ถึงทีนายอัศวิน 2 โดย mam
“น้องอัศครับ แค่พี่มากินข้าวด้วยถึงกับดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเชียวหรือครับ?”
ดีใจกะผีน่ะสิ!~ เซ็งชีวิตจนพูดอะไรไม่ออกต่างหากเฟ้ย
“…….” ยิ้มทำไมฟะ บ้าเปล่า!!~
“น้องอัศเป็นคนที่ดูง่ายดีนะครับ คิดอะไรก็ออกทางสีหน้าหมด”
เฮ้ย!! ดูรู้ขนาดนั้นเชียะ!!?
“……..”
แล้วจะเงียบทำไมเนี่ย กลัวนะ!~
“น้องอัศครับ…. ที่พี่เคยบอกว่าชอบน้องอัศน่ะ พี่จริงจังนะ พี่ไม่ได้หวังว่าน้องอัศจะต้องตอบพี่ในทันทีทันใด พี่พร้อมจะรอจะให้เวลาน้องอัศได้ตัดสินใจแม้นานกี่ปีก็ช่าง ขอเพียงให้น้องอัศรู้ไว้ว่าในกลุ่มคนรอบตัวน้องอัศยังมีพี่อีกคนที่รักน้องอัศอยู่เสมอ”
“ผมเป็นผู้ชาย”
“พี่รู้ครับ พี่ก็เป็นผู้ชาย”
“ผมไม่ใช่ตุ๊ดใช่เกย์นะ”
“พี่ก็ไม่ได้บังคับให้น้องอัศเป็นนี่ครับ”
“แล้วพี่จะให้ผมเป็นแฟนพี่ได้ไง!~”
“พี่กำลังบอกว่าพี่จริงจังกับความรู้สึกชอบน้องอัศต่างหากครับ”
โอ้ย!~ เล่นเกมส์ถามตอบกันอยู่รึไงฟะ!!! ยังจะมายิ้มอีก!
“น้องอัศไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกครับ ปล่อยให้เวลาพาเราผ่านไปเถอะ ค่อย ๆ ทำความรู้จักกันไป ค่อย ๆ คุ้นเคยกัน ค่อย ๆ เข้าใจกัน เพราะพี่จริงจังกับความรู้สึกนี้พี่ถึงอยากใช้เวลาให้มากเท่ากับความรู้สึกของพี่ นะครับ…”
ยังมานะค๊งนะครับอีก ฟังไม่รู้เรื่องว๊อย~
“ผมไม่ใช้เวลาทำอะไรทั้งนั้นแหละ!!! เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว!!” ผมเดินหนีเข้าห้องมาเจอเอเลี่ยนกำลังน้ำลายยืดอยู่พอดี เข้าบรรยากาศเหลือเกินนะ ข้างนอกมีอีกตัวกำลังจ้องจะกินฉันอยู่เฟ้ย!~
พอกลับมานั่งคิดดี ๆ แล้ว… ความจริงผมก็ทำตัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก พี่เขาก็ไม่ได้บังคับให้ผมเป็นแฟนเขาซักหน่อย
จริง ๆ ผมก็ไม่ได้รังเกียจพี่ศรหรอกนะแต่… ผมรู้สึกว่าผมอยากจะเป็นผู้ชายธรรมดา ๆ คนนึง อยากมีแฟนเป็นผู้หญิงอยากมีครอบครัวอบอุ่น อาจเป็นเพราะพี่ผมเกย์เพื่อนผมก็เป็นเกย์ ชีวิตของคนเป็นเกย์มักจะไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ผมอยากมีความสุขนี่นา…
แต่ว่าถ้าพี่เขารู้สึกจริงจังกับผมจริง ๆ เขาจะเสียใจกับสิ่งที่ผมพูดไปแค่ไหน ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกของเขานะ
ผมค่อย ๆ เปิดประตูออกไปดูหน้าแขก เห็นกำลังยืนล้างจานอยู่สีหน้าเศร้า ๆ
“…คือ….” ก็ยังไม่หันมา โกรธจริง ๆ เหรอ….
“..คือ… ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นกับพี่นะ คือ…ผมแค่…ผมแค่อยากเป็นผู้ชายปกติ..”
“….ครับ…พี่เข้าใจ…”
เข้าใจแล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นเล่า!~
“….คือ…จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้รังเกียจพี่หรอกนะ แต่ผม…ผม…ผมไม่เคยคิดเรื่องชอบผู้ชาย…ในตอนนี้…”
“………”
ฮ่วย!~ จะเอายังไงฟะ!!!
“…ผมขอโทษ!~ ขอเวลาให้ผมหน่อยนะครับ!”
ในที่สุดไอ้พี่ศรบ้านั่นก็หันมา…ด้วยสีหน้าที่ผมอยากจะเข้าไปชกให้คว่ำ ยิ้มกว้างจะถึงหูอยู่แล้ว!
“พี่ให้เวลาน้องอัศได้เสมอครับ เห็นทีพี่จะต้องขอตัวกลับห้องซักที ดูหนังให้สนุกนะครับ”
หนอย!~ สีหน้าระริกระรี้กลับไปเชียวนะ หลวมตัวพูดไปได้ไงฟะ โธ่ว๊อย~…. พลาดตกหลุมไปจนได้!!~
“โอย…..” ทุกท่านครับ….ไอ้ไวจะฆ่าผม…. มันเล่นบอลภาษาอะไรฟะ!!~ กระแทกทีผมหัวทิ่มลงมาจูบพื้นฟอดใหญ่ตัวมันก็ควายเรียกพี่อย่างนั้นยังมากระแทกหนุ่มบอบบางอย่างผมแรงขนาดนี้ มันเป็นตัวยิงแล้วดันมายุ่งอะไรกับตัวจ่ายลูกอย่างผ๊ม!!~ ผมไปทำอะไรให้ม๊านนน!!~ แค่เผลอไปโอบน้องเฉื่อยหน่อยเดียวเล่นงี้เรอะ!!!
“เฮ้ย!~ ตายยังวะ?”
“คำถามมึงสร้างสรรค์มากเลยไอ้ไว”
“แหม…. น้องอัศก็ พี่ไวไม่ได้ตั้งใจนี่ฮ้า~….”
ไอ้ตอแหล!~….
“ลุกไหวเปล่าวะ?”
ขอบใจที่มีน้ำใจนะไอ้กิต
“ถ้าลุกไม่ไหวก็ลุกเองเหอะ พวกกูจะเล่นบอลกันต่อมึงหอบสังขารตัวเองไปห้องพยาบาลเองก็แล้วกัน”
อ้าว!~ ไอ้เพื่อนหมา ๆ นี่ อุตส่าห์ดีใจที่มึงมีน้ำใจ
“เฮ้ย!!~ ไอ้ไว ไอ้กิต ไอ้อัศ ‘จารย์ชุมพลเรียกว่ะ… อ้าว~….แล้วนั่นไอ้หมาอัศเป็นอะไรวะ?”
“เป็นบิดาน้องสาวมึงมั้ง…. พวกมึงช่วยกูหน่อยสิวะ เสือกยืนมองกันเฉย ๆ”
“มือกูไม่ว่าง”
ดันตอบเหมือนกันหมดด้วยนะ ทำแป๊ะอะไรอยู่ฟะ!~
“ให้พี่ช่วยมั้ย?” เสียงเขย่าขวัญสั่นประสาทดังขึ้นตรงหัว เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นหน้าผียืนยิ้มเผล่อยู่บนหัว
“ไม่ต้อง!!!”
“ดีเลยครับพี่ พวกผมต้องไปพบอาจารย์พอดี ฝากพี่หิ้วมันไปส่งห้องพยาบาลหน่อยนะ”
ไอ้ไว๊!!!!!~ เดี๋ยวเด้!!! จะไปไหนกันวะ!!!?
“เจ็บมากเหรอครับ?”
มากก็ไม่ตอบเฟ้ย!~ เชอะ
“เฮ้ย!!!!~” อยู่ ๆ ไอ้พี่ศรก็อุ้มผมตัวลอย ทำไมแรงเยอะขนาดนี้ฟะ!?~ ผมว่าผมตัวหนักขนาดไอ้ไวกับไอ้กิตไม่อยากประคองแล้วนะ
“ปล่อยผมลงนะ!~ ผมเดินเองได้!!”
“พี่ว่าไม่ได้มั้งครับ ถ้าไม่อย่างนั้นเมื่อกี้น้องอัศคงลุกเดินไปเองแล้วล่ะ”
ไอ้พี่บ้านี่ยังอุ้มผมเดินดุ่ย ๆ ไปห้องพยาบาลหน้าตาเฉย
“…………” เถียงสู้ไม่ได้ครับ ไม่ใช่อะไรหรอก มันเจ็บจริง…. น้ำตาจะร่วงอยู่แล้ว
“..ซ้น..” คำนิยามข้อเท้าผมที่อาจารย์ห้องพยาบาลกล่าวให้เป็นขวัญกำลังใจแก่ผมคำเดียวทำเอาผมเซ็งชีวิต ข้อเท้าซ้นแล้วจะเล่นบอลยังไงฟะ!?
“ทายาไว้อย่าเพิ่งลุกไปเล่นบอลล่ะ” อาจารย์โยนบาล์มให้ผมหลอดเบ้อเริ่มก่อนจะเดินหนีไปอย่างเบื่อหน้าผมเต็มทน
อาจารย์อย่าเพิ่งไปดิ่~ กลับมาก๊อนนนนนนนนน!~
อยู่ ๆ ไอ้พี่ศรก็เอาบาล์มมาทาข้อเท้าผมแถมไปหยิบผ้ายางมาพันขาให้เสร็จสรรพ อะไรฟะเนี่ย!?~ เป็นบุรุษพยาบาลได้ด้วยเรอะ?
“เอาล่ะเดี๋ยวพี่จะพาน้องอัศกลับห้องนะครับ เลิกเรียนเราค่อยไปหาหมอกันอีกที”
เอ่อ… ฮัลโหล ๆ โทษนะครับนี่เขาคิดว่าผมเป็นอะไรครับ หิ้วผมไปมาอย่างกับผมเป็นตุ๊กตางั้นแหล่ะ ปล่อยนะว๊อย!~
คนเราทุกคนต่างมีบุคลิกต่างกันออกไปเป็นแบบของตัวเอง และมีอีกจุดหนึ่งที่แทบจะต่างกับเวลาปกติโดยสิ้นเชิงอยู่ในตัว อย่างรอบ ๆ ตัวผมก็เช่นกัน
ไอ้ไว…. มันเป็นคนที่ดูเหมือนจะเรื่อย ๆ กับชีวิต แต่กลับจริงจังกับความรักที่มีให้น้องเฉื่อยจนผมไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนผมจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เพราะเด็กผู้ชายเป๋อ ๆ คนเดียว
ไอ้กิต…. มันเป็นคนที่มุ่งมั่นในการใช้ชีวิต เวลาทุกนาทีที่จะผ่านไปต้องมีจุดหมาย แต่กับเวลาที่ให้น้องเอ๋อมันกลับมองแต่ละวินาทีอย่างเรื่อย ๆ และเต็มไปด้วยความสุข
แต่ผมล่ะ?…… ผมไม่รู้เลยว่าผมเป็นคนยังไง…. ผมไม่รู้ว่าเวลาที่ผมทุ่มเทอะไรเพื่อใครซักคนจะเป็นยังไง…. แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้คือผมมีความสุขกับลูกยางกลม ๆ ที่เรียกว่าฟุตบอล
เวลาที่อยู่กลางสนามหญ้าสีเขียวนั่นมันเป็นเวลาเดียวที่ผมจะอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเวลาเดียวที่ผมจะกำหนดสิ่งใด ๆ ก็ตามให้มันเป็นได้อย่างใจ ลูกกลมสีขาวดำนั่นจะกลิ้งไปในทิศทางที่ผมคิดเสมอและเพื่อน ๆ ก็จะวิ่งไปในทิศทางที่ผมบอกเช่นกัน เมื่อไหร่ที่ไอ้ไวและไอ้กิตยิงประตูได้มันเหมือนกับว่าเป็นความสำเร็จของผมด้วยเหมือนกัน
แต่เวลานี้สิ่งที่ผมทำได้กลับเป็นแค่การนั่งมองเพื่อน ๆ วิ่งอยู่ในสนามหญ้า เฮ่อ~…. น่าเบื่อเป็นบ้าเลย… ผมเอนหลังลงนอนกับพื้นหญ้าข้างสนามบอลมองท้องฟ้าที่มีเมฆลอยไปมาชวนให้ง่วง
“ฟ้าสวยนะครับ”
บอกผมทีสิว่าผมหูเพี้ยนไป หรือไม่ผมก็เสียสติไปแล้วที่ได้ยินเสียงนี้
“น้องอัศรู้มั้ยครับว่าทำไมเราถึงได้เห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า?”
ไม่อยากรู้เฟ้ย จะฟ้าจะเขียวก็เรื่องของมันดิ
“ที่เราเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเพราะมันเกิดการกระเจิงของแสงนะครับ แสงอาทิตย์ที่เป็นสีขาวจะเคลื่อนที่ผ่านชั้นบรรยากาศที่มีโมเลกุลของก๊าซต่าง ๆ และเพราะขนาดของโมเลกุลในอากาศมีค่าน้อยกว่าความยาวของคลื่นแสงอาทิตย์จึงเกิดการกระเจิงของแสงไงครับ ตาของคนเรามีความไวกว่าแสงในแสงสีฟ้ามากกว่าสีอื่นเราจึงมองเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้ายังไงล่ะครับ”
จะมาสอนวิชาวิทยาศาสตร์อะไรตอนนี้ฟะ
“ท้องฟ้ามันก็สีฟ้านั่นแหละ ไม่อย่างนั้นมันจะเรียกท้องฟ้าได้ยังไง หรือว่าพี่มองฟ้าเป็นสีอื่น”
“ก็อาจจะเป็นได้ครับ เพราะตอนนี้พี่มองอะไรเป็นสีชมพูไปหมดเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้องอัศรึเปล่า”
พูดบ้าอะไรฟะ!!!
“ไอ้อัศโว้ย!~ เอ้า! กาแฟของมึง” ไอ้โอ๋มาได้จังหวะ เอากาแฟที่ผมฝากซื้อมาให้พอดี
“น้องอัศชอบดื่มกาแฟหรือครับ?”
“…ผมกินทุกอย่างแหละ จะกาแฟ โอวัลติน”
“มันชอบกาแฟเย็นพี่ มันฝากผมซื้อทุกวันแหละ”
อ้าว~ ไอ้โอ๋ ไอ้ปากหมา รีบ ๆ ไปเลยนะมึง แล้วนั่นยิ้มทำไมอีกล่ะ อย่ายิ้มดิ กลัวนะเฟ้ย
“พี่ยิ้มทำไม?”
“พี่นึกถึงสิ่งที่เพื่อน ๆ พูดให้ฟัง”
“?”
“เพื่อน ๆ พี่เคยพูดว่า เราสามารถเปรียบคนรักของเราได้เหมือนกาแฟ”
หา?… :confuse:
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ เขาพูดกันมา พักหลัง ๆ นี่พี่ก็เริ่มรู้สึกว่ามันจริง”
เฮ้ย!~ มาแย่งดูดกาแฟไปหน้าตาเฉยได้ไงฟะ!!
“น้องอัศชอบกาแฟหวานนะครับ พี่ชอบกาแฟที่ใส่ครีมเยอะรสจะออกมัน ๆ มากว่า รู้ไหมครับว่าเพื่อน ๆ พี่บอกว่ายังไง?”
จะไปรู้เรอะ
“เขาบอกว่าใครที่ชอบกาแฟหวาน ๆ ก็แสดงว่าเป็นคนที่มักจะมีคนรักเป็นคนที่โรแมนติก อ่อนโยน ส่วนคนที่ชอบกาแฟที่รสออกมันหรือขมแสดงว่าเป็นคนที่มักจะมีคนรักที่เป็นคนมีเสน่ห์ ชอบการผจญภัย ตื่นเต้นกับชีวิต พี่ว่ามันก็จริงนะ”
อะไรจริงฟะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย เลอะเทอะใหญ่แล้วนายคนนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าขาเดินไม่สะดวกจะลุกหนีแล้วเชียว
แบบว่าจะไปเพิ่มชื่อเรื่องด้วยอ่ะ
แต่มันเพิ่มไม่ได้ มันฟ้องว่าเกิน20000 ตัวอักษรง่า ใครช่วยแก้ให้นู๋ที พี่เรย์ก็ได้แก้ให้เค้าทีจิ :impress:
:m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7: :m7:
เอาตอนพิเศษมาเซ่นอีกตอนน้า
ตอนสุดท้ายแล้ว
วันนี้ 13 ก.พ. ของชีส
วันนี้…. 13 กุมภาพันธ์ พรุ่งนี้ก็ 14 กุมภาพันธ์ วาเลนไทน์
จริง ๆ ผมก็ไม่ได้เห่ออะไรกับวันนั้นมากมายนักหนาหรอก ที่จริงตั้งใจว่าวันนี้จะชวนไวไปเวียนเทียนด้วยกันมากกว่า แต่ไวไม่อยู่… ไปประชุมที่อียิปต์พรุ่งนี้ถึงจะกลับ กลับมาพรุ่งนี้ก็เวียนเทียนไม่ทันแล้ว
วันนี้ผมไปซื้อถ้วยวุ้นมาเตรียมไว้ คิดว่าจะทำวุ้นกะทิให้ไวกินเพราะไวชอบวุ้นกะทิมาก แต่ถ้วยวุ้นที่มีขายอยู่นี่สิทำเอาผมหนักใจนิดหน่อย ก็ถ้วยวุ้นมันเป็นรูปดอกกุหลาบกับรูปหัวใจทั้งหมด ไวคงไม่ว่าผมบ้าเห่อกับเทศกาลหรอกนะ
“น้องเฉื่อย…อยู่เปล่า!?” ไม่รู้ใครมาเรียกหน้าบ้าน พอเดินออกไปดูอัศก็เดินสวนเข้ามาทันที
“ขอเข้าไปหน่อยนะ” อัศเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาทำหน้าฮึดฮัด ๆ
“มีอะไรเหรอ?” ผมเดินไปนั่งข้าง ๆ รู้สึกอัศจะโมโหใครมา
“ไม่มีอะไร”
“………”
“ไอ้ไวไปไหน?” ถามด้วยสีหน้าอย่างกับจะไปตามกลับแน่ะ
“ไปอียิปต์ ไปดูผลวิจัยน้ำหอมกลิ่นใหม่”
ครับ บริษัทนั่นเป็นบริษัทผลิตน้ำหอมของพวกเราเอง ผมเองก็เป็นกรรมการบริษัทแต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าร่วมประชุมรายงานผลการวิจัยเพราะประธานกรรมการไม่ยอมให้ไปด้วยเหตุผลว่าไกลการเป็นอยู่ลำบาก เดี๋ยวจะเหนื่อย
กรรมการอีกคนก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมนี่เอง คนนี้ไม่ได้ไปเพราะขี้เกียจ ส่วนกรรมการคนอื่น ๆ ก็ติดธุระต้องผ่าตัดนักการเมืองบ้าง ติดธุระต้องอยู่บ้านเพราะกรรมการคนที่ต้องไปผ่าตัดไม่ยอมให้ไปคนเดียวบ้าง ประธานกรรมการก็เลยกลายเป็นประธานกรรมกรไปซะ
“อืม…. ลืมไปเลย”
อัศยังทำหน้ากระฟัดกระเฟียดอยู่อย่างนั้น ผมเองก็ไม่ได้คาดคั้นถามอะไรต่อได้แต่ไปยืนหาอุปกรณ์ทำวุ้นของผมต่อไป
ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงที่อัศอยู่ในบ้าน ผมไม่แน่ใจว่าผมเห็นนะ แต่ผมรู้สึกเหมือนว่าจะมีรถขับผ่านหน้าบ้านผมไปมาอยู่หลายรอบ
“อัศ… นั่นรถใครเหรอ?”
ผมโผล่ออกไปดูที่โซฟาก็เห็นอัศกำลังนั่งดู DVD อย่างตั้งใจ แต่ว่าเปิดเสียงดังจนคุยกันแทบไม่ได้ยิน
“หา!!?”
ไม่ได้ยินก็น่าจะเบาเสียงก่อน
“ถามว่ารถหน้าบ้านนั่นของใครเหรอ?”
ผมตะโกนสู้เสียงเครื่องเสียงแทบไม่ไหว จนอัศต้องลดเสียงลงนั่นล่ะถึงจะได้รู้เรื่องกัน
อัศหันไปมองหน้าประตูแล้วก็ทำหน้าบึ้งนั่งลงดูหนังอย่างเดิม เปิดเสียงจนลำโพงแทบแตก ดีที่คนข้างบ้านเขาไม่ขว้างของมา ผมเดินออกไปดูหน้าบ้านก็เห็นว่ารถคันที่ผ่านไปผ่านมาจอดเยื้อง ๆ บ้านผมส่วนเจ้าของรถลงจากรถมายืนหันหน้าเลิ่กลั่ก
“มาหาใครครับ?”
พอผมถามเจ้าของรถเขาก็หันมามอง
“น้องเฉื่อย!! เอ่อ… น้องอัศมาหาน้องเฉื่อยบ้างมั้ยครับ?”
พี่ศรนั่นเอง มาตามหาอัศแบบนี้…ทะเลาะกันล่ะมั้ง
“อัศอยู่ในบ้านครับ”
ผมเดินนำพี่ศรเข้าไปในบ้าน พอพี่ศรเห็นอัศนั่งอยู่ก็รีบถลาเข้าไปกอดอัศทันที แต่สิ่งที่อัศทำตอบก็กลายเป็นชกพี่ศรหน้าหงายไป 1 หมัด
“น้องเฉื่อยพาคนบ้าเข้าบ้านมาได้ไงเนี่ย!!!!”
อัศหันมาตะโกนใส่ผม ก็ต้องตะโกนสู้กับเสียงหนังที่เปิดอยู่ล่ะครับ
“น้องอัศอย่าว่าเพื่อนเลยครับ พี่ขอให้น้องเฉื่อยช่วยพาเข้ามาหาน้องอัศเอง”
ผมเห็นอัศเงื้อหมัดจะชกพี่ศรอีกรอบ ส่วนคนจะโดนก็หลับตาปี๋รอรับหมัดแต่รู้สึกว่าคนจะชกกลับเปลี่ยนใจไม่ชกแล้ว ผมเดินแยกออกมาในครัวซะปล่อยให้เขาได้คุยกัน
ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ศรถึงได้เป็นแบบนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าอัศจะว่าจะชกจะตียังไงก็ยอมทุกอย่าง กระทั่งโดนพูดจาไม่ดีใส่ยังไงก็ยังยอม แล้วคบกันมาได้ยังไง?
ผมไม่เคยเห็นพี่ศรเปลี่ยนใจจากอัศไปหาคนอื่นเลยซักครั้งมีแต่อัศที่เผลอทีไรต้องไปจีบสาว ๆ ตลอด มีบางครั้งผมสงสัยว่าอัศรักพี่ศรรึเปล่า? แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาผมเขาไปยุ่งก็คงไม่ดี
หันไปมองนอกประตูก็ยังได้ยินเสียงตะโกนคุยกันอยู่อย่างนั้น น่าจะเบาเสียงลำโพงซะก่อนแล้วค่อยคุยกันนะ จะได้คุยกันดี ๆ ไม่ต้องตะโกนให้เจ็บคอ
รู้สึกจะคุยกันอยู่พักใหญ่เสียงหนังจากลำโพงก็เบาลงคงจะคุยกันเรียบร้อยแล้วมั้ง ผมย่องออกมาดูเห็นพี่ศรกอดอัศแล้วพออัศหันมาเห็นผมก็ถีบพี่ศรซะกระเด็น
“น้องเฉื่อยเรากลับก่อนนะ” อัศรีบเดินออกจากบ้านผม รีบจนแทบจะเหมือนวิ่ง
ส่วนพี่ศรก็รีบลุกขึ้นมายิ้มแหะ ๆ ขอบคุณเป็นการใหญ่แล้วรีบวิ่งตามออกไป ….คู่นี้แปลก ๆ ….
ตัววุ้นเทใส่ถ้วยแล้ว เหลือแต่รอให้อุ่นก็โรยผลไม้เชื่อมแล้วก็เทหน้ากะทิ
ติ๊งต่อง~ ใครมากดออดกันล่ะนี่? ออกไปดูก็เห็นน้องเอ๋อยืนยิ้มอยู่หน้าบ้าน
“พี่เฉื่อยครับ…ขอรบกวนหน่อยครับ…”
“ครับ?”
“คือ…พรุ่งนี้วาเลนไทน์ ผมทำช็อกโกแล็ตไม่เป็นอยากรบกวนพี่เฉื่อยให้ช่วยสอนหน่อยครับ”
ทำไมตื่นเต้นกับวันวาเลนไทน์กันนักนะ
“พี่ก็ทำไม่เป็นหรอกครับ แต่นี่พี่ทำวุ้นกะทิไว้ให้ไวเผื่อว่ากลับมาแล้วจะได้กินอะไรหวาน ๆ เย็น ๆ ให้ชื่นใจ”
น้องเอ๋อทำตาโตแล้วก็ขอเข้ามาดูวุ้นกะทิที่ผมทำ วุ้นกะทิหน้าตามันแปลกตรงไหน?
“โอ้โห! พี่เฉื่อยทำไว้เยอะเลยครับ!~….. ไอ้เม็ด ๆ สีเขียว ๆ แดง ๆ นี่อะไรครับ?”
“ผลไม้เชื่อมไง”
น้องเอ๋อทำคิ้วขมวด ช่างสงสัยจังแฮะ
“แล้วพี่ทำยังไงให้มันลอยอยู่ตรงกลางแบบนี้ล่ะ? ผมเคยเห็นแต่มันนอนอยู่ก้นถ้วย”
“ก็ใส่ตอนที่มันเริ่มอุ่น ๆ จะแข็งตัวไง มันจะอยู่ตรงกลางถ้วยพอดีไม่หล่นลงไปก้นถ้วย”
สงสัยไม่เคยทำวุ้นกินเอง
“…พี่เฉื่อยสอนผมทำบ้างได้มั้ยครับ?”
“ก็ได้หรอก แต่ถ้วยวุ้นที่พี่มีมันมีแต่รูปหัวใจกับดอกกุหลาบนะจะเป็นอะไรรึเปล่า?”
น้องเอ๋อยิ้มหน้าแดง ๆ สั่นหน้าไปมา
ผมสอนน้องเอ๋อทำวุ้น ตอนแรกก็นึกว่าน้องเขาจะทำวุ้นกะทิ แต่…รู้สึกว่าวุ้นของน้องเขาจะกลายเป็นวุ้นรุ้งซะมากกว่า ก็ชั้นแรกน้องเอ๋อราดสีแดง ชั้นสองราดกะทิ ชั้นสามราดสีเหลือง ชั้นสี่ราดกะทิ ชั้นห้าราดสีฟ้าสลับอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ แต่ละชั้นบางเฉียบจนดูเหมือนเป็นวุ้นรุ้งหลากสีไปเลย
ผมว่าน้องเขาทำเก่งกว่าผมอีกนะเนี่ย ระหว่างที่รอวุ้นแข็งตัวดีน้องเขาก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูท่าจะปลื้มกับวุ้นรุ้งของตัวเองมาก ส่วนวุ้นของผมเองก็ราดหน้ากะทิจนจับตัวแข็งดีแล้วเหลือแต่แกะออกจากถ้วยเท่านั้นเอง
ระหว่างรอวุ้นแข็งตัวเราก็นั่งดูหนังด้วยกัน แต่ดูท่าทางคนข้าง ๆ ผมจะไม่มีสมาธิจะดูเท่าไหร่ เห็นห่วงแต่วุ้นเดินไปดูเรื่อยเลยว่าแข็งหรือยัง
“แล้วเราจะแกะวุ้นออกจากถ้วยยังไงครับพี่เฉื่อย?”
“ก็อย่างนี้ไง”
ผมลุกไปเอาน้ำอุ่นใส่ชามอ่างมา เอาถ้วยวุ้นลงไปร่อนพอตัววุ้นเริ่มร่อนออกจากถ้วยก็เอาขึ้นมาคว่ำใส่จาน ก้นถ้วยเป็นวุ้นสีแดงมีผลไม้เชื่อมลอยอยู่ตรงกลางแล้วมีชั้นกะทิอยู่ด้านล่าง เสียแต่ว่าก้นถ้วยมันเป็นรูปดอกกุหลาบ ผมว่ามันออกจะดูหวานแหว๋วไปหน่อย
น้องเอ๋อก็ลองทำตามแต่วุ้นของน้องเขาออกมาเป็นวุ้นกุหลาบรุ้ง สวยดีดูน่ากินด้วย ผมเอากล่องพลาสติกใส่วุ้นให้น้องเอ๋อเอาวุ้นกลับบ้าน เห็นน้องเขาหิ้ววุ้นกลับบ้านอย่างมีความสุขผมก็รู้สึกดีนะ ถ้าคิดไม่ผิดเย็นนี้กิตคงได้กินวุ้นรุ้ง
เย็นแล้ว…. วุ้นก็ใส่ตู้เย็นไปแล้ว ไม่รู้จะทำอะไร…. จะดูทีวีก็เบื่อ นั่งมองโน่นมองนี่ไปมาก็เริ่มง่วง….. :onion_asleep:
“….ชีส….”
“…..ชีส….”
ได้ยินเสียงเรียกแว่ว ๆ ลืมตาขึ้นมองก็เห็นไวนั่งอยู่ข้าง ๆ ยิ้มให้ ไวก้มมาหอมแก้มผมแรง
“ลุกเถอะ ไปล้างหน้าล้างตาแล้วไปเวียนเทียนกันดีกว่า”
ไวซื้อดอกไม้ธูปเทียนมารอไว้
“กลับมาตอนไหน!? ไหนว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง?”
ผมหันหน้าไปมองนาฬิกา อีก 15 นาทีจะ 2 ทุ่ม
“หนีพนักงานมันกลับมาก่อน ไม่ไหวถ้าไม่ดุเรื่องคงไม่ได้สรุป”
พูดแบบนี้นี่ไปดุพนักงานเขามาอีกล่ะสิ แค่นี้พนักงานเขาก็กลัวประธานกรรมการกันจะแย่อยู่แล้ว
“แล้วงานไม่เป็นไรเหรอ?”
“ไม่เป็นไร ๆ “
ไวดันผมให้ลุกเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า เราสองคนไปเวียนเทียนที่วัดใกล้ ๆ บ้านเหมือนทุกปี ดีจังที่ปีนี้ไม่ต้องงด
เราสองคนเที่ยวงานวัดกันต่อจนดึก
“เฮ่อ~….เหนื่อยจัง” ไวทิ้งตัวกับโซฟาถอนหายใจยาว
“แก่แล้วมั้ง” ผมแกล้งพูดไวหันมาจ้องตาเขียว
“หวา!!….ฮ่า ๆ ๆ ๆ” อยู่ ๆ ไวก็ลุกขึ้นมาจี๋เอวผม
“คนแก่ที่ไหนหัวเราะลั่นขนาดนี้”
ยังไม่ยอมหยุดอีก!!
“ฮ่า ๆ เรา..ไม่ได้ว่าเราแก่ ไวต่างหาก ฮ่า ๆ ๆ ”
โอ้ย!~ เหนื่อยแล้วนะ
“อายุมากกว่าไม่กี่เดือนแก่กว่าได้ไง!~”
กว่าจะหยุดมือไวไว้ได้ แทบจะหายใจไม่ทัน
“ก็มากกว่าอยู่ดีล่ะ ไม่แก่กว่าได้ไง!”
ไวทำหน้าอมยิ้ม….แปลก ๆ ….
“เหรอ…..อย่างนั้นไปเปิดดูซักหน่อยซิว่าคนอายุน้อยกว่าแก่ไปแค่ไหนแล้ว~”
“ไว!!!!!”
อยู่ ๆ ไวก็อุ้มผมเดินขึ้นห้อง
“หืม?”
ยังจะมาหืมอีก
“ไว!! เพิ่งมาเหนื่อย ๆ นะ!”
“เหนื่อยไม่ได้หรอกเดี๋ยวจะโดนหาว่าแก่…”
“ไว!!! …..”
ผมพูดอะไรต่อจากนั้นไม่ได้ โดนไวก้มมาจูบซะหัวหมุนไปหมด แล้ว………. o2
….
…….
……….
รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้า ไวกอดผมไว้แน่นซะจนเริ่มเมื่อยลุกไม่ได้เลยต้องนอนต่ออยู่อย่างนั้น
ตั้งแต่ที่เราแต่งงานกันวันนั้นจนวันนี้….หลายปีแล้ว ไวไม่เคยเปลี่ยนไปเลยไวเคยเป็นยังไงเมื่อวันนั้น วันนี้ไวก็ยังคงเป็นอย่างนั้น บางทีผมก็อยากถามไว ‘ไม่รู้สึกเบื่อผมบ้างเหรอ?’ …คิดไปคิดมาก็กลัวไวจะบอกว่าเบื่อ เลยไม่กล้าจะถามซักที ได้แต่รอว่าวันไหนไวจะเบื่อผมแล้วก็จะบอกผมเอง แต่ยิ่งรอก็ยิ่งกลัวจนไม่รู้จะทำยังไง…
“อืม…” ไวขยับตัวเข้ามากอดผมแน่นกว่าเดิม
“….ชีส…… ชีส!!!! ร้องไห้ทำไม!!!!?” ไวตาโตมองผมพยายามปาดน้ำตาให้
น้ำตา?…. ผมร้องไห้เหรอ?
“….เรา….เปล่า…ไม่มีอะไร”
ผมพยายามหันหน้าหนีเช็ดน้ำตาให้หมด แต่ไวไม่ยอมยังจับแก้มผมให้หันมาจนได้
“เราทำอะไรให้ชีสเสียใจเหรอ?” ไวถามเสียงสั่น
“เปล่า…ไม่มีอะไร” ผมพยายามเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มให้ไว
“ไม่มีอะไรจะร้องไห้ได้ยังไง บอกมาสิชีส เราตกลงกันแล้วไงว่าถ้ามีอะไรจะคุยกัน”
ผมกอดตอบไว ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาให้ไวเช็ด
“เรากลัว…”
“กลัวอะไร?”
“กลัวว่า ถ้าวันไหนไวเบื่อเราแล้วอยากมีคนอื่น เราจะทำใจไม่ได้”
“โธ่ชีส!~…” ไวก้มมาจูบเปลือกตาผมจูบแก้มสองข้าง “เราไม่สัญญาว่าเราจะไม่มีคนอื่น เพราะสัญญามันก็เป็นแค่สัญญา เราไม่สาบานเพราะมันเป็นแค่คำสาบาน แต่เราอยากให้ชีสเชื่อ เราไม่มีคนอื่นเพราะเราไม่รักคนอื่น เราไม่รักใครมากกว่าชีส แล้วคนที่รักกันจะทิ้งคนที่ตัวรักไปมีคนอื่นได้ยังไง?….”
ไวยิ้มให้ผม
“……..”
“เรารักชีส….จำไว้นะเด็กขี้แย” ไวบีบจมูกผมเบา ๆ แล้วก็ก้มหน้าเอาหน้าผากมาแตะหน้าผากผม
“…ไว….”
ไวจูบหน้าผากผม
“…รัก…” แล้วก็จูบแก้ม
“…รัก…” ไวจูบไปทั่วหน้าผมบอกว่ารักอยู่ตลอด
“ไว!” ผมดันตัวไวออก ไวก็ทำหน้างง ๆ
“ทำวุ้นกะทิไว้ให้ ไปล้างหน้าแล้วไปกินวุ้นกันนะ”
ไวยิ้ม “ขอกินคนทำวุ้นก่อนแล้วกัน แล้วเดี๋ยวค่อยไปกินวุ้น”
“ไว!!!…….”
...................END........................
ส่วนใครที่รอตอนของกิตกะน้องเอ๋อ....
:impress: :impress: :impress:
ไม่อยากจะบอกเลยว่าของคู่นี้ไม่มีอ่ะ
เพราะว่าพี่คนแต่งแกแต่งไม่จบ
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: