Re: [เรื่องสั้น] ตะวัน l ในเงาจันทร์ 03 p.1
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] ตะวัน l ในเงาจันทร์ 03 p.1  (อ่าน 1563 ครั้ง)

ออฟไลน์ Gu_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2015 16:58:03 โดย Gu_y »

ออฟไลน์ Gu_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
01 l ตะวัน l


   เส้นทางบนท้องถนนเรียงรายไปด้วยเหล่าดอกทานตะวันที่ต่างอวดโฉมแข่งความงาม แสงแดดก็เป็นใจทอแสงอ่อนๆบวกกับสายลมที่พัดโชย บรรยากาศดูร่มรื่นและน่าอยู่ราวกับสรวงสวรรค์ รถสปอร์ทคันงามวิ่งลัดเลาะไปตามทางลาดอย่างเร็วรับกับบรรยากาศ ใครจะรู้ว่ารถหรูคันนี้มาทำอะไรในสถานที่แบบนี้ ใครจะรู้ว่าคนขับมีจุดประสงค์อะไรในใจ! บางทีเขาอาจจะแค่มาหาสถานที่พักร้อนแค่นั้นก็เป็นได้ ใครจะรู้?



เอี้ยดดด!!

        การเบรกอย่างกะทันหันเป็นผลทำให้ล้อรถบดขยี้กับถนนจนเกิดเสียงอันไม่น่าพิสมัย เจ้าของรถเปิดประตูออกมาดูบางสิ่งที่ขัดจังหวะการกินลมชมวิวของเขา เมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไรคิ้วของเขาก็ถึงกับขมวดเข้าหากันเป็นปม


“ ชะ ช่วย ผม ด้วย!! ” 



ปึก!!

         ชายหนุ่มหน้าตาดีสวมแว่นกันแดดสีดำปิดประตูรถอย่างแรงก่อนที่เขาจะวิ่งอ้อมไปอีกฝั่งแล้วก็เปิดประตูรถอีกครั้ง เขาบรรจงอุ้มร่างที่นอนไม่ได้สติของคนแปลกหน้าซึ่งบังเอิญไปเจอระหว่างทางมายังบ้านสวนของเขา ใช่!ที่นี่คือบ้านของเขาและนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เขามาที่นี่ก็เป็นได้!


ชายหนุ่มวางร่างบอบบางซึ่งดูอย่างไรก็ไม่น่าจะใช่ผู้ชายลงบนเตียงสีขาวสะอาดตา ถ้าไม่ได้ยินก่อนหน้าว่าเด็ก(จากที่เขาประเมินทางสายตาน่าจะอายุสักสิบเจ็ดสิบแปดหรือเผลอๆอาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ) คนนี้พูดแทนตัวเองว่า’ผม’ เขาคงจะนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงเสียอีก เพราะรูปร่างหน้าตาเด็กคนนี้อย่างกับเด็กผู้หญิง หน้าหวาน สัดส่วนก็อ่อนแอ่นอรชร ไหนจะดวงตาที่หลับสนิทนั้นอีกที่คาดคะเนคงโตมากเมื่อได้จ้องมองใคร แล้วปากเล็กๆได้รูปที่ดูน่าลิ้มลองนั้นอีกล่ะ!



           ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดที่แวบเข้ามาในหัว แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องนอนของตนเอง ได้แต่คิดว่านี่ตนคิดถูกหรือคิดผิดที่เอาคนแปลกหน้าเข้าบ้านแถมยังให้มานอนในห้องนอนอีก? เขานี่ก็กล้ามากหากเป็นโจรขึ้นมาจะว่าอย่างไร แต่จะว่าหากเป็นโจรจริงๆเขาคงสู้ได้อยู่แล้วเพราะเด็กคนนี้ตัวกระเปี๊ยกเดียว!



โครม!!!


“ อู้ย! โอย ”

เสียงของหนักๆตกกระแทกพื้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นในห้องนอนกว้าง ผ้าห่มผืนหนาถูกม้วนกองอยู่ที่พื้นและมันนั้นเองที่เป็นสาเหตุให้ร่างเล็กสะดุดล้มลงไปกองกับพื้น ใบหน้าเรียวสวยเหยเกเล็กน้อยเพราะความเจ็บ มือเล็กสมตัวเอื้อมไปจับข้อเท้าตัวเองก่อนจะมีสีหน้าเจ็บปวด


“ เป็นอะไรรึเปล่า ” เสียงเข้มดังขึ้นก่อนร่างเล็กที่นั่งกองอยู่ที่พื้นจะหันไปมองอย่างตกใจ

แล้วก็อึ่งไปทันที มองบุคคลแปลกหน้าที่ถามตนอย่างไม่วางตา


        เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ตอบอะไรเจ้าของบ้านที่ดีอย่างเขา? จึงเดินเข้าไปหาและก้มลงดูที่ขาขาวเรียวตรงหน้า จากที่สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มน้อยเอาแต่จับขาตัวเองก็พอจะทำให้เขารู้ว่าร่างเล็กคงจะเจ็บบริเวณนั้นและจากที่ข้อเท้าของร่างเล็กเริ่มบวมแดงก็อาจฟันธงได้ว่าหนุ่มน้อยคงจะเท้าแพลง!


เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจอุ้มร่างเล็กขึ้นเตียงเพราะดูแล้วคงจะลุกขึ้นเองไม่ไหว แต่อยู่ๆคนตัวเล็กก็เบิกตากว้างแล้วก็ถอยห่างหนีเขาออกไปนั่งซุกหน้ากอดเข่าตัวเองอยู่ข้างเตียง เสียงสะอื้นที่ดังตามมานั้นทำให้เขารู้ว่าเด็กนี่กำลังร้องไห้!



“ ถ้าฉันคิดจะทำร้ายนาย ฉันคงไม่ลงทุนเข้าห้องเก็บของไปหากล่องประถมพยาบาลนี่หรอก ”

ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเท่าที่เขาจะทำได้และถ้ามองไปข้างตัวก็จะเห็นกล่องประถมพยาบาลสีขาวว่างอยู่



ใบหน้าหวานซึ่งบัดนี้มีแต่คราบน้ำตาเปรอะไปทั่วเงยขึ้นจากเข่ามองมายังเขาหวั่นๆและก็มองเลยไปยังข้างตัวร่างสูงใหญ่ที่มีกล่องประถมพยาบาลว่างอยู่จริง ดวงตากลมโตอย่างที่เขาคาดคะเนคลอไปด้วยน้ำใสๆและดูหวาดระแวงกับสิ่งรอบข้าง



“ รู้อะไรไมครั้งล่าสุดที่ฉันเข้าไปเหยียบในห้องเก็บของคือเมื่อสองปีที่แล้ว สภาพตอนนี้ หือ ไม่ต้องบรรยาย ”
เขาพูดขึ้นเพื่อหวังให้เด็กหนุ่มตรงหน้าคลายความกังวลบ้าง และก็ได้ผลเมื่อเด็กหนุ่มดูจะสนใจกับสิ่งที่เขาบอกไป


“ เพราะนายเชียวนะที่ทำให้ฉันต้องเข้าไป รู้อย่างนี้แล้วยังจะกลัวฉันอีกหรอมันน่าน้อยใจจังเลย ”
เสียงเข้มว่าอย่างน้อยใจตามที่พูดทำเสียงหม่นแล้วก็ปรับสีหน้าให้ดูเศร้าคลายคนกำลังน้อยใจจริงๆเข้าไปอีก



          เด็กหนุ่มตรงหน้าเขามีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด จนเขารู้สึกผิดขึ้นมาที่แกล้งเด็กหนุ่ม แต่แล้วอยู่ๆหนุ่มน้อยก็เอื้อมมือที่สั่นเทามาหาเขาทำให้เขาชะงักค้าง มือเล็กๆเอื้อมเลยไปที่หัวของเขาแล้วก็ละออกมายื่นอะไรบางอย่างให้เขาดู และเมื่อเขาเห็นก็ถึงกับหัวเราะก่อนจะเกาหัวตัวเองแก้เก้อ


จะอะไรซะอีกล่ะที่เด็กคนนี้หยิบออกจากหัวเขาถ้าไม่ใช่หยากไย่ในห้องเก็บของที่เขาเล่าให้ฟัง มันคงจะติดมาตอนที่เขาไปเอากล่องประถมพยาบาลนั้นแหระ อย่างนี้มันน่าขายหน้าจริงๆเลยเชียว แต่อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณมันเหมือนกันที่ทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเขายิ้มออกมา!



“ น่าขายหน้าเนอะ ” ชายหนุ่มพูดอย่างอายๆก่อนจะหยิบกล่องประถมพยาบาลมาวางบนตักตัวเอง แล้วก็เปิดออกเตรียมจะทำแผลให้เด็กหนุ่มหน้าหวาน

ก่อนหน้านี้เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้เด็กหนุ่มแล้วเห็นแผลถลอกเป็นทางยาวที่หัวไหล่ขวาของเด็กหนุ่มจึงเป็นเหตุให้ต้องไปเอากล่องประถมพยาบาลในห้องเก็บของนั้นแหระ และเขาก็มั่นใจแล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นผู้ชายจริงๆ!!



“ จะทำอะไร ”

เสียงสั่นๆเอ่ยขึ้นจากปากของเด็กหนุ่มตรงหน้า เขายิ้มออกมากับท่าทางตื่นๆของเด็กหนุ่ม ดูยังไงเด็กคนนี้ก็ไร้เดียงสาจริงๆ


“ จะทำแผลให้ ที่หัวไหล่น่ะ ” เขาบอกเด็กหนุ่ม
และชี้ไปที่หัวไหล่ขวาของร่างเล็กซึ่งตอนนี้มีเลือดไหลซึมออกมาผ่านเนื้อผ้า


เด็กหนุ่มมองไปยังหัวไหลตัวเอง เจ้าของบ้านอย่างเขาจึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของร่างเล็กออกและร่นเสื้อด้านขวาลงเผยให้เห็นบาดแผล เด็กหนุ่มเบิกตากว้างมองเขาอย่างอึ่งๆ จนเขาเผลอยิ้มออกมาอีกครั้งกับท่าทางนั้น



ขี้ตกใจเหมือนลูกแมว!!เลยแหะ คนตัวสูงคิด



“ ไม่ต้องมองฉันอย่างนั้นก็ได้เมื่อกี้ฉันยังเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้นายเลย อีกอย่างเราก็มีอะไรที่เหมือนๆกันไม่เห็นต้องอายนี่ ”

 -///-



..............................
.....................
.............
......
...
.



“ ไม่คิดจะบอกชื่อของนายให้ฉันรู้หน่อยรึไง ”
เขาพูดขึ้นหลังจากที่เขาและเด็กหนุ่มทานมื้อเย็นเสร็จแล้วมานั่งรับลมเล่นอยู่ตรงระเบียงนอกห้องนอน


เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรเอาแต่นั่งเงียบสายตาเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า ภูเขา ป่าไม้ ลำธารคงจะดูน่าสนใจกว่าคำถามที่เขาถามไปล่ะมั้งเพราะเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องมองมันโดยไม่สนใจเขาเลย



“ ฉันละเชื่อนายจริงๆ ”
ชายหนุ่มบ่นออกมาเมื่อหนุ่มน้อยหน้าหวานยังคงเงียบอยู่อย่างนั้นและเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กคงไม่ยอมปริปากพูดอะไรกับเขาก็ต้องถอดใจ แล้วคิดซะว่าหากเด็กหนุ่มพร้อม คงจะบอกเขาเอง


“ ชื่นชมบรรยากาศเสร็จแล้วก็อย่าลืมปิดประตูล่ะ ” เขาบอกก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนไป
แต่ก็เดินกลับออกมาอีกพร้อมกับผ้าห่มผืนหนึ่ง แล้วก็เดินไปห่มให้เด็กหนุ่ม


“ อากาศข้างนอกมันหนาว ถ้านายป่วยฉันคงรู้สึกผิด ” เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาตั้งคำถามของเด็กหนุ่มที่มองมาที่เขา

ร่างสูงยิ้มให้หนุ่มน้อยก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องนอนแต่ก็ไม่วายหันกลับไปหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง



“ ฉันจะไปนอนห้องข้างๆถ้ามีอะไรก็เรียกได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ต้องเกรงใจ ”

ชายหนุ่มพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ถ้าเขาหันกลับมาคงจะได้เห็นแววตาวูบไหวของหนุ่มน้อยที่ระเบียงเป็นแน่



..........................................
..............................
....................
...........
......
...
.



“ ตื่นแล้วหรอ นั่งก่อนสิ ”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้เชิญอีกคน แล้วเขาก็เดินไปเตรียมอาหารต่อ


ในเวลาไม่นานอาหารง่ายๆอย่างไข่เจียว ผัดผักและแกงไก่ก็เรียงรายอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆที่เขากำลังตักใส่จานและยื่นให้กับเด็กหนุ่มที่นั่งมองอาหารตาปริบๆ


“ หวังว่าคงกินได้นะ ”

เขาพูดก่อนจะเดินมานั่งที่ตัวเองแล้วก็ลงมือตักผัดผักใส่จานจากนั้นก็ตัดใส่ปากตัวเองเคี้ยวตุ้ยๆ


“ โอเค พอกินได้ ” เขากล่าวขึ้นอีกเมื่อเคี้ยวอาหารในปากหมดแล้ว


แต่เมื่อหันไปเห็นเด็กหนุ่มยังไม่ได้แตะอาหารตรงหน้าเลยก็ต้องแปลกใจ


“ เมื่อวานนายยังกินฝีมือฉันได้เลยทำไมวันนี้ไม่แตะสักคำละ มันไม่อร่อยอย่างนั้นเลยรึไง ” เขาถามอย่างสงสัย



“ เปล่าครับ ” เสียงเรียบๆเอ่ยตอบก่อนที่เด็กหนุ่มจะลงมือจัดการกับอาหาร


เขานั่งมองหนุ่มน้อยหน้าหวานตรงหน้ากินอาหารไปสักพักก็กลับมากินอาหารของตัวเองต่อทำให้ตอนนี้มีแต่เสียงช้อนกระทบกับจานดังก็องแก๊งเท่านั้น



“ ฉันจะไปที่ไร่สักหน่อย นายจะอยู่บ้านหรือจะไปเปิดหูเปิดตาด้วยกัน ” ชายหนุ่มถามอีกคนที่เอาแต่นั่งเหม่ออยู่ตรงม้านั่งหน้าบ้านของเขา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาแล้วก็พยักหน้าช้าๆ



“ งั้นนายไปรอที่รถกระบะสีบอนนะเดี่ยวฉันไปหยิบของแปบนึ่ง อะนี่กุญแจ ” เขาโยนกุญแจให้กับเด็กหนุ่มแล้วก็วิ่งเข้าไปในบ้านอีกรอบ นึกแปลกใจตัวเองที่ไว้ใจให้กุญแจรถกับคนแปลกน่าซะงั้น




ปึก!
          เสียงปิดประตูรถก่อนที่เขาจะสตาทรถแล้วก็ขับออกไปตามทางที่เขาคุ้นชิน เขาหันไปมองเด็กหนุ่มข้างๆแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาควรจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดี ถามอะไรก็ไม่ตอบสักคำ เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหนและเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้! เขาควรจะไปแจ้งตำรวจแล้วปล่อยหน้าที่ให้ตำรวจจัดการหรือเขาควรจะทำอย่างไรดี? แล้วอะไรมันจะดีที่สุดสำหรับเด็กที่ไม่ยอมตอบคำถามอะไรเลยสักอย่างแบบนี้ล่ะ?




เอี้ยด!!
          รถเบรกอย่างกะทันหันเมื่ออยู่ๆเด็กหนุ่มก็เอื้อมมืออ้อมมาจิ้มระหว่างคิ้วของเขา เขาหันไปมองเด็กหนุ่มอย่างสงสัย เด็กหนุ่มมองมาที่เขาด้วยสายตานิ่งๆแล้วก็ขมวดคิ้วจนหน้ายู่จากนั้นก็หันกลับไปนั่งหน้าเรียบเฉยมองวิวนอกรถเหมือนเดิน


“ โทษทีฉันคงคิดมากเรื่องนายไปหน่อยคิ้วมันเลยขมวดจนหน้ายู่อย่างที่นายทำเมื่อกี้นี้ ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างนึกได้ว่าตัวเองคงทำหน้าเคร่งเครียดอย่างที่หนุ่มหน้าหวานทำ เอ่ยขอโทษไปแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองเบาๆแล้วก็ออกรถไปต่อ



          รถกระบะเคลื่อนที่ช้าลงและจอดสนิทตามการบังคับของเขา เขาลงจากรถพร้อมกับเด็กหนุ่มที่นั่งมาด้วยกัน ภาพตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มถึงกับตะลึงงันยืนมองอย่างอึ่งๆ เขาหันไปมองท่าทางหนุ่มน้อยหน้าหวานแล้วก็ยิ้มออกมา ได้แต่เก็บความสงสัยว่าตนเองยิ้มได้แบบนี้กี่ครั้งแล้วนะกับท่าทางของเด็กหนุ่ม!


“ ชอบมั้ย ” เขาถามหลังจากที่เด็กหนุ่มยืนมองไร่ของเขาอยู่นาน ก่อนเด็กหนุ่มจะพยักหน้าช้าๆแทนคำตอบ


“ ฉันคงจะคิดว่านายเป็นใบ้หากนายไม่พูดอะไรออกมาบ้าง ” เขาบอกเด็กหนุ่มก่อนจะเดินเข้าไปในแปลงองุ่นที่อยู่ทางด้านซ้าย ถัดจากไร่องุ่นเป็นไร่ส้มและก็ถัดไปอีกเป็นทุ่งกว้างๆ ส่วนทุ่งทานตะวันจะอยู่ด้านหน้าและทางด้านขวาของไร่ทั้งหมดที่เขามี! ก็แค่ร้อยไร่เศษๆเอง!!!



 “ คุณอยู่คนเดียวหรอ? ”
เสียงหวานถามขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดองุ่นพวงหนึ่งมา แล้วนั่งลงกับพื้น เด็กหนุ่มนั่งลงข้างเขา เขาจึงยื่นองุ่นที่เขาตัดมาให้


“ คงงั้นมั้ง หรือนายคิดว่าไง ” เขาตอบอย่างยอกย้อนเป็นผลทำให้เด็กหนุ่มข้างๆปาเม็ดองุ่นใส่เขา แต่ด้วยไหวพริบ?ทำให้เขาหลบทันแล้วก็นอนราบไปกับพื้นหญ้าข้างต้นองุ่นแทน พร้อมกับเสียงหัวเราะขำๆให้กับท่าทีของคนข้างๆที่กระฟัดกระเฟียดที่เขารู้ทันและหลบได้


ร่มเงาจากต้นองุ่นบวกกับแสงแดดอ่อนๆทำให้บริเวณนี้ดูร่มรื่นน่านอนในความคิดของเขามาก เขาใช่แขนแทนหมอนและหลับตาลง เด็กหนุ่มหันไปมองก่อนจะทำตามเขาบ้างแล้วคนทั้งคู่ก็หลับไปในที่สุด ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ ใครจะรู้ว่าเกิดเรื่อง?อะไรขึ้นกับเด็กหนุ่ม ใครจะรู้?



“ หาววว ”

เขายกมือขึ้นปิดปากและหาวออกมาหวอดใหญ่ก่อนจะพลิกตัวไปอีกทางแล้วเจอเข้ากับสายตาของเด็กหนุ่มที่มองการกระทำของเขาอยู่ เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเขินๆที่แสดงท่าทางไม่น่าชมเท่าไหร่ออกมา แล้วเขาก็ลุกขึ้นนั่ง



“ เย็นแล้วกลับกันเหอะ ” เขาพูดขึ้นก่อนจะลุกยืนแล้วส่งมือให้กับเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มมองมือที่ยื่นอยู่ตรงหน้าก่อนจะยกมือตนขึ้นไปจับยึดขึ้นยืน เขายิ้มออกมาทันที


“ เราจะได้มาที่นี่อีกไม ” เด็กหนุ่มถามหลังจากที่ขึ้นมาอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว

เขาชะงักมือที่จะเสียบกุญแจรถแล้วหันไปมองหน้าเด็กหนุ่ม


“ แล้วนายล่ะอยากมาไม ” เขาไม่ตอบ
แต่ถามเด็กหนุ่มกลับไป ก่อนจะสตาทรถแล้วขับออกมาจากไร่ซึ่งจุดหมายปลายทางก็คือบ้าน!


.................................................
......................................
......................
.............
.......
....
.



“ วิวตรงนี้มันหน้ามองขนาดนั้นเชียว ”

เขาถามขึ้นหลังจากที่เห็นเด็กหนุ่มยืนมองวิวตรงระเบียงนอกห้องนอนอยู่นาน เด็กหนุ่มหันหน้ามามองเขาช้าๆ เขาจึงส่งแก้วนมอุ่นๆให้เด็กหนุ่ม



“ กินซะจะได้นอนหลับสบาย ” เขาบอกแล้วก็ยกแก้วนมของตนเองขึ้นดื่ม

เด็กหนุ่มยกแก้วนมขึ้นดื่มตามบ้างแล้วก็วางลงข้างๆ


          เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นที่ปากของเด็กหนุ่มตอนนี้เลอะนมเป็นวง เด็กหนุ่มมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนจะทำหน้าบึ่งเมื่อเขายังไม่หยุดหัวเราะ ใบหน้าหวานยู่ปากใส่เขาแล้วก็หันหน้าหนีไปมองวิวต่ออย่างเคืองๆ เขาจับไหล่เด็กหนุ่มทั้งสองข้างและบังคับให้หันมาที่เขา เด็กหนุ่มหันมาอย่างไม่เต็มใจมากนักแถมยังทำหน้างอและไม่สบตาของเขา


เขาส่ายหัวไปมากับท่าทางของเด็กหนุ่มแล้วก็ยกมือขึ้นไปเช็ดนมที่เลอะที่ปากของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา และคิดว่านมที่เขาให้เด็กหนุ่มกินมันอาจจะร้อนไปเพราะแก้มของเด็กหนุ่มตอนนี้แดงซ่านอย่างเห็นได้ชัด!




“ ฉันนอนอยู่ห้องข้างๆถ้า... ”


“ ถ้ามีอะไรเรียกได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ต้องเกรงใจ ” เขาพูดยังไม่ทันจบเด็กหนุ่มก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อนและมันก็ตรงกับสิ่งที่เขากำลังจะพูดพอดีจนทำให้เขารู้สึกเก้ออย่างบอกไม่ถูก เขายิ้มแหยๆให้เด็กหนุ่มก่อนจะเดินเกาท้ายทอยเข้าห้องไปแต่เสียงของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้นขัดจังหวะการเดินของเขา



“ เดี่ยวผมก็เข้าห้องแล้วไม่ต้องหยิบผ้าห่มให้ผมนะ ” เขาหันกลับไปมองเด็กหนุ่มอย่างอึ่งๆ
เพราะเขาคิดจะไปหยิบผ้าห่มให้เด็กหนุ่มจริงๆก่อนจะกลับห้องตัวเอง


“ นายนี่รู้มากแฮะ ”

เขาพูดบ่นเบาๆเด็กหนุ่มยิ้มรับแล้วก็หันกลับไปมองทิวทัศน์ต่อ เขาชะงักทันทีที่เห็นรอยยิ้มของร่างเล็ก ก่อนจะบ่นกับตัวเองอีกครั้ง“ ยิ้มเป็นด้วยแฮะ ”แล้วก็กลับห้องนอนไป


..........................................................
........................................
........................
.............
......
...
.



“ ดูท่าวันนี้เราคงไม่ได้ออกไปที่ไร่แล้วสิ ” เขาบอกเด็กหนุ่มเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

           เมฆสีดำทะมึนลอยเด่นอยู่บนนั้นและมีแววว่าอีกไม่นานฝนจะต้องตกลงมาห่าใหญ่แน่นอน สายลมพัดแรงกรรโชกจนกิ่งของต้นมะขามใหญ่หน้าบ้านโยกเอียงเอนเหมือนจะหักโค่น เศษใบมะขามบนพื้นก็ปลิวว่อนไปตามกระแสลมอย่างอลหม่าน


“ ครับ ”

เด็กหนุ่มตอบรับแค่นั้นก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาข้างเตาผิง และคงจะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่มีเตาผิงอยู่ในบ้านหลังนี้เพราะบ้านของเขาเป็นบ้านไร่ขนานแท้นี่!


เขาเดินไปนั่งตรงข้ามกับเด็กหนุ่มที่นั่งทอดสายตามองเปลวไฟในเตาผิงอย่างเลื่อนลอย




“ คุณไม่รู้สึกเหงาบ้างหรอที่อยู่คนเดียวแบบนี้ ขนาดผมมีคุณนั่งอยู่ข้างๆผมยังเหงาเลย!!! ”



อยู่ๆเด็กหนุ่มก็ถามออกมาและเงียบไปนานก่อนจะพูดออกมาอีกด้วยน้ำเสียงปนเศร้าเล็กน้อย


เขาชะงักกับประโยคธรรมดาของเด็กหนุ่มไปนาน ก่อนจะเอื้อมมือไปจับหน้าของเด็กหนุ่มให้หันมามองหน้าตน



“ ฉันไม่รู้สึกเหงามานานแล้วสิ เอางี้ถ้านายเหงาฉันจะหาเรื่องคุยกับนายเยอะๆเอาไมล่ะ ”
เขาพูดออกมา ชั่วอึกใจที่แววตาเขาวูบไหวอย่างสับสน แต่แล้วก็กลับมาเป็นปกติแล้วเขาก็ส่งยิ้มไปให้เด็กหนุ่มแทน



“ หรือบางทีถ้านายจะพูดอะไรที่อยู่ในนี้ออกมาให้ฉันรับรู้บ้างเพื่อเป็นการระบาย ความเหงาที่อยู่กับนายอาจจะลดลงก็ได้นะ ” เขาบอกเด็กหนุ่มก่อนจะเอามือทาบไปที่อกด้านซ้ายเด็กหนุ่ม


“ ไม่เป็นไรครับผมก็ชินกับมันแล้ว ” เด็กหนุ่มบอกเขาก่อนจะทอดสายตามองไปยังเปลวไฟ


..............................................
..................................
.....................
...........
.......
.



“ โห่! กะแล้วเชียว ” เขาพูดขึ้นเมื่อออกมาหน้าบ้านแล้วเห็นกิ่งมะขามกิ่งใหญ่หักอยู่ที่พื้น

          โชคดีของเขาที่มันไม่ได้หักมาทั้งต้น แต่เขาก็เซงอยู่ดีที่กิ่งมันจะหักมาขนาดนี้ จริงอย่างที่เขาคิดเพราะเมื่อวานฝนตกหนักมากและดูเหมือนจะหนักกว่าทุกครั้งเสียด้วย


“ เสียดายหรอ ” เขาหันไปมองตามเสียงที่ดังขึ้นจากเด็กหนุ่ม แล้วก็หันกับมามองที่เดิมอย่างเหนื่อยอ่อน



“ ไอ้เสียดายก็เสียดายอยู่หรอก ดูสิต้นมะขามของฉันกลายเป็นไอ้ด้วนไปแล้ว แต่ที่ฉันหนักใจมากกว่าต้นมะขามกลายเป็นไอ้ด้วนคือฉันจะจัดการกับกิ่งที่หักยังไงดี ” เขาบอกเด็กหนุ่มก่อนจะเดินหน้าเครียดเข้าไปดูกิ่งมะขามขนาดใหญ่ใกล้ๆ



“ มีไร่ตั้งกว้างอย่าบอกว่าไม่มีคนงานสักคน ”

เด็กหนุ่มพูดขึ้นลอยๆก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไปทิ้งให้เขายืนมองกิ่งมะขามอยู่คนเดียว


“ เออว่ะ ”


ชายหนุ่มอุทานเมื่อนึกขึ้นได้แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที



“ ขอบใจเปี๊ยก ”


เขาตะโกนบอกเด็กหนุ่มที่นั่งกินขนมปังทานมข้นอยู่ในห้องครัว แล้วก็วิ่งต่อไปที่ห้องรับแขก



เด็กหนุ่มหันไปมองเขาแล้วขมวดคิ้วสงสัยกับสรรพนามที่เขาตั้งให้ แต่เพียงแค่แปบเดียวเด็กหนุ่มก็หันกับมาสนใจขนมปังตรงหน้าต่อ เด็กหนุ่มหยิบขนมปังอีกชิ้นลาดนมข้นใส่แล้วก็กัดกิน ทั้งที่ในปากยังคาบขนมปังคู่หนึ่งอยู่




“ เฮ้อออ!! ”

          เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งร่างสูงใหญ่ ลงบนเก้าอี้ในห้องครัวซึ่งมีเด็กหนุ่มยืนทำอะไรลับๆล่อๆอยู่หน้าเครื่องปิ้งขนมปังของเขา เขาเหลือบตาไปมองแต่ก็ไม่ได้คิดจะห้ามอะไรเด็กหนุ่ม


“ เยส!!! ”

เด็กหนุ่มร้องดีใจเสียงดัง เขาจึงลุกขึ้นไปดูตรงที่เด็กหนุ่มยืนอยู่


“ ทำอะไร ”

เขาถามขึ้นอย่างสงสัย แต่เด็กหนุ่มที่เอาแต่สนใจขนมปังของตัวเองไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครเข้ามาอยู่ในห้องครัวด้วยก็สะดุ้งตกใจจนเป็นเหตุให้จานที่อยู่ในมือเด็กหนุ่มร่วงหล่นและการที่เด็กหนุ่มถอยหลังอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้สะดุดขาตัวเองล้ม


ชายหนุ่มรีบคว้าตัวร่างเล็กไว้ได้ทันก่อนที่หัวเด็กหนุ่มจะกระแทกพื้น แล้วเขาก็ยังคว้าจานที่หลุดมือเด็กหนุ่มได้อีกเช่นกัน แต่เมื่อเขาใช่มือในการทำหน้าที่หมดแล้วเขาจึงไม่เหลืออะไรให้ทำหน้าที่ยึดเกาะไม่ให้ล้ม ดังนั้นทั้งเขาและเด็กหนุ่ม และ! จานจึงร่วงไปกองกับพื้นดังอัก!



เจ็บและจุกนี่คือสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มรู้สึก เขามองเด็กหนุ่มที่อยู่ในอ้อมแขนสลับกับจานที่อยู่ในมืออีกข้างแล้วก็พึ่งนึกได้ว่าควรจะวางจานลงก่อน เขาหันมามองเด็กหนุ่มที่นอนมองเขาตาปริบๆ แล้วก็พึงตระหนักได้อีกอย่างว่าเขากำลังคร่อมร่างเด็กหนุ่มอยู่!



“ อะแฮ่ม !!!  โทษทีครับนายหัว ”



เสียงของใครบางคนดังขึ้นก่อนที่เขาจะหันไปมอง แล้วก็เจอเข้ากับสายตาล้อเลียนของคนงานในไร่ เขาหันกลับมามองเด็กหนุ่มอีกครั้งแล้วก็สลับกลับไปมองคนงานในไร่



“ เอ่อ ”

.
.
.
.
.
.



TBC.


ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
หุ่วววววว


เด็กเปี๊ยกหนีอะไรมาล่ะนี่ ไม่ยอมเล่าอะไรซักกะติ๊ด

ออฟไลน์ Gu_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
02 l ในใจ


“ เอ่อ ”


คนตัวใหญ่ ได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรแก้ตัวเพราะสมองประมวลผลไม่ทัน



“ ไว้นายหัวเสร็จธุระแล้วไปสั่งผมหน้าบ้านแล้วกันนะครับนาย ”

คนงานเห็นนายตัวเองมีท่าทีอึกอักจึงรีบพูดขึ้นแล้วก็เดินออกไปจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว ไม่อยากขัด?เวลาสวีทของนายตัวเอง



“ เอ่อ ”

เขาหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่อยู่ใต้ร่างแล้วก็คิดคำพูดที่จะพูดกับเด็กหนุ่ม แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่หัวสมองดันเกิดอาการแฮงค์ คิดอะไรไม่ออก


“ แค่คุณลุกออกจากตัวผมก็พอแล้วครับ ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างรู้ทัน ว่าเขากำลังสรรหาคำพูดมาพูดอยู่


“ โทษที ”

เขาเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะลุกขึ้นนั่งและช่วยเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นมานั่งตาม



“ นายคงร้อนแย่หน้าแดงเชียว ฉันขอโทษอีกครั้งแล้วกันนะ ”


เขาบอกเด็กหนุ่มหลังจากที่ลุกขึ้นยืนเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาจับแก้มด้วยเองแล้วก็มองเขาด้วยสายตาเคืองๆ



“ ครับผมร้อนมาก!!! ”

พูดแค่นั้นก่อนที่เด็กหนุ่มจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เขาได้แต่ยืนมองอย่างงงๆแล้วก็ตะโกนถามเด็กหนุ่ม



“ นายขึ้นไปชั้นบนทำไมน่ะเจ้าเปี๊ยก ”



“ ผมขึ้นมา.... อาบน้ำครับ!!! ”

แล้วเสียงติดจะประชดประชันก็ดังลงมาจากชั้นบน



“ อะไรกัน...? ก็อาบน้ำไปแล้วไม่ใช่รึไง ” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วก็เดินออกไปหาลูกน้อง





ซ่า!!


“ ฝนตกอีกแล้ว ”

เขาพูดขึ้นเมื่อเปิดหน้าต่างออกไปดูสายฝนที่โหมกระหน่ำอยู่ข้างนอกบ้าน



“ ครับ ” เด็กหนุ่มเอ่ยเบาๆแล้วก็หันกลับไปบรรเลงขนมปังต่อ

เขาเดินไปนั่งลงข้างๆเด็กหนุ่ม ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่ในห้องรับแขกข้างเตาผิง


“ ดูนายจะชอบจริงๆกับขนมปังและนมข้นเนี้ย ”

เขาถามหลังจากนั่งมองเด็กหนุ่มลาดนมข้นลงบนขนมปังคู่ที่สอง


“ อ้ออันอะอ่อยอิ(ก็มันอร่อยนิ) ” เด็กหนุ่มพูดบอกเขาทั้งที่ขนมปังยังเต็มปาก เขาส่ายหัวไปมากับพฤติกรรมของเด็กหนุ่ม



“ แต่มันไม่มีประโยชน์  !!!  ”



T_T



“ อะๆ  เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ถ้าฝนไม่ตกเราไปที่ไร่กัน ไปเก็บองุ่นแล้วก็ส้มมาทำแยม มันอร่อยกว่าที่นายกินเยอะรับรอง ”
เขาเอ่ยขัดเด็กหนุ่มแต่เด็กหนุ่มทำหน้าจะร้องไห้เขาจึงเสนอแนวคิดใหม่ในการกินขนมปังกับแยมแทน มันคงดีกว่านมข้นเป็นไหนๆ


                เด็กหนุ่มดูจะตื่นเต้นเมื่อเขาพูดถึงแยม เด็กหนุ่มวางขนมปังที่หยิบขึ้นมาอีกชิ้นเมื่อกี้ลงและเก็บเข้าในถุงเหมือนเดิม เขามองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป


ฝนยังคงตกกระหน่ำไม่ขาดสายและบางช่วงก็จะมีเสียงฟ้าผ่าลงมาด้วย เด็กหนุ่มยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างบานใสในห้องนอน เขาเดินเข้ามาในห้องนอนของตนซึ่งตอนนี้ยกให้เด็กหนุ่มไปแล้ว




“ ขนาดฝนตกยังอุส่าเกาะหน้าต่างยืนมองวิวเลยนะ ”
เขาเดินมาหยุดยืนข้างเด็กหนุ่มแล้วก็เอ่ยเหน็บแนมไป ร่างเล็กมัวแต่ยืนมองออกไปนอกหน้าต่างได้ตั้งนานสองนาน



“ ไปนอนได้แล้ว  ทิวทัศน์ด้านนอกมันไม่หนีนายไปไหนหรอกพรุ่งนี้ค่อยมาชื่นชมมันต่อก็ได้ ” เขาเอ่ยบอกเด็กหนุ่มแล้วก็เข้าไปจับไหล่เด็กหนุ่มบังคับให้เดินไปที่เตียงนอน


เด็กหนุ่มเดินมาที่เตียงตามแรงที่เขาดันแต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองที่หน้าต่างอีก


เขาจัดการตึงผ้าห่มออกแล้วก็จับตัวเด็กหนุ่มให้นอนลงบนเตียง เสร็จแล้วเขาก็เดินไปตึงม่านปิดหน้าต่างบานเมื่อครู่




“ ราตรีสวัสดิ์ ” เขาเอ่ยขึ้น

เด็กหนุ่มนอนมองเขาตาปริบๆ เขายิ้มให้เด็กหนุ่มอีกครั้งก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วก็ออกจากห้องไป



             เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงของตัวเองในห้องอีกห้องซึ่งอยู่ติดกับห้องของเด็กหนุ่ม เปลือกตาของเขาเริ่มหนักขึ้นเลื่อยๆเพราะความง่วงและเขาก็หลับลงไปในที่สุดพร้อมกับสายฝนที่โหมกระหน่ำขึ้นอีกระลอก





               ภายในบ้านที่เงียบสนิทแต่ภายนอกบ้านกับยังคงมีเสียงของสายฝนดังอยู่ ดวงไฟเล็กๆตามทางเดินไม่ได้ช่วยให้ห้องต่างๆภายในบ้านดูสว่างขึ้น เสียงฝีเท้าดังอย่างแผ่วเบาจากใครบางคนก่อนที่เสียงแอ๊ดของบานประตูห้องนอนของชายหนุ่มจะดังขึ้นแล้วปิดลงอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มยังคงหลับสนิททั้งที่มีใครบางคนเข้ามาในห้องนอนตน




ครืน!!


            เสียงฟ้าร้องดังอย่างน่ากลัว ก่อนที่แสงของฟ้าผ่าจะสว่างวาบขึ้นและกระทบเข้ากับบางสิ่งในมือผู้บุกรุกยามวิกาลที่ย่องเข้ามาในห้องนอนของชายหนุ่ม ใครบางคนยกมือขึ้นสูงก่อนที่บางสิ่งในมือจะสะท้อนแสงแวววาวในความมืด



ครืน!!


                เสียงฟ้าร้องอีกครั้งและเป็นเวลาเดียวกับที่ใครบางคนลดมือที่ถือวัตถุเงินวาวลงอย่างรวดเร็ว แล้วอยู่ๆแสงไฟในห้องนอนของชายหนุ่มก็สว่างจ้า ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นและหันไปมองผู้บุกรุกที่ย่องเข้ามาในห้องนอนของตนยามวิกาล



“ จะทำอะไร ”



เขาถามออกไปด้วยเสียงเข้มขรึม บุคคลที่บังอาจย่องเข้ามาให้ห้องนอนของเขาถึงกับสะดุ้งตกใจ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วก็คว้ามือของบุคคลคนนั้นไว้



“ เอ่อ...... ”

บุคคลที่ย่องเข้าห้องเขาเอาแต่อ้ำอึ้ง เขาเหลือบสายตาไปมองบางสิ่งที่อยู่ในมือของบุคคลตรงหน้า



“ แล้วนี่อะไร ”

เขาพูดขึ้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปจ้องตาของบุคคลตรงหน้า

.
.
.
.

“ คุณไม่รู้จักไฟฉายหรือไง ”


เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยออกมาหลังจากอ้ำอึ้งไม่พูดอะไรมานาน เด็กหนุ่มน้ำตาคลอเบ้าแล้วก็ก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิดที่ย่องเข้ามาในห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ



“ ผมแค่จะมาขอนอนกับคุณ เพราะผมกลัวเสียงฟ้าผ่า  แต่ถ้าทำให้คุณลำบากผมกลับก็ได้ อ่ะ... ”


เด็กหนุ่มพูดอธิบายถึงสาเหตุที่ย่องเข้ามาในห้องเขา แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มพูดจบเขาก็ดึงเด็กหนุ่มให้ขึ้นมาอยู่บนเตียงกับเขาแล้ว



“ ดึกแล้วนอนเถอะ ”

        เสียงของเขาอ่อนลงก่อนที่ มือหนาจะผลักร่างของเด็กหนุ่มให้ล้มลงนอน เขาดึงผ้าห่มที่ปลายเตียงขึ้นมาห่มให้เด็กหนุ่มก่อนจะล้มตัวลงนอนตามแล้วก็เอื้อมมือไปปิดไฟ


“ ลืมตาแป๋วขนาดนี้แสดงว่ายังไม่ง่วงใช่ไม? ” เขาถามขึ้นในความมืด จากนั้นจึงตะแคงข้างเข้าหาเด็กหนุ่มที่นอนกอดผ้าห่มมองเพดานตาแป๋วอยู่



“ ง่วงครับ แต่นอนไม่หลับ ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆแล้วก็ถอนหายใจออกมา เขามองหน้าเด็กหนุ่มแล้วก็ถอนหายใจ



“ ฟังนิทานก่อนนอนไม ” พูดขึ้น หลังจากที่คุ้นคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงให้เด็กหนุ่มหลับ



“ ผมไม่ใช่เด็กนะ!!! ” เสียงเหวลั่นห้อง



เด็กหนุ่มพูดขึ้นเสียงดังแล้วก็ตะแคงข้างมามองหน้าเขาอย่างเคืองๆและถึงในห้องจะมืดเขาก็รู้ได้ว่าหน้าเด็กหนุ่มตอนนี้คงบึ้งตึงมากเป็นแน่



“ เด็กกว่าฉัน ”

เขาเถียงเด็กหนุ่มบ้าง และก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกลับเถียงต่อไม่ถูก ได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอ เขายิ้มออกมาในความมืดกับท่าทางของเด็กหนุ่ม



“ ผมว่า... ผมกลับห้องของผมดีกว่า ”


เด็กหนุ่มพูดแล้วก็ทำท่าจะลุกออกจากที่นอน ดีที่เขาคว้าตัวไว้ก่อนและก็กดร่างของเด็กหนุ่มไว้กับที่นอน เด็กหนุ่มดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของเขาจนเขาต้องใช้แรงอย่างมากที่จะกดร่างของเด็กหนุ่มให้อยู่นิ่งๆ




“ คิดว่านายเข้ามาในห้องฉันได้แล้วจะออกไปได้ง่ายๆงั้นหรอ !!! ”



เขาพูดบอกด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แล้วก็ลุกขึ้นคร่อมเด็กหนุ่มเอาไว้ เด็กหนุ่มเบิกตากว้างในความมืดแล้วก็ดิ้นอย่างแรง




“ คุณจะทำอะไรผมน่ะ! ”


เด็กหนุ่มถามเสียงหวาดๆและยังคงดิ้นไม่หยุดแต่ก็ยังไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนของเขาได้




“ ก็ทำอย่างนี้ไงล่ะ ”

เขาโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูของเด็กหนุ่มแล้วเขาก็ใช้มือล้วงเขาไปในสาบเสื้อร่างเล็ก เด็กหนุ่มดิ้นแรงขึ้นและพยายามถอยหนีมือสากที่ยุ่มย่ามอยู่ที่เอวตน




“ อย่า อะ ทำอะไร ฮ่าๆ ผม นะ ฮ่าๆๆๆ ”



เด็กหนุ่มทั้งพูดห้ามและก็หัวเราะอย่างหนัก

เมื่อเขาจี้เอวของเด็กหนุ่ม เขาหัวเราะออกมาเช่นกันและพยายามปัดป้องมือของเด็กหนุ่มที่ฟาดตีเขาอย่างแรง




               เกิดสงครามขนาดย่อมกลางที่นอนก่อนที่เขาจะลุกออกจากตัวเด็กหนุ่มมานอนที่เดิมของตัวเอง ทั้งเขาและเด็กหนุ่มนอนหอบหายใจกันยกใหญ่แล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกัน


“ นอนได้แล้วเดี่ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปเก็บผลไม้มาทำแยมนะ ” เขาสั่งเด็กหนุ่มแล้วก็เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มขึ้นมาจากปลายเตียงอีกครั้ง ห่มให้กับเด็กหนุ่ม


“ ครับ ”


เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่วเบาแล้วก็หลับตาลง เขาเอียงหน้าไปสังเกตใบหน้ายามหลับของเด็กหนุ่มสักพักแล้วก็หลับตามเด็กหนุ่มไปในที่สุด


“ ขอบคุณครับ ”
เสียงเล็กใสดังขึ้นในความมืดอย่างแผ่วเบาก่อนเจ้าของเสียงจะหลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงปรากฏบนใบหน้า



“ อืม ” เสียงครางในลำคอของอีกคนดังขึ้นบ้างและถ้าสังเกตดีๆก็อาจจะเห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของเขาเช่นกัน


วงแขนแกร่งวาดขึ้นไปพาดกับเอวของคนข้างๆ ก่อนจะกอดกระฉับแน่นขึ้น ซึ่งในเวลาต่อมาก็ถูกคลายออกเล็กน้อยเมื่อเจ้าของได้หลับสนิทพร้อมกับเสียงสายฝนที่ซาลง


..............................................................................
..........................................................
....................................
...................
.....
.


“ อ้าวทำไมไม่ขึ้นรถล่ะ ” เขาส่งเสียงแปลกใจถามเด็กหนุ่ม

ก่อนจะหันไปมองตามสายตาที่เด็กหนุ่มกำลังจ้องมองอยู่


“ นายคงไม่ได้คิดจะให้ฉันเอารถสปรอทไปวิ่งกลางไร่หรอกใช่ไม ” เขาถามเด็กหนุ่ม


“ เปล่าครับ ผมแค่เห็นว่ามันสวยดี ” เด็กหนุ่มตอบเขาก่อนจะเดินขึ้นรถกระบะไป เขาหันไปมองรถสปอร์ทของตัวเองก่อนจะเดินขึ้นรถกระบะแล้วขับออกไป



“ ฉันว่าถ้านายจะเก็บองุ่นเยอะขนาดนั้นเราคงมีแยมกินได้ทั้งปี ”

เขาแหวะเด็กหนุ่มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มไล่เก็บองุ่นไม่ยอมหยุดตั้งแต่มาถึง เด็กหนุ่มชะงักมือที่จะตัดพวงองุ่นอีกพวงแล้วหันหน้ามามองเขาก่อนจะทำท่าทางทะเล้น อมลมในปากแล้วเชิดหน้าใส่เขา


“ พอได้แล้ว ”

เขาเดินเข้าไปแย่งกรรไกรตัดกิ่งในมือเด็กหนุ่มแล้วก็พูดห้าม เด็กหนุ่มหันมามองเขาอย่างเคืองๆแล้วก็แย่งกรรไกรกลับไปแต่พอเขาจะแย่งมาอีกเด็กหนุ่มก็วิ่งหนีเขาไปซะก่อน


“ บอกให้พอไม่ได้ยินรึไง ” เขาตะโกนห้ามเมื่อเด็กหนุ่มยังคงไล่ตัดองุ่นใส่ตะกร้าในมือ และเมื่อเขาจะประชิดตัวเด็กหนุ่มได้แล้วเด็กหนุ่มก็จะมุดต้นองุ่นหนีเขาไปอีกฝั่ง แล้วเขาก็ต้องออกแรงวิ่งไล่ตามเด็กหนุ่มเพื่อให้เด็กหนุ่มหยุด


นี่ไร่ของเขาจะถึงคราวกำไรหาก็ครานี้แล้วสินะ =_=!!



                 เกิดสงครามตำรวจจับโจรกลางไร่องุ่นของเขา และเขานั้นเองที่ต้องรับบทเป็นตำรวจไล่จับเด็กหนุ่มที่รับบทเป็นโจรขโมยองุ่น? คนงานในไร่ต่างหันมามองเขาและเด็กหนุ่มแล้วก็พากันหัวเราะ เขาทั้งอายทั้งเหนื่อยแต่ก็ต้องวิ่งไล่จับตัวเจ้าเปี๊ยกจอมดื้อต่อเพราะไม่อย่างนั้นองุ่นในไร่ของเขาคงถูกตัดจนหมดเป็นแน่


“ ดื้อจริงนะเรา ” เขาพูดเสียงเหนื่อยปนหอบ

ในอ้อมแขนมีเด็กหนุ่มยืนดิ้นขลุกขลักอยู่ เขากอดร่างเล็กให้แน่นขึ้นไปอีกเพื่อไม่ให้หลุดออกไปตัดองุ่นของเขาจนหมดจริงๆเพราะมีหวังไร่เขาต้องเจ๊งแน่ๆ



“ ปล่อยผม ”


เด็กหนุ่มยังคงดิ้นไม่ยอมหยุด และก็พยายามแกะมือของเขาออกจากเอวตน แต่มีหรอที่เขาจะยอมปล่อยเด็กหนุ่มง่ายๆ


“ ถ้านายยังไม่หยุดดื้อฉันก็จะกอดนายอยู่อย่างนี้แหระ ” เขาเอาคางเกยที่ไหล่เด็กหนุ่มแล้วก็กระซิบข้างใบหูเล็ก และมันได้ผลสำหรับแผนแกล้งเด็กของเขาเพราะคนตัวเล็กในอ้อมกอดหยุดดิ้นและยืนตัวแข็งทื่อ



“ ฉันจะปล่อยนายแต่นายต้องสัญญาว่าจะไม่ไล่ตัดองุ่นของฉันเข้าใจไม? ” เขาชะโงกหน้าไปถาม เด็กหนุ่มพยักหน้าขึ้นลงอย่างเร็วทันที


“ ดื้อขนาดนี้พ่อแม่นายคงปวดหัวน่าดู ” เขาพูดขึ้นแล้วก็หัวเราะออกมา

แต่แล้วก็ต้องผิดสังเกตเมื่อเด็กหนุ่มเงียบไปถนัดตา



“ เอ่อ ฉันขอโทษ คือฉันไม่ได้จะ... ”



“ ไม่เป็นไรครับ ”



                 เมื่อคิดได้ว่าตัวเองคงพูดอะไรไม่เข้าท่า เขาจึงเอ่ยขอโทษเด็กหนุ่มแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อไปมากกว่านั้นเด็กหนุ่มก็ขัดขึ้นเสียก่อนแล้วก็เดินหนีไปทางด้านไร่ส้ม


“ นายจะเก็บส้มไปเท่าไหร่ก็ได้ตามใจเลยครั้งนี้ฉันไม่ห้ามแล้ว ถือซะว่าเป็นการขอโทษที่ฉันพูดอะไรไม่เข้าท่ากับนาย ” เขาตะโกนบอกไล่หลัง


เจ้าเปี๊ยกยืนตัดผลส้มโดยมีคนงานในไร่คอยบอกวิธีให้อยู่อย่างเพลิดเพลิน

เขาหันไปส่งสัญญาให้คนงานออกไปก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปจับมือเด็กหนุ่มที่ถือกรรไกรเขยงตัดส้มที่สูงขึ้นไป เมื่อตัดส้มมาได้เขาก็ส่งให้เด็กหนุ่มแล้วก็ถือโอกาสเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อบนใบหน้าร่างเล็กให้ด้วย ก่อนจะชะงักค้างกันไปทั้งคู่


เด็กหนุ่มยืนมองการกระทำของเขาแล้วก็เอ่ยออกมาเสียงเบา



“ ขอบคุณครับ ”


เขายิ้มให้เด็กหนุ่มแล้วก็ถือวิสาสะจับหัวเด็กหนุ่มโยกไปมา


“ นายก็เหมือนน้องชายฉัน ......ไม่ต้องคิดมาก ” เขาบอกแล้วเปลี่ยนไปจับมือเด็กหนุ่มแทน

จากนั้นก็จูงมือเด็กหนุ่มให้เดินตามเขาไปด้านหลังของไร่


“ นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี่ยวฉันไปสั่งคนงานให้เอาองุ่นกับส้มที่นายเก็บไปไว้ในรถก่อน ” เด็กหนุ่มพยักหน้าให้เขาแล้วก็หันไปสำรวจแปลงเพาะพันธุ์ต้นทานตะวัน


.......................................................................................
.....................................................................
..............................................
...........................
.............
..



“ คุณตะวันครับ !!! ”


“ ชู่ว์ ”

เขาส่งเสียงห้ามคนงานในไร่ คนงานทำหน้างงแต่ก็ยอมหุบปากเงียบ



“ ต่อไปนี่ เรียกข้าว่านายหัวก็พอ ” เขาสั่งคนงาน

ชายวัยทำงานพยักหน้าเข้าใจแต่ก็แอบสงสัยว่าทำไมเจ้านายถึงไม่ให้เรียกชื่ออย่างเคย


“ เอาองุ่นกับส้มที่เจ้าเปี๊ยกเก็บไปไว้ในรถของข้าด้วย ” ตะวันสั่งอีกก่อนคนงานจะพยักหน้าเข้าใจอีกรอบแล้วขอตัวเดินออกไป




“ นี่คุณ ”

เขาหันไปตามเสียงเรียกอย่างตกใจแต่ก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มมองหน้านายหัวใหญ่ของไร่อย่างสงสัย? ก่อนจะเปลี่ยนท่าที


“ ทำไม...........? ”


ตะวันถามเด็กหนุ่ม



เด็กหนุ่มยิ้มร่าให้เขาแล้วก็ยกกระถางต้นอ่อนของทานตะวันให้ดู


.............................................................................
…………………………………………………..
…………………………………
……………………..
………..
….
.




“ นึกยังไงอยากปลูกต้นทานตะวันขึ้นมาฮะเปี๊ยก ”


นายตะวันถามขึ้นอีกรอบหลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็ถามเด็กหนุ่มไปแล้ว แต่คำตอบที่ได้ก็มีเพียงแค่รอยยิ้มส่งมาให้เท่านั้น


ตอนนี้เขากับเด็กหนุ่มกลับมาที่บ้านแล้วและเด็กหนุ่มก็เอาแต่นั่งมองต้นอ่อนทานตะวันไม่ยอมลุกไปไหน เด็กนี่ดูท่าจะเห่อของเล่นใหม่ จนเขาล่ะจนปัญญาจริงๆ ไม่รู้ว่านึกคึกอะไรของเค้าอีก



“ สงสัยองุ่นกับส้มที่เอามาทำแยมคงเป็นหมันแล้วมั้ง อย่างนี้ต้องเอาไปให้คนอื่น ” นายหัวใหญ่พูดขึ้นลอยๆ
แต่ก็ทำให้ปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มเปลี่ยนจากที่นั่งมองกระถางต้นอ่อนทานตะวันมาเป็นมองหน้าเขาตาเขม็ง



“ หึหึ ”


เสียงหัวเราะอย่างมีชัย เมื่อเห็นท่าทางของเด็กหนุ่ม แต่ก็ต้องหยุดอย่างฉับไวเมื่อหันไปมองที่ดวงตาของเด็กหนุ่มซึ่งตอนนี้เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา



“ เฮ้ยล้อเล่น โอ๋ๆอย่าร้องนะครับ ”


เขาบอกเด็กหนุ่มก่อนจะเอื้อมไปจับหัวเจ้าเปี๊ยกจอมดื้อที่ตอนนี้เกิดดราม่าขึ้นมา ซบลงกับอกของเขาแล้วก็โยกตัวร่างเล็กไปมา




“ ขี้แยจังเลยเรา ” ชายหนุ่มปลอบเสียงอ่อนก่อนเด็กหนุ่มจะผละออกจากอกของเขา


“ ก็คุณจะเอาองุ่นแล้วก็ส้มของผมไปให้คนอื่นนี่ ” เด็กหนุ่มพูดเสียงสั่นๆ

นายตะวันยิ้มแล้วก็ยกมือขึ้นขยี้หัวมนอย่างมั่นเขี้ยว



“ ใครจะใจร้ายอย่างนั้นละครับฮึ ” เขาหยุดขยี้หัวร่างเล็กแล้วก็ตอบไป


“ ก็คุณไง ใจร้าย ” เด็กหนุ่มเถียงกลับมาอย่างไว

เน้นเสียงที่คำว่าใจร้าย จนเขาต้องยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้เพราะไม่อย่างนั้นเขากับเด็กหนุ่มคงจะมีเถียงกันอีกยาว


....................................................................................
.......................................................
...............................
..................
..........
...
.



ก๊อกๆ!!



เสียงเคาะประตูดังขึ้นของรุ่งอรุณวันใหม่ นายหัวใหญ่แห่งไร่ ขยับตัวให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่ดีแน่ๆถ้าจะให้เด็กดื้อข้างๆตัวเขาตื่นพร้อมกัน เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูแล้วก็หาวออกมาหวอดใหญ่


“ มีอะไร ” ชายหนุ่มถามทั้งที่ยังหลับตา


และเมื่อลืมตาขึ้นมองก็พบกับป้าแม่บ้านซึ่งอาทิตย์หนึ่งจะต้องมาทำความสะอาดบ้านของเขาหนึ่งครั้ง แต่มันไม่หมดเท่านั้นเมื่อเยื้องไปด้านหลังของป้าแม่บ้านมีแขกสาวสวยยืนอยู่และด้านหลังของหล่อนเป็นคนงานในไร่ของเขาถือกล่องลังอะไรสักอย่าง



“ อรุณสวัสดิ์ค่ะ ”

                 แขกสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ เขามองหน้าหล่อนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองเลยไปยังคนงานของเขาแล้วก็ส่งสายตาคาดโทษไปให้ที่พาแขกมากวนเขาแต่เช้า



“ นิดจะมาคุยเรื่องออเดอร์องุ่นกับคุณน่ะค่ะ แต่ไม่นึกว่าคุณยังไม่ตื่น ปกติคุณตื่นเช้านี่คะทำไมวันนี้เก้าโมงกว่าแล้วยังไม่      เอ่ะ หรือคุณไม่สบายเป็นอะไร มาก............. ”



“ ป้าครับ ช่วยพาคุณนิดไปรอผมที่ห้องรับแขกด้วย ”

            เขาพูดแทรกขึ้นสั่งป้าแม่บ้านที่ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ให้พาแขกลงไปที่ห้องรับแขก ก่อนเขาจะเดินเข้าห้องนอนและปิดประตูเสียงดัง





“ ใครมาหรอครับ ”

เด็กหนุ่มพูดเสียงงัวเงียแล้วก็ลุกขึ้นนั่งขยี้ตาตัวเอง



“ ลูกค้าน่ะ ” เขาบอกเด็กหนุ่มก่อนจะตีเข้าที่มือของร่างเล็กเบาๆเพื่อไม่ให้เด็กหนุ่งขยี้ตาตัวเอง เจ้าเปี๊ยกจอมอื้อหยุดขยี้ตาแต่หันมามองจ้องหน้าเขาอย่างสงสัย


“ เดี๋ยวตาก็แดงพอดี ” เขาคลายข้อสงสัยให้ก่อนเด็กหนุ่มจะพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

ตะวันได้แต่ส่ายหัวปลงๆ  แต่ถ้าสังเกตดีๆ มุมปากนายหัวใหญ่อมยิ้มอยู่ หากใครได้เห็นคงหลงเสน่ห์นายหัวไปตามๆกัน


.................................................................................................
........................................................................
................................................
..........................
..........
..



“ ผมขอคิดดูก่อนแล้วกันนะ เพราะคุณเล่นต้องการองุ่นเพิ่มขึ้นตั้งเท่าตัวขนาดนี้ ” เขาพูดบอกหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม


“ ได้ค่ะ เอ้อ ฉันเกือบลืมแหนะ นี่ค่ะ ” หญิงสาวพูดพร้อมกับเดินไปยังลังที่หล่อนให้ลูกน้องเขายกมา แล้วหยิบขวดไวน์ออกมาหนึ่งขวด



“ ไวน์ชั้นดีของเรา ”

หญิงสาวอวดแล้วก็ส่งขวดไวน์มาให้นายหัวแห่งไร่ 



“ ขอบคุณครับ แต่ความจริงไม่ต้องลำบากก็ได้ ”

ตะวันบอกออกไปอย่างเกรงใจ หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างแล้วก็เดินมานั่งลงข้างเขา เตรียมจะพูดอวดสรรพคุณของไวน์


“ ไม่ลำบากเลยค่ะ ความจริงฉันอยากเอามาให้มากกว่านี้นะค่ะเพราะว่ามัน... ”




“ คุณ! ผมหิวข้าว ”

แต่ก็ไม่ทันได้อ้างอวด เพราะเจ้าเปี๊ยกจอมดื้อของเขาเดินหน้ามุ่ยลงมาจากชั้นบนแล้วก็ตะโกนลั่นบ้าน ตะวันเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กหนุ่มก่อนจะตะลึงพืดที่เห็นเด็กหนุ่มใส่เพียงเสื้อเชิ้ตตัวโค่งของเขาลงมา



“ ทำไมถึงใส่แบบนี้ ” เขาถามขึ้นเสียงดุพร้อมกับเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม


“ ก็คุณให้ผมอาบน้ำในห้องของคุณ.................? ”

เด็กหนุ่มตอบ


แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวกับที่เด็กหนุ่มใส่ชุดนี้ยังไง




“ แต่คุณลืมไปหรือเปล่าว่าพอผมอาบเสร็จผมจะเปลี่ยนใส่ชุดอะไร ” ร่างเล็กต่อความ

พูดขึ้นอีกไขข้อข้องใจ แล้วเขาก็ถึงบางอ้อทันที




“ เด็กคนนี้เป็นใครหรอค่ะคุณตะ.......... ”  นายตะวันเกือบลืมไปแล้วว่ายังมีหญิงสาวอยู่ในห้องนี้ด้วยถ้าหล่อนไม่พูดขึ้น และเกือบหลุดชื่อของเขาออกมา




“ ป้าพรรณครับส่งแขก ”







TBC.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2015 16:32:31 โดย Gu_y »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
งง ทำไมเรียกชื่อตะวันไม่ได้ อะไรจะเป็นความลับขนาดนั้น

ออฟไลน์ Gu_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พรุ่งนี้มารู้คำตอบกันนะว่าทำไมถึง ไม่เรียกชื่อกัน ในเรื่องนี้  :hao7:

กับการเปิดประเด็นที่เหมือนไม่เปิด :a5: กับคนเขียนคนนี้ 555555

ตอนหน้าจบแล้วเด้อ  :hao5: แต่ จะมีสเปฯ รึเปล่า นี่แล้วแต่นักอ่านละกัน

" ถ้ามีคนอ่าน ก็มีคนเขียน! "  :mew1:

ขออภัยมานะที่นี้หากอ่านเรื่องนี้แล้วขัดอารมณ์ หรือไม่เข้าใจ ที่คนเขียนจะสื่อ "คนเขียนมันติสไม่ค่อยมีใครเข้าใจหรอก"  :hao6:

ออฟไลน์ Gu_y

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
03 l เงาจันทร์ l




“ ป้าพรรณครับส่งแขก ”


เขาตะโกนบอกป้าแม่บ้านก่อนที่เธอจะพูดจบ แล้วป้าพรรณก็เดินออกมาจากครัวอย่างไว เขาจึงถือโอกาสลากเด็กหนุ่มขึ้นไปที่ห้องของเด็กหนุ่มซึ่งมันเคยเป็นของเขาทันที


“ โทษนะฉันก็ลืมไป ” เขาบอกเด็กหนุ่มหลังจากเข้ามาอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว


“ ไม่เป็นไรครับ ” เด็กหนุ่มว่าแล้วก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ


เสื้อผ้าที่เด็กหนุ่มใส่เขาสั่งให้คนงานไปซื้อมาจากในเมืองและส่วนหนึ่งก็เป็นของเขาตอนยังตัวเล็กกว่าปัจจุบัน แต่ส่วนมากเสื้อผ้าเหล่านั้นก็ดูจะตัวใหญ่สำหรับเด็กหนุ่มอยู่ดี!




“ ไหนบอกหิวทำไมกินไปน้อยล่ะ ” ตะวันถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มวางช้อนกับซ้อมลงทั้งที่กินไปได้ไม่เท่าไหร่



“ ก็ผมอิ่มแล้ว ” เด็กหนุ่มตอบแล้วก็ลุกเดินออกไป ทำให้เขาต้องจำใจวางช้อนของตัวเองลงก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กไป



“ ป้าครับเก็บอาหารในห้องครัวให้ผมด้วยนะ ” เขาสั่งป้าแม่บ้านก่อนจะเดินไปที่ระเบียงชานบ้านซึ่งมีเจ้าเปี๊ยกนั่งอยู่



“ เป็นอะไร ” นายหัวใหญ่แห่งไร่ถามอย่างเป็นห่วงเมื่อสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า



“ เปล่าครับ ” เด็กหนุ่มตอบแล้วหันหน้าหนีเขาไปอีกทาง ซึ่งท่าทางแบบนี้ทำให้เขามั่นใจว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน



“ ฉันกับผู้หญิงคนนั้นเราเป็นแค่คู่ค้ากันไม่ได้มีอะไรที่มากไปกว่านั้น ” ตะวันพูดขึ้น


เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมามองเขาแล้วก็ถอนหายใจ



“ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับ อีกอย่างผมไม่ได้อยากรู้ซะหน่อยเรื่องของคุณกับผู้หญิงคนนั้น ”

คนตัวเล็กบอกก่อนจะลุกหนีนายตะวัน



“ แต่ฉันต้องการให้นายรู้ ”


ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเห็นร่างเล็กๆของเด็กหนุ่มเดินหายลับกลับเข้าไปในบ้าน
 

...
....................................................................
............................................
.................................
...........
...
.


“ นี่คุณ! ไวน์ของเจ๊นั้นก็รสชาติดีเหมือนกันแฮะ คุณไม่รองชิมดูสักหน่อยหรอ ” เจ้าเปี๊ยกจอมแสบร้องบอก

หลังจากที่เล่นซนจนไปเจอไวน์ของนิดที่เอามาให้


เขากุมขมับทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มเดินถือแก้วกับขวดไวน์ไปมาตรงหน้า


“ ใครใช้ให้นายไปเอามากินห่ะ ” นายหัวตะโกนขึ้นเสียงดัง เด็กหนุ่มหยุดเดินวนไปวนมาแล้วก็มานั่งตรงหน้าตะวัน ก่อนเขาจะก้มลงไปมองกลับเด็กหนุ่มแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



“ ผมกินไม่ได้หรอ ” ใบหน้าหวานเลิกคิ้วถามเขาด้วยเสียงหม่น น้ำตาคลอเบ้านั่งมองหน้าเขาแล้วก็วางแก้วกับขวดไวน์ในมือลงบนโต๊ะข้างตัว



“ ไม่ใช่อย่างนั้นแต่.........เฮ้อ อยากกินก็ตามใจ ” เขาจะอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังแต่เมื่อเห็นสายตาของเจ้าเปี๊ยกก็ทำให้เขาใจอ่อนยวบไม่กล้าขัดอะไรคนตัวเล็ก



“ เย้ ” เด็กหนุ่มร้องขึ้นอย่างดีใจแล้วก็หันไปรินไวน์ใส่แก้วกระดกกินอย่างกับน้ำเปล่า เขามองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่เอามือกุมขมับ


.................
..........
....
.


“ เฮ้ย! เจ้าเปี๊ยกนายจะมาหลับทั้งที่ยังไม่อาบน้ำแบบนี้ไม่ได้นะ ” เขาบอกแล้วก็เขย่าตัวเด็กหนุ่มเพื่อปลุกให้เด็กหนุ่มตื่น แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีทีท่าว่าเด็กดื้อตรงหน้านี่จะตื่นขึ้นมาสักที



“ เหนื่อยฉันอีก ” ตะวันบ่นกับตัวเองเบาๆแล้วก็อุ้มร่างเด็กหนุ่มพาขึ้นไปบนห้องนอนของตน


                  เขาจัดแจงวางร่างของเด็กหนุ่มบนที่นอนแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับออกมาพร้อมกะละมังใบเล็กในนั้นมีน้ำอยู่พอประมาณกับผ้าผืนสีขาวลอยอยู่ เขาวางกะละมังลงข้างเตียงแล้วก็บิดผ้าให้พอหมาดเช็ดไปที่หน้าของเด็กหนุ่มอย่างเบามือ เด็กหนุ่มเบี่ยงหน้าหนีความเย็นจากผ้าแล้วก็ครางออกมางึมงำ นายหัวใหญ่ส่ายหน้าไปมาทันที



หลังจากที่เขาได้เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่มเสร็จเขาก็เข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับตัวเองบ้าง เขาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเพราะดันลืมเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยน เขาถอนหายใจกับความสะเพร่าของตัวเองก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและกำลังจะหยิบเสื้อแต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อได้ยินเสียงคนร้องไห้!



เขาหันไปยังเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาร่างเล็กที่นอนหลับตาพริ้มแต่น้ำตานองหน้า ตะวันพยายามปลุกเด็กหนุ่มแต่ร่างเล็กก็ยังไม่ตื่นคงเพราะฤทธิ์ไวน์ เสียงสะอื้นยังคงดังขึ้นไม่หยุดจากปากเล็กๆเจ้าเปี๊ยกของเขา



“ เปี๊ยกตื่น........ ลืมตาขึ้นมามองฉันสิเปี๊ยก!! ” เขาตะโกนเรียกอยู่นานกว่าเด็กหนุ่มจะสะดุ้งเบิกตาโพง ลืมตาตื่นขึ้นมาและโผล่เข้ากอดเขาเข้าอย่างจัง



“ ไม่เป็นอะไรแล้วนะคนดีของฉัน ” นายหัวใหญ่พูดปลอบ

ใช้มือลูบหัวลูบหลังคนตัวเล็กแผ่วเบา เด็กหนุ่มยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นและกอดเขาอยู่อย่างนั้น



“ มีฉันอยู่ทั้งคนไม่มีใครทำอะไรนายได้หรอกเชื่อฉันสิ ” เขาบอกเด็กหนุ่มไปอีก เด็กหนุ่มหยุดร้องไห้และผละออกมาจ้องมองเขา ตะวันใช้นิ้วมือเกลี่ยคาบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าเด็กหนุ่มออกช้าๆพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้



“ คุณใจดีเกินไปแล้วนะ ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นแล้วก็โผล่เขากอดเขาอีกรอบ เขากอดตอบเด็กหนุ่มแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ



“ ฉันใจดีแล้วมันไม่ดีรึไง ” เขาถาม เด็กหนุ่มผละจากตัวเขาอีกครั้งแล้วก็นั่งจ้องหน้าเขา

ตะวันเองก็จ้องหน้าเด็กหนุ่มเช่นกัน และเหมือนเวลาจะหยุดหมุนตรงนี้เพราะเขาไม่สามารถละสายตาออกไปจากใบหน้าของเด็กหนุ่มได้



“ บางครั้งฉันก็คิดอยากให้นายเป็นผู้หญิง ” นายหัวใหญ่กระซิบบอก ใบหน้าของเขาและเด็กหนุ่มห่างกันแค่คืบจนเขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเด็กหนุ่ม



“ ทำไมละครับ ” คนตัวเล็กถามขึ้นเสียงเบาแต่ตาก็ยังคงจับจ้องมองเขาอยู่ ตะวันยกมือขึ้นไปกอบกุมใบหน้าหวานเชื่องช้าอย่างทะนุถนอม


“ เพราะมันจะทำให้ฉันมั่นใจกว่านี้ ” เขาบอก เด็กหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย



“ ว่าฉันรักนายเข้าแล้วสิ ” เขาก้มกระซิบข้างหูเด็กหนุ่มแล้วก็ผละออกมามองหน้าเด็กหนุ่มอีกครั้ง ใบหน้าหวานขึ้นสีและคราวนี้เขามั่นใจว่ามันเพราะเด็กหนุ่มเขินเขาไม่ใช่เพราะร้อน!


เด็กหนุ่มเบิกตากว้างมองเขาอย่างอึ่งๆ แล้วก็หันหน้าหลบสายตาเขา ตะวันใช่มือบังคับให้เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมาแล้วก็ยิ้มบางๆให้



“ มาคิดอีกทีฉันว่านายไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงก็ได้ ” เขาพูดขึ้นอีก สายตาก็ยังคงจับจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่ม ร่างเล็กชะงักไปก่อนเขาจะเอ่ยประโยคต่อไป


“ เพราะฉันรักนายจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วตอนนี้ ” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงไปลิ้มลองความหวานจากปากของเด็กหนุ่มโดยไม่ขออนุญาตซักคำ เด็กหนุ่มเบิกตากว้างแล้วก็ดิ้นขลุกขลัก เขาใช้มือข้างหนึ่งจับมือทั้งสองของเด็กหนุ่มเพื่อไม่ให้ทุบเขา ส่วนอีกข้างยังคงจับอยู่ที่คางมน



“ อื้ม ”

                    เด็กหนุ่มส่งเสียงประท้วงในลำคอก่อนเขาจะถือโอกาสสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานที่ซ่อนอยู่ในโพลงปากของเด็กหนุ่ม ก่อนแรงต้านเมื่อครู่จะหายไป


เด็กหนุ่มเลิกขัดขืนจากนั้นก็หลับตาพริ้ม เขาประคองใบหน้าของร่างเล็กให้รับแรงปรารถนาที่เขาส่งไปให้ จับหน้าเด็กหนุ่มเอียงข้างเพื่อเขาจะได้ควานหาความหวานในปากอิ่มหวานนี่ได้ถนัด



“ อืม ” เสียงครางหวานจากร่างเล็กก่อนนายหัวใหญ่จะจำต้องละริมฝีปากออกมามองหน้าของเด็กหนุ่มแทน ปากเจ่อแดงของคนตรงหน้าทำให้เขาต้องกลับไปลิ้มลองมันอีกครั้งและอีกครั้ง




               ตะวันผลักร่างของเด็กหนุ่มให้ล้มลงกับเตียงแล้วก็ขึ้นคร่อมทับร่างเล็กให้อยู่ใต้อาณัติ สมองของเขาขาวโพลนปล่อยให้ร่างกายทำทุกอย่างตามความต้องการ เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มนายหัวใหญ่เป็นคนปลดมันออกเองแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ทั้งที่เขาเคยเห็นร่างเปลือยเปล่านี่แล้วแต่ครั้งนี้มันกับทำให้เขาใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก มือไม้ชายหนุ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายเล็กอย่างโหยหา เขากำลังคลั่งกับร่างกายนี้!


“ อ่ะ ”  เด็กหนุ่มสะดุ้งและเปล่งเสียงหวานออกมาเมื่อเขาเค้นคลึงสะโพกมน เขาปลดปราการชิ้นสุดท้ายของร่างเล็กออกแล้วใช้มือกอบกุมส่วนอ่อนไหวของเด็กหนุ่มเอาไว้ ขยับขึ้นลงเชื่องช้าตามสัญชาตญาณ 


“ ย่ะ อย่า ”

คนตัวเล็กเปล่งเสียงห้ามเบาหวิว

ปัดมือใหญ่ที่พยายามระรานร่างกายตนออกอย่างสะเปะสะปะ เขาจำต้องใช้มือข้างหนึ่งรวบมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มอีกครั้ง แล้วก็ใช้มืออีกข้างทำงานกับร่างกายของเด็กหนุ่มต่อไป


ถึงจะรู้สึกสงสารเมื่อเห็นร่างเล็กน้ำตาคลอ สีหน้าบ่งบอกถึงความทรมานแต่ความดิบเถื่อนที่ถูกปลุกขึ้นของเขากับสั่งให้เขาเห็นแก่ตัวและกระทำกับร่างกายนี้อย่างหลงใหล เขาก้มหน้าลงไปหยอกล้อกับตุ่มไตบนหน้าอกของเด็กหนุ่ม ขบกัดเบาๆจนเกิดเสียงครางดังระงมทั่วห้อง


“ อ่ะ เจ็บ ปะ ปล่อยผม ” เด็กหนุ่มทักท้วงเมื่อเขาขบกัดตุ่มไตบนหน้าอกเด็กหนุ่มอย่างแรง


“ ฉันขอโทษ แต่ฉันหยุดตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ ” ตะวันเงยหน้าขึ้นไปกระซิบข้างหูเด็กหนุ่ม ปล่อยมือที่รวบมือข้อมือเล็กออกเป็นอิสระ แล้วก็ประคองหน้าเด็กหนุ่มไว้ก่อนจะพรมจูบไปทั่วใบหน้าหวาน


เมื่อมือของเด็กหนุ่มเป็นอิสระก็กลับมาประทุร้ายเขาอีก เขานอนนิ่งให้เด็กหนุ่มทำไปโดยไม่ปัดป้อง คนตัวเล็กชะงักมือและเงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่สวยบวมแดงจากการร้องไห้เมื่อครู่ จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา


“ ฉันรักนายนะเปี๊ยก ”

                เขาพร้ำบอกเด็กหนุ่มแล้วก็ก้มหน้าลงไปลิ้มลองความหวานจากปากเล็ก เด็กหนุ่มใช้มือทั้งสองข้างดันใบหน้าเขาออกก่อนจะค้างเอาไว้


“ คุณรักผมทั้งที่ไม่รู้จักชื่อผมเนี้ยนะ ”

เด็กหนุ่มถามอย่างไม่อยากเชื่อ เขายิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าช้าๆแทนคำตอบ


“ คุณรักผมทั้งที่ไม่รู้ว่าผมเป็นใครมาจากไหน ” เด็กหนุ่มถามอีกและเขาก็พยักหน้าแทนคำตอบเด็กหนุ่มเช่นเคย



“ คุณรักผมทั้งที่.......... ” เด็กหนุ่มจะพูดขึ้นอีกแต่เขาใช้ปลายนิ้วแตะปิดปากหยุดเสียงนั้นเอาไว้



“ ฟังนะเปี๊ยก ” ตะวันบอกและก็มองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
.
.
.
.


“ ไม่ว่านายจะเป็นใครมาจากไหนมันไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ” เขาหยุดพูดสายตายังคงมองเพียงใบหน้าของเด็กหนุ่ม นายหัวใหญ่ใช้มือลูบใบหน้าของเด็กหนุ่มเล่นแล้วก็ยิ้มให้เจ้าเปี๊ยกของเขา



“ ฉันรักนาย ” เขาบอกและก็ก้มไปหอมแก้มขวาของเด็กหนุ่ม



“ ฉันรักนาย ” เขาบอกอีกแล้วก็หอมแก้มซ้าย



“ ฉันรักนาย ” เขาพร้ำบอกอีกครั้งและอีกครั้งแข่งกับเสียงครวญครางที่ดังระงม ร่างกายของเขาและเด็กหนุ่มตอบสนองกันจนเป็นที่พึงพอใจของกันทั้งคู่ คงไม่มีอะไรจะสุขเท่าการได้มีคนรักอยู่กับเขาในคืนอันเร้าร้อนอย่างนี้  คงไม่มีอะไรจะสุขเท่าเขาพบรักอีกครั้ง? คงไม่มีอะไรจะสุขเท่านี้ แล้ว จริงๆ !!!


............................................................................
..........................................................
....................................
..................
.......
.



                  แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านสีครีมเข้ามาในห้องกว้าง สะท้อนภาพชายหนุ่มนอนกอดร่างเล็กไว้แนบอก หน้าท้องของเขายุบขึ้นและลงอย่างสม่ำเสมอแสดงถึงการหลับลึก เด็กหนุ่มข้างๆขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเบ้หน้าเพราะความเจ็บที่แล่นริ้วเข้ามา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของชายหนุ่มเล่นไปมา แล้วก็เขย่งตัวขึ้นไปลักหอมที่แก้มตะวันอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกมานอนมองใบหน้ายามหลับของเขา



เด็กหนุ่มนอนยิ้มอยู่สักพักก่อนใบหน้าของเด็กหนุ่มจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ร่างเล็กหันกับมานอนหงายมองเพดานด้วยสายตาเลื่อนลอย ในหัวสมองสับสนกับเรื่องราวต่างๆที่ตีกันมั่วไปหมด เด็กหนุ่มได้แต่คิดวกไปวนมาและไม่รู้ว่าตนจะทำอย่างไรต่อไปดี เด็กหนุ่มหันกลับไปมองคนที่นอนกอดตนไว้ด้วยใบหน้าอิ่มสุขแล้วก็ต้องหันหน้าหนีตะแคงไปอีกข้าง



น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย ก่อนมือเล็กจะยกขึ้นมาปิดปากตัวเองไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไปได้ แขนแกร่งจากคนที่หลับอยู่ขยับกระชับเด็กหนุ่มแน่น คนตัวเล็กสะดุ้งก่อนจะเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างลวกๆ


.
.
.
.
.
.

“ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งคุณ ศิ!!  ” เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วก็เอ่ยออกมาเบาๆ มือเล็กเอื้อมไปลูบใบหน้ากร้านแดดที่นอนหลับสนิทอยู่ สายตาที่มองชายหนุ่มอย่างคนรักสั่นไหวและสับสน


“ แต่มันคงจะดีที่สุดถ้าเราจะไม่พบกันอีก! ” เด็กหนุ่มพูดเสียงสั่นพร้อมน้ำตาที่พลั้งพลูออกมา



เด็กหนุ่มแกะมือที่กอดเอวของตนออกแล้วก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้นมาสวมใส่ ทั้งที่ตนเจ็บสะโพกมากแค่ไหนก็ตามแต่ก็ต้องพยายามข่มความเจ็บนั้นไว้เพราะเจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจที่สาหัสกว่า เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องนอนไปโดยไม่หันกับมามองชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงทำแบบนี้ ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มจะรู้สึกอย่างไรหากตื่นขึ้นมาแล้วพบกับความว่างเปล่า ไม่มีใครรู้!





คุณว่าความรักมันจะมีแต่เรื่องสุขงั้นหรอ ผมว่าไม่นะ!




คุณว่าความรักมันจะเดินเข้ามาหาคุณปล่อยๆรึเปล่า ผมก็ว่าไม่นะ!




แล้วคุณคิดว่าความรักมันมีค่าที่จะให้คุณจดจำไมล่ะ?




                     มันอาจจะเร็วไปหากผมจะบอกว่ารักใครบางคนทั้งที่เราพึ่งเจอกันได้เพียงอาทิตย์เดียว ไม่สิ ยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมผมกับรักเขาหมดใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งที่ผมเคยบอกกับตัวเองแล้วว่าชาตินี้คงจะไม่รักใครได้อีกนอกจากเธอคนนั้น คุณไม่ต้องรู้ว่าเธอคือใครเพราะมันเป็นอดีตไปแล้ว! มาตอนนี้ผมเกิดความรู้สึกที่เรียกว่า “รัก” อีกครั้งกับ ’เขา’ และคุณต้องรู้ว่าเขาคือใครเพราะผมรักเขามาก มากกว่าเธอคนก่อนอีก ทั้งที่เราพึงเจอกันเพียงไม่กี่วันเขาก็ได้ใจผมไปทั้งดวง ผมอยากจะบอกพวกคุณจังว่าเขาเป็นใคร แต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะผมเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาเป็นใคร



ความรักของผมกับเขาเริ่มต้นมันอาจจะแปลกไปหน่อยแต่ความแปลกนั้นก็ทำให้ผมรู้จักคำว่ารักในอีกรูปแบบหนึ่ง มันทำให้ผมอยากลืมตาตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตเรียบๆง่ายๆกับเขาในทุกๆวัน ผมไม่รู้ว่ารักเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้แม้กระทั้งชื่อเล่นของเขา มารู้อีกทีก็ตอนที่มันมากจนไม่อยากจากเขาไปไหน ความรักของผมกำลังจะไปได้สวยถ้าผมไม่ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันที่มันควรจะสดใส มันอาจจะสดใสเหมือนกับความรักของผมถ้าไม่ติดที่ ผมลืมตาขึ้นมาแล้วพบกับความว่างเปล่า!   



มันคงจะดีกว่าถ้าผมแค่ฝันว่ามีใครบางคนเข้ามาทำให้หัวใจผมกระชุ่มกระชวยในสี่ห้าวันมานี้ แต่เปล่ามันไม่ใช่ความฝัน! มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผม หากย้อนเวลาไปตอนที่ผมลืมตาตื่นแล้วพบกับความว่างเปล่าอาจจะดีกว่าถ้าผมยอมทนเจ็บ ไม่พยายามดันทุลังตามหาเขาที่หายไป เพราะผมคงไม่ต้องเจ็บแบบนี้และทำให้เขาต้องเจ็บปวดเช่นกัน!






ปัง!



เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดจากฝีมือคนที่ผมรักมาก หากกระสุนนั้นพุ่งตรงไปยังคนอื่นผมจะไม่รู้สึกเสียใจเท่ากับพุ่งมายังผม!




“ ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ใช่เด็กน้อยใสซื่อที่คุณรู้จัก คุณศศิธร!! ” คนที่ผมรักมากตะโกนบอกมาพร้อมกับในมือที่ยังคงเล็งปืนมาที่ผม!



“ นายโกหกแล้วเปี๊ยก................ ไม่อย่างนั้นนายคงไม่ใช้สายตาอย่างนั้นมองฉัน ”  คนที่ผมรักมากเบิกตากว่าอย่างลืมตัวแล้วก็นิ่งไป



“ ผมโกหกแล้วยังไง เพราะถึงคุณรู้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร” คนที่ผมรักมากแค้นเสียงหัวเราะเยาะ แววตาที่เปลี่ยนไปมากของเขาทำให้ผมหวั่นใจ



“ ทำไมนายถึงทำแบบนี้ ” ผมเอ่ยถามออกไป มองคนที่ผมรักมากอย่างไม่เข้าใจ



“ คุณยังจะถามอีกหรอคุณศิ มันไม่ใช่เพราะคุณหรือไงที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ” คนที่ผมรักมากพูดเสียงสั่นเหมือนระงับอารมณ์ น้ำตาใสไหลออกมาจากดวกตาคู่สวยคู่ที่ผมหลงใหลตั้งแต่วันแรกที่ได้สบ




“ เพราะคุณทำให้น้องชายผมต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ที่โรงพยาบาลนี่ เพราะคุณทำให้พ่อกับแม่ของผมต้องจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะคุณคนเดียว เพราะคุณ คุณศศิธร!! ” คนที่ผมรักมากตะโกนลั่นอย่างเกรี้ยวโกรธ ผมไม่รู้มาก่อนเลยกับเรื่องนี้ ผมไม่รู้เลยจริงๆ




“ ฉันขอโทษ ” บอกออกไปด้วยความเสียใจจากใจจริง

แต่มันคงช่วยอะไรผมไม่ได้เพราะมันไม่สามารถทำให้ความเสียใจของคนที่ผมรักมากลดลงได้ผมรู้ดี แม้หากผมบอกความจริงไปก็ตาม!!



“ หึ ขอโทษ คุณกล้าพูดนะคำเนี้ย ” คนที่ผมรักมากแค่นเสียงพูด แล้วน้ำตาอีกระลอกของเขาก็ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย






ปัง!!


อีกนัดสำหรับคนอย่างผม ผมล้มลงกระแทกพื้นใช้มือกดเลือดที่ไหลออกมาจากหัวไหล่ขวาไว้แน่น มันเจ็บจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลยจริงๆสำหรับการโดนยิง แต่มันไม่เจ็บเท่าการที่ผมต้องเห็นคนที่รักมากร้องไห้หนักแบบนั้น



“ ฉันเสียใจ ” ผมบอกคนที่ผมรัก





ปัง!!!

และได้รับมาอีกนัดสำหรับโทษที่ผมควรจะได้รับ “ กับการไม่ดูแลคนของตัวเองให้ดี ” ผมนอนหอบหายใจรวยริน เลือดของผมไหลเต็มพื้นและฉาบบริเวณนั้นให้กลายเป็นสีแดงฉาน


“ ผมก็เสียใจเหมือนกัน คุณไม่รู้หรอกว่าความเสียใจของผมมันมีมากแค่ไหน ” คนที่ผมรักมากยังคงเล็งปืนมาที่ผมและพร้อมจะลั่นไกมันอีกนัดและอีกนัด หากผมจะชดเชยความเสียใจของคนที่ผมรักมากก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และผมก็พร้อมทุกเวลา แต่ผมยังมีสิ่งที่อยากรู้อยู่เรื่องหนึ่งก่อนที่ผมจะไม่มีวันได้รับรู้อะไรแล้ว



“ ฉันขออะไรนายสักอย่างได้ไมก่อนที่นายจะยิงนัดสุดท้ายลงตรงนี้ ” ผมบอกคนที่ผมรักมาก และทาบมือมาตรงที่หน้าอกข้างซ้าย
 


“ ถ้าทำได้ผมก็จะทำ เพราะอย่างน้อยคุณก็เคยทำอะไรดีๆเพื่อผม ” เจ้าเปี๊ยกของผมบอกกลับมา ผมมองหน้าเด็กหนุ่มคนที่ผมรักมากอีกครั้งก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ผมต้องการไป



“ ฉันแค่อยากรู้ว่านายชื่ออะไรเท่านั้น............ บอกฉันก่อนที่ฉันจะไม่มีวันได้รู้เถอะ.......... ได้โปรด………………. ” ร่างเล็กของคนที่ผมรักมากร้องไห้หนักเข้าไปอีก เขาสะอื้นจนตัวโยงทันทีมือยังคงจ่อปืนมาที่ผม แต่ผมไม่โทษหรือโกรธเขาเลยสักนิดที่เขาทำแบบนี้กับผม ก็ผมมันผิดเอง!




ผมอยากเดินเขาไปกอดปลอบเขาจัง ผมไม่ชอบเห็นดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตาเลย ผมไม่ชอบให้ใบหน้าหวานแบบนั้นต้องเลอะคาบน้ำตาด้วย มันไม่เหมาะสักนิดเลยที่จะให้น้ำตามาประดับอยู่บนใบหน้าของคนที่ผมรักมาก!!




“ ผมชื่อ........... ”




ปัง!!




“ ตะวัน.....................................!!!  ”



                  ในที่สุดสิ่งที่ผมอยากรู้มากผมก็ได้รู้ ชื่อของคนที่ผมรักมากยังไงล่ะ ผมยิ้มให้กับคนรักอีกครั้ง ผมมองคนที่ผมรักมากเป็นครั้งสุดท้าย ผมมอง.....ตะวัน คนที่ทำให้ผมหัวใจเต้นแรงเมื่อได้อยู่ใกล้ ผมมอง........ตะวัน คนที่ชื่อเดียวกันกับผม! ผมมอง......ตะวันคนรักของผม!! ก่อนที่ผมจะไม่มีวันได้มอง......ตะวัน อีกครั้ง


 


“ ตะวันนายรู้อะไรไม ”




“ น้องชายฉันชอบรถสปอร์ท............................................................ ”




“ แต่ฉันว่ารถกระบะนะเจ๋งสุด!!.......................................................... ”




“ ตะวันนายจะรู้อะไรไม..................................................................... ”




“ ฉันชอบทุ่งทานตะวันมากกว่าเมืองหลวงเสียอีก.................................... ”




“ เพราะอะไรรู้ไม? ฉันอยู่ที่ทุ่งทานตะวันนั้นมาทั้งชีวิตเลยนะจะบอกให้........ ”




“ ตะวันนายจะรู้ไมนะ...................................................................... ”





“ ว่า ความบังเอิญทำให้เกิดพรหมลิขิตขึ้นกับเรา................................ ”




“ แล้วนายจะรู้ไม............................................................................... ”





“ ว่าเรา....................ชื่อเหมือนกัน!!!............................อย่าง บังเอิญ!! ”

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“ แล้วคุณล่ะรู้ไม? ”









“ ว่าผมชื่อ ’ตะวัน’  ”













--------- THE END ----------







 :katai2-1: จบแล้ววววว ^^ พาร์ทแรกนะ  :hao6: ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราว "ก่อน" และ " หลัง " จากนี้จะเป็นอย่างไร ก็รอ TBC. นะจ้าว

แต่ถ้าไม่อยากแล้วล่ะก็   :bye2: ให้อ่าน "จบ" ที่พาร์ทนี้พาร์ทเดียวเด้อ  :z2: เพราะพาร์ทต่อไปมัน..................... :katai1:

 :pig4: ขอบคุณนักอ่านที่หลงเข้ามาอ่านงานเขียนของคนเขียนคนนี้  :mew1:  :bye2:





ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: ยังไม่เคลียร์ทั้งหมด รอส่วนขยายจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด