พิมพ์หน้านี้ - >>เพราะ "รัก" คำเดียว<< บทสรุป UP!!! 26/11/53
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: tonight ที่ 08-10-2010 12:50:39
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ สรุปข้อสำคัญดังนี้ 1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม 5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
มาจองๆ รออ่านจ้า
เรื่องยาวเรื่องแรกที่ลง ลองอ่านดูนะคับ ชอบหรือไม่ชอบอย่างไร รบกวนติ-ชมด้วยนะคับ ขอบคุณคับ ^^ ........................................................เพราะ “รัก” (คำเดียว)......................................................... ร่างสูงของชายหนุ่มทอดตัวนั่งอยู่บนเตียงสี่เสาก่อนมือใหญ่จะคว้ากรอบรูปไม้มานั่งพิจารณาและใช้ปลายนิ้วไล้ไปบนกระจกใสที่เป็นรูปหญิงสาวดวงหน้าหวาน ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มพลางคิดถึงวันที่เขาต้องเสียใจมากที่สุดในชีวิต เพราะเขาไม่สามรถยื้อชีวิตผู้เป็นที่รักไว้ได้ “วัตร…พี่ฝากมินทร์ไว้กับวัตรด้วย รักมินทร์เหมือนที่รักพี่นะ…” นั่นเป็นคำสุดท้ายก่อนสัญญาณชีพจรจะดังยาว ร่างโปร่งบอบบางไร้การตอบสนอง ชายหนุ่มกระพริบตาเพื่อไล่ความพร่ามัวจากน้ำตาก่อนจะวางกรอบรูปลงบนหัวเตียงตามเดิม ……… … “อาวัตร…อาวัตรครับ…” เสียงคุ้นเคยดังก้องก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าวิ่งขึ้นบันไดไม้ทำให้ชายหนุ่มรีบออกมาจากห้อง ทันใดนั้นก็เผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มในชุดมัธยมปลาย “กลับมาก็เสียงดังลั่นบ้านเลยนะ” “โถ่…ก็คนแก่อย่างอาวัตรน่ะเรียกเบาๆจะได้ยินไหมล่ะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยกระเซ้า “เดี๋ยวเถอะเรา เล่นด้วยชักเอาใหญ่” “โอ๋ๆๆ…อย่างอนนะครับ มามะ…ให้มินทร์ง้อเร็ว” เด็กหนุ่มอ้าอ้อมแขนออกกว้างเพื่อโอบกอดชายหนุ่มก่อนจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาและยืนยิ้มกว้าง “หายงอนแล้วนะครับ เดี๋ยวมินทร์ไปอาบน้ำก่อนนะ” เมื่อร่างของเด็กหนุ่มลับสายตาชายหนุ่มก็ยกฝ่ามือใหญ่ขึ้นมาแนบซีกแก้มก่อนจะลูบสัมผัส การกระทำอย่างนี้คงติดมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งถ้าหากเขาปฏิเสธล่ะก็เด็กน้อยจะร้องไห้ลั่นบ้าน ไม่ว่าใครก็เข้าหาไม่ได้จนสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาเข้าไปปลอบประโลม แต่เวลานี้เด็กหนุ่มก็โตขึ้นทุกวันแถมยังได้เค้าโครงใบหน้ามาจากผู้เป็นแม่ มันทำให้เขาอดคิดถึง “ศศิ” หญิงอันเป็นที่รักคนนั้นไม่ได้ ชายหนุ่มหันไปมองบานประตูไม้ซึ่งเป็นห้องนอนของตัวเองและเป็นเขตหวงห้ามไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเพราะในห้องนั้นมันเต็มไปด้วยภาพแห่งความทรงจำ “คุณวัตรคะ คุณดลมาหาค่ะ” เสียงคนเก่าแก่ประจำบ้านดังขึ้นและชื่อที่ชายหนุ่มได้ยินนั้นทำให้เขาส่ายหัวด้วยความเอือมระอา “นี่…เพื่อนมาหานะเว้ย ดูทำหน้าเข้าบอกบุญไม่รับเชียว” “แกเล่นเทียวไปเทียวมากรุงเทพฯ-เชียงใหม่ทุกอาทิตย์ แถมยังมาขออาศัยนอนตลอด บอกตรงๆเบื่อขี้หน้าว่ะ” “แกเบื่อ แต่น้องมินทร์ไม่เคยพูดว่าเบื่อ เพราะฉะนั้นหนึ่งต่อหนึ่งเสียงเสมอว่ะ ฮ่าๆๆ” “อาดล…” ทันทีที่เด็กหนุ่มลงมาจากบนบ้านแล้วเห็นชายหนุ่มแต่งกายดูดีกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสารก็โถมตัวเข้าไปกอดทันทีด้วยความคุ้นเคย “คิดถึงอาดลไหมครับ น้องมินทร์” “อาดลก็…อย่าถามเหมือนผมเป็นเด็กได้ไหมครับ ผมขึ้นมอปลายแล้วนะ” นภดลอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมสีน้ำตาลเข้มเล่นก่อนจะส่งถุงของฝากให้ “อ่อ…แล้วอาวีล่ะครับ” “หึ…รายนั้นมีเหรอจะพลาด ติดสอยห้อยตามมาตลอด โน่น…คุยโทรศัพท์อยู่น่ะ” เด็กหนุ่มมองตามก็พบเข้ากับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งยืนหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่ แต่พอกดวางโทรศัพท์ปุ๊บเด็กหนุ่มก็ตรงเข้าไปกอดทันที “คิดถึงอาวีที่สุดเลย อาวี…คราวนี้ที่ไร่ส้มออกผลเยอะเลย อาวีทำเค้กส้มให้มินทร์กินหน่อยนะครับ อาวีน่ะทำเค้กส้มอร่อยที่สุดในโลกเลย” ปฐวียิ้มรับกับคำของเด็กหนุ่ม “ได้สิ เดี๋ยวอาจะทำสุดฝีมือเลย ว่าแต่…เป็นหนุ่มมอปลายแล้วสินะ ยิ่งโตยิ่งเหมือนแม่เลย” “มินทร์เหมือนแม่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” “อืม…ก็ไม่เหมือนทั้งหมดหรอก แต่ก็คล้ายมากทีเดียว” “มิน่าล่ะครับ บางครั้งมินทร์ก็รู้สึกว่าอาวัตรมองมินทร์แปลกๆ” ปฐวีสะดุ้งน้อยๆกับคำพูดที่เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาลอยๆ จะเป็นไปได้ไหมว่าเรวัตรจะเห็นเงาของศศิซ้อนทับกับภูมินทร์ “เข้าบ้านกันได้แล้ว น้ำค้างลงแรงเดี๋ยวจะไม่สบายกัน” เรวัตรตะโกนเรียกก่อนจะช่วยเพื่อนยกของเข้าบ้าน “ไอ้วัตร…ทำไมน้องมินทร์ไม่ติดข้าเหมือนที่ติดไอ้วีบ้างวะ” “ก็หลานรู้ไง ว่าอาอย่างแกคิดไม่ซื่อ” “จะบ้าเหรอไงวะ ข้าก็รักน้องมินทร์เหมือนที่แกกับไอ้วีรัก” “เหรอ…” เรวัตรลากเสียงยาวอย่างยียวน เมื่อก่อนเรวัตรรู้ว่าจริงๆแล้วนภดลรักหลานของเขาอย่างไร แต่เมื่อทะเลาะกันจนเลือดตกยางออกเป็นที่เรียบร้อยก็เป็นอันว่านภดลต้องขีดเส้นใต้จำกัดความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและหลายชายสุดที่รักของเพื่อนไว้เพียงแค่คำว่า “เพื่อนของอา” “แกรู้ไม่ใช่เหรอวะ ตอนมินทร์เด็กๆเวลาร้องไห้โยเยก็ได้ไอ้วีนี่แหละมาคอยดูแล นึกถึงช่วงเวลานั้นทีไรข้ารู้สึกไม่ดีทุกที” นภดลตบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบใจ “เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะเว้ย อย่าไปรื้อฟื้นมันขึ้นมาทำร้ายตัวแกเองเลย” อยู่ๆร่างสูงของเรวัตรก็ทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาที่มุมห้อง “ข้าอยากให้มินทร์เรียนจบ มีการงานมีงานทำ แต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่นเร็วๆ” “ทำไมวะ แกคิดว่าน้องมินทร์เป็นภาระแกเหรอไง ถึงได้อยากผลักไสออกไปเร็วๆน่ะ” เรวัตรหลับตาลงพลางถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยล้าราวกับแบกรับทุกอย่างไว้เต็มบ่า “ข้ากลัว…” นภดลขมวดคิ้วเข้มอย่างสงสัย “กลัวในสิ่งที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร” นภดลต้องตอบบ่าเพื่อนอีกครั้ง “ข้าว่าแกแค่เหนื่อยเกินไป ได้พักสักหน่อยแกคงจะดีขึ้น” สายตาคู่คมของนภดลมองไปยังห้องครัวแบบบิ้วต์อินน์ เห็นสองร่างของคนคุ้นเคยหนึ่งคือเพื่อนสนิทที่มักจะติดสอยห้อยตามไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ส่วนอีกหนึ่งคือคนที่นับวันยิ่งโตขึ้นยิ่งเหมือนคนที่เรวัตรฝันใฝ่ เขาเป็นเพื่อนกับเรวัตรมานาน ทำไมจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนั้นเพื่อนของเขากำลัง “กลัว” สิ่งใด 2 B Con… (ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคับ :call:)
ต้อนรับนิยายใหม่ :mc4: อ่า คุณอาคิดไม่ซื่อกะคุณหลานซะแล้ว :-[ ว่าแต่เค้าเป็นอาหลานๆกันจริงๆอ๊ะป่าว :z2:
น้องมินทร์น่ารัก ชอออออออออออออบ :กอด1: รอตอนต่อไปเลยจ้า
น่าสนใจแฮะ ติดตามคร๊าบบผม
+1 ให่กำลังใจเรื่องใหม่ น่าติดตามค่ะ
ว้าว..อา-หลาน หนุ่มใหญ่กับหนุ่มน้อย แค่บทเริ่มต้น ก็มีทีท่าจะสนุกแระ
คู่อาหลาน น่าลุ้น ๆ ๆ นะ คนที่เป็นหลานก็เป็นเงาของผู้หญิงที่รัก
ชอบค่าาาาาา ลุ้น ๆ อา-หลาน ถึงจะไม่ใช่จริง ๆ ก็เหอะ แต่ก็ชอบมาก ๆ อยู่ดี อิอิ มาต่อไว ๆ นะค่า เรื่องนี้คงไม่ดราม่าหรอกมั้งเนอะ หุหุ
อ่า น่ารักนะ >< อากับหลาน ลุ้นจ้า อย่ามาม่าเยอะนะ
ช๊อบชอบแนวนี้ มินทร์น่ารักอ่ะ อาวัตรกลัวอดใจไม่ไหวแต่กลัวไรมิใช่อาหลานจิงๆซักหน่อย 55 สู้ๆๆๆ
อู้วววว
หวั่นไหวกับคุณหลานล่ะซี่วัตร น้องมินทร์ช่างอ้อนเนอะ
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
:mc4: เข้ามาเจิมเรื่องใหม่ มาแนวอาหลาน น่าติดตามมากๆ ว่าคุณอาจะหักห้ามใจได้ไหม
สนุกอ่ะ..รอตอนต่อไปอย่าใจจดใจจ่อ :กอด1: ให้คะแนนภาษาไทยดีเด่น เพราะพิมพ์ไม่ผิดเลย (คือเราไม่เจอคำผิดอ่ะ) แต่ว่า... แต่ละบรรทัด เว้นบรรทัดซะห่างงงงงงงงเกินไปนิดนึงจ๊ะ ขยับขึ้นมาอีกสัก 1 เคาะน่าจะเวอร์ค o13
:mc4:
สนุกอ่ะ..รอตอนต่อไปอย่าใจจดใจจ่อ :กอด1: ให้คะแนนภาษาไทยดีเด่น เพราะพิมพ์ไม่ผิดเลย (คือเราไม่เจอคำผิดอ่ะ) แต่ว่า... แต่ละบรรทัด เว้นบรรทัดซะห่างงงงงงงงเกินไปนิดนึงจ๊ะ ขยับขึ้นมาอีกสัก 1 เคาะน่าจะเวอร์ค o13 ^^
น่าอ่านๆ รอตอนต่อไป
-2- มื้อค่ำของวันนั้นค่อนข้างครึกครื้นเนื่องจากมีคนร่วมโต๊ะอาหารเพิ่มอีกสองคน บทสนทนาอย่างถูกคอระหว่างคู่หูต่างวัยอย่างปฐวีและภูมินทร์ทำเอาอีกสองหนุ่มที่ร่วมโต๊ะด้วยไม่มีโอกาสเอ่ยแทรก “เอ่อ…เข้าใจนะว่ามีเรื่องคุยกันเยอะ แต่กับข้าวจะเย็นหมดแล้วนะ” เรวัตรเอ่ยแทรกเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่มีทีท่าจะหยุดบทสนทนาเลย ภูมินทร์หันมาส่งยิ้มกว้างให้ผู้เป็นอาก่อนจะตักข้าวเข้าปากและไม่ลืมที่จะตักกับข้าวเผื่อบรรดาอาๆทุกคนอย่างเอาใจ “อาวัตร…วันนี้มีน้ำพริกอ่องของโปรดของอาวัตรด้วยนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะตักน้ำพริกประจำภูมิภาคใส่ใบผักกาดขาวและห่อพอดีคำก่อนจะส่งให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เรวัตรเหลือบสายตามองเพื่อนทั้งสองคนพลางทำท่าละล้าละลังราวกับตัดสินใจไม่ถูก แต่เมื่อคิดได้ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปรับแทนที่จะอ้าปากรับเหมือนทุกครั้งที่เคยร่วมโต๊ะกันสองคน ท่าทางที่เปลี่ยนไปของผู้เป็นอาทำให้เด็กหนุ่มงุนงงสงสัยเป็นยิ่งนัก และก็ได้แต่แอบซ่อนความน้อยใจไว้เมื่อผู้เป็นอาดูเหมือนพยายามจะเว้นระยะห่างออกไป “น้องมินทร์ เดี๋ยวอาวีไปยกเค้กส้มมาให้นะครับ” ปฐวีเอ่ยเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มรวบช้อนและยกน้ำขึ้นดื่ม ทันทีที่ยกเค้กส้มที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆมาถึงโต๊ะ ชายหนุ่มร่างโปร่งก็ตัดแบ่งใส่จานซึ่งชิ้นใหญ่ที่สุดก็ไม่พ้นของภูมินทร์ ตามด้วยของเรวัตร “ฉันไม่กิน ไม่ต้องเผื่อ” เสียงทุ้มของนภดลเอ่ยดังขึ้นก่อนที่ปฐวีจะตัดเค้กชิ้นต่อไป “โทษทีนะ วีลืมไปว่าดลไม่ชอบของหวาน” ปฐวีหน้าเจื่อนลงแต่ก็ปรับสีหน้าเป็นสดใสได้ภายในพริบตา “อร่อยไหมครับ น้องมินทร์” “อาวี เค้กส้มของอาวีหาใครเทียบไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าอาวีเปิดร้านนะ มินทร์จะเหมาร้านอาวีทุกวันเลย” ปฐวีหัวเราะให้กับความน่ารัก น่าเอ็นดูของเด็กหนุ่ม “เปลี่ยนจากเปิดร้านมาอยู่ที่นี่ ทำเค้กส้มให้น้องมินทร์กินทุกวันเลยดีไหม” “ดีครับ อาวี” “อาว่าแล้วว่าน้องมินทร์คงไม่ขัด แต่ดูเหมือนบางคนจะไม่ค่อยเต็มใจนะถ้าหากอาจะมาอยู่ที่นี่ตลอด” ปฐวีเอ่ยกระทบกระเทียบบางคนที่คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนาโดยตลอด “อาดลเหรอครับ” “ไม่หรอก รายนั้นเขาอยากให้อาออกไปจากชีวิตเขาจะตายไป” ปฐวีเผลอตอบออกไปแต่แล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องจึงหัวเราะกลบเกลื่อน “กินเค้กกันต่อดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเก็บส้มกันดีไหม” “อะแฮ่ม…จะไปไหน ทำอะไรช่วยถามความเห็นของเจ้าของไร่หน่อยได้ไหมครับท่านผู้มาขออาศัย” เรวัตรเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนทำอะไรตามใจยิ่งกว่าอยู่บ้านของตัวเอง “อาวี อาวัตรได้ยินด้วยแหละครับ นั่งห่างออกไปตั้งไกล ผมนึกว่าคนอายุเยอะเขาจะไม่ค่อยได้ยินอะไรเสียอีก” “เดี๋ยวเถอะมินทร์” เรวัตรลุกขึ้นพรวด ภูมินทร์ก็กระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของปฐวีพลางแสร้งว่ากลัวเสียเต็มประดา “อาวี ดูอาวัตรสิ” “ถ้าคิดจะแกล้งน้องมินทร์ล่ะก็…นายตายแน่” ปฐวีถือมีดตัดเค้กขึ้นมาแกว่งกลางอากาศเป็นการขู่ “เล่นของมีคมตอนกลางคืนมันอันตรายนะ เดี๋ยวผีผลักหรอก” “ผมว่าเราเก็บครัวกันดีกว่านะครับ อาดล ออกไปเดินเล่นคนหนึ่งแล้ว อาวีไปพักเถอะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง” ภูมินทร์เอ่ยขัดเมื่อเห็นว่าขืนปล่อยให้ทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงกันต่อไปคงจะยืดยาวกว่านี้ “ให้เราช่วยดีกว่านะ” ปฐวีเอ่ยอาสาแต่เรวัตรก็ส่ายหัวปฎิเสธ “นายไปพักเถอะ เดินทางมาไกล พรุ่งนี้จะไปเก็บส้มนี่รีบไปอาบน้ำนอนไป” “แต่…” “ไปเถอะน่า ไม่ต้องเกรงใจ” เรวัตรเอ่ยบอก หลังจากที่ปฐวีเดินลับสายตาไปแล้วนั้น ชายร่างสูงก็เก็บจานที่วางอยู่บนโต๊ะ “อาวัตรไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวมินทร์ทำเอง” “ไม่เป็นไรเดี๋ยวอาช่วยเอง” “ตามใจครับ” ภูมินทร์หันมาส่งยิ้มกว้างแต่ท่าทีที่ตอบรับของอีกฝ่ายกลับเป็นการเบือนหน้ามองไปทางอื่น เด็กหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปจึงเดินเข้าไปเพื่อจะขอคำอธิบาย “อาวัตร…” “มีอะไรเหรอ” เรวัตรเอ่ยก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บจาน “อาวัตร…มองหน้ามินทร์เดี๋ยวนี้” เด็กหนุ่มเข้าไปกระชากจานที่อีกฝ่ายถือ “อาวัตรเป็นอะไร โกรธมินทร์เหรอ” “เปล่า อาจะโกรธมินทร์เรื่องอะไร” “แล้วทำไมอาวัตรถึงทำท่าทีเปลี่ยนไปล่ะ” “มินทร์ บางทีผู้ใหญ่ก็มีเรื่องที่ต้องคิดนะ เด็กอย่างเราไม่เข้าใจหรอก” “อาวัตร มินทร์โตแล้วนะ” “งั้นมินทร์ควรจะมีเหตุผลให้มากกว่านี้” “เหตุผลแบบอาวัตรน่ะเหรอ มินทร์ไม่เข้าใจหรอก” “มินทร์!!!” เรวัตรตะโกนเรียกชื่อเด็กหนุ่มดังลั่นจนตกใจจึงเผลอปล่อยจานกระเบื้องร่วงหล่นลงสู่พื้นแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นัยน์ตาโตสีอ่อนซึ่งได้เชื้อมาจากผู้เป็นแม่วาววับด้วยหยาดน้ำตาก่อนมันจะรินลงมาต้องผิวแก้มแต่เด็กหนุ่มก็ปาดมันทิ้งอย่างไม่ใส่ใจและทรุดตัวนั่งลงเก็บเศษจานกระเบื้อง ยังไม่ทันที่มือเรียวจะได้สัมผัสกับเศษแหลมคมมือใหญ่ก็เข้าไปรองรับไว้เสียก่อน “มินทร์…อาขอโทษ…” เพียงแค่เรวัตรเอ่ยขอโทษด้วยเสียงแผ่วเบา หยาดน้ำตาก็พร่างพรูอาบแก้ม ชายร่างสูงจึงกุมมือเด็กหนุ่มและพามานั่งที่โซฟา เด็กหนุ่มนั่งร้องไห้จนตัวโยนทำให้เขาจำต้องกอดปลอบประโลม มือเรียวไม่มีสักครั้งที่จะผลักไส มีแต่รีบไขว่คว้าไว้ แต่เขากลับเอ่ยทำคำทำร้ายหัวใจดวงน้อยให้ต้องเจ็บช้ำ “อาขอโทษนะ เด็กดีของอา…” “อาวัตรรู้นี่ ว่าเวลาง้อต้องทำยังไง” เด็กหนุ่มเอ่ยกับแผนอกกว้างของอีกฝ่าย เรวัตรคลี่ยิ้มอ่อนโยนก่อนจะช้อนใบหน้าอ่อนวัยขึ้นมาพิจารณา ดวงตาคู่โตแดงก่ำ แพขนตาหนาชุ่มด้วยหยาดน้ำใสทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดู ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าไปใกล้ก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนผิวแก้มนุ่มเจือกลิ่นแป้งเด็ก “หายแล้วนะครับ” ภูมินทร์ยิ้มกว้างทั้งคราบน้ำตาก่อนจะกอดคนที่เป็นเสมือนทุกอย่างในชีวิตไว้แน่น “อาวัตร อย่าทำให้มินทร์เสียใจอีกนะครับ” ชายหนุ่มอึกอักไม่กล้าตอบรับอย่างเต็มปากแต่ก็พยักหน้ารับไว้ เพราะเขาไม่รู้ว่าวันต่อไปในอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหากภูมินทร์รู้ความจริงว่าอาคนนี้หลงรัก “ศศิ” คนรักของพี่ชายมากเสียจนคิดจะแย่งชิง หากภูมินทร์รู้ความจริงว่าอาคนนี้ไม่ได้แสนดีอย่างที่ตัวเองคิด วันนั้นภูมินทร์จะเสียใจมากขนาดไหน โดยที่ตนเหตุทั้งหมดคือเขา แล้วจะยังกล้าสัญญาได้เต็มปากอีกเหรอว่าจะไม่มีวัน ทำให้เสียใจอีก… 2BCon… (ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคับ ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์นะคับ :pig4: ดีใจมากๆ อ่อ...ลืมบอกไปไรท์เตอร์ชื่อ ไนท์นะคับ >.< วันนี้เพิ่งเริ่มกินเจวันแรก ยังไงก็ชวนเพื่อนๆกินเจกันเยอะๆนะคับ แล้วก็จะเอานิยายมาลงวันเว้นวันนะคับเพราะว่าต้องแต่งไปลงไป ^^ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคับ... :กอด1:)
งดบริโภคเนื้อ แต่งดบริโภค :oo1:ไม่ด๊ายยยย :laugh: :laugh:
เรื่องนี้อ่านแล้วดูอบอุ่นดีจัง
แล้วมินทร์จะรู้หรือเปล่าว่าเป็นตัวแทนของแม่ แล้วอาวัตรกับอาวีมีความหลังอะไรด้วยหรือเปล่า ปล. มาลงทุกวันนะ
:L1:
:sad11: ทำไมมันแซดๆๆแบบนี้อ่า แต่ชอบ เอาแบบให้น้ำตาไหลเลยได้ปะ ฮ่าๆๆๆช่วงนี้จิตรตกอ่านแบบนี้คงตกขึ้นไปอีก
มาติดตามด้วยคนเจ้าค่ะ อิอิ อาหลาน อาหลาน
อาหลานคู่นี้ หวานปะแล่มๆแฮะ ส่วนอาดลกะอาวีก็ทะแม่งทะแม่ง มีซัมทิ่งอะไรกันป่ะเนี่ยคู่นี้
สนุก....................... รักหวานเคล้าน้ำตา
สงสารหลานไม่รู้อะไรบ้างเลย
อาวัตร มองหลานแค่เป็นเงาของแม่จริงๆ เหรอ แล้วอีกคู่ ก็น่าลุ้นนะ นภดล กะ ปฐวี เหมือนๆ วีจะแอบชอบดล ใช่มั้ยเนี่ย
พี่ชายของอาวัตรนี่ใช่พ่อของน้องมินทร์มั้ย ถ้าใช่ เค้าก็เป็นอาหลานกันจริงๆอ่ะดิ :m28: แต่ถึงเป็นจริงๆ ก็ไม่แคร์อ้ะ :laugh: เพราะหลานมินทร์ของอาวัตรน่ารักไร้เดียง :-[
เป็นการง้อที่เรียกได้ว่า...น่ารัก เราคิดว่า ดล กับวีเค้าต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังกันแน่ๆเลย^^_^
-3- เช้าวันรุ่งขึ้นแต่ละคนต่างดูแข็งขันพร้อมที่จะเข้าไปในไร่ส้ม จักรยานถูกจอดอยู่เพียงแค่สองคันซึ่งทำให้ใครบางคนนั้นถึงกับหนักใจเลยทีเดียว “น้องมินทร์ไปกับอาดลนะครับ” “ไม่ได้ นายไม่ค่อยรู้จักเส้นทางเกิดพามินทร์ไปล้มจะว่ายังไง” เรวัตรเอ่ยค้าน “แกก็นำให้มันดีๆสิวะ แค่จักรยานนะเว้ย…” “วัตร มีจักรยานอีกคันไหมล่ะ วีอยากขี่เองมากกว่าจะได้ออกกำลังกายด้วย” “เดี๋ยวเราถามคนงานให้นะ” และการถกเถียงเรื่องจักรยานก็จบลงที่ภูมินทร์ซ้อนท้ายเรวัตร ส่วนผู้มาเยือนอีกสองคนก็ต่างคนต่างขี่จักยานไปกันเอง “วันนี้อากาศดีจังเลยเนอะอาวัตร” เสียงใสของเด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนเหยียบกับที่เหยียบที่ต้องซื้อใส่เพิ่ม มือเรียววางลงบนบ่าที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบรอบคอและโน้มตัวเข้าไปชิดจนแก้มแนบกัน “วันนี้อาวัตรโกนหนวดด้วย มินทร์ได้กลิ่น” เรวัตรคลี่ยิ้มกับเสียงใสๆของหลานชายที่ตอนนี้โตขึ้นเยอะ เขาพยายามเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่นกับภูมินทร์มาตลอดเพราะหลานชายของเขาต้องเสียทั้งพ่อและแม่ไปในเวลาเดียวกัน อุบัติเหตุในวันปิดเทอมซึ่งคนที่เขานับถือเป็นเหมือนพี่ชายเสียชีวิตคาที่ ส่วน “ศศิ” ที่ถึงแม้จะรอดมาได้ก็บาดเจ็บสาหัสและต่อมาก็จากไป ภูมินทร์ซึ่งนั่งเบาะหลังได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยแต่เพียงเท่านี้ก็นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว “อาวัตร คิดอะไรอยู่เหรอครับ” “เปล่าหรอก อ่ะ…ถึงแล้ว” เรวัตรจอดจักรยานเมื่อมองเห็นแนวต้นส้มที่ทอดตัวเรียงราย สีเหลืองส้มที่แซมอยู่กับพุ่มสีเขียวราวกับเม็ดอัญมณี เบื้องหลังของไร่ส้มคือแนวทิวเขาที่มีไอหมอกลงปกคลุม “บรรยากาศดีเหมือนเดิม” นภดลเอ่ยชื่นชมก่อนจะเริ่มเดินสำรวจพื้นที่ “วีจะไปเก็บส้มทางด้านโน้นนะ เราไปกันเถอะน้องมินทร์” ปฐวียื่นมือมาให้ภูมินทร์จับก่อนที่ทั้งคู่จะเดินตรงไปยังต้นที่ผลส้มออกเต็มไปหมดจนทั้งต้นเกือบจะเป็นสีส้ม อีกสองหนุ่มจึงปล่อยให้ทั้งสองคนไว้ตรงนั้นก่อนจะเดินห่างออกมาเพื่อคุยตามประสาเพื่อนและอาจจะมีเรื่องธุรกิจเข้ามาร่วมบ้าง “ข้ามีเรื่องอยากถามแกว่ะ ไอ้ดล” “ก็ถามมาสิวะ แกก็รู้นี่ว่าถามข้าได้ทุกเรื่อง” นภดลเอ่ยอย่างสบายๆก่อนจะมองดูภาพไอเย็นบางๆที่ก่อตัวอยู่แถวทิวเขาซึ่งต่างจากหมอกควันที่ก่อตัวอยู่แถวตึกสูงในเมืองหลวง “แกกับวี…มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ ข้าเห็นแกไม่ค่อยพอใจ ไม่ว่าสิ่งที่วีทำนั้นจะทำเพราะห่วงแกก็ตาม” “ไม่มีอะไรหรอกไอ้วัตร ข้ากับวีก็เป็นแบบนี้แหละ คนอยู่ใกล้กันมากก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันมั่งดิวะ คิดมากไปได้” “แต่บรรยากาศรอบตัวแกกับวีเปลี่ยนไปว่ะ” “ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่ แกแหละที่คิดมากไปเอง” “ว่าแต่ปีนี้สงสัยจะได้กำไรงามสิเนี่ย ส้มออกเพียบเลย” นภดลกวาดสายตามองกลับไปยังแนวต้นส้มอีกครั้งและหยุดสายตาไว้ที่บุคคลสองคนที่กำลังสนุกสนานกับการเก็บผลกลมๆสีส้มอมเหลือง ปฐวีปีนขึ้นบันไดเมื่อเอื้อมไม่ถึงผลส้มบางลูก “ระวังหน่อยนะวี พื้นมันไม่ค่อยสม่ำเสมอน่ะ” เรวัตรตะโกนบอก “อย่าห่วงเลย สบาย…” แต่ยังไม่ทันขาดคำบันไดที่ปฐวีปีนขึ้นไปก็เสียการทรงตัว “น้องมินทร์หลบไป” สิ้นคำของปฐวีทั้งคนทั้งบันไดก็ล้มลงบนพื้นทันที “อาวี เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เจ็บตรงไหนไหม” ภูมินทร์เอ่ยถามก่อนจะจับไม้จับมือพลิกตัวอีกฝ่ายดูว่าอาการเป็นยังไง “อาไม่เป็นไรครับน้องมินทร์ ดีนะที่พื้นตรงนี้มีหญ้า เฮ้อ…เกือบต้องพักงานยาวซะแล้ว” “วี ไม่เป็นไรนะ” เรวัตรรีบวิ่งเข้ามาถาม “ไม่เป็นไร” “ทีหลังทำอะไรก็ระวังหน่อย” นภดลเอ่ยซึ่งเพียงแค่คำพูดเท่านี้ก็ทำให้ปฐวีคลี่ยิ้มแต่ประโยคที่ตามมาก็ทำเอาใบหน้าเรียวถึงกับปรับสีหน้าไม่ถูก “คิดซะบ้างว่าถ้าเกิดบันไดล้มไปโดนน้องมินทร์จะเป็นยังไง ทำไมชอบทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนอยู่เรื่อย” “ไอ้ดล…” เรวัตรรีบเอ่ยปรามเพื่อน “ขอโทษ…” ปฐวีเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดเศษหญ้า “คือ…ผมขอโทษนะครับ ถ้าไม่เป็นเพราะผมชวนมาอาวีก็ไม่ต้องเจ็บตัวแถมยังโดนอาดลว่าอีก อาดลถ้าจะว่าก็ว่าผมเถอะนะครับ” ภูมินทร์เอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวของผู้เป็นอาทั้งสามเริ่มตึงเครียด “น้องมินทร์ไม่ต้องขอโทษหรอกนะครับ เอาเป็นว่าเราไปเก็บส้มกันต่อดีไหม” นภดลเอ่ยเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดีเมื่อเห็นพวกเขาไม่เข้าใจกัน เด็กหนุ่มส่งยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปหาเรวัตร “เดินไปอีกนิดมีน้ำตกน่ะแกจำได้ใช่ไหม ไปเดินเล่นหน่อยไป” นภดลรู้ว่าเรวัตรตั้งใจจะไล่ให้ไปสงบสติอารมณ์ เขาจึงทำตามคำแนะนำของเพื่อน “วี…โอเคไหม” “เราไม่เป็นไร เดี๋ยวไปขี่จักรยานเล่นแทนดีกว่า น้องมินทร์ครับ ฝากเก็บส้มแทนอาวีหน่อยแล้วกันนะครับ เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะ” เมื่อทั้งสองต่างแยกกันไปก็เหลือแต่เรวัตรกับภูมินทร์ที่ยืนมองหน้ากัน “อาวีกับอาดลดูแปลกๆนะครับ ทุกทีไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้เลย” เด็กหนุ่มเอ่ยราวกับขอความเห็น “นั่นสิ อาก็ไม่เคยเห็นทั้งสองคนเป็นแบบนี้เหมือนกัน ถามอะไรดลก็ไม่ยอมตอบอาแถมยังเปลี่ยนเรื่องอีก สงสัยอาจะต้องไปถามวีดู” “เดี๋ยวมินทร์ถามอาวีให้เองเพราะมินทร์กับอาวีสัญญาว่าจะไม่มีความลับปิดบังกัน” “แอบไปสัญญากันตั้งแต่เมื่อไหร่ หืม…” เรวัตรเอ่ยก่อนจะใช้ปลายนิ้วบิดปลายจมูกของเด็กหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยวปนเอ็นดู “มินทร์ไม่บอกอาวัตรหรอก” เด็กหนุ่มจับมือใหญ่ออกจากใบหน้าก่อนจะเปลี่ยนมาควงแขนเดินไปตามแนวต้นส้มแทน “พอแดดเริ่มออกก็เริ่มร้อนเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาลอยๆแต่เมื่อภูมินทร์เหลือบไปเห็นสายยางที่วางอยู่แถวนั้นก็เกิดไอเดียขึ้นมาทันที “อาวัตร ร้อนใช่ไหมครับ” อยู่ๆเด็กหนุ่มก็หยุดเดินและเอ่ยถามด้วยเสียงหวานก่อนจะตามมาด้วยสายน้ำเย็นที่ฉีดเป็นละอองมาเต็มๆร่างสูงที่เดินนำหน้าไปเพียงไม่กี่ก้าว “มินทร์ เล่นอะไรเนี่ย” “ก็อาวัตรบอกว่าร้อนนี่นา เย็นขึ้นหรือยังล่ะครับ” “เปียกหมดแล้ว เดี๋ยวเถอะนะ มานี่เลย” อ้อนแขนกว้างโอบรอบเอวเด็กหนุ่มจากด้านหลังก่อนจะล็อคร่างที่เล็กและบอบบางกว่า มือใหญ่ก็ยื้อแย่งสายยางมาก่อนจะฉีดละอองน้ำเย็นใส่เด็กหนุ่มคืนบ้างจนทั้งคู่ตัวเปียกม่อล่อกม่อแลก เสียงหัวเราะดังก้องแต่ก็เงียบลงเมื่อภูมินทร์พลิกตัวหันกลับมายืนสบตา เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่เปียกน้ำทิ้งตัวลงแนบแนวโครงหน้าแต่เด็กหนุ่มก็ใช้มือเสยให้พ้นไป แนวคิ้วเรียวที่ทอดตัวอยู่เหนือนัยน์ตาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นแม่และริมฝีปากบางสีธรรมชาติ แวบหนึ่งเรวัตรเห็น “ศศิ” ยืนอยู่ต่อหน้าแต่เมื่อเขาหลับตาลงสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆออกไปพอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นผู้มีศักดิ์เป็นหลานยืนอยู่ “อาวัตรของมินทร์เปียกหมดเลย” เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างและใช้ฝ่ามือไล้ไปตามแนวโครงหน้าคมเข้มเพื่อปัดเส้นผมเปียกสีเข้มให้พ้นไปเพื่อจะได้มองใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างเต็มตา “เดี๋ยวเราไปตามอาดลและกลับไปรออาวีที่บ้านดีไหมครับ เปียกขนาดนี้ต้องไม่สบายแน่” ภูมินทร์เอ่ยก่อนเดินนำหน้าชายหนุ่มไป ทิ้งให้อีกฝ่ายได้แต่มองตามราวกับต้องมนต์สะกดแต่เมื่อรู้สึกตัวก็รีบเดินตามไปทันที แม้จะไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองกำลัง “กลัว” สิ่งใด แต่วันนี้ ณ เวลานี้… เขากำลัง “กลัว” สิ่งที่เรียกกันว่า “ความหวั่นไหว” 2BCon… (มาต่อแล้วนะคร๊าบ :mc4:...ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์นะคับ แล้วก็ที่ถามกันว่าน้องมินทร์กะอาวัตรเป็นอาหลานกันจริงๆหรือเปล่า อิอิ ขอบคุณนะคับแต่แรกแอบมองข้ามเรื่องนี้ไป จะให้เป็นอาหลานกันจริงๆเดี๋ยวจะผิดศีลธรรมไป เลยสรุปว่าไม่ใช่นะคับ แล้วก็...ตอนต่อไปรออ่านให้ได้นะคับ เพราะจะมีตัวละครเข้ามาเพิ่มอีก 3 ตัว คือ ศิลา อิงฟ้าและอิงธาร รับรองว่ามีเพิ่มอีกหลายรสชาติคับ แถมอีกหน่อย เมื่อวานไปดูเรือ Sagres เป็นเรือสัญชาติโปรตุเกสที่เข้ามาเทียบท่าที่ท่าเรือกรุงเทพฯคับ ขอบอกว่าสวยมากๆคับแล้วก็ใหญ่มากๆด้วย แต่ว่าเรือลำนี้จะมาเทียบท่าถึงแค่วันพุธนี้เท่านั้นนะคับ ปล ฝรั่งแต่ละคนหุ่นหน้าหม่ำมาก หุหุ :-[)
:L1:
กลัวความหวั่นไหวเหมือนกันนะ
ผู้เป็นอาก้อน่าจะหวั่นไหวอยู่ ผู้ที่เป็นหลานแสนจะเหมือนผู้เป็นแม่ที่ตนเองพึงใจออกปานนั้น แต่มินทร์กิริยาน่ารักจริง :impress2: เอร่อ...จะมีตัวละครมาเพิ่มอีกตั้งสามเชียว อย่าให้หลายรสนักนะคะ หุหุ กลัวจะเศร้า กลังจริงจังมาก... เพี้ยง!! :L2:
เอาใจช่วยอาหลานคู่นี้ :กอด1:
อาดลกะอาวีอา เกิดไรขึ้นอยากรู้ๆๆๆๆๆๆ แต่น้องน่ารักเนอะ หวั่นไหวไปแล้วก็บอกอาวัตร
ดลกับวี อะไร ยังไง อยากรู้ง่ะ ผิดมั้ยถ้าจะชอบคู่รอง
อ่า งี้นี่เอง o18 รออาวัตรรุกคุณหลานนะ ตึง!! หรือหลานมินทร์จะรุกดี :laugh: ปล. อยากดูเรือเหมือนกัน อยากดูทหารเรือด้วย กร๊ากกกกกก
แอบมีหวั่นไหว หุหุหุ
อาวัตรจะกลัวทำไม
พี่แก้วเนี่ยชอบแนวกินเด็กเหมือนกันนะ คริ คริ ตัวละครมีหลายคู่ก็ดีจ้ะ หลากหลายอารมณ์ หลากหลายรูปแบบดี
พี่แก้วเนี่ยชอบแนวกินเด็กเหมือนกันนะ คริ คริ ตัวละครมีหลายคู่ก็ดีจ้ะ หลากหลายอารมณ์ หลากหลายรูปแบบดี คับพี่แก้ว ^^
เนี่ยมันยิ่งกว่ามีอะไรอีกระหว่างดลกับวี อยากรู้ๆๆๆ น้องมินทร์รีบไปถามเลย โหย!! น้อยใจๆคนตกต้นไม้นะเฟ้ย! ยังไม่คิดจะเป็นห่วง ถามน่ะได้มั้ยฮะว่าเจ็บมั้ย?? อะไรอย่างเนี่ย ใช้ไม่ได้เลยดล!!!! ส่วนคุณอาหลาน หวั่นไหวๆ น่ารักกกกก
-4- เมื่อกลับมาถึงที่พักเรวัตรก็ได้รับโทรศัพท์ทันที ซึ่งผู้ที่โทรมานั้นเป็นเจ้าของไร่ชา “อิงดาว” ซึ่งเป็นไร่ที่ตั้งอยู่ละแวกเดียวกับไร่ของเขานั่นเอง เมื่อวางสายก็เห็นภูมินทร์ยืนมองด้วยแววตาสงสัย “คุณศิลาเจ้าของไร่อิงดาวโทรมาน่ะ เห็นบอกว่าจะแวะเอาของฝากมาให้” “ธารจะมาด้วยหรือเปล่าครับ มินทร์คิดถึงธารจังเลย” “รายนั้นคงไม่พลาดที่จะมาเจอมินทร์หรอก อาว่าต้องซื้อของมาฝากเพียบแน่” “งั้นมินทร์รีบไปอาบน้ำดีกว่า อาวัตรรีบไปอาบน้ำด้วยล่ะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย มินทร์เป็นห่วงนะครับ” เมื่อเอ่ยจบเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปปล่อยให้บางคนยืนยิ้มค้างกับอากาศ “ยิ้มบ้าอะไรของแกคนเดียววะ ไอ้วัตร” “มะ…ไม่มีอะไรเว้ย” เรวัตรรีบเอ่ย “นึกว่าอาการกำเริบ” “อาการอะไรวะ” “ก็อาการกำเริบ เลิฟเด็กน่ะสิ” “ไอ้เพื่อนเวร หุบปากไปเลย ข้าจะไปอาบน้ำเดี๋ยวจะมีแขกมา อ่อ…ช่วยสงบเสงี่ยมเจียมตัวหน่อยก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนแล้วเตะแกกลับกรุงเทพฯ” เรวัตรเอ่ยก่อนจะทิ้งให้นภดลยืนทำปากขมุบขมิบกร่นด่า ร่างสูงแต่งตัวราวกับนายแบบทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาก่อนจะกดรีโมทเปลี่ยนช่องหารายการอะไรดูไปเรื่อยๆแต่เมื่อได้ยืนเสียงประตูดังขึ้นจึงหันไปสบตาเข้ากับปฐวีเข้าพอดี “น้ำตกสวยไหมดล” “ก็เคยเห็นนี่ เป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิม” “ดล…” “มีอะไรก็พูดมา อย่างมาเรียกชื่อคนอื่นเขาทิ้งๆขว้างๆแบบนี้” “วีขอโทษ” นภดลส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะถอนหายใจยาว “เรื่องวันนั้น…” “บอกแล้วไงว่าอย่าพูดถึงมันอีก แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว” “วีขอโทษ” “เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นการเดินออกไปจากชีวิตของฉันแทนได้ไหมล่ะ ปฐวี” นภดลเอ่ยตรงๆแบบตัดบัวไม่ไว้ใยเพราะเขารู้ว่าไม่ว่าจะพูดด้วยถ้อยคำรุนแรงสักเพียงไหนปฐวีก็ไม่มีวันที่จะเดินออกไปจากชีวิตของเขา “อาวีกับอาดลกลับมาแล้ว” ภูมินทร์เอ่ยด้วยเสียงใสก่อนจะเดินเข้ามาหาผู้เป็นอาทั้งสองซึ่งต่างต้องปรับสีหน้ากันยกใหญ่ “อาบน้ำหอมมาเชียวนะครับน้องมินทร์” “ก็วันนี้มีแขกมานี่ครับ ไม่รู้ว่าอาวีกับอาดลจำธารได้ไหมครับ อิงธารลูกของคุณศิลาเจ้าของไร่อิงดาวน่ะครับ” “อ่อ…เด็กตัวเล็กๆที่เป็นเพื่อนเล่นของน้องมินทร์ตอนเด็กๆใช่ไหมครับ” “ใช่ครับอาวี ธารจะกลับมาจากเมืองนอกแล้ว” “ดีครับ น้องมินทร์จะได้ไม่เหงาเวลาอาวัตรงานยุ่ง” สักพักเรวัตรก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยอีกคนก่อนจะสั่งให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารเย็นเผื่อ บุคคลที่จะมาเยือนในค่ำคืนนี้ด้วย ไม่นานเกินรอสักพักก็ได้ยินเสียงล้อยางบดกับพื้นถนนก่อนเสียงเครื่องยนต์จะดับลงและตามมาด้วยเสียงใสๆของใครบางคนที่ตะโกนก่อนจะได้เห็นตัว “มินทร์…” “ธาร…” สองหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกอดกันแน่นเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานก่อนเด็กหนุ่มผิวขาวร่างเล็กจะส่งถุงของฝากให้ “สวัสดีครับ คุณศิลา เดินทางราบรื่นดีไหมครับ” เรวัตรกล่าวทักทายชายวัยกลางคนที่แต่งตัวดูภูมิฐานที่ไม่ว่าจะพิศดูใบหน้าคมคายนั่นอย่างไรก็ไม่น่าจะอายุเกิน 35 “ราบรื่นดี นานแล้วที่ไม่ได้กลับมาที่นี่และต่อจากนี้ก็จะไม่คิดจะไปไหนแล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนเมืองไทย” ผู้มาใหม่มองแต่ละบุคคลที่ยืนอยู่ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “นี่…นภดลกับปฐวีเพื่อนสนิทของผมเองครับ” เมื่อต่างฝ่ายต่างเริ่มคุ้นเคย เรวัตรก็ชวนให้อยู่ร่วมมื้อค่ำด้วยกันซึ่งชายวัยกลางคนก็ตบปากรับคำเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาท ขณะที่กำลังจะนั่งลงกันนั้นก็มีหญิงสาวแต่งตัวทันสมัยเดินเข้ามา ริมฝีปากเคลือบกลอสสีอ่อนคลี่ยิ้มหวานราวกับจะสะกดทุกสายตาที่มอง “นี่…อิงฟ้า ลูกสาวคนโตของฉัน เธอเกิดและโตที่ต่างประเทศ วัตรกับหนูมินทร์คงจะไม่รู้จัก” หญิงสาวร่างโปร่งบางนั่งลงก่อนจะเอ่ยทักทายและพยายามปรับตัวให้เข้ากับทุกๆคน ภูมินทร์แอบลอบสังเกตอากัปกิริยาท่าทางของผู้แปลกหน้าคนใหม่และพบกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เริ่มไม่ค่อยพอใจ ใบหน้าขาวใสอมชมพู ริมฝีปากอวบอิ่ม ไม่ใช่สิ่งนั้นเลยที่ทำเด็กหนุ่มไม่พอใจแต่กลับเป็นดวงตาคู่โตเด่นที่สะท้อนแต่ภาพผู้เป็นอาของเขาต่างหาก “อิงฟ้าสนใจเรื่องการทำไร่ชานะค่ะ เลยขอคุณพ่อกลับมาเมืองไทยด้วย” “ตอนนี้การทำไร่ชาที่เมืองไทยก็กำลังเป็นที่นิยมนะครับ” “ใช่ค่ะ อีกอย่างคุณพ่อก็มีที่อยู่ที่เมืองไทยแล้วด้วย เลยกลับมาที่นี่ดีกว่าค่ะ” เธอเอ่ยไปยิ้มไปให้กับเรวัตรซึ่งนั่นก็ทำให้ภูมินทร์เผลอทำหน้าไม่พอใจ “มินทร์เป็นอะไรหรือเปล่า ปวดท้องเหรอ” “ใช่…ดูเหมือนอาหารจะไม่ย่อยน่ะธาร” “นายก็ค่อยๆเคี้ยวสิ อ่อ…ที่ไร่อิงดาวจะมีคอกม้าด้วยนะ ไว้ฉันจะมารับนายไปขี่ม้าด้วยกัน” “แต่มินทร์ขี่ม้าไม่เป็นนะ” “ไม่ต้องห่วง ตอนแรกธารก็ไม่เป็นเหมือนกัน แต่ครูคนนี้เก่งมากเลยนะ ใจดีด้วยรับรองได้” อิงธารกล่าวถึงคนสอนขี่ม้าพร้อมทั้งรอยยิ้ม “มินทร์ชักอยากเห็นครูคนนี้ซะแล้วสิ” ภูมินทร์เอ่ยพร้อมทั้งใช้ไหล่ดันเพื่อนเป็นการเย้าแหย่ “มินทร์ก็…” เด็กหนุ่มสองคนเอ่ยแหย่กันไปมาก่อนจะคุยสารพัดเรื่องเนื่องจากไม่เจอกันเป็นเวลานาน ซึ่งมื้อค่ำนี้นภดลและปฐวีแทบไม่มีบทบาทแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว อยู่ๆนภดลก็กระแอมไออยู่หลายครั้งพลางขยับคอเสื้อราวกับหายใจยากเสียเต็มประดา “เป็นอะไรหรือเปล่าดล” ปฐวีรีบเอ่ยถามก่อนจะลูบแผ่นหลังกว้างแต่มือใหญ่ของนภดลกลับปัดทิ้ง “หึ…ก็แค่ก้างติดคอ” “กลืนข้าวเข้าไปสิ เดี๋ยวถ้ายังไม่หายวีจะพาไปหาหมอ” “ก้างมันชิ้นใหญ่ไปหน่อย เดี๋ยวก็หาย” เรวัตรเริ่มสงสัยอาการของเพื่อนสนิททั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ดูสงบเสงี่ยมดีแต่ทำไมอยู่ๆถึงตีรวนกวนอวัยวะเบื้องล่างขึ้นมา “อิ่มแล้วครับ เชิญทุกท่านทานกันต่อนะครับ ไม่ต้องรีบ” นภดลเอ่ยก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอาหารไป ปฐวีทำท่าจะลุกตามแต่เรวัตรใช้สายตาดึงให้กลับมานั่งลงตามเดิม “ขอโทษด้วยนะครับ คุณศิลา คุณอิงฟ้าแล้วก็น้องธาร” “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับคุณวัตร เพื่อนคุณคงหงุดหงิดกับก้างชิ้นใหญ่ที่ติดคอ ผมว่าคงจะต้องติดอีกนานแน่ๆ” ศิลาเอ่ยก่อนจะยิ้มมุมปากและนัยน์ตาเป็นประกายราวกับกำลังเจออะไรที่น่าสนใจและน่าสนุก ปฐวีซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะก็ยิ่งงุนงงสงสัยเป็นยิ่งนักเรื่องที่บุคคลทั้งสองคุยถึงเรื่องก้างปลา ทั้งๆที่อาหารบนโต๊ะไม่มีอะไรเลยที่ทำมาจากปลา “คุณปฐวี เพื่อนคุณนี่ช่างปากไม่ตรงกับใจเลยนะครับ” “ดลน่ะเหรอครับ เขาออกจะตรงไปตรงมา โผงผางนี่ครับ” ปฐวียิ่งงุนงงหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแต่กลับหัวเราะในลำคอและจิ้มผลไม้เข้าปาก ภูมินทร์เองก็เป็นอีกคนที่ไม่เข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องหันขวับเมื่อเห็นมือหญิงสาวสัมผัสกับมือของเรวัตรกลางโต๊ะอาหาร “อุ๊ย…ขอโทษค่ะ ฟ้าไม่คิดว่าเราจะใจตรงกัน” เธอเอ่ยก่อนจะชักมือกลับเมื่อมือของทั้งคู่สัมผัสโดนกันบนที่จิ้มผลไม้อันเล็กซึ่งเด็กหนุ่มมองยังไงก็รู้ว่าเป็นการจัดฉาก อิงฟ้าคงจ้องรอโอกาสเป็นแน่ “คุณอิงฟ้า ทานก่อนเลยครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ วัตร” ไม่นานเธอก็เอ่ยเรียกเรวัตรอย่างสนิทสนมแถมอาของเขาก็ดูจะพออกพอใจในการกระทำนั้นยิ่งทำเอาเด็กหนุ่มแทบเดือด “อาวัตร…” ภูมินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “น้องมินทร์ผู้ใหญ่กำลังคุยกันอยู่นะครับ เป็นเด็กไม่ควรแทรกนะ” ใบหน้าของเด็กหนุ่มยิ่งงอง้ำเมื่อริมฝีปากที่เคลือบกลอสสีสวยคลี่ยิ้มให้ราวกับท้าทาย เธอรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แถมจงใจยั่วโมโหด้วย อาวัตรนะอาวัตร…มาใช้คำว่าเด็กกับผู้ใหญ่อีกแล้ว คอยดูนะจะงอนให้ง้อจนเข็ดเลยทีเดียว ยิ่งมองเห็นภาพเธอคนนั้นจัดฉาก เล่นละครมากเท่าไหร่ภูมินทร์ก็รู้ว่าเธอคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อนาคตเริ่มทำให้เด็กหนุ่มวิตกกังวลจนเริ่มหวาดกลัวเพราะเขาคิดว่าเธอคนนี้กำลังจะเดินเข้ามา ทำให้อะไรหลายๆอย่าง ณ ที่แห่งนี้ “เปลี่ยนไป” 2BCon… (มาต่อแล้วคับ :mc4:ขอบคุณนะคับสำหรับทุกๆคอมเม้นต์ ^^ ตอนแรกที่ไนท์แต่งไนท์ก็แอบชอบคู่รองนะคับ ฮ่าๆๆ อาจจะเป็นเพราะบทของอาวัตรและน้องมินทร์ยังออกแนวราบเรียบอยู่ แต่ตอนนี้มีอีก 3 คนเข้ามาเพิ่มคงมีสีสันขึ้นอีกเพียบคับรับรองได้ เมื่อเช้าเกรดออก สุดๆคับ :z3:เพื่อนๆบ่นว่าแย่ไปตามๆกัน แต่ไม่เป็นไรคับ อีกเทอมเดียวก็จะจบออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว :a5:แหะๆ บ่งบอกอายุคับ แล้วเจอกันตอนหน้านะคับ)
เอ้ยน้องธารน่ารัก แต่ว่าอยากรู้ความคิดของอาวัตรกับอาดลจัง
มาต่อเร็วๆนะ เรื่องนี้น่าสนใจดี คู่อาหลาน แปลกไปอีกแนว
พี่แก้วเนี่ยชอบแนวกินเด็กเหมือนกันนะ คริ คริ ตัวละครมีหลายคู่ก็ดีจ้ะ หลากหลายอารมณ์ หลากหลายรูปแบบดี เค้าก็ชอบแนวนี้เหมือนกันนะคุณนายแก้ว 555 เรื่องนี้เมื่ออ่านไป ๆ เหมือนโดนระเบิดที่วางเอาไว้ ตู้ม หลายลูกสะด้วยสิ สนุกดี ชอบค่ะ +1 นะเจ้าคะ
พี่แก้วเนี่ยชอบแนวกินเด็กเหมือนกันนะ คริ คริ ตัวละครมีหลายคู่ก็ดีจ้ะ หลากหลายอารมณ์ หลากหลายรูปแบบดี เค้าก็ชอบแนวนี้เหมือนกันนะคุณนายแก้ว 555 เรื่องนี้เมื่ออ่านไป ๆ เหมือนโดนระเบิดที่วางเอาไว้ ตู้ม หลายลูกสะด้วยสิ สนุกดี ชอบค่ะ +1 นะเจ้าคะ ว้าย..ดีใจจ้ะ เจอคอเดียวกันค่ะคุณนายนัท เหมือนพระเอกเรามีความหลังฝังใจนะ แบบนี้คงเปิดปากเปิดใจยากมั้ง
^ ^ ^ เค้าก็คิดแบบนั้นแหละ ตะเอง คริๆ
ที่เข้ามาใหม่ ท่าทางจะไม่เบาเลย ทั้งศิลาและอิงฟ้า :beat: ดีจังที่มินทร์ฉลาดรู้สึก... แต่อาวัตรคะ ดูแลดีๆ นะคะ :L2:
มินทร์สู้ ๆ ๆ ๆ รู้แล้วใช่หรือเปล่า ว่าคนนี้ไม่ธรรมดา
มีมารเข้ามาแล้วน้องมิน
อูยยย นางร้ายมาแว้วว
เกลียดชะนีแรดเงียบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ต่อไปคงแรดเปิดเผย
ตามมาให้กำลังใจเรื่องนี้ค่ะ ^^ เฮ้ออ .. มารร้ายจริงๆ ..
ดูเหมือนละครบ้านไร่เลย อ่านแล้วชอบมากๆ แล้วจะรออ่านต่อน๊า
อะไรที่จะเปลี่ยนไปน้า...วัตรจะเปลี่ยนใจไปชอบอิงฟ้าเหรอ เห็นด้วยค่ะน้องมินทร์ควรงอนแล้วให้ง้อยากๆหน่อย อยากไม่สนใจดีนัก ชิ!!! ส่วนวีกับดล ที่วีไม่เข้าใจนั้นเราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแหละ PS. ไรท์เตอร์คะ ตกลงว่าดลเนี่ยชื่อ นภดล หรือภูวดลกันแน่
อะไรที่จะเปลี่ยนไปน้า...วัตรจะเปลี่ยนใจไปชอบอิงฟ้าเหรอ เห็นด้วยค่ะน้องมินทร์ควรงอนแล้วให้ง้อยากๆหน่อย อยากไม่สนใจดีนัก ชิ!!! ส่วนวีกับดล ที่วีไม่เข้าใจนั้นเราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแหละ PS. ไรท์เตอร์คะ ตกลงว่าดลเนี่ยชื่อ นภดล หรือภูวดลกันแน่ ขอบคุณนะคับที่ท้วงติง ไรท์เตอร์เบลอไปหน่อยคับ ชื่อ นภดลคับ ขอโทษที Ps ตอนที่ 3 ผิดเต็มๆคับ ขออภัยอย่างสูง
แบบนี้ น้องมินทร์ จะสู้กะอิงฟ้า ได้เหรอ ดูท่าฝีมือคุณเธอใช่ย่อยนะนั่น แล้ว ดล กับ วี เขามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรกัน
-5- หลังจากมื้อค่ำที่ได้ผู้ร่วมโต๊ะอาหารมาเพิ่มอีก 3 คนแล้วนั้นก็ได้เวลาส่งแขกกลับบ้านเสียที เรวัตรยืนคุยกับศิลาและอิงฟ้า แต่หลังจากที่ชายวัยกลางคนขึ้นรถไปแล้วนั้นหญิงสาวก็ได้พูดคุยกับชายหนุ่มต่ออีก “แวะมาที่ไร่อิงดาวบ้างนะคะ วัตร” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ได้ครับ ไว้ผมจะแวะไปรบกวนนะครับ คุณอิงฟ้า” “เรียกฟ้าก็ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” เสียงอ่อนหวานเอ่ยพร้อมกับส่งสายตาให้จนกระทั่งขึ้นไปนั่งบนรถคันหรู “แล้วเจอกันนะมินทร์” อิงธารเอ่ยบอกเพื่อนรักก่อนจะรั้งร่างโปร่งเข้ามากอด “แล้วเจอกัน อ่อ…อย่าลืมที่พูดไว้นะว่าจะแนะนำครูสอนขี่ม้าให้รู้จักน่ะ” ภูมินทร์เอ่ยแซวทิ้งท้าย หลังจากที่รถคันหรูแล่นออกไปนอกบริเวณ เรวัตรก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ชายหนุ่มหันไปมองหลานชายตัวเองที่ทำหน้างอง้ำ เมื่อเขาสะกิดให้อีกฝ่ายหันมาสบตากลับโดนเมินใส่ “งอนอะไรอาอีกล่ะ หืม…” “เปล่างอนอะไรสักหน่อย” ภูมินทร์เอ่ยก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินเข้าบ้านแต่มือใหญ่กลับคว้าท่อนแขนเรียวไว้เสียก่อน “บอกอามาก่อนว่างอนเรื่องอะไร” “ก็มินทร์บอกแล้วว่าไม่ได้งอน” “ไม่งอนได้ยังไง ดูสิ ปากจะติดกับจมูกอยู่แล้ว” “อาวัตร…” “นั่น…ขึ้นเสียงเรียกอาอย่างนี้แสดงว่าไม่พอใจ” “ช่างเถอะ มินทร์คงง่วงนอน” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเมื่อเห็นหลานชายตัวดีหน้าตาบึ้งตึง อาการแบบนี้คงเพราะไม่อยากจะเห็นว่าเขาให้ความสนใจหรือให้ความสำคัญกับใครคนอื่นนอกเหนือจากเจ้าตัวสินะ “อาวัตร ปล่อยมินทร์ลงเดี๋ยวนี้นะ…” เด็กหนุ่มตะโกนลั่นก่อนจะใช้มือทุบตีแผ่นหลังกว้างเมื่อเรวัตรจับตัวขึ้นพาดบ่าปล่อยให้หัวทิ่มลงดิน “อาวัตร…มินทร์จะฟ้องอาวีกับอาดล” เด็กหนุ่มดิ้นไปมาอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ “อาวีกับอาดลของเราหายต๋อมไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วคงไม่มีใครให้ฟ้องแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ…” ในที่สุดเรวัตรก็อุ้มเด็กหนุ่มมาส่งถึงห้องนอนจนได้ “ถึงห้องแล้ว ปล่อยมินทร์ลงนะ” “ก็มินทร์ง่วงนี่นา เดี๋ยวอาจะส่งถึงเตียงเลย” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า มือใหญ่อีกข้างที่ว่างก็บิดลูกบิดประตูเปิดออกก่อนควานหาสวิตช์ไฟ ทันทีที่แสงไฟส่องสว่างก็พบกับห้องกว้างที่ดูสะอาดสะอ้านและจัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างเป็นระเบียบ มุมห้องด้านหนึ่งเป็นเตียงสี่เสาขนาดคิงไซต์ เมื่อเจอเป้าหมายเรวัตรจึงวางร่างโปร่งลงก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ มุ้งบางๆที่ถูกมัดอยู่ที่เสาเตียงถูกจัดให้คลุมรอบเตียงอย่างดีก่อนชายหนุ่มจะเปิดด้านหนึ่งเพื่อเข้าไปนั่งเคียงข้างกับร่างที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง “ตกลงจะไม่บอกอาจริงๆเหรอว่างอนเรื่องอะไร” “มินทร์ไม่ชอบคุณอิงฟ้า” “ทำไมล่ะ ฟ้าก็ดูเป็นคนดีนี่นา” “รู้จักกันไม่เกินสองชั่วโมงก็เรียกชื่อสนิทสนมกันซะแล้ว อาวัตรชอบล่ะสิ” ชายหนุ่มทำแค่เพียงยักไหล่อย่างสบายๆโดยไม่ตอบคำถามใดๆยิ่งทำให้เด็กหนุ่มน้อยใจจนล้มตัวลงนอนก่อนจะดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมซะจนเกือบมิดร่าง เรวัตรโน้มตัวเข้าไปใกล้พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ภูมินทร์ไม่ได้เห็น ใบหน้าคมก้มลงเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของตัวเองที่สะท้อนมาจากผิวแก้มนุ่มแต่ริมฝีปากบางจรดลงบนตำแหน่งหน้าผากมน “ไม่มีใครแย่งอาไปจากมินทร์ได้หรอกนะ ฝันดีครับ” ชายหนุ่มร่ายเวทมนต์ขับกล่อมเด็กหนุ่มแสนงอนเป็นที่เรียบร้อยก็เดินมาที่ประตูก่อนจะปิดไฟและเดินออกจากห้องไป ใครบางคนที่ทำตัวแสนงอนก็ค่อยๆลดผืนผ้านวมมาไว้ที่หน้าอกก่อนจะอมยิ้มพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือสัมผัสลงบนไออุ่นจางๆของใครบางคนที่ทิ้งไว้บนหน้าผาก พวงแก้มที่สะท้อนกับแสงไฟขึ้นสีระเรื่อ ภูมินทร์ลืมเรื่องที่ไม่พอใจไปเสียสิ้นเพียงแค่การกระทำที่แสนอบอุ่นอ่อนโยนจากบุคคลสำคัญ “ไม่มีใครแย่งอาไปจากมินทร์ได้หรอกนะ” คำพูดนั้นยังก้องอยู่ในหูและเด็กหนุ่มก็หลับไปพร้อมกับประโยคที่ราวกับคำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีใครพรากอาวัตรคนที่เปรียบเสมือนลมหายใจไปจากเขาได้ เมื่อเรวัตรออกมาจากห้องของภูมินทร์ก็พบกับนภดลเข้าพอดี “ไง…พูดจากวนอวัยวะเบื้องล่างกลางโต๊ะอาหาร ไม่ไว้หน้าเพื่อนเลยนะ” “โทษทีว่ะ…” “ก้างติดคอ อ้างมาได้ ก้างบ้านญาติแกดิ บนโต๊ะไม่มีอาหารอะไรทำจากปลาซะหน่อย แกคิดอะไรอยู่กันแน่วะไอ้ดล” “ช่างเถอะว่ะ ข้าขอโทษก็แล้วกัน” “ไอ้ดล…” เรวัตรเอ่ยเรียกรั้งเพื่อนไว้ “จะไม่บอกข้าจริงๆใช่ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างแกกับวี” “ก็บอกไปแล้วไงว่าไม่มีอะไร จะเซ๊าซี๊ถามไปทำไมวะ แกห่วงไอ้วีมันมากนักเหรอไง” “เอ่อ…ข้าห่วงวี” “ไม่ต้องห่วงมันหรอก อีกไม่นานมันคงจะได้อยู่สุขสบายกับคนกระเป๋าหนัก” “พูดอะไรของแกน่ะไอ้ดล” “แกคงไม่รู้สินะไอ้วัตร ว่าคุณศิลาอะไรนั่นจ้องไอ้วีตาเป็นมัน คงจะอยากได้ไม่น้อย” “ไอ้ดล…กลับกรุงเทพฯไปคราวนี้ช่วยไปผ่าหมาออกจากปากด้วยนะ พูดอะไรหัดคิดถึงใจคนอื่นซะบ้าง” “ก็ข้าไม่ได้ประเสริฐเลิศล้ำเหมือนแกนี่” “ข้าเบื่อที่จะพูดกับแกแล้ว ทีหลังจะพูดอะไรก็คิดถึงใจวีบ้าง วีแคร์แกมากนะเว้ย…” นภดลเหยียดยิ้มมุมปากราวกับชื่อได้ที่ยินเป็นของแสลง กิริยาท่าทางหยิ่งยโสที่เผยออกมานั้นทำให้เรวัตรรู้ได้ในทันทีว่าสองคนนี้ต้องมีเรื่องบาดหมางกันอย่างแน่นอน “เอ่อ…” ปฐวีเอ่ยขึ้นมาราวกับเกรงใจเมื่อตัวเองเดินเข้ามาและทำให้บุคคลทั้งสองที่คุยกันก่อนหน้านี้ต้องหยุดบทสนทนาลงกลางคัน “วีคงไม่ได้เข้ามาขัดหรอกนะ” “ไม่หรอกวี” เรวัตรเอ่ยก่อนจะเดินไปโดยปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันตามลำพัง “ก้างหายติดคอหรือยังดล” “ฉันแค่คิดไปเองว่ามันติดน่ะ” “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” “รู้สึกยังไงบ้างล่ะ เป็นที่หมายตาของเจ้าของไร่ชาเชียวนะคราวนี้” “ดล…คุณศิลาเขาแต่งงานแล้วนะแถมยังมีลูกอีกตั้งสองคน อย่าพูดแบบนี้เลยนะ” “ไม…พ่อหม้ายลูกติดอีกแค่สอง รับไม่ได้เหรอไง ปฐวี” “หยุดพูดเถอะดล วีรู้ตัวดีว่าดลคงไม่มีวันเห็นค่าอะไรในตัววี แต่วีขออยู่ข้างๆดลต่อไปแบบนี้ก็พอแล้ว อย่ายัดเยียดวีให้คนอื่นเลยนะ” “หึ…ฉันชังน้ำหน้านายจริงๆ ปฐวี” “ดล…เรื่องวันนั้นวีขอโทษ” นภดลฮึดฮัด ในใจนึกอยากจะซัดอีกฝ่ายสักโครมแต่ชายหนุ่มแต่งตัวดีกลับเดินหนี ปฐวีได้แต่มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายจับลับสายตาก่อนจะนั่งลงบนโซฟาพร้อมทั้งถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยล้า ปฐวีเป็นเพื่อนสนิทของนภดลตอนที่อยู่กรุงเทพฯ ทั้งคู่ไปไหนมาไหนกันไม่ต่างจากเงาตามตัว ด้วยความสนิทสนมและใกล้ชิดทำให้ปฐวีผูกหัวใจฝากไว้กับคนที่เป็นเพื่อนรัก เมื่อก่อนนั้นปฐวีรู้ดีว่านภดลนั้นหลงรักผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเรวัตรแต่เรวัตรนั้นไม่ยินยอมทำให้เพื่อนของเขาเสียอกเสียใจจนต้องปลอบเป็นการใหญ่ “ดล…พอได้แล้ว” ปฐวีเอ่ยห้ามเมื่อผู้เป็นเพื่อนยกแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม “ปล่อยฉัน…วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะเศร้า เพราะหลังจากนี้ฉันจะกลับไปเป็นอาที่ดีของน้องมินทร์” นภดลดื่มจนหลับคาเค้าท์เตอร์ที่ร้านทำให้ปฐวีต้องแบกคนเมาจนหลับกลับอพาร์ทเม้นต์ที่ทั้งคู่แชร์ค่าห้องกัน คนสติครบถ้วนประคองคนเมาไม่ได้สติก่อนจะทิ้งตัวอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียงและคลายปมเนคไทพร้อมกับปลดกระดุมลงสองสามเม็ดเพื่อให้อีกฝ่ายหายใจได้สะดวก ไอเย็นของผืนผ้าที่ไล้ไปตามผิวเนื้อทำให้นภดลต้องรั้งแขนอีกฝ่ายให้หยุด “เช็ดตัวหน่อยนะดล จะได้สบายตัวขึ้น” ปฐวีเอ่ยบอกเพื่อนก่อนทำท่าจะลุกไปเปลี่ยนน้ำแต่มือใหญ่กลับรั้งท่อนแขนไว้ “น้องมินทร์ อย่าจากอาดลไปนะครับ” ร่างโปร่งเปลี่ยนมากุมมืออีกฝ่ายไว้ก่อนจะนั่งลงข้างๆเตียง “นี่วีเอง…ดลก็รู้ว่าวีจะไม่มีวันทิ้งดลไปไหน วีจะอยู่ข้างๆดลตลอดไป” ปฐวีสบตากับนัยน์ตาพราวระยับจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์อย่างมีความหมายแต่กลับเป็นนภดลที่ฉุดร่างอีกฝ่ายขึ้นมาสวมกอด พรมจูบไปทั่วดวงหน้าและในเมื่อมันก็เป็นสิ่งที่ปฐวีปรารถนาฉะไหนเลยจะต้องปฏิเสธ และตั้งแต่เช้าวันที่นภดลตื่นขึ้นมาเจอปฐวีนอนเคียงข้างในสภาพที่รู้ได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก่อนหน้า ดวงตาที่เคยมอง รอยยิ้มที่เคยมีให้ คำพูดที่เคยได้ยิน การกระทำที่เคยทำ ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าของนภดลคนเดิมอีกเลย ปฐวีหยุดคิดเพียงเท่านั้นก่อนจะกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ร่างโปร่งเดินไปยังหน้าห้องที่มีคนที่เปรียบเสมือนหัวใจของตัวเองอยู่ภายใน มือเรียววางแนบลงบนบานประตูไม้เนื้อหนาราวกับอยากจะสัมผัสคนที่อยู่ด้านใน “วีขอโทษ…” เขาคงมีสิทธิ์พูดได้แค่คำนี้เพราะถ้อยคำอื่นๆนภดลคงไม่ต้องการที่จะฟัง เพราะเขาเป็นแค่เพียงคนที่ไร้ค่าในสายตา และต่อให้เขาพูดด้วยคำสวยหรูสักเพียงใดสุดท้ายมันก็เป็นได้เพียงแค่คำพูดที่ “ไร้ความหมาย” ของคน “ไร้ค่า” ชื่อนภดลคือผืนฟ้า ชื่อปฐวีคือผืนดิน มันก็บ่งบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าระหว่าง “เรา” แม้จะอยู่เคียงข้างกันแต่ความรู้สึกคงเป็นได้แค่เพียง… เส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ… 2BCon… (ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคับ หุหุ อย่าเพิ่งเบื่อกันน๊า...ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่เป็นกำลังใจให้นะคับ เจอกันตอนหน้าคับ o18 ปล พรุ่งนี้วันเกิดไนท์นะคับ :mc4: ถ้าไม่มีโปรแกรมไปเลี้ยงที่ไหนไนท์จะเอานิยายมาลงต่อให้อีกตอนนะคับ แต่ถ้าออกไปที่อื่นก็เจอกันวันต่อไปเหมือนเดิมนะคับ ขอบคุณคร๊าบ... :call:)
(http://s3.amazonaws.com/gc-bigthumb/coverwa7ngAnjkxB.gif) รอตอนต่อไป 555
อาวัตรอ่ะ อย่าใจวอกแวกเชียวนา ยิ่งยัยอิงฟ้าทอดสะพานพระราม8 สะพานพระราม9 ให้ซะ ขืนอาวัตรทำให้หลานมินทร์เสียใจนะ ระวังแฟนคลับน้องมินทร์ถล่มยับแน่ นายนภดล ทำไมนายไม่รับผิดชอบการกระทำของนายเลยล่ะ ฮึ..ทีหลังอย่ามาเผลอใจหลงรักวีเข้าเชียวนะ จะรอตอนต่อไปจ้ะ
TT sad aaaaa~ nopadol's so mean :เฮ้อ: :HBD5: in advance nakaa :]
อาดลใจร้าย
สนุกดี...ชอบบบบ แต่ไม่ชอบดราม่าเลยอ่ะ ขอหวานๆ แต่ไม่ดราม่าได้มะ :impress2:
+1 จ้า สำหรับอาหลานที่น่ารัก แล้วก้รู้ถึงสาเหตุแล้วว่าทำไม นภดลถึงได้พูดไม่ดีกับปฐวีเลย
อ่าว นภดล เมาเอง แล้วหมางเมินคนอื่นเรอะ
โอเค เรื่องของวีกับดลก็เป็นอย่างนี้เอง แต่เราว่ามันก็ผิดด้วยกันทั้งคู่แหละ โอ๊ย!! ไม่รู้ไม่รู้ ดลอย่ามาหวงและห่วงวีภายหลังละกัน ชิ! มินทร์กับอาวัตร เป็นอะไรที่น่ารักอบอุ่นอย่างมากมาย อิงฟ้าก็แค่สีสันต์เท่านั้นเอง PS. Happy birthday ค่ะไรท์เตอร์ มีความสุขมากๆ สมหวังในทุกๆเรื่อง
เมาเอง จับคนอื่นกดเองแล้วเสือกทำงี้ได้วะเนี่ย เซงคุณอาจริงจัง
อะไรของมันฟระ แกเมาแล้วจับเค้ากด แล้วยังมาทำหมางเมินใส่ ว่าเค้าเสีย ๆ หาย สรุปนี่ วีผิดใช่มั้ยอิตาคุณดล :angry2: :a: สุขสันต์วันเกิดจ้าน้องไนท์ มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ :L1:
สักวันผืนฟ้าจะลงมาเคีียงผืนดิน....
-6- เช้าวันนี้อากาศดีเป็นพิเศษจึงทำให้ภูมินทร์ถือโอกาสชวนปฐวี อาคนสนิทไปขี่จักยานเล่นและเผื่อบางทีเขาอาจจะได้ล่วงรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างอาดลและอาวีของเขากันแน่ “อาวี เดี๋ยวเราขี่จักรยานไปบนเนินนั้นดีกว่าครับ” เมื่อทั้งคู่มาจอดจักรยานบนเนินเขาก็มองเห็นวิวทิวทัศน์ของไร่ได้ทั่วทุกบริเวณและรวมไปถึงบางส่วนของไร่อิงดาวที่มีพื้นที่ติดกัน “วิวสวยมากเลยนะที่นี่ อาชักเริ่มไม่อยากกลับกรุงเทพฯซะแล้วสิ” “แล้วอาวีจะปล่อยให้อาดลกลับไปคนเดียวเหรอครับ” “อาจจะใกล้ถึงเวลาที่อาจะต้องปล่อยดลไปแล้วมั้ง” เด็กหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ชายร่างโปร่งก่อนจะวางมือลงบนมือของอีกฝ่าย “อาไม่เป็นไรหรอกมินทร์ เพื่อนก็แบบนี้แหละอยู่เคียงข้างได้แต่วันใดที่เขาไม่ต้องการ เราก็ต้องเดินออกไปจากชีวิตของเขา มันไม่เหมือนกับคนรักหรอกนะ” “ผมไม่อยากเห็นอาวีเศร้า” ปฐวีหันมายิ้มบางๆก่อนจะมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า “เวลามันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น อาไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มหันมาวางมือลงบนเส้นผมนุ่มและออกแรงขยี้เบาๆอย่างเอ็นดู “เดี๋ยวอาไปถ่ายรูปวิวทางด้านโน้นแป๊บนะ เดี๋ยวจะรีบกลับมา” ปฐวีเอ่ยบอกก่อนจะรีบเดินไป อากาศที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวทำให้เด็กหนุ่มยืดแขนขึ้นเหนือศีรษะและสูดหายใจเอาออกซิเจนเข้าเต็มปอด สายลมหอบใหญ่พัดผ่านก่อนจะมีหมวกโคบาลสีน้ำตาลเข้มลอยตามมาด้วยและมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวจึงก้มลงเก็บ ภูมินทร์มองซ้ายมองขวาแต่แล้วสายตาก็ต้องไปสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อเชิ้ตลายตารางสีแดงชายเสื้อยัดในกางเกงยีนส์ยี่ห้อดี “เอ่อ…คุณครับ หมวกใบนี้ของคุณหรือเปล่า” เด็กหนุ่มตะโกนถาม “ใช่ครับ” เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับและรีบเดินเข้ามาหา ภูมินทร์ส่งหมวกโคบาลคืนให้เจ้าของก่อนจะส่งรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพไปให้เพราะคนแถวๆนี้ล้วนเป็นเพื่อนบ้านที่ดีทั้งสิ้น “ขอบคุณนะครับ คุณ…” “มินทร์ครับ” “ตะวันครับ ผมต้องรีบไปตรวจไร่ต่อ แล้วเจอกันอีกนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับเจ้านี่นะครับ” ชายหนุ่มนามว่า “ตะวัน” เอ่ยรวดเดียวจบก่อนจะสวมหมวกและมุ่งหน้าไปยังทุ่งหญ้ากว้างที่มีคนขี่ม้ารออยู่ ร่างสูงใหญ่ขึ้นควบม้าสีดำด้วยท่วงท่าสง่างามจนภูมินทร์อดชื่นชมไม่ได้ กลุ่มคนเหล่านั้นคงจะเป็นคนของไร่อิงดาวเพราะแถวนี้มีที่ไร่อิงดาวเท่านั้นที่มีคอกม้า แต่จะว่าไปแล้วที่ไร่ของเขาเองอีกไม่นานก็คงจะมีคอกม้าเหมือนกันล่ะมั้ง “รอนานไหมครับ น้องมินทร์” “ไม่นานเลยครับ อาวี” “เรากลับกันเลยดีไหม อาชักเริ่มหิวข้าวแล้ว” เมื่อกลับมาถึงส่วนที่เป็นที่พักอาศัย อาหารเช้าก็ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว “ไง…อากับหลานออกไปไหนกันแต่เช้า” “มินทร์พาอาวีไปบนเนินชมวิวมา” “ไม่ชวนอาดลเลยนะครับ อาน้อยใจนะ” “ก็ผมเคาะเรียกตั้งหลายครั้งอาดลไม่ยอมตื่นเองนี่นา ไว้คราวหน้านะครับ” นภดลยิ้มให้อย่างเอ็นดู ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกันที่ความรักแบบปรารถนาจะครอบครองที่มีให้ภูมินทร์จะแปรสภาพเป็นเพียงความรักแบบห่วงหาอาทร “มากันแล้วเหรอทั้งสองคน นึกว่าจะต้องออกไปตามซะอีก” “มินทร์ไม่พาอาวีหลงหรอกน่า อาวัตรก็…” ภูมินทร์เอ่ยแต่เมื่อสายตาคู่คมของผู้เป็นอามองมาตรงๆก็ทำให้เด็กหนุ่มหลบตาทันที แก้มรู้สึกเหมือนจะร้อนผ่าว อาการแบบนี้ภูมินทร์เองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่รู้เพียงแค่ว่าอาการเหล่านี้มักจะเป็นเฉพาะเวลาอยู่กับอาวัตรเท่านั้น “เดี๋ยวเรากินกันเสร็จ จะพาทัวร์นอกพื้นที่นะ” “เย่…อาวัตรจะพาเที่ยว” ภูมินทร์เอ่ยด้วยความดีใจ “ไปที่ไหนล่ะ ต้องแพคกระเป๋าไหม” “ไปไร่อิงดาวน่ะ” เด็กหนุ่มหุบยิ้มลงซึ่งใบหน้าก็ไม่ต่างจากนภดลสักเท่าไหร่ “ข้าไม่ไปได้ไหม” “อย่าเสียมารยาทสิ คุณศิลาชวนทุกคนไปด้วยกัน” “ใจจริงคงอยากจะให้ใครบางคนไปคนเดียวมากกว่า นอกนั้นน่ะตัวแถมทั้งนั้น” นภดลเอ่ยก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากซึ่งอาการเหล่านี้ก็ทำให้ใครบางคนคนนั้นถึงกับเศร้าซึม “มินทร์ ธารเขาจะชวนเราไปขี่ม้าน่ะ” “จริงเหรอครับ อาวัตร” แต่เด็กหนุ่มก็เปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วเมื่อได้ยินชื่อเพื่อนรักและกิจกรรมที่ตัวเองสนใจ “ถ้าไม่รีบ เดี๋ยววีจะอบเค้กส้มให้วัตรเอาไปฝาก” “ได้เลย” เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยเรวัตรขับรถกระบะ 4 ประตูคันใหญ่มุ่งหน้าสู่ไร่อิงดาวซึ่งโดยทั่วไปแล้วลักษณะของไร่จะคล้ายๆกันแต่ที่ไร่อิงดาวนั้นส่วนใหญ่จะมองเห็นภาพแนวสีเขียวขจีของต้นชา ส่วนที่พักอาศัยเป็นบ้านไม้สองชั้นหลังโตตั้งตระหง่านบนเนินหญ้าและมีสวนดอกไม้ที่กำลังออกดอกหลากสีสันบานสะพรั่ง ทันทีที่เรวัตรจอดรถก็ได้เห็นอิงธารมารอต้อนรับก่อนแล้วแต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะให้ความสนใจก็เฉพาะแต่ภูมินทร์ เพราะทันทีที่มาถึงก็พากันไปเที่ยวเล่นตามประสาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน “มากันแล้วเหรอคะ เดี๋ยวเราไปนั่งทางด้านนั้นกันค่ะ” อิงฟ้าเอ่ยเสียงหวานก่อนจะเดินเคียงคู่กับเรวัตรเพื่อพาไปยังส่วนที่เป็นระเบียงต้อนรับแขก โต๊ะไม้และเก้าอี้เข้าชุดถูกจัดวางอย่างสวยงามซึ่งบนโต๊ะมีถ้วยชาที่แกะสลักอย่างสวยงามวางอยู่ “ยินดีต้อนรับสู่ไร่อิงดาวครับ” ศิลาเอ่ยอย่างสุภาพก่อนจะเชิญทุกคนนั่งลงก่อนจะพยักหน้าให้กับผู้เป็นลูกสาว ร่างโปร่งระหงของหญิงสาวเดินถือกาน้ำชาด้วยท่าทางคล่องแคล่วราวกับถูกฝึกมาอย่างดีก่อนจะรินให้ผู้มาเยือนทุกคน “คือ…ปฐวีเพื่อนผมทำเค้กส้มมาฝากน่ะครับ” เรวัตรเอ่ยก่อนจะวางกล่องเค้กลงบนโต๊ะ “ดีเลยครับ ขอบคุณนะครับคุณปฐวี” ศิลาเอ่ยก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างมีความหมายพร้อมทั้งเปิดกล่องกระดาษออกก็พบกับเค้กส้มหน้าตาน่าทาน อิงฟ้าส่งมีดให้ผู้เป็นพ่อก่อนที่ชายวัยกลางคนจะตัดแบ่ง “ไม่ต้องเผื่อดลเขานะครับ ดลเขาไม่ชอบของหวาน” ปฐวีรีบเอ่ยบอก “คุณวีใส่ใจคนอื่นดีจังเลยนะครับ” ศิลาเอ่ยตรงๆซึ่งนั่นก็ทำให้ปฐวีต้องเอ่ยตอบรับอย่างคนถ่อมตัว “ทำไมคุณดลไม่ชอบของหวานล่ะคะ” อิงฟ้าเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ผมเลี่ยนน่ะครับ” นภดลเอ่ยออกมาพร้อมกับทำหน้าตาท่าทางพะอืดพะอมทำให้ศิลาคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “แต่ผมชอบของหวานนะครับ ยิ่งเค้กส้มเนี่ยถูกใจที่สุด” นภดลลุกขึ้นพรวดแต่ก็ต้องนั่งลงและพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองด้วยความที่เขาไม่อยากจะหักหน้าเรวัตรอีก ถ้อยคำประโยคเหล่านั้นมีเพียงแค่คนสองคนที่รู้ถึงความนัยน์ที่ซ่อนอยู่ สงครามประสาทค่อยๆก่อตัวขึ้นช้าๆซึ่งไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าวันใดที่จะก่อตัวขึ้นเป็นสงครามที่ต้องฟาดฟัน ช่วงชิง ทางด้านเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็เดินชมบรรยากาศรอบๆบริเวณบ้านไปเรื่อยๆพร้อมทั้งพูดคุยกันตามประสาจนกระทั่งมาถึงน้ำตกใสที่ไหลผ่านทางด้านหลังของบ้านพักซึ่งน้ำตกนี้ได้ไหลผ่านไร่ของภูมินทร์ด้วย อิงธารนั่งลงบนรากไม้ขนาดใหญ่ที่ยื่นลงไปในน้ำใสเย็นก่อนจะยื่นเท้าลงไปแช่ “มานั่งด้วยกันสิ มินทร์” คนผิวขาวใสเอ่ยชวนก่อนจะขยับที่ให้เพื่อนสนิทนั่งด้วย อิงธารนั่งอมยิ้มกับตัวเองและเมื่อผู้ที่เฝ้าสังเกตเห็นเข้าก็เลยแกล้งกระแอมไอ “คิดถึงใครอยู่ล่ะสิ มินทร์ว่าที่นี่ต้องมีความทรงจำดีๆแน่นอน ใช่ไหม” “มินทร์เป็นคนเดียวที่ธารปิดไม่ได้จริงๆ” “ก็เราเป็นเพื่อนรักกันนี่ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับธารแล้วมินทร์ไม่รู้นี่ จริงไหม” “คือ…ธาร…แอบรักคนๆหนึ่งอยู่” “อืม…แอบรัก…ฮะ…เพื่อนของมินทร์มีความรัก” ภูมินทร์อุทานซะดังลั่นทำให้อิงธารต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากห้ามเสียงอีกฝ่ายไว้ “ชู่ว์…เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นเขารู้กันหมด” “เล่าให้มินทร์ฟังหน่อยสิ” “สัญญาก่อนนะว่าจะไม่หัวเราะ” ภูมินทร์พยักหน้า อิงธารหน้าแดงก่ำก่อนจะค่อยๆเอ่ยเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง “ตอนเด็กๆธารเกือบจมน้ำที่นี่แหละ พอดีเดินไม่ดูทางจึงลื่นตกลงไป น้ำเย็นมากก็เลยทำให้เป็นตะคริว กินน้ำไปหลายอึกจนคิดว่าตัวเองจะต้องตายแน่ๆ วินาทีที่จมลงก็มีมือหนึ่งฉุดร่างของธารขึ้นมา มินทร์รู้ไหม…มือของเขาอุ่นมากแม้ว่าน้ำจะเย็นก็ตาม เขาอุ้มธารไปส่งที่บ้านเสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นของไอแดด นั่นแหละ…รักแรกและจะเป็นรักเดียวของธาร” “ว้าว…” ภูมินทร์อุทานพลางคิดจินตนาการถึงความรักของตัวเองบ้าง แม้ว่าจะยังไม่เห็นความรักเป็นรูปเป็นร่างแบบอิงธารแต่เขาก็มั่นใจว่าความรักของเขาคงจะมีหน้าตาคล้ายๆกับอาวัตรล่ะมั้ง “แนะนำให้มินทร์รู้จักหน่อยสิ” “เดี๋ยวมินทร์ก็ได้เจอเขาอย่างแน่นอน เนี่ย…ธารแนะนำให้มินทร์รู้จักคนแรกเลยนะ” “อ่า…ชักอยากเจอเร็วๆแล้วสิ” เด็กหนุ่มสองคนเย้าแหย่พลางหัวเราะกันอย่างมีความสุข ช่วงเวลานี้คือเวลาที่จะตักตวงความสุขเอาไว้เพราะไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอนาคตข้างหน้า โดยเฉพาะกับ… “ความรัก” 2BCon… (ติดตามตอนต่อไปด้วยนะคับ วันนี้ไนท์จะลงให้ 2 ตอนเลยแล้วกันนะคับเพราะพรุ่งนี้ไนท์จะต้องไปเฝ้าอาม่าที่โรงพยาบาลอาจจะไม่มีเวลาเอามาลง แต่รับรองว่าหายไปไม่นานคับ กลับมาแล้วจะรีบเอามาลงต่อทันที ไนท์ยังไม่เคยตอบคอมเม้นต์เลย วันนี้จะถือโอกาสตอบหน่อยแล้วกันนะคับ หุหุ) PEENAT1972 - -> คุณพี่นัทไนท์จะเอามาลงเรื่อยๆคับ ขอบคุณนะคับ yayee2 - - >คุณพี่แก้วคับ ได้ใจไนท์มากตรงทอดสะพาน มาหมดเลยคับ ส่วนเรื่องดล เขากำลังสับสน Églantier - - > ไว้ไนท์จะแต่งหวานๆสักตอนให้คับ ^^ padigree - -> อาดลอยู่ในช่วงสับสนคับ ฮ่าๆๆ mutoo - - > ไว้จะจัดหวานๆให้คับ samsoon@doll - - > เหตุเกิดจากความเมาคับ silverspoon - - > งานนี้อาดลโดนยับคับ ฮ่าๆๆ berlyn - - > ขอบคุณนะคับ อาหลานรักกันดีคับ ให้เวลานภดลอีกนิดนะคับ ^^ jivetea - - > ไนท์ว่าถ้าอาดลอกหักคงมีคนรอตอกย้ำเพียบ ฮ่าๆๆ heefever - - > ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคับ ไนท์เห้นพี่เม้นต์ทุกตอนเลย ^^ ปล อาดลโดนอีก ฮ่าๆๆ iamnan - - > คับ ไนท์ชอบคำนี้มาก ผืนฟ้าลงมาเคียงข้างผืนดิน
-7- ยามค่ำคืนที่ท้องท้องฟ้าพร่างพราวด้วยแสงสว่างจุดเล็กๆกระจายไปทั่วราวกับเม็ดอัญมณีสูงค่าดาษดื่นอยู่บนผืนผ้ากำมะหยี่ ทำนองเสียงสูงๆต่ำๆของฮาร์โมนิก้าหรือเม้าส์ออแกนดังคลอไปกับเสียงของธรรมชาติ คนที่ได้ยินค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก่อนจะยืนอมยิ้มเมื่อจับโทนเสียงได้ว่าเป็นเพลงรักหวานซึ้ง เมื่อเสียงดนตรีเงียบลงก็เห็นริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอ่อนละมุนและใบหน้าคมเข้มก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทำให้คนที่ลอบมองอยู่นั้นสงสัยเหลือเกินว่าอีกฝ่ายกำลังคิดถึงใครหรืออะไรอยู่กันแน่ “ขอนั่งด้วยนะฮะ” “ได้สิธาร” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ย “เพลงเมื่อกี๊เพราะจังเลยนะฮะ” อีกฝ่ายไม่ยอมตอบแต่กลับส่งยิ้มให้และใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของอิงธารขึ้นทัดหู “พี่มีความสุขนะที่ได้อยู่ที่นี่” “ธารก็มีความสุขฮะ ที่มีพี่อยู่ตรงนี้” “ที่นี่ทำให้พี่ได้พบกับคนๆหนึ่ง เพียงแค่ครั้งแรกที่ได้สบตากันเขาก็ทำให้พี่ได้รู้ว่าเขาคือคนที่ใช่สำหรับพี่” อิงธารอมยิ้มก่อนจะสบตากับอีกฝ่าย สายลมเย็นพัดผ่านแต่เด็กหนุ่มกลับไม่รู้สึกเหน็บหนาว แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้เอ่ยบอกออกมาตรงๆว่าเป็นอิงธาร แต่เด็กหนุ่มก็เชื่อว่าคนที่อีกฝ่ายกำลังพูดถึงคือตนเอง เช้าวันใหม่เป็นเช้าที่อากาศค่อนข้างจะหนาวเย็นแต่ท้องฟ้ากลับปลอดโปร่ง ทันทีที่ร่างสูงของเรวัตรเดินออกมาจากห้องนอนก็โดนเด็กหนุ่มรวบตัวกอดทันที “มากอดอาแต่เช้าแบบนี้จะอ้อนเอาอะไร หืม…” “อาวัตรอ่ะ…มินทร์ไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ขนาดนั้นซะหน่อย” “อาก็แค่ถามดู เห็นเช้าวันอื่นๆก็ไม่เคยมากอดอานี่นา” “คนแก่ขึ้นอีกปีก็แบบนี้ สุขสันต์วันเกิดนะครับอาวัตรของมินทร์” เรวัตรทำหน้าเหวอก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ตัวเองลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว “อาลืมสนิทเลย” “ไปอาบน้ำแต่งตัวเลยครับ เดี๋ยวมินทร์จะไปปลุกอาวีกับอาดล วันเกิดอาวัตรทั้งทีต้องไปทำบุญตักบาตรเสียหน่อย” เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะดันหลังผู้เป็นอาให้กลับเข้าห้องไป เมื่อผู้เป็นอาทั้งสามออกมาพร้อมหน้าพร้อมตา เด็กหนุ่มก็ยิ้มแฉ่ง เรวัตรพาทั้งคู่ไปยังตลาดในเมืองเพื่อเลือกซื้อกับข้าวและดอกไม้ เมื่อพระสงฆ์เดินผ่านก็นิมนต์มา “จับต่อๆกันสิ ชาติหน้าจะได้เกิดมาเจอกันอีก” เรวัตรเอ่ยติดตลกก่อนจะหันมาบอก เด็กหนุ่มวางมือบนมือของผู้เป็นอาก่อนจะใส่ของคาว ของหวาน เมื่อพระสงฆ์ปิดบาตรทั้งคู่ก็วางดอกกล้วยไม้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปฐวีกับนภดลได้แต่มองก่อนจะอมยิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่ บอกว่าอาหลานคนอื่นคงจะเชื่อหรอกเพราะดูยังไงๆออร่าของคนรักกันมันแผ่ออกมาชัดๆ “เดี๋ยวเข้าไปในตลาดสดซื้อปลาไปปล่อยกันเถอะครับ” “อาเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเราก็ธรรมะธรรมโมเหมือนกัน” “อาดลก็…มินทร์แค่อยากให้อาวัตรทำบุญวันเกิดนี่ครับ ปีอื่นๆอาวัตรไม่ค่อยจะอยู่ ปีนี้เลยถือว่าเป็นกรณีพิเศษ” “อาวีครับ…อาวีปล่อยปลาบ้างก็ดีนะ มินทร์ว่า” “อาจะปล่อยปลาอะไรดีล่ะ ปลาไหลทำอะไรจะได้ลื่นไหล ปล่อยเต่าอายุจะยืนขึ้น เอ่อ…อารู้แล้ว ปล่อยหอยขมท่าจะดีสุด ความขื่นขมจะได้หมดไป” “อาวีกะจะเหมาหมดเลยเหรอครับ ฮ่าๆๆ…แล้วอาดลล่ะครับ” “มีนกขายไหม ปล่อยนกเผื่อจะได้มีอิสระกับเขาบ้าง” ภูมินทร์ยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปหาเรวัตรเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีกครา “อาว่าเราแค่ตักบาตรก็โอเคแล้วล่ะมินทร์ เดี๋ยวกลับไปกรวดน้ำที่บ้าน” “อาวัตร เย็นนี้เราจัดปาร์ตี้ฉลองงานวันเกิดที่บ้านกันนะครับ” เรวัตรส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอเด็กหนุ่ม ระหว่างที่กำลังจะกลับนั้นก็เจอเข้ากับศิลาและอิงฟ้า “สวัสดีครับ คุณศิลา ฟ้า” เรวัตรเอ่ยทักทายทั้งคู่ “มาซื้อของกันเหรอครับ” ศิลาเอ่ยถาม “มินทร์พาอาวัตรมาตักบาตรน่ะครับ พอดีวันนี้เป็นวัน…” ภูมินทร์รีบหุบปากทันทีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มทำท่าทีสนอกสนใจ “วันอะไรเหรอหนูมินทร์” เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม เขาไม่น่าพลาดหลุดปากไปเลย “วันเกิดผมน่ะครับ” เรวัตรตอบเมื่อเห็นภูมินทร์เอาแต่อ้ำอึ้ง “สุขสันต์วันเกิดนะคะวัตร เย็นนี้คงมีปาร์ตี้ฉลองกันสินะคะ ขอฟ้าไปด้วยคนนะคะ” เธอเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานก่อนเดินเข้ามาหยุดเคียงข้างชายหนุ่ม “เอ่อ…ครับ” ชายหนุ่มต้องเอ่ยตอบรับเพราะถ้าปฏิเสธก็คงจะเป็นการเสียมารยาทและอีกอย่างเขาก็เกรงใจผู้เป็นพ่อของหญิงสาวด้วย “เชิญคุณศิลา แล้วก็ฝากเชิญน้องธารด้วยนะครับ” เมื่อตบปากรับคำกันเป็นที่เรียบร้อยต่างฝ่ายต่างก็แยกกันไปโดยนัดหมายกันว่าเย็นนี้จะมารวมตัวกันที่บ้านของเรวัตร “เป็นอะไรไปครับน้องมินทร์ หน้าบูดเชียว” ปฐวีเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์งอง้ำบึ้งตึง “มินทร์ไม่น่าหลุดปากเรื่องวันเกิดอาวัตรต่อหน้าคุณอิงฟ้าอะไรนั่นเลย” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเด็กหนุ่ม “ทำไมล่ะ” “มินทร์รู้ว่าคุณอิงฟ้าอะไรนั่นสนใจอาวัตรอยู่ มินทร์ไม่ชอบ ไม่อยากให้อาวัตรสนใจเธอ ไม่อยากให้อาวัตรยิ้มให้ ไม่อยากให้อาวัตรพูดคุยด้วย มินทร์กลัวจะเสียอาวัตรไป” “อาวัตรเขาให้ความสำคัญกับมินทร์มาเป็นอันดับแรกเสมอ อย่าคิดมากไปเลยนะ เอางี๊…เย็นนี้อาจะสอนเราทำเค้ก เป็นการเซอร์ไพร์วันเกิดดีไหม” “ดีครับ อาวี” เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะกอดแขนของปฐวีแน่น “มินทร์กับวีหายไปไหนกันนะ ปล่อยให้ข้ากับแกมาจัดสถานที่กันสองคน” เรวัตรเอ่ยก่อนจะขยับโต๊ะและลากเก้าอี้มาจัดเรียงให้พอดีกับจำนวนคน ซึ่งนภดลก็ปีนเก้าอี้เพื่อเดินสายไฟประดับ “น้องมินทร์คงซุ่มทำเซอร์ไพร์แกมั้ง เมื่อเช้าข้าเห็นนะ รู้ไหมเขาว่ากันว่ามือใครวางอยู่เหนือกว่าตอนใส่บาตรหรือตอนตัดเค้กแต่งงานล่ะก็คนนั้นจะเป็นใหญ่นะเว้ย ฮ่าๆๆ…” “ไอ้พวกคิดอกุศล” “หรือแกไม่คิด กล้าสาบานไหมล่ะไอ้วัตร” เจออย่างนี้เข้าไปชายหนุ่มถึงกับน้ำท่วมปาก ไม่นานทางแขกทางฝั่งของไร่อิงดาวก็มาถึง เรวัตรเชื้อเชิญให้ทุกคนนั่งลงทำตัวตามสบายก่อนจะที่แม่บ้านจะเริ่มเสิร์ฟอาหาร “มินทร์ไปไหนล่ะครับ อาวัตร” “อาเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงจะมา” “วัตรคะ ฟ้ามีของขวัญมาให้คุณด้วยค่ะ” อิงฟ้าเอ่ยก่อนจะส่งกล่องที่ห่อด้วยกระดาษสีฟ้าน้ำทะเลและริบบิ้นสีขาวส่งให้ เรวัตรก็รับมาพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ แต่ดูเหมือนว่ามือของหญิงสาวจะจงใจสัมผัสลงมือของชายหนุ่มก่อนเธอจะโปรยยิ้มหวานให้ “อ่อ…ผมเอาไวน์มาฝากคุณน่ะ ถ้าไม่รังเกียจเปิดดื่มกันเลยดีกว่า” ไม่นานเกินรออยู่ๆไฟทั่วทั้งบริเวณก็ดับลงก่อนแสงสว่างจากเทียนเล่มเล็กๆที่ถูกจุดขึ้นจะใกล้เข้ามาก่อนจะปรากฏเงาของผู้ที่เป็นคนถือ ทันทีที่เห็นเรวัตรก็ต้องนิ่งอึ้ง เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่เคยยาวประบ่าถูกมัดรวบเป็นหางม้า ปอยผมปลิวไปตามสายลมคลอเคลียกับแก้มใสซึ่งเมื่อต้องกับแสงไฟยิ่งกลับดูระเรื่อ ริมฝีปากที่แย้มยิ้ม ทุกอย่างที่สรรค์สร้างขึ้นเป็นภูมินทร์ช่างคล้ายคลึงกับศศิเหลือเกิน สายลมที่พัดผ่านโชยกลิ่นน้ำหอมจากตัวเด็กหนุ่มมาทำให้เรวัตรเบิกตากว้าง…ภูมินทร์ไปเอาน้ำหอมกลิ่นนี้มาจากไหน “อาวัตร…อาวัตรครับ อธิษฐานแล้วเป่าเทียนสิครับ” เสียงใสๆเรียกให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ก่อนที่เรวัตรจะเป่าเทียนจนดับครบทุกเล่ม เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของทุกๆคนแทบไม่ได้เข้าหูเรวัตรเลยแม้แต่น้อย เมื่อโสตประสาทของเขารับรู้ได้แค่เพียงกลิ่นน้ำหอมกลิ่นนั้น “วัตรคะ คิดอะไรอยู่คะเหม่อเชียว” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของชายหนุ่มแต่แล้วเธอก็ใช้ปลายนิ้วเรียวปาดครีมและแตะเข้าที่แก้มของเรวัตร “อุ๊ย…ขอโทษนะคะ พอดีตอนอยู่อเมริกา เพื่อนๆเขาทำอย่างนี้กันน่ะค่ะ ฟ้าเลยเคยชิน” ชายหนุ่มไม่โต้ตอบอะไรแต่กลับส่งยิ้มให้ เพียงแค่นั้นก็แทบจะทำให้เส้นความอดทนของภูมินทร์ขาดผึง “อาวัตร…” เด็กหนุ่มเผลอขึ้นเสียงดังก่อนจะกระแทกฝ่ามือลงกับโต๊ะจนทุกคนถึงกับตกตะลึงด้วยความไม่คิดว่าภูมินทร์จะทำได้ถึงเพียงนี้ เมื่อรู้ตัวเด็กหนุ่มจึงกระแทกตัวลงกลับมานั่งที่เดิมและพยายามอดทนอดกลั้นเมื่อเห็นอิงฟ้าทำเป็นเนียนแต๊ะอั๋งผู้เป็นอาอีกหลายต่อหลายครั้ง เมื่อแขกทางฝั่งของไร่อิงดาวกลับไปปฐวีกับนภดลเมื่อช่วยเคลียร์สถานที่เป็นที่เรียบร้อยที่แยกย้ายกันไปตามห้องพักเหลือก็เพียงเด็กหนุ่มกับผู้เป็นอา “ทำไมมินทร์ทำกิริยาอย่างนั้น ไม่อายคุณศิลา ฟ้าแล้วก็ธารเลยใช่ไหม” “มินทร์ไม่ผิดนะอาวัตร มินทร์ไม่ชอบยัยอิงฟ้าอะไรนั่น” “มินทร์เดี๋ยวนี้ก้าวร้าวใหญ่แล้วนะ” “อาวัตร…” “อย่ามาขึ้นเสียงกับอา อีกอย่างไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ อาไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม” “มินทร์ไม่เปลี่ยนและจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นด้วย อาวัตรไม่ชอบก็เรื่องของอา” “อาบอกให้ไปอาบน้ำซะ” “ไม่…” สิ้นคำของเด็กหนุ่มชายหนุ่มก็คว้าข้อมือเล็กก่อนจะฉุดร่างโปร่งบางเข้ามาในห้องน้ำและเปิดฝักบัวสุดความแรงของน้ำและสาดไปที่เด็กหนุ่ม ภูมินทร์ทั้งดิ้นทั้งผลักไสฝักบัวจนเรวัตรเองก็เปียกไม่แพ้กัน “ที่อาวัตรไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมเพราะมันเป็นกลิ่นที่แม่ชอบใช้ใช่ไหม” “ภูมินทร์” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ร่างสูงใหญ่ก่อนจะเสยผมที่เปียกน้ำขึ้นทัดหูไว้และใช้ท่อนแขนเรียวทั้งสองข้างคล้องคอชายหนุ่มไว้และโน้มลงมาใกล้ “มินทร์ไม่ใช่แม่และมินทร์ก็ไม่ชอบยัยอิงฟ้าอะไรนั่น เพราะมินทร์หวงอาวัตร” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะแนบสัมผัสร้อนลงบนริมฝีปากบางก่อนร่างโปร่งบางจะทรุดฮวบเข้าสู่อ้อมกอดของเรวัตร ภูมินทร์คงทำไปเพราะฤทธิ์ไวน์ที่ใครสักคนคงเอาให้ดื่มและก็ไม่ต่างจากเขาที่โดนแอลกอฮอลล์เข้าครอบงำจนเผลอทำเรื่องบ้าๆลงไป หรือเขาจะคิดอกุศลอย่างที่นภดลเคยบอกไว้จริงๆ 2BCon… (อาจจะยาวไปสักหน่อยนะคับ เพราะไนท์จะไม่อยู่ เผื่อทุกๆคนคิดถึง ^^ ปล อย่าเพิ่งกันไปไหนนะคับ จะรีบกลับมาปั่นต่อ... ขอบคุณนะคับสำหรับทุกคอมเม้นต์ :call:)
ตอนนี้อาวัตรยังเห็นเงาของคุณศศิแม่ของมินทร์ ซ้อนทับอยู่ที่ตัวมินทร์อยู่ อาวัตรยังสับสนอยู่ น้องมินทร์ใจเย็นอีกนิดนะลูก
ชักจะรำคาญศิลาแล้วก็อิงฟ้าขึ้นเรื่อยๆ (อารมณ์ว่าอยากจะมุดเข้าไปในเรื่องแล้วก็ทำให้สองคนนี้หายไป 5555) น้องมินทร์ >< น้อยใจสิเนอะ อาวัตรเหมือนเห็นเป็นเงาเรื่อยเลย นภดล :angry2: ไม่มีเค้าแล้วจะรู้สึก เหอะๆ ดูท่าวีก็คงเหนื่อยแล้วเหมือนกัน ..
น้องมินทร์ เริ่มรุกแล้วอะ :z2: แอบเชียร์คุณศิลา หมั่นตับดล รู้ว่าวีแคร์ตัวเองก็เล่นตัวอิ๊บอ๋าย
วัตรคงลบศศิออกไปจากใจได้ทั้งหมด ยังคงมีเงาทาบทับอยู่ให้เห็นเสมอ ๆ มินทร์ สู้ ๆ
เพิ่งอ่านจบไปตอนนึงละครับ อยากจะบอกว่า...ขอเป็นแฟนคลับเรื่องนี้ด้วยอีกคนนะ “โอ๋ๆๆ…อย่างอนนะครับ มามะ…ให้มินทร์ง้อเร็ว” ู^ ^ ^ ชอบประโยคนี้จังครับ น้องมินทร์น่ารักชะมัด ขอบคุณนะครับที่ตามไปอ่านเรื่องโน้นนนนนนนของผม :pig4: :กอด1: ปล. ภาษาสวยมากครับผม ...................... เอ็มครับ :bye2:
ตะวันคือคนที่น้องธารชอบใช่มะ แต่ว่าตะวันต้องชอบหนูมินทร์แน่ๆเลย เบื่ออาดล ชิส์ :m31:
หึหึ หนูมินทร์นี่ขี้หวงสุด 55555 ว่าแต่ดลเหอะ เสียวีปายแล้วจะรู้สึกทำเป็นผลักไสสสเค้าดีนัก
ลางดราม่าเริ่มมา ไม่ว่าจะจบลงแบบไหนก็ต้องมีผู้คนที่เสียใจแน่นอน เรื่องหน้าขอผืนฟ้ากับผืนดินนะคะไนท์ ขอบคุณที่ชอบคำนี้ และขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านเช่นกันค่ะ
อาวัตรอ่ะ ไม่เข้าใจหลานเล้ยยยย อิอิอิ ชอบอาวี อาดล คุณศิลาอ่ะ น่าสนุกๆๆ
จะเกิดเหตุอะไรอีกไหมหละหนอ แอร๊ยยยยยยยยยยยยค้างงงงงงงงงง
เพิ่งอ่านตอนที่ 2 จบไปครับ “อาวัตรรู้นี่ ว่าเวลาง้อต้องทำยังไง” ^ ^ ^ ชอบประโยคนี้ครับ ตอนนี้น้องมินทร์น่ารักอีกแล้ว (คิดถึงใครบางคนขึ้นมาเลยทีเดียว) คุณไนท์รีบแต่งให้จบๆ แล้วรีบส่งสำนักพิมพ์นะครับ ผมจะรอซื้อเป็นคนแรกเลย ปล. เพิ่งอ่านจบไป 2 ตอน แต่ชอบเรื่องนี้มาก (อาจได้เป็นนิยายในดวงใจของผมเร็วๆ นี้) ปล. อีกครั้ง ผมอ่านได้ทีละตอนนะครับ เพราะงานผมยุ่งมากกกกกกกกกกกก หวังว่าคงไม่ว่ากันนะครับ ................................ อยากกดพลัสให้ แต่ยังทำไม่ได้ เหอๆ เอ็มครับ
โค-ตะ-ระ สนุก อันวังวนแห่งความรักช่างซับซ้อนยิ่งนัก เหมือนเขาวงกตที่ยากแท้จะหยั่งถึง ย่อมมีผู้ผิดหวัง เสียใจเป็นธรรมดา ดราม่า ชัวร์ อย่าดราม่านัก แงๆ :3123: รักคนแต่ง
มินทร์ทำอะไรน่ะ! น่าตกใจนิดๆละมั้ง ตะวันนี่คือครูสอนขี่ม้าที่เพื่อนของมินปลื้มหรือเปล่า เบื่ออาดลค่ะ
งานอารมณ์หวงล้วน ๆ เลย แบบนี้อาวัตรจะทำยังไงหละ ก็ในเมื่อมินทร์เค้าบอกแล้วว่าเค้าไม่ใช่แม่ และไม่ชอบอิงฟ้า
แวะมาอ่านขอรับ แอบหลงเสน่ห์เรื่องนี้ไปแล้วละขอรับ น้องมินทร์เริ่มรุกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอาวัตรจะเล่นด้วยไหมนะขอรับ เค้าเชียร์ให้เล่นด้วย อยากให้ทั้งคู่เกิดสัมพันธ์มากกว่า อากับหลาน ว่าแล้วก็กระดึ๊บๆ ดิ้นกระแด่วๆ นั่งรอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:
แอบเครียดอ่ะ เหมือนต่างคนต่างรักแต่ก็ต้องเว้นระยะห่างไว้อ่ะ
มินทรน่ารักค่ะ สงสารวีมากมาย ทำไมดลใจร้ายจัง ปล.ไม่อยากให้ธารกับมินทรต้องมาเป็นศัตรูความรักกันนะคะ ปล.อีกที น้องมินทร์เขารู้นะว่าอาวัตรชอบแม่ตัวเอง เพราะน้าน..อย่าเห็นเขาเป็นตัวแทนของแม่นะอา
อ่านจบละครับ น้องมินทร์น่ารักทุกตอนเลยนะครับ อยากรู้ว่าอิงฟ้าจะอะไรยังไงต่อไปด้วย รีบๆ มาต่อนะครับผม :pig4: (http://images.myfri3nds.com/upload/2010-10-21/images/4cbf3ffb82f85.jpg) (http://upload.myfri3nd.com/view/2010/10/21/4cbf3ffb82f85.jpg)
-8- เช้าวันรุ่งขึ้นภูมินทร์เดินออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพยังไม่ตื่นเต็มที่ ภายในหัวปวดตุบๆราวกับโดนใครเอาของแข็งตี เมื่อคืนไม่น่าโกรธ ไม่น่าโมโหจนขาดสติยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มหลายต่อหลายแก้วเลย เขาก้มลงมองสภาพตัวเองอยู่ในชุดนอนลายทางสีฟ้าน้ำทะเลก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าคงจะเป็นผู้เป็นอาที่ถกเถียงกันเมื่อคืนเปลี่ยนให้เพราะชุดนอนชุดนี้เป็นชุดที่เขาชอบมากที่สุด เด็กหนุ่มเดินกุมหัวลงมาเมื่อปฐวีเห็นก็รีบเดินเข้าไปประคอง “ไงเรา ไวน์ของคุณศิลาแรงไหมล่ะ” “เล่นเอามินทร์ปวดหัวจี๊ดเลยล่ะครับอาวี” “เดี๋ยวอาหาอะไรอุ่นๆกินนะ เผื่อจะดีขึ้น” เมื่อปฐวีเดินไป ภูมินทร์ก็ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาและหลับตาลงแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยนภดล “ไงครับน้องมินทร์ ดูท่าจะยังไม่สร่างนะเนี่ย” “ไม่ตลกเลยนะอาดลอ่ะ แล้วนี่…อาวัตรไปไหนล่ะครับ” “พาแขกของไร่อิงดาวไปดูสำรวจไร่แต่เช้าแล้ว” จนแล้วจนรอดอิงฟ้าก็ตัดหน้าเขาไปอีกจนได้นึกถึงขึ้นมาทีไรเจ็บใจทุกที “เดี๋ยวมินทร์จะรีบอาบน้ำและไปหาอาวัตรนะครับ” ภูมินทร์ไม่รอฟังคำตอบจากเพื่อนของอา เด็กหนุ่มรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปตามผู้เป็นอาทันที “อ้าว…มินทร์ไปไหนแล้วล่ะดล” “ออกไปหาไอ้วัตรแล้ว” “ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เดี๋ยวก็ไม่สบาย เด็กหนอเด็ก” ปฐวีเอ่ยก่อนจะยกกับข้าวเข้าไปเก็บในครัวก่อนจะเดินออกมานั่งโซฟาอีกตัวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับนภดลนั่งแต่ร่างสูงที่แต่งตัวดูดีกลับลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีแต่ฝ่ามือของปฐวีกลับรั้งแขนไว้เสียก่อน “ดลนั่งเถอะ เดี๋ยววีไปเอง” นภดลรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ฝ่ามืออุ่น ดวงตาที่มองมาอย่างมีความหมาย น้ำเสียงนุ่มรื่นหู ผิวกายที่เคยสัมผัสทุกอย่างที่เป็นปฐวีมันติดตรึงผูกติดเขาราวกับพันธนาการที่ไม่อาจปลด ที่เขาต้องคอยหลบเลี่ยง คอยหลีกหนีเพราะอยากเป็นแบบนี้ ไม่อยากรู้สึกแบบนี้ ถ้าเป็นเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนจะพูดคุย จะสัมผัสมันไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นแอบแฝงแต่นี่…ทุกๆอย่างมันกลับตาลปัตรสับสนวุ่นวายไปหมด ครั้งแรกที่ตัวเองลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเพื่อนที่ตัวเองทั้งรักและเชื่อใจนอนอยู่ข้างๆ วินาทีนั้นเขานิ่งอึ้งจนแทบไม่สามารถทำอะไรได้ ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาจนก่อให้เกิดเป็นความโกรธโมโหจนกลายเป็นไม่อยากจะเห็นหน้าคล้ายกับโดนคนที่ตัวเองไว้ใจทรยศ ปฐวีก็แค่คนฉวยโอกาส… เขาเองก็มีคำถามที่อยากจะถามปฐวีตลอดมาตั้งแต่เกิดเรื่องแต่ก็ไม่สักครั้งที่จะเอ่ยถาม อยากรู้เหลือเกินว่าทำไมในวันนั้นเพื่อนรักของตัวเองถึงไม่ผลักไส ขัดขืนหรือห้ามปรามเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้ามันไม่เกิดเรื่องอย่างวันนั้นขึ้นคงไม่มีทางที่ผืนฟ้าจะแยกห่างจากผืนดินอย่างเช่นทุกวันนี้ “คุณวีครับ” เสียงที่เอ่ยเรียกปฐวีทำให้นภดลหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดก่อนจะมองสองร่างที่ยืนเคียงข้างพูดคุยกันอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ระยะทางที่ค่อนข้างไกลจึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าทั้งคู่กำลังพูดคุยะไรกันแต่ดูเหมือนทั้งคู่คงจะถูกอกถูกใจกับบทสนทนาไม่น้อยเพราะทั้งยิ้มทั้งหัวเราะระรื่น นภดลมองด้วยหางตาก่อนจะเหยียดยิ้มและนอนลงบนโซฟาหลับตาลงแสร้งทำเป็นไม่สนใจ “ดล วีจะออกไปเดินเล่น ถ้าน้องมินทร์กลับเข้ามาก็ให้กินข้าวต้มที่อยู่ในหม้อได้เลยนะ” สิ้นเสียงที่คุ้นเคยนภดลก็ลุกขึ้นมานั่ง ความใสของกระจกทำให้เห็นภาพของศิลาและปฐวีเดินเคียงข้างกันมุ่งหน้าสู่แนวต้นส้ม “ระริกระรี้จริงนะ คงจะชอบเขามากสิท่า” นภดลเอ่ยก่อนจะเดินออกมาด้านนอกบ้างแต่กลับมุ่งไปทางอื่นเพราะเขาไม่อยากจะไปสนใจกับเรื่องของ …คนอื่น… ภูมินทร์ที่รีบออกมาด้วยความหวังว่าจะเจอผู้เป็นอาแต่กลับเจอเพื่อนรักของตัวเองเสียก่อน “มินทร์” “ธาร…” “อาวัตรอยู่กับพี่ฟ้าที่เนินเขาโน่นน่ะ เดี๋ยวเราไปเอาม้าที่ไร่แล้วไปหาพวกเขากันดีไหม ธารจะได้แนะนำคนพิเศษให้มินทร์รู้จักด้วย” ไร่ของอิงดาวและไร่แห่งนี้มีอาณาเขตติดต่อกันถึงแม้ว่าต่างฝ่ายต่างจะมีเนื้อที่กว้างขวางแต่ถ้าหากเดินข้ามลำธารเล็กๆไปก็จะเชื่อมถึงส่วนที่พักของไร่อิงดาวเลย “ธารตื่นเต้นจัง” “มิน่าล่ะมือเย็นเฉีบเลย ฮ่าๆๆ…” “นั่นไงๆ คนที่ยืนอยู่กับเจ้าฟ้าลั่นน่ะ” อิงธารชี้ไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่แต่งกายด้วยเสื้อลายสกอตสีฟ้าน้ำทะเลยัดชายเสื้อในกางเกงยีนส์ที่กำลังใช้มือใหญ่ลูบไปตามแผงคอสีดำขลับของม้าที่ท่าทางสง่า “พี่ตะวัน…” เมื่อชายคนนั้นหันมาก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะนิ่งงันตกตะลึงเมื่อเห็นผู้ที่มาด้วย “นี่…พี่ตะวันเป็นลูกของเพื่อนพ่อตำแหน่งมือขวาเลยนะ พี่ตะวันฮะส่วนคนนี้คือเพื่อนที่ธารรักและสนิทด้วยมากที่สุดภูมินทร์ฮะ เรียกว่ามินทร์ก็ได้” “ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ตะวัน” ภูมินทร์ส่งยิ้มให้ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ น้องมินทร์” “อ่อ…ธารอยากไปหาพี่ฟ้ากับอาวัตรน่ะครับ พี่ตะวันไปส่งหน่อยได้ไหม” “ได้สิ แต่ถ้าไปสามคนคงไม่ไหวมั้ง” “มินทร์ขี่ม้าไม่เป็นก็ไปกับพี่ตะวันก็แล้วกันนะ เดี๋ยวธารจะฟ้าเจ้าฟ้าครามไปเดินเล่นด้วย” ชายหนุ่มร่างสูงจูงเจ้าฟ้าลั่นซึ่งม้าคู่กายมาแต่อิงธารกลับรั้งไว้เสียก่อน “พาตัวอื่นไปแทนเถอะนะฮะ” ตะวันพยักหน้าก่อนจะทำตามเขาจึงพาม้าอีกตัวออกมาแทน “มินทร์นั่งหลังน่าจะพอไหวนะ เกาะแน่นๆล่ะแต่ไม่ต้องห่วงนะเพราะพี่ตะวันน่ะเก่ง” อิงธารเอ่ยบอกเพื่อนก่อนจะขึ้นขี่ม้าตามหลังก่อนจะเร่งความเร็วจนตีคู่กันในที่สุด สายลมเย็นๆที่พัดผ่านหน้าทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังคิดอะไรทำร้ายใจตัวเองค่อยๆสงบอารมณ์ลงก่อนจะคลี่ยิ้มให้กับเพื่อนรักและคนสำคัญ ดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัว…เพราะไม่อยากให้ใครมาแทนที่ตรงนั้น อิงธารไม่อาจจะยอมให้ใครมานั่งเจ้าฟ้าลั่นซึ่งเป็นม้าตัวแรกที่เขาได้ขี่และได้นั่งไปกับตะวันและที่ต้องให้เพื่อนรักนั่งซ้อนด้านหลังนั่นก็เพราะไม่อยากให้อ้อมแขนนั้นโอบกอดใครนอกจาก…ตัวเอง เด็กหนุ่มมองไปยังใบหน้าคมเข้มก็เห็นชายหนุ่มคลี่ยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง รอยยิ้มของตะวันนับว่าเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากแต่เมื่อได้เห็นแล้วก็อาจจะละสายตาไปไหนได้ เมื่อมาถึงเนินเขาตะวันก็หยุดม้าก่อนจะลงมาก่อนและส่งมือให้ภูมินทร์เพื่อจะลงแต่เมื่อขาลงผิดจังหวะจึงเซไปซบเข้ากับอกกว้างที่รองรับไว้พอดี “ขอโทษนะครับพี่ตะวัน” “ไม่เป็นไรครับ” ตะวันส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู ภูมินทร์ก้มหัวให้อีกครั้งก่อนจะรีบวิ่งไปหาผู้เป็นอา “พี่ไม่คิดมาก่อนเลยนะว่ามินทร์จะเป็นเพื่อนสนิทของธาร” “เราสนิทกันมาตั้งนานแล้วล่ะฮะ” “เหรอ…ดีเลย คนนี้แหละที่พี่เคยเล่าให้ธารฟังว่าเขาคือคนที่ใช่สำหรับพี่” เมื่อได้ฟังถ้อยคำโลกทั้งใบของเด็กหนุ่มก็หยุดหมุนก่อนจะพังทลาย อิงธารนิ่งอึ้งจนแทบจะไม่รับรู้อะไร “พี่เคยเจอน้องมินทร์ที่นี่ก่อนหน้านี้ วันนั้นหมวกของพี่ปลิวและคนที่เก็บได้ก็คือน้องมินทร์เนี่ยแหละ ครั้งแรกที่พี่ได้เห็นหน้าและรอยยิ้มก็รู้สึกเหมือนมีมนต์สะกดให้พี่ไม่อยากละสายตา” อิงธารมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของอีกฝ่ายก่อนใบหน้านั้นจะค่อยๆพร่ามัว “ถ้าธารไม่ว่าอะไรล่ะก็…เชียร์พี่ด้วยนะ” “ธารขอกลับก่อนนะฮะ พี่ตะวันไม่ต้องรอมินทร์ก็ได้เพราะเขาคงกลับกับอาวัตร” อิงธารเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะควบม้าออกมาเพื่อหนีหน้าอีกฝ่าย ทุกอย่างพร่ามัวเนื่องจากน้ำตาที่รินไหล เขาไม่อาจจะซ่อนความเสียใจได้จริงๆ ทุกอย่างไม่น่าออกมาเป็นแบบนี้เลย เมื่อภูมินทร์วิ่งมาถึงก็เห็นผู้เป็นอาโอบหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนก่อนที่อิงฟ้าจะผละตัวออกและแสร้งทำเป็นตกใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มยืนจ้องอยู่ “อาวัตร…ออกมาตรวจไร่ทำไมไม่รอมินทร์” “อาเห็นเรายังไม่ตื่น เลยไม่อยากกวนน่ะ” “ทำไมทุกทีอาถึงพามินทร์มาได้ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงไม่ได้ล่ะหรือว่าอาวัตรกลัวว่ามินทร์จะมาขัดขวางความสุข” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะมินทร์” “เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นอาวัตรก็บอกมินทร์มาตรงๆ ไม่ต้องหนี ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆมายืนกอดกันอยู่ตรงนี้” “ไปกันใหญ่แล้วมินทร์ ฟ้าเธอแค่จะล้มอาก็เลยช่วยไว้เท่านั้นเอง” “ใช่ค่ะน้องมินทร์ วัตรแค่ช่วยพยุงไม่ให้พี่ล้มจริงๆ” อิงฟ้าพยายามช่วยแก้ตัวด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานซึ่งภูมินทร์รู้ว่าเธอจงใจจะยั่วโมโห “กลับกันเถอะครับอาวัตร จะเที่ยงแล้วมินทร์รู้ว่าอาวัตรยังไม่ได้กินอะไร” ภูมินทร์พยายามทำตัวให้อารมณ์เย็น “อ่อ…พอดีพี่ทำข้าวกล่องมาแล้ววัตรก็เพิ่งกินเมื่อกี๊เอง” “คือ…เดี๋ยวผมขอตัวกลับไปกับมินทร์ก่อนนะครับฟ้า” “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็นก้างขวางคอดีกว่า อีกอย่างผมลืมไปว่าพี่ตะวันคนของไร่อิงดาวอาสาจะไปส่ง ขอตัวก่อนนะครับอาวัตรกับว่าที่นายหญิง” เด็กหนุ่มตอกกลับก่อนจะเดินไปหาตะวันและส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะขึ้นนั่งด้านหน้าและมีอ้อมแขนกว้างของตะวันโอบกอดไว้ “มินทร์…” เรวัตรพยายามจะเอ่ยรั้งไว้แต่เด็กหนุ่มก็ไปเสียแล้ว มือใหญ่กำแน่นก่อนจะเหวี่ยงฝ่าอากาศด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทำไมถึงปล่อยให้คนที่เพิ่งรู้จักกันโอบกอดอย่างนั้น นึกแล้วอยากจะไปดึงลงมาจากหลังม้าเสียจริง ถ้าถึงบ้านเมื่อไหร่นะเขาจะคิดบัญชีครบทั้งต้นทั้งดอกเลยโทษฐานที่ทำให้เขาหงุดหงิด เตรียมตัวไว้ได้เลย คอยดูสิ… 2BCon… (มาต่อแล้วคร๊าบ…อาม่าของไนท์ออกจากโรงพยาบาลปุ๊บก็รีบมาปั่นต่อทันที คือตอนนี้อาจจะออกแนวดราม่าไปหน่อยสำหรับน้องธาร ตอนแรกไนท์ก็กะว่าจะให้น้องมินทร์ดราม่าอีกคนแต่พอดีกว่าคับ เอาเป็นแนวเด็กยั่วผู้ใหญ่ดีกว่า ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์และการติดตามนะคับ) ตอบเม้นต์คับ yayee2 - - >คุณพี่แก้วประเดิม ^^ ขอบคุณนะคับ ไนท์ยังไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องศศิ อิงฟ้าก็เข้ามาต่ออีก Églantier✿ - -> อ่า...อาดลโดนคับงานนี้ เดี๋ยวไนท์ต้องแก้ปมเรื่องอาวัตรเห็รเงาแม่ในตัวมินทร์อีก heefever - - > กองเชียร์คุณศิลามาแล้ว ^^ PEENAT1972 - - > ขอบคุณคับคุณพี่นัท ไนท์จะให้น้องมินทร์ สู้ๆ King_Arthur - - > ขอบคุณคุณเอ็มนะคับที่ติดตามอ่าน ดีใจมากคับ เดี๋ยวไนท์จะตามไปอ่านเรื่องของคุณเอ็มต่อ ^^ padigree - - > อาดลโดนอีกแล้วคับ ฮ่าๆๆ kinjikung - - > ดลเขายังไม่เลิกสับสนคับ รออีกสักหน่อยนะคับ iamnan - - > เรื่องผืนฟ้ากับผืนดินจะแทรกมาเป็นระยะๆนะคับ bigbeeboom - - > ดูเหมือนหลายคนจะชอบสามคนนี้นะคับ อาวี อาดล ศิลา samsoon@doll - - > มาต่อให้แล้วนะคับ bud-sob - - > จะพยายามให้ดราม่าน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะคับ berlyn - - > อาดล Again 555+ b27072010 - - > ตอนนี้มินทร์อาจคิดว่าหวงแต่ไม่นานต้องเข้าใจว่าหึงแน่นอนคับ กรองเทียน™ - - > ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคับ fannan - - > ความรักก็แบบนี้แหละคับ ไม่บอกสักทีว่ารักก็เลยต้องรักษาระยะห่างไว้ Nus@nT@R@ - - > ศึกระหว่างเพื่อนรักคงไม่มีนะคับแต่คงมีเล็กๆน้อยๆไม่ขนาดตัดเพื่อนคับ
เหอๆ รู้สึกจะดราม่าหลายคู่จริงๆตอนนี้ วี-ดล เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซักที โดยเฉพาะดล ทำไมถึงไม่คุยให้เคลียร์กับวีไปเลย เอาแต่หนีตลอดแบบนี้ แล้วก็หึงหวงวีกับคุณศิลา ดีหึงเข้าไปจะไ้ด้รู้ใจตัวเองเร็ว ..น้องธารตอนนี้น่าสงสาร คงจะรับไม่ได้แหละ ก็คนที่รักดันไปชอบเพื่อนสนิทอีกต่างหาก ส่วนน้องมินทร์กับอาวัตร กลับบ้านไปก็คงจะเคลียร์กันเองตามประสา อาๆหลานๆ ปล.อย่าดราม่านานเกินไปนะคะ สงสารทุกคน อิอิ
อะน๊ะ ยั่วเยอะๆก็สงสารธารน๊าแต่ถ้ารู้ว่าหนู๋มินมิน มีอาวัตรอยู่แล้วเดี๋ยวนายตะวันก็คงจะเห็นความจริงใจของธารเองนั้นหละ แต่ยังไงก็ไม่ชอแบบนี้อยู่ดี แอร๊ยยยยยยยยยย มาม่าห่อเล๋กๆ
:m16: วุ้ย ตอนนี้ทำไมมันขัดใจจังคะคุณไนท์ (แบบว่าอ่านแล้วอินเกิ๊น 555) อาวัตรก็นะ น้องมินทร์งอน+น้อยใจ ตัวเองดันไปไม่พอใจ(ออกแนวหวง)ซะงั้น ไม่ได้รู้เรื่องเลย = =" อิงฟ้า .. ถ้าเราหมั่นไส้กับความมารยาของเธอจะตลกปะคะ? แต่รำคาญจริงๆนะ ใครก็ได้ช่วยเอาไปเก็บที 5555 สงสารน้องธาร .. เซ็งแทนเลย คนที่ชอบมาบอกว่าชอบคนอื่นให้ฟังต่อหน้า แล้วคนนั้นดันเป็นเพื่อนตัวเองอีก TT รันทดได้อีกมั้ย ส่วนนภดล .. ปล่อยเค้าเหวี่ยงกับตัวเองไปเหอะเนอะคะ 555 (วันนี้เม้นเวิ่นไปหน่อย เรากำลังเฮิร์ทกับชีวิตตัวเองนิดนึงอะค่ะ ไม่ว่ากันน้า ^^) ขอบคุณมากค่าาา :กอด1:
แล้วน้องธารจะพาลโกรธน้องมินทร์มั้ย
ก่อนเม้นท์ ขอกราบอวยพรให้อาม่าของน้องไนท์ สุขภาพแข็งแรงในเร็ววันนะจ๊ะ ดลแสดงอาการหึงวีซะขนาดนี้ แล้วก็รู้ว่าตัวเองคิดยังไงกับเพื่อน แต่คำพูดและการกระทำที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง ล้วนแต่ทำให้วีเจ็บ ทำไมล่ะดล อาวัตรก็เนอะ ไม่ทันมารยาหญิงเหรอ แล้วจะโกรธมินทร์ทำไม สงสารน้องธารจัง
ตกลงนี่ดลรักวีป่ะครับ เหมือนจะแคร์แต่จะวางมาดไปถึงไหนก็ไม่รู้ ส่วนน้องมินทร์... ตอนนี้ลมหึงขึ้นหน้าเกือบทั้งตอน สงสารธาร แต่อย่าพาลไปโกรธน้องมิ้นทร์ของผมนะครับ (ไม่ยอมจริงๆ ด้วย) ส่วนคุณตะวัน ยังเฉยๆ ครับ ยังไม่ฉายแววโรแมนติกเท่าไหร่ รอตอนต่อไปครับผม :pig4: ปล. อาม่าคุณไนท์หายไวๆ นะคร้าบบ
ย่าห์ :m31: ขัดใจจริงอะไรจริง เซ็งวุ้ย เซ็งหมด ตั้งแต่ดล ยันอาวัตร ว้อยยยย รมเสีย ขอให้อาม่าของน้องไนท์หายป่วยไว ๆ นะจ๊ะ :L2: ดอกไม้เยี่ยมไข้จ้าา
เง้อ สงสารน้องธาร รักเค้าข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง ส่วนอาวัตรพระเอกเราก็ ไม่ทำให้ชัดเจนซะที :serius2: อ้ำๆอึ้งๆเหมือนพระเอกละครเลย :laugh: คู่ ดลกะวี no comment นอกจากรู้สึก ดลจะหวงก้างนะ จะหวงเพื่อ? o18
มาดันให้คุณไนท์ครับผม :bye2:
เรื่องของคนอื่น...งั้นเหรอ555+ ไม่อยากสนใจ แต่ดลก็สังเกตใช่มั้ยล่ะว่าคุณศิลามีอะไรแปลกๆขนาดวีเองเค้ายังไม่รู้เลยนะ สงสารธารจัง หัวใจสีชมพูแตกไม่เหลือชิ้นดีเลยสิเนี่ย น้องมินทร์มีเสน่ห์ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ แล้วก็ช่วยไม่ได้อีกเหมือนกันที่คุณอาวัตรจะคิดไปไกล แต่เข้าใจวัตรนะ มินทร์เป็นลูกของคนที่ตัวเองรักจะให้คิดเกินเลยก็ไม่ใช่เรื่องและมันก็ไม่ควรอย่างมากมาย
อีกคนก็ผิดหวัง อีกคนก็หึงหวง สรุปแล้วมี 3 คู่แน่ ๆ
-9- เรวัตรกลับบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่าน ภาพของเด็กหนุ่มถูกโอบกอดโดยคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานตามเขาไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะมองอะไรก็จะเห็นภาพนั้นเสมอทำให้ชายหนุ่มยืนทึ้งผมของตัวเองและเดินวนไปวนมาจนตัวการที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้เดินเข้ามาหา “ว่าที่นายหญิงไม่ขอติดสอยห้อยตามมาด้วยเหรอครับ อาวัตร” “แล้วคนของไร่อิงดาวที่อาสาขี่ม้ามาส่งล่ะ ไม่ตามมาด้วยเหรอ” เรวัตรไม่ตอบแต่กลับใช้บทสนทนาในทำนองเดียวกันสวนกลับทำให้เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มด้วยความสะใจเล็กๆที่อย่างน้อยผู้เป็นอาก็มีความรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่บ้าง “ความจริงมินทร์ก็ชวนพี่ตะวันเข้ามาล่ะครับ แต่บังเอิญว่าพี่เขาต้องไปตรวจไร่ต่อ น่าเสียดาย…” เด็กหนุ่มตีหน้าเศร้าทำท่าเสียอกเสียใจเสียเต็มประดานั่นยิ่งเป็นการสาดน้ำมันเข้าใส่กองเพลิงให้ลุกโชติช่วงขึ้น “เจอกันไม่ทันไรก็หลงซะแล้ว เด็กสมัยนี้ใจง่ายชะมัด” “อาวัตร…” ภูมินทร์แว๊ดใส่ทันที “ทำไม…หรือว่าที่อาพูดไม่จริง” “อาวัตรหวงมินทร์ล่ะสิถึงได้อารมณ์เสียแบบนี้” “ใช่…อาหวงแล้วจะทำไม” เรวัตรตอบโดยไม่ทันคิดแต่นั่นกลับทำให้เด็กหนุ่มยิ้มด้วยความพึงพอใจ “มินทร์ก็หวงอาวัตรเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าอาวัตรไปยุ่งกับยัยฟ้านั่นเมื่อไหร่ มินทร์ก็จะไปหาพี่ตะวันเมื่อนั้น” “แต่ฟ้าเป็นเพื่อนอา” “พี่ตะวันก็เป็นเพื่อนของผมเหมือนกัน” “เพื่อนที่ไหนเขาโอบกอดกันขนาดนั้นกัน” “แล้วทีอาวัตรล่ะ เพื่อนที่ไหนแอบไปยืนกอดกันแบบนั้น” “ฟ้าเขาจะล้มอาเลยช่วยพยุง” “มินทร์ขี่ม้าไม่เป็นพี่ตะวันก็เลยต้องใช้วิธีนั้น” “ไม่รู้แหละ มินทร์ต้องชดใช้โทษฐานที่ทำให้อาหงุดหงิดแล้วก็โทษฐานที่มินทร์ยอมให้คนอื่นกอดสุ่มสี่สุ่มห้า” “อาวัตรก็ต้องชดใช้โทษฐานที่ทำให้มินทร์หงุดหงิดแล้วก็โทษฐานที่ยอมให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัวด้วย” ทั้งเสียงกันไปมาราวกับเด็กๆก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา “เด็กอะไรเถียงคำไม่ตกฟาก” “ผู้ใหญ่อะไรนิสัยเหมือนเด็ก” “ว่าอานิสัยเหมือนเด็กเหรอ นี่แน่ะๆๆ…” เรวัตรเอ่ยก่อนจะจี้เอวเด็กหนุ่มจนร่างโปร่งดิ้นเร่าและหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่ “พอแล้วอาวัตร ฮ่าๆๆ…” ภูมินทร์เอ่ยเมื่อหัวเราะจนเริ่มหมดแรง เด็กหนุ่มหอบหายใจก่อนจะยกมือปัดป้องไม่ยอมให้อีกฝ่ายถูกจุดอ่อนแต่เมื่อไม่ทันได้ระวังตัวก็ถอยหลังไปชนกับโซฟาจนล้มหงายหลังลงไปนอนแต่ผู้เป็นอาก็ยังไม่ละความพยายามตามลงไปกลั่นแกล้ง “อาวัตร…” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อร่างที่คร่อมอยู่ด้านบนด้วยระยะที่ประชิดเพียงแค่ปลายจมูกชนกันก็ทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ร้อนผ่าว ริ้วสีระเรื่อระบายบนแก้มใสแต่ก็ยิ่งขึ้นสีจัดเมื่อเรวัตรกดปลายจมูกลงสัมผัสเสียฟอดใหญ่ ภูมินทร์ใช้ฝ่ามือแนบลงบนผิวแก้มก่อนจะอมยิ้ม ดวงตาคู่สวยมองริมฝีปากบางสีจัดของผู้เป็นอาซึ่งดูเหมือนเวลานี้ช่างดูน่าสัมผัสเสียเหลือเกิน สิ้นความคิดเด็กหนุ่มก็โอบแขนทั้งสองข้างรอบคอเรวัตรและโน้มให้ใบหน้าคมเข้มลงมาใกล้ “เมื่อกี๊อาวัตรง้อมินทร์ไปแล้ว คราวนี้ให้มินทร์ง้ออาวัตรบ้างนะครับ” จบประโยคที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบภูมินทร์ก็หยัดตัวขึ้นแนบริมฝีปากลงบนเรียวปากของร่างด้านบน ออกแรงกดเพียงแผ่วเบาก่อนจะผละออกมาแต่เรวัตรกลับไม่ยอม “จะผิดไหมถ้าอาอยากให้มินทร์ง้อต่อ” ภูมินทร์หน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยระยะประชิด ไม่มีอิดออดแต่อย่างใดเด็กหนุ่มไม่รอช้าแต่จะค่อยๆปรือตาลงและแนบริมฝีปากสัมผัสอีกครั้ง ภายในใจเต้นระรัวอบอุ่นซาบซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย ไม่อยากจะละจากริมฝีปากนี้ ไม่อยากจะละจากอ้อมแขนที่อบอุ่นเช่นกัน นี่คือ…ความรักใช่หรือเปล่า? ค่ำมืดดึกดื่นที่อากาศค่อนข้างหนาวปฐวีคลำหาสวิตช์ไฟตรงบริเวณห้องครัวทันทีที่แสงไฟสว่างก็เห็นนภดลนั่งจิบบรั่นดีอยู่ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งรู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ มิเช่นนั้น…คงไม่มีทางจะมานั่งลิ้มรสน้ำสีอำพันอยู่ในความมืดเพียงลำพัง ปฐวีเดินเลี่ยงออกมากดน้ำอุ่นใส่แก้วก่อนจะถูมือทั้งสองข้างไปมาและเป่าลมอุ่นใส่ฝ่ามือ ชายเสื้อแขนยาวที่เลยมาเกือบปิดมือไม่ได้ให้อุ่นขึ้นมา เขารู้สึกได้ว่าลำคอแห้งผาก ดวงตาทั้งสองข้างก็ร้อนผ่าวคล้ายจะโดนไข้หวัดรุมเร้า ชายหนุ่มกระแอมไอแห้งๆออกมาก่อนจะเริ่มเดินเซเมื่อรู้สึกว่าพื้นผิวโลกเริ่มลาดเอียงระหว่างที่กำลังจะเซล้มอีกครั้งนั้นอ้อมแขนกว้างก็โอบประคองไว้ได้เสียก่อน ปฐวีตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าของอ้อมแขนก่อนจะผละตัวออกมาและพยายามประคองตัวเองไว้ “ทีฉันทำมาเป็นขืนตัวหนี คงอยากจะให้แค่ไอ้หมอนั่นมันสัมผัสสินะ” นภดลเอ่ยตีรวนชวนทะเลาะ นัยน์ตาวาวระยับไม่รู้จากโทสะหรือฤทธิ์แอลกอฮอลล์กันแน่ เมื่อปฐวีดูอาการคนตรงไม่ออกจึงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยบวกกับอาการวิงเวียนทำให้ต้องรีบเดินหนีออกมาแต่มือใหญ่กลับคว้าท่อนแขนไว้เสียแน่น “นายทำให้ฉันเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มหุ่นนายแบบเอ่ยก่อนจะผลักอีกฝ่ายไปชิดกับฝาผนังและกางแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างของปฐวีไว้ “ดลเมามากแล้วนะ” “เพราะนายไงเล่า…ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะนาย ชีวิตฉันสับสนวุ่นวายก็เพราะนาย เพราะนายคนเดียวปฐวี” “วีขอโทษ” เอ่ยได้เพียงสั้นๆเพราะตอนนี้สติเริ่มเรือนลาง มือที่ไม่เคยสักครั้งที่คิดจะผลักไสเจ้าของหัวใจแต่วันนี้กลับผลักแผ่นอกกว้างให้ออกห่างเนื่องจากกลิ่นแอลกอออลล์ยิ่งทำให้เกิดอาการคลื่นเหียน “ดล วีขอล่ะวีไม่ไหวจริงๆ วีรู้สึกไม่ค่อยสบาย” “ข้ออ้างสิไม่ว่า…เรามันคนเคยๆกันแล้วนายคงอยากจะลองของใหม่มากกว่าสินะ” ปฐวีไม่มีเรี่ยวแรงโต้เถียง แต่กลับต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อริมฝีปากของนภดลแนบลงบนผิวเนื้ออ่อนที่ซอกคอแต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้และจะต้องมาเสียใจในภายหลังอีกครั้งชายหนุ่มร่างโปร่งจึงตัดสินใจผลักนภดลออกไปจนสุดแรงเท่าที่มีก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้น นภดลเอะใจกับท่าทางของปฐวีจึงเข้าไปใช้หลังฝ่ามืออังหน้าผากก่อนจะชะงักมือหนีเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อน “เฮ้…” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนหลับตาพร้อมหอบหายใจ ใบหน้าหมดจดแดงก่ำด้วยพิษไข้นภดลอยากจะปล่อยให้นอนเสียตรงนี้แต่ลึกๆภายในใจกลับห่วงแสนห่วงจึงจำต้องอุ้มประคองพาไปยังห้องนอน เมื่อร่างของปฐวีถูกจัดแจงให้นอนอยู่ในท่าที่สบายคนที่แบกเข้ามาก็ถอนหายใจยาว ด้วยความที่เป็นคนทิฐิสูง แข็งกระด้างและมั่นใจในตัวเองมากเกินไปทำให้นภดลอยากจะละเลยคนที่นอนซมอยู่ แต่มนุษย์เราย่อมมีสองด้านเสมอด้านดีสั่งให้เขาหาผ้ามาเช็ดตัวเพื่อบรรเทาความร้อนจากพิษไข้ที่กำลังรุมเร้า ด้านมืดและด้านสว่างในตัวถกเถียงกันอยู่นานก่อนด้านดีจะมีชัยเหนือกว่า และนี่…เป็นครั้งแรกที่นภดลแสดงความห่วงใยและใส่ใจต่อปฐวี มือใหญ่ค่อยๆบิดผ้าขนหนูเนื้อนุ่มที่ชุบน้ำจนหมาดก่อนจะนั่งลงบนฟูกข้างๆคนที่หลับใหลและบรรจงเช็ดหน้าตาและเนื้อตัวของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา เสียงครางอือในลำคอก่อนจะพลิกตัวหนีความเย็นทำให้นภดลจำต้องเอ่ยปราม “นอนนิ่งๆสิ นายตัวร้อนฉันเลยต้องเช็ดตัวให้” เพียงแค่เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอีกฝ่ายกลับนอนนิ่งๆยอมแต่โดยดี ใบหน้าที่ถึงแม้จะดูเซียวลงแต่กลับมีรอยยิ้มละมุนแต่งแต้มราวกับกำลังฝันดี และก็น่าแปลกที่บนใบหน้าของนภดลจะมีรอยยิ้มอบอุ่นราวกับกำลังเป็นสุขในหัวใจ บางทีถ้าหากเขาลดทิฐิในตัวลงเขาอาจจะพบว่าตัวเองมีของล้ำค่าอยู่ในมืออยู่แล้วก็เป็นได้ ดวงจันทร์ที่ฉายแสงสีเงินสว่างจนกลบแสงน้อยนิดของดวงดาวเปรียบเสมือนตัวเขากำลังค่อยๆหมดความสำคัญลง อิงธารเงยหน้ามองท้องฟ้าสีรัตติกาลด้วยดวงตาที่คลอด้วยหยาดน้ำใส แต่แล้วเสียงฮาร์โมนิก้าที่ดังแว่วเป็นท่วงทำนองเพลงรักดังขึ้นกลับทำให้ทำนบน้ำตาพังทลาย เด็กหนุ่มใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปาดน้ำตาแต่อยู่ๆทำยองเพลงก็เงียบลงตามมาด้วยไออุ่นจากด้านหลัง “ใครกันหนอทำให้เด็กน้อยของพี่ร้องไห้” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนพลางใช้ฝ่ามืออบอุ่นลูบไปตามแผ่นหลังเป็นการปลอบประโลม “คนใจร้ายที่ไม่เคยรู้อะไรบ้างเลย” อิงธารเอ่ยตรงๆอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกแต่ดูเหมืออีกฝ่ายจะยังไม่รู้อะไรถึงทำเพียงแค่ลูบเส้นผมนุ่มเล่นไปมา “เดี๋ยวพี่ตะวันคนนี้จะไปจัดการให้ดีไหม หืม…” “อย่าเลยฮะ เพราะยังไงพี่ก็จัดการให้ธารไม่ได้” ร่างสูงลุกขึ้นก่อนจะเดินอ้อมมาและนั่งลงต่อหน้าเด็กหนุ่ม เมื่อดวงตาคู่คมมองมาตรงๆก็ทำให้เด็กหนุ่มหันหน้าหนีไปทางอื่น “ทำไมล่ะครับ หืม…” ตะวันเอ่ยถามก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยร่องรอยแห่งความเศร้าให้พ้นไป เด็กหนุ่มไม่ยอมเอ่ยต่อแต่กลับมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแทน “ในเมื่อคืนวันเพ็ญผู้คนเอาแต่เฝ้ามองเห็นดวงจันทร์ที่ส่องสว่างแล้วถ้าเราเป็นเพียงแค่เศษก้อนหินบนท้องฟ้าจะไปมีความสำคัญอะไร” เด็กหนุ่มเอ่ยเปรียบเทียบโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจในความหมายที่ต้องการจะสื่อไหม ตะวันทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะรั้งตัวเด็กหนุ่มเข้ามาโอบกอดหลวมๆและลูบเรือนผมนุ่มอย่างแผ่วเบา “ดาวบางดวงก็สามารถนำทางให้กลับมายังจุดหมายปลายทางได้ ดวงดาวอยู่สูงมีค่าเสมออย่าไปเฝ้าคิดเลยว่าตัวเองเป็นเพียงแค่เศษก้อนหินเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่รอนแรมมาไกลจะเจอกับที่พักใจได้อย่างไร” ตะวันละอ้อมแขนออกจากเด็กหนุ่มก่อนจะหยิบเครื่องดนตรีขึ้นจรดริมฝีปากและเริ่มบรรเลงเพลงรักบทใหม่ซึ่งเป็นเพลงโปรดที่สุดของอิงธารก่อนจะปล่อยให้สายลมเย็นและเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ บางทีบางครั้งเราอาจจะหลงใหลแสงจันทร์เพียงเพราะความสวยงามและเด่นสะดุดตาโดยหารู้ไม่ว่าในคืนเดือนมืดนั้นดวงดาวมีความสำคัญมากเพียงไหน บางทีสำหรับเขาแล้วนั้น…อาจจะมีดวงดาวที่ส่องสว่างนำทางหัวใจอยู่แล้วก็เป็นได้ 2BCon… (มาแล้วคับตอนที่หวานซึ้ง ^^ :-[ไม่มีมาม่าซักซองหรือแม้แต่เส้นเดียวหวังว่าทุกๆคนจะถูกใจกันนะคับ ต้องขอโทษด้วยที่มาอัพช้าช่วงนี้ญาติๆมาคับเลยไม่ค่อยมีเวลา อีกอย่างไนท์เพิ่งกลับจากไปกินข้าวแถวราชวัตร ใครอยู่แถวนั้นบอกด้วยนะคับไนท์ไปบ่อย เดี๋ยวตอบคอมเม้นต์คับ :call:) Nus@nT@R@ - - > ตอนนี้จัดหวานชดเชยให้เลยคับ ^^ samsoon@doll - - > ไนท์เอาขนมหวานมาแจกแทนมาม่าแล้วนะคับ ^3^ Églantier✿ - - > ขอเป็นกำลังใจให้นะคับ ไม่เป็นไรคับเม้นต์มาเลยไนท์รับได้เสมอ ขอบคุณที่ติดตามอ่านคับ padigree - - > ด้วยความที่ธารและมินทร์เป็นเพื่อนรักกันไนท์เลยไม่อยากให้ยาดหมางกันคับ สงสาร yayee2 - - > ขอบคุณคับพี่แก้ว ดลกำลังลดทิฐิตัวเองอยู่คับ หุหุ King_Arthur - -> คุณเอ็มคับดลขอวางมาดนิดนึง เก๊กไปงั้นแหละคับพวกทิฐิสูง ปล ไนท์ไม่ให้ธารโกรธน้องมินทร์หรอกคับสบายใจได้ ขอบคุณนะคับที่ติดตามอ่าน ^^ heefever - - > หวังว่าตอนนี้คงพอทดแทนได้นะคับ แล้วก็ขอบคุณนะคับสำหรับคำอวยพรให้อาม่า silverspoon - -> วีกะดลก็ตามสไตล์คับ อาวัตรกะน้องมินทร์ตอนนี้ทดแทนให้แล้วนะคับ หุหุ berlyn - - > อาวัตรกะน้องมินทร์ก็ตามสไตล์อ่ะนะคับ ตอนนี้ไนท์เองก็กำลังคิดว่าจะไปไงต่อ ฮ่าๆๆ b27072010 - - > ตอนแรกไนท์กะให้มีแค่คู่อาวัตรกับน้องมินทร์แต่อยากใส่สีสันเพิ่มเลยขอ 3 คู่เลยคับ ^^
^ ^ ^ :z13: จิ้มก่อนนอนครับ เดี๋ยวค่อยมาอ่านเช้า :pig4:
อ่านแล้วเครียด --" สงสารธารอ่ะ
1 ตอน 3 คู่รวดเริ่ดๆค่ะ ง่ายๆสั้นๆแต่ได้ใจความ อิอิ ว่าแต่น้องมินมิน นี่ก็แร๊งน๊าจูบอาก่อนทุกทีเลย อร๊างงงงงงงงง :-[ :-[ +1เจ้าค่ะ
แอบรักเขาอยู่ในใจ :L1:
ปฐวีของเค้า... ดลแกดูแลดี ๆ เลยนะ และขอร้องอย่าได้ทำร้ายจิตใจกันไปมากกว่านี้ . . แลดูพี่ตะวันเหมือนจะคิดได้แล้วเนอะว่ามีของดีอยู่ใกล้ตัว . . ส่วนคู่อาหลานไม่ต้องพูดถึงคู่นี้หวานน้ำตาลเรียกพี่
“จะผิดไหมถ้าอาอยากให้มินทร์ง้อต่อ” ู^ ^ ^ :o8: :-[ :impress2: อ่านตอนนี้แล้วยิ้มหวานตามไปด้วยเลยครับ ปล. เมื่อคืนพระจันทร์ สวยแต่สว่างมากๆ
:pig4: :pig4:
พี่ตะวันเท่ห์ดีนะ น่ารักสุดๆ ไรเตอร์รักษาสุขภาพด้วยนะ
อ่า อยากให้ธารสมหวังนะ พี่ตะวันออกแนว ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย :sad11: คู่วีกะดลก็เหมือนกัน ดลเริ่มอ่อนลงละ เมื่อไรจะทำใจยอมรับตัวเองซะที
ตอนนี้ไม่มีมาม่าก็จริง แต่ทั้งสามคู่ก็ยังไม่ชัดเจน ซะทีจ้ะ ยิ่งอิงธารยิ่งน่าเห็นใจ นายตะวันมองไม่เห็นจมูกตนเอง คงต้องจับไปยืนส่องกระจกซะแล้ว
เห็นด้วยกับรีบนๆจ้าา ตอนนี้ไม่มาม่าแต่ก็ไม่ชัดเจนเนอะ แบบว่าคู่อาวัตรกะน้องมินทร์เนี่ย เหมือนจะดูเข้าที่เพราะเป็นไปตามความรู้สึก แต่กลัวว่าแบบพอได้สติอาวัตรก็จะมานั่งเถียงกับตัวเองว่าไม่เหมาะๆไรงี้อ่ะสิ : ( ไหนจะยังมีอิงฟ้าคอยป่วนอยู่อีก -*- ส่วนน้องธารกะพี่ตะวัน .. สงสารน้องธารอย่างต่อเนื่อง ยิ่งพี่ตะวันใส่ใจแต่ไม่ได้รับรู้อะไรเลยนี่ยิ่งเจ็บปวดจังค่ะ TT ปฐวี ><" คงอีกไม่นานแล้วมั้ง? ^^ ดลเริ่มสับสนละ ฮ่าาา :L2:
เข้มข้น ครบรสจริงๆ เลย สนุกมาก
อ่านตอนนี้แล้ว หวานๆน่ารักๆ ชอบๆ
อยากอ่านตอนต่อไปของอาวัตรกับมินทร์ซะแล้วซิ แต่ดลก็ใจแข็งมากเหมือนกันนะ สงสารวีจังเลย
หวานจริงๆๆอากะหลานแต่ดลกะวีสิแอบเศร้าเบาๆๆ แต่ธารน่าสงสารกว่าคำพูดโนใจจริงจังไปไหน ตะวันไม่รู้ตัวเลยอ่าทำไรลงไปปปปปป
เอ่อพี่ตะวันช่างกล้า 555 หรือมันไม่รู้ตัวว่ามันชอบใคร :mc4:
ตอนนี้ไม่มีมาม่าก็จริง แต่ทั้งสามคู่ก็ยังไม่ชัดเจน ซะทีจ้ะ ยิ่งอิงธารยิ่งน่าเห็นใจ นายตะวันมองไม่เห็นจมูกตนเอง คงต้องจับไปยืนส่องกระจกซะแล้ว คิดเหมือนคุณนายแก้ว แต่ความไม่ชัดเจน มันเป็นเสน่ห์ที่ชวนให้ติดตามมาก ๆ ค่ะ
ขอให้น้องธารสมหวังเร็วๆ น้า
รักกันมั่วเลย น่าสงสารน้องธาร :o12: :call:
-10- เช้าวันนี้ภูมินทร์ตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี เด็กหนุ่มฮัมเพลงตลอดตั้งแต่ออกจากห้องน้ำ แต่งตัวและเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนของเรวัตร เพียงแค่เปิดประตูแง้มไปนิดก็ได้ยินเสียงน้ำแสดงว่าผู้เป็นอาคงตื่นแล้วและกำลังอาบน้ำอยู่ เด็กหนุ่มค่อยๆปิดประตูลงและยืนรออยู่ห้องเพราะไม่เคยสักครั้งที่เขาจะเข้าไปในห้องนอนของผู้เป็นอาและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่เขาจะเข้าไปก้าวก่ายในอาณาเขตส่วนตัว ภูมินทร์ยืนมองปลายผมของตัวเองที่ตอนนี้ยาวประบ่าแล้วยังดีที่เขาเรียนโรงเรียนเอกชนเพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็คงโดนสั่งตัดไปนานแล้ว เด็กหนุ่มเดินไปเดินมาจนผ่านไปสักพักผู้เป็นอาก็ยังไม่ยอมออกจากห้องอีก ไหนๆก็ไหนๆ…ขอเข้าไปดูห้องของชายโสดสักครั้ง เขาเชื่อมั่นว่าไม่เห็นน่าจะมีอะไรที่เรวัตรจะต้องปิดบัง ครั้งนี้อาจจะโดนบ่นบ้างแต่ถ้าได้เห็นสักครั้งอาจจะคุ้มค่าก็ได้เพราะมั่นใจว่าคงไม่มีทางที่ผู้เป็นอาจะโกรธเพราะเรื่องแค่นี้ มือเรียวบิดลูกบิดก่อนจะค่อยๆแง้มประตูเปิดเข้าไป ห้องนอนที่ไม่ต่างจากห้องของเขามากนักเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกวางอย่างมีระเบียบเตียงสี่เสาขนาดคิงไซต์และที่หัวเตียงอยู่กรอบรูปถูกวางคว่ำหน้าอยู่ซึ่งเด็กหนุ่มกำลังจะจับตั้งขึ้นแต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า ผืนผ้าสีขาวสะอาดตาคลุมอยู่บนอะไรบางอย่างที่เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ประมาณกรอบรูปติดฝาผนัง ภูมินทร์มองด้วยความสงสัยอยากจะมีตาทิพย์เพื่อมองให้ทะลุเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน มือเรียวค่อยๆลูบสัมผัสผ่านเนื้อผ้าก่อนที่ปลายนิ้วจะจับตรงมุมก่อนจะออกแรงดึง ภาพวาดสีน้ำมันปรากฏให้เห็นหากดูผิวเผินใบหน้าละม้ายคล้ายกับเด็กหนุ่มหากแต่หวานกว่ามากและทรวดทรงองค์เอวก็ทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ในภาพเป็นแม่ของตัวเอง ภูมินทร์ยืนนิ่งมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลายทั้งรักทั้งโกรธ รักเพราะท่านเป็นคนให้กำเนิดและเลี้ยงดูมาอย่างดีแม้ว่าจะจดจำไม่ค่อยได้ก็ตามและที่โกรธก็เพราะว่าขนาดจากไปแล้วยังพันธนาการหัวใจของคนสำคัญของเขาไว้ “ผมรู้ว่าเขารักแม่ แต่ผมคือคนที่อยู่ข้างเขาตอนนี้ ผมขอหัวใจของเขาคืนจากแม่นะครับ” เมื่อพูดจบภูมินทร์หันตัวกลับอยากจะออกไปจากที่แห่งนี้แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าไปไหนร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาเสียก่อน “มินทร์เข้ามาในห้องอาโดนพลการ” เด็กหนุ่มไม่พร้อมจะเอ่ยบนสนทนาด้วยจึงพยายามจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่มือใหญ่กลับคว้าท่อนแขนเรียวไว้และดึงให้อีกฝ่ายมายืนต่อหน้า “ขอโทษ” ชายหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนจะเดินไปยังรูปภาพและหยิบผ้าสีขาวคลุมปิดไว้ตามเดิมแต่มือของเด็กหนุ่มกลับกระชากผ้าผืนนั้นให้ลงมากองที่พื้น “ถ้ารักขนาดนั้นทำไมต้องปิดไว้ล่ะ” “มินทร์…ออกไปจากห้องของอา” “อาวัตรว่ามินทร์คล้ายแม่มากใช่ไหมครับ แล้วยิ่งเทียบกันแบบนี้ล่ะ” ภูมินทร์เดินมายืนเคียงข้างรูป เรวัตรไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นมองเพราะเขารู้ว่าสองคนนี้คล้ายคลึงกันมากทั้งดวงตาและเส้นผมที่ยาวจนเกือบจะกลายเป็นทรงเดียวกัน “มินทร์…อาบอกว่าให้ออกไปจากห้องของอา” เด็กหนุ่มแค่นยิ้ม “คงเหมือนกันมากสินะครับ อาถึงไล่ผมแบบนี้” ภูมินทร์เอ่ยก่อนจะขยับกายเข้าไปหาเรวัตรซึ่งเจ้าตัวก็ถอยหนีจนไปชิดกับกำแพง “ถ้าเหมือนกันมากนัก มินทร์…” เด็กหนุ่มไม่เอ่ยต่อแต่สายตากลับมองหาบางอย่างจนพบ ไม่รอช้ารีบเดินไปคว้ามาไว้ในมือ ปลายแหลมคมส่องสว่างสะท้อนกับแสงแดดยามเช้า “ทำอะไรน่ะภูมินทร์” เรวัตรตรงเข้าไปจับมือเรียวไว้แน่นก่อนจะพยายามดึงของมีคมออกให้ห่างแต่เด็กหนุ่มกลับปัดมือใหญ่ทิ้งอย่างไม่ไยดี “ตอนแรกมินทร์อยากไว้ผมยาวเพราะอาวัตรชอบลูบผมมินทร์เล่น แต่ตอนนี้ผมไม่ต้องการมันแล้ว” เด็กหนุ่มเอ่ยจบประโยคก่อนจะใช้กรรไกรคมกริบตัดฉับลงบนเรือนผมจนสั้นเท่าติ่งหู เศษปอยผมสีอ่อนร่วงหล่นลงสู่พื้นก่อนจะตามด้วยหยดน้ำตา “มินทร์ขอหัวใจของอาคืนจากแม่เพราะมินทร์อยากจะได้หัวใจของอา มินทร์รักอาวัตร” ภูมินทร์เอ่ยตรงๆด้วยความไม่อยากปิดบังอีกต่อไป เด็กหนุ่มยืนสั่นเทาก่อนจะค่อยๆทรุดลงไปนั่งบนพื้นซึ่งเรวัตรได้แต่นิ่งอึ้งกับคำสารภาพ ร่างสูงค่อยๆนั่งลงข้างๆก่อนจะยกมือขึ้นค้างกลางอากาศหมายจะลูบเรือนผมปลอบประโลมแต่กลับต้องกำหมัดแน่นและผละตัวออกมา “ออกไปจากห้องของอา” เรวัตรเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาแต่กลับดังกึกก้องสำหรับอีกฝ่าย เด็กหนุ่มมองด้วยแววตาตัดพ้อก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป ชายหนุ่มได้แต่กำมือแน่นก่อนยืนหลับตาลงเพื่อประมวลความคิดก่อนจะยืนมองรูปของคนที่เขารักมากที่สุดก่อนเขาจะก้มหัวให้ราวกับขอโทษ “พี่ศิ…ผมขอโทษ ผม…ขอหัวใจผมคืนจากพี่นะครับ” เสียงทุ้มของเรวัตรดังขึ้น เมื่อลืมตาเขาก็เดินไปหยิบผ้าสีสะอาดมาคลุมปิดรูปไว้ดังเดิม เพราะเขาทำใจเรื่องของศศิได้นานแล้วจึงสามารถคลุมผ้าปิดภาพนั้นไว้ได้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนกับเมื่อก่อนเพราะตอนนี้…เขาสามารถเอ่ยขอคืนสิ่งที่เขาเคยให้หญิงสาวไว้ได้อย่างเต็มปาก ภาพวาดที่คลุมไว้แล้วถูกปลดลงจากผนังก่อนจะพิงไว้กับขอบหน้าต่าง ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่หัวเตียงก่อนจะจับกรอบรูปที่เคยคว่ำหน้าอยู่ขึ้นมาตั้ง ภายในกรอบรูปนั้นเป็นเมื่อครั้งที่เคยไปเที่ยวที่ดอยขุนแม่ยะ ทิวทัศน์เบื้องหลังเป็นต้นพญาเสือโคร่งที่ออกดอกสีชมพูหวานบานสะพรั่งและภูมินทร์ยืนควงแขนเขาพร้อมรอยยิ้มแสนน่ารัก เขาอมยิ้มระหว่างที่ลากปลายนิ้วลงบนใบหน้าเยาว์วัย เรวัตรรู้ว่าเมื่อครู่คงทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายมากเกินไปแต่เขากำลังอยู่ในช่วงสับสนและต้องการใช้ความคิดเพียงลำพัง ขอให้แน่ใจ ขอให้ทุกอย่างในตัวเขาชัดเจนขึ้นแล้วเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะไม่มีวันปล่อยมือคู่นั้นไป แสงแดดของวันใหม่แยงตาทำให้ปฐวีจำต้องค่อยๆยกมือขึ้นมาป้องก่อนจะค่อยๆลืมตาตื่นแต่ก็ต้องสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งเมื่อเห็นนภดลนอนฟุบหน้าอยู่ข้างๆและที่สำคัญมือใหญ่กอบกุมมือเขาไว้แน่น แรงขยับตัวทำให้ชายหนุ่มหุ่นนายแบบค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อเห็นมือของตัวเองกำลังจับมือของอีกคนอยู่ก็รีบสะบัดออกทันที “ขอบคุณนะ” ปฐวีเอ่ยบอกแต่อีกฝ่ายกลับดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอะไร “ไม่ต้องขอบคุณ ฉันก็แค่ยังไม่อยากจะกินข้าวต้มฟรี” “นั่นแหละไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตามแต่วีก็ควรจะขอบคุณดลอยู่ดี” ปฐวีเอ่ยและส่งยิ้มให้ นภดลมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะรีบเมินหน้าหนี “หายแล้วก็ดี ไม่อย่างนั้นนายศิลาอะไรนั่นคงลงแดงตาย” “นั่นสินะ วันนี้นัดกับคุณศิลาไว้นี่นา” ชายหนุ่มร่างโปร่งทำท่าคิดขึ้นได้ก่อนจะรีบหยิบผ้าขนหนูและเสื้อผ้าเดินข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งหน้าบึ้งตึงก่อนจะกำมือแน่นด้วยความโมโหก่อนจะทุบกำปั้นลงบนฟูกที่นอน “โถ่เว๊ย…อุตส่าห์อดหลับอดนอนทั้งคืนเพื่อเช็ดตัวให้เพราะกลัวไข้ขึ้น เช้ามาไข้หายก็รีบแล่นไปหาคนอื่น รู้งี๊ปล่อยให้นอนซมอยู่ซะก็ดี” นภดลเอ่ยด้วยความโมโห ไอ้หัวใจบ้าก็ดันมารู้สึกเจ็บแปลบ เขาไม่เคยทำเพื่อใครขนาดนี้มาก่อน ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นในตอนนี้หากอะไรมาขวางหูขวางตาล่ะก็รับรองได้เลยว่าพังเป็นหน้ากลองแน่ ทำให้ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นความดี มันน่า…จริงๆ คนที่ยืนอยู่ในห้องน้ำแอบอมยิ้ม เขารู้สึกปลื้มใจไม่น้อยที่นภดลทำเพื่อเขามากถึงขนาดนี้เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีสักครั้งที่จะได้รับความห่วงใยและเขาก็รู้ด้วยว่าลูกคุณหนูอย่างนภดลไม่เคยทำอะไรให้ใครหน้าไหน แต่เขากลับได้รับ ทั้งปลื้มใจทั้งยินดี แต่สุดท้ายแล้ว…ก็คงไม่มีวันนั้น วันที่เส้นขนานจะขีดมาบรรจบกันเพราะนภดลนั้นไม่เคยคิดและคงไม่มีวันจะคิดกับเขาเกินคำว่า “คนที่มีชีวิตอยู่ร่วมโลกใบเดียวกัน” “ทำใจได้แล้วนะปฐวี” ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนจะรีบอาบน้ำและแต่งตัวเพื่อไปตามนัด แต่เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ยังเห็นนภดลนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับตัวไปไหน “ดลอย่าลืมอาบน้ำแล้วก็หาอะไรกินนะ วีไปก่อนล่ะ” ในใจนภดลอยากจะเอ่ยรั้งไว้แต่ก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมแต่ปากกลับไวกว่าความคิด “อยากจะไปไหนก็ไปสิ” ปฐวีคลี่ยิ้มบางๆอย่างเข้าใจและเหมือนจะคาดเดาได้ล่วงหน้าแล้วว่าจะได้รับคำตอบอย่างนี้ก่อนจะเดินจากไป “โธ่เว๊ย…” นภดลโมโหตัวเองก่อนจะเหวี่ยงกำปั้นไปกลางอากาศเป็นการระบายอารมณ์ เห็นทีไม่นานจากนี้เขาจะต้องย้ำให้ปฐวีรู้ตัวอีกสักทีว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ต้องย้ำอีกสักทีให้ชัดเจนว่าเป็น “ของเขา” ไม่ใช่ของคนที่เพิ่งรู้จักได้แค่ไม่กี่วัน จุดชมวิวที่เชื่อมระหว่างไร่สองไร่กำลังเป็นที่พักรับประทานอาหารกลางวันของตะวันและอิงธาร วันนี้เป็นวันที่ทั้งคู่ออกมาตรวจไร่ด้วยกันและได้พาม้าคู่กายทั้งสองตัวมาวิ่งออกกำลังกาย ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ร่างหนึ่งก็วิ่งตรงมาพร้อมด้วยน้ำตานองหน้า “น้องมินทร์/มินทร์ เป็นอะไร” ตะวันและอิงธารเอ่ยถามพร้อมกัน ภูมินทร์เอาแต่ส่ายหน้าเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่น้ำตาที่พร่างพรูออกมาก็ทำให้รู้ว่าคงมีเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร อิงธารตรงเข้าไปกอดปลอบประโลมเพื่อนรักแต่กลับรู้สึกว่าอ้อมแขนของตัวเองใหญ่ไม่พอ ไม่เหมือนกับตะวันที่รับเอาภูมินทร์เข้าไปกอดไว้แนบอกแทน ท่อนแขนที่ใหญ่และแข็งแรงโอบอีกฝ่ายจนเหลือเพียงแค่ตัวนิดเดียว เด็กหนุ่มผิวขาวแก้มใสของไร่อิงดาวได้แต่มองดูภาพนั้นและทอดถอนใจ จะบอกว่าไม่อิจฉาคงเป็นไปไม่ได้เพราะเขาไม่ใช่คนดีขนาดนั้นแต่หากเมื่อวันที่เขาจำต้องยอมรับในความรักของทั้งคู่มาถึงล่ะก็เขาก็คงจะต้องอวยพรให้กับคนที่เขารักทั้งคู่ อิงธารกำลังจะเดินแยกตัวออกมาแต่ตะวันกลับคว้ามือของเด็กหนุ่มไว้ทั้งๆที่ยังมีอีกคนอยู่ในอ้อมแขน “อยู่ช่วยกันปลอบมินทร์ก่อนเถอะ มินทร์คงอยากได้กำลังใจจากธารด้วย” แต่เมื่อเวลาผ่านไปมือคู่เรียวของภูมินทร์ยังคงกำเสื้อของตะวันไว้แน่นราวกับเด็กต้องการที่พึ่ง อิงธารยังแอบคิดในใจด้วยว่า…ตะวันต้องการให้เขายังคงยืนอยู่ตรงนี้เพื่อทนมองเห็นภาพบาดตาบาดใจนี้ไปเพื่ออะไร “ขอบคุณนะครับพี่ตะวัน ธารด้วยนะ” สักพักภูมินทร์ก็ดีขึ้นแต่ก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรทำให้ระหว่างทั้งสามคนตกอยู่ในเงียบ “ให้พี่ไปส่งไหม” ภูมินทร์ส่ายหน้าช้าๆ “งั้นไปที่ไร่อิงดาว โอเคไหมครับ” “ธาร มินทร์ขอไปที่ไร่ด้วยคนนะ มินทร์ยังไม่อยากกลับบ้าน” อิงธารพยักหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มให้เพื่อนสบายใจ “พี่ขออนุญาตให้มินทร์นั่งซ้อนพี่ไปกับเจ้าฟ้าลั่นได้ไหม” ตะวันเอ่ยถามขอความเห็นจากอิงธาร ในเมื่อคนสำคัญเอ่ยขอขนาดนี้มีเหรอที่เขาจะไม่ให้อิงธารจำต้องพยักหน้าตกลงทั้งๆที่ในใจกลับเอ่ยค้าน “ที่พี่ต้องเอ่ยขออนุญาตธารก่อนเพราะพี่แคร์ธารนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอีกครั้งก่อนจะพาภูมินทร์ขึ้นนั่งบนเจ้าฟ้าลั่นซึ่งดูเหมือนแรกๆเจ้าม้าดูจะพยศแต่เมื่ออิงธารเดินเข้าไปและลูบแผงคอมันก็สงบลง เด็กหนุ่มเงยหน้าสบตากับคนที่อยู่บนหลังม้าก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้ เขาไม่อยากให้ทั้งตะวันและภูมินทร์ไม่สบายใจที่ต้องมาเห็นเขาเศร้าซึม ทุกอย่างมันเป็นเพราะความชัดเจนของตะวัน ชายหนุ่มคนนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงเพื่อนรักของเขามากแค่ไหน แต่เขาก็อยากโทษใคร…นอกจากหัวใจของตัวเอง เห็นทีว่าดาวดวงนี้คงไม่อาจสุกสกาวเปล่งรัศมีเทียบเคียงดวงจันทร์ดวงนั้นได้ ในเมื่อตะวันไม่เคยส่องแสงลงมากระทบที่เขาเลย… 2BCon… (มาต่อแล้วคับทุกๆคน :mc4: อ่า…ไนท์จะพยายามเคลียร์ปมทุกอย่างนะคับ จากนี้ก็จะเริ่มคลายปมของตัวละครแต่ละตัวและจะเริ่มนับถอยหลังปิดเรื่อง แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเหลืออีกกี่ตอนนะคับ จะพยายามทำให้ดีที่สุดนะคับ o13 ขอบคุณทุกการติดตามคับ ^^ :call: ตอบคอมเม้นต์คับ) iamnan - - > อย่าเครียดไปคับ เดี๋ยวจะหวานให้นะคับ samsoon@doll - - > ขอบคุณนะคับสำหรับการติดตาม น้องมินทร์ต้องรุกก่อนทุกทีคับเพราะอาวัตรไม่กล้า ^^ roseen - - > นั่นเป็นประเด็นในเรื่องความรักคับ แอบรักเนี่ยมีมากจริงๆ heefever - - > ชะอุ้ย! นายดลต้องดูแลวีดีๆ ไม่งั้นสงสัยโดนจัดการ หุหุ King_Arthur - - > ดีใจนะคับที่นิยายเรื่องนี้ทำให้คุณเอ็มยิ้มได้ ตอนนี้อาจจะมาม่าไปนิดแต่เดี๋ยวก็หวานแล้วคับ ปล พระจันทร์สวยมากเลยคับ bud-sob - - > ขอบคุณเช่นกันนะคับ padigree - - > ขอบคุณนะคับที่ชื่นชอบตัวละครตะวัน แล้วก็รักษาสุขภาพเช่นกันนะคับ ^^ silverspoon - - > ไนท์จะคลายปมเรื่องแล้ว ตอนนี้อาจจะมาม่าไปนิดแต่จะเริ่มหวานแล้วล่ะคับ ^^ yayee2 - - > คุณพี่แก้วคับ คนเราเนี่ยบางคนมักจะใกล้เกลือกินด่างไม่เห็นความสำคัญของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวแต่อีกเดี๋ยวดลจะรู้แล้วล่ะคับ Églantier✿ - - > อีกไม่นานแล้วล่ะคับ รออ่านได้เลย ไนท์จะเคลียร์ให้ ^^ warin - - > ขอบคุณนะคับสำหรับการติดตาม Nus@nT@R@ - - > คับผม เดี๋ยวไนท์จะจัดหวานๆให้อีกนะคับ b27072010 - - > อีกนิดคับ ไนท์จะให้ดลง้อวี ฮ่าๆๆ ส่วนคู่อาหลานอาจจะมาม่าไปหน่อยแต่เดี๋ยวจะจัดหวานตามไปคับ kokikung - - > เดี๋ยวตะวันกับน้องธารก็จะเคลียร์กันได้ล่ะคับ แต่ตอนนี้ขอเจ็บปวดไปก่อน kinjikung - - > ต้องทำใจกับพี่ตะวันนิดนึงนะคับ ฮ่าๆๆ PEENAT1972 - - > ขอบคุณนะคับคุณพี่นัทที่ติดตามอ่าน WhatLoveIs - - > เกือบแล้วคับ อีกนิดนึง tawan - - > ส่วนใหญ่สงสารน้องธาร น้องโดนมาม่าชามใหญ่ไปนิดคับ แต่เดี๋ยวจะได้หวานเย็นแล้ว อดใจรอนะคับ
อาวัตร :z3: ขอ :z6: ทีเหอะ ทำไมชอบทำร้ายจิตใจน้องมินทร์อยู่เรื่อย เซ็งว่ะ ตอนนี้ปลื้มอาดลจังเลย :o8:
อ่า อาวัตรน่าจะเลือกมินทร์แล้วเนาะ ไปง้อด่วน :man1: ส่วนคู่ ดลกะวี และธารกะตะวันก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป :L2:
:m15: ทั้งหนูมินทร์ ปฐวี ละก็น้องธารเนี่ย .. ต้องเสียใจก่อนถึงจะยิ้มได้ล่ะมั้งเนี่ย TT
ทำน้องมินทร์เสียน้ำตาอีกแล้ว หวังว่าคงรู้ใจตัวเองซะทีนะ เฮ่อ!!! ดลจ๊ะแบบนี้น่ะเค้าเรียกว่า หึง รู้ไว้ซะด้วย แล้ววีเค้าไปเป็นของนายเมื่อไหร่กัน
ตอนนี้มีดราม่าอีกแล้ว แต่ก้แอบเข้าใจอาวัตรนะครับ ส่วนอาดลกับอาวี สองคนนี้เริ่มจะน่ารักเข้าไปเรื่อยๆ ละ (โดยเฉพาะอาดล งานนี้หึงจนทำอะไรไม่ถูกละมั้ง) ส่วนพี่ตะวันกับน้องธาร ก็ต้องสงสารธารไปตามระเบียบ ปล. อย่าเพิ่งจบเลยครับ กำลังสนุกกับการซึมซับบรรยากาศบ้านไร่อยู่เลย :pig4:
รีบๆตามไปง้อได้แล้วค่ะคุณอาขร๋า หวังว่าคงไม่มีเรื่องหึงหวงอะไรอีกน๊า
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซะที ทั้งอาวัตร ทั้งน้องมินทร์ ดลรีบประกาศความเป็นเจ้าของวีโดยด่วน ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
มาดันให้คุณไนท์ครับ ปล. วันนี้ว่างเหรอครับ (เห็นเข้ามาเม้นตั้งแต่หัววัน) :กอด1:
-11- หลังจากที่ปฐวีออกจากห้องไปแล้วนั้น นภดลก็ยืนมองอีกฝ่ายผ่านทางบานหน้าต่างก่อนมือใหญ่จะออกแรงกระชากผ้าม่านลงมาปิดภาพเบื้องหน้าไว้ ทั้งๆที่เขาควรจะเมินเฉยไม่ใส่ใจดั่งที่ปากเคยว่าแต่ทว่าภายในอกกลับร้อนรุ่มราวกับโดนไฟสุม ยิ่งท่อนแขนเรียวถูกฝ่ามือของเจ้าของไร่อิงดาวแตะประคองก็ยิ่งทำให้เขาหัวเสีย ชายหนุ่มหุ่นนายแบบเดินฮึดฮัดวนไปวนมาก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูห้องและเดินไปยังประตูหน้าบ้านซึ่งบัดนี้คนทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเตรียมตัวทานของว่าง “นั่งด้วยกันสิครับคุณดล” ศิลาเอ่ยเชิญชวนก่อนจะผายมือให้ชายร่างสูงนั่งลงที่นั่งว่างตัวถัดไป “ชวนดลมานั่งก็เท่านั้นล่ะครับ รายนี้เขาเกลียดของหวานแทบเข้ากระดูกดำก็ว่าได้” ปฐวีเอ่ยก่อนจะตัดเค้กชาเขียวแบ่งเป็นชิ้นใส่จานส่งให้ศิลาและตัวเอง “ชาสักแก้วไหมดล ชาจากไร่ของคุณศิลาเลยนะ รสดีมากเลย” ยิ่งได้ยินปฐวีเอ่ยเยินยอถึงสรรพคุณของศัตรูตัวฉกาจก็ยิ่งทำให้เขาเดือดดาลมากขึ้น “ขอเค้กชิ้นหนึ่ง” ถ้อยคำที่เอ่ยออกจากปากทำให้ปฐวีมองด้วยความสงสัยก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับคำพูดที่ได้ยินเป็นเรื่องตลก “คุณดลไม่ชอบของหวานไม่ใช่เหรอครับ เอ๊ะ…หรือว่าเพิ่งคิดได้ครับว่าควรจะลิ้มลอง” ศิลาคลี่ยิ้มอย่างสื่อความหมายทำให้นภดลกำมือแน่นด้วยแรงโทสะที่พุ่งขึ้น “ผมคิดว่าถึงเวลาเสียทีที่ผมจะต้องกลับมาลองกินของหวานอีกครั้งเสียบ้าง เผื่อว่าผมจะคิดได้ว่าของหวานที่ครั้งหนึ่งเคยลิ้มชิมรสไปแล้วมันจะยังคงความหวานอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า” “เหรอครับ…ระวังมันจะจืดชืดลงเพราะโดนคนอื่นแย่งชิมไปแล้วนะครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นในลำคอนภดลลุกขึ้นพรวดตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายทันทีก่อนจะจ้องอีกฝ่ายชนิดแทบกินเลือดกินเนื้อ “ดล…ใจเย็นสิ เสียมารยาท” “วี! …” ชายหนุ่มตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียดังลั่นด้วยแรงโทสะ นี่ปฐวียังไม่รู้อีกเหรอว่ากำลังถูกพูดจาแทะโลมอยู่ยังจะมาต่อว่าเขาอีก “ผมว่าเห็นทีเราคงจะต้องจัดสังสรรค์กระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นมากขึ้น คืนนี้สนใจไปเที่ยวกันไหมล่ะครับ” “เที่ยวที่ไหนเหรอครับ” ปฐวีทำท่าสนอกสนใจเพราะเขาแทบไม่ค่อยได้ไปเปิดหูเปิดตาในตัวเมืองเท่าไหร่ยิ่งเวลากลางคืนด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่ “ผับของเพื่อนผมเอง รับรองไม่ผิดหวัง อ่อ…สาวๆสวยๆเพียบเลยนะครับคุณดล” นภดลเบ้หน้าก่อนจะยักไหล่ทำตัวไม่ยี่หระกับเสียงนกเสียงกา “สาวๆสวยๆเก็บไว้กับตัวคุณเองเถอะ” “สำหรับผมคงไม่ต้องหรอกครับ ในเมื่อ…ผมอยู่ใกล้เกลือผมก็กินเกลือ ไม่เหมือนบางคนที่อยู่ใกล้เกลือแต่กลับกินด่าง” ระหว่างที่บทสนทนากำลังดุเดือดอยู่นั้นการก้าวเข้ามาของเรวัตรจึงเป็นเสมือนระฆังเวลาหมดยก “คุยอะไรกันอยู่ครับ ท่าทางสนุกเชียว” เรวัตรถามก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างราวกับว่าโลกนี้ไม่มีเรื่องหม่นหมอง “ผมชวนคุณวีกับคุณดลไปผับของเพื่อนผมคืนนี้น่ะครับ เดี๋ยวว่าจะชวนยัยฟ้าแล้วก็คุณวัตรด้วย” “แต่…” “ไม่ต้องห่วงเรื่องน้องมินทร์นะครับ ตอนนี้อยู่กับธารที่ไร่ เดี๋ยวคืนนี้เรากลับ ผมจะให้คนที่ไร่มาส่ง” เรวัตรมองหน้าของทุกๆฝ่ายแต่เมื่อไม่มีใครค้านเขาก็ไม่อาจจะขัดได้ เมื่อถึงเวลาดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าสามหนุ่มและหนึ่งหญิงสาวก็ได้แต่งตัวเตรียมออกท่องราตรี รถยนต์คันแรกมีศิลาและปฐวีนั่งข้างหน้า อิงฟ้านั่งด้านหลัง ส่วนรถคันที่สองมีเพียงแค่เรวัตรและนภดล “คอยดูนะไอ้วัตร คืนนี้ข้าจะควงสาวๆให้เต็มสองแขนเลย” “น้อยๆหน่อย เดี๋ยวเจอเอดส์เข้าไปจะซ่าไม่ออก” “แค่ควงไม่ได้จะฟัน” “สาธุ…ขอให้แกหมดน้ำยาในเร็ววันไอ้ดล” “อ้าว…ไอ้ปากเสีย ว่าแต่แกเถอะ สนใจหมวยๆอึ๋มๆสักคนสองคนไหมวะ” เรวัตรส่ายหัวทันควัน เขาไม่เคยคิดเรื่องทำนองนี้กับคนอื่นเลยสักครั้งยกเว้นก็เพียงแต่… “ข้าลืมไปว่าแกมีน้องมินทร์อยู่ทั้งคน แต่ก็อย่างว่าเป็นข้านะแค่น้องมินทร์คนเดียวก็เกินพอว่ะ” “ไม่ตลกเลยนะ…อย่าเอามินทร์มายุ่งกับเรื่องพรรค์นี้” “ครับ คุณพระอิฐพระปูนเรียกพ่อ ฉันจะคอยดูวันที่แกอดใจไม่ไหว” “ภูมินทร์น่ะน่ารักอย่างที่แกว่าจริงๆ แต่ข้าว่าวีก็น่ารักใช่ย่อยว่ะ” เรวัตรเอ่ยก่อนจะแสร้งคลี่ยิ้มหวานรอดูปฏิกิริยาของคนปากแข็ง นภดลหันขวับก่อนจะจ้องมองด้วยแววตาอาฆาต “หลงเขาเหมือนกันสิไม่ว่า” “ทำไมคนอย่างข้าต้องหลงไอ้วีด้วย ไม่มีวันซะหรอก” “แต่เวลาเขาไปกับคนอื่นหรือใครพูดถึงเขาเป็นอันต้องหูผึ่ง มองตาขวาง โถ…ไอ้หมาหวงก้าง” ทั้งสองถกเถียงกันตลอดเส้นทางจนมาถึงจุดหมายปลายทาง รถทั้งสองคันจอดข้างๆกันก่อนที่ทุกคนจะรวมตัวกันที่หน้าประตูผับขนาดกลางที่เน้นโทนสีสันฉูดฉาดเร้าให้ผู้คนมากมายอยากเข้าไป ส่วนแรกของตัวผับค่อนข้างจะมืดสลัวและเปิดเพลงเสียงดังซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นแต่เมื่อแยกไปอีกโซนจะเป็นโซนกึ่งบาร์ที่นั่งฟังเพลงจิบเหล้าสบายๆ “เดี๋ยวเราอยู่โซนนี้หาเครื่องดื่มดีๆฟังเพลงเบาๆเรียกน้ำย่อยก่อนค่อยไปโซนนั้นกันดีกว่านะครับ” เมื่อได้เครื่องดื่มที่ต่างคนต่างถูกใจแล้วนั้นศิลาก็พาปฐวีมานั่งที่มุมด้านหนึ่งราวกับคนทั้งคู่กำลังพยายามสร้างโลกส่วนตัว นภดลที่ทำได้เพียงแต่มองและกระดกแก้วทรงเตี้ยที่มีเหล้าดีกรีร้อนแรงเข้าปากไม่ยั้ง “เพลาๆหน่อยโว้ย…” เรวัตรปรามเพื่อนแต่ไม่นานก็ถูกอิงฟ้าเชิญชวนให้ไปยังอีกโซนเพราะเธออยากจะขยับแข้งขยับขาเต็มที วันนี้หญิงสาวดูสวยเปรียวในชุดแซคสีดำเปิดหลังเน้นเรือนร่างเสียจนเป็นที่หมายตาของหนุ่มๆในบริเวณนั้น นภดลกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะไม้เนื้อหนาแต่เขาก็กลัดกลุ้มได้อยู่ไม่ในนานก่อนที่จะมีสาวสวยรูปร่างอวบอั๋นในชุดแซคสีแดงเพลิงเดินเข้ามาใกล้และยังมีเพื่อนๆสวยๆหมวยๆของเธอตามมาอีกหลายคน “ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ สุดหล่อ” เธอเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานเมื่อนภดลตอบตกลงก็นั่งลงโดยมีอ้อมแขนกว้างโอบรอบบ่าทันที ท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองข้างมีหญิงสาวให้โอบกอดและมีอีกสองสามคนที่นั่งห้อมล้อม ในเมื่อเขามีหญิงสาวห้อมล้อมมากมายขนาดนี้แล้วจะไปใส่ใจอะไรกับแค่…คนๆเดียว ปฐวีเหลือบมองมายังคนสำคัญแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสุขสำราญดีกับหญิงสาวมากหน้าหลายตาก็ค่อยๆหันกลับมาเจอดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง ศิลายื่นมือใหญ่ออกมากอบกุมมือเรียวของปฐวีก่อนจะฉุดให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนและพามายังอีกโซนเพื่อหวังจะไล่ความเศร้าไปจากใจของปฐวี “ขยับแข้งขยับขาสักหน่อยนะครับ รับรองว่าคุณจะสนุกจนลืมทุกเรื่องไปได้เลย” ปฐวีคลี่ยิ้มและทำตามคำแนะนำเมื่อเต้นไปได้สักพักก็เกิดอาการกระหายน้ำจึงยกเครื่องดื่มผสม แอลกอฮอลล์เข้าไปแม้จะเบ้หน้าเวลาที่เหล้าดีกรีสูงสัมผัสกับปลายลิ้นแต่เมื่อดื่มมากเข้าก็กลายเป็นเคยชิน เขารู้แล้วว่าทำไมคนอกหักหรือมีเรื่องเจ็บปวดใจถึงชอบดื่มเหล้ากันนักคงเพราะทำให้ลืมเรื่องราวเหล่านั้นได้ชั่วครู่ล่ะมั้ง ไม่นานปฐวีก็ปรับตัวให้สนุกสนานได้กลุ่มคนที่เบียดร่างเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้ครึกครื้นและไม่รู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว ร่างโปร่งถูกเบียดจนเซไปซบกับแผ่นอกกว้างของศิลาแต่ปฐวีก็ไม่ได้ผละตัวออกแต่อย่างใด ยิ่งทำนองเพลงเร่งจังหวะเร้าใจมากขึ้นเท่าไหร่ทั้งสองร่างก็ยิ่งแนบชิดมากขึ้นเท่านั้นจนแทบกลายเป็นคนเดียวกันกลางฟลอร์ ร้อนถึงนภดลที่นั่งมองอยู่ ชายหนุ่มกระแทกแก้วลงกลางโต๊ะและลุกขึ้นพรวดทันทีโดยที่สาวๆเหล่านั้นได้แต่มองด้วยความสงสัย ชายหนุ่มหุ่นนายแบบเดินเข้าไปหาทั้งคู่ก่อนจะใช้มือใหญ่จับคนทั้งสองแยกออกจากกัน “ดล…ยุ่งอะไรด้วย” กลายเป็นฝ่ายปฐวีที่เอ่ยประโยคนี้ทำให้นภดลถึงกับหน้าชาเพราะไม่เคยสักครั้งที่อีกฝ่ายจะพูดจาแบบนี้กับเขา “นายเมามากแล้วนะ” “แล้วไง…ฉันจะเมา จะเป็นอะไรมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย” นภดลกำท่อนแขนอีกฝ่ายแน่น แค่ยืนก็ยังแทบจะทรงตัวไม่อยู่จนต้องซบกับไอ้บ้านั่นและยังมาพูดจาตีรวนให้โทสะเขาพุ่งขึ้นอีก “ไม่เกี่ยวกันงั้นเหรอ อ่อ…นายคงลืมไปแล้วสินะว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น” “ใช่…ฉันลืมไปแล้ว” “ดี…ฉันจะได้ทบทวนให้ใหม่” นภดลฉุดกระชากลากถูปฐวีมายังห้องน้ำของโซนกึ่งบาร์ที่ไม่ค่อยมีคนใช้บริการก่อนจะเหวี่ยงร่างโปร่งเข้าไปกระแทกเข้ากับฝาผนังก่อนจะลงกลอนที่ประตู ด้วยความแคบของพื้นที่ทำให้ทั้งคู่ยากที่ขยับตัวแต่ปฐวีก็ไม่วายดิ้นรนเพื่อจะหนีออกไปจากที่นี่ “จะดิ้นหนีไปก็เปล่าประโยชน์” “ปล่อยฉันนะ” ปฐวีดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของอ้อมแขนที่โอบอยู่ทางด้านหลังแต่ทั้งร่างกลับต้องชะงักเมื่อโดนริมฝีปากอุ่นจัดแนบลงบนต้นคอ ลมหายใจหนักเจือกลิ่นแอลกอฮอลล์เป่ารดทำให้ขนลุกซู่ “ปล่อยนะ…นายไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันอย่างนี้” “ต้องเป็นไอ้ศิลานั่นเหรอไง” “ใช่” “เห็นทีฉันจะต้องทำให้รู้ซะแล้วว่าใครกันแน่ที่มีสิทธิ์ในตัวนาย” นภดลเอ่ยจบก็พรมจูบไปทั่วแนวต้นคอที่โผล่พ้นเสื้อก่อนจะเน้นหนักจนขึ้นรอยสีระเรื่อ อ้อมแขนแกร่งทั้งสองข้างโอบรัดร่างในอ้อมแขนไว้แน่นก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเลื่อนต่ำลงจนถึงแนวกระดุมของกางเกงยีนส์ “มีอารมณ์เหมือนกันนี่” นภดลเอ่ยด้วยน้ำทุ้มต่ำแหบพร่าก่อนจะเย้าอีกฝ่ายด้วยการเป่าลมอุ่นๆใส่หู “ปล่อยนะดล” “ชูว์…อย่าเสียงดังไปสิ อยากให้คนอื่นเขารู้เหรอ ว่าเราสองคนเร่าร้อนกันแค่ไหน” ปฐวีเตรียมจะทุบตีอีกฝ่ายแต่นภดลกลับคว้ามือนั้นมาแนบกับริมฝีปาก มืออีกข้างที่วางอยู่ต่ำกว่าหัวเข็มขัดก็ลูบคลำจนอีกร่างถึงกับสั่นสะท้าน ริมฝีปากอิ่มสีจัดเผยอหอบเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะหลุดชื่อผู้กระทำแผ่วเบาเมื่อถึงขีดสุดของห้วงอารมณ์ นภดลหายใจหนักเมื่อตัวเองก็เกิดอารมณ์ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มจงใจบดเบียดส่วนหน้าแนบสนิทกับอีกร่างขยับเข้าออกไปมาก่อนจะทั้งร่างจะเกร็งแน่นและครางเรียกชื่อคนในอ้อมแขนเมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่เปรอะเปื้อนส่วนล่าง ทั้งสองร่างหอบหายใจหนักก่อนจะค่อยๆเป็นปกติ ริมฝีปากบางของนภดลคลอเคลียไปตามแนวขมับ ใบหูก่อนจะหยุดลงที่ซอกคอเจือกลิ่นเหงื่อจางๆ แม้จะมีเสื้อผ้ากางกั้นแต่กระนั้นก็ทำให้นภดลรู้สึกดีจนแทบขาดใจ “นายเป็นของฉัน ปฐวี” 2BCon… (มาอัพต่อแล้วคับ :mc4:ขออภัยที่นานไปหน่อยเนื่องจากฉากนี้แหละคับ ไนท์แอบเครียดเพราะเขียนออกมาได้ยากเหลือหลาย :serius2: หากอ่านแล้วติดขัดอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะคับ ปล…ใครรอน้องมินทร์ล่ะก็ตอนหน้านะคับเพราะไนท์คิดว่าบรรยากาศในผับเนี่ยมันได้ฟีลของวีกะดล ขอบคุณที่ติดตามอ่านคับ) ตอบเม้นต์ padigree - - > หุหุ คราวนี้อาวัตรโดนรุมคับโทษฐานทำน้องมินทร์เสียใจ แต่ในที่สุดอาดลก็มีคนชอบขึ้นมาแล้ว silverspoon - - > คราวนี้ผู้ใหญ่คงต้องง้อเด็กล่ะคับ ส่วนคู่อื่นๆติดตามอ่านต่อไปนะคับ Églantier✿ - - > อีกไม่นานเกินรอมากคับ เพราะเดี๋ยวก็นิ้มกันได้ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคับ berlyn - - > เดี๋ยวอาวัตรจะเริ่มทำตัสชัดเจนแล้วล่ะคับ ส่วนอาดลเนี่ยก็ยังคงนิสัยปากแข็งต้องอดใจรอคับ King_Arthur - - > ขอบคุณสำหรับคุณเอ็มนะคับที่ทั้งมาเม้นต์และมาดัน ตอนนี้ไม่มีน้องมินทร์อย่าเพิ่งงอนนะคับเดี๋ยวตอนหน้าจัดให้ ปล ก็ว่าจะแต่งเรื่อยๆก่อนคับเพราะยังคลายปมไม่หมดทุกคู่เลย ^^ samsoon@doll - - > เดี๋ยวอาวัตรจะเริ่มง้อล่ะคับแต่จะมีเรื่องตามมาอีกหรือไม่นั้นต้องติดตามอ่านนะคับ heefever - - > ขอบคุณสำหรับการติดตามคับ เดี๋ยวอาหลานจะเริ่มเข้าใจบ้างแล้วล่ะคับ ส่วนดลกะวีก็เป็นแบบตอนที่เอาลงล่าสุดนี่แหละคับ ^^
เห็นด้วยกับอาวัตร .. นภดลเป็นหมาหวงก้างจริงๆน่ะแหละ .. วีจะใจอ่อนมั้ยอะ? เล่นตัวหน่อยก็ดีเนอะ หมั่นไส้พวกปากแข็ง อ่อ แล้วก็คุณศิลาอะไรนี่ดูจะเชียร์+ยัดเยียดอิงฟ้าให้อาวัตรจังเลยนะ - -"
แง่ะะะ อะไรของแกฟระอิดล รู้มั้ยว่าอาการแบบนี้เค้าเรียกหึง วีของช้าน ช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย . . ทำยังไงดี แอบเชียร์คุณศิลา แต่อย่างว่าแหละ คนดีๆ มักไม่ได้เป็นพระเอก :เฮ้อ:
เบื่อนางอิงฟ้า ถึงตอนนนี้นางจะยังไม่มีบทมากมายแต่ใครก็ได้เอาชะนีนี่ไปเก็บที อิตาหินก็เชียวร์ลูกสาวตัวเองจริงจริ๊งงงงงงงง
ดลกะวี ในที่สุด... งานนี้คนที่ดีใจที่สุดคงเป็นวีใช่มั้ยครับ (ในเมื่อดลแสดงความหวงและ...หึง จนออกนอกหน้าขนาดนี้) แล้วศิลานี่ยังไงครับ หรือว่าแค่แกล้งยั่วให้ดลรู้ใจตัวเอง (ทั้งที่ความจริงศิลาอาจจะไม่ได้อยากครอบครอง&เป็นเจ้าของวีขนาดนั้น) ฉากนี้ไม่มีน้องมินทร์ แต่ก็คุ้มสำหรับคนรอ(อย่างผม)ครับ รอตอนต่อไปครับผม
เพิ่งมาอ่านนน ถูกใจมากค่าคุณคนเขียน ฝากตัวเป็นแฟนขับคุณวีด้วยคน สู้ๆ ค่า
ดีใจค่ะน้องไนท์ ที่ทุกคนเริ่มแนใจในความรู้สึกของตัวเอง ดลยอมรับแล้วแน่เลย ก็ออกอาการซะขนาดนั้น หึงซะ อาวัตรก็ดูเหมือนจะเอาหัวใจตัวเองคืนกลับมาแล้ว เหลือแต่ว่าเมื่อไรจะส่งมอบให้น้องมินทร์ ใช่แล้วค่ะคุณนายนัท เสน่ห์ของเรื่อง ก็อยู่ที่ปมต่างๆนี่แหละ น้องไนท์เค้าผูกเอาไว้ ชวนให้อยากแก้ เอ๊ย..อยากติดตามเนาะ
อาวัตรมาเที่ยวแบบนี้ แล้ว.....น้องมินทร์จะรู้สึกอย่างไรบ้างน้า :เฮ้อ: อาดลสู้ๆ อาดลสู้ตาย :haun4:
เห้อ.......เรื่องราวมันวุ่นวายดีแท้ เหนื่อยกันบ้างไหมอ่ะ คนอ่านยังเหนื่อยเลย วุ่นวายเพราะไม่ยอมรับหัวใจตัวเอง วุ่นวายเพราะมองข้ามความรักที่มีให้ วุ่นวายเพราะรักจึงยอมที่จะอยู่เคียงข้างแม้ต้องเจ็บ วุ่นวายเพราะรักจึงอยากได้ครอบครอง แล้วเมื่อไรจะได้รักกันสักทีละ มันสับสนอลวนไปหมดแล้วเนี่ย ยุ้งกันไปพันกันมาระวังนะจะแก้กันไม่ออก
วีอย่ายอมมันง่ายๆ เล่นตัวหน่อย มันว่าเรามาเยอะแล้วนร๊า !!! :angry2:
วีอย่ายอมมันง่ายๆ เล่นตัวหน่อย มันว่าเรามาเยอะแล้วนร๊า !!! :angry2: ^ ^ ^ อย่าอย่างงี้สิครับ ผมง่ะเชียร์ให้สองคนนี้ลงเอยกันเร็วๆ จนจะลงแดงตายอยู่แล้ว เอาเป็นว่า.........ให้เล่นตัวก็ได้ครับ แต่นิดเดียวพอนะครับวี
ไม่ได้อ่านมาหลายตอน + 1 ไปเพราะความจุใจขอรับ นั่งรอตอนต่อไปโลดขอรับ :a3:
:เฮ้อ:เหนื่อยใจกับแต่ละคนปากหนักกันน่าดู
อิงฟ้าจ้ะ ว่างๆตบกันป่ะ :beat: แล้วพวกปากแข็งทั้งหลายในเรื่องอ่ะ อย่าให้ยัวะนะ จะแช่งให้นกเขาไม่ขันจริงๆด้วย :m31:
อิงฟ้าจ้ะ ว่างๆตบกันป่ะ :beat: แล้วพวกปากแข็งทั้งหลายในเรื่องอ่ะ อย่าให้ยัวะนะ จะแช่งให้นกเขาไม่ขันจริงๆด้วย :m31: :m20: สนุกดีค่ะ อ่านแล้วได้บรรยากาศอบอุ่นๆ อยากจะไปอยู่ที่ไร่ด้วยเลย กรุงเทพฯน่าเบื่อ :o12:
เราว่าจริงๆแล้วคุณศิลาเขาไม่ได้คิดอะไรกับวีหรอกแค่หมั่นไส้ดลน่ะเลยอยากทำให้รู้ซะบ้าง มั้ง...นะ แต่ก็อาจรู้สึกจริงๆก็ได้ เบื่อฟ้า พาไปเก็บเข้ากรุด่วน
เราเป็นคนอ่านที่่นิสัยไม่ดี..คือไม่ค่อยจะเม้นท์ แอบอ่านอย่างเดียวมาตลอด แต่อยากจะบอกว่า เราชอบเรื่องนี้มากกกจริงๆนะ o13 :กอด1:
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ :mc4: +1 นะคะ
หึงละสิ เป็นไงล่ะ คราวนี้รู้แล้วใช่ปะ ว่าจริงๆแล้วตัวเองรู้สึกยังไงกับวี
:z2: :z2: :z2:
เข้ามารอน้องมินทร์ครับ :sad4:
เข้ามารอน้องมินทร์ครับ :sad4: รอเป็นเพื่อนค่ะๆ :o8:
-12- ยิ่งตกดึกน้ำค้างยิ่งลงแรงทำให้อิงธารต้องออกมาตามให้ภูมินทร์เข้าไปในตัวบ้านซึ่งตลอดเวลาเด็กหนุ่มได้แต่ชะเง้อคอรอให้คนที่ออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกมารับแต่เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่มาเกือบจะสองชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีวี่แววการกลับมา “คืนนี้ค้างที่นี่ก็ได้นะมินทร์ เดี๋ยวธารจะจัดห้องให้” “ไม่เป็นไรหรอกธาร มินทร์รอได้” แต่จนแล้วจนรอดคนที่บอกว่ารอได้ก็ผล็อยหลับไปบนโซฟาเหลือก็แต่อิงธารกับตะวันที่นั่งอยู่ไม่ยอมห่างไปไหน เปลวไฟสีส้มอมแดงในเตาผิงเริ่มใกล้มอดทำให้ตะวันจำต้องลุกขึ้นเพื่อจะหาฟืนมาเติมแต่อิงธารก็รั้งไว้เสียก่อน “พี่ตะวันอยู่เถอะฮะ เดี๋ยวธารไปเอาฟืนมาเอง” “แต่ว่าข้างนอกมันน้ำค้างลงแรงนะ แล้วฟืนก็ยังอยู่ด้านนอกอีก” “เรื่องแค่นี้เองกังวลไม่เข้าเรื่อง ธารโตแล้วนะฮะไม่ใช่เด็กที่พี่จะต้องห่วงอีกแล้ว” ตะวันอมยิ้มก่อนจะลูบผมเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู “ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ธารก็ยังเป็นเด็กน้อยสำหรับพี่อยู่เสมอ ไม่ให้พี่ห่วงธารแล้วจะให้พี่ไปห่วงใครล่ะครับ” “ก็…คนสำคัญของพี่ไงครับ” “คนสำคัญของพี่เหรอ ก็คนที่ยืนอยู่…” แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรต่อเสียงเครื่องยนต์ก็มาดับลงที่หน้าบ้านทำให้ภูมินทร์ที่นอนอยู่รีบลุกพรวดจากโซฟาเพื่อออกไปหาแต่แล้วก็เห็นผู้เป็นอาประคองหญิงสาวของไร่อิงดาวที่มีอาการมึนเมาเดินผ่านหน้าไปเฉยๆ ก่อนจะให้เธอนั่งลงที่โซฟา “ผมส่งฟ้าแค่นี้นะครับคุณศิลา” “ขอบคุณนะคุณวัตร หวังว่าเราคงจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก ฝากบอกคุณวีด้วยนะครับว่าผมจะแวะไปหาอีก “ครับ…ขอตัวกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกตามารยาท “กลับกันเถอะเรา” เรวัตรหันมาหาเด็กหนุ่มก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปหาหวังจะฉุดให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนแต่เด็กหนุ่มกลับปัดมือทิ้งก่อนจะมองด้วยแววตาตัดพ้อ ไม่รอช้าชายหนุ่มก็หมดความอดทนจับร่างของภูมินทร์ขึ้นพาดบ่าทันที “ต้องขอบคุณตะวันและน้องธารนะครับที่ช่วยดูแลมินทร์ให้ในระหว่างที่ผมไม่อยู่ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่รบกวนครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นทางการก่อนจะอุ้มพาเด็กหนุ่มออกจากตัวบ้านและขึ้นรถ โดยให้นั่งด้านหน้าข้างคนขับก่อนจะดึงสายเข็มขัดนิรภัยมารัดให้และพยายามจะสบตาคนที่เอาแต่เมินหน้าหนี เรวัตรจึงอดไม่ได้ที่จะขโมยหอมแก้มอีกฝ่ายเสียฟอดใหญ่ เด็กหนุ่มหันมาถลึงตามองแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านเพราะดันส่งยิ้มกว้างให้แทนก่อนจะปิดประตูและเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับ ภูมินทร์มองไปยังเบาะด้านหลังจะเอ่ยถามแต่เมื่อเห็นอาวีของเขานอนหลับหนุนตักของอาดลซึ่งเจ้าตัวก็เอนหลังหลับไปเหมือนกันจึงไม่อยากจะรบกวนจึงปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าสู่นิทรารมย์แสนหวานเมื่อเห็นดังนั้นก็เกิดอาการง่วงงุนจนต้องหลับตาลงในที่สุด เรวัตรแอบเหลือบมองใบหน้าอ่อนเยาว์ยามหลับก่อนจะใช้ปลายนิ้วที่จรดริมฝีปากของตัวเองแนบลงบนผิวแก้มนุ่มมือ เมื่อจอดรถที่หน้าบ้านเรวัตรก็เอื้อมมือไปปลุกนภดล เมื่อเขย่าตัวเบาๆแล้วยังไม่ยอมตื่นมือใหญ่จึงฟาดเต็มแรงที่หัวของเพื่อน เมื่อนภดลรู้สึกตัวก็ทำปากขมุบขมิบทั้งด่าทั้งสาปแช่ง “แกอุ้มวีไปส่งที่ห้องเลย” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบาเพราะเกรงว่าจะรบกวนอีกสองคนที่ยังหลับลึกอยู่ “เออ…ไม่บอกข้าก็รู้” นภดลจำต้องขยับตัวก่อนจะค่อยๆโอบร่างของปฐวีไว้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอุ้มแต่ด้วยความโคลงเคลงของภูมิประเทศทำให้คนถูกอุ้มดิ้นจนหลุดจากอ้อมแขนและรีบวิ่งเข้าไปในตัวบ้านเพื่อหาห้องน้ำเนื่องจากเกิดอาการคลื่นไส้ “ดื่มไม่รู้จักประมาณตัวเลย ให้ตายสิ” ชายหนุ่มหุ่นนายแบบส่ายหัวช้าๆก่อนจะรีบเดินตามเข้าไป เมื่อตามอีกฝ่ายไปยังห้องน้ำก็เห็นร่างโปร่งทรุดนั่งอยู่จึงเปิดน้ำใส่แก้วและส่งให้ “ยังเวียนหัวอยู่หรือเปล่า คลื่นไส้ไหม” นภดลเอ่ยถามแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมตอบอะไรแถมยังไม่ยอมสบตาอีก “เป็นไร…” ปฐวีไม่ตอบแต่ลุกขึ้นยืนและล้างหน้า ด้วยความที่ยังมึนๆอยู่ทำให้ต้องท้าวแขนไว้กับอ่างล้างหน้า อีกฝ่ายสังเกตเห็นท่าทางแปลกจึงเข้ามาประคองแต่ปฐวีผลักอกให้ออกไปห่างๆ “ทำไม…อยากโดนอีกเหรอไง” ปฐวีหน้าชาก่อนจะกำมือแน่นหมายจะน็อคอีกฝ่ายด้วยหมัดเดียวแต่นภดลก็รับไว้ได้ทันและดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมแขนแทน “ปล่อย…ฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย” นภดลหัวเราะในลำคอและคลี่ยิ้มบางๆ “สร่างเมาแล้วค่อยคุยกันเถอะ อาบน้ำไป…เดี๋ยวรอ” ปฐวีได้แต่สงสัยในการกระทำของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากเพราะบางทีเขาอาจจะเมาจนเผลอคิดจินตนาการทุกอย่างขึ้นมาแต่เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็ยังเห็นอีกฝ่ายยืนปักหลักรออยู่ “ดูทำหน้าเข้า จะสงสัยอะไรกันนักกันหนา เร็ว…เดี๋ยวจะส่งเข้านอน” นภดลเอ่ยก่อนจะจูงมืออีกฝ่ายไปยังห้องนอนราวกับปฐวีเป็นเด็กตัวเล็กๆ เมื่อถึงหน้าห้องทั้งคู่ก็ยืนเผชิญหน้ากันก่อนนภดลจะเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปหาและหอมแก้มปฐวีฟอดใหญ่ “ฝันดีๆๆ…” ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินเข้ามาในห้องนอนโดยที่ตนรู้สึกว่าเหมือนลอยเข้ามาด้วยซ้ำ มือเรียวกอบกุมที่ซีกแก้มที่โดนช่วงชิงความหอมและคิดว่าตัวเองคงจะอาการหนักมากจริงๆ แอลกอฮอลล์นี่ทำให้คนเพ้อเจ้อได้ถึงเพียงนี้เชียว แต่เมื่อทิ้งตังลงบนที่นอนความง่วงก็เข้าโจมตีจนหลับไปในที่สุด เรวัตรเปิดประตูรถด้านคนนั่งก่อนจะสอดอ้อมแขนเข้าไปโอบเด็กหนุ่มไว้แนบอก ภูมินทร์ก็ซุกซบตามความเคยชินแต่กลับต้องย่นจมูกและค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นและดันแผ่นอกกว้างให้ออกห่าง “ปล่อยมินทร์ลง เหม็นน้ำหอม” เด็กหนุ่มเอ่ยและเรวัตรก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมแขนแต่โดยดีทั้งๆที่จะไม่อยากก็ตาม “เพิ่งรู้ว่าคุณอิงฟ้าอะไรนั่นใช้น้ำหอมกลิ่นฉุนขนาดนี้” “อาแทบไม่ได้แตะตัวเธอเลยนะ” “หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ เป็นไงบ้างล่ะครับในผับคงแนบชิดกันน่าดู” “โธ่…มินทร์ก็” เรวัตรเศร้าเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำท่ารังเกียจจนห่างไปขนาดนั้นเพราะไม่มีสักครั้งที่ภูมินทร์จะหนีห่างเขา แต่จากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีเด็กหนุ่มก็เบิกตากว้างก่อนจะเดินเข้าไปและพลิกปกเสื้อเชิ้ตสีสะอาดดูก่อนจะแค่นยิ้ม “แถมฝากรอยไว้ให้ดูต่างหน้าอีก ใช้ได้เลยนะครับเนี่ย” ฟังดูก็รู้ว่าเด็กหนุ่มเอ่ยประชดประชันแต่เขาจะไปแก้ตัวอะไรได้ในเมื่อหลักฐานมันมัดจนดิ้นไม่หลุดขนาดนี้ ไอ้รอยลิปสติกเนี่ยมันได้มาตอนไหนเขายังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ มินทร์ทนไม่ได้ที่อาจะมากอดมินทร์ มาแตะต้องมินทร์ทั้งๆที่กลิ่นและรอยของคนอื่นยังอยู่บนตัวอา” ภูมินทร์เอ่ยก่อนจะเดินหนีเข้าบ้านไปโดยทิ้งให้อีกฝ่ายทอดถอนใจ ยังไม่ทันจะได้ขอมาเป็นคนพิเศษยังขนาดนี้ ถ้ามาเป็นคนคนรักแล้วเขาคงได้กลายเป็นแมวเชื่องๆอ้อนแต่เจ้าของแน่ๆ เพราะดูเหมือนเจ้าของจะฉายแววดุจนเสือยังต้องยอมถอดเล็บ เรวัตรยืนอยู่ตรงนั้นพักหนึ่งก่อนจะรีบเดินเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไฟในห้องของเด็กหนุ่มดับลงแล้วและนั่นก็ทำให้เขาเลือกที่จะค่อยๆเปิดประตูเบาๆและเปิดผ้าผืนบางที่กางกั้นและเข้าไปนั่งลงบนเตียงนุ่นจนยุบตามน้ำหนักตัว ฝ่ามือใหญ่บรรจงลูบไล้ไปตามเรือนผมสีน้ำตาลเข้มและโน้มใบหน้าลงต่ำจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเป็นการอวยพรให้เด็กตัวน้อยของเขาหลับฝันดี แต่ขณะที่กำลังจะลุกมือเรียวกลับคว้าชายเสื้อดึงรั้งไว้ “อาบน้ำจนตัวหอมแล้ว มินทร์อนุญาตให้นอนที่นี่ก็ได้” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงงัวเงียมือเรียวก็ไม่ยอมปล่อยไปจนแล้วจนรอดผู้เป็นอาก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆและเป็นท่อนแขนเรียวที่โอบกอดเขาไว้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ซุกซบเข้ากับแผ่นอกก่อนจะผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้กับเพดานในความมืดก่อนจะเป็นฝ่ายที่โอบอีกฝ่ายไว้และลูบสัมผัสเรือนร่างบอบบางราวกับอีกฝ่ายเป็นตุ๊กตาตัวนุ่มนิ่มจนในที่สุดความง่วงก็ทำให้เขาเข้าสู่นิทรารมย์ตามไปอีกคน ค่ำคืนนี้คงจะเป็นค่ำคืนที่จิตใจของเขาสงบสุขมากที่สุดก็เป็นได้ 2BCon… (มาอัพแล้วคับ :mc4:สาเหตุที่อัพเร็วคือพรุ่งนี้จะไม่อยู่น่ะคับ พรุ่งนี้ไนท์ต้องแพ็คกระเป๋ากลับมหาวิทยาลัยแล้ว เศร้าที่สุด - -“ :sad11:เอาเป็นว่าติดตามอ่านกันต่อไปนะคับ ขอบคุณที่ติดตามและคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้นะคับ :call: ปล ถ้ามีอะไรอยากคุยส่งมาทาง PM ได้นะคับ ^^ ฟังเพลงความหมายดีๆคับ I love The way you love me (http://www.youtube.com/watch?v=J65wrZv6Cg8)) ตอบเม้นต์คับ Églantier✿ - - > มาอัพแล้วนะคับ ตอนนี้คุณวีกำลังสับสนกับท่าทีของคุณดล ฮ่าๆๆ heefever - - > เอ๋? เชียร์คุณศิลาอย่างนี้อาดลเสียใจนะคับ ฮ่าๆๆ ปล ถ้าเกิดเปลี่ยนคู่ขึ้นมาผมจะโดนเหยียบไหมเนี่ย samsoon@doll - - > มีคนรำคาญอิงฟ้ากันล้นหลามคับ เดี๋ยวสักวันเธอคงจะออกไปจากชีวิตคับ หุหุ รออ่านถึงวั้นนั้นนะคับ King_Arthur - - > พาน้องมินทร์มาแล้วนะคับ หวังว่าจะชอบตอนนี้นะ ส่วนเรื่องอาวีกะอาดลเนี่ยก็คิดว่าใกล้จะเข้าใจกันแล้วล่ะคับ rellachulla - - > ขอบคุณคับ ดีใจมากคับที่ชอบนิยายเรื่องนี้ ดีใจกับอาวีด้วยมีแฟนคลับแล้ว ^^ yayee2 - - > ขอบคุณนะคับพี่แก้ว คอมเม้นต์ของคุณพี่ทำให้ผมอยากแต่งต่อไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องมอบหัวใจกันเนี่ยอดใจรออีกนิดนะคับ padigree - - > ขอบคุณคับสำหรับเชียร์อัพแรกของอาดลหลังจากที่ถูกกระหน่ำมาโดยตลอด ฮ่าๆๆ BʊẑẐỹ@TἀӛṀ® - -> ปมวุ่นวายคือความสุขของไรท์เตอร์คับ ฮ่าๆๆ ช่วยรอจนวันที่ปมทุกปมคลายนะคับ win200 - - > เอิ่ม...สงสัยงานนี้ผมต้องให้ปฐวีเล่นตัวอีกสักนิดแล้ว แต่อย่าลืมนะคับอาดลความอดทนต่ำ กรองเทียน™ - -> คับ อย่าลืมมาอ่านเรื่อยๆนะคับ เวลาอัพของผมไม่ค่อยแน่นอน ^^ roseen - - > ก็ต่างคนต่างเล่นตัวนี่คับ ปากหนักกันหมดเลยมีเรื่องมากมาย RakorN - - > ผมว่าเป็นคำแช่งที่น่ากลัวที่สุดคับ ฮ่าๆๆ ปล เรื่องนี้มีแต่คนอยากไล่อิงฟ้าไปไกลๆ BeeRY - - > ขอบคุณนะคับ ผมเองก็อยากหนีไปไร่เหมือนกันโดยเฉพาะช่วงธันวาเป็นช่วงที่สวยมากคับ berlyn - - > สงสัยว่าผมจะต้องเรียกอิงฟ้ากลับเข้าสต็อคซะแล้ว mutoo - - > ขอบคุณนะคับ ไม่เป็นไรคับอ่านบ้างเม้นต์บ้างผมก็ขอบคุณมากแล้ว อย่าลืมตามอ่านไปเรื่อยๆนะคับ tuek - - > ยินดีต้อนรับนะคับ แล้วก็ขอบคุณมากๆที่เข้ามาอ่านคับ Nus@nT@R@ - - > อาดลจะเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นเรื่อยๆแล้วล่ะคับ รอตามอ่านด้วยนะคับ DE SaiKuNee - - > ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์
แอบจิ้ม :z13: ตอนนี้เ่อ่อ :-[ รอตอนต่อไปโลดขอรับ :a9:
น้องมินทร์ดุจริงเว่ย อย่างนี้อาวัตรก็ต้องเข้าชมรมคนกลัวเมียแล้วอะดิ :pigha2: ส่วนอาดล เอิ่ม...........น่าร๊าาาาาาาาาาากเสมอ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด :o8: :m3: รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วววววววววววว
แหมมมมมมมมมนางอิงฟ้า ขนาดไม่มีบทยังจากฝากรอยแค้นมาอีกนะ 55555555555555555555555555 ยังไม่จบกับอิงฟ้าจริงๆ ผู้หญิงอย่างนี้ต้องมาเจอกับชั้น
รู้สึกว่าอาวัตรจะแหย่ขาเข้าสมาคมเกลียมัวแล้วนะ 55 :m20: ส่วนวีกับดล... :o8: +1 ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปเน้อ :impress2:
+1 คับ ชอบวีแงะ :o8: สมาคมเกลียมัวเปิดต้อนรับอาวัตร :laugh:
ู^ ^ ^ อาวัตร...น้องมินทร์ทำอย่างงี้อ่ะถูกแล้ว อยากไปกับอิงฟ้าเองทำไม แล้วอิงฟ้านี่ก็..........แผนเธออีกใช่มั้ยไอ้รอยลิปติกเนี่ย ส่วนดลกะวี............หวังว่าพรุ่งนี้นายสองคนจะหวานกันได้แล้วนะครับ ขอบคุณคุณไนท์นะครับสำหรับน้องมินทร์ที่น่ารักของผม :pig4:
:L1:
ตอนนี้แสดงความยินดีกับวีได้หรือยังน้อ ที่ดลเริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าแคร์วี หวังว่าตื่นเช้ามา คู่นี้คงจะเป็นคู่แรกที่แฮปปี้เน้อ ส่วนอีก 2 คู่ ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป
อ่านแล้วยิ้มมม ยินดีกับปฐวีด้วยนะคะ
+1 ขอบคุณ :L2: :L2:
:-[ :impress2: :L1: :L2:
อ๊ายยยยยยยยย คุณคนเขียนขาาา เค้าเขินนน ประหนึ่งเป็นคุณวี ฮ่าๆๆๆๆ คุณวีเล่นตัวเยอะๆ น๊า อย่างคุณดลหน่ะต้องเจอซะบ้าง ชิส์ ส่วนน้องมินทร์ น่ารักน่าหยิกเหมือนเดิม คู่น้องธาร ลุ้นเหงื่อแตกแล้วเนี้ยะ สงสารน้องเหลือเกิน เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ
เริ่มรู้ว่าควรที่จะต้องทำอย่างไรแล้วสินะ คู่ผู้ใหญ่ก็ดุเด็ด เร่าร้อนเหลือเกิน คู่อาหลาน(นอกใส้)ก็มาแบบงอนเล็กน้อยแอบหวานปานกลาง ส่วนคู่วัยรุ่นก็ต้องดูท่าที แต่ควรที่จะมองคนใกล้ตัวได้แล้วนะ เอาล่ะเจ้จะมาติดตามต่อไปเรื่อย :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
รู้ตัวแล้วสิดล ว่าหลงรักวี เกือบสายเลยนะ ส่วนฟ้ากินแห้วรอไปก่อนนะ ยังไงตอนนี้วัตรเค้าก็มีแต่มินทร์ (จริงเหรอ ยังไม่ไว้ใจ)
:m4: ดีใจกะวีๆๆๆ พี่ตะวันจะพูดอะไรคะ?
pm. ครับคุณไนท์ :pig4:
:man1: :man1: :man1: :L2: :L2: :L2:
-13- แสงอาทิตย์ของวันใหม่ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าแต่ชายหนุ่มกลับลืมตาตื่นนอนมองความมืด ตัวเลขดิจิตอลของนาฬิกาบอกเวลาว่ายังไม่ตีห้าดีเสียด้วยซ้ำ ที่ตื่นขึ้นมาคงจะเป็นแขนที่เหน็บชาจากการโดนกดทับล่ะมั้ง มือใหญ่เอื้อมมือออกไปนอกผืนผ้าบางที่กางกั้นรอบทิศก่อนจะเปิดโคมไฟจน แสงสีนวลส่องสว่างกระทบไปยังอีกร่างที่ยึดแขนของเขาต่างหมอน ผ้าห่มที่ร่นเลยอกลงมาทำให้เขาต้องดึงขึ้นมาเพื่อคลุมให้ถึงอกด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะป่วยไปเสียก่อน จมูกโด่งก้มลงสูดกลิ่นหอมเฉพาะตัวของคนที่หลับใหลก่อนจะคลี่ยิ้มให้กับใบหน้ายามหลับใหล ปลายนิ้วเกลี่ยเล่นที่ผิวแก้มคนที่โดนรบกวนดูเหมือนจะไม่พอใจจึงครางงึมงำและปัดมือทิ้ง เสียงทุ้มหัวเราะในลำคออย่างถูกใจ เขาฮัมเพลงเบาๆก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วไปตามแนวแพขนตาหนาและเปลี่ยนใจเลื่อนมือไปลูบสัมผัสเส้นผมนุ่นแทน “อาวัตร…” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายทั้งที่ยังไม่ลืมตาด้วยน้ำเสียงงัวเงียก่อนจะรั้งมือใหญ่มาแนบแก้มและหลับพริ้มราวกับเจอเจ้าตุ๊กตาตัวที่ถูกใจ “เด็กน้อย…ตื่นไปดูทะเลหมอกกันเถอะ” “มินทร์ยังง่วงอยู่เลยนี่ครับ” “ตื่นไปดูคุณพระอาทิตย์กันเถอะนะครับ” “อาวัตรอ่ะ…มินทร์ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ” “แต่ไปดูทะเลหมอกวันนี้จะพิเศษกว่าวันอื่นๆนะครับ” “ทำไมเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามทั้งๆที่ตายังไม่ลืมเลยด้วยซ้ำ “ไปถึงแล้วก็จะรู้เองครับ ลุกเร็วเด็กน้อยของอา” ภูมินทร์จำต้องฝืนร่างกายเพราะอยากรู้ เมื่อตื่นขึ้นมาก็เดินอาดๆไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเด็กหนุ่มออกมาจากห้องน้ำก็เห็นผู้เป็นอาในชุดใหม่มายืนรอแล้ว “อาวัตรอ่ะ วันนี้อากาศดี๊ดีขอนอนต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้” “บ่นเป็นคนแก่เลยนะ” เรวัตรเอ่ยเย้าก่อนจะยื่นมือไปบิดปลายจมูกของเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดูและคล้องผ้าพันคอสีสันสดใสให้ ภูมินทร์ส่งยิ้มให้ก่อนจะสอดแขนไปคล้องท่อนแขนแข็งแรง “เดี๋ยวตอนบ่ายอาจะพาไปเล็มผมนะ ดูสิ…แหว่งเหมือนโดนอะไรแทะเลย” “ก็อาวัตรทำให้มินทร์โมโหนี่ ไล่ออกจากห้องหน้าตาเฉย แถมตอนหลังก็ทำมาเป็นง้อ ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ” เรวัตรไม่ตอบอะไรแต่โอบไปที่บ่าของคนตัวเล็กกว่าและออกเดินไปด้วยกัน ยามเช้ามืดน้ำค้างค่อนข้างลงแรงแต่ภูมินทร์ก็มีหมวกไหมพรมเข้าสีกับผ้าพันคอจึงไม่เป็นอะไร ทั้งคู่มายืนยังจุดชมวิวที่ถึงแม้ตอนนี้จะยังมืดสลัวแต่อีกเพียงไม่นานแสงสีของวันใหม่ค่อยๆปรากฏสู่สายตาทีละนิด ทีละนิด แสงสว่างส่องกระทบไอเย็นจนเห็นเป็นผืนหมอกราวกับว่ากำลังยืนอยู่ในทะเลสีขาวขุ่นกว้างสุดลูกหูลูกตา ลมหนาวที่พัดผ่านเป็นระลอกทำให้เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะใช้แผ่นหลังกว้างเป็นที่กำบังซึ่งชายหนุ่มก็ยอมแต่โดยดี ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะดึงเด็กหนุ่มมาอยู่ด้านหน้าแล้วกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขนจากด้านหลัง ดูเหมือนว่าอย่างนี้ทั้งสองฝ่ายต่างจะอุ่นเท่ากัน “รู้ไหมครับว่าทำไมวันนี้อาถึงพามินทร์มาดูทะเลหมอก” “ทำไมเหรอครับ” “อาอยากให้มินทร์มาดูพระอาทิตย์ขึ้นกับอา” “เราก็ไปดูด้วยกันออกจะบ่อยนี่ครับ” “วันนี้ไม่เหมือนวันอื่นๆหรอกนะครับ” “ทำไมเหรอครับ” “ก็เพราะ…อาอยากให้เราสองคนเริ่มต้นวันใหม่ไปด้วยกัน” เพียงแค่คำพูดที่ไม่จำเป็นต้องสวยหรูแต่สื่อความหมายได้อย่างตรงไปตรงมาทำให้เด็กหนุ่มยิ้มจนแก้มแทบปริ ใบหน้าคมเข้มโน้มลงมาใกล้จนผิวแก้มแนบชิดกันเรียกไอร้อนขึ้นจนใบหน้าเด็กหนุ่มแดงก่ำ “อาวัตรครับ” “ว่าไงครับ” “อาวัตรเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของมินทร์เลยนะครับ มินทร์รักอาวัตรมากที่สุดด้วย” คำพูดที่ทั้งแสนซื่อและแสนน่ารักทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะให้รางวัลเป็นจุมพิตลงบนเรือนผมที่มีกลิ่นแชมพูแสนคุ้นเคย “มินทร์ก็เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของอาเช่นกันครับ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนๆก็จะไม่เปลี่ยนไปครับ” เรวัตรกอดคนในอ้อมแขนไว้แน่นทั้งรักทั้งหวงแหนจนไม่อยากให้อะไรหรือว่าแม้กระทั่งเวลามาพรากทั้งคู่จากกัน ร่างสูงโปร่งที่นอนอยู่บนที่นอนแสนนุ่มกำลังพยายามขยับตัวซึ่งดูเหมือนจะมีบางอย่างพาดทับอยู่บนเอวเขา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดใจที่สิ่งนั้นทำให้เขาต้องลืมตาตื่นขึ้นทั้งที่ยังอยากจะนอนหลับตาต่อ แต่เมื่อลืมตาขึ้นมองไปรอบๆก่อนจะหยุดลงที่เอวของตัวเองก็ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ …นภดล… “อรุณสวัสดิ์” นภดลเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรก่อนจะลุกมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เมื่อผ้านวมร่นลงไปกองที่เอวก็ทำให้ปฐวีหันหน้าหนีทันที “เขินเหรอไง…ของเคยๆเห็นกันอยู่” อากาศหนาวขนาดนี้ดันมานอนถอดเสื้อเดี๋ยวก็ปอดบวมตายพอดีกัน แต่ปฐวีเองก็รู้สึกหนาวๆขึ้นมาและเมื่อก้มลงดูสภาพตัวเองก็แทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ ร่างโปร่งเตรียมท่าจะกระโดดลงจากเตียงแต่อ้อมแขนกว้างกลับโอบรอบเอวรั้งไว้เสียก่อน “ปล่อย…หนาว จะไปเอาเสื้อ” ปฐวีหน้าแดงระเรื่อ ซึ่งเขาคิดว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้จะต้องเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้นเพราะยังไงนภดลก็จะต้องไม่มีวันให้อภัยที่เขาไม่ได้เอ่ยห้ามในวันนั้น “จะไปเอาเสื้อทำไมกันล่ะ” นภดลว่าก่อนจะโอบอีกฝ่ายกลับมากลางเตียงนุ่มและทิ้งตัวลงนอนกอดอีกฝ่ายไว้จนแผ่นอกแนบชิดกัน “ไม่เคยได้ยินเหรอไงที่เขาบอกกันว่า…หนาวเนื้อห่มเนื้อน่ะ” ปฐวีหัวใจเต้นแรงจนอีกฝ่ายสัมผัสก่อนจะยิ้มอย่างพออกพอใจ อย่างน้อยเป็นเขาไม่ใช่ใครคนอื่นที่ทำให้หัวใจของปฐวีเต้นระรัวได้ถึงเพียงหน้า ใบหน้าหมดจดเบือนไปทางอื่นไม่กล้าสบตาแต่ปลายนิ้วเรียวของฝ่ามือใหญ่ก็เชยปลายคางจนมองตากันได้ในที่สุด แต่อยู่ๆปฐวีก็ใช้ปลายนิ้วของตัวเองหยิกแก้มจนผิวขึ้นสีแต่เมื่อรู้สึกว่าเจ็บก็รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่ความฝัน “วี…” และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่นภดลเอ่ยเรียกชื่อตรงๆอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจใดๆ ทำให้ฝ่ายถูกเรียกถึงกับน้ำตาคลอด้วยความดีใจ “ดล…ดลเรียกชื่อวี” นภดลส่ายหัวก่อนจะส่งยิ้มให้พลางลูบเส้นผมสีเข้มของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา “ตอบดลคำถามหนึ่งได้ไหม” “ก็…ถ้าตอบได้ก็จะตอบ” ปฐวีหลบตาอีกครั้งจนนภดลต้องใช้ฝ่ามือแนบกับซีกแก้มให้หันมา ให้ตายสิ…ปฐวีในเวลาปกติเนี่ยช่างขี้อายและสงบเสงี่ยมไม่กล้าสู้แต่พอแอลกอฮอลล์เข้าปากปุ๊บก็เปลี่ยนเป็นคนละคนทันทีกล้าต่อร้องต่อเถียงจนเขาถึงกับจนใจ…ถึงจะต้องถามเรื่องแบบนี้ในเวลาปกตินี่แหละ “ทำไมวันนั้นวีถึงไม่ห้ามดล” เจอคำถามตรงๆก็ทำเอาปฐวีนิ่งอึ้ง “ขอตามความเป็นจริงนะวี อย่าโกหกกัน” “ถ้าวีบอกดลไป ดลสัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธวี” นภดลพยักหน้า ปฐวีใจเต้นหน้าร้อนผ่าว… หากว่าสิ่งที่บอกไปจะทำให้ต้องแยกห่างกันแต่เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้จะเป็นยังไงก็ต้องเป็นกัน “เพราะวีรักดลยังไงล่ะ” และดูเหมือนเวลาจะหยุดลงเพียงแค่ตรงนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างทำเพียงแค่สบตาไม่มีถ้อยคำใดๆหลุดออกมาแต่แล้วเป็นฝ่ายนภดลที่โน้มใบหน้าลงก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา “รางวัลที่ตอบคำถามได้ถูกใจที่สุด” นภดลเอ่ยและกระโดดลงจากเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของปฐวีไปแต่ก่อนจะเดินผ่านประตูชายหนุ่มที่ยังคงนอนอยู่ได้มองเห็นรอยยิ้มแต่งแต้มที่ริมฝีปากสีจัดคู่นั้น ตกลง…มันเป็นสัญญาณตอบรับที่ดีใช่ไหม นภดลเดินออกมาจากห้องพร้อมรอยยิ้มก่อนจะฮัมเพลงอย่างอารมณ์ มือใหญ่หยิบขนมปังใส่เครื่องปิ้งก่อนจะคว้าผ้ากันเปื้อนสีเข้มมาใส่และผูกจนเรียบร้อยก่อนจะหันหน้าเข้าเตาเพื่อจะทอดไข่ดาว ไส้กรอกและเบคอน ระหว่างที่รออาหารบนเตาสุกนั้นเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นหลายครั้ง ชายหนุ่มหุ่นนายแบบพ่นลมหายใจออกจากจมูกด้วยความหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะในการทำอาหารเช้า “สวัสดีครับ” นภดลเอ่ยอย่างสุภาพแม้ว่าในใจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ตาม ปลายสายเป็นน้ำเสียงของหญิงวัยเกือบชราโทรมาถามถึงเรวัตรและภูมินทร์ แต่นภดลก็บอกว่าทั้งคู่ออกไปข้างนอก แต่หญิงชราคนนั้นกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ค่อนไปทางดุบ่งบอกถึงอำนาจที่มีว่าไม่จะยังไงก็ต้องคุยให้ได้ไม่อย่างนั้นจะมาถึงไร่ นภดลเลยจำต้องจดเบอร์ติดต่อเธอไว้และให้สัญญาว่าจะให้โทรกลับโดยเร็วที่สุด และประโยคสุดท้ายก่อนที่หญิงชราคนนั้นจะวางสายไปคือ… “ฉันจะกลับมารับภูมินทร์ หลานชายเพียงคนเดียวของฉันไปอยู่ด้วย” 2BCon… (มาอัพต่อแล้วนะคับ :mc4: ต้องขออภัยที่มาอัพช้าแถมสั้นด้วยนะคับพอดีไรเตอร์รู้สึกเหมือนว่าจะป่วย อยู่ๆอากาศก็เย็นขึ้น คนแพ้อากาศก็เลยเกือบน็อค ปวดเนื้อปวดตัวนิดๆหน่อยๆ ปวดต้นคอด้วยคับประเด็นเลยนั่งนานๆไม่ไหว :serius2:แต่สู้คับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และการติดตามนะคับ P.S.ไนท์อยากขอบคุณคนๆหนึ่งคับที่ทำให้ไนท์มีแรงใจเขียนมาได้จนถึงวันนี้แม้ว่าเขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าเขาสำคัญกับไนท์มากแค่ไหนก็ตาม แต่อยากจะบอกกับเขาว่าที่เรื่องนี้ถูกเขียนมาจนถึงวันนี้ได้ก็เพราะ…เขา… เปราะบาง-BodySlam (http://www.youtube.com/watch?v=j5Zb21uVUDc) ตอบเม้นต์คับ กรองเทียน™ --> เอาตอนล่าสุดสดๆร้อนๆมาเสิร์ฟแล้วคับ padigree --> หลายคนเริ่มแซวอาวัตรให้เข้าชมรมกลัวภรรยา ฮ่าๆๆ ปล อาดลน่ารักอยู่แล้วคับ เพิ่งจะฉายแววหลังจากโดนกระหน่ำมา samsoon@doll --> กำลังคิดวิธีว่าจะเก็บอิงฟ้าเข้ากรุยังไงปมใหม่ก็มาแล้วคับ ติดตามอ่านนะคับว่าอิงฟ้าจะไปอย่างไร BeeRY --> มาเสิร์ฟแล้วคับ อั่นแน่...ตอนนี้ชอบอาดลกันใหญ่ หุหุ ปล อาวัตรสมัครเข้าชมรมแล้วค่ะ win200 --> ขอบคุณแทนอาวีด้วยนะคับ ขอบคุณคับที่ติดตามอ่าน King_Arthur --> ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ อิงฟ้าก็แบบนี้แหละคับเธอจะร้ายแบบแว่บไปแว่บมาให้หมั่นไส้เล่น roseen --> ขอบคุณคับผม heefever --> มาอัพแล้วนะคับแฟนคลับดลกะวี ^^ WhatLoveIs --> ขอบคุณนะคับที่ติดตามอ่าน DE SaiKuNee --> ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์และการติดตาม tuek --> ขอบคุณนะคับ rellachulla -->ขอบคุณนะคับ คุณอาวีนี่ไม่ค่อยจะกลาเล่นตัวในเวลาปกติคับ หุหุ BʊẑẐỹ@TἀӛṀ® --> ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ เอาตอนล่าสุดมาเสิร์ฟแล้วนะคับ berlyn --> อาวัตรหลงเด็กแล้วคับ ฮ่าๆๆ แต่รักแท้ย่อมมีอุปสรรคตามมาคับ Églantier✿ --> ต้องรอตามอ่านคู่ของพี่ตะวันและอิงธารด้วยนะคับ ปล แต่ตอนนี้ไม่มีอ่ะ didi --> ขอบคุณนะคร๊าบบบ
อะไรอีกเนี่ย คู่อากับหลานกำลังสวีทกันอยู่ดีๆ ก็มีมารมาผจญซะแล้ว ขัดใจจริงอะไรจริง :serius2: ส่วนคู่ของดลกับวี สงสัยจะราบรื่น(มั้ง)
อ่าว คุณยาย(รึป่าว) อยุ่ๆจะมาพาน้องมินทร์ไปจากอาวัตรนี่นะ เราต้องไม่ยอมนะอาวัตร สู้ๆ
กำลังเริ่มต้นได้ดีแต่รู้สึกว่าลางไม่ดีกำลังมาเยือนแล้วแหละ แล้วแบบนี้อาวัตรกับมินทร์จะตั้งรับยังไงละนี่
ใครอีกละเนี้ย กำลังหวานชื่นอยู่เชียว :L1:
:เฮ้อ: :เฮ้อ: แอบหมั้นไส้ดลมากมาย ง่ายเกินไปม้ายเนี่ย วีเก็บอาการหน่อย นึกว่าจะได้เห็นดลเศร้าสักตอนนึงยังพอทำให้เราแอบสะใจซะอีก.. แล้วใครอีกน่ะที่โทรเข้ามา มินทร์กับวัตรจะรับมือกันยังไงล่ะทีนี้
อัพสั้นๆ ก็ไม่เป็นไรครับคุณไนท์ ขอให้อัพบ่อยๆ แล้วก็...อย่าเพิ่งหนีหายจากแฟนคลับไปไหนก็พอ อีกอย่างตอนนี้ดูเหมือนน้องมินทร์จะมีแฟนคลับขึ้นเยอะแล้วนะครับ :man1: ตอนนี้ก็คู่อาดลกับอาวีก็น่าจะไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยครับ บทจะโรแมนติกก็โรแมนติกเหมือนกันนะครับเนี่ยอาดลของเรา ส่วนอาวัตรกับน้องมินทร์นี่ก็น่ารักครับ แอบจินตนาการตามไปด้วยเลยว่า เวลาที่อาวัตรเอาปลายนิ้วเกลี่ยเล่นที่ผิวแก้มคนที่โดนรบกวนอย่างน้องมินทร์ น้องมินทร์จะน่ารักขนาดไหน แต่...ยัยคุณยายนี่คงไม่มาเอาน้องมินทร์ไปจริงๆ ใช่มั้ยครับ ผมไม่ยอมจริงๆด้วย เอ้า! ปล. คนที่คุณไนท์บอกคงสำคัญมากนะครับ ใช่อาวัตรตัวจริงรึปล่าวเอ่ย?? แล้วก็...สารภาพว่าวันนี้ผมก็ทำตัวไม่น่ารักกับคนๆ นึงมาเหมือนกัน ไม่รู้คนๆ นั้นเค้าจะเกลียดผมรึยัง แปลกดีครับ ไม่เคยงี่เง่าใส่ใครมาก่อน แต่กับคนนี้...ดันทำได้ซะนี่ รออ่านตอนต่อไปครับผม แต่ห้ามเขียนอะไรกระชากใจคนอ่านนะครับ (อย่างน้อยสงสารผมซักคนก็ยังดี :o8:)
เห็นรูปมันสวยดีก็เลยเอามาให้น้องมินทร์ครับ เผื่อเวลาอาวัตรง้อ จะได้ให้อาวัตรง้อแบบนี้ (http://images.myfri3nds.com/upload/2010-10-30/images/4ccc4af175dd0.gif) (http://upload.myfri3nd.com/view/2010/10/30/4ccc4af175dd0.gif)
เง้ออ อาวัตรกับหนูมินทร์เพิ่งจะได้เริ่มต้นวันใหม่กันแท้ๆเลย คุณยายก็จะมาพาหนูมินทร์ไปจากอาวัตรซะแล้ว TT นภดลช่วยเคลียร์นิดนึงจ้ะ หวานๆน่ะดีแล้วแหละ แต่แบบคนอ่านก็แอบสับสนในอารมณ์คุณดลบ้างอะไรบ้าง พอๆกับที่ปฐวีอึ้งปนงงเลยค่ะ 555 ตะวันกับอิงธาร ไม่เป็นไรค่ะคุณไนท์ รอได้ๆ ^^ ปล. คุณไนท์สู้ๆนะคะ ถ้าไม่สบายก็ขอให้หายเร็วๆ นอนพักเยอะๆด้วยนะคะ อากาศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ เราเองก็ปรับตัวไม่ทันเหมือนกันค่ะ ยิ่งเป็นภูมิแพ้ด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ><" ส่วนเรื่องคนสำคัญ .. เค้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไรเนอะ แค่มีเค้าอยู่ในใจเป็นพลังให้คุณไนท์ไปเรื่อยๆมันก็ดีเหมือนกันนะคะ :กอด1: ปล.อีก คือเพิ่งเห็นค่ะ รูปที่รีบนแปะน่ารักมากๆเลย *-* เราจิ้มบวกๆให้นะคะ คุณไนท์ด้วยค่ะ ^^
อ่านมาตั้งนานกะจะเม้นท์ว่าคืนนี้คงนอนฝันดี เพราะทั้งสองคู่ว๊านหวาน แต่พออ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย :a5: สงสัยฝันร้ายแน่ๆ อย่าเพิ่งพรากน้องมินทร์กับอาวัตรออกจากกันนะ แง้ๆๆ :sad4: เป็นกำลังใจให้ไรท์ฯค่ะ สู้ๆ :a2:
ยังไม่ทันจะสวีทให้สะใจคนอ่านเลย ยัยป้ามหาภัยนี่จะให้งานเข้าก่อนหรือเปล่าเนี่ย :m16:
งานเข้าแล้วอาวัตร +1 นะคะ
หายเร็วๆนะค่ะ :3123: :3123: สู้ๆค่ะ :L2: :L2: :L2:
หวานกำลังเพลิน ๆ เจอตอนท้าย 555 ขวัญหนีดีฝ่อ หมดกัน หมดอารมณ์ กำลังอินได้ที่ เหอะ รออ่านตอนต่อไป +1
อาดล คิกๆ :o8: เขินๆ อยากเป็นอาวีจัง รอพี่ตะวัน เมื่อไหร่จะมาเนี่ย :impress3:
(http://images.myfri3nds.com/upload/2010-10-31/images/4ccd125400f29.jpg) (http://upload.myfri3nd.com/view/2010/10/31/4ccd125400f29.jpg) ว่างจัดครับ ไม่มีอะไรทำ ก็เลยทำตัวเป็นจิ๊กโก๋มาป่วนชาวบ้านเล่น 555
อ้าวๆ..อาวัตรกับน้องมินทร์กำลังหวานๆกันอยู่ กลิ่นอายความหวานอวลอยู่ยังไม่จาง ไหงมีกลิ่นทะแม่งๆแบบไม่พึงประสงค์ แทรกเข้ามาแบบนี้ล่ะ น้องไนท์คะดูเหมือนคู่อาหลานนี่ คงต้องใช้เวลานานนะ ญาติผู้ใหญ่ท่านนี้คือ ปัญหาและอุปสรรคปะคะ ได้ยินแค่เสียงพี่แก้วก็หวั่นใจแล้วจ้ะ ส่วนคู่ดล-วี ดีใจจังเข้าใจกันแล้ว ตอนนนี้น้องไนท์คงเปิดภาคเรียนแล้ว ทั้งเรียนทั้งเขียนนิยาย ยังมีแพ้อากาศอีก ยังไงก็พักๆมั่งเน้อ อากาศเปลี่ยน ดูแลสุขภาพนะจ๊ะ
อย่างงี้ต้อง :z6: ครับผม อยู่มาตั้งนาน เพิ่งจะระลึกได้รึไงว่ามีหลาน :m16: แล้วลองมาแย่งน้องมินทร์ไปจากอกอาวัตรดูสิ เดี๋ยวผมจะไปถล่มบ้านซะเลย :fire:
:เฮ้อ: ใครอีกละ
คุณป้าซาตานที่ไหนมาอีกแหละเนี้ยยยยยยยยยยยยยย 5555555555
อู้ยยยยย กอดกันๆ อัพตอนนี้ได้เข้ากับบรรยากาศและอากาศตอนนี้มากเลยค่า หนาวววว ต้องกอดกันสินะ หวานกันทั้งสองคู่เลยค่า แต่ชักเริ่มได้กลิ่นมาม่ามาแต่ไกล ขอหวานอีกนิดไ่ม่ได้เหรอ คุณคนเขียน เชียร์คุณวีเหมืิอนเดิมค่า อิอิ น่ารักที่สุด
-14- ลมหนาวที่พัดผ่านทำให้คนตัวเล็กต้องห่อกายเข้าหากันก่อนจะถูฝ่ามือไปมาและป้องปากเป่าลมอุ่น ปีนี้คงเป็นปีที่หนาวที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมาก็เป็นได้ “หนาวมากเลยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กขยับแข้งขยับขาไม่ยอมนิ่งเฉย “จะแข็งตายอยู่แล้วพี่ตะวัน วันนี้เกิดอะไรขึ้นมาอยู่ๆถึงชวนธารออกมาเดินเล่นตั้งแต่เช้าฮะเนี่ย” ตะวันไม่ยอมตอบแต่กลับคว้ามือของเด็กหนุ่มมากุมไว้และออกเดินไปพร้อมๆกัน “บางทีบางครั้งพี่ก็อยากให้เวลากับคนสำคัญของพี่ให้มากขึ้นนะ คนๆนั้นจะได้รู้ว่าตัวเองต่างหากที่สำคัญ ไม่ใช่ใครคนอื่น” “คนๆนั้นโชคดีมากเลยนะฮะที่ได้เป็นคนสำคัญของพี่” เมื่อชายหนุ่มเอ่ยจบอิงธารก็หยุดเดินจนมือของทั้งคู่จะแยกออกจากกันแต่ตะวันก็เดินเข้าหาและกุมไว้แน่นกว่าเดิม “ปล่อยมือธารเถอะคับ” “ทำไมล่ะ ธารไม่ชอบเหรอ” ตะวันถามเพียงแค่นั้นก่อนจะคลายมือออกแต่อิงธารกลับใช้มือทั้งสองข้างรวบมือใหญ่ไว้แทน “เปล่าฮะ…ธารชอบมาก ชอบมาจนไม่อยากปล่อยมือพี่ ไม่อยากให้พี่รักใครทั้งนั้นนอกจากธาร” ชายหนุ่มรั้งร่างคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่นก่อนจะลูบเรือนผมนุ่มอย่างเบามือ “ขอบคุณนะครับสำหรับความรู้สึกที่ธารมีให้พี่” “แต่เรื่องระหว่างเราคงเป็นไม่ได้ใช่ไหมฮะ” อิงธารเอ่ยก่อนจะผละตัวออกมาจากอ้อมแขนอบอุ่น “ไม่เลยธาร นี่…เป็นเรื่องที่เป็นไปได้มากที่สุดต่างหากล่ะ” ตะวันเอ่ยก่อนจะยิ้มให้กับอีกฝ่าย เด็กหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะกระโดดชายหนุ่มร่างสูงเสียเต็มแรง แม้จะยังไม่ชัดเจน แม้จะยังไม่ได้ยินคำบอกรักแต่อิงธารก็จะใช้เวลาต่อจากนี้ทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อบอกกับอีกคนหนึ่งว่าไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะยังรักอีกฝ่ายเสมอ ไม่จำเป็นต้องรักวันนี้ เดี๋ยวนี้ ให้ตะวันค่อยๆรักเขา ค่อยๆรักเพิ่มมากขึ้นวันละนิดวันละน้อยและไม่นานมันก็จะเต็มหัวใจของชายหนุ่มไปเอง หลังจากที่เริ่มต้นวันใหม่ไปด้วยกันแล้วนั้นชายหนุ่มก็พาหลานชายสุดที่รักเข้าเมืองเพื่อไปเล็มผมตามที่บอกไว้ “อาวัตร…ไหนๆเราก็เริ่มต้นวันใหม่แล้ว มินทร์ขอโกรกผมเลยแล้วกันนะครับ” “แต่อาเสียดายผมของเรานะ โกรกผมแล้วผมจะเสียไม่ใช่เหรอ” “อาวัตรครับนี่มันสมัยไหนแล้ว ครีมบำรุงผมยี่ห้อดีๆมีถมเถไป” “ครับ…ตามใจแล้วกันครับ” เรวัตรเอ่ยก่อนจะไปนั่งรอในที่ที่ร้านจัดไว้ วันนี้เป็นวันที่ไม่ค่อยมีคนเข้าร้านสักเท่าไหร่ชายหนุ่มจึงไปหยิบหนังสือซุบซิบดารามาอ่านฆ่าเวลาเล่นๆ แต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้วก็ยังไม่เสร็จเรวัตรจึงแอบงีบ เมื่อได้ทรงผมและสีที่ถูกใจแล้วนั้นภูมินทร์ก็เดินออกมายังส่วนที่จัดไว้รอ เด็กหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นคนนั่งรอหลับพริ้มอย่างไม่ใส่ใจเลยว่านี่เป็นร้านทำผมไม่ใช่ห้องนอนก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปบนหลังมือใหญ่เบาๆเป็นการปลุกอีกฝ่ายจากนิทรา ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะคลี่ยิ้มให้และยกมือใหญ่ลูบเรือนผมที่ยังคงนุ่มเหมือนเดิม “สีนี้สวยไหมครับ” “สวยครับ อาวัตรชอบ” เรวัตรตอบ แม้ว่าเขาจะชอบสีน้ำตาลเข้มเปลืกไม้ซึ่งเป็นสีเดิมแต่สีน้ำตาลคาราเมลที่เด็กหนุ่มทำใหม่ในวันนี้ทำให้ใบหน้าดูอ่อนลงและน่ารักมากขนาดที่เขาเห็นยังอดคิดไม่ได้ว่าคนตรงหน้าเป็นมนุษย์โลกหรือเทวดาตัวน้อยลงมาเดินดินกันแน่ “มินทร์อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม เดี๋ยวอาจะพาไปซื้อ” เด็กหนุ่มทำท่าคิดเพียงครู่ “มินทร์อยากได้เสื้อน่ะครับ” ว่าแล้วทั้งคู่ก็มาอยู่ที่ห้างชื่อดังกลางตัวเมืองเพื่อเลือกซื้อของต่างๆ แต่แล้วเด็กหนุ่มก็มาหยุดอยู่ที่แผนกเสื้อผ้าผู้ชายก่อนจะยืนทำท่าครุ่นคิดอยู่ตรงเสื้อเชิ้ตหลากสีที่ถูกพับไว้จัดโชว์อย่างสวยงาม “อาวัตรครับ มานี่หน่อย…” ภูมินทร์กวักมือเรียกและเมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มก็หยิบเสื้อเชิ้ตพื้นขาวลายทางสีน้ำเงินเข้มมาเทียบ แต่ยังไม่ทันไรก็หยิบอีกสีขึ้นมาเทียบอีกและอีกหลายๆตัวก่อนจะเลือกไปสองสามตัว “ทำไมซื้อเยอะจังล่ะครับ ดูจากไซต์แล้วคงไม่ได้ซื้อไปใส่เองใช่ไหม” “มินทร์ซื้อไปฝากอาดลกับพี่ตะวันครับ” ชายหนุ่มถึงกับชะงักขาหยุดอยู่กับที่ก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่าย “มินทร์ล้อเล่นครับ ดูทำหน้าเข้าสิ โอ๋ๆๆ…ไม่งอนนะครับคนดี” ภูมินทร์เอ่ยก่อนจะเดินเข้าไปควงแขนพลางทำท่าอ้อนจนอีกฝ่ายถึงกับใจอ่อนยวบ ทั้งรักทั้งหลงจนอยากจะหอมแก้มเสียฟอดใหญ่แต่ติดตรงที่เขายืนอยู่ในที่ที่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมานี่สิ “อาวัตรครับ มินทร์จะซื้อให้ใครได้ยังไงในเมื่อการซื้อเสื้อให้ใครสักคนมันหมายถึงว่าคนๆนั้นเป็นคนที่สำคัญมากๆ แล้วที่ซื้อซะเยอะแยะเนี่ยเพราะใครก็ไม่รู้ใส่สีไหนก็ดูดี” เด็กหนุ่มพูดเอาใจก่อนจะจูงมือใหญ่เข้าร้านไอศกรีมสเวนเซ่นซึ่งโซนด้านในไม่ค่อยมีคนเข้าไปนั่งจึงเป็นโอกาสดี “พี่ครับขอไอศกรีมฟองดูว์ชุดหนึ่งครับ” “จะหมดเหรอครับเนี่ย” “ต้องหมดสิครับ อาวัตรเลือกรสที่อาวัตรชอบ 2 ลูกนะครับ อีก 2 ลูกมินทร์จะเป็นคนเลือก” เมื่อเลือกเสร็จจนเป็นที่เรียบร้อยรอสักพักพนักงานก็ยกมาเสิร์ฟและเดินจากไปทิ้งให้ทั้งสองคนใช้เวลาต่อจากนี้ตามลำพัง เด็กหนุ่มใช้ส้อมคันเล็กจิ้มชิ้นแคนตาลูปทรงกลมชุบลงบนชอคโกแลตเหลวและยื่นไปต่อหน้าเรวัตร “มินทร์ให้อาวัตรเปิดประเดิม” ชายหนุ่มอ้าปากรับชิ้นผลไม้ที่อมขมอมหวานมากินก่อนจะก้มหน้าลงตักไอศกรีมรสชาติที่ตัวเองสั่งกินบ้าง ท่าทางแบบนั้นทำให้ภูมินทร์อมยิ้มก่อนจะหัวเราะเบาๆ “มีอะไรเหรอ” เรวัตรทำหน้าเหรอหราแต่แล้วเด็กหนุ่มก็ใช้ปลายนิ้วเช็ดรอยชอคโกแลตตรงมุมปากบางของคนตรงหน้าก่อนจะเลียชิมความหวานอมขม “อาวัตรน่ารักจัง” “น่ารักเนี่ยนะ อาจะดีใจกับคำชมของเราไหมเนี่ย” “อาวัตรครับ ทำไมอาวัตรถึงก้มหน้าก้มตากินล่ะครับ ไม่อยากมองหน้ามินทร์ขนาดนั้นเลยเหรอ” เด็กหนุ่มเอ่ยเย้า “อาก็แค่…” “เขินเหรอครับ” “เปล่านะ…” “อาวัตรหน้าแดงเถือกเลย เขินที่มาเข้าร้านไอศกรีมหรือเขินมินทร์กันแน่ครับ ตอนมินทร์เด็กๆเรายังเคยมานั่งกินด้วยกันเลย” “ก็ตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันนี่ครับ” “ต่างกันตรงไหนครับ ตรงที่มินทร์โตขึ้นน่ะเหรอครับ” “ต่างกันตรงที่ความรู้สึกของอาที่มีต่อน้องมินทร์ครับ” ภูมินทร์ยิ้มหวานก่อนจะตักไอศกรีมรสชาติที่อีกฝ่ายชอบป้อนอีก สโลแกนของสเวนเซ่นคือ…ความสุขไม่มีวันละลายและตอนนี้ทั้งคู่ก็กำลังคิดอย่างนั้น เมื่ออาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงทั้งคู่ก็กลับมาถึงที่ไร่ด้วยท่าทางเป็นสุขราวกับคนรักเพิ่งไปเที่ยวด้วยกันมาและนั่นก็ตกอยู่ในสายตาของนภดล “เดี๋ยวมินทร์ไปอาบน้ำก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มเดินขึ้นชั้นบนของตัวบ้านไปเหลือก็เพียงแค่ชายหนุ่มสองคนที่ยืนเผชิญหน้ากัน “ข้ามีเรื่องอะไรจะบอกแกว่ะ” นภดลเอ่ยด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจังจนเรวัตรนึกกังวลเพราะปกติระหว่างเขาทั้งคู่มักจะไม่ค่อยมีเรื่องซีเรียสคอขาดบาดตายอะไร แต่อยู่ๆมาทำท่าทางเคร่งขรึมผิดวิสัยจึงอดแปลกใจไม่ได้ ชายหนุ่มหุ่นนายแบบส่งกระดาษแผ่นเล็กใส่มือเรวัตรและเมื่อเขาเปิดดูลายลักษณ์อักษรภายในก็ทำให้ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาทันที “วัตร…มันไม่ได้มีแค่ชื่อกับเบอร์โทรศัพท์เท่านั้นนะ คุณหญิงกาญจนายังฝากบอกอีกว่าจะมารับน้องมินทร์ไปอยู่ด้วย” ราวกับโดนตีหัวด้วยของแข็ง เรวัตรนิ่งอึ้งแต่นภดลก็มานั่งลงข้างๆก่อนจะตบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบใจ “ข้าของร้องอย่างหนึ่ง อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้มินทร์รู้ ข้ายังไม่อยากให้มินทร์เสียใจ” นภดลพยักหน้าเป็นการรับปากและมองเพื่อนด้วยความเป็นความห่วงใย ถ้าเขาเป็นเรวัตรล่ะก็…คงเจ็บปวดน่าดู เพราะไม่มีรู้หรอกว่าความจริงแล้วเรวัตรกับภูมินทร์ทั้งรักและผูกพันกันมากแค่ไหน หลังจากที่งีบหลับตอนบ่ายปฐวีก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ทั้งร้องทั้งสั่นอยู่บนหัวเตียง แต่เมื่อคว้าลงมาก็พบว่าไม่ใช่โทรศัพท์ของตัวเองจึงไม่อยากก้าวก่ายแต่เมื่อดังซ้ำหลายครั้งเข้าก็อดไม่ได้ที่จะรำคาญจนต้องกดรับ แต่ปลายสายที่ส่งเสียงแหลมมาก็ทำให้ต้องรีบเอาออกให้ห่างจากหู “ขอโทษนะครับ พอดีดลไม่อยู่เลยรับแทน ถือสายรอสักครู่ไหมครับหรือจะฝากข้อความไว้” +พี่คงเป็นพี่วีเพื่อนพี่ดลสินะคะ ฝากบอกพี่ดลว่าแองจี้โกรธมากค่ะที่พี่ดลไม่โทรหาเลย อีกอย่างฝากบอกพี่ดลด้วยนะคะว่าแองจี้มีเรื่องเซอร์ไพร์+ “ได้ครับ แล้วจะฝากบอกเรื่องเซอร์ไพร์เลยไหมครับหรือว่าคุณแองจี้จะบอกเอง” +ฝากบอกว่าแองจี้รักพี่ดลมากแล้วก็ฝากให้พี่ดลตั้งชื่อเด็กผู้ชายด้วยนะคะ พี่วีอย่าลืมบอกพี่ดลให้แองจี้ด้วยนะคะ ฝากบอกพี่ดลอีกด้วยว่าแองจี้ท้องได้ 3 เดือนแล้ว+ ปฐวีนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินประโยคนั้นไม่รู้ว่าตกลงเรื่องที่เธอบอกมาจะเซอร์ไพร์ใครกันแน่เพราะดูเหมือนว่าเขาจะโดนเซอร์ไพร์เต็มๆ เธอเอ่ยก่อนจะวางสายไป แต่ดูเหมือนสมองของปฐวีจะไม่สั่งการแล้ว ตกลงเมื่อเช้ารอยยิ้มที่เขาเห็นว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ คงจะไม่ใช่ในความหมายนั้น… ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้างก่อนจะหลับตาลง ถ้าเขาจะต้องเสียใจอีกเพียงครั้งเดียว เลือกที่จะตัดใจเสียดีกว่า 2BCon… (มาอัพต่อแล้วคับ :mc4: ก่อนอื่นเลยหวังว่าทุกคนคงไม่อยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆหรอกใช่ไหมคับเพราะฉะนั้นไนท์เลยขมวดปมเข้าไปอีกนิดๆหน่อยๆ คือใจจริงอยากเขียนไปเรื่อยๆคับ ^^เริ่มผูกพันกับเรื่องนี้ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ ทุกกำลังใจและการติดตามคับ อีกเรื่อง…ทำไมความรักถึงเป็นเรื่องเข้าใจยากจังคับ เมื่อคืนผมก็คงทำตัวงี่เง่าด้วยเหมือนกันทั้งห่วงทั้งหวงเขาแต่ก็ยังไม่วายลงท้ายด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันนี้เราคงจะเข้าใจกันมากขึ้น ตอบเม้นต์… heefever - -> มารผจญจะมาเป็นระลอกๆนะคับ ตั้งรับไว้ได้เลย ฮ่าๆๆ ส่วนอาวีกับอาดลก็ราบรื่น (มั้ง) คับ ฮ่าๆๆ Nus@nT@R@ - - > อาวัตรต้องสู้สุดๆล่ะคับ เนอะๆ ปล เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์ เรื่องใหม่มาต่อเลยทีเดียว b27072010 - - > ติดตามอ่าเรื่อยๆนะคับ ลางไม่ดีมาเยือนจริงๆ เฮ้อ… roseen - - > อ่านะคับ เธอมาแล้วคับ มาทวงหลานชายสุดน่ารัก สงสัยอาวัตรจะงานเข้าล่ะคับ win200 - - > เดี๋ยวไนท์จัดให้นะคับ เอาคืนดลให้สาสม ส่วนเรื่องอาวัตรกับน้องมินทร์ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปคับ King_Arthur - - > คับคุณเอ็ม ไนท์คงไม่กล้าทิ้งผู้อ่านได้เพราะชักเริ่มผูกพันกับทุกคน เรื่องอาวัตรกับน้องมินทร์เนี่ย ขอแบบรักแท้ต้องมีอุปสรรคคับและดูเหมือนจะเยอะเสียด้วย รอตามอ่านนะคับ ปล ส่งน้องหมีมาก่อกวนด้วยนะคับ ฮ่าๆๆ น้องหมีน่ารักมาก อีกอย่างคุณย่าท่านเพิ่งคิดได้คับ ^^ Églantier✿- - > ก่อนอื่นขอบอกเลยคับว่าปลื้มคอมเม้นต์ของคุณมากขอบคุณนะคับ ไนท์กะว่าจะให้อาหลานสวีทกว่านี้อีกสักนิดก่อนคับ ส่วนดลกะวีปมมาเพิ่มแล้วคับ ช่วงนี้ต้องรักษาสุขภาพกันนะคับ ^^ BeeRY- - > ขอบคุณนะคับ ขอโทษด้วยนะคับที่ทำให้ฝันร้าย พอดีตอนแต่งโมโหคนๆหนึ่งอยู่คับ ฮ่าๆๆ เลยออกมาเป็นแบบนี้ แต่จะหวานไปก่อนนะคับหลังจากนั้นต้องรออ่านต่อไปคับ ^^ mutoo- - > ชะอุ้ย…คุณย่าได้ฉายาไปแล้ว ฮ่าๆๆ เดี๋ยวสวีทให้สะใจก่อนก็ได้คับ ^^ tuek - - > ถูกต้องคับ อาวัตรงานเข้าเต็มๆ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ didi- -> ขอบคุณคับ Fighting!!! Keep Walking คับ PEENAT1972- - > คุณพี่นัทคับ ขวัญเอ๊ยขวัญมาคับน้องคนนี้ขออภัย ฮ่าๆๆ รอตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ padigree- - > พี่ตะวันมาแล้วคับ ส่วนอาดลกับอาวีก็จะพยายามให้หวานขึ้นนะคับ ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์ yayee2 - - > ขอบคุณนะคับพี่แก้วที่เคารพรักอาหลานจะหวานเป็นพักๆและตามาด้วยอุปสรรคบ้างบางครั้งนะคับ อาจจะใช้เวลานานอย่างที่พี่แก้วว่าเพราะไนท์ไม่อยากให้รีบจบ ฮ่าๆๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคับพี่แก้วเองก็รักษาสุขภาพด้วยนะคับ DE SaiKuNee- - > อุปสรรคตัวเป้งคับผม ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคับ samsoon@doll- - > นี่ขนาดคุณป้าโผล่มาแค่แว๊บเดียวนะคับหลายคนเริ่มตั้งฉายาให้แล้ว ฮ่าๆๆ ขอบคุณนะครับที่ติดตามอ่าน rellachulla- - > ปาดหน้าผมระยะประชิดเลยคับพอดีกำลังจะเอานิยายลงพอดี ฮ่าๆๆ เกือบไม่ได้ตอบเม้นต์แล้วไหมล่ะ เดี๋ยวจัดหวานให้ก่อนนะคับเพราะเชื่อว่าหลายคนไม่ชอบซดมาม่ากัน ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์และการติดตาม (http://www.minichiangmai.com/picture-shop%20data/ice%20cream-swensen.jpg)
อะไรกันนักกันหนาเนี่ย :serius2: คู่ีมินทร์กับอาวัตร กำลังไปได้สวยเชียว จะมาม่าอีกแล้วเหรอ ส่วนคู่วีกับดล มันอะไรอีก เซอร์ไพรซ์มากกกกกกกก คนอ่านก็เซอร์ไพรซ์ :z3:
โห ยายขาหลานโตจนจะมีแฟนแล้วเพิ่งมารับตัว ตลกไปเนอะ :z3: ชอบคู่ดล+วี แต่ชะนีแองจี้..........ลงหลุมไปซะ!!! :z6:
ดลงานเข้า.. สมน้ำหน้าดีมั้ยเนี่ย เล่นตัวมานาน พอจะลงหลักปักฐานก็มีมารผจญ แอบสะใจนิดๆๆ แต่รายน้องมินทร์ ถ้าอาวัตรแอบมีมือที่3 แบบคู่น้องวี แม่ยกจะตามไป :beat: ถึงบ้าน ฮี่ๆๆ :fire:
อ้าว..คู่วีกับดล พึ่งจะหวานกันได้แป๊บๆ ก็จะมีอุปสรรคอีกแระ ตอนต่อไปคงต้องตามลุ้นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคของคู่อาหลาน กะคู่เพื่อนรักรักเพื่อนกันล่ะ จะรอเอาใจช่วยทั้งสองคู่ ให้ผ่านพ้นไปได้จ้ะ
งานนี้น้องมินทร์จะต้องร้องไห้อีกเป็นกระบุงโกยแน่ๆ อาวัตรอย่าให้น้องมินทร์ไปนะครับ ส่วนดลกะวี....วีต้องถามดลให้รู้เรื่องว่าตกลงแองจี้เป็นใคร อาจจะแค่เข้าใจผิดกันก็ได้ :pig4: รอตอนต่อไปเหมือนเดิมครับ ปล. อย่าคิดมากเรื่อง 'ความจริง' นะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง
แอร๊ยมาอีกแล้ว 1 ปม + คุณป้าซาตานอีก1ปม หวังว่าพี่ตะวันกับน้องธารคงไม่เกิดอีก 1 ปมมาเพิ่มนะคะ แค่นี้ก็เยอะ!แล้วหละ หุหุ
อ่าว กรรมจริงค่ะ .. เพิ่งจะดีกันได้ไม่เท่าไหร่ งานเข้าดลเฉยเลย .. วีจะตัดใจแล้ว แต่ความจริงมันอาจจะไม่เป็นยังงั้นก็ได้น้าา (แต่ก็แอบคิดเหมือนกันว่าบทจะรักกันก็อยากให้มีอุปสรรคมาช่วยทำให้รักกันมากขึ้นเหมือนกัน ^^) ดีใจกับน้องธาร :-[ ถึงพี่ตะวันยังไม่บอกว่ารัก แต่ได้เป็นคนสำคัญนี่ก็สมหวังไปเกินครึ่งแล้วน้าาา >< คู่หลักของเราหวานกันจนไอติมอาจจะแพ้ได้ 555 แต่คุณยายคืออุปสรรคสำคัญ ยังไงก็ขอให้ผ่านมันไปได้นะคะอาหลาน ^^ ส่วนคุณไนท์ก็อย่าคิดมากน้าา ต่างคนก็ต่างความคิดค่ะ เราหวังดีกับเค้าก็ทำให้ดีที่สุดในส่วนของเรา ค่อยๆทำความเข้าใจกันไปเด๋วอะไรๆมันก็ดีขึ้นเองเนอะ +1 ค่ะ :กอด1:
:L1:เรื่องนี้แต่ละคนมีงานเยอะเหลือเกิน
ตัวเอ้งงงงง คุณคนเขียนนน มาหลอกให้หวานนแต่ทิ้งระเบิดไว้นี่นะ อ๊ากกกกกก กลิ่นมาม่ามาแล้ววว แล้วคุณวีของเค้า(??) จะเป็นยังไงละเนี้ยะ อย่าโศกมากมายนะจ๊ะตัวเอง สงสารคุณวี ฮึก ฮึก +1 จ้ะ
+1 รอตอนต่อไปครับ กำลังสนุกเลย มาต่ออีกน่ะ :call:
เอาชื่อนี้เลยแล้วกันนะไนท์ เรื่องเซอร์ไพรซ์ คืน เล่นเอาทำให้อึ้งกิมกี่กันทั้งบ้าน 555 และพี่อยากบอกว่า +1 กับช็อคโกแลตฟองดู ของโปรดพี่ 555 พูดแล้วเปรี้ยวปาก
เอ๊า พอคู่นี้หวาน คู่นู้นก็ขมซะงั้นอ่ะ :serius2: อีนังจี้นี่ใครกัน :เฮ้อ: :seng2ped:
ปวดหัวจี๊ดเลย ทำไมจะมาม่าแพ็คคู่อย่างนี้ล่ะ :z3: แต่น้องมินทร์กับอาวัตรเดทกัน อุ๊ยย อยากแอบตามไปด้วย :laugh: ฟองดูชิดซ้ายไปเลย เมื่อเจอความหวานของคู่นี้ :-[ ป.ล. 1 ป้ากินติมเยอะเดี๋ยวอ้วนแข่งกะไอ่ถั่วหรอก ป.ล. 2 ขอให้ไรท์ฯมีวันดี ที่คืนดีกันเร็วๆนะคะ (ช่วงนี้บ้าเพลงนี้มากค่ะ ^^) ป.ล. 3 +1 ให้นะ แปะไว้หลายตอนแล้ว :o8:
:z13: :z13: :z13: จิ้มเบียร์ ข้อหามาว่าเค้ากลม งอนชิร์.............
รอตอนต่อไปอยู่นะครับคุณไนท์ :pig4:
-15- พลบค่ำปฐวีกำลังจะเดินออกมาจากห้องแต่เมื่อเปิดประตูก็เห็นนภดลกำลังทำท่าจะเปิดประตูจากอีกด้านเช่นกัน “ตื่นแล้วเหรอ ยังว่าจะเข้าไปปลุกพอดี” ชายหนุ่มหุ่นนายแบบเอ่ยบอกแต่กลับได้คำตอบเป็นการเมินหน้าหนีแต่เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของปฐวีดังขึ้น “คนที่ชื่อแองจี้โทรมาน่ะ สงสัยจะโทรมาอีกรอบแล้ว” ปฐวียื่นให้ก่อนจะเดินหนีไปอีกทางแต่ก็อดที่จะเสียมารยาทไม่ได้ด้วยการเงี่ยหูฟังเพราะความอยากรู้ “โทรมาทำไมเนี่ย” นภดลกระซิบซาบคุยยิ่งทำให้ปฐวีสงสัยเข้าไปใหญ่แต่ก็ตัดใจไม่ยอมฟังประโยคอื่นๆต่อ แต่หลังจากที่ชายหนุ่มหุ่นนายแบบวางสายไปก็เดินไปที่ตู้เย็นหยิบขวดน้ำขึ้นมาก่อนจะกระดกดื่ม “เป็นไรวะไอ้ดล ทำหน้าอย่างกับโลกจะแตก” “เออ…โลกกำลังจะถล่มทลายเนี่ย” “วี ไอ้ดลมันเป็นไรของมันน่ะ” ปฐวียังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรนภดลก็เอ่ยแทรกทันที “ต้องกลับกรุงเทพฯด่วนว่ะ งานเข้า” “ทำไมวะ ทำผู้หญิงที่กรุงเทพฯท้องเหรอไง” ประโยคเด็ดของเรวัตรเหมือนศรตรงเข้าปักอกผู้ฟังทั้งคู่ เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนสนิทแต่ละคนก็ต้องยิ้มแห้งๆก่อนจะเงียบลงทันที “พวกแกจะกลับเมื่อไหร่ ข้าว่าจะพาน้องมินทร์ไปเที่ยวด้วย” “คงคืนนี้เลยว่ะ” เมื่อได้คำตอบเป็นที่เรียบร้อยเรวัตรก็เดินขึ้นไปยังส่วนด้านบนของบ้านก่อนจะเคาะประตูเรียกคนที่อยู่ภายใน เด็กหนุ่มโผล่ใบหน้าขาวใสพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “ครับ อาวัตร” “ไปเที่ยวกรุงเทพฯกัน” “วันไหนครับ” “คืนนี้แหละ” เด็กหนุ่มทำหน้าเหวอเมื่ออยู่ๆถูกชวนให้ไปเที่ยวเมืองหลวงอย่างกะทันหัน “แล้วไปกี่วันล่ะครับจะได้จัดเสื้อผ้าถูก” “ไม่ต้องเอาไปเยอะหรอก ขาดเหลืออะไรก็หาซื้อเอาใหม่ข้างหน้าได้” “ทำไมอยู่ๆถึงจะรีบไปกันล่ะครับ” “ก็อาดลของน้องมินทร์น่ะสิก่อเรื่องเข้า อาเลยว่าจะตามไปด้วยเผื่อมีอะไรที่พอจะช่วยได้ อีกอย่างอาถือโอกาสพามินทร์ไปเที่ยวด้วย ไม่ได้กรุงเทพฯตั้งนานแล้วนี่” เรวัตรเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้และใช้มือใหญ่ขยี้เรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลเล่นเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากเด็กหนุ่ม “จัดของซะนะ อาจะไปจัดของบ้าง แล้วเจอกันที่ห้องรับแขกนะ” เมื่อทุกคนเตรียมสัมภาระเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ยกไปจัดเรียงใส่ท้ายรถ นภดลที่นั่งเป็นคนขับเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆเป็นระยะ ๆ สีหน้าราบเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ ความรู้สึกยิ่งทำให้ชายหนุ่มเป็นกังวล จะเอื้อมมือไปสัมผัสก็ไม่กล้า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นภดลรู้สึกว่าปฐวีเองก็มีมุมที่ดูน่ากลัวและน่าเกรงขามเช่นกัน เสียงสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังคุยกันเสียงงุ๊งงิ๊งก่อนภูมินทร์จะหยิบไอพอตออกมาจากกระเป๋ากดเลือกเพลงจนเจอเพลงที่ถูกใจก่อนจะส่งหูฟังข้างหนึ่งให้ผู้เป็นอา ทันทีที่ได้ยินเสียงทำนองเพลงรักหวานๆดังขึ้นเด็กหนุ่มก็เอาแต่อมยิ้มและมองออกไปยังความมืดด้านนอกหน้าต่าง ยิ่งเวลาดึกขึ้นมากเท่าไหร่สถานที่ปลอดโปร่งปราศจากแสงไฟรบกวนก็ทำให้เห็นหมู่ดาวเป็นร้อยเป็นพันดวงเพราะฤดูหนาวจะเป็นฤดูที่ท้องฟ้าค่อนข้างโปร่ง ร่างของเด็กหนุ่มค่อยๆขยับตัวเข้าไปหาไปหาไออุ่นของร่างสูงใหญ่และเอนซบไหล่กว้าง มือใหญ่ขยับมากุมมือเล็กกว่าไว้ก่อนจะประสานไว้แน่น เรวัตรสัญญากับตัวเองไว้ว่าไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้ไปเด็ดขาด ปฐวีมองทั้งคู่ผ่านกระจกหลังก็ได้แต่ระบายรอยยิ้มให้กับความน่ารักขอคนทั้งคู่ คิดแล้วก็สะท้อนใจกับเรื่องความรักของตัวเอง…สงสัยชาติที่แล้วเขาไม่ได้ถวายดอกไม้พระเป็นคู่ล่ะมั้ง ชาตินี้ถึงได้เกิดมาอาภัพรักอย่างนี้ แต่เมื่อคิดอะไรไปเรื่อยๆ ความง่วงงุนก็ทำให้ผล็อยหลับไปจนมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่รถจอดสนิทอยู่ที่ไหนสักแห่ง ปฐวีขยี้ตาเบาๆก่อนมองไปรอบๆก็เห็นนภดลปรับเบาะเอนหลังหลับอยู่ ท่าทางคงจะเพลียเหมือนกันถึงได้แวะจอดพักที่ปั๊มน้ำมัน พอมองไปทางด้านหลังกลับไม่เห็นอีกสองคนที่ร่วมทริปมาด้วย “อาวีครับ…” ปฐวีสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆเด็กหนุ่มมาเคาะหน้าต่างเรียก ภายในมือมีมาม่ากระป๋องรสต้มยำกุ้งก่อนจะยื่นส่งมาให้ “ขอบใจนะน้องมินทร์” เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะเดินไปยืนเคียงคู่กับชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังจิ้มลูกชิ้นปิ้งส่งให้ซึ่งภูมินทร์ก็อ้าปากกินแต่โดยดี ปฐวีรู้สึกอยากเดินยืดเส้นยืดสายจึงลุกออกจากตัวรถมุ่งหน้าเข้าร้านสะดวกซื้อประจำปั๊มก่อนจะมองหาอะไรที่พอจะรองท้องให้คนขับ และสายตาก็เหลือบไปเห็นซาลาเปาผิวขาวจั๊วกำลังถูกนึ่งอยู่ในตู้ร้อนจึงจัดการคีบใส่ถุงและเดินไปยังส่วนของเครื่องดื่มได้ลาเต้ร้อนมาหนึ่งแก้วก่อนจะจัดการจ่ายเงิน ชายหนุ่มร่างโปร่งแม้ในใจอยากจะหมางเมินไม่สนใจแต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี แต่เขาน่ะหรือ...อีกไม่นานก็จะหมดเวลาที่จะต้องมาคอยดูแลอีกฝ่ายอย่างนี้แล้ว “น้องมินทร์ครับ อาฝากเอานี่ให้อาดลหน่อยนะครับ” ปฐวีเอ่ยก่อนจะส่งถุงที่มีของอยู่ข้างในให้เด็กหนุ่ม “ทำไมอาวีไม่ให้เองล่ะครับ” “นะครับ อาฝากด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะกลับขึ้นรถตัวเปล่าและนั่งกินมาม่าอย่างเพลิดเพลินพลางทำท่าทางเป็นไม่สนใจอีกคนที่ลืมตาตื่นขึ้นมา นภดลมองคนที่เอาแต่กินก่อนจะถอนหายใจยาว “อาดลครับ อะ…มินทร์ซื้อมาฝากน่ะครับ” เด็กหนุ่มที่อ้าปากเตรียมจะบอกว่าปฐวีเป็นฝ่ายซื้อมาให้แต่กลับต้องรีบหุบปากลงและเปลี่ยนชื่อเพราะสายตาดุๆของเจ้าของชื่อมองมา “ขอบคุณนะครับน้องมินทร์ ที่ยังเป็นห่วงอา” นภดลเอ่ยกึ่งตัดพ้อคนที่ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย หลังจากนั้นไม่นานก็เข้าสู่เขตเมืองหลวงที่รายล้อมไปด้วยตึกสูงระฟ้ามากมาย เด็กหนุ่มมองอย่างตื่นตาตื่นใจเนื่องจากเวลานี้ยังเป็นเวลากลางคืนแต่กรุงเทพฯกลับเป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับใหล แสงไฟดวงเล็กๆที่ส่องสว่างลอดผ่านบานหน้าต่างดูราวกับดาวบนผืนดิน ปฐวีเสนอว่าให้คาอา-หลานไปพักที่บ้านของเขาซึ่งมีเนื้อที่กว้างกว่าอพาร์ทเม้นต์ของนภดลเป็นไหนๆแถมยังมีแม่ของเขาที่ทำอาหารอร่อยอีกด้วย ทั้งสะดวกและสบายเรวัตรและภูมินทร์จึงเอ่ยตกลง นภดลขับรถมาตามเส้นทางก่อนจะจอดลงที่บ้านไม้ 2 ชั้นมีบริเวณกว้างขวางที่พอจะปลูกผลไม้ได้เป็นสวนตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อรถจอดอยู่หน้าบ้านประตูไม้บานสูงก็เปิดออกก่อนจะเห็นร่างอวบของหญิงวัยกลางคนหน้าตาเป็นมิตรเดินออกมาหา “แม่ครับ...เพื่อนวีจะมานอนด้วยสัก 3-4 คืนนะแม่” ปฐวีเอ่ยพร้อมกับการร่างของผู้ให้กำเนิดแน่นก่อนจะเอ่ยบอกเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ เธอก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี “นี่...พ่อวัตรพาใครมาด้วยน่ะ” “อ่อ...แฟนวัตรน่ะแม่ ฮ่าๆๆ” “จริงเหรอพ่อวัตร ไม่ทันไรมีแฟนซะแล้ว หน้าตาน่ารักเสียด้วย ชื่ออะไรเหรอจ๊ะหนุ่มน้อย” “ไม่ใช่แฟนครับคุณป้า ผมชื่อภูมินทร์เป็นคนที่อาวัตรเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆน่ะครับ” “อย่ามาโกหกป้าเลย ดูก็รู้” เด็กหนุ่มเขินจนหน้าแดงก่ำจนหลายคนต้องหัวเราะออกมาแต่ปฐวีก็ตัดบทพาแขกผู้มาเยือนเข้าบ้าน “พ่อดลล่ะ” “ช่างเขาเถอะแม่” “พูดอย่างนั้นได้ไงวี ให้พ่อดลพักที่บ้านเราก่อนแล้วพอเช้าค่อยกลับบ้าน” “ขอบคุณนะครับ คุณแม่” “แม่ฉัน ไม่ใช่แม่นายไม่ต้องมาเรียก” “เอาน่า…อีกไม่นานท่านก็จะเป็นแม่ของเราแล้ว” นภดลแม้จะยังเศร้าที่ปฐวีไม่สนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเย้าอีกฝ่ายคืนเสียบ้าง ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินลงเท้าเสียงหนักเข้าบ้านไปด้วยความหงุดหงิดทำให้ชายหนุ่มหุ่นนายแบบยืนยิ้มให้กับผู้เป็นมารดาของคนสำคัญก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ให้ตายสิลูกคนนี้ ไม่ไหวจริงๆเลยเนอะตาดล” “ไม่หรอกครับคุณแม่ ท่าทางแบบนี้ผมไม่ค่อยเห็นวีเขาทำสักเท่าไหร่ ดูไปเขาก็น่ารักดีนะครับ” เช้าวันรุ่งขึ้นหลายคนต้องตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ของนภดลที่แผดเสียงดังลั่น มือใหญ่ควานหาก่อนจะกดรับแต่เมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใครก็ลุกเดินออกไปคุยเงียบๆคนเดียวแล้วก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าปกติ “ฉันคงต้องไปแล้วนะ วันนี้ฝากวีพาไอ้วัตรกับน้องมินทร์เที่ยวแล้วกันนะ มีธุระด่วนน่ะ” นภดลบอกก่อนกล่าวว่ามารดาของปฐวีและรีบขับรถไป ทิ้งให้อีกคนที่ทำเป็นเก่งมองตามตาละห้อย “ไงล่ะเรา พอเขาไปก็ชะเง้อคอมอง” “วีไม่ได้มองสักหน่อยแม่ คนแบบนั้นทำไมต้องไปสนใจด้วย” “คนเราถ้าไม่คุยกันจะเข้าใจกันไหมลูก บางทีเรื่องเล็กนิดเดียวแต่พอไม่คุยกันก็บานปลายเป็นเรื่องใหญ่โต แม่ไม่อยากเห็นวีกับดลเป็นแบบนี้นะลูก” หลังจากได้ฟังคำพูดของแม่ปฐวีก็คิดได้ก่อนจะรีบอาบน้ำและบอกให้ผู้มาเยือนอีกสองคนเตรียมตัวให้พร้อมกับทริปที่จะเริ่มขึ้น เขาตัดสินไว้ว่าวันนี้จะคุยกับนภดลให้รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันจะถึงที่หมายของสถานที่เที่ยวก็เห็นรถคันคุ้นเคยของนภดลขับผ่านหน้าไปโดยมีตุ๊กตาหน้ารถแสนสวยนั่งอยู่ข้างๆ ทั้งๆที่เมื่อคืนนี้ที่ตรงนั้นเป็นของเขา “ออกนอกเส้นทางหน่อยได้ไหม ฉันอยากให้เห็นบางอย่างกับตาของตัวเอง” เมื่อเอ่ยจบปฐวีก็หักรถให้เลี้ยวไปตามรถคันคุ้นเคยและเหยียบเกือบเต็มความเร็ว รถของนภดลเลี้ยวเข้าไปจอดที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งปฐวีก็จอดรถห่างออกไปไม่ไกลมาก เขาเห็นชายหนุ่มหุ่นนายแบบเปิดประตูลงก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูด้านฝั่งคนนั่ง มือใหญ่ฉุดมือบอบบางของหญิงสาวแสนสวยที่ถึงแม้ว่าเธอจะกำลังตั้งท้องแต่กลับไม่ได้ทำให้ไม่น่ามองเลยสักนิด ปฐวีเห็นก่อนจะกำมือแน่น ทำได้เพียงแค่มองดูอ้อมแขนกว้างโอบร่างบอบบางเสียแนบชิดเดินจนลับสายตาไป “ว่าไงครับ คุณศิลา” เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาได้อย่างถูกจังหวะทำให้ปฐวีกดรับก่อนจะคุยกันไม่กี่คำแต่เรวัตรกับภูมินทร์พอจะจับใจความได้ว่า “อีก 2-3 วันวีจะขึ้นเหนือนะครับ เมื่อถึงแล้ววีจะให้คำตอบกับคุณเอง” สองอา-หลานได้แต่มองดูเจ้าของร่างโปร่งที่ก้มหน้าซุกลงกับพวงมาลัยรถและถอนหายใจยาวเหมือนจะสิ้นหวัง เรวัตรใช้มือตบบ่าปฐวีเบาๆก่อนเด็กหนุ่มจะจะเดินลงจากรถเพื่อที่จะไปกอดปลอบอาคนสนิท ให้ความเจ็บมันสอนให้จำ ว่าไม่ควรคาดหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ วาดฝันไว้สวยหรูมากเพียงใด สุดท้ายก็พังทลายไม่มีชิ้นดี 2BCon… (มาอัพแล้วนะคับ :mc4:ขอโทษที่มาอัพช้าไปหน่อยพอดีหลบไปพักใจมาคับ 555+ ล้อเล่นคับพอดีเพิ่งจะมีเวลาน่ะคับเลยรีบปั่นมาลงทันที รออ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ แม้จะมาม่าชามเล็กแต่ก็ซดไปก่อนนะคับ อีกไม่นานจะเอาน้ำตาลสดเสิร์ฟต่อ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และการติดตามนะคับ ...ไนท์อยากจะบอกคนสำคัญของไนท์ว่า...ขอบคุณ...ที่เขายังไม่ทิ้งไนท์ไปไหน แม้ว่าบางอย่างอาจเปลี่ยนไปแต่เขาก็อยู่ในใจของไนท์เสมอ ไนท์คิดถึงเขาจริงๆ... ตอบเม้นต์ heefever- -> คู่อา-หลานยังไม่ปล่อยให้ดราม่าง่ายๆคับขอหวานต่ออีกนิด ส่วนเรื่องอาวีกับอาดลเซอร์ไพร์ไปตามกันคับแต่เดี๋ยวปมก็จะคลายไปตามลำดับคับ RakorN- -> แองจี้ออกมานิดเดียวแต่โดนสั่งลงหลุดซะแล้ว 555+ คุณยายจะขอเป็นมารผจญในความรักนิดนึงคับ mutoo- - > อาดลก็น่าสงสารเหมือนกันนะคับ - -“ ส่วนอา-หลานอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปต้องติดตามอ่านนะคับ yayee2- -> คับคุณพี่แก้ว ตอนนี้ปมกำลังพันกันวุ่นวาย 555+ ไนท์จะรีบเคลียร์ให้นะคับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์คับ King_Arthur- -> ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับคุณเอ็มเรื่องอา-หลานต้องรอตามกันต่อไปคับ ส่วนเรื่องวีกับดลต้องจับมาเคลียร์อย่างว่าจริงๆแหละคับ รอนิยายเรื่องเก่านะคับและก็ลงเรื่องใหม่ด้วยนะคับจะรออ่าน สู้ๆๆคับ ปล ขอบคุณคับ samsoon@doll- -> คับ ไนท์จะไม่เอาปมเข้ามาเพิ่มแล้ว 555+ เพราะไรท์เตอร์เองก็เริ่มปวดหัวเหมือนกัน รออ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ Églantier✿- -> ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์ผมชอบจริงๆอ่านแล้วแบบจุใจ ขอบคุณคร๊าบ...สำหรับนิยายเรื่องนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้คับ 555+ ปล ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคับ roseen- - > 555+อ่านะคับ ไหนๆก็เขียนก็สร้างตัวละครขึ้นมาแล้วต้องเอาให้คุ้มคับ แจกงานเยอะไปเลย รออ่านตอนต่อไปนะคับ rellachulla- - > คับไนท์จะไม่ให้วีเสียใจมากแน่นอนแต่เสียใจเล็กๆคงมีบ้าง 555+ รออ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ ขอบคุณคร๊าบ... win200- - > มาต่อแล้วนะคับ ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเม้นต์นะคับ PEENAT1972- - >คับคุณพี่นัท ฟองดูว์นี่พระเอกของร้านเลยคับ ไนท์ชอบมาก 555+ ขอบคุณคุณพี่นัทนะคับที่ติดตามอ่านและคอมเม้นต์ให้ padigree- - > ความรักก็แบบนี้ล่ะคับ หวานๆชมๆปนๆกันไป ติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ BeeRY- -> ขอบคุณสำหรับการติดตามและคำอวยพรนะคับ ขออา-หลานก่อนนิดนึงนะคับก่อนจะมาม่า 555+
TT วีจะบอกอะไรศิลาอ้ะ? เข้าใจนะว่าการทำได้แต่วิ่งตามเค้าเนี่ยมันก็คงเหนื่อย .. แต่วีก็อย่าประชดตัวเองน้าาา เคลียร์ด่วนๆเลยนภดล ><" อาหลานเค้าน่ารักกันจังค่ะ น่าอิจฉาาาาาา~ คุณไนท์สู้ๆนะคะ ยิ้มๆไว้ ^^ :กอด1: ส่วนเรากำลังจิตตกกับคนใกล้ตัวบางคนอย่างรุนแรง ไหนจะคะแนนที่เน้าเน่าเกินเยียวยาอีก ฮึกกก อยากยิ้มแต่ยิ้มไม่ค่อยออกเลย TT (แล้วมาบ่นอะไรเนี่ย 555)
น้องไนท์คะ เสิร์ฟมาม่าก่อนเหรอคะ ค่ะเสิร์ฟไรมาก็กินค่ะ กินไปน้ำตาเล็ดไปก็ยอมค่ะ แต่พี่แก้วขอแค่ให้อาวัตร กับน้องมินทร์ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป อย่าให้มีใคร หรืออะไรมาพรากเลย และฝากบอกวีว่า ให้นึกถึงคำเตือนสติจากแม่ไว้ และให้นึกถึงคำสอนพระพุทธเจ้าในกาลามสูตร ว่าด้วยหลักความเชื่อ 10ประการน่ะ
ถึงจะมาม่าชามเล็ก แต่คนอ่านก็ซดจนพุงจะแตก สงสารวีง่ะ :m15: วีอ่าาาา คุยกะดลก่อนดีมั้ย แล้วค่อยตัดสินใจเรื่องคุณศิลา นะ นะ
ติดตามครับผม
:3123:
ติดตามตอนต่อไป :L2:
อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น แต่ให้เชื่อในเหตุและผล ขออภัยด้วยที่อ่านมาหลายตอนแล้วเพิ่งเมนท์ เดี๋ยวนี้เมนท์ยากจริง ๆ
งือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อาดล โปรดแสดงออกถึงความรักที่มีต่ออาวีด้วยเถิด o18 ไม่อยากให้เศร้าเลยจริงๆ :z3:
งานนี้...พูดไม่ออกจริงๆ ครับ จะว่าไปวีก็แค่เห็นและคิดไปเองคนเดียว บางที...สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้(นี่นา) ส่วนคุณแม่วี...นี่ก็นะ ตกลงกับลูกเขยคนนี้ไฟเขียวเต็มที่เลยช่ายม้ายยยยยย สุดท้าย...น้องมินทร์กะอาวัตร ระวังคลื่นใต้น้ำด้วยเน่อ แฟนคลับน้องมินทร์เป็นหอ—วอ-งอ-ไม้เอก!
:L2: :L2: :L2:
เหอๆ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก สงสารวีจัง :monkeysad:
เหอๆ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก สงสารวีจัง :monkeysad: เห็นด้วยเป้นอย่างยิ่ง แต่แค่ไม่พูดให้เข้าใจอะไรก็บานปลายแตกกอ ออกไปหลายเรื่องนะ เรื่องจริงข้าพเจ้าขอยืนยันและนอนยัน บางอย่างแค่ภาษากายมันไม่พอ เพราะคนเรามีความคิดเป็นของตัวเองอยู่ในทุกตัวคน เพราะฉะนั้นการคิดเองเออเอง มันถึงยังมีอยู่ให้เห็นเสมอ ๆ
แหมน้องมินคะเอามาม่ามาให้พี่วีซดถึงรถเลยนะคะ อ่านไปแล้วแอบคิดซึ่งจริงๆอ่าจไม่เกี่ยว อิอิ สงสารวีจะได้ซดมาม่าไปก่อนหละม้างงงงงงง ว่าแต่ยายป้าซาตานหายไปไหนหละ กลับมาอีกทีคงแร๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เตรียวตัวรับมือไว้เทอค่ะอาวัตร ทำเป็นระรื่นไปเถอะจะมาม่ากว่าดล-วี
-16- หลังจากที่เห็นภาพตำตาไปแล้วนั้นปฐวีเศร้าใจไปพักใหญ่ก่อนจะก้าวลงจากรถแต่แล้วก็หันกลับมาหาอีกสองคน “วัตร ขับรถพาน้องมินทร์ไปเที่ยวแล้วกันนะ ไม่ต้องห่วงฉัน เย็นๆเจอกันที่บ้าน” เมื่อเอ่ยจบร่างโปร่งก็รีบวิ่งหายเข้าไปในตัวอาคารอีกคน “เอาไงดีล่ะเนี่ยทีนี้” เรวัตรเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ “ผมห่วงอาวีนะครับ อาวัตรว่าอาวีจะต้องการความช่วยเหลือจากเราไหม” “ไหนๆเราก็รู้สึกเป็นห่วงวีด้วยกันทั้งคู่ งั้น…เราตามเข้าไปกันเถอะ” ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินไปเดินมาพลางสอดส่ายสายตามองหาคนคุ้นเคยและไม่นานก็พบเข้ากับร่างสูงที่กำลังยืนเลือกซื้อของอยู่ตรงแผนกเด็กอ่อน มือใหญ่หยิบถุงมือคู่น้อยที่ทำจากเนื้อผ้านุ่มนิ่มขึ้นมาก่อนจะอมยิ้มกับสิ่งที่อยู่ในมือ หญิงสาวที่ยืนเคียงข้างขยับกายเข้าไปแนบชิดก่อนคนทั้งคู่จะเดินซื้อของใช้จำเป็นอะไรอีกมากมาย เพราะนภดลไม่เคยทำให้อะไรให้ใครจนปฐวีหลงคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษทั้งๆที่การกระทำและรอยยิ้มที่เขาเคยได้รับคนอื่นๆก็ได้รับมันเช่นกัน ร่างบอบบางในชุดคลุมท้องเดินสะดุดทำให้อ้อมแขนใหญ่รีบโอบประคองไว้ขณะที่ทั้งคู่กำลังก้มหน้าก้มตาปฐวีก็เดินเข้าหยุดลงต่อหน้า เมื่อนภดลเงยหน้าขึ้นมาชายหนุ่มก็ทำสีหน้าตกใจ หญิงสาวคว้าท่อนแขนใหญ่ไปควงก่อนจะยิ้มกว้างให้คนที่ยืนอยู่ต่อหน้า “พี่วีใช่หรือเปล่าคะ” ปฐวีพยักหน้าให้ “สวัสดีค่ะพี่วี ต้องขอโทษด้วยนะคะที่แองจี้ไม่ได้ขออนุญาตก่อนควงพี่ดลมาซื้อของให้ลูกน่ะค่ะ” “จะขอโทษทำไมล่ะครับ ยังไงซะพี่กับดลก็ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลาอยู่แล้ว” “ขอบคุณนะคะพี่วีนี่ใจกว้างจังเลย พี่ดลคะ…เดี๋ยวเราไปซื้อของต่อเถอะค่ะ วันนี้ตอนบ่ายมีนัดตรวจด้วย” “เดี๋ยวแองจี้เดินไปก่อนนะ พี่ขอคุยกับวีแป๊บหนึ่ง” หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะหันมาไหว้ลาซึ่งปฐวีก็รับไหว้แต่โดยดี เมื่อเธอเดินห่างออกไปนภดลก็คว้ามือเล็กกว่ามากุมไว้แต่ปฐวีก็สะบัดออกทันที “วี…” “มีอะไรก็ว่ามา” “คือดล…” ยังไม่ทันที่นภดลจะได้เอ่ยอะไรออกมาต่อเสียงโทรศัพท์มือถือของปฐวีก็ดังขึ้นขัดเสียก่อนและปลายสายก็คงไม่พ้นใครนอกจากคุณศิลาเจ้าของไร่อิงดาว “ครับ คุณศิลา อ่อ…ว่างครับคุยมาได้เลย” ชายหนุ่มร่างโปร่งคุยไปพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อยไปพลางก็ทำเอาอีกคนอดไม่ได้ที่จะโมโห มือใหญ่คว้าโทรศัพท์มือถือมาจากปฐวีก่อนจะกดสายทิ้ง ปิดเครื่องและส่งคืนให้ “ฉันยังคุยไม่จบ” “ดลไม่ชอบให้ใครมาขัดจังหวะเวลาเราจะคุยกัน” “จะพูดอะไรก็ว่ามา วีจะไปแล้ว” “วีจะรีบไปไหน ขอแค่ห้านาทีไม่ได้เลยเหรอไง” ปฐวีเงียบยอมฟังแต่โดยดีแต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง นภดลสบถออกมาทันที ในใจนึกอยากจะขว้างเครื่องมือสื่อสารทิ้งแต่อีกใจก็ห่วงคนที่อยู่ปลายสาย “ห้านาทีหมดลงซะแล้วล่ะ” ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินห่างออกไปยืนตรงทางแยกราวกับจะให้นภดลเลือกว่าจะไปทางไหน เพราะทางซ้ายชายหนุ่มจะต้องเดินไปหาหญิงสาว ส่วนทางขวาเป็นทางที่เขากำลังยืนอยู่ ชายหนุ่มหนุ่มนายแบบละล้าละลังจะก้าวซ้ายก้าวขวา ปฐวีเห็นท่าทีไม่ชัดเจนอย่างนั้นจึงก้าวเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง แต่แล้วก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่ห้อมล้อมจากด้านหลัง นภดลกอดอีกฝ่ายแน่นก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนต้นคอและผละตัวออกและเลือกเดินไปทางแยกด้านซ้าย ทางที่เขาไม่ได้ยืนอยู่ ก่อนไปน้ำเสียงทุ้มลึกได้เอ่ยฝากถ้อยคำไว้แผ่วเบา “ดลรักวีนะ” คำพูดกับการกระทำที่ขัดแย้งกัน จะทำให้ปฐวีเชื่อได้สักแค่ไหน ชายหนุ่มร่างโปร่งก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน ปฐวีกำลังจะเดินกลับมาที่รถก็ได้สวนทางกับสองอาหลานพอดี “โอเคไหม” เรวัตรเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายยังไม่ค่อยดีขึ้นเสียเท่าไหร่ “โอเค ป่ะ…เราไปเที่ยวกันให้เต็มที่เลยดีกว่า” ชายหนุ่มร่างโปร่งขับรถออกมาจนถึงชานเมืองก่อนจะหยุดรถลงที่ที่หนึ่งที่ภูมินทร์เห็นแล้วถึงกับยิ้มกว้าง “ดรีมเวิร์ด เย่ๆๆ…อาวีนี่รู้ใจผมจริงๆ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยความตื่นเต้น เมื่อถึงหน้าประตูเรวัตรก็เป็นคนออกค่าบัตรผ่านประตูให้ทั้งเพื่อนและหลานรักก่อนจะพาทั้งคู่เดินเข้าไปยังดินแดนแห่งความสนุก ภูมินทร์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นของเล่นชนิดต่างๆที่เขาเคยแต่มองผ่านจอทีวี วันนี้จะได้สัมผัสจริงๆสักครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ เด็กหนุ่มหยุดยืนตามที่ต่างๆที่เห็นว่าน่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เมื่อถึงตรงที่เป็นเก้าอี้นั่งสีชมพูและข้างหลังเขียนตัวภาษาอังกฤษว่า ‘LOVE’ ปฐวีก็แย่งกล้องมาจากเรวัตรก่อนจะดันเพื่อนสนิทให้ไปนั่งคู่กับเด็กหนุ่มที่เก้าอี้ “นี่…ไม่รู้จักกันหรือไงสองคนนั้นน่ะ นั่งชิดๆกันหน่อยสิ” ชายหนุ่มร่างโปร่งเอ่ยแซวทั้งเรวัตรและภูมินทร์ต่างก็ค่อยๆขยับเข้าหากันแต่ก็ยังไม่ถูกใจตากล้องอีกอยู่ดี “วัตร แขนน่ะถ้ามันเกะกะมากนัก ก็โอบบ่าน้องมินทร์ไปเลย” ปฐวีเอ่ยบอก เรวัตรจึงใช้อ้อมแขนกว้างโอบรอบบ่าเล็กไว้และดึงร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาแนบชิดมากขึ้นก่อนที่เสียงชัตเตอร์จะดังขึ้น ชายหนุ่มร่างโปร่งอดยิ้มอย่างภาคภูมิใจในผลงานของตัวเองไม่ได้ รูปนี้ควรค่าแก่การเก็บไว้เพราะดูน่ารัก ละมุนละไมมากที่สุด ทั้งสามคนเดินตรงไปยังส่วนของเมืองหิมะแต่ปฐวีอ้างว่าไม่ค่อยถูกกับอากาศหนาวจึงไม่ขอเข้าไป “อาวีอ่ะ ผมอยากได้อาวีเข้าไปด้วยนี่นา” “น้องมินทร์เข้าไปเล่นเถอะครับ เดี๋ยวอาวีจะรอข้างนอก” ภูมินทร์กับเรวัตรเดินเข้ายังโซนเปลี่ยนรองเท้าและรับเสื้อกันหนาว ชายหนุ่มหันไปใส่เสื้อให้กับคนตัวเล็กกว่าก่อนจะติดกระดุมเสื้อให้อย่างเรียบร้อยแต่แล้วชายหนุ่มก็อดแกล้งไม่ได้จึงดึงฮู้ทด้านหลังเสื้อกันหนาวมาเสียเกือบปิดหน้า “เด็กน้อยเอสกิโม” “อาวัตรอ่ะ แกล้งมินทร์ นิสัยไม่ดี” เด็กหนุ่มบ่นอุบก่อนจะดึงให้ฮูทไปอยู่ด้านหลังแต่ชายหนุ่มก็ดึงกลับมาอีก “เข้าไปข้างในมันหนาวนะ เดี๋ยวไอเย็นๆเกาะผมเข้าจะไม่สบายเอา” ทั้งคู่เข้ามายืนอยู่พื้นที่สีขาวโพลน ไอเย็นที่เป่าสร้างหิมะเทียมทำให้เด็กหนุ่มถึงกับตัวสั่นก่อนจะเดินไปดูยังส่วนต่างๆอย่างสนอกสนใจ เรวัตรจำต้องเป็นตากล้องจำเป็นเมื่อเด็กหนุ่มหยุดตรงโน้นทีตรงนั้นทีเพื่อถ่ายภาพ ปุยหิมะที่ถูกทำขึ้นโปรยปรายลงมาจากด้านบนทำให้เรวัตรยืนซ้อมร่างหลังเด็กหนุ่มก่อนจะหันกล้องเข้าหาแล้วนับสามก่อนจะกดชัตเตอร์ ชายหนุ่มยืนยิ้มให้กับรูปภาพที่ถูกถ่ายออกมาทำให้ภูมินทร์เกิดอาการอยากรู้ขึ้นมา “อาวัตร ขอมินทร์ดูด้วย” ชายหนุ่มลดระดับการถือต่ำลง ภาพที่เห็นนั้นทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง ใบหน้าอ่อนเยาว์แดงระเรื่อก่อนจะหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆแต่แล้วก็อดใจไม่ไหวต้องหอมแก้มอีกฝ่ายเสียฟอดใหญ่ เรวัตรทำหน้าเหรอหราที่อยู่ๆก็ถูกหอมแก้มกะทันหันจนเด็กหนุ่มต้องเอ่ยบอก “รางวัลที่อาวัตรถ่ายรูปออกมาได้ถูกใจมินทร์ไงล่ะครับ” เรวัตรคว้ามือเล็กมากุมไว้ก่อนจะยกขึ้นแนบริมฝีปาก “มือเย็นเฉียบเลย เดี๋ยวเราออกกันดีกว่า อาไม่อยากให้วีรอนานน่ะ” ว่าแล้วทั้งคู่ก็อออกมายังด้านนอกโดยเห็นปฐวียืนรออยู่แล้ว ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินไปยังร้านขายไอศกรีมก่อนจะสั่งรสโปรดให้กับหลานของเพื่อน ภูมินทร์รับมาก่อนจะกัดเข้าที่โคนจึงทำให้ไอศกรีมสีหวานติดอยู่ที่ปลายจมูก “ดูสิ…แค่กินไอศกรีมยังเลอะ อาจะปล่อยไปไหนได้ยังไงกัน” เรวัตรเอ่ยก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีเข้มมาเช็ดให้ราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวน้อยๆ ทั้งสามคนเดินผ่านซุ้มเกมส์ต่างๆซึ่งเด็กหนุ่มก็มองรางวัลล่อใจอย่างเพลิดเพลินแต่แล้วผู้เป็นอาก็จูงมือเข้าร้านร้านหนึ่ง “มินทร์อยากได้ตัวไหนมากที่สุด” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ภูมินทร์มองไปรอบๆก่อนจะถูกใจเข้ากับตุ๊กตาตัวหนึ่งเข้า “ชอบตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวนั้นเหรอ” “มินทร์ได้ตุ๊กตาหมีเป็นของขวัญวันเกิดจากอาดลแล้วครับ ไม่อยากได้ตัวไหนไปแทนด้วย มินทร์เอามิคกี้เม้าส์ตัวนั้นแล้วกันครับ” เด็กหนุ่มชี้และมองดูเรวัตรที่ตั้งอกตั้งใจเล่มเกมส์ ดูก็รู้ว่าเสียเงินไปมากพอควรแต่ในที่สุดภูมินทร์ก็ได้เจ้าหนูอินเตอร์ตัวนั้นมากอดไว้ในอ้อมแขน “อาวีครับ ผมไม่เห็นอาวีเล่นเครื่องเล่นอะไรบ้างเลย” “อาวีของมินทร์น่ะ อายุเกินแล้ว ห้ามขึ้น ฮ่าๆๆ” เรวัตรเอ่ยบอกทำให้ปฐวีมองค้อน “แหม…ได้ข่าวว่าวัตรเกิดก่อนวีอีกไม่ใช่เหรอ” ภูมินทร์หัวเราะทั้งคู่ มาทะเลาะกันเรื่องอายุเนี่ยยิ่งกว่าเด็กๆทะเลาะกันเสียอีก เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าซุ้มขายไหมฝันสีสวย เมื่อผู้เป็นอาเห็นว่าหลานเจออะไรถูกใจก็รีบหยิบกระเป๋าสตางค์จ่ายเงินให้ทันที “โอ๊ย…พ่อบุญทุ่ม” “วัตรมีแค่มินทร์คนเดียวนี่ เป็นธรรมดาที่เวลามินทร์อยากได้อะไรวัตรก็อยากจะหามาให้” ปฐวียิ้มให้กับคำพูดนั้นก่อนจะมองภาพของทั้งสองคนผลัดกันดึงใยน้ำตาลสีหวานป้อนให้อีกฝ่าย เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำค่ำมืดปฐวี เรวัตรและภูมินทร์ก็กลับมาถึงบ้าน แต่เมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้านก็เห็นนภดลมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว “มาถึงกันพอดีเลย ไหนๆก็กลับมากันแล้วตั้งโต๊ะเลยแล้วกันนะลูก” “เดี๋ยวคุณแม่นั่งรอนะครับ เดี๋ยวผมจะช่วยจัดโต๊ะ ตักข้าว ยกกับข้าวให้เอง” นภดลเอ่ยก่อนจะกุลีกุจอจัดแจงโต๊ะอาหารแต่ด้วยความที่ไม่เคยทำมาก่อนจึงดูขัดๆอยู่บ้าง เดือดร้อนถึงปฐวีต้องเข้ามาช่วย “คุณชายก็แบบนี้ ไปนั่งรอไป เกะกะ” “ก็อยากช่วยนี่นา” ชายหนุ่มหุ่นนายแบบไม่ยอมถอยหนีไปไหนจนแล้วจนรอดมือทั้งคู่ก็สัมผัสโดนกันเมื่อจะหยิบจานข้าวไปตั้งที่โต๊ะ “แม่มาพาดลออกไปที ยืนเกะกะขวางทางวีรำคาญ” แต่อยู่ๆนภดลมารวบตัวเข้าไปกอดหน้าตาเฉยทำให้ปฐวีหน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกได้จึงใช้ทัพพีตักข้าวตีคนฉวยโอกาส “ไม่ต้องแล้วครับคุณแม่ ผมไม่ยืนขวางทางวีแล้วครับ” จับมากอดซะเลยจะได้ไม่ต้องมาคอยบ่นว่ายืนขวางทาง “คืนนี้ขอนอนค้างที่นี่นะ มีเรื่องอยากคุยด้วย” นภดลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่จริงจังซึ่งไม่อาจทำให้ปฐวีขัดขืน ในใจก็หวั่นกลัวว่าจะเป็นข่าวร้าย “ถ้าเรื่องเธอคนนั้นล่ะก็…” “ใช่…เรื่องของแองจี้นั่นแหละ” ปฐวีพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมแขนที่โอบรอบไว้ก่อนจะจัดโต๊ะอาหารต่อและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาหารมื้อนี้คงจะไม่เป็นมื้อสุดท้ายของเขากับนภดล และคงจะไม่เป็นมื้อสุดท้ายที่เขาจะได้กินข้าวกับกับข้าวที่แสนอร่อย เพราะถ้านี่เป็นมื้อสุดท้าย ต่อไปเขาคงได้กินข้าวเคล้า …น้ำตา… 2BCon… มาอัพแล้วคับ :mc4:กำลังคิดอยู่คับว่ามาอัพเร็วหรือเปล่าแต่ดูจากเวลาแล้วก็พอเหมาะล่ะคับคือพรุ่งนี้ไนท์จะหนีเที่ยวคับ ใครอยู่แถวแหลมแท่น บางแสนก็ขอเชิญชมฟรีคอนเสิร์ตวง Singular เจ้าของเพลง 24/7, เบา เบา เป็นต้น ได้นะคับ แนวเพลงกับบรรยากาศเข้ากันมากๆ o13ช่วงนี้อากาศหนาวร่วมรณรงค์โครงการ 'Free Hug'คับ :กอด1: ตอบเม้นต์คับ Églantier✿- -> นภดลกำลังแก้ปัญหาอยู่น่ะคับ อาหลานก็หวานไปก่อน แล้วก็สู้ๆๆเช่นกันนะคับยิ้มเข้าไว้ เกรดของไนท์เองก็ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ Fighting!!! yayee2- -> ขอบคุณคับคุณพี่แก้ว สาธุคับมีคำสอนมาด้วย วีกับดลเป็นประเภทไม่ค่อยคุยกันน่ะคับ ส่วนอาหลานปล่อยให้หวานไปอีกแป๊บคับ หึหึ…(หัวเราะอย่างตัวร้าย) heefever - -> ความจริงไนท์ก็อยากให้เรื่องศิลาจบง่ายๆนะคับแต่ต้องดูก่อน ฮ่าๆๆ เดี๋ยวพอเรื่องเคลียร์จะจัดหวานๆให้แฟนคลับอาวีกับอาดลนะคับ sammy- - > ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์ รอตามอ่านไปเรื่อยๆนะคับ ^^ roseen - -> ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์คับ win200 - - > เอาตอนต่อไปมาเสิร์ฟแล้วนะคับ รออ่านตอนต่อๆไปด้วยนะคับ ขอบคุณครับ iforgive- - > คับ ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์และการติดตามอ่านคับ padigree- ->ไนท์จะพยายามไม่ให้เศร้ามากไปกว่านี้นะคับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ King_Arthur- -> คู่ดลกับวีจะไม่ค่อยเข้าใจกันเพราะไม่พูดกันให้เข้าใจน่ะคับ คือให้แม่วีไฟเขียวไปเลยคับไม่งั้นเดี๋ยวเป็นเรื่องอีก ส่วนเรื่องน้องมินทร์กับอาวัตรไม่ต้องห่วงคับมีแน่ ฮ่าๆๆ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับคุณเอ็ม ^^ didi- - > ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ BeeRY- - > ไนท์จะพยายามเคลียร์คู่อาวีกับอาดลให้อย่างรวดเร็วนะคับ ดูเหมือนทุกคนจะสงสารอาวีกันมากมาย ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ PEENAT1972- -> จิ้มคุณพี่นัทคับมาเม้นต์ตอนไนท์กำลังจะเอานิยายลงพอดี เรื่องความไม่เข้าใจเนี่ยสร้างเรื่องได้มากมายแล้วคับ ยิ่งไม่พูดอีกยิ่งเข้าไปใหญ่เหมือนเพลง “นี่คือจุดจบ (ของคนไม่พูดกัน)” อ่ะคับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ samsoon@doll- ->จิ้ม ฉึก ฉึกเลยคับ ดีนะคับตอบเม้นต์ทัน ฮ่าๆๆ เรื่องเอามาม่ามาให้ซดถึงรถเนี่ยเจ๋งมากคับไนท์คาดไม่ถึงจริงๆ อีกอย่างคู่อาหลานหวานไปก่อนคับ คุณย่ากำลังซุ่มชาร์จพลังอยู่คับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ
เคลียร์กันดีๆเน้อออ .. ขอมาม่าทีละคู่ให้พอเตรียมใจดีกว่า 555 :กอด1:
คงไม่ใช่ข่าวร้ายหรอกน่า ใช่มั้ย :sad4:
ยังไม่ชัดเจน :L1:
แหม อากับหลานอะไรจะหวานหยดย้อยน่ารักซะขนาดนั้น สงสารคุณวีอ่า เห็นคู่รักคู่อื่นๆแล้ว จะน้อยใจ+ช้ำใจบ้างรึป่าวก็ไม่รู้ คุณดลไหนๆก็นอนที่นี่แล้ว คืนนี้ก็เคลียร์ๆกันซะให้เรียบร้อยนะ เค้าสงสารคุณวี
วีน่าสงสารวะ :m15:
:L2: :L2: :L2:
เบื่อชะนีจริงๆ เมื่อไหร่ผู้ชายมีรังไข่ออกลูกเองได้ นิยายหลายๆเรื่องคงหมดปัญหาชะนีท้องทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ อาจจะหลายๆเรื่อง ที่ร่านๆส่วนใหญ่จะเป็นชะนีนะ แล้วก็พระเอกในบางเรื่องที่ผ่านเมียมาเยอะ แอร๊ยยยยยยยยโลกช่างไม่ยุติธรรม ดีหน่อยที่อาวัตรค่อนข้างจะเป็นคนดี ดูแลตัวเองดีผิดกับพระเอกหลายๆเรื่องที่ดูจะคึกคะนองไปหน่อย ถ้ามองจากความเป็นจริง มันก็จริงเนอะที่ผู้ชายส่วนมากร้อยละ95%จะเคยผ่ายผู้หญิงมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 คน :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: คนเขียนก่อนๆก่อนเข้านอนค่ะดีนะยังไม่นอนเลยทันได้อ่านอีกคุ้มจริงๆ หุหุ
คุยกันก็ดี จะได้รู้ซักทีว่าอะไรเป็นอะไร หวังว่าคงไม่ใช่ข่าวร้ายหรอกนะ สงสารวีน่ะ เฮ้อ
แปธไว้ก่อนนะครับ วันนี้ยุ่งๆ ยังไม่มีเวลาอ่านเลย :seng2ped:
คู่ของอาวัตรกับมินทร์หวานแหววซะน่าอิจฉา แต่เดี๋ยวคงมีเรื่องของคุณป้าเข้ามาเอี่ยวใช่ไหม? ส่วนวีกับดล ...ไม่เข้าใจ ยายน้องที่โทรมา คิดว่า...คงไม่ท้องกับดลหรอก ก็แค่อยากจะแกล้ง มั้ง?...ไม่รู้อ่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ มีอะไรก็คุยกันซะนะจ๊ะ ps. ชอบวงsingular มากๆเช่นกันค่ะเป็นผู้ชายที่เสียงนุ่มน่าฟังมาก ฟังเพลงเบาๆแล้วอดอมยิ้มตามไม่ได้
ไอ้คุณดลนี้มันเเรดจริงๆ :z6: เเล้วเป็นไงทำให้วีต้องเสียใจ มาๆพี่วี มาเป็นเเฟนเราดีกว่า :man1:
โอยยยยยยยยย ปวดตับ ไมเกรนขึ้น เครียดแทนวีนะเนี่ย ขออย่าให้วีต้องกินข้าวเคล้าน้ำตาเลย สงสาร :o12:
วี :m15: ดล ทำอะไรสักอย่างสิ
-17- เมื่อถึงยามค่ำคืน ปฐวีเดินออกมาจากห้องน้ำและใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกก่อนจะนั่งลงบนเตียงที่มีอีกร่างนอนอยู่ นภดลลุกขึ้นก่อนจะมานั่งซ้อนด้านหลังและดึงผ้ามาอยู่ในมือพร้อมกับเช็ดผมให้ เมื่อเห็นว่าผมยังไม่แห้งดีชายหนุ่มหุ่นนายแบบก็หยิบไดร์มาเป่าผมให้ มือใหญ่ลูบเรือนผมเส้นละเอียดอย่างเบามือ เมื่อเสร็จสิ้นจนเรียบร้อยปฐวีก็เดินไปปิดไฟก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆโดยมีท่อนแขนแกร่งต่างหมอนหนุน ความมืดทำให้คนทั้งคู่นอนมองเพดานที่เต็มไปด้วยดาวสีเขียวเรืองๆที่กระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่อยู่ๆนภดลก็หัวเราะออกมา “มีความสุขจริงนะ” ปฐวีเอ่ยกะแนะกะแหนก่อนจะขยับตัวหนีแต่อ้อมแขนกว้างกลับโอบกลับมาจนศีรษะทุยได้รูปหนุนนอนอยู่บนแผ่นอกกว้างตรงตำแหน่งหัวใจด้านซ้าย “ที่หัวเราะเพราะดลคิดว่าตอนนี้กำลังนอนอยู่ในห้องเด็กตัวน้อยๆหรือห้องของคนที่อายุใกล้จะเข้าเลขสามไปทุกทีแล้วกันแน่ ดูสิ…ดาวเต็มเพดานเลย” “ติดไว้ตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะอย่าเฉไฉนอกเรื่อง” “ดลต้องดูแลแองจี้” คำพูดตรงๆทำให้ปฐวีอดไม่ได้ที่จะกำชายเสื้ออีกฝ่ายแน่น รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก “ก็ดีที่พูดตรงๆ” “จะไม่ยื้อกันเลยเหรอ” “จะยื้อกันไปทำไมให้เจ็บปวดมากกว่านี้” “วี! …ร้องไห้ทำไม” นภดลเอ่ยด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นเป็นวงกว้างที่เสื้อ อ้อมแขนกว้างรีบรวบร่างนั้นเข้ามากอดไว้แน่นขึ้นก่อนจะลูบแผ่นหลังราวกับปลอบประโลม “เงียบซะนะคนดี ที่ดลต้องดูแลแองจี้น่ะเพราะสงสาร แฟนของแองจี้เขาไม่ยอมรับเด็กในท้องเป็นลูก อีกอย่างแม่ของดลสนิทกับแม่ของแองจี้ด้วย พอเขามาขอร้องให้ช่วยก็เลยปฏิเสธไม่ได้น่ะ” “แล้วความสงสารของดลจะเปลี่ยนเป็นความรักไหม” มือใหญ่เอื้อมมือไปที่โต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียงก่อนจะเปิดโคมไฟ แสงสีนวลส่องกระทบใบหน้าหมดจดที่ยังมีร่องรอยน้ำตา ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยจนแห้งก่อนจะลูบสัมผัสแก้มนุ่มแผ่วเบา “แค่วีคนเดียวก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” “อยากไม่เหนื่อยไหมล่ะ เลิกยุ่งไปสิ” “ดูสิ…ยังไม่ทันไรก็หัดประชดประชันซะแล้ว ถ้าดลไปจริงๆกลัวว่าบางคนจะร้องไห้ขี้มูกโป่งสิไม่ว่า” ปฐวีเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแต่ฝ่ามือใหญ่ก็แนบกับซีกหน้าให้หันมาสบตาสื่อความหมาย “ในหัวใจของดลมีแต่วีอยู่เต็มทุกพื้นที่ ไม่มีที่ว่างเหลือให้ใครแล้วล่ะ” นภดลจับฝ่ามือของอีกฝ่ายขึ้นมาจรดกับริมฝีปากก่อนจะจับลดต่ำลงมาหยุดตรงตำแหน่งหัวใจ “คำพูดเมื่อกี๊ถูกใจใช่ไหม ขอรางวัลหน่อยสิ” ยังโรแมนติกได้ไม่ถึงสิบนาทีนภดลก็ออกลายทะลึ่งตึงตังทำให้ปฐวีตีท่อนแขนอีกฝ่ายเสียเต็มแรง “ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก เดี๋ยวจัดให้เลย” เมื่อกล่าวจบฝ่ามือใหญ่ก็รวบมือทั้งสองข้างของปฐวีตรึงไว้เหนือศีรษะก่อนจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงอีกฝ่ายเสียเต็มแรงแต่แล้วเสียงหัวเราะคิกคักก็ดังขึ้นทำให้คนที่อยู่เหนือกว่าต้องหยุดการกระทำ “ดูคนเรา อุตส่าห์จะทำให้เกิดอารมณ์รักดันมาเกิดอารมณ์ฮา” “ก็มันจั๊กจี้นี่ หนวดก็ไม่ยอมโกน” นภดลคลี่ยิ้มก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆแทน มือใหญ่คว้ามือเล็กว่ามากุมประสานไว้ “วี…บอกรักดลหน่อยสิ” ปฐวีปล่อยมือใหญ่ที่กุมอยู่ออกทำให้ภายในของนภดลวูบโหวงแต่เมื่อเห็นร่างโปร่งนอนตะแคงหันมายิ้มให้เขาทำให้รู้สึกดีจนหัวใจพองโตคับอก ใบหน้าใสหมดจดยื่นเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกันก่อนจะหยุดเมื่อริมฝีปากเกือบแตะสัมผัสกับ “วีรักดล” เสียงที่แผ่วเบาราวกับกระซิบแต่นภดลกลับได้ยินดังก้อง ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มดูมีเสน่ห์ยั่วยวนอยู่ในทีจนปฐวีอดไม่ได้ที่จะแนบเรียวปากลงบนริมฝีปากสีจัดคู่นั้นออกแรงกดเน้นย้ำให้ลึกซึ้ง มือใหญ่ต้องควานหาสวิตช์ปิดโคมไฟปล่อยให้ความมืดบดบังบทรักในครานี้ เพราะเขากำลังจะกอดคนที่รักยิ่งภายใต้แสงดาว… ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังยืนครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแต่ความคิดก็ต้องมาสะดุดลงเพราะอ้อมแขนเล็กทว่าอบอุ่นที่รวบกอดจากด้านหลัง “มินทร์นึกว่าอาวัตรหายไปไหนซะอีก ที่แท้ก็มายืนทำท่าเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ตรงนี้นี่เอง” “อาไม่ได้มายืนถ่ายเอ็มวีนะ แค่มายืนดูวิวน่ะ ดูสิ…สะพานพระราม 8 สวยมากเลย” ชายหนุ่มชี้ไปยังสะพานข้ามแม่น้ำที่เปิดไฟสีเหลืองทองส่องสว่าง ภูมินทร์มองด้วยความชื่นชมในความสวยงามก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้กอดท่อนแขนแข็งแรงไว้และเอนหัวซบ สายลมเย็นที่พัดผ่านทำให้เด็กหนุ่มอมยิ้มให้กับตัวเองก่อนที่จะฮัมทำนองเพลงหวาน “อาวัตร กลับไปเราไปเที่ยวงานยี่เป็งกันนะครับ ปีนี้มินทร์อยากให้อาวัตรไปด้วย” “ส่วนใหญ่อาก็พามินทร์ไปนี่นา” “ไม่รู้แหละ ปีนี้ยังไงต้องไปด้วยกันนะครับ” “ครับผม อาวัตรสัญญา” “ว่าแต่…อาวัตรมีเรื่องอะไรกวนใจอยู่หรือเปล่าครับ” เรวัตรหันไปหาก่อนทั้งคู่จะยืนสบตากัน มือใหญ่ยกขึ้นลูบเรือนผมนุ่มของเด็กหนุ่มก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเบาใจ “มีเรื่องเดียวที่กวนใจอาอยู่ตลอด คือเรื่องของมินทร์นั่นแหละ” “ดีครับ ให้กวนใจตลอดเวลาเลย อาวัตรจะได้หยุดคิดถึงมินทร์ไม่ได้” ภูมินทร์เอ่ยด้วยวาจาที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเอ็นดูจนไม่ได้ที่จะต้องประคองซีกแก้มของคนตรงหน้าไว้และโน้มใบหน้าเข้าไปหาผิวแก้มนุ่ม วันรุ่งขึ้นเรวัตรตัดสินใจว่าจะพาภูมินทร์กลับเนื่องจากใกล้จะเข้าช่วงประเพณียี่เป็งแล้วเลยอยากจะกลับไปเตรียมตัวและอีกอย่างเขาเกรงใจที่แม่ของปฐวีดูแลเป็นอย่างดีจนท่านแทบไม่มีเวลาส่วนตัวทำอะไร “ไอ้ดล แกจะขึ้นเหนือด้วยเปล่า” เรวัตรเอ่ยถามเพื่อนสนิท “ข้าเคลียร์งานที่บริษัทได้สบายอยู่แล้ว แต่เคลียร์อีกเรื่องไม่ได้ว่ะ” “วีล่ะ ไปด้วยกันไหม” เรวัตรเอ่ยถามอีกคน “ไม่ๆๆ…ไม่ให้วีไปเด็ดขาด เดี๋ยวเกิดไอ้ศิลาอะไรนั่นมายุ่งด้วย ใครจะดูแล” “ดลก็อยู่ดูแลภาระของดลไปสิ ดี…จะได้ตกลงคบกับคุณศิลาไปเลย” “วี…เราเคลียร์เรื่องแองจี้กันแล้วนะ” “ดลก็อยู่กรุงเทพฯไปสิ วีแค่จะขึ้นไปเที่ยวงานยี่เป็ง ไม่กี่วันก็กลับ” “ไม่เอาอ่ะ…ดลไม่อยากไปลอยกระทงคนเดียว” “ปีอื่นยังไปลอยกับผู้หญิงคนอื่นได้ไม่ใช่เหรอ ปีนี้ก็ไปอีกสิ ขาดวีแค่คนเดียวไม่ตายหรอกจริงไหม” “วี…ดี…ไปสิ…ไปเลย” นภดลที่ถกเถียงกับปฐวีไปมาจนเกิดอาการเง้างอนจนปฐวีต้องเข้าไปง้อ เพียงแค่คำพูดจาหวานหูไม่กี่คำก็ทำให้นภดลกลับมายิ้มแป้นได้เหมือนเดิม ภูมินทร์และเรวัตรมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา ในที่สุด…ก็เข้าใจกันสักที “แล้วตกลงว่ายังไงกัน” “ข้าไปส่งแกกับน้องมินทร์ที่ท่ารถแล้วกัน ส่วนวี…ข้าปล่อยไปไม่ได้จริงๆ ข้าหวง” นภดลเอ่ยทำให้เรวัตรทำหน้าพะอืดพะอมราวกับกินของทอดของมันจนเต็มท้อง ชายหนุ่มหุ่นนายแบบเดินเข้าห้องนอนของปฐวีไปเพื่อเตรียมจะอาบน้ำ อีกสามคนที่นั่งเล่นอยู่ข้างนอกก็ชวนกันคุยเรื่องต่างๆนาๆแต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของนภดลก็ดังขึ้นขัดจังหวะ “แองจี้โทรมา” ปฐวีเห็นชื่อที่โชว์อยู่ที่หน้าจอก่อนจะกดรับ “ดลอาบน้ำอยู่น่ะครับ มีอะไรฝากบอกไว้ไหม” แองจี้ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะพยายามพูดว่าตัวเองและลูกสำคัญสำหรับนภดลมากแค่ไหน ปฐวีอยากจะถามออกไปเหลือเกินว่าทำไมถึงคิดว่านภดลจะให้ความสำคัญขนาดนั้นในเมื่อชายหนุ่มบอกว่ารักเขา และในเมื่อรักเขา…เขาย่อมมาเป็นที่หนึ่งเสมอ “พี่ว่าเดี๋ยวโทรมาใหม่ดีกว่านะ ดลเขาอาบน้ำอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงน่ะ” เธอเอ่ยชมว่าเราทั้งคู่สนิทกันดีและดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างให้ความสำคัญสำหรับกันและกันมาก “แองจี้ พี่ไม่รู้ว่าเธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ขอบอกไว้เลยว่า…คนนี้พี่หวง” เสียงหัวเราะใสๆดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยประโยคที่ทำให้ปฐวีถึงกับหัวเสียจนต้องกดวางโทรศัพท์ทันที -ดีค่ะ…ยิ่งพี่หวง แองจี้ยิ่งชอบ- เห็นทีคราวนี้คงจะเป็นศึกใหญ่วัดใจกันไปข้าง เขาเชื่อนภดลแต่จะบอกว่าไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยก็ไม่ใช่ แม้ว่าความสงสารของชายหนุ่มจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักไม่ได้แต่ใครจะไปทนให้คนที่เรารักอยู่กับคนที่พร้อมจะแย่งเขาไปจากเราได้ทุกเมื่อกันล่ะ “อาวี เป็นอะไรไปเหรอครับ” “ไม่มีอะไรครับน้องมินทร์ ก็แค่…พวกแมวจ้องจะขโมยปลาย่าง” ปฐวีถอนหายใจด้วยความปลงอนิจจัง เรวัตรเมื่อเห็นอาการของเพื่อนก็ได้แต่ยักไหล่ด้วยความไม่รู้ว่าจะเสนอความคิดเห็นอะไรดี แก้ได้หนึ่งปัญหาอีกหนึ่งปัญหาก็เข้ามาแทรกต่อทันที นี่…รักของเราจะไม่ราบเรียบเลยสักวันใช่ไหม “วี…วัตรว่าชวนไอ้ดลมันขึ้นเหนือเถอะ ขืนยังอยู่แบบนี้คงไปไหนไม่ได้กันพอดี” “ถ้าวีพูดอย่างนั้นดลคงต้องหาว่าวีเป็นคนใจร้ายแน่ๆ เพราะเมื่อคืนเราก็คุยกันรู้เรื่องแล้ว” “ต้องบอกให้ดลรู้ตัวบ้างแล้วล่ะ” “พูดไม่มีหลักฐาน วีไม่อยากโดนหาว่ารังแกผู้หญิงหรอกนะ แถมผู้หญิงท้องที่ทำท่าทางดูเหมือนไม่มีทางสู้ด้วย” “เลิกยุ่งกับดลซะดีไหมเนี่ย ปัญหาเยอะจริงๆ” ปฐวีเอ่ยเล่นๆแต่กลับทำให้คนๆหนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวนั้นได้ยินชัดเต็มสองหูจนยืนนิ่งไปแต่ก็รีบปรับสีหน้าก่อนจะเดินเข้ามาหาทุกๆคน “สายเข้าน่ะ” ชายหนุ่มร่างโปร่งส่งเครื่องมือสื่อสารให้ นภดลพยักหน้าก่อนจะรับมากดทิ้งก่อนจะเก็บใส่กระเป๋ากางเกง ระหว่างนั้นก็ได้แต่คิดไปคิดมาถึงคำพูดของปฐวีเพราะถ้าอีกฝ่ายคิดอย่างนั้นจริงๆ เขามันก็เป็นได้เพียงแค่ …ตัวปัญหา… 2BCon… มาต่อแล้วคับ :mc4: ขอถามความเห็นหน่อยคับว่ารู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ยืดเยื้อ ไปไหมอ่ะคับ ถ้ามีอะไรล่ะก็แนะนำได้เลยนะคับจะได้เอาไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ปล แรก ดราม่าอาจจะตามมาเร็วๆนี้ ^^ ปล อีกครั้ง เพลง “ลอง” ของ Singular เพราะมากคับ ลองหาฟังดูนะคับ ^^ o13 ตอบเม้นต์ Églantier✿- - > เคลียร์กันแต่ยังไม่จบดีคับ ฮ่าๆๆ ส่วนเรื่องมาม่าทีละคู่ก็โอเคคับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ silverspoon- - > ไม่ใช่ข่าวร้ายนะคับแต่ดูเหมือนยังมีลางร้ายอยู่ ฮ่าๆๆ รอติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ roseen- - > คับ ยังไม่ชัดเจน รอติดตามอ่านตอนต่อๆไปด้วยนะคับ Nus@nT@R@- - > อาหลานหวานกันไปก่อนคับ ส่วนดลกับวีเคลียร์เรื่องนี้เรื่องต่อไปมาต่อ ฮ่าๆๆ ติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ tawan- - > คับ ไนท์ก็ว่าวีน่าสงสาร แต่ก็เคลียร์ไปได้เรื่องหนึ่งแล้ว ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ win200 - - > ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ samsoon@doll - - > มาเป็นชุดไนท์ตอบไม่ถูกเลยคับ ฮ่าๆๆ ก็แบบนี้ล่ะคับปัญหามีมากมายบนโลกใบนี้ ยังไงอย่างน้อยดลก็ไม่ได้ทำแองจี้ท้อง ฮ่าๆๆ ติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ iforgive- - > แม้จะไม่ใช่ข้าวร้ายแต่ก็ยังไม่ใช่ข่าวดีที่สุด ไนท์จะพยายามเขียนให้วีน่าสงสารน้อยลงนะคับ ส่วนมากจะเป็นแฟนคลับวี ฮ่าๆๆ ติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะคับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ King_Arthur - -> ว่างก่อนแล้วค่อยมาอ่านก็ได้คับคุณเอ็ม อีกอย่างยังไม่ถึงบทน้องมินทร์เด่นมาก ฮ่าๆๆ นิยายเรื่องนี้ไม่หนีไปไหนแน่นอนคับ berlyn- - > อาหลานกำลังจะมีแววดราม่าเร็วๆนี้คับ ส่วนเรื่องวีกับดลก็ต้องตามอ่านตอนต่อๆไปว่าจะแก้ไขปัญหาที่ตามมายังไงต่อ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ ปล Singular ร้องเพลงเพราะจริงๆคับ ยิ่งไปฟังสดที่ริมหาด ได้บรรยากาศมากคับ 4life- - > ใจจริงไนท์ยังอยากให้วีหนีไปอยู่กับคนอื่นด้วย ฮ่าๆๆ แต่ดลก็น่าสงสารนะคับ เอาเป็นว่าขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ heefever- - > โอ๋ๆๆ ไนท์เคลียร์แล้วนะคับแม้จะยังไม่ค่อยชัดเจน แต่หวังว่าจะพอลดอาการไมเกรนได้อยู่ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และการติดตามนะคับ padigree- - > จัดการให้แล้วนะคับ เคลียร์แต่เหมือนยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควร รอตามอ่านต่อๆไปด้วยนะคับ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และการติดตามนะคับ :กอด1:
ใจจริงก็อยากให้ดลรู้สึกซะบ้างเหมือนกัน เอาให้ดลน่าสงสารสักตอนนึง แล้วค่อยกลับมารักกันได้แมะครับ :กอด1: :L2:ไรเตอร์
ปัญหาไม่ใช่ที่ตัวเองหรอกนายดลแต่เสือกไปรับปัญหาของคนอื่นมาทำเป็พ่อพระใจบุญรับเป็นพ่อคนนั้นแหละปัญหาไอ้ควาย
น่าจับกดน้ำนี่ยัยแองจี้นี่ ท้องกับคนอื่นแล้วจะให้ดลมารับเป็นพ่อให้งั้นเหรอ สามัญสำนึกหล่อนไม่โตหรืองัย เซ็งความใจอ่อนของผู้ชายจริง ๆ ชั้นล่ะอ่อนใจ
เฮ้ออะรายกานเนี่ย แองจี้เลวววมากกก คนรักเค้าเพิ่งเข้าใจกันเอง
อ่านตอนต้น ๆ ก็หวาน ๆ กันดีอยู่นะ แต่พอตอนท้าย ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้นี้ :z3: นังชะนีแองจี้ เดี๋ยวจะมีเฮนะจ๊ะ :beat:
เบื่อชะนีจริงๆ แรกงก็นางอิงฟ้าอิงเหวอะไรนั้น นี้มาแองจี้ เเองนาอะไรอีก 55555 ว่าแต่ เค้าไม่อยากกินมาม่าาาาาาาาาาาาาา
เพิ่งเข้ามาอ่าน น่าสนุก อย่าลืมมาต่อไวๆ ล่ะ
:เฮ้อ: ดีกันได้ไม่ทันไร .. เออเนอะ แอบเคืองดลอะ .. คิดได้แค่นี้เองเหรอ? เค้ารักตัวเองมาตั้งเท่าไหร่ แทนที่จะพยายามหาทางแก้ไขดันมาน้อยอกน้อยใจอะไรอีก เฮ้อออ .. แองจี้ก็นะ .. มีลูกมีเต้าแล้วแท้ๆ ต้องการอะไร??? :m16: ปล. คิดถึงน้องธารกะพี่ตะวันอะค่ะคุณไนท์ แหะๆ ^^
รักบนเส้นด้ายจริงๆเลยน้า วีกับดลนี่ยังไม่ทันได้หวาน sweet กันมากเท่าไรเลยก็มีเรื่องวุ่นวาย สงสัยว่าต้องเป็นคู่ที่อดทนพอควร ต้องมีความเชื่อใจ แต่คนที่น่าน้อยใจน่ะคือวี ...แก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นได้มั้ย ..ที่ไม่ต้องไปดูแลแองจี้ ส่วนมินทร์กับอาวัตร หวานๆๆก่อนเจอพายุ มั้ง?...
ตัวปัญหาไม่ใช่อาดลซะหน่อย อีนางนั่นต่างหากล่ะ :serius2:
แอบสงสารดลเหมือนกัน TT
น้องไนท์ พี่เลทททท 3 ตอนแหนะ งานเข้่าอย่างรุนแรง อ่าน 3 ตอนหลังนี้ โอ้ยยย เคืองกะคุณดลหว่ะค่ะ ขอบอก ใจดีเอาถ้วยหรือไงค่ะพี่น้องงง นำตัวปัญหาเข้ามาในชีวิตแท้ๆ น้องชะนีตัวแรงงง ไม่ไหวจะทน โอ้ยยยหงุดหงิด กลัวคุณวีจะหมดความอดทนจัง +1 จ้ะน้องไนท์
เห้อ กำลังจะไปกันได้ดีแล้วเชียว เบื่อยัยแองจี้จริงๆ ดลก็ทำไมไม่รู้จักปฎิเสธไปนะ ถึงแม่จะสนิทกันก็เหอะ แบบนี้ก็คาราคาซังกันพอดี ปล.ไรเตอร์ก็เป็น Singular FC เหมือนกันรึคะ
อย่าเข้าใจผิดกันอีกเน้อ
มาดันครับ
้ัเรื่องนี้ครบรสจริงๆๆๆ สงสารวีกับ ดล เอาใจช่วยนะค่ะ
เข้ามาติดตามอ่านเรื่องนี้ของ น้อง tonight อีกเรื่องนะคะ สนุกดีค่ะ แต่ว่าพอเริ่มจะดราม่าเนี่ย ชักไม่เข้าที สงสารตัวละครจ้า :serius2: บวกไป 1 แต้ม รอตอนต่อไปนะ ขอบคุณจ้า
-18- เรวัตรและภูมินทร์เก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก่อนจะหันไปมองอีกสองคนว่าจะเอายังไงแต่แล้วทั้งนภดลและปฐวีต่างก็รีบไปเก็บสัมภาระเช่นกัน “ฉันไปด้วย” นภดลเอ่ยบอก “ไม่ต้องห่วงใครทางนี้เหรอ” “คนเดียวที่ฉันทั้งห่วงและหวงก็นายนั่นแหละวี” จนแล้วจนรอดทั้งสี่คนก็นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันก่อนมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ โทรศัพท์มือถือที่นภดลเปิดอีกครั้งกำลังแผดเสียงดังลั่นเมื่อเห็นชื่อที่หน้าจอชายหนุ่มก็ทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนกดทิ้งและปิดเครื่องทันที “แองจี้คงสงสัยว่านายหายไปไหน” “ช่างเรื่องคนอื่นเถอะน่า ตอนนี้คิดถึงแต่เรื่องของเราเถอะ” นภดลหันมายิ้มบางๆก่อนจะคว้ามือของปฐวีไปกุมไว้ “ขับรถน่ะมือจับพวงมาลัย ตามองข้างหน้าสิ อันตราย” ปฐวีบอกก่อนจะค่อยๆดึงมือออกจากการเกาะกุม บรรยากาศที่กลับมาดีขึ้นทำให้เรวัตรและภูมินทร์แอบยิ้มตาม “ดีเลยครับพวกเราจะได้ไปเที่ยวงานยี่เป็งด้วยกัน” “อาว่าอาจะแวะส่งน้องมินทร์กับอาวัตรของเราที่บ้านและอาจะพาอาวีไปเที่ยวที่อื่นต่อ” “อ่อ…อย่างนี้นี่เอง โห…แอบหนีไปเที่ยวกันสองคนนี่ครับ” เรวัตรอมยิ้มกับท่าทางของเด็กหนุ่มก่อนจะหันไปสบตามอง “จะได้ไม่ต้องมี ก ข ค ระหว่างเราไง อาอยากอยู่กับมินทร์สองคนมากกว่า” หลังจากนั้นไม่นานบทสนทนาก็เงียบลงเหลือเพียงแค่นภดลที่ทำหน้าที่เป็นสารถีพาผู้โดยสารทุกคนสู่จุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ เมื่อถึงไร่ของเรวัตร นภดลต้องขอหลับเอาแรงเพื่อที่จะเดินทางต่อ ขณะที่ปฐวีอยู่ว่างๆไม่รู้จะทำอะไรจึงพาตัวเด็กหนุ่มเข้ามาในห้องและหยิบชุดชุดหนึ่งออกมาวางบนเตียง “คนนี้จะไปเที่ยวงานยี่เป็งกันใช่ไหม ใส่ชุดที่อาเตรียมให้นะ รับรองอาวัตรต้องชอบแน่” “จะเหมาะกับมินทร์เหรอครับอาวี” “ต้องเหมาะสิเชื่ออา เมื่อก่อนน้องมินทร์ใส่แล้วน่ารักมาก” “นั่นมันเมื่อสิบปีที่แล้วนะครับ ป่านนี้ใส่อาจจะดูแปลกๆก็ได้” “มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ ไปลองใส่ให้อาดูหน่อยสิ” ปฐวีบอกก่อนจะส่งชุดให้อีกฝ่าย เด็กหนุ่มรับมาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อไปเปลี่ยนชุด สักพักเมื่อเดินออกมาคนที่เป็นเพื่อนสนิทของอาเห็นแล้วยิ้มกว้าง ภูมิใจในสิ่งที่เลือกให้ซึ่งเหมาะกับเด็กหนุ่มเป็นอย่างยิ่ง ภูมินทร์ในชุดล้านนาเดินออกมาอย่างคนขัดเขิน “น่ารักมากเลยน้องมินทร์ เดี๋ยวอาหาผ้าคาดเอวให้” ปฐวีกุลีกุจอจัดหาผ้าไหมสีชมพูอ่อนขลิบทองมาก่อนจะผูกให้อย่างเรียบร้อยและตบท้ายด้วยผ้าโพกศีรษะสีเข้ากันกับผ้าคาดเอว เมื่อเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็อดที่จะชื่นชมผลงานของตัวเองไม่ได้ “แต่งตัวแบบนี้ไปเที่ยวงานนะ เข้ากันมากๆ รับรองอาวัตรเห็นแล้วต้องตะลึงแน่” “มินทร์ว่ามันดูแปลกๆนะครับ” “เชื่ออาสิ อาว่าดีก็ต้องดี มั่นใจในตัวเองหน่อย วันนี้น้องมินทร์น่ารักสุดๆ” และก็เป็นไปตามความคาดหมายทันทีที่เด็กหนุ่มยืนอยู่ต่อหน้า เรวัตรก็มองด้วยสายตาตกตะลึงแต่เมื่อรู้สึกตัวก็คลี่ยิ้มหวานให้ “ยิ้มอย่างนั้นหมายความว่าไงครับ ตลกมากเลยใช่ไหม” ชายหนุ่มส่ายหัวก่อนจะกวักมือเรียกให้ภูมินทร์เดินเข้าไปหาและจับให้เด็กหนุ่มโน้มตัวลงมาหาจนริมฝีปากแนบชิดใบหู “น่ารักมากเลย” เรวัตรเอ่ยชมก่อนอดไม่ได้ที่จะให้ปฐวีถ่ายรูปคู่ให้ เมื่อถ่ายออกมาชายหนุ่มก็รีบเอาไปดูทันทีและรู้สึกได้ว่าตัวเองแต่งตัวได้ธรรมดามากๆเมื่อเทียบกับอีกคน “สนใจเปลี่ยนชุดไหมล่ะวัตร” “ไม่ดีกว่า ให้มินทร์น่ารักคนเดียวพอแล้ว” “ว่าแต่ไอ้ดลบอกยังว่าจะพาวีไปไหนต่อ” “ก็เห็นบอกๆว่าจะไปแม่ฮ่องสอน ปางอุ๋งน่ะ” “ที่นั่นสวยมากเลยล่ะ บรรยากาศเต็มสิบ ว่าแต่ไหนๆก็ไปแม่ฮ่องสอนแล้วแวะดูดอกบัวตองด้วยเลยสิ” “นั่นก็ต้องแล้วแต่คนขับอ่ะนะ แต่ไม่แน่ถ้าคนที่กรุงเทพฯโทรมารบเร้ามากเข้าอาจจะต้องกลับก็ได้” “อย่างไอ้ดลน่ะเหรอ จะทำอะไรมีใครห้ามได้ซะที่ไหน” หลังจากที่นภดลนอนจนเต็มอิ่มก็เตรียมตัวเดินทางต่อโดยปฐวีได้เอ่ยลากับเรวัตรและภูมินทร์ก่อนจะแอบกระซิบกับผู้เป็นว่าคืนนี้เที่ยวให้เต็มที่เพราะเด็กหนุ่มขอมาทั้งที “รู้น่า…” เรวัตรเอ่ยก่อนจะลูบท้ายทอยด้วยความเขินอายเมื่อเพื่อนแซวมากเข้า “ไอ้ดล ดูแลวีให้ดีนะแล้วก็ขับรถดีๆด้วย ไว้เจอกัน” ชายหนุ่มว่าก่อนจะเดินเข้าไปกอดเพื่อนรักและหันมากอดปฐวีอีกคนก่อนจะส่งทั้งคู่ขึ้นรถและมองดูจนรถคันนั้นลับสายตาไป “เอาล่ะ เราสองคนคงได้เวลาไปเที่ยวกับเขาบ้างแล้ว” เรวัตรเอ่ยก่อนจะพาภูมินทร์ขึ้นรถเพื่อมายังสถานที่จัดงานประเพณีประจำปี เมื่อมาถึงก็เห็นผู้คนมากมายกำลังปล่อยโคมยี่เป็งกันจนท้องฟ้าสว่างไสวไปด้วยแสงสีส้มนวล เมื่อโคมลอยไปไกลเกินเอื้อมก็ดูราวกับดวงดาวระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้า เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นไปกุมมือใหญ่ไว้ “เราไปปล่อยโคมยี่เป็งกัน” เรวัตรเอ่ยก่อนจะหยิบโคมและกางออกก่อนที่จะทำให้อากาศเข้าจนเป็นรูปทรงและจุดไฟเมื่อติดดีเป็นที่เรียบร้อยก็เรียกเด็กหนุ่มในชุดล้านนามาจับด้านฝั่งตรงข้ามไว้ “อธิษฐานด้วยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะหลับตาลงตั้งจิตอธิษฐานซึ่งเด็กหนุ่มก็ทำตาม เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็สบเข้ากับนัยน์ตาสื่อความหมายลึกซึ้งเข้าพอดี “อธิษฐานว่าอะไร บอกอาได้ไหม หืม…” “บอกไม่ได้ครับ เขาว่ากันว่าอธิษฐานอะไรห้ามบอกใครเพราะเดี๋ยวจะไม่เป็นจริง” “อาอยากรู้นี่นาเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นอะไรอาก็อยากจะหาให้” “ขอบคุณนะครับ แค่มินทร์มีอาวัตรอย่างทุกวันนี้มินทร์ก็พอใจที่สุดแล้วครับ อาวัตรน่ะ…เป็นยิ่งกว่าคำอธิษฐานของมินทร์ซะอีก” ทั้งคู่สบตากันก่อนจะปล่อยมือออกเพื่อให้โคมลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงสีต่างๆสว่างวาบที่เบื้องบนทำให้ทั้งสองต้องเงยหน้ามองความสวยงามของดอกไม้ไฟ เรวัตรขยับร่างเข้าไปชิดกับเด็กหนุ่มก่อนจะกุมมือเล็กกว่าไว้อย่างแนบแน่นราวกับไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายไปไหน “คนอะไรไม่รู้ น่ารักจัง” “น่ารักก็รักสิครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะส่งยิ้มหวานให้บ้าง “ก็รักอยู่นี่ไงครับ รักมากด้วย” เรวัตรเอ่ยด้วยความจริงใจ ตอนนี้เขาอยากจะหอมแก้มนุ่มๆนั่นสักหลายฟอดเพียงแต่ที่ตรงนี้ดูจะไม่เหมาะเท่าที่ควรและที่สำคัญเขากำลังรู้สึกไม่อยากกลับบ้านขึ้นมาซะเฉยๆ “คืนนี้ค้างที่อื่นนะ อาอยากพาเราเที่ยวก่อน” “แล้วอาวัตรจะพามินทร์ไปนอนที่ไหนอ่ะครับ” “ไปนอนอุทยานที่ดอยอินทนนท์ โอเคไหมครับ” “ครับ ที่ไหนก็ได้ อาวัตรไปด้วยก็พอแล้ว” หลังจากที่เที่ยวกันจนหนำใจเรวัตรก็พาเด็กหนุ่มมายังอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เพื่อเข้าพัก แต่แทนที่ชายหนุ่มจะเลือกนอนบ้านพักเขากลับเลือกนอนสบายๆโดยการกางเต็นท์โดยให้เหตุผลว่าต้องการสัมผัสกับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งภูมินทร์ก็เห็นด้วย อย่างน้อยเต็นท์ก็แคบกว่านอนเบียดกันดีเสียอีกจะได้อบอุ่น ยามค่ำคืนมืดสนิทมาถึงเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ในถุงนอนก็ค่อยๆขยับตัวออกและหันมานอนกอดคนตัวใหญ่ข้างๆแทน “อุ่นจังครับ” ภูมินทร์เอ่ยกับแผ่นอกกว้าง สักพักอ้อมแขนใหญ่ก็โอบล้อมไว้ก่อนจะกระชับให้แน่นขึ้น “ว่าแต่…อาวัตรอธิษฐานอะไรอ่ะครับ มินทร์เห็นอาวัตรอธิษฐานนานมาก” “มินทร์เพิ่งบอกอาว่าห้ามบอกไม่ใช่เหรอว่าอธิษฐานอะไรเพราะเดี๋ยวจะไม่เป็นจริง” “ก็…อาวัตรดูเหมือนมีทุกอย่างเพียบพร้อมอยู่แล้ว มินทร์ถึงอยากรู้ว่าอาวัตรยังขาดส่วนไหนเพราะถ้ามินทร์เติมเต็มปรารถนาอาวัตรได้ มินทร์ก็อยากที่จะทำให้” “มินทร์น่ะเติมเต็มทุกความปรารถนาของอาแล้วล่ะครับ” เรวัตรเอ่ยก่อนจะประคองซีกแก้มนุ่มไว้ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปสูดกลิ่นแป้งอ่อนๆเข้าเต็มปอดก่อนจะเลื่อนริมฝีปากผ่านปลายจมูกและจบลงที่ริมฝีปากอิ่มที่เหมือนครั้งนี้จะหวานฉ่ำกว่าครั้งไหนๆที่เคยได้ลิ้มรสสัมผัส เด็กหนุ่มเองก็จูบตอบและตักตวงตามความต้องการ เมื่อละริมฝีปากออกเรวัตรก็รวบตัวภูมินทร์เข้าไปกอดไว้แน่น แม้จะมีอีกฝ่ายเคียงข้างทำให้ร่างกายอบอุ่นแต่หัวใจกลับหนาวเหน็บจนเจ็บปวดไปหมดราวกับกำลังจะถูกพรากสิ่งที่หวงแหน ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ทั้งๆที่มีภูมินทร์อยู่ในอ้อมแขนกัน และตอนนี้ภูมินทร์ก็หลับไปนานแล้วแต่เรวัตรกลับตาค้างนอนไม่หลับราวกับดื่มกาแฟที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไป เขารู้สึกว่าทุกนาทีต่อจากนี้จะต้องเป็นทุกนาทีที่มีค่าที่สุด ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปลูบเรือนผมนุ่มของคนที่นอนหนุนอยู่บนแผ่นอกเล่นไปมาอย่างแผ่วเบา กลิ่นแชมพูที่คุ้นเคย เขาจะทนได้ไหมหากวันหนึ่งร่างที่นอนอยู่ตรงนี้จะหายไปจากข้างกาย แน่นอนว่า…ไม่อาจทนได้จริงๆ เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ก็ไปดูทะเลหมอกบนยอดดอยอินทนนท์ก่อนจะถ่ายรูปตามมุมต่างๆเพื่อเก็บเป็นที่ระลึก ชายหนุ่มเพิ่งมาสังเกตอย่างจริงๆจังๆว่าเด็กน้อยที่เขาเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เด็กๆวันนี้ได้เติบโตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มที่น่ารักซะจนเขาเองไม่อาจละสายตาไปไหนได้ รอยยิ้มที่ส่งมาทำให้โลกทั้งใบของเขาสวยงามขึ้นในพริบตา เมื่อกลับมาถึงที่ไร่เรวัตรก็สังเกตเห็นรถยี่ห้อหรูคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้านแต่ภายในใจก็คิดว่าอาจจะเป็นเจ้าของไร่อิงดาวก็เป็นได้แต่ภายในใจที่เริ่มเต้นหนักๆจนเจ็บไปทั่วทั้งอกก็เป็นลางบอกเหตุได้เป็นนัยๆว่า…ไม่ใช่เจ้าของไร่อิงดาวอย่างแน่นอน ชายหนุ่มพรูลมหายใจยาวออกมาก่อนจะกุมกระชับมือของเด็กหนุ่มไว้แน่นและก้าวเดินเข้าตัวบ้านไปพร้อมๆกัน แม้ว่าภูมินทร์จะสงสัยในการกระทำแต่ก็ยอมเดินตามผู้เป็นอาไปแต่โดยดี ทันทีที่เรวัตรเข้ามายังส่วนห้องรับแขกก็ค่อยๆหลับตาลงก่อนจะพยายามอธิษฐานขอให้สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาแต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับความจริงที่ปรากฏ “สวัสดีครับ คุณหญิงกาญจนา” 2BCon… มาอัพต่อแล้วนะคับ :mc4: ขออภัยเป็นอย่างสูงที่มาลงช้า แหะๆ เพิ่งเอาโน๊ตบุคออกมาจากโรงพยาบาลน่ะครับไวรัสกิน แต่ยังไงก็ขอให้ทุกคนติดตามอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆด้วยนะคับ ช่วยอยู่เป็นกำลังใจให้กันอย่าเพิ่งเบื่อ อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนนะคับ ช่วงนี้จิตตก ฮ่าๆๆ แต่ก็สู้ๆๆคับ ปล ตอนนี้ไนท์เริ่มชอบ Singular มากขึ้น เพลงเพราะของเขาดีจริงๆคับ แรกเริ่มเดิมที่ชอบเพราะมีคนบอกว่าเขาชอบวงนี้ซึ่งแรกๆผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ก็จะกลายเป็นเอฟซีแล้วล่ะคับ^^ :กอด1: ขอยกยอดไปตอบเม้นต์คราวหน้านะคับ วันนี้แต่งสดลงด่วน ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และการติดตามนะคับ :call:
เจ๊แกมาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววว
ได้อ่านอีกตอนต่อเนื่องเลย ขอบคุณมากนะคะ กำลังสนุกสนานเข้มข้น ลุ้นว่า อาหลานจะจูงมือกันฟันฝ่าอุปสรรคไปได้อย่างไร รวมทั้งคู่ดลกับวีด้วย เป็นกำลังใจให้กับคนแต่งด้วยค่ะ :3123: ปล คนรอบตัว เป็น fc วง Singular เยอะจริงๆ เพลงเบาๆ แต่ fc ไม่เบาเลยแฮะ
:เฮ้อ: :monkeysad:
ตอนแรกเห็นชื่อตอนนึกว่าแองจี้มา OMG She คนนี้แรงกว่าแองจี้หลายเท่าเลย sad ว่ะ
มาทำไมล่ะนั่น :serius2: คิดว่ากลัวรึไง ไม่กลัวหรอก ใช่มั้ย อาวัตร
:L1:งานเข้าแล้วอาวัตร
อีกแล้ว มาอีกแล้ว พวกทำลายความสุขของชาวบ้าน เค้ากำลังหวานแหววกันอยู่ดี ๆ ขัดใจสุดๆ :serius2: ปล ตอนนี้ไนท์เริ่มชอบ Singular มากขึ้น เพลงเพราะของเขาดีจริงๆคับ แรกเริ่มเดิมที่ชอบเพราะมีคนบอกว่าเขาชอบวงนี้ซึ่งแรกๆผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ก็จะกลายเป็นเอฟซีแล้วล่ะคับ^^ ู^ ^ ไม่อยากจะบอกว่าเมื่อวาน Singular มาแจกลายเซ็นต์ ที่ ขอนแก่น ^^ :m9:
^ ^ ^ 'ซิน' ของโผม!!! :กอด1: (http://images.myfri3nds.com/upload/2010-10-07/images/4cad9c792c360.jpg) (http://upload.myfri3nd.com/view/2010/10/07/4cad9c792c360.jpg)
คุณหญิงกาญจนามา รึถึงคราวที่มินทร์กับอาวัตรจะต้องพรากจากกันแล้ว ไม่นะ ให้มีอะไรซักอย่างซิ ที่จะยับยั้งไม่ให้คุณหญิงพรากน้องมินทร์ไปจากอาวัตรน่ะ ดูท่าจะปัญหาใหญ่ล่ะ อาวัตรคิดหนักมาหลายวันแล้ว เอาใจช่วยอาวัตรกับน้องมินทร์จ้ะ ส่วนดลน่ะ แค่ตัดสายจากแองจี้ปัญหามันไม่ยุตินะ ต้องคุยให้แองจี้เข้าใจ ถ้าคุยต่อหน้าวีได้ยิ่งดี อย่าให้ความใจดีของตัวเองเป็นตัวการทำร้ายความรักของตัวเองนะ ดูท่ายัยแองจี้จะงี่เง่าด้วยนี่
อยากไปเที่ยวดอยบ้างอะ อากาศหนาวๆ คงจะสวย คุณหญิง...จะมาทำไมคะ ปล.มะวาน singular มาเปิดคอนเสิร์ต กรี๊ีดดดด น่ารักๆๆๆ
นึกว่าแองจี้มาเหมือนกัน - -* มาทำไมเนี่ยยยยยยยยย เค้ากำลังหวานกันอยู่ - -"
หล่อนมาถึงแล้ว...ก็คงต้องยอมรับความเป็นจริงเสียที เอาใจช่วย น้องมินทร์กับอาวัตรด้วย...
-19- หญิงวัยกลางคนแต่งกายดูภูมิฐานนั่งตัวตรงอย่างงามสง่าและดูน่าเกรงขามในคราเดียวกัน ภูมินทร์หันมาหาผู้เป็นอาราวกับต้องการคำตอบในสิ่งที่ตนกำลังสงสัย “มินทร์ สวัสดีคุณย่าสิ” เด็กหนุ่มไหว้ผู้อาวุโสกว่าด้วยความงุนงง คุณหญิงกาญจนากวักมือเรียกให้ภูมินทร์เข้านั่งใกล้ๆ เมื่ออยู่ในระยะที่เอื้อมถึงมือที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นก็เอื้อมมาสัมผัสซีกแก้มของเด็กหนุ่มก่อนจะรวบร่างโปร่งเข้าไปกอดไว้แน่น “หลานย่า” เธอเอ่ยก่อนจะลูบเรือนผมนุ่ม ภูมินทร์พยายามจะขืนตัวออกเนื่องจากไม่คุ้นเคยแต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่เสื้อก็ทำให้เด็กหนุ่มนิ่งอยู่ภายในอ้อมแขนนั้นและมองผู้เป็นอาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย หลังจากที่ได้พบเจอหน้าของหลานชายเป็นที่เรียบร้อยก็ได้ขอคุยกับเรวัตรเป็นการส่วนตัว แม้ว่าภูมินทร์จะรั้งชายหนุ่มไว้ไม่ให้เข้าไปพูดคุยตามลำพังแต่เรวัตรกลับบอกให้ไปรอที่ห้องแทน “เชิญครับ คุณหญิง” “พากันหนีฉันมาได้ไกลขนาดนี้ถือว่าเก่งมากเลยนะ คงคิดว่าจะหนีฉันพ้นไม่มีทางซะหรอก” “พี่ศิแค่อยากจะดูแลมินทร์เองน่ะครับ” “คงอยากจะมาอยู่กับชู้รักสิไม่ว่า” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ พี่ศิเหมือนพี่สาวแท้ๆของผม เธอเดือนร้อนผมก็ต้องช่วยเหลือเป็นธรรมดา” “พี่สาวแท้ๆเหรอ น่าขำสิ้นดี มองนัยน์ตาก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่” “ผมขอเสียมารยาทนะครับ ช่วยเรียนจุดประสงค์แท้จริงที่คุณหญิงมาที่นี่ด้วย” “ดี…ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะพูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา ฉันจะพาหลานฉันไปอยู่ที่อเมริกาด้วย” “ไม่ได้นะครับ!!!” เรวัตรลุกพรวดขึ้นมาเอ่ยค้านทันที “เธอมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ สายเลือดเดียวกันรึก็ไม่ใช่” “แต่ผมเป็นคนดูแลมินทร์มาตั้งแต่เด็กๆนะครับ อีกอย่างพี่ศิกับพี่พัชก็ยินยอมให้ผมเป็นคนดูแล” “เธอคิดว่าจะดูแลหลานฉันได้ดีกว่าฉันซึ่งเป็นย่าแท้ๆอย่างนั้นเหรอ” “ผมขอเรียนตามความเป็นจริงว่า…ผมดูแลมินทร์ได้ดีกว่าอย่างแน่นอน” คุณหญิงกาญจนามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาพิจารณาพลางครุ่นคิดบางอย่าง แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของสองอาหลานต้องไม่ธรรมดามิเช่นนั้นเธอคงไม่เห็นทั้งสองบุคคลเดินจับมือถือแขนเข้ามาในบ้านพร้อมกันแน่ “เธอคิดยังไงกับหลานชายของฉันกันแน่” เจอคำถามนี้เรวัตรถึงกับน้ำท่วมปาก จะโกหกบอกว่าไม่ได้คิดอะไรแม้แต่น้อยจะดูเหมือนขี้ขลาดแต่หากบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไปก็เกรงจะต้องเสียภูมินทร์ไป “ฉันถาม ไม่ได้ยินเหรอไง” เธอขึ้นเสียงพร้อมกับตบโต๊ะไม้เนื้อหนาด้วยความโมโห แต่ยังไม่ทันที่เรวัตรจะได้ตอบคำถามเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน “มินทร์รักอาวัตร” “รัก ?” “ครับ รักมากและจะรักตลอดไปด้วย” เมื่อได้ยินคำตอบที่ชัดเจนเธอก็แทบจะลมจับ เห็นทีหากไม่จับสองคนนี้แยกจากกันหลานชายของเธอคงได้ฝากอนาคตทั้งหมดไว้ที่ผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน “ผมก็รักมินทร์ครับ รักมากและจะไม่ยอมให้ใครมาพรากมินทร์ไปจากผม” “นี่ลูกชายของฉันกับยัยนั่นฝากหลานของฉันให้นายดูแล ให้เอ็นดูเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันแต่เธอกลับคิดกับหลานของฉันในเชิงชู้สาว ฝากปลาย่างไว้กับแมวจริงๆ” “กรุณาอย่าตำหนิอาวัตรเลยนะครับ ผมเองต่างหากที่ควรได้รับคำตำหนินั้นเพราะผมรักและต้องการความรักจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น” “ย่าไม่ยอม!!!” เธอตะโกนลั่นก่อนลุกพรวดขึ้นมายืนจ้องหน้าบุคคลทั้งสองที่ยืนอยู่เคียงข้างกัน จับมือถือแขนซึ่งกันและกันต่อหน้าเธออย่างไม่เกรงใจ “ผมขอโทษด้วยนะครับ” ภูมินทร์เอ่ยก่อนจะยกมือไหว้ ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้รู้สึกผูกพันกับเธอเลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อเธอเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่จะถนอมน้ำใจกันก็คงไม่แปลกอะไร “ย่าจะพามินทร์ไปอยู่กับย่าที่อเมริกาด้วย” “ไม่ครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยปฏิเสธทันทีโดยไม่คิดแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นที่ที่เขาอยากไปมากแค่ไหนแต่ถ้าหากว่าไม่มีผู้เป็นอาของเขาไปด้วยก็ไม่มีวันที่เขาจะยอมไปด้วยเด็ดขาด “มินทร์รักเขามากใช่ไหม” “ใช่ครับ” ภูมินทร์ตอบอย่างไม่ลังเล สักพักทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ความตึงเครียดค่อยๆปกคลุมทำให้แม้แต่หายใจยังเป็นเรื่องยากลำบาก “ฉันจะทำเรื่องยึดไร่นี้” “ไม่นะครับ คุณย่า!!!” ภูมินทร์รีบเอ่ยบอกทันทีก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งแทบเท้าของหญิงอาวุโส เขารู้ว่าไร่นี้คือทุกสิ่งทุกอย่างของคนที่เขารัก อยู่ๆจะให้คนอื่นมายึดอนาคตทั้งหมดของคนๆนั้นได้อย่างไร “งั้นมินทร์ก็ไปกับย่าถ้าไม่อยากให้ย่าต้องทำแบบนั้น” “ไม่มีเหตุผลนี่ครับ ทำไมคุณย่าถึงได้ใจร้ายแบบนี้” “อยากอยู่กับเขาตลอดไปใช่ไหม” “ครับ” เด็กหนุ่มเอ่ย ไม่ว่าจะอย่างไรเขาจะไม่ยอมไปไหนห่างจากคนที่เขารักแน่นอน “แต่งงานซะ เรวัตร” ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาราวกับสายฟ้าฟาดใส่คนทั้งคู่ ภูมินทร์ตัวชาไม่ต่างอะไรกับอีกฝ่าย ทางเลือกแต่ละทางที่ได้รับนั้นมันช่างเป็นทางเลือกที่แสนจะโหดร้ายทั้งสิ้น “ขอโทษครับ ผมแต่งไม่ได้จริงๆ” “งั้นภูมินทร์ต้องไปกับฉัน” เรวัตรหลับตาพร้อมกับกำมือแน่น ชายหนุ่มพยายามรวบรวมความคิดเพื่อหาทางออกของเรื่องนี้ ภูมินทร์เองก็จนใจ ตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังรู้สึกมืดแปดด้านคิดอะไรไม่ออก หากผู้เป็นอาต้องยอมทิ้งทุกอย่างในชีวิตเพื่อที่จะมีเขาอยู่เคียงข้าง สู้เขาเป็นคนเสียสละเองไม่ดีกว่าเหรอ ……… … “ผมจะไปกับคุณย่าครับ” “ไม่นะมินทร์” เรวัตรเอ่ยค้านทันทีก่อนจะคว้ามือเล็กกว่ามากุมไว้แน่น “ผมยอมให้ไร่ถูกยึดไม่ได้และผมก็เห็นแก่ตัวไม่อาจทนให้อาวัตรไปยืนเคียงข้างคนอื่นได้” “แต่อาไม่ยอม” “ยอมรับเถอะครับอาวัตร นี่…เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว” ภูมินทร์เอ่ยด้วยเสียงเศร้าก่อนจะก้มหน้าลงชิดอกและเดินออกมาจากห้องนั้นทันทีโดยที่เรวัตรไม่อาจไขว่คว้ามือคู่นั้นไว้ได้ หลังจากที่คุณหญิงกาญจนาได้รับคำตอบที่น่าพอใจเธอก็ได้ไปพักแรมที่ในตัวเมืองโดยกำหนดเวลาเดินทางไปอเมริกาอาทิตย์หน้า บ้านทั้งบ้านตกอยู่ในเงียบสงัดจนวังเวง ต่างฝ่ายต่างอยู่ในที่ของตนเอง เรวัตรมองเด็กหนุ่มแต่อีกฝ่ายกลับเมินหน้าหนี แต่เมื่อชายหนุ่มหันไปทางอื่นภูมินทร์ก็มองด้วยแววตาห่วงหาอาลัย เด็กหนุ่มเดินเข้าห้องนอนโดยที่ไม่ได้เปิดไฟ ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนุ่มก่อนที่หยาดน้ำตาจะรินไหลจนหมอนเปียกชุ่ม มือทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนแน่นเป็นการระบายความเจ็บปวดภายในหัวใจ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ล้วนแล้วแต่เจ็บปวดทั้งนั้น อีกหนึ่งอาทิตย์หน้าเขาต้องจากที่นี่ไปและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง แสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญส่องสว่างเข้ามากระทบกรอบที่ภายในมีรูปของเรวัตรกอดภูมินทร์จากด้านหลัง แม้ว่าดวงตาจะพร่ามัวจากม่านน้ำตาแต่เด็กหนุ่มก็รู้ว่าเป็นภาพอะไรจึงหยิบกรอบรูปมา กอดไว้แนบอก แม้จะเจ็บปวดที่ต้องไกลห่าง ดีกว่าอยู่ไปแล้วทำลายทุกอย่างที่เธอมี ได้โปรดอย่าโกรธ เกลียดที่เลือกหนทางเส้นนี้ เพราะได้คิดแล้วว่าดีที่สุดสำหรับ “เรา” 2BCon… มาอัพแล้วคับ :mc4:ขอสั้นๆเน้นๆก่อนแล้วกันนะคับคู่อื่นก็รอกันก่อนนะคับจะตามมาแน่นอน ก็…อีกไม่นานเรื่องนี้ก็คงจะใกล้จบแล้วล่ะคับ อยู่เป็นกำลังใจให้กันจนถึงตอนสุดท้ายด้วยนะคับ ขอบคุณคับ :call: ปล มีคนชอบ ลี ฮงกิ (เจเรมี่ You' re beautiful) ไนท์เลยเอาเอ็มวีเพลงใหม่มาใส่ให้ได้ลองฟังกัน เพราะดีคับ ดนตรีหนักดี ^^ Love Love Love-Ft Island (http://www.youtube.com/watch?v=w5F9kL0DMGo) ตอบเม้นต์ :กอด1: samsoon@doll- - > มาแล้วและแซงทางโค้งมาด้วยคับ ฮ่าๆๆ namtaan - - > ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์ ปล Singular คงกำลังเป็นขวัญใจของใครหลายๆคนน่ะคับ ตอนนี้กำลัง Hot เลย Églantier✿- - > เศร้าอีกไม่กี่ตอนแล้วล่ะคับ ตอนนี้กำลังจะสรุปเรื่องแล้ว ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์ iforgive- - > เธอคนนี้มาแรงแซงทางโค้งคับ เศร้าอีกนิดๆหน่อยๆเท่านั้นแหล่ะคับ padigree- - > ทางเลือกแต่ละทางของอาวัตรน่ากลัวทั้งนั้นเลยคับ น้องมินทร์เลยเลือกเองซะดีกว่า ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์คับ roseen- - > งานเข้าสุดๆคับ ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์คับ heefever- - > หวานไปกลัวคนอ่านน้ำตาลขึ้นคับเลยจัดมาม่านิดๆหน่อยๆ แหะๆ ปล Singular ฮิตฮอตทุกที่จริงๆคับ เพลงเขาเพราะดี ^^ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ King_Arthur- - > คับ ซินของคุณเอ็ม ไนท์ทราบ ^^ ดีคับเราจะได้ไม่แย่งกัน เพราะไนท์ชอบพี่นัท ฮ่าๆๆ ปล ชอบรูปมากคับ yayee2- -> อาวัตรกับน้องมินทร์ก็ปัญหาใหญ่คับและได้ตัดสินใจกันแล้ว ส่วนอาดลกับอาวีเดี๋ยวไนท์จะเคลียร์ให้นะคับคุณพี่แก้ว ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ Nus@nT@R@- - > อากาศหนาวๆขึ้นดอยเหมาะสุดคับ ยิ่งไปกับคนรู้ใจด้วยยิ่งบรรยากาศดีเข้าไปใหญ่ คุณหญิงมาเพื่อเป็นมารขัดขวางความรักคับ ปล Singular Fc อีกหนึ่งคน หุหุ ปล เรื่องน่ารักเนี่ยคอนเฟิร์มคับ ferly - - > เคลียร์เรื่องคุณย่าก่อนคับ เดี๋ยวเคลียร์เรื่องแองจี้ต่อ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ berlyn- - > คับ ยอมรับความจริงกันไป ปล ขอบคุณนะคับสำหรับคอมเม้นต์ ใกล้จบแล้วนะคับ ฮ่าๆๆ
ทำไมมันเป็นแบบนี้ จะหวานๆ ตลอดเรื่องไม่ได้เลยใช่มั้ย ต้องมีฉากมาม่ามาให้คนอ่านปวดตับ :z3: ปล้ำลิง โป้งไรท์เตอร์ :a14:
คุณย่าใจร้ายยยย :m16:
:m15: คุณย่าใจร้าย .. มาทำไมเอาป่านนี้ ฮึกกก อยากเห็นหลานทุกข์ใจเหรอค้าาาา? TT
ฆ่าคนแก่นี้บาปมั๊ยคะ ถึงอารมณ์นั้นมากๆ เจ๊อยากจะฆ่าหมกไร่ส้มอิป้านี่จริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2:
กรูว่าแล้ว..นังย่ามหาภัย :m16: ผู้ใหญ่มันจะน่านับถือหรือไม่ก็ตรงคำพูดและการกระทำนี่แหละ ตบคนแก่บาปมั้ยคะ ตอบ:ไม่บาป.. เพราะไม่ใช่ย่ากรู :beat:
อีแก่ตายช้ามาเรียกร้องห่าอะไรตอนนี้ว่ะ
:serius2: คุณย่าใจร้าย หายไปตั้งนาน แล้วอยุ่ๆจะมาพรากอากับหลานซะงั้น :m16: โกรธคุณย่าแล้ว
ปวดร้าว...เท่าๆกัน ถือซะว่ามันเป็นบททดสอบที่เข้ามาในชีวิต ยังไงเสียหากคู่กันแล้วก็คงไม่แคร้วกันหรอกจ๊ะ
หนีไปด้วยกันเลย
ทำไมมันง่ายจังวะ ตั้งหลายปีที่ผ่านมา คุณย่าหายหัวไปไหนไม่ทราบ มาโผล่ตอนที่เขาเลี้ยงมาจนโตแล้ว ทำตัวเป็นตาอยู่ไปได้
ไร้สาระ บ้า ไม่มีเหตุผล :fire:
โหยย คุณย่าไม่แนวเลย เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเค้าต้องเป็นสาววายกัน :laugh: เดี๋ยวมันจะบาปนะคะ มาพรากคนที่รักให้จากกันแบบนี้ ได้โปรดเห็นใจคนที่รักกันด้วย พลีสสสส :dont2: ถ้ามันยากนักก็หนีไปด้วยกันเลยค่ะ :z3: ป.ล.ไร้ท์เตอร์คุยกับเพื่อนเบียร์ได้เลยเนี่ย รายนั้นบ้ามาก บ้าพี่ซิน 555+ แต่เบียร์ชอบพี่นัทอะ เป๊ะทุกรูป อุดหนุนรุ่นพี่ที่มหาลัย :man1:
เศร้าซะแล้ว ความรักโดนขัดขวาง :เฮ้อ: :call:
มินทร์จะต้องไปจริงๆหรือ ไม่มีทางออกอย่างอื่นอีกหรือ มินทร์อายุเกิน18แล้วยัง ถ้าเกิน มินทร์น่าจะมีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเองนะ ไม่รู้นะ ไม่แน่ใจเกี่ยวกับกฎหมงกฎหมายน่ะ) คิดบวก ย่าคงอยากไถ่โทษกับแม่น้องมินทร์จริงๆ (รึเปล่า) ปัญหาอุปสรรค เป็นเครื่องพิสูจน์ใจของทั้งสอง ว่าจะจับมือฝ่าฟันไปด้วยกัน(เพ้อรึเปล่านะพี่แก้วอ่ะ) +1 ให้ค่ะน้องไนท์ ช่วยหาทางออกสวยๆให้ด้วยค่ะ
ฆ่ากันชัดๆเลยนะอีคุณย่า +1 นะคะ
แปะไว้ก่อนครับ เดี๋ยวมาอ่าน
เคยมีใครบอกไหมคะคุณหญิงย่า ว่าเด็กๆ เอาแต่ใจดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดู แต่พอคุณหญิงย่าทำ อิฉันว่าทุเรศ น่าโดนตืบมากๆๆๆๆๆๆ 555
-20- นภดลกับปฐวีออกท่องภาคเหนือจนลืมบางเรื่องไปเสียสิ้นว่าจริงๆแล้วเรื่องยุ่งยากต่างๆยังไม่จบลง ทันทีที่เปิดโทรศัพท์ทั้งข้อความและเบอร์ที่ไม่ได้รับสายล้วนแล้วแต่เป็นแองจี้ทั้งสิ้น ชายหนุ่มถอนหายใจยาวพลางใช้ปลายนิ้วนวดขมับไปด้วย “กลับกรุงเทพฯกันเถอะ การที่เรามาอยู่ไกลๆ ปิดมือถือมันก็ไม่ได้ช่วยให้เรื่องจบลงง่ายๆหรอกนะ” ปฐวีเอ่ยก่อนวางมือลงบนมือใหญ่กว่าและออกแรงกระชับไว้ “หวังว่ากลับกรุงเทพฯคราวนี้ เรื่องคงจะจบนะ” นภดลเอ่ยก่อนทั้งคู่จะแพ็คกระเป๋าและมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงทันที “ส่งวีแค่หน้าปากซอยก็ได้ เดี๋ยววีเดินเข้าไปเอง” “ไม่ล่ะ ดลจะพาวีไปที่บ้านด้วย ไปคุยพร้อมกันทีเดียวเลยจะได้จบเรื่องยุ่งๆเสียที” “แต่ว่า…คุณแม่ล่ะ” “แม่จะได้รู้ด้วยเลย ดลเบื่อที่จะต้องมาทนแม่จับให้คู่กับคนนั้นทีคนนี้ทีจะแย่อยู่แล้ว” “เดี๋ยว…วีว่าอย่าเพิ่งใจร้อนเลยนะ อีกอย่างการทำธุรกิจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะ” “ดลอยากได้คู่ชีวิตนะ ไม่ใช่คู่ค้าที่จะมาบริหารธุรกิจร่วมกัน” “แล้วบริษัทล่ะ” “วีจะให้ดลแต่งกับคนอื่นเพื่อธุรกิจหรือไง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆวีจะทำยังไง” “แล้วดลคิดว่าคุณแม่จะยอมให้เราคบกันจริงๆจังๆอย่างนั้นเหรอ” “ลองไม่ยอมดูสิ” นภดลเป็นคนหัวแข็งมาแต่ไหนแต่ไร คงถูกเลี้ยงดูราวกับคุณหนูถึงได้ดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวเองได้ถึงขนาดนี้ ไม่นานรถคันหรูก็แล่นข้าสู่พื้นที่บริเวณบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ปฐวีนั่งกุมมือเข้าหากันแน่น ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากด้วยความประหม่า เขายังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเพื่อการนี้เลย “วีอยากกลับบ้านแล้วล่ะดล” “ถอยกลับไม่ได้แล้วล่ะวี อย่ากลัวเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นดลจะไม่มีวันปล่อยมือวีไปแน่นอน” นภดลกุมมือปฐวีก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้ามาในตัวบ้านที่พื้นปูด้วยหินอ่อนขัดจนมันเงา ความเย็นที่ได้สัมผัสทำให้ชายหนุ่มร่างโปร่งถึงกับรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงใจ ยิ่งเดินมายังส่วนรับแขกปฐวีก็กุมมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนแต่งกายดูดีนั่งไขว่ห้างและจับตาดูการเดินเข้ามาของพวกเขาทั้งคู่ แต่ ณ ที่ตรงนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เธอเพราะยังมีแองจี้และผู้เป็นแม่ของหญิงสาวนั่งอยู่ด้วย “มาได้สักทีนะพ่อตัวดี นึกว่าจะต้องให้แม่ขาดใจตายไปก่อนถึงจะกลับมา แล้วนั่น…ใคร” “วี แนะนำตัวกับคุณแม่สิ” ปฐวียกมือไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่าทั้งสองคนอย่างนอบน้อม “ผมปฐวี อัครเศรษฐ์ เป็น…” “วีเป็นคนรักของผม” ดูเหมือนผู้เป็นมารดาจะนึ่งงันไปชั่วขณะก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “รู้ตัวรู้เปล่าว่าพูดอะไรออกมา” “ผมรู้ครับและก่อนที่จะพูดผมได้ทบทวนดีแล้ว” “กล้าหักหน้าแม่ต่อหน้าคุณแขไขและหนูแองจี้ แกนี่กล้ามากเลยนะ” “เห็นทีสัญญาระหว่างเราคงจะต้องเป็นโมฆะนะคะ” คุณแขไขผู้เป็นมารดาของแองจี้เอ่ยก่อนจะมองชายหนุ่มทั้งคู่ด้วยสายตาดูแคลน “แต่คุณแม่คะ แองจี้ไม่ยอมให้เรื่องมันจบง่ายๆแบบนี้นะคะ” “ยอมซะเถอะแองจี้ เธอท้องกับคนอื่นมาแต่คิดจะให้พี่ยอมรับเป็นพ่อเด็กในท้องมันไม่ดูน่าละอายไปหน่อยเหรอ” “พี่กล้าพูดกับแองจี้แบบนี้เหรอ” “ขอโทษที่พี่ต้องพูดตรงๆ ก่อนหน้าที่พี่ยอมดูแลก็เพราะเป็นห่วงเรื่องธุรกิจจนทำให้คนที่พี่รักต้องเสียใจ แต่นี้ไป…ให้เราจบกันด้วยดีเถอะ” นภดลเอ่ยตรงๆจนหญิงสาวรู้สึกเสียหน้ามากจนต้องหันไปปรึกษากับผู้เป็นมารดา “ในเมื่อเรื่องออกมาเป็นอย่างนี้ ทางดิฉันเห็นทีจะต้องถอนหุ้นรายใหญ่ออกจากบริษัท” เธอเอ่ยจบพร้อมทั้งลุกพรวดสะพายกระเป๋าหนังยี่ห้อหรูเพื่อเตรียมจะเดินไปแต่นภดลเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน “หากคุณคิดว่าจะใช้ลูกสาวคุณและหลานที่กำลังจะเกิดมาเป็นเครื่องมือต่อรองในการทำธุรกิจล่ะก็…เห็นทีเราคงร่วมงานกันไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะครับ” สองแม่ลูกเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาแม้แต่น้อย เมื่อสงบศึกจากภายนอกได้ สงครามเย็นภายในบ้านกลับก่อตัวขึ้น “ไงล่ะพ่อตัวดี…หุ้นส่วนรายใหญ่ออกไปแบบนี้เห็นทีบริษัทที่พ่อแกอุตส่าห์สร้างขึ้นมาคงได้ล้มละลาย” “แต่แม่จะให้ผมร่วมธุรกิจกับคนแบบนั้นได้ลงคอเหรอครับ คนที่รักความถูกต้องคนนั้นหายไปไหนซะแล้วล่ะครับ” “ก็ตั้งแต่พ่อแกตายไปไง” นภดลถอนหายใจ “แม่ครับ…เรื่องหุ้นส่วนไม่ต้องกังวลไปนะครับ ผมจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง” “อย่างแกน่ะเหรอจะมีปัญญาทำได้” “ผมจะต้องทำได้อย่างแน่นอนและเมื่อถึงวันที่ทุกคนยอมรับผมในฐานะประธานบริษัทได้ เมื่อถึงวันนั้นผมอยากจะให้คนที่อยู่เคียงข้างผมคือ…ปฐวี” นภดลเอ่ยด้วยความมั่นใจ แม้ว่าผู้เป็นมารดาจะยังไม่ยอมรับเท่าที่ควรแต่เธอก็ไม่ได้ใจแคบขนาดจะกีดกันตั้งแต่เริ่มต้น แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้นิสัยใจคอของคนที่ยืนอยู่ข้างกายของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแต่เธอก็เชื่อในสายตาของนภดลว่าลูกชายของเธอคงเลือกคนไม่ผิด “ไว้เมื่อถึงวันนั้นค่อยมาคุยกันอีกที” เธอเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะเดินไปยังที่อื่นแต่เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นก็ทำให้เธอชะงักขาไว้ “ขอบคุณนะครับ” ปฐวีเอ่ยจากใจจริง เขาอยากจะขอบคุณเธอในหลายๆเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่เธอได้ให้กำเนิดนภดลมา …เพื่อให้ผืนฟ้าได้อยู่เคียงข้างผืนดิน… หลังจากที่คุณหญิงกาญจนาเข้ามาเจรจาและภูมินทร์ตกลงที่จะไปอเมริกาแล้วนั้นบรรยากาศภายในบ้านก็ตกอยู่ในความเงียบงัน แม้ว่าตอนนี้ผู้เป็นอาจะนั่งกินข้าวอยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะตัวเล็กแต่ดูเหมือนว่าระยะห่างของพวกเขานั้นยิ่งกว่าคนที่อยู่ไกลคนละซีกโลก ภูมินทร์นั่งมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร อาวัตรของเขาเอาแต่นิ่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อคืน ไม่พูดไม่จา ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแม้แต่สบตามองกัน หมางเมินเย็นชาใส่กันแบบนี้เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าต้องอยู่ไกลกันอีก เด็กหนุ่มน้ำตารื้นก่อนจะก้มหน้าก้มกินข้าวบ้างเพื่อซ่อนหยาดน้ำแห่งความเศร้าเป็นจังหวะเดียวกับที่เรวัตรเงยหน้าขึ้นมามองทันที ชายหนุ่มเองก็รู้สึกเศร้าไม่ต่างกัน จะทนได้อย่างไรหากข้างกายของเขาไม่มีภูมินทร์ เรวัตรกำลังจะเอ่ยเรียกชื่อเด็กหนุ่มแต่เสียงของผู้มาเยือนก็ดังขึ้นเสียก่อน “วัตรคะ ฟ้าแวะเอาชามาให้น่ะค่ะ” อิงฟ้าเดินเข้ามาในตัวบ้านราวกับคนคุ้นเคยทำให้เด็กหนุ่มไม่ค่อยพอใจแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเป็นแขกคนสำคัญของผู้เป็นอา “ขอบคุณนะครับ” เรวัตรลุกไปหาเธอก่อนทั้งคู่จะพากันเดินออกไปข้างนอก เด็กหนุ่มได้แต่มองตามพร้อมกำมือแน่น สักพักรถคันหรูก็แล่นเข้ามาในบ้าน คุณหญิงกาญจนาลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านและได้พบกับเด็กหนุ่ม “อาของเราไปไหนซะล่ะ” “อยู่ข้างนอกน่ะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ย หญิงอาวุโสมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะยิ้มอย่างมีความหมายเมื่อเห็นชายหนุ่มกับหญิงสาวเดินเคียงข้างกัน “เนี่ยเหรอ คนที่บอกว่าขาดมินทร์ไม่ได้” ภูมินทร์หลับตาลง ในใจนึกอยากจะยกมือขึ้นปิดหูไม่อยากรับรู้อะไร รู้ทั้งรู้ว่าผู้เป็นย่าต้องการจะยุยงให้เขากับอาวัตรแตกกันแต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องคิด “ทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันนะ เสียดายที่อาของมินทร์ไม่ยอมแต่งงานด้วย” “คุณย่าอย่าพยายามทำให้เราแตกกันเลยครับ เพราะยังไงมินทร์ก็รู้ว่าอาวัตรคงไม่เห็นใครสำคัญเท่า มินทร์อย่างแน่นอน” “ความรักมันไม่จีรังหรอกนะ วันนี้รักพรุ่งนี้อาจจะหมดรักก็ได้” “แต่ความรักของมินทร์จะไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอนครับ” คุณหญิงกาญจนายิ้มอย่างมีนัยสำคัญ เธอรู้ว่ายังไงเรวัตรก็ไม่มีวันที่จะยอมให้ภูมินทร์ไปไกลตัวแต่ชายหนุ่มคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำอยู่นั้นกำลังทำร้ายเด็กหนุ่มและเมื่อถึงวันที่ภูมินทร์ทนไม่ได้ ผู้เป็นหลานชายก็จะยอมไปอยู่กับเธอแต่โดยดี สักพักชายหนุ่มก็พาหญิงสาวเดินเข้ามาในตัวบ้าน ทันทีที่เห็นคุณหญิงกาญจนาอิงฟ้าก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้ทำให้คุณหญิงรู้สึกเอ็นดูไม่น้อย “ถ้าผมยอมแต่งงาน คุณหญิงจะไม่พามินทร์ไปอเมริกาด้วยใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม คำถามนั้นทำให้ภูมินทร์มองผู้เป็นอาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “ใช่…ตามที่เราได้ตกลงกันไว้เมื่อคืน” “ครับ…ผมจะแต่งงานกับฟ้า” “มินทร์ไม่ให้อาวัตรแต่ง” เด็กหนุ่มตะโกนขึ้นมาค้านทันทีก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่และรั้งมืออบอุ่นคู่นั้นแต่เรวัตรไม่แม้แต่จะชายตามอง “หนูชื่ออิงฟ้าค่ะคุณหญิง ที่บ้านทำไร่ชาอยู่ข้างๆกันนี่เองค่ะ ถ้าไม่รังเกียจเชิญไปที่บ้านได้นะคะ” คุณหญิงกาญจนายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเรวัตรในครั้งนี้ อย่างน้อยเธอจะได้รับหลานของเธอไปดูแลเพื่อชดเชยที่ครั้งหนึ่งเธอไล่ลูกชายของเธอออกจากบ้านจนไม่ได้พบหน้าเลยจนกระทั่งวันที่ลูกชายของเธอหมดลมหายใจ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มทลายลงต่อหน้า แค่คำพูดนั้นก็ทำร้ายให้เจ็บพอแล้วแต่การกระทำที่เขาเย็นชาหมางเมินที่เขาไม่เคยได้รับเลยสักครั้งกลับทำร้ายให้เจ็บมากกว่า เมื่อทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปแล้วนั้นเด็กหนุ่มก็มองภาพนั้นด้วยดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา หัวใจรู้สึกปวดหนึบ เจ็บจนร่างกายชาไร้ความรู้สึก แม้แต่จะหายใจยังยากลำบาก ภูมินทร์เดินกลับเข้าไปในห้องนอน เปิดลิ้นชักที่หัวเตียงและหยิบบางอย่างออกมา เสียงดังแกรกๆๆก่อนที่จะเผยให้เห็นใบมีดคมกริบสะท้อนแสงอาทิตย์จนแวววาว เด็กหนุ่มจรดคมมีดลงบนผิวเนื้อบางที่ข้อมือก่อนจะหลับตาลงราวกับกำลังชั่งใจในสิ่งที่จะทำต่อไป การกระทำอย่างนี้คงอาจจะเป็นแค่เรื่องโง่ๆของคนๆหนึ่ง แต่คนๆนี้คงไม่อาจอยู่ต่อไปถ้าจะต้องเห็นคนที่ตัวเองรักมากที่สุดแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น “อาวัตรครับ มินทร์รักอาวัตร รักจนไม่อยากเสียอาวัตรให้ใครคนอื่นจริงๆ” เด็กหนุ่มเอ่ยราวกับคนกำลังพร่ำเพ้อก่อนจะกดคมมีดเฉือนลงบนผิวเนื้อจนของเหลวสีแดงฉานไหลไปตามท่อนแขน ภูมินทร์หลับตาลงทั้งคราบน้ำตาก่อนจะปล่อยให้ข้อมือข้างที่ถูกย้อมสีชาดตกลงข้างตัวจนไปเลอะกับผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด สายลมหอบใหญ่ผ่านบานหน้าต่างเข้ามากระทบโดนกรอบที่มีรูปคู่ของภูมินทร์และเรวัตรหล่นลงกระแทกพื้นจนกระจกแตกละเอียด แม้ว่าเด็กหนุ่มจะได้ยินเสียงนั้นแต่ก็ไม่อาจจะจะขยับตัวไปไหนได้ ดวงตาที่ค่อยๆหรี่ลงยังคงมองเห็นภาพรอยยิ้มของคนที่รักแสนรักก่อนเปลือกตาจะปิดลง …อาวัตรของมินทร์… 2BCon… มาอัพต่ออย่างรวดเร็วคับ ฮ่าๆๆ…ก็อย่างที่บอกล่ะคับเดี๋ยวพอทุกๆเรื่องคลี่คลายก็จะปิดตัวนิยายเรื่องนี้แล้วซึ่งก็น่าจะใกล้แล้วแต่ยังไม่ได้กะว่าอีกกี่ตอนนะคับ ขอให้ช่วยติดตาม คอมเม้นต์ไปเรื่อยๆนะคับ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ให้กันคับ ตอบเม้นต์ heefever- - > ดราม่าก่อนหวานคับ ไนท์ชอบแบบอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ฮ่าๆๆ โอ๋ๆๆ ดีกันนะคับอย่าโกรธกันเลย ส่วนเรื่องปล้ำลิงเนี่ย เอิ่ม…ตามสบายคับ ฮ่าๆๆ win200- - > คุณย่าใจร้ายจริงๆคับ งือๆๆ ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ Églantier✿- - > คุณย่าแอบโรคจิตนิดนึงน่ะคับ จจริงแกก็แค่อยากชดเชยในส่วนที่ไม่ได้ทำน่ะคับ แต่อย่างว่าคุณย่ามาช้าไปจริงๆ samsoon@doll- - > โหห…มาโหมดโหดคับจะฆ่าคุณย่าหมกไร่ส้มทีเดียว ใจเย็นนะคับเดี๋ยวไนท์เคลียร์ให้ ฮ่าๆๆ mutoo- - > สงสัยงานนี้คุณย่าจะโดนโหวตให้เป็นนางร้ายน่าตบประจำปี ฮ่าๆๆ ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ roseen- - > คุณย่าแค่อยากชดเชยให้หลานน่ะคับแต่กลายเป็นทำผิดอย่างมหันต์ ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ Nus@nT@R@- - > เดี๋ยวไนท์เคลียร์เรื่องคุณย่าให้นะคับ แต่ขออุบไว้ก่อนว่าจะเป็นยังไงต่อไป ฮ่าๆๆ ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ berlyn- - > ใช่คับ รักแท้ย่อมมีอุปสรรคมากมายเป็นธรรมดา คู่กันแล้วไม่แคล้วกันคับ ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ 4life- - > ตอนแรกก็กะจะให้หนีตามกันไปแหละคับแต่ดูไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ iforgive- -> คือคุณย่าเพิ่งหาคุณหลานเจอน่ะคับ ฮ่าๆๆ ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์คับ padigree- - > เป็นคำนิยามคุณย่าเลยล่ะคับครบรสเลย ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ BeeRY- - > ไนท์อยากให้รักแท้มีอุปสรรคบ้างคับคุณเบียร์อาจจะดูน่าเบื่อ น่ารำคาญไปบ้างแต่มันก็เป็นสีสัน ปล เรื่อง Singular พูดกี่วันก็ไม่จบคับ จริงๆไนท์ชอบพี่นัทมากกว่าคือตัวจริงดูดีมาก ^^ tawan- - > เศร้าก่อนหวานคับ ฮ่าๆๆ ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ yayee2- - > ขอบคุณนะคับคุณพี่แก้วสำหรับคอมเม้นต์ จริงๆน้องก็เด็กมอปลายโตแล้วล่ะคับ จริงๆคุณย่าอยากชดเชยให้ล่ะคับแต่กลายเป็นผิดพลาดไปหมด ต้องตามอ่านตอนต่อไปนะคับ ^^ tuek- - > ใช่คับเข้ามาตอนเขากำลังอินเลิฟสุดๆอยู่เลย มีอันต้องพลิกผัน ปล ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับ King_Arthur- - > คุณเอ็มคับ แปะไว้อย่าลืมมาอ่านนะคับเดี๋ยวไม่งั้นน้องมินทร์จะงอน ฮ่าๆๆ PEENAT1972- - > ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคับคุณพี่นัท คุณย่าสงสัยจะน่าโดนตืบจริงๆ คุณพี่นัทได้ใจมาก ติดตามอ่านและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคับ ปล รอนิยายคุณพี่นัทนะคับ
เออ เอาเข้าไป เจ็บที่ใจแล้วก็เจ็บที่กายซะด้วย ดูสิเกมนี้จะชนะ อาวัตรก็นะ ระยะทางมันสำคัญมากเลยเหรอ การแต่งงานกับคนอื่นเพื่อให้มินทร์อยู่เนี่ยะ เขาเรียกว่าใกล้กาย แต่ใจห่างกันสุด ๆ ทำได้งัย
น้องมินทร์ ทำไมทำแบบนี้ งือๆ :m15: อาวัตร รีบ ๆ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ถ้ามาไม่ทันช่วยน้องมินทร์ละก็น่าดู คุณย่า รีบๆ กลับอเมริกาไปเลยไปชิ้วชิ้ว ชอบจริงขัดขวางความรักของคนอื่นเนี่ยตั้งแต่พ่อยันลูก ต้องให้ตายจากกันไปหมดก่อนใช่มั้ยถึงจะสาแก่ใจอะ ว้อยยยยยยยยยย เครียดดด :z3: ส่วนนังอิงฟ้า ช้านเกลียดแก :beat: ปล้ำลิง ทำไมชั้นอินแบบนี้เนี่ย
ยิ่งอ่านยิ่ง้กลียดอางอิงฟ้าจริงๆ ชื่อก้กระแดะมากๆ อิงนรกเสียมากกว่าโผล่มาทีไร ทำชั้นอารมณ์เสีย ME/สางเปียใส่ :m19:
ตายแล้วไม่นะน้องมินทร์ทำไมทำแบบนั้น ยัยคุณย่า ยัยอิงฟ้า อาวัตร จะรู้ตัวไหมว่าผู่ใหญ่ทั้งสามคน รุมทำร้ายเด็กคนหนึ่งอย่างไม่น่าให้อภัย
ไม่นะน้องมินทร์ ไอ้อาวัตรรีบกลับมาเลยนะ ไงล่ะย่า ห้ามรุ่นลูกไม่พอ ยังมายุ่งกับหลานอีก ไม่เลี้ยงแล้วยังมาทำร้ายอีก :z6: ไรเตอร์มาต่อด่วนเลยนะ ฮื่อออออออออออออออออ :o12:
อีแก่เลวแม้กระทั่งลูกยังไล่ออกจากบ้านมาต้องการอะไรกับหลาน ลูกมันเองมันยังไม่รู้ใจมันจะมารู้อะไรในใจหลานอีแก่เห็นแก่ตัว :beat:
:z6: :z6: :z6: :a5: :serius2:
แม่อาดลก็น่ารักดีนะ ว่ามั้ย ปูลิง เบื่ออาวัตรแล้วนะ ทำไมทำแบบนี้
คนบางคนพยายามเหนี่ยวรั้งความรักไว้กับตัวเองให้นานที่สุด โหยหาความรักและกระหายในรักแม้ว่ารักนั้นอาจจะแลกมาด้วยอะไรหลายๆ อย่าง และอาจจะต้องสูญเสียแม้แต่ลมหายใจของตน แต่จะมีใครสักคนไหม ที่จะหยุดจะห้ามความรักที่ล้นปริ่มออกจากใจ นอกจากจะหยุดไว้ได้ด้วยลมหายใจของตนเท่านั้น ปล. เรื่องของฉันที่คุณถามมา คาดว่าจะมาอัพให้อีกสัก 2 - 3 วันคะ
ต้องการทดแทนหรืออยากจะลบล้างความผิดพลาดในอดีตหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้ามันต้องแลกมาด้วยความทุกข์ของหลานตัวเองก็ยอมงั้นเหรอคะคุณย่า? อิงฟ้า ทำตัวไม่สมชื่อเลย .. ไม่ชอบเลยจริงๆ กลับที่ของเธอไปซะทีเหอะรำคาญจัง - -" อาวัตร .. เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ แต่ลืมไปหรือเปล่าว่าสิ่งที่เลือกมันทำร้ายทั้งตัวเองและคนรักน่ะ TT ไม่มีความสุขหรอกนะ น้องมินทร์ .. ทำไมทำงี้ล่ะลูก .. รู้ว่าทรมานจะแย่ (แน่ล่ะ เชื่อได้ว่าหนูไม่แคร์อะไรคุณย่าที่ไม่ได้รู้สึกผูกพันอยู่แล้ว) แต่ถ้าเป็นอะไรไปก็จะไม่มีโอกาสได้อยู่กับคนที่รักอีกเลยนะ TT งื้อออ ปวดใจจัง :monkeysad: ส่วนอีกคู่ ยังดีที่คุณแม่ไม่ได้พยายามกีดกันแต่แรกอย่างไร้เหตุผลเนอะ แต่แองจี้นั่นก็น่าไม่อายจริงๆแหละ ลูกเค้าหรือก็ไม่ใช่ แล้วยังจะมายัดเยียดโดยเอาข้อผูกมัดทางธุรกิจเป็นข้ออ้างอีก :เฮ้อ: ปล. ยังไม่ได้เริ่มอ่านอีกเรื่องเลยค่ะ เห็นชื่อเรื่องแล้วกลัวอิ่มมาม่าจัง 555
จะโทษใครดีที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้ มินทร์เอาชีวิตเข้าแลก แล้วคุณย่า กับ อาวัตรจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนคู่ของดลกับวีน่าจะไปได้สวยกว่าแล้วใช่มั้ยนี่ บวก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
สงสารน้องมินทร์จัง มีปัญหามากตายประชดซะเลย :z3: :call:
น้องมินทร์ ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะลูก :monkeysad: ถ้าน้องมินทร์เป็นอะไรไป โป้งคุณย่าแล้ว :angry2: P.S. ไม่ได้รำคาญนะคะ ก็คนมันอินอ๊า :o8: และพี่นัทน่ารักเนอะ เป๊ะทุกรูป 555
ไรเตอร์มาต่อเร็วๆน๊า เค้าจะรอน้องมินทร์
-21- พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าจนล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้วแต่บางคนยังคงนั่งคร่ำเคร่งอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันและถอนหายใจเมื่อทุกอย่างยังไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิด อีกคนที่มองอยู่ไกลๆก็อมยิ้มกับท่าทางจริงจังนั้นก่อนจะเดินเข้ามาหาและวางมือลงบนบ่าออกแรงบีบนวดให้อย่างเอาใจ “แฟนใครนะ ขยันเสียจริง” “มาแซวตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะวี ดลกำลังตั้งใจทำงานนะ” “ตั้งใจทำงานเหรอ วีนึกว่าดลจะกินมันเข้าไปซะอีก ดูจ้องเข้าสิไม่ปวดหัวเหรอ” เมื่อเอ่ยจบปฐวีก็ใช้ปลายนิ้วคลึงขมับอีกฝ่ายเบาๆจนนภดลมีเคลิ้มไปบ้างแต่ก็บอกให้อีกฝ่ายไปห่างๆเพราะไม่อยากเสียสมาธิ “ดล…” ปฐวีแกล้งเย้าด้วยการเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงหวานก่อนจะเป่าลมเบาๆใส่หู “อย่ามายั่วน่า ดลกำลังเครียดนะ” นภดลเอ่ยพร้อมกับผละตัวออกมาไกล แม้ว่างานตรงหน้าจะทำให้เคร่งเครียดมากแค่ไหนแต่การที่ร่างโปร่งตัวหอมกลิ่นสบู่มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆแถมยังมายั่วเย้าก็ทำให้อารมณ์ของเขาถูกจุดขึ้นได้ง่ายๆ “งั้น…วีไปนอนก่อนนะ กู๊ดไนท์ครับ” ปฐวีเอ่ยก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่และเดินเข้าห้องนอนโดยหารู้ไม่รู้ตัวเองนั้นได้ทำให้ใครบางคนสติแตกจนไม่อาจทำงานได้ต่อ “ไม่ทงไม่ทำมันแล้ว พรุ่งนี้แล้วกันวะ” นภดลเอ่ยก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็วและเดินตามใครบางคนเข้าห้องไป ในใจพลางคิดว่าจะต้องลงโทษสักครั้งโทษฐานที่ทำให้เขาทำงานต่อไปไม่ได้ …นายเสร็จฉันแน่ ปฐวี… ยังไม่ทันที่เรวัตรจะเดินออกไปพ้นตัวบ้านก็ได้ยินเสียงเหมือนของหล่นแตกด้วยความเป็นห่วงเด็กหนุ่มจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนของคนที่ห่วงแสนห่วง “มินทร์…นี่ อาเอง” ชายหนุ่มเคาะประตูเรียกแต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับและยิ่งลูกบิดห้องล็อคด้วยยิ่งทำให้ร้อนใจเข้าไปใหญ่ “มินทร์ เปิดประตูเดี๋ยวนี้” หญิงวัยกลางคนที่มีหน้าที่คอยดูแลบ้านเดินเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นถึงส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย “ป้านอม ไปหากุญแจสำรองห้องของมินทร์มาเดี๋ยวนี้เลย” เรวัตรร้อนรนพลางเคาะประตูเรียกไปด้วย ความรู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัว เมื่อได้กุญแจมาก็รีบไขเปิดประตูทันที ภาพตรงหน้าทำให้หลายคนยืนนิ่งดั่งถูกสาป คุณหญิงกาญจนาทำท่าจะเป็นลมจนอิงฟ้าต้องเข้าไปประคอง ชายหนุ่มร่างสูงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “มินทร์!!! …” เรวัตรรีบเข้าไปประคองร่างไม่ได้สติไว้ในอ้อมแขนก่อนจะฉีกเศษผ้าที่หายได้แถวนั้นมาพันบริเวณบาดแผลฉกรรจ์และรีบอุ้มอีกฝ่ายไปที่รถเพื่อที่จะพาไปโรงพยาบาล เข็มไมล์บ่งบอกความเร็วของรถแต่เรวัตรก็หาได้สนใจไม่ เนื่องจาเขารู้ว่ายิ่งไปถึงมือหมอช้าเท่าไหร่ลมหายใจของภูมินทร์อาจถูกมัจจุราชพรากไปได้เร็วเท่านั้น “ทำไมมินทร์ ทำไมถึงได้ทำแบบนี้” เสียงทุ้มพร่ำถามแต่ ณ เวลานี้ร่างที่ใกล้จะหมดลมหายใจจะตอบได้อย่างไร เมื่อมาถึงโรงพยาบาลร่างของเด็กหนุ่มก็ถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินไป ชายหนุ่มร่างสูงได้แต่เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น มือใหญ่ทั้งสองข้างกำแน่นก่อนจะกระแทกลงบนกำแพงหนาอย่างแรงและหลายต่อครั้งจนมือทั้งสองข้างมีเลือดซึมออกมา เรวัตซบหน้ากับกำแพงเย็นเฉียบก่อนจะปล่อยให้น้ำตารินไหล เพียงแค่หลับตาก็เห็นภาพของเด็กหนุ่มกับกองเลือดเป็นวงกว้าง ยามที่สัมผัสร่างที่ลมหายใจแผ่วเบาลงทุกขณะเขาก็สั่นเทาทุกครั้ง กลัว…กลัวการสูญเสียอีกครั้ง เขายังไม่ทันได้อธิบายว่าได้ไปขอร้องให้อิงฟ้าร่วมมือแกล้งทำเป็นว่าจะแต่งงานกับเขาเพื่อไม่ให้ภูมินทร์ไปไหนก็มาเกิดเรื่องนี้เข้า หากเด็กหนุ่มที่เขาเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมาเป็นอะไรไปเขาคงจะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต “อย่าทิ้งอาไปนะมินทร์ ขอร้อง” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่นานคุณหญิงกาญจนาและอิงฟ้าก็ตามมา “ผมขออยู่คนเดียวเงียบๆ” เรวัตรเอ่ยก่อนจะปลีกตัวเดินไปอีกทางเพราะตอนนี้เขาไม่อยากจะมองหน้าใครทั้งนั้นเว้นแต่ภูมินทร์เพียงคนเดียว “วัตร ให้พยาบาลทำแผลที่มือก่อนเถอะ” “ช่างเถอะน่า แค่นี้ไม่ตายหรอก” ชายหนุ่มขึ้นเสียงใส่ ช่วงเวลาอย่างนี้เขายังจะต้องสนใจตัวเองอีกเหรอ คุณหญิงกาญจนาเดินเข้ามาหาแต่เรวัตรกลับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธอย่างไม่ปิดบัง เพียงแค่เธอเห็นก็ทำให้เธอถึงกับร่ำไห้ทันที แววตาของเรวัตรที่มองมาที่นั้นไม่ต่างจากแววตาของลูกชายในวันที่เธอไม่ยอมรับความรักของทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย “ฉันไม่คิดว่าเธอทั้งสองคนจะรักกันมากขนาดนี้” “อย่าพูดอะไรเลยครับ ผมไม่อยากรับฟังอะไรทั้งนั้น คุณอยากได้อะไรก็เชิญเอาไปเลยครับ แต่สิ่งที่ผมให้ไม่ได้จริงๆคือ…ภูมินทร์” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะไม่สนใจใยดีอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย “ฉันขอโทษ” เธอเอ่ยเพียงแค่สั้นๆง่ายๆก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับผู้ติดตามอีกสองสามวัน เรวัตรเพียงแค่เหลือบสายตามองแผ่นหลังที่เริ่มงองุ้มแต่ยังคงท่วงท่าสง่างามไว้ จากนี้เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ไร่จะถูกยึดไหม เขาจะต้องแต่งงานหรือเปล่าและภูมินทร์จะยังอยู่เคียงข้างเขาต่อไปไหม เขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ “วัตร ไปทำแผลก่อนเถอะนะ” “ฟ้า วัตรไม่เป็นไรจริงๆ” “วัตร ใช่ว่ามินทร์จะอยากเห็นวัตรในสภาพนี้หรอกนะ” หญิงสาวเกลี้ยกล่อมจนชายหนุ่มยอมให้พยาบาลทำแผลที่มือทั้งสองข้าง “ฟ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ” “แต่…” “วัตรอยู่ได้” เรวัตรเอ่ยบอกพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ “งั้นฟ้าไปก่อนนะ ยังไงก็โทรมานะ” ชายหนุ่มพยักหน้า เมื่อเธอเดินจากไปแล้วเขาก็เอาแต่นั่งจ้องบานประตูกระจกฝ้าในใจก็ภาวนาให้ไฟที่ป้ายหน้าห้องฉุกเฉินดับลงเร็วๆ เมื่อนานก็เห็นทั้งหมอทั้งพยาบาลวิ่งเข้าๆออกๆห้องจนเขาต้องรั้งบุรุษในชุดกาวน์สีขาวสะอาดเพื่อถาม “หมอครับ มินทร์เป็นยังไงบ้าง” “คนไข้เสียเลือดมาก ขอตัวก่อนนะครับ” ผู้เป็นหมอสะบัดแขนเรวัตรออกก่อนจะผลักบานประตูห้องฉุกเฉินเข้าไปด้วยความรีบร้อน ทันทีที่ไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลงชายหนุ่มก็รีบลุกพรวดก่อนไปยืนรอหน้าห้องทันที แต่ภาพที่ได้เห็นราวกับเข็มเล่มใหญ่ตอกให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้ ความรู้สึกทั้งชาทั้งเจ็บปวดแล่นไปจับที่ขั้วหัวใจ เตียงคนไข้ที่มีร่างหนึ่งนอนอยู่และถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงตรงนั้นทันที มือทั้งสองข้างที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อตกำเข้าหากันแน่นก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะซบลงกับพื้นและร่ำไห้ราวกับสูญเสียสิ่งที่เป็นเสมือนโลกทั้งใบ “มินทร์!!!…” เรวัตรฟูมฟายพร้อมตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายและคลานเข่าเข้ามาเขย่าร่างใต้ผืนผ้าสีขาวด้วยความหวังว่านี่จะเป็นการปลุกให้เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาอีกครั้ง “ตื่นสิมินทร์ อาบอกให้ตื่นไง ไม่ได้ยินเหรอ!!!…” มือใหญ่เขย่าร่างตรงหน้าอย่างแรงจนบุรุษพยาบาลต้องเข้ามาห้าม “ปล่อย…อย่ามายุ่งกับฉัน” เรวัตรพยายามดิ้นรนจากพันธนาการที่ยึดเขาไว้และด้วยความที่ยังคงเป็นคนหนุ่มทำให้ต้องใช้คนหลายคนในการรั้งชายหนุ่มไว้ “อย่า…อย่าพามินทร์ไป” ชายหนุ่มเอ่ยเมื่อเห็นบุรุษพยาบาลอีกคนกำลังจะเข็นเตียงไป “หยุดได้แล้วคุณ หักใจซะเถอะ” “ไม่!!!…” “นี่…คุณ…ถ้ายังไม่หยุดผมจะเรียก รปภ” “ปล่อย…มินทร์!!!…” เรวัตรตะโกนจนสุดเสียงเมื่อเห็นเตียงที่มีร่างไร้วิญญาณถูกเข็นไปจนลับสายตา ………… …… “คุณ!!!…” เสียงตะโกนดังลั่นพร้อมกับความเจ็บที่ต้นแขนทำให้เรวัตรค่อยๆปรับโฟกัสสายตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตาเพื่อมองคนตรงหน้า “คุณเป็นญาติของคุณภูมินทร์ เชษฐ์วิสุทธิ์ใช่ไหมครับ” “ครับ” ชายหนุ่มยังคงมึนงงกับภาพตรงหน้าแต่ก็เอ่ยตอบรับไป “ผมเห็นคุณงีบไป เลยมาปลุกน่ะครับ คุณภูมินทร์พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ” เรวัตรคลี่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ในใจรู้สึกปรีติอย่างยิ่งจนอดไม่ได้ที่จะกอดบุรุษสวมชุดกาวน์สีขาวตรงหน้าเสียแน่น “ขอบคุณครับหมอ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตคนสำคัญของผมไว้แล้วก็ขอบคุณที่ปลุกให้ผมตื่นจากฝันร้าย” “ยินดีครับ” แพทย์หนุ่มเอ่ยพร้อมทั้งรอยยิ้ม เรวัตรตัดสินใจแล้วว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เขาจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อเด็กหนุ่มคนที่อยู่ข้างกายเขามาตลอดเสียบ้าง อย่างน้อยก็บอกว่า “รัก” สักครั้ง ดังๆชัดๆให้อีกฝ่ายรับรู้ 2BCon… มาอัพแล้วคับ :mc4: ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าห้ามว่าว่าไนท์เอามุขเก่ามาขายนะคับ ฮ่าๆๆ คิดมุขไม่ออกนี่นาเลยขอใช้วิธีที่รีดเดอร์บางคนเคยได้อ่านไปแล้วในเรื่องสั้น ไนท์ทำให้ตกใจเล่นๆ ขำๆ สีสันนะคับ :laugh: ปล เย็นนี้จะไปดู SkyLine คับ ใครดูมาแล้วก็มาแลกเปลี่ยนกันได้ในตอนหน้านะคับ ปล อีกครั้ง ตอบเม้นต์ยกยอดไปคราวหน้านะคับ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน ฮ่าๆๆ เจอกันคับ :กอด1:
ใจหายหมด
ปลอดภัยแล้ว หวังว่าคราวนี้คงทำให้คุณหญิงย่าคิดไ้ด้บ้างนะว่าควรจะทำยังไงต่อไป ส่วนคู่ดลกะวี นึกว่าจะได้อ่านฉากอะจึกอะจึกซะอีก แอบเซ็ง
นี่ไรเตอร์ ถึงมันจะเป็นมุขเก่า แต่ก็ทำคนอ่านจิตตกกันไปเลยทีเดียว :m16: น้องมินทร์รีบฟื้นน๊า คนอ่านรออยู่ ว่าแต่เฮียดลเนี่ยะ อนาคต อาจตายคาอกพี่วีก็ได้นะเนี่ยะ เอิ๊กกกกกกกกก ยั่วกันซ๊า ตายๆๆๆๆๆๆเฮียดลของเค้า :haun4:
:เฮ้อ:โล่งอก
หอบ :L2:มาเยี่ยมไข้น้องมินทร์ ฟื้นเร็วๆนะน้องมินทร์ มุขเก่าก็เล่นเอาคนอ่านใจจะขาดแหละค่ะน้องไนท์ คุณวัตรนี่น้ากว่าจะได้คิดว่าควรพูด ควรทำอะไรๆให้มันชัดเจน ก็เกือบจะสายไปแระ คุณย่าก็เนอะพึ่งคิดได้เหรอว่า "ประวัติศาสร์กำลัจะซ้ำรอย"ทำกรรมไว้กับลูกแล้วยังจะ มาทำกรรมกับหลานซ้ำอีก
ใจหายหมดเลย คนเขียนล่ะก้อ :z3:
:เฮ้อ:
มุขเก่าก็จริง แต่ก็ยังขายได้นะนี่ เพราะทำเอาคนอ่าน วูบนะ ตกใจหมดเลย นึกว่าคนแต่งเล่นแรงซะแล้ว :a5: คุณหญิงย่าคงจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้นใช่มั้ย เสียลูกมาแล้ว อยากเสียหลานอีกป่าว เพิ่งบวกให้พี่แคนกับน้องเพชรไป ยังบวกเพิ่มไม่ได้ ขอบคุณมากนะคะ :3123:
อ๊ายยย ไม่ได้อ่าน 2 ตอน มาม่ากระจุยกระจายยย เครีัยดลงตับแล้วนะน้องไนท์ เป็นกำลังใจให้จ้าา
โล่ง!!! :pig4:
ฝันร้ายยยยยยยยยยย ซะงั้น - -"
ฝัน :laugh: เอาซะตกใจ :call:
เฮ้อ นึกว่าตายจริง :a5: แต่ว่าวีแอบแรงน่ะเนี่ย
-22- แสงสว่างที่แยงตาทำให้เปลือกตาบางค่อยๆเปิดรับก่อนจะหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตา ความอบอุ่นที่มือทำให้ต้องหันหน้าไปมองก่อนจะเห็นคนคุ้นเคยฟุบหน้านั่งหลับอยู่ข้างๆ แต่มือเล็กก็ขยับเพื่อจะเอามืออกมาจากการเกาะกุมแต่นั่นกลับทำให้อีกคนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “มินทร์เป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มรีบเอ่ยถามก่อนจะแตะลงบนผืนผ้ากอซที่พันอยู่ที่ข้อมืออย่างแผ่วเบาแต่เด็กหนุ่มกลับไม่ยอมพูดยอมจาแถมยังเบี่ยงมือหนี ดวงตาคู่สวยมองมายังผู้เป็นอาด้วยแววว่างเปล่าก่อนจะที่ค่อยๆรื้นน้ำตา ทันทีที่หยดน้ำร่วงหล่นลงต้องผิวแก้มปลายนิ้วยาวก็เกลี่ยเช็ดให้ “มินทร์ไม่ตายง่ายๆหรอก” “อย่าพูดเรื่องความตายอีกนะรู้ไหม หืม…อาคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเรา” “ไม่จริงมั้งครับ ไม่มีผมอาวัตรก็ยังมีคนอื่นนี่ คุณฟ้าไงครับ อาวัตรจะแต่งงานกับเธอไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มไม่ยอมตอบอะไรแต่กลับรวบร่างโปร่งเข้ามาไว้ในวงแขน ปลายจมูกกดลงบนเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมล แม้ว่าอีกฝ่ายจะขืนตัวออกแต่เรวัตรกลับตรึงเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมกอด “ฟังอาอธิบายก่อนนะครับ คนดี…อาขอร้องให้ฟ้ามาช่วยทำเป็นว่าจะแต่งงานกันเพราะไม่อยากให้คุณหญิงพามินทร์ไป แต่ยังไม่ทันจะอธิบายให้มินทร์ฟังก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน” “คุณฟ้า รู้เรื่องเราแล้วเหรอ” “อืม…เธอรู้แล้ว” “แล้วเธอ…” “อาบอกเธอทุกอย่างแล้วและบอกกับเธอด้วยว่า…อารักมินทร์” เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปก่อนจะโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนกว้างทันที ท่อนแขนทั้งสองข้างรวบกอดแผ่นหลังกว้างเสียแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหลุดลอยไปไหน ใบหน้าอ่อนเยาว์เปื้อนทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตาแห่งความดีใจ “มินทร์ก็รักอาวัตร รักมากที่สุดในโลกเลย เมื่อผละตัวออกมือใหญ่ก็คว้ามือข้างที่มีผ้าพันแผลขึ้นมาจรดริมฝีปากก่อนจะเป่าเบาๆราวกับร่ายมนต์ให้คนตรงหน้าหายเจ็บ “อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะ สัญญากับอาได้ไหม” “ครับ มินทร์สัญญา แล้วก็ขอโทษที่ทำลงไปโดยไม่ได้คิดให้รอบคอบเสียก่อน” “อานึกว่าจะต้องเสียมินทร์ไปแล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของคนสำคัญเด็กหนุ่มก็ประคองใบหน้าคมเข้มให้เงยขึ้นสบตาก่อนจะแนบเรียวปากลงบนริมฝีปากสีจัด ออกแรงกดย้ำปรับเปลี่ยนองศาให้ลึกซึ้งขึ้น เมื่อละริมฝีปากออกก็กลับมาโอบกอดกันและกันอีกครั้ง “ว่าแต่…คุณย่า…” “คุณหญิงกลับไปอเมริกาแล้วล่ะ” “หมายความว่า…” “เราสองคนจะไม่พรากจากกันไปไหนไงครับ” ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ภายในหัวใจถูกความสุขเติมเต็มในทุกช่องว่าง ตอนนี้ทุกเรื่องก็ดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางทั้งหมดแล้ว “เดี๋ยวพอมินทร์หายแล้ว อาทิตย์นี้เราไปกรุงเทพฯกันนะ ดูเหมือนสองคนทางโน้นเขาคิดถึงมินทร์จะแย่อยู่แล้ว” “ครับ” หลังจากที่เด็กหนุ่มหายดีแล้วผู้เป็นอาก็พาไปยังเมืองหลวงเพื่อไปเยี่ยมอีกสองคนที่หายเงียบไปในพักหลัง แม้ว่าจะมีโทรคุยกันบ้างแต่ก็แค่เพียงประโยคไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบสั้นๆเท่านั้น “ทุกทีอาดลจะโทรมาหามินทร์บ่อยๆแต่ช่วงนี้หายเงียบไปเลยนะครับ อาวีก็เหมือนกัน” “หรือว่าสองคนนั้น…” “อาวีกับอาดลอาจจะยุ่งเรื่องงานก็ได้ครับ อาวัตรนี่ชอบตีตนไปก่อนไข้ทุกที” “ก็ใครกันล่ะครับที่ทำให้อาเป็นแบบนี้ หืม…” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะใช้ปลายนิ้วบีบปลายจมูกของคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู “อาวัตร มินทร์ไม่ใช่เด็กแล้วนะ มาทำแบบนี้อ่ะ” “งั้น…” เมื่อเอ่ยจบก็ฉกฉวยความหวานจากริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว ตีเล็กตีลงบนท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามโทษฐานที่มาทำรุ่มร่าม มือใหญ่คว้าข้อเล็กเพื่อจะกุมไว้แต่อยู่ๆเด็กหนุ่มกลับสะบัดมือหนีและรวบมากุมไว้เอง “เจ็บแผลเหรอ อาขอโทษนะ” เรวัตรเอ่ยก่อนจะค่อยๆจับข้อมือข้างที่เป็นรอยแผลเป็นมาสัมผัสอย่างแผ่วเบาและยกขึ้นมาจรดริมฝีปากเหมือนที่เคยทำเวลาที่อีกฝ่ายเจ็บ “ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ ว่าแต่…เราจะไปหาอาดลกับอาวีที่ไหนล่ะครับ ในเมื่อทั้งคู่ไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย” “ไปที่อพาร์ทเม้นต์ของดลก่อนแล้วกัน” ตอนนี้ทั้งเรวัตรและภูมินทร์กำลังยืนอยู่หน้าประตูไม้เนื้อหนาก่อนที่ชายหนุ่มจะกดกริ่งหลายต่อหลายครั้งจนในที่สุดเสียงปลดล็อคประตูก็ดังขึ้น “วัตร น้องมินทร์” ปฐวีเอ่ยเมื่อเห็นคนคุ้นเคยก่อนจะเปิดประตูให้กว้างและเชื้อเชิญคนทั้งสองเข้าไป “ไงไอ้ดล เดี๋ยวนี้เอาอ่าวกับเขาแล้วเหรอวะ” เรวัตรทักทายเมื่อเห็นเพื่อนคนสนิทนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังจนปล่อยให้ตัวเองดูโทรม แม้แต่หนวดยังไม่ได้โกนด้วยซ้ำแล้วไหนจะจาน ชาม แก้วกาแฟที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบตัวอีก “ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านนะ ข้าไม่ว่างเทคแคร์” ระหว่างที่พูดดวงตาก็แทบไม่ละจากหน้าจอ “เออ…” ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะหยิบน้ำผลไม้ที่แช่อยู่ในตู้เย็นมาส่งให้ภูมินทร์ “เกิดอะไรขึ้นเหรอวี ทำไมอยู่ๆไอ้ดลถึงหันมาเอาการเอางานซะได้” “ก็ดลปฏิเสธการดูแลแองจี้แม่ของเธอเลยถอนหุ้นออกจากบริษัท ดลเลยเสนอจะหาหุ้นส่วนด้วยตัวเองและถ้าได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการให้เป็นประธานเมื่อนั้นคุณแม่ถึงจะยอมให้เราคบกันจริงๆจังๆ” “อ่อ…มิน่า ถึงได้ฮึกเหิมลุกขึ้นมาทำอะไรที่มันขัดแย้งกับตัวเอง” ปฐวีเดินเข้ามานั่งลงข้างๆเด็กหนุ่มก่อนจะเอ่ยถาม “เป็นไงบ้างเรา สบายดีนะ อาขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหาเลย” “ไม่เป็นไรหรอกครับอาวี มินทร์รู้ว่าอาวีมัวแต่ยุ่งอยู่กับคนแถวนี้” เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้จนคนมองต้องแอบแซว “มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นใช่ไหม” “ครับ” “อาดีใจด้วยนะ” “ผมก็ดีใจกับอาวีด้วยนะครับ ที่อย่างน้อยคุณแม่ของอาดลก็ยอมรับระดับหนึ่งแล้ว” ปฐวียิ้มให้แต่เมื่อเห็นรอยแผลเป็นบนข้อมือของเด็กหนุ่มก็หน้าซีดทันที “แผลนั้น เกิดอะไรขึ้นน่ะมินทร์” “นิดหน่อยน่ะครับ แต่แผลนี้ก็แลกกับการที่ผมกับอาวัตรไม่ต้องพรากจากกัน” ชายหนุ่มร่างโปร่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเมื่อเงยหน้ามองนาฬิกาก็รีบลุกไปที่ห้องครัวทันที “วัตรกับน้องมินทร์กินอะไรไหม เดี๋ยวจะทำให้” “นอกจากเค้กส้มแล้ว อาหารที่อาวีทำได้อร่อยที่สุดก็…สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ตามนั้นนะครับ” “ฉันก็เหมือนกัน” ปฐวีพยักหน้าตอบรับก่อนจะกวักมือเรียกให้ภูมินทร์ไปเป็นผู้ช่วย ทั้งคู่อยู่ในชุดกันเปื้อนซึ่งดูแปลกตาไปจากทุกครั้งแต่ก็ทำให้น่ามองอยู่ไม่น้อยจนเรวัตรอดมองไม่ได้ “แม่บ้านของแกนี่น่ารักดีว่ะ จ้างเดือนละเท่าไหร่เนี่ย” เรวัตรเอ่ยแซวเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเอาแต่คร่ำเคร่งกับงาน “จ้างด้วยหัวใจทั้งดวงแล้วก็ทั้งชีวิตด้วย” นภดลละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์เพื่อเงยหน้ามาคุยกับเพื่อน เรวัตรขยิบตาให้หันไปมองสองบุคคลที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหาร “ข้านับถือเลยว่ะที่แกละสายตาไม่มองวีได้” “ขืนมองสิ งานการได้ไม่ต้องทำกันพอดี” เรวัตรหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินคำตอบก่อนทั้งคู่จะเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแทน “กินมื้อนี้เสร็จแล้วก็ขอเชิญคุณนภดลไปอาบน้ำแล้วก็โกนหนวดให้เรียบร้อยด้วย” “ดลกะจะไว้นะเนี่ย จะได้เซอร์ๆ” “อย่างดลน่ะเหรอ ซกมกมากกว่าน่ะสิ” “งานเสร็จเมื่อไหร่นะปฐวี นายโดนครบทั้งต้นทั้งดอกแน่” ชายหนุ่มหุ่นนายแบบเอ่ยก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากิน เมื่ออิ่มก็เตรียมตัวอาบน้ำแต่เข้าห้องน้ำไปได้เพียงครู่ก็โผล่หน้าออกมาเรียกให้คนสำคัญไปหา “มีอะไรให้รับใช้มิทราบครับ คุณชาย” นภดลยิ้มหวานก่อนจะรั้งตัวอีกคนเข้ามาอยู่ภายในห้องน้ำ “นี่…วัตรกับน้องมินทร์ก็อยู่ จะทำอะไรก็หัดคิดถึงคนอื่นเขาซะบ้าง” “แค่โกนหนวดเอง คิดไปถึงไหนน่ะ…หรือว่า…เมื่อคืนยังไม่พอ” “คนลามก” อ้อมแขนกว้างรั้งอีกฝ่ายเข้ามาระยะประชิดก่อนจะส่งครีมโกนหนวดและอุปกรณ์ให้ ปฐวีบ่นพึมพำแต่ก็ยอมทำให้แต่โดยดี ร่างโปร่งเดินมายืนเผชิญหน้าก่อนจะค่อยๆป้ายครีมสีขาวไปตามไรหนวดและบรรจงใช้มีดโกนที่แสนคมทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายเกลี้ยงเกลา นภดลอดมองท่าทางตั้งอกตั้งใจของอีกฝ่ายไม่ได้ เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีที่สุดก็เป็นได้ที่เขามีปฐวีอยู่เคียงข้างในทุกวันนี้ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าจนคนตรงหน้าต้องชะงักมือ “ยิ้มอะไร เดี๋ยวก็โดนบาดเข้าหรอก” “รักนายจัง วี” ปฐวีแอบยิ้มเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาดีใจขนาดไหนที่ได้รับฟังคำหวาน ใบหน้าหมดจดร้อนและแดงก่ำจนคนมองต้องเอ่ยแซว “เขินล่ะสิ” “ทำไมต้องเขินด้วย” “รักดลเหมือนกันใช่ไหมล่ะ รู้หรอก” “รู้แล้วจะถามทำไม คนบ้า” ชายหนุ่มร่างโปร่งเขินอาย เมื่อเห็นว่าอ้อมแขนกว้างจะรวบเข้าไปกอดก็พลิกตัวหลบได้อย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องน้ำปล่อยให้อีกคนคว้าลมเข้ากอดแทนแถมยังยิ้มค้างกับกระจกที่สะท้อนภาพของตัวเอง หวังว่าความรัก…จะหวานแบบนี้เรื่อยไป 2BCon… (มาอัพแล้วคับ :mc4: ฉากหวานๆของทั้งสองคู่ หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบกันนะคับ ก่อนอื่นขอชี้แจงก่อนว่าถ้ามาอัพช้าในบางตอนต้องขออภัยนะคับช่วงนี้ไนท์ต้องทำรายงานน่ะคับ แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่จะเอามาลงให้ทันที ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และการติดตามนะคับ :call:ปล เรื่องนี้ใกล้จบแล้ววววว… ปล อีกครั้ง หนังเรื่อง SkyLine สำหรับไนท์คิดว่าเอฟเฟคอะไรโอเคหมดคับ ยกเว้นตอนจบและเนื้อเรื่องบางช่วง ชวนให้สับสน แต่ถ้าใครชอบแนวมนุษย์ต่างดาวบุกโลกก็คงชอบแหละคับ ปล สุดท้ายจริงๆ ต้องขออภัยด้วยนะคับที่มุขเก่าทำให้ใครหลายต่อหลายคนใจหาย แหะๆ แซวเล่นกันขำๆคับ หวังว่าตอนนี้คงจะทำให้บางคนที่เครียดลงตับ ลงพุงดีขึ้นนะคับ เตรียมเป็นเบาหวานกันต่อไป)
ง่ะ ทำไมตอนท้ายต้องลงท้ายว่า "หวังว่า" และ "เรื่อยไป" ด้วยอะคะ ดูแปลกๆ หรือคนอ่านจิตตกไปเองก็มิรู้ เดียวนี้ไว้ใจคนเขียนไม่ค่อยจะได้ อิอิ ปล.แอบเขินแทนวีตอนโกนหนวดให้ดลเข้าใจความรู้สึกเลยเวลามีคนจ้องเราใกล้ๆมันอ้ายอายเขิ้นเขิน :impress2:
ดีจังเรื่องลงตัวด้วยดีแล้ว :กอด1:
:กอด1: ดีใจจัง ^^
ดีนานๆ หรือดีแปบเดียวนะเนี่ย :เฮ้อ:
จะหวานและลงตัวไปตลอดใช่มั้ยจ๊ะ ก็บอกว่าเตรียมตัวเป็นเบาหวานนี่นา :L2: ขอบคุณมากๆนะคะ
สองคู่ชู้ชื่น :L1:
:เฮ้อ: ลงตัวแล้ว :call:
หวังว่าความรัก…จะหวานแบบนี้เรื่อยไป << แอบหวังด้วยเหมือนกัน
คู่อา-หลาน ฟ้าหลังฝน คู่ดล-วี ก่อร่างสร้างตัว (ใช่ปะ) น้องไนท์จ๊ะ จะมีเหตุการ์อันใดมาทำให้ใจคนอ่าน เต้นผิดจังหวะแบบแรงๆอีกไหมคะ ถ้าจะให้เต้นผิดจังหวะ ก็ขอเป็นจังหวะรักแบบร้อนแรงนะคะ (หึย..พูดแล้วพี่ก็ :o8:นะ)
ค่อยยังชั่วหน่อย เรื่องร้ายๆก็ผ่านไปด้วยดีแล้ว :กอด1: อยากเพิ่มน้ำตาลในเลือดมากเลยคุณไนท์ เพราะได้แต่น้ำตามาหลายตอนแล้ว :monkeysad:
เฮ้อออออ ถอนหายใจโล่งอก เฮือกใหญ่ๆ ค่า ดราม่ามากๆ ไม่ไหว ลมจะจับเอาค่าน้องไนท ^ ^ หวานกันนานๆ นะจ๊ะ คุนพี่รับได้หมดดดด เป็นกำลังใจให้จ้าา
โอ้ย!!! ใจหายไปอยู่ที่พื้น .... ฟ้าเป็นคนดีแล้วเหรอ แบบ ว่าน้ำตามันรื้นขึ้นมาเลย...แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ วัตรฝันได้น่า... มาก น่า อะไรไม่รู้นะคิดไม่ออก วีกับดล ก็เอาใจช่วยให้คุณแม่ยอมรับไวๆนะ ดูแล Take care รักนี้ให้ดี หวังว่าจะหวานๆได้ตลอด ps. ไรท์เตอร์เคยฟังเพลง Fade ของsingular มั้ยค่ะ เราว่าเพราะมากๆเลย
ดีจังที่ไม่ดราม่าแระ ^^
:L1: :L1:
-23- เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส หลังจากที่นภดลต้องทนทำงานหนักตรากตรำมาเป็นระยะเวลายาวนานและวันนี้จะเป็นวันที่เขาจะมีความสุขมากที่สุดในโลก ชายหนุ่มหุ่นนายแบบในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่เดินเข้ามายังห้องโถงของบริษัทด้วยความภาคภูมิ สองข้างทางที่เดินผ่านก็มีพนักงานภายในบริษัทหลายคนกล่าวคำอวยพรและมอบช่อดอกไม้ให้ “ยินดีนะคะ ท่านประธาน” ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่ข้างแก้ม นัยน์ตาเป็นประกายราวกับคนที่เปี่ยมความสุข ทันทีที่เข้ามาในห้องประชุมหัวหน้าฝ่ายแต่ละฝ่ายก็ร่วมกันกล่าวแสดงความยินดี ตำแหน่งที่ได้มาโดยชอบธรรมด้วยความสามารถทำให้ไม่อาจมีใครคัดค้าน ทันทีที่ออกจากห้องประชุมชายหนุ่มก็รีบกดโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรหาคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคนแรกคือ…ผู้เป็นแม่ของเขานั่นเอง “แม่ครับ ดลจะไปรับแม่แล้วเราไปทานข้าวนะครับ” เมื่อผู้ให้กำเนิดตกลงเรียบร้อย นภดลก็รีบขับรถไปหาอีกคนที่บ้านทันที “แม่ครับ วีล่ะครับ” “อยู่ในครัวน่ะลูก” นภดลค่อยๆย่องเดินเข้าไปก็เห็นอีกคนกำลังง่วนอยู่กับการอบเค้ก กลิ่นหอมหวานของครีมเนยอบอวลซะจนใครบางคนเริ่มน้ำลายสอ ร่างสูงเดินเข้าไประยะประชิดก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปสัมผัสแก้มนุ่ม “หอมจัง” ปฐวีหันมาพร้อมกับพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเดินไปล้างมือที่เต็มไปด้วยคราบสีขาวของแป้ง “ทำไมอยู่ๆถึงชวนออกไปกินข้าวล่ะ” “เถอะน่า อ่อ…ชวนแม่ของวีไปด้วยนะ” “ทำไมล่ะ” “เถอะน่า…” “ก็บอกเหตุผลมาสิ” นภดลเลิกสนใจก่อนจะหันไปคุยกับแม่ของปฐวีแทน “แม่ครับ วันนี้แม่ไปทานข้าวกับดลนะครับ” “จ้ะลูก ไปสิ” ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังเดินทางไปยังบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าเพื่อไปรับอีกบุคคลหนึ่งโดยที่ผู้เป็นแม่และปฐวีไม่ได้ล่วงรู้มาก่อน ทันทีที่หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานขึ้นรถมาบรรยากาศก็ออกจะตึงเครียดเล็กน้อยแต่เมื่อเริ่มบทสนทนาหญิงวัยกลางคนทั้งสองกลับเข้ากันได้เป็นอย่างดี ร้านที่นภดลพามาเป็นร้านบรรยากาศสบายๆตกแต่งเน้นธรรมชาติ มีเพลงคลอเบาๆ โดยรวมแล้วเป็นร้านที่จัดว่าดูดีเลยทีเดียว “ดลมีเรื่องอะไรจะบอกแม่หรือเปล่า” “ดีจังที่ข่าวยังไม่รั่ว แม่จะได้รู้จากปากของดลเป็นคนแรก ดลเป็นประธานบริษัทแล้วนะ” พอได้ยินข่าวดีทุกคนก็กล่าวแสดงความยินดีด้วยกับประธานบริษัทที่เต็มไปด้วยความสามารถในทุกๆด้าน “แม่ครับ ช่วงเวลายากลำบากกว่าที่จะมาเป็นวันนี้ได้เพราะดลมีวีอยู่เคียงข้าง แม่ยอมรับเราทั้งคู่เถอะนะครับ” นภดลเอ่ยบอกตรงๆอย่างไม่ปิดบังทำเอาทั้งแม่ของตัวเองและแม่ของคนสำคัญนิ่งอึ้งก่อนจะหัวเราะเบาๆในความตรงไปตรงมา แม้ทั้งคู่จะไม่ได้ตกลงอย่างเป็นเรื่องเป็นราวแต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว “ฉลองที่ดลได้เป็นประธานบริษัทแล้วก็ฉลองวันเกิดของวีไปในตัวด้วย” “อ๊ะ…ลืมวันเกิดไปซะสนิทเลย” ปฐวีเอ่ยก่อนจะยิ้มด้วยความดีใจที่นภดลจำวันเกิดของเขาได้ หลังจากร่วมโต๊ะอาหารกันเป็นที่เรียบร้อยนภดลก็ขับรถไปส่งผู้ให้กำเนิดถึงบ้านก่อนจะขับพาอีกสองแม่ลูกมาส่ง หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีนั่งลงบนโซฟาก่อนที่ชายหนุ่มหุ่นนายแบบคลานเข่าเข้าไปหาก่อนจะก้มลงกราบตักเธอ “แม่ครับ ขอบคุณนะครับที่ให้กำเนิดวีมา” ฝ่ามืออบอุ่นลูบลงบนเรือนผมสีเข้มก่อนจะยิ้มให้อย่างเอ็นดูและเรียกปฐวีลงมานั่งข้างๆ “ดูแลกันและกันให้ดีๆนะลูก” เธอเอ่ยเพียงแค่สั้นๆแต่ครอบคลุมทุกความหมายก่อนจะมือของลูกชายวางลงบนมือของนภดลคล้ายกับว่านับจากนี้ไปเธอไว้ใจฝากให้ดูแลผู้ที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ ทีแรกปฐวีกะจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนผู้เป็นแม่แต่เมื่อโดนนภดลรบเร้ามากเข้าจึงต้องมานอนเป็นเพื่อนคนที่ว่าอยู่คนเดียวไม่ได้ ทันทีที่มาถึงที่พักทั้งคู่ก็เดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาและเปิดโทรทัศน์ดู แต่อยู่ๆปฐวีก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหาของในกระเป๋าสะพาย มือเรียวหยิบกล่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำเงินเข้มผูกด้วยริบบิ้นสีเงินสะท้อนแสงออกมา “ยินดีด้วยนะ ท่านประธาน” ปฐวีเอ่ยก่อนจะส่งของที่ถือให้ นภดลรับมาก่อนจะเปิดออกมาก็เห็นเป็นเนคไทสีโปรด “ผูกให้ด้วยหรือเปล่า” “แน่นอนอยู่แล้ว” ชายหนุ่มรูปร่างโปร่งฉุดมือให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อนทั้งคู่จะยืนเผชิญหน้ากัน มือเรียวค่อยๆปลดเนคไทเส้นเดิมออกก่อนจะวางลงบนโซฟาและหยิบเส้นใหม่ออกมาจากกล่อง นภดลมองใบหน้าที่กำลังตั้งอกตั้งใจก่อนจะอมยิ้มและอดไม่ได้เมื่อเห็นผิวแก้มใสจนต้องหอมเสียฟอดใหญ่ “วันนี้วันเกิดวีทั้งทีแต่ดลกลับไม่มีอะไรให้เลย” “ใครบอกล่ะว่าไม่มีอะไรให้เลย” ปฐวีขยับตัวเข้าไปแนบชิดก่อนจะช้อนตามองอย่างหวานซึ้งปนยั่วเย้า ริมฝีปากอิ่มแตะสัมผัสลงบนเรียวปากบางสีจัดอย่างแผ่วเบาแต่ก็อ้อยอิ่งราวกับเชิญชวนให้ลิ้มลองมากยิ่งขึ้น ปลายนิ้วเรียวไล้ไปมาเบาๆตามแนวโครงหน้าก่อนจะไล่ต่ำลงไปตามแนวลำคอจนหยุดอยู่ที่แผ่นอก “วีอยากได้ของขวัญแล้วล่ะดล” นภดลไม่รอช้ารีบรวบร่างคนช่างยั่วขึ้นมาอุ้มแนบอกก่อนจะผลักบานประตูเข้าไปยังส่วนห้องนอนที่มีเตียงกว้างตั้งอยู่ คงไม่ผิดอะไรถ้าเขาจะให้ของขวัญวันเกิดปฐวีจนกว่าจะล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ เรวัตรคิดว่าตั้งแต่ภูมินทร์ออกจากโรงพยาบาลในครั้งนั้นเขาก็ยังไม่เคยทำเรื่องเซอร์ไพร์เลยสักครั้ง เห็นทีว่าคราวนี้จะต้องทำให้ยิ่งใหญ่ดูสักครั้งเพื่อชดเชยในส่วนที่เด็กหนุ่มเคยเสียใจ “อาวัตร ออกไปซื้อของเพื่อนมินทร์หน่อยสิ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงออดอ้อนก่อนจะเดินเข้ามากอดท่อนแขนใหญ่ “ไม่ล่ะครับ วันนี้อาติดรายการทีวี” “คนใจร้าย ไปคนเดียวก็ได้” ภูมินทร์งอนตุ๊บป่องก่อนจะเดินออกไปห้องไป ตอนนี้ทั้งคู่ได้มาเช่าโรงแรมริมแม่น้ำสายหลักอยู่เพราะไม่อยากรบกวนนภดลซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่จะได้ไม่ต้องมาคอยห่วงกังวล อยากทำอะไรก็ทำได้ตามใจชอบ “ครับ…ช่วยเอาของที่สั่งทั้งหมดมาส่งให้ด้วยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยกับปลายสาย รอไม่นานก็มีคนมากดกริ่ง เมื่อโผล่หน้าไปดูก็เป็นคนมาส่งของ “ต้องการให้ผมช่วยไหมครับ” “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากทำเพื่อเซอร์ไพร์คนรักด้วยตัวเอง” เรวัตรเอ่ยก่อนจะจ่ายเงินค่าของมากมายที่วางเรียงรายอยู่ ชายหนุ่มจุดยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนที่อยู่ในหัวใจก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบทำก่อนที่อีกฝ่ายจะกลับมา ภูมินทร์ที่เดินซื้อของคนเดียวก็นึกบ่นในใจว่าอีกคนคงไม่ห่วงเขาเลยถึงได้ปล่อยเขามาคนเดียวแบบนี้ นึกแล้วก็น่าน้อยใจนัก ยิ่งเห็นหลายคู่เดินควงกันช่วยเลือกของยิ่งทำให้เศร้าในใจ “อาวัตรนะอาวัตร กลับไปจะงอนให้ดู” เมื่อเดินจนพอใจก็กลับไปยังที่พักทันที เมื่อไขกุญแจเปิดห้องก็เห็นผู้เป็นอานอนหลับพริ้มอยู่บนโซฟาในใจก็เกิดนึกอยากจะทำโทษ ฐานที่ปล่อยให้เขาไปเดินเที่ยวเล่นคนเดียว ว่าแล้ว…ปลายนิ้วเรียวก็ค่อยๆเกลี่ยไปตามแผงขนตาหนา คนที่นอนหลับก็หันหน้าหนีด้วยความรำคาญทำให้เด็กหนุ่มหัวเราะคิกคักด้วยความถูกใจ “อาวัตร…” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกได้เสียงแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเป่าลมใส่หูอีกฝ่ายเบาๆ เพียงเท่านั้นเรวัตรก็ลุกขึ้นมานั่งทันที “กลับมาแล้วเหรอ” ชายหนุ่มถามเพียงเท่านั้นก่อนจะรวบร่างของภูมินทร์เข้าไปกอดแน่นก่อนจะจับกดให้นอนลงบนโซฟา “จะทำอะไรน่ะอาวัตร” เด็กหนุ่มเอ่ยถามและเมื่อถูกอีกฝ่ายใช้ผ้าผิดตายิ่งดิ้นเร่าเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ “อาไม่ทำอะไรหรอกน่า แต่มีอะไรอยากให้ดู” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะจูงมือคนที่มองไม่เห็นให้เดินตามทาง เสียงประตูดังขึ้นทำให้ภูมินทร์รู้ได้ทันทีว่าเป็นส่วนห้องพักและทันทีที่ผ้าปิดตาถูกปลดออกเด็กหนุ่มก็ต้องยืนมองอย่างตกตะลึง ลูกโป่งหลากสีที่ลอยอยู่จนติดเพดานมีปลายริบบิ้นห้อยลงมา รูปของเด็กหนุ่มกับผู้เป็นอาติดถูกติดลงบนผ้าสีขาวไข่มุกที่ขึงไว้รอบห้องและมุมห้องริมหน้าต่างบานใหญ่มีแจกันใส่ดอกกุหลาบตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเล็ก เสียงเพลงหวานแว่วให้ได้ยินทำให้ภูมินทร์ยิ้มกว้างทำให้คนที่มองอยู่แทบลืมหายใจ “อ๊ะ…” เด็กหนุ่มร้องอุทานเมื่อเห็นบางอย่างสะท้อนแสงแวววาวอยู่ที่ปลายริบบิ้น ร่างโปร่งรีบปีนขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดดเพื่อคว้ามาดูแต่กลับเสียหลักทำท่าจะล้มจนอีกคนต้องรีบเข้ามาประคองแต่ด้วยความอ่อนนุ่มของฟูกทำให้ล้มลงไปนอนด้วยกันโดยภูมินทร์นั่งคร่อมอยู่ ด้วยท่าทางล่อแหลมทำให้เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “อาวัตร มินทร์เอื้อมไม่ถึง” ภูมินทร์ออดอ้อนเหมือนเด็กทำให้เรวัตรจำต้องเข้ามาอุ้มเพื่อให้อีกฝ่ายเอื้อมไปจนถึงและเมื่อดึงลงมาได้จนสำเร็จเด็กหนุ่มก็มองสิ่งที่สะท้อนอยู่ในมือก่อนจะเงยหน้าสบตาคนที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มปลดริบบิ้นออกก่อนจะปล่อยให้ลูกโป่งลอยขึ้นไปบนเพดานก่อนจะถือเจ้าสิ่งนั้นไว้ในมือ “อารักมินทร์และอยากให้มินทร์อยู่เคียงข้างอาตลอดไปจะได้ไหม” “ครับ มินทร์จะอยู่เคียงข้างอาวัตรตลอดไป” ภูมินทร์เอ่ยก่อนจะวางมือลงบนมือใหญ่ที่ยื่นมาต่อหน้าก่อนจะสวมเครื่องประดับแสดงความรักไว้ที่นิ้วนางข้างขวา “มินทร์รู้ไหมว่าทำไมเวลาคนแต่งงานกันถึงสวมแหวนแทนความรัก” “ทำไมเหรอครับ” “ก็เพราะว่าลักษณะทรงกลมและไม่มีข้อต่อของแหวนแทนความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด ความกลมมนแทนว่ารักนี้ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ” เมื่อเอ่ยไปปลายนิ้วแกร่งก็เกลี่ยไปแก้มนุ่มไปพลางพร้อมกับมองใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างลึกซึ้งมีความหมาย ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ เด็กหนุ่มใช้ท่อนแขนทั้งสองข้างโอบรอบลำคอและเป็นฝ่ายโน้มใบหน้าเข้าไปหาจนในที่สุดริมฝีปากก็แนบสนิท แต่ก่อนที่จะเลยเถิดก่อนเวลาสมควรชายหนุ่มก็รั้งตัวเข้าอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบอกและลูบเรือนผมนุ่มสีน้ำตาลคาราเมลอย่างเบามือก่นจะพาเด็กหนุ่มมายืนชมวิวมองดูแสงไฟจุดเล็กๆจนเหมือนดาวบนผืนดิน สะพานข้ามแม่น้ำประดับประดาด้วยแสงไฟสีเหลืองทองสว่างเป็นแนวยาว “เรากลับเชียงใหม่ครั้งนี้ชวนอาวีกับอาดลไปด้วยนะครับ มินทร์อยากจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆฉลองให้อาดลและเราก็จะชวนพี่ตะวันกับอิงธารแล้วก็คุณศิลามาร่วมงานด้วย” “ได้สิ” เรวัตรตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะยืนกอดเด็กหนุ่มจากทางด้านหลังและทั้งคู่ก็มองดูเมืองศิวิไลซ์ที่ไม่เคยหลับใหลก่อนจะใช้เวลาผ่านค่ำคืนนี้ไปด้วยกันอย่างช้าๆ ในที่สุดก็ได้เข้าใจในความหมายของคำว่า “รัก” เสียที 2BCon… (มาอัพต่อแล้วนะคับ เย่ๆๆๆ :mc4:ตอนหน้าเนื้อเรื่องหลักจะจบแล้วนะคับ ส่วนที่ว่าจะมีตอนพิเศษไหมก็ขอตอบว่ามีแหละครับต้องรอติดตามไปเรื่อยๆ ต้องขอขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆกำลังใจและหนึ่งในแรงบันดาลที่ทำให้นิยายเรื่องนี้มาถึง ณ จุดนี้ได้ ใจจริงก็อยากจะบอกเขานะคับว่าช่วงที่ได้คุยได้รู้จักกันเป็นช่วงที่ดีมากๆเลยก็ว่าได้ คือไนท์จะเป็นคนที่จะทำอะไรต้องมีแรงบันดาลใจไม่งั้นจะทำไม่ได้และเพราะได้แรงบันดาลใจจากเขาและทุกๆคอมเม้นต์จึงต้องขอบคุณที่ต้อนรับกันอย่างอบอุ่น ขอบคุณนะคับ :pig4:) (http://85.17.58.1/cartierbracelet.org/images/200909/thumb_img/Cartier%20Ring-Cartier%20Silver%20Alloy%20Ring%20CA522%201.jpg) PS เครดิตอยู่ในภาพแล้วนะคับ แหวนยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อในฝันเลย ฮ่าๆๆ
:mc4: มีความสุขกันไปทุกคู่เลยเนอะ~ ตอนท้าย แอบเห็นนะว่าน้องมินทร์ไม่ชวนอิงฟ้า 555 ตอนหน้าก็จบแล้วอ่าา แล้วคุณไนท์อย่าลืมแต่งมาอีกเรื่อยๆนะคะ ^^ แอบคิดถึงอิงธารกะพี่ตะวันด้วยล่ะค่ะ.... ปล. เรื่องนี้หว๊านหวานแต่อีกเรื่องกำลังมาม่าได้ที่เลยนะตะเอง o18
วันนี้อ่านไปยิ้มไปด้วยใจเป็นสุขจ้ะน้องไนท์ เอิ่ม..ขอขยับหน้าก่อนนิดนึง...ปวดแก้มค่ะ จะคอยติดตามตอนพิเศษค่ะน้องไนท์ ขอบคุณมากค่ะ.....สำหรับเรื่องราวดีๆ ที่น้องนายสร้างสรรค์มาแบ่งปันเพื่อความสุข
ลงตัวแล้วเนอะ อิอิ อ่านไปยิ้มไป มีความสุขมากค่าน้องไนท์ รอความสุขตอนต่อไปนะจ๊ะ สู้ๆ
อาดลใจดี น่ารักมากมาย
แหวนสวยจัง :L1:
มีความสุขกันซะทีนะทั้ง 2 คู่ :m1: รอตอนจบ และตอนพิเศษจ้ะ :กอด1:
-24- หลังจากที่ตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าสิ้นปีจะขึ้นเหนืออีกครั้งทำให้ทั้ง 4 คนแพ็คของใส่ท้ายรถและออกเดินทางทันที เมื่อถึงจุดหมายปลายทางภูมินทร์และปฐวีอาสาไปซื้อของเตรียมงานปาร์ตี้เล็กๆในคืนนี้โดยมอบหมายให้อีกสองคนทำหน้าที่เชิญคนของไร่อิงดาวมาเข้าร่วม เมื่อทุกคนพร้อมหน้าอยู่ที่โต๊ะอาหารเรวัตรก็บอกจุดประสงค์ที่จัดงานนี้ขึ้นมาก็เพื่อแสดงความยินดีให้เพื่อนสนิทที่ได้เลื่อนตำแหน่งทางการงาน “ยินดีด้วยนะ คุณดล” ศิลาเอ่ยขึ้นก่อนจะชูแก้วทรงสูงที่บรรจุไวน์อยู่ค่อนหนึ่งขึ้นก่อนจะยกจรดริมฝีปาก “ขอบคุณครับ” นภดลเอ่ยพร้อมกับโอบบ่าปฐวีไว้เมื่อเห็นสายตาของศิลามองมาที่คนรักของตัวเองก่อนจะใช้ส้อมจิ้มชิ้นเค้กที่วางอยู่บนจานมากิน “คุณวี ดูเหมือนว่าบางคนจะรู้ตัวสักทีนะครับว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองไม่ได้เกลียดของหวาน แต่พยายามจะทำเป็นไม่ชอบเพราะกลัวใจตัวเอง” ประโยคนั้นทำให้นภดลวางส้อมลงก่อนจะถลึงตาใส่คนตรงหน้า “แรกๆอาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมน่ะทั้งรักทั้งหลงของหวานจนอยากจะกลืนกินตลอดเวลา…จริงไหมวี” ชายหนุ่มหุ่นนายแบบยืนใบหน้าเข้าไปใกล้ผิวแก้มของคนข้างตัวแต่กลับถูกผลักให้ออกห่าง “ทำอะไรน่ะ ดูสิ…คนตั้งเยอะตั้งแยะ” “จะกลัวอะไรล่ะวี ดีซะอีกบางคนจะได้รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” ปฐวีไม่สนใจก่อนจะลุกพรวดขึ้นจนนภดลต้องลุกตาม “ทีหลังอย่าทำอะไรรุ่มร่ามต่อหน้าคนอื่นอีกนะ วีไม่ชอบ” “ดลขอโทษนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยออดอ้อนก่อนจะกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง “คุณศิลา กำลังจะแต่งงานใหม่แล้ววีก็สัญญาไว้ว่าจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้น่ะ อะไรที่นอกเหนือจากเรื่องนี้มันไม่มีหรอกนะ เพราะว่าวีรักดลคนเดียว” นภดลยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังคำหวานอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินอยู่เสมอแต่ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งก็ทำให้หัวใจพองโตคับอกราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ฟัง “แม้ว่าดลจะรู้ตัวช้าไปบ้าง ทำอะไรไม่ดีกับวีไปบ้างแต่ดลก็อยากให้วีรู้ไว้นะว่า…ดลก็รักวีเหมือนกัน ผืนฟ้าจะอยู่เคียงข้างผืนดินเสมอ สัญญา…” ปฐวีผละตัวออกมาก่อนจะยืนเผชิญหน้ากันและยิ้มให้ ปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามโครงหน้าของคนที่เป็นที่รักและเขย่งปลายเท้าขึ้นเพียงนิดพร้อมกับแนบริมฝีปากลงบนซีกแก้ม “หวานจนมดขึ้นแล้ว” เรวัตรตะโกนมาทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกันและเดินกลับมายังโต๊ะอาหารก่อนจะนั่งพูดคุยกับคนอื่นๆตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เราดูคู่นั้นกันต่อดีกว่าน่ะ” นภดลเอ่ยเมื่อเห็นลูกชายของไร่อิงดาวเดินเคียงคู่ไปกับชายหนุ่มร่างสูงแต่งตัวเหมือนคาวบอย “เสียดาย มองไม่เห็นซะแล้ว” ปฐวีเอ่ยเมื่อทั้งคู่เดินหายไปในมุมส่วนตัว ทันทีที่พ้นสายตาของใครหลายคนตะวันก็คว้ามือเล็กกว่าของอิงธารมากุมไว้แน่นก่อนที่ทั้งคู่จะมาหยุดยืนอยู่ริมน้ำตกซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้ในทันทีว่าคนที่เขาจะมอบหัวใจให้คือคนที่ครั้งหนึ่งเคยฉุดเขาออกมาจากเงื้อมมือของยมฑูต ใบหน้าหมดจดระบายรอยยิ้มบางๆทำให้ใครบางคนเผลอมองจนแทบจะลืมหายใจ “ถ้าวันนั้นพี่ตะวันไม่ช่วยธารไว้ ธารก็คงได้จบชีวิตอยู่แถวๆนี้แล้วล่ะฮะ” “ไม่เอาน่า อย่าพูดเรื่องความเป็นความตายสิ” “ธารไม่กลัวหรอกตราบใดที่พี่ตะวันอยู่ข้างๆ” “นั่นแหละ อย่าพูดถึงเลยรู้ไหม” ร่างสูงดึงอิงธารเข้าไปกอดราวกับหวงแหนของมีค่าที่สุด เด็กหนุ่มที่ซบใบหน้าอยู่กับแผ่นอกกว้างอมยิ้มก่อนจะใช้สองแขนโอบอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น “ธาร พี่รักธารนะ” เด็กหนุ่มรีบผละตัวออกมาเพื่อมองใบหน้าอีกฝ่าย แม้ว่าเงามืดบางส่วนจะบดบังแต่ดวงตาคู่นั้นก็สื่อความหมายลึกซึ้งจนทำให้ผู้ฟังถึงกับหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรง “ขอบคุณฮะ พี่ตะวัน ขอบคุณฮะที่รักธาร” อิงธารเอ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ ในที่สุด…ความรักของเขาก็ได้เติมจนเต็มหัวใจของชายหนุ่มตรงหน้า ปลายนิ้วยาวเกลี่ยรอยน้ำตาให้คนตรงหน้าอย่างแผ่วเบาก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน “จูบได้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม อิงธารไม่ได้ตอบแต่ค่อยๆหลับตาลงและไม่นานก็รับรู้ได้ถึงเรียวปากของอีกฝ่ายที่ค่อยๆแนบสนิท มือใหญ่ประคองซีกแก้มนุ่มให้หันตามองศาและเมื่อตักตวงความหอมหวานจนเป็นที่พอใจจึงค่อยๆถอนริมฝีปากออก ใบหน้าใสขึ้นริ้วสีระเรื่อก่อนจะก้มงุดอยู่กับแผ่นอกของเขา ตะวันรวบร่างนั้นเข้ามากอดอีกครั้งและลูบเรือนผมสีเข้ม ที่เมื่อก่อนเขาเคยชอบภูมินทร์ก็คงเพราะภูมินทร์มีส่วนที่น่ารักเหมือนอิงธารล่ะมั้ง ที่จริงเขาอาจจะรักอิงธารตลอดมาโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ภูมินทร์กำลังเตรียมเก็บโต๊ะเนื่องจากเวลานี้ก็เกือบจะเข้าสู่วันใหม่ แต่แล้วหญิงสาวประจำไร่อิงดาวก็เดินเข้ามาช่วย เด็กหนุ่มมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจเพราะยังไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของเธอ “เดี๋ยวผมเก็บโต๊ะเองก็ได้ครับ” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ช่วยเอง” “คือ…” “มินทร์คงรู้สึกแปลกๆใช่ไหมล่ะ แรกๆพี่ยอมรับนะว่าพี่ชอบวัตรมาก แต่เมื่อรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ววัตรเขารักใครพี่ก็…ต้องยอมรับความจริง” “แล้วพี่ฟ้า” “ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวอาทิตย์หน้าพี่ก็จะบินไปอเมริกาแล้ว ที่นั่น…คงจะมีฝรั่งรูปหล่อแสนดีรอพี่อยู่” “ขอให้พี่ได้เจอคนที่ใช่เร็วๆนะครับ” เด็กหนุ่มอวยพรให้หญิงสาวจากใจจริง แม้ว่าครั้งหนึ่งทั้งคู่อาจจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันแต่ตอนนี้เมื่อทุกเรื่องลงตัวหมดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะร้ายใส่กันไปเพื่ออะไร มือเรียวบอบบางของหญิงสาวยื่นมาต่อหน้าเด็กหนุ่ม “เราสองคนมาเป็นเพื่อนกันนะ” “ครับ” ภูมินทร์ยิ้มให้ก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือเธอไว้ การที่มีเธอเข้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆอาของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักเพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ “เพื่อน” เพิ่มอีกหนึ่งคน เมื่อยกจานชามเข้ามาในครัวก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนรออยู่ที่อ่างล้างจาน ผ้ากันเปื้อนสีเข้มที่สวมอยู่เพิ่มเสน่ห์โดยที่คนใส่ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด “อาวัตรใส่ผ้ากันเปื้อนแบบนี้ก็เท่ห์ดีเหมือนกันนะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกก่อนจะวางจานลง “ดีนะที่เป็นสีดำ ถ้าเป็นสีชมพูรับรองว่าอาจะไม่แตะอย่างแน่นอน” ภูมินทร์ยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มมีรอยยิ้มระบายอยู่เช่นกัน “มินทร์มีความสุขมากเลยครับ อาวัตร” “อาก็มีความสุขมากเช่นกัน” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ก่อนสวมกอดร่างสูงจากด้านหลัง ใบหน้าอ่อนเยาว์ซบลงก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังกอดตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ตัวโตอยู่ “อาวัตรรู้ไหมว่าคุณย่าส่งอะไรเป็นของขวัญปีใหม่ให้เรา” “อะไรเหรอ” “ตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-อเมริกา 2 ใบ ท่านบอกว่าอยากเจอเราสองคนมาก เราไปเยี่ยมท่านกันนะครับ” “ได้สิ” “อ่า…รักอาวัตรจังเลย” “อาก็รักเราเหมือนกัน ภูมินทร์” เมื่อทุกอย่างลงตัวความสุขก็มาเยือนกับทุกๆคน แม้ว่าก่อนที่จะมีความสุขอย่างเช่นทุกวันนี้จะต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามากมายก็ตาม เพราะรักแท้คือการฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อพิสูจน์ และเพราะ “รัก” คำเดียว ถึงได้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย เพราะรักคำเดียว ฉันจึงไม่เคยเหลียวไปมองใครคนไหน เพราะรักเธอสุดหัวใจ ต่อให้ต้องพบอุปสรรคมากมาย…ฉันไม่แคร์ ……………………..>>บทสรุป<<……………………. มาอัพบทสรุปให้แล้วนะคับ :mc4: หวังว่าความหวานในครั้งนี้จะทำให้ใครหลายต่อคนชอบกันนะคับ ส่วนตอนพิเศษต้องรอก่อนนะคับจะรีบปั่นให้เร็วที่สุด ขอขอบคุณทุกๆคนนะคับที่ทั้งติดตามอ่านและคอมเม้นต์ให้เสมอมา ขอบคุณจริงๆคับ :pig4:เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ได้ดีที่สุดเลย หวังว่าเรื่องหน้าจะได้รับการต้อนรับอีกนะคับ :กอด1:
ขอบคุณมากค่า หวานฉ่ำจับใจ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เย้ แฮปปี้เอนดิ้ง :mc4: ขอบคุณค่า อย่าลืมเขียนเรื่องใหม่มาอีกน้า :L2:
555 หวานชื่น คืนสุข เข้าหอ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ไนท์จ๋าป้าอยากรู้ตอนส่งตัวเข้าหอ กร๊าาาาาาาาาาาาาาาก ฮิ้ว...........
ในที่สุดก็จบแบบ Happy ending ทุกคู่เลย ขอบคุณน้องไนท์อีกครั้งค่ะ ที่มอบความสุขให้ในระยะเวลาหนึ่ง แน่นอน ผลงานของนักเขียนอีกคนในดวงใจ จะเป็นเรื่องใด ก็ต้องรออ่านแน่จ้ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง น้องไนท์ดูแลตัวเองนะจ๊ะ
^ ^ จิ้มทุกๆท่านด้านบนคับ ไนท์เองก็ต้องขอบคุณเช่นกันคับ @WhatLoveIs - ->จัดให้หวานๆไปเลยคับ @silverspoon - ->คับ ไนท์จะเขียนเรื่อยๆจนกว่าจะไม่มีพลอท ฮ่าๆๆ @คุณพี่นัท - - >เป็นคำขอที่ยากมากคับคุณพี่ แต่ถ้าไนท์ได้ฟีลจะลองแต่งให้ได้อ่านนะคับ แต่ไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ฮ่าๆๆ ปล คุณพี่นัทอัพนิยายไวๆนะคับ คนรอจะลงแดง พระเอกกับนายเอกยังไม่เจอกัน @คุณพี่แก้ว - - >ไนท์ก็ต้องขอบคุณนะคับที่คุณพี่แก้วคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้เสมอ ปล รักษาสุขภาพเช่นกันคับ
:-[ :m1:
หวานนนน น้ำตาลในเลือดพุ่งกระฉูด :o8:
อ่าาาาา คู่พี่ตะวันอ่ะ น้อยไปป่ะ อยากอ่านคู่พี่ตะวันอีกนะเนี่ย
หวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มีความสุขกันทุกคน ว่าแต่อีตาศิลายังจะแต่งานอีกหรอเนี้ยย ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆบนเครียดนิดๆหน่อยๆ และจะตามเป็นกำลังใจต่อไปค่ะ :L2:
:L1:จบแบบมีความสุขทุกคู่ :กอด1: :กอด1:คนแต่งน่ารัก :กอด1:
มีความสุขกันทุกคู่เลยอะ แอร๊ยยยยยย ชอบ :m11: +1 สำหรับตอนจบแบบหมดท่วมจอ :m1: :กอด1: น้องไนท์
มาอ่านสองตอนสุดท้่าย จบพอดีเลย มีความสุขกันถ้วนหน้าเพราะทุกอย่างลงตัว แม้จะต้องพบเจอกับปัญหาและความเจ็บปวดกันหลายอย่าง แต่ก็ฟันฝ่าจนมีวันแห่งความสุขกันได้ บวกอีก 1 แต้ม ขอบคุณน้องไนท์ค่ะ ขอให้คนแต่งมีความสุขมากๆเฉกเช่นเดียวกับตอนจบของเรื่องนี้นะคะ
รอพี่ตะวันอีกนิด o13
จบแบบความสุขทะลักเลยค่าน้องไนท์ ขอบคุณมากๆ ที่แต่งเรื่องที่มีความสุขแบบนี้ให้อ่าน ดูแลตัวเองด้วยจ้า ^ ^
ขอให้รักกันนานๆนะครับ :กอด1:
อ่านรวดเดียวจบเลยครับ! น่ารักมากครับ เป็นนิยายที่อ่านไปยิ้มไปได้ตลอดเรื่องเลยครับ ขอบคุณมากครับ
เย้ๆ จบแบบนี้ ชอบที่สุดเลยครับ รอตอนพิเศษอยู่นะครับผม
ตอนพิเศษยังมีใช่มั๊ยครับ? มีความสุขจังที่ได้อ่านเรื่องนี้ +1 :L2: :L2: :L2: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ไม่รู้ว่าแรงบันดาลใจของคนเขียนจะใช่แรงบันดาลใจจากเรามั้ยนะ อยากบอกว่ายังคิดถึงน้องมินทร์เสมอๆ นะครับ (กับคนเขียนเองก็ยังคิดถึงเช่นกัน....จากใจจริงครับ)
:mew1:
ขอบคุณค่ะ เป็นพล็อตง่ายๆ แต่คนอ่านชอบมากๆๆๆๆๆ อ่าสนุกทุกตอนค่ะ ^^
บทของอิงธารมันดราม่าจิงๆนะ เคยอ่านแล้วก็ยังเสียน้ำตาอยู่ดี