เรื่อง GPA นี่บอกไม่ได้หรอกนะคะว่าเราสามารถสอบติดแพทย์ได้รึป่าว เพราะมาตรฐานแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน
แต่ถ้าจะยุติธรรมและไม่ข้องเกี่ยวกับ GPA เลย ก็เน้นเรื่องการสอบรับตรงนี่แหละค่ะ (บาง ม. การรับตรงอาจมีการใช้ GPA บ้างแต่ก็เปอร์เซนต์นิดหน่อย ไม่เครียด)
น้องลองเอาข้อสอบรับตรงของม.ต่างๆ หรือข้อสอบเอ็นท์ปีต่างๆ มาลองทำ แล้วจับเวลาดูนะคะ ถ้าได้ 60-70 เปอร์เซนต์ขึ้นไปอ่ะ มีโอกาสสอบติดแพทย์สูงค่ะ (แต่จริงๆ แล้วผลสอบอ่ะ 50 กว่าๆ ก็ติดนะ)
แต่ตอนฝึกทำเองมันก็คงไม่ตื่นเต้นเท่าตอนสอบจริงอยู่แล้วแหล่ะ เพราะฉะนั้น ตอนฝึกทำ ต้องพยายามให้ได้เปอร์เซนต์สูงๆ ไว้
น้องลองเชคดูนะคะว่ามีที่ไหนที่สอบรับตรงบ้าง คือพี่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เค้าเปลี่ยนรูปแบบการรับสมัครรึป่าว แต่ช่วงพี่อ่ะนะ(เมื่อ 2 ปีที่แล้ว) แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีการสอบรับตรงอ่ะ เช่นที่ม.ขอนแก่น จะมี 3 ครั้ง คือ
1.รับตรงโดยคณะแพทยศาตร์ ซึ่งจะรับเฉพาะคณะแพทย์ (และทันตะซึ่งเพิ่งจะเพิ่มมา ตอนนี้รับคณะอื่นเพิ่มอีกมั๊ยไม่แน่ใจ) อันนี้จะรับเดือน ก.ย. นะ (อันนี้ใครพร้อมก่อนก็สอบได้ก่อน)
2. คือรับตรงของม.ขอนแก่น ช่วงเดือน พ.ย. อ่ะ อันนี้จะรับทุกคณะเลย 1 คนมีสิทธิ์เลือกได้คณะเดียว
3. รับพร้อมกันทั่วประเทศที่เค้าเรียก กสพท ประมาณนี้มั้ง อันนี้รุสึกจะเกี่ยวข้องกับคะแนนพวกแกทแพท อะไรด้วยนี่แหละมั้ง (ที่เค้าเรียกว่ารับโดยส่วนกลางอ่ะ แข่งกันทั่วประเทศ เปอร์เซนต์ได้ต่ำมาก เพราะคนแข่งกันเยอะ)
อันนี้คือของม.ขอนแก่นนะ(ตอนที่พี่สอบ) คือจะสื่อว่า ม.เดียวนี่ก็มีสอบหลายรอบไง ถ้าพลาดรอบนี้ ก็ยังมีให้สอบอีกรอบ มีโอกาสให้เราไง
แล้วทีนี้สำหรับ ม.อื่นก็จะมีการสอบรับตรงด้วย อย่าง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒก็มีสอบรับตรง บางปีก็สอบพร้อม ม.ขอนแก่น(ช่วง พ.ย.) ม.อื่นพี่ไม่แน่ใจค่ะ แต่คิดว่ามีแน่ๆ
แล้วข้อสอบรับตรงของแต่ละ ม. อ่ะ ม.นั้นจะออกเอง เพื่อคุณภาพของเด็กที่เค้าจะได้ไง พี่ว่าถ้าสอบรับตรงได้แล้วมันจะสบายใจมาก ไม่ต้องมาบ่นเรื่องข้อสอบว่าไม่มีมาตรฐาน(เช่นถามการซักผ้าหรือนับเม็ดถั่ว 555+)
ข้อดีอีกอย่างของการสอบรับตรงคือ ข้อสอบเก่าที่สอบไปแต่ละปีอ่ะ จะเป็นแนวทางให้เราได้ดีมากๆ เลย เพราะสอบเสร็จ รร.ที่เป็นสนามสอบเค้าก็จะแจกข้อสอบให้อ่ะ(แต่หลังจากสอบเสร็จไปแล้วหลายวันอยู่นะ)
อย่างพี่นะ ช่วงที่พี่สอบอ่ะ พี่มีข้อสอบเก่าย้อนหลัง(มข.) 2 ปี พี่ก็อ่านๆ แล้วก็ฝึกทำโจทย์ ทำให้ได้ทุกข้ออ่ะ ให้รู้แนวว่า เออ เค้่าถามแนวนี้นะ อย่างพวกคณิตศาตร์อย่างงี้ คงเป็นไปไม่ได้ใช่มั๊ยที่จะออกครบทุกบท เราก็มาดูว่า
แต่ละปีบทไหนที่เค้าออกแน่ๆ แล้วออกประมาณไหน
พี่ว่าพี่เน้นเรื่องข้อสอบนะ แบบข้อสอบทุกอย่างอ่ะ ข้อสอบเอ็นท์ปีเก่าๆ ตั้งหลายสิบ พศ.อ่ะ ทำไปเถอะ จะได้เชคตัวเองไงว่าเรารู้ตรงประเด็นรึป่าว
ไม่ใช่อ่านหนังสือไปเรือ่ยๆ อ่านเยอะ รู้เยอะเกินไป แต่อาจจะรุ้ไม่ตรงประเด็นไง บางอย่างในหนังสือเค้าก็เพิ่มเติมให้เราเพื่อความเข้าใจ แต่ไม่ใช่ว่าเรา ต้องรู้
เพราะฉะนั้นน้องต้องแยกให้ออกว่า อะไรคือสิ่งที่
"น่ารู้ ควรรู้ และ ต้องรู้" สิ่งที่ต้องรู้คือส่ิงที่จะนำมาออกข้อสอบไง แล้วส่ิงที่ต้องรู้มันก็คือส่ิงที่ออกในข้อสอบบ่อยๆ นั่นแหละ
เทคนิคของพี่คือฝึกทำข้อสอบเยอะๆ แล้วตรงไหนไม่เข้าใจค่อยไปเปิดอ่านในหนังสืออีกที มันจะช่วยเซฟเวลาได้เยอะมากกกก
พี่ไม่ได้เป็นคนเรียนเก่งมากมาย แถมเป็นคนขี้เกียจอีก ติดนิยายมากกกกกกกก ขี้เกียจอ่านหนังสือ แต่เน้นทำข้อสอบ ทั้งข้อสอบเอนท์ ข้อสอบรับตรงของ ม.ต่างๆ
ทำไปทำมามันก็ชิน พร้อมสอบทันทีตอนเดือน กย. พอสอบติด เปิดมาเทอมสองก็สบาย เพราะฉะนั้นเลยอยากให้น้องๆพยายามหาข้อมูลเรื่องการรับตรงของม.ต่างๆ นะคะ
แต่ถ้าไม่ได้สอบรับตรง ต้องการสอบแอดกลางทีเดียวเลย เทคนิคการฝึกทำข้อสอบแล้วค่อยอ่านเฉพาะส่วนที่เราไม่เข้าใจเนี่ย ก็ยังเป็นวิธีที่ได้ผลนะคะ คอนเฟิร์มม !!!
เป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนนะคะ พยายามซะอย่าง อะไรก็ไม่ไกลเกินเอื้อมหรอกค่ะ (พี่ติดนิยายจะตาย พี่ยังสอบได้เลย สู้ๆ นะคะ
)
อ่อ...น้องๆ พังระลึกไว้เสมอว่า
สอบเข้าว่ายากแล้ว แต่เรียนให้จบเนี่ย ยากกกกยิ่งกว่าค่ะ -_-"
ปล. ม. ย่อมาจาก มหาวิทยาลัยนะคะ เผื่อบางคนงง แหะๆ
ปล.2 . หมอ = แพทย์, หมอฟัน = ทันตแพทย์ นะคะ อันนี้ไม่ได้ขำ แต่ผู้ปกครองบางทันไม่รู้จริงๆ พี่โดนถามบ่อยมากว่าจบมาจะเป็นหมออะไร จะเป็นหมอฟันมั๊ย (ถามอย่างนี้จริงๆ หลายท่านมาก)
ไม่รู้พิมพ์อะไรยั้วเยี้ยมากไปรึป่าว ถ้าอ่านแล้วงงๆ หรือสงสัยอะไร หลังไมค์ได้นะคะ ช่วงนี้ว่างจัด 555+ ( เปิดเทอม 25 เมษา เหอะๆ ใกล้แระ)