ด้วยรัก♥และคิดถึง
พ.ศ. ๒๔๒๓ ท้องฟ้าสีแสดค่อยๆจางหายไป ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ ความมืดใกล้เข้ามาปกคลุม นั่นหมายถึงเวลาใกล้พลบค่ำแล้ว แต่ร่างบางของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งมิได้อนาทรร้อนใจหรือกังวลต่อความมืดสักนิด เขายังคงพายเรือไม้ลำน้อยไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดที่กอบัวหลวงแสนสวย มือบางสีขาวนวลยื่นไปจับก้านแล้วดึงขึ้นมาดอกหนึ่ง
กลีบบางสีชมพูอ่อนเบ่งบานเต็มที่ ซึ่งอีกไม่นานก็คงจะแห้งเหี่ยวเฉาตายไปตามกาลเวลา เด็กหนุ่มไล้นิ้วไปตามกลีบบางๆของดอกบัวอย่างเหม่อลอย ไพร่ความคิดไปถึงใครคนหนึ่งที่อยู่ห่างไกล..
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆอย่างอ่อนล้า
ไม่ใช่อ่อนล้าที่กาย..แต่เป็นอ่อนล้าในหัวใจ..
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาอย่างอ่อนหวานเมื่อนึกถึงหน้าใครคนนั้น แต่หากมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่งามจะพบว่ามันช่างเศร้าเสียเหลือเกิน ดวงตาใสคล้ายแก้วเคลือบไว้เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ก่อนจะหยดลงบนกลีบดอกบัวสีชมพูอ่อนแล้วหายไป เด็กหนุ่มใช้นิ้วปาดน้ำตาทิ้ง เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ความมืดคืบคลานมาเรื่อยๆ ก่อนจะวางดอกบัวไว้บนตัก จับไม้พายแล้วออกแรงพายเรือลำน้อยไปยังศาลาริมน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก
เงาตะคุ่มที่อยู่บนศาลาทำให้มือที่กำลังพายเรือหยุดกึก เพ่งมองอย่างสงสัยและตื่นเต้น
ใช่ไหม? ใช่เขาหรือเปล่า?
ความคิดนั้นทำให้เจ้าตัวรีบเร่งพายเรืออยากให้ไปถึงศาลาโดยเร็ว หัวใจเต้นกระหน่ำ สองมือสั่นไหว
ขอให้ใช่ทีเถอะนะ..ขอร้องเถอะ..
เมื่อมาถึงศาลา เด็กหนุ่มรีบผูกเชือกเรือกับตอไม้ที่ปักไว้ แล้วรีบจนแทบกระโดดขึ้นบนพื้นไม้หน้าศาลาอย่างใจร้อน สองตาสอดส่ายมองหาคนที่คิดว่าจะได้เจอ สองเท้าวิ่งวุ่นทั่วทั้งศาลาแต่ไม่พบแม้เงาของใคร
ความดีใจ ตื่นเต้น และความหวังมลายหายไปจนสิ้น..
ความเหงา เศร้า และไร้หวังเข้ามาอีกครา..
น่าจะชิน..แต่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางจะชินกับความผิดหวังได้เลย..
ได้แต่คร่ำครวญถามว่าเมื่อไหร่จะได้พบ..
ซึ่งได้แต่ความเงียบแทนคำตอบ..
น้ำตา..จึงเป็นสิ่งที่มีในตอนนี้และอาจตลอดไป..
เสียงพูดคุยที่ดังหน้าเรือนไม้ชั้นสอง ทำให้สองเท้าที่ก้าวย่างอย่างอ่อนล้าหยุดกึกอยู่กับที่ เพ่งมองขึ้นไปเห็นท่านพระยานฤมิตรกำลังพูดคุยแกมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับใครคนหนึ่งซึ่งเขามองไม่เห็นหน้า เพราะฝ่ายนั้นยืนหันหลังอยู่
“คุณจันทร์!?” เสียงเรียกอย่างร้อนใจดังมาจากข้างหลัง เขาหันไปมองเห็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า ก้มงอตัวหอบฮักๆอย่างเหน็ดเหนื่อย ปากพะงาบๆจะพูดอะไรสักอย่าง
“ใจเย็นๆนายพิน หายเหนื่อยค่อยพูดก็ได้ เดี๋ยวจะหายใจไม่ทันเป็นลมเป็นแล้งไปหรอก” คุณจันทร์ปรามอย่างเอ็นดู แก้มป่องๆของคนตรงหน้าปรากฏสีแดงเรื่อ เสื้อที่ใส่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ มิใช่ว่าทาสในเรือนเบี้ยคนนี้วิ่งตามหาเขาไปจนทั่วทุกที่หรอกหรือนี่
“คุณจันทร์ไปไหนมาหรือขอรับ กระผมตามหาเสียทั่ว แอบหนีไปเที่ยวไม่ยอมบอกกันเลย ยายแม้นพอรู้นะเอาไม้ไล่ตีกระผมใหญ่เลยที่ไม่ดูแลคุณจันทร์ให้ดี โดนหัวตั้งสองที โดนหลังอีกสามทีแหน่ะ” เจ้าตัวร่ายยาวบ่นกระปอดกระแปดตามนิสัย จันทร์เจ้าไม่ได้ถือโทษเคืองโกรธที่โดนทาสบ่นแกมต่อว่า หากแต่หลุดขำน้อยๆเมื่อมองท่าทางค้อนประหลับประเหลือกของคนตรงหน้าแทน
นายพินก็เปรียบเสมือนเพื่อนและน้องชายของเขาคนหนึ่ง คุณจันทร์เและพินเติบโตมาด้วยกัน โดยการเลี้ยงดูของยายแม้นซึ่งเปรียบเสมือนเป็นแม่คนที่สองของคุณจันทร์ ซึ่งคุณหญิงประไพที่เป็นแม่แท้ๆได้เสียชีวิตลงหลังจากคลอดคุณจันทร์ได้เพียงอาทิตย์เดียว
นายพินแม้นจะเป็นแค่ทาสในเรือนเบี้ย แต่เขาก็ไม่ได้นึกรังเกียจ แบ่งแยกชนชั้น หรือทำตัวสูงส่งกว่าผู้ใด
คนก็คนเหมือนกัน..ต่างแค่เกิดมาในฐานะอะไรเท่านั้นเอง..
นายพินและเขาจะทำตัวเป็นกันเองก็ต่อเมื่ออยู่กันสองคนเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นนายพินก็ทั้งเคารพและบูชาคุณจันทร์ของมันเหนือสิ่งอื่นใด
“เอ้า! บ่นพอรึยังมีอะไรก็ว่ามาได้แล้ว” คุณจันทร์ว่า
สองตากลมโตของนายพินฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกระแอมบอก
“ก็ไม่มีอะไรหรอกขอรับ พอดีคุณท่านพระยานฤมิตรเรียกหาคุณจันทร์ เห็นมีคนอยากจะแนะนำให้คุณจันทร์รู้จักขอรับ”
ร่างบางนิ่งรับฟังก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนสองคนที่กำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ก่อนจะถาม
“ใช่คนที่ยืนอยู่กับคุณพ่อใช่หรือไม่”
“ใช่ขอรับ” นายพินตอบแล้วพูดเร่งเร้า
“คุณจันทร์รีบขึ้นไปบนเรือนเถอะขอรับ คุณท่านรออยู่”
“อืม” พยักหน้าหงึกหงัก แล้วออกเดินก้าวเท้าขึ้นบันไดอย่างไม่รีบเร่ง นายพินเดินตามหลังนายของมันไป
คุณจันทร์ของไอ้พินจะต้องมีความสุขเป็นแน่หากได้พบกับ..
เจ้าตัวยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุขมองตามหลังบอบบางของคุณจันทร์
"เอ้า! ลูกจันทร์ไปไหนมา กลับมาเสียมืดค่ำป่านนี้" พระยานฤมิตรเอ่ยทักเมื่อเห็นบุตรชายที่รักยิ่งแก้วตาดวงใจโผล่มาให้เห็นหน้า วันนี้ท่านออกไปล่องเรือกับท่านพระยาบวรวงศ์เพื่อนสนิทมาถึงได้กลับค่ำ และได้พบกับหลานชายที่เพิ่งรับราชการทหารได้ไม่นานโดยบังเอิญจึงได้ชวนมาพักที่เรือนก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางกลับบ้านเกิดที่อยู่อีกจังหวัดนึง
เสียงทักของพระยานฤมิตรทำให้บุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายหันไปมองบุคคลที่มาใหม่อย่างสนใจ ริมฝีปากหนายกยิ้มบางเบาส่งไปให้
คุณจันทร์ยืนนิ่งงันเมื่อเห็นหน้าใครคนนั้นอย่างชัดเจน ดวงตากลมโตสีอ่อนเบิกโพลงอย่างไม่คาดฝัน ในอกเต้นระส่ำ
ทั้งดีใจและตื่นเต้น..จนทำตัวไม่ถูก
ร่างบางหันหลังกลับเดินแกมวิ่งลงบันไดมาด้านล่าง แล้ววิ่งออกไปนอกเรือนอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง เสียงเรียกทั้งของนายพินและคุณพ่อไม่ได้เข้ามาอยู่ในโสตประสาทเพียงแต่น้อย หากมีเพียงใบหน้าคนๆนั้นที่ยังอยู่ในห้วงคำนึง แม้จะคิดถึงและดีใจเพียงใด แต่กลับไม่กล้าเข้าไปหาและพูดคุยอย่างที่ใจคิด กลับวิ่งหนีออกมาเยี่ยงคนขี้ขลาด เพราะอะไรน่ะหรือ..
ทำตัวไม่ถูก..
ใช่แล้วล่ะ..เขาทำตัวไม่ถูก..กับใครคนนั้นที่ไม่ได้เจอมาสองปีเต็มๆ
ร่างบางหยุดยืนมองศาลาเบื้องหน้า..นี่เขาวิ่งมาไกลถึงนี่เชียวหรอกหรือ..
เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาเบื้องหลังหยุดลง คุณจันทร์นึกว่าเป็นนายพินจึงหันกลับไปมอง
"น้องจันทร์วิ่งออกมาทำไมหรือจ๊ะ" เสียงทักของคนตรงหน้าทำให้ขาที่หยุดลงแล้วเตรียมจะวิ่งอีกรอบ
"น้องจันทร์พอเถิด ไม่ต้องวิ่งหนีอีกแล้ว" ร่างสูงว่าก่อนจะเดินตรงมาหาคุณจันทร์ที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้วิ่งหนีตนอีกแล้ว
"ทำไมถึงได้วิ่งพรวดพราดออกมาเยี่ยงนี้ล่ะ..ทำอย่างกับโดนผีหลอกเสียอย่างนั้น" ชายหนุ่มกล่าว เท้าก้าวเดินยื่นมือจะไปจับคนตรงหน้า แต่ฝ่ายนั้นถอยหลังหนี
เทพลักษณ์สูดหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนออกเพ่งมองคนร่างบางผิวขาวตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง ไม่ปิดบังความรู้สึก
ทั้งโหยหา คิดถึง และรัก..สุดหัวใจ
คุณจันทร์ก้มหน้าไม่ยอมสบตา ทั้งยังใบหน้าร้อนผ่าวนั่นอีกที่ทำให้ตนทำตัวไม่ถูก แม้จะไม่ได้เจอหน้ากันนานแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงเฝ้ารอคนตรงหน้านี้อยู่เสมอ ทั้งที่เจอกันแล้ว แต่ก็ดันทำตัวแปลกๆออกไปอีก นึกโมโหตัวเองไม่น้อย
"น้องจันทร์กลัวพี่?..หรือเจ้ารังเกียจพี่แล้วหรือจ๊ะ"ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อทำให้คุณจันทร์รีบเงยหน้าขึ้นมาปฏิเสธ
"เปล่านะขอรับ จันทร์ไม่ได้คิดอย่างนั้น" สองมือโบกไปมาอย่างร้อนใจ กลัวอีกฝ่ายโกรธ
"แล้วน้องจันทร์วิ่งหนีพี่มาทำไม.. พี่นึกว่าเจ้าจะโกรธเกลียดพี่เสียแล้ว" เสียงทุ้มพร่าระคนน้อยเนื้อต่ำใจที่เห็นคนรักทำราวกับไม่คิดถึงกัน
"ก็น้อง..วางตัวไม่ถูกนี่ขอรับ พี่เทพจะมาก็ไม่บอกล่วงหน้า น้อง..แค่เตรียมตัวไม่ทัน" ไม่ใช่แค่ตัวหรอก หัวใจดวงน้อยดวงนี้ก็เช่นกัน..
ร่างสูงกำยำอมยิ้มมองคนร่างบางตรงหน้าแก้ตัวอย่างรักใคร่ อยากจะรวบตัวมากอดแล้วหอมให้หายคิดถึง แต่กลัวเจ้าตัวจะวิ่งตะเหลิดหนีหายไปอีก
"น้องจันทร์..พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน..รู้ไหม? ในยามที่ห่างไกลจากน้องไม่มีสักเสี้ยวเวลาเดียวที่พี่จะไม่คิดถึงน้องเลย " เทพลักษณ์พูดทุกคำที่อยู่ในใจ สายตาเชื่อมหวานมองคนรักด้วยความเสน่หา คุณจันทร์ไม่ได้ตอบว่าอะไรได้ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย ในอกเต้นถี่ราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นร้อนวูบวาบ
"น้องคงไม่ได้คิดถึงพี่เลย..คงมีแต่พี่เพียงผู้เดียวที่ยังเฝ้าคิดถึงน้องทุกวัน..เอาล่ะพี่ไม่กวนน้องแล้ว เจ้าจะได้ไม่ต้องทำตัวไม่ถูกอีก" สิ้นคำตัดพ้อนั่น ร่างสูงก็หันหลังกลับแต่ไม่ได้เดินออกไปเสียทีเดียว เพราะกำลังรอปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามอยู่
ขอแกล้งสักหน่อยเถอะ ข้อหาทำตัวน่ารัก..
คุณจันทร์หัวใจวูบไหว เมื่อเห็นคนรักตัดพ้อ แล้วท่าทางหงอยเหงานั่นอีก สองขาเพรียวยาวก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปจับกุมมือของอีกฝ่ายไว้อย่างลนลาน ใจไม่สู้ดีนัก
"พี่เทพอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ความจริงแล้วน้อง..คิดถึงพี่เทพมากนะขอรับ"บอกไปก็กัดปากไปด้วยความเขิน
เทพลักษณ์จ้องมองคนรัก มองทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผมตรงสีเข้มที่ยาวประบ่า ตัวสูงเสมอไหล่เขาแล้ว ดวงหน้าคมหวานซึ้ง จมูกโด่งรับกับริมฝีบางบางระเรื่อ สองแก้มแดงปลั่ง
เหตุใดถึงได้น่ารักเพียงนี้นะ น้องจันทร์ของพี่..
เทพลักษณ์รวบตัวคนตรงหน้ามากอดไว้ทั้งตัว อ้อมแขนแกร่งรัดร่างเล็กไว้ราวกลับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป คุณจันทร์ตอนแรกก็ตกใจที่ถูกกอดโดยไม่ทันเตรียมตัว แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนเพราะใจก็คิดถึงคนรักมากเช่นกัน
ทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก นอกจากกอดกันแน่นถ่ายทอดความรู้สึกที่มากล้นอยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้สัมผัส
ว่าคิดถึง..และรักมากเพียงใด..♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥
สวัสดีนักอ่านทุกท่านนะคะ มาลงเรื่องสั้นอีกแล้ว อิอิ ความจริงเรื่องนี้เราแต่งไว้นานมากกกแล้ว แล้วก็มีโครงการจะทำเรื่องยาวด้วย แต่เพราะยังแต่งได้แค่ตอนเดียวเอง เลยเก็บไว้ในกรุ เพิ่งได้เอามาปัดฝุ่นแต่งเพิ่มเติมเล็กน้อย เลยออกมาประมาณนี้แล ฝากอ่านเรื่องสั้นๆเรื่องนี้ด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ
ปล. ถ้ามีโอกาสได้แต่งเรื่องยาวเรื่องนี้จะมีชื่อว่า ด้วยรักและอธิษฐาน จ้า
ปล. ตอนนี้นักเขียนมีเพจเป็นของตัวเองแล้วนะคะ ว่างๆก็แวะไปทักทายกันบ้างนะจ๊ะ กลัวเพจเงียบ อิอิ