เช้านี้เป็นเช้าที่ผมตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก เพราะตื่นมาด้วยอาการสะโหลสะเหลไม่ต่างอะไรจากซากศพเดินได้ จะอะไรซะอีกล่ะ เมื่อคืนนี้ผมนอนไม่หลับน่ะสิ มันสืบเนื่องมาจากเรื่องเมื่อวานอย่างไม่ต้องสงสัย ผมกังวลกับข่าวบันเทิงของเช้านี้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และรู้สึกประสาทเสียในหน่อยๆ ตอนเดินออกไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่เสียบอยู่หน้าห้อง
ผมเดินกลับมานั่งลงตรงโต๊ะอาหาร พร้อมกับแก้วนมและหนังสือพิมพ์ในมือ กระดกนมในแก้วรวดเดียวจนหมดเป็นการย้อมใจก่อนจะเปิดหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไปเรื่อยๆ ในใจภาวนาว่าอย่าให้มีข่าวของตัวเองกับหมอนั่นลงอยู่ด้วยเลย
แต่เหมือนสวรรค์จะหูหนวกตาบอด คำขอของผมจึงส่งไปไม่ถึงข้างบนนั้น เมื่อหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อุทิศให้กับข่าวของผมกับหมอนั่นหนึ่งหน้าเต็มๆ ย้ำหนึ่งหน้าเต็มเชียวนะ ลงทุนชะมัด!
พาดหัวข่าวทำเอาผมเผลออ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว ‘ช็อควงการ แทนคุณ คุณธรรม ดารานายแบบชื่อดัง สลัดรักสาวสวยทรงโตหันคว้าชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาๆ เป็นแฟน’ ทำไมต้องธรรมดาๆด้วย คนพวกนั้นเอาอะไรมาวัดกันว่าผมหน้าตาผมธรรมดา หน้าตาผมออกจากกระชากใจสาวขนาดนี้
ดูสิ ผมออกจะถ่ายรูปขึ้นนะ ชื่นชมคนที่ตามทำข่าวหมอนั่นแล้วก็ทำสกู๊ปข่าวนี้ออกมาจริงๆ เก็บภาพมาได้แบบละเอียดยิบไม่มีขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพตอนที่ผมคว้าแขนหมอนั่นมาคล้องไว้ประหนึ่งทวงคนรักคืน ภาพตอนที่ยัยอะไรดาๆนั่นมองผมด้วยสายตาอาฆาตแค้น หรือแม้แต่ภาพตอนที่หมอนั่นโดนตบ ก็ยังจับภาพไว้ได้แบบชัดแจ๋ว ถ้าไม่ได้ถ่ายผมติดมาด้วยผมคงนับถือในฝีมือการถ่ายภาพของเขาไปแล้ว
แล้วที่สำคัญถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ผมจะคิดว่านี่เป็นสกู๊ปพิเศษเก็บตกจากการถ่ายละครของหมอนั่นที่กำลังดังเป็นพลุแตกอยู่ทุกวันนี้ แต่คิดแบบนี้ไปมันไม่ต่างจากการหลอกตัวเอง
ผมอ่านเนื้อหาข่าวที่ถูกบิดเบือนและใส่สีตีไข่เละเทะจบถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมขมับ เขียนว่าเป็นเรื่องรักสามเส้าบ้างล่ะ ว่าผมเป็นมือที่สามแย่งคนรักของคนอื่นบ้างล่ะ แต่เคืองที่สุดก็อีตรงที่เขียนว่า นายแทนคุณตาต่ำมาคว้าผมไปเป็นแฟนนี่แหละ ทำไม ผมมันไม่ดีตรงไหน หุ่น s line ของผมผู้หญิงบางคนยังสู้ไม่ได้เลยนะจะบอกให้
จริงๆแล้วมันต้องเขียนว่าคนหน้าตาดีเลือกได้อย่างผมไปคว้าผู้ชายจอมเรื่องมาก ขี้วีนปากจัด แบบหมอนั่นมาเป็นแฟนได้ยังไงถึงจะถูก โลกไม่ยุติธรรมฟ้าไม่มีตาสวรรค์กลั่นแกล้งทินกรชัดๆ
ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ แล้วผมจะแบกหน้าไปทำงานได้ไหมล่ะวันนี้ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ..
:-D :-D :-D :-D
เป็นไปตามคาด เมื่อไปถึงหน้าบริษัทผมก็เจอเข้ากับกองทัพนักข่าวและกองทัพแฟนคลับทำให้ผมต้องระเห็จตัวเองมาเข้าทางประตูด้านหลังของตึกแทน เรื่องอะไรผมต้องเข้าทางหน้าบริษัทให้โง่ ผมไม่ใช่นางเอกละครหลังข่าวนะที่จะต้องยอมโดนปาไข่ใส่หน้า หรือยอมโดนคนอื่นตะโกนก่นด่าแบบเสียๆหายๆ แล้วทำท่าไม่มีทางสู้น่ะ
แต่ดูเหมือนผมจะคิดไม่ถึงอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องเพื่อนร่วมงานยังไงล่ะ ผมลืมคิดไปเลยว่าพวกเขาจะมองผมยังไง หลังจากได้รับรู้ข่าวเมื่อเช้านี้ จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ฉลาดล้ำเลิศอย่างที่คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดสักนิด ผมถูกเพื่อนร่วมงานมองด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย
โอ๊ย.. สายตาแต่ละคนช่างแหลมคมนัก เพราะมันทิ่มแทงจนตัวผมพรุนไปหมดแล้วตอนนี้ แต่ผมโล่งใจอย่างนึงล่ะที่สายตาเหล่านั้นไม่ได้มองมาเพราะความไม่ชอบใจหรือรังเกียจอะไร
เพื่อนร่วมงานของผมหันไปสุมหัวแล้วผลักคนคนหนึ่งออกมา เป็นตัวแทนมาถามผมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คนที่เป็นตัวแทนในการสัมภาษณ์ผมในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล เพื่อนสนิทของผมเองแหละ นะโมที่ทำหน้าที่เป็นสไตล์ลิสดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้กับหมอนั่น คนรักที่ผมซวยทึกทักเอาเอง
นะโมเดินตรงมานั่งปุลงแล้วจ้องหน้าผมนิ่ง เหงื่อเริ่มซึมตามมือและเท้าของผมเพราะกระแสกดดันจากดวงตากลมโตคู่นั้น
“กูล่ะสงสัยจริงๆว่าทำไมแทนคุณ ดาราดังทะลุโลกถึงเลือกมึงเป็นแฟนแทนที่จะเลือกยัยหุ่นสะบึ้มนั่น” นะโมเป็นเพื่อนสนิทซึ่งสามารถพูดกูมึงกันได้แบบไม่กระดากปาก และนั่นเป็นประโยคแรกที่นะโมเอ่ยออกมาหลังจากนั่งกดดันผมอยู่นาน ผมถึงกับคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจเมื่อเข้าใจความหมายของประโยคที่นะโมเอ่ยออกมา
“อะไรนะ ทำไมใครๆถึงคิดว่าหมอนั่นตาต่ำมาคว้ากูกันหมดล่ะ ไม่มีใครคิดว่ากูซวยบ้างหรือไงกัน”
“เอาจริงๆเลยนะไอ้ทิน มีแต่คนคิดว่าหมอนั่นตาต่ำกันทั้งนั้นแหละ” นะโมเอยประโยคนี้ออกมาด้วยท่าทางเฉยเมย แต่ผมนี่สิ เริ่มควันออกหูแล้ว สักวันผมต้องทำให้ทุกคนเห็นให้ได้ว่าหน้าตาอย่างผมนะหล่อเลือกได้
“มึงก็น่าจะรู้ดีนี่หว่าไอ้นะโม ว่ากูไม่ชอบขี้ไอ้หน้าหมอนั่นขนาดไหน รวมถึงทุกๆคนด้วย” ผมพูดพร้อมกับมองไปรอบๆที่ทำงาน
“ทุกคนถึงแปลกใจอยู่นี่ไงว่าทำไมจู่ๆมึงกับหมอนั่นถึงเป็นแฟนกันได้ หลายๆคนเริ่มคิดว่าที่มึงไม่มีแฟนกับเขาสักทีเป็นเพราะแบบนี้”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด แล้วตอนนั้นกูอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ใช่สิ หมอนั่นต่างหากที่ดันอยู่ผิดที่ผิดทาง” ผมเริ่มอธิบาย
“ยังไง?”
“ก็…” ผมพูดออกมาเพียงแค่นั้น แล้วคิดว่าจะอธิบายกับทุกคนยังไงดี ผมตัดสินใจได้ในที่สุดแล้วพูดต่อ
“ช่างเถอะ กูอธิบายอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก” ป่วยการเปล่าที่จะพูด จะมีใครเชื่อว่าผมทำไปทั้งหมดเป็นแผนการที่ผมคิดขึ้น เพื่อแนะนำคนรักให้พี่สาวของผมรู้จัก เพื่อให้ญาติของผมเลิกคิดว่าผมเป็นเกย์ แล้วบังเอิญหมอนั่นดันเข้ามาทำให้ผิดแผนไปหมด คงมีคนเชื่อหรอก คำพูดที่เหมือนคำโกหกคำโตแบบนี้
“สรุปว่ามึงจะปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดอยู่แบบนี้” นะโมเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามผมอย่างแปลกใจ
“เดี๋ยวสักพักทุกคนก็ลืมกันไปเองนั่นแหละ” ผมพูดออกไปแบบนั้นพร้อมทั้งมองไปรอบๆอีกครั้ง ทุกๆคนต่างพร้อมใจกันทำหน้าทำตาบอกว่าไม่มีทางลืมเรื่องนี้ง่ายๆส่งมาให้ผม
“ช่างเถอะไม่ลืมก็ไม่เป็นไรแค่ทุกคนไม่พยายามจะเอาไข่มาปาใสกันก็พอ” ผมพูดออกไปอย่างปลงๆ นะโมเองก็ส่ายหน้าไปมาให้กับความคิดของผม
“แล้วมึงเตรียมรับมือกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ?”
“....” ผมเงียบกับคำถามนี้ของเพื่อนรัก
“ทั้งแฟนคลับของหมอนั่น ทั้งนักข่าวแล้วที่น่ากลัวที่สุดคือพวกผู้ใหญ่ในบริษัทเรา” นะโมถามคำถามที่ผมเองก็ไม่รู้คำตอบ
“กูไม่รู้นะโม สงสัยงานนี้กูต้องเตรียมหางานใหม่แน่ๆเลย” ผมตอบปลงๆ ยกมือกุมขมับแล้วคิดว่าจะรับมือกับศึกทั้งสี่ด้านที่กำลังจะเข้ามาอย่างไรดี
ใช่แล้วครับสี่ด้าน ผมไม่ได้พูดผิด แล้วทุกคนก็ได้ยินไม่ผิดด้วย
ด้านที่หนึ่งแฟนคลับของหมอนั่น
ด้านที่สองก็บรรดานักข่าว
ด้านที่สามผู้บริหารหรืออีกอย่างคือต้นสังกัดของหมอนั่นซึ่งผมเองก็ทำงานอยู่ด้วย
ด้านที่สี่ก็ตัวหมอนั่นยังไงล่ะ!!
เห็นไหมครับว่าศึกแต่ละด้านของผมหนักๆทั้งนั้น มากันครบสี่ทิศเลย เหนือ ใต้ ออก ตก ดีที่ไม่มีเฉียงเหนือกับเฉียงใต้เข้ามาร่วมด้วย..
:-D :-D :-D :-D
เมื่อวานชีวิตการทำงานของผมผ่านไปได้ด้วยดี ไม่โดนพวกผู้ใหญ่ตามตัวเพราะผมออกไปทำงานนอกสถานที่ ไม่โดนนักข่าวตามล่า และไม่โดนพวกแฟนคลับของหมอนั่นรุมทึ้ง นั่นเพราะผมเข้าออกที่ทำงานทางประตูหลัง รู้สึกว่าช่วงนี้ชีวิตของผมจะพัวพันกับไอ้ประตูหลังนี่เหลือเกิน..
เพล้ง! จู่ๆแก้วในมือก็ตกแตก เศษแก้วกระจายอยู่ทั่วพื้นตรงหน้าผม นี่มันลางร้ายชัดๆ! ผมเลือกเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ๆเอาไปทิ้งแล้วเอาที่ตักผงกับไม้กวาดมากวาดเศษซากเล็กๆที่เหลืออยู่ ผมไม่อยากจะคิดร้ายๆเลยว่ามันคือลางไม่ดี
“พี่ทินๆ คุณทัศนัยเรียกหาแน่ะ” เสียงเพื่อนร่วมงานสาวรุ่นน้องคนหนึ่งเรียกผม นั่นไง เงาดำรางๆกำลังคืบคลานมาหาผมแล้ว
“พอจะรู้หรือเปล่าว่าคุณทัศนัยเรียกพี่ไปพบเรื่องอะไร?” ผมถามออกไป ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังหวังลึกๆว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องเดียวกันกับที่ผมคิดเอาไว้
“ตอนนี้จะมีสักกี่เรื่องกันที่พี่จะโดนเรียกตัวน่ะ โชคดีละกัน..” เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องอวยพรให้ผมก่อนจะเดินจากไป คำอวยพรของเธอช่วยผมได้เยอะมากกก
ผมเดินมาถึงหน้าห้องประชุมขนาดเล็กของบริษัท เคาะประตูตามมารยาทสองสามครั้งแล้วผลักเข้าไป
“นั่งก่อนสิ” ผมนั่งลงตามคำที่คุณทัศนัยบอก
คุณทัศนัยเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหมอนั่น นายแทนคุณดาราถือได้ว่าดังที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ ตอนนี้กำลังนั่งทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่คนละฟากโต๊ะกับผม ต่างจากผมที่กำลังรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก จะถูกเด้งออกจากงานก็คราวนี้แหละ
คุณทัศนัยปรกติบุคลิกจะเป็นคนใจดีและอารมณ์ดี หัวเราะง่าย ยิ้มเก่ง วันนี้ต่างจากที่ผมเคยเจอมาทุกครั้ง ดูเคร่งขรึม ท่าทางใจดีก็ดูจะหายไปด้วยจนผมไม่กล้าสบตา ได้แต่นั่งเงียบแล้วแอบหมั่นไส้คนที่นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ในใจ
“ที่ผมเรียกคุณมาวันนี้คุณคงรู้ดีอยู่แล้วว่าผมเรียกคุณมาด้วยเรื่องอะไร” คุณทัศนัยเอ่ยทำลายความเงียบ
“ครับ” ผมรับคำเบาๆ
“การที่คุณสองคนจะคบกันหรือรักกันมันไม่ใช่เรื่องผิด แต่คุณก็รู้ใช่ไหมว่าแทนคุณเป็นดารา เป็นคนของประชาชน”
“ครับ” ผมรับคำเสียงเบายิ่งกว่าเดิมแล้วพูดต่อเพื่ออธิบายถึงเรื่องราวทั้งหมด “แต่.. ความจริงแล้วผมกับเขา เราไม่ได้…” ผมพูดได้เพียงแค่นั้นก็ถูกคุณทัศนัยพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ผมรู้จากแทนคุณแล้วว่าพวกคุณไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผย นักข่าวไปรู้โดยบังเอิญ แต่แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีนัก ผมจึงถูกทางผู้ใหญ่ส่งมาคุยกับคุณเรื่องนี้ ในเมื่อมันไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว เราก็ควรจัดการแถลงข่าวเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ทั่วกันไปซะเลย”
ผมนิ่งอึ้งกับประโยคที่ได้ยิน ขยับริมฝีปากจะพูดแต่คุณทัศนัยไม่ยอมเปิดช่องให้เลยสักนิด
“แถลงข่าวเสร็จแล้วค่อยมาดูกระแสตอบรับกันว่าเป็นยังไง แล้วค่อยมาหาทางรับมืออีกที ทางบริษัทไม่อยากทำลายความรักของคุณแต่ก็ไม่อยากเสียแทนคุณไปด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราจะช่วยกันหาทางออกเรื่องนี้” หาทางออกอะไรเล่า ผมได้แต่คิดในใจ
“แต่..” ผมอ้าปากอีกครั้งแต่เสียงโทรศัพท์ของใครสักคนในนี้ก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน ไม่ใช่ของผม ก็เหลือแต่ของคุณทัศนัยกับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผม และคนที่ควักโทรศัพท์ขึ้นมากดรับก็คือคุณทัศนัย
ในขณะที่คุณทัศนัยกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ผมมองหน้าหมอนั่น แล้วส่งสายตาเชิงเป็นคำถามไปว่านายพูดอะไรกับคนอื่นไปบ้าง สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หมอนี่มันกวนประสาทจริงๆ! ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวลุกขึ้นไปตั๊นหน้าหมอนั่นคุณทัศนัยก็กดวางโทรศัพท์แล้วหันมาพูดกับหมอนั่นซะก่อน
“แทนคุณ ช่วงบ่ายนายมีถ่ายแบบนะ ตอนนี้ฉันต้องไปเตรียมเรื่องงานแถลงข่าวของนายก่อน แล้วตอนบ่ายฉันจะเข้ามารับอีกที ยังไงก็อยู่แต่ในบริษัทไปก่อนล่ะ อย่าเพิ่งออกไปไหน คุณด้วยนะ ผมขอตัวก่อน” พูดกับหมอนั่นจบคุณทัศนัยก็หันมาบอกผม ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไปทิ้งให้ผมอยู่กับหมอนั่นเพียงสองคน
ในที่สุดผมก็มีโอกาสได้ถามแล้วว่าหมอนั่นพูดอะไรกับคนอื่นไปบ้าง แล้วที่พูดไปมันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีกับตัวผมแน่ๆ
“นี่! คุณบอกอะไรกับพวกเขาไปบ้าง?” ผมต้องเรียกคนตรงหน้าว่าคุณทั้งๆที่หมอนี่อายุน้อยกว่าผมตั้งสี่ปีทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่เพราะหน้าที่การงานของผมที่เป็นเบ๊ให้กับหมอนี่เลยต้องจำใจเรียกไปแบบนี้
“ฉันก็บอกไปอย่างที่ควรจะบอก” คนตรงหน้าผมตอบกลับมาแบบไร้อารมณ์สุดๆ
“ก็แล้วมันอะไรล่ะ?!” ผมถามกับไปเสียงห้วนเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่พอใจจากอีกคน
“วันนั้นนายต้องการให้มันเป็นยังไงฉันก็บอกเขาไปแบบนั้น”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆซะหน่อย ทำไมคุณไม่บอกเขาไป อธิบายความจริงไปสิ”
“ถ้าบอกความจริงไปแล้วดารินรู้เข้าก็ไม่ยอมเลิกกับฉันนะสิ เรื่องอะไรล่ะ” ท่าทางการตอบของหมอนี่กวนเบื้องล่างของผมจริงๆให้ตายเถอะ!
“แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ คุณจะโกหกเขาไปทำไม” ผมถามกลับไปอย่างระงับอารมณ์สุดๆ
“นายเองไม่ใช่หรือไงที่พูดว่าฉันเป็นแฟน นายน่ะควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่มีแฟนเป็นดาราดัง” ดีใจกับผีน่ะสิ ผมได้แต่คิดในใจ
“ใครอยากจะมีแฟนดิบเถื่อนถ่อยต่อยหนักปากเสียอย่างนายไม่ทราบ นายแทนคุณ!” ยิ่งพูดกับหมอนี่นานเท่าไหร่ผมยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น กับคนแบบนี้คงไม่ต้องเรียกกันดีๆอีกต่อไป
“งั้นวันแถลงข่าวนายก็บอกนักข่าวไปสิว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง ถ้านายไม่ถูกไล่ออก ไม่โดนแฟนคลับของฉันตามแหกอกละก็ฉันยอมเป็นหมาเลย!” เมื่อคิดตามคำพูดของหมอนั่นแล้วผมได้แต่เงียบ
จริงอย่างที่หมอนี่ว่า เมื่อวานมีข่าวว่าคบกัน พออีกสองวันก็มีข่าวว่าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง มันก็ไม่ต่างจากผมกุเรื่องทั้งหมดขึ้นมา บริษัทต้องไล่ผมออกแน่ๆเพราะคิดว่าผมต้องการทำให้ศิลปินในสังกัดของเขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนแฟนคลับนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ตามแหกอกผมแบบถึงไหนถึงกันแน่ๆ โทษฐานที่ผมทำให้ศิลปินที่พวกเขารักมีรอยด่างพร้อย..
ฆ่าตัวตายชัดๆ ถ้าผมพูดความจริงออกไป!
เอาไงดีล่ะทินกร?!
TBC.