ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)  (อ่าน 462532 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ferfa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-2
 o13

วิวน่ารักอะ

แต่เค้าอยากได้ฉากเป้อะ  :haun4:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนพิเศษตอนนี้ จริงๆแล้วผิดลำดับการเขียนน่าดู เพราะเป็นตอนที่เป้กับวิวเริ่มคบกันใหม่ๆ แต่ไอ้ที่โพสต์ๆไปก่อนหน้านี้มันข้ามขั้นไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า ก็ไม่ต้องไปสนใจเรื่องลำดับเวลาแล้วกันนะจ๊ะ อ่านกันขำๆละกัน จะให้ดีย้อนไปอ่านตอนหนึ่งใหม่แล้วต่อด้วยตอนนี้จะอินมากขึ้นจ้า (เอ๊ะ อิป้านี่ยังไงเนี่ย)  :z2:




ลำนำรักสีรุ้ง ตอน แรกเปิดใจ

นับจากวันที่โอ๊คบินไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียก็สองเดือนได้แล้ว หลังจากสอบปลายภาคปีสองเสร็จผมก็แวะกลับไปเยี่ยมบ้านที่สกลนครเป็นช่วงเวลาสั้นๆก่อนจะกลับมากรุงเทพฯอีกครั้ง เพราะว่าผมตั้งใจไว้ว่าจะทำงานพาร์ทไทม์ที่บริษัทซึ่งรุ่นพี่แนะนำให้ช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ ความจริงแล้วด้วยฐานะทางบ้านของผม ตราบใดที่ผมไม่ทำตัวเป็นเด็กเที่ยวและซื้อของฟุ่มเฟือย พ่อแม่ของผมก็สามารถจ่ายค่าเทอมและค่าใช้จ่ายอื่นๆให้ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากลองสัมผัสประสบการณ์การทำงานในออฟฟิศจริงๆ ตลอดจนการหารายได้ด้วยตัวเองดูบ้าง เพราะถึงอย่างไรด้วยสายการเรียนของผม เมื่อเรียนจบผมก็คงจะหางานทำในกรุงเทพฯอยู่แล้ว

และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมต้องอยู่ทำงานที่ออฟฟิศล่วงเวลา ปกติถ้าไม่ใช่ช่วงที่งานยุ่งจริงๆ ยังไม่ทันหกโมงทั้งออฟฟิศก็แทบจะร้างคน แต่ทั้งๆที่ตอนนี้เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้วแต่ก็ยังมีพนักงานนั่งทำงานกันอยู่ประปราย ในส่วนห้องที่ผมนั่งทำงานอยู่ด้านในนั้นเป็นห้องที่ทางแผนกบุคคลมีแผนจะปรับแต่งใหม่ในอีกไม่นาน ดังนั้นนอกจากโต๊ะทำงานและคอมพิวเตอร์แล้วทั้งห้องจึงค่อนข้างโล่ง พนักงานที่นั่งในห้องนี้มีสามคน หนึ่งในนั้นก็คือผมและรุ่นพี่อีกสองคน แต่คนหนึ่งกลับบ้านไปแล้วเพราะว่าต้องรีบไปดูแลลูกที่ยังเป็นทารกแบเบาะอยู่ และก็เป็นพี่คนนั้นเองที่แนะนำผมให้มาฝึกงานที่นี่เพราะว่าเป็นสายรหัสของผมสมัยเรียน

“งานยุ่งมากเหรอวิว ยังไม่กลับบ้านอีก”

เมื่อได้ยินเสียงทักผมจึงหันหลังไปตามเสียงเรียก เพราะว่าโต๊ะของผมหันเข้าหาหน้าต่าง ซึ่งเท่ากับว่านั่งหันหลังให้ประตูและคนอื่นๆในห้องด้วย แล้วก็เห็นว่าพี่ศิลป์ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมห้องกำลังเก็บโน้ตบุ๊คลงกระเป๋าอยู่

“ผมยังหารูปกับข้อมูลเพิ่มเติมให้พี่ก้อยยังไม่เสร็จน่ะครับ พอดีพรุ่งนี้เช้าเค้าต้องรีบเข้ามาทำพรีเซ้นต์ให้ลูกค้า”

หลังจากตอบคำถามแล้วผมก็หันกลับมาคลิกเมาส์เพื่อเลือกรูปต่อ บริษัทที่ผมมาฝึกงานนี้เป็นบริษัทด้านมาร์เก็ตติ้งโซลูชันส์แบบครบวงจร แม้จะไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ แต่ก็เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้ามาทำงานช่วงปิดเทอมได้โดยมีค่าตอบแทนให้ นอกจากนั้นยังให้ผมได้ลงมือทำงานจริงๆ ไม่ใช่เพียงมาคอยถ่ายเอกสารหรือส่งแฟกซ์แบบที่เคยได้ยินเพื่อนที่ไปฝึกงานที่อื่นบ่นให้ฟัง ดังนั้นแม้บางครั้งจะถูกโยนงานมาให้แต่ผมก็ไม่บ่นเพราะคิดว่าจะได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย

“หือม์ ไอ้ก้อยมันลุกไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย จริงๆเล้ยยายคนนี้ งานตัวเองแท้ๆดันเอาให้น้องให้นุ่งทำ แต่มีลูกเล็กอยู่ก็ว่าเค้ามากไม่ได้แหละนะ”

พี่ศิลป์บ่นจบแล้วก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง สาเหตุที่ผมรู้เพราะว่าพี่เขามาบังแสงจากไฟด้านหลังพอดีทำให้หน้าจอมืดไปนิดหนึ่ง แต่ผมไม่อยากเสียมารยาทจึงเพียงเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์โคมไฟข้างโต๊ะเพื่อเพิ่มแสงสว่าง

“เฮ้ ภาพนี้สวยดีนี่นา ไม่ๆ ไม่ใช่อันนั้น อันที่สองน่ะ เอ้อนั่นแหละ”

พี่ศิลป์พูดไปก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปชี้บนจอพร้อมกับชะโงกหน้าข้ามไหล่ผมจนหน้าแทบชิดกัน ผมกำลังจะบอกขอบคุณและขยับตัวหนีเพราะรู้สึกว่าพี่เขาเข้ามาชิดเกินไปหน่อย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นตรงประตู

“วิว เสร็จหรือยัง?”

ผมหันหน้าไปทางประตูโดยระวังไม่หันไปทางพี่ศิลป์ แล้วก็ได้เห็นว่าเป้กำลังยืนกอดอกพิงกรอบประตูอยู่ ท่าทางพี่ศิลป์คงตกใจเหมือนกันที่จู่ๆก็มีคนนอกเข้ามาในบริษัท ผมจึงถือโอกาสนี้หันกลับไปเซฟภาพลงคอมฯแล้วปิดเครื่องเสียเลย

“เสร็จแล้วล่ะ พี่ศิลป์ครับ รบกวนปิดไฟห้องด้วยแล้วกันนะครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับพี่”

พี่ศิลป์พยักหน้า แต่สายตายังคงมองผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องด้วยความสงสัย ผมจึงรีบหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่าแล้วเดินนำเป้ออกมา เพราะถึงแม้ว่าคนที่มารอจะไม่แสดงอะไรออกมาทางสีหน้า แต่ว่าน้ำเสียงห้วนสั้นที่ได้ยินเมื่อครู่ก็พอจะบอกได้ว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ผมชะงักเมื่อจู่ๆก็ถูกฝ่ามืออุ่นทาบลงบนหลังจากคนที่เดินตามมาจนต้องหันไปมอง แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรพูดอะไรตอนนี้เพราะยังมีพนักงานคนอื่นนั่งอยู่ในบริษัท แม้ว่าจะไม่มีใครทำท่าสนใจพวกเรานักก็ตาม ผมจึงรีบหันกลับและเดินจ้ำไปที่ลิฟต์เพื่อที่จะได้คุยกับเป้สองคนได้โดยที่คนอื่นไม่ได้ยิน

“เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าทำด้วยเหมือนเป็นผู้หญิง ไม่ชอบ”

ผมหันไปบอกเป้เมื่อเราสองคนเข้ามาในลิฟต์กันเรียบร้อยแล้ว เจ้าของใบหน้าหล่อคมที่ทั้งสาวแท้และสาวเทียมชอบมองเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมองผมจนผมชักคันไม้คันมือขึ้นมา รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าผมหมายความว่าอะไรยังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก

“ไอ้ที่...มาประคองเมื่อกี้น่ะ ไม่ชอบ ชัดหรือยัง?”

พูดจบปุ๊บผมก็ต้องถอยหลังเข้าด้านในเพราะลิฟต์หยุดที่ชั้นถัดลงมาและมีคนอื่นทยอยเดินเข้ามาในลิฟต์ แต่แล้วก็ต้องหันไปส่งตาเขียวให้คนที่ยืนเงยหน้ามองตัวเลขแสดงชั้นยิ้มๆโดยไม่หันมามองผมกลับ แต่ผมมั่นใจว่าเป้รู้ตัวแน่ๆว่าโดนผมจ้องอยู่ ก็จะไม่จ้องได้ยังไงในเมื่อไอ้คุณชายจอมเอาแต่ใจเอามือผมไปกุมไว้แน่นเลยนี่นา ยังดีว่าตอนนี้คนแน่นและพวกเรายืนอยู่ด้านในสุดเลยไม่มีใครหันมาสังเกต แต่ถ้าผมสะบัดมือหรือพูดอะไรออกมาล่ะก็รับรองว่าได้เป็นจุดสนใจขึ้นมาแน่ ผมเลยหันกลับไปมองด้านหน้าเหมือนเดิมและข่มใจที่จะไม่หันกลับไปส่งสายตาพิฆาตให้เป้อีกครั้ง ก็ไอ้มือที่กุมมือผมมันไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่ดันใช้นิ้วโป้งมาไล้หลังมือผมไปด้วยเนี่ยสิ!

ผมนึกโมโหที่บริษัทของตัวเองอยู่บนชั้นสี่สิบขึ้นมาทันที แล้วทำไมลิฟต์ตอนเย็นๆแบบนี้มันจะต้องจอดแทบทุกชั้นด้วยนะ!?

หลังจากเร่งในใจให้ลิฟต์ลงไปถึงชั้นลานจอดรถใต้ดินเร็วๆ ในที่สุดเป้ก็ยอมปล่อยมือผมแต่โดยดีเพราะคนในลิฟต์เริ่มเหลือน้อยลงแล้ว หลังจากเราเดินออกจากลิฟต์และลงบันไดไปอีกชั้น เป้ก็รั้งข้อมือผมเอาไว้จนผมต้องหันไปขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย เป้จึงถอนหายใจก่อนจะปล่อยมือแต่โดยดี

“ขอโทษสำหรับเมื่อกี้แล้วกัน รู้อยู่แล้วล่ะว่าวิวไม่ชอบให้ทำรุ่มร่ามเวลาอยู่ข้างนอก แต่ว่าเมื่อกี้น่ะมันจำเป็น”

“ฮะ? จะบ้าเหรอ จำเป็นเรื่องอะไร ว่าแต่ทำไมเข้าไปในบริษัทได้ล่ะ ทุกทีคนนอกต้องรอที่หน้ารีเซฟชันนี่นา”

ผมไม่ได้ถามซอกแซกอีกเรื่องที่เป้ประคองผมเมื่อครู่ เพราะผมถือว่าต่างคนต่างโตๆกันแล้ว ถ้าหากผมเคยบอกแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ไม่ควรให้ต้องพูดซ้ำซากหลายหน เลยเปลี่ยนไปถามเรื่องที่จู่ๆเป้ก็เดินเข้ามาในบริษัทจนถึงห้องที่ผมทำงานได้แทน

“ไม่เห็นยาก บอกรีเซฟชันว่ารุ่นพี่ของวิวฝากเอางานด่วนมาให้ เค้าก็เลยให้เข้าไปข้างในได้”

เป้พูดยิ้มๆพลางสตาร์ทรถและขับออกจากที่จอด ผมจึงยกมือขึ้นบีบขมับอย่างเหนื่อยใจก่อนจะดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดเมื่อออกมานอกตึกแล้ว นี่ผมจะไปแจ้งผู้จัดการฝ่ายบุคคลดีไหมนะว่ารีเซฟชันทำงานหละหลวม แต่คิดอีกทีผมก็เป็นแค่พนักงานพาร์ทไทม์ที่มาทำงานชั่วคราว อีกอย่างเป้ก็ไม่ใช่คนร้ายที่จะไปขโมยของในบริษัทเพราะฐานะที่บ้านก็รวยจนไม่จำเป็นต้องอยากได้อะไรแล้ว ดังนั้นจะยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ให้ก็แล้วกัน

ว่าแต่ความจริงผมยังแอบติดใจนิดๆที่เป้บอกว่าจำเป็นต้องแสดงท่าทางเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมเมื่อกี้ แต่ผมรีบปัดความสงสัยทิ้งไป วันนี้นั่งทำงานจ้องคอมมาทั้งวันจนทั้งแสบตาทั้งเวียนหัวไปหมด เพราะงั้นไม่ถามดีกว่า

“...วิว วิว”

“หือม์?”

ผมลืมตาเมื่อถูกเขย่าไหล่ แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะหน้าเป้อยู่ห่างออกไปแค่คืบจึงรีบถอยหลังหนีจนชิดหน้าต่าง

“วันนี้เหนื่อยมากล่ะสิ ออกจากตึกมาก็หลับตลอดทางเลย จะบอกว่าแวะกินข้าวเย็นกันแถวนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเป้ค่อยพาไปส่งหอ”

คนตัวโตถอยหลังไปเมื่อผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ หวังว่าเป้คงไม่ได้ยินเสียงหัวใจของผมที่มันเต้นแรงขึ้นเมื่อกี้นี้หรอกนะ ก็จู่ๆเล่นเข้ามาใกล้ขนาดนั้นจะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกัน จริงอยู่ว่าผมตกปากรับคำขอคบเป็นแฟนของเจ้าตัวไปแล้วตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อน แต่ว่าเวลามองตากันใกล้ๆยังไงก็ยังไม่หายเขินอยู่ดี

พวกเราลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารริมแม่น้ำซึ่งไม่ไกลจากหอผมเท่าไหร่ หลังจากสั่งข้าวเปล่าคนละจานและกับข้าวอีกสองสามอย่างแล้ว เป้ก็หันไปคีบน้ำแข็งกับรินน้ำเปล่าให้ผม ส่วนเจ้าตัวเองดื่มเบียร์จากขวด ผมมองเป้ที่กำลังยกขวดเบียร์ขึ้นดื่มพลางมองไปทางแสงจากเรือล่องแม่น้ำที่แล่นผ่านไปมา เคยนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเป้น่าจะเคยเป็นเด็กเที่ยว แต่ทำไมตั้งแต่คบกับผมแล้วจึงไม่ค่อยไปสังสรรค์กับเพื่อนกลุ่มตัวเองบ่อยๆ แต่คำตอบเจ้าตัวก็ทำเอาผมเลิกถามไปเลย


“ทำไมชอบมาอยู่ด้วยดึกๆทุกวันเลย ไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างเหรอเป้ กลุ่มสมัย ม.ปลาย เค้าชอบชวนไม่ใช่รึไง”

“ก็สมัยยังไม่มีแฟนก็ไปกับพวกมันอยู่หรอก แต่ตอนนี้มีแฟนแล้วก็ต้องอยู่กับแฟนสิ หรือวิวไม่ชอบให้เป้อยู่ด้วย?”



ผมนึกถึงบทสนทนาในคืนหนึ่งหลังเป้พาไปดูหนังรอบดึกที่เลิกตอนตีหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะพาไปนั่งเล่นที่โป๊ะริมแม่น้ำแล้วก็ต้องยิ้มออกมา นี่ถ้าผู้หญิงคนไหนมาได้ยินเป้พูดอ้อนแบบนี้คงละลายกันเป็นแถบ แต่ตอนที่ได้ยินนั่นผมกลับหมั่นไส้มากกว่า เพราะพ่อตัวดีเล่นใส่คำว่าแฟนลงในประโยคตั้งไม่รู้กี่รอบ กลัวผมจำไม่ได้หรือไงนะว่าตอนนี้ตกลงคบกันอยู่ ทำเป็นคนย้ำคิดย้ำทำไปได้

ผมมองเป้ที่เคาะนิ้วมือข้างหนึ่งบนโต๊ะเหมือนไม่รู้ตัวแล้วก็รู้ว่าเป้คงอยากสูบบุหรี่ แต่ว่าตอนนี้ลมแรงแถมยังอยู่ในร้านอาหาร ถึงแม้ส่วนที่เรานั่งอยู่จะเป็นโซนด้านนอกที่ไม่มีหลังคาก็ตามเจ้าตัวเลยต้องอดใจไว้ จะว่าไปนี่ก็เป็นนิสัยประจำตัวอีกอย่างหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นและเริ่มคุ้นเคย ใช่ว่าผมจะรับคนสูบบุหรี่ไม่ได้ เพราะว่าสมัยพ่อผมยังหนุ่มๆก็เป็นคนสูบบุหรี่จัดเหมือนกัน เพียงแต่ผมไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาคบกับผู้ชายตัวโตกว่าแถมสูบบุหรี่ด้วยนี่นา ถ้าใครมาถามผมเมื่อสองเดือนก่อนว่าอยากได้แฟนแบบไหน ผมก็คงบอกว่าขอผู้หญิงที่เรียบร้อย นิสัยดีและไม่เอาแต่ใจ แน่นอนล่ะว่านั่นมันตรงข้ามกับคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งโต๊ะตอนนี้เป็นคนละขั้วเลย

“เป็นอะไรวิว นั่งยิ้มคนเดียว”

“เอ๊ะ? เปล่าซักหน่อย อ้อ...ขอบคุณครับ”

ผมกะพริบตาเมื่อโดนเป้ทัก ก่อนจะหันไปขอบคุณพนักงานที่เอาข้าวและอาหารมาเสิร์ฟให้ ถึงผมจะหิวแต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะกินอะไรหนักๆไหว อาหารที่สั่งมาจึงมีแต่ของง่ายๆ เช่นไข่เจียวปู ผัดก้านคะน้าน้ำมันหอยแล้วก็แกงส้มไข่ปลาเท่านั้นเอง  

“แน่นะว่าไม่ได้คิดอะไรทะลึ่งอยู่ เมื่อกี้เห็นมองเป้ด้วย”

เป้ยกเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้งก่อนจะยิ้มล้อๆ ผมเลยทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วตักอาหารใส่จาน ถึงจะเพลียมาแค่ไหน แต่เจอข้าวสวยกับอาหารร้อนๆควันฉุยอยู่ตรงหน้าก็ทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงานขึ้นมาทันที

“แถวนี้ไม่มีใครคิดอะไรทะลึ่งหรอก ถ้าจะมีก็คนพูดคนเดียวน่ะแหละ ทะลึ่งได้ตลอดไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย”

ผมกัดคนที่นั่งด้วยไปเล็กๆก่อนจะตักอาหารขึ้นทาน รสแกงส้มเข้มข้นกำจายไปทั่วทั้งปาก ความอร่อยของรสอาหารทำให้ลืมความเหนื่อยไปแทบจะในทันควัน แต่แล้วผมก็แทบจะสำลักเมื่อได้ยินเป้พูดประโยคถัดมา

“หึๆ งั้นก็แปลว่ารู้เหมือนกันนี่ว่าเป้คิดเรื่องทะลึ่งอยู่ แต่ช่วยไม่ได้นะ เห็นคนตรงหน้าแล้วมันน่า...”

เป้พูดทิ้งท้ายเหมือนละคำพูดในประโยคไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะผมถลึงตาใส่หรือเพราะเจ้าตัวตั้งใจให้ฟังดูคิดลึกอยู่แล้วถึงไม่พูดต่อ ผมเลยชิงตักอาหารใส่จานให้เสียเลยเพื่อที่เจ้าคนพูดมากจะได้ปากไม่ว่างเสียที

“พอแล้ว พามากินข้าวไม่ใช่รึไง รีบๆกินเข้าไปเลย นั่งดูคนอื่นกินอยู่ได้ เสียมารยาท”

ผมได้ยินเป้หัวเราะเบาๆในคอต่อ แต่ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเป้ตอนนี้เพราะรู้ว่าตัวเองหน้าแดงอยู่แน่ๆ แต่เป้ก็ไม่ได้แซวอีกและเริ่มจัดการอาหารตรงหน้าแต่โดยดี เราต่างคนต่างกินข้าวเงียบๆไปสักพักเป้จึงเอ่ยขึ้นมาอีก

“ที่จริงวิวน่าจะมาฝึกงานที่บริษัทของพ่อเป้นะ”

ผมละสายตาขึ้นจากจานข้าวที่พร่องไปเกินครึ่งพลางขมวดคิ้วมองคนพูด เป้กินข้าวส่วนของตัวเองหมดแล้วและตอนนี้กำลังเท้าคางมองผมอยู่ สายตาที่จ้องเขม็งทำให้ผมต้องเบนสายตาลงที่จานข้าวของตัวเองตามเดิม แต่ว่าความอยากอาหารตอนนี้น้อยลงจนเกือบเป็นศูนย์ ถ้ามองในแง่ดีก็สงสัยว่าผมคงจะอิ่มแล้วกระมัง

“เป้พูดจริงนะ...ถึงปกติที่บริษัทจะไม่มีนโยบายให้ค่าจ้างนักศึกษาที่มาขอฝึกงานก็เถอะ แต่กรณีของวิวเดี๋ยวเป้คุยให้ก็ได้ บอกว่าเป็นเพื่อนที่คณะ พ่อเค้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

เป้พูดต่ออีก ผมเขี่ยข้าวที่เหลือในจานแล้วก็พาลไม่อยากกินต่อขึ้นมาดื้อๆเลยรวบช้อนส้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม พอเหลือบตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นว่าเป้ยังจ้องอยู่เหมือนเดิม ผมจึงเสมองไปด้านนอกร้านยังเหล่าเรือและแสงไฟจากคอนโดที่เรียงรายอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน

“ไม่เอา...นโยบายของบริษัทเป็นยังไงก็ต้องยึดตามนั้นสิ ถึงสนิทกับลูกชายท่านประธานก็ไม่ใช่ว่าจะต้องได้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่นนี่ อีกอย่าง...ออฟฟิศที่ทำตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

จะเรียกว่าเป็นความยึดติดกับศักดิ์ศรี หรือแค่ความหัวแข็งของผมก็ตามทีเถอะ ถึงคบกันก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องอยู่ในสายตาของเป้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่นา อีกอย่างแค่เรื่องหางานพาร์ทไทม์ทำน่ะผมหาเองได้ ไม่ได้ต้องคอยงอมืองอเท้ารอให้ใครยื่นความช่วยเหลือให้สักหน่อย ถึงจะบ้าเรียนแต่ผมก็ไม่อยากโดนใครมองว่าทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือกับไปสอบไม่เป็น นี่คบกันมาสองเดือนแล้วเป้ยังไม่เข้าใจวิธีคิดของผมอีกหรือไงกันนะ

ผมได้ยินเสียงเป้ถอนหายใจ ผมจึงกำมือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะแน่นขึ้นแต่ยังไม่หันกลับไปมอง เป้ไม่รู้หรอกว่านอกจากเหตุผลที่ผมบอกไปแล้ว สาเหตุสำคัญอีกอย่างคือผมเริ่มเกรงความใกล้ชิดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกที หลังจากได้คบกันและรู้จักกันและกันมากขึ้น ผมก็ได้รู้ว่าสมัยมัธยมเป้เคยมีแฟนมาแล้วสามคน และมีคนหนึ่งที่เป้เคยคบอย่างจริงจังอยู่ถึงสี่ปีก่อนจะเลิกกันไปตอนเจ้าตัวอยู่ปีหนึ่ง การที่เป้ไม่มีใครต่อจากนั้นเลยเกือบปีเต็มๆบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงต้องใช้เวลาทำใจจากความรักครั้งนั้นมากพอดู และถึงแม้เป้จะให้เหตุผลว่าที่คบกับโอ๊คนั้นเพราะโอ๊คมาขอร้อง แต่ทั้งสองคนก็คบกันอยู่ถึงสองเดือนก่อนจะเลิกกันไป แล้วสำหรับผมล่ะ ตอนนี้เราก็คบกันมาได้สองเดือนแล้ว เป้เห็นอะไรในตัวผมกันถึงได้เข้ามาขอคบด้วยตอนนั้น เราจะคบกันไปได้อีกนานแค่ไหนในเมื่อผมเองไม่เคยทำตัวออดอ้อนเอาใจอย่างคนที่เป็นแฟนกันควรทำเลย แล้ว...ตอนนี้เป้จะเริ่มเบื่อผมที่ชอบขัดใจคำขอของเจ้าตัวอยู่เรื่อยหรือยัง

เราต่างคนต่างไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นต่อจากนั้นอีกครู่ใหญ่ ลูกค้าโต๊ะอื่นๆเริ่มทยอยลุกกันออกไปเพราะเริ่มดึกแล้วและวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันทำงาน สักพักเป้จึงยกมือขึ้นโบกเรียกพนักงานให้มาเก็บโต๊ะและคิดเงิน

“ไปเดินเล่นกันก่อนแล้วกันนะ วิวยังไม่ง่วงใช่มั้ย?”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนเรียกหลังจากพวกเราเดินออกมาจากร้านแล้ว ท่าทางผมคงใจลอยน่าดูถึงได้เดินตามมาโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเป้เดินเลยบริเวณลานจอดรถออกมาไกลพอควร ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูและเห็นว่ายังไม่สี่ทุ่มดี และปกติผมก็ไม่ใช่คนนอนเร็วอยู่แล้วถ้าไม่ได้เหนื่อยจนตาแทบปิดจริงๆ จึงพยักหน้าและเลี้ยวตามเป้ไปยังทางเดินที่ทำไว้เลียบแม่น้ำและมีโคมไฟแขวนอยู่ตามเสาเป็นจุดๆ

เป้หยุดยืนก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วหันไปพ่นควันทางทิศที่จะไม่ลอยมาโดนผม ผมจึงเดินไปเท้าแขนที่ราวทางเดินพลางมองไปยังแสงไฟฝั่งตรงข้ามและรอให้อีกฝ่ายสูบบุหรี่หมดมวนโดยไม่พูดอะไร เพราะผมถือว่าเวลานี้เป็นเวลาส่วนตัวสำหรับให้อีกฝ่ายใช้ความคิดอะไรเงียบๆคนเดียวได้ และบางครั้งผมเองก็ต้องการช่วงเวลาที่ได้ใช้ความคิดอยู่กับตัวเองระหว่างที่อยู่ด้วยกันสองคนเหมือนกัน

สักครู่เป้ก็หันไปขยี้ก้นบุหรี่ทิ้งแล้วหันมาสะกิดผมให้ออกเดินไปตามทางเดินเลียบแม่น้ำด้วยกัน กลิ่นนิโคตินเจือจางที่อ้อยอิ่งอยู่บนตัวคนตัวสูงที่เดินอยู่ข้างๆทำให้ผมรู้สึกสบายใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกเพราะความจริงแล้วถ้ามีใครจุดบุหรี่ยื่นส่งมาให้ หรือว่ามีใครที่เพิ่งสูบบุหรี่จนกลิ่นติดเสื้อมายืนอยู่ใกล้ๆผมจะทำหน้ายู่ทันที แต่พอเป็นกลิ่นที่ติดตัวของคนคนนี้ผมกลับรับได้ และที่ยิ่งทำให้น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ ผมคิดว่าผมชอบกลิ่นนี้ของเป้เสียด้วยสิ แต่ไม่มีวันเสียล่ะที่ผมจะบอกออกไปให้เป้ได้ใจ เขาว่ากันว่าเด็กๆไม่ควรโดนตามใจจนเหลิง ดังนั้นผมก็เลยกำลังพยายามดูแลไม่ให้เด็กโข่งคนนี้เหลิงเกินไปอยู่ล่ะมั้ง (ถึงเป้จะแก่เดือนกว่าผมก็ตามเถอะ)

“ลมเย็นดีนะ”

“อืม...”

ผมตอบรับในคอ เพราะลมริมน้ำตอนกลางคืนแบบนี้เย็นดีจริงๆ ทั้งที่เป็นหน้าร้อน เราเดินกันได้สักพัก เป้ก็ดึงมือผมให้ไปนั่งที่ม้านั่งว่างตัวหนึ่งด้วยกัน ม้านั่งตัวนั้นไม่ได้อยู่ใต้โคมไฟเสียทีเดียวทำให้แสงไม่จัดจ้าจนเกินไป ด้านหน้าหันเข้าหาแม่น้ำ ส่วนด้านหลังคงเป็นอาคารสำนักงานที่ปิดไฟมืดไปแล้ว พอนั่งลงเรียบร้อยผมก็หันไปเลิกคิ้วมองคนที่พาดแขนมาบนพนักพิงด้านหลังเอาไว้ เป้คงรอจังหวะมานานเลยก้มลงมาจูบขมับผมก่อนจะถอยออกยิ้มให้ แต่ผมยังไม่ทันพูดอะไรอีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นก่อน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2009 22:43:35 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
“ห้ามว่านะ ตรงนี้ไม่มีใครเห็นนี่นา ยกเว้นว่าวิวจะเขินคนที่อยู่บนคอนโดฝั่งโน้น” เป้พูดแล้วก็พยักหน้าไปทางคอนโดสูงริมน้ำอีกฝั่งที่มีแสงไฟลอดออกมาเพียงบางห้อง ผมเลยส่งค้อนให้คนพูดไปทีหนึ่ง รู้หรอกว่าผู้ชายค้อนกันมันไม่น่าดู แต่เคสนี้อดไม่ได้จริงๆ

“เออ ไอ้บ้า ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

ผมอดคิดในใจไม่ได้ว่าโชคดีชะมัดที่ไฟตรงนี้สลัว ไม่งั้นเป้ได้เห็นแน่ๆว่าหน้าผมแดงเพราะผิวแก้มมันร้อนไปหมด ไอ้ความขัดเขินที่ชอบเกิดขึ้นเวลาโดนแตะเนื้อต้องตัวนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมต้องทำความคุ้นเคยเหมือนกัน เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีแฟน อย่างดีก็เคยแอบจับมือเด็กผู้หญิงที่ชอบเวลาเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมโรงเรียนสมัยมัธยม แต่พอกลายมาเป็นคนโดนทำอะไรที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เคยไปทำกับคนอื่นนี่มันก็แหม่งๆเหมือนกันนะ

เป้ใช้มือข้างที่พาดอยู่บนพนักลูบไหล่ผมขึ้นลงเบาๆ ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของใบหน้าคมที่มองตรงไปข้างหน้า แล้วจึงค่อยๆวางหัวตัวเองลงบนไหล่กว้างนั่น นานๆที จะยอมว่าง่ายให้บ้างก็แล้วกัน ถือว่าเพราะตรงนี้ไม่มีใครมาเห็นหรอกถึงยอม

“เมื่อเย็นขอโทษนะ แต่ไม่อยากให้คู่แข่งได้ใจเลยต้องตัดไฟก่อน”

คำพูดของเป้ทำให้ผมต้องหันหน้าไปมองคนพูดพลางขมวดคิ้ว พูดอะไรแปลกๆ คู่แข่งงั้นเหรอ...คู่แข่งอะไรล่ะ แล้วเป้ไปมีคู่แข่งในบริษัทผมได้ไงในเมื่อไม่เคยเข้าไปทำงานในนั้นสักหน่อย

“คู่แข่งอะไรเป้ เมื่อเย็นก็เจอแต่พี่ศิลป์ หรือว่า...”

อะไรบางอย่างเริ่มคลิกในหัว น้ำเสียงห้วนของเป้ตอนที่พี่ศิลป์มายืนดูจอคอมพิวเตอร์อยู่ข้างๆผม ท่าทางแสดงความเป็นเจ้าของตอนเดินออกมาจากบริษัทด้วยกัน นี่เป้สงสัยว่าพี่ศิลป์ชอบผมงั้นเหรอ หน้าตาท่าทางจืดๆแถมไม่ค่อยพูดแบบนี้เนี่ยนะ

“นั่นแหละ เขามองวิวตาละห้อยเลยนะตอนเป้ไปรับออกมาน่ะ”

เป้พูดไปก็ยิ้มไปเหมือนเด็กที่สะใจกับชัยชนะจนผมต้องผลักไหล่หนานั้นด้วยความหมั่นไส้ จะมาภูมิใจทำไมกัน อีกอย่างป่านนี้ผมไม่โดนพี่ศิลป์มองว่าเป็นเด็กในโอวาทหมอนี่ไปแล้วเหรอเนี่ย รู้งี้โวยตั้งแต่ตอนอยู่ในออฟฟิศไปก็ดีหรอก “โอ๊ย!! จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ตอนนั้นพี่เค้าแค่มาช่วยดูงานให้ต่างหาก อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าจะคิดเหมือนตัวเองกันหมดสิ”

เป้ทำหน้ามุ่ยนิดหน่อยที่โดนผมผลัก แต่แล้วริมฝีปากบางก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นหน้ามาซะใกล้จนผมต้องรีบถอยเสียเอง

“อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าจะคิดอะไร คิดว่าวิวน่ารักน่าอยู่ใกล้ๆ ยิ่งไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากยั่วให้พูดน่ะเหรอ?”

“อะ ไอ้…”

ผมพูดอะไรต่อไม่ออก แต่ที่แน่ๆตอนนี้หน้าร้อนไปทั้งหน้า และถึงแสงจะสลัวแค่ไหนผมก็เห็นว่านัยน์ตาของเป้มองผมเป็นประกายวาวแถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องหลับตาปี๋ แต่แล้วก็ต้องลืมตาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆก่อนที่เจ้าเด็กโข่งช่างแกล้งจะล้มตัวลงนอนบนตักแล้วชันเข่าข้างหนึ่งขึ้นยันพนักวางแขนไว้ ไม่รู้ว่าตอนเด็กกินนมแทนข้าวหรือไงถึงได้ขายาวเป็นบ้า

“นี่! มานอนอะไรตรงนี้เล่า ง่วงก็กลับไปนอนที่บ้านสิ พรุ่งนี้ก็ต้องไปช่วยงานพ่อที่บริษัทไม่ใช่รึไง”

ผมพูดพลางผลักไหล่คนบนตักเบาๆ เป้เลยหรี่ตาขึ้นก่อนจะจุ๊ปาก จากนั้นก็ดึงมือของผมข้างนั้นไปจูบแล้วเอาวางไว้บนอกพลางหลับตาลงใหม่ ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ผมคิดว่าอุณหภูมิบนหน้าตัวเองคงร้อนขึ้นอีกไม่ได้ ตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่าผมคิดผิด ทำไมหมอนี่ถึงทำอะไรน่าอายได้ด้วยท่าทางไม่รู้สึกรู้สานักนะ หรือว่าต่อมความอายจะตายด้านไปแล้วก็ไม่รู้

“ไม่ได้ง่วง แค่อยากนอนตักแฟนเฉยๆ ก็วิวไม่ยอมให้เป้ขึ้นไปบนห้องสักทีนี่นา”

พอโดนท้วงด้วยน้ำเสียงเหมือนงอนหน่อยๆก็ทำเอาผมสะอึก ก็จริงอยู่ที่คบกันมาก็สองเดือนแล้ว แต่ทุกครั้งที่เป้ขับรถไปส่งผมจะไม่ยอมให้ขึ้นไปที่ห้องเลยสักครั้ง ผมไม่เคยคิดว่านั่นจะทำให้เป้คิดมากหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆสำหรับผม...ผมคิด เพราะการที่ผมจะยอมให้เป้เข้าไปในห้องก็เท่ากับผมยอมรับให้เป้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว จริงอยู่ว่าตอนนี้เราสองคนก็เกือบๆจะเป็นแบบนั้น เพราะเป้จะไปรอรับผมจากออฟฟิศและหาร้านทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนพาไปส่งที่หอทุกวัน แต่ถึงกระนั้นซอกหลืบหนึ่งภายในใจของผมก็ยังรู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาอยู่ดี

ผมใช้มือข้างที่ว่างปัดผมบนหน้าผากคนที่นอนหลับตาอยู่เบาๆก่อนจะถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ผมยังไม่พร้อมจะรับเป้เข้ามาในชีวิตเต็มที่ขนาดนั้น แน่นอนล่ะว่านั่นรวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่จะพัฒนามากขึ้นไปกว่าการกอดและจูบแบบนานๆครั้งอย่างเช่นตอนนี้ด้วย อาจฟังดูเหมือนคนวิตกจริต แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อผมยัง...ไม่พร้อมจริงๆ

“เบื่อวิวหรือยังนะ?”

คนที่นอนอยู่ลืมตาขึ้นมองผม ในจังหวะเดียวกับที่ผมทำตาโตเพราะรู้ตัวว่าเผลอหลุดคำถามในใจออกมาเป็นคำพูดจริงๆเสียแล้ว น้ำหนักที่เมื่อครู่พาดทับมาบนตักหายไปทันทีเมื่อเป้ดันตัวขึ้นนั่งแล้วรั้งไหล่ผมให้หันไปหา แต่ตอนนี้ผมอยากมองที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นที่เดียว นึกอยากตบปากตัวเองนักที่ดันเชื่อมตรงกับความคิดจนเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรให้อีกฝ่ายได้ยินออกไปจนได้

“วิว เมื่อกี้ได้ยินนะ ถามเป้ใช่มั้ย?”

ถามเสาไฟมั้ง...ผมชักนึกอยากจะกวนกลับไปแล้วทำเป็นพูดเรื่องตลกแทน แต่ผมรู้ว่าผมทำไม่ได้ และเป้ก็คงรู้ว่านั่นคือคำถามจากใจผมจริงๆเพราะผมปฏิเสธไม่ออก ให้ตายเถอะ ถ้ารู้แล้วก็เลิกจ้องเสียทีสิ ผมรู้สึกว่ากำลังสูญเสียความมั่นใจจนจะทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว

อ้อมแขนใหญ่รั้งตัวผมเข้าไปกอดไว้ ไม่ถึงกับแน่นจนสร้างความอึดอัด แต่ก็ไม่หลวมไปจนทำให้รู้สึกห่างเหิน ปลายนิ้วใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นนวดคลึงที่ต้นคอให้ขณะที่อีกข้างลูบแผ่นหลังของผมขึ้นลง ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดอยู่บนกระหม่อมก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะแนบตามลงมา ความอ่อนโยนนั้นทำให้ผมสับสน แค่ผมเผลอถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยอยู่ออกมาเท่านั้นต้องทำให้เป้เป็นห่วงขนาดนี้เลยหรือ

ผมยกมือขึ้นกุมเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆ ทั้งที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนตัวโตถึงได้แสดงสีหน้าเป็นห่วงขนาดนั้น แต่อ้อมแขนแข็งแรงที่กำลังโอบร่างและเสียงหัวใจเต้นจากอกที่แนบชิดก็ทำให้ผมรู้สึกว่าในหัวปลอดโปร่งขึ้นจนต้องหลับตาลง

“เป้ขอมากไปใช่มั้ย? เลยทำให้วิวคิดมาก”

เสียงอบอุ่นที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ผมต้องคิดตาม แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้า ผมไม่รู้ว่าคำถามนั้นมาจากการที่ผมคอยแต่จะบ่ายเบี่ยงข้อเรียกร้องต่างๆของเป้ทางอ้อม หรือเพราะการที่ผมยังสลัดความคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นที่เป้เคยคบมาก่อนมากมายไม่ได้กันแน่ แต่สิ่งที่ผมแน่ใจตอนนี้คือผมตอบคำถามที่เป้ถามไม่ได้ และจู่ๆผมก็รู้สึกว่าในหัวล้าจนไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่ออีกแล้ว

“ไม่รู้ ไม่ใช่หรอก ไม่มีอะไรหรอกเป้ วิวคงทำงานเยอะไปหัวมันเลยเบลอๆน่ะ”

ผมตอบแล้วดันตัวเองออกจากอ้อมอกอุ่นนั้น หากพึ่งพาความอ่อนโยนของเป้มากไป ต่อไปผมก็จะเคยชินและยิ่งอ่อนแอมากเข้าไปอีก และหากผมไม่ต้องการเป็นแบบนั้นผมก็ต้องรู้จักยับยั้งตัวเองให้ได้ตั้งแต่ตอนนี้ แต่ดูท่าว่าเจ้าคนตัวโตตรงหน้านี่จะไม่อยากให้ความร่วมมือเลยนี่สิ

“ไม่เชื่อ ตอบมาดีๆว่าเพราะเป้หรือเปล่า ไม่งั้นคืนนี้ก็ไม่ต้องกลับห้อง”

มาแล้ว พ่อคุณชายเริ่มเข้าโหมดเอาแต่ใจขึ้นมาแล้ว แต่อย่าคิดนะว่าเป้จะเอาแต่ใจได้คนเดียว เวลากำลังเหนื่อยๆแบบนี้ผมก็อารมณ์ขึ้นเป็นเหมือนกัน

“ปัดโธ่เว้ย! จะอะไรกันนักกันหนา เออใช่! เรากลัวเป้เบื่อ เมื่อก่อนเป้ก็ไม่เคยคบผู้ชายนี่ จะมีอะไรเป็นหลักประกันล่ะว่าวันหนึ่งเราจะไม่โดนบอกเลิกแบบโอ๊ค เราไม่อยากเป็นตัวสนองความอยากรู้อยากเห็นให้ใครนะ ถ้าจะเบื่อก็รีบๆเบื่อซะตั้งแต่ตอนนี้แล้วก็เลิกกันไปเลย!”

เป้ทำตาโตขณะที่ผมหอบหายใจแรง ไม่รู้ทำไมจู่ๆในเวลาไม่กี่วินาทีผมก็เปิดเผยความอัดอั้นตันใจให้อีกฝ่ายฟังจนหมดเปลือก บางทีผมอาจจะประสาทไปเองก็ได้ที่คิดมากเรื่องนี้ทั้งที่คบกันได้ไม่นาน แต่ผมไม่อยากให้ตัวเองถลำลึกมากไปกว่านี้กับความอ่อนโยนที่เป้มอบให้ ผมกลัวการที่ต้องตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งแล้วพบว่าตัวเองขาดมันไม่ได้แล้ว แต่เป้กลับไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าและเปลี่ยนใจไปหาคนคนนั้นแทน ถ้าเป็นอย่างนั้นสู้ผมรีบทำให้เป้รู้ตัวว่าผมเป็นคนแบบนี้ หัวแข็งแบบนี้ ไม่ชอบการทำตามใจใครเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าจะมาสร้างภาพน่ารักจอมปลอมแล้วให้เป้ค้นพบความจริงทีหลังจะดีเสียกว่า

ใบหน้าคมยังจ้องผมนิ่ง นัยน์ตาสีเข้มกะพริบเหมือนยังคิดตามสิ่งที่ผมพูดอยู่ แต่ว่าผมเองเมื่อเริ่มสำนึกได้ว่าเมื่อครู่หลุดปากพูดอะไรไปบ้างก็ชักจะรู้สึกว่าหน้าชาขึ้นมา เพราะอย่างนี้มันไม่เท่ากับตัวเองแบไต๋ให้อีกฝ่ายรู้หมดเลยหรือว่าผมคิดอะไรอยู่ ทั้งที่เคยคิดว่าจะใจเย็นๆแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองที่ควรจะเป็นแต่ก็กลับมาทำตัวเป็นเด็กใจร้อนเองเสียได้ แต่พอผมหันหลังแล้วผลุนผลันจะลุกหนีก็กลับโดนมือแข็งแรงข้างหนึ่งฉุดให้ล้มลงไปนั่งบนตักแข็งๆ แถมเจ้าของตักยังถือวิสาสะโอบแขนรัดเอวผมไว้แน่นอีกต่างหาก

“หัวเราะอะไร!?”

ผมหันไปตวาดเสียงเขียวเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในคอเบาๆจากคนที่ตัวเองนั่งทับอยู่ แต่พอหันไปมองก็เห็นนัยน์ตาเป็นประกายระยับที่จ้องอยู่ก่อนแล้วจนต้องรีบหันหนีแทบไม่ทัน เป้กดจมูกลงมาบนแก้มผมแรงๆทีหนึ่งก่อนจะโยกตัวผมเบาๆไปมา แต่ตอนนี้หัวผมตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วเลยได้แต่เงียบอย่างเดียว

“รู้ตัวมั้ย ต่อให้อยากเบื่อยังไงเป้ก็เบื่อวิวไม่ลงหรอก อยากรู้มั้ยว่าเพราะอะไร?”

ลมหายใจอุ่นที่ระอยู่ข้างแก้มกับเสียงทุ้มที่เอ่ยอยู่ชิดริมหูทำให้หัวใจผมพองโตจนแน่นหน้าอก ความอึดอัดรำคาญใจที่คอยแวะมาเยี่ยมเยียนดูเหมือนจะถูกพัดให้หายไปเป็นปลิดทิ้งจากคำพูดของเป้เพียงไม่กี่ประโยค ใจหนึ่งผมก็นึกอยากรู้ว่าที่เป้พูดนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่นึกอีกที ผมชักไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่เป้คิดจะเป็นสิ่งที่ผมอยากฟังจริงๆหรือเปล่า ไอ้บ้านี่ชอบมองอะไรไม่เหมือนคนอื่นอยู่ด้วย หลักฐานก็คือการที่มาชอบผมนี่ไง ดังนั้นผมไม่เออออไปด้วยดีกว่า

“ไม่เอา ไม่อยากรู้ ไม่ต้องบอก พาไปส่งที่หอได้แล้ว”

ผมถองศอกใส่คนด้านหลังไปทีหนึ่งแต่ไม่ได้รุนแรงอะไรนัก เป้หัวเราะหึๆในคอก่อนจะยอมปล่อยผมให้ลุกจากตักแต่โดยดี เราเดินเคียงข้างกันกลับไปที่รถโดยที่อีกฝ่ายไม่หันมาขอจับมือหรือกอดไหล่อีกเลย แต่บรรยากาศอบอุ่นที่อบอวลอยู่รอบตัวแม้ว่าไหล่ของเราจะไม่สัมผัสกันด้วยซ้ำก็ทำให้ผมอดหันไปยิ้มให้คนตัวโตที่หันกลับมายิ้มตอบไม่ได้

เป้ขับรถมาส่งผมที่ใต้หอหน้าทางเข้าลิฟต์ด้านในแทนที่จะเป็นทางเข้าด้านหน้าเหมือนทุกครั้ง แต่ขณะที่ผมกำลังปลดสายเข็มขัดเพื่อจะออกจากรถเป้ก็หันมาเรียก ผมจึงหันไปหา แล้วก็ต้องสะดุ้งนิดหน่อยที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ยื่นหน้ามาประกบริมฝีปากผมอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันได้ตั้งรับเลยด้วยซ้ำ

“หลับฝันดีนะ คืนนี้จะปล่อยเรื่องขอขึ้นห้องไว้ก่อน แต่หลังจากวันนี้วิวเตรียมใจไว้ได้เลย”

ผมมั่นใจว่าตัวเองคงหน้าแดงเลยไม่พูดอะไรตอบ แต่แล้วพอจะหันไปเปิดประตูรถก็นึกอะไรขึ้นได้จึงชะงัก เป้ยอมตามใจผมด้วยการไม่เร่งรัดผมแล้ว แล้วผมล่ะ ควรจะได้เวลาตามใจอีกฝ่ายเพื่อตอบแทนบ้างหรือยัง

เป้เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างสงสัยเมื่อผมเอี้ยวตัวกลับไปหา ผมจึงรั้งคออีกฝ่ายลงมาหอมแก้มหนักๆทีหนึ่งก่อนจะรีบเดินลงจากรถ แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมาก่อนจะปิดประตูจนได้สิน่า

ผมรีบตรงเข้าลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นหก จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้ผมมั่นใจว่าเป้คงยังรออยู่แน่ๆจึงรีบไขกุญแจเข้าห้องและวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ พอเลื่อนประตูกระจกออกไปตรงระเบียงก็ได้เห็นว่าคนตัวโตกำลังยืนพิงรถรออยู่จริงๆ เป้ยิ้มแล้วโบกมือให้ก่อนจะกลับเข้ารถแล้วขับออกไป แต่ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้โบกมือตอบ ผมก็มั่นใจว่าเป้คงสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของผมเหมือนกัน

ผมยืนมองจนรถยาริสสีดำลับตาไปแล้วจึงค่อยเดินกลับเข้ามาในห้อง จากนั้นจึงเปิดแอร์และเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแปรงฟันเพื่อเตรียมตัวเข้านอน เมื่อออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งผมก็กวาดสายตามองไปยังข้าวของที่วางอยู่โดยรอบ ความจริงห้องผมไม่ได้รกอะไรนักหนาเพราะปกติผมจะเก็บกวาดเป็นระยะอยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้ใครบางคนมาเยี่ยม สงสัยว่ายังไงก็คงจะต้องจัดข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่านี้สักหน่อยก่อน

เสียงโทรศัพท์มือถือส่งสัญญาณว่ามีเมสเสจเข้าขณะที่ผมปิดไฟแล้วและกำลังจะล้มตัวลงนอน พอเปิดข้อความที่รู้ดีว่าคนส่งมาคือใครออกอ่านผมก็ต้องยิ้ม แต่ทว่าเมื่ออ่านจบผมก็เพียงปิดเครื่องแล้ววางไว้บนหัวนอนโดยไม่พิมพ์อะไรกลับ ในเมื่อเป้บอกเองว่ายังไงก็ไม่มีวันเบื่อผมลง ผมก็จะเดิมพันกับคำพูดนั้นแล้วให้เป้รอต่ออีกหน่อย ไหนๆก็รอมาได้สองเดือนแล้ว ให้รอต่ออีกสักเดือนก็คงไม่อกแตกตายหรอกน่า ผมคิดก่อนจะกระชับผ้าห่มขึ้นจนชิดคางทั้งที่รอยยิ้มบนหน้ายังไม่ยอมหายไปตลอดทั้งคืน


+------+


“สวัสดีครับ พี่ก้อย พี่ศิลป์”

ผมเอ่ยทักทายก่อนจะตรงเข้าไปวางกระเป๋าลงใต้โต๊ะและเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้น พี่ก้อยลุกจากที่นั่งมาพร้อมแฟ้มงานเพื่อปรึกษากับผมและตรวจดูข้อมูลกับรูปที่ผมหาไว้ให้เมื่อวานเพื่อเตรียมทำพรีเซ้นต์ ส่วนพี่ศิลป์เอาแต่นั่งทำงานของตัวเองไปเงียบๆทั้งที่ปกติจะคอยชวนคุยจนพี่ก้อยต้องหันไปแซวเป็นระยะว่าเป็นอะไร

ช่วงพักกลางวันผมไม่ได้หิวมากเพราะเมื่อเช้ากินข้าวต้มไปแล้ว จึงแค่ลงไปซื้อลูกชิ้นปิ้งกับผลไม้ขึ้นมาบนออฟฟิศเพราะพี่ก้อยเพิ่งสั่งงานให้ช่วยทำเพิ่ม แต่พอเดินเข้ามาในห้องก็ต้องชะงักที่เห็นว่าพี่ศิลป์ก็ไม่ได้ลงไปกินข้าวเหมือนกัน แต่กระดาษห่อแฮมเบอร์เกอร์และกล่องเฟรนช์ฟรายส์ที่อยู่บนโต๊ะก็บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงเดินลงไปซื้อจากร้านใต้ตึกนี่เองขึ้นมาเป็นอาหารกลางวันแล้ว

“งานเยอะเหรอครับพี่ศิลป์”

“นิดหน่อย พอดีมีรีพอร์ตตัวนึงที่ลูกค้าอยากได้ด่วนเลยต้องรีบเช็คให้เค้าน่ะ”

ผมส่งเสียงรับรู้ในคอ ก่อนจะวางถุงอาหารที่ซื้อมาลงบนโต๊ะและนั่งทำงานต่อ เราต่างคนต่างนั่งทำงานไปโดยไม่คุยกัน แต่โชคดีว่าพี่ศิลป์เปิดวิทยุคลอเอาไว้เบาๆทำให้บรรยากาศไม่เงียบจนเกินไปนัก พักหนึ่งผมก็รู้สึกว่าเสียงคลิกเมาส์และคีย์บอร์ดจากสมาชิกร่วมห้องเงียบไปจึงหันไปหา และได้เห็นว่าพี่ศิลป์ที่กำลังนั่งเท้าคางมองผมอยู่สะดุ้งนิดหน่อย เจ้าตัวเลยยกมือขึ้นปิดปากกระแอมก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อ

ผมนึกถึงสิ่งที่เป้พูดเกี่ยวกับพี่ศิลป์ขึ้นมาทันที แต่ไม่ว่าเป้จะคิดถูกหรือเข้าใจผิดไปเองก็ตาม ผมก็คิดว่าไม่ควรจะให้ความหวังพี่เขาด้วยการรับรู้ว่าเขาแอบมองผมอยู่ดีกว่า พอคิดได้ดังนั้นแล้วจึงหันกลับไปทำงานตามเดิม แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงหมุนเก้าอี้เอี๊ยดอ๊าดดังมาจากด้านหลัง ทว่าผมยังคงนั่งมองหน้าจอแทนที่จะหันกลับไปมองเพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องสนใจ

“เอ่อ...วิว”

“ครับ?” ผมตอบรับแต่ไม่ได้หันกลับไปมอง เพราะว่ากำลังเปิดลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดงานอยู่พอดี

“เพื่อนที่มาหาวิวเมื่อวานน่ะ...เค้า...เอ้อ...”

“ครับ เค้าทำไมเหรอ?”

คราวนี้ผมหันกลับไปมองคนถามตรงๆ พี่ศิลป์ทำท่าอ้ำๆอึ้งๆ แต่ผมคิดว่าถ้าหากพี่ศิลป์กล้าถามขึ้นมาจริงๆ ผมก็กล้าตอบไปตามความจริงเหมือนกัน ทว่าอีกฝ่ายเพียงแค่จ้องหน้าผมอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้

“คือ...ไม่มีอะไรว่ะ ช่างมันเถอะ ที่จริงไม่ต้องถามก็พอจะเดาได้อยู่แล้วล่ะ ท่าทางขี้หวงออกนอกหน้าซะขนาดนั้น”

ผมหัวเราะเบาๆเมื่อคนถามหันกลับไปนั่งเท้าคางพลางคลิกเมาส์ของตัวเองไปเรื่อยๆต่อ ผมจึงหันกลับมาหางานของตัวเองบ้าง อดคิดเล่นๆไม่ได้ว่าจะไปเล่าให้เจ้าตัวฟังดีไหมว่าโดนนินทาว่ายังไง แต่เมื่อคิดดีๆแล้วก็ตัดสินใจได้ว่าไม่เล่าดีกว่า ขืนเป้ได้ใจแล้วบอกว่าตัวเองคิดถูกที่หึงพี่ศิลป์ เดี๋ยวก็คงได้เถียงกับผมจนเป็นเรื่องอีกรอบแน่

จากหางตาผมเห็นแสงเรืองๆจากหน้าจอมือถือที่เปิดสั่นไว้จึงรีบยกขึ้นกดรับ แล้วก็ต้องยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เพิ่งถูกพูดถึงพอดีทักทายมา เพิ่งจะพักกลางวันเองแท้ๆจะมารีบถามว่าตอนเย็นจะกินอะไรทำไมก็ไม่รู้

ผมคุยกับเป้ต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย ทว่าพอลุกขึ้นเพื่อจะเอาแก้วน้ำไปเติมน้ำเย็นจากในครัวก็ได้ยินเสียงพี่ศิลป์ลอยมาเบาๆ และสิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาผมต้องรีบเดินหนีเพราะร้อนไปทั้งหน้า พี่ศิลป์นะพี่ศิลป์ ยังดีว่าตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวันเลยไม่มีคนอื่นในออฟฟิศ ไม่งั้นโดนผมโมโหใส่แน่

“เฮ้ออออ อิจฉาคนมีแฟนแล้วโว้ยยย”


+---End แรกเปิดใจ---+  


*ปล.* ถามนิดนึง คือป้ากำลังคิดว่าจะรวมเล่มลำนำรักสีรุ้งค่ะ จุดประสงค์หลักคือจะเอาไว้อ่านเอง เลยมาถามดูว่ามีใครสนใจไหมเพราะจำนวนพิมพ์ขั้นต่ำมันกี่เล่มก็ได้ และในรวมเล่มคาดว่าคงจะจัดเรียงตอนต่างๆใหม่ตามลำดับเวลาในเรื่องและรีไรท์บางตอนด้วย ถ้าหากมีคนสนใจอยากได้เหมือนกันจะได้เพิ่มตอนพิเศษสำหรับหนังสือเท่านั้นให้ ถ้าใครสนใจก็พีเอ็มหรือทิ้งอีเมล์ไว้แล้วกันเด้อ (ถ้าถามว่าทำไมไม่ทำของอ๊อฟนะบ้าง เพราะมันยังไม่จบอะกั๊บ อีกอย่างของอันนั้นท่าทางจะหนาแหงมๆด้วยล่ะเลยยังไม่มีโครงการ)
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-09-2009 15:41:07 โดย bellbomb »

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
จบได้ยังไง  วิวยังไม่ได้รับเป้เข้าหอเลย  ป้ารีบมาต่อด่วน อ๊ากซ์ซ์ซ์ซ์ซซซซซซซ

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 o18น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
ขอบคุณค่ะ แต่เห็นมีดแอบข้างหลังแล้วเสียวนะเนี่ย อิอิ
  :jul3:

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
อยากอ่านเรื่องของเป้-วิว อีกจังเลยค่ะ

รีบ ๆ มานะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 o13
+1ให้เลยน๊า
ป้าตอนนี้ยอดมาก อ่านแล้วยิ้มทั้งตอนเลย
ไม่ว่าจะอ่านเรื่องนี้กี่ที กี่ตอนก็ยิ้มตลอด
ด้วยเป้ เป็นคนนิสัยแบบนี้มีมุมมองอะไรไม่เหมือนใครเลยยิ่งอ่านแล้วชอบ
ส่วนวิวก็มีความคิดที่ตรงไปตรงมาไม่เหรงใจใคร แต่ก็มีความรู้สึกที่ชัดเจน
แยกอารมณ์กับเหตุผลได้มากกว่าคุณชายเป้ เวลาอยู่ด้วยกันก็ดลยยิ่งน่ารัก
แล้วจะรออ่านต่อไปน๊า
นิว(LOVEis)
ปล.จะส่ง PM ไปนะป้า

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
:impress2: หวานๆ ชอบๆ มะไหร่เป้จะได้เผด็จศึกวิว ครั้งแรกล่ะป้า อยากอ่านแว้ว  :z1:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
นี่ยังแค่เริ่มต้นใช่ปะคะ ยังจะมีตอนพิเศษต่อจากนี้ของเป้กะวิวอีกใช่ป่าว  :impress2:

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
ชอบๆ เป้ วิว น่ารัก อิอิ

มาต่อเร็วๆนะป้าคนสวย :กอด1:

ออฟไลน์ สุขาพาเพลิน

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 617
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
จบได้ยังไง  วิวยังไม่ได้รับเป้เข้าหอเลย  ป้ารีบมาต่อด่วน อ๊ากซ์ซ์ซ์ซ์ซซซซซซซ


เห็นด้วยกับคุณน้ำค้างอ่ะครับ


ออฟไลน์ หอยทาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
โอ้ย กว่าจะอ่านจบ
เบาหวานรับประทาน
เตรียมอินซูลินไม่ทันเลย
หวานมากกกกกกกก อร้ากกกก
ชอบสุดๆไปเยยคร้าบ ขอบคุณนะครับ
^^
 :o8:

ออฟไลน์ maio2000

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ชอบอะ ถ้าทำเล่มก็สนใจนะ รักเป้วิวมากๆ o18

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ้างถึง
“รู้ตัวมั้ย ต่อให้อยากเบื่อยังไงเป้ก็เบื่อวิวไม่ลงหรอก อยากรู้มั้ยว่าเพราะอะไร?”

วิวไม่อยากรู้ แต่เราอยากรู้  :laugh:
ป้า กลับมาบอกก่อน  :z3:


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
^
นั่นสิ ใครเดาได้มั่งว่าเพราะอะไร ป้าเองยังไม่รู้เลยค่ะว่าเป้คิดอะไรอยู่ คนอะไรเข้าใจยากจริงๆ
:laugh:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ชอบอะ ถ้าทำเล่มก็สนใจนะ รักเป้วิวมากๆ o18

แอร๊ยย์ เจาะไข่ไม่ทัน คุณ maio2000 จองด้วยจริงหรือเปล่าคะ ถ้าได้รายละเอียดแล้วจะพีเอ็มไปเน้อ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
หลังจากแจ้งรวมเล่ม “ลำนำรักสีรุ้ง” ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต้องขอบคุณแฟนๆที่อีเมล์และพีเอ็มมาจองนะจ๊ะ เนื่องจากตอนนี้ภาพปกเรียบร้อยแล้วเลยเอามาแปะยั่วก่อน ใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น  o18

ปกหน้า (ทายซิเขาคือใคร?)



ข้อมูลหนังสือ:
•   ราคาหนังสือรวมค่าส่งแบบลงทะเบียน เล่มละ 190 บาท
•   ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
•   ตอนปฐมบทแบบ extended version (ใครเคยดูลอร์ด ออฟ เดอะ ริง extended version บ้าง ฟีลจะประมาณนั้นละ)
•   ตอนพิเศษที่ไม่เคยลงในบอร์ด น่าจะไม่ต่ำกว่าสามตอน (รวมทั้งตอนที่หลายคนอยากอ่านนั่นล่ะ หุหุ)
•   แถมที่คั่นหนังสือ
•   รูปปกแบบครบทั้งปกหน้าและหลัง สามารถดูได้ที่ http://bellbomb.bloggang.com
•   หมดเขตรับจองและโอนเงิน 9 ตุลาคม ทั้งนี้เพื่อจะได้ทราบจำนวนที่จะสั่งแน่นอนและเผื่อเวลาสำหรับเขียนตอนพิเศษเพิ่ม ส่วนหนังสือน่าจะเสร็จและจัดส่งได้ในเดือนตุลาค่ะ

รายละเอียดสำหรับการโอนเงิน:

ธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานพระปิ่นเกล้า
บัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่ 162-4-13857-2
ชื่อบัญชี Sirin Siri…..

เมื่อโอนเงินเสร็จแล้ว ส่งอีเมล์มาที่ bellbomb แอท ฮอทเมล์ ดอท คอม พร้อมรายละเอียดดังนี้ค่ะ

- ธนาคาร+สาขาที่โอน
- วันที่และเวลาที่โอน
- เลขที่สลิป (หรือแสกนแล้วส่งมาก็ได้ค่ะ)
- ชื่อ+นามสกุลจริง และที่อยู่สำหรับส่งแบบลงทะเบียน

สงสัยอะไร พีเอ็มหรืออีเมล์ถามป้าได้เลยค่า~
  :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2009 17:31:59 โดย bellbomb »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jaaeyboy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ้ย  ชอบปกมาก ต้องวิ่งตามไปดูในบล็อค  

ชอบอ่ะ  ปกหน้านี่ขอทายว่าเป็น วิวอ่ะ  ปกหลังเป้  ดูจากสัดส่วนของร่ายกาย

ถูกหรือผิด มาเฉลยด้วยน่ะค่ะ  

เด๋วต้นเดือนค่อยโอน อิอิ

ปล.  รอตอนในวงเล็บนี่ล่ะ  (รวมทั้งตอนที่หลายคนอยากอ่านนั่นล่ะ หุหุ)

ปล2  กระดาษเป็นกระดาษถนอมสายตาเปล่าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2009 13:36:07 โดย jaaeyboy »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เริ่มโอนได้เลยชิมิค่ะ  จะได้บอกบัญชีส่วนตัวให้ไปโอนให้ อิอิ  :laugh:

เ้ค้าก็ทายว่า รูปปกเป็นเป้วิว จำได้ตอนที่อ่านตอนพิเศษ ที่ว่าไปนั่งท่าน้ำหรือไรนี่แหละ

แบบวิวคิดมากหรือไรมิแน่ใจเรื่องของเป้ กลัวเป้เบื่อ เพราะตัวเค้ามิยอมให้เป้สักที  :z1: ถูกมั้ยป้า

มายถูกได้ส่วนลดมะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :impress2: เงินช๊อต 555+
ไว้ต้นต้นเดือนไปโอนเงินให้นะป้ายังไงๆก็ต้องมีเก็บไว้ให้ได้เรื่องนี้
นิว(งามอย่างผู้ดี)

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
jaaeyboy พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตาค่ะ โทษทีลืมพิมพ์ แก้ให้แล้วน้า ส่วนตอนพิเศษก็...รออ่านละกัน  :laugh:

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ
 

[N]€ẃÿ{k}uñĢ ต้นเดือนด้ายยย ที่ให้ถึงวันที่ 9 ก็เพราะรู้ว่าหลายคนตังค์ช็อตนี่แหละ (ป้าก็ช็อตอยู่เหมือนกัน ก๊ากก)

ส่วนปกหน้าปกหลังคือใคร ทายถูกกันหลายคน งั้นให้ที่คั่นหนังสือฟรีละกัน (ขอเล่นง่ายนิดส์นึง หุหุหุ)
  :pigha2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ[/color] 


โหป้า ส่งให้จิงหรอ  :impress2: แล้วจะเอาอะไรไปแลกล่ะ สามีที่ใช้อยู่เอามะ  :laugh: พอดีอยากได้ของใหม่แระ
จะโละของเก่าๆ  :jul3: เอออย่าลืมลายเซ็นนะ ของเค้าอยากได้ เซ้นให้ด้วย งามๆ


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ[/color] 


โหป้า ส่งให้จิงหรอ  :impress2: แล้วจะเอาอะไรไปแลกล่ะ สามีที่ใช้อยู่เอามะ  :laugh: พอดีอยากได้ของใหม่แระ
จะโละของเก่าๆ  :jul3: เอออย่าลืมลายเซ็นนะ ของเค้าอยากได้ เซ้นให้ด้วย งามๆ



งืมๆ ไหนๆก็มีบัญชีส่วนตัวอยู่ที่นี่ใช่มะ งั้นเค้าส่งผ่านคนนั้นละกาน 555 ส่วนของมือสองเราไม่เอา จาเอาของใหม่ ถ้าได้เป็นตัวมาแลกจริงๆเดี๋ยวส่งหนังสือให้ฟรี (ไม่ค่อยเล้ยตรู)  :z1:

ส่วนลายเซ็น มะมีปัญหาจ้า สำหรับคนสวยเด๋วจัดห้าย
  :o8:

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
ปกสวยจังเลย

ชอบหนังสือทำเองแบบนี้จัง จะช่วยอุดหนุนนะครับ

แต่ต้องใกล้ๆ สิ้นเดือนก่อน เงินเริ่มเหลือน้อยแล่ว

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ[/color] 


โหป้า ส่งให้จิงหรอ  :impress2: แล้วจะเอาอะไรไปแลกล่ะ สามีที่ใช้อยู่เอามะ  :laugh: พอดีอยากได้ของใหม่แระ
จะโละของเก่าๆ  :jul3: เอออย่าลืมลายเซ็นนะ ของเค้าอยากได้ เซ้นให้ด้วย งามๆ



งืมๆ ไหนๆก็มีบัญชีส่วนตัวอยู่ที่นี่ใช่มะ งั้นเค้าส่งผ่านคนนั้นละกาน 555 ส่วนของมือสองเราไม่เอา จาเอาของใหม่ ถ้าได้เป็นตัวมาแลกจริงๆเดี๋ยวส่งหนังสือให้ฟรี (ไม่ค่อยเล้ยตรู)  :z1:

ส่วนลายเซ็น มะมีปัญหาจ้า สำหรับคนสวยเด๋วจัดห้าย
  :o8:
ป้าจ๋านิวขอ ที่คั่นกับลายเซ็นด้วยน๊า อยากได้ๆ  :impress2:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog

Poes ได้เลยจ้าพี่หนึ่ง แต่ถ้าอยากให้จัดส่งไปยุโรปต้องเอาของมาแลก คริคริ[/color] 


โหป้า ส่งให้จิงหรอ  :impress2: แล้วจะเอาอะไรไปแลกล่ะ สามีที่ใช้อยู่เอามะ  :laugh: พอดีอยากได้ของใหม่แระ
จะโละของเก่าๆ  :jul3: เอออย่าลืมลายเซ็นนะ ของเค้าอยากได้ เซ้นให้ด้วย งามๆ



งืมๆ ไหนๆก็มีบัญชีส่วนตัวอยู่ที่นี่ใช่มะ งั้นเค้าส่งผ่านคนนั้นละกาน 555 ส่วนของมือสองเราไม่เอา จาเอาของใหม่ ถ้าได้เป็นตัวมาแลกจริงๆเดี๋ยวส่งหนังสือให้ฟรี (ไม่ค่อยเล้ยตรู)  :z1:

ส่วนลายเซ็น มะมีปัญหาจ้า สำหรับคนสวยเด๋วจัดห้าย
  :o8:
ป้าจ๋านิวขอ ที่คั่นกับลายเซ็นด้วยน๊า อยากได้ๆ  :impress2:

ที่คั่นไม่มีปัญหาได้ทุกคนที่ซื้อจ้า แต่ลายเซ็นนี่ให้เป็นรายๆที่ขอไปละกันนะ จะเซ็นให้ทุกคนก็เขินๆแฮะ  :really2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด