พิมพ์หน้านี้ - Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: bjinkn ที่ 04-03-2013 12:46:35

หัวข้อ: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 04-03-2013 12:46:35
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 1) [04/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 04-03-2013 12:56:44
สวัสดีค่ะ   แนะนำตัวนิดนึง  ชื่อ  แคนตาลูป  หรือเรียกว่า แคน ก็ได้ค่ะ

เห็นบอร์ดนี้มาก็นาน แต่เพิ่งสมัครยูสเป็นตัวเป็นตนก็คร่าวนี้เอง  หากมีอะไรผิดพลาด บอกได้เลยนะคะ

นิยายเรื่องนี้  เราแต่งลงในเด็กดี  เลยจะเอามาลงที่นี่ด้วย   

และเนื่องจากนี่เป็นเรื่องแรกที่แต่ง และยังไม่ได้รีไรท์ใหม่  หากภาษาไม่สวย บรรยายไม่ดี ก็ขอโทษด้วยนะคะ  :monkeysad:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คำเตือน

1.นิยายเรื่องนี้ แต่งด้วยอารมณ์และจินตนาการล้วนๆ  ดังนั้นโปรดอย่าถามหาหลักความเป็นจริงของมนุษย์จากนิยายเรื่องนี้เลย
2.นิยายเรื่องนี้ มีอีโมติค่อนเยอะพอสมควร เพราะช่วงที่แต่ง กำลังติดนิยายแจ่มใสพอดี  หากทำให้เกิดความรำคาญก็ขออภัย ไว้รีไรท์ใหม่ จะลบออกค่ะ
3.คนเขียนโรคจิต ชอบทรมาณตัวละครนิดหน่อย อย่าถือสา
4.หากเคยอ่านนิยายเรื่องนี้จากในเด็กดีแล้ว ก็อ่านใหม่ได้ โพสติติงแนะนำใหม่ได้ค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 1 เพื่อน...




“เวรแล้วไง”
 
เสียงรื้อค้นกระเป๋านักเรียนเหมือนคว้านหาอะไรบางอย่างดังแต่ก็ยังหาไม่เจอสักที
 
“เอ้า”
 
“ขอบใจนะ ไผ่ นายเนี่ย รู้ใจฉันจังเลย ^^”
 
ผมส่งปากกาให้เซนเพื่อนสนิทของผม  เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นอนุบาล  สาเหตุเพราะพ่อและแม่ของผมทำงานจนแทบจะไม่มีเวลาดูแล  มีแต่เซนซึ่งอยู่ข้างบ้านผมนี่แหละที่เป็นเพื่อนเล่น  อีกทั้งพวกเรายังอยู่โรงเรียนละห้องเดียวกันมาตลอด  (แน่นอนว่าคนเขียนต้องการเช่นนั้น)  เลยทำให้สนิทกันมากกว่าเดิม
 
“ว่าแต่นายพกมาสองเล่มอีกแล้วเหรอ”
 
“ก็เพราะฉันรู้น่ะสิว่านายจะลืม”
 
“เหอๆ”
 
และเพราะด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาตลอด  ผมเลยรู้ว่าเซนนั้นเป็นพวกขี้ลืม(อุปกรณ์การเรียน)  ลืมได้ลืมดีตั้งแต่ดินสอ ยางลบจนไปถึงหนังสือเรียน (วันๆกระเป๋าแกใส่อะไรมามั่งฟระ - -*)  ผมซึ่งนั่งใกล้เซนจึงต้องให้ยืมมาตลอด จนขึ้นชั้นมัธยมต้นผมจึงตัดสินใจว่าต่อจากนี้ไปผมจะพกของพวกนี้ไว้อย่างล่ะสองชิ้น  อ้อ  ยกเว้นหนังสือเรียนนะไม่งั้นกระเป๋าผมคงจะหนักหลายกิโล -*-
 
“นายพกมาแบบนี้ทุกวันไม่หนักบ้างรึไง”
 
ดูมันถาม... - -*
 
“ก็จนกว่านายจะเอาเจ้าพวกนี้มานั่นล่ะ”
 
“ง่า...เค้าขอโต๊ด =_=   ต่อไปเค้าจามะลืมแย้ว อย่างอนเค้าน้า~”
 
“พอเลย  เลิกทำเสียงบ้าๆแบบนั้นสักทีเดี๋ยวคนอื่นเค้าจะคิดว่านายเป็นกระเทยถึก”
 
“= O =”
 
“เอ๊ะ รึว่านายเป็นจริงๆ?”
 
“เฮ้ย จะบ้าเรอะ  ไผ่ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วนา  ฉันไม่ใช่กระเทยยยยยยย”
 
“คร้าบ คร้าบ ไม่เป็นน่ะดีแล้วเพราะถึงเป็น  ก็คงไม่มีใครเค้าเอากระเทยแรงควายแบบนายแน่ๆ”
 
“อ้ากกกกกกกก  เจ้าไผ่ มาให้เซนสุดหล่อคนนี้ลงทัณฑ์ซะดีๆ”
 
ว่าแล้วเซนก็เอาแขนมาล็อคคอพร้อมกับเอามือมายีหัวผม  ไม่นะ  อย่าเข้ามาใกล้ขนาดนี้นะ  ไม่งั้น...
 
ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก
 
แย่ล่ะ  เสียงหัวใจผมเต้นแรงเหลือเกินขืนปล่อยไว้ยั่งนี้เซนต้องสงสัยแน่  ผมรวบรวมกำลังผลักเซนออกไปพร้อมกับถอยห่าง
 
“อ่ะ  โทษทีนะไผ่  สงสัยฉันคงจะแกล้งนายมาก...เป็นไรป่าวเนี่ย  หน้านายดูแดงๆนะ”
 
“เอ่อ...ปล่าว  ไม่มีอะไร  ก็แค่นายทำเอาฉันหายใจไม่ออกน่ะ”
 
“งั้นเหรอ  โทษนะ”
 
“ไม่เป็นไร  อาจารย์ใกล้เข้าแล้ว  นั่งเถอะ”
 
ผมนั่งลงที่เก้าอี้และกำลังสงบใจ...ทั้งหมดเป็นเพราะเซนทำบ้าๆ  ผมเลยต้องลำบากแบบนี้ไง  ตอนนี้ผมคงไม่สามารถหยอกล้อกับเซนแบบเมื่อกี้ได้อีกแล้ว  หัวใจผมเต้นแรงทุกครั้งที่เซนอยู่ใกล้ๆผม  ตอนนี้ผมคิดกับเพื่อนสนิทอย่างเซนแตกต่างไปจากเมื่อก่อน  และผมเองก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ใจตัวเองเหมือนในละครน้ำเน่าหลังข่าว  ผม...ชอบเซน  แน่นอนว่าเป็นการแอบชอบข้างเดียว  ผมรู้ว่าเซนยังไม่มีแฟนแต่ผมก็ไม่รู้ว่าเซนชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย  ถ้าหากผมบอกกับเซน  และเซนไม่ได้คิดแบบนั้นกับผม  นั่นเท่ากับว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะต้องพังทลายลงทันที  และคงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก  ผมกลัวที่จะเป็นแบบนั้น  จึงเก็บความรู้สึกพวกนั้นไว้  รักษาความสัมพันธ์เช่นนั้นตลอดไป  เพราะว่าพวกเรา....เป็นเพื่อนกัน
...
 
คาบเรียนที่หน้าเบื่อของวันนี้จบลงแล้ว  ผมกับเซนเตรียมเก็บกระเป๋ากลับบ้าน
 
“เซน”
 
“หือ  อะไรเหรอ?”
 
“นายคิดรึยังว่าจะเรียนต่อที่ไหน”
 
“ยังอ่ะ  จะรีบคิดไปไหนกันยังอีกตั้งปี พวกเราเพิ่ง ม.5 เองนา”
 
“นายนี่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยวุ้ย”
 
“เอาน่ะ  นายเก่งนี่  ไงๆก็คงผ่านสบายๆอยู่แล้ว อย่าเพิ่งเครียดเลยเดี๋ยวหน้าตาน่ารักของนายจะแก่เร็วซะก่อนนา >v<”
 
“- -*”
 
“อ่าว  ไมทำหน้างั้นอ่ะ”
 
“ชมว่าน่ารักนี่....ควรจะดีใจดีไหมเนี่ย”
 
“ฮ่าๆ  ก็หน้านายกับทรงผมแบบนี้  เหมือนพวกนักร้องเกาหลีที่สาวๆเขากรี๊ดกันนี่หว่า  นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นายเป็นคนเกาหลีนะ  คงจะอัปลักษณ์แน่ๆ”
 
“ขอบใจ - -*”
 
“หน้าบูดอีกแล้ว  น่ากัวอ่า >O<”
 
“ช่างเถอะ - -  รีบกลับบ้านดีกว่าเดี๋ยวฉันไปทำงานพิเศษสาย”
 
“งานล้างจานอ่ะเหรอ”
 
“อืม”
 
“นายจะทำทำไมเนี่ย  ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
 
“ก็แค่อยู่ว่างๆแล้วมันเบื่อนี่นา”
 
“ถึงงั้นก็เถอะ  หางานอื่นที่มันเข้าท่ากว่านี้หน่อยดิ =_=”
 
“อยู่แค่ ม.5 มีสิทธิ์เลือกงานเรอะ”
 
“ =_=”
 
เมื่อก่อนครอบครัวของผมอยู่ในฐานะค่อนข้างยากจน  ถึงแม้แม่จะเป็นคนเกาหลีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเงินมากมาย
 
‘ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่”
 
นั่นเป็นประโยคที่ผมได้ยินทุกครั้งที่เจอหน้าพ่อกับแม่  ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่  เพราะต้องออกไปทำงานตอนเช้าก่อนที่ผมจะตื่นและกลับดึกทุกวันๆ  วันหยุดก็ยังทำงานเพื่อเก็บเงิน  ตอนนี้ฐานะครอบครัวของผมเริ่มดีขึ้น  แต่ถึงอย่างนั้นพวกท่านก็ยังทำงานหนักกันต่อไป  ทุกเช้าจะมีเงินค่าขนมวางไว้บนโต๊ะ  ผมเองก็อยากช่วยที่บ้านโดยการใช้จ่ายอย่างประหยัด เงินพวกนั้นจึงใช้จ่ายแค่ค่าข้าวเท่านั้น  และผมเองก็ทำงานตอนเช้ามืดเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์  (อันนี้เซนไม่รู้)  และตอนเย็นคืองานล้างจานอยู่หลังร้านอาหาร  เพื่อที่จะสะสมเงินเอาไว้เผื่อตอนฉุกเฉิน  ตอนนี้ในบัญชีของผมมียอดฝากอยู่มากถึงหกหลักแล้ว  และอีกเรื่องที่ผมต้องทำเพื่อไม่ได้พ่อกับแม่ที่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันต้องวิตกกังวลคือเรื่องการเรียนของผม  ผมพยายามเรียนเพื่อให้ได้เกรดดีๆและได้ทุนเรียน พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องมากลุ้มใจเรื่องค่าเทอม
 
“ให้ฉันไปส่งถึงที่ทำงานป่าว”
 
“ไม่เป็นไร  นายเข้าบ้านเถอะ”
 
“เหรอ  ถ้างั้นกลับถึงบ้านแล้วตะโกนเรียกด้วยนา ^^”
 
“เพื่อ?”
 
“ว่าจะให้ช่วยการบ้านหน่อยนะ >,,<”
 
“- - …ก็ได้”
 
“เย้ >.<  แล้วเจอกันน้า”
 
เซนวิ่งเข้าบ้านไปอย่างหน้าระรื่น  เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่า  การกระทำของเขาทำให้ผมต้องเจ็บปวดขนาดไหน  เพราะว่า เซน คือเพื่อนของผม


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 1) [04/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-03-2013 16:55:09
อีโมฯเยอะจริง ๆ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 2) [04/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 04-03-2013 17:35:12
ตอนที่ 2 เจ้าบ้าเซน


เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาจะพบกันภาพที่เห็นจนชินตา  ภายในบ้านมืดสนิทปราศจากแสงไฟนีออน  ไร้ซึ่งเสียงใดๆนอกจากเสียงเข็มนาฬิกา  ผมอยู่และเติบโตมากับสภาพบ้านแบบนี้  หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆที่อยู่ใกล้กับโคเรียทาวน์ (พ่อเจอกับแม่คงเพราะแบบนี้ละมั้ง)  ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเก็บกระเป๋าและเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารในโคเรียทาวน์  ที่จริงงานล้างจานน่ะผมเลิกไปนานแล้วเพราะเจ้าของล้างให้ผมเป็นพนักงานเสริฟซึ่งรายได้ดีกว่าเพราะรูปร่างหน้าตา - -*   
 
“อ่าว  วันนี้มาเร็วนะไผ่”
 
เถ้าแก่ร้านอาหารรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์เอ๋ยทักเมื่อผมเข้ามาในร้าน
 
“วันนี้เลิกเร็วน่ะครับ  อ้อ เถ้าแก่ครับ”
 
“ว่าไง”
 
“วันนี้ขอผมเลิกงานเร็วสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ”
 
“ทำไมเหรอ”
 
“ช่วงนี้ใกล้ปิดเทอมแล้วเลยตั้งใจว่าจะติวหนังสือกับเพื่อนน่ะครับ”
 
“อืม  เอาอย่างนี้แล้วกันตั้งแต่วันนี้จนกว่าจะสอบเสร็จ  อนุญาตให้ไผ่เลิกงานก่อนได้ครึ่งชั่วโมงแล้วกัน”
 
“จะดีเหรอครับเถ้าแก่”
 
“ดีสิ  ตั้งใจอ่านหนังสอบสอบจะได้ทำงานดีๆ  อนุญาตให้ไผ่คนเดียวเพราะเห็นเป็นคนขยันหรอกนะ “
 
“ขอบคุณครับ”
               
“ชักอิจฉาพ่อแม่ของไผ่แล้วสิที่มีลูกดีๆแบบนี้ ^^”
 
“อ่าว  พูดงี้ได้ไงอ่ะ  พ่อ”  เสียงคุ้นหูดังขึ้น  ปรากฏร่างสูงโปรงของลูกชายเถ้าแก่ที่เปิดประตูร้านเข้ามาได้ยินเข้าพอดี
 
“กลับมาแล้วเหรอ แทมิน”
 
“ถ้าไม่กลับมาแล้วพ่อจะเห็นผมเรอะไง”
 
“เอ๊ะ  ไอ้นี่กวนบาทาจริงจะไปไหนก็ไปเลยไป”
 
“ไม่เอาผมจะอยู่กับไผ่...เนอะ”
 
มือของพี่แทมินวางบนไหล่ของผมแล้วหันมาขอความเห็น
 
“...”
 
“เนอะ!”  แทมินทำเสียงสูงกว่าเดิม
 
“อะ..อืม”
 
“ฮะๆๆ  ได้ยินยังพ่อ”
 
พี่แทมิน  รึก็คือ  ยู  แทมิน  เป็นลูกชายคนเดียวของเถ้าแก่  ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร  รู้สึกว่าจะอยู่ชั้นปีที่  2  คณะศิลปะศาสตร์  เอกภาษาเกาหลี  ผมกับพี่แทมิน  (ถึงอีกฝ่ายอยากจะให้ผมเรียกเขาว่า  ฮยอง  ก็เถอะ  =_=)
 
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม  งั้นไปทำงานเถอะ”
 
“ครับ”
 
ว่าแล้วเถ้าแก่  (ที่ดูเหมือนคนจีนมากกว่าคนเกาหลี)  ก็เดินกลับไปนั่งที่เคาเตอร์  ส่วนผมเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดพนักงานจากนั้นจึงเริ่มทำงานเสริฟอาหารให้แขกภายในร้าน
 
“เห็นว่าวันนี้ไผ่จะกลับก่อนใช่ไหม  มีอะไรรึป่าว”  พี่แทมินเปิดบทสนทนา
 
“ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วครับก็เลยตั้งใจว่าจะติวหนังสือกับเซน”
 
“ให้ฮยองช่วยมะ”
 
“ไม่เป็นไรครับ  ผมไม่อยากรบกวนพี่แทมิน”
 
“รบกวนอะไรกัน  ไผ่ก็น้องชายคนนึงเลยนา  เพราะงั้นไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน”
 
“แต่ว่า...”
 
“ไม่มีต่งและไม่มีแต่  รู้ไหมว่าเกรงใจมากเกินไปมันไม่ดี”
 
“แต่...”
 
“หยุด”
 
“....”
 
“เป็นอันตกลงนะ  ติวกันเมื่อไหร่ก็บอกล่ะเดี๋ยวจะช่วย  แต่วันนี้บังเอิญฮยองมีงานเพราะงั้นขอบาย  T^T”
 
“ครับ”
 
“อีกอย่างนะ  อย่าไปเข้าใกล้เจ้าเซนมากนักล่ะ”
 
“ทำไมล่ะครับ”
 
“ก็....หวงไง  หวงน่ะ  แบบที่พี่ชายหวงน้องชายนั่นแหล่ะ  ใช่ๆมันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ”
 
“?????????”
 
ตั้งแต่ผมเกิดมามันมีแต่คำว่า  พี่ชายหวงน้องสาวไม่ใช่เรอะ
 
...
 
ผมได้เลิกงานก่อนครึ่งชั่วโมงตามที่ขอเถ้าแก่ไว้แล้วปั่นจักรยานกลับบ้าน  ผมนำรถจักรยานจอดไว้บ้านและเผลอมองหน้าต่างของบ้านเข้า  ภายในบ้านยังคงมืดสนิทซึ่งนั่นหมายความว่าวันนี้พ่อกับแม่ก็คงกลับดึกตามปกติ  ผมเดินไปยั่งบ้านหลังถัดไปซึ่งก็คือบ้านของเซนแล้วกดกริ้งเพื่อเรียกให้เขามาเปิดประตู  ไม่นานเซนก็มาเปิดประตูด้วยใบหน้าชื่นบ้าน
 
“กำลังรออยู่พอดีเลย^^”
 
“ทำการบ้านได้กี่ข้อแล้วล่ะ”
 
“^^”  ยิ้มเป็นคำตอบ
 
“- -“
 
“^^”  และยังคงยิ้มต่อไป...
 
“- -*”
 
“เอ่อ.....ยังไม่ได้สักข้อเลยอ่ะ  ขอโต้ด  >O<”
 
“เฮ้อ.....ช่างเถอะ  เดี๋ยวสอนให้แล้วกัน”
 
“กำลังรอให้นายพูดคำนี้อยู่เลย ^^”
 
ผมขึ้นไปยังห้องนอนของเซนเพื่อสอนการบ้าน
 
“รอแปปนะเด๋วไปยกขนมมาก่อน”
 
ว่าแล้วเซนก็ออกไปนอกห้องเพื่อนำขนมมากินในระหว่างที่ผมสอนเขา  ตอนนี้เซนอยู่บ้านคนเดียวเพราะพ่อกับแม่ของเซนได้รางวัลชิงโชคไปเที่ยวเชียงใหม่จาก MK  มันเท่ากับว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่กับเซนแค่สองต่อสอง....
 
“มาแล้ว  มาแล้ว”
 
“รีบๆมานั่งสิ  แล้วก็อย่าเพิ่งแกะขนมล่ะเดี๋ยวไม่มีสมาธิ”
 
“ง่า...สักห่อจิ >v<”
 
“ไม่ได้”
 
“T()T”
 
“....อ่ะๆ ก็ได้”
 
“ฮา  เพราะแบบนี้ไงถึงได้ชอบนายอ่ะ”
 
“เอ่ะ”
 
“อ่าว เป็นไรไปอ่ะ”
 
“ตะกี้เซนว่าไงนะ”
 
“ฉันบอกว่า  เพราะแบบนี้ไงถึงได้ชอบนาย”
 
แย่ล่ะ  ตอนนี้หน้าผมต้องแดงแน่ๆ  ทำไงดี  เซนบอกว่าชอบผมงั้นเรอะ  แล้วทำไมต้องยืนหน้ามาใกล้ๆผมอีก  จะทำอะไรน่ะ
 
“นายหน้าแดงนะไผ่  นี่อย่าบอกว่านายกำลังเขินที่ฉันบอกว่าชอบนายน่ะ”
 
“>\\\<”
 
“ฮ่าๆ  แล้วจะเขินทำไมเนี่ย  ฉันชอบนายแบบเพื่อนนะเฟ้ย”
 
“หา  O_o”
 
“อย่าบอกนะว่านายคิดลึก”
 
ฉึก!!  ช่างเป็นคำพูดที่แทงใจจริงๆ T^T  คำตอบคือถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบ
 
เซนยังคงขำต่อไป  ให้ตายเถอะมันกำลังจะทำให้ผมเป็นโรคหัวใจ
 
“ขำอะไรนักหนา  ถ้ายังไม่เลิกหัวเราะล่ะก็  ฉันกลับล่ะ”
 
ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแต่เซนจับแขนผมเอาไว้
 
“เฮ้ย  ใจเย็นดิ  ล้อเล่นนิดเดียวเอง   จะไม่นอกเรื่องแล้วนั่งเถอะ ^^”
 
“- -*”
 
...
 
หลังจากสอนการบ้านให้เซนเสร็จก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว  ผมเดินกลับบ้านและพบว่าบ้านของผมยังคงมืดเหมือนเดิม  ผมอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน  แต่ไม่ว่าจะพลิกไปพลิกมายังไงผมก็นอนไม่หลับ....เป็นเพราะเจ้าบ้าเซนแท้ๆ  ดันทำบ้าๆเมื้อกี้นี้  - -*  และเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ผมจึงพยายามคิดเรื่องอื่น  เรื่องอื่น  เรื่องอื่น......

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จบไปอีกตอนแล้วค่า

จากที่แคนอ่านเรื่องของคนอื่นๆดู  แคนว่าเรื่องของแคนดูแปลกไปเลย   ที่แปลกคือ คำแทนตัว  เพราะเรื่องนี้โคตรจะพูดสุภาพเลยค่ะ   เรื่องอื่น มึง กู กันใหญ่.....อันนี้มาแปลก  ฉัน นาย.....  มันช่างดูผู้หญิ๊งผู้หญิง เนอะ   :impress3:

อย่างที่บอกในคำเตือนค่ะ เนื่องจากเป็นเรื่องแรก และได้รับอิทธิพลจากแจ่มใสพอสมควรทีเดียว ในช่วงที่แต่ง  ไว้เรื่องต่อๆไป คงต้องปรับปรุงเรื่อง สรรพนามให้ดูสมจริงและมีมิติมากขึ้นซะเเล้ว

สุดท้าย รักคนอ่านทุกคนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 3) [04/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 04-03-2013 19:37:29
ตอนที่ 3  การเอาแต่ใจครั้งแรกและ....ครั้งสุดท้าย  ของเด็กน้อย



‘ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่’
 
อา...ผมรู้อยู่แล้วล่ะ  ว่าที่พ่อกับแม่ต้องทำงานหนักมาตลอดก็เพื่อครอบครัวของเรา  ถึงแม้ว่าผมจะเหงาที่พวกท่านแทบจะไม่มีเวลาให้แต่ไม่เป็นไรหรอก  ผมเข้าใจดี
 
‘วันนี้  ก็ไม่อยู่อีกแล้ว’
 
เด็กชายตัววัยเพียง 5 ขวบออกมาจากห้องทั้งชุดนอน  เขาหันซ้ายหันขวาและเดินทั่วบ้านแต่ไม่พบใครสักคน  วันนี้เป็นอีกเช่นเคยที่เขาต้องอยู่คนเดียว  มีเพียงอาหารที่ถูกทำเสร็จเรียบร้อยแล้ววางไว้บนโต๊ะเท่านั้น
 
เด็กชายอาบน้ำแต่งตัวด้วยตนเอง  และทานอาหารเช้าเพียงลำพังซึ่งนั่นกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว  แต่สำหรับใครหลายคน  อาจจะทำไม่เป็นแม้กระทั่งแต่งตัว  อาจจะต้องให้แม่ช่วยจัดการให้
 
จักรยานคันน้อยถูกเข็นออกมาจากในบ้านเพื่อเตรียมขี่ไปโรงเรียน  ในขนาดที่ข้างบ้านมีเด็กรุ่นเดียวกันกำลังจะขึ้นรถไปโรงเรียนเช่นกัน
 
“จะไปโรงเรียนเหรอจ๊ะไผ่”
 
น้าภา  ซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านเอ๋ยทักขนาดที่ตนกำลังจะขึ้นรถเพื่อขับไปส่งลูกชาย
 
“คับ”
 
“ขึ้นมาสิจ๊ะ  เดี๋ยวน้าไปส่งนะ”
 
“แต่ว่าขากลับ....”
 
ไผ่มองจักรยานของเขาและทำหน้าซึมเล็กน้อย
 
“ขากลับก็กลับกับน้าไง  ไปเถอะจ๊ะ  เดี๋ยวสายนะ”
 
น้าภายิ้มให้ไผ่พร้อมเปิดประตูรถให้  ด้วยความที่กลัวว่าจะทำให้น้าภาลำบากใจไผ่จึงยอมขึ้นรถแต่โดยดี
 
“อ๊ะ ไผ่  หวัดดี”
 
เซน  ลูกชายของน้าภาเอ๋ยทักไผ่เสียงแจ๋ว
 
“หวัดดี”
 
“คุณแม่  วันนี้เราจะไปโรงเรียนกับไผ่เหรอคับ”
 
น้าภาหันมาสบตากับเซนก่อนที่จะหันกลับไปสตาร์ทรถ
 
“ใช่แล้ว  ดีใจไหมเอ๋ยเจ้าตัวแสบ”
 
“ดีใจค้าบบบบบ”
 
“นั่งดีๆสิเซน  ดูไผ่เขาเป็นตัวอย่างสิ  นั่งเรียบร้อยเชียว”
 
 “คุณแม่  วันนี้เซนอยากกินไข่เจียว”
 
“จ้าๆ  กลับจากโรงเรียนแล้วแม่จะทำให้กินนะ”
 
“เย้  ไข่เจียวๆ”
 
ภาพของครอบครัวที่แสนอบอุ่นนั้นทำให้ไผ่น้อยแอบอิจฉาอยู่ในใจ  อยากให้พ่อกับแม่มาส่งเขาที่โรงเรียนบ้างจัง
 
รถของของน้าภาจอดที่หน้าโรงเรียนอนุบาล  และหอมแก้มไผ่ก่อนจะขับรถออกไป  ดีจังเลยนะ...
 
“ไปกันเถอะไผ่”
 
เซนยืนมือมาจับมือไผ่แล้วเดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยกัน
 
ช่วงพักกลางวันพวกเด็กๆได้ออกมาวิ่งเล็กในสนามของโรงเรียน  บ้างก็เล่นชิงช้า  บ้างก็วิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน  มีเพียงไผ่เท่านั้นที่เอาแต่นั่งใต้ต้นไม้ไม่ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
 
“ไผ่”
 
เสียงเรียกของเซนที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้ไผ่ล่ะสายตาจากท้องฟ้าหันมาสบตา
 
“ทำอะไรอยู่เหรอ  บนนู้นมันมีอะไรอ่ะ *-*”
 
เซนนั่งลงข้างไผ่และเงยหน้ามองท้องฟ้าเช่นเดียวกันที่ไผ่ทำเมื่อครู่
 
“เมฆ”
 
“?”
 
“นั่งมองเมฆ”
 
“มันสนุกเหรอ”
 
“ไม่สนุกเลย”
 
“’ง่ะ...แล้วมองมันทำไมอ่ะ =_=”
 
ไผ่เงยหน้าไปมองเมฆอีกครั้ง
 
“มันเพลินดี”
 
“ถ้างั้น  เอามั่ง”
 
“เซนไม่ไปเล่นกับคนอื่นๆเหรอ”
 
“เบื่อแล้ว  อยู่กับไผ่สนุกกว่าเยอะ”
 
“.....”
 
“ฉันพูดจริงนะ  คนอื่นๆอ่ะ  น่าเบื่อเอาแต่ใจจะเล่นนู่นนี่  ไม่ฟังฉันบ้างเลยว่าฉันอยากจะเล่นอะไร”
 
“แล้วอยู่กับฉันมันสนุกตรงไหนล่ะ”
 
“อย่างแรกอยู่กับไผ่แล้วไม่น่าเบื่อ  อย่างที่สองเพราะฉันอยากอยู่กับไผ่”
 
“ทำไมล่ะ”
 
“เออ นั่นสิ >O<”
 
บางที  จากจุดเล็กๆที่ดูไม่มีตรงไหนชวนให้ประทับใจนั่น  อาจจะเป็นต้นกำเนิดของรู้สึกที่ไผ่มีให้ต่อเซนในอนาคตก็ได้
...
 
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้าน  ทุกอย่างยังคงอยู่ในความมืด  ยังไม่มีกลับมานอกจากไผ่  และวันนี้เป็นวันที่ไผ่ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่รอพ่อกับแม่...
 
3 ทุ่ม...4 ทุ่ม...5 ทุ่ม...เที่ยงคืน...  ไผ่พยายามไม่ให้ตัวเองหลับและบอกกับตัวอีกว่า  อีกไม่นานหรอก  อีกแปบพ่อกับแม่ก็จะกลับมาแล้ว...และแล้วเข็มสั่นก็เคลื่อนมาหยุดอยู่ที่เลขหนึ่ง  พร้อมๆกับเสียงเปิดประตูบ้าน  ไผ่หันขวับมาทางประตูบ้านและรีบวิ่งมากอดผู้เป็นมารดา
 
“คุณแม่  คุณแม่กลับมาแล้ว”
 
“ผ..ไผ่”
 
“คุณพ่อล่ะคับ  คุณพ่อกลับมารึยัง”
 
“นี่ไผ่รอแม่กับพ่องั้นเหรอ...”
 
“คับ”
 
ไผ่ยิ้มรับเมื่อผู้เป็นมารดาถาม  ไม่นานพ่อของไผ่ก็เปิดประตูตามเข้ามา
 
“คุณพ่อ!”
 
ไผ่ผละออกจากแม่แล้ววิ่งไปกอดพ่อ
 
“ไผ่  นี่ลูก  ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”
 
“ไผ่มารอพ่อกับแม่ไง”
 
“ทำไมถึงทำแบบนี้!”
 
แม่ขึ้นเสียงด้วยท่าทางโมโห  ทำให้ไผ่ถึงกับตกใจรีบผละตัวออกจากพ่อ
 
“นี่มันดึกมากแล้วนะไผ่  ทำไมถึงยังไม่นอนอีก  อย่าทำให้แม่ต้องกังวลไปมากกว่านี้เลย”
 
น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากขอบตาของไผ่  นี่เขาทำผิดมากนักหรือไง
 
“พอเถอะคุณ  ลูกร้องแล้วนะ”
 
พ่อรีบเข้ามาอุ้มไผ่  ส่วนแม่ได้แต่เอามือกุมขมับ
 
“วันนี้ไผ่มีอะไรรึปล่าวคับ  ถึงได้มาคอยพ่อกับแม่แบบนี้  หือ?”
 
“ผม..ฮือ...ผมคิดถึงคุณพ่อคุณ..ฮึก..แม่   ผมแค่อยากบอกกับแม่ว่าพรุ่งนี้ผมอยากกินอะไร..ฮือ ฮือ..”
 
การที่เขาคิดถึงพ่อกับแม่มันผิดเหรอ  การที่เขาบอกว่าเขาต้องการอะไร  มันผิดมากนักหรือไง  เพียงเพราะเรื่องนี้  คุณแม่ถึงต้องกังวลอย่างนั้นเหรอ....ถ้าหากเป็นเช่นนั้น  เขาจะไม่ทำอีก  จะไม่ทำอะไรที่ต้องให้มากังวลอีก  ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม....
 
“แม่ขอโทษนะไผ่  วันนี้แม่เหนื่อยมาก  ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่ ไม่ร้องนะคับคนเก่ง  พรุ่งนี้ไผ่อยากกินอะไรคับแม่จะทำให้”
 
“ผม..ฮือ...อยากกินแกงจืดวุ้นเส้น..”
 
“ได้เลยคับ  พอไผ่ตื่นมาไผ่จะเห็นแกงจืดวุ้นเส้นฝีมือแม่นะคับ  เพราะฉะนั้นหยุดร้องแล้วเข้านอนซะนะ  เดี๋ยวแม่จะไปอยู่เป็นเพื่อนจนไผ่หลับนะ...”
 
แม่จูงไผ่เข้าห้องนอน  ห้องนอนที่มีแต่เพียงเตียงของไผ่เพราะแยกห้องกันน้อง  คืนนั้นแม่ได้ร้องเพลงกล่อมจนไผ่นอนหลับ  นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ยินเสียงเพลงกล่อมของแม่  และคิดว่าต่อไปคงไม่ยินอีกแล้ว  ต่อจากนี้  ไม่ว่าจะงานประชุมผู้ปกครอง  งานกีฬาสี  วันมอบตัว  หรือแม้กระทั้งของที่ชอบ  ของที่ต้องการ ไม่ว่าอะไรก็ตาม  ไผ่จะไม่รบกวนคุณพ่อกับคุณแม่อีกแล้ว  ผมจะหามาด้วยตนเอง  ไผ่จะทำด้วยตนเอง...... ‘ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่’.....นั่นอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ไผ่เอาแต่ใจ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 4) [04/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 04-03-2013 21:25:24
ตอนที่ 4 บุคคลที่อยู่ในบ้าน



ผมหวังให้วันนี้เป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง  ปิดเทอมที่น่าเบื่อมีแต่กิจวัตรเดิมๆ  ตื่นเช้า  ติวข้อสอบเข้ามหาวิทลัยกับเซน  ทำงานพิเศษ  กลับบ้าน  และเข้านอน  ถ้าหากมันเป็นได้แบบนั้นคงจะดีน่ะสิ...
...
 
“ให้ตายสิ”  เสียงแบบนี้แสดงว่า....
 
“เอ้า”
 
ผมยื่นยางลบให้เจ้าเพื่อนจอมขี้ลืมของผมซึ่งชอบลืมนู่นลืมนี่เป็นประจำ  ขนาดวันสอบปลายภาคยังลืมได้อีก  เชื่อเลย...- -
 
“ขอบใจนะไผ่  ^^”
 
“อืม”
 
“อ๊ะ...”
 
“เอ้า”
 
ผมยื่นปากกา  ดินสอ  รวมทั้งกบเหลาให้อีก  ไอ้อาการแบบนี้แสดงว่ามันลืมทั้งเซ็ต - -*
 
“เหอๆ  โทษทีๆ ^^”
 
“=_=”
 
“อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ  เดี๋ยวก็ทำข้อสอบไม่ได้กันพอดี”
 
“เกี่ยวเรอะ”
 
“=O=”
 
การสอบปลายภาคเรียนชั้น ม.5  ผ่านมาได้ สี่วันแล้ว  และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมใหญ่  เจ้าบ้าเซนลืมชุดเครื่องเขียนติดกันตลอกทั้งสี่วันนั้นแล้วผมเองก็ต้องยื่นให้มันทุกครั้ง  (รึมันจงใจฟระ)  ปิดเทอมนี้จะเอาไงดีนะ  มันอาจจะเป็นเหมือนทุกครั้ง  รึว่าจะหางานพิเศษทำเพิ่มดี....
 
“ไผ่”
 
เซนเรียกผมหลังจากเดินออกมาจากห้องสอบ
 
“ให้ตายสิ  นายทำข้อสอบเสร็จเร็วชะมัด  ไม่คอยกับบ้างเลย”
 
“ก็ไม่ได้นั่งใจลอยเหมือนเซนนี่นา  คิดถึงสาวที่ไหนล่ะ”
 
“ไม่มีเฟ้ย  เอาไว้มีเมื่อไหร่จะพามาแนะนำกับนายคนแรกเลย”
 
“......อืม”
 
“ปิดเทอมแล้ว  เย้”
 
“แล้วไง”
 
“ไปเที่ยวกันเอาป่าว”
 
“ฉันทำงาน”
 
“=O=”
 
เซนจ๋อยลงถนัดตา  ทำไงได้ผมต้องเก็บเงินนี่นา
 
“เฮ้ย นานๆที  ไปเปิดหูเปิดตาซะบ้างสิ นายน่ะ”
 
เซนยังไม่ละความพยายาม
 
“แล้วจะคิดดู  ฉันไปทำงานพิเศษก่อนนะ”
 
“อืม”
 
ไปเที่ยวงั้นเหรอ...นานๆทีก็ดีเหมือนกันนะ  ไว้กลับจากงานพิเศษแล้วค่อยบอกเซนก็แล้วกัน  ผมตรงไปที่ทำงานโดยไม่แวะกลับเข้าบ้าน  เพราะยังไงก็คงเหมือนเดิม  ไม่มีใครอยู่ต้อนผมสักหน่อย
 
“ไผ่~”
 
เสียงเรียกชื่อผมพร้อมเอาแขนมาโอบไหล่  การกระทำแบบนี้มีเพียงพี่แทมินเท่านั้นล่ะ
 
“มีอะไรรึครับพี่แทมิน”
 
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฮยอง”
 
“พี่แทมิน...=_=”
 
“=_=”
 
“แปลกจังวันนี้พี่อยู่ร้านรึครับ”
 
“อ่าว  พูดงี้หมายความว่าไง  นี่มันบ้านฮยองนา”
 
“ก็เห็นทุกทีพี่จะกลับช้านี่นา”
 
“วันนี้ไม่มีงานน่ะ  ว่าแต่ไผ่เถอะ  สอบเสร็จแล้วเหรอ”
 
“ครับ”
 
“เป็นไงบ้างข้อสอบง่ายล่ะสิ”
 
“ก็พอได้ครับ”
 
“แล้วไผ่อยากสอบเข้าที่ไหนล่ะ”
 
มาแล้วไงคำถามโลกแตก  (สำหรับนักเรียนที่กำลังจะขึ้นและศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก)
 
“ไม่รู้ครับ”
 
“นี่อย่าบอกนะว่าจะเข้าที่เดียวกับเจ้าเซนน่ะ”
 
ถูกต้องนะคร้าบบบบบ  พี่แทมินเดาถูกแล้วล่ะ  ผมจะเข้าที่เดียวกับเซน  แต่ตอนนี้เซนมันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าที่ไหนผมเลยตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะเข้าที่ไหน
 
“เฮ้อ”
 
พี่แทมินถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
 
“ไผ่...ไผ่ตอบตามที่ต้องการนะ  ไผ่อยากเรียนอะไรก็ตอบไปตามนั้นล่ะ”
 
ตามที่เราต้องการงั้นเหรอ....นั้นสินะ
 
“...มหิดลครับ”
 
“ก็แค่นั้นล่ะ  ฮยองก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกนะ  แต่ว่า  อนาคตน่ะมันเป็นของเราจะไปรอเพื่อนน่ะมันไม่ได้หรอกนะ”
 
เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้วล่ะ  เพียงแต่ว่าผมน่ะ  อยากจะอยู่เคียงข้างเซนเท่านั้นเอง  เคียงข้างในฐานะ...เพื่อนสนิท
 
“แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี้ยว่าไผ่จะเรียนหมอ  จะมารักษาโรคหัวใจของฮยองใช่ป่าว^^”
 
“...ผมอยากเป็นหมอเด็กครับ - -^”
 
“ง่า...หน้าแตกซะแว้ว  ช่วยเย็บหน้าให้หน่อยจิ  หมอไผ่จ๋า  >O<”
 
“- -^”
 
“ฮ่าๆๆๆ  แกล้งไผ่นี่สนุกจังเลย”
 
“-*-“
 
จริงอย่างที่พี่แทมินพูด  พี่แทมินชอบแกล้งผม  อาจจะเป็นเพราะพี่แทมินเป็นลูกคนเดียวล่ะมั้ง  เลยอยากได้น้องชาย (ตานี่  ทีความรู้สึกตัวเองล่ะรู้ดี ของคนอื่นล่ะโง่เชียว : คนเขียน)
 
“โอเคๆ ฮยองไม่แกล้งแล้ว  ไปทำงานเถอะ”
 
“...- -*”
 
...
 
“ผมกลับก่อนนะครับเถ้าแก่”
 
“กลับดีๆนะไผ่”
 
ผมยกมือไหว้เถ้าแก่ก่อนเดินออกจากร้าน  วันนี้ผมเหนื่อยกว่าทุกวันอาจจะเป็นเพราะว่าลูกค้าในร้านเยอะกว่าปกติก็ได้  อยากรีบกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วนอนเหลือเกิน  แต่ว่าเมือก้าวขามาถึงหน้าบ้านผมต้องหยุดชะงัก  ผมขยี้ตาตัวเองแล้วมองไปอีกครั้ง  ไฟ!  มีแสงไฟอยู่ในบ้าน!!  ขโมยงั้นเรอะ   ไม่สิ  นั่นมันรถพ่อกับแม่!  พ่อกับแม่กลับมาแล้ว  บนใบหน้าของผมปรากฏรอยยิ้ม  กลับมาแล้ว  พ่อกับแม่ผมกลับมาแล้ว
 
กรึก
 
เอ๊ะ  ล็อกงั้นเรอะ  เคอะประตูก็ได้ฟระ
 
ก้อก ก้อก ก้อก
 
“ครับ”
 
เอ๋  เสียงใครกันน่ะ
 
ประตูถูกเปิดออก  และนั่นทำให้ผมต้องช็อก  คนที่เปิดประตูออกมา  ไม่ใช่คุณพ่อ  ไม่ใช่คุณแม่  แต่เป็นคนที่ผมไม่รู้จัก  คุณเป็นใครกัน  เข้ามาทำอะไรในบ้านของผม  แล้วทำไม...ทำไมคุณถึงมีหน้าตาเหมือนผม!!


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ลงติดกัน 4 ตอนอย่างรวดเร็ว   เม้นสักนิด ติชมแนะนำกันหน่อยน้าค้า :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 5) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 05-03-2013 13:09:12
ตอนที่ 5  ทิว



สมมุติว่า  วันหนึ่งเมื่อคุณกลับบ้านและพบว่าบุคคลผู้ซึ่งมาเปิดประตูให้คุณ  หน้าตาเหมือนคุณทุกประการ  คุณจะคิดเช่นไร

 

ก.  ปิดประตูใส่หน้าคนๆนั้น

ข.  ใส่เกียหมาแล้วโกย

ค.  ดีใจและคิดในแง่ดีว่าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากจากกัน

ง.  จ้องหน้าคนๆนั้นด้วยความอึ้ง...

 

ผมคิดว่าบางทีคุณอาจจะมีช้อยที่ดีกว่าที่ผมเสนอ   แต่ตัวผมในตอนนี้บอกตรงๆผมไม่รู้จะทำยังไงดีนอกจากยืนงงกับบุคคลตรงหน้า

 

“คุณ...เป็นใคร..”

 

ผมเอ๋ยปากถามหลังจากที่ผมจ้องเขาอยู่นาน

 

“ไผ่..นายคือไผ่ใช่ไหม”

 

เขารู้จักผมงั้นเรอะ  แล้วทำไมผมถึงไม่รู้จักเขาล่ะ  เขาคนนั้นไม่รอให้ผมตอบแถมยังจับข้อมือและลากผมเข้าไปในบ้าน

 

“คุณพ่อ  คุณแม่  ไผ่  ไผ่กลับมาแล้วครับ”

 

เอ๋  คุณพ่อ?  คุณแม่?  อย่าบอกนะว่า...

 

“กลับมาแล้วเหรอไผ่  ทำไมกลับมาช้าจังล่ะลูก”

 

แม่...อะไรกันตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วนะ  คนๆนี้เป็นใคร  และทำไมถึงได้เรียกแม่ว่า  ‘คุณแม่’  อย่าให้ผมต้องเดานะว่าไอ้สถานการณ์แบบนี้มันหมายความว่ายังไง  ต่อให้โง่แค่ไหนก็คิดได้อย่างเดียวว่า......

 

“พ่อครับ  แม่ครับ  นี่มันอะไรกัน  คนๆนี้คือ...”

 

“จริงสิ  เพิ่งจะเคยพบกันครั้งแรกสินะ  ไผ่  คนนี้คือ  ทิว  พี่ชายฝาแฝดของลูกไง”

 

“หา?”

 

นั่นไง  เหมือนที่ผมคิดเอาไง  นี่ชีวิตผมเริ่มจะเหมือนนิยายน้ำเน่าในทีวีเข้าไปทุกทีแล้วสิ

 

“อะไรกัน  พ่อกับแม่ล้อผมเล่นใช่ไหม  ทำไมผมถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีพี่น้องด้วย”

 

“ฟังนะไผ่”

 

พ่อหันมามองหน้าผมด้วยท่าทีสงบ  ต่างจากแม่ซึ่งตอนนี้ดูจะดีอกดีใจซะเหลือเกิน

 

“ไผ่ก็รู้สินะว่าฐานะทางครอบครัวของเราไม่ดี  เพราะฉะนั้นการจะเลี้ยงทารกแฝดถึงสองคนน่ะ  มันเป็นไปไม่ได้เพราะฉะนั้นพวกพ่อเลยตัดสินใจนำทิวไปฝากไว้ให้คุณย่าของพวกลูกช่วยดูแล”

 

“สวัสดีไผ่  ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันสักทีนะ”

 

คนชื่อทิวกล่าวกับผม  นี่หมายความว่าเขารู้อยู่แล้วงั้นเรอะ

 

“พี่อยากเจอไผ่มาตั้งนานแล้วล่ะ  ดีใจจริงๆ”

 

ตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกแล้วล่ะ  ทุกอย่างมันสับสนไปหมดแล้ว  ผมควรจะเสียใจรึดีใจ ดีล่ะ  แม่ลุกขึ้นเดินไปที่ครัวแล้วหยิบเอาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ  ด้วยรอยยิ้มที่ดูสุขใจซะเหลือเกิน...

 

“เอาล่ะๆมากินข้าวกันเถอะ  ในที่สุดพวกเราก็ได้อยู่กันพร้อมหน้าสักที  วันนี้แม่ทำแต่ของที่ทิวชอบทั้งนั้นเลยนะ”

 

“จริงรึครับ  ว้าวน่ากินทั้งนั้นเลย  ไผ่มานั่งเร็วสิ  เดียวกับข้าวเย็นหมดนะ”

 

ขอบที่...คนชื่อทิวชอบ  งั้นเรอะ

 

“แม่ครับ...”

 

“มีอะไรรึไผ่  รีบๆมานั่งเข้าสิลูก”

 

“....แม่รู้ด้วยรึครับว่าคนๆนั้น  เขาชอบอะไร”

 

“แหม  เรื่องแค่นี้เองทำไมแม่จะไม่รู้ล่ะจ๊ะ”

 

“พี่กับคุณแม่โทรคุยกันประจำเลยล่ะ  พี่ชอบบอกคุณแม่น่ะว่า  พี่ชอบอะไร  อยากให้แม่ทำให้กิน”  คนชื่อทิวเสริม

 

โทรคุยกันบ้างล่ะ....เรื่องแค่นี้เองบ้างล่ะ...

 

“แม่ครับ...แม่รู้รึป่าวว่าผมชอบกินอะไร...”

 

“เอ๋...อะไรกันล่ะไผ่จู่ๆมาถามแบบนี้น่ะ”

 

“ตอบผมมาสิครับว่ารู้รึป่าว”

 

“ไผ่ไม่เคยบอกแม่  แล้วแม่จะรู้ได้ยังไงกัน”

 

“ผมขอถามหน่อยเถอะ  ว่าพวกเราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

 

แม่เริ่มนึก  แต่ผมคิดว่าพวกเขาคงคิดไม่ออกหรอก....

 

“แม่รู้ไหมครับว่าตอนนี้ผมเรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว....รู้ไหมว่าผมกลับบ้านกี่โมงแล้วรู้ไหมว่าที่ผ่านมาผมเหงาแค่ไหน!!”

 

“ไผ่..”

 

“แม่เคยบอกผมไหมครับว่าแม่มีมือถือแล้ว  แม่เคยให้เบอร์กับผมไหม...”

 

“เอ่อ...”

 

“แล้วมาบอกว่า  ผมไม่เคยบอกแม่งั้นเรอะครับ....”

 

ผมไม่อยากยืนฟังคำแก้ตัวของพวกเขาอีกแล้ว  ผมจึงรีบเดินตรงไปยังห้องของตัวเอง  ล็อคประตูและลงกลอนไว้เพราะไม่อยากให้ใครได้เห็นน้ำตาของผม  รวมถึงคนที่ชื่อ  ทิวด้วย

 

ก้อกๆ

 

“ไผ่   ไผ่อย่าทำแบบนี้นะ เปิดประตูให้พี่เข้าไปหน่อยสิ ไผ่”

 

พอซะที....

 

“ไผ่  เปิดประตูเถอะ”

 

หยุดสักที!

 

ผมนำสองมือแนบปิดหูไว้  ตอนนี้ผมไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น  ผมเหนื่อยเกินกว่าจะรับรู้เรื่องบ้าๆพวกนี้....เซน  ตอนนี้ผมอยากเจอเซนเหลือเกน...ผมลุกจากเตียง  และเปิดหน้าต่างออก  ห้องของผมกับเซนอยู่ตรงข้ามกัน  จึงมีบ่อยครั้งที่พวกเราจะตะโกนคุยกัน

 

“เซน  หลับรึยัง  เซน”

 

ไม่นาน  หน้าต่างบานนั้นก็เปิดออก  เซนในชุดนอนออกมายิ้มทักทายผมเหมือนทุกครั้ง  ดีจังเพียงเท่านี้ผมก็สบายใจขึ้นแล้วล่ะ

 

“ว่าไงไผ่”

 

“คือ...เรื่องไปเที่ยวน่ะ”

 

“อื่อ  ตกลงว่าไงล่ะ”

 

“ฉันไป”

 

“เจ๋งเลย  ไว้ไปไหนเราค่อยตกลงกันนะ  โอป่าว”

 

“อืม”

 

“นายเป็นอะไรรึป่าว  ดูซึมๆนะนั่น  จริงสิ  พวกคุณลุงคุณป้ากับมาแล้วสินะ”

 

“ใช่”

 

“ดีใจด้วยนะเฟ้ย  ที่วันนี้พวกท่านกลับมาเร็ว”

 

“........”

 

“เป็นไรรึป่าวน่ะ”

 

“เซน  คืนนี้...ขอฉันนอนที่บ้านนายได้ไหม...”

 

“หือ?  มันก็ได้อ่ะนะ  แต่ว่าจะดีเหรอ  คุณลุงกับคุณป้าอุตส่าห์กลับมาทั้งที”

 

ผมเงียบเพราะไม่มีคำตอบและไม่คิดอยากจะตอบด้วย  และเซนเองก็คงจะเข้าใจจึงไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น

 

“ให้ฉันเดินไปหานายป่าว  รึจะให้ฉันนอนห้องนาย”

 

“มะ..ไม่ต้องหรอก”

 

ผมไม่ต้องการให้เซนเจอกับทิว  ผมไม่อยากให้เซนรู้จักกับทิวหรอก

 

“อืม...เดียวฉันจะไปรอนายข้างล่างนา”

 

ผมเดินออกจากห้องพบว่าคนชื่อทิวนั่งเหมือนกับว่ารอผมอยู่หน้าห้อง  เมื่อเขาเห็นผมดูเขาจะดีใจมากที่ในที่สุดผมยอมเปิดประตู

 

“ไผ่..”

 

ผมเดินผ่านเขาไป  และพยายามทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน  แน่นอนว่าทิวคงจะรู้ตัวจึงรีบคว้ามือผมไว้

 

“ปล่อย”

 

“ไม่  ไผ่จะออกไปไหนน่ะนี่มันดึกแล้วนะ”

 

“คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับผมเพราะฉะนั้นปล่อย”

 

“ไม่  พี่เป็นพี่ชายของไผ่  ทำไมถึงจะไม่มีสิทธิ์”

 

“แต่ผมไม่ยอมรับคุณ  และไม่ต้องการพี่ชายอย่างคุณด้วย  ปล่อยผมสักที”

 

ผมสะบัดมือเขาออกไปเต็มแรง  ให้ตายสิแรงเยอะชะมัด  จากการที่เรายืนคุยกันเมื่อครู่นี้ทำให้ผมได้สังเกตรูปร่างของคนชื่อ  ทิว  อย่างเต็มตาครั้งแรก  ถึงแม้ว่าเขาจะเหมือนผมมากแต่ก็ยังมีส่วนต่างกันเล็กน้อยนั่นคือ  คนชื่อทิวจะมีสีผิวที่คล้ำกว่าผมนิดหน่อยและรูปร่างดูกำยำกว่าผมเล็กน้อย  มองดูแล้วเหมือนคนที่ผ่านการทำงานตากแดดตากลมมาอย่างนั้นแหล่ะ

 

“เดี๋ยวสิไผ่  ไผ่จะไปไหนน่ะ”

 

เสียงโวยวายของคนชื่อทิว  ทำให้พ่อกับแม่  (ที่ตอนนี้ผมแทบจะไม่อยากเรียกแบบนั้นอีกแล้ว)  ตามมาดูด้วยความสงสัย  แน่นอนว่าผมไม่อยู่ให้พวกเขาถามหรอก  ผมรีบวิ่งออกจากบ้านและเข้าไปในบ้านของเซนอย่างรวดเร็ว  เพื่อไม่ให้พวกเขาเห็นว่าผมไปไหน

 

“เป็นไรน่ะไผ่  นี่นายวิ่งมารึไง”

 

เซนมองหน้าผมอย่างงงๆ

 

“อืม  ประมาณนั้นล่ะ”

 

“เฮ้ย  นายจะบ้าป่าวฟะ  บ้านเราก็อยู่ติดกันนะเว้ย”

 

“อย่าพูดมากน่า  เหนื่อยชิบ  ของอาบน้ำบ้านนายหน่อยนะ”

 

“เชิญตามสบาย”

 

“อ้อ  ขอยืมผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนด้วยล่ะ”

 

“คร้าบๆ”

 

ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ  และเปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำไหลผ่านตั้งแต่ผมลงไป  เผื่อว่าสายน้ำจะช่วยชะพาความเหนื่อยล้าของผมให้หายไปได้บ้าง  จากนี้ไปผมควรทำยังไงดี....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 5) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 05-03-2013 17:56:42
ตอนที่  6 เมื่อทั้งสองได้พบกัน  (Zen talk)


วันนี้ไผ่เป็นอะไรไปนะทำไมถึงต้องวิ่งมาที่บ้านผมด้วย  ทั้งๆที่บ้านเราก็อยู่ติดกัน  อีกทั้งยังมาค้างบ้านของผมอีก  คุณลุงคุณป้านานๆจะกลับมาสักที (ที่จิงกลับมาทุกวันน่ะล่ะแต่มันดึกมากแล้ว)

 

“ขอบใจที่ให้ยืมชุดนอนนะ”

 

ไผ่เข้ามาในห้องนอนของผมพร้อมชุดนอนลายหมีพู  (แน่นอนว่าชุดนอนนั่นเป็นของผม  =_=)

 
“ไผ่  นี่นายสระผมตอนกลางคืนเนี้ยนะ”

 

ผมเอ่ยถามในขณะที่ไผ่ใช้ผ้าขนหนูขยี้ผม ที่เปียกชุ่ม

 

“อืม”

 
“ไม่ได้นะเว้ย  เดี๋ยวรังแคก็กินหัวพอดี  ใครเขาสระผมตอนกลางคืนเล่า”

 

“มีเยอะแยะไป - -^  ยังไงก็ช่างฉันเถอะ”

 

“ชิ  คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง”

 

“...ขอบใจนะที่เป็นหวง”

 

ถ้าผมไม่ได้ตาฝาด  ผมกำลังเห็นว่าตาของไผ่ดูแดงๆเหมือนเพิ่งร้องไห้มาอย่างนั้นล่ะ  เกิดอะไรขึ้นกันนะ 

 

“เดี๋ยวนายนอนบนเตียงแล้วกัน  ฉันนอนข้างล่างเอง”

 
“ไม่ได้  นายเป็นเจ้าของห้องนะ”

 

“เอาน่า  วันนี้ฉันยกเตียงให้วันนึง  แต่ต่อไปไม่ให้แล้วนะเฟ้ย  สำนึกซะ  ฮ่าๆ”

 

“- -^”

 

“เพราะเห็นนายดูซึมๆหรอกนะ  เอาล่ะๆนอนกันเถอะ”

 

“....อืม”

 

ผมลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วนอน

 

แต่ว่า....

 



 



 

นอนไม่หลับเว้ยยยยยยยยยยยย

 

ให้ตายสินี่มันผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้วฟะ  จะเช้ารึยังเนี้ย -*-

 

ฮือ..

 

เสียงสะอื้นของคนบนเตียงทำเอาผมแปลกใจ  นี่เขากำลังร้องไห้อยู่อย่างนั้นเหรอ  เสียงสะอื้นที่แผ่วเบานั่นแสดงว่าเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บกดอารมเศร้าเอาไว้  นี่ถ้าผมนอนหลับไปก็คงไม่มีวันได้รับรู้แน่ๆ

 

ไผ่  เป็นคนที่ฉลาดและเรียนเก่งมากๆ  เก็บความรู้สึกเก่ง  ไม่ว่าจะรู้สึกยังไงกับใคร  เกลียดรึชอบอะไร  ก็ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น  เพราะฉะนั้นจึงเป็นการยากที่จะรู้ไผ่ชอบอะไรและเกลียดอะไร  บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไผ่ไม่ค่อยมีเพื่อน  แต่ผมรู้ดี  ว่าไผ่น่ะเป็นคนยังไง   แต่ว่า...มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ  อะไรที่ทำให้ไผ่คนนั้นเป็นแบบนี้  แล้วผมจะทำอะไรให้เขาได้บ้างไหม..........

 

...

 

แสงแดดในยามเช้าส่องลงมายังหน้าผม  มันทำให้ผมต้องตื่น  เซ็งวุ้ย  =_=  เมื่อผมหันไปที่เตียง  ไผ่ก็ไม่อยู่ซะแล้ว  ไปก็ไม่บอกสักคำ  ให้ตายสิ....  บางทีอาจจะกลับบ้านไปแล้วล่ะมั้ง  ผมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกจากบ้านไปหากิน....  ข้าวเช้าน่ะ  ....

 

เมื่อประตูบ้านไป  ผมเห็นยังมีรถจอดอยู่ในบ้านของไผ่  แปลกจัง  คุณลุงคุณป้าอยู่บ้านและไผ่ยืนรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน......จอร์จ....ไผ่กำลังรดน้ำต้นไม้.......ร้อยวันพันปี  นายไผ่คนนั้นน่ะเรอะจะหันมาสนใจต้นไม้

 

“โหว  วันนี้ท่าลูกเห็บจะตกวะ  ไผ่รดน้ำต้นไม้”

 

ไผ่เงยหน้าจากต้นไม้มามองหน้าผมแล้วยิ้มหวานๆให้หนึ่งที  เฮ้ยยยยยยยยย   อะไรวะเนี้ย

 

“คุณเป็นเพื่อนกับไผ่สินะครับ”

 

หา?

 

งงครับพี่น้อง  ไผ่เป็นอะไรไปเนี้ย!!

 

“อ่ะ  จริงสิ  ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย  ผมชื่อ ทิว  เป็นพี่ชายของไผ่”

 

“ว่าไงนะ  พี่ชาย....เฮ้ย  ล้อเล่นอะไรของนายวะเนี้ย”

 

คนที่อ้างตัวเองว่าพี่ชายของไผ่เดินเข้ามาใกล้ๆผม  ทำให้ผมได้เห็นความแตกต่างกันเล็กน้อยของเขาและไผ่  รึว่าเขาจะเป็นอย่างที่พูดจริงๆ  แต่ว่าไผ่ไม่มีพี่น้องที่ไหนนี่หว่าแล้วจู่ๆก็พี่ชายโผล่มาเนี้ยนะ

 

“เอ่อ  ผมว่าตอนนี้ผมกำลังสับสนนะครับเนี้ย”

 

งงครับ  ผมงง!!

 

“งงก็ไม่แปลกหรอก  เพราะผมไม่เคยมาที่เลยสักครั้ง”

 

“แล้วเรื่องมันเป็นไงมาไงกันเนี้ย”

 

“คุณพ่อคุณแม่ฝากผมให้คุณย่าเลี้ยงน่ะครับ  ผมว่าคุณน่าจะรู้เรื่องฐานะทางบ้านของครอบครัวผม”

 

“นี่แสดงว่าไผ่ไม่รู้เรื่องนี้สินะ”

 

“ครับ  จนกระทั่งเพิ่งมารู้เมื่อคืนนี้”

 

มิน่าล่ะ  ไผ่ถึงได้....

 
“แล้วคุณ...”

 

“เรียกผมว่าทิวเถอะครับ”

 

“อ่า..ผม  เซน ครับ”

 

“เอ่อ  เซน  เมื่อคืนนี้ไผ่  ไปหาคุณรึเปล่า”

 

“อืม....”

 

ดูเหมือนว่า  ทิวจะดูดีใจที่ได้ยินผมตอบแบบนี้

 
“ดีจัง  เมื่อคืนไผ่ออกจากบ้านโดยไม่พูดอะไรเลย  คุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็ผมออกไปตามแต่ก็ไม่เจอตัว  แล้วนี่ไผ่ยังอยู่กับเซนสินะ”

 

“เปล่า  ไผ่ออกไปไหนแล้วไม่รู้  ผมนึกว่าไผ่กลับบ้านแล้วซะอีก”

 

“เอ๋...แล้วนี่ไผ่ไปไหนล่ะ  คุณพอจะรู้บ้างไหมว่าไผ่ไปไหน”

 

“ไม่รู้หรอก”

 

“ผมคิดว่า  ผมกับไผ่ต้องคุยกัน  ไผ่ยังไม่ยอมรับว่าผมเป็นพี่ชายเลย”

 

จ๊อก~

 

เวร....ท้องเจ้ากรรมดันร้องซะได้

 

“ฮ่าๆๆๆ  เซนคงจะหิวมากสินะ  เข้ามาในบ้านผมสิครับ  มากินข้าวกัน  ป่านนี้คุณแม่คงทำกับข้าวเสร็จแล้ว”

 

“เอ่อ  ไม่เป็นไร  ผมว่าจะออกไปซื้อข้าว...”

 

ว่าแล้วทิวก็มาจับมือผมลากเข้าบ้านซะงั้น  รู้ตัวอีกทีผมก็เข้ามาอยู่ในบ้านเขาซะแล้ว

 

“ทิวเหรอ  มากินข้าวได้แล้วลูก....นั่นใครน่ะ”

 

คุณป้าเอ๋ยทักเมื่อเห็นหน้าผม

 
“ผมเซนที่อยู่ข้างบ้านไงครับ  คุณป้า”

 

“เซน...อ้อ  เซนลูกของน้องภาใช่ไหมจ๊ะ”

 

“ครับ”

 

“ตายจริง  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย”

 

ทิวยังคงลากผมมายังโต๊ะกินข้าว

 

“แขบๆฮิดต่ะ เด๋วกับข้าวเย็นหมด”

 
“?????   แขบ..ฮิคต่ะ ??????”

 

ทิวทำหน้าเอ๋อไปหลังจากที่ผมทวนคำที่ฟังไม่รู้เรื่องของเขา

 

“อ่ะ  ขอโทษที  ที่แหลง  เอ๊ย  พูดใต้ออกมาน่ะ  แบบว่ามันยังไม่ชิน  >///<”

 

“แล้วไอ้คำว่า แขบ  นี่คือ...”

 

“แปลว่า  เร็วๆ น่ะ^^”

 

“อ้อ  ว่าแต่ทิวจะย้ายมาอยู่ที่นี่สินะ”

 
“เปล่าหรอก  แค่ช่วงปิดเทอมน่ะ  เปิดเทอมก็ต้องกลับไปเรียนที่นู่น”

 

“อืม”

 

แปลกจัง  ถึงจะเป็นฝาแฝดกัน  แต่เขาไม่เหมือนกับไผ่  รึเป็นเพราะการเลี้ยงดูกันนะ  ผมถึงได้รู้สึกว่า  ทิวนั้น  ให้ความรู้สึกที่ดีเมื่ออยู่ด้วยและได้พูดคุย  สัมผัสได้ถึงความจริงใจและเปิดเผยซึ่งแตกต่างกับไผ่ที่มักจะไม่แสดงความรู้สึกและเก็บมันเอาไว้.....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++===

หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 6) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-03-2013 17:58:06
มาอ่านเรื่องนี้ให้ร้องไห้อีกรอบ ฮืออออออออออออออ ยังจำได้เลยว่าร้องจนไม่รู้จะร้องยังไง
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 6) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 05-03-2013 18:31:56
อยากร้องไห้แทนไผ่ กลัวไผ่จะยิ่งแย่ที่เห็นเซน สนิทกับทิว  :z3: :z3: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 7) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 05-03-2013 19:14:14
ตอนที่ 7 ก็แค่...คนอ่อนแอคนหนึ่ง



ผมออกจากบ้านของเซนตั้งแต่เวลาตี 4  เพื่อไปทำงานพิเศษช่วงเช้านั่นคือ  ส่งหนังสือพิมพ์  โดยไม่ลืมที่จะเข้าไปอ่านน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน  โชคดีที่ทุกคนหลับกันหมดเพราะผมคงไม่พร้อมที่จะพบหน้าพวกเขาเป็นแน่

 

ภายหลังจากงานส่งหนังสือพิมพ์แล้ว  ตอนนี้ผมไม่รู้จะไปไหนดี  ไม่อยากกลับบ้านและไม่อยากรบกวนเซน  ผมไปบ้านของพี่แทมิน  แน่นอนว่าตอนเช้าๆแบบนี้  คนที่ตื่นคงมีแต่เถ้าแก่  และผมก็เดาไม่ผิด  เถ้าแก่ออกมาเตรียมตัวตักบาตรและที่ผมคาดไม่ถึงคือ  พี่แทมินเองก็ออกมาตักบาตรด้วยเช่นกัน

 

“อ้าวนั่น  ไผ่ใช่ไหมนั่นน่ะ”

 

เถ้าแก่เอ่ยทัก  ทำให้พี่แทมินที่กำลังเตรียมเก็บของเข้าบ้านหันควับ

 

“มาแต่เช้าเลยน้า  มาหาฮยองรึเปล่า  ^^”

 

“- -^”

 

ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี  ถ้าจะบอกพวกเขาว่า  วันนี้ขอผมอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลางานได้ไหมครับ  มันคงจะพิลึกน่าดู

 
“เป็นอะไรรึเปล่าไผ่  สีหน้าดูไม่ดีเลย”

 

พี่แทมินกล่าวด้วยสีหน้าเป็นห่วง  ตอนนี้หน้าของผมเป็นแบบนั้นเหรอ  พี่ถึงได้ดูออก

 

“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยน่ะครับ”

 
“มีอะไรที่ฮยองพอจะช่วยได้บ้างไหม”

 

ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ  ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกผิดนิดๆแล้วสิที่ทำให้พี่แทมินต้องเป็นห่วงผม

 
“เอ่อ  ผมว่า..ผมกลับบ้านดีกว่า”

 
เพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร  ผมจึงหันหลังแล้ววิ่งออกจากที่ตรงนั้นไป  บางทีผมควรกลับบ้านเพื่อรับความจริงที่เกิดขึ้น  และยอมรับมัน....

 
เมื่อมาถึงหน้าบ้านและกำลังยืนมือออกไปจับลูกบิดประตู  เสียงคุยกันอย่างสนุกสนานดังออกมาจากในบ้าน  และถ้าหากผมฟังไม่ผิดนั่นหนึ่งในเสียงสนทนานั้นคือเสียงของเซน....

 

ผมรีบเปิดประตูเข้าไปทำที  เห็นเซนกับคนชื่อทิวกำลัยคุยกันอย่างสนุกสนาน  สิ่งที่ผมกลัวได้เป็นจริงแล้ว...เซนเป็นคนที่สนิทสนมกับผู้อื่นได้ง่ายตรงกันข้ามกับผม  คนที่ชื่อทิวเองก็เช่นกัน  ถึงแม้จะคุยกันแค่ไม่กี่คำแต่ผมก็รู้ได้ถึงลักษณะนิสัยโดยรวมของเขา  เดาได้ไม่ยากว่าถ้าสองคนนั้นได้พบปะพูดคุยกันคงจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว  สิ่งผมกำลังกลัว...

 
“อ้าว  ไผ่  เฮ้ย  ออกไปไหนมา  ที่บ้านเขาเป็นห่วงนายกันใหญ่เลยนะ”

 

เซนร้องทักเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าห้องรับแขก

 
เป็นห่วงงั้นเหรอ  เห็นคุยกันสนุกสนานแบบนั้นเนี้ยนะ


“ไผ่  หิวรึเปล่า  กินข้าวรึยัง”

 

คนชื่อทิวเดินมาจับมือของผม  แน่นอนว่าผมปัดมันออก  ไม่ใช่เพราะรังเกียจ  แต่เป็นความรู้สึกไม่พอใจบุคคลตรงหน้า

 

“ใจเย็นๆดิ  นี่พี่ชายนายนะ”

 
เซนเดินเข้ามาพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจที่เห็นผมทำกิริยาแบบนั้นกับคนชื่อทิว  อะไรกัน  เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง  นายถึงกลับเข้าข้างคนชื่อทิวแล้วงั้นรึ

 
“ไม่...เขาไม่ใช่พี่ชายฉัน  ฉันไม่มีพี่!  ได้ยินไหม  ฉันไม่มีพี่น้องที่ไหนทั้งนั้น!”

 

“เงียบๆแล้วฟังทิวบ้างสิ!”

 
เซนไม่ใช่คนใจเย็นพอที่จะอดทนต่อการกระทำของผมที่มีต่อคนชื่อทิวได้  ตอนนี้นาย.....ไม่เข้าข้างฉันเหมือนทุกๆครั้งแล้วสินะ

 

“ไผ่  พี่และคุณพ่อคุณแม่  เป็นห่วงไผ่กันมากเลยนะที่อยู่ๆไผ่ก็ออกจากบ้าน”

 

“แล้วยังไง”

 

“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”

 
“ผมจำเป็นต้องทำตามที่คุณบอกอย่างนั้นเหรอ”

 
“ไผ่....”

 

“ผมว่าเราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า  คุณก็อยู่ส่วนคุณ  ผมก็อยู่ส่วนผม  ไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายกัน  ตกลงไหม”

 

“นี่นายจะบ้ารึไงไผ่!”  อีกแล้ว...เซนออกรับแทนคนชื่อทิว...

 

“เซน  นี่เป็นเรื่องในครอบครัวฉัน  นายไม่ต้องยุ่ง”

 

ผมหันมาสบตาของคนชื่อทิว  ตอนนี้ผมพยายามทำสีหน้าเป็นปกติที่สุด

 

“ขอตัวก่อน”

 

“เดี๋ยวไผ่  นายจะไปไหนอีก”

 

“กลับห้อง”

 
“ไม่ได้  พวกนายต้องคุยกันให้รู้เรื่องสิ  ปล่อยไว้แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที”

 

“ฉันไม่อยากรับรู้  และไม่อยากเข้าใจอะไรทั้งนั้นล่ะ”

 

“มีเหตุผลหน่อยสิ  ทำตัวแบบนี้  เหมือนไม่ใช่นายเลยนะ”

 

เซน...ตัวตนของฉันน่ะไม่ใช่อย่างที่นายเห็นหรอกนะ...ไม่ว่าจะเป็นไผ่คนที่อยู่ในโรงเรียน  ไผ่ที่ทำงานพิเศษ  หรือไผ่คนที่นายรู้จัก  ไม่ว่าจะเป็นไผ่คนไหน  ฉันมันก็แค่คนที่ต้องหาหน้ากากสวมเพื่อปิดบังความอ่อนแอของตัวเองเท่านั้น

 

“ไม่ใช่ฉัน?  นายรู้เรอะว่าฉันเป็นคนยังไง  นายคิดอยู่ใช่ไหมว่านายรู้จักและเข้าใจฉัน  ถ้าหากเป็นแบบนั้น....นายจะไม่มีวันทำแบบเมื่อกี้...”

 

“ไผ่”

 

“ให้ฉันอยู่คนเดียวสักพักเถอะ”

 

คนชื่อทิวหันมาจับไหล่ของเซน  ทำให้เซนหลีกทางให้ผม  แต่ตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ในบ้านนี้หรอก  ไม่อยากได้ยินเสียงของพวกเขาทั้งสองพูดคุยกัน  ผมจึงเลือกเดินหันหลังให้พวกเขาแล้วก้าวออกจากบ้าน

 

ผมจะไปที่ไหนดี...ผมไม่มีที่ไป  ไม่อยากกลับบ้าน  อยู่กับเซนก็ไม่ได้แล้ว  ไม่กล้าไปรบกวนพวกเถ้าแก่ด้วย...จะทำยังไงดีนะ   ตอนนี้...ผมรู้สึกเหมือนกับว่า  ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...

 

น้ำตาพลันไหลออกมาเมื่อคิดเช่นนั้น  สิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจของผมมาตลอดก็คือเซน  ถึงพ่อกับแม่จะไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร  ถึงจะเหงายังไงก็ช่าง  แค่เพียงมีนายคอยยิ้มอยู่ข้างๆแม้ในฐานะเพื่อน  มันก็ทำให้ผมสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง  แต่ว่า...แม้แต่เซนก็....

 

“ไผ่”

 

เสียงเรียกของบุคคลตรงหน้าทำให้ผมหลุดจากภวังน์

 

...พี่แทมิน

 

“ร้องไห้ทำไม  ใครทำอะไรไผ่”

 

“ทำไม  พี่ถึงมาอยู่ที่นี่...”

 

“ฮยองเป็นห่วงไผ่เลยตามมาดู  พอเห็นไผ่เดินเข้าบ้านไปแล้วฮยองจึงกลับ...แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงเดินกลับมาที่นี่อีก  มันเหมือนกับ...สังหรณ์น่ะ”

 

“ผม.....”

 

“ป่ะ  ไปบ้านฮยอง อยู่ที่บ้านจนกว่าไผ่จะสบายใจ”

 

“แต่ว่า...”

 

“ถ้าคิดว่าเป็นการรบกวนล่ะก็  เลิกคิดซะ  ทั้งพ่อและฮยองต่างก็เห็นไผ่เป็นคนในครอบครัว  เพราะฉะนั้นไม่มีคำว่ารบกวน  ไปกันเถอะ”

 

พี่แทมินคว้ามือผม แล้วเดินจูงมือผมไปยังบ้านของตน  โดยไม่แคร์สายตาของชาวบ้านว่าการที่ผู้ชายสองคนเดินจูงมือกันพวกเขาจะคิดเช่นไร


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบไปอีกตอน   ดีใจค่ะ ที่มีคนมาเม้นให้

@iamnan   เรื่องอีโมเยอะ  อันนี้ต้องขอโทษจริงๆค่ะ หากทำให้เสียอารมณ์ในการอ่าน 

@pooinfinity  เอ๋  แสดงว่าเคยอ่านเรื่องนี้จากในเด็กดีใช่ไหมคะเนี่ย  อ่านเรื่องแยกของเซนรึยังคะ  อย่าเพิ่งทวงแคนนะ  แคนกำลังอยู่ในช่วงดองเรื่องนั้นอยู่พอดี (โดนโบก)

@nunnan  งั้นเตรียมทิชชู่ไว้เลยค่ะ  เพราะดูจากกระแสเม้นจากในเด็กดีแล้ว.... :m15:

ปล. ตามกฏ บอกห้ามสนทนาพูดคุยกับคนอื่น ให้ตอบในเม้นเดียว   แคนตอบแบบนี้ไม่ผิดใช่ไหมคะเนี่ย  :z13:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 7) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 05-03-2013 19:41:12
จริงๆด้วยยย  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 05-03-2013 20:17:38
ตอนที่ 8  อยากเป็นมากกว่านั้น  (Taemin  talk)




การที่ไผ่มาหาผมกับพ่อในตอนเช้า  นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก  เพราะนอกจากเวลางานแล้ว  ไผ่ไม่เคยรบกวนพวกผมเลยสักครั้ง  ถึงเวลาจะเห็นเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งก็ตามแต่ไผ่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม

 

“วันนี้ไผ่ดูแปลกๆนะ  ว่าไหม”

 

พ่อพูดถูก  ผมเองก็คิดแบบนั้น  เช้าวันนี้ไม่รู้ผมนึกอะไรถึงได้ตื่นมาตักบาตรกับพ่อทั้งๆที่ปกติช่วงเวลานี้ผมควรนอนอยู่ที่เตียง

 

“เอาเถอะ  รีบๆเก็บของเข้าบ้านกันดีกว่า”

 

พวกผมเริ่มเก็บของกันต่อ  มือยังคงง่วนอยู่กับของพวกนั้นแต่ใจผมกลับคิดถึงภาพของไผ่เมื่อกี้  สีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่  กับรอยบวมแดงใต้ตานั่นเหมือนกับผ่านการร้องไห้มาอย่างนั้นล่ะ

 

“นี่  พ่อ”

 

“ว่าไง”

 

“ผมเป็นห่วงไผ่”

 

“ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว  ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ”

 
“ผมว่าผมตามไปดูดีกว่า”

 

“อ่ะๆ  ตามใจ  ไปเถอะ  พ่อเองก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน  การที่เขามาหาตอนเช้าแบบนี้ อาจจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก็ได้”

 

“งั้นเดี๋ยวผมมานะ”

 

ว่าแล้วผมก็รีบวางของที่กำลังขนอยู่แล้ววิ่งตามไผ่ไปทันที  เส้นทางไปบ้านของไผ่  ผมจำได้ขึ้นใจเพราะมีบ่อยครั้งที่ผมมักจะแอบตามไผ่กลับบ้าน  แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ  ผมไม่ใช่คนโรคจิตหรือสโตกเกอร์  แต่ผมเห็นว่าดึกแล้วและอันตรายด้วย  ผมเคยถามไผ่ว่าจะให้ผมมาส่งไหมอยู่บ่อยครั้งแต่ไผ่ก็ปฏิเสธเสียทุกครั้งโดยบอกผมว่า  ไม่อยากรบกวน - -^  ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยสักนิด  ผมเต็มใจต่างหากล่ะ

 

ไผ่เข้าบ้านไปแล้ว  บางทีผมอาจจะคิดมากไปก็ได้  ผมจึงหันหลังเพื่อเดินกลับบ้าน  ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหนทางกลับบ้านมันไกลอย่างนี้  ความรู้สึกแปลกๆที่ร่ำร้องภายในใจของผมเหมือนกับมันจะว่าให้ผมกลับไป  กลับไปหาไผ่อีกครั้ง  และบางทีผมควรเชื่อความรู้สึกของตนเอง  ผมจึงได้ได้หันหลังกลับไปอีกครั้ง

 
ภาพของไผ่ที่วิ่งออกมาจากบ้านแล้วค่อยผ่อนแรงลงเรื่อยๆจนนิ่งอยู่ตรงนั้น  น้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมา จากดวงตาที่มักจะเรียบเชยเสมอนั้น  ช่างเสียดแทงใจของผมยิ่งนัก

 

ภาพเหล่านั้นดึงดูดให้ผมก้าวขาเดินไปหาเขา  และเอ่ยชื่อของเขา....

 

“ไผ่”

               

ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม  อะไรทำให้ไผ่ต้องกลายเป็นแบบนี้กันนะ...

 

“ร้องไห้ทำไม  ใครทำอะไรไผ่”

 

“ทำไม  พี่ถึงมาอยู่ที่นี่...”

 

“ฮยองเป็นห่วงไผ่เลยตามมาดู  พอเห็นไผ่เดินเข้าบ้านไปแล้วฮยองจึงกลับ...แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงเดินกลับมาที่นี่อีก  มันเหมือนกับ...สังหรณ์น่ะ”

 

สังหรณ์แปลกๆนั่นคืออะไร  ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน....

 

“ผม.....”

 

ไม่อยากให้ไผ่ต้องเป็นแบบนี้  ไม่อยากเห็นไผ่ต้องร้องไห้  ผมน่ะอยากเห็นรอยยิ้มของไผ่มากกว่า

 

“ป่ะ  ไปบ้านฮยอง อยู่ที่บ้านจนกว่าไผ่จะสบายใจ”

 

พูดออกไปซะแล้วสิ

 

“แต่ว่า...”

 

“ถ้าคิดว่าเป็นการรบกวนล่ะก็  เลิกคิดซะ  ทั้งพ่อและฮยองต่างก็เห็นไผ่เป็นคนในครอบครัว  เพราะฉะนั้นไม่มีคำว่ารบกวน  ไปกันเถอะ”

 

ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นการรบกวนเลยสักนิดและไม่เคยคิดด้วย  เพราะฉะนั้น...อย่าคิดแบบนั้นเลยนะ

 

ผมคว้ามือของไผ่แล้วพาเขาเดินมายังบ้านของผม  ตลอดทางมีคนบางกลุ่มมองพวกผมแล้วหันไปซุบซิบนินทา  มันแปลกมากนักรึไงฟะที่ผู้ชายสองคนจะเดินจูงมือกันเนี่ย  แต่ช่างมันเถอะ   ไม่ว่าใครเขาจะคิดยังไงผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว  ผมสนใจแค่การทำให้ไผ่หายเศร้าเท่านั้นเอง

 

“พี่แทมิน  ปล่อยมือผมเถอะครับ  คนมองกันใหญ่แล้ว”

 

“ไม่  ไม่เห็นต้องไปแคร์เลย”

 

“......”

 

ถึงบ้านแล้ว  ผมพาไผ่ขึ้นไปยังห้องของผม  พ่อเองก็ไม่ขัดอะไรคงจะเข้าใจล่ะมั้ง

 

“ไผ่  ฮยองถามอะไรไผ่หน่อยได้ไหม”

 

“อะไรครับ”

 

“ไผ่อยากกลับบ้านรึเปล่า”

 

“.....”

 

“ว่าไงล่ะ”

 

“...ไม่...ครับ”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่นี่แหล่ะ”

 

“เอ๋!”

 

“หรือว่าไผ่มีที่ที่จะไปอยู่แล้ว”

 

“....ไม่มีครับ”

 

“งั้นก็อยู่ที่นี”

 

“คือผม....ไม่อยาก...”

 

“รบกวน  สินะ”

 

“ครับ”

 

“เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วนะ  ว่าเลิกคิดซะ...หรือว่าไผ่จะไปอยู่กับเซน......”

 

“ไม่ครับ”

 

“ตกลงอย่างที่พูดก็แล้วกัน  ส่วนพ่อเดี๋ยวฮยองพูดให้เอง”

 

พ่อไม่ได้ว่าอะไรที่ผมเสนอให้ไผ่อยู่ที่บ้าน  ช่วงปิดเทอมนี้  ลูกค้าที่บ้านก็เยอะ  ดีซะอีกที่ไผ่มาอยู่ช่วยแบบนี้  พ่อว่างั้นล่ะ

 

เนื่องจากบ้านของผมมีแค่สองห้องนอนคือห้องผมกับพ่อ  ดังนั้นไผ่จึงต้องนอนกับผม...เสร็จโจร  เอ๊ย  ไม่ใช่  -*-

 

“ไผ่”

 

“ครับ”

 

“จะโกรธไหม  ถ้าฮยองจะถามว่าเรื่องที่ไผ่กำลังเป็นทุกข์อยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไร”

 

“............”

 

“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร”

 

“...ถ้าหากว่า.....”

 

“......”

 

“ถ้าหากว่า  วันหนึ่ง  คนที่เปิดประตูบ้านให้พี่  คือฝาแฝดของพี่  คนที่พี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีตัวตน  พี่จะ

ทำยังไงครับ”

 

“.....นี่อย่าบอกนะว่า...”

 

ไผ่ไม่ตอบอะไรได้แต่ก้มหน้าโดยไม่สบตากับผม  และผมคงไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก  จนกว่าพี่จะทำใจยอมรับปัญหาตอนนี้ได้.......

 

“แล้วเซนล่ะ”

 

ผมเงยหน้ามาสบตากับผม  เหมือนอยากจะร้องไห้  แต่แล้วเขาก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

 

“เซนเขาไม่เข้าข้างผมอีกแล้ว....   ตอนนี้ผมดูเหมือนเป็นคนผิดในสายตาของเขา.......”

 

อา...เซนมีอิทธิพลต่อไผ่  เรื่องนั้นผมรู้ดี...ผมที่เฝ้ามองไผ่มาตลอด  ทำไมเรื่องแค่นี้จะไม่รู้

 

ไผ่ชอบเซน...

 

เซน....ศัตรูหัวใจที่ผมไม่มีวันชนะ

 

เพราะสำหรับไผ่แล้ว 

 

ผมเป็นได้แค่....พี่ชาย

 

แต่ว่า.......

 

ผมไม่ยอมแพ้หรอก....

 

จะไม่ยอมเป็นแค่พี่ชาย.....

 

ผมอยากเป็นมากกว่านั้น...

 

“ไผ่”

 

“ครับ?”

 

“ต่อจากนี้ไป...ห้ามเรียกว่าพี่แทมินอีกนะ”

 

“เอ๋”

 

“ให้เรียกแค่  แทมิน  เข้าใจไหม”

 

“หมายความว่ายังไงครับ”

 

“แล้วฉันก็จะไม่แทนตัวเองว่าฮยองอีกแล้ว”

 

“.....”

 

“ชอบนะ”

 

ไผ่ทำตาโตใส่ผม  ให้ตายสิ  น่ารักชะมัด

 

“ฉันชอบไผ่....”

 

หากไม่ลองพยายามดู  จะไปรู้ได้ยังไงว่าชนะรึไม่ชนะ

 

เพราะฉะนั้น  ถึงตอนนี้ไผ่อาจจะปฏิเสธ

 

แต่ไม่เป็นไร

 

ผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

 

จนกว่า...จะได้หัวใจ...ของนายมา

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 05-03-2013 20:56:54
โอ้ยยย ตอนนี้ขอเชียร์แทมินสุดใจ ไผ่เปิดใจหน่อยนะ
รุกเข้าไปลูก เดี๋ยวไผ่ต้องใจอ่อนแน่ :impress2:
เซนเหมืือนไม่รู้จักไผ่อ่ะทั้งที่ไผ่ใส่ใจเซนมากก
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: mach201 ที่ 06-03-2013 00:45:53
อ่านตอนล่าสุดโบกธงเชียร์พี่แทมินดีกว่า
มันน่าน้อยใจแทนไผ่นัก
ทั้งเซนทั้งพ่อแม่ อยู่ใกล้แต่กลับดูเหมือนไม่ใส่ใจไผ่เลย
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 06-03-2013 01:38:27
อ่านแล้วตอนแรกไม่ชอบเซน :fire: :fire: แต่สุดท้ายเซนก็น่าสงสารรที่สุดด  :monkeysad: :monkeysad: อย่าลืมไปลงต่อน่ะะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: 3BⅠt$. ที่ 06-03-2013 03:45:27
เอ๋ เพิ่งมาอ่าน เห็นบอกว่ามีลงใน เด็กดี
ตามไปอ่านอย่างเงียบๆ...
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 9) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 06-03-2013 15:03:44
ตอนที่ 9  เกลียด...




“ฉันชอบไผ่....”

 

พี่แทมินพูดอะไรออกมา   พี่บอกว่าชอบผมอย่างนั้นเหรอ...

 

“ผมไม่ขำนะ  ถ้าพี่จะแกล้งผมเหมือนทุกครั้งล่ะก็  เลิกเถอะ”

 

“ฉันไม่ได้แกล้ง  ฉันไม่อยากเป็นแค่พี่ชาย  เพราะฉันชอบไผ่”

 

“....ผมว่าผมควรกลับบ้าน”

 

“ไหนไผ่บอกว่าไม่อยากกลับไง”

 

“การที่ผมหนีออกมา  มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น”

 

“...ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ  แต่ว่าไม่ต้องฝืนนะ  ทนไม่ไหว  ไม่รู้จะทำยังไง  อย่าลืมว่าไผ่ยังมีฉัน  มีพ่อของฉัน  พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน  เข้าใจไหม”

 

“...ครับ”

 

“แล้วก็เรื่องที่ฉันพูดไปเมื่อกี๊ฉันพูดจริง  ส่วนคำตอบ...มันไม่จำเป็น  ขอแค่ไผ่ให้ฉันอยู่ข้างๆเท่านั้นก็พอ”

 

“ผม...กลับนะครับ”

 

“ฉันไปส่ง”

 

“เอ่อ...”

 
“หยุด  ห้ามปฏิเสธ  ห้ามบอกว่าไม่อยากรบกวน  ฉันเต็มใจ”

 

สับสนไปหมดแล้ว  วันนี้มันวันอะไรกัน  ไหนจะเรื่องที่บ้าน  ไหนจะพี่แทมิน  เหนื่อยจัง.....

 

พี่แทมินเดินจับมือผมกลับบ้าน  ไม่ว่าผมจะปฏิเสธยังไง  เขาก็ไม่สนใจ  ยังจับมือผมต่อ  ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ  กลับรู้สึกอบอุ่นซะด้วยซ้ำ  แต่ว่า  จู่ๆมาบอว่าชอบแบบนี้  บอกตรงๆ...ผมทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

 

ถึงบ้านของผมแล้ว  พี่แทมินยืนส่งจนผมเข้าไปในบ้านเขาจึงกลับ  เซนยังคงอยู่ในบ้านของผม  พ่อกับแม่รวมทั้งคนชื่อทิวด้วย  ตั้งแต่คนชื่อทิวอยู่ที่นี่  พ่อกับแม่ยังไม่ออกไปทำงานเลย

 

“ไผ่  กลับมาแล้วเหรอ”

 

คนชื่อทิวเอ่ยทันทีที่เห็นผม

 

“ใจเย็นลงบ้างรึยัง”

 

เซน  ช่วงที่ผมออกจากบ้าน  นายก็ยังคงพูดคุยอยู่กับคนชื่อทิวสินะ

 

“ผมคิดว่า  เราควรจะคุยกันจริงๆสักทีนะ”

 

“อืม..พี่ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ  คุณพ่อ  คุณแม่  ไผ่กลับมาแล้วครับ”

 

พ่อกับแม่เดินเข้ามาในห้องรับแขก  ภาพบ้านที่ว่างเปล่ามาตลอดในสายตาผม  ตอนนี้มันดูวุ่นวายเหลือเกิน

 

“พ่อกับแม่มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะครับ  ผมพร้อมจะฟังแล้ว  รวมทั้งคุณด้วย”

 

พ่อเข้ามานั่งข้างๆผม  ไม่รู้ทำไม  ผมถึงรู้สึกว่า พ่อกับแม่ที่ปกติแทบไม่ได้เจอหน้ากัน  จากที่ดูห่างๆกันอยู่แล้ว  ตอนนี้กลับรู้สึกห่างกันมากกว่าเดิม

 

“ไผ่  พ่อกับแม่เคยบอกไผ่ใช่ไหมว่า  ที่ทำก็เพื่อครอบครัวของเรา”

 

“ครับ”

 

“พ่อกับแม่  พยายามทำงาน  ทำโอที  เพิ่มให้ได้โบนัส  และมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง  และตอนนี้  ที่พ่อกับแม่พยายามมาตลอด  มันก็ประสบผลแล้ว  พ่อกับแม่ได้เลื่อนตำแหน่ง  เป็นตำแหน่งที่สูงขึ้น  เงินเดือนก็เยอะขึ้น  เพื่อทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์  เพื่อที่ครอบครัวของเราจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า  มีพ่อ  มีแม่  และมีไผ่กับทิว  ครบทั้งสี่คน”

 

อา...ผมไม่รู้จะพูดอะไร  ที่พ่อกับแม่ทำมาทั้งหมดก็เพื่อครอบครัวของเรา  คำพูดที่ได้ยินกรอกหูมาตั้งแต่เด็ก  ที่แท้  มันไม่ได้หมายถึงแค่เราสามคน  แต่เป็นเราสี่คน  รวมคนที่ชื่อทิว......

 

“แล้วที่พ่อกับแม่รับทิวมาอยู่ด้วยนั้นก็หมายความว่าตอนนี้พวกเรามีทุกอย่างครบแล้ว  ความพร้อม  และเวลาที่จะคอยดูแลลูก  ไผ่  ลูกเข้าใจใช่ไหม”

 

ไม่เลย..ผมไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด!!

 

“ครับ ผมเข้าใจ...”

 

ผมต้องพูดต่างจากความความคิด  ไม่อยากให้เรื่องมันต้องยุ่งไปมากกว่านี้  แค่นี้ผมก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว...

 

“แหม  เข้าใจก็ดีแล้ว ^^”

 

เซนยิ้มดีใจที่เห็นว่าผมดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง

 

“เอางี้แล้วกันนะ ไผ่  เรื่องที่เราตกลงกันว่าจะไปเที่ยวตอนปิดเทอมอ่ะ  ชวนทิวไปด้วยก็แล้วกัน”

 

อะไรนะ...นี่นายจะชวนคนชื่อทิวไปด้วยอย่างนั้นเหรอ

 

“ว่าไง  ทิว  นายอยู่นี่ถึงแค่ก่อนเปิดเทอมสินะ  อยากไปไหนล่ะ”

 

“นั่นสินะ  ที่ไหนก็ได้  ฉันไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวที่ไหนอยู่แล้ว”

 

“ถ้างั้น  เอาเป็น ว่า  ฉันจะพานายทัวร์กรุงเทพก็แล้วกัน  งั้นพรุ่งนี้เราไปเดินสยามกัน  โอเปล่า”

 

“อืม  น่าสนุกนะ”

 

พวกเขาทั้งสองคนตกลงกันเสร็จสรรพ  จนผมแทบจะไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร  หมดสิ้นแล้วความหวังที่จะได้อยู่กับเซนแค่สองคน  แต่กลับมีคนชื่อทิวเข้ามายุ่งด้วย...

 

“เอาล่ะ  เห็นทีฉันต้องกลับบ้านแล้ว  ไผ่  มานี่เดี๋ยวดิ  มีไรจะพูดด้วย”

 

“อ่ะ อืม”

 

ผมตามเซนออกไปถึงหน้าบ้านแล้วเซนก็เอาแขนมาเกี่ยวคอผมเหมือนทุกครั้ง

 

“ไผ่  คืองี้นะ”

 

“อะไรล่ะ”

 

“ฉันว่า  ฉันชอบทิวว่ะ”

 

“.....!!”

 

“แบบว่าปิ๊งอ่ะ  ถูกชะตาชิบ  ให้ตายสิ  ตูเป็นโฮโมเรอะวะเนี้ย”

 

ผมหูฝาดไปใช่ไหม  เซน  บอกสิว่าฉันฟังผิด.....

 

“ไผ่  เป็นพ่อสื่อให้หน่อยสิ  ได้เปล่า”

 

“ทำไม...ต้องเป็นฉัน”

 

“เอ้า  ก็พวกนายเป็นพี่น้องกันนิ  พูดง่ายอยู่แล้ว”

 

“ไม่”

 

“อ่าวเฮ้ย  แค่นี้ช่วยเพื่อนไม่ได้เหรอไง”

 

“ฉันไม่อยากจะยุ่งด้วยหรอก...นายพยายามเอาเองก็แล้วกัน”

 

“หูย  เออก็ได้ๆ  ทำเองก็ได้วะ”

 

“หมดธุระแล้วใช่ไหม  ฉันกลับได้รึยัง”

 

“อาๆ  หมดแล้ว  ไปเถอะ”

 

ไม่รอช้า  ผมรีบกลับเข้าบ้านทันที  เซน  นายชอบคนชื่อทิวงั้นเหรอ  ทั้งๆที่เจอกันวันแรกเนี้ยนะ  แล้วผมล่ะ  ผมเองก็ชอบเซนเหมือนกันนะ  ทำไม...ทำไมต้องเป็นทิว.....ทำไมถึงไม่เป็นผม...ทำไม!

 

“เซนเขาคุยอะไรรึไผ่”

 

“.....”

 

“เอ...ชักสงสัยแล้วสิ  พอจะบอกให้พี่ฟังได้ไหม”

 

“ถึงผมจะเข้าใจแล้วก็เถอะ...แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมรับคุณเป็นพี่ชายหรอกนะ”

 

พูดเสร็จ  ผมจึงรีบเดินขึ้นห้อง  โดยไม่อยู่ให้คนชื่อทิวได้สักถามอะไรไปมากกว่านี้  เมื่อเข้าห้องผมแทบทรุดลงกับพื้น  เซนชอบคนชื่อทิว....เจ็บเหลือเกิน  ในอกผมมันเจ็บไปหมด  ตั้งแต่เด็ก  หัวใจของผมมีแต่เซน  ถึงแม้เซนอาจจะไม่ได้ชอบผมก็ไม่เป็นไร  ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างในฐานะเพื่อนก็ได้  ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่ผมกลับทนไม่ได้  ที่เซนชอบคนชื่อทิว  ในขณะที่ผมยังคงเป็นได้แค่เพื่อน....นายจะชอบใคร  ผมคงไม่เสียใจขนาดนี้หรอกนะ  มันเหมือนกับว่าคนชื่อทิวนั้นเกิดมาเพื่อแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากผมเลย

 

เกลียด....ผมเกลียดคนชื่อทิว...

 

เกลียดที่สุด!!



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

@nunnan  ทิชชู่พอไหมคะนั่น

@blanchet  แทมินไม่ถอยอยู่แล้วค่ะ มีแต่จะรุกเอาๆอ่ะสิ  สุดท้ายขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

@mach201  สงสัยเพราะอยู่ใกล้เกินไปล่ะมั้งคะ เลยมองข้ามไปซะงั้น

@nunnan  อ้าว  นี่ตามไปอ่านต่อในเด็กดีรึคะ  งั้น อย่าลืมมาเม้นในนี้ต่อนะคะ  :-[

@3BⅠt$.  ตามไปอ่านแล้ว อย่าลืมเม้นให้กำลังใจเราด้วยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 9) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 06-03-2013 17:22:37
โอ๊ะๆๆ มาแล้วจ่ะ รออ่านอยู่ น่ะ  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 10) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 06-03-2013 19:32:49
ตอนที่ 10   การรอคอยของเด็กน้อย (Tiew talk)



“ถึงผมจะเข้าใจแล้วก็เถอะ...แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมรับคุณเป็นพี่ชายหรอกนะ”

 

เมื่อพูดเสร็จ  ไผ่ก็เดินเข้าห้องไป  ไผ่เขาไม่ยอมรับผม  ผมจะทำอย่างไรดีนะให้เขายอมรับผมในฐานะพี่ชาย

 

คงมีแค่ผมเท่านั้นล่ะมั้งที่ดีใจเมื่อจะได้เจอกับน้องชายที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยสักครั้ง  และคงมีแต่ผมเท่านั้นที่เฝ้าคอยนับวันมาตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกับน้องชายเพียงคนเดียวของผม....

 

...

 

“ไอ้เด็กม่ายพ่อม่ายแม่มาแล้วเว้ย  หนีเร็วๆ”

 

กลุ่มเด็กชายตัวดำในชุดนักเรียนประถมอาศัยอยู่ในจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศพูดด้วยภาษาท้องถิ่นแล้วพากันวิ่งหนี  ‘เด็กน้อยคนหนึ่ง’ ด้วยสีหน้าเย้ยหยั่น  ทำให้เด็กชายต้องตะโกนถามกลุ่มเด็กเหล่านั้น

 

“จะหนีไซ  ให้กุเล่นด้วยคนต่ะ”

 

            เด็กชายเดินเข้ามาใกล้กลุ่มเด็กๆ

 

“ม่ายเอา  ไอ้ทิวมันม่ายพ่อม่ายแม่  พวกกุไม่เล่นด้วยหรอก”

 

เชื่อว่าเด็กประถมหลายๆคนมี พฤติกรรมแบบนี้  รังเกียจคนที่แปลกกว่าตนเอง  ไม่เข้าพวกกับตนเอง  เหมือนกับเป็นกระแสนิยมหากมีคนเริ่มสักคน  เด็กคนอื่นๆจะคล้อยตามและพากันรังเกียจตามกันไปด้วย

 

เด็กน้อยทิวแบะปากด้วยความไม่พอใจแล้วหยิบก่อนหินขนาดพอดีมือขว้างไปยังกลุ่มเด็กเหล่านั้นหลายต่อหลายก้อนทำให้กลุ่มเด็กชายพากันวิ่งหนีกระเจิง

 

“ไอ้ทิวพ่อแม่ไม่สั่งสอนเว้ย  อ้อ ลืมไป  มันม่ายพ่อม่ายแม่นี่หว่า  ฮ่าๆๆ”

 

แล้วเสียงหัวเราะก็พากันดังขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้ทิวเริ่มหมดความอดทน  วิ่งเข้าไปชกกับเด็กคนที่พูดแบบนั้นทันที  แล้วเหตุการณ์ก็จบลงด้วยผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นเข้ามาห้ามปราม

 

เรื่องเข้าถึงหูย่าของทิวที่นั่งตำน้ำพริกอยู่ในบ้าน  เมื่อมีคนวิ่งมาบอกว่าหลานของตนมีเรื่องชกต่อยจนหัวร้านข้างแตก

 

เมื่อมาถึงบ้านของเด็กที่มีเหตุชกกับทิวแล้วก็พบว่าแม่ของเด็กชายคนนั้นกำลังเอาก้านมะยมตีไปยังขาของทิวจนเป็นลายทาง

 

“อีศรี!!  มึงจะทำอะไรหลานกุ”

 

ย่ารีบวิ่งเข้ามาดึงก้านมะยมออกจากมือของคนที่หล่อนเรียกว่าศรี  แล้วโอบกอดทิวที่ยืนร้องไห้ตัวสั่นด้วยความเจ็บ

 

“ป้าก็ดูหลานของป้าสิ  ดูที่มันชกลูกฉันจนหน้าตายับเยินแบบนี้  แล้วป้าจะไม่ให้ฉันลงโทษมันรึไง”

 

“แต่มึงก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้  หลานของกุ  กุสอนมันมาเองกับมือ  ถ้าลูกมึงไม่พูดหมาๆก่อน  มันไม่ทำพันนี้หรอก  ว่าไง  ไอ้บอล  มึงบอกมาสิว่ามึงทำพรือให้ไอ้ทิวมันโกรธ”

 

เด็กชายบอลทำสายตาหลุกหลิกแบบเด็กที่พยายามจะโกหกผู้ใหญ่

 

“ผมเปล่านะ  แค่ไม่ยอมให้เล่นด้วย  มันก็ต่อยผมแล้ว”

 

“ไม่จริง”

 

ทิวแย้ง  มันไม่เป็นอย่างที่บอลพูด  ย่าไม่เคยสอนให้เขาเป็นคนไร้เหตุผลแบบนั้น

 

“ไอ้บอล  ไอ้บอลมันหาว่าผมม่ายพ่อม่ายแม่  พ่อแม่ไม่สั่งสอน”

 

“จริงรึ  ไอ้บอล”

 

ย่าขึ้นเสียงกับบอลที่ตอนนี้ได้แต่ก้มหน้าเงียบตามประสาเด็กหัดโกหก

 

“บอล  ที่ไอ้ทิวแหลง  จริงม้าย  บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ”

 

“จะ..จริงครับ”

 

ศรีหน้าซีดเมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากของลูกชาย  หล่อนได้เคียนตีทิวไปโดนไม่สอบถามถึงที่มาที่ไปให้ชัดเจนทำให้รู้สึกอับอายไม่กล้าสู้หน้าย่าของทิว

 

“ทีนี้มึงก็รู้แล้วสินะ  ไป ไอ้ทิว  กลับบ้านเถอะ”

 

ย่าเดินนำทิวกลับบ้าน  บ้านไม้ชั้นเดียวที่มีเพียงสองคนย่าหลาน  เมื่อมาถึงหน้าบ้าน  ย่าหยิบก้านไม้มะยมแต่ขนาดเล็กกว่าที่ศรีใช้  แล้วเรียกให้ทิวมายืนใกล้ๆ

 

“ไอ้ทิว  มึงมายืนนี้”

 

“จะตีผมเหรอ”

 

“เออ  กุไม่เคยสอนให้มึงแก้ไขปัญหาด้วยกำลัง  กุเลยต้องตีมึง”

 

เสียงเคียนตีดังขึ้นอีกครั้ง  ย่าไม่ได้ตีไปที่ขาเหมือนศรีแต่ตีไปยังก้น  ตรงที่มีเนื้อเยอะที่สุดเพื่อที่หลานจะได้ไม่เจ็บมากแม้กระนั้น  น้ำตาของทิวก็ยังคงไหลด้วยความเจ็บตัวและเจ็บใจ....

 

“แม่เฒ่า..”

 

“....”

 

“พ่อแม่ของผมไปไหน....พวกเขาตายแล้วเหรอ”

 

“ฟังย่านะทิว พ่อกับแม่ของทิว ยังไม่ตาย”

 

“แล้วพวกท่านไปไหน...ทำไมถึงไม่อยู่กับผม รึว่าพวกเขาไม่รักผมแล้ว”

 

น้ำตาของเด็กน้อยไหลอีกครั้ง  พ่อกับแม่ที่เขาไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้า  ไม่เคยพบเลยสักครั้ง  พวกเขาทำอะไรกันอยู่ถึงปล่อยให้ตนตอนทนต่อคำสบประมาทของพวกเด็กๆแถวนี้ด้วย

 

“พวกเขากำลังทำงานอย่างหนัก เก็บเงินเพื่อจะรับมึงไปอยู่ไง เด็กโง่”

 

“แล้วต่อไดเขาจะมารับผมล่ะครับ”

 

“ย่าเองก็ไม่รู้แต่ว่า  ภาพของแม่มึงตอนที่ร้องห่มร้องไห้เมื่อเอามึงมาฝากเอาไว้  มันทำให้ย่าได้รู้  ว่าพวกเขารักมึงแค่ไหน  เพราะฉะนั้นจำคำของย่าเอาไว้นะ  ไม่ว่าใครจะแหลงพันพรือ  มึงก็ไม่ต้องไปสนใจ  มึงไม่ได้ม่ายพ่อม่ายแม่เหมือนที่พวกมันแหลง  แล้วก็ห้ามใช้กำลังแก้ไขปัญหา  จงอดทนแล้วพยายามแก้ไขด้วยสติและปัญญา  เข้าใจที่ย่าพูดใช่ไหม”

 

“ครับ  ผมเข้าใจแล้ว  ต่อไปไม่ว่าใครจะแหลงยังไง  ผมจะอดทน  เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่พวกมันพูด”

 

ย่าลูบหัวของทิวอย่างอ่อนโยน  หลานชายของเขาช่างเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายเหลือเกิน  ว่าแล้วก็อดคิดถึงหลานของคนของเธอไม่ได้  ไม่รู้ว่าป่านนี้ไผ่จะเป็นอย่างไรบ้าง  ถึงแม้จะไม่เคยพบหน้ากันแต่  เพราะเป็นฝาแฝดด้วยใบหน้าที่เหมือนกันทำให้เธอคิดว่า  ไผ่เองก็คงรูปร่างหน้าตาเหมือนทิวในตอนนี้  แต่ว่าสิ่งที่เธอหนักใจคือเจ้าลูกชายและเมียของมัน  ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงไผ่ได้ไหม  จะมีเวลาอบรมสั่งสอนเหมือนที่เธอสอนทิวรึเปล่า  ทิวเองก็ยังไม่รู้ว่าตนเองมีน้องชายฝาแฝด  บ้างทีมันอาจจะยังไม่พร้อมที่ทิวจะรับรู้เรื่องนี้ก็ได้  รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยก็แล้วกัน

 

หลายวันผ่านไป  ทิวกำลังเดินกลับจากโรงเรียน  พวกเด็กกลุ่มเดิมเมื่อเห็นทิวเดินผ่าน  ก็ทำการล้อเขาอีกเช่นเคย

 

“เด็กม่ายพ่อ  ม่ายแม่เดินมาแล้วเว้ย ฮ่าๆๆ”

 

“ไอ้เด็กกำพร้า  ไอ้เด็กกำพร้า”

 

เสียงล้อเลียนของพวกเขายังคงดังต่อไปเรื่อยๆ  แต่นั่นไม่ทำให้ทิวต้องโมโหเหมือนอย่างเมื่อก่อน  เขามีพ่อ มีแม่  ไม่ใช่อย่างที่พวกนั้นพูด  เขาจึงไม่เก็บเอามาคิดและใส่ใจอีกแล้ว

 

“ตอง  แขบๆฮิดต่ะ  เดี๋ยวไปไม่ทันรถกันพอดี”

 

เด็กชายคนหนึ่งหันหน้ามามองน้องสาวที่ตัวเล็กกว่าวิ่งตามเขาต้อยๆ

 

“พี่เต้ย  ขี่หลังหน่อย  ตองเหนื่อยแล้ว”

 

เด็กหญิงทำท่าอ้อนพี่ชาย  ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มน่ารัก

 

“อ่ะ  ก็ได้ๆ  เอ้าขึ้นมา”

 

พี่ชายผู้ใจอ่อนนั่งลงให้น้องสาวกระโดดขึ้นขี่หลัง  แล้วพาวิ่งเหยาะๆ  อย่างน่ารัก  ดูแล้วน่าอิจฉากัน  ทิวคิดเช่นนั้น  แล้วก็เดินกลับบ้านต่อ

 

“พี่จอมๆ  วันนี้สอนผมเตะบอลทีต่ะ”

 

เด็กชายวัยใกล้เคียงกับเขา  เดินถือลูกบอล  วิ่งไปหาเด็กมัธยมต้นที่หน้าคล้ายๆกับตน  คาดว่าอาจจะเป็นพี่ชายล่ะมั้ง 

 

“ได้อยู่แล้ว  แต่กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวแม่ด่าเอา”

 

“คร้าบบบบบ”

 

การมีพี่น้องนี่ดีจังนะ  อยากมีบ้างจังเลย  เมื่อคิดได้ดังนั้นทิวจึงรีบวิ่งกลับบ้านไปหาย่าของเขา

 

“แม่เฒ่าๆ”

 

“อะไรของมึง  วิ่งหนีอะไรมารึไง  ดูสิเหงื่อเต็มเลย”

 

เด็กชายไม่สนคำถามของผู้เป็นย่า  กลับรีบวิ่งเข้าไปหา

 

“แม่เฒ่า  ผมมีพี่น้องม้าย”

 

“อะไรนะ”

 

“ผมอยากมีน้อง  พี่ก็ได้  ผมมีม้าย”

 

“อะไรทำให้มึงคิดเรื่องนี้”

 

“ผมแลแล้วมันอบอุ่นดีนะ  รู้สึกอิจฉาเด็กแถวนี้ที่มีพี่มีน้องกัน”

 

บางที...นี่อาจถึงเวลาที่ควรจะบอกได้แล้วล่ะมั้ง  หล่อนคิดเช่นนั้น

 

“มีสิ”

 

“จริงรึครับ  แล้วเป็นพี่ชาย รึว่าน้องชาย  เอ๊ะ  รึว่าพี่สาวกับน้องสาว”

 

“น้องชายของมึง  ชื่อไผ่  เป็นฝาแฝดของมึง”

 

“น้องชาย!  ผมมีน้องชาย  เป็นฝาแฝดของผมด้วย  เย้!  เอ๊ะ  ว่าแต่ฝาแฝดนี่คืออะไรรึแม่เฒ่า”

 

“ฝาแฝดก็คือ  คนที่เกิดมาพร้อมกับเราและมีหน้าตาเหมือนเราไง  เหมือน  อีแมวกับอีเหมียวเพื่อนมึงไง”

 

“อ้อ  นั่นคือฝาแฝดเหรอ  แม่เฒ่า  ผมอยากเจอไผ่  อยากเห็นไผ่จัง”

 

“อีกไม่นานหรอก  พ่อกับแม่มึงต้องมารับมึงไปอยู่ด้วยแน่ๆ  ถึงตอนนี้มึงก็จะได้เจอกับไผ่  ตอนนี้มึงก็ไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองก่อนก็แล้วกัน  เพราะหน้าตาไผ่ก็เหมือนกับมึงนั่นแหล่ะ”

 

ทิวรีบวิ่งไปส่องกระจกที่ตั้งอยู่ข้างทีวีทันที

 

“แหม  น้องชายเรานี่  หล่อเหมือนเราเลย  ฮ่ะๆๆ”

 

ภาพน่ารักน่าเอ็นดูของทิวทำให้คนเป็นย่าอดอมยิ้มไม่ดี  นึกดีใจที่ทิวไม่ได้รู้สึกรังเกียจน้องชายของเขา  และเธอเองก็ได้แต่เฝ้าภาวนาให้ถึงวันที่พวกเขาจะได้พบกับเร็วๆ  หลานของเธอจะได้มีความสุข

 

วันเวลาผ่านไป  ทิวขึ้นเรียนชั้นมัธยมต้น  เมื่อกลับมาถึงบ้านทิวก็ได้พบกับสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอด  ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดก็เถอะ

 

“แม่เฒ่า  นี่  รถใครครับ”

 

ทิวชี้ไปยังรถเก๋งที่จอดอยู่หน้าบ้านของเขา  มันไม่ใช่รถของคนแถวบ้านเขาแน่ๆ  แล้วมันเป็นของใครกัน

 

ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งเดินออกมาจากกบ้านของเขา  เมื่อทั้งสองได้พบทิวแล้วหันมามองหน้ากัน  ฝ่ายชายหันไปมองมารดาของตนเพื่อต้องการคำยืนยัน  และเมื่อหล่อนพยักหน้า  พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปกอดทิวทันที

 

“ทิว  ทิวจริงๆรึลูก  นี่แม่นะ  แม่ของทิวไง”

 

“แม่...งั้นเหรอ”

 

ฝ่ายหญิงพยักหน้าตอบ  ถ้าอย่างนั้น  ผู้ชายคนนี้ก็คือ...

 

“คุณ...พ่อ”

 

“ใช่ลูก  พ่อของลูกไง”

 

“คุณพ่อ...คุณแม่”

 

คำที่เขาไม่มีโอกาสได้เอ่ยตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้  ในที่สุดก็ได้เอ่ยมันเสียที  คุณพ่อ  คุณแม่  เขาได้เจอพ่อแม่ของเขาแล้ว  ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...

 

“ไผ่ล่ะ  ไผ่มาด้วยใช่ไหมครับ”

 

“ไผ่  เขาไม่ได้มาด้วยหรอกลูก  ไผ่เขาต้องเรียนหนังสือนี่นา”

 

รอยยิ้มของทิวหายไปเล็กน้อย  แต่ก็ไม่เป็นไร  ในเมื่อตอนนี้เขาเจอคุณพ่อและคุณแม่  คงอีกไม่นานที่เขาจะได้เจอไผ่

 

ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก  พูดคุยกันอย่างสนุกสนานและแสนคิดถึง  พ่อแม่ถามถึงสารทุกข์สุขดิบของลูกชายและทิวเองก็ถามถึงพวกเขา  พ่อเล่าให้ฟังว่าตอนนี้การงานเริ่มเข้ารูปเข้ารอยคาดว่าอีกไม่กี่ปี  คงจะสามารถรับเขาไปอยู่ด้วยได้อีกครั้ง  และที่พวกเขามาในวันนี้ก็เพราะมีของสำคัญจะมามอบให้

 

“อะไรรึครับ  ของที่จะให้ผมน่ะ”

 

มือถือกล่องของขวัญสีแดงผูกด้วยโบสีเหลือง  ขนาดไม่ใหญ่นักส่งให้ทิว

 

“ของขวัญวันเกิดของลูกไง  วันนี้วันเกิดลูกไม่ใช่เหรอ  แล้วที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็ไม่เคยให้อะไรลูกเลยด้วย”

 

ทิวยืนมือมารับของขวัญนั่นไว้ความรู้สึกยินดีถาโถมเข้ามาในจิตใจ  นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาได้รับจากพ่อและแม่  และหลังจากวันนั้น  ทุกปี  พ่อกับแม่จะมาหาเขาและนำของขวัญวันเกิดมาให้ทุกครั้ง  ได้พบปะพูดคุยกันให้หายคิดถึง  และทิวมักนึกเสมอว่า  เวลาที่เขาจะได้พบกับไผ่ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

 

และแล้วความปรารถนาของทิวก็สำเร็จผลเมื่อวันที่พ่อแม่ของเขามารับไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพในช่วงปิดเทอมขึ้นชั้นม.6  ของเขา  ในที่สุดเขาก็จะได้เจอไผ่  น้องชายที่เขาอยากเจอมาตลอด

 

รถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน  ภายในบ้านมืดสนิท  แสดงให้เห็นว่าไม่มีบุคคลใดอยู่ในบ้าน

 

“แปลกจัง  นี่ก็น่าจะได้เวลาที่ไผ่จะกลับมาจากโรงเรียนแล้วนี่นา”

 

แม่เอ่ยถามพ่อเมื่อไขกุญแจเข้าไปในบ้าน  ทิวหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ได้เจอไผ่  แต่ไม่เป็นไร  ตอนนี้เขาได้เข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว  อีกไม่นานก็จะได้เจอกันแล้ว...

 

ภายในบ้ายดูเรียบร้อยสะอาดตาเหลือเกิน  ทิวเดินสำรวจรอบบ้าน  ทุกอย่างดูปกติยกเว้นสิ่งเดียวที่เขารู้สึกติดใจ  รูปถ่าย...  ในบ้านหลังนี้  เขาไม่เห็นรูปถ่ายของน้องชายเขาเลยสักใบ  มีแต่รูปสมัยก่อนของพ่อกับแม่เขาเท่านั้น  เมื่อทิวเดินขึ้นมาชั้นสองของบ้าน  เปิดประตูบ้านหนึ่งออก  พบกับเตียงขนาดใหญ่  เดาได้ไม่อยากว่านี่คือห้องนอนของพ่อกับแม่  ถ้าอย่างนั้น  อีกประตูหนึ่งก็ต้องเป็น...

 

ประตูถูกแง้มออก  เผยให้เห็นห้องขนาดไม่กว้างเกินไปและแคบเกินไป  ห้องที่สะอาดเรียบร้อยและโต๊ะอ่านหนังสือที่มีหนังสือเรียนเต็มไปหมด  ทำให้เขารู้ว่าน้องชายของเขาเป็นคนที่มีระเบียบและขยันเรียนแค่ไหน  แต่ว่า  ในห้องนี้ก็เหมือนกับห้องอื่นๆในบ้าน...ไม่มีรูปถ่ายของไผ่เลยสักใบ  น้องชายเขาไม่ชอบถ่ายรูปอย่างนั้นเหรอ

 

“ทิว  ลงมาข้างหน่อยหน่อยลูก”

 

เสียงแม่ดังมาจากชั้นหนึ่ง  ทิวจึงออกจาห้องของไผ่แล้วลงไปยังชั้นล่างตามที่แม่เขาเรียก

 

“มีอะไรครับคุณแม่”

 

“อยู่ข้างนี้นี่แหล่ะ  ขึ้นไปทำอะไรชั้นบน”

 

“ผมก็...สำรวจบ้านไงครับ”

 

“อีกเดี๋ยวกับข้าวก็เสร็จแล้วไม่ต้องขึ้นไปแล้วนะลูก”

 

“ครับ”

 

ก้อก  ก้อก ก้อก

 

เสียงเคอะประตูดังขึ้น  ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของทิวก็คือ  ไผ่กลับมาแล้ว

 

“เดี๋ยวผมไปเปิดให้เอง”

 

ทิววิ่งมายังหน้าประตู  ยืนมือไปจับลูกบิดและผลักมันออกเผื่อเปิดประตูให้กับไผ่  น้องชายที่เขาเฝ้ารอวันที่จะพบมาตลอด  ไผ่...น้องชายฝาแฝดของเขา

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 11) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 06-03-2013 22:12:25
ตอนที่ 11  สิ่งที่รออยู่ในวันพรุ่งนี้




“สวัสดีครับครับเถ้าแก่”

 

ผมเอ่ยทักเถ้าแก่ตามปกติเมื่อมาถึงที่ทำงาน

 

“หวัดดี ไผ่”

 

“สวัสดีครับ  พี่แทมิน”

 

พี่แทมินทักผมทันทีที่เห็นผม  ตั้งแต่ที่เขาบอกว่าชอบผมไปเมื่อเช้า  จนถึงตอนนี้ผมยังไม่กล้ามองหน้าเขาเลย

 

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกว่าพี่”

 

“แต่ว่า  ผมแปลกๆนี่ครับที่อยู่ๆจะให้เรื่องแบบนี้”

 

“...ตามใจ  เอาตามที่ไผ่สะดวกก็แล้วกัน  ว่าแต่เรื่องที่บ้านเป็นบ้าง”

 

“ก็  ดีขึ้นแล้วครับ”

 

“งั้นก็ดีแล้ว ^^”

 

หลังเลิกงาน  พี่แทมินก็เดินจูงมือผมมาส่งที่บ้านอีกแล้ว  ต่อให้ผมปฏิเสธยังไงพี่เขาก็ไม่สนใจเลย =_=

 

“พี่ไม่ต้องมาส่งผมก็ได้นะครับ”

 

“ไม่ได้  ฉันเป็นห่วง   กลางดึกแบบนี้มาเดินคนเดียวได้ยังไง”

 

“ตอนกลับพี่ก็ต้องเดินกลับคนเดียวเหมือนกัน”

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

 

“ผมก็เป็นห่วงพี่เหมือนกันนะ”

 

พี่แทมินหยุดเดินเอาดื้อๆ  นี่ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่านะ

 

“ตะกี้ไผ่พูดว่าไงนะ”

 

“ผมบอกว่า  ผมก็เป็นห่วงพี่เหมือนกันนะ”

 

“ดีใจจัง  ไผ่เป็นห่วงฉันด้วย ^^”

 

“- -^”

 

“เอ้าเดินกันต่อเถอะ”

 

แม้พี่แทมินจะเดินนำหน้าผมอยู่ก็เถอะ  แต่ผมก็รู้เลยว่าพี่แทมินต้องเดินอมยิ้มหน้าแดงอยู่แน่ๆ  ทำไมน่ะเหรอ....ก็เพราะว่า  หูของพี่แทมินแดงขึ้นยังไงล่ะ  กับคำพูดของผมแค่นั้นมันทำให้พี่ดีใจขนาดเชียวเหรอ...

 

“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”

 

“ไม่เป็นไร  เข้าบ้านได้แล้ว”

 
“พี่เองก็...เดินกลับดีๆนะครับ”

 

“อืม ^^”

 

ตอนนี้บ้านของผมไม่ได้มืดสนิทเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว  พ่อกับแม่ของผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกไปทำงานแต่เช้ามืดและกลับตอนดึก  เพราะพวกเขาทั้งสองได้สิ่งที่ปรารถนามาแล้ว  นั้นคือ...ครอบครัว

 

“กลับมาแล้วเหรอไผ่”

 

คนชื่อทิวเดินออกมาต้อนรับผมอีกแล้ว  หมอนี่มันว่างนักหรือไงถึงได้ออกมาต้อนรับการกลับมาของผมตลอดเลย

 
“หิวรึเปล่า  กินข้าวรึยัง”

 

“...พ่อแม่ล่ะ”

 

“เข้านอนกันหมดแล้ว”

 

“แล้วคุณล่ะ  ทำไมถึงยังไม่นอนอีกอีก  นี่เกือบจะเที่ยงคืนแล้วนะ”

 

“ก็รอไผ่ไง”

 

รอผม...อย่างนั้นเหรอ  ทำไมคนอย่างคุณต้องมารอผมด้วย  ขนาดคนเป็นพ่อเป็นแม่ของผมยังไม่รอผมเลย  ผมเลี่ยงที่จะไม่พูดอะไรแล้วเดินไปยังห้องครัว  และสิ่งที่พบก็คือ....ไม่มีข้าวและกับข้าวเหลือเลยสักอย่าง

 

“ไผ่หิวไหม  เดี๋ยวพี่หุงข้าวให้”

 

“ไม่เป็นไร  ผมไม่หิว”

 

“ไม่ได้นะ  คนเราจะไม่กินข้าวได้ยังไง”

 

“...คุณทำแบบนี้ทำไม”

 
“ถามแปลกๆ  ก็เพราะพี่เป็นพี่ของไผ่ไงล่ะ”

 

“พอเถอะ  ผมไปนอนดีกว่า”

 

คนๆนี้  บางทีเขาอาจจะเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดไว้ก็ได้....

 

วันรุ่งขึ้น  วันที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น  นั้นคือการที่ผม  เซน  และคนชื่อทิว  ไปสยามด้วยกัน  หากผมไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนสนิทคนนั้น  ก็คงดี  เพราะอะไรน่ะเหรอ.....ก็เพราะว่า  พวกเขาทั้งสองคนเดินคุยกันอย่างสนิทสนิมจนผมคิดว่าพวกเขาคงจะลืมไปแล้วว่ามีผมมาด้วยยังไงล่ะ  เซนพาคนชื่อทิวเข้าร้านนั้นร้านนี้โดยที่ผมได้แต่เดินตามหลังพวกเขา  นี่ถ้าหากผมหายไปหรือเดินไปทางอื่นพวกเขาก็คงไม่รู้ตัวแน่ๆ  เซนที่เอาแต่แนะนำสิ่งต่างๆกับคนชื่อทิวที่ดูจะสนุกสนานและสนอกสนใจในสิ่งที่เซนพูด...บางที  ผมไม่ควรจะมาซะด้วยซ้ำ

 

ผ่านหน้าร้านนาฬิกา  ผมก็ชนเข้ากับคนที่เดินออกมาจากร้าน  ผมแทบเซล้มไม่ใช่เพราะชนกันอย่างแรงแต่เป็นเพราะผมมัวแต่คิดนู่นคิดนี้อยู่ล่ะมั้ง

 

“ขอโทษนะครับเป็นอะไรรึ.....ไผ่”

 

“พี่แทมิน”

 

คนที่ชนผมเมื่อกี้คือพี่แทมินนั่นเอง

 

“ไผ่มาทำอะไรทีนี่”
 

“ผมก็มาเดินเที่ยวสยามไงครับ  แล้วพี่ล่ะมาเดินเที่ยวเหมือนกันรึครับ”

 

“อ้อ  คือฉันมาซื้อของนิดหน่อยน่ะ  แล้วนี่ไผ่มากับใครล่ะ  เซนเหรอ”

 

“ครับ  แต่ผมคิดว่าผมคงหลงกับเขาแล้วล่ะครับ”

 

เพราะพวกเขาเอาแต่คุยกันจนไม่สนใจผมเลยน่ะสิ

 

“ถ้าอย่างนั้นไปตามหาเขากัน”

 

“ไม่ต้องหรอกครับ  ผมว่าผมกลับบ้านดีกว่า”

 

อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์  แล้วผมจะอยู่ต่อทำไม...

 

“ถ้าอย่างนั้น  ไปกับฉันไหม  ไปเดินดูของกัน^^”

 

“แต่ผมคิดว่า…”

               

“เป็นอันตกลงนะ”

 

พี่แทมินไม่รอให้ผมพูดแย้ง  แล้วจับมือผมเดิน  ตั้งแต่พี่แทมินบอกชอบผม  พี่เขามักจะจับมือผมตลอดถึงมันจะอบอุ่นดีก็เถอะ  แต่ว่ามันก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดี

 

“ไผ่  รู้ไหมพรุ่งนี้วันอะไร”

 

“ครับ....วันจันทร์ครับ”

 

“ฮะๆ  นั่นก็ใช่  แต่มันไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการ  ตอบใหม่สิ”

 

“วันที่  5 มีนาคมครับ”

 

“=_=”

 

“ไม่ใช่เหรอครับ”

 

“มันก็ใช่อ่ะนะ  แต่มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี  ตอบใหม่อีกครั้งสิ”

 

“....ผมไม่ทราบหรอกครับ”

 

พี่แทมินถอนหายใจเฮือกใหญ่  วันพรุ่งนี้มันมีอะไรสำคัญงั้นเหรอ  รึว่าจะเป็นวันเกิดของพี่แทมิน

 

“งั้นไม่เป็นไร  เอาเป็นว่าพรุ่งนี้มาที่ร้านเร็วก็แล้วกัน^^”

 

“...ครับ”

 

“อ้อ  พรุ่งนี้ห้ามลาหยุดเชียวนะ”

 

“ทำไมผมต้องลาหยุดด้วยล่ะครับ”

 

“ฮ่าๆ  ช่างมันแถอะเอาเป็นว่าทำตามที่บอกก็แล้วกัน”

           

 
พี่แทมินมาส่งผมที่บ้าน  ภายในบ้านไม่มีใครอยู่  นี่แสดงว่าเซนกับคนชื่อทิวยังไม่กลับมาสินะ

 

ว่าแต่พรุ่งนี้มันวันอะไรกันแน่นะ...ผมเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดตู้เย็นจะดื่มน้ำดับกระหายแล้วพลันเหลือบไปเห็นกล่องที่คาดว่าน่าจะเป็นกล่องขนมเค้กอยู่ในนั้น  พลาสติกบางใสหน้ากล่องทำให้พอมองเห็นตัวอักษรบนหน้าเค้กก้อนนั้น

 

‘Happy birth Day’

 

นี่คือเค้กวันเกิด...วันที่ 5 มีนาคม...

 

จริงด้วย  วันเกิดของผมนี่นา  พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผม  ถ้าอย่างนั้นเค้กก้อนนี้ก็....

 

รอมยิ้มผุดขึ้นมา  นี่คงเป็นเค้กวันเกิดก้อนแรกในชีวิตของผม  เพราะพ่อกับแม่เอาแต่ทำงานไม่เคยอยู่ในวันเกิดของผมเลย  ไม่มีเค้ก  ไม่มีของขวัญ  เซนเองก็มีเพียงแค่คำอวยพรที่บางปีเขาก็ลืมอวยพรให้

 

ตอนนี้ผมเริ่มคิดในแง่ดีขึ้นมาบ้าง  บางที่ที่คนชื่อทิวกับเซนไปสยามก็เพื่อหาซื้อของขวัญวันเกิดในผมอยู่ก็ได้และไม่ให้ผมรู้ก็เลยทำไม่สนใจผม

 

ดีใจเหลือเกิน  อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจังเลย


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 11) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 06-03-2013 22:29:09
ไผ่  :m15: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 06-03-2013 23:00:01
ตอนที่ 12  เค้ก...ของขวัญ...และ...



รุ่งเช้าที่ผมรอคอยได้มาถึงแล้ว  เมื่อคืนผมตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ  แต่ผมไม่แสดงอาการนี้ให้ใครเห็นหรอกนะ  ก็เพราะหลังจากที่ผมกลับจากทำงานพิเศษที่บ้านพี่แทมินแล้วผมก็รีบเข้าห้องเลยน่ะสิ

 

ผมลุกขึ้นอาบน้ำและลงไปรับประทานอาหารเช้าตามปกติ  ผมมองดูพอกับแม่แล้วพวกเขาก็ปกติดีไม่มีพิรุธอะไรให้ผมจับได้เลย  เนียนกันจริงๆ  แต่ว่าช่างเถอะ  ผมเองก็ไม่ได้อยากจะจับผิดอะไรมากนักหรอก  ไม่นานคนที่ชื่อทิวก็เดินลงมาจากห้อง

 

“ตื่นเช้าจังนะไผ่ ^^”

 

ผมไม่ตอบคนชื่อทิวและไม่มีทีท่าว่าจะสนใจด้วย

 

“ไผ่รู้ไหม  วันนี้วันอะไร”

 
แน่นอนผมรู้  แต่ผมไม่พูดก็เท่านั้น   ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างดูจะเริ่มคล้ายครอบครัวขึ้นมาบ้างในสายตาของบุคคลภายนอก  สำหรับผมแล้วมันช่างดูเหมือนภาพลวงตาเหลือเกิน  ถึงจะดูเหมือนอบอุ่นแต่ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด  แต่ว่าตอนนี้ผมควรจะเปิดรับสิ่งอื่นๆให้มากขึ้น  พยายามยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่  และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน

 

ผมชักอยากรู้ซะแล้วสิว่าพวกเขาจะจัดงานวันเกิดให้ผมแบบไหน  จะเหมือนในละครอะไรพวกนี้รึเปล่านะ  ที่เซอร์ไพรซ์วันเกิดกันโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้  ความรู้สึกที่ได้เป่าเค้กนี่เป็นยังไงกันนะ...

 

                +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

หรือว่าผมจะเข้าใจผิดไปกันนะ  ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็หลายชั่วโมงแล้ว  อีกไม่นานจะถึงเวลาทำงานพิเศษของผมแล้วด้วย  แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักอย่าง  พ่อกับแม่ก็ออกไปทำงานปกติหรือว่าพวกเขาจะรอให้ผมทำงานเสร็จก่อน  แบบนั้นมันคงดึกเกินไปแล้ว

 

“กลับมาแล้วจ้า”

 

พ่อเปิดประตูเข้ามาในบ้านพร้อมกับแม่  ถึงแม้ว่าภาพแบบนี้มันจะดำเนินมาหลายวันแล้วแต่ผมก็ยังไม่ชินตาเสียที

               

“รู้ใช่ไหมเอ๋ย  ว่าวันนี้วันอะไร”

 

แม่วางกระเป๋าและถอดเสื้อนอกออกแล้วเดินไปที่ครัว  ส่วนคุณพ่อก็เดินมาปิดไฟในห้องรับแขกที่ผมกับคนชื่อทิวอยู่  มันเริ่มจะเหมือนกับสิ่งที่ผมคิดซะแล้วสิ

 

ท่ามกลางความมืดมีแสงสีส้มจากเทียนส่องสว่างมาจากห้องครัว  ใช่แล้ว  แม่เดินออกมาพร้อมกับเค้กวันเกิด

 

 แต่...เพราะแสงสลัวๆของเทียนรึเปล่านะที่ทำให้ผมเห็นข้อความบนหน้าเค้กเป็นแบบนั้น.....

 

‘Happy birth Day’

 

‘Tiew’

 

เค้กนี่ไม่ใช่ของผมงั้นเหรอ  เค้กนี่เป็นของคนชื่อทิว....เหมือนผมจะลืมไปแล้วว่าคนชื่อทิวนั้นเป็นฝาแฝดของผม  หากนี่เป็นวันเกิดของผมนั่นก็หมายความว่าเป็นวันเกิดของเขาด้วยเช่นกัน

 
แม่เดินถือเค้กตรงมาที่คนชื่อทิวที่ยืนอยู่ข้างๆผมแล้วยืนเค้กให้

 
“เป่าสิ ทิว”

 

คนชื่อทิวหันมาสบตากับผมด้วยสีหน้าลำบากใจ  เขาคงรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผมเช่นกัน  แต่เค้กนั่นกลับมีชื่อของเขาเพียงคนเดียว...แค่ชื่อของเขาเท่านั้น

 

“เอ่อ คุณแม่ครับ  เค้กนี่..”

 

“รีบเป่าเข้าสิลูกเดี๋ยวน้ำตาเทียนก็หยดลงเค้กหรอก”

 

คนชื่อทิวพยายามจะปฏิเสธแต่แม่คะยั้นคะยอให้เขาเป่าท่าเดียวทำให้คนชื่อทิวจำใจต้องเป่าเทียนด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

 

ทันทีที่แสงเทียนบนเค้กดับลงแสงไฟนีออนก็เปิดขึ้น  ของขวัญสองกล่องจากพ่อและแม่ถูกยื่นให้ทิว

 

“เอ่อ  คุณพ่อคุณแม่ครับ  เค้ก..มีแค่ก้อนเดียวรึครับ”

 

“ก็ก้อนเดียวน่ะสิจ๊ะ  รึว่าลูกอยากกินสองก้อน”

 

แม่ตอบด้วยอย่างยิ้มๆพลางนึกขำลูกชายที่ถามอะไรแปลกๆ

 

“แล้ว...ของขวัญพวกนี้  ของผมรึครับ”

 

“ถ้าไม่ใช่ของลูกแล้วมันจะเป็นของใครกันล่ะ”

 

พ่อตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆเช่นกัน

 

ตอนนี้ใจของผมมันเจ็บไปหมดแล้ว  ปากผมหนัก..หนักเสียจนพูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว  สิ่งที่พอจะทำได้ตอนนี้ก็คือพยายามสกัดกลั้นหยดน้ำที่มันกำลังจะไหลออกมาอย่างยากลำบาก...

 

นี่พ่อกับแม่....ลืมผมไปแล้วอย่างนั้นเหรอ

 

“อะไรกันลูก  ทุกปีพ่อกับแม่ก็ฉลองให้ลูกแบบนี้  ทำไมปีนี้มาถามอะไรแปลกๆ”

 

พ่อยังคงยิ้มขำกับคำถามของคนชื่อทิว

 

ทุกปี?  เมื่อกี๊พ่อพูดว่าทุกปี  ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม  พ่อกับแม่ฉลองวันเกิดกับทิว...แล้วผมล่ะ  ที่ผ่านมา...ที่พวกเขาไม่เคยอยู่ในวันเกิดเกิดของผมเลยก็เพราะอยู่กับทิว?

 

ก้อก  ก้อก ก้อก

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้น  ไม่นานคนเคาะก็ถือวิสาสะเปิดเข้ามาเอง  เซนนั่นเอง  เขามาพร้อมกับกล่องของขวัญใบเล็กๆในมือ

 

เซนเดินเข้ามาทางผมกับคนชื่อทิว ด้วยรอยยิ้มแสนคุ้นเคยแล้วยื่นกล่องนั้นมาตรงหน้าผมกับคนชื่อทิว ได้โปรด  ได้โปรดบอกทีว่าของขวัญกล่องนั้นเป็นของใครกันแน่  ของผมหรือว่า....

 

“ สุขสันต์วันเกิดนะ   ทิว”

 

แปล๊บ

 

ไม่ไหวแล้ว  เจ็บไปหมดแล้ว  เจ็บเหลือเกิน  ผมต้องรีบออกไปจากที่นี่   ก่อนที่น้ำตาที่กลั้นเอาไว้วันจะไหลออกมา  แต่ว่าไม่ทันที่ผมจะก้าวออก  มือของคนชื่อทิวก็คว้าผมเอาไว้พร้อมบีบแน่นเหมือนจะเดาใจผมออก

 

“ปล่อย”

 

“ไม่นะไผ่  พี่ว่ามันต้องมีการเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”

 

“เลิกทำตัวเป็นห่วงกันแบบนี้สักที  บอกให้ปล่อย!!”

 

ผมสะบัดมือออกจากเขา

 

“ทำอะไรของลูกน่ะไผ่  ทำแบบนี้กับพี่เขาได้ยังไงวันนี้วันเกิดเขานะ”

 

แม่กล่าวด้วยสีหน้าที่ดูจะไม่พอใจที่ผมกระทำไปเมื่อครู่  ลืมไปหมดสิ้นแล้วสินะ  ทั้งพ่อ  แม่  หรือแม้แต่คนที่ผมรักมาตลอด   เซน...นายลืมไปแล้วสินะ  ลืมการมีอยู่ของผม....

 
“ครับ  ผมรู้...ผมรู้ว่าวันนี้วันเกิดของเขา  ผมรู้ว่าเค้กนั่นเป็นของเขา  รู้ว่าของขวัญสองกล่องนั่นเป็นของเขาและรู้ว่า...ของขวัญในมือเซนก็เป็นของเขา”

 

ผมที่เคยเก็บความรู้สึกได้ดีมาโดยตลอด  ไม่มีใครเคยรู้ว่าผมคิดอะไรยังไง  แต่ว่าตอนนี้  ผมเก็บมันไว้ไม่ไหวแล้ว

 

“ใจร้ายเหลือเกินนะครับ  นี่พ่อกับแม่ไปฉลองวันเกิดให้เขาโดยไม่ชวนผมเลยสักคำ  ทั้งๆที่ไปหาทุกปีอยู่แล้ว..มันยังไม่พออีกเหรอครับ  ถึงขั้นมาจัดฉลองกันที่นี่อีก  มันจะไม่มากเกินไปหน่อยรึไงครับ”

 

“เอ๊ะ นี่ไผ่พูดอะไรกัน  ทิวเขาไม่เคยมาที่บ้านของเรา  แล้วการจัดฉลองวันเกิดที่นี่กับที่นั่นมันไม่เหมือนกันด้วย  มันมากเกินไปตรงไหนรึไผ่  ไหนลองบอกแม่มาสิ”

 

“ผมพูดถึงขนาดนี้แล้ว  พ่อกับแม่...ไม่สิ  พวกคุณยังไม่รู้อะไรอีกล่ะก็  คงไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะพูดแล้วล่ะครับ”

 

ผมฝืนยิ้มให้กับบุคคลทั้งสองที่บัดนี้  ผมไม่คิดจะเรียกพวกเขาว่า  พ่อและแม่...อีกแล้ว  พ่อแม่ที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย  พ่อแม่ที่ไม่เคยสนใจอะไรผมเลย  ถึงมีก็เหมือนไม่มี  เพราะฉะนั้นก็อย่ามีมันเลยเสียดีกว่า...

 

“แต่ผมอยากจะถามอย่างหนึ่งนะ  ว่าพวกคุณเคยคิดบ้างไหม  แม้ครั้งเดียวก็ยังดี.....เคยรักผม...บ้างไหม”

 

สิ้นคำถามนั้น  พวกเขาได้แต่นิ่งเงียบ  และผมเองก็ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นานนัก  ผมจึงรีบเดินไปยังประตูเพื่อออกไปทำงานพิเศษเสียที  แต่แล้วเซนกลับดักหน้าผมเอาไว้

 

“พูดอะไรของนายน่ะไผ่  คุณลุงคุณป้าเขาเสียใจมากนะ”

 

“แล้วฉันล่ะ....”

 

พอทีเถอะ  ได้โปรดปล่อยให้ผมออกไป  ถ้าขืนอยู่ที่นี่นานกว่านี้...ผมคง

               

“....”

 

“ถ้าแม้แต่นายที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน  ยังไม่เข้าใจฉันล่ะก็  พวกเราก็เลิกคบกันไปเลยดีกว่า!!”

 

ไม่รอให้เซนพูดแย้ง  ไม่รอให้เซนมารั้งตัวผมเอาไว้  ผมรีบวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ตอนนี้กลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว  ความฝันของผมพังทลายไม่มีเหลือ  ไม่มีเค้ก  ไม่มีของขวัญ  ไม่มีแม้คำอวยพรของเซน  ผมนี้ผมรู้สึกได้อย่างเดียวเท่านั้น....อยากตาย

 

แต่ถึงความรู้สึกนั้นจะเพิ่มพูนสักเท่านั้น  ผมก็คงไม่คิดฆ่าตัวตายแน่ๆ  ผมไม่ใช่คนโง่ที่จะทำเช่นนั้นเพื่อประชดชีวิตหรือเรียกร้องความสนใจ  ตอนนี้ถึงสิ่งเพ้อฝันเหล่านั้นจะไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร...ก็ ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้นผมไม่เคยมีนี่นา  ไม่จำเป็นหรอก  ไม่ต้องรับรู้ว่ามันเป็นอย่างไร  อยู่ในแบบที่เคยอยู่มาตลอดนั่นล่ะ  ถึงจะไม่เจ็บปวดแบบเมื่อกี๊

 

ผมเช็ดน้ำตาจนแน่ใจว่ามันจะไม่ไหลอีกแล้วผมจึงตัดสินใจเปิดประตูร้านของเถ้าแก่เพื่อเริ่มงานพิเศษเหมือนทุกวัน  แต่สิ่งที่พบนั้นมีเพียงความมืด

 

“หลอดไฟเสียรึไงนะ  แย่จัง”

 

ผมเดินเข้าไปในร้านเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บแต่แล้วกลับมีมือลึกลับมาปิดตาผมเอาไว้ซะอย่างนั้น

 

“ใครน่ะ!  ปล่อยด้วยนะ  พี่แทมินงั้นเหรอ  พี่แทมินใช่ไหม”

 

ผมไม่สงสัยใครเลยนอกจากพี่แทมินเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เล่นพิเรนทร์แบบนี้กับผม  แต่ไร้ซึ่งคำตอบจากเจ้าของมือลึกลับ  มันทำให้ผมถึงกับลังเล  ปกติถ้าผมทายถูกเขาจะปล่อยมือทำทีแต่นี่ยังปิดตาผมไว้เหมือนเดิมและไม่พูดอะไรเลยสักคำ

 

ตอนนี้ผมรู้สึกถึงไอร้อนๆของอะไรบางอย่างเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆผมและความสงสัยของผมก็กระจ่างเมื่อมือลึกลับนั้นค่อยๆคลายออก  เผยให้เห็นแสงเทียนซึ่งเป็นที่มาของไอร้อนปักอยู่บนเค้กขนาดไม่ใหญ่เกินไปและไม่เล็กเกินไปพร้อมกับข้อความบนเค้กที่ผมเห็นแล้วถึงกับน้ำตาไหลอีกครั้ง

 

‘Happy birth Day’

 

‘Pai’

 

“แหมๆ  นั่นใช่ใน้ำตาของความยินดีรึเปล่าเอ๋ย”

 

เสียงอันคุ้นเคยทำให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง  บุคคลที่ยื่นถือเค้กอยู่ตรงหน้าผม  พี่แทมิน  ถ้าอย่างนั้นคนที่ปิดตาของผมเอาไว้ก็คือ...ผมหันหน้าไปมองทันที  และคนนั้นก็คือ เถ้าแก่

 

“เป่าเทียนสิไผ่  อ้อ  อย่าลืมหลับตา อฐิษฐานของพรก่อนนะ^^”

 

ผมหลับตาตามที่พี่แทมินบอก  ส่วนเรื่องอฐิษฐานนั้น....ผมอยากจะขอให้เรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้จบสิ้นกันไปสักที  ผมอยากพบกับความสุขเสียที  หลังจากนั้นผมก็เป่าเทียน  แสงไฟถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  พร้อมกับถุงใบเล็กๆที่ผมรู้สึกคุ้นๆตาในมือของพี่แทมิน

 

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์  นะไผ่  หวังว่าคงจะถูกใจของขวัญชิ้นนี้นะ”

 

ถุงใบนั้นถูกยื่นให้ผม  ผมเปิดถุงนั้นออกและหยิบของข้างในออกมา  มันคือนาฬิกาข้อมือสายเหล็ก  พี่แทมินหยิบเอานาฬิกานั่นจากมือผมแล้วสั่งให้ผมยืนมือขวาออกมา  ทันทีที่ผมยืนมือไปพี่แทมินก็บรรจงใส่นาฬิกาเรือนนั้นให้ผม  พร้อมมองผมอย่างอารมณ์ดีเช่นเคย

 

“ฉันเห็นไผ่ไม่มีนาฬิกา  เวลาจะดูเวลาก็คงไม่สะดวกใช่ไหมล่ะ  ถึงจะไม่มีราคาอะไรมากมายแต่นี่ตั้งใจเลือกสุดๆเลยนะ^^”

 

น้ำตาที่ไหลเพียงเล็กน้อยตอนนี้มันมาจากไหนมากมายก็ไม่รู้  ทำเอาพี่แทมินตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปเลย

 

“ชอบครับ  ผมชอบมันมากๆเลย”

 

“แค่ไผ่ชอบมัน ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ^^”

 

เป็นแบบนี้เองเหรอ  ความรู้สึกยินดีและตื้นตันจนแถบเก็บน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้เห็นเค้กที่ปักเทียนจุดไฟสว่าง  ความรู้สึกตื่นเต้นและอยากรู้ว่าสิ่งของข้างในของขวัญเป็นอย่างไร  ตอนนี้ผมได้รู้จักมันแล้ว....

 

“ตอนแรกนึกว่าความจะแตกซะแล้วสิตอนที่เจอกับไผ่ที่สยาม”

 

ว่าแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า  ผมชนกับพี่แทมินที่หน้าร้านขายนาฬิกา

 

“ว่าแต่ว่าพี่แทมินรู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม”

 

“ฉันรู้ทุกเรื่องของไผ่อยู่แล้ว  ฮ่าๆๆๆๆ”

 

“- -^”

 

“ล้อเล่นน่า  ในใบสมัครงานยังไงล่ะ  เด็กโง่  ^O^

 

เถ้าแก่เดินเข้ามาใกล้ๆผมหลังจากที่ฟังพี่แทมินอวยพรผมมาพอแล้ว

 

“ขอให้มีความสุขตลอดปีนะไผ่”

 

“ขอบคุณครับเถ้าแก่”

 

“นี่นา  ร้อยวันพันปี  มันไม่เคยจัดการอวยพรวันเกิดให้ใครเลยนา  แม้แต่พ่อมันยังไม่เคยเลย ไผ่เป็นคนแรกนะ”

 

หลังจากเถ้าแก่พูดแบบนั้นผมก็สังเกตเห็นว่าพี่แทมินหน้าแดงเล็กน้อย

 

ตอนนี้ผมมีความสุขที่สุขเลย  ที่ยังมีคนที่ไม่ลืมตัวตนและการมีอยู่ของผม  ผมจะไม่มีวันลืมเด็ดขาดว่านี่เป็นเค้กก้อนแรกในชีวิต  ไม่ลืมว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นของขวัญชิ้นแรกในชีวิต  และจะไม่ลืมความห่วงใยและเอาใจใสของเถ้าแก่และพี่แทมินที่มีต่อผม.....

 

“นี่พ่อ”

 

พี่แทมินเอ่ยเรียกเถ้าแก่

 
“อะไร”

 

“หันหลังแปปสิ”

 

“ทำไมฉันต้องหันหลังด้วยวะ - -^”

 

“เถอะนะ  แปปเดียวเอง”

 
“อ่ะๆก็ได้”

 

ว่าแล้วเถ้าแก่ก็หันหลังตามที่พี่แทมินบอก  ส่วนผมที่มัวแต่สนใจของขวัญชิ้นแรกอยู่นั้น  ไม่ได้เอ่ะใจหรอกว่าพี่แทมินทำแบบนั้นทำไม

 

“ไผ่”

 

พี่แทมินเรียกทำให้ผมละจากนาฬิกาเงยหน้ามาสบตากับพี่แทมิน  ทันได้นั้น  ริมฝีปากหนาของพี่แทมินก็กระกบเข้ากับริมฝีปากของผม.....

 

ผมได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก  ส่วนพี่แทมินได้ถอดออกจากริมฝีปากของผมแล้วกระซิบคำๆหนึ่งข้างๆหูของผม

 

“ฉันรักไผ่นะ...”

 

หน้าของผมแดงขึ้นเรื่อยๆ  ตอนนี้ผมกำลังเขินสุดๆ!!

 

“จะหันกลับได้รึยัง”

 

เถ้าแก่เริ่มเสียอารมณ์

 
“ได้แล้ว  พ่อ”

 

เถ้าหันกลับมา  ส่วนพี่แทมินดูจะอารมณ์ดีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว  พร้อมกับลงมากระซิบข้างหูผมอีกครั้ง

 

“ปากของไผ่นิ่มจัง  คราวหน้าของจูบอีกได้ไหม”

 

ยามเมื่อผมหันมาสบตากับพี่แทมิน  ผมก็ได้รับรู้ถึงตัวตนอีกคนหนึ่งของพี่แทมินที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน  ดูเหมือนเป็นคนเจ้าเล่ห์และหื่นๆยังไงไม่รู้  แตกต่างจากพี่แทมินที่ดูใจดีและขี้แกล้งเป็นประจำคนนั้นจังเลย  แต่ว่าทำไมกันนะ  ผมถึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจจูบของเขาเลย.....

 

                +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

หลังจากที่ไผ่ออกไป  ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบ  และแล้วเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูจะตึงเครียดไปมากกว่านี้

 

“พ่อว่า  เรามาตัดเค้กกินกันดีกว่านะ”

 
“ผมกินไม่ลงหรอกครับคุณพ่อ”

 

ทิวแย้งขึ้นมาทันที

 

“ไม่เอาน่าทิว  วันนี้วันเกิดของลูกนะ”

 

แม่เข้าไปจับแขนของทิวเอาไว้

 

“เจ้าไผ่มันโกรธอะไรของมันนะ”

 

เซนว่าพลางเกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าใจในตัวเพื่อนสนิทของเขา  ถึงขั้นบอกว่าจะเลิกคบนี่  ถ้าจะเขาโกรธมากจริงๆ

 

“ผมรู้ครับว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม  แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือคุณพ่อกับคุณแม่ต่างหาก  เซนก็เหมือนกัน”

 

ได้ยินทิวกล่าวดังนั้น  พ่อกับแม่ถึงกลับทำหน้างงรวมทั้งเซนเองก็เช่นกัน
 

“นี่อย่าบอกนะครับว่าทุกคนลืมไปแล้ว”

 

ทิวพยายามพูดเตือนสติแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครนึกออก

 

“ผมกับไผ่เป็นฝาแฝดกันนะครับ!!”

 

ทิวเริ่มเสียงดังด้วยความโมโหและเริ่มหมดความอดทน

 
“วันนี้เป็นวันเกิดของผม  นั่นหมายความว่าเป็นวันเกิดของไผ่ด้วยเหมือนกันนะครับ!!”

 
สิ้นเสียงเหมือนพ่อกับแม่จะนึกออกแล้ว  ต่างพากันหน้าเสียและไม่รู้จะทำอย่างไรที่พวกเขาลืมวันเกิดของลูกตัวเอง  เซนเองก็เช่นกัน  เขาลืมวันเกิดของเพื่อนสนิทไปทั้งๆที่ไผ่ไม่เคยลืมวันเกิดของเขาเลยสักครั้ง

 

“ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ  ตลอดเวลาที่ผ่านมา  พวกคุณพ่อมาหาผมในวันเกิดทุกปีเพื่ออวยพรและให้ของขวัญ  แล้วไผ่ล่ะครับ  วันเกิดของผมก็คือวันเกิดของไผ่  แต่นี่กลับไม่มีใครอยู่กับไผ่เลยอย่างนั้นเหรอครับ  นี่อย่าบอกนะครับว่าพวกคุณพ่อคุณแม่ไม่เคยจัดงานวันเกิดให้ไผ่เลยสักครั้ง”

 

ไร้คำตอบจากผู้เป็นแม่  ทิวจึงหันไปมองพ่อเพื่อหาคำตอบและแล้วพ่อของเขาก็พยักหน้ายอมรับ

 

“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่แปลกหรอกครับที่ไผ่จะโกรธ  คุณพ่อคุณแม่ลืมวันเกิดของลูกตัวเอง  ลืมวันเกิดของไผ่แต่ไม่ลืมวันเกิดของผม  ไผ่เขาจะเสียใจขนาดไหนกันครับ!!”

 

“แต่...แต่แม่...”

 

“พอเถอะครับ  ตอนนี้ผมเริ่มจะหงุดหงิดแล้ว  หยุดพูดเถอะครับ...ขอผมอยู่คนเดียวเงียบๆสักพักเถอะนะครับ”

 

ไม่มีใครขัดใจทิวทั้งสิ้น  เซนกลับบ้าน  พ่อกับแม่ขึ้นไปชั้นสอง  ปล่อยให้ทิวอยู่คนเดียวอย่างที่ตัวเขาต้องการ

 

ไผ่ไม่ชอบเขา  เขารู้ดีอยู่แล้ว  และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ไผ่ยอมรับ  แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าไผ่เกลียดเขามากกว่าเดิมเสียอีก  และไผ่คงเข้าใจว่าเขาเป็นต้นเหตุของทุกๆอย่าง  จะทำยังไงดี......ไผ่ถึงยอมรับเขาได้กันนะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 06-03-2013 23:05:03
 :m15: สงสารไผ่อะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: w1234 ที่ 07-03-2013 01:37:27
สงสารไผ่ :m15:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: mach201 ที่ 07-03-2013 02:23:02
โอย จะร้องไห้ พ่อแม่รักลำเอียงแย่ที่สุด
เซนเป็นเพื่อนไผ่จริงๆรึเปล่า
สงสารไผ่ที่สุด ทิวก็พยายามเข้าซักวันไผ่คงเข้าใจ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: MangoBlue ที่ 07-03-2013 05:15:48
แย่มากๆลืมไเ้ยังไงวันเกิดลูกทั้งคน แย่ๆสุดๆ เซนด้วยเป็นเพื่อนประสาอะไรห่วยแตกมาก ไผ่หายๆไปจากคนพวกนี้สะทีเถอะ สงสารมาก อยู่กับพี่แทมินยังดีกว่าเยอะเลย
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 13) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 07-03-2013 17:50:40
ตอนที่ 13 ของขวัญจากพี่ชาย




“กลับมาแล้วเหรอไผ่”
 
คนชื่อทิวเอ่ยทันทีที่เห็นผมกลับเข้าบ้านหลังจากกลับจากที่ทำงานพิเศษ  แน่นอนว่าผมไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย
 
“ไผ่  คือพี่มีของจะให้  รับไว้สิ”
 
กล่องของขวัญผูกริบบิ้นอย่างน่ารักถูกยื่นให้  เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
 
“พี่ซื้อเมื่อตอนเดินสยามน่ะ  ที่จริงกะว่าจะให้ไผ่ตั้งแต่เมื่อเย็นแต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน”
 
ผมไม่ตอบอะไรเขา  เพราะผมไม่คิดจะคุยกับเขา  ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมาทำดีกับผมด้วย  ทั้งๆที่เขาได้รับความรักจากคนที่ผมเคยเรียกพวกเขาว่าพ่อและแม่  มันยังไม่พออีกหรือไง  ทำไมถึงต้องมายุ่งกับเขาอีก
 
“ถ้าไผ่ไม่อยากได้  อย่างน้อยก็ช่วยรับเอาไว้  แล้วไผ่จะเอาไปทิ้งทีหลังก็ได้  พี่ไม่ว่าไผ่หรอก”
 
ว่าแล้วเขาก็เอากล่องของขวัญใบนั้นใส่ในมือของผม  พร้อมยิ้มน้อยๆให้ผมก่อนเดินจากไป  ตั้งแต่คนชื่อทิวมาอยู่ที่นี้  เขามักจะมานั่งคอยการกลับมาของผมทุกครั้ง  ในขนาดที่บุคคลทั้งสองคนนั้นไม่เคยคอยผมเลย
 
ผมมองกล่องของขวัญใบเล็กๆใบนั้น  รับเอาไว้มันจะดีเหรอ  แต่ถ้าทิ้งไปถึงแม้จะเกลียดคนให้ยังไงมันก็คงจะไม่ดี  เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงแกะกระดาษและริบบิ้นออก  และแกะกล่องกระดาษออกอีกชั้น   สิ้งที่อยู่ภายในก็คือ หุ่นปูนปาสเตอร์รูปเด็กผู้ชายหน้าตาเหมือนกันสองตัวกำลังจับมือกัน  พร้อมกับโน๊ตหนึงแผ่น
 
‘บางทีไผ่อาจจะไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้  แต่พี่ไม่รู้จริงๆว่าไผ่ชอบอะไร
 
แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากให้ไผ่รับมันเอาไว้  และได้แต่หวังว่าสักวัน
 
พวกเราคงเข้าใจและผูกพันกันเหมือนตุ๊กตานี่
 
สุขสันต์วันเกิด  ของให้มีความสุขมากๆนะ’
               
ผมไม่รู้หรอกว่าผมกับทิวจะมีวันที่เป็นเหมือนตุ๊กตาพวกนั้นได้ไหม  หรืออาจจะไม่มีวันเลยก็ได้   ของสิ่งนี้ถูกนำมาไว้ในห้องนอนของผมและถูกเก็บไว้ในกล่อง  ผมคิดว่าผมคงไม่หยิบมันขึ้นมาดูอีกแน่
 
รุ่งเช้าของวันถัดมา  ขนาดที่ผมเอาแต่นั่งมองเมฆเหมือนที่เคยชอบทำเมื่อครั้งเป็นเด็ก  เซนที่ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเรายังคงเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า  เดินเข้ามาทัก

“หวัดดีไผ่  ทำไรอยู่”
 
“ดูเมฆ”
 
 “เมื่อวานนี้ขอโทษนะ  ฉันเนี่ยไม่น่าลืมเลย  ขอโทษจริงๆ”
 
“ช่างมันเถอะ  ฉันชินแล้ว”
 
ผมไม่ได้พูดเพื่อประชดเซนหรอกนะ  แต่ผมชินแล้วจริงๆ
 
“เพื่อเป็นการไถ่โทษ  วันนี้เราไปดรีมเวิลกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง^^”
 
“แต่ว่าฉัน...”
 
“เถอะน่า  ไปเถอะ  ตกลงแล้วนะ^^”
 
นิสัยชอบคิดเอาเองแบบนี้นี่แหล่ะที่ผมมักตามเขาไม่ทัน
 
“ชวนทิวไปด้วยเนอะ  ไปกันหลายๆคนจะได้สนุก”
 
ว่าแล้วเซนก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที  แบบนี้มันคงไม่ต่างอะไรกับตอนไปสยามหรอก  ผมก็คงไม่ต่างอะไรกับส่วนเกินอีกแน่ๆ  ไม่เอาหรอก  ถ้าหากต้องเป็นแบบนั้นสู้ไม่ไปซะยังจะดีกว่า  หรือถ้าหากต้องไปแล้วก็คงต้องชวนคนอื่นไปด้วย
 
“เอาล่ะ  ไปกันเถอะ”
 
เซนออกมาอย่างหน้าระรื่น  นี่แสดงว่าคนชื่อทิวคงตกลงไปด้วยแน่ๆ
               
“เซน  ฉันขอชวนอีกคนไปด้วยได้ไหม”
 
“อ่าว  อีกคนหรอก  ไปกันสามคนก็ได้นี่นา”
 
“นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไปกันหลายคนสนุกน่ะ”
 
“อ่ะ  อืม  แล้วแต่นายก็แล้วกัน”
 
“ถ้าอย่างนั้น  เด๋วฉันไปถามเขาดูก่อนก็แล้วกัน  รออยู่ที่นี่นะ”
 
คนอีกคนที่ผมจะชวนไปด้วย  ไม่รู้ว่าเขาจะว่างไปหรือเปล่านะ  ผมเดินมาถึงที่ทำงานพิเศษเห็นเถ้าแก่กำลังกวาดขยะอยู่หน้าบ้าน
 
“สวัสดีครับเถ้าแก่”

“หวัดดีๆ  มาหาแต่เช้ามีอะไรหรือ  ไผ่”
 
“พี่แทมินอยู่ไหมครับ”
 
“อยู่ข้างใน  เข้าไปสิ”
 
“ขอบคุณครับ”
 
ผมเดินเข้าไปในบ้านของเถ้าแก่และเห็นพี่แทมินกำลังจัดของในร้านอยู่
 
“พี่แทมิน”
 
พี่แทมินเงยหน้ามามองผม  จากหน้าเรียบเฉยตอนจัดของเปลี่ยนเป็นยิ้มเบิกบานทันที
 
“อ้าวไผ่ มาหาฉันแต่เช้า  คิดถึงฉันใช่ม้า~”
 
“เอ่อ...แบบว่า - -^”
 
“เอ๊ะ  หรือว่าติดใจรสจูบไปเมื่อวาน”
 
อีกแล้ว สายตาขี้เล่นเปลี่ยนมาเป็นสายตาที่เจ้าเล่ห์คู่นั้นจับจ้องมาที่ผมอีกแล้ว  สายตานั่นมันทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองหน้าพี่แทมินตรงๆได้  ผมจึงเลือกที่จะหันข้างเพื่อมองไปทางอื่น
 
“เอ่อ  ผมจะชวนพี่  ไปเที่ยวดรีมเวิลน่ะครับ”
 
“ไปสิ!  ไปๆ”
 
สายตาเจ้าเล่ห์หายไปแล้ว  สีหน้าดีใจเหมือนที่เคยเห็นทุกๆครั้งกลับคืนมา  ผมว่า  ผมชอบแบบนี้มากกว่าเมื่อกี๊อีกนะ
 
“ไปกันสองคนใช่มะ^^”
 
“เปล่าครับ  ไปกันสี่คน”
 
“สี่?  หนึ่งในนั้นคงมีเซนด้วยล่ะสิ - -^”
 
“ใช่ครับ”
 
พี่แทมินดูจะไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเซนไปด้วย  แต่ก็ยังถามถึงคนอีกคน
 
“อีกคนก็คือ  พี่ชายฝาแฝดของผมครับ”
 
“อ้อ  คนที่ไผ่เคยพูดถึงสินะ  เอาล่ะ  ไปกันเถอะเดี๋ยวพวกนั้นคอยนานแย่”
 
พี่แทมินจับมือผมเหมือนทุกครั้งที่ไปส่งผมที่บ้าน  ถ้าหากเซนเห็นว่าพี่แทมินจับมือผมแบบนี้เขาจะคิดยังไงมั่งนะ  จะหึงผมบ้างไหม  แต่ว่าผมก็ได้แค่คิด  เพราะเซนเขาชอบคนชื่อทิว  ไม่ได้ชอบผม
 
“นี่นายจะชวนพี่แทมินได้ด้วยเนี้ยนะ”
 
เซนเอ่ยเมื่อเห็นผมกับพี่แทมิน
 
“ทำไม  ฉันไปไม่ได้รึไง”
 
“ก็ผมกลัวนี่ครับผมคนแก่จะหัวใจวายตายไปซะก่อน”
 
“- -^”
 
พี่แทมินกับเซนนั้นไม่ค่อยถูกกัน  ตอนที่ผมมาสมัครงานใหม่ๆ  เซนตามไปส่งผมบ้างบางครั้ง  เซนบอกว่าเขาไม่ชอบพี่แทมินเพราะรู้สึกว่าพี่แทมินมักมองผมด้วยสายตาแปลกๆ  แต่ผมไม่คิดอย่างที่เซนคิดหรอก
 
“สวัสดีครับ  ผมชื่อทิวครับ  เป็นพี่ชายของไผ่”
 
ทิวกล่าวแนะนำตัวกับพี่แทมิน  ในใจของผมลึกๆผมกลัวนะ  ผมกลัวว่าบางทีพี่แทมินอาจจะเป็นเหมือนเซน  กลัวว่าแม้แต่พี่แทมินจะลืมตัวตนของผมเหมือนกับที่เซนลืม
 
“ฉันแทมิน  เป็นลูกชายของร้านที่ไผ่ไปทำงานพิเศษน่ะ  ว่าแต่หน้าตาเหมือนกับเปี้ยบเลยนะ”
 
“ก็พวกผมเป็นฝาแฝดกันนี่ครับ”
 
“ยังไงฉันก็คิดว่าไผ่น่ารักกว่านายเยอะ”
 
ว่าแล้วพี่แทมินก็คว้ามือของผมไปจับไว้เหมือนเดิม  พี่แทมินไม่ๆได้เป็นอย่างที่ผมคิดไว้  เขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป...
 
พวกผมนั่งรถโดยสารจนมาถึงที่ดรีมเวิล  บอกกันตามตรงเลยนะว่าผมไม่เคยมาดรีมเวิลเลยสักครั้ง  และดูจากท่าทางที่ตื่นเต้นของคนชื่อทิวแล้วคาดว่าเขาเองก็คงไม่เคยมาเช่นกัน (เอ่อ...คนแต่งก็ไม่เคยมาน้า T [] T  หากเขียนผิดเพี้ยนไปจากความจริงก็ขออภัย)  เซนนำพวกผมไปเล่นเครื่องต่างๆมากมายไม่เว้นแม้แต่บ้านผีสิง!!  พี่แทมินจับมือของผมตลอดไม่ปล่อยเลย  พอผมเอ่ยปากถาม  เขาก็ตอบว่า  คนเยอะกลัวผมจะผลัดหลง -*-
 
พวกผมเล่นเครื่องเล่นเกือบทุกชนิดจนกระทั่งถึงเวลาที่ควรจะกลับบ้านเสียที  เซนจึงเสนอให้เล่นชิงช้าสวรรค์ก่อนกลับ  โดยแบ่งเป็นคู่  และแน่นอนว่าเซนรีบจับคู่กับคนชื่อทิวทันที  ซึ่งตรงนั้นมันทำให้ผมไม่ค่อยพอใจเท่าไร  ดูเหมือนคนชื่อทิวจะสังเกตเห็น  เขาจึงพยายามพูดเพื่อให้เซนนั่งกับผม  แต่จนแล้วจนรอดเซนก็ไม่ยอม  ลงท้ายคนชื่อทิวก็ต้องนั่งกับเซนจนได้....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนนี้ มีการกล่าวถึงดรีมเวิด์ล ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันว่า ที่นั่น...ไม่มีชิงช้าสวรรค์......(ก็แคนไม่เคยไปนี่นาาาาาา)

เอาเถอะ  ในคำเตือนก็บอกไว้เเล้วว่าอย่าถามหาหลักการความเป็นจริงจากเรื่องนี้  ไว้รีไรท์ใหม่ ค่อยแก้เป็น ซานโตรินี พาร์คที่ ชะอำแทนดีกว่า มีชิงช้าสวรรค์ด้วย


@nunnan  แคนจะลงให้ เฉลี่ยวันนึง 2-4 ตอน ตามความสะดวกนะคะ เพราะเรื่องนี้แคนแต่งจบไปนานเเล้วค่ะ (แต่ยังไม่รีไรท์ใหม่สักทีสิน่า)

@nunnan ไผ่ มักจะโดนแคนกลั่นแกล้ง :laugh:

@KARMI  ถ้าไผ่ยังซวยแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แคนจะโดนรุมทีนไหมเนี่ย???

@w1234  ไผ่ยังซวยได้อีกค่ะ รอลุ้นต่อไป

@mach201  อารมณ์พ่อแม่ลำเอียง เกิดความความโรคจิตอยากรังแกตัวละครล้วนๆ ชีวิตจริงคงไม่มีแบบนี้หรอก(มั้ง)คะ ส่วนเซน มีเหตุผลที่เป็นแบบนี้นะคะ  รอตอนต่อๆไป

@MangoBlue จะดีเรอะคะ  แทมินหื่น(?) นะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 13) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 07-03-2013 18:32:27
 o18 ก็ไม่แน่นะคะคุณคนเขียน  :z10:

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 13) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 07-03-2013 21:29:37
เรื่องแยกของเซน เอาตรงๆนะ ยังไม่กล้าเริ่มอ่าน จากที่จบในเรื่องนี้ คือจะร้องไห้เอา

ยอมรับว่ามันเป็นกฎแห่งกรรมนะ แต่คือสงสารเซนอ่ะ ฮือออออออออ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 14) [06/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 07-03-2013 21:45:26
ตอนที่ 14  คนทั้งสองบนชิงช้าสวรรค์



พี่แทมินจูงมือผมขึ้นไปบนชิงช้าท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ -*-  จะว่าไปผมก็เพิ่งสังเกตนะว่าพี่แทมินหน้าตาดี =_=
 
“แกๆ  แกว่าคู่นั้นเป็นเกย์อ่ะป่าว”
 
“จูงมือกันด้วยอ่ะ  น่าจะใช่นะ”
 
“คนตัวเล็กนั้นน่ารักนะแก  ตัวงี้ขาวจ๊ะ หน้าตายั่งกะนักร้องเกาหลี”
 
“แต่ฉันว่าคนสูงๆนะ  หน้าเกาหลีเหมือนกัน  แต่ดูแมนชะมัด”
 
“แต่ที่แน่ๆดูเหมาะกันดีนะแก  ฉันล่ะเสียดาย  อิอิ”
 
เสียงคุยของสาวๆมันดังจนเข้าหูผมและคิดว่าพี่แทมินก็คงได้ยินเช่นกัน  พวกเขาคิดว่าผมกับพี่แทมินเป็นแฟนกันแถมยังดูเหมาะกันอีก  ตายๆๆ  ผมควรจะทำยังไงดี
 
ประตูถูกปิด  ชิงช้าค่อยๆเคลื่อนที่ไปอย่างช้า  ผมนั่งตรงข้ามกับพี่แทมิน  ตอนนี้ผมไม่ค่อยกล้าสู้หน้าพี่แทมินเท่าไหร่ตั้งแต่ถูกจูบไปเมื่อวาน  และดูเหมือนพี่แทมินจะสังเกตเห็น
 
“อึดอัดเหรอที่ต้องมานั่งกับฉัน”
 
“เปล่าหรอกครับ  ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
 
“รึว่าเสียใจที่ไม่ได้นั่งกับเซน”
 
นั่นก็ส่วนหนึ่งครับ  ใช่แล้วผมอยากนั่งกับเซน
 
“ไม่ตอบแบบนี้แสดงว่าใช่สินะ…แต่จากที่ดูวันนี้  รู้สึกว่าเซนจะชอบฝาแฝดของไผ่นะ”
 
“พี่ดูออกด้วยเหรอครับ”
 
“หึ  เซนแสดงออกซะขนาดนั้น  เด็กอนุบาลยังดูออกเลย  ก็เล่นเดินคู่กันตลอดจนตัวแทบติดกัน  ไหนจะดึงดันจะนั่งคู่กันแบบตะกี้อีก”
 
“...มันก็จริงครับ”
 
“แต่ดูท่าว่าทิวจะไม่ได้คิดอะไรหรอกนะเพราะฉะนั้นสบายใจได้^^”
 
“พี่บอกว่าพี่ชอบผมนี่ครับ”
 
“ใช่  ฉันพูด  ทำไมเหรอ”
 
“แล้วพี่ไม่ดีใจรึครับที่เซนชอบคนๆนั้น  มันก็เหมือนกับเป็นการตัดคู่แข่งไปนี่ครับ”
 
พี่แทมินเอนตัวไปพิงที่นั่งแล้วหันไปจ้องมองวิวนอกกระเช้าแทนที่จะสบตากับผม
 
“ถูกอย่างที่ไผ่พูด  มันเหมือนกับเป็นการตัดคู่แข่ง  แต่ถ้าไผ่ไม่มีความสุขฉันก็คงคงดีใจไม่ออกหรอก”
 
“ทำไมพี่ถึงได้ดีกับผมนัก”
 
“เพราะว่าฉันชอบไผ่  ชอบมากจนถึงขั้นรักเลยน่ะสิ”
 
พี่แทมินละสายตาจากภาพทิวทัศน์กลับมาจ้องผมอีกครั้ง  พี่แทมินบอกรักผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แถมยังดีกับผมเหลือเกิน ท่าหากผมชอบพี่แทมินผมคงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้แน่ๆ  แต่ว่าผมก็ยังชอบเซนอยู่ดีถึงแม้เซนจะชอบคนชื่อทิวก็ตาม
 
“ตะกี้ได้ยินที่พวกสาวๆเขานินทาพวกเราไหม”
 
พี่แทมินยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเอ่ยจบ
 
“เขาบอกว่าพวกเราเหมาะสมกันแน่ะ”
 
“ครับ  ทำไมเหรอครับ”
 
พี่แทมินยื่นมือทั้งสองข้างมาประคองหน้าผมเอาไว้พร้อมทั้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆจนระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงไม่กี่นิ้ว
 
“ทำไมเราไม่เป็นอย่างที่พวกเขาพูดกันล่ะ”
 
เมื่อจบประโยคปากของพี่แทมินก็ประกบกับปากผมอีกครั้งแต่คราวนี้แตกต่างจากครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง  มันไม่ได้เบาบางและอ่อนโยนอย่างเดิม  แต่กับดุดันและรุนแรง  ริมฝีปากที่บดขยี้และอุ้งมือที่บีบแก้มผมแบบไม่แรงมากนักมันทำให้ผมเผยอปากออก ทันทีกับที่เรียวลิ้นของพี่แทมินสอดแทรกเข้าไปรุกรานภายในปากของผม
               
“อือ  อืม”
 
ผมพยายามผลักพี่แทมินออกไปแต่เขากลับโอบกอดผม  ยิ่งผมดิ้นมากเท่าไหร่พี่แทมินก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
 
ลมหายใจอุ่นๆของพี่แทมินกระทบลงบนใบหน้า  ผมที่เริ่มจะขาดอากาศจึงเริ่มหยุดดิ้นและรับรสจูบของพี่แทมินอย่างว่าง่าย  ไม่นานพี่แทมินก็ถอดปากออก  ผมหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนจริงๆ
 
พี่แทมินมองผมด้วยสายตาคู่นั้นอีกแล้ว เขาจูบผมอีกครั้งและอีกครั้ง  พวกเราจูบกันจนกระทั้งชิงช้าเคลื่อนที่ผ่านจุดสูงสุด  และแล้วพี่แทมินก็ตบท้ายด้วยการจูบที่หน้าผากของผมพร้อมกลับไปนั่งท่าเดิมกับตอนที่ขึ้นชิงช้า  สีหน้าของเขาตอนนี้ทำให้ผมต้องหน้าแดงกว่าเดิมจากที่แดงอยู่แล้ว  เขาจ้องผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์บวกทะลึ่งน้อยๆนั่น  แล้วฉีกยิ้มอย่างบุคคลที่เหนือกว่า
 
 “ไผ่น่ารักจัง”
 
“ทำไมพี่ถึงทำกับผมแบบนี้ล่ะครับ”
 
“ก็เพราะฉันรักไผ่น่ะสิ  รักมากด้วย  มากจนอยากจะเก็บไผ่เอาไว้เป็นของฉันเพียงคนเดียว  มากจนอยากจะครอบครองไผ่ ทำให้ไผ่ขาดฉันไม่ได้และเรียกร้องหาแต่ฉันยังไงล่ะ^^”
 
“โรคจิต - -^”
 
“=[]=”
 
“รึไม่จริง”
 
“แต่ว่าฉันจะไม่ทำถ้าหากไผ่ไม่ต้องการ”
 
“แล้วเมื่อกี๊ล่ะครับ - -^”
 
“แหมๆมันไม่ได้เสียหายหนิ^^”
 
“-*-“
 
“ไผ่”
 
พี่แทมินเปลี่ยนจากใบหน้าขี้เล่นเป็นจริงจังขึ้นมามันทำให้ผมพลอยจริงจังตามไปด้วย
 
“เป็นแฟนกันไหม”
 
สายตาจริงจังที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา
               
“พี่พูดเล่นใช่ไหมครับ”
 
“ฉันพูดจริง  แต่ยังไม่ต้องให้คำตอบตอนนี้หรอก  ฉันรอได้”
 
พี่แทมินผู้ขี้เล่นอารมณ์ดีกับพี่แทมินที่แสนทะลึ่งและเจ้าเล่ห์  ไหนจะพี่แทมินที่ดูจริงจังคนนี้อีก  คนไหนคือตัวตนที่แท้จริงของพี่กันนะ
 
 
“แล้วถ้าหาก.....”
 
ผมควรจะพูดไปดีไหมนะ  ถ้าพูดไปแล้วพี่แทมินจะรู้สึกยังไง
 
“ถ้าหากผม...ผมกับเซนได้รักกันหรือผมอกหักแล้วไม่สามารถลืมเซนได้  และคงไม่สามารถรักใครได้อีกล่ะครับ”
 
“ถึงเป็นอย่างนั้น  ฉันก็จะรอ  และจะยืนอยู่เคียงข้างไผ่  แม้ไม่ใช่ไหนฐานะคนรักก็ของเป็นในฐานะ...พี่ชายก็ยังดี”
 
แวบหนึ่งสายตาของพี่แทมินหวั่นไหว  ผมไม่ได้อยากให้เขาเป็นแบบนั้น  แต่ผมเองก็ไม่อยากโกหก  ผมไม่รู้ว่า  ในอนาคตผมกับเซนจะเป็นเช่นไร  ไม่ว่าผมจะสมหวังหรือไม่  สุดท้ายคนที่เจ็บปวดจากการรอคอยก็คือพี่แทมิน  ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น  พี่ยังจะรออีกอย่างนั้นเหรอ...
 
“ได้เวลาลงจากชิงช้าแล้วนะ  ไปกันเถอะ”
 
ประตูของชิงช้าสวรรค์ถูกเปิดออก  ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของพี่แทมินได้  แต่ฝ่ามือที่อบอุ่นของเขาก็ยังคงยื่นมาจับมือของผมแล้วจูงออกจากชิงช้า
 
 
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างเลวเสียจริงๆ  อีกทั้งยังน่าสมเพชที่มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว  อยากให้มือที่อบอุ่นนี้กุมมือของผมตลอดไป  อยากให้ความรักและความห่วงใยนี้มีให้ผมตลอดไป  และอยากให้หัวใจดวงนี้มีเพียงผมตลอดไป  ถึงแม้ว่าผมจะไม่สามารถรักตอบได้ก็ตาม...
 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

@KARMI  อูยถือมีดเตรียมเชือดแคนเต็มที่เลยทีเดียว  o22

@pooinfinity  ไม่เป็นไร  แคนเข้าใจความรู้สึกนี้เลย  มันเศร้าจนไม่กล้าอ่านต่อจริงๆ  เคยเจอกับตัวมาเเล้วค่ะ  ตอนนี้เรื่องของเซน แคนยังแต่งไม่จบเลยค่ะ  เพราะแคนดองนาน ดองนานแต่ไม่ทิ้งค่ะ นานๆมาอัพสักที เพราะสมองตันมาก พิมพ์ไม่ลื่นไหลเหมือนเรื่องนี้เลย  ถ้าไปอ่าน อาจจะเกิดความรู้สึกอนากกระทืบแคนอีกคนก็ได้  แต่เรื่องของเซนในท้ายที่สุด มีความสุขแน่นอนค่ะ (ถึงใจจริงอาจจะให้มันตายกันไปข้างก็เถอะ  o18)
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 15 P.2) [08/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 08-03-2013 16:08:23
ตอนที่ 15  รักที่ไม่สมหวัง...ความมืดมนของเซน  (Zen talk)


ผมดึงดันที่จะนั่งชิงช้าสวรรค์กับทิว  และแล้วมันก็สำเร็จ  เมื่อทิวใจอ่อนยอมนั่งกับผมหลังจากพยายามที่จะให้ไผ่นั่งแทน
 
“นายทำแบบนี้ไม่ถูกนะเซน”
 
ทิวเอ่ยทันทีที่ประตูถูกปิด
 
“ไม่ถูกตรงไหน”
 
“ก็ตรงที่นายนั่งกับฉันไม่ใช่”
 
“ก็ฉันอยากนั่งกับทิวนี่ไม่ได้อยากนั่งกับไผ่สักหน่อย”
 
ทิวถอดหายใจหนึ่งเฮือก  มันน่าหนักใจขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ
 
“แล้วทำไมเซนถึงอยากนั่งกับฉัน”
 
“ก็ฉันชอบทิวนี่”
 
“หา?”
 
ทิวงงไปเลยกับคำตอบของผม  ในที่สุดผมก็ได้สารภาพรักกับทิวสักทีT^T
 
“ฉันชอบทิว”
 
“อืม ฉันก็ชอบนายนะ  นายเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง”
 
“ไม่ใช่นะ  ฉันไม่ได้ชอบทิวแบบเพื่อน  ฉันชอบทิวในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง”
 
“นายจะบอกว่านายชอบคนที่รู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์อย่างนั้นเหรอ”
 
“ใช่  ก็แล้วทำไมล่ะ  ไม่ได้หรือไง”
 
ทิวรู้สึกสงสารไผ่จับใจ  เขาดูออกว่าสายตาที่ไผ่มองเซนนั้นเป็นอย่างไร  แต่ทำไมเซนถึงต้องมาชอบเขาด้วย  มันยิ่งทำให้ไผ่เกลียดเขามากขึ้นไปอีก  และเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกกับเซนมากเกินกว่าคำว่าเพื่อนเลย
 
“ฉันไม่ได้ชอบเซนแบบที่เซนคิด  มันก็แค่นั้น”
 
“เอาเถอะ  ฉันผิดเองที่บอกชอบนายเร็วเกินไป  จากนี้ไปฉันจะพยายามรู้จักนายให้มากขึ้นนะ”
 
“ไม่ว่านายจะทำยังไงรึจะบอกชอบฉันสักเท่าไหร่  ฉันก็ไม่มีวันชอบนายหรอก  เพราะฉันไม่ใช่เกย์  ฉันชอบผู้หญิง”
 
ผมโดยปฏิเสธแบบตัดเยื่อใยเต็มที่  ทิวชอบผู้หญิง  อา...นั่นสินะ  ผมมันบ้าเองที่นึกจะพูดก็พูด  ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของทิวเลยว่าเขาจะคิดยังไง
 
“ฉันคิดว่านายควรจะเปิดหูเปิดตาให้กว้างกว่านี้นะ”
 
“หมายความว่ายังไง”
 
“ทำไมนายต้องได้ไขว่คว้าหาความรักจากฉันที่รู้จักกันไม่นานล่ะ  ในเมื่อข้างๆตัวนายก็มีคนที่พร้อมที่จะมอบความรักให้นายเสมอมา”
 
“เดี๋ยวก่อนทิว  นี่หมายความว่าไง  นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
 
“ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหล่ะ”
 
เซนนึกทบทวนคำพูดทุกคำของทิว  และแล้วชิงช้าก็เคลื่อนผ่านจุดสูงสุด
 
“อย่าบอกนะว่านายพูดถึงไผ่”
 
“แล้วแต่เซนจะคิด”
 
“ทิว  นายบ้ารึเปล่า  ไผ่เป็นเพื่อนฉันนะ”
 
“เป็นเพื่อนแล้วทำไมงั้นเหรอ”
 
“ก็หมายความว่า  ฉันไม่มีทางที่จะรักไผ่ยังไงเล่า  แล้วไผ่เองก็คงไม่ได้คิดอะไรกับฉันอยู่แล้ว”
 
                “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซนกับไผ่จะเป็นยังไง  แต่ว่าฉันเองก็ไม่อยากทำให้ไผ่เสียใจ  ถ้านั่นเป็นการทำเพื่อไผ่น้องชายเพียงคนเดียวของฉันแล้วล่ะก็  ต่อให้สิ่งที่ฉันทำนั่นมันจะทำร้ายจิตใจของคนอื่นยังไงก็ตาม  ฉันก็ไม่สนใจหรอก  แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นนาย”
 
“นี่มันอะไรกัน  นี่นายพูดบ้าอะไรกัน!!  ฉันขอบอกไว้เลยนะ  ว่าเดี๋ยวนี้  ตอนนี้และต่อจากนี้  ฉันไม่ได้ชอบไผ่  และจะไม่มีวันชอบไผ่  ไม่มีวัน!!!”
 
ผมโมโหสุดขีด  ทิวพูดบ้าๆอะไรออกมา  ไผ่นั่นเหรอชอบผม  ไม่มีทางหรอก  เป็นไปไม่ได้  ก็พวกเราเป็นเพื่อนนี่นา  เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากด้วย  เพราะฉะนั้นมันไม่มีทางเป็นอย่างที่ทิวว่าแน่ๆ
 
“ถ้าหากนายไม่ได้ชอบไผ่  ก็ไปจากไผ่ซะ  เพราะแค่นี้ไผ่ก็เสียใจพออยู่แล้ว  ยิ่งมาเห็นนายชอบฉันอีก  ไผ่คงเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวแน่ๆ”
 
“ไม่  ทิว  นายฟังคำฉันเอาไว้  ว่าฉันจะไม่เลิกชอบนาย  ฉันจะตามตื้อนายต่อไปเรื่อยๆ  ยิ่งนายปฏิเสธฉันมากเท่าไหร่  ฉันก็จะทำให้คนสำคัญของนายเจ็บปวดยิ่งกว่า”
 
ทิวจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าตกตะลึง  คนสำคัญของทิว  ก็ไผ่ยังไงล่ะ  ผมจะทำอะไรไผ่น่ะเหรอ  หึหึหึ
 
“หยุดนะ  นายเป็นบ้าไปแล้วรึไง”
 
“ฉันล้อเล่นน่ะ  ก็แค่อยากจะขู่ให้นายตกใจเล่นเท่านั้น  ไผ่เป็นเพื่อนของฉันนะ  ฉันจะไปทำอะไรเขาได้”
 
“ขอให้มันจริงเถอะ  เพราะถ้านายทำอะไรไผ่  ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้นาย”
 
                ผมอกหักซะแล้วสิ  แต่ว่าผมจะตามตื้อทิวต่อไป  ทำไมผมถึงชอบทิวได้นะ...ทำไมถึงได้ชอบเขามากมายขนาดนี้  มากเสียจนอยากจะทำลายทุกคนที่มันขวางทางรัก...
 
ชิงช้าเคลื่อนที่มายันล่างสุด  ผมรู้สึกว่า มันช่างเร็วเสียเหลือก่อน  ยามเมื่อประตูชิงช้าถูกเปิดออก  ผมก้าวออกมาพร้อมกับทิว  รอคอยให้ชิงช้าของไผ่กับพี่แทมินหยุด  ไผ่ที่ก้าวลงมากับพี่แทมินที่คอยจูงมือไผ่ตลอดตั้งแต่มาถึงสวนสนุก  มันทำให้ผมหมั่นไส้...หมั่นไส้จนอยากจะทำร้ายเพื่อนคนนี้  ทำให้รู้ว่าการมาขวางความรักของเขานั้นจะต้องเป็นเช่นไร...
 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 15 P.2) [08/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 08-03-2013 18:02:37
อย่าทำเซนเลยน่ะะะ เซนยอมไปกับเค้าคนนั้นเพื่อให้ไผ่ ปลอดภัยน่ะะะ  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 16 P.2) [08/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 08-03-2013 21:06:09
ตอนที่ 16 หลังจากวันนั้น



หลังจากวันที่พวกผมไปเที่ยวสวนสนุกกันในวันนั้น  มันก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว  เซนเริ่มมองผมต่างจากเดิมตั้งแต่วันนั้น  ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะอะไร  แต่เซนแทบจะไม่คุยกับผมเลย  แม้ผมจะคุยกับเขาแต่มันก็เหมือนกับถามคำตอบคำ  แต่เซนก็ยังเข้าออกบ้านผมเป็นว่าเล่นเหมือนเดิมเพื่อมาหาคนชื่อทิว  ส่วนผมกับคนชื่อทิวนั้นดูเหมือนว่าเขาจะพยายามหลบหน้าเซนอยู่  ส่วนเรื่องของผมกับเขานั้น  ผมก็ยังไม่คุยกับเขาเช่นเดิม  และคนชื่อทิวก็พยายามชวนผมคุยนู่นคุยนี่ไปเรื่อยเปื่อย  พี่แทมินก็ยังดูแลและเอาใจใส่ผมดีเหมือนเดิม  ไม่สิ...มากกว่าเดิมเสียอีก  พี่แทมินมักจะมารับผมไปเที่ยวช่วงกลางวันและเดินมาส่งผมเมื่อถึงเวลาเลิกงาน  จนเถ้าแก่ชอบแซวว่าผมกับพี่แทมินเป็นแฟนกัน >///<  บ่อยครั้งที่ผมเผลอพี่แทมินจะต้องจูบผมทุกครั้ง  ความรู้สึกต่อต้านเริ่มหายไป  นานวันเข้ารสจูบมันยิ่งหวานมากขึ้นเรื่อยๆ  บางทีส่วนลึกในจิตใจของผมอาจจะเริ่มชอบพี่แทมินขึ้นมาบ้างแล้วก็เป็นได้  เพียงแต่ว่าผมก็ยังชอบเซน...อยู่ดี  และเดือนหน้าก็จะเปิดเทอมแล้ว  ผมคงต้องตั้งใจอ่านหนังสือให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้เป็นหมอตามที่ฝันเอาไว้...
 
“ไผ่”
 
“ครับพี่แทมิน”
 
ขนาดที่พี่แทมินเดินจูงมือผมกลับบ้าน  พี่แทมินเอ่ยเรียกผมระหว่างทาง
 
“คือ ตั้งแต่พรุ่งนี้  ฉันจะต้องไปทำรายงานที่มหาลัย  บางทีอาจจะต้องค้างที่นั่นสักสามสี่วันน่ะ”
 
“เหรอครับ”
 
“ตั้งสามสี่วันนี่  คิดถึงไผ่แย่เลย”
 
“ตั้งใจทำรายงานนะครับ”
 
 “คือว่านะไผ่”
 
พี่แทมินหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองผม
 
“ครับ?”
 
“ยิ้มให้ฉันดูหน่อยสิ”
 
“-*-“
 
“เอาเถอะน่า  ยิ้มหน่อย”
 
ผมยิ้มตามที่พี่แทมินสั่ง  พี่แทมินเองก็ยิ้มตอบผม
 
“โอเค  กำลังใจมาเต็มร้อย  ไผ่เนี่ยน่ารักจริงๆ^^”
 
“-*-“
 
“ฉันอยากให้ไผ่ยิ้มบ่อยๆนะ  เวลาไผ่ยิ้มแล้วน่ารักที่สุดเลยล่ะ”
 
“...ผมจะพยายามครับ”
 
“^^”
           
พี่แทมินมาส่งผมถึงบ้าน  มองดูผมจนกระทั้งผมเข้าบ้านแล้วจึงเดินจากไป  ภายในบ้านก็มีบรรยากาศเดิมๆ  แต่แล้วเซนก็เดินเข้ามาหาผมซะอย่างนั้น
 
“ไผ่  ช่วยไรหน่อยได้ป่าว”
 
“อะไรเหรอ”
 
“คือ  ป้าฉันน่ะสิ  ได้รางวัลไปเที่ยวเซี้ยงไฮ้  ห้าวันสี่คืน  แต่ไม่มีคนเฝ้าบ้านให้  ไผ่  นายไปช่วยเฝ้าบ้านคุณป้ากับฉันหน่อยสิ”
 
ผมมองดูเซนที่ช่วงนี้แถบไม่ยอมคุยกับผม  แล้วจู่ๆก็มาขอให้ผมช่วยซะอย่างนั้น  แถมรู้สึกว่าทั้งพ่อแม่และญาติของเซนนี้จะโชคดีเรื่องการจับรางวัลซะเหลือเกิน  หลังจากที่พ่อแม่ของเซนกลับจากเที่ยวเชียงใหม่ก็ดันถูกรางวัลซิสเทมม่า  ไปเที่ยวญี่ปุ่นอีก  =_=  แล้วนี่ป้าก็ดันมาถูกรางวัลไปเที่ยวเซี้ยงไฮ้  อะไรจะโชคดีปานนั้นฟร๊ะ (ก็แคนอยากให้เป็นแบบนั้นนี่  >o<)
 
“แล้วคนๆนั้นล่ะ”
 
แน่นอนว่าผมหมายถึงคนชื่อทิว
 
“ชวนแล้ว  แต่เขาปฏิเสธอ่ะ T^T”
 
“แต่ฉันต้องทำงานพิเศษ”
 
“ง่า  ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นาTOT”
               
“แต่...”
 
“นะๆๆๆ  ไปเถอะน้า นะ”
 
“กะ..ก็ได้”
 
ใจอ่อนอีกแล้วสิเรา - -^
 
“แล้วจะต้องไปเมื่อไหร่ล่ะ”
 
“พรุ่งนี้^^”
 
พรุ่งนี้?  ไหงมันเร็วเงี้ย
 
“เร็วไปหน่อยมั้ง”
 
“นั่นสิ  ฉันก็ว่างั้น”
 
“แล้วบ้านป้าของเซนอยู่ที่ไหนล่ะ”
 
“ไม่ไกลหรอก  แค่นครปฐมเอง”
 
“-*-“
 
“เป็นอันว่าไผ่ตกลงแล้วนะ  พรุ่งนี้ฉันจะมารับ”
 
“อืม  ถ้าอย่างนั้น  พรุ่งนี้ขอฉันไปบอกเถ้าแก่ที่ร้านก่อนก็แล้ว  ว่าไม่ได้มาทำงาน”
 
“คร้าบ  ถ้าอย่างนั้น ฉันกลับบ้านก่อนนะ  บะบาย  บายนะทิว”
 
ไม่ลืมที่จะหันมาบอกลาทิวที่นั่งอยู่ที่โซฟา  แล้วเซนก็จากไป
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 17 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 10-03-2013 12:50:42
ตอนที่  17  คำขอที่แสนโหดร้าย



รุ่งเช้าวันนี้เป็นวันที่ผมต้องไปนครปฐมเพื่อไปเฝ้าบ้านเป็นเพื่อนเซนแทนป้าที่ถูกรางวัลไปเที่ยวเซี้ยงไฮ้   แต่เซนที่บอกว่าจะหารับผมตอนเช้า  ตอนนี่ก็ยังไม่มาสักที เดาว่าคงยังไม่ตื่น -*-  ถ้าอย่างนั้นผมไปหาเถ้าแก่ก่อนดีกว่า  ไปบอกเขาว่าเรื่องที่ผมมีธุระทำให้ไม่สามารถมาทำงานได้  เมื่อผมมาถึงบ้านของเถ้าแก่ผมก็เห็นเถ้าแก่กวาดขยะหน้าร้านอย่างชินตา
 
“สวัสดีครับเถ้าแก่”
 
“หวัดดีๆไผ่  มีอะไรเหรอถึงได้มาแต่เช้าเลย”
 
“คือผมจะมาบอกว่าผมคงมาทำงานไม่ได้สี่วันนะครับ”
 
“มีธุระอะไรงั้นเหรอ”
 
“คือ  ผมต้องไปช่วยเฝ้าบ้านที่นครปฐมเป็นเพื่อนเซน เอ่อ.. เซนเพื่อนผมน่ะครับ”
 
“หมายความว่าวันนี้ก็คงมาไม่ได้สินะ”
 
“ครับ  ขอโทษนะครับ”
 
“ไม่เป็นไรหรอก  ไผ่ขยันทำงานไม่เคยหยุดเลย  ถือซะว่าฉันให้ไผ่ได้พักผ่อนบ้างก็แล้วกัน”
 
“ขอบคุณครับเถ้าแก่”
 
เถ้าแก่อนุญาตแล้วก็กวาดขยะต่อ  ผมมองเข้าไปในบ้านของเถ้าแก่ ที่ตอนนี้เงียบสนิทสนิทเพราะไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน
 
“มองหาเจ้าแทมินเรอะ ไผ่”
 
เหมือนเถ้าแก่จะรู้ทันว่าผมกำลังมองหาใครอยู่
 
“พี่แทมินเขา ไปมหาลัยแล้วเหรอครับ”
 
“อืม  ออกไปได้ประมานครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ”
 
“ถ้าอย่างนั้น  ผมไปก่อนนะครับ  สวัสดีครับ”
 
“เดินทางดีๆล่ะไผ่”
 
“ครับ”
 
ผมลาเถ้าแก่และเดินกลับบ้านเหมือนปกติ  แต่วันนี้มันช่างแปลกกว่าทุกๆวัน  วันนี้ไม่มีฝ่ามือที่อบอุ่นนั้นจับมือของผม  ไม่มีร่างสูงที่เดินเคียงข้างผม  มันรู้สึกเหงานิดๆนะ  อยากให้พี่แทมินกลับมาเร็วๆจังเลย  แต่ว่าคิดๆไปแล้ว มันก็พอดีกับที่ผมกลับมาจากนครปฐมพอดีนี่นา  ดีจัง...อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจังเลย........
 
.......
 
.......
 
เอ๊ะ
 
ทำไมกัน…
 
ทำไมผมถึงคิดแบบนั้นนะ  ทำไมผมถึงได้โหยหาฝ่ามือนั้น....
 
ทั้งๆที่ผมชอบเซนแท้ๆ  แต่ทำไมภาพของพี่แทมินมันถึงได้ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นๆ ในความรู้สึกของผมกันนะ....ความรู้สึกพวกนั้นมันคืออะไรกัน  จะใช่ความรักรึเปล่า  รึว่าเป็นแค่ความเหงาที่ต้องการใครสักคนมาช่วยเติมเต็มหัวใจของผมที่ไม่อาจสมหวังในความรักกับเซน....
 
ผมสะบัดหน้าเพื่อสลัดความคิดเมื่อครู่นี้ไป  และเดินกลับบ้านต่อ  เมื่อผมเข้าไปในบ้านก็พบว่าเซนรอผมอยู่ในบ้านแล้ว
 
“จะไปกันรึยัง^^”
 
“ฉันพร้อมตั้งนานแล้วล่ะ  เซนต่างหากที่นอนไม่ยอมตื่น - -^”
 
“=[]=”
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
พวกผมมาถึงนครปฐม  และต่อรถสองแถวไปยังบ้านป้าของเซน  ตลอดสองข้างทางมรสวนส้มโอมากมายเซนบอกว่าป้าของเซนนั้นก็มีสวนส้มโอเช่นกัน  เซนยังเคยเอามาฝากผมเลยในช่วงที่ส้มโอออกผล
 
รถสองแถวจอดหน้าสวนส้มโอแห่งหนึ่ง  เซนเดินนำผมเดินเข้าไปในสวนนั้น  จากถนนใหญ่ผ่านสวนส้มโอจนถึงตัวบ้าน  ประมานห้าสิบเมตร  บ้านป้าของเซนเป็นบ้านไม้สองชั้น
 
ผู้หญิงร่างท้วมเดินออกมาจากบ้านเดินเข้ามากอดเซน  คาดว่าคงจะเป็นป้าของเซนล่ะมั้ง
 
“คิดถึงจังเลยเซน  ไม่เจอกันแปบเดียวโตขึ้นเยอะเลยนะ”
 
“ป้าเองก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยน้า^^”
 
“ปากหวานจริงๆ”
 
ป้าของเซนหันมามองผมที่ยืนอยู่ข้าง
 
“นั่นคงเป็นไผ่เพื่อนของเซนสินะ”
 
“สวัสดีครับ”
 
“ต๊ายตาย  น่ารักจังเลย  นี่ถ้าฉันสาวกว่านี่สักยี่สิบปีจะขอมาเป็นแฟนเลยนะเนี้ย”
 
“-*-“
 
ป้าของเซนถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากบ้านเตรียมตัวขึ้นรถตู้เพื่อไปยั่งสนามบิน
 
“ดูแลบ้านดีๆนะเซน  ไผ่ ป้าขอฝากดูแลเซนด้วยนะ  ส่วนเรื่องอาหาร  อยากกินอะไรก็หยิบในตู้เย็นไปทำได้เลยนะ  เข้าใจไหมเซน”
 
“ครับๆ  ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
 
รถตู้เคลื่อนออกไปจนลับสายตา  ผมกับเซนจึงเดินเข้าบ้าน
 
“เอาล่ะ  นี่เพิ่งบ่ายสองเอง  เรามาเล่นไพ่กันดีกว่าเนอะ”
 
เซนเอ่ยชวน
 
“แล้วแต่เซนเถอะ”
 
เซนหยิบกระเป๋าเป้ของตนมารูดซิบเปิดออกเพื่อหยิบไพ่ออกมา  พร้อมกับบางสิ่งบางอย่าง  สิ่งนั้นก็คือเหล้านั่นเอง
 
“เซน  นายพาของแบบนั้นมาด้วยเหรอ”
 
“แหมๆ  ก็อยู่ที่นี่มันน่าเบื่อนี่นา  เลยต้องหาอะไรทำแก้เครียดไง  อีกอย่างฉันไม่ได้พามาแค่ขวดเดียวนา  นี่ไงอีกขวดพร้อมกับแกล้มด้วย  สนป่าวๆ”
 
“ ไม่ล่ะ  ขอบใจ  ฉันไม่กิน”
 
“ฮูย  ไรว้า  ฝึกกินไว้มั่งก็ดีนา  ต่อไปอยู่ในสังคมนายก็ต้องได้กินแน่ๆ  เอาน่า  กินเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ”
 
“โทษนะ  ถึงฉันจะไม่กินแต่ก็จะนั่งอยู่เป็นเพื่อนนายก็แล้วกัน”
 
“ตามใจ T^T”
 
พวกผมเล่นไพ่กัน  ไม่ว่าจะเป็นสลาฟ  อีแก  หรือแม้แต่ แคง  (ใครรู้จักมั่งเอ๋ย)  จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนค่ำ  และแล้วพวกผมก็เริ่มหิวข้าว
 
“พักกินข้าวกันก่อนดีไหมเซน”
 
“อืมก็ดีนะ”
 
ผมและเซนช่วยกันทำกับข้าวง่ายๆกินกัน  จะว่าไปมันก็แปลกดีนะ  เซนที่ช่วงนี้คอยหลบหน้าผม แต่ตอนนี้กลับเหมือนเมื่อก่อน  เล่นไพ่ด้วยกัน  คุยเรื่องไร้สาระกัน  ผมอยากให้หยุดเวลาแบบนี้เอาไว้จังเลย...
 
หลังจากพวกผมกินข้าวเสร็จแล้ว  ก็ดูดีวีดีที่เซนเอามาด้วย (กระเป๋านายนี่โคตรจุเลย)  เวลาล่วงเลยจนถึงสี่ทุ่ม  เซนจึงเริ่มทำเลยสิ่งที่เคยคุยกันไว้เมื่อตอนกลางวัน  นั่นคือ...เหล้า
 
“ฮ้า  รสชาติแย่ชิบ”
 
เ.ซนบ่นหลังจากดื่มเข้าไปเกือบจะสามแก้วแล้ว  ขอย้ำนะครับ  ว่าไม่ได้ผสมโซดาหรือโค้ก
 
“ถ้ามันแย่แล้วกินทำไมล่ะ”
 
เซนที่ตอนนี้เริ่มนั่งเซไปเซมาด้วยความเมา  ก็หัวเราะกลบเกลื่อน
 
“นี่ไผ่”
 
“อะไรเหรอ”
 
“ฉันอกหักล่ะ  ทิวไม่ได้ชอบฉัน”
 
“เซน  ฉันว่านายเมาแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันพานายไปนายที่ห้องก็แล้วกัน”
 
ว่าแล้วผมก็ประคองเซน  เดินไปยังห้องที่ป้าของเซนจัดไว้ให้  ระหว่างทางเซนพูดงึมงำจนผมฟังไม่รู้เรื่อง  ผมเป็ดประตู้ห้องออกมาแล้ววางเซนไว้บนเตียง  ดีนะที่วันนี้เซนใส่เสื้อยืดกับกางเกงยืนทำให้ไม่อดอัดมาก  ไม่อย่างนั้น  ผมคงได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาแน่ๆ  แต่เดี๋ยวก่อน  เซนใส่เข็มขัดด้วยนี่หว่า  เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงปลดเข็มขัดของเซนออกเพื่อให้เซนสบายตัวขึ้นบ้าง
 
“ทำไม...ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ”
 
เซนยังคงพูดต่อไปอีก  แต่แล้วสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น  เซนที่ผมคิดว่าเขาเมาจนโซเซเดินไม่ไหว  ลุกขึ้นมาจับผมกดลงกับเตียง  เขาจับมือทั้งสองข้างของผมรวมขึ้นเหนือหัวแล้วใช้มือเพียงข้างเดียวกดมันเอาไว้  และคร่อมผมเพื่อไม่ให้ผมหนีได้
 
“ทำอะไรน่ะเซน”
 
“นายรู้ไหมว่าทำไม  ทิวไม่รักฉัน”
 
“เรื่องแบบนั้นฉันจะไปรู้ได้ยังไงกัน”
 
สายตาของเซนที่จ้องมองผมนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน  รอยยิ้มของเซนไม่ปรากฏในใบหน้ายามนี้
 
“นายชอบฉันไม่ใช่รึไง”
 
อะไรนะ?  นายรู้ได้ยังไง  ก็ในเมื่อผมไม่เคยบอกเซนเลยสักครั้งนี่นา  พี่แทมินเองก็คงไม่บอกอยู่แล้ว  แล้วนี่เขารู้ได้ยังไงกัน
 
“ที่ทิวไม่ชอบฉันก็เพราะนาย  เพราะว่านายชอบฉัน  มันถึงได้เป็นแบบนี้!!”
 
มืออีกข้างของเซนหยิบเอาเข็มขัดที่ผมถอดออกให้เมื่อครู่  มามัดมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้  และเมื่อมือของเซนว่างแล้ว  เขาก็ลงมือกระชากเสื้อของผมจนขาด
 
“นายจะทำอะไรน่ะเซน!”
 
“ฉันคิดถึงทิว  คิดถึงมากเลยล่ะ  ทิวทำให้ฉันแทบบ้า  ไผ่...นายช่วยเป็นตัวแทนของทิวให้หน่อยสิ”
 
“ไม่นะ  ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!”
 
“ทำไมล่ะไผ่  นายชอบฉันไม่ใช่หรือไง  การได้นอนกับฉันเนี้ยเป็นสิ่งที่นายต้องการไม่ใช่เหรอ  ฉันก็กำลังจะสนองให้นายแล้วยังไงล่ะ”
 
“ไม่  ไม่ใช่  ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้นนะ  ปล่อยฉัน!!”
 
“ไม่ได้หรอก  เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ  ฉันขอแค่นี้  นายทำให้ฉันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”
 
ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากการคร่อมของเซนแต่ผลที่ได้ก็คือเขาชกลงที่บริเวณท้องของผมจนจุกแน่น  เจ็บจนแทบขยับไม่ได้
 
“เท่านี้ นายก็หนีจากฉันไม่ได้แล้วนะ  หึหึ  ไผ่  นายต้องเป็นตัวแทนของทิว  ต้องทำตามคำขอของฉันนะ.....เพราะนายคือเพื่อนของฉัน..ยังไงล่ะ"
   

+++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 18 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 10-03-2013 22:18:21
ตอนที่ 18  พังทลาย



“เพราะนายคือเพื่อนของฉัน”
 
เซน....สุดท้ายพวกเราก็เป็นได้แค่เพื่อนกันสินะ...

 
รอยช้ำบริเวณท้องทำให้ไผ่เจ็บจนไม่สามารถขยับหนีได้อย่างใจ  เซนมองดูไผ่ที่พยายามดิ้นรนหนีนั้นแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ  เจ็บปวดสิ  ใช่แล้ว  นี่คือโทษของนาย  โทษที่บังอาจขัดขวางความรักของเขา!!
 
เซนกระชากผมที่ยาวระต้นคอขอไผ่เพื่อให้อีกฝ่ายหยุดการเคลื่อนไหวแล้วพูดด้วยเสียงที่เยือกเย็น
 
“อย่าหนีเลย  ค่ำคืนของเรายังอีกนาน  ทิว....”
 
“ฉันไม่ใช่ทิว  ฉันไม่ใช่ตัวแทนของทิวนะ!!!”
 
เปล่าประโยชน์  เซนไม่สนใจฟังไผ่แต่กลับปลดอาภรณ์ชิ้นล่างของไผ่ออกจนหมดสิ้นไม่เหลืออะไรไว้ปกคลุม  และปลดของตนเองด้วยเช่นกัน
 
“เรามาสนุกด้วยกันดีกว่านะ  ทิวที่รัก”
 
ทันทีที่พูดจบเซนจัดการแยกเรียวขาขาวนั้นให้อ้าออก
 
“ไม่  ขอร้องล่ะเซน  หยุดเถอะนะ  ฉันไม่ใช่ทิวนะ”
 
เพี้ยะ!!
 
ฝ่ามือใหญ่ตบเข้าที่ใบหน้าของไผ่จนเกิดรอยแดงขึ้นบริเวณนั้น  และมันก็แรงพอที่จะทำให้มีเลือดไหลซึมออกมาจากริมฝีปาก
 
“หยุดพล่ามสักที  รำคาญ  ฉันอยากได้ยินเสียงครวนครางของนายมากกว่านะทิว”
 
ไม่ปล่อยให้ร่างเล็กตรงหน้าได้ขัดขืนหรือดิ้นรนหนีไปมากกว่านี้  ช่องทางคับแคบนั้นก็ถูกส่วนแข็งของเซนกระแทกเข้าไปทีเดียวจนจมมิด
 
“...!!”
 
ไม่ทันได้โอดครวน  ความเจ็บที่แม้แต่การชกหรือการโดนตบหน้านั้นเทียบไม่ได้  มันได้อุดเสียงไผ่จนสิ้น  มีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาพร้อมๆเลือดสีแดงสดที่ไหลย้อนสวนทางของสิ่งที่รุกล้ำเข้ามาหยดลงบนที่นอนเป็นวง  ไม่มีจูบ  ไม่มีกอด  ไม่มีการเล้าโลมหรือทำให้ชินใดๆทั้งสิ้น
 
“อึก  ยอดเลยทิว  ข้างในนี้รู้สึกดีสุดๆไปเลยล่ะ”
 
เซนไม่แม้แต่จะขยับช้าๆเพื่อให้ไผ่คลายความเจ็บปวดแต่กลับกระแทกอย่างรุนแรง
 
“อะ  เจ็บ  ฉันเจ็บบบบบ!”
 
ร่างเล็กกระตุกเกร็งด้วยความเจ็บปวด  แรงกระแทกที่กระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้เลือดยิ่งไหลออกมามากขึ้นขยายเป็นวงกว้าง
 
“ฮึก!  อ๊า  อะ อา”
 
“เพราะมากเลยล่ะทิว  เสียงครางของนาย”
 
ไม่...เขาไม่ใช่ทิว  ยิ่งเซนเรียกหาทิวมากเท่าไหร่  เขาก็ยิ่งเจ็บปวด  เจ็บทั้งตัวและหัวใจ...
 
แต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่านั้น  ก็คือความรู้สึกต้องการและเสี่ยวซ่านที่ค่อยๆมากขึ้นเรื่อยๆแทนที่ความเจ็บปวดนั้น...
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
               
ผมลืมตาขึ้นมาภายในห้องที่ไม่คุ้นตา  อา...ใช่แล้ว  ที่นี่คือบ้านป้าของเซน  ผมพยายามลุกขึ้นนั่งแต่ร่างกายก็ต้องกระตุกฮวบด้วยความเจ็บปวด  และความเจ็บปวดนั้นก็ทำให้ผมนึกออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับผม
 
บนเตียงเต็มไปด้วยรอยเลือด  มือของผมมีรอยแดงจากเข็มขัดที่ตอนนี้ถูกถอดออกไปแล้ว  ผมในสภาพเปลือยเปล่าพยายามมองหาเสื้อผ้าหรืออะไรก็ได้ที่สามารถสวมใส่ได้ได้  แต่กลับไม่พบเลยสักชิ้นเดียวแล้วเซนล่ะ...เซนหายไปไหนแล้ว  ผมต้องรีบไปจากที่นี่  ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว  ถ้าหากอยู่ต่อไปผมต้องเป็นบ้าไปแน่ๆ
 
เมื่อผมก้าวขาลงจากเตียง  ความเจ็บนั้นมันทำให้ผมไม่สามารถก้าวขาได้ถนัดจนเสียหลักล้มลงกับพื้นโดยมีหยาดน้ำสีขาวขุ่นผสมกับเลือดไหลย้อยลงมาตามเรียวขา
 
“จะไปไหนหรือไผ่...”
 
ผมหันไปทางที่มาของเสียง  เซนกำลังยืนมองผมอยู่และในมือถือเชือกเอาไว้
 
“กะแล้ว  ว่านายต้องหนี  ดีนะที่ฉันหาเชือกเจอ”
 
เซนเดินเข้ามาหาผมแล้วกระชากผมขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งและเอาเชื่อมาผูกมือผมไว้กับขาเตียง  แต่ก็มีความยาวพอที่จะสามารถเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนี้ได้
 
เซนหันมายิ้มให้ผมเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขายิ้ม  แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไป  ทั้งกลัว  และขยะแขยง...
 
“หิวรึยัง  เดี๋ยวฉันจะทำให้กิน”
 
“ฉันไม่หิว  ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
 
“ไม่ได้หรอก  ฉันยังสนุกกับนายไม่หน่ำใจเลย  ยังเหลืออีกตั้งสามวัน  อย่างเพิ่งรีบร้อนสิ”
 
สามวัน...จริงสิ  ผมต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสามวัน  ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า....
 
“อยู่ทำตัวเป็นเด็กดีในห้องนี้จนกว่าฉันจะมานะไผ่  และเมื่อถึงตอนนี้ก็ช่วยเป็นตัวแทนของทิวอีกครั้งนะ”
 
“ไม่...”
 
น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง  ตัวแทนของทิว....ไม่ใช่
 
“ฉันไม่ใช่ตัวแทนของทิว  ไม่ใช่ตัวแทนของใครทั้งนั้น!  ฉันก็คือฉัน  ฉันคือไผ่  นายได้ยินไหมว่าฉันคือไผ่!!”
 
ประตูถูกปิดไป  เหลือเพียงผมที่ต้องเจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง
               
อยากเจอเหลือเกิน...เจ้าของฝ่ามือที่อบอุ่นนั้น  คิดถึงเหลือเกิน...
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
               
กลางคืนมาเยือนไผ่อีกครั้ง  นั่นก็เหมือนสัญญาณบ่งบอกว่าอีกไม่นานไผ่คงต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เหมือนกับตกนรกเหมือนเมื่อคืน
 
และแล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อเซนเปิดประตูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ไผ่กลัวจับใจ
 
“เรามาสนุกกันต่อดีกว่านะทิว....”
 
เซนเดินตรงมาที่เตียง  และผลักไผ่ลงกับเตียงพร้อมถางขาของไผ่ออก
 
“ตรงนี้ของทิวแดงเลยล่ะ  สงสัยจะเป็นแผลซะแล้วสิ”
 
เชือกที่เคยยาวในตอนนี้เซนพันและมัดให้มันสั้นลงจนไผ่ไม่สามารถขยับตัวได้สะดวก
 
เซนก้มลงไปจูบไผ่  และพยายามใช้ลิ้นรุกรานเข้าไปภายในปากของไผ่
 
“โอ๊ย”
 
เซนผละออกจากไผ่ทันทีและใช้แขนเสื้อเช็ดรอยเลือดที่ริมฝีปาก
 
“นายกัดฉันเหรอ  หึ  ชอบแบบซาดิสก็ไม่บอกนะทิว”
 
เรียวขาถูกจับแยกออกอีกครั้ง  ส่วนแข็งของเซนสัมผัสเข้ากับช่องทางคับแคบที่บัดนี้บวมและเป็นสีแดกงเนื่องจากเป็นแผล
 
“อย่านะเซน  ได้โปรด  หยุดสักที”
 
เพี๊ยะ
 
“ถ้านายพูดอีก  ฉันก็จะตบนาย  จะตบจนกว่านายจะเงียบ  เข้าใจไหม”
 
“ฮึก  อ๊า!”
 
ส่วนแข็งนั้นถูกสอดแทรกเข้ามา  มือบางสั่นกระตุกทำให้เส้นบาดข้อมือจนมีเลือดซึม  ปลายเท้ากดจิกเตียงอย่างหาที่ระบายความเจ็บปวดที่เจ็บยิ่งกว่าเมื่อคืนเพราะช่องทางเป็นแผล
 
“อะ อา  อ๊า”
 
“ร้องอีกสิทิว  ร้องให้ดังกว่านี้อีกสิ”
 
เซนโหมกระแทกอย่างรุนแรง  เขาไม่เคยอ่อนโยนต่อร่างเบื้องล่างเลยสักครั้ง  มีเพียงความรุนแรงเท่านั้นที่มอบให้
 
“อึก อ๊า!!”
 
น้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างเบื้องล่าง  พร้อมหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
 
“อะไรกัน  เสร็จแล้วงั้นเหรอ  นายเสร็จแต่ฉันยังไม่เสร็จเลยนะ”
 
เซนกระแทกเข้าไปอีกครั้ง  เขาถอดตัวออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกเข้าไปใหม่จนมิด  ทำแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง  ต่อให้ร่างเบื้องล่างจะร้องไห้หรือเจ็บปวดเช่นไร  เขาก็ไม่สนใจหรอก  เขาต้องการทำให้ร่างเล็กๆนี้พังทลายด้วยมือของเขาเอง
 
“อ๊า  อา  อา  อย่า...อ๊า”
 
“หึ  อย่าอะไรรึทิว..อย่าทำ  หรือว่า...อย่าหยุดกันล่ะ”
 
สิ้นเสียงเซนก็จับไผ่พลิกตัวหันหลังเพื่อให้สอดใส่เข้าไปได้ลึกกว่าเดิม
 
ร่างเล็กปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า  เขาเองก็เช่นกัน  แต่ว่าเขาก็ยังทำต่อไปเรื่อยๆ  สิ่งที่จะหยุดเขาได้จะมีก็แต่แสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่เท่านั้น....
 
 
 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




จุดธูปอัญเชิญคนเม้นท์  :call:
 
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 18 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 10-03-2013 22:32:07
สงสัยตามไปอ่านกันที่โน้นมั่งค่ะ อิอิ โอ๋ๆๆ  :L2: :L2: :กอด1:
ลองปรับชื่อเรื่อง นิดใส่ อีโม นิดๆ น่าจะดีขึ้นน่ะ 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 18 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: mildsoshi ที่ 11-03-2013 00:53:55
อ๊ากกกกกกกก รอตอนต่อไป อิอิ
เซนทำไมถึงทำกับไผ่แบบนี้ อ่าาาาา :o12:
ทำไผ่แบบนั้น  :fire:แล้วอย่ามารักไผ่นะ  :angry2:
(ฮ่าๆๆๆๆๆ สงสัยจะอินจัด)
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 19 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 11-03-2013 19:24:56
ตอนที่ 19  สังหรณ์....ฝันร้ายยังคงดำเนินต่อไป



“ว่าไง  มึงว่าเครื่องไหนดีวะ”
 
แทมินที่กำลังลังเลอยู่ข้างตู้กระจกในร้านขายมือถือเอ่ยถามเพื่อนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
 
“แล้วแต่มึงดิ  แม่งมือถือมึงกูก็ว่าไฮโซไม่ตกรุ่นทีนะเว้ย  จะซื้อใหม่อีกแล้วเหรอ”
 
หนึ่งในกลุ่มเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถาม
 
“ไม่ใช่ของกูหรอก  กูจะชื้อให้คนๆหนึ่งน่ะ”
 
“อ่าวๆ  เชี้ยจริงนะมึง  มีแฟนก็ไม่ยอมพามาแนะนำเพื่อนฝูงกันมั่ง”
 
“บ้าเด่ะ  ไม่ใช่แฟนเว้ย  กูรักเขาข้างเดียวว่ะ”
 
เป็นรักข้างเดียวที่บางทีมันอาจจะ…ไม่มีทางสมหวัง
 
“หูย  ใครวะ  พวกกูชักอยากรู้”
 
“เงียบไปเลย  แล้วช่วยกันเลือกเร็วๆเข้า”
 
“คนที่มึงชอบเขาไม่มีมือถือเหรอ”
 
“ก็เออสิวะ  กูคิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว  แต่เขาดันไม่มีมือถือ  ทำรายงานเสร็จเมื่อไหร่กูจะ….เออ ช่างเถอะ  รีบๆเลือกเข้าดิ”
 
จะบอกได้ยังไงล่ะว่า  จะกอดจูบให้หน่ำใจไปเลย  ตอนนี้ไผ่กำลังทำอะไรอยู่นะ  อยากรู้จังเลย  เขาคิดถึงไผ่จะแย่อยู่แล้ว  แล้วไผ่ล่ะ  คิดถึงเขาบ้างไหมนะ…
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
รุ่งเช้ามาเยือนอีกครั้ง  เซนที่จัดการสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว  หันไปมองร่างของเพื่อนสนิทนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรงนั้นอย่างเฉยชา  มือหนึ่งยิ้มโทรศัพท์ขึ้นมาสนทนาอะไรบางอย่างกับใครสักคน  เมื่อวางสายไปแล้วก็หันมาแสยะมองร่างนั้นอีกครั้ง
 
ยังไม่จบหรอก…
 
นายจะต้องพังทลายมากกว่านี้…
 
ฉันจะทำให้นายฝันร้ายไปตลอดกาล…
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
เวลาผ่านมานานเท่าไหร่แล้วนะ  ที่ผมได้แต่นอนอยู่บนเตียงนี้  ไม่มีแรงจะขยับไปไหนเลย  มันเจ็บไปหมดจนไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจ  อยากจะหนีไปจากที่นี่  แต่ผมก็ไม่มีแรงพอที่จะทำอย่างนั้น…
 
“ตื่นสักทีนะไผ่  ฉันรอจนเมื่อยเลยล่ะ”
 
ความกลัวโหมกระหน่ำเข้ามาในหัวใจ  ผมกลัวเซนเหลือเกิน
 
“วันนี้ฉันมีเซอร์ไพรซ์นายด้วยนะ  ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลังก็แล้วกันนะ”
 
สิ้นประโยคเซนก็หันไปพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กลุ่มชายหนุ่มสี่คนเดินเข้ามาในห้อง  ทุกๆคนเป็นคนทีผมคุ้นหน้าทั้งนั้นเพื่อนพวกเขาเป็นเพื่อนที่ชมรมบาสของเซน
 
“คนนี้ใช่มะที่จะให้จัดการน่ะ  เดี๋ยวก่อนดิ  นี่มันเพื่อนแกนี่หว่าไอ้เซน”
 
หนึ่งในนั้นเอ่ย
 
“เออ  จัดการเลย  ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
 
“โอ้โห  สภาพแบบนี้  แกเพิ่งจัดการไปสินะ  แล้วแบบนี้จะทนพวกฉันไหวงั้นเหรอ”
 
“ไม่ลองก็ไม่รู้นี่”
               
นี่มันอะไรกัน  เซนพาคนพวกนี้เข้ามาทำไม  พวกเขาจะทำอะไรผมกันแน่
 
น้ำตาไหลออกมาอีกแล้ว  ฝันร้ายที่ร้ายยิ่งกว่าที่ผ่านมามันกำลังจะเกิดขึ้นกับผม  ไม่นะ…พี่แทมิน…พี่แทมินช่วยผมด้วย! พี่แทมิน!!!
 
                ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


โครม!!!
 
กองหนังสือและเอกสารที่วางซ่อนเป็นกองใหญ่พักครื้นลงมายังพื้น  ทำให้แทมินและเพื่อนต้องรีบเก็บกันอย่างรีบร้อนเพราะสายตาของบรรณารักษ์
 
“ไอ้แทมิน  มึงเป็นเชี้ยไรของมึงวะ  เนื้อหาที่คั่นเอาไว้หล่นกระจายหมดเลย  นี่พวกเราต้องมาแยกกันใหม่อีกเหรอเนี้ย”
 
“ไม่รู้สิ  มันรู้สึกแปลกๆน่ะ  เหมือนมีอะไรสักอย่างทำให้กูว้าวุ่นใจมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
 
“เฮ้ยใจเย็นๆ ก่อน  มึงคิดไปเองรึเปล่าวะ”
 
“แต่กูไม่สบายใจเลยว่ะ   กูอยากกลับบ้านแล้ว”
 
“อะไรของมึงเนี้ย  อีกนิดดียวรายงานก็จะเสร็จอยู่แล้ว  กูว่ามึงไปพักหาอะไรเย็นกินก่อนดีกว่า  มึงต้องเครียดแน่ๆ”
 
“ถ้ามันจริงอย่างที่มึงพูดก็คงดีน่ะสิ”
 
ความรู้สึกกังวล  ว้าวุ่น  ไม่สบายใจ  และใจหายอย่างประหลาดนี่มันอะไรกัน…จะเรียกว่าสังหรณ์ได้รึเปล่านะ  หรือว่าจะเกินอะไรขึ้นกับพ่อของเขา…ไม่หรอก  ถ้าหากมีก็คงมีคนติดต่อมาแล้วสิ…หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับไผ่…
 
“โธ่เว้ย!!”
 
“อ่าว  ไอ้เชี้ยนี่  เป็นอะไรของมึงอีกวะ”
 
อยากไปหาซะเดี๋ยวนี้เลย  ไปกอดและจูบเพื่อให้เขาคลายกังวล  แต่ว่า  รายงานนี่อีกแค่นิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว  เขาจะทิ้งให้เพื่อนทำอย่างเดียวก็ไม่ได้เหมือนกัน  เขาได้แต่ว่าว่าความรู้นี่เกิดขึ้นเพราะความเครียดหรือเพราะความกังวลเกินไปหรืออะไรก็ได้ด้วยเถอะ…
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
“อ๊า  อ่ะ  หยุด…นะ  อ้า!”
 
ไผ่ที่อ่อนแรง  ไม่อาจขัดขืนกลุ่มชายทั้งสี่คนได้  จนได้แต่ปล่อยให้พวกมันกระทำเขาครั้งแล้วครั้งเล่า  เมื่อคนหนึ่งเสร็จ  อีกคนก็เข้ามารุกรานช่องทางของเขาต่อทันที
 
“เซน…อะ…ได้โปรด..หยุดที”
 
ไร้ผล…เซนไม่สนใจคำวิงวอนของเพื่อนคนนี้  แต่กลับหัวเราะอย่างสะใจบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียงนัก  คอยมองดูไผ่โดนกลุ่มชายอื่นนอกจากตัวเขาข่มขืนอย่างเพลิดเพลิน
 
“ว้อย  หนวกหูจริง”
 
หนึ่งในกลุ่มนั้นทนความรำคาญไม่ไหวจึงจับปากของไผ่ให้เผยอออกแล้วดันให้อมส่วนแข็งของเขา  ไผ่พยายามหันหน้าไปทางอื่นแต่ด้วยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นไหนเลยจะสู้แรงนักกีฬาได้  เขาจับศีรษะของไผ่ให้หันตรงและแทงส่วนแข็งนั้นเข้าไป  พร้อมทั้งดันเข้าออกอย่างสำราญใจ
 
อยากจะอ้วก  ขยะแขยงเหลือเกิน  ไม่เอาแล้ว….ไม่ไหวแล้ว….
 
สติพลันดับวูบ  ภาพเบื้องหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทเหมือนอย่างที่เจ้าของร่างปรารถนา  อยากจะหนีไปจากความจริงอันแสนโหดร้ายนี้
 
“แม่งสลบไปแล้วว่ะ  ไอ้เซน  เอาไงต่อ”
 
เซนที่เฝ้ามองเหตุการณ์มาตลอด  ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำและออกมาพร้อมกับน้ำหนึ่งขัน  ตรงมายังไผ่ที่สลบอยู่บนเตียง
 
ซ่า!
 
น้ำในขันถูกสาดไปยังหน้าของไผ่  อย่างไร้ซึ่งความปราณี
 
“แค่ก แค่ก!”
 
ไผ่ฟื้นคืนสติอีกครั้ง  สายตาจับจ้องไปยังเซนที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก
 
“ถ้านายสลบอีก  ฉันก็จะสาดน้ำนาย  และจะทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ  ฉันจะไม่ยอมให้นายได้สบายหรอกนะ”
 
เซนกลับไปนักที่เดิมและรอดูการพังทลายของเพื่อนเขาต่อไป
 
“เฮ้ย พวกเรา  ต่อเว้ย  ฮ่าๆๆ”
 
“ไม่….ใครก็ได้…ใครก็ได้…ช่วยด้วย”
 
“หึ  ใครมันจะมาช่วยกัน  บ้านนี้อยู่ห่างจากถนนใหญ่เยอะอยู่นะ  อีกอย่างบ้านแต่ล่ะหลังก็ถูกขั้นด้วยสวนส้มโอ  เพราะฉะนั้น…ไม่มีใครช่วยนายได้หรอก”
 
สิ้นเสียงเย็นชานั่น  กลุ่มชายหนุ่มก็เริ่มจัดการกับร่างเล็กอีกครั้ง
 
“อ๊า  อ่ะ  อา  อึก  อ๊า!!!!!”
 
เสียงร้องนั้นยังคงดังระงม  หากแต่ไม่มีใครช่วยได้เลย….


 *******************************************************************

@nunnan  ไม่ทำอะไรเซน ไม่ได้หรอกค่ะ  เพราะแคนโรคจิต ชอบรังแกตัวละครน่ะ  แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ  แคนไม่ได้คิดชื่อเรื่องนี้ไว้เป็นภาษาไทยเลย  แถม อีโมนั้น แคนก๊อปของเก่ามาวาง เลยไม่ได้มาใส่ใหม่อยู่เเล้ว...ซวยเลย

@mildsoshi  เซนเป็นพวกโมโหแล้วเลือดขึ้นหน้า แบบหน้ามืดตามัวไปเลยค่ะ  ช่างเป็นคนโมโหร้ายโดยแท้  ตอนนี้คนที่ไผ่เรียกหา กลายเป็นแทมินไปซะแล้ว  บันไซ(?) 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 19 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 11-03-2013 19:30:28
แต่ตอนนี่ เซนก็ใจร้ายยยจริงๆ อ่ะะ เดี่ยวเป็นโรคจิตตามบ้างงดีไหมน้าา o18 o18
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 19 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 13-03-2013 13:47:43
เลวมากนี่หรือคือเพื่อนสนิท



ไผ่ช่างน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 19 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 13-03-2013 16:01:54
 :serius2: ม่ายยยยยย ตายซะเหอะ เซน!!!!!
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 20 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 14-03-2013 13:09:18
ตอนที่ 20 ร่องรอยของฝันร้าย



“เฮ้ย  พวกแก  เอารถมากี่คันวะ”
 
เซนเอ่ยถามขนาดที่เขากำลังพากลุ่มเพื่อนๆออกมาจากบ้านหลังจากที่พวกเพื่อนๆของเขาได้รับความสุขสำราญจากร่างเล็กเพื่อนสนิทของเขา
 
“รถเก๋งสองคันว่ะ  มีไรเหรอ”
 
หนื่งในนั้นตอบ
 
“ทิ้งไว้ที่นี่คันนึงสิ  กูขี้เกียจกลับรถทัวร์”
 
“ตามใจมึงก็แล้วกัน  พวกกูกลับก่อนนะ  อยากให้จัดการอีกก็บอกแล้วกันพวกกูจะตามมาสนองให้ถึงที่”
 
“พอเลย  กลับไปได้แล้วไป”
 
“ไรว้า  ใช้งานเสร็จแล้วไล่  จำไว้ๆ”
 
รถคันหนึ่งแล่นออกไปจากที่แห่งนั้น  เซนเดินกลับเข้ามาในบ้านและตรงไปดูเพื่อนสนิทของเขาที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่ไหวติง  รอยจูบมากมายบนต้นคอและบริเวณอก  รอยแดงที่แขนอันเกิดจากแรงเสียดสีของเชือก รอยช้ำตามร่างกายอันเกิดจากการบังคับและทุบตี  และรอยเลือดที่แห้งเกรอะกรังบนผ้าปูเตียงนั้น…..
 
นี่เรา….ทำเกินไปรึเปล่านะ
 
ความรู้สึกผิดเริ่มเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ  ตอนนี้ความรู้สึกแค้นใจที่ต่อเพื่อนคนนี้หายไปหมดสิ้น  ทั้งๆที่ไผ่ได้พังทลายไปอย่างที่เขาต้องการแล้ว  แต่ทำไมเขาถึงไม่มีความสุข
 
คิดแล้วพลันสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดแบบนั้น  เขาจะใจอ่อนไม่ได้  มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ไผ่เกลียดเขา  และเมื่อไผ่เกลียดเขาแล้วทิวก็จะได้ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธความรักของเขาอีก
 
ร่างเล็กขยับน้อยๆอย่างอ่อนแรง….
 
ช่วยไม่ได้…อีกหนึ่งวันที่เหลือจะปล่อยให้นอนพักก็แล้วกัน….
 
                +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
“เสร็จแล้วเว้ย!  เย้ๆ”
 
กลุ่มเพื่อนของแทมินตะโกนลั่น  ในที่สุด รายงานภาคนิพนธ์ที่พวกเขาทำกันอย่างหามรุ่งหามค่ำ  (เพราะพลัดวันประกันพรุ่งกันมาตลอดจนเหลือเวลาส่งอีกแค่ไม่กี่วัน)  ก็เสร็จเสียที
 
ไม่รอช้า  พวกเขารีบวิ่งตรงไปยังห้องพักอาจารย์ เพื่อส่งรายงานฉบับนั้น  อาจารย์หยิบขึ้นมาค่อยตรวจดูไปทีละหน้าๆ แล้วหันมาพยักหน้าเป็นเชิงผ่านให้พวกเขาได้เฮกันอีกครั้ง
 
“เฮ้ย  เสร็จงานแล้วกขอกลับบ้านก่อนนะ”
 
แทมินขอตัวกลับหลังจากที่ออกมาจากห้องพักอาจารย์
 
“จะรีบไปไหนของมึงวะ  ไปฉลองกันก่อนดิ  อุตส่าห์ทำเสร็จทันเวลานะมึง”
 
 “แต่กูคิดถึงพ่อกูอ่ะ”
 
“ไม่ต้องมาแหลสดเลยนะมึง  พวกกูรู้นะว่ามึงไม่ได้คิดถึงพ่อมึงหรอก  คิดถึงแฟนมึงอ่าดี้  ฮ่าๆๆๆ”
 
“…เออ  ใช่  เพราะงั้น  กูกลับล่ะ”
 
“เฮ้ยยยย  ไม่ได้ๆ  ไปฉลองกันก่อน  ไม่งั้นพวกกูไม่ให้มึงกลับ”
 
เพื่อนๆตรงเข้าล็อกคอของแทมิน  แล้วลากเขาไปฉลองกันอย่างสนุกสนาน….
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
‘อย่า  หยุดนะ!’
 
ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขาเลย  เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากจนขาดวิ่น  กลุ่มชายมากมายที่เขาไม่รู้จัก  จับขาของเขาแยกออกจากกันและพากันรุมขมขืนเขาอย่างทารุณ
 
‘ไม่..ไม่นะ…ม่ายยยยยยย!!!’
 
ร่างเล็กสะดุ้งตื่นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมากจนแทบชุ่ม
 
“ฝัน…”
 
เขาหันซ้ายหันขวา  ไม่มีใครอยู่ในห้อง  ทุกอย่างเหมือนอยู่ในสภาพเดิม  ผ้าปูเตียงที่ขาวสะอาด  และเขาเองก็สวมใส่เสื้อผ้าอยู่  หลงนึกดีใจว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นเป็นแค่ฝันร้าย  หากแต่รอยแดงจากเชือกที่ข้อมือมันทำให้เขาต้องใจหาย  นี่ไม่ใช่ความฝัน…
 
เสียงประตูเปิดออกทำให้เขาต้องสะดุ้งอีกครั้ง  เซนเดินเขามาพร้อมกับกระเป้าเป้
 
“ตื่นแล้วสินะ  ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ  เอานี่เป้ของนาย  ฉันเก็บให้เสร็จหมดแล้ว”
 
เซนที่เดินเข้ามาใกล้ๆไผ่เพื่อหวังจะเอาเป้มาตั้งใกล้ๆ  แต่มันกลับทำให้ไผ่ถอยห่างจากเขา…
 
ไผ่รีบลงจากเตียงในทันที  แต่ความอ่อนแรงและความเจ็บปวดที่ช่องทางนั้นยังคงมีอยู่  ทำให้เขาทรุดตัวทันที
 
“ไผ่!”
 
เซนรีบเขามาพยุงไผ่ที่กำลังจะล้ม  หากแต่สิ่งที่ได้ตอบคือการสะบัดมือปัดมือของเซนที่ยื่นเข้ามาหวังจะช่วยพยุงเขาเอาไว้
 
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ….”
 
น้ำตาที่ไหลเอ่อล้นออกมากับร่างที่สั่นเท่านั้น  ยิ่งทำให้เซนรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก  หากแต่เซนยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สา
 
“จะกลับหรือไม่กลับ  ถ้ากลับก็ตามมาซะ  ไม่ต้องห่วงหรอก  ฉันไม่ทำอะไรนายแล้ว…”
 
เซนหยิบเป้ของเขาและของไผ่ออกมาจากห้อง  ไผ่เองก็อยากออกไปจากที่นี่  แม้ขาจะยังไร้เรี่ยวแรงแต่เขาก็ยังพยายามเดินตามเซนไปจนถึงรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน
 
“คุณป้ากลับมาแล้วล่ะ  ตอนนี้คงกำลังเอารูปเมื่อตอนอยู่เซี้ยงไฮ้ไปอวดคนข้างบ้านอยู่แน่ๆ”
 
เซนพยายามชวนไผ่คุย  แต่มีเพียงความเงียบเท่านั้นเป็นคำตอบ
 
ไผ่เปิดประตูรถและเข้าไปนั่งอยู่ในนั้น  เซนถอยรถออกมาและขับออกไปเพื่อตรงกลับกรุงเทพฯ
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
กินเวลามานานนัก  รถก็จอดที่หน้าบ้านของผม  ผมรีบเปิดประตูรถและตรงเข้าไปในบ้านทันที
 
“อ่าว  กลับมาแล้วเหรอไผ่  เหนื่อยไหม”
 
ทิวออกมาต้อนรับผมแต่ผมไม่มีกะใจจะมาสนใจเขา  ผมรีบตรงไปยังห้องนอนของผมทันที
 
ประตูห้องถูกปิดพร้อมล็อคกุญแจเอาไว้  ผมเดินเขาไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้อง  พร้อมถอดเสื้อผ้าออกเพื่อที่จะอาบน้ำเพื่อให้ความขยะแขยงที่มันรุกรานใจผมอยู่นั้นหมดสิ้นไป  เมื่อเสื้อถูกปลดออก  สิ่งที่ผมเห็นในกระจกมันทำให้ผมแทบจะล้มทั้งยืน
 
รอยแดงมากมายที่บริเวณต้นคอและอก  รอยช้ำตามตัวนั้น…ต้องลบมันออก!!
 
ผมรีบเปิดฝักบัว  และเอาหินขัดตัวมาถูกรอยที่น่าขยะแขยงเหล่านั้น
 
ออกไปสิ  ออกไปให้หมด!
 
แต่ไม่ว่าจะทำสักเท่าไหร่  รอยเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะหายไป  ต่อให้ขัดจนผิวหนังมีรอยถลอกจนเป็นแผลอย่างไร มันก็ยังคงอยู่…..
 
สกปรกที่สุด….
               
ผมไม่สามารถขัดทำความความสะอาดให้รอยพวกนั้นหมดไปได้  จึงออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวใหม่  เมื่อหันไปมองนาฬิกา  ก็พบว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลาทำงานพิเศษแล้ว
 
พี่แทมิน…ผมอยากเจอพี่เหลือเกิน….
 
ผมไม่รอให้เวลาเริ่มงานพิเศษมาถึง  ผมออกจากบ้านเพื่อไปยังบ้านของพี่แทมิน  อยากเจอพี่แทมิน  อยากจับมือที่อบอุ่นนั่น  อยากให้เขาอยู่เคียงข้าง…
 
ทันทีที่ผมมาถึงบ้านของพี่แทมิน  สายตาของผมก็มองหาแต่เขา
 
“อ่าวไผ่  กลับมาแล้วเหรอ  เป็นไง  สนุกไหม”
 
เถ้าแก่ทักทันทีที่เห็นผม
 
“พี่แทมินล่ะครับเถ้าแก่”
 
“แทมินเหรอ  มันยังไม่กลับมาเลย”
 
“งะ…งั้นเหรอครับ”
 
ผมไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้ว  ผมแค่อยากเจอพี่แทมินก็เท่านั้นเอง….
 
“พ่อ  กลับมาแล้ว”
 
เสียงที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นมานั้น  มันทำให้ผมหันควับไปยังต้นเสียง  พี่แทมินกลับมาแล้ว
 
“ไผ่  ไผ่มารอรับฉันเหรอ^^”
 
อา…รอยยิ้มนั้นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นจริงๆ  ความอ่อนล้านั้นแทบจะหายไปหมด
 
“มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”
 
“โกหกไม่เก่งเอาซะเลยนะ^^”
 
พี่แทมินเดินเข้ามาหาผมทันทีที่ถอดรองเท้า  แต่แล้วเขากับชะงักอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับจ้องมองผมด้วยสีหน้าที่แตกต่างไปจากเมื่อครู่
 
“เป็นอะไรเหรอครับ”
 
“นั่นรอยอะไรน่ะไผ่”
 
                นิ้วของพี่แทมินชี้มาที่บริเวณต้นคอของผม  ผมรีบเอามือกุมปิดมันไว้ทันที
 
มัวแต่อยากเจอกับพี่แทมินจนลืมปกปิดมันเสียสนิท  ไม่นะ…มันต้องไม่เป็นแบบนี้!
 
“เอามือออกสิไผ่  ให้ฉันดูหน่อย”
 
พี่แทมินจับข้อมือของผมเพื่อหวังจะได้เห็นรอยแรงชัดขึ้นแต่ความเจ็บที่ข้อมันก็แล่นปลาบขึ้นมา
 
“โอ้ย”
 
พี่แทมินหยุดทันทีที่ผมร้อง  พร้อมกับคลายมือที่จับข้อมือของผม  ร้อยเชือกที่ข้อมือของผมค่อยๆปรากฏให้พี่แทมินเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นอีก
 
“นี่มัน  รอยอะไรกันแล้วไหนจะรอยที่คอนั่นอีก….”
 
สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของพี่แทมินนั่นทำให้ผมเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อนึกถึงฝันร้ายนั่น  ขอร้องล่ะ  อย่าถามผมเลย  ได้โปรด  อย่ารู้เลย  ถ้าหากพี่รู้  พี่ต้องถอยห่างจากผมแน่ๆ…


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

@nunnan  อย่าเป็นเลยค่ะ  ให้แคนโรคจิตคนเดียวพอ o13

@fannan  เป็นอารมณ์ที่คนเขียนอยากแกล้งตัวละครค่ะ  อีกสาเหตุนึง แสดงให้เห็นว่า เซนเป็นพวกโมโหร้าย บวกเหล้าช่วยในการตัดสินใจด้วยล่ะมั้งคะ//อย่าไปสนความเป็นจริงเลยเนอะ

@KARMI  เซนยังตายตอนนี้ไม่ได้น้าาาาาา เพราะเซนต้องอยู่รับกรรมก่อน
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 21 P.2) [10/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 17-03-2013 13:44:37
ตอนที่ 21  คำสัญญาจากอ้อมกอดนั้น (Taemin talk)




“นี่มันรอยอะไรน่ะไผ่”
 
รอยแดงที่ต้นคอนั่น  แล้วไหนจะรอยแดงที่ข้อมืออีก  ช่วงที่ผมไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้นกับไผ่กันแน่
 
ไร้ซึ่งคำตอบ  ไผ่ได้แต่หลบตาผมด้วยการก้มหน้า  ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้หรอก  ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับไผ่
 
“พ่อ  ผมยืมตัวไผ่แปปนะ”
 
ผมตะโกนถามพ่อที่ยืนอยู่หน้าร้าน
 
“อย่าช้าล่ะ  ลูกค้าเริ่มจะเข้ามากันแล้ว”
 
ทันทีที่พ่ออนุญาต  ผมก็ลากตัวตัวเข้าไปยังห้องนอนของผม  ไผ่ยังคงหลบตาผมอยู่เช่นเดิม
 
“ว่ายังไง  บอกฉันได้ไหมว่านั่นรอยอะไร”
 
“ผม...ก็แค่โดนแมลงกัดเท่านั้นเองครับ”
 
“แล้วรอยแดงที่ข้อมือล่ะ”
 
“ผม...”
 
ไผ่เอาแต่ก้มหน้าไม่รู้จะหาเหตุผลใดมาตอบผมได้  มันดูแล้วเหมือนกับเด็กที่กำลังหาทางโกหกอยู่อย่างนั้นล่ะ
 
“ไผ่กำลังโกหกฉันอยู่”
 
“เปล่านะ  ผมไม่ได้...”
 
ไม่ทันที่ไผ่จะพูดจบ  ผมก็ดึงคอเสื้อของไผ่ด้วยความโมโห  ทำให้ผมได้เห็นรอยแดงจำนวนมากที่มันลามมาถึงบริเวณไหล่ด้วย
 
“แมลงอะไรมันจะกัดเยอะได้ขนาดนี้”
 
ไผ่ไม่ตอบผมเลย  มันยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด  เหมือนเป็นคนบ้าพูดอยู่ได้คนเดียว  ผมจึงกระชากเสื้อของไผ่จนหลุดลุ้ย  ผมไม่สนแล้วว่าไผ่จะว่ายังไง  แต่ผมไม่ชอบให้ไผ่ทำแบบนี้จริงๆ
 
“ไม่นะ!”
 
ไผ่ผลักผมออก  และถอยห่างจากผมจนตัวติดกับผนังห้อง  หยดน้ำตาหลั่งไหล  และตัวเริ่มสั่น  รอยแดงจำนวนมากมายทั้งต้นคอ  หรือบริเวณหน้าอก  รอยช้ำตามร่างกาย  หรือแม้แต่รอยที่ดูเหมือนเชือกที่ข้อมือนั่น  มันทำให้ผมไม่อยากจะนึกเลยว่า  สิ่งที่ผมกำลังเดาอยู่นี้มันถูกต้องรึเปล่า
 
“อย่าบอกนะไผ่...ว่า”
 
“อย่ามองนะ!”
 
ไผ่ยกมือขึ้นมากอดตัวเองเหมือนจะพยายามปกปิดไม่ให้ผมเห็นร่างกายของเขาไปมากกว่านี้  ตัวของไผ่สั่นมากขึ้นเรื่อยๆ  และน้ำตานั่นก็ไหลมากขึ้นเช่นกัน
 
“ตัวผมในตอนนี้  มันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
 
เสียงสั่นๆนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บเหลือเกิน  สิ่งที่ผมเดาไว้มันถูกต้องสินะ...
 
“ตัวผมมันสกปรกไปหมดแล้ว...ฮือ...”
 
ผมเข้ากอดร่างที่สั่นเทานั้นไว้  ถึงแม้ว่าร่างนั้นจะดิ้นหนีสักเพียงไรผมก็คงปล่อยไปไม่ได้หรอก    ถ้าหากผมปล่อยมือจากร่างนี้ไปล่ะก็  ไผ่คงแหลกสลายไปโดยที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย...
 
“ไผ่...ไผ่ฟังฉันนะ”
 
“...”
 
“ไม่ว่าไผ่จะเป็นยังไง  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไผ่  ความรู้สึกของฉันก็ยังไม่เปลี่ยน”
 
ร่างในอ้อมกอดเริ่มหยุดดิ้น  หากแต่หยดน้ำตานั้นยังคงไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย...
 
“สำหรับฉันแล้ว  ไผ่ยังสวยงามเสมอ  ไม่ได้สกปรกอย่างที่พูดเลยสักนิด”
 
ผมเพิ่มแรงกอดไผ่ให้แน่นขึ้นไปอีก  ผมกลัวเหลือเกิน  กลัวว่าไผ่จะเลือนหายไปจากอ้อมกอดนี้
 
“ไผ่ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ  ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะอยู่เคียงข้างไผ่ตลอดไป”
 
และแล้ว  มือเล็กนั่นก็กอดผมเป็นการตอบกลับ...
 
ได้โปรดเถอะ  จะเป็นเทพเจ้า  เทวดา  ปิศาจหรืออะไรก็ได้...ได้โปรดทำให้คนที่ผมรักหยุดสั่นเสียที  ได้โปรดทำให้คนที่ผมรักหยุดร้องไห้เสียที...
 
“ฉันรักไผ่..”
 
“...”
 
“และจะรักไผ่เพียงคนเดียวตลอดไป”
 
ไม่มีคำพูดใดๆดังขึ้นอีก  เราทั้งสองต่างเงียบงัน  มีเพียงความอบอุ่นของอ้อมกอดนี้เท่านั้น  ที่ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ไผ่ยังไม่ได้หายไปไหน
 
“ต่อจากนี้ไป  ฉันจะเป็นความสุขให้ไผ่นะ”
 
ไผ่กอดผมแน่นยิ่งขึ้นที่ได้ยินคำพูดนี้
 
“น้ำตากับสีหน้าเศร้าสร้อยแบบนี้น่ะ  ไม่เหมาะกับไผ่เลยสักนิด”
 
“...”
 
“ไผ่เหมาะกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มมากกว่าอีกนะ”
 
ผมจับไหล่ของไผ่แล้วค่อยดันให้ออกห่างเพื่อที่ผมจะได้เห็นหน้าของไผ่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น  บัดนี้น้ำตาของไผ่ได้หยุดไหลแล้ว    ใช่แล้วล่ะ  ไผ่ไม่เหมาะกับน้ำตาเลยสักนิดเดียว
 
“ต่อจากนี้ไปฉันจะทำให้ไผ่มีความสุข  จะไม่ทำให้ไผ่ต้องเป็นเสียใจ  ไม่มีวัน”
 
“จริงเหรอ...พี่พูดจริงๆ...ใช่ไหม”
 
เสียงที่ฟังดูแหบพล่านั้น  มันทำให้ผมมั่นใจอย่างที่สุดว่าผมจะทำให้ได้อย่างที่พูดเอาไว้  จะไม่มีวันทำให้บุคคลตรงหน้านี้ต้องเสียใจ  ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม...
 
“ฉันสัญญา....”
 
ผมค่อยก้มหน้าลงเพื่อจูบไผ่  แม้ว่าไผ่จะมีท่าทีขัดขืนบ้างแต่ไม่นานเขาก็ยอมรับจูบของผม  สองมือของผมได้โอบกอดไผ่เอาไว้อีกครั้ง  ไผ่เองก็เช่นกัน  เมื่อผมถอดถอนปากออกจากไผ่  ผมก็ขยับแรงกอดให้แน่นขึ้นเพื่อให้ไผ่ได้ซบกับอกของผม
 
“ฉันรักไผ่”
 
ถึงแม้จะไม่มีเสียงตอบรับที่ผมต้องการก็ไม่เป็นไร  ถึงแม้ว่าอนาคตข้างหน้า  ไผ่ยังไม่รักผมก็ช่าง  ขอแค่ให้ผมได้รักไผ่อย่างนี้ต่อไป...แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :z3: :z3: :z3: :z3:
 
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 21 P.2) [17/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 17-03-2013 16:56:52
มอบโล่ ให้ แทมิน  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 22 P.2) [17/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 18-03-2013 13:13:13
ตอนที่ 22  แทยอง...ฝันร้ายยังหลอกหลอน



“ไผ่  ฉันมีของจะให้ไผ่ด้วยนะ “
 
“อะไรเหรอครับ”
 
พี่แทมินหยิบเอาสิ่งของบางอย่างในกระเป๋า  แล้วส่งให้ผม  มันคือ โทรศัพท์มือถือนั่นเอง
 
“รับเอาไว้สิ^^”
 
“ไม่ได้หรอกครับ  นี่มันโทรศัพท์นะครับไม่ใช่ลูกอม จะได้ให้กันง่ายๆ”
 
“-*-“
 
“ยังไงผมก็รับเอาไว้ไม่ได้หรอก”
 
“ถ้าไม่เอา  ฉันโกรธจริงๆด้วยนา - -^”
 
พี่แทมินยัดโทรศัพท์มือถือใส่มือของผมโดยไม่ฟังคำทักท้วงของผมเลย
 
“พกมันเอาไว้นี่แหล่ะดีแล้ว  เวลามีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้  อีกอย่าง  เวลาคิดถึงจะได้โทรหากันไง >v<!!!”
 
“- -^”
 
“เอาล่ะ  ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวพ่อจะว่าเอา  ^^”
 
ผมเดินลงมาชั้นล่างเพิ่มเริ่มทำงานของตัวเอง  เถ้าแก่ที่อยู่บริเวณเคาท์เตอร์หันมาแซวพวกผม
 
“แหม  กว่าจะลงมากันได้นะ  ไอ้เรารึนึกว่าจะขึ้นไปทำอะไรกันซะอีก”
 
ผมหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่เถ้าแก่พูดแบบนั้น  พี่แทมินที่เดินลงมาทีหลัง  มาได้ยินเข้าพอดีก็หัวเราะคิกคัก  พร้อมชูนิ้วโป้งและขยิบตาให้เถ้าแก่
 
“ของแบบนี้มันแน่นอนอยู่แล้วพ่อ”
 
และแล้วทั้งสองพ่อลูกก็พากันหัวเราะตามกันอย่างกับโรตติดต่อ
 
“=///=”
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
ถึงเวลาเลิกงานแล้ว  ผมช่วยพวกเถ้าแก่เก็บร้าน  ใจหนึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าหากผมกลับบ้านแล้วล่ะก็  ไม่แน่  ผมอาจจะเจอกับเซนก็เป็นได้  เมื่อคิดได้ดังนั้นความกลัวก็เริ่มเกาะกุมหัวใจของผม  ไม่อยากกลับไป  เพราะถ้ากลับไปก็ต้องเจอกับเซน...
 
“ไผ่  เป็นอะไรรึเปล่า  ดูหน้าซีดๆ”
 
พี่แทมินเดินเข้ามาใกล้ๆ  และเอาหลังมือแตะหน้าผากของผม
 
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”
 
“เอ่อ  พี่แทมิน  คือว่า...”
 
“มีอะไรเหรอไผ่”
 
“คืนนี้...ขอผมค้างที่นี่ได้ไหมครับ”
 
“O_o!!!”
 
“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะครับ =_=”
 
“กะ..ก็  ดีใจอ่ะ  ได้เลยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว^^”
 
“ขอบคุณนะครับ”
 
“จะโทรบอกที่บ้านรึยังล่ะ”
 
“....ไม่ครับ  ผมไม่โทร”
 
ถ้าหากโทรไป  คนที่รับก็อาจจะเป็นคนชื่อทิว  ถึงยังไงคนที่เคยเป็นพ่อแม่ของผมก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้วนี่ว่าผมจะเป็นยังไง
 
“งั้นก็เอาตามที่ไผ่สบายใจก็แล้วกันนะ”
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
ผมทานข้าวร่วมกับเถ้าแก่และพี่แทมิน  เถ้าแก่ไม่ว่าอะไรที่ผมจะมานอนค้างที่นี่ด้วย  ตรงกันข้ามกลับดีใจ  ตักกับข้าวหลายอย่างใส่ในจานผมจนพูนไปหมด  ทำไมพวกเขาถึงได้ดีกับผมถึงขนาดนี้กันนะ  ผมคิดว่าพี่แทมินเขาแสดงชัดเจนว่าเขาชอบผม  และดูท่าว่าเถ้าแก่เองก็ไม่คัดค้านแถมยังสนับสนุนอีก  มันไม่เหมือนกับครอบครัวอื่นๆเลย  แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยปากถามพวกเขาไป...
 
ผมอาบน้ำและเปลี่ยนชุดนอนโดยยืมของพี่แทมินใส่  พี่แทมินถูกที่นอนข้างเตียงเอาไว้
 
“เอาล่ะ  ไผ่นอนบนเตียงนะ^^”
 
“-*-“
 
“อ่าว ทำไมล่ะO_O”
 
“ผมว่าผมนอนพื้นนั้นล่ะครับดีแล้ว”
 
“ง่า...แต่ว่า”
 
“ผม....กลัวครับ...กลัวที่จะต้องนอนบนเตียง”
 
เมื่อผมเห็นเตียงแล้ว  ภาพของฝันร้ายทั้งหมดมันก็แล่นผ่านหัวเหมือนเครื่องฉายหนัง  พี่แทมินก็หยุดที่จะค้านผม
 
“แต่ถึงยังไงก็เถอะ  ฉันจะนอนพื้นด้วย   ^^”
 
“=_=”
 
“ง่า....ฉันนอนบนเตียงก็ได้ T [] T”
 
หลังจากที่พี่แทมินยอมแต่โดยดี  ผมก็หันไปเห็นกรอบรูปๆหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือข้างเตียง  เป็นรูปของบุคคลสองคน  ผมคิดว่าหนึ่งในนั้นคือพี่แทมินในวัยเด็ก  ประมาน13-15 ปีล่ะมั้ง  ส่วนชายอีกคนหนึ่งอายุน่าจะพอๆกับผม  ผมไม่รู้ว่าใครแต่ว่าหน้าตาคล้ายพี่แทมินกับเถ้าแก่มากเลย
 
“ฉันตอนเด็กน่ารักใช่ไหมล่ะ^^”
 
“ค่อนข้างจะหลงตัวเองนะครับ”
 
“= [] =”
 
“-*-“
 
“อีกคนคือแทยอง เป็นพี่ชายฉันเอง”
 
“ผมมาทำงานที่นี่ก็เกือบสามปีแล้วแต่ไม่เคยเห็นเขาเลยนะครับ”
 
“แน่อยู่แล้วล่ะ  ก็ฮยองน่ะ  ตายไปตั้ง 6 ปีแล้วนี่นา”
 
สายตาของพี่แทมินดูเหม่อลอยเมื่อพูดเรื่องนี้  นี่ผมไม่สงสัยในเรื่องที่ไม่ควรรู้รึเปล่านะ”
 
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
 
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่นา  ไผ่ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย”
 
พี่แทมินเอามือมายีหัวผมเป็นเชิงว่าอย่าคิดมากไปเลย  แววสายตาก็ไปจับจ้องที่รูปอีกครั้ง
 
“ก่อนที่ฮยองจะตาย  ได้บอกกับฉันว่า  อย่าทำให้คนรักต้องเจ็บปวด  อย่าทำให้คนรักต้องเป็นเหมือนเขาเด็ดขาด  อะไรประมาณนั้นล่ะ”
 
“ทำไมพี่แทยองถึง...ตายล่ะครับ”
 
นี่ผมกำลังอยากรู้ในเรื่องที่ไม่ควรอยู่รึเปล่านะ  แต่ว่าผมสงสัยจริงๆนี่นา
 
“ฮยองน่ะ  ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนักหรอก  ปอดก็ไม่ค่อยแข็งแรงด้วย  ที่ตายไปก็เพราะฝืนสังขารตากฝนทั้งคืนจนอาการทรุดหนักจนสุดท้ายก็ต้องตาย....  ดึกแล้ว นอนกันเถอะ^^”
 
การที่พี่แทมินเปลี่ยนเรื่องแบบนี้นั้นหมายความว่ามันคงเป็นเรื่องที่พี่แทมินไม่อยากจะพูดถึงแน่ๆ  ผมนี่บ้าจังเลยที่เอาแต่อยากรู้จนไม่ทันไม่คำนึงถึงความรู้สึกของพี่แทมิน
 
“ไม่ต้องทำหน้าคิดมากแบบนั้นก็ได้  ฉันดีใจนะที่ไผ่อยากรู้เรื่องของฉัน  นั่นแสดงให้เห็นว่าไผ่เริ่มสนใจในตัวฉันแล้วยังไงล่ะ^^”
 
“-*-“
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
ภาพชายหนุ่มผู้ถูกมัดไว้อยู่บนเตียงที่มีคราบเลือดเปรอะเปื้อน  เหล่าชายแปลกหน้าพากันรุมเพื่อสรรหาความหรรษาจากชายคนนั้น  หลายต่อหลายครั้ง  หากดิ้นรนขัดขืนสิ่งที่ได้รับมีเพียงความรุนแรงและชายคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น  มันคือผมเอง....
 
“ม่ายยยยยย!”
 
เสียงร้องดังก้องไปทั่วห้องนอน  ฝันร้ายนั่นกลับมาอีกแล้ว  น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ว่ามันมาจากไหนมากมาย  ร่างกายกลับมาสั่นอีกครั้ง  กลัวเหลือเกิน  ผมกลัว!!!
 
“ไผ่!!”
 
เสียงร้องของผมได้ปลุกให้พี่แทมินตื่น  เมื่อพี่แทมินเห็นผมในสภาพนั้นก็รีบเข้ามาก่อนผมทันที
 
“ไผ่  นี่ฉันเองนะแทมินไง”
 
ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดนั้น  เวลานี้ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง  ทั้งฝันร้าย  ทั้งการสัมผัส
 
“ฮือ...ปล่อยผม..ผมกลัว..ฮือ”
 
“ไม่มีอะไรน่ากลัวทั้งนั้น  ค่อยตั้งสตินะไผ่”
 
พี่แทมินกอดผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ
 
“  ไม่ต้องกลัวนะ  ฉันจะนอนเป็นเพื่อนไผ่เอง  ดีไหม”
 
และแล้วพี่แทมินก็ล้มตัวลงนอนพร้อมกับผมที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา  พี่แทมินนอนกอดผมอยู่เช่นนั้นไม่ปล่อย  และพูดปลอบประลอบไม่ให้ผมกลัวแบบนั้นจนกระทั้งผมหลับ....
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


.......แคนไม่รู้จะบรรยายอะไรดีค่ะ  :freeze:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 23 P.2) [21/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 21-03-2013 12:59:47
ตอนที่ 23 ความฝันยามเช้า...ความวุ่นวายเล็กๆ(?)ในบ้านหลังนั้น



            ยามเมื่อผมลืมตาขึ้นมาในตอนเช้า  สิ่งที่ผมเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือแผงอกที่ไม่คุ้นเคยของบุคคลที่นอนกอดผมอยู่ในตอนนี้  มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี้ย!!!
 
                ผมรีบผละออกจากอ้อมอกนั้นแล้วยันตัวนั่งจากรีบร้อนเป็นเหตุผลให้พี่แทมินต้องตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย
พี่แทมินหันหน้ามามองผมต้องสายตาของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มที่  พริบตานั้นพี่แทมินก็ใช่แขนดึงผมเข้าไปกอด  แก้มของผมก็ถูกคนตรงหน้าหอมเข้าไปฟอดใหญ่
 
                “สวัสดีตอนเช้านะที่รัก”
 
                ไม่ว่าเปล่า  มือข้างหนึ่งของเขาก็ล้วงเข้าไปในกางเกงของผมและ....
 
โครม!!
 
ผมผลักพี่แทมินออกไปจนล้มไปบนที่นอน  และดูเหมือนว่าพี่แทมินจะได้สติแล้ว
 
                “ไผ่ผลักฉันทำไมอ่า”
 
                ว่าพลางเกาหัวอย่างงงๆ  เพิ่งผ่านมาเมื่อกี้พี่ลืมแล้วงั้นเหรอ
 
                “กะ...ก็พี่พูดอะไรก็ไม่รู้  อยู่ๆมาหอมแก้มแล้วยังเรียกผมว่าที่รักอีก  แถมยังไปจับ....”
 
                “เอ๋  นี่ไผ่รู้ได้ยังไงว่าฉันฝันแบบนั้น”
 
                ผมหน้าแดงขึ้นทันที  ฝันงั้นเรอะ! พี่แทมินกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!!!!!
 
                “มันใช่ฝันที่ไหนกันเหล่า!”
 
                “หา?  งั้นอย่าบอกนะว่าที่ฉันทำไปเมื่อกี้นี้...”
 
                ผมพยักหน้าเป็นคำตอบให้  ทำเอาพี่แทมินเริ่มหน้าแดงขึ้นมานิดๆ
 
                “ขอโทษ  คือฉันไม่ได้ตั้งใจ  ขอโทษจริงๆนะ”
 
                “นี่ในหัวพี่กำลังคิดอะไรกับผมอยู่กันแน่ - -^”
 
                “ง่า...ก็คิดอย่างที่ปฏิบัติไปเมื่อครู่นี่แหล่ะจ้า>v<!!”
 
                “....สุดท้าย  พี่ก็ไม่ได้ต่างไปจากคนพวกนั้น...”
 
                ผมรีบลุกขึ้นจากที่นอนแล้วออกจากห้องไปต่อหน้าพี่แทมินที่ดูจะตกใจและอึ้งกับคำพูดของผมเมื่อครู่นี้
 
                ประตูบ้านเปิดเอาไว้  ผมเดินออกไปโดยไม่ได้เอ่ยอำลาและขอบคุณเถ้าแก่ที่กวาดขยะอยู่หน้าร้าน
 
                “ไผ่!  เดี๋ยวก่อน!”
 
                พี่แทมินรีบวิ่งออกมาจากบ้าจนตามผมทันและคว้ามือของผมเอาไว้  ผมพยายามสะบัดมันออกไปแต่ว่าพี่แทมินก็ยังไม่ยอมเปิด
 
            “ปล่อยผมนะ”
 
                “ไม่ปล่อย  ฉันขอโทษนะไผ่  แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง  ฉันไม่นึกว่าไผ่จะโกรธฉันขนาดนี้”
 
                “พี่ไม่รู้หรอกว่าผมต้องไปเจอกับอะไรมาบ้าง  ถึงยั่งงั้นแล้วพี่ก็ยังทำเหมือนกับพวกนั้นอีก  ถึงจะเป็นการล้อเล่นแต่ผมก็ไม่ขำด้วยหรอกนะ”
 
                “ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว  ขอโทษจริงๆนะ  ขอร้องล่ะ  อย่าโกรธฉันเลยนะ”
 
                “ถ้าหากคราวหน้าพี่ทำอีก  ผมจะไม่ยกโทษให้”
 
                “จ้าๆ  ดีกันแล้วนะ  ไผ่น่ารักจริงๆเลย^^”
 
                ทันทีที่ผมยกโทษให้  แก้มของผมก็โดนหอมไปอีกแล้ว
 
                “- -^”
 
                “จะกลับบ้านใช่ไหม  ฉันไปส่งนะ”
 
                มือของพี่แทมินกุมมือของผม  และเดินเคียงข้างผม  รู้สึกดีจัง  ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็รู้สึกอบอุ่นเสมอที่มีคนๆนี้อยู่เคียงข้าง  ถ้าหากคนที่ผมรักคือพี่แทมินก็คงดี...
 
                เมื่อเดินถึงหน้าบ้านผมก็ยังไม่ปล่อยมือของพี่แทมิน  เขาเริ่มมองผมอย่างงๆกับการกระทำของผม
 
                “เข้าไปด้วยกันได้ไหมครับ...ผมไม่อยากเข้าไปคนเดียว”
 
                “ได้สิ”
 
                เมื่อผมกับพี่แทมินเข้าไปในบ้าน  คนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดก็อยู่ในบ้านของผม  เซน....
 
                “ไผ่!”
 
                คนชื่อทิว  ที่ตอนนี้เหงื่อนท่วมตัวและเหนื่อยหอบ  เปิดประตูบ้านเข้ามาพอดี  เขาไปทำอะไรมากันนะถึงได้เหนื่อยขนาดนั้น
 
                “ไผ่หายไปไหนมาทั้งคืน  รู้ไหมว่าพวกพี่เป็นห่วงกันมากแค่ไหน”
 
                เป็นห่วง?  ที่พูดมานั้น  ผมสามารถเชื่อได้รึเปล่า...
 
                “ก็คงไปอยู่กับพี่แทมินล่ะมั้ง ทิว”
 
                เซนเอ่ย  ผมสังเกตเห็นว่าเซนเองก็สภาพไม่ต่างอะไรกับคนชื่อทิวเท่าไหร่นัก  นี่เขาก็ตามหาผมเหมือนกันงั้นเหรอ....
 
                “ในเมื่อหาตัวเจอแล้วฉันก็ขอตัวกลับไปนอนก่อนก็แล้วกัน  ง่วงจะแย่อยู่อยู่แล้ว”
 
            เซนลุกจากโซฟาเดินฝากหน้าผมกับพี่แทมิน
 
                “หึ  ร่านจังนะ”
 
                คำพูดของเซนย่ามที่ผ่านหน้าผมไปมันทำให้ผมชะงัก  ทำไมถึงต้องว่าผมแบบนี้ด้วย  ในเมื่อผมไม่ได้เป็นอย่างเขาพูดเลยสักนิด
 
                “เดี๋ยว!”
 
                พี่แทมินจับไหล่ของเซนเอาไว้  คงได้ยินเหมือนกันสินะ...คำพูดเมื่อกี้
 
                “ขอโทษไผ่เดี๋ยวนี้”
 
                “เซนไม่สนใจคำพูดของพี่แทมินเลยแม้แต่น้อย  แต่กลับเคลื่อนตัวใกล้ๆเพื่อกระซิบอะไรบางอย่างกับพี่แทมิน
 
                “เป็นไงล่ะ  รสชาติของเหลือ”
               
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ!”
 
                พี่แทมินฉุนขาดกับคำพูดนั้น  เซนคงจงใจพูดให้ผมได้ยินด้วยสินะ
 
                “หยุดเถอะครับ”
 
                ผมจับชายเสื้อของพี่แทมินเอาไว้  พี่แทมินก็ยอมหยุดแต่โดยดี  เซนหันมามองผมแวบหนึ่งแล้วก็เดินออกไป
 
                “ไผ่  เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
 
                คนชื่อทิวที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย  สงสัยในท่าทางของพี่แทมินที่มีต่อเซน  เพราะนายคนเดียว...ถ้านายไม่มาที่นี่  เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น  ผมคงแอบชอบเซนเหมือนเดิมในฐานะเพื่อนสนิท....
 
                “ผมเกลียดคุณ  เพราะคุณคนเดียวที่ทำให้เรื่องทั้งหมดต้องกลายเป็นแบบนี้!!”
 
                “ไผ่....”
 
                “พี่แทมิน  อาจจะเป็นคำขอที่หนักไปสักหน่อย  แต่ว่า  จนกว่าจะเปิดเทอมขอผมอยู่ที่บ้านพี่ได้ไหม”
 
                พี่แทมินทำหน้ายิ้มๆเมื่อได้ยิ้นคำที่ผมพูด
 
                “อยู่ตลอดไปเลยก็ยังได้^^”
 
                คนชื่อทิวได้แต่มองผมกับพี่แทมินสลับกันไปมา
 
                “เดี๋ยวก่อน  ไผ่จะออกไปอยู่ที่อื่นงั้นเหรอ  ไม่ได้นะ  มันจะเป็นการรบกวนเขาเปล่า”
 
                “ไผ่ก็เป็นครอบครัวของผม  เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นการรบกวนหรอกครับ”
 
                พี่แทมินออกรับหน้าแทนผม
 
                “ฉันรออยู่ตรงนี้นะ  ไปอาบน้ำเก็บกระเป๋าซะสิ^^”
 
                ผมพยักหน้าและเดินขึ้นบันไดไป
 
                ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
                “ทำไมถึงต้องให้ไผ่ไปนอนที่บ้านคุณด้วย”
 
                ทิวถามหลังจากที่ไผ่เข้าห้องของตัวเองไปแล้ว
 
                “ไผ่ต้องการอย่างนั้นยังไงล่ะ”
 
                “...อีกแค่เดือนเดียวผมก็ต้องกลับแล้ว  ผมอยากจะปรับความเข้าใจกับไผ่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะถึงเวลานั้น”
 
                “นี่นาย...ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยสินะ”
 
                “คุณหมายความว่ายังไง”
 
                “ฉันคิดว่าตอนนี้นายอยู่เฉยๆจะดีกว่า  เพราะว่าไผ่เขาคงเกลียดนายจนแทบไม่อยากเห็นหน้าเลยล่ะมั้ง”
 
                “ทำไมล่ะ  นากจากเรื่องที่บ้านแล้วยังมีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้ไผ่เกลียดผม  บอกผมหน่อยได้ไหม”
 
                “ไปถามเรื่องนั้นจากคนข้างบ้านนายดูก็แล้วกัน”
 
                “เกี่ยวกับเซนงั้นเหรอ...แต่ถ้าเรื่องนั้นผมก็บอกเซนไปแล้วนะว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเขา  ไผ่ต่างหากที่ชอบเขา”
 
                “นี่นาย...บอกเซนไปแบบนั้นอย่างงั้นเหรอ”
 
                “ครับ  ผมไม่อยากให้เรื่องมันค้างคาอยู่แบบนี้ก็เลยบอกเซนไป  แต่ว่า...”
 
                “แต่อะไร”
 
                “เขาบอกผมว่า  ยิ่งผมปฏิเสธเขามากเท่าไหร่  เขาก็จะทำให้คนสำคัญของผมเจ็บปวดยิ่งกว่า”
 
                แทมินแทบไปอยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกคิดประติดประต่อจนพอจะเดาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับไผ่ได้แล้ว
 
                “ให้ตายสิ  แม้แต่เพื่อนสนิทมันยังไม่เว้นเลยเหรอวะ”
 
                “ตะกี้พูดว่าไงนะ”
 
                “ฉันคิดว่าตอนนี้นายยังไม่ควรรู้นะ  แต่ถ้าอยากรู้มากนักก็ไปถามเซนมันเองก็แล้วกัน”
 
                บทสนทนาของทั้งคู่จบลงแค่นั้น  ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีกเลย
 
 
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


 :bye2:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 23 P.2) [18/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 21-03-2013 15:27:20
ดันนน อย่าพึ่งท้อใจน่ะะ คุณแคนน  :L2: :L2:
เค้าก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงดูดคนเข้ามาได้
แต่ถ้าบางคนเค้าเข้ามาอ่าน แล้วรู้ว่ามีอีกเว็บเค้าอ่านไอ่านที่โน้นแล้วเม้นที่โน้นก็ได้น่ะะะะะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 24 P.2) [25/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 25-03-2013 12:37:20
ตอนที่ 24 การแก้แค้นของคนสารเลว (Taemin talk)


            ยามเมื่อตื่นขึ้นมา  สิ่งที่ทำให้ผมต้องอมยิ้มทุกครั้งก็คือ  ร่างเล็กในอ้อมแขนนี้...
 
                ไผ่ยังคงฝันร้ายอยู่ทุกคืน  ผมไม่อยากเห็นไผ่เป็นแบบนั้นเลย  แต่ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปลอบและโอบกอดไผ่ที่ตัวสั่นพร้อมกับน้ำตานั้น...แต่ว่าบางครั้งผมก็คิดนะ  คิดขอบคุณเซนที่ทำให้ไผ่เป็นแบบนี้เพราะไม่ว่าผมจะทำเช่นไร  การได้นอนกอดไผ่และเห็นไผ่ยามเมื่อตื่นขึ้นมาคงเป็นได้แค่ความฝัน  ผมนี่มันเลวจริงๆเลย...
 
                ตั้งแต่วันที่ไผ่เข้ามาอาศัยในบ้านของผม  นี่ก็ผ่านไปสองอาทิตย์แล้ว  ผมไม่สามารถทำอะไรไผ่ได้มากกว่าการกอดและจูบเลย  ไผ่ที่มีบาดแผลฝังใจนั้นมันคงเป็นการยากที่ผมจะทำตามที่ใจปรารถนา  แต่ว่าเพียงแค่นี้มันก็ทำให้ผมมีความสุขที่สุดแล้วล่ะ  พ่อเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับดีใจที่ไผ่มาอยู่ที่นี่  ผมคิดว่าพ่อดูออกนะว่าผมคิดยังไงกับไผ่  แต่พ่อก็ไม่เคยห้ามหรือขัดขวางเหมือนที่ครอบครัวอื่นพึงกระทำเมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวเองชอบเพศเดียวกัน  คงเพราะไม่อยากให้เรื่องราวมันซ้ำกับรอยเดิม  เหมือนกับ พี่ชายของผม  แทยอง....
               
                พลันนึกถึงวันนั้นภาพของฮยองที่นั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านของไอ้เลวนั่น  ไม่ว่าผมจะพูดสักเท่าไหร่  ฮยองก็เอาแต่ยิ้มให้ผมแล้วรออยู่ตรงนั้น  รอให้ไอ้สารเลวคนนั้นยอมเปิดประตูให้  รอตลอดทั้งคืนจนกระทั่งไอออกมาเป็นเลือดและล้มลงไปต่อหน้า  แต่มันก็ยังมองอย่างเฉยเมยอยู่ที่หน้าต่าง
 
                ภายในห้องไอซียู  สายระโยงระยางเต็มห้องและฮยองที่นอนอยู่บนเตียงเพื่อรอความตายที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที
 
                ‘แทมิน...’
 
                เสียงเรียกอย่างอ่อนแรงของฮยองทำให้ผมรีบโผเข้าหาแล้วกุมมือของฮยองเอาไว้เพราะกลัวว่ามันจะหายไป
 
                ‘สัญญานะ...หากแทมินมีคนที่รัก  อย่าทำให้คนรักต้องเจ็บปวดนะ...’
 
                ‘พอแล้ว...ฮือ  อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย”
 
                หยดน้ำตามันเริ่มหลั่งไหล  ผมรู้ตัวดีว่าฮยองคงอยู่ได้อีกไม่นาน
 
                ‘รักเขาให้มากๆ  อย่าให้เขาต้องเจ็บปวดแบบฉันนะ...’
 
            เส้นชีพจรในหน้าจอนั้นจากเส้นหยักก็ค่อยๆกลายเป็นเส้นโค้งและค่อยๆกลายเป็นเส้นตรงอย่างช้าๆ...
 
                ฮยองได้จากผมและพ่อไปในวันนั้นอย่างไม่มีวันกลับ  พ่อได้แต่เศร้าโศกและกินเหล้าแทบทุกวัน  ส่วนผมก็เอาแต่โทษตัวเองที่ไม่พาฮยองกลับไป  ทำไมถึงเอาแต่ยืนดูอยู่อย่างนั้นได้นะ...
 
                ไอ้เลวนั่น  มันไม่แม้แต่จะมางานศพของฮยองเลย  ผมไม่เคยเห็นมันอีกเลย  และผมก็ไม่คิดจะสนใจไอ้คนสารเลวแบบนั้น
 
                ครอบครอบของผมสองคนพ่อลูกก็ไร้สีสัน  นานเท่าไหร่แล้วนะที่บ้านของผมขาดเสียงหัวเราะ  ตลอดสามปีจวบจนกระทั่งวันที่ไผ่เข้ามา....
 
                “พี่แทมิน”
 
                “....”
 
                “พี่แทมิน!”
 
                “อ่ะ   ว่าไงไผ่”
 
                ให้ตายสิ  ผมใจลอยไปหน่อย
 
                “เถ้าแก่เขาวานให้ผมไปซื้อของที่ตลาด”
 
                “อืมๆ  แล้วมีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
 
                “เอ่อ...”
 
                ไผ่ก้มหน้างุดจนผมงงแต่ที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือหูของไผ่เริ่มมีสีแดงนิดๆ  อย่าให้ผมเดานะว่าไผ่กำลังเขินอยู่
 
                “คือ...ผมอยากให้พี่ไปด้วย...”
 
                “ไปสิ!  ไป  ฉันไป”
 
                ผมคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ  ว่าไผ่เริ่มมีใจให้ผมบ้างแล้ว
               
                อยากให้ความสุขนี้คงอยู่ตลอดไปจังเลย  เพียงแค่มีไผ่อยู่ข้างๆ  ผมกับไผ่เลี่ยงที่จะไม่ขึ้นรถเมล์เพราะตั้งใจว่าจะขึ้นตอนขากลับ  ผมเดินจูงมือไผ่เหมือนที่เคยทำ  ถึงใครจะมองยังไงผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว
 
                ผมกับไผ่ช่วยกันเลือกของในตลาด คิดไปคิดมายั่งกะคู่แต่งงานแน่ะ ^^
 
                “ต่อไปก็เหลือแค่  เนื้อวัวแล้วล่ะครับ”
 
                ผมกับไผ่จึงตรงไปยังแผงขายเนื้อ  ระหว่างทาง  ผมรู้สึกว่าคนที่กำลังเดินตรงมานั้นคุ้นๆตายังไงก็ไม่รู้สิ
 
                คนนั้นเริ่มเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ  จนผมเห็นชัดว่าคนๆนั้นคือใคร...ถุงใส่ของหล่นจากมือของผมจนไผ่ต้องหันมามองผม  คนๆนั้น....ไอ้สารเลวคนนั้น!!!
 
                ทันทีที่มันเห็นผม  มันก็มองผมตาค้าง  แต่ไม่นานมันก็แสยะยิ้มให้ผม  ตลอดหกปีที่ผ่านมา  รอยยิ้มชวนขยะแขยงนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
 
                “นึกว่าใคร  ที่แท้ก็ไอ้น้องรักแทมินนี่เอง”
 
                ไอ้เลวนั่นเรียกผมอย่างสนิทสนม  นี่แกลืมไปแล้วรึไงว่าแกเคยทำอะไรไว้กับฮยองบ้าง
 
                “แหม  ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ  นึกว่าหายหัวไปไหนซะแล้ว  พี่เอฟ”
 
                ไผ่มองหน้าผมสลับกับไอ้เลวนี่อย่างงงๆ 
 
                “แล้วไม่คิดจะแนะนำคนข้างๆแกให้ฉันรู้จักหน่อยรึไง”
 
                ให้ตายสิ  มันเริ่มพาลมาทางไผ่แล้ว
 
                “อีกหน่อยก็คงไม่ได้เจอกันแล้ว  จะแนะนำกันไปทำซากอะไรล่ะครับ”
 
                ถ้อยคำที่ต่อท้ายเหมือนจะสุภาพแต่เนื้อหานั้นหาได้สุภาพตามเลย  กับคนๆนี้ไม่จำเป็นต้องสุภาพเลยสักนิด
 
                “หึๆ  ก็ได้  แต่อย่าให้ฉันเจออีกก็แล้วกันนะ”
 
                แล้วไอ้เลวนั่นก็เดินผ่านผมกับไผ่โดยไม่วายที่จะกระซิบข้างหูผมเบาๆ
 
                “การแก้แค้นของฉันมันยังไม่จบหรอกนะ”
 
                 
               
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

@nunnan  ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ   อันนี้แคนเข้าใจ มันเป็นเรื่องนานาจิตตังค่ะว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบ จะเม้นหรือไม่เม้น แคนก็คงบังคับไม่ได้  และแคนก็ไม่ได้ใจน้อยถึงขั้น เธอไม่เม้น ฉันไม่อัพ อะไรแบบนี้หรอกค่ะ  แค่ว่า อาจจะมาอัพ 1 ตอน/1-2 วัน อะไรแบบนี้แทนค่ะ อัพเรื่อยๆ ตามสะดวกแทนแล้วกันเนอะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 24 P.2) [25/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 25-03-2013 13:15:52
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 25 P.2) [28/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 28-03-2013 12:55:50
ตอนที่ 25 สาเหตุของเรื่องทั้งหมด  (Tiew talk)



            เหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียวแล้วสินะ  ที่ผมจะได้อยู่ที่นี่...ในบ้านหลังนี้
 
                “ทิว  ทานข้าวได้แล้วลูก”
 
                เสียงของคุณแม่ดังมาจากในครัว  ผมและคุณพ่อจึงไปนั่งยังโต๊ะเพื่อรอทานข้าวพร้อมกับคุณแม่ที่ยกกับข้าวออกมา
 
                ทุกอย่างดูเหมือนเดิมหมดทุกอย่างยกเว้นไผ่....
 
                “วันนี้ดูเงียบๆนะ  ว่าไหมครับ”
 
                ผมลองถามดูเผื่อว่าจะมีใครสักคนเข้าใจในความคิดของผม
 
                “ถ้าเงียบก็เปิดทีวีดูดีไหม”
 
                คุณพ่อตอบกลับ
 
                ไม่ใช่หรอก  คำตอบที่ผมต้องการน่ะไม่ใช่แบบนี้  แต่ว่าผมรู้  ไม่ว่ายังไงคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่มีทางตอบถูก  เพราะในใจของพวกท่านทั้งสองนั้น  ไม่มีไผ่อยู่เลย....
 
                ตลอดสองอาทิตย์ที่ไผ่ออกจากบ้านไป  คงมีแต่ผมคนเดียวที่เป็นกังวล  แน่นอนว่าผมไม่บอกคุณพ่อกับคุณแม่เรื่องนี้เผื่อว่าพวกท่านจะฉุดใจนึกขึ้นมาได้  แต่เปล่าเลย  ไม่มีใครนึกไผ่เลยสักคน....
 
                ผมไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ทำไมพวกท่านถึงไม่เคยนึกถึงไผ่เลยทั้งๆไผ่ต่างหากที่อยู่กับพวกท่านมาตลอดเวลาสิบแปดปีที่ผ่านมาไม่ใช่ผม  ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป  ไผ่ก็คงไม่มีวันที่จะดีกับผมแน่ๆ
 
                ‘นี่นาย...ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยสินะ’
 
                คำพูดของแทมินยังคงวนเวียนอยู่ในหัว...แล้วจะให้ผมรู้อะไรได้ล่ะ  ก็ในเมื่อไผ่แทบจะไม่คุยกับผมเลยสักคำ  ไม่พูดอะไร  ไม่เล่าอะไร  ผมไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษหรอพ่อมดนะ  จะได้อ่านใจคนได้
 
                ถ้าหากผมอยากรู้  คงมีทางเดียวคือต้องไปถามเซน หรือว่าผมควรจะอยู่เฉยๆอย่างที่แทมินบอกดีนะ  ไผ่จะได้ไม่เกลียดผมไปมากกว่านี้....ไม่ได้  ผมจะไม่ยอมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย  ไผ่เป็นน้องชายของผม  ยังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้
 
                ภายหลังทานข้าวเสร้จแล้วผมรีบตรงไปยังบ้านของเซนที่อยู่ข้างๆทันที  ภายหลังจากที่ผมกดกริ่งเรียก  ไม่นานเซนก็เปิดประตูให้  ทันทีที่เห็นผมเซนก็ยิ้มดีใจทันที
 
                “มีอะไรงั้นเหรอ ทิว”
 
                “ขอฉันคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม”
 
                “ได้สิ  จะเข้ามาข้างในก่อนไหม”
 
                ผมเข้ามาในบ้านของเซน  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามา  เพราะเขามักจะเป็นฝ่ายมาหาผมที่บ้าน  ผมเข้ามานั่งในห้องรับแขกโดยปฏิเสธที่จะขึ้นไปนั่งบนห้องของเขา  ภายในบ้านไม่มีใครอยู่เลย  แต่ก็พอจะได้ยินมาจากเซนว่า  พ่อแม่ของเขาไม่ค่อยได้อยู่บ้านเนื่องจากถูกรางวัลชิงโชคบ่อยได้ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ  ล่าสุดก็เพิ่งถูกรางวัลไปเที่ยวอิยิปกับสำนักพิมสดใส (อะไรจะเวอร์ขนาดนั้น  เอ่อ คงรู้นะว่าสำนักพิมพ์อาราย  มะเอ่ยถึงๆ)
 
                “รอแปปนะเดี๋ยวจะไปเอาขนมกับน้ำมาให้”
 
                “ไม่ต้องหรอก  นั่งเถอะ”
               
“อยากจะคุยเรื่องอะไรเหรอ”
 
                “เรื่องของไผ่”
 
                “ว่ามาสิ”
 
                “มันเกิดอะไรขึ้นกับไผ่กันแน่”
 
                ผมไม่อ้อมค้อมเลยถามไปตรงๆเลย  เซนมองหน้าผมอย่างยิ้มๆ
 
                “นายหมายถึงอะไรล่ะ  ไอ้ที่ว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะ  มันคลุมเครือนะ”
 
                “ทำไมไผ่ถึงต้องไปนอนค้างที่บ้านของแทมิน”
 
                “เอ...อันนี้ไม่รู้สิ  คงต้องไปถามไผ่แล้วล่ะ”
 
                “งั้น...ระหว่างที่พวกนายไปนครปฐม  มีอะไรเกิดขึ้นกับไผ่รึเปล่า”
 
                “นายนี่เป็นพี่ชายที่ดีนะ^^”
 
            ดูก็รู้ว่าเซนเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ของผม  มันยิ่งทำให้ผมเริ่มแน่ใจว่ามันต้องเริ่มจากจุดนี้แน่ๆ
 
                “กรุณาตอบคำถามของฉันด้วย”
 
                “ทำไมนายถึงมาถามฉันล่ะ  ไปถามไผ่เองจะง่ายกว่าไหม”
 
                “เพราะฉันแน่ใจว่า  มีบางอย่างเกิดขึ้นกับไผ่  ตอนที่ไปนครปฐมกับนาย”
 
                “หึหึ  ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามนายกลับนะ  ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดเรื่องบางอย่างตามที่นายพูด”
 
                เซนจ้องผมอย่างไม่วางตา  เหมือนต้องการจะสื่อเป็นนัยๆว่า  ผมนี่แหล่ะคือสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้
 
                “นายต้องการจะบอกอะไรกับฉันกันแน่”
 
                “บางทีฉันก็เคยสงสัยนะ  ว่าทำไมฉันถึงได้ชอบนาย  ถูกอย่างที่นายเคยพูด...ทำไมฉันถึงได้ไขว่คว้าหาความรักกับคนที่รู้จักกันได้ไม่นาน  แต่ฉันก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้”
 
                “ฉันว่านายกำลังนอกเรื่องแล้วนะ  ถ้าไม่คิดจะตอบคำถามฉัน  ฉันก็ไม่มีธุระอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่”
 
                ผมลุกขึ้นจากโซฟาและเดินไปยังประตูทางออก  แต่แล้วผมก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของเซน
 
                “ถ้าหากนายไม่มาที่นี่  เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น”
 
                ผมปิดประตูลง  จากคำพูดของทิวมันทำให้ผมได้คิด  มันอาจจะเป็นอย่างที่ทิวพูดก็ได้  เพราะผมมาที่นี่  เพราะมีผมอยู่...เรื่องทุกอย่างมันถึงได้เกิดขึ้น  ถ้าหากไม่มีผมอยู่  คุณพ่อกับคุณแม่ก็คงรักและเอาใจใส่ไผ่อย่างที่ควรเป็น  และบางทีเซนเองก็อาจจะรักไผ่เข้าในสักวัน  แค่เพียงเพราะมีผมอยู่....เรื่องทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้
 
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 25 P.2) [28/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: Wangjin ที่ 28-03-2013 17:08:20
สู้ๆค่ะ  :katai2-1:เราคนนึงที่ตามอ่านอยู่ :katai5:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 25 P.2) [28/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: 230 ที่ 28-03-2013 22:00:48
เป็นกำลังใจให้คนเขียน นะคับ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 26 P.2) [29/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 29-03-2013 13:05:24
ตอนที่ 26  สิ่งที่สามารถทำได้


            ตั้งแต่เหตุการณ์ในตลาดครั้งนั้นก็ผ่านมาได้สามวันแล้ว  พี่แทมินดูจะเครียดๆยังไงก็ไม่รู้  ผมพยายามถามเขาตั้งหลายรอบว่าคนๆนั้นเป็นใคร  แต่พี่แทมินก็เลี่ยงที่จะตอบผมทุกครั้งจนผมเลิกที่จะถาม  เพราะรู้ว่าถึงถามไปก็คงเลี่ยงตอบเหมือนทุกครั้ง  ผมจึงได้แต่รอ  รอให้พี่แทมินเล่าออกมาเองจะดีกว่า
 
                “พี่แทมิน  สีหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ”
 
                “ขอโทษนะ  นี่ฉันทำให้ไผ่ไม่สบายใจใช่ไหม”
 
                ตั้งแต่เจอกับผู้ชายคนนั้น  คนที่พี่แทมินเรียกว่าพี่เอฟ  พี่แทมินก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีมาตลอดเลย  ผมจะทำอะไรให้ได้บ้างไหมนะ  พี่แทมินจะได้สบายใจขึ้นมาบ้าง
 
                “แทมิน  วันนี้จะไม่ไปช่วยงานศพของป้าข้างบ้านจริงๆเรอะ”
 
                เถ้าแก่เข้ามาถามพี่แทมินอีกครั้ง  คุณป้าข้างบ้านเพิ่งเสียไปเมื่อวานนี้และป้าเขาก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน  จึงมีเพียงคนระแวกบ้านเท่านั้นที่ไปอยู่และช่วยในงานศพ
 
                “ถ้าพ่อได้เจอกับไอ้สารเลวเอฟอย่างที่ผมเจอ  ผมคิดว่าพ่อเองก็คงไม่มีอารมณ์แบบผมเหมือนกัน”
 
            “บางที  เราก็ควรจะแยกแยะเหตุการณ์ให้ออกนะแทมิน  ว่าอะไรเป็นอะไร  เราก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ  เอาเถอะ  ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป  คืนนี้เป็นเวรของพ่อที่อยู่เฝ้าศพคืนนี้  เพราะฉะนั้นพ่อจะกลับมาพรุ่งนี้นะ”
 
                ผมตามไปส่งเถ้าแก่ถึงหน้าประตูบ้าน
 
                “ฉันฝากดูแลไอ้แทมินมันด้วยนะ”
 
                “ครับ”
 
                หลังจากที่เถ้าแก่ออกไปแล้ว  ผมก็กลับไปที่ห้องของพี่แทมินอีกครั้ง  พี่แทมินก็ยังเหมือนเดิม...
 
                “เอ่อ...คือว่า”
 
                “มีอะไรรึไผ่”
 
                “คือ  ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นพี่แทมินเป็นแบบนี้”
 
                “กะแล้วเชียว  ฉันทำให้ไผ่ไม่สบายใจจริงๆด้วย  ขอโทษนะ”
 
                “มีอะไรที่ผมพอจะทำได้บ้างไหมครับ”
 
                “?”
 
                “อะไรที่ทำให้พี่แทมินสบายใจ  ถ้าผมทำได้ผมก็จะทำครับ”
 
                พี่แทมินจ้องผมตาไม่กระพริบเลย  รึว่าผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่านะ -*-
 
            “ฮ่าๆ  ขอบใจนะไผ่  แค่นี้ฉันก็ดีใจมากแล้วล่ะที่ไผ่เป็นห่วงฉัน  ฉันไม่เป็นไรหรอก^^”
 
                ถ้ามันจริงอย่างที่พี่พูดก็คงจะดี...
 
                “ชักปวดหัวซะแล้วสิ  วานอะไรหน่อยได้ไหม”
 
                “ครับ  อะไรเหรอ”
 
                “ไผ่ช่วยไปหยิบยาแก้ปวดหัวให้ฉันทีได้ไหม  อยู่ในตู้ยาชั้นล่าง  ในขวดสีขาวนะ”
 
                ผมเดินไปที่ตู้ยาตามที่พี่แทมินบอก  อะไรที่ผมพอจะทำให้เขาได้ผมก็จะทำ  พี่แทมินดีกับผมมาตลอด  กับไอ้แค่หยิบยาให้เขาทำไมผมจะทำให้ไม่ได้  ว่าแต่....มันขวดไหนกันล่ะ
 
ตามที่ผมเห็นมันมีขวดยาสีขาวอยู่สองขวด  ขวดหนึ่งมีขนาดใหญ่  และอีกขวดหนึ่งมีขนาดเล็กกว่า  แถมทั้งสองขวดยังไม่มีฉลาดทั้งคู่ -*-
 
ช่วยไม่ได้นะ  ผมหยิบทั้งสองขวดเปิดฝาออกและพิจารณาเม็ดยาดู  ขวดใหญ่เป็นยาเม็ดกลมสีเหลือง  อีกขวดเป็นยาเม็ดกลมสีเหลืองเช่นกัน....เอาไงดีล่ะ  ผมตัดสินใจหยิบยาขวดเล็กนั้นแทน  เพราะคิดว่า  ยาแก้ปวดหัวคงไม่ทานกันบ่อยอยู่แล้ว...ล่ะมั้ง
 
 ผมไม่ลืมที่จะรินน้ำใส่แก้วไปให้เขาด้วย
 
                “ขอบใจนะไผ่”
 
                หลังจากที่ทานยาเรียบร้อยแล้ว  พี่แทมินที่ดูจะสงบใจลงได้บ้างแล้ว
 
                “ผู้ชายคนนั้น  คนที่เจอกันที่ตลาดน่ะ  ชื่อเอฟ”
 
                ผมพยักหน้ารับฟังที่พี่แทมินพูด
 
                “ผู้ชายคนนั้น  เคยเป็นคนรักกับพี่ชายของฉัน...”
 
                พี่แทมินก้มหน้าลงเล็กน้อย  แล้วเอามือกุมหัวตัวเอง
 
                “ผู้ชายคนนั้น...ไอ้เลวนั่น  มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฮยองแทยองต้องตาย”
 
                เมื่อได้ฟังดังนั้น  ผมก็เริ่มเข้าใจเหตุผลที่ทำให้พี่แทมินเป็นแบบนี้  จากที่ผมเจอผู้ชายคนนั้น  และจากการพูดคุยของพวกเขา  ดูก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาตอนนี้เป็นอย่างไร
 
                “ให้ตายสิ  ทำอยู่ๆมันถึงได้ร้อนขึ้นมาได้นะ”
 
                “ร้อนรึครับ  ให้ผมไปเปิดแอร์ให้ไหม”
 
                “ไม่ต้องหรอก  ฉันอาจจะไม่สบายก็ได้^^”
 
                “ไม่สบายงั้นเหรอคครับ”
 
                ผมเอามือของผมไปจับหน้าผากของพี่แทมินและอีกมือจับที่หน้าผากของผม  พี่แทมินตัวร้อนจริงๆด้วย
 
                “อ่ะ  เอามือออกไป!”
 
                พี่แทมินปัดมือของผมออกทันที  ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้ว  เกิดอะไรขึ้นกับพี่แทมินกันแน่
 
                “ขะ...ขอโทษนะไผ่   ฮ่ะๆ  ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าฉันเป็นอะไร”
 
                “แล้วพี่เป็นอะไรล่ะครับ”
 
                พี่แทมินเริ่มมีอาการหอบเล็กน้อย
 
                “เมื่อกี่ไผ่หยิบยาอะไรมาให้ฉัน”
 
                “ก็ยาแก้ปวดหัวในขวดสีขาวตามที่พี่แทมินบอกไง  แต่ว่ามันมีอยู่สองขวด  ขวดเล็กกับขวดใหญ่  ผมไม่รู้ว่าขวดไหนก็เลยหยิบยาจากขวดเล็กมา”
 
                พี่แทมินได้ฟังดังนั้นก็เอามือทั้งสองข้างกุมหัวตัวเองทันที
 
                “ว่าแล้วเชียว  โทษทีนะไผ่  ยานั่น  มันไม่ใช่ยาแก้ปวดหัวหรอก  แต่มันเป็นยาปลุกต่างหาก”
 
                “หา”
 
                “ยังไงก็ช่วยออกไปจากห้องนี้ทีได้ไหม  แล้วไปอยู่ในห้องของพ่อซะ  ล็อคประตูด้วยล่ะ”
 
                “ทำไม  พี่แทมินต้องให้ผมทำแบบนั้นด้วยล่ะ”
 
                “ขอร้องล่ะ  รีบไปซะ  ก่อนที่ฉันจะคุมตัวเองไว้ไม่ได้”
 
พี่แทมินเริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ  ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกจริงๆ  เลยทำตามที่พี่แทมินบอก  ผมวิ่งออกจากห้องของพี่แทมินแล้วเข้าไปในห้องนอนของเถ้าแก่  ล็อคประตู
 
ตอนนี้ผมได้แต่ยืนพิงประตู  ผมทำอะไรไม่ถูกจริงๆ  มันเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน  ยาปลุกน่ะ  ผมรู้ว่ามันคืออะไร  แต่ว่า..แล้วพี่แทมินล่ะ   พี่แทมินจะเป็นยังไง
 
ผมทนไม่ได้หรอก  ผมจะปล่อยให้พี่แทมินต้องทนทรมานอยู่คนเดียวได้ยังไง  ก็ในเมื่อยามที่ผมต้องทนทุกข์นั้นก็มีพี่แทมินอยู่เคียงข้างเสมอนี่นา  ผมจึงออกจากห้องของเถ้าแก่  กลับเข้าไปในห้องของพี่แทมินอีกครั้ง  พี่แทมินมองหน้าผมอย่างต้องการหาคำตอบที่ผมทำแบบนี้
 
“กลับเข้ามาทำไม  ออกไปสิ”
 
“ไม่ครับ”
 
                “ออกไปจากห้องนี้เถอะ  ฉันไม่อยากทำร้ายไผ่  แบบที่เซนเคยทำหรอกนะ”
 
                ผมไม่สนใจคำพูดของพี่แทมินอีกแล้ว  ตอนนี้ในหัวของผมมีแต่เพียงความคิดที่ว่า  ไม่อยากให้พี่แทมินต้องทนทรมานอยู่คนเดียว  พี่แทมินดีกับผมเหลือเกิน ผมจะปล่อยเขาทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้
 
 ผมเข้าไปกอดพี่แทมินทันทีโดยไม่สนคำทักท้วงใดๆทั้งสิ้น
 
                “ขอร้องล่ะไผ่  ฉันไม่อยากให้ไผ่ต้องเจ็บปวดอีกหรอกนะ  ทั้งๆที่ฉันสัญญากับไผ่เอาไว้แล้ว  ว่าจะเป็นความสุขให้....”
 
                “ผมบอกพี่แล้วใช่ไหม  ว่าอะไรที่ผมสามารถทำให้พี่ได้  ผมก็จะทำ”
 
                “แต่ฉัน..”
 
                “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  ผมไม่เป็นไร”
 
                พี่แทมินที่พยายามเก็บอาการเอาไว้  มันทำให้ผมเห็นว่าพี่เขาทรมานมากแค่ไหน  ผมเป็นฝ่ายเข้าไปจูบเขาเอง  มือของพี่แทมินก็โอบกอดผมทันที  และกอดแรงขึ้นเรื่อยๆ  จูบที่บางเบาของผม  แปรเปลี่ยนเป็นจูบที่รุนแรงของเขา  คงถึงขีดสุดแล้วสินะ  พี่ไม่ต้องทรมานอีกแล้วล่ะ.....
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :katai4:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 26 P.2) [29/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 29-03-2013 20:47:36
พึ่งได้อ่านนนน. ร้องไห้น้ำตาจะท่วมบ้านแล้วคะพี่แคน :katai1:
เรื่องแซนอ่านได้ที่ไหนคะ อยากอ่านๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 27 P.2) [30/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 30-03-2013 16:12:02
ตอนที่ 27  ค่ำคืนของทั้งสอง



            จากปากเริ่มไปยังต้นคอ  รอยแดงเมื่อครั้งนั้นได้เลือนหายไปหมดสิ้นแล้ว  คราวนี้จะมีเพียงแต่รอยเของเขาเท่านั้นที่ได้ประทับอยู่บนผิวขาวของไผ่  กระดุมเสื้อถูกปลดออกอย่างรวดเร็วและพรมจูบตรงบริเวณหน้าอก  มือข้างหนึ่งของแทมินล้วงเข้าไปในกางเกงของไผ่เพื่อกำจุดอ่อนไหวของเขา
 
                “อ่ะ  พี่แทมิน  อาาา”
 
                ความรู้สึกแปลกๆค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย  มันรู้ดีมากกว่าความขยะแขยงที่เคยได้รับ  แทมินจับไผ่ให้เอนตัวลงบนเตียง  ในตอนแรกไผ่มีอาการขัดขืนที่ต้องนอนลงบนเตียง
 
                “ไม่เป็นไรนะ  ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น  ตอนนี้ฉันอยู่ข้างๆไผ่แล้วไง”
 
                เมื่อได้ยินดังนั้น  ไผ่จึงสงบลงและยอมนอนลงไปแต่โดยดี  กางเกงของไผ่ถูกถอดออกไปโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้  และต้องสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อโพรงปากอุ่นของบุคคลตรงหน้าได้ครอบอมมันเอาไว้
 
                “มะ..ไม่ได้นะ  มันสกปรก  อา”
 
                ไผ่พยายามใช้มือดันศีรษะของแทมินออกไป  แต่เปล่าประโยชน์  แทมินยังคงดูดเม้มส่วนนั้นของเขาต่อไป
 
                “ผมไม่..ไหวแล้ว  อ้า!”
 
                น้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาทันทีที่แทมินปล่อยให้ส่วนนั้นของไผ่เป็นอิสระ  ทำให้ใบหน้าของแทมินเปรอะเปื้อนด้วยน้ำรักของเขา
 
                “ขอโทษ...ครับ”
 
                แทมินใช้นิ้วปาดน้ำที่เปื้อนใบหน้าของเขาออกมาดู  และหันไปจ้องมองไผ่  ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากเขา  แต่นิ้วที่มีคราบนั่นได้ไปครึงบริเวณช่องทางของไผ่
 
                “อะ  พี่แทมิน  พี่จะทำอะไร...”
 
                “ก็จะทำให้ไผ่ชินกับมันไง...ตอนนี้ฉันเริ่มทนไม่ไหวแล้ว  ฉันไม่ต้องการให้ไผ่เจ็บ”
 
                นิ้วของแทมินสอดเข้ามาในช่องทางนั้นทันทีหนึ่งนิ้ว
 
                “อ่ะ!”
 
                นิ้วนั้นค่อยขยับเข้าออกอย่างช้าๆเพื่อให้ไผ่ผ่อนคลาย
 
                “อืมมม  อา อ๊ะ”
 
                อีกนิ้วหนึ่งสอดเข้ามาเพิ่มอีกเป็นสอง  ความเร็วค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  มือที่ว่างอีกมือหนึ่งของแทมินได้กุมจุดอ่อนไหวของไผ่ไว้และขยับรูดขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ  ช่องทางของไผ่เริ่มพร้อมแล้วที่จะรับสิ่งรุกล้ำของเขา
 
                “ขอโทษนะไผ่  ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ”
 
            แทมินถอดเสื้อและปลดกางเกงออกอย่างรวดเร็ว  เขาจับขาทั้งสองข้างของไผ่แยกออกโดยที่ข้างนึ่งเอาพาดบ่าของเขาเอาไว้  ส่วนแข็งของเขาจ่อที่ช่องทางนั้นแล้วค่อยๆดันเข้าไป
 
                “อ่ะ อ้าาาา”
 
                แทมินดันตัวเข้าไปอย่างช้าๆ  เขาพยายามฝืนทนไม่ให้เผลอกระแทกตัวลงไปจนจมมิด  เขาอยากจะรอให้ไผ่ปรับตัวได้เสียก่อน
 
                เมื่อดันเข้ามาได้ครึ่งทาง  เขาก็ก้มตัวลงไปจูบร่างเบื้องและค่อยๆขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ  ร่างเล็กนั้นสั่นกระตุกและส่งเสียงอู้อี้ภายในปากของเขา  เมื่อเขาปล่อยให้ปากของไผ่เป็นอิสระ  ไผ่ก็ส่งเสียงครวญครางออกมาทันที
 
                “อา  อ่ะ อ้า  ฮึ่ก  พี่..แทมิน”
 
            หยดน้ำตาของไผ่เริ่มคลอ  แทมินจึงจับมือของไผ่ให้โอบคอของเขาเอาไว้
 
                “เจ็บมากไหม  กอดฉันไว้นะ  จะระบายความเจ็บของไผ่ลงบนหลังของฉันก็ได้”
 
                แทมินเริ่มเพิ่มความเร็ว  ไผ่ทั้งกดจิกบนหลังและดึงผมของเขา  หากนั่นมันทำให้ไผ่คลายความเจ็บได้บ้างก็ไม่เป็นไร...
 
                “อึก”
 
                แทมินปลดปล่อยในช่องทางของไผ่  และหยุดนิ่ง  ไผ่หอบหายใจอย่างหมดแรง  แต่แล้วก็สะดุ้งเมื่อ  ส่วนแข็งที่คาเอาไว้ในช่องทางของเขาเริ่มขยายตัวขึ้นอีกครั้ง
 
                “ดูท่าว่า…จะอีกนานเลยล่ะไผ่”
 
                แทมินจับไผ่ให้หันหลังและคุกเข่า  พร้อมขยับตัวอีกครั้ง
 
                “อื้อออ  อ้า  อา”
 
                ทุกครั้งที่เขาขยับ  ร่างเล็กก็จะครางกระเส่าทุกครั้ง  อยากได้ยินอีกจัง...ร้องอีกสิไผ่..ร้องอีกสิ!
 
                มือของแทมินเอื้อมมากุมส่วนอ่อนไหวของไผ่และขยับรูดอย่างเร็ว
 
                “อ๊าาา  ผม...อึ่ก”
 
                คราวนี้เป็นไผ่ที่เป็นฝ่ายปลดปล่อย  แขนของไผ่เรื่อยไร้เรี่ยวแรงจนต้องทิ้งตัวลงบนเตียง  มีเพียงแต่ส่วนล่างที่ตอนนี้กำลังร้อนรุ่มและรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อยๆ
 
                “อ่ะ  อีก.....อึ่ก!”
 
                แทมินก้มตัวลงเพิ่มให้ได้ยินมากขึ้น  เมื่อครู่เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม
 
                “อา  อีก  แรงอีก  อ๊า”
 
                “ได้สิ  ถ้าไผ่ต้องการ”
 
                แทมินตอบรับคำขอของไผ่  เขาขยับตัวแรงขึ้นเรื่อยๆจนแปรเปลี่ยนเป็นกระแทก  เสียงครางกับเสียงเนื้อกระทบกันดังไปทั่วห้อง  แทมินพลิกตัวไผ่อีกครั้งและยันตัวขึ้นมานั่งเพื่อให้ไผ่อยู่บนตัวของเขา  มือทั้งสองข้างจับสะโพกของไผ่ให้ขยับขึ้นลง  สองมือของไผ่โอบกอดรอบคอของเขา
 
                “อา  อ้า  ดีจัง  ทำไมถึง..อ่ะ  รู้สึกดีแบบนี้”
 
                ความเจ็บปวดหายไปหมดสิ้น  ตอนนี้ไผ่รู้สึกเพียงแต่ความเสี่ยวซ่าน  ความรู้สึกดี  และต้องการ
 
            “อ่ะ  อ้าาาา”
 
            แทมินปลดปล่อยออกมาในช่องทางของไผ่อีกครั้ง  ไผ่เองก็เช่นกัน  เสียงหอบอย่างเหนื่อยอ่อนของไผ่มันได้กระตุ้นอารมณ์ของแทมินเข้าอีกครั้ง  ไผ่ต้องก้มหน้างุดเมื่อส่วนคาเอาไว้ขยายขึ้น  ร่างสูงผลักให้ไผ่เอนตัวลงบนเตียงจับขาทั้งสองข้างให้แยกออกมากขึ้นเพื่อที่จะได้สอดใส่เข้าไปได้มากขึ้น  เมื่อช่องทางขยายเต็มที่จนสามารถสอดเข้าไปจนมิดด้ามได้แล้ว  เขาก็ยิ่งโถมกระแทกตัวลงไปให้ส่วนแข็งของตนเข้าไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้  ร่างเล็กยึดจับผ้าปูเตียงและบิดมันจนเลื่อนหลุด  แม้จะรู้สึกดีแต่ตอนนี้เขาเริ่มเหนื่อยเสียแล้ว
 
                “อ๊า  อา  ผม...อ่ะ  ..ผมไม่ไหว..อื้มม”
 
                ปากของร่างเล็กถูกควบคุมด้วยจูบที่ร่างสูงมอบให้  ลิ้นที่รุกรานเข้ามาอย่างรุนแรง  และริมฝีปากที่บดขยี้เข้ามา  ทำให้เขาไม่อาจขัดขืนได้  เขาเป็นคนพูดเองว่าถ้าทำได้เขาก็จะทำ  เพราะฉะนั้น...จนกว่าพี่แทมินจะหายทรมาน  เขาจะ.....
 
                ปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้ง  แทมินโน้มตัวลงมากอดไผ่เอาไว้  มีความสุขเหลือเกิน  ในที่สุดเขาก็ได้ครอบครองร่างกายของบุคคลที่เขารัก  เท่านี้ก็เหลือแค่เพียง....หัวใจเท่านั้น
 
                “อา  อ๊าา   อื้อ  อ่ะ  พี่แทมิน...อ้า”
 
                “ไผ่..อึ่ก”
 
                เขาปลดปล่อยอีกครั้งภายในช่องทางรักของไผ่  บัดนี้ช่องทางนั้นเต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นของเขา  ทุกครั้งที่เขาขยับ  มันจะเริ่มไหลส่วนทางออกมาจนเปรอะเปื้อนที่นอนจนแฉะไปหมด
 
                “พี่แทมิน...ผมไม่ไหว...”
 
                ร่างในอ้อมกอดเริ่มเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา  เขารู้ว่าไผ่เหนื่อย  แต่ว่าฤทธิ์ยายังไม่หมด  ส่วนนั้นของเขาเริ่มแข็งขึ้นอีกครั้ง
 
                “ขอโทษนะ  แต่ว่ามันยัง....”
 
                ไม่ว่าเปล่า  เขาเริ่มขยับตัวอีกครั้ง
 
                “อา  อ่ะ  อื้อออ!”
 
                เขากระแทกอย่างต่อเนื่อง  เสียงครางของร่างเล็กค่อยๆเบาลงจนกระทั้งเงียบไป  แทมินจึงหยุดและดูไผ่อย่างเป็นห่วง  และค่อยเบาใจเมื่อร่างเล็กตรงหน้าเขาเพียงแค่เหนื่อยจนสลบไปเท่านั้น  เขาเองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน  หลับด้วยเลยดีไหมนะ.......
 
                ไม่สนแล้วว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป  แทมินทิ้งตัวลงบนร่างของไผ่แล้วผล่อยหลับไปด้วยเช่นกัน....
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
                รุ่งเช้าของวันใหม่มาถึงเถ้าแก่เปิดประตูเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจ  นี่ยังไม่ตื่นกันอีกรึ  ปกติไผ่เป็นคนตื่นเช้านี่นา  เถ้าแก่เดินขึ้นชั้นสองไปยังห้องของแทมิน  ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับภาพลูกชายของเขานอนเปลือยในอ้อมแขนมีไผ่อยู่ด้วย  บนเตียงมีขราบของอะไรบางอย่าง(?)  และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายนั้นอธิบายเรื่องราวได้อย่างดี  เถ้าแก่เกาหัวอย่างงงๆ  นี่เขาไม่อยู่แค่คืนเดียว  ไอ้เจ้าลูกชายมันก้าวหน้าไปขนาดนี้เลยหรือเนี้ย
 
                ไผ่เริ่มขยับเปลือกตาเล็กน้อย  ทำให้เถ้าแก่รู้สึกตัวตนไม่ควรอยู่ในห้องเป็น  กขค  จนปิดออกจากห้องไปโดยไม่วายทิ้งท้าย
 
                “แล้วอย่าลืมเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”
 
                มีแววว่าลูกสะใภ้ในอนาคตคงต้องเป็นหนูไผ่ซะล่ะมั้งเนี้ย
 
            ไผ่ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่เถ้าแก่ปิดประตู  แล้วเขาก็พบแขนที่โอบกอดร่างเขาเอาไว้  อา...จริงสินะ  เมื่อคืนนี้  เขากับพี่แทมิน....
 
                ไผ่ขยับตัวเพื่อจะได้ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก....ไม่จริงน่า  ไผ่ล้วงมือลงไปใต้ผ้าห่มเพื่อพิสูจน์ให้แน่ใจ.......
 
                ใช่จริงๆด้วย....
 
                มันยังค้างอยู่ในตัวเขา!!!
 
                “พี่แทมิน  พี่แทมินตื่นสิ”
 
                ไผ่เขย่าแขนของร่างสูงหวังให้เขาตื่น  และเขาก็ลืมตาขึ้นมาตามความต้องการจนได้
 
                “อืม...สวัสดีตอนเช้านะ”
 
                “อ่ะ..พี่แทมิน  อย่าเพิ่งขยับ”
 
                “หืม?  มีอะไรรึไผ่”
 
                “กะ..ก็พี่ยังไม่ได้เอามันออกเลย...”
 
                แทมินเปิดผ้าห่มออกแล้วก็ปิดมันลงพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไผ่ไม่ได้เห็นเสียตั้งนาน
 
                “แล้วยังไงเหรอ^^”
 
                ไผ่หน้าแดงขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
 
                “กะ  ก็  เอามันออกไปสิครับ”
 
                แทมินใช้แขนคว้าตัวของไผ่เข้าไปกอดทำให้ส่วนนั้นของเขาขยับลึกเข้าไปอีก
 
                “อาาา  นี่พี่...จะทำอะไร”
 
                “อืมมม  นั่นสินะ  จะทำอะไรดีเอ่ย^^”
 
                “ผะ  ผมต้องไปอาบน้ำ”
 
                “ค่อยอาบก็ได้นี่นา  เรามาต่อจากเมื่อคืนดีกว่านะ^^”
 
                ว่าแล้วแทมินก็ขยับตัวอีกครั้ง  ส่วนมือก็เลื่อนไปกุมส่วนอ่อนไหวของไผ่
 
                “อะ  อ้า  อา  พี่แทมิน  อ๊ะ”
 
                ทั้งสองมีอะไรกันต่อไปอีกช่วงเช้าจนกระทั้งเวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงวัน
 
                “พี่แทมิน”
 
                “อะไรเหรอ”
 
                อ้อมแขนกระชัดหวังให้ร่างอ้อมกอดเข้ามาใกล้เพื่อสูดดมกลมหอมของแชมพูจากผมของร่างเล็ก
 
                “ทำไมบ้านของพี่ถึงมียาปลุกได้ล่ะครับ =_=”
 
                “เอ...นั่นสิ  ทำไมน้า ^^”
 
                “กรุณาตอบด้วยครับ - -^”
 
                “บอกก็ได้แต่ไผ่ห้ามโกรธฉันนะ”
 
                “น่าสงสัย - -^”
 
                “ง่า...คือว่าไอ้ยาเนี้ย  ฉันเป็นคนซื้อมาเองแหล่ะ  ตอนที่ไปทำรายงานที่มหาลัย  ตอนแรกว่าจะ...เอ่อ...”
 
                “จะอะไร - -^^^^”
 
                “กะว่าจะเอาไว้ใช้กับไผ่ อ่า.....”
 
                “-*-“
 
                “แต่ว่าพอกลับมาก็พบกับไผ่ที่มีสภาพเป็นแบบนั้น....ฉันไม่อยากเห็นไผ่ต้องเป็นแบบนั้น  ถ้าหากว่าฉันทำลงไปล่ะ  มันก็คงไม่ต่างอะไรกับคนที่มันทำกับไผ่เลยล่ะสิ  พอคิดได้แบบนั้นแล้ว  ความคิดเมื่อครู่มันก็หายไปหมดสิ้น  ขอโทษนะ”
 
                “.....”
 
                ไร้ซึ่งคำพูด  หากแต่ร่างเล็กนั่นกลับโอบกอดร่างสูงไว้เป็นคำตอบ
 
                “ผมว่าผมไปอาบน้ำดีกว่า”
 
                ว่าแล้วไผ่ก็ผละออกจากแทมินเพื่อหวังลุกไปอาบน้ำ  น้ำสีขาวขุ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในช่องทางนั้นไหลย้อยมาตามเรียวขาทำให้พื้นเปรอะเปื้อน  แต่แทมินก็ใช้แขนเกี่ยวขาอุ้มไผ่ขึ้นมาซะอย่างนั้น
               
                “ฉันว่าแบบนี้อาบคนเดียวคงจะลำบากนะ  ให้ฉันอาบให้ก็แล้วกัน^^”
 
            “ไม่เป็นไรผมอาบเองได้”
 
                “ไม่รู้ไม่สน^^”
 
                “ง่า...”
 
                และแล้วทั้งสองก็ไปต่อบทรักกันในห้องน้ำด้วยประการฉะนี้แล = _ =”
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


@230  ขอบคุณที่สำหรับกำลังใจนะคะ   แม้จะเป็นเม้นสั้นๆ แคนก็ดีใจค่ะ 

@Wangjin  ขอบคุณที่เม้นให้แคนรับรู้ว่ายังมีคนอ่านนะคะ  นึกว่า ไม่มีใครอ่านนิยายของแคนซะแล้ว  :hao5:

@minenat  หวา  ตาจะบวมไหมคะนั่น  เอาทิชชู่ไหม?   สำหรับเรื่องบทแยกของเซน  แคนลงไว้ในเด็กดีค่ะ  ยังแต่งไม่จบ อยู่ในสถานะ ดองชั่วคราว แต่ไม่ทิ้ง  จะกระดึ้บๆ มาอัพ นานๆครั้ง ค่ะ  ชื่อเรื่อง Punishment ทัณฑ์รัก  ค่ะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 27 P.2) [30/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: morningflower ที่ 30-03-2013 19:54:41
มาลงชื่อเเสดงตัวตนค่ะ
รอตอนต่อไปอยู่เสมอๆ
 :m18: :m18: :m18:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 27 P.2) [30/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: tantanlize ที่ 30-03-2013 21:21:05
เกลียดเซนมากกกกกกกกกกก ทั้งๆที่เป็นเพื่อนสนิดกันแท้ๆ ไม่ชอบทิว พ่อเเม่ด้วย ทั้งๆที่เป็นลูกเหมือนกัน ทิวก็ดูไม่ค่อยสนใจไผ่ อ๊ากกกกกกกกก อยากให้เซนโดนรุม - - (เเค้นจุง)
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 27 P.2) [30/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 30-03-2013 21:48:29
มาให้กำลังใจอีกคนค่ะ เพิ่งตามมาอ่าน
ไ่ผ่น่าสงสารสุดๆอ่ะ เกลียดเซนมากกก
ตอนแรกอุตส่าห์เชียร์เซน แต่อ่านไปไม่กี่ตอน กลับลำทันที
แทมินดูแลไผ่ดีๆนะ ไอพี่เอฟอะไรนั่นคงไม่ตามมารังควานหรอกนะ
สู้ๆค่าาา
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 27 P.2) [30/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 30-03-2013 21:53:03
เย้ มีคนมาอ่านเหมือนกันแล้วววว คุณแคนนนน เค้าอยากอ่านเรื่อง เซนนนน อ้าาาา :mew2: :mew2: :mew2: :ling1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 27 P.2) [30/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 01-04-2013 10:43:25
เพิ่งมาอ่าน อ่านไปน้ำตาไหลพราก สงสารไผ่ และเราว่า เพราะพ่อแม่ไผ่ คิดแต่เพียงชดเชยให้ทิว คิดว่าต้องห่างทิว
กลัวทิวมีปม แต่กลับทิ้งขว้างไผ่ พ่อแม่แบบนี้ที่ลืมลูกตัวเองมีด้วยเหรอ เลวร้ายไปแล้ว กลายเป็นคนที่ขาดรักกลับเป็นไผ่
พี่แทมินดีจัง ไอ้เซนเลวเนอะ ทำกลับเพื่อนได้ นี่ไม่ใช่เพื่อนรักหรือสนิทหรอก แต่น่าจะเรียกว่าเหลือบเกาะมากกว่า
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (Special ตอนที่ 1 P.3) [01/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 01-04-2013 19:31:41
อันนี้ เป็นตอนพิเศษ เกี่ยวเนื่องกับวันวาเลนไทน์ค่ะ   
แม้ว่ามันจะผ่านมาเเล้วในหลักความเป็นจริง แต่เอาลงตอนนี้คงไม่เป็นไรมั้งคะ

ตอนพิเศษนี้ จะมีทั้งหมด 2 ตอนด้วยกัน  ซึ่งแคนจะลงทีเดียวเลยค่ะ

ตอนแรกที่จะลง   ในเด็กดีคือ ตอนพิเศษตอนที่ 2  แต่ถ้าดูตามลำดับความเหมาะสมแล้ว แคนว่าอยู่ตอนที่ 1 ดีกว่าค่ะ


Special ตอนที่ 1 วาเลนไทน์ไร้สาระ



“พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์แล้วนะจ๊ะ  เด็กๆคิดเอาไว้แล้วรึยังว่าจะบอกใคร ^^”
 
อาจารย์สาวสวยประจำชั้นประถมปีที่สองถามเด็กนักเรียนของเธอ
 
“ค่า  หนูจะบอกรักคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ”
 
 เด็กหญิงผมเปียยกมือตอบอาจารย์  และเด็กคนอื่นๆก็เริ่มตอบตาม  มีเพียงเด็กชายคนหนึ่งที่นั่งข้างหน้าต่างเท่านั้นที่นั่งเงียบไม่ได้ยกมือตอบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ
 
“ไผ่  เป็นไรอ่ะ  นั่งเหม่อเชียว”
 
เซนที่นั่งข้างๆ  สังเกตเห็นจึงเอ่ยถาม
 
“เปล่า  ก็ดูเมฆเหมือนทุกที”
 
“อ่ะนะ”
 
วันวาเลนไทน์  ตามที่เรียนมันคือวันแห่งความรัก  โดยเริ่มจากนักบวชที่ชื่อวาเลนไทน์อะไรนั่นสินะ  แล้วคนไทยก็บ้าเห่อตามคนต่างชาติ...งี่เง่าชะมัด
 
“ไม่แน่นา  พรุ่งนี้คุณลุงกับคุณป้าอาจจะกลับบ้านเร็วก็ได้”
 
“ทำไมเซนถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
 
“ก็แหม  วันแห่งความรักไง  พวกท่านรักไผ่เลยกลับบ้านเร็ว”
 
ไม่จริงหรอก  พ่อกับแม่ไม่เคยกลับบ้านเร็ว  ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง  พวกท่านก็คงกลับมาทุกวันเลยล่ะ  ถ้าหากรักเขาจริงๆ...
 
“เอาน่า  ไม่แน่ว่าปีนี้อาจจะแตกต่างจากทุกปีแน่ๆ”
 
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็คงดี”
 
เด็กน้อยปั่นจักรยานกลับบ้านเหมือนทุกวัน  บ้านที่ไม่มีแสงไฟและไร้ซึ่งเสียงใดๆ   เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านเหมือนเช่นเคย
 
“ถ้าหากพรุ่งนี้คุณพ่อกับคุณแม่กลับบ้านก็คงจะดีนะ......จะลองเชื่อดูสักครั้งดีไหมนะ”
 
ขอเชื่อดูสักครั้งได้ไหม  ถ้าหากพรุ่งนี้เป็นวันแห่งความรักจริงๆ  ก็ขอให้คุณพ่อกับคุณแม่กลับมาที่บ้าน  แม้เพียงสักครั้งก็ยังดี  เขาอยากจะทานข้าวด้วยกันพร้อมหน้า  ที่มีเขา  มีคุณพ่อและคุณแม่....ครั้งเดียวก็ได้
 
รุ่งเช้ามาถึงแล้ว  เด็กน้อยปั่นจักรยานไปโรงเรียนเหมือนเช่นเคย  เขาไม่อยากรบกวนน้าภาแม่ของเซนเหมือนตอนอนุบาลอีกแล้ว  จึงเลือกที่จะออกมาเช้ากว่าเวลาไปโรงเรียนของเซน  สองข้างทางของถนนที่เคยว่างเปล่าตอนนี้เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่เริ่มตั้งแผงขายดอกไม้  ดูๆไปแล้วมันก็สวยดีเหมือนกันนะ  ดอกกุหลาบ...หากเขาให้ดอกไม้กับคุณพ่อคุณแม่  พวกท่านจะดีใจไหมนะ
 
“หวัดดี  มาเช้าอีกแล้วนะไผ่”
 
เซนเดินเข้ามาตั้งกระเป๋าที่โต๊ะข้างๆโต๊ะเรียนของไผ่  แล้วตั้งลูกอมรูปหัวใจจำนวนสิบเม็ดไว้บนโต๊ะของไผ่
 
“ลูกอมตั้งเยอะแยะ  เอามาตั้งบนโต๊ะฉันทำไม”
 
“ถามได้  ก็ของขวัญวาเลนไทน์ไง  ฉันให้ไผ่ นี่พิเศษนะเนี่ย  กับเพื่อนคนอื่นฉันให้แค่คนละเม็ดนะ^^”
 
หน้าของเด็กน้อยเริ่มแดงนิดๆจึงได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพื่อนสนิทตรงหน้า
 
“ขอบใจนะ”
 
                +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
โรงเรียนเลิกแล้ว  เด็กน้อยเดินดูแผงดอกไม้ต่างๆที่วางเรียงรายมากมายนั้น  จะซื้อดอกกุหลาบแบบไหนดีนะ  ระหว่างที่เดินดูดอกไม้อยู่นั้น  เด็กน้อยก็ชนเข้ากับเด็กชายที่มีรูปร่างโตกว่า  ทำให้ไผ่ถึงกับล้มลงก้นกระแทกพื้น  ดอกไม้มากมายในมือของเด็กชายตัวโตกว่าหล่นลงกระจายเต็มพื้น
 
“เฮ้ย นายเดินระวังหน่อยสิ”
 
เด็กโตกว่าเอ่ยอย่างไม่พอใจ
 
“ขอ...โทษครับ”
 
“เดี๋ยวเหอะ  พูดให้มันดีๆหน่อยสิ”
 
เสียงเอ็ดเด็กชายตัวโต  ดังขึ้นจากข้างหลัง  ทำให้รู้ว่ามีเด็กชายม.ต้นอยู่ข้างๆเขาด้วย

“ง่า...ขอโทษครับ”
 
เด็กชายตัวโตดูหงอไปทันที  คงจะเป็นพี่ชายสินะ
 
“ไม่ใช่ขอโทษฉัน  ขอโทษเด็กคนนั้นต่างหาก”
 
“โทษนะ”
 
เด็กชายตัวโต  หยิบเอาดอกกุหลาบดอกหนึ่งที่อยู่ในมือส่งให้เด็กน้อย
 
“ฉันให้  ยกโทษให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”
 
เด็กน้อยรับเอาไว้  นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนให้ดอกไม้แก่เขา  แทนที่จะเป็นลูกอมเหมือนที่เซนให้เขาอย่างทุกที
 
“ไปกันเถอะแทมิน  พ่อคอยนานแล้วนะ”
 
“คร้าบฮยอง”
 
แล้วเด็กชายกับพี่ชายของเขาก็เดินหายเข้าไปในฝูงชน  เด็กน้อยมองดูดอกกุหลาบที่เด็กชายคนนั้นให้มา  รู้สึกดีเหมือนกันนะที่มีคนมาให้ดอกไม้แบบนี้  คุณพ่อกับคุณแม่ก็จะต้องรู้สึกเหมือนเขาแน่ๆหากได้รับดอกไม้  เด็กชายจึงตัดสินใจ  ซื้อดอกกุหลาบสีแดงสดดอกเล็กๆที่ราคาไม่แพงมากสองดอก  และปั่นจักรยานกลับบ้าน
 
บ้านยังคงมืดสนิทเหมือนเดิม  แต่ว่าคงไม่เป็นไรหรอก  ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่รักเขา  พวกท่านก็ต้องกลับบ้านสิ.....
 
.....
               
....
 
                 
.....

ห้าทุ่มแล้ว  คุณพ่อกับคุณแม่ก็ยังไม่กลับ  เด็กน้อยไม่สามารถคอยได้นานกว่านี้อีกแล้ว  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด  ถ้ารอจนคุณพ่อกับคุณแม่กลับมา  เขาก็จะต้องโดยดุเหมือนตอนนั้นที่เขารอคอยเพียงเพื่ออยากบอกว่าเขาอยากกินอะไร  เด็กชายจึงตัดสินใจวางดอกไม้ทั้งสองดอกไว้บนเตียงของคุณพ่อกับคุณแม่  เพื่อหวังว่าเมื่อพวกท่านเข้ามาในห้องนอนจะได้พบกับดอกไม้ของเขา
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
เมื่อแสงแดดยามเช้าสาดส่อง  เด็กน้อยเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของพ่อกับแม่แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่ได้ต่างไปจากเมื่อคืนนี้  ดอกไม้ยังคงถูกวางไว้เหมือนเดิม  ไม่ได้มีการขยับเขยื้อน  นั่นแสดงให้เห็นว่าเมื่อคืนนี้คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน  เพราะหากกลับมาจริง  ดอกไม้ที่วางอยู่บนกลางเตียงนั้นก็จะต้องถูกย้ายออกไป...
 
เด็กน้อยเดินเข้ามาหยิบเอาดอกกุหลาบสองออกจากเตียง  และเดินลงไปชั้นล่าง
 
สุดท้ายมันก็ไม่ได้ต่างอะไรเลย  พ่อกับแม่ก็ไม่กลับมา
 
หยดน้ำตารินไหลออกมา  หากเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าพวกท่านจะกลับมาก็คงดี  หากเขาไม่เชื่อเซนก็คงจะดี  ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามันก็คงเหมือนเดิม  แต่ก็อยากจะลองเชื่อดูสักครั้ง....วาเลนไทน์ที่สุดท้ายก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากวันธรรมดา
 
 หึ  วันวาเลนไทน์อะไรนั่นช่างไร้สาระสิ้นดี...
               
ดอกกุหลาบสองดอกนั้นถูกทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี
 
มีเพียงดอกกุหลาบของเด็กชายคนเมื่อวานเท่านั้นที่ยังคงวางอยู่ในห้องของเด็กน้อยจนถึงปัจจุบันนี้ แม้ว่ามันจะแห้งเหี่ยวไปแล้ว หรือแม้จะถูกลืมไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ถูกทิ้ง มันยังคงอยู่ในห้องนั้น  ดอกกุหลาบดอกแรกที่เขาได้รับ....
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 27 P.2) [30/03/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: hotladyanyavee ที่ 01-04-2013 19:42:03
สงสารไผ่อะ ไผ่เหมือนลูกที่ถูกลืมเลยอะ ทิวยังดีกว่าไผ่อยู่ดีี แม้ได้แยกกับพ่อม่ ก็ไม่เหมือนแยก เหมือนคนในใจ
ได้รับความรักจากย่า เฮ่อ แต่ไผ่ โดดเดี่ยวไปแล้วนะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (Special ตอนที่ 2 P.3) [01/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 01-04-2013 19:42:33
ลงตอนพิเศษ ตอนที่ 2 ค่ะ   



Special ตอนที่ 2  วาเลนไทน์ของทั้งสอง



สองข้างทางของถนนหนทางต่างเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีต่างๆ  หญิงสาวที่ยืนเลือกสีดอกไม้  คู่รักที่เดินจับมือกันเต็มไปหมด  วันนี้คงจะเป็นวันวาเลนไทน์สินะ....
 
ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าแผงขายดอกไม้แผงหนึ่ง  จ้องมองดอกกุหลาบที่ถูกจัดเป็นช่อสวยงามและที่แยกเป็นดอกเดียววางเรียงราย
 
ถ้าหากผมซื้อดอกกุหลาบไปให้เซน  เซนจะคิดยังไงกันนะ.......
 
ผมยืนมือไปหยิบดอกกุกลาบสีแดงสดขึ้นมาหนึ่งดอก  ทั้งๆที่คิดว่าจะซื้อมันอยู่แล้วเชียวแต่ก็ต้องตัดใจวางมันกลับไปที่เดิม  ตอนนี้ในใจของเซนคงไม่มีที่ว่างให้ผมหรอก...ก็เซน  ชอบคนชื่อทิวนี่นา...เซนชอบเพียงคนชื่อทิวเท่านั้น  ถึงได้ทำเรื่องที่เลวร้ายแบบนั้นกับผมที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กได้...
 
ผมเดินออกจากแผงดอกไม้แผงนั้น  วันวาเลนไทน์สำหรับผมแล้ว  มันก็คงเป็นเพียงแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่งเท่านั้นเอง  ไม่ได้มีความพิเศษอะไรเลย  แต่แล้วผมก็ต้องไปสะดุดเตากับแผงขายต้นกระบองเพชรเล็กๆของยายแก่ๆคนหนึ่ง  ท่ามกลางแผงดอกกุหลาบมากมาย  และหญิงสาวที่พากันเลือกซื้อดอกไม้นั้น  คงไม่มีใครมาสนใจต้นกระบองเพชรเล็กๆนี่หรอก
 
“ยายครับ  ต้นกระบองเพชรต้นนี้ขายเท่าไหร่ครับ”
 
ผมหยิบกระถางต้นกระบองเพชรต้นเล็กๆดูน่ารักต้นหนึ่งขึ้นมาถามราคา
 
“สามสิบห้าบาทจ้าพ่อหนุ่ม”
 
“งั้นผมเอาต้นนี้นะ”
 
ผมส่งแบงค์ห้าสิบบาทให้ยายไปและบอกยายว่าไม่ต้องทอน  ดูท่าทางแกจะดีใจมากเลย
 
“วันนี้ขายต้นไม้ได้เท่าไหร่แล้วครับยาย”
 
“วันนี้ยายขายได้แค่สองต้นเองรวมของพ่อหนุ่มด้วยแล้วนะ ก็ทุกคนเขาแห่กันไปซื้อดอกกุหลาบกันหมดเลยนี่นา”
               
“งั้นเหรอครับ  ยังไงก็ขอให้มีคนมีซื้อต้นไม้ของยายเยอะๆนะครับ”
 
“ขอบใจจ้า”
 
ผมเดินถือกระถางของต้นกระบองเพชรออกมาจากแผงของคุณยาย  ทำไมวันวาเลนไทน์ถึงต้องให้ดอกกุหลาบกันด้วยนะ  ทำไมถึงไม่ให้ช็อกโกแลตเหมือนประเทศทางตะวันออก  อย่างน้อยช็อกโกแลตยังสามารถกินได้  หรือใครที่ทำเองมันก็คงสามารถสื่อให้รู้ถึงความตั้งใจของผู้ให้  แต่ดอกกุหลาบ  คงมีไม่กี่คนหรอกที่ปลูกเองและมอบให้กับคนที่รัก  โดยมากจะซื้อเอาทั้งนั้น  ได้มาโดยง่ายดายมันจะไปสำคัญอะไร...ดอกกุหลาบไม่นานมันก็ต้องแห้งเหี่ยวและโรยไปในที่สุด  แต่หากเปลี่ยนจากกุหลาบมาเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆแบบนี้แทนมันก็คงจะดีกว่าเพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้เหี่ยวเฉา  และจะค่อยๆเติบโตตามการดูแลของผู้รับ  มันคงจะน่าประทับใจมากกว่าทั้งตัวผู้ให้และผู้รับ  ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแต่ผู้คนก็ยังซื้อมัน  ซื้อดอกกุหลาบพวกนั้น...
 
ผมเดินมาถึงบ้านของพี่แทมินแล้ว  วันนี้ก็คงไม่มีลูกค้ามากนักหรอก  เพราะคู่รักส่วนใหญ่มักจะพากันไปกินร้านเค้กหรือไอศครีมหรูๆมากกว่าจะมากินร้านอาหารเกาหลีแถวนี้  เถ้าแก่จึงตัดสินใจปิดร้านเพื่อพักผ่อนเหมือนทุกปี
 
“ไผ่  กลับมาแล้วเหรอ  หายไปไหนมา”
 
พี่แทมินที่นั่งอยู่ภายในห้องนอนของเขาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมเปิดประตูเข้ามาในห้องเขา
 
“ผมก็แค่ออกไปเดินดูอะไรนิดหน่อยข้างนอกน่ะครับ”
 
“เหรอ  อ่าวแล้วในมือนั่นอะไรน่ะ  ต้นไม้??”
 
พี่แทมินมองดูต้นกระบองเพชรในมือของผม  ผมก้มหน้ายื่นต้นกระบองเพชรนั้นไปให้พี่แทมิน
 
“เอ่อ...ของขวัญ...วันวาเลนไทน์ครับ”
 
พี่แทมินไม่พูดอะไรตอบกลับและไม่รับเอาต้นกระบองเพชรไปจากผมด้วย  ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา   และสิ่งที่ผมก็คือ....ตอนนี้พี่แทมินหน้าแดงเอามากๆ
 
“ให้ฉัน...ไผ่ให้ฉันงั้นเหรอ”
 
“ครับ  ผมให้พี่  ทำไมเหรอครับ”
 
“ก็ดีใจน่ะสิ  ดีใจสุดๆเลยด้วย”
 
พี่แทมินรับของขวัญวาเลนไทน์ของผมเอาไว้  มันน่าดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ....
 
“ฉันเองก็มีเหมือนกันนะ  ของขวัญวาเลนไทน์^^”
 
พี่แทมินวางต้นกระบองเพชรของผมของบนโต๊ะ  และหยิบต้นกระบองเพชรอีกต้นหนึ่งที่ผมไม่เคยมาก่อนว่ามันมีอยู่ในห้องนี้ด้วยส่งให้ผม
 
“คิดๆดูแล้ว  สงสัยว่าเราคงจะซื้อจากร้านคุณยายคนนั้นเหมือนกันแน่ๆเลยใช่ไหม^^”
 
‘วันนี้ยายขายได้แค่สองต้นเอง’
 
คำพูดของยายคนนั้นแวบขึ้นมาให้หัวของผม  อีกคนหนึ่งที่ซื้อก็คือพี่แทมินเองเหรอ
“ฮ่าๆ  เราสองคนใจตรงกันด้วยล่ะ^^”
 
“-*-“
 
ผมรับต้นกระบองเพชรมาจากพี่แทมิน  ทำยังไงดีล่ะ  ตอนนี้หน้าผมร้อนไปหมดแล้ว
 
“ไผ่น่ารักจังเลย^^”
 
“=///=”
 
ผมวางต้นกระบองเพชรของพี่แทมินลงบนต้นข้างกับต้นกระบองเพชรของผม
 
“เอาเป็นว่าต้นที่ไผ่ให้ฉันม่าฉันจะตั้งชื่อว่าไผ่ดีไหม^^”
 
“ต้นกระบองเพชรบ้านไหนชื่อไผ่-*-“
 
“ก็ของบ้านนี้ไง  ส่วนอีกต้นที่ฉันให้ก็ให้ชื่อแทมินนี่แหล่ะ  ฟังดูดีไหม  ต่างคนก็ดูแลของกันและกันไง”
 
“-*-“
 
พี่แทมินกอดผมและจูบอย่างทุกครั้ง  มันเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว...แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่มันไม่ปกติก็คือ....มือที่มันล้วงเข้ามาในกางเกงของผม!!!!!
 
“อย่านะ  พี่แทมิน”
 
“ทำไมล่ะ  ไผ่ไม่อยากเหรอ  แต่ฉันอยากจะแย่แล้วนะ”
 
มือของเขาเข้ากุมส่วนนั้นของผมและรูดมันอย่างชำนาญ(?)
 
“อา  พี่แทมิน  ปล่อยนะ”
 
“ไม่ปล่อย  มีอะไรไหม^^”
 
“อ่ะ  ผมไม่นึกเลยว่าพี่จะ...อ้าาา...เป็นคนแบบนี้”
 
“แบบไหนเหรอ  ไหนลองบอกฉันมาสิ^^”
 
“อึ่ก  ลามก  โรคจิต...หื่นที่สุด”
 
“แต่ยังไงก็รักไผ่ที่สุดด้วยเหมือนกันนะ”
 
“อ่ะ  อ๊าาา”
 
ผมปลดปล่อยออกมาทำให้ตอนนี้กางเกงของผมเปรอะไปหมด
 
“ว้า  แย่จัง  เห็นทีต้องเปลี่ยนกางเกงซะแล้วสิ  เดี๋ยวฉันเปลี่ยนให้”
 
แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ!!!!
 
กางเกงของผมถูกถอดออก(อย่างไม่เต็มใจ)
 
“ไม่ได้เลอะแค่กางเกงนะเนี่ย  ดูสิตรงนั้นก็เปื้อนด้วย”
 
สายตาแสนเจ้าเล่ห์นั้นมันทำให้ผมเริ่มจะรับรู้ถึงชะตากรรมซะแล้วสิ....
 
พี่แทมินก้มลงไปเลียส่วนนั้นของผม  ผมพยายามผลักหัวเขาออกไป  แต่ไม่ได้ผลเลย  ตัวผมเริ่มอ่อนยวบลงไปทุกที  นี่ผมกำลังเป็นอะไรไป!!!
 
ไม่เพียงแต่เลียเท่านั้น  นิ้วของเขายังสอดเข้ามาในช่องทางของผมอีกต่างหาก
 
“อื้อออ   พี่แทมิน  จะทำอะไร  อา”
 
“ก็ทำอย่างที่ไผ่กำลังคิดอยู่ไง”
 
นิ้วที่ขยับเข้าออก  จากหนึ่งเพิ่มเป็นสอง  อา...ไม่ไหวแล้ว  ผมไม่อยากได้แค่นิ้ว  ผมต้องการมากกว่านี้...
 
“พอแล้ว  ไม่เอาแล้ว  อาาา”
 
พี่แทมินหยุดนิ้วทันที  แต่สายตากับรอยยิ้มนั้นยังไม่หายไป
 
“ที่พูดนี่แน่ใจเหรอ  แล้วทำไมหน้าของไผ่มันถึงได้ไม่เข้ากับคำพูดนั้นเลยล่ะ”
 
หน้า ?  ตอนนี้ผมกำลังทำหน้าแบบไหนงั้นเหรอ
 
“หน้าที่แดงระเรื่อ  ทำตาปรือแสดงถึงความต้องการแบบนี้  ไผ่แน่ใจแล้วงั้นเหรอว่าอยากให้ฉันหยุด^^”
 
ไม่ไหวจริงๆ  ผมไม่มีทางชนะคนๆนี้ได้เลย
 
“ผม......”
 
“อะไรนะ  พูดให้ฉันได้ยินสิไผ่”
 
“เอ่อ..ผม......”
 
“ดังกว่านี้สิไผ่  ฉันไม่ได้ยินเลย”
 
โกหก  ผมรู่ว่าพี่แทมินได้ยินแต่เขาแค่ต้องการจะแกล้งผมเท่านั้น
 
“ว่าไงล่ะ  พูดให้มันดังๆหน่อยสิ^^”
 
“ผม...ต้องการมากกว่า...นี้ >////<”
 
โวยยยย   ไม่ไหวแล้ว  อายไปหมดแล้ววววววววว
 
“ก็แค่เนี้ย^^”
 
แล้วพี่แทมินก็ปลดกางเกงของตัวเองออกแล้วลากผมไปที่เตียงพร้อมดันส่วนแข็งของเขาเข้าไปทันที
 
“ฮา  อ๊า  พี่แทมิน”
 
“ไผ่  ฉันรักไผ่นะ”
 
คำพูดบอกรักกระซิบอยู่ข้างหู  และขยับกายไปพร้อมกัน  รู้สึกดีจังเลย  ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ
 
“อื้อออ   แรงอีกสิ  เร็วอีก  อ้าาา”
 
พี่แทมินทำตามความต้องการของผม  เขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  สองมือผมโอบกอดเขาเอาไว้เพื่อให้ช่องทางของผมแนบชิดกับเขามากขึ้นไปอีก
 
“ฉันรักไผ่นะ  รักที่สุดเลย”
 
คำพูดบอกรักที่ผมได้ยินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น  ทำไมวันนี้มันถึงได้ฟังดูไพเราะมากกว่าทุกทีกันนะ
 
“แล้วไผ่ล่ะ  รู้สึกยังไงกับฉัน”
 
นั่นสินะ....ผมรู้สึกยังไงกัน....
 
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบจากผม  พี่แทมินก็หยุดอยู่กับที่ไม่ขยับอีก
 
“ฮ่าๆ  นั่นสินะ  ฉันลืมไปได้ยังไงกัน  ก็ในเมื่อคนที่ไผ่รักคือเซนนี่นา”
 
แม้จะหัวเราะยังไง  แต่สายตาของพี่แทมินก็ไม่ได้หัวเราะไปด้วยเลย  มันเป็นสายตาที่ดูแล้วเจ็บปวดเหลือเกิน
 
“อื้ออออ”
 
พี่แทมินถอดถอนกายออกจากช่องทางของผมและห่มผ้าปิดตัวผมพร้อมหันหลังให้
 
“ขอโทษนะ  ฉันมันบ้าเอง  ที่คิดว่าเมื่อมีอะไรไปครั้งหนึ่งแล้ว  ไผ่ก็จะรักฉันได้”
 
ไม่นะ...อย่าพูดแบบนั้นนะ....
 
ผมเข้ากอดพี่แทมินจากข้างหลัง  ขอร้องล่ะ  อย่าทำแบบนี้
 
“ผม...ผมไม่รู้  ว่าผมคิดยังไงกับพี่  แต่ว่าไม่รู้ทำไม  พอผมหลับตาผมก็เห็นพี่  ตอนที่พี่ไม่อยู่  ผมก็คิดถึงพี่  ตอนที่ผมโดนพวกมันทำแบบนั้น  ผมก็นึกถึงพี่  อะไรๆผมก็นึกถึงแต่พี่”
 
พี่แทมินหันกลับมากอดผมเอาไว้  ผมจะเป็นคนเลวไปรึเปล่า  ทั้งๆที่ไม่สามารถบอกได้ว่ารักรึเปล่าแต่ก็ไม่อยากจากคนๆนี้ไป....
 
“ผมขอโทษ  ที่ผมไม่สามารถบอกพี่ได้ว่าผมรู้สึกยังไง  แต่ว่า...ผมอยากอยู่กับพี่....ผม..ผม...”
 
“พอแล้ว  ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว  แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้วล่ะ  ฉันนี่แย่จัง  ทำให้ไผ่ต้องเป็นแบบนี้  ทั้งๆที่สัญญาไว้แล้วเชียวว่าจะเป็นความสุขให้ไผ่”
 
ไม่หรอก...คนที่แย่มันผมต่างหาก....ผมได้แต่หวังว่า  สักวันความรู้สึกที่ผมพูดมามันจะแปรเปลี่ยนเป็นความรัก  แล้วพวกเราก็จะได้มีความสุขที่แท้จริงเสียที..
 
“ถึงผมจะยังบอกว่ารักพี่ไม่ได้  แต่ว่า....”
 
“แต่อะไรเหรอ”
 
“ผมชอบพี่ที่สุดเลย”
 
“>///<”
 
และแล้วบทรักของพวกผมก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง  อีกครั้ง.....และอีกครั้ง -*-
 
………
 
………
 
………
แล้วคุณล่ะ....วันนี้ได้บอกรักใครแล้วรึยัง ^^


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


@morningflower   ขอบคุณที่แสดงตัวตนนะคะ  ให้แคนได้มีกำลังใจว่า ยังมีคนอ่านนิยายของแคนอยู่  ดีใจจัง

@tantanlize   อยากเห็นเซนโดนรุมเรอะคะ?  ในเรื่องแยกของเซนที่แคนคิดว่า มีโดนรุมแน่นอนค่ะ  แต่ตอนนี้ แคนกำลังดองเรื่องนั้นอยู่อ่ะสิ  กำลังบิ้วอารมณ์ตัวเองอยู่  ยังบิ้วไม่ออกเลย :monkeysad:

@blanchet   ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ  อ่านไปเรื่อยๆ อาจจะเริ่มชอบเซนขึ้นมาก็ได้นะคะ(?)

@nunnan  อยากอ่านเรื่องของเซน  ตอนนี้อ่านในเด็กดีได้นะคะ  แต่ว่าแคนกำลังดองมันอยู่  แบบว่าพอจะเริ่มแต่งทีไร พาลแต่งไม่ออกทุกที ทั้งๆที่ในหัว เรื่องมันจบไปนานเเล้วนะ  เพราะอะไรก็ไม่รู้ ใครพอแนะนำให้แคนได้บ้างคะ  :mew2:

@hotladyanyavee  ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้นะคะ  อย่างที่แคนแจ้งก่อนเริ่มเรื่องว่าเรื่องนี้ เน้นความมันส์ในการแต่ง ไม่อิงหลักความเป็นจริงอยู่แล้ว  ดังนั้น พ่อแม่ประเภทเดียวกับไผ่ อาจจะไม่มีจริงก็ได้ (หรืออาจมีสักที่ใดที่หนึ่งก็ไม่รู้) ส่วนเซน ไม่แน่ค่ะ อ่านไปๆ อ่านจะ รู้สึกกับเซนดีขึ้นก็ได้นะคะ (อ้างอิงจากกระแสตอบรับ บทแยกของเซนที่ลงเอาไว้ในเด็กดี)


 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
 
 

 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (Special ตอนที่ 2 P.3) [01/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 01-04-2013 20:45:13
นั่งทางในนนนระลึกชาติ  :ling2: :ling2: :katai1: เลยค่ะะะะะะ อิอิ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (Special ตอนที่ 2 P.3) [01/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 02-04-2013 00:49:15
 :mew6: อยากให้ไผ่ กับ พี่แทมิน มีความสุขกันซักที. คอคุณแคนมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 28 P.3) [04/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 04-04-2013 17:18:21
ตอนที่ 28 คนที่โง่ที่สุดในโลก...ความฝันที่พังทลาย  (Zen talk)


วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสินะที่ทิวจะได้อยู่ที่นี่....
 
“ทำไมรีบกลับจัง  อยู่ต่ออีกหน่อยสิ”
 
ทิวส่ายหน้าปฏิเสธ
 
“อีกไม่กี่วันโรงเรียนที่นู่นก็จะเปิดแล้ว  ฉันต้องกลับไปซื้อหนังสืออีกนะ”
 
 “ทิวไม่อยู่  ฉันคงเหงาแย่เลย”
 
“เซนไม่เหงาหรอก  อย่าลืมสิว่าไผ่ก็ยังอยู่นะ”
 
จนถึงป่านนี้แล้ว  นายยังจะพูดแบบนี้อยู่อีกเหรอ....ทั้งๆที่ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันชอบนาย
 
“เซน  ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”
 
“เรื่องอะไรล่ะ”
 
“ช่วยพาฉันไปหาไผ่ทีสิ”
 
“อืม  ได้สิ”
 
ผมตัดสินใจทำตามที่ทิวต้องการ  เดินนำทิวไปยังร้านที่ไผ่ทำงานพิเศษ  ระหว่างทางนั้นผมคิดอยู่ตลอด  ทิวจะไม่อยู่แล้วแท้ๆ  แต่ทำไมผมถึงไม่กระวนกระวาย....
 
ผมพาทิวมาจนถึงหน้าร้าน  เถ้าแก่คนที่เป็นผู้ว่าจ้างไผ่กำลังกวาดขยะอยู่หน้าบ้าน  เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลที่มาเยือนอย่างพวกผมก็ยิ้มหน้าบาน
 
“อ้าว ไผ่  ออกมาทำอะไรหน้าบ้านล่ะ”
 
“ขอโทษนะครับคุณลุง  ขอผมพบไผ่หน่อยได้ไหม”
 
ทิวตอบกลับ
 
“ได้สิไผ่  เดี๋ยวฉันไปตามมาให้  เอ๋?  ไผ่ขอพบไผ่???????”
 
ทิวขำกับท่าทางงงๆของเถ้าแก่  ถ้าไม่มีใครรู้มาก่อนล่ะก็  คงคิดว่าทิวเป็นไผ่กันทั้งนั้นล่ะ  ก็หน้าตาออกจะเหมือนกันขนาดนี้
 
“ผมเป็นพี่ชายฝาแฝดของไผ่ครับ  ชื่อทิว  สวัสดีครับ”
 
“อาๆ  หวัดดี  ไผ่ไม่เห็นเคยบอกเลยนะเนี้ยว่ามีพี่ชายด้วย  รอแปปนะเดี๋ยวไปเรียกมาให้”
 
“ไม่เป็นไรครับ  ผมเข้าไปหาไผ่เองก็ได้ครับ”
 
“งั้นก็  เชิญเลยๆ”
 
ทิวกับผมเข้าไปในร้าน  ไผ่ไม่อยู่แหะ
 
“รึว่าจะอยู่หลังร้านนะ  เข้าไปดูกันไหม”
 
ผมกับทิวเดินเข้าไปหลังร้าน  และก็ได้เห็นภาพที่ออกจะบาดใจเล็กน้อยนั่นคือภาพที่ไผ่กำลังจูบอยู่กับแทมินนั่นเอง...ดูท่าทางว่าจะอีกนานเลยนะ  ผมเลยเคาะประตูเป็นสัญญาณให้ทั้งคู่รู้สึกตัว
 
“นึกว่าใครที่แท้ก็เจ้าเซนกับพี่ชายของไผ่นี่เอง”
 
“เอ่อ...คือ  ขอผมคุยกับไผ่หน่อยได้ไหม”
 
ทิวที่ดูจะตกใจไม่หายกับภาพเมื่อครู่พยายามรวบรวมสติ
 
“ว่าไงล่ะไผ่  ไปคุยกับเขาหน่อยสิ”
 
“.....”
 
ไผ่ไม่ยอมตอบอะไรเลย  สงสัยคงยังไม่อยากคุยกับทิวเหมือนเดิมสินะ
 
“ไผ่  คือ  วันนี้พี่จะกลับแล้วเลยอยากจะคุยกับไผ่  ได้ไหม”
 
“.....”
 
ไผ่ยังคงเงียบเหมือนเดิม   น่าหงุดหงิดชะมัด
 
“พอเถอะทิว  สงสัยว่าเราจะมาผิดจังหวะไปหน่อย  ดันไปรบกวนคู่รักเขากำลังจู๋จี๋กันนี่นา”
 
“แต่ว่า..”
 
“ก็ได้”  ไผ่ตอบ
 
ไผ่กับทิวเดินออกไปข้างหน้าร้าน  เหลือเพียงผมกับแทมินเท่านั้น
 
“รู้สึกว่าความสัมพันธ์จะก้าวหน้าไปไกลกว่าที่ผมคิดซะแล้วนะครับพี่แทมิน”
 
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ”
 
รอยยิ้มเย้ยนั่นมันอะไรกันน่ะ  นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่  แทมิน
 
“แต่ก็อย่างว่านั่นแหล่ะนะ  ยังไงของเหลือก็คือของเหลืออยู่วันยังค่ำ”
 
“กรุณาพูดให้มันดีๆหน่อยได้ไหม  คนที่ทำให้ไผ่เป็นแบบนั้นก็คือนายเองไม่ใช่เหรอ”
 
“รู้สึกจะปกป้องกันเหลือเกินนะ”
 
“......เฮ้อ  รู้สึกสงสารไผ่ขึ้นมาทันทีเลยนะที่ดันไปรักคนอย่างนายเข้า”
 
“ช่วยไม่ได้นี่  ใครใช้ให้มาชอบฉันกันล่ะ”
 
“ฉันขอบอกนายเอาไว้นะ  ว่าฉันจะไม่คืนไผ่ให้นายเด็ดขาด”
 
“อยากเอาไปทำอะไรก็เชิญเถอะน่า”
 
หงุดหงิดโว้ย  หงุดหงิดที่สุดเลย
 
“นายนี่มัน  โง่ที่สุดในโลกเลยว่ะ  รู้ตัวไหม”
 
แทมินจบบทสนทนาเพียงแค่นั้นแล้วเดินขึ้นไปชั้นสอง
                +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
“คุณมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ”
 
ไผ่เอ่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย  ดูไม่ออกเลยจริงๆว่าไผ่กำลังคิดอะไรอยู่
 
“คือ  พี่จะกลับวันนี้แล้วนะ”
 
“อืมรู้แล้ว  ก็คุณบอกไปแล้วนี่”
 
“ไผ่  ยังโกรธพี่อยู่ใช่ไหม”
 
“ใช่”
 
ตอบกลับโดยไม่ลังเล  ฟังดูแล้วมันช่างบาดใจเหลือเกิน
 
“ขอโทษนะ  ขอโทษจริงๆ”
 
“.....”
 
“ต่อไปพี่จะไม่มาที่นี่อีกแล้ว...ดีไหม  ไผ่จะได้สบายใจซะที”
 
“ถึงคุณจะมาหรือไม่มา  ผลมันก็เหมือนเดิม  สุดท้าย...ผมมันก็ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสายตาของพวกเขาอยู่แล้วนี่”
 
พวกเขา...คุณพ่อกับคุณแม่สินะ  แม้แต่คำพวกนี้ไผ่ก็ไม่เรียกมันแล้ว  เขาคงจะผิดจริงๆสินะ  หากเขาไม่มาที่นี่เสียแต่แรก  ไม่สิ  หากไม่มีเขาอยู่ล่ะก็
 
“นี่คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่  ถึงได้ทำหน้าเหมือนตัวเองผิดซะเต็มประดา”
 
ไผ่เดาถูก  เขากำลังคิด...
 
“คุณคงกำลังโทษตัวเองอยู่ใช่ไหมล่ะ  ผมพูดถูกใช่ไหม”
 
ทิวหลบสายตาของไผ่โดยการก้มหน้าลง  ไผ่เดาถูกอีกแล้ว...
 
“คุณจะคิดยังไงก็ตามใจคุณเถอะนะ  เพราะถึงยังไงผมก็เกลียดคุณอยู่ดี  และถึงจะไม่มีคุณ  ผมก็คิดว่ามันคงไม่ต่างอะไรไปจากเดิมนักหรอก”
 
“ไผ่...จะมีสักครั้งไหม  ที่พวกเราจะพูดดีๆกันน่ะ”
 
“...แค่นี้มันยังดีไม่พออีกรึไง”
 
ไม่ไหวจริงๆ  ไผ่ไม่เปิดใจรับเขาเลย  หมดหนทางแล้วจริงๆสินะ....
 
“ไผ่  ไว้ว่างๆก็แวะมาหาพี่บ้างนะ  ถึงไผ่จะเกลียดพี่  แต่ยังไงไผ่ก็เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของพี่  พี่ไม่มีทางที่จะเกลียดไผ่ได้หรอก”
 
 คำพูดพวกนี่มันจะสื่อไปถึงใจของไผ่ได้บ้างไหมนะ  สักนิดก็ยังดี  อยากให้ไผ่ได้รับรู้...
 
“คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณสิ  ที่จะพูดน่ะมีแค่นี้ใช่ไหม  ผมจะไปกลับเข้าไปในร้านเสียที”
 
ทิวพยักหน้า  เพื่อบ่งบอกว่าสิ่งที่เขาอยากบอกได้บอกไปหมดสิ้นแล้ว  ไผ่หันหลังให้เขาแล้วเดินเข้าร้านไป  สื่อไปไม่ถึงจริงๆ  กำแพงในใจของไผ่มันช่างสูงเสียเหลือเกิน  เขากับไผ่อาจจะไม่มีวันเข้าใจกันเลยก็ได้....
 
“คุยกันเสร็จแล้วสินะ”
 
ผมเดินออกมาจากร้าน  ทิวทำหน้าเศร้าเหลือเกิน  ไผ่ยังไม่ยอมรับทิวแน่ๆ
 
“ไปเถอะกลับไปเอากระเป๋าที่บ้าน  เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่หัวลำโพงด้วย”
 
พวกผมเดินกลับมาถึงบ้าน  กระเป๋าเพียงไม่กี่ใบของทิวถูกขนออกมาจากบ้าน
 
“เซน...”
 
“อะไร”
 
“นายมีรูปของไผ่ไหม”
 
“รูปเหรอ  อืม...ก็มีนะ  เป็นรูปที่ถ่ายที่โรงเรียนน่ะ  ได้ใช่ไหม”
 
“ขอได้ไหม”
 
 “เอาสิ  ว่าแต่ในบ้านล่ะ  ไม่มีรึไง”
 
ทิวส่ายหัวเป็นคำตอบให้ผม
 
“ฉันสำรวจดูทั่วบ้านแล้วล่ะ  ไม่มีรูปถ่ายของไผ่เลยสักใบ  ไม่ว่าจะเป็นรูปอะไรก็ไม่มี”
 
เมื่อได้ฟังดังนั้นมันทำให้ผมแปลกใจ  ไม่ว่าบ้านไหนๆ  มันก้ต้องมีสิ  รูปของคนในบ้านน่ะ...
 
ผมส่งรูปใบเล็กๆที่เคยถ่ายกับไผ่ตอนอยู่ที่โรงเรียนจากกระเป๋าสตางค์ให้
 
“เซน  ทำไมนายถึงได้ชอบฉันล่ะ”
 
ทิวเปิดคำถามขึ้นมาระหว่างที่พวกเรากำลังเดินไปขึ้นรถเมล์
 
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
 
“ฉันอยากจะถามนายอีกครั้ง  ทำไมนายถึงได้ชอบฉันที่รู้จักกันได้แค่ไม่นาน”
 
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่รู้”
 
ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่นา  ทำไมผมถึงชอบทิวได้นะ  ไม่ว่าจะพยายามหาคำตอบยังไงก็คิดไม่ออก
 
“ฉันว่านายไม่ได้ชอบฉันหรอกนะ”
 
“ทำไมถึงคิดยั่งงั้นล่ะ  ฉันล่ะไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ”
 
“เซน  หากแม้แต่ใจของนาย  นายยังไม่เข้าใจแล้วล่ะก็  นายก็คงเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกเลยล่ะ”
 
ในวันเดียวกันนี้  ผมได้ยินประโยคนี้ถึงสองครั้งแล้วสินะ  ทั้งแทมินหรือแม้แต่ทิวก็พูดประโยคนี้กับผม...
 
“นายต้องการจะบอกอะไรกันแน่”
 
“ไม่รู้สิ  อันนี้นายต้องกลับไปคิดเอาเองนะ”
 
รถเมล์คันที่ต้องการมาถึงแล้ว  ทิวเดินขึ้นไปแล้วหันมาบอกผม
 
“นายส่งฉันแค่นี้ล่ะ  ฉันไปเองได้”
 
“จะดีเหรอ”
 
“ขอให้นายเข้าใจคำพูดของฉันเร็วๆนะ^^”
 
รถเมล์เคลื่อนตัวออกไปแล้ว  ทั้งคำพูดของแทมินหรือแม้แต่ของทิว  ตัวผมในตอนนี้ยังไม่เข้าใจความหมายของคำพูดทิ้งท้ายนั่น  กว่าผมจะรู้นั้น  ทุกอย่างมันก็....สายเกินไปเสียแล้ว
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
“แม่เฒ่าครับ  ผมกลับมาแล้ว”
 
เสียงเรียกของหลายชายทำให้ย่าของทิวล่ะสายตาจากโทรทัศน์หันไปตามเสียง
 
“ไอ้ทิว  มึงกลับมาแล้วเหรอ”
 
ทิววางกระเป๋าเข้ามากอดย่าของตนด้วยความคิดถึง
 
“เป็นพรือบ้าง  ไปอยู่ทางนู้น  พ่อแม่มึงดูแลมึงดีใช่ไหม”
 
“ครับ  คุณพ่อกับคุณแม่ท่านดูแลผมดีมากเลยครับ”
 
“เออ ดีแล้วๆ  แค่มึงมีความสุข  ก็ดีแล้วนะ  แล้วเป็นไงบ้างล่ะ  ได้เจอไผ่น้องมึงแล้วใช่ไหม”
 
“ครับ  ได้เจอแล้ว  ผมมีรูปของไผ่มาให้ดูด้วยนะครับ”
 
ทิวหยิบเอารูปที่เซนให้เอาไว้ให้ย่าของเขาดู
 
“เออเว้ย  หน้าตาเหมือนมึงไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะ  แล้วเป็นไงล่ะ  พวกมึงเข้ากันได้ดีไหม”
 
“ไผ่เขา...เกลียดผมครับ”
 
สีหน้าของหลานชายแปรเปลี่ยนไป  ทำให้คนเป็นย่าเริ่มไม่สบายใจ
 
“ไผ่เขาเกลียดผม  เขาไม่เคยเรียกผมว่าพี่เลยสักครั้ง”
 
น้ำตาที่เริ่มคลอแต่พยายามสะกดมันเอาไว้  ย่าเอามือวางบนหัวของทิวของลูบไปมาเป็นการปลอบ
 
“ผมเป็นคนผิดครับ  หากไม่มีผมสักคนล่ะก็  ไผ่ก็คงไม่เป็นแบบนี้  ฮึก  ฮือ”
 
เขากั้นมันไว้ไม่อยู่อีกแล้ว  ความเข้มแข็งที่เคยมีมาตลอด  ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าไผ่ได้หายไปหมดสิ้นแล้ว
 
“ไผ่เขาไม่ยกโทษให้ผมแล้ว  ผมจะทำยังไงดี  ฮือ  ผมจะทำยังไงดี”
 
“ไม่เป็นไรทิว  ทุกอย่างมันต้องดีขึ้นแน่ๆ  สักวันไผ่ก็จะเข้าใจมึงเอง  หยุดร้องเถอะนะ”
 
ตลอดเวลาที่ผ่านมา  เขาเฝ้ารอคอยมาตลอด  รอวันที่จะได้เจอกับน้องชายเพียงคนเดียวของเขา  แต่เมื่อเจอกันแล้ว  ผลมันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง  ความฝันของเขาพังทลาย  ครอบครัวที่แสนสุขนั้นไม่มีหรอก  หากขาดใครไปสักคนมันก็ไม่ใช่
อีกแล้ว  ให้มันจบลงเพียงเท่านี้ดีไหม  จบความฝันลมๆแล้งๆนั่น  แล้วกลับมาเป็นเหมือนก่อน  ที่มีเพียงเขากับย่าเท่านั้น...
 
                -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

@nunnan  น่ะ...นั่งทางใน ????? o22

@KARMI  สุขเมื่อไหร่ อันนี้ขอไม่บอกค่ะ แต่มีแววว่า เจ้าเซนจะรีเทิร์น(???)

 :mew1:
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 28 P.3) [04/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 04-04-2013 17:57:24
ทิวที่รักกก อย่าน้อยใจไปเลยยยย  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 28 P.3) [04/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 04-04-2013 19:03:48
รอตอนต่อไปฮะ 


อ่านจนเผลอน้ำตาไหลเลย

หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 29 P.3) [05/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 05-04-2013 18:43:41
ตอนที่ 29 ความรู้สึกที่เริ่มแปรเปลี่ยน



โรงเรียนของผมเปิดเทอมแล้ว  ในที่สุดชีวิตประจำวันที่ผมคุ้ยเคยก็กลับมา  ตื่นนอน  ไปโรงเรียน  ทำงานพิเศษและ...กลับบ้าน
 
“ถ้าไม่อยากกลับบ้านก็ไม่เห็นต้องกลับก็ได้นี่นา”
 
พี่แทมินเอ่ยเมื่อเห็นผมกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า
 
“ก็ผมไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้นี่ครับ  แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”
 
“บอกแล้วไงว่ามันไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรเลยสักนิด  ไผ่เองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวฉันเหมือนกันนะ”
 
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ....”
 
“ฉันอยากอยู่กับไผ่นี่นา  ได้ไหม”
 
“ยังไงเราก็ได้เจอกันทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ”
 
พี่แทมินเข้ามากอดผมเอาไว้  คนๆนี้ขี้อ้อนมากกว่าที่คิดอีกนะ
 
“ถึงยั่งงั้น  ฉันก็ว่ามันไม่พอหรอก”
 
“เวลาเหรอครับที่พี่ว่ามันไม่พอน่ะ”
 
“ช่าย”
 
อยู่ๆมือของพี่แทมินก็กุมเข้าที่ส่วนนั้นของผม
 
“อ่ะ  พี่แทมิน”
 
“เวลาที่ฉันจะได้อยู่กับไผ่มันต้องน้อยลง  ฉันเลยไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
 
มือนั้นค่อยๆเลื่อนเข้ามากางเกงของผมแล้วเข้าไปกุมส่วนนั้นของผมเอาไว้ในกำมือ
 
“อา...เวลาที่พี่ อึก..จะได้ทำแบบนี้กับผมใช่ไหม”
 
“ทำไมล่ะ  ไผ่ไม่ชอบเหรอ  หือ”
 
มือนั้นขยับรูดขึ้นลง  ทำให้ผมเสียวไปหมด  ทำไมพี่แทมินถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ!
 
“หยุดเถอะครับ...ผมจัดกระเป๋าไม่ได้”
 
“ฉันไม่ให้จัด  ฉันไม่อยากให้ไผ่ไปนี่”
 
กางเกงของผมถูกถอดออกไป  โพรงปากอุ่นของพี่แทมินได้เข้ามาครอบคลุมส่วนนั้นของผม  ไม่ไหวแล้ว  ผมกั้นมันไว้ไม่ไหวแล้ว
 
“อ้าาา”
 
พี่แทมินปล่อยให้ส่วนนั้นของผมเป็นอิสระ  แล้วมองผมด้วยรอยยิ้มของคนที่เหนือกว่า  นี่ผมคงไม่มีวันชนะคนๆเลยใช่ไหม
 
“นี่พี่....กลืนมันเข้าไปงั้นเหรอ”
 
“อะไรที่เป็นของไผ่น่ะ  ฉันไม่รังเกียจหรอก^^”
 
“=///=”
 
พี่แทมินทำท่าว่าจะดำเนินการต่อ(?)  ผมจึงรวบรวมกำลังผลักเขาออกไปเต็มแรงจนพี่แทมินเซไปข้างหลัง
 
“พอเถอะครับ  ผมต้องจัดกระเป๋าต่อนะ”
 
พี่แทมินถอดหายใจอย่างปลง  สงสัยคงจะถอดใจแล้วมั้ง
 
“ก็ได้ๆ  ฉันยอมก็ได้  แต่มีเงื่อนไข”
 
“เงื่อนไข ?”
 
ผมเริ่มคิดในทางที่ไม่ดีเสียแล้วสิ
 
“ไผ่ต้องทำให้ฉันพอใจก่อน  แล้วฉันจะไม่ขัดขวาง  ดีไหม”
 
“แล้วอะไรล่ะครับที่พี่คิดว่าผมทำแล้วพี่จะพอใจ”
 
“เอ...ไม่รู้สินะ^^”
 
“- -^”
 
“จะทำหรือไม่ทำล่ะ  ^^”
 
สงสัยว่าผมคงต้องตามที่พี่แทมินพูด  แล้วอะไรกันล่ะที่ทำแล้วพี่แทมินจะพอใจ  ผมคิดแล้วคิดอีกจนสุดท้ายผมก็ได้คำตอบ
 
“=///=”
 
“^^”
 
ผมก้มลงเพื่อปลดเข็มขัดและกางเกงของพี่แทมินออก  และจับเอาส่วนนั้นของพี่แทมินออกมา  ผมค่อยๆเลียส่วนนั้นของพี่แทมินแล้วครอบอมส่วนนั้นเอาไว้
 
“นี่น่ะ  ไผ่เลือกเองนะ^^”
 
ผมไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าพี่แทมินจะแกล้งผมได้ขนาดนี้  ตอนนี้ผมเริ่มสับสนเสียแล้วว่าตัวจริงของพี่แทมินเป็นคนยังไงกันแน่  เป็นคนใจดี  คนเจ้าเล่ห์  คนที่จริงจัง  หรือว่าคนขี้แกล้งคนนี้
 
“อึ่ก  ไผ่  ฉันรักไผ่นะ”
 
แต่ไม่ว่าจะเป็นคนไหน  คำพูดนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง  คำพูดบอกรักที่ผมมักได้ยินอยู่เสมอ...
 
พี่แทมินปลดปล่อยออกมาภายในปากของผมโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว  ทำให้ผมสำลักมันออกมาทันที
 
นิ้วของพี่แทมินเคร้าครึงอยู่ที่ช่องทางของผมแล้วสอดมันเข้าอย่างช้า
 
“อาา  อุ้บ”
 
ปากของผมถูกปากของพี่แทมินประกบเอาไว้  เรียวลิ้นที่สอดแทรกรุกล้ำเข้ามาในปากของผม  กับนิ้วที่ขยับเข้าออกนั้นมันทำให้ผมแทบเข่าอ่อน
 
แต่แล้วจู่ๆพี่แทมินก็ถอดถอนปากออกมาและเอานิ้วออกเช่นกัน  พร้อมมองผมอย่างยิ้มๆ
 
“ฉันลืมไปเลยแฮะ  ว่าไผ่ต่างหากล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายทำให้ฉันพอใจ  เอาล่ะ  จะทำยังต่อก็แล้วแต่ไผ่นะ”
 
ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าหน้าผมแดงขนาดไหนแล้ว  แต่ผมก็ต้องทำตามที่พี่แทมินบอก  ขึ้นคล่อมพี่แทมินเอาไว้  มือของผมจับส่วนแข็งของเขาให้จ่อเข้ากับช่องทางของผม  และค่อยๆทิ้งน้ำหนักตัวลงไปเรื่อย
 
“อื้อออ  อ้าา”
 
“อย่างนั้นล่ะ  น่ารักมาก”
 
“อึ่ก  อา  คนบ้า  ชอบแกล้ง  อ้าาา”
 
“ถึงเป็นอย่างนั้น  ฉันก็รักไผ่นะ”
 
เมื่อทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนส่วนนั้นของพี่แทมินจมมิดแล้วผมก็ค่อยๆขยับขึ้นลงอย่างช้าๆ
 
“อ่ะ  อ้า  อื้ออ”
 
พี่แทมินมักมองผมตัวสายตาที่ผมมักแพ้ทางเสียทุกครั้ง  สายตาแสนเจ้าเล่ห์คู่นั้นกับยิ้มนั่น  เขามองผมที่กระทำเรื่องนั้นด้วยตัวเองอย่างมีความสุข  ถ้าหากผมอยู่ที่นี่ล่ะก็คงต้องโดนพี่แทมินทำเรื่องอย่างว่านี้ทุกวันแน่ๆเลย  เพราะฉะนั้นผมจึงต้องกลับบ้าน...
 
                ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตนเองอยู่ในสภาพเปลือยตัวอยู่บนเตียงของพี่แทมิน  อา...จริงสินะ  หลังจากตอนนั้น  พี่แทมินก็อุ้มผมไปที่เตียงและทำเรื่องนั้นต่ออีกหลายต่อหลายครั้งเลยนี่นา....คนอะไรก็ไม่รู้  หื่นเป็นบ้า
 
เมื่อผมลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวก็พบว่ากระเป๋าของผมถูกจัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว....
 
เมื่อผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็เดินลงมาชั้นล่าง  พี่แทมินที่อยู่ชั้นล่างมองผมด้วยสีหน้าอารมณ์...แน่ล่ะสิ - -^
 
“ไปเถอะ  เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”
 
พี่แทมินเดินจูงมือผมกลับบ้าน  ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่  ผมมีความสุขมากเลย  พี่แทมินกับเถ้าแก่ดูแลผมดีทุกอย่าง  จนผมเองก็ไม่อยากกลับหรอก  แต่ว่าหากไม่กลับผมก็คงจะ...>///<
 
“พี่แทมิน...”
 
“หือ?”
 
“ผม....”
 
“มีอะไรก็พูดมาสิ  ฉันพร้อมจะรับฟังนะ^^”
 
“ผมชอบพี่นะครับ”
 
อา...พูดไปซะแล้วสิ
 
“O_o!!!!”
 
“=///=”
 
“รู้อะไรไหมไผ่”
 
“*-*???”
 
“ไม่ว่าเมื่อไหร่  ไผ่ก็ทำให้ฉันรักไผ่ได้มากขึ้นทุกวันเลยนะ^^”
 
 
“...”
 
พี่แทมินโน้มตัวลงมาจูบผมอีกแล้ว  จูบที่บางเบาและนุ่นนวลมันทำให้ผมใจเต้นตามไปด้วย  ความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่แทมินในตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว...
 
ปากของผมเป็นอิสระ  และพี่แทมินก็จูงมือนำผมเดินต่อ  ผมเห็นนะ  ว่าหูของพี่เป็นสีแดงนิดๆด้วยล่ะ  พี่แทมินดีใจมากเลยเหรอที่ผมบอกว่าชอบพี่....แล้วถ้าหากสักวัน  วันที่ผมบอกว่ารักมันมาถึงแล้วล่ะก็  พี่จะดีใจขนาดไหนกันนะ....
 
               
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

@nunnan  นั่นสิ อย่าน้อยใจไปเลย เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเองเนอะ

@daboo  ขอคุณที่รอนะคะ  ต้องการทิชชู่ซับน้ำตาไหม?


 :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 29 P.3) [05/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 05-04-2013 19:01:12
จัดหนักเลยยยย  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 29 P.3) [05/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 05-04-2013 19:13:15
เอาอีกๆๆๆ


หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 29 P.3) [05/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 05-04-2013 21:06:27
เข้ามาอ่านรวดเดียว  น้ำตาคลอเลย
บรรยายจนรู้สึกถึงความน้อยใจของไผ่ได้เยี่ยม
อยากให้พ่อกับแม่หันมาสนใจไผ่บ้าง
จะรอลุ้นต่อจ้าา
 :mew6:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 29 P.3) [05/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 05-04-2013 21:12:50
สนุกดีนะค่ะ แต่คำพูดมันดูแบ๊วมากกกกกกกกกกก...><
เราว่าเอามาทยอยลงดีกว่ามั้ยค่ะ เรารู้สึกว่ามันถี่ไปหน่อยอ่ะ
ก็อย่างที่คนเขียนบอกนะแหละคนเม้นน้อยมันเป็นเรื่องธรรมดา
อาจเป็นเพราะเอาไปลงในเด็กดีก่อนมั้ง แล้วก็เอามาลงแบบ
ถี่ไปหน่อยอ่ะมันเลยดูไม่น่าตื่นเต้น แต่เอาจิงคนอ่านไม่น้อยเลยน้า
ตัวเนื้อเรื่องมันน่าติดตามนะค่ะแต่ภาษามันยังดูน่ารักไปหน่อย
ปมเยอะดีเราชอบ (อิซาดิส) เป็นกำลังใจให้น้ามาขนาดนี้ละอย่าท้อ!

เราว่าคนที่น่าสงสารสุดอาจเป็นทิวนะ แต่พูดไม่ได้อ่ะเราว่าน่าสงสารกันทั้งเรื่อง
ไผ่โดนแบบระยำสุดแล้ว ไอ้เวนก็เลวสุด ไหนจะมีปมเรื่องทิว กับพี่แทมินอีก
เฮ้ออออออ อย่ามีอะไรอีกเล้ยขอร้อง อยากให้อยู่กันแบบเข้าใจและรักกันซะที
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 29 P.3) [05/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 12-04-2013 18:02:03
ตอนที่ 30  เรื่องราวภายหลังเปิดเรียน...สิ่งที่รู้สึกว่าขาดไป



“ขอให้ทุกคนออกมารับใบรบ.  ตามเลขที่นะ”
 
อาจารย์ผู้ชายวัยกลางคนตะโกนเรียกแต่ล่ะเลขที่เพื่อให้ออกมารับใบ รบ. หรือใบเกรดนั่นเอง
 
“เลขที่ยี่สิบเก้า”
 
เซนลุกขึ้นไปรับใบรบ.ของตัวเอง  สีหน้าที่เมื่อได้เห็นคะแนนดูก็รู้แล้วล่ะว่ามัน...คงไม่สวยเท่าไหร่  พูดกันตามตรง  ตั้งแต่เปิดเรียนวันนี้วันแรก  ผมกับเซนยังไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำเดียว  ผมไม่กล้าทักเขาและเขาเองก็ไม่ทักผมเลย  สงสัยว่าความเป็นเพื่อนกันของพวกเรามันคงจะไม่มีอีกแล้วตั้งแต่วันนั้น....
 
“เลขที่สามสิบหก”
 
ผมลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อไปรับใบรบ.ของตัวเอง  ส่วนเรื่องคะแนนนั้น....ช่างมันเถอะ  ยังไงซะไม่ว่าจะเกรดเท่าไหร่ก็คงไม่มีใครสนอยู่แล้วนี่
 
วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกจึงไม่มีการเรียนอะไรทั้งสิ้นนอกจากแจกเอกสารผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง (ที่โรงเรียนของแคนเขาเรียกกันแบบนี้เจ้าค่ะ  ของที่อื่นคงจะเป็น ใบจุดประสงค์อะไรนี่ล่ะมั้ง)  และมีการแจกเอกสารให้กรอกเพื่อเข้าชมรมอีกบ้างเล็กน้อย
 
“เวรแล้วไง”
 
กรึก..
 
คำพูดติดปากที่เซนมักพูดประจำเมื่อลืมเอาเครื่องเขียนมา  ตัวผมที่เมื่อก่อนจะส่งให้เขากับมือตอนนี้เปลี่ยนเป็นเอามันวางไว้บนโต๊ะของเซนแทน
 
“ขอบใจ”
 
น่าแปลกนะ  ทั้งๆที่เจอเรื่องแบบนั้นไปแต่ผมก็ยังไม่ลืมที่จะพาพวกเครื่องเขียนสำหรับเซนมาด้วย  หรือมันจะกลายเป็นนิสัยไปเสียแล้วกันนะ
 
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษอีก  วันแรกของการเปิดเรียนจบลงแค่นั้น  และคิดว่าคงจะเป็นเช่นนี้ไปอีกตลอดทั้งอาทิตย์  ตัวผมที่เมื่อก่อนมักจะปั่นจักรยานกลับบ้าน  ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาเป็นเดินกลับบ้านแทนแล้ว  ผมไม่อยากปั่นจักรยานกลับบ้านกับเซนเหมือนที่ผ่านมาเลยเลือกที่จะเดินกลับบ้านเพียงลำพัง
 
บ้านผมยังคงมืดสนิทเหมือนทุกครั้ง  เพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของพวกเขา...แต่ก็ดีแล้วล่ะ  ผมไม่อยากเจอพวกเขาสักเท่าไหร่  ผมเปิดประตูบ้านและเดินเข้าไปยังห้องของตนเอง  ลิ้นชักที่โต๊ะเรียนหนังสือชั้นล่างสุดของผมถูกเปิดออก  ภายในนั้นเต็มไปด้วยกระดาษมากมายที่ถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ  มันไม่ใช่กระดาษเอสี่ที่ว่างเปล่าหรอก  มันคือเอกสารทั้งหมดที่ผมได้รับมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล  ประถม รวมถึงมัธยม  มีทั้งเอกสารประชุมผู้ปกครอง  เอกสารขออนุญาตทำกิจกรรม  หรือแม้กระทั้งใบรบ.ที่ผมได้รับ  พวกมันทั้งผมได้ถูกรวบรวมเก็บไว้ในลิ้นชักนี้  ถึงแม้จะมีการประชุมผู้ปกครองพวกเขาก็คงไม่ว่างมาหรอก  ถึงจะเป็นเอกสารขออนุญาตแต่พวกเขาก็ไม่ว่างจะมาเซ็นให้ผมหรอก  ใบรบ.งั้นเหรอ  ไม่ว่าจะได้เกรดดีขนาดไหน  หรือแม้แต่เกรดสี่จุดศูนย์ที่ผมได้มานี้แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ดูมันแล้วจะมี ความหมายอะไร  ลิ้นชักถูกปิดลงผมเตรียมตัวไปทำงานพิเศษที่ร้านของเถ้าแก่
 
ผมเดินไปทำงานเหมือนเช่นเคย  อีกไม่นานก็จะได้เจอพี่แทมินแล้ว  รู้สึกดีจังเลย...
 
ผมเดินมาถึงร้านก็เห็นพี่แทมินรออยู่ตรงเก้าอี้หน้าร้านและส่งยิ้มให้ผม  นี่เขาคอยผมอยู่อย่างนั้นเหรอ
 
ผมเดินเข้ามาใกล้ๆเขา  เขาก็รีบวิ่งเขามากอดผมทันที  พี่แทมินนี่ไม่เคยแคร์สายตาชาวบ้านเลยจริงๆ - -^
 
“ฉันคิดถึงไผ่มากเลยรู้ไหม T^T”
 
“เมื่อคืนนี้เราก็เพิ่งเจอกันไม่ใช่เหรอครับ”
 
“ก็ฉันอยากอยู่กับไผ่ตลอดเวลาเลยนี่นา Q^Q”
 
“-*-“
 
พี่แทมินยังคงขี้อ้อนเหมือนเดิม  คนๆนี้มีกี่บุคลิกกันแน่นะ  ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
 
ตลอดเวลาที่ผมทำงาน  ยามเมื่อผมเผลอหรืออยู่คนเดียวพี่แทมินก็จะเข้ามาจูบผมและลูบนู่นลูบนี่(?)  ให้ตายสิ  นี่ถ้าหากผมยังอยู่ที่นี่สงสัยผมคงโดนทุกวันแน่ๆเลย  >///<
 
“พอเถอะครับ  นี่มันเวลางานนะ”
 
“ม่ายเอาอ่ะ  ฉันคิดถึงไผ่นี่นา”
 
ผมพยายามข่มอารมณของตัวเองเอาไว้  และทำเป็นไม่สนใจและทำงานต่อไป
 
เมื่อเลิกงาน  พี่แทมินก็จูงมือผมกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง  ผมชอบช่วงเวลานี้จังเลย....
 
เมื่อกลับมาถึงบ้าน  รถของพวกเขาก็จอดอยู่แล้ว  คงจะกลับมาแล้วสินะ  แต่ว่าภายในบ้านก็ยังมืดสนิท  แสดงว่าพวกเขาได้เข้านอนกันหมดแล้ว
 
“เดินกลับบ้านดีๆนะครับพี่แทมิน”
 
“ขอจูบราตรีสวัสดิ์หน่อยสิ^^”
 
ผมไม่ขัดคำขอของเขา  พวกเราจูบกันก่อนที่จะแยกกันพี่แทมินก็ไม่ลืมที่จะจูบหน้าผากของผม
 
“ฝันดีนะ  อย่าลืมห่มผ้าด้วยล่ะ^^”
 
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ- -^”
 
แล้วพวกเราก็แยกกัน  ผมเดินเข้าไปในบ้าน  กลับเข้ามาในห้องเพื่ออาบน้ำและเข้านอน  ตั้งแต่กลับมาคืนนี้ก็เป็นคืนที่สองแล้วที่ผมต้องนอนคนเดียว  ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผมนอนที่บ้านของเถ้าแก่  ไม่มีคืนไหนเลยที่ผมต้องนอนโดยปราศจากพี่แทมิน  พี่แทมินมักจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ  คอยปลอบผมจากฝันร้าย  ถึงแม้ตอนนี้ผมจะได้ฝันร้ายทุกวันเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ตาม  แต่ผมก็ยังนอนไม่หลับ  การอยู่โดยไม่มีอ้อมกอดที่อบอุ่นนั้นมันทำให้ผมเป็นถึงขนาดนี้เลยเชียวเหรอ....
 
ผมคิดถูกรึเปล่านะที่กลับมาอยู่ที่นี่  หรือจะขอกลับไปอยู่กับพี่แทมินอีกครั้งดีนะ  อยากเจอจัง...ทั้งๆที่เพิ่งจะแยกกันเมื่อกี้นี่เองแท้ๆ  แต่ว่า  ความรู้สึกคิดถึง  อยากเจอ  และกอด  พวกนี้มันก็เพิ่มพูนมากขึ้นทุกทีๆ....
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
บ้านที่อยู่ข้างๆบ้านของไผ่ก็คือบ้านของเซน   แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วแต่เซนก็ยังไม่ได้นอน  แน่นอนว่าเซนเห็นทุกอย่างตั้งแต่ตอนที่ไผ่กลับมาถึงบ้านโดยจูงมือกับแทมิน  และตอนที่ไผ่จูบกับแทมินก็เช่นกัน  รวมตอนนี้ก็เป็นสองครั้งแล้วสินะที่เขาเห็นไผ่กับแทมินจูบกัน
 
“หงุดหงิดเป็นบ้าเลย  อะไรวะเนี่ย”
 
ความรู้สึกไม่พอใจ  และหงุดหงิดเมื่อเห็นภาพเหล่านั้นมันค่อยๆเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
 
ความรู้สึกของเขาเริ่มกลายเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นทุกทีๆ...........
 
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

@nunnan  ถ้าจัดหนัก เด๋วกลายเป็นว่าแคนหื่นสิคะ (???)  :hao6:

@daboo  เอาอีกเรอะคะ?   จัดไป!

@duck-ya  ขอบคุณสำหรับคำชมอ่ะ  ดีใจจังค่ะที่บรรยายเเล้วมันอินขนาดนี้  แต่เรื่องการบรรยายแคนยังต้องปรับปรุงอีกเยอะเลย เพราะดูๆแล้วมันเหมือน บทละครมากกว่านิยายนะเนี่ย

@EARTHYSS :)  ค่ะ งั้นเราจะค่อยๆ ทยอยลงตามคำแนะนำนะคะ  ส่วนเรื่องภาษาแบ๊วๆ อันนี้ต้องขอโทษจริงๆ   เราก็รู้ตัวค่ะ เลยแปะบอกไว้ ตอนต้นเรื่องเลยว่าตอนที่แต่ง มันได้รับอิทธิพลจากแจ่มใสไปเต็มๆ  ตอนนี้ก็กำลังพยายามแก้ไขเรื่องคำแบ๊วๆอยู่ในเรื่องแยกของเซน(แต่ไม่ได้พัฒนาเท่าไหร่) ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 30 P.3) [12/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 17-04-2013 03:45:51
ตอนที่ 31  จุดเริ่มต้นของความรัก  (Taemin talk)



“อาาา  ฮ่ะ  อ๊า”

 

เสียงครางแสนหวานดังขึ้นจากปากที่ช้ำเป็นรอยแดงจากรสจูบของร่างเล็ก  แขนเรียวนั้นได้โอบกอดร่างสูงตรงหน้า  ใบหน้าซุกกับแผงอกเพื่อหลบความเขินอาย  ทุกครั้งที่ร่างสูงขยับ  ร่างเล็กก็จะยิ่งกอดแน่นขึ้น


“อ้า  อึ่ก  ผม..ผมรักพี่นะ  พี่แทมิน อา”


“อีกครั้งสิไผ่  พูดอีกได้ไหม”


“ผมรัก อ่ะ  ผมรักพี่แทมิน  อะ  อ้า”


ใช่แล้ว  คำที่เขาอยากได้ยินมาโดยตลอด  คำๆนี่ล่ะ  คือคำที่เขาปรารถนาจะได้ยินจากปากของคนที่เขารักที่สุด

 

ร่างสูงได้โอบกอดร่างเล็กไว้และถ่าโถมบทรักที่รุนแรงอย่างหักห้ามใจเอาไว้ไม่ได้  เสียงครางดังอย่างต่อเนื่อง  ยิ่งทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นกว่าเก่า  อยากได้ยินอีกครั้ง  คำพูดบอกรักจากร่างเล็กนั้น   ช่วยบอกให้เขาฟังอีกครั้งได้ไหม...

 
“พูดอีกสิไผ่ ฉันอยากได้ยินมากกว่านี้”

 

ร่างเล็กตรงหน้าใช้สองมือน้อยๆประคองหน้าของร่างสูงให้สายตาของพวกเขาสบกัน  รอยยิ้มหวานที่หาได้ยากจากยามปกติทำให้เขาแทบอยากจะกลั้นแกล้งร่างเล็กนี้ให้มากขึ้นไปอีก  ใบหน้าที่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้  และเสียงหวานที่กระซิบแผ่วเบาข้างหูนั้น

 

“นึกรึว่าผมจะพูดคำพวกนี้ ฝันไปเถอะ”

 

“เอ๋”

 

“คนที่ผมรักน่ะมีแค่เซนเท่านั้น  จำเอาไว้!!!”

 

“ไม่นะ  ไผ่โกหก  มันไม่เป็นความจริง  ไม่  ไม่!!!”

 

ทันใดนั้น  นัยย์ตาที่ปิดสนิทก็ได้เปิดขึ้นมาแทบจะในทันที  เหงื่อที่ซึมตามเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม  และเสียงหอบหายใจนั้น  ทำให้ผมต้องลุกขึ้นจากเตียงมานั่งคิดทบทวน...

 

ข้าวของเครื่องใช้ที่คุ้นเคย  บรรยากาศที่คุ้นเคย  ผมยังคงอยู่ในห้องของตนเอง  และเหตุการณ์ที่ผมได้ประสบไปเมื่อครู่นี้คือความฝันสินะ...

 

ความปรารถนาและอารมณ์ความอยากที่พรุกพร่านนี่มันถึงขั้นทำให้ผมต้องเก็บไปฝันเลยเชียวเหรอ  นับตั้งแต่วันที่ไผ่กลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเอง  ถึงแม้จะเจอกันทุกวันเวลาที่ไผ่มาทำงานพิเศษ  แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่สามารถทำอะไรไผ่ตามที่ใจของผมต้องการได้  ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมสามารถอดกลั้นความต้องการพวกนั้นได้  แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว  ผมได้ครอบครองไผ่รึก็คือไผ่ได้กลายเป็นของผมไปแล้ว  ความปรารถนาที่ผมต้องการมาตลอดได้สำเร็จไปมากกว่าครึ่ง  จะเหลือก็แต่เพียงหัวใจของไผ่เท่านั้น

 

‘นึกรึว่าผมจะพูดคำพวกนี้ ฝันไปเถอะ’

 

‘คนที่ผมรักน่ะมีแค่เซนเท่านั้น  จำเอาไว้!!!’

 

คำพูดที่ผมไม่ต้องการมันได้ปรากฏขึ้นในความฝัน  หึ  อะไรกัน  แม้แต่ในความฝันผมก็ไม่สามารถฝันได้อย่างนั้นเหรอ...นอนไม่หลับเสียแล้วสิ  ไปดื่มน้ำดีกว่า  แล้วก็.....ต้องไปห้องน้ำด้วยสินะ =///=  (คุณผู้ชายทั้งหลายเวลาที่ฝันเรื่องอย่างนี้คงจะเข้าใจชิมิ้เจ้าค่ะ)

 

ผมเปิดประตูห้องเพื่อจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปดื่มน้ำจากตู้เย็นในห้องครัวแต่ก็พบกับความสว่างจากแสงไฟในห้องครัว  อะไรกัน  ลืมปิดไฟอย่างนั้นเหรอ...ไม่น่าจะใช่นะ  ก็ผมเป็นคนปิดมันเองนี่นา

 

ผมเดินลงไปดูและก็พบว่าพ่อนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่โต๊ะทานข้าว

 

“อะไรกันพ่อ  นึกไงถึงดื่มเบียร์ได้ล่ะ”

 

พ่อวางแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะและหันมามองผมที่ยืนอยู่ที่บันได

 

“แกเองก็เหมือนกัน  นี่ตีสามแล้วนะ  ทำไมถึงยังไม่นอนอีก”

 
“ผมนอนไปแล้วแต่บังเอิญว่ามีเหตุทำให้ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเลยตั้งใจว่าจะมาหาอะไรเย็นๆดื่ม  ว่าแต่พ่อเถอะ  ตอบคำถามผมมาสิ”

 

พ่อผมนึงไปครู่หนึ่งและหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มอีกอึกหนึ่งก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ

 

“คิดถึงแทยองมัน  ไม่รู้ทำไมอยู่ๆถึงนึกแบบนั้นขึ้นมาได้”

 

“นั่นสิ  ก็ผมไม่เห็นพ่อทำแบบนี้มาเกือบสามปีแล้วนี่นา”

 

“มันก็จริง”

 

ใช่  สามปีที่แล้ว  ช่วงที่ไผ่เข้ามาในวิถีชีวิตของครอบครัวผม...

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“ขอโทษนะครับ  ไม่ทราบว่าที่นี่ใช่ร้านที่ลงประกาศรับพนักงานล้างจานรึเปล่าครับ”

 

เด็กผู้ชายในชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้นเปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมกับใบประกาศรับสมัครพนักงานของร้าน

 

“ใช่แล้วล่ะ  รึว่าเธอจะมาสมัครงาน”

 

พ่อเดินเข้าไปถามเด็กชายคนนั้น  และเด็กคนนั้นก็พยักหน้า  อะไรกัน  ยังเด็กอยู่เลยนี่นา  ทำไมถึงได้มาสมัครทำงานกันนะ  รึว่าเกิดนึกสนุกตามประสาเด็ก

 

“ฉันว่าเธอเด็กเกินกว่าจะทำงานแบบนี้นะ”

 

พ่อของผมปฏิเสธที่จะรับคนที่อายุต่ำกว่าสิบแปดเข้ามาทำงาน  เพราะร้านของพ่อเป็นร้านอาหารที่เปิดขายถึงเวลาเที่ยงคืน  มันคงจะดึกเกินไปสำหรับเด็กก็ว่าได้  แต่เด็กคนนั้นก็ยังยืนกรานขอเข้าทำงานที่นี่จนสุดท้ายพ่อของผมก็ใจอ่อนจนได้

 

มารู้เอาทีหลังว่าชื่อของเด็กคนนั้นคือไผ่  ก็เมื่อเวลาผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว  ไม่ใช่เพราะผมไม่กล้าถามหรืออะไรหรอกนะ  เพียงแต่ผมไม่สนใจต่างหากล่ะ  ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำงานผมก็ไม่อยากสุงสิงด้วย  เพราะผมไม่อยากซ้ำรอยเดิมกับที่ผ่านมา  เหมือนตอนของพี่แทยอง  หากสนิทกับใครเข้า  ยิ่งสนิทมากเท่าไหร่เมื่อโดนหักหลังก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น

 
ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ไผ่ได้มาทำงานที่นี่  ทำให้ผมรู้สึกอยากจะรู้จักเขาขึ้นมา  ผมไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ  เพียงแต่ว่า  ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้ไผ่ดูแตกต่างไปจากคนอื่น  ไผ่มักจะมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลา  และจะไม่พูดคุยหรือสนิทกับใครเป็นพิเศษ  เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นมากั้นระหว่างตัวเขากับบุคคลรอบข้างไว้อย่างนั้นล่ะ  มันทำให้ผมรู้สึกอยากค้นหาและอยากเอาชนะขึ้นมาเสียอย่างนั้น  อยากรู้เหลือเกินว่า  หากไม่มีกำแพงที่มองไม่เห็นนั้นมากั้นเอาไว้  ไผ่จะเป็นอย่างไร

 

“ขอบใจนะเซนที่อุตส่าเดินมาส่ง”

 

เสียงนี้...ไผ่สินะ  มาตรงเวลาเป๊ะเลย  ส่วนเด็กผู้ชายอีกคนคงจะเป็นเพื่อนล่ะมั้ง

 

“ตั้งใจทำงานเข้านะ  อย่าแอบหลับซะก่อนล่ะ^^”

 

“ใครเขาจะเหมือนเซนล่ะ”

 

เสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานทำให้ผมเริ่มสนใจ  รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ผมไม่เคยได้ยินเมื่อตอนที่ไผ่อยู่ที่นี่  น่ารักเหลือเกิน  เด็กคนนั้นคงจะเป็นคนสำคัญสินะไผ่ถึงยิ้มได้ขนาดนี้

 

เมื่อเด็กที่ชื่อเซนจากไปไผ่ก็เข้ามาเริ่มทำงานของตัวเอง  ผมคิดว่าคงถึงเวลาสักทีแล้วล่ะที่จะเริ่มทำความรู้จักกับเขา  เพียงเพราะผมรู้สึกติดใจในรอยยิ้มนั่น  อยากเห็นสีหน้าที่เรียบเฉยนั่นแสดงอารมณ์อื่นๆบ้าง

 

“นายน่ะ  ชื่อไผ่ใช่ไหม”

 

ผมเริ่มบทสนทนาด้วยคำพูดโง่ๆที่ควรรู้อยู่แล้วแต่ก็ดันไปถามเขาอีกครั้ง

 

“ครับ  คุณแทมิน”

 

“คุณ?  โทษทีนะ  มันฟังดูแก่อ่ะ  ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้”

 

“ถ้าอย่างนั้นผมเรียกว่าพี่แทมินได้ไหมครับ”

 

“อืม  เอางั้นก็ได้”

 

“แล้วมีอะไรเหรอครับ”

 

“คือ....”

 

เออ  นั่นสิ  เอาไงต่อดี

 

“คือฉันเห็นนายมักจะอยู่เงียบๆคนเดียวไม่สุงสิงกับคนอื่นๆ  ฉันเลยอยากรู้ว่ามีปัญหาอะไรกันรึเปล่า”

 

“ก็เปล่านี่ครับ  ทุกคนๆที่นี่เป็นคนดี”

 

“ถ้าอย่างนั้น  ทำไมถึงแยกตัวมาอยู่คนเดียวล่ะ”

 

“...ผมก็แค่  ไม่อยากสนิทสนมด้วยก็เท่านั้น”

 

นั่นรึคือคำตอบ....

 
“ผมคิดว่าการสนิทกับคนอื่นๆมันก็เป็นเรื่องดีนะครับ  แต่ถ้าหากนั่นไม่ใช่นิสัยของเราถึงจะพยายามเข้าไปคุยด้วย  มันก็คงอึดอัดเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง”

 

นั่นรึคือเหตุผล...

 

“ฮ่าๆๆ”

 

ผมหัวเราะให้กับคำพูดพวกนั้น  อะไรกัน  แค่นี้เองน่ะเหรอ  ไร้สาระสิ้นดี

 

“ฉันว่านายกำลังโกหกฉันอยู่นะ^^”

 
ไผ่จ้องผมตาไม่กระพริบ  ผมคงไปพูดแทงใจดำเข้าสินะ

 

“ทำไมคุณ  เอ่อ...พี่แทมินถึงคิดว่าผมโกหก”

 

“ไม่รู้สิ  ฉันแค่พูดไปตามความรู้สึก”

 

“....”

 

“แต่ว่านะ  นายน่ะ  เป็นแบบนี้มันจะดีเหรอ”

 

สายตาของไผ่ที่จ้องมองผมนั้นไม่แสดงออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่  เด็กคนนี้นี่ทำไมถึงได้เก็บความรู้สึกได้เก่งขนาดนี้นะ

 

“แล้วพี่แทมินล่ะครับ  เป็นแบบนี้มันจะดีเหรอ”

 

“อ่าวๆ  แล้วกันสิ  นั่นมันคำถามของฉันนะ”

 

“ทำไมพี่ถึงอยู่เงียบๆคนเดียวไม่สุงสิงกับใครล่ะครับ”

 

“นี่นายลอกคำพูดของฉันงั้นเรอะ”

 

“แล้วอะไรทำให้พี่ที่มักจะอยู่คนเดียวเข้ามาคุยกับผมได้ล่ะครับ”

 

ที่ไผ่พูดมามันก็ถูก  ผมกับไผ่ก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่นักหรอก...หึ  ชักอยากรู้จักให้มากขึ้นเสียแล้วสิ  อยากจะค้นหาถึงตัวตนที่แท้จริงของเด็กคนนี้  และจากการตัดสินใจของผมในวันนั้นทำให้ทุกอย่างในชีวิตของผมต้องเปลี่ยนไป  ความรู้สึกที่ผมมีต่อไผ่ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  กลายเป็นว่าความรู้สึกที่อยากค้นหานั้นไม่เพียงพออีกต่อไป  อยากจะครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจ.....

 

                -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 30 P.3) [12/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 17-04-2013 07:06:29
แอบย่องมาลงตอนดึกกกกหรอจ๊ะะะ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 31 P.3) [17/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 21-04-2013 02:26:38
ตอนที่ 32 กลับเป็นเหมือนเดิมได้ไหม (Zen talk)



            ผมคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม  ที่รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยปฏิบัติทุกวันจนกลายเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันมันได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว

 

                ทุกเช้าจากที่เคยปั่นจักรยานไปโรงเรียนด้วยกัน  ตอนนี้กลายเป็นว่ามีเพียงผมเท่านั้นที่ปั่นไปเรียนเพียงคนเดียว

 

                เวลาที่ผมลืมอุปกรณ์การเรียนก็มักจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเป็นเชิงตักเตือนพร้อมกับเครื่องเขียนที่ยื่นมาให้ผม  ตอนนี้มีเพียงเครื่องเขียนที่วางบนโต๊ะโดยไร้ซึ่งเสียงและคำพูดว่ากล่าวเวลาที่ผมลืม

 

                ตอนเที่ยงผมเคยไปนั่งทานข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน  และมักจะแย่งกับข้าวในจานมากิน  ตอนนี้ผมต้องไปกินกับเพื่อนคนอื่นโดนที่ไม่มีเพื่อนคนนั้นมาด้วย

 

                ตอนเลิกเรียนพวกเรามักจะปั่นจักรกลับด้วยกันและพูดคุยเรื่องทั่วไปตลอดทาง  ตอนนี้เหลือแต่ผมเพียงคนเดียว

 

                ตกดึกเวลาที่เพื่อนคนนั้นกลับจากทำงานพิเศษก็มักมาที่บ้านผมเพื่อสอนการบ้านและติวหนังสือไปด้วย  แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว  ไม่มีเสียงกดกริ๊งหรือเสียงเรียกให้ผมลงไปเปิดประตูให้อีกแล้ว....

 

                หงุดหงิด  หงุดหงิด หงุดหงิด  หงุดหงิด  หงุดหงิด หงุดหงิดที่สุด!!!!!!!!!

 

                ผมเริ่มรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงนี้  ไผ่หลบหน้าผมตลอด  พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย  แม้แต่หน้าผม  ไผ่ก็ยังไม่มอง  ไหนว่ารักผมไงล่ะ  งี่เง่าชะมัด!!!

 

                ผมเริ่มคิดเตลิดไปเรื่อยจนกระทั่งเริ่มมาฉุดคิดถึงสิ่งที่ผมมองข้ามมันไป  อะไรกันล่ะที่ทำให้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป  อะไรกันล่ะที่ทำให้ไผ่ต้องเป็นแบบนี้....

 

                ตัวผมเองไม่ใช่เหรอ...?

 

                เป็นผมเองที่ทำให้ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้  ตัวผมที่ความโกรธเข้าครอบงำจนทำให้ทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นลงไป  ตัวผมคนเดียวยังไม่พอ  ยังลากเอาเพื่อนในชมรมบาสมาด้วยอีก  จะมารู้สึกผิดอะไรได้อีกล่ะ  ในเมื่อทุกอย่างมันคงไม่มีทางเหมือนเดิมได้อีกแล้ว  ทั้งคำพูดและการกระทำที่โหดร้ายของผมนั้น  ไผ่คงจะไม่มีวันยกโทษให้ผมแน่นอน....

 

                ‘ไผ่....นายช่วยเป็นตัวแทนของทิวให้หน่อยสิ’

 

                เหมือนโชคชะตาเล่นตลกให้ผมนึกถึงถ้อยคำพูดแสนโหดร้ายที่ผมเคยพูดกับไผ่  ตลอดช่วงเวลาที่ผมพร่ำเรียกชื่อของทิวนั้น  มันคงทำให้ไผ่เจ็บปวดมากสินะ  ก็ไผ่น่ะ  เกลียดทิวนี่นา...

 

                ‘หึ...ร่านจังนะ’

 

                ‘เป็นไงล่ะ  รสชาติของเหลือ’

 

                คำพูดที่ทำร้ายจิตใจของไผ่สารพัดมันโหมเข้าหัวผมเป็นว่าเล่นจนผมปวดหัวไปหมด  ยิ่งนึกก็ยิ่งเจ็บปวด  ตัวผมในตอนนั้นทำลงไปได้ยังไงกันนะ....

 

                ทิวที่ผมรู้สึกชอบตั้งแต่ตอนที่เจอกันนั้น  จนถึงตอนนี้ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเพราะอะไรผมถึงได้ชอบคนที่เจอกันแค่ไม่นานได้   มันเพราะอะไรกันแน่...

 

                ‘นายนี่มัน  โง่ที่สุดในโลกเลยว่ะ  รู้ตัวไหม’

 

                คำพูดของแทมินที่ว่าผมในตอนนั้น  มันทำให้ผมต้องกลับมาคิด  เพราะอะไร  ทำไมแทมินถึงได้พูดกับผมแบบนั้น

 

                ‘เซน  หากแม้แต่ใจของนาย  นายยังไม่เข้าใจแล้วล่ะก็  นายก็คงเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกเลยล่ะ’

 

            ที่ประโยคที่เหมือนกันกับแทมินที่ทิวพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะจากไป...แม้ตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ  ตอนนี้ผมต้องการเพียงอย่างเดิมเท่านั้นคือ  อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม....

 

                ตอนเช้าผมเดินเข้ามาในห้องเรียน  ไผ่ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอยู่แล้ว  ผมจึงเริ่มเปิดประโยคชวนคุย

 

                “วันนี้มาเช้าจังเลยนะไผ่”

 

                ไผ่สะดุ้ง  หันมามองหน้าผมและรีบก้มหน้าทันที

 

                “....”

 

                ไม่มีคำพูดใดๆตอบกลับมา....และแล้วเสียงกริ๊งเรียกให้นักเรียนทุกคนไปเข้าแถวตอนเช้าก็ดังขึ้น...

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

                “ไผ่  ไปกินข้าวด้วยกันป่าว”

 

                ไผ่เดินผ่านตัวผมไปซะเฉยๆ  ไม่ได้สนใจคำชวนของผมเลยแม้แต่น้อย  แบบนี้มันเรียกได้ว่า  เมินสมบูรณ์แบบสินะ  ให้ตายสิ  จะทำยังไงดีวะเนี้ย

 

                ผมวิ่งตามไผ่ที่เดินเมินผมไป  ผมดักหน้าไผ่เข้าประจันหน้ากันตรงๆ

 

                “ไผ่  ฉันว่าเราต้องคุยกันนะ”

 

                “.....”

 

                ไม่มีเสียงตอบกลับอีกแล้ว  นี่ไผ่ไม่คิดจะคุยกับผมแล้วใช่ไหม  ผมตัดสินใจจับแขนของไผ่แล้วพาเดินออกจากบริเวณนั้น

 

                ไผ่พยายามจะสะบัดแขนออกแต่ผมไม่มีทางปล่อยแขนเขาหรอก  พวกเราจะต้องคุยกันให้รู้เรื่องให้ได้  เพื่อที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

 

                “ฉันเจ็บนะเซน  ปล่อยสิ!”

 

                ผมไม่ฟังคำทักท้วงอะไรทั้งนั้น  ผมพาไผ่มาถึงตรงบริเวณเรือนเพาะชำที่มักจะไม่ค่อยมีคนมากนัก  และปล่อยแขนของไผ่

 

                “นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”

 

                ไผ่ถามโดนที่ไม่มองหน้าผมเลย

 

                “ในที่สุดนายก็ยอมพูดกับฉันสักทีนะ  นายหลบหน้าฉันทำไม”

 

                “เพราะฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”

 

                คำพูดที่ฟังดูแล้วแสนจะเย็นชา  ไผ่เกลียดผมแล้วจริงๆสินะ

 

                “ไผ่  ฉันขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่าง  ฉันมันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ  ขอโทษนะ”

 

                “.....”

 

                ไม่มีเสียงตอบกลับมาอีกแล้ว  อย่าทำแบบนี้เลยนะ  ผมทนไม่ได้จริงๆ

 

                “ยกโทษให้ฉันได้ไหม  นายจะให้ฉันทำอะไรก็ได้  แต่ขอร้องล่ะ  พวกเรา...กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”

 

                “พูดง่ายจังเลยนะ  เซน”

 

                ดวงหน้าที่มักจะเรียบเฉยของไผ่กลายเป็นโกรธเกรี้ยว  ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา  ผมไม่เคยเห็นไผ่มีสีหน้าแบบนี้มาก่อนเลย  มันให้ให้ผมใจหาย

 

                “นายทำกับฉันขนาดนั้นแล้ว  จู่ๆจะมาพูดให้เรากับเป็นเหมือนเดิมอย่างนั้นเหรอ  มันจะไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยรึไง!”

 

                “ขอโทษ  นายจะด่าว่าฉันยังไงก็ได้แต่ฉันทนไม่ได้จริงๆที่นายเมินฉันแบบนี้”

 

                “เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม  ฉันจะได้ไปกินข้าวสักที”

 

                ไผ่พยายามจะเดินหนีไปจากผมแต่ผมไม่ยอมหรอก  ผมคว้ามือของไผ่เอาไว้  ผมไม่ยอมให้ไผ่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าพวกเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง

 

                “ปล่อยฉันนะ”

 

                “ไม่  เรายังคุยกันไม่จบ  ไผ่จะเดินหนีฉันไปไม่ได้”

 

                “ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเซนทั้งนั้น”

 

                “แต่ฉันมี  ให้โอกาสฉันได้ไหม  ฉันรับรองว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นกับนายอีก  พวกเรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะนะ”

 

                “บอกว่าไม่ไง”

 

                “ไผ่...ฉันขอร้องล่ะ  ฉันทนไม่ได้จริงๆ  พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึ  เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอ”

 

                “คนที่เพื่อนกัน  เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก”

 

                “ตอนนั้นฉันโกรธไผ่ที่รักฉัน  ฉันคิดว่าที่ทิวปฎิเสธฉันก็เพราะไผ่  ฉันขอโทษ”

 

                “พอเถอะ  ปล่อยฉันไปได้แล้ว”

 

                ไผ่ไม่ยอมยกโทษให้ผมเลย  บทจะใจแข็งขึ้นมา  ก็แข็งเสียจนผมเริ่มหมดหวังเสียแล้ว  ผมคุกเข่าลงตรงหน้าไผ่

 

                “นายทำอะไรน่ะเซน”

 

                “ถ้านายไม่ยอมยกโทษให้ฉันก็จะคุกเข่าอยู่แบบนี้ล่ะ”

 

                “คิดเรอะว่าการที่นายทำแบบนี้  มันจะทำให้ฉันใจอ่อน”

 

                “ไม่ลองก็ไม่รู้นี่^^”

 

                ไผ่ถอนหายใจกับการกระทำของผม

 

                “อยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนงั้นเรอะ”

 

                “ใช่”

 

                “ก็ตามใจนายนะ  แต่ฉันไม่รับประกันหรอกว่าตัวฉันในตอนนี้มันจะรู้สึกเหมือนเดิมได้รึเปล่า”

 

                “จริงนะ  ไผ่พูดจริงนะ”

 

                “หิวแล้ว  ไปกินข้าวกันเถอะ”

 

            “^^”

 

                ในที่สุดไผ่ก็ยอมผมจนได้  ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่สามารถเหมือนเดิมได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่มันก็คงดีกว่าการที่จะต้องมาทนกับสิ่งที่แตกต่าง  แต่ว่า...ผมรู้ดี  ไผ่คงจะแค่พูดตกลงไปแบบนั้น  ความรู้สึกของไผ่มันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วนี่นา  พวกเราคงไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกเด็ดขาด  มันก็เป็นแค่การฝืนใจของไผ่ก็เท่านั้นเอง 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :ling1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 32 P.3) [21/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 21-04-2013 07:44:28
 :angry2: สมน้ำหน้า! อย่าให้อภัยมันนะไผ่!
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 32 P.3) [21/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 21-04-2013 10:38:56
ไม่ได้อ่านหลายวัน   มาอ่านรอบนี้   ได้อ่านเยอะเลย  ^^


มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องที่ชอบอีก
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (ตอนที่ 33 P.3) [21/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 25-04-2013 13:19:07
ตอนที่ 33  ลางร้ายเริ่มเคลื่อนไหว



แม้ในตอนนั้นผมจะบอกเป็นเชิงยกโทษให้เซนแล้วก็เถอะ  แต่ว่าผมก็ยังทำตัวห่างๆกับเซนอยู่ดี  ผมมักจะใจอ่อนกับเซนอยู่เรื่อยมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว  ปากก็พูดไปอย่างนั้นแต่ผมนั้นรู้ดีว่า  ยังไงซะ  มันก็คงไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก  ความเป็นเพื่อนของพวกเราคงเหมือนเดิมอีกไม่ได้แล้ว  คิดว่าเซนเองก็คงจะรู้ตัว  เพียงแต่เขาคงยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ก็เท่านั้นเอง  หากเป็นตัวผมเมื่อก่อน  ผมคงจะดีใจที่เซนมาขอโทษและรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ  แต่ว่าความรู้สึกของผมมันได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว  ตัวผมในตอนนี้น่ะ....ไม่ได้รู้สึกรักเซนอีกแล้ว
 

“ไผ่  กลับกันเถอะ^^”
 

เซนชวนผมกลับบ้าน  ไม่ไหวเลยแฮะ  ผมอยากกลับคนเดียวมากกว่า
 

“โทษทีนะ  วันนี้ขอฉันกลับคนเดียวได้ไหม”
 

เซนมีสีหน้าจ๋อยลงถนัดตา
 

“อืม  ไม่เป็นไร  ขอโทษนะ”
 

วันนี้เซนพูดขอโทษผมกี่รอบแล้วนะ  แต่ว่าช่างมันเถอะ  ผมไม่อยากคิดให้ปวดหัว
 

ตลอดเส้นทางที่กลับบ้าน  มันช่างน่าเบื่อสิ้นดี  ผมไม่ชินกับการเดินคนเดียวซะแล้ว  อยากเจอพี่แทมินจังเลย  ตอนนี้พี่แทมินกำลังทำอะไรอยู่นะ.....
 
               
 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ตลอดทางที่ไผ่กลับบ้าน  ไผ่คงไม่รู้ตัวหรอกว่าเซนนั้นเดินตามหลังไผ่อยู่ห่างๆ  ทำยังไงได้ล่ะ  ก็บ้านของพวกเขาอยู่ติดกันเลยนี่นา
 

แต่สิ่งที่ไผ่ได้มองข้ามไปในระหว่างทางที่กำลังใจลอยคิดถึงแทมินอยู่นั้น  แต่เซนกลับสังเกตุเห็นมันได้อย่างเต็มสองตา
 
                รถสปอร์ตปอร์เช่คันสีดำได้จอดอยู่ข้างทาง  ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่รถหรูๆแบบนี้จะมาจอดอยู่แถวๆบ้านของเขา  คนขับเป็นชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดสีดำ  ทันทีที่ไผ่เดินผ่านรถคันนั้น  คนขับกับหันมองไผ่  แล้วแสยะยิ้มที่ชวนให้นึกถึงรอยยิ้มของผู้ร้ายในละครหลังข่าว  เอกสารสองถึงสามใบถูกหยิบขึ้นมาดู  และเมื่อเขาอ่านได้ไม่นานก็ปามันทิ้งลงข้างทางและขับรถออกไป
 

เซนรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล  จึงเดินไปหยิบเอกสารที่ชายคนนั้นปาทิ้งขึ้นมาดู  และถึงกับพูดอะไรไม่ออก  เอกสารนั้นคือข้อมูลของไผ่!
 

“ไอ้บ้านั่นมันอะไรกัน”
 

รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย  ผู้ชายคนนั้นคือใครกัน  รู้จักกับไผ่อย่างนั้นเหรอ  แล้วมันต้องการอะไรกันแน่นะ  และที่เซนระแวงที่สุดก็คือรอยยิ้มนั่น  ยังไงซะนั่นก็คงไม่ใช่รอยยิ้มในทางที่ดีแน่ๆ  เห็นทีจะปล่อยให้ไผ่กลับคนเดียวไม่ได้เสียแล้วสิ
 
                +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลาทำงานพิเศษแต่ว่าผมไม่สนใจหรอก  ผมอยากเจอพี่แทมินมากกว่า  ผมรีบแต่งตัวและออกจากบ้านเพื่อตรงไปยังบ้านของพี่แทมิน  แต่แล้วก็เจอกับเซนที่ยืนรอผมอยู่หน้าบ้านอยู่แล้ว
 

“จะไปทำงานเหรอ”
 

“อืม”
 

“ฉันไปส่งนะ^^”
 

“ไม่เป็นไร  ฉันไปเองคนเดียวได้”
 

“งั้นเหรอ  ตามใจแล้วกัน”
 

ผมเดินผ่านเซนตรงไปยังบ้านของพี่แทมิน  ตอนนี้แม้จะเร็วขึ้นสักนาทีก็ยังดี  อยากเจอจังเลย
 

ทางด้านเซนถึงแม้ไผ่จะปฏิเสธ  แต่ว่าเขาคงปล่อยให้ไผ่ไปคนเดียวไม่ได้อีกแล้ว  จึงได้แอบตามไผ่อยู่ห่างๆ
 

จะตามไผ่ไปเรื่อยๆ  เขาจะไม่วางใจจนกว่าไผ่จะเดินเข้าไปในร้าน  ส่วนขากลับเขาก็ไม่จำเป็นต้องแอบตามแล้ว  เพราะมีคนทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว....
 

“ไผ่  มาแล้วเหรอ”
 

แทมินที่นั่งอยู่หน้าร้าน  รีบวิ่งเข้ามากอดไผ่ทันทีที่เห็นไผ่  ความรู้สึกจุกเข้าไปในอกนี่มันอะไรกันนะ  ไม่ชอบเลยที่ต้องเห็นภาพแบบนี้  แต่ว่าตัวเขานั้นจะทำอะไรได้ล่ะ  มีสิทธิ์ไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ  แล้วในฐานะอะไรกันล่ะ  แม้แต่ในฐานะเพื่อนยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ  เขาจึงเลือกที่จะหันหลังให้กลับภาพเหล่านั้น  และตรงกลับไปยังบ้านของตนเอง
 

“พี่แทมิน  ผมหายใจไม่ออก”
 

“อ่ะ  ขอโทษนะ”
 

แทมินคลายอ้อมกอดลงทันที  นี่เขาเผลอกอดเข้าไปเต็มแรงเลยรึเนี่ย  ทำไงได้ล่ะ  ก็คนมันคิดถึงนี่นา             
           

“ว่าแต่  วันนี้มาเร็วจังเลยนะ^^”
 
               
“ก็...ผมอยากเจอพี่แทมินนี่นา”
 
               
“O_o!!”
 
               
อะไรกัน  พี่แทมินชอบทำหน้าแบบนั้นทุกทีเลย  ผมพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ
 
               
พี่แทมินยิ้มให้ผมเหมือนอย่างที่เคยและจับมือพาผมเดินเข้าไปในร้านเพื่อเริ่มงานพิเศษของวันนี้  ผมอยากหยุดเวลาแห่งความสุขนี้เอาไว้จังเลย  ตัวผมที่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเซนอีกแล้ว  คงอีกไม่นานแล้วสินะ  อีกไม่นานผมก็จะ...ตอบสนองความรักของพี่แทมินได้เสียที
 
               
ภายหลังทำงานพิเศษเสร็จ  พี่แทมินก็จูงมือผมกลับบ้านเหมือนทุกวัน
 
               
 “ปีหน้า  ไผ่จะเอายังไงเหรอ”
 
               
“เรื่องอะไรรึครับ”
 
               
“ก็เรื่องมหาลัยไง  ไผ่จะเป็นหมอใช่ไหมล่ะ”
 
               
พี่แทมินยังจำได้สินะ  ที่ผมเคยบอก
 
               
“ผมคิดว่า  จะสอบตรงน่ะครับ  ไม่อยากวุ่นวายกับเเอดมิชชั่น”
 
               
“อืม  เอาตามที่ไผ่ชอบก็แล้วกัน  แล้วอย่าลืมไปตรวจเช็คข้อมูลการสอบทางเว็บของมหาลัยบ่อยๆก็แล้วกัน^^”
 
               
“ครับ”
 
               
ถึงบ้านแล้ว  แย่จัง  ไม่อยากให้ถึงเลย  ผมอยากจะอยู่กับพี่แทมินนานกว่านี้  จะเป็นไรไหมนะถ้าจะขออยู่ด้วยอีกครั้ง
 
               
“เอ่อ  พี่แทมิน”
 
               
“*-*???”
 
               
“ผมคิดว่า  ผมอยากอยู่กับพี่มากกว่าอยู่ที่บ้านครับ”
 
               
“^^”
 
               
พี่แทมินลูบหัวผมสองสามครั้งแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมเห็นอย่างถนัดตา
 
               
“จะดีเหรอ   ไม่กลัวฉันทำอะไรไผ่แล้วรึไง^^”
 
               
 “ง่า...แต่ว่า  ผมชอบนี่นา  เวลาอยู่กับพี่แทมิน...”
 
               
“ไผ่นี่น่ารักจริงๆเลยนะ”
 
               
ว่าแล้วพี่แทมินก็กอดผม
 
               
“ฉันดีใจนะที่ได้ยินไผ่พูดแบบนี้  แต่ฉันมาคิดๆดูแล้วนะ  ถ้าไผ่อยุ่บ้านฉัน  ฉันว่าไผ่ต้องไม่ได้อ่านหนังสือแน่ๆ”
 
               
“ทำไมล่ะครับ”
 
               
“^^”
 
               
“เอ่อ...เข้าใจแล้วครับ-*-  งั้นผมเข้าบ้านก่อนนะ”
 
               
แม้จะพูดแบบนั้นแต่พี่แทมินก็ไม่ยอมคลายแรงกอดลงเลย  ผมพยายามดันตัวออกแต่ก็ไร้ผม  พี่แทมินคิดจะทำอะไรกันแน่!!
 
               
“พี่แทมิน  ผมจะเข้าบ้านแล้ว”
 
               
“^^”
 
           
“=_=”
 
               
“จูบราตรีสวัสดิ์^^”
 
               
“- -^”
 
               
พี่แทมินโน้มตัวลงมาจูบผมที่ยืนนิ่งรอรับจูบของเขาอยู่ในอ้อมแขน  รสจูบของพี่แทมินมันทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม   และมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้ง  ถ้าหากความรักที่เขามอบให้ผมนั้นต้องหายไปแล้วล่ะก็  ผมคงทนไม่ได้แน่ๆที่จะอยู่โดยไม่มีมัน...
 
               
ผ้าม่านของหน้าต่างถูกปิดลง  เซนทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้น  เป็นอีกครั้งแล้วที่เขาต้องเห็นภาพแบบนั้น  ความรู้สึกเจ็บใจและเจ็บอยู่ในอกนี่มันทำให้เขาหงุดหงิด  ไม่อยากเห็นภาพแบบนี้เลย...
 
                ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
               
ณ  ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร  ตึกสูงระฟ้าของตระกูลหนึ่งที่หน้าฉากทำธุรกิจการค้ากับต่างประเทศแต่หลังฉากกลับเป็นศูนย์รวมสิ่งคาวโลกีและอิทธิพลมืด  ชั้นสูงสุดของตึกนั้นชายหนุ่มใส่ชุดสูทมาดนักธุรกิจคนเดียวกับที่เฝ้ามองไผ่จากในรถปอร์เช่กำลังมองลงมายังถนนและรถที่เคลื่อนตัวผ่านไปมา  แสงไฟในยามค่ำคืนของหมู่ตึกและรถที่เคลื่อนที่นั้นช่างดูแล้วน่าหลงใหลเหลือเกิน
 
               
“ขออนุญาตครับท่านประธาน”
 
               
ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำสนิทเปิดประตูเข้ามาและโค้งทำความเคารพ
 
               
“อะไรกัน  ผมคิดว่าผมบอกไปแล้วนะ  ว่าถ้าอยู่กันสองคนให้เรียกผมว่าเอฟ  ยังไงซะลุงก็เป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อผมนะ”
 
               
“ไม่ได้หรอกครับ  หากยังอยู่ในบริษัท  ฐานะทางการทำงานของท่านประธานก็สูงกว่าผม  หากผมเรียกท่านอย่างสนิทสนมมันจะดูไม่ดีและอาจเป็นที่ครหาของลพนักงานคนอื่นๆได้”
 
               
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจลุงก็แล้วกันนะ”
 
               
เอฟใช้มือซ้ายเสยผมที่ลงมาปรกหน้าของตัวเองอย่างสบายอารมณ์จนคนเป็นลุงสังเกตเห็นได้
 
           
“ท่านประธานดูอารมณ์ดีจังเลยนะครับ  แสดงว่าวันนี้ไปเจอเรื่องดีๆมาสินะ”
 
               
“ก็นิดหน่อย  วันนี้ฉันออกไปดูเจ้าหนูที่แทมินมันห่วงนักห่วงหนาคนนั้น  รสนิยมไม่เลวเลยเชี่ยวล่ะเจ้านั่นน่ะ  ทางเจ้าหนูนั่นก็น่ารักใช่เล่น  ตอนนี้ฉันกำลังคิดแผนแก้แค้นแทมินโดยใช้เจ้าหนูเป็นเหยื่ออยู่น่ะ  หึหึ”
 
               
“แทมิน....รึว่า  น้องชายของแทยองคนนั้น”
 
               
“ใช่  ไม่ได้เจอกันหกปี  ดูเปลี่ยนไปเยอะอยู่เหมือนกันนะ”
 
               
“นี่รึว่าท่านประธานจะ...”
 
               
เอฟล่ะจากภาพทิวทัศน์เบื้องล่างมานั่งลงบนเก้าอี้สีดำสนิท  แล้วหยิบเอาแก้วไวน์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม
 
               
“ผมว่าพอเถอะนะครับท่านประธาน  เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว”
 
               
“เรื่องนี้ลุงไม่ต้องมายุ่ง  ผมจัดการของผมเองได้  หากแทมินยังไม่ตาย  ความแค้นของผมมันก็ยังไม่จบ!”
 
               
“แต่...”
 
               
“แทยองผมก็ฆ่าไปแล้ว  ฆ่าแทมินอีกสักคนก็ไม่เห็นเป็นไรนี่  ยังไงตำรวจก็หาหลักฐานมาจับผมไม่ได้อยู่แล้ว”
 
               
 คนเป็นลุงไร้ซึ่งหนทางจะห้ามหลานของเขาได้เลย  ลองได้ตัดสินใจอะไรไปแล้วคงเป็นการยากที่จะห้ามเขาได้  ความแค้นของหลานคนนี้  หากแทมินคนนั้นไม่ตายไปซะมันก็คงไม่มีวันดับสินะ....
           
                -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 

@nunnan   แบบว่ามันแล้วแต่อารมณ์อ่ะค่ะ  แบบดึกแล้วยังไม่นอน มัวแต่มาส่องนิยายคนอื่นอยู่ (ถึงได้ดองของตัวเองไม่คืบหน้า)

@KARMI  ไม่ทันแล้วค่ะ  น้องไผ่เขาใจอ่อน เจอเซนอ้อนวอนหน่อยเดียวก็หายแล้ว กรรมของน้องไผ่เลย

@daboo  ดีใจที่มีคนอ่านนิยายของแคนแล้วมีความสุขค่ะ   ได้ฟังงี้ แคนเองก็มีความสุขเช่นกัน

 :mew1: :mew1: :mew1:

 
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 33 P.3) [25/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 25-04-2013 16:03:08
ตัวละครตัวต่อไป นี่ใครกัน   ทำไมโหดร้ายจัง
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 34 P.3) [25/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 28-04-2013 13:25:20
ตอนที่ 34  ความสุขของผมคือ...



คาบเรียนที่น่าเบื่อของวันนี้จบลงแล้ว  ผมเตรียมตัวจัดกระเป๋าเพื่อกลับบ้านเหมือนปกติ
 
“กลับด้วยกันไหม ไผ่”
 
เซนเอ่ยเมื่อเห็นผมจัดกระเป๋า  ตั้งแต่วันนั้น  วันที่เซนขอโทษผมนี่ก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว  เซนเอ่ยชวนผมกลับบ้านทุกวันแต่ผมก็ยังปฏิเสธที่จะกลับกับเขา  พูดตรงๆเลยว่าผมไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ที่ต้องกลับกับเซน  ความรู้สึกกลัวและไม่ไหววางใจในตัวเขายังคงมีอยู่  นอกจากไปทานอาหารกลางวันเท่านั้นที่ผมยังพอทำใจไปกับเขาได้
 
“วันนี้ฉันอยากกลับคนเดียวมากกว่า”
 
“งั้นเหรอ  ไม่เป็นไร  กลับบ้านดีๆล่ะ^^”
 
ถึงจะบอกปฏิเสธไปมันก็คงไม่ต่างอะไรอยู่ดี  ยังไงซะเซนก็ต้องกลับบ้านทางเดียวกับผม  ก็บ้านของพวกเราอยู่ใกล้กันนี่นา  มันก็เป็นแค่การรักษาระยะห่างเอาไว้ก็เท่านั้นเอง
 
ผมเดินออกมาจากห้องเรียนได้สักพัก  เซนก็เดินตามออกมา  ดูเหมือนว่าเซนเองก็คงจะรู้  ถึงได้เว้นระยะให้ผมเดินออกมาก่อนช่วงหนึ่ง
 
ทางด้านเซนที่เดินตามออกมาทีหลังพอเดินออกมาจากอาคารเรียนตามหลังไผ่อยู่ห่างๆ  เขาก็สังเกตเห็นว่ามีชายคนหนึ่งอยู่ตรงประตูทางออกของโรงเรียน  แม้จะเห็นจากระยะไกลแต่เซนก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนั้นก็คือคนๆเดียวกับชายสวมแว่นกันแดดสีดำที่มองไผ่ในรถสปอร์ตปอร์เช่สีดำคันนั้น
 
เซนเปลี่ยนจากเดินมาเป็นวิ่งให้ทันไผ่ที่อยู่ข้างหน้า  จะให้ไผ่ไปคนเดียวได้ยังไงกัน  ยังไงไอ้หมอนั้นก็ไม่น่าไว้ใจ
 
“เดี๋ยวก่อน  ไผ่!”
 
ผมหยุดเดินตามเสียงเรียกของเซน และรอจนเขาวิ่งตามมาทัน
 
“มีอะไรเหรอ”
 
“ยังไงวันนี้ฉันว่าฉันกลับบ้านกับไผ่ด้วยดีกว่านะ^^”
 
“ทำไมล่ะ”
 
“จะว่าไงดีล่ะ  เอาเป็นว่าไว้ฉันจะอธิบายให้ฟังคราวหลังก็แล้วกัน”
 
ผมก็ไม่รู้ว่าเซนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่  ถ้าอย่างนั้นวันนี้ปล่อยไปสักครั้งก็แล้วกัน  ยังไงเขาก็คงไม่คิดจะทำอะไรผมแล้วล่ะมั้ง
 
ในขณะที่พวกผมเดินเกือบถึงประตู  ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาคนหนึ่งที่ผมเห็นว่าเขายืนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนตั้งแต่ตอนที่ผมเดินออกมานั้นก็มายืนขวางทางของพวกผมไว้  ว่าแต่คนๆนี้หน้าตาคุ้นๆจังเลย  ผมเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนรึเปล่านะ
 
“สวัสดี  เธอคือ ไผ่ สินะ”
 
ชายคนนั้นเอ่ยถาม
 
“ครับ  คุณคือ....”
 
ชายคนนั้นขำเล็กน้อย  แล้วยิ้มให้ผม
 
“จำไม่ได้สินะ  เราเคยเจอกันแล้วไง  ที่ตลาดตอนนั้นเธออยู่กับแทมิน”
 
ตอนนั้น...ที่ตลาด  รึว่าเขาคือ
 
“นึกออกแล้ว  คุณคือ  พี่เอฟใช่ไหม”
 
“ปิ๊งป่อง  ดีใจจังที่เธอยังจำได้^^”
 
บทสนทนาและท่าทางที่ดูปกติธรรมดานั้น  สำหรับเซนแล้วไม่ว่าจะดูยังไง  รอยยิ้มของคนชื่อเอฟนั่นก็เสแสร้งชัดๆ  ไม่มีความจริงใจอยู่ในรอยยิ้มนั่นเลยแม้สักนิด!!
 
“แล้วคุณ  มีธุระอะไรกับผมอย่างนั้นเหรอครับ”
 
“เรียกว่าพี่เอฟก็ได้  บังเอิญว่าฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับไผ่นิดหน่อยน่ะ”
 
“เรื่องอะไรรึครับ”

“คุยกันตรงนี้มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะ  ถ้ายังไง  ฉันว่าเราไปคุยกันที่ร้านค็อฟฟี่ช็อปข้างโรงเรียนของไผ่ดีไหม  จะได้หาอะไรดื่มไปด้วยเลย  ฉันเลี้ยงเอง  จะพาเพื่อนเธอมาด้วยก็ได้นะ”
 
บอกตรงๆเลยว่า  ผมไม่อยากจะไป  แต่ว่าผมรู้สึกเหมือนกับว่ามันจะเป็นการเสียมารยาท  เขาอุตส่าชวนแล้วแถมยังมีเรื่องจะคุยกับเราอีก  แต่ว่าผมอยากไปเจอพี่แทมินเร็วๆนี่นา  จะปฏิเสธเขายังไงดีนะ
 
เซนเห็นท่าทางอึกอักของไผ่  ก็พอจะเดาออกแล้วว่าไผ่คิดอะไรอยู่  จึงออกปากปฏิเสธแทน
 
“ขอโทษนะครับ  แต่ว่าพวกเราต้องรีบกลับ  เดี๋ยวไผ่จะไปทำงานพิเศษไม่ทัน  ขอตัวก่อนนะครับ”
 
เซนจับแขนผมแล้วพาผมออกมาจากจุดนั้นทันที
 
เอฟที่มองตามหลังเด็กทั้งสองได้เผยรอยยิ้มเหี้ยมที่ทำให้เด็กนักเรียนคนอื่นซึ่งเดินผ่านไปผ่านมาพากันขนลุก
 
“ดูท่าว่าเพื่อนคนนั้นของไผ่จะระแวงฉันน่าดูเลยนะ  เอาเถอะ  ตอนนี้จะหนีไปไหนก็เชิญเลย  หนีไปให้ไกลล่ะ  ขืนจับได้เอาตอนนี้มันก็คงหมดสนุกเอาเสียก่อน  หึหึ”
 
เมื่อแน่ใจว่าออกห่างจากหน้าประตูโรงเรียนพอสมควรแล้วเซนก็ปล่อยแขนของผม
 
“ขอโทษนะไผ่  ที่จู่ๆก็พานายออกมา”
 
“ไม่เป็นไร  ฉันก็ไม่รู้จะหาทางปฏิเสธยังดี  ยังไงก็ขอบใจนายด้วยนะ”
 
“ไผ่  ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวรึอะไรรึเปล่า  แต่ฉันคิดว่านายควรอยู่ห่างๆเจ้านั่นไว้จะดีกว่า  บอกกันตรงๆเลยว่าฉันไม่ไว้ใจ  ถ้ายังไงช่วงนี้เรากลับบ้านด้วยกันก่อนดีไหม”
 
“แล้วไอ้การที่ฉันต้องอยู่กับนายสองต่อสองมันน่าไว้ใจมากนักรึไง”
 
เซนถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ฟังคำพูดของผม
 
“ถ้าหากคนๆนั้นไม่น่าไว้ว่างใจ  แล้วนายล่ะ  ฉันสามารถไว้วางใจนายได้อย่างนั้นเหรอ  ไม่ว่าจะเป็นคนไหน  ฉันก็ไม่วางใจทั้งคู่นั่นแหล่ะ”
 
“ถ้าไผ่คิดแบบนั้น  ฉันก็คงว่าอะไรนายไม่ได้อยู่แล้ว  ก็ฉันเป็นคนทำให้เรื่องทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้เองนี่นา  เอาเป็นว่า  ไม่ว่านายจะว่ายังไง  ฉันก็จะกลับบ้านกับนาย  อาจจะเดินห่างๆกันหรือยังไงก็ได้  ตามแต่นายสะดวกก็แล้วกัน”
 
ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน  ความเอาแต่ใจของเซนก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง  เอาเถอะ  ถ้ามันได้อย่างที่เซนพูดก็คงจะดี
 
ผู้ชายคนนั้น  ถ้าจำไม่ผิด  พี่แทมินเคยบอกว่าเขาเป็นต้นเหตุทำให้พี่แทยองต้องตาย  และพี่แทมินเองก็เกลียดคนๆนั้นมากด้วย  พี่แทมินไม่ใช่คนที่จะเกลียดใครโดยไม่มีสาเหตุ  แสดงว่าคนๆนั้นต้องเลวจริงๆ
 
“ไผ่  ถ้ายังไงวันนี้ให้ฉันไปส่งนายที่ที่ทำงานพิเศษด้วยเลยก็แล้วกัน  ตกลงไหม”
 
“ตามใจ”
 
และแล้วช่วงเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง  เวลาที่ผมจะได้เจอกับพี่แทมิน  ผมรีบวิ่งเข้าไปในร้านโดยที่ไม่สนใจเซนที่เดินตามหลังผมมา  ผมอยากวิ่งเข้าไปหาความสุขของผม  พี่แทมิน...
 
“ไผ่   วันนี้ก็มาเร็วอีกแล้วนะ”
 
พี่แทมินยิ้มให้ผม  รอยยิ้มที่ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมชอบรอยยิ้มนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
 
“พี่แทมิน  วันนี้ผมเจอคนๆนั้นด้วย”
 
“คนๆนั้น?  ใครเหรอไผ่”
 
“คนที่เอฟ  วันนี้เขามาคอยผมที่หน้าประตูโรงเรียน”
 
ทันทีที่ได้ยินชื่อของเอฟ  พี่แทมินก็หน้าซีดทันที  แล้วเขาก็สำรวจและจับตามตัวของผม
 
“มันไม่ได้ทำอะไรไผ่ใช่ไหม  บอกฉันมาสิ!”
 
“เปล่าครับ  ผมรีบออกมาก่อน”
 
“ไผ่  ระวังมันเอาไว้  ไอ้เลวนั่นมันจะทำอะไรไผ่บ้างก็ไม่รู้  แล้วนี่ทั้งตอนกลับมาบ้านกับตอนมาที่นี่มาคนเดียวเหรอ  มีใครแอบตามมามั้งรึเปล่า”
 
พี่แทมินรัวคำถามใส่ผม  คนๆนั้นน่ากลัวมากเลยอย่างนั้นเหรอ
 
“ผมมากับเซนครับ  เซนเองก็พูดเหมือนพี่แทมินเลยว่า  ไม่ไว้วางใจคนๆนั้น”
 
“แต่ถึงไผ่อยู่กับเซนฉันก็ไม่ไว้วางใจอยู่ดีนั่นล่ะ =_=”
 
“แต่ว่า...มันก็คงดีกว่าเอฟคนนั้นนะครับ”
 
“...อืม  มันก็ถูกอย่างที่ไผ่พูดนั่นแหล่ะ  แล้วตอนนี้ไผ่อยู่บ้านคนเดียวรึเปล่า”
 
“คนพวกนั้นก็อยู่ครับแต่สำหรับผม  มันเหมือนกับอยู่คนเดียวมากกว่า”
 
พี่แทมินทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง  และดูเหมือนจะตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว
 
“เอาเป็นว่าตั้งแต่วันนี้ไผ่มาอยู่ที่บ้านฉันดีกว่า  ไผ่จะได้อยู่ในสายตาฉันไง^^”
 
“ทีตอนผมขออยู่ดันไม่ให้อยู่ - -^”
 
“ง่า  ก็แหม  ฉันเป็นห่วงกลัวว่าไผ่จะไม่ได้อ่านหนังสือนี่นา”
 
“ยังไงก็ช่างมันเถอะครับ  แค่ได้อยู่กับพี่แทมินผมก็มีความสุขแล้วล่ะ”
 
“>///<”
 
ตั้งแต่วันนั้น  วันที่พี่แทมินสัญญาว่าจะเป็นความสุขให้ผม  พี่แทมินก็ไม่เคยทำให้ผมต้องเป็นทุกข์เลยสักครั้ง  ในตอนนี้ผมมีความสุขที่ได้เจอพี่แทมิน  มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่แทมิน  และมีความสุขกับทุกๆอย่างที่พี่แทมินทำให้ผม  ก็ความสุขของผมน่ะ  คือพี่แทมินนี่นา...
 
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

@daboo  ตัวละครใหม่เป็นใคร  ทำไมถึงโหดร้าย  มีเฉลยในเรื่องแยกของเซนค่ะ (ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการดอง)

 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 34 P.3) [28/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: janek_alo ที่ 01-05-2013 01:54:49
 :sad4: :sad4: :sad4:
ร้องไห้เลยที่เดียว
สงสารไผ่อ่ะ
ตอนงานวันเกิดอ่ะ  เป็นเรา  เราปัดเค้กทิ้ง  กระทืบซ้ำไปแล้ว
ฉันไม่ได้ใครก็ต้องไม่ได้
พ่อแม่ใจร้ายมาก  ลูกหายไปคนยังไม่รู้เรื่องอีก
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 35 P.3) [28/04/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 02-05-2013 13:19:10
ตอนที่ 35 คนโง่ที่รู้ตัวเมื่อสาย (Zen talk)




คืนวันนี้ผมนั่งรอไผ่อยู่ที่ริมหน้าต่างเหมือนทุกๆคืนที่ผ่านมา  เฝ้ามองไผ่ที่เดินจูงมือกับแทมิน  พูดคุยเรื่องทั่วไป  มีการกอดและจูบส่งท้ายก่อนที่จะแยกจากกัน  และทุกๆครั้งที่ดูการกระทำของพวกเขาทั้งสอง  ผมจะรู้สึกเจ็บในอกและมีอารมณ์หงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก
 
แต่แล้วคืนนี้มันก็ได้แตกต่างไปจากทุกๆคืน  เพราะว่าคืนนี้  ไผ่ไม่ได้กลับมา...
 
“นี่มันก็ปาเข้าไปจะตีหนึ่งแล้วนะ  ทำไมยังไม่กลับมาอีก  จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้”
 
ผมเริ่มนึกถึงสถานการณ์ความเป็นไปได้ต่างๆนาๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับไผ่
 
“รึว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกันแน่”
 
ผมเริ่มหยุดความคิดเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว...
 
“รึว่า  เจ้าคนชื่อเอฟมันทำอะไรไผ่!!”
 
ความกังวลต่างๆได้ถ่าโถมเข้ามาในความคิด  ไม่ได้การ  ต้องไปดูให้แน่ใจว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับไผ่  แน่นอนว่าแทมินก็คงไม่ปล่อยให้ไผ่กลับคนเดียวแน่ๆอยู่แล้ว
 
ผมรีบหยิบเสื้อแจ็คเก็ตที่พาดอยู่บนเก้าอี้มาสวมคลุมทับชุดนอนและวิ่งออกจากบ้านทันที  ตลอดสองข้างทางช่างเงียบสงัดเสียจนน่าวังเวง  นี่ไผ่กับแทมินต้องเดินผ่านความมืดแบบนี้ทุกวันเลยรึไงกันนะ
 
เมื่อผมมาถึงที่ร้านที่ไผ่ทำงานพิเศษ  ก็พบว่าร้านนั้นได้ปิดเสียแล้ว  ถ้าเช่นนั้นแล้วไผ่ล่ะ  ไผ่อยู่ที่ไหนกัน  ผมเงยขึ้นไปยังชั้นสองก็พบว่ามีอยู่ห้องหนึ่งเปิดไฟสว่าง  ยังไงซะก็ต้องหาทางขึ้นไปดูให้แน่ใจก่อน  ผมหันซ้ายหันขวาก็ไปก็พบกับต้นไม้ข้างบ้านหากปีนมันขึ้นไปก็คงถึงชั้นสองได้ล่ะนะ
 
ผมเริ่มปีนป่ายต้นไม้ต้นนั้นอย่างระมัดระวังไม่ใช่เพราะกลัวกิ่งไม้จะพังหรอก  แต่ผมระวังไม่ให้มันเกิดเสียงต่างหาก  ถ้าเกิดใครมาได้ยินเข้าคงไม่พ้นโดนหาว่าเป็นขโมยแน่ๆ  ผมเหยียบลงบนหลังคามุงกระเบื้องของชั้นสอง  ดีนะที่ต้นไม้ต้นนี้อยู่ใกล้กับหน้าต่างห้องที่เปิดไฟเอาไว้  ผมเลยไม่ต้องลำบากเดินไกลนัก
 
“อา  อ้า”
 
เสียงเหมือนกับเสียงครางดังแว่วมาจากหน้าต่างของห้องๆนั้น  ทำให้ผมยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก  เมื่อถึงหน้าต่างของห้องนั้น  ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก  ต้นเสียงที่ผมได้ยินนั้นมันมาจากคนสองคนที่กำลังเริงรักกันอยู่ภายในห้องและสองคนนั้นก็คือ  คนที่ผมรู้จักดี  ไผ่กับแทมิน....
 
“อื้อออ  พี่แทมิน  แรงอีกสิ  อ๊า”
 
ไม่ว่าจะมองยังไงก็คิดได้อย่างเดียวว่าไผ่เต็มใจ  แย่ล่ะสิ  เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว
 
แทมินโอบกอดไผ่เพื่อเร่งจังหวะให้เร็วและแรงขึ้นตามคำขอของร่างเล็ก  เสียงหวานดังกึกก้องไปทั่วห้อง
 
“ไผ่  ฉันรักไผ่นะ”
 
“อ่ะ  ผมก็ชอบ..อึก  พี่...  ฮา  อ๊าาา”
 
ทั้งสองโอบกอดและจูบกันอย่างคนรักใคร่  นี่สินะคือความรู้สกของนาย  คนที่นายรักในตอนนี้ก็คือแทมินสินะ.....
 
ผมกลับไปยังทางเดิมที่เคยมา  ปีนต้นไม้ต้นเดิมกลับลงไปข้างล่าง  และเดินกลับไปบ้านอย่างเชื่องช้า
 
ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่ต้องมาที่นี่  และคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องแอบตามไผ่ไปโรงเรียนตอนเช้า
 
น้ำตาของผมมันไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ทำไมผมถึงต้องร้องไห้ด้วยนะ  ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ  ไม่เข้าใจ....
 
ประตูห้องถูกปิดอย่างเงียบเชียบ  ผมทิ้งตัวลงบนเตียงอย่าคนหมดอะไรตายอยาก  ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ.....
 
‘นายนี่มัน  โง่ที่สุดในโลกเลยว่ะ  รู้ตัวไหม’
 
เสียงของแทมินและคำพูดในวันนั้นตามมาหลอกหลอนผมอีกแล้ว

‘หากแม้แต่ใจของนาย  นายยังไม่เข้าใจแล้วล่ะก็  นายก็คงเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกเลยล่ะ’
 
แม้แต่ทิวเองก็ยังพูดแบบนี้กับผมเลย  นี่ผมกำลังมองข้ามอะไรไปรึเปล่านะ  มองข้ามสิ่งที่สำคัญมากไปโดยที่ไม่รู้ตัว
 
ลองมานึกๆดูแล้ว  ทำไมผมถึงทนไม่ได้กับสิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคย  ทำไมผมถึงต้องหงุดหงิดเมื่อเห็นไผ่อยู่กับแทมิน  แล้วทำไม...ผมถึงรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นไผ่กำลังนอนอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ผมอย่างเต็มใจ  ทั้งๆที่ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยเมื่อไผ่โดนเพื่อนๆที่ชมรมบาสข่มขืน  ทำไม....
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
แสงอาทิตย์ของวันใหม่ได้มาเยือนแล้ว  แต่ผมยังไม่ได้หลับเลยแม้สักงีบ  ผมคิดอยู่แบบนี้ทั้งคืน  จนคิดว่าตอนนี้ผมได้คำตอบของคำถามแล้วล่ะ  ผมรักไผ่...
 
ตัวผมนั้นรักไผ่มาตลอด  ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  แต่ว่าความรู้สึกที่เรียกว่าเพื่อนนั้นเองที่ทำให้ผมทำเป็นมองไม่เห็นความรักนั้น  คิดอยู่ตลอดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน  คิดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนในที่สุดผมก็คิดว่าความรักที่ผมมีให้ไผ่มันก็แค่ในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
 
แต่เมื่อได้เจอกับทิว  คนที่มีรูปร่างและหน้าตาเหมือนไผ่เกือบทุกประการ  ความรู้สึกที่ผมได้ซ่อนและพยายามมองข้ามมันไปนั้นก็ได้ประทุขึ้นมา  คิดไปเองว่าความรักที่มากมายนั้นมีให้ทิว  ทั้งหึงหวงและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ความรักนั้นมาครอบครอง  ทำร้ายได้แม้กระทั้งเพื่อน...ไม่สิ  คนที่ตัวเองแอบรักมาโดยตลอด
 
คนโง่ที่สุดในโลก...
               
....
 
ในที่สุดผมก็เข้าใจคำพูดของพวกเขาแล้ว...
 
...
 
คนโง่คนนั้นก็คือผมเอง...
 
...
 
หากผมไม่โกหกตัวเอง  หากผมยอมรับความรู้สึกของตัว  เรื่องทุกอย่างมันก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้...
 
                ...
               
หยาดน้ำตามากมายหลั่งไหลอย่างไม่ขาด
 
                ...
 
ถึงจะมารู้ตัวเอาตอนนี้  แต่มันก็...
 
...
 
สายเกินไปแล้ว...
 
...
 
คนที่ไผ่รักไม่ใช่ผมอีกต่อไปแล้ว...
 
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

@janek_alo  ถึงขั้นปัดเค้กกันเลยอ่ะ  ไผ่ไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ  เพราะไผ่เป็นประเภทใจอ่อนง่าย  และชอบเก็บทุกอย่างไว้ในใจค่ะ


 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 35 P.3) [02/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: อยากกินไข่พะโล้ โปะ ที่ 02-05-2013 16:06:30
อ้ากกกกกกก  พึ่งตามิ่านฮ่าาา   ชอบอ้ะ แต่อยากให้พี่น้องรักกันจัว  ขอฝากด้วยน้ะคนเขียน  คือแบบรับไม่ค่อยอยากเห็นเลยฮ่า คือมันรู้สึกเหมือนตัวเองเกิน แต่เราไม่มีแฝดนะแต่แบบ พ่อแม่ไม่สนใจเราเหมือนไผ่เยยยย
 แล้ะ อินมากกกก
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 35 P.3) [02/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 02-05-2013 16:39:02
อ่านแล้วไม่รู้สึกสงสารเซนเลยซักกะจิ๊ดเดียว

แบบว่ามันโหดร้ายเกินไปอ่ะ พาเพื่อนมาทำแบบนั้น...เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีแท้ๆ T^T
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 35 P.3) [02/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 02-05-2013 19:33:18
เชนโคตรชั่ว กรรมตามทันและต้องมากกว่านี้

อ่านแล้วของขึ้น
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 35 P.3) [02/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 02-05-2013 19:39:25
 :angry2: พี่เอฟบ้า!!! อย่าทำอะไรไผ่นะ!!!
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 35 P.3) [02/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: moobaifern ที่ 02-05-2013 21:46:45
ไอ้พี่เอฟบ้าอย่าทำร้ายน้องไผ่นะ :m31:
เซนเค้าไม่ยกน้องไผ่ให้แล้วอย่า :pig4:มาง้อนะชิ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 36 P.3) [09/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 09-05-2013 22:24:00
ตอนที่ 36  ข้อเสนอของเซน



เช้านี้พี่แทมินมาส่งผมถึงที่โรงเรียน  โดยบอกว่าเป็นห่วงผมไม่อยากให้ผมเดินมาคนเดียว  ส่วนขากลับพี่แทมินก็บอกให้ผมเดินกลับกับเซน  แต่ก็กำชับว่าให้ระวังตัวด้วยเวลาอยู่กับเซนสองต่อสอง
 

“หวัดดี”
 

เซนเดินเข้ามาในห้องเรียน  ใต้ตามีรอยบอมแดง  เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ
 

“นายเป็นอะไรรึเปล่า  ทำไมตานายเป็นแบบนั้นล่ะ”
 

“อ้อ  เมื่อคืนฉันดูหนังติดลมไปหน่อย  นี่ยังไม่ได้นอนเลยอ่ะ ^^”
 

เซนพูดโดยไม่สบตาผมเลย  ท่าทางแบบนี้ตัวผมที่เป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าเขาโกหก  นี่เขากำลังโกหกผมอยู่อย่างนั้นเหรอ
 

“อืม  ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่าพูดมาจริงก็คงจะดีนะ”


ผมพูดประชดเข้าให้  เซนจึงได้แต่หัวเราะกลบกลื่น
 

“ไผ่  ตั้งแต่นี้นายจะไปค้างบ้านพี่แทมินใช่ไหม”
 

“อืมใช่  นายรู้ได้ยังไง”
 

“ฮ่าๆ  ก็เมื่อคืนนายไม่ได้กลับบ้านนี่นา  แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ”
 

“นี่อย่าบอกนะว่านายอยู่คอยฉันน่ะ”
 

เซนมองหน้าผม  ทำท่าคิดอยู่เพียงครู่แล้วก็ผลักหัวผมเป็นเชิงหยอก


“เฮ้ย  จะบ้าเรอะ  ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันดูหนังอยู่  แค่ไม่มีเสียงเปิดประตูบ้านของนายหรอกนะที่ทำให้ฉันรู้น่ะ”
 
 
ไม่ว่าเวลามันจะผ่านมานานสักแค่ไหน  เซนก็ยังโกหกไม่เก่งเหมือนเดิม
 


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

เลิกเรียนแล้ว  ผู้ชายคนนั้น...เอฟ  ก็มายืนคอยผมอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนอีกแล้ว  ทันทีที่เขาเห็นผมเขาก็ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
 

“สวัสดีไผ่  วันนี้ฉันก็มารอเธออีกแล้วล่ะ”
 

“เอ่อ  มารอผมนี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
 

“ไปคุยกันที่อื่นได้ไหม^^”
 

“....เอ่อ  ผมคิดว่าไม่...”
 

“ก็ดีนะครับ  ไปร้านค้อฟฟี่ช็อปที่คุณเคยพูดไว้ก็ได้  ผมเองก็ชักจะหิวน้ำแล้วด้วยสิ”  เซนเอ่ยตัดหน้าผมทันที  ทำให้เอฟหันมายิ้มให้เซน
 

“เป็นอันตกลงนะ  งั้นเราไปกันเถอะ”
 

เอฟเดินนำหน้าพวกผมไป  ผมสงสัยเหลือเกินว่าทำไมเซนถึงไปตอบตกลงกับเขา  ก็เซนเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเขาไม่น่าไว้ใจ
 

“ฉันไม่เข้าใจนายเลย  นายไปตอบตกลงกับเขาทำไม”
 

“ฉันคิดว่าถ้านายหลบเลี่ยงเขาอยู่แบบนี้เขาคงจะตื้อนายไม่เลิกแน่ๆ  สู้คุยกันให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า”
 

บางทีมันก็จริงอย่างที่เซนพูดนั่นแหล่ะ  แล้วพวกเราก็เดินมาถึงร้านค็อฟฟี่ช็อปที่อยู่ข้างโรงเรียนของผม  เมื่อเดินมานั่งที่โต๊ะ  เอฟก็ยิ้มให้ผม
 

“สั่งเลยนะ  ฉันเลี้ยงเอง”
 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  คุยธุระของคุณมาเถอะ”
 

เซนหยิบเมนูขึ้นมาดู  แล้วหันไปมองเอฟ
 

“คุณเลี้ยงใช่ไหม  งั้นผมไม่เกรงใจล่ะนะ^^”
 

“เซน.....”
 

แล้วเซนก็สั่งนู่นสั่งนี่สองสามอย่างรวมไปถึงสั่งเครื่องดื่มให้ผมด้วย
 

“เพื่อนของไผ่คนนี้ชื่อเซนอย่างนั้นเหรอ  ใจกล้าไม่เบาเลยนะ”
 

“ก็เพราะเพื่อนของผมคนนี้เขาไม่กล้านี่ครับ  ผมก็เลยต้องตามาด้วยไง”
 

“พูดแบบนี้  เธอจะบอกว่าเธอไม่ไว้ใจอย่างนั้นสินะ”
 

“ครับ  ผมไม่ไว้ใจคุณ^^”
 

เซนยิ้มเอฟ  เอฟเองก็ยิ้มตอบเซนเช่นกัน  แวบหนึ่งผมก็คิดว่ารอยยิ้มพวกนั้นมันช่างน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้
 

“ไผ่  เธอเป็นอะไรกับแทมินงั้นเหรอ”
 

เอฟเปิดคำถามกับผม
 

“พี่แทมินก็เป็นลูกชายของนายจ้างที่ผมทำงานพิเศษอยู่ไงครับ”
 

“เข้าใจตอบนะไผ่  เรื่องนั้นน่ะฉันรู้แล้ว  แต่ที่ฉันต้องการน่ะ  หมายถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอต่างหาก”
 

“คุณจะถามไปเพื่ออะไร  ต้องการอะไรกันแน่”
 

“หึหึ  ฉันก็แค่ต้องการข้อมูลก็เท่านั้นเอง”
 

“คุณต้องการจะทำอะไรพี่แทมินกันแน่  ผมรู้นะว่าคุณเคยเป็นอะไรกับพี่แทยอง  และเคยทำอะไรเอาไว้บ้าง”
 

“งั้นเหรอ  พี่แทมินบอกเธองั้นสินะ”
 

 “ผมจะไม่ยอมให้คุณทำอะไรพี่แทมินทั้งนั้น”
 

“แหม  เธอนี่ฉลาดกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีกนะ  ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะทำอะไรแทมินเขาหรอก  ไม่ใช่ตอนนี้”
 

“คุณ!!”
 

“เอาเถอะ  ถึงเธอจะไม่บอกฉัน  แต่ดูจากท่าทางเป็นห่วงแทมินของเธอมันก็เดาได้ไม่ยากว่าพวกเธอเป็นอะไรกัน  หมดธุระแล้วล่ะ^^”
 

ธุระของเขามีแค่นี้งั้นเหรอ  แค่มาถามผมเท่านั้นเองว่าผมกับพี่แทมินเป็นอะไรกัน?
 

ในเมื่อหมดธุระผมก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่กับคนๆนี้แล้วเหมือนกัน
 

“กลับกันเถอะเซน”
 

ตลอดทางมีแต่ความเงียบงัน  ความต้องการของชายที่ชื่อเอฟทำเอาผมปวดหัว  เขาคนนั้นต้องการอะไรกันแน่  การที่เขามารอผมที่หน้าโรงเรียน  ก็เพื่อแค่นั้นเองน่ะเหรอ
 

“ถึงบ้านของพี่แทมินแล้ว  งั้นฉันกลับก่อนนะ”
 

เมื่อเซนปั่นจักรยานออกไป  ผมก็ต้องแปลกใจ  ก็ทางที่เซนไปน่ะมันไม่ใช่ทางกลับบ้านแต่มันเป็นทางไปโรงเรียนนี่นา
 


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

ภายในร้านค็อฟฟี่ช็อป  เอฟนั่งกินขนมปังที่เซนสั่งเอาไว้แล้วก็ไปอย่างสบายใจ  ไม่นานประตูร้านก็ถูกเปิดออก  ร่างหนึ่งตรงมายังโต๊ะของเอฟ  ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเอฟก็ยิ้มให้
 

“เจอกันอีกแล้วนะ  เธอ...เซนใช่ไหม”
 

“ทานคนเดียวอร่อยไหมครับ^^”
 

“ก็นะ  ฉันคิดว่าทานสองคนคงจะสนุกกว่า  ถ้ายังไงมาทานด้วยกันไหม”
 

“แน่นอนครับ  ก็ของพวกนี้ผมเป็นคนสั่งเองนี่นา”
 

เซนนั่งลงฝั่งตรงข้ามตามคำชวนของเอฟ
 

“ว่าแต่ว่า  เซนกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
 

“แล้วผมกลับมาอีกไม่ได้เหรอครับ”
 

“ฉันก็ไม่ได้ห้ามเธอนี่”
 

“เลิกพูดเล่นกันดีกว่านะ  ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
 

“เรื่องอะไรล่ะ  ว่ามาสิ”
 

“อย่านึกว่าผมจะไม่รู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่  คุณต้องการจะใช้ไผ่เพื่อทำอะไรบ้างอย่างกับแทมินใช่ไหมล่ะ”
 

“ในเมื่อเธอถามมาตรงๆแบบนี้  ฉันก็จะตอบเธอตรงๆเลยก็แล้วกัน  ใช่  ฉันต้องการจะใช้ไผ่เป็นเครื่องมือในการล้างแค้นแทมิน”
 

“คุณรู้ไหมว่าคุณทำให้ผมแปลกใจ  คุณพูดมาแบบนี้ไม่กลัวว่าผมจะทำให้คุณเสียแผนบ้างรึไง”
 

เอฟอมยิ้มกับคำพูดของเซน
 

“เพราะฉันมั่นใจว่าคนอย่างเธอไม่มีทางทำให้ฉันเสียแผนได้น่ะสิ  ฉันถึงได้บอกเธอ”
 

“มั่นใจจังนะ  แต่ว่าผมคงยอมให้คุณทำอะไรไผ่ไม่ได้ทั้งนั้น  เข้าใจไหม”
 

“จากที่ฉันดูแล้วนะ  ฉันคิดว่าเธอคิดกับไผ่มากกว่าเพื่อนนะ  ฉันดูไม่ผิดใช่ไหมล่ะ^^”
 

“ดูคนเก่งจังเลยนะ  นับถือเลยล่ะ  ผมมีข้อเสนอ  คุณสนใจไหม”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อ้ากกกกกกก  พึ่งตามิ่านฮ่าาา   ชอบอ้ะ แต่อยากให้พี่น้องรักกันจัว  ขอฝากด้วยน้ะคนเขียน  คือแบบรับไม่ค่อยอยากเห็นเลยฮ่า คือมันรู้สึกเหมือนตัวเองเกิน แต่เราไม่มีแฝดนะแต่แบบ พ่อแม่ไม่สนใจเราเหมือนไผ่เยยยย
 แล้ะ อินมากกกก

ฝากตัวด้วยเช่นกันค่ะ  ตอนแต่งเรื่องนี้ แคนเองก็อินเหมือนกันค่ะ  อารมณ์ตอนนั้นคือน้อยใจ พ่อแม่ลืมวันเกิดของแคนบ้างล่ะ รักพี่ชายแคนมากกว่าบ้างล่ะ  แคนเลยแต่งนิยายอะไรที่แบบ พ่อแม่ไม่สนใจประชดชีวิต(ซะอย่างนั้น)  :mew2:

อ่านแล้วไม่รู้สึกสงสารเซนเลยซักกะจิ๊ดเดียว

แบบว่ามันโหดร้ายเกินไปอ่ะ พาเพื่อนมาทำแบบนั้น...เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีแท้ๆ T^T

ตอนนี้ไม่สงสารเซน แต่อนาคตอาจจะสงสารก็ได้นะคะ  ชีวิตนังเซนนี่หนาช่างรันทด  :hao7:

เชนโคตรชั่ว กรรมตามทันและต้องมากกว่านี้

อ่านแล้วของขึ้น

โอ้ ใจเย็นๆค่ะ  บาปกรรมตามสนองเซนแน่นอน เผลอๆอาจจะรุนแรงกว่าที่คิดเสียด้วย (แอบสปอยซะงั้น)

:angry2: พี่เอฟบ้า!!! อย่าทำอะไรไผ่นะ!!!

ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุค่ะ  เอฟทำไผ่แน่นอน  :katai5:

ไอ้พี่เอฟบ้าอย่าทำร้ายน้องไผ่นะ :m31:
เซนเค้าไม่ยกน้องไผ่ให้แล้วอย่า :pig4:มาง้อนะชิ

เซนอยากจะง้อใจจะขาด แต่ดูท่าทางง้อไปก็คงสู้แทมินไม่ได้แล้วล่ะมั้งแบบนี้
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 36 P.4) [09/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 09-05-2013 22:29:55
เรื่องนี้อ่านแล้วบีบหัวใจสุดๆ เสียน้ำตาไปหลายตอน
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 36 P.4) [09/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 09-05-2013 22:50:21
ตอนที่ 37 จับตัว



วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ผมได้คุยกับเอฟ  ผมก็มาเรียนตามปกติ  ผมไม่ได้บอกเรื่องที่ได้คุยกับเอฟให้พี่แทมินรู้  เพราะกลัวว่าพี่แทมินจะไม่สบายใจ  ส่วนเซนที่แยกตัวกลับไปนั้น  ผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน   เอาไว้เจอเขาแล้วค่อยถามดีกว่า
 

เมื่อผมเดินเข้ามาในห้องเรียนผมก็ต้องแปลกใจเพราะเซนอยู่ในห้องแล้ว  นับเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่เซนมาถึงก่อนผม
 

“วันนี้มาเช้าจังเลยนะ”
 

“หวัดดี  นานๆทีฉันก็มาเช้าบ้างสิ”
 

“...เซน”
 

“หา?”
 

“นาย...ตาบวมมากกว่าเมื่อวานอีก  เป็นอะไรรึเปล่า”
 

เซนเอามือจับใต้ตาของตัวเอง  และหัวเราะกลบเกลื่อน
 

“ก็อย่างที่บอกนั่น  ฉันดูหนังติดลมอ่ะ  ซีรี่ย์เกาหลีไง  ไอ้เรื่องที่นางเอกเป็นลูคีเมียตายอ่ะ”
 

“=_=”
 

“แน่ะ  ทำหน้าไม่เชื่อเหรอ”
 

“อ่ะนะ  ให้มันจริงอย่างที่นายพูดก็แล้วกัน”
 

ประชดเข้าให้อีกหนึ่งดอก
 

ไม่นานหลังจากที่พวกผมเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จก็ได้เวลาเรียน  เซนนั่งเหม่อตลอดจนอาจารย์เริ่มไม่พอใจ  เซนเป็นอะไรไปนะ
 

“เซน  ฉันถามจริงๆเถอะ  นายเป็นอะไรรึเปล่า”
 

“ก็คนมันไม่ได้นอนนี่นา มันก็ต้องมีหลับในกันบ้างดิ”
 

“เรอะ =_=”
 

แม้แต่เวลาพักกลางวัน  เซนก็ใจลอยทานข้าวได้แค่ไม่กี่คำเท่านั้น  ตลอดคาบเรียนช่วงบ่ายก็เหม่อเหมือนเดิม
 

“เซน”
 

“...”
 

“เฮ้ย เซน...”
 

“....”
 

“เซน!!”
 

“หะ  หา?”
 

ให้ตายเถอะ  กว่าจะรู้สึกตัว  ท่าจะอาการหนักแล้วนะ
 

“ฉันจะบอกนายว่า  เลิกเรียนแล้วนะ  เก็บกระเป๋าได้แล้ว”
 

“เอ๋  อะไร  เลิกเรียนแล้วเหรอ”
 

“- -^”
 

“ฮ่าๆๆ  สงสัยฉันจะหลับในเพลินไปหน่อยอ่ะ  เออนี่ไผ่”
 

“อะไรเหรอ”
 

“วันนี้ฉันดูแปลกมากเลยเหรอ”
 

“มาก =_=”
 

“-*-“
 

เมื่อเซนเก็บกระเป๋าเสร็จ  พวกเราก็เดินออกจากโรงเรียน  วันนี้ไม่มีชายชื่อเอฟมายืนรออยู่ที่หน้าโรงเรียนอีกแล้ว
 

“ไผ่”
 

“อะไร”
 

“ฉันน่ะ  จะชดใช้ให้ไผ่นะ”
 

“นายว่าไงนะ  ฉันไม่เข้าใจ”
 

“ฮ่าๆ  ช่างเถอะ  กลับบ้านกันดีกว่านะ^^”
 

หลังจากที่เซนมาส่งผมที่บ้านของพี่แทมินแล้ว  เซนก็แยกตัวกลับไปบ้าน  ด้วยสภาพเหม่อลอย  นี่ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรกับเขาก็คงจะดี -*-
 

“ไผ่  กลับมาแล้วเหรอ  รู้ไหมว่าฉันคิดถึงไผ่แค่ไหน”
 

พี่แทมินตรงเข้ามากอดผมเมื่อผมก้าวเข้ามาในบ้าน  ชักจะชินแล้วสิ
 

“เมื่อเช้าพี่แทมินก็มาส่งผมไม่ใช่เหรอ”
 

“แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอนี่นา  ทำไมไผ่ถึงไม่โทรหาฉันบ้างเลยล่ะ  มือถือฉันก็ให้ไผ่ไปแล้วนี่นา”
 

“คือ  ที่จริงผมก็อยากโทรนะครับ  แต่ว่าผมไม่มีเบอร์ของพี่แทมิน”
 
 
“เบอร์?  ฉันเมมเบอร์ของฉันให้ไผ่ไปแล้วนะ”
 
               
“คือ  ผมไม่เงิน...”
 
               
“เอ๋  ฉันจำได้ว่าฉันเติมให้ไผ่ไปสามร้อยเลยนะ  ไผ่ใช้หมดแล้วเหรอ  ใช้โทรหาใครกันน่ะ - -^”
 
               
“เอ่อ  คือ...”
 
               
“บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ - -^^^^”
 
               
“คือ  พี่อย่าหัวเราะผมนะ”
 
               
“แล้วอะไรล่ะ  ก็ว่ามาสิ”
 
               
“เอ่อ  ผม...ผมกดโทรออกไม่เป็นครับ”
 
               
“...”
 
               
“...”
 
               
“อุ้บ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
 
               
“บอกแล้วไงว่าอย่าหัวเราะ  มันตลกมากนักหรือไง”
 
               
“ฮ่าๆ  แบบว่านะไผ่  เด็กอนุบาลเขายังรู้เลยนะไผ่  แต่ไผ่ทำไมถึง  ฮ่าๆๆๆ”
 
               
“หัวเราะพอแล้วบอกนะ  ผมขอตัวก่อน”
 
               
ผมเดินเบียดจนชนพี่แทมินแล้วเดินขึ้นบันได  ไปอย่าโมโห  แค่นี้ทำไมต้องหัวเราะกันด้วยนะ  ก็คนมันไม่เคยมีโทรศัพท์นี่นา
 
               
ทันทีที่ผมเข้าห้อง  พี่แทมินก็ตามเข้ามาติดๆ  แล้วเข้ากอดผมจากข้างหลัง
 
               
“ไผ่เวลาโกรธนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ  ชักอยากแกล้งมากกว่านี้ซะแล้วสิ^^”
 
               
“คนบ้า  โรคจิต  หยุดเลยนะ  เดี๋ยวผมต้องทำงานอีก”
 
               
พี่แทมินซุกหน้าลงบนซอกคอของผมแล้วจูบที่ต้นคอทำให้เกิดรอยคิสมาสที่คอของผมจนผมเริ่มอ่อนลงปล่อยให้เขาซุกไซร้ซอกคอของผมตามใจชอบ  เป็นแบบนี้ทุกทีเลย  คนขี้แกล้ง...
 
               
“ไผ่  แทมิน  อยู่บนนี้ใช่ไหม”
 
               
 เสียงเถ้าแก่ตะโกนมาจากชั้นล่าง  ทำให้ผมได้สติและดิ้นจนหลุดจากพันธนาการของคนขี้แกล้ง
 
               
 “เถ้าแก่เรียกแล้ว  รีบไปกันเถอะนะ”
 
               
พี่แทมินหัวเราะน้อยๆแล้วเอานิ้วชี้ที่คอของตัวเอง
 
               
“ตรงนี้น่ะ  เห็นชัดเลยนะรู้ไหม^^”
 
               
ผมรีบใช้มือปิดรอยจูบที่คอของตนทันที  ตอนนี้หน้าของผมร้อนผ่าวจนแดงขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้สิ
 
               
“เอาไว้คืนนี้  เราค่อยมาต่อกันดีกว่านะ  คืนนี้ไผ่คงไม่ได้นอนแน่ๆ^^”
 
               
“ทะลึ่ง  โรคจิต...”
 
               
“แต่ตัวฉันที่เป็นแบบนี้  ไผ่ก็ชอบไม่ใช่เหรอ”
 
               
“>///<”
 
               
“ฉันรักไผ่นะ  ^^”
 
               
อา...ไม่ไหวเลย  หัวใจของผมเต้นแรงเหลือเกิน  อย่าเข้ามาใกล้ผมนักสิ  ผมยังไม่อยากให้พี่แทมินได้ยินเสียงหัวใจของผมนะ
 
               
พวกผมเดินลงไปชั้นล่างตามเสียงเรียกของเถ้าแก่
 
               
“มีอะไรรึพ่อ  กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เซ็งเลย”
 
               
“เดี๋ยวเถอะไอ้ลูกคนนี้  นี่มันจะเวลาทำงานของไผ่แล้วนะ  ถ้าจะทำก็เอาไว้เสร็จงานก่อนไม่ได้รึไง”
 
               
“แน่นอนพ่อ  เพราะงั้นวันนี้ช่วยให้ไผ่เลิกงานเร็วๆหน่อยได้ไหม^^”
 
               
“เดี๋ยวก็โดนทีนเลยไอ้ลูกเวรนี่  อยากให้เลิกเร็วๆก็มาช่วยพ่อทำงานสิ”
 
               
นี่พวกเขากำลังพูดอะไรกันอยู่  แล้วเถ้าแก่รู้แล้วงั้นเหรอว่าผมกับพี่แทมิน....
 
               
“เอ่อ  เถ้าแก่มีอะไรงั้นเหรอครับ”
 
               
“เออใช่  ลืมไปเลย  กิมจิมันหมดพอดีเลย  ไผ่กับแทมินช่วยไปซื้อให้หน่อยได้ไหม”
 
               
“ครับ”
 
               
ผมกับพี่แทมินจึงเดินไปยังร้านค้าในโคเรียทาวน์ที่อยู่ห่างไปจากร้านสักหน่อย  และระหว่างทางที่กำลังเดินทางกลับก็มีรถสปอร์ตปอเช่สีดำมาจอดขวางทางเอาไว้  และชายที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น  เอฟ...
 
               
เอฟลงจากลงและยิ้มทักทายพวกผม
 
               
“สวัสดีแทมิน  แล้วก็ไผ่ด้วยนะ^^”
 
               
พี่แทมินพยายามดันผมห้อยู่ข้างหลังเขา
 
               
“แก  มีธุระอะไร”
 
               
“ธุระน่ะมีแน่”
 
               
ไม่นานก็มีมือลึกลับข้างหนึ่งมีผ้าอยู่ในมือมาโป๊ะหน้าผมเอาไว้  ผมดิ้นจนพี่แทมินเห็นจึงพยายามเข้ามาช่วยแต่แล้วก็มีชายลึกลับอีกคนให้กำปั้นทุบลงที่หลังของพี่แทมินเข้าเต็มแรงจนพี่แทมินลงไปกองกับพื้น  เอฟที่มองเหตุการณ์ณ์ต่างๆด้วยรอยยิ้ม  ภาพต่างๆค่อยๆมืดลงจนในที่สุดผมก็สลบไป....
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 37 P.4) [09/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 11-05-2013 17:10:34
ตอนที่ 38 แค่การฆ่าเวลา



ภายในห้องนอนที่ผ้าม่านได้ปิดบังแสงอาทิตย์ยามเย็นทำให้ห้องนั้นมืดสนิท  แต่เจ้าของห้องก็ยังคงนั่งกอดเข่าก้มหน้าคิดอะไรบางอย่างอย่างเงียบๆโดยไม่แม้แต่จะเดินไปเปิดผ้าม่านหรือเปิดแสงให้ห้องสว่างขึ้น
 
               
ภายในร้านค๊อฟฟี่ช็อปที่เขาเดินกลับมาหลังจากเดินไปส่งเพื่อนของเขาและบทสนทนาระหว่างเขากับชายที่ประสงค์ร้ายต่อเพื่อนของเขานั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
 
               
 ‘ข้อเสนอที่เธอว่ามานั้น  ฉันคงไม่เห็นด้วยหรอกนะ  ถ้าฉันตอบตกลงฉันจะได้อะไรงั้นเหรอ  ไหนลองบอกฉันมาหน่อยซิ^^’
 
           
เอฟปฏิเสธข้อเสนอของเขาและให้เขาชี้แจงถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ
 
               
 ‘ผมเองก็ไม่ทราบครับเพียงแต่ว่าผมไม่อยากให้คุณทำร้ายคนที่ผมรักก็เท่านั้น’
 
           
เอฟหัวเราะเล็กน้อย  ทำไมกัน...คำพูดของเขามันน่าขำถึงขนาดนั้นเลยอย่างนั้นเหรอ
 
               
 ‘เซน  นายคงรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นสินะ  แล้วจะไม่มาร่วมมือกันฉันหน่อยรึไง’
 

‘…’
 

‘แทมินตาย  ไผ่ก็จะเป็นของเธอยังไงล่ะ’
 
           
ในวังวนของคำพูดนั้นทำให้เซนเจ็บปวด  มันจริงอย่างที่เอฟพูด  แต่จะมีอะไรยืนยันได้ล่ะว่าหากแทมินตายแล้วไผ่จะเป็นของเขาจริงๆ  ตัวเขาที่ทำร้ายไผ่ไว้มากขนาดนั้น....
 
               
“ไผ่...ฉันรักนาย...เพราะฉะนั้นฉัน...”

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
               
ยามเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา  หัวของผมช่างหนักอึ้ง  ภาพเบื้องหน้ามันทำให้ผมรู้ว่าตัวผมกำลังอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่ทั้งบ้านของผม...ของเซน...หรือของพี่แทมิน....
 
               
“ในที่สุดเจ้าหญิงนิทราก็ตื่นจากบรรทมสักทีนะ  นึกว่าจะต้องใช้วิธีปลุกเหมือนในนิทานซะอีก^^”
 
               
เสียงนั้นทำให้ผมสะดุ้งและรีบหันไปมองที่มาของเสียง...เอฟ
 
               
“ที่นี่ไม่ใช่บ้านของฉันหรอกนะ  แต่เป็นโรงแรมอะไรสักอย่าง  โทษทีนะที่ฉันลืมชื่อของมันไปแล้ว”
 
               
เอฟที่ไม่ว่าผมจะเจอเขากี่ครั้งก็มักจะเห็นแต่รอยยิ้ม  เขาต้องการอะไรกันแน่

 
“พาผมมาที่นี่ทำไม  ลักพาตัวงั้นเหรอ...หรือว่าเรียกค่าไถ่”
 

“ช่างเป็นความคิดที่น่ารักจริงนะ  สบายใจได้  ไอ้วิธีอย่างพวกเรียกค่าไถ่น่ะฉันไม่ทำหรอก  มันปัญญาอ่อน  และอีกอย่างบ้านฉันก็มีฐานะมากพอเกินกว่าจะทำอะไรที่งี่เง่าแบบนั้น”
 

“งั้นคุณต้องการอะไรกันแน่  แล้วพี่แทมินล่ะ  พี่แทมินอยู่ไหน”
 
               
 “ห่วงหากันเหลือเกินนะ  งั้นฉันจะให้เธอได้พบ”
 
               
เอฟหันไปพยักหน้ากับชายสูทดำร่างบึกบึนที่ยืนอยู่ด้านหลัง  ชายสูทดำเดินไปยังประตูอีกบานหนึ่ง  และเมื่อเขาเปิดมันออกผมก็เห็นพี่แทมินซึ่งถูกผ้ามัดปิดปากและผูกติดอยู่กับเก้าอี้ทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้  ทันทีที่พี่แทมินเห็นผมก็ส่งเสียงอู้อี้เหมือนต้องการจะพูดอะไรบ้างอย่างและพยายามดิ้นไปมา
 
               
เอฟหัวเราะน้อยเมื่อเห็นภาพเหล่านั้น
 
               
“รักกันดีเหลือเกินนะ ชักอิจฉาซะแล้วสิ”
 
               
เอฟเดินเข้ามาใกล้พี่แทมินและยิ้มให้อย่างผู้เหนือกว่า
 
               
“อยากจะพูดอะไรอย่างนั้นเหรอแทมิน”
 
               
พี่แทมินส่งเสียงและสายตาจับจ้องมองเอฟอย่างโกรธแค้น
 
               
“ถ้าทางจะลำบากแย่เลยนะ  ฉันแก้ผ้าปิดปากให้ก็ได้”
 
               
เอฟปลดผ้าปิดปากของพี่แทมินออก
 
               
“มึงต้องการอะไรกันแน่  ปล่อยพวกกูเดี๋ยวนี้นะ!”
 
               
“แก้มัดปุ๊บก็พูดอะไรไม่เข้าท่าเลยนะ  งั้นฉันก็จะขอตอบเลยว่า  ไม่-มี-ทาง  ฉันเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าการแก้แค้นของฉันมันยังไม่จบจนกว่า...แกจะตาย  หึหึ”
 
               
“จะแก้แค้นงั้นเรอะ  แล้วมึงเอาไผ่มาด้วยทำไม  เขาไม่เกี่ยว”
 
               
“ให้แกตายเฉยๆมันคงหน้าเบื่อแย่  ฉันอยากจะทรมาณแกให้สาสมกับความทรมาณที่ฉันได้รับ”
 
               
“มึง!  มึงฆ่าพี่กูไปคนหนึ่งแล้วมันยังไม่พออีกรึไงวะ”
 
               
“ก็คนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ไม่ได้มีแต่พี่ของแกนี่  ตัวแกเองก็ด้วยไม่ใช่เหรอ  ตอบมาสิว่าใช่ไหม!”
 
               
บทสนทนาของทั้งสองที่มีแต่ความดุดันปานจะฆ่ากันนั้นมันทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก  อย่าออกไปจากที่นี่แล้ว  ไม่อยากจะเผชิญกับบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ
 
               
“รักไผ่มากสินะ  ถ้าหากฉันทำอะไรสุดที่รักคนนี้ของแกเข้า  อยากจะรู้จังว่าแกจะทำหน้ายังไง”
 
               
ว่าแล้วเอฟก็มองหน้าชายสูทดำที่ยืนอยู่สามคนแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณอะไรบ้สงอย่างและชายเหล่านั้นก็พยักหน้ารับทราบ  หนึ่งในนั้นเข้ามายืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังพี่แทมิน  ใช้ผ้าผูกปากเอาไว้เหมือนเดิมและอีกสองคนก็จับแขนทั้งสองข้างของผมลงบนเตียงทำให้ผมไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อย่างใจ  เอฟขึ้นคร่อมบนตัวผมแล้วส่งยิ้มที่ตัวผมตอนนี้รู้สึกหวาดระแวงเป็นที่สุด
 
               
“ดูจากรอยคิสมาคที่คอนี่แสดงว่ามันเพิ่งเกิดได้ไม่นาน”
 
               
แล้วเขาก็ปลดกางเกงของผมออกจนหมด  ตอนนี้ช่วงล่างของผมไม่มีอะไรปิดเอาไว้อีกแล้ว
 
               
เอฟจ้องหน้าชายสูทดำทั้งสองที่จับแขนผมกดแล้วพวกเขาทั้งสองก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่จับขาของผมยกและแยกออกเพื่อให้เอฟให้เห็นอย่างถนัดตา
 
               
“หืมมม  สีสวยใช้ได้เลยนะ”
 
               
แล้วเอฟก็ใช้นิ้วของเขาสอดเข้าไปในช่องทางของผม
 
           
“อ่ะ  อย่านะ  เอาออกไป  อึ่ก  อื้อ!”
 
               
พี่แทมินพยายามดิ้นทันทีที่เห็นการกระทำของเอฟแต่ก็พูดชายสูทดำที่ยืนอยู่ด้านหลังจับเอาไว้จึงทำได้แค่ส่งเสียงออกมาเท่านั้น
 
               
“ดูสิ  แปบเดียวก็เข้าไปได้สุดแล้ว  ไผ่  นี่เธออ้าขาให้แทมินกี่ครั้งแล้วล่ะ  มันถึงได้หลวมขนาดนี้”
 
               
จากหนึ่งนิ้วก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยจนถึงสี่นิ้ว  อีกมือหนึ่งของเขาเข้ากุมส่วนอ่อนไหวของผมและรูดขึ้นลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
 
               
“อื้อ  พอที...อ๊า!”
 
           
น้ำสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมาและเอฟก็ชักนิ้วทั้งสี่ออกมา
 
               
“เป็นยังไงบ้างกับความรู้สึกที่ได้ปลดปล่อยจากมือของคนอื่นที่ไม่ใช่คนรัก”
 
               
เอฟหัวเราะให้กับผมที่หอบน้อยๆเพราะได้ปลดปล่อยออกมา...มันน่าขำมากนักหรือไงกันกับเรื่องแบบนี้  เขาสนุกใช่ไหมกับการกระทำที่เรียกได้ว่าข่มขืน!!
 
               
....
 
               
อา...จริงสินะ  ข่มขืน...
 
               
อีกแล้วเหรอ...
 
               
นี่ผมกำลังโดนขืนใจอีกแล้วใช่ไหม...ทำไมผมถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย  แถมยังต่อหน้าพี่แทมินอีก  ตัวมันยังสกปรกไม่พออีกหรือไง
 
               
หยดน้ำตาเริ่มไหลออกทางห่างตา  โชคชะตาที่โหดร้ายนี้จะต้องเกิดขึ้นไปต่อไปอีกนานแค่ไหนกัน...แล้วเมื่อไหร่เขาจะพบกับความสุขเสียที
 
               
เอฟโน้มตัวลงประทับรอยจูบตามตัวของผมและกัดยอดออกของผมอย่างแรงจนผมสะดุ้ง
 
               
“เจ็บ!!!”
 
               
แต่ถึงผมจะพูดเขาก็ยังคงกระทำต่อไป  จากข้างหนึ่งก็ย้ายมาอีกข้าง  ส่วนนิ้วมือของเขาก็ยังคงสอดแทรกเข้ามาในช่องทางนั้น...ขยะแขยงเหลือเกิน  ได้โปรดเถอะ  เอามันออกไปที  ปล่อยผมไปที!!!
 
               
แต่แล้วอยู่เอฟก็หยุดการกระทำทั้งหมดพร้อมยันตัวขึ้น  ล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง  เมื่อมองมือถือในมือตัวเขาก็ยิ้มน้อยและรับสาย
 
               
“ว่าไง  ตัดสินใจได้แล้วสินะ”
 
               
“(....เสียงคู่สาย...)”
 
               
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เช้าเจอกันที่เดิมที่เราตกลงกันไว้ก็แล้วกัน”
 
               
เอฟกดวางสายและใส่มือถือเอาไว้ที่เดิมและส่งยิ้มให้ผม
 
               
“เอาล่ะหมดเวลาของการเล่นสนุกฆ่าเวลาแล้ว  ฉันจะปล่อยพวกเธอไป^^”
 
               
ทันทีที่เขาพูดจบ  ชายสูทดำทั้งสามก็ออกห่างจากตัวของผมและแก้มัดให้พี่แทมิน  พี่แทมินรีบตรงเข้ามาหาผมทันทีและส่งกางแกงของผมที่วางอยู่ข้างตัวให้
 
           
“นี่มึงกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่!”
 
               
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง  รีบไปซะสิก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าแกทิ้ง”
 
               
ผมสวมกางเกงเสร็จก็จับแขนขแงพี่แทมินแล้วเขย่าเป็นเชิงให้รีบไปจากที่นี่
 
               
“ไปกันเถอะพี่แทมิน  ผมไม่อยากอยู่ที่นี่”
 
               
ผมพยายามพาพี่แทมินให้ออกมาจากที่นั่น  ไปให้ไกลที่สุด  กลับไปยังบ้านของพี่แทมิน
 
               
พวกผมเรียกแท็กซี่กลับ  เมื่อถึงบ้านเถ้าแก่ก็รีบออกมาจากบ้านทันที
 
               
“ให้ตายสิ  หายไปไหนกันมา  รู้ไหมนี่กี่โมงแล้ว  เที่ยงคืนกว่าแล้วนะ  จะไปไหนก็บอกกันสิ  ฉันเป็นห่วง”
 
               
“พ่อ...”
 
               
“อะไร  มีอะไรจะแก้ตัว”
 
               
“พวกผมโดนไอ้เลวนั่นจับตัวไป”
 
               
“....อะไรนะ  แล้ว...แล้วมันทำอะไรบ้างรึเปล่า  แทมิน  ไผ่  ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
 
               
เถ้าแก่ดูร้อนรนแสดงอาการเป็นห่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
 
               
“พ่อ  ขอผมกับไผ่เข้าห้องก่อนได้ไหมแล้วพรุ่งนี้ผมจะเล่าให้พ่อฟัง  ได้ไหม”
 
               
“อา...อืม  ไปเถอะ  ทำใจให้สบายนะ  มีอะไรก็เรียกพ่อก็แล้วกัน”
 
               
พี่แทมินพาผมเข้าไปในห้องของเขา  และให้ผมนั่งลงบนเตียง  พี่แทมินปลดกระดุมและถอดเสื้อผมออกเผยให้เป็นรอยแดงหลายรอยบริเวณอกและคอของผม  พี่แทมินมองและเข้ากอดผมพร้อมพูดด้วยเสียงสั่น
 
               
“ขอโทษนะไผ่  เพราะฉัน...เป็นเพราะฉันทำให้ไผ่ต้องเจอเรื่องแบบนี้”
 
               
ผมกอดเขาตอบ  และซบหน้าลงบนอกของเขา  ความกลัวในใจของผมค่อยหายไป  ตอนนี้ผมไม่อยากจะนึกถึงเรื่องนั้น  เพราะฉะนั้นอย่าพูดอีกเลย
 
               
“แต่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย  อย่าคิดมากเลยนะครับ”
 
               
ผมจูบเขาเป็นการปลอบ
 
               
“ไผ่...ฉันจะลบรอยของไอ้เลวนั่นออกไปให้หมด  ฉันอยากร่างกายของไผ่มีแต่รอยของฉันเท่านั้น  ได้ไหม”
 
               
ผมจับเอาฝ่ามือของพี่แทมินขึ้นมาแตะที่แก้มของผม
 
               
“ผมเองก็ไม่ชอบที่จะต้องมีรอยของคนอื่นที่ไม่ใช่พี่แทมินอยู่บนตัวของผมเหมือนกัน  พี่ช่วยลบรอยพวกนั้นให้ผมหน่อยนะครับ”
 
               
พี่แทมินยิ้มให้ผมและช่วยลบรอยต่างๆนั้นตลอดค่ำคืน....
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เรื่องนี้อ่านแล้วบีบหัวใจสุดๆ เสียน้ำตาไปหลายตอน

อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วค่ะ(ไม่รวมตอนพิเศษนะ)  คงไม่มีอะไรให้เศร้าแล้ว(มั้ง?)
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 38 P.4) [11/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 14-05-2013 20:02:23
อึดอัดโว้ยยยยยย สนุกมากจ้าาา เลือกสงสารใครดีละ เลือกไม่ถูกเลยยยยยย
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 39 P.4) [16/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 16-05-2013 20:15:59
ตอนที่ 39  คำว่ารัก...ที่ไม่มีวันได้มา (Taemin talk)



“พี่แทมิน  พี่แทมินตื่นสิ”
 
               
เสียงปลุกในยามเช้าทำให้ผมลืมตาขึ้นตาเสียงนั้น  สิ่งแรกที่ผมเห็นคือสายตาของร่างในอ้อมกอดที่จับจ้องผมอยู่  น่ารักจัง...
 
               
“เช้าแล้วนะ  ปล่อยผมสิ  ผมจะได้ไปอาบน้ำ”
 
               
ผมกระชับร่างในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
 
               
“จะรีบอาบไปไหนล่ะ  ขอนอนต่ออีกสักพักได้ไหม^^”
 
               
“ไม่เอา - -^”
 
               
“T^T”
 
               
เฮ้อ...สงสัยจะรู้สึกดีขึ้นแล้วสินะถึงได้พูดแบบนี้  ทั้งๆที่เมื่อคืนยังว่าง่ายเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆอยู่เลยแท้ๆ -*-
 
               
ไผ่ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้ว  เหลือเพียงผมที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง
 
               
ความสัมพันธ์ของพวกผมพัฒนาไปมาก  ไผ่เองก็ดูจะไม่เกรงอกเกรงใจผมมากกว่าเมื่อก่อนแล้ว  มันก็ดีอ่ะนะ  แต่พอมาคิดๆดูแล้วเป็นแบบเมื่อก่อนก็น่ารักดี  ยอมผมแทบทุกอย่างเลย  แต่ว่าสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ...คำบอกรักจากปากของไผ่  จนถึงตอนนี้ไผ่ก็ยังไม่บอกคำว่ารักกับผมเลยสักคำ  ที่ผมบอกไปว่า  ถึงไผ่จะไม่รักก็ไม่เป็นไร  ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างในฐานะพี่ชายก็เพียงพอแล้ว  มาคิดดูตอนนี้มันชักจะไม่ดีซะแล้วสิ  ไผ่ไม่ได้ผิดหรอกที่ไม่ได้บอกรักผมเพราะไผ่ได้พูดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าบางทีอาจจะไม่สามารถรักใครได้อีก  แต่ตัวผมนี่สิ  ยิ่งนานวันความรู้สึกอยากครอบครองหัวใจของไผ่ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ  อยากได้ยินคำว่ารักจากปากของไผ่จังเลย...
 

"นี่ ไผ่"
 
               
ผมเรียกไผ่เมื่อไผ่เดินออกมาจากห้องน้ำ
 
               
"ครับ?"
 
               
"ตอนนี้ไผ่รู้สึกยังไงกับฉัน  บอกหน่อยได้ไหม"
 
               
"อืมมมม"
 
               
ไผ่ทำท่านึกอยู่สักพักก็ยิ้มให้ผม  นี่...รึว่า
 
               
"ผมก็ชอบพี่ไงครับ"
 
               
"-*-"
 
               
"อ้าว  ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ"
 
               
"อ่า  ป่าวๆ  ไม่มีอะไร"
 
               
เฮ้อ...จริงสินะ  ผมนี่แย่จริงๆ  รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังไปถามเขาอีก  แค่การที่ไผ่บอกว่าชอบนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว  ยังจะโลภอีกทำไมกัน
 
               
"ไผ่!  มีเพื่อนมาหา  ลงมาหน่อยสิ"
 
               
เสียงพ่อตะโกนมาจากชั้นล่าง
 
               
เพื่อนงั้นเหรอ...เซนล่ะมั้ง  ไผ่ลงไปตามคำเรียกของพ่อ  ส่วนผมเองด้วยความอยากรู้เลยตามลงไปด้วย  และผมก็คิดไว้ไม่ผิด  เซนมาหาไผ่จริงๆ
 
               
"หวัดดีไผ่^^"
 
               
"มีอะไรเหรอเซน"
 
               
"ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายหน่อยน่ะ"
 
               
แล้วเซนก็หันมามองหน้าผม
 
               
"ตามลำพัง^^"
 

"-*-"
 
               
เวรกรรม  เรื่องอะไรผมต้องไป  ก็ผมไม่ไว้ใจเจ้าเซนมันนี่นา
 
               
เมื่อไผ่เห็นว่าผมไม่มีท่าทีจะไปสักที  ไผ่ก็มองผมด้วยสายตาเย็นเฉียบที่ตัวเองถนัดใส่ผม
 
               
"ง่า...ไปก็ได้จ้าT^T"
 
               
ผมเดินคอตกกลับขึ้นไปบนห้อง  เดี๋ยวนี้ไผ่ไม่ค่อยจะเกรงใจผมแล้วจริงด้วย  อย่างสายตาเมื่อกี้ไผ่ก็ไม่เคยทำใส่ผมเลยสักครั้ง  ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี้ย
 
               
ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงและหันดูนาฬิกาตลอด  นี่มันปาเข้าไปตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วนะ  ยังคุยกันไม่เสร็จอีกเหรอไงกัน  แล้วคุยอะไรกันนักหนานะ  อยากรู้เฟ้ย...ทนไม่ไหวแล้ว  ต่อให้ไผ่โกรธก็ยอมล่ะ
 
               
ผมออกจากห้องเดินลงไปชั้นล่างแต่ไม่มีใครอยู่...ไปไหนกันล่ะ  หรือว่าจะอยู่หน้าร้านผมเดินออกไปเกือบจะถึงหน้าร้านแต่ก็ไม่พบใครอยู่สักคน  หายไปไหนแล้วเนี้ย -*-
 
               
ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อดูว่าทั้งสองคนอยู่ที่ไหน  ก็ได้ยินเสียงคุยกันแว่วๆดังมาจากข้างร้านผมจึงเดินไปดู  และก็เห็นทั้งสองคนยืนคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ข้างบ้านของผม
 
               
จะโดนหาว่าสอเสือใส่เกือกก็ช่างมันเถอะ  แต่มันคาใจจริงๆ  ผมยืนแอบอยู่ตรงพุ่มไม้หน้าบ้าน  เพื่อจะได้ยินทั้งสองคุยกันได้ชัดยิ่งขึ้น
 
               
แต่ว่าทำไมไผ่ถึงหน้าแดงล่ะ  ไม่สบายงั้นเหรอ  เหรอว่าเซนมันทำอะไรไผ่...แล้วไผ่ยิ้มให้เซนทำไมล่ะ
 
               
"ฉันขอบอกนายอีกครั้งนะไผ่  ฉันรักนาย"
 
               
เฮ้ยยยยย  อะไรกัน  มันเกิดอะไรขึ้น  เซนสารภาพรักกับไผ่!
 
               
"ฉันเองก็รักนายมาตลอดเลยนะ  รักมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
 
               
เหมือนมีไฟฟ้าช็อต  ตัวผมนิ่งสนิท ไผ่ตอบรับรักจากเซน...
 
               
คำว่ารักที่ผมต้องการมาโดยตลอดและไผ่เองก็ไม่เคยพูดถึงมัน  แต่คำๆนั้นเซนกลับได้ยินมันได้อย่างง่ายดาย...เจ็บจัง...เจ็บไปหมดแล้ว
 
               
มารู้สึกตัวอีกทีตัวผมก็มาอยู่ที่ห้องเสียแล้ว  ไม่อยากรับฟังอะไรอีก  เพียงแค่นั้นผมก็แทบจะทนมันไม่ไหวแล้ว  ยังไงซะคนที่ไผ่รักก็ยังคงเป็นเซนอยู่วันยังค่ำ  ไม่ว่าผมจะพยายามสักเท่าไหร่มันก็คงไม่มีความหมายอะไรเลยจริงๆ
 
               
เวลาผ่านมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่แต่ตัวผมก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง
 
               
ฮะๆ  ทำไมผมต้องนั่งเสียใจด้วยนะ  มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ  ในที่สุดไผ่ก็จะได้มีความสุขเสียทีกับคนที่ไผ่...รัก
 
               
สัมผัสเปียกหยดลงที่มือของผม  และหยดลงมาเรื่อยๆ  นี่ตัวผมกำลัง...ร้องไห้อย่างนั้นเหรอ  ไอ้บ้าเอ๊ย  แกจะร้องไห้ทำไม  มันต้องยิ้มสิ  ควรยินดีกับไผ่สิมันถึงจะถูก!
 
               
แต่ว่าแม้ผมจะคิดอย่างนั้นมันก็ไม่อาจจะหยุดหยดน้ำตานี้ได้เลย   ทำไมกันนะ...ทำไมความรักมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้...

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อึดอัดโว้ยยยยยย สนุกมากจ้าาา เลือกสงสารใครดีละ เลือกไม่ถูกเลยยยยยย


ใจเย็นๆจ้า  ยังมีเวลาให้คิดอีก 8 ตอน กว่าจะจบเรื่องนะคะ  ค่อยๆคิดแล้วกันว่าจะสงสารใคร  ไม่แน่ พอตอนหลังๆมาลง จากที่เคยคิดว่าควรสงสารใครอาจจะต้องเปลี่ยนใจก็ได้นะเออ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 40 P.4) [23/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 23-05-2013 13:22:24
ตอนที่ 40 เพราะนายคือเพื่อนของฉัน....คำว่ารักที่โหยหา




“หวัดดีไผ่^^”
 
               
แปลกจัง  เซนมีเรื่องอะไรกันนะถึงได้มาหาผมตั้งแต่เช้า
 
               
 “มีอะไรเหรอเซน”
 
               
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายหน่อยน่ะ”
 
               
แล้วเซนก็หันไปมองพี่แทมินที่ยืนอยู่ข้างๆผม
 
               
“ตามลำพัง^^”
 
               
ได้ฟังดังนั้นผมก็รู้ได้ทันทีว่ามันคงเป็นเรื่องที่สำคัญแน่ๆ  แต่รอแล้วรออีกพี่แทมินก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปเสียที  ทำแบบนี้มันเสียมารยาทนะรู้บ้างไหม  ผมเลยทำตาเขียวใส่พี่แทมินซะเลย
 
               
“ง่า  ไปก็ได้จ้า T^T”
 
               
ในที่สุดพี่แทมินก็ยอมไปเสียที  เมื่อมองดูเห็นว่าพี่แทมินขึ้นชั้นบนไปแล้วผมก็มาเริ่มบทสนทนากันต่อ
 
               
“ไปแล้วล่ะ  นายมีอะไรก็พูดมาสิ”
 
               
“คุยตรงนี้ไม่ค่อยดีหรอกนะเราไปคุยกันข้างนอกเถอะ  ใต้ต้นไม้ข้างร้านก็ได้”
 
               
“อืม”
 
               
แล้วพวกผมก็เดินออกไป  บอกตรงๆเลยว่าจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ไว้ว่างใจเซนอยู่ดี  เซนทำอะไรกับผมเอาไว้  มันยังคงตราตรึงอยู่ในหัวผม  เพราะฉะนั้นผมจึงพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้  และดูเหมือนว่าเซนเองก็จะสังเกตเห็นเหมือนกัน
 
               
“ไม่ต้องไกลขนาดนั้นก็ได้  ฉันไม่กัดนายหรอกน่า”
 
               
“....”
 
               
“ฉัน...ขอโทษนะสำหรับเรื่องที่ผ่านมา”
 
               
“เข้าเรื่องเถอะ  นายต้องการจะคุยกับฉันไม่ใช่เหรอ”
 
               
“ฮะๆ  จริงสินะ  สิ่งที่ฉันอยากจะพูดก็คือ....”
 
               
เซนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วก้มหน้าเหมือนคิดอะไรสักอย่างแล้วหันมายิ้มให้ผม
 
           
“ฉันรักนายนะ”
 
               
หัวใจของผมกระตุกวูบเมื่อได้ยินคำๆนั้น  เซนรักผม...มันจะเป็นไปได้ยังไงกันก็ในเมื่อเซนรักคนๆนั้น
 
               
“ฉันนี่มันแย่จริงๆเลยนะ  ทั้งที่ฉันรักนายมาตั้งนานแล้วแท้ๆแต่กลับโกหกตัวเองอยู่ได้ตั้งนานว่าพวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน”
 
               
“โกหก...นายชอบทิวไม่ใช่เหรอ  นี่หรือว่านายมองฉันเป็นตัวแทนของทิวอีก”
 
               
เซนส่ายหน้า  สายตาของเซนเป็นสายตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน  เป็นชายตาที่มองแล้วชวนให้เศร้าไปด้วย
 
               
“ผิดแล้วล่ะ  ทิวต่างหากที่ฉันเห็นว่าเป็นตัวแทนของนาย”
 
               
“...”
 
               
“ตัวฉันที่โกหกความรู้ของตัวเองมาโดยตลอด  มองเห็นทิวซ้อนทับกับนาย  ความรักของฉันที่มีให้ทิวตั้งมากมายและความหึงหวงที่ทำร้ายได้แม้แต่นาย  ก็เพราะว่าฉันมองทิวเป็นนายไงล่ะ”
               

“ทำไมกัน  ทำไมถึงเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้”
 

“เพราะฉันมันโง่ไงล่ะไผ่  เป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกเหมือนที่พวกเขาว่า  โง่ที่โกหกได้แม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง”
 

“....”
 

“มารู้ตัวเอาอีกทีก็ต่อเมื่อทุกอย่างมันเปลี่ยนไป  คนเรานี่ก็แปลกเนอะ  จะเห็นคุณค่าของใครสักคนก็เมื่อสูญเสียเขาไปแล้ว”
 

ดวงตาที่เศร้าสร้อยของเซนที่มองมาที่ผม  ผมมองไม่ออกเลยจริงๆว่าเขากำลังโกหกอะไรผมหรือเปล่า  หรือที่เขาพูดมาคือความจริงจากใจของเขากันแน่นะ  ผมกลัวที่จะเชื่อเขา  กลัวจริงๆ
 

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิไผ่  ถึงนายจะชอบทำหน้าตายเสมอๆแต่ตัวฉันที่เป็นเพื่อนกับนายมาตั้งแต่เด็กก็ดูออกนะว่านายกำลังลำบากใจ  นายกำลังคิดอยู่ใช่ไหมว่าฉันโกหก”
 

“...ขอโทษ”
 

“ไม่เป็นไรหรอก  คนผิดคือฉันต่างหาก ไผ่...มาถึงตอนนี้  ไม่ว่านายจะยกโทษให้หรือไม่  ฉันก็จะไม่ขอให้นายยกโทษให้ฉันอีกแล้ว  มันแล้วแต่นายนะ”
 

จบคำพูดนั้น  ทั้งผมและเซนต่างก็เงียบ  พวกผมเงียบกันอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วเซนก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง  จึงล้วงมือลงไปหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกง ตาสายที่เศร้าอยู่แล้วยิ่งเศร้าขึ้นไปอีกเมื่อมองเห็นว่าใครเป็นคนโทรมา  เซนเก็บมือถือไว้ที่เดิม  แล้วหัวเราะแห้งๆให้ผมทุกครั้งที่เขามีเรื่องไม่สบาย
 

“ฉันต้องไปแล้วล่ะ”
 

“ดูเหมือนนายจะมีความลับอะไรกับฉันอยู่นะ”
 

“อย่าไปสนใจเลย มันไม่สำคัญหรอก แต่ฉันยังยืนยันคำเดิมนะว่าฉันรักนาย”
 

ผมรู้สึกว่าเซนไม่ได้โกหกผมหรอก  ผมระแวงเขามากเกินไปต่างหากล่ะ  บางทีนี่อาจจะเป็นความจริงจากปากของเซน  แต่ว่านะตอนนี้...ตอนนี้ตัวผมน่ะ...
 

"ฉันขอบอกนายอีกครั้งนะไผ่  ฉันรักนาย"
 

"ฉันเองก็รักนายมาตลอดเลยนะ  รักมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
 

“เหรอ  แต่ฉันว่านายยังบอกฉันไม่หมดนะ^^”
 

“ว้า  รู้ทันซะแล้ว”
 

“พูดมาเถอะ  มันถึงเวลาแล้วล่ะที่พวกเราจะได้เข้าใจความรู้สึกกันจริงๆสักที”
 

“จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักเซนนะ  แต่ว่ามันไม่เหมือนเหมือนก่อนแล้วล่ะ”
 

“เหรอ  แล้วตอนนี้มันเป็นยังไงกันล่ะ^^”
 

“ฉันรักนายเพราะนายคือเพื่อนของฉันไง”

 
“^^”
 

เซนยังคงยิ้มให้ผม  แม้ว่าผมจะปฏิเสธความรักของเขาแล้วก็ตามที
 

“แล้วนายได้บอกรักพี่แทมินแล้วหรือยังล่ะ”
 

“เอ่อ...ก็....ยังเลย >///<”

 
“ฮ่ะๆๆ  อะไรกัน  นี่ยังไม่ได้บอกเขาอีกเหรอ  รีบไปบอกเถอะนะ  อย่าปล่อยให้พี่แทมินรอนานเลยเดี๋ยวจะไม่ดี”
 

“อืม..เซน”
 

“อะไรเหรอ”
 

“นายรู้ว่าตอนนี้ฉันรักใคร  นายไม่เสียใจใช่ไหม”
 

เซนยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเดิมแม้ผมจะถามคำถามนั้น
 

“ฉันเคยคิดนะว่าความรักคือการได้ครอบครอง  ตอนนั้นแม้ฉันจะโกรธที่ทิวปฏิเสธฉันแต่ลึกๆแล้วฉันก็แค่ต้องการตัวของนาย  แต่ถ้าคิดว่าความรักคือการที่ได้ครอบครองมันก็คงจะมีปัญหาอีกต่อไปเรื่อยๆ  เพราะฉะนั้นฉันขอเลือกที่จะได้เห็นนายมีความสุขจะดีกว่า”
 

“เซน....”
 

“การได้เห็นนายมีความสุข  ฉันเองก็จะมีความสุขนั่นล่ะคือความรักของฉัน  ไผ่...ไม่ว่าอะไรก็ตามที่สามารถทำให้นายมีความสุข  แม้มันจะเจ็บปวดแค่ไหนฉันก็จะทำ”
 

อีกแล้ว...สายตาที่เจ็บปวดนั้น  มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ
 

“ต้องไปจริงๆแล้วล่ะ”
 

เซนตัดบทแล้วดันหลังผมให้เดินไปที่ร้าน
 

“ไปบอกรักพี่แทมินเลยนะ  ตอนนี้เลย  เข้าใจไหม”
 

“เอ่อ  เดี๋ยวสิ  แล้วเซนล่ะ  นายจะกลับบ้านใช่ไหม”
 

“....”
 

“เซน”
 

“...ใช่  ฉันจะกลับบ้าน”
 

เมื่อได้ยินดังนั้นผมจึงกลับเข้าไปในร้านแต่โดยดี  โดยหันมาบอกกับเซนว่า
 

“แล้วเจอกันที่โรงเรียนนะ”
 

“....อืม แล้วเจอกัน ^^”
 

เมื่อแน่ใจว่าไผ่อยู่ไกลกว่าที่จะได้ยินแล้วเซนก็รำพึงกับตัวเอง
 

“ความผิดของฉันทั้งหมด  ฉันจะชดใช้ให้นาย  เพราะฉะนั้นนายต้องมีความสุขมากๆนะ”
 

เมื่อไผ่เดินกลับเข้าไปในร้านแล้ว  เซนก็เดินออกมาจนถึงสี่แยกเล็กๆที่มีรถปอร์เช่สีดำจอดอยู่ข้างๆ
 

“มาช้าจัง  บอกลาเพื่อนเสร็จแล้วใช่ไหม ^^”
 

“พูดมากน่า”
 

“หึหึ  ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้ายนะ  แน่ใจแล้วใช่ไหม”
 

“มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะถามอะไรอีก”
 

“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นรถสิ  ทันทีที่เธอก้าวขึ้นมารถรถคันนี้ฉันจะถือว่าเป็นการเริ่มพันธะสัญญาระหว่างเรา”
 

เซนก้าวขึ้นรถทันทีโดยไม่ลังเล  เอฟหัวเราะน้อยๆอย่างชอบใจ  แล้วขับรถออกไปจากตรงนั้น
 

ผมไม่รู้หรอกว่า  หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ผมจะไม่ได้เจอกับเซนอีก  เซนหายไปจากบ้าน  และไม่ไปโรงเรียน  คุณป้าเองก็แจ้งความและประกาศตามหาตามหน้าหนังสือพิมพ์  แต่ก็ไร้วี่แวว เซนได้หายสาบสูญไปจนกระทั้งอีก  2  ปีต่อมา กว่าผมจะได้เจอเขาอีกครั้งเขาก็...

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 

ผมเดินขึ้นไปชั้นบนเปิดประตูเข้าไปในห้องของพี่แทมิน  พี่แทมินนั่งอยู่บนเตียงนิ่งเลย เป็นอะไรรึเปล่านะ
 

“พี่แทมิน  ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”

 
พี่แทมินยังคงนั่งนิ่ง  อะไรกัน  กำลังเหม่ออะไรอยู่รึเปล่านะ
 

“พี่แทมิน....พี่แทมิน!”
 

พี่แทมินสะดุ้งเมื่อผมเปลี่ยนเป็นเสียงตะโกน
 

“อะ อะไร  อ่าว  ไผ่เองเหรอ”
 

“พี่เป็นอะไรไป  เห็นนั่งเหม่ออยู่ได้  หืม?  ทำไมพี่ตาแดงๆล่ะ”
 

“อ้อ เปล่า  ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ”
 

พี่แทมินเอามือขยี้ที่ตา  ทันที
 

“ว่าแต่ไผ่เถอะ ดูอารมณ์ดีจังนะ  ได้คุยกับเซนแล้วเป็นยังไงบ้าง”
 

“ครับ  ก็รู้สึกดีมากๆเลยล่ะ”
 

“เหรอ....”
 

พี่แทมินมีสีหน้าเศร้าลงถนัดตา  วันนี้มันวันอะไรกันนะ  มีแต่คนทำหน้าเศร้า...  ไม่ได้แล้วแบบนี้ต้องทำให้พี่แทมินอารมณ์ดีขึ้น  ถ้าหากพี่แทมินได้ฟังคำๆนี้  ต้องยิ้มแน่ๆ
 

“พี่แทมิน  ผมมีเรื่องจะบอกพี่ด้วยล่ะ”
 

“อะไรล่ะ”
 

“ตอนนี้ผมน่ะ  เข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้วนะ  พี่อยากรู้ไหมว่าผมเข้าใจว่าอะไร”
 

“เรื่องที่ไผ่รักเซนน่ะเหรอ  ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องบอกฉันก็ได้  ฉันรู้ดีอยู่แล้ว”
 

ว่าแล้วพี่แทมินก็ทิ้งตัวลงนอนทันที  นี่มันอะไรกันเนี่ย
 

“เดี๋ยวสิพี่แทมิน  เข้าใจว่ายังไงกัน  ผมยังไม่ทันได้พูดเลยนะ”
 

“อยากจะบอกฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
 

“ครับ ผมอยากบอกพี่มากเลยล่ะ”
 

“ไผ่จะตอกย้ำฉันไปถึงไหนกัน!!!”
 

ผมแทบจะหยุดทุกคำพูดเมื่อพี่แทมินตะคอกใส่ผม  มันเกิดอะไรขึ้น ผมงงไปหมดแล้ว  ผมไปทำอะไรให้พี่แทมินโกรธงั้นเหรอ  นึกไม่ออกเลยจริงๆ
 

“ฉัน...ฉันขอโทษนะ”
 

“พี่เป็นอะไรไปผมไปทำอะไรให้พี่โกรธงั้นเหรอ”
 

“เปล่าหรอก  ไผ่ไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น  คนที่ผิดมันฉันต่างหาก  ไม่ต้องคิดมากนะ”
 

พี่แทมินพูดกับผมโดยไม่มองหน้าผมเลย   แสดงว่าพี่พูดโกหกสินะ  ผมคงทำอะไรผิดไปสักอย่างแน่ๆพี่ถึงได้เป็นแบบนี้...
 

“ถ้าผมทำอะไรก็บอกผมมาเถอะครับ  อย่าเงียบไว้แบบนี้เลย  บอกผมมาสิ...”
 

“ไม่มีอะไรจริงๆ  ไม่มีอะไรทั้งนั้น  เพราะฉะนั้นอย่าคิดมากเลย”
 

“แล้วทำไมพี่ต้องหลบตาผมด้วย  ขอร้องล่ะบอกผมมาเถอะ  พี่เงียบอยู่แบบนี้ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่”
 

“....คือฉัน  ได้ยินไผ่บอกว่ารักเซนเข้าน่ะ  มันก็เลย”
 

รึว่าที่พวกผมคุยกันเมื่อกี้....
 

“ฮะๆ  อะไรกัน  เรื่องนั้นเองน่ะเหรอ”
 

“ไม่ขำนะไผ่  รู้ไหมว่าฉันคิดยังไงที่ได้ยินคำพูดนั้น”
 

“แล้วยังไงล่ะครับ พี่ได้อยู่ฟังต่อรึเปล่าล่ะ”
 

“ก็...ฉันทนฟังต่อไปไม่ได้ก็เลยออกมาก่อน”
 

“ผมว่าถ้าพี่อยู่ฟังจนจบคงไม่มานั่งเหม่ออยู่แบบนี้หรอกนะครับ”
 

“ไผ่อยากจะบอกอะไรฉันงั้นเหรอ”
 

“พี่ยังจำได้ไหม  ตอนที่พี่บอกว่าชอบผมครั้งแรกและขอผมเป็นแฟน”
 

“อืม  จำได้ ฉันบอกไปว่าคำตอบยังไม่ต้องบอกก่อนก็ได้”
 

“แต่ตอนนี้ผมจะตอบ  ตั้งใจฟังนะครับ”
 

“....”
 

“ผมจะเป็นแฟนกับพี่”
 

“O_o!!”
 

“ผมรักพี่ครับ  พี่แทมิน”
 

“อะ..อะ...อะไรนะ  พูดใหม่  อิ อิ อีกที...ซิ”
 

พี่แทมินพูดติดอ่างขึ้นมาทันที  น่ารักจัง
 

“ผมบอกว่า  ผมรักพี่  ได้ยินชัดรึยัง”
 

“O_o!!!!!!”
 

“พี่แทมิน...ฟังอยู่รึเปล่า  นี่”
 

“นี่ฉัน...ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม  ใช่ไหมไผ่”
 

พี่แทมินจับไหล่ของผมแล้วเขย่าเบา  สายตาจับจ้องมาที่ผมเพื่อต้องการคำตอบ  ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา
 

“ไม่ใช่ความฝันหรอกครับ  ผมรักพี่แทมิน และจะเป็นแฟนกับพี่ด้วย”
 

พี่แทมินเข้ากอดผมทันที หน้าของเขาซุกลงที่ไหล่ของผม
 

“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
 

ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสเปียกชื้นที่บริเวณไหล่ข้างที่พี่แทมินซุกลงมา  ผมกอดพี่แทมินตอบกลับ
 

“ขอโทษที่ปล่อยให้พี่คอยนานนะครับ”
 

ไม่นานพี่แทมินก็ละจากไหล่ของผมสีหน้าของเขาดีขึ้นมาก
 

“ไผ่  ตกลงเป็นแฟนฉันแล้วใช่ไหม”
 

ผมพยักหน้าตอบ
 

“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกเรียกฉันว่าพี่ได้แล้วนะ  ให้เรียกว่าแทมิน  ไหนลองเรียกซิ^^”
 

“...แท แทมิน”
 

พี่แทมินรีบเอามือปิดตาผมทันที  ยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่
 

“พี่  เอ่อ...แทมิน  ทำอะไรน่ะ  ปิดตาผมทำไม”
 

“อย่ามองนะ ฉันไม่อยากให้ไผ่เห็นหน้าของฉันตอนนี้”
 

“หน้า?”
 

“>///<”
 

“เอามือออกเถอะครับ  ผมอยากจะเห็นหน้าขอแทมินนะ”
 

ผมเอาจับเอามือของแทมินออก เมื่อเห็นหน้าของแทมินผมก็รู้ได้ทันทีว่าผมคิดผิด!!!
 

“ทำหน้าหื่นจังนะครับ =_=”
 

“ก็ไผ่อยากน่ารักเองทำไมล่ะ”
 

“นี่ผมผิดรึครับ -*-“
 

“นี่ไผ่  พูดอีกครั้งได้ไหมฉันอยากฟังอีก นะ”
 

“ผมรักแทมินครับ ^^”
 

ทันทีที่ผมพูดจบ  แทมินก็ประกบปากลงทีปากของผมทันที  ลิ้นอุ่นๆของเข้าสอดแทรกเข้ามาในโพร่งปากของผม  และมือที่ซุกซนเที่ยวจับนู่นจับนี่(?)  ทำเอาขาของผมอ่อนยวบ
 

“ไผ่  ขอฉันกินนายเป็นมื้อเช้าได้ไหม”
 

“-*-“
 

“เงียบแบบนี้ แสดงว่าได้  งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”
 

พี่แทมินจัดกันผลักผมให้นอนลงบนเตียงเสียอย่างงั้น
 

“พูดให้ฉันฟังอีกสิไผ่  พูดอีกเยอะๆเลยนะ  ฉันอยากได้ยินคำบอกรักจากปากของไผ่”
 

หลังจากนั้นพวกผมก็...(เชิญจิ้นเอาเองตามสบาย)
 
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 40 P.4) [23/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 23-05-2013 14:15:15
ปตอนนี้สงสารเซน ถึงเวลาชดใช้ให้ไผ่แล้วหรอเนี่ยยย

เซนจะทำไรอ่าาา ตอนแรกแอบนึกว่าจะพลิก เอาเซนกลับมาเป็นพระเอกนะเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 41 P.4) [27/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 27-05-2013 19:45:26
ตอนที่ 41 สิ่งสำคัญที่ถูกลืมเลือน


               
ภายในบ้านที่ไร้ซึ่งแสงไฟ  รถยนต์คันหนึ่งเข้าจอดภายในบ้าน  สองสามีภรรยาก้าวขาลงจารถ  หยิบกุญแจในกระเป๋าเพื่อเปิดประตูบ้าน
 
           
วันนี้พวกเขากลับบ้านช้ากว่าทุกวันเพราะมีการประชุมที่ยาวนานกินเวลาเลิกงานไปหลายชั่วโมง  ทันทีที่พวกเขาเปิดประตูบ้านเข้ามาปฏิบัติกิจวัตรประจำวันที่เหมือนเดิมทุกวันนั่นคืออาบน้ำและเข้านอน  โดยละจากการทานข้าวเย็นเพราะพวกเขาทานมาจากข้างนอกก่อนถึงบ้านแล้ว
 
               
“ตั้งแต่ทิวกลับไป  บ้านเราดูเงียบไปเลยนะคะคุณ”
 
               
ภรรยากล่าว  หล่อนพูดถูกแล้วตั้งแต่ทิวลูกชายของเธอกลับบ้านที่ต่างจังหวัด  บ้านหลังนี้ก็เงียบจริงๆ  แต่สิ่งที่เธอลืมไปนั้นคือหนึ่งชีวิตที่เคยอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังนี้โดยที่พวกเขาไม่เคยสนใจเลยแม้แต่น้อย...
 
               
“ผมเริ่มง่วงนอนแล้วล่ะ  รีบอาบน้ำแล้วนอนกันดีกว่านะ  พรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานตั้งแต่เช้าอีก”
 
               
สามีเดินนำหน้าภรรยาไปหยิบผ้าขนหนูในห้องนอน  แต่แล้วสายตาก็พลันไปหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับห้องนอนของพวกเขา
 
               
 ‘นั่นมันห้องอะไรกันนะ’  เขาคิด
 
               
“นี่คุณ  ห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องเรามันห้องอะไรเหรอ”
 
           
สามีตะโกนถามภรรยาที่อยู่ชั้นล่าง  ด้วยความสงสัยภรรยาจึงเดินขึ้นมาดู
 
               
“ห้องเก็บของรึเปล่าคะ”
 
               
“ไม่น่าจะใช่นะ  ก็ห้องเก็บของมันอยู่ชั้นล่างไม่ใช่เหรอ”
 
               
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เปิดเข้าไปดูเลยล่ะคะ  จะได้รู้”
 
               
สามีทำตามคำแนะนำของภรรยา  เขาจับลูกบิดและเปิดประตูออกไป  สิ่งที่เขาพบคือห้องที่มีโต๊ะอ่านหนังสือและเตียงเล็กๆตั้งอยู่  แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือห้องนี้เป็นห้องของใครกัน...
 
               
“นี่คุณ  บ้านเรามีห้องนอนอีกห้องหนึ่งด้วยเหรอ”
 
               
“มันจะไปมีได้ยังไงกันล่ะคะ  ตอนทิวมาทิวก็นอนกับเรานะคะ”
 
               
“ถ้าอย่างนั้นแล้วนี่มันห้องใครกันล่ะ”
 
               
ภรรยาเดินเข้ามาในห้อง  มองข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องทั้งหมด  แต่สิ่งที่มีนอกจากโต๊ะและเตียงนั้นมีเพียงกองหนังสือที่ตั้งอยู่และเสื้อผ้าน้อยชิ้นภายในตู้เท่านั้น
 
               
หล่อนเดินสำรวจโต๊ะเรียนหนังสือ  หยิบหนังสือเล่มต่างๆขึ้นมาดูหวังจะดูชื่อภายในหนังสือพวกนั้นและแล้วเธอก็ต้องพินิจกับชื่อเจ้าของหนังสือเล่มนี่  ชื่อนี้มันชวนให้เธอรู้สึกคุ้นๆยังไงก็ไม่รู้...
 
               
“คุณคะ  คุณว่าชื่อนี้มันคุ้นๆไหมคะ  นามสกุลก็ของเรานะคะ”
 
               
ภรรยาส่งหนังสือให้สามีดู  สามีพิจารณาอยู่พักหนึ่ง  และก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี  ภรรยาจึงตัดสินใจสำรวจกองหนังสือต่อ  จนไปสะดุดตาเข้ากับอัลบั้มรูปที่ถูกวางซ้อนไว้ล่างสุดและมีฝุ่นจับ  หล่อนหยิบอัลบั้มเล่มนั้นขึ้นมาดู  สิ่งที่เห็นทำให้เธอต้องเอามือมาปิดปากด้วยความใจหาย
 
               
"มีอะไรเหรอ”
 
               
“คุณ...ห้องนี้เป็นห้องของไผ่ไงคะ...”
 
               
“ไผ่...จริงด้วยสิ  ห้องนี้มันห้องของไผ่นี่นา  แล้วไผ่ล่ะ  ไผ่ไปไหน  ทำไมจนป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้าน”
 
           
“ดูจากสภาพห้องที่มีฝุ่นแล้ว  ฉันคิดว่าไผ่คงไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้วล่ะค่ะ”
 
               
“แล้วไผ่หายไปไหนล่ะคุณ”
 
               
“ไผ่หายไปไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว  แต่พวกเราก็เพิ่งจะมารู้ตัวกันนะคะ...”
 
               
“นี่คุณหมายถึงอะไร”
 
               
ภรรยาไม่สนใจคำพูดของสามี  ยังคงเปิดดูอัลบั้มรูปต่อไป  รูปภายของทารกตัวน้อยสองคนถ่ายคู่กัน  ดูแล้วช่างน่ารักน่าเอ็นดู  เธอยิ้มเมื่อนึกถึงลูกตัวน้อยของเธอทั้งสองเมื่อครั้งที่เธออุ้มและมองดูเด็กทั้งสองหลับตาพริ้มในอ้อมอก  แต่ล่ะหน้าที่เปิดผ่านความทรงจำให้วันวานที่เคยลืมเลือนก็ค่อยๆกลับมาจนกระทั้งหน้าถัดไปเป็นเพียงความว่างเปล่า  ถัดจากภาพทารกก็ไม่มีรูปใดๆอีกแล้ว  เธอจึงสำรวจโต๊ะอีกครั้ง  แต่ก็ไม่พบอะไรที่น่าสนใจอีกจนกระทั้งเธอเปิดลิ้นชักล่างสุด  และพบกับกองเอกสารมากมาย  เธอหยิบเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาพิจารนาดูแล้วจึงส่งให้สามีของเธอดูบ้าง  ส่วนเธอก็เอาแต่ก้มหน้า
 
               
“นี่มันใบเกรด  แล้วนี่ก็เอกสารประชุมผู้ปกครอง  ทำไมมันเยอะขนาดนี่ล่ะ”
 
               
“คุณคะ...ลูกของเราเรียนเก่งถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ...”
 
               
น้ำเสียงที่สั่นเครือของภรรยาเอ่ยพร้อมกับหยดน้ำตาที่เริ่มคล่อเบ้าตา
 
               
“พวกเราลืมสิ่งที่สำคัญมากไปได้ยังไงกันคะ  ทั้งฉันแล้วก็คุณ...พวกเราลืมได้ยังไงกันล่ะคะ”
 
               
เสียงที่สั่นมากขึ้นและหยดน้ำตาที่เริ่มจะกลั้นไว้ไม่อยู่เริ่มหลั่งไหล  สามีจึงได้แต่กอดเพื่อปลอบประโลมเท่านั้น
 
               
“นี่คุณ...”
 
               
ภรรยาเอ่ยเสียงถามสามีของเธอ
 
               
“ยังจำได้ไหม  ตอนที่ทิวมาที่บ้านแล้วพวกเราเซอร์ไพรวันเกิดให้ทิวน่ะ”
 
               
“จำได้สิ  แล้ววันนั้นก็เป็นวันเกิดของไผ่ด้วยแต่พวกเราก็ลืมไปเสียสนิทเลย”
 
               
“ทั้งที่ๆพวกลูกเป็นฝาแฝดกันแท้ๆ  แต่ทำไมฉันถึงลืมได้นะ  ฉันนี่มันแย่จริงๆเลย  เป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย  ฮึ่ก..ฮือ”
 
               
“อย่าร้องสิ  ใจเย็นๆนะ  ทำใจให้สบาย”
 
               
“แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาล่ะคะ  ไผ่จะเป็นยังไง  ก็พวกเราน่ะ  ไม่เคย...จัดงานวันเกิดให้แกเลยสักครั้ง  ไม่เคยให้ของขวัญเลยสักชิ้น...ไผ่จะรู้สึกยังไงล่ะคะ”
 
               
“อย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลยนะคุณ  ไว้ปีหน้าพวกเราค่อยจัดกันใหม่ก็ได้นี่  อย่าร้องไห้เลยนะ”
 
               
สามีพยายามกล่อมให้ภรรยาใจเย็นขึ้นแต่แล้วเธอก็ผละตัวออกมาจากอ้อมอกของคนรัก
 
               
“ปีหน้ารึคะ  คุณบอกว่าปีหน้า  แต่ตอนนี้ไผ่อยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้รึคะ...”
 
               
“พรุ่งนี้เราค่อยไปหาที่โรงเรียนเอาก็ได้นี่  ไม่เป็นไรหรอกนะ”
 
               
“โรงเรียน...แล้วไผ่อยู่โรงเรียนอะไรล่ะคะ  แล้ว...แล้วเขาเรียนอยู่ชั้นไหนกันแล้วคะ  แม้แต่ชื่อจริงของลูกฉันยังจำไม่ได้เลย”
 
               
“ในใบเอกสารพวกนี่ก็มีนี่  นี่ไงใบเกรดก็มีชื่อโรงเรียน  ไว้พวกเราไปหาลูกกันนะ”
 
               
สามีพยายามปลอบประโลมภรรยา  พาเธอกลับไปที่ห้องนอนเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์เอาไว้  ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ทุกข์ร้อนกับการหายตัวไปของลูกชาย  เขาก็กังวลไม่แพ้กัน  หากแต่ว่าถ้าเขามีอาการลนลานไปด้วยอีกคนคงไม่ใช่เรื่องแน่ๆ
 
               
ค่ำคืนนั้นสองสามีภรรยาได้คิดถึงสิ่งสำคัญที่พวกเขาลืมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา  เหตุใดกันนะ  พวกเขาถึงได้ลืมลูกชายอีกคนหนึ่งไป  แต่ลูกชายที่พลัดพรากกลับจำได้แม่นยำ  เฝ้าคิดถึงและหวงหาอยู่ตลอดเวลา
 
               
ภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้ไม่นานก็เหนื่อยและผล็อยหลับไปเอง  แต่สามีได้แต่คิดทบทวนถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านมา  เขายังจำได้ดีเมื่อครั้นตอนที่เจ้าลูกชายตัวน้อยอยู่รอพวกเขาไม่หลับไม่นอนอยู่รอพวกเขาเพียงเพื่ออยากบอกสิ่งที่อยากทานในตอนเช้า  และเสียงร้องไห้ในยามนั้น   หลังจากวันนั้นเขาก็แทบจะไม่ได้พบหน้าลูกชายของเขาเลย  เด็กคนนั้นโตขึ้นถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...
 
               
บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขาไปพบทิวลูกชายอีกคนอยู่บ่อยครั้งทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตถึงการเติบโตของไผ่  เพราะทั้งสองเหมือนกัน...เพราะทั้งสองคือฝาแฝดกันจึงทำให้เขาไม่ได้สนใจ  บ้านของแม่ที่ทิวได้ไปอาศัย  เต็มไปด้วยรูปถ่ายครอบครัวที่พวกเขาถ่ายด้วยกันสามคนอย่างมีความสุข  แต่บ้านหลังนี้กลับไม่มีรูปถ่ายที่เรียกได้ว่าครอบครัวเลยสักใบ...
 
               
แล้วไหนจะเรื่องโรงเรียนอีก  ไผ่ไม่เคยรบกวนพวกเขาเลย  จะมีก็แต่ใบค่าเทอมที่วางอยู่บนโต๊ะรอให้พวกเขาวางเงินไว้ให้แต่ว่าช่วงสามปีที่ผ่านมาก็ไม่มีใบค่าเทอมพวกนั้นอีกแล้ว  ลูกชายของเขาไปเอาเงินจากไหนจ่ายค่าเทอมกัน  แล้วไหนจะเรื่องเงินค่าขนมไปโรงเรียนอีก  มันนานเสียจนจำไม่ได้ว่าทำไมเขาต้องวางเงินจำนวนหนึ่งไว้บนโต๊ะทุกเช้าก่อนไปทำงาน  นานเสียจนลืมไปแล้วจริงๆว่านั่นคือเงินค่าขนมของไผ่  เรื่องเอกสารพวกนั้นก็ด้วย  เอกสารประชุมผู้ปกครองและเอกสารขออนุญาตเข้าค่าย...ไผ่ไม่เคยให้เอกสารพวกนี้แก่เขาเลย  ไม่เคยเลยจริงๆ...
 
               
 ‘คุณคะ...ลูกของเราเรียนเก่งถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ...’
 
           
คำพูดของภรรยายังคงวนเวียน  นั่นสินะ...ลูกชายของเขาเรียนเก่งถึงขนาดนี้เชียวเหรอ  เกรดสี่จุดศูนย์เป็นเกรดที่พวกเด็กๆภูมิใจและพากันอวดให้พ่อแม่ของพวกเขาดู  แต่ไผ่ไม่...  ไผ่ไม่แม้แต่จะส่งหรือวางบนโต๊ะให้พวกเขาดู...

               
ทำไมน่ะเหรอ...
 
               
ก็เพราะรู้น่ะสิว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีใครมายินดีหรือดีใจไปกับคะแนนของเขา  ไม่มีใครอยู่ชื่นชมเขาเลย  เพราะพวกเขาเอาแต่ยุ่งกันงานมาตลอดเกือบทั้งชีวิต...
 
               
หยดน้ำตาของผู้เป็นพ่อเริ่มรินไหล  ทั้งๆที่พยายามอดกลั้นมาโดยตลอด  แต่ตอนนี้มันถึงที่สุดเสียแล้วเมื่อได้คิดถึงเรื่องราวต่างๆของลูกชายที่ถูกพวกเขาลืม...
 
               
ตลอดเวลาที่ผ่านมา  ไผ่...ลูกชายของเขาเป็นอย่างไรบ้างนะ.....
 
               
วันเกิดทุกปีที่ผ่านมา  ไผ่จะคิดอย่างไรนะ....
 
               
หากค่ำคืนไหนที่ฝันร้าย  ไผ่จะร้องไห้ไหมนะ...
 
               
ในยามที่เหงา  ไผ่จะร้องเรียกหาพวกเขาบ้างไหมนะ....
 
               
แล้วเสื้อผ้าล่ะ  ใครเป็นคนซื้อให้ไผ่ใส่  ใครพาไปล่ะ  แล้วไผ่เอาเงินจากไหนไปซื้อกันนะ...
 

แล้วอาหารล่ะ  ตอนเย็นไผ่ทานอะไรบ้าง  ใครเป็นคนทำให้ไผ่กัน  หรือว่าไผ่จะทำเองกันแน่...
 

แล้วเรื่องโรงเรียนล่ะ  ใครเป็นคนจัดการให้  ใครเป็นคนพาไผ่เข้าเรียนในชั้นประถมและชั้นมัธยมกันนะ...
 

เวลาเขาอยู่ที่โรงเรียน  มีเพื่อนไหม  จะโดนเพื่อนรังแกรึเปล่านะ....
 

แล้วตอนนี้....

               
ไผ่อยู่ที่ไหนกันนะ.....
 
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบตอนเวิ่นเว่อ ที่แสนจะหาความเป็นจริงไม่เจอ... :katai5:

ปตอนนี้สงสารเซน ถึงเวลาชดใช้ให้ไผ่แล้วหรอเนี่ยยย

เซนจะทำไรอ่าาา ตอนแรกแอบนึกว่าจะพลิก เอาเซนกลับมาเป็นพระเอกนะเนี่ยยยย

เซนจะทำอะไร  อีกไม่กี่ตอนข้างหน้า มีคำตอบแน่นอนค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 41 P.4) [27/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 28-05-2013 11:32:28
พ่อแม่กว่าจะสำนึกได้ ยิ่งอ่านตอนนี้ยิ่งสงสารไผ่ ใจร้ายกันเกินไปรึเปล่า

ไม่รับรู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งคอยอยู่ที่บ้าน คำขอสุดท้ายคือ ตอนเช้าอยากกินอะไร

คนนึงอยู่ไกล แต่มีพ่อแม่ที่รักเสมอ คนที่อยู่กลับถูกลืมเลือนไปหมดหัวใจ ใจร้าย พ่อแม่แบบนี้ก็มีด้วย

ไม่อยากจะคิดไม่ดีเลย อยากให้พ่อแม่เจ็บปวดกับการกระทำของตัวเองให้มากกว่านี้

ละเลยคนที่อยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ ลืมกันขนาดนี้ อยากให้เจ็บมากกว่านี้อีกเยอะ แลดูอกตัญญู

แต่เราอยากให้เค้านึกถึงไผ่มากกว่านี้จริงๆ กลัวว่าเจ็บนิดๆ อภัยง่ายๆ เด๋วก็เป็นเหมือนเดิมม

รอเรื่องเซนอยู่นะจ๊ะ :katai1:



หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 41 P.4) [27/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-05-2013 22:27:54
 :hao5: ไผ่กับแทมินมีความสุขสักที
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 42 P.4) [30/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 30-05-2013 20:19:38
ตอนที่ 42  ข่าวสารของทิว

            “กลับมาแล้วเหรอไผ่^^”
 
            เสียงเอ่ยทักทุกครั้งที่ผมกลับมาจากโรงเรียนของคนที่บัดนี้ได้เป็นสถานะจากพี่ชายเป็นคนรักฟังดูแล้วยังคงอบอุ่นอยู่เสมอ...ไม่สิ  อบอุ่นมากกว่าเดิมเสียอีก
 
                “กลับมาแล้วครับ  แทมิน”
 
                “ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง  หืม?  ทำไมทำหน้าไม่ค่อยดีเลยล่ะ  เกิดอะไรขึ้นรึไผ่”
 
                “เซนครับ...วันนี้เซนไม่มาเรียน”
 
                “อาจจะไม่สบายก็ได้มั้ง”
 
                “คงงั้นมั้งครับ  แล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น  วันนี้พวกเขา...มาหาผมที่โรงเรียน”
 
                “พวกเขา?  เขาไหนล่ะไผ่  หรือว่า  ไอ้เลวนั่น!”
 
                ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
 
                “ไม่ใช่คนๆนั้นหรอกครับ  คนที่ผมเคยเรียกว่าพ่อกับแม่ต่างหาก”
 
            “แล้วไผ่ได้ไปพบพวกเขารึเปล่า”
 
                “ผมไม่อยากเจอก็เลยโดดเรียนกลับมาที่นี่...”
 
                “โดดเรียนเหรอ - -^^^”
 
                “>.<!!”
 
                แทมินที่ทำหน้าเหมือนจะเอาเรื่องที่ผมโดดเรียนนี่น่ากลัวจังเลย...แต่แล้วฝ่ามือที่อบอุ่นของเขาก็เอื้อมมาขยี้หัวผมเบาๆ
 
                “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ  เข้าใจไหม”
 
                “...ครับ”
 
                “เอาล่ะ  พวกเราออกไปเดทกันเถอะ^^”
 
                “เอ่ะ  เดท?”
 
                “ก็พวกเราเป็นแฟนกันแล้วนี่  ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ  ฉันจะรออยู่ข้างล่าง”
 
                ผมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่แทมินบอก
 
                เดทงั้นเหรอ...พวกผมเพิ่งเริ่มเป็นแฟนกันเมื่อวานนี้เองนี่นา   >///<
 
            หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็ลงมาหาแทมินที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่งหน้าร้าน
 
                “เราจะไปไหนกันดีล่ะครับ”
 
                “อืมมม  อีกไม่นานก็ได้เวลาทำงานของไผ่แล้วนี่นา  เอาเป็นว่าพวกเราเดินเล่นกันแถวนี้ก่อนก็แล้วกัน  แล้ววันหลังค่อยพาไปที่ๆไกลกว่านี้ ^^”
 
                แทมินจับมือผมและพาเดินเข้าไปในบริเวณโคเรียทาวน์  มาคิดๆดูแล้วมันก็น่าแปลกเหมือนกัน  ผมกับแทมินมักเดินมาที่ตลาดในโคเรียทาวน์หลายครั้งแล้วแต่ว่าครั้งนี้กลับรู้สึกแตกต่างไปจากที่ผ่านๆมา  หรือจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของพวกผมกันนะ
 
                “ไผ่”
 
                “ครับ”
 
                “วันเสาร์นี้ไปทะเลกันเถอะ  ฉันอยากเล่นน้ำทะเลแล้วก็เดินตามชายหาดกับไผ่  ดีไหม”
 
                “ดีครับ  ผมยังไม่เคยไปทะเลมาก่อนเลย  อยากจะไปดูสักครั้งเหมือนกัน”
 
                “O_o!!!”
 
                “-*-“
 
                “นี่ไผ่ยังไม่เคยไปทะเลงั้นเหรอ”
 
                “ครับ  ก็ตั้งแต่เด็กพวกเขาเอาแต่ทำงานก็เลยไม่เคยพาผมไปเที่ยวที่ไหนเลย  นอกจากเส้นทางจากบ้านถึงโรงเรียน  บ้านของแทมิน  แล้วก็ตอนไปบ้านญาติของเซนที่นครปฐมเท่านั้นเอง”
 
                แทมินกระชับกุมมือของผมแน่นขึ้นและหยุดเดินหันมามองตาผม
 
                “ต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นคนพาไปเอง  ไม่ว่าจะเป็นทะเล  หรือที่ไหนๆ  แค่เพียงไผ่ต้องการ”
 
                “แต่ผมไม่อยากรบกวน...”
 
                “ไม่มีคำว่ารบกวนอะไรทั้งนั้น  ไผ่เป็นทั้งคนในครอบครัวและเป็นแฟนของฉัน  เพราะฉะนั้นเลิกพูดคำๆนี้อีกนะ”
 
                ผมพยักหน้ารับรู้คำพูดของเขา  ผมควรจะปรับปรุงตัวเองเสียทีตอนนี้แทมินไม่ใช่คนอื่นสำหรับผมอีกแล้ว....
 
                ผมกับแทมินเดินดูสินค้าในตลาดก็มีชายหนุ่มวัยกลางคนผิวคล้ำคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าเหมือนชาวไร่ในมือถือกระดาษใบเล็กสีขาวเที่ยวถามคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น  จนกระทั้งพวกผมเดินเข้าไปใกล้ตำแหน่งที่ชายคนนั้นยืนอยู่  เขาก็ตกใจทันทีที่เห็นหน้าของผม
 
                “ไอ้ทิว!  ไซมึงมาอยู่นี่ได้”
 
                ทิว...ชื่อที่ผมไม่ได้ยินเสียนาน  แต่ตอนนี้ก็ได้ยินมันอีกครั้ง
 
                “ขอโทษนะครับ  ผมไม่ได้ชื่อทิว”
 
                ชายคนนั้นพิจารณามองผมอีกครั้ง  เขาก็รีบยกมือไหว้ขอโทษผม
 
                “โทษนะครับ  ลุงคงทักคนผิด  แต่คุณเหมือนคนที่ลุงรู้จักมากเลยครับ  เอ่อ...ว่าแต่คุณรู้จักที่อยู่ในกระดาษนี่ไหมครับ”
 
                เขายืนกระดาษใบนั้นให้ผมดู  และผมก็เดาไม่ผิด  นั่นเป็นที่อยู่บ้านผมเอง....
 
                “คุณลุงมีธุระอะไรกับคนบ้านนั้นเหรอครับ  ดูๆไปแล้วคุณลุงก็ไม่ใช่คนแถวนี้นะครับ”
 
                “อ้อ  คือลูกชายบ้านนั้นเขาป่วยอยู่ที่โรงบาล  ว่าจะติดต่อพ่อแม่มัน  แต่มันก็ไม่ยอมบอกเบอร์โทรศัพท์  ย่ามันก็เลยฝากลุงให้มาบอกแทน”
 
                ป่วย...คนชื่อทิวกำลังป่วยงั้นเหรอ
 
                “ไผ่...”
 
            แทมินเอ่ยเมื่อเห็นผมกำลุงครุ่นคิดเรื่องของทิว
 
                “ครับ”
 
                “ไผ่จะทำยังไงก็แล้วแต่ไผ่นะ”
 
                นั่นสินะ  เรื่องของคนชื่อทิวนั่นน่ะ  มันจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่นา  แต่ว่า...
 
                “งั้นผมจะช่วยพาลุงไปที่บ้านในแผนที่ก็แล้วกันนะครับ”
 
                เมื่อได้ฟังดังนั้น  ชายหนุ่มก็ขอบอกขอบใจผมเป็นการใหญ่  คนชื่อทิว....คนที่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้ยินชื่อนั้นอีกแล้วก็ยังต้องได้ยินอีกจนได้
                ผมเดินพาเขาจนมาถึงสถานที่ที่ผมเคยเรียกว่าบ้าน
 
                “หลังนี้แหล่ะครับลุง  แต่ว่าตอนนี้เจ้าของบ้านเขาไม่อยู่  กว่าจะกลับมาก็ตอนเย็น”
 
                “ขอบใจมานะพ่อหนุ่ม  ลุงเป็นหนี้คุณแล้ว”
 
                “เอ่อ  ไม่ต้องถึงขนาดเป็นหนี้กันเลยครับ  ลุงครับ  ลุงไม่ต้องบอกคนบ้านนั้นนะครับว่าเจอผม  คนที่หน้าเหมือนคนที่ลุงพูดน่ะครับ”
 
                คุณลุงเริ่มทำหน้างง
 
                “อ้าว  ทำไมล่ะ”
 
                “ถือว่าผมขอร้องก็แล้วกัน”
 
                “ถ้าคุณอย่างนั้นก็เอาตามนั้นล่ะกัน  งั้นลุงคงต้องรอเขาอยู่หน้าบ้านนี่แระ  ขอบใจจริงๆนะ”
 
                บอกว่าจะรอ  ก็คงต้องรอไปอีกหลายชั่วโมงเลย  แต่ลุงคนนั้นก็ยังรอ...
 
                ผมรีบพาแทมินออกจากสถานที่แห่งนั้นทันที
 
            “ไผ่...แบบนี้มันจะดีเหรอ”
 
                “แทมินหมายถึงอะไรครับ  คุณลุงคนนั้นหรือว่าคนชื่อทิว...”
 
                “ก็ทั้งสองคนนั้นล่ะ  อีกตั้งหลายชั่วโมงเลยนี่กว่าพ่อแม่ของไผ่จะกลับมา  แล้วไหนเรื่องที่ทิวป่วยอีก  แล้วทำไมไผ่ถึงไม่บอกลุงคนนั้นไปเลยล่ะว่าไผ่เป็นใคร”
 
                “...กลับกันเถอะครับ”
 
                ผมพยายามเลี่ยงการตอบคำถามของแทมินและเดินนำหน้าเพื่อกลับไปยังบ้านของเถ้าแก่  แต่แทมินก็จับมือยื้อผมเอาไว้
 
                “ไผ่จะหนีแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
 
                “ทำไมผมจะต้องหนีด้วยล่ะครับ”
 
                “แล้วที่ทำอยู่นี่ไม่ได้เรียกว่าหนีหรือไง  ฉันไม่รู้หรอกนะว่าไผ่มีปัญหาอะไรกับที่บ้านแต่ว่าไผ่จะหลบหน้าอยู่แบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอก”
 
                “แล้วพี่อยากจะให้ผมทำยังไงล่ะ”
 
                “ถ้าตอนนี้ไผ่ยังไม่อยากพบหน้าคนที่บ้าน  งั้นเราก็แอบฟังเขาก็ได้นี่นา  จะได้รู้ว่าทิวเป็นอะไรไงล่ะ  ฉันรู้นะว่าไผ่ไม่ชอบทิว”
 
                “ในเมื่อแทมินรู้  แล้วทำไมถึงยังทำแบบนี้อีกล่ะ”
 
                “ฉันเป็นคนนอกคงจะพูดอะไรได้ไม่มากนักหรอก  แต่ว่า...การมีพี่น้องน่ะมันดีจริงๆนะ  เป็นความผูกพันธ์ที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตัดมันไม่ขาด  ถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งไปก็จะรู้สึกว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย  เหมือนฉันกับฮยองล่ะมั้ง”
 
                “ถ้าหากพวกผมอยู่ด้วยกันมาตลอดเหมือนแทมินกับพี่แทยองผมก็คงไม่เต้องคิดมากถึงขนาดนี้หรอกครับ  สำหรับผมแล้วคนชื่อทิวเป็นเหมือนกับคนนอก”
 
                “ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้ไม่ใช่ซะสิ  มันยังไม่สายไม่ใช่เหรอที่จะเริ่มต้นกันใหม่  ไม่ว่าไผ่จะโกรธทิวเรื่องอะไร  พี่น้องกันก็ต้องให้อภัยกันนะเพราะบางครั้งนั่นอาจจะเป็นความผิดที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้นมาก็ได้”
 
                ผมถอนหัวใจออกมาเฮือกหนึ่ง  แทมินก็ยิ้มและเอามือวางบนหัวผม
 
                “ไผ่ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้เรื่องมันค้างคาอยู่แบบนี้ใช่ไหม^^”
 
                “ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”
 
                เห็นทีมันอาจจะถึงเวลาที่ผมต้องหันหน้าเข้าสู้กับปัญหาที่ผมหนีมันมาตลอดแล้วก็ได้  แต่ว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนกับที่ผ่านมา  ตัวผมไม่ได้อยู่ตามลำพังอีกแล้ว  มีคนที่คอยให้กำลังใจและจะคอยอยู่เคียงข้างผมแล้วนี่นา...
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



พ่อแม่กว่าจะสำนึกได้ ยิ่งอ่านตอนนี้ยิ่งสงสารไผ่ ใจร้ายกันเกินไปรึเปล่า

ไม่รับรู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งคอยอยู่ที่บ้าน คำขอสุดท้ายคือ ตอนเช้าอยากกินอะไร

คนนึงอยู่ไกล แต่มีพ่อแม่ที่รักเสมอ คนที่อยู่กลับถูกลืมเลือนไปหมดหัวใจ ใจร้าย พ่อแม่แบบนี้ก็มีด้วย

ไม่อยากจะคิดไม่ดีเลย อยากให้พ่อแม่เจ็บปวดกับการกระทำของตัวเองให้มากกว่านี้

ละเลยคนที่อยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ ลืมกันขนาดนี้ อยากให้เจ็บมากกว่านี้อีกเยอะ แลดูอกตัญญู

แต่เราอยากให้เค้านึกถึงไผ่มากกว่านี้จริงๆ กลัวว่าเจ็บนิดๆ อภัยง่ายๆ เด๋วก็เป็นเหมือนเดิมม

รอเรื่องเซนอยู่นะจ๊ะ :katai1:

อารมณ์น้อยใจพ่อแม่ของแคน พาให้เขียนดราม่าเกินความจริงได้ขนาดนี้เชียว  แคนเองก็แอบตกใจเหมือนกันนะเนี่ย

เซนจะโผล่มาตอนสุดท้ายแน่นอน  โผล่มาในสภาพ??????   มะบอก  ทายดูๆ
 
ก.      เป็นเจ้าสาวของเอฟ
ข.      เป็นบ้า
ค.      เป็นศพ(จะโดนตื้บมะเนี้ย-*-)
ง.      เป็นปกติ  มะมีไรเกิดขึ้น
จ.      เป็นโรคร้าย (เอดส์! มะเร็ง!)
ฉ.      มะมีข้อถูก เอิ้กๆ
ช.      ถูกทุกข้ิอ..เอ้ะ ยังไง?


:hao5: ไผ่กับแทมินมีความสุขสักที

ผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะ  ถึงเวลาที่ทั้งสองจะมีความสุขกันสักที  :hao5:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 41 P.4) [27/05/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 31-05-2013 18:46:49
ไผ่สู้ๆนะ ต้องผ่านไปให้ได้ ถ้ามีอะไรค้างคาจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้นะจ๊ะ

เราน้อยใจพ่อแม่ไผ่จริงๆนะ  TT TT

ไม่อยากเดาสภาพเซนเลยยยยย ขอตอบไม่มีข้อถูกกกก 55555
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 43 P.4) [07/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 07-06-2013 19:29:23
ตอนที่ 43 อาการป่วยของทิว



เดทครั้งแรกของผมกับแทมิน  จากที่เคยตกลงว่าจะเดินเดินในโคเรียทาวน์กลับกลายเป็นการซุ่มแอบอยู่ใกล้ๆบ้านของผมเอง -*-
 

พี่แทมินโทรไปหาเถ้าแก่เพื่อบอกว่าเย็นนี้พวกผมทั้งสองคงมะได้ไปช่วยงาน  แน่นอนว่าเถ้าแก่โวยวายมาทางโทรศัพท์ยกใหญ่จนแทมินต้องถือโทรศัพท์ให้ไกลจากหูพอสมควร =_=”
 
               
พวกผมนั่งคอยจนแสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า  คุณลุงคนนั้นก็ยังคงคอยอยู่หน้าบ้านของผมเช่นเดิม  ผมมาคิดๆดูแล้ว  คุณลุงคนนั้นเป็นอะไรกะคนชื่อทิวกันนะ  ทำไมถึงได้ลงทุนมาถึงที่นี่เพียงเพื่อจะแจ้งข่าวของคนชื่อทิว  แล้วทำไมคนชื่อทิวถึงไม่ยอมบอกเรื่องที่ตนเองเข้าโรงพยาบาลกับพวกเขา  แค่เพียงคนชื่อทิวบอกมาเท่านั้นพวกเขาก็คงละทิ้งงานทุกอย่างเพื่อไปเยี่ยมแน่ๆ  แต่ก็ไม่ทำ
 
               
ขนาดที่ผมกำลังครุ่นคิดแทมินก็สะกิดผมแล้วชี้ไปที่บ้านของผม  รถของพวกเขาได้เข้ามาจอดในบ้านแล้ว  นี่ผมมั่วแต่คิดมากไปจนไม่ทันเห็นเลยอย่างนั้นเหรอ
 

“เข้าไปกันเถอะ  ถึงจะเสียมารยาทแต่คงต้องแอบฟังกันล่ะ  ^^”
 
               
พวกผมเปิดประตูรั้วอย่างเงียบที่สุดและแอบย่องมายังหน้าต่างบริเวณห้องรับแขก  ให้ตายสิ  นี่ก็บ้านของผมเหมือนกันนะถึงจะไม่ค่อยอบอุ่นเท่าไหร่ก็เถอะ  แต่การแบบย่องเข้าบ้านตัวเองนี่มัน...- -*
 
               
“นึกว่าใครที่ไหนที่แท้ก็พี่พลนี่เอง  มาเที่ยวรึครับ”
 
               
เสียงนี้เป็นของคนที่ผมเคยเรียกเขาว่าพ่อ  ลุงคนนั้นชื่อพลงั้นเหรอ
 
               
“ม่าย  ที่พี่มาหามึงก็เพราะพี่มีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับไอ้บ่าวทิวลูกมึงมาให้มึงรู้ไว้”
 
               
สำเนียงที่บ่งบอกว่าไม่ใช่คนภาคกลางแต่ผมก็พอจะจับใจความได้  (พวกคุณพี่คงพอจะเดากานออกเนอะ  แคนมะมีซับให้น้า  คริๆ)
 

               
“ทิว  ทิวเป็นอะไรคะพี่พล”
 
               
“ไอ้ทิวมันเข้าโรงบาล”
 
               
“โรงพยาบาล?  ทิวเป็นอะไรคะ  แล้ว...แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
 
               
น้ำเสียงของผู้ที่เคยเป็นแม่ดูจะสั่นเครือ  ถ้าเป็นเรื่องของทิวพวกเขาก็พร้อมที่จะให้ความสำคัญอย่างนั้นสินะ
 
               
“เห็นหมอแหลงว่าไอ้ทิวมันเป็นโรคไต”
 
               
“โรคไต!!!”
 
               
“ก็แม่เฒ่ามันน่ะสิ  ชอบทำแต่ของเค็มๆให้มันกิน  ปลาเค็มบ้างล่ะ  หอยเสียบบ้างล่ะ  แกงพุงปลาบ้างล่ะ  เค็มๆทั้งนั้นพี่ก็เคยเตือนไปตั้งหลายครั้งแล้ว  สุดท้ายมันก็ไม่พ้นคำพี่จนได้”
 
               
“คุณคะ  เราต้องไปหาลูกนะคะ  ฉันอยากเจอลูกทิว  ฉันเป็นห่วงลูกทิวเหลือเกิน”
 
               
“ผมเองก็เป็นห่วงทิว  แต่ไผ่เราก็ยังหากันไม่เจอเลยนะ”
 
               
 แล้วฝ่ายภรรยาก็เริ่มร้องไห้  ทิวเธอก็ห่วง  แต่ไผ่ก็ยังหาตัวไม่เจอ  แล้วจะทำยังไงดี
 
               
“ไผ่  ไผ่ไหนอีกล่ะ”
 
               
เสียงของลุงที่ชื่อพลเอ่ยถาม  อย่างนี้เห็นทีเรื่องที่ผมเจอกับลุงพลมันคงปิดเป็นความลับไม่ได้แล้วแน่ๆ
 
               
“ไผ่เป็นลูกของผมครับ  เป็นน้องชายฝาแฝดกับทิว”
 
               
“ฝาแฝด!  หมายความว่าไผ่คนนั้นหน้าตาเหมือนกับไอ้ทิวงั้นรึ  ถ้าอย่างนั้นบางทีพ่อหนุ่มคนนั้นก็....”
 
               
“พ่อหนุ่มอะไรครับ   หรือว่าพี่พบไผ่!”
 
               
คนเป็นพ่อพยายามเค้นถามลุงพล  แต่ว่าคำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้นมันทำให้เขาลำบากใจที่จะพูด
 
           
 ‘ลุงไม่ต้องบอกคนบ้านนั้นนะครับว่าเจอผม  คนที่หน้าเหมือนคนที่ลุงพูดน่ะครับ’
 
           
“เอ่อ คือ...”
 
               
“พี่พลครับ  ถ้าพี่รู้อะไรก็บอกมาเถอะครับ  ไผ่หายตัวออกจากบ้านไป  พวกผมตามหาแต่ยังไม่เจอตัวเลย  พวกผมเป็นห่วงลูกจริงๆนะครับ”
 
               
ได้ยินดังนั้นมันทำให้เขาเริ่มหนักใจ  แต่เห็นทีเขาคงจะรักษาคำพูดไม่ได้อีกแล้ว  ถ้านั่นจะสามารถช่วยให้บุคคลตรงหน้านี้คลายกังวล
 
               
“คือว่า  พี่เจอคนที่หน้าเหมือนไอ้ทิวตรงแถวๆที่มันมีคนเกาหลีเยอะๆน่ะ  แถวนั้นเรียกว่าอะไรวะ  อะไรทาวๆนี่ล่ะ”
 
               
“โคเรียทาวน์รึคะ”
 
               
“หมัน!”
 
               
“คุณคะ  ลูกไผ่  ลูกไผ่ยังอยู่ใกล้ๆเราค่ะ  พวกเราไปหาไผ่กันนะคะ”
 
               
ผู้เป็นสามีพยักหน้ารับ
 
               
 “งั้นเราไปตามหาไผ่กันก่อน  แล้วค่อยไปหาทิวที่นครพร้อมกัน”
 
               
เมื่อพวกเขาคิดได้ดังนั้นก็เตรียมตัวออกจากบ้านเพื่อไปตามหาลูกชายโดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าลูกชายที่ตามหานั้นอยู่ใกล้พวกเขาแค่ปลายจมูก
 
               
นี่พวกเขากำลังตามหาผมอยู่อย่างนั้นเหรอ  ทั้งๆที่ผมออกมาจากบ้านนั้นตั้งนานแล้วเนี้ยนะ!!
 
               
“ไผ่  ดูท่าว่าพ่อกับแม่ของไผ่จะเป็นห่วงไผ่มากเลยนะ”
 
               
“........”
 
               
“แล้วไผ่จะเอายังไงต่อ”
 
               
“ผม....ผมจะไปหาทิวครับ”
 
               
 “^^ ถ้าอย่างนั้นไปเถอะ  ฉันจะไปกับไผ่ด้วย”
 
               
“แล้วเรื่องมหาลัยล่ะครับ”
 
               
“ของแบบนี้ไม่เห็นยากเลย  ก็โดดไง ^^”
 
               
 “นั่นสินะ  ผมเองก็ด้วย”
 
               
 “งั้นเราไปจองตั๋วกันดีกว่านะ  ถ้าให้ดีก็ออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้าเลยดีไหม”
 
               
“ครับ”
 
           
 คนชื่อทิว...พี่ชายที่ผมไม่คิดที่จะยอมรับ  จนถึงตอนนี้ผมก็ยังเกลียดเขา  แต่ว่ามันก็รู้สึกใจหายที่ได้ยินว่าเขาเป็นอะไร  โรคไต...ถ้าไม่ใส่ไตเทียมแล้วล่ะก็  คนๆนั้นก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้  แต่ถึงจะมีไตเทียมแล้วมันก็แค่พยุงชีวิตให้ยืนยาวขึ้นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง  นี่ผมกำลังเป็นห่วงคนชื่อทิวอย่างนั้นเหรอ.....
 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไผ่สู้ๆนะ ต้องผ่านไปให้ได้ ถ้ามีอะไรค้างคาจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้นะจ๊ะ

เราน้อยใจพ่อแม่ไผ่จริงๆนะ  TT TT

ไม่อยากเดาสภาพเซนเลยยยยย ขอตอบไม่มีข้อถูกกกก 55555

โดนแทมินโน้วน้าวมากๆเข้าก็เริ่มใจอ่อนไปหาทิวจนได้  ส่วนสภาพของเซนจะเป็นยังไงอีกไม่นานรู้ผลค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 43 P.4) [07/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 07-06-2013 19:43:42
เค้ารอเรื่องเซนอยู่น้าาาา  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 43 P.4) [07/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 07-06-2013 21:20:33
น้องไผ่ยอมไปหาทิวแล้ววว รอเรื่องเซนเช่นกันจ้า
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 43 P.4) [07/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 09-06-2013 13:26:12
ตอนที่ 44 ตัดสินใจ



“ว่ายังไงนะคะหมอ”

 

เสียงของหญิงผู้ซึ่งเป็นแม่ของตนดังแว่วออกมาจากห้องพักหมอเจ้าของไข้ของลูกชายหล่อน  น้ำเสียงของเธอนั้นสั่นเครือแสดงถึงความตื่นตกใจจากสิ่งที่ได้ยิน

 

“นี่คุณหมอจะบอกว่าลูกชายดิฉันต้องตัดไตอย่างนั้นเหรอคะ”

 

“ครับ  วิธีรักษาโรคนี้ก็คือต้องเปลี่ยนให้คนไข้ใช้ไตเทียมหรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องทำการปลูกถ่ายไตนะครับ”

 

คุณหมอพยายามอธิบายให้มารดาของคนไข้เข้าใจ  แต่ดูท่าทางหล่อนจะช็อกมากจนสามีของหล่อนที่นั่งอยู่ข้างๆประคองไหล่ด้วยความเป็นห่วง

 

“ไตเทียม....ถ้าอย่างนั้นลูกชายของดิฉันก็ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อฟอกไตใช่ไหมคะ  แล้วก็คงอยู่ได้อีกไม่นานใช่ไหมคะ”

 

“คือมันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะครับ  ถ้าดูแลรักษาตัวเองดีๆก็อยู่ได้นานครับ”

 

เมื่อเห็นว่ามารดาของคนไข้เริ่มมีน้ำตาหลั่งไหล  บุคคลตรงหน้าจึงอธิบายถึงรายละเอียดเพื่อให้เจ้าหล่อนสบายใจขึ้นแต่มันกลับส่งผลตรงกันข้าม  หล่อนยิ่งกังวลหนักขึ้นไปอีก  นั่นหมายความว่าทิวจะต้องเข้าออกโรงพยาบาลไปชั่วชีวิตอย่างนั้นเหรอ....

 

“แล้วการปลูกถ่ายไตล่ะครับ  ทิวจะหายไหม”

 

คนเป็นพ่อเริ่มถามต่อเมื่อเห็นว่าภรรยาของตนเริ่มจะรับสิ่งต่างๆไม่ไหว

 

“หายครับ  แต่ว่าอาจจะต้องรอจนกว่าจะมีผู้บริจาคไต  เพราะตอนนี้ไตที่มีอยู่ร่างกายของคนไข้ไม่สามารถรับได้ครับ”

 

“ถ้าอย่างนั้นเมื่อไหร่ล่ะครับ  เมื่อไหร่ถึงจะมีคนมาบริจาคอีก”

 

“เรื่องนี้ผมไม่สามารถระบุเวลาที่ชัดเจนได้ครับ”

 

เมื่อได้ฟังดังนั้นคนเป็นแม่ยิ่งทุกข์ใจหนักขึ้นไปอีก

 

“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะครับ”

 

“มันมีหลายสาเหตุนะครับ  คือการที่ผู้บริจาคมาบริจาคไตให้นั้นมันไม่ได้หมายความว่าจะใช้กับคนไข้ได้ทุกราย  ถึงแม้ว่าจะเป็นกรุ๊ปเลือดเดียวกันแต่ถ้าร่างกายของคนไข้ไม่รับไตที่ทางเราได้ปลูกถ่ายเข้าไปมันก็ไม่มีความหมายนะครับ”

 

“ แล้วถ้าเป็นไตของผมล่ะ  เป็นไตของผมแทนได้ไหม”

 

หมอส่ายหน้า

 

“ทางเราลองตรวจดูแล้วนะครับ  ไตของพวกคุณซึ่งแม้จะเป็นครอบครัวเดียวกันก็จริงแต่ร่างกายของคนไข้ก็ไม่สามารถรับได้ครับ”

 

“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะคะหมอ  บอกหน่อยสิคะ อึก...ฮือ  ฮือ”

 

“ก็คงต้องให้คนไข้ใส่ไตเทียมและรอการบริจาคเท่านั้นล่ะครับ”

 

แม้จะไม่อยากตอบแบบนั้น  แม้จะไม่อยากเห็นสีหน้าที่เศร้าเสียใจยังไงแต่ก็คงทำไมได้  เขาชินเสียแล้วล่ะกับภาพแบบนี้...

 

ผมได้ยินหมดทุกอย่าง...ทุกการสนทนาของพวกเขา  ทุกกริยาที่พวกเขาแสดงออก  และทุกความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้จากพวกเขา  คนชื่อทิวกำลังจะตายอย่างนั้นสินะถ้าการรอคอยอะไรนั้นไม่เป็นดังที่คาดหวัง

 

เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะออกจากห้องผมจึงรีบหลบไปก่อนที่พวกเขาจะพบผม

 

“ไผ่...ไม่เป็นไรใช่ไหม”

 

แทมินเอ่ยถาม  นี่ผมคงต้องทำหน้าไม่ดีอยู่แน่ๆแทมินถึงได้ถามแบบนั้น
 

“ไม่เป็นไรครับ  ผมสบายดี”

 

“ไผ่...ทำในสิ่งที่ไผ่อยากทำนะ  ทำในสิ่งที่ไผ่คิดว่าจะต้องไม่เสียใจภายหลัง  ฉันเคารพในการตัดสินใจของไผ่”

 

แทมินยิ้มให้ผมเหมือนทุกๆครั้ง  สิ่งที่ผมอยากจะทำในตอนนี้  นั่นสินะ.....

 

ประตูห้องของหมอถูกเปิดออก  ผู้ที่ย่างเท้าก้าวเข้ามาทำให้หมอถึงกับตกใจ

 

“เธอ....ทำไมถึง”

 

“ในเมื่อไตของพวกเขาใช้ไม่ได้  แล้วของผมล่ะครับ”

 

หมอทำหน้างงในสิ่งที่ผมพูด...นี่ผมกับคนชื่อทิวเหมือนกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ

 

“ไตของผมที่เป็นน้องชายฝาแฝดของเขา  ไม่ว่ายังไงร่างกายก็คงจะยอมรับใช่ไหมครับ คุณหมอ”

 

สิ่งที่ผมได้ตัดสินใจทำลงไปนั้น  จะไม่มีคำว่าเสียใจอย่างแน่นอน  เพราะถึงผมจะเกลียดคนชื่อทิวยังไงผมก็คงจะทนไม่ได้ที่ต้องเห็นคนๆนั้นตายไปโดยที่ตัวผมเองสามารถช่วยเขาได้  มันคงจะกลายเป็น...ตราบาปที่ติดตัวของผมไปชั่วชีวิต

 

                ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“อะไรนะครับ  มีคนบริจาคไตให้ผมอย่างนั้นเหรอ”

 

ทิวเอ่ยเมื่อได้ยินมารดาของตนบอกด้วยความดีใจ

 

“จ้ะ  คุณหมอเขาพึ่งมาบอกแม่เมื่อกี้นี้เอง  แต่น่าเสียดายจังนะที่เขาไม่ยอมเปิดเผยตัวน่ะ  แล้วแม่จะไปขอบคุณเขายังไงกันนะ”

 

“เดี๋ยวสิครับ  แล้วไตของคนๆนั้นมันจะเขากับผมได้อย่างนั้นเหรอ”

 

“ได้สิ  หมอเขารับรองเลยนะว่าไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”

 

ใครกันนะที่ทำแบบนั้น  แต่ว่าคงต้องขอขอบคุณจริงๆอย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ได้เห็นแม่ของเขาสบายใจขึ้นมาบ้าง  ไผ่จะรู้ไหมนะว่าตอนนี้เขาเป็นอะไร  แต่ว่าคงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนี่  เพราะเขาสามารถมีชีวิตที่จะปรับความเข้าใจกับไผ่ได้อีกครั้ง...คราวนี้เขาจะไม่ยอมแพ้แน่นอน  จะต้องโดนไผ่เกลียดสักเท่าไหร่เขาก็จะไม่ยอมแพ้  ครอบครัวที่แสนสุขและอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าเขาจะต้องทำให้มันเป็นจริงให้ได้

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 
“คิดแบบนี้  ไม่เสียใจใช่ไหม”

 

แทมินถามผมหลังจากที่ผมตัดสินใจที่จะช่วยทิว

 

“การที่ผมนิ่งเฉยปล่อยให้คนๆนั้นต้องตายต่างหากล่ะครับที่ทำให้ผมเสียใจ  ถึงผมจะเกลียดเขายังไงผมก็คงปล่อยเขาไว้ไม่ได้”

 

แทมินเอามือมาวางบนหัวผมแล้วยีหัวผมจนยุ่งไปหมดแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาหรอก  ผมชอบที่จะให้เขาทำแบบนั้น

 

“บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่แทมินพูดก็ได้...”

 

“?”

 

“ความผูกพันธ์ที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตัดมันไม่ขาด  ถ้าขาดใครคนใดคนหนึ่งไปก็จะรู้สึกว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย”

 
“ถ้าคิดได้แบบนั้นก็ทำใจให้สบาย  พอทิวหายก็หันหน้าปรับความเข้าใจกันซะทีนะ”

 

“อันนั้น....จะพยายามครับ”

 

“ไม่ต้องรีบก็ได้  ค่อยเป็นค่อยไป  หากเราตัดสินใจไปแล้ว  ไม่มีคำว่าสายเกินไปหรอก  ^^”

 

“ครับ”

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

และแล้วก็ถึงวันผ่าตัด  ยาสลบที่เริ่มออกฤทธิ์ทำให้ให้ผมค่อยๆง่วงมากขึ้น  อีกไม่นานคนๆนั้นก็จะหายดีแล้วสินะ  ส่วนหนึ่งในร่างกายของผมจะไปอยู่กับคนๆนั้น  ไม่สิ...ก็พวกเราน่ะ  เคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาตั้งแต่แรกแล้วนี่นา

 

...

 

...

 

...

 

ปลายนิ้วที่ขยับเขยื้อนและตาที่ค่อยๆปรือตาลืมขึ้นมาทำให้มารดาที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงรับรู้ถึงการตื่นของบุตรชาย

 

“ทิว...ลูกทิวฟื้นแล้ว”

 

ฟื้น?...อา  จริงสิ  เขาเข้ารับการฝ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายไตนี่นา

 

“คุณแม่...น้ำ”

 

“จ๊ะ  รอแปบนะ”

 
ผู้เป็นแม่รีบหยิบน้ำในขวดรินใส่แก้วและใส่หยอดเพื่อให้ทิวดื่มสะดวกแล้วส่งให้ทิว  เมื่อดื่มน้ำเสร็จหล่อนจึงประคองให้ลูกชายลงนอน

 

“การผ่าตัด  เป็นยังไงบ้างครับ”

 

“ผ่านไปได้ด้วยดีเลยนะ  แม่จะโทรตามพ่อเราก่อน  รอแปบนะ”

 

ว่าแล้วหล่อนก็เดินออกจากห้องไปเพื่อโทรหาสามี

 

ณ เวลาเดียวกันในห้องอีกห้องหนึ่งแทมินยังคงนั่งคุมมือของคนที่ตนรักและเฝ้ารอให้ไผ่ลืมตาตื่นขึ้นมา  และเขาก็รอได้ไม่นาน  ร่างเล็กตรงหน้าก็ขยับมือเล็กน้อยเป็นสัญญาณ

 

“ไผ่...”

 

“แทมิน  นี่ผม...”

 

“หลับไปหนึ่งวันเต็มๆเลยนะ  ^^”

 

“คนๆนั้นล่ะครับ”

 

“การผ่าตัดสำเร็จไม่มีปัญหาอะไรเพราะฉะนั้นสบายใจได้”
 

เมื่อได้ฟังดังนั้นผมก็โล่งใจขึ้นทันที   ดีแล้วล่ะ  แค่นั้นผมก็สบายใจแล้ว

 
“แทมิน  ผมอยากกลับแล้ว  ไม่ชอบโรงพยาบาล”

 

“อ่า....อันนี้เห็นทีคงจะไม่ได้นะ  ต้องอยู่รักษาตัวก่อนสิ”

 

“T^T”

 

“รีบๆรักษาตัวให้หาย  ขาดเรียนนานๆคงไม่ดีแน่ๆ”

 

“...เข้าใจแล้วครับ”

 

“แล้วก็คงทำเรื่องอย่างว่าไม่ได้ด้วย ^^”

 

“ง่ะ...O_o!!!!”

 

ให้ตายสิ  นี่ขนาดผมเพิ่งผ่าตัดเสร็จยังพูดเรื่องแบบนี้อีก

 

“คนอะไร  หื่นชะมัด”

 

“ถึงฉันเป็นแบบนี้  ไผ่ก็ยังรักฉันใช่ไหม^^”

 

“>////<”

 

ผมไม่รู้ว่าผมหน้าแดงไปมากแค่ไหน  ผมรู้แต่เพียงสัมผัสที่อบอุ่นจากริมฝีปากของเขา  จูบที่อ่อนโยนทำให้ผมอยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้  แต่มันคงไม่เป็นดังที่ผมหวังเมื่อแทมินถอนจูบออก

 

“เอาเป็นว่าจนกว่าจะหายดี  ฉันจะจูบไผ่ทุกวันเลยดีไหม”

 

“.......เอ่อ”

 

ถึงผมจะสบายดี  แทมินก็จูบผมทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ !!!!!

 

“ว่าไงนะ  ไม่ได้ยินเลย^^”

 

“...ดีครับ”

 

ครับผม  จะจูบให้ทุกเวลาที่ไผ่ต้องการและไม่ต้องการเลย  ^^”

 

“O [] O!!!!”

 

แล้วจะถามเพื่อ!!!!!!

 

และแล้วแทมินก็ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง....


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เค้ารอเรื่องเซนอยู่น้าาาา  :mew4: :mew4:

แม้ตอนนี้ยังดองอยู่...แต่จะพยายามเข็นค่ะ  :mew2:

น้องไผ่ยอมไปหาทิวแล้ววว รอเรื่องเซนเช่นกันจ้า

ไอ๋หยา  เซน ยังแต่งไม่จบเลยค่ะ กำลังเค็มได้ที่  :a5:

 

 

หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 45 P.4) [13/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 13-06-2013 20:05:06
ตอนที่ 45 เด็กน้อยกับกระจกเงา  (Tiew talk)




                เด็กน้อยคนหนึ่งมักจะยืนอยู่หน้ากระจกเงาอยู่เสมอทุกเมื่อเชื่อวัน  เฝ้ามองดูเงาของตนเองในกระจกบานนั้นอย่างไม่ว่างตา  มองบุคคลในกระจกที่เป็นภาพสะท้อนเงาของตนเอง  เด็กน้อยพยายามที่จะพูดคุยกับเงาของตนเองแต่สิ่งที่ได้กลับคือความว่างเปล่า  บุคคลในกระจกคือบุคคลที่เด็กน้อยไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงได้…ตลอดกาล…
 

 

 

 
 
                หลังจากการผ่าตัดนี่ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์กว่าๆแล้ว  หมอบอกว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะออกจากโรงพยาบาลได้  ผมอยากให้ถึงเวลานั้นเร็วๆจัง  ผมอยากไปหาคนที่อยากเจอที่สุดในเวลานี้…ไผ่
 
                “คุณแม่ครับ  ผมบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”
 
                คุณแม่ของผมมีท่าทีกังวลใจเมื่อผมบอกท่านไปว่าผมอยากนั่งรถเข็นออกไปสูดอากาศข้างนอก  ผมก็เข้าใจนะว่าท่านเป็นห่วง  แต่ที่นี่พวกพยาบาลกับหมอก็เดินไ ปเดินมาตั้งเยอะ  ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆก็คงจะสบายใจได้  ส่วนคุณพ่อตอนนี้อยู่ที่กรุงเทพเพื่อตามหาไผ่…ผมเพิ่งรู้หลังจากฟื้นได้ไม่กี่วันว่าไผ่ได้หายออกไปจากบ้าน  ผมโมโหและโกรธคุณพ่อกับคุณแม่มาก  แต่ผมก็ไม่พูดออกมา  ตอนนี้ผมเป็นห่วงไผ่เหลือเกินว่าไผ่จะเป็นอะไรรึเปล่า  แล้วความรู้สึกของไผ่ในตอนนี้จะเป็นยังไงกันนะ…
 
                “เดี๋ยวผมกลับมานะครับ  คุณแม่ไม่ต้องตามผมออกมาหรอก”
 
                ผมใช้มือทั้งสองข้างเข็นไปเรื่อยๆตามทางที่มีผูคนมากมายเดินผ่านไปผ่านมา  ผมอยากกลับบ้านแต่ก็คงทำไมได้  เพียงแค่ทนอีกไม่กี่วันผมก็จะได้กลับบ้านแล้ว  ในขณะที่ผมไปอย่างเชื่องช้าสายตาผมก็หันไปเห็นคนๆหนึ่งที่ผมรู้จักเดินออกมาจากห้องที่อยู่ถัดจากผมไปอีกไม่กี่ห้อง  คนๆนั้น…แทมิน
 
                เขามาทำอะไรที่นี่  ผมคงไม่ได้ตาฝาดมองคนผิดใช่ไหม  ผมไม่รู้ว่าเขาเดินไปไหนแต่ที่ผมสนใจคือห้องที่เขาเดินออกมามากกว่า  ผมตรงไปยังห้องๆนั้น  ชื่อผู้ป่วยที่ติดอยู่ตรงประตูนั้นทำให้ผมใจหาย…ชื่อของไผ่
 
                ผมเปิดประตูอย่างเบามือเพื่อไม่ให้คนข้างในรู้สึกตัว  และหากผมเข้าใจผิดไปเองก็คงจะออกมาได้ทัน  บุคคลที่นอนหลับอย่าบนเตียงนั้นคือคนที่ผมคิดไว้จริงๆ  แล้วทำไมไผ่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้…คุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
 
                ผมพยายามเอื้อมไปไปสัมผัสกับมือของไผ่ที่นอนหลับอยู่ตรงนั้นแต่แล้วประตูก็ถูกเปิดออกทำให้ผมหันไปมองคนๆนั้นซึ่งก็คือแทมิน…
 
                “ทิว…”
 
                แทมินเรียกชื่อผมด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย  แล้วเขาก็ตรงมาเข็นรถของผมออกมาจากห้องของไผ่
 
                “ไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ไผ่อย่างนั้นเหรอ”
 
                “เปล่า  ก็แค่อยากจะคุยกับทิวเท่านั้น  เพียงแต่ว่าถ้าคุยกันข้างในไผ่อาจจะตื่นก็ได้”
 
                “แทมินมีอะไรจะพูดกับผมล่ะ”
 
                “นายคิดยังไงกับไผ่”
 
                “ไผ่เป็นน้องชายฝาแฝดที่ผมรักที่สุด  และผมก็ปรารถนาว่าสักวันผมกับเขาจะรักและเข้าใจกันเหมือนกับพี่น้องคู่อื่นๆ”
 
                ไม่ใช่แค่เหมือน…แต่อยากให้เป็นมากกว่านั้น
 
                “ถ้าอย่างนั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยที่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของนายกับไผ่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา”
 
                “เอ๋”
 
                หมายความว่ายังไง  แทมินต้องการจะสื่ออะไรกับผมกันแน่
 
                “ไผ่ห้ามไม่ให้หมอบอกแต่ว่าไผ่ไม่ได้ห้ามฉันเพราะฉะนั้นฉันก็จะบอกนายว่าคนที่บริจาคไตให้กับนายก็คือไผ่”
 
                คำพูดของเขาทำให้ผมแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง  ไผ่น่ะเหรอคือคนที่บริจาคไตอีกข้างให้ผม…ไผ่เกลียดผมไม่ใช่เหรอ  เขาอยากให้ผมหายไปจากชีวิตของเขาไม่ใช่เหรอ  แล้วเขาทำแบบนี้ทำไม  ทำไมเพื่ออะไร!
 
                “ทำหน้าสงสัยอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ ^^”
 
                “ผมไม่เข้าใจ  ก็ในเมื่อ..”
 
                “เกลียดสินะ”
 
                ใช่…ไผ่เกลียดผม  นั่นแหล่ะคือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ  อะไรกันที่ทำให้ไผ่ตัดสินใจที่จะทำแบบนี้
 
                “ไผ่น่ะเป็นคนใจดีนะ  เขาบอกกับฉันว่าถึงเขาจะเกลียดทิวแค่ไหนก็คงปล่อยให้ตายไม่ได้”
 
                สิ่งที่แทมินพูดให้ผมฟังยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก  ถ้าหากไม่มีผมสักคน  คุณพ่อกับคุณแม่ก็จะ…
 
                “ถ้าหากขาดใครสักคนหนึ่งไปก็จะรู้สึกว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย  ไผ่เขาว่าอย่างนั้น”
 
                นั่นคือความรู้สึกของไผ่อย่างนั้นเหรอ  เป็นของไผ่จริงๆใช่ไหม  คนๆนี้คงไม่ได้โกหกให้ผมดีใจเล่นใช่ไหม
 
                “แทมิน  ขอผมอยู่กับไผ่สักครู่ได้ไหม”
 
                อยากเจอไผ่  อยากเห็นหน้าไผ่  อยาก..อยู่ด้วยกัน
 
                “ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงจะต้องขอตัวไปซื้อของแถวโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน  คงอีกสักพักกว่าจะกลับ  ยังไงก็ฝากดูแลไผ่ให้ด้วยล่ะ^^”
 
                แทมินไปแล้ว  ผมจึงเข้าไปในห้องของไผ่อีกครั้ง  ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจของผมพองโตเมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้นมันทำให้ผมแทบจะหุบยิ้มไม่ได้  ทุกคำพูดที่แทมินได้พูดออกมา  หากนั่นเป็นความรู้สึกของไผ่จริงๆ  ความฝันของผมก็คงจะเป็นจริงได้ในไม่ช้า
 
                ไผ่ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงในชุดคนไข้ที่เหมือนกับผม  ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงวัยเด็กที่ผมมักจะมองกระจกอยู่เสมอเพื่อพบกับบุคคลที่ผมอยากเจอมาตลอด  บุคคลที่อยู่ในกระจกเงา…บุคคลที่ทำได้เพียงแค่เห็น  ไม่สามารถพูดคุยด้วยได้  บุคคลที่ไม่สามารถสัมผัสได้  บุคคลที่ไม่สามารถ…เอื้อมมือไปไคว่คว้าได้
 
                ผมลุกจากรถเข็น  แขนยึดกับขอบเตียงของไผ่เพื่อช่วยพยุงตัวจนทำให้สามารถยืนดูและเห็นหน้าของไผ่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
 
                “ไผ่  พี่…”
 
                ผมก้มหน้าลงสัมผัสกับริมฝีปากของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของตนเองอย่างแผ่วเบา  เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นผมก็ถอนริมฝีปากออกแล้วมองมาที่ไผ่อีกครั้ง
 
                “พี่รักไผ่…”
 
                ไผ่ก็เหมือนกับเงาในกระจกที่ถึงแม้ตอนนี้จะสามารถมองเห็นและพูดคุยด้วยได้แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสและคิดเกินเลยมากว่าคำว่าพี่น้องได้  ผมไม่ใจกล้าพอที่จะฝ่าฝืนกฎข้อนั้นได้  จึงทำได้เพียงแค่ยิ้มและยินดีให้กับแทมินซึ่งเป็นคนรักของไผ่
 
                ผมมองไปยังน้องชายที่ผมรักที่สุดที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมา  ไผ่จะต้องไม่รู้เรื่องนี้  ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ทำให้ไผ่ลำบากใจแน่นอน  มันจะต้องกลายเป็นความลับตลอดไป  และตายไปพร้อมกับผมนี่แหล่ะ
 
                ไผ่…ผมอยากเห็นไผ่มีความสุข  เพราะอย่างนั้นผมถึงได้ปฏิเสธความรักจากเซน  ผมรู้ดีว่าเซนน่ะไม่ได้รักผมหรอก  แม้ท่าทางเขาจะบ่งบอกและสายตาของเขาไม่ใช่  สายตาที่เซนมองผมกับไผ่นั้นแตกต่างกัน  แต่ว่านั่นกลับทำให้ไผ่เกลียดผมมากขึ้นไปอีก  ผมถึงได้ติดสินใจที่จะกลับมาอยู่ที่นี่เพื่อความสุขของไผ่  แต่แล้วสิ่งที่ไผ่ทำก็ทำให้ผมมีความหวัง  ถึงจะไม่สามารถเป็นคนรักได้  แต่ก็เป็นพี่ชายได้  ไผ่…พี่ยังหวังได้ใช่ไหม  สักวันพวกเราจะเข้าใจกันได้ใช่ไหม
 
                ทำไมกันนะ  ทำไมถึงต้องสร้างให้พวกผมต้องแยกจากกันด้วยนะ  ทั้งๆที่พวกเราเคยเป็นหนึ่งเดียวกัน  ถ้าหากไม่แยกพวกเราออกมา  ไผ่ก็คงไม่ต้องเจ็บปวด  และผมก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความรู้สึกที่น่ารังเกียจนี้เลย…
 
                ผมจ้องมองไผ่อย่างเนินนานในความรู้สึกของผม  และแล้วประตˆก็เปิดออกอีกครั้งพร้อมกับคนรักของไผ่ที่ถือของมากมายเขามาในห้อง
               
                “ผมว่าผมคงต้องกลับห้องแล้วล่ะ  เดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง…แล้ว  อยากจะให้ผมบอกไหมว่าไผ่อยู่ที่นี่”
 
                “ฉันว่าไผ่คงไม่ต้องการอย่างนั้นหรอก  และคิดว่าถ้าหากไผ่เขาอยากบอกก็คงจะบอกด้วยตัวเอง”
 
                “นั่นสินะ”
 
                ผมเข็นรถออกจากอย่างเชื่องช้าไม่วายที่จะเหลียวหลังกับมามองไผ่อีกครั้ง  แทมินนี่นั่งลงข้างไผ่และจับมือของไผ่มาแนบไว้ข้างแก้มทำให้ผมต้องยิ้มให้กับตัวเอง  การกระทำที่ผมไม่สามารถทำได้…
 

 

 

 
                เด็กน้อยคนหนึ่งมักจะยืนอยู่หน้ากระจกเงาอยู่เสมอทุกเมื่อเชื่อวัน  เฝ้ามองดูเงาของตนเองในกระจกบานนั้นอย่างไม่ว่างตา  มองบุคคลในกระจกที่เป็นภาพสะท้อนเงาของตนเอง  เด็กน้อยพยายามที่จะพูดคุยกับเงาของตนเองแต่สิ่งที่ได้กลับคือความว่างเปล่า  สิ่งที่เด็กน้อยเฝ้ามองอยู่ทุกวัน  เงาของตนในกระจกได้แปรเปลี่ยนเป็นหลงใหล  อยากสัมผัส  อยากทำมากกว่าการเฝ้ามอง  จนกระทั้งกลายเป็นความรักต้องห้ามที่ก่อเกิดขึ้นในจิตใจ  บุคคลที่อยู่ในกระจกคือบุคคลที่เด็กน้อยไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้ตลอดกาล  หากเพียงแค่เด็กน้อยมีความกล้าแม้เพียงสักนิด  กล้าที่จะทุบกระจกที่เป็นสิ่งขวางกันระหว่างเขากับเงาได้  เด็กน้อยก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความความรู้สึกที่สกปรกของเขาเลย  เด็กน้อยคงจะมีความความสุขเป็นแน่  แต่เด็กน้อยก็ยัง…ไม่กล้า
 
 
                -------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
...ไหงออกแนวนาซิสซัสล่ะเนี่ย  :mew5:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 45 P.4) [13/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 13-06-2013 21:21:32
รอติดตามต่อนะครับ



แล้วก้เปนกำลังใจให้คนแต่งนะครับผม



^^
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 45 P.4) [13/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 13-06-2013 21:22:08
อยากรู้จัง   





ว่าเซน  ในอีก  2 ปี  ที่ไผ่เจอ  เค้าเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 46 P.4) [17/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 17-06-2013 20:12:30
ตอนที่ 46  เหตุผลของแต่ล่ะคน



วันนี้เป็นวันที่ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที  เอาแต่นั่งๆนอนๆจนผมเบื่อจะแย่อยู่แล้ว  อาจจะเป็นเพราะผมต้องทำงานมาตลอดก็เป็นได้  พออยู่ว่างๆก็เลยรู้สึกเบื่อ
 

“กลับกันเถอะแทมิน”
 
               
ผมหันไปทางคนรักที่กำลังจัดกระเป๋าเป้อยู่ข้างๆผม
 
           
“คือว่านะไผ่  ตั๋วที่จะกลับกรุงเทพของวันนี้มันเต็ม  มีแต่ของวันมะรืนนี้แทน =_=”
 
               
“แล้วกว่าจะถึงวันนี้เราจะไปพักกันที่ไหนล่ะ  โรงแรมงั้นเรอะ - -*”
 
               
“>w<~!”
 
               
พวกผมเราคิดถึงสถานที่พักในอีกสองวันที่เหลือนี้  และแล้วประตูก็ถูกเปิดออก  บุคคลที่ก้าวเข้ามาทำให้ผมแทบพูดอะไรไม่ออก
 
               
“จะกลับแล้วเหรอไผ่”
 
               
คนชื่อทิวก้าวเข้ามาในห้อง  เขารู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่  ผมรีบหันไปมองแทมินทันที  และก็เป็นไปตามที่คาด  เป็นแทมินจริงๆด้วย
 
               
“ก็อยากจะกลับอยู่หรอกนะแต่บังเอิญว่าตั๋วมันเต็มก็เลยต้องกลับมะรืนนี้  ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะค้างกันที่ไหนดี”
 
               
“ค้างที่บ้านของผมก็ได้^^”
 
               
“ฉันยังไงก็ได้อยู่แล้ว  ไผ่ล่ะว่าไง”
 
           
ว่าแล้วก็หันมาทางผม
 
               
“อยากทำอะไรก็เชิญ”
 
               
“งั้นเป็นอันว่าตกลงก็แล้วกันนะ^^”
 
               
กลายเป็นว่าผมต้องไปอยู่กับพวกเขาอย่างนั้นสินะ  ทั้งๆที่ยังไม่อยากเจอตอนนี้สักหน่อย
 
               
 “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ  พี่คิดว่าแม่…เอ่อ คุณย่าก็คงอยากเจอไผ่มากๆเลยล่ะ  คุณพ่อกับคุณแม่ก็ด้วย  ตอนนี้พวกท่านรออยู่ที่แผนกจ่ายยา”
 
               
คนชื่อทิวเดินนำพวกผมออกมาจากห้อง  ในระหว่างทางคนชื่อทิวก็เดินช้าลงให้เท่ากับผม
 
               
“ทำไมถึงหนีออกจากบ้านล่ะ  รู้ไหมว่าคุณพ่อกับคุณแม่เป็นห่วง”
 
               
“ที่แบบนั้นน่ะ  เขาไม่เรียกว่าบ้านหรอก”
 
               
“…ขอโทษ”
 
               
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มจะตึงเครียด  แทมินก็รีบชวนผมคุยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
 
               
“แหม  วันนี้อากาศดีเนอะไผ่”
 
               
“ครับ  ดีมากเลย  เมฆครึ้มตั้งแต่เช้าแล้ว - -*”
 
               
“T^T”
 
               
เมื่อเดินไปถึงที่ๆพวกเขารออยู่  พวกเขาเห็นผมดูเหมือนว่าจะตกใจไม่น้อย  คงจะคิดไม่ถึงล่ะมั้งว่าผมจะอยู่ที่นี่ด้วย
 
               
“ไผ่….หายไปไหนมาลูก  รู้ไหมว่าแม่กับพ่อเป็นห่วงมากแค่ไหน”
 
               
“ไม่รู้  และไม่คิดอยากจะรู้ด้วย”
 
               
คำตอบของผมทำให้ผู้หญิงคนนั้นเอามือกุมกับมือสามีของเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ
 
               
“ไผ่  อย่าพูดแบบนั้นกับแม่เขาสิ  ไว้กลับไปกรุงเทพแล้ว  ไผ่กลับมาอยู่ที่บ้านนะลูก”
 
               
“….”
 
               
พอสักที  เลิกพูดแสดงท่าทีห่วงใยผมเถอะ  อย่าแสแสร้งอีกเลย…
 
               
“เอ่อ  ผมว่ารีบไปกันเถอะครับ  ผมอยากเจอแม่เฒ่าแล้ว  คิดถึงจะแย่”
 
               
คนชื่อทิวพูดทำลายบรรยากาศแย่ๆนี้  ดีเหมือนกัน  ผมเองก็อึดอัดไม่อยากยืนตรงนี้นานนัก  พวกผมเดินตรงไปยั่งลานจอดรถ  นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งรถของคนที่เคยเป็นอดีตพ่อและแม่ของตนเองในขนาดที่คนชื่อทิวคงจะนั่งบ่อยครั้งจนจำไม่ได้ว่านั่งไปกี่ครั้งแล้ว
 
               
ภาพวิวทิวทัศน์ภายนอกหน้าต่างที่ค่อยๆเปลี่ยนจากตึกรามบ้านช่องเป็นสวนยางพาราและทุ่งนาทั้งสองข้างทาง  จนกระทั้งรถได้เลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ  ขับไปเรื่อยๆ  จนไปจอดยังหน้าบ้านหลังหนึ่ง
 
               
“ถึงแล้วล่ะไผ่  ลงมาสิ”
 
               
คนชื่อทิวเอ่ยชวนผม  เมื่อผมก้าวลงจากรถก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งค่อยๆเดินตรงมาทางพวกผม
 
               
“หลบกันมาแล้วเหรอ  ไอ้ทิวมึงเป็นพันพรือบ้าง  ยังเจ็บตรงไหนเหลยม้าย”
 
               
หญิงชราถามไถ่อาการของคนชื่อทิวด้วยความเป็นห่วง
 
               
“ผมบายดีครับแม่เฒ่า  วันนี้ผมพาคนที่แม่เฒ่าอยากเจอมาด้วยนะครับ”
 
               
“มึงหมายถึงใคร”
 
           
คนชื่อทิวชี้นิ้วมาทางผม  เมื่อหญิงชราหันมามองก็ถึงกับนิ่งงันและเดินมาหาผมอย่างเชื่องช้า
 
               
“มึง..มึงคือไผ่ใช่ไหม”
 
               
“ครับ  คุณคือ…”
 
               
ไม่ทันที่ผมจะพูดจบ  หญิงชราก็เข้ามากอดผมเอาไว้  ผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นบริเวณที่หญิงชราซุกหน้าลงมา
 
               
“ในที่สุด  ก็ได้เจอ…ย่าอยากเจอมึงมาตลอดเลยนะ”
 
               
ย่า…คนๆนี้คือ ย่าของผมงั้นเหรอ…
 
               
หญิงชราที่มีศักดิ์เป็นย่าของผมค่อยๆเอื้อมมือขึ้นมาลูบหน้าของผมอย่างแผ่วเบา
 
               
“เป็นพันพรือบ้าง  พ่อกับแม่มึงดูแลมึงดีไหม  เหงารึเปล่า  แล้ว…แล้วทำไมมือของมึงถึงได้หยาบแบบนี้”
 
               
หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยอย่างที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อนจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อและแม่ของตัวเอง  แล้วลูบคลำมือของผมด้วยความสงสัย
 
               
“ไม่ต้องสนใจก็ได้…ครับ”
 
               
ท่าทางจริงใจของคนๆนี้ทำให้คำพูดที่ผมตั้งใจจะพูดห้วนๆก็ไม่สามารถทำได้  อบอุ่นจังเลย..
 
               
“แม่เฒ่าครับ  ไผ่จะมาค้างอยู่ที่นี่ด้วยนะ  ตั้งสองวันแน่ะ^^”
 
               
คนชื่อทิวพูดด้วยน้ำเสียงสดใส  หันมายิ้มหวานให้ผม  แน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับไปคือความว่างเปล่า….
 
               
“เราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่านะ”
 
               
บุคคลที่เคยเป็นพ่อของผมเอ่ยชักชวนกันให้เข้าไปในบ้าน  คุณย่าของผมก็จับมือผมพาเข้าไปในบ้าน
 
               
“มึงชอบกินอะไรล่ะ  เดี๋ยวย่าทำให้”
 
               
“ไม่มีเป็นพิเศษครับ  อะไรก็ได้”
 
               
ใช่แล้ว  ผมไม่มีของที่ชอบ  ไม่ว่าอะไรก็กินได้ทั้งนั้น
 
               
“วะ!  มึงอยู่มาได้ยังไงไม่มีของที่ชอบ  เอาพันนี้หว่า  ตอนนี้มึงอยากกินอะไร  แค่ของที่อยากกินคงจะตอบได้ใช่ไหม”
 
               
“เอ่อ…ถ้าอย่างนั้นผมขอไข่เจียวก็พอ”
 
               
“ได้สิ  เดี๋ยวย่าจะทำแกงพริกให้ด้วยดีไหม  คงไม่เคยกินสินะ  รับรองว่ามึงต้องชอบแน่ๆ”
 
           
เมื่อเข้ามาถึงตัวบ้านแล้ว  คุณย่าก็เข้าไปทำอาหารอยู่ในครัวโดนมีคนชื่อทิวเป็นลูกมือคอยช่วยด้วย  ดังนั้นจึงเหลือผม  แทมิน  และพวกเขา…..
 
               
 “ไผ่…ลูกไปอยู่ที่ไหนมา”
 
               
คนที่เคยเป็นแม่ของผมเอ่ยขึ้น  แทมินหันมาสบตากับผมแล้วลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้าน  เขาคงรู้ว่านี่เป็นปัญหาภายในครอบครัวของผม  ที่ผมจะต้องจัดการด้วยตนเอง
 
               
“ผมจะไปอยู่ที่ไหนพวกคุณเคยสนใจด้วยเหรอ”
 
               
“ไผ่  อย่าพูดแบบนั้นสิลูก  ที่ผ่านมาแม่ขอโทษนะ  ไผ่กลับมาอยู่บ้านนะ  เรามาเริ่มต้นกันใหม่…นะ”
 
               
ขอโทษงั้นเหรอ  เริ่มต้นใหม่งั้นเรอะ
 
               
“มันจะไม่ง่ายไปหน่อยรึไงครับ  พวกคุณปล่อยให้ผมต้องอยู่คนเดียวมาโดยตลอด  แล้วอยู่ๆจะมาบอกให้เริ่มต้นกันใหม่เอาตอนนี้  มันไม่สายเกินไปหน่อยรึไงครับ!!!”
 
               
ยอมรับว่าตอนนี้ผมโมโห  พวกเขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ  ถ้าหากมันง่ายขนาดนั้น  แล้วตลอดชีวิตของผมที่ต้องอยู่คนเดียวมาโดยตลอดล่ะ  มันก็สามารถลืมได้ง่ายๆเหมือนกันอย่างนั้นสินะ
 
           
“พ่อรู้ว่ามันอาจจะฟังดูแล้วง่ายเกินไป  แต่ให้โอกาสอีกครั้งได้ไหมไผ่  คราวนี้พ่อกับแม่จะดูแลเอาใจใส่ลูกให้มากๆ  จะไม่ให้ลูกต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว”
 
               
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับ  เพราะตอนนี้ผมชินกับมันเสียแล้ว…”
 
               
ทันทีที่ผมพูดจบ  ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มร้องไห้  แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
 
               
“คุณจะมารู้สึกผิดอะไรเอาป่านนี้ล่ะครับ”
 
               
“ไผ่…ทำไมเรียกแม่อย่างล่ะ  ทำไมถึงเรียกแม่ว่า ‘คุณ’ ล่ะ  แม่เป็นแม่ของไผ่นะ”
 
               
“เหรอครับ  ผมเพิ่งรู้นะครับว่าคุณเป็นแม่ของผม  เป็นแม่ที่ไม่เคยสนใจอะไรผมเลย…วันเกิดของลูกตัวเองก็ดันลืมซะได้  แต่กลับไม่ลืมของอีกคนหนึ่ง  แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าคุณเป็นแม่ของผมอย่างนั้นเรอะ!”
 
               
“ฮือ  แม่ขอโทษ  ขอโทษ  ไผ่อย่าโกรธแม่เลยนะ”
 
           
“บอกผมหน่อยได้ไหมครับ…ทำไมถึงลืมผม…ผมคือลูกที่พวกคุณไม่ต้องการใช่ไหม  ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมถึงไม่ฆ่าผมให้ตายไปซะ  ให้ผมเกิดมาทำไม  ทำไม…”
 
               
 เจ็บไปหมดในความรู้สึกนี้  อดีตอันเดียวดายของตัวเองค่อยๆแล่นผ่านหัวเหมือนกับเครื่องฉายหนัง  ทำไมถึงทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวล่ะครับ  ทั้งๆที่ผมเหงาแค่ไหน  กลัวแค่ไหนกับการที่จะต้องอยู่คนเดียว…
 
               
“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของพ่อเอง  พ่อผิดเอง…ที่ตัดสินใจเอาทิวไปฝากไว้กับแม่ของพ่อ…ที่นี่  ทั้งๆที่แม่เขาเพิ่งคลอดพวกลูกได้ไม่นาน  แต่เพราะฐานะของพวกเราในตอนนั้นไม่ดี  เลยเลี้ยงพวกลูกพร้อมกันทั้งสองคนไม่ได้”
 
               
“แล้วไงครับ  เลี้ยงพร้อมกันไม่ได้  ทั้งๆที่เอาทิวไปฝากไว้กับย่า  แล้วทำไม…ทำไมถึงดูแลแต่ทิวล่ะครับ  แล้วผมล่ะ…ลืมผมไปแล้วใช่ไหม…”
 
               
 รู้ได้ทันทีว่าเสียงของผมนั้นสั่นแค่ไหน  สัมผัสอุ่นที่รอบดวงตานั้นแสดงว่าผมเริ่มจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
 
               
 “เพราะว่าพวกเรานำทิวไปฝากเอาไว้   ทำให้แม่เขาเสียใจมาก  พ่อไม่อยากเห็นแม่ทุกข์ใจ  พวกเราเลยตั้งใจที่จะทำงานเก็บเงินให้ได้มากๆ  เพื่อที่จะได้รับทิวกลับมา  และแวะเวียนไปหาทิวเพื่อให้แม่เขาคลายคิดถึง  มันอาจจะฟังดูงี่เง่า  แต่มันเหมือนกับการสะกดจิตตัวเอง  เฝ้าคิดถึงทิว  และทำงานเพื่อทิว  เพื่อเต็มเต็มคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์…จนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พ่อกับแม่…ลืมไผ่”
 
               
“….”
 
               
“พ่อ...ขอโทษจริงๆ”
 
               
“!!”
 
               
ไม่เพียงคำว่าขอโทษ  ผู้ชายคนนั้นคุกเขาก้มหัวขอโทษผมอีก...มันทำให้ผมตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูก...
 
               
“พอเถอะครับ...อย่าทำแบบนี้เลย”
 
               
 “พ่อไม่รู้จะขอให้ลูกยกโทษให้พ่อกับแม่ได้ยังไง  ขอโทษ...”
 
               
ความรู้สึกผิดเล็กๆได้ก่อเกิดขึ้นในหัวใจของผม  ทำไมกันนะ...ทั้งๆที่ผมต้องอยู่คนเดียวมาโดยตลอดแท้ๆ  ทั้งๆที่คิดว่าโกรธจนไม่อยากเรียกพวกเขาว่าพ่อกับแม่อีกแล้ว  ทั้งๆที่คิดแบบนั้น...
 
               
“ไม่ต้องขอโทษแล้วล่ะครับ  ผม...ยกโทษให้”
 
               
เริ่มที่จะไม่เข้าใจตัวเอง  ไม่เข้าใจที่ทำไมถึงยอมยกโทษให้พวกเขาได้ง่ายๆ  ระยะเวลาที่ต้องทนเหงาอยู่เพียงลำพังของผม  มันจบลงง่ายๆด้วยเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเองเหรอ...ชักจะเกลียดความใจดีของตัวเองซะแล้วสิ
 
               
 “จริงเหรอ...ถ้าอย่างนั้น  กลับไปอยู่ที่บ้านของเรานะ  พ่อสัญญาว่าจะรักและดูแลลูกให้มากทดแทนกับช่วงเวลาที่เสียไป”
 
               
“ใช่จ๊ะไผ่  เพราะฉะนั้น  กลับบ้านเถอะนะลูก”
 
               
กลับบ้านอย่างนั้นเหรอ....
 
               
“ขอโทษนะครับ  ขอผมอยู่คนเดียวอีกสักพักได้ไหม....”
 
               
“ทำไมล่ะจ๊ะ  หรือว่าลูกยังโกรธแม่อยู่”
 
               
นั่นก็ส่วนหนึ่ง  จู่ๆจะให้ทำใจยอมรับว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมันทำให้ผมปรับตัวไม่ทัน  และอีกหนึ่งเหตุผล....
 
               
“ผมยังไม่ชินน่ะครับ  ผมชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า  และก็...ผมอยากจะอยู่ใกล้ๆกับคนสำคัญ...”
 
               
“เข้าใจแล้ว  ถ้าไผ่ว่าแบบนั้น  พ่อก็ไม่ห้ามหรอกนะ  แต่ยังไงก็กลับมาที่บ้านบ้างล่ะ  พ่อกับแม่ยังอยู่ตรงนี้”
 
               
“...ครับ”
 
               
การปรับความเข้าใจที่ใช้เวลาเพียงไม่นาน  แม้จะดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะจบลงด้วยดี  ทุกคนเข้าใจกันแล้วก็เถอะ  แต่ว่ายังไงซะ...ผมก็ไม่คิดที่จะยกโทษให้พวกเขาทั้งหมดหรอก  ขอเวลาให้ผมอีกสักหน่อย  เวลาที่จะเยียวยาบาดแผลที่สั่งสมมาเป็นเวลานานกับคนสำคัญของผม...แทมิน
 
               
“กับข้าวเสร็จแล้ว  มากินกันได้เถอะครับ^^”
 
               
คนชื่อทิวเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับจานหลายใบ  คุณย่าถือถ้วยแกงร้อนๆส่งกลิ่นหอมจนผมรู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆแล้วสิ
 
               
“เอ้า  ไผ่  กินเยอะๆเลย  ดูสิผอมนะมึง  ดูอย่างไอ้ทิวมันสิ กินเอาๆจนอ้วนเลย”
 
               
 คุณย่าตักกับข้าวหลายอย่างมาใส่ให้จนพูนจานเลยก็ว่าได้  แทมินถึงกับขำกับท่าทีที่ทำอะไรไม่ถูกของผม  แน่ล่ะ  ถึงเถ่าแก่จะเคยทำแบบนี้กับผม  แต่ผมก็สนิทและคุ้นเคยกับเถ้าแก่มากกว่าคุณย่าที่รู้จักกันได้ไม่ถึงสามชั่วโมง
 
               
“ว่าผมแบบนี้ได้ไงอ่ะ  ไม่รักแล้ว >.<~!”
 
               
คนชื่อทิวว่าพลางวางช้อนกลางลงพร้อมทำแก้มป๋อง
 
               
“วะ ไอ้นี่  รึมึงจะบอกว่ามันไม่จริง  ไม่กินก็อย่ากินมัน”
 
               
“โธ่  แม่เฒ่าอ่ะ”
 
               
บรรกาศที่ดูอบอุ่นและสนุกสนาน  สิ่งที่ผมไม่เคยได้รับตลอดเวลาที่ผ่านมา  คำว่าครอบครัว…คำว่าความอบอุ่น…และคำว่าความสุข…ผมไม่รู้เลยว่าคำเหล่านั้นที่ผมกำลังได้รับอยู่ตอนนี้มันทำให้ผมมีความสุขมากมายแค่ไหน  ถึงแม้อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้  แต่ก็คงอีกไม่นานที่ผมจะยกโทษให้พวกเขาและเปิดใจรับสิ่งที่พวกเขาหยิบยื่นมาให้…
 
               
หลังจากมื้ออาหารมื้อนั้นผมออกมานั่งสูดอากาศที่ม้านั่งใต้ต้นชมพู่ต้นใหญ่หน้าบ้านของคุณย่า  ความเงียบสงบของที่แห่งนี้มันทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก  ชักจะชอบที่นี่…ซะแล้วสิ
 
               
“นั่งคิดอะไรอยู่เหรอไผ่”
 
               
คนชื่อทิวว่าพลางนั่งลงข้างผม  นี่คิดถูกรึเปล่านะที่ช่วยคนๆนี้  ทำให้เขายังคงมีชีวิตมายุ่งย่ามกับผมอีก
 
               
“….”
 
               
“ขอบใจมากนะ  ถ้าไม่ได้ไผ่พี่คงจะแย่”
 
               
“…”
 
               
“ไผ่  เกลียดพี่มากไหม”
 
               
“มาก”
 
               
ในเมื่อรู้อยู่แล้วจะถามทำไม
 
               
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงได้ช่วยพี่ล่ะ  ปล่อยให้พี่ตายไปซะ  ไม่ดีกว่ารึไง”
 
               
“ก็แค่ไม่อยากให้ตายก็เท่านั้น”
 
               
“ได้ยินจากปากของไผ่  แค่นี้พี่ก็สบายใจแล้วล่ะ”
 
               
สบายใจ….ทำไมกันนะ  ทำไม
 
               
“ทำไม  คุณถึงต้องยึดติดกับผมด้วย  ในเมื่อผมเกลียดคุณ  คุณจะทำไม่สนใจก็ได้ไม่ใช่รึไง”
 
               
 คนชื่อทิวเพียงแค่ยิ้มบางๆให้กับผมเท่านั้น
 
               
“ทุกคนต่างก็มีเหตุผมของตัวเอง  ไผ่มีเหตุผลที่ทำให้เกลียด  พี่เองก็มีเหตุผลที่ทำให้ยึดติด  ก็เท่านั้น…”
 
               
คนทุกคนต่างก็มีเหตุผล  พวกเขามีเหตุผลที่ทำให้ลืมผมไป  คนชื่อทิวมีเหตุผลที่ทำให้เขายึดติดกับผม  และผมเองก็มีเหตุผลที่จะเกลียดเขา  ตอนนี้พอได้แล้วหรือยังนะ  ลบเหตุผลบ้าๆพวกนี้ออกไปซะ  แล้วมา…เริ่มต้นกันใหม่
 
               
“นี่….”
 
               
ผมเรียกคนชื่อทิวหลังจากที่เงียบไปนาน
 
               
"มันยังไม่สายเกินไปใช่ไหม  ถ้าพวกเราจะมาเริ่มต้นกันใหม่”
 
               
เมื่อได้ฟังดังนั้น  คนชื่อทิวก็หันมายิ้มกว้างให้กับผม
 
               
“ไม่มีคำว่าสายเกินไปนี่นาหากไผ่คิดจะเริ่มต้นใหม่  ยังไงพี่ก็ตั้งใจจะรออยู่แล้ว  ^^”
 
               
“อาจจะต้องใช้เวลา  คุณ…ทิวรอได้ใช่ไหม”
 
               
ทิว  ชื่อของคนๆนั้นที่ผมเอ่ยเรียกเขาเป็นครั้งแรก  ทำให้ทิวเอามือมากอดคอผมอย่างตีซี้ -*-
 
               
“นานแค่ไหน  พี่คนนี้ก็จะรอนะไอ้น้องชาย ^^”
 
           
เรื่องทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง  ความสัมพันธ์ของผมกับพ่อและแม่ ความสัมพันธ์กับทิวเองก็เช่นกัน  หากทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่ความฝัน  ผมก็อยากจะขอให้ทุกๆอย่างนั้นผ่านไปได้ด้วยดี  อย่าให้มีสิ่งที่ทำให้ผมต้องเสียใจไปมากกว่านี้อีกเลย…
 
“จะเหน็บหนาวเท่าไหร่  ไม่กลัว  จะเปียกฝนเท่าไหร่ก็ยอม…”
 
               
ง่ะ  ทำไมอยู่ถึงมีเสียงเพลงมาดังแถวนี้ได้ล่ะ…
 

“ฉันหวังแค่ให้มีคนที่ฉันรัก ยืนคอยตรงนั้นก็ชื่นใจ”
 
               
แน่ะ  ยังไม่หยุดอีก  ใครเปิดเพลงเนี่ย
 
               
“ไผ่  พี่ว่ามือถือของไผ่ดังนะ”
 
               
 …จริงดิ้
 
               
ผมหยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่ถึงมีก็แทบจะไม่ค่อยได้ใช้งาน(ก็อยู่ด้วยกันทุกวันจะโทรคุยกันเพื่อ?) ขึ้นมาดู  เออ..จริง  ว่าแต่เบอร์ใครก็ไม่รู้  โทรผิดรึเปล่า  ผมจำไม่ได้ว่าเคยให้เบอร์คนอื่นนะเพราะผมยังจำเบอร์ของตัวเองไม่ได้เลย  ผมกดรับสายอย่างทุลักทุเล  ถ้าจำไม่ผิดแทมินบอกว่าให้กดปุ่มเขียวสินะ  -*-
 
               
 “ฮัลโหล..”
 
               
 “โหยยยย  กว่าจะรับ  ผลิตมือถืออยู่รึไง”
 
               
เสียงนี้มัน….
 
               
“เซน!  นั่นเซนใช่ไหม  นายอยู่ที่ไหน  ทำไมไม่มาเรียน”
 
               
“ฮะๆๆ  เอาน่าๆ  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกฉัน…ฉันสบายดี”
 
               
“แล้วนี่นายรู้เบอร์ของฉันได้ไง”
 
               
“วะ  ดูถูก  ตอนนายวางมือถือเอาไว้ฉันก็หยิบขึ้นมาเม้นเบอร์ไงวะ”
 
               
อ่าวเหรอ  ทำแบบนั้นได้ด้วยเรอะ -*-
 
               
“ไผ่  ถ้าคนที่บ้านฉันถามหาฉัน  บอกไปนะว่าฉันสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง”
 
               
“หมายความว่ายังไง  นี่นายไม่ได้อยู่ที่บ้านงั้นเหรอ”
 
               
“ฉันมีเหตุผลนิดหน่อย  เลยทำให้กลับบ้านไม่ได้…ไผ่  ฉันมีเรื่องอยากจะถาม”
 
               
“เรื่องอะไรเหรอ”
 
               
“ไผ่กับพี่แทมินยังรักกันดีอยู่ไหม”
 
               
“ก็ดีนะ  ทำไมเหรอ”
 
               
“เปล่า  แค่อยากถามดู ไผ่  ถ้าฉันรู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้และรับความรักจากนาย  นายคิดว่าตอนนี้เราสองคนจะเป็นยังไง”
 
               
“ถามอะไรแปลกๆนะเซน  นั่นสิฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  พวกเราอาจจะรักกันมากและคงมีความสุขมากด้วยล่ะมั้ง” ก็ได้แต่คาดเดา เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่มีวันเป็นจริง...
 
               
“งั้นเหรอ  ฮะๆ ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะนะ  ไผ่…ฉัน  โอ๊ย!!!”
 
               
“เซน…เซน!  เป็นอะไรไป  เซน!”
 
               
ตุ้บ!!
 
               
เหมือนกับโทรศัพท์จากปลายทางกระแทกกับอะไรสักอย่าง  บางทีอาจจะเป็นเสียงโทรศัพท์ตกลงพื้นก็เป็นได้
 
               
“ปล่อยนะ  ผมเจ็บ  อย่า!!!”
 
               
ได้ยินของเซนแต่เหมือนกับเสียงนั่นอยู่ไกลจากโทรศัพท์  มันเกิดอะไรขึ้นกับเซน  ใครทำไรเซน!
 
               
“อ่ะ  หยุดนะ  อา อ๊า…อื้ออออ”
 
               
“เซน….”
 
               
“อะ  อ้ะ  พอ..ที อ๊าาา”
 
               
เสียงจากปลายทางนั้นทำให้ผมสับสนไปหมด  เสียงแบบนี้มัน….เซน  ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันแน่  เกิดอะไรขึ้นกัน…ผมถือสายอยู่นาน แน่นอนว่าได้ยินเสียงครวญครางของเซนอย่างชัดเจน

จนกระทั้งเสียงของเซนนั้นเงียบไป  และมีเสียงเบาๆเหมือนมีคนเก็บโทรศัพท์นั้นขึ้นมา
 
               
“ถ้ายังฟังอยู่ล่ะก็รู้ไว้นะ  ว่าฉันไม่ชอบให้คนอื่นมาดักฟังตอนฉันกำลังสนุกกับของเล่นชิ้นนี้สักเท่าไหร่”
 
               
สิ้นเสียงสายก็ขาดไป  เสียงนั่นไม่ใช่เสียงของเซน  แต่เป็นเสียงที่ผมรู้สึกคุ้นอย่างแปลกๆ  แต่ก็นึกไม่ออกว่านั่นเป็นเสียงของใครกันแน่  ผมพยายามกดหาเซนอีกหลายครั้งแต่สิ่งที่ได้รับคือเสียงที่แสดงว่าอีกฝ่ายได้ปิดมือถือไปแล้ว
 
               
“เกิดอะไรขึ้นรึไผ่”
 
               
ทิวทักเมื่อเห็นผมเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง
 
               
“ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน”
 
               
และแล้วเมื่อกลับถึงกรุงเทพ  ผมถึงได้รู้ว่าเซนได้หายสาบสูญไป  คุณน้าภาที่กลับมาจากการไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้แจ้งตำรวจเพื่อตามหาเซนแต่ว่าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ  ผมเองก็ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรเมื่อน้าภามาถามผม  ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่นาว่าเซนอยู่ที่ไหน  และหากผมบอกเรื่องโทรศัพท์ไปก็ยิ่งทำให้กลุ้มใจมากกว่าเดิมเป็นแน่
 
               
ชั้นบนของบ้านใกล้เคียงที่เคยสว่าง  บัดนี้กลับมืดสนิท  โต๊ะเรียนข้างๆที่มักจะมีคนฟุบหลับในคาบเรียนที่น่าเบื่อกลับว่างเปล่า  เสียงร้องอุทานเมื่อลืมเครื่องเขียนบัดนี้กลับเงียบงัน  เซน…นายอยู่ที่ไหนกัน
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


รอติดตามต่อนะครับ



แล้วก้เปนกำลังใจให้คนแต่งนะครับผม



^^

ขอบคุณที่ยังติดตามและขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ  :mew1:

อยากรู้จัง   





ว่าเซน  ในอีก  2 ปี  ที่ไผ่เจอ  เค้าเป็นยังไง

ตอนมี เซนโผล่มาให้หายคิดถึง แม้จะมาแต่เสียงก็ตาม(?)   


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนหน้าตอนจบแล้วนะคะ  แล้วก็มีตอนพิเศษอีก 3 ตอนปิดท้ายค่ะ 

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ
 
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 46 P.4) [17/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 17-06-2013 22:26:48
เซนเป็นเมียเอฟไปแล้วรึ :katai5:

ขอให้เป็นครอบครัวที่เรียกได้ว่าครอบครัวจริงๆสักทีเน้อออ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 46 P.4) [17/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: daboo ที่ 18-06-2013 10:13:48
ในตอนต่อๆไป  จะมีเรื่องราวของเซนให้รู้บ้างมั๊ย


เพราะไผ่มาทิ้งให้ผมสงสัย ในเรื่องของเซนอีก 2 ปีข้างหน้า
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 46 P.4) [17/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 18-06-2013 13:58:29
ไผ่ ยกโทษให้ง่ายจังนะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 46 P.4) [17/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 28-06-2013 21:52:35
ตอนที่ 47 The end : Because you're my love



                ตอนนี้ที่หน้าบอร์ดประกาศข่าวของโรงเรียนเนื่องแน่นไปด้วยเหล่านักเรียนที่มาดูผลการสอบตรงเข้ามหาลัยมหิดล  แน่นอนว่ารวมถึงตัวของผมด้วย  เหล่ากระดาษที่แปะเรียงรายอยู่ถึงสี่ห้าแผนแต่ตัวอักษรรายชื่อกลับเล็กนิดเดียว…ปวดตา  -*-
 
                จำนวนเด็กนักเรียนคอยๆลดลง  มีทั้งคนที่เสียใจและคนที่ดีใจ  พวกคุณคิดว่าผมควรเป็นพวกหน้าหรือพวกหลังดีล่ะครับ
 

 

 

 
                หมดเวลาคิดแล้วนะ  ใครที่ทายว่าผมจะเป็นเหมือนพวกแรกก็ขอให้กลับไปอ่านเนื้อเรื่องใหม่อีกรอบนะครับ  เพราะในเรื่องก็ได้บอกไปแล้วว่าผมฉลาด  >w<~!  (แคน: เฮ้ย  นี่มะใช่ไผ่แระ  มะช่ายนิสัยนู๋ไผ่แน่ๆ  แต่นี่คือนู๋ไผ่ -*-  จริงๆน้า)
 
                ในที่สุดรายชื่อของผมที่ปรากฏอยู่ในนั้นมันทำให้ผมดีใจจนยิ้มแก้มปริ  ผมสอบเข้ามหิดลได้แล้วครับ  ความฝันของผมมันกำลังจะกลายเป็นความจริง  ผมเริ่มกดเบอร์เพื่อโทรไปบอกข่าวดีนี้กับแทมินเป็นคนแรก (ตอนหลังนี้ผมเริ่มจะใช้มือถือเป็นแล้วนะ ^^)
 
                “ว่าไงคร้าบที่รัก”
 
                เสียงรับสายที่ทำให้ผมหน้าแดงเพราะความไม่เคยชิน  แย่จัง ผมเขินนะ!
 
                “แทมิน  ผมสอบผ่านแล้วนะ  ผมเข้ามหิดลได้แล้ว”
 
                “จริงเหรอ  มินดีใจด้วยนะ  เดี๋ยวคืนนี้จะให้รางวัลสองเท่า^^”
 
                “บ้า…ไม่คุยด้วยแล้ว”
 
                ความสัมพันธ์ของพวกผมพัฒนาไปมาก  แทมินเริ่มแทนตัวเองด้วยคำว่า ‘มิน’  เพื่อที่จะทำให้ดูสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น  และผมเองก็เริ่มที่จะเอาแต่ใจ  =_=”
 
                “โอ๋ๆ  ขอโทษ  หยอกเล่นนิดเดียวเอง  ดีกันน้า”
 
                “ให้แค่สองเท่าได้ไง  น้อยไป”
 
                น่าน!!
 
                “O [] O!!!!”
 
                นี่ผมพูดออกไปได้ยังไงเนี้ย  ชักจะอายตัวเองซะแล้วสิ…=////=
 
            “พูดงี้  กระผมคิดว่าโต้รุ่งเลยดีไหมขอรับ^^”
 
            “>/////<”
 
                “ ฮ่าๆๆ  งั้นเดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันที่บ้านนะ  อาจารย์เข้าสอนแล้ว”
 
                “ครับ  ตั้งใจเรียนนะ”
 
                “คร้าบผม ไผ่ด้วยนะ  บะบาย^^”
 
                แทมินวางสายไปแล้ว  บ้าจริงๆเลยคุยกับแทมินทีไร  ผมเป็นต้องเขินทุกที  คนอะไรก็ไม่รู้  หื่นได้ทุกเวลาจนตอนนี้ผมเริ่มคิดว่าผมจะติดโรคหื่นๆมาจากเขาแล้ว
 
                ผมกลับมายังห้องเรียน  สายตาผมหยุดอยู่ที่โต๊ะเรียนข้างโต๊ะเรียนของผมที่ว่างเปล่ามานานหลายเดือนแล้ว  ตั้งแต่วันนั้นเซนก็ไม่ติดต่อมาหาผมอีกเลย  และผมเองก็ติดต่อหาเซนก็ไม่ได้อีกเช่นกัน  ผมเองก็อยากจะบอกเขาว่าตอนนี้ผมสอบผ่านแล้วนะ  แต่เซนล่ะ….เซนที่หยุดเรียนไปนานขนาดนี้  นายจะเข้าเรียนที่ไหนได้  หรือว่านายอาจจะไม่ได้เรียนอีกแล้ว  ผมไม่รู้เลยจริงๆ
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
                “ยอดเลย  ไผ่เข้ามหิดลได้แล้วรึเนี้ย”
 
                “แน่นอนอยู่แล้ว  ว่าแต่ทิวเถอะ  ไปสอบตรงที่ไหนบ้างแล้วรึยัง  หรือว่าจะรอแอดมิชชั่น”
 
                ผมโทรไปหาทิวที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่อีกที่หนึ่ง  ตลอดหลายเดือนมานี้ทิวกับผมเริ่มติดต่อกับบ่อยขึ้นจนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกเราสนิทกัน
 
                “ยังไม่รู้เลยอ่ะ  พี่ไม่ได้ฉลาดเหมือนไผ่นี่นา  จะเอายังไงกับอนาคตดีว้า”
 
                “แล้วทิวอยากจะมาอยู่ที่กรุงเทพหรือว่าจะอยู่ใกล้ๆเท่านั้นกันล่ะ”
 
                “นั่นสิ  ใจหนึ่งพี่ก็เป็นห่วงแม่เฒ่านะ  ท่านแก่แล้วพี่ก็ไม่อยากจะไปอยู่ไกลๆ  หรือว่าพี่จะกล่อมให้ท่านมาอยู่ที่กรุงเทพดีนะ”
 
                ไม่นานบทสนทนาของผมกับทิวก็จบลง  ตอนนี้ทิวยังไม่รู้อนาคตของตัวเองว่าอยากจะทำอะไรกันแน่  แต่ผมมีเป้าหมาย  ผมอยากเป็นหมอ  อยากทำตามความฝันของตัวเอง…
 

 

 

 

 
                สองปีต่อมา (ไวไปแล้วมั้ง?)
 
                “รอนานไหม^^”
 
                ทิวเอ่ยทักผมหลังจากที่เดินลงมาจากอาคารเรียนพร้อมหนังสือเล่มหนา
               
            “ไม่นานหรอก  ไผ่เองก็เพิ่งมาถึง”
 
                ทิววางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงตรงข้ามกับผม
 
                “ฮิ้วววว  คู่แฝดจ๋า  วันนี้ก็ยังน่ารักเหมือนเคยนะ  พอจะว่างไปกินเหล้าปั่นกับเราป่าว”
 
                เสียงของใครก็ไม่รู้ที่ผมไม่คิดจะสนใจดังมาแต่ไกล  ผมเลยหันไปมองด้วยสีหน้าที่คิดว่าเย็นชาที่สุด
 
                “ง่ะ…ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรจ้า”
 
                แล้วคนๆนั้นก็หลบหายไปไหนอันนี้ไม่ทราบ  แต่ผมล่ะโคตรจะรำคาญเลย - -*
 
                “ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นเลยนี่นา น่ากลัวออก ^^” “
 
                ทิวว่าด้วยหน้ายิ้มๆ  ทิวมักจะยิ้มให้คนเขาไปทั่วไม่ว่าจะคนทั่วไปหรือคนที่ชอบแซว  ผิดกับผมที่ชอบทำหน้าเย็นชาใส่คนพวกหลัง
 
                “ก็มันน่ารำคาญนี่  ทิวไม่เบื่อบ้างรึไง  แซวอยู่ได้  ไผ่ล่ะเซ็งสุดๆ”
 
                ว่าแล้วทิวก็หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ  เหลือเชื่อมากเลยที่ผมมารู้ทีหลังว่าทิวเองก็แอดมิชชั่นผ่านเข้ามหิดลเหมือนกัน  แต่เป็นคนล่ะคณะกับผม  ทิวเขาอยู่คณะวิทยาศาสตร์  สาขาภาควิชาพฤกษศาสตร์  ส่วนผมอยู่คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี  สาขาภาควิชากุมารเวชศาสตร์  ตอนที่เข้ามาใหม่ๆก็กลายเป็นที่เฮฮาทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกัน  ไปๆมาๆเลยกลายเป็นว่าทั้งผมและทิวกลายเป็นเดือนคณะที่ตนเองสังกัดอยู่ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้   แต่ได้ยินพวกรุ่นพี่กระซิบมาว่าที่จริงอยากให้พวกผมเป็นดาวคณะมากกว่าแต่คงเป็นไปไม่ได้ -*-
 
                “ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มาอีกนะ”
 
                ว่าพลางมองดูนาฬิกาข้อมือที่แทมินเคยให้เป็นของขวัญวันเกิดของผมอย่างหงุดหงิด  จนกระทั่งเห็นรถของคนที่ผมเพิ่งบ่นไปไม่ครู่มาถึง
 
“มาช้า!”
 
                ผมเอ่ยทันทีที่แทมินจอดรถฮอนด้าสีดำที่เพิ่งถอยใหม่เมื่อไม่นาน
 
                “ขอโทษ  พอดีลูกค้ากับเจ้าหน้าที่มีปัญหา  มินก็เลยต้องอยู่ต่อ  T^T”
 
                ตอนนี้แทมินได้ทำงานอยู่ในบริบัทของต่างประเทศแห่งหนึ่งซึ่งมีหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาให้ลูกค้าชาวเกาหลีกับพนักงานคนไทย  ซึ่งมีบ่อยครั้งที่แทมินจะมาบ่นหรือเหล่าเรื่องตลกในทำงานให้ผมฟัง
 
                “ไม่ต้องเลย  รู้ไหมว่าผมต้องคอยนานตั้งสิบนาที”
 
                “โห  แค่สิบนาทีเนี้ยนะ  พ่อนักษาศึกษาแพทย์”
 
                “ล้อเล่นน่า  ผมเพิ่งเรียนเสร็จเมื่อกี้นี้เอง^^”
 
                “อ่ะนะ  เดี๋ยวนี้หัดมีล้อเล่นแล้วนะเรา”
 
            ว่าแล้ว  มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นก็เอื้อมมยีหัวผมเหมือนทุกครั้ง
 
                “อ่าว  ก็แทมินพูดเองไม่ใช่เหรอว่าให้เลิกเกรงใจ  รึว่าไม่ชอบ”
 
                “เอาน่าๆ  เอาเป็นว่าพวกเราไปกันเถอะ”
 
                ทิวคงอยากให้สงครามเล็กๆที่แสนไร้สาระของผมจบเลยเอ่ยตัดบท
 
                “นั่นสินะ  เดี๋ยวเซนคอยแย่เลย  เพราะแทมินนะรู้ไว้ด้วย”
 
                ไม่วายแขวะคนรักต่อ  ตอนนี้ผู้อ่านทั้งหลายคงจะรู้สึกตัวแล้วสินะครับว่านิสัยของผมเปลี่ยนไป!!!  อย่างที่พวกคุณคิดนั่นแหล่ะครับ  นิสัยของผมเปลี่ยนไปจริงๆ  ผมเริ่มกลายเป็นตัวของตัวเองรึจะพูดให้ถูกนี่ก็คือนิสัยจริงๆของผมที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้เพราะเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายจึงทำให้ผมต้องกลายเป็นคนเงียบๆ ว่าง่ายและเกรงใจคนอื่น  และไม่เมื่อไม่มีอะไรที่ทำให้ผมต้องกลายเป็นแบบนั้นแล้ว  นิสัยจริงๆของผมก็เลยค่อยๆปรากฎออกมา  แน่นอนว่าผมเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน
 
                “คร้าบผม  ผมผิดไปแล้ว  สุดที่รักยกโทษให้ผมด้วยน้า”
 
                “ถ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว  รีบไปเถอะ  ผมอยากเจอเซน  ไม่ได้ไปเยี่ยมเซนตั้งหลายวัน  คิดถึงจะแย่”
 
                “ไม่ต้องพูดถึงขนาดนั้นก็ได้  หึงนะ =_=*”
 
                “ไม่รู้ไม่ชี้ ^^~”
 
                “T [] T”
 
                ทิวที่ยืนเงียบอยู่ก็ดันหลังผมให้ขึ้นรถเมื่อเห็นว่าบทสนทนาแบบข้าถูกเสมอของผมทำเอาแทมินเริ่มเข้าสู่โหมดซึมเศร้า
 
                                สองปีหลังจากวันนั้น  ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปรวมถึงเซนด้วย  ตำรวจที่ค้นหามาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่พบเซนจนต้องล้มเลิกการตามหา  แต่น้าภาไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจนั้นเลย  น้าภาได้ลงประกาศตามหน้าหนังสือพิมพ์และในอินเตอร์เน็ท  ถึงแม้จะมีข้อความแจ้งเบาะแสมาก็จริงแต่ว่าเมื่อไปพบพวกเขากลับบอกว่า  จำคนผิดบ้าง  แค่ล้อเล่นบ้าง  จนน้าภาไม่รู้จะทำเช่นไรนอกจากคอยเก็บกวาดห้องของเซนเพื่อรอวันที่เซนจะกลับมา  จนกระทั้งเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนในขนาดที่น้าภาเตรียมตัวออกจากบ้านเพื่อไปทำธุระข้างนอกจู่ๆก็มีคนมาบอกน้าภาว่าเขาพาเซนมาส่ง  และก็จริงอย่างที่เขาว่า  เซนนั่งอยู่ในรถของคนๆนั้นจริงๆแต่ถามว่าเขาเจอเซนได้อย่างไรกลับไม่ได้รับคำตอบ  และน้าภาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนอกจากลูกชายของเธอเท่านั้น
 
                รถของแทมินเข้าจอดที่หน้าบ้านของผมตอนนี้ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ยังไม่กลับจากที่ทำงาน  เพราะไม่เห็นรถที่จอดอยู่ในบ้าน  ผมเดินตรงเข้าไปยังบ้านของเซนพร้อมกดกริ่ง
 
                “อ้าว  หนูไผ่หนูทิวแล้วก็คุณแทมินนี่เอง  มาเยี่ยมเซนรึจ๊ะ”
 
                น้าภาออกมาจากบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเชิญให้พวกผมเข้ามาในบ้าน
 
                “เซนอยู่ในห้องรึครับคุณน้า”
 
                “อ้อ เปล่าหรอกจ๊ะ  คุณเอฟเขาพาเซนออกไปสูดอากาศที่สวนหลังบ้าน  ไปก่อนเลยจ๊ะเดี๋ยวน้าจะยกน้ำตามไปให้”
 
                เอฟ….ผู้ชายคนนั้น  คนที่เป็นศัตรูกับแทมิน  ผมไม่ได้พบเขาอีกเลยจนกระทั่งเจอเขาอีกครั้งเมื่อตอนที่ผมทราบข่าวของเซน  เขานั่นเองที่เป็นคนพาเซนกลับมา…
 
                เมื่อพวกผมมาถึงบริเวณหลังบ้าน  ภาพที่พวกผมเห็นคือเซนที่นั่งอยู่รถเข็นและเอฟที่นั่งยองข้างๆรถเข็น  มือของเขากุมมือของเซนขึ้นมาแนบกับแก้มของตัวเองพร้อมพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่สามารถได้ยิน  สายตาของเขาที่จ้องมองเซนดูแตกต่างไปจากครั้งแรกที่ผมได้พบเขา  เป็นสายตาที่แสนอ่อนโยนปราศจากความแค้นแต่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นเหมือนสายตาที่ใช้จ้องมองคนรัก
 
                เมื่อพวกผมเดินเข้าไปใกล้  เขาก็รู้สึกตัวและวางมือของเซนไว้ที่เดิม
 
                “มาเยี่ยมเซนสินะ  ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวเข้าไปในบ้านก่อนก็แล้วกัน”
 
                พูดจบเอฟก็เดินเข้าไปในบ้านทันที  เอฟได้ย้ายเข้ามาอาศัยที่บ้านหลังนี้  เห็นน้าภาบอกว่าเขาอยากจะดูแลเซน  ซึ่งน้าภาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร  กลับดีเสียอีกที่มีคนคอยดูแลในช่วงที่เธอออกไปทำงาน
 
                “ไผ่  เดี๋ยวพี่กับพี่แทมินไปช่วยคุณน้าก็แล้วกันนะ  ไผ่อยู่เป็นเพื่อนเซนก็แล้วกัน”
 
                “อืม”
 
                ทิวกับแทมินเข้าไปในบ้าน  ตอนนี้เหลือเพียงผมกับเซนเพียงสองคนเท่านั้น
 
                “เป็นยังไงบ้างเซน  ช่วงที่ฉันไม่อยู่  นายเหงารึเปล่า^^”
 
                “…”
 
                ความเงียบเป็นคำตอบ
 
                “ขอโทษทีนะที่ไม่ได้มาเยี่ยม  แต่นายอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ  เซนรู้ไหมว่าอาจารย์โคตรจะให้การบ้านมากเลยล่ะ  ไม่รู้จะให้อะไรนักหนา  ทิวเองก็บ่นๆเหมือนกันนะว่าคณะของเขาเรียนยาก  แต่ฉันว่านะอย่างทิวน่ะต้องผ่านสบายๆอยู่แล้ว”
 
                “….”
 
                “แล้วก็นะ  วันนี้มีคนแซวฉันด้วยล่ะ  งี่เง่าชะมัด  ฉันเซ็งมากก็เลยทำหน้าที่คิดว่าแสนจะเย็นชาไปให้  นายรู้ไหมเจ้าหมอนั่นนะกลัวจนต้องรีบถอยเลยล่ะ  ถ้าเซนได้เห็นหน้าเจ้านั่นตอนนั้นโคตรจะตลกเลยล่ะ  ฮะๆ….”
 
                “…”
 
“นี่  พูดกับฉันหน่อยสิ”
 
                เซน…ตอนนี้เซนไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  สายตาของเซนเหม่อลอยเหมือนจ้องมองไปที่ไหนสักแห่ง  น้าภาได้พาเซนไปหาหมอมาแล้ว  ซึ่งหมอบอกว่านี่ผลกระทบจากการใช้สารเสพติดประเภทหลอนประสาทมากเกินขนาดและเป็นระยะเวลาติดต่อกันเป็นเวลานาน  ซึ่งอาการของมันก็คล้ายๆกับคนเสียสติแต่ว่าสำหรับกรณีของเซนนั่นได้ผ่านขั้นเสียสติมาแล้ว  จากประวัติการรักษาของเซนได้บ่งบอกว่าเซนได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแผนกจิตเวช  พูดง่ายๆก็คือเซนได้กลายเป็นคนเสียสติรึก็คือคนบ้านั่นเอง  แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรทำให้ร่างกายของเซนได้รับสารเสพติดตัวเดิมแต่ในปริมาณที่แรงกว่า  เลยทำให้ตอนนี้เซนกลายเป็นอย่างที่เห็น  ไม่พูดไม่จา  สายตาที่ไม่รู้ว่ามองไปที่ไหน  เหมือนกับเขาได้ปิดกั้นจิตใจจากทุกสิ่งเพื่อหนีอะไรบางอย่างที่โหดร้าย
 
                “นายน่ะ  จะอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน”
 
                “…”
 
                “นายจะทิ้งทุกคนไว้ข้างหลังอย่างนั้นเหรอ  จะทิ้งน้าภาและฉันไว้ข้างหลังใช่ไหม”
 
                “…”
 
                “น้าภาเขาไม่เหลือใครแล้วนะ  นอกจากนาย…”
 
                “…”
 
                “กลับมาเถอะนะ…”
 
                สัมผัสอุ่นที่บริเวณรอบดวงตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาอย่างช้าๆ  ได้โปรดเถอะเซน  กลับมาเถอะนะ..
 
                “กลับมาหาน้าภานะ…กลับมาหา….ฉัน…”
 
                ปฏิกิริยาของบุคคลที่นั่งอยู่บนรถเข็นยังคงนิ่งเฉย  ไร้การตอบรับใดๆทั้งสิ้น
 
                “นายใจร้ายมากเลยรู้ไหมเซน…”
 
                “…”
 
                “ในเมื่อนายทำแบบนี้กับฉัน  ฉันก็จะมาหานายบ่อยๆ  จะมาเล่าเรื่องสนุกๆของฉันในมหาลัยให้นายฟัง  ฉันจะทำให้นายอิจฉาจนอยากจะออกมาสู่โลกภายนอก…ฉันไม่มีทางปล่อยนายไว้อย่างนี้หรอกนะ  เพราะว่านายคือเพื่อนของฉัน…เพื่อนที่ฉัน…รักมากที่สุด”
 
            น้าภาแล้วพวกทิวออกมาจากในบ้านเพื่อเรียกให้ผมไปดื่มน้ำข้างในบ้าน  ส่วนเอฟก็เดินออกมาเข็นรถพาเซนเข้าบ้านเมื่อเห็นว่าอากาศเริ่มเย็น
 
                …
 
                …
 
                …
 
                ภายในห้องนอนของคนที่เขารัก  เอฟได้อุ้มร่างของเซนวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล  และนำน้ำอุ่นที่เตรียมไว้มาวางใกล้ๆเพื่อที่จะเช็ดตัวให้เซน  เขาบรรจงถอดเสื้อผ้าออกและเริ่มลงมือเช็ดตัวให้
 
                “วันนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง  ไผ่มาเยี่ยมเซนด้วยนี่  ดีใจใช่ไหมล่ะ”
 
                แน่นอนว่าไม่มีเสียงตอบกลับจากบุคคลตรงหน้า
 
                “ไผ่นี่เป็นเพื่อนที่ดีนะ  พี่ชักจะรู้สึกผิดซะแล้วสิที่เคยทำเรื่องที่ไม่ดีกับเขาเอาไว้  ไม่รู้ว่าเขาจะยกโทษให้พี่รึเปล่า”
 
                เขาค่อยๆเช็ดตามใบหน้าของเซนอย่างช้าๆ  ก่อนที่จะมอบรสจูบที่ไม่รู้ว่าร่างตรงหน้าจะรับรู้รึเปล่าอย่างอ่อนโยน
 
                “แล้วเซนล่ะ…จะยอมยกโทษให้พี่ไหม”
 
                สองมือกุมมือที่ดูเล็กสำหรับเขาขึ้นมาแนบอกเพื่อหวังจะให้เซนได้รับรู้ถึงเสียงหัวใจของเขา
 
                “เซนจะให้โอกาสพี่ไหม  ให้พี่ได้แก้ตัวใหม่อีกครั้ง…ได้ไหม”
 
                “…”
 
                “พี่รักเซนนะ…”
 
                ……
 
                …..
 
                ….
 
                หลังจากที่ทิวแยกตัวกลับเข้าไปในบ้าน  พวกผมก็กลับไปยังอพาร์ทเมนท์ที่ผมกับแทมินได้เช่าเอาไว้   ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงานที่ร้านของเถ้าแก่แล้วเพราะระยะทางทำให้ลำบากต่อการเดินทาง  รวมถึงแทมินที่อยู่ห่างไกลจากสถานที่ทำงาน แต่เหตุผลที่แท้จริงคือการที่ผมได้ออกมาอยู่ด้วยกันกับแทมิน
 
                “วันนี้อาการของเซนเป็นยังไงบ้าง”
 
                “ก็ยังเหมือนเดิม…”
 
                ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เซนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม…
 
                “พูดก็พูดเถอะนะ  รู้ตัวไหมว่าวันนี้ไผ่ทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลย - -*”
 
                ผมหันควับมามองหน้าแทมินทันที
 
                “แต่ถึงเป็นยั่งงั้นแทมินก็รักผมไม่ใช่เหรอ ^^”
 
                น่าน  โดนย้อนด้วยคำพูดที่แทมินเคยพูดกับผมเมื่อตอนเวลาหื่นเข้าไป  เป็นไงล่ะ  ฮะๆๆ พูดไม่ออกเลยล่ะสิ
 
                วงแขนที่อบอุ่นได้คว้าตัวผมเข้าไปโอบกอดไว้แนบแน่น
 
                “ใช่  รักมากเลยล่ะ”
 
                “ผมเองก็รักแทมิน”
 
                “ไผ่…ทำไมไผ่ถึงรักฉันล่ะ  บอกหน่อยได้ไหม”
 
            วันนี้มาแปลกนะ  ที่มาถามแบบนี้
 
                “คำตอบก็ง่ายๆ  เพราะแทมินคือคนที่ผมรักน่ะสิ ^^”
 
                “กวนนะ  - -^”
 
                “กวนตรงไหน  ผมรักแทมินก็เพราะแทมินคือคนที่ผมรัก  ตรงไหนกันที่ว่ากวน”
 
                “-*-“
 
                “นั่นไง  ตอบไม่ได้ใช่มะ  >.<~!”
 
                รสจูบที่แสนหวานทาบทับลงมาทันทีโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว  เรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาคว้านหาความหวานของเขาทำเอาผมแทบเข่าอ่อน
 
                “ทำโทษที่พูดกวนนะ^^”
 
                “=///=”
 
                “มินรักไผ่นะ  รักมาก มากๆๆๆ เลย”
 
                “ครับ  ผมรู้แล้ว  ผมก็รักแทมินมากไม่แพ้กันหรอกนะ  ^^”
 
            “>////<”
 
                ตอนนี้ชีวิตของผมก็มีความสุขอย่างที่ผมต้องการแล้ว  ครอบครัวที่ถึงแม้ว่าผมยังไม่พร้อมที่จะกลับไปแต่พวกเขายังโทรมาหามาคุยกับผมอยู่เสมอ  กับทิวตอนนี้ไม่มีคำว่าเกลียดอีกแล้วสำหรับผม  เซนที่ตอนนี้ยังคงเป็นแบบนั้นแต่ผมก็เชื่อว่าสักวันเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม  เป็นเพื่อนที่แสนดีที่สุดและเขา  แทมินคนที่รักและคอยอยู่เคียงข้างผมตลอดมาไม่ว่าจะในยามสุขหรือยามทุกข์  คอยเป็นกำลังใจ  คอยห่วงใยและดูแลไม่เคยห่าง  ผมรักเขาเหลือเกิน….Because,you're my love.
 

 

 

 
End.
 
 
ยังมีตอนพิเศษอีก 4 ตอนสั้นๆนะคะ   จะมาอัพให้ทีหลังค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 47 P.4) [28/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 28-06-2013 22:15:01
เอฟนี่ก็แปลกเนอะะ พอตอนที่เซนดีๆก็ไม่สนใจ
ที่ตอนนี่มาขอให้ๆอภัย น่าเตะจริงงๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! ตอนที่ 47 P.4) [28/06/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 09-08-2013 20:29:36
Special 3 : การทะเลาะกันของคู่รัก (1)


                เท่าที่ผมจำได้  ผมได้นั่งอยู่ตรงนี้มาสี่ชั่วโมงแล้ว  ทั้งๆที่เวลาเลิกงานโดยปกติของแทมินคือห้าโมงเย็นแต่นี่มันสามทุ่มแล้วเว้ย!!!!!!!!  ทำไมยังไม่กลับมาอีก  ให้ตายสิ  ผมไม่อยากคิดในทางที่ไม่ดีหรอกนะ  แต่ว่าโทรไปเท่าไหร่ก็ปิดเครื่อง  แถมยังไม่โทรมาบอกอะไรผมสักคำ  ตอนนี้ผมกังวลสุดๆแล้วนะ
 
                แกร๊ก
 
                เสียงไขกุญแจดังขึ้นทำให้ผมรีบหันไปทางประตู  คนรักของผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง  ผมจึงรีบวิ่งไปหาเขา
 
                “ทำไมถึงมาช้าจัง”
 
                ผมถามหลังจากที่เขาถอดรองเท้าวางไว้บนชั้นเก็บ
 
                “ทำโอทีน่ะ  โทษทีนะที่ไม่ได้บอกก่อน”
 
                “งั้นเหรอ  แล้วกินข้าวรึยัง  ผมทำกับข้าวไว้แล้วนะ  เดี๋ยวจะไปอุ่นให้”
 
                ไม่ทันที่ผมจะหันหลังไป  แทมินก็แย้งขึ้นมา
 
                “ไม่ต้องหรอก  มินกินมาจากข้างนอกแล้ว”
 
                “…อืม”
               
                ทานมาจากข้างนอกแล้ว?  นี่แสดงว่าผมรอเขาเก้อใช่ไหม  ทั้งๆที่ตั้งใจไว้ว่าจะได้กินพร้อมกันแท้ๆ…
 
                จ้อก…
 
                เวร..ท้องเจ้ากรรมดันร้องขึ้นมาตอนนี้อีก  ฮ่วย!!!!!!!
 
            แทมินทำตาโตแล้วมองมาที่ผมเมื่อได้ยินเสียงท้องร้อง  แล้วเขาที่ขำเล็กน้อยแล้วเอามือมายีหัวผม
 
                “นี่ไผ่รอมินเหรอ  ขอโทษนะ  ที่จริงไผ่กินไปก่อนก็ได้  ไม่ต้องรอมินหรอก  เดี๋ยวจะเป็นโรงกระเพาะเอา”
 
                “…ก็ไม่ยอมโทรมาบอกก่อนนี่นา”
 
                “คร้าบ~  ต่อไปจะโทรมาบอกนะ  งั้นมินขอตัวไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน”
 
                และแล้วก็กลายเป็นว่าผมต้องกินข้าวคนเดียว….-*-
 
                เมื่อแทมินเดินออกมาจากห้องน้ำ  ผมที่นอนเล่นอยู่บนเตียงก็หันไปมองเขา  หยดน้ำที่เกาะอยู่ตามร่างกายและผมที่เปียกน้ำนั้น….ชักจะอยากแล้วสิ
 
                ผมลุกจากเตียงแล้วเข้ากอดแทมินจากข้างหลัง
 
                “ไผ่  มินใส่เสื้อไม่ได้นะแบบนี้”
 
                “แทมิน…ทำกันเถอะ”
 
                ไม่อยากจะบอกเลยครับว่าช่วงหลังๆมานี้  ผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเกือบจะทุกครั้งเลย  ตกลงว่านี่ผมกลายเป็นคนหื่นกามไปแล้วใช่ไหมเนี้ย
 
                “แต่มินง่วงแล้วอ่ะ”
 
                “นะๆ  ทำกันเถอะ  น้า~”
 
                “โทษทีนะ  มินรู้สึกเหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้  ไว้คราวหลังก็แล้วกัน^^”
 
                “เอางั้นก็ได้  คืนนี้ขอนอนกอดแทมินก็แล้วกัน”
 
                “ได้เสมอเลยคร้าบ”
 
                กลายเป็นว่าคืนนั้นผมจึงทำได้แค่นอนกอดแทมินเท่านั้นเอง….
 
            และไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้นนะครับ  จนถึงตอนนี้มันหนึ่งอาทิตย์แล้วครับ…ที่แทมินทำโอทีและกลับดึก  และยังเว้นจากการทำเรื่องอย่างว่าด้วย -*-
 
                “กลับมาดึกอีกแล้วนะ  นี่มันจะห้าทุ่มแล้วรู้ไหม”
 
                ผมพูดกับแทมินเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามา  และก็ได้คำตอบเดิมกลับมา
 
                “ก็มินอยู่ทำโอทีนี่นา”
 
                โอทีอีกแล้ว  มันทำให้ผมแทบคลั่งกับคำๆนี้
 
                “โอทีๆๆๆๆ  อะไรๆก็โอที  แทมินจะทำทำไมนักหนาเนี่ย!  นานๆทำครั้งผมก็ไม่ว่าหรอก  แต่นี่มันทุกคืนเลยไม่ใช่เหรอ”
 
                “ใจเย็นๆก่อนสิไผ่  มินไปอาบน้ำก่อนดีกว่า  ร้อนจะแย่”
 
                ผมได้แต่รอให้แทมินอาบน้ำเสร็จ  วันนี้ผมจะต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง  ไม่อย่างนั้นผมจะต้องคลั่งตายแน่ๆกับคำว่าโอที -*-  แต่ไม่ทันที่ผมจะรีบบทสนทนา  ผมก็เกิดอารมณขึ้นมาอีกซะแล้ว….ก็ไม่ได้ทำมาหลายวันแล้วนี่  มันก็ต้องสตาร์ทติดง่ายเป็นธรรมดา เหอๆ (นายเป็นครายยยย นู๋ไผ่ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของแคนอยู่ที่หน่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย)
 
                “แทมิน…”
 
                ผมเรียกชื่อของเขาพร้อมปลดกระดุมของตัวเอง  เป็นไงเป็นกัน  วันนี้ผมจะต้องอึ้บกับแทมินให้ได้!!
 
                “ผมอยากแล้ว  มาทำกันนะ”
 
                “ไว้วันหลังนะ  มินเพลียน่ะ”
 
                เมื่อได้ยินดังนั้น  ความอดทนของผมก็ขาดผึ่งทันที  อะไรกันวะเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 
ผมจัดการผลักแทมินลงบนเตียงและขึ้นคร่อมเขาซะเลย
 
                “วันหลังอีกแล้ว  วันหลังทุกทีเลย  ผมต้องการเดี๋ยวนี้นี่นา”
 
                “มินขอนะไผ่  มินเหนื่อยจริงๆ”
 
                แทมินค่อยๆดันผมออกแล้วลุกขึ้นมานั่ง
 
                “ไม่  ไม่ยอม  ผมอดทนมาหลายวันแล้วนะ  แล้วแทมินจะให้ผมทนไปอีกนานแค่ไหนกัน”
 
                “ไผ่ก็ช่วยตัวเองไปก่อนไม่ได้เหรอ”
 
                “- -^”
 
                “ขืนทำ  เดี๋ยวมินก็ไม่มีแรงไปทำงานกันพอดี”
 
            “นี่  ทำนะ  นะๆๆๆ น้า”
 
                “ไผ่…อย่าเอาแต่ใจสิ  โตๆกันแล้วนะ”
 
                “ผมไม่ชอบแบบนี้เลย  ทำไมแทมินต้องทำโอที!  ทำไมต้องกลับดึก!  แล้วมันไมถึงมีอะไรกันไม่ได้!  ทำไม!!!”
 
                ผมเริ่มโวยวาย  มันน่าหงุดหงิดจริงๆที่ต้องเป็นแบบนี้  ไม่ว่าอะไรมันก็ไม่ได้ดั่งใจของผมเลย
 
                “หัดมีเหตุผลบ้างได้ไหม!”
 
                ผมนิ่งงัน  แทมินขึ้นเสียงกับผม  การขึ้นเสียงครั้งแรกหลังจากที่พวกเราได้คบกัน  เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา  ไม่ว่าผมจะเอาแต่ใจสักแค่ไหน  แทมินก็ไม่เคยทำแบบนี้
 
                “แทมิน…ว่าผมเหรอ”
 
                “ใช่!  หลายวันมานี้ไผ่เป็นอะไร  เอาแต่ใจตลอดเลย”
 
                “ก็เพราะแทมินนั่นแหล่ะ! แล้วแทมินล่ะเป็นอะไร  ทำถึงต้องทำโอทีทุกวัน  หรือว่าต้องการจะปกปิดอะไรกันแน่”
 
                “ไม่ได้ปกปิดอะไรทั้งนั้น  นี่อย่าบอกนะว่าไผ่ไม่ไว้ใจฉัน”
 
                สรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไป…ถ้าไม่ได้ปกปิดอะไรเอาไว้แล้วทำไมจะต้องโมโหด้วยล่ะ
 
                “ก็แล้วแทมินทำตัวให้น่าสงสัยเองทำไมล่ะ  มีอะไรก็พูดมาตรงๆเลยสิ!”
 
                “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะบอก  ที่ฉันทำงานโอที  ก็เพราะอยากจะเก็บเงินให้ได้เยอะๆ  เพื่ออนาคตของเรายังไงล่ะ  ทีนี้เข้าใจหรือยัง!”
 
‘ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่’
 
            ไม่รู้ทำไม  คำพูดที่เคยตอกย้ำผมมาตั้งแต่วัยเด็กก็ดังขึ้นในหัว  เหตุการณ์มันเหมือนกันไม่มีผิดเลยไม่ใช่เหรอ…
 
                “เพื่ออนาคตของเรา…เพื่ออนาคตของเราอะไรกัน!  ถ้าเพื่อของแบบนั้นแล้วทำให้แทมินต้องกลายเป็นแบบนี้ผมก็ไม่ต้องการหรอก!!”
 
                “เลิกเอาแต่ใจตัวเองสักที!  ไผ่รู้ไหมว่ามันทำให้ฉันลำบากใจ!”
 
                “แทมินจะลำบากใจยังไงผมไม่รู้!  แต่ผมอยากให้แทมินเลิกทำแบบนี้..นะ  ผมขอร้อง”
 
                ไม่อยากกลับไปเหมือนเมื่อก่อน…อีกแล้ว
 
                “ทั้งๆที่ฉันทำเพื่อไผ่เนี่ยนะ!  ถ้าทนไม่ได้ก็เลิกกันไปเลยดีกว่าไหม!!”
 
                “เอ้ะ  มะ  เมื่อกี้…”
 
                ไม่นะ  ผมคงจะหูฝาดไปใช่ไหม  ใช่ไหม!  บอกมาสิ ว่า…
 
                “ถ้าแค่นี้ไผ่ยังทนไม่ได้  แล้วฉันจะทนไผ่ไปเพื่ออะไร!  สู้เลิกไปซะเลยไม่ดีกว่ารึไง!”
 
                “แทมิน  จะเลิกกับผม…เหรอ”
 
                “ได้ยินไม่ผิดหรอก  พอที!  ฉันกลับบ้านดีกว่า”
 
                พูดเสร็จแทมินก็เดินออกจากห้องพร้อมปิดประตูเสียงดังสนั่น เหลือเพียงผมที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม  หยดน้ำตามากมายที่ไม่ได้หลั่งไหลมาเสียนานเริ่มนองหน้า  มันเจ็บ…เจ็บไปหมดทั้งหัวใจ
 
                ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาใครสักคน  หากผมจะต้องอยู่คนเดียวในสภาพแบบนี้ผมคงทนไม่ไหวแน่ๆ  แต่จะโทรหาใครได้ล่ะ  เซนงั้นเหรอ  เซนกลายเป็นแบบนั้นไปแล้วเขาจะมาช่วยผมได้ยังไงกัน…นิ้วของผมกดไปยังเบอร์ของพี่ชายที่ไม่รู้ว่าตอนนี้นอนไปแล้วหรือยัง  เสียงรอสายที่ฟังดูแล้วเนิ่นนานในความคิดของผม  และแล้วเขาก็รับสาย
 
                “ว่าไงพ่อน้องชาย  ดทรมาซะดึกเลยนะ”
 
                “ฮึก..ทิว  ไผ่ไม่ไหวแล้ว..ฮือ”
 
                “ไผ่….ไผ่เป็นอะไร  เกิดอะไรขึ้น”
 
                “ทิว…ไม่อยากอยู่คนเดียว  ฮือ   มาหาที”
 
            ช่วงเวลาเพียงยี่สิบนาทีที่ทิวมาหาผม  ทำไมผมถึงรู้สึกนานหลายชั่วโมงนะ
 
                “ไผ่!”
 
            ทิวเปิดประตูวิ่งเข้ามาหาผมในห้องนอน  ทันทีที่ผมเห็นทิวผมก็โผเข้ากอดและร้องไห้อย่างลืมอาย
 
                “ทิว..ทิว  แทมินไปแล้ว  ฮือ”
 
                “ใจเย็นๆนะไผ่  แทมินทำอะไรไผ่  บอกพี่มาสิ”
 
                “แทมิน…ฮึก  บอกเลิกกับไผ่แล้ว”
 
                ไร้คำพูดตอบกลับจากพี่ชาย  มีเพียงแขนที่โอบกอดผมตอบกลับอย่างอ่อนโยน  มันยิ่งทำให้ผมยิ่งปล่อยโฮหนักขึ้นไปอีก  เหมือนจิตใจแตกสลาย  แทมินบอกเลิกกับผมไปแล้ว  เพราะนิสัยของผมอย่างนั้นเหรอ  เพราะแทมินไม่ชอบนิสัยที่แท้จริงของผมอย่างนั้นสินะ  หากตัวตนที่แท้จริงของผมเป็นที่น่ารังเกียจ…ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง  ผมก็คงต้องใส่หน้ากากต่อไป  หน้ากากที่ปกปิดความอ่อนแอและตัวตน…ของตัวเอง
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ดอง  1 เดือน ได้เวลากลับลง ตอนพิเศษที่เหลือแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special3 P.4) [09/08/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 09-08-2013 20:44:58
อ่านตอนเซนทีไหร นึกถึงตอนทีเซนนั่งอยู่บนรถเข็นทุกทีเลยยย สงสารร
คนแต่งสู้น่ะจ๊ะ ไว้จะตามไปอ่านเน้อออออ  :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special3 P.4) [09/08/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: nasa_risa ที่ 02-12-2013 00:45:25
เราพึ่งเคยโพสต์เป็นครั้งแรกที่จริงก็กะจะเก็บเวอร์จิ้นนี้ไว้  :oo1: แต่เพื่อสนองความต้องการของตัวเองเเล้วนั้นไซร้ ต้องโพสต์เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากจริง ๆ (เราสมัครสามชิกมมานานเเล้วแต่ไม่เคยคิดจะโพสต์) และที่สำคัญอยากรู้ว่ามีเรื่องของเซนแยกต่างหากไหม ?? ถ้ามีขอลิ้งค์หน่อย  :mew2:  แต่ถ้าไม่มี  :o12:  เราก็ขอให้คนเขียนมาเขียนต่อเร็ว ๆ ด้วยน่ะ :katai4: 
เราจะรอ... :katai5:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special3 P.4) [09/08/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: freesia ที่ 07-12-2013 03:04:31
กลับมาต่อเถอะนะคะTwT
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special3 P.4) [09/08/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 08-02-2014 17:35:45
กลับมาลงนิยายต่อ  คราวนี้จะลงรวดจนจบเลยนะคะ อีกแค่ 3 ตอนก็จะจบแล้ว  :mew1:




Special 3 : การทะเลาะกันของคู่รัก (2) - เรื่องราวความรักที่พุ่งเข้าหาโดยไม่รู้ตัวของทิว




               นับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่คืนนี้เจ้าลูกชายมันกลับมานอนที่บ้าน  ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาแทบจะไม่กลับมานอนบ้านเลย…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสองคนนั้นกันแน่นะ  แต่ถึงจะสงสัยมากมายเพียงไร  ก็ต้องหยุดมือของตนที่กำลังยื่นไปเคาะประตูไว้เพียงแค่นั้น  ลูกชายของเขาที่โตแล้ว  ไม่ใช่เด็กๆอีกต่อไป  คงได้แต่หวังว่าจะแก่ปัญหาของตัวเองได้ล่ะนะ
 
                ภายในห้องนอนของเขา  บนเตียงที่เคยนอนกอดคนที่รักเอาไว้  ตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
 
                “นี่เราพูดแรงไปรึเปล่านะ”
 
                เมื่อมานึกย้อนดูการกระทำของตนเองแทมินก็ส่ายหัว  ไม่หรอก  เขาไม่ได้เป็นคนผิดสักหน่อย  เป็นเพราะไผ่ที่เอาแต่ใจมากเกินไปต่างหาก  อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาตามใจไผ่มากเกินไปมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้  แต่…มันก็จริงอย่างที่ไผ่พูด  ช่วงนี้เขาอาจจะทำงานมากเกินไปจริงๆ  บางทีไผ่อาจจะทำเพราะความเป็นห่วงก็ได้   แล้วอีกอย่าง  ที่เขาทำงานหนักขึ้นในช่วงนี้ก็เพราะอยากทำให้ความปรารถนาของไผ่เป็นจริงก็เท่านั้นเอง…
 
                “เวรจริง  ดันเผลอปากบอกเลิกไปซะแล้วอ่ะ…ทำไงดีวะเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!”
 
                จะมานึกเสียใจอะไรตอนนี้กันนะ  เพราะความหงุดหงิดไม่เข้าท่าของตัวเองไม่ใช่เหรอ  ตัวเขาที่ทำงานมาเหนื่อยๆ  พอเจอสถานการณ์กดดันก็เลยโมโหง่าย  แล้วทีนี้จะขอโทษไผ่ยังไงดี
 
                “ใครก็ได้ช่วยตูด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
 
                เสียงตะโกนแหกปาก  ทำให้ผู้เป็นพ่อที่ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าห้องของแทมินเผยรอยยิ้มพึงพอใจ  คิดได้แล้วสินะ  เจ้าลูกชายสมองทึ่ม…
 
                …
 
                …
 
                …
 
                หลังจากที่ไผ่ร้องไห้จนผล่อยหลับไป  คนเป็นพี่เช่นเขาได้แต่จมอยู่ในห้วงคิด  ทำอะไรไม่ได้นอกจะรับฟังและคอยปลอบใจ  ทั้งๆที่ใจเขาอยากโอบกอด  และจูบซับน้ำตาที่รินไหล…หึ  น่าสมเพชตัวเองชะมัด  ผ่านมาตั้งสองปีแล้วก็ยังไม่สามารถตัดใจได้  ทิวก้มลงมองคนที่เขารักในคราบของน้องชายฝาแฝด  มือข้างหนึ่งเช็ดน้ำตาที่ยังคงมีเหลืออยู่บนใบหน้า
 
                เขาจะไปถามพี่แทมินให้รู้เรื่องว่ามันเป็นยังไงกันแน่  และหากพี่แทมินไม่ต้องการไผ่แล้วจริงๆล่ะก็  มันคงไม่สายเกินไป…ถ้าเขาจะลงมือทุบกระจกบานนั้น  กระจกที่ขวางกั้นระหว่างเขากับไผ่
 
                เช้าวันนี้ทิวเตรียมแต่งตัวเพื่อไปมหาวิทยาลัยโดยยืมชุดของไผ่ใส่ไปก่อน
 
                “ทิว..ไผ่ไม่อยากไปเรียนเลย  T^T”
 
                น้องชายเริ่มงอแง  ทิวได้แต่ยิ้มปลอบ
 
                “เอาน่า  ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้  ขาดเรียนสักวันคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ ^^”
 
                “แต่ว่าวันนี้มีสอบย่อยด้วย  ทำไงดี T^T”
 
                “ง่ะ นั่นสินะ  ไว้ค่อยไปขออาจารย์สอบใหม่วันหลังดีไหม”
 
                ไผ่คว้ามือของทิวเข้าไปกุมไว้แล้วทำสายตาเว้าวอนสุดชีวิต
 
                “พี่ชาย  ไปเรียนแทนเค้าทีสิ”
 
                “ O_o!!!!!”
 
                ทิวอึ้ง!  ไม่ใช่อึ้งกับคำขอแต่อึ้งกับสายตาหวานเยิ้มที่สาบานได้เลยว่าคนทำหน้าตาเหมือนกับเขา  ตกลงว่าถ้าตูทำก็ออกมาแบบนี้ใช่ไหมเนี้ย!!!!!!!!!  อ่ะ  แต่ก็คงไม่น่ารักเท่าไผ่หรอกมั้งนะ  >///<
 
                “นะๆๆ  วันนี้วันเดียวนะ  ไปเรียนแทนที”
 
                “เอ่อ  เอางั้นก็ได้  ยังไงวันนี้พี่ก็มีเรียนแค่คาบเดียวเองแถมยังเป็นวิชาเรียนรวมด้วย  เขาไม่เช็คชื่ออยู่แล้วล่ะ  ^^”
 
                สุดท้าย..ก็ทนลูกอ้อนไม่ไหว
 
                “เย้  รักทิวที่สุดเลย!”
 
                ว่าแล้วก็โผเข้ากอดพี่ชาย  ทำเอาทิวอึ้งหนัก  ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย  เขาจะเขินตายอยู่แล้ว TOT
               
                …
 
                …
 
                …
 
            และแล้วก็กลายเป็นว่าวันนี้ผมต้องมาเรียนแทนไผ่  นี่ดีนะที่ตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพพร้อมกับแม่เฒ่า  สีผิวของผมก็ขาวขึ้นเหมือนกับไผ่  แล้วยังทำผมทรงเดียวกันอีกต่างหาก(เพราะความประสงค์ของไผ่)  เลยทำให้แทบจะไม่มีใครแยกพวกผมออกเลยแม้แต่พี่แทมิน  จะมีให้ดูก็ตรงที่ผมจะยิ้มกับทุกคนไปทั่วนั่นล่ะทุกคนถึงจะแยกออก
 
                ว่าแต่ว่า….ข้อสอบพวกนี้มันอาร้ายยยย!  ไม่เห็นจะรู้เรื่องสักตัว -*-  ไผ่น้องรัก  ถ้าการสอบครั้งนี้ทำให้น้องมีสิทธ์ได้เกรดอันไม่พึงประสงค์ก็ได้โปรดยกโทษให้พี่ด้วยก็แล้วกันนะT^T  บอกตามตรงครับว่าถึงจะอยู่มหาลัยเดียวกัน  เป็นฝาแฝดกัน  แต่ถ้าทำข้อสอบข้ามคณะกันแบบนี้ ดับสนิทแน่นอน =_=”
 
            “เฮ้ยว่าไงไอ้ไผ่  สอบคราวนี้เต็มอีกแล้วใช่ไหมมึง”
 
                คนที่ทัก  ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นเพื่อนของไผ่  เห็นเดินไปไหนมาไหนเดียวกันประจำ….ชื่อไรแล้วน้า  …เน  เน…..เนม!  เออใช่มันชื่อเนม
 
                “จะขอขอบคุณพระเจ้าเลยถ้าได้เต็มอย่างที่เนมว่า”
 
                “โห  ไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งโง่เลยวะ  แม่งสอบทีไรมึงล่ะได้เต็มทุกที  กูล่ะโคตรรรรรจะอิจฉา”
 
                เหอะๆ  ก็รู้อะนะว่าไผ่ฉลาด  แต่ไม่นึกว่าจะได้เต็ม  แล้วนี่ถ้าอาจารย์สงสัยขึ้นมาจะทำยังไงล่ะทีนี้
 
                “เออ  ว่าแต่ที่เราตกลงกันไว้  ว่าไงวะ”
 
                อ่าว  ชิบหายแล้วไหมล่ะ  ตกลงอะไรกันอีก
 
                “เอ่อ….โทษทีนะเนม  เราลืมไปแล้วว่าตกลงอะไรเอาไว้ ^^” “
 
                เอาแล้วไง  เนมมองผมตาไม่กระพริบ  จะบอกให้นะว่าถึงนายจะหน้าตาขาวตี๋  สูงเพรียวและดูเท่แค่ไหน  ผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด (แล้วจะบรรยายความหล่อของมันเพื่อ?????)
 
                “ไอ้เรื่องนั้นไว้ทีหลัง  ว่าแต่วันนี้กูว่ามึงแปลกๆนะ  ทุกทีเห็นแทนตัวเองด้วยฉันไม่ใช่เหรอ”
 
                อ่าว   แล้วผมจะรู้ไหมเนี้ย!  ซวยแล้วเนมมองผมด้วยสายตาจำผิดอย่างรุนแรง
 
                “ก็…ไม่มีอะไร  แค่อยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศ”
 
                แน่ะ  ยังทำสายตาไม่เชื่อมาอีก -*-
 
                “งั้นก็แล้วไป  ว่าแต่มึงนึกไม่ออกจริงอ่ะว่าเรื่องอะไร”
 
                “ใช่  พอดีว่าช่วงนี้เบลอๆสงสัยจะอ่านหนังสือมากไป^^”
 
                “นั่นแน่  อ่านหนังสือมากไปหรือว่ามัวแต่จึ้กกะดึ้ยกับแฟนกันแน่ว้า”
 
                ง่ะ….
 
                “จะบอกใหม่อีกครั้งก็ได้  คราวนี้ห้ามลืมอีกนะเฟ้ย”
 
                “อืม”
 
                เนมหันซ้ายหันขวา  เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครแล้วก็กระดิกนิ้วให้ผมเข้ามาใกล้ๆ  เพื่อที่เขาจะได้กระซิบบอกผมได้ถนัด
 
                “เรื่องที่ว่าก็คือ….แบบนี้ไงล่ะ!”
 
                ว่าแล้วเนมก็จัดการหอมแก้มของผมเข้าไปฟอดใหญ่!!!!!
 
                “ฮะๆๆๆ  ว่าแล้ว  เป็นทิวจริงๆด้วย  ก๊ากๆๆๆ”
 
                “เล่นงี้หมายความว่าไง  แล้วรู้ได้ไงเนี้ย!”
 
                “ก็…สังเกตมาตั้งแต่ตอนที่ตั้งใจจะลอกข้อสอบแล้วล่ะ  เห็นทำผิดเยอะก็เลยเริ่มสงสัย^^”
 
                ทำผิดเยอะ - -*  ใช่สิ  ก็ผมไม่รู้เรื่องจริงๆนิ  ว่าแต่ถ้าถึงขนาดที่รู้ว่าผมทำผิด  มันก็คงจะฉลาดพอ  แล้วจะหันมาลอกผมทำมายยยยยยยยย  เนมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  เหอะๆ  โดนจับได้ซะแล้ว  แต่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะเครียด!
 
                “แล้วมาหอมแก้มเราทำไม  ต้องการอะไรกันแน่!”
 
                “ใจเย็นๆ  อย่าเพิ่งโกรธ  หน้าบึ้งๆน่ะ  ให้ไอ้ไผ่มันทำคนเดียวก็พอแล้ว”
 
                “งั้นก็บอกมาสิว่าต้องการอะไร”
 
                “ก็…แค่อยากจะแกล้งเท่านั้นไม่ได้ต้องการอะไรสักหน่อย”
 
                “งั้นก็แล้วไป  ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
 
                “ไม่มีทาง”
 
                “อะ อะ  ไอ้……..”
 
                ให้ตายสิ  ตอนนี้ความอดทนของผมกำลังจะหดหาย  ไผ่นะไผ่  คบคนแบบนี้เป็นเพื่อนได้ยังไงเนี้ย
 
                “พูดคำหยาบเนี้ยมันไม่ดีน้า ^^”
 
                แล้วทีเอ็งล่ะ  เล่นขึ้นมึงกูกันเลยไม่ใช่เรอะ!!!
 
                “เอาน่าๆ  อย่าเพิ่งโกรธเลย  ว่าแต่ไอ้ไผ่มันไปไหนเหรอถึงไม่มาเรียน”
 
                เปลี่ยนเรื่องเฉยเลยนะ - -^
 
                “ไผ่ไม่สบายนิดหน่อย”
 
                “อ่าว  ไม่ใช่เรื่องแฟนหรอกเหรอ  เห็นบ่นๆอยู่ว่าช่วงนี้แฟนแปลกไป”
 
                รู้อยู่แล้วจะถามเพื่อ??
 
                เมื่อเนมเห็นทำทำหน้าประมาณว่าอยากจะฆ่ามันใจจะขาดมันก็หัวเราะเสียงแห้งไปเลย
 
                “เอาเป็นว่าเราไปเรียนคาบต่อไปกันดีกว่านะ  เดี๋ยวจารย์จะเช็คสายเอา”
 
                ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร  เนมก็จัดการจับมือของผมพาวิ่งซะอย่างนั้น  เฮ้ย เดี๋ยวจะ  ทำไมต้องจับมือด้วยเล่า!!!!
 
            โอยยยย  ผมอยากจะบ้าตาย  จะขอสาบานตรงนี้เลยว่าจะไม่มาเรียนแทนไผ่อีกเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ  ไม่งั้นไอ้บ้าเนมมันจะทำให้ผมบ้าตามมันไปจริงๆ  และไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้  รถฮอนด้าที่ผมคุ้นเคยก็เข้ามาจอดใกล้ๆกับม้านั่งที่ผมกับเนมนั่งอยู่พอดี
 
                “ไผ่  ทำไมถึงไม่รับสายมินล่ะ”
 
                ครับ  รถคันนี้เป็นของพี่แทมินนั่นเอง  แล้วจะให้ผมรับได้ยังไงในเมื่อผมไม่ใช่ไผ่  ผมหันไปมองหน้าเนมเป็นเชิงขอตัว  ซึ่งดูเหมือนว่าเนมก็คงเข้าใจในเรื่องที่ทำไมวันนี้ผมถึงมาเรียนแทนไผ่
 
                “ผมว่าคุยตรงนี้ไม่สะดวกนะ พ…แทมิน”
 
                เกือบจะหลุดคำว่าพี่ไปแล้วไหมล่ะ -*-  ผมกับพี่แทมินพากันไปนั่งตรงม้านั่งที่ไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก
 
                “บอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงไม่รับสาย”
 
                “พวกเราไม่ได้ป็นอะไรกันแล้วนี่ครับ”
 
                “ไผ่  มินขอโทษ  ตอนนั้นมินเหนื่อยแล้วก็หงุดหงิดไปหน่อย  ขอโทษจริงๆ”
 
            ทำไมกันนะ  ต้องให้รู้ตัวก่อนว่าผิดพลาดรึไง  ถึงได้มาสำนึกผิด
 
                “แล้วไงครับ”
 
                “เรากับมาเป็นแฟนกันเหมือนเดิมเถอะนะ”
 
                “ผมไม่ใช่ของตายนะครับ  ที่นึกจะเลิกเมื่อไหร่ก็ไป  นึกจะคืนดีเมื่อไหร่ก็มา”
                น่าน  ประชดซะ
 
                “ผมถามจริงๆเถอะ  แทมินรักผมแน่เหรอ”
 
                “รักสิ  รักมากที่สุดเลยด้วย”
 
                “ถ้าหากว่ารัก  แล้วทำไมถึงรับในสิ่งที่ผมเป็นไม่ได้ล่ะครับ  รึว่าแทมินยึดติดกับตัวผมคนเดิมที่แทมินรู้จัก”
 
                “ไม่  ไม่ใช่แบบนั้น  มินรักไผ่จริงๆนะ”
 
                ผมถอนหัวใจออกมาเฮือกใหญ่  ไม่ว่ายังไงก็ยังรักไผ่อย่างนั้นสินะ  ในเมื่อเจ้าตัวว่าอย่างนั้นแล้วตัวผมจะทำอะไรได้  นอกจากให้ไผ่เป็นคนตัดสินใจเอง
 
                “ผมคิดว่าเรื่องนี้  พี่แทมินควรจะไปพูดกับไผ่จะดีกว่านะครับ”
 
                “เอ๋  แล้วนี่…”
 
                แทบจะขำก๊าก กับท่าทีตะลึงจนตาโตของพี่แทมิน  นี่แสดงว่าไม่ได้เอ่ะใจเลยสินะ  จริงๆสิ  นอกจากเนมแล้วไม่มีใครดูออกเลยสักคนนี่นา
 
                “ผมทิวต่างหากล่ะพี่แทมิน  ไผ่เขาอยู่ที่อพาร์ทเมนท์  ไปหาสิ^^”
 
                “อืม”
 
                “พี่แทมิน…”
 
                “อะไรเหรอ”
 
                “พูดในสิ่งที่ใจพี่คิดเถอะนะ  อย่าใช่อารมณ์อีกเลย  ผมไม่อยากเห็นไผ่ต้องเสียใจอีก  และถ้าหากพี่ไม่ต้องการไผ่  ทำให้ไผ่ต้องเสียใจอีกล่ะก็  ผมก็ขอให้พี่ปล่อยมือจากไผ่ไปซะ”
 
                “ทิว…”
 
                “และเมื่อถึงตอนนั้น  ผมจะขอรับตัวไผ่ไว้เอง”
 
                นี่ไม่ใช่การขู่  แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ  ถ้าหากคนๆนี้ทำให้ไผ่ต้องร้องไห้อีกครั้ง  ผมก็จะไม่ลังเลที่จะทุบกระจกบานนั้นแล้วเอื้อมมือไปคว้าไผ่…
 
                พี่แทมินขับรถออกไปแล้ว  เนมก็เดินมานั่งตรงหน้าผม
 
                “เป็นไง  ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม^^”
 
                “ไม่รู้สิ  คงต้องแล้วแต่ไผ่ล่ะมั้ง  ถ้าเป็นอย่างที่เนมพูดก็ดีน่ะสิ”
 
                “ทิวเนี้ยรักน้องชายจังเลยเนอะ”
 
                “แน่อยู่แล้ว  ไม่ห่วงน้องชายแล้วเราจะไปห่วงใครล่ะ”
 
                “เอาแต่ห่วงเรื่องของคนอื่น  แล้วเรื่องของตัวเองล่ะ  เคยห่วงมักรึเปล่า”
 
                จะล้อเล่นอะไรผมอีกล่ะ  ถึงได้ถามอะไรแบบนี้ -*-
 
                “อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ  เราไม่ได้ฉลาดพอที่จะเดาความคิดของเนมได้หรอกนะ”
 
                “ทิวจะเป็นแฟนกับเนมได้ไหม”
 
                “โธ่เอ้ย  เรื่องแค่นี้เอง…….หา!!!!!!”
 
                “เนม..ชอบทิวนะ  จะเป็นแฟนกับเนมได้ไหม”
 
                ตายล่ะสิครับ  ไอ้นี่มันต้องล้อผมเล่นอีกแน่ๆเลย
 
                “จะล้อเล่นอะไรเราอีกล่ะเนม….เราไม่ขำนะ”
 
                “ไม่ได้ล้อเล่นนะ!!!”
 
                ผมสะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นและท่าทีจริงจังของเนม  นี่อย่าบอกนะว่า…
 
                “เนมชอบทิว  ชอบตั้งแต่ตอนที่ไผ่แนะนำทิวให้รู้จักแล้ว  ถึงพวกนายจะเหมือนกันสักแค่ไหน  แต่ยังไงทิวก็โกหกสายตาของเนมไม่ได้หรอก  เนมรู้…รู้ตั้งแต่ที่เจอกันวันนี้แล้วว่าคนที่เข้าห้องมาไม่ใช่ไผ่  แต่เป็นทิว”
 
                อ้าว  ตกลงที่บอกว่ารู้ตอนลอกข้อสอบก็โกหกอ่ะดิ  แล้วที่หอมแก้มผมไปก็….
 
                “ช่างเถอะ  เอาเป็นว่าเมื่อกี้เนมพูดเล่นก็แล้วกัน  ขอโทษนะ”
 
                เนมทำท่าจะลุกขึ้นแต่ไม่รู้ทำไมเจ้าแขนเฮงซวยของผมดันไปคว้าเสื้อของเขาซะได้  แล้วทีนี้ผมจะพูดกับเขาว่าไงดีล่ะครับ -*-
 
                “มีอะไรเหรอ”
 
                “เอ่อ….คือเรื่องเมื่อกี้….”
 
                “????”
 
                “ตอนนี้…เราก็ยังไม่มีแฟน  ถ้ายังไง……จะคบด้วยก็ได้”
 
            “O.O!!!!!”
 
                “แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับนาย”
 
                สีหน้าที่ดูจะมีความหวังขึ้นมาของเนมก็พลันหมองลงเล็กน้อย
 
                “ถ้าไม่ได้คิดอะไรด้วยแล้วจะตอบตกลงคบกับเนมทำไม”
 
                “คือ…เราคิดนะ…ก็แค่คิด”
 
                หากเราทุบกระจกบานนั้นแล้วผลมันจะเป็นยังไง  ถ้าไผ่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเราล่ะ  เราจะทำยังไง  เราจะกล้ามองหน้าไผ่ได้ยังไง  ความสัมพันธ์ของพวกเราก็คงจะไม่เหมือนเดิม  กับยิ่งห่างกันออกไป  สุดท้าย…ผมก็ยังคงขี้ขลาด  ไม่กล้าที่จะทุบกระจก  ได้แต่ปากเก่งไปอย่างนั้น
 
                “ถ้าเนมทำให้เรารักได้ก็ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่เหรอ  ถึงตอนนี้จะกลายเป็นแฟนโดยที่เราไม่ได้คิดอะไรด้วย  แต่เนมก็มีโอกาสมากกว่าเมื่อก่อนจริงไหม”
 
                เมื่อผมพูดจบเนมก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีและ…ขโมยหอมแก้มผมไปอีกฟอด
 
                “ถ้าอย่างนั้นก็ขอฝากตัวด้วยนะ  ทิวสุดที่รัก  ^^”
 
                “อ่ะนะ  -*-“
 
                และเรื่องราวความรักของผมกับเนม  ก็เริ่มขึ้น…
 
            -----------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special3 P.4) [09/08/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 08-02-2014 17:39:31
Special 3 : การทะเลาะกันของคู่รัก (จบ)


                 ภายในอพาร์เมนท์ที่ถึงแม้จะมีผู้คยพลุกพลานมากมายเพียงไรแต่ภายในห้องของผมกลับเงียบเหงา  ทั้งๆที่คิดว่าคงจะไม่ได้สัมผัสความรู้แบบนี้อีกแล้วแท้ๆ  แต่สุดท้ายผมก็คงไม่เหมาะกับคำว่าความสุข…ความเหงาที่ต้องอยู่ลำพังเพียงคนเดียว  ความเดียวดายเพราะไม่มีใครต้องการ…ทำไมกันนะ  ผมน่าจะชินกับมันได้แล้วนี่นา…แล้วผม…ร้องไห้ทำไมกัน
 
                หยดน้ำตาที่คิดว่าได้หยุดไหลไปแล้วกลับไหลลงอีกครั้ง  เกลียดตัวเองเหลือเกินที่กลายเป็นคนอ่อนแอไปเสียแล้วกับเรื่องแค่นี้  ชินสักทีสิ  เคยอยู่คนเดียวมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ  คราวนี้จะอยู่คนเดียวอีกมันจะเป็นไรไป….
 
                ปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนบ้า  เพียงเพราะได้สัมผัสกับแสงสว่างเลยทำให้ตัวเองอ่อนแอลง  แทมิน…ทำไมถึงได้ผิดสัญญา  ไหนบอกว่าจะเป็นความสุขให้ผมไง  ไหนบอกว่าจะไม่ทำให้ผมร้องไห้ไง…
 
                แทมินมาถึงหน้าห้องของไผ่แล้ว  ใจอยากจะรีบทะลุประตูไปกอดไผ่ซะเดี๋ยวนี้  แล้วขอโทษ  ขอโทษจนกว่าไผ่จะยกโทษให้  แต่ประตูก็ล็อค  โชคดีที่เขาพากุญแจสำรองมาด้วย
 
                แกร๊ก
 
                แทมินไขประตูเข้าไป  ภายในห้องมืดสนิท  มีเพียงเสียงร้องไห้แผ่วเบาที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บ  เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟ  แล้วก็พบไผ่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียง
 
                “ไผ่…”
 
                แทมินตรงเข้ามากอดผมแนบแน่น  และกระซิบคำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมา
 
                “มาหาผม…มีธุระอะไรรึเปล่าครับ  พี่แทมิน”
 
                แทมินคลายอ้อมกอดลงทีนทีที่ได้ยินผมเรียกเขาว่าพี่…
 
                “ไม่เอานะไผ่  อย่าเรียกมินแบบนั้นนะ  มินขอโทษ  ไผ่อย่าทำอย่างนี้เลยนะ”
 
                “พวกเรา…เป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอครับ”
 
                “ไผ่  มินผิดเอง  ขอโทษที่โมโหใส่ไผ่นะ  เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบนี้เลย”
 
                “ทั้งๆที่สัญญาแล้ว  ว่าจะไม่ทำให้ผมร้องไห้….”
 
                “ขอโทษ  มินจะไม่ทำอีกแล้ว  อย่าร้องไห้นะ”
 
                “ไหนบอกว่าจะเป็นความสุขให้ผม…แล้วทำแบบนี้ทำไม  ฮืออ”
 
                “อย่าร้องนะ  มินจะไม่ทำให้ไผ่เสียใจอีกแล้ว  หยุดร้องนะคนดี  เรามาดีกันนะ  มินสาบานเลยว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
 
                ผมกอดตอบแทมินแล้วร้องไห้หนัก  เพราะผมรักเขาถึงได้ยอมยกโทษให้ง่ายๆ  ผมถึงได้เกลียดตัวเองยังไงล่ะ  ไม่ว่าอะไรก็ให้อภัยเขาไปซะหมด  ไม่ว่าจะเป็นเซน  พ่อกับแม่  ทิว  หรือแม้แต่แทมิน  แต่ถ้าหากผมต้องเสียใจเพราะเขาอีกครั้งล่ะก็  ผม…จะไม่ยกโทษให้เขาอีกเพราะหัวใจของผมไม่ได้มีหลายดวงไว้ให้เขาทำให้มันแตกสลายและทำให้รัก
 
                “ผม…กลัวเหลือเกิน”
 
                “…”
 
                “กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว  เหมือนความรู้สึกเมื่อสมัยก่อนมันกลับมาทิ่มแทง”
 
                แทมินกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก
 
                “ตอนที่ผมเป็นเด็ก  ผมเฝ้ารอพ่อกับแม่ที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่อยู่เพียงลำพัง  ทั้งเหงาทั้งกลัว  จนสุดท้ายผลที่ได้รับจากการรอคอยก็คือทำให้พ่อกับแม่ไม่พอใจ  มัน…เหมือนกับเมื่อวานเลย”
 
                ผมระบายความในใจให้แทมินได้รับรู้  ผมจะบอกเขาว่าผมคิดยังไงกับการกระทำของเขาตลอดช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
 
                “ขอโทษนะ”
 
                คำขอโทษที่แทมินเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา  มันยิ่งตอกย่ำถึงความใจดีของตัวผมเอง  ถ้าหากผมเข้มแข็งกว่านี้อีกสักนิดก็คงไม่ต้องเกลียดตัวเองอยู่แบบนี้…
 
                “ตั้งแต่เล็กจนโต  ผมไม่เคยทานข้าวกับครอบครัวเลย  ต้องอยู่คนเดียว  ทานข้าวคนเดียว  มันเหงามากเลยแทมิน  ผม…”
 
                น้ำตาที่แห้งไปเริ่มคลออีกครั้งเมื่อนึกถึงตัวเองเมื่อครั้งเป็นเด็ก  บนโต๊ะทานข้าวที่ดูใหญ่โตเหลือเกินในสายตาเด็กอย่างเขา  และมีเพียงเขาคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนั้น  ทุกวัน…ทุกวัน
 
                “และที่ผมทนไม่ได้คือคำพูดของแทมินที่ว่า ‘ทำโอที  ก็เพราะอยากจะเก็บเงินให้ได้เยอะๆ  เพื่ออนาคตของเรา’  แทมินรู้ไหมว่ามันเหมือนกับคำพูดของพ่อแม่ที่กรอกหูผมมาตั้งแต่เล็ก ‘ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะ’  เพราะคำพูดพวกนั้นมันทำให้พวกเขาต้องทำงานหนักจนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย  จนในที่สุดพวกเขา…ก็ลืมผม  แทมินกำลังจะเป็นเหมือนพวกเขา  อีกไม่นานแทมินก็จะลืมผมเหมือนกันใช่ไหม…”
 
                 “ไม่  ไม่นะที่รัก   อย่าร้องไห้”
 
                 “ถ้าเพียงคำพูดพวกนั้นแล้วผมต้องเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้  ผมก็ไม่ต้องการ…ไม่อยากได้”
 
                 “มินไม่ลืมหรอก  ที่มินทำงานหนักในช่วงนี้ก็เพื่อที่จะได้ขอลาหยุดยังไงล่ะ”
 
                 คำพูดของแทมินทำให้ผมต้องหันไปมองเขา…ลาหยุด?
 
                 “นี่อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้  เมื่อวันก่อนไผ่บอกมินว่าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นดูสักครั้งไม่ใช่เหรอ”
 
                 “ผม…เคยพูดเหรอ”
 
                 “เคย =_=”
 
                 ผมพยายามจะนึกทบทวนดูว่าเคยพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ
 
                 ‘โห  แทมิน  ซากุระสวยจัง’
 
                 ผมเอ่ยเมื่อได้ดูรายการรอบดึกเซย์ฮันโหล(รู้นะว่ารายการไร  มะเอ่ยถึงๆ เพราะมะได้ค่าสปอนเซอร์ ฮ่าๆๆ)
 
                 ‘นั่นสินะ’
 
                 ‘นี่ๆแทมิน  ของลาหยุดแล้วไปเที่ยวกันเถอะ’
 
                 ‘พูดง่ายจังนะไผ่ -*-‘
 
                 ‘ไม่รู้ล่ะ  ยังไงก็จะไปอ่ะ  ลาหยุดให้ได้นะ  ถ้าไม่ได้จะโกรธจริงๆด้วย  แล้วจะไม่ให้ทำด้วย - -^’
                 ‘เอ๋  ได้ไงอ่า’
 
                 ‘ไม่รู้ไม่ชี้ - -^^^’
 
                 จบการย้อนอดีตเพียงเท่านี้  นี่ตกลงผมเคยพูดแบบนี้จริงๆสินะ  -*-  แถมยังบอกเองด้วยว่าจะไม่ให้ทำด้วย  ง่า  ตกลงนี่ผมผิดเต็มเลยใช่ไหมเนี้ย
 
                 “ดูท่าจะนึกออกแล้วสินะ =_=”
 
                 ผมหันไปยิ้มแห้งๆให้แทมิน  ตัวเองพูดเองแล้วดันลืมเอง  ชีวิตช่างน่าเศร้า T^T
 
                 “แต่ยังไงมินก็ผิดเหมือนกันที่โมโหใส่ไผ่  เวลามินเหนื่อยจะชอบหงุดหงิดน่ะ  ขอโทษนะ”
 
                 “ไม่เป็นไร  ครั้งนี้ถือว่าแล้วกันไปก็แล้วกัน  ว่าแต่ว่า…”
 
                 “???”
 
                 “คืนนี้จะไม่ปล่อยแล้วนะ  ผมอดทนมาหลายวันแล้วด้วย^^”
 
                 เมื่อได้ยินดังนั้นแทมินก็ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แสนหื่นมาให้ผม  นี่สิที่ผมต้องการ  รอยยิ้มที่ทำให้ผมแพ้ทางแทบจะทุกครั้ง
 
                 “นั่นสินะ  พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ซะด้วย  ถึงเช้าเลยดีไหม”
 
                 “ก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว”
 
                 “ไผ่นี่น้า  นอกจากนิสัยจะเปลี่ยนแล้ว  เรื่องอย่างว่านี่ก็…”
 
                 “แทมินเคยพูดนี่นา  เมื่อสองปีก่อนบนชิงช้าสวรรค์  จำได้ไหม”
 
                 แทมินผลักผมลงบนเตียงและจูบผมอย่างกระหาย  บดขยี้ริมฝีปากของผมจนช้ำแดง
 
                 “จำได้สิ  มินบอกว่าอยากจะเก็บไผ่เอาไว้เป็นของมินเพียงคนเดียว  อยากจะครอบครองไผ่ ทำให้ไผ่ขาดมินไม่ได้และเรียกร้องหาแต่มิน^^”
 
                 “ถ้าอย่างนั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยที่ความปรารถนาของแทมินเป็นจริงแล้ว  ตอนนี้ผมต้องการแทมินเหลือเกิน  รีบๆเติมเต็มผมเร็วๆสิ”
 
                 “ได้เสมอ  ที่รัก”
 
                 เสื้อผ้าของผมถูกปลดออกพร้อมกับของเขา  ริมฝีปากร้อนที่พรมจูบตามซอกคอเรื่อยมาจนถึงยอดอก  เสียงดูดที่ดังและมือซุกซนของแทมินที่หยอกล้อสวนอ่อนไหวของผมมันทำให้ผมเสี่ยวซ่านจะแทบทนไม่ไหว
 
                 “แทมิน  ให้ผมทำบ้างสิ”
 
                 “^^”
 
                 ผมกุมแท่งอารมณ์ของเขาที่ตอนนี้ตั้งชูชันแล้วรูดขึ้นลง  ล้นของผมเลียส่วนปลายของเขาก่อนขะอมด้วยโพรงปากอุ่น  ขนาดที่ใหญ่ของมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดและคับปากไปหมดแต่ผมก็ยินดีทำให้เขา  เพราะผมรักเขา
 
                 “อา…อย่างนั้นล่ะ  เข้าไปให้สุดสิไผ่”
 
                 เสียงครางทุ้มของแทมินทำให้อารมณ์ของผมยิ่งลุกโชน  และนานน้ำรักของเขาก็ทะลักลงคอของผม  แม้ว่าในตอนแรกที่ทำมันทั้งรู้สึกคาวและรู้สึกแปลกแต่ตอนนี้ไม่มีคำนั้นอีกแล้ว  แทมินจับผมแยกขาออกและพาดมันไว้ที่บ่า
 
                 “จะเข้าไปแล้วนะ”
 
                 ส่วนแข็งที่จ่อช่องทางของผมกดแทรกเข้าไปเมื่อเห็นผมพยักหน้า
 
                 “อา  อึก  อื้ออออ”
 
                 “พร้อมนะไผ่”
 
                 “เอาเลย  ..อ่ะ  อ๊า”
 
                 ส่วนแข็งที่กระแทกเข้าออกอย่างถี่หยิบทำให้ผมแทบคลั่ง  ตอนนี้ในหัวของผมขาวโพลน  ไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้นนอกจากบุคคลตรงหน้านี้  และทันทีที่ส่วนแข็งของเข้าแตะโดนจุดกระสันมันทำให้ผมแทบสะดุ้ง
 
                 “อ๊าาา  ตรง..นั้น  อ่ะ  อา”
 
                 และเหมือนต้องการจะกลั่นแกล้ง  แทมินกระแทกลงไปที่จุดนั้นอย่างเร็วและเร็วจนผมกลั้นอารมณของตัวเองไม่ไหว
 
                 “อ๊า  ฮ่า  อีก  แรงอีก อ๊ะ  แทมิน อ๊าาาา”
 
                 ผมปลดปล่อยออกมาจนเปรอะเปื้อนหน้าท้องทั้งของผมและของแทมิน  แต่เขาก็ยังกระแทกเข้าออกอีกสองสามครั้งก่อนที่จะนิ่งไปพร้อมความรู้สึกอุ่นๆที่แทรกเข้าในในกาย
 
                 “ยังไม่เหนื่อยใช่ไหมไผ่”
 
                 “ก็พูดเองไม่ใช่เหรอ…ว่าจะทำจนถึงเช้า”
 
                 แล้วเขาก็เริ่มบรรเลงบทรักอีกครั้ง  ท่ามกลางความกระหายอยากของคนทั้งสอง  ปลดปล่อยหลายครั้ง  ขึ้นสวรรค์หลายครา  แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ….
 

 

 

 
                 และแล้ว  ก็ถึงเวลาที่ผมรอคอย  ใช่แล้ว  แทมินขอลาหยุดได้หนึ่งอาทิตย์  เขากลับมาบ้านพร้อมกับตั๋วเครื่องบินสองใบในมือ
 
                 “แจ๋วไปเลยแทมิน  นี่ๆ  คราวหน้าไปเวนิสกันนะ^^”
 
                 “ง่ะ  กะ…ก็ได้จ้า  T^T”
 
                 ดูท่าว่าผมคงจะแก้นิสัยเอาแต่ใจไม่ได้แล้วสิ  ก็ในเมื่อที่รักของผมคนนี้เล่นตามใจผมตลอดเลยนี่นา  ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special3 P.4) [09/08/2013]
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 08-02-2014 17:57:51
Special 4 : ประสบการณ์หื่น ณ แดนปลาดิบ(?)


“แทมิน  นี่ๆไอ้นี่มันคืออะไรอ่า”  ไผ่ชี้ไปที่ตุ๊กตาล้มลุกสีแดงหน้าตาดุๆด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น  ไม่อยากบอกเลยว่าตอนนี้แทมินต้องสกัดกั้นความต้องการ (?) อย่างสุดความสามารถก็เพราะท่าทางไร้เดียงสาแบบนี้ของคนรัก
 
                “เขาเรียกว่าตุ๊กตาดารุมะ  ถ้าดูให้ดีๆจะเห็นว่าที่ขายอยู่จะไม่มีตา  ผู้คนเขาเชื่อว่าตุ๊กตาตัวนี้จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริงโดยจะเขียนตาหนึ่งข้างลงไปพร้อมอธิษฐาน  เมื่อความปรารถนาเป็นจริงแล้วก็ตาเติมตาอีกข้างลงไป  สุดท้ายก็นำไปเผาซึ่งในหนึ่งปีจะมีแค่ครั้งเดียว  ถ้าพลาดล่ะก็ต้องรอปีถัดไป”  ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ไปหาข้อมูลมานะเนี้ย   มาเที่ยวญี่ปุ่นตามคำขอของไผ่ทั้งทีถ้าไม่รู้อะไรเลยก็คงจะน่าเบื่อ  ยิ่งการสื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่นก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะแทมินเรียนภาษาเกาหลีมา  ส่วนภาษาอังกฤษ…อย่าหวังเลยว่าจะได้ใช้  เพราะภาษาอังกฤษที่คนประเทศนี้ใช้นั้นเหนือคำบรรยาย (ใครเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นคงรู้เนอะ  ส่วนใครไม่เคยเรียนจะยกตัวอย่างง่ายๆให้ดูนะเจ้าคะ  อย่างเช่นประเทศอังกฤษ England  คนญี่ปุ่นจะออกเสียงเป็น อิ-คิ-ริ-สุ -*-)
 
                “เหรอ  รู้ดีจังเลยเนอะ^^  งั้นผมซื้อสักตัวด้วยดีกว่า”  ว่าแล้วไผ่ก็เดินเข้าไปในร้านขายของที่ระลึก  ภายในร้านมีตุ๊กตาดารุมะมากมายหลายขนาดและหลายสี
 
                “ผมเอาตัวนี้ก็แล้วกัน  แทมินว่าดีไหม”  ตัวที่ไผ่หยิบมาเป็นตัวเล็กขนาดสองมือกุมสีน้ำเงิน
 
                “แต่ว่าเราคงอยู่จนถึงวันเผาตุ๊กตาไม่ไหวหรอกนะ”  แทมินหยิบตุ๊กตาดารุมะตัวใหญ่กว่าของไผ่เล็กน้อยสีดำขึ้นมาพิจารณา  เอียงซ้ายเอียงขวาเหมือนจะหาตำหนิ
 
                “เรื่องแบบนั้นผมไม่ถือหรอก  จะเผาเมื่อไหร่  ยังไงมันก็ต้องเผาเหมือนกันนั่นแหล่ะ”  มาแล้วไง  เริ่มเอาแต่ใจอีกแล้ว
 
                “จ้าๆ  งั้นเอาเป็นว่าเราไปจ่ายเงินกันเถอะ”  แทมินตัดสินใจซื้อตุ๊กตาตัวที่เขาสำรวจอยู่เมื่อครู่  ป้าคนขายมองทั้งสองตาไม่กระพริบ
 
..เอ่อ..ไม่ต้องส่งสายตาหื่นๆมาก็ได้ครับ  เกรงใจ -*-
 
                เมื่อเดินออกมาจากร้านขายของที่ระลึกภายในศาลเจ้า  ไผ่ก็หยิบเอาพู่กันที่วางไว้ตรงซุ้มที่เขาเอาไว้เขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นไม้  วาดตาหนึ่งข้างให้กับตุ๊กตาดารุมะที่เพิ่งซื้อมาอย่างอารมณ์ดี
 
                “อะไรกัน  วาดไปแล้วเหรอ  แล้วไผ่อธิษฐานอะไรลงไปบอกมินหน่อยสิ”
 
                “ผมขอให้แทมินรักผมตลอดไป  และจะไม่มีอะไรทำให้เราผิดใจกันได้อีกไงครับ”  ว่าแล้วก็หันมายิ้มให้แทมิน  ไผ่เองนั้นก็รู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นเอาแต่ใจมากมายเพียงไร  จึงได้อธิษฐานต่อท้ายภายในใจ
 
                …ขอให้ช่วยอดทนผมหน่อย
 
                …ได้โปรดอย่าได้เบื่อที่ผมเป็นแบบนี้เลย
 
                “ดูท่าคำอธิษฐานนั้นคงเป็นจริงแล้วล่ะไผ่”  แทมินหยิบพู่กันจากมือของไผ่มาแต้มตาให้ตุ๊กตาดารุมะอีกข้างหนึ่ง  ท่ามกลางความงุนงงของไผ่
 
                “มินจะรักไผ่ตลอดไป  และจะไม่มีอะไรมาทำให้พวกเราต้องผิดใจกันอีก  สัญญา…”  ไม่ว่าไผ่จะเป็นยังไง  ไผ่ก็คือไผ่  คือคนที่เขาจะรัก…ตลอดไป
 
                “พูดแบบนี้ผมก็เขินแย่สิ  ว่าแต่แทมินจะขออะไรกับตุ๊กตาเหรอครับ”  ไผ่จ้องแทมินตาแป๋วเมื่อแทมินเริ่มลงมือวาดตาให้ตุ๊กตาของตนเองบ้าง
 
                “หึหึ  ความลับ^^”  คำตอบนั้นทำเอาไผ่ส่งสายตาจิกกัดมาเต็มที่จนแทมินเริ่มเสียวสันหลังวาบ
 
                “โกงกันนี่นา  ผมยังบอกเลยว่าผมปรารถนาอะไร  ถ้าไม่บอกผมโกรธจริงๆด้วย”  ว่าแล้วก็กอดอกหันหลังให้แทมินซะอย่างนั้น  รู้ตัวไหมว่าเวลางอนน่ะน่ารักแค่ไหน  >///<
 
            “เอาน่า  อีกไม่นานไผ่ก็จะรู้แล้วล่ะ”  แต่ไผ่ก็ยังคงงอนอยู่เช่นเดิม  จนแทมินต้องเปลี่ยนประเด็น
 
                “งั้นไผ่วางตุ๊กตาไว้ที่นี่ก็แล้วกัน  ถึงเวลาเขาก็คงเอาไปเผาให้เองนั่นล่ะ  ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”  แทมินจับมือไผ่เดินนำเหมือนผู้ชำนาญทาง (?)  หยิบเอาแผ่นพับในกระเป๋าออกมาดู
 
                “จะกินอะไรดีล่ะไผ่  ราเมงดีไหม”  แทมินชี้รูปราเมงในแผ่นพับให้ไผ่ดู
 
                “ไม่เอาหรอก  ไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยว  อยากกินข้าวมากกว่า”  ไผ่ชี้ไปที่รูปข้าวในแผ่นพับ...จากภาษาอังกฤษที่บรรยายข้างๆ  นั่นมันร้านอาหารไทยไม่ใช่เหรอ -*-
 
พูดก็พูดเถอะ  มาถึงที่นี่ทั้งทีอะไรที่เป็นอาหารมีชื่อเสียงของเขาทำไมถึงไม่ลองกินดูสักครั้งนะ  แทมินคิดในใจ  แต่ก็คงขัดใจไม่ได้จนเดินตระเว้นหาร้านขายข้าว
 
                ผู้คนเดินสวนไปมามากมายกว่าที่คิดและตาของไผ่ก็ไปสะดุดกับร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่งที่มีคนต่อแถวยาวออกมาถึงนอกร้าน
 
                “แทมิน  ผมอยากลองกินร้านนั้น”  แทมินมองตามทิศทางที่ไผ่ชี้ไป  คนเยอะมากเลยไม่ใช่เหรอ  อย่าบอกนะว่าจะรอ -*-
 
                “แล้วมันเป็นร้านขายอะไรไผ่รู้รึเปล่า”  คนเยอะแบบนั้นก็คงจะอร่อยอ่ะนะ
 
                “ไม่รู้หรอก  แต่อยากกินร้านนั้น”   ไม่ทันรอให้แทมินตอบกลับไผ่ก็จัดการลากแทมินตรงไปยังร้านอาหารร้านนั้นทันที  ดูจากความยาวของแถวแล้ว  ไม่รู้ว่ารออีกครึ่งชั่วโมงจะได้กินหรือเปล่า  ในระหว่างที่รออยู่นั้นเอง  แทมินก็นึกอะไรบ้างอย่างได้ขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
 
                “ไผ่ๆ  โทษนะ  ช่วยยืนต่อคิวสักแปบได้ไหม”
 
                “จะไปไหนน่ะแทมิน”  ไผ่เอ่ยถามอย่างสงสัย
 
                “มินขอตัวไปหาห้องน้ำก่อนนะ  มันเริ่มจะไม่ไหวแล้วล่ะ”  ว่าแล้วก็ทำสีหน้าบรรยายไม่ถูกออกมาจนไผ่รีบพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต  แล้วแทมินก็รีบวิ่งออกไปทันที
 
                …
 
                …
 
                …
 
                เมื่อเห็นว่าไกลจากตำแหน่งที่ไผ่ยืนอยู่มากแล้วแทมินก็หยุดวิ่งทันที  หวังว่าไผ่คงไม่แอบตามเขามาหรอกนะ
 
            …จำได้ว่าเห็นอยู่แถวๆนี้นี่นา
 
                แทมินหันมองซ้ายมองขวาเพื่อหาสิ่งที่เขาต้องการ  อยู่ไหนหว่า  จำได้ว่าร้านนั้นมันมีป้ายไฟสีม่วงขนาดใหญ่อยู่หน้าร้าน
 
                แทมินพยายามหาร้านที่มีป้ายอย่างที่เขานึก  เอ…ป้ายม่วง  ป้ายม่วง….ร้านนั้นป่าวหว่า
 
                เมื่อพบร้านที่คาดว่าจะเป็นร้านนั้นแทมินก็เดินเข้าไปใกล้ๆ  อา..แบบนี้ใช้แน่ๆ  ร้านที่กำลังตามหา  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาอย่างเงียบงั้น
 
                …
 
                …
 
                …
 
                …ช้าจังเลย
 
                จากแถวที่ยาวเหยียดตอนนี้เหลืออีกเพียงสองคนก็จะถึงคิวของไผ่แล้ว  กินเวลาไปกว่าสี่สิบนาทีเลยทีเดียว  แต่ถึงกระนั้นแทมินก็ยังไม่กลับมา
 
                …จะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ  ตกส้วมไปแล้วรึไงกัน…รึว่าหลงทาง  ไม่หรอกมั่ง-*-
 
                “ไผ่  คอยนานไหม”  คนที่บ่นถึงเมื่อครู่เดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าอารมณ์ดีเกินเหตุ  ทำเอาไผ่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแทน  อุตส่าห์เป็นห่วง- -*
 
                “นานจนนึกว่าตกส้วมตายไปแล้วล่ะ - -^^”  ประชดเข้าให้หนึ่งดอก
 
                “โทดที  หาห้องน้ำไม่ได้น่ะ  ก็เลยกลับไปเข้าที่โรงแรม  แต่นี่ก็รีบมาแล้วนะ  อ่ะนั่น  ถึงคิวเราแล้ว  เข้าไปกันเถอะ^^”  แทมินจับมือไผ่เดินเข้าไปในร้าน  กลิ่นหอมเหมือนแกงกระหรี่รอยฟุ้งเต็มร้าน  ร้านนี้มันมันร้านขายข้าวแกงกระหรี่นี่นา
 
                “ไผ่จะสั่งอะไร”  แทมินยังคงอารมณ์ดีต่อไป จนไผ่เริ่มสงสัย  แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
 
                “นั่นล่ะครับปัญหา  ผมอ่านออกซะเมื่อไหร่ล่ะ”  ไผ่มองแผ่นไม้ที่คาดว่าคงเป็นรายการอาหารที่แขวนอยู่ที่ฝาผนัง  ตัวอักษรญี่ปุ่นมากมายลายตาทำเอาเขาปวดหัว
 
                “งั้นเราก็ดูราคาที่เขียนไว้ที่ป้ายก็แล้วกัน  ชอบราคาไหนก็ชี้ให้เขาดูดีไหม”  นับว่าข้อเสนอของแทมินแก้ไขปัญหาได้เป็นอย่างดีและดูเหมือนพนักงานของร้านจะเข้าใจที่ทั้งสองพยายามจะสื่อสาร
 
                ไม่นานข้าวราดแกงกระหรี่ร้องๆก็ถูกเสิร์ฟตรงหน้าของทั้งสองโดยของไผ่เป็นข้าวราดแกงกระหรี่กุ้งเทมปุระส่วนของแทมินเป็นข้าวราดแกงกระหรี่หมูทอด
 
                ไผ่มองดูกุ้งในจานด้วยท่าทีไม่เชื่อ
 
                ...กุ้งสองตัว  น้อยไปรึเปล่าเนี้ย  แต่ก็น่ากินดีนะ
 
                “กินกันเลยนะ  จะได้กลับโรงแรมกันสักที”  แทมินจับช้อนตักข้าวเข้าปากอย่างมีความสุขท่ามกลางความสงสัยของไผ่ที่เพิ่มมากขึ้นทุกที
 
                ...แทมินเป็นอะไรกันนะ  ดูจะอารมณ์ดีเกินเหตูมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
 
                ...กลับไปโรงแรมจะถามให้รู้เรื่องให้ได้เลย
 
...

...

...

ต่อ เรปล่าง
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [08/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bjinkn ที่ 10-02-2014 19:22:04

 
            …
 
            …
 
            ประตูห้องพักถูกเปิดออก  แทมินยิ้มระรื่นเข้าห้องมาเป็นคนแรก  ไผ่ถอดแจ๊กเก็ตถอดไว้บนเก้าอี้แล้วหันมาทำตาขวางใส่คนรัก
 
                “วันนี้ดูแทมินจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะ  มีเรื่องอะไรดีๆอย่างนั้นเหรอครับ”  น้ำเสียงที่ฟังดูเย็นเยียบไม่ได้ทำให้แทมินสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย  แต่เจ้าตัวกลับถอดเสื้อผ้าเตรียมตัวอาบน้ำเสียอย่างนั้น
 
                “เรื่องนั้นช่างมันเถอะนะ  เราไปอาบน้ำกันดีกว่า ^^”  ว่าแล้วแทมินก็ส่งสายตาแสนหื่นมาทางไผ่จนไผ่ต้องหลบสายตา
 
                “ไม่เอาหรอก  ผมชอบอาบคนเดียวมากกว่า  แทมินไปอาบก่อนสิ”  ไม่ใช่ว่าชอบอาบคนเดียวหรอก  แต่กลัวว่ามันจะมีอะไรที่มากกว่าการอาบน้ำน่ะสิ  และเขาเองก็ไม่ค่อยชอบกระทำในที่ชื้นแฉะเสียด้วย
 
                “งั้นก็ตามใจ”  แทมินเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมฮัมเพลงอย่างสบายอุรา(?)  ไผ่ได้แต่นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้แทมินอารมณ์ดี  ก็ไม่น่าจะมีนี่นา  อะไรที่พิเศษหรือประทับใจ  แต่พอมาคิดๆดู  แทมินเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ตอนไปซื้อตุ๊กตาดารุมะแล้ว
 
                ... หึหึ  ความลับ^^
 
                หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับคำอธิษฐาน  ไหนจะหายไปเป็นเวลานานตอนต่อแถวที่ร้านแกงกระหรี่นั่นอีก  ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว  ไผ่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงมองเพดานอย่างเซ็งๆ  แล้วก็เหลือบไปเห็นถุงตุ๊กตาดารุมะที่แทมินซื้อมา
 
                ...แปลก  ทำไมมันขนาดใหญ่กว่าเดิม  หรือว่าเราคิดไปเอง?
 
                ไม่ทันที่มือจะเอื้อมจับถุงต้องสงสัยใบนั้น  เสียงประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดอย่างรวดเร็ว
 
                “ไผ่มาอาบต่อเร็ว”  อะไรกัน  แทมินอาบเสร็จแล้วเหรอ  เร็วชะมัด  พักเรื่องถุงไว้ก่อนก็แล้วกัน  อาบเสร็จเมื่อไหร่จะต้องพูดกันให้รู้เรื่อง
 
                เมื่อไผ่เขาไปในห้องน้ำ  แทมินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
 
                “ดีนะที่ออกมาทัน  ขืนให้ไผ่เห็นตอนนี้ล่ะก็ตายแน่”  แทมินเปิดถุงดูและยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์  แล้ววางถุงใบนั้นลงที่เตียง  เดินไปที่ทีวีเปิดตู้ใต้ทีวีเพิ่งหาหนังมาดู  โรงแรมที่นี่ดีจริงๆเลยมีวีดีโอให้ดูด้วย  เพียงแต่มันเป็นภาษาญี่ปุ่นเลยทำให้ไผ่ไม่ค่อยสนใจอยากดูเท่าไหร่  นิ้วไล่ดูทีล่ะเรื่องและหยิบเรื่องหนึ่งขึ้นมาดู
 
                “ผีชีวะภาคญี่ปุ่นเหรอเนี้ย  คงจะดูสนุกพิลึก”  เมื่อทำท่าจะวางวีดีโอที่เดิมแทมินก็สังเกตุเห็นว่าข้างในยังมีวิดีโออยู่อีกหนึ่งแถว  ด้วยความอยากรู้จึงหยิบขึ้นมาดู  แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็แสยะออกมามากกว่าเก่า
 
                ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก  ไผ่เดินออกมาในสภาพที่มีผ้าขนหนูพันเอวปกปิดส่วนล่างไว้เท่านั้น  สายตามองหาแทมินและก็พบเขานั่งอยู่ตรงหน้าทีวี
 
                “ฟังไม่รู้เรื่องก็ยังจะดูอีก  แปลกคนจัง”
 
                “อ้า.....อ๊ายยยย”  เสียงปริศนาดังแว่วขึ้นทำให้ไผ่รีบหันมาตามที่มาของเสียง...ดังมาจากทีวีงั้นเหรอ
 
                ไผ่ตรงเข้ามาหาแทมินและแล้วเขาก็ได้คำตอบ  แทมินกำลังดูวีดีโอโป๊!!!!
 
            “ทะลึ่ง  ลามกที่สุด  ไปเอาของแบบนี้มาจากไหน!”
 
                “ก็เอามาจากในชั้นนั้นไง”  แทมินชี้ไปที่ตู้ใต้ทีวี  อะไรกัน  โรงแรมมีของแบบนี้ด้วยงั้นเรอะ  ประเทศนี้มันอะไรกันเนี้ย!!!!!
 
                “ทุเรศที่สุด  กล้าเอาของแบบนี้มาวางไว้ได้ยังไง  ผมจะไปบอกพนักงานให้เอามันออก”  ไม่ทันที่ไผ่จะเดินออกไปเพื่อแต่งตัว  มือใหญ่ก็คว้าข้อมือของไผ่เอาไว้
 
                “พูดไปก็เท่านั้นแหล่ะ  รู้ไหมว่าประเทศนี้น่ะเขาเปิดเสรีเรื่องแบบนี้  ขนาดในร้านเช่าวิดีโอยังมีวางไว้เลย  เอาน่า  มานั่งดูด้วยกันดีกว่า”  แทมินฉุดมือไผ่ให้นั่งลง  ซึ่งไผ่เองก็ดูจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
 
                “อ๊า....อี๊~  โม๊ตโตะ!  โม๊ตโต๊~ ฮ้าาา”  เสียงครวญคราวที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของสาวชาวยุ่น  แม้มันจะฟังแปลกๆแต่ดูไปดูมาก็เพลินดีเหมือนกัน  ไผ่เหลือบตามองแทมินก็พบว่าแทมินเองก็มองเขาอยู่เช่นกัน
 
                “ชักมีอารมณ์แล้วล่ะ  ไผ่  มาทำกันเถอะ”แทมินเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆไผ่  และริมฝีปากอุ่นก็ประกบกัน  เรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามารุกรานในโพลงปากจนไผ่ต้องจับเสื้อของแทมินไว้เป็นที่มั่น  เมื่อแทมินปล่อยให้ปากของไผ่เป็นอิสระเขาก็อุ้มไผ่ขึ้นไปวางบนเตียง
 
                “ไผ่  หลับตาสิ  มินมีของจะให้ไผ่ด้วยนะ”  คำพูดนี้เรียกความสงสัยจากไผ่ได้มากพอสมควร  และเพราะรอยยิ้มของแทมินทำให้ไผ่ยอมหลับตาแต่โดยดี  อะไรกันนะ  ที่แทมินบอกว่าจะให้  รู้สึกได้ว่ามือทั้งสองข้างของเขาถูกแทมินรวบขึ้นไปพาดไว้บนหัวเตียง...ต้องการจะทำอะไรกันแน่
 
                แกร๊ก....
 
                เสียงเหมือนอะไรสักอย่างลงล็อคทำให้ไผ่รีบเปิดตาขึ้นมาดูทันที  และพบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนรักรออยู่แล้ว
 
                “เอาล่ะ  เรามาสนุกกันดีกว่านะที่รัก”  คำพูดกับรอยยิ้มนั้นดูจะเข้ากันได้ดีเกินเหตุ  ไผ่เตรียมขยับเพื่อที่จะอยู่ในท่าที่ตนคิดว่าจะเป็นอันตรายจากคนๆนี้น้อยที่สุด(?)  แต่แล้วเขาก็รู้แล้วว่าเสียงเมื่อครู่คืออะไร  ไผ่เงยหน้าขึ้นไปมองที่ข้อมือและพบว่าเขาถูกใส่กุญแจมือติดกับราวเหล็กที่หัวเตียง!!!
 
                “จะทำอะไรน่ะแทมิน  ปล่อยผมนะ”  ไผ่พยายามดิ้นจนทำให้ข้อมือเสียดสีจนรู้สึกเจ็บ
 
                “อย่าดิ้นเลย  เดี๋ยวข้อมือไผ่ก็เป็นแผลหรอก”  แทมินหยิบเอาสายหนังที่ดูเหมือนจะเป็นเข็มขัดเส้นเล็กๆสองเส้น  พร้อมจับขาของไผ่พับให้ข้อเท้าติดกับขาแล้วจัดการรัดเข็มขัดในสภาพนั้น
 
                “แทมิน  ผีเข้ารึไง  ทำไมถึงทำแบบนี้เนี้ย  พอแล้ว  ผมไม่ขำนะ!!”  ไผ่ในตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพอ้าขาให้กำแทมิน  บ้าจริง  ขยับไม่ได้เลย  แทมินเป็นอะไรไป!!!
 
            “อยากรู้ไหมไผ่  ว่ามินอธิษฐานอะไรกับตุ๊กตาดารุมะเมื่อตอนนั้น”  เมื่อเอ่ยเสร็จก็ก้มลงดูดยอดอกสีกุหลาบจนไผ่เสี่ยววาบ
 
                “อ่ะ  ใครจะไปรู้ล่ะ  อืออ”  แย่ล่ะสิ  เริ่มจะมีอารมณ์เสียแล้ว  แต่ว่าถึงจะเป็นแบบนั้น  ถ้าต้องมีอะไรกันในสภาพนี้มันก็คงไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่
 
                “มิน  อธิษฐานไปว่า  อยากจะเห็นไผ่ในสภาพที่กระหายในเซ็กเหมือนพวกผู้หญิงในวีดีโอเมื่อกี๊ไง”  มือซุกซนเลื่อนไปกุมส่วนอ่อนไหวที่ตอนนี้ตั้งขึ้นแล้วรูดขึ้นลงจนไผ่ผวา
 
                “คิดได้ยังไง  อ้ะ  ที่ผ่านมายังไม่พออีกหรือไง  อาาา”  ไม่ไหว  ขยับตัวไม่ถนัดเลย  มันทำให้เขาอึดอัด  อยากเอากุญแจมือกับเข็มขัดออกไปเหลือเกิน
 
                “อ้า  แทมิน  มะ...มันจะ...”  ไม่ทันที่จะถึงสวงสวรรค์  แทมินก็ปล่อยมือออกทำให้ไผ่อารมณ์ข้างอยู่แบบนั้น  พร้อมหัวเราะน้อยๆอย่างชอบใจ
 
                “แล้วรู้ไหมว่าตอนที่มินให้ไผ่ต่อแถวรอ  มินไปทำอะไร”  ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบถุงที่วางไว้บนเตียงขึ้นมาเพื่อหยิบอะไรบางอย่างข้างในถุง
 
                “กะ  ก็ไปห้องไง  หยุดแกล้งผมสักที  เร็วๆเข้า”  ยิ่งอึดอัดมากขึ้นไปอีก  ที่ต้องอยู่แบบนี้  มันทรมานเหลือเกิน
 
                และแล้วสิ่งที่แทมินหยิบออกมาจากในถุงต้องทำให้ไผ่ชะงักค้าง  และหน้าแดงอย่าเห็นได้ชัด
 
                “น่ะ...นั่นมัน....บ้า  ทุเรศ  โรคจิต!!!!”  ไผ่พยายามดิ้นแต่ก็ไร้ผล  เขาขยับไปไหนไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
 
                เจลใสหล่อลื่นถูกเทลงบนสิ่งที่ผู้คนต่างเรียกมันว่าของเล่น (คงรู้นะเจ้าคะว่ามันคืออะไร  หึหึ)  ที่มีขนาดใหญ่โตไม่ต่างจากของแทมิน  และแทมินก็ส่งสิ่งนั้นมาจ่อตรงช่องทางของไผ่
 
                “ไม่  เอาออกไปนะ  ผมไม่เอา  อึก!!”  ของเล่นนั้นถูกแทงพรวดเข้าไปจนจมมิดอย่างง่ายดายเพราะเจลใสที่ถูกชโลมไว้เมื่อครู่  แล้วของเล่นชิ้นนั้นก็เริ่มสั่นในช่องทางของเขา
 
                “อ่ะ  อ้า   เอาออกไปนะ  อื้ออออ”  ไร้ผลแทมินไม่คิดจะทำตามที่ไผ่บอก  แต่กับหยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวของเขาอย่างชอบใจ
 
                “ยังไม่หมดนะไผ่  ดูสิๆ”  แทมินหยิบเอาสายยางเล็กพอๆกับสายน้ำเกลือออกมาจากถุง  แล้วหันมายิ้มหื่นๆให้ไผ่
 
                “ไผ่รู้ไหมว่าไอ้นี้มันใช้ทำอะไร”  ไผ่ส่ายหัว  จะไปรู้ได้ยังไง  ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องพรรณนี้เหมือนคนตรงหน้านี้สักหน่อย
 
                สายยางเส้นเล็กแทงเข้าไปในทางที่ปลดปล่อยน้ำรักตรงปลายส่วนอ่อนไหวทำเอาไผ่ร้องลั่นพร้อมหยดน้ำตา
 
                “เจ็บ!!  แทมิน!”  ไม่คิดเลยว่าจะต้องมีเจอเรื่องแบบนี้  ทรมานเหลือเกิน  ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย
 
                แทมินก้มลงเลียคราบน้ำตาของไผ่เอาแผ่วเบาแต่มือกับไปขัยบของเล่นให้ขยับเข้าออกจนคนเบื้องล่างกระตุกเกร็งพร้อมเสียงคราง
 
                “อ๊า...  อา  แทมิน  อึ่ก  อ๊าาา”  มันรู้สึกแปลกๆ  ทั้งๆที่รู้สึกอดอัดและทรมานกับร่างกายที่เคลื่อนไหวไม่สะดวกนี้และความรู้สึกต้องการค่อยๆมีมากขึ้นจนเขาแทบทนไม่ไหว
 
                “อึ่ก  แทมิน  ไม่เอานะ  อ้า”
 
                “ไม่เอาแน่เหรอ  ดูทำหน้าเข้าสิ  ออกจะต้องการซะขนาดนั้น”  แทมินยิ่งขยับของเล่นให้เข้าออกถี่ขึ้น  สายยางที่เสียบไว้ตรงส่วนปลายทำให้แม้อยากปลดปล่อยออกออกมาได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น  ทรมาน ทรมาน  ทรมาน!!!!!
 
            “อื้อ  ไม่เอา  ผม  อา...ต้องการแทมิน  อั่ก  อ๊า”  แทมินหยุดมือและยิ้มให้กับไผ่
 
                “ได้เสมอถ้าที่รักต้องการ”  ขอเล่นถูกถอดออกแทนที่ด้วยส่วนแข็งของแทมินที่สอดแทรกเข้ามาจนจมมิดเพราะช่องทางได้ขยายเต็มที่พร้อมที่จะรองรับ  เสียงครางดังออกมาพร้อมกับจังหวะเข้าออกของร่างสูง
 
                “อ๊า  ปล่อยผม  อ่ะ  ผมอึดอัด  อา”  ไผ่ไม่สามารถขยับร่างกายตอบรับกับจังหวะของแทมินได้  มันยิ่งทำให้เขาทั้งทรมานและสุขสมในเวลาเดียวกัน
 
                “แต่มินว่าแบบนี้มันก็แปลกไปอรกแบบนี่นา”  แทมินจับไผ่พลิกตัวและกระแทกตัวอย่างเร็ว  จนเตียงขยับตามแรงกระแทก
 
                ไผ่พยายามที่จะปลดปล่อยแต่มันก็ออกมาเพียงเล็กน้อยตามรอที่สายยาง  ทำให้ไผ่ยังคงมีอารมณ์แม้ว่าปลดปล่อยออกมากี่ครั้งก็ตาม
 
                “แท..มิน  อ้าาา  ผม  ทรมาน  อ๊า  แฮ่กๆ..”  แทมินหยุดการกระทำแต่ก็ยังคงค้างอยู่ภายในช่องทาง  กระซิบแผ่วเบาข้างหูของไผ่
 
                “แล้วชอบไหมล่ะ  ที่รัก”  เสียงที่ฟังดูแหบเล็กๆ  ฟังแล้วมันช่างเซ็กซี่  จนไผ่เริ่มลังเลที่จะตอบ  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบแทมินก็จับสายยางสอดมันให้ลึกเข้าไปอีก
 
                “อ่ะ  เจ็บ  อือ...”  หยดน้ำตาหลั่งไหลอีกครั้ง  มันเจ็บก็จริงแต่ว่า  ตอนนี้  เริ่มไม่เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว
 
                “ว่าไง  ชอบไหม  บอกมินสิ”  เสียงนั้นยังคงกระซิบอยู่ข้างหู  ไผ่หน้าแดงจนถึงใบหูจนแทมินสังเกตได้  และคำตอบแผ่วเบาจากร่างเล็กนั้นทำให้เขายิ้มอย่างพอใจ
 
                “ชะ...ชอบ”  ถึงแม้จะอึดอัด  ถึงแม้มันจะทรมาน  แต่เขาชักรู้สึกชอบกับสัมผัสแบบนี้เสียแล้ว  เหมือนอาหารรสชาติแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยลิ้มลอง
 
                “ต้องแบบนี้สิ  ที่รักของมิน”  แทมินเริ่มบรรเลงบทเพลงรักต่อไปอีกอย่างเนิ่นนาน...
 
                ...
 
                ...
 
                ...
 
                “อ๊าาาา”  แทมินถอนส่วนแข็งออกจากช่องทางที่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำรักของเขาจนนองชุ่มต้นขาขาวไปจนถึงผ้าปูเตียง
 
                “ตีสี่แล้วเหรอ  ถ้าทำต่ออีกสักยกก็คงจะเช้าพอดีเลย  ไผ่ว่าไง^^”  แทมินจ้องมองใบหน้าที่ตอนนี้แดงซ่านและมีหยดน้ำตาประปรายตามใบหน้า
 
                “ผมยังมีอารมณ์อยู่เลย  เร็วๆเข้าสิ  เข้ามาเร็วๆ  ช่วยปลดปล่อยผมที”  เสียงหวานกระเส่าเรียกหาคนรักอย่างกระหาย  แทมินหยิบเอาสายยางออกจากส่วนอ่อนไหวของไผ่อย่างแผ่วเบา
 
                “อื้ออออ”  แม้แต่ตอนเอาออกก็ยังเจ็บ  แทมินจูบซับน้ำตาระกระซิบข้างหูต่อ
 
                “ทีนี้ก็ปลดปล่อยให้เต็มที่เลยนะ”  แทมินปลดเข็มขัดที่มัดขาของไผ่ทั้งสองข้างออกพร้อมกับปลดล็อคกุญแจมือให้ด้วย  และเริ่มสอดใส่ส่วนแข็งเข้าไปในช่องทางอีกครั้ง
 
                “อ้า  อาาา”
 
                บทรักของทั้งสองเริ่มต้นอีกครั้งเหมือนคนที่ไม่รู้จักพอ
 
                ...
 
                แสงอาทิตย์สาดส่องลอดผ้าม่านเข้ามาภายในห้อง  ปลุกให้ร่างเล็กลืมตาตื่นขึ้น
 
                “อูย...ปวดเอวจัง”  เป็นเพราะไอ้เครื่องมือบ้าๆของแทมินเลยทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้  แต่ก็ยอมรับนะว่ามันก็มีความสุขไปอีกแบบ
 
                “อืออ  ตื่นแล้วเหรอที่รัก”  คนขี้เซาข้างกายยีตาก่อนจะรวบคนตัวเล็กเข้ากอดสูดดมกลิ่นหอมของเส้นผมอย่างมีความสุข
 
                “เป็นไง  เมื่อคืนนี้สนุกไหม”  ไม่วายที่จะถามความเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ผ่านพ้นไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
 
                “แทมินกลายเป็นพวกซาดิสไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  รู้ไหมว่าไอ้สายยางบ้าๆนั่นทำผมเจ็บ”  และมีความสุขด้วยในเวลาเดียวกัน  แต่ไผ่ละไม่ยอมตอบ  ขืนตอบคงจะต้องโดนอีกแน่
 
                “แต่เมื่อคืนไผ่ก็บอกว่าชอบมันไม่ใช่เหรอ  ไผ่เอาก็เป็นพวกมาโซ  สินะ  จริงสิ  วันนี้พาไผ่ไปร้านนั้นด้วยดีกว่า”
 
                “ร้าน?”  ไผ่มองหน้าแทมินตาไม่กระพริบ  ร้านอะไร  ร้านข้าวราดแกงกระหรี่เรอะไง
 
                “ก็ร้านที่มินซื้อของพวกนี้มาไง  เรายังมีเวลาอยู่ที่นี้อีกตั้งสองวัน  ให้ไผ่ไปเลือกเลยดีไหมว่าจะเอาของเล่นอะไรมาสนุกกันอีกในคืนนี้”  แทมินพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำเอาไผ่หน้าแดงก่ำไปแล้ว
 
                “อะ....ไอ้บ้า  ไอ้ทุเรศ  โรคจิต  ไปไกลๆเลยนะ!!!!”  ไผ่ลุกพรวด  จับหมอนตีแทมินเป็นการใหญ่  แทมินจับหมอนนั้นไว้นิ่งพร้อมมองหน้าไผ่อย่างยิ้มๆ
 
                “หรือว่าไผ่จะรอเซอร์ไพรซ์เอง  ว่าคืนนี้จะโดนแบบไหน^^”  ไม่พ้นส่งสายตาโรคจิตมาให้
 
                “อ้ากกกกกกกกกกกกกก”
 
                แทมินเอามือปิดหูแล้วหัวเราะกับท่าทางเขินของคนรัก  และดูเหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างออก  จึงหยิบเอาถุงที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาพร้อมกับปากกาในกระเป๋า
 
                “ขอบคุณนะ  ที่ทำให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริง^^”  แล้วลูกตาอีกข้างก็ถูกแต้มลงไปที่ตุ๊กตาดารุมะสีดำ
 
                “ว่าไงไผ่  เลือกได้หรือยังว่าต้องการแบบไหน”  แทมินเข้ากอดไผ่ที่หน้าแดงซ่านไว้พร้อมเอาหน้ามาซุกที่ต้อนคอขาว
 
                “ไม่รู้  ไม่เอาอะไรทั้งนั้น!!”  เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดยังอาละวาดไม่เลิก
 
                “พูดแบบนี้  ต้องทำโทษ”  แทมินขบใบหูของไผ่เบาพร้อมกระซิบข้างหู
 
                “ขอทำอีกรอบก็แล้วกันนะ”  พูดเสร็จก็จัดคนตัวเล็กกดลงไปบนเตียงพร้อมพรมจูบที่บริเวณซอกคอ
 
                “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”  และเสียงครวญครางก็ดังขึ้นภายในห้องอีกครั้ง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

END แล้วค่ะ   จบจริงๆแล้วสำหรับเรื่องนี้   จะมีต่ออีกทีคือเรื่องของเซนนะคะ  ซึ่งเราจะเอามาโพสที่เล้าเร็วๆนี้ค่ะ  ที่เก่าที่โพสไว้โดนแบนไปซะแล้ว  :mew5:  จะเอามาอัพลงในนี้แทน  คิดว่าคงถึงเวลาเลิกดองสักที บอกตรงๆว่ารู้สึกผิดกับคุณพี่ผู้อ่านมากๆค่ะ TwT

สำหรับเรื่องของเซน จะมีชื่อเรื่องว่า Punishment ทัณฑ์รัก จะโพสลงเล้า เร็วๆนี้ เข้ามาอ่านกันได้นะคะ ^^

ลิ้งค์ค่ะ >>> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40947.0

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เซนเป็นเมียเอฟไปแล้วรึ :katai5:

ขอให้เป็นครอบครัวที่เรียกได้ว่าครอบครัวจริงๆสักทีเน้อออ

ก่อเกิดคู่ใหม่เรียบร้อยค่ะ ตอนนี้ไผ่มีความสุขกับสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวแล้วล่ะ  :mew1:

ในตอนต่อๆไป  จะมีเรื่องราวของเซนให้รู้บ้างมั๊ย


เพราะไผ่มาทิ้งให้ผมสงสัย ในเรื่องของเซนอีก 2 ปีข้างหน้า

มีแน่นอนค่ะ จะลงในเล้าเร็วๆนี้ ^^

ไผ่ ยกโทษให้ง่ายจังนะ

ไผ่เป็นเด็กดีและขี้ใจอ่อน บางครั้งก็ดี แต่บางทีก็ดีเกิน :เฮ้อ:

เอฟนี่ก็แปลกเนอะะ พอตอนที่เซนดีๆก็ไม่สนใจ
ที่ตอนนี่มาขอให้ๆอภัย น่าเตะจริงงๆ  :z6:

น่าน มีคนหมั่นไส้นายเอฟเพิ่มมา 1 คน  :hao7:

อ่านตอนเซนทีไหร นึกถึงตอนทีเซนนั่งอยู่บนรถเข็นทุกทีเลยยย สงสารร
คนแต่งสู้น่ะจ๊ะ ไว้จะตามไปอ่านเน้อออออ  :mew3: :mew3:

ขอบคุณที่ยังติดตามอยู่ค่ะ  :mew3:  อีกไม่นานจะลงเรื่องของเซน ว่าเหตุใดถึงได้ไปนั่งอยู่บนรถเข็นเน้อ

เราพึ่งเคยโพสต์เป็นครั้งแรกที่จริงก็กะจะเก็บเวอร์จิ้นนี้ไว้  :oo1: แต่เพื่อสนองความต้องการของตัวเองเเล้วนั้นไซร้ ต้องโพสต์เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากจริง ๆ (เราสมัครสามชิกมมานานเเล้วแต่ไม่เคยคิดจะโพสต์) และที่สำคัญอยากรู้ว่ามีเรื่องของเซนแยกต่างหากไหม ?? ถ้ามีขอลิ้งค์หน่อย  :mew2:  แต่ถ้าไม่มี  :o12:  เราก็ขอให้คนเขียนมาเขียนต่อเร็ว ๆ ด้วยน่ะ :katai4: 
เราจะรอ... :katai5:

โว้ว ขอบคุณค่ะ ดีใจที่ได้เป็นนิยายเรื่องเเรกที่โพสนะคะ  เรื่องของเซน มีลิ้งค์แน่นอนค่ะ แต่ตอนนี้โดนแบนอยู่ เหอๆ สงสัยเรทเกิน  แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เราเอามาลงในเล้าแน่นอน เร็วๆนี้ ^^

กลับมาต่อเถอะนะคะTwT

มาแล้วค่ะ  มาทีนี้ ต่อจนจบเลย  :really2:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 10-02-2014 22:10:06
สงสารเซน ใครทำกับเซนแบบนั้น เอฟหรือ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 12-02-2014 04:51:42
ขอบคุณครับ ชีวิตไผ่เนี่ยมีหลายรสชาติจริงๆ ไหงตอนหลังไผ่หื่นจัง อิอิอิ ชอบนะครับ เดี๋ยวจะตามอ่านเรื่องอื่นๆนะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 12-02-2014 21:50:10
 สงสารเซน


แต่ในที่สุดไผ่ก็มีความสุขเสียที
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: freesia ที่ 19-02-2014 21:26:33
กำลังจะโบ้หัวแทมินพอดีทำมาบอกเลิกนี่ถ้ามีคนคิดเสียบแทนที่แล้วสำเร็จจะขำก๊ากเข้าให้=_= ดีที่คิดได้ไวไม่งั้นแม่เข่าใส่แน่
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-02-2014 22:23:02
จจบแล้วทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: manawzaa_25 ที่ 26-03-2014 23:51:11
ขอบคุณคุณแคนมากเลยค๊า ที่แต่งมาให้ได้ฟินกัน
เนื่องจากไม่ทราบอายุของแคนเลยไม่รุจะเรียก พี่ น้อง หรืออะไรดี
เม้นนี้เพื่อเป็นกำลังใจนะจ้ะ อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยจ้ะ (ยังไม่ถึงขั้นร่วงเผาะๆ เพราะเค้าภูมิต้านทานแนวดราม่าเยอะ) :z6:
แต่อ่านแล้วมันจี๊ดๆ ในทรวงตามแบบฉบับดราม่ารสเลิศ เยี่ยมค่ะ!! :-[
รอติดตามเรื่องของเซนต่อนะจ๊า แหม่ ใจจริงเราแอบเชียร์คุณพี่ทิวนะจ้ะ โผล่มาตอนแรกๆ คะแนนนิยมสูงปริ๊ดดดดด
เรางี้จับจิ้นเองตลอด (แนวอินเซทบันซายยยยยย)
ตอนหลังๆ ดันมีคู่ซะแระ  :z3: แต่ก็ดีที่ทุกคนมีความสุข
เหลือเซนที่เราต้องตามไปดูความมาม่า เอ้ย ดราม่า!!! ให้ถึงทรวงใน คืนนี้ไม่จี๊ดถึงใจ ไม่นอนนนนนนนน

//เพ้อ  :hao7:

ที่อยากบอกคือชอบมากจ้ะ ไอ้ที่เพ้อด้านบนน่ะอย่าใส่ใจเลยนะจ้ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 22-06-2014 08:29:42
 o13
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ChaBuShi ที่ 23-09-2014 16:15:27
อยากอ่านเรื่องเซนๆอยากรู้เรื่อง มันค้างๆๆ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 24-09-2014 21:29:42
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 18-09-2015 17:09:49
หวังว่าพ่อแม่แบบนี้จะไม่มีอยู่จริง  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 10-03-2016 13:09:47
 o13
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Flowerrice13 ที่ 23-01-2017 20:48:04
น้ำตาไหลเบย
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-04-2017 21:42:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: chanabang ที่ 16-06-2017 01:43:25
น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 17-06-2017 17:13:57
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับไผ่ไม่ใช่จากคนอื่น แต่เป็นจากพ่อแม่ ของไผ่ต่างหาก มันไม่มีทางเหมือนเดิม ความรู้สึกที่แตกสลาย ต่อยังไงก็ไม่มีวันเหมือนเดิม ดีใจนะที่อย่างน้อยตอนจบไผ่ก็มีความสุข :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: มาชิ มาชิ ที่ 01-01-2018 11:15:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-02-2018 19:29:54
เสียดายไม่ได้อ่านคู่เซน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 19-03-2018 18:28:14
 :ruready
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Bambocop ที่ 18-04-2019 23:08:22
อ่านจบแล้วเรารู้สึกโกรธพ่อแม่ของไผ่มาก คนๆหนึ่งจะถึงกับลืมกันไปเลยเหรอ ถ้าหากมีแบบนี้จริงคงรู้สึกแย่มากแน่ๆเลย เราอ่านไปน้ำตาไหลไปเลยถ้าหากเป็นเราเราจะทำยังไงนะ รู้สึกเหมือนทิวจะโชคดีกว่าไผ่มากที่มีย่าคอยดูแล แต่ไผ่ไม่มีใครเลย ขอบคุณคนเขียนมากๆเลยนะคะที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้ให้อ่าน แต่ยังมีคำผิดอยู่นะคะ ถ้าแก้ไขจะเพิ่มอรรถรสในการอ่านได้ดี เป็นกำลังใจให้พัฒนาต่อไปจ้า
ปล.เรื่องของเซนแลดูเศร้า ไม่กล้าอ่านเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fager_yaoi ที่ 09-11-2019 18:56:10
โกรธพ่อแม่ไผ่กะทิวบอกเลย โหกธมากให้อภัยไม่ได้จริงๆ มันเกินไปนะ  เข้าใจความรู้สึกของไผ่เลย ยู่บ้านเดียวกันแต่กลับไม่ได้รับความรัก คือไรหรอ แล้วอย่างตอนที่มาเห็นมาเห็นห้องไผ่แล้วจำไม่ได้ว่าห้องอะไรคือมันบ้ามาก. ..ไม่ให้อภัยย

สุดท้าย อยากให้มีเรื่องแยกเอฟกับเซน อยากรู้เรื่องราวต่อ อยากให้มีภาคต่อ