่งยื่นมาจับมือผมไปกุมเอาไว้ ผมเลยหงายมือแล้วพลิกให้มือของนะอยู่ในอุ้งมือของผมแทน

“พี่อ๊อฟ”

“ครับ”

นะเรียกผมเสียงเบา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้ยินชื่อตัวเองอย่างชัดเจนจึงเอนตัวเข้าไปหาใกล้ๆ พ่อหนูน้อยบีบมือผมแน่นขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามช้าๆ

“พี่อ๊อฟ...รักนะมั้ย?”

พอถามจบ คนถามก็ยิ่งก้มหน้าลงมากกว่าเดิม แต่ใบหูที่แดงขึ้นก็ทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำสีหน้าแบบไหน  ผมเลยก้มลงไปหาแล้วกระซิบด้วยเสียงหนักแน่น ต่อให้นะถามคำถามเดียวกับตอนนี้ในวันพรุ่งนี้ หรือว่าวันถัดไป ผมก็มั่นใจว่าคำตอบของผมจะเหมือนเดิมแน่นอน

“รักสิ รักที่สุดเลย”

ผมพูดจบก็หอมแก้มคนที่ยังไม่ยอมเงยหน้าเสียทีหนึ่ง นะเลยเหลือบตาขึ้นมองผมแล้วก็ก้มลงไปใหม่ แต่คราวนี้มือข้างที่ไม่ได้จับมือผมไว้กลับกำแน่นบนหัวเข่า

“ถ้างั้น...ต่อให้เรียนจบทำงานไปแล้ว พี่อ๊อฟก็ยังจะเป็นแฟนกับนะต่อ ไม่ย้ายออกจากหอไปไหนใช่มั้ย?”

ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถาม แต่พอพยายามจะก้มลงไปสบตา นะก็เอาแต่เบนสายตาหนีไม่หยุด พอผมพยายามจะสบตาด้วยมากๆเข้า คนตัวเล็กก็หลับตาปี๋แล้วยื่นมือมาดันผมออกจนสุดแขน

“พี่อ๊อฟก็ตอบมาซักทีสิ! นี่นะไม่ได้ถามเล่นๆนะ!”

หน้าของคนถามแดงก่ำทั้งที่ยังปิดตาแน่น และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่านะกำลังรอคำตอบอย่างคาดหวังแค่ไหน ผมจึงจับมือทั้งสองข้างของนะเอาไว้และดึงลงจากอกผม ผมไม่รู้ว่าทำไมนะถึงได้ถามแบบนี้ขึ้นมา แต่ผมก็ไม่อยากตอบรับส่งๆจึงพยายามเรียบเรียงคำตอบให้ดี

“ถ้าถามพี่ คำตอบคือใช่สำหรับทุกคำถาม อยู่ที่นะเองต่างหาก ว่าจะยอมให้พี่เป็นแฟนไปตลอดหรือเปล่า”

คราวนี้คนที่ได้คำตอบไปแล้วเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้ว ผมจึงสบตากลมโตนิ่งแต่ไม่พูดอะไรต่อ และผมก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นน้อยๆจากมือเล็กที่อยู่ในอุ้งมือของผม

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ นี่พี่อ๊อฟไม่เชื่อใจนะเลยเหรอ?”

นัยน์ตาที่เมื่อครู่ดูจะแห้งเหือดไปแล้วกลับฉ่ำน้ำขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยดึงร่างเล็กเข้ามากอดและลูบหลังไปมา ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าผมเชื่อใจนะหรือไม่ แต่ผมอยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าต่อให้เจ้าตัวเปลี่ยนใจในอนาคต แต่ความรู้สึกของผมก็จะไม่มีวันเปลี่ยนไปต่างหาก

“ไม่ใช่แบบนั้น ที่พี่พูดน่ะ พี่หมายถึงว่าถึงยังไงพี่ก็จะรักเราต่อให้เราไม่รักพี่แล้วต่างหาก เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าพี่จะหายไปไหนหรอกครับ”
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-02-2010 21:07:14
นะสะอึกเบาๆ มือสองข้างเอื้อมขึ้นมาทาบบนแผ่นหลังของผมและจิกปลายนิ้วลงราวกับจะข่มความรู้สึก และนั่นก็ทำให้ผมยิ่งกอดร่างเล็กแน่นขึ้นไปอีก แต่แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ทำเอาพวกเราสองคนสะดุ้ง

“อ๊อฟ น้องนะ อยู่ในห้องกันหรือเปล่าจ๊ะ พี่ให้เค้ากันกับข้าวไว้ให้พวกเราสองคนแล้วนะ รีบไปกินกันก่อนเค้าจะเก็บเถอะ”

เสียงพี่อิมร้องบอกผ่านประตู แต่โชคดีว่าพี่สาวผมไม่ใช่พวกที่ชอบพรวดพราดเปิดประตูห้องคนอื่นแม้กับคนในครอบครัว ผมเลยค่อยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกแล้วตะโกนกลับไป “แป๊บนึงพี่อิม เดี๋ยวอ๊อฟพานะลงไป”

ผมได้ยินเสียงตอบรับและเสียงฝีเท้าที่ดังแผ่วลงและห่างออกไป จึงค่อยหันกลับมาหาคนที่ตอนนี้ขอบตาแดงช้ำไปหมดเพราะร้องไห้ไปเมื่อครู่

“นะไม่ต้องคิดมากนะ พี่พูดคำไหนคำนั้นแน่นอน แต่ตอนนี้เราล้างหน้าแล้วลงไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า”

พ่อหนูน้อยยกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดน้ำตาแล้วพยักหน้า ผมเลยลุกไปหยิบผ้าขนหนูส่งให้ที่หน้าประตูห้องน้ำ ส่วนตัวเองก็หยิบเสื้อคอโปโลแขนสั้นตัวหนึ่งออกจากตู้มาใส่แทนเชิ้ตที่ถอดออกไป พอหันไปทางประตูห้องน้ำอีกครั้งก็เห็นนะเดินออกมาพอดี ผมเลยเดินนำออกจากห้องไปเพื่อไปชั้นล่างด้วยกัน

“...พี่อ๊อฟ”

ขณะที่ผมเดินลงไปถึงชานพักบันไดก่อนจะถึงชั้นหนึ่ง จู่ๆก็ได้ยินเสียงเรียกจากคนที่อยู่ข้างหลัง เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าคนตัวเล็กยังคงยืนอยู่บนบันไดขั้นบนสุด

“อื้อ?”

ผมส่งเสียงรับในคอเป็นเชิงถาม พ่อหนูน้อยเลยเดินลงบันไดมาช้าๆโดยที่มือข้างหนึ่งจับราวบันไดไว้ตลอด พอเจ้าตัวลงมาหยุดยืนอยู่บนบันไดขั้นที่ทำให้สายตาของเราอยู่ระดับเดียวกัน นะก็มองผมนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

“นะรักพี่อ๊อฟนะ”

คำพูดของอีกฝ่ายพุ่งเข้ากระทบความรู้สึกอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ความดีใจเอ่อท่วมไปทั้งอก ผมรู้ดีว่านะเป็นคนซื่อตรงกับหัวใจตัวเอง ดังนั้นถึงแม้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมักจะมาจากความอยากอ้อนให้ผมดีใจ แต่ผมก็รู้ว่านะหมายความตามที่พูดทุกครั้ง

“ขอบคุณครับ”

“เพราะฉะนั้น...”

ผมเลิกคิ้ว เพราะจู่ๆนะก็หยุดพูดทั้งที่ยังไม่จบประโยค ริมฝีปากอิ่มเต็มเม้มแน่นขึ้น นะสบตากับผมเหมือนจะบอกว่าให้ตั้งใจฟังสิ่งที่จะพูดให้ดี และนั่นก็ทำให้ผมยืนนิ่งและแทบจะกลั้นหายใจไปโดยไม่รู้ตัว

“เพราะฉะนั้น...พี่อ๊อฟก็ไม่ต้องห่วงว่านะจะไปไหนเหมือนกัน แฟนคนแรกของนะคือพี่อ๊อฟ และพี่อ๊อฟก็จะเป็นแฟนคนเดียวที่นะมีตลอดไป เพราะงั้น...อย่าทำ...หรือพูดอะไรที่เหมือนพี่อ๊อฟพร้อมจะปล่อยมือจากนะไปอีก ไม่งั้นคราวนี้นะจะโกรธพี่อ๊อฟจริงๆ เข้าใจมั้ย?”

นะพูดไป น้ำเสียงก็สั่นไปด้วย แต่ว่านัยน์ตาที่มีหยาดน้ำคลออยู่ก็จ้องผมเขม็งเหมือนกำลังพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ และนั่นก็ทำให้ผมได้สำนึกว่าตัวเองเผลอทำร้ายอีกฝ่ายด้วยการดูถูกความรู้สึกที่นะมีให้ผมไปแล้ว

สีหน้าและน้ำเสียงของคนพูดทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งทำความผิดอันใหญ่หลวงลงไป แต่ว่าผมก็ไม่ได้เดินเข้าไปกอดหรือว่าพูดปลอบใจคนตัวเล็กตรงหน้า เพราะตอนนี้คงไม่มีคำพูดใดที่จะแทนคำขอโทษได้ดีไปกว่าการแสดงออกว่าผมรับรู้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดและจะจดจำมันด้วยหัวใจอีกแล้ว และบางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกตั้งแต่เราคบกันมาที่ผมรู้สึกว่าไม่มีช่องว่างระหว่างอายุของพวกเรา และนะเองก็มีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่ไม่ต่างไปจากผม ซึ่งมันอาจจะเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ผมเผลอลืมไปเพราะท่าทางการแสดงออกของอีกฝ่ายเวลาอยู่ด้วยกันนั่นเอง

“เข้าใจแล้วครับ”

ผมเอ่ยขึ้นในที่สุด หลังจากที่ได้ซึมซับแล้วว่าสิ่งที่นะเพิ่งพูดไปมีน้ำหนักเพียงไร ผมเลยยื่นมือข้างหนึ่งแบออกไปหงายรับมือของนะเอาไว้ จากนั้นก็บีบมือเล็กที่วางลงบนมือของผมเบาๆ และในชั่วพริบตานั้น ความกังวลใจที่พาดผ่านเข้ามาในความรู้สึกตอนอยู่ในห้องก็ดูจะถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น

พวกเราเดินออกไปที่หน้าบ้านด้วยกัน พอพี่อิมหันมาเห็นก็โบกมือให้เข้าไปนั่งที่ชุดโต๊ะม้าหินตรงข้างบ้านซึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว นะเลยขอแยกไปบอกพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนของลุงตั๋งก่อนว่าจะมานั่งกับผม จากนั้นพี่อิมก็ให้พนักงานของร้านเอาอาหารที่เตรียมแยกเอาไว้มาเสิร์ฟให้พวกเราสองคน พอนั่งกินกันได้สักพัก มุ้ยก็อุ้มน้องแตง หลานสาววัยขวบกว่ามานั่งตักและคุยกับพวกผมไปด้วย ดูเหมือนยายเพื่อนผมจะพอสังเกตออกอยู่บ้างถึงสีหน้าที่ผ่านการร้องไห้ของนะมาแม้เจ้าตัวจะยิ้มแย้มและคุยด้วยเหมือนปกติ จึงไม่ได้ถามซักไซ้และชวนนะให้เล่นกับหลานที่นั่งอยู่บนตักตัวเองแทน

เหล่าแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับเมื่องานกินเลี้ยงจบลง ส่วนเพื่อนสนิทและญาติๆที่นานครั้งจะได้มาเจอกันยังคงอยู่คุยกับคู่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่อ แต่ทางบ้านของมุ้ยมีธุระต้องไปที่อื่นต่อจึงกลับกันไปก่อน ผมเลยถือโอกาสระหว่างที่ลุงพงษ์กับอาจารย์วรรณียังนั่งคุยกับแม่พานะไปเดินสำรวจหลังบ้านซึ่งติดริมคลองและมีศาลาให้นั่งเล่นได้ด้วยเสียเลย

ผมพานะไปที่ศาลาไม้ทรงไทยริมคลองด้วยกัน ความที่บ้านนี้มีต้นไม้เยอะ บริเวณศาลาจึงมีต้นมะม่วง ต้นมะละกอ แล้วก็เพิงไม้ระแนงที่มีดอกบานบุรีสีเหลืองเลื้อยเกาะสลับกับเถาตำลึงเต็มไปหมด พอนะเห็นว่าจากตรงศาลาลงไปมีขั้นบันไดซึ่งนั่งเอาขาแช่น้ำได้ พ่อหนูน้อยก็ถอดรองเท้าแล้วม้วนขากางเกงตัวเองขึ้นถึงเข่าทันที พอเห็นท่าทางอีกฝ่ายนั่งเอาขาแกว่งตีน้ำอย่างสนุก ผมเลยม้วนขากางเกงแล้วลงไปนั่งข้างๆด้วย

สายลมที่โชยระผิวน้ำเอื่อยๆทำให้ได้ยินเสียงน้ำที่ไหลกระทบชายตลิ่งได้ชัด และความที่คลองนี้ไม่ใช่เส้นสัญจรหลักจึงไม่ค่อยมีคนพายเรือผ่าน ทั่วทั้งบริเวณลำคลองหลังบ้านจึงเหมือนเป็นของเราแค่สองคนเพราะฝั่งตรงข้ามเป็นสวนผลไม้ยาวตลอดทั้งแนวและไม่มีคนอยู่เลย หลังจากนั่งแกว่งขาตีน้ำเล่นกันได้สักพัก นะก็ขยับตัวมาใกล้แล้วเอนหัวลงพิงไหล่ผมเบาๆ

พวกเรานั่งเงียบฟังเสียงลมพัดยอดไม้กับดูฟองน้ำที่ผุดขึ้นจากฝูงปลาในลำคลองไปด้วยกัน ความสงบเงียบของการได้ใช้เวลาด้วยกันทำให้ผมมีความสุขโดยไม่จำเป็นต้องหาอะไรทำให้ยุ่งยาก และผมก็รู้ว่าต่อจากนี้ไป ขอเพียงให้ที่ข้างตัวของผมมีนะอยู่ด้วย ไม่ว่าจะให้ไปอยู่ที่ไหนผมก็มีความสุขได้ทั้งนั้น

“นะครับ”

“หือ?”

นะเงยหน้าขึ้นมามองทั้งที่ยังเอนหัวพิงไหล่ผมอยู่ ผมเลยมองกลับไปข้างหน้าอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจว่าคงไม่เร็วเกินไปหากจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาในตอนนี้

“เอาไว้พี่เรียนจบแล้ว เราแต่งงานกันดีมั้ย?”

“เอ๋?”

คราวนี้นะถอยตัวออกจ้องผมแล้วทำตาโต ผมเลยยิ้มก่อนจะจับมือเล็กข้างหนึ่งมากุมไว้

“ก็แต่งงานไง แบบที่แม่พี่แต่งกับลุงตั๋ง แล้วก็แบบที่พี่อิมจะแต่งกับพี่ธัญญ์ปีหน้าน่ะ หรือว่านะไม่อยากแต่งกับพี่?”

คนถูกถามทำหน้าเหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่แบบนั้น คือ...พี่อ๊อฟหมายความว่าไง จะให้นะใส่ชุดเจ้าสาวแล้วจัดงานเลี้ยงกันแบบวันนี้น่ะเหรอ?”

คำถามของนะทำเอาผมเผลอหัวเราะพรืด เลยโดนมือเล็กทุบลงมาบนไหล่แบบไม่ออมแรง พอหันไปหาก็เห็นว่าอีกฝ่ายหน้าแดงไปหมดด้วยความอาย

“พี่อ๊อฟอย่าหัวเราะสิ! นะแค่ถามว่าจะทำแบบไหน ไม่บอกแล้วจะให้ตอบได้ไงเล่า!”

ผมพยายามกลั้นหัวเราะจนไหล่กระเพื่อมขณะที่ปัดป้องกำปั้นที่รัวลงมาไปด้วย จนเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มเหนื่อยและหันหนีผมเพราะงอนแล้วนั่นแหละ ผมถึงได้เขยิบไปนั่งกอดเอวจากด้านหลังแล้วเกยคางลงบนไหล่ของคนที่กำลังงอนเอาไว้ เพราะว่าคนขี้งอนเนี่ย ต่อให้ความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ก็ยังติดนิสัยขี้งอนอยู่ดีแหละน่า

“ก็คล้ายๆแบบนั้นแหละ แต่เราไม่ต้องทำเป็นพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้ อย่างน้อยถ้าได้แต่งงานกันมันก็เหมือนพี่กับนะเป็นคู่กันจริงๆแล้วไง นะก็รักพี่เหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ หรือเมื่อตอนอยู่ในบ้านนั่นพี่หูเฝื่อน?”

ศอกผอมบางข้างหนึ่งทำท่าจะกระทุ้งเข้ามาที่ท้องผม แต่ผมรู้ทันเลยกอดนะแน่นขึ้นจะได้ขยับตัวไม่ถนัดเสียก่อน แก้มที่แดงจัดของคนที่ไม่ยอมหันกลับมาหาทำให้ผมต้องก้มลงไปกดจมูกแรงๆทีหนึ่ง จากนั้นก็โยกตัวคนในอ้อมแขนไปมา

ความจริงแล้ว การจะแต่งงานหรือไม่แต่ง สำหรับผมมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ในเมื่อผมเองก็ได้ประจักษ์มาด้วยตัวเองแล้วว่าคนที่แต่งได้ก็หย่าได้ และการแต่งงานก็เป็นแค่พิธีการที่ประกาศให้คนทั่วไปได้รู้ว่าคนสองคนตกลงใช้ชีวิตร่วมกันแล้วเท่านั้น แต่ผมอยากมอบความมั่นใจให้กับนะว่าผมรักและจะไม่ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่ายไปตลอดชีวิตจริงๆ ดังนั้นหากการขอนะแต่งงานจะเป็นการตอกย้ำถึงความรู้สึกของผมได้ จะให้ทำมากกว่าแต่งงานผมก็ยินดี

“จะเอาไง? ถ้าไม่ตอบพี่ไม่ยอมให้กลับบ้านนะ เอาให้ลุงพงษ์กับอาจารย์วรรณีมาเห็นทั้งที่พี่กอดนะอยู่แบบนี้ก็ดี จะได้ขอแต่งงานไปเลย ไหนๆเค้าก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกันอยู่แล้วนี่นา”

“พี่อ๊อฟ ไอ้บ้า! แล้วอยู่ดีๆมาขอแบบนี้ คิดว่าจะให้ตอบกันยังไงล่ะ!?”

คราวนี้นะหันกลับมาหาผมทั้งตัวแล้วก็รัวกำปั้นลงมาอีกรอบ แต่พอได้เห็นชัดๆว่าคนทุบทำหน้าเหมือนพยายามจะเก๊กดุทั้งที่หุบยิ้มไม่ได้ ผมเลยจับข้อมือเรียวทั้งสองข้างยึดเอาไว้ จากนั้นก็ก้มลงไปจูบปิดปากเสียเลย

นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจในวูบแรก แต่แล้วนะก็ค่อยหลับลงเมื่อผมใช้ปลายลิ้นดุนริมฝีปากนิ่มให้เผยอออกจากกันเบาๆ แต่ผมยังไม่ทันจะได้จูบมากกว่านั้นก็โดนมือเล็กยื่นมาดันอกผมออกเสียก่อน

“ตรงนี้ไม่เอานะพี่อ๊อฟ เดี๋ยวแม่มาเห็น”

นะพูดไปก็หลบตาผมไปด้วย แต่สายตาที่ทอดลงบวกกับแก้มที่แดงก่ำทำให้ผมรู้ว่าเพราะอีกฝ่ายกลัวคนอื่นมาเห็นเข้าจริงๆ ไม่ใช่เพราะว่าเล่นแง่หรือว่ารังเกียจ ผมจึงถอยตัวออกแต่ว่ายังคงใช้มือทั้งสองจับไหล่บางเอาไว้กับที่ นะเลยช้อนสายตาขึ้นมองผมช้าๆ แต่พอสบตากันปุ๊บก็ก้มหนีอีก

“งั้นตกลงว่าไงล่ะครับ นะจะยอมแต่งกับพี่หรือเปล่า?”

ตัวเองพูดเองก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยโรแมนติคเหมือนกัน ก็ผมไม่ได้วางแผนมาก่อนว่าจะขอนะแต่งงานในบรรยากาศแบบนี้นี่นา หากจะถามว่าตั้งใจไว้หรือเปล่าก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกที่กำลังเอ่อล้นในใจทำให้ผมรู้สึกว่าผมอยากได้คำตอบจากคนตัวเล็กตอนนี้ คนที่โดนจับตัวยึดไว้กับที่เลยค้อนผมจนตาแทบคว่ำ พอผมยังทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจนะก็ทำท่าฮึดฮัด แต่แล้วสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาก็ทำเอาผมหุบยิ้มไม่อยู่

“ก็รู้คำตอบอยู่แล้วจะถามซ้ำอีกทำไมเล่า ถ้าพี่อ๊อฟยังถามอีก คราวนี้นะจะไม่ยอมพูดเรื่องนี้ด้วยอีกเลยคอยดูสิ”

นะพูดจบก็หันหนีอีก และถึงแม้จะไม่ได้ตอบออกมาตรงๆ แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองได้คำตอบที่ต้องการแล้ว ผมจึงขยับเข้าไปใกล้และโอบตัวนะเข้ามากอด และคราวนี้พ่อหนูน้อยก็ยอมเอนตัวเข้ามาหาโดยไม่ดื้อรั้นอีก ผมเลยก้มลงจูบผมของนะแล้วก็ขยับให้อีกฝ่ายพิงอกผมถนัดขึ้น แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างเล็กให้ออกห่างจากอ้อมแขนเลยสักครั้งเดียว

ใบไม้แห้งใบหนึ่งปลิวหล่นลงบนผิวน้ำก่อนจะลอยออกไป ในขณะที่สายลมก็ยังคงพัดยอดไม้จนไหวเอน และสายน้ำยังคงไหลเรื่อยผ่านขาของเราที่นั่งบนบันไดศาลาด้วยกัน แต่ตอนนี้ผมก็ไม่หวั่นอีกแล้วว่าอนาคตจะมีบททดสอบอะไรรอเราอยู่ เพราะผมเชื่อว่าตราบใดที่หัวใจของนะยังเต้นอยู่ข้างๆหัวใจของผมเหมือนในเวลานี้ อ้อมแขนของผมก็ใหญ่พอที่จะคุ้มครองนะและความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ไปได้ทั้งชีวิตอย่างแน่นอน

เพราะว่าเราเชื่อมั่นในกันและกัน...


Fin.


หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-02-2010 21:11:52
เมื่อคืนกลับจากหัวหินดึกไปหน่อย เลยไม่มีเวลาบรรเลงตอนจบได้เต็มที่ อาจจะมาช้าไปสักนิด แต่ก็พาพี่อ๊อฟกับน้องนะตอนจบสมบูรณ์มาให้แล้วค่ะ ส่วนเรื่องรายละเอียดรูปเล่มและ ฯลฯ สำหรับคู่นี้ ป้าขอยกยอดไปพูดถึงในตอนส่งท้ายก็แล้วกันนะ เพราะว่ายังไม่มีเวลาปรึกษาน้อง Jiro เลย (กราฟฟิคคู่บุญจริงๆ) แต่ราวๆต้นมีนาก็น่าจะพอเอามาให้ดูกันได้แล้วล่ะ แบบว่าช่วงนี้ป้าโดนงานเข้ายาวไปจนสิ้นเดือนกุมภาเลยค่อนข้างยุ่งน่ะค่ะ

จะว่าไป ตอนนี้ยังเบลอๆมึนๆ พูดไม่ถูกอยู่เลยที่คู่นี้จบแล้ว แถมป้ายังต้องรีบไปปั่นงานต่ออีก (แง้) ยังไงเดี๋ยวตอนมาลงบทส่งท้ายอาจได้มีเวลาเรียบเรียงความรู้สึกที่มีให้กับคู่พี่อ๊อฟน้องนะอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น แล้วเดี๋ยวตอนนั้นจะมาโพสต์ให้อ่านอีกที ขอบคุณทุกคนมากๆที่ติดตามมาจนถึงตอนจบด้วยนะคะ ต่อจากนี้ป้าคงคิดถึงทั้งอ๊อฟและน้องนะมากๆเลยล่ะ ไม่อยากเชื่อเลยแฮะว่าจบแล้ว

ลงชื่อ ป้าบีบีค่ะ (โหมดยังไม่หายมึนงง)

 :bye2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-02-2010 09:47:00
หวานและอบอุ่นตามสไตล์บีบี :o8:

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารัก ๆ นะคะ

หวังว่าจะได้อ่านผลงานชิ้นต่อๆ ไป และที่ค้างๆ คาๆ ไว้ของน้องสาวค่า  :กอด1:


เก็บตังค์รอรวมเล่มโลดดดด  :z2:

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 16-02-2010 09:49:46
เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก.....เจ้าค่ะ....

อ่านดั้ยแค่  ลำนำสีรุ้งเอง....ว๊ายๆ...อายจัง....มาทีหลังยังช้าอีก......กิกิ....

เรื่องที่  2  จะพยายามอ่านหั้ยทันน่ะค่ะ.....ปัยแล้ว....ฟิ้วๆ.....
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 16-02-2010 11:40:31
ป้ามาลงตอนจบแล้วดีใจมากๆเลย น่ารักอบอุ่นเหมือนเดิม แล้วจะลงตอนพิเศษหรือเปล่าค่ะ หรือว่าจะทำเป็นเล่มเลย
ไม่ว่่าไงก็จะรอนะค่ะ ป้าสู้ๆๆค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 16-02-2010 15:38:31
ยังน่ารักน่าหยิกเหมือนเคย
มาลงชื่อจองก่อน1เล่มค่ะ
แล้วรอติดตามผลงานเรื่องต่อไป(กับเรื่องที่ยังค้างนะคะ) :laugh:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 16-02-2010 17:52:28
หวานมาก ชอบๆๆ  :-[

จบไปแล้วหนึ่งเรื่อง

ยังเหลืออีกกี่เรื่องหว่า 555

 :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-02-2010 23:09:39
หวานและอบอุ่นตามสไตล์บีบี :o8:

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารัก ๆ นะคะ

หวังว่าจะได้อ่านผลงานชิ้นต่อๆ ไป และที่ค้างๆ คาๆไว้ของน้องสาวค่า  :กอด1:


เก็บตังค์รอรวมเล่มโลดดดด  :z2:




ยังน่ารักน่าหยิกเหมือนเคย
มาลงชื่อจองก่อน1เล่มค่ะ
แล้วรอติดตามผลงานเรื่องต่อไป(กับเรื่องที่ยังค้างนะคะ) :laugh:

หวานมาก ชอบๆๆ  :-[

จบไปแล้วหนึ่งเรื่อง

ยังเหลืออีกกี่เรื่องหว่า 555

 :L2:

โปรดสังเกตคำในตัวหนา

แทงใจได้อี๊กกกกก  :z3:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: หอยทาก ที่ 16-02-2010 23:52:48
น่ารักจังเลยคร้าบ
= w =
ช๊อบ ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-02-2010 13:09:13
ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย พี่อ๊อฟ กะ น้องนะ จบแล้ว   :sad4:

แต่นึกไปนึกมา ป้า ยังเหลือคุณเชษฐ์ นี่หว่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-02-2010 14:11:53
^
^
ความจริงนอกจากคุณเชษฐ์กะภัทรแล้ว มีต้นกะไผ่ด้วยล่ะ ได้ข่าวว่าโพสต์เรื่องนั้นก่อนเรื่องอื่นเลยแต่ยังไม่จบสักที เหอๆ  :fire:

ป้าอาจมาลงเรื่องสั้นต่อจาก Honesty – รักนี้ขอความจริงใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=10467.0) นะคะ ตอนนี้ก็ร่างๆไปมั่งแล้วล่ะ ว่าแต่ถ้าจะย้ายนิยายจบแล้วกลับมาห้องนิยายที่ยังลงอยู่นี่โมฯจะอนุญาตไหมหว่า

ผู้ได๋สนใจจองรวมเล่มพี่อ๊อฟกะน้องนะ รอป้านี้ดนึงนะคะ ตอนนี้กำลังโดนใช้แรงงานมากมาย แต่จะพยายามเอารายละเอียดมาลงพร้อมกับตอนส่งท้ายให้ค่า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 18-02-2010 14:18:44
อ่านจบแล้วมีความสุขมากๆเลย

ทำให้นึกถึงอดีตที่ตัวเองเรียนอยู๋ม.6 กับใครอีกคนที่เรียนอยู่แค่แม่น้ำเจ้าพระยากั้น


ตอนเย็นเค้าจะข้ามโป๊ะมารับเรา แล้วก็นั่งรถกลับบ้านพร้อมกัน



ขอบคุณมากๆที่แต่งเรื่องราวดีๆที่ทำให้ตัวเองหวนนึกถึงอดีตที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสุข ถึงเรื่องของตัวเองจะไม่ได้จบลงสวยงามอย่างกับนิยายเรื่องนี้ แต่การได้อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วมันเหมือนภาพเก่าๆที่ฉากไปมาให้หวนถึงถึงวันเวลาแบบเดียวกันเลยย

แม่น้ำเจ้า พระยา โป๊ะข้าม ป้อมเก่า 
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 18-02-2010 22:28:18
น่ารักหวานแหววมากเลย
รอรวมเล่มนะจ๊ะ
แล้วก็รอต้นกะไผ่ด้วย เหอๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-02-2010 00:13:15
อ่านจบแล้วมีความสุขมากๆเลย

ทำให้นึกถึงอดีตที่ตัวเองเรียนอยู๋ม.6 กับใครอีกคนที่เรียนอยู่แค่แม่น้ำเจ้าพระยากั้น


ตอนเย็นเค้าจะข้ามโป๊ะมารับเรา แล้วก็นั่งรถกลับบ้านพร้อมกัน



ขอบคุณมากๆที่แต่งเรื่องราวดีๆที่ทำให้ตัวเองหวนนึกถึงอดีตที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสุข ถึงเรื่องของตัวเองจะไม่ได้จบลงสวยงามอย่างกับนิยายเรื่องนี้ แต่การได้อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วมันเหมือนภาพเก่าๆที่ฉากไปมาให้หวนถึงถึงวันเวลาแบบเดียวกันเลยย

แม่น้ำเจ้า พระยา โป๊ะข้าม ป้อมเก่า 
ขอบคุณครับ

ป้ายินดีที่ได้ทำให้คนอ่านมีความสุขค่ะ คุณ samsoon@doll ยังดีนะได้มีความทรงจำหวานๆเกี่ยวกับย่านนั้นให้คิดถึง เพราะของป้ามีครบทุกรส เปรี้ยว เค็ม มัน ขม เฝื่อน ซ่า แต่ว่าไม่มีอะไรหวานแหววอย่างที่หนุ่มๆในเรื่องเขาได้เจอกันซักกะติ๊ด แต่เวลานึกถึงช่วงชีวิตที่วนเวียนอยู่แถวนั้นทีไรก็ยิ้มได้ทุกทีเหมือนกันค่ะ


น่ารักหวานแหววมากเลย
รอรวมเล่มนะจ๊ะ
แล้วก็รอต้นกะไผ่ด้วย เหอๆ



งั้นเดี๋ยวช่วยป๋อมแป๋มรอทั้งสองอย่างเลยแล้วกันนะ เอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 19-02-2010 02:07:38
เข้ามาบอกว่าช้อบชอบบบบบบบบบบบบบบบบบเรื่องนี้
อ่านจบไป 3 รอบแล้ว
ชอบปกหนังสือมากๆ สีหวานมากจ้า
แต่แอบไม่ชอบทรงผมน้องวิวเท่าไหร่ (ดูแมนเกิน  :laugh:)

สิงที่นี้มาก็นาน แต่เข้าเป็นช่วงๆ
เพิ่งรู้ว่าคุณ Bellbomb ก็เอานิยายมาลงทีนี้ บื้อจริงเรา  :z3:

นี่เพิ่งเข้าไปอ่านในบล็อกจบมาอีกรอบ เพิ่งรู้ว่ามีตอนพิเศษด้วย  :a5:
มันมี pass บอกในหนังสือไหมเนี่ยคุณบีบี?
แง๊ๆๆๆ ตอนนี้หนังสือก็ไม่อยู่ตัว เพราะด้วยความชอบเรื่องนี้ เลยอยากให้เพื่อนได้อ่านด้วย
ให้มันยืมไปแล้วอ่า... :serius2:

เดี๋ยวน้องนะคลอดเมื่อไหร่จะสอยมาอยู่เป็นเพื่อนพี่วิวกับพี่เป้ที่บ้านซักเล่ม รอจ้า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-02-2010 08:31:49
เข้ามาบอกว่าช้อบชอบบบบบบบบบบบบบบบบบเรื่องนี้
อ่านจบไป 3 รอบแล้ว
ชอบปกหนังสือมากๆ สีหวานมากจ้า
แต่แอบไม่ชอบทรงผมน้องวิวเท่าไหร่ (ดูแมนเกิน  :laugh:)

สิงที่นี้มาก็นาน แต่เข้าเป็นช่วงๆ
เพิ่งรู้ว่าคุณ Bellbomb ก็เอานิยายมาลงทีนี้ บื้อจริงเรา  :z3:

นี่เพิ่งเข้าไปอ่านในบล็อกจบมาอีกรอบ เพิ่งรู้ว่ามีตอนพิเศษด้วย  :a5:
มันมี pass บอกในหนังสือไหมเนี่ยคุณบีบี?
แง๊ๆๆๆ ตอนนี้หนังสือก็ไม่อยู่ตัว เพราะด้วยความชอบเรื่องนี้ เลยอยากให้เพื่อนได้อ่านด้วย
ให้มันยืมไปแล้วอ่า... :serius2:

เดี๋ยวน้องนะคลอดเมื่อไหร่จะสอยมาอยู่เป็นเพื่อนพี่วิวกับพี่เป้ที่บ้านซักเล่ม รอจ้า


ทรงผมของวิวนี่ป้าเสิร์ชหาต้นแบบจากอากู๋เลยน้า แบบว่าเห็นหน้านายแบบแล้วใช่เลยน้องวิวของเรา แต่ขอยืมมาแต่ทรงผมละกัน อิอิ ดีใจที่อ่านหลายรอบแล้วนะค้า

เดี๋ยวพาสนี่แจ้งให้ทางพีเอ็มละกันนะคะ ในนั้นจะมีไซด์สตอรีเป็นเรื่องของน้องสาวเป้ด้วยล่ะ

เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้จะเริ่มคิดปกให้อ๊อฟกับนะแล้ว คราวนี้เอาแบบไหนดีหนอ คิดๆๆๆ 
 :z2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 20-02-2010 01:06:23
หน้าปกอ๊อฟ-นะ ขอเสนอเป็นฉากน้องนะปีนระเบียง โดนมีอ๊อฟคอยมองอย่างเป็นห่วง
หน้าตานะมึนๆ กรึ่มๆ ส่งสายตาหวานๆ เชื่อมๆ ให้อ๊อฟ ประมาณว่า 'ไม่อยากให้หนูไป ก็รั้งหนูสิ'
ส่วนอ๊อฟก็มองนะออกแนวเป็นห่วงและห่วงหา
กร๊ากกกกกกๆๆๆๆ  :pandalaugh:  :laugh: บ้าไปแย้ว!

แล้วจะรอเบิ่งปกนะป้า BB



หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-02-2010 12:31:55
^
^
เง้อ ^^"
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 20-02-2010 18:44:04
เข้ามาอ่านตอนจบ ฮิ้วววววววววววว ป้าจะรวมเล่มอีกหรอ อย่าลืมแจ้งเค้าด้วยนะ กลัวลืมเดี๋ยวพลาด
เรื่องที่สั่งไป ยังไม่ถึงมือเลย  :jul3: คนอื่นอ่านจนแฉะหมดแระ แต่อย่างคนอื่นว่า เรื่องดองๆ งัดออกมามั้งนะ รออยู่  :z1:












ชอบซ้ำเติม ทำงัยได้  :laugh5:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-02-2010 19:15:50
เข้ามาอ่านตอนจบ ฮิ้วววววววววววว ป้าจะรวมเล่มอีกหรอ อย่าลืมแจ้งเค้าด้วยนะ กลัวลืมเดี๋ยวพลาด
เรื่องที่สั่งไป ยังไม่ถึงมือเลย  :jul3: คนอื่นอ่านจนแฉะหมดแระ แต่อย่างคนอื่นว่า เรื่องดองๆ งัดออกมามั้งนะ รออยู่  :z1:












ชอบซ้ำเติม ทำงัยได้  :laugh5:

^
^

อย่างแรงอะคนเนี้ย   :z2:


(เล่นมากไปป่าวหว่าเรา เสียวว่าจะโดนเตือน)   :m29:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 20-02-2010 22:22:24
แวะเข้ามาชมอีกรอบ อิอิ ว่าแต่ป้าไม่ต่อแม้นมั่นคำสัญญา หรอฮะ อยากอ่านแต่อยากรอให้จบก่องงง :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Aop304 ที่ 20-02-2010 22:27:00
 :o8:
ชอบๆๆๆ คับ  :L2: พี่อ๊อฟกับน้องนะ  อิอิ คนบ้านเดียวกานนนน
จังหวัดเดียวกัน ชื่อเหมือนกันอีก โอ้พระเจ้า หุหุๆๆ แต่ไม่ใช่ตัวโผม  :laugh: :laugh: :laugh:
โค-ตะ-ระ ชอบเลย  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-02-2010 22:58:58
แวะเข้ามาชมอีกรอบ อิอิ ว่าแต่ป้าไม่ต่อแม้นมั่นคำสัญญา หรอฮะ อยากอ่านแต่อยากรอให้จบก่องงง :pig4:

เฮือกกกก ที่จริงอันนั้นก็ลงไปเกินครึ่งเรื่องแล้วเหมือนกันนะ พอโดนจี้เลยนึกได้ว่าเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย ขอรวบรวมสติสตังแล้วจะค่อยๆเข็นออกมานะคะ   :a5:

:o8:
ชอบๆๆๆ คับ  :L2: พี่อ๊อฟกับน้องนะ  อิอิ คนบ้านเดียวกานนนน
จังหวัดเดียวกัน ชื่อเหมือนกันอีก โอ้พระเจ้า หุหุๆๆ แต่ไม่ใช่ตัวโผม  :laugh: :laugh: :laugh:
โค-ตะ-ระ ชอบเลย  :pig4: :pig4:

โอ้ คนคอนหวัน อย่างนี้ดีนะนึกภาพฉากในเรื่องออกง่ายเลย ขอบคุณที่ติดตามนะคะ (น้องอ๊อฟ หรือน้องนะ?)  :pig2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 20-02-2010 23:10:26
แวะเข้ามาชมอีกรอบ อิอิ ว่าแต่ป้าไม่ต่อแม้นมั่นคำสัญญา หรอฮะ อยากอ่านแต่อยากรอให้จบก่องงง :pig4:

เฮือกกกก ที่จริงอันนั้นก็ลงไปเกินครึ่งเรื่องแล้วเหมือนกันนะ พอโดนจี้เลยนึกได้ว่าเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย ขอรวบรวมสติสตังแล้วจะค่อยๆเข็นออกมานะคะ   :a5:


อ่อ งั้นไปอ่านรอเลยดีกว่า แล้วเรื่องเขียนของป้ามีอีกป่าวอะฮะลองหาแล้วหาไม่เจอหรือเราโง่เองแหะๆ 

รักป้านะฮะ จุ๊ฟๆ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-02-2010 23:44:15
^
^
ที่ลงในเล้าอยู่ตอนนี้จะมี แค่สบตาก็รู้ว่ารัก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8597.0
กับเรื่องสั้น(ในห้องนิยายจบแล้ว) Honesty - รักนี้ขอความจริงใจ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=10467.0 

ที่จริงมีอีกเรื่องนึงเป็นเรื่องแนวมัธยม แต่ป้าไม่ได้โพสต์ลงเล้าเพราะเขียนไปสองตอนแล้วเกิดอาการตื้อ...เลยขอเอาไอ้ที่ลงๆอยู่ให้จบก่อนดีกว่าน่ะค่ะ  :laugh:

ยังไงอ่านให้สนุกเน้อ และรักคนอ่านเหมือนกันเจ้าค่ะ    :man1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนจบ COMPLETE (15/2/10) p.45
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 21-02-2010 01:30:12
^
^
ที่ลงในเล้าอยู่ตอนนี้จะมี แค่สบตาก็รู้ว่ารัก http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=8597.0
กับเรื่องสั้น(ในห้องนิยายจบแล้ว) Honesty - รักนี้ขอความจริงใจ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=10467.0 

ที่จริงมีอีกเรื่องนึงเป็นเรื่องแนวมัธยม แต่ป้าไม่ได้โพสต์ลงเล้าเพราะเขียนไปสองตอนแล้วเกิดอาการตื้อ...เลยขอเอาไอ้ที่ลงๆอยู่ให้จบก่อนดีกว่าน่ะค่ะ  :laugh:

ยังไงอ่านให้สนุกเน้อ และรักคนอ่านเหมือนกันเจ้าค่ะ    :man1:

ขอบคุณฮะป้าน่ารัก ได้เรื่องน่ารักๆอ่านแล้วหลังจากนั่งมองๆอยู่นานไม่รู้จะอ่านเรื่องไหนดีเรื่องหนุกๆอ่านไปหมดแล้วเหลือแต่เสร้าๆไม่อยากอ่านกัวฝันร้าย

รักป้านะฮะ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2010 11:19:35
บทส่งท้าย

“แก!!! ชั้นจะคลอดแล้ว!!!!”

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ดังปลุกผมตอนกลางดึกถือว่าแย่พอแล้ว แต่เสียงตะโกนแหลมๆที่แผดจากลำโพงมาเสียดแทงโสตประสาทนั้นแย่ยิ่งกว่า ผมพลิกตัวบนเตียงแล้วดึงมือถือออกให้ห่างหู แต่กระนั้นไอ้เสียงวิ้งๆที่ดังสะท้อนตามมาก็ทำเอาเวียนหัวไปหมด หลังจากรวบรวมสติกลับมาได้แล้วผมจึงหรี่ตาพลางยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง

“ใจเย็นมุ้ย...นี่มันตีสองแล้วนะ แล้วที่ว่าจะคลอดแล้วนี่หมายความว่าไง?”

ผมเอ็ดเพื่อนอย่างไม่เต็มเสียงนักเพราะความที่ยังไม่ตื่นดี แต่ก็พอจะจับน้ำเสียงได้ว่าคนที่โทรมากำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นสุดขีด

“ก็เมื่อคืนก่อนเข้านอนชั้นปวดท้องแบบปวดๆหยุดๆน่ะแก แล้วเมื่อกี้ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาถึงได้รู้ว่าน้ำคร่ำแตกแล้ว พอโทรไปบอกหมอที่ฝากครรภ์ไว้ หมอก็บอกให้รีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย นี่แฟนชั้นเลยกำลังขับรถพาไปอยู่ แกจะไม่ตื่นเต้นกับชั้นหน่อยเหรอ นี่ลูกคนแรกของเพื่อนสนิทแกเลยนะ”

มุ้ยพูดไปก็หายใจหอบไปด้วย ความจริงผมก็อยากจะตื่นเต้นด้วยอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายโทรมาปลุกหลังจากผมหลับลึกเพราะเพิ่งออกกำลังยามดึกก่อนนอนไป อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยอยากรู้รายละเอียดเสียด้วยสิว่าเวลาที่ผู้หญิงจะคลอดนี่เค้าจะมีอาการยังไงกันบ้าง เอาไว้คลอดเสร็จแล้วค่อยโทรมารายงานผลไม่ได้หรือไงนะยายนี่

“ไอ้มุ้ย เอาพี่หล่งมาคุยทีซิ”

ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็ได้ยินเสียงกุกกักเหมือนมือถือกำลังเปลี่ยนมือ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่มุ้ยที่เป็นฝ่ายส่งเครื่องให้คนที่ผมขอสายแต่โดยดี เพราะผมได้ยินเสียงยายเพื่อนสนิทแหวขึ้นมาแว่วๆว่า ‘เอ๊ะนี่! มุ้ยยังคุยไม่จบนะ!!’

“เอออ๊อฟ โทษทีว่ะ แฟนกูตื่นเต้นไปหน่อย มุ้ยนั่งดีๆสิ....อยากให้ลูกคลอดในรถหรือไง?”

ดูเหมือนคำถามของรุ่นพี่ และสามีของเพื่อนผมจะทำให้คุณเธอสงบลงได้ แต่ผมก็นึกภาพออกเลยว่ามุ้ยคงไม่ได้ยอมฟังคำเตือนและนั่งเจี๋ยมเจี้ยมปวดท้องอย่างสงบเสงี่ยมแน่ เพราะตอนนี้แม่เจ้าประคุณคงนั่งกุมท้องครวญครางด้วยความปวดไปและค้อนใส่สามีตัวเองปะหลับปะเหลือกไปอยู่อย่างแน่นอน

“เป็นไงมั่งวะพี่ แล้วนี่ใกล้ถึงโรงพยาบาลหรือยัง?”

ผมสลัดหัวเพื่อให้ความงัวเงียหายไป แต่พอเห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆ ขยับตัวและขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ลืมตา ผมเลยยกมือข้างที่ว่างลูบผมให้เบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นเปิดประตูไปคุยนอกห้องนอนจะได้ไม่กวนคนหลับ

“ใกล้แล้วล่ะ โชคดีหน่อยว่าจากบ้านกูไปโรงพยาบาลมีทางลัด นี่เดี๋ยวคงต้องโทรไปบอกแม่เค้าเหมือนกัน ถ้าพรุ่งนี้มึงว่างก็มาเยี่ยมสิ กูคงลางานอยู่เฝ้าทั้งวันน่ะแหละ”

“งั้นเดี๋ยวผมจะไปหาหลังเลิกงานก็แล้วกัน ฝากบอกมุ้ยด้วยว่าอย่าตื่นเต้นมากเดี๋ยวไม่มีแรงเบ่งลูก แล้วไว้เจอกันพี่”

ผมกดวางสายก่อนจะขยี้หัวแรงๆ จากนั้นก็พาร่างตัวเองที่ใส่กางเกงขายาวตัวเดียวเดินเข้าไปในครัวเพราะรู้สึกคอแห้งขึ้นมา ความที่ไม่อยากจะเปิดไฟให้สว่างเพราะเดี๋ยวจะแยงตาจนตื่นตาค้างเสียก่อน ผมเลยแค่เปิดไฟตรงเหนือที่ดูดควันบนเตาซึ่งเป็นแสงสีส้มเรืองๆพอให้เห็นว่าอะไรอยู่ตรงไหนในห้องครัวเท่านั้น

ผมรินน้ำจากตู้เย็นเทใส่แก้วแล้วดื่มรวดเดียวจนเกือบหมด หยาดน้ำบางส่วนที่ไหลล้นจากปากแก้วทำให้ผมต้องยกหลังมือขึ้นเช็ดปากลวกๆ แล้วก็อดจะขำไม่ได้เมื่อนึกถึงเสียงของมุ้ยและประโยคแรกที่เจ้าตัวพูดกับผมเมื่อครู่ นี่จะมีใครสักกี่คนที่โดนปลุกด้วยวิธีนี้เหมือนผมอีกไหมนะ

ผมกับมุ้ยต่างคนต่างเรียนจบกันมาได้หกปีแล้ว โดยหลังจากที่ยายเพื่อนผมยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้เป็นแฟนกับพี่หล่งอยู่เป็นปี หลังจากนั้นก็ดูเหมือนยายตัวดีจะเริ่มยอมรับได้เสียทีว่าไอ้ลักษณะการโทรคุยกันหรือไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆกับรุ่นพี่ผมน่ะคือการคบกันแบบแฟน แถมหลังจากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว คราวนี้นิสัยบางอย่างของมุ้ยที่ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเช่นความช่างหึงหวงหรือขี้งอนกับเรื่องจุกจิกก็ทำเอาพี่หล่งปวดหัวไปเหมือนกัน และถึงแม้ว่าจะรักๆเลิกๆกันมาตลอด โดยแทบทุกครั้งมุ้ยจะเป็นฝ่ายชวนทะเลาะและบอกเลิก ส่วนพี่หล่งก็เป็นฝ่ายคอยตามไปง้อ สุดท้ายทั้งคู่ก็คบกันมาจนได้แต่งงานกันเสียทีเมื่อปีกลาย น้าเหมียวยังแซวลูกสาวตัวเองให้แม่ผมฟังว่านึกว่ามุ้ยจะไม่ได้ออกเรือนเสียแล้ว ค่าที่คุณเธอเอะอะก็โทรไปบอกที่บ้านว่าเลิกกับแฟนแล้วเป็นประจำ

ส่วนพี่อิม หลังจากแต่งงานกับพี่ธัญญ์แล้วก็ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่เชียงรายเป็นการถาวร และตอนนี้ก็มีลูกชายวัยสองขวบที่กำลังซนอย่างกับลูกลิงทะโมน บางครั้งพี่อิมก็จะลางานพาลูกกลับไปเยี่ยมแม่ที่นครสวรรค์บ้าง และถ้าผมว่างช่วงเดียวกันก็จะพยายามกลับไปให้ตรงกันจะได้เจอพี่สาวกับหลาน และบางทีพี่จี๊ด ลูกสาวของลุงตั๋งก็จะโทรนัดและพาลูกๆทั้งสองคนของตัวเองไปเยี่ยมบ้านพร้อมกัน เวลาทุกคนรวมตัวกันแต่ละทีเลยเหมือนเป็นเนอร์สเซอรี่ย่อมๆ แต่ดูเหมือนทั้งลุงตั๋งและแม่ต่างมีความสุขเวลาได้เห็นลูกหลานอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา และสำหรับผมแล้ว การได้เห็นว่าแม่มีความสุขก็เป็นรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับผมเหมือนกัน

ทางฝ่ายเป้กับวิว หลังจากพวกเราเรียนจบแล้ว วิวก็หางานทำในกรุงเทพฯและย้ายไปอยู่คอนโดเดียวกับเป้ซึ่งเป็นคอนโดที่พ่อเป้เคยให้คนอื่นเช่ามาก่อน ทั้งสองคนทำงานกันคนละที่แต่ก็อยู่ในย่านเดียวกัน ผมได้รู้จากเป้ทีหลังว่าความจริงเพื่อนผมขอให้วิวไปอยู่ด้วยตั้งแต่ก่อนจะขึ้นปีสี่แล้ว แต่กว่าอีกฝ่ายจะตอบรับก็ตอนที่พวกเราเกือบๆจะเรียนจบ ความที่คอนโดของผมกับนะอยู่คนละย่านกับสองคนนั้น แถมต่างคนก็ต่างยุ่งกับงาน ทำให้ไม่มีโอกาสได้เจอกันบ่อยเหมือนสมัยเรียน แต่พวกเราก็พยายามจะหาเวลาที่ว่างตรงกันเพื่อนัดกินข้าวและถามไถ่ข่าวคราวกันบ้าง ซึ่งทุกครั้งที่ได้เจอและได้รู้ว่าเพื่อนกำลังสุขสบายดีก็ทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้ง

ผมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะเก็บเหยือกน้ำเข้าตู้เย็น และขณะที่กำลังเปิดก๊อกน้ำล้างแก้วเพื่อจะได้กลับไปนอนต่อนั่นเอง ผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอนดังมาจากด้านหลัง พอหันไปก็เห็นว่าคนร่วมห้องเดินใส่ชุดนอนพลางเอามือขยี้ตามาทางห้องครัว

“พี่อ๊อฟ...เมื่อกี้ใครโทรมาเหรอ?”

นะเดินเข้ามาหาผมแล้วถามเสียงงัวเงีย ผมเลยหันไปคว่ำแก้วลงบนตะแกรงข้างอ่างล้างจานก่อนจะหันไปตอบ

“มุ้ยน่ะ พอดีโทรมาบอกว่ากำลังไปโรงพยาบาลเพราะดูเหมือนจะคลอดแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราก็ไปเยี่ยมหลังเลิกงานก็แล้วกัน”

พ่อหนูน้อยทำตาโตขึ้น....เอ่อ นี่ผมยังเรียกว่า ‘พ่อหนูน้อย’ ได้อยู่ใช่ไหมนะ ถึงแม้ว่านะจะทำงานแล้วและอายุยี่สิบห้าแล้วก็เถอะ แต่สำหรับผม นะเคยเป็นพ่อหนูน้อยยังไงก็ยังเป็นพ่อหนูน้อยอยู่วันยังค่ำ ก็เวลาอยู่ด้วยกันสองคนก็ยังชอบอ้อนผมอยู่ดีนี่นา

“จริงเหรอ พี่หล่งกับพี่มุ้ยคงตื่นเต้นน่าดูเลยสิ งั้นพรุ่งนี้เย็นนะจะรีบออกมารอพี่อ๊อฟที่ชั้นล่างเลยแล้วกัน เผื่อจะได้ไปหาซื้อของเยี่ยมกันก่อนด้วย”

คนตัวเล็กว่าแล้วก็เดินเข้ามากอดเอวผมไว้ สัมผัสจากแหวนบนนิ้วนางมือซ้ายของอีกฝ่ายแนบลงบนหลังจนทำให้รู้สึกถึงความเย็นที่ถ่ายทอดมาบนผิว ผมเลยยกมือซ้ายของตัวเองข้างที่มีแหวนรูปทรงเดียวกันเป๊ะสวมอยู่ขึ้นลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ

“ได้สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ก็จะขอออกเร็วเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องไปเจอรถติด”

หลังจากที่ผมเรียนจบก็เปลี่ยนงานมาแล้วสามที่ จากที่แรกมาที่ที่สองนั้นเพื่อเปลี่ยนฐานเงินเดือน และจากที่ที่สองเพื่อออกมาเรียนต่อโทเต็มเวลาพร้อมกับนะเพราะว่าอีกฝ่ายเพิ่งเรียนจบพอดี หลังจากเรียนจบโทกันทั้งคู่แล้วก็ต่างเที่ยวตระเวนสมัครงานกันไปทั่ว และก็ช่างเป็นความบังเอิญที่ทั้งๆที่ผมกับนะไม่ได้ร่อนใบสมัครงานไปบริษัทเดียวกันเลย แต่สุดท้ายแล้ว บริษัทที่รับพวกเราเข้าไปทำงานกลับอยู่ในอาคารเดียวกันแต่คนละชั้นเท่านั้นเอง

พวกเราแต่งงานกันได้ไม่นานหลังจากจบปริญญาโท ถึงแม้ว่าจะช้ากว่าที่ผมตั้งใจไปหน่อย เพราะว่าถึงแม้ผมจะบอกแม่ถึงความตั้งใจของตัวเองหลังจบงานแต่งของแม่ได้ไม่นานและแม่ก็ไม่ได้คัดค้าน แต่พอผมกับนะเข้าไปบอกอาจารย์วรรณีกับลุงพงษ์เรื่องนี้ ทั้งสองคนก็ดูจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก ถึงแม้ผมจะบอกว่าผมแค่ต้องการให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้ว่าผมจะดูแลนะไปตลอดอย่างคนที่เป็นคู่ครองกันจริงๆ และไม่จำเป็นต้องจัดงานแต่งหรือทำพิธีอะไรให้เอิกเกริกก็ได้ สุดท้ายอาจารย์วรรณีจึงขอผัดผ่อนให้พวกเราสองคนเรียนจบโทกันก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจจริงๆต่อให้หลังจากได้ออกไปทำงานและพบเจอสังคมอื่นที่ใหญ่กว่ารั้วมหา’ลัยแล้วก็ตาม

เมื่อเวลาผ่านไปจนทั้งผมทั้งนะเรียนจบโทกันแล้วทั้งคู่ และต่างก็พิสูจน์ให้อาจารย์วรรณีได้เห็นว่าพวกเราต่างยังยึดมั่นความตั้งใจที่จะแต่งงานกัน อาจารย์จึงยอมอนุญาตโดยไม่มีข้อแม้อีก โดยตัวพิธีก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย ผมเพียงแต่ยกพานของไหว้ให้อาจารย์กับลุงพงษ์ต่อหน้าแม่ผมกับลุงตั๋ง จากนั้นพวกเราสองคนก็แลกแหวนกันเท่านั้นเอง ระหว่างพิธีนั้นอาจารย์วรรณีถึงกับน้ำตาไหล ผมจึงได้แต่กราบเท้าและให้สัญญาว่าจะดูแลนะให้ดีที่สุด ซึ่งเป็นคำสัญญาที่ผมไม่สงสัยเลยว่าตัวเองทำได้อย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องเรือนหอนั้น เป็นลุงตั๋งกับแม่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะหลังจากที่รู้ว่าผมกับนะตั้งใจจะหาที่อยู่และทำงานในกรุงเทพฯระยะยาว ลุงตั๋งก็ติดต่อคนรู้จักที่กำลังจะขายต่อคอนโดโดยช่วยคุยให้จนได้ราคาต่ำกว่าราคาที่ประกาศขาย ส่วนรถที่ผมขับทุกวันนี้ก็เป็นของขวัญจากพ่อของผมที่อยู่ต่างประเทศ ตอนที่รู้ว่าผมตัดสินใจอย่างไรกับชีวิต พ่อก็เลยออกเงินดาวน์รถคันนี้ให้เป็นของขวัญ ส่วนต่างที่เหลือก็ให้ผมไปผ่อนต่อเอาเอง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นภาระเหลือบ่ากว่าแรงอะไรนัก เพราะว่าประสบการณ์งานแถมด้วยวุฒิปริญญาโททำให้เงินเดือนของผมไม่เลวเลยทีเดียว แถมยังมีค่าอินเซ็นทีฟเวลาได้ลูกค้าใหม่ด้วยเพราะผมเป็นเซลส์ให้บริษัทเครื่องใช้สำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง

สำหรับนะ งานที่ตอนนี้เจ้าตัวทำจะเกี่ยวข้องกับการส่งออกและนำเข้าผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ ความที่นะได้เปรียบเรื่องภาษาเลยได้อยู่ในแผนกติดต่อประสานงานกับลูกค้าต่างชาติ ผมไม่รู้ว่าในอนาคตเจ้าตัวคิดจะเปลี่ยนงานไหมเพราะว่านี่เพิ่งเป็นงานแรก แต่เพราะว่าที่นี่จ่ายเงินให้สูง บวกกับรายละเอียดของงานก็ไม่จำเจน่าเบื่อ ผมจึงยังไม่ได้ยินคนตัวเล็กบ่นเรื่องอยากเปลี่ยนงานนอกจากเรื่องลูกค้าที่บางครั้งก็จุกจิกเรื่องมากจนทำให้เหนื่อยอยู่บ่อยๆ

“อือ...งั้นไปนอนต่อกันดีกว่า ว่าแต่พรุ่งนี้เช้าพี่อ๊อฟอยากกินอะไร? นะจะได้ตื่นมาทำให้”

คนที่ยืนกอดเอวผมอยู่เงยหน้าขึ้นมาถาม และพอถูกถามผมเลยนึกขึ้นได้ “อ้าว จริงสิ พรุ่งนี้เวรของนะนี่นา”

ตั้งแต่มาอยู่คอนโดด้วยกันแล้ว ตอนเช้าพวกเราจะใช้วิธีสลับเวรกันทำอาหารเช้าคนละวัน แต่ว่าตอนเย็นช่วยกันทำหรือไม่ก็หาทานกันจากข้างนอกถ้าขี้เกียจ และในเมื่อวันก่อนผมเพิ่งจะเป็นคนทำมื้อเช้าไป วันพรุ่งนี้จึงเป็นหน้าที่รับผิดชอบของคนตัวเล็กบ้าง แต่ส่วนมากก็จะทำกันแค่อะไรง่ายๆ อย่างขนมปังปิ้งไข่ดาว ข้าวต้ม หรือไม่ก็ลงไปซื้อปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ขึ้นมาเท่านั้น เพราะช่วงเช้าก็มักจะต่างคนต่างรีบกัน เลยไม่ค่อยมีเวลามาทำอาหารแบบเป็นมื้อเป็นคราวเต็มที่เหมือนตอนเย็น

พอนึกได้ว่าอีกไม่นานก็จะเช้าแล้วทำให้ผมคิดถึงหมอนกับเตียงขึ้นมา เลยก้มลงช้อนร่างนะขึ้นมาอุ้ม ตอนแรกคนถูกอุ้มส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ แต่ว่าก็ไม่ได้ดิ้นขัดขืนเมื่อเห็นว่าผมสาวเท้าพากลับไปที่ห้องนอน

“อยากทำอะไรก็แล้วแต่เราเถอะ ถ้าไม่ติดว่าก่อนนอนอิ่มไปแล้วพี่จะกินเราอีกรอบแล้วนะเนี่ย”

ผมเอ่ยขึ้นพลางทำตาเจ้าเล่ห์ พอถึงเตียงก็ค่อยวางคนในอ้อมแขนลงบนฝั่งที่นอนอยู่ก่อนตามเดิม

“บ้า พี่อ๊อฟทะลึ่ง”

นะหัวเราะด้วยความจั๊กกะจี้เมื่อโดนผมขึ้นคร่อมแล้วก้มลงใช้จมูกดุนกับซอกคอเจ้าตัวเล่น ถึงแม้จะอาบน้ำไปแล้ว แต่กลิ่นน้ำหอมที่เจ้าตัวใช้ทุกวันก็ยังติดบนผิวอยู่จางๆ ซึ่งกลิ่นนี้คือกลิ่นที่ผมซื้อให้ตั้งแต่ตอนครบรอบหกเดือนเมื่อตอนที่ยังเรียนอยู่ และตั้งแต่นั้นมานะก็ไม่เคยเปลี่ยนไปใช้กลิ่นอื่นอีกเลย

“ก็มีให้ทะลึ่งด้วยอยู่คนเดียวนี่นา งั้นจะนอนกันรึยัง ถ้ายังพี่จะได้ทำอย่างอื่น”

ผมเท้าศอกขึ้นแล้วแกล้งแหย่คนที่นอนอยู่ข้างล่างต่อ นะเลยยิ้มเหมือนรู้ทัน นัยน์ตากลมโตจึงปิดลงทั้งที่แขนสองข้างยังโอบอยู่รอบคอผม “นอนสิ ถ้าพี่อ๊อฟอยากจะทำอย่างอื่น พรุ่งนี้ก็เตรียมตัวอดมื้อเช้าไว้เลยก็แล้วกัน”

ผมหัวเราะกับคำยอกย้อน ก่อนจะก้มลงแตะจูบบนหน้าผากของคนตัวเล็กทีหนึ่ง จากนั้นก็พลิกตัวนอนตะแคงแล้วดึงตัวคนข้างกายมากอดหลวมๆ นะเลยขยับตัวให้เข้าที่แล้วสอดแขนมาพาดบนเอวผมบ้าง ผมจึงยกผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเราสองคนแล้วกระซิบบอก

“งั้นพี่นอนแล้วนะ ฝันดีครับ”

“อื้อ พี่อ๊อฟด้วย”

นะซุกตัวเข้าหาผมแล้วก็หลับตาลง ผมจึงลูบแผ่นหลังของคนในอ้อมแขนไปมา แต่ก็ยังไม่ยอมหลับจนกระทั่งได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายแล้วนั่นแหละ ผมจึงได้กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นและปิดตาลงบ้าง

อีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะขึ้น และวันนี้ก็จะผ่านเลยไปเป็นเมื่อวาน และวันใหม่ของพวกเราสองคนก็จะเริ่มต้นอีกครั้งเช่นเดียวกับทุกๆวันที่ผ่านมา แต่ท่ามกลางวันเวลาที่หมุนเวียนไปไม่หยุด อย่างน้อยผมก็มั่นใจว่าบางสิ่งจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

นั่นก็คืออ้อมแขนของผมที่จะมีนะอยู่ในทุกๆวันแบบนี้ และเสียงหัวใจของเราที่จะเต้นคู่กันตลอดไปนั่นเอง

++---End บทส่งท้าย---++
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2010 11:28:11
จบสมบูรณ์แล้วค่ะสำหรับพี่อ๊อฟน้องนะ เป้กับวิว และมุ้ยกับพี่หล่ง (หรือเปล่า?) ถ้าใครจำบทสัมภาษณ์พิเศษที่มุ้ยโดนถามว่าไม่อยากมีแฟนมั่งเหรอ และคิดยังไงกับพี่หล่งได้ ตอนนี้มุ้ยก็ได้คำตอบใหม่ให้ตัวเองแล้วล่ะนะ 555  :laugh:

กลับมาที่คู่เอกของ “เมื่อหัวใจเราใกล้กัน” อีกครั้ง ตอนเขียนคู่อ๊อฟกับนะนี่ เป็นตอนที่เพิ่งจบเรื่องสั้นออริจินอลแล้วก็ตอนพิเศษลอยกระทงของ “ลำนำรักสีรุ้ง” ไป ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะเขียนมาได้ยาว + นานขนาดนี้ เพราะถ้าเทียบกับคนอื่นนี่ ปีนึงเค้าเขียนจบไปสี่ห้าเรื่องแล้ว แถมตอนเริ่มต้นนั้นก็ไม่มีพล็อตซับซ้อนใดๆในหัวทั้งสิ้น แค่อยากเขียนเรื่องรักในรั้วมหา’ลัยแบบอะไรไหลเข้ามาก็เขียนออกไป แต่อยากถ่ายทอดแง่มุมความรักในแบบที่ตัวเองอยากเห็นก็เท่านั้นเอง และอันที่จริง เป้กับวิวก็เป็นหนี้บุญคุณอ๊อฟกับนะอยู่อักโข เพราะถ้าหากไม่ได้เขียนอ๊อฟกับนะโดยให้เป้กับวิวมาคอยแจมบ้างตามโอกาส ป้าก็คงไม่มีไอเดียจะเขียนตอนพิเศษของเป้วิวมาเรื่อยๆจนได้ตัดหน้ารวมเล่มออกไปก่อนหรอกค่ะ (นี่เรื่องจริง) แต่ในแง่การเดินเรื่องแล้ว ป้าไม่เคยมองสองเรื่องนี้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องหลักหรือเรื่องรองเลยนะ เพราะตอนเริ่มเขียนเป้กับวิวก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มาลิ้งค์กับอ๊อฟนะเหมือนกัน ดังนั้นทั้งสองคู่จึงเป็นตัวเอกในเรื่องของตัวเองนั่นแหละ เพียงแต่ว่าฝั่งพระเอกเป็นเพื่อนกันก็เท่านั้นเอง

ความที่ตอนเริ่มเขียนไม่ได้วางพล็อตอะไรไว้เลย บางช่วงเลยไม่รู้ว่าคนอ่านอ่านแล้วแปร่งๆไหม แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่แง่มุมความรักของสองคู่นี้ทำให้คนอ่านยิ้มได้ เพราะป้าดำเนินเรื่องแบบใช้จินตนาการควบกับพื้นฐานความเป็นจริง เลยอาจทำให้ไม่มีอะไรหวือหวาโลดโผน แต่แค่ได้รู้ว่ามีคนที่ชอบและติดตาม ป้าก็มีกำลังใจเข็นตอนใหม่ออกมาเรื่อยๆ เพียงแต่บางช่วงห่างหายไปนานเพราะภารกิจส่วนตัว อันนี้ก็ต้องขอโทษคนที่รออ่านด้วยจริงๆ ยังไงก็ขอขอบคุณทั้งแฟนประจำที่คอยให้กำลังใจและแฟนใหม่ที่เพิ่งได้มาอ่านด้วยนะคะ

และก่อนจะจากกันไปในวันนี้ (เขียนอย่างกับสคริปต์รายการ) ป้าจะบอกว่า เริ่มเปิดจอง “เมื่อหัวใจเราใกล้กัน” แล้วนะคะ โดยรายละเอียดจะเหมือนของ “ลำนำรักสีรุ้ง” คือหนังสือไซส์เอ 5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา ปกเคลือบด้านและแถมที่คั่น โดยอาร์ตเวิร์คมาจากน้อง Jiro เจ้าเดิม แต่พอดีน้องเค้ายังทำปกไม่เสร็จเลยยังเอามาให้เบิ่งไม่ได้ ส่วนความหนานั้น ณ ปัจจุบันที่ยังไม่รวมตอนพิเศษก็ 330 หน้าไปแล้วล่ะ ราคาก็เลยยังระบุไม่ได้นอกจากว่าคงอยู่ในราว 300+  เพราะคราวนี้จะขอเช็คยอดจากคนจองก่อน แล้วถึงค่อยต่อราคากับโรงพิมพ์และมาบอกราคาขายสำหรับโอนเงินได้ ดังนั้นถ้าใครสนใจจะเอาแน่ๆก็แจ้งมาทางนี้ หรือทางพีเอ็ม หรือทางอีเมล์ bellbomb[at]hotmail.com ได้เลยนะคะ หรือถ้าอยากรอดูปกก่อน ก็คาดว่าอาทิตย์หน้านี้น่าจะได้เห็นแล้ว เพราะว่าน้อง Jiro ทำงานเร็ว และถ้าอิป้าไม่เรื่องมากเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ เพราะรายละเอียดมันจุกจิกกว่าปกของเป้วิวน่ะค่ะ ส่วนต้นฉบับน่าจะได้ส่งเข้าโรงพิมพ์เสร็จเรียบร้อยไม่เกินเดือนมีนานี่ละ

ขอบคุณทุกคนอีกครั้งสำหรับการติดตามเป้วิวและพี่อ๊อฟน้องนะ ป้าได้เจอนักอ่านน่ารักๆหลายคนเลยจากสองคู่นี้ แล้วเจอกันในเรื่องอื่นของป้าค่ะ

 :pig4:  :L1:  :3123:  o13
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-02-2010 13:45:32
1 เล่มค่ะ  ตอนพิเศษนี่ขอแบบหวานๆๆ ได้มะ แอร๊ยยยยย
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 21-02-2010 14:07:44
ขอจองด้วยคนนะค่ะ

ลำนำรักสีรุ้งเปิดจองไปแล้วหรอค่ะ

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :angry2:

อดเลยอ่าดิ

งืมๆ

ถ้ามีลำนำรักสีรุ้งเหลือยังไงก็อย่าลืมส่งข่าวด้วยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2010 14:35:28
ขอจองด้วยคนนะค่ะ

ลำนำรักเปิดจองไปแล้วหรอค่ะ

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :angry2:

อดเลยอ่าดิ

งืมๆ

ถ้ามีลำนำรักเหลือยังไงก็อย่าลืมส่งข่าวด้วยนะค่ะ
^
^
ลำนำรักสีรุ้งยังเหลือค่ะ ถ้าสนใจก็พีเอ็มมาแล้วกันเด้อ จะแจ้งรายละเอียดให้   :really2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 21-02-2010 15:15:34
เอาด้วย 1 เล่ม แม่เจ้าไมปีนี้ออกกันเยอะจัง  :z10: สงสัยต้องกินอาหารญี่ปุ่นประทักชีวิตแน่ๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 21-02-2010 15:23:03
จองด้วย 1 เล่มนะจ๊ะ

รอบต่อไปเราจะได้อ่าน "แค่สบตาก็รู้ว่ารัก" แล้วใช่ป่าว หุหุ

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 21-02-2010 15:47:21
เอาด้วยหนึ่งเล่ม
รอซื้อที่ร้านนะ
อิอิ

เอาด้วย 1 เล่ม แม่เจ้าไมปีนี้ออกกันเยอะจัง  :z10: สงสัยต้องกินอาหารญี่ปุ่นประทักชีวิตแน่ๆ

ท่าทางจะกินเหมือนกันแหละพี่หนึ่ง
 :z10:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2010 15:52:13
เอาด้วย 1 เล่ม แม่เจ้าไมปีนี้ออกกันเยอะจัง  :z10: สงสัยต้องกินอาหารญี่ปุ่นประทักชีวิตแน่ๆ

ขนาดประทังชีวิตยังล่ออาหารญี่ปุ่นเลยเหรอพี่หนึ่ง งี้ท่าจะซื้อนิยายได้อีกหลายเรื่องนิ
(ไหนๆจะกลับมาเมืองไทยใช่ปะ ก็ขนกลับให้คุ้มไปเลยละกัน)  :laugh:

จองด้วย 1 เล่มนะจ๊ะ

รอบต่อไปเราจะได้อ่าน "แค่สบตาก็รู้ว่ารัก" แล้วใช่ป่าว หุหุ



รับทราบค่ะพี่น้ำตาล ส่วนประโยคล่างนี่...น่าจะใช่นะ แหะๆ   :call:

เอาด้วยหนึ่งเล่ม
รอซื้อที่ร้านนะ
อิอิ

เอาด้วย 1 เล่ม แม่เจ้าไมปีนี้ออกกันเยอะจัง  :z10: สงสัยต้องกินอาหารญี่ปุ่นประทักชีวิตแน่ๆ

ท่าทางจะกินเหมือนกันแหละพี่หนึ่ง
 :z10:

โอเช เดี๋ยวเอาไปฝากที่ร้านเมื่อไหร่เจอกันจ้า  :mc4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 21-02-2010 16:11:36
ความหวังเป็นจริงป้ามาร่วมเล่มแล้วดีใจมากๆๆๆ บทส่งท้ายก็จะน่ารักเหมือนเดิมนะค่ะป้า
ขอจอง 1 เล่มค่ะ แต่ก็อยากเห็นปกด้วย แต่ไม่น่าจะผิดหวังนะ อย่างเล่มของเป้วิวก็ชอบมากๆเลย
ช่วงนี้ออกกันเยอะอ่ะ สงสัยต้องอดขนมมาซื้อแน่ๆเลย ดีใจค่ะที่ป้าร่วมเล่ม แต่อย่าลืมเป้กับวิวด้วยนะ ยังอยากอ่านอีกอ่ะ
แล้วจะไปติดตามเรื่องอื่นๆด้วยนะค่ะ ป้าสู้ๆๆ  :bye2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 21-02-2010 16:50:28
 :serius2: ยังมะด้านอ่านเรื่องของสองหนุ่มนี่เลย
เห็นพี่ๆ มาจองกันไว้แล้ว ก็เอาวะ  1 เล่มนะคะคุณbellbomb
เด๋วรออ่านเรื่องในเล่มทีเดียวละกัน  :man1: โอนเมื่อไหร่ยังไง แจ้งทางพีเอ็มได้ป๊ะคะ ช่วงนี้อยู่ในป่าง่า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 21-02-2010 16:57:05
เอาด้วย 1 เล่ม แม่เจ้าไมปีนี้ออกกันเยอะจัง  :z10: สงสัยต้องกินอาหารญี่ปุ่นประทักชีวิตแน่ๆ

ขนาดประทังชีวิตยังล่ออาหารญี่ปุ่นเลยเหรอพี่หนึ่ง งี้ท่าจะซื้อนิยายได้อีกหลายเรื่องนิ
(ไหนๆจะกลับมาเมืองไทยใช่ปะ ก็ขนกลับให้คุ้มไปเลยละกัน)  :laugh:


 :a5: ขนไม่ไหวหรอก ต้องแอบส่งไปรษณีย์ กลับมาก่อนมั้ง ไม่งั้นเจอเสียค่าน้ำหนักเกินแน่ๆ  :jul3:
ก็นะ รวมทั้งปีหนังสือสั่งไปหลายเจ้ามาก เกือบ 30 เล่มได้มั้ง  :z3:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2010 17:05:23
ความหวังเป็นจริงป้ามาร่วมเล่มแล้วดีใจมากๆๆๆ บทส่งท้ายก็จะน่ารักเหมือนเดิมนะค่ะป้า
ขอจอง 1 เล่มค่ะ แต่ก็อยากเห็นปกด้วย แต่ไม่น่าจะผิดหวังนะ อย่างเล่มของเป้วิวก็ชอบมากๆเลย
ช่วงนี้ออกกันเยอะอ่ะ สงสัยต้องอดขนมมาซื้อแน่ๆเลย ดีใจค่ะที่ป้าร่วมเล่ม แต่อย่าลืมเป้กับวิวด้วยนะ ยังอยากอ่านอีกอ่ะ
แล้วจะไปติดตามเรื่องอื่นๆด้วยนะค่ะ ป้าสู้ๆๆ  :bye2:

แต๊งกิ้วจ้า เออเนอะช่วงนี้นิยายหลายเล่มจบพร้อมกันพอดีเลย (หรือที่จริงป้าไม่น่าเขียนให้จบช่วงนี้?) ส่วนปกก็...เดี๋ยวรอดูแล้วกันน้าว่าจะถูกใจไหม ป้าเองก็รอลุ้นอยู่เหมือนกันค่ะ :impress2:

:serius2: ยังมะด้านอ่านเรื่องของสองหนุ่มนี่เลย
เห็นพี่ๆ มาจองกันไว้แล้ว ก็เอาวะ  1 เล่มนะคะคุณbellbomb
เด๋วรออ่านเรื่องในเล่มทีเดียวละกัน  :man1: โอนเมื่อไหร่ยังไง แจ้งทางพีเอ็มได้ป๊ะคะ ช่วงนี้อยู่ในป่าง่า

รับทราบเจ้าค่ะ ราคาหนังสือนี่คงยังไม่ชัวร์จนกว่าจะต้นเดือนมีนา เดี๋ยวจะส่งพีเอ็มไปให้น้า (ว่าแต่ในป่าเช็คได้ด้วยแฮะ ป่าเจริญกว่าแถบบ้านป้าอีกนะเนี่ย)  :o8:

เอาด้วย 1 เล่ม แม่เจ้าไมปีนี้ออกกันเยอะจัง  :z10: สงสัยต้องกินอาหารญี่ปุ่นประทักชีวิตแน่ๆ

ขนาดประทังชีวิตยังล่ออาหารญี่ปุ่นเลยเหรอพี่หนึ่ง งี้ท่าจะซื้อนิยายได้อีกหลายเรื่องนิ
(ไหนๆจะกลับมาเมืองไทยใช่ปะ ก็ขนกลับให้คุ้มไปเลยละกัน)  :laugh:


 :a5: ขนไม่ไหวหรอก ต้องแอบส่งไปรษณีย์ กลับมาก่อนมั้ง ไม่งั้นเจอเสียค่าน้ำหนักเกินแน่ๆ  :jul3:
ก็นะ รวมทั้งปีหนังสือสั่งไปหลายเจ้ามาก เกือบ 30 เล่มได้มั้ง  :z3:

ไม่ยากๆ ขอเสนอให้พี่หนึ่งนั่งเรือ Cruise กลับ รับรองว่าไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน (แต่จะข้ามกลับไปถึงยุโรปเมื่อไหร่นี่อีกเรื่องนะ)  :m20:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 21-02-2010 18:30:32
1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: LPNGUY ที่ 21-02-2010 19:03:20
ป้าคร๊าบบบบบบบบบบบบ :3123:

จองหนึ่งเล่มคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบ  o13

ตอนนี้เปลี่ยนจากหนุ่มลำพูนเป็นหนุ่มแหลมฉบังแย้วคร๊าบบบบบบบ :call:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 21-02-2010 19:27:22
1 เล่มน้า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2010 19:54:01
1 เล่มค่ะ

โอเคค่ะ :]

ป้าคร๊าบบบบบบบบบบบบ :3123:

จองหนึ่งเล่มคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบ  o13

ตอนนี้เปลี่ยนจากหนุ่มลำพูนเป็นหนุ่มแหลมฉบังแย้วคร๊าบบบบบบบ :call:

โหย้ายมาไกลเลย ยังไงเดี๋ยวแจ้งที่อยู่สำหรับส่งหนังสือใหม่ให้ด้วยแล้วกันนะคะ  :really2:

1 เล่มน้า

รับทราบค่า :3
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: eddiam ที่ 21-02-2010 20:31:05
จอง 1 เล่มด้วยคนค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: kuraki ที่ 21-02-2010 20:31:43
1 เล่มค่า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 21-02-2010 20:35:06
เพิ่งเริ่มอ่าน
แต่ขอจองด้วย 1 เล่ม o13
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: sogato ที่ 21-02-2010 21:22:11
ยังอ่านไม่จบ แต่ขอจองเลย 1 เล่มค่ะ 
ได้ส่งmail เกี่ยวกับเรื่องลำนำรักสีรุ้ง ยังมีเหลือใช่มั้ยค่ะ อยากได้เรื่องนี้ด้วยค่ะ ชอบคู่เป้กับวิวมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2010 21:42:31
eddiam, ~Kir@ku~, CipheR, sogato

(ขอตอบรวบเลยนะ) รับทราบค่ะ ใครที่ติดต่อมาทางพีเอ็ม ป้าตอบไปแล้วนะคะ ส่วนคุณ sogato เราเมล์กลับไปแล้ว ถ้าไม่เห็นเมล์ลองเช็คใน junk box ดูนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: jimmy ที่ 21-02-2010 21:55:57
ขอจองหนังสือด้วย 1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: sogato ที่ 21-02-2010 22:04:25
ขอบคุณค่ะ ได้รับเมลแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: Joobperman ที่ 21-02-2010 22:10:06
 :pig4:
ขอจอง 2 เล่มจ้า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-02-2010 07:51:28
jimmy, sogato, Joobperman  รับทราบค่ะ

(ชักอยากเห็นปกเร็วๆแฮะ)
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: SANDSEAME ที่ 22-02-2010 13:43:09
จอง 1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: nongree ที่ 22-02-2010 21:17:49
จอง 1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: MIXER ที่ 22-02-2010 21:51:44
จอง 2 เล่มค่ะ
^^
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: jaaeyboy ที่ 22-02-2010 22:17:03
แปะจองพี่อ๊อฟกับน้องนะ 1 ชุดค่า

เรื่องปกของแนวๆเดียวกับ ลำนำรักสีรุ้งน่ะค่ะ  อยากได้เป็นคอลเลคชั่นอ่ะ  น่ะๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: yayu ที่ 22-02-2010 22:42:13
ยังอ่านไม่จบ แต่ขอจองด้วย 1 เล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-02-2010 00:16:04
SANDSEAME, deer, MIXER, jaaeyboy, yayu

จดไว้แล้วค่ะ ส่วนเรื่องปกที่ว่าแนวเดียวกับเป้วิวนี่หมายถึงลึกลับเพราะหันหลังป่าวคะ 555 ล้อเล่นน้า เดี๋ยวได้ปกเมื่อไหร่จะรีบมาแปะเลยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 23-02-2010 00:47:04
อ่านจบแล้วค่ะ

คู่นี้น่ารักใสๆแบบเด็กๆ

ยังไงก็เอาตอนพิเศษของพี่อ๊อฟกะน้องนะมาลงให้อ่านนะค่ะ

แล้วก็อย่าลืมนะค่ะจอง 1 เล่ม
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: pdolphin ที่ 23-02-2010 05:49:34
1 เล่มด้วยคนค่ะ  ขอรับพร้อมลำนำฯ ได้ไหมอ่า เห็นแล้วแต่ยังมิได้สั่งเล๊ยยย   (คือมาเป็นคู่เลยค่ะ ไม่ขาดตอน )
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: ammpy ที่ 23-02-2010 07:55:39
 :bye2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 23-02-2010 08:51:41
จองบอร์ดนู้นไปแล้ว มาบอกที่นี่อีกไม่งงนะคะ 1เล่มค่ะ :3123:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-02-2010 15:46:13
EunSung87, pdolphin, M@nfaNG
OK ค่ะ คุณ pdolphin เดี๋ยวเราส่งพีเอ็มสำหรับข้อมูลลำนำรักสีรุ้งให้นะ ส่วนของพี่ฟางไม่งงค่ะ โน้ตไว้แล้วค่า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: yylove ที่ 23-02-2010 22:16:07
2 เล่มคะ
บังคับเพื่อนให้ซื้อด้วย 555 o18
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 24-02-2010 07:14:25
ส่งPMไปแล้ว แต่มาบอกตรงนี้ด้วยว่า
ขอจองทั้งลำนำรักสีรุ้ง และเมื่อหัวใจเราใกล้กันอย่างละเล่มนะคะ

(ว่าแต่ลำนำรักสีรุ้งยังทันใช่มั๊ยคะ?)
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-02-2010 09:34:38
yylove - รับแซบค่ะ
anajulia - ยังทันค่ะ แต่ก็ใกล้หมดแล้วล่ะ ;p ป้าพีเอ็มกลับไปแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 26-02-2010 08:00:43
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบทั้ง 2 คู่มากๆเลย
สนใจรวมเล่มด้วยเหมือนกันค่ะ
ไม่ทราบยังทันมั้ยอ่ะค่ะ
ไม่แน่ใจว่ามี 2 เรื่องเลยรึป่าวอ่ะค่ะ
อยากได้ๆๆจัง
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 26-02-2010 08:20:35
ป้าbell คนสวย จองด้วย ๑ เล่มค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-02-2010 11:08:40
คุณ pimkihae ตอบไปทางพีเอ็มแล้วนะคะ
พี่ yaoifan ได้ค่า~~

อัพเดตนิดนึง พอดีปกมาช้าหน่อยเพราะน้อง Jiro แกติดเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า แล้วก็โดนโปรเจ็กต์ของน้องสาวป้าซ้อนเข้าไปด้วยน่ะค่ะ (ชิชะ ถือว่าเป็นเพื่อนตัวเองเลยเร่งได้  :m31: ) แต่เห็นว่าจะลองเอาดราฟต์แรกให้ป้าดูคืนนี้ ยังไงไว้ได้ปกแบบไฟนอลแล้วจะเอามาประกาศเปิดรับโอนเงินพร้อมราคานะคะ รอกันอีกนี้ดส์เด้อ  :call: 
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 26-02-2010 11:16:49
จอง1 เล่มค่ะ

 แล้วขอลำนำรักสีรุ้ง  1 เล่ม ด้วยค่ะ

โอนพร้อมกันนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-02-2010 11:53:15
^
^
โอเคเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: V_we ที่ 26-02-2010 18:47:27
ย่องๆ เข้ามาทักทายค่ะ :m32:

****
เข้ามาอิดิท เพิ่งอ่านลำนำสีรุ้งจบเมื่อกี้ค่ะ อ๊ากกก น่ารักมากเลย
ครึ่งหลังอ่ะค่ะ อ่านไปยิ้มไป แก้มแทบปริแล้วเนี่ย  :-[
เดี๋ยววันหลังจะตามมาเก็บส่วนที่เหลือนะคะ :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 26-02-2010 19:47:11
^
^
จิ้มน้องวีค่ะ  :กอด1: คิดถึงๆ หุหุ

โอนเงินไปแล้วนะค่ะ
เดี๋ยวพีเอ็มไปแจ้งรายละเอียดอีกทีค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: PAN@DA ที่ 26-02-2010 23:12:14
จองน้องนะกับพี่อ๊อฟ 1 เล่มนะคะ จะได้เอาไปเก็บไว้คู่กับ เป้&วิว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 27-02-2010 01:38:35
จอง ๑ เล่มค่ะ
+ลำนำรักสีรุ้งด้วยได้มั้ยคะ

โอนพร้อมกันเลย
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-02-2010 10:23:03
pimkihae ตอบพีเอ็มแล้วนะค้า
PAN@DA  ได้ค่า
chaoyui โอเคค่ะ เดี๋ยวพีเอ็มรายละเอียดในส่วนของลำนำรักสีรุ้งให้นะคะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: Princea ที่ 27-02-2010 17:52:26
ขอจอง 1 เล่มครับ

และอยากได้เรื่อง ลำนำรักสีรุ้งด้วยอ่ะครับ ยังมีเหลืออีกเปล่าครับ
อยากได้อ่ะครับ
 o13
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-02-2010 18:24:32
^
^
ได้ค่า เดี๋ยวพีเอ็มรายละเอียดลำนำรักสีรุ้งให้นะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 27-02-2010 18:53:44
ขอจอง 1 เล่ม
สนใจหนังสือทั้งสองเล่มเลยค่ะ แต่ได้แจ้งไปทาง E-mail คุณ bellbomb แล้วนะคะ
ส่วนเรื่อง "ลำนำรักสีรุ้ง" จะแจ้งให้ทราบทาง pm ก็ได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: blythedoll ที่ 27-02-2010 19:35:31
ในที่สุดก็อ่านจบจนได้ หลังจากที่พี่ฟางแนะนำให้เข้ามาอ่านเมื่อนานมาแล้ว  :o8:

วิว กับ อ๊อฟ นี่ตอนแรกๆของเรื่องเหมือนกันเลยค่ะ ความรู้สึกช้าเหมือนกัน อิอิ

แต่ตอนหลังๆ หวานได้สูสีกันมากค่ะ ทั้งน่ารัก และ อบอุ่น

เห็นว่าจะมีรวมเล่ม ขอจองด้วยคนนะคะ ทั้งสองเรื่องเลย

ขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องราวน่ารักๆแบบนี้มาให้อ่าน  :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-02-2010 20:22:34
DEMON3132  ค่า ติดต่อไปทางอีเมล์แล้วนะคะ

blythedoll หวาย งั้นฝากขอบคุณพี่ฟางด้วยค่ะ ส่วนเรื่องวิวกับอ๊อฟรู้ตัวช้านี่...ขืนรู้เร็วไปเรื่องก็จบไวอะจิ 555  :laugh:

เรื่องเมื่อหัวใจเราใกล้กันจะโน้ตไว้นะคะ ส่วนของลำนำรักสีรุ้งเดี๋ยวพีเอ็มไปหาค่ะ   :3123:

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: kunnyppk ที่ 28-02-2010 03:16:07
PMจองด้วยคนคะ1ชุด แล้วก็ลำนำรักสีรุ้งด้วยค้า

เพิ่งเข้ามาเจอวันนี้เอง
รู้สึกว่าตัวเองจะพลาดนิยายน่ารักๆไปอีกเรื่องแล้ว กลุ้มใจกับความเชื่องช้าของตัวเองจริงๆเลย

ทีนี้รู้ละ จะตามอ่านก่อนนะค้า
 :bye2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน บทส่งท้าย + เปิดรับจองหนังสือจ้า (21/2/10) p.46
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-02-2010 08:25:01
^
^
ค่า ตอบพีเอ็มไปแล้วนะคะ  :pig2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-03-2010 20:43:41
 *Edit* เมื่อกี้แปะไปแค่ปกหน้า แต่ว่าปกหลังแก้เรียบร้อยแล้ว ด้วยความเห่อเลยเอามาแปะใหม่ซะเลยค่ะ  :impress2:

เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ปกหน้า & ปกหลัง

(http://farm3.static.flickr.com/2733/4398611130_0789c4389b.jpg)

ข้อมูลหนังสือ:
•   ราคาหนังสือรวมค่าส่งแบบลงทะเบียน เล่มละ 330 บาท
•   ความหนาประมาณ 350+ หน้า
•   ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา  
•   ตอนพิเศษที่ไม่เคยลงในบอร์ด
•   แถมที่คั่นหนังสือ
•   หมดเขตรับจองและโอนเงิน 20 มีนาคม ส่วนหนังสือจะเสร็จพร้อมส่งไม่เกินสิ้นเดือนมีนา หลังจากนั้นถ้ามีคนสนใจแล้วหนังสือยังเหลือก็จะส่งให้ และจำนวนหนึ่งจะเอาไปวางขายที่ร้านบนชั้น 7 เอ็มบีเคเหมือนเดิมค่ะ

รายละเอียดสำหรับการโอนเงิน:

ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานพระปิ่นเกล้า
บัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่ 162-4-13857-2
ชื่อบัญชี Sirin Siri…..

เมื่อโอนเงินเสร็จแล้ว ส่งอีเมล์มาที่ bellbomb[at]hotmail.com พร้อมรายละเอียดดังนี้:

- ธนาคาร+สาขาที่โอน
- วันที่และเวลาที่โอน
- เลขที่สลิป (หรือแสกนแล้วส่งมาก็ได้ค่ะ)
- ชื่อ+นามสกุลจริง และที่อยู่สำหรับส่งแบบลงทะเบียน

ปล. ใครที่เคยจองลำนำรักสีรุ้งล็อตสองไว้และอยากให้ส่งพร้อมกัน ก็โอนเข้ามาพร้อมกันได้ทีเดียวเลยนะคะ (ลำนำรักสีรุ้งล็อตสองเล่มละ 260 + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน 330 = 590 บาทค่ะ)

สงสัยอะไร พีเอ็มหรืออีเมล์ถามได้ค่า~   :z2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-03-2010 21:24:12
รับทราบค่ะ อิอิ คนสั่งสองเรื่องเข้ามาแสดงตนแล้วหนึ่งคนนะคะ

ปล.ปกเมื่อหัวใจเราใกล้กันน่าร้ากกกกกกกก มีเจ้าเพนกวินน้อยตัวนั้นด้วย กรี๊ดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo3 ที่ 01-03-2010 22:27:48
จะเอาทั้งสองเล่มมมเลย

ก้อโอนเงินเลยใช่ไหมคับ

ถึงเมวไปบอก
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-03-2010 22:55:28
^
^
แม่นแล้วค่า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 02-03-2010 11:47:53
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน  น่ารักดีจังเลยค่ะเรื่องนี้

ขอจองหนังสือด้วยคน  + ลำนำสีรุ้งด้วยนะคะ  :o8:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 02-03-2010 11:54:56
เข้ามาอ่านรายละเอียดจ้า
เด่วโอนปัจจัยไปให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: martedi ที่ 02-03-2010 12:20:20

เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

ขอจองด้วย 2 เรื่องเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 02-03-2010 17:26:45
คือว่า เพิ่งเข้ามาอ่านอ่ะค่ะ สนุกมากเลย
อยากได้เก็บไว้ทั้ง 2 เรื่องเลยอ่าา
ไม่ทราบว่า ลำนำรักสีรุ้ง ยังมีอยู่ป่าวคะ ขอจองเพิ่มได้มั้ยอ่าา  :o8:
แล้วถ้ามีอยู่ คือโอนทีเดียวเลยทั้ง 2 เล่มใช่ป่ะคะ

 :pig4: คุณคนเขียนค่าา

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-03-2010 19:45:39
^
^
ค่า ไหนๆแล้วขอตอบรวบสำหรับท่านอื่นที่สนใจสั่งทั้ง ลำนำรักสีรุ้ง และเมื่อหัวใจเราใกล้กันตรงนี้เลยนะคะ

กรณีที่เอาแต่เมื่อหัวใจเราใกล้กัน --> โอนเงิน 330 บาท แล้วเมล์/ PM มาแจ้งรายละเอียดการโอนพร้อมชื่อที่อยู่ ถ้าสั่งมากกว่า 1 เล่มก็ระบุมาด้วย

กรณีที่เอาลำนำรักสีรุ้งด้วย --> โอนเงิน 590 บาท แล้วเมล์/ PM มาแจ้งรายละเอียดการโอนพร้อมชื่อที่อยู่ และระบุว่าเอาสองเรื่อง

ทั้งนี้ เราขอแนะนำว่าส่งอีเมล์จะดีกว่านะคะ เพราะว่าถ้า PM กันเยอะๆแล้ว inbox เราอาจเต็มและทำให้ไม่ได้ข้อความค่ะ

ว่าแล้วขอแปะอีเมล์อีกที: bellbomb[at]hotmail.com ค่ะ

:pig4:    :pig4:    :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lalala123 ที่ 02-03-2010 22:02:21
น่ารักมากมาย อ่านไปยิ้มไป ชอบมาก

แต่อยากอ่านคู่ เป้ วิว มากกว่านี้ง่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-03-2010 22:24:57
^
^
ขอบคุณที่ชอบค่ะ แต่ที่ลงในบอร์ดจะมีเท่านี้ เพราะตอนพิเศษที่เขียนเสริมขึ้นมันไปอยู่ในรวมเล่มน่ะค่ะ ^^"
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 03-03-2010 14:15:58
หวัดดีค่า

อ่านทั้งสองเรื่องนี้แล้ว ขอบอกว่าชอบมากค่ะ เคยพีเอ็มไปถามเรื่องการจองมาครั้งนึง แต่สงสัย Inbox เต็มมั้งคะ พอเห็นเปิดจองตรงนี้ เลยรีบเข้ามาในทันใด

ขอจองเมื่อหัวใจเราใกล้กัน และ ลำนำรักสีรุ้งด้วย อย่างละ 1 เล่มค่ะ พรุ่งนี้จะโอนเงินให้นะคะ และจะ mail ไปแจ้งอีกทีนะคะ

ขอบคุณมากจ้า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-03-2010 19:36:20
^
^
รับทราบค่า

เป็นไปได้ว่าตอนนั้น inbox เต็มจริงๆค่ะ เพราะมีพีเอ็มที่บอกว่าคราวที่แล้วก็เคยติดต่อมาแต่เราไม่ได้รับเหมือนกัน
ยังไงโอนแล้วอีเมล์มาจะได้รับชัวร์สุดค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mixmix ที่ 03-03-2010 23:10:05
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากๆเลยค่า

เนื้อเรื่องอ่านแล้วสบายๆ

อ่านไปก็ยิ้มไปกับความน่ารักของทั้ง 2 คู่เลย

หุหุ แต่มีอะไรจะสารภาพนิดนึง

ชอบบุคลิคของ วิว กับนิสัยของ อ๊อฟ จัง

สลับคู่ซะเลยดีมั้ยเนี่ย 55+ ล้อเล่นนะคะ 2 คู่นี้ลงตัวดีแล้วหล่ะ คึคึ

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-03-2010 10:44:58
^
^
^

วิว กับ อ๊อฟ เหรอคะ เอ่อ...อ๊อฟคงต้องข้ามศพเป้ไปก่อนมั้งนั่น เค้ามองของเค้ามานานกว่าน่ะนะ 555

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ   :really2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 04-03-2010 18:11:22
เมื่อเช้าโอนเงินไปแล้ว ทั้งสองเล่มเลย แจ้งรายละเอียดไปทาง mail แล้วน้า

      .............  :pig4:   ...................
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: martedi ที่ 04-03-2010 22:12:40

โอนเงินไปแล้ว แจ้งไปทาง mail แล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 04-03-2010 22:54:15
ผมขอจองทั้งสองเล่มเลยได้ป่ะครับ  รบกวนแจ้งรายละเอียดการโอนเงินมาทาง pm ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-03-2010 10:02:42
DEMON3132 & martedi ตอบเมล์ไปแล้วนะคะ

Windyne  เดี๋ยวพีเอ็มให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 05-03-2010 11:58:26
โอนเงินให้แล้วค่า รอรับหนังสืออย่างเดียวเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 05-03-2010 16:18:50
หวัดดีค่ะ

เมื่อเช้าโอนเงินไปแล้วนะคะ ทั้ง เมื่อหัวใจเราใกล้กัน และ ลำนำรักสีรุ้ง ค่ะ
แจ้งรายละเอียดไปทาง mail แล้วนะคะ

รอหนังสือนะคะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-03-2010 01:02:08
M@nfaNG กับ MaeMoo ตอบเมล์แล้วค่า ถ้าไม่เจอลองดูใน junk folder นะค้า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jantaro ที่ 06-03-2010 19:35:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 07-03-2010 20:46:35
โอนเงินและแจ้งไปทาง mail แล้ว (เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ) o13
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-03-2010 13:31:32
^
^
ค่ะ เช็คและตอบเมล์ไปแล้วเน้อ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: OhJa ที่ 08-03-2010 18:04:41
โอนเงินแล้วนะคะ แจ้งรายละเอียดทางเมล์ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-03-2010 19:46:52
OhJa ตอบเมล์แล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kuraki ที่ 13-03-2010 22:12:48
ยังไม่ได้โอนเลยค่ะ จะรีบให้เรียบร้อยภายในกำหนดนะคะ  :m5:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 14-03-2010 09:05:38
เพิ่งจะเห็นนะค่ะ ไม่ค่อยได้เข้านิยายที่จบแล้ว
เกือบพลาดไปแล้วซิ ได้แต่เช็ค pm อย่างเดียว

จองไว้สองเรื่อง โอน 590 บาทใช่ไหมค่ะ
ในจำนวนเงินนี้ รวมค่าส่งแล้วใช่ไหมค่ะ
เมล์ไปสอบถามด้วยนะค่ะ

ถ้าตามจำนวนเงินนี้ วันจันทร์ไปโอนให้นะค่ะ

หน้าปก สวยดูอบอุ่นดีค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-03-2010 09:58:47
~Kir@ku~  ไม่เป็นไรค่ะยังพอมีเวลา จะรอนะคะ

muyong  ใช่แล้วค่ะยอดนี้เลย ตอบเมล์กลับไปแล้วด้วยเน้อ ส่วนคำชมภาพปกขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kuraki ที่ 14-03-2010 19:22:18
โอนแล้วค่า ส่ง email ไปแล้วค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 15-03-2010 13:25:47
โอนเงินแล้วค่ะ

รายละเอียดแจ้งทาง เมล์ แล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพปก + รายละเอียดสำหรับโอนหนังสือค่ะ p.49 (1/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mysunsa ที่ 15-03-2010 15:27:04
โอยๆๆ ใจจขาด

ความหวานมันล้นอก

คู่น้องนะ น่ารักจังเลยคร๊าาาๆๆ

แหม จำไม่ได้ได้ไง น้องออกจะน่ารักเช่นนี้
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-03-2010 19:11:04
ขอบคุณทุกคนที่สนใจหนังสือและถามไถ่กันเข้ามานะคะ ช่วงนี้กระบวนการจัดหน้ากับเขียนตอนพิเศษคืบไป 90% แล้ว ใครที่สนใจก็ยังโอนเงินเข้ามาได้เรื่อยๆ ทั้งของเรื่องลำนำรักสีรุ้งและเมื่อหัวใจเราใกล้กัน รายละเอียดอยู่ที่หน้า 49 ค่ะ

แล้วไหนๆต้นฉบับก็ใกล้จะส่งโรงพิมพ์แล้ว อาจมีคนเริ่มคิดถึงน้องนะ เลยขอเอาส่วนหนึ่งของตอนพิเศษจากมุมมองของน้องนะบ้างมาลงเป็นพรีวิวก่อน นี่จะเป็นเรื่องตอนที่น้องนะเพิ่งย้ายโรงเรียนตอน ม.4 เทอมสอง แล้วก็เพิ่งเจออ๊อฟที่เรียนอยู่ ม.6 เป็นครั้งแรกค่ะ แฟนๆคู่นี้คงหายคิดถึงกันไปได้บ้างน้า  o13


ตอนพิเศษ: ก้าวแรกของหัวใจ

“น้องนะ? ตื่นหรือยังลูก เดี๋ยวไปสายนะ”
เสียงแม่ดังผ่านประตูเข้ามาแว่วๆ และพอผมหรี่ตาขึ้นก็เห็นว่าฟ้าข้างนอกที่เห็นผ่านม่านหน้าต่างยังเป็นสีน้ำเงินอมส้มอยู่เลย เลยดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวแล้วงึมงำตอบแม่ไปแบบง่วงๆ
“ยังเช้าอยู่เลยแม่ ขอนะนอนต่อก่อนนะ...”
ผมพูดจบก็หลับต่อ แต่ปุบปับก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อโดนดึงผ้าห่มที่คลุมตัวออก พอหรี่ตาขึ้นมองอย่างไม่เต็มใจก็เห็นว่าแม่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ผมเลยได้แต่ส่งเสียงอย่างขัดใจแทน
“อื๊อออ แม่อ้ะ”
“ไม่ ‘แม่อ้ะ’ ล่ะ วันนี้เปิดเทอมวันแรกนะจ๊ะ แม่ต้องรีบไปต้อนรับนักเรียนนะ เราก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเร็วๆเข้า พ่อเค้าจะได้ไปส่งพร้อมกัน”
“แม่ก็ไปก่อนสิ เดี๋ยวนะตามไปเองทีหลังก็ได้”
ผมพึมพำในคอ แต่ก็ไม่วายโดนแม่ฉุดแขนให้ลุกขึ้นนั่งแล้วเอ็ดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“ไปพร้อมกันนี่แหละ อย่างอแงสิ อุตส่าห์ย้ายโรงเรียนวันแรกทั้งที น้องนะจะได้รีบไปทำความคุ้นเคยไว้ก่อนไง”
แม่พูดแล้วก็หยิบผ้าขนหนูส่งให้ จากนั้นก็ดันหลังผมไปที่บันไดเพราะว่าห้องน้ำอยู่ชั้นล่าง ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยเพราะว่าหมดสิทธิ์คัดค้าน ไม่ใช่ความผิดผมนี่นาที่แม่ต้องคอยไปตวจเช็คนักเรียนตอนเข้าโรงเรียนเพราะอยู่ฝ่ายปกครอง อีกอย่างก็ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยไปเหยียบโรงเรียนแม่มาก่อนสักหน่อย ในเมื่อตั้งแต่เด็กๆเวลาแม่ต้องเข้าเวรไปตรวจโรงเรียนทีไรก็พาผมกับพ่อไปเป็นเพื่อนด้วยตลอดอยู่แล้ว ให้ผมหลับตาเดินยังได้ว่าจากรั้วโรงเรียนไปถึงโรงอาหารน่ะไปยังไง
ผมอาบน้ำเสร็จก็เอาผ้าขนหนูพันเอวแล้วรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง ระหว่างที่ลงไปอาบน้ำเมื่อกี้ แม่ก็เอาเสื้อกับกางเกงที่รีดเรียบร้อยออกมาแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าให้แล้ว ผมเลยแค่เช็ดตัวให้แห้งแล้วก็หยิบเครื่องแบบมาใส่ก็พอ หลังจากสวมถุงเท้าเสร็จแล้วก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งลงบันไดไปข้างล่างอีกที
“อ้าว มานะหรอกเหรอเนี่ย พ่อนึกว่ามีตัวอะไรวิ่งอยู่ในบ้าน วิ่งซะสั่นไปทั้งหลังเชียว”
พ่อเอ่ยแซวเมื่อผมเดินเข้าไปในครัว ตั้งแต่เด็กแล้วที่พ่อชอบเรียกผมด้วยชื่อเต็ม คงเพราะว่ามันฟังแล้วให้ความรู้สึกเข้มแข็งดีล่ะมั้ง แล้วก็พ่อเองนั่นแหละที่เป็นคนตั้งชื่อให้ผมแบบนี้
“บ้านจะสั่นได้ไงพ่อ ก็แม่เค้าจะรีบไปโรงเรียน นะก็ต้องรีบวิ่งลงมาน่ะสิ”
ผมตอบแล้วก็เข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างๆพ่อแล้วตักข้าวต้มกุ้งขึ้นมากิน พ่อเลยยกมือขึ้นมาขยี้ผมสั้นๆบนหัวผมแล้วก็หัวเราะ “ไปว่าแม่เค้าได้ไงล่ะ ที่จริงมานะน่าจะตื่นเต้นกว่านี้หน่อยนา เพิ่งจะย้ายโรงเรียนวันแรกทั้งที”
ผมทำหน้ามุ่ย “ใครบอกว่านะอยากย้ายกันล่ะ แม่บังคับชัดๆ”
“น้องนะ”
แม่ปรามเสียงดุขณะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ผมเลยได้แต่ก้มหน้าแล้วคนข้าวต้มในถ้วยอย่างจ๋อยๆ “ขอโทษครับ”
“ย้ายมาเรียนโรงเรียนแม่แหละดีแล้ว จะมัวแต่ติดเพื่อนได้ยังไงกัน เราน่ะเรียน ม.ปลายแล้วก็ต้องคิดถึงอนาคตสิ อย่างน้อยอัตราเด็กจากโรงเรียนแม่ที่เอ็นท์ติดก็เยอะกว่าโรงเรียนเก่าของเรานะ”
ผมได้แต่เงียบแล้วก็ตักข้าวต้มเข้าปากต่อ เพราะว่านี่เป็นประโยคติดปากของแม่ตั้งแต่ตอนที่บอกว่าจะให้ผมย้ายโรงเรียนเมื่อตอนปิดเทอมแล้ว ทั้งที่เกรดของผมที่โรงเรียนเก่าก็ไม่ได้แย่ แถมติดสามอันดับแรกของห้องเสียด้วยซ้ำ แต่แม่ก็ยังยืนยันทำเรื่องย้ายให้ผมไปอยู่โรงเรียนเดียวกันจนได้ ทั้งๆที่เพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ ม.1 ของผมอยู่ที่โรงเรียนเก่ากันหมด แล้วที่ใหม่นี่ผมก็ไม่รู้จักใครเลยแท้ๆ
“เอาน่า ก็เหมือนกับตอนเราไปเข้า ม.1 ใหม่ๆ นั่นแหละ ตอนนั้นมานะก็ไม่รู้จักเพื่อนๆมาก่อนไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพอเข้ามหา’ลัยเราก็ต้องแยกจากเพื่อนอยู่ดี คิดซะว่านี่ก็เป็นการฝึกไว้ก่อนก็แล้วกัน”
มันเหมือนกันที่ไหนล่ะพ่อก็...ตอนผมเข้า ม.1 นั่นยังพอมีเพื่อนๆจากตอนประถมไปเรียนต่อที่เดียวกันบ้าง แต่ผมไม่ได้สนิทกับใครที่มาต่อที่โรงเรียนของแม่เลยสักคน แล้วต่อให้เจอกันตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะจำกันได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่ถึงอธิบายไปพ่อกับแม่ก็คงไม่เข้าใจหรอก ที่สำคัญเรื่องเพื่อนก็ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ทำให้ผมไม่อยากย้ายโรงเรียนสักหน่อย แต่ถึงจะพูดออกไปพ่อกับแม่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ผมคนข้าวต้มที่เหลืออย่างหมดอารมณ์แล้วก็ลุกเอาถ้วยไปวางในอ่างล้างจาน จากนั้นก็เดินตามพ่อกับแม่ไปขึ้นรถ ปกติทุกเช้าพ่อจะไปส่งแม่เป็นคนแรก ตามด้วยผม แล้วจากนั้นถึงค่อยขับรถไปทำงานที่สำนักงานกฎหมาย แต่ตั้งแต่วันนี้ไป พ่อก็ไม่ต้องขับรถอ้อมไปส่งผมที่โรงเรียนเก่าอีกแล้ว

++------++

หลังจากที่พ่อมาส่งผมกับแม่แล้วก็นัดเวลามารับตอนเย็นก่อนจะขับออกไป พอลับหลังรถสีเทาของพ่อแล้วแม่ก็หันมาทำท่าจะจูงมือผมไปที่อาคารเรียน
“งั้นเดี๋ยวแม่พาเราไปส่งที่ห้องก่อนก็แล้วกันนะ”
“แม่! นะไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ แค่หาห้องเรียนนะไปเองได้”
ผมพูดแล้วก็พยายามจะบิดมือออก ถึงผมจะชินกับการที่พ่อกับแม่ปฏิบัติด้วยหรือพูดด้วยเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆเวลาอยู่บ้านก็เถอะ แต่ผมก็ไม่อยากให้คนอื่นที่โรงเรียนมาเห็นแล้วมองว่าผมเป็นเด็กไม่รู้จักโตหรอกนะ
แม่มองผมแล้วก็ถอนหายใจ จากนั้นก็ยื่นมือมาบีบไหล่เบาๆ
“เอางั้นก็ได้ ห้องเรียนของ ม.4 อยู่ที่ชั้นสี่นะ เลขห้องแขวนไว้หน้าประตูอยู่แล้ว หาไม่ยากหรอก เดี๋ยวน้องนะเอากระเป๋าไปวางบนห้องแล้วก็ลงมาเข้าแถวตอนได้ยินสัญญาณออดก็แล้วกัน”
ผมพยักหน้า จากนั้นก็ถือกระเป๋าแล้วเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนบนตึกที่แม่บอก ส่วนแม่ก็แยกไปที่ห้องหมวดภาษาไทยที่ตัวเองประจำอยู่ จากนั้นก็คงลงมายืนรอรับเด็กนักเรียนที่หน้าประตูเพื่อตรวจเช็คเครื่องแบบและทรงผม รวมทั้งทำโทษเด็กที่มาสายเพราะว่าเป็นหน้าที่ของอาจาย์ฝ่ายปกครอง
อาคารเรียนที่นี่มีสามอาคาร โดยห้องเรียนของชั้น ม.ต้นจะอยู่ที่อาคารหนึ่งทั้งหมด ส่วนของชั้น ม.ปลาย จะกระจายกันไปตามอาคารสองกับอาคารสาม และห้องอาจารย์หมวดต่างๆก็จะอยู่กระจายไปตามอาคารทั้งสามหลังเหมือนกัน โชคดีว่าหมวดภาษาไทยของแม่อยู่คนละอาคารกับผม และแม่จะสอนแต่พวกเด็ก ม.5 กับ ม.6 ดังนั้นอย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเรียนกับแม่ระหว่างที่อยู่ ม.4 แค่นึกว่าถ้าเกิดแม่เรียกให้ตอบคำถามในห้องแล้วเผลอเรียกว่า ‘น้องนะ’ ขึ้นมา ผมจะโดนเพื่อนๆในห้องล้อยังไงบ้างก็ไม่อยากคิดต่อแล้ว      
พอขึ้นมาถึงห้อง ม. 4/9 ผมก็เดินเข้าไปวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่แถวกลางๆและค่อนไปทางด้านหลัง สำหรับห้องเรียนชั้น ม. 4  ของที่นี่จะมีอยู่สิบห้อง สี่ห้องแรกเป็นของแผนกคณิตย์-วิทย์ สี่ห้องถัดมาเป็นแผนกศิลป์-คำนวณ ส่วนสองห้องสุดท้ายเป็นแผนกศิลป์-ฝรั่งเศส ความที่ผมเรียนเลขไม่ค่อยเก่งก็เลยเลือกเรียนแผนสุดท้ายนี้ตั้งแต่ที่โรงเรียนเก่าแล้ว ตอนที่แม่จะทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้ผมก็เลยยืนยันว่าจะขอเรียนแผนเดิมด้วย
ผมเดินไปเปิดหน้าต่างห้องบานหนึ่งออกแล้วก็เท้าศอกพลางมองออกไปด้านนอก ที่อยู่ติดกับอาคารเรียนฝั่งนี้ก็คือสวนผลไม้สลับกับบ้านคนที่อยู่ริมถนน  จากมุมบนห้องนี้สามารถมองไปเห็นนักเรียนคนอื่นๆทั้งที่มีพ่อแม่มาส่ง ขับมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานมาเอง หรือว่าเดินมาเองจากบ้านก็ได้ และเพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนใหญ่ จำนวนนักเรียนก็เลยเยอะและหลากหลายกว่าที่โรงเรียนเก่าของผมอย่างเทียบไม่ติด
ยิ่งพระอาทิตย์ตรงฝั่งตะวันออกเริ่มลอยสูงขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจอแจที่ดังมาจากหน้าประตูโรงเรียนและเสียงฝีเท้าที่เดินไปมาตามอาคารเรียนมากขึ้นเท่านั้น และเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาในห้องซึ่งตามด้วยเสียงเลื่อนเก้าอี้ก็ทำเอาผมสะดุ้ง พอมองกลับไปก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ใกล้กับโต๊ะตัวที่ผมเพิ่งวางกระเป๋าลงไปเมื่อกี้
“เอ่อ หวัดดี”
 ผมเอ่ยทักขึ้นก่อนแล้วก็เดินเข้าไปหา อีกฝ่ายเลยละสายตาจากโต๊ะขึ้นมามองหน้าผม ชื่อที่ปักอยู่บนหน้าอกทำให้ผมรู้ว่าเด็กคนนี้ชื่อ ‘เจษฎา’
“หวัดดี นี่กระเป๋านายหรือเปล่า? พอดีโต๊ะตัวนี้มันโต๊ะของเราตั้งแต่เทอมที่แล้วน่ะ ช่วยเปลี่ยนไปนั่งตัวอื่นแทนได้มั้ย?”
ผมมองหน้าคนพูดสลับกับโต๊ะที่มีรอยขูดขีดตามประสาโต๊ะไม้ที่ผ่านการใช้งานมาหลายปีแล้วก็พยักหน้า เพราะถ้าหากเป็นผม ถ้ายังอยู่ที่โรงเรียนเก่าล่ะก็ ผมก็คงอยากนั่งที่โต๊ะเก่าของตัวเองมากกว่า
“ก็ได้ ถ้างั้นเรานั่งตรงนี้ได้มั้ย?”
ผมหยิบกระเป๋าไปวางตรงเก้าอี้ตัวที่อยู่ติดกับเด็กคนนั้นแทน เพราะว่าห้องนี้จัดเก้าอี้เรียงเป็นแถวคู่ แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าถ้าหากย้ายกระเป๋าไปไว้ที่อื่นแล้วจะโดนเจ้าของโต๊ะมาทวงอีกหรือเปล่า คนตรงหน้าเลยมองหน้าผมแล้วก็ชื่อบนอกผม จากนั้นก็เกาหัวเบาๆ
“นั่งไปก่อนก็ได้แหละมั้ง เทอมที่แล้วอาจารย์เค้าใช้วิธีจับคู่ให้นั่งด้วยกันน่ะ เราก็ไม่รู้ว่าเทอมนี้เค้าจะทำแบบนั้นอีกหรือเปล่า ยังไงถ้าโดนเปลี่ยนที่ใหม่ก็ค่อยย้ายก็ได้ ...ว่าแต่นี่นายเพิ่งย้ายโรงเรียนมาเหรอ?”
“อือ เราชื่อนะ”
“งั้นเรียกเราว่าจ้าก็ได้ ห้องนี้ไม่ค่อยมีเด็กผู้ชายหรอก ดีเหมือนกันจะได้มีนายเพิ่มมาอีกคน งั้นเดี๋ยวเราพาไปทัวร์รอบโรงเรียนให้เอามั้ย?”
ความจริงผมพอจะรู้อยู่แล้วว่าส่วนไหนของโรงเรียนอยู่ตรงไหนบ้าง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเสนอตัวเองและผมก็ยังไม่มีเพื่อน การทำความคุ้นเคยกับจ้าไว้ก่อนก็น่าจะดี เผื่อมีอะไรสงสัยเกี่ยวกับโรงเรียนใหม่นี้ผมจะได้ถามได้ ผมเลยพยักหน้า
“ว่าแต่ทำไมถึงไม่มาเข้าที่นี่ตั้งแต่เทอมแรกล่ะ นายเพิ่งย้ายบ้านมาเหรอ?”
จ้าหันมาถามระหว่างที่เดินลงจากห้องเรียนด้วยกัน บางทีที่อีกฝ่ายไม่เอะใจตอนเห็นนามสกุลผมคงเป็นเพราะว่าไม่รู้จักแม่ผม ดังนั้นผมเลยคิดว่ายังไม่บอกดีกว่า
“ก็เปล่าหรอก พ่อกับแม่เราเค้าเห็นว่าที่นี่การเรียนการสอนดีกว่า ก็เลยทำเรื่องให้ย้ายมาที่นี่น่ะ”
ผมตอบความจริงไปแค่ครึ่งเดียว และโชคดีว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ พอลงมาจากอาคารแล้วจ้าก็พาผมไปเดินดูโรงอาหารว่าอยู่ตรงไหน ต่อด้วยสหกรณ์ ห้องพยาบาล ห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ผมก็รู้อยู่แล้วว่าอยู่ตรงไหนทั้งนั้น แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วปล่อยให้จ้าอธิบายไปเรื่อยๆ หลังจากชี้ให้ดูว่าห้องธุรการอยู่ตรงไหนแล้วจ้าก็เดินนำผมไปที่โรงยิมซึ่งอยู่ตรงสุดอาคารสอง
“เวลามีชั่วโมงพละจะแล้วแต่อาจารย์ว่าเค้าจะมาสอนที่โรงยิมหรือที่สนามฟุตบอลน่ะ แต่ส่วนมากวิชาบาสกับวอลเลย์จะสอนแต่ในโรงยิมเท่านั้น เดี๋ยวเข้าไปดูข้างในกันหน่อยแล้วกัน”
ผมพยักหน้าแล้วก็เดินตามไป ความจริงผมไม่ค่อยถนัดวิชาพลศึกษามาแต่ไหนแต่ไร อาจเพราะความที่ผมตัวเล็ก เวลาที่ขอเล่นอะไรกับเพื่อนๆก็เลยไม่ค่อยมีใครอยากให้อยู่ในทีมมาตั้งแต่เด็กๆ ผมเลยค่อนข้างจะฝังใจแล้วก็เลยทำให้ไม่ค่อยชอบเล่นกีฬาไปด้วย
“อ้าว มีรุ่นพี่มาเล่นอยู่แล้วนี่นา พวกนี้นักกีฬาของโรงเรียนด้วย”
จ้าเอ่ยขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปในโรงยิม ด้านในมีคนเล่นบาสอยู่แล้วประมาณสิบกว่าคน ดูจากรูปร่างและหน้าตาแล้วก็น่าจะเป็นรุ่นพี่โตๆทั้งนั้น ผมเห็นจ้ายืนนิ่งดูรุ่นพี่พวกนั้นส่งบอลและชู้ตลูกลงห่วงอย่างสนใจก็เลยถามขึ้น
“จ้าชอบบาสเหรอ?”
“อื้อ เรากะว่าเดี๋ยวตอนที่อาจารย์เปิดคัดสมาชิกทีมของโรงเรียนตอนเทอมสองนี่เราก็จะลองสมัครดู ทีมโรงเรียนเราเจ๋งนะ เคยได้แชมป์จังหวัดติดกันมาสองปีซ้อนแล้วด้วย”
ผมพยักหน้าแล้วก็เออออไปด้วย แต่ไม่นึกแปลกใจเท่าไหร่กับเรื่องชื่อเสียงทางกีฬาของที่นี่ เพราะว่านอกจากเรื่องการเรียนการสอนแล้ว โรงเรียนนี้ก็มีชื่อด้านกิจกรรมไม่แพ้กันเพราะว่าเป็นโรงเรียนใหญ่
พอคิดถึงตรงนี้ผมก็อดจะก้มหน้าลงแล้วถอนหายใจไม่ได้ ถึงอะไรๆของที่นี่จะดีกว่าโรงเรียนเก่าผมหมดเลยก็จริง แต่ผมก็คิดถึงเพื่อนๆผมที่โน่นมากกว่า
“เฮ้ย! นะ ระวัง!!”
“เอ๋? โอ๊ย!!!”
ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของจ้า แต่ยังไม่ทันได้ถามว่าเพราะอะไรก็รู้สึกเหมือนมีอะไรแข็งๆหนักๆพุ่งมาโดนหน้าผาก หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงเอะอะชุลมุนพร้อมกับภาพคนหลายคนที่วิ่งเข้ามารุมล้อมแบบเบลอๆ หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็มืดสนิท

++------++

ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่แนบลงบนแก้ม พอค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นก็เห็นว่าเป็นแม่นั่นเองที่กำลังมองผมอย่างเป็นห่วง
“ฟื้นแล้ว น้องนะเป็นไงมั่งลูก? เวียนหัวหรือเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ผมกะพริบตาถี่ๆแล้วก็มองไปรอบตัว พอเห็นผ้าม่านที่แขวนลงมาจากราวบนเพดานกับเตียงสีขาวก็รู้ทันทีว่ากำลังอยู่ในห้องพยาบาล ผมเลยเบนสายตากลับไปหาแม่อีกครั้งแล้วส่ายหน้า
“ไงจ๊ะ ฟื้นแล้วเหรอ?”
คงเพราะได้ยินเสียงแม่ผม อาจารย์ประจำห้องพยาบาลก็เลยรูดผ้าม่านออกแล้วเดินเข้ามายืนข้างเตียง ผมเลยถามขึ้นเพราะงงว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“แม่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมนะมาอยู่ห้องพยาบาลได้ล่ะ?”
ผมยันตัวขึ้นมานั่ง แม่เลยยกมือขึ้นมาลูบหน้าผมแล้วก็พยักหน้าไปทางอาจารย์พยาบาล “ก็เราน่ะไปโดนลูกบาสอัดใส่หน้าจนเป็นลมในโรงยิมน่ะสิ เห็นว่าเพื่อนที่ไปด้วยกับพวกเด็กม.6 เค้าช่วยกันพามาส่งห้องพยาบาล พออาจารย์แขเห็นว่าเป็นเราก็เลยให้เด็กวิ่งไปบอกแม่”
ผมได้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว ตายล่ะ นี่ผมเผลอเป็นลมจนทำให้คนอื่นวุ่นวายกันขนาดนี้เลยเหรอ ที่สำคัญ ตอนนี้เค้าเข้าแถวเคารพธงชาติกันไปหรือยังล่ะเนี่ย
“แม่ แล้วเรื่องเข้าแถวล่ะ?”
“ตอนนี้เค้าเข้าแถวเสร็จจนเริ่มโฮมรูมกันไปแล้วจ้ะ ถ้าเรารู้สึกไม่ดีจะนอนต่อก่อนก็ได้นะ วันเปิดเทอมวันแรกยังไม่ค่อยมีอะไรหรอก”
เป็นอาจารย์แขที่ช่วยตอบให้ ผมเลยรีบเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วก็ลุกลงจากเตียง แค่เป็นเด็กที่เพิ่งย้ายมาก็ทำตัวไม่ค่อยจะถูกอยู่แล้ว ขืนขาดเรียนช่วงเช้าวันแรกด้วยคงยิ่งเป็นเป้าสายตาเข้าไปใหญ่น่ะสิ
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปเรียน เดี๋ยวไม่ทันจดตารางสอน”
“งั้นเดี๋ยวแม่เดินไปส่ง….แล้วก็ห้ามปฏิเสธด้วย เกิดเวียนหัวแล้วน็อคไปอีกจะทำยังไง?”
ผมได้แต่ย่นจมูกเมื่อโดนแม่ดักทาง หลังจากไหว้ขอบคุณอาจารย์แขแล้วก็เลยเดินตามแม่ออกจากห้องพยาบาลเงียบๆ ทีนี้เพื่อนๆคงได้รู้กันหมดทั้งห้องล่ะว่าผมเป็นลูกอาจารย์ฝ่ายปกครอง
แม่พาขึ้นลิฟต์ซึ่งปกติให้ใช้ได้เฉพาะพวกอาจารย์ขึ้นไปที่ชั้นสี่ จากนั้นก็พาผมไปส่งถึงที่หน้าห้องเรียน แค่นั้นไม่พอยังขออนุญาตอาจารย์ที่ปรึกษาของผมพาผมเข้าไปแนะนำหน้าห้องด้วยตัวเองอีกด้วย ตลอดเวลาที่สายตาของเพื่อนๆในห้องพุ่งมาที่ผม ผมก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนไม่หยุด พอแม่เดินออกจากห้องไปแล้วผมเลยรีบเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆจ้าซึ่งผมวางกระเป๋าไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า แล้วก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองใครอีกเลย
อาจารย์ที่ปรึกษาของผมชื่อโสภาพรรณ ประจำอยู่หมวดสังคมศึกษาและยังค่อนข้างสาว พออาจารย์จดตารางสอนอันใหม่ให้เสร็จแล้วก็สำรวจความเห็นเรื่องหัวหน้าห้องกับเรื่องเวรประจำห้องต่อ หลังจากทุกคนลงความเห็นว่าขอให้หัวหน้าห้องกับรองหัวหน้าห้องเป็นคนเดิมเหมือนเทอมที่แล้ว อาจารย์เลยแค่จัดเรื่องเวรประจำวันให้ใหม่โดยให้ยึดตามแถวที่นั่งแทน
หลังจากอาจารย์โสภาพรรณเดินออกไปแล้ว จ้าก็หันมาหาผม “ยังเป็นไรมากหรือเปล่า ตอนนายเป็นลมเราตกใจหมดเลย ว่าแต่ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะว่าเป็นลูกอาจารย์ ถ้าหากอาจารย์ห้องพยาบาลไม่บอกให้เราวิ่งไปบอกอาจารย์วรรณีเราคงไม่รู้หรอกว่าแม่นายสอนที่นี่ด้วย”
“...โทษที เราไม่ค่อยอยากให้ใครรู้น่ะ”
ผมก้มหน้าแล้วก็ตอบเบาๆ รู้สึกว่าหน้ายังร้อนไม่หายที่โดนแม่จูงมือมาแนะนำที่ห้องเมื่อกี้อย่างกับผมเป็นเด็กอนุบาล แถมถ้าไม่รู้สึกไปเอง ผมคิดว่าเห็นเพื่อนคนอื่นในห้องแอบมองผมแล้วก็หัวเราะคิกคักกันเสียด้วยสิ ที่ไม่อยากย้ายมาโรงเรียนแม่ก็เพราะแบบนี้นี่แหละ
หลังจบโฮมรูม การเรียนการสอนของภาคเช้าก็เริ่มต้นขึ้น ระหว่างนี้ผมจึงลืมเรื่องน่าอายเมื่อเช้าไปได้บ้าง และพอถึงคาบพักกลางวันจ้าก็หันมาถาม
“นะไปกินข้าวกลางวันด้วยกันมั้ย? เดี๋ยวเราแนะนำเพื่อนๆเราให้”
“อื้อ เอาสิ”
ผมเดินตามจ้าลงไปที่โรงอาหาร โดยในกลุ่มของจ้าจะมีเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนชื่อวีกับแนทซึ่งเรียนห้องเดียวกันมานั่งกินข้าวด้วย หลังจากทักทายกันแล้วผมเห็นว่าคนยังเข้าคิวซื้ออาหารกันเต็มแทบทุกร้านอยู่ ผมเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ข้างโรงอาหารก่อน
อาจเพราะตอนนี้เพิ่งหมดเวลาพักกลางวันของนักเรียนม.ต้น ส่วนนักเรียนม.ปลายก็เพิ่งได้ลงมาทานข้าว ในห้องน้ำชายจึงไม่มีใครอยู่เลย ผมเดินเข้าไปจัดการธุระในห้องน้ำเสร็จแล้วก็ออกมาล้างมือที่อ่าง แต่เพราะว่าจุดที่ผมยืนนั้นใกล้กับประตูห้องน้ำไปหน่อย พอมีคนผลักประตูเข้ามาก็เลยโดนสีข้างผมเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย”
“อ้าว! ขอโทษๆ พี่ไม่เห็นว่ามีคนยืนอยู่”
ผมได้แต่ยืนก้มหน้าแล้วก็ลูบสีข้างตัวเองป้อยๆ ทำไมวันที่เพิ่งจะได้เริ่มเทอมใหม่ทั้งทีผมถึงต้องเจอแต่เรื่องเจ็บตัวแบบนี้ด้วยนะ
“ไม่เป็นไรครับ...”
ผมตอบอุบอิบแล้วก็จะก้าวขาออกจากห้องน้ำ แต่เพราะว่าอีกฝ่ายเล่นบังประตูไว้ซะมิด ผมเลยได้แต่ยืนกุมสีข้างแล้วก็ก้มหน้าอยู่แบบนั้น
เท่าที่ฟังอีกฝ่ายเรียกตัวเองเมื่อกี้ แสดงว่าคงจะเป็นรุ่นพี่ชั้นโตถึงได้มั่นใจว่าตัวเองเป็นพี่ แต่ว่าก็ไม่แน่อีก เพราะบางทีผมก็โดนเด็กรุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องนึกว่าผมอายุน้อยกว่าอยู่บ่อยๆ
“ขอโทษที เจ็บมากเลยเหรอ? เอ๊ะ...เราใช่คนที่โดนลูกบาสของพี่อัดใส่หน้าเมื่อเช้าหรือเปล่าน่ะ?”
“เอ๋?”
ผมเงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงอย่างประหลาดใจ แต่ว่ายังไม่ทันเงยขึ้นจนสุดก็ต้องตกใจที่อีกฝ่ายก้มลงมาจนสายตาอยู่ระดับเดียวกัน มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหน้าผากให้เบาๆจนผมต้องกะพริบตา
“ใช่จริงๆด้วย หน้าผากยังแดงอยู่เลย ขอโทษนะ ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”
ผมมองสายตาที่จ้องหน้าตัวเองในระยะใกล้ แล้วในหัวก็เกิดตื้อคิดคำตอบไม่ออกจนได้แต่ส่ายหน้า จู่ๆก็รู้สึกว่าผิวแก้มร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย รุ่นพี่คนนั้นเลยยิ้มแล้วก็ยืดตัวขึ้นยืนตรงเหมือนเดิม ผมเลยแหงนหน้าตามจนคอแทบตั้งบ่า หวา...ตัวใหญ่ชะมัด ผมยังสูงไม่ถึงไหล่พี่เขาเลย
“เวลาพวกพี่ซ้อมกันทีไรก็เล่นกันเต็มที่ทุกทีน่ะ แต่ปกติเช้าๆไม่ค่อยมีใครเข้าไปในโรงยิมกันหรอกนอกจากนักกีฬาที่ไปซ้อม คราวหลังถ้าเราจะเข้าไปอีกก็ระวังอย่าเข้าใกล้สนามมากนักก็แล้วกัน”
“เอ่อ ครับ”
ผมตอบรับเสียงเบา ความรู้สึกเจ็บตรงสีข้างหายไปแล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะมากกว่า ความที่สายตาผมอยู่ตรงระดับหน้าอกของพี่เขาพอดี ผมเลยได้อ่านชื่อที่ปักอยู่ตรงนั้นไปโดยปริยาย
อรรถพล เกียรติพิชานันท์… ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นชื่อนี้นะ?
“งั้นพี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”
พออีกฝ่ายเอ่ยปาก ผมเลยเหลือบตาขึ้นมองคนพูดอีกที ที่จริงคนที่บังประตูจนผมออกไปไม่ได้มันพี่เขาต่างหาก แต่ผมก็พยักหน้าให้แล้วก็เบี่ยงตัวให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปข้างใน แต่พอจะเดินออกก็ได้ยินเสียงพี่เขาเรียกไว้อีก
“เออนี่”
“หือ?”
ผมหันหน้ากลับไปหาคนเรียกด้วยสีหน้าสงสัย อีกฝ่ายเลยยิ้มให้แล้วก็ชี้ที่นาฬิกาข้อมือตัวเอง
“นี่หมดเวลาพักของพวก ม.ต้นแล้วนี่นา เราไม่รีบขึ้นไปเรียนจะดีเหรอ?”
ผมหมุนตัวแล้วก็เดินจ้ำออกมาทันที ผมใช่เด็ก ม.ต้นที่ไหนกันเล่า!

++------++


ที่เหลือ ทู บี คอนติ๊นิว ในหนังสือเน้อ   :z2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kunnyppk ที่ 16-03-2010 01:05:47
อยากอ่านแว้วววว
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 17-03-2010 19:33:17
 :serius2:ป้าอ่ะ มาลงยั่วให้อยากอ่าน  :sad4:เขาอยากได้หนังสือมากๆๆๆ เห็นแคนี้ก็น่าติดตามสุดๆๆ
น้องนะน่ารักอะไรอย่างนี้เนี่ย  อยากกรี๊ดให้บ้านแตก เมื่อไรจะได้อ่านซักที 
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 18-03-2010 00:44:24
แหงะ ป้าขา หลานๆรอหนังสือกันเงกแล้ว รอต่อไปอย่างใจจดจ่อ :z2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 18-03-2010 23:59:58
สปอยให้อยาก...................แล้วก็จากไป เง้อ
อยากอ่านต่อแร้วอ่าาา

รอหนังสือดีก่าา ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-03-2010 21:13:04
^
^
^
แหะๆ ป้าหนีมาเที่ยวบาหลีครบสามวันละ พรุ่งนี้จะได้กลับกทม.เสียที

อดทนรอกันอีกนี้ดนะคะ ถ้าไม่ได้หนังสือสิ้นเดือนนี้ก็ไม่เกินต้นเดือนเมษาชัวร์แหละ

แบบว่าครั้งนี้อยากเก็บรายละเอียดงานให้เยอะหน่อย ยังไงขอบคุณทุกคนที่ถามถึงนะค้า

 :L2:   :3123:    :L1:    :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 20-03-2010 23:04:32
แหมแหม ไปบาหลี ได้หนุ่มๆๆมาฟากฟะมั่งปะป้า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-03-2010 09:02:31
^
^
ผู้ชายอินโดหน้าตาดีเหรอ เอ่อออออออ สงสัยอันนี้แล้วแต่คนชอบนะ 5555
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: JoJo3 ที่ 22-03-2010 11:51:33
ยังสั่งจองทันมะฮะหมดเขตวันไหนนี่

อย่าบอกนะว่า
หมดเขตแล้ว

แงๆๆๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + ความคืบหน้าของหนังสือ p.51 ค่า (15/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-03-2010 17:56:36
^
^
ประกาศ ป้าเลื่อนหมดเขตวันจองไปถึงศุกร์ที่ 26 นะเจ้าคะ เพราะตอนนี้ต้นฉบับยังไม่เรียบร้อยเลย
แต่คาดว่าน่าจะได้ส่งโรงพิมพ์ราวสุดสัปดาห์นี้ และคงต้องพิมพ์ลำนำรักสีรุ้งเพิ่มด้วย เพราะยอดจองเข้ามาเกินกว่าสต๊อกที่เหลือ
สำหรับคนที่จองทั้งสองเรื่องพร้อมกันก็ไม่ต้องห่วงค่ะ รับรองได้หนังสือพร้อมกันแน่นอน
ยังไงขอโทษหลายๆในความล่าช้า และขอบคุณอีกครั้งสำหรับคนที่จองเข้ามาค่า   :call: 
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: knew ที่ 22-03-2010 23:06:31
จอง 2 เล่มคับ

พรุ่งนี้เดี๋ยวโอนตังให้น่ะคับ

590 บาท ใช่ไหมคับ

เดี๋ยวส่งเมล์แจ้งรายละเอียดการโอนให้นะคับ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-03-2010 09:11:52
^
^
ถ้าเอาทั้งสองเรื่อง ก็ 590 บาทค่ะ แต่ถ้าหมายถึง เอา"เมื่อหัวใจเราใกล้กัน" 2 เล่ม จะ 660 บาทนะคะ
พอดีอ่านว่า "2 เล่ม" เลยต้องบอกให้ชัวร์ก่อน ถ้าเกิดโอนต่างธนาคารจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสองรอบเน้อ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 24-03-2010 09:09:32
ป้าค่ะ ถามหน่อยนะค่ว่าป้าจะเริ่มส่งหนังสือประมาณไหน คือเดี๋ยวจะกลับหอแล้วอ่ะจะต้องเปลี่ยนที่อยู่ที่ให้ส่ง
นะค่ะ กลัวไม่ทันได้รับ มาบอกด้วยนะค่ะ ไงถ้าไม่ทันเขาจะได้เมลล์ไปบอกที่อยู่ที่จะให้ส่งใหม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-03-2010 09:28:47
^
^
คาดว่าราววันจันทร์ที่ 5 ไปน่าจะทยอยได้รับกันบ้างแล้วนะคะ หรือก็คือในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเมษา
ถ้ากลับหอช่วงนั้นก็อีเมล์หรือพีเอ็มบอกที่อยู่ใหม่มาก็ได้ แต่บอกด้วยน้าว่าอันไหนที่อยู่เดิม ป้าจะได้ไปแก้ให้ถูกค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Nabee ที่ 24-03-2010 13:48:28
เพิ่งอ่านทั้งสองเรื่องจบฮับป๋ม
ความจริงแล้วอยากเม้นท์ให้ยาวกว่านี้นะฮะ
แต่ตอนนี้ยังไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง...เด่วขอเวลาไปเคลียร์ตัวเองแปบนึงก่อนนะฮะ
แล้วจะกลับมาดิทเม้นท์ให้ใหม่...แต่ก่อนไปอยากจะบอกว่า..รักทั้งสองเรื่องนี้จังเลยฮับ
อ่านครั้งแรกแล้วรู้สึกว่า...เรื่องนี้น่ารักมาก...และทุกตัวละครทำเค้าเพ้อไปเลยทีเดียว...อ๊ายยยยยยยยยยย
ขอจรลีจากลาก่อนดีกว่านะฮะ...เด่วจะยาวจนไม่ได้ทำอะไร...อิอิ ^^'
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: knew ที่ 24-03-2010 21:56:44
จองเมื่อใจเราใกล้กัน กะ ลำนำรักสีรุ้ง อย่างละ 1เล่มครับ

โอนเงินและส่งเมล์แจ้งรายละเอียดไปแล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-03-2010 09:52:28
^
^
ตอบเมล์แล้วค่า

อัพเดทนิดสำหรับคนอื่นๆ ต้นฉบับจะเข้าปิ้ง เอ๊ย เข้าโรงพิมพ์ศุกร์นี้แล้วค่ะ
อาทิตย์หน้าก็น่าจะเสร็จและเริ่มส่งได้แล้ว เดี๋ยวส่งแล้วจะมาประกาศอีกที

แอบกระซิบว่าใครคิดถึงเป้วิว เดี๋ยวจะได้อ่านตอนพิเศษคู่นี้ในรวมเล่มของอ๊อฟนะด้วยค่า   :o8:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 27-03-2010 09:48:50
คุณ bellbomb คะ
เอาตอนพิเศษของเป้วิว ที่เคยส่งรหัสมาให้ รวมลงในเล่มน้องอ๊อฟด้วยได้ป๊ะคะ
อยากเปิดอ่านอ่า อยากอ่านแบบเปิดกระดาษ  :z3:
ขอมากไปมะตรู  :m32:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-03-2010 11:31:54
คุณ bellbomb คะ
เอาตอนพิเศษของเป้วิว ที่เคยส่งรหัสมาให้ รวมลงในเล่มน้องอ๊อฟด้วยได้ป๊ะคะ
อยากเปิดอ่านอ่า อยากอ่านแบบเปิดกระดาษ  :z3:
ขอมากไปมะตรู  :m32:

งืมมม ต้องขอโทษด้วยที่ต้นฉบับที่ส่งไปแล้วมันจะไม่มีตอนนี้รวมอยู่ด้วยน่ะค่ะ
เดี๋ยวขอดูว่าจะทำอะไรให้ได้นะ ^.^"
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 27-03-2010 12:43:50
ขอจองหนังสือด้วยค่า
สำนำ 1 เล่ม เมื่อหัวใจ 1เล่ม รวม590 บาทใช่มั๊ยคะ
ราคานี้รวมค่าส่งรึยังคะ เราอยู่ต่างจังหวัดนะ
รบกวน pm หมายเลขบัญชีมาให้ด้วยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน พรีวิวตอนพิเศษ + เลื่อนหมดเขตจองหนังสือถึง 26 มีนาจ้า (22/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-03-2010 19:36:33
ราคานี้รวมค่าส่งลงทะเบียนทั่วประเทศแล้วค่ะ เดี๋ยวพีเอ็มรายละเอียดให้นะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-03-2010 20:12:55
ต้องขอโทษในสปีดแสนต่ำของป้านะคะ แต่ว่าหลังจากเริ่มเปิดจองหนังสือมาหนึ่งเดือน วันนี้ก็ได้ฤกษ์คลอดออกจากโรงพิมพ์แล้วล่ะ ฮูเร่!!!  :mc4:  :mc4:

สาเหตุที่ช้า คือระหว่างจัดหน้าป้าจะชอบอ่านทวนและรีไรท์ไปด้วย รายละเอียดบางอย่างจึงโดนปรับใหม่ให้สมเหตุสมผลขึ้น ส่วนระหว่างที่ปั่นตอนพิเศษนี่ก็มรสุมงานท่วมหัว+ตะแล้ดแต๊ดแต๋ไป ตปท.อีก มันก็เลยใช้เวลาไปเยอะ แต่ก็หวังว่าครั้งนี้คงมีข้อผิดพลาดเรื่องตัวสะกดน้อยกว่าเรื่องแรก วันนี้ก็เริ่มๆทยอยส่งหนังสือไปบางส่วน และในวันอาทิตย์จะพยายามจัดการให้หมด ดังนั้นในสัปดาห์หน้าก็น่าจะได้หนังสือกันครบทุกคนแล้วล่ะค่ะ

หลังจากนี้ ใครยังสนใจจะซื้อก็ไปอุดหนุนได้ที่ร้านบนชั้น 7 มาบุญครอง หรือจะติดต่อป้ามาก็ได้เพราะยังเหลืออยู่นิดหน่อย ยังไงก็ขอบคุณมากสำหรับทุกแรงสนับสนุนนะคะ ถือเป็นการเดินทางที่ยาวนานทีเดียวสำหรับนิยายสองเรื่องนี้ ก็หวังว่าคนที่ได้ครอบครองจะภูมิใจและชอบตอนพิเศษที่เขียนเพิ่มให้นะ   o13

ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่า ~  :pig4:   :L1:   :man1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 30-03-2010 22:59:32
งั้นเราก็ลัลลารอหนังสือได้แล้วสิ  :really2:
อยากได้ไวๆจังเลย   :กอด1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-03-2010 11:11:30
^_______________________^

เข้ามายิ้มกว้างๆรายงานว่าได้รับหนังสือแล้วค่ะ ดีใจจังเลย :กอด1:


แกะห่อแล้วแอบเสียใจนิดนึงเพราะมุมเล่มเมื่อหัวใจเราใกล้กันเป็นรอยพับอยู่เยอะ ไปรษณีย์ไทยใจร้ายยยยยย
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-03-2010 18:22:20
^
^

อ๊า ทำไมพี่ไปรษณีย์ทำงี้ อุตส่าห์ห่อกันกระแทกแล้วนะ T___T

ยังไงเอาใส่ปกพลาสติกแล้วกันนะคะ เผื่อว่าจะช่วยรักษาสภาพไม่ให้ยับไปอีกค่ะ แล้วก็ขอโทษแทนพี่ไปรษณีย์ด้วยค่ะ ฮือออ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 31-03-2010 20:10:10
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ

ขอบคุณมากนะค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Princea ที่ 01-04-2010 01:56:10
มาบอกว่าได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วครับ
ชอบปกอ่ะ...สวยมากๆเลยครับ o13
ขอแว่บไปอ่านต่อก่อนนะครับ...อิอิ
ขอบคุณคร้าบ... :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: gneuhp ที่ 01-04-2010 22:59:24
ได้รับหนังสือแล้วค่าา
ปกสวยค่ะ ชอบๆๆๆ
ไปอ่านต่อดีก่าา ฮิฮิ

ปล. penguinน้อยสีน้ำเงิน น่ารักจังเลยอ่าา  :-[

ขอบคุณมากๆๆค่าา  :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 02-04-2010 10:48:32
 :o12: พี่ยังไม่ได้หนังสือเลยอ่า เพื่อนที่อยู่อำเภอเดียวกันได้ไปแล้ว บีบีลืมรึเปล่าจ๊ะ
หรือไปตกค้างที่ไปรษณีย์จะได้ตามไปจิก :m16:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-04-2010 20:03:55
^
^
ไม่ได้ลืมของพี่ฟางนะคะ แต่มันอยู่ในล็อตที่คงไปถึงวันจันทร์น่ะค่ะ (ขอโต้ดก๊าบบบบ)
พอดีสองวันที่ผ่านมาไปตจว.มาแล้วไม่มีใครช่วยแพ็คส่งให้เลย แต่เดี๋ยวในวันพรุ่งนี้จะส่งส่วนที่เหลือให้ครบล่ะค่า
รอนี้ดนึงน้าาาาาาาาาาา  :z3:   :z3:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 02-04-2010 23:27:49
รับแซ่บค่ะบีบี บ่นไปแล้วสบายใจ
ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะอิจฉาเพื่อนที่ได้ก่อน แอร๊ยยยย อยากได้มั่ง  :laugh:
จะนั่งรอนอนรอเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 03-04-2010 00:30:58
รอด้วยใจจดจ่อค่ะ
รบกวนคุณบีบีช่วยแจ้งเลขพัสดุด้วยนะคะ
คือมันต้องไปตามที่พัสดุกลางอ่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: martedi ที่ 03-04-2010 10:43:15

ได้รับหนังสือแล้วนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เริ่มส่งหนังสือแล้วเน้อ p.52 (30/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-04-2010 14:11:41
ป้าบีบีมารายงานตัว หลังจากฝ่าเปลวแดดไปไปรษณีย์มา ว่าวันนี้ส่งหนังสือที่เหลือออกหมดแล้วเด้อค่า วี้ฮิ้ววววววว  :mc4:

ล็อตแรกที่เคยส่งออกไปก่อนแล้วจะเป็นของคนที่สั่งสองเรื่องพร้อมกัน หรือว่าสั่งเมื่อหัวใจเราใกล้กันสองเล่ม ส่วนที่ส่งออกไปวันนี้คือออร์เดอร์เล่มเดียว รหัสพัสดุถูกส่งไปทางอีเมล์ให้ทุกคนแล้ว สักวันจันทร์บ่ายๆถ้ายังไม่ได้หนังสือก็ลองเช็คกับลิ้งค์พี่ไปรษณีย์ได้นะคะ (สาธุ หวังว่าคราวนี้จะไม่มีใครโดนทำปกยับอีกนะ)

ส่วนใครที่รู้ตัวว่าสั่งสองเรื่อง/เล่มไว้แล้ววันนี้ยังไม่ได้หนังสืออีก ลองเมล์มาถามป้านะคะ จะได้ตามให้ค่ะ ส่วนใครได้หนังสือไปแล้ว อ่านแล้วเป็นไงมั่ง แวะมาเล่าให้ฟังกันบ้างเน้อ หุหุหุ  :really2:

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 05-04-2010 13:45:50
ได้รับหนังสือแล้วค่ะวันนี้เอง(หลังจากโวยวายไปทำไมไม่รู้555+)
 ปกสวยน่ารักเล่มหนาสะใจมากค่ะ   :m1:
ขอบคุณนะคะบีบี :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-04-2010 14:29:12
^
^
ไม่เป็นไรมิได้ค่ะ ขอให้พี่ฟางอ่านตอนพิเศษให้สนุกเน้อ คริคริ (เขินไรหว่า)   :-[
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 05-04-2010 19:58:43
วันนี้ได้รับหนังสือเรียบร้อยแล้วค่ะ
เล่มหนา อ่านกันจุใจเลยทีเดียว ชอบๆ
ขอบคุณมากนะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cipher ที่ 05-04-2010 23:25:02
วันนี้ได้รับหนังสือแล้ว :mc4:
หลังจากรอมาตั้งหลายวัน
ขอบคุณน๊า :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-04-2010 09:32:49
ด้วยความยินดีค่า ^^
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetener ที่ 06-04-2010 09:40:13
ได้หนังสือตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ
ขอบคุณนะคะ
เพนกวินน่ารัก
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-04-2010 12:04:42
ได้หนังสือตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ
ขอบคุณนะคะ
เพนกวินน่ารัก

ยินดีด้วยที่ได้น้องเพนกวินค่า ถือเป็นหนึ่งในผู้โชคดีจำนวนน้อยเลยนะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 06-04-2010 22:54:51
เอิ่มจะมาแจ้งว่าอ่านตอนพิเศษไปก่อนแล้วเป็นเยี่ยงนี้  :give2: หวานมาก
แล้วตามด้วย  :jul1:

 :jul3: น่ารักมากเลยค่ะขอบคุณบีบีที่เขียนนิยายน่ารักๆให้อ่านค่ะ
ปล.พี่ก็ได้น้องเพนกวินด้วยล่ะ :m12:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: knew ที่ 07-04-2010 01:43:18
ได้รับหนังสอแล้วคร๊าบบบบบบบบบบ

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-04-2010 08:10:09
พี่ฟาง อู้วว์ ยินดีด้วยที่เป็นหนึ่งในผู้โชคดีค่ะ ว่าแต่ทำไมอ่านแล้ว  :jul1: ล่ะ เค้าไม่ได้ตั้งใจเขียนให้  :jul1: เลยนะ เอิ๊กๆ  (จะโดนโดดถีบไหมเนี่ย) ถ้าชอบตอนพิเศษก็ดีใจค่า :z1:

คุณ knew  ขอให้เอ็นจอยกับนิยายนะค้า อ่านจบแล้วอยากเม้นต์ก็มาเม้นต์ได้นะ อิอิ  o13  :-[
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 07-04-2010 10:25:47
ได้หนังสือ ได้เพนกวินน้อยด้วยค่ะ อ่านจบไปรอบหนึ่งแล้ว น่ารักมากๆๆ น้องนะอ่ะน่ารักน่าแกล้งถึงได้โดนแกล้งตลอดเลย
ยิ่งตอนพิเศษตอนท้ายที่แต่ละคนเป็นคนเล่าอ่ะ อ่านไป :jul1: เป้วิวก็ :o8: อ๊อฟนะก็ :-[ อ่านจนเขินไปข้างหนึ่งเลยอ่ะ
โอ๊ยอยากกรี๊ดๆๆ  หนังสือป้าไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย ขอบคุณป้ามากๆๆ  แล้วก็จะติดตามเรื่องต่อไปนะค่ะ ป้าสู้ๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-04-2010 21:26:09
^
^
ยินดีด้วยกับผู้ถูกหวย เอ๊ย! ผู้โชคดีได้น้องเพนกวินอีกหนึ่งท่านจ้า หวังว่าตอนพิเศษคงไม่ทำเขินจนไม่อ่านอีกหลายๆรอบน้า

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า ^________^
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 07-04-2010 21:55:22
ตอนนี้ยังไม่หายบ้าอ่านหนังสือทั้งสองเล่มเลย อ่านไปเล่มละ 2 จบแล้วค่ะ
กะจะอ่านให้จำได้ทุกตัวอักษรเลย อ่านแล้วมีความสุข ต้องรีบตักตวง
(เพราะตอนนี้บ้านเมืองเรายิ่งหาความสุขไม่ค่อยจะได้เนอะ)
ต้องขอขอบคุณสำหรับความสุขทางใจและทางอารมณ์ที่คุณ bb กรุณา
สร้างขึ้นมาให้ในช่วงนี้ ........... :pig4:..........
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 08-04-2010 00:47:41
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ
แต่สันหนังสือเมื่อหัวใจเราใกล้กันมันเป็นรอยยับๆอะไรไม่รู้ค่ะ :sad4:

วันก่อนไปไปรษณีย์ แอบเห็นเค้าโยนและลากถุงใส่ของรุนแรงมาก ไม่สงสัยเล๊ยย  :o12:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-04-2010 11:57:37
DEMON3132  ด้วยความยินดีค่ะ มีความสุขที่สุดเวลาคนอ่านบอกว่าอ่านมากกว่าหนึ่งรอบนี่ล่ะ ถ้าช่วยให้ลืมเรื่องร้อนๆของบ้านเราตอนนี้ไปได้บ้างก็ดีใจค่ะ ^^
 
chaoyui  อันนี้เห็นหลายคนบอกเหมือนกันเลยลองหยิบของตัวเองมาดู คือถ้ามันไม่ถึงกับยับเป็นรอยเห็นชัดเจน คาดว่าที่ย่นนิดหน่อยนั่นเป็นเพราะความหนา พอเข้าเล่มไสกาวแล้วก็เลยเกิดรอยนั้นน่ะค่ะ (เหมือนนูนขึ้นมาในแนวขวางงั้นป่าว?) แต่ที่ไปรษณีย์พนักงานเค้าต้องรีบคัดของ เพราะงั้นก็เลยไม่ค่อยสนใจแต่ละซองหรอกค่ะว่ามีอะไรบ้าง T_T ก็คงต้องระวังไม่ให้ยับมากขึ้นด้วยการใส่ปกพลาสติกล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 09-04-2010 11:47:34
เข้ามาแจ้งว่าได้รับหนังสือแล้วค่า แต่ยังไม่ได้เปิดเช็คความเรียบร้อย

ปล. น้องเพนกวินน่ารักดีจ้่า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-04-2010 21:30:19
^
^
ขอให้หนังสือไม่มีปัญหานะคะ และยินดีด้วยสำหรับเพนกวินค่า
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: eddiam ที่ 11-04-2010 20:13:04
ได้หนังสือแล้วนะค๊ะ 

ได้เจ้าเพนกวินด้วยละ อ๊าย!! :-[   ขอบคุณนะค๊ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-04-2010 20:52:30
^
^
ฝากดูแลน้องเพนกวินด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 17-04-2010 00:28:01
รีบนจ๋า เช็คพีเอ็มด้วยน้า  :กอด1:

หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-04-2010 09:58:36
^
^
รับแซบค่า  o13
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 02-06-2010 09:41:09
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกก น่ารักมากมายก่ายกอง
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 26-06-2010 10:33:47
น่ารักทั้งสองคู่เลย อ่านแล้วชอบมากกกกก ขอบคุณนะคะที่แต่งให้อ่าน
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-06-2010 16:05:50
น่ารักทั้งสองคู่เลย อ่านแล้วชอบมากกกกก ขอบคุณนะคะที่แต่งให้อ่าน

ดีใจที่ชอบค่า ^^
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: InKMoNsTeR ที่ 27-06-2010 18:57:27
น้องนะ น่ารักมากเลยครับ
ตอนรู้ว่าชื่อจริงชื่อมานะ...ผมแอบเอ๋อไปชั่วขณะ
"ชื่อแมนมากกกก"

แต่นายอ๊อฟเท่ห์แบบ sunshine ดีนะครับ คนละลุคกับนายเป้เลย

รออุดหนุนเรื่องต่อๆไปครับ

ปล*ผมซื้อหนังสืออ่านนะครับ ไม่ได้อ่านในบอร์ด ^^
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-06-2010 21:59:07
น้องนะ น่ารักมากเลยครับ
ตอนรู้ว่าชื่อจริงชื่อมานะ...ผมแอบเอ๋อไปชั่วขณะ
"ชื่อแมนมากกกก"

แต่นายอ๊อฟเท่ห์แบบ sunshine ดีนะครับ คนละลุคกับนายเป้เลย

รออุดหนุนเรื่องต่อๆไปครับ

ปล*ผมซื้อหนังสืออ่านนะครับ ไม่ได้อ่านในบอร์ด ^^

ยินดีที่ได้รู้จักค่า~ ชื่อของน้องนะนี่...ต้องไปโทษป๊ะป๋าที่ตั้งให้แบบนี้ตั้งแต่เกิด แต่ฟังแล้วแมนสมใจคนเขียนมั่กๆ  :laugh:
ส่วนอ๊อฟนี่ก็ลูกทุ่งได้อีกเช่นกัน (แต่ไม่รักก็ไม่เขียนหรอกน้าอ๊อฟน้า) ส่วนจะอ่านจากในบอร์ดหรือแบบรวมเล่มก็ดีใจทั้งนั้นค่ะ ยังไงก็ติดตามเรื่องต่อไปกันด้วยนะคะ กำลังพยายามปั่นอยู่ อย่างเร็วก็คงได้เจอกันปีนี้ อย่างช้าก็ปีหน้าล่ะค่ะ แหะๆๆ

~ขอบคุณอีกครั้งค่า~  :3123: 
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: angelzlover ที่ 28-06-2010 02:41:43
cute + nice + calm
super!!!!
CU!!!
 :n1: :n1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: taem2love ที่ 02-07-2010 03:00:16
มันน่า........มันน่า.........มันน่า......รักมากมายอ่ะ :m3:

อร้ายส์.....หว้าน......หวาน ทั้งสองคู่เลยค่ะ :m1:

เจ้หลงรักเรื่องนี้ไปเต็มๆ :c3:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 10-08-2010 19:53:13
เรื่องน่ารักมากๆเลยค่ะ : ))
เสียดายที่เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่าน >.<
น่ารักมากๆทั้งสองคู่เลย แต่เป็นคนละแบบ
ส่วนตัวเราชอบเป้กับวิวมากกกก ไม่รู้ทำไม 55+
แต่รู้สึกว่าวิวน่ารักมากๆเวลาอยู่กับเป้
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเพลินแล้วก็ประทับใจมากๆเลย
ตอนน่ารักก็หวานมาก ตอนที่ซึ้งนี่ก็น้ำตาซึมเลย
จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ ^^v
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-08-2010 13:34:33
ขอบคุณคุณ angelzlover, คุณ  taem2love แล้วก็คุณ bluebird ด้วยค่ะ (สองคนแรก ขอบคุณช้าไปอย่าว่ากันเน้อ แหะๆ)

 :L1:   :L1:   :L1:
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 17-08-2010 03:31:05
+1 ให้คนเขียนค่ะ

เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่านเรื่องนี้ .....
สุดยอดจริงๆค่ะ
ชอบเรื่องของเป้กับวิวมากกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบนิสัยวิว โดยส่วนตัวแล้ว เข้าใจเลยล่ะว่าทำไมเป้รักได้ขนาดนี้
วิวนิสัยน่ารักมากจริงๆ ไม่วีนไม่อะไรเลย ดูแบบ..
รู้สึกว่า สอง คนนี้รักกัน จนเกินกว่าจะใส่ใจกับอะไรเล็กๆน้อยๆ ประมาณนั้น
อ่านแล้วรู้สึกอิจฉากับความรักของทั้งสองคนมาค่ะ

คู่พี่อ๊อฟ กับน้องนะ ก็น่ารักกกกกก
ถ้าคู่วิวเป็นคู่ที่ดููผู้ใหญ๊ผู้ใหญ่ คู่นี้กูดูเหมือนว่า อ๊อฟจะค้องดูแลเด็ก สินะ
ฮ่าๆๆ  น่ารักดีค่ะ  น้องนะ น่ารักแบบพองาม  ชอบ!!

อีกคู่ที่ชอบมาก (หัวเราะ) คือ เป้ อ๊อฟ ค่ะ
สองคนนี้แบบ เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากกกกกกก
ทั้งๆที่อ๊อฟเหมือนจะพูดว่าสนิทแต่เข้าไม่ถึง (อะไรประมาณนั้นมั้ย?)
แต่ก็ให้ความรู้สึกว่า สนิทจริงๆ ไม่ใช่ผิวเผิน
สนิทแบบเว้นสเปซ ให้แต่ละคนได้มีโลกส่วนตัว
มันเป็นอารมณ์เพื่อนที่ อ่านแล้วให้ความรู้สึกดี อ่านแล้วยิ้มทุกครั้ง
รู้สึกได้ว่า การมีเพื่อนแบบนี้เนี่ย  ช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ
อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ ... ชอบจังเลย ถ่ายทอดได้ดี
(พอดีว่าเป็น คนเซ้นซิทีฟ เรื่องเพื่อนมากๆ)

ขอกอดเรื่องนี้แรงๆนะคะ
><
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-08-2010 21:43:42
+1 ให้คนเขียนค่ะ

เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่านเรื่องนี้ .....
สุดยอดจริงๆค่ะ
ชอบเรื่องของเป้กับวิวมากกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบนิสัยวิว โดยส่วนตัวแล้ว เข้าใจเลยล่ะว่าทำไมเป้รักได้ขนาดนี้
วิวนิสัยน่ารักมากจริงๆ ไม่วีนไม่อะไรเลย ดูแบบ..
รู้สึกว่า สอง คนนี้รักกัน จนเกินกว่าจะใส่ใจกับอะไรเล็กๆน้อยๆ ประมาณนั้น
อ่านแล้วรู้สึกอิจฉากับความรักของทั้งสองคนมาค่ะ

คู่พี่อ๊อฟ กับน้องนะ ก็น่ารักกกกกก
ถ้าคู่วิวเป็นคู่ที่ดููผู้ใหญ๊ผู้ใหญ่ คู่นี้กูดูเหมือนว่า อ๊อฟจะค้องดูแลเด็ก สินะ
ฮ่าๆๆ  น่ารักดีค่ะ  น้องนะ น่ารักแบบพองาม  ชอบ!!

อีกคู่ที่ชอบมาก (หัวเราะ) คือ เป้ อ๊อฟ ค่ะ
สองคนนี้แบบ เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากกกกกกก
ทั้งๆที่อ๊อฟเหมือนจะพูดว่าสนิทแต่เข้าไม่ถึง (อะไรประมาณนั้นมั้ย?)
แต่ก็ให้ความรู้สึกว่า สนิทจริงๆ ไม่ใช่ผิวเผิน
สนิทแบบเว้นสเปซ ให้แต่ละคนได้มีโลกส่วนตัว
มันเป็นอารมณ์เพื่อนที่ อ่านแล้วให้ความรู้สึกดี อ่านแล้วยิ้มทุกครั้ง
รู้สึกได้ว่า การมีเพื่อนแบบนี้เนี่ย  ช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ
อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ ... ชอบจังเลย ถ่ายทอดได้ดี
(พอดีว่าเป็น คนเซ้นซิทีฟ เรื่องเพื่อนมากๆ)

ขอกอดเรื่องนี้แรงๆนะคะ
><

คุณ A-J.seiya* ด้วยความยินดีค่ะ ^^ ปลื้มมากๆที่จับเมสเสจของเราได้ว่าทำไมแต่ละคู่ ทั้งเป้-วิว และอ๊อฟ-นะถึงถูกเขียนออกมาแบบนี้

ส่วนเรื่องมิตรภาพระหว่างเป้กับอ๊อฟก็เป็นประเด็นที่ไม่ได้นำเสนอตรงๆ แต่ความจริงแล้วเป็นหนึ่งในธีมสำคัญเหมือนกัน เพราะอยากนำเสนอชีวิตในรั้วมหาลัยตามจริงว่านอกจากเรื่องรักแล้วย่อมมีเรื่องเพื่อนด้วย ถ้าสิ่งที่เราถ่ายทอดออกไปนั้นมีคนอ่านสังเกตเห็นก็ดีใจค่ะ

(เพิ่งมาสังเกตตัวเองว่าเวลาตอบคอมเม้นต์จะใช้คำว่าดีใจบ่อยมาก แต่มันดีใจจริงๆนิ ไม่รู้จะเอาคำไหนมาใช้แทนอะ T.T)

ขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้นต์น่ารักๆนะคะ มีกำลังใจจะเขียนเรื่องอื่นต่อไปละค่ะ :)
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 27-08-2010 00:09:54
อ่านรอบ 2 แล้ว แต่ไม่ได้เม้นตอนอ่านรอบแรก เพราะไม่ค่อยชอบเม้นเท่าไหร่ แต่ก็ขอบคุณคนเขียน กับความรู้สึกดี ๆ ที่อ่านกี่ครั้งก็สุขใจเสมอ  คิดถึง เป้+วิว มาก ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ส่งหนังสือครบแล้วค่ะ p.35 (3/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-08-2010 13:51:48
คุณ ppmayuree ขอบคุณมากค่ะ ^^
 
ปล. ฉบับรวมเล่มยังมีให้อุดหนุนได้ทั้งสองเรื่องเน้อ อิอิ  :really2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-09-2010 21:49:30
นิยายก็จบไปแล้ว แต่ป้าไปคุ้ยกองสมบัติเก่าเจอของบางอย่าง เลยเอามาแชร์ค่ะ (ทำเหมือนว่าง)  :laugh:

สืบเนื่องจากวันนี้ อิป้าไปนั่งรื้อกองเอกสารตรงมุมห้องเพื่อหาของอย่างหนึ่ง (ประหนึ่งมุมอาถรรพ์ มีอะไรก็โยนไปกองๆไว้จนฝุ่นเกาะ) ทำให้เจอสมุดจดพล็อตนิยายเก๋ากึ้กของตัวเอง ทีนี้ก็เลยลืมของที่หาชั่วคราว นั่งปุลงกลางกองฝุ่นแล้วพลิกอ่านพล็อตนิยายที่ได้เขียนมั่ง ดองมั่งด้วยความคิดถึงประสาคนเริ่มมีอายุ (ก๊ากกกก)

พลิกไปพลิกมา ก็ไปป๊ะรูปที่สเก็ตช์พระ-นายนิยายตัวเองไว้ตั้งแต่น้านนานมากแล้ว ก็คือเป้ & วิวจากลำนำรักสีรุ้งนั่นเอง จำไม่ได้แล้วล่ะว่าตอนนั้นวาดด้วยอารมณ์ไหน แต่คงประมาณอยากเห็นตัวละครเราว่าจะหน้าตาเป็นยังไงล่ะมั้ง ความจริงลืมรูปนี้ไปสนิทเลยด้วยซ้ำตอนที่ทำปกลำนำรักสีรุ้ง แต่สงสัยอิมเมจฝังหัว เลยออกมาดูแล้วคล้ายๆบนปกนิยายเหมือนกัน ใครที่เคยบอกเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้าทั้งคู่บนปกจริง ก็คงให้อารมณ์ประมาณนี้...ล่ะมั้ง? (หรือใครเห็นแล้วอาจอยากถามว่า...อิป้าฝีมือแค่นี้ยังกล้าอวดอีก? -_-")

(http://farm5.static.flickr.com/4150/4951410908_86d0ed864c.jpg)

นอกจากรูปนี้ก็มีอีกรูปที่วาดไว้ก่อนสมัยเริ่มเขียนนิยายอีก ใช้โคพิควาดบนกระดาษ แต่ดูไปดูมาก็ให้อารมณ์เป้-วิวอีกแระ เลยเอามาแปะให้ดูอีกสักรูปละกัน กันคนอ่านลืมคู่นี้ กรั่กๆๆ

(http://farm5.static.flickr.com/4092/4951489988_f9bba7ea09.jpg)

จะว่าไป ตั้งแต่เริ่มเขียนนิยายป้าก็แทบไม่ได้วาดอะไรอีกเลยล่ะค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าให้วาดอีกตอนนี้จะออกมาดูรู้เรื่องได้แบบนี้หรือเปล่า ยังไงติชมกันได้ตามอัธยาศัย และขอบคุณที่แวะเข้ามาชมกันค่ะ (ได้ข่าวว่าไม่เกี่ยวกับนิยายนิ อิป้านี่ก็ เอ๊อ)  :call:


หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-09-2010 22:15:28
ไม่ลืมหรอกค่ะ นุ่นปลื้มเป้วิวที่สุดแล้ว มากมายๆ
อยากจะมีความรักแบบคนคู่นี้ :m1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 02-09-2010 22:43:09
ว้าว ป้าเอารูปเป้ วิว มาให้ดูเห็นแล้วก็แบบน่ารักมาก
รอป้าอัพไผ่ ต้นอยู่นะค่ะ แล้วอยากอ่านเป้วิวด้วยขอภาคสองได้ไม
ไงก็ติดตามอยู่นะค่ะ ป้าสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 03-09-2010 01:59:53
+1 จัดไปเลยป้าไม่ได้เข้ามาอ่านนานเจอ รูปแฟนอาร์ตรูปแรกจะเป็นลมชอบมากๆอะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 03-09-2010 19:20:58
+1 สำหรับรูปเป้+วิว น่ารักถูกใจและถูกอารมณ์จริง ๆ ค่ะ
ชอบและคิดถึงทั้งสองคู่ เป็นเรื่องที่น่ารัก และหยิบมาอ่านซ้ำ
มากที่สุด (วางหัวเตียงเลย มีมุมลับเฉพาะที่คนอื่้นห้ามแตะต้อง
และโยกย้าย) หยิบอ่านแต่ละทีก็ต้องทนุถนอมกลัวหนังสือช้ำ
ฉะนั้น ขอความกรุณารีบออกเรื่องใหม่หรือตอนใใหม่มาช่วย
เล่มเก่าคงจะดีไม่น้อย .....จะรอและเอาใจช่วย.... :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-09-2010 21:05:57
น้องนุ่น น้องmaio2000 และหนูนิว ขอบคุณค่า ^^

พี่หนู แหะๆ ตอนใหม่คงอีกสักพัก(ยาวๆ)เลยค่ะ ยังไงขอเข็นเรื่องที่ยังเขียนไม่จบระหว่างนี้ให้จบก่อนนะ ปลื้มใจที่ได้ยินว่าอ่านบ่อยจนหนังสือช้ำค่ะ อิอิ[/blue]
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-09-2010 23:03:01
ออกแนวการ์ตูฯญี่ปุ่นเลยค่ะป้า อิอิสวยดีวาดอีกก็ดีนะคะ ยังวาดได้อยู่อะป่าว  คิคิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 05-09-2010 19:38:50
ชอบเป้กับวิวจัง
จะมีตอนพิเศษออกมาอีกมั๊ยอ่ะ
 :o8:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ภาพแฟนอาร์ตเป้-วิว p.36 (2/9/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-09-2010 21:20:54
samsoon@doll ไม่รู้ตอนนี้ให้ป้าวาดยังจะไหวอยู่ป่าวนะ อยากลองวาดอ๊อฟกับน้องนะมั่งเหมือนกัน

nunamicky ถ้าตอนพิเศษ ล่าสุดก็มีแค่ตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวเชียงใหม่กัน (ให้พาสไปอ่านทางอีเมล์เฉพาะคนที่ซื้อหนังสือ) แต่นอกจากนั้นยังไม่มี ณ ตอนนี้ค่ะ (คนเขียนติดภารกิจต้องเคลียร์เรื่องอื่นก่อน ^^)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 03-10-2010 19:41:05
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
ชอบเลยไปหาซื้อหนังสือ
ตอนนี้ได้มาครอบครองแล้วค่ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-10-2010 08:17:35
ขอบคุณมากค่าคุณ n2
รบกวนเช็คพีเอ็มด้วยนะค้า ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-10-2010 15:34:09
ด้วยความคิดถึงพี่อ๊อฟกับน้องนะอย่างที่สุด (เว่อร์ไหม?) ป้าก็เลยเขียนตอนพิเศษออกมาค่ะ สำหรับใครที่สงสัยว่าทำไมของเรื่องนี้ถึงไม่ทำเป็นตอนโบนัสแล้วต้องเอาพาสเวิร์ดไปอ่านที่บล็อกเหมือนของเป้กับวิว เพราะว่าเนื้อหาที่ลงในเล่มกับในบอร์ดของอ๊อฟนะจะเกือบๆเท่ากัน แต่ของเป้วิว ในรวมเล่มมีตอนพิเศษและตัวละครอื่นเพิ่มขึ้นจากเวอร์ชันบอร์ดเยอะมาก ถ้าใครไม่ได้อ่านรวมเล่มมาก่อนก็รับรองว่าอ่านตอนโบนัสแล้วงงชัวร์ ก็เลยเป็นฉะนี้ละน้อ (ตัดความกันดื้อๆงี้ละ)

หวังว่าคงมีคนอ่านที่คิดถึงพี่อ๊อฟกับน้องนะเหมือนกันนะคะ  :really2:


++------++


เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษ: กับสิ่งที่มี


“นะครับ เลือกได้หรือยัง?”

ผมถามคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ผมไม่มีนัดกับลูกค้า หลังกินข้าวเช้ากันแล้วพวกเราก็เลยมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งตั้งแต่ห้างเปิด เพราะว่าเดี๋ยวบ่ายๆมีแผนจะไปที่อื่นกันต่ออีก

พ่อหนูน้อยตวัดสายตามองผม จากนั้นก็เหลือบกลับไปที่ชุดที่แขวนอยู่ในมือข้างละชุด รอยย่นบนหัวคิ้วกับริมฝีปากที่เม้มและยื่นขึ้นน้อยๆบอกให้รู้ว่ากำลังหนักใจกับตัวเลือกตรงหน้าอย่างยิ่ง

“สีแดงก็น่ารักดี แต่สีเทามีฮู้ดก็น่ารักดี...พี่อ๊อฟคิดว่าไง?”

นะเอ่ยแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาขอความเห็นจากผม พอเห็นท่าทางรักพี่เสียดายน้อง ผมเลยหัวเราะแล้วก็หยิบชุดทั้งสองชุดมาใส่ลงตะกร้าเสียเลย

“งั้นก็เอาทั้งคู่นั่นแหละ นี่เราก็ซื้อถุงเท้ากับหมวกแล้วก็ของเด็กอ่อนอีกหลายอย่างแล้วนะ พี่ว่าถ้าเราไปเยี่ยมทุกเดือนนี่มุ้ยกับพี่หล่งคงไม่ต้องช้อปปิ้งให้น้องพู่กันเองแล้วล่ะ”

พอผมเอ่ยแบบนั้น พ่อหนูน้อยเลยยิ้มแหยๆ เพราะว่าบ่ายวันนี้พวกเรากะว่าไปเยี่ยมมุ้ยกับพี่หล่งที่บ้านด้วยกัน ซึ่งนี่เป็นคล้ายๆการเยี่ยมประจำเดือนเพราะผมกับนะจะหาโอกาสว่างเดือนละครั้งไปเยี่ยมมุ้ยที่บ้านตั้งแต่เพื่อนผมคลอดลูกเมื่อห้าเดือนก่อน ลูกชายของทั้งสองคนได้รับการตั้งชื่อว่า ‘พู่กัน’ เพราะว่ามุ้ยชอบวาดรูป เมื่อตอนที่ผมกับนะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตอนมุ้ยเพิ่งคลอดใหม่ๆ ยายตัวดียังบอกว่าเสียดายที่ไม่ได้ฝาแฝด ไม่งั้นจะได้ตั้งชื่ออีกคนว่า ‘ผ้าใบ’ จะได้เข้าคู่กัน ดูความช่างครีเอทของเพื่อนผมเถอะ

พนักงานที่แคชเชียร์ยิ้มแย้มขณะรับตะกร้าที่อุดมด้วยของสำหรับเด็กอ่อนไปคิดเงิน โชคดีว่าผมมีคูปองของห้างอยู่จึงประหยัดเงินไปหลายบาท ซึ่งคูปองนี้เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณที่บริษัทของผมจัดสรรให้เซลส์ทุกคนสำหรับไว้ซื้อของไปฝากลูกค้าหรือพาลูกค้าไปกินเลี้ยง แต่เพราะทางบริษัทไม่เคยมาขอตรวจว่าเราใช้จ่ายคูปองพวกนี้อย่างไร ดังนั้นเซลส์ทุกคนก็จะเอาบางส่วนไปใช้สำหรับซื้อของให้ตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทก็ดูจะรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามหากว่าไม่ได้ใช้เยอะจนน่าเกลียด

หลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ผมก็เอาของไปฝากที่เคาน์เตอร์รับฝากของแล้วพานะไปทานมื้อกลางวันที่ฟู้ดคอร์ทกันก่อน เพราะไม่อยากไปรบกวนอาหารกลางวันที่บ้านเพื่อน เมื่ออิ่มแล้วก็ซื้อขนมกับผลไม้สำหรับไปฝากมุ้ยกับพี่หล่ง แล้วก็รวมไปถึงพ่อกับแม่ของพี่หล่งด้วย เพราะว่าหลังจากทั้งคู่แต่งงานแล้วก็ไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่พี่หล่งที่บ้านตรงชานเมือง ตอนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ๆ มุ้ยเคยมาบ่นให้ผมฟังว่าความจริงเจ้าหล่อนอยากไปเช่าบ้านหรือปลูกบ้านอยู่กันสองคนสามีภรรยามากกว่า แต่หลังจากที่ลูกชายคลอดออกมาแล้ว ตอนนี้ผมกลับได้ยินคุณเธอบอกว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้แยกออกไปอยู่กันเอง เพราะถ้าหากต้องเลี้ยงลูกคนเดียวระหว่างที่พี่หล่งออกไปทำงานโดยไม่ได้คุณปู่กับคุณย่าช่วยเลี้ยงเลย มีหวังเหนื่อยตายแน่ๆ

พวกเราสองคนออกจากห้างกันตอนเกือบๆบ่ายสอง จากนั้นก็ตรงไปบ้านของพี่หล่งที่อยู่ค่อนข้างจะนอกเมืองไปสักนิดทางฝั่งธน ระหว่างทางก็ผ่านหอเดิมของพวกเราแถวปิ่นเกล้าไปด้วย ผมเหลือบมองคนข้างตัวก็เห็นว่านะพยายามชะเง้อมองหาห้องเดิมของพวกเราระหว่างที่ผมขับรถขึ้นทางต่างระดับ

“ไม่รู้ตอนนี้ใครเช่าห้องต่อจากเรานะพี่อ๊อฟ แล้วไม่รู้อาม่าที่ดูแลหอยังแข็งแรงดีหรือเปล่า”

หลังจากผมขับรถมาไกลจนมองไม่เห็นหอเพราะถูกคอนโดและอพาร์ตเม้นต์ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่บดบังแล้ว นะก็หันมาพูดเปรยๆกับผม ผมจึงชำเลืองมองแล้วก็เอามือลูบหัวนะเบาๆ ไม่แปลกที่นะจะผูกพันกับหอนั้น เพราะว่าพวกเราก็อยู่ที่นั่นด้วยกันมาตั้งหลายปี มีความทรงจำร่วมกันมากมายก่อนที่จะย้ายมาอยู่คอนโดปัจจุบัน และสำหรับนะที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องราวเล็กๆน้อยๆแล้ว เจ้าตัวก็คงอดจะคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ได้ แถมนั่นยังเป็นการออกมาอยู่หอครั้งแรกของนะอีกด้วย ก็คงจะยิ่งผูกพันมากเป็นธรรมดา

“เดี๋ยวไว้วันไหนสักวันเราแวะเข้าไปดูก็แล้วกัน จะได้ซื้อขนมฝากอาม่าแกด้วย”

พอผมบอกแบบนั้น นะเลยยิ้มแล้วก็เอามือมาบีบนวดแขนผมอย่างเอาใจจนอดหัวเราะไม่ได้ นี่ขนาดเจ้าตัวอายุ 25 แล้วนะ แต่เวลาอ้อนผมทีไรนี่ทำให้ผมนึกว่านะยังอายุเท่าตอนที่เรียนปีหนึ่งทุกที

พอขึ้นทางต่างระดับมาได้สักพัก ผมก็หักเลี้ยวลงตรงทางแยกที่เชื่อมกับถนนตัดใหม่ซึ่งผ่านบ้านของพี่หล่ง ผมจำได้ว่าสมัยที่ผมยังเรียนอยู่ แถวนี้ยังดูเป็นบ้านนอกๆราวกับไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯอยู่เลย แต่ว่าตั้งแต่สายใต้ใหม่ย้ายออกมาจากที่เดิม และมีถนนตัดใหม่ก็ทำให้ชุมชนแถวนี้เจริญขึ้นมาก ตามสองข้างทางมีหมู่บ้านจัดสรรกับสวนอาหารมาเปิดกันแน่นไปหมด

ราวยี่สิบนาทีหลังลงจากทางต่างระดับ ผมก็เลี้ยวเข้าทางลัดที่เป็นทางเข้าด้านหลังของหมู่บ้านจัดสรรของพี่หล่งอย่างคุ้นเคย เนื่องจากหมู่บ้านนี้มีมานานก่อนที่จะมีถนนตัดใหม่เสียอีก บ้านเรือนในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีขนาดใหญ่มาก และทางเข้าก็ไม่ได้รับการสร้างให้หรูหราอลังการเหมือนพวกหมู่บ้านจัดสรรที่เพิ่งสร้างเสร็จ แต่ผมว่าแบบนี้กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นมากกว่า เพราะมันมีบรรยากาศของความเป็นชุมชนที่ผู้อาศัยไม่ได้ต่างคนต่างอยู่ในบ้านหลังใหญ่เบ้อเริ่มโดยไม่รู้ว่าคนข้างบ้านหน้าตาเป็นยังไง

ผมจอดรถที่ริมถนนใกล้กับรั้วบ้านสีแดงอันคุ้นตา จากนั้นพวกเราสองคนก็ช่วยกันขนข้าวของที่ซื้อมาฝากทั้งหลายลงจากรถ ความที่รั้วบ้านของมุ้ยไม่ได้สูงจนท่วมหัว และเจ้าตัวก็คงเห็นรถของผมตอนที่มองออกมาจากหน้าต่าง พวกเรายังไม่ทันต้องกดออดก็เห็นยายตัวดีเดินยิ้มแต้มาเปิดรั้วให้ ตอนนี้มุ้ยดูมีน้ำมีนวล แถมอวบขึ้นกว่าเดิมเยอะตั้งแต่คลอดลูกเป็นต้นมา ความจริงเพื่อนผมก็ไม่ใช่คนผอมบางปลิวลมตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานแล้ว ออกจะไปทางทะมัดทะแมงสมส่วนมากกว่า แต่ตั้งแต่มีน้องพู่กันนี่ผมยังไม่เห็นเพื่อนผมกลับไปหุ่นแบบนั้นอีกเลย

“คิดถึงจังเลยค่าน้องนะ โอ้ยไอ้อ๊อฟ! แกขนอะไรมาเยอะแยะเนี่ย!? บ้านชั้นไม่ใช่โรงรับบริจาคนะ”

เจอกันปุ๊บก็หาเรื่องกันเลยสิน่า แถมประโยคทักทายผมกับนะที่ต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือนี่ฟังแล้วน่าเอาอะไรครอบปากคนพูดชะมัดยาด ขนาดจะสามสิบอยู่อีกไม่กี่ปีนี่แถมเป็นคุณแม่แล้วก็ยังวาจาชวนหาเรื่องไม่เปลี่ยน

“ก็เห็นว่าแกว่างงานไม่ใช่หรือไง อุตส่าห์ช่วยซื้อของใช้กับอาหารมาให้ ถ้าไม่อยากได้คราวหน้าจะได้ไม่ซื้อมาให้”

“ชั้นเป็นฟรีแลนซ์ย่ะไม่ได้ว่างงาน แค่จะบอกว่าคราวหลังมาเยี่ยมแต่ตัวก็ได้ มาทีไรก็ขนของมาให้เต็มทุกที ชั้นกลัวลูกชั้นจะโดนสปอยล์เพราะน้าๆตั้งแต่ยังไม่รู้ความนี่ล่ะ นี่ดีนะว่าวันนี้พ่อกับแม่พี่หล่งไม่อยู่ ไม่งั้นแกจะโดนบ่นเยอะกว่านี้อีก”

มุ้ยตอบฉับพลางเลื่อนประตูกระจกเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็ต้องรีบปิดตามหลังพวกผมทันทีเพื่อกันไม่ให้ยุงบินเข้า บ้านชานเมืองที่ยังมีเรือกสวนอยู่ก็ยุงชุมแบบนี้ แต่คงเพราะว่าในบ้านเปิดแอร์อ่อนๆไว้ด้วย จึงต้องปิดทั้งหน้าต่างและประตูทั้งหมดเพื่อไม่ให้แอร์ออก

“พี่หล่ง หวัดดีครับ”

นะเอ่ยทักเมื่อเห็นรุ่นพี่ของผมกำลังเล่นกับลูกชายตัวน้อยอยู่บนเบาะตรงพื้นห้องนั่งเล่นพอดี พี่หล่งจึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยทักพวกเราสองคน ตอนนี้รุ่นพี่ผมไม่ได้ไว้เคราดกเหมือนตอนสมัยเรียนแล้ว เห็นว่าเพราะมุ้ยขู่เข็ญแกมบังคับว่าให้ไปตัดแต่งให้เรียบร้อย อีกอย่างก็ดูเหมาะสมกว่าเวลาไปทำงานด้วย ตอนนี้รุ่นพี่ผมจึงมีแค่หนวดบางๆเหนือริมฝีปากกับเคราแพะสั้นๆเท่านั้น

“ไง โชคดีวันนี้น้องพู่ตื่นอยู่พอดีเลย ไหนไหว้น้าอ๊อฟกับน้านะสิลูก”

พี่หล่งเอ่ยแล้วก็อุ้มน้องพู่กันขึ้นมานั่งตัก จากนั้นก็จับมือเล็กๆทั้งสองข้างทำท่าพนมมือ เด็กชายตัวน้อยอ้วนปั้กมองพวกผมด้วยตากลมโตอย่างงงๆนิดหน่อย แต่แป๊บเดียวก็ยิ้มแล้วก็เขย่าแขนขึ้นลงอย่างอยู่ไม่สุข ท่าทางกำลังอารมณ์ดี

“ตัวเองช่วยเอาของไปเก็บหน่อยสิ อ๊อฟมันซื้อของฝากมาถมที่อีกแล้ว”

มุ้ยเอ่ยพลางวางถุงของฝากที่ช่วยแบ่งไปถือลงบนโซฟา น้ำเสียงฟังดูกึ่งอ้อนกึ่งออกคำสั่งพิกล พี่หล่งเลยหัวเราะหึๆแล้วก็วางลูกให้นอนลง แต่พ่อหนูน้อย(ที่ไม่ใช่นะ)ก็พลิกตัวอย่างว่องไวแล้วทำท่าชูคอขึ้นเหมือนไม่อยากนอนอยู่เฉยๆ

“ท่าทางอีกไม่นานก็คลานได้แล้วนะครับเนี่ย”

นะเอ่ยแล้วก็ลงไปนั่งเล่นกับน้องพู่กัน ส่วนพี่หล่งก็เข้ามาช่วยถือพวกขนมกับผลไม้ไปเก็บในครัวให้ มุ้ยนั่งลงพลางหยิบชุดสำหรับเด็กที่พวกเราซื้อมาฝากแล้วก็ร้องโอ๊ย

“หลานแกแทบจะใส่เสื้อผ้าวันละชุดอยู่แล้วนะเนี่ย ใครมาเยี่ยมก็ชอบซื้อเสื้อผ้ามาฝาก ปู่กับย่าก็ชอบซื้อให้ สงสัยโตขึ้นลูกชั้นได้เป็นเด็กสำอางแหงๆ”

ผมหัวเราะขณะหยิบหนึ่งในชุดที่ซื้อมาออกจากมือมุ้ย เพราะว่าที่เราซื้อมาให้น่ะไม่ใช่แค่สองชุดที่นะเลือกไม่ได้เท่านั้น แต่ยังมีอีกสี่ชุดที่ซื้อก่อนหน้านั้นวางอยู่ในถุงด้วย

“เอาน่า นี่ก็อุตส่าห์ซื้อแบบเผื่อไซส์ให้แล้วนะ ถ้าอันไหนยังใส่ไม่ได้ตอนนี้จะได้เอาไว้ใส่ตอนโตไง แต่ดูท่าทางลูกแกเจริญอาหารดีนี่ เรานึกว่าแกจะแย่งลูกกินของฝากจนหลานผอมหมดซะอีก”

พูดไม่ทันจบคำ ผมก็โดนยายตัวดีตีแขนดังเพียะจนต้องร้องอูย พอดีกับที่พี่หล่งเดินออกจากครัวและทันได้ยินที่ผมพูด รุ่นพี่ของผมจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย

“เอาน่ะมึง เพิ่งคลอดเสร็จไม่กี่เดือนจะให้กลับไปผอมเท่าเดิมปั๊บเลยไม่ได้หรอก อีกอย่างกูว่าแบบนี้แหละดีแล้ว เต็มไม้เต็มมือดี”

“ไอ้ป๊า เงียบไปเลย ชั้นไปตากผ้าก่อนดีกว่า”

มุ้ยชี้หน้าพี่หล่งพลางพูดปรามทั้งที่หน้าแดง จากนั้นก็ลุกจากโซฟาที่นั่งข้างผมแล้วออกเดินไปทางหลังบ้าน เวลามุ้ยอารมณ์ดีๆก็จะเรียกแทนพี่หล่งว่า ‘ตัวเอง’ แต่เวลาอารมณ์ไม่ดีจะเรียกว่า ‘ไอ้ป๊า’ นัยว่าฟังแล้วไม่ถึงกับตัดรอนกันเกินไป แต่ยังสื่อให้รู้ได้ว่าอย่ามากวนฉันให้มากนักประมาณนั้น

เพื่อนผมทำท่าจะเดินไปหลังบ้านเพื่อไปตากผ้าอย่างที่บอก แต่พอเดินผ่านพี่หล่งก็โดนรุ่นพี่ผมเอามือตีก้นจนยายตัวดีหันมาตีไหล่อีกฝ่ายเต็มแรงแล้วก็รีบเดินเร็วๆหนีไป รุ่นพี่ผมเลยหัวเราะทั้งที่เอามือลูบไหล่ป้อยๆ ท่าทางคงเจ็บอยู่เหมือนกันเพราะพี่หล่งใส่เสื้อกล้าม ฝ่ามือของมุ้ยเมื่อครู่เลยประเคนลงบนเนื้ออย่างเต็มๆ แต่ผมว่าสองคนนี้เขาก็รักกันดีในแบบของเขา ถึงวิธีแสดงออกจะดูรุนแรงไปบ้างก็ตาม ไม่งั้นคงไม่แต่งงานกันแล้วก็มีลูกด้วยกันได้หรอก

“งานเป็นไงมั่งล่ะอ๊อฟ?”

พี่หล่งเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างผมแล้วก็เอ่ยถามขึ้น พวกเราจึงเปลี่ยนไปคุยกันเรื่องงาน จากนั้นก็คุยกันเรื่องเพื่อนๆและรุ่นน้องสมัยทำชุมนุม เห็นว่าไอ้เติ้ล รุ่นน้องของผมที่ชอบกวนบาทาหน่อยจะถูกป๊าของมันส่งให้ไปเรียนภาษาที่เมืองจีนตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา เพราะจะได้กลับมาช่วยสืบทอดกิจการโรงงานน้ำปลาของที่บ้าน ฟังแล้วก็อดจะขำปนสงสารไม่ได้ เพราะสมัยเรียนนั้นมันชอบบอกใครๆว่าจะไม่ยอมทำโรงงานน้ำปลาแล้วหนีไปเปิดค่ายเพลงอินดี้ แต่ดูเหมือนตอนนี้เจ้ารุ่นน้องผมต้องศิโรราบให้กับบัญชาของป๊าไปเสียแล้ว

ระหว่างที่พวกเรานั่งคุยกันไป ผมก็เหลือบมองนะที่กำลังเล่นกับน้องพู่กันเป็นระยะ อาจเพราะเรามากันเพียงเดือนละครั้ง น้องพู่กันจึงยังจำนะไม่ได้ในตอนแรก แต่พอเริ่มคุ้นเคยแล้ว ตอนนี้นะเล่นอะไรหรือพูดอะไรด้วย เจ้าตัวเล็กก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปหมด ภาพที่เห็นทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย พี่หล่งสังเกตผมอยู่ครู่หนึ่งก็ถามขึ้น

“มึงไม่อยากมีของมึงเองบ้างเหรอ?”

น้ำเสียงที่ถามประโยคนั้นเบากว่าน้ำเสียงปกติ ผมจึงหันไปทำสายตามีคำถามเหมือนไม่แน่ใจว่าพี่หล่งหมายความว่าอย่างไร แต่พออีกฝ่ายพยักหน้าไปทางนะที่กำลังจับน้องพู่กันให้ลองทำท่าหัดเดิน ผมก็เข้าใจคำถามทันที

“ไม่ใช่ว่ากูไม่เห็นด้วยกับเรื่องของมึงนะ เพียงแต่พอกูมีครอบครัวของตัวเองแล้ว...กูก็อดสงสัยแทนมึงไม่ได้”

พี่หล่งขยายความต่อ ผมเลยจ้องหน้าอีกฝ่ายโดยไม่ตอบอยู่ครู่หนึ่ง ที่รุ่นพี่ของผมถามแบบนั้นคงเพราะเจ้าตัวก็รู้ว่าแฟนเก่าของผมก่อนที่จะมาคบกับนะเป็นผู้หญิง และนอกจากนะแล้วผมก็ไม่ได้มีทีท่าสนใจใครที่เป็นผู้ชายเหมือนกันอีก ดังนั้นจึงไม่แปลกหากพี่หล่งจะเกิดคำถามขึ้นมา แต่ผมก็รู้นิสัยคนถามดีพอว่าคงไม่ได้อยากยุยงส่งเสริมให้ผมไปมีคนอื่น เพียงแต่สงสัยจริงๆจึงเอ่ยถามตามประสาคนที่สนิทกันเท่านั้น

ผมกลับไปมองนะอีกครั้ง ตอนนี้อีกฝ่ายอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาแล้วก็ก้มลงไปฟัดพวงแก้มแดงๆจนพ่อหนูพู่กันหัวเราะไม่หยุด ผมมองสีหน้ามีความสุขของนะแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่ล่ะพี่ ชีวิตผมมีครบแล้ว ถ้าอยากมีลูกเมื่อไหร่ผมมาขอเล่นกับน้องพู่กันก็พอ”

ผมเอ่ยแล้วก็หันกลับไปมองคนถาม เมื่อเห็นแววตาของผม พี่หล่งก็ดูจะชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มแล้วเอามือตบลงบนไหล่ผมเบาๆ

“กูได้ยินแบบนั้นก็สบายใจ กูรู้ว่ามึงเป็นคนไม่วอกแวกกับสิ่งที่ตัวเองเลือกอยู่แล้ว แต่แค่สงสัยก็เลยถามดู ก็ดีแล้วที่ได้ยินมึงพูดอย่างนั้น ไม่งั้นกูกับมุ้ยนี่ล่ะจะจัดการมึงเองถ้ามึงทิ้งน้องนะ”

“อ้าวพี่หล่ง ไหงงั้นวะเนี่ย?”

ผมหัวเราะออกมาบ้าง แต่แล้วเราสองคนก็หันไปทางนะพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงร้องของน้องพู่กัน นะอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นพาดบ่าแล้วจับโยกตัวเบาๆขณะหันมาทางพวกผมสองคน

“เมื่อกี้ยังเล่นอยู่เลยครับ แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆก็ร้อง”

ผมถอยตัวลงจากโซฟาไปนั่งข้างๆ จากนั้นก็รับน้องพู่กันมาอุ้มบ้าง แต่ว่าพ่อหนูน้อยก็ยังร้องไม่หยุด แก้มยุ้ยสองข้างแดงจัดขณะที่น้ำตาซึมจากหางตา ผมเลยจะหันไปส่งลูกให้พี่หล่งอุ้มแทน ก็พอดีกับที่มุ้ยเดินเร็วๆเข้ามาจากหลังบ้าน

“ลูกร้องแน่ะมุ้ย หิวนมแล้วล่ะมั้ง”

พี่หล่งนั่งพูดยิ้มๆอยู่บนโซฟา ท่าทางไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่กับการที่เห็นลูกร้อง สงสัยเพราะเห็นว่าผมกับนะช่วยกันพยายามโอ๋แทนให้กันเป็นพัลวันอยู่กระมัง มุ้ยจึงรับน้องพู่กันไปจากมือผมแล้วก็หันไปมองนาฬิกา

“จะสี่โมงแล้วนี่นา วันนี้หิวช้านะเรา งั้นเดี๋ยวขอตัวพาน้องพู่ไปให้นมก่อนละกัน ขอโทษนะจ๊ะน้องนะที่หมดเวลาเล่นแล้ว”

ฟังเพื่อนผมพูดแล้วกลายเป็นว่านะเสียอีกที่อดเล่นสนุกเพราะน้องพู่กันร้องหิวนม พอเพื่อนผมทำท่าจะเดินขึ้นบันไดเพื่อไปให้นมลูกที่ชั้นบน พี่หล่งก็ร้องเรียกไว้ทั้งที่ยังนั่งอยู่บนโซฟานั่นแหละ

“มุ้ยจะไปไหนเล่า ให้นมลูกตรงนี้เลยก็ได้ คนกันเองทั้งนั้น”

ผมเห็นยิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่หล่งกับประโยคท้าทายนั่นแล้วก็รู้สึกเหมือนเหงื่อตก จริงอยู่หรอกว่าตรงนี้มีแต่คนกันเอง แต่ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นหน้าอกมุ้ยนี่สงสัยจะตอน ป. 1 ล่ะมั้งเพราะยังโดนจับอาบน้ำด้วยกัน แต่ถ้าให้มาเห็นตอนนี้ก็คงกระดากชอบกล ปรากฏว่ามุ้ยหันมาทำตาเขียวใส่คนพูดแล้วก็ทำเสียงดุ

“อย่าท้ากันนะ มุ้ยไม่อายหรอกจะบอกให้ กลัวน้องนะจะเขินต่างหาก โอ๋ๆๆ น้องพู่ไม่ร้องนะลูก เดี๋ยวมี้ให้กินนมแล้วนะจ๊ะ”

มุ้ยเอ่ยแล้วก็อุ้มลูกเดินหายขึ้นชั้นสองไป สถานการณ์อย่างนี้ก็ยังไม่วายโยนลูกให้คนอื่นจนได้สิน่า กลายเป็นว่าคนที่เขินคือนะจริงๆเพราะพอผมหันไปหาก็เห็นเจ้าตัวหน้าแดงแจ๋ แถมพี่หล่งก็ยังหัวเราะอย่างไม่เกรงใจกันเสียอีก

ผมกับนะนั่งคุยกับพี่หล่งต่อระหว่างที่รอมุ้ยให้นมลูกเสร็จ พอยายตัวดีเดินลงมา ผมก็เห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว จึงขอลาเพื่อพานะกลับเสียที

“อ้าว ไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันล่ะ เห็นว่าวันนี้เดี๋ยวพ่อกับแม่เค้าจะซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเลยนะ”

มุ้ยเอ่ยทักขึ้น ผมเลยส่ายหน้า “วันนี้ขอตัวก่อนแล้วกัน ฝากสวัสดีพ่อกับแม่พี่หล่งด้วย บอกว่าเดี๋ยววันหลังว่างๆจะมาใหม่ พี่หล่งผมไปก่อนนะ”

“เออ ขอบใจสำหรับของฝากวันนี้นะ ขับรถกลับกันดีๆล่ะ”

หลังจากล่ำลากันแล้ว มุ้ยกับพี่หล่งก็เดินมาส่งผมกับนะที่หน้ารั้ว แต่พอนะหันกลับไปจะไหว้ทั้งสองคนอีกที มุ้ยก็ดึงนะไปกอดจนเจ้าตัวกะพริบตาปริบๆเพราะตั้งตัวไม่ทัน พี่หล่งเลยหันไปถามภรรยาตัวเอง

“ทำอะไรกับแฟนชาวบ้านเขาน่ะ?”

“ก็เห็นน้องนะแล้วอยากกอดนี่ มีปัญหาหรือไง?”

พี่หล่งหรี่ตามองมุ้ยที่ทำหน้ายียวนทั้งที่ยังไม่ปล่อยนะจากอ้อมแขน แต่ผมว่ารอยยิ้มของรุ่นพี่ผมดูแล้วโคตรเจ้าเล่ห์ยังไงบอกไม่ถูก

“ตอนนี้น่ะไม่มี แต่คืนนี้ไม่รู้”

มุ้ยได้ยินก็ปล่อยน้องนะแล้วหันไปตีแขนพี่หล่งดังเพียะ แถมคราวนี้เป็นไหล่คนละข้างกับที่โดนไปเมื่อกลางวันเสียด้วย ผมล่ะสงสัยขึ้นมาจริงๆจังๆแล้วว่าที่พี่หล่งติดใจมุ้ยจะเป็นเพราะยายตัวดีชอบเล่นเจ็บๆเสียกระมัง

“วันหลังมากันอีกนะอ๊อฟ น้องนะ”

มุ้ยร้องบอกผมเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากผมกับนะเดินมาถึงที่รถแล้ว พอมองกลับไปอีกทีก็เห็นพี่หล่งกับมุ้ยเดินจูงมือกันเข้าไปในบ้าน ผมละตามอารมณ์คู่นี้ไม่ทันเลยจริงๆ แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่ต้องห่วงว่าจะมีปัญหาหึงหวงนอกใจหรือเลิกกันเป็นแน่ ก็เล่นหยอกกันร้อนแรงซะขนาดนี้ตั้งแต่กลางวันแสกๆนี่นา

“สงสัยอีกไม่เกินปีน้องพู่กันคงได้มีน้องแหงๆ”

ผมเอ่ยขึ้นพลางเข้าเกียร์ออกรถ นะได้ยินที่ผมพูดก็หัวเราะ แต่เจ้าตัวคงเข้าใจว่าผมหมายความว่ายังไง เพราะแก้มสองข้างเป็นสีแดงนิดๆ ผมเลยอาศัยจังหวะที่จอดรถตรงทางแยกเข้าซอยบ้านเพื่อรอดูว่ามีรถสวนหรือไม่ แล้วก็ยื่นตัวไปหอมแก้มคนข้างๆเสียทีหนึ่ง

“อื้อ อะไรเนี่ยพี่อ๊อฟ”

นะถามอย่างงุนงงเมื่อผมหันกลับไปข้างหน้าและขับรถออกจากหมู่บ้านต่อ ผมเลยจับมือของนะข้างหนึ่งมากุมไว้

“ก็ตอนเดินออกมาจากบ้านพี่เห็นเราทำท่าซึมๆน่ะสิ ทั้งที่ตอนเล่นกับหลานยังหัวเราะอยู่เลย พี่ว่าที่มุ้ยกอดนะตอนกำลังจะกลับกันก็คงเพราะเห็นเหมือนพี่นี่แหละ มีอะไรหรือเปล่า?”

ผมถามขึ้น เพราะผมมั่นใจว่าตัวเองจับสังเกตอาการของนะได้แน่นอนเพราะความที่เราคบกันมาหลายปี ส่วนมุ้ยก็คงดูออกเพราะสัญชาตญานของความเป็นแม่นั่นเอง ทั้งที่เมื่อก่อนยายนั่นไม่มีทางจะสังเกตเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ออกเด็ดขาด

นะขยับนิ้วที่ยังอยู่ในอุ้งมือผมไปมาครู่หนึ่ง ใบหน้าหวานดูยุ่งยากใจเล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็คงรู้เหมือนกันว่าถ้าหากไม่ตอบผมก็คงไม่สบายใจไปด้วย สุดท้ายก็เลยถอนหายใจเบาๆ

“คือ...นะได้ยินที่พี่หล่งถามพี่อ๊อฟนะ ถึงพี่หล่งจะคิดว่าพูดเบาแล้วก็เถอะ”

ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินนะอธิบายด้วยเสียงอุบอิบ แต่ก็เข้าใจทันทีว่าคำถามที่เจ้าตัวได้ยินคือคำถามไหน ผมจึงบีบมือของนะแน่นขึ้นอีก

“พี่หล่งเขาก็ถามไปอย่างนั้นเอง นะไม่ได้ยินเหรอที่พี่เขาลงท้ายว่าถ้าหากพี่นอกใจนะล่ะก็จะมาจัดการพี่น่ะ?”

นะเม้มปากแล้วก็พยักหน้า แต่ว่าตรงหัวคิ้วยังมุ่นอยู่นิดๆ “ได้ยิน...แต่ถึงงั้นก็เถอะ พี่อ๊อฟเคยมีความคิดแว้บๆในหัวอย่างที่พี่หล่งถามบ้างหรือเปล่า?”

น้ำเสียงของคนพูดบ่งบอกว่าเจ้าตัวหวั่นไหวกับคำถามของพี่หล่งพอสมควร ตอนนี้ผมเลยชักหงุดหงิดขึ้นมาที่รุ่นพี่ของผมถามคำถามนั้นโดยไม่รอให้เราห่างจากรัศมีการได้ยินของนะเสียก่อน เพราะถึงแม้นะจะรู้ดีว่าผมรักเจ้าตัวแค่ไหน แต่กับเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ย่อมทำให้เจ้าตัวคิดมากได้อยู่แล้ว

“ไม่เคย”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ผมก็ตอบเสียงหนักแน่นโดยไม่สงสัยตัวเองเลยสักนิดเดียว อาจเป็นเพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบมาคิดจุกจิกว่าถ้าหากตอนนั้นผมไม่ทำอย่างนี้แล้วตอนนี้ชีวิตผมจะเป็นยังไง ดังนั้นผมจึงไม่เคยนึกถึงชีวิตอีกแบบที่มีใครอื่นอยู่เคียงข้างที่ไม่ใช่นะเลยสักครั้ง และมีแต่อยากทำให้ทุกวันที่เราได้อยู่ด้วยกันเป็นวันที่ดีของเราทั้งคู่เท่านั้น

“นะไม่ต้องคิดมากนะ”

ผมเอ่ยย้ำแล้วยกมือที่จับมือนะเมื่อครู่ขึ้นลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ จากนั้นก็ละมือมาจับพวงมาลัยรถเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆหลุดลอดจากริมฝีปากของเราสองคนอีกเลยตลอดทางกลับคอนโด

หลังจากจอดรถที่ที่จอดประจำเรียบร้อย ผมกับนะก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องบนชั้นสิบหก แต่ว่าก็ยังไม่มีใครพูดอะไรก่อน จนกระทั่งผมเปิดประตูห้องแล้วพวกเราสองคนเดินเข้าไปข้างในแล้วนั่นแหละ ผมถึงชะงักเพราะโดนกอดเอวจากด้านหลังแน่น

“พี่อ๊อฟ โกรธนะเหรอ?”

พอได้ยินคำถามนั้นผมก็อยากเอาหัวตัวเองโขกฝาแรงๆสักที เพราะดูเหมือนท่าทางของผมจะทำให้นะเข้าใจผิดไป ผมก็เลยแงะมือของนะออกแล้วหันกลับไปดึงร่างเล็กเข้ามากอด

“เปล่าครับ พี่จะโกรธนะทำไมล่ะ แต่พี่ไม่อยากให้เราคิดมาก พี่หล่งก็คงรู้สึกผิดเหมือนกันถ้ารู้ว่าทำให้นะคิดมากแบบนี้ เพราะงั้นนะเลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้วนะ”

พ่อหนูน้อยเกลือกแก้มกับอกผม จากนั้นก็กอดเอวผมแน่นขึ้นแล้วเงยหน้าขึ้นมาหา ในแววตากลมโตยังดูมีร่องรอยของความกังวลอยู่

“พี่อ๊อฟไม่เคยนึกเสียดายจริงๆนะ?”

นี่คบกันมานานขนาดนี้แล้วยังต้องสงสัยอีกหรือ ผมนึกอ่อนใจจนอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็กลัวว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นทำให้นะงอนไปเสียอีกเพราะนึกว่าผมไม่เห็นความสำคัญของคำถามนั้น ผมเลยเลือกตอบด้วยวิธีที่ไม่ต้องเลือกคำพูด และเป็นวิธีที่จะทำให้นะแน่ใจได้รวดเร็วที่สุด

“พี่อ๊...”

ผมก้มลงปิดริมฝีปากนิ่มด้วยริมฝีปากตัวเองก่อนที่นะจะทันเอ่ยชื่อผมเสร็จ จากนั้นก็รั้งร่างเล็กเข้าหามากเข้าขณะที่พาเดินไปทางห้องนอนไปด้วย แม้พ่อหนูน้อยจะทำท่าเหมือนไม่ทันตั้งตัวในตอนแรก แต่ไม่นานเจ้าตัวก็หลับตาและปล่อยให้ผมพาเข้าห้องนอนแต่โดยดี เมื่อเจ้าตัวลืมตาขึ้นอีกครั้งก็คือตอนที่ผมพาล้มลงบนเตียงแล้ว

“พี่อ๊อฟ...ไม่หิวข้าวเหรอ?”

นะเอ่ยถามขึ้น แก้มเนียนทั้งสองข้างซับสีเลือดจนเป็นสีชมพูเข้ม แต่มือสองข้างที่โอบคอผมไว้แน่นก็บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่คิดจะปล่อยผมให้เป็นอิสระในวินาทีนี้แน่ๆ ผมจึงก้มลงเอาจมูกดุนกับจมูกเจ้าตัวเบาๆเหมือนที่นะทำกับน้องพู่กันเมื่อตอนบ่าย

“ข้าวน่ะยังไม่หิว ตอนนี้พี่หิวนะมากกว่า”

“ทะลึ่ง”

ทั้งที่ปากพูดอย่างนั้น แต่เจ้าตัวกลับโน้มคอผมลงไปหาทั้งที่ยังหัวเราะเสียงเบา ผมจึงฟัดซอกคอขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อของเจ้าตัวขึ้นมา และเมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายพร้อมทั้งแก้มแดงๆของคนที่กำลังยื่นมือมาปลดกระดุมเสื้อให้ ผมก็มั่นใจว่าผมไม่สงสัยกับคำตอบที่ให้พี่หล่งไปเมื่อตอนบ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว

สิ่งสำคัญสำหรับแต่ละคนอาจจะต่างกันออกไป แต่ถ้าหากว่าพบสิ่งนั้นแล้ว ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องตั้งคำถามและสงสัยกับสิ่งที่ตัวเองมีเลยสักนิด หากว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขอยู่แล้ว และผมก็มั่นใจว่าคำตอบของผมจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงต่อให้ใครมาถามคำถามเดียวกับพี่หล่งสักกี่ครั้ง

ก็ในเมื่อ...ทุกสิ่งที่ผมต้องการอยู่ในอ้อมแขนของผมแล้วนี่นา...


++--- End กับสิ่งที่มี ---++
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-10-2010 16:21:07
หวานโรแมนติกมาก

มุ้ยกับพี่หล่งสงสัยจะมีลูกหัวปีท้ายปีเลยมั้งเนี่ย

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 13-10-2010 17:52:14
หวานหยด ถ้ามีลูกได้คงวิ่งกันเต็มไปหมดแล้วเนอะ
 :กอด1: ขอบคุณบีบีนะคะ เอาเรื่องมาลงให้หายคิดถึงทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 13-10-2010 19:05:53
มาได้ไง   ทำไมในหนังสือไม่มีอ่ะ

แล้วจะทำอย่างไงดี....เฮ้อ




















ก็ต้องอ่านไง ฮ่า ฮ่า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 13-10-2010 19:54:55
ชอบพี่อ๊อฟกับน้องนะ
น่ารักจริงๆเลยคู่เนี่ย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 13-10-2010 20:56:54
+1 แทนคำขอบคุณสำหรับตอนพิเศษแสนน่ารัก อิจฉาความรักที่สมบูรณ์แบบ
ของมุ้ย+พี่หล่ง+น้องพู่กัน แต่ที่อิจฉากว่าคือความรักที่แสนมั่นคงของพี่อ๊อฟ
ที่มีให้กับน้องนะ คิดว่าคงไม่มีอะไรมาทำให้พี่อ๊อฟต้องไขว้เขวหรือวอกแวกจาก
น้องนะได้ ดูจากความรักและความสัมพันธ์ที่มีร่วมกันมานานขนาดนี้ คู่หญิง+ชาย
ยังอิจฉาเลย ...... รักน้องนะ+พี่อ๊อฟ+พี่เป้+วิว+คุณ bellbomb ตลอดไป :L1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 14-10-2010 09:16:52
เอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย มุ้ยกับพี่หล่งมีลูกแล้ว
อยากกอดน้องพู่กันบ้าง งุงิงิงุ

ที่แน่ๆ อ๊อฟนะ ความหวานไม่มีตกหล่นจริงๆ >/////////<
ก็สิ่งที่มีอยู่มันดีขนาดนี้ ทำให้เป็นสุขได้ขนาดนี้ แล้วจะอยากได้อยากมีสิ่งอื่นอีกทำไมล่ะ
ขอบคุณนะคร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาป้าขรา กอดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-10-2010 10:45:37
อ่านไปยิ้มไป คู่นี้น่ารักตลอดเลย  :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: dragonfly08 ที่ 14-10-2010 18:31:38
คู่หวาน   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: ishiya ที่ 14-10-2010 20:56:27
อ่านเรื่องนี้ทีไรแล้วมีความสุขทุกที  :-[  ขอบคุณไรท์เตอร์มากนะคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 15-10-2010 10:46:18
ดีใจจังที่ได้อ่าน อ๊อฟ-นะ อีกนะคะ

อ่านหนังสือจบไป จนเอามาอ่านรอบสอง
ก็ยังไม่ได้มาเม้นท์เลย ขอโทษด้วยนะคะ
แต่ขอบอกว่า สนุกมาก อบอุ่นมาก
ไม่งั้นคงไม่มีรอบสอง และจะมีรอบสามตามมา

โดยส่วนตัว ชอบเรื่อง เป้-วิว มากกว่านิดนึง (นิดนึงจริงๆ เดี๋ยวน้องนะน้อยใจ)
เพราะชอบนิสัยของวิว ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ เรียบง่ายแต่มีเหตุผล

ไม่ว่ายังไง 2 เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในใจเสมอค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ

ปล. เห็นว่ามีตอนพิเศษของ เป้-วิว ไม่ทราบว่าจะหาอ่านได้ที่ไหนเหรอคะ
เหมือนในหนังสือหรือเปล่าเอ่ย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-10-2010 12:29:59
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์มากเลยนะคะ ได้รู้ว่าแฟนๆยังคิดถึงคู่นี้อยู่ก็ดีใจแทนพี่อ๊อฟกับน้องนะด้วยค่ะ
ปลื้มที่ได้เห็นทั้งคอมเม้นต์จากคนคุ้นเคยและชื่อใหม่ๆที่อาจไม่คุ้นกันมาก่อน ไม่ว่าจะรู้จักเป้-วิว กับพี่อ๊อฟ-น้องนะตั้งแต่เริ่มโพสต์ในบอร์ดหรือจากฉบับรวมเล่มก็ยินดีที่ได้รู้จักค่า  :impress2:

คุณ MaeMoo สำหรับเป้กับวิว จะมีตอนโบนัสที่เพิ่งเขียนแต่ใส่พาสเวิร์ดไว้ที่บล็อก จะให้พาสเข้าอ่านเฉพาะคนที่อุดหนุนรวมเล่มค่ะ แต่ถ้าซื้อจากที่ร้านอาจไม่ได้ข่าวสารตรงนี้ เดี๋ยวเราส่งรายละเอียดให้ทางพีเอ็มนะคะ หรือใครที่อุดหนุนหนังสือแต่ยังไม่รู้เกี่ยวกับส่วนโบนัส ก็พีเอ็มมาบอกได้เหมือนกันเน้อ แต่ขอว่าเป็นคนที่ซื้อรวมเล่มเท่านั้นนะคะ เพราะนอกจากเป็นกำไรให้คนที่อุดหนุนแล้ว ในเวอร์ชันรวมเล่มของเป้กับวิวจะมีตัวละครและเหตุการณ์เพิ่มจากในบอร์ดเยอะมาก ถ้าใครอ่านแต่บนบอร์ดก็อาจไม่ค่อยเก็ทเรื่องในตอนโบนัสน่ะค่ะ

ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง หวังว่าคงได้เอาตอนพิเศษมาแบ่งปันอีกเร็วๆนี้ค่า   :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 18-10-2010 00:13:46
ดีใจมากที่ได้อ่านตอนพิเศษอีก >///< แถมยังน่ารักมากๆเลยด้วย
คิดถึงตัวละครทุกตัวเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีเหมือนเดิมเลย
เรื่องน่ารักๆ อุ่นๆ อ่านแล้วยิ้มตาม ขอบคุณนะคะสำหรับตอนนี้ : ))
รบกวนถามเรื่องร่วมเล่ม ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังมีเหลือมั๊ยคะ
อยากอ่านตอนพิเศษของเป้กับวิวมากๆเลย >.<
ยังไงก็ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ขอบคุณค่า ( ":
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-10-2010 10:12:20
หวัดดีค่ะคุณ bluebird ดีใจที่คนอ่านคิดถึงสองคู่นี้เหมือนกันค่า ^^

สำหรับหนังสือยังมีทั้งสองเรื่อง ถ้าสนใจก็พีเอ็มหรืออีเมล์ที่ bellbomb[at]hotmail dot com ได้เลย
หวังว่าคงได้เข็นตอนพิเศษออกมาให้อ่านกันอีกเหมือนกันค่ะ  :mc4:

หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: JaMiDo ที่ 18-10-2010 14:20:04
สนุกมากๆค่ะ อ่านแล้วยิ้มออกเลย

นะกับอ๊อฟน่ารักมาก

เป้กับวิวก็หวานมาก


หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 21-10-2010 05:21:40
อ่านแล้วน้ำตาลขึ้น
+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 24-10-2010 18:56:06
อยากจะเข้ามาบอกว่าอ่านหนังสือเรื่อง "ลำนำรักสีรุ้ง" เสร็จแล้วนะคะตัวเอง

คำที่อยากบอกก็คือ "อิ่ม" เป็นนิยายที่อ่านแล้วอิ่มมากเลย เป็นนิยายที่ตอนอ่านไม่ต้องเจ็บอกอย่างไร้สาเหตุและไม่ต้องเครียดจนปวดหัว อ่านแล้วได้ข้อคิดที่ว่า "ความเข้าใจระหว่างคนสองคน" และ "ความเชื่อใจระหว่างคนรักกัน" คือสิ่งที่จะทำให้รักยืนยาว คงเพราะเพื่อนสาวเขียนในแนวเรียลลิสติกด้วยละมั้งเรื่องถึงได้แน่นและเป็นหนังสืออ่านเอาเรื่องที่ดีมากๆ อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ว่าเมื่ออ่านมาถึงตอนที่เป้โดนผู้หญิงคนนั้นนอนซบตลอดระยะเวลาการบินจากดูไบถึงกรุงเทพแล้วดิฉันรู้สึกหวงเป้แทนวิว แหม...คนเขียนเก่งที่ทำให้ดิฉัน moved ไปกับอารมณ์ของตัวละครได้ แอบนึกว่ายัยนี่ทำเนียนนะยะ บังอาจมาแต๊ะอั๋งแฟนฉัน คิดอีกที อุ้ย ลืมตัว เป้แฟนวิวนี่ไม่ใช่แฟนฉัน ฮ่า ฮ่า

แอบขัดใจนิดหน่อยตอนที่สองคนเริ่มคบกันใหม่ๆ ตามประสาวัยรุ่น (?) ใจร้อนอย่างดิฉัน ที่วิวดูจะหวงตัวกับเป้มากไปหน่อย แต่จริงแล้ววิวไม่ได้หวงตัว แต่หากจะรักคนอย่างวิวจะรักด้วยอารมณ์กับความคิด ก็คือ..หัวใจและสมองต้องไปพร้อมกัน และตรงนี้เองที่เป็นเสน่ห์ของวิวทั้งต่อเป้และต่อคนอ่าน และก็เก็บเป้ไว้ในหัวใจว่าเป็นพระเอกอีกหนึ่งคนที่รักและแคร์ความรู้สึกคนรักตัวเองมากๆ และวิวก็นายเอกที่ดูสุขมนุ่มลึกและรักแฟนตัวเองไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน

ขอบคุณมากเลยค่ะ  :กอด1: :L2: :L1:

ปล. เดี๋ยวจะมาอ่านเรื่องของอ๊อฟและน้องนะ ต่อ เพราะยังอ่านไม่จบเลย แต่ชอบคุณอ๊อฟเขาตรงที่เขาเป็นคนติดดินและพบเจอได้ทั่วไปตามท้องถนน (ไม่ใช่ข้างถนนนะเออ ฮ่า ฮ่า)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-10-2010 20:40:14
^
^
ขอบคุณและน้อมรับคำชมด้วยความยินดีเจ้าคะ หวังว่าตอนอ่านอ๊อฟกับนะจนถึงตอนจบ+ตอนพิเศษก็จะได้รับความอิ่มอุ่นไปอีกหนึ่งอิ่มนะจ๊ะเพื่อนสาว

ปล. อิฉันติดตามลุ้นน้องคิงกับลูกอ๊อดอยู่นะคะคุณ อุ๊ฮุฮุ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 01-11-2010 12:27:22
อยากได้น้องนะ + หนูวิว ไว้ในครอบครองคะ

ส่งเมลไปแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-11-2010 09:49:40
^
^
ตอบเมล์เรียบร้อยค่า ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษอ๊อฟ-นะ [13/10/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: NannY ที่ 03-11-2010 21:36:26
อ่านแล้วมีความสุขจังเลยค่ะเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไม่มีตัวร้ายดี ชอบจัง  :laugh:

ชอบทั้ง 2 คู่เลย บุคลิคของทั้งคู่ก็ต่างกันไป ว่างๆ เอาตอนพิเศษมาลงอีกนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-11-2010 01:14:52
ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : 50 Secrets


#01 – ครั้งแรก

เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับวิวที่ผมภูมิใจแต่ไม่เคยบอกให้เจ้าตัวรู้ ก็คือการที่วิวไม่เคยคบใครมาก่อนผม เพราะมันทำให้ผมได้เป็นคนแรกของวิวในหลายๆด้าน แต่ถ้าหากผมบอกเรื่องนี้ไปสงสัยคงโดนทุบแน่ๆ

#02 – เย็น

หน้าหนาวทีไรเป้ชอบมากระแซะผมตอนนอนแล้วบอกว่าเนื้อห่มเนื้ออุ่นกว่าห่มผ้าหนาๆ พอผมบอกว่าไม่เอาด้วย ไอ้บ้านั่นก็จะหาวิธีมาแกล้งจนผมนอนไม่ได้ แล้วสุดท้ายก็ต้องยอมให้อย่างที่ขอทุกที

#03 – สัญญา

คืนที่พวกเราแลกแหวนกัน ถึงแม้จะไม่มีคนอื่นอยู่เป็นสักขีพยาน แต่ผมก็รู้ว่าจากวินาทีนั้นผมกับวิวได้แลกคำสัญญาว่าเราจะผูกพันกันชั่วชีวิตไปแล้ว

#04 – ผู้หญิง

ครั้งหนึ่งผมกับเป้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากคบกันไม่นาน แล้วผมก็เห็นว่ามีผู้หญิงที่นั่งโต๊ะถัดไปสองสามโต๊ะคอยมองเป้แล้วส่งยิ้มให้ตลอดเวลา แถมเป้เองก็ยิ้มตอบให้เขาด้วย แต่พอออกมาจากร้านผมกลับโดนหมอนั่นงอนว่าทำไมไม่แสดงออกว่าหึงบ้าง ผมเลยตอกกลับว่าไม่สังเกตเลยหรือไงว่าผมเงียบผิดปกติ หลังจากนั้นมาถ้าเกิดเรื่องทำนองนี้อีกแล้วเห็นผมเงียบ เป้จะยิ้มดีใจจนออกนอกหน้าทุกที แต่คงเพราะไม่อยากโดนผมโกรธเข้าจริงๆเลยไม่เคยลองใจผมอีกเลยหลังจากนั้น

#05 – แหวน

ตอนพี่ปิ่นแต่งงาน ผมพาวิวไปร่วมงานแล้วก็แนะนำให้กลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมของผมได้รู้จักด้วย ถึงจะไม่ได้บอกตรงๆว่าพวกเราเป็นแฟนกัน แต่การที่ผมตื๊อจนวิวยอมใส่แหวนคู่ของพวกเราในวันนั้นก็คงทำให้หลายคนสังเกตบ้างล่ะว่าคู่ที่แต่งงานคืนนั้นไม่ได้มีแค่คู่ของพี่ปิ่น

#06 – อ้อน

ผมเป็นพี่ชายคนโตและมีน้องชายคนเดียว ในขณะที่เป้เป็นลูกคนที่สาม แถมแฟนเก่าก็อายุมากกว่าหลายปีอีก อาจเพราะถูกแวดล้อมด้วยคนอายุมากกว่าแบบนี้มาตลอด เป้ก็เลยถนัดใช้ลูกอ้อนแล้วก็ความเจ้าเล่ห์มากกว่าผม

#07 – ตัก

ถึงวิวจะชอบบ่นว่าหนุนหมอนนุ่มกว่าหนุนตักเจ้าตัวเป็นไหนๆ แต่เวลาหนุนตักมันอบอุ่นกว่าแล้วก็ทำให้ผมได้มองหน้าวิวไปด้วยนี่นา ถึงบางทีจะทำให้วิวทำการบ้านไม่สะดวกก็เถอะ

#08 – รถ

สมัยเพิ่งเริ่มคบกัน ผมเคยถามเป้ว่าทำไมตอนซื้อรถถึงได้เลือกสีดำ แต่หมอนั่นแค่ยักไหล่แล้วตอบว่า ‘สีดำเท่ที่สุดแล้ว’ ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยบอกไปว่าผมชอบสีขาวมากกว่า ไม่น่าเชื่อว่าเป้จะจำเรื่องนั้นได้ แล้วถอยรถคันใหม่หลังจากเรียนจบเป็นสีขาวจริงๆ

#09 – สิทธิ์

ต้นขาด้านในข้างขวาของวิวมีปานสีน้ำตาลอ่อน เห็นว่านอกจากคนในครอบครัวแล้วก็ไม่มีใครรู้ แต่ที่ผมรู้ก็คือนอกจากผมแล้วชั่วชีวิตนี้ไม่มีคนอื่นมีสิทธิ์จะได้เห็นอีกแน่ๆ

#10 – ผม

น้องปอนด์ น้องสาวของเป้เคยแอบมากระซิบหลังจากเรารู้จักกันได้พักหนึ่งว่าถ้าไม่ใช่ผม คงไม่ทำให้เป้ติดใจจนหาทางกลับบ้านไม่ถูกขนาดนี้ ผมฟังแล้วก็ได้แต่งงว่าน้องปอนด์หมายความว่ายังไง ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเป็น ‘ผม’ อย่างที่เป็นอยู่เท่านั้นเอง

#11 – ยิ้ม

ผมยอมรับว่าบางทีก็หึงเวลาเห็นวิวยิ้มให้คนอื่น บางทีหึงแม้กระทั่งกับไอ้อ๊อฟทั้งที่มันก็มีน้องนะอยู่แล้วนั่นแหละ แต่ความรู้สึกพวกนั้นก็หายไปเมื่อวิวหันมายิ้มให้ผมบ้าง เพราะอะไรบางอย่างในตาคู่นั้นบอกให้รู้ว่ายิ้มที่ผมได้มีความหมายพิเศษกว่าของคนอื่นๆ

#12 – บุหรี่

ผมไม่เคยลองบุหรี่ ไม่ชอบอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ด้วย มีเป้คนแรกและคนเดียวที่ผมยอมให้อยู่ใกล้เวลาสูบได้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามพ่นควันมาทางผมไม่งั้นจะไล่กลับไปนอนบ้าน ดังนั้นถ้าไม่ใช่ว่าอยากมากเป้ก็แทบจะไม่สูบบุหรี่เวลาอยู่ใกล้ผมเลย ไม่นึกเหมือนกันว่าคำขู่ทื่อๆแบบนั้นจะได้ผล

#13 – ปีใหม่

สำหรับวิวกับผม ปีใหม่คือช่วงเวลาที่ได้ระลึกว่าพวกเราโชคดีแค่ไหนที่มีกันและกันตลอดสิบสองเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งฉลองล่วงหน้าให้กับอีกสิบสองเดือนถัดไปที่จะยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยน

#14 – เสื้อ

ผมชอบมองแผ่นหลังของเป้เวลาไม่ใส่เสื้อ เพราะมันให้ความรู้สึกแข็งแรงพึ่งพาได้และเป็นรูปร่างแบบที่ผมก็อยากมีบ้าง แต่ถ้าหมอนั่นรู้ว่าผมชอบมองล่ะก็มีหวังได้ถอดเสื้อตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนแหงๆ

#15 – เตียง

ตอนได้เข้ามาในห้องวิวครั้งแรกผมเคยคิดว่าเตียงเล็กไปหน่อยสำหรับสองคน แต่พอได้มานอนบ่อยๆเข้าก็ชักจะเริ่มชิน ตอนนี้ผมกลับคิดว่าขนาดกำลังดีแล้วด้วยซ้ำ เพราะไม่งั้นวิวก็มีที่ให้ดิ้นหนีผมตอนกลางคืนได้น่ะสิ

#16 – น้ำหอม

น้ำหอมที่เป้ใช้ประจำคือยี่ห้อ BVLGARI ผมก็จำชื่อกลิ่นไม่ได้เพราะมีอยู่สองสามตัวที่เป้ใช้สลับกัน แต่ผมก็ชอบเพราะรู้สึกว่าเข้ากับบุคลิกเจ้าตัวดี

#17 – กอด

หลังจากพวกเรามีอะไรกัน ผมจะชอบจูบวิวแล้วกอดเจ้าตัวเอาไว้จนบางทีก็หลับคาอกผมไปเลย ถึงแม้ในสายตาคนอื่นวิวจะดูเป็นคนไม่ค่อยแสดงออก แต่เฉพาะเวลาที่ร่างกายเราแนบชิดกันเท่านั้นที่วิวจะยอมให้รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกกับผมอย่างไรผ่านการแสดงออกทางกาย และยิ่งเราไม่ค่อยได้แสดงออกเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งอยากจะแสดงความรักให้วิวเวลาอยู่กันตามลำพังมากขึ้นเท่านั้น

#18 – นม

เป้ชอบดื่มนมตอนเช้าทุกวัน เห็นว่าตอนเด็กก็ถูกแม่สอนให้ดื่มนมเยอะๆจะได้ตัวสูง พอผมถามว่ายังอยากจะสูงไปกว่านี้อีกหรือไง เป้จะยิ้มมุมปากแบบที่เจ้าตัวรู้ว่าดูแล้วกวนประสาทให้ผม แล้วก็ตอบว่าจะได้ไม่หมดแรงตอนกลางคืนง่ายๆ หลังจากนั้นก็จะรีบเบี่ยงตัวหนีกำปั้นผมที่ทำท่าจะประเคนใส่ทุกที

#19 – โกรธ

ผมไม่ชอบเวลาที่เราทะเลาะกัน อย่างน้อยถ้าแค่ถกเถียงกันเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่ดูเหมือนเราเริ่มจะทะเลาะกันรุนแรงขึ้นผมจะนึกย้อนไปถึงความรู้สึกตอนที่วิวเคยโกรธผมมากๆจนไม่พูดด้วยตั้งหลายวัน หลังจากนั้นผมจะใจเย็นลงได้ทันทีแล้วบอกตัวเองว่าให้ยอม

#20 – ประสบการณ์

หลังจากที่พวกเราคบกันได้หลายปีแล้ว ผมก็เลิกน้อยใจว่าก่อนหน้าผมเป้เคยคบใครมาก่อนบ้าง และคิดได้ว่าหากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผู้ชายคนนี้เป็นแบบนี้ในปัจจุบัน ผมก็ควรจะขอบคุณประสบการณ์เหล่านั้นที่หล่อหลอมให้ทุกวันนี้เป้รักและหวงผมมากขนาดนี้จึงจะถูก

#21 – จมูก

จมูกวิวไม่ได้โด่งจนถึงกับเป็นสัน แต่ก็ได้รูปรับกับเครื่องหน้าส่วนอื่นๆที่เจ้าตัวชอบยืนยันว่าดูแล้ว ‘ธรรมดา’ บางทีเวลาวิวนอนกลางวันผมก็ชอบแกล้งเอาจมูกตัวเองไปถูจมูกวิวเล่นบ้าง แต่ไปๆมาๆก็เผลอจูบจนเจ้าตัวตื่นนอนแล้วโวยวายที่ผมชอบลักหลับทุกที

#22 – อาย

ถึงแม้ว่าจะผ่านพ้นครั้งแรกมานานแล้ว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราอยู่บนเตียงด้วยกันแล้วเป้เลื่อนตัวลงไปใช้ปากให้ ผมก็ยังอายทุกครั้งที่ได้เห็น แถมมันแย่ตรงที่เป้ก็ดูจะชอบเวลาที่ได้ทำให้ผมอายเสียด้วยสิ

#23 – กิจกรรม

เวลาผมกับวิวไปซื้อของด้วยกันเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผมชอบที่สุด โดยเฉพาะเวลาซื้อของใช้ทั่วไป เพราะการที่เราออกความเห็นกันถึงเรื่องจะซื้อชุดเครื่องนอนสีอะไรหรือจานชามแบบไหนมันทำให้ผมตระหนักว่าเรากำลังใช้ชีวิตคู่กันจริงๆ

#24 – พิเศษ

ความฝันในวัยเด็กของผมคือการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและเลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่หลังจากที่ได้คบกับเป้ ผมถึงรู้ว่าผมได้พบกับสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าความฝันของผมเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

#25 – เงื่อนไข

ผมรู้ว่าวิวชอบคิดว่าเจ้าตัวไม่ค่อยได้ให้อะไรผมในขณะที่ผมคอยทำนั่นทำนี่ให้ แต่ที่ผมอยากให้วิวรู้ก็คือ ทุกสิ่งที่ผมทำไปก็เพราะต้องการตอบแทนความรู้สึกที่วิวมอบให้ผมอย่างไร้เงื่อนไขก็เท่านั้น

#26 – ราศี

ทั้งผมทั้งเป้ต่างเป็นคนไม่เชื่อเรื่องชะตาราศี แต่มีเรื่องหนึ่งที่เราเชื่อเหมือนกัน ก็คือถ้าหากเราพยายามทำความเข้าใจและยอมรับทั้งข้อดีข้อเสียของกันและกัน ต่อให้มีใครมาทำนายว่าดวงชีวิตคู่ของเราจะไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจ

#27 – นอน

ความลับอย่างหนึ่งของผมคือผมค่อนข้างจะติดหมอนข้างเวลานอน อาจเป็นนิสัยอย่างเดียวที่ผมไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ แต่กับวิวผมไม่อายที่จะบอกให้รู้เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงบางทีจะโดนบ่นบ้างเพราะชอบกอด ‘หมอนข้าง’ แน่นไปหน่อยก็ตาม

#28 – ความแตกต่าง

ถ้าจะว่ากันถึงคู่รักที่มีรสนิยมแตกต่าง อย่างผมกับเป้นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีคู่หนึ่ง เพราะนอกจากเรื่องภาพลักษณ์ภายนอกของเป้ที่สำอางกว่าผมไม่ว่าจะเรื่องการแต่งตัว ทรงผมหรือข้าวของที่ใช้แล้ว รสนิยมเรื่องดูหนังฟังเพลงหรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวก็ยังชอบคนละแบบเพราะเป้ชอบทะเลในขณะที่ผมชอบภูเขา หรือเรื่องที่เป้สูบบุหรี่ในขณะที่ผมไม่สูบ แต่น่าแปลกที่พวกเราก็ไม่เคยผิดใจกันเพราะเรื่องเหล่านี้เลยสักครั้ง

#29 – ความเหมือน

ถึงแม้ผมกับวิวจะมีรสนิยมในหลายๆเรื่องไม่เหมือนกัน แต่ที่เรามีเรื่องทะเลาะกันน้อยอาจเพราะแนวคิดของเราคล้ายกัน ผมกับวิวต่างเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวและคนใกล้ตัว ไม่ค่อยขี้อิจฉาหรือชอบมองใครในแง่ร้าย แล้วก็ไม่ชอบคนที่ชอบโกหกหรือไม่จริงใจ และอาจเพราะอย่างนี้ผมถึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้รักคนที่มีความคิดเหมือนกันกับผม

#30 – มือที่สาม

ตอนที่โอ๊คเพิ่งบินไปซิดนีย์และเป้เริ่มคบกับผมใหม่ๆ เพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันมาบอกผมว่ามีเพื่อนของเป้นินทาว่าผมเป็นมือที่สามที่แย่งแฟนของเพื่อน ผมไม่เคยเอาเรื่องที่ได้ยินไปบ่นหรือแสดงความน้อยใจกับเป้ในเมื่อเราสองคนต่างรู้ดีว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ต้องแปลกใจที่เพื่อนในกลุ่มของเป้ซึ่งไม่ใช่อ๊อฟเดินมาบอกขอโทษที่เข้าใจผมผิดและบอกว่าเป้ห้ามไม่ให้ทุกคนพูดเรื่องนี้อีก ผมถึงได้รู้ว่าเป้ก็เป็นห่วงความรู้สึกของผมมากเหมือนกัน

#31 – ไม่สบาย

เวลาไม่สบายวิวจะชอบฝืนตัวเองแล้วทำเหมือนไม่ได้เป็นอะไร ไม่เหมือนผมที่ถ้าไม่สบายล่ะก็จะอ้อนแฟนทันที ดังนั้นถ้าหากรู้สึกว่าวิวเริ่มมีไข้หรือดูตาปรอยๆเมื่อไหร่ ผมจะชอบชงอะไรร้อนๆให้ดื่มแล้วชวนให้เข้านอนแต่หัวค่ำด้วยการอ้างว่าผมง่วงและจะนอนไม่หลับถ้าไม่ได้กอดเจ้าตัว แต่ดูเหมือนวิวก็คงรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของผม เจ้าตัวเลยจะเพียงแต่ยิ้มแล้วก็ยอมเอนลงให้ผมกอดแต่โดยดี

#32 – มือ

ถึงผมจะเคยบอกเป้ไว้ว่าไม่ชอบให้ทำรุ่มร่ามเวลาอยู่ข้างนอก แต่เจ้าตัวก็จะชอบมาเดินใกล้ๆพอให้ไหล่หรือมือของเราปัดโดนกันเป็นประจำ หรือถ้าอยู่ในห้างก็จะแกล้งทำเป็นสนใจจะหยิบของบนชั้นวางสูงๆลงมาดูทั้งที่ผมยืนอยู่ด้านใน บางทีผมก็เลยอดไม่ไหวต้องแอบยิ้มเพราะขำปนหมั่นไส้พ่อตัวดีที่พยายามจะฉวยโอกาส ทั้งที่ตอนอยู่ด้วยกันสองคนทีไรก็ชอบมานัวเนียผมตลอดอยู่แล้วแท้ๆ

#33 – ผม (2)

เวลาที่ต้องตัดผมเมื่อไหร่ผมจะไปที่ร้านซึ่งมีช่างประจำของผมอยู่ แต่วิวไม่เคยมีทั้งร้านหรือว่าช่างประจำ เพราะเจ้าตัวบอกว่าให้ใครตัดเดี๋ยวสักพักมันก็กลายเป็นทรงเดิมเพราะว่าไม่ชอบเซ็ท แต่ถ้าผมมีเวลาผมจะชอบจับวิวมาเซ็ทผมให้ก่อนจะออกจากบ้านด้วยกัน ก็เวลาเห็นคนอื่นมองแฟนผมด้วยสายตาชื่นชมแล้วผมภูมิใจนี่นา วิวก็ช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าตัวเองไม่ได้หน้าตาธรรมดามากมายอย่างที่ชอบบอกใครๆเสียหน่อย

#34 – ทะเลหมอก

หน้าหนาวตอนเรียนปีสี่ ผมกับเป้ตัดสินใจไปเที่ยวภูกระดึงด้วยกันในช่วงวันหยุดยาว ถึงแม้ว่าวันที่เดินขึ้นจะเหน็ดเหนื่อยและเมื่อยขาแค่ไหน แต่พอได้ตื่นไปดูทะเลหมอกและแสงอาทิตย์แรกด้วยกันในเช้าวันถัดไปโดยที่เป้กอดไหล่ผมเอาไว้ วินาทีนั้นผมก็รู้สึกว่าคุ้มค่าที่พวกเราขึ้นไปบนนั้นด้วยกันแล้ว

#35 – เมา

วิวไม่ชอบกินเหล้าหรือเบียร์ ดังนั้นผมเลยไม่ค่อยได้เห็นเวลาที่วิวเมา แต่เมื่อตอนคริสต์มาสที่ผมพาไปทานดินเนอร์ด้วยกันแล้วสั่งไวน์มาด้วย หลังแก้วที่สองวิวก็หยุดดื่ม แต่พอถึงตอนนั้นแก้มของเจ้าตัวก็เรื่อสีเลือดฝาดชัดขึ้น ส่วนนัยน์ตาก็เริ่มฉ่ำนิดๆไปแล้ว ผมเลยชักชอบเวลาได้เห็นวิวเมาเสียแล้วสิ

#36 – แก้ม

เวลาเช้าๆที่เพิ่งตื่นนอน เป้จะชอบงัวเงียแล้วก็ดึงผมไปหอมแก้มหรือไซ้คอ เคราที่เพิ่งขึ้นก็เลยจะไถโดนผิวของผมไปด้วยจนจั๊กกะจี้ แต่จะว่าไปมันก็เป็นวิธีปลุกที่ได้ผลอยู่เหมือนกัน เพราะหลังจากนั้นผมจะตาสว่างแล้วก็ดันเป้ให้ไปล้างหน้าและโกนหนวดเสียที ก่อนที่พ่อตัวดีจะนึกคึกอยากทำมากกว่านั้นจนไม่ได้ลุกจากเตียงกัน

#37 – ของขวัญ

เวลาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าหรือรองเท้า ผมจะชอบมีปัญหาเพราะเท้าใหญ่ก็เลยหารองเท้าแบบที่ชอบที่ขนาดพอดีเท้าไม่ค่อยได้ แต่ปรากฏว่าก่อนจะถึงวันเกิดของผมเมื่อตอนปีสี่ วิวแอบเอารองเท้าของผมไปให้ช่างเทียบไซส์แล้วสั่งตัดแบบที่ผมเคยบอกว่าชอบมาให้เป็นของขวัญ จนถึงวันนี้รองเท้าคู่นั้นก็ยังเป็นคู่ที่ผมรักและหวงที่สุด รวมทั้งเป็นของขวัญที่ผมชอบที่สุดรองจากตัวคนให้ด้วย

#38 – เสียง

เสียงของเป้ต่ำแล้วก็ห้าว ฟังแล้วมีกังวานในคอ ไม่เหมือนผมที่เสียงออกไปทางทุ้มแต่ไม่ต่ำหรือมีกังวานเท่า แต่ว่าเสียงของเป้ที่ผมชอบที่สุดคือเสียงเวลาเพิ่งตื่นที่ยังสะลึมสะลือ กับเสียงตอนเจ้าตัวเรียกชื่อผมตอนที่เราต่างไร้เสื้อผ้าปกปิดร่างกายและกำลังแสดงความรักต่อกัน แต่ถ้าผมบอกก็สงสัยจะโดนแกล้งเรียกด้วยน้ำเสียงแบบนั้นทั้งวันแน่ ผมเลยได้แต่เก็บเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว

#39 – หน้าฝน

ผมไม่ชอบเวลาฝนตกตอนเช้าๆเพราะว่ามันทำให้รถติด หาที่จอดรถยาก แถมบางทีถึงจะได้ที่จอดก็ไกลจากตึกคณะจนต้องกางร่มฝ่าฝนไป ทำให้เข้าเรียนสายและกางเกงเปียกอีก แต่ผมกลับชอบเวลาฝนตกตอนเช้าๆในวันหยุด เพราะมันทำให้ผมมีข้ออ้างที่จะนอนกอดวิวแล้วซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยกันได้นานขึ้นอีกหน่อย

#40 – เรือ

เวลาไปเที่ยวเกาะที่ต้องนั่งเรือออกไปจากฝั่งซึ่งใช้เวลาเป็นชั่วโมงด้วยกัน บางครั้งผมกับเป้จะนั่งหลับโดยที่ผมพิงไหล่เป้และเป้ก็พิงผมกลับ และมีแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่ผมจะยอมผ่อนคลายข้อห้ามที่บอกว่าห้ามรุ่มร่ามเวลาอยู่ข้างนอกด้วยการให้เป้จับมือผมได้ เพราะถึงยังไงเราก็เอาเสื้อแจ๊กเกตคลุมทับไว้อยู่แล้ว

#41 – อาหารทะเล

วิวชอบกินกุ้ง ส่วนผมชอบกินปูกับปลาหมึก เวลาไปเที่ยวทะเลแล้วสั่งอาหารทะเลมากินเราก็เลยจะชอบผลัดกันแกะของที่อีกฝ่ายชอบแล้วใส่ในจานให้ ถึงจะสวีทกันมากไม่ได้เวลาอยู่ข้างนอก แต่แค่ได้เห็นวิวยิ้มตอนแกะขาปูแล้วหยิบใส่ในจานให้ผม แค่นั้นผมก็มีความสุขไปทั้งวันแล้ว

#42 – สอบ

ถึงเป้จะชอบกวนชอบแหย่ระหว่างที่ผมอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน แต่ก็มีช่วงใกล้สอบที่หมอนั่นจะยอมเป็นเด็กดี เก็บไม้เก็บมือไว้กับตัวแล้วยอมนั่งอ่านหนังสือเงียบๆเหมือนผม แต่ผมก็รู้ว่าความสงบสุขนี้มันไม่จีรังเท่าไหร่หรอก เพราะเดี๋ยวสอบเสร็จเมื่อไหร่ก็กลับเข้าวังวนเดิมอยู่ดี

#43 – บ้าน

เมื่อก่อนผมมีบ้านหลังเดียวก็คือบ้านที่ผมโตมากับพ่อและแม่ พี่ปิ่น ปูมแล้วก็ยายปอนด์ แต่หลังจากที่คบกับวิวและมาค้างที่หอบ่อยๆ ผมก็พบว่าผมได้เจอบ้านหลังที่สองของผมแล้ว

#44 – มอง

ตอนพวกเราเรียนอยู่ปีสี่ อาจารย์ที่เคยสอนยูโดให้เป้สมัยเรียนมัธยมย้ายออกมาเปิดสถาบันของตัวเอง แล้วก็เลยขอให้เป้ไปช่วยสอนรุ่นน้องในวันหยุดที่ว่าง ผมเลยได้รู้ว่านอกจากจะเป็นสายดำแล้วเป้ยังเคยแข่งยูโดจนได้รางวัลชนะเลิศมาแล้วด้วย เป้เคยชวนผมไปนั่งรอระหว่างเจ้าตัวสอนเป็นบางครั้ง พอได้เห็นเวลาเป้ซ้อมทุ่มกับรุ่นน้องที่พอจะมีฝีมือหน่อย รวมกับสายตาของพวกรุ่นน้องสาวๆที่มองเป้ด้วยสายตาชื่นชม ผมถึงได้รู้สึกขึ้นมาบ้างว่าแฟนผมนี่ก็ ‘เท่’ อยู่เหมือนกัน

#45 – นวด

นอกจากจะเรียนเก่งแล้ว วิวยังมีความสามารถอีกอย่างที่ไม่ค่อยมีคนรู้ก็คือนวดจับเส้นเก่ง เห็นว่าเพราะตอนเด็กๆปู่กับย่าชอบให้นวดให้ เพราะงั้นบางทีหลังกลับจากไปช่วยซ้อมยูโดให้รุ่นน้องจนเมื่อยผมก็จะขอให้วิวนวดให้บ้าง แรกๆก็ไม่มีปัญหา แต่พักหลังมานี้วิวเริ่มมีข้อแม้ว่าถ้าขอให้นวดก็ต้องหยุดแค่นวด เพราะผมชอบเลยเถิดชวนทำอย่างอื่นต่อทุกที

#46 – ลูกอม

ก็อย่างที่เคยบอกนั่นแหละว่าเป้ชอบแหย่ผม มีวันหนึ่งพวกเรานั่งเอนหลังอ่านหนังสือบนเตียงตอนบ่ายวันหยุดด้วยกัน ผมเห็นเป้แกะลูกอมใส่ปากเลยบอกว่าขอบ้าง หมอนั่นเลยหันมายิ้มแล้วก็โน้มคอผมเข้าไปหา กว่าจะรู้ตัวก็โดนยัดเยียดป้อนลูกอมให้ทางปากแล้ว ยังดีว่าตอนนั้นขาผมเจ็บเพราะเพิ่งจะตกบันไดมาจนข้อเท้าแพลง ไม่งั้นใครบางคนไม่แคล้วโดนผมถีบแน่ๆ

#47 – ปากกา

เวลาเรานั่งที่โต๊ะม้าหินข้างสนามฟุตบอลด้วยกันช่วงพักหรือหลังเลิกเรียน บางทีวิวจะหยิบเลคเชอร์หรือการบ้านที่ต้องส่งออกมานั่งตรวจทาน พอเริ่มใช้ความคิดมากๆก็จะลืมว่าผมนั่งอยู่ด้วยแล้วเคาะปากกากับริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว และผมก็ชอบมองเวลาวิวทำแบบนั้น บางครั้งก็จ้องนานไปจนวิวรู้ตัวแล้วเลิกคิ้วมองผมเหมือนไม่เข้าใจว่ายิ้มทำไม

#48 – ดาดฟ้า

กลางดึกคืนหนึ่งผมกับเป้ต่างก็นอนไม่หลับทั้งที่เกือบจะตีสอง พวกเราเลยถือขนมกับน้ำอัดลมแล้วก็ผ้าปูที่นอนขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อนั่งดูดาวด้วยกัน แต่คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวงเลยทำให้ไม่ค่อยเห็นดาวเท่าไหร่ และไปๆมาๆ เป้ก็ดันขยับเข้ามาหาผมแล้วชวนทำอย่างอื่นแทน ตั้งแต่คืนนั้นมาถ้าพวกเรานอนไม่หลับผมก็จะไม่ชวนเป้ขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกเลย เพราะถึงครั้งแรกจะโชคดีที่ไม่มีใครมาเจอ แต่ไม่ได้หมายความว่าครั้งที่สองจะโชคดีเหมือนครั้งแรกนี่นา ผมยังไม่อยากเป็นข่าวหรือโดนเจ้าของหอเรียกไปตักเตือนพฤติกรรมหรอกนะ

#49 – รัก

ผมไม่เขินที่จะบอกวิวว่ารัก บางทีก็บอกมากกว่าวันละครั้งด้วยซ้ำ ตอนแรกๆก็เป็นเพราะอยากให้วิวมั่นใจว่าความรู้สึกที่ผมมอบให้นั้นเป็นของจริง แต่เดี๋ยวนี้ผมพูดเพื่อให้วิวรู้ว่าผมไม่เคยรักเจ้าตัวน้อยลงจากวันที่เคยพูดคำนี้ครั้งแรก

#50 – อนาคต

ระหว่างที่ผมกับเป้คบกัน ผมเห็นคนรู้จักหลายคู่ที่เคยมีความฝันถึงอนาคตร่วมกันแต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลร้อยแปดใดๆก็ตาม ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราสองคนจะมีวันนั้นบ้างหรือเปล่า แต่เป้ก็จะทำให้ผมลืมเรื่องที่กังวลทุกครั้งด้วยการบอกผมว่า ‘เป้รักวิวนะ’ และผมก็รู้ว่าผมสามารถเชื่อในอนาคตของเราสองคนได้อย่างไม่ต้องสงสัย


++---End 50 Secrets---++


A/N: สำหรับตอนพิเศษนี้ ป้าได้แรงบันดาลใจจากแฟนฟิคของนักเขียนฝรั่งค่ะ จะมีวิธีเขียนแบบหนึ่งที่เขานิยมกันคือ 50 sentences ประมาณว่ามีธีม 50 ธีม แล้วก็เขียนบรรยายแต่ละธีมให้จบในหนึ่งประโยค แต่ด้วยความซับซ้อนของภาษาไทยที่ยากจะรวบความให้จบในประโยคเดียว ก็เลยเขียนบรรยายแบบกระชับและได้ความเอา แต่ละธีมเลยสั้นบ้างยาวบ้างแล้วแต่เนื้อหาที่ต้องนำเสนออะนะ

สำหรับตอนพิเศษนี้จะเน้นเนื้อหาไปตอนสมัยเรียนและไม่ได้พาดพิงถึงตัวละครที่โผล่มาเฉพาะในรวมเล่ม ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าธีมเลขคี่เป็นของเป้ ส่วนธีมเลขคู่เป็นของวิว ก็หวังว่าคงทำให้แฟนๆเป้-วิวหายคิดถึงได้บ้างเน้อ สารภาพว่าตอนแรกคิดได้แค่ 30 ธีม แต่รู้สึกว่าน้อยไปเลยคิดต่อจนครบ 50 ธีมจนได้ หวังว่าจะเอ็นจอยกันทุกท่านและไม่สำลักความหวานกันนะจ๊ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-11-2010 01:30:40
 :m1:
เป็นเรื่องลับๆในใจของเป้กับวิวที่ทำให้คนสอดรู้สอดเห็นอย่างนุ่นยิ้มออกมาเต็มที่พร้อมกับความรู้สึกอุ๊นอุ่นที่หัวใจค่ะป้า
ขอบคุณมากๆนะคะ

สองคนเขาเกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆเนอะ

อยากให้ทุกคนมีความรักดีๆแบบนี้บ้างจังเลย โลกเราคงจะสดใสนะคะ
 :กอด1:ป้าส่งไปถึงเป้วิวแล้วก็ลุงอ๊อฟกับเด็กชายนะด้วยนะคะ

ปล.รอๆๆๆๆคุณเชษฐ์กับภัทรรีเทิร์นค่ะ ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 04-11-2010 16:00:55
ว้าว เซอร์ไพมากๆ เข้ามาดู ป้ามาลาตอนพิเศษของเป้วิวด้วย
ฮุๆ  :laugh: ความลับถูกเปิดเผย น่ารักมากๆ ยิ่งคิดถึงไปใหญ่เลยอ่ะป้า
ตอนนี้ก็อ่านของต้นกับ พี่ไผ่ก็กำลังลุ้นเลย รอป้านะ สู้ๆ :bye2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-11-2010 17:24:40
อยากกรี๊ดดดดดดให้สุดเสียง แต่กลัวโต๊ะข้างๆนึกว่า ชั้นอยุ่กับคนบ้าเหรอเนี่ย

ดีใจมากเลยได้อ่านเป้กับวิวอีกแล้ว อ่านไปยิ้มไปปากจะฉีก คู่นี้ยังคงแคร์กันและกันเสมอ ว่าแต่คู่พี่อ๊อฟกะน้องนะ จะมีความลับแบบนี้บ้างหรือเปล่า

ปล. ยังรอคุณเชษฐ์ กะ ภัทร อยู่เสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 04-11-2010 20:51:39
+1 แทนคำขอบคุณ เป็นคู่ที่ชอบมาก อ่านหนังสือหลายเที่ยวไม่มีเบื่อเลย
ยิ่งอ่านจะได้เห็นความรักที่ต่างคนมีให้แก่กัน อ่านแล้วชื่นชมเป้ในความเป็น
สุภาพบุรุษและดูแลวิวเป็นอย่างดี ส่วนวิวก็ชื่นชมในความกล้าที่จะยอมรับ
เป้เป็นคนรักและคู่ชีวิตทั้ง ๆ ที่ในตอนแรกไม่ได้แสดงออกว่าจะสามารถรัก
กับคนเพศเดียวกันได้ เป็นความรักที่ไม่ต้องแบ่งเพศและไม่หวังผลตอบแทน
ใดนอกจากขอให้ได้อยู่คู่กันตลอดไป อ่านคู่นี้ทีไรก็มีความสุขไปด้วย   :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 04-11-2010 21:39:42
ยิ่งอ่านตอนพิเศษก็ยิ่งคิดถึงเป้-วิวอ่ะ :give2:
อยากให้มีภาคต่อจัง
รู้สึกอิ่มพอได้อ่าน
เฮ้อ...เป็นคนละโมบโลภมากไม่รู้จักพอจริงๆ เลยเรา :o11:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-11-2010 00:12:48
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ ถ้าคนอ่านไม่เบื่อ คนเขียนก็จะเขียนออกมาเรื่อย เรื่อยๆ เรื่อยๆๆค่ะ แต่พอถึงตอนนั้นจะบ่นเบื่อกันเหรือเปล่าอะจิ  :laugh:

สำหรับอีกสองเรื่องที่พาดพิงกันเอาไว้...รับรองว่าไม่ลืมค่ะ และดีใจมากที่ยังถามถึง เดี๋ยวเข็นออกมาได้เมื่อไหร่จะรีบเอามาลงต่อให้อย่างด่วนค่ะ (อย่าว่าแต่แฟนๆเลยค่ะ อิป้าเองก็คิดถึงคุณเชษฐ์กับน้องภัทรแล้วก็ต้น-ไผ่เหมือนกัน)

แล้วเจอกันในตอนใหม่ของเรื่องไหนสักเรื่องนะคะ  :call:  :pig4:  :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 06-11-2010 02:17:04
+1 ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-11-2010 11:20:39
เพิ่งเข้ามาเจอตอนพิเศษ :o8:
น่ารักมาเลยค่าาา ขอบคุณมากๆเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 06-11-2010 22:20:17
เป็นคนที่เอาอะไรใหม่ๆมาใส่นิยายตัวเองอยู่เรื่อยๆ o13 ชอบ 50 secrets มากค่ะ  :กอด1:

แต่ดิฉันก็ยังตามอ่านเรื่องนุ้งออฟกับนุ้งนะไม่จบอยู่ดีค่ะ อ่านแบบช้า เขาเรียกอ่านเอารส (มันแถไปได้) แถมยังมีกองหนังสือเป็นตั้งที่ต้องอ่านสำหรับวิชาวรรณคดีวิจารณ์อินเดีย ก็ต้องหงายหลังตึง แล้วช้านจะได้อ่านอ็อฟนะ ไหมเนี่ย  :serius2: อ่านวันละนิดละหน่อยเอาเนาะตัวเอง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-11-2010 08:58:29
^
^
ไม่เป็นไรจ๊ะเพื่อนสาว เพราะเดี๊ยนก็ยังตามอ่านน้องคิงไปได้ไม่กี่ตอนเอง ตอนนี้กำลังประสบชะตากรรมเดียวกันเพราะกองหนังสือ World Literature ที่ต้องอ่านสำหรับเทอมสองกับทำเปเปอร์ที่ตกค้างมาตั้งแต่เทอมแรก เอาเป็นว่าเราต่างคนต่างค่อยๆอ่านทีละนิดนุงก็แล้วกันเนะ อิ๊ๆๆ   :jul3:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 07-11-2010 14:19:15
แอบกรี๊ดเล็กที่เห็นชื่อกระทู้ว่ามีตอนพิเศษมา >///< แถมเป็นตอนพิเศษของเป้กะวิวด้วย
ดีใจมากๆที่จะได้อ่านเรื่องของสองคนนี้อีก เป็นตอนพิเศษที่น่ารักเอามากๆเลยค่ะ : ))
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกได้เลยว่าสองคนนี้น่ะรักกันจริงๆ
หลังจากสอบถามเรื่องร่วมเล่มไปคราวนั้นแล้ว เราก็ยังไม่ได้โอนเงินไปเลยค่ะ >.<
ยังไงถ้าโอนไปแล้วจะเมล์ไปแจ้งอีกทีนะคะ ยิ่งอ่านตอนนี้แล้วอยากอ่านตอนพิเศษในเล่มต่อ
ปล. ชอบข้อ 'ประสบการณ์' มากๆเลยค่ะ เป็นประโยคสั้นๆที่อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยแหละ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: NASS.NET ที่ 07-11-2010 20:20:05
มุมมองของคู่รัก
ที่มีความเหมือนซ่อนอยู่ในความแตกต่าง^^
อยากจะมีคนรักบ้างจังเลยน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-11-2010 22:08:21
คุณ bluebird สะดวกโอนเมื่อไหร่แจ้งมาแล้วกันค่า จะเก็บไว้ให้ ขอบอกว่าไม่ควรพลาดตอนที่เพิ่มมาในหนังสืออย่างยิ่ง หุหุหุ :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 11-11-2010 20:49:32
ดีใจจังเลยค่ะ ที่มาเขียนเพิ่ม ชอบเป้วิวมาก อ่านแล้วมีความสุขจริง ๆ

ส่งเมล์ไปหาแล้วนะคะ อยากได้หนังสือเป้วิวค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 15-12-2010 07:47:30
พึ่งได้อ่านครั้งแรกครับ ตามมาจากอีกเรื่องนึง ชอบเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะ50 secrets รู้สึกแปลกดีกับมุมมองทั้งสองคน มีทั้งเรื่องลับชวนเรียก :jul1:

และเรื่องราวดีๆ น่ารักๆ ของทั้งสองคน :-[

สุดท้ายขอบคุณคนแต่งครับที่เขียนเรื่องราวดีๆ มาให้อ่าน :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-12-2010 10:19:35
^
^
ขอบคุณค่า ว่าแต่ที่บอกตามจากอีกเรื่องนี่เรื่องไหนเหรอตัวเอง? (พูดเหมือนมีหลายเรื่องมากเลยวุ้ย ^^")
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 15-12-2010 19:28:28
เรื่องแม้นมั่นคำสัญญาครับ อ่านแล้ว อ๊างงงงงง ชอบบบบบบ  :-[ :-[ :-[

แบบว่าไผ่ก็น่ารักกก ต้นก็น่าัรัก ตอนนี้รอลุ้นอยู่ว่าคุณพ่อของต้นจะยอมลดฐิถิเมื่อไหร่ ขอให้แม่พิมพ์มาเข้าฝันด้วยเถอะ -///-

ชอบเรื่องของพี่ เรียกพี่แล้วกันเนอะ บีบี มากเลยครับ อ้อ ผมชื่อเบลล์น่ะครับ bell เหมือนกัน อิอิ

ปลื้มพี่สุดใจครับ ยกให้เป็นนักเขียนในดวงใจอีกคนนึงเลย :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-12-2010 20:54:06
ขอบคุณค่ะน้องเบลล์ (ว้าย เหมือนเจอน้องชายที่หายไป) ของต้น-ไผ่ก็ใกล้จะจบแล้วละค่ะ มาลุ้นกันว่าป๊ะป๋าจะยอมรับกันได้เมื่อไหร่น้า  o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 07:10:31
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 08-01-2011 20:20:27
ขอบคุณจิงๆๆ   ที่เเต่งเรืองดีๆ  ให้พวกเราได้อ่านกัน

เป็นเรืองที่สนุกมากกก  น่ารักกก 

ชอบๆๆๆๆๆๆๆ


ขอบคุณจิงๆ  นะครับบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: pinkky_kiku ที่ 09-01-2011 14:10:11
+1 ให้ป้าค่ะ แอบเรียกตามชาวบ้านจะโกรธไหมนะ อิอิ
แต่ว่าอุดหนุนหนังสือแล้วยังไม่มีโอกาสได้อ่าน มาอ่านในนี้แทน
555+ เด๋วปลายเดือนจะมีโอกาสได้ยลโฉมหนังสือจริงๆซะที
เย้ สนุกมากเลยทั้งสองคู่ น่ารักมาก ชอบมากค่า จะติดตามผลงานต่อไป
ขอบคุณน๊าค๊า ที่มาแต่งให้อ่าน  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-01-2011 14:08:32
ขอบคุณคุณ rainy_naja และคุณ konnarak ที่มาอ่านด้วยนะคะ เย้ๆ จุดพลุแสดงความยินดีที่ได้รู้จักค่า   :mc4:

+1 ให้ป้าค่ะ แอบเรียกตามชาวบ้านจะโกรธไหมนะ อิอิ
แต่ว่าอุดหนุนหนังสือแล้วยังไม่มีโอกาสได้อ่าน มาอ่านในนี้แทน
555+ เด๋วปลายเดือนจะมีโอกาสได้ยลโฉมหนังสือจริงๆซะที
เย้ สนุกมากเลยทั้งสองคู่ น่ารักมาก ชอบมากค่า จะติดตามผลงานต่อไป
ขอบคุณน๊าค๊า ที่มาแต่งให้อ่าน  :impress2: :impress2:

เรียกป้าตามสะดวกเลยค่าคุณ pinkky เพราะตอนนี้ก็เริ่มเป็นป้าให้หลานหลายคนละ XD

สำหรับเวอร์ชันหนังสือจะมีการเรียบเรียงใหม่ แล้วก็เสริมเนื้อหาบางส่วนนิดหน่อย ขอให้ได้หนังสือเร็วๆ นะค้า  :3123:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 10-01-2011 15:19:59
(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/b9.gif)น่าร้กกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อ่านมา 2 วันเพิ่งจะจบ(อ่านแบบไม่อยากให้จบซะงั้น(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/012-1.gif))
ตอนแรกๆ ก้อชอบเป้&วิว แต่พออ่านไปๆ (http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/02-1.gif) ไหงกลับกลายเป็นชอบอ๊อฟ&พ่อหนูน้อยไปได้ไม่รู้
2 คู่นี้หวานไม่แพ้กัน มีความรักให้กันไม่แพ้ใคร
ต่างก้อให้ความรัก ความเข้าใจ การดูแล แก่กันและกัน
อยากได้หนังสือ แต่คงไม่ทันแล้วมั้ง(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/03.gif)
ตอนที่เปิดจอง ก้อยังไม่ได้เป็นเมมบอร์ดนี้เลย
+1 ให้คนแต่งไปเลย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 10-01-2011 15:50:23
 :z13:รีบน
ป้าเค้ายังมีหนังสืออยู่ PM ไปถามสิ ป้าคงดีใจ
เค้าไม่เอา%จากป้าหรอกนะ
ขอแค่แต่งต้นไผ่ให้จบแล้วรีบทำหนังสือ
รออ่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [4/11/10] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-01-2011 21:03:51
:z13:รีบน
ป้าเค้ายังมีหนังสืออยู่ PM ไปถามสิ ป้าคงดีใจ
เค้าไม่เอา%จากป้าหรอกนะ
ขอแค่แต่งต้นไผ่ให้จบแล้วรีบทำหนังสือ
รออ่านอยู่นะ

^
^
คุณ kakuro น่ารักที่ซู้ดดดด นานๆ ทีจะเข้ามาดูห้องนิยายจบแล้วค่ะ ไม่งั้นก็ไม่เห็นว่ามีคนช่วยโฆษณาให้นะเนี่ย
แล้วจะรีบปั่นต้นไผ่ให้ได้คลอดเป็นเล่มเร็วๆนะค้า ขอบคุณคุณ evilheart ที่เข้ามาอ่านและสนใจหนังสือด้วยค่า  :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-01-2011 09:42:16
ขอแวะมาแจ้งข่าวเกี่ยวกับการรีปริ๊นท์ ลำนำรักสีรุ้ง และ เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ค่ะ  :impress2:

เนื่องจากตอนนี้เรากำลังเปิดจองนิยายที่กำลังจะรวมเล่มเรื่องใหม่ เรื่องแม้นมั่นคำสัญญา โดยเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันนี้ถึง 20 มีนาคม ก็เลยถือโอกาสรีปริ๊นท์สองเรื่องนี้ด้วยในคราวเดียวสำหรับคนที่สนใจและยังไม่ได้ซื้อ ความจริงเราพอมีหนังสือเหลืออยู่ ถ้าสั่งซื้อมาแล้วยังมีหนังสือก็จะส่งให้เลย แต่ถ้าหากสั่งมาหลังจากของหมด เราจะสั่งพิมพ์ใหม่และจัดส่งให้พร้อมกับแม้นมั่นคำสัญญาตอนปลายเดือนมีนา/ต้นเมษาค่ะ ดูรายละเอียดกันตามลิงค์ข้างล่างได้เลย

{{ กระทู้รายละเอียดรวมเล่ม แม้นมั่นคำสัญญา }} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=6271.420)
{{ กระทู้รายละเอียดรวมเล่ม ลำนำรักสีรุ้ง }} (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=bellbomb&date=19-08-2010&group=13&gblog=1)
{{ กระทู้รายละเอียดรวมเล่ม เมื่อหัวใจเราใกล้กัน }} (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=bellbomb&date=19-08-2010&group=13&gblog=2)

ถ้าอยากรู้ว่าหนังสือยังมีเหลืออยู่ไหม หรือราคารวมทั้งหมดเท่าไหร่ ส่งอีเมล์มาเช็คก่อนได้ที่ bellbomb at ฮอทเมล ดอท คอม ค่ะ  แนะนำว่าอย่าพีเอ็มมาเพราะอินบ็อกซ์มันเต็มเร็ว ข้อความอาจมาไม่ถึงค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.37
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-01-2011 19:46:31
อยากทราบว่าที่รีปริ้นท์ใหม่ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน
จะเอาตอนพิเศษที่แจก password ให้เข้าไปอ่านใน blog รวมเข้าไปในเล่มรีปริ้นท์ใหม่หรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-01-2011 20:11:03
อยากทราบว่าที่รีปริ้นท์ใหม่ลำนำรักสีรุ้ง+เมื่อหัวใจเราใกล้กัน
จะเอาตอนพิเศษที่แจก password ให้เข้าไปอ่านใน blog รวมเข้าไปในเล่มรีปริ้นท์ใหม่หรือเปล่าคะ

ตอบคุณ yeyong ไม่เพิ่มค่ะ เพราะจะทำให้ยุ่งยากเรื่องคำนวนค่าพิมพ์ + คนที่ซื้อล็อตแรกกับล็อตสองอาจส่งระเบิดมาหาเราด้วยความไม่พอใจ -_-"  เดี๋ยวจะใช้วิธีแจกพาสเวิร์ดให้คนที่ซื้อใหม่เข้าไปอ่านในบล็อกตามเดิมค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-01-2011 21:25:41
แล้วถ้าเอาไปรวมเป็นตอนพิเศษในแม้นมั่นคำสัญญาแทนล่ะคะ (แบบว่าขอเสนอความคิดเห็น)
โดยส่วนตัวคืออยากได้เป็นรูปเล่มเก็บไว้เป็น collection เพราะชอบสองเรื่องนี้มากๆ
หรือว่าคุณ bellbomb เขียนตอนพิเศษของสองเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ก่อน แล้วค่อยรวมเล่มเฉพาะทีหลัง(บังคับทางอ้อม)
 o18 o18
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-01-2011 21:53:13
^
^
แว้กกก คุณ yeyong พกมีดมาสองเล่มเลย งืมมม มีโครงการว่าอาจจะเขียนตอนโบนัสต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ แล้วก็มีคนถามหาว่าอยากให้เขียนภาคต่อของเป้วิวอยู่ ก็อาจจะอาศัยเขียนสะสมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจำนวนพอสำหรับรวมเล่มมั้งคะ แต่เขาเองก็ยังบอกไม่ได้นะว่าเมื่อไหร่ แง้ววว   :call:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: n2 ที่ 26-01-2011 22:08:48
ชอบเป้-วิว มากเลยค่ะ
ถ้าคุณ bellbomb เขียนตอนพิเศษแล้วมีรวมเล่มจะเงินรอซื้อเลยนะค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-01-2011 22:37:34
ขอบคุณมากค่ะคุณ n2 ถ้ามีรวมเล่มอันนั้นจะรีบแจ้งข่าวเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 26-01-2011 22:50:53
^
^
^
 :กอด1:
 :oni2:

ยกมือแล้วโบกว่ารออยู่ตรงนี้อีกคนค่ะ >///<
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: rannie ที่ 26-01-2011 23:04:19
ขอยกมือ ให้มีการรวมเล่มตอนพิเศษ ทั้งสองเรื่องเลยค่ะ เพราะไม่ค่อยได้เข้าติดตามที่บอร์ดลงตอนพิเศษ

อยากเก็บเป็นหนังสือมากๆๆค่ะ อ่านทั้งสองเรื่องนี้ตลอดเวลา คิดถึง เป้ วิว และออฟ กะ น้องนะ เสมอจ๊ะ

ส่วนเรื่อง แม้นคำมั่นสัญญา ขอจอง 1 ชุดจ้า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-01-2011 23:21:39
น้องนุ่น  :man1: โอเค เมื่อไหร่เมื่อนั้นนะจ๊า

คุณ rannie ได้รู้ว่ามีคนรอก็มีกำลังใจค่ะ จะพยายามเขียนตอนพิเศษออกมาเรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณที่จองแม้นมั่นคำสัญญาด้วยค่า ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 27-01-2011 20:57:31
แวะมาอ่านขอรับ กำลังพยายามอ่านให้จบ :man1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้ง Reprint นิยาย [26/01/11] p.38
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-01-2011 08:50:54
แวะมาอ่านขอรับ กำลังพยายามอ่านให้จบ :man1:

ค่า อ่านให้สนุกนะค้า   o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้งจำนวนรวมเล่มที่เหลือ [01/02/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-02-2011 13:14:09
เนื่องจากมีหลายท่านที่สั่งซื้อลำนำรักสีรุ้ง กับ เมื่อหัวใจเราใกล้กัน โดยสั่งมาพร้อมนิยายที่กำลังจะรวมเล่มอีกเรื่อง คือ แม้นมั่นคำสัญญา โดยที่เราส่งสองเรื่องแรกให้ก่อน เพราะมีหนังสือเหลือในสต็อคอยู่แล้ว

ตอนนี้ ขออัพเดทว่า ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน เหลือที่เราอีก สามชุด และที่ร้าน @Quartette ก็เหลือประมาณนั้น ดังนั้นถ้าใครจะสั่งซื้อสองเรื่องนี้เพิ่มจากเรา (กรณีไม่ไปซื้อที่ร้าน) รบกวนอีเมล์มาถามก่อนว่ายังเหลือหนังสือไหม เราจะยึดจากอีเมล์ว่าใครจองเข้ามาก่อน แล้วถ้าใน 3 วันยังไม่โอนเงิน จะขอโอนสิทธิ์ให้คนที่รอคนถัดไปนะคะ (email มาที่ bellbomb [at] hotmail dot com)

ทั้งนี้ ขอบอกว่าหนังสือที่จะหมดตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าหมดแล้วหมดเลย เพียงแต่เราจะรีปริ๊นท์พร้อมกับที่สั่งพิมพ์ แม้นมั่นคำสัญญา ทีเดียว และจัดส่งหนังสือทั้งหมดให้คนที่สั่งพร้อมกันในปลายมีนา / ต้นเมษายน ก็คือถ้าใครสั่งสองเรื่องนี้ควบเข้ามา จะได้รับทั้งสามเรื่องพร้อมกันตอนนั้นค่ะ (งงมั้ย? คงไม่งงเนอะ?)

แล้วก็ขอแปะข้อมูลรายละเอียดการจองทั้งสามเรื่องอีกทีค่ะ

{{ กระทู้รายละเอียดรวมเล่ม แม้นมั่นคำสัญญา }} (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=6271.420)
{{ กระทู้รายละเอียดรวมเล่ม ลำนำรักสีรุ้ง }} (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=bellbomb&date=19-08-2010&group=13&gblog=1)
{{ กระทู้รายละเอียดรวมเล่ม เมื่อหัวใจเราใกล้กัน }} (http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=bellbomb&date=19-08-2010&group=13&gblog=2)

ย้ำอีกครั้งว่าอย่าถามทางพีเอ็มเพราะอินบ็อกซ์เต็มเร็ว บางทีเราอาจไม่ได้รับข้อความค่ะ และขอบคุณทุกคนที่ไถ่ถามเรื่องหนังสือกันเข้ามาด้วยนะคะ ยินดีมากที่มีคนสนใจรวมเล่มของเป้-วิว กับ อ๊อฟ-นะ อยู่เสมอๆ ค่ะ   :L1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้งจำนวนรวมเล่มที่เหลือ [01/02/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: nomo9 ที่ 06-02-2011 18:48:34
สวัสดีค่ะ
กีสสสสสสสสสสสสส
ขอเริ่มด้วยการกรี๊ดแล้วกันนะ ชอบน้องนะกับพี่อ๊อฟมาก แล้วก็ชอบเป้กะวิวด้วยเช่นกัน
อ่านแล้วมีความสุข งุงิงุงิ ^^
เมล์ไปถามแล้วนะคะ ตอนนี้อยากได้ทุกเล่มเลย บวกหนับหนุนให้รวมตอนพิเศษเพิ่มอีก เอาอีกๆๆๆๆๆ
ขอบคุณป้ามากนะค่ะ สำหรับความสุขที่ให้มา
กอดแน่นๆ สองทีเลย ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้งจำนวนรวมเล่มที่เหลือ [01/02/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 09-02-2011 13:31:46
เย่!!!! ในทีสุดก็อ่านจบแล้วค่ะ


หลังจากที่เรื่องจบไปแล้วประมาณชาติกว่าๆ 55555+



อยากจะบอกก่อนเลยค่ะว่าชอบน้องนะกับพี่อ๊อฟมากเป็นพิเศษ


แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบวิวกับเป้นนะคะ



โดยส่วนตัวแล้วจะชอบนายเอกที่มีความเป็นเด็กในตัวเองเยอะๆแบบน้องนะนี่แหละค่ะ



สเปคมากเลย  :z1:



เนื้อเรื่องถึงจะไม่ซับซ้อนต้องให้คนอ่านลุ้นกันจนนอนไม่หลับ


แต่ก็มีสเน่ห์ที่มันเป็นเรื่องอิงความจริงที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้


โดยไม่ต้องจินตนาการไปไกลถึงดาวอังคารให้เหนื่อย


ชอบมากๆเลยค่ะ ต้องขอบคุณมากนะคะที่ขยันแต่งเรื่องที่ทำให้คนอ่านมีความสุขได้แบบนี้



ส่วนที่บอกว่าจะมีรวมเล่มน้องนะกับอ๊อฟ และก็วิวกับเป้อีกรอบ


สนใจค่ะ เดี๋ยวรอเช็คกำลังทรัพย์แล้วจะส่งเมลไปจองนะคะ


ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:




ปลล.เรื่องแม้นมั่นคำสัญญายังไม่ได้อ่านเลย ขอตามไปอ่านก่อน ถ้าถูกใจจะได้สั่งด้วยเลย  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้งจำนวนรวมเล่มที่เหลือ [01/02/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-02-2011 21:34:04
nomo9  ดีใจที่สองคู่นี้ทำให้อ่านแล้วมีความสุขนะคะ ไม่แน่ใจว่าใช้อีเมล์ไหนส่งมาเพราะช่วงนี้เมล์มาหลายอัน
แต่คิดว่าคงได้ตอบไปแล้วเนอะ?  แล้วก็ขอกอดตอบแน่นๆ ด้วยเลยค่า  :man1:

choiijiin  อา....ได้อ่านคอมเมนต์ยาวๆ แบบนี้ทีไรยิ้มเป็นคนบ้าทุกทีเลย ขอบคุณมากนะคะ
ตอนเริ่มเขียนเรื่องนี้เราก็อยากถ่ายทอดเรื่องชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมดาๆ นี่แหละ
ถึงจะไม่มีอะไรหวือหวา แต่ก็อยากให้คนที่อ่านได้ซึมซับบรรยากาศและเส้นทางการคบกันของสองคู่นี้มากกว่า
ส่วนบุคลิกน้องนะก็ตั้งใจให้เด็กๆ แบบนี้เลย น่าปลื้มแทนน้องเขาที่มีแฟนคลับเพิ่มอีกคนแล้ว ^^
สำหรับหนังสือ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ส่งเมล์มาแล้วกันนะคะ และยืนยันว่าแม้นมั่นคำสัญญาสนุก + เนื้อหาดีคุ้มค่าการสะสมแน่ๆ ค่ะ (ขอโฆษณาหน่อย อิอิ)  :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้งจำนวนรวมเล่มที่เหลือ [01/02/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyYY ที่ 24-04-2011 11:08:32
อ๊ากกกกกกกกก เงินหนูหมด

อยากได้ๆๆ รอรอบรีปริ้นเลยแล้วกัน -..-
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้งจำนวนรวมเล่มที่เหลือ [01/02/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 24-04-2011 12:22:55
มาช่วยคุณรินยืนยันว่าเรื่องคุณรินสนุกน่ารักทุกเรื่อง
คู่ควรแก่การสะสมทุกเรื่องโดยเฉพาะแม้นมั่นฯปกสวยมาก o13
ปล.เป็นแฟนคลับเรื่องคุณรินเฉยๆไม่ได้ค่าโฆษณาหรือมีผลประโยชน์ไรด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้งจำนวนรวมเล่มที่เหลือ [01/02/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-04-2011 19:33:08
sweetyYY  หนังสือพิมพ์ใหม่เรื่อยๆ ค่ะ ถ้าสะดวกก็พีเอ็มมาสั่งซื้อตรงหรือไปซื้อที่ร้าน @Quartette ชั้น 7 เอ็มบีเคก็ได้

คุณ kakuro  เค้ารักคนนี้ที่สุดเล้ย ขอบคุณมากค่า (แล้วจะรีบเขียนนิยายมาให้อ่านอีกน้า)  :man1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน แจ้งจำนวนรวมเล่มที่เหลือ [01/02/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 26-04-2011 10:02:40
ชอบทั้ง  2  คู่เลย

น่ารักมาก

+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-05-2011 10:57:42
ไม่ได้เขียนถึงคู่นี้เสียนานทั้งที่โดนตอด เอ๊ย โดนถามหาอยู่เรื่อยๆ แต่เรื่องที่เขียนค้างก็ไม่ไปถึงไหนเสียที ประจวบเหมาะกับเพิ่งกลับมาทำงานประจำและติดสอบคอมพรีฯ ป.โทจนเครียดจัด อยากหาอะไรทำให้คลายเครียดบ้าง และก็กลายเป็นคิดถึงเป้กับวิวขึ้นมาจนได้ตอนพิเศษตอนนี้นี่ละค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านรวมเล่มอาจงงๆ นิดหน่อยว่าน้องหว้าที่เป็นน้องชายวิวโผล่มาจากไหน พอดีเวอร์ชั่นในบอร์ดจะไม่เคยเอ่ยถึงน้องเขามาก่อนเลย แต่น้องหว้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของวิวที่เด็กกว่าแปดปี และครั้งนี้ก็ได้เกียรติรับเชิญให้มีบทพูดเป็นครั้งแรก ก็ขอฝากสวัสดีและต้อนรับน้องหว้ากันด้วยนะคะ (ทำยังกับต่อไปจะเอามาเขียนเรื่องให้แน่ะ ฮ่าๆๆ)

ป๋อหลอ ตอนพิเศษนี้ประจวบเหมาะที่ดันเขียนเสร็จวันวิสาขฯ พอดี แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับวันวิสาขฯ เลยนะจ๊ะ เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-05-2011 10:59:51
ลำนำรักสีรุ้ง

ตอนพิเศษ หนึ่งเดือน
(ขออภัยที่ชื่อตอนง่อยมากมาย แบบว่าคิดไม่ออกง่า)  :z3:


(วิว)

อากาศภายในห้องนอนซึ่งอยู่บนชั้นหกของหอกำลังสบาย อุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวถึงแม้จะเปิดเพียงแค่พัดลมตั้งพื้น แสงอาทิตย์โพล้เพล้ภายนอกหน้าต่างระบายริ้วสีแดงและม่วงให้แทรกแซมไปบนผืนฟ้าอมเทา หลังจากมองไปข้างนอกสักครู่ผมก็ดึงสายตากลับมายังหนังสือเล่มที่อ่านมาตั้งแต่นั่งเอนหลังบนเตียงเมื่อตอนบ่าย ขณะเดียวกันช่วงขาที่เริ่มเป็นเหน็บจากการถูกใครบางคนเอาหมอนมาวางแล้วหนุนทับก็เริ่มออกอาการประท้วงให้ผมขยับเปลี่ยนท่า แต่เพราะเห็นว่าคนที่หนุนตักกำลังหลับสนิทก็เลยยังไม่อยากรบกวน แต่ถ้าผมเมื่อยขามากๆ จนทนไม่ไหวก็คงไม่ทนแล้วเหมือนกัน...

RRRrrrrr….

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงทำให้ผมรีบหันไปหยิบขึ้นกดรับ เพราะถึงแม้ว่าจะปรับระดับเสียงให้ต่ำเอาไว้ แต่ในห้องที่ไม่มีเสียงอื่นนอกจากเสียงพัดลมแบบนี้ แค่เสียงเรียกเข้าเบาๆ ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่กำลังหลับขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ลืมตาได้แล้ว

“ฮัลโหล หว้าเหรอ? ถึงขนส่งหรือยัง?”

พอเห็นว่าคนที่โทรมาคือน้องชายที่เรียนอยู่ ม. 2 ผมก็ถามทันทีโดยไม่ต้องทักทาย เพราะเย็นนี้หว้าต้องขึ้นรถทัวร์จากท่ารถขนส่งที่สกลนครเพื่อเดินทางมากรุงเทพฯ เนื่องจากช่วงนี้เพิ่งจะปิดเทอมภาคแรกได้ไม่นาน และน้องชายผมก็สมัครเรียนกวดวิชาที่นี่เอาไว้ ดังนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจึงจะมาพักอยู่กับผมจนกว่าจะเรียนกวดวิชาจบคอร์ส ส่วนผมเองก็ไม่ได้กลับบ้านเพราะตั้งใจจะไปฝึกงานที่บริษัทของรุ่นพี่ซึ่งผมไปช่วยเป็นประจำ ดังนั้นแผนการนี้จึงลงตัวดีไม่มีปัญหา

“เพิ่งจะมาถึงแล้วก็ได้ขึ้นรถเนี่ย เพราะแม่กลัวหว้าจะลืมนั่นลืมนี่เลยมารื้อกระเป๋าแล้วช่วยจัดให้ใหม่ก่อนออกจากบ้าน พ่อเลยพามาส่งช้าเลย นี่พ่อเพิ่งจะกลับบ้านไปเอง”

ผมอดยิ้มแล้วท้วงไม่ได้ “โตจนจะเป็นหนุ่มแล้วยังปล่อยให้แม่ช่วยจัดกระเป๋าอีกนะเรา แต่มาอยู่หอแล้วพี่ไม่คอยโอ๋เหมือนแม่นะบอกไว้ก่อน”

“โถ่พี่วิว หว้าก็ไม่ได้ขอให้แม่ช่วยซะหน่อย แต่แม่บอกว่าหว้าขี้ลืมเลยไม่ไว้ใจนี่นา”

น้องชายผมโอดมาตามสาย ผมเลยสั่งสอนซ้ำให้เสียเลย “คราวหลังหว้าก็หัดจดไว้สิว่าต้องทำอะไรบ้างจะได้ไม่ลืม ยังไงพรุ่งนี้พอใกล้ๆ จะถึงหมอชิตก็โทรมาอีกทีด้วยล่ะ พี่จะได้ออกไปรับ”

“อืม...แล้วพี่วิวจะมารับหว้ายังไงอะ? นั่งแท็กซี่มาเหรอ? หรือใครขับรถมาส่ง?”

เสียงน้องชายผมช่วงท้ายประโยคฟังดูเจ้าเล่ห์ชอบกล แต่บางทีผมอาจจะหูเฝื่อนเองก็เลยไม่ได้ติดใจ คำถามนั้นทำให้ผมเหลือบตาลงมองคนที่พรุ่งนี้เช้าจะขับรถไปส่งที่หมอชิต แล้วก็เลยสางนิ้วเข้าไปในเรือนผมสีดำสนิทเบาๆ อาจเพราะเป้ไม่ได้ไปตัดผมมาหลายเดือน ช่วงนี้เลยผมยาวจนจะพันรอบนิ้วชี้ผมได้สองรอบอยู่แล้ว

“เดี๋ยวคงให้เพื่อนขับรถไปมั้ง คืนนี้เขามาค้างที่หออยู่แล้วด้วย ยังจำพี่เป้ที่เคยไปเที่ยวบ้านเมื่อปิดเทอมปีก่อนได้รึเปล่า?”

คำตอบของผมเรียกเสียงหัวเราะจากปลายสาย แต่ไม่รู้ทำไมฟังแล้วให้นึกอยากเขกหัวเจ้าของเสียงซะอย่างนั้น “อ๋ออออ....จำได้สิจำได้ ก็เพื่อนมหา’ลัยที่พี่วิวพามาบ้านก็มีแต่คนนั้นนี่ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าใกล้ๆ ถึงกรุงเทพฯ แล้วหว้าจะโทรหาอีกทีแล้วกัน ฝากสวัสดีแฟ...เอ๊ย! พี่เป้ด้วย หว้าจะกินข้าวกล่องที่เขาแจกละ บายยยย”

ผมกดตัดสายด้วยความรู้สึกตะหงิดๆ อย่างบอกไม่ถูกก่อนจะวางมือถือไว้ที่เดิม จากนั้นก็ก้มลงมองพ่อคุณชายที่นอนหนุนตักมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นที่ใส่ทำให้เห็นกล้ามเนื้อเวลาร่างสูงใหญ่ขยับตัวได้อย่างชัดเจน ผมเลยรู้ว่าเป้คงรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ และตัดสินใจได้ว่าควรแก่เวลาที่จะปลุกหมอนี่อย่างจริงจังเสียที

“เป้...ตื่นได้แล้ว จะหกโมงเย็นแล้วนะ ขืนไม่ลุกเดี๋ยวคืนนี้ก็นอนไม่หลับหรอก”

ผมเรียกพลางพยายามจะเขย่าขาข้างที่โดนหนุนทับไปด้วย แต่พอเห็นอีกฝ่ายไม่หือไม่อือและเอาแต่นอนนิ่ง คราวนี้ผมเลยใช้สองมือผลักไหล่เจ้าคนที่นอนคว่ำและโอบเอวผมเอาไว้ ตั้งแต่ตอนที่บ่นว่าง่วงแล้วมาเบียดเบียนตักผมเมื่อชั่วโมงกว่าที่ผ่านมา พ่อคุณชายก็นอนหลับท่านี้มาตลอดโดยไม่เปลี่ยนท่าเลย ไม่เมื่อยบ้างหรือไงก็ไม่รู้

“อืม...”

คนถูกปลุกหดไหล่แล้วรัดแขนรอบเอวผมแน่นขึ้น แต่เรียวคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นก่อนเจ้าตัวจะฝังหน้าคว่ำลงก็บอกให้รู้ว่าคงไม่ค่อยชอบใจที่ถูกรบกวนการนอน ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเวลาหมอนี่อยู่บ้านแล้วจะโดนพ่อกับแม่ตามใจยังไงบ้าง แต่เวลามาอยู่ห้องผมน่ะจะทำตัวงอแงเป็นเด็กๆ ไม่ได้หรอกนะ

“บอกว่าให้ตื่นไงเป้ ไม่งั้นก็นอนบนเตียงให้มันดีๆ วิวขาชาไปหมดแล้วนะ”

“อื้อออ...”

พอถูกบ่นใส่ ในที่สุดเจ้าเด็กโข่งตัวโตก็ยอมยันตัวขึ้นจากตักผมแม้จะดูออกว่าไม่ค่อยเต็มใจ มือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นเสยผมที่โดนทับซะจนไม่เป็นทรงออกจากหน้าผาก หน้าตายับยู่ยี่เนื่องจากถูกบังคับให้ตื่น แถมแก้มข้างที่นอนทับหมอนมาตลอดยังเป็นรอยกดทับจนแดงเป็นปื้นด้วย ผมเองถึงจะเจ็บขาจี๊ดหลังจากเป้ลุกไปเพราะเลือดลมเริ่มเดินสะดวกขึ้น แต่พอเห็นสภาพของคนตรงหน้าก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะพ่อคนหล่อของพวกสาวๆ เวลาเพิ่งตื่นก็ดูไร้สภาพพอๆ กับคนหน้าตาจืดๆ อย่างผมนี่แหละ

“เมื่อกี้หว้าโทรมาบอกว่าจะขึ้นรถคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าน่าจะถึงหมอชิต เดี๋ยวเป้พาไปรับด้วยนะ”

ผมบอกพลางเอามือนวดขาข้างที่เป็นเหน็บไปด้วย แต่ครั้นจะขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถก็ทำเร็วๆ ไม่ได้เพราะมันทั้งชาทั้งจี๊ดไปหมด ความแปลกใจที่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากคนตรงหน้าทำให้ผมเหลือบตาขึ้น และเห็นว่าเป้กำลังนั่งขัดสมาธิกอดหมอนที่ใช้หนุนเมื่อครู่โดยเอาคางเกยไว้แล้วทำหน้าไม่สบอารมณ์

“จริงๆ ไม่เห็นต้องห้ามเป้มาค้างช่วงที่หว้ามาอยู่ด้วยก็ได้นี่ น้องก็เคยเจอเป้มาก่อนแล้ว ถึงจะนอนรวมกันก็คงไม่มีปัญหาหรอกน่ะ”

ผมฟังแล้วก็ได้แต่เอนหลังพิงเตียงอย่างเดิมแล้วมองคนพูดอย่างระอา ก็จริงอยู่ว่าเป้กับหว้าเคยเจอกันแล้วตอนที่เป้ตามไปเยี่ยมบ้านผมหลังจากเราเพิ่งตกลงคบกันก่อนขึ้นปีสาม และเท่าที่จำได้ ถึงสองคนนี้จะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่ก็นับได้ว่าคุ้นเคยกันดีพอประมาณ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียหน่อย

“ถ้าอย่างนั้นจะนอนกันยังไง? ก็เห็นอยู่ว่าห้องเล็กแค่ไหน ถ้าขืนมาอัดกันอยู่สามคนจริงๆ ก็ต้องมีคนนึงนอนบนพื้นน่ะสิ เป้จะยอมเป็นคนที่ต้องนอนพื้นไหมล่ะ?”

ผมถามพลางบุ้ยคางไปทางพื้นบริเวณหน้าห้องน้ำไปด้วย เพราะว่าห้องผมก็ไม่ได้ใหญ่โตกว้างขวาง แค่เป้ชอบมาค้างด้วยบ่อยๆ ก็ทำเอาห้องเล็กลงตั้งเยอะแล้ว ถ้าขืนหมอนี่ยังยืนกรานจะมานอนกับผมอีกทั้งที่มีหว้าอยู่ด้วยคงได้อึดอัดกันเข้าไปใหญ่ แถมถ้าอย่างนั้นเจ้าน้องชายผมคงได้สงสัยแน่ว่าทำไมเป้ก็มีบ้านแต่ยังต้องมาค้างที่หอผมอีก ผมไม่อยากให้น้องชายที่ยังเด็กตกใจที่พี่ชายดันมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกันนี่นา

เป้ทำปากยื่นแล้วกอดหมอนแน่นขึ้น แล้วจู่ๆ ก็โยนหมอนที่กอดไว้ลงข้างเตียงแล้วฉุดขาผมข้างที่ยังไม่หายเป็นเหน็บเข้าหาตัวเองจนผมหงายหลัง อาการเสียวๆ ชาๆ จากการขยับตัวเร็วเกินไปบวกกับความตกใจทำเอาผมร้องเสียงดัง

“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรเนี่ยเป้! มันเจ็บนะ!!”

ผมชันศอกขึ้นแล้วดิ้นขลุกขลักขณะที่เป้ดึงขาข้างนั้นของผมขึ้นไปพาดไหล่ขวาของตัวเอง ส่วนขาอีกข้างก็โดนช้อนขึ้นให้พาดบนแขนซ้าย ตอนนี้ร่างกายท่อนล่างของผมเลยทับอยู่บนหน้าขาเจ้าคนตัวใหญ่เต็มๆ ดูจากรูปการณ์แล้วยังไงก็ไม่ดีต่อสวัสดิภาพตัวเองแน่ๆ เป้ใช้มือข้างหนึ่งสอดนิ้วเข้าในมือผมแล้วกดไว้กับเตียง จากนั้นก็ยิ้มมุมปากแบบที่ดูแล้วน่าโดนเตะเป็นที่สุด

“เรื่องอะไรเป้จะนอนพื้น ที่ประจำเป้อยู่บนเตียงนี่นา หว้านั่นแหละต้องไปนอนพื้นเพราะมาทีหลัง”

พ่อตัวดีพูดไปก็ก้มลงพ่นลมหายใจอุ่นร้อนสลับกับไล้ริมฝีปากบนซอกคอผมไปด้วย ว่าแต่นี่มันตรรกะบ้าบออะไรของเขาเนี่ย!!??

“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับมาทีหลังที่ไหนเล่า!! น้องมาอยู่ด้วยก็ต้องให้นอนเตียงสิ แค่เดือนเดียวนี่ทนหน่อยไม่ได้รึไง!!??”

ผมยังไม่เลิกดิ้นและใช้วิธีเตะไหล่หนาให้ออกห่างเพื่อให้ตัวเองพ้นจากสถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบ แต่พอพลิกตัวนอนคว่ำเพื่อจะคลานหนีลงจากเตียง ไอ้คุณชายที่พอตื่นจากนอนกลางวันปุ๊บก็ทำตัวเหมือนคนร้ายหื่นกามปั๊บก็ฉุดขาผมกลับไปแล้วคร่อมทับลงมาจากด้านหลังอีก แถมคราวนี้ยังเล่นโกงด้วยการดึงกางเกงผมทั้งตัวนอกตัวในลงพร้อมกันด้วย มือผมที่เมื่อครู่ตะกายยึดผ้าปูเตียงไว้เลยรีบเปลี่ยนเป็นลดลงไปรั้งกางเกงขึ้นสุดชีวิต

“เฮ้ย! เป้!! ไม่เล่นนะ!!”

“ทำขนาดนี้ใครเขาจะเล่น ถ้าวิวไม่ยอมให้เป้มาค้างด้วยตลอดทั้งเดือน เป้ก็ต้องขอมัดจำไว้ให้คุ้มก่อนสิ ไม่ต้องห่วงหรอก นี่เพิ่งหัวค่ำเอง ยังไงพรุ่งนี้ก็ตื่นทันไปรับหว้าแน่ๆ”

เป้พูดจบก็บิดคางผมให้หันไปรับจูบโดยที่กดร่างกายท่อนล่างลงเบียดกับสะโพกผมมากขึ้น และผมก็ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ขณะที่โดนจับถอดเสื้อผ้าโดยที่เป้ไม่ยอมปล่อยมือหรือริมฝีปากผมให้เป็นอิสระอีกเลย กลับกลายเป็นว่ายิ่งผมดิ้นเท่าไหร่หมอนี่ยิ่งชอบใจ อุณหภูมิห้องที่น่าจะต่ำลงเพราะพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วเลยกลับร้อนขึ้นเพราะความอุ่นจากผิวกายเปลือยเปล่าที่แนบสัมผัส กว่าจะรู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง และผมก็เหนื่อยหอบจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจะดิ้นหนีอีกแล้วไม่ว่าเป้จะทำอะไร นี่มันไม่มีวิธีไหนจะใช้ดัดนิสัยเจ้าคนที่ชอบแถแล้วฉวยโอกาสกับผมแบบข้างๆ คูๆ มั่งเลยหรือไงนะ!?


++------++


(เป้)

ผมเหลือบตาดูนาฬิกาที่บอกว่าเป็นเวลาเกือบสามทุ่มก่อนจะหันกลับมามองคนที่นอนหลับตาอยู่บนเตียง หลังจากที่เพิ่งจบยกสุดท้ายไปและวิวขู่ผมเสียงเหนื่อยๆ ว่าถ้ายังไม่หยุดจะไม่คุยด้วยทั้งเดือนแล้ว พวกเราสองคนก็ยังไม่ได้สวมเสื้อผ้ากันเลย ผมเพียงแต่เข้าห้องน้ำไปเอาผ้าชุบน้ำมาช่วยเช็ดตัวทำความสะอาดให้คนที่นอนหมดแรง ผิวหน้ากับผิวกายของวิวยังเรื่อสีเลือดฝาดจากกิจกรรมที่พวกเราเพิ่งทำจบกันไป นัยน์ตาดำขลับทั้งสองข้างปิดสนิทก็จริง แต่ลมหายใจที่ยังติดหอบอยู่นิดๆ ก็ทำให้ผมรู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้หลับ แต่คงจะเพลียจนคร้านจะลืมตามาทำตาดุใส่ผมเสียมากกว่า ริมฝีปากที่บวมแดงเล็กน้อยเพราะถูกจูบปิดเสียงไปเสียหลายทีดึงดูดให้ผมก้มลงไปจูบอีกทีเร็วๆ และคราวนี้วิวยอมหรี่ตาขึ้นมองผมช้าๆ แบบไม่ค่อยเต็มใจ พอเห็นผมยิ้มตอบให้ก็สะบัดหน้าหนีซะอย่างนั้น

“ขอโทษ ก็เดี๋ยวจะไม่ได้นอนเตียงเดียวกันตั้งเป็นเดือน เป้ก็ขอตักตวงเก็บไว้หน่อยสิ”

ผมยกมือของวิวขึ้นมาแนบบนริมฝีปากแล้วทำเสียงอ้อน คราวนี้คนที่เมื่อกี้หันหน้าหนีเลยหันกลับมามองผมตาดุ แต่แก้มสองข้างซับสีเลือดจนแดงก่ำ

“เงียบไปเลย เอะอะๆ ก็ตักตวงตลอด ทีหลังลองเป็นคนโดนทำดูบ้างสิจะได้รู้ว่ามันเหนื่อย!”

ผมแกล้งเลิกคิ้ว ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงโดยไม่ปล่อยมือแล้วก้มลงมองวิวยิ้มๆ “ความจริงถ้าวิวอยากเป็นคนทำบ้างเป้ก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่คิดอีกที...เป้ทำแหละดีแล้ว เพราะเป้ชอบเวลาได้อยู่ในตัววิวมากกว่านี่นา”

คราวนี้คนที่เมื่อกี้ก็หน้าแดงอยู่แล้วดูเหมือนจะยิ่งแดงกว่าเดิมเข้าไปอีก “อะ...ไอ้หน้าด้าน! คืนนี้ไม่ต้องมานอนใกล้ๆ เลยนะ!! ไปนอนบนพื้นโน่นเลยไป!!!”

พอพูดจบปุ๊บวิวก็พลิกตัวหนีผมแล้วคว้าผ้าห่มไปคลุมโปงซะมิด ผมมองท่าทางแบบนั้นแล้วก็ได้แต่หัวเราะ นี่ขนาดคบกันมาปีกว่าแล้วนะ ไอ้เรื่องที่ผมชอบพูดอะไรตรงๆ นี่ดูเหมือนยังไงก็ยังทำให้วิวเขินอยู่ดีสิน่า

“อย่าโหดนักสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเป้ก็ไม่ได้มานอนด้วยทั้งเดือนเลยนะ วิวจะใจร้ายให้เป้นอนบนพื้นจริงๆ เหรอ?”

ผมยังอดก้มลงไปกระซิบแหย่ไม่ได้ และได้คำตอบเป็นเสียงฮึ่มฮ่ำในคอจากคนที่ยังไม่ยอมหันมาหา ผมเลยยิ้มแล้วขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ จากนั้นก็ลุกเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าบ้าง ไอ้การอาบลมห่มฟ้าต่อหน้าวิวทั้งคืนน่ะผมไม่อายหรอก แต่ผมกลัวว่าขืนนอนด้วยกันทั้งที่ตัวเองไม่ใส่อะไร เดี๋ยวจะพาลอดใจไม่อยู่ เผลอปล้ำวิวระหว่างที่หลับเข้า คราวนี้ไอ้ที่จะไม่ได้มานอนด้วยทั้งเดือนมันจะกลายเป็นนานกว่านั้นเอาน่ะสิ แค่เมื่อกี้ต้องกำราบคนที่ทั้งทุบทั้งเตะผมในยกแรกนั่นก็กินพลังงานไปไม่ใช่น้อยแล้ว

หลังจากอาบน้ำเสร็จและใส่เสื้อกล้ามตัวใหม่กับกางเกงขาสั้น ผมก็ชะโงกดูวิวที่ยังนอนคลุมโปงหันหลังให้อีกที แต่ดูเหมือนเจ้าตัวคงลุกไปใส่เสื้อผ้าระหว่างที่ผมอาบน้ำก่อนจะกลับมานอนใหม่ เสียงหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวหลับไปแล้ว ซึ่งก็คงจะเพราะความเหนื่อยมากกว่าอย่างอื่นเพราะปกติวิวไม่ใช่คนนอนเร็ว แต่ผมก็รู้กาลเทศะดีเกินกว่าจะปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาแกล้ง เลยแค่หันไปเปิดแอร์ให้ก่อนจะหยิบบุหรี่กับไฟแช็คแล้วออกไปสูบที่ระเบียงหน้าห้อง

ท้องฟ้าในคืนเดือนแรมมีลมโชยแผ่วๆ และกลุ่มเมฆหนาครึ้มจนแทบไม่เห็นดาว แต่ตรงระเบียงก็ไม่ได้มืดมากเพราะได้แสงจากโคมไฟในห้องที่ส่องทะลุกระจกออกมาลางๆ ผมยืนเท้าศอกบนขอบระเบียงพลางสูบบุหรี่ไปสักพักก็รู้สึกว่ามือถือในกระเป๋ากางเกงสั่น พอหยิบขึ้นดูว่าใครโทรมาก็ได้แต่แยกเขี้ยวแล้วกดรับ

“ฮัลโหล?”

“พี่เป้เหรอ? นี่หว้าเองนะ พรุ่งนี้ต้องมารับผมที่หมอชิตกับพี่วิวใช่ม้า ฮ่าๆๆ”

ผมนึกหน้าคนพูดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างหน่ายๆ ถึงเราจะเคยเจอกันตอนผมไปบ้านวิวที่สกลนครแค่ครั้งเดียวก็จริง แต่ผมกับหว้าก็สนิทกันกว่าที่วิวคิด เพราะว่าไอ้เจ้าหนูนี่ดันรู้เรื่องที่ผมกับวิวเป็นแฟนกันไปแล้วทั้งที่พี่ชายพยายามปิดแทบตาย จะว่าไปก็ความผิดผมเองที่ดันแอบไปหอมแก้มวิวตอนกำลังหลับให้หว้าเห็นพอดี

“เออสิ เราน่ะทำพี่เกือบทะเลาะกับพี่วิวเลยนะ แล้วนึกยังไงถึงโทรมาตอนนี้? ขืนพี่เขารู้ว่าหว้ามีเบอร์พี่ คราวนี้ได้งานเข้ากันทั้งคู่แน่”

ปลายสายทำเสียงเหมือนกำลังห่อปากพ่นลม “ก็ผมนอนบนรถไม่หลับนี่นา จริงๆ เมื่อกี้ก็โทรเข้ามือถือพี่วิวแล้วแต่เขาไม่รับ ผมเลยลองโทรมาหาพี่เป้ดู กะว่าถ้าไม่รับเหมือนกันจะได้รู้ว่ากำลังอิ๊อ๊ะกันอยู่ แต่นี่แป๊บเดียวพี่เป้ก็รับแล้ว แสดงว่าไม่ได้อยู่กับพี่วิวอะดิ?”

ผมยิ้มมุมปากขณะใช้มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหู ส่วนอีกมือคีบบุหรี่ลงจากปากแล้วพ่นควันออกช้าๆ หางตาปรายมองไปทางคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงแล้วก็ยิ้ม ที่วิวไม่ตื่นมารับสายก็ไม่แปลกหรอก เพราะผมปิดเสียงเครื่องให้เองจะได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่

“...เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำเป็นรู้มาก แล้วก็อย่าลืมล่ะว่าพี่วิวเขายังไม่อยากให้หว้ารู้เรื่องของพวกพี่ ดังนั้นมาอยู่นี่อย่าเผลอไปแซวพี่เขาหรือปากโป้งขึ้นมาเด็ดขาด ไม่งั้นไอ้ที่เคยตกลงกันไว้เป็นอันโมฆะทันที เข้าใจมั้ย?”

ผมกำชับก่อนจะยกบุหรี่ขึ้นดูดอีกอึกแล้วขยี้ก้นกรองลงบนดินในกระถางต้นไม้ตรงระเบียง และได้ยินหว้าลากเสียงยาวตอบกลับมา “คร้าบบบบบบๆๆ แหม พ่อบุญทุ่มของหว้าเอ่ยปากขอทั้งทีก็ต้องทำอยู่แล้ว อีกอย่างผมก็ไม่อยากโดนพี่วิวโกรธเหมือนกันล่ะ คนนั้นเวลาดุน่ากลัวยิ่งกว่าพ่ออีก”

ผมฟังแล้วก็หัวเราะ พอจะนึกออกว่าทำไมหว้าถึงได้ขยาดเวลาโดนพี่ชายดุ ถึงแม้สำหรับผมแล้วตอนวิวทำหน้าดุจะดูน่ามันเขี้ยวจนน่าดึงเข้ามากอดแรงๆ มากกว่าก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่หว้าเรียกผมว่าพ่อบุญทุ่ม เพราะหลังจากที่รู้ว่าผมกับพี่ชายเป็นแฟนกันหลังจากผมไปเที่ยวบ้านคราวนั้น และรู้ว่าวิวยังไม่อยากบอกเรื่องผมกับครอบครัว เจ้าหนูนี่เลยมาแบล็คเมล์ขอค่าปิดปากจากผม แต่เหมือนแบบขำๆ ซะมากกว่าเพราะที่ขอก็มีแค่เวลาอยากได้ของเล่นบางอย่างหรือเวลาใช้ค่าโทรศัพท์เกินจากที่พ่อกับแม่กำหนดให้แล้วค่าขนมไม่พอจ่าย แต่โชคดีที่เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และผมก็จะกำชับเสมอเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องตัวเองว่าต้องหัดดูแลการเงินหรือจำกัดความอยากมีอยากได้ เพราะอย่างวิวเองก็ไม่ใช่คนชอบใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และหากเรื่องที่ผมกับหว้าช่วยกันสมรู้ร่วมคิดปิดบังคนที่บ้านให้ดันแตกขึ้นมาเมื่อไหร่ ถ้าวิวรู้ว่าผมเสียค่าปิดปากหว้าไปมากๆ ล่ะก็คงได้เป็นเรื่องใหญ่โตแน่

“รู้อย่างนั้นก็ดี แล้วก็เวลามาอยู่กับพี่วิวน่ะต้องดูแลพี่เขาดีๆ รู้มั้ย อย่าไปอ้อนหรือทำตัวน่าโมโหใส่ให้พี่เขาหงุดหงิดล่ะ”

ผมกำชับอีกครั้ง ทั้งที่รู้ดีว่าคนที่ชอบอ้อนและทำตัวน่าโมโหใส่วิวมากที่สุดก็น่าจะเป็นผมเอง แต่ผมก็อยากสงวนสิทธิ์ที่ว่าไว้แค่คนเดียวนี่นา

“พูดเหมือนพ่อกับแม่ผมอีกคนแล้วสิ วันนี้เจอแต่คนเทศน์เหมือนๆ กันเลยแฮะ ผมนอนดีกว่า ยังไงพรุ่งนี้เช้าอย่าลืมมารับที่หมอชิตด้วยนะ พี่เป้เองก็ดูแลพี่ชายผมดีๆ ด้วย ถ้าเกิดทำพี่วิวเสียใจล่ะก็ผมไม่ไว้หน้าแน่ๆ”

“ไม่มีทางอยู่แล้วไอ้หนู จะนอนก็นอนไปเลย พี่จะไปอ้อนพี่วิวต่อแล้ว”

ผมได้ยินเสียงจึ๊กจั๊กจากคู่สนทนาก่อนที่จะตัดสายไป เลยเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงอย่างเดิมก่อนจะหันหลังพิงระเบียงแล้วแหงนหน้าขึ้นมองฟ้ายิ้มๆ  จนกระทั่งคิดว่ากลิ่นบุหรี่น่าจะโดนลมพัดจนไม่ค่อยติดจมูกแล้ว จึงค่อยเลื่อนประตูกระจกแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง หลังจากปิดโคมไฟแล้วก็ก้มลงแตะไหล่คนที่ยังนอนตะแคงแต่กินที่กลางเตียงอยู่คนเดียวเบาๆ

“วิวครับ ขอเป้นอนด้วยคนสิ”

“อืม...”

คนถูกขอส่งเสียงครางอย่างสะลึมสะลือพลางกระถดตัวเข้าไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงให้ ท่าทางคงจะเพลียจนลืมไปแล้วว่าไล่ผมให้ไปนอนพื้น พอผมเลิกชายผ้าห่มอีกด้านขึ้นและเอนตัวลงบ้าง คนที่นอนอยู่ก่อนก็พลิกตัวกลับมาทางผมแล้วซุกตัวเข้าหา แต่เหมือนคงทำไปด้วยความเคยชินมากกว่าเพราะเสียงลมหายใจเป็นจังหวะราบเรียบไม่สะดุด ผมเลยยิ้มแล้วตะแคงตัวไปจูบหน้าผากวิวเบาๆ จากนั้นก็โอบแขนข้างหนึ่งพาดบนเอวพอที่จะไม่ให้คนหลับรู้สึกอึดอัด

ผมระบายลมหายใจยาวแล้วหลับตาลงบ้าง ความสบายใจและไออุ่นจากคนในอ้อมแขนทำให้ผมข่มตาหลับทั้งที่ยังหัวค่ำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ถึงแม้จะเสียดายที่จะไม่ได้มาค้างด้วยไปอีกตั้งหนึ่งเดือน แต่เวลาเพียงแค่นั้นก็ถือได้ว่าสั้นจนไม่ต้องใส่ใจเลยหากเทียบกับอนาคตข้างหน้าที่เราสองคนจะใช้ร่วมกัน

จะมีสักกี่คนบนโลกที่โชคดี เจอคนที่เรารักและรับตัวตนทุกอย่างของเขาได้ เช่นเดียวกับที่เขาก็ตอบรับความรู้สึกและยอมรับความเป็นเราได้ทุกอย่าง ถึงแม้ในอดีตผมอาจจะเคยมีคนที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นมาก่อนและเสียเธอให้คนอื่นไปแล้ว แต่สำหรับสิ่งที่ผมกับวิวมีให้แก่กันในตอนนี้ ผมเชื่อว่านี่คือปัจจุบันที่เราจะร่วมกันหล่อเลี้ยงให้มันกลายเป็นอนาคตอันมั่นคงอย่างไร้ข้อสงสัย

ก็ในเมื่อคนในอ้อมแขนผมคนนี้น่ะ...ได้รับทั้งตัวและหัวใจผมไปจนไม่เหลือจะมองคนอื่นแล้วนี่นา...


++---End---++


หวังว่าตอนนี้คงทำให้แฟนๆ เป้-วิวหายคิดถึงคู่นี้กันไปได้บ้างนะค้า แล้วพบกันใหม่เมื่อมีตอนใหม่ค่า~  :o8:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 17-05-2011 11:16:27
พิเศษจริง ๆ น่ารักทั้งเป้และวิว
เอิ๊กกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-05-2011 11:26:57
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :-[
ดีใจจริงๆค่ะ คิดถึงเป้วิวเสมอ
เวลามาอ่านตอนนี้ทำให้มองเห็นการพัฒนาของตัวละครนะคะ
ตอนวัยนักศึกษา วัยทำงาน วุฒิภาวะเพิ่มขึ้นเห็นชัดเจนเลย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 17-05-2011 11:32:02
น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 17-05-2011 12:00:07
 :m3:ดีใจที่ได้เจอ
เป้กับวิวหวานกันตลอด
อิจฉานะ รู้ไหมนี่ ฮ่าฮ่า

บวกขอบคุณกับตอนพิเศษหวานๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 17-05-2011 14:04:55
เป้กับวิวน่ารักกกกก
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 17-05-2011 15:50:23
 :impress2:

โอ๊ย เป้หื่นอะ!

สงสารวิว อิอิ

แหม...นะคะ น้องหว้าขา มาหาเจ้มา อิอิ กำลังคิดอยู่เลยค่ะว่าน้องหว้าขึ้นรถที่ไหน สถานีขนส่งที่ตัวจังหวัดเนี่ยไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว ไม่ได้กลับบ้านมาหลายปี อิอิ

จุ๊บๆ ขอบคุณเพื่อนสาวนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 17-05-2011 19:23:22
สงสารวิวเนอะ  :laugh: แต่ก็ชอบที่เป้เป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 17-05-2011 20:47:12
เป้กับวิวยังน่ารักเหมือนเดิม ชอบวิวจังเลย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 17-05-2011 21:26:28
อ่านตอนพิเศษแล้วก็ค่อยหายคิดถึงวิว+เป้หน่อย
เพิ่งอ่านลำนำฯที่ซื้อมาเพิ่งจบเลยค่ะ
ปล.มีพิเศษแบบนี้อีกนะคะจะรอค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: beamJ ที่ 17-05-2011 22:09:25
คิดถึงเป้วิวมากเลยค่ะ

+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: สุขาพาเพลิน ที่ 18-05-2011 05:24:52
คิดถึงเป้วิวยิ่งขึ้นเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 18-05-2011 09:40:37
ขอบคุณคุณริน :L2:
ตอนนี้น่ารักจังเป้วิวกุ๊กกิ๊ก
เป้ยังคงช่างอ้อนวิวยังคงสไตล์ดุ
เรื่องของเป้วิวนี่ต่อยอดได้เยอะมาก
การยอมรับของสองครอบครัว
การปรับตัวใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
ตอนนี้วิวไม่ทำให้เป้ค้าง แต่คุณรินทำให้เราค้าง ค้างเรื่องภัทรเชษฐ์กับรักรงค์ o18
ปล.+1แทนคำขอบคุณ แล้วก็...ทวงเรื่องอื่นอย่างเนียนๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 18-05-2011 14:24:50
คิดถึงคู่นี้เหลือเกิน
ยังน่ารักไม่เปลี่ยนแปลง

หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-05-2011 17:45:47
หนูเป้ น่ารักกกกกกกกกกกกกก  :laugh: 
แต่อยากรู้เหมือนกันนะ ว่า ถ้าวิวจับได้ว่า เป้กับหว้า เขารู้กันแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น สยองแน่ๆ เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-05-2011 23:24:15
ขอบคุณคุณริน :L2:
ตอนนี้น่ารักจังเป้วิวกุ๊กกิ๊ก
เป้ยังคงช่างอ้อนวิวยังคงสไตล์ดุ
เรื่องของเป้วิวนี่ต่อยอดได้เยอะมาก
การยอมรับของสองครอบครัว
การปรับตัวใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
ตอนนี้วิวไม่ทำให้เป้ค้าง แต่คุณรินทำให้เราค้าง ค้างเรื่องภัทรเชษฐ์กับรักรงค์ o18
ปล.+1แทนคำขอบคุณ แล้วก็...ทวงเรื่องอื่นอย่างเนียนๆ อิอิ

งืม เรื่องต่อยอดนี่สงสัยจะอานิสงส์ที่ชอบเขียนคู่นี้ข้ามเวลาไปมา เดี๋ยวก็สมัยเรียน เดี๋ยวก็ตอนทำงานแน่เลยค่ะ เลยกลายเป็นว่ามีช่องให้ดึงเนื้อหามาเขียนเยอะ แต่ไม่ค่อยอยากเขียนดรามาให้เป้กับวิวเท่าไหร่เลย เดี๋ยวอ่านแล้วพาลจะเครียดเอา (เรื่องของเรื่องคือยังคิดไม่ออกด้วย ฮา)  :laugh:

โชคดีที่ตอนนี้เป้กับวิวไม่ค้าง แต่ของเรื่องอื่นที่ยังค้างๆ เนี่ย...ก็คงค้างต่อไปจนกว่าจะเขียนตอนใหม่ออกน้า ตอนนี้เค้าหัวตั๊นตันง่ะ (แอ๊...อย่าถีบข้อย)

ขอบคุณทุกท่านที่มาคอมเม้นต์ให้ด้วยค่า คนเขียนอ่านแล้วก็ชื่นใจ เป้กับวิวก็คงดีใจด้วยเหมือนกัน ^__________^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 19-05-2011 07:26:36
 :z13:คุณรินด้วยความรักในงานเขียนคุณริน
หัวตันต้องทำไงดีนะ จิบชา ดื่มกาแฟ กินหรือเที่ยว เพื่อหาแรงบันดาลใจ
บ้านไผ่ทีเหนือ บ้านวิวที่อีสาน บ้านน้าภัทรที่ตะวันออก บ้านนะหรือบ้านรงค์ดี
อย่าโกรธกันนะคุณริน ถ้าขอมากไปก็ขอโทษด้วยนะ
อยากรออ่านเรื่องคุณรินทุกสัปดาห์แบบรอต้นไผ่น่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-05-2011 10:49:10
โอ้ พอคุณ kakuro ทัก เราถึงนึกได้ว่าเราก็มีที่พักอยู่เกือบทั่วประเทศไทยแล้วนะเนี่ย (แต่ยังขาดภาคใต้ อืม....หรือจะต้องเริ่มเขียนเรื่องใหม่ให้ตัวเอกเป็นคนใต้ดีหว่า) ไม่โกรธหรอกค่า ดีใจด้วยซ้ำที่มีแฟนนักอ่านจำเรื่องได้ขนาดนี้ + รอคอยติดตาม เพราะถ้าไม่ทวงก็ไม่รู้จริงๆ นะว่าลืมกันไปหรือยัง สปีดเรายิ่งอืดๆ อยู่ด้วย ของตอนที่รีไรท์ต้นไผ่นั่น โชคดีที่เนื้อหาเดิมมีเกินครึ่งแล้วเลยเหลือเสริมอีกไม่เยอะน่ะค่ะ แต่ตอนนี้เนื้อหาตอนต่อไปของคุณเชษฐ์/ภัทร กับ ณรงค์/ไรอันก็เริ่มเห็นรูปร่างเป็นเงาๆ แล้ว (แล้วมันชัดตรงไหนฟะนั่น?) เอาเป็นว่าจะรีบเร่งสปีดตอนต่อไปออกมาให้ไวที่สุดที่ทำได้เลยค่า

ปล. ทวงได้เลยค่ะ ยิ่งทวงบ่อยๆ ยิ่งดี เราเป็นประเภทไม่มีแส้เฆี่ยนแล้วไม่ตื่นตัว เอิ้กๆๆ  :z2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว [17/05/11] p.39
เริ่มหัวข้อโดย: kikumaru ที่ 24-05-2011 22:17:43
น่ารักทั้งเป้และวิวเลย
เวลาที่เป้ออดอ้อนวิวน่ารักเป็นที่สุด
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นๆ) [28/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-05-2011 09:58:10
พิมพ์เล่นๆ ใส่ไว้ใน facebook แต่อาจมีคนอื่นที่ไม่ได้เล่น fb สนใจอ่านเจ้าค่ะ เขียนแบบสั้นๆ เอาขำๆ ให้คนที่อยากรู้ว่าตอนน้องหว้ามาอยู่ที่หอกับพี่วิวเป็นยังไง อิอิ  :laugh:

ลำนำรักสีรุ้ง - ระหว่างปิดเทอม

หว้า: พี่วิว ขอยืมเสื้อใส่นอนหน่อยดิ ของหว้าซักแล้วยังไม่แห้งเลย
วิว: หยิบเอาในตู้เลย ตัวไหนก็ได้
หว้า: (หยิบมาแล้ว) พี่วิว ใส่เสื้อยี่ห้อนี้ด้วยเหรอ (แพงมาก) ทำไมไซส์ใหญ่จัง?
วิว: (หันขวับ) เฮ้ย! ตัวนั้นไม่ได้นะ ของเพื่อนพี่คงลืมไว้ เอาไปเก็บที่เดิมก่อนแล้วเอาตัวอื่น
หว้า: (ยิ้มเจ้าเล่ห์) อ๋อ...ของเพื่อนเหรอออ มาค้างบ่อยล่ะสิเพื่อนคนนี้
วิว: (หรี่ตา) มีปัญหาตรงไหนเหรอหว้า
หว้า: (เหงื่อตก) เปล่าคร้าบ ไม่มี้ เอาไปเก็บก็ได้จ้า


โปรดติดตามตอนต่อไป XD (จะมีเรอะ?) ปล. เขาบอกก่อนแล้วน้าว่าเป็นตอนสั้นๆ  :really2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นๆ) [28/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 28-05-2011 10:35:39
555 สั้นเจงเจง
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นๆ) [28/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 28-05-2011 11:01:09
สั้นจริง
หลอกให้อยาก แล้วจากไป
ยังไม่หายคิดถึงเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นๆ) [28/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 28-05-2011 12:04:13
555สั้นจริงไรจริง
หว้ากะแซววิวแต่กลับโดนดักทางได้ซะงั้น
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นๆ) [28/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: MaeMoo ที่ 28-05-2011 20:24:41
คิดถึง เป้-วิว จังเลย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นๆ) [28/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 28-05-2011 23:55:04
สั้นจริงๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-05-2011 00:36:50
เห็นบ่นกันว่าตอนที่แล้วสั้นไป...งั้นต่อด้วยตอนสั้นๆ อีกสักตอน พอรวมกับตอนที่แล้วจะยาวขึ้นหน่อยนึง อิอิอิ (คนเขียนวอนโดนถีบมาก)  :z6:

ลำนำรักสีรุ้ง – ระหว่างปิดเทอม 2

วิว: หว้า รดน้ำต้นไม้ตรงระเบียงให้หน่อย เดี๋ยวพี่จะลงไปรองน้ำแป๊บนึง (หมายถึงเครื่องกดน้ำดื่มหยอดเหรียญใต้หอ)
หว้า: คร้าบๆ (เดินออกไปตรงระเบียง แป๊บเดียวก็ยื่นหน้ากลับเข้ามาในห้อง) พี่วิวๆ ถามอะไรหน่อยสิ
วิว: หือ? (กำลังถือขวดน้ำเตรียมจะออกจากห้อง)
หว้า: เอ่อ...พี่วิวสูบบุหรี่ด้วยเหรอ? (ชูก้นกรองบุหรี่ที่ปักอยู่ในกระถางต้นไม้ให้ดู)
วิว: (ทำตาโตมองซากก้นกรอง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วทำเสียงงึมงำในคอแบบโกรธๆ แต่หว้าได้ยินชื่อเป้หลุดมาด้วย) สงสัยจะของเพื่อนพี่น่ะแหละ ถ้าคราวหน้ามาอีกจะห้ามสูบบนห้องเด็ดขาดแล้ว เราเป็นเด็กเป็นเล็กก็ไม่ต้องไปเลียนแบบรู้ไหม มันไม่ดีกับสุขภาพ แล้วก็เก็บทิ้งซะให้หมดด้วยล่ะ (เหวี่ยงประตูปิดแรงกว่าปกติ)
หว้า: เอ่อ...หว้าแค่ถามเฉยๆ นะ ทำไมต้องโดนเหวี่ยงใส่ด้วยอะเนี่ย??

โปรดติดตามตอนต่อไป...Again (หวังว่าจะไม่เบื่อที่มาแบบกะปริดกะปรอยแบบนี้นะค้า เก๊ากำลังเขียนคุณเชษฐ์กับน้องภัทรตอนต่อไปอยู่ง่า   :z10:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: parakoparako ที่ 29-05-2011 02:43:11
 :z13: จิ้มๆ
สั้นแต่น่ารักนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 29-05-2011 03:37:34
 :beat:

ถามว่าทำไมตบ?

เพราะมาสั้นจนเกินไปไม่เพียงพอต่อความต้องการ!  :laugh:

ยิ่งอ่านยิ่งรับรู้ถึงความหวานของเป้กับวิว (แม้ว่าเป้จะไม่ได้ออกมาเลยก็ตาม) และยิ่งชอบน้องหว้าค่ะ กรี๊ด อยากอ่านเรื่องน้องหว้าเนอะ คุณเพื่อนสาวไม่เขียนแนวเด็กมัธยมบ้างหรือคะ? น่าจะสนุก อิอิ :impress2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 29-05-2011 08:45:03
 :laugh3: หว้าเป็นจอมมารน้อยใช่มั้ย
แต่ละคำถาม แต่ละข้อสังเกตุ แกล้งพี่วิวชัดๆ กร๊ากกกก
วิวน้อยหัวปั่น แต่คนที่โชคร้ายในท้ายที่สุด ..
คงไม่พ้นชายเป้ o3


ยกโทษให้กับความสั้น
ด้วยเห็นแก่คุณเชษฐ์และน้องภัทร  :fox2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-05-2011 09:58:36
$
:beat:

ถามว่าทำไมตบ?

เพราะมาสั้นจนเกินไปไม่เพียงพอต่อความต้องการ!  :laugh:

ยิ่งอ่านยิ่งรับรู้ถึงความหวานของเป้กับวิว (แม้ว่าเป้จะไม่ได้ออกมาเลยก็ตาม) และยิ่งชอบน้องหว้าค่ะ กรี๊ด อยากอ่านเรื่องน้องหว้าเนอะ คุณเพื่อนสาวไม่เขียนแนวเด็กมัธยมบ้างหรือคะ? น่าจะสนุก อิอิ :impress2:

แอ๊ อย่าทำเบา...เอ๊ย! อย่าทำเก๊า (โทนเสียงเหมือนอยากโดนอีกหลายๆ ที)

ที่หวานนี่เพราะเป้เที่ยวทิ้งข้าวของเพื่อแสดงว่า "นี่ห้องกู" ไปทั่วหรือเปล่าคะเพื่อนสาว? อิฉันยังเพลียแทนวิวที่ต้องคอยตอบคำถามน้องหว้า ว่าแต่เรื่องแนวมัธยมนี่จริงๆ เคยพยายามด้นไปสองตอนแล้วตายสนิทอยู่ค่ะ (มิได้ลงที่เล้า) การจะรื้อฟื้นความหลังของวัยใสนี่มันยากเจงๆ เลยยังเขียนต่อไม่ออกอยู่นั่น   :z3:

:laugh3: หว้าเป็นจอมมารน้อยใช่มั้ย
แต่ละคำถาม แต่ละข้อสังเกตุ แกล้งพี่วิวชัดๆ กร๊ากกกก
วิวน้อยหัวปั่น แต่คนที่โชคร้ายในท้ายที่สุด ..
คงไม่พ้นชายเป้ o3


ยกโทษให้กับความสั้น
ด้วยเห็นแก่คุณเชษฐ์และน้องภัทร  :fox2:

คุณโอม ถ้าน้องหว้ามาบ่อยๆ ท่าทางพี่วิวจะเหนื่อยนะคะเนี่ย แต่สงสัยเป้จะเหนื่อยกว่าตอนโดนเฉ่งทีหลัง (เอ๊ะ...แต่เหมือนสุดท้ายก็จะวนเข้าลูปที่ทำให้วิวเหนื่อยที่สุดอยู่ดี เอื๊อกกก)

โชคดีจริงๆ ที่อ้างคุณเชษฐ์กับภัทรเป็นยันต์เอาไว้ก่อน แต่เขาก็กำลังเขียนต่ออยู่จริงๆ นะเอ้อ อยากโพสต์ให้ได้ภายในอาทิตย์นี้เหมือนกันค่ะ   :a1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-05-2011 10:57:34
อ่านแล้วสงสารเป้ตะหงิดๆ ว่าถ้าน้องหว้ากลับไปแล้ว ต้องถูกวิวเทศนากัณฑ์ใหญ่ หุหุหุ
งานนี้คุณรินไม่โดนตะมอยแล้วว่าสั้น  เพราะติดสินบนนักอ่านคู่ภัทรกับเชษฐไว้ เหอเหอเหอ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: yumelove ที่ 29-05-2011 22:12:09
วิว น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก  ชอบที่สุดเลย
หว้าก็นะ   ทำเป็นไม่รู้ไปได้อีกนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 29-05-2011 23:20:55
 :-[ :-[ :-[  หวาานนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สั้นอีกละ) [29/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: V ที่ 30-05-2011 00:01:28
เหอะๆๆ น้องหว้าจะช่างสังเกตุไปไหนนั่น

เด๋วพี่เป้ก็ตายหรอก อิอิ o18
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-05-2011 12:12:47
ก่อนจะไปพักกลางวันกัน อีกสักตอนเนอะ?   :z1:

ลำนำรักสีรุ้ง – ระหว่างปิดเทอม 3

เสียงโทรศัพท์ดังระหว่างช่วงพักกลางวันที่โรงเรียนสอนพิเศษ หว้าเห็นว่าเป็นชื่อเป้เลยกดรับ

หว้า: ฮัลโหล?
เป้: หว้าเหรอ เย็นนี้พี่จะไปรับพี่วิวที่ออฟฟิศแล้วพาไปกินข้าวเย็น เราไม่ต้องตามมานะ
หว้า: (อึ้งไปนิดนึง อะไรฟะ เล่นห้ามกันงี้เลยเรอะ?) อ้าว ไหงงั้นอะพี่เป้? หว้าก็น้องพี่วิวนะ พาไปเลี้ยงข้าวอีกคนไม่ได้เหรอ?
เป้: ไอ้เด็กนี่ เราน่ะทำให้พี่ไม่ได้อยู่กับพี่วิวสองคนมาอาทิตย์กว่าแล้วนะ ทุกทีพี่ชายเราเขาก็กระเตงเรามาด้วยตลอดไม่ใช่รึไง แค่คืนนี้คืนเดียว ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ แทนก็แล้วกัน แล้วก็ถ้าคืนนี้พี่วิวกลับดึกก็ไม่ต้องโทรตามด้วยล่ะ ถึงยังไงเราก็มีกุญแจห้องอยู่แล้วนี่
หว้า: (....เงียบ......)
เป้: ...เออๆ รู้แล้ว เย็นนี้อยากกินอะไรก็พาเพื่อนไปแล้วค่อยเอาบิลมาเบิก แล้วก็ห้ามลืมนะ ถ้าพี่วิวโทรมาชวนก็ต้องบอกไปว่าเราไม่ว่าง แล้วก็อย่าให้รู้เด็ดขาดด้วยว่าเพราะพี่สั่งเราไว้ เข้าใจมั้ย?
หว้า: (ทำท่าชูกำปั้น Yesss!!!) ไว้ใจได้เลยคร้าบ พี่เป้ก็อย่าลืมซื้อขนมแล้วฝากพี่วิวมาให้ผมด้วยละกัน คืนนี้ก็โชคดีนะพี่~ (กดวางสายแล้วยิ้มแต้ เย็นนี้ได้กินข้าวกับดูหนังฟรีละเฟ้ย) 

น้องหว้านี่น่าอิจฉาจริงๆ วุ้ย 5555  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 30-05-2011 13:21:57
น่าอิจฉาและน่าตบแก้มด้วยปากมากค่ะคุณขา แหม...หลอกล่อจนได้กินของฟรี! แต่สงสารหนูวิวเหลือเกิน นี่นายเป้จะหลอกวิวไปทำอะไรคะ! ทำไมต้องมีกลับดงกลับดึกด้วย?!  :haun4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-05-2011 16:42:42
ที่แท้น้องหว้าก็คือ ผู้ทรงอิทธิพล ตัวจริงเสียงจริง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 30-05-2011 17:22:32
กร๊ากกกกกกก หว้าร้ายจริงอะไรจริง หุหุ
นึกภาพไม่ออกอ่ะคุณริน ที่ว่าสุดท้ายก็วนลูปมาเหนื่อยสุดที่วิว
นึกไม่ออกจริงๆนะ เค้าจินตนาการไม่เก่ง  :haun4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-05-2011 18:11:43
กร๊ากกกกกกก หว้าร้ายจริงอะไรจริง หุหุ
นึกภาพไม่ออกอ่ะคุณริน ที่ว่าสุดท้ายก็วนลูปมาเหนื่อยสุดที่วิว
นึกไม่ออกจริงๆนะ เค้าจินตนาการไม่เก่ง  :haun4:

^
หน้าตอนจินตนาการไม่เก่งของคุณโอมนี่บาดใจมากมายค่ะ กร๊ากกกกกก  :m20:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 30-05-2011 20:45:59
 o13 มาต่อแล้วเห็นนี้รีบเปิดมาเลยค่ะ สุดท้ายน้องหว้าก็ได้คนเดียวเต็มเลย
ไม่รู้จะสงสารใครดีนะเนี่ย  :call:เพื่อพี่รินมีไฟมาลงต่ออีก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: vavacoco ที่ 30-05-2011 20:54:58
มาสั้นๆแต่น่ารักได้ใจค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: ao16 ที่ 30-05-2011 21:51:28
 :o9: :o9: :o9:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: yumelove ที่ 30-05-2011 22:55:22
 :-[ :-[ หว้าแผนสูงงงงงง
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: cy55555 ที่ 31-05-2011 00:13:53
ชีวิตนี้หว้าคงรับสินบนอย่างท่วมท้น  ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 31-05-2011 00:49:08
น้องหว้า เจ้าเล่ห์ มากอ่ะ
ฮ่าๆๆ เหมือนขายพี่นะ?? เอ๊ะ ,,
แต่น่ารักดี หุหุ
ช่วยๆ พี่เป้เค้าหน่อยละกันนะ ,,
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 31-05-2011 02:45:22
ร้าย+แสบเหมือนกันนะเจ้าหว้า  o13
ชอบอ่านความน่ารักของหว้า VS ความหื่นของเป้
วิวไม่ได้รู้ตัวอะไรเล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 31-05-2011 07:11:18
น้องหว้าเอียงหูมาพี่จะบอกไรให้
พี่วิวมีแหวนคู่ด้วยล่ะแต่ไม่รู้อยู่ที่นิ้วหรือที่คอ ฝากดูหน่อยว่าสวยมั้ย
พี่วิวมีน้ำหอมรุ่นลิมิตเต็ทสลักชื่อวิวจากอังกฤษด้วยล่ะ ฝากดมหน่อยว่าหอมมั้ย
รู้แล้วอย่าลืมมาเล่านะ พี่จะให้พี่รินเลี้ยงข้าวมื้อเย็นหว้านะ :laugh3:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (พักเที่ยง) [30/05/11] p.40
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-05-2011 07:24:12
^ ง่ะ ไหงง้านละค้าคุณ kakuro เก๊ามะได้เป็นเจ้าบุญทุ่มแบบตาเป้นะ  :laugh:

แทบจะอัพกันแบบเรียลไทม์เลยทีเดียว ต่างกันตรงที่ชีวิตจริงตอนนี้มันไม่ใช่ช่วงปิดเทอมหนึ่งเหมือนในเรื่อง

ลำนำรักสีรุ้ง – ระหว่างปิดเทอม 4

(ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ตอน 3 เมื่อวาน)

เวลาก่อนแปดโมงเช้าเล็กน้อย น้องหว้ากำลังเตรียมตัวจะออกไปเรียนกวดวิชาเพราะมีเรียนตอนเก้าโมง ยังไม่ทันจะใช้เจลเซ็ทผมเสร็จก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเลยรีบป้ายเจลที่เหลือบนหัวแบบลวกๆ พอเดินไปเปิดประตูก็เห็นพี่ชายยืนอยู่ด้วยสีหน้าเหมือนคนนอนไม่พอ

หว้า: พี่วิว? กลับมาหอทำไมเนี่ย?
วิว: (ขมวดคิ้ว) กลับมาอาบน้ำแต่งตัวจะได้ไปทำงานน่ะสิ เมื่อคืนพี่ไม่ได้ตั้งใจจะไปค้างที่อื่นนี่ เสื้อผ้าก็ไม่ได้ติดไปเปลี่ยน เดี๋ยวต้องรีบหน่อยเพราะเพื่อนรอจะไปส่งอยู่ข้างล่าง (เดินเบียดน้องชายที่ตัวเตี้ยกว่าเข้าไปในห้องแล้วตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า)
หว้า: หือ? เพื่อนมารอไปส่ง? พี่เป้อะเหรอ?
วิว: (เอี้ยวคอมองคนถามพลางถอดเสื้อตัวที่ใส่ตั้งแต่เมื่อวานออกโยนลงตะกร้า) ...ทำไมถึงคิดว่าเป็นหมอนั่นล่ะ?
หว้า: (คิดในใจว่านอกจากขานั้นแล้วจะมีคนอื่นเรอะ? แต่ก็ปั้นยิ้มไร้เดียงสาตอบ) ก็ไม่มีอะไร...แค่เห็นว่าพี่วิวสนิทกับพี่เป้ที่สุดเท่านั้นแหละ งั้นเดี๋ยวหว้าออกไปเลยก็แล้วกันนะ
วิว: อ้าว เดี๋ยวสิ รอพี่อาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วค่อยไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวให้หมอนั่นแวะไปส่งน่าจะเร็วกว่า (เอาผ้าขนหนูมาพันรอบเอวก่อนจะก้มลงถอดกางเกง)
หว้า: (รีบหันหลัง ตั้งแต่รู้ว่าพี่ชายมีแฟนเป็นผู้ชายแล้วไม่ค่อยกล้ามองตอนพี่โป๊ กลัวแฟนพี่รู้แล้วจะมาดุเอา) ไม่รอดีกว่าเดี๋ยวไปสาย พี่วิวจะได้ไม่ต้องรีบอาบน้ำด้วย หว้าไปก่อนละ

หลังจากลงลิฟต์มาถึงข้างล่าง เด็กชายหว้าก็เดินสะพายกระเป๋าและยิ้มยิงฟันไปหาคนที่ยืนสูบบุหรี่พิงรถอยู่ที่ลานจอดหน้าหอ คนที่ยืนอยู่เหลือบมาเห็นเลยส่ายหน้ายิ้มๆ

เป้: จะเอาอะไร ไอ้ตัวแสบ?
หว้า: (ห่อปากพ่นลม) โห่พี่เป้ เรียกซะเสียเลย เมื่อวานผมอุตส่าห์ยอมร่วมมือไม่ไปเป็น กขค. ให้แล้วนา แถมแทนที่จะมาส่งพี่ชายผมตั้งแต่เมื่อคืนก็กลายเป็นมาส่งเช้าซะอีก รักพี่ผมจริงก็ถนอมกันหน่อยสิ
เป้: (พ่นควันบุหรี่พลางเหลือบตามองขึ้นไปทางระเบียงห้องของวิว จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก) เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ไม่มีใครรักแล้วก็ถนอมพี่ชายหว้าได้เท่าพี่แล้วล่ะ 
หว้า: (ฮึ่ม หมั่นไส้พี่เขยผิดไหมวะเนี่ย? เฮ่ย ไม่ได้ๆ ยังต้องอาศัยเป็นอู่เงินอู่ทองอยู่) ว่าแต่พี่เป้ เมื่อกี้ผมรีบไปหน่อยเลยลืมขอค่าขนมจากพี่วิวอะ จะให้กลับขึ้นไปขอตอนนี้ก็เดี๋ยวจะไปเรียนสาย...พี่เป้ช่วยสงเคราะห์น้องชายของแฟนสุดที่รักหน่อยสิครับ (ขอไปก็พนมมือไหว้ด้วยท่าทางที่คิดว่าน่าเอ็นดูที่สุด เพราะปกติหว้าได้ค่าขนมเป็นรายวัน เนื่องจากพ่อกับแม่ไม่ไว้ใจเลยโอนเงินมาให้วิวเก็บไว้ให้แทน)
เป้: (หันกลับมาเหล่มองคนขอ ก่อนจะคาบบุหรี่ไว้มุมปากแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาส่งแบ๊งค์สีแดงให้หนึ่งใบแบบตัดรำคาญ)
หว้า: (ตอนแรกยิ้มแต้ แต่พอเห็นว่าได้ร้อยเดียวก็ทำหน้ามุ่ย) เฮ่ย! ร้อยเดียวเองเหรอพี่เป้? น้อยไปป่าว?
เป้: แล้วปกติพี่เราเขาให้เยอะกว่านี้รึไง เอ้านี่ ให้ค่ารถเพิ่มอีกห้าสิบบาท เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องใช้เยอะนักหรอก เดี๋ยวเย็นนี้ก็ต้องมากินข้าวกับพวกพี่อยู่ดี อายุแค่นี้ได้เท่านี้ก็ดีถมไปแล้ว
หว้า: (หรี่ตา ทำปากยื่น ไม่ยอมจำนนต่อเหตุผล) งก! เห็นแก่พี่วิวหรอกนะ วันนี้ยอมให้เท่านี้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวเย็นนี้จะสั่งข้าวกับของหวานกินให้หนำเลยคอยดู๊ (รีบเผ่นหนีหลังเห็นสายตาคนให้เงิน)

ตอนระหว่างปิดเทอมนี่มันจะอีกกี่ตอนถึงจะจบนะเนี่ย?   :z10:


หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เช้าตรู่) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 31-05-2011 12:24:35
 :-[ :-[

น่ารักจริงๆๆคู่นี้

น้องหว้าก็น่ะแถไปเรื่อย

ขอตังพี่เขยเฉยเลย

 :m20:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เช้าตรู่) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-05-2011 12:53:22
ช่างเป็นน้องชายที่ต่างจากพี่ชายจริงๆๆ  แต่ว่า เค้าอยากรู้ว่า วิวไปนอนที่ไหนมาอะ แล้วไปทำไรกันมา ถึงท่าทางเหมือนนอนไม่พอ กรี๊ดดดดดดดดดดด  :z1:  :z1:  :z1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เช้าตรู่) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 31-05-2011 14:24:55
ทำไม........

ยิ่งรู้จักน้องหว้า
น้อง..ยิ่งเหมาะจะเป้นนายเอกแสบซ่าก๋ากั่นละคะพี่ริน
โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เช้าตรู่) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-05-2011 15:01:03
^
^
น้องหว้าเก๊าเป็นพระเอกตะหาก หุ หุ หุ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เช้าตรู่) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-05-2011 18:16:03
งานนี้วิวถูกหักหลังจากแฟนและน้องชัดๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เช้าตรู่) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: ArCaNiNe ที่ 31-05-2011 18:46:36
อ่านจบแล้วครับ ตัวละครแต่ละตัวน่ารักกันจริงๆเลย
ส่วนตอนล่าสุดจะมีต่ออีกมั้ยครับ ตลกดี
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เช้าตรู่) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 31-05-2011 22:04:33
แสบมากเลยน้องใครอ่ะ
กลัวอย่างเดียวถ้าวิวรู้สงสัยโดนทั้งน้องชายทั้งพี่เขย :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เช้าตรู่) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-05-2011 22:25:03
อีกสักตอน ก่อนลาไปนอน เอ๊ย พยายามไปเขียนคุณเชษฐ์ต่อคืนนี้ (ตอนใหม่ได้มาตั้ง 5 หน้าแล้ว งี้ด)   :z13:

ลำนำรักสีรุ้ง - ระหว่างปิดเทอม 5


หลังเลิกเรียน วิวนัดหว้าให้นั่งรถไฟฟ้าไปหาที่บริษัทตอนเย็น พอเป้ขับรถมารับก็ไปหามื้อเย็นกินที่ศูนย์อาหารในห้างด้วยกัน ระหว่างนั้นหว้าเห็นพรีวิวของหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่งในโทรทัศน์เลยหันไปหาพี่ชาย

หว้า: พี่วิว หว้าอยากดูหนังเรื่องนี้อ้ะ
วิว: หือ? (เงยหน้าขึ้นมองโทรทัศน์แป๊บนึง จากนั้นก็คว้าข้อมือเป้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามไปดูนาฬิกาข้อมือ ดูเหมือนจะทำไปด้วยความเคยชินโดยไม่รู้ตัว) ก็ถ้ารอบไม่ดึกก็พอได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จค่อยไปเช็คก็แล้วกัน (ปล่อยมือเป้แล้วกินข้าวต่อ เลยไม่ทันเห็นว่าเป้ยิ้ม ส่วนน้องชายกำลังทำสายตาแบบว่าหมั่นไส้พี่เขยสุดๆ)

หลังกินข้าวเสร็จทั้งสามคนก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นโรงหนังเพื่อเช็ครอบ พอดีรอบที่เร็วที่สุดเหลือแต่ที่นั่งแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (ถ้าจะนั่งด้วยกันสามคนก็ต้องยอมนั่งริมทางเดิน) แต่วิวไม่อยากกลับดึกเลยตกลงตีตั๋วดูรอบนั้นกัน แต่หลังจากหนังเริ่มต้นไปได้แค่ไม่กี่นาที หว้าก็รู้สึกหนักๆ ที่ไหล่ซ้ายเลยหันไปมอง (หว้านั่งด้านในสุด แล้ววิวนั่งถัดมาทางซ้ายของหว้า ส่วนเป้นั่งเก้าอี้ทางซ้ายของวิวอีกทีและติดทางเดิน)

หว้า: อ้าว? พี่วิวหลับเหรอ?
วิว: อื๋อ? ขอโทษที (ปรือตาขึ้นมาแล้วพยายามนั่งตรง แต่แป๊บเดียวก็หลับจนคอพับอีก คราวนี้เป้เลยยกมือขวาอ้อมไปใต้คางวิวแล้วดันหัวให้ลงมาพิงไหล่ตัวเอง จากนั้นก็เอามือข้างนั้นไปจับมือซ้ายวิวให้มาวางตักตัวเอง)
หว้า: (ลืมสนใจหนังชั่วขณะ เลิกคิ้วข้างหนึ่งมองพี่ทั้งสองคนแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง เป้เลยยกนิ้วชี้ของมือข้างที่ไม่ได้จับมือวิวขึ้นแตะปากตัวเองเหมือนเป็นสัญญาณให้เงียบ จากนั้นก็หันไปดูหนังต่อ)
หว้า: (คันปาก แต่ก็ไม่พูดอะไรแล้วหันกลับไปดูหนังต่อพร้อมกับหยิบป๊อปคอร์นที่อ้อนให้พี่ชายซื้อให้ก่อนเข้าโรงหนังขึ้นมากิน ได้แต่คิดในใจว่า เอาวะ แกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่มั่งก็ได้ แต่เดี๋ยวต้องหาโอกาสไถพี่เป้คราวหน้า 5555)

วิวคงเพลียที่เมื่อคืนก่อนนอนไม่พอ...เลยหลับตลอดยันหนังจบเลย โธ่ถังกะละมังแตก   :t3:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (ดึกดื่น) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-05-2011 23:41:26
บอกให้รู้ได้จริงๆนะว่าความลับไม่มีในโลก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (ดึกดื่น) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 01-06-2011 00:51:25
^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (ดึกดื่น) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 01-06-2011 02:03:05
อ่านจากในเฟซบุ๊คมาแล้ว ตามมาดันให้อีกที ย้ำๆๆว่ารักจริงชอบจริงหวัง(ให้)แต่ง(ต่อ)จริงๆนะกับเรื่องนี้  o13

ฮ่าๆๆ จะเป็นเป้วิวซีซั่นสองก็ดีนะ ชอบมากเลยอ่ะ  :-[ หรือถ้าจะกรุณาเป้นน้องหว้าออกมาเลยอีกเรื่องก็จะเวริค์มากกก ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (ดึกดื่น) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 01-06-2011 02:33:59
555+ ชอบมากอะป้าบี นิวอยากอ่านอีกขอเยอะๆ
+1 เป็นกำลังใจให้เลยจ้า อิอิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (ดึกดื่น) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 01-06-2011 07:10:10
กว่าจะเปิดเทอม
หว้าคงรวยน่าดู
 o18
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (ดึกดื่น) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-06-2011 08:55:33
อ่านจากในเฟซบุ๊คมาแล้ว ตามมาดันให้อีกที ย้ำๆๆว่ารักจริงชอบจริงหวัง(ให้)แต่ง(ต่อ)จริงๆนะกับเรื่องนี้  o13

ฮ่าๆๆ จะเป็นเป้วิวซีซั่นสองก็ดีนะ ชอบมากเลยอ่ะ  :-[ หรือถ้าจะกรุณาเป้นน้องหว้าออกมาเลยอีกเรื่องก็จะเวริค์มากกก ฮ่าๆๆๆ

แอร๊ยยย์ คุณ Cacao ใช้ล็อกอินอะไรในเฟซง่ะคะ? (รู้ว่าหลายคนในนั้นอยู่ในเล้านี่แหละ แต่ไม่รู้ใช้ชื่อไหนอะไรยังไง ><
ของเป้-วิว ซีซันส์สองมีความเป็นไปได้มากกว่าน้องหว้ามั้งคะ แหะๆ (ไม่ค่อยอยากยุ่งกะเด็กคนนี้เล้ย ก๊ากก)  :a3:

กว่าจะเปิดเทอม
หว้าคงรวยน่าดู
 o18

นี่ถ้าพี่เขยไม่กระเป๋าหนักอย่างตาเป้นี่แย่เลยนะคะเนี่ย  :haun5:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (ดึกดื่น) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 01-06-2011 12:19:18
^
^
 :a2: มามัดมือชก ถือซะว่านี่คือคำมั่น
รออ่านวิว-เป้ซีซั่นส์สอง อิอิ  :a11:

แล้วก็หว้าจอมแสบเป็นสเปสักร้อยห้าสิบหน้า :o9:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (ดึกดื่น) [31/05/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-06-2011 14:21:33
^ คุณโอม ยิ่งกว่าแล่เนื้อเถือหนังกันอีกนะคะนั่น ประเดี๋ยวสมองน้อยๆ ของน้องหว้า เอ๊ย ของคนเขียนจิระเบิดเอา 5555 ยังไงอ่านตอนใหม่ไปก่อนละกันเนะ  :call:

ระหว่างปิดเทอม 6

หลังจบหนังรอบดึก เป้ขับรถพาวิวกับหว้ามาส่งที่หอ หว้านั่งด้านหลัง พอมาถึงหอและจอดรถแล้ว เป้หันไปเอามือแตะคอวิวแล้วทัก
เป้: รู้สึกว่าวิวตัวอุ่นๆ มาตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ ไม่สบายหรือเปล่า?
วิว: (รีบเอามือเป้ลง กลัวน้องเห็น) เปล่านี่ คงแค่เพราะเหนื่อยแหละมั้ง (เหลือบไปมองเบาะหลัง เจ้าหนูแสนรู้ เอ๊ย น้องหว้าเลยแกล้งหลับอย่างรู้หน้าที่ ต้องเอาใจพี่เขยไว้ก่อน)
เป้: (อยากขึ้นไปนอนเฝ้า เพราะรู้ว่าเวลาวิวป่วยแล้วไม่ค่อยชอบบอก แต่ไม่ต้องขอก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้) ถ้างั้นคืนนี้รีบนอนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หลังเลิกงานเป้จะไปรับ (ยืดตัวไปขโมยหอมแก้มก่อนจะถอยกลับที่แล้วยิ้มแบบไม่รู้สำนึก)
วิว: (หรี่ตามองคนขับรถ ก่อนจะหันไปเขย่าขาปลุกน้องชายที่แกล้งหลับ) ถึงหอแล้วหว้า เดี๋ยวค่อยขึ้นไปนอนต่อบนห้อง
หว้า: อือออ....คร้าบบบ ขอบคุณที่มาส่งครับพี่เป้... (ยกมือไว้เป้และแกล้งทำเสียงเหมือนคนเพิ่งตื่นอย่างแนบเนียน ในใจคิดว่าพี่เป้ติดหนี้ตูอีกดอกละเฟ้ย เหอๆ)

ถึงตอนเช้าของอีกวัน หว้าลุกมาอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จแล้วก็แปลกใจที่พี่ชายยังนอนอยู่ เพราะปกติวิวจะตื่นก่อนแล้วเป็นคนปลุก ด้วยความเป็นห่วงเลยเข้าไปถาม

หว้า: พี่วิว วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?
วิว: (ปรือตาขึ้นมา) อืม...สงสัยจะมีไข้ มันเมื่อยๆ ตัวยังไงไม่รู้
หว้า: (เอามือแตะหน้าผากพี่ชายแล้วก็เลิกคิ้ว ชักสงสัยว่าวันก่อนพี่เป้พาพี่วิวไปทำอะไรถึงได้ไม่สบายยังงี้) ไข้ขึ้นจริงๆ ด้วยแหละพี่วิว วันนี้ลาหยุดเหอะ แค่นักศึกษาฝึกงานเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวหว้าจะโดดเรียนอยู่เฝ้าไข้เป็นเพื่อน
วิว: (ได้ยินคีย์เวิร์ดว่าโดดเรียน หัวคิ้วเลยขมวดเข้าหากันทันที) ไม่ต้องโดดเรียนเลย พี่ไม่ได้เป็นอะไรหนักหนาขนาดนั้น ถ้าแต่งตัวเสร็จก็รีบไปได้แล้วเดี๋ยวเข้าเรียนสาย ไข้ขึ้นแค่นี้พี่ดูแลตัวเองได้น่ะ
หว้า: (เวรกรรม ใช้คำผิดไปหน่อย นึกว่าจะได้หยุดเรียนแล้วเชียวเพราะเมื่อคืนไม่ได้ทำการบ้าน แต่แล้วก็ปิ๊งไอเดียบางอย่าง เลยรีบดีดตัวขึ้นจากเตียง) ถ้างั้นพี่วิวก็อย่าไปทำงานก็แล้วกัน เดี๋ยวจะยิ่งไม่สบายหนักกว่าเดิม ถ้าหากมีอะไรก็โทรมาหาหว้านะ
วิว: (พยักหน้าแล้วหลับต่อ)

หลังล็อคประตูห้องและลงมาชั้นล่างเรียบร้อย น้องชายผู้แสนดีก็รีบต่อสายหาพี่เขยอย่างว่อง

เป้: ว่าไงไอ้ตัวยุ่ง
หว้า: (ตกลงจะไม่เรียกตูด้วยชื่อแล้วใช่มั้ย?) พี่เป้ พี่วิวไม่สบายไข้ขึ้นอะ ตอนแรกงอแงบอกว่ายังไงก็จะไปทำงานให้ได้ ทั้งหน้าแดง ตาโรยไปหมดเลย ผมงี้ต้องหลอกล่อตั้งนานกว่าจะยอมนอนเฉยๆ แต่ไม่รู้ว่าพอผมไปเรียนแล้วจะดื้อลุกขึ้นมาแต่งตัวไปทำงานหรือเปล่า พี่เป้ช่วยมาดูแลหน่อยสิ (มุสาด้วยการต่อยไข่ใส่สีเล็กน้อย แต่ก็ทำเพื่อพี่ชายสุดที่รักหรอกนะ)
เป้: หือ!? เข้าใจแล้ว เมื่อคืนก็นึกอยู่แล้วว่าต้องไข้ขึ้นแน่ๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปเดี๋ยวนี้เลย ขอบใจที่โทรมาบอก
หว้า: พี่เป้ก็อย่าให้พี่วิวรู้ละกันว่าผมโทรมาบอกอะ ผมยังไม่อยากโดนดุ
เป้: รู้แล้วน่า ว่าแต่เราออกมาจากห้องหรือยัง
หว้า: ออกมาแล้ว กำลังรอรถเมล์อยู่เนี่ย...จะว่าไปก็...ผมลืมขอค่าขนมจากพี่วิวอีกแล้วง่ะ นี่ผมมีติดกระเป๋าแค่พอค่ารถไปเรียนเอง
เป้: โอเค เดี๋ยวพี่โอนเข้าทางเอทีเอ็มให้ก็แล้วกัน ตอนเย็นวันนี้ก็ไม่ต้องรีบกลับมาล่ะ
หว้า: (ยิ้มกริ่ม) รับทราบ ขอบคุณคร้าบพี่เป้~ (ได้เกิดเป็นน้องชายพี่วิวนี่เป็นบุญของหว้าจริงๆ หึหึหึ)

เด็กเอ๋ยเด็กน้อย....อายุแค่นี้ (14) ยังงกขนาดนี้ โตไปมันจะเป็นยังไงเนี่ย XD
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: himecrazy ที่ 01-06-2011 18:25:47
 :z13: :z13:จิ้มคนเขียน  อยากได้เป้-วิวภาค 2 มาอยู่ในอ้อมกอดอีกเล่มจัง ยิ่งได้อ่านแบบนี้ยิ่งอยากให้มี น่ารักมากกกกก แต่น้องหว้าก็น่ารัก ^^ :o8:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 01-06-2011 20:03:30
+1 ให้สำหรับความเจ้าเล่ห์ของเจ้าหว้า ฉลาดล้ำจริง ๆ เด็กน้อย
โตขึ้นจะเป็นยังไงเนี่ย แต่ก็น่ารักสุด ๆ ชอบมากเลยคู่เป้+วิว
ทุกวันนี้ยังหยิบหนังสือของคู่นี้มาอ่านอยู่เสมอ (อ่านในเฟซบุ๊ค
แต่ยังไม่สะใจเหมือนกัน สู้ตามมาอ่านในบอร์ดอีกรอบไม่ได้)
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-06-2011 21:18:02
:z13: :z13:จิ้มคนเขียน  อยากได้เป้-วิวภาค 2 มาอยู่ในอ้อมกอดอีกเล่มจัง ยิ่งได้อ่านแบบนี้ยิ่งอยากให้มี น่ารักมากกกกก แต่น้องหว้าก็น่ารัก ^^ :o8:  :กอด1:

เห็นด้วยอย่างแรง
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 01-06-2011 21:34:42
เจ้าเล่ห์นะน้องหว้า   :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: ArCaNiNe ที่ 01-06-2011 21:53:16
หว้าไปได้นิสัยแบบนี้มาจากไหนหว่า
ปล. งงๆว่าเหตุการณ์นี้มันอยู่ในช่วงไหนอะ ใช่ตอนฝึกงานปี3ขึ้นปี4เปล่าครับ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-06-2011 23:18:50
ตอบคุณ ArCaNiNe ตอนปิดเทอม 1 ของปี 4 ส่วนน้องหว้าอยู่ ม. 2 ค่า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 02-06-2011 01:03:43
สงสัยกว่าจะเปิดเทอม น้องหว้าคงกลายเป็นเศรษฐีน้อยๆ
ก็คุณน้องเล่นเก็บทุกเม็ด ไถทุกดอกเลยนิ

เราอยากอ่านเป้-วิวต่อเหมือนกันค่า เล่มเก่าอ่านจนปรุหมดแล้ว
ยังไงรีบคลอดโครงการ 2 ออกมาไวๆนะค๊า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: V ที่ 02-06-2011 01:36:31
 :z1:อยากอ่านตอนเฝ้าไข้จังเลย อิอิ

ว่าแต่หว้าจะรวยไปไหนนั่น เหอะๆเงินเก็บเยอะจิงๆ o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (บ่ายๆ) [01/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 02-06-2011 07:53:02
หว้านี่ทั้งแสบทั้งงกในคราวเดียวกัน  o13
แต่เป็นความแสบที่เป้เต็มใจจ่ายมากๆ

รอเค้าเฝ้าไข้กัน อุอุ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-06-2011 11:52:24
ว่าจะเขียนเมื่อคืน แต่น็อกเพราะอิ่มอืด + กลับถึงบ้านดึก เลยเพิ่งมาลงตอนนี้ละค่า  :really2:

ลำนำรักสีรุ้ง - ระหว่างปิดเทอม 7 

หลังเลิกเรียนหว้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วก็ไปเล่นเกมที่บ้านเพื่อนต่อ แต่ฝนดันตกหนักซะก่อนเลยเมสเสจบอกพี่ชายว่าคงกลับดึก กว่าจะได้กลับถึงหอก็เกือบห้าทุ่มเพราะรถติดบรรลัย แถมมาเจอฝนตกแถวหอต่ออีก เด็กชายหว้าจึงเปียกมะลอกมะแลกตั้งแต่หัวจรดเท้า (บังเอิญเป็นเด็กไม่ชอบพกร่ม)

พอเปิดประตูห้อง เด็กชายหว้าก็ให้นึกฉงนใจที่ในห้องมืดสนิท เว้นแต่แสงไฟตรงระเบียงที่สาดเข้ามาเฉียงๆ เมื่อเหลือบมองไปทางเตียงก็เกือบร้องจ๊ากพร้อมกับรีบยกมือขึ้นปิดตา เพราะว่าเห็นเงาร่างของคนสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียง สมองน้อยๆ รีบคิดเร็วจี๋ว่านี่เราเข้าห้องผิดหรือเปล่าฟะ แต่ถ้าอย่างนั้นจะไขกุญแจเข้ามาได้ยังไง จึงค่อยๆ ถ่างนิ้วที่ปิดตาออกแล้วมองอย่างระมัดระวังอีกครั้งด้วยใจระทึก พอสายตาเริ่มชินกับความมืดถึงค่อยเห็นว่าพี่เขยนอนซ้อนหลังพี่ชายอยู่และพาดแขนไว้บนเอวหลวมๆ และทั้งสองคนใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยดี หนุ่มน้อยเลยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพลันนึกขึ้นได้ว่า อ้าว พี่เป้มาแย่งที่นอนแบบนี้แล้วตูจะไปนอนไหนล่ะ แต่เพราะเห็นว่าพี่ทั้งสองต่างหลับสนิท ตัวเองจะไปปลุกแล้วงอแงเป็นเด็กๆ ก็ใช่ที่ (ชอบคิดว่าตัวเองโตแล้ว) เลยพยายามเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอย่างเงียบเชียบที่สุด

หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยและออกจากห้องน้ำ เด็กชายหว้าก็เกือบร้องจ๊ากอีกครั้งเพราะเห็นเงาคนตัวใหญ่นั่งอยู่บนเตียงและยันแขนคร่อมพี่ชาย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด เป้เลยหันมายกนิ้วชี้จ่อปากทำนองว่าให้เงียบ จากนั้นก็หันไปก้มลงจูบหน้าผากวิวก่อนจะค่อยลุกขึ้นจากเตียง และทำสัญญาณบอกหว้าให้ตามออกไปคุยกันนอกห้อง

เป้: วันนี้พี่พาพี่วิวไปหาหมอมา เมื่อช่วงเย็นๆ ไข้เริ่มลดแล้ว แต่ตอนนี้คงหลับเพราะกินยาเข้าไป เราก็ช่วยดูแล้วคอยบอกพี่แล้วกันถ้าหากมีอะไรน่าเป็นห่วงอีก
หว้า: เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ว่าแต่ทำไมพี่วิวถึงไข้ขึ้นได้ล่ะพี่เป้? (สงสัยมาตั้งแต่เมื่อเช้า)
เป้: หมอบอกว่าอาจจะเครียดหรือพักผ่อนไม่พอ แต่ถ้าจะเอาเหตุผลจริงๆ ก็คงเพราะตากน้ำค้างนานไปหน่อยล่ะมั้ง
หว้า: (เลิกคิ้ว ทำตาโต) ตากน้ำค้าง? แล้วทำไมพี่วิวถึงไปตากน้ำค้างได้อะ? (ถามแบบไม่ได้คิดอะไรลึกเลยจริงๆ ก็น้องยังเด็กอยู่)
เป้: (เหล่มองคนถาม) เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวคืนนี้พี่จะกลับก่อนก็แล้วกัน ขืนปล่อยให้เรานอนพื้นเดี๋ยวพี่เราเขาจะโกรธเอา แล้วก็นี่ค่าขนมสำหรับพรุ่งนี้ ถ้าพรุ่งนี้เช้าพี่วิวยังไม่ตื่นจะได้ไม่ต้องไปรบกวน
หว้า: (โอ้ว ครั้งแรกที่ไม่ต้องเกริ่นเองก็มีลาภลอยมาถึงที่ แถมเป็นแบ๊งค์สีเทาด้วย!!)  ขอบคุณครับพี่เป้ ส่วนพี่วิวเดี๋ยวผมช่วยดูให้เองไม่ต้องห่วง
เป้: ดีแล้ว เพราะพี่เราเขาไม่ค่อยชอบโดนโอ๋เท่าไหร่ ฝากดูแลแฟนพี่ดีๆ ก็แล้วกัน ส่วนเราก็ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปเรียนอีก (เอามือขยี้ผมน้องเขยเบาๆ ก่อนจะเดินไปลงลิฟต์)

หว้ามองตามจนเป้เข้าลิฟต์ไปแล้ว ก่อนจะเหลือบลงมองแบ๊งค์สีเทาในมือด้วยความรู้สึกอธิบายยาก จากนั้นก็เปิดประตูเข้าห้องแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียง ดูพี่ชายที่กำลังหลับสนิทแล้วก็เอามือลูบผมพี่เบาๆ

หว้า: จริงๆ หว้าก็ยังหมั่นไส้พี่เป้อยู่อะนะถึงได้ชอบแกล้งไถเงินบ่อยๆ แต่ดูเขาก็รักพี่วิวจริงๆ พี่วิวก็รีบหายไข้แล้วกันพี่เป้จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงนานๆ เฮ้อ...ทำไมหว้าถึงได้เป็นคนดีอย่างนี้เนี่ย (พูดจบก็ลุกไปปิดไฟตรงระเบียงก่อนจะกลับมานอนต่อ แต่ก่อนจะหลับก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าตอนที่เห็นเป้จูบวิวนี่ยังกับแอบดูพ่อกับแม่จู๋จี๋กันเลยวุ้ย)

ความในใจน้องหว้าเปิดเผยจนได้  :impress2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 02-06-2011 12:01:48
น้องหว้านี่เป็นเงินเป็นทองไปหมดเลยนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 02-06-2011 12:41:56
 :laugh: :laugh:

น้องหว้าไปไม่ถูก

ก็พี่เขยใจดีขนาดนี้หนิเนอะ

พี่เป้น่ารักอ่ะอิจฉาพี่วิวอ่ะ แลดูอ่อนโยนมากๆๆ พี่เป้

พิเศษสุดๆๆสำหรับคนนี้  :o8:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 02-06-2011 18:18:57
ชอบเป้จริงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: himecrazy ที่ 02-06-2011 18:19:14
 :-[ :-[ :-[ อ่านไปยิ้มไปตลอดเลย  ชอบบบบมากกกเลยคู่นี้  น้องหว้าในที่สุดก็เผยความในใจออกมาแล้ว น่ารักจัง ^^ :กอด1: คนเขียนแรงๆ1ทีค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-06-2011 20:20:08
มา  o13 ให้ความเป็นเด็กดีของหว้า
ที่ทำไปทั้งหมดเพราะรักพี่วิวหรอกเนอะ
..ไม่ได้งกซะหน่อย  :m23:


กลับมาบวก เมื่อเช้าจะบวกแต่ไม่ครบ 24 ชม.

^
ขอบคุณค่ะคุณโอม ^^ แล้วก็ขอทำแขนยืดยาวเป็นแม่นาคกอดรวบทุกคนที่มาเม้นต์ให้น้องหว้าตั้งแต่ตอนแรกด้วยค่ะ  :man1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: JX ที่ 02-06-2011 21:11:54
ชอบคู่นี้มากมายยยย มาต่ออีกนะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 02-06-2011 21:33:19
เย้ยยยยยยยยยยยยยย!!

เกิดไรขึ้นนี่ ช่วงนี้พี่รินพลังงานล้นเหลือมาก *O*
แล้ว.....


...คนที่นุ้งนุ่นรอร้อรอล่ะค่ะ
คนคู่นั้นอ้ะ....(เนียนๆแล้ววิ่งหนี.....ฟริ้ววววววววว)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 02-06-2011 22:07:55
อุ๊ยตาย
ไอ้เรื่องไถดะนี่เกิดมาจากการหวงพี่ชายเหรอเนี่ย
มีส่วนน่ารักเหมือนกันนะหนูหว้า ไม่น่าเขื่อเลย เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (สายๆ) [02/06/11] p.41
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-06-2011 22:14:08
เย้ยยยยยยยยยยยยยย!!

เกิดไรขึ้นนี่ ช่วงนี้พี่รินพลังงานล้นเหลือมาก *O*
แล้ว.....


...คนที่นุ้งนุ่นรอร้อรอล่ะค่ะ
คนคู่นั้นอ้ะ....(เนียนๆแล้ววิ่งหนี.....ฟริ้ววววววววว)

แหม่ ปู้จายใส่แว่นนี่ฮอทจริง โดนถามหาเช้าเย็น ก็คุณเขาก็ค้างอยู่ครึ่งตอนเนี่ย พี่ก็รอจะเขียนให้จบตอนจะได้มาแปะนี่ละจ้า

ว่าแต่มาทวงหาคุณเชษฐ์กับนุ้งภัทรแบบนี้ เบื่ออ่านเป้วิวแล้วใช่ม้ายยยย XD
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-06-2011 10:57:06
เบียดเบียนเวลางานรายวันมาเขียน 555  :laugh:

ลำนำรักสีรุ้ง - ระหว่างปิดเทอม 8

ถึงตอนเช้า หว้าส่งเสียงในคออย่างงัวเงียเมื่อถูกเขย่าไหล่ พอปรือตาขึ้นก็เห็นว่าพี่ชายอาบน้ำแต่งตัวพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว (ทุกทีวิวจะปลุกน้องชายหลังตัวเองอาบน้ำเสร็จอยู่แล้ว จะได้ให้หว้านอนนานขึ้นอีกนิด)

หว้า: (ทำตาโต ลุกขึ้นนั่งทันที) เฮ้ย พี่วิวลุกมาทำไม? หายไข้แล้วเหรอ? (รีบเอามือแตะหน้าผากพี่ชายด้วยความเป็นห่วง)
วิว: (ยิ้มอ่อนๆ) หายแล้วสิ ไม่เมื่อยตัวแล้วด้วย คงเพราะเมื่อวานได้กินยากับนอนพักทั้งวันน่ะแหละ วันนี้จะได้ไปช่วยงานพี่ที่ออฟฟิศได้สักที
หว้า: แต่ที่จริงก็ยังตัวอุ่นหน่อยๆ อยู่เลยนะพี่วิว หยุดอีกวันไม่เป็นไรหรอกมั้ง ออฟฟิศเขาน่าจะเข้าใจนะว่าคนมันไม่สบาย
วิว: อย่าดีกว่า ถ้าวันนี้ต้องอยู่แต่ในห้องทั้งวันคงเบื่อแย่ อีกอย่างขอลาติดต่อกันวันพฤหัสกับศุกร์มันดูไม่ดี
หว้า: (เฮ่อ ทำไมพี่ตูถึงความรับผิดชอบสูงยังงี้ นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นพนักงานประจำเขาสักหน่อย) เออใช่ ว่าแต่พี่วิวไข้ขึ้นได้ยังไงตั้งแต่แรกอ้ะ? (จนบัดนี้ก็ยังไม่เลิกสงสัย ยิ่งเมื่อคืนเป้บอกว่าเป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องรู้เลยทำให้ยิ่งอยากรู้หนักเข้าไปอีก)
วิว: (หน้าแดงขึ้นนิดนึง) เอ่อ...ก็น่าจะพักผ่อนไม่พอนั่นล่ะมั้ง หว้าก็เห็นนี่ว่าพี่นอนดึกทุกคืน
หว้า: (มองพี่ชายที่เดินหนีไปยืนหวีผมอยู่หน้ากระจก แล้วก็นั่งขัดสมาธิเอียงคออย่างใช้ความคิด สรุปนี่ไอ้หว้าต้องแบกความสงสัยไปจนกลับบ้านก่อนเปิดเทอมเลยใช่มั้ย?)


หลังจากหว้าอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย พี่ชายกับน้องชายก็ออกจากห้องพร้อมกัน ระหว่างที่ลงลิฟต์วิวก็หันไปหาหว้า

วิว: เออ...หว้า เสาร์อาทิตย์นี้อยู่หอคนเดียวได้หรือเปล่า?
หว้า: เหอ??? (หันไปมองคนถามพร้อมกับทำหน้างงสุดขีด เพราะที่จริงน่ะชอบอยู่แล้วได้อยู่คนเดียวเนี่ย แต่ปกติพี่ชายจะไม่ค่อยปล่อยแล้วก็ชอบกระเตงไปไหนมาไหนด้วยอยู่เรื่อย)
วิว: คือพอดีพี่สัญญากับเพื่อนไว้ว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปเที่ยวด้วยน่ะ แล้วเขาก็บอกว่าจองที่พักไว้แล้วด้วย แต่ถ้าหากหว้าไม่อยากอยู่หอคนเดียว พี่จะลองถามดูว่าขอให้หว้าไปด้วยได้หรือเปล่า
หว้า: (สมองน้อยๆ รีบประมวลข้อมูลอย่างรวดเร็วในเวลา 0.2 วินาที แล้วก็เดาได้ว่าเมื่อวานตอนเป้มาเฝ้าไข้คงฉวยโอกาสอ้อนแกมมัดมือชกพี่วิวไว้แหงๆ แผนสูงจริงเว้ยพี่เขยตู) โอ๊ย! ทำไมจะไม่ได้ล่ะพี่วิว หว้าโตจนตัวจะเท่าพี่วิวแล้วนะ (ช่างกล้าพูด ความจริงแค่สูงเฉียดๆ ติ่งหูพี่ชายเอง) แค่อยู่คนเดียวสองวันนี่จิ๊บๆ ถ้าพี่วิวจะไปเที่ยวก็ไปเหอะ แค่ไม่ลืมซื้อของฝากกลับมาให้หว้าก็พอ
วิว: (ยิ้มอย่างระอาแล้วก็ยกมือขยี้ผมน้องชาย ยังดีว่าวันนี้หว้าไม่ใส่เจลไม่งั้นผมเสียทรงชัวร์) ได้สิ พี่คงออกช่วงสายๆ พรุ่งนี้แหละ แล้วเดี๋ยวพี่จะให้ค่าขนมที่ติดเราไว้สองวันบวกกับสำหรับเสาร์อาทิตย์ด้วยก็แล้วกัน ส่วนเย็นนี้ก็คิดไว้ว่าอยากกินอะไร หลังเลิกงานพี่จะได้พาไปกินร้านนั้น
หว้า: (ตาลุกวาว ถ้าได้ค่าขนมที่พี่วิวติดไว้บวกกับแบ๊งค์สีเทาจากเป้เมื่อคืน สุดสัปดาห์นี้เด็กชายหว้าก็เป็นเศรษฐีน้อยๆ นี่เอง) โอเคคร้าบ~ (รักพี่วิวที่สุดเล้ย)


ส่วนเสาร์อาทิตย์นี้ คนเขียนก็ขอเบรกด้วยละกันนะคะ ไม่งั้นตอนใหม่คุณเชษฐ์กะน้องภัทรไม่ได้คลอดแน่ อ๋อย  :z10:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 03-06-2011 12:44:21
+1 ให้ครับ เบลล์พลาดตอนพิเศษไปได้เยี่ยงไร(เป็นเพราะไม่ค่อยได้เข้ามาในห้องนี้ TT^TT~)

ฮาจริงอะไรจริงนะน้องหว้า ออกแนวน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ แล้วเรื่องที่สงสัยก็คงต้องสงสัยต่อไป 55+ เป้-วิวดันเอาดอร์ซ่ะงั้นเลยไข้ขึ้นเลย(เดาเอาแต่ไม่น่าพลาด  :laugh:)

ปอลิง น้องหว้าเนี่ย เป็นคนหัวการค้าจริงๆน๊า ถึงจะบอกว่าห่วง+หวงพี่ก็เหอะ แต่ัยังไงคนที่ได้ไปเต็มๆ ก็หว้านี่แหละ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 03-06-2011 16:27:34
น้องหว้ามีแต่ได้กับได้ :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 03-06-2011 23:47:27
ถ้าเราเป็นหว้านะ
จะต้องตอดเงินพี่เป้จนตั้งตัวได้เลย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 04-06-2011 00:48:27
วิ่งๆมาตอบพี่ริน......

ไม่เบื่อค่าาาาาาาาาาาาาาาาาา
เป้นี่ที่หนึ่งในหัวใจ >///////////<

แต่..ด้วยความคิดถึง หงุงหงิง คุณเชษฐ์ หงิงหงุง

ปล.โดดเกาะน้องหว้าฐานะที่เป็นเศรษฐีใหม่ :m20:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 04-06-2011 14:40:25
เข้ามาตามอ่าน นิยายเรื่องนี้
อ่านแล้วอิ่มมาก อิ่มในหลายๆความรู้สึก
โดยส่วนตัวชอบคู่เป้วิว เพราะชอบที่วิว
ดูเป็นผู้ใหญ่ และชอบที่เป้เข้าใจในตัววิว
ส่วนคู่อ๊อฟน้องนะชอบคู่นี้ตรงความน่ารัก
ขี้อ้อนของน้องนะและความเอาใจใส่ของอ๊อฟ
แถมเป็นคนบ้านเดียวกันอ้่านไปจินตนาการเพลินมาก
ขอบคุณที่เอาตอนพิเศษมาให้อ่านชอบน้องหว้าอ่ะ
น้องเจ้าเล่ห์มากน่าจะเป็นน้องเป้มากกว่าน้องวิวนะเนี้ย
:กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-06-2011 17:56:31
^
ยินดีต้อนรับค่ะคุณ @StaR@ (น่าจะเพิ่งได้มาติดตามอ่านสดๆ ร้อนๆ เนาะ?) ดีใจที่การอ่านเรื่องนี้ทำให้ได้ความรู้สึกอิ่มอุ่น + จิ้นตามได้เพราะเป็นคนร่วมบ้านกับพี่อ๊อฟและน้องนะค่ะ   :-[

ว่าแต่เรื่องน้องหว้าเนี่ย....น่าสงสัยว่าพ่อกับแม่หยิบผิดมาจริงๆ รึเปล่านะเนี่ย พ่อหนูช่างไม่ได้เศษเสี้ยวไหนจากพี่ชายมาเล้ย 5555555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 04-06-2011 20:09:01
ค้างเลย  :z3: ขออีกหน่อยจิ หรือจะตัดไปที่ไปเที่ยวเลย ระวังไข้กลับนะวิว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-06-2011 20:20:24
^
แอร๊ยย์ แค่น้องหว้ามาอยู่ด้วยได้ไม่กี่วันก็แทบไม่ได้มีเวลาส่วนตัวกันแว้ว พี่หนึ่งจะให้ไปตามสตอล์คตอนเที่ยวอีกเหยอ? เอ๊ะ? หรือควรไปหว่า??  :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 04-06-2011 22:44:16
น้องหว้ารวยเละเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: iNklaNd ที่ 05-06-2011 15:15:26
น้องหวาน่ารักไปไหม?
รู้กาละเทศะตลอดๆ
อย่างนี้เป้ทุ่มไม่อั้นแน่น้อง  :z1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: nowow ที่ 05-06-2011 16:00:04
สวัสดีค่า  ตามมาจากคุณเชษฐ์กับภัทร

ชอบการเขียนของคุณมากเลยค่ะ เดี๋ยวขอตัวไปอ่านเรื่องนี้ก่อน เดี๋ยวกลับมาใหม่นะคะ

ขอบคุณที่สร้างสรรค์งานดีๆ แบบนี้นะคะ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: LiTTlE [A] ที่ 05-06-2011 16:15:53
 :pig4: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 05-06-2011 16:54:07
อ๊าก ก  ก กอยู่มาก็นานนม ไม่เคยอ่านเรื่องนี้เป็นไปได้จั้งได๋หว่า ชอบมากอ่ะค่ะ ถ้าต่อตอนแรกให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยก็จะดีมากนะคะ แต่แบบนี้ก็เป็นเอกลักษณ์บุคคลมาก  ก ก ก ก แล้ว ชอบๆ รอตอนต่อไปค่า อยากรู้ว่าวิวไปโดนน้ำค้างได้ไง ???
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 07-06-2011 06:17:42
น้องหว้า น่ารักอะะะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: tiktok ที่ 07-06-2011 13:56:42
ค้างนะนี่
น้องหว้าน่ารักค่ะเข้าใจพี่ชายและพี่เขย
รอตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (รายวัน) [03/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 09-06-2011 07:59:46
ต้องไปเรียนแล้วง่า เดี๋ยวกลับมาอ่านนร้า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-06-2011 18:17:47
แบบว่า ไหนๆ คนอ่านหลายคนก็สงสัยเหมือนน้องหว้าว่าทำไมวิวถึงไข้ขึ้น บวกกับคนเขียนเองก็บ้าจี้ พอโดนถามมากๆ เข้าก็เลยทนไม่ไหว ต้องเขียนออกมาเฉลยปริศนาจนได้ แต่คิดว่าคนอ่านที่ติดตามกันประจำก็คงชินแล้วกับอิป้าที่นึกจะเขียนเรื่องราวตอนไหนของตัวละครก็เขียน ก็หวังว่าได้อ่านตอนพิเศษนี้กันแล้วคงจะกระจ่างขึ้นนะจ๊ะ

++------++

ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: คืนจันทร์อิงดาว (หลังจากง่อยกับชื่อตอน “หนึ่งเดือน” ในคราวที่แล้ว คราวนี้เลยขอชื่อตอนแบบสวยๆ หน่อย :) )


RRRrrrrr….


เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นครั้งหนึ่งก่อนจะเงียบไป เป็นสัญญาณที่รู้กันดีระหว่างผมกับคนที่มารับว่าอีกฝ่ายมาถึงบริษัทแล้ว ผมจึงปิดคอมพิวเตอร์และหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นพาดบ่า จากนั้นก็หันไปไหว้ลารุ่นพี่ที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ กัน

“ผมกลับก่อนนะครับ พี่ก้อย พี่ศิลป์”

รุ่นพี่ทั้งสองหันมายิ้มให้แล้วโบกมือลา เนื่องจากตั้งแต่ปิดเทอมครั้งก่อนๆ ผมก็มาฝึกงานที่นี่ประจำ ทำให้ค่อนข้างคุ้นเคยกับทุกคนในบริษัทดี โดยเฉพาะกับสองคนนี้ซึ่งคอยช่วยสอนงานให้ผมตลอด

พอเดินออกมาถึงโถงด้านหน้าบริษัท ผมก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยกำลังนั่งอ่านนิตยสารฆ่าเวลาอยู่ตรงโซฟา พอเป้เงยหน้ามาเห็นผมก็วางนิตยสารในมือลงแล้วลุกขึ้นยิ้มให้ ผมเลยไหว้ลารุ่นพี่ตรงเคาน์เตอร์รีเซปชั่นก่อนจะเดินออกจากออฟฟิศไปพร้อมกับคนที่มารับ

“เมื่อตอนบ่ายหว้าโทรมาบอกว่าเย็นนี้จะไปกินข้าวกับติวหนังสือที่บ้านเพื่อน คงจะมากินข้าวด้วยไม่ได้นะ”

ผมบอกระหว่างที่พวกเรากำลังลงลิฟต์ไปยังชั้นจอดรถใต้ดิน เป้ที่ยืนล้วงกระเป๋ามองแผงไฟเหนือประตูเลยส่งเสียงรับในคอ

“อืม...งั้นคืนนี้พวกเราก็อยู่ด้วยกันจนถึงดึกได้สิ?”

พ่อคุณชายหันมาพูดยิ้มๆ พร้อมกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก ผมเลยขมวดคิ้วมองคนที่เดินนำออกไปก่อนแบบไม่เห็นด้วยเท่าไหร่

“คงไม่ค่อยดีมั้งเป้ เดี๋ยวกินข้าวแล้วกลับเลยดีกว่า ไม่อยากให้หว้าอยู่หอคนเดียว”

ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่เราขึ้นรถและออกมาจากอาคารสำนักงานแล้ว แต่เป้กลับยักไหล่ทั้งที่ไม่ได้หันมาหา “หว้าก็โตแล้วนะวิว อีกอย่างเด็กวัยนี้อย่าไปคอยเฝ้ามากนักเลย ตอนเป้อายุเท่าหว้ายังเคยหนีออกไปเที่ยวตอนกลางคืนกับปูมด้วยซ้ำ”

เป้พูดยังกับเด็กวัยรุ่นที่ไม่เคยหนีเที่ยวตอนกลางคืนต่างหากที่ผิดปกติ ผมเลยรู้สึกเหมือนกำลังโดนกระทบชอบกลทั้งที่เจ้าตัวคงไม่ตั้งใจ ก็ตอนผมยังเด็กเท่าหว้าน่ะ แถวบ้านผมมันไม่มีอะไรให้ไปออกไปดูเลยยกเว้นเวลามีงานวัดนี่นา ดังนั้นถ้าหากไม่ทำการบ้านหรืออ่านหนังสือล่ะก็ ไม่เกินสี่ทุ่มผมก็กางมุ้งเข้านอนแล้ว  

“แล้วทั้งเป้ทั้งพี่ปูมก็โดนทำโทษทุกครั้งที่พากันหนีเที่ยวใช่ไหมล่ะ?”

ผมช่วยต่อให้ คราวนี้คนขับรถหัวเราะแทนคำตอบ ผมเลยได้แต่เก็บความหมั่นไส้ไว้แล้วหันไปมองนอกหน้าต่างซึ่งเต็มไปด้วยรถราแทน ถึงแม้ช่วงนี้จะยังปิดเทอม แต่เพราะย่านที่ผมทำงานนั้นเป็นย่านสำนักงานที่รถติดเป็นประจำ เวลานี้ถนนทั้งเส้นจึงมีแต่ผู้คนที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านทั้งด้วยรถส่วนตัวและรถสาธารณะติดกันยาวเป็นแพ รถของเราก็เลยแทบจะไม่ขยับเขยื้อนไปด้วยทั้งที่ออกจากออฟฟิศมาได้พักใหญ่

ดูเหมือนเป้เองก็ไม่ได้รีบร้อนจะพาผมไปไหน เพราะดูหมอนี่จะไม่ทุกข์ร้อนเลยกับการที่ต้องนั่งอยู่ในรถเฉยๆ ท่ามกลางการจราจรที่ย่ำแย่ นอกจากจะนั่งฮัมเพลงตามแผ่นซีดีเวลาได้ยินเพลงที่ชอบ ก็มีแต่ดึงมือขวาผมไปคลึงเล่นฆ่าเวลาเท่านั้นเอง บางทีที่เป้ไม่บ่นก็คงเพราะเราสองคนแทบไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ตั้งแต่หว้ามาอยู่ด้วย แต่จะทำไงได้ จะให้ผมไล่น้องชายที่ปีนึงเจอกันไม่กี่ครั้งให้ไปหาข้าวเย็นกินเองในขณะที่ตัวเองมากินข้าวกับแฟนทุกวันได้ยังไงกัน

กว่าพวกเราจะหลุดพ้นจากการจราจรที่แทบเป็นอัมพาตเพราะมีไฟแดงทุกๆ ระยะไม่กี่สิบเมตร เป้ก็ขับรถพาผมไปที่สวนอาหารย่านชานเมืองซึ่งอยู่ไกลจากใจกลางเมืองพอสมควร เนื่องจากละแวกนี้ไม่ค่อยมีตึกสูงหรือโครงการหมู่บ้านจัดสรรใหญ่ๆ สวนอาหารจึงมีพื้นที่กว้างขวาง ตรงกลางร้านมีการขุดทะเลสาบเอาไว้โดยมีน้ำพุกับหินสลักประดับ แต่ทั้งๆ ที่ทางร้านมีโต๊ะอาหารเกือบร้อยโต๊ะไว้บริการทั้งในส่วนกลางแจ้งและในห้องแอร์ พวกเราก็ยังต้องรอคิวกันหลายนาทีเพราะว่ามีคนมาทานอาหารที่นี่กันเยอะ

หลังจากที่รับบัตรคิวจากพนักงานต้อนรับและได้รู้ว่ามีคิวที่มาก่อนอีกกี่คิว พ่อคุณชายก็ทำหน้ามุ่ยขณะที่พวกเรานั่งรอกันบริเวณหน้าร้าน

“โทษทีเป้พลาดไปหน่อย ไม่นึกว่าวันธรรมดาคนจะแน่นเลยไม่ได้โทรมาจองไว้”

ผมฟังแล้วก็เพียงแต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มอ่อนๆ ให้ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของเป้เสียทีเดียว ถือว่าหมอนี่โชคดีด้วยที่ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ไม่งั้นระหว่างรอผมอาจหงุดหงิดก็ได้ว่าทำไมต้องพามากินไกลถึงที่นี่

ราวสิบห้านาทีพวกเราก็ได้โต๊ะว่างในโซนกลางแจ้งที่ไม่มีหลังคา ทำให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าและบรรยากาศโดยรอบได้ชัด นอกจากนั้นโต๊ะนี้ยังอยู่ข้างทะเลสาบที่อยู่ตรงกลางสวนอาหารด้วย ไอเย็นจากน้ำพุบวกกับลมที่พัดมาอ่อนๆ ทำให้อากาศไม่อบอ้าวทั้งที่ไม่ได้นั่งในห้องแอร์

พวกเราสั่งอาหารสามอย่างกับข้าวเปล่าอีกหนึ่งโถ เพราะว่าตัวใหญ่อย่างเป้กินข้าวจานเดียวไม่เคยพออยู่แล้ว และอาหารที่นี่ก็อร่อยแถมให้เยอะอีกต่างหาก สุดท้ายเราสองคนก็เลยผลัดกันเติมทั้งข้าวและกับข้าวจนทุกอย่างหมดเกลี้ยงในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง

หลังจากจัดการมื้อเย็นเรียบร้อย พวกเราไม่ได้เรียกพนักงานเก็บเงินทันที เพราะว่าบรรยากาศที่ร่มรื่นกับเสียงดนตรีเบาๆ ที่ทางร้านเปิดไว้ทำให้อยากนั่งเล่นไปเรื่อยๆ ก่อน โชคดีที่พอเริ่มดึกขึ้น คนที่มาทานอาหารตั้งแต่หัวค่ำก็ทยอยกลับกันไปบ้าง เราสองคนเลยไม่รู้สึกกดดันว่าต้องรีบลุกเพราะอาจจะมีคนรอคิวอยู่

ผมพยายามไม่เร่งเป้ให้รีบพากลับ นอกจากเพราะชอบบรรยากาศของที่นี่แล้ว ส่วนหนึ่งผมก็พอจะเข้าใจด้วยว่าเป้คงอยากใช้เวลากับผมให้นานขึ้น ก็เลยชวนคุยเรื่องที่ฝึกงานไปเรื่อยๆ แต่เพราะว่าปิดเทอมทีไรผมก็ไปฝึกงานที่เดิมทุกครั้ง ก็เลยไม่ค่อยมีอะไรใหม่ๆ เล่าให้เป้ฟังสักเท่าไหร่ ต่างจากพ่อคุณชายที่คราวนี้เลือกจะไปฝึกงานที่อื่นซึ่งไม่ใช่บริษัทของพ่อ แต่เป็นบริษัทที่ทำด้านการส่งออกเครื่องแก้วเจียระไนไปต่างประเทศ ผมเลยได้ฟังเป้เล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังมากกว่า

กว่าเราสองคนจะได้เรียกพนักงานมาคิดเงิน เวลาก็ล่วงผ่านไปอีกพักใหญ่ อุณหภูมิในยามดึกลดต่ำลงเล็กน้อยเพราะลมที่พัดแรงกว่าเมื่อหัวค่ำ ส่วนจันทร์ครึ่งดวงบนฟ้าก็ลอยขึ้นสูงลิบ ผมจึงหันไปคว้าข้อมือเป้ขึ้นมาดูนาฬิการะหว่างที่เดินออกจากร้านด้วยกัน เพราะว่านาฬิกาของผมถ่านหมดและยังไม่มีเวลาไปเปลี่ยนถ่านใหม่เสียที ทำให้เห็นว่าตอนนั้นเป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว

“ดึกป่านนี้แล้วสิ ไม่รู้หว้าอยู่คนเดียวจะเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวเรากลับหอกันเลยดีกว่าเป้”

ผมบอกพลางปล่อยข้อมือใหญ่ลงอย่างเดิม แต่กลับได้เห็นหัวคิ้วที่มุ่นเข้าหากันน้อยๆ ของคนที่หยิบกุญแจรถออกจากกระเป๋ากางเกง

“ตั้งแต่หว้ามาอยู่หอกับวิว เป้รู้สึกเหมือนตัวเองโดนลดขั้นยังไงไม่รู้สิ”

พ่อคุณชายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ หลังจากพวกเราขึ้นรถกันและออกมาจากร้านแล้ว ผมเลยหันไปเลิกคิ้วแบบไม่ค่อยเข้าใจ “หมายความว่าไง?”

เป้เงียบไปนิดนึงก่อนจะตอบโดยไม่หันมาหา “ก็...เหมือนโดนลดขั้นให้เป็นกิ๊กแทนที่จะเป็นแฟนทำนองนั้น”

คนพูดไม่พูดด้วยเสียงธรรมดา แต่เหมือนจะมีกลิ่นความน้อยใจเล็กๆ เจืออยู่ในน้ำเสียงด้วย คราวนี้ผมเลยยกมือขึ้นบีบไหล่หนาอย่างให้กำลังใจ เพราะเดาได้ว่าคงกำลังโดนหมอนี่งอนเข้าให้แล้ว

“คิดมากน่ะเป้ ก็น้องยังเด็กแถมไม่เคยมาอยู่กรุงเทพฯ ก็ต้องเป็นห่วงสิ อีกอย่างหว้าก็จะมาอยู่ด้วยเดือนเดียวเอง ลองคิดในมุมกลับกันดูนะ ถ้าสมมติว่าเป้ออกไปอยู่นอกบ้านแล้วน้องปอนด์ตามไปอยู่ด้วย เป้ก็ต้องห่วงน้องสาวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”

เป้ยกมือซ้ายขึ้นมาดึงมือผมไปจับโดยที่สองตายังมองถนน แต่คราวนี้ส่งเสียงหึขึ้นจมูกด้วย “ถ้าเป็นแบบนั้น หัวเด็ดตีนขาดยังไงยายปอนด์ก็ไม่มีทางขอมาอยู่กับเป้หรอก ไม่งั้นมีหวังได้ทะเลาะกันทั้งวันแน่”

ผมฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะ เพราะในขณะที่น้องชายผมจะชอบเข้ามาอ้อนเวลาอยากได้นั่นได้นี่ แล้วก็ไม่ค่อยกล้าเถียงเวลาที่โดนผมดุหรือตักเตือน แต่ที่บ้านเป้จะเลี้ยงลูกมาอีกแบบ พี่น้องแต่ละคนก็เลยค่อนข้างจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แถมเป้กับน้องปอนด์ยังนิสัยคล้ายๆ กันเสียอีก ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าหากอยู่ด้วยกันนานๆ แล้วจะอดเถียงกันไม่ได้ ถึงแม้นั่นจะไม่ได้หมายความว่าสองพี่น้องไม่รักกันก็ตามที

แต่ว่า...การได้ยินเป้พูดออกมาแบบนั้น ก็เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหรือผมจะละเลยความรู้สึกของคนข้างตัวเกินไปหน่อยจริงๆ...

“ความจริงเป้มีที่ที่อยากพาวิวไปดูคืนนี้ แต่ถ้าวิวยังยืนยันว่ายังไงก็อยากจะกลับไปอยู่กับน้องล่ะก็ เป้ก็จะพากลับ”

ผมยังไม่ทันคิดว่าจะพูดอะไรให้คนข้างตัวรู้สึกดีขึ้น เป้ก็ชิงพูดก่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คำพูดที่ใช้กลับทำให้รู้สึกว่าหมอนี่คงกำลังงอนชัดเจนกว่าไอ้ประโยคก่อนหน้านี้เสียอีก คราวนี้ผมเลยได้แต่กลอกตา เพราะดูเหมือนผมคงต้องให้ความสนใจเจ้าเด็กคนนี้ก่อนเด็กที่ห้องเสียแล้ว

“...เอางี้ ถือซะว่าไหนๆ เราก็อยู่ข้างนอกกันจนดึกป่านนี้แล้ว ถ้าหากวิวจะกลับดึกกว่านี้อีกหน่อยก็คงไม่ต่างกันหรอก เป้อยากพาไปไหนก็ตามใจเถอะ”

คราวนี้คนขับรถเลี้ยวแฉลบเข้าข้างทางก่อนจะเข้าเกียร์จอด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่หันมามองทางผมเป็นประกายวาวอย่างดีใจ

“สัญญาแล้วนะ”

“หา? สัญญาอะไร??”

ท่าทางของหมอนี่ที่จู่ๆ ก็กระตือรือร้นขึ้นอย่างกะทันหันทำเอาผมตกใจหน่อยๆ เป้คงเห็นเครื่องหมายคำถามบนหน้าผม เลยยิ้มแล้วก็บีบมือผมแน่นขึ้น

“สัญญาว่าคืนนี้ยอมอยู่กับเป้แล้วไง เมื่อกี้วิวก็พูดเองไม่ใช่เหรอว่าถึงกลับดึกกว่านี้ก็ไม่เป็นไรน่ะ?”

ผมสบตาคนที่ขอคำยืนยันอย่างงงๆ ชักไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่าที่เมื่อกี้พูดเปิดทางแบบนั้นไป แต่ในเมื่อออกปากไปแล้ว ถ้าเกิดกลับคำตอนนี้คงได้ต้องมาง้อทีหลังกันยาวแน่ ก็เลยพยักหน้ารับเพื่อตัดปัญหา เป้เลยยิ้มกว้างก่อนจะหันไปเข้าเกียร์ออกรถ

“ถ้างั้นไปกันเลยดีกว่า เป้น่ะรอจะพาวิวไปที่นี่มาตั้งหลายวันแล้ว”

เป้พูดแล้วก็ไม่ได้ขยายความต่อ ส่วนผมเองก็คร้านจะถามว่า ‘ที่นี่’ ที่ว่ามันคือที่ไหน เพราะถึงแม้จะอ่านพฤติกรรมหรือนิสัยของเป้ได้มากกว่าตอนที่เริ่มคบกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้หมดทุกเรื่อง ผมก็เลยปล่อยให้เป้ขับรถพาไปแบบไม่ถามจู้จี้อีก

ขากลับครั้งนี้เป้ใช้เส้นทางคนละเส้นกับตอนขามา ถนนตัดใหม่ที่ไม่คุ้นเคยทอดยาวไปสู่ย่านชุมชนแห่งหนึ่งในเมืองซึ่งนานครั้งผมถึงจะนั่งรถผ่านสักที แต่ก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าแถวนี้เป็นแหล่งสำนักงานกับที่พักอาศัยสำหรับคนที่พอจะมีฐานะ ถนนที่ว่างโล่งในยามดึกทำให้เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงคอนโดแห่งหนึ่งซึ่งยังดูค่อนข้างใหม่ รั้วด้านหน้าซึ่งทำจากหินสีเข้มที่เรียงกันเป็นชั้นๆ สูงประมาณหนึ่งเมตร ส่วนป้ายชื่อโครงการทำจากโลหะที่แกะเป็นตัวหนังสือให้นูนขึ้นและมีแสงไฟสีส้มส่องจากด้านล่าง หลังจากเลี้ยวผ่านรั้วเข้ามาจะพบกับทางเข้าที่มีต้นปาล์มผอมเรียวเรียงกันเป็นระยะห่างๆ ขนาบสองข้างทาง เป้หันมาเปิดเก๊ะหน้ารถหยิบบัตรใบหนึ่งออกไปแสดงให้ยามตรงป้อมดู จากนั้นพวกเราก็ถูกปล่อยให้ขับรถเข้าไปด้านในอย่างง่ายดาย

ทางขึ้นที่จอดรถของที่นี่แบ่งทางสำหรับรถวิ่งขึ้นและลงไว้คนละฝั่ง และเนื่องจากเส้นทางที่ใช้สำหรับวนขึ้นอาคารนั้นมีผนังเปิดโล่ง จึงทำให้สามารถมองออกไปเห็นสภาพบรรยากาศรอบๆ ได้ด้วย โชคดีที่คอนโดแห่งนี้มีพื้นที่โดยรอบพอสมควร ทำให้ถึงแม้จะอยู่ในตึก แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดคับแคบจากการที่รอบด้านมีแต่ตึกอาคารสูงๆ รายรอบเท่าไรนัก

“วิวไม่ถามหน่อยเหรอว่าเป้พามาที่นี่ทำไม?”

เป้หันมาถามหลังจากเอารถเข้าจอดที่ชั้นสี่ ผมเลยส่ายหน้าระหว่างลงจากรถและเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกัน

“ขี้เกียจถาม ถ้าคนพามาอยากเฉลยเขาก็คงบอกเอง”

ผมตอบตามที่คิด และที่บอกว่าขี้เกียจถามก็เพราะขี้เกียจจริงๆ ซึ่งคงเป็นเพราะเริ่มเพลียจากการที่ทำงานมาตลอดทั้งวัน เป้ฟังแล้วก็หัวเราะ พอลิฟต์มาถึงก็ดึงมือผมแล้วจูงเข้าไปข้างใน

“งั้นก็รอให้ไปถึงที่ค่อยเฉลยก็แล้วกัน”

คนพูดยังคงใช้คำกำกวมชวนให้หมั่นไส้ แต่ผมก็คร้านจะต่อล้อต่อเถียงเลยได้แต่เงียบ พอเป้กดเลขชั้นที่ต้องการ ไม่นานพวกเราก็ขึ้นมาถึงชั้นที่ยี่สิบแปด และเนื่องจากไม่มีใครกดใช้ลิฟต์ระหว่างที่พวกเราขึ้นมาเลย ความเร็วของการถูกดันขึ้นสู่ที่สูงในเวลาสั้นๆ เลยทำเอาผมหูอื้อจนต้องกลืนน้ำลาย พอประตูลิฟต์เปิดปุ๊บ เป้ก็จูงมือผมออกไปบนทางเดินปูกระเบื้องสีครีมที่เรียงกันเป็นลายตารางถี่ๆ ทันที

“ทางนี้ อยู่สุดทางเดินเลย”

เจ้าคนตัวใหญ่ก้าวขายาวๆ แบบแทบจะไม่รอให้ผมได้ปรับจังหวะตาม แต่พอมาถึงประตูห้องที่อยู่สุดปลายทางเดิน คนที่เดินนำอยู่ก็ชะงักฝีเท้ากะทันหันจนผมเกือบจะสะดุด พอผมขมวดคิ้วแล้วเหลือบตาขึ้นมองแบบฉุนๆ เป้ก็ยิ้มแบบไม่สำนึกผิดสักนิดให้

“เป้ว่าวิวหลับตาก่อนดีกว่า”

“หือ?”

ผมขมวดคิ้วทันที เอาล่ะ ผมยอมรับว่าตั้งแต่ตกปากรับคำว่าคืนนี้จะให้เป้พาไปไหนก็ได้ ผมก็ทำใจไว้แล้วว่าต่อให้โดนพาไปที่แปลกประหลาดขนาดไหนก็จะไม่บ่น แต่จู่ๆ ตอนนี้ก็จะมาบอกให้หลับตาโดยไม่อธิบายสักคำว่าเรากำลังมาเยี่ยมใครเนี่ยนะ...

ผมกำลังจะอ้าปากถามให้สมกับที่สงสัย แต่เป้ก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาปิดปากผมไว้ก่อนราวกับเดาปฏิกิริยาไว้แล้ว

“เถอะน่า เป้เคยหลอกวิวไปทำอะไรไม่ดีหรือไง?”

พอโดนถามแบบนี้ ไอ้ที่ผมตั้งใจจะบ่นก็เลยต้องกลืนคำพูดลงคอไป หลังจากถอนหายใจดังๆ เสียทีหนึ่งให้เจ้าคนตรงหน้ารู้ว่าผม ‘จำยอม’ ผมถึงค่อยหลับตาลงตามที่ถูกขออย่างไม่มีทางเลือก

“แล้วก็ห้ามลืมตาจนกว่าเป้จะบอกนะ”

เป้สำทับอีก ผมเลยส่งเสียงคำรามในคอให้รู้ว่าจะทำอะไรก็รีบๆ ทำ เพราะตอนนี้ผมแทบจะไม่มีพลังงานเหลือสำหรับโวยวายแล้ว และได้ยินเสียงหัวเราะต่ำๆ ในคอของอีกฝ่ายก่อนจะตามด้วยเสียงฝีเท้าที่หมุนตัวไปทางประตู

เสียงฟืดต่ำๆ เหมือนเสียงรูดการ์ดดังขึ้น ตามด้วยเสียงหมุนลูกบิดประตูและความรู้สึกว่าลมวูบผ่านเพราะบานประตูถูกผลักเข้าไป ผมยังหลับตาอยู่ก็จริง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเป้ถึงมีกุญแจห้อง และตกลงแล้วห้องนี้เป็นห้องของใครกันแน่

ผมไม่ทันได้เอ่ยคำถามออกไป เป้ก็หันมาจับมือทั้งสองข้างของผมไว้แล้วจูงเข้าไปในห้องช้าๆ พอพ้นประตูเข้ามาและเป้เลื่อนตัวไปผลักประตูปิดอย่างเดิม คนตัวโตกว่าก็ก้มลงมากระซิบข้างหูผม

“เดี๋ยววิวถอดรองเท้าออกก่อน ห้ามลืมตาหรือหรี่ตาดูด้วยนะ”

เสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายที่ยังจับมือผมอยู่ทำให้รู้ว่าเป้ก็กำลังถอดรองเท้าเหมือนกัน ผมจึงยอมทำตามเงียบๆ ถึงแม้ว่าจะอยากแกล้งหมอนี่ด้วยการลืมตาขึ้นให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำและเพียงแต่ยอมให้เป้จูงมือต่อ

“โอเค ตรงนี้พื้นมันต่างระดับ วิวก้าวสูงขึ้นอีกนิดนึง”

เป้ยังคงใช้วิธีบอกทางด้วยปากและจูงผมด้วยมือทั้งสองข้าง เวลาเดินไปตรงไหนที่มีสิ่งกีดขวางหรือต้องเลี้ยวก็จะคอยบอกหรือใช้มือหนึ่งจับเอวผมให้เบี่ยงตัวไปทางที่ต้องการ จนผมชักอยากจะบอกว่าอุ้มผมไปเลยจะเร็วกว่าไหมเพราะเริ่มเหนื่อยกับการเล่นเกมปิดตานี่เต็มที แต่ก็ยังพยายามทำใจเย็นแล้วปล่อยให้เป้ทำอย่างที่ต้องการต่อไป

“ยังไม่ถึงอีกเหรอเป้ วิวจะหลับทั้งยืนอยู่แล้วนะ”

ผมบ่นขึ้นในที่สุดหลังจากรู้สึกเหมือนโดนจูงมานาน เลยได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนจูง แล้วก็เพราะว่าเป้จูงผมแบบไม่ยอมปล่อยมือห่างนัก ผมเลยรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นที่ระอยู่บนหน้าผากนี่เอง

“ตรงนี้พอแล้วล่ะ วิวหันหลังแล้วลืมตาสิ”

เป้ค่อยๆ ปล่อยมือทั้งสองข้างก่อนจะเลื่อนขึ้นมาจับไหล่ผมแทนแล้วดันเบาๆ ให้หันหลังกลับ ผมถึงค่อยลืมตาขึ้นทีละนิด แต่เนื่องจากแสงไฟในห้องสว่างจ้ามาก บวกกับผมหลับตาเอาไว้มาชั่วขณะหนึ่ง พอเจอแสงสว่างเต็มๆ เข้าเลยตาพร่าจนแสบตาไปหมด

ผมกะพริบตาถี่เพื่อปรับสายตาจนกระทั่งไม่เห็นจุดสีดำกับสีขาวที่ิวิ่งวนจนน่าเวียนหัวอีก ถึงค่อยเห็นว่าตอนนี้พวกเราสองคนกำลังยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขก ซึ่งเท่าที่วัดจากสายตาคร่าวๆ ก็น่าจะใหญ่กว่าห้องนอนผมที่หอเสียด้วยซ้ำ ด้านหนึ่งของห้องคือประตูกระจกที่กินที่เกือบทั้งผนังและสามารถเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียงได้ ส่วนด้านในห้องมีโทรทัศน์แบบจอแบนที่ฝังไว้ในผนัง ตรงข้ามกันคือชุดโซฟายาวบุกำมะหยี่สีแดงเข้มน่านั่งซึ่งคงเป็นจุดที่เป้ให้ผมเลี้ยวอ้อมเมื่อครู่จะได้ไม่เดินชน ถัดจากบริเวณห้องนั่งเล่นออกไปมีห้องครัวแล้วก็เคาน์เตอร์สำหรับทำอาหาร และเยื้องกันไม่ไกลนักมีประตูห้องคู่กันอยู่สองประตู ซึ่งผมเดาเองว่าคงเป็นประตูห้องนอนหรือไม่ก็ห้องน้ำ

เครื่องเรือนในห้องนั่งเล่นดูเหมือนผ่านการใช้งานมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังนับว่าอยู่ในสภาพดีและสะอาดเอี่ยม ทว่าสิ่งที่ทำให้ผมสะดุดใจคือการที่ห้องนี้ดูเหมือนเป็นห้องเปล่าๆ ซึ่งไม่มีคนอาศัยอยู่ เพราะที่อ่างล้างจานไม่มีถ้วยชามหรือแก้วน้ำคว่ำเลย ตรงชั้นวางรองเท้าด้านหลังประตูก็มีแต่รองเท้าของผมกับเป้ ส่วนระเบียงภายนอกก็ไม่มีราวตากผ้าหรือกระถางต้นไม้ประดับนอกจากเถาไม้เลื้อยบางๆ ที่พันอยู่กับขอบระเบียง ผมเลยเอี้ยวคอไปหาคนข้างหลังอย่างไม่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-06-2011 18:20:17
“เป้ นี่ห้องใครน่ะ?”
 
คนถูกถามยิ้มให้กับคำถามของผม ก่อนจะลดมือที่จับบ่าลงแล้วโอบเอวผมจากด้านหลังไว้หลวมๆ

“ก็ห้องของเราไง”

เป้ตอบแล้วเอาคางเกยไหล่ผมไว้ แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้ผมงงมากกว่าเดิม

“ห้องของเรา?”

ผมทวนคำพร้อมกับขมวดคิ้ว คราวนี้พ่อคุณชายเลยกดจมูกลงมาบนขมับผมแรงๆ ราวกับมันเขี้ยวนักหนา

“ก็จะเป็นห้องของเรา...ทันทีที่วิวตอบตกลงจะมาอยู่กับเป้ไง จำที่เป้เคยบอกเรื่องคอนโดของพ่อไม่ได้เหรอ? พอดีคนที่เคยเช่าเขาเพิ่งหมดสัญญาแล้วย้ายออกไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง เป้น่ะอยากพาวิวมาดูตั้งแต่วันที่เขาเก็บของออกไปหมดแล้วด้วยซ้ำ”

คราวนี้เป้ปล่อยมือลงแล้วจับไหล่ผมทั้งสองข้างให้หันกลับไปหา ผมจึงได้เห็นประกายล้ำลึกในแววตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังสะท้อนภาพของผมอย่างแน่วนิ่ง และแววตาเช่นนั้นก็ทำให้ผมฉุกนึกถึงตอนที่เป้ออกปากชวนผมให้มาอยู่ด้วยกันหลังเรียนจบเป็นครั้งแรก

จำได้สิ...ทำไมจะจำไม่ได้ ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ตาม เพียงแต่ผมคิดไม่ถึงว่าเป้จะถึงกับพาผมมาดูห้องเพื่อช่วยเร่งการตัดสินใจแบบนี้...

ผมเหลียวกลับไปมองภายในห้องอีกครั้ง และนึกถึงที่เป้เคยเล่าให้ฟังว่าคอนโดของพ่อสะดวกกว่าหอที่ผมอยู่ตอนนี้มาก ซึ่งหลังจากที่ได้มาเห็นกับตาก็ต้องยอมรับว่าที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งขนาดที่กว้างขวางกว่าห้องของผมเยอะ แถมการมีครัวในตัวก็คงทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นกว่าการที่ต้องคอยฝากท้องข้างนอก นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ใกล้ย่านสำนักงานซึ่งถือได้ว่าเป็นทำเลที่ใครๆ ก็คงฝันอยากจะได้มาอยู่อีกต่างหาก

ผมระบายลมหายใจยาวๆ ออกมาทีหนึ่ง ใช่ว่าผมจะไม่เคยเก็บคำถามของเป้ไปคิดพิจารณาอย่างจริงจังตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เพียงแต่ว่า...ถ้าหากเป้เป็นคนประเภทที่ใครก็บังคับให้ทำอะไรไม่ได้ ผมเองก็เป็นคนประเภทที่ใครก็มาบังคับความคิดไม่ได้เหมือนกัน และแม้ว่าจะได้มาเห็นสถานที่กับตาตัวเองแล้ว แต่มันก็แทบจะไม่ส่งผลให้ผมอยากรีบตัดสินใจเลยสักนิดเดียว

ผมเหลียวกลับไปมองคนที่ยังยืนจับไหล่ผมอยู่อีกครั้ง พวกเรามองตากันโดยไม่พูดอะไรอยู่นาน และความเงียบของผมก็คงจะแทนคำตอบได้ดีที่สุด ประกายของความกระตือรือร้นจึงหายไปจากดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เป้ปล่อยมือที่จับไหล่ผมไว้ลงข้างตัวแล้วหันกลับไปเลื่อนประตูกระจกด้านหลัง จากนั้นก็เดินออกไปยืนเท้าระเบียงด้านนอกโดยไม่หันกลับมาทางผมอีกเลย

ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ชายเสื้อกับปลายผมของเป้พลิ้วเล็กน้อยตามแรงลมที่พัด การที่เป้ไม่พูดอะไรทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังผิดหวัง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็พยายามไม่แสดงออกให้ผมเห็นตรงๆ ความรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นสาเหตุทำให้ผมต้องพยายามสงบจิตใจด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงค่อยเดินออกไปยืนเคียงข้างร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ก่อน

ผมเลือกที่จะยืนทางขวาของเป้ เพื่อที่จะได้กุมมือขวาที่เป้ใส่แหวนคู่ของเราเอาไว้ได้ถนัด และถึงแม้ภาพแสงไฟจากรถราบนถนนและตึกรามบ้านช่อง รวมทั้งจันทร์ครึ่งดวงที่ลอยอยู่บนฟ้าจะน่ามองแค่ไหน แต่ผมก็รู้ว่าเราสองคนต่างไม่มีอารมณ์จะสนใจภาพที่เห็นตรงหน้าเลยสักนิด

โชคดีว่าคอนโดที่นี่ถูกออกแบบให้ระเบียงของแต่ละห้องหันออกจากกันและกัน ดังนั้นจึงมีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะเรามองไม่เห็นระเบียงของห้องอื่นที่อยู่บนชั้นเดียวกันเลย และการที่เป้ไม่ได้ชักมือหนีก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นบ้าง

“ขอโทษนะ”

ผมตัดสินใจทำลายความเงียบเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองควรจะเป็นคนง้อ เป้ฟังคำขอโทษแล้วก็เงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ ซึ่งนั่นทำเอาผมใจหายไปวูบหนึ่ง เพราะเป้ไม่ใช่คนที่จะแสดงท่าทางแบบนี้ออกมาเลยไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม

“....ช่างมันเถอะ เป้คงตื่นเต้นเกินไปที่ได้ห้องก็เลยอยากพาวิวมาดูเร็วๆ แต่ลืมไปว่าวิวไม่ใช่คนที่จะรีบตอบตกลงกับเพราะเหตุผลแค่นี้ เอาเป็นว่าต่อไปเป้จะไม่ถามหรือเร่งวิวเรื่องนี้อีกก็แล้วกัน”

เป้ยิ่งพูด ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองหน้าเสียขึ้นเรื่อยๆ มือที่ทาบทับมือใหญ่เอาไว้เผลอยกขึ้นเองโดยไม่รู้ตัว แต่เป้กลับพลิกมือขึ้นจับมือผมไว้แทนแล้วหันมายิ้มอ่อนๆ ให้

“แต่ว่า...วิวอย่าลืมก็แล้วกันว่าเป้จะรอคำตอบจากวิวทุกวัน”

เป้สอดนิ้วเข้ากับนิ้วผมแล้วก็จับยึดไว้แน่น ผมเลยหันไปสบตาด้วยตรงๆ และได้พบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ราวจะสะท้อนทุกความรู้สึกนึกคิดภายใน ไม่ว่าจะเป็นความน้อยใจหรือความผิดหวัง แต่ขณะเดียวกันก็มีประกายเล็กๆ ของความเชื่อมั่นและความเข้าใจแฝงอยู่ ผมจึงค่อยระบายลมหายใจออกมาได้อย่างปลอดโปร่งขึ้น และทำให้ได้รู้ว่าเมื่อครู่ก่อนนี้ผมกลั้นลมหายใจไว้จนแน่นหน้าอกไปหมด

“เป้ไม่ได้โกรธนะ?”

ผมยังอยากถามให้มั่นใจ แล้วก็เพื่อให้เป้รู้ว่าผมคำนึงถึงความรู้สึกของเป้เสมอ เพียงแต่ไม่ใช่ว่าผมจะโอนอ่อนได้กับทุกเรื่องที่ถูกขอหากว่ามันขัดกับสัญชาตญาณของตัวเอง เป้มองตาผมหลังได้ยินคำถามแล้วก็ส่ายหน้า

“...เป้เคยโกรธวิวได้ที่ไหนล่ะ”

คราวนี้คนพูดผละจากราวที่กั้นระเบียงไว้และหันมาหาทั้งตัว มือข้างซ้ายที่ไม่ได้จับมือผมเอาไว้ยกขึ้นเสยผมบนหน้าผากให้ และเมื่อมือนั้นเลื่อนลงมาแนบบนแก้มและออกแรงดันเบาๆ ผมก็ไม่ได้ออกแรงต่อต้าน และยอมเงยหน้าขึ้นหาริมฝีปากที่ทาบทับลงมาแต่โดยดี

ลมที่พัดอยู่บนระเบียงชั้นที่ยี่สิบแปดไม่ถึงกับแรง แต่ว่าก็ไม่ได้เบาเสียทีเดียว และความหนาวจากลมนั้นก็ทำให้ผมเบียดตัวเข้าหาเจ้าของร่างที่แผ่ไออุ่นอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากของเป้ยังคงเคลียเคล้ากับริมฝีปากผมไม่ห่าง กลีบปากบางจูบซับบนมุมปากของผมอย่างอ่อนโยน บางครั้งก็เย้าแหย่ปลายลิ้นแตะแต้มอย่างแผ่วเบาแต่ไม่ได้สอดแทรกเข้ามา ราวจะตอกย้ำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธผมจริงๆ และผมก็คงจะหวามไหวไปจนลืมทั้งเวลาและสถานที่กับรสจูบที่ได้รับ หากไม่ใช่เพราะรู้สึกถึงมือข้างหนึ่งที่ลอดเข้ามาใต้ชายเสื้อแล้วลูบบนแผ่นหลังไปมา

ผมถอนริมฝีปากออกจากความหวานที่ชวนให้มึนงงพร้อมกับหอบเบาๆ แต่ว่าไม่ได้ถอยตัวหนีหรือว่าผลักไสคนตรงหน้า เพียงแต่ขมวดคิ้วมองตาคนที่ยังคงใช้มือหนึ่งรั้งเอวผมไว้ ส่วนมือข้างที่ลอดเข้ามาใต้เสื้อก็เริ่มป่ายสูงขึ้นจนตอนนี้ทาบอยู่บนแผ่นอกผมพร้อมกับนวดคลึงอย่างหยอกเย้า

“...มันดึกแล้วนะเป้”

ผมท้วงพร้อมกับลดสายตาลงมองริมฝีปากของเป้แทน แม้ว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกไปจะแผ่วและแทบไม่มีพลังในการโน้มน้าวใจใครเลยก็ตาม พลันก็รู้สึกได้ถึงมือที่เปลี่ยนจากคลึงแผ่นอกมาสะกิดบนยอดอกแทนจนต้องหลุดเสียงครางออกมา ความหวามซ่านที่แผ่ไปถึงปลายนิ้วจากสัมผัสนั้นทำเอาผมเผลอห่อไหล่เข้าหากัน

“เป้รู้ แต่ตอนนี้เป้อยากรำลึกความหลังตอนเราขึ้นไปบนดาดฟ้าหอด้วยกันนี่นา”

เสียงกระซิบชิดริมหูคราวนี้ทำเอาผมลืมตาโพลง และเห็นว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่กำลังมองกลับมาพราวระยับ แต่แทนที่จะได้เห็นประกายเจ้าเล่ห์เหมือนทุกครั้งที่เป้อยากจะซุกซนกับผม ยามนี้นัยน์ตาคู่นั้นกลับดูจริงจังจนผมสะท้าน ยิ่งเมื่อนึกย้อนไปถึงคืนที่พวกเราสองคนขึ้นไปบนดาดฟ้าหอด้วยกันเพราะนอนไม่หลับ และคืนนั้นผมได้นอนมองดาวผ่านไหล่หนาของเป้ที่ขยับอยู่เหนือตัวผมบนผ้าปูที่นอนที่เราใช้แทนเสื่อ ผมก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นซ่านที่แล่นขึ้นมาบนหน้าราวกับโดนถ่านไฟอัง

“แต่นั่นมัน...จะบ้าเหรอ... ตรงนี้เนี่ยนะ?”

ทั้งที่อยากจะโวยวาย แต่น้ำเสียงของผมกลับฟังแล้วเบาหวิวเหมือนไม่แน่ใจเสียมากกว่า และไม่รู้ว่าเพราะยังรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่ทำให้เป้ผิดหวังหรือเปล่า ตอนนี้ผมจึงไม่มีกะจิตกะใจจะห้ามคนตรงหน้าเอาเสียเลย

“ตรงนี้แหละ โชคดีว่ามีเก้าอี้สำหรับนั่งเล่นอยู่พอดี”

เป้พยักหน้าไปทางด้านหลัง ทำให้ผมได้เห็นว่ามีเก้าอี้ยาวแบบที่ปรับระดับพนักได้ ลักษณะคล้ายๆ เก้าอี้ที่มักวางตามสระว่ายน้ำอยู่ตรงระเบียงตัวหนึ่ง คราวนี้หน้าผมเลยร้อนฉ่าเพราะเข้าใจแล้วว่าเป้กำลังคิดอะไร และพาลให้จิตสำนึกที่ว่าอะไรควรไม่ควรตีกันจนยุ่งไปหมด

“แต่หว้ารออยู่...อื้อ”

ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค คำพูดที่เหลือก็ถูกริมฝีปากอุ่นจัดที่ก้มลงมาประทับอย่างกะทันหันดูดซับไป ปลายลิ้นร้อนซุกไซ้เข้ามาภายในช่องปากของผมที่เผยออยู่แล้วอย่างถือสิทธิ์ ส่วนมือใหญ่ที่เมื่อครู่ทาบอยู่บนแผ่นอกก็เลื่อนลงไปนาบบนกึ่งกลางร่างกายผ่านกางเกงแทนจนผมได้แต่ครางอู้อี้ในคอ

“คืนนี้อย่าพูดถึงชื่อคนอื่นนอกจากเป้อีก โอเคมั้ย?”

เป้กระซิบเสียงหอบชิดริมฝีปากผม ส่วนมือที่ทาบอยู่บนท่อนล่างก็ขยับไหวรุนแรงขึ้นจนผมแทบยืนไม่อยู่ การถูกกระตุ้นเช่นนั้นทำให้ผมได้แต่ขยุ้มแขนเสื้ออีกฝ่ายแน่นเข้าแล้วหอบหายใจแรง และตระหนักได้ว่าตอนนี้คนตรงหน้าไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะฟังคำโต้เถียงจริงๆ พลันผมก็สะดุ้งตัวโยนเมื่อเป้รูดซิปกางเกงผมลงและทาบอุ้งมือเข้ากับสิ่งที่กำลังตื่นตัวอยู่ใต้เนื้อผ้าตรงๆ

“เข้าใจแล้ว เป้...พอก่อน เดี๋ยวกางเกงเลอะ”

ผมพยายามยื้อมือใหญ่ที่กำลังกระทำอุกอาจกับร่างกายตัวเองอย่างอ่อนแรง เพราะทุกสัมผัสของเป้ทำให้ความสามารถในการควบคุมตัวเองของผมหลุดลอยไปทุกที ผมสูดหายใจแรงเมื่อคนตัวโตปล่อยมือจากส่วนอ่อนไหวในที่สุด และยอมปล่อยให้เป้จูงผมไปนั่งที่เก้าอี้ยาวตรงมุมระเบียงโดยไม่ขัดขืน

ร่างสูงใหญ่ดันผมให้เอนลงก่อนจะปลดกระดุมเสื้อและถอดกางเกงให้อย่างรีบร้อน ทันทีที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสกับแผ่นเบาะตรงพนักซึ่งมีน้ำค้างเย็นๆ เกาะอยู่ ผมก็สะท้านเยือกจนเผลอดีดตัวขึ้นนั่ง เป้คงสังเกตเห็นก็เลยถอดเสื้อเชิ้ตตัวเองออกวางพาดบนพนักให้ผมพิงได้ และพอรู้ตัวอีกที พ่อคนตัวใหญ่ก็เลื่อนตัวลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้นข้างเก้าอี้แล้ว และที่ทำให้ผมสะดุ้งจนต้องดีดตัวขึ้นจากพนักอีกครั้งก็คือการที่ถูกจับแยกขาทั้งสองออกกว้าง ก่อนที่คนซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นจะก้มลงใช้ปลายลิ้นกับริมฝีปากโลมไล้บนกึ่งกลางของร่างกายที่กำลังตอบสนองต่อการปลุกเร้า

“เป้!!!”

ผมร้องเสียงดังแล้วก็พยายามจะดันหัวเป้ออกโดยสัญชาตญาณ แต่เป้ก็ไม่สนใจแถมยังดึงมือผมให้วางบนที่เท้าแขนแทนเสียอีก

“เถอะน่า วิวนั่งเฉยๆ”

เป้พูดก่อนจะก้มลงไปอีกครั้ง และทันทีที่รู้สึกว่าแก่นกายของผมถูกโพรงปากอุ่นรูดรั้งเข้าไปคลุกเคล้ากับความอบอุ่นภายใน ผมก็ได้แต่เกร็งแขนและทิ้งตัวพิงพนักอย่างหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้าน ความเสียวซ่านจากสัมผัสที่ได้รับทำให้ปลายเท้าทั้งสองเกร็งลงจิกกับพื้นเก้าอี้อย่างห้ามไม่อยู่ แต่ถึงแม้จะเริ่มเมามายไปกับการถูกกระตุ้นเร้าจนราวกับร่างกายไม่เป็นตัวของตัวเอง นัยน์ตาที่หรี่ปรือของผมก็ยังคงรับรู้ถึงแสงจันทร์และแสงดาวที่กะพริบสูงอยู่บนฟ้า เช่นเดียวกับที่หูยังคงได้ยินเสียงจากแตรรถและการจราจรที่ดังมาแว่วๆ จากถนนเบื้องล่าง ก่อนที่พายุความสุขสมจะโถมกระหน่ำจนไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบตัวนอกจากคนที่มอบความสุขนั้นให้ในที่สุด


++------++


ผมไม่รู้ว่าตัวเองถูกปรนเปรอความต้องการจนปลดปล่อยไปกี่ครั้ง หรือว่าตอนนี้เป็นเวลาดึกดื่นแค่ไหน แต่ก็มั่นใจว่าต้องล่วงเข้าวันใหม่แล้วแน่ๆ ผมค่อยๆ ระบายลมหายใจยาวออกมาเมื่อรู้สึกว่าความร้อนรุ่มที่เสียดสีกับท่อนล่างของผมเริ่มสงบลง และตอนนี้เป้ก็ช่วยจับตัวผมให้นอนคว่ำทับตัวเองไว้เพราะพื้นที่บนเก้าอี้ที่จำกัด ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างที่ลูบแผ่นหลังและเนินสะโพกผมไปมาช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจนไม่อยากลุกหลังจากที่หอบเหนื่อยมานาน

สายลมที่พัดไม่หยุดบนระเบียงของชั้นยี่สิบแปดช่วยให้ผิวกายที่ร้อนระอุค่อยเย็นลง เช่นเดียวกับเหงื่อที่ผุดซึมบนผิวให้ค่อยๆ แห้งเหือด กระนั้นผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะจากร่างกายของคนสองคนที่เพิ่งทำเรื่องไม่ควรทำในที่โจ่งแจ้งแบบนี้ แต่ความเหน็ดเหนื่อยก็ทำให้ผมไม่อยากรีบขยับไปไหนมากนัก

เป้จูบหน้าผากผมเบาๆ โดยไม่เลิกลูบแผ่นหลังกับบั้นท้ายให้ และผมก็คงปล่อยให้เป้ทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ เพราะสัมผัสนั้นราวกับมีฤทธิ์ขับกล่อมให้หลับใหล หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเลื่อนมือทั้งสองข้างลงกอบเนินสะโพกผมไว้แล้วกดลงให้บดกับหน้าขาของตัวเอง ผมจึงต้องยอมฝืนหรี่เปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นอย่างไม่เต็มใจ

“อย่าได้เริ่มอีกเชียวนะเป้ ไม่งั้นถีบตกตึกจริงๆ ด้วย”

อาจเพราะรู้สึกว่าได้ชดเชยให้อีกฝ่ายจนน่าจะพอใจได้แล้ว ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกผิดที่ส่งเสียงขู่ลอดไรฟันแบบนั้นออกไป แต่เพราะตอนนี้แค่เรี่ยวแรงจะยกหัวขึ้นจากไหล่ของเป้ก็ยังไม่มี เสียงที่เปล่งออกมาก็เลยฟังแล้วไม่ค่อยคุกคามตามไปด้วย

“...วิวยังมีแรงเหลืออีกเหรอ?”

คำถามนั้นทำเอาผมต้องยอมฝืนตัวเอง เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นไปทาบไว้บนคอเป้เหมือนจะบอกว่าถ้ายังไม่เลิกพูดอีกจะบีบคอให้จริงๆ ถึงแม้ตอนนี้แค่จะบังคับนิ้วตัวเองให้กดแรงๆ ลงไปบนคอหนาๆ ของหมอนี่ยังทำไม่ไหว และได้การตอบรับเป็นเสียงหัวเราะจากคนโดนขู่จนแผ่นอกกระเพื่อม แถมแรงสะเทือนยังส่งมาถึงผมที่นอนทับอยู่ข้างบนจนได้แต่คำรามในคอ

“ไอ้โรคจิต... ไอ้หื่นกาม... ไอ้ลามก”

อาจเพราะความเหน็ดเหนื่อยจนไม่รู้จะบรรยายยังไง บวกกับความอ่อนเพลียและง่วงจนตาแทบปิด ทำให้สมองผมไม่แจ่มใสและพูดอะไรที่ปกติจะไม่พูด แต่มันก็คงจะเป็นความคิดที่ติดอยู่ในหัวผมอยู่แล้ว ไม่งั้นมันคงไม่ออกมาจากปากเอาในเวลาที่ไร้การป้องกันตัวแบบนี้หรอก

เป้ขยับตัวนิดหน่อยก่อนจะใช้สองแขนโอบเอวผมไว้เฉยๆ โดยไม่ซุกซนอีก “เพิ่งรู้แฮะว่าวิวคิดกับเป้แบบนี้ แต่นอกจากวิวแล้วเป้ก็ไม่เคยหื่นใส่ใครอีกเลยนะ”

ก็ลองกล้าไปทำดูสิ... ผมได้แต่คิดในใจ ถึงจะนึกไม่ออกว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นจริงตัวเองจะทำยังไงก็เถอะ จะว่าไป...ผมเองก็อาจจะผิดด้วยที่ชอบปล่อยให้หมอนี่ได้สิ่งที่ต้องการแทบทุกที ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษนิสัยของพี่คนโตที่ติดอยู่ในตัวผม แต่สิ่งที่หลุดออกมาจากปากกลับเป็น

“...เงียบซักทีเถอะเป้ วิวง่วงจะตายอยู่แล้ว”

คนถูกบอกให้เงียบหัวเราะในคอเบาๆ เหมือนไม่อยากให้กระเทือนผมที่นอนทับตัวเองอยู่อีก จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นสางผมให้อย่างเบามือ สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นทำให้ผมสบายใจจนส่งเสียงครางออกมา และยิ่งรู้สึกถึงกระแสความสะลึมสะลือที่ถาโถมเข้าหามากขึ้น

“วิวนอนเถอะ เดี๋ยวหลับแล้วเป้จะอุ้มเข้าไปนอนในห้อง”

ผมรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ ที่ระอยู่บนหน้าผากเวลาเป้พูด จึงได้แต่ส่งเสียงรับในคอโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมา วูบหนึ่งใจก็นึกถึงน้องชายที่นอนเฝ้าหออยู่คนเดียว แต่ตอนนี้คงสายเกินไปที่จะบอกให้เป้พากลับ และผมก็รู้ว่าถ้าเกิดเอ่ยชื่อใครขึ้นมาตอนนี้ ต่อให้คนนั้นเป็นน้องชายของผมเอง พ่อคุณชายคงได้น้อยใจแบบไร้เหตุผลขึ้นมาอีกแน่ บางทีเป้ก็ทำตัวเป็นเด็กๆ ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่อาจเพราะอย่างนี้...ผมเลยเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับหมอนี่กระมัง

...ถึงแม้ผมจะยังไม่อาจให้คำตอบที่เป้อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้ได้ก็ตาม...

“พรุ่งนี้เช้าต้องออกแต่เช้านะเป้...”

จิตใต้สำนึกของผมสั่งให้พูดประโยคนั้นออกไปก่อนจะทำการปิดตัวเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเสียงที่เปล่งไปนั้นจะงึมงำจนฟังไม่รู้เรื่องหรือเปล่า แต่ก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดจะดับวูบลงเพราะความง่วงงุน ผมก็ได้ยินเสียงตอบรับในคอจากอีกฝ่าย เช่นเดียวกับอ้อมแขนแข็งแรงที่กระชับรอบตัวผมแน่นขึ้น คราวนี้ผมจึงปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งลงในห้วงนิทราโดยไม่พยายามฝืนไว้อีก

สายลมยังคงพัดมาไม่หยุด เช่นเดียวกับเสียงแตรรถและการจราจรจากถนนเบื้องล่างที่ยิ่งฟังก็ยิ่งห่างไกลออกไปทุกที แต่ความโล่งใจและเชื่อใจในเจ้าของวงแขนที่โอบรัดก็ทำให้ผมไม่รู้สึกอยากจะขยับออกไปจากตรงนี้เลยแม้แต่น้อย

ท่ามกลางความมืดมิดซึ่งมีเพียงแสงจากดวงจันทร์และหมู่ดาวบนผืนฟ้าที่คลี่ลงอาบไล้เราทั้งคู่ สิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้ได้ก่อนจะหลับใหล คืออ้อมกอดที่แสนอบอุ่นจนผมไม่นำพากับความหนาวของค่ำคืนเลยสักนิด...


++---End คืนจันทร์อิงดาว---++ 

ยิ่งเขียน คนเขียนก็ยิ่งอิจฉาตาเป้นะเนี่ย เฮ่อ

ปล. รู้ความลับที่วิวไม่สบายไข้ขึ้นแล้ว อย่าเอาไปบอกน้องหว้านะค้า กร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 13-06-2011 21:05:00
อิจฉาเป้จังเลย :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 13-06-2011 21:43:11
ว้าว ดีใจมากๆๆ ในที่สุดพี่รินก็มาเฉลย
เป้นะเป้ทำวิวไม่สบาย  แต่น่ารักอ่ะ วิวก็ตามใจเป้มากไปแล้วนะค่ะ
แอบหมั่นไส้เป้นิดหน่อยนะเนี่ย อิจฉาอ่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 13-06-2011 21:49:48
คุณริน~~ อย่าลืมไปแปะลิงค์ไว้ที่กระทู้คุณเชษฐ์ด้วยเน้อ แฟนเป้วิวจะได้ตามมาอ่านเยอะๆ >_<
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 13-06-2011 22:01:39
 :o8: :o8:

น่ารักอ่ะ ไม่ไหวแล้ว

อิจฉาพี่เป้จริงๆ  หวานไม่เกรงใจคนอ่านเลย

ขอบคุณพี่รินน่ะค่ะที่มาไขข้อขอ้องใจให้คนอ่าน

 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtbetagen ที่ 13-06-2011 22:49:50
เป้และวิวคือที่สุดจริงๆ  :mc4:  :L2:  :3123:  :L1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: LiTTlE [A] ที่ 13-06-2011 22:55:00
ไม่ต้องบอก หว้าก็คงเดาทางได้..หรือเปล่า :z2:

 o13 น่าร๊ากมากกกกกกกกกกกก

 :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: ladymoon_yy ที่ 13-06-2011 23:03:30
 :-[ :-[ :-[  สาเหตุที่วิวไม่สบายเป็นอย่างนี้ นี่เอง
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 13-06-2011 23:16:07
ไม่ใช่หว้ารู้แล้วหรอ  :laugh: ก็ พี่เขยกะน้องเมียเค้าซี้กันขนาดนี้  :z1:
วิวเลยเสร็จเป้เลย แอร๊ยยยส์
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: V ที่ 14-06-2011 06:27:10
 :impress2:

นี่เองสาเหตุที่วิวไม่สบาย  :z1:

แต่หนูหว้าน่าจะเดาได้น้าาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-06-2011 13:30:46
ไม่ใช่หว้ารู้แล้วหรอ  :laugh: ก็ พี่เขยกะน้องเมียเค้าซี้กันขนาดนี้  :z1:
วิวเลยเสร็จเป้เลย แอร๊ยยยส์

^ น้องหว้ารู้แค่โดนเป้ติดสินบนไม่ให้โทรตามพี่ชายคืนนั้น แต่สาเหตุจริงๆ ที่ทำให้วิวไข้ขึ้น...น้องหว้ายังไร้เดียงสาเกิน เลยยังบ่ฮู้ต่อไปเจ้าค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 14-06-2011 14:30:29
หว้าไร้เดียวสาจริงหรอ  :z1: พี่กลัวรู้ทะลุปุโปร่งหมดแล้วดิ  แค่ไม่พูดให้พี่ชายอาย คึคึ เดี๋ยวพี่เขยไม่เปย์  :laugh:

แล้วนี่ตูมาเถียงคนเขียนได้งัยฟระ เดี๋ยวนิยายหักมุมซวยเลย  :z3:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 14-06-2011 15:31:07
 :z13:คุณหนึ่งทะลุคุณริน
คุณหนึ่งไม่ต้องกลัวคุณรินหักมุมหรอกค่ะ
อย่างคุณรินถ้าคิดจะหักคงหักเหลี่ยมหรือไม่ก็หักศอกเลยมากกว่า o18
ขอบคุณสำหรับความลับของเป้วิวที่น้องหว้าไม่รู้ :-[
ปล.ขอโทษนะคุณริน มีอยู่ตอนหนึ่งคุณรินกล่าวถึงเป้เรียกหว้าเป็นน้องเขยคงไม่ใช่กระมัง หว้าน่าจะเป็นน้องเมียเนอะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-06-2011 15:45:29
เพ่หนึ่ง อยากให้หักมุมใช่ม้าย คึคึคึคึ (คนเขียนยิ่งบ้าจี้อยู่นะขอบอก)  :z1:

คุณ kakuro สงสัยตอนนั้นเบลอไปหน่อยเลยเรียกน้องเขยค่ะ แต่ถ้าถามวิว วิวอาจอยากให้เป้เรียกน้องหว้าว่าน้องเขยมากกว่าน้องเมียนะ (ดูจากนิสัยวิวแล้วคงไม่ค่อยอยากถูกเรียกว่าเมีย เอิ้กๆๆ)  :really2:

หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: nowow ที่ 14-06-2011 18:05:57
อู้ววววววววววว มาต่อตอนพิเศษแล้ว ดีใจจังค่ะ

เราชอบคู่เป้กับวิวมาก มันให้ความรู้สึกที่ต่างเติมเต็มจริงๆ

น่ารักมาก หว้าเองก็สร้างสีสีนแสบๆ ได้ดี สนุกมากค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-06-2011 18:12:01
ในที่สุด ความลับก็ไม่มีในโลกนี้  :laugh:  คนแต่งน่ารักอุตส่าห์เจียดเวลามาเฉลยให้รู้กัน  :m4:

คุณริน ไม่สนใจจะทำรวมเล่มตอนพิเศษเหรอค่ะ  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 14-06-2011 18:31:37
หวานกันจริงเชียว น่ารักมั่ก ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 14-06-2011 22:07:23
เสียเลือดจริงจังอ่ะ  :pighaun: ไม่ไหวแล้ว น่ารัก น่ารัก น่ารัก เหลือเกิน คุ่นี้ T_T

ทำไมเป้ถึงเป็นคนหื่นได้โรแมนติคขนาดนี้   :serius2: อ่านแล้วกรีดร้องงงง

ขี้อ้อนเหลือร้าย ยิ่งอ่านยิ่งเขินแทนวิว (บ้าไปแล้ว)  :impress2:

เค้าไม่บอกน้องหว้าหรอก กลัวพี่วิวเขินแล้วเด๋วจะงอนพี่เป้เปล่าๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-06-2011 22:12:51
ถึงไม่บอก น้องหว้าก็คงพอจะเดาได้มั้งคุณริน
เจ้าเล่ห์ไม่เบาซะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: yogurtbetagen ที่ 14-06-2011 22:23:48
เป้คือคนในฝันที่อยากเจอ
วิวคือคนในฝันที่อยากเป็น
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดอีกสักรอบ
ขอบคุณคนแต่งใจดีที่สุดในสามโลก
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
 :-[ :o8: :mc4: :3123: :L2: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: pupuzaa ที่ 15-06-2011 00:37:45
อิจฉาอ่ะ

 :-[ :-[ :-[:-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-06-2011 09:39:34
ในที่สุด ความลับก็ไม่มีในโลกนี้  :laugh:  คนแต่งน่ารักอุตส่าห์เจียดเวลามาเฉลยให้รู้กัน  :m4:

คุณริน ไม่สนใจจะทำรวมเล่มตอนพิเศษเหรอค่ะ  :m13: :m13:

ตอนพิเศษยังมีแค่ไม่กี่ตอนเองค่ะคุณผึ้ง ถ้ารวมเล่มคงบางจ๋อยแบบลมพัดทีปลิวง่ะ เดี๋ยวคงต้องรอให้เขียนได้เยอะๆ กว่านี้หรืออาจจะรอรวมกับเนื้อหาที่ต่อจากเล่มแรกเลยก็ได้มั้ง (จะได้เขียนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้ยังหนุกหนานกับการเขียนเรื่องสมัยเรียนอยู่เลย เหอเหอ)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 15-06-2011 12:49:48
จิ้มบวกให้คนเขียน ขอบคุณมากค่ะ น่ารักมากทุกคู่เลย :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษเป้-วิว (เย็นๆ) [13/06/11] p.42
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 28-06-2011 14:12:49
เพิ่งตามมาอ่าน
น่ารักมากเลยทั้งเป้วิวและอ๊อฟนะ
อ่านแล้วน้ำตาลพุ่งสูง  :o8:
จะติดตามผลงานต่อไปนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-06-2011 23:05:02
เนื่องจากหลายๆ คนเคยบอกว่าอยากอ่านตอนพิเศษของน้องหว้าเต็มๆ และด้วยความบ้าจี้ อิป้าจึงได้เขียนออกมาจนได้ค่ะ แต่รู้สึกว่าเป็นตอนที่ยากมาก เพราะความเกรียน เอ้ย สำนวนภาษาและวิธีคิดของน้องหว้า ทำเอาเขียนไปอยากตบกะโหลกเด็กคนนี้ไปเลยทีเดียว ยังไงอ่านกันแล้วก็เอ็นดูน้องหว้ากันหน่อยละกันนะคะ (เอ๊ะ หรือจะอ่านแล้วพาลหมั่นไส้น้องหว้่ากันก็ไม่รู้สิ)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-06-2011 23:11:22
ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: ความในใจของน้องชาย

ตั้งแต่จำความได้ ผมก็โตมาในบ้านที่มีพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชาย ปู่กับย่าเคยอยู่บ้านเดียวกับเรา แต่ทั้งสองก็เสียไปตั้งแต่ก่อนผมจะเข้าเรียนประถม ดังนั้นภายในครอบครัวแล้วผมก็เลยจะสนิทกับกับพี่วิวที่อายุมากกว่าแปดปีที่สุด

แต่ถึงจะใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราเล่นหัวเป็นเพื่อนกันนะ เพียงแต่พี่วิวจะค่อนข้างเอ็นดูผมเพราะช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ส่วนผมเองก็จะถูกพ่อแม่สอนมาตลอดว่าต้องเชื่อฟังและห้ามเถียงพี่ ดังนั้นพวกเราก็เลยแทบไม่เคยมีเรื่องขัดใจหรือทะเลาะเบาะแว้งกัน อีกอย่างก็คงเพราะพี่วิวเขาเป็นคนไม่ค่อยเรื่องมากด้วย เพราะรายนั้นจะชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ตั้งใจเรียน แล้วก็ทบทวนบทเรียนจากหนังสือเวลาอยู่บ้านมากกว่า

สำหรับเด็กๆ ที่อยู่ในวัยเรียน พวกผู้ใหญ่ก็มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องเกรดที่สุดจริงไหม และเรื่องนี้แหละที่ทำให้ผมเซ็งอยู่บ่อยๆ ความจริงผลการเรียนของผมก็ไม่ได้แย่นะ เพียงแต่ถ้าเทียบกับพี่วิวล่ะก็ ถึงยังไงก็ไม่ติดละอองขี้ฝุ่นอยู่แล้ว เพราะพี่วิวนอกจากจะหัวดีแล้วยังขยันโคตรๆ แม่เลยจะชอบบ่นบ่อยๆ เวลาเห็นผมนอนดูทีวีว่าทำไมถึงไม่ขยันให้ได้แบบพี่วิวบ้างเผื่อเกรดจะกระเตื้อง ผมละฟังทีไรอยากจะตอบแม่ไปว่าก็ถึงจะแชร์ดีเอ็นเอเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าไอคิวผมกับพี่วิวจะต้องเท่ากันนี่คร้าบ แล้ววิธีคิดกับนิสัยของพวกเราก็ไม่เหมือนกันด้วย จะให้ผมมีพฤติกรรมเหมือนพี่วิวเด๊ะราวกับโขกออกจากพิมพ์ได้ยังไงเล่า

โชคดีของแม่นะที่ผมไม่ใช่คนชอบคิดเล็กคิดน้อย ฟังอะไรมาก็มักปล่อยให้ทะลุออกหูไป ไม่งั้นเวลาโดนบ่นผมคงได้ตีโพยตีพายว่าแม่รักลูกไม่เท่ากันแหงๆ แล้วก็อาจจะหนีออกจากบ้านไปทำตัวเป็นเด็กแวนซ์มีปัญหาแล้วก็ได้ (ฮึ่ม)

แต่ครั้นจะบอกว่าไม่น้อยใจเลยที่ถูกเปรียบเทียบกับพี่วิว....มันก็ไม่เชิงซะทีเดียว เพียงแต่คงเป็นบุญของผมที่ทุกครั้งที่โดนบ่น พี่วิวก็มักจะคอยช่วยออกหน้าให้เสมอ อย่างเช่นเวลาที่แม่บ่นว่าทำไมผมไม่ขยันให้เท่าพี่วิว พี่วิวก็จะคอยตอบให้ว่าเพราะผมยังเด็ก แล้วอีกอย่างก็ทำกิจกรรมโรงเรียนเยอะกว่า (ลืมบอก ผมเป็นนักกีฬาปิงปองของโรงเรียน) แล้วทุกครั้งพี่วิวก็จะเสริมด้วยว่าตราบใดที่ผมไม่เกเร ก็ไม่จำเป็นต้องเจริญรอยตามพี่วิวทุกฝีก้าวก็ได้ เวลาได้ยินยังงี้ทีไร ผมละอยากกอดพี่วิวแน่นๆ ทู้กที ก็มีพี่ชายใจดีย่อมเป็นศรีแก่ตัวจริงไหมล่ะ

แล้วก็ด้วยความที่พี่วิวเป็นคนดี ไม่ค่อยมองใครในแง่ร้าย แถมขยันยิ่งยวดจนผลการเรียนดีเลิศแบบนี้แหละ บางทีผมก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนพี่ผมจะเป็นคนยังไง แต่ต่อให้ไม่เคยถาม ผมก็เดาได้ว่าพี่วิวคงจะชอบคนที่นิสัยเรียบร้อย ทำตัวอยู่ในกรอบแล้วก็ขยันเรียนเหมือนๆ กัน ตอนที่พี่วิวเอ็นท์ติดมหา’ลัยในกรุงเทพฯ ผมเลยลุ้นว่าพี่ผมจะพาใครกลับบ้านมาแนะนำช่วงปิดเทอมหรือเปล่า เพราะถ้าหากพี่วิวมีแฟนขึ้นมา คนคนนั้นก็จะเป็นผู้หญิงคนแรกในชีวิตของพี่ชายผมเลยนะ มันน่าตื่นเต้นน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่ ผมก็อยากเห็นพี่วิวที่ชอบทำตัวเคร่งครัดได้มีช่วงเวลากุ๊กกิ๊กเหมือนเพื่อนๆ เขาเหมือนกันนี่

แต่จนแล้วจนรอด ปิดเทอมแล้วปิดเทอมเล่า เวลาผ่านไปจนพี่วิวเรียนปีสองเทอมสุดท้าย ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะได้เจอแฟนของพี่เสียที แถมเวลาแย็บถามตอนพี่วิวกลับบ้านทีไร ผมก็จะโดนขยี้หัวพร้อมกับคำตอบแบบยิ้มๆ ว่า “ไอ้เด็กแก่แดด” ไปซะทุกครั้ง จนผมปลงแล้วว่ากว่าพี่วิวจะมีแฟนคงต้องหลังทำงานแล้วแหงๆ และไม่ใช่ว่าดูถูกพี่ตัวเองนะ แต่ท่าทางคนที่จะเป็นว่าที่พี่สะใภ้ผมคงต้องเป็นฝ่ายจีบก่อนอะ เพราะผมนึกภาพพี่วิวจีบใครไม่ออกเลยจริงๆ ก็ออกจะเป็นคนเฉยๆ ซะขนาดนั้น บางทีก็นิ่งจนไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรกันแน่ ใครที่รู้จักพี่วิวในระดับหนึ่งก็ต้องมีความเห็นเหมือนกันกับผมน่ะแหละ

แต่ก็อย่างว่า อะไรที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นในชีวิต บทมันจะเกิดก็เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เหมือนกับคนที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในชีวิตของเรากับคนที่เรารู้จักอย่างไม่คาดหมาย (พอดีผมเรียนภาษาไทยไม่ค่อยเก่ง ส่วนภาษาอังกฤษห่วยมาก ถ้าใครอ่านแล้วงงก็ขอโทษนะ) อยากรู้กันไหมว่าผมกำลังพูดถึงอะไร ก็การที่พี่วิวพา(ไอ้) พี่เป้มาเยี่ยมบ้าน เมื่อตอนปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้นปีสามน่ะสิ!

หากจะว่ากันจริงๆ การที่พี่วิวพาเพื่อนมาบ้านมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดนักหรอก เพราะสมัยมัธยม พี่ผมก็เคยพาเพื่อนมาติวหนังสือที่บ้านเหมือนกัน แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกตะหงิดตั้งแต่เจอพี่เป้ครั้งแรก ก็คือเรื่องบุคลิกที่ต่างจากพี่วิวสุดขั้วจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนกันได้ เริ่มตั้งแต่รูปร่างที่สูงใหญ่เหมือนนักกีฬามากกว่าเด็กเรียน ท่าทางที่เหมือนลูกคนรวยซึ่งมองมุมไหนก็ขัดกับบรรยากาศบ้านนอก แล้วยังบุคลิกที่ขี้เก๊กได้แบบเป็นธรรมชาติซะเหลือเกิน ยิ่งกว่านั้นยังมีกลิ่นบุหรี่ที่ติดบนเสื้อเวลาผมเดินผ่านไปใกล้ๆ อีก ซึ่งจุดสุดท้ายนี่แหละที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุด เพราะว่าพี่วิวเป็นคนไม่สูบบุหรี่ แล้วเพื่อนๆ ที่เคยรู้จักกันมาก็ไม่มีคนไหนสูบด้วยเหมือนกัน

อ้อ แต่ถ้าจะบอกว่าเหตุผลข้อสุดท้ายประหลาดที่สุดก็จะเป็นการด่วนสรุปเกินไป เพราะหลังจากพี่วิวพาพี่เป้มาวันแรก ผมก็ค่อยๆ พบว่าสองคนนี้มีเรื่องให้น่าประหลาดใจมากกว่านั้น เพราะผมสังเกตเห็นว่ามีหลายครั้งมากๆ ที่พี่เป้กับพี่วิวมีพฤติกรรมที่ผิดปกติกว่าเพื่อนผู้ชายทั่วไปเขาแสดงออกกัน แต่ไม่ต้องไปถามพ่อกับแม่หรอกนะ ผมว่าสองคนนั้นเขาคงไม่มาสนใจเรื่องนี้กันหรอก แค่นานๆ ทีลูกชายคนโตกลับมาบ้านเขาก็ดีใจกันจะแย่อยู่แล้ว (และข้อดีของช่วงเวลาที่พี่วิวกลับบ้านก็คือ ไอ้หว้าจะชอบโดนมองข้ามและไม่ค่อยโดนบ่น ฮ่าๆๆ)

ถ้าจะยกตัวอย่างพฤติกรรมผิดปกติว่ามีอะไรบ้าง เท่าที่ผมจำได้นะ ครั้งแรกก็คือตอนที่พี่วิวจะขับมอเตอร์ไซค์ไปตลาดโดยที่พี่เป้ซ้อนท้าย (เห็นพี่เป้บอกว่าไม่ถนัดขับมอเตอร์ไซค์ แต่ลูกคนมีเงินส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ก็มักจะถนัดขับรถสี่ล้อมากกว่าแหละมั้ง) แล้วแทนที่พี่เป้จะเอามือไปจับท้ายอานหรือวางไว้บนขา ก็ดั๊นเอามือไปกอดเอวพี่วิวจนพี่ผมสะดุ้งแล้วหันกลับไปทำตาดุใส่ หรืออย่างตอนที่กลับมาจากตลาดกันและถือข้าวของเตรียมจะเข้าบ้าน ตอนแรกพี่วิวจะถือถุงเอง แต่พี่เป้แย่งไปถือให้ทั้งหมดจนพี่วิวถอนหายใจแล้วเดินเข้าบ้านก่อน หรือถ้าจะเอาให้เด็ดกว่านั้นอีก ก็คือตอนกลางคืนที่ไปเที่ยวงานวัดกันสามคนโดยมีผมกระเตงไปด้วย ที่งานมีชิงช้าสวรรค์วงใหญ่เบ้อเริ่มตรงกลางงาน ผมเห็นแล้วอยากขึ้นก็เลยชวนพี่วิวกับพี่เป้ขึ้นด้วยกัน แต่พี่เป้ตัวใหญ่ก็เลยต้องนั่งคนละฝั่งกับพวกผม ความที่กระเช้ามันแคบแล้วพี่เขาก็ดันขายาว เข่าทั้งสองข้างของพี่เป้ก็เลยเกยอยู่ด้านนอกเข่าพี่วิวจนเกือบๆ จะเหมือนนั่งคร่อม ทีนี้มีช่วงหนึ่งที่กระเช้าเกิดกระตุกแล้วหยุดค้างกลางอากาศ แรงกระตุกทำให้พี่เป้โน้มตัวมาข้างหน้าแล้วยันแขนข้างหนึ่งบนพนักด้านหลังพี่วิว ตอนนั้นหน้าทั้งสองคนเกือบจะชนกันอยู่แล้วมั้ง ผมเห็นพี่วิวทำตาโตมองพี่เป้แล้วก็รีบหันหนีไปด้านนอก ส่วนพี่เป้หัวเราะในคอแล้วถอยกลับไปพิงพนักตัวเองอย่างเดิม ซึ่งผมว่าถ้าเป็นเพื่อนทั่วไปเขาคงไม่ทำท่าแบบนี้ใส่กันหรอก อย่างถ้าผมมากับเพื่อนแล้วเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ผมคงแซวมันขำๆ ไปว่าอยากมาซบอกพี่เหรอจ๊ะซะมากกว่า (แต่ก็นึกภาพพี่วิวพูดประโยคนี้ไม่ออกแฮะ)

เรื่องแปลกๆ คืนนั้นยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะหลังพวกเราลงมาจากชิงช้าสวรรค์ พี่วิวก็มาเดินตีคู่ผมแล้วปล่อยพี่เป้เดินตามหลังคนเดียว แถมพอพี่เป้มารั้งศอกพี่วิวแล้วชี้บอกว่าอยากแวะซุ้มไหน พี่วิวก็จะหันกลับไปค้อนให้ด้วย ไอ้ผมก็งงเดะ เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 12 ย่าง 13 ผมเคยเห็นพี่วิวค้อนใครซะที่ไหน และถ้าจะว่ากันตามมาตรฐานการค้อนล่ะก็ ที่พี่วิวทำก็ยังห่างไกลเพื่อนๆ ผู้หญิงในห้องผมหลายขุม จะอธิบายยังไงดี คือดูแล้วไม่มีจริตจก้านมั้ง? เพราะพี่วิวเพียงแต่หรี่ตาใส่พี่เป้นิดนึงแล้วก็หันไปทางอื่น ไม่มีอาการสะบัดสะบิ้งแล้วเหล่ตาจิกเหมือนที่สาวๆ ชอบทำ แต่ถ้าใครที่คุ้นเคยกับพี่วิวจะรู้เลยว่าแค่นั้นก็ผิดวิสัยพี่ชายผมมากๆ แล้ว ตอนนั้นผมเลยยิ่งสงสัยมากขึ้นๆ ว่าตกลงไอ้พี่เป้นี่มันยังไงกันแน่ (วะ)

ตอนนั้นน่ะสงสัยก็สงสัย แต่ไอ้หว้าก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าถ้าถามคงไม่แคล้วโดนดุ เผลอๆ จะทำให้ทั้งสองคนระวังท่าทีกันมากขึ้นด้วย ดังนั้นผมเลยได้ไอเดียใหม่ ด้วยการหาโอกาสจับผิดให้จั๋งหนับ! เอาให้มันรู้กันไปชัดๆ ว่าตกลงแล้วพี่ผมกับพี่เป้มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า ความรู้สึกตอนนั้นไม่มีเรื่องรับได้หรือรับไม่ได้มาเกี่ยวเลยนะ ผมแค่ตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ที่อยากรู้อยากเห็นเวลาพวกผู้ใหญ่มีความลับก็เท่านั้นเอง

แล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อโอกาสมาถึงเร็วกว่าที่คาด (บอกแล้วว่าเป็นเด็กมีบุญ) คืนนั้นปรากฏว่ามีฝนหลงฤดูตกลงมาระหว่างที่พวกเรากลับบ้าน พายุกรรโชกแรงมาก แล้วหลังคาห้องนอนผมก็ดันรั่วแบบถล่มทลายจนน้ำหยดใส่ฟูกซะชุ่ม ผมก็เลยต้องระเห็จไปขอนอนห้องพี่วิวอย่างไม่มีทางเลือก (ให้ไปนอนห้องเดียวกับพ่อแม่คงไม่ไหว เพราะพ่อผมกรนดังมาก) แล้วเพราะเตียงทั้งในห้องผมและห้องพี่วิวเป็นเตียงเดี่ยว ซึ่งถ้านอนสองคนจะเบียดกันสุดๆ แถมผมยังนอนดิ้นแบบร้ายกาจด้วย พี่วิวก็เลยยกเตียงให้แล้วตัวเองลงไปนอนฟูกบนพื้นกับพี่เป้แทน

ขณะที่กำลังเตรียมตัวจะนอนกัน ผมก็แอบลุ้นในใจว่าจะได้เห็นอะไรระทึกไหมหว่า แต่ปรากฏว่าพี่วิวดันเอาหมอนขวานมาวางขวางระหว่างตัวเองกับพี่เป้ซะงั้น (เอ่อ นี่ก็เป็นอีกพฤติกรรมที่แปลก ปกติเวลานอนกับเพื่อนเขาไม่แบ่งอาณาเขตแบบนี้ไม่ใช่เรอะ?) หลังจากปิดไฟแล้วผมเลยแอบมองในความมืดอยู่ตั้งนานว่าจะเห็นอะไรไหม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมพอฟ้าแลบจนเห็นแสงทะลุขอบหน้าต่างเข้ามาที ผมก็เห็นว่าทั้งสองคนนอนตะแคงแล้วหันไปคนละทางด้วยซ้ำ สุดท้ายผมเลยต้องยอมแพ้ บวกกับที่เหนื่อยมาทั้งวันด้วย ในที่สุดก็เลยหลับไปแบบไม่ได้เห็นอะไรติดตาจนเก็บเอาไปฝันร้าย มานึกดูตอนนี้ก็ควรจะขอบคุณพี่วิวล่ะมั้ง(?)

คืนนั้นผ่านไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอถึงเช้ามืดของวันถัดมา ผมก็รู้สึกตัวตื่นเพราะปวดฉี่ตั้งแต่ขอบฟ้ายังไม่ค่อยสว่าง พอเหลือบไปเห็นว่าพี่ทั้งสองยังหลับกันอยู่ก็เลยพยายามลุกออกจากห้องไปเงียบๆ จะได้ไม่ตื่นกัน (อย่างน้อยผมก็รู้กาลเทศะนะ) ความจริงตอนนั้นก็เกือบๆ จะหกโมงเช้าแล้ว แต่ผมก็กะว่าฉี่เสร็จจะกลับไปนอนต่อ ที่ไหนได้ พอเดินงัวเงียตาตี่กลับไปที่ห้องซึ่งเปิดประตูแง้มไว้ ผมดันมองเข้าไปเห็นว่าพี่เป้ตื่นขึ้นมานั่งมองพี่วิวอยู่ ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่ตอนที่ผมลุกออกมาหรือว่าเพิ่งตื่นกันแน่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าผมเพราะเอาแต่มองพี่วิวที่หลับสนิทนิ่งอยู่อย่างนั้น และที่ทำให้ผมซึ่งกำลังจะยื่นมือไปผลักประตูสะดุดหยุดกึ้กจนไม่ขยับต่อ ก็เพราะอยู่ดีๆ พี่เป้ที่นั่งเงียบก็ก้มลงไปหอมแก้มพี่วิวเฉยเลย!

ผมได้แต่กลั้นหายใจยืนนิ่งเพราะกลัวว่าถ้าขยับแล้วจะเกิดเสียง หลังจากหอมแก้มพี่วิวที่ยังคงไม่รู้สึกตัว พี่เป้ก็เอนตัวลงนอนตะแคงเท้าคางมองพี่วิวอยู่แป๊บนึง จากนั้นถึงค่อยล้มตัวลงนอนโดยตะแคงหันหลังไปอีกทาง คราวนี้ผมเลยล้มเลิกความคิดที่จะกลับไปนอนต่อ เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองไปแอบเห็นอะไรที่ไม่ควรเข้า แล้วภาพนั้นก็ทำเอาผมตาสว่างไปเลย พร้อมๆ กับความสงสัยเมื่อตอนงานวัดที่พุ่งขึ่นด้วยดีกรีรุนแรงกว่าเดิม

สรุปว่า...พี่เป้กับพี่วิว...เขายังไงกันแน่ (วะ) เนี่ย??

ผมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจว่าจะไม่มีใครตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ค่อยๆ ย่องลงบันไดมาชั้นล่าง แล้วก็เจอแม่ที่กำลังปัดกวาดครัวเตรียมทำกับข้าว ผมเลยอาสาขับมอเตอร์ไซค์ไปจ่ายตลาดให้เอง พอแม่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำตาโตเหมือนเห็นตัวประหลาดเพราะปกติไอ้หว้าตื่นสายประจำแถมไม่เคยเสนอตัวเรื่องนี้เลย แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำอะไรดีนี่นา อย่างน้อยๆ ถ้าได้ออกไปข้างนอก พบเจอผู้คนอาจช่วยล้างไอ้ภาพที่ติดตาเมื่อตะกี้ให้หายไปก็ได้

ระหว่างเดินซื้อของในตลาด ผมก็ได้แต่คิดวนไปมาเรื่องพี่เป้กับพี่วิว แล้วก็พยายามประมวลภาพเวลาทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันแรกที่มาที่บ้าน ใจหนึ่งก็อดตกใจไม่ได้ว่าตกลงพี่กูเป็นตุ๊ดเหรอวะ แต่เอ๊ะ พี่วิวก็ไม่เคยทำท่ากรีดกรายสะดีดสะดิ้งหรือพูดจาจีบปากจีบคอนี่นา ไอ้ที่จะดูแปลกตาบ้างก็เฉพาะเวลาที่โดน(ไอ้)พี่เป้ทำก้อร่อก้อติกใส่แค่นั้นเอง แต่จะบอกว่าพี่วิวรำคาญก็ไม่น่าใช่อีก เพราะท่าทางที่แสดงออกมันเหมือนคนที่ไม่รู้จะตอบรับการถูกเอาใจใส่เกินเหตุยังไงดีมากกว่า และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็หมายความว่าพี่วิวอาจจะเกรงใจพี่เป้ เลยไม่รู้ว่าควรจะบอกปฏิเสธยังไงไม่ให้เพื่อนเสียน้ำใจก็เป็นได้

เมื่อคิดสะระตะได้แบบนี้ ผมเลยเกิดความฮึดขึ้นมา พอซื้อของเสร็จก็รีบบึ่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ตั้งใจว่าจะถามพี่วิวให้รู้เรื่องว่าตกลงอะไรเป็นอะไร และถ้าหากพี่วิวรำคาญพี่เป้จริงๆ แต่ไม่กล้าบอก ผมก็จะยอมเล่นบทผู้ร้ายไปบอกพี่เป้ให้เอง ก็ภารกิจพิทักษ์ความสุขของพี่ชายคือหน้าที่ของน้องชายผู้แสนดีใช่ปะล่ะ

พอจอดมอเตอร์ไซค์แล้วถือถุงกับข้าวเข้าไปในบ้าน ผมก็เจอพี่วิวที่ตื่นแล้วและกำลังช่วยแม่จัดของใส่บาตร ผมเห็นจังหวะดีที่แม่ไม่ได้อยู่ในครัวด้วย เลยเดินตรงดิ่งเข้าไปหาพี่วิวเพื่อจะได้ถามถึงสิ่งที่สงสัย แต่แม่ดั๊นเดินกลับเข้ามาในครัวแล้วบอกให้พี่วิวไปปลุกพี่เป้ลงมาใส่บาตรด้วยกัน พี่วิวเลยตอบรับแล้วก็เดินหายไปชั้นบนก่อนที่ผมจะได้ถาม แม่เลยได้แต่มองผมแบบงงๆ ว่าทำแก้มอูมใส่แม่ทำไม แล้วก็เลยไล่ให้ไปล้างหน้าแปรงฟันซะก่อนจะออกไปตักบาตรด้วยกัน (ก็เมื่อเช้าเล่นออกไปตลาดแบบอมขี้ฟันตลอดเลยนี่)

เป็นอันว่าเช้านั้นผมพลาดจังหวะในการถามพี่วิวอย่างน่าเสียดาย แต่ก็พยายามฉวยโอกาสตอนเดินออกไปรอพระบิณฑบาตรที่หน้าบ้านด้วยกัน ยืนคั่นระหว่างพี่วิวกับพี่เป้ พี่วิวมองผมเหมือนงงที่จู่ๆ น้องชายก็กลับมาทำตัวติดพี่แบบสมัยเด็ก ส่วนพี่เป้...ผมว่าผมเห็นพี่เป้มองผมแล้วยิ้มมุมปาก จะด้วยเพราะรู้ทันหรือหมั่นไส้ก็ไม่รู้ล่ะ แต่ที่แน่ๆ วันนี้ผมต้องช่วยกันพี่เป้ออกจากพี่วิวให้ตลอดรอดฝั่งให้จงได้

แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างคนดีเสมอไป (ทำไมวะ!?) เพราะหลังจากตักบาตรเสร็จแล้ว ตลอดทั้งวันนั้นทั้งสองคนก็ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปแทรกกลางอีกเลย อ่า...จะว่างั้นก็ไม่เชิง คือพอหลังจากกินข้าวเช้าฝีมือแม่ผมเรียบร้อย ทั้งสองคนก็กะจะขับมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวด้วยกัน (แน่นอนว่าพี่เป้ซ้อนพี่วิวด้วยข้ออ้างเดิมว่าขับมอเตอร์ไซค์ไม่แข็ง ฮึ่ม พูดจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) ผมก็เลยขอตามไปด้วยแต่ขับมอเตอร์ไซค์เอง และไม่ว่าที่ไหนที่แวะลงไปเดินเที่ยวกัน ทั้งคู่ก็แทบจะตัวไม่ห่างกันเลย ไม่ใช่ว่ากอดคอหรือจับมือถือแขนกันนะ แต่ประมาณว่า...เหมือนมากันแค่สองคนอะ ฝ่ายพี่วิวไม่เท่าไหร่เพราะยังหันมาชวนผมคุยหรือถามว่าอยากไปไหนต่อบ้าง แต่(ไอ้)พี่เป้เนี่ยไม่มี้ที่จะหันมาสนใจ อย่างกับลูกกะตาทั้งสองข้างมีไว้มองพี่วิวคนเดียวยังงั้นแหละ และผมคิดว่าพี่ผมก็รู้ตัวและไม่ได้รำคาญซะด้วยสิ เพราะถึงจะไม่ได้ออกปาก แต่ผมก็เห็นว่าบางทีพี่วิวก็มองพี่เป้ตอบแล้วยิ้มนิดๆ ให้ (อ้อ เวลายิ้มพี่วิวจะชอบยกแค่มุมปากขึ้นเฉยๆ) แต่ขณะเดียวกันก็ยังพยายามไม่ทำให้ผมน้อยใจว่าโดนละเลย ทำให้บางทีผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นส่วนเกิน ทั้งที่ความจริง...พี่วิวอาจอยากพาพี่เป้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากันตามลำพังก็เป็นได้

พอบังเกิดความหยั่งรู้แบบนี้(?) ผมเลยรู้สึกว่าตัวเองเหี่ยวๆ ไปนิดหน่อย แต่ก็ยังดันทุรังอยากจะลองจะลองพิสูจน์สมมติฐานใหม่ที่ว่าพี่วิวไม่ได้รังเกียจพี่เป้ดู ด้วยการค่อยๆ ถอยฉากออกมาระหว่างเดินเที่ยว แล้วปล่อยโอกาสให้สองคนนั้นเขาได้เดินคู่กันแบบถนัดๆ ดูบ้างเผื่อจะสังเกตเห็นอะไรที่ก่อนหน้านี้มองข้ามไปเลยไม่เห็น เป็นไงล่ะ จะว่าไปผมก็ฉลาดเหมือนกันนะที่คิดวิธีนี้ออก ฮ่าๆๆๆ

ดูเหมือนพอเปลี่ยนมุมมองว่าพี่วิวไม่ได้รังเกียจพี่เป้ คราวนี้ข้อสันนิษฐานของผมก็ได้รับการยืนยันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถึงพี่วิวจะยังมีท่าทาง 'เขิน' คล้ายๆ เมื่อคืนก่อนบ้างเวลาพี่เป้ทำทีแต๊ะอั๋งแบบเนียนๆ (ตูเห็นนะเฟ่ย! ไม่เกรงใจน้องนุ่งเขามั่งเลยนะ!) แต่ดูเหมือนพี่ผมก็ไม่ได้รำคาญจริงจัง และบางครั้งเวลาที่พี่เป้ไม่ทันสังเกตเพราะหันไปทางอื่น พี่วิวก็จะมองแผ่นหลังพี่เป้แล้วอมยิ้มให้เหมือนกัน ซึ่งถ้าหากที่ใครเคยพูดไว้ว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ผมก็คิดว่านัยน์ตาของสองคนนี้บอกความในใจออกมาหมดทุกครั้งที่มองกันแล้วแหละ

“หว้าเป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ๆ ก็เงียบไปเลย หรือว่าเบื่อแล้ว?”

พี่วิวคงสังเกตเห็นผมทำหน้าบูดก็เลยหันมาถาม จริงๆ ผมก็เซ็งด้วยส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่พี่วิวคิดหรอกนะ แต่เพราะหลังจากสำเหนียกแล้วว่าที่จริงสองคนนี้เขาชอบกันต่างหาก ผมเลยอดรู้สึกเหมือนกำลังโดนแย่งพี่ชายไม่ได้ แถมคนที่เอาความสนใจพี่ผมไปดันเป็นคนที่บุคลิกโคตรน่าหมั่นไส้ซะด้วยสิ ก็รูปร่างหน้าตาดีแบบนี้ แถมเห็นว่าที่บ้านก็รวยด้วย แล้วทำไมไม่ไปจีบผู้หญิงละโว้ยยยย ถึงพี่ผมจะไม่เคยมีแฟน แต่ก็ไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกันมาแต่อ้อนแต่ออกนะ ดังนั้นที่พี่เป้มาชอบพี่วิว แล้วทำให้พี่วิวรู้สึกดีๆ ด้วยกลับเนี่ย มันไม่เท่ากับพี่ชายผมโดนล่อลวงให้ออกนอกลู่นอกทางเหรอ? พอยิ่งคิดแบบนี้ ความรู้สึกหมั่นไส้พี่เป้มันเลยยิ่งพุ่งขึ้นๆ กระแทกใจดวงน้อยๆ จนอยากจะเข้าไปปิดป้ายประกาศให้เลิกยุ่งกับพี่ผมซะให้รู้แล้วรู้รอด

แต่แน่นอนว่าไอ้หว้าก็ได้แต่คิด เพราะยังไงก็โตจนเข้า ม.ต้นแล้ว เพื่อนที่เป็นเก้งกวางในห้องก็ใช่จะไม่มีถึงแม้จะไม่สนิทด้วย จะมาทำตัวเป็นเด็กใจแคบก็ใช่ที่ อีกอย่างผมไม่อยากให้พี่วิวไม่สบายใจ เพราะจากท่าทางของพี่ผมแล้ว ผมมั่นใจเลยว่าพี่วิวก็คงยังไม่ได้อยากให้ผมรู้แหงๆ ว่าตัวเองกับพี่เป้กำลังคบกัน ไม่งั้นก็น่าจะแสดงท่าทางใกล้ชิดกันออกมาอย่างชัดเจนกว่านี้ หรือไม่อีกทีก็เป็นไปได้ว่าคงจะเพิ่งคบกันไม่นาน พี่ผมเลยยังไม่แน่ใจว่าจะวางตัวเวลาอยู่กับพี่เป้ต่อหน้าคนในครอบครัวยังไง และถ้าคิดดีๆ พี่วิวก็ไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนนี้เลยจนกระทั่งตอนก่อนที่จะกลับมาบ้านนี่แหละ ดังนั้นผมว่าสมติฐานนี้คงไม่ผิดไปจากความจริงแหงๆ

“เปล่าหรอกพี่วิว หว้าแค่หิวอะ ขอเงินซื้อไอติมหน่อยดิ”

ผมแกล้งเฉไฉเมื่อหันไปเห็นรถเข็นไอติมโบราณแถวนั้นพอดี พอได้ซื้อของหวานๆ เย็นๆ มากินก็รู้สึกว่าอารมณ์จะดีขึ้นมาหน่อย ความเหม็นหน้าพี่เป้ก็เลยหย่อนๆ ลงไปบ้าง แต่พวกเราก็ไม่ได้เที่ยวกันต่อจนเย็นมากเพราะแม่บอกไว้แล้วว่าให้กลับไปกินข้าวด้วยกันก่อนที่พรุ่งนี้พี่ๆ ทั้งสองจะกลับกรุงเทพฯ ขากลับผมก็เลยขับมอเตอร์ไซค์ตามแบบทิ้งช่วงห่างๆ หน่อย แอบเห็นว่าพี่เป้เอาคางไปเกยไหล่พี่วิวระหว่างรถติดไฟแดงด้วย ก็ไม่รู้หรอกนะว่ากระซิบกระซาบอะไรกันอยู่ แต่ที่แน่ๆ ในสายตาไอ้หว้าที่แอบมองอยู่ไกลๆ เนี่ย ยิ่งเห็นยิ่งหมั่นไส้พี่เป้สุดขีดเลยโว้ย!!

ตอนที่พวกเรากลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าแม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว แถมมีการเอาหม้อสุกี้ไฟฟ้าที่นานๆ ทีจะได้ใช้ออกมาวางรอพร้อมกับเครื่องเคียงทั้งหลายที่ผมไปซื้อเมื่อเช้าด้วย พวกผมสามคนเลยไปล้างมือล้างหน้าก่อนจะออกมานั่งกินข้าวกับพ่อและแม่ ทั้งสองคนเอาอกเอาใจพี่เป้กันใหญ่เพราะนานๆ ทีลูกชายคนโตจะพาเพื่อนมาบ้าน ส่วนผมได้แต่กินไปร้องตะโกนอยู่ในใจว่านี่มันคนที่มาจีบลูกชายของพ่อกับแม่นะคร้าบ ไม่ต้องไปอวยเขาขนาดนั้นก็ด้ายยยย นี่ยังดีนะว่าผมมีความยับยั้งชั่งใจพอที่จะไม่พูดออกเสียงไปดังๆ ไม่งั้นมีหวังวงแตกหรือหม้อสุกี้คว่ำชัวร์

หลังเสร็จอาหารคาวที่ดูเหมือนเติมเท่าไหร่ก็ไม่หมด (เห็นว่าตอนบ่ายแม่ออกไปจ่ายตลาดอีกรอบ) พวกเรายังได้กินเฉาก๊วยเป็นของหวานต่ออีก กว่าจะจบมื้อนั้นได้ผมเลยอิ่มจนแทบกลิ้ง พอกินกันเสร็จหมดแล้ว แม่เรียกผมให้ช่วยเก็บจานชามไปล้าง แต่กลับไล่พี่เป้พี่วิวให้ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมนอนได้เลย (เพิ่งรู้ว่าคนที่นานๆ กลับบ้านทีจะได้อภิสิทธิ์แบบนี้ แม่นะแม่) กว่าผมจะช่วยแม่ล้างจานชามเสร็จแล้วเดินขึ้นมาบนห้องบ้าง ก็เห็นพี่เป้กำลังนั่งจัดเสื้อผ้ากลับเข้ากระเป๋าอยู่คนเดียว มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นพี่วิว เลยเดาว่าคงลงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่าง ผมเลยได้ทีเนียนเข้าไปนั่งปุลงบนฟูกไม่ห่างจากพี่เป้เท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-06-2011 23:13:13
“พี่วิวอยู่ไหนอะพี่เป้?” (เดาได้อยู่แล้วแหละ แต่ถามไปงั้น)

“เพิ่งลงไปอาบน้ำเมื่อกี้เอง เดี๋ยวกลับขึ้นมาเมื่อไหร่พี่ก็จะไปอาบมั่งเหมือนกัน”

พี่เป้ตอบพลางเอาเสื้อผ้ามาม้วนแล้วยัดลงกระเป๋า เอ่อ...ไม่พับหน่อยจะดีเหรอเพ่? แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยอยากชี้แนะเรื่องวิชาการเรือนเท่าไหร่ เพราะปกติแม่ก็ชอบทำให้เพราะทนดูผมทำเองไม่ไหวประจำ หลังจากนั่งเงียบๆ มองพี่เป้ม้วนเสื้อยัดลงกระเป๋าได้สักครู่ ผมเลยถามทะลุกลางปล้องขึ้นมา

“ขอถามหน่อยดิ พี่เป้เป็นอะไรกับพี่ผม?”

“หือ?”

พี่เป้เลิกคิ้วมองผม มือที่กำลังจะรูดซิปปิดกระเป๋าชะงักไปนิดหนึ่ง สองตามองผมที่กำลังจ้องเป๋งแบบคาดคั้นแล้วก็ยิ้มแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“คิดว่าเป็นอะไรล่ะ ก็เป็นเพื่อนกันน่ะสิ”

อู๊ยยยย ผมคงเชื่อลงหรอกถ้าไม่ได้เห็นอะไรอย่างที่เห็นมาตลอดทั้งวันน่ะ แต่จะมัวพิรี้พิไรร่ายให้ฟังก็กลัวพี่วิวจะกลับขึ้นมาซะก่อน ผมเลยพูดออกไปตรงๆ เลย

“เพื่อนกันเขาคงไม่หอมแก้มกันตอนนอนหรอกนะพี่เป้ หรือถ้าพี่เป้ยังจะยืนยันว่าเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เดี๋ยวผมไปถามพี่วิวแทนก็ได้ พี่ผมโกหกไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ”

“เฮ่ยๆๆ เดี๋ยวๆ เข้าใจแล้ว ไม่ต้องไปถามวิวหรอก อยากให้พี่เราโกรธหรือไง”

พี่เป้ยื่นมือมาคว้าคอเสื้อผมจากด้านหลังหมับก่อนที่ผมจะทันลุก ผมเลยได้แต่หันไปมองแบบเคืองๆ ก็ถ้าคอเสื้อย้วยขึ้นมาจะทำไงล่ะเว้ย! ผมละอยากรู้นักว่าที่ไม่อยากให้พี่วิวโกรธน่ะหมายถึงโกรธผมหรือโกรธตัวเองกันแน่ แต่ก็พยายามข่มใจไม่ย้อนแล้วกลับลงไปนั่งฟังคำอธิบายดีๆ พี่เป้นั่งขัดสมาธิกอดอกทำท่าคิดอยู่แป๊บหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองผมตรงๆ

“พี่กับพี่วิวเป็นแฟนกัน แต่เพิ่งจะตกลงคบกันก่อนจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เพราะงั้นเขาเลยบอกพี่ไว้ว่ายังไม่อยากให้ที่บ้านรู้ ไหนๆ หว้ารู้แล้วก็ช่วยปิดด้วยก็แล้วกัน”

ผมเลิกคิ้วสูง เพราะไม่คิดว่าพี่เป้จะยอมรับแบบไม่อิดเอื้อนหรือตะบิดตะบอยแบบนี้ ตอนแรกผมนึกว่าจะได้คำตอบเป็นการแกล้งเฉไฉไปว่าตอนนั้นละเมอเสียอีก (แต่ถ้าบอกมายังงั้นลูกหมาที่ไหนมันจะเชื่อ) ผมเลยจ้องตาพี่เป้แล้วก็รีบถามต่อ เพราะต้องฉวยโอกาสระหว่างที่พี่วิวยังไม่ขึ้นมา เก็บข้อมูลจากคู่กรณีให้ได้เยอะที่สุด

"แล้วทำไมผมต้องช่วยพี่ด้วย มีเหตุผลอะไรไม่ทราบ?"

“พี่คิดว่าถ้าหากกล้าถามกันตรงๆ แบบนี้ หว้าก็น่าจะเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับฟังความจริงแล้วก็ช่วยปิดพ่อกับแม่ให้ได้ ยกเว้นว่าเราอยากจะเห็นพี่วิวเขาเสียใจ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็คงต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเพราะมองหว้าผิดไป”

อ้าวเวร ไหงโยนความรับผิดชอบมาให้อย่างงี้อ้ะ!? ไอ้ช่วงแรกๆ ก็ฟังดีอยู่หรอกว่าพี่เป้แมนพอที่จะตอบคำถามของผมตรงๆ แต่ไอ้ช่วงท้ายๆ นี่เหมือนลากผมเข้าวงศ์ไพบูลย์ไปด้วยยังไงไม่รู้

“นี่พี่เป้ขู่ผมเหรอ?”

“ไม่ได้ขู่ แค่บอกว่าเดี๋ยววิวจะเสียใจถ้าเกิดพ่อกับแม่รู้แล้วรับไม่ได้ขึ้นมา จริงๆ พี่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องที่จะปิดเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่าไม่อยากขัดใจให้เขาโกรธ หรือหว้าอยากจะลองดูล่ะ?”

พี่เป้พูดไป ยิ้มบนมุมปากก็ชักสูงขึ้นเรื่อยๆ และดูการณ์จะกลับกลายเป็นว่าผมเริ่มตกเป็นเบี้ยล่างเข้าไปทุกที เพราะถ้าหากผมไม่ช่วยพี่เป้ นอกจากจะไม่มีทางรู้ว่าพ่อกับแม่จะมีปฏิกิริยายังไงหากความแตก ที่แน่ๆ ก็คือพี่วิวคงไม่สบายใจ เพราะว่ารายนั้นเป็นเด็กดีที่อยู่ในลู่ทางที่พ่อแม่อยากให้เป็นมาตลอด แล้วผมก็ไม่อยากเห็นพี่ผมไม่มีความสุขซะด้วยสิ

เพื่อพี่วิว...เพื่อพี่วิว...เพื่อพี่วิว...

ในหัวผมมีแต่คำนี้วนอยู่ในหัว และพาลให้แววตาที่กำลังมองหน้าพี่เป้ตอนนี้เต็มไปด้วยความหมั่นไส้อย่างไม่รู้จะบรรยายยังไง เพราะเท่ากับว่าตอนนี้ผมกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่ต้องช่วยเหลือพี่ทั้งสองคนไปเสียแล้ว แต่จะให้ไอ้หว้าถูกทำเหมือนเป็นลูกไล่โดยไม่มีค่าตอบแทนน่ะหรือ รอไปจนถึงชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ....

เอาวะ พี่เป้เจ้าเล่ห์มา ผมก็เจ้าเล่ห์กลับได้ ให้มันรู้กันไปว่าผมน่ะเคี้ยวไม่ลงง่ายๆ นะเฟ้ย และไอเดียที่แว้บขึ้นมาก็ทำให้สีหน้าผมเปลี่ยนไปเป็นกระหยิ่มยิ้มย่องทันที

“ผมจะช่วยปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ก็ได้ แต่ถ้าจะให้ร่วมมือแบบไม่มีเงื่อนไขเลยก็ไม่ยุติธรรม...เพราะงั้นผมต้องการค่าตอบแทน”

พี่เป้มองผมแล้วก็เลิกคิ้ว แววตาดูมีแววครุ่นคิดขึ้น “ว่ามาสิ”

ปลากินเบ็ดละเฟ้ย เหอะๆๆ “ก็แบบว่า...ค่าขนมผมเดือนๆ นึงมันน้อยยย...น้อยน่ะพี่เป้ แถมพ่อกับแม่ให้งบค่าโทรศัพท์แค่เดือนละสองร้อยเอง บางเดือนมันก็ต้องมีทำรายงาน โทรคุยกับเพื่อนยาวๆ หรือเมสเสจหากันงี้ใช่ม้า ผมก็เลยคิดว่าถ้าหากมีสปอนเซอร์มาช่วยรองรับส่วนต่างพวกนี้ อนาคตทางการเรียนของผมคงสดใสขึ้นอีกเย้ออออออ...เลย ถึงอาจจะไม่ได้เท่าพี่วิวก็ตามเถอะ”

ผมพูดแล้วก็ยิ้มแบบที่น่าเอ็นดูที่สุด (อย่างน้อยมุกนี้ก็ใช้กับทุกคนในบ้านได้ผลแหละวะ) ได้แต่คิดในใจว่ายังไงก็ไม่ปล่อยพี่เป้ไปง่ายๆ แบบไม่มีค่าแรงตอบแทนแน่ พี่เป้มองผมแล้วทำหน้างงๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะเสียงดัง

“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าหว้าเป็นน้องของวิว ทำไมพี่เราเขาไม่เห็นจะงกเข้าเส้นแบบนี้เลย”

พี่เป้พูดไปหัวเราะไป แล้วก็ยื่นมือมาขยี้หัวผมอย่างแรงด้วย (กำลังหาที่ระบายอารมณ์หรือเปล่าเนี่ย?) ผมเลยทำหน้าหงิกแล้วปัดมือพี่เป้ออก

“เออเดะ นอกจากหน้าแล้วใครๆ ก็บอกว่าผมไม่มีอะไรเหมือนพี่วิวกันทั้งนั้นแหละ แล้วพี่เป้จะยอมรับข้อเสนอไหมล่ะ รีบตอบเร็วๆ เดี๋ยวพี่วิวขึ้นมาซะก่อน”

ผมเร่งเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นบันไดมาแล้ว และถ้าพ้นตอนนี้ไปก็อาจจะหาโอกาสเจรจากับพี่เป้สองต่อสองไม่ได้อีก คราวนี้โครงการของผมก็ล่มสิ นี่มันเกี่ยวพันกับเรื่องทุนการศึกษาในอนาคตของไอ้หว้าเลยนะ!!

พี่เป้ยังนั่งกอดอกมองหน้าผมโดยไม่ส่งเสียงสักแอะ ขณะเดียวกันเสียงฝีเท้าก็ใกล้ห้องเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่

“พี่เป้! ถ้าไม่ตกลงผมไม่ช่วยนะ!”

“เอางั้นก็ได้ ตกลงตามนั้น”

พี่เป้ตอบแทบจะในวินาทีเดียวกับที่พี่วิวเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หลังอาบน้ำเสร็จแล้วพี่วิวใส่เสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น แล้วก็มีผ้าขนหนูคล้องรอบคอโดยที่ผมยังชื้นอยู่ ดูเหมือนพี่ผมคงจะทันได้ยินที่พี่เป้พูดเมื่อกี้ เลยมองพวกเราสลับกันแล้วถามอย่างสงสัย

“ตกลงเรื่องอะไรกัน?”

พี่เป้หันไปยิ้มให้คนถามที่กำลังยกชายผ้าขึ้นขยี้ผม จากนั้นก็พยักเพยิดมาทางผม “ตกลงว่าหว้าจะกลับไปนอนห้องตัวเองน่ะ เห็นว่าวันนี้แม่เอาฟูกไปตากให้เมื่อกลางวันจนแห้งแล้ว”

เฮ้ย!! ใครพูดอะไรอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!!! ไอ้พี่เป้จะมั่วนิ่มก็อย่ามากระทบถึงที่หลับนอนคืนนี้ของผมสิว้อย!!!!

พี่วิวฟังแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันมาทางผม “ฟูกแห้งแล้วเหรอหว้า?”

“อ่า...จริงๆ มันก็...เอ่อ...แห้งแล้วแหละมั้ง ดูเหมือนจะแห้งแล้วนะ ก็แม่บอกมาอย่างนั้นนี่ เมื่อกี้ผมพูดเองใช่ไหมพี่เป้?”

ผมยิ้มตอบพี่วิว ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาเขม่นให้พี่เป้ที่กำลังยิ้มด้วยแววตาสาแก่ใจสุดๆ หนอยๆๆๆ อยากจะนอนกับพี่วิวสองคนในห้องโดยไม่มี กขค. ล่ะสิ อย่านึกว่าผมจะตามไม่ทันเชียว แต่ถ้าผมปากโป้งกับพี่วิวไปว่าที่จริงแล้วเราตกลงกันเรื่องอะไร นอกจากจะชวดลาภระยะยาวแล้วยังมีหวังจะเจอปัญหาครอบครัวด้วย เลยได้แต่ทดไว้ในใจแล้วกะว่าจะหาโอกาสเอาคืนจากพี่เป้ทีหลังให้สาสมเลย คอยดู๊!!

“ถ้างั้นเดี๋ยวหว้ากลับห้องเลยดีกว่า ไหนๆ แล้วก็ขออาบน้ำต่อจากพี่วิวเลยละกัน พี่เป้รอต่ออีกนิดหน่อยคงไม่มีปัญหาหรอกนะ?”

ผมพูดไปพลางก็พยายามระงับความรู้สึกอยากชี้หน้าไอ้ว่าที่พี่เขยจอมเจ้าเล่ห์สุดชีวิต ถึงจะแก้ลำกลับตรงๆ ไม่ได้ แต่ได้แกล้งคืนนิดๆ หน่อยๆ แบบนี้ก็เอาวะ อย่างน้อยก็ถือว่าผมตกลงจะรักษาคำพูดของตัวเองแล้ว ทีนี้ถึงตาพี่เป้ต้องรักษาคำพูดมั่งล่ะ ว่าแต่คืนนี้ไอ้หว้าก็ต้องปูเสื่อนอนกับพื้นกระดานในห้องตัวเองน่ะสิ ฮึ่มๆๆๆ


++------++


วันถัดมา ช่วงสายๆ พ่อพาทั้งบ้านไปทำบุญถวายสังฆทาน แล้วก็แวะกินมื้อกลางวันกันข้างนอกพร้อมกับพาพี่เป้ไปซื้อของฝาก ก่อนที่จะกลับมาบ้านตอนบ่ายเพื่อให้พี่ทั้งสองเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย พี่เป้ซื้อหมูยอกับผ้าไหมไปเยอะเหมือนกัน เห็นว่าจะเอาไปฝากแม่แล้วก็พี่สาวกับน้องสาว ท่าทางบ้านเขาจะลูกดกเหมือนกันนะเนี่ย เพราะเห็นว่ามีพี่ชายอีกคนที่กำัลังจะไปเรียนอังกฤษด้วย

พอสมควรแก่เวลา พวกเราก็ยกโขยงออกจากบ้านอีกครั้งเพื่อไปส่งพี่ทั้งสองที่สถานีขนส่ง ระหว่างนั่งเบียดกันบนเบาะหลังสามคนโดยที่พี่วิวคั่นกลางระหว่างผมกับพี่เป้ ผมก็ทำเนียนขอยืมมือถือพี่วิวมากดเล่น แต่จริงๆ แอบเปิดหาเบอร์พี่เป้เพื่อจะได้ส่งเมสเสจเข้าเครื่องตัวเอง ตอนแรกก็นึกว่าพี่วิวจะเมมเบอร์พี่เป้ด้วยชื่อเล่นแบบ 'darling' หรือ ‘boyfriend’ อะไรงี้ ปรากฏว่าดันเจอชื่อเล่น ‘Pae’ ทื่อๆ เลย (จริงๆ ก็ไม่ควรคาดหวังว่าพี่วิวจะทำอะไรคิกขุแบบนั้นอยู่แล้วล่ะนะ) ผมเลยแกล้งถามอีกทีให้แน่ใจว่า “นี่เบอร์พี่เป้เหรอ?” พี่วิวก็เลยหันมามองหน้าจอแล้วพยักหน้า ส่วนพี่เป้ที่นั่งริมสุดถัดไปก็ยิ้มมุมปากแต่ไม่ได้หันมา ชิชะ รู้แกวล่ะสิว่าผมจะได้เอาไว้โทรหาเวลาจะขอตังค์ แต่รู้อยู่แล้วก็ดี เวลาผมโทรไปจะได้ไม่ต้องอารัมภบทกันมาก หึหึหึ

หลังจากพ่อหาที่จอดรถได้แล้ว ผมก็ช่วยพี่วิวถือของฝากไปส่งที่รถบัสที่จะกลับกรุงเทพฯ คราวนี้พี่วิวได้กลับมาบ้านมาแค่ไม่กี่วันเพราะต้องกลับไปฝึกงาน แล้วก็คงอีกหลายเดือนกว่าจะได้เจอกันอีก พอคิดแบบนี้แล้วผมก็ใจหายหน่อยๆ ตอนที่ทั้งสองคนเอากระเป๋าเก็บไว้ที่ช่องเก็บของใต้ท้องรถแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปกอดพี่วิวแน่นๆ ซะทีนึง พี่วิวทำท่างงๆ แต่ก็กอดผมตอบแน่นๆ เหมือนกันแล้วลูบหัวให้

“เป็นอะไรเนี่ย กลับไปติดพี่เหมือนตอนเด็กๆ อีกแล้วเรอะเรา”

พ่อแซวขึ้นมา ผมเลยหันไปทำหน้าบูดใส่ ไอ้เรื่องสมัยเด็กที่เราไม่ค่อยอยากจำเนี่ย คนรอบตัวมักจะชอบช่วยจำให้ดีนักแหละ แถมพอสบโอกาสเมื่อไหร่ก็จะฟื้นฝอยขึ้นมาคอยเตือนความจำให้ซะอีกด้วย พี่วิวหัวเราะแล้วก็จับไหล่ผมไว้ตอนผมปล่อยแขนออก

“ไว้โตกว่านี้อีกหน่อย พอปิดเทอมแล้วหว้าไปอยู่หอกับพี่ก็ได้จะได้เปิดหูเปิดตา ตอนนี้ก็ทำเกรดดีๆ ไว้ก่อนแล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่ไม่ให้ไป”

ผมเห็นพี่เป้เลิกคิ้วข้างหนึ่งตอนพี่วิวพูดว่า ‘พอปิดเทอมแล้วหว้าไปอยู่หอกับพี่ก็ได้’ แต่จะเพราะอะไรไม่รู้ล่ะ เมื่อพี่ชายเสนอมาให้อย่างนี้ผมก็ต้องรับไว้ก่อนสิ

“สัญญานะพี่วิว งั้นเดี๋ยวปีนี้หว้าจะสอบให้ติดอันดับหนึ่งในห้าของห้องเลย ปิดเทอมเมื่อไหร่จะได้ไปเที่ยวกรุงเทพฯ กับเขามั่ง”

พี่วิวพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็ตบบ่าผม จากนั้นก็หันไปพยักหน้ากับพี่เป้ก่อนจะไหว้ลาพ่อกับแม่ พอขึ้นรถแล้วพี่วิวที่นั่งติดหน้าต่างก็โบกมือให้พวกผมอีกที ผมเลยโบกมือลาก่อนจะเดินตามพ่อกับแม่กลับไปที่รถบ้าง ระหว่างที่พ่อขับรถออกจากสถานีขนส่ง ผมก็เปิดมือถือขึ้นมาเช็คเบอร์พี่เป้แล้วบันทึกเข้าเครื่อง จากนั้นก็เอนหลังลงนอนหนุนหมอนอิงบนเบาะหลังแล้วพิมพ์เมสเสจไปหา ถือซะว่าเป็นของขวัญส่งท้ายก่อนจะได้เจอกันใหม่ก็แล้วกัน

“ถ้าทิ้งพี่ผมล่ะน่าดู”

ผมกดส่งข้อความแล้วก็ขยับหาท่าให้ตัวเองนอนสบายขึ้น แล้วความที่ติดนิสัยชอบยกเข่าข้างหนึ่งขึ้นมา เลยยันเท้าไปบนกระจกหน้าต่างจนแม่ต้องหันมาเอ็ดให้เอาลง ก็แหม เด็กมันกำลังโต ขามันก็เริ่มจะยาวนี่นา แต่สรุปผมก็ต้องเอาขาลงแหละไม่งั้นเดี๋ยวมีบทลงโทษอื่น แต่ยังไม่ทันจะได้เคลิ้มหลับเนื่องจากเหนื่อยที่วันนี้โดนพาไปท่องเมือง หูก็ดันได้ยินเสียงจากมือถือว่ามีเมสเสจเข้า พอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นข้อความจากพี่เป้ ส่งมาเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ และโชคดีว่าง่ายพอที่มันสมองระดับผมอ่านเข้าใจ

“No way.”

อารามที่ตอนนั้นกำลังเบลอๆ ผมเลยงงว่าตอนแรกตัวเองส่งข้อความไปว่าอะไรหว่า (คนกำลังง่วงๆ ก็มึนแบบนี้แหละ) แต่พอนึกออก คราวนี้ผมเลยยิ้มยิงฟัน อย่างน้อยพี่เป้ก็น่าจะเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรักษาคำพูดล่ะวะ เลยพิมพ์ข้อความตอบไปอีกทีแบบสั้นๆ ให้รู้ว่าผมรับรู้แล้ว และห้ามกลับคำด้วยนะเฟ้ย

“Good!”

พอส่งข้อความเสร็จ ผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมแล้วเตรียมจะนอนต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เป้จะส่งเมสเสจตอบมาอีกไหม แต่คิดว่าแค่นั้นเราก็คงเข้าใจในสัญญาลูกผู้ชายกันทั้งคู่แล้ว แต่ว่าก็ยังไม่วาย แม่ไม่ยอมให้ผมได้หลับสบายๆ จนได้

“ว่าแต่เนี่ย ถ้าหว้าขยันได้อย่างพี่วิวเขามั่งก็ดีนะ ไม่งั้นสงสัยอดเข้ากรุงแหงๆ เกรดเทอมที่ผ่านมายังแทบจะหลุดอันดับสิบของห้องอยู่แล้วเลย พ่อคิดเหมือนแม่หรือเปล่า?”

“โธ่แม่ ปิดเทอมทั้งที อย่าทับถมหว้าเรื่องเรียนได้ไหมคร้าบบบบบบบ”


++------++


เอาล่ะ นั่นคือที่มาที่ไปของสาเหตุว่าผมรู้เรื่องพี่เป้กับพี่วิวได้ยังไง และทำไมผมถึงทำตัวขูดรีดพี่เป้ซะขนาดนี้ แต่ถ้าเอากันจริงๆ ผมว่าผมก็ไม่ค่อยได้ขูดอะไรเท่าไหร่นะ ก็เฮียเขาเงินเหลือกินเหลือใช้ออกจะตาย อีกอย่างก็ไม่ใช่้ว่าพี่เป้ให้เงินผมทุกครั้้งที่ขอ หรือให้ตามจำนวนที่อยากได้ทุกทีเสียหน่อย แล้วยิ่งรู้จักกันไปนานๆ พี่เป้ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีพี่ชายอีกคนเข้าไปทุกที เพียงแต่คนนี้นอกจากจะบอกให้ผมตั้งใจเรียนกับประหยัดอดออมเหมือนพี่วิวแล้ว ยังคอยย้ำเตือนให้ผมเป็นเด็กดี ไม่ให้พี่ชายต้องคอยเป็นกังวลแทนพ่อกับแม่ไปด้วย ซึ่งหลักใหญ่ใจความของสิ่งที่พี่เป้สอนผม ก็คงเพราะว่าอยากให้พี่วิวสบายใจก็เท่านั้นแหละ

ผมยอมรับว่าช่วงแรกๆ ผมน่ะหมั่นไส้พี่เป้มาก (แบบโคตรมาก) แต่หลังๆ นี้ก็ไม่ค่อยมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะผมสังเกตได้ว่า อย่างน้อยการที่พี่เป้มาคบกับพี่วิวก็ไม่ได้ทำให้พี่วิวเปลี่ยนไป พี่ผมยังคงเป็นคนเดิม แถมบางครั้งก็ดูละเอียดอ่อนและใส่ใจกับบางเรื่องที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจมากขึ้นด้วย และถ้าหากจะให้บรรยายความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ผมก็คงได้แต่ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องเสีย และที่ำสำคัญที่สุด ผมคิดว่าพี่วิวมีความสุขมากกว่าตอนที่ไม่คบกับใคร ซึ่งที่ผ่านมาพี่ผมเขาก็คงไม่ได้ขวนขวายอยากจะมีคนรู้ใจอย่างคนอื่นเขาหรอก แต่พอมีกับเขาแล้วสักคน ผมว่ามันช่วยให้พี่วิวยิ่งเห็นเป้าหมายในชีวิตชัดเจนขึ้นกว่าก่อนเยอะเลย ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าควรจะบอกพ่อกับแม่เรื่องที่คบกับพี่เป้เมื่อไหร่ดีก็ตามเถอะ

จากที่เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าจะสอดแนม แอบดูไปเรื่อยๆ ว่าสุดท้ายพี่เป้จะทำให้พี่วิวเสียใจหรือเปล่า พอเวลาผ่านไป ผมก็เริ่มละวางความคิดนั้น เพราะดูจากท่าทางแล้ว ผมว่าพี่เป้ไม่ปล่อยพี่วิวไปง่ายๆ แน่ ก็ขนาดกับผมที่เป็นน้องพี่วิวแท้ๆ ยังมาทำทีหึงหวงเป็นบางครั้งเลยนี่นา นี่ถ้าผมไม่ได้รู้จักพี่เป้มาตั้งแต่ตอนที่สองคนนี้เขาเริ่มคบกัน ผมคงคิดว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งมาตามจีบพี่ผมแหงๆ เพราะดูเหมือนยิ่งคบกันไปนานเท่าไหร่ อัตราความหลงของพี่เป้ที่มีในตัวพี่ิวิวกลับยิ่งมีแต่จะเพิ่มขึ้น และดูแล้วท่าทางจะไม่มีวันลดซะด้วยสิ ผมก็เลยได้แต่ต้องยอมทำใจ ปล่อยพี่วิวไปให้กับคนที่รักเขาจริงๆ เพราะว่าพี่ผมก็คงไม่มีทางรักใครได้อีกนอกจากตาคนนี้แล้วเหมือนกัน

แต่สรุปทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นดีเห็นงามที่พี่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันนะ เพียงแต่ผมก็ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้มากขึ้นว่าใครจะรักกับใครก็เป็นสิทธิ์ของเขา และตราบใดที่พวกเขาสองคนมีความสุข ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็ไม่ควรจะไปขัดขวางด้วยเหตุผลงี่เง่าๆ ว่ามันไม่ถูกต้องตามมาตรฐานของสังคม และที่สำคัญที่สุด สำคัญมากยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้นทั้งหมดทั้งปวงเลย ก็คือพี่วิวเป็นพี่ชายเพียงคนเีดียวที่ผมมี

และภารกิจพิทักษ์ความสุขให้พี่ชาย...ก็ย่อมจะเป็นหน้าที่ของน้องชายผู้แสนดีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?


++---End ความในใจของน้องชาย---++


  :n1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 29-06-2011 23:25:53
อยากให้น้องชายเราน่ารักอย่างงี้บ้างจัง เฮ่อออ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-06-2011 23:37:57
น้องชายที่น่ารัก ยกให้หว้าคนหนึ่งล่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 30-06-2011 01:08:36
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-06-2011 04:47:24
หว้าเป็นเด็กดีจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: pdolphin ที่ 30-06-2011 11:33:06
ถ้าไม่ติดว่า  วิวรอให้หว้ามีครอบครัวก่อนถึงจะยอมบอกพ่อกับแม่ว่าเป็นคู่ชีวิตของเป้  ก็อยากให้คนแต่งจับให้หว้าเป็นเคะจอมแก่นแสนซนของใครสักคนอยู่เหมือนกันแฮะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 30-06-2011 11:34:26
หว้าน่ารักมาก รักพี่รักครอบครัว
และมีความคิดกว้างไกลดีทีเดียว
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-06-2011 12:08:06
ถ้าไม่ติดว่า  วิวรอให้หว้ามีครอบครัวก่อนถึงจะยอมบอกพ่อกับแม่ว่าเป็นคู่ชีวิตของเป้  ก็อยากให้คนแต่งจับให้หว้าเป็นเคะจอมแก่นแสนซนของใครสักคนอยู่เหมือนกันแฮะ

ถ้าน้องหว้าเปลี่ยนรสนิยม คงไม่ยอมเป็นเคะอะค่ะ คงจะบอกว่า "มาดแมนอย่างผมมันต้องเป็นฝ่ายรุกเซ่!" แหงๆ 555
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 30-06-2011 12:44:48
น้องหว้าน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 30-06-2011 13:56:09
 :m20:

ขำหว้าอ่ะไม่ค่อยจะหวงพี่ซักเท่าไหร่เลย

อ่านเรื่องี้ทีไรแล้วอมยิ้มทุกทีเลย

ขอบคุณพี่รินน่ะค่ะที่มีตอนพิเศษมาให้อ่าน

แก้คิดถึงวิวกับเป้ยังไงก็น่ารักเหมือนเดิมคู่นี้ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: Akamei ที่ 30-06-2011 14:20:51
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ได้ไปกี่บาทแล้วล่ะน้องหว้า...
555+
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-06-2011 15:12:13
อ่านไปอมยิ้มไป ต้องบอกว่า น้องหว้า น่ารักกว่าที่คิดไว้ซะอีก อ่านแล้วอยากมีน้องชายกวนๆ แบบนี้บ้าง

ว่าแต่ว่า หว้า นี่น่าเรียนเศรษฐศาสตร์นะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: MiSS-U ที่ 30-06-2011 18:19:26
เป็นน้องที่ดีจัง
 o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: himecrazy ที่ 30-06-2011 20:25:04
น้องกว้า น่ารัก รัก+ห่วงพี่ชายมากเลยนะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 02-07-2011 21:15:23
ถ้าไ่ม่ิติดว่าแก่กว่าเป้กับวิว อยากจะขอหว้ามาให้กับตัวเองจริงๆ  :laugh:
ตอนนี้อ่านไปยิ้มไป ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมากๆ แต่ก็เป็นตามปกติของเรื่องนี้อยู่แล้ว : D

หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 02-07-2011 22:06:44
แวะมาอ่านตอนพิเศษค่ะ : )
และแวะมาบอกด้วยว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนไปซื้อ ลำนำสีรุ้งฉบับรวมเล่มที่มาบุญครองมาแล้วด้วย
หลังจากว่าจะซื้อแล้วก็ไม่ได้ซื้อซะที >.< กลับไปอ่านอีกรอบก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิมเลย
รอมาต่อเรื่องอื่นๆ เรื่องใหม่ๆ และตอนพิเศษของเรื่องนี้ต่อไปนะคะ
ชอบเป้กับวิวม๊ากมาก ถ้าเขียนไปเรื่อยๆ ก็จะตามอ่านไปเรื่อยๆ ^^v
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-07-2011 09:22:32
แวะมาอ่านตอนพิเศษค่ะ : )
และแวะมาบอกด้วยว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนไปซื้อ ลำนำสีรุ้งฉบับรวมเล่มที่มาบุญครองมาแล้วด้วย
หลังจากว่าจะซื้อแล้วก็ไม่ได้ซื้อซะที >.< กลับไปอ่านอีกรอบก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิมเลย
รอมาต่อเรื่องอื่นๆ เรื่องใหม่ๆ และตอนพิเศษของเรื่องนี้ต่อไปนะคะ
ชอบเป้กับวิวม๊ากมาก ถ้าเขียนไปเรื่อยๆ ก็จะตามอ่านไปเรื่อยๆ ^^v


อู้ววว ไม่ได้อ่านคอมเม้นต์คุณ bluebird นานแล้วนะนี่ อย่าลืมแวะไปอ่านตอนโบนัสที่บล็อก ตามพาสเวิร์ดที่ให้ไว้ท้ายรวมเล่มนะคะ  :mc4:

อ่านไปอมยิ้มไป ต้องบอกว่า น้องหว้า น่ารักกว่าที่คิดไว้ซะอีก อ่านแล้วอยากมีน้องชายกวนๆ แบบนี้บ้าง

ว่าแต่ว่า หว้า นี่น่าเรียนเศรษฐศาสตร์นะ  :laugh:

น้องหว้าเป็นคนมีหัวการค้าแบบแปลกๆ เนอะ แต่รู้สึกจะสอบติดคณะอื่นที่ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์น่ะค่ะ (คะแนนไม่ถึง น่าฉงฉาน)  :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: Saint De Jupiter ที่ 04-07-2011 13:39:00
แวะมาอ่านตอนพิเศษครับพี่ริน

^___^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 04-07-2011 23:06:34

       o13   เข้ามาสำลักความหวาน .. เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆ


     แกมอิจฉาเป้     :serius2:   อิจฉา........... โว้ย  5555


    แต่แอบอยากรู้อ่ะ ...ครั้งแรกของ เป้ กะ วิว ... จะเป็นไงน้อ...... เป้จาทำอีท่าไหนให้วิวยอม อิๆๆๆ 

เค้า อยากรู้  .. แค่อยากรู้  :sad4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 05-07-2011 00:01:59
พี่เป้ น่ารักสุดๆ ไปเลย :man1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-07-2011 09:34:31
       o13   เข้ามาสำลักความหวาน .. เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆ


     แกมอิจฉาเป้     :serius2:   อิจฉา........... โว้ย  5555


    แต่แอบอยากรู้อ่ะ ...ครั้งแรกของ เป้ กะ วิว ... จะเป็นไงน้อ...... เป้จาทำอีท่าไหนให้วิวยอม อิๆๆๆ 

เค้า อยากรู้  .. แค่อยากรู้  :sad4:

ไม่ใช่แค่น้อง @rnon นะคะที่อิจฉาเป้ คนเขียนก็อิจฉาค่ะ พาลให้หมั่นไส้พระเอกระหว่างเขียนจนต้องหาเรื่องแกล้งอยู่บ่อยๆ 5555 (จนโดนแฟนเป้บางคนท้วงว่าแกล้งเป้มากไป ไรแว้)

สำหรับครั้งแรกของเป้กับวิว อ่า...ไม่ได้โพสต์ไว้บนบอร์ด แต่ว่ามีอยู่ในรวมเล่มค่ะ (พอดีเขียนเสริมขึ้นทีหลัง ไม่ใช่ว่าเคยลงแล้วลบเนื้อหาไปนะ) จะลองถามใครที่เคยซื้อไปแล้วขอยืมเขาอ่านก็ได้นะคะ หรือจะอุดหนุนรวมเล่มไปสะสมไว้เองก็ได้ (ก๊ากกก ไม่ค่อยโฆษณา)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 05-07-2011 09:44:11
 :z13:คุณริน
มาช่วยคอนเฟิร์มว่าครั้งแรกของเป้กับวิว หุหุหุ น่าอ่านมาก
เป้วิวสนุกไม่แพ้ต้นไผ่นะ หนังสือน่าเก็บ แล้วก็น่ามีเล่ม2ด้วยคุณริน จะได้รวบรวมตอนพิเศษทั้งหลาย แล้วก็ตอนรวมญาติตัวละครคุณริน
เออ...แล้วเมื่อไรเชษฐ์จะได้ภัทรเนี่ย รอจนคนอ่านขึ้นคานแล้วนะคุณริน o18
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-07-2011 10:45:52
:z13:คุณริน
มาช่วยคอนเฟิร์มว่าครั้งแรกของเป้กับวิว หุหุหุ น่าอ่านมาก
เป้วิวสนุกไม่แพ้ต้นไผ่นะ หนังสือน่าเก็บ แล้วก็น่ามีเล่ม2ด้วยคุณริน จะได้รวบรวมตอนพิเศษทั้งหลาย แล้วก็ตอนรวมญาติตัวละครคุณริน
เออ...แล้วเมื่อไรเชษฐ์จะได้ภัทรเนี่ย รอจนคนอ่านขึ้นคานแล้วนะคุณริน o18

เล่ม 2 เป้วิวก็คงรอให้เก็บตอนพิเศษได้พอสมควรก่อนค่ะ ตอนนี้ยังได้แค่ไม่กี่ตอนเอ๊ง รวมไปก็ไม่จุใจคนอ่านแหงมๆ (ไม่จุใจคนเขียนด้วย ฮ่า~)

ส่วนเมื่อไหร่คุณเชษฐ์จะได้ภัทร เอ่อ...หรือจะรอคนเขียนลงจากคานดีนะ? (แล้วคู่นี้จะได้กันในชาตินี้ไหมนั่น? จนคุณเชษฐ์จะงับหัวคนเขียนอยู่แร้ววววว)  :z3:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 23-07-2011 13:57:18
ชอบมากชอบเป้กับวิวมากๆ :o8:

อ่านเเล้วมีความสุข +1 ค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 23-07-2011 15:52:02
อยากได้น้องชายแบบนี้ซักคนนึงคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: NAS ที่ 23-08-2011 02:31:47
สวัสดีค่ะ เพิ่งได้อ่าน ไม่ทราบว่ายังมีหนังสืออยู่มั๊ยค่ะทั้งสองเรื่อง ขอบคุณค่ะ
ปล อยากบอกว่าชอบ เป้กับวิว มากค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-08-2011 15:47:52
สวัสดีค่ะ เพิ่งได้อ่าน ไม่ทราบว่ายังมีหนังสืออยู่มั๊ยค่ะทั้งสองเรื่อง ขอบคุณค่ะ
ปล อยากบอกว่าชอบ เป้กับวิว มากค่ะ

มีทั้งสองเรื่องค่ะ เดี๋ยวส่งรายละเอียดทางพีเอ็มละกันนะคะ

ดีใจที่ชอบเป้กับวิวค่า  :impress2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง + เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ตอนพิเศษจากน้องหว้า [29/06/11] p.43
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 28-08-2011 21:19:19
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ยังอ่านไม่จบแต่มาเม้นก่อน
สนุกมากเลยค่ะ ชอบเป้กับวิว นะกับอ๊อฟ
ชอบฉากเข้าพระเข้านายมาก 55.

 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-09-2011 19:24:09
 สำหรับเนื้อหาของตอนนี้กะจะเขียนนานแล้วเพื่อส่งท้ายการปิดเทอมให้น้องหว้า ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าสิงอยู่ห้องวิวไปเรื่อยๆ แล้วเป้ไม่ได้กลับมานอนด้วยสักที ส่วน "แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก" ที่ยังเขียนค้างไว้ ขอตั้งสติสตังดีๆ ก่อนสำหรับเขียนช่วงท้ายของเรื่องแล้วจะมาลงให้นะคะ (ช่วงนี้มีสติพอแค่เขียนเรื่องที่จบในตอนง่ะ)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-09-2011 19:26:45
ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: รางวัลของความอดทน

หลังจากมาอยู่หอกับผมเพื่อเรียนกวดวิชาได้เดือนกว่า ในที่สุดระยะเวลาปิดเทอมก็ใกล้จะสิ้นสุดลง และหว้าก็ต้องเดินทางกลับบ้านที่สกลนครเพื่อเตรียมตัวก่อนโรงเรียนเปิดเสียที

เนื่องจากตั๋วรถที่หว้าซื้อไว้เป็นรอบค่ำของคืนวันเสาร์ ตอนกลางวันผมกับเป้ก็เลยพาไปซื้อเสื้อกับกางเกงนักเรียนรวมทั้งรองเท้าใหม่ก่อน เพราะว่าเด็กวัยนี้โตเร็วมาก ถึงแม้ตอนนี้หว้าจะสูงแค่เลยไหล่ผม แต่หากเทียบกับตอนที่เจอกันเมื่อปิดเทอมคราวก่อนก็ถือว่าตัวยืดขึ้นมาหลายเซ็นต์ ไม่แน่ว่าเจอกันคราวหน้า หว้าอาจตัวสูงเท่าผมแล้วก็ได้

ตอนบ่ายพวกเราแวะกลับหอเพื่อให้หว้าได้จัดกระเป๋าอีกครั้ง พอตกเย็นเป้ถึงค่อยขับรถพาไปหมอชิต จำนวนผู้โดยสารที่มารอเดินทางเหมือนกันมีเยอะจนทำให้กว่าจะได้ที่จอดรถก็ต้องวนอยู่หลายนาที แต่โชคดีว่าพวกเราคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว ทำให้ยังพอมีเวลาเหลือพาหว้าไปกินข้าวเย็นในศูนย์อาหารก่อนได้

"เดี๋ยวถึงขนส่งที่โน่นเมื่อไหร่โทรมาบอกพี่ด้วยนะ ว่าแต่อยากซื้อขนมอะไรไปกินบนรถอีกหรือเปล่า?"

ผมถามขณะที่พวกเราเดินออกจากศูนย์อาหารเพราะใกล้จะได้เวลาไปขึ้นรถเต็มที หว้ามองไปทางร้านเซเว่นที่คนแน่นเอี้ยดแล้วก็ย่นจมูก แต่พอหันไปทางร้านโดนัทซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามก็ทำตาวิบวับ

"หว้าขอเป็นโดนัทละกัน คิวไม่ค่อยยาวดีด้วย พี่เป้ขอเงินหน่อยครับ"

ท้ายประโยค แทนที่จะหันมาขอเงินผม เจ้าน้องชายดันหันไปทางเป้แล้วก็แบมือขอค่าโดนัทอย่างคล่องปากจนผมต้องรีบปราม

"หว้า! ไปขอพี่เขาแบบนั้นได้ยังไง!? เงินพี่ก็มี เจ้าเด็กบ้านี่!"

หว้าทำเสียง 'ชะอุ้ย' เบาๆ ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ แต่พอผมจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมานับเงินให้ เป้ก็ยกมือมาห้ามไว้

"เอ้านี่ แล้วก็ซื้อมาทั้งกล่องนั่นแหละ จะได้เอากลับไปฝากพ่อกับแม่เขาด้วย"

หว้าเห็นธนบัตรสีม่วงในมือเป้ก็รีบพนมมือรับและฉีกยิ้มกว้าง "ขอบคุณคร้าบพี่เป้ แล้วพี่วิวจะเอาโดนัทด้วยป่าวหว้าจะได้ซื้อให้?"

ผมส่ายหน้าเพราะไม่ค่อยชอบกินของหวาน พอคล้อยหลังเจ้าน้องชายแล้วจึงค่อยหันไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

"อย่าตามใจหว้านักสิเป้ ตั้งแต่น้องมาอยู่กรุงเทพด้วยเป้ก็ช่วยออกค่านู่นค่านี่ให้เยอะแล้วนะ"

ผมเอ่ยท้วงอย่างเกรงใจ เพราะระหว่างปิดเทอมมีหลายครั้งที่พวกเราไปกินข้าวหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ๆ ด้วยกันสามคน และบ่อยครั้งที่เป้เป็นคนควักกระเป๋าให้เวลาหว้าเรียกร้องอยากกินอะไรที่ผมคิดว่าฟุ่มเฟือยเกินเหตุ

"ไม่เป็นไรหรอก น้องไม่ได้มาบ่อยนี่ อีกอย่างก็ถือว่าฉลองที่ได้ส่ง กขค. กลับบ้านสักทีไง"

เป้พูดแล้วหันมายิ้ม ผมเลยได้แต่ยิ้มตอบอย่างระอา จริงๆ ก็พอจะดูออกว่าเป้ก็คงหมั่นไส้หว้าเหมือนกันที่มาแย่งความสนใจไประหว่างปิดเทอม แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อนั่นก็น้องชายผมทั้งคนที่นานๆ ครั้งจะได้เจอกันนี่นา

พวกเรายืนรอไม่นานหว้าก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงใส่โดนัทกล่องโต เจ้าตัวดียิ้มแฉ่ง แต่พอจะเดินนำพวกผมไปที่ชานชาลา ผมก็กระแอมแล้วคว้าแขนน้องชายเอาไว้

"หว้า ลืมอะไรไปหรือเปล่า?"

คนถูกถามทำหน้าเหลอหลา "หา? ไม่มีนี่พี่วิว? กระเป๋าหว้าก็มีแค่สองใบ ก่อนออกจากห้องก็เช็คว่าเอามาทุกอย่างแล้วนี่นา”

หว้าตอบพลางหันมองกระเป๋าสะพายบนหลังสลับกับกระเป๋ามีล้อลากอีกใบที่ผมช่วยถือ จากนั้นก็เงยหน้าทำตาซื่อจนผมอยากจะเขกกะโหลกให้เสียจริงๆ

“เงินทอนที่ต้องคืนพี่เป้ล่ะ? โดนัทกล่องนี้มันคงไม่ได้ราคาห้าร้อยหรอกนะ?”

พอโดนผมทวงถามแทนเจ้าของเงิน หว้าก็หัวเราะแหะๆ แล้วกลอกตาไปมา ท้ายที่สุดก็ยอมควักเงินทอนส่งคืนให้เป้แต่โดยดีด้วยสายตาเขม่นนิดหน่อย ส่วนคนที่รับเงินคืนไปก็ยิ้มมุมปากเหมือนสาแก่ใจนักหนา บางทีผมก็งงกับสองคนนี้เสียจริงๆ เพราะบางครั้งก็เหมือนจะเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่บางทีก็ดูเหมือนไม่กินเส้นกันอย่างไรบอกไม่ถูก

พวกเราสามคนเดินต่อไปยังชานชาลาซึ่งรถบัสของหว้าเพิ่งเข้าเทียบจอด หลังจากเอากระเป๋าใบใหญ่ให้พนักงานใส่ใต้ท้องรถ หว้าก็เดินเข้ามากอดลาผมแน่นๆ ผมเลยกอดตอบแล้วก็ตบไหล่เบาๆ

“กลับบ้านไปก็ตั้งใจเรียนด้วยล่ะเรา แล้วเดี๋ยวค่อยเจอกันตอนปิดเทอมคราวหน้า”

“ครับๆๆ พี่เป้ ผมไปแล้วนะ ฝากดูแลพี่ผมด้วย”

“รู้แล้วล่ะน่า ไอ้ตัวยุ่ง”

หว้าหันไปไหว้ลาเป้แล้วพูดฝากฝังผมเสร็จสรรพ แต่ประโยคโต้ตอบของทั้งสองคนทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย หว้าเหลือบมาเห็นสายตาผมก็สะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะยิ้มแป้น

“แหม หว้าก็ฝากฝังพี่ชายกับเพื่อนสนิทของพี่ไง เรื่องปกติไม่ใช่เหรอพี่วิว งั้นหว้าไปก่อนละนะ เดี๋ยวถึงบ้านเมื่อไหร่จะโทรมาหา บ๊ายบายยยย”

หว้าบอกลายาวเหยียดก่อนจะรีบเผ่นขึ้นรถพร้อมถุงโดนัท พอได้นั่งที่ซึ่งจองไว้ติดหน้าต่างก็โบกมือให้พวกผมหย็อยๆ ผมเลยได้แต่โบกมือตอบพลางยิ้มอย่างเอือมๆ กับพฤติกรรมทะลึ่งทะเล้น จนกระทั่งผู้โดยสารมากันครบและคนขับถอยรถออกจากท่า ผมกับเป้จึงได้เวลากลับหอกันบ้าง

“ในที่สุดก็ส่งไอ้ตัวแสบกลับบ้านไปซะได้ คืนนี้เป้จะได้กลับไปนอนห้องวิวซักที”

เป้เอ่ยขึ้นระหว่างพารถออกจากลานจอด ผมเลยหันไปแกล้งถามด้วยความหมั่นไส้ “อะไรเป้ ห้องนอนกับเตียงเป้ที่บ้านยังออกจะใหญ่น่านอนกว่าที่หออีก”

เนื่องจากพอขึ้นปีสี่เป็นต้นมา ผมก็เริ่มได้ไปทำความรู้จักกับครอบครัวของเป้บ้าง ทำให้ได้เห็นว่าบ้านของหมอนี่ใหญ่กว่าบ้านผมที่ต่างจังหวัดแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีแม่บ้านคอยทำความสะอาดให้เป็นประจำด้วย ไม่ว่าจะมองยังไงก็น่าจะอยู่สบายกว่าห้องแคบๆ ของผมตั้งเยอะ

“ห้องกับเตียงใหญ่กว่า...แต่นอนที่บ้านแล้วไม่มีคนให้กอดนี่นา”

ผมฟังข้ออ้างแล้วได้แต่หัวเราะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจที่เป้พูด เพราะตั้งแต่เราคบกันมาและเป้มาค้างที่ห้องบ่อยๆ ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถูกทำให้คุ้นเคยกับการมีคนนอนกอดไปโดยปริยาย ทั้งที่ถ้าหากเป็นเมื่อสมัยก่อนที่ผมยังอยู่คนเดียวล่ะก็ ผมคงไม่มีทางคิดว่าวันหนึ่งจะชินกับการมีใครมานอนข้างๆ แทบทุกคืนแบบนี้แน่ๆ

เส้นทางที่เป้เลือกใช้ทำให้พวกเราขับรถกลับมาถึงหอในเวลาไม่นานนัก พอจอดรถแล้วคนขับก็เดินลงไปหยิบกระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบย่อมที่ใส่ไว้ท้ายรถออกมา เพราะก่อนหน้าที่หว้าจะมาอยู่ด้วยนั้นผมเคยขอให้เป้เก็บของบางส่วนกลับไปไว้ที่บ้านก่อน พอวันนี้ได้ส่งน้องชายผมกลับต่างจังหวัดแล้ว พ่อคุณชายก็คงหมายมั่นจะกลับมาเคลมพื้นที่ของตัวเองคืนอย่างเต็มที่เลยกระมัง

หลังจากขึ้นลิฟต์มาถึงที่ห้อง เป้ก็ทำอย่างที่ผมคิดจริงๆ คือหยิบของในกระเป๋าออกมาจัดวางตรงที่ที่เคยอยู่ ไม่ว่าจะเสื้อผ้าสำหรับใส่เวลามาค้าง ผ้าขนหนู แปรงสีฟัน อุปกรณ์ล้างหน้าและโกนหนวด รวมทั้งของอย่างอื่นที่ผมไม่ใช้แต่พ่อคุณชอบใช้อย่างเช่นน้ำหอมหรือแว็กซ์แต่งผม ยังดีที่ผมเคยประกาศไว้ว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องไม่งั้นสงสัยคงมีที่เขี่ยบุหรี่มาด้วยแหง ถ้าหากใครมาถามผมว่าเป้สำอางไหม ผมก็คงตอบว่าอยู่ในระดับปกติสำหรับผู้ชายที่ชอบดูแลตัวเองทั่วไป เพียงแต่สำหรับผมที่ไม่ใช้ของพวกนี้ บางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่าตานี่ก็ฟุ่มเฟือยใช่ย่อย

ผมเดินไปช่วยหยิบเสื้อผ้าของเป้ออกจากกระเป๋าเพื่อเก็บเข้าตู้ เพราะถ้าปล่อยให้เก็บเอง บางทีพ่อคุณชายก็ไม่ค่อยสนใจว่าไอ้ที่แขวนไปน่ะมันแทรกกับเสื้อผ้าฝั่งผมจนปนกันมั่ว ระหว่างที่ผมกำลังเรียงเสื้อผ้าที่แขวนแล้วให้เป็นระเบียบ เป้ที่เพิ่งเอาอุปกรณ์เสริมความหล่อทั้งหลายไปเก็บในห้องน้ำก็เดินมากอดเอวผมจากด้านหลังแล้วก้มลงฝังจมูกตรงซอกคอแรงๆ

“ยังไม่ต้องจัดให้เสร็จวันนี้ก็ได้วิว เดี๋ยวเป้ยังต้องมาทำห้องรกอีกเยอะ”

ก็ยังดีที่รู้ตัว...ผมคิดพลางทำเสียงหึขึ้นจมูก เป้เลยรัดเอวผมแน่นขึ้นเหมือนมันเขี้ยวจนผมหัวเราะ

“เรื่องทำรกนี่ชินมานานแล้วล่ะ ว่าแต่เป้อยากไปอาบน้ำก่อนมั้ย? ตัวเหนียวเหงื่อไปหมดเลยนี่ เดี๋ยวอาบเสร็จแล้ววิวนวดหลังให้”

ผมเสนอพลางหันไปตบไหล่เป้เบาๆ เจ้าเด็กโข่งตัวโตเลยทำตาเป็นประกายระยับ เพราะถึงจะรู้ว่าผมนวดเป็น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป้จะเป็นคนมาอ้อนให้ผมนวดให้มากกว่าที่ผมจะเสนอตัวเอง

“อุตส่าห์ยอมเป็นเด็กดีกลับไปนอนบ้านมาทั้งเดือน วิวให้รางวัลแค่นวดเองเหรอ?”

เอากับเขาสิ ยังจะมีการมาต่อรองอีกแน่ะ แต่อย่างน้อยเป้ก็รู้จุดประสงค์ของผมแหละนะว่าเพราะอยากขอบคุณเรื่องนั้น

“ไม่รู้ล่ะ ตกลงจะให้นวดให้หรือเปล่า ถ้าไม่รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้จะมาว่าที่เปลี่ยนใจทีหลังไม่ได้นะ”

ผมขัดขึ้นเพราะรู้สึกว่ามือใหญ่เริ่มจะมารุ่มร่ามอยู่แถวๆ หลังกับสะโพก เป้เลยหัวเราะก่อนจะยอมปล่อยมือแบบไม่ค่อยเต็มใจ “ได้ไง นานๆ ทีวิวจะออกปากเองแบบนี้ ขืนพลาดก็เสียดายแย่สิ”

เจ้าเด็กโข่งรีบชักเท้าหนีผมที่ทำท่าจะย่ำลงกระทืบแล้วผลุบเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะแว่วออกมา ผมเลยได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ต่อให้เสร็จ

เป้ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เปิดประตูออกมา ทั้งเนื้อทั้งตัวมีผ้าขนหนูพันเอวอยู่ผืนเดียว เผยให้เห็นแผงอกกว้างกับช่วงขาแข็งแรงที่เพิ่งซับน้ำออกไปหมาดๆ ผมเลยบอกให้ไปนอนรอบนเตียงระหว่างที่ผมล้างมือกับเท้า เพราะเวลานวดผมจะนวดให้แบบจริงจัง แต่นอกจากคนในบ้านกับเพื่อนสนิทจริงๆ ก็ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกว่าผมนวดเป็นเนื่องจากย่าเคยพาไปเรียนตอนเด็ก จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยได้นวดให้ใครนานแล้วจนกระทั่งเป้กลับไปช่วยสอนยูโดให้รุ่นน้องแล้วกลับมาบ่นว่าเมื่อยนี่แหละ

เมื่อผมออกมาจากห้องน้ำอีกทีก็พบว่าเป้นอนคว่ำรออยู่บนเตียงแล้ว บนสะโพกมีผ้าขนหนูคลุมอยู่ ส่วนไฟดวงใหญ่ในห้องก็ถูกปิดและเหลือเพียงโคมไฟตรงหัวเตียงสำหรับให้ความสว่าง ผมเลยเปิดตู้เพื่อหยิบกางเกงเลมาเปลี่ยนใส่แทนกางเกงยีนส์ จากนั้นก็เดินเข้าไปแตะข้อเท้าเป้เบาๆ เป็นสัญญาณว่าจะนวดแล้ว และเริ่มด้วยการลงน้ำหนักฝ่ามือไปบนเท้าทั้งสองข้าง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนการกดน้ำหนักไปตามท่อนขาให้สูงขึ้นเรื่อยๆ

"อืม..."

เป้ส่งเสียงครางในคออย่างสบายตัวเมื่อผมดึงผ้าเช็ดตัวออกและเลื่อนฝ่ามือผ่านสะโพกขึ้นไปถึงช่วงเอว พอถึงแผ่นหลังที่รู้สึกว่ากล้ามเนื้อขมวดจนแข็ง ผมก็ใช้ข้อนิ้วกดลงเพื่อช่วยคลายเส้นพลางก้มลงถาม

"เส้นตึงจังเลยเป้ ช่วงนี้ฝึกงานหนักเหรอ?"

เนื่องจากพวกเราฝึกงานช่วงปิดเทอมกันคนละที่ ผมจึงไม่ค่อยรู้ละเอียดนักว่างานของเป้ต้องทำอะไรเยอะแค่ไหน คนที่กำลังถูกนวดเลยตอบเสียงงึมงำเพราะซบหน้าอยู่บนท่อนแขน

"ก็วันหยุดบางวันเป้เข้าไปช่วยสอนยูโดให้รุ่นน้องด้วยไง พอไม่ได้มาให้วิวนวดเป็นเดือนก็เลยเส้นยึดน่ะสิ"

หาเรื่องกันหน้าตาเฉยเลยแฮะ...ผมคิดยิ้มๆ พลางกดฝ่ามือไปตามแผ่นหลังกว้างซึ่งอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อแกร่งที่มองกี่ครั้งก็ยังอิจฉา เสียงครางในคออย่างพอใจดังเป็นระยะจากร่างสูงใหญ่ กระทั่งผมนวดขึ้นไปถึงต้นคอแล้ว จึงค่อยวางแขนลงคร่อมไหล่เป้ไว้แล้วเลื่อนตัวลงนอนทับ

"ขอบคุณที่ช่วยดูแลหว้านะเป้"

ผมเอ่ยพลางแนบหน้าลงบนแผ่นหลังคนที่นอนคว่ำอยู่ใต้ตัวเองเบาๆ เป้ยิ้มแล้วดึงมือผมข้างที่วางอยู่บนไหล่ไปจับยึดไว้หลวมๆ

"ก็น้องชายคนเดียวของวิวทั้งคนนี่ ขืนไม่เอาใจไว้ก่อนเดี๋ยวเป้ก็ลำบากทีหลังสิ"

ผมหัวเราะเมื่อเป้ดึงมือผมข้างนั้นไปจูบ ผมเลยเลื่อนตัวขึ้นไปแนบริมฝีปากบนขมับของเป้ที่ผมเริ่มยาวแล้วกระซิบถาม

"อืม...นวดหลังเสร็จแล้ว เป้จะให้นวดข้างหน้าด้วยมั้ย?"

ผมถามพลางใช้ปลายนิ้วเสยผมบนหน้าผากเป้ที่ยาวจนเกือบปิดตาขึ้นให้ พ่อคุณชายเลยหรี่ตามองผมแล้วก็ยิ้มมุมปาก ส่วนนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มไม่ต้องพูดถึง เวลากำลังคิดอะไรทะลึ่งๆ ล่ะก็ฉายออกมาทางสายตาหมดไม่เคยเก็บไว้หรอก

"ถ้าเป้ขอมากกว่านวดได้ไหมล่ะ?"

ผมแกล้งทำหน้าใช้ความคิดพลางยันตัวลุกขึ้น "พรุ่งนี้วันหยุด…ก็...ไม่น่าจะมีปัญหามั้ง?"

พอได้ยินคำตอบเท่านั้น พ่อเจ้าประคุณก็พลิกตัวขึ้นนั่งแล้วดึงผมเข้าไปถอดเสื้อทันที แต่ผมก็ไม่ได้ขัดขืนเพราะตั้งใจไว้แล้วว่าคืนนี้จะให้ ‘รางวัล’ ที่เป้อุตส่าห์ทำตัวดีมาตลอดช่วงปิดเทอมเสียหน่อย

"นานๆ ทีหว้ามาก็มีข้อดีเหมือนกันแฮะ"

เป้พูดไปพลางก้มลงไซ้คอผมที่ถูกถอดเสื้อแล้วไปพลาง ผมเลยหัวเราะเพราะรู้ดีว่าคนพูดหมายถึงการที่นานทีปีหนผมถึงจะยอมเอาใจก่อน แต่นั่นก็เพราะปกติเป้จะชอบเข้ามาอ้อนก่อนประจำจนผมแทบไม่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต่างหาก

"ถ้าชอบจะบอกให้หว้ามาอยู่ด้วยบ่อยๆ ก็ได้นะ"

ผมแกล้งแหย่ขณะเจ้าตัวเลื่อนริมฝีปากลงไล้ปลายลิ้นบนยอดอก คนถูกถามเลยผละริมฝีปากออกนิดหนึ่งก่อนจะทำหน้ายุ่ง "อย่าดีกว่า นานๆ ทีค่อยมาแหละดีแล้ว พอไอ้ตัวแสบป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ แล้วเป้ทำอะไรไม่สะดวกเลย"

เป้พูดก่อนจะดันผมให้นอนลง ขณะเดียวกันก็ช่วยดึงกางเกงออกจนพ้นจากขาและทาบตัวตามลงมา ผิวกายเปลือยเปล่าของเราจึงสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของกันและกัน เช่นเดียวกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่แนบชิด โดยตลอดเวลาเป้ไม่ละมือออกจากการฟอนเฟ้นไปทั่วร่างของผมเลย เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่แทบจะไม่ละจากนัยน์ตาของผมเหมือนกัน

แววตาที่ทอดมองมาแน่วนิ่งโดยไม่ปิดบังความปรารถนาทำให้ผมเริ่มเขิน แต่เพราะตั้งใจจะตามใจเป้อยู่แล้ว รวมทั้งอยากขอโทษที่ทำตัวเย็นชาไปหน่อยระหว่างที่หว้ามาอยู่ด้วย ผมเลยจูบบนคางที่เริ่มสากนิดๆ และยกสะโพกขึ้นให้ร่างกายท่อนล่างบดเบียดกัน ร่างสูงใหญ่ส่งเสียงคำรามต่ำเมื่อผมลดมือข้างหนึ่งลงโอบกระชับความแกร่งร้อนและลูบไล้ขึ้นลงเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะก้มลงประทับริมฝีปากและเลื่อนมือลงทำอย่างเดียวกันบนส่วนอ่อนไหวของผม

เสียงหอบหายใจของเราทั้งคู่ดังก้องในความสลัว ริมฝีปากอุ่นของเป้ดูดดุนลิ้นผมอย่างแรงจนแทบชา และโดยไม่รู้ตัว เป้ก็จับขาของผมแยกออกและรั้งสะโพกให้ขึ้นไปทาบบนหน้าขา ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่กำลังดุนบริเวณร่องสะโพกอย่างคุกคาม และแม้จะรู้ดีว่านี่ออกจะลัดขั้นตอนไปหน่อยในเมื่อเราไม่ได้มีอะไรกันมาเกือบสามอาทิตย์นับตั้งแต่วันที่เป้พาไปคอนโด แต่ผมก็ไม่ต้องการขัดจังหวะอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านด้วยการเตือนว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร จึงเพียงกระหวัดแขนรอบลำคอแกร่งแน่นพร้อมกับกระซิบเสียงพร่าเมื่อเป้ยอมปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระในที่สุด

“รอบนี้เป้ทำก่อน แต่เดี๋ยวรอบหลังวิวขึ้นให้เองนะ”


++------++


วันต่อมา กว่าพวกเราจะตื่นมาอาบน้ำกันก็เกือบเที่ยงเพราะเมื่อคืนเข้านอนดึกมาก และเนื่องจากทั้งผมทั้งเป้ต่างหลับเป็นตายทั้งคู่ จึงไม่มีใครรู้เลยว่าหว้าโทรหาผมตั้งหลายรอบและฝากเมสเสจไว้ด้วย ผมเลยรีบโทรกลับไประหว่างที่เป้ขอตัวลงไปสูบบุหรี่ข้างล่าง เนื่องจากตอนนี้ผมห้ามไม่ให้สูบบนห้องเด็ดขาดแล้ว

“ไงหว้า ถึงบ้านแล้วเหรอ?”

“โอ้ย มาถึงตั้งแต่เช้าแล้ว ก็พี่วิวบอกให้โทรหาตอนถึงขนส่ง แต่หว้าโทรไปตั้งหลายทีก็ไม่รับเลยส่งเมสเสจไปให้ไง”

“อืม ขอโทษที เมื่อคืนพี่นอนดึกไปหน่อย”

ผมตอบพลางเดินไปหน้ากระจกและใช้นิ้วสางผมที่ยังชื้นนิดๆ พอให้หายยุ่ง เนื่องจากผมไว้ผมสั้นกว่าเป้มาก บางทีไม่ต้องใช้หวีก็จัดให้เป็นทรงได้แล้ว แต่แล้วเสียงหัวเราะจากปลายสายก็ทำให้ผมขมวดคิ้ว

“อะนะ ถ้างั้นหว้าไม่กวนแล้วดีกว่า แค่จะบอกให้พี่วิวรู้ว่ากลับถึงบ้านปลอดภัยครบสามสิบสองดีเท่านั้นแหละ งั้นฝากบอกพี่เป้ด้วยว่าถ้าเร็วๆ นี้มีโอกาสหว้าจะไปหาพี่วิวอีก”

ผมตอบรับในคออย่างงงๆ แต่ยังวางสายได้ไม่ถึงนาทีเป้ก็โทรเข้ามา ผมเลยกดรับพลางเดินออกไปที่ระเบียง เพราะรู้ว่าเป้คงจะสูบบุหรี่อยู่แถวๆ รถซึ่งจอดตรงลานด้านล่าง

“มีอะไรเหรอเป้?”

ผมตอบพลางโบกมือให้จากบนระเบียง เป้เลยโบกมือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ตอบ “เป้หิวแล้วล่ะ ออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า ตลาดน้ำที่เคยไปตรงแถวๆ บ้านเพื่อนวิวโอเคมั้ย?”

“เอาสิ ของกินเยอะดีเหมือนกัน งั้นรอแป๊บนึงเดี๋ยวลงไป”

ผมวางสายแล้วหันไปหยิบกางเกงขาสั้นสามส่วนจากในตู้มาใส่ เนื่องจากช่วงนี้อากาศประเดี๋ยวก็แดดออกประเดี๋ยวก็ฝนตก ขืนใส่กางเกงขายาวไปแล้วเจอหล่มโคลนจะเลอะเทอะเสียเปล่าๆ หลังจากลงไปที่รถแล้วผมก็หันไปชวนเป้คุย

“เมื่อกี้โทรคุยกับหว้า หว้าบอกว่าถ้าเร็วๆ นี้มีโอกาสจะลงมาหาใหม่ด้วย”

เป้ซึ่งกำลังขับรถไปพลางดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดทำหน้ามุ่ย “เพิ่งจะกลับไปถึงบ้านวันนี้เองนี่ ไม่ต้องรีบกลับมาอีกเร็วๆ นี้ก็ได้”

ผมฟังแล้วก็หัวเราะ “อะไรกันเป้ ตอนไปไหนด้วยกันสามคนก็เห็นออกจะเข้ากันได้ดีนี่นา”

“เฉพาะเวลาที่วิวอยู่ด้วยน่ะสิ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นน้องชายวิวเป้ก็ไม่ใจดีด้วยขนาดนั้นหรอก”

ผมเหลือบมองคนพูดแล้วก็ยิ้ม เพราะถ้าออกปากถึงขนาดนี้ก็แปลว่าเจ้าตัวคงอึดอัดขัดใจพอสมควรทีเดียว ตอนรถติดไฟแดงผมเลยยืดตัวไปหอมแก้มให้ทีนึง

“ถ้างั้นวิวขอบคุณแทนหว้าด้วยก็แล้วกัน น้องยังเด็กอย่าไปถือสาเลย”

เป้หันมามองหน้าผม จากนั้นก็รั้งไหล่ผมเข้าไปหอมแก้มคืน “แต่เป้ให้วิวทำแบบเมื่อกี้ได้คนเดียวนะ ส่วนไอ้ตัวแสบน่ะไม่ต้อง เก็บไว้ที่บ้านอย่างนั้นแหละดีแล้ว”

ผมฟังแล้วได้แต่หัวเราะอีก ไม่รู้จะเห็นใจหรือหมั่นไส้คนพูดดี แต่ก็เพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงออกว่าเป้ยอมตามใจผมแค่ไหนนี่แหละ ที่ทำให้ได้รู้ว่าผมก็เอาแต่ใจตัวเองเหมือนกัน ดังนั้นในบางเรื่องผมจึงควรอะลุ้มอล่วยให้เป้บ้าง

“ก็คงไม่ได้เจอกันจนอีกจนกว่าจะปิดเทอมคราวหน้านั่นแหละ พอถึงตอนนั้นเป้ก็เตรียมตัวไว้หน่อยแล้วกัน”

พ่อคุณชายฟังแล้วทำเสียงเดาะลิ้น พอไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวก็ออกรถแล้วดึงมือขวาผมไปกุม

“ว่าแต่เมื่อคืนยังไม่ทันหายเมื่อยเลย สงสัยคืนนี้เป้ต้องให้วิวนวดให้อีกรอบซะล่ะมั้ง”

เป้พูดพลางใช้นิ้วโป้งไล้หลังมือผมไปมาจนจั๊กจี้ ผมเลยตอกกลับยิ้มๆ อย่างรู้ทัน

“ไอ้ทะลึ่ง”

ผมว่าก่อนจะหันไปเท้าศอกแล้วมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง แต่หูยังได้ยินเสียงเป้หัวเราะในคอแม้จะไม่หันไปมอง ถึงกระนั้นก็รู้ดีว่าคืนนี้คงไม่พ้นได้มีการฉายซ้ำเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนแน่ๆ ซึ่งก็คงช่วยไม่ได้เพราะผมเองก็ไม่ค่อยอยากขัดใจคุณชายเขาเท่าไหร่

เพราะถึงยังไง....นั่นก็คือเป็นวิธีแสดงความในใจของผมที่เป้ชอบที่สุดแหละนะ...


++--- End รางวัลของความอดทน ---++
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-09-2011 19:55:08
กรีซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
คู่เทพในใจเรามาอีกแล้ว
อ่านไปอ่านมาเพิ่งรู้ว่าเป้คงจะเซ็งหว้าอย่างแรง 555
อยากรู้จัง ถ้าวิวรู้ว่าเป้กับหว้าร่วมมือกันปิดบัง จะโดนหนักขนาดไหนนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: lunarinthesky ที่ 11-09-2011 19:56:34
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 11-09-2011 20:20:40
เม้นที่บอร์ดนู้น แล้วก็มาเม้นที่บอร์ดนี้

อยากจะบอกว่า เค้าอยากอ่านขั้นตอนการ "นวด" อย่างละเอียดจังเลยล่ะตัวเอง  :laugh:

แต่ยอมรับเลยว่า ตอนนี้น่ารักจนหวานนำ้ตาลเรียกทวดเลยค่ะ

คิดถึงหนังสือเรื่อง "ลำนำรักสีรุ้ง" เล่มชมพูบนชั้นหนังสือที่บ้านขึ้นมาทันทีเลยค่ะ เดี๋ยววันหยุดใกล้ๆ นี้ ถ้ามีโอกาสดิฉันจะกลับสกลนครเพื่อไปเอามานอนอ่านที่นี่บ้าง. ขอบคุณค่ะ. :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-09-2011 20:27:04
เม้นที่บอร์ดนู้น แล้วก็มาเม้นที่บอร์ดนี้

อยากจะบอกว่า เค้าอยากอ่านขั้นตอนการ "นวด" อย่างละเอียดจังเลยล่ะตัวเอง  :laugh:

แต่ยอมรับเลยว่า ตอนนี้น่ารักจนหวานนำ้ตาลเรียกทวดเลยค่ะ

คิดถึงหนังสือเรื่อง "ลำนำรักสีรุ้ง" เล่มชมพูบนชั้นหนังสือที่บ้านขึ้นมาทันทีเลยค่ะ เดี๋ยววันหยุดใกล้ๆ นี้ ถ้ามีโอกาสดิฉันจะกลับสกลนครเพื่อไปเอามานอนอ่านที่นี่บ้าง. ขอบคุณค่ะ. :กอด1:

ถ้าได้กลับไปบ้าน แวะเยี่ยมน้องหว้าหรือหิ้วไปเที่ยวเจียงใหม่ด้วยก็ได้นะคะเพื่อนสาว หุหุ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 11-09-2011 20:40:53
 :o8:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 11-09-2011 20:41:10
 :o8: :-[

เป็นคู่นึงที่แสดงความรักกันได้น่ารักมากๆ คู่นึง

ขำก็แต่วิวกวนพี่เป้ได้ตลอด  :laugh:

ขอบคุณพี่รินน่ะค่ะที่ลงตอนสนุกๆให้อ่านแล้วอิจฉาเล่นกัน :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 11-09-2011 22:06:19
น่าร๊ากกกอะ แหมอยากออกเสียงให้ฟังแต่ทำได้แค่เขียน  ก็มันน่ารักน่าหยิกจริงๆนี่นา
ไว้มาเขียนตอนพิเศษให้อ่านอีกเรื่อยๆนะคะน้องริน :impress2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: maio2000 ที่ 11-09-2011 22:13:54
ไม่ไหวอย่างจะกรี๊ด   :o8:ไงเป้ วิวน่ารักแบบนี้ กขค กลับไปเป้ก็จัดเต็มทันที
สงสัยจะอดมานาน :laugh:  อ่านไปอ่านมาสงสัยเป้จะหมั่นไส้น้องหว้ามากมาย
แต่ช่วยไม่ได้เป็นน้องวิวเลยทำไรไม่ได้ ดีใจค่ะที่พี่รินมาต่อ  หวังว่าจะมีต่ออีกนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-09-2011 10:20:14
ยังขี้อ้อนไม่เปลี่ยนเลยนะคุณชายเป้ อิจฉาวิวนะเนี่ย ฮิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-09-2011 12:47:50
น่าร๊ากกกอะ แหมอยากออกเสียงให้ฟังแต่ทำได้แค่เขียน  ก็มันน่ารักน่าหยิกจริงๆนี่นา
ไว้มาเขียนตอนพิเศษให้อ่านอีกเรื่อยๆนะคะน้องริน :impress2:

อ่านแล้วจิ้นเสียงก็ได้ค่ะพี่ฟาง อิอิ คงยัีงได้มีตอนพิเศษออกมาเรื่อยๆ ถ้าคนอ่านยังไม่เบื่อกันค่ะ ;p

ไม่ไหวอย่างจะกรี๊ด   :o8:ไงเป้ วิวน่ารักแบบนี้ กขค กลับไปเป้ก็จัดเต็มทันที
สงสัยจะอดมานาน :laugh:  อ่านไปอ่านมาสงสัยเป้จะหมั่นไส้น้องหว้ามากมาย
แต่ช่วยไม่ได้เป็นน้องวิวเลยทำไรไม่ได้ ดีใจค่ะที่พี่รินมาต่อ  หวังว่าจะมีต่ออีกนะค่ะ

น้องหว้าโชคดี ได้พี่วิวเป็นยันต์กันผี(เป้)  แต่สงสัยพอวิวรู้เรื่องที่น้องชายกับแฟนช่วยกันปิดว่าความแตกนานแล้วขึ้นมาเมื่อไหร่ น้องหว้าอาจต้องอาศัยพี่เป้เป็นยันต์กันพี่วิวแทน 555

ยังขี้อ้อนไม่เปลี่ยนเลยนะคุณชายเป้ อิจฉาวิวนะเนี่ย ฮิๆๆๆ

คุณผึ้งอิจฉาวิว ส่วนเราอิจฉาเป้ค่ะ ก๊ากกกกกก (อีนี่อิจฉาพระเอกมันทุกตอน)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 12-09-2011 23:03:20
คิดถึงเรื่องนี้จังเลยค่ะ ทั้งเป้ วิว และคนเขียน ^_^
อยากอ่านเรื่องของสองคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ ยืนยันว่าไม่มีเบื่อ 55+
มาเป็นภาค 2 เลยก็ได้นะคะ ; )
หรือตอนพิเศษมาเรื่อยๆแบบนี้ก็จะตามอ่านไปเรื่อยๆล่ะค่า

หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 14-09-2011 00:00:12
................
+1 +เป็ด
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษส่งท้ายน้องหว้าปิดเทอม [11/09/11] p.44
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 16-09-2011 19:16:58
น่ารักมากกกกกกกกกกกกก
คิดถึงมานานแล้ว....
แอบคิดว่า......ไอ้หนูหว้า ไมมันปิดเทอมนานจังวะ
เป้น่ารักตลอดเลยเน๊าะ
ส่วนวิว ก็รู้สึกว่า กล้าแสดงความรักมากขึ้น ... หวานซะ :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-02-2012 21:56:23
ไม่รู้ในเล้ายังมีใครจำคู่นี้หรือรอติดตามตอนพิเศษกันอยู่ไหม แต่ยังไงก็เขียนออกมาแล้ว ก็จะทู่ซี้เอามาลงให้อ่านกันละนะ อิอิอิ   :laugh:


ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : ความกังวลของคนเป็นพี่

ในวันอาทิตย์หนึ่งหลังจากเปิดเทอมปีสี่ได้ไม่นาน อากาศช่วงกลางวันร้อนระอุเพราะท้องฟ้าใสกระจ่าง เมื่อมองออกไปนอกห้อง ผมก็ต้องหยีตากับแสงแดดที่แผดจ้าจนต้องรีบปิดม่านและหยิบรีโมทมาเปิดแอร์ให้อุณหภูมิในห้องเย็นขึ้น

ปกติแล้ว ต่อให้อากาศร้อนแค่ไหนผมก็จะเปิดแค่พัดลมถ้าอยู่คนเดียว แต่ไหนๆ วันนี้ก็ร้อนมากผิดปกติ แถมอีกสักพักจะมีคนขี้ร้อนมาที่ห้องหลังจากกลับไปค้างคืนที่บ้านเมื่อเย็นวันศุกร์ด้วย ผมก็เลยเปิดแอร์รอไว้ให้เสียเลย จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงบ่นว่าร้อนตอนที่เจ้าตัวมาถึง

Rrrrrr Rrrrrr Rrrrr…

เสียงโทรศัพท์มือถือดังมาจากที่ที่ผมวางไว้บนโต๊ะหน้ากระจก ผมที่กำลังหยิบถุงส้มเขียวหวานออกจากตู้เย็นเลยรีบไปหยิบมากดรับ และเห็นว่าคนที่โทรมาคือน้องชายของตัวเองที่นานๆ จะเจอกันที

“ว่าไงหว้า? มีอะไรเหรอ?”

ผมทักทายพลางเดินกลับมานั่งบนพื้นหน้าเตียง ขณะเดียวกันก็หยิบส้มลูกหนึ่งขึ้นมาปอกไปด้วย ตอนนี้หว้าอายุสิบสี่และอยู่มัธยมต้น ถือว่ากำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและกำลังจะเป็นหนุ่มแล้ว

“พี่วิว หว้าขอคำปรึกษาหน่อยดิ”

เสียงของเจ้าน้องชายจอมป่วนที่ปกติจะร่าเริงและชอบกวนฟังดูซีเรียสผิดวิสัย ผมที่กำลังใช้คอกับหูหนีบโทรศัพท์เพื่อจะได้ปอกส้มถนัดเลยกะพริบตาอย่างงงๆ

“อือ...ว่ามาสิ เรื่องอะไรล่ะ?”

ผมถามพลางหยิบส้มที่ปอกแล้วเข้าปากหนึ่งกลีบ โชคดีว่าส้มนี่ซื้อจากตลาดนัดมาแช่ตู้เย็นไว้ตั้งแต่เมื่อวาน พอได้กินส้มหวานๆ เย็นๆ ในอากาศร้อนๆ แบบนี้เลยค่อยชื่นใจขึ้นมาหน่อย แต่น้ำเสียงคนที่คุยด้วยกลับฟังแล้วแห้งแล้งอย่างไรชอบกล

“คือ...ตอนนี้หว้าเป็นแฟนกับเพื่อนในห้องอยู่อะ”

“หา?!?”

ผมอุทานอย่างประหลาดใจ อาจเพราะสำหรับคนเป็นพี่ซึ่งอายุมากกว่าแปดปี ในสายตาผมแล้วหว้ายังคงเป็นเด็กชายวนัสที่ขี้อ้อน ติดพี่ แล้วก็ยังชอบทะลึ่งทะเล้นเป็นเด็กๆ อยู่เลย แถมที่ผ่านมาก็ไม่เห็นเคยมาเล่าหรือแสดงท่าทีว่าสนใจใครเลยสักครั้ง พอจู่ๆ เจ้าตัวมาบอกว่ามีแฟน ผมเลยนึกว่าตัวเองหูเฝื่อน

“อ้อ...เหรอ...ถ้างั้น....แล้วหว้าจะปรึกษาอะไรพี่ล่ะ?”

หลายอึดใจทีเดียวกว่าคำถามนั้นจะหลุดออกมา ผมรอคำตอบพลางแกะส้มอีกกลีบเข้าปากอย่างเหม่อๆ ในหัวยังมึนๆ อยู่นิดหน่อยกับความคิดที่ว่าน้องชายมีแฟน ถึงแม้จะรู้ว่าสมัยนี้เด็กอายุเท่าหว้าเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วก็เถอะ แต่ถ้าจากประสบการณ์ของผมเอง...ตอนอายุสิบสี่ผมยังไม่เคยชอบใครหรือมีใครมาชอบเสียด้วยซ้ำนี่นา ก็เลยไม่ได้นึกว่าคนใกล้ตัวจะไวไฟแบบนี้

เสียงลมหายใจหนักหน่วงดังมาจากปลายสาย “ก็...คือ...ตอนนี้หว้าอยากขอเลิกแล้วเพราะหว้าไม่ได้ชอบเขาน่ะ”

“อ้าว!? เดี๋ยวนะหว้า ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ แล้วไปคบกันตั้งแต่แรกได้ยังไงถ้าไม่ได้ชอบกัน ไหนเล่าให้มันละเอียดกว่านี้ซิ”

ผมชักจะงงกับบทสนทนานี้เข้าไปทุกที อาจเพราะผมยังไม่ได้บอกหว้าว่าจริงๆ แล้วผมคบกับเป้อยู่ อีกอย่างก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อนด้วยว่าวันหนึ่งน้องชายจะมาขอคำปรึกษาเรื่องปัญหาหัวใจ ผมที่อยากจะช่วยเหลือก็เลยชักไม่มั่นใจว่าตัวเองจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คือยิ่งฟังที่หว้าเล่าก็ยิ่งมีแต่คำถาม

“คือว่าอย่างนี้ เพื่อนคนนี้เรียนห้องเดียวกับหว้านี่แหละ พอดีปีที่แล้วเคยถูกจับคู่ถือพานไหว้ครูด้วยกัน ตั้งแต่ตอนนั้นทุกคนก็ชอบแซวพวกเราสองคน แต่หว้าก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ทีนี้เมื่อสักสองเดือนก่อนพุดเขาก็มาบอกว่าอยากคบกับหว้า พวกเพื่อนๆ มันก็ยุส่ง หว้าเห็นว่าลองดูก็ไม่เป็นไรเลยตกลงไป แต่ตอนนี้หว้าชักเบื่อๆ แล้ว อีกอย่างหว้าเพิ่งมารู้ว่าเพื่อนคนนึงในห้องก็แอบชอบพุดอยู่ หว้าไม่อยากเป็นก้างขวางคอมันน่ะพี่วิว”

เสียงคนเล่าระบายลมหายใจยาวเหยียดหลังจากเล่าจบ ผมเลยต้องค่อยๆ เรียบเรียงเรื่องที่ฟังใหม่ในหัว แล้วก็อดนึกอยากเขกกะโหลกน้องชายไม่ได้ที่ดันไปตกลงคบกับผู้หญิงเขาทั้งที่ไม่ได้ชอบตั้งแต่ต้น เลยกลายเป็นว่าเกิดเป็นปัญหารักสามเส้าให้ลำบากใจจนได้

แต่จะว่าไป ตอนที่เป้มาเริ่มจีบผมใหม่ๆ ตอนนั้นมันก็เหมือนจะเป็นรักสามเส้าเหมือนกัน...เพียงแต่รายละเอียดมันต่างจากเรื่องของหว้านิดหน่อย...

"พี่วิว ยังฟังอยู่รึเปล่าเนี่ย?"

เสียงหว้าเรียกผมกลับจากภวังค์ ผมเลยรู้สึกตัวและหันมาสนใจเรื่องของน้องชายอีกครั้ง

“ฟังอยู่ นี่หว้าบอกว่าคบกับพุดมาสองเดือน แล้วตลอดสองเดือนนี่เราไม่รู้สึกชอบเขาขึ้นมาบ้างเลยเหรอ?”

อย่างน้อยถึงตอนแรกจะไม่ชอบ แต่ถ้าคนเราได้ทำความรู้จักกัน อย่างน้อยๆ ก็น่าจะมีความผูกพันเกิดขึ้นบ้างนี่นา ผมเองตอนเป้มาเทียวไล่เทียวขื่อแรกๆ ก็ยังไม่ได้รู้สึกพิเศษด้วยสักหน่อย

เสียงเดาะลิ้นเบาๆ ดังมาให้ได้ยิน “จะว่าไงดี แรกๆ หว้าก็คิดว่าเขาน่ารักดีหรอก แถมพวกผู้ชายในห้องก็อิจฉากันน่าดู แต่พอคบๆ ไป หว้าไม่ค่อยชอบที่เขามาทำตัวจุกจิกเกินไปอะ เพื่อนๆ มันก็บอกว่านี่เรื่องปกติของผู้หญิง แต่หว้าไม่ชอบนี่นา แล้วยิ่งพอรู้ว่ามีเพื่อนในห้องก็ชอบพุดอยู่ด้วย เลยคิดว่าถ้าสองคนนี้ได้คบกันคงจะดีกว่า”

ผมฟังที่หว้าอธิบายก็พอจะเห็นภาพมากขึ้น แต่ขณะที่กำลังคิดตามหลักเหตุผลว่าจะให้คำแนะนำอย่างไรดี ก็พอดีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู เลยกรอกเสียงบอกน้องชายพลางเดินไปเปิดประตูห้อง “รอแป๊บนะหว้า”

พอเปิดลูกบิดที่ล็อกไว้ก็เจอเป้ที่ยืนถือถุงขนมกับกระเป๋าที่ไปเอามาจากบ้าน ผมเลยผลักบานประตูให้กว้างขึ้นเพื่ออีกฝ่ายจะได้เข้าห้องได้สะดวก เป้หันไปปิดประตูแล้วก็ดึงผมไปจูบเบาๆ ก่อนจะยิ้ม

“อืม...หอมกลิ่นส้ม”

“เฮ้ย! ไอ้บ้า! คุยกับหว้าอยู่!!"

ผมรีบท้วงแต่ก็พยายามกดเสียงให้ต่ำไว้ รู้สึกว่าหน้าร้อนไปหมด ได้แต่หวังว่าเสียงจูบเมื่อกี้คงไม่ดังเข้าไปในโทรศัพท์ ผมก็ลืมซะสนิทว่าเวลามาที่ห้องหลังไม่เจอกันข้ามวันแล้วหมอนี่จะชอบทักทายแบบนี้

“โทษทีหว้า เพื่อนมาที่ห้องน่ะ คุยกันต่อเถอะ”

ผมตั้งใจหยิบมือถือขึ้นมาพูดต่อหน้าเป้ พ่อคุณชายจะได้รู้ว่าผมกำลังคุยติดพันกับน้องชาย เป้ขมวดคิ้วนิดหนึ่งแล้วก็พยักหน้าเข้าใจว่าให้เงียบๆ จากนั้นก็ก้มลงหยิบกระเป๋ากับถุงขนมเพื่อเอาไปเก็บเข้าที่

“พี่เป้มาเหรอ?”

เสียงเจ้าน้องชายที่เมื่อครู่ฟังดูเบื่อโลกเปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันควัน แถมผมว่ามันฟังแล้วเหมือนคนพูดกำลังกระดี๊กระด๊าพิกล เลยปรายตาไปทางคนที่กำลังก้มเปิดตู้เย็นแวบหนึ่งแล้วค่อยตอบ

“อือ”

“ว้า...ถ้างั้นหว้าค่อยโทรมาใหม่วันหลังดีกว่ามั้ง”

“ไม่ต้องเลยหว้า คุยกันให้เสร็จตอนนี้นี่แหละ”

ผมตอบเสียงเข้ม ยิ่งนานวันผมก็ยิ่งสงสัยว่าน้องชายระแคะระคายเรื่องผมกับเป้หรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากถามเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นชี้โพรงให้กระรอก  เป้คงได้ยินเสียงผมดุขึ้นนิดหนึ่งเลยหันมาเลิกคิ้ว ผมเลยโบกมือว่าไม่มีอะไรแล้วเปิดประตูออกไปคุยนอกห้องแทน

“เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ? หว้าเบื่อพุดเพราะเขาชอบจุกจิกเกินไป แล้วก็สงสารเพื่อนที่ชอบพุดอยู่ใช่ไหม?”

ผมถามสรุปความใหม่อีกที ก่อนจะพยายามคิดถึงความรู้สึกของทุกคนแล้วให้คำแนะนำหว้าไป พวกเราคุยโทรศัพท์กันนานมากจนผมรู้สึกว่าแบตเตอรี่ร้อนจี๋กว่าจะได้วางสาย พอเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งก็เจอเด็กโข่งตัวใหญ่นอนเอกเขนกดูทีวีอยู่กลางเตียง กางเกงยีนส์ขายาวที่ใส่มาตอนแรกโดนเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นเรียบร้อยแล้ว

ตาคนนี้ก็ชอบทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านตัวเองก็ไม่ปาน...

ผมคิดพลางยิ้มอย่างหมั่นไส้หน่อยๆ แต่ความจริงก็ค่อนข้างชินเพราะเราคบกันมาเป็นปี อีกอย่างเพราะว่าเป้ชอบมาขลุกอยู่ที่นี่แทบจะทุกวันในหนึ่งสัปดาห์ กลายเป็นว่าวันไหนที่เป้ไม่มาหาสิที่ผมจะรู้สึกแปลกๆ มากกว่า

“เป้ปอกส้มไว้ให้แล้วนะ แต่เห็นวิวคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จสักทีเลยเอาไปแช่ตู้เย็นไว้”

เจ้าคนที่นอนกลางเตียงพูดพลางขยับตัวให้เหลือที่สำหรับผม ผมเลยเปิดตู้เย็นไปหยิบจานที่ใส่ส้มแล้วเอามานั่งทานบนเตียง และไม่ลืมหยิบกล่องทิชชู่มาวางข้างๆ เผื่อน้ำจากส้มหยดเลอะเทอะ

“เมื่อกี้หว้าโทรมาเหรอ?”

เป้ถามทั้งที่ยังนอนดูทีวี ผมที่นั่งพิงหมอนอยู่ข้างๆ เลยพยักหน้า “อือ โทรมาปรึกษาเรื่องแฟน คือว่ามีเด็กผู้หญิงในห้องมาขอคบกับหว้า แต่พอคบกันไปแล้วหว้าเบื่อเขา อีกอย่างมีเพื่อนอีกคนในห้องชอบเด็กคนนั้นอยู่ หว้าก็เลยอยากเสียสละให้เพื่อนมากกว่า”

“อืม แล้ววิวบอกน้องไปว่าไง?”

เป้ถามพลางดันตัวขึ้นนั่งแล้วหยิบส้มไปกินบ้าง ผมเลยดึงทิชชู่จากกล่องส่งให้สำหรับคายเมล็ดทิ้ง

“ก็บอกหว้าไปว่าให้คิดให้ดีๆ เพราะถ้าหากเลิกกันแล้วค่อยมารู้ทีหลังว่าตัวเองก็ชอบเขา หว้าอาจจะเสียดายก็ได้ แล้วก็แนะนำไปว่าให้ลองคุยกับเด็กคนนั้นดูก่อนว่าให้ลดนิสัยจู้จี้จุกจิกได้หรือเปล่า"

พอเป้ฟังท้ายประโยคผมก็หัวเราะพรืด ผมเลยมองกลับด้วยสายตาเขม่น “หัวเราะอะไรเป้”

“เปล่าๆ แค่คิดว่าสมเป็นคำแนะนำของวิวจริงๆ ด้วย ถ้าหากเป็นเป้นะ เป้คงบอกว่าถ้าไม่ชอบก็รีบเลิกไปเลยเถอะ ไม่งั้นก็เสียเวลากันทั้งคู่ อีกอย่างหว้าก็อายุเท่านี้เอง ถ้าเลิกกับเด็กคนนั้นจะได้ลองคบคนอื่นให้รู้ว่าตัวเองชอบแบบไหนกันแน่ไง”

“แต่น้องเพิ่งอายุสิบสี่...”

ผมอดท้วงไม่ได้ ถึงแม้ตอนคุยโทรศัพท์จะให้คำแนะนำไปแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วผมอยากบอกหว้าด้วยซ้ำว่าอายุเท่านี้ยังไม่ต้องคิดเรื่องมีแฟนหรอก แต่ก็กลัวว่าหากพูดไปจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยจนหว้าไม่อยากมาปรึกษาอีก

นี่ผมหัวโบราณเกินไปหรือเปล่านะ...

“วิว...ตอนเป้อายุเท่าหว้าน่ะ เป้มีแฟนสามคนแล้วนะ”

เสียงเป้ดังขัดความคิดขึ้นมา ผมเลยเหล่ตามองคนพูด “นั่นเป้นี่ แต่นี่หว้า มันคนละกรณีกัน”

ถ้าเป็นพ่อคุณชายนี่ละก็ อะไรก็แก่แดดแก่ลมกว่าคนอื่นเขาหมดล่ะ ตอนมัธยมหนีออกจากบ้านไปเที่ยวกลางคืนกับพี่ชายบ้าง มีแฟนเร็วกว่าเพื่อนๆ บ้าง คบแฟนที่เป็นเพื่อนพี่สาวซึ่งอายุมากกว่าตั้งเจ็ดปีตั้งแต่ยังอยู่ ม.ปลายบ้าง...

มันโชคชะตาหรืออะไรกันนะที่พัดพาหมอนี่เข้ามาในชีวิตผมเนี่ย

“วิวหึงเหรอ?”

เจ้าคนที่นั่งข้างๆ ถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมเลยยักไหล่พลางแกะส้มเข้าปากอีกกลีบ "เปล่า จะหึงไปทำไม อีกอย่างนี่เราพูดเรื่องหว้ากันอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

เป้ป่วนได้ ผมก็ป่วนได้เหมือนกัน อีกอย่างผมก็ไม่ได้หึงจริงๆ เพราะคิดเสมอว่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปนานแล้วไม่ควรถูกเอามาใช้เป็นสาเหตุให้ต้องทะเลาะกัน ที่สำคัญเป้ก็ไม่เคยเอ่ยถึงแฟนเก่าพวกนั้นหรือเอามาพูดเปรียบเทียบให้ผมรู้สึกว่าตัวเองขาดตกบกพร่องอะไรด้วย ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหึงเลยนี่นา

“ไม่หึงกันเลยจริงๆ น่ะ?”

เป้ถามอีกด้วยน้ำเสียงที่ติดจะงอนนิดๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ เรื่องเรียกร้องความสนใจล่ะเก่งนัก กลายเป็นว่าจากที่กังวลเรื่องน้องชาย ผมต้องเปลี่ยนมาเอาใจหมอนี่แทนใช่ไหมนี่

“แล้ววิวจำเป็นจะต้องหึงไหมล่ะ?"

ผมถามพลางแกล้งทำสายตาหาเรื่องบ้าง นี่ผมพยายามคอยเตือนตัวเองแล้วนะว่าถึงยังไงก็เพิ่งรู้จักเป้ก่อนจะคบกันไม่นาน ดังนั้นจะมัวไปหึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะพบกันน่ะมันไร้สาระ แต่ในเมื่อหมอนี่อยากให้หึงนัก เดี๋ยวผมจะลองหึงจริงๆ ให้ก็ได้

พวกเราจ้องหน้ากันอย่างหยั่งเชิงอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเป้ก็หัวเราะออกมาก่อน

“เอ้า ไม่หึงก็ไม่หึง สงสัยถ้าวิวหึงต้องง้อกันนานแน่เลย"

“ก็รู้อยู่แล้วนี่"

ผมทำเสียงขึ้นจมูกพลางปลิ้นเมล็ดส้มออกทิ้งก่อนจะหยิบเข้าปาก เป็นไปไม่ได้ที่เป้จะไม่รู้ว่าอารมณ์หึงหวงน่ะผมก็มี แต่ไม่ใช่กับพวกแฟนเก่าในอดีตที่ไม่ได้พบเจอกันอีกแล้ว แต่เป็นคนอื่นที่มาแสดงความสนใจหมอนี่เวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกันต่างหาก อาจเพราะผมไม่ชอบให้เป้ทำรุ่มร่ามเวลาอยู่ข้างนอก คนที่ไม่รู้จักมองมาก็เลยนึกว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน แต่จะให้ผมไปแสดงท่าทางว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมก็ทำไม่เป็น อีกอย่างแค่ผมเจอเรื่องที่ทำให้ไม่พอใจแล้วเงียบผิดปกติขึ้นมาเมื่อไหร่ แค่นั้นเป้ก็ชอบฉีกยิ้มทำท่าดีใจจะแย่แล้ว เรื่องอะไรผมจะปล่อยให้ได้ใจมากไปกว่านั้นอีกล่ะ

“อื้อ...”

ขณะกำลังใช้ความคิดอยู่เพลินๆ เป้ก็จับคางผมให้หันไปจูบ ยังดีว่าผมเพิ่งกลืนส้มที่เคี้ยวลงไป ไม่งั้นคงได้มีสำลักติดคอกันบ้าง ปลายลิ้นของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาในริมฝีปากผมที่เผยออยู่แล้วก็เคลียไล้ไปทั่ว เรียวลิ้นอุ่นเย้าแหย่กับลิ้นผมจนไหล่ผมสั่นทั้งที่อากาศไม่ได้หนาว

ครู่ใหญ่กว่าตาคนเจ้าเล่ห์จะยอมถอนริมฝีปากออกไปได้ ทำเอาผมหอบหายใจแรงเพราะถูกครอบครองริมฝีปากอยู่ตั้งนาน พอสบตากันอีกครั้งก็เห็นว่าเป้กำลังยิ้มมุมปาก

“ส้มเย็นๆ นี่ก็หวานดีนะ...เดี๋ยวคราวหน้าเป้ซื้อลิ้นจี่มาแช่เก็บไว้มั่งดีกว่า”

เจ้าคนตัวโตพูดพลางหยิบส้มเข้าปากอีกชิ้น ผมที่ยังมึนๆ เลยต้องใช้เวลาอึดใจใหญ่กว่าจะเข้าใจความหมาย พอคิดตามได้ก็เลยทุบไหล่หนาอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้จนเป้หัวเราะเสียงดัง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแวววาวเพราะสบอารมณ์จนน่าถีบลงจากเตียงตงิดๆ

"ไอ้ทะลึ่ง!"

"ทะลึ่งแต่แฟนหายงอนก็โอเคล่ะน่า"

ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังหยิบจานส้มออกจากตักผมแล้วหนุนหัวลงมาแทน จากนั้นก็หยิบรีโมทมากดเปลี่ยนช่องทีวีเหมือนตัดบทกลายๆ ด้วย ผมเลยได้แต่ต้องย้ายจานส้มไปวางบนโต๊ะข้างเตียง เพราะถ้าขืนกินต่อคงได้หยดใส่ผมหมอนี่แน่ แต่ถึงจะหมั่นไส้แค่ไหน พอก้มมองคนที่กำลังหนุนตักจากมุมสูงกว่าแบบนี้ ผมก็ห้ามมุมปากไม่ให้ยกขึ้นไม่ได้

สุดท้ายเป้ก็ง้อผมสำเร็จก่อนที่ผมจะได้โกรธจริงๆ จังๆ ทุกที

ผมขยี้ผมเป้เบาๆ เหมือนกำลังเล่นกับเด็กซนๆ คนหนึ่ง เจ้าตัวเลยจับมือผมไปซุกคอตัวเองไว้ กิริยาออดอ้อนที่เป็นธรรมชาตินั้นทำให้ผมอดนึกไปถึงน้องชายไม่ได้ ว่าถ้าหากวันหนึ่งหว้าได้เจอคนที่จะทำให้รู้สึกสบายใจและสามารถเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ใกล้ๆ ได้แบบผมก็คงจะดี เมื่อถึงตอนนั้นหว้าคงเป็นผู้ใหญ่และเข้าใจความสำคัญของการมีใครบางคนอยู่เคียงข้างมากขึ้น

แต่ถึงจะยังไงก็ตาม...ผมก็ไม่อยากให้น้องชายแก่แดดเกินวัยเหมือนเจ้าคนที่หนุนตักตัวเองตอนนี้อยู่ดีละนะ...



++---End ความกังวลของคนเป็นพี่---++


หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 19-02-2012 22:21:34
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: sugarrock ที่ 19-02-2012 22:23:46
ว้าว เซอร์ไพรช์
ขอบคุณมากคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-02-2012 22:56:13
ว้าว เจาะไข่คุณ sugarrock เลยนะนี่ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-02-2012 11:31:14
อายุเท่าน้องหว้า แต่มีแฟนไปตั้งหลายคนแล้ว แบบนี้น้องหว้าต้องโทรหาพี่เป้แล้วนะ โทรหาพี่วิว อะผิดคนล่ะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 20-02-2012 13:24:36
 
เจ้าเด็กแสบ ปรึกษาผิดคนซะแล้ว
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 20-02-2012 14:39:42
อ๊ายยยยย เป้ล่ะก้อ  :-[
ขอให้หว้าเจอกับความรักดีๆเหมือนพี่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: pdolphin ที่ 20-02-2012 15:38:28
ว๊าววว  แอบมาไม่ให้เรารุ้ตัวแฮะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: LiTTlE [A] ที่ 20-02-2012 16:06:27
ดีใจจัง
นักเขียนใจดี มีตอนพิเศษออกมาให้อ่านเรื่อยๆๆด้วย
น่าจะมีรวมเล่มตอนพิเศษด้วยนะ จะได้อุดหนุนต่อ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 20-02-2012 18:25:09
จำได้ว่าตอนนั้นดิฉันยังบ้าอ่านเรื่องรามเกียรติ์อยู่เลยค้า ไม่ได้แม้แต่จะแลมองหาผู้ชาย (ความจริงก็คือไม่มีใครมอง!) แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยน ค่านิยมก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย น้องวิวอย่าไปกังวลเรื่องน้องหว้าเลยค่ะ เผลอๆ น้องหว้าอาจจะเหมือนพี่ชายตัวเองก็ได้ (เหมือนอย่างไรนั้น ไม่ต้องบอกก็คงรู้ อิอิ) เอาเป็นว่ากังวลเรื่องไอ้คนที่มันอยู่ใกล้ๆ มากกว่านะคะ ดีไม่ดี ต่อไปคุณชายเขาจะขยันซื้อสาระพันผลไม้มาเก็บไว้แล้วคุณน้องวิวจะแย่เอานา!

 :laugh:

ขอบคุณเพื่อนสาวสำหรับตอนน่ารักๆ แบบนี้ค่า.
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2012 08:44:47
^
^
ยอมรับว่าความแก่เแดดแต่เล็กแต่น้อยนี่พ่อพระเอกคงได้ไปจากคนเขียนค่ะเพื่อนสาว (แต่ในระดับความเข้มข้นล้ำหน้าคนเขียน) ความจริงวิวก็น่าเห็นใจนะ คนรอบตัวตะละคนชอบมาแกล้งทั้งน้าน ขนาดน้องชายยังชอบแซวเลย ถ้าพี่วิวรู้เมื่อไหร่ว่าเอ็งอมพะนำมาตลอดล่ะไม่รอดแน่น้องหว้าเอ๋ย ระหว่างนี้พี่วิวคงต้องปวดเฮดเพราะคอยเอาใจพ่อคุณชายไปก่อนละ 5555+
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 21-02-2012 10:30:40
จะห้ามได้หรือ
พี่เป้เป็นไอดอลของหว้าไปซะแล้วนิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2012 11:26:18
จะห้ามได้หรือ
พี่เป้เป็นไอดอลของหว้าไปซะแล้วนิ

 ไม่แน่ใจว่าน้องหว้าเห็นพี่เป้เป็นไอดอลหรือคลังสมบัติให้รีดไถมากกว่ากันนะคะ ไอ้ตัวแสบยิ่งงกๆ อยู่ เอิ๊กส์
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 21-02-2012 19:10:13
ว้าว ตกข่าวไปได้ไง เพิ่งเห็นเลยเพิ่งได้เข้ามาอ่าน คิดถึงวิว เป้และน้องหว้ามากมาย
เป้ยังน่ารักและอ้อนวิวเก่งเหมือนเดิมเลย หว้าก็เจ้าเล่ห์เช่นกัน เด็กน้อยจะเริ่มมีความรัก
แล้ว เข้ามหาวิทยาลัยก่อนดีมั้ยลูก เก็บความสดใสไว้ให้ป้า ๆ ในบอร์ดชื่นชมไปก่อน
 :L1: สามหนุ่ม และ  :pig4:น้องรินค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 23-02-2012 00:05:46
เกือบพลาดตอนพิเศษไปแล้ว

ยังงุ้งงิ้ง น่ารักกันเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 23-02-2012 20:15:01
สนุกมากมายเลยฮ๊าฟฟฟฟ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: you13 ที่ 23-02-2012 20:32:35
ยังน่ารักเหมือนเดิม
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 25-02-2012 00:24:41
ดีใจ รีบวิ่งเข้ามาเลย ตอนพิเศษ
คิดมากเนอะน้องเป้
อย่ากังวลเกินเหตุกับวัยรุ่น :laugh:
+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 26-02-2012 14:57:38
สนุกมากเลยค่ะ

หวานน้ำตาลเรียกพี่

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: zetsubo ที่ 26-02-2012 22:21:14
โอ๊ย อ่านแล้วเขิน  ชอบคู่เป้กับวิวจังเลย >w<  คู่อ๊อฟกับน้องนะ ก็ชอบนะ ><

แต่เห็นหนูหว้าแล้วอยาก... :z13: แบบว่าหมั่นไส้ปนเอ็นดู 555  ไม่น่าเชื่อว่าหว้าจะเป็นเมะ *[]*

แต่อยากอ่านคู่เป้กับวิวต่ออะ >\\<
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-02-2012 08:33:00
โอ๊ย อ่านแล้วเขิน  ชอบคู่เป้กับวิวจังเลย >w<  คู่อ๊อฟกับน้องนะ ก็ชอบนะ ><

แต่เห็นหนูหว้าแล้วอยาก... :z13: แบบว่าหมั่นไส้ปนเอ็นดู 555  ไม่น่าเชื่อว่าหว้าจะเป็นเมะ *[]*

แต่อยากอ่านคู่เป้กับวิวต่ออะ >\\<

น้องหว้ายังเด็กเลยดูน่ามันเขี้ยวยังงั้นละค่ะ แต่รับรองว่าโตมาไม่เคะแน่นอน 5555+
ถ้ามีโอกาสจะเขียนตอนพิเศษของเป้กับวิวให้อ่านกันอีกนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 29-02-2012 10:14:04
 ดีใจจังที่มีตอนพิเศษ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 29-02-2012 15:56:08
สนุกมาค่ะชอบเป้กะวิว แบบว่าเรื่อยๆๆแต่น่าติดตามพัฒนาการของวิว
บางมุมก็น่ารักซะไม่มีแล้วจะไม่ให้เป้รักได้ยังไงกัน
โชคดีมากๆๆที่ยังมีเหลือไว้ให้ได้ครอบครอง
ปล.รอรวมเล่มตอนพิเศษเป้วิวนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 04-03-2012 18:55:45
อ่าๆ เป้กับวิวมาเเล้ว

หว้ายึดเเบบเป้เป็นเเบบเดี๋ยวได้3หรอก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศ ความกังวลของคนเป็นพี่ [19/02/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 05-03-2012 23:59:58
ยังน่ารักอยุเหมือนเดิมเลย  :-[
คนแต่งก้อยังแต่งสนุกอยุเช่นเคย
ขอบคุนนะคะที่เอาตอนพิเศษมาลงเพิ่ม :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ คืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-04-2012 02:17:53
ตอนพิเศษ ลำนำรักสีรุ้ง ในคืนฝนพรำ

เสียง ‘แปะ’ เบาๆ ตกลงกระทบหน้าต่าง เสียงนั้นทิ้งระยะห่างจนแทบไม่มีใครสนใจในตอนแรก ก่อนที่กลุ่มเสียงจะดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นมวลเสียงหนาทึบที่ถูกเสริมด้วยเสียงฟ้าร้องและเสียงลมกรรโชก ผมละสายตาขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เห็นมู่ลี่ที่แขวนอยู่เหนือกระจกหน้าต่างสั่นอย่างแรง ทั้งๆ ที่หน้าต่างถูกปิดล็อคไว้อย่างแน่นหนาแท้ๆ

“ตายแล้ว! ทำไมต้องตกตอนเลิกงานด้วยเนี่ย ครึ้มมาทั้งวันแต่ดันเพิ่งจะตกตอนนี้ บ้าจริงๆ เลย!”

เสียงพี่ก้อยซึ่งนั่งทำงานอยู่ในห้องเดียวกันดังขึ้นอย่างขัดใจ พี่ศิลป์ที่นั่งอยู่อีกมุมได้แต่ถอนหายใจพลางยกนาฬิกาขึ้นดู

“รถติดมหาโหดแน่คืนนี้ ว่าจะรีบกลับบ้านสักหน่อย วันนี้ไม่ได้เอารถมาซะด้วยสิ”

“อ้าว ที่บอกว่ารถเสียเลยต้องส่งซ่อมน่ะเหรอ งั้นพี่ศิลป์จะกลับด้วยกันมั้ยล่ะ เดี๋ยวก้อยแวะส่งแถวรถไฟฟ้าให้ก็ได้ จะรีบกลับไปดูตัวเล็กหน่อย เห็นยายเขาบอกว่าตัวรุมๆ เหมือนไม่สบาย”

พี่ก้อยเอ่ยชวน น้ำเสียงท้ายประโยคสะท้อนความกังวล ซึ่งหากใครได้ฟังก็คงจะเข้าใจเพราะลูกของพี่ก้อยยังเป็นทารกอายุไม่กี่เดือน แต่ผมก็เพียงแต่ทำงานคีย์ข้อมูลตามที่ได้รับมอบหมายไปเงียบๆ โดยไม่ได้ร่วมวงสนทนา จนกระทั่งพี่ก้อยหันมาถามระหว่างที่เก็บกระเป๋าและปิดคอมพิวเตอร์แล้ว

“แล้ววิวล่ะ? จะกลับยังไง? ติดรถออกไปด้วยกันกับพี่มั้ย?”

รุ่นพี่สาวเดินมาถามอย่างเอื้อเฟื้อ เพราะตัวเองเป็นคนที่ติดต่อให้ผมมาฝึกงานช่วงปิดเทอมที่นี่เอง ผมเลยละสายตาจากหน้าจอแล้วหันไปส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ

“ไม่เป็นไรครับพี่ก้อย ขอบคุณครับ”

พี่ศิลป์โบกไม้โบกมือพลางยิ้มยิงฟัน “ของคนนี้ไม่ต้องห่วงเขาหรอก มีราชรถมาคอยรับทุกวันอยู่แล้วล่ะ”

พอถูกแซวผมก็มุ่นคิ้วนิดหนึ่งก่อนจะหันไปมองพี่ศิลป์ อีกฝ่ายเลยทำทีเป็นกระแอมแล้วลุกขึ้นปิดคอมพิวเตอร์บ้าง จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดใครเรื่องที่มีแฟน แต่ยังไงก็ไม่ชอบที่คนอื่นมาแซวแบบนี้อยู่ดี

พี่ก้อยเอียงคอ เพราะว่าไม่เคยรู้เรื่องเป้มาก่อนเนื่องจากกลับบ้านก่อนใครเพื่อนเสมอ “อ้าว เหรอ เอ....แล้วเขาได้โทรมาหรือยังล่ะ? ฝนตกแบบนี้อาจกำลังรถติดอยู่ก็ได้นะ”

พี่ก้อยยังถามอย่างเป็นห่วง แต่ท่าทางที่สะพายกระเป๋าไว้และเบี่ยงตัวไปทางประตูก็บ่งบอกความรีบร้อนได้เป็นอย่างดี ผมเลยช่วยตัดปัญหาจะได้เลิกพะวักพะวน “คุยกันแล้วครับ เดี๋ยวอีกสักพักคงมาถึง พี่ก้อยกับพี่ศิลป์กลับกันก่อนเถอะ เดี๋ยวผมปิดห้องให้”

“ฝากสวัสดีให้พี่ด้วยล่ะ”

พี่ศิลป์หันมายักคิ้วให้ก่อนจะเดินตามพี่ก้อยออกไป ผมเลยได้แต่ยิ้มอย่างระอา ก่อนจะหันกลับมาหาปึกเอกสารที่คีย์ค้างไว้ จากนั้นก็เช็คดูว่ามีเอกสารชุดไหนที่ถูกทำสัญลักษณ์ว่าต้องเอาไปถ่ายเอกสารบ้าง

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือที่ปิดเสียงและวางไว้บนโต๊ะก็สั่นขึ้นจนผมสะดุ้ง แต่พอเหลือบไปเห็นหน้าจอว่าเป็นชื่อใครก็ไม่ได้กดรับ แล้วลุกขึ้นพร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารที่ต้องซีร็อกซ์ไปยังเครื่องถ่ายเอกสารที่อยู่อีกด้านของออฟฟิศ

ชื่อของคนโทรเข้ามาก็คือเป้ และผมก็ไม่ได้รับสายที่ฝ่ายนั้นโทรมารวมได้สองวันแล้ว

สาเหตุก็มาจากการทะเลาะกันด้วยเรื่องที่แสนจะไร้สาระนั่นแหละ...

‘ไม่สบายก็พักอยู่บ้านเฉยๆ ไปสิเป้ วิวไม่ได้บอกให้มารับทุกวันนะ’

‘เป้ก็ไม่เป็นอะไรมากสักหน่อย แค่ไข้ขึ้นนิดเดียวเอง อีกอย่างวิวต้องต่อรถตั้งหลายสายกว่าจะกลับถึงหอไม่ใช่เหรอ’

คนพูดทำเสียงไม่แยแสกับคำเตือนของผม อาจเพราะช่วงปิดเทอมนี่พวกเราฝึกงานกันคนละที่ เวลาที่จะได้เจอกันก็เลยมีแค่หลังเลิกงานกับวันหยุด ก็เข้าใจว่าคนเพิ่งเริ่มคบกันก็ต้องอยากใช้เวลาด้วยกัน แต่ถ้าจะต้องถึงกับฝืนสังขารตัวเองแบบนี้ ผมก็ไม่คิดว่ามันไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่

‘เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก เป้ก็รอให้หายก่อนค่อยมารับก็ได้ ดีกว่ามาคอยเทียวรับเทียวส่งตอนเย็นๆ ทุกวัน ทำแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะหายล่ะ’

‘เป้...’ คนพูดชะงักเพราะไอ จากนั้นก็ตามด้วยเสียงสูดน้ำมูกฟืดใหญ่ ‘ไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่ะ’

ประโยคนั้นทำให้ผมกลอกตา รู้สึกเหมือนกำลังพูดกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องคนหนึ่งจนชักจะหงุดหงิด

‘ไม่ได้เป็นอะไรงั้นเหรอ เสียงแหบขนาดนี้จะไม่เป็นอะไรได้ไง หรือเป้อยากให้วิวติดหวัดบ้างจะได้ป่วยเป็นเพื่อนกัน’

ผมเผลอทำเสียงแข็งโดยไม่ตั้งใจ แต่นั่นก็เพราะรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้หมอนี่ต้องฝืนร่างกายมาทำภารกิจที่เจ้าตัวเชื่อว่าสำคัญนักหนาแบบนี้ทุกวัน แล้วถึงผมจะไม่ใช่เด็กกรุงเทพฯ แต่กำเนิด แต่ก็ใช้ระบบโดยสารมวลชนของที่นี่เป็นหรอกน่ะ ไม่ได้ถนัดเป็นตุ๊กตาหน้ารถใครอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนคนฟังจะตีความหมายผิดไป เพราะสีหน้าของเป้เคร่งเครียดขึ้นทันที

‘วิวเห็นความตั้งใจของเป้ว่าเป็นการอยากให้วิวติดหวัดเหรอ?’

ขีดความโมโหของผมพุ่งปรี๊ดทันทีกับคำถามนั้น ในเมื่อพูดจากันด้วยเหตุผลไม่ได้ ความห่วงใยของผมก็โดนตีความหมายไปอีกทาง ถ้างั้นก็เลิกพูดกันเสียดีกว่า เพราะมีแต่จะเปลืองเวลากันโดยเปล่าประโยชน์

‘ใช่ กับคนที่ไม่ดูสังขารตัวเองแล้วดันทุรังน่ะ วิวคิดแบบนั้นแหละ’

ผมเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมาทันทีโดยไม่สนใจคนขับอีก จากนั้นก็เดินฝ่าการจราจรที่คับคั่งบนถนนมาขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อจะไปต่อรถเมล์แทน ทิ้งเจ้าคนที่คงอึดอัดขัดใจเอาไว้คนเดียวเพราะจะจอดรถลงมาตามผมก็ไม่ได้ แต่ตอนนั้นผมอารมณ์ขึ้นจนไม่อยากแม้แต่จะนั่งอยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยโอ๋คนหัวแข็งที่พูดไม่รู้เรื่องอีกแล้ว

คืนนั้นเป้เพียรพยายามจะโทรหาและส่งเมสเสจมาขอโทษ แต่ผมเพียงแต่ตอบกลับไปว่า ‘หายป่วยเมื่อไหร่ค่อยคุยกัน’ จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอีกเลยเวลาอีกฝ่ายโทรมา เพราะจากอาการขนาดนั้น ไม่ต้องให้หมอบอกผมก็รู้ว่าไม่ได้สร่างไข้กันง่ายๆ ในวันสองวันแน่

ผมอยากให้เป้รู้ว่าผมมีเหตุผลในสิ่งที่พูด และที่ผมพูดไปก็เพราะความเป็นห่วง ถ้าเป้เอาแต่ดึงดันโดยไม่ฟังคำแนะนำทั้งที่กำลังทำลายสุขภาพตัวเอง ผมก็ใจแข็งพอจะปล่อยให้หมอนั่นทบทวนการกระทำและคำพูดของเราทั้งคู่เหมือนกัน ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนั้นกันแน่

แต่พอเวลาผ่านเลยมาถึงวันที่สาม ผมก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าใจร้ายและปากไวกับเป้ไปหน่อย

อาจเพราะตั้งแต่ออกจากบ้านมาเรียนที่กรุงเทพฯ ผมก็มีแต่ตัวเองที่เป็นที่พึ่ง ถึงแม้จะมีเพื่อนๆ แต่ก็ไม่เคยทำตัวเป็นปัญหาให้ใครมาห่วง หรือเคยห่วงใครมากมายจนเอามาเป็นอารมณ์แบบนี้เลย เพราะถ้าเป็นคนอื่น เวลาไม่สบายก็มักจะเจียมเนื้อเจียมตัวกันเองว่าต้องพักผ่อนโดยไม่ต้องมีใครบอก แต่กับคนหัวดื้อไม่ฟังใครแบบเป้ ผมที่จู่ๆ ก็กลายเป็นคนที่มีอิทธิพลกับหมอนั่นที่สุดเลยเพิ่งตระหนักถึงภาระหนักอึ้งทางอารมณ์ที่ตามมา และทำให้รู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องสอนเป้ให้ห่วงตัวเองก่อนผมไปโดยปริยาย

ทำไมจะต้องเอาตัวเองมาผูกติดกับเราขนาดนี้ด้วยนะ...ดูแลตัวเองให้หายดีก่อนก็สิ้นเรื่องแท้ๆ...

ผมคิดแบบหน่วงๆ ในใจ ขณะเดียวกันก็ยังพลิกหน้าเอกสารที่ต้องซีร็อกซ์บนเครื่องถ่ายเอกสารไปด้วย บางทีก็นึกทึ่งตัวเองเหมือนกันที่เป็นคนแยกสมองส่วนความคิดกับการทำงานจากกันได้แบบนี้ ตั้งแต่เริ่มคบกับพ่อคุณชายเอาแต่ใจ ดูเหมือนผมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับตัวเองเพิ่มขึ้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความใจร้อน ขี้จุกจิก ไม่ชอบให้ใครขัดใจแบบไม่มีเหตุผล หรือกระทั่งความหงุดหงิดที่นอกจากจะรู้สึกกับตัวต้นเหตุแล้ว ก็เผื่อแผ่มาถึงตัวเองที่ดันหงุดหงิดง่ายกับเรื่องแบบนี้ไปด้วย ทั้งที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนใจเย็นแท้ๆ

ถ้าจะโทษใครที่ทำให้ผมรู้ตัวว่าจริงๆ แล้วเป็นคนนิสัยแบบนี้ ก็คงจะต้องเป็นเจ้าคนตัวโตที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่ที่บ้านนั่นแหละ

ไม่ได้รู้ใจบ้างเลยว่าคนเขาบ่นเพราะเป็นห่วง ดันมาหาเรื่องชวนทะเลาะให้เสียอีก...

ผมคิดพลางถอนหายใจแล้วส่ายหน้าแรงๆ เพื่อสะบัดความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรหนักๆ ถ่วงในใจ จากนั้นก็หอบกองเอกสารทั้งหมดกลับไปที่ห้องทำงานเหมือนเดิม ในส่วนของห้องทำงานใหญ่นั้นเหลือพนักงานคนอื่นอยู่เบาบาง เมื่อผมมองออกไปนอกกระจกก็เห็นว่าพายุเริ่มซาความรุนแรงลงจากเมื่อครู่แล้ว กระนั้นก็ยังเห็นสายน้ำที่ไหลอยู่นอกกระจกหน้าต่างได้อย่างชัดเจน

ผมหยิบเอกสารที่เพิ่งซีร็อกซ์มาเย็บเข้าด้วยกันตามหมวดหมู่ จากนั้นก็จัดเข้าแฟ้มไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในวันรุ่งขึ้น ความเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ไม่มีความสามารถเฉพาะทำให้ต้องทำงานจิปาถะทั้งหมดแล้วแต่ใครจะสั่ง แต่ตอนนี้มีอะไรให้ทำฆ่าเวลาก็ยังดีกว่ารีบลงไปเผชิญการจราจรที่ยังติดแน่นเป็นแพจากพายุฝน

กระทั่งผ่านไปอีกหลายนาที ไม่มีงานอะไรที่ผมจะทำได้อีกแล้วในคืนนี้ และพนักงานประจำที่นั่งอยู่ในส่วนออฟฟิศหลักก็เหลืออยู่เพียงสองคน ผมจึงคิดว่าคงได้เวลาสมควรที่จะกลับสักที ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากออกไปยืนบนรถเมล์อีกเป็นชั่วโมงๆ ก็ตาม

ผมปิดไฟและปิดประตูห้องก่อนจะหันไปไหว้ลาพนักงานทั้งสองที่ยังทำงานอยู่ จากนั้นก็ลงลิฟต์จากชั้นสี่สิบลงไปชั้นล่าง บริเวณล็อบบี้ของตึกยังคงมีไฟสว่าง แต่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไม่มีใครอยู่แล้ว ความโอ่โถงของสถานที่เลยทำให้บรรยากาศดูเปล่าเปลี่ยววังเวงมากขึ้นไปอีก

เนื่องจากทางเข้าอาคารมีสองด้าน และทั้งสองด้านก็มีป้ายรถเมล์เหมือนกัน ผมจึงพยายามคิดว่าออกทางไหนจึงจะใกล้ป้ายรถเมล์ของฝั่งนั้นมากกว่าโดยที่ผมไม่ต้องโดนฝนมากนักไปด้วย เพราะว่าถ้าต้องไปนั่งบนรถเมล์เป็นชั่วโมงๆ ทั้งที่ตัวเปียก ผมอาจจะโดนบาปกรรมเล่นงานที่ไปตำหนิเป้จนตัวเองป่วยบ้างขึ้นมาก็เป็นได้

ถ้าออกประตูซ้ายจะเดินน้อยกว่าแต่ไม่มีหลังคากันฝนเลย แต่ถ้าออกทางประตูขวายังพอมีชายคาจากตึกข้างๆ ให้เดินหลบฝนก่อนจะไปถึงป้ายรถเมล์ได้บ้าง...

ผมชั่งน้ำหนักระหว่างตัวเลือกทั้งสองในใจ จากนั้นก็ตัดสินใจว่าออกไปทางที่ต้องเดินเลียบอาคารข้างๆ ดีกว่า ถึงระยะทางจะไกลกว่าหน่อยแต่ก็เสี่ยงตัวเปียกน้อยกว่า

พอคิดได้แล้วผมก็เดินออกจากประตูอาคารด้านขวาทันที จากตรงนี้มีถนนเส้นเล็กๆ ซึ่งเป็นทางออกสำหรับรถที่จอดในอาคารเป็นตัวกั้นระหว่างตึกผมกับตึกข้างๆ แต่เนื่องจากตึกนั้นเป็นแค่ตึกแถวพาณิชย์ พอกลางคืนก็ปิดไฟมืด เวลามองออกไปจากตึกผมเลยดูน่าขนลุกอยู่เหมือนกัน

จู่ๆ ผมก็นึกถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับสิ่งลึกลับที่รุ่นพี่ในบริษัทบอกว่าเคยเจอ และถึงแม้ผมจะไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้มากมายนัก แต่บรรยากาศวังเวงที่มีเพียงสายฝนตกลงมาก็ชวนให้จินตนาการเตลิดได้ ผมเลยกระชับสายสะพายกระเป๋าแน่นขึ้นเพื่อเตรียมจะวิ่งตัดถนนเส้นเล็กๆ เพื่อเข้าไปหลบฝนใต้ชายคาของตึกนั้น พลันเสียงสวบสาบที่ดังจากมุมหนึ่งของอาคารซึ่งไม่ห่างจากตัวเท่าไหร่ก็ทำเอาสะดุ้งโหยง

“วิว จะไปไหน?”

หัวใจผมเต้นรัวราวกับกลองที่โดนกระหน่ำตีจนหน้ากลองเกือบแตก ความตกใจทำให้หันไปทางต้นเสียงพร้อมกับเบิ่งตากว้างโดยไม่ทันสำเหนียกสักนิดว่าเสียงนั้นคุ้นเคยเพียงใด พอจู่ๆ ได้ยินเสียง ‘พึ่บ!’ ของร่มที่กางออกพร้อมกับมีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมนั้น ผมเลยได้แต่ยืนตัวแข็ง กระทั่งร่มคันนั้นถูกยื่นขึ้นมาเหนือหัวและทำให้เห็นหน้าของคนถือชัดๆ ผมถึงค่อยผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้อย่างโล่งอก
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ คืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-04-2012 02:20:11
“เป้หรอกเหรอ โธ่เอ๊ย”

ไหล่ที่แข็งเกร็งเมื่อครู่ค่อยคลายตัวลงเพราะความโล่งใจ ดูเหมือนท่าทางของผมคงแสดงออกชัดเจนไปหน่อย เป้เลยหัวเราะเบาๆ แล้วใช้แขนข้างที่ว่างดึงผมเข้าไปหา

“ขวัญเอ๊ยขวัญมา เพิ่งเคยเห็นวิวตกใจแบบนี้นะเนี่ย”

เป้พูดพลางกอดผมแล้วลูบหลังขึ้นลง เสียงหัวเราะเบาๆ ทำให้แผ่นอกที่แนบกันอยู่สั่นไหว ผมเลยขมวดคิ้วทันที ต่อให้คนขวัญแข็งแค่ไหน จู่ๆ มาเจอแบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงเล่า ไอ้บ้า!

“พอเลย ก็ใครล่ะที่ทำให้ตกใจ แล้วมายืนทำอะไรมืดๆ ตรงนี้? ถ้าจะรอก็ขึ้นไปข้างบนก็ได้นี่”

ผมดันตัวเองออกจากอกเป้ แต่อีกฝ่ายยังรั้งเอวผมไว้ อาจเพราะถ้าผมถอยหลังมากไปจะเปียกฝนเนื่องจากร่มบังไม่ถึงเอากระมัง

“ตอนแรกก็ว่าจะขึ้นไปเหมือนกัน แต่ไม่รู้วิวต้องทำอะไรอีกเยอะแค่ไหน เป้ไม่อยากขึ้นไปเร่ง”

เสียงทุ้มห้าวอันคุ้นเคยค่อนข้างเบาและแหบ ผมจึงเลิกคิ้วเพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสองวันก่อนนั้นเราทะเลาะกัน และที่ทะเลาะกันก็เพราะเป้ไม่สบายและไม่ยอมฟังคำผมว่าให้นอนพักอยู่บ้าน พอนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาได้ คิ้วผมเลยขมวดขึ้นมาอีก

“แต่มายืนข้างนอกตอนฝนตกแบบนี้เนี่ยนะ! เป้ ที่วิวพูดไปน่ะเคยฟังบ้างมั้ย?”

ผมรู้สึกถึงอะไรร้อนๆ ที่ล้นขึ้นมาจุกอยู่ในอกขณะพูดประโยคนั้น ใจหนึ่งก็เสียใจที่พลั้งปากว่าเป้อีกแล้ว แต่อีกใจก็อึดอัดที่เป้ทำเหมือนคำแนะนำของผมไม่สำคัญอะไรเลย ทั้งที่ผมเคยพูดออกไปแบบนั้นเพราะอยากให้หายป่วยไวๆ แท้ๆ

“เป้ดีขึ้นแล้วนะ จริงๆ ไม่มีไข้แล้วด้วย ไม่เชื่อจับดูสิ”

เจ้าคนตัวโตตอบแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่นกว่าเก่า ผมที่กำลังจะอ้าปากว่าเลยหน้าชนเข้ากับไหล่หมอนั่นเต็มๆ นี่ยังดีนะว่าฝั่งนี้ของตึกไม่มียามเฝ้าอยู่ ไม่งั้นให้ตายผมก็ไม่ยอมให้หมอนี่หาเศษหาเลยแบบนี้ในที่แจ้งแน่ๆ

“เห็นมั้ย? ตัวไม่ร้อนแล้วนะ เป้กินยาแล้วนอนพักตามที่วิวบอกมาสองวันเต็มๆ เลย”

เป้ก้มลงกระซิบข้างหู แขนทั้งสองข้างโอบกอดผมไว้โดยที่มือหนึ่งยังคงถือร่ม ความใกล้ชิดกันแบบนั้นทำให้พวกเราต่างก็ปลอดภัยจากเม็ดฝนที่ตกลงมาบนร่มแล้วไหลกลิ้งลงไปข้างๆ

ผมยืนนิ่งครู่หนึ่งขณะที่เป้กอดผมไว้ ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์แล้วยกมือสองข้างขึ้นทาบแผ่นหลังกว้างช้าๆ จากนั้นจึงค่อยเลื่อนขึ้นลงอย่างแผ่วเบาเพื่อสัมผัสกับอุณหภูมิที่ซึมผ่านเนื้อผ้าขึ้นมา

ไออุ่นของร่างอีกฝ่ายห่อหุ้มจนผมลืมเลือนความหนาวของสายฝน และถึงแม้จะรู้สึกได้ว่าตัวของคนที่ยืนตรงหน้านั้นค่อนข้างอุ่น แต่ถ้าหากเทียบกับเมื่อสองวันก่อนที่แค่ยืนใกล้ๆ โดยไม่แตะตัวก็รู้สึกถึงไอร้อนจากเป้ได้แล้ว วันนี้ก็นับได้ว่าอาการของอีกฝ่ายดีขึ้นเยอะทีเดียว เสียงก็แหบน้อยลงกว่าวันนั้นมากจนเกือบเป็นปกติแล้วด้วย

“...สองวันนี้นอนพักอย่างเดียวเลยใช่มั้ย?”

ผมถามพลางหยุดมือที่เลื่อนไปมาบนหลังอีกฝ่ายและเพียงทาบไว้นิ่งๆ จากนั้นก็เอียงหน้าลงซบซอกคออุ่นเบาๆ ความผ่อนคลายจากอ้อมแขนและสัมผัสของมือใหญ่ทำให้อารมณ์ผมเริ่มเย็นลง และเรียกความโหยหาที่พยายามเก็บซ่อนไว้ให้ผุดขึ้นจนตระหนักว่าคิดถึงคนตรงหน้าแค่ไหน

“อื้อ ก็ทำตามที่วิวบอกน่ะแหละ ปกติเป้ไม่ใช่คนป่วยง่ายๆ เพราะงั้นถึงไม่สบายก็เป็นแค่ไม่กี่วันหรอก”

“ถ้างั้นก็ดีแล้ว....”

ผมเผลอตัวเกลือกหน้ากับไหล่เป้เบาๆ พลางระบายลมหายใจยาว อีกเรื่องหนึ่งที่เป้ทำให้ผมรู้ตัวก็คือ ความจริงผมก็เป็นคนที่อ้อนคนอื่นเป็นเหมือนกัน

“เมื่อวันนั้น...ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นเลยแท้ๆ”

ผมเอ่ยพลางถอยตัวออกหน่อยหนึ่งจะได้มองตาเป้ได้ ยังดีว่าตรงนี้อยู่ใต้อาคารผม เลยยังพอมีแสงจากด้านบนส่องลงมาให้เห็นหน้ากันได้บ้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของเป้ดูลึกล้ำขึ้นขณะมองตอบมา แต่มุมปากทั้งสองข้างหยักเป็นรอยยิ้ม

“เป้ก็ต้องขอโทษเหมือนกัน ตอนนั้นน้อยใจเลยถามประชดไป รู้อยู่แล้วล่ะว่าวิวเตือนเพราะเป็นห่วง แต่มันหยุดปากไม่ทัน”

เป้ยอมรับแต่โดยดี ผมเลยยิ้มบางๆ ให้ ถึงแม้จะรู้ดีว่าเรื่องที่พวกเราทะเลาะกันมันช่างเล็กน้อย แต่ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็รู้ตัวและขอโทษกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลจะต้องถือทิฐิแล้วโกรธกันต่อ

“ช่างมันเถอะ ดีขึ้นก็ดีแล้วล่ะ ว่าแต่มาตากละอองฝนแบบนี้เดี๋ยวไข้กลับหรอกเป้ รีบกลับกันดีกว่า”

เป้พยักหน้า จากนั้นก็เลื่อนมือที่ไม่ได้ถือร่มลงมากุมมือผมข้างหนึ่งไว้ “เป้จอดรถไว้หน้าตึกฝั่งโน้น”

พวกเราเดินกลับเข้าไปในตึกเพื่อไปออกอีกประตู เพราะว่าประตูด้านนั้นเป็นจุดที่ทางอาคารจัดไว้สำหรับรถที่มารับส่งคน ตอนดึกๆ แบบนี้เลยสามารถจอดรถตรงที่ว่างได้โดยไม่ต้องกลัวจะถูกยามไล่

“แล้วเป้รู้ได้ยังไงว่าวิวยังอยู่บนออฟฟิศ? อาจจะติดรถใครกลับไปแล้วตั้งแต่เลิกงานก็ได้นะ”

ผมถามขึ้นหลังจากเข้ามานั่งในรถและดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด เป้ที่กำลังบิดกุญแจสตาร์ทรถเลยตอบง่ายๆ “ก็พอโทรเข้ามือถือวิวไม่ได้ เป้เลยโทรเข้าเบอร์ออฟฟิศแทนแล้วถามว่าวิวยังอยู่หรือเปล่า แล้วก็เลยฝากเขาว่าถ้าวิวออกจากออฟฟิศเมื่อไหร่ให้โทรมาบอกด้วย”

ระหว่างที่เป้รอให้เครื่องยนต์วอร์มอัพก็หันมายิ้มให้ ส่วนผมได้แต่นึกอยากเอามือกุมหน้าผากอย่างเหนื่อยใจ สงสัยต้องเป็นหนึ่งในสองคนที่ยังนั่งอยู่บนออฟฟิศเมื่อกี้แน่ๆ ที่ได้คุยกับหมอนี่ แล้วพรุ่งนี้ผมจะเอาหน้าไปไว้ไหนดีละเนี่ย

“ช่างคิดซะจริงนะ”

“ก็มีแฟนเป็นคนชอบคิด เป้ก็ต้องคิดตามไปด้วยสิ”

เป้พูดเรื่อยๆ พลางเหยียบคันเร่งเพื่อออกไปสู่ถนน แต่ผมฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนกำลังถูกเหน็บยังไงบอกไม่ถูก

ผมเหล่ตามองเจ้าคนขับรถขณะที่อีกฝ่ายยื่นมือไปเปิดเครื่องเล่นซีดี ภายนอกสายฝนเริ่มซาลงแม้จะยังไม่หยุดสนิท เสียงเพลงแนวฟังสบายๆ กับอากาศเย็นๆ รวมทั้งรถบนท้องถนนที่ค่อนข้างโล่งทำให้ผมไม่ค่อยอยากถือสาหาความให้มากนัก เพราะถึงอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะเป้มารับ ผมถึงไม่ต้องวิ่งตากฝนไปยืนรอรถเมล์ที่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนจะได้กลับถึงหอ ดังนั้นถ้าหมอนี่อยากเอาคืนบ้างก็ปล่อยไปเถอะ ผมไม่ใช่เด็กนี่นาจะได้ชวนหาเรื่องไม่หยุดหย่อน

ที่สำคัญ...ได้เห็นว่าเป้ยอมเชื่อผมและพักผ่อนจนอาการดีขึ้นมาปากเก่งได้เหมือนเดิม ผมก็พอใจแล้ว

“เป้หิวมั้ย? วิวยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย”

ผมถามขึ้นมาระหว่างที่รถติดไฟแดง แม้จะรู้ดีว่าจริงๆ แล้วเป้ยังไม่หายสนิท แต่ไหนๆ เราก็ไม่ได้เจอกันมาสองวันเต็มๆ ถ้าผมจะขอยื้อเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันคืนนี้ออกไปอีกหน่อย....มันคงไม่เป็นการเห็นแก่ตัวมากเกินไปหรอกนะ

“เอาสิ เป้ก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ถ้างั้นกินอะไรกันดี?”

“เป้เลือกสิ ชั่วโมงนี้ตามใจคนป่วยก็แล้วกัน เผื่อได้กินของที่ชอบจะได้หายไวขึ้น”

ผมตอบพลางยกมือบีบต้นแขนแข็งแรงเบาๆ เป้เลยหันมายิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปเหยียบคันเร่งเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“งั้นอะไรดีล่ะ ติ่มซำเป็นไง? จะได้กินหลายๆ อย่างด้วย หรือวิวอยากกินพวกอาหารจานเดียวมากกว่า?”

เป้ทำท่าคิดถึงตัวเลือกอื่นไปพลางก็ดึงมือขวาผมไปคลึงเล่น สุดท้ายถึงจะบอกว่าให้เลือกเองได้ตามใจ หมอนี่ก็ยังอุตส่าห์จะขอความเห็นชอบจากผมอยู่ดี แต่ก็คงเพราะจุดนี้ละมั้งที่ทำให้ผมรู้สึกว่า เจ้าคนตัวโตนิสัยเด็กนี่ก็มีแง่มุมน่ารักอยู่

และถึงต่อให้สุดท้ายคืนนี้เราจะไปจบการตัดสินใจที่ร้านไหนก็ตาม แต่เป้ก็ทำให้ผมมั่นใจแล้วล่ะ ว่าถ้ามันเป็นมื้อที่เรานั่งกินหลังจากได้ปรับความเข้าใจกัน แค่นั้นก็คงเป็นมื้อง่ายๆ ที่ดีที่สุดสำหรับผมในคืนนี้แล้ว


++---End---++


หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ คืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-04-2012 02:21:46
A/N:ตามสัญญาในเฟสบุ๊คว่าจะมีตอนใหม่มากำนัลให้แฟนๆ ของเป้กับวิวระหว่างรอตอนใหม่ของคุณเชษฐ์กับภัทร ในที่สุดก็เสร็จแล้วค่ะ เนื้อเรื่องตอนนี้จะเป็นช่วงปิดเทอมหลังจากทั้งคู่เพิ่งเริ่มคบกันก่อนขึ้นปีสาม และวิวไปฝึกงานที่บริษัทที่รุ่นพี่แนะนำ ส่วนเป้ไปฝึกงานที่บริษัทของพ่อ ช่วงเวลาก็หลังจากตอน  “แรกเปิดใจ" นั่นเอง ความจริงแล้วเนื้อหาตอนนี้ไม่มีอะไรมาก แต่มาจากภาพในหัวที่เห็นเป้ยืนกางร่มรอใต้ตึกขณะวิวกำลังเดินออกมา จากนั้นก็เลยมาสร้างเรื่องต่อจากภาพนั้น ตอนแรกก็ปวดหัวกับการคิดหาหัวข้อทะเลาะให้สองคนนี้เหมือนกัน เพราะเป็นคู่ที่ไม่ค่อยมีเรื่องผิดใจกันแรงๆ นานๆ เท่าไหร่ แต่คิดว่าเหตุผลที่ให้ไว้ในเรื่องนี้ก็เหมาะสมกับนิสัยของทั้งคู่ช่วงที่เพิ่งคบกันและยังไม่รู้ใจกันดีแล้วละเนอะ หวังว่าแฟนๆ ที่ได้อ่านตอนนี้จะมีความสุขและอ่านไปยิ้มไปเหมือนคนเขียนนะคะ

ปล. ช่วงนี้ฝนฟ้าอากาศเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ พกร่มติดกระเป๋าไว้ปลอดภัยที่สุดเน้อ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: EunSung87 ที่ 07-04-2012 08:06:58
จิ้มจองพื้นพี่
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 07-04-2012 09:05:09
 :-[
นี่แหละค่ะ คนอยู่ด้วยกัน ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ย่อมมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็ถือว่าเป็นรสชาติของชีวิตคู่ แถมยังเป็นบทเรียนให้ได้เข้าใจกันมากขึ้นอีกด้วย

แหม...คนอ่านนี่รู้สึกถึงไออุ่นแล้วก็บรรยากาศสีชมพูแผ่กระจายออกมาเลยทีเดียวค่ะ

ขอบคุณเพื่อนสาวมากเลยนะคะ

ปล. เมื่อคืนเชียงใหม่ไฟดับเพราะฝนตกหนัก แต่ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านแล้ว แล้วก็มีลำนำรักสีรุ้งอยู่ในมือด้วย ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-04-2012 09:31:28
^
^
เช้านี้เชียงใหม่อากาศเย็นฉ่ำหลังพายุฝนนะจ๊ะเพื่อนสาว บนถนนยังเห็นร่องรอยน้ำฝนอยู่เลย บนเขาก็หมอกลงขาวเชียว ;)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 07-04-2012 09:40:39
อ่านเรื่องนี้จบสักพักแล้ว แต่ไม่ได้เม้น เพราะไม่ค่อยไดล็อคอินสักเท่าไร


เค้าขอโทษนะ  :L1:


วัันนี้เข้ามาเม้นให้ เพราะเพิ่งเห็ว่าลงตอนพิเศษ   :L2:


ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-04-2012 10:24:07
รักกัน เข้าใจกัน
น่ารักอ่ะ :L1:

บวกเป็ด
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 07-04-2012 22:27:39
กรึ๊บตลอดอ่ะพ่อเป้ของน้อง 555555 คือแบบว่ารู้สึกอย่างแรงว่าถึงทะเลาะกันยังไงก็ยังมีความเป็นผู้ใหญ่สูงมากเหลือเกิน
เปรียบเทียบกับตัวเองแล้วที่ทะเลาะกับแฟน แต่...ไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลยอ่ะ 5555 เวลาวิวอารมณ์ร้ายนี่ก็น่ากลัวเนอะ
กระโดดลงจากรถไปเลย แบบทิ้งเป้ไว้กลางทางแบบนั้น... คือถ้าโดนทำแบบนั้นบ้าง คงจะไม่เป็นแบบเป้อ่ะที่โกรธแค่นั้น
แล้วขอโทษวิวอีกต่างหาก... เพราะเราคงคิดไม่ได้ 55555555555555 แน่ๆจ้า ถึงบอกว่าชอบคู่นี้จัง แบบว่าเป็นคู่รักในอุดมคติ
ถ้าจะรักกันแคร์กันเห็นใจกันแล้วก้เข้าใจมากขนาดนี้ก็อดที่จะชื่นชมความรักของเป้วิวไม่ได้ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: jedi2543 ที่ 07-04-2012 22:47:49
เรื่องเรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-04-2012 23:00:42
ว้ากกกกกกกกกก  ดีใจจัง :กอด1:
วิวช่วงแรกคบดูเป็นคนจริงจังมากเลยนะเนี่ย
ต่างจากตอนวัยทำงาน ที่จะดูนุ่มนวลมากขึ้น
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 07-04-2012 23:17:20
เรียบๆ เรื่อยๆ แต่น่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 07-04-2012 23:52:59
อ่านแล้วยิ้มเช่นกัน
+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: nanajung ที่ 08-04-2012 19:35:58
ชอบคู่ เป้ กับ วิว มทากเลยยย เป้ดูค่อยเอาใจ วิว ตลอดเลย

ส่วนคู่ อ๊อฟ กับ น้อง นะ นี่ก้อน่ารักสุดๆ น้องนะ น่ารัก มาก ขี้อายสุดๆเลย อ๊อฟ ก้อ เจ้าเล่ห์ ได้ตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 08-04-2012 20:11:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 09-04-2012 00:23:13
เป้ วิว ยังสติล น่ารักมากๆ
อ่านแล้วก็เขิน
วิวยังคิดมากเหมือนเดิมเลยนะ
แต่รักกัน ยังไงๆ ก็เข้าใจ
เย้เย้เย้
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: สุขาพาเพลิน ที่ 09-04-2012 22:52:11
คิดถึงเป้-วิวเสมอ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 10-04-2012 15:40:19
มาพร้อมกับสายฝนจริงๆๆ
ต่างคนต่างเข้าใจกัน ไม่ต้องพูดก็เข้าใจดี
ถึงแม้จะมีพลั้งปากไปบ้างก็เถอะ
แต่ความน่ารักยังเหมือนเดิม
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 28-04-2012 22:46:22
+1 ค่ะ รักเป้กับวิว สุดๆ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ในคืนฝนพรำ [07/04/12] p.45
เริ่มหัวข้อโดย: MoMoRin ที่ 11-05-2012 01:26:26
น่ารักตลอด ชอบคู่เป้-วิว ก้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา p.46 (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-08-2012 23:03:24
สืบเนื่องจากเพิ่งนึกได้ว่าเขียนตอนพิเศษตอนนี้ให้เป้กับวิวเอาไว้ แต่ลงแค่ที่บล็อกกับอีกบอร์ดหนึ่ง แต่ยังไม่ได้มาลงที่นี่เลย เลยมาแปะให้แฟนๆ ที่อาจยังไม่ได้อ่านตอนนี้กันก่อนค่ะ และขอประกาศว่ายังเปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยานี้นะคะ :) รายละเอียดดูที่กระทู้นี้เลย --> [[คลิกดูดีเทลการจองค่า]] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34119.0)


*************************************************************


ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ

ในเช้าตรู่ที่ท้องฟ้ายังขมุกขมัวเป็นสีเทาเพราะเมฆบดบังดวงอาทิตย์ อากาศรอบตัวหมาดชื้นด้วยละอองไอที่หลงเหลือหลังจากสายฝนขาดเม็ดไปไม่นาน ร้านรวงในซอยยังปิดเงียบเพราะเช้าเกินกว่าจะเป็นเวลาต้อนรับลูกค้า ผมเดินถือถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้สองถุงพลางหลบหลุมบ่อบนทางเดินที่มีน้ำขังไปด้วย โดยจุดหมายปลายทางก็คือหอพักของผมเองที่ตั้งตระหง่านอยู่สุดทางเดินในซอย

หลังจากขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นหก ผมก็หยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูเข้าไปก่อนจะงับปิดตามหลัง ได้ยินเสียงใครบางคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงส่งเสียงในคอเบาๆ ผมเลยยิ้มแล้ววางถุงอาหารเช้าลงบนชั้นวางเหนือตู้เย็น จากนั้นก็เดินไปเลื่อนประตูกระจกแล้วก้าวออกไปที่ระเบียง

ตรงที่ว่างใต้ราวระเบียงมีกระถางต้นไม้ขนาดเล็กและกลางเรียงราย ทั้งที่แม่ซื้อมาให้และทั้งที่ใครอีกคนซื้อให้ ทุกกระถางดูสดชื่นจากการได้รับน้ำฝน ผมเลยย่อตัวลงยกถาดรองน้ำใต้กระถางแต่ละอันมาเทน้ำที่ขังอยู่ลงบนรางระบายน้ำก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปล้างมือ ตอนแรกกะว่าถ้าวันนี้แดดดีก็จะซักผ้าเสียหน่อย เพราะเป็นวันเสาร์ที่ไม่มีแผนจะออกไปไหน แต่ดูสภาพท้องฟ้าแล้ว ท่าทางต้องรอให้แน่ใจก่อนว่าวันนี้จะได้เห็นแสงแดดจะดีกว่า

ผมเช็ดมือกับผ้าขนหนูที่แขวนไว้ข้างอ่างให้แห้งก่อนจะเดินออกมาเช็ดเท้าบนพรม จากนั้นก็เลือกหนังสือเล่มหนึ่งออกจากชั้นแล้วนั่งลงบนพื้นด้านปลายเตียง ตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือฆ่าเวลาระหว่างที่คนร่วมห้องยังไม่ตื่น เพราะไม่ค่อยรู้สึกอยากดูโทรทัศน์เท่าไหร่ อีกอย่างถ้าเปิดไปเสียงอาจจะดังรบกวนคนนอนก็ได้

"...วิว"

ผมยังอ่านหนังสือไปได้แค่สองหน้า เสียงเรียกที่เจือความงัวเงียสุดขีดก็ดังมาจากคนบนเตียง ผมเลยเอาที่คั่นเสียบหน้าหนังสือที่อ่านค้างไว้แล้วหันไปตอบรับ

"หือ?"

"..."

เป้ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกวักเรียกผมทั้งที่ยังไม่ลืมตา คงเพราะได้ยินเสียงผมเมื่อกี้ก็เลยรู้ว่าผมนั่งอยู่ตรงไหน ผมเลยได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะหยิบหนังสือแล้วลุกไปนั่งลงบนฝั่งที่ว่างของเตียง

"ว่าไง?"

"...ไปไหนมา..."

เจ้าเด็กโข่งถามงึมงำพลางควานมือสะเปะสะปะจนเจอมือผมที่วางเท้าอยู่บนเตียง จากนั้นก็ดึงมือข้างนั้นไปซุกคอตัวเองแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ แต่ตลอดเวลาก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเลยสักแวบ พอวันหยุดทีไรพ่อคุณชายจะขี้เซาอย่างนี้เป็นประจำ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ใครๆ เขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นนี่นา

"ไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มา เจ้าที่วันก่อนเป้บอกอยากกินไง พอดีวิวตื่นตอนที่ฝนหยุดแล้ว เลยไปซื้อมาให้ก่อนเขาจะขายหมดซะก่อน"

ผมตอบพลางยกขาที่เมื่อครู่นั่งห้อยข้างเตียงขึ้นมาวางบนเตียงแทน เพราะถ้าหากโดนอ้อนแบบนี้ก็รู้ได้เลยว่าหมอนี่จะไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ แล้วถ้าไม่เปลี่ยนท่านั่งก็มีแต่ผมนี่ล่ะที่จะเมื่อย

มุมปากของเป้หยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม เจ้าเด็กโข่งตัวโตยกมือผมข้างที่ซุกคออยู่ขึ้นจูบก่อนจะเอาไปซุกที่เดิม และแน่นอนว่าโดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ท่าทางระบายลมหายใจยาวทำให้รู้ว่าคงกำลังจะผล็อยหลับอีกรอบในไม่ช้า

ผมยิ้มบางๆ แม้จะรู้ว่าเป้ไม่เห็น แต่การแสดงออกเมื่อครู่ก็บอกให้รู้ว่าเป้ดีใจกับการที่ผมใส่ใจคำพูดลอยๆ เมื่อวันก่อน ผมมองออกไปข้างนอกอีกครั้งก็เห็นว่าฟ้ายังครึ้มเมฆอยู่เหมือนเดิม เลยใช้มือข้างที่ว่างกรีดหน้าหนังสือบนตักออกเพื่ออ่านต่อจากตอนที่ค้างไว้

ยังไม่ทันจะได้เพลิดเพลินกับเนื้อความในหนังสือต่ออย่างที่ตั้งใจ จู่ๆ คนบนเตียงก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่งัวเงียน้อยกว่าเมื่อครู่นิดหน่อย

"วิวรู้มั้ย เวลาตื่นมาแล้วเจออากาศแบบนี้เป้นึกถึงอะไร?"

ผมละสายตาจากหนังสือพลางขมวดคิ้ว แล้วก็ได้เห็นว่าคนถามมองมาอยู่ก่อนแล้ว แถมบนหน้ายังยิ้มนิดๆ อยู่ด้วย ถ้าเป็นเวลาที่ตื่นเต็มที่นั่นก็คงเป็นยิ้มที่เจ้าเล่ห์น่าดู เพราะนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นมันระยับทั้งสองข้าง

มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยชมให้เป้ได้ยินจากปาก แต่ผมก็คิดมาตลอดว่าสีตาแบบนี้สวยดี

"แล้วนึกถึงอะไรล่ะ?"

ผมถามอย่างไม่ได้ใส่ใจอยากได้คำตอบเท่าไหร่ นัยน์ตาของคนมองเลยฉายประกายซุกซนขณะปล่อยมือผมที่ซุกคอตัวเองออกแล้วเข้ามากอดเอวผมแทน

"นึกถึงครั้งแรกของเราสองคนไง ตอนนั้นก็อากาศยังงี้เลย"

"เฮ้ย! เป้!!"

ผมร้องเสียงหลงเมื่อโดนฉุดลงไปนอนบนเตียง แล้วจู่ๆ เจ้าคนที่ทำท่าง่วงเหลือหลายเมื่อครู่ก็พลิกตัวขึ้นมานอนทับ เป้หัวเราะกับสีหน้าของผมก่อนจะก้มลงมาไล่หอมผมไปทั้งหน้า ก่อนจะก้มลงกดริมฝีปากเบาๆ ลงบนปากผมที่เม้มอยู่ พอเป้เงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เลิกคิ้วที่เห็นผมทำหน้ายุ่ง

"มีอะไรเหรอ?"

"...ฟันก็ยังไม่ได้แปรง ไอ้บ้า"

ผมบ่นงึมงำ จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะทนไม่ได้อะไรหรอกเพราะกลิ่นปากตอนเช้าของเป้ไม่ได้แรงขนาดนั้น แต่ว่านี่เหมือนเป็นวิธีตอบแบบเลี่ยงๆ ของผมเวลาบ่ายเบี่ยงไม่อยากทำ"เรื่องอย่างว่า" มากกว่า

โชคดีว่าสารที่ส่งไปถึงคนรับเพราะว่าเป้หัวเราะ ก่อนที่พ่อคุณชายจะก้มลงหอมแก้มผมแรงๆ อย่างมันเขี้ยวนักหนา

"เป้ก็อุตส่าห์จูบแบบปิดปากให้แล้วไง"

พูดจบเป้ก็ตะแคงตัวลงนอนอย่างเดิม แต่คราวนี้ดึงผมเข้าไปกอดพลางหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมไหล่เราทั้งคู่ โชคดีว่าอากาศที่กำลังเย็นๆ เลยทำให้ไม่อึดอัดเท่าไหร่ที่มานอนเบียดกันใต้ผ้าห่ม ผมมองตาเป้ก็เห็นอีกฝ่ายยังยิ้มให้ แต่ด้วยนัยน์ตาเชื่อมปรอยเหมือนเปลือกตาพร้อมจะปิดลงได้ทุกเมื่อ

"...เดี๋ยวน้ำเต้าหู้ที่ซื้อมาก็เย็นหมด"

ผมพึมพำเบาๆ แต่ก็พยายามขยับตัวให้นอนสบายขึ้นเพราะรู้ว่าหมดทางเลือกแล้ว อีกอย่างพอเห็นคนข้างๆ นอนหลับสบายแบบนี้...สมองมันก็พาลคิดว่านอนต่ออีกหน่อยก็ไม่เลว...

"ไว้จะกินค่อยอุ่นในเวฟก็ได้ ตอนนี้ขอนอนกอดวิวก่อน"

เป้พูดพร้อมกับยิ้ม นัยน์ตาทั้งสองข้างปิดไปแล้ว แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าผิวแก้มตัวเองอุ่นขึ้นหน่อยๆ เลยได้แต่ระบายลมหายใจยาวแล้วหลับตาลงบ้างแต่โดยดี

"ไอ้เด็กขี้เซา"

เป้หัวเราะกับสรรพนามที่ถูกมอบให้ จากนั้นผมก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ บนหน้าผากเพราะอีกฝ่ายขยับมาจูบปลายจมูก สัมผัสนั้นทำให้ผมยิ้มออกมา มือที่เมื่อครู่เพียงวางไว้ตรงอกค่อยเลื่อนออกไปพาดบนเอวเป้กลับบ้าง เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนจะหลับไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นคือเสียงครางในคออย่างพอใจของคนร่วมเตียง ผสานไปกับเสียงสายฝนอ่อนละมุนที่โปรยปรายลงกระทบบานกระจกหน้าต่างอย่างแผ่วเบา บรรยากาศช่างชวนให้นึกถึงครั้งแรกของเราสองคนจริงๆ อย่างที่เป้พูดนั่นล่ะ

ดูเหมือนวันนี้...ผมเองก็จะเริ่มติดใจบรรยากาศแบบนี้ไปอีกคนแล้วสิ...


++---End ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ--++


A/N: และพบกับตอนพิเศษที่จะหาอ่านไม่ได้ในอินเตอร์เน็ตอย่างน้อยสามตอนขึ้นไป สำหรับคนที่อุดหนุนรวมเล่มเท่านั้น สอบถามมาได้ที่อีเมล์ bellbomb[at]hotmail dot com นะคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 24-08-2012 23:13:35
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษครับ
+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 25-08-2012 22:59:56
สนุกมากค่ะ ชอบจริงๆ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 31-08-2012 16:25:13
 o13. สุดน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 16-09-2012 02:26:26
ชอบ มานะ อะ เวลาอ้อนน่ารัก น่ากอดที่สุด
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-09-2012 03:29:43
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: โดดเดี่ยวแต่ไม่ ที่ 16-09-2012 18:48:44
เรื่องราวน่าสนและสนุก มาแปะไว้หน้า17ครับ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 04-10-2012 20:47:23
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-01-2013 23:38:15
เพิ่งเข้ามาอ่าน
สนุกมากๆค่ะ
ชอบเป้-วิวมากๆ น่ารักที่สุด
น้องนะกับพี่อ๊อฟก็น่ารักค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ฟ้าฝนเป็นใจ p.46 + เปิดจองรวมเล่มถึง 30 กันยา (24/8/55)
เริ่มหัวข้อโดย: kataiyai ที่ 02-01-2013 23:01:42
ช่วงนี้ีหน้าหนาว เรียกว่าฟ้าเป็นใจได้เหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-01-2013 00:58:12
ลำนำรักสีรุ้ง Extra Episode : ความลับที่ไม่บอกใคร


เย็นวันนี้อากาศร้อนสมกับที่เป็นกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ค่อยได้สัมผัสฤดูอื่นไม่ว่าเวลาจะหมุนเวียนเข้าช่วงไหนของปี กระนั้นก็ดูเหมือนสภาพอากาศจะไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกที่วิ่งไล่เตะลูกฟุตบอลกันอย่างสนุกสนานอยู่กลางสนามหญ้า ส่วนตัวผมเองไม่ได้ลงไปร่วมเล่นด้วยเพราะมีแววว่าจะได้อับอายกับความไร้ทักษะด้านกีฬาที่มีค่อนข้างน้อย อีกอย่างตอนที่โบ้ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของเป้ถามผมว่าจะลงไปเล่นบอลด้วยกันก่อนกลับบ้านหน่อยไหม พ่อคุณชายที่มักตัวติดกับผมตลอดก็รีบขัดขึ้นทันที

"ไม่ต้องชวนโว้ย! พวกมึงตัวยังกับหมีควายแถมถนัดเล่นกันแต่แรงๆ เกิดวิวเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง"

ตอนนั้นผมคันปากอยากเถียงว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แต่เพราะรู้ว่าโบ้ก็แค่ชวนตามมารยาท และหน้าที่เฝ้าของก็ดูจะเหมาะกับผมที่เป็นเด็กเรียนมากกว่า สุดท้ายก็เลยได้มานั่งที่โต๊ะประจำริมสนามพลางทำการบ้านไปด้วย นานๆ ทีก็หันไปมองพวกในสนามบ้างเวลาได้ยินเสียงเฮเหมือนใครทำประตูได้ แต่ก็ไม่ได้นึกอยากเร่งรัดให้เป้เลิกเล่นเพื่อจะได้รีบกลับห้องไปพักผ่อน พวกที่พลังงานเหลือเฟืออย่างหมอนี่ปล่อยให้ออกกำลังที่เสียเหงื่อเยอะๆ นอกจากกิจกรรมในห้องบ้างก็ดีเหมือนกัน

"เฮ้ย!! วิว!!!"

จู่ๆ เสียงตะโกนลั่นจากกลางสนามก็ทำให้ผมรีบหันขวับไปทางต้นเสียง ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นลูกบอลกลมๆ ลอยลิ่วเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง จังหวะนั้นตกใจก็ตกใจ แต่สัญชาตญาณป้องกันตัวทำให้รีบยกแขนขวาขึ้นปกป้องศีรษะเป็นอย่างแรก ก่อนจะได้ยินเสียง 'ตุ้บ' พร้อมกับความเจ็บที่แล่นจี๊ดมาตรงแขนที่ถูกลูกบอลกระแทก

ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่วิ่งตรงเข้ามาหา และแน่นอนว่าคนแรกที่มาถึงคือพ่อคุณชายขายาวที่ทำสีหน้าไม่สู้ดีขณะที่วิ่งกระหืดกระหอบมาคว้าแขนขวาผมไปดู

"ขอโทษที เจ็บรึเปล่า?"

ประโยคนั้นทำให้ผมรู้ทันทีว่าตัวการที่ทำลูกบอลพุ่งออกนอกสนามก็คือหมอนี่เอง แต่เพราะหน้าตาคนทำดูแย่ยังกับเห็นผมเลือดออกแทนที่จะเป็นแค่รอยฟกช้ำ ผมเลยรีบชักแขนกลับมาแล้วพยายามทำสีหน้าเหมือนไม่เป็นไร ...ทั้งที่ก็เจ็บอยู่เหมือนกันเพราะฝีเท้าเป้ไม่ใช่เบาๆ เลย

"ไม่เป็นไรหรอก แค่นิดเดียวเอง"

โบ้กับเพื่อนๆ อีกสามสี่คนพากันล้อมเข้ามาดูว่าผมเป็นอะไรมากไหม ผมไม่แน่ใจว่าที่ทุกคนทำหน้าตกใจจนเลิ่กลั่กนี่เพราะเห็นผมโดนบอลกระแทกหรือเพราะท่าทางของเป้กันแน่ แต่หลังจากผมพูดย้ำให้ทุกคนสบายใจและกลับไปเล่นต่อได้ เป้กลับหันไปบอกโบ้ว่าจะขอตัวกลับก่อน

"ไปเล่นต่อก็ได้นะเป้ วิวยังอ่านหนังสือไม่จบเลย ให้รอต่อก็ได้"

ผมเอ่ยทักหลังพวกเพื่อนๆ ของเป้วิ่งกลับไปไล่ลูกฟุตบอลกันในสนาม แต่เป้กลับส่ายหน้าพลางหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองมารูดซิปออก

"ไม่เอาล่ะ เหนื่อยแล้ว วันนี้กลับกันดีกว่า เป้ก็มีการบ้านต้องทำเหมือนกัน"

โชคดีวันนี้ในกระเป๋าของเป้มีเสื้อยืดใส่เล่นอยู่ตัวหนึ่ง พ่อคุณชายเลยถอดเสื้อเชิ้ตที่ชุ่มเหงื่อออกก่อนจะหยิบเสื้อยืดตัวนั้นมาใส่แทน แต่ชั่วขณะไม่กี่วินาทีที่เจ้าตัวอวดผิวกายท่อนบนซึ่งเป็นประกายเพราะเหงื่อ ผมพอจะทันเห็นสายตาของสาวๆ ที่เดินผ่านมาแถวนั้นแล้วทำตาวิบวับพลางหันไปป้องปากกระซิบกระซาบกันเหมือนถูกใจ ในขณะที่บางคนก็หน้าแดงแล้วรีบหลบสายตาหนีเหมือนเขิน

เอาล่ะ...ก็รู้หรอกนะว่าหมอนี่ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นปกติ แล้วไอ้ที่ถอดเสื้อไปเมื่อกี้ก็คงไม่ได้ตั้งใจจะอวดเรือนร่างยั่วใคร เพราะเป็นผมก็คงไม่ชอบที่ต้องใส่เสื้อเปียกเหงื่อในอากาศร้อนๆ อย่างนี้เหมือนกัน       

แต่ไอ้ความรู้สึกจี๊ดที่พุ่งทะลักขึ้นในอกตอนนี้สำหรับคนที่เป็นแฟน...มันคงห้ามกันไม่ได้ใช่ไหม?

"วิวเป็นอะไร โกรธที่เป้เตะบอลไปโดนเหรอ?"

"เปล่า เป้ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งนี่ จะโกรธทำไม"

"ถ้างั้นก็โกรธที่รถเสีย? แต่คนที่อู่โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้ก็ไปเอารถคืนได้แล้วนะ"

ผมกลอกตาก่อนจะตอบเสียงต่ำโดยไม่หันไปมองคนข้างหลัง "รถเสียก็ไม่ใช่ความผิดของเป้เหมือนกัน เรื่องแบบนี้ไม่โกรธหรอกน่า"

ตอนนี้พวกเรากำลังเดินเลียบทางริมแม่น้ำเพื่อกลับหอ เนื่องจากเมื่อสองวันก่อนจู่ๆ รถของเป้ก็มีปัญหาสตาร์ทไม่ติดเลยต้องส่งซ่อม ทำให้สองวันมานี้พวกเราต้องใช้บริการรถเมล์บ้าง แท็กซี่บ้างแล้วแต่ความรีบร้อนในตอนนั้น แต่เพราะวันนี้ตั้งใจกันว่าจะแวะหาอะไรกินกันก่อนก็เลยเลือกจะเดินกลับ

"ถ้างั้นนี่งอนเป้เรื่องอะไรล่ะ?"

พ่อคุณชายสาวฝีเท้ามาจนทันแล้วกระตุกข้อมือผมให้หันไปหา แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไปทุกทีทาบลงบนเสี้ยวหน้าที่กำลังขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่สบายใจ พอผมเห็นสีหน้าแบบนั้นก็เลยชักละอายในความไร้สาระของตัวเองขึ้นมา ทั้งที่ไม่ชอบการแสดงออกเหมือนคนช่างคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้แท้ๆ

แต่ก็ไม่อยากบอกนี่นาว่าไม่ชอบแววตาของคนที่มองหมอนี่ถอดเสื้อเมื่อกี้ แล้วเลยอดจะพาลไปถึงคนถอดด้วยไม่ได้ ทั้งที่จะว่าไปแล้วเป้ก็ไม่ผิดอีกนั่นแหละ ในเมื่อหมอนี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องหาที่ลับตาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียหน่อย

ทำไมผมถึงเป็นพวกชอบหาเหตุผลให้ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็แก้ตัวให้ทั้งตัวเองและคนอื่นได้เสร็จสรรพอยู่เรื่อยแบบนี้ด้วยนะ

"ง้าววววววว...."

เสียงแหลมเล็กที่ดังเข้าหูทำให้ผมมุ่นคิ้วพลางเหลือบตาขึ้นสบตากับเป้ อีกฝ่ายเองก็มองหน้าผมงงๆ เหมือนกัน แต่แล้วเสียง 'แง้ววววววววว' ที่ดังอย่างเร่งเร้าขึ้นกว่าเดิมก็ดึงสายตาของเราทั้งคู่ให้พยายามมองหาต้นเสียง เพราะมันฟังแล้วเหมือนเจ้าของเสียงกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

"เสียงเหมือนมาจากข้างล่างนี้นะ"

ผมย่อตัวลงเมื่อจับทิศทางของเสียงได้ จากนั้นก็เห็นขาเล็กๆ ของลูกแมวสีขาวตัวหนึ่งกำลังตะกุยเสาปูนอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่ครึ่งตัวล่างติดอยู่ในกอผักตบชวา นี่ถ้าหากไม่ใช่เพราะกอผักตบนั่นลอยมาติดเสา สงสัยลูกแมวตัวนี้อาจจะลอยไปกลางแม่น้ำหรือไม่ก็จมน้ำไปแล้วก็ได้

"เฮ้ย! วิวจะทำอะไร!"

เป้รีบรั้งเอวผมไว้เมื่อเห็นผมทำท่าจะปีนข้ามราวทางเดินเพื่อลงไปช่วยลูกแมว เนื่องจากถึงแม้ระหว่างราวจับกับพื้นทางเดินริมแม่น้ำจะมีช่องว่างระหว่างเสาต้นเล็กๆ แต่ระยะแค่นั้นผมคงยื่นแขนลงไปไม่ถึงอยู่ดีเพราะติดไหล่ วิธีเดียวที่จะช่วยลูกแมวได้โดยไม่ต้องโดดลงน้ำคือปีนไปยึดราวจากด้านนอกแล้วก้มคว้าเจ้าตัวเล็กขึ้นมา

"ลงไปช่วยลูกแมวตัวนั้นไง ถ้าปล่อยไว้มันอาจจะจมน้ำตายก็ได้นะเป้"

ดูเหมือนเจ้าแมวน้อยจะรับรู้ว่ามีคนได้ยินเสียงจึงยิ่งร้องขอความช่วยเหลือมากขึ้น ผมเองต่อให้ไม่ใช่คนที่รักสัตว์มากมายนักเพราะที่บ้านไม่ได้เลี้ยงอะไร แต่จะให้ทำใจแข็งแล้วทิ้งมันไว้อย่างนั้นก็ทำไม่ลง

"ไม่เอา แขนวิวยังช้ำอยู่เลย เป้ลงไปเอง"

เป้ยังพูดไม่ทันจบก็ปล่อยกระเป๋าสะพายลงกับพื้นแล้วเหวี่ยงตัวข้ามราวไป ผมใจหายวูบเมื่อเห็นเท้าอีกฝ่ายวางบนช่องระหว่างเสาที่เชื่อมราวจับกับพื้นทางเดินอย่างหมิ่นเหม่ เป้หันมาสบตาผมแล้วก็ยิ้มก่อนจะค่อยย่อตัวลงโดยใช้มือข้างหนึ่งจับราวไว้เพื่อจะได้ยืดแขนอีกข้างลงไปให้ถึงเจ้าตัวน้อยได้ ผมชะโงกตัวข้ามราวไปดูเมื่อได้ยินเป้สบถเบาๆ ก่อนจะใช้มือเดียวคว้าลูกแมวตัวเล็กจ้อยขึ้นมาได้ในที่สุด

"ดิ้นชะมัด อยู่เฉยๆ สิไอ้ตัวเล็ก"

"สงสัยมันจะหนาวนะเป้ ไม่รู้แช่น้ำมานานแค่ไหนแล้ว"

ผมมองเจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะเริ่มสงบลงบ้างหลังรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในน้ำอีกต่อไป แต่พอยกมือขึ้นลูบหัวของมันที่กำลังสั่นเทา ผมก็เห็นว่าบนมือใหญ่ข้างหนึ่งมีรอยขีดสีแดงเป็นเส้นเล็กๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป้คงได้รอยนี้มาตอนกำลังพยายามจะช่วยเจ้าหนูนี่ขึ้นจากน้ำนี่เอง

"เอ๊ะ โดนข่วนนี่เป้ เจ็บรึเปล่า?"

คราวนี้เป็นผมที่หน้าเสียบ้างเมื่อเห็นว่าเป้เลือดออก เป้มองรอยบนมือข้างนั้นก่อนจะยักไหล่ จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้มืออีกข้างจับลูกแมวแทนแล้วทำท่าจะยกมือข้างที่โดนข่วนขึ้นเลียแผล

"นี่! หยุดเลยนะ! ขืนเลียแล้วเชื้อโรคเข้าแผลจะทำไง รีบไปหาที่ล้างมือเดี๋ยวนี้เลย!"

ผมเผลอตีมือเป้ไปก่อนเจ้าตัวจะทันยื่นลิ้นออกมาโดนแผล รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดุหว้าอยู่ก็ไม่ปาน ผมก้มลงหยิบกระเป๋าบนพื้นแล้วจูงมือข้างที่มีรอยข่วนของเจ้าเด็กโข่งออกเดินเพื่อกันไม่ให้เป้ได้เลียแผลอีก โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคนที่เดินตามหลังเหลือบตาลงมองมือของผมที่กุมมือตัวเองไว้ ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองแผ่นหลังของผมแล้วก็ยิ้มชอบใจตลอดทาง

พวกเราแวะมาหยุดที่ร้านอาหารซึ่งตั้งใจจะมาทานข้าวเย็นกันตั้งแต่แรก หลังจากเป้ผละไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือแล้วผมก็ขอผ้าเก่าแต่สะอาดจากพนักงานเพื่อเอามาห่อเจ้าตัวน้อยที่ยังสั่นเพราะความหนาว ขณะมองตากลมโตสีฟ้าของลูกแมวในมือพลางตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมันดี เด็กหญิงอายุราวๆ หกเจ็ดขวบถักผมเปียคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาผม

"อ๊า ไวท์ช็อก ไวท์ช็อกจริงๆ ด้วย"

"อื๋อ?"

ผมเหลือบมองลูกแมวสีขาวปลอดในอุ้งมือที่มีผ้าขนหนูเก่าห่อตัวแล้วมองกลับไปที่แม่หนูน้อยคนนั้น เด็กหญิงยื่นแขนขึ้นมายื้อมือผมแล้วก็ทำตาแดง

"ไวท์ช็อกค่ะ เมื่อกี้ไวท์ช็อกหายไป แม่มันร้องหาใหญ่เลย หนูนึกว่ามีใครขโมยมันไปแล้วซะอีก"

 พอเป้เดินออกมาจากห้องน้ำก็ทำหน้าแปลกใจที่เห็นเด็กหญิงกำลังพยายามยื้อลูกแมวออกจากมือผม ขณะที่พวกเรายังงงๆ กันอยู่ เจ้าของร้านอาหารก็เดินออกมาจากห้องด้านในแล้วช่วยอธิบายว่าลูกเหมียวในมือผมเป็นลูกของแมวที่ทางร้านเลี้ยงไว้ พอดีเมื่อตอนเย็นนั้นแม่หนูน้อยอุ้มเจ้าไวท์ช็อกออกไปเดินเล่นตรงริมน้ำ แต่แล้วก็ปวดฉี่เลยวิ่งกลับมาเข้าห้องน้ำโดยลืมเอาลูกแมวกลับมาด้วย พอออกไปอีกครั้งก็ไม่เจอเจ้าไวท์ช็อกแล้ว สงสัยว่าระหว่างที่ไม่มีใครเห็น เจ้าตัวเล็กคงจะซุกซนจนพลัดตกน้ำ แล้วก็ลอยไปจนติดกอผักตบชวาตรงที่ผมกับเป้ช่วยขึ้นมานั่นเอง

"ขอโทษด้วยนะคะ ลูกพี่ก็ไม่ไหวเลย ดูแลแมวไม่ดีจนปล่อยให้ตกน้ำได้"

หลังรู้ว่าผมกับเป้ช่วยลูกแมวตัวโปรดของลูกสาวไว้ คุณพี่เจ้าของร้านก็หันมาเอ่ยขอบคุณอย่างเกรงใจที่ทำให้พวกเราต้องลำบาก แต่ผมกลับส่ายหน้าแล้วยิ้มให้อย่างโล่งอก

"ไม่หรอกครับ มันปลอดภัยก็ดีแล้ว นี่ถ้าไม่เจอเจ้าของผมก็คงหนักใจเหมือนกันว่าจะเอาไปฝากใครเลี้ยงดี เพราะที่หอก็ห้ามเลี้ยงสัตว์ซะด้วย"

"ถ้างั้นเพื่อเป็นการขอบคุณ มื้อนี้พี่ลดค่าข้าวให้พวกคุณ 50% ก็แล้วกันนะคะ ตามสบายเลยค่ะ"

ตลอดมื้อนั้น แม่หนูลูกสาวเจ้าของร้านมานั่งคุยกับพวกเราที่โต๊ะพร้อมกับอุ้มเจ้าไวท์ช็อกมาป้อนนมไปด้วย ดูท่าทางเธอคงจะชอบเจ้าลูกแมวน้อยเอามากๆ ดูเหมือนแม่หนูจะคุ้นหน้าพวกเราสองคนเพราะเคยเห็นมาทานข้าวที่ร้านบ่อยๆ เพียงแต่ไม่เคยได้เข้ามาคุยด้วยเพราะปกติจะอยู่ชั้นบนของร้านมากกว่า

หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกเราก็ออกจากร้านมาโดยให้สัญญากับแม่หนูน้อยว่าถ้าว่างจะมาดูเจ้าไวท์ช็อกอีก ระหว่างทางกลับครั้งนี้พวกเราเรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่หอ พอถึงแล้วและต่างคนต่างอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ผมก็หยิบยาเบตาดีนออกจากกล่องใส่ยาแล้วเอามาหยดใส่แผลให้เป้อีกทีเพื่อความมั่นใจ

"ไม่เจ็บแล้วใช่มั้ยเป้?"

ผมเผลอตัวเป่าแผลให้เป้เหมือนกำลังทำแผลให้เด็กตัวเล็กๆ เจ้าเด็กโข่งที่กำลังนั่งยิ้มแป้นเลยส่ายหน้า "ไม่เจ็บหรอก เล็บลูกแมวมันเล็กนิดเดียวเอง แขนวิวต่างหากเป็นไงบ้าง"

เป้ถามพลางดึงแขนผมข้างที่โดนบอลกระแทกเมื่อตอนเย็นขึ้นมาดู และคราวนี้ใบหน้าที่เมื่อครู่ยังระบายด้วยรอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

"เริ่มเขียวแล้วนี่นา เรามียาหม่องอยู่ใช่มั้ย เดี๋ยวเป้นวดให้"

เป้พูดแล้วก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม หันไปคุ้ยหายาหม่องในกล่องยาแล้วเอาขึ้นมาปาดบนรอยช้ำเขียวบนแขนผมแล้วนวดให้อย่างเบามือ

"ขอโทษทีนะ ตอนนั้นเป้มัวแต่แย่งบอลกับไอ้พวกนั้นจนลืมว่าเตะบอลไปทางที่วิวนั่งอยู่เฉยเลย"

"ไม่เป็นไรหรอกน่า เวลาเล่นกันมันก็ติดพันแบบนั้นแหละ เป้ไม่ได้ตั้งใจนี่นา"

ผมเอ่ยพลางยิ้มให้คนที่กำลังทำหน้ามุ่ย ความอุ่นจากขี้ผึ้งที่ถูกนวดลงบนผิวค่อยๆ ระเหยออกไปและทิ้งสัมผัสเย็นซ่านอ่อนๆ เอาไว้แทน หลังนวดจนยาหม่องซึมเข้าผิวหมดแล้ว เป้ก็ปิดฝากระปุกยาหม่องแล้วถามขึ้นมา

"แล้วตกลงเมื่อเย็นวิวงอนเป้เรื่องอะไร?"

พอโดนถามผมเลยได้แต่ก้มหน้าอมยิ้ม ให้ตายสิ นี่ผมลืมเรื่องนี้ไปสนิทตั้งแต่ตอนได้ยินเสียงลูกแมวตกน้ำ แต่หมอนี่กลับยังจำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้อีกเหรอเนี่ย

"ไม่ได้งอน"

"งอนสิ ก็เอาแต่เดินนำหน้าลิ่วๆ แล้วไม่ยอมหันมามองเวลาคุยกัน จะไม่งอนได้ยังไง"

"งั้นตอนนี้หายงอนแล้ว เลยลืมแล้วว่างอนเรื่องอะไร พอใจหรือยัง?"

ผมถามพลางหยิบกล่องยาไปวางบนชั้นเพื่อจะได้นอนอ่านหนังสือบนเตียงได้ แต่พอหันกลับมาเห็นเป้ทำปากยื่นเพราะยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ผมเลยแกล้งเอามือบีบจมูกโด่งๆ นั่นด้วยความมันเขี้ยวไปทีหนึ่ง

"ไหนบอกจะรีบกลับมาทำการบ้านไง ทำไมไม่เอาออกมาทำล่ะ ไม่เสร็จห้ามมานอนนะบอกก่อน"

"โห....ใจร้าย เป้กะให้วิวช่วยสอนให้นะ"

ผมฟังแล้วได้แต่ย่นจมูกใส่คนโอดครวญ เพราะฟังก็รู้ว่ากำลังพยายามอ้อน "จะสอนได้ไง เทอมนี้ไม่ได้เรียนด้วยกันสักตัว ไปทำการบ้านที่โต๊ะโน่น วิวจะนอนแล้ว"

เป้เดาะลิ้นเมื่อเห็นผมเอนหลังบนเตียงพลางหยิบหนังสือมาเปิดอ่าน แต่ก็ยอมลุกไปนั่งบนเก้าอี้แล้วหยิบการบ้านออกมาทำแต่โดยดี ดูจากท่าทางเมื่อครู่แล้ว อดจะชวนให้สงสัยไม่ได้ว่าเวลาอยู่ที่บ้านนี่พ่อเจ้าประคุณต้องให้คนอื่นมาเคี่ยวเข็ญให้ทำการบ้านเหมือนเวลาอยู่กับผมหรือเปล่า

แต่เมื่อนึกถึงวีรกรรมช่วยลูกแมวเมื่อตอนเย็นแล้วก็ เอาเถอะ...วันนี้ถือว่าพ่อคุณชายเขาเป็นฮีโร่ล่ะนะ...

"เอ้า"

"...หือ?"

เป้เงยหน้ามามองเมื่อเห็นผมวางถ้วยโอวัลตินที่เพิ่งชงให้บนโต๊ะ จากนั้นก็เอามือเกาท้ายทอยให้เบาๆ

"รางวัลที่ช่วยเจ้าไวท์ช็อกเมื่อเย็นนี้ แต่ถ้าอยากได้มากกว่านี้ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อน"

เป้เหลือบลงมองชีทการบ้านตรงหน้าสลับกับถ้วยโอวัลตินที่มีควันลอยกรุ่น จากนั้นก็เงยหน้ามองผมแล้วฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์จนน่าทุบ "พวกนี้น่ะเป้ทำพรุ่งนี้เช้าก่อนเข้าห้องก็ยังทันนะ"

"ไม่ต้องมาขี้โกงเลย ทำให้เสร็จแล้วเอามาให้ดูก่อนด้วย"

ผมเอ่ยสำทับทิ้งท้ายพลางเดินกลับมาที่เตียง เป้เลยเท้าแขนข้างหนึ่งบนพนักแล้วเอี้ยวตัวมาเบ้ปาก "แล้วถ้าวิวเกิดหลับไปก่อนจะให้รางวัลจะทำไงล่ะ การบ้านเป้มีตั้งหลายแผ่น"

"ให้เวลาครึ่งชั่วโมง ถ้ายังทำไม่เสร็จก็คุยกันอีกทีพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน"

ผมตอบโดยไม่หันหน้าไปหา แต่ก็เห็นได้จากหางตาแว้บๆ ว่าเป้เลิกคิ้วแล้วรีบหันกลับไปจัดการการบ้านบนโต๊ะทันที ทำเอาต้องพยายามกลั้นหัวเราะแทบตาย เพราะตาฮีโร่คนนี้บทจะโดนหลอกล่อด้วยของรางวัลก็ว่าง่ายเสียเหลือเกิน

เสียงปากกาขีดเขียนบนกระดาษผสานไปกับเสียงจากเข็มนาฬิกาที่กำลังเดิน เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งผมก็ลดหนังสือในมือลงแล้วนอนตะแคงชันศอกมองคนที่กำลังตั้งใจทำการบ้าน บางครั้งที่ดูเหมือนเป้ติดขัดตรงไหนก็จะหยิบหนังสือข้างตัวมาเปิดหาคำตอบ แผ่นหลังหนาใต้เสื้อยืดสำหรับใส่นอนอวดเส้นสายของกล้ามเนื้อแข็งแรงให้เห็นลางๆ ยามเจ้าตัวขยับร่างกาย แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเจ้าของแผ่นหลังนี้ทำอะไรได้อีกบ้างนอกจากอ้อนแฟนและช่วยลูกแมวที่กำลังตกน้ำ แต่เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นความลับของผมคนเดียวก็พอแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ผมงอนเป้เมื่อตอนเย็นนั้นมาจากอะไร....อย่าบอกให้เจ้าตัวรู้แล้วได้ใจเลยคงจะดีกว่า...



++---End---++



A/N: ตอนนี้มีแรงบันดาลใจมาจากแมว ใช่ค่ะ แมวเรียกเหมียวๆ เดี๋ยวก็มา (มั่ง ไม่มามั่ง) นี่แหละ คือช่วงไม่นานมานี้มีโอกาสแวะเวียนไปเที่ยวคาเฟ่แมวมาหลายครั้ง แล้วก็มีโอกาสเม้าท์กับเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งตั้งคำถามว่าถ้าหากเป้ วิว อ๊อฟ นะ มาเที่ยวคาเฟ่แมวด้วยกันแล้วจะเป็นยังไง ซึ่งเราก็ขอให้พี่เขาเขียนให้อ่านนี่แหละเนื่องจากตัวเองนึกภาพไม่ออก (ฮา) แต่พอคุยกันไปหลายครั้งหลายหนเข้า มันก็นึกอยากเขียนตอนพิเศษให้เป้กับวิวที่มีสัตว์ตัวน้อยๆ มาเอี่ยวเหมือนกัน เลยได้เป็นเนื้อหาชีวิตประจำวันที่ย้อนกลับไปสมัยเรียนอีกแล้ว เขียนตอนนี้ไปก็นึกขำภาพตอนเป้โดนแมวข่วนไป ก็น่าจะเป็นตอนสั้นๆ ที่ถูกใจแฟนๆ คู่นี้นะ แล้วพบกันใหม่เมื่อมีตอนใหม่มาให้อ่านค่า

แถมภาพประกอบ: เหมียวๆ กำลังนัวเนียกันที่คาเฟ่แมวซึ่งหลายคนบอกว่าเหมือนเวลาเป้ชอบไปกระแซะวิวค่ะ หุหุหุ

(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/735170_316303828490666_103061937_n.jpg)
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarrock ที่ 28-01-2013 02:30:57
อ๊ายยยย  :-[
เข้ามาเจอ นู๋วิว นู๋เป้ พอดีเลย

ขอบคุณมากคะ  :man1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 28-01-2013 12:49:35
ของรางวัลล่อใจขนาดนี้
เป้ทำการบ้านบนโต๊ะแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 28-01-2013 13:49:36
ภาพน่ารัก เห็นแล้วจิ้นตามเลย ฮ่าๆ
ตอนพิเศษก็น่ารัก หวานละมุนเชียว
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 28-01-2013 16:30:27
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คิดถึงหลานคู่นี้จังเลย
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 28-01-2013 17:49:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 30-01-2013 00:58:17
หวานซะ - -  มาต่อตอนพิเศษนี้ให้จบๆๆแบบแซบๆ ด้วยจะดีมากกกเลยครับ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 31-01-2013 23:24:03
น่ารักเหมือนเดิม
ขอบคุณนะครับที่พาทั้งสองคนกลับมาเยี่ยมคนอ่าน
+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: ppmayuree ที่ 06-02-2013 17:55:50
คิดถึงวิว กับ เป้ มาก ๆๆๆ แวะเข้ามา ไม่นึกว่าจะเจอ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 05-05-2013 00:38:26
 o13 ขอบคุณนะคับ :bye2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ความลับที่ไม่บอกใคร p.46 (28/01/56)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-07-2013 20:27:18
ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: อีกวันของกันและกัน


“ฮัดชิ่ว!”

เสียงจามของคนที่กำลังนอนดูทีวีอยู่บนเตียงดึงความสนใจผมให้ยื่นหน้าเข้าไปมองแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ตรงระเบียงให้เสร็จเพราะสัมผัสได้ถึงเค้าลางของพายุฝนที่กำลังจะมา

“เป็นหวัดเหรอเป้?”

ผมถามขณะวางตะกร้าผ้าซึ่งซักสะอาดแล้วแต่ยังไม่แห้งดีลงบนพื้นห้อง จากนั้นก็หยิบผ้าที่ยังชื้นเหล่านั้นมาผึ่งกับราวในห้องและตามเก้าอี้เพื่อไล่ความชื้นออกไป ถึงแม้วิธีนี้จะไม่ช่วยให้เสื้อผ้าแห้งสนิท แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เหม็นอับเพราะความชื้นอยู่ในตะกร้า

“ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเพราะฝนจะตกเป้ก็เลยคันจมูก”

พ่อคุณชายตอบพลางใช้หลังมือขยี้ปลายจมูก ผมหันไปมองคนที่ใส่เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงบอลขาสั้นบนเตียงแล้วก็สังเกตได้ว่าเป้หน้าแดงกว่าปกติ เลยละมือที่กำลังผึ่งเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าไปเอามือทาบบนหน้าผาก อุณหภูมิที่สัมผัสได้ทำให้ผมมุ่นคิ้วเข้าหากัน

“ตัวอุ่นๆ เหมือนกันนะ สงสัยจะไม่สบายแล้วล่ะ เดี๋ยววิวเอายามาให้ดีกว่า ”

“ไม่ต้องกินยาหรอก นิดหน่อยแค่นี้นอนหนุนตักวิวสักตื่นก็หายแล้ว”

ผมยังไม่ทันได้ลุกก็โดนรั้งเอวให้กลับไปนั่งท่าเดิม แต่คราวนี้คนพูดไถลตัวลงไปนอนเหยียดยาวบนเตียงโดยวางศีรษะพาดมาบนตัก ผมเลยได้แต่ทักท้วง

“ยังเอาเสื้อผ้าออกมาผึ่งไม่หมดเลยเป้ รออีกแป๊บนึงไม่ได้หรือไง?”

“ไม่เอา อีกอย่างถึงวิวผึ่งตอนนี้มันก็ไม่แห้งหรอก เดี๋ยวเป้ตื่นแล้วค่อยเอาไปอบที่ร้านซักรีดหน้าปากซอยก็ได้”

เป้ย่นจมูกแล้วก็พูดอย่างเอาแต่ใจ ทำเอาผมร่ำๆ อยากจะหยิกคนพูดขึ้นมา แต่ดูแล้วท่าทางเจ้าหมอนี่จะไข้ขึ้นจริงๆ เลยได้แต่ต้องพยายามขยับหาท่านั่งที่เมื่อยน้อยที่สุดด้วยการเอาหมอนมาตั้งพิงไว้ด้านหลัง

“ยกหัวก่อนเป้ หนุนหมอนดีกว่าจะได้ไม่เมื่อยคอ”

ผมเอ่ยพลางหยิบหมอนขึ้นมาวางบนตัก ซึ่งคราวนี้พ่อคุณชายให้ความร่วมมือแต่โดยดี หลังจากหามุมที่นอนได้สบายตัวแล้วก็หลับตาลง ผมจึงลูบผมเป้เบาๆ แล้วถามอย่างเป็นกังวล

“แบบนี้ตอนเย็นจะขับรถไปส่งที่หมอชิตไหวเหรอเป้? เดี๋ยววิวนั่งแท็กซี่ไปเองดีกว่า ส่วนพรุ่งนี้ถ้ายังมีไข้ก็โทรไปบอกอาจารย์ว่าของดไปช่วยสอนยูโดสักวันก็ได้”

เนื่องจากวันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดของหว้า และวันจันทร์ผมก็ไม่มีเรียน เลยสัญญากับแม่ไว้ว่าจะกลับบ้านที่สกลนครไปร่วมฉลองวันเกิดครบสิบห้าปีให้น้องชายพร้อมหน้าทั้งครอบครัว แต่เป้ไปด้วยไม่ได้เนื่องจากติดสอนยูโดให้รุ่นน้องวันเสาร์ แถมวันจันทร์ก็ยังมีเรียนตอนเช้าอีก พ่อคุณชายเลยบอกว่าจะไปส่งผมที่สถานีขนส่งเนื่องจากผมซื้อตั๋วไว้แล้ว แต่ในเมื่อเจ้าตัวดูเหมือนจะไม่สบาย ผมก็เลยคิดว่าควรให้นอนพักเฉยๆ จะดีกว่า

“แค่นี้นอนตื่นเดียวก็หาย เดี๋ยวตอนเย็นเราแวะเอาผ้าเปียกไปส่งร้านซักรีด แล้วเป้ก็ไปส่งวิวที่หมอชิตแล้วค่อยกลับบ้าน ไม่มีปัญหาหรอก”

เป้พูดพลางพลิกตัวนอนคว่ำแล้วกอดเอวผมไว้ ผมเลยคร้านจะตักเตือนเมื่อเห็นความดื้อแพ่งแถมยังเล่นวางเส้นทางไว้ให้หมดแล้วอีก ได้แต่คิดในใจว่าขอให้หมอนี่ไม่ได้เป็นไข้หนักหนาจริงๆ อย่างที่ปากเก่งก็แล้วกัน

“อืม...”

“อะไรเป้? คันจมูกอีกแล้วรึไง?”

ผมถามเมื่อเป้ไม่ยอมหลับแต่ดันผงกหัวขึ้นแล้วเอาจมูกมาดุนๆ ตรงหน้าท้อง เจ้าคนที่กำลังอาศัยตักผมต่างหมอนเลยเงยหน้าขึ้นมายิ้มเจ้าเล่ห์

“ในนี้มีลูกเป้อยู่กี่คนแล้วเนี่ย? ทำไมมันไม่ป่องขึ้นมามั่งเลยล่ะ?”

“ไอ้ทะลึ่ง! ตกลงจะนอนมั้ย!? ถ้าไม่นอนจะได้ลุกไปตากผ้า!”

ผมรู้สึกว่าเลือดฉีดขึ้นหน้าด้วยความเขินจนตีไหล่เป้ไปทีนึง พ่อคุณชายเลยหัวเราะเสียงดังก่อนจะก้มมาจูบท้องผมแล้วก็เอนหน้าลงหนุนหมอน มือใหญ่สองข้างที่โอบอยู่รอบเอวลูบหลังผมขึ้นลงช้าๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะกะจะอ้อนหรือจะง้อกันแน่ เมื่อคืนนี้ผมก็ไม่น่ายอมให้หมอนี่มัดจำส่วนของสามวันที่จะไม่ได้เจอกันเลย เลยโดนเอาเรื่องนี้มาแซวไปซะฉิบ

“ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง แต่ถ้าเรามีลูกด้วยกันแล้วออกมาหน้าเหมือนวิวนะ ลูกเราต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย โอ๊ยๆๆ”

“นอน! เดี๋ยวนี้เลย!”

คราวนี้ผมหนีบหูเป้แบบไม่เบามือขณะทำเสียงดุใส่ เป้เหลือบตาขึ้นมองผมนิดนึงก่อนจะหัวเราะเบาๆ และคราวนี้ยอมปิดปากแต่โดยดี ไม่นานก็ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอที่บอกให้รู้ว่าเจ้าเด็กโข่งหลับไปแล้ว ผมจึงค่อยดึงผ้าห่มที่โดนเจ้าตัวเตะไปข้างๆ ขึ้นมาคลุมให้จนถึงไหล่ เพราะอากาศทั้งเย็นทั้งชื้นแบบนี้ ถึงยังไงการรักษาร่างกายให้อบอุ่นไว้ก่อนก็ดีที่สุด

ผมลูบหน้าตัวเองด้วยหวังว่าอาการเห่อร้อนเพราะโดนแซวจะหายไป แล้วก็อดจะเหลือบตามองเจ้าคนที่นอนหนุนตักด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ บางทีหมอนี่ก็ช่างพูดเรื่องไร้สาระได้เป็นคุ้งแควจริงๆ แถมยังขยันหามุกใหม่ๆ มาแหย่ผมตลอดซะด้วยสิ พอได้ฟังอะไรเหนือความคาดหมายก็เลยรับมือไม่ถูกทุกที

แต่เดี๋ยวจะไม่ได้เจอกันสามวัน...ก็คงจะเหงาหูนิดๆ เหมือนกันล่ะนะ

พอคิดเรื่องนี้แล้วผมก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะเจ้าเด็กโข่งนี่นอกจากจะชอบแหย่แล้วยังขี้อ้อนอย่างร้ายกาจด้วย  ไม่อย่างนั้นแค่ไข้ขึ้น ‘นิดหน่อย’ อย่างที่ว่าจริงจะมาขอรุ่มร่ามกับตักผมหรือ แต่ผมก็ผิดเองที่พอโดนอ้อนทีไรก็ไม่ค่อยบ่ายเบี่ยงจริงจัง เป้เลยได้ใจที่จะหาเศษหาเลยกับผมทุกที ดังนั้นอยู่ห่างกันบ้างให้ตานี่หาคนอ้อนไม่ได้ก็สมควรแล้ว

ผมยกมุมปากขึ้นเมื่อเห็นเป้ละเมอยกนิ้วขึ้นถูจมูก เลยหันไปกดรีโมทปิดพัดลมเพื่อไม่ให้คนที่กำลังมีไข้หนาวยิ่งไปกว่านี้ เวลาปกติเป้อาจจะแข็งแรง แต่พอไม่สบายทีก็ชอบเป็นหนักแล้วไม่ประมาณตัวเอง เลยตกเป็นภาระของผมที่ต้องคอยช่วยดูแลอยู่เรื่อย แต่อย่างน้อยการได้รับความไว้วางใจเช่นนี้ก็เป็นแรงขับชั้นดีให้ผมเต็มใจทำ

เสียงหยาดฝนที่ตกกระทบหน้าต่างดังถี่ขึ้นเป็นระยะจนกระทั่งกลายเป็นเสียงซ่า ทัศนียภาพนอกกระจกหน้าต่างถูกพายุฝนบดบังจนพร่าเลือน ผมนั่งมองกระถางต้นไม้ด้านนอกที่กำลังรับน้ำฝนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยืดตัวไปหยิบหนังสืออ่านเล่นมาจากหัวเตียงโดยระวังไม่ขยับตัวให้กระเทือนคนที่กำลังหลับ เพราะดูแล้วผมคงต้องทนเมื่อยขาให้เจ้าเด็กโข่งตัวโตยืมตักหนุนนอนไปอีกพักใหญ่ๆ

วันนี้...ก็ยังคงเป็นอีกวันอันสงบสุขที่ผมพอใจกับการมีเป้อยู่ข้างๆ เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา...

 

++---END---++



A/N: ไม่ได้เขียนตอนใหม่ให้เรื่องนี้มานานมากกกกก เพราะว่ากำลังหัวหมุนกับการเตรียมรวมเล่มให้ "แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก" (ตอนนี้ใกล้ปิดจองแล้ว ใครสนใจคลิกดูบนแถบโฆษณาด้านบนของบอร์ดได้เลยค่ะ หรือคลิกลิ้งค์นี้ก็ได้ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38001.0) สำหรับเนื้อหาในตอนนี้ก็จะไม่ค่อยมีอะไรค่ะ เหมือนเขียนสนองนี้ดตัวเอง + ตั้งใจให้เป็นของขวัญพี่สาวที่บ่นคิดถึงเป้กับวิว เลยหาเหตุมายำจนได้ตอนสั้นๆ นี้ออกมาจนได้ และก็เช่นเคย เขียนคู่นี้ทีไรคนเขียนอยากเข้าไปนัวเนียวิวแทนตาเป้ซะเองทุกที หวังว่าจะเป็นของขวัญให้ทุกคนที่คิดถึงเป้กับวิวในบรรยากาศฝนพรำๆ ได้บ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 09-07-2013 21:25:44
แอบเข้ามาดู ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยี่ยม
หวานเช่นเคย ขอบคุณนะคุณริน
+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 09-07-2013 22:55:24
หลังจากที่สะกดจิตตัวเองในเฟส ในที่สุดก็มีตอนพิเศษมา ขอบคุณค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 16-07-2013 09:36:10
 :mew1: :mew1: :mew1: คิดถึงเป้กับวิวมากอ่า อ่านตอนพิเศษเสร็จต้องกลับไปอ่านใหม่ซะแล้ว  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 24-07-2013 06:13:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 27-07-2013 09:23:18
 :L1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 30-07-2013 23:51:53
 :-[ :-[ :3123:


คิดถึง เป้กับวิว เลยเวาะมาเยี่ยม
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: lew_valen_tom ที่ 01-08-2013 01:39:22
เป้ทะลึ่งอ่ะ... :o8:

แต่คนอ่านก็ชอบ ฮิ้วววววว :impress2:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 03-08-2013 17:54:39
เป้ทะลึ่งอ่ะ... :o8:

แต่คนอ่านก็ชอบ ฮิ้วววววว :impress2:

ไม่ทะลึ่งไม่ใช่เป้ค่ะ ฮิ้ววววว  :laugh: 
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 23-10-2013 17:57:38
เรื่องของเป้วิว อ๊อฟนะ สนุกมาก ๆ เลยค่ะ
ใช้เวลาอ่านร่วม 2 อาทิตย์
วันนี้อ่านจบแล้ววว

ขอบคุณมากนะคะ~^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ อีกวันของกันและกัน p.47 (09/07/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-11-2013 22:09:29
อื้มมมมมม หวานกันทุกวัน อิอิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-12-2013 23:19:57
ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ - ของขวัญวันปีใหม่


"ได้ๆ เอาเป็นว่าหยุดยาวคราวหน้าพี่จะกลับบ้านนะ โดนัทคริสปี้ครีม? โอเค ไว้จะกลับแล้วจะซื้อไปฝากก็แล้วกัน"

ผมวางสายก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ หลังโดนเจ้าน้องชายโทรมาตัดพ้อที่ไม่กลับบ้านช่วงปีใหม่ แต่เพราะว่าผมทำงานธนาคารซึ่งได้หยุดเพียงไม่กี่วัน ก็เลยคิดว่าจะเก็บวันลาไว้กลับช่วงสงกรานต์ทีเดียวดีกว่า

หลังวางสายแล้วผมก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อแต่งตัวออกไปข้างนอก อากาศในกรุงเทพฯ ปลายปีนี้ค่อนข้างหนาวกว่าปีก่อนๆ ก็เลยต้องเลือกใส่เสื้อผ้าเนื้อหนากว่าปกติ หลังหยิบผ้าพันคอไหมพรมที่เป้ซื้อให้จากถนนคนเดินที่เชียงใหม่เมื่อปีก่อนขึ้นมาคล้องคอ ผมก็หยิบของจำเป็นใส่กระเป๋าสะพายแบบพาดบ่าแล้วเดินออกจากห้อง

ปีนี้ก็เป็นปีใหม่ครั้งที่สามแล้วสิที่เราจะได้ฉลองด้วยกัน...

ผมยิ้มบางๆ ขณะเดินไปที่ริมถนนเพื่อเรียกแท็กซี่ หลังจากได้ขึ้นรถแล้วก็มองไปยังแสงอาทิตย์อันริบหรี่ริมขอบฟ้าสีเทาครึ้ม การจราจรในวันสุดท้ายของปีไม่โล่งนักแต่ก็ไม่ถึงกับแย่ หลังมาถึงที่หมายแล้วผมก็จ่ายเงินให้คนขับแท็กซี่ก่อนจะเดินเข้าไปในห้าง

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะที่ผมกำลังจะหยิบมาโทรออกพอดี พอเห็นชื่อคนที่โทรมาก็เลยรีบกดรับสาย

"ไงเป้ อยู่ไหนแล้ว?"

"ยังกินมื้อเย็นกันอยู่เลย วิวออกจากห้องรึยัง?"

"นั่งแท็กซี่ออกมาได้พักใหญ่แล้ว เพิ่งจะถึงเลยเนี่ย"

"อ้าว! งั้นเดี๋ยวเป้รีบออกไปหาดีกว่า วิวรอก่อนนะ"

ผมฟังเสียงคนคุยกันรอบๆ ตัวเป้ที่ดังแทรกมาในสายแล้วก็หัวเราะ "ไม่ต้องรีบหรอกเป้ ไว้กินข้าวกับที่บ้านเสร็จค่อยออกมาก็ได้ เดี๋ยววิวเดินเล่นรอไปเรื่อยๆ ไม่เป็นไรหรอก"

เนื่องจากปีนี้ครอบครัวของเป้ต้องไปกินเลี้ยงรวมญาติกันที่บ้านคุณปู่ พวกเราสองคนก็เลยนัดเจอกันที่ห้างตอนกลางคืนเพื่อจะได้นับถอยหลังวันสิ้นปีด้วยกัน ตอนแรกเป้ก็ชวนผมให้ไปกินข้าวกับที่บ้านด้วย แต่พอได้ยินว่างานนี้จะเป็นการรวมญาติครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ผมก็เลยขอตัวไม่ไปร่วมดีกว่า

เมื่อนัดแนะกันเสร็จแล้วผมก็เดินไปยังแผนกขายหนังสือ จากนั้นก็เลือกดูหนังสือแนะนำบนชั้นวางไปเรื่อย กระทั่งผ่านไปราวชั่วโมงกว่าก็เริ่มอยากหาที่นั่งพัก เลยเดินไปหาร้านกาแฟระหว่างรอให้เป้มาถึง

ผมสั่งชาเขียวปั่นเพราะไม่อยากดื่มกาแฟตอนค่ำ หลังหาเก้าอี้ว่างได้แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือมากดส่งข้อความบอกเป้ว่านั่งอยู่ที่ไหน ระหว่างรอก็หยิบนิตยสารมาอ่านฆ่าเวลา ภายในร้านมีคนเดินเข้าออกขวักไขว่ไม่หยุด ซึ่งผมเดาว่าคงล้วนแต่มาหาที่นั่งรอก่อนจะถึงเที่ยงคืนเหมือนกัน

หลังอ่านนิตยสารไปได้ราวครึ่งเล่ม ผมก็เหลือบตามองจอมือถือว่ามีข้อความใหม่จากเป้บ้างหรือเปล่า พอไม่เห็นฝ่ายนั้นพิมพ์อะไรมาเลยทั้งที่ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเพราะชักเบื่อการนั่งรอเฉยๆ

"เป้ ออกมาหรือยัง?"

"อ๋อ มาถึงแล้วก็จอดรถได้สักพักแล้วล่ะ ตอนนี้อยู่ข้างหน้าตรงที่มีคนมาถ่ายรูปไฟคริสต์มาสกันเยอะๆ วิวลงมาได้เลย"

ผมได้ยินแบบนั้นก็เลยหยิบแก้วชาเขียวที่กินหมดแล้วไปทิ้งถังขยะ จากนั้นก็เดินลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง ด้านหน้าห้างมีลานเบียร์ซึ่งแต่ละซุ้มก็ล้วนมีนักร้องมาเล่นคอนเสิร์ตกันเสียงดังกระหึ่ม ผมเดินเลาะบริเวณทางเดินไปยังส่วนที่ประดับตกแต่งด้วยไฟหลากสีและตุ๊กตาสำหรับถ่ายรูป แต่เนื่องจากมีคนมาเดินถ่ายรูปตรงนี้กันเยอะมาก ผมซึ่งมองไม่เห็นว่าเป้อยู่ไหนก็เลยโทรหาอีกครั้ง

"เป้ นี่อยู่ข้างล่างแล้วนะ เป้อยู่ไหนน่ะ?"

"อ๋อ วิวเดินมาตรงข้างๆ ต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ได้เลย เป้อยู่แถวๆ นั้นแหละ"

"เดี๋ยวนะ"

ผมไม่ได้กดวางสายและเดินไปยังต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ที่เป้บอก แต่เดินวนรอบๆ แล้วก็ไม่เห็นร่างสูงที่คุ้นตาเลยกรอกเสียงถาม

"ไม่เห็นเลยเป้ อยู่ตรงไหนของต้นคริสต์มาสน่ะ?"

"พอดีคนเบียดถ่ายรูปกันเยอะก็เลยเดินหลบออกมาน่ะ วิวเห็นเพนกวินตัวสีน้ำเงินใส่หมวกสีขาวมั้ย? เดินมาตรงข้างหลังเพนกวินตัวนั้นก็แล้วกันนะ"

ผมฟังแล้วก็มองหาเพนกวินตัวที่ว่า เนื่องจากบริเวณนี้มีเพนกวินตั้งอยู่หลายตัวเหลือเกินแถมคนก็มายืนถ่ายรูปกันแน่นขนัด ยังดีที่เพนกวินที่สวมหมวกสีขาวมีตัวเดียว ผมเลยพยายามเบียดผู้คนไปทางด้านหลังเพนกวินตัวนั้น

"อยู่ไหนล่ะเป้ นี่ยืนอยู่หลังเพนกวินที่ว่าแล้ว ไม่เห็นจะเห็นเป้เลย"

เสียงผมเริ่มมีอารมณ์นิดหน่อยเพราะเบื่อการเล่นซ่อนแอบแล้ว ดูเหมือนเป้ก็จะรู้ตัวเหมือนกันเลยหัวเราะเบาๆ

"รอตรงนั้นแหละ เดี๋ยวเป้เดินไปหา"

พูดจบแล้วพ่อตัวดีก็วางสาย ผมเลยได้แต่เงยหน้าขึ้นแล้วพยายามมองไปรอบๆ เพราะถึงจะมีคนมาถ่ายรูปกันเยอะแค่ไหน แต่ส่วนสูงของหมอนั่นก็น่าจะโผล่เลยหัวคนอื่นมาให้ผมสังเกตเห็นได้บ้างล่ะน่า

"พี่คะ เอ่อ..."

เสียงเล็กๆ จากใกล้ตัวดึงให้ผมหันไปมอง แล้วก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่น่าจะอยู่ ม.ปลายหรืออย่างมากสุดก็มหาวิทยาลัยปีต้นๆ ถือกุหลาบช่อหนึ่งมายื่นให้ ผมจึงยิ้มบางๆ แล้วโบกมือปฏิเสธ

"ไม่เอาครับน้อง ขอบคุณครับ"

"เปล่าค่ะพี่ หนูไม่ได้ขาย พอดีมีพี่ผู้ชายบอกให้หนูเอากุหลาบช่อนี้มาให้ค่ะ"

ผมเลิกคิ้วขณะรับกุหลาบช่อนั้นมาอย่างงงๆ ตรงด้านล่างของช่อมีกระดาษโน้ตพับสอดไว้ในริบบิ้น พอผมหยิบออกมาคลี่อ่านก็เห็นข้อความสั้นๆ ที่เขียนด้วยลายมือคุ้นตา

'Look at the X'mas tree'

ผมหันมองไปทางต้นคริสต์มาส พลันก็เห็นลูกโป่งสีขาวลูกหนึ่งลอยขึ้นไปบนฟ้า ถึงแม้ลมจะแรงจนพัดลูกโป่งนั้นลอยไปไกลในเวลาอันสั้น แต่ก็ทันเห็นตัวอักษร P&V ที่เขียนด้วยเมจิกเส้นหนาบนลูกโป่งก่อนที่มันจะลอยจากไปได้ถนัดตา

ขณะที่ยังไม่หายงงว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เด็กสาวคนเมื่อกี้ก็เดินหายไปเสียแล้ว ผมเหลือบตาลงมองช่อกุหลาบในมืออีกครั้ง แล้วก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านข้าง

"สนใจไปเค้าท์ดาวน์ที่ห้องผมคืนนี้มั้ยครับ?"

ผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยซึ่งก้มลงมาใกล้ นัยน์ตาของคนพูดพราวเป็นประกายอย่างที่น่าโดนดีดกกหูเป็นที่สุด ด้วยความหมั่นไส้ผมก็เลยแกล้งทำสีหน้าครุ่นคิด

"ไม่รู้สิครับ ผมคงต้องไปถามแฟนก่อน"

"แฟนขี้หึงเหรอครับ?"

หึ...กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้องแล้วยังจะถาม

"เท่าที่ผมรู้...ก็ขี้หึงพอๆ กับที่ชอบทำให้คนอื่นเขาหมั่นไส้น่ะครับ"

เป้หัวเราะแล้วก็จับมือผมที่กำลังถือช่อกุหลาบให้ตั้งขึ้นบังหน้า จากนั้นก็ก้มลงมาแนบริมฝีปากกับผมเร็วๆ ก่อนจะลดมือลงเหมือนไม่เกิดเรื่องอะไร ทิ้งให้ผมทำหน้าเหวอเพราะนึกไม่ถึงว่าหมอนี่จะกล้าทำแบบนี้กลางที่สาธารณะ

"ไม่หึงก็แย่สิครับ แฟนน่ารักซะจนแค่เห็นก็มันเขี้ยวแล้วนี่นา"

"ไอ้บ้า ตกลงจะเอาไงเนี่ย? ไหนคืนนี้ชวนให้ออกมาเพราะกะจะเค้าท์ดาวน์กันที่นี่ไง"

ผมท้วงทั้งที่รู้สึกว่าผิวหน้าร้อนผ่าว ฝ่ายเจ้าเด็กโข่งมองไปรอบๆ แล้วก็ย่นจมูก "ตอนแรกก็ตั้งใจแบบนั้นหรอก แต่พอเห็นคนเยอะๆ แล้วก็ชักอยากกลับไปเค้าท์ดาวน์กันที่ห้องมากกว่า"

จริงอย่างที่เป้ว่า เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ฉลองวันสิ้นปีที่ผู้คนนิยมมารวมตัวกัน นอกจากนั้นก็ยังมีคอนเสิร์ตเสียงดังอีกด้วย ความจริงแล้วผมก็คงไม่นึกอยากมาถ้าไม่ใช่เพราะเป้ชวนตั้งแต่แรก พอได้ยินว่าอีกฝ่ายอยากกลับไปฉลองที่ห้องก็เลยคล้อยตามไม่ยากนัก

"ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นเรากลับกันเลยเถอะ วิวมาเดินเล่นตั้งแต่หัวค่ำจนชักเมื่อยแล้ว"

พวกเราเดินกลับเข้าไปในลานจอดรถของห้างแล้วก็ขับรถกลับคอนโด พอถึงห้องแล้วก็ช่วยกันทำอาหารง่ายๆ อย่างสลัดแฮมกับไส้กรอกทอดมานั่งกินแกล้มไวน์ในห้องนั่งเล่น ครู่หนึ่งเป้ก็เอนหัวมาพิงไหล่ผมระหว่างดูข่าวการฉลองปีใหม่ของประเทศที่ก้าวผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว

"ความจริงฉลองกันแค่สองคนก็ดีนะ ปีหน้าก็ทำแบบนี้อีกดีกว่า"

คนพูดบีบกระชับมือของพวกเราที่กุมกันไว้ ผมเลยพยักหน้าแล้วก็จิ้มไส้กรอกทอดป้อนให้ จากนั้นก็หยิบแก้วไวน์ส่งให้เป้ดื่มล้างปาก

"แล้วนึกยังไงถึงให้น้องเขาเอาดอกกุหลาบมาให้เนี่ย?"

ผมถามพลางบุ้ยคางไปทางช่อกุหลาบที่ตอนนี้เสียบอยู่ในแจกัน เป้เลยชำเลืองตามามองผมยิ้มๆ

"เซอร์ไพรส์ไง จะเค้าท์ดาวปีใหม่ครั้งที่สามด้วยกันก็น่าจะมีอะไรพิเศษบ้างใช่ไหมล่ะ?"

ผมหัวเราะเมื่อได้ฟังคำตอบ เรื่องช่างคิดต้องยกให้พ่อเจ้าประคุณเขาล่ะ ไม่ว่าจะกุหลาบเอย ลูกโป่งเอย ความจริงแล้วผมไม่เคยมองหาเรื่องเซอร์ไพรส์ตราบใดที่เราได้ใช้เวลาด้วยกัน แต่ในเมื่อขานี้เขาชอบทำก็เลยไม่อยากขัด ขอแค่อย่าให้มันเว่อร์จนรับไม่ได้ก็พอ

"ว่าแต่อีกเดี๋ยวก็จะเที่ยงคืนแล้วนะเนี่ย"

"อืม อีกครึ่งชั่วโมงเอง เร็วเหมือนกันแฮะ"

ผมเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังพลางพึมพำตอบ ยังไม่ทันได้นึกถึงว่าปีที่ผ่านมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เป้ก็ลุกขึ้นจากท่าที่นั่งพิงไหล่แล้วโน้มตัวมาคร่อมจนผมกะพริบตามองด้วยความงง

"มีอะไรเหรอเป้?"

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันคุ้นตาปรากฏขึ้นให้เห็น ก่อนที่เป้จะลุกจากโซฟาแล้วช้อนตัวผมขึ้นอุ้มอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน พอเห็นว่าอีกฝ่ายพาเดินไปห้องนอนก็เลยหันไปเลิกคิ้วถาม

"เดี๋ยวสิ ไหนว่าคืนนี้จะเค้าท์ดาวน์กันไม่ใช่เหรอ?"

"นี่แหละเค้าท์ดาวน์ เพราะนี่จะเท่ากับเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้เลยนะ จะพลาดโอกาสส่งท้ายปีเก่าแล้วเริ่มฉลองวันขึ้นปีใหม่ได้ยังไง"

ผมฟังแล้วก็ได้แต่ทุบไหล่คนพูด จะมีใครเขาเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ในวันพิเศษที่สามร้อยหกสิบห้าวันถึงจะเวียนมาสักรอบแบบหมอนี่มั่งไหมเนี่ย!? แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทักท้วงเมื่อเป้โน้มตัวลงมาจูบทันทีที่วางผมลงบนเตียง ความหนาวของไอเย็นในห้องค่อยๆ หายไปเมื่อร่างกายของเราถ่ายทอดอุณหภูมิให้กันและกัน และเสียงหอบของพวกเราแทบจะกลบเสียงนับถอยหลังของรายการโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ในห้องนั่งเล่นจนมิด

ราวหนึ่งชั่วโมงผ่านไปกว่าผมจะได้รวบรวมลมหายใจอีกครั้ง พอร่างกายของเป้ผละไปก็ทำให้ผมรู้สึกหนาวจนต้องดึงผ้าห่มขึ้นคลุมไหล่ สัมผัสจากปลายนิ้วที่เสยผมบนหน้าผากทำให้ผมปรือตาขึ้นมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ บนใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มประดับอยู่ แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มที่ชวนให้หมั่นไส้เหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว

"แฮปปี้นิวเยียร์"

ผมยิ้มพลางดึงมือของเป้ข้างที่สวมแหวนของพวกเราขึ้นมาจูบ ถึงแม้เมื่อครู่จะบ่นกระปอดกระแปดไปบ้าง แต่ผมก็ตระหนักดีว่าการที่เราคบกันมาจนถึงปีนี้นั้นนับเป็นสิ่งพิเศษแค่ไหน

"พรุ่งนี้พ่อกับแม่เป้อยู่บ้านรึเปล่า? วิวอยากซื้อกระเช้าไปสวัสดีปีใหม่ ไหนๆ ก็ไม่ได้กลับบ้านตัวเองแล้ว"

"เอาสิ พ่อกับแม่ก็บอกเหมือนกันว่าถ้าว่างก็แวะไปกินข้าวที่บ้านก็ได้"

พวกเราคุยกันเรื่องกิจกรรมที่จะทำวันรุ่งขึ้นต่ออีกนิดหน่อยผมก็เริ่มง่วง แต่แล้วตาที่เกือบจะปิดก็ลืมขึ้นอีกครั้งเมื่อมือใหญ่เลื้อยใต้ผ้าห่มเข้ามาลูบแผ่นหลัง หมอนี่เป็นพวกที่พอเครื่องติดแล้วจะไม่ค่อยหยุดง่ายๆ เสียด้วยสิ

"เค้าท์ดาวน์ไปแล้วไงเป้ ยังไม่พออีกเหรอ? วิวง่วงแล้วนะ"

ผมแกล้งทำเสียงดุใส่ แต่เป้กลับยิ้มแล้วก็ก้มลงมาหอมแก้ม "งั้นวิวนอนเฉยๆ ก็ได้ เดี๋ยวเป้จัดการให้เอง ถือเป็นสเปเชี่ยลเซอร์วิสช่วงปีใหม่"

"ไอ้บ้า!"

ผมหัวเราะพลางหยิบหมอนขึ้นมาตีพ่อคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ แต่แล้วเสียงหัวเราะก็เปลี่ยนเป็นเสียงอื่นเมื่อเราเล่นยื้อหมอนกันแล้วเป้ชนะ และผมก็พบว่าตนถูกร่างสูงใหญ่เข้าทาบทับอย่างถือสิทธิ์อีกครั้ง

จำนวนปีที่พวกเราคบกันอาจดูเหมือนน้อยในสายตาคนอื่น แต่ผมก็รู้ดีว่าแต่ละวันที่ผมกับเป้ได้อยู่ด้วยกันล้วนมีความหมาย มันเป็นสิ่งที่แม้เวลาจะเดินไปข้างหน้าอย่างไรก็ไม่อาจลดทอนความผูกพันที่เรามีให้กันได้เลย

ปีเก่าผ่านพ้นไปแล้ว และปีใหม่ที่กำลังผ่านเข้ามาก็จะเป็นอีกปีที่เราสองคนจะใช้ทุกวันร่วมกันอย่างมีคุณค่า ผมไม่เคยสงสัยเรื่องนี้ในทุกครั้งที่ได้รับการสัมผัส ได้จูบ และได้อยู่ในอ้อมแขนของเป้

สำหรับผม...ปีใหม่จะสวยงามที่สุดก็ต่อเมื่อมีพ่อคุณชายจอมเจ้าเล่ห์คนนี้อยู่ใกล้ๆ และเพียงเท่านั้นก็เป็นของขวัญที่มีความหมายมากพอที่จะทำให้ผมไม่ต้องการอะไรอื่นอีกแล้ว


++---End---++



A/N: กว่าจะเขียนตอนพิเศษนี้ออกมาได้ ยอมรับว่าเกือบหมดมุกแน่ะค่ะเพราะเคยเขียนตอนปีใหม่ให้เป้กับวิวไปสองครั้งแล้ว แต่เห็นมีคนถามถึงคู่นี้บ่อยๆ + อยากเขียนอะไรเลี่ยนๆ บ้างหลังจากช่วงนี้เจอแต่ความซึนขั้นเทพของกฤตภาสในเล่ห์ลวงใจ (แต่แปลกที่คนเขียนกลับหมั่นไส้ตากฤตน้อยกว่าคุณชายเป้ 555) ไม่รู้เหมือนกันว่าช่วงหยุดยาวแบบนี้จะคนอ่านเยอะไหมหนอ ยังไงก็ขอสวัสดีปีใหม่ทุกคน มีความสุขกันมากๆ นะคะ

 :mew1:  :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 29-12-2013 23:54:46
ขอบคุณจ้า
แต่เราชอบเป้  มากกว่าอีตากฤตนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 30-12-2013 00:01:43
 :laugh: เป้นายนิได้ฉลองปีใหม่ตลอดๆเลยนะ
แต่คนอ่านก็ชอบ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 30-12-2013 00:41:48
อิจฉาคู่รักหวานเลี่ยนคู่นี้จริง ๆ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ ขอให้คนแต่งมีความสุข หัวสมองแล่นปื๊ด ปร๊าด คิดโปรเจคนิยายมาให้ได้อ่านกันเรื่อยนะค่ะ
รวย ๆ นิยายขายดีทุกเรื่อง
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-12-2013 01:05:59
ตราบใดที่เขายังอยากฉลองกับเราไม่ว่าเทศกาลไหน ๆ แม้ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม
นั่นก็หมายความว่าความรักความผูกพันที่มีอยู่ไม่ได้จืดจางลงไป ดีใจกับเป้และวิว
ขอบคุณคนเขียนนะจ๊ะ และสวัสดีปีใหม่(ล่วงหน้า)ด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 30-12-2013 03:22:53
น่ารัก น่ารัก อ่านแล้วมีความสุขเช่นเคย
 :mc4:  สวัสดีปีใหม่ 2014   
มีความสุขมากๆ เช่นเดียวกันนะคุณริน  :L2: :L2:
+1
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 30-12-2013 07:21:09
 :mc3: :mc2: :m1: :mc1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 30-12-2013 08:38:01
คู่นี้หวานข้ามปีนะ อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 30-12-2013 21:56:11
โคตรจะคิดถึงคู่นี้เลย
ต้องเอาฉบับนิยายทั้ง 2 เล่มมาปัดฝุ่นอ่านแก้อาการคิดถึงอยู่เรื่อย
ถ้ายังไม่หมดมุขก็เข็นออกมาเรื่อยๆเลยนะคะ เราชอบ อิอิ
สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 31-12-2013 03:03:11
เพิ่งอ่านเรื่องแรกจบไป น่ารักมากค่า
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 31-12-2013 10:00:38
น่ารักมากเลยค่าาา
ขอบคุณมากนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 31-12-2013 10:21:31
รักเรื่องนี้มากอ่ะ  คนแต่งไม่เคยลืมคนอ่าน เลย มีตอนพิเศษ ออกมา ตลอด  จะติดตามเรื่องนี้ ตลอด ไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 23-02-2014 23:17:28
น่ารักมากที่สุด เป้วิว
เพราะเราคู่กัน แม้ปีจะเพิ่มขึ้น แต่ความหวานไม่เคยลดลงเลยนะ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: IöLIKE ที่ 05-05-2014 16:49:23
ThankS
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 21-06-2014 19:20:12
เป้ วิว น่ารักเสมอ :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 08-12-2014 11:47:27
หวานตลอดดดดดดด ขอบคุณน้าาา
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 09-12-2014 17:48:11
น่ารัก สนุกมาก ๆ เลยครับ น่ารักทั้งสองคู่เลย สำหรับ วิว กับ เป้ ถ้าในมีตัวตนในชีวิตจริง เค้าคงเป็นคู่ที่มีความสุขอย่างน่าอิจฉามาก ๆ แน่เลย

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 20-12-2014 15:08:23
อบอุ่นละมุนมากๆเรื่องนี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 19-01-2015 09:39:33
 :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-04-2015 15:30:58
ขอบคุณค่ะ อ่านเรื่องนี้แล้วเบาหวานจะขึ้นตา 555 ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 22:35:51
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-03-2018 06:43:25
ขอบคุณค่ะ เรืีองนี้มีแต่ตอนหวานๆ ^^
หัวข้อ: Re: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 23-09-2019 11:49:43
 :hao5: เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอ่านอีก อ่านได้เรื่อยๆ เลยค่ะ คิดถึง