พิมพ์หน้านี้ - No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: aiaea83 ที่ 15-08-2016 22:27:37

หัวข้อ: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-08-2016 22:27:37
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************




NO SUGAR
ไม่หวานก็รักว่ะ


สารบัญ


บทนำ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3448642#msg3448642)
 No Sugar:1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3449351#msg3449351)
 No Sugar:2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3450474#msg3450474)
 No Sugar:3  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3450918#msg3450918)
 No Sugar:4  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3453389#msg3453389)
 No Sugar:5  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3453572#msg3453572)
 No Sugar:6  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3454125#msg3454125)
 No Sugar:7  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3454311#msg3454311)
 No Sugar:8  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3457320#msg3457320)
 No Sugar:9  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3459657#msg3459657)
 No Sugar:10  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3460256#msg3460256)
 No Sugar:11  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3460791#msg3460791)
 No Sugar:12  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3462295#msg3462295)
 No Sugar:13  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3463135#msg3463135)
 No Sugar:14  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3466101#msg3466101)
 No Sugar:15  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3466995#msg3466995)
 No Sugar:16.1  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3467526#msg3467526)
 No Sugar:16.2  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3468526#msg3468526)
 No Sugar:17  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3470961#msg3470961)
 No Sugar:18  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3471795#msg3471795)
 No Sugar:19  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3472523#msg3472523)
 No Sugar:20 [END]  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3475438#msg3475438)


ตอนพิเศษ

หวง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3477049#msg3477049)


Special : เกน x ป่าน

K&P : 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3479614#msg3479614)





เปิดเรื่องใหม่ (อีกแล้ว) ค่าาาา
เรื่องนี้บางคนอาจโดนดึงมาจากเรื่อง Just you and I เพราะนายคือของฉัน
เป็นคู่ของพี่ฟลอยด์ X ต้อมนะคะ






**หมายเหตุ ชื่อ สถานที่ เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมติทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้อกับผู้ใดค่ะ**
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-08-2016 22:32:07
No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ : บทนำ



       สวัสดีวันเปิดเทอมที่อากาศโคตรจะดี โห นั่นนกเกาะกิ่งไม้เป็นคู่ๆ มันเย้ยผมหรือเปล่า แต่ไอ้ต้อมไม่แคร์ อยู่คนเดียวสบายทั้งหู สบายทั้งใจ สบายทั้งกาย แถมสบายเงินในกระเป๋าด้วย

   ถนนในมหาลัยตอนเช้าโล่งสุดๆ ต่างจากถนนภายนอกที่มีแต่รถราชวนให้หงุดหงิด ผมพักอยู่หอไม่ไกลจากมหาลัยมา เนื่องจากขี้เกียจเอารถยนต์มาใช้ วันไหนตื่นเช้าก็ปั่นจักรยานไม่ก็เดินมา แต่ถ้ารีบหน่อยก็บึ่งไอ้แก่สุดเท่มา อ๊ะๆ แต่อย่ามาดูถูกรถมอเตอร์ไซต์เก่าๆ ของผมนะครับ สภาพอาจจะเยินแต่แรงมันยังดี

   ผมเรียนคณะเกษตรปีสาม ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านปีสองมาแล้ว เหมือนเพิ่งเข้าเรียนปีหนึ่งไม่กี่วันมานี้เอง ผ่านหน้าคณะแต่ละที่ก็เริ่มมีการรับน้อง บ้างก็เฮฮา บ้างก็เอ็ดตะโร คณะผมแม้จะเป็นระบบโซตัส แต่ลดความโหดลงแทบไม่เหลือ สมัยผมเรียนปีหนึ่งนะคุณเอ้ย ยังเกือบได้กินดินเลย นึกถึงแล้วก็สยอง

   นั่นมันไอ้กลอยนี่หว่า ผมปั่นจักรยานผ่านสวนต้นไม้เห็นไอ้เพื่อนต่างคณะกำลังเอาหมูปิ้งให้หมาแม่ลูกกิน มันเป็นคนนิสัยดีแต่เกรียนไปหน่อย เห็นหน้าตาน่ารักๆ แบบนั้น อย่าให้มันได้พูด พ่นออกมามีแต่สัตว์ประหลาด

   “เอาหมูปิ้งให้กินจนมันจะเป็นหมูแล้ว” ผมทักมัน ไอ้กลอยก็หันมายักคิ้ว

   เห็นหน้าตากวนตีนแบบนี้ ตอนมันร้องไห้โคตรน่าสงสาร ยังจำภาพตอนมันถูกพวกคนเลวไล่ทำร้าย ถ้าเกิดวันนั้นพวกผมโดดลงแปลง มันอาจจะเจอเหตุการณ์เลวร้าย ต้องขอบคุณอาจารย์ประจำวิชาที่สั่งจะตรวจงานตอนเย็น ทำให้พวกผมต้องรีบไปลงแปลงผัก

   “ถึงเป็นหมู แต่มันก็น่ารักนะเว้ย” ไอ้กลอยว่า ตามันยิ้มมองดูแม่หมาเลียทำความสะอาดให้ลูกมัน “กูว่าจะเอาแม่มันไปทำหมัน มึงว่าจะบาปหรือเปล่าวะ”

   “บาปเชี่ยไร มึงได้บุญมากกว่า” ผมบอก ความเชื่อผิดๆ เรื่องการทำหมันสัตว์ว่าหากทำแล้วจะเป็นบาป ผมจะบอกเลยว่าได้บุญต่างหาก เป็นการช่วยเหลือไม่ให้มันเพิ่มประชากรเผ่าพันธุ์อีกทั้งยังช่วยลดโรคร้ายที่จะเป็นได้

   “จริงดิ่” ดวงตากลมมันเป็นประกายแวววับ

   “เออ” มองแล้วก็ขำๆ

   “งั้นเดี๋ยวกูบอกให้พี่โชมาอุ้มแม่ครีมไปดีกว่า” ไอ้กลอยมันกวักมือเรียกแม่หมาแล้วลูบหัว

   พี่โชของไอ้กลอยผมก็พอรู้จักบ้าง พี่เขาเคยเลี้ยงยาดองตอนวันที่รู้ผลคะแนนเรื่องแปลงผัก ไม่คิดว่าจะเจอ เลยได้กินฟรีตลอดงาน

   “เออดี เอาลูกมันไปทำด้วย” ผมว่า ไอ้กลอยมันหันขวับมามอง

   “ทำเชี่ย ลูกมันยังเด็กขนาดนี้” ได้แกล้งมันก็ตลกดี เห็นแบบนี้ ไอ้พวกเถื่อนๆ คณะผมก็แอบมองมันเหมือนกันนะ ยิ่งเจอมันร้องไห้ที่แปลงวันนั้น มีแต่คนเข้ามาถามผมเรื่องไอ้กลอย

   “อ่าว เหรอวะ” แกล้งมันไปงั้น “แล้วมึงไม่ไปคณะ?” ผมมองมันที่แต่งตัวตามระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “กำลังจะไป มึงไปส่งกูหน่อย ขี้เกียจเดิน” ผมยังไม่ทันจะตอบ มันเดินขึ้นมาซ้อนท้ายจักรยานเฉย ไอ้เชี่ยนี่เนียนตลอด

   ผมปั่นไปไม่ไกลก็ถึง ที่จริงถ้ามันเดินน่าจะไวกว่าด้วยซ้ำ ไอ้เชี่ยนี่สำออย ผมดูไอ้กลอยที่มันหันซ้ายหันขวาแล้วหยิบแว่นจากกระเป๋าเป้ขึ้นมาสวม

   “ใส่แว่นทำไมวะ สายตาสั้นเหรอ”

   “ใส่กันหมาถาม” ดูปากมัน

   “พ่องมึง” แล้วมันก็หัวเราะจนแว่นเกือบร่วง สมแล้วกับฉายาไอ้เกรียน “กูไปละ”

   ผมกำลังจะปั่นจักรยานหนี แต่ไอ้เชี่ยกลอยมันกลับดึงแขนไว้ แล้วลากผมเข้าไปในตึก เชี่ย จักรยานกู เกือบจะล้มทั้งที่ขายังควบกับรถ มันยิ้มแห้งๆ แล้วบอกให้รีบเอาไปจอดอีกด้าน พอผมข้ามเอาไปจอด ไอ้กลอยก็ลากผมเข้าไปด้านในตึก

   “อะไรของมึง” ผมถาม ไอ้เชี่ยนี่ลากได้ก็ลากอย่างเดียวไม่ถงไม่ถามเหี้ยอะไรเลย

   “เพื่อนกูอยากรู้จักมึง” มันบอก ผมก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่เดินไปได้อีกหน่อยก็เจอกลุ่มเพื่อนมันที่นั่งสุมหัวกันอยู่ “อีเนย กูพามันมาแล้ว เลี้ยงข้าวกูด้วย” ไอ้กลอยมันตะโกนจนเพื่อนมันหันมามอง ก่อนจะมีสาวห้าวผมสั้นกระโปรงพีชยาวถึงพื้นวิ่งตึกๆ เข้ามาหาผม

   “ต้อมจริงๆ ด้วย” ผมเอนหลังหนีเมื่อใบหน้าขาวยื่นมาซะไกล อะไรเนี่ย

   “เออครับ” เริ่มกลัวนิดๆ

   “เนยนะ เพื่อนไอ้เชี่ยกลอย คือเราเห็นเธอที่โรงอาหารแล้วอยากได้ไลน์อ่ะ ขอได้ป่ะ” โคตรตรงเลย ผมยิ้มๆ ก่อนจะบอกไป เนยก็ดีใจวิ่งกลับไปหาเพื่อนตัวเอง...แค่นั้น

   ผมยืนดูกลุ่มเพื่อนไอ้กลอยแล้วก็หันหลังกลับ ลากมาเพื่อ...

   หน้าตึกคณะ ผมกำลังก้าวขาลงบันไดเพื่อจะไปเอารถจักรยานของตัวเอง ก่อนจะเบิกตาโตแล้วแทบพุ่งไปหาสุดหวงของผม ไอ้รถยนต์คันแพงมันกำลังถอยชนสุดหวง (ชื่อจักรยาน) ของผม เชี่ยเอ้ย ไปถึงผมก็รีบทุบท้ายรถของมันให้หยุด พอมันนิ่งผมก็เตะเข้าไปอีกรอบ โมโหเชี่ยๆ

   ผมลากสุดหวงที่ล้อนอนอยู่ใต้ท้องรถ มันน่าจะรู้ว่าถอยทับอะไรแต่แม่งยังถอยอยู่ได้ โง่เหี้ย ไอ้เจ้าของรถเปิดประตูออกมา หน้าตามันเหมือนยักษ์เหมือนมารกำลังจ้องผม

   “มึงทุบรถกูทำไม” ดูมันถามผม

   “มึงถอยรถทับจักรยานกู ตามึงบอดหรือเปล่าวะไอ้สัด” ผมไม่ชอบมีเรื่องกับใคร ถ้ามันไม่หาเรื่องก่อน อย่างเช่นไอ้ลูกคนรวยที่ยืนทำหน้ายักษ์ตรงหน้าผม

   มันเหลือบตามองสุดหวงของผมนิดๆ แล้วก็มาจ้องหน้าผมอีกรอบ

   “เศษเหล็กนั่นเรียกจักรยาน?” โมโหเลยนะ ดูถูกสุดหวงเนี่ย

   “เอ่อ บ้านมึงเรียกเครื่องบินหรือไงไอ้สัด” มันคว้าคอเสื้อนักศึกษาผมจนขาผมเกือบลอย มันสูงกว่าผมพอสมควร

   “อย่ามากวนตีนกับกู” ผมจ้องหน้ามันอย่างไม่ยอม จะยอมเชี่ยไรในเมื่อมันผิด

   “กูไม่ได้กวนตีน แต่มึงทับจักรยานกู” ผมย้ำ มันยังไม่ยอม แต่มือคลายคอเสื้อออกแล้วผลักผมจนเซ เห็นมันเหลือบตามองสุดหวงอีกรอบ มือมันก็ล้วงไปด้านหลังกางเกงหยิบเอากระเป๋าเงินยี่ห้อแพงมันออกมา

   “เอาไป” มันยื่นแบงค์สีเทาให้ผมสามใบ

   “กูไม่ได้ต้องการเงิน” ผมบอก มันส่งเสียงจิ๊จ๊ะ

   “แล้วมึงจะเอาอะไร เศษเหล็กนั่นไม่น่าจะแพง” โมโหขึ้นไปอีกแล้วไอ้ต้อม

   “กูแค่อยากได้คำขอโทษ แต่ลูกคนรวยใช้เงินแก้ปัญหาอย่างมึงคงไม่รู้จัก เอาเถอะ กูจะคิดซะว่า สุดหวงกูชนกับหมามา” ว่าแล้วผมก็เดินไปจูงสุดหวงไปอีกทาง ไม่หันกลับไปมองไอ้ลูกคนรวยว่าหน้ามันจะเป็นยังไงหรือจะโมโหไม่พอใจหรือเปล่า



   ขออย่าได้เจออีกเป็นพอ ไม่งั้นไอ้ต้อมไม่ไว้หน้าแน่ ไอ้ลูกคนรวยไร้สมอง     


....TBC



เปิดเรื่องสำหรับพี่ฟลอยด์แล้วค่าาา มาเปิดเรื่องไว้ก่อน 555555

ฝากพี่ฟลอยด์กับน้องต้อมไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-08-2016 23:27:06
รอๆๆๆน่าสนุก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-08-2016 23:27:49
พี่ฟลอยด์นิสัยไม่ดีเลย รอต้อมดัดนิสัยพี่ฟลอยด์

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 16-08-2016 02:51:28
พี่ฟลอยด์ดูเป็นลูกคนรวย ที่ใช้แต่เงินฟาดอะ ลูกคุณหนูด้วยหรือเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 16-08-2016 05:33:29
ตามๆๆ

 :beat: :beat:

คนรวยใช้เงิน อิอิ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 16-08-2016 06:06:17
จากพี่ฝอยขัดหม้อในเรื่องนั้นนนนน
มาเป็นพี่ฟลอยด์ของต้อมซะแหละ 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 16-08-2016 08:03:45
รอๆ คู่นี้ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-08-2016 09:07:22
หืม รอค่ะ
ดูท่าต้อมจะน่ารัก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-08-2016 15:08:52
กรี๊ดดดดดดดดดดด มาแล้วๆๆๆๆ รอคู่นี้อยู่เลยอ่ะ อ๊ายยยยยยยยย :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 16-08-2016 15:59:16
พี่ฟลอยด์นิสัยไม่ดีเลย อย่างนี้ต้องให้ต้อมสั่งสอนให้เข็ด
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>บทนำ<< // [15/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 16-08-2016 16:05:38
เย่ๆ พี่ฟล์อยสุดหล่อมาแว้วๆๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 16-08-2016 22:28:38
No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ : 01



       “เป็นอะไรวะไอ้ต้อม ทำหน้าอย่างกับขี้ไม่ออก” ไอ้ป่านเพื่อนสนิทผมมันพูดหลังจากเห็นผมเดินหน้าบึ้งมากระแทกตัวนั่งข้างมันที่หน้าตึก

   “ทะเลาะกับหมามา” ตอบเสียงปึงปังจนมันตาโต

   “อ๋อ แสดงว่ามึงยอมรับแล้วใช่มั้ยว่ามึงพูดกับหมารู้เรื่อง” เหล่ตามองนิดๆ ด่าผมอยู่หรือเปล่าวะ

   “มึงจะว่ากูเป็นหมาใช่มั้ยไอ้สัดป่าน” แล้วมันก็หัวเราะ ไอ้เชี่ยนี่กวนตีน “แล้วไอ้ดอยไปไหน” ถามหาเพื่อนอีกคน ไอ้นี่ชื่อดอยแต่เป็นคนใต้

   “นู้น ไปดูเด็กรับน้องนู้น” ไอ้ป่านใช้ปากยื่นไปด้านในของตึกคณะที่มีสนามหญ้าอยู่ตรงกลาง โดยมีตึกสี่ด้านล้อมรอบ พวกผมเรียกตึกจัตุรัส

   พยักหน้าตอบไป ช่วงรับน้องก็ไม่มีอะไรมาก ปล่อยให้ปีสองจัดการ ปีสามมีหน้าที่เชือดไก่ให้ลิงดู แม้ระบบยังเป็นแบบโซตัสแต่ก็นั่นแหละ การว๊ากแทบจะน้อยลง การรับน้องนอกสถานที่ยิ่งแล้วใหญ่ โดยยกเลิกมานานเพราะเคยมีก่อนรุ่นผมตายจากการรับน้องที่ทะเล

   “แล้วตกลง มึงเป็นอะไรวะ” ไอ้ป่านยังเซ้าซี้

   “สุดหวงกูถูกรถทับ แม่ง ไอ้เชี่ยนั่นตาบอด สุดหวงกูจอดตรงนั้นมันยังถอยมาทับได้ แถมเรียกเศษเหล็กอีก พูดแล้วของขึ้น” โมโหจริงๆ ก่อนจะนึกขึ้นว่าได้ถ่ายรูปมันไว้ ผมรีบเอาออกมาให้ไอ้ป่านดู มันมองก่อนบอกว่าคุ้นๆ แล้วมันก็เอาไปถามกลุ่มเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอีกฝั่ง



   “ไอ้เชี่ยต้อม กูได้ข้อมูลแล้วเว้ย” ไอ้ป่านวิ่งหน้าตื่นมาหาหลังจากหายไปนาน

   “อะไรของมึง”

   “ก็ไอ้เชี่ยในรูปนี้ไง พวกอีเป้ยรู้จักด้วยว่ะ” ไอ้ป่านทำตาโต “มันบอกชื่อฟลอยด์ เรียนปีสี่ เป็นเดือนบริหารพ่วงเดือนมหาลัย”

   “กูไม่ได้อยากรู้ไอ้สัด” รีบพูดแทรก ทำไมต้องรู้แบบนั้น

   “เชี่ย กูอุตส่าห์ไปถามมาให้” มีน้อยใจ

   “เอ่อๆ รีบๆ พูดมา” ไอ้ป่านกลับมายิ้มจนผมต้องยิ้มตาม

   “มันเป็นลูกคนรวย พ่อเป็นเจ้าของห้าง เคยถ่ายแบบลงหนังสือ มีทั้งสาวทั้งหนุ่มจ้องจะงาบแต่แม่งไม่เอาใครสักคน”

   “คนรวยเลือกได้ก็แบบนี้แหละ” ผลเหล่ดูรูปมันในมือถือตัวเอง หน้าตาก็ไม่ได้ดีมากมาย หลงไปได้ยังไงวะ

   “มันหล่อด้วยนะมึง” ตรงไหนวะ

   “แล้วไงอีก แค่นี้เหรอวะ”

   “ลับสุดยอด” อยู่ๆ ไอ้ป่านก็ยื่นหน้ามากระซิบ “เห็นว่ามันกำลังตามจีบไอ้กลอยเด็กศิลปกรรมอยู่”

   “เชี่ย ไม่จริงมั้ง ก็ไอ้กลอย...” ตกใจที่ได้ยินแบบนั้น ก็ไอ้กลอยมันมีแฟนอยู่แล้วนี่หว่า แถมอยู่คนละมหาลัย ผมเคยเจอด้วย ข้อมูลนี้แม่งมั่วสัด

   “จริงไม่จริงไม่รู้ ที่แน่ๆ พี่เขาไปจอดรถดูไอ้กลอยทุกวันที่หน้าตึก อีเป้ยบอกสายรายงานมาแบบนี้”

   ลูกคนรวยไร้สมอง ชอบใช้เงินแก้ปัญหา แถมยังชอบเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านอีก เลวครบจริงๆ

   “ก็ได้แค่มองละวะ” ผมบอก ไอ้ป่านก็มองอย่างสงสัยแต่ผมไม่พูดต่อ คิดแล้วก็แอบสมเพช รักคนที่มีเจ้าของก็ต้องช้ำใจไป แต่ถ้าคิดแย่งละก็ หาคำจำกัดความไม่ได้หรอก อีกอย่าง แฟนไอ้กลอยแม่งโคตรหวง ไม่รอดแน่มึง

   ผมเอามือถือคืนก่อนจะพากันลุกไปที่โซนรับน้องในตึก ปีหนึ่งถูกนั่งเป็นแถวโดยมีปีสองล้อมรอบเอาไว้ ผมเดินไปยืนข้างๆ ไอ้ดอยที่กำลังส่องสาว

   “ไอ้ต้อม น้องขาวๆ นั่นแจ่มเหี้ย” มันชี้ไปที่น้องแก้มป่องผิวขาวที่นั่งสวยอยู่ตรงกลาง ดูเหมือนคนอื่นๆ ก็คงมองเหมือนกัน

   “ก็น่ารักนะกูว่า” ผมตอบ เอาจริงๆ ผมไม่มีสเป็กหรอก ใครคุยเข้าใจมันก็ใช่เอง มัวแต่มาชอบแบบนั้นไม่ชอบแบบนี้คงไม่ต้องมีกันพอดี แต่ผมยังหาแบบนั้นไม่ได้นี่สิ เอาแค่ว่าคุยกับผมเข้าใจยังหายาก

   “ก็น่ารักเหรอวะ ตามึงแม่งไม่ถึงจริงๆ” ไอ้เชี่ยดอยส่ายหัวแล้วกวักมือเรียกไอ้ป่านแทน

   มองกราดไปยังเด็กใหม่ ทุกคนดูจะตั้งใจมาเรียนคณะนี้จริงๆ แต่ละคนยิ้มแย้มไม่มีใครหน้าบูดเป็นตูดจากการคะแนนหลุดเลยต้องมาเรียนแบบปีที่แล้ว แถมมันยังมาเป็นน้องรหัสผมอีก ว่าแล้วมันก็เดินเข้ามาหา

   “อ่าวพี่ต้อม มาดูด้วยเหรอวะ” มันยิ้มโชว์ฟันเหล็ก

   “เออ มึงเห็นกูยืนอยู่หรือเปล่า” ถามไม่คิด

   “อ่าว นี่ผมพูดกับอากาศเหรอวะ” กวนนักเลยเตะเข้าขาจนมันเกือบล้ม ไอ้เป็กมันกวนตีนผมตลอด ตอนแรกอยากเข้าแพทย์แต่คะแนนไม่ได้ เรียนไปกินเหล้าไปมันคงติดหรอกหมอน่ะ

   “เด็กใหม่เป็นไง เห็นสายรหัสหรือยัง” ผมถาม ไอ้เป็กส่ายหน้า

   “โหพี่ จะเห็นได้ไง ต้องรอมันรายงานตัวสิวะ” มันว่า ผมเลยเหล่ตามองไอ้เด็กกวนโอ๊ย

   “เออ กูผิดเองไอ้สัด” แล้วมันก็หัวเราะจนเพื่อนมันหันมามอง “กูไปละ ดูน้องดีๆ นะมึง อย่ามัวแต่จีบเด็ก กูเห็นไอ้สัด” เตะตูดส่งท้ายก่อนจะเดินตามเพื่อนไปขึ้นตึก ส่วนปีหนึ่งต้องรอปีสองอธิบายแผนที่กับเรื่องต่างๆ ของคณะให้ฟัง

   เรียนวันแรกไม่มีอะไรนอกจากฟังแนวการสอนและหลับ หลังจากเลิกเรียนคาบเช้า ผมก็พากันไปดูแปลงผักหลังม. ระหว่างเดินข้ามถนน ผมเห็นไอ้รถคู่กรณีเมื่อเช้ามันจอดหน้าร้านขายนมปั่น มองเข้าไปเห็นควงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งจ้องหน้ากันอยู่

   มีเมียแล้วนี่หว่า ไม่เห็นมันจีบไอ้กลอยอย่างที่ได้ยินมา

   ผมละความสนใจจากมันเดินข้ามถนนเข้าซอยข้างร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ นี่ถ้าสุดหวงยังสภาพดี ผมคงปั่นมาแล้ว ไม่รู้เอาไปซ่อมจะเป็นยังไงบ้าง ล้อเบี้ยวไปหมด

   “โคตรเหนื่อยว่ะสัด” ไอ้ดอยบ่น

   “มึงทำไมไม่เอามอเตอร์ไซค์มาวะ” ไอ้ป่านถามมันกลับ มือก็ยกขึ้นปาดเหงื่อ

   “กะออกกำลังกายไง แต่แม่งเหนื่อยสัด” ผมหัวเราะไอ้สองตัวนี่แล้วเร่งก้าวไปดูแปลงที่เมื่อวานไม่ได้เข้าไปดู ไม่รู้ถูกหนอนแทะไปหมดหรือยัง

   แม้จะเพิ่งเปิดเทอม แต่พวกผมก็ต้องดูแลแปลงผักพวกนี้ให้ดี ยิ่งช่วงปิดเทอมแทบผลัดกันมานอนเฝ้าเพราะมันมักจะมีคนมาขโมยผักอยู่เรื่อยๆ ก็รู้ว่ามันสวยแต่ขอซื้อก็ได้พวกผมไม่ได้หวงสักนิด ขายถูกกว่าตลาดแถมปลอดสารพิษด้วย



   พอได้ลงแปลงก็แทบลืมเวลา รู้ตัวอีกทีไอ้ดอยก็ตะโกนให้ไปกินข้าวเที่ยง แต่จากเวลาน่าจะข้าวบ่ายค่อนไปทางเย็นมากกว่า ล้างมือเสร็จก็เดินข้ามแผ่นกระดานขึ้นบนถนน เพื่อนหลายคนที่มาลงแปลงเหมือนกันก็ออกจากแปลงแล้วพากันเดินกลับ
 
   หน้าถนนใหญ่ พวกผมยืนรอรถว่าง แต่เวลานี้รถอย่างเยอะ จะข้ามทีต้องนึกถึงชีวิตตัวเองให้มาก แค่ก้าวขาพลาดก็มีสิทธิ์ตายได้ เมื่อรถเริ่มชะลอความเร็ว พวกผมก็รีบข้ามไปยืนกลางถนน แต่พอผมก้าวขาจะข้ามถนนอีกเลน รถที่ขับมาไวบีบแตรดังจนทุกคนตกใจ ผมเบิกตากว้างมองรถที่ขับไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย

   ตายแน่กู!!!!!!

   เอี๊ยด!!!! เสียงล้อบดตามถนนเสียงดัง ผู้คนแถวนั้นรีบวิ่งมาดูเพราะคิดว่าอาจเกิดอุบัติเหตุ ผมหลับตานิ่ง ถ้าชนนี่โดมิโน่เลยนะครับ พอลืมตามาเห็นรถกระบะสีขาวจอดอยู่ คนขับเป็นผู้หญิงที่ผมเห็นเมื่อเช้าในร้านนมปั่นตรงนั้น เกือบตายยกหมู่แล้วไอ้ต้อม

   เจ้าของรถรีบลงมา ใบหน้าหวานซีดจนแทบไร้สี เธอยกมือขอโทษพวกผมที่ขับไม่ดูเพราะมัวแต่โทรศัพท์ ไอ้เสนเดินมาโวยวายแต่ผมก็บอกให้มันใจเย็นๆ

   “ต่อไปขับระวังหน่อยนะครับ” ผมยิ้มให้ก่อนจะพาเพื่อนที่ขวัญหนีดีฝ่อข้ามถนนเข้าประตูมหาลัยไป

   “แม่ง กูเกือบได้ไปเข้าเฝ้าท่านยมแล้วมั้ยล่ะ” ไอ้ดอยว่า มือมันลูบอกลูบหน้าตลอด เอาจริงๆ ถ้าชนผมจะโดนคนแรก แอบเสียวเหมือนกันนะ

   “แต่คนขับเป็นดาวคณะเภสัชปีสองหรือเปล่าวะ กูจำได้” ไอ้นัยเพื่อนอีกคนว่า ผมส่ายหน้าเพราะไม่รู้ ตอนประกวดดาวเดือนไม่ว่าปีไหนผมไม่ได้ไปดูเพราะต้องไปทำงานร้านสะดวกซื้อ แต่ตอนนี้เลิกแล้วเพราะปีสามต้องลงแปลงเยอะขึ้น ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น

   “มึงไม่ต้องไปถามไอ้ต้อม ไอ้ห่านี่เคยสนโลกภายนอกที่ไหน” ดูไอ้เชี่ยป่านมันว่าผม

   “เออ กูมันพวกหลังเขา ไม่เหมือนมึง ไอ้คนยอดเขา” แล้วพวกมันก็หัวเราะดังลั่น

   พอเดินมาถึงหน้าตึกทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ผมเข้ามาเพราะต้องมาเอากระเป๋าที่เก็บไว้ แล้วก็เดินย้อนกลับไปที่ร้านซ่อมจักรยาน ลุงเจ้าของบอกซ่อมเสร็จแล้ว สุดหวงของพ่อเกือบกลายเป็นเศษเหล็กซะแล้ว ลูบๆ คลำๆ จนหนำใจก็รีบจ่ายเงินเสร็จสรรพผมก็ปั่นสุดหวงกลับหอ


   ค่ำคืนที่ผู้คนไม่หลับไม่นอน ผมก็เช่นกัน เกลียดเวลาหิวแล้วต้องออกมานอกหอพัก ผมเดินข้ามฝั่งหอไปที่ร้านสะดวกซื้อที่ผมเคยทำงานมาสองปีกว่า พอเข้าไปเจอกับผู้จัดการคนสวย เธอบอกว่าผมเหมือนน้องชายจนแทบจะพาไปอยู่ด้วย ผมคงจะดีใจถ้าพี่เขาเป็นหญิงแท้

   “ต๊ายน้องต้อม ไม่เจอกันนานน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ” พี่จินนี่ทักพร้อมกับตบตูดจนต้องรีบเดินหนี

   “แต๊ะอั๋งไอ้ต้อมตลอดนะพี่จินนี่” ไอ้เก คนที่ทำงานพร้อมผมเอ่ยปากจนโดนถลึงตาใส่ ผมก็ยิ้มๆ ให้พี่แกไปแล้วเลี่ยงเดินเลือกซื้อของแทน     

   ข้าวกล่องง่ายสุดในตอนนี้ เปิดตู้แช่ ไอ้เย็นก็พุ่งชนหน้าจนไม่อยากขยับ ตาก็กำลังเลือกว่าจะกินอะไรดี ก่อนประตูที่ผมยังจับจะถูกคนด้านหลังกระชากให้เปิดกว้างขึ้นจนตกใจ ไอ้เชี่ย ไม่มีมารยาท แต่พอจะหันไปด่าก็ได้แต่อ้าปากค้าง

   “มึง”

   “มึง”

   เกลียดความบังเอิญของโลกที่มันจะกลมไปไหน ผมจ้องตาไอ้คนที่มันว่าให้สุดหวงเป็นเศษเหล็ก มันขมวดคิ้วจ้องผมนิ่ง ตามันโคตรจะหาเรื่อง ดูจากการแต่งตัวเสื้อยืด กางเกงสามส่วน มันน่าจะกลับไปบ้านมาแล้ว

   “ไม่เอาก็ถอย กูจะหยิบ” เสียงนิ่งๆ ของมันดังขึ้น ผมก็รีบขยับออกห่าง

   แล้วจะไปทำไมตามที่มันบอกทำไมวะไอ้ต้อม

   พอมันหยิบข้าวกล่องเสร็จก็ถอย ผมเลยเดินไปหยิบต่อมันอีกที ทั้งที่มาก่อนแท้ๆ ไอ้ต้อม มึงไม่น่าไปยอมมันเลย ผมเดินวนหาขนมหลังจากส่งข้าวกล่องให้พนักงานอุ่นให้ ไอ้ลูกคนรวยมันตัวสูง เชลฟ์วางของยังแค่ไหล่ มึงกินยีราฟเป็นอาหารหรือเปล่าวะ ผมไม่ได้มองหรอก แต่มันกำลังยืนอยู่ตรงข้ามผม

   เหมือนเศษเสี้ยววินาทีที่ผมกับมันเผลอจ้องตากัน ดูมันคงไม่ชอบขี้หน้าผมแน่นอนแต่ไม่สนมันหรอก ผมไม่ได้ไปขอข้าวมันกินนี่หว่า พอพนักงานเรียกผมก็รีบเดินไปเอาข้าว แต่ไอ้ลูกคนรวยบอกเป็นของมัน

   “นี่ข้าวกู” มันว่า ผมขมวดคิ้วมอง

   “นี่ของกูโว้ย”

   “ของกู กูหยิบออกมาเมื่อกี้”

   “กูก็หยิบออกมาเมื่อกี้ มึงมั่วสัด”

   “ด่ากูเหรอวะ” เกือบจะได้วางมวยถ้าหากพนักงานอีกคนไม่เอาข้าวอีกกล่องมาวางข้างกัน ของผมข้าวผัดหมู ของไอ้ลูกคนรวยข้าวผัดปู แล้วที่กำลังแย่งกันคือข้าวผัดหมูของผม ไอ้เชี่ย
 
   “ของกูไอ้สัด” ด่ามันไปทีหนึ่งก่อนดึงกล่องข้าวตัวเองแล้วรีบจ่ายเงิน ผมเห็นมันกัดฟันจนกรามนูนมองผมอย่างโกรธแค้น ยักคิ้วกวนให้ไปทีหนึ่งแล้วก็รีบเดินออกจากร้าน

   พอเดินออกมาไม่ทันระวังตัวก็ถูกมือดึงจากด้านหลังจนผมตกใจ หน้ามันบึ้งตึงจนผมเริ่มกลัวนิดๆ ตามันเหมือนลุกเป็นไฟ จะฆ่าผมหรือเปล่าวะไอ้บ้านี่ แล้วเสียงใสก็ดังมาจากด้านหลัง ทั้งผมกับไอ้ลูกคนรวยต่างหันไปมอง

   สาวสวยที่ขับรถจะชนผมนี่หว่า

   “อ่าว คนนั้นนี่” หญิงสาวยกมือชี้หน้าผมพร้อมรอยยิ้ม เมียไอ้เชี่ยนี่เหรอวะ

   “รู้จักมันเหรอ” ไอ้ลูกคนรวยมันถามเสียงนิ่ง

   “เมื่อเย็นครีมเกือบขับรถชนพี่เขา ที่เล่าให้พี่ฟลอยด์ฟังไง” ไอ้ลูกคนรวยที่ชื่อฟลอยด์มันมองหน้าผมนิ่งๆ “แล้วพี่มีเรื่องอะไรกันเหรอ”

   “เปล่า” มันปฏิเสธ

   “แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าหาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่วหรอกนะ ตอนไปเชียงใหม่ก็ทีหนึ่ง ครีมเห็นพี่ฟลอยด์คว้าแขนคนอื่นแบบนี้เลย”
 
   “ไม่มีอะไร เสร็จแล้วก็กลับ” มันเหล่ตามองผมก่อนจะจ้ำอ้าวข้ามถนนไปหารถที่มันถอยทับสุดหล่อ แต่สาวสวยยังไม่ยอมตามไป เธอยิ้มสวยส่งให้ผมจนต้องยิ้มตอบ

   “ขอโทษแทนพี่ฟลอยด์ด้วยนะคะ ลูกคนเล็กก็โดนตามใจแบบนี้แหละค่ะ”

   “อบรมแฟนหน่อยก็ดีนะครับ” ผมตอบ ตอนแรกอยากจะด่าเหมือนกันแต่เกรงใจ

   “อุ๊ย ครีมไม่ใช่แฟนพี่ฟลอยด์นะคะ เป็นลูกพี่ลูกน้องค่ะ แม่ครีมเป็นน้องสาวแม่ของพี่ฟลอยด์” สาวสวยคนตรงหน้าว่า แต่ไม่ต้องสาธยายเครือญาติก็ได้ คือผมก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่

   “อ่าครับ” ไม่รู้จะตอบอะไรเลยได้แต่ยิ้ม

   “พี่ชื่อต้อมใช่หรือเปล่าคะ”

   “รู้จักผมด้วยเหรอครับ”

   “รูปพี่อยู่ในเพจคิ้วบอยของมหาลัยนี่คะ แถมดังซะด้วย ยอดกดไลค์เยอะมาก” ครีมทำตาเล็กตาน้อยจนผมแอบเขิน แล้วทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องรูปวะ

   “เหรอครับ” ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ไป “เอ่อ พี่ว่าน้องรีบไปเถอะครับ ไอ้นั่นจะข้ามมาหาเรื่องอีกแล้ว” ผมบอกเพราะไอ้ลูกคนรวยมันออกจากรถเตรียมจะข้ามถนนมา หน้าตาบึ้งตึงไม่พอใจ คงจะรอนาน

   “พี่ฟลอยด์ขัดตลอด งั้นครีมไปนะคะ แล้วเจอกัน” แต่ดูจะไม่ทัน เพราะไอ้บ้านั่นข้ามถนนมาแล้ว แถมจ้องซะเหมือนผมจะข่มขืนหลานมันอย่างนั้น

   “ไปได้แล้ว” มันหน้างอสั่งหลานตัวเอง ก่อนจะเหล่ตามามองผมที่ยืนทำหน้าเฉยชา “ส่วนมึง อย่ามายุ่งกับหลานกู” อย่างกับกูอยากยุ่งไอ้ห่า

   “เออ กูไม่ยุ่งหรอกไอ้สัด” ด่ามันแต่มันถลึงตาใส่

   “กูรุ่นพี่มึงนะ พูดอะไรก็คิดก่อนจะพูด” มันชี้นิ้วใส่หน้าผม

   “มึงเป็นรุ่นพี่พูดแบบนี้กับรุ่นน้องก็ได้เหรอวะ” ไม่ยอมมันหรอก รุ่นพี่คณะก็ไม่ใช่ทำไมต้องกลัว

   “ไอ้!” ผมตักข้าวเข้าปากทั้งที่ยังยืนทำหน้ากวนตีนมันอยู่ “กูไม่มีคำพูดกับมึงจริงๆ” ลอยหน้าลอยตาจนมันล่าถอยไปเอง แค่นี้ก็ไม่กล้าสู้โด่ ข้าวกล่องกินแค่ไม่กี่คำก็หมด ผมเดินเอากล่องไปทิ้งแล้วเดินข้ามถนนไปหอพักตัวเอง ก็ตรงที่มันจอดรถนั่นแหละครับ เห็นเครื่องยนต์ยังติดอยู่แต่ไม่ยักจะออกรถไป


   “อะ ไอ้ ไอ้ เหี้ย” ผมตะโกนด่า หลังจากข้ามถนนไปยืนดูท้ายรถไอ้ลูกคนรวย แต่อยู่ดีๆ มันก็ถอยหลังยาวมาจะชน ผมก็รีบวิ่งหนี พอมันหยุดก็ยื่นแขนออกมาชูนิ้วกลางใส่พร้อมกับออกรถไป อยากจะถอดรองเท้าปาก็ไม่ได้เดี๋ยวไม่มีอะไรใส่พรุ่งนี้



        ไอ้เชี่ยนี่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!!     


........TBC


ทำไมพี่ฝอยขัดหม้อ (พี่ฟลอยด์) นิสัยไม่ดีเลย ไม่เห็นเหมือนกับตอนกลอยเลยโน๊ะ นี่อาจเป็นด้านแท้ๆ ของนิสัย

เจอกันตอนหน้าค่าาา ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 16-08-2016 22:43:36
เพิ่งมาอ่าน ชอบต้อมแล้วละสิ นิสัยไม่ยอมคนดี ถ้าไม่ผิด

อ่านละฮามาก ฉากร้านสะดวกซื้อ
พี่ฟรอยด์นี่เหมือนเด็กเอาแต่ใจ 555+

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-08-2016 23:16:22
มาเจิมเรื่องใหม่ด้วย
สนุกกกก  ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่ฟลอยด์ นิสัยเอาแต่ใจ
ไม่ต่างจากตอนที่เจอกลอย ถูกใจ
ก็บังคับกลอย พาเข้าผับเลย
ต้อม น่ารักมาก ลงเพจคิ้วท์บอยซะด้วย
กลอย ไม่ได้ลงเพจเหรอ คงเพราะมัวแต่เกรียน
เลี้ยงแม่ครีม กับลูกๆ ละสิ เขาเลยหาไม่เจอ กร๊ากกก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 16-08-2016 23:17:02
น้องต้อมกับพี่ฟล์อยมวยถูกคู่จริงๆๆ อยากจะบอกว่าแค่ตอนแรกก็มันแล้ว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 17-08-2016 09:37:21


ติดตามค่ะ ^^  :L2:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 17-08-2016 10:01:32
น้องต้อมต้องสั่งสอนพี่ฟลอยด์หน่อยนะ นิสัยไม่ดีเลย

"แม่ครีมเป็นน้องสาวแม่ของพี่ฟลอยด์" ถ้าเราเข้าใจไม่ผิดน้องครีมกับพี่ฟลอยด์ก็น่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะ
ไม่น่าจะใช่หลานนะ หรือเราเข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 17-08-2016 10:07:36
ฟลอยด์นิสัยเสียอ่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-08-2016 10:59:50
พี่ฝอยขัดหม้อนิสัยเสีย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 17-08-2016 12:12:49
น้องต้อมต้องสั่งสอนพี่ฟลอยด์หน่อยนะ นิสัยไม่ดีเลย

"แม่ครีมเป็นน้องสาวแม่ของพี่ฟลอยด์" ถ้าเราเข้าใจไม่ผิดน้องครีมกับพี่ฟลอยด์ก็น่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะ
ไม่น่าจะใช่หลานนะ หรือเราเข้าใจผิด

ลูกพี่ลูกน้องค่าา เริ่มเบลอ ฮ่าๆๆ ขอบคุณนะคะ จะรีบแก้ไขค่ะ >w<
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 17-08-2016 18:00:40
พี่ฝอยชัดหม้อปะทะต้อม ช่างเหมาะกันจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-08-2016 22:50:25
โถถถถ ก็ว่าคนของพี่ฟลอยด์เป็นใครที่แท้ก็พี่ต้อมคนแมนนี่เอง อ่านไปสองตอนรู้สึกได้ว่าคู่นี้มีความฮา พี่ต้อมนี่ก็เกรียนไม่แพ้กลอยหรอกนะ และที่ชอบนิสัยพี่แกก็ตรงที่ไม่แคร์โลกนี่แหละ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 1<< // [16/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 17-08-2016 23:09:21
 :katai2-1:ข
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 18-08-2016 11:02:58
No Sugar : 02



        หน้าตึกศิลปกรรม ผมจอดสุดหวงไว้ตรงลานจอดก่อนเดินเข้าไปในตัวตึก ที่มาเพราะไอ้กลอยมันส่งข้อความไปขอข้อมูลเกี่ยวกับทำหมันสุนัข ที่ผมรู้ก็เพราะลูกของป้าผมเปิดคลินิกรักษาสัตว์อยู่นั่นเอง ไอ้กลอยเลยจะเอาไปที่นั่น ที่สำคัญ ได้ส่วนลดเพราะรู้จักผมอีกต่างหาก แฟนมันก็รวยจะตายห่า ยังมีหน้าขอส่วนลด

   เดินเข้ามามองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็น เจอก็แต่กลุ่มสาวๆ ที่นั่งรวมกลุ่มพูดคุยเสียงดัง บนโต๊ะผมเห็นมีหนังสือนิยายที่รูปปกมีผู้ชายสองคนกอดกัน นั่นหนังสือนิยายหรือการ์ตูนหรือมันคืออะไร ผู้ชายสองคนกอดกันอีก พอกลุ่มนั้นเห็นผมยืนเป็นหินอยู่ก็หันหน้ามาทักทาย

   “มาหาใครเหรอคะ” สาวใส่แว่นทักผมพร้อมรอยยิ้ม

   “เอ่อ กลอยอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ” ถามแบบสุภาพ สาวๆ กลุ่มนี้จ้องผมนิ่งซะจนต้องก้มมองตัวเอง หรือเพราะผมสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตนี่วะ คนถึงมอง ก็คนเพิ่งไปดูแปลงผักมา “เอ่อ”

   “อุ๊ย มาหาไอ้กลอยเหรอคะ นู้นค่ะ นั่งเสนอหน้าอยู่ตรงนู้น” ผมมองตามแขนยาวๆ ที่ชี้ไปทางตึกด้านใน กำลังจะก้าวขากลับถูกมือฉุดเสื้อไว้

   “ต้อมเพจคิ้วบอยนั่นนี่นา ใช่มั้ยอีแป้น เสิร์ชด่วนค่ะมึง” เสียงโวยวายยิ่งทำให้ตกใจ อะไรวะ เพจนั่นอีกแล้ว “เจอยังๆ” คนที่พูดยังไม่ยอมปล่อยมือจากเสื้อของผม

   “เจอแล้วค่ามึง” แล้วผู้หญิงที่นั่งอยู่อีกด้านพลิกหน้าจอมือถือของตัวเองให้ผมดู

   รูปผมจริงด้วยว่ะ รูปสมัยตอนปีหนึ่ง ที่ถ่ายให้คณะโปรโมทการแต่งกายถูกระเบียบ

   “ตัวจริงด้วย แต่หน้าใสไม่เท่าเมื่อก่อนเลยนะ” ผมเอนหน้าหนีเมื่อมีมือยื่นมาแตะ ผมไม่ชอบให้ใครมาโดนตัว ยิ่งเป็นผู้หญิงอีก มันดูไม่ดี   

   “ขอโทษที่หน้าผมมันแย่ลง” บอกตามตรง อันนี้ก็ยอมรับเพราะเวลาลงแปลงเราต้องเจอแดดแรงๆ แล้วผมไม่ชอบทาครีม คือมันเหนียวเกินผมไม่ชอบ

   “อุ๊ย พวกเราไม่ได้ว่าเลยนะ” นี่ขนาดไม่ได้ว่า ผมยังรู้สึกแย่กับหนังหน้าตัวเอง

   “ไม่เป็นไรครับ” ยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะแยกไปหาไอ้กลอย

   เดินไปลูบหน้าตัวเองไป นี่ผมคงโทรม หน้าดำ ผิวแห้งมากสินะ จะว่าไปหน้าก็กร้านขึ้นเยอะ ลูบทีนึกว่าเป็นกระดาษทรายเบอร์ศูนย์

   “เป็นไรมึง” ไอ้กลอยเห็นผมลูบหน้าตัวเอง มันก็ลองยื่นมาลูบบ้าง “หน้ามึงหรือส้น...วะ” ดีมันยังดูดเสียงเองไม่งั้นคงโดนไอ้ที่มันดูดเตะเข้าให้

   "ก็หน้ากูนี่แหละ” ผมว่า ไอ้กลอยมันเป็นพวกผิวพันธ์ดี แถมได้แฟนรวยก็บำรุงเยอะ เห็นมันบ่นในไลน์ว่าโดนบังคับกินวิตามินแถมถ่ายให้ดูอีก เต็มกำมือ ไม่รู้กินเข้าไปได้ยังไง “ว่าแต่ มึงทำไมแต่งตัวเหมือนไอ้เชยอยู่วะ”

   “เรื่องของกูน่า ว่าแต่ไหนเอกสาร” ผมยื่นเอกสารทุกอย่างให้มันไป มันก็รีบถ่ายรูปแล้วส่งให้แฟนมันดู “เรียบร้อย”

   “แฟนมึงเขาจะมาเอาหมาเมื่อไหร่” ผมถาม จะได้บอกเจ้าของคลินิกถูก

   “น่าจะพรุ่งนี้มั้งนะ ต้องดูว่ามีประชุมหรือเปล่าอ่ะ” ไอ้กลอยมันว่า

   ผมจ้องหน้าเพื่อนต่างคณะแล้วทำให้นึกถึงหน้าไอ้คนที่เกือบถอยรถชนผม ก็ไม่แปลกที่จะตกหลุมรักไอ้เกรียนตรงหน้า ผมว่ามันเป็นคนจิตใจดีนะ ขนาดครั้งแรกที่ได้เจอ มันยังทำเหมือนสนิทกับผมมาเป็นสิบกว่าปี คุยไฟแลบจนผมรำคาญ

   “เออๆ ยังไงก็บอกด้วยล่ะ” ผมว่าก่อนจะบอกลาเพื่อกลับคณะ ไอ้กลอยดันแว่นให้เข้าที่ก่อนโบกมือลา

   พอเดินออกมาก็ยังต้องผ่านกลุ่มสาวๆ ที่รั้งผมในตอนแรก พวกเธอโบกมือลาผมจนผมต้องยิ้มกลับไป แต่ก็ต้องรีบหุบเมื่อหันหน้าไปเจอไอ้คนนิสัยเลวยืนพิงรถตัวเองอยู่ ด้านหลังรถมันถอยชิดกับสุดหวง

   ผมเดินอาดๆ เข้าไปคว้าสุดหวงกำลังจะขึ้นควบ ไอ้บ้านั่นดึงแขนจนผมเซเกือบล้ม แถมหน้ามันยังจ้องซะเหมือนผมไปฆ่าแมวมัน

   “มองกูทำไม” ถามมัน

   “มึงรู้จักกลอยด้วยเหรอ” คิ้วดำของไอ้เลวขมวดเป็นปม สงสัยจะเห็นผมยืนคุยกับไอ้กลอย

   “เออ ทำไม”

   “มึง...จีบกลอยเหรอวะ” เสียงมันกดต่ำลง ไอ้เชี่ยนี่หวงผมกับไอ้กลอยเหรอวะ เป็นคนนอกแท้ๆ ถ้าเป็นแฟนไอ้กลอยจะไม่ว่าสักนิด

   “กูเป็นเพื่อนมัน จบนะ แล้วก็เอาแขนมึงออกด้วย” ผมเหลือบตามองฝ่ามือมันที่จับแขนผมอยู่ พอมันปล่อย แขนของผมกลายเป็นสีแดงเป็นปื้นคงเพราะมันจับแน่น “เชี่ย แขนกูผื่นขึ้นแน่”

   “สำออย มือกูสะอาดกว่าแขนมึงอีก” มันถลึงตาใส่ผม

   “เรื่องของมึง” ผมขึ้นควบจักรยานเตรียมจะปั่น แต่ไอ้บ้านั่นยังดึงไว้ทำให้ปั่นไม่ไป “ไอ้เชี่ย อะไรของมึงอีกวะ” เหวี่ยงทั้งเสียง เหวี่ยงทั้งสายตา

   “มึงเรียนคณะไหน” ตามันจ้องนิ่ง

   “ถามทำไม”

   “กูถาม ไม่ใช่ให้มึงถามกลับ” โคตรเอาแต่ใจ

   “เกษตร พอใจก็ปล่อย” ปรายตาดูมือที่จับจักรยานผม แต่ก่อนไปผมเลยบอกสิ่งที่คิดในใจ “เอาจริงๆ นะ กูว่ามึงน่าจะไปหาคนอื่นที่เขาไม่มีแฟน ไม่มีเจ้าของคบ มาไล่ตามแฟนคนอื่นโคตรหน้าสมเพชว่ะ หน้าตามึงก็พอดูได้ มีดีที่รวย สาวๆ ขี้ค้านจะนอนรอบนเตียง” ตบบ่ามันไปทีหนึ่งก่อนจับมือมันออก ไอ้นี่ก็ไม่ยอมปล่อย พอมันยืนนิ่งผมก็รีบปั่นกลับคณะ

   เห็นเป็นคนมหาลัยเดียวกันหรอกนะ เลยยอมพูดตรงๆ




   เรียนวันนี้ก็ยังไม่มีอะไร จนไอ้ป่านชวนไปกินนมปั่นหน้าม. ตอนแรกก็ไม่อยากไปหรอก แต่เพราะมันส่งสายตาอ้อนวอนเหมือนลูกหมาอยากได้บ้านผมเลยยอมไปด้วย ส่วนไอ้ดอยมันต้องไปรับแฟนมันอีกที่

   “เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง” มันว่า ผมเหล่ตามองเพื่อนตัวเอง ไอ้นี่มันแปลกๆ

   “มึงมีอะไร บอกกูมาตรงๆ” ท่าทางมันน่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับผม

   “มึงก็ฉลาดตลอด” ไอ้ป่านหัวเราะแห้งๆ “คืองี้นะ กูแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ทีนี้ กูเจอเขาเข้า แล้วเขาก็รู้จักมึง” มันอธิบายวนไปมาจนผมงง “มึงช่วยกูจีบเขาหน่อย” นี่คือใจความ

   “ใครวะ กูไปรู้จักตอนไหน” ผมรู้จักผู้หญิงที่ไหนวะ นอกจากสาวๆ ในคณะ คนนอกน้อยคนที่ผมจะรู้จัก พอดีมนุษยสัมพันธ์ค่อนข้างแย่

   “กูก็ไม่รู้” อ่าวไอ้เชี่ยป่าน “แต่เขาชื่อครีมอะ” ผมนึกตั้งนานก่อนหน้าไอ้คนที่ผมเพิ่งด่าจะลอยแวบเข้ามา

   “อ๋อ กูไม่รู้จักว่ะ” บอกไปตรงๆ

   “อ่าวไอ้เหี้ยต้อม แต่เขาบอกรู้จักมึง”

   “ถ้ารู้จักชื่อมันก็ใช่ แต่ไม่สนิท”

   “อย่างน้อยก็รู้จักไง มึงจะได้ช่วยกูสานสัมพันธ์” ผมรีบส่ายหน้าทันที

   “กูว่ามึงเลิกสนใจเถอะว่ะ” เพราะลูกพี่ลูกน้องมันโคตรเลว จะฆ่าผมอีกต่างหาก

   “กูไม่ยอมแพ้หรอก” มองเพื่อนตัวเองอย่างแปลกใจ “มึงคอยดู กูจะจีบเขาให้ได้”

   ผมถอนหายใจเสียงดัง “ก็เรื่องของมึง”

   มาถึงร้าน ผมเห็นไอ้กลอยมากับเด็กที่ไหนไม่รู้แถมห้อยป้ายชื่ออีก หรือมากับรุ่นน้อง ผมเดินเข้าไปทักไอ้กลอยก่อน มันมองหน้าผมตื่นๆ เหมือนกับเห็นผี

   “อ่าว ไอ้เชี่ยกลอย มานั่งเชี่ยไรแถวนี้ กูเห็นไอ้ต๋องมันยัดข้าวอยู่ในโรงอาหารกลาง” ผมทัก แต่หน้ามันเริ่มซีด ตากลมๆ ที่มีแว่นตาบังอยู่หันไปมองเด็กสามคนนั่น...หรือว่า มันจะเป็นพี่เนียน ซวยแล้ว นี่ผมทำความลับมันแตกหรือเปล่าวะ เลยตบบ่าขอโทษมันไปแล้วเดินเลี่ยงมานั่งกับไอ้ป่านแทน

   “ไอ้กลอยมันมากับใครวะ” ไอ้ป่านมองเห็นไอ้กลอยที่เปิดประตูออกไปอย่างงงๆ

   “เด็กปีหนึ่ง” ผมบอก ไอ้ป่านพยักหน้าก่อนจะเบิกตาโต

   “นี่มันเป็นพี่เนียนอีกแล้วเหรอวะ ปีที่แล้วเป็นได้แค่สองวันไอ้สัด นึกแล้วขำ”

   ปีที่แล้วไอ้ป่านมันเป็นพี่เนียนครับ แล้วเจอไอ้กลอยแต่งตัวถูกระเบียบทักทายพอประมาณ ปรากฏว่า มีเด็กปีหนึ่งมากอดคอแล้วเรียกพี่เฉย ไอ้ป่านตาเหลือกรีบเดินหนีเพราะมันก็กลัวความลับมันแตก

   มองแอบเสมองกลุ่มไอ้เด็กสามคนที่นั่งดูดนมปั่นไม่มีท่าทีร้อนรนอะไร อาจจะพอสงสัยบ้างแล้ว ก่อนประตูร้านจะเปิดออก สาวสวยที่ผมเคยเจอเดินเฉิดฉายเข้ามา ความน่ารักทำเอาคนในร้านมองกันเป็นแถว ยิ่งมีหนุ่มหน้าตางั้นๆ เดินตามมาอีก เรียกสายตาทั้งชายและหญิงเลยทีเดียวคู่นั้น

   แต่ถ้าผมรู้ว่าไอ้บ้านั่นจะมาด้วย ไม่มีทางที่จะมานั่งตรงนี้หรอก

   ดูเหมือนไอ้นั่นจะเห็นผม มันหน้าบึ้งทันทีจนสาวที่เดินข้างๆ ตีเข้าที่แขน พร้อมกับเดินยิ้มเข้ามาที่โต๊ะผม

   “มานานแล้วเหรอ ขอโทษที พอดีครีมต้องรอพี่ฟลอยด์มารับ” ครีมยิ้มหวานจนไอ้ป่านตาลอย มันไม่สนไอ้คนข้างๆ ที่จ้องจะกินหัวเมื่อมองน้องมันนาน

   “ไม่นานหรอกครับ เพิ่งมาเหมือนกัน” ไอ้ป่านตอบ ครีมยิ้มให้เพื่อนผมแล้วเผื่อแผ่มาหาผมด้วย

   ป่านรีบขยับเก้าอี้ข้างๆ ตัวเองให้ครีม แล้วสาวเจ้าดันนั่งด้วย กลายเป็นว่า ข้างผมต้องเป็นไอ้คนที่จะฆ่าผม มันส่งเสียงจิ๊จ๊ะแต่ก็ยอมนั่ง ใจจริงอยากเตะเก้าอี้ออกตอนมันกระแทกตัวนั่งลง แต่เกรงใจน้องมันเลยปล่อยมันไปก่อน

   “สั่งเลยมั้ย” ไอ้ป่านรีบจัดการทุกอย่าง จดออเดอร์แล้วเอาไปยื่นเอง แล้วก็ไปรับมาให้เอง ทีอยู่กับสาวนี่มันทุ่มเทตลอด

   “ของมึงครับคุณเพื่อน” นมปั่นเพิ่มวิปครีมโรยน้ำตาลสี เมนูประจำเมื่อสมัยมานั่งบ่อยๆ ผมพยักหน้ารับ ตาก็แอบเหล่มองของไอ้คนข้างๆ มันมองกาแฟปั่นตรงหน้าแล้วหันมาจ้องนมปั่นของผม

   ไอ้ป่านชวนครีมคุยจนทั้งโต๊ะมีแต่เสียงสองคนนั้น ส่วนผมก็ตักวิปครีมกิน นมปั่นยังอร่อยเหมือนเดิม หวาน หอม มัน แบบนี้เลยรสชาติที่ผมชอบ แต่เหมือนจะมีใครจ้อง พอหันไปมองก็เจอไอ้คนข้างๆ ยังจ้องผม อะไรวะ จ้องตั้งนาน แถมกาแฟปั่นมันละลายแล้ว

   “อะไร” ผมกระซิบถาม เพราะกลัวสองคนตรงหน้าจะหมดสนุก

   “อร่อยป่ะ” มันถามผมครับ หันมองแก้วตัวเองแล้วก็พยักหน้าลง อะไรของมันวะ “กูชิมคำหนึ่ง”

   เชี่ย นี่ผมหูเพี้ยนหรือเปล่า ไอ้บ้านี่ขอชิมนมปั่นของผม

   “อะไรของมึง” มันจ้องแก้วของผมจนต้องยอมขยับแก้วให้มัน พอแก้วมาอยู่ตรงหน้า ไอ้บ้านั่นก็เอาหลอดของผมที่ตรงปลายเป็นช้อนตักวิปครีมพร้อมนมปั่นเข้าปาก เห็นมันทำหน้านิ่งก็เริ่มแปลกใจ “ไม่อร่อยเหรอวะ” ถาม แต่มันหันมาจ้องหน้าผมแทน

   “อร่อยว่ะ” ไอ้ต้อมเริ่มงงครับ ไอ้บ้านี่นิสัยมันเพี้ยนหรือเปล่า หรือเป็นไบโพลา ไอ้อาการอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ผมพยักหน้าเออออ มันก็ยังตักนมปั่นของผมกินอยู่ สรุปคือโดนยึดแก้วไปโดยปริยาย

   “พี่ฟลอยด์ไปแย่งแก้วพี่ต้อมทำไม” ครีมตีมือพี่มันครับ แต่พี่มันโยกแก้วหนีจนผมขำ “ขอโทษด้วยนะคะ พี่ต้อมเลยไม่ได้กินเลย”

   ผมส่ายหน้า “ไม่เป็นไร กินบ่อยแล้ว” บอกไปก็จ้องหน้าไอ้คนข้างๆ ไป ก่อนจะเอนหน้าหนีเมื่อมีหลอดมาจ่อที่ปาก “อะไร” ผมถามไอ้คนที่ตักนมปั่นมาจ่อปาก

   “แบ่งมึงไง” แบ่งอะไรวะ นั่นแก้วของผมชัดๆ “กินสิ” คะยั้นคะยออีก ผมส่ายหน้าแต่สุดท้ายก็ต้องอ้าปากกิน

   “พี่ฟลอยด์ถูกตามใจตั้งแต่เด็ก อย่าโกรธเลยนะคะ” ครีมเอ่ยขอโทษผมอีกรอบ ไอ้คนข้างๆ มันถลึงตาใส่น้องมัน

   “เอาตามที่สบายใจครับ” บอกไปแล้วยกมือกอดอก สุดท้ายแก้วนมปั่นของผมก็หมดเกลี้ยง ดูท่าจะอร่อยจริงๆ

   ผมกับไอ้ป่านเดินกลับเข้ามาในมหาลัยอีกครั้งหลังจากแยกกับสองพี่น้องคู่นั้น ไอ้ป่านมันดูนิ่งไปจนผมต้องตบหัว ท่าทางมันดูเหม่อลอย หรือดีใจที่ความสัมพันธ์ไปได้สวย

   “เป็นเชี่ยไรวะ เงียบนะมึง” ผมว่า ไอ้ป่านขมวดคิ้วมองหน้าผม

   “มึงกับพี่ของครีม...” มันหยุดพูดจนผมต้องใจฟัง “เหมือนคบกันเลยว่ะ” ตบเข้าหัวมันเต็มๆ สองรอบ

   “ไอ้เหี้ยป่าน คิดมาได้ กูขนลุกเลยสัด”

   “กูพูดจริงๆ ตอนป้อนกัน กูเห็นผู้หญิงโต๊ะข้างหลังถ่ายรูปด้วย” ชิบหายละ

   “ไร้สาระ กูกับไอ้เชี่ยนั่นไม่มีทางญาติดีกัน” บอกอย่างมาดมั่น ผมก็ไม่ได้รังเกียจความรักของเพศไหนๆ หรอกนะ แต่ถ้าเลือกได้ขออยู่คนเดียวดีกว่า “คิดเรื่องมึงเถอะ อย่ามาคิดเรื่องกู เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้”



   
   นั่งอ่านหนังสือการปลูกผักปลอดสารอยู่ในห้อง แสงที่จอมือถือวาบขึ้นมา ผมเอามาเปิดดูคิดว่าเป็นข้อความจากไอ้กลอยเกรียน ผมส่งไปหาเพื่อถามเรื่องราว แต่มันก็เงียบไม่ยอมตอบ หรือมันจะโกรธหรือเปล่า

   หน้าจอเป็นข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ข้อความมันบอกว่า นมปั่นวิปครีมอร่อย แต่คนสั่งโคตรไม่อร่อย ไม่เชี่ย แทบปามือถือทิ้ง มันรู้จักเบอร์ รู้จักไลน์ผมได้ยังไง แล้วดูมันส่งรูปเบียร์ฟองเต็มแก้วมาเย้ย ไอ้สัดฟลอยด์ ที่มันส่งมาคงเพราะผมอัพทามไลน์ว่าอยากจิบเบียร์เย็นๆ แกล้มกับปลาหมึกปิ้ง

   นิ้วพิมพ์ตอบกลับไปว่า ไอ้สัด ไม่นานมันก็ขึ้นอ่าน แล้วก็มีสติ๊กเกอร์เป็ดหัวเราะ เป็นบ้าอะไรของมัน หรือโดนผมด่าจนเพี้ยนวะ หรือกินนมปั่นแล้วสมองกลับ

   อยู่ๆ มือถือก็สั่น มันโทรวีดีโอคอลจากไลน์มาหาผมว่ะ ตอนแรกจะไม่รับ แต่กดพลาดไปรับได้ หน้ามันกำลังเย้ยหยัน มือยกเบียร์มีฟองขึ้นจิบ

   (อร่อยเชี่ย) กินล่อหน้ากูอีก

   “เรื่องของมึง” ตอบกลับไป มันยักคิ้ว

   (มึงอยู่ไหนวะ) ขมวดคิ้วตอนมันถาม จะอยากรู้ทำไม

   “อยู่หอสิวะ ดึกขนาดนี้” เกือบจะห้าทุ่มอยู่แล้ว

   (เด็กดีไม่เที่ยวเหรอมึง) ดูจากด้านหลังก็พอรู้ว่ามันเที่ยวอยู่

   “กูไม่ใช่คนชั่วแบบมึง” ด่ามันไป จนมันถลึงตาใส่ “รีบแดกแล้วก็รีบกลับ ระวังเจอด่านนะมึง” ผมว่า มันก็หัวเราะ

   (เป็นห่วงกู?)

   “สมองมึงกลับหรือเปล่าวะ ทำไมกูต้องห่วงมึง กูห่วงคนใช้ถนนมากกว่าเวลาเจอขี้เมาอย่างมึงขับรถ”

   (หึๆ) แม่ง หน้าตาไม่มีสลดหรือสำนึกใดๆ ทั้งสิ้น 

   “มีอะไรอีกหรือเปล่า กูจะนอนแล้ว” ผมว่าพลางล้มตัวนอน เอามือถือพิงกับตุ๊กตาลิงที่เล่นคีบตู้มา

   (กูกำลังนึกถึงสิ่งที่มึงพูดกับกูอยู่) ไอ้ฟลอยด์มันว่า ผมก็ตาปรือๆ คนมันนอนหลับง่ายก็แบบนี้แหละครับ หัวถึงหมอน ภาพก็เริ่มเบลอ (กูจะลองหาคนที่มึงว่าดู แล้วก็.....) ทุกอย่างดับมืดเมื่อผมหลับตาแล้วจมหายไปกับห้วงความฝัน

   “...”



      (กูอาจจะเจอคนนั้นแล้ว) รอยยิ้มที่จ้องมองภาพคนนอนหลับผ่านหน้าจอมือถือเครื่องแพง หน้าตาธรรมดา แถมพูดจาขวานผ่าซาก ไม่นับถือรุ่นพี่ต่างคณะ แถมยังกวนประสาทน่ากระทืบอีก บางทีก็น่าสนใจ ไม่มากก็น้อย ฟลอยด์ยิ้มให้กับภาพนั้น มือแคปหน้าจอไว้แล้วกดสิ้นสุดการโทรลง

   หน้าจอโทรศัพท์เครื่องแพงถูกเปลี่ยนรูปจากสีดำเป็นรูปคนกำลังนอนหลับสนิท ขนตายาวเป็นแพที่เห็นระยะใกล้กับดวงตาที่เวลาจ้องมาก็คอยแต่หาเรื่อง นานแล้วที่ชีวิตไม่มีเรื่องให้ตื่นเต้นแบบนี้ นานแล้วที่ไม่ได้เจอคนพูดจาตรงไปตรงมาแบบนี้ จนอยากจะลองดูสักตั้ง แม้จะต่างจากสเป็กที่ชอบไปมากก็ตาม....


   “หึๆ ไอ้เด็กปากหมานอนน้ำลายยืด”     



...TBC

ตอนที่ 2 มาแล้วค่าาา พี่ฝอย เอ้ย พี่ฟลอยด์ของเรา >w<  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 18-08-2016 12:48:37
เย้ๆๆพี่ฟล์อยจะรุกจีบต้อมหนักแล้วนะ แต่ถ้าจะให้สนุกกว่านี้ต้องมีอีก 1 หนุ่ม มาตามจียต้อมเป็นคู่แข่งอันแข็งแกร่งที่จะสู้กับพี่ฟล์อยได้ด้วยนะ ทีนี้แหละพี่ฟล์อมยไม่ยอมเสียน้องต้อมไปแน่ๆๆ :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-08-2016 12:50:46
พี่ฝอยขัดหม้อกินนมของต้อม เอ๊ย กินนมปั่นของต้อมอร่อยมากไหม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 18-08-2016 12:51:39
น่ารักอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 18-08-2016 14:13:40
มาแล้วๆๆๆ   ต้อมน่ารักกกกกก   :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 18-08-2016 14:49:51
พี่ฟลอยเนียนจีบแกอ่ะต้อม
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-08-2016 16:07:45
จิ๊.... เนียนจับแขน
เนียนกินนมปั่น
เนียนป้อนนมปั่น
พี่ฟลอยด์ เจอคนที่ใช่แล้ว สิ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 18-08-2016 16:25:43
ดูท่างานจะเข้าน้องต้อมซะแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 2<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-08-2016 18:43:25
พี่แกเนียนยิ่งกว่าพี่โชอีกนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 18-08-2016 22:06:17
No Sugar : 03



         เช้าวันใหม่ ผมออกมายืดเส้นที่ริมระเบียง จำได้เลาๆ ว่าเมื่อคืนไอ้ลูกคนรวยนั่นโทรมาเย้ยเรื่องเบียร์ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้ มันวางไปตอนไหนหรือพูดอะไรก็จำไม่ได้อีก ที่แปลกใจคือ มันเอาเบอร์ผมมาจากไหน สะบัดหัวไล่ความคิดที่ฟุ้งซ่านก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน

   ผมยังปั่นสุดหวงมาตามทางเรื่อยๆ แม้วันนี้รถจะติดไปหน่อย คงเพราะผมมาเรียนสาย เลี้ยวขวาเข้ามหาลัย ผ่านหลายตึก หลายคณะ นักศึกษาทั้งหนุ่มทั้งสาวเดินกันให้ขวักไขว่ หลายครั้งที่มีคนรู้จักตะโกนทักทาย แม้ผมจะไม่ใช่คนดัง แต่เพื่อนก็ยังพอมีบ้าง

   ปั่นสุดหวงมาถึงคณะ ใช้ขาเกี่ยวขาตั้งให้ตั้งคู่ ดูเหมือนมีอะไรผิดแปลกไปจากทุกที นั่นคงเพราะมีรถยี่ห้อนอกมาจอดอยู่ที่ลานจอดหน้าตึก ปกติคณะผมจะมีเฉพาะพวกอินดี้ขับเต่าบ้าง ฮาร์ดคอแว้นบิ๊กไบท์บ้าง น้อยมากที่จะมีคนอวดรวยขับรถนอกมาแบบนี้ หรือว่าผู้ปกครองปีหนึ่ง ไม่แน่ ปีนี้อาจมีลูกมหาเศรษฐีมาเรียนก็ได้

   เดินเข้าไปส่องกระจกนิดๆ รถติดฟิล์มซะดำทำให้มองไม่เห็นด้านใน ยักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วจะเดินเข้าตึก แต่เสียงเปิดประตูพร้อมเสียงเรียกทำให้ต้องหยุดแล้วหันหลังไปมอง ตาผมฝาดหรือเปล่าวะ ไอ้บ้านี่ไม่น่าจะอยู่ตรงนี้ได้ มันน่าจะไปจอดหน้าตึกไอ้กลอยมากกว่า แล้วรถมันก็ไม่ใช่คันทุกที สะบัดหัวอีกรอบจะเดินเข้าไปในตึกแต่ก็ยังมีคนเรียกอีกรอบ

   “มาทำไมวะ” ผมถามออกไปพร้อมกับเดินมาประชันหน้า แม้จะต้องเงยมองนิดๆ ก็เถอะ

   “รอมึง” คำตอบเล่นเอาผมอ้าปากกว้าง

   “รอกู?” ชี้นิ้วเข้าตัวเอง มารอทำไม

   “อืม” มันพยักหน้ายืนยันอีกรอบ

   “มีอะไร” กอดอกยืนถาม พยายามให้ดูกวนตีนที่สุด ผมว่าไอ้นี่มันมาด้วยเหตุผลไม่ดีแน่นอน หรือมันอาจคิดว่าผมยังเป็นคู่แข่งเรื่องไอ้กลอย แต่ก็บอกไปแล้วว่าเป็นแค่เพื่อน อยากสู้ต้องไปนู้น พี่โชของไอ้กลอยนู้น

   “ก็อย่างที่มึงพูดไว้” ตั้งใจฟังมันพูด ตาคมจ้องหน้าผมนิ่งๆ “ให้หาคนที่ไม่มีใครมาแทน”

   “แล้ว?” ขมวดคิ้วมอง ผมไม่รู้ว่ามันอยากจะพูดอะไรกันแน่

   “ก็มึงไง”

   “อะไร”

   “คนไม่มีใครก็มึงไง”

   “คนไม่มีใคร? อะไรวะ กูงง ช่วยพูดให้มันยาวๆ ได้ป่ะ ทีด่ากูไฟแลบ” ผมด่ามัน มันกลับไม่ชักสีหน้าใส่เหมือนทุกที

   “ก็มึงบอกให้กูหาคนไม่มีใครมาคบแทนเพื่อนมึงไง” ผมพยักหน้าฟังมันพูด แต่ก็ยังไงงงๆ

   “ก็ใช่ กูพูดผิดเหรอ” มันส่ายหน้า จนผมต้องเกาหัวจนยุ่ง “แล้วมันอะไรวะ”

   “ก็มึงไง ไม่มีใคร แฟนก็ไม่มี เมียก็ไม่มี ผัวก็ไม่มี” อ้าปากค้าง มันด่าผมหรือเปล่าวะ...

   แต่เดี๋ยว ประโยคก่อนหน้าที่มันด่า คือผมไม่มีแฟนมันก็ใช่ ให้มันหาคนไม่มีแฟนมันก็ใช่อีก อ่าว ชิบหายละกู กว่าจะนึกออก
 
   “ไอ้เชี่ย อย่าบอกว่าจะจีบกู” มองมันอย่างขยะแขยง ไอ้เชี่ยนี่ คิดเลวๆ กับผมแน่

   “อ่าห๊ะ” ไอ้ฟลอยด์มันยกมือกอดอกจ้องผมแล้วพยักหน้า

   มันบ้าแน่ๆ

   “มึงเพี้ยนหรือเปล่า เที่ยวจิ้มเอาใครก็ได้มาคบ”

   “ถ้ากูจิ้มได้ มึงไม่มายืนด่ากูแบบนี้หรอก” ยังมีหน้ามาเถียง

   “เอาตรงๆ ไม่อ้อมคอม แบบแมนๆ เลยนะ” ผมสูดอากาศเข้าปอดก่อนมองหน้ามัน “กูไม่ได้ชอบมึง แล้วกูก็ไม่คิดจะมีแฟนด้วย โอเค๊”

   “แต่กูเลือกมึง” ลืมนึกไปว่ากำลังคุยกับไอ้ลูกคนรวยถูกเลี้ยงตามใจแต่เด็ก แต่แม่งหัวดื้อเกินไป

   “แต่กูไม่ใช่ตัวเลือกของมึง นู้น ไปรอเห่าไอ้เชี่ยกลอยเหมือนเดิมนู้น” ไม่น่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนเลยผม ยุ่งไม่เข้าเรื่อง เกิดมาเป็นคนดีเกินไป

   “มึงบอกเองว่ามันมีแฟนไม่ควรยุ่ง” ใครก็ได้ช่วยหาล่ามให้ผมที ไอ้บ้านี่เริ่มคุยไม่รู้เรื่อง ไม่รู้พูดภาษาเดียวกันหรือเปล่า

   “มันก็ใช่ แต่คนไม่มีแฟนที่มึงเลือกต้องไม่ใช่กูไง” ไอ้ต้อมอยากจะบ้าตาย เกิดเป็นชายชาตรีมาจะยี่สิบปีเพิ่งเคยถูกผู้ชายแมนๆ มาขอจิ้ม เอ้ย จีบ

   “แต่กูเลือกมึงแล้ว มาบอกแค่นี้ ไปละ” เชี่ย แล้วมันก็ไปจริงๆ เปิดประตูรถแพงเข้าไปนั่งแล้วสตาร์ทรถออกไปเฉย พูดเองเออเองจนจบแล้วผมต้องทำยังไง ผู้หญิงยังไม่คิดจะจีบ มาโดนผู้ชายจีบ ไอ้ต้อมขอผูกคอตายใต้ต้นผักกาดขาวปลอดสารพิษดีกว่า

   ผมเดินเข้าตึกด้วยอาการมึนงง สงสัยต้องไปขอยาที่ห้องพยาบาลมาอัดสักเม็ด มันไม่ไหวจริงๆ ปวดหัวไปหมด แบบนี้ผมจะรับมือไอ้บ้านั่นยังไง พูดอะไรไปก็ไม่ยอมฟัง

   “เป็นไรวะมึง ปวดหัวเหรอ” ไอ้ดอยเดินมาตบบ่าผมที่นั่งกุมหัวอยู่ใต้ตึก ผมเงยหน้ามองมันแล้วพยักหน้าลง “กินยายังวะ ห้ามตายนะเว้ย เย็นนี้เข้าห้องเชียร์ด้วย” วันนี้ปีสามต้องลงห้องเชียร์ครับ ผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร กลุ่มที่ทำเขาจัดเตรียมตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้ว พวกผมก็เป็นแค่ตัวประกอบเฉยๆ

   “เออน่า กูยังไหว” ผมยิ้มให้เพื่อน มันก็เออออก่อนโบกมือทักไอ้ป่านที่เดินหล่อมาแต่ไกล

   “มานานยังพวกมึง” ไอ้ป่านทักทาย ไอ้ดอยก็พยักหน้า “กูเพิ่งเอาขนมไปให้สาวมา” มิน่าวันนี้มันถึงแต่งตัวหล่อกว่าทุกที เซ็ทผมด้วย

   “แหม จีบเขาติดหรือยังเถอะ” ไอ้ดอยถามปนขำ ไอ้ป่านเคยจีบสาวแบบนี้บ่อย เหมือนจะได้แต่สุดท้ายก็แห้วไร่ใหญ่ๆ

   “โห ไอ้เชี่ยดอย ดักคอกูตลอด ขนาดไอ้ต้อมมันยังช่วยกูเลย”

   “ช่วยไรวะ” ไอ้ดอยทำหน้าอยากรู้อยากเห็น มันเอามือสองข้างมางัดหัวผมขึ้นจากที่นอนฟุบกับโต๊ะ “ไอ้ต้อมอุบเงียบนะมึง เล่ามาๆ”

   ไอ้ป่านมันขำจนมันนั่นแหละที่เล่าเรื่องทั้งหมด แถมเล่าเรื่องนมปั่นอีก ไอ้ดอยงัดหัวผมขึ้นมาอีกที มันจ้องผมตาโต

   “ไอ้พี่นั่นจีบมึงเหรอวะ” คำถามแทบเกือบสำลักน้ำลาย

   “จีบเหี้ยอะไร สโลแกนกูคือโสดแล้วรุ่งโว้ย” ด่ามันไป พอฟุบหน้าลงก็เห็นภาพไอ้คนบ้ามายืนหน้าตึกเมื่อกี้ มันชี้จิ้มเหมือนจิ้มโทรศัพท์มาที่ผม วาดๆ อะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้ก่อนมันจะขึ้นรถไป

   คิดจะจีบผม มันคงได้แต่คิดนั่นแหละ พอเบื่อเดี๋ยวมันก็หายไป




   ตอนเที่ยงพวกผมยกโขยงไปกินข้าวที่โรงอาหารกลาง เห็นไอ้กลอยยืนต่อแถวร้านข้าวก็เลยเข้าไปทักทายสักหน่อย มันแต่งตัวปกติคงเลิกเป็นพี่เนียนแล้ว

   “เรื่องเมื่อวานโทษทีนะมึง” ผมขอโทษเสียงอ่อย ไม่ได้ตั้งใจให้ความมันแตก

   “ไม่เป็นไรมึง” มันตบบ่าผมพร้อมกับกัดฟันพูด โคตรเต็มใจว่ะเพื่อน

   “มึงไม่บอกนี่หว่า ว่าเป็นพี่เนียน คุยไลน์มึงก็ไม่บอก” ผมว่า ไอ้กลอยมันยู่ปากตามนิสัยของมัน

   “มึงเรียนคนละคณะกับกู แล้วกูต้องบอกมึงหรือเปล่า” น้ำเสียงงอนแต่หน้าตามันโคตรกวนตีน ดูก็รู้ว่าแกล้งทำ

   “ด่ากูอีก เอาน่าๆ งั้นมื้อนี้กูเลี้ยงเอง” ตามันวาวทันทีที่ได้ยิน นี่แฟนมันปล่อยให้อดอยากหรือเปล่า

   “แหมเพื่อนต้อม นิสัยดีจริงๆ” ดูมันครับ แล้วเราสองคนก็หัวเราะกัน มีคนมองมาแต่ไม่สน ก็นี่มันโรงอาหาร เสียงคุยดังกว่าพวกผมสองคนอีก

   พอถึงคิวพวกผม ไอ้กลอยก็หยิบจานของมัน ผมก็หยิบของผมพร้อมจ่ายเงินสองจาน ป้าแกก็ยิ้มๆ มากินบ่อยจนจำหน้าได้ แล้วเรื่องก็โคตรบังเอิญเมื่อเพื่อนผมไปนั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนไอ้เกรียนนี่ สนุกสิแบบนั้น

   ไอ้กลอยมันเป็นพวกเส้นตื้น แค่เพื่อนมันเล่าอะไรนิดหน่อยก็หัวเราะจนข้าวกระเด็นออกจากปาก แบบนี้เหรอวะที่ไอ้ฟลอยด์มันชอบ แล้วพอเปลี่ยนมาเป็นไอ้ดอยเล่าเรื่องตลก ทีนี้ก็พากันหัวเราะทั้งโต๊ะ อยู่ๆ อีกด้านก็เงียบ ตาพวกมันจ้องไปด้านหลังผม พอหันไปก็เจอไอ้คนที่ผมเพิ่งนึกถึง? ไม่ๆ กล่าวถึง ไม่ๆ พูดถึง เออนั่นแหละ มันมายืนอยู่ด้านหลัง ตามันเหล่มองเหมือนหาเรื่องนิดๆ

   “ที่นี่โรงอาหาร ช่วยเงียบๆ หน่อย” มันปรายตามองไปรอบโต๊ะ ไอ้กลอยหันหน้าไปมองแล้วยิ้มแฉ่งให้ แต่มันไม่มองหน้าไอ้คนเกรียนเพราะเอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง หรือมันจะหาเรื่องวะ

   “ก็โรงอาหาร ใครเขาก็คุยกัน พี่ไม่ไปบอกทุกโต๊ะละครับ” ตอบมันไป มันหรี่ตานิดๆ

   “แต่โต๊ะนี้เสียงดังสุด” ยังมีหน้ามาพูด เสียงพวกผมแทบสู้ไม่ได้กับเสียงคุยของโต๊ะอื่นๆ

   “เหรอครับ ทำไมพวกผมไม่รู้” จ้องหน้ากลับไปอย่างไม่กลัว แค่มากวนมากกว่า

ไอ้กลอยมันคงเห็นท่าไม่ดีเลยรีบตอบ “เออ พวกผมขอโทษนะครับ” ไอ้คนที่เอาแต่จ้องหน้าผมเลยเบนสายตาไปมองไอ้กลอยแทน มันยิ้มให้นิดๆ

   “ไม่เป็นไร” พูดกับไอ้กลอยแล้วยังเหล่ตามามองผมอีก พอมันเดินไปไกล ไอ้กลอยก็ตบบ่าผมเบาๆ คงกลัวผมโมโห เพราะปกติผมไม่เคยโต้ตอบใครแบบนี้ อาจจะมีแต่ไม่มีใครเห็น

   แยกย้ายจากพวกเด็กศิลปกรรม พวกผมก็กลับมาที่คณะ เพราะยังมีเรียนอีกวิชา ก่อนตอนเย็นจะต้องเข้าห้องเชียร์ นั่งเรียนบ้างหลับบ้างจนมือถือในกางเกงสั่นเตือนเหมือนมีข้อความเข้า พอหยิบออกมาเป็นไอ้คนที่หาเรื่องในโรงอาหารเมื่อกี้ มันส่งสติ๊กเกอร์หมีส่งสายตาเอือมมาให้ ผมเลยส่งตัวโมโหกลับไป มันก็ส่งกลับเป็นตัวหัวเราะ เออว่ะ ส่งแต่สติ๊กเกอร์จะคุยรู้เรื่องมั้ยวะ

   ‘ว่างมากเหรอมึง’ พิมพ์ถามมันไป แล้วก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว

   ‘มาก’ มันลากกอไก่โคตรยาวมาจนต้องส่งสติ๊กเกอร์คนโมโหไป ‘ทำอะไรอยู่’

   ‘เรียนสิวะ กูไม่ได้ว่างเหมือนมึง’

   ‘ตั้งใจเรียนหน่อย มัวแต่พิมพ์ไลน์เดี๋ยวมึงก็เรียนไม่รู้เรื่อง’

   แทบอยากจะปามือถือทิ้ง แล้วใครวะมันทักมาก่อน

   ‘เออ’ จากนั้นมันก็เงียบไปจนผมจะเก็บมือถือ แต่แรงสั่นทำให้ต้องเปิดดู

   ‘เย็นนี้มึงกลับยังไง’ ผมส่งรูปสุดหวงไปให้มันดู มันก็ส่งสติ๊กเกอร์ตัวพยักหน้ามา ‘เอาทิ้งไว้ที่นี่แหละ แล้วกลับกับกู’ ไอ้เชี่ยนี่มันบ้าแน่ ผมเลยส่งตัวสติ๊กเกอร์ยกมือกากบาทให้ไปแล้วเก็บยัดกระเป๋า ก่อนไอ้เชี่ยป่านจะสะกิดจนต้องหันไปมอง

   “มีอะไร” ถามมันไป

   “คุยกับใครวะ” หน้าตามันโคตรอยากรู้ หรือว่าไอ้ป่านเอาให้วะ

   “มึงได้เอาไลน์กูให้ใครหรือเปล่า” ถามมันเสียงเครียด ไอ้ป่านรีบส่ายหน้า

   “เปล่านะมึง กูจะเอาของมึงให้ใคร” จ้องหน้าเพื่อนตัวเองอย่างจับผิด แต่ท่าทางไม่มีพิรุธอะไร แล้วใครวะที่เอาให้ “ทำไมวะ มีคนไลน์มาจีบมึงเหรอ” มองนิ่งใส่ ไอ้ป่านเลยรีบหันไปที่อื่น

   พออาจารย์เลิกคราส พวกผมก็พากันยืดเส้น นั่งนานๆ ก็ปวดเมื่อยไปหมด เก็บข้าวของใส่กระเป๋าแล้วเดินตามเพื่อนออกไป ไอ้ป่านกอดคอผม ปากมันก็เล่าเรื่องราวที่กำลังตามจีบครีม ไม่อยากจะเชื่อว่าครีมจะยอมคุยด้วย ถ้าหลงหน้าตามันก็น่าคิด แต่อย่างครีม สาวสวยแบบนั้นน่าจะมีคนเข้าหาเยอะ แล้วน่าจะดีกว่าไอ้ป่านอีก ไม่ใช่ผมว่าเพื่อนนะ แต่คนรวยมันก็น่าจะมีตัวเลือกเยอะ

   เดินลงจากบันไดไปหน้าตึก ผมเห็นหลายคนยืนชี้ๆ ออกไปนอกตึก พวกมันมองอะไรกันวะ

   “มีไรวะ” ไอ้ดอยถาม ไอ้หนุ่ยมันหันมามองพวกผมตาโต

   “เชี่ย เฟอรารี่รุ่นใหม่ว่ะ กูเพิ่งเห็นในเว็บไม่กี่วันมานี้ แพงกว่าที่ดินบ้านกูอีก” ผมมองหน้าเพื่อนตัวเองอย่างงงๆ กะอีแค่รถแพงจะตกใจทำไม คนรวยมันก็ซื้อได้หมดแหละ แต่พอเดินออกมาก็แทบตะลึง

   ไม่ได้ตะลึงรถหรอก แต่ตะลึงไอ้คนที่มายืนพิงรถต่างหาก มันสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีด หน้าตางั้นๆ มีแว่นตาสีชาปิดบังดวงตาที่กำลังมองหาอะไรสักอย่าง ผมค่อยๆ ถอยหลังเมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่าง แถมตอนนี้ขาไอ้เจ้าของรถมันเริ่มออกเดินมาทางกลุ่มคนที่ยืนอออยู่หน้าตึก

   “กลับยัง” ถอยหลังได้นิดเดียว ไอ้ลูกคนรวยมันก็ก้าวขายาวมายืนตรงหน้า

   มันถามผมหรือใครวะ

   ไอ้ป่านดันผมให้ไปยืนตรงหน้ามันโดยมีสายตาเกือบๆ ห้าสิบคู่จ้องดู ไอ้ฟลอยด์มันใช้นิ้วเกี่ยวแว่นราคาแพงร่นมาอยู่ที่กลางดั้ง ปากแดงเหยียดยิ้มนิดๆ แทบทำให้สาวๆ คณะผมระทวย

   “ถามใครวะ” ผมโพล่งขึ้น สายตาหลายคู่เลยพุ่งเข้ามาหาผมโดยตรง กดดันเชี่ย

   “ถามมึงนั่นแหละ กลับยัง” ส่ายหน้าเป็นพัลวันเลยไอ้ต้อม “เร็ว” ดูมันยังเร่ง คิ้วเริ่มขมวด

   “กูไม่ได้บอกจะกลับพร้อมมึงเลย มั่วสัด” เสียงซุบซิบเรื่องผมกับไอ้บ้านี่ดังไปทั่ว หมดกันความสงบของผม

   “ทำไมไม่อยากกลับพร้อมกู” ทำเสียงอ่อยจนผมโดนเพื่อนผู้หญิงในคณะตะโกนบอกว่าผมใจร้ายทำร้ายคนหล่อ เออ เอาเข้าไป ไอ้ต้อมผิดอีก

   “มึงจะอะไรกับกูวะ” ผมขยับปากเพื่อให้มันอ่าน แต่มันกลับหัวเราะ

   “เร็วๆ” เร่งกูทำไม

   “ไม่โว้ย กูต้องเข้าห้องเชียร์” ผมบอก ตาคอยมองเพื่อนตัวเองที่มันยิ้มแปลกๆ แต่ไม่น่าสนใจเท่ามีคนเอามือถือมาถ่ายคลิป
 
   “งั้นเดี๋ยวกูรอก็ได้” ทำน้ำเสียงโคตรน่าสงสารจนผมโดนด่าอีกรอบ โอ้ย ไอ้ต้อม ชีวิตมึงพังแล้ว

   “ไม่ต้องรอ กูปั่นสุดหวงมา” ยังเถียงกลับ ก่อนจะไล่ต้อนเพื่อนตัวเองเมื่อถึงเวลาเข้าห้องเชียร์ แอบมองไอ้ลูกคนรวย มันหน้างอแล้วเดินกลับไปที่รถ ใบหน้างั้นๆ หันไปยิ้มให้กล้องที่กำลังถ่าย มันบ้าแล้ว

   ผมถูกล้อจนแทบอยากมุดดินหนี ขนาดปีสองมันยังแซว พี่ปีสี่อีก แล้วพี่บางคนรู้จักมันด้วย ขอบอกว่าไอ้ต้อมเละครับ โดนถามยันวินาทีที่รู้จักมัน



   เข้าห้องเชียร์จนถึงห้ามทุ่ม พอออกจากห้องก็ลองเดินมาดูตรงลาน รถที่จอดกลายเป็นรถที่เคยเห็นทุกที สงสัยจะเอาคันนั้นไปเก็บ ลูกคนรวยมักชอบอวดรวย พอคนในรถเห็นผมมันก็รีบเปิดประตูออกมา ผมก็ทำหน้านิ่งๆ ควบสุดหวงเตรียมปั่นกลับหอ แต่ทำไมมันฝืดๆ ปั่นไม่ค่อยไปวะ

   ชิบหาย ยางแบนแบบไร้ลมทั้งหน้าและหลัง เมื่อเช้าล้อมันยังแข็งโป๊กอยู่เลย ไม่น่าจะโดนอะไรทิ่มทั้งหน้าและหลังแบบนี้ มันมีอยู่สาเหตุเดียว

   “มึงปล่อยลมยางสุดหวงเหรอวะ” ผมถามเสียงเขียว มันกอดอกพยักหน้ายอมรับ เออ มันก็ลูกผู้ชายดี “ทำๆ ไมวะ แล้วกูจะกลับยังไง” ห้าทุ่มแบบนี้จะหาร้านเติมลมจากที่ไหน แล้วไอ้ป่านกับไอ้ดอยก็กลับไปแล้ว

   “กลับกับกูไง” มันยังยืนยันเหมือนเดิม จนผมเกาหัวจนผมฟู

   “มึงจะจีบกูทำไมเนี้ย คนอื่นมีเป็นร้อยเป็นพันทำไมมึงไม่ไปชอบ” เริ่มโวยวาย “มึงดู กูไม่ได้น่ารักแบบไอ้กลอย หน้าก็หยาบ มือก็ด้าน ตัวก็ดำ นิสัยก็เหี้ย”

   “แล้ว?”

   “ก็มันไม่เหมาะกับลูกคนรวยแบบมึงไง แล้วกูก็ไม่ได้อยากมีแฟน จบ”




   จบครับ จบจริงๆ แต่เป็นผมนี่แหละ แม่งถูกมันตีหน้าตายดึงขึ้นรถ แล้วเอาสุดหวงไปจอดที่เดิม ผมไม่เคยทิ้งสุดหวงไว้ที่อื่นเลยนะ ได้แต่เป็นห่วง ดูชื่อที่ตั้งให้ก็น่าจะรู้ว่าหวงขนาดไหน แต่ไอ้บ้านี่กล้าทิ้งลูกรักของผมไว้หน้าคณะ

   “หอกูอยู่ทางนู้น” ผมชี้ไปอีกทาง แต่มันเลี้ยวอีกทาง โคตรกวนตีน

   “กูรอมึงตั้งแต่เย็นจนห้าทุ่ม ยังไม่ได้กินข้าว” มันบอก ตอนแรกก็ไม่ได้อยากเชื่อ แต่เสียงร้องท้องมันยืนยันเลยฮึดฮัดไป “ร้านนั้นมั้ย” มันชี้ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็น ผมก็พยักหน้า ไม่คิดว่าลูกคุณหนูอย่างมันจะกินอาหารข้างทางด้วย

   พอจอดรถ เราสองคนก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ ผมตะโกนสั่งบะหมี่เกี๊ยว ไอ้ตรงหน้าก็สั่งแบบเดียวกับผม จากนั้นก็เริ่มนั่งจ้องหน้ากัน ผมจ้องหน้ามันนิ่งๆ พยายามมองไอ้ลูกคนรวยว่ามันกำลังแกล้งผมอยู่หรือเปล่า หน้าตางั้นๆ มันก็จ้องผมนิ่ง ดูเหมือนจะสำรวจผมซะด้วย เงียบกันอยู่นานจนบะหมี่มาเสิร์ฟ

   ตักน้ำตาลหนึ่งช้อน พริกป่นสองช้อน ผมกำลังตักพริกป่นช้อนที่สองแต่ถูกแย่งไปเฉย ไอ้คนแย่งมันขมวดคิ้วแล้วเอาช้อนที่มีพริกใส่ไว้ที่เดิม

   “อะไรของมึงวะ” ทำไมมันชอบหาเรื่องผมวะ

   “กินเผ็ดเดี๋ยวก็ปวดท้อง นี่ดึกแล้ว” มันว่า ถ้วยมันไม่ปรุงอะไรสักอย่าง กินแบบจืดชืด

   “เรื่องของกู” พอจะยื่นมือไปตักก็โดนมือตีจนต้องสะบัดไล่ความเจ็บ ฟาดซะแรง “จะกวนโมโหกูไปถึงเมื่อไหร่วะ” เริ่มหมดความอดทน

   “ก็จนกว่ามึงจะคบกับกู” ลอยหน้าลอยตาพูด จนอยากจะยกบะหมี่ให้

   “ไม่อยากจะพูดแล้ว” กัดฟันตอบโต้มันไป

   บะหมี่รสชาติไม่ค่อยถูกปาก ปกติผมเป็นคนกินเผ็ด พอกินแบบนี้เลยไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่ อีกอย่าง ผมไม่กินเกี๊ยวเพราะมันเคยทำให้ผมเกือบตายจากการหลุดเข้าคอมาแล้ว คนตรงหน้าเห็นผมเหลือแต่เกี๊ยวมันก็จ้องหน้า ผมเลยคีบใส่ในถ้วยมัน
 
   “ไม่กิน?”

   “อืม” คาบเส้นบะหมี่แล้วพยักหน้า

   “ถ้าไม่มีกู เกี๊ยวนั้นก็จะเหลือ คนเขาอุตส่าห์ทำมาให้กินกลับต้องทิ้ง” ได้ยินเลยจะคีบกลับแต่มันกลับคีบเข้าปาก แล้วเคี้ยวตุ้ยๆ

   “กวนตีน” ด่ามัน

   “เฉพาะกับมึงเท่านั้นแหละ” แนะ มีหยอดซะด้วย แต่ไอ้ต้อมไม่หลงกลง่ายๆ หรอก

   “เอาที่สบายใจ”

   มื้อนี้อิ่มแถมตังค์อยู่ครบ

   “กลับเลยมั้ย” คนเลี้ยงข้าวถาม ผมเลยพยักหน้าตอบ “หอมึงอยู่ไหน”

   “อยู่ตรงที่มึงเคยถอยรถจะชนกูนั่นแหละ” นึกถึงแล้วยังโมโหไม่หาย ถ้าเกิดผมล้มนะ โดนทับแน่ แต่ไอ้คนทำกลับหัวเราะขึ้นมาเฉย “ขำไรวะ”

   “เปล๊า” เสียงสูงเชี่ย

   รถยี่ห้อแพงจอดเทียบหน้าหอพักของผม ก็ไม่ได้อยากพูด แต่ก็ดูจะไม่ดี

   “ขอบคุณ” บอกห้วนๆ

   “พรุ่งนี้เรียนกี่โมง” ผมหันไปมองขณะกำลังจะออกจากตัวรถ

   “สิบโมง ทำไม”

   “เดี๋ยวกูมารับ”

   “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูขี่สุดเท่ไป” สุดเท่คือชื่อมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ของผมครับ เห็นมันขมวดคิ้วนิดๆ คงจะสงสัยชื่อ “มอเตอร์ไซค์กู”

   “ถ้ามึงขี่ไปแล้วเศษเหล็กนั่นล่ะจะเอากลับมายังไง” เออว่ะ ลืมคิด

   “เออๆ งั้นพรุ่งนี้มารับกูด้วย โทษฐานที่มึงปล่อยลมยางรถกู” พอได้ยินมันก็ยิ้มร่าจนอดที่จะถามอีกไม่ได้ “เอาจริงๆ นะ จะจีบกูจริงเหรอวะ”

   “มึงถามกูเป็นสิบรอบแล้ว และกูก็ตอบแบบเดิมนั่นแหละ”
 
   “ทำไมวะ กูไม่ได้น่าพิศวาส ไม่น่าใช่สเป็กให้มึงมาอ่อยเรี่ยราดแบบนี้” ไอ้คนขี้อ่อยมันเลิกคิ้วขึ้นแล้วก็ขำ

   “กูอ่อยเฉพาะคนที่กูสนใจ”

   “เอาที่มึงสบายใจ” บอกปัดๆ แล้วรีบลงจากรถ ไอ้ฟลอยด์ยิ้มแล้วโบกมือให้ ผมเลยพยักหน้ารับแล้วยืนมองไฟสีแดงท้ายรถที่ค่อยๆ หายไป



   จงหาความสุขสงบให้มาก ก่อนที่มันจะไม่มีโอกาสนั้น (ผมเขียนโน้ตติดหน้ากระจกไว้เตือนตัวเอง) ก่อนหันไปสนใจแสงวาบจากหน้าจอมือถือ

   ‘ฝันดี พรุ่งนี้เจอกันครับ’ ส่งสติ๊กเกอร์ลิงหลับไปแต่พลาดไปโดนลิงส่งจูบ ชิบหาย ‘อยากได้จูบจริงๆ มากกว่า’

   ปามือถือลงเตียงแทบไม่ทัน ต้องทนข้อความเสี่ยวๆ กับการอ่อยเรี่ยราดไปถึงเมื่อไหร่ ไอ้ต้อมปวดหัว     


...TBC   


ตอนที่ 3 ค่าาา เจอกันใหม่ตอนหน้าเด้อค่าเด้อ

 :mew1: :mew1: :mew1:


หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-08-2016 22:29:39
โหหหหหห พี่ฟลอยด์เดินหน้าไม่หยุดเลยวุ้ย 555555 :hao3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-08-2016 22:37:14
ตอนนี้ต้อมอาจมือหยาบหน้าก็สากยิ่งกว่ากระดาษทรายรอพี่ฟลอยด์จีบติดเมื่อไหร่พี่แกคงซื้อนู่นนี่นั่นมาบำรุงให้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 18-08-2016 23:46:20
 :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-08-2016 07:01:29
ทำไมพี่ฟลอยด์ดูมึนงี้อะ พี่ฟลอยด์คนเท่หายไปไหน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 19-08-2016 08:59:44
บทจะรุกก็รุกหนักเลยนะพี่ฟลอยด์
อย่างนี้คือตีมึนเข้าหาน้องต้อมลูกเดียว  :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 19-08-2016 12:52:32
พี่ฟล์อยรีบรุกจีบต้อมให้ติดเร็วๆๆนะ ก่อนจะมีเทพบุตรสุดหล่อผุ้แสนดีมารุกจีบกลอยอีกคน คู่แข่งอันสูสีของพี่ฟล์อยเลยนะ ยังไงก็เชียร์พี่ฟล์อยสุดหล่อและสุดมึนนะ :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 19-08-2016 14:03:29
จากพี่ฝอยเป็นพี่ฟลอยด์
แจ่มมมมมมม
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 19-08-2016 15:30:26
พี่ฝอยแกขี้อ่อยมาก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 19-08-2016 15:36:51
พี่ฝอย นายแมนมาก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-08-2016 21:07:18
รุกให้หนักนะพี่ฟลอยด์

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 3 Up!!<< // [18/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-08-2016 21:09:09
เพิ่งเห็นอ่ะ ตามโลดดด
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-08-2016 18:42:22
No Sugar : 04



        ‘คนดัง’ ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเขารู้สึกยังไงกับการถูกรุกล้ำเรื่องส่วนตัว การตามติดทุกฝีก้าว ขนาดจะกินข้าวยังถูกแอบมอง ไม่สิ ต้องเรียกว่ามองตรงๆ เลยมากกว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะมันมีคลิปที่ถูกปล่อยในเพจมหาลัย ไม่ใช่แค่หนึ่งแต่มีเป็นสิบ

   “ไง คนดังข้ามคืนของเรา” ไอ้นัยมันเดินมาตบไหล่ของผม ตามันมองไปรอบๆ วันนี้พวกผมดันมากินที่โรงอาหารกลางอีก
 
   “อะไรของมึงวะไอ้นัย” ไอ้ดอยมันพึ่งได้ข้าวแล้วมานั่งลงตรงข้ามกับผม

   “ก็คลิปไอ้ต้อมถูกรุ่นพี่บริหารดีกรีเดือนมหาลัยจีบหน้าตึกเกษตรเมื่อวานไง เพื่อนมึงคนนี้กลายเป็นคนดังข้ามคืนไปแล้วเรียบร้อย” ไอ้นัยทำตาเล็กตาน้อยมองผม แม่งโคตรอยากเอาส้อมจิ้มให้มันบอด

   “อ๋อ กูเห็นละ” ไอ้ดอยมันพยักหน้าทำท่าเฉยๆ

   “กูก็เห็น มึงก็อยู่ในเหตุการณ์ยังตื่นเต้นทำเชี่ย” ไอ้ป่านด่าครับ แต่ผมไม่พูดอะไรสักอย่าง “แล้วมึงไม่พูดอะไรเหรอวะไอ้ต้อม”

   “พูดอะไร” ย้อนไปแบบเรียบๆ เราต้องทำตัวเป็นปกติสยบความเคลื่อนไหวทุกอย่าง แม้จะแอบเหล่มองบ้างเป็นระยะๆ

   “แหม เรื่องไอ้พี่คนนั้นไง” ไอ้ป่านทำเสียงสูง “กูเหมือนเคยเห็นพี่คนนี้จากไหนสักที่”

   “มึงเคยเจอที่ไหนวะ” ไอ้นัยมันสอด

   “จำไม่ได้ว่ะ”

   “อ่าว ไอ้เชี่ยป่าน”

   ผมไม่สนใจ ผมก็เป็นไอ้ต้อมผู้ชายบ้านๆ เหมือนเดิม เอ่อ ไม่ต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายก็ได้ ผมไม่ได้หล่อขนาดนั้น ผู้หญิงกลุ่มตรงหน้าเกือบสิบคนพากันยกมือถือมาถ่ายผม แถมยังซุบซิบๆ คุยหัวเราะจนผมเริ่มระแวง ผมลืมโกนหนวดหรือเปล่า ว่าแล้วก็ยกมือลูบหน้าตัวเอง

   “เป็นไรวะ” ไอ้ดอยมันถามผม ผมส่ายหน้าตอบมันแทน

   นั่งกินอยู่อีกสักหน่อย เสียงกรี๊ดเบาๆ ดังจากประตูด้านหลังของโรงอาหาร คนของคณะบริหารครับ ที่รู้เพราะหนึ่งในนั้นมีไอ้ตัวต้นเรื่องเดินมาด้วย มันเดินก้มหน้ากดมือถือยิกๆ ไม่สนเพื่อนมันที่เฮฮาหัวเราะกัน เห็นสาวๆ กลุ่มตรงหน้าผมหันไปมองมันสลับกับมองผม เสียวสันหลังแปลกๆ ผมว่า ต้องอิ่มแล้วล่ะ

   “เอ่อมึง กูขึ้นตึกก่อนนะ เจอกันๆ ฝากจานด้วย” พูดด้วยความเร็วแล้วรีบย่องออกไป มือถือในกระเป๋าสั่นๆ คงเป็นข้อความจากไอ้คนก้มหน้ากดยิกๆ นั่นแหละ แต่ผมไม่สน หนีก่อน ที่นี่คนเยอะกว่าคณะผมซะอีก แล้วไอ้นั่นก็เป็นพวกไม่สนคนอื่น ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ไปจีบ เอ้ย หาเรื่องผมหน้าตึกขนาดนั้น

   พ้นจากโรงอาหารมาได้ถึงกับต้องถอนหายใจ เริ่มอยู่ในมหาลัยนี้ยากขึ้นแล้วล่ะ จะกินข้าวที่คณะก็เบื่อ มากินโรงอาหารกลางคนก็มอง ชีวิตผิดเพี้ยนเพราะไอ้ลูกคนรวยนั่น ไอ้ฟลอ...ฟลอยด์ เชี่ย ผมหันไปเจอมันยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านหลัง มันเดินตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

   “...” ผมเงียบไม่ยอมพูด มันก็จ้องหน้านิ่ง

   “หนีกูทำไม” เสียงโคตรนิ่ง

   “ใครหนี กูไม่ได้หนี” เหมือนแถเลยว่ะ ปกติผมไม่ได้เป็นคนแบบนี้นะ มันไม่ยอมพูดต่อแต่จ้องผมแทน “แล้วมีอะไร”

   “มึงหนีกูทำไม” บ๊ะ ไอ้นี่ ย้ำคิดย้ำทำเหรอวะ คนก็เริ่มมองแล้วด้วย โดยเฉพาะสาวๆ กลุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าผมเมื่อกี้ คงเดินตามกันออกมาสินะ

   “เออ กูหนีมึง มึงไม่เห็นเหรอคนเขามองยังไง” ผมกระซิบบอกตามตรง ไม่ได้อายนะ แต่ไม่ชอบคนมองแบบแปลกๆ สายตาพวกเขามองเหมือนมีอะไรสักอย่าง

   “มองยังไงก็ช่าง กูไม่สน แล้วมึงจะสนทำไม” โห ไอ้นี่

   “ก็กูเป็นไอ้ต้อมไง กูเลยต้องสน” ให้มันจบตรงนี้แหละวะ “มึงไม่แคร์ใครก็เรื่องของมึง แต่กูแคร์ มึงดู” ผมชี้ไปที่กลุ่มสาวๆ ที่ยกมือถือถ่ายรัวๆ “เห็นมั้ย ว่าพวกเขาสนใจเรื่องนี้มากแค่ไหน ไม่ว่ากูจะเดินไปไหนก็มีแต่คนมอง กูไม่ชอบ”

   ไอ้ฟลอยด์มันนิ่งมาก มากซะจนผมเริ่มกลัว อยู่ๆ มันก็ถอนหายใจออกมาแล้วหันหลังเดินไป จบแล้วสินะ...ซะเมื่อไหร่ มันเดินไปหากลุ่มสาวๆ กลุ่มนั้น ผมเบิกตากว้างรีบก้าวตามไป

   “พวกคุณต้องการอะไร” ไอ้ฟลอยด์มันถามกลุ่มสาวๆ กลุ่มนั้นครับ ทุกคนก็มองหน้ากันเลิกลัก

   “คือพวกเราแค่เป็นแฟนคลับค่ะ” ผมทำหน้างง แฟนคลับผมเนี่ยนะ “คือพวกเราเป็นแอดมินเพจคู่ของพี่ฟลอยด์กับพี่ต้อมค่ะ” ยิ้มแฉ่งพร้อมชูสองนิ้ว

   “อะไรคือเพจคู่” ไอ้ฟลอยด์มันสงสัยเหมือนผมเลยครับ สาวๆ เลยหยิบไอแพดออกมาแล้วจิ้มๆ ไม่นานก็ยื่นให้ ผมยื่นหน้าไปมองหน้าจอ เพจแบบนี้เหมือนเคยเห็นของไอ้กลอยกับแฟนมันเลยว่ะ

   “นี่เหมือนของไอ้กลอยหรือเปล่า” ผมถามออกไป สาวๆ รีบพยักหน้ารับกันใหญ่ นั่นไง ผมตกไปอยู่ในดงของกลุ่มสาวที่เรียกตัวเองว่า สาววาย “แต่พี่ไม่ใช่นะเฮ้ย” รีบโวยวาย ไอ้ฟลอยด์ยื่นไอแพดคืนให้

   “แหมพี่ต้อมคะ ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ กลุ่มพี่แอดมินเพจคู่พี่กลอยก็บอกว่า ตอนแรกพี่กลอยปฏิเสธเสียงแข็ง สุดท้ายก็โป๊ะเช๊ะ” พูดแล้วก็พากันหัวเราะ อะไรคือโป๊ะเช๊ะวะ

   “เฮ้ย แต่พี่ไม่ใช่นะครับ” รีบสะกิดไอ้คนข้างๆ ที่เริ่มทำให้เรื่องวุ่นวายที่ใต้ตึกวันนั้น ไอ้ฟลอยด์มองผมแปบหนึ่งก่อนจะหันไปมองสาวๆ

   “ขอบคุณนะครับที่ชอบคู่เรา” รอยยิ้มที่อ่อนโยน ก่อนจะดุขึ้นจนผมยังแอบหวั่น “แต่ว่า จะถ่ายรูปหรือทำอะไรให้บอกกันก่อน เพราะบางครั้งมันรบกวนชีวิตส่วนตัวมากจนเกินไป หวังว่าพวกคุณคงจะเข้าใจ” น้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนจะกดดัน แต่สาวๆ กลับยิ้มออกมาเฉยแล้วพากันพยักหน้ารัวๆ

   “ได้ค่ะ ต่อไปเราจะขออนุญาตก่อนที่จะถ่ายนะคะ” เดี๋ยว เริ่มไม่ใช่แล้ว

   “พี่ฟลอยด์สู้ๆ นะคะ” นั่น ให้กำลังใจมันเฉย

   “พี่ต้อมห้ามใจร้ายกับพี่ฟลอยด์นะคะ” อ่าว ว่าผมเฉย

   “รักกันนานนะคะ” เสียงเกือบสิบเสียงพูดพร้อมกันจนตกใจ แล้วทุกคนก็พากันวิ่งหนีไปเฉย

   อะไรวะ

   “ตลกว่ะ” ผมเหลือบไปมองไอ้คนบอกว่ามันตลก

   “ตรงไหนวะ” ข้องใจมากตอนนี้

   “ตรงที่เขาบอกมึงใจร้ายไง”

   “กูใจร้ายตรงไหน”

   “ก็ตรงที่มึงไม่ยอมคบกับกูสักที” เดินหนีออกมาทันที เบื่อที่จะคุยกับมันแล้ว ผมว่า มันต้องเพี้ยนแน่ๆ หรืออกหักจากไอ้กลอยจนบ้า หรือทำเพื่อประชดใคร แต่พอยิ่งคิดมากๆ เข้า ผมว่า ผมนี่แหละจะเพี้ยนเอง 

   เดินกลับมาคณะ เจอไอ้ดอยกับไอ้ป่านนั่งรออยู่แล้ว พวกมันกินขนมจนซองแม่งเต็มโต๊ะ พอพวกมันเห็นผมก็รีบกวักมือ

   “ไหนบอกขึ้นตึก หายหัวไปไหนมา” ไอ้ดอยทัก มือก็แกะถุงขนมร้านดัง

   “พวกมึงไปซื้อขนมจากที่ไหนมาวะ” ชื่อร้านแต่ละถุงไม่น่าจะอยู่แถวนี้ ผมนั่งลงข้างไอ้ป่าน มันก็กำลังกินอย่างสุขใจ ดูได้จากหน้ามันโคตรมีความสุข

   “จากแฟนคลับมึงไง” ไอ้ป่านว่า ผมเบิกตามองเพื่อนตัวเอง 

   “แฟนคลับกู” ชี้เข้าตัวเองอย่างงงๆ เพื่อนสองคนพยักหน้าพร้อมกันยืนยัน

   “เออ แม่งโคตรดีอะ ซื้อมาฝากพวกกูด้วย” ไอ้ป่านยกถุงขนมถุงใหญ่ที่ด้านในมีทั้งขนมไทย ขนมอบกรอบเต็มถุง “นี่ของมึงครับคุณเพื่อน”

   “ไม่เอา” ดันกลับไปจนไอ้ดอยปาถุงขนมที่หมดใส่หน้าผม ไอ้เชี่ยนี่

   “อย่าเล่นตัวให้มาก ปากมึงก็เสีย ทำตัวติสไปวันๆ เมียก็ไม่หา ตอนนี้มีผัวมาเกยถึงที่ กูแนะนำให้มึงรีบคว้าเอาไว้” ไอ้ดอยมันยัดขนมใส่ปากหลังพูดจบ ผมเลยเตะขามันใต้โต๊ะไปทีหนึ่ง

   ไอ้พวกเห็นแก่กิน เห็นขนมดีกว่าเพื่อน

   “ถ้ามึงชอบ มึงก็เอาไปสิวะ”

   “ก็พี่เขาไม่ได้ชอบกูนี่หว่า แล้วกูก็จำได้แล้วว่าเคยเห็นที่ไหน” ไอ้ป่านมันพูดไปเคี้ยวขนมไป แล้วยัดเข้าปากผมไป “กูเคยเห็นพี่คนนี้ที่หน้าตึกศิลปกรรม”

   “มันไปทำไมวะ” ไอ้ดอยถาม

   “กูไปสืบมาแล้ว ไอ้เชี่ยต๋องบอกมาจีบไอ้กลอย” ไอ้ดอยตาโตก่อนจะเอาตาโตๆ มามองผมด้วย ดูจากสายตามันแล้วโคตรน่าถีบ

   “จีบไอ้กลอยแล้วไหงมาหลงไอ้ต้อมได้ ไม่เหมือนกันสักอย่างทั้งแต่รูปร่างและสัน เอ้ย นิสัย” มันรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อเห็นผมเตรียมปาหัวมันด้วยเค้กที่อยู่ในถุงจากแฟนคลับ

   “กูก็ว่างั้น อย่างไอ้กลอย ถึงมันจะกวนตีน จะเกรียน จะล้น จะบ้า แต่มันก็มีมุมน่ารักของมัน รวมถึงหน้ามันด้วย แต่มึงดูไอ้ต้อม” ไอ้ป่านมันเอามือมาจับคางผมบิดไปมาจนผมฟาดเข้าหัวมันไปหนึ่งดอก “หน้าก็หยาบยิ่งกว่ากระดาษทราย ผมก็แข็งเหมือนไม้กวาด มือไม้ก็ดำมี เล็บมีดินติดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดีหน่อยที่นิ้วมันสวย” พูดมาซะผมโคตรดูแย่เลยว่ะ แต่นี่ผมมีดีแค่นิ้วสวยใช่มั้ยเนี่ย

   “พวกมึงสองตัวไปไกลๆ ตีนกูเลยไป” เริ่มโมโห




   เรียนเลิกเกือบๆ จะห้าโมงเย็น วันนี้ขามาผมเดินมา แม้มันจะไกลมากไปหน่อย แต่เพราะสุดหวงยางแบน คราวนี้โดนตะปูของจริง ส่วนสุดเท่ก็เกเรสตาร์ทไม่ติด สงสัยหัวเทียนบอด รถแก่ๆ ก็งี้แหละครับ ขากลับเลยต้องเดินกลับตามเดิม วันนี้กะจะเข้าไปที่คลินิกรักษาสัตว์ของลูกสาวป้าของผม เห็นไอ้กลอยบอกเอาหมาไปทำหมันตั้งเป็นอาทิตย์ สงสัยจะกลับได้แล้ว เคยไปทีหนึ่งตอนแรกๆ แต่ก็ไม่เจอมัน เพราะกลับไปก่อน วันนี้ถ้าไปตอนนี้อาจไม่เจอ ผมเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปทางป้ายรถเมล์แทน กำลังจะก้าวขาข้ามถนนในมหาลัย รถราคาแพงโฉบหน้าจนตกใจสะดุดล้มลงไปนั่งกองกับพื้น 

   ไอ้เชี่ยเอ้ย เกือบถูกรถชนแล้วไอ้ต้อม 

   กำลังจะอ้าปากด่าไอ้เจ้ารถงี่เง่าที่ใช้ตาตุ่มขับที่กำลังเปิดประตูออกมา พอเห็นก็ต้องหุบปากเพราะไม่อยากมีเรื่อง ผมลุกขึ้นยืนก่อนปัดก้นที่เปื้อนฝุ่น

   “มึงขับรถยังไงวะ ซื้อใบขับขี่มาหรือเปล่า” ด่ามัน แต่มันก็ยังเฉย “ไอ้ฟลอยด์”

   “กูสอบปกติเหมือนชาวบ้านนั่นแหละ” มันตอบนิ่งๆ “จะไปไหน”
 
   “เรื่องของกู” ตอบแบบไม่คิดอะไรมาก เลยโดยดีดหน้าผากเต็มแรง โคตรเจ็บ “ทำเชี่ยไรวะ”

   “กูเป็นรุ่นพี่มึง” ผมกำลังจะอ้าปากเถียงแต่มันเอามือมาปิดปากผมซะก่อน “ถึงกูไม่ใช่พี่ในคณะมึง แต่กูก็แก่กว่า”

   “แก่กว่าแล้วไง อยากจะเรียก” ดึงมือออกแล้วรีบพูด

   “ถ้าเป็นคนอื่น กูกระทืบไปแล้ว” น้ำเสียงและใบหน้าจริงจังจนมันน่าจะทำจริงอย่างที่พูด

   “แล้วจะเอาไง”

   “เรียกกูพี่ ที่ไอ้โชมึงยังเรียกพี่เลย” เรียกไอ้โชได้เต็มปาก

   “พี่โชแก่กว่ามึง มึงยังเรียกไอ้เลย” ย้อนครับย้อน มันถลึงตาใส่แต่ผมไม่กลัว “มึงก็เรียกพี่เขาว่าพี่สิ กูถึงจะเรียกตาม” ดูมันเป็นคนท้าไม่ได้ แต่เรื่องนี้ผมว่าไม่มีทางทำได้แน่นอน เห็นมันขมวดคิ้วเหมือนใช้ความคิด

   “ก็ได้” ตกลงออกมาเฉย

   “อย่าดีแต่รับปากส่งๆ นะมึง” ผมว่า มันเลยยื่นนิ้วก้อยออกมาจนผมมอง “อะไร”

   “เกี่ยวก้อยสัญญาไง” เชี่ย โคตรปัญญาอ่อนเหอะ

   “มึงอายุกี่ขวบแล้ววะ”

   “กับหลานกู กูก็ทำแบบนี้”

   “นั่นหลานมึงยังเด็ก”

   “มึงก็เด็กกว่ากู” ชักเริ่มปวดหัวเต็มที ผมเลยยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวให้จบๆ “ถ้ากูเรียกมันพี่ มึงก็ต้องเรียกกูว่าพี่ตลอดโอเค๊?”

   “เออๆ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเข้าไปในนั่งจนมันงง “มองหน้าทำไม มารับกูไม่ใช่เหรอ กูกำลังจะไปเจอไอ้กลอยกับพี่โชพอดี ขึ้นรถดิ่” ยิ้มแบบผู้มีชัย ก่อนมันจะเดินอ้อมไป ผมรีบคว้าข้อมือมัน “แต่ถ้ามึงเรียกไม่ได้ มึงก็เลิกยุ่งกับกู โอเค๊” ไม่รอมันตอบอะไร รีบใช้นิ้วก้อยตัวเองเกี่ยวกับนิ้วก้อยของมันเรียบร้อย เห็นมันฮึดฮัดแต่ก็ไม่โวยวาย เสร็จกูละ ชีวิตจะได้สงบสุขสักที
   


   “เจ้าของเคสยังไม่มาเลยค่ะ” พี่ผู้ช่วยบอกผม หมาสีครีมของไอ้กลอยยังนอนหงอยอยู่ในกรง ผมเดินไปลูบหัวมันเบาๆ แต่มันแค่กระดิกหางนิดๆ คงคิดถึงไอ้เกรียน

   “เอาไง” เสียงจากคนที่เดินตามผมทุกฝีก้าว มันเดินชิดขนาดผมหยุดกะทันหันมันก็ชนเลยแบบนั้น ขนาดตอนนี้มานั่งลูบหัวหมาสีครีมมันยังมายืนอยู่ด้านหลังชนิดที่ว่า ขามันแตะหลังผมไว้ตลอด

   “มึงขยับห่างกูหน่อยได้มั้ยวะ” เริ่มโวยวาย หน้าตามันก็เด่นอยู่แล้ว ยังมาทำแบบนี้คนยิ่งมอง แม้ลูกค้าของคลินิกจะมีไม่เยอะแต่ก็มองทุกคน พี่ผู้ช่วยยังหัวเราะจนผมต้องรีบเดินหนี

   “นี่ก็ห่างแล้ว” ห่างตรงไหนของมันวะ

   “ขี่คอกูเลยมั้ยวะ” ประชดแล้วแม่งจะทำจริงจนผมต้องตุบหน้าแข้งมันไป มันถึงถอยห่าง...นิดหนึ่ง “กวนตีน”

   อยู่รอไอ้กลอยเกือบครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีวี่แวว แบตก็ดันมาหมด ผมเลยบอกลากับลูกสาวของป้า พี่ไก่ ผมเรียกแบบนี้มาตลอด เธอร่างอวบนิดๆ กอดคงจะอุ่น ผมเลยกอดแน่นไปทีจนโดนเขกหัว

   “กลับบ้านบ้างเราน่ะ” โดนบ่นเลย “แล้วนั่นแฟนเหรอ” ตาเหลือกหลังจากได้ยิน ผมมาลาให้ห้องพักของเจ้าของคลินิก

   “แฟนที่ไหน มั่วว่ะ รุ่นพี่เฉยๆ” ตอบไปแต่พี่ผมดันไม่ค่อยจะเชื่อ

   “ฉันมีเพื่อนแบบนี้เยอะ ไม่ต้องเขิน แล้วก็น้องน่ารักๆ เจ้าของสีครีมกับแฟนเขาก็ดูรักกันจะตาย” ไม่ได้เขินเลยครับบอกตรงๆ

   “ก็นั่นเขาเป็นแฟนกัน แต่ผมไม่ใช่ ไปดีกว่า เบื่อ” โดนเขกหัวก่อนออกห้องอีกที

   ผมเดินออกมาจากห้อง เห็นไอ้ฟลอยด์มันเล่นแมวที่มารักษา เจ้าของคงฝากไว้ที่นี่

   “ชอบแมวเหรอ” ผมถาม มันพยักหน้าแต่ตายังจ้องแมวพันธุ์ไทยตัวนั้น “แล้วได้เลี้ยงหรือเปล่า” มันส่ายหน้า
 
   “แม่กูป่วยบ่อย เลยไม่ได้เลี้ยงอะไร”

   “อ่อ” ไปไม่เป็นเลยไอ้ต้อม

   “ตอนเด็ก กูเคยดื้ออุ้มแมวมาที่บ้าน แม่กูเข้าโรงพยาบาลตอนกลางคืน หมอบอกแพ้ขนแมวโรคภูมิแพ้เลยกำเริบ จากนั้นกูก็ไม่เคยเอาตัวอะไรไปไว้ที่บ้าน” แววตามันดูอบอุ่นเวลามองแมวตัวนั้น ผมว่า มันคงรักแมวจริงๆ “แล้วมึงชอบแมวมั้ย”

   “เฉยๆ อะ กูเล่นได้หมดทุกตัว” ผมว่า บ้านผมเคยเลี้ยงหมา แต่พอมันตายแม่เสียใจจนไม่กินข้าวเป็นอาทิตย์ พ่อเลยไม่ให้เอามาเลี้ยงอีก

   ระหว่างที่ผมกำลังจะชวนมันกลับ พี่ผู้ช่วยก็เดินมาดูน้องแมวตัวนั้นพอดี

   “สงสารมันนะคะ” ผมหันไปมองคนพูดอย่างสนใจ ก็ใช่ มันดูน่าสงสาร “โดนทิ้งยังไม่พอ ยังป่วยเป็นโรคไข้หัดแมวอีก ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า”

   “หนักมากเหรอครับ” ผมถาม พี่ผู้ช่วยพนักหน้า

   “ค่ะ โรคนี้แมวเด็กส่วนน้อยที่จะรอด ตอนคนพามาอาการมันก็หนักแล้วค่ะ”

   “ใครเป็นเจ้าของครับ” ไอ้ฟลอยด์มันถาม หน้าดูเครียดๆ จนผมต้องขมวดคิ้วตาม

   “เป็นน้องนักศึกษาค่ะ แกเห็นเลยช่วยมา คุณหมอใจดีเลยให้ผ่อนค่ารักษาจ่ายเป็นงวดๆ เอา”

   “งั้นผมออกค่ารักษาเอง รักษาจนกว่าจะหายเลยนะครับ” ลูกคนรวยมันรีบควักกระเป๋าเงินแล้วเดินไปจ่ายส่วนที่เหลือที่หน้าเคาน์เตอร์ด้านนอก พี่ผู้ช่วยยิ้มกว้าง

   “ใจดีมากเลยนะคะ หล่อใจดีด้วย” ชื่นชมออกหน้าออกตามาก

   “อ่าครับ” เลยรับคำส่งๆ ไป ที่จริงมันก็...ใจดี มั้งนะ


   
   พอออกจากคลินิกมาผมก็แอบมองคนขับบ่อยๆ จนมันยิ้มมุมปาก ผมเลยหันออกไปมองนอกรถ มันก็คงเป็นคนดีคนหนึ่งละมั้ง

   “จะชื่นชมกูก็พูดออกมาเลยไม่ต้องเก็บไว้หรอก” รีบหันไปมองจนคอแทบเคล็ด หลงตัวเองโคตรๆ

   “ชื่นชมทำไม ก็มึงมันรวยอยู่แล้ว รักษาไม่กี่พันก็แค่เศษเงินหรือเปล่าวะ” ผมพูดตามความคิดจนมันหน้านิ่งไป “โกรธที่กูพูดตรงไปเหรอ”

   “บางทีเงินก็ซื้อทุกอย่างไม่ได้” มองมันนิ่งๆ “อย่างเวลาไง”

   “กูก็พอจะเข้าใจ” ผมรู้ครับ ว่าเงินกี่พันล้านก็ซื้อเวลาหวนกลับมาใหม่ไม่ได้ ไอ้ลูกคนรวยคนนี้น่าจะเป็นเด็กมีปัญหาพอสมควร ทั้งถูกตามใจมากเกินไป ทั้งหัวรั้นจนปวดหัว

   “กูขอโทษที่ทำให้มึงไม่พอใจในหลายๆ เรื่อง” ไอ้ฟลอยด์มันยิ้มนิดๆ ส่งมาให้ผม “แต่กูก็แก้ไขอะไรไม่ได้”

   “มันจะแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อมึงเลิกยุ่งกับกู” ผมพูดออกไปตรงๆ

   “กูทำไม่ได้”

   “ทำไม กูหล่อขนาดที่มึงหลงใหลขนาดนั้นเลยเหรอ” สายตามันโคตรเหยียดจนผมฮึดฮัด

   “มึงไม่ได้น่ารักขนาดนั้น”

   “ก็ใช่ไง อย่างไอ้กลอยชมมันได้ว่าน่ารัก แต่กูใช้ไม่ได้กับคำนี้”

   “กูก็ว่างั้น” อ่าวไอ้นี่

   “แล้วมึงมาสนใจกูตอนไหน” ไม่นานมานี้ยังจะฆ่าผมอยู่เลย

   “ไม่รู้” อ่าว “แต่กูชอบความคิดของมึง ชอบคำพูดตรงๆ ของมึง ชอบท่าทางแปลกๆ ของมึง แม้มึงจะไม่อ่อนหวานแต่แบบนี้ก็คือมึง”

   “สรุปชอบทุกอย่างที่เป็นกู?” มันพยักหน้ารับจนเป็นผมเองที่พูดอะไรไม่ออก “กูไม่ใช่คนง่าย”

   “กูรู้” เหล่ตามองคนที่บอกว่ารู้ “ถ้ามึงง่าย ป่านนี้เป็นเมียกูไปแล้ว”

   “ไอ้เหี้ย” ด่ามันแต่มันกลับหัวเราะ

   “กูชอบของที่ได้มายากๆ เพราะมันจะทำให้รู้ว่า มันมีค่าเสมอ โคตรเฉพาะมึง” ประโยคพวกนี้มันควรจะต้องไปพูดกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอวะ

   “เออ กูโคตรยาก แล้วกูก็ไม่ยอมเป็นเมียมึงด้วย” พูดออกมาได้ว่าเมีย นั่นคำของผู้หญิงชัดๆ

   “เรื่องบนเตียงอีกหน่อยก็รู้เอง” ขยิบตาให้ผมด้วย

   “กูคงนอนบนเตียงกับมึงหรอกไอ้ห่า” แค่คิดขนแขนก็ลุกแล้ว

   “แต่ถ้าได้นอนแล้วมึงจะติดใจ”

   “มึงรีบๆ ขับรถของมึงไปไอ้เชี่ย” แม่ง พูดอยู่ได้ไอ้เรื่องบนเตียง คนอย่างไอ้ต้อม ไม่ยอมร่วมเตียงนอนกับใครง่ายๆ ขนาดพวกไอ้ดอยไอ้ป่านยังไม่เคย ไม่ได้เป็นคนสะอาด แต่ไม่ชอบให้ใครมานอนบนเตียง ผมว่า มันไม่โอเคว่ะ

   “ไปนอนคอนโดกูมั้ย”

   “ไม่โว้ย กูจะกลับหอ”


   โวยวายไปก็เท่านั้นเพราะมันแม่งขับรถออกนอกเส้นทางมานานแล้ว ไอ้นี่มันโคตรของโคตรเอาแต่ใจ แล้วไอ้ต้อมจะกลับหอยังไง รถเมลสายไหนไปหอผมวะ แม่ง ไม่น่าขึ้นรถมันมาเลย

...TBC


พี่ฟลอยด์รุกหนักมาก ชวนขึ้นคอนโดซะแว้วว น้องต้อมสุดแมนจะรอดมั้ย ....

อัพวนไปค่าาาา >w<

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-08-2016 19:03:34
พี่ฟลอยด์มึนแท้แต่ชอบอะ พี่ต้อมก็ตรงดีคู่นี้ไม่หวานแต่น่ารักมากนะ
ปอลิง ช่วงทอล์คคนเขียนบอกว่าน้องกลอยจริงๆต้องต้มรึเปล่าค้า ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-08-2016 19:09:53
พี่ฟลอยด์มึนแท้แต่ชอบอะ พี่ต้อมก็ตรงดีคู่นี้ไม่หวานแต่น่ารักมากนะ
ปอลิง ช่วงทอล์คคนเขียนบอกว่าน้องกลอยจริงๆต้องต้มรึเปล่าค้า ฮ่าๆ

ขอบคุณค่าา แก้ไขด่วนๆๆ

 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-08-2016 21:29:13
No Sugar : 05



       ห้องน้ำที่น่าจะใหญ่กว่าห้องในหอพัก ด้านในสุดมีอ่างแบบบ้านคนรวย ด้านซ้ายมีตู้กระจกสำหรับอาบฝักบัว ตรงข้ามเป็นโถชักโครกถัดมาก็เป็นเคาน์เตอร์กระจกบานใหญ่ ที่มันกำลังมีผมอยู่อีกฝาก เชี่ย ห้องน้ำคอนโดหรูเกินไปแล้ว ยืนนิ่งไว้อาลัยกับสภาพหอพักตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มคิดว่าจะอาบน้ำตรงไหนดี ในอ่างคงไม่เอาเพราะทำไม่เป็น ฝักบัวน่าจะดีที่สุด

   แก้เสื้อผ้าลงกองที่พื้น เดินตัวเปล่าไปเปิดประตูตู้กระจก แม่งโคตรตื่นเต้น คนฐานะพอมีพอกินเจอแบบนี้ก็ตื่นเต้นนะครับ ดันก๊อกน้ำขึ้น สายน้ำอุ่นก็ไหลลงมาจากฝักบัวอันใหญ่ ที่คิดว่าจะแค่อาบน้ำเลยต้องสระผมไปด้วย

   ผมถูกพามาคอนโดหรูนี้แบบไม่ค่อยเต็มใจ แต่จะกลับก็กลับไม่ได้ เพราะเงินในกระเป๋ามีไม่พอค่าแท็กซี่แน่ แล้วถ้าขึ้นรถเมลก็ต้องต่อไปหลายสาย เงินหมดก่อนพอดี ใกล้จะสิ้นเดือนแบบนี้เหมือนกำลังจะสิ้นใจ ยังดีที่มีบะหมี่ตุนไว้ที่ห้องหลายห่อ

   เดินสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวออกจากห้องน้ำ เห็นเจ้าของห้องมันยืนค้นอะไรสักอย่าง พอเห็นผมมันก็มองแบบแปลกๆ

   “หาอะไรวะ” ผมถาม

   “ทำไมไม่เป่าผมให้แห้งวะ” ดุกูอีก มันเดินปึงปังเข้าห้องน้ำแล้วเอาไดร์เป่าผมออกมาเสียบ “มานี่ กูเป่าให้” ส่ายหน้าสิครับรออะไร

   “กูทำเอง มึงไปหาของๆ มึงต่อเถอะ” ดึงไดร์มาถือเอง “เออ ขอยืมเสื้อกับกางเกงหน่อยสิ” มันไม่ตอบ แต่เดินไปเปิดตู้

   “มาเลือกเอง อยากใส่ตัวไหนก็เอา” เห็นมันเปิดทิ้งไว้แล้วเดินกลับไปค้นของที่ลิ้นชักต่อ ผมเลยวางไดร์ลงแล้วไปเลือกดู เสื้อมันส่วนใหญ่มีเสื้อสีดำ สีขาว สีเทา เป็นพวกไม่มีสีสันในชีวิตเลยให้ตาย หยิบเอาสีขาวมาตัวหนึ่ง กับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวใหม่ในลิ้นชัก

   “มึง” ได้ยินมันเรียก พอหันไปเห็นมันมองนิ่ง

   “อะไร” ผมถาม มือก็ดึงบ็อกเซอร์ขึ้น คือผมปลดเสื้อคลุมออกจากตัวแล้วใส่เสื้อผ้า เรียบร้อยก็ไปเป่าผมต่อ ยังเห็นมันยืนนิ่งๆ จ้องหน้าผมอยู่ “หาเจอแล้วเหรอ”

   “หา? ยัง” มันรีบก้มค้นต่อ จนเหมือนจะเจอแล้วมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป ผมวางไดร์ลงเมื่อผมแห้งแล้ว จะว่าไป แชมพูแพงๆ มันดีแบบนี้นี่เอง ใช้แล้วผมพลิ้วสวยไม่แข็งกระด้างเหมือนแชมพูที่ซื้อตามตลาดนัด ไม่นานมันก็เดินพันผ้าเช็ดตัวที่เอวออกมา อวดซิกแพกตรงหน้าผม กะเอามาโชว์สินะ

   “กูรู้ว่ามึงมีกล้าม ไม่ต้องเอามาโชว์” ผมว่า มือก็คว้าเอามือถือที่ชาร์ตแล้วมาเปิดดู มีไลน์ไอ้ป่านกับไอ้ดอยด้วย

   “มึงไม่รู้สึกอะไรเหรอ” เสียงที่ถามทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง เห็นมันมายืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าตาโคตรจริงจัง

   “รู้สึกอะไร” ถามออกไปแบบสงสัย

   “รู้สึกแบบที่กูรู้สึก”

   “มึงรู้สึกยังไง”

   “ก็รู้สึก...” ผมจ้องหน้าแบบอยากรู้ ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อมันเอามือผมไปจับตรงนั้นของมัน ไอ้เชี่ย
 
   “ไอ้เหี้ย อยากโดนกูถีบหรือไงวะ” เกิดมาไม่เคยจับของใคร แล้วของมันคึกอีก ผมเช็ดมือกับเสื้อสีขาวไปมา ส่วนมันก็ยังจ้องผมนิ่ง “มองเชี่ยอะไร” ตะคอกใส่

   “ก็กูรู้สึกกับมึง” มันพูดออกมานิ่งๆ

   “ไอ้ๆ” นิ้วชี้หน้ามันสั่นไปมา ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ทั้งอยากจะฆ่ามัน “มึงรีบไปจัดการเอาไอ้นั่นสงบซะ” ผมพยายามทำให้ตัวเองนิ่งที่สุด เพราะไอ้นั่นมันกำลังชี้หน้าผมอยู่ แม้จะมีผ้าเช็ดตัวปิดก็เถอะ

   “แต่กูนึกถึงหน้ามึงมันก็...”

   “หยุดพูดเลยไอ้สัด กินยาโด๊ปมาหรือไงวะ” แม่งคึกเหี้ย แล้วกับผู้ชายด้วยกันเอง ไอ้ต้อมอยากตายจริงๆ

   “ไม่ได้กิน” ยังมีหน้ามาตอบ ผมตวัดสายตามอง “มึงช่วยกูได้มั้ย”

   “ช่วยอะไร” ทำตาขวางใส่ มันจ้องหน้าผม ก่อนจะใช้สายตาให้ผมมองตามลงไปที่... “กูจะตัดมันให้เอง ไอ้เชี่ย” กระโดดถีบขาคู่ แต่มันหัวเราะวิ่งเข้าห้องน้ำไป นี่ผมต้องนอนบนเตียงกับมันเหรอวะ ถ้ามันเกิดคึกตอนผมหลับจะทำยังไง ไม่ดีๆ

   ผมหอบหมอนกับผ้าห่มลงมานอนพื้นด้านล่าง ห้องมันปูพรมหมด เลยไม่ต้องทนนอนพื้นเย็นๆ สักพักได้ยินเหมือนเสียงเปิดประตู มันคงออกห้องน้ำมาแล้ว ผมเหล่ตามองเห็นหน้ากวนยื่นมาจนตกใจ ไอ้ฟลอยด์มันนอนขวางเตียงแล้วยื่นหน้ามาหาผมที่นอนอีกฝั่ง

   “อะไร”

   “ไปนอนทำไมตรงนั้นวะ”

   “เรื่องของกู”

   “ไม่กล้านอนบนนี้กับกูเหรอ”

   “เออ” ตอบตรงๆ การท้าทายใช้กับไอ้ต้อมไม่ได้ครับ แล้วมันก็หัวเราะ “หัวเราะพ่อง”

   “มึงแปลกดีว่ะ” มันนอนหงายกอดอก ดวงตามองไปที่เพดานสีขาว ได้กลิ่นแชมพูแบบที่ผมใช้ลอยมาติดจมูก คงมาจากผมของไอ้คนที่นอนห้อยหัวลงมาข้างเตียง

   “แปลกยังไง”

   “คนที่เข้าหากูส่วนใหญ่เพราะกูมีเงิน กลอยคือคนที่กูอยากเข้าหาคนแรก” มันพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตอนเจอครั้งแรก กูคิดว่ามันจะลักพาตัวลูกพี่สาวกู หน้าตามันเอ๋อๆ ทำท่าทางตลก แต่มันก็น่ารัก ตาของมันแวววาวเหมือนลูกแก้ว กูถึงหลงมันได้ง่ายๆ”

   ผมนอนฟังมันพูดเรื่องเพื่อนตัวเองเงียบๆ ที่จริงตอนผมเจอไอ้กลอยครั้งแรกก็รู้สึกว่ามันน่าคบมาก ผมชอบจ้องตามันเวลามันพูด ท่าทางมันกวนๆ แต่ดวงตามันดูเป็นประกาย

   “แต่เหมือนใครเอาหินก้อนใหญ่มาปาหัว เมื่อรู้ว่ากลอยมีแฟนแล้ว แต่กูก็ยังรั้นเพราะนั่นคือคนแรกที่กูอยากเข้าหา กูไม่สนเพื่อนมันจะด่ากู หรือเพื่อนของแฟนมันจะขู่กู แค่กูได้เห็นหน้ากูก็พอใจ” เป็นพวกรักมั่นคงจริงๆ

   “มึงเลยไปจอดรถรอมันทุกวันอย่างงั้นสิ” ถามไปมันก็พยักหน้า

   “จนวันที่เจอมึง กูโคตรอยากจะฆ่ามึง กะอีแค่เศษเหล็กเก่าๆ ก็มาด่ากูเฉย แต่พอมึงพูดเตือนกู ไม่รู้ทำไมกูถึงเก็บเอามาคิด จนกูเห็นแต่หน้ากวนๆ ของมึง กูถึงไปหา”

   “แล้วก็พรากความสงบของกูไป” ผมแขวะ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ผมจะไม่พูดหรอก ไม่น่าไปเตือนมันเลย

   “ก็ดี จะได้ไม่มีใครมาแย่ง เพราะมึงเป็นของกูคนเดียว” ดึงหมอนที่หนุนฟาดหน้ามันไปทีหนึ่ง

   “ของมึงเชี่ย ตัวกูเป็นของกูเว้ย”

   “ไม่นาน ตัวมึงจะเป็นของกู”

   “ของมึงพ่อง” รีบล้มตัวนอนไม่ตอบโต้อะไรอีก รีบๆ นอนตื่นมาจะได้รีบกลับ ได้ยินเสียงหัวเราะของมันแต่ทำไม่สนใจ

   “ฝันดี”



   ตอนนี้ผมกำลังถูกสายตาสองคู่สแกนตั้งแต่หัวยันเท้า ไอ้ป่านกับไอ้ดอยมันจ้องผมนั่งแต่ขึ้นมานั่ง ผมก็จ้องมันกลับจนต้องหลบสายตาไปเอง ปวดตาเฉยๆ

   “เมื่อคืนไปนอนไหนมา” ไอ้ป่านจ้องหน้าซะเหมือนผมเป็นผู้ร้าย

   “ห้องดิ่”

   “ขี้หก” ไอ้ดอยสำเนียงใต้มาเลย “กูไปหามึงที่ห้อง ถามป้าที่ดูแลก็บอกมึงยังไม่กลับ แบบนี้เหรอที่นอนที่ห้อง” แม่ง คาดคั้นกูทำเตี่ยอะไร

   “ป้าเขาไม่เห็นกูไง แล้วพวกมึงจะมาอะไรกับกู ทีทุกวันไม่เห็นมานั่งถามแบบนี้”

   “กูเอางานไปให้มึง แต่มึงไม่รับโทรศัพท์ ไม่อยู่หอด้วย”

   “แล้วกูก็เห็นมึงกลับกับไอ้รุ่นพี่บริหาร หรือว่า มึงเป็นเมียพี่เขาแล้ววะ”

   แล้วพวกมันก็โดนคนละป๊าบจนหน้างอ

   “เป็นเมียพ่อง เออ กูไปนอนห้องมันมา แต่ ไม่ได้มีอะไร” รีบดักไว้หมด ดูท่าพวกมันจะไม่ค่อยเชื่อ

   “ของมันใหญ่มั้ยวะ” ไอ้ดอยมันถาม

   “ก็น่าจะ...ไอ้เชี่ย ถามเหี้ยไรของมึงวะ” มัวแต่เหม่อเลยตอบออกไปแบบเบลอๆ เชี่ย นึกถึงตอนมันเอามือผมไปจับแล้วก็รีบเช็ดมือที่เสื้ออีกรอบ

   “เชี่ย ไม่ได้เป็นเมียแต่รู้ขนาดว่าใหญ่ ไม่ธรรมดาแล้วเพื่อนกู”

   แล้วทั้งวันผมก็โดนไอ้สองตัวนี้มันแซว ถึงมาลงแปลง อากาศร้อนตับจะแตกมันยังเดินวนเวียนมาแซว กำดินขว้างใส่พวกมันก็ยังไม่หยุดเห่า ก่อนมือถือจะดัง เลยกดรับไป

   (อยู่ไหน) ใครวะ ผมเอามือถือออกมาดูชื่อ แต่เป็นเบอร์แปลก

   “ใครอะ”

   (กูฟลอยด์) เชี่ย รู้เบอร์ผมได้ไงวะ

   “มึงมีไร”

   (มึงอยู่ไหน)

   “อยู่แปลงผัก ไอ้ดอยไปไกลๆ ตีนกูเลยไป” ผมกำลังถูกก่อกวนจากไอ้เพื่อนสองตัว มันเดินมาแซวไม่พอยังเอาหน้ามาแนบกับโทรศัพท์อีกด้าน

   (เดี๋ยวกูไปหา) แล้วมันก็วาง ทำไมไม่รอถามตอบจากผมบ้างวะว่าจะให้มาหรือเปล่า
 
   “ผัวมึงจะมาเหรอวะ”

   “ผัวพ่องมึงสิ” ด่าไอ้เชี่ยดอย มันก็ทำตาโต

   “พ่อกูมีแต่เมียไม่มีผัว มึงอะมีผัว”

   “กูไม่มีผัวเว้ย”

   “มึงมีผัวไอ้สัดต้อม”

   “ไม่มีเว้ย”

   “ผัวมึงมานู้น”

   “เออ มีผัวก็ได้ ไอ้เชี่ย” หงายหลังครับ มัวแต่เถียงเรื่องผัวๆๆ จนมึน มองอีกทีไอ้ฟลอยด์ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ “มึงมาทำเชี่ยไรวะ”

   “ก็กูบอกจะมา แล้วมึงมีผัวเหรอ” มันคงได้ยิน ส่วนเพื่อนสองคนของผมมันหัวเราะลั่น

   “พี่นั่นแหละผัวมัน” ไอ้ป่านมันว่าจนผมยันขามันไปทีหนึ่ง ไอ้ฟลอยด์ยกนิ้มโป้งให้ไอ้ป่าน จนผมแทบจะยันขามันอีกคน

   ไอ้ดอยกับไอ้ป่านแยกไปที่แปลงตัวเอง เหลือผมกับไอ้ฟลอยด์ที่นั่งยองๆ อยู่ข้างๆ มันมองตรงหน้าอย่างสนใจ

   “ทำอะไรวะ”

   “พรวนดินไง ไม่รู้จักเหรอวะ” ผมกำลังใช้ส้อมพรวนดินรอบๆ ต้นผักสลัดเพื่อไม่ให้ดินมันแน่นจากการรดน้ำ “อยากทำป่ะ” ลองถาม มันก็พยักหน้า ผมเลยเอาอันที่ถือให้มัน

   ยืนมองคนพรวนดินท่าทางจริงจัง แดดร้อนๆ ทำให้เหงื่อมันไหลอาบแก้ม เสื้อนักศึกษาสีขาวเปียกเหงื่อจนแนบกับหลัง พอดูแบบนี้ก็ใจอ่อนพิกล ผมเลยถอดหมวกใบลานสวมศีรษะให้ มันก็เงยหน้ามอง

   “มึงใส่เถอะ” มันบอก แต่เหงื่อไหลย้อนจนต้องยกแขนขึ้นมาเช็ด

   “มึงนั่นแหละใส่ เป็นลูกคุณหนูทำงานกลางแดดเดี๋ยวเป็นลมพอดี” แขวะมันไป

   “กูไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ไอ้ฟลอยด์ว่ายิ้มๆ มองมันอีกหน่อยก็เดินไปหยิบขวดน้ำในกระติกน้ำแข็ง หมุนเปิดฝาแล้วยื่นให้

   “กินซะ เดี๋ยวเป็นลมแดด” ผมบอก มันก็รับไปดื่มแล้วจะเอาราดตัวแต่ผมห้ามไว้ก่อนพร้อมดึงขวดน้ำคืน “โดนแดดขนาดนี้เอาน้ำเย็นราดเดี๋ยวก็ไม่สบายไอ้สัด” ด่ามันครับ แต่กลับยิ้มออกมาเฉย

   “เป็นห่วงกูเหรอ”

   “ห่วงว่ามึงจะมาตายคาแปลงกูน่ะสิ”

   “โอ้ย” มันร้องเสียงดังจนผมตกใจ พอยกมือซ้ายขึ้นมาเลือดไหลเต็มไปหมด เชี่ย

   “มึงทำยังไงให้เลือดออกวะ” รีบถอดเสื้อลายสก็อตตัวโปรดห่อมือมันไว้

   “มัวแต่คุยเลยไม่ได้ดูมือ” มันบอก เอามือข้างหนึ่งถือส้อมพรวน อีกข้างก็เขี่ยดิน เลยมีสภาพแบบนี้

   “เชี่ยเอ้ย” ผมสบถ ก่อนตะโกนบอกเพื่อนว่าจะพาคนเจ็บไปหาหมอ

   ผมเสียบกุญแจรถแล้วเปิดเครื่อง มันมองผมอย่างห่วงๆ แต่ผมไม่สน เหยียบคันเร่งได้ก็วิ่งฉิว

   “มึงขับรถเป็นด้วยเหรอ” มองหน้ามันนิดหนึ่ง

   “เป็นสิ ถึงกูจะปั่นแค่สุดหวงแต่กูก็ขับรถเป็นเว้ย” บ้านผมก็มีรถยนต์ใช้นะครับ แต่ไม่เอามาเพราะมันไม่เท่เหมือนรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆ


   
   มาถึงโรงพยาบาลมันก็โดนทำแผลชุดใหญ่กับฉีดยากันบาดทะยักไปหนึ่งเข็ม โชคดีที่แผลไม่ลึกมากถึงขนาดต้องเย็บ ผมกำเสื้อตัวเองที่เปื้อนเลือดไว้ ส่วนคนทำแผลยังนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน ผมกำลังยืนกรอกเอกสาร แล้วผมเกี่ยวข้องอะไรกับมันวะ
 
   เพื่อน ผมกรอกลงไปแบบนั้น

   พอมันออกมาหน้าตาก็ซีดเซียว พยาบาลบอกมันเสียเลือดเยอะเลยอ่อนแรง แม้จะเติมน้ำเกลือไปแล้วก็เถอะ ไปจ่ายเงินแล้วรอรับยา ผมไม่ได้ว่าอะไรที่มันเอนหัวมาพิงกับไหล่แล้วหลับ คงจะโดนฤทธิ์ยาแก้ปวด พอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อมัน ผมก็เป็นคนออกไปรับให้ พอหันมาเห็นไอ้ฟลอยด์นั่งหัวเอนไปมาเหมือนจะล้มจนต้องรีบไปรับหัวหนักๆ

   คุณป้าที่นั่งด้านหลังแอบยิ้มด้วย คงคิดว่าผมดูแลพี่ชายตัวเองอยู่

   ผมประคองร่างที่สะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยามาขึ้นรถ เสียงโทรศัพท์มันดังขึ้น เป็นแบบนั้นหลายครั้งผมก็ลองรับ ปลายสายเป็นผู้หญิง

   (ฟลอยด์ พี่โทรหาไม่ยอมรับเลยนะ) เสียงใสติดโมโห

   “เอ่อ พี่ฟลอยด์หลับอยู่ครับ” จะเรียกมันไอ้ก็ไม่ดี เลยต้องเรียกพี่

   (อ่าว ฟลอยด์ไม่สบายเหรอคะ)

   “อ่า นิดหน่อยครับ แต่มาหาหมอแล้วครับ”

   (ค่อยยังชั่ว เป็นรุ่นน้องของฟลอยด์ใช่มั้ย พี่ฝากดูด้วยนะ ดื้อจะไปอยู่คอนโดคนเดียว พอไม่สบายไม่มีใครดูแลอีก) บ่นมาเป็นชุด ผมเลยหัวเราะแห้งๆ พอวางสายผมก็แอบชำเลืองมองคนที่นอนหลับ

   ตอนหลับก็ดูเป็นคนปกติดีทุกอย่าง แล้วอะไรที่มันดูไม่ปกติวะ

   คงเรื่องที่มันชอบผมนั่นละ ที่ไม่ปกติ

   เพราะไม่รู้ทางไปคอนโดเลยพาคนป่วยมานอนห้องผมแทน เตียงสุดหวงยกให้คนป่วยแบบไม่ค่อยเต็มใจ ไอ้ฟลอยด์มันเป็นลูกคุณหนูจริงๆ โดนอะไรนิดหน่อยก็ไข้ขึ้นซะงั้น ผมเลยต้องหาผ้าสะอาดๆ มาชุบน้ำแล้วเช็ดตามตัวให้ ผิวมันเนียนยิ่งกว่าผู้หญิงอีก หน้าท้องก็มีแพก พอจะถอดกางเกงก็หน้าร้อนขึ้นมาเฉย ไอ้เชี่ยต้อม มึงเป็นผู้ชายนะเห้ย แล้วไอ้นี่ก็ผู้ชาย จะใจเต้นทำห่าอะไร

     กลั้นใจถอดกางเกงนักศึกษามันออก จนทั้งตัวมันเหลือแค่กางเกงในสีดำยี่ห้อแพง รูปร่างแม่งสมส่วนจนผมต้องก้มมองตัวเอง อาภัพเหลือเกินไอ้ต้อม เช็ดตัวให้เสร็จสรรพก็หาเสื้อมาให้มันใส่ กางเกงก็เป็นกางเกงบอลยืดๆ ของผมเอง พอแต่งตัวแบบนี้ดูไม่เหมือนคุณหนูที่เคยรู้จัก

   คนป่วยครางอือเบาๆ คงหนาว ผมรีบดึงผ้าห่มคลุมมัน ก่อนเดินมานั่งที่พรมหน้าทีวี ห้องผมแค่เปิดประตูเข้ามาก็เห็นเตียง แล้วก็ตู้ ระเบียงด้านนอกมีห้องน้ำอยู่ หอพักนักศึกษาอยู่ส่วนมากก็จะประมาณนี้นั่นแหละ นั่งไปนั่งมาก็เพิ่งนึกได้ว่าคนป่วยต้องกินข้าวต้ม ห้องผมมีแต่บะหมี่ถ้วยคงไม่เหมาะกับคนไข้ มองคนที่นอนเตียงตัวเองก่อนเดินออกห้องไป

   ลากแตะไปซื้อข้าวต้มฝั่งตรงข้าม พอกลับขึ้นมาเห็นคนป่วยนอนงอเป็นกุ้ง ผ้าห่มผมมันคงไม่อุ่นเลยต้องไปค้นอีกผืนในตู้มาคลุมทับ แต่ก็ยังตัวงออีก แอร์เปิดเกือบจะสามสิบอยู่แล้ว

   ผมยืนจ้องคนป่วยนิ่งๆ เอาวะ ถ้าไม่เห็นว่าป่วยคงไม่ทำ ผมคลานขึ้นไปบนเตียงแล้วกอดมันไว้ ตัวมันใหญ่อยู่แล้ว มีผ้าห่มสองชั้นคลุมอีก แขนผมเลยพาดถึงแค่ช่วยอก สักพักคนป่วยก็หันมาเอาหัวซุกกับอกของผม คิดซะว่ามันเป็นหลานตัวเล็กๆ ก็แล้วกัน ยกมือลูบหัวมันไปเรื่อยๆ เลยผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น


   รู้สึกเหมือนคันจมูกจนอยากจะจาม ใช้มือปัดก็แล้วเหมือนมีอะไรเขี่ย ผมเลยปรือตาขึ้นมา กระพริบตาไปสองสามครั้งถึงเห็นชัดว่าอะไรมันทำให้ผมอยากจาม หัวคนป่วยมันอยู่ตรงจมูกผมครับ อย่าคิดว่าไอ้คนป่วยมันจะนอนตาแป๋วมองผม นี่ไม่ใช่ละครนี่ครับ คนป่วยก็คนป่วย แล้วตอนนี้มันก็กอดรัดตัวผมซะแน่น ก็ว่าทำไมขยับไม่ได้

   นาฬิกาบอกเวลาเกือบจะห้าโมงเย็น มิน่าปวดหัวแปลกๆ ผมดึงแขนที่รัดออก แม้จะใช้แรงสักหน่อย ขนาดป่วยแรงยังเยอะขนาดนี้ พอหลุดมาได้ผมก็เอาข้าวต้นที่มาเข้าตู้ไมโครเวฟอุ่น รอแปบเดียวมันก็ใช้ได้ ผมก็ต้องไปเรียกคนป่วยกินข้าวกินยา

   สะกิดไปรอบแรกยังนิ่ง พอรอบต่อๆ มาเริ่มใช้แรงจนสุดท้ายก็ปรือตาขึ้นมา ตาแดงเชียว

   “อือ” ครางเหมือนถูกกวน

   “ตื่นมากินข้าวแล้วจะได้กินยา” มันพลิกตัวหนี จนผมต้องเดินมาอีกด้าน “เร็วๆ อย่าเป็นคนป่วยที่ขี้เกียจ” มันก็ส่งเสียงฮึดฮัดแต่ก็ยอมลุกขึ้นมานั่ง

   “ไม่หิว” เสียงโคตรแหบ

   “ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่งั้นจะกินยาได้ไง” ผมบอก จำเป็นต้องป้อนข้าวต้ม “อ้าปาก” มันเหลือบตามองผมก่อนจะอ้าปาก

   “ขม” พูดก่อนจะเคี้ยว ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนอยากจะคายออกมา

   “ขมก็ต้องกิน ไม่งั้นก็ไม่หาย” ผมว่า ป้อนไปครึ่งชามมันก็อิ่ม ผมเอายาให้กินแล้วก็ให้นอนต่อ เห็นมันจ้องหน้าผมตอนเก็บถ้วยกับแก้วน้ำ “อะไร”

   มันไม่ตอบแต่ตบที่ว่างข้างเตียงแทน ผมส่ายหน้ามันก็หน้างอเหมือนเด็ก เขาว่าคนป่วยมักงอแง ทำไมผมไม่เคยเป็นวะ ตอนปีสองป่วยจนต้องพาร่างกายโทรมๆ ไปให้น้ำเกลือเองที่โรงพยาบาลก็เคยมาแล้ว

   เก็บถ้วยเสร็จสรรพก็เดินมาดูมันอีกรอบ ตาที่ปรือทำท่าจะหลับแต่ก็ไม่หลับ

   “ทำไมไม่นอนวะ” เท้าเอวมอง

   “หนาว”

   “ห่มผ้าสองชั้นแล้ว”

   “เมื่อกี้ยังกอด”

   แสดงว่ามันรู้ตัวด้วยสินะ

   “ก็นั่นมันเมื่อกี้ แต่ตอนนี้นอนคนเดียวไป อย่ามาดื้อด้วย ด้วยจับตีด้วยขา” ผมพูดจนมันขำแล้วก็หลับไปเฉย

   ออกจากห้องข้ามไปร้านสะดวกซื้อ เลือกซื้อข้าวที่เวฟอุ่นให้คนป่วยกินตอนเช้า พอออกมาเห็นไอ้ป่านเดินกับครีมอยู่ไกลๆ ผมรีบวิ่งไปหา จนสองคนนั่นหยุดหันมามอง

   “เป็นไรมึง” ไอ้ป่านถาม แต่ผมยังหอบเหนื่อยพูดไม่ออกจนสองคนขำ

   “ใจเย็นๆ ค่ะ หายใจเข้าลึกๆ” ครีมว่า

   “คืองี้นะ” พอหาย ผมก็รีบบอก “พี่ของครีมป่วยอยู่บนห้องพี่อะ ไปรับมันกลับหน่อยสิ”

   “พี่ฟลอยด์เหรอคะ” ครีมตาโต

   “อืม”

   “ที่โดนส้อมพรวดบาดเมื่อบ่ายอะนะ” ไอ้ป่านถามบ้าง

   “อืม”

   “พี่ต้อมก็ดูแลให้หน่อยสิคะ พี่ฟลอยด์อยู่คอนโคคนเดียว ครีมดูแลไม่ไหวหรอก”

   “อืม อ่าว ทำไมเป็นงั้นอะ” ผมทำหน้าเหวอ ญาติตัวเองแท้ๆ นะ

   “ก็พี่ต้อมเป็นแฟนพี่ฟลอยด์ แฟนก็ต้องดูแลกันสิคะ เนอะพี่ป่าน”

   “ช่ายๆ”

   แล้วสองคนก็ขำไม่หยุด นี่หวังเพิ่งอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย ทำไมผมต้องเป็นคนดูแลด้วยวะ แฟนก็ไม่ใช่ เมียก็ยังไม่ใช่ ผัวยิ่งไม่ใช่ใหญ่ เวรกรรมของไอ้ต้อมจริงๆ


...TBC

เจอกันตอนหน้าค่าาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 22-08-2016 21:50:18
ต้อมก็รีบๆตกลงเป็นแฟนสิจะให้ดีเลื่อนเป็นเมียเลยก็ได้ จะได้รู้ฐานะในการดูแลไงงงงงงงงง :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 22-08-2016 22:20:13
น่ารักกก ชอบคู่นี้จัง มึนพอกันทั้งคู่เลย มาอัพบ่อยๆนะคะ ชอบมาก ติดมากกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 22-08-2016 23:23:21
ต้อมเอ้ย นีกลายเป็นแฟนแบบมึนๆ 55
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 23-08-2016 00:06:53
แหม น้องต้อมต้องฝึกไว้ อีกหน่อยจะได้ดูแลมากกว่านี้อีก :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 23-08-2016 00:12:37
5555 ยอมใจ
ทุกคนเทต้อมค่ะ
เทต้อมให้ฟลอยด์
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 23-08-2016 00:30:57
น่ารักชงคู่นี้มากพี่ฟล์อยน้องต้อม ยิ่งอ่านยิ่งฟิน ยิ่งอ่านยิ่งมีความสุข
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 23-08-2016 10:29:59
พี่ฟลอยด์จะทำให้น้องต้อมเปิดใจให้ได้มั้ยน๊า ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-08-2016 11:43:21
หายไข้เมื่อไหร่สงสัยพี่ฟลอยด์ต้องหลงรักต้อมเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ

  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 23-08-2016 12:21:02
ไม่ค่อยชอบฟลอยด์ตอนออกมาในเรื่องของกลอยใจแรกๆ
แต่ตอนนี้ชอบแล้วววว  :o8:
สู้ๆนะพี่ฝอยยย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2016 12:49:22
ฟลอยด์ที่ไม่ปกติ คงมาชอบต้อม  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ต้อมก็ดูแลคนป่วยดีนะ
เห็นหนาวมากๆ ผ้าห่มสองชั้นเอาไมอยู่
ต้อมเลยไปนอนกอดเพิ่มเป้นผ้าห่ม ซะเลย :m11: :m12: :m4:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 23-08-2016 13:04:29
คู่นี้น่ารักอะ นิสัยช่างดูแลของต้อมเหมาะกับนิสัยลูกคนเล็กแบบฟลอยด์จริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 23-08-2016 13:29:06
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 23-08-2016 14:38:26
น่ารักจังเลย อ่านแล้วขำ ขยันเถียงกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-08-2016 15:50:59
พี่ฟรอยด์ป่วยนะคะน้องต้อม
น้องต้อมเป็นแฟนก็ต้องดูแล


 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 23-08-2016 17:39:55
ฝอยขัดหม้อขี้อ่อย :katai4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 4 + 5 Up!!<< // [22/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-08-2016 17:49:33
ต้อมน่ารักจังงงงงง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-08-2016 17:56:47
No Sugar : 06



       คนป่วยนอนห้องผมมาสองวันเต็มแล้วครับ ทั้งที่มันน่าจะหายดีแล้วแต่ก็ไม่ยอมกลับ แถมยังไปขนเสื้อผ้ามาตอนผมไปเรียนอีก ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าจริงๆ เคยด่าไปแล้วโดยสวนกลับแล้วพูดไม่ออกก็เลยได้แต่ดูมันเอาเสื้อใส่ไม้แขวนแล้วแขวนในตู้รวมกับของผม

   “มึงจะอยู่ที่นี่จริงเหรอวะ คอนโดมึงโคตรสบาย ห้องกูแคบกว่าห้องน้ำมึงอีกนะ” พูดรอบที่ห้าสิบแล้วครับประโยคนี้
 
   “ก็มึงอยู่ที่นี่” นี่ก็คำตอบครั้งที่ห้าสิบเช่นกัน ได้ฟังทีไรปวดหัวทุกที

   แล้วการที่มันมาอยู่กับผมยิ่งเพิ่มความฮอตไปกันใหญ่ เมื่อเช้าไอ้ป่านเอาเพจคู่ผมมาให้ดู ประโคมข่าวว่าไอ้ฟลอยด์ย้ายมาอยู่ก่อนแต่งกับผมอีก ขนาดได้กลอยยังโทรมาถามรัวๆ แล้วไม่ฟังคำตอบอะไรจากผมเพราะมันสรุปคำตอบเองแล้วก็วาง เอากับมันสิ

   “มึงกลับไปอยู่คอนโดมึงเถอะว่ะ กูพูดจริงๆ” อ่อนใจมากบอกเลย ไอ้ฟลอยด์ชะงักมือที่แขวนเสื้อ มันเดินมาหาผมแล้วจับไหล่ผมแน่น

   “มึงฟังกู” ผมก็จ้องหน้ามันนิ่งๆ “กูไม่กลับ” แล้วมันก็เดินไปเก็บของต่อ ไอ้ต้อมทรุดนั่งลงบนเตียงเลยครับ ช่างมัน ปล่อยมันไป เหนื่อยจริง มิน่าครีมถึงบอกว่ามันเอาแต่ใจโคตรๆ ตอนนี้รู้แล้ว ซึ้งแล้วจริงๆ

   ตอนนี้ผมปั่นสุดหวงไปมหาลัยตามเดิม เพิ่มเติมมีคนซ้อนท้าย ตอนแรกมันจะเอารถมันมาแต่ผมไม่ยอมขึ้นไปนั่ง แค่นี้ก็เป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว ยังจะให้นั่งรถแพงๆ ของมันอีก แต่ดูเหมือนว่า ปั่นสุดหวงไปจะทำให้คนสนใจมากขึ้นกว่าเดิม

   “มึงจะกอดเอวกูทำเชี่ย” ดึงแขนมันออกจากเอวเป็นสิบรอบ สุดหวงก็เซไปมา

   “มึงก็ขี่ดีๆ สิวะ” น้ำเสียงมันฟังก็รู้ว่าแกล้งผม ตัวก็โตยังมานั่งซ้อนท้ายอีก

   “ทำไมมึงไม่เอารถมึงมา”

   “แบบนี้ประหยัดน้ำมันดี” มันกวนครับผมรู้

   สรุป ผมต้องไปส่งมันที่คณะก่อน แล้วคนคณะมันมองกันเป็นแถว จากลูกคุณหนูมานั่งซ้อนท้ายจักรยานเก่าๆ พอมันลงไปผมกำลังจะปั่นกลับ มันดึงท้ายจนปั่นไม่ไป ไอ้เชี่ยนี่กวนมากไปแล้ว

   “จับทำเชี่ย”

   “มึงเลิกเรียนกี่โมง”

   “บ่ายสาม”

   “กูเลิกห้าโมงเย็น มารอรับกูด้วย” แล้วมันก็เดินไปรวมกลุ่มเพื่อนมันที่มายืนดูอยู่ เห็นมันตบหัวเพื่อนมันคงจะโดนแซว กลุ่มมันเป็นกลุ่มลูกคนมีตังค์ หน้าตางั้นๆ ทุกคนนั่นแหละ

   ปั่นมาถึงคณะก็เจอเสียงโห่รับ ไอ้ป่านเดินมาดึงแขนผมขณะจอดสุดหวง ไอ้เชี่ยนี่ผีเข้าหรือเปล่า

   “แหม ตั้งแต่เพื่อนกูจะมีผัวนี่ออร่าความสวยนี่ฟุ้งกระจายมาก” เหล่ตามองไอ้ป่าน “พวกมึงดูหน้ามัน จากหยาบกร้านกลายมานุ่มนวลขาวผ่องเป็นยองใย” พวกแล้วที่นั่งอยู่นับสิบก็โห่ร้องจนผมต้องตบเข้าหัวไอ้ป่านไปเต็มมือ

   “ยองใยพ่องมึง แล้วพวกมึงมานั่งทำเชี่ยอะไร” ด่าไปแต่พวกมันไม่สำนึกหรอก

   “พวกกูนั่งมาตั้งนานแล้วโว้ย” ไอ้กานเพื่อนคณะพูด รอยยิ้มมันโคตรกรุ้มกริ่ม “มึงนั่นแหละมาโคตรช้า หรือว่ามัวแต่ทำลูกวะ” แล้วพวกมันก็โห่ร้องเหมือนควายกำลังจะเกิดลูก

   “ทำลูกพ่อง” เหวี่ยงใส่แต่พวกมันไม่สะเทือน

   เรื่องหน้าใสนี่ก็เหมือนกัน ผมถูกไอ้ฟลอยด์จับทาครีมโคตรเยอะ ไม่รู้มันไปสรรหามาจากไหน ครีมของผู้หญิงก็ยังมี บ้ามาก
 
   “กูว่า มึงเรียนเกษตรเสียเที่ยวแล้วว่ะ” ไอ้นัยทำตาเป็นประกายพูดขึ้นจนไอ้พวกขี้สอดถามว่าทำไม

   “ทำไมวะมึง”

   “อ่าว ก็จบมามันไม่ได้ทำหรอกไร่นา นู้น มันจะไปเป็นเมียเศรษฐีนอนนับเงินเป็นฟ่อนๆ”

   “ฮิ้ววว”

   ปล่อยพวกมันหอนไป ผมเดินมานั่งแยกโต๊ะอยู่คนเดียว ไม่วายพวกมันยังตามมานั่งด้วย และยังเห่าหอนกันไม่เลิก

   “ไอ้ต้อม พวกกูถามมึงจริง” ผมเหล่ตามองไอ้คนที่พูด “มึงกับพี่เขาได้กันยังวะ” แล้วมันก็โดนตบหัวหลายป๊าบ ไม่ใช่ผมหรอก ก็ไอ้พวกขี้สอดนั่นแหละ

   “ไอ้เชี่ยวา มึงถามไม่คิด มันย้ายไปอยู่ด้วยกันขนาดนั้น ไม่ได้กันได้ไงวะ”

   “กูลืมไป”

   ผมไม่โต้ตอบอะไรสักอย่าง ปล่อยพวกมันไป ยิ่งพูดไปพวกมันจะยิ่งตีความผิด เอาเป็นว่า ผมกับไอ้ฟลอยด์ยังไม่ได้มีอะไรกันแค่นั้นพอ และไม่คิดจะมีด้วยโอเค๊

   วันนี้เรียนกันจนเปื่อย ร่างกายอยากหายไปจากตรงนี้ ผมกับพวกไอ้ป่านมานั่งเป็นผีตายซากอยู่ล่างตึก ไอ้ดอยไปซื้อน้ำ นั่งๆ อยู่ก็มีกลุ่มเด็กผู้หญิงปีหนึ่งมายืนตรงหน้าเลยต้องยิ้มให้

   “มีอะไรหรือกับพวกพี่หรือเปล่า” ถามออกไป สาวๆ กลุ่มนี้ยิ้มนิดๆ ก่อนยกมือไหว้กันยกกลุ่ม

   “สวัสดีค่ะคุณลุง พวกหนูมาขอลายเซ็นค่ะ” อ่า เรียกลุงด้วยเว้ย ทำไมผมดูโคตรแก่

   “อ่อ ปีสองให้มาเหรอ” ไอ้ป่านถาม ตามันยังปรือๆ

   “ค่ะ” ตอบพร้อมเพียงกันสุดๆ

   “แนะนำตัวด้วยครับ” ผมบอก มัวแต่ยุ่งเรื่องไอ้ฟลอยด์จนลืมว่าตอนนี้ยังรับน้องกันอยู่ น้องแต่ละคนก็แนะนำตัวไปวนจนครบ ทุกคนก็ยืนยิ้มแป้นแล้นจนไอ้ป่านขำ

   “พวกน้องยิ้มอะไรกัน มองหน้าเพื่อนพี่อีก แม้มันไม่ใช่พี่ว้ากแต่มันก็ดุเหมือนหมานะครับ” ตบหัวไปหนึ่งทีข้อหาปากมาก พวกน้องๆ กลั้นขำกันสุดพลัง

   “ปากมึงนี่นะ”

   “คือพวกหนูเป็นแฟนคลับพี่ต้อมค่ะ” สาวหนึ่งนางในกลุ่มพูดขึ้น ผมหันขวับไปมอง แฟนคลับอีกแล้ว จากนั้นทั้งกลุ่มก็ฉีกยิ้มยิงฟันผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ส่วนไอ้เชี่ยป่านนี่หัวเราะจนเห็นลิ้นไก่

   ผมรับสมุดน้องๆ มาเซ็น ไม่ใช่ว่าจะไม่อยากสั่งให้ทำนั่นทำนี่ แต่ผมว่า มันดูเยอะเกินไปจนเด็กอาจเอาไปคุยกันได้ว่าผมใจร้าย ทั้งที่หล่อและใจดี พอน้องๆ ได้ลายเซ็นกันครบก็ยังยืนยิ้มไม่ยอมขยับ

   “มีอะไรอีกครับ?” ไอ้ป่านถาม น้องๆ เลยรีบควักมือถือออกมากันทุกคน “อ่อ เดี๋ยวพี่จัดให้” ไอ้ป่านมันลุกจากเก้าอี้ครับ ผมได้แต่มองสงสัย

   “พี่ต้อมคะ พวกหนูขอถ่ายรูปไปลงเพจนะคะ” มีขออนุญาตด้วยเว้ย อ่า นึกถึงตอนที่ไอ้ฟลอยด์บอกสาวๆ หน้าโรงอาหารวันนั้น คงจะไปบอกต่อๆ กันสินะ ไม่อยากวุ่นวายนานเลยพยักหน้าส่งๆ ไป น้องๆ ก็รีบรัวจนผมไม่รู้จะมองกล้องไหน ได้ดั่งสมใจก็สลายตัวไปทิ้งให้ผมมองเพื่อนตาเขียว


   “เพื่อนกูเป็นคนดังไปซะแล้ว”



   เลิกเรียนแล้วครับ กำลังลังเลว่าจะไปรอรับมันที่ใต้ตึกดีมั้ยหรือจะกลับเลย ปั่นสุดหวงอย่างช้าๆ เพราะกำลังใช้ความคิด เห็นไอ้กลอยไกลๆ คงกำลังวาดรูปอะไรสักอย่าง ปั่นไปเรื่อยๆ ชมนกชมไม้จนมาถึงตึกคณะบริหาร นักศึกษามหาลัยเดียวกันแต่เป็นผู้ดีกว่าเยอะ แต่ละคนดูแต่งตัวดี สุภาพเรียบร้อย ไม่เหมือนคณะผมหรอก มีแต่พวกเถื่อนๆ

   นั่งรอแล้วรอเล่า หลับไปหลายรอบก็ยังไม่เลิกสักที จนเผลอหลับไปจริงๆ รู้ตัวอีกทีก็ถูกเขย่า ผมปรือตามองเห็นหน้าไอ้ฟลอยด์เป็นคนแรก ขยับมาหน่อยก็เพื่อนมันอีกสองคน

   “เห็นตรงๆ ก็วันนี้นี่แหละว่ะ” เพื่อนมันว่า ดูยิ้มแปลกๆ จนผมขมวดคิ้ว

   “เปลี่ยนสเป็กนี่หว่า ปกติชอบคนตัวเล็กๆ” เพื่อนมันอีกคนพูดผมก็หันไปมอง

   “เรื่องของกู” ไอ้ฟลอยด์มันว่า

   “สวัสดีครับน้องต้อม” ไอ้เพื่อนคนแรกมันทักผม หน้ามันดูเจ้าเล่ห์ในแบบที่ผมไม่ชอบ

   “หวัดดีครับ” ตอบเรียบๆ

   “เพื่อนพี่มันรักคนยาก น้องนี่โชคดีมากเลยนะ ตกถังข้าวสารเชียว” ผมขมวดคิ้ว มือกำแน่น บอกแล้วว่าผมไม่ชอบไอ้พวกนี้
 
   “งั้นเดี๋ยวผมไต่ขึ้นมาเอง ขอตัว” แม่งโมโหมาก มันดูถูกผมว่ะ เดินหนีออกมาแล้วปั่นสุดหวงกลับทันที ส่วนไอ้ฟลอยด์มันก็ไม่ตามมา เห็นมันตบหัวเพื่อนมัน

   ปั่นจักรยานมาได้ครึ่งทาง โทรศัพท์ก็เข้า ไอ้ดอยโทรมาชวนไปซดยาดองผมตอบตกลงทันที เซ็งๆ แบบนี้ได้เมาสักหน่อยคงดีขึ้น รีบปั่นกลับหอจะได้เปลี่ยนชุด แต่พอมาถึงผมก็เจอไอ้ฟลอยด์ยืนพิงรถตัวเองอยู่ มันเห็นผมก็เดินเข้ามาหา แต่อารมณ์ผมแม่ง แค่เห็นหน้ามันก็โมโหแล้ว เลยเลือกจะเดินหนีแทน มันก็เดินตาม เราต่างคนต่างเงียบ จนเข้ามาในห้อง มันรวบกอดผมจากด้านหลังจนแทบขยับไม่ได้

   “ไอ้เชี่ยฟลอยด์ ปล่อยกู” นึกถึงคำที่เพื่อนมันว่าแล้วโมโห

   “อย่าไปถือสาไอ้เกนมันเลย ปากมันก็เป็นแบบนั้น” คำอธิบายอยู่ข้างๆ หู

   “ถ้าเพื่อนมึงมันไม่คิดแบบนั้นจะพูดเหรอวะ”

   “ต้อม กูขอโทษแทนเพื่อนนะ มันก็ฝากมาขอโทษ”

   “กูรับคำขอโทษ แต่ก็ยังโกรธ” ผมบอก ไอ้ฟลอยด์มันขำ ลมหายใจมันรดใบหูจนต้องขยับคอหนี “ปล่อย” เกิดมาไม่เคยถูกผู้ชายกอดแบบนี้ ขนลุกเชี่ย

   “มึงโกรธเพื่อนกูได้ แต่ห้ามโกรธกู” ดูมันบอก ผมถอนหายใจกำลังจะอ้าปาก เสียงโทรศัพท์มันก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน มันมองผมนิดๆ ก่อนจะกดรับทั้งๆ ที่มืออีกข้างมันยังกอดผมอยู่ พูดถึงกอดแล้วขนลุกสัด

   “ครับ” เห็นมันรับนิ่งๆ ก่อนจะเริ่มขมวดคิ้ว “เมื่อไหร่” น้ำเสียงเริ่มร้อนรนแปลกๆ “จะไปเดี๋ยวนี้”

   “อะไร” เห็นท่าทางมันร้อนรนจนแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น”

   “แม่กู” น้ำเสียงมันสั่นๆ “แม่กูเข้าไอซียู”

   “ห๊ะ”

   ไอ้ฟลอยด์ลนลานจนผมต้องจับมือมันแน่นแล้วแย่งกุญแจรถมาขับให้ ขืนให้มันขับ คงไปนอนในห้องเดียวกับแม่มัน บนรถมันบอกว่าแม่นอนโรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้วด้วยโรคประจำตัว ผมไม่กล้าถามอะไรมากเลยได้แต่ฟัง

   “แม่มึงต้องไม่เป็นอะไร” ผมยื่นมือไปจับมือมันไว้ อีกข้างก็ประคองพวงมาลัยรถ

   ไม่นานผมก็เลี้ยวเข้าไปจอดในลานของโรงพยาบาลเอกชนที่หนึ่ง ไอ้ฟลอยด์มันดึงมือผมให้เดินตามจนขาแทบขวิด พอมาถึงหน้าห้องไอซียู ผมเห็นผู้หญิงสองคนกำลังเดินไปเดินมา ใบหน้าสวยมีคาบน้ำตาเปรอะเปื้อน ที่เก้าอี้มีเด็กผู้ชายแก้มยุ้ยนั่งอยู่กับพี่เลี้ยง พอเด็กตัวน้อยเห็นไอ้ฟลอยด์ก็รีบวิ่งเข้ามากอดขา

   “แม่เป็นยังไงบ้าง” มันถามผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าห้อง

   “หมอบอกหัวใจหยุดเต้นไปเมื่อกี้” น้ำตาใสเริ่มคลอ

   “แม่ต้องไม่เป็นอะไร พี่ฟีนใจเย็นๆ” ไอ้ฟลอยด์มันปลอบพี่สาวมัน ส่วนผู้หญิงอีกคนดูร้อนรนไม่ต่างกัน “แล้วพ่อล่ะพี่เฟิร์น”

   “ก็อยู่กับเมียน้อยน่ะสิ อีเด็กนั่นฉันอุตส่าห์ช่วย กลับหักหลัง รู้แบบนี้ฉันน่าจะฆ่ามันก็ดี” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดจนผมตกใจ

   “ไม่เอาน่าพี่เฟิร์น แค่นี้ก็แย่แล้ว”

   “แกใจดีเกินไปยัยฟีน...แล้วนั่นใคร” น้ำเสียงดุเหมือนดวงตาที่กำลังจ้องหน้าผม แต่นั่นยังไม่เท่ากันดวงตาดุมองไล่มาถึงมือของผมที่ถูกไอ้ฟลอยด์จับแน่น ผมพยายามสะบัดก็ไม่หลุด “อะไรของแกฟลอยด์”

   “นี่เมียผม” ไม่ใช่แค่ผมที่ตกใจ ทุกคนในที่นี้ต่างก็ตกใจ

   “แกว่าไงนะ เมียแก นี่มันผู้ชายไม่ใช่เหรอ”

   “ใช่” เสียงนิ่งมากจนผมต้องเหลือบตามองปฏิกิริยาจากสองสาว

   “ดูน้องแกยัยฟีน เลี้ยงตามใจจนเอาผู้ชายมาเป็นเมีย” เสียงเหน็บแนมจนผมต้องเม้มปากเป็นเส้นตรง

   “เมียแกจริงๆ เหรอ คนนี้คือคนที่รับโทรศัพท์พี่วันนั้นใช่มั้ย” ไอ้ฟลอยด์มันหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนพยักหน้า “อยู่ด้วยกันแล้วใช่มั้ย” มันก็พยักหน้าอีก

   “แกไม่ว่ามันเหรอฮะ นี่น้องชายของแกนะ” เสียงตวาดดังลั่นจนเด็กแก้มยุ้ยต้องกอดพี่เลี้ยงแน่น

   “ฟีนไม่ว่าหรอกค่ะ เพราะฟลอยด์ต้องการคนดูแล” เสียงนิ่มพร้อมกับรอยยิ้ม “เธอดูแลฟลอยด์วันนั้นด้วยใช่มั้ย”

   “ครับ” ผมตอบ โคตรกดดัน เหมือนกับละครที่แฟนไอ้ดอยชอบเอามาเล่าให้ฟังเลย

   “พี่ไม่รู้หรอกว่าเราคบกันเมื่อไหร่หรือยังไง แต่ฟลอยด์คือน้องชายที่พี่รัก” ผมมองพี่สาวน้องชายยิ้มให้กัน ก่อนจะรีบผละออกเมื่อประตูห้องไอซียูเปิด

   ทุกคนต่างกรูไปหาคุณหมอที่เดินออกมา ใบหน้าคุณหมอดูย่ำแย่จนพี่สาวสองคนเริ่มร้องไห้

   “ตอนนี้คุณพีรยารู้สึกตัวอยู่ อยากเจอพวกคุณครับ” คุณหมอบอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกรอบ ผมบีบมือไอ้ฟลอยด์แน่น น้ำตาลูกผู้ชายของมันไหลอาบแก้มจนรู้สึกเศร้าใจไปด้วย

   ผมถูกดึงให้เข้าไปด้วยแม้จะขอรออยู่ด้านนอก แต่มือที่มันจับผมไม่ยอมปล่อย แถมยังจับแน่นขึ้นจนเริ่มเจ็บ พวกเราต้องสวมชุดคลุมตามกฎของโรงพยาบาล เดินมาถึงเตียงผู้ป่วยที่มีสายห้อยระโยงรยางค์เต็มไปหมด พี่สาวไอ้ฟลอยด์สองคนเข้าไปกอดร่างแม่ตัวเองไว้ ปล่อยน้ำตาไหลไม่ขาดสายจนผมเผลอน้ำตารื้นขึ้นมาด้วย

   “แม่คะ แม่อดทนไว้นะ” พี่ฟีนร้องไห้ราวกับจะขาดใจ

   “แม่ เฟิร์นขอโทษที่บางครั้งตวาดแม่ไป แม่ยกทาให้เฟิร์นนะคะ” เครื่องสำอางถูกน้ำตาทำให้ลบเลือนแต่เจ้าตัวไม่สนใจ ผมเห็นแม่ของพวกเขาเลื่อนสายตาไปมามองคนที่ยืนข้างๆ ผม ร่างมันสั่นเทาเพราะร้องไห้ ผมตบไหล่มันเบาๆ ก่อนมันจะเดินเข้าไป

   “แม่ครับ” พูดปนเสียงสะอื้น

   “ฟลอยด์” เสียงแผ่วเบาออกจากปากที่ซีดและแห้งของคนป่วย เจ้าของชื่อรีบคว้ามือของแม่ที่พยายามที่ยื่นมา ภาพที่ผมต้องเบือนหน้าหนีเพราะน้ำตามันจะไหล “แม่ขอโทษทุกคนที่อดทนไม่ไหว” ดวงตาสวยมองไปยังพี่คนโต “เฟิร์น แม่ไม่เคยโกรธลูกเลยสักครั้ง” เสียงคร่ำครวญจากเจ้าของชื่อยิ่งทำให้ทุกอย่างดูโศกเศร้า

   “เฟิร์นขอโทษค่ะแม่” รอยยิ้มอย่างอ่อนแรงถูกส่งต่อให้คนขอโทษ

   “ฟีน” ทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเองก็รีบเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา “ดูแลลูกให้ดี หนูยังมีพี่เฟิร์นแล้วก็ฟลอยด์ อย่าคิดว่าไม่มีใคร ที่สำคัญอย่าทิ้งลูกนะฟีน” เจ้าของชื่อพยักหน้าทั้งน้ำตาก่อนหันไปกอดกับพี่สาวแน่น จนมาถึงคนสุดท้าย

   “ฟลอยด์” เสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

   “ครับ”

   “แม่ไม่ได้อยู่ดูแลลูกแล้ว อย่าเอาแต่ใจมากนะ” พูดพร้อมรอยยิ้มแต่คนฟังน้ำตาไหลเป็นทาง

   “ไม่เอา แม่ต้องอยู่กับฟลอยด์สิครับ”

   “ฟลอยด์ ลูกเป็นผู้ชายเขาไม่ร้องไห้นะลูก” มือที่มีสายน้ำเกลือยกขึ้นเช็ดน้ำตา “แม่รักฟลอยด์นะ รักพี่ๆ ทุกคน” ใบหน้าสวยยิ้ม คิ้วเริ่มขมวดเป็นพักๆ จนลูกชายต้องเรียกหมอ

   ผมยืนเช็ดน้ำตาอยู่เยื้องเตียง รู้สึกว่าถูกจ้องมอง ไอ้ฟลอยด์ยื่นมือมาตรงหน้าผม ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองมาจนผมต้องเดินเข้าไปใกล้ มือผมถูกมือใหญ่จับไว้แน่น

   “แม่ไม่ต้องห่วงนะ ฟลอยด์จะเข้มแข็ง เพื่อแม่ เพื่อพี่ แล้วก็เพื่อ...” มันหันมามองผมพร้อมรอยยิ้ม

   “แฟนเราสินะ” มันพยักหน้ารับคำแม่ “ใช้เหตุผลอย่าใช้อารมณ์ ฝากฟลอยด์ด้วยนะลูก” รอยยิ้มหวานสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนเครื่องวัดสัญญาณทุกอย่างจะเป็นเส้นตรงจนทุกคนโวยวายเรียกหาหมอ

   ผมยืนกอดลูกชายของคนป่วยแน่น มันร้องไห้ราวกับจะขาดใจ เช่นเดียวกับพี่สาวทั้งสอง หมอเดินก้มหน้าเข้ามาหาพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ แค่นั้นสองสาวก็เป็นลมลงไปนอนที่พื้นจนพยาบาลต้องรีบเข้ามาช่วย ผมอยากจะช่วยแต่คนที่ผมกอดมันรัดตัวผมจนแทบกระดิกไม่ได้

   ไหล่ผมเปียกไปด้วยน้ำตา ความทรมานมันมากมายจนรู้สึกได้ การสูญเสียคนที่รักไปมันชั่งยากกับการทำใจ ผมจูงมือมันออกมานั่งด้านนอกและต้องทำเรื่องเอกสารมากมายในการรับร่างไร้วิญญาณ ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าหลายเสียงวิ่งมาหา

   “คุณฟลอยด์ คุณนายท่าน...” พอคนมาใหม่เห็นสภาพก็หยุดพูดและพากันยืนสงบนิ่ง ร่องรอยความเศร้าโศกปรากฏบนใบหน้าของทุกคน “ให้คุณมนชัยจัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างด้วย”

   “ค่ะผู้จัดการ”

   มองคนที่โทรศัพท์สั่งนั่นนี่อยู่ตรงหน้า มือก็คอยลูบหลังคนที่ยังร้องไห้ซบอยู่ที่บ่า

   “เอ่อ คุณฟลอยด์ครับ เรื่องรับศพของคุณนาย”

   “พ่อไม่มาเหรอ” เสียงปนสะอื้นเอ่ยถาม คนถูกถามย่นคิ้วนิดๆ ก่อนส่ายหน้าช้าๆ “มัวแต่กกเมียน้อยอยู่สินะ”

   “เอ่อ”

   “จัดการทุกอย่างตามที่คุณเห็นสมควร”

   “ครับ ก่อนคุณนายเสีย ได้สั่งการทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว” คงจะรู้ว่าอยู่ได้ไม่นานเลยรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ เพราะลูกๆ คงจะเสียใจจนทำอะไรไม่ได้

   “กลับบ้านกัน” ไอ้ฟลอยด์ว่า ผมก็พยักหน้าเพราะต้องขับรถให้



   บ้านหลังใหญ่ที่หลายคนต้องอิจฉา แต่ใครจะรู้ว่าบ้านหลังใหญ่แต่ไร้ความสงบ ผมเดินตามหลังลูกชายเจ้าของบ้านมา บรรดาแม่บ้านต่างกำลังวุ่นวายเพราะคุณนายของบ้านเสีย พอไอ้ฟลอยด์เดินเข้าบ้านก็มีคนวิ่งมาหา ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา

   “คุณฟลอยด์คะ”

   “ไม่เอาอะไร” บอกเสียงเรียบๆ แล้วดึงผมให้เดินขึ้นไปชั้นบน

   ชั้นบนถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง ผมเดินตามมาฝั่งขวาของบ้าน ประตูห้องสีขาวบานใหญ่เกือบชิดฝ้าเพดานที่สูงลิบ เจ้าของห้องเปิดประตูแล้วดึงผมเข้าไปด้วย ยืนมองห้องที่ตกแต่งง่ายๆ ข้าวของเครื่องใช้น้อยชิ้นคงเพราะไม่ค่อยได้มาอยู่ ตรงกลางมีเตียงขนาดใหญ่ผ้าคลุมสีเทาคลุมทับ ผมยืนเคว้งเพราะเจ้าของห้องมันเดินหายไปในห้องน้ำ

   เดินดูข้าวของ กรอบรูปที่มีรูปมันตอนเด็กที่ถ่ายกับพ่อและแม่แล้วก็พี่สาว ดูรูปตอนเด็กแล้วมันก็ดูเอาแต่ใจ ใบหน้าบึ้งตลอดเวลาตอนถูกแม่อุ้มอยู่ ข้างๆ มีโมเดลรถหลายคัน บางคันเคยเห็นผ่านๆ ในเว็บไซต์แต่ไม่สนใจเพราะมันแพง

   มัวแต่สนใจข้าวของจนลืมมองคนที่เดินออกห้องน้ำมา ผมหันไปมองก็ถูกชาร์ต มันรวบกอดผมแล้วผลักลงบนเตียงใหญ่ ทั้งทุบทั้งตีแต่มันก็ไม่ยอมปล่อย รัดแน่นยิ่งกว่างูเหลือม

   “ไอ้ฟลอยด์ปล่อยสิวะ”

        พยายามแกะมือที่รัดเอวแต่ไม่หลุด ปากสีแดงเข้มเพราะร้องไห้อย่างหนักประกบจูบจนผมเบิกตาโต ยกมือดันหน้าแต่ถูกมือใหญ่จับแล้วกดไว้บนเตียง เชี่ยเอ้ย ถูกผู้ชายจูบ มันรุกต้อนใช้ลิ้นสอดเข้ามาสนผมยิ่งดิ้นหนัก จูบที่ไม่เคยจูบกับใคร จูบที่เหมือนดูดพลังงานที่มีมากออกไปหมดแทบหมดเรี่ยวแรง ต้องยอมตามเกมส์ไป

   แอร์คอนดิชั่นไม่ทำให้อุณหภูมิในร่างลดลง ยิ่งจูบยิ่งร้อน เหงื่อเม็กเล็กๆ ผุดตามไรผม มือใหญ่ลูบสะเปะสะปะไปทั่วร่างราวกับกำลังจุดเชื้อไฟให้ลุกโชน อารมณ์ดิบของผู้ชายมีอยู่ทุกคน ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถูกนำพาความต้องการออกมาก็อยากไปให้สุด

   เสื้อผ้าแม่งหลุดไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่เพียงว่า ตัวไอ้คนข้างบนโคตรร้อนเหมือนไฟ ลิ้นร้อนมันไล้เล็มอยู่บนอก เสียววาบในบางทีจนอยากดิ้นหนีแต่ถูกมือรัดเอวไว้ทำให้ขยับไม่สะดวก ยิ่งมันขยับหน้าไล้ลงไปต่ำยิ่งเหมือนจะจมน้ำ ความรู้สึกปั่นป่วน สมองคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง

   “มะ มึง อื้อ!!” เบิกตาโตผงกหัวขึ้นมอง มันทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ ต้องกัดริมฝีปากเน้นกลัวหลุดเสียงแปลกๆ ออกมา ปากร้อนมันกำลังไล่จูบของๆ ผม มันวูบวาบเสียวซ่านจนต้องขยุ้มผมนุ่มๆ ไว้ ก่อนลิ้นร้อนจะตวัดลงไปด้านล่าง ผมดิ้นหนีทันที “ไม่เอา” ปฏิเสธเสียงแข็งแต่มันกลับไม่ฟัง ดวงตาคมจ้องมองแข็งกร้าวราวกับถูกขัดใจ

   “กูไม่ทนแล้ว” น้ำเสียงแข็งบอก มันจับขาผมดึงพรวดเดียวก็ลงมานอนใต้ร่างเหมือนเดิม จะดิ้นหนีก็ทำไม่ได้ จะถีบยิ่งไม่ได้ใหญ่ ในเมื่อมันแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางหว่างขา นั่นทำให้รู้ว่า ไอ้สิ่งที่ผมเคยจับมันพร้อมแล้ว

   “ไอ้ฟลอยด์ ไม่เอา” ผมตะโกนแต่มันแม่งไม่ฟัง ก้มจูบผมอย่างเดียว คงรำคาญที่ผมด่า มือพยายามผลักไหล่มันแต่ไม่สะทกสะท้าน มือมันเลื่อนลงไปปลุกเร้าจนผมต้องเลิกดิ้น พอมันยิ่งเร่งจังหวะมือผมก็ยิ่งตอบรับจูบมันราวกับไม่ใช่ตัวของตัวเอง “อึก!!” พอใกล้ถึงฝั่งฝันมันกลับหยุดลงซะอย่างนั้น รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก ต้องเอื้อมมือลงไปทำเองแต่ถูกมือมันปัดออก
 
   รอยยิ้มร้ายที่มุมปากไม่ได้ดึงความสนใจเท่าอารมณ์ที่อยากจะปลดปล่อย พอมันลุกออกไปผมก็รีบจัดการตัวเอง แต่ได้แค่แปบเดียวมันก็กลับมาอยู่ที่เดิม ในมือถือขวดใสๆ ที่กำลังเทลงฝ่ามือ ผมจ้องนิ่งไม่รู้ว่ามันจะเอามาทำอะไร

   “มึง”
 
   “ชู่ว มึงจะไม่เจ็บ”

   เบิกตากับสิ่งที่ได้ยิน อะไรไม่เจ็บ เชี่ย มันเอาน้ำใสๆ เหนียวๆ ป้ายก้นผมเฉย โดยเฉพาะตรงนั้น นี่มันจะตรวจภายในหรือเปล่าวะ ผมดิ้นหนีแต่มันก็ดึงกลับมาได้ทุกครั้ง

   “กูจะทำเบาๆ มึงปลอบใจกูหน่อยนะ”

   “ไอ้เชี่ยฟลอยด์ ไม่เอา ไอ้เหี้ย!!”     
   


   นี่ผมเป็นริดสีดวงหรือเปล่าวะ รู้สึกแสบแปลบๆ ทุกครั้งที่ขยับ ไม่อยากจะเชื่อและไม่เคยเชื่อว่าผู้ชายอย่างผมจะถูกกระทำชำเราจากผู้ชายเหมือนกัน ดีหน่อยที่ผมคงท้องไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต้องมานั่งคิดหนักอีก พอหันไปมองไอ้คนที่มันไม่ฟังเสียงห้าม ขนตามึงจะยาวไปไหนไอ้สัด ดึงแขนมันออกจากเอวแต่ก็วกกลับมารัดอีกตลอดจนเหนื่อยใจ

   หมดกันไอ้ต้อม เรื่องนี้มึงต้องเงียบที่สุด

   เสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากคนนอนหลับ ผมหันไปมองเห็นหัวตามันมีน้ำใสๆ ไหลออกมา คงคิดถึงแม่ที่จากไป ลูบหัวปลอบทั้งที่อยากจะตบมากกว่า มันยิ่งซุกหน้าเข้าที่คอจนขยับตัวหนี

   “แม่ ฟลอยด์ขอโทษ” มันเพ้อออกมาเบาๆ น้ำตายังไหลเป็นสาย

   “เออๆ แม่มึงไม่โกรธหรอก” ผมพูดเบาๆ

   Rrrrrrr Rrrrrrrr

   โทรศัพท์มือถือของผมดังรัว คงเป็นพวกไอ้ดอย งัดแขนที่กอดแน่นออกไม่ได้เลยเอื้อมสุดตัวไปหยิบ แต่เจ็บแบบหน่วงๆ มากข้างล่างน่ะ

   “ว่าไงมึง”

   (อยู่ไหนวะ ดึกขนาดนี้) ตามองหานาฬิกา ชิบหาย เกือบสี่ทุ่มแล้ว

   “ทำไมครับคุณดอย มึงจะทำไม” ตอบกวนกลบเกลื่อน

   (ถามมาได้ มึงนัดพวกกูกินยาดองแล้วหายหัว โทรหาเป็นร้อยสายแม่งก็ไม่รับ” มันโวยวายจนผมต้องยืดโทรศัพท์ออกจากหู (พวกกูเมาขี้เกียจขับเลยจะมานอนหอมึง แต่ป้าเขาบอกมึงไม่อยู่) (ไปนอนกับผัวใช่มั้ย) มือถือแทบร่วง

   “นอนกับผัวเชี่ย พอดีแม่ของมันเสีย กูเลยมาอยู่เป็นเพื่อน”

   (แหม อยู่เป็นเพื่อน) ไอ้พวกนี้เมาหนักแน่

   “เออ กลับบ้านได้แล้วพวกมึง ไม่ก็ไปนอนหอไอ้นัยนู้น”

   (เออว่ะ พวกกูแบกมันมาเนี่ย) แล้วมันก็วางไป ไอ้ห่าพวกนี้โวยวายจริงๆ

   เกือบสี่ทุ่ม ผมรีบปลุกไอ้คนนอนไม่ยอมตื่น มันงัวเงียไม่พอใจแต่ก็ปรือตาขึ้นมามอง

   “จะสี่ทุ่มแล้วมึง” ผมว่า มันยื่นหน้ามาหอมแก้มเฉย “มึงทำเชี่ยไรวะ”

   “หอมแก้มเมีย” อยากถีบตกเตียง แต่กลัวจะเจ็บเอง

   “ไอ้สัด ลุกเลย ไม่ไปดูงานแม่เหรอวะ” พอได้ยินหน้ามันก็สลดลง รอยความเศร้าเผยออกมาจนอยากตบปากตัวเอง “ไปอาบน้ำ”

   คราวนี้มันว่าง่าย ลุกจากเตียงสภาพล่อนจ้อนไปห้องน้ำ ผมได้แต่ส่ายหน้า ไม่อยากจะคิดสภาพตัวเอง เห็นหลังมันมีรอยแดงๆ ยิ่งอยากเอาหน้ามุดเตียงหนี

   “หือ” แม่ง มันเดินกลับมาอุ้มผมเข้าห้องน้ำด้วย ไอ้สัด อุ้มซะกูเหมือนเป็นผู้หญิง

   “อาบน้ำกัน” รอยยิ้มร้ายมันโคตรไม่น่าไว้ใจ


   นี่มันเศร้าอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย ไอ้ต้อมเพลีย!!!!!!!   


....TBC

พี่ฝอยอ่อยปุ๊บติดปั๊บ แต่พี่โชกว่าจะติดได้นานกว่านี้หลาย  :laugh: :laugh:


ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า แค่มีคนอ่านก็ดีใจหล๊าย หลาย กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาฝีมือค่า

หากติดขัดตรงไหนขอกราบอภัยมาณ.ที่นี้  :pig4:


 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2016 18:32:24
ฟลอยด์ ต้อม  :mew1: :mew1: :mew1:
แล้วก็เป็นอย่างที่กลอยถามเองตอบเอง
กลอยเก่งปะเนี่ย
คราวนี้พี่ฝอยขัดหม้อ ตัวยิ่งติดเมีย เอ๊ย หม้อ เอ๊ย....ต้อม ยิ่งกว่าเก่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-08-2016 18:39:11
โอ้โห ปรับอารมณ์ไม่ถูกเลยค่ะคุณ
จะเศร้าหรือจะหื่นดีเนี่ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-08-2016 18:56:29
แปลก ๆ อ่ะ มันใช่เหรอ ได้ข่าวว่าเพิ่งเสียใจที่แม่ตาย มีแรงมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 23-08-2016 18:59:32
ช่วงกลางๆก็เศร้านะ
ทำไมตอนท้ายพี่ฝอยมันหื่นๆ 555+

สรุป พี่มันจับต้อมรวบรัดเลยหรอนี่ หุหุ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 23-08-2016 19:03:38
น้องต้อมลูกกกก ปลอบใจหนักเลยใช่ไหมลูกกกก โถ่ววววว 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 23-08-2016 19:06:45
ต้อมเลื่อนตำแหน่งเร็วมาก  เศร้าแบบแปลกๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 23-08-2016 19:12:10
รู้สึกงงกับพี่ฟลอยด์อ่ะ
แม่เพิ่งเสียไปแต่จู่ๆก็มาทำแบบนี้กับต้อม คือพี่ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอแม่เพิ่งตายน่ะเฮ้ย  :angry2:  โกรธพี่ฟลอยด์อ่ะ
ถ้าเราเป็นต้อมคงโกรธมากอ่ะเอาความเสียใจของตัวเองมาทำแบบนี้ได้ยังไง มันเหมือนเข้าข่ายข่มขืนน้องต้อมเลยนะ  :m31:
โทษทีพอดีเราอินไปหน่อย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-08-2016 19:57:53
เอิ่มมมมพี่ฟลอยด์คะเอาใจตัวเองสุดๆถึงขั้นปล้ำกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-08-2016 20:38:19
สรุปพี่แกเศร้าแล้วเนียนปล้ำต้อมหรอเนี่ย????
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 23-08-2016 21:03:47
เดี๋ยวนะ
แม่เพิ่งตายไม่ใช่หรอ?  :hao4: o22
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-08-2016 21:23:49
No Sugar : 07



        เกือบจะห้าทุ่ม ไอ้ฟลอยด์มันมาที่วัดที่กำลังเร่งจัดงานเตรียมรอรับศพ ผมมองมันเดินไปลูบกรอบรูปของแม่ที่ยิ้มสวย มองไปอีกด้านเห็นพี่สาวสองคนนั่งก้มหน้าก้มตาซ่อนหยดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย แม่บ้านที่อยู่ที่บ้าน มาช่วยกันจัดดอกไม้ มิน่า ตอนลงมาไม่เห็นใครนอกจากยามที่เฝ้า

   ผมเดินไปช่วยลุงจัดเก้าอี้ แม้มันจะเสียดๆ เวลาเดิน แต่ยืนหรือนั่งเฉยๆ คงไม่เหมาะ

   “ไม่ต้องก็ได้ครับ” ลุงแกว่า ผมส่ายหน้าไป

   “ช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆ” แกยิ้มให้ผม เรียงอยู่ไม่นานก็เสร็จ

   ทุกคนก็กำลังตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง อยู่ๆ พี่สาวคนโตมันก็ตวาดดังลั่นจนผมหันไปดูด้านหลัง ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ข้างๆ มีผู้หญิงสาวสวยหุ่นดีเดินเคียงข้าง อย่าบอกว่านี่คือพ่อของไอ้ฟลอยด์

   “พาเมียน้อยมาทำไม” เสียงเกรี้ยวกราดจนแม่บ้านที่จัดดอกไม้อยู่สะดุ้งกันเป็นแถว ตอนนี้ลูกชายลูกสาวไปยืนอยู่หน้าพ่อตัวเองกันหมด

   “เฟิร์น” คนเป็นพ่อปราม แต่ดูท่าลูกสาวจะไม่ยอม เพราะหน้าสวยบึ้งตึงหนักขึ้นไปอีก

   “พ่อรู้มั้ย ว่าแม่ตายเพราะพ่อ ตายเพราะตรอมใจที่พ่อมีเมียน้อย” ดวงตาแดงกล่ำมองกราดไปยังสาวที่ยืนแอบด้านหลัง “ส่วนแก นังบลู อย่าคิดว่าแม่ฉันตายแล้วแกจะเสวยสุขได้นะ ฉันจะตามรังควานแกไม่จบไม่สิ้น” ตวาดจนดังลั่น

   “เฟิร์น!” โดนพ่อตวาดแต่กลับไม่กลัว

   “พี่เฟิร์นพอเถอะ” พี่สาวคนรองดึงคนโมโหให้เข้าไปด้านใน เลยเหลือแค่ลูกชายยืนประชันหน้ากับพ่อตัวเอง

   “ฟลอยด์ ลูก...”

   “ทำแบบนี้” มันปรายตามองคนข้างๆ ของพ่อ “อย่ามางานของแม่ดีกว่า” เสียงนิ่งพอๆ กับหน้า แล้วก็เดินกลับเข้าไปในศาลา

   ผมยืนอยู่ข้างคุณลุงที่ช่วยแกจัดเก้าอี้เมื่อกี้ และเพิ่งรู้ว่าลุงเป็นคนขับรถของพี่สาวคนโต ซึ่งลุงแกก็หน้าบึ้งเหมือนไม่ชอบใจจนผมต้องเอ่ยถาม

   “พ่อของพี่ๆ เขาเหรอครับ” ลุงแกพยักหน้า

   เป็นผมศาลานี่คงไม่เหลือ เล่นพาเมียน้อยมางานศพเมียหลวง พอทุกอย่างดูเรียบร้อยผมก็เดินออกมาด้านนอกเพราะจะกลับห้อง จะโทรเรียกใครมารับก็ไม่ได้เพราะเมากันหมด ผมเลยต้องยืนรอแท็กซี่แทน ดึกขนาดนี้ค่อนข้างจะหายากพอสมควร แต่มันก็มี ขึ้นรถได้ก็บอกจุดหมายปลายทาง

   ที่จริงผมก็โกรธมันมาก รู้ว่าในตอนนั้นมันอ่อนแอด้านอารมณ์แต่ผมก็ผิดด้วยที่ยอมมันเฉย แต่จะไปอาละวาดเหมือนสาวน้อยผมคงไม่ทำ ไม่แน่ พอมันได้แล้วมันอาจจะห่างผมไปก็ได้

   ปล่อยให้มือถือดังอยู่แบบนั้นจนลุงคนขับมองผ่านกระจกคงจะรำคาญ มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง แม้ในยามดึกดื่นแต่ผู้คนก็ยังออกเที่ยวเตร่ ก่อนภาพที่เห็นจะคุ้นตาเมื่อใกล้ถึงหอพักของผม เมื่อรถจอดผมก็ยื่นเงินเท่าจำนวนมิตเตอร์ ดีที่ผมมีเหรียญ ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเศษมันไป เพราะคงไม่มีอารมณ์มานั่งให้ลุงแกขับวนไปจนครบเศษด้วย

   หน้าหอพัก ผมยืนถอนหายใจอยู่หลายเฮือก แล้วหันหลังข้ามถนนไปอีกฝั่ง ร้านสะดวกซื้อที่ผมเคยทำงานมาสองปี เวลานี้ผมเจอรุ่นน้องที่ทำเวลาเดียวกันทุกคน แต่ละคนยังแต่งหน้าสวยเหมือนเดิม

   “อ่าวพี่ต้อม ไม่เจอตั้งนาน” น้องที่เคาน์เตอร์คิดเงินทักทาย ผมก็ยิ้มกลับ แล้วเดินไปหยิบของที่ทำให้มาที่นี่ พอจะคิดเงินเลยมีเสียงแซวขึ้นมา “แหม กินซะดึกเลยนะ ดื่มคนเดียว เมาคนเดียว อารมณ์ติสสุดๆ อ่ะ”

   “พูดมาก คิดเงินเร็วๆ” แกล้งแย่ไปเลยได้เสียงหัวเราะกลับมา

   ผมหิ้วถุงเบียร์กับปลาหมึกเส้นขึ้นหอพัก รู้สึกอยากเมา ทั้งที่ตอนเย็นกะจะไปเมาอยู่แล้ว ยังไม่พ้นวันยังเมาได้อยู่ ไขกุญแจเข้าห้อง...ห้องของผมที่มีแค่ผม ต้องเรียกไอ้ต้อมกลับมาซะแล้ว



   เช้าวันใหม่ที่เหมือนถูกหินวางบนหัว ยกซดโดยท้องยังว่างมันก็เลยออกอาการเยอะไปหน่อย กว่าจะปั่นสุดหวงมาถึงคณะก็เกือบเซชนต้นไม้มาแล้ว

   “ไอ้เชี่ยต้อม มึงไหวเปล่าวะ” ไอ้ป่านมันทักผมที่เดินเซๆ ไปนั่ง เอาจริงๆ ก้นก็ยังเสียดอยู่ด้วย ยังมาปั่นสุดหวงอีก เลยมีอาการเซอย่างที่เห็น

   “เออ” ตอบรับมัน

   “แล้วมึงเป็นอะไรวะ เดินเซๆ หรือว่าถูกกินไปแล้ว” ตบหัวมันไปเต็มมือโทษฐานรู้ทัน

   “กินพ่อง กูแดกเบียร์ในห้องคนเดียวแล้วล้มในห้องน้ำ” พวกมันดูไม่เชื่อ แต่พอมันยื่นหน้ามาดมซะชิดเลยพยักหน้า

   “เออๆ มีกลิ่นเบียร์นิดๆ” ส่ายหน้าให้กับเพื่อนตัวเอง ผมอาบน้ำแล้วครับ ไม่น่าจะมีกลิ่น

   “แล้วแม่พี่เขาตายยังไงวะ” ไอ้ดอยถาม ผมเลยนิ่งไป “มึงไปอยู่กับพวกเขาได้ยังไง”

   “ตอนนั้นมันไม่มีสติ กูเลยขับรถไปส่งเฉยๆ” บอกความจริง แม้ไม่หมด

   “อ๋อ” เพื่อนผมพยักหน้าพร้อมกัน

   “พอๆ เลิกถามได้แล้ว” บอกปัดๆ แล้วพากันเดินขึ้นตึก

   “มึงคงเอาก้นลงพื้นสินะ เดินแปลกๆ” ไอ้เชี่ยดอยก็ช่างสังเกต ขนาดผมให้พวกมันเดินขึ้นไปก่อนแล้วแท้ๆ

    เรียนไม่รู้เรื่องครับ ทั้งเมาค้างทั้งเครียด ผมลองถามตัวเองทำไมถึงยอมมัน บางทีมันอาจแค่อยากระบายความต้องการยามอ่อนแอ แต่มันต้องมาทำแบบนั้นกับผมหรือเปล่า พอคิดมากๆ ก็ปวดหัว เลยฟุบหน้ากับโต๊ะจนหมดคาบ พวกผมก็ไปกินข้าวที่คณะแทนโรงอาหารกลาง พวกมันคงไม่อยากวุ่นวาย

   พอเดินลงตึก เห็นคนคุ้นตายืนพิงรถของตัวเอง มันสวมสูทสีดำทำหน้าบึ้งตึง ผมรีบแอบหลังเพื่อนทันทีจนไอ้ป่านมันสงสัย แต่ผมขยิบตาให้พวกมันเลยเงียบ เดินลัดตึกไปทำให้มันมองไม่เห็นพวกผม ที่หลบหน้าเพราะยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้

   “หลบหน้าทำไมวะ” ไอ้ดอยมันถาม ผมทำนิ่งไม่ยอมพูดมันเลยได้แต่ถอนหายใจ “เออ เรื่องของมึง แต่ถ้าไม่ไหวก็ปรึกษากูได้ ไอ้ป่านไม่ต้องเพราะมันปากเปราะ”

   “อ่าวไอ้เชี่ยดอย” ปล่อยให้พวกมันกัดกันเอง

   คาบบ่ายว่างเลยกะจะลงไปดูแปลงสักหน่อย ก่อนมาผมกินยาแก้ปวดไปสองเม็ด เมื่อกี้ได้นอนไปแล้วเลยดีขึ้นเยอะ ผมไม่ใช่คนอ่อนแอโดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็ไม่สบาย ตากแดดตากลมมาหนัก อย่างตอนนี้ยืนกลางแดดเปรี้ยงๆ ยังไหว...

   “ไอ้เชี่ยต้อม หน้ามึงโคตรซีด” ผมก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะ มันเหมือนจะวูบๆ เลยเดินข้ามฝั่งไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่แทน

   ก้มหน้าก้มตาใช้หมวกใบลานพัดให้เย็นจนเห็นรองเท้าหนังมันวับมายืนตรงหน้า เงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอใบหน้าบึ้งตึงเหมือนอยากจะกินหัวผม

   “มึงหนีกลับทำไม” เสียงนิ่งระดับหนึ่ง แต่ผมทำไม่สน มือยังโบกเอาลมตีหน้าอยู่ตลอดจนมันแย่งหมวกไปถึงต้องเงยหน้ามองมันอีกรอบ

   “เอาหมวกกูมา”

   “มึงหนีกลับทำไม”

   “กูไม่ได้หนี”

   “หนี” ตวัดสายตามองคนที่บอกว่าผมหนี

   “กูบอกลุงอาจแล้ว” ลุงอาจคนขับรถคนนั้นแหละครับ

   “แต่ไม่ได้บอกกูมันก็คือหนี” อะไรของมันวะ

   “มึงจะเอาอะไรอีก” ถามอย่างโมโห ภาพเมื่อคืนยังอยู่ในหัวผมทุกอย่าง ใบหน้ามันไม่ได้มีความสุข มันบิดเบี้ยวเหมือนจะร้องไห้ คงเพราะเสียใจเรื่องแม่ แต่มันก็ยังมาทำเรื่องแบบนั้นกับผม

   “เอามึง” โคตรตรง “กูขอโทษเรื่องเมื่อคืน กูรู้ว่ากูทำผิดที่ใช้มึงเป็นที่ระบายความเสียใจ แต่ตอนทำกูมีสติทุกอย่าง”

   “พอเหอะวะ” ผมลุกขึ้นยืนประชันหน้า “ถามว่ากูโกรธมั้ย ตอบเลยว่าโกรธ แต่กูก็โกรธตัวเองมากกว่าที่ยอมมึง” บอกออกไปตรงๆ

   “ต้อม”

   “เลิกยุ่งกับกูแค่นั้นก็พอ”

   “ไม่” มันปฏิเสธเสียงแข็ง มือก็ยังบีบแขนผมขณะจะเดินไปที่แปลง “กูไม่เลิกยุ่งกับมึง มึงเป็นของกู”

   “มึงแค่อ่อนไหวเพราะเสียใจ กูไม่ถือมึงหรอก คิดซะว่า ต่างคนต่างได้ก็แล้วกัน” ตบบ่ามันเพื่อให้มันยอมปล่อย แต่ยิ่งบีบแขนผมแน่นจนร้าว “ไอ้ฟลอยด์ กูเจ็บ”

   “กูไม่ได้อ่อนไหวเลยเลือกจะทำแบบนั้น แต่กูตั้งใจ ต้อม มึงอย่าทิ้งกูไปเหมือนแม่กูได้มั้ย” ท้ายประโยคน้ำเสียงมันอ่อนลงจนผมต้องขมวดคิ้ว “ตอนนี้กูไม่มีแม่แล้ว” ร่างสูงๆ ย่อตัวนั่งลงเอาซะผมตกใจ

   “เฮ้ย”

   “ตั้งแต่พ่อกูมีเมียน้อยแม่กูก็เริ่มป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาลเกือบสามเดือนแล้ว สามเดือนที่แม่กูต้องนอนแบบนั้นจนเมื่อคืน...” หลังมันสั่นเทิ้มคงเพราะกำลังร้องไห้ ดีที่พวกในแปลงไม่มีใครสนใจ

   “เออๆ กูรู้” ตบไหล่ปลอบใจมัน ทำไมกลายเป็นผมต้องปลอบใจวะ เมื่อกี้ผมยังดราม่าอยู่เลย โดนมันแย่งซีนไปเฉย ผมพยุงมันเข้าในนั่งในรถ จนน้ำตามันเริ่มแห้ง “มึงกลับได้แล้ว งานแม่มึงใกล้เริ่มแล้วมั้ง”

   “มึงไปด้วยกันนะ” ผมส่ายหน้าเป็นพัลวัน ไม่รู้จะไปทำไม “ต้อม ไปเป็นเพื่อนกูนะ”

   เพื่อนก็เพื่อนวะ “เออๆ”

   ลงจากรถไปบอกลาเพื่อนๆ แล้วกลับมาขึ้นรถ มันยิ้มให้ผมนิดๆ แล้วขับไปกลับรถด้านในเพื่อจะออกถนน

   “ตอนนั้นกูจริงจังกับมึงนะ” อยู่ๆ มันก็พูดแหวกความเงียบจนผมหันไปมองอย่างมึนๆ

   “อะไรวะ”

   “เมื่อคืนเรื่องของเรา” หน้าตึงเลยไอ้ต้อม “กูจริงจังกับมึงนะ”

   “แต่มึงปล้ำกู” ผู้ชายใช้คำนี้ได้หรือเปล่าวะ

   “แต่หลังๆ มึงก็สมยอม” อยากถอดรองเท้าฟาดหน้ามัน “กูเหงา”

   “พี่มึงก็มี หลานก็มี เหงาเชี่ยอะไร”

   “แต่กูไม่มีแม่แล้ว” พูดไม่ออกอีกแล้ว
   


   ผมช่วยสาวใช้ของบ้านไอ้ฟลอยด์ยกน้ำยกขนมไปเสิร์ฟ ไม่มีใครสนใจผมหรอกคงจะคิดว่าเป็นคนสวน จะมีก็แต่พี่สาวของคนที่พาผมมาเดินเข้ามาหาผมด้านหลัง เธอยิ้มให้จนต้องยิ้มตาม

   “ชื่อต้อมใช่มั้ย พี่ชื่อฟีนนะ” ผมรีบยกมือไหว้ทันที มารยาทไอ้ต้อมก็มี “เมื่อวานขอบใจนะที่ดูแลฟลอยด์ให้ แม่เลี้ยงฟลอยด์มาตั้งแต่เด็ก นอนด้วยกันแทบทุกคืน คืนไหนไม่ได้นอนกอดแม่ ขานั้นจะงอแงตลอด ขนาดตัวโตแบบนี้ก็ยังต้องนอนกอดแม่” พี่ฟีนเล่าเรื่องราวด้วยรอยยิ้มปนน้ำตา “ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว ฟลอยด์คงเหงามากทีเดียว”

   ผมมองเข้าไปในศาลา เห็นน้องของพี่ฟีนกำลังจุดธูปให้กับแขกที่มาร่วมงาน เลยคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน มันคงเสียใจที่จะไม่ได้กอดแม่ เลยมากอดผมแทน แล้วไม่ได้กอดผมอย่างเดียวนี่สิ เหอะๆ

   “ฟลอยด์อาจใจร้อนบ้าง ขี้โมโห เอาแต่ใจ แต่ฟลอยด์เป็นคนดีนะ ยังไงพี่ฝากต้อมด้วยนะ”

   “เอ่อ” ผมรีบพูดก่อนพี่ฟีนจะเดินไป “พี่ฟลอยด์ยังมีพี่ฟีนกับพี่สาวอีกคนนี่ครับ”

   “อ๋า เรื่องนั้น ฟลอยด์ไม่ได้สนิทกับพี่หรือพี่เฟิร์นมากหรอก อาจเพราะพวกพี่ไปเรียนต่างประเทศมานานเราเลยไม่สนิทกัน” รอยยิ้มสวยถูกส่งมาอีกรอบ ก่อนจะยู่หน้าลง “ถ้าเจอพี่เฟิร์นพูดอะไรไม่ดีด้วยก็อย่าถือสา นั่นก็โดนตามใจมาเหมือนกัน” เสียงหัวเราะใสๆ ทำให้ต้องขำตาม

   ผมยืนช่วยอยู่ด้านหลังอยู่นานจนเริ่มสนิทกับพี่ๆ สาวใช้ ทุกคนทำงานที่บ้านหลังนั้นมานานและทุกคนก็รักคุณนายของบ้านมาก เหมือนกับคนในบริษัทที่พากันมาแทบล้นศาลา ใบหน้าดูโศกเศร้าจริงๆ ไม่ได้แสร้งทำ

   “วันนี้คุณท่านไม่มา” เสียงคุยของหนึ่งสาวใช้พูดกัน

   “ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นระเบิดลงอีกพอดี”

   “เออ ขอถามหน่อยได้มั้ยครับ” ผมเดินเรียบๆ เคียงๆ เข้าไปถาม ตอนแรกพี่ๆ เขาดูตกใจ “พ่อแม่ของพี่ฟลอยด์ไม่ได้รักกันเหรอครับ” สาวใช้สองคนทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะดึงแขนผมให้ห่างจากเต้น

   “โอ้ยเรื่องนี้พี่ไม่อยากจะเม้า แต่สงสารคุณนายเลยจะเม้าให้ฟัง” ผมหัวเราะแห้งๆ เมื่อได้ยิน “เมื่อก่อนตอนคุณนายคนแรกเสียใหม่ๆ คุณท่านเสียใจมากจนไม่สนใจคุณเฟิร์นเลย เคยพาคุณเฟิร์นไปเที่ยวเล่นแล้วปล่อยให้หลงทางจนร้องไห้กลัวไม่กล้าออกจากบ้าน”

   “อ่าว  พี่เฟิร์นไม่ใช่ลูกของแม่พี่ฟลอยด์เหรอครับ”

   “ไม่ใช่ค่ะ คุณนายเป็นพยาบาลพิเศษเข้ามาดูแลคุณท่านตอนรถชน พอดูแลกันไปมาก็เกิดรักกันจนแต่งงาน คุณนายรักคุณเฟิร์นมากกว่าลูกตัวเองอีกค่ะ แต่พอคุณฟลอยด์เกิดมาไม่กี่ปีคุณท่านก็เริ่มออกไปเที่ยวสังสรรค์ ล่าสุดเป็นเด็กมหาลัยค่ะ ได้ยินคุณเฟิร์นคุยกับคุณฟีนว่าเป็นเด็กใจแตก ชื่อบอหรือบลูอะไรเนี่ยค่ะ”

   เรื่องราววุ่นวายซับซ้อนจริงๆ มิน่า พี่เฟิร์นถึงดูไม่ค่อยเหมือนแม่เท่าไหร่ ผมยืนฟังพี่สาวใช้เม้าอีกหลายเรื่องจนถูกตะโกนเรียกไปเก็บแก้ว เพราะสวดเสร็จแล้ว

   “ไปไหนมา ทำไมไม่อยู่ข้างกู” เดินกลับมาก็เจอหน้าบึ้งเป็นอันดับแรก

   “กูไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย จะให้ไปเสนอหน้าทำไม”

   “แต่มึงเป็นมะ...” ปิดปากมันแทบไม่ทัน สาวใช้เดินกันให้ควักมาพูดเรื่องแบบนี้อีก


   “มายืนทำตัวอุบาทอะไรแถวนี้ นี่มันในวัดนะ” เสียงแหลมเล็กดังจากด้านหลัง ผมรีบถอยห่างไปไกล “แกมันบ้าไอ้ฟลอยด์”
 
   “พี่ไม่เกี่ยว” คนเป็นน้องพูด

   “ฉันเป็นพี่แกนะ”

   “ผมไม่เคยยุ่งเรื่องของพี่ ดังนั้นพี่ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม”

   “ไอ้ฟลอยด์ ฟีน แกดูน้องแกเถียงฉัน”

   “พอเถอะค่ะพี่เฟิร์น ฟลอยด์ นี่มันในวัดนะ แล้วก็ต่อหน้าแม่ด้วย” พี่ฟีนดุจนสองคนเงียบ “เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ตัดบทเสร็จสรรพพี่ฟีนก็ดึงแขนพี่สาวไปขึ้นรถ ส่วนผมก็ตามไอ้คนพามาไปที่รถเช่นกัน

   “ส่งกูที่หอด้วย” ผมสั่ง มันมองหน้าก่อนจะออกรถ

   มันมาส่งผมที่หอจริงๆ ครับ แต่มันก็ตามขึ้นมาด้วย ยิ่งข้าวของเครื่องใช้มันมีครบแบบนี้อย่าหวังว่ามันจะกลับ ผมส่ายหน้าให้กับไอ้คนพูดไม่รู้ฟัง

   “มึงไปอาบน้ำไป” ไล่มัน แต่เห็นมันมองมาที่ผม “ไม่ต้องคิดจะทำเรื่องแบบนั้นอีก ไม่อย่างนั้นกูจะไม่มองหน้ามึงทั้งชาติ” หน้ามันหงอยลงแล้วเดินคอตกไปอาบน้ำ พอมันอาบเสร็จผมก็เดินเข้าไปอาบบ้าง ออกมามันก็นอนแผ่อยู่บนเตียง

   แม้เตียงผมจะเล็กแต่ก็นอนได้สองคนพอดี อยากจะลงไปนอนข้างล่าง แต่นี่มันห้องของผม ทำไมผมต้องลงไปนอนพื้น เลยนอนเบียดมันไปแบบนี้นี่แหละ

   “กูกอดมึงนะ” กำลังจะด่า แต่คำพูดของพี่ฟีนก็แวบขึ้นมา เลยพยักหน้าส่งๆ

   “กอดอย่างเดียวนะมึง” ดักคอมันไว้ มันก็ยิ้ม

   “ขอบคุณนะ”

   แขนยาวกอดรัดตัวผม มันคงชอบนอนกอดแม่มันจริงๆ อย่างเมื่อคืนที่มันนอนหลับแล้วกอดผมแน่น มันร้องไห้คิดถึงแม่ด้วย จะว่าไป ผมก็เริ่มอยากกลับบ้านบ้าง อยากไปกอดแม่ให้หายคิดถึง วันหยุดนี้คงต้องกลับบ้านซะที คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ

   “ฝันดีนะต้อม” เสียงเหมือนคนอยู่ไกลๆ ดังขึ้นพร้อมกับความอุ่นซ่านที่แก้ม

   “อืม ฝันดี”


        คืนนั้นมันยังนอนร้องไห้เพ้อเรียกหาแม่เหมือนเดิม

...TBC


พี่ฝอยของเราโดนเกลียดซะแล้ววว  :o12: :o12: :o12:



เจอกันตอนหน้าค่าาา  :pig4: :pig4:



หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-08-2016 22:04:12
เออะทำไมเราไม่รู้สึกเกลียดพี่ฟลอยด์ละ ฮ่าๆไม่รู้สิเข้าใจนะว่าเอาอารมณ์อ่อนไหวมาลงกับต้อมโดยการปล้ำเนี่ยมันผิดแต่พี่แกคงสับสนพอดูแหละทั้งเสียแม่ไปทั้งกลัวต้อมจะไม่รับรักเลยตัดสินใจทำแบบนั้น พี่ฟลอยด์นี่แกดูเป็นเด็กขาดความอบอุ่นมากนะติดแม่มากด้วยดูเป็นลูกแหง่แต่ก็น่าเอ็นดูด้วยเช่นกัน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-08-2016 22:18:44
ก็ไม่ได้เกลียดพี่ฟลอยด์นะ แค่คิดว่าพี่แกข้ามขั้นสุดๆเท่านั้นเอง 55555 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-08-2016 22:55:11
ไม่เชิงเกลียดแต่ควรถถนอมน้ำใจต้อมบ้างนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 24-08-2016 00:28:39
สงสารฟลอยด์ แต่ก็เห็นใจต้อม
ถ้าต้อมไม่ใช่คนขี้สงสารแบบนี้ คงเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 24-08-2016 00:30:04
ต้อมจะพาพี่ฟล์อยไปหาแม่ต้อมแล้ว ฟล์อยคงได้รับความรักและความอบอุ่นของแม่ต้อมแน่นอน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 24-08-2016 00:33:41
ฟลอยด์ทำไปตอนกำลังเศร้า ต้อมเลยไม่มั่นใจเนี่ยสิ สงสารทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 24-08-2016 00:52:34
ก็สงสารพี่ฟลอยด์นะ แต่สิ่งที่พี่ทำมันก็ไม่ถูกอ่ะ
เสียใจเลยมาลงที่ต้อม บอกเลยว่าเราสงสารต้อมมากกว่า
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-08-2016 00:59:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 6 + 7 Up!!<< // [23/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 26-08-2016 00:40:05
เข้าใจความรู้สึกต้อมอ่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 27-08-2016 22:11:56
No Sugar : 08



        ผมยืนมองควันสีขาวกำลังโพยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า คนเราเกิดมาไม่นานก็ต้องล่องลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าเช่นเดิม เสียงสะอื้นดังอยู่ข้างหู ไอ้ฟลอยด์มันยืนซ้อนหลังแล้วก้มหน้าเอาหน้าผากวางบนไหล่ผม พี่สาวสองคนของมันยืนกอดกันร้องไห้โห

   แขกเหรื่อที่มาในงานเริ่มทยอยกันกลับเหลือแค่คนในครอบครัว เอวผมก็ถูกกอดรัดจากด้านหลังทันที

   “แม่กูไม่อยู่แล้ว” เสียงพูดปนสะอื้นจากด้านหลัง ผมลูบมือที่อยู่หน้าท้องตัวเองเบาๆ

   “แม่มึงยังอยู่ในหัวใจมึงเสมอ” ผมว่า

   “ห้ามทิ้งกูนะ” ผมไม่มีคำตอบให้กับคำถามนี้ “ต้อม อย่าทิ้งกูนะ”

   “กลับเถอะ” รีบเปลี่ยนเรื่องแต่มันไม่ยอม แขนมันยังรั้งผมไม่ให้ขยับ

   “บอกกูก่อนว่ามึงจะไม่ทิ้งกู” ผมหันหลังไปมองไอ้คนที่รั้น ดวงตา จมูกแดงกล่ำเพราะร้องไห้หนัก ภาพที่เห็นมันทำให้ใจอ่อนนิดๆ เลยพยักหน้ารับไป “พูดด้วยห้ามพยักหน้า”

   “เออๆ” โคตรตื้อ

   รถคันของผมเป็นคันสุดท้าย และยังเป็นผมที่ขับเหมือนเดิม คาดว่าถ้าปล่อยให้ไอ้คนที่นั่งซึมขับคงกลับไม่ถึงบ้านแน่ การจราจรยามเย็นติดขัดจนอยากจะนอนหลับสักงีบ หลายวันมานี้ผมเทียวไล้เทียวขื่อมางานศพแทบทุกวัน เคยคิดจะไม่ไปแต่ถูกโทรจิกตลอดเวลาเลยต้องโบกแท็กซี่ไป

   คนนั่งมาด้วยมองเหม่อออกนอกหน้าต่าง ทุกคืนมันมักจะนอนน้ำตาไหลร้องหาแม่ บางคืนเพ้อลุกขึ้นมานั่งร้องห่มร้องไห้จนผมต้องกอดปลอบ มันเป็นคนติดแม่มาก ฟังจากพี่ฟีน สำหรับพี่ฟีนเธอเป็นคนน่ารักครับ ไม่ได้รังเกียจอะไรที่รู้ว่าน้องตัวเองคบกับผู้ชาย แต่พี่เฟิร์นพี่คนโตน้อยครั้งที่ผมจะพูดด้วย เพราะสายตาที่มองมามันดูไม่เป็นมิตร ผมก็ไม่อยากยุ่ง

   “จะกลับคอนโดมั้ย” ผมถาม คนข้างๆ ส่ายหน้า

   หลายวันที่จัดงาน มันมักจะไปนอนหอผมเสมอ นั่นเพราะมันบอกห้องหรูนั้นแม่เป็นคนซื้อให้ แถมไปเลือกซื้อข้าวของทุกอย่าง ถ้ากลับไปเห็นคงทำใจไม่ได้

   น่าเห็นใจนะครับ คนที่มีแม่เป็นที่รักและคอยดูแลตามใจต้องมาด่วนจากไป เป็นผมก็คงทนไม่ได้เช่นกัน

   ผมเลือกจะกลับหอพักตัวเองอย่างเช่นทุกที กว่าจะถึงก็มืดค่ำ ผมพามันข้ามถนนไปกินบะหมี่เยื้องร้านสะดวกซื้อ คนนั่งซึมได้แต่มองชามบะหมี่ไม่ยอมแตะต้อง

   “กินหน่อยสิ มึงแทบไม่กินอะไรเลยนะหลายวันมานี้” ขนาดกินข้าวยังกินแค่คำ สองคำแล้วอิ่ม เป็นแบบนี้ทุกมื้อ

   “กูไม่ค่อยหิว” มันเขี่ยๆ เส้นในชาม

   “ไม่หิวก็ต้องกิน แม่มึงจะได้สบายใจ” มันเงยหน้ามองผมนิ่ง ก่อนจะยอมกินแต่ก็กินนับคำได้

   ยืนรอเงินทอนไหล่ผมมีคนมาสะกิด ไอ้คนสะกิดคือน้องรหัสผมครับ ไอ้เป็กมันยิ้มแป้นแล้น มือถือถุงร้านสะดวกซื้อมีขนมเต็มไปหมด

   “พี่ไปไหนมา ผมโทรหาไม่เห็นจะรับ” ไอ้เป็กมันว่า ตามันแอบเหล่ไอ้ฟลอยด์

   “กูไปธุระ มึงมีไร” คือที่ถามห้วนๆ เพราะมัวปัดมือไอ้ฟลอยด์ที่พยายามจะโอบไหล่อยู่ตลอด

   “ก็พี่จุ๊บจะนัดเลี้ยงสาย” พี่รหัสผมนั่นเอง ที่ไม่โทรหาเพราะพี่มันรำคาญผมกวนตีนมันครับ

   “อ่อ เดี๋ยวกูโทรหาพี่แกเอง แล้วมึงซื้อขนมไปเยอะขนาดนี้จะกินหมดมั้ยชาตินี้”

   “หมดดิ่ พวกผมทำงานอยู่ที่หอ”

   “เออๆ งั้นกูไปก่อน ไว้เจอกัน” ต้องรีบตัดบทครับ ไอ้ฟลอยด์มันใกล้จะโวยวายเต็มแก่ เดี๋ยวมีเรื่องกันมันจะไม่ดี

   ผมเดินข้ามถนนมากับไอ้คนเอาแต่ใจ มันหน้าบึ้งแต่ผมทำเป็นไม่สนใจจนแขนยาวนั่นล็อกคอจนหน้าหงาย

   “เล่นเหี้ยอะไรวะ” เหวี่ยงใส่มัน แต่หน้ามันดูจะโคตรจริงจัง

   “กูไม่ได้เล่น” เสียงนิ่งมาก “ไอ้เหี้ยนั่นใคร” ตาขวางใส่จนผมจะเดินหนีแต่ติดตรงแขนมันเกี่ยวคอผมไว้นี่แหละ จนสุดท้ายก็ต้องถอนหายใจ

   “น้องรหัสกู” ผมบอก ปกติไม่ชอบบอกเรื่องพวกนี้กับใคร ไม่ชอบอธิบายในเรื่องที่มันไม่เป็นเรื่อง แต่กับไอ้นี่ถ้าไม่บอกมันจะไม่ยอม

   “แน่ใจว่าแค่น้องรหัส”

   “เออ มึงไม่เห็นเมียมันควบบนมอเตอร์ไซค์รอมันเหรอวะ” ไอ้ฟลอยด์ยังมองตาขวาง มันหันหน้าไปมองอีกฝั่ง ซึ่งยังเห็นไอ้เป็กพาสาวซ้อนมอเตอร์ไซค์กำลังออกตัว

   “กูก็ไม่ได้ว่าอะไร” หันไปมองหน้ามันคอแทบเคล็ด นี่ขนาดไม่ได้ว่าอะไรคอผมแทบหักตอนมันใช้แขนล็อกคอ

   ผมเดินนำหน้ามันขึ้นไปบนห้อง ตอนนี้มันเหมือนเป็นเจ้าของห้องแทนผม พอเข้ามาได้ก็เดินร่อนไปถอดเสื้อผ้าแล้วล้มตัวนอนบนเตียงโดยที่ผมกำลังตามเก็บเสื้อกางเกงมันใส่ตะกร้า

   “ทำไมแม่งไม่ถอดดีๆ วะ” บ่นครับ ตั้งแต่รู้จักมันผมกลายเป็นคนขี้บ่นไปแล้ว

   “มีเมียก็ต้องให้เมียเก็บสิวะ” มันนอนเหยียดบนเตียง

   ผมปาเสื้อลงตะกร้าแบบโมโห โคตรไม่ชอบ เดินเข้าไปคว้าแขนให้มันลุกขึ้นนั่ง มันดูงอแงที่โดนกวน แต่มันควรเป็นผมหรือเปล่าวะที่ต้องงอแง

   “อะไรของมึงวะ”

   “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”

   “พรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ” ไอ้ฟลอยด์จะล้มตัวนอนแต่ผมยังดึงแขนมันไว้ สุดท้ายมันก็ยอมนั่งดีๆ บนเตียง “มีอะไร”

   “เรื่องกูกับมึง” ผมลากเก้าอี้เตี้ยๆ มานั่งข้างเตียง จ้องหน้ามันอย่างจริงจัง

   “เรื่องอะไร” คิ้วมันเริ่มขมวด

   “กูต้องทำยังไงมึงถึงจะเลิกกับกู” ผมพูดออกไปตรงๆ ไอ้ฟลอยด์มองผมนิ่ง ดวงตาที่มองผมอ่านไม่ออก “ถ้าอยากถามว่าทำไมกูถึงต้องพูดแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็ตอนที่มึงกับกู...” ขนาดจะพูดว่ามีอะไรกันผมยังรู้สึกแปลกๆ

   “เรื่องวันนั้น?” เป็นไอ้ฟลอยด์ที่พูดออกมา  ผมพยักหน้า

   “มันเร็วเกินไปสำหรับกู แต่กูก็ผิดด้วยส่วนหนึ่งที่ยอมมึงตอนหลัง แต่ถ้ามึงอดทนไม่ทำแบบวันนั้น กูคงจะใจอ่อนสักวัน แต่ตอนนี้กูว่า เราก้าวข้ามความสัมพันธ์เร็วเกินไป มึงนิสัยยังไงกูก็ไม่รู้ แล้วกูนิสัยยังไงมึงก็ไม่รู้เหมือนกัน”

   “มึงขี้บ่น ปากหมา แต่ใจดี” เสียงตอบกลับ “กูรู้จักมึงแล้ว”

   “แต่กูไม่รู้จักนิสัยมึง” ผมรีบขัด “ที่กูรู้มีแค่นิสัยเสียๆ ของมึง มึงโคตรเอาแต่ใจนี่คือที่กูรู้”

   “...”

   “กูไม่ใช่คนที่จะตามใจใครได้ตลอด มึงก็เห็น ว่าบางทีกูก็มีความคิดที่ไม่เหมือนมึง แต่มึงเอาแต่ใจ บังคับความคิดของกูให้เป็นแบบที่มึงอยากให้เป็น...มันไม่ใช่ตัวกู”

   “ขอโทษ” เสียงมันอ่อนลง

   “กูไม่รู้ว่าที่จริงแล้วมึงต้องการอะไรจากกู รักกูหรือแค่อยากได้ที่พักใจ” ที่พักใจ โคตรเสี่ยวในความคิดแต่ผมก็พูดออกไป “หรือว่าเห็นกูเป็นตัวแทนไอ้กลอย แต่มึงน่าจะรู้แล้วว่ากูกับไอ้กลอยไม่เหมือนกันสักอย่าง”

   “กูไม่ได้เห็นมึงเป็นตัวแทนของใคร ถ้ากูไม่ชอบใคร กูก็จะไม่เข้าหา”

   “แล้วมึงเข้าหากูทำไม”

   “ก็กูสนใจมึง”

   “ทำไมถึงสนใจ”

   “ไม่รู้” มันก้มหน้างุดพูดเสียงอ้อมแอ้ม “แต่กูจริงจังกับมึงนะ”

   ผมรู้ดีว่ามันเพิ่งจะผ่านเรื่องแย่ๆ มา แต่มันต้องเด็ดขาดจริงจัง ที่ผมยอมไปช่วยงานของแม่มันนั่นเพราะสงสารที่มันเหมือนเอาผมเป็นหลัก ยามไหนมันอ่อนแอก็จะเดินมาลากผมไปกอดแล้วร้องไห้ ตอนนี้งานก็จบลงไปแล้ว มันต้องเป็นหลักให้กับครอบครัว

   “มึงควรไปดูแลพี่สาวกับครอบครัว”

   “พวกเขาไม่ต้องพึ่งกู”

   “แต่มึงเป็นน้องชายเพียงคนเดียว มึงเป็นผู้ชายนะ”

   “แต่กูขาดมึงไม่ได้” มันดึงผมขึ้นไปนั่งบนเตียง หน้าผากขาวซบกับไหล่ของผม “กูพูดจริงๆ”

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความรั้นของมันมักจะชนะผมตลอด ผมรู้แล้วว่าทำไมพ่อกับแม่หรือพี่ชายถึงยอมผม นั่นเพราะผมก็หัวรั้นแบบนี้เหมือนกันตอนเลือกเรียนที่นี่

   “เอางี้” ผมดันหัวมันขึ้น ดวงตามันเริ่มแดง “กูจะให้โอกาสมึง”

   พอมันได้ยินดวงตาก็ดูเป็นประกาย

   “โอกาสอะไร”

   “มาเริ่มต้นกันใหม่ เรื่องที่ผ่านมากูจะคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น” ผมบอก ถ้าไม่ทำแบบนี้มันไม่ยอมปล่อยผมไปแน่ จะให้ผมหนีก็หนีไม่ได้อยู่แล้ว

   ไอ้ฟลอยด์หน้างอนิดๆ “ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น? แต่มึงเป็นของกูแล้วนะ”

   “ถ้าอยากได้โอกาส ต้องเริ่มใหม่ทุกอย่าง ทั้งความสัมพันธ์และการเริ่มต้นรู้จัก” ผมบอก “ทำเหมือนเพิ่งจะรู้จักกันใหม่ๆ นั่นแหละ”

   “จะให้กูจีบมึงใหม่ทั้งที่มึงเป็นของกูแล้ว?” ย้ำเหลือเกินว่าผมเป็นของมันเนี่ย

   “เออ” ตอบแบบมีน้ำโห

   “ไม่ยุติธรรม” เริ่มงอแง แต่พอเห็นผมมองนิ่งมันเลยหน้างอพยักหน้าแบบช่วยไม่ได้ “ก็ได้”

   “ก็แค่นั้น” แล้วมันก็ยิ้ม แขนยาวๆ ยื่นมากอดเอวผมหลวมๆ

   “แค่อยากให้รู้ไว้ ว่ากูจริงจังกับมึง”

   ถึงแม้ผมจะให้โอกาสมันเริ่มต้นใหม่ แต่ไอ้การไม่ยอมกลับไปนอนที่เดิมนี่ถูกยกมาว่านอกเหนือที่ตกลง เอากับไอ้คนเอาแต่ใจสิครับ กลายเป็นว่า แม้จะจีบกันใหม่แต่ก็อยู่ด้วยกัน แล้วแบบนี้มันเหมือนจีบกันตรงไหนวะไอ้ต้อมมึน





   หน้าตึกเรียนรวม ผมลงรถของไอ้คนที่กำลังจะจีบผมใหม่ แต่มันทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ที่ลดลงมาคือมันฟังผมมากขึ้น ยอมผมมากขึ้น เอาแต่ใจลดลงเยอะ โดยมีข้อแม้ว่าผมต้องเรียกมันใหม่

   “พี่ฟลอยด์ไม่ต้องมารับผมนะ วันนี้มีประชุมคณะ” ผมบอก นั่นแหละ มันให้ผมเรียกมันว่าพี่ฟลอยด์ แลกกับการที่มันกลับไปอยู่ที่คอนโดของมัน

   ผ่านงานศพแม่มาหลายเดือนแล้วครับ สภาพโดยรวมมันดูดีกว่าที่คิด ขนาดพี่ฟีนพี่สาวยังแปลกใจที่น้องชายไม่เป็นโรคซึมเศร้า แถมยังร่าเริงแจ่มใส

   “พี่ก็มีเหมือนกัน ถ้าเลิกก็โทรมาแล้วกันนะ” ไม่ยอมให้ผมกลับคนเดียวอีก เลยต้องพยักหน้าไป

   ตอนนี้มหาลัยกำลังจะมีงานโอเพ่นเฮ้าท์อะไรสักอย่าง ผมก็ไม่ได้อยากยุ่งเท่าไหร่ แต่ติดที่โดนบรรจุงานให้เข้าไปทำ นั่นคือฝ่ายสวัสดิการ เลยทำให้หนีการเข้าประชุมไม่ได้

   เดินเข้ามาในตึกเจอพวกเพื่อนๆ ที่มันนั่งรออยู่ก่อน ตอนนี้พวกมันเลิกแซวไปแล้วครับ คงจะเห็นจนเบื่อ จะมีก็แค่พวกที่เรียกตัวเองว่าสาววายที่ยังกรี๊ดกร๊าดไม่เลิก ดีหน่อยที่ตอนนี้ใครจะถ่ายรูปจะเข้ามาขอผมตรงๆ ถ้าสะดวกผมก็ให้ถ่าย
 
   “ทำไมกูต้องอยู่ฝ่ายประสานงานวะ” ไอ้ป่านบ่น กูก็อยากบ่นเหมือนกันนั่นแหละ

   “เพราะมึงพูดดีสุดไง” ไอ้ดอยว่า

   “หุบปากไปเลย มึงแม่งใช้เส้นแน่ ไม่โดนงานอะไรเลยไอ้สัดดอย”
 
   “กูเป็นฝ่ายตัวลอยโว้ย ทำได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะอยู่เฉยๆ”

   ฟังพวกมันเถียงไป มือก็กำลังนั่งทำการมหาลัย (การบ้าน) ที่ต้องรีบทำตอนนี้เพราะเมื่อคืนถูกไอ้คนที่ลดนิสัยแย่ๆ ลงชวนไปกินข้าว ตอนแรกคิดว่าจะไปแค่แปบเดียว ที่ไหนได้ไปตอนทุ่ม กลับมาเกือบห้ามทุ่มเพราะมัวแต่ไปดูหนัง อยากตบหัวตัวเองมาก

   “เงียบเลยนะมึง มานั่งทำการบ้านยิกๆ เมื่อคืนเสือกไม่ทำ” ไอ้ดอยแขวะ ผมไม่สนใจ

        “เห็นเพจมันถ่ายรูปมันไปดูหนังมาไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้ป่านว่า ไอ้นี่ก็กลายเป็นสมาชิกเพจ เพราะครีมกรี๊ดผมกับพี่ตัวเอง

   “แหม ดอดไปเที่ยวเลยต้องมานั่งใช้กรรมตอนนี้ สมน้ำหน้าสัด” ส่งสายตาไปฆ่าเพื่อนตัวเอง แล้วรีบก้มหน้ารับกรรมต่อ



   กว่าจะหมดคาบเรียนก็แทบสลบเหมือด เวลาเรียนพวกทฤษฎีมันมักจะง่วงเสมอ ผมเดินมึนๆ ออกมาจากห้องพร้อมเพื่อน เจอไอ้กลอยที่เพิ่งจะขึ้นมาเรียนตึกเรียนรวม

   “ไงไอ้เอฟทีไอแลนด์” ไม่ใช่ชื่อวงนักร้องเกาหลีหรอกครับ นั่นชื่อเพจของผมกับไอ้รุ่นพี่บริหาร ชื่อเอฟทีก็ย่อมาจากฟลอยด์กับต้อม ไอแลนด์ก็เหมือนเป็นดินแดน พอรวมกันก็กลายเป็นดินแดนของผมกับไอ้ฟลอยด์มัน คนคิดก็ช่างสรรค์หาจนผมอยากจะคำนับ

   “กวนนะมึง” ผมว่า ไอ้กลอยมันก็หัวเราะ

   “งานมหาลัยมึงได้ทำอะไรวะ” ไอ้กลอยมันถาม ผมก็ทำหน้าบึ้งใส่

   “สวัสดิการคณะ มึงล่ะ”

   “กูสบายๆ ฝ่ายประสานงานไอ้สัด โคตรเหนื่อย” หน้าตาน่ารักของมันบึ้งตึง ปากก็บ่นจนผมขำ “กูแม่งโคตรลำบาก ทั้งโดนอีเข็มจิก โดนพี่โชตาม ไอ้กลอยจะบ้าตาย”

   “เอาน่ามึง เดี๋ยวก็ผ่านไป” กลายเป็นผมที่ต้องปลอบมัน

   “แล้วมึงกับพี่ฟลอยด์เป็นไงมั่ง เริ่มต้นใหม่ไฉไลกว่าเดิมป่ะ” ผมเล่าให้ไอ้กลอยฟังครับ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเล่าให้มันฟัง

   “เรื่อยๆ” ผมบอก

   “แหม เรื่อยๆ ของมึงนี่ถึงขั้นไหนวะ” ตามันเป็นประกายยามอยากเสือกเรื่องของคนอื่น

   “ไม่ถึงขั้นไหนทั้งนั้นแหละ”

   “ไม่ต้องอายมึง พี่ฟลอยด์ก็นิสัยเหมือนพี่โช โคตรเอาแต่ใจ ขี้หึง ขี้หวงจนน่าปวดหัว” นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ผมปรึกษามัน เพราะนิสัยที่คล้ายกันของรุ่นพี่ทั้งสอง

   “กูไปก่อน” ผมตัดบทเมื่อลิฟท์รอบที่สามขึ้นมาถึงชั้นที่ผมยืนอยู่ ไอ้กลอยโบกมือลาแล้วเดินเข้าไปในห้อง

   เรื่องขี้หึงนี่ผมว่ามันโคตรตลก ผมเป็นผู้ชายที่ไม่ได้น่ารักแต่กลับถูกหึงจนปวดหัว แค่ผมเข้าใกล้ไอ้เป็กยังโดนบ่น ทั้งที่รู้ว่ามันชอบผู้หญิง แต่ไอ้รุ่นพี่นั่นก็ยังไม่ยอม เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย อยากหึงก็หึงไป



   “มึง โดดประชุมมั้ยวะ กูง่วง” ไอ้ดอยกระซิบซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ แต่ติดตรงที่ไอ้ประธานรุ่นมันยืนกอดอกอยู่ที่ประตู

   การประชุมก็พูดเรื่องงานทุกอย่าง งานสวัสดิการของผมก็ไม่ค่อยมีอะไรนอกจากจัดหาของทุกอย่างให้กับคนอื่นๆ เบ๊ดีๆ นั่นเอง

   “เขาว่าวิศวะมีเวทีร้องเพลงด้วยมึง” เสียงผู้หญิงที่กระซิบคุยกันข้างหลังผม

   “จริงดิ่”

   “เห็นว่าปิดท้ายวงพี่มอสนะมึง”

   “เฮ้ย แบบนี้กูต้องทิ้งงานไปดูแล้ว”

   “วงในสุดๆ ว่าพี่ฟลอยด์จะร้องเพลงด้วย” ชื่อคนที่ได้ยินทำให้ผมต้องหันไปมอง พวกผู้หญิงที่คุยกันเป็นเด็กปีสอง พอเห็นว่าผมมองก็พากันยิ้มส่งมาให้ “พี่ต้อมอย่าลืมไปดูนะคะ”

   ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ส่งให้ อย่างผมไม่มีทางไปดูให้เสียลูกตาหรอกครับ ไปดูสาวๆ คณะอักษรประกวดขวัญใจดีกว่า ดูกว่าเยอะ

   กว่าจะเลิกประชุมก็เกือบสองทุ่ม ผมส่งไลน์ไปบอกไอ้คนที่สั่งนักสั่งหนาว่าจะมารับ แต่ข้อความที่ตอบกลับคือให้กลับเอง แอบโมโหนิดๆ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร ผมขอติดรถไอ้ป่านไปลงหน้าหอ ระหว่างทางมันก็พร่ำเพ้อถึงแฟนมัน ตอนนี้ไอ้ป่านตกลงคบกับครีมแล้วครับ ไม่รู้อะไรดลใจให้สาวเจ้ายอมคบ แต่เพื่อนผมเป็นคนดีผมยืนยันได้

   “ขอบใจนะมึง” ผมบอกลาเพื่อนตัวเองก่อนเดินข้ามฝั่งไปซื้อบะหมี่ ระหว่างยืนรอแอบเห็นรถของคนที่สั่งให้ผมกลับเองมาจอด ผมก็รีบแอบ เจ้าของรถเปิดประตูลงมากับผู้ชายหน้าหล่อ เดือนวิศวะปีสี่ที่พวกรุ่นน้องพากันสนใจ สองคนนั้นเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ผมก็รีบจ่ายเงินค่าบะหมี่แล้วจะกลับ

   “เดี๋ยว” ไม่ทันครับ แขนโดนคว้าไว้เรียบร้อย เมื่อกี้มันต้องเห็นผมแล้วแน่นอน “กลับมายังไง ตอนแรกเขายังไม่เลิกตอนที่ต้องไลน์มา แต่แปบเดียวมันก็เลิกเฉย”

   “ให้ไอ้ป่านมาส่ง” ผมบอกพลางส่งยิ้มให้รุ่นพี่ต่างคณะที่ยืนยิ้มให้อยู่ด้านหลัง

   “แหม หวานกันจริงนะ กูชักอิจฉาแล้ว” พี่มอสแซวแต่ถูกเพื่อนเตะขาจนหัวเราะลั่น “ไปละๆ” พี่มอสแกโบกมือแล้วเดินไปขึ้นรถอีกคันที่มาจอดเทียบ

   ผมมองตามรถคันสวยไป จนโดนดีดหน้าผาก

   “มองมันทำไม” หน้าบึ้งไปอีก

   “มองเฉยๆ” ผมบอก

   “ห้ามมอง” เอ้า

   “เพื่อนพี่หล่ออะ” ผมบอก ผมก็อยากเกิดมาหล่อแบบนั้นบ้าง

   “กูหล่อว่า”

   “หล่อแต่หน้าบึ้งว่ะ” ผมหัวเราะ

   “ไม่บึ้งก็ได้”

   “พี่ไม่รีบกลับล่ะ ดึกแล้ว”

   “ขอนอนค้างได้ป่ะ เหนื่อยมากเลย” แอบเนียนเอาหน้าผากซบกับบ่าผมจนเดินไปมามอง

   “อย่ามาสำออย ได้ทำอะไร ปีสี่เขาก็ให้อยู่เฉยๆ ไม่ใช่หรือไง” ได้ยินเสียงขำในคอ

   “รู้ทันตลอดว่ะ” มันจูงมือผมข้ามถนนก่อนจะยืนล่ำลาหน้าประตูหอ “รีบเข้าไปเถอะ ถ้าขืนอยู่นานกว่านี้พี่ก็ไม่อยากกลับแล้ว”

   “ขับรถกลับดีๆ นะ ห้ามใจร้อน”

   “ครับผม”

   “เออ” ผมกำลังจะหันตัวกลับถูกมือดีดึงเข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่

   “ฝันดีครับ”

   หน้าร้อนมากตอนนี้แต่ต้องปั้นหน้านิ่ง แล้วพยักหน้า

   “อืม ฝันดี”

   ได้ยินเสียงมันหัวเราะ คงจะเห็นว่าผมหน้าแดง ที่รู้เพราะมันร้อนวูบวาบออกหน้าออกตา

   เรื่องการแตะเนื้อแตะตัวนี่ผมก็มีกฎ ห้ามจูบในช่วงเริ่มคบ อาจดูหัวโบราญแต่ผมว่ามันคือสิ่งที่ดี หากเผลอจูบในที่ๆ ลับตาแล้วอารมณ์เผลอไผลมันจะลำบาก หลายครั้งที่เกือบจะทำไม่ได้แต่ผมก็รู้ว่ามันอดกลั้นแค่ไหน

   “รีบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวพี่จะกลับแล้ว”

   “อืม” ผมพยักหน้า “ตั้งใจซ้อมนะ” มันเบิกตากว้างมอง คงจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร เจ้าตัวถึงหัวเราะออกมา

   “ครับ แล้วอย่าลืมไปดูพี่นะ ไม่งั้นจะให้ไอ้พวกนั้นไปอุ้มมา”

   “บังคับตลอด” น้ำเสียงไม่จริงจังจนมันขำ

   “ถ้ายังไม่เข้าไป พี่จะฉุดกลับคอนโดแล้วนะ”

   ผมตาเหลือกรีบแตะบัตรหอพักแล้วเข้าไป คนยืนส่งโบกมืออยู่ด้านนอก ไม่รู้ผมคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า ว่านิสัยจริงๆ มันก็เป็นคนน่ารักคนหนึ่ง นี่ถ้าไม่เริ่มใหม่ ผมคงจะคิดว่ามันมีแต่ด้านเสียๆ ในการเอาแต่ใจ ผมคิดถูกแล้วสินะที่ทำแบบนี้



   ตึ่งดึง

   เสียงข้อความไลน์ดังขณะกำลังไขกุญแจ พอเปิดอ่านใบหน้าก็มีแต่รอยยิ้มที่หุบไม่ลง


   ‘อย่าลืมฝันถึงพี่นะ เพราะพี่ฝันถึงต้อมทุกวัน เราจะได้ฝันถึงกันและกัน...รักนะครับ’


....TBC

ต้อมให้โอกาสใหม่พี่ฝอย หวังว่าจะดีแบบนี้เรื่อยๆ ดีแตกเมื่อไหร่ให้ต้อมมีกิ๊กซะให้เข็ด (ล้อเล่น)

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ เรื่องนี้อาจไม่เกรียน ไม่สนุก มีหน่วงบ้างบางที

กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงพิฒนาฝีมือค่ะ หากขาดตกบกพร่องตรงไหนขอประทานอภัยค่าาาา

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-08-2016 22:26:46
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่ฟลอยด์น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อย่างน่ารักอ่ะ ขนาดนี้ไม่ต้องเติมน้ำตาลก็หวานนนนจนมดขึ้นแล้ววววว :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-08-2016 22:53:12
พี่ฝอยขัดหม้อช่วงนี้ขัดหม้อน้ำตาล หวานซะ
กลัวอีกไม่นานพี่จะพาขัดหม้อมาม่าซะจริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 27-08-2016 22:55:23
โอ๊ยยยย 'รักนะครับ' เขินๆๆๆ
ต้อมยิ้มไม่หุบเลยย เริ่มมีใจแล้ว เย้ๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 27-08-2016 23:20:36
พี่ฟล์อยมุ้งมิ้งน่ารักอะ :katai1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 27-08-2016 23:25:16
เริ่มหวานแล้วนะนี่  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 28-08-2016 00:15:19
ดีมากกก แบบนี่สิน่ารักพี่ฝอย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 28-08-2016 02:05:45
ถือว่าเริ่มใหม่ได้ไม่เลว
พอเปลี่ยนวิธีเรียก อารมณ์เปลี่ยนทันที ดูมุ้งมิ้งอย่างบอกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 28-08-2016 18:14:04
เพิ่งเข้ามาเห็นว่ามีเรื่องของพี่ฝอยด้วย น่าร้ากกกกกกก

จะมีคู่อื่นแฝงด้วยมั้ย แอบคาดหวังถึงป่าน นางกวนมาก

ปล.เป็นกำลังใจให้นะคะ ชอบบุคลิก f t island  มากกกกกก

ส่วนตัวคิดว่าคนแต่งแต่งเรื่องนี้ได้รื่นมากขึ้น เข้าถึงอารมณ์ตัวละคร เก่งๆๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 28-08-2016 18:40:39
เริ่มต้นใหม่ น่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 8 Up!!<< // [27/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-08-2016 21:46:32
ต้อมเจ๋งมาก
พี่ฝอยน่ารักขึ้นเยอะ

 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 30-08-2016 21:39:00
No Sugar : 09




       ช่วงนี้ใกล้มีงานมหาลัย ทุกคนดูวุ่นวายในชีวิตมาก ผมก็เช่นกันเพราะต้องตามหาของมาให้คนกลุ่มอื่นๆ ตามคำสั่งหัวหน้าสวัสดิการนั่นคือไอ้นัว มันถือโอกาสใช้งานผมจนแทบไม่มีเวลาพัก ไอ้เชี่ยนี่คงอยากโดนกระทืบ เดี๋ยวรอจบงานนี่ก่อนเถอะ

   “ไอ้ต้อม มึงไปหา...” มาอีกแล้ว ผมมองตาขวางมันเลยอ้าปากพะงาบๆ แล้วหันไปสั่งคนอื่นแทน

   ผมเดินลงจากตึกมาก็เจอพวกไอ้ป่าน มันกำลังนั่งส่องเด็กปีหนึ่งของคณะ ที่จริงมันมีคนน่ารักหลายคน ผมก็แอบเหล่ๆ นิดหนึ่ง พอพวกมันเห็นผมก็กวักมือเรียก แต่ยังไม่ทันจะถึงโต๊ะ ผมก็ต้องเงยหน้ามองไอ้คนที่มาขวางทาง

   เคยเห็นครั้งหนึ่ง คนที่มาขวางทางจ้องหน้าเหมือนผมไปข่มขืนมันอย่างนั้น ดวงตาเรียวๆ มองอย่างหาเรื่อง ผมกำลังจะอ้าปากถามมันก็หลีกทางจนผมได้เจอคนที่รู้จัก

   “พี่มาทำไม” ผมถามคนที่ยืนซ้อนหลัง มันยกยิ้มนิดๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้สาวๆ ในคณะต่างยิ้มเพ้อฝัน

   “เลิกหรือยัง ไปดูหนังกัน” คำพูดที่ลดการเอาแต่ใจเริ่มน่าฟังขึ้นเยอะ ผมเม้มปากคิดก่อนจะหันไปชวนไอ้ป่านด้วย พอมันได้ยินก็หูตั้งหางกระดิกเข้ามาหา

   “เอาเพื่อนได้ด้วยนะ” ผมบอก มันก็พยักหน้าจ้องหน้าไอ้ป่านเขม็ง ส่วนเพื่อนมันก็ทำหน้าเบื่อหน่าย

   ไอ้นี่เคยด่าผมเป็นหนูตกถังข้าวสาร

   ผมชวนไอ้ป่านมาขึ้นรถด้วย แต่เจ้าของรถชี้นิ้วให้ไปนั่งกับเพื่อนมันแทน ไอ้ป่านมองเลิกลักเพราะไม่รู้จัก แต่ก็ยอมขึ้น คงกลัวสายตาเรียวที่มองเหมือนนกเหยี่ยวนั่น

   พอขึ้นรถ ผมก็มองหน้าคนยิ้มอารมณ์ดี

   “จ้องหน้าพี่ทำไม” หันมาถามพร้อมรอยยิ้ม

   “พี่กินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า” ถามออกไป มันก็หัวเราะลั่น

   “พี่มีความสุขต่างหาก” แม้ไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าส่งๆ “อยากดูหนังเรื่องอะไร”
 
   “อะไรก็ได้” ตอบไป “จะว่าไป เกือบปีแล้วมั้งที่ผมไม่ได้ดูหนัง”

   “นานขนาดนั้นเชียว”

   “อืม ก็มันไม่มีเวลา ไหนจะทำงาน ไหนจะเรียนอีก” ช่วงนี้ผมรู้สึกผ่อนคลายตอนอยู่กับพี่ฟลอยด์ (ขอเรียกแบบนี้เลยแล้วกันจะได้ติดปาก) หลายครั้งที่ผมมักจะบ่นหรือขอคำปรึกษา บางเรื่องผมไม่กล้าที่จะพูดกับเพื่อนตัวเองแต่กล้าจะพูดกับคนที่นั่งข้างผม

   “ไม่ได้พักผ่อนล่ะสิ หน้ากับมือถึงหยาบกร้านขนาดนั้น” พูดไปขำไป ผมไม่โกรธหรอกเพราะมันคือเรื่องจริง “เดี๋ยวหาซื้อครีมเพิ่มหน่อยดีกว่า พี่เห็นในกระปุกนั่นจะหมดแล้ว” ผมตาเหลือกหันไปมอง กระปุกครีมที่วางบนโต๊ะราคาครึ่งหมื่นเลยนะครับ ผมใช้แทบจะนับครั้งได้ กลัวมันหมด

   “ไม่ต้องซื้อเพิ่มก็ได้ มันยังเหลืออีกเยอะ” พอผมบอก พี่ฟลอยด์ก็หันหน้ามามอง

   “แสดงว่าไม่ค่อยทาครีมใช่มั้ย” อึกอักไม่กล้าตอบจนคนถามถอนหายใจออกมา “กลัวมันหมดสิท่า หมดก็ซื้อใหม่ไม่เห็นเป็นไร”

   “ตรรกะลูกคนรวยสินะ” ผมบอก พี่ฟลอยด์มันก็หัวเราะแล้วยื่นมือมายีหัวผมเล่น

   “นี่ก็ลดลงจนแทบจะเป็นคนจนอยู่แล้ว” ผมขำออกมา

   ช่วงก่อนพี่เขาใช้เงินโคตรเปลืองจนผมปวดหัว อาทิตย์หนึ่งใช้เกินหมื่นก็มี ผมเลยลากแขนมานั่งตกลงเรื่องการใช้เงิน แม้เจ้าของเงินจะบอกว่าเต็มใจ ประเด็นคือที่หมดเยอะเพราะเอาแต่ซื้อของให้ผม ทั้งที่ผมไม่เอาแต่สุดท้ายมันก็มานอนกองอยู่ในห้อง ผมออกคำสั่งให้ใช้เงินอาทิตย์ละไม่เกินห้าพันบาท นี่ก็ถือว่าเยอะแล้วสำหรับคนแบบผม แต่คนโดนสั่งหน้างอบอกไม่พอ ผมเลยให้สาธยายว่าต้องใช้อะไรบ้าง

   ค่ากินข้าวสามมื้อ ค่าเลี้ยงเหล้าเพื่อน ค่าเลี้ยงขนมเพื่อน สรุปคือพี่แกใจสปอร์ตเลี้ยงทุกอย่างที่เพื่อนบอก นี่รวยอย่างเดียวทำไม่ได้หรอกนะครับเนี่ย ผมด่าไปแบบนี้เลยโดนดีดหน้าผาก แต่จากนั้นพี่แกก็เริ่มปฏิเสธเป็นเพราะโดนผมสั่งห้าม อันที่จริงลับหลังผมก็ไม่รู้หรอก มันอยู่ความซื่อสัตย์มากกว่า และทุกเย็นผมจะได้รับการรายงานว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้บอกให้ทำ

   ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง รถหรูเลี้ยวเข้าจอดพร้อมๆ กับรถอีกคันที่หรูไม่แพ้กัน ผมออกจากรถมาก็แอบตกใจที่ไอ้ป่านรีบขยับมากอดแขนผมแน่น ดูได้จากสายตาเจ้าของรถที่มันนั่งมา เป็นผมก็แอบหวั่นเหมือนกัน เราสี่คนเดินเข้าไปด้านใน ผมกับไอ้ป่านเดินชี้ร้านนั้นร้านนี่ตามหลังลูกคนรวยสองคน

   “ไปซื้อตั๋วหนังก่อนแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน” พี่ฟลอยด์หันมาบอก ผมก็พยักหน้า

   โซนโรงหนัง ผู้คนยังไม่ค่อยพลุกพล่านอาจเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนของเหล่าเด็กมัธยม ผมยืนคุยกับไอ้ป่านเรื่องตัวอย่างหนัง ข้างๆ มีเพื่อนของคนที่ผมสนิทด้วยยืนกอดอกทำหน้าบึ้ง

   “มึงคบกับไอ้เชี่ยฟลอยด์แล้วเหรอวะ” อยู่ๆ คนข้างผมก็ถามขึ้นมา

   “คงงั้นมั้ง” ตอบแบบเรียบๆ ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะ แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อเมื่อพี่ฟลอยด์เดินมาพร้อมกับตั๋วหนังสี่ใบ คราวนี้พี่แกก็เป็นเสี่ยใจดีสปอร์ตแบบเดิม

   “เหลือเวลาชั่วโมงกว่าว่ะ ไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน” พี่ฟลอยด์มันว่า

   เพราะความอยากกินของผมทำให้ต้องมากินพวกปิ้งย่าง ไอ้ป่านตาโตเพราะมันก็ชอบกินแบบผม พี่ฟลอยด์มันก็เฉยๆ แต่ดูเพื่อนมันจะไม่ค่อยชอบ คิ้วขมวดตลอดเวลา

   เลือกนั่งโต๊ะเสร็จ พี่ฟลอยด์ก็เอาเมนูให้ผมเลือก ชี้ๆ ไปแล้วลุกไปตักหมูเพิ่ม ไอ้ป่านตักซะเยอะจนโดนไอ้รุ่นพี่หน้านิ่งแขวะ แต่มันไม่แคร์ มันยังเดินไปตักเพิ่มต่อหน้าจนผมแอบขำ สงสัยจะเลิกกลัว กลับมาที่โต๊ะ พี่ฟลอยด์กำลังจัดแจงปิ้งของที่พนักนำมาเสิร์ฟ

   “พี่ไม่ไปตักอะไรเหรอ” ผมถาม พี่ฟลอยด์ส่ายหน้าแล้วขยับให้ผมนั่งด้วย ตอนแรกผมนั่งข้างไอ้ป่าน แต่ตอนนี้โดนสายตากดดันนิดๆ เลยต้องนั่งลง “เพื่อนพี่ชื่ออะไรอะ” ถามพร้อมกับคนที่ไม่รู้ชื่อเดินมานั่งพอดี

   “ถามชื่อกูก็ต้องถามกู จะไปถามไอ้ฟลอยด์ทำไม” เสียงโคตรเข้ม ผมเลยมองหน้าพี่เขาตรงๆ

   “แล้วพี่ชื่ออะไร” อย่าคิดว่าผมจะกลัว

   “เกน” บอกพร้อมจ้องหน้าผมแบบหาเรื่อง

   “อ่อ” ผมคีบหมูที่พี่ฟลอยด์เพิ่งวางในจานหลังเป่าให้คลายร้อนเข้าปากแล้วมองหน้ามัน
 
   “กวนตีน” ได้ยินมันว่า แต่ผมไม่แคร์ เพราะหมูในจานเริ่มเยอะ ไอ้ป่านมาพร้อมกับหมูอีกหลายจานจนโดนไอ้พี่เกนถามเสียงหลง “นี่มึงเอามากินหรือยัดวะ”

   “กินดิ่พี่” ไอ้ป่านว่า มือมันก็คีบหมูวางบนเตาย่าง ผมมองคนที่เริ่มแย่งที่ว่างบนเตาด้วยความขำ ก่อนจะมีกุ้งมาจ่อปาก

   “อ้า” เสียงบอกให้อ้าปาก แต่ผมส่ายหน้า คนคีบยังไม่ยอมจนต้องกิน เชี่ยเอ้ย คนมองเต็มเลย เห็นโต๊ะผู้หญิงกลุ่มนั้นขำด้วย

   “พี่กินเลย ไม่ต้องเอาให้ผมแล้ว” บอกไป พี่ฟลอยด์เลยคีบเข้าปากบ้าง

   “มึงเปลี่ยนไปเยอะเลยว่ะไอ้ฟลอยด์” พี่เกนบอก ตะเกียบในมือยังวางหมูลงที่ว่าง

   “แบบนี้ก็ดี” พี่ฟลอยด์ตอบเพื่อนมันพร้อมยักคิ้ว เห็นเพื่อนมันส่ายหน้า แล้วทำตาดุใส่ไอ้ป่านที่แอบคีบหมูอีกฝั่งไป

   กว่ามื้อนี้จะสิ้นสุดก็เกือบจะมีสงครามแย่งกุ้งตัวสุดท้าย ผู้ชายสามคนต่างใช้ตะเกียบจิ้มกุ้งตัวสุดท้าย ยื้อกันไปมาสรุปกุ้งอีกด้านไหม้เลยอดกินกัน ผมหัวเราะจนท้องแข็ง ฮาสุดก็ไอ้ป่านที่มันมองค้อนพี่เกน เพราะมันถูกกล่าวหาว่าทำให้ไม่ได้กินกุ้ง

   เดินออกมา พี่เกนก็แยกออกไปดูของ ไอ้ป่านก็แยกไปดูหนังสือการ์ตูน ผมกับพี่ฟลอยด์เลยเดินเล่นไปรอบๆ อยู่ๆ ผมก็ถูกลากเข้าร้านขายรองเท้า

   “เลือกสิ” พาผมเข้ามาแล้วชี้ไปที่ตู้รองเท้าผ้าใบ

   “เลือกทำไม”

   “ก็ที่ต้อมใส่มันเก่าแล้ว” ผมก้มมองรองเท้าสภาพเยินๆ ของตัวเอง

   “เก่าแต่ยังใช้ได้ ไม่ต้องซื้อหรอก เปลืองเงิน” บอกพร้อมออกแรงดึงออกจากร้าน แต่อีกคนรั้นไม่ยอมขยับตาม จนมีพนักงานเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม พร้อมอธิบายว่ามีโปรโมชั่นอะไรบ้าง พี่ฟลอยด์ตั้งใจฟังต่างจากผมที่อยากออกไปเต็มแก่

   ความดื้อและหัวรั้นทำให้ผมได้รองเท้ามาคู่หนึ่งครับ ราคาขนาดลดแล้วยังหลายพัน ผมไม่ใส่หรอก ซื้อไปเก็บไว้ เกิดใส่แล้วเปื้อนดินเปื้อนโคลนมันเสียดาย คนจ่ายเงินเดินยิ้มออกมาจากร้าน ผมหน้าบึ้งแต่ถูกดึงแก้มให้ยืด

   “ทำหน้าแบบนี้เสียดายเงินล่ะสิ” รีบพยักหน้า “นานๆ ซื้อทีไม่เป็นไรหรอก”

   “อาทิตย์ละห้าพันนะ” เตือนครับ คนถูกเตือนหัวเราะพร้อมยกแขนขึ้นมาพาดคอผมเดินต่อ

   ร้านเสื้อโปโลราคาแพง ผมยืนรออยู่ตรงหน้าร้านนี้ละครับ ไม่เข้าไป กลัวจะได้เสื้อมา เลยปล่อยให้คนอยากได้เข้าไปคนเดียว ยืนมองนั่นมองนี่ก่อนจะมีคนมาสะกิด พอหันไปมองผมก็รีบยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้ม

   “มาซื้อของเหรอ” พี่โชแฟนไอ้กลอยทักผมก่อนครับ โคตรตกใจ ผมรีบพยักหน้า แล้วมองหาไอ้เกรียน

   “ครับ แล้วไอ้กลอย...”

   “เข้าห้องน้ำ”

   “อ๋อ” ผมพยักหน้าเมื่อได้คำตอบ แล้วไม่รู้จะคุยอะไรต่อ คือความสนิทไม่ได้มากพอที่จะถามเรื่องต่างๆ จนเสียงเรียกผมดังขึ้น ไอ้เชี่ยกลอยนั่นเอง มันยิ้มแป้นแล้นเข้ามาหา

   “ไอ้ต้อมเพื่อนเลิฟ” ผมยิ้มให้มันไป “มึงมาทำไรวะ แล้วมากับใคร” สายตามองมันมองเข้าไปในร้าน ผมว่ามันน่าจะเห็นว่าผมมากับใครแต่แกล้งโง่ถามไปแบบนั้น

   “มาซื้อรองเท้าว่ะ ของกูแม่งขาดตอนลงแปลง” ผมตอบมันแค่อย่างเดียว แต่หน้าตามันบ่งบอกอยากรู้อีกอันมากกว่า ก่อนคนที่อยากได้เสื้อจะเดินออกมา ดูตกใจเล็กๆ เมื่อเห็นใครยืนอยู่กับผม

   “พี่ฟลอยด์มาซื้อเสื้อเหรอ” ไอ้กลอยทัก หน้าตามันโคตรเจ้าเล่ห์ พี่ฟลอยด์ก็ยิ้มๆ ให้ ก่อนตวัดสายตามองคนที่ยืนหน้าบึ้งข้างไอ้กลอยที่พูดแทรกขึ้นมา

   “มันเข้าร้านเสื้อก็ต้องซื้อเสื้อสิ จะให้ซื้อข้าวหรือไง” เสียงพี่โชโคตรนิ่ง

   “แล้วจะทำไม” พี่ฟลอยด์เดินผ่านหน้าผมไปยืนประชันหน้ากับพี่โช ผมเริ่มขมวดคิ้วกลัวจะมีเรื่อง จนไอ้กลอยรีบดึงแขนแฟนมัน

   “เอ่อพี่โช กลับเหอะนะ” พี่โชยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับ พร้อมกับเอ่ยบางอย่างออกมา

   “ไอ้ฝอยขัดหม้อ มึงไปจอดรถหน้าตึกคณะแฟนกูทำไม” หน้าตานิ่งๆ กับเสียงพูดทำให้ผมหลุดขำ นั่นคือฉายาเหรอวะ หัวเราะจนโดนสายตาดุจ้องเลยต้องกลั้นยิ้ม

   “เรียกใครวะ” พอผมกลั้นหัวเราะพี่ฟลอยด์ก็ตวัดสายตาไปมองคนเรียก ผมเลยพูดออกไปพร้อมกับหัวเราะออกมาอีกรอบ

   “พี่เขาเรียกพี่นั่นแหละ พี่ฝอยขัดหม้อ” หัวเราะหนักไปหน่อยเลยโดนเขกหัวจนเจ็บจี๊ด

   “กูชื่อฟลอยด์ ไม่ได้ชื่อฝอยขัดหม้อ” พี่ฟลอยด์เริ่มขึ้นเสียงจนผมต้องแตะแขนให้ลดเสียง คนที่เดินไปมาเริ่มมอง

   “กูจะเรียก มึงจะทำไม ไอ้ฝอยขัดหม้อ” พี่โชก็ไม่ยอม ใบหน้ากวนๆ ของพี่โชทำให้ผมหลุดขำออกมาอีกรอบ เมื่อพี่ฟลอยด์ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมจับศอกไว้ จนไอ้กลอยหน้าเสียดึงแขนแฟนมันออกไป

   เมื่อสองคนนั้นเดินไป ผมก็รีบหันหน้าหนี ไม่ใช่อะไร หันไปขำ ฝอยขัดหม้อ โคตรเหมาะว่ะ

   “หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะโมโหมึงด้วย” พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ขึ้นกูมึงแสดงว่าโกรธจริง

   “เอาน่าพี่ฟลอยด์ มันก็ไม่ได้เสียหาย” ผมตบบ่าปลอบ

   “ไม่เสียหายอะไร มันด่ากูอยู่ ถ้าเมื่อกี้ไม่เห็นแก่มึงนะ กูต่อยคว่ำไปแล้ว” พูดจบก็ฮึดฮัดเดินหนี ผมก็เดินตาม

   “จะรีบเดินไปไหน พี่ฝอย เอ้ยพี่ฟลอยด์” แล้วผมก็หัวเราะตามหลัง คนที่เดินผ่านพากันมองคงสงสัยว่าผมจะหัวเราะอะไร

   ถึงเวลาหนังฉาย ผมถูกผลักไสให้มานั่งริมสุดโดยมีไอ้ป่านนั่งคั้นระหว่างผมกับพี่เกน ส่วนพี่ฟลอยด์ก็นั่งริมอีกข้าง สงสัยจะงอน

   หนังที่ดูเป็นหนังทรีดี ดูไปก็ตื่นเต้นไป มือก็หยิบกินป๊อบคอร์น หนังจบผมกับไอ้ป่านก็รีบเดินมาเข้าห้องน้ำ กลั้นมาตั้งแต่หนังเข้ากลางๆ เรื่อง จะลุกออกมาก็กลัวเหตุการณ์ไม่ต่อเนื่อง พอสบายตัวก็เดินออกมาเจอพี่ฟลอยด์กับพี่เกนนั่งอยู่ในโซนสูบบุหรี่ ทั้งคู่คุยกันเงียบๆ แต่พอผมเดินเข้าไปหา พี่ฟลอยด์ก็ดับบุหรี่กับทรายที่ถัง

   “ป่านล่ะ” ผมชี้ๆ ไอ้ป่านที่เดินออกมาทีหลัง พอมาครบก็แยกย้ายกันกลับ ไอ้ป่านจะมากับผม แต่พอมันจ้องหน้าพี่ฟลอยด์ก็เลยไปขอกลับกับพี่เกนแทน สงสัยจะอารมณ์เสียค้างจากการโดนว่าพี่ฝอยขัดหม้อ



   
   บนรถ เพลงถูกเปิดคลอเบาๆ การจราจรยังติดขัดจนผมคิดว่า มันจะมีสักวันมั้ยที่ถนนโล่งไม่มีรถวิ่ง

   “ไปนอนห้องพี่นะ” เสียงพูดที่ดังขัดการฮัมเพลงของผม หันหน้าไปมองคนที่กำลังมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว “นะ”

   “ห้ามทำอะไรผม” บอกเสียงนิ่ง พี่ฟลอยด์พยักหน้า ผมเลยตกลง

   คอนโดที่เคยถูกบังคับให้มาค้างหลายครั้งในตอนแรกๆ ตอนนี้แทบนับครั้งได้ที่ผมมาเหยียบ เจ้าของห้องเปิดไฟจนสว่างจ้าทั้งห้อง มุมห้องมีขวดเบียร์วางกองๆ อยู่

   “ซื้อกินคนเดียวเหรอ” ผมถาม พี่ฟลอยด์ส่ายหน้า

   “ไอ้เกนมันซื้อมา” พยักหน้ารับก่อนเดินไปนั่งที่โซฟา “ให้พี่อาบน้ำก่อนหรือต้อมจะอาบก่อน”

   “พี่อาบก่อนเลย” ยังมีหน้ามาถามผม ทั้งๆ ที่ตัวเองถอดเสื้อออกแล้ว พอเจ้าของห้องหายไปในห้องนอน ผมก็เริ่มเปิดทีวีดูอะไรไปเรื่อย หน้าจอมือถือวาบขึ้นมาก็หยิบมาดู ไอ้ป่านครับ มันไลน์มาบอกว่าถึงห้องแล้ว และเกือบถูกฆ่าหมกป่าข้างทาง ผมหัวเราะข้อความที่มันพิมพ์รัวๆ เรื่องถูกพี่เกนด่า แต่ผมว่ามันคงไปกวนพี่เขานั่นแหละ

   “หัวเราะอะไร แล้วคุยกับใครอยู่” พี่ฟลอยด์เดินตัวหอมออกมา สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น ร่างสูงสมส่วนเดินผ่านไปเปิดตู้เย็นหยิบเอาเบียร์กระป๋องออกมา

   “ไอ้ป่าน” ผมบอก พี่ฟลอยด์ชะโงกหน้ามาดู “เพื่อนพี่แม่งดุเหมือนหมา”

   “มันก็เป็นแบบพี่นี่แหละ เอาแต่ใจ แต่มันเป็นคนดีนะ”

   “รู้ว่าเป็นคนดี กลัวผมหลอกกินเงินเพื่อนตัวเอง” ผมว่า พี่ฟลอยด์แม่งขำ

   “เพราะมันไม่สนิทกับต้อมเลยไม่รู้ไงว่าแฟนพี่นิสัยยังไง” มือยื่นมาบีบจมูกจนผมยกมือขึ้นปัด

   “มั่วละ ใครแฟน เราเพิ่งจะเริ่มคบกันใหม่นะ” ผมบอก อีกคนหน้ามุ่ยทันที

   “พี่เปลี่ยนเป็นคนดีขนาดนี้แล้ว ยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอ”

   “กลัวจะเปลี่ยนแค่ตอนนี้น่ะสิ”

   “แล้วอีกนานมั้ย”

   “ไปเรื่อยๆ”

   “โหย”

   ผมยิ้มส่งท้ายก่อนลุกไปอาบน้ำ เลือกหยิบเสื้อกับกางเกงที่ใส่ประจำเข้าไปด้วย แม้ผมจะไม่ค่อยได้มา แต่แปรงสีฟันยังมีสองอันเช่นเดิม ผ้าเช็ดตัวของผมก็ยังวางอยู่บนชั้น

   ออกมาจากห้องนอนหลังจากแต่งตัวเรียบร้อย เจ้าของห้องนอนเหยียดยาวจิบเบียร์กระป๋องที่สาม ตาดูละครทีวี ผมเดินไปนั่งโซฟาอีกตัวแต่ถูกมือดึงไปให้นั่งตัวยาว คนดึงยกหัวขึ้นมาหนุนขา

   “ละครอะไรไม่รู้ นางเอกโคตรโง่ว่ะ” พี่ฟลอยด์มันบ่น ซึ่งผมก็เห็นด้วย

   “ไม่ชอบแล้วดูทำไม” พูดปนขำ

   “ก็มันไม่มีอะไรดู”

   “ไม่มีอะไรดูก็ไปนอนสิ”

   “ยังไม่ง่วง” พี่ฟลอยด์จ้องหน้าผม “มีต้อมมานอนด้วยแบบนี้นอนไม่หลับ”

   “งั้นผมกลับ” จะลุกจริงๆ จนโดนดึงนั่งเหมือนเดิม

   “ไม่เอาๆ” มองคนตัวโตงอแงเหมือนเด็ก “เดี๋ยวก็ง่วง”

   “พี่คิดถึงแม่ใช่มั้ย” พูดออกไปตามตรง พี่ฟลอยด์นิ่งไป ผมเลยลูบผมนุ่มเบาๆ “แม่พี่ก็อยู่กับพี่ตลอด ในนี้” ยกมือที่ลูบผมไปจับที่ตำแหน่งหัวใจ ความอุ่นของฝ่ามือใหญ่ยกมาทาบกับมือผม

   “ขอบคุณนะ” รอยยิ้มบางๆ ส่งให้ผม

   “อืม”

   อยู่ดีๆ คนที่นอนอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นจนผมตกใจ

   “ต่อไปไม่ให้มานอนด้วยแล้ว”

   “อะไรวะเนี่ย” มองคนที่โวยวาย

   “ก็ต้อมมานอนทีไรพี่ต้องห้ามใจตัวเองตลอด แตะไม่ได้แบบนี้” ผมหัวเราะมองคนที่โวยวายแล้วเดินเข้าห้องนอน เสียงเอะอะเหมือนเอาหมอนฟาดกับเตียงแบบเด็กเอาแต่ใจ พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องโวยวายแทน แม่ง นุ่นในหมอนปลิวเต็มห้อง

   “ไอ้พี่ฝอยขัดหม้อ แล้วคืนนี้จะนอนยังไงวะ” ตะโกนดังลั่นเมื่อบนเตียง บนพื้น แม้แต่บนหัวเจ้าของห้องเต็มไปด้วยนุ่นสีขาว นอนแบบนี้คงจามทั้งคืน


   แล้วคืนนั้น ผมก็ต้องออกมานอนที่พื้นด้านนอกแทน เพราะห้องเละไปหมด โดยเจ้าของห้องมันก็เดินหน้างอตามมานอนข้างๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านผ้าม่าน แขนยาวโอบกอดผมแน่น เสียงกระซิบบอกฝันดีดังข้างหู ผมไม่รู้หรอกว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะยอมเปิดใจแบบเต็มๆ ขอแค่คนที่กอดผมยังเป็นแบบนี้ตลอด ไม่แน่ เวลานั้นอาจจะใกล้เข้ามาแล้วก็เป็นได้


..TBC


ขอบคุณสำหรับการติดตามรับชม รับอ่านค่าาาา  :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 30-08-2016 22:00:37
พี่ฟลอยด์อย่างน่ารักอ่ะ พี่เกนนี่คู่กับป่านใช่ม่ะๆๆ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-08-2016 22:02:48
พี่ฝอยมีรายงานด้วยว่าใชช้เงินอะไรไปเท่าไหร่ :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 30-08-2016 22:13:21
ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปเนอะน้องต้อม
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 31-08-2016 00:00:56
เกนป่านอีกคู่รึป่าววว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 31-08-2016 06:37:47
มีคุมเรื่องการเงินด้วย ว่าที่ภรรยาที่ดีในอนาคต คิคิ
จะมีคู่รองด้วยใช่ป่าว

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-08-2016 08:52:12
พี่ฟลอยด์ ต้อม  :mew1: :mew1: :mew1:
มีแววว่าพี่เกน จะสนใจป่านนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 31-08-2016 12:03:01
พี่ฝอยขัดหม้อเฮ่ยพี่พล์อยน่ารักกับน้องต้อมตลอดเลย รักคู่นี้อะ  แต่คู่สองพี่เกนป่านกำลังจะพาทุกๆคนจิ้นฟินอีกแล้ว อิอิ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 31-08-2016 13:28:55
พี่ฝอยสู้ๆ  อย่าดีแตกก่อนล่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 31-08-2016 14:02:38
พี่เกนคู่กับป่านใช่มั๊ย

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 31-08-2016 14:08:09
น่ารักทั้งคู่เลย ฟลอย์ต้อม
เอาจริงแล้วเราชอบเรื่องนี้มากกว่า โชกลอยนะ (บอกเป็นข้อมูล)
รออ่านตอนต่อไปนะฮะ มีวี่แวว เกนป่านมาบางๆ  :mew3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 9 Up!!<< // [30/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 31-08-2016 17:19:55
ขอบคุณไรต์ที่จัดเนื้อคู่ใก้น้องป่านเกรียน 55555
ทำไมเราถึงไม่สามารถอ่านชื่อพี่พระเอกว่าฟรอยด์ได้อ่านเป็นฝอยตลอด
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 31-08-2016 19:07:16
No Sugar : 10



       พรุ่งนี้ก็จะถึงงานของมหาลัยแล้วครับ ตอนนี้ผมแทบไม่ได้เจอหน้าพี่ฟลอยด์เลย นั่นเพราะพี่เขาต้องซ้อมดนตรี ส่วนผมก็ต้องหาข้าวของเพื่อจะใช้ในงาน ไอ้เชี่ยนัวมันไม่เกรงใจผมแล้วครับ ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว ผมได้แต่ก้มหน้ารับกรรมไป ให้มันพ้นๆ ช่วงนี้แล้วผมจะได้เป็นอิสระ

   “ไอ้เชี่ยต้อม มึงไปแบกน้ำมาสิวะ พวกทำซุ้มเหนื่อย” มองหน้าไอ้นัวนิ่ง แต่ก็ยอมเดินย้อนกลับไปเอาน้ำจากห้องเก็บของ เดินมาถึงก็แจกจ่ายพวกสาวๆ ที่ช่วยกันทำซุ้มต้อนรับ แต่ผมว่า เหมือนนั่งคุยกันมากกว่าเพราะทำเสร็จหมดแล้ว

   ปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับ วันนี้มันร้อนจริงๆ ผมนั่งลงกับขอบฟุตบาท เดินวันนี้หลายกิโลมาก ขึ้นๆ ลงๆ ตึกยังไม่พอ ต้องเดินไปซื้อของ ซื้อข้าว ซื้ออุปกรณ์ คือเหนื่อยมากจริงๆ

   “อะมึง” น้ำเย็นถูกยื่นมาให้ ผมเงยหน้ามองไอ้หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการแค้นๆ แต่ก็รับมาดื่ม “วันนี้โคตรร้อนเหี้ย”

   “มึงยืนอยู่เฉยๆ อย่ามาบ่นไอ้สัดนัว” ผมว่า ไอ้คนที่นั่งข้างผมมันก็ขำ

   “ไอ้เชี่ยดอยล่ะ หายหัวเลยสัด” นู้น ไปเตะบอลนู้น ไอ้นี่ก็สบายไม่ต้องทำอะไร พอมองไอ้ดอยก็เห็นไอ้ป่านเดินยิ้มแป้นเข้ามาหาพร้อมกับน้องครีม จนไอ้นัวสะกิดผมยิกๆ คงหลงเสน่ห์ความน่ารักของสาวตรงหน้า

   “หวัดดีครับครีม มาเฝ้าแฟนเหรอ” ผมรีบสกัดเพื่อนข้างตัว ครีมก็หัวเราะ

   “พี่ต้อมพูดไปเรื่อย พี่ป่านเป็นพี่ชายค่ะ” ตาโตมองเพื่อนตัวเอง ไอ้ป่านก็ยิ้มๆ ไม่แก้ตัว

   “อะไรวะ” หันไปกระซิบถามไอ้ป่าน

   “เรื่องมันยาว เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”

   ครีมอยู่คุยกับผมอีกสักพักก็ขอตัวกลับ ไอ้ป่านจะเดินไปส่ง แต่ครีมบอกไม่ต้องเพราะมีคนมารับ เสียงเร่งของมอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งมาจอดเทียบ ครีมยกมือไหว้พวกผมแล้วขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายแขนเรียวกอดเอวคนขี่แน่น พอสาวเจ้าขึ้นรถเรียบร้อยรถคันใหญ่ออกตัวไปอย่างเร็วตามความแรงของมัน ไอ้นัวเห็นผมจ้องกดดันมันเลยลุกออกไป

   “ยังไงวะ มึงเพิ่งคบกับครีมไม่ใช่เหรอ” ล็อกคอเพื่อนตัวเองแล้วรีบถาม ไอ้ป่านยิ้มแย้มไม่มีท่าทีเสียใจ

   “ตอนแรกก็คบแหละ แต่พอคุยไปคุยมา มันไม่ใช่ว่ะ ครีมก็รู้สึกเหมือนกู เราเลยตกลงเป็นพี่น้องกันดีกว่า” ไอ้ป่านมันว่า ผมยังจ้องมันอยู่จนโดนผลักจนหน้าหงาย “จ้องกูหาพ่องมึงสิ”

   “ไหนมึงบอกคนนี้จริงจังไงวะ” ยังจำตอนที่มันมาขอให้ผมช่วยได้อยู่เลย ดูมันกระตือรือร้นสุดๆ

   “ก็ตอนนั้นมันจริงจังจริงๆ นี่หว่า แต่ตอนนี้เป็นพี่น้องกันดีที่สุด” ไอ้ป่านว่า “แล้วครีมแม่งพากูไปเลือกซื้อชุดชั้นในด้วย กูโคตรอายเลยไอ้สัด”

   “เชี่ย” หัวเราะให้กับเพื่อนตัวเอง

   “แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ” ผมเคารพในการตัดสินใจของเพื่อนเสมอ

   “เอาน่า เดี๋ยวมึงก็ได้เจอคนที่ใช่เอง”

   “พรุ่งนี้สาวๆ จะมาเยอะ กูจะเล็งเอาสักคน” ขำให้กับความคิดของไอ้ป่าน

   การเตรียมงานทุกอย่างเรียบร้อยเกือบๆ จะสามทุ่ม ผมติดรถของไอ้ป่านมาลงที่หน้าหอพัก เดินเอื่อยๆ ขึ้นห้อง วันนี้เดินทั้งวันจนปวดขาไปหมด หน้าห้องขณะกำลังควานหากุญแจในกระเป๋า ช่องประตูด้านล่างมีกระดาษแผ่นหนึ่งเสียบอยู่ ผมก้มลงไปหยิบขึ้นมาดู เป็นกระดาษสีขาวที่พับอย่างดี ด้านในมีข้อความบอกให้ผมไปที่เวทีหน้าตึกวิศวะ ยิ้มให้กับข้อความที่เห็นแล้วรีบเข้าห้องไปอาบน้ำ

   เดินสวมแต่กางเกงบอลตัวเดียวออกมานอกห้องพอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

   (ทำอะไรอยู่ ทำไมรับช้า)

   “ผมอาบน้ำอยู่ พี่มีอะไร”

   (อย่าลืมมานะ) เสียงย้ำทำให้ผมขำ

   “ถ้าไม่ติดธุระนะ” บอกกันไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าไอ้นัวจะใช้อะไรผมหรือเปล่า

   (ถ้าไม่มาพี่จะไปลากมาเอง) เสียงเหมือนจะพูดเล่น แต่ผมว่า พี่ฟลอยด์มันทำจริงแน่

   “อย่าโหดได้ป่ะ” ได้ยินเสียงขำจากปลายสายพร้อมๆ กับเสียงดีดกีต้าร์เบาๆ “พี่ยังซ้อมอยู่เหรอ”

   (อืม กลัวมันไม่เพราะ คนฟังจะไม่ประทับใจ)

   “ขนาดนั้นเชียว” ยิ้มจนปวดแก้ม “รีบๆ ไปซ้อมได้แล้ว ผมจะเข้านอนแล้ว”

   (ทำไมวันนี้นอนเร็ววะ) ผมได้ยินเสียงโวยวายจากปลายสาย คงจะเรื่องที่พี่ฟลอยด์ไม่ยอมซ้อมเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์

   “วันนี้เหนื่อยมาก พี่รีบไปซ้อมเถอะ ถ้าไม่เพราะนะผมเดินหนีจริงๆ ด้วย”

   (ไม่มีทางที่ต้อมจะเดินหนีพี่หรอก) มั่นใจซะจริงๆ

   “จะคอยดู”

   วางสายเสร็จผมก็ล้มตัวนอนพร้อมกับข้อความจากไอ้ป่าน มันโวยวายอะไรสักอย่าง ผมเปิดผ่านๆ เพราะตาใกล้จะปิด




   ตอนฟ้าสาง ผมถูกไอ้นัวโทรจิกตั้งแต่ตีสี่ ไอ้นี่บ้าพลังเหลือเกิน มันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ งานมันก็มีเกือบทุกปียังมาตื่นเต้นอีก ปีที่แล้วมันแทบไม่อยากลุกจากเตียงจนไอ้ดอยต้องไปลากมันมา น้ำก็ไม่อาบ

   ปั่นสุดหวงมาตามทาง เจอไอ้เชี่ยนัวขี่มอเตอร์ไซค์มายกเท้าจะถีบ ดีที่ผมหลบทัน มันจอดรถแล้วหัวเราะเยาะ ผมเลยยกนิ้วกลางใส่ ไอ้เชี่ยนี่กวนขึ้นไปทุกวัน เดี๋ยวสั่งไอ้ดอยจัดการ เห็นแบบนั้นมันกลัวเพื่อนผมนะครับ เพราะเคยต่อยกันแล้วแพ้เพื่อนผม

   พอมาถึงหน้าคณะ บรรดาผู้คนก็เริ่มมาจัดเตรียมงานกัน บ้างก็เปิดซุ้มขายผักปลอดสาร บ้างก็ขายนมสดจากฟาร์ม แต่ผมไปสิงอยู่กับไอ้ดอยที่กำลังปั่นเครื่องทำไอศกรีมจากนมสด

   “มึง กูชิมหน่อยสิ” สะกิดไอ้ดอย มันทำหน้าเซ็งแต่ก็ตักไอศกรีมให้ผมถ้วยหนึ่ง อร่อยดีนะครับ ทำจากนมสด เดินกินไปดูความเรียบร้อยไป เห็นไอ้ป่านวิ่งวุ่นคงจะประสานงานกับคนอื่นๆ อยู่ หัวเราะสมน้ำหน้าที่มันวุ่นวายแต่สุดท้ายผมก็วุ่นวายไม่ต่างจากมัน

   สาเหตุจากไอ้นัวอีกตามเคย สั่งนั่นนี่จนผมต้องแตะมันไป มันเบิกตาโตแล้ววิ่งไล่เตะผมคืน กว่างานจะเปิดพวกผมก็หน้ามัน หน้าเยิ้มกันไป

   แปดโมงครึ่งงานเปิดอย่างเป็นทางการ ผู้คนมากมายเริ่มเดินเข้ามาเยี่ยมชมแต่ละคณะที่จัดเตรียม เห็นไอ้ชัยเพื่อนในคณะบอกว่าปีนี้คนเยอะมากโดยเฉพาะสาวๆ รู้เพราะมันไปดูพิธีเปิดมา ผมเดินไปประจำบูทขายไอศกรีมกับไอ้ดอย สาวหน้าตาจิ้มลิ้มเดินมาซื้อกันเป็นแถว นั่นเพราะเดือนคณะปีหนึ่งสองสามรวมตัวที่นี่กันหมด คงเพราะร้านนี้เย็นสุดละมั้ง เล่นเอาพัดลมไอน้ำมาเปิดซะขนาดนี้ แต่ผมก็ชอบนะครับ เย็นดี

   “ไอ้เชี่ย น่ารัก” ผมหันตามไอ้เสนสะกิด เด็กมัธยมน่ารักใสๆ ดัดฟันสไตล์ไอ้นี่เลยครับ

   “เอ่อ น่ารักดี” ให้ความเห็นมัน มันดูพอใจจนอยากจะขอเบอร์ แต่ผมว่า น้องเขาสนใจไอ้เดือนปีหนึ่งมากกว่า

   ผมเดินออกจากบูทไอศกรีมมาร้านขายผักปลอดสารพิษ โซนนี้คนจะน้อยหน่อย มีแต่บรรดาคนมีอายุนิดๆ ที่สนใจจะซื้อหรือดูวิธีการปลูกผักแบบไม่ใช้ดิน เดินผ่านไปร้านขายนมต่อ แล้วก็ต้องรีบเดินกลับ เพราะร้านนี้มีแต่ผู้ชายมาต่อแถว เล่นคัดสาวสวยของคณะมาขาย แบบนี้ผู้ชายถึงเยอะ แต่ถ้าได้รู้จักท่าแท้ของสาวสวยทุกคนละก็ จะวิ่งหนีกันหมด

   แรงสะกิดจากแขนเสื้อทำให้ผมหันไปมอง สาววัยรุ่นสามคนยืนยิ้มให้ผม

   “พี่คะ คณะวิศวะไปทางไหนเหรอคะ” เสียงใสถาม ผมก็ชี้มือไปอีกด้าน “ทางนู้นเหรอคะ”

   “อ่าครับ” ยิ้มให้ จนน้องหนึ่งในสามตาโตแล้วรีบกดมือถือยิกๆ

   “พี่เอฟทีไอซ์แลนด์ใช่มั้ยคะ” น้องคนที่กดมือถือเงยหน้าขึ้นมาถาม เพื่อนอีกสองคนรีบหันขวับมามองผม “จริงๆ ด้วย ใช่จริงๆ” ท่าทางตื่นเต้นจนผมเริ่มกลัวนิดๆ น้องสามคนเริ่มคุกคามผมจนต้องถอยหลัง

   “งั้น...พี่ต้อมใช่มั้ยคะ” รู้จักชื่อผมอีก แล้วเพจนั่นไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มเพื่อนผมหรอกเหรอ

   “กรี๊ด พี่ต้อมจริงๆ ด้วย” น้องสามคนเกาะแขนผมแล้วกระโดดดีใจจนคนเริ่มมอง

   “เอ่อ” เริ่มประหม่า

   “คือทางเพจเขาประกาศว่าพี่ฟลอยด์จะร้องเพลงที่คณะวิศวะ พวกเราเลยมาค่ะ แต่ไม่รู้ร้องกี่โมง เจอพี่ต้อมก็พอดีเลย งั้นเราไปด้วยกันนะคะ” ยังไม่ได้รับปากก็ถูกดึง แต่ผมรั้งตัวเองไว้ทัน

   มิน่าล่ะ สาวๆ ถึงเยอะ มาดูคนร้องเพลงนี่เอง

   “พี่ยังต้องดูแลคณะพี่อยู่ครับ” ตอบแบบเกร็งๆ รู้สึกวางตัวไม่ถูก

   “งั้นพี่รู้หรือเปล่าคะ ว่าเขาเล่นดนตรีกี่โมง”

   “ไม่รู้เหมือนกันครับ” ส่ายหน้าพร้อมกับตอบคำถาม

   “ทำไมไม่รู้อ่า แฟนพี่เล่นดนตรีนะคะ” เม้มปากกับคำว่าแฟน ผมจ้องดวงตาเป็นประกายของเด็กๆ กลุ่มนี้ คงคิดไปไกลมากทีเดียว

   “ลองไปถามที่คณะดูนะครับ เพราะพี่ก็ไม่รู้เวลาเหมือนกัน” บอกไปอีกที เด็กๆ หน้างอ แต่ก็พยักหน้าและบอกให้ผมรีบตามมา

   ฟู่ว ถอนหายใจหลังจากเด็กกลุ่มนั้นเดินไป ผมไม่ชินกับการถูกเข้าหาแบบนี้เลยให้ตาย

       จากนั้นผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วคณะ พอเบื่อของตัวเองก็เดินไปดูที่อื่นหลังจากหมดหน้าที่ ใจจริงอยากปั่นสุดหวงมากกว่าแต่ขี้เกียจวกไปเอาที่ลานจอด เดินไปเรื่อยๆ เจอคนรู้จักก็ทักทาย ส่วนคนไม่รู้จักถ้ายิ้มมาผมก็ยิ้มตอบ 

   ไปถึงคณะไอ้กลอย ผมเห็นมันยืนยิ้มให้คนถ่ายรูปมากกว่าทำงานซะอีก เดินดูรูปที่ถูกวาดมาตั้งขาตั้งโชว์ บางรูปก็สวย บางรูปก็อาร์ตไปจนผมดูไม่ออก จ้องแล้วจ้องอีก ยังไงมันก็เป็นรูปเหมือนวาดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่สี

   “มึงจ้องจนจะสิงรูปอยู่แล้ว” เสียงที่ดังจากด้านหลังทำให้หันไปมองพร้อมยิ้มให้

   “ก็กูดูไม่รู้เรื่อง” ผมตอบไอ้กลอย มันก็เดินอ้อมรูปไปด้านหลังแล้วโผล่หน้ามา

   “เพราะมึงยังไม่เข้าถึงหัวใจของศิลปะไง การดูรูปต้องใช้ใจดูเว้ย ใช้ตาดูไม่ได้” ผมเดินหนีมาดูรูปอื่นปล่อยให้มันบ้าคนเดียว ก่อนมันจะโวยวายแล้วเดินตามมา

   “ทิ้งกูให้พูดอยู่คนเดียวไอ้สัด” หัวเราะให้กับมัน แต่ก็เดินฟังมันอธิบายรูป “เอ่อ แล้วมึงไม่ไปดูดนตรีเหรอวะ เห็นเพื่อนกูบอกพี่ฟลอยด์จะเล่นดนตรีให้มึงฟัง”

   “เชี่ย เอาข่าวมาจากไหน” ตาโตสิครับ พูดมั่วๆ แบบนี้

   “จากเพจคู่มึงไง อีเข็มเพื่อนกูวี๊ดว๊ายเป็นปลาไหลถูกขี้เรื่อยตั้งแต่เช้า” ผมส่ายหน้าให้กับข่าวลือมัวๆ แม้พี่ฟลอยด์มันจะร้องเพลงจริง แต่ทำไมต้องร้องให้ผม คนเยอะออกขนาดนี้

   เดินกับไอ้กลอยจนรอบคณะ มันก็ชวนไปที่อื่น เราสองคนเดินเข้าออกคณะนั้นคณะนี้จนเมื่อย ได้น้ำเย็นๆ จากคณะบริหารมาคนละแก้ว คนที่เอาให้ก็เพื่อนพี่ฟลอยด์นั่นแหละครับ จำผมได้แถมยังลากไปเล่นเกมส์ทายปัญหา คนโง่ตัวเลขอย่างผมไม่มีทางรอดครับ

   “เกือบเที่ยงแล้วว่ะ ไปวิศวะกัน” มองไอ้กลอยพูดเหมือนขัดกันแปลกๆ หิวแต่ไปวิศวะ

   “หิวมึงก็หาข้าวกินสิวะ จะไปทำไมคณะนั้น” ไอ้กลอยมันจ้องผมเหมือนผมพูดผิดมาก

   “คณะนั้นก็มีข้าวไข่เจียวขาย อีเข็มอัพรูปเมื่อกี้ แล้วก็บอกดนตรีเริ่มแล้ว” พยักหน้าไปส่งๆ

   ผมกับไอ้กลอยเดินตามทางมาถึงคณะที่มีสาวๆ เยอะที่สุด อาจเพราะดนตรีที่กำลังเล่นสดๆ อยู่บนเวที สงสัยจะคัดหน้าตาคนเล่นมา ทั้งมือกลอง มือกีต้าร์ มือเบส หรือแม้แต่นักร้องนำ

   “ทำไมไม่เห็นพี่ฟลอยด์วะ” ไอ้กลอยบ่น ผมก็ส่ายหน้า “มึงลองโทรหาพี่เขาสิ”

   “เชี่ย ทำไมกูต้องโทร”

   “อ่าว มึงจะได้รู้ว่าพี่เขาเล่นตอนไหนไง โง่จริง” ตบหัวมันไปทีจนมันมองค้อน ผมส่ายหน้าก่อนเดินไปยังร้านขายข้าวไข่เจียวที่ไอ้กลอยบอก กลิ่นหอมชวนท้องร้อง แต่ยังไม่ทันได้สั่ง เสียงกรี๊ดบนเวทีก็ดังลั่น ขนาดแม่ค้าร้านขายข้าวยังกรี๊ดด้วย

   โดนดึงให้กลับมายืนดูที่เดิม ไอ้เชี่ยกลอยดูตื่นเต้นเมื่อเห็นคนที่เคยตามจีบมันยืนเด่นอยู่ตรงกลางแทนนักร้องที่ชื่อมอส แรงสะกิดด้านข้างจากไอ้ป่าน มันส่งยิ้มเผื่อแผ่ไปยังเพื่อนต่างคณะ

   “มาดูไม่ชวนกูเลยนะมึง” ไอ้ป่านก้มมากระซิบ

   “กูไม่ได้ตั้งใจมา ถูกไอ้นี่ลากมา” กระซิบกลับ ไอ้ป่านก็พยักหน้าเบาๆ

   เสียงไมค์บนเวทีหอนเบาๆ ก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ ผมละอยากขำ ขนาดยังไม่ได้พูดสักคำ

   “สวัสดีครับพี่ๆ น้องๆ ที่น่ารักทุกคน” เสียงพี่มอส นักร้องนำคนแรกที่ร้องทักทาย เสียงกรี๊ดมากมายจนต้องยกมืออุดหู “วงคิสมียินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานของคณะวิศวะของพวกเรา หากตอนนี้ใครเหนื่อย ใครหิว เชิญเข้ามาที่คณะเราได้ เรามีอาหารอร่อย ที่นั่งเย็นๆ และมีดนตรีให้รับชมรับฟัง แถมคนร้องยังหล่อมากอีกด้วย” พี่มอสเก๊กหล่อจนสาวๆ กรี๊ดอีกระลอก

   อยากกลับเหี้ยๆ

   “ผมขอแนะนำสมาชิกก่อนนะครับ ผมชื่อมอสเป็นนักร้องนำ ด้านหลังมือกลองชื่อไฉ ไอ้นี่หน้าตางั้นๆ” พี่มือกลองตีรับมุกเรียกเสียงฮา “ด้านซ้ายมือกีต้าร์ชื่อเบส แต่ดันมาเล่นกีต้าร์” พี่แกตลกได้อีก “ด้านขวามือเบสชื่อฮิปฮอป แต่ฉายาของเขา คือฮิปโป” ส่ายหน้าให้กับการแนะนำตัว จะเอาฮาใช่มั้ยวะเนี่ย คงมีผมคนเดียวที่เบ้ปาก เพราะคนอื่นๆ ดูจะชื่นชอบ ฟังได้จากเสียงกรี๊ดจนแก้วน้ำแทบแตก

   “คนสุดท้ายแล้ว” ไอ้กลอยกระซิบ ผมยืนจ้องคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่มอส ใบหน้าหล่อกับผมที่ถูกเซ็ทมาอย่างดี เสื้อยืดคอวีสีดำกับกางเกงสีดำขาดๆ ดูเหมาะ “คนๆ นี้เขามาในวาระพิเศษของเขาครับ เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก ใช่มั้ยครับ”

   “ค่า” เสียงขานรับดังเซ็งแซ่

   “แล้วรู้มั้ยพี่เขาชื่ออะไร”

   “พี่ฟลอยด์” เสียงเรียกชื่อดังจนเจ้าของชื่อยิ้มเบาๆ

   “อ่า นั่นแหละครับชื่อของเขา เรามาฟังเขาพูดบ้างดีกว่า” พี่มอสเดินไปด้านหลัง พี่ฟลอยด์เลยเดินมายืนตรงไมค์โคโฟนที่ตั้งบนขาตั้งกลางเวทีแทน

   “สวัสดีครับ” รอยยิ้มแสนดูดีเรียกเสียงกรี๊ดได้ทั่วงาน ขนาดอาจารย์ที่ยืนอยู่แถวนั้นยังส่งเสียงให้ “ต้องขอออกตัวก่อนว่าผมพูดไม่ค่อยเก่ง แต่เพราะคนๆ หนึ่งทำให้ผมอยากมายืนอยู่ตรงนี้ คนที่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เขาทำให้ผมยิ้มแม้ผมจะทุกข์มาก แค่มีเขาอยู่ข้างๆ ผมก็มีความสุข”

   “เชี่ย พูดซะกูขนลุก” เสียงไอ้กลอยดังขัดจนผมต้องเหล่ตามอง

   “นี่ไอ้ฟลอยด์เหรอวะ” เสียงอีกด้านทำให้ผมหันขวับ พี่เกนยืนกอดอกอยู่ข้างไอ้ป่านมองเพื่อนตัวเองบนเวที

   “เขาคนนั้นไม่ใช่คนอ่อนหวาน ไม่ได้พูดจาไพเราะ แต่ทุกคำที่พูดล้วนมาจากใจ ผมเลยมีเพลงๆ หนึ่งอยากจะร้องให้เขาฟัง เผื่อเขาจะยอมให้อภัยที่ผมเคยทำผิดพลาดและยื่นโอกาสให้กับผมใหม่อีกครั้ง” รู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมองจากเวที “ห้ามเดินหนีพี่นะ” แค่นี้เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกลองที่เริ่มนับจังหวะ
 
   “มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้” ดวงตาพราวของคนร้องกำลังจ้องมาทางผมจริงๆ “มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดไปกี่สักที แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้” เสียงนุ่มพร้อมแววตาอบอุ่นทำให้สาวๆ เริ่มเคลิ้ม

   “หวานมาก” เสียงไอ้กลอย

   “เลี่ยน” เสียงพี่เกน

   “ดีออก” เสียงไอ้ป่าน

   “ที่จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉัน หยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน”
แล้วผมต้องทำยังไง

   “ซึ้งมาก” เสียงไอ้กลอย

   “น้ำเน่า” เสียงพี่เกน

   “ดีออก” เสียงไอ้ป่าน

   “มันคงเป็นความรัก ที่เปลี่ยนคำว่าชีวิต ให้ฟังดูมีความหมาย มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้การรอคอยเป็นเรื่องง่ายดาย แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส แม้ว่าฉันต้องพลาดอะไรมากมาย แต่ว่าการรอคอยนี่ก็คุ้มเพราะมีเธอเป็นจุดหมาย” พี่ฟลอยด์ชี้นิ้วมาที่ผม ทุกคนต่างก็หันตามมาพร้อมกับเสียงกรี๊ด

   เล่นแบบนี้เลยเหรอวะ ผมปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อถูกมอง บางคนถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งโคตรน่ากลัว

   “จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉันหยุดหัวใจ คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน” เสียงโซโล่กีต้าร์ดังขึ้น ไอ้เชี่ยกลอยมันขอดอกกุหลาบของเด็กที่กรีดร้องมาหนึ่งดอกแล้วยื่นให้ผม ผมก็ทำหน้างงจนมันดันหลังให้ผมเดินฝ่ากลุ่มคนไปหน้าเวที

   ตอนนี้กล้องมือถือมากมายกำลังมุ่งมาทางผม ไอ้กลอยยังดันหลังให้ผมเดินต่อทั้งที่อยากจะวิ่งหนี ผมเงยหน้ามองไปบนเวทีเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้า เห็นพี่ฟลอยด์ยิ้มตาหยีมองมา เชี่ยเอ้ย เกิดมาไม่คิดว่าจะต้องมาทำแบบนี้กับผู้ชาย

   เขินน่ะใช่ แต่ผมไม่ชิน

   หน้าเวที ไอ้กลอยกระซิบให้ผมยื่นดอกไม้ให้ ด้วยความลนผมก็ยื่นให้ตามที่ได้ยิน แล้วเสียงกรี๊ดก็แทบจะทำลายล้างแก้วหูเมื่อพี่ฟลอยด์ย่อตัวนั่งลงแล้วยื่นมือออกมารับ พร้อมกับเสียงคร่ำครวญที่ฟังไม่ได้ศัพท์
 
   “อีเหี้ย กูจะตายแล้วค่า”

   “รีบตายไปซะอีเข็ม”

   ได้ยินไอ้กลอยตะโกนด่าแข่งกับเสียงกรี๊ด คงจะเป็นเพื่อนของมัน ผมได้แต่ก้มหน้าเม้มปาก หน้ามันร้อนไปหมด หัวใจก็เหมือนจะออกมาเต้นอยู่ด้านนอก

   “ในวันที่เธอนั้นไม่มีใคร ในวันที่โลกนี้ทิ้งเธอไป ในวันนั้นหันมามองเถอะ ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้” พี่ฟลอยด์ขยิบตาให้ผมพร้อมยิ้มกว้าง “และจะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม เธอคือความสุขของฉัน ถ้าเธอไม่รับมัน ให้ฉันเริ่มต้นอีกกี่ครั้งก็พร้อม หากสุดท้าย เธอไม่เปลี่ยนใจ ไม่เป็นไรใจฉันก็ไม่ยอม ถ้ารอให้ฉัน หยุดหัวใจ ถ้ารอให้ฉันหันหลังเดินลับหายไป ได้ยินมั้ย คงต้องรอให้โลกหยุดหมุนไปก่อน...”

   เมื่อเพลงจบแต่เสียงกรี๊ดกร๊าดยังดังอยู่ต่อเนื่อง ยิ่งพี่ฟลอยด์กระโดดลงมาจากเวที ผู้คนก็แหวกออกเป็นวงกลมล้อมรอบผมกับพี่ฟลอยด์ ส่วนไอ้เชี่ยกลอยหายไปไหนไม่รู้

   พี่ฟลอยด์ย่อตัวคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วยื่นดอกกุหลาบที่ผมให้เมื่อกี้มาตรงหน้า ผมหันซ้ายหันขวาเห็นแต่มือถือหลากหลายยี่ห้อกับสายตาที่กดดันให้ผมรับดอกกุหลาบนั้น จ้องดอกไม้สีแดงตรงหน้าก่อนจะกลั้นใจยื่นมือไปรับพร้อมกับมีเสียงกีต้าร์ดีดเบาๆ รับตอนจบของเพลง

   “มันคงเป็นความรัก...” สบตาคู่นั้นแล้วเขินอย่างจริงจัง “ขอบคุณนะที่ไม่เดินหนีพี่”

   อยากจะตะโกนบอกว่า เพราะมันเดินหนีไม่ได้ต่างหาก

   นักดนตรีวงแรกที่ขึ้นร้องของพี่มอสเดินลงเวทีแล้วเปลี่ยนเป็นวงอื่นขึ้นแทน คงร้องหลายเพลงมาแล้ว พี่ฟลอยด์เลยจูงมือผมไปด้านหลังเวทีท่ามกลางกล้องมากมายมหาศาลที่กดถ่ายรัวๆ อีกเดี๋ยวรูปผมคงแพร่สะพัดไปทั่วเพจแน่
 
   “โห ไอ้เหี้ยฟลอยด์แม่งกล้าว่ะ” พี่ที่เล่นกลองตบบ่าพี่ฟลอยด์ดังปึก

   “มิน่าๆ” พี่ที่เล่นเบสจ้องหน้าผมพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์

   “มึงย้ายมาร้องนำเลยมั้ย” พี่ที่เล่นกีต้าร์ถูกตบหัวจากนักร้องนำตัวจริงของวงจนผมแอบขำ

   “หุบปากมึงเลยไอ้เชี่ยเบส” พี่มอสตะคอกเพื่อนตัวเองแล้วจ้องผมนิ่ง “มึงทำให้เพื่อนกูเพี้ยน”

   เสียงหัวเราะเฮฮาดังอีกระลอก ก่อนพวกไอ้กลอย ไอ้ป่านแล้วพี่เกนจะเดินมาสมทบ ผมล็อกตัวไอ้คนที่พาผมไปยืนจุดๆ นั้น ไอ้เชี่ยกลอยดิ้นพล่านแล้วรีบชี้มือชี้ไม้ไปทางพี่ฟลอยด์

   “มึงต้องลงโทษแฟนมึงนู้น พี่ฟลอยด์บอกให้กูทำ” ไอ้กลอยว่า พี่ฟลอยด์ตาโตแล้วขำ แปลว่ายอมรับ

   “แต่พี่แม่งเจ๋งสุดอะ” ไอ้ป่านยกนิ้วโป้งให้ แต่หันขวับไปมองคนที่พูดขัด

   “บ้ามากกว่า” พี่เกนกอดอกเบะปาก

   “ดีออก” ไอ้ป่านว่าจนพี่เกนถลึงตาใส่

   “มึงด่ากูใช่มั้ย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” พี่มอสรีบพุ่งคว้าพี่เกนก่อนที่จะถึงตัวไอ้ป่าน นี่ก็โหดเกินไป ผมรีบดึงไอ้ป่านมาอยู่ด้านหลัง “มันกวนตีนกูเหี้ยๆ”

   “ใจเย็นมึงไอ้เชี่ยเกน ก็มึงปากหมานี่หว่า” พี่มอสว่าขำๆ

   “มึงด่ากูอีกไอ้เชี่ยมอส” คนถูกขำดูไม่ชอบใจ

   “เอาน่าๆ อย่าใจร้อนพวก” พี่มือเบสเดินมากอดคอพี่เกน “คืนนี้ร้านเดิม ไอ้ฟลอยด์เลี้ยง” ผมหันขวับทันที ใจสปอร์ตอีกแล้ว พี่ฟลอยด์ยิ้มนิดๆ ไม่เถียง แปลว่าจะเลี้ยงจริงสินะ

   “พวกน้องก็มาด้วยนะ คนเยอะสนุกดี” พี่มือกลองเอ่ยชวน “โดยเฉพาะเมียเพื่อน พามาด้วยนะเว้ย อย่ามัวแต่จู๋จี๋บนเตียง” ถ้าผมต่อยปากพี่ได้คงทำไปแล้วว่ะ

   “แล้วน้องก็มาด้วยนะ” พี่มอสขยิบตาให้ไอ้กลอย ไอ้เกรียนมันกระพริบตาปริบๆ คงจะหลงเสน่ห์เกรียนๆ ของมันละสิ ก่อนมันจะโวยวายเมื่ออ่านข้อความในมือถือ

   “ชิบหาย ผมขอตัวก่อนนะ กูไปก่อนนะมึง เกิดเรื่อง” ผมรีบคว้ามันไว้เพราะเป็นห่วง “พี่โชกำลังเผชิญหน้ากับเด็กปีหนึ่ง” ไอ้กลอยบอกรัวๆ แล้วรีบวิ่งไป...งานเข้ามันสินะ มัวแต่ยุ่งเรื่องคนอื่น เรื่องตัวเองอาจจะเอาไม่รอดได้

   เก็บของทุกอย่างเสร็จ ผม พี่ฟลอยด์ ไอ้ป่านแล้วก็พี่เกนก็เริ่มเดินไปทั่วมหาลัย โดยเฉพาะคณะอักษรดูจะมีคนชอบมากเป็นพิเศษ แต่สำหรับผมมันก็ไม่น่าเดินเที่ยวหรอก เพราะไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบเรื่องหน้าเวทีเมื่อกี้ แต่พี่ฟลอยด์ดูไม่แคร์อะไร พี่แกยังไปเล่นโยนห่วงเอาตุ๊กตากับพี่เกนแล้วก็ไอ้ป่าน

   “เอ่อ” เสียงเรียกด้านหลังทำให้หันไปมอง “ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ”

   “ครับ?” ชุดศึกษามหาลัยอื่น แถมน่ารักซะด้วย

   “คือเราขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ” นี่ผมกำลังถูกจีบอยู่หรือเปล่า ขี้ตู่นิดๆ ช่างปะไร รีบพยักหน้าแล้วยิ้มหล่อหน้ากล้องมือถือ พอถูกถ่ายรัวๆ เสร็จ นักศึกษาน่ารักสองคนก็ยิ้มสวยแล้วบอกว่าเป็นแฟนคลับเพจเอฟทีไอซ์แลนด์อะไรนั่น

   “รักกันนานๆ นะคะ พวกเราเชียร์อยู่ค่ะ” รอยยิ้มน่ารักจากไป ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ


   ปิดตำนานความหล่อของไอ้ต้อมแล้วจริงๆ ผู้หญิงไม่มองเลยทีเดียวเชียว เปิดมาตอนแรกยังมีคนขอไลน์เพราะผมหล่ออยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นแฟนคลับคู่วายไปซะหมด เฮ้อ หมดกันสุภาพบุรุษชาวเกษตร


....TBC

พี่ฝอย เอ้ย พี่ฟลอยด์มาหวานแบบเงียบๆ ค่าาา >w<
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 31-08-2016 19:41:32
ถ้าจะหวานปานนี้ น้ำตาลก็สู้ไม่ได้แน่ อั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :-[ :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 31-08-2016 19:52:26
พี่ฝอยคือดีงามมากกกกกกอะน้องต้อมใจอ่อนเร็วๆน้าา(ตามมาอ่านทันแคะ)55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 31-08-2016 20:31:55
โอ๊ยยยย เขินแทนนนนน  :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 31-08-2016 20:57:03
หวานมากๆๆๆ ตอนให้ดอกไม้นี่เขิลมากกกก 555+


แอบขำป่านอะ ดีออก นี่ด่าพี่เกนใช่ไหม 555+
มีลุ้นไหมนี่คู่นี้ ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 31-08-2016 21:39:10
น่ารักมากเรื่องนี้
อ่านแล้วหายเครียด
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-08-2016 21:58:33
วันนี้พี่ฝอยขัดหม้อน้ำเชื่อมใช่ไหมหวานมาก :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 31-08-2016 22:36:58
กรี๊ดพี่ฟล์อยของเค้าเค้าจะเอาพี่ฟล์อยเค้าหลงรักผู้ชายคนนี้แล้ว ชั้นไม่ยกให้แกแล้วนางต้อม :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-08-2016 22:37:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 10 Up!!<< // [31/08/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-08-2016 23:09:52
เราว่าหลังๆพี่ฝอยแกน่ารักนะ ชอบชื่อเอฟทีไอส์แลนด์มากใครหนอช่างคิด
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 01-09-2016 12:23:23
No Sugar : 11




      งานโอเพ้นเฮ้าท์ปิดลงอย่างสวยงาม คณะผมขายของเอาเงินเข้าสโมสรนักศึกษาได้มากโข รายได้ส่วนนั้นจะนำไปจัดงานสิ้นปีที่ได้ประชุมและตกลงกันมาก่อนหน้า นั่นทำให้วันนี้ทุกคนพร้อมใจกันช่วยงาน ทั้งปีหนึ่งถึงปีสี่ คงจะมีแค่ผมที่โดดงานไปที่อื่นจนโดนไอ้นัวจ้องอย่างกับจะกินเลือด

   “หายหัวนะมึง” ไอ้นัวมันเหล่ตามองผม

   “ไอ้ป่านก็ไปกับกู” รีบหาพรรคพวก ไอ้ป่านเบิกตาโต ตบหัวผมจนหน้าคะมำ

   “กูไม่เกี่ยวไอ้สัดต้อม” รีบปฏิเสธเชียวนะเพื่อน

   “ไอ้ป่านมันอยู่ฝ่ายประสานงาน แต่มึงอยู่สวัสดิการแล้วหายหัว ได้ยินแต่ชื่อมึงเต็มมหาลัยไอ้สัดต้อม” โดนไอ้นัวตบหัวอีกรอบ คืนนี้ผมต้องฉี่รดที่นอนแน่ และที่ไม่ตอบโต้นั่นเพราะผมผิดจริง ตอนแรกกะจะเดินเล่นชิวๆ ไม่คิดว่าจะถูกไอ้กลอยหักหลังลักลอบเล่นงานผม มันตกลงกับพี่ฟลอยด์ว่าให้พาผมไปดูดนตรีตอนไหน ไอ้นี่มันร้าย ตอนนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง จะโดนแฟนมันฆ่าหมกป่าแล้วหรือยัง ไม่ใช่ไอ้กลอยนะครับ เด็กปีหนึ่งที่ตามจีบมันนั่นน่ะ

   ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองเพื่อนๆ เริ่มกลับหลังจากเก็บของทุกอย่างเสร็จ ไอ้นัวได้แต่ชี้หน้าคาดโทษผมแต่มันก็ไม่ทำอะไร

   “มึงจะกลับยังไง” ไอ้ป่านถาม ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบทุ่ม

   “กูปั่นสุดหวงมา” ผมว่า ไอ้ป่านทำท่าจะกลับแต่ผมดึงมันไว้ “มึงไม่ไปกินเลี้ยงกับกูเหรอวะ”

   “กูไม่รู้จักใครเลยนอกจากมึง”

   “ก็พี่ฟลอยด์ไง ไปเถอะมึง ไม่อย่างนั้นกูจะไม่มีเพื่อน” พยายามหว่านล้อมจนไอ้ป่านมันตกลง

   ผมปั่นสุดหวงโดยมีไอ้ป่านขับรถมันตามมา มันตะโกนบอกให้ผมรีบปั่น แต่สภาพสุดหวงมันจำกัดความเร็วได้เท่านี้ กว่าจะปั่นถึงหอขาแทบลาก ปกติจะปั่นกินลมแต่วันนี้มีพวกมารบีบแตรเร่งตลอดทาง ความเมื่อยล้าแล่นตั้งแต่นิ้วเท้าลามมาถึงคอ ไอ้ป่านเดินตามผมขึ้นห้องเพราะต้องเปลี่ยนชุด ดีมันมีเสื้อผ้าในรถอยู่แล้ว

   “นวดขาให้กูหน่อย” ผมถอดกางเกงนักศึกษาออกเหลือแต่บ็อกเซอร์พาดขาไปทางไอ้ป่านที่นั่งบนพื้น

   “อย่ามาสำออยไอ้ต้อม” มันผลักขาผมออก ตาก็ดูทีวีรายการอะไรสักอย่าง

   “เพื่อนกูทำไมใจร้ายวะ”

   “ไปใช้แฟนมึงนู้น” ยกขาถีบไอ้ป่านแทน มันยืดตัวมาจะตบหัว แต่ผมลุกหนีไปก่อน

   เดินออกจากห้องน้ำมาก็เห็นพี่ฟลอยด์นั่งอยู่ข้างไอ้ป่าน คนมาใหม่หน้างอนิดๆ เพราะตอนแรกหลังเลิกงานพี่เขาชวนผมกลับมาด้วย แต่ผมต้องไปที่คณะก่อน พี่ฟลอยด์เลยต้องกลับห้องตัวเองแทน
 
   “มาแล้วเหรอ” ผมทัก พี่ฟลอยด์ก็พยักหน้า เดินไปเสริมหล่ออีกนิดที่หน้ากระจก “เสร็จแล้ว ไปยัง” ถามหลังจากแต่งตัวเสร็จ คนนั่งรอก็กินขนมไปดูทีวีไป

   “นานเป็นชาติไอ้ต้อม” ไอ้ป่านแขวะแต่ผมไม่แคร์

   “เสร็จแล้วก็ไปกัน” พี่ฟลอยด์ว่า ไอ้ป่านก็รีบเก็บถุงขนมไปทิ้งแล้วปิดทีวี


   เราสามคนมาถึงผับแห่งหนึ่งซึ่งดูหรูเกินที่คนอย่างผมจะใช้บริการ ก่อนเข้าจะต้องตรวจบัตร ผมกับไอ้ป่านกำลังจะยื่นให้แต่พี่ฟลอยด์กลับยื่นการ์ดสีดำให้แทน พนักงานก็รีบเปิดประตูให้ทันที เส้นใหญ่ไม่เบาพี่คนนี้

   พอเปิดประตูปุ๊บ เสียงเบสหนักๆ ก็ทำให้ต้องจับอกตัวเองแน่น เหมือนหัวใจมันจะหลุดออกมาเต้นด้านนอก เดินตามพี่ฟลอยด์เข้าไปด้านในจนเห็นกลุ่มเพื่อนพี่เขาที่เล่นดนตรีวันนี้กับเพื่อนที่คณะอีกสองสามคน หนึ่งในนั้นมีพี่เกนที่พอเห็นผมกับไอ้ป่านปุ๊บก็หน้าบึ้งทันที

   “ซวย” ไอ้ป่านสบถเบาๆ ซึ่งผมเห็นด้วย

   ผมนั่งข้างพี่ฟลอยด์ส่วนไอ้ป่านไปนั่งข้างพี่มอสที่พยายามมอมเหล้าไอ้ป่านเต็มที่ แต่มันคอแข็งครับ เด็กเกษตรคอแข็งไม่แพ้ใครนะครับ ส่วนของผมก็ยกขึ้นจิบๆ ส่วนมากจะมองดูบรรยากาศมากกว่า นานมากที่ผมไม่ได้มาเที่ยว นั่นเพราะมัวแต่ทำงาน อีกอย่าง ที่เที่ยวแพงๆ แบบนี้ไม่ได้กินเงินไอ้ต้อมหรอกครับ

   “ไม่สนุกเหรอ” พี่ฟลอยด์ก้มมากระซิบข้างหูเพราะเพลงดังมาก

   “มันก็ดีนะ” ผมกระซิบตอบ “แต่เหล้าโคตรแพง” พี่ฟลอยด์หัวเราะจนผมต้องถลึงตาใส่

   “เอาน่า นานๆ ที” นานๆ มาทีแต่ก็เสียหลักหมื่นนะครับเนี่ย

   ผมไม่ตอบแต่ยกเหล้าขึ้นจิบแทน มองเพื่อนตัวเองที่เริ่มเฮฮาไปกับกลุ่มรุ่นพี่วิศวะ บ่อยครั้งที่เพื่อนผมจะออกไปเต้นหาสาวกับพวกพี่มอส แต่มันไม่ได้ใครมาเหมือนกับคนอื่นๆ และเพราะพี่มอสได้สาวมาด้วย ไอ้ป่านเลยต้องกระเด็นไปนั่งข้างพี่เกนที่เหล่มันมานาน จะต่อยกันหรือเปล่าวะเนี่ย

       รีบสะกิดพี่ฟลอยด์ทันทีที่เห็นท่าไม่ค่อยดี

   “มีอะไร”

   “เพื่อนพี่จะต่อยเพื่อนผมแล้ว”

   “หืม” พี่ฟลอยด์หันไปมองเพื่อนตัวเองที่จ้องหน้าไอ้ป่านก่อนยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียว “ไม่หรอก มันแค่มองเฉยๆ”

   จ้องจะกินหัวขนาดนี้นี่คือมองเฉยๆ เหรอวะ

   ยิ่งดึกยิ่งคึกคงพูดแบบนี้ได้ เหล้าเริ่มหมดเป็นขวด คอน้ำเมาก็เริ่มมีอาการ ยังดีที่พี่ฟลอยด์กินไม่กี่แก้วคงปล่อยให้เพื่อนสนุกให้เต็มที่ส่วนตัวเองรอจ่ายเงินทีหลัง

   ปวดหน่วงๆ จนต้องรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ ยืนทำธุระไม่นานก็เดินมาล้างมือ พี่เกนเดินเซนิดๆ เข้ามา ผมก็แค่มองแต่ไม่คิดจะช่วยพยุงหรอก รู้ว่าพี่เขาไม่ชอบผม ต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด พอจะก้าวขาออกห้องน้ำ แขนผมก็ถูกกระชากจนหลังชนกับกำแพง

   “เชี่ยอะไรวะ” ผมสบถจนดังลั่น อยู่ๆ ถูกจับเหวี่ยงขนาดนี้มันตกใจนะครับ

   “มึงเลิกยุ่งกับเพื่อนกูซะ” เสียงไม่ได้ยานคางเลยสักนิด แสดงว่าเมาไม่มากสินะ

   “ทำไมต้องเชื่อด้วยวะ” จ้องหน้าอย่างท้าทาย

   “เพราะมึงไม่เหมาะกับเพื่อนกู” บอกพร้อมกับขยำคอเสื้อผมแน่น ใบหน้าโหดจนเหมือนจะฆ่าผมให้ตายตรงนี้ ชักเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ซะแล้วสิ ผมแสยะยิ้มออกมาจนรุ่นพี่ตรงหน้าตวาด “ขำพ่องมึงเหรอ”

   “หึงเพื่อนตัวเองเหรอครับ” ถามกลับพร้อมกับลอยหน้าลอยตา จนเกือบถูกมันต่อยหากไม่ได้พี่ฟลอยด์ที่กระชากตัวเพื่อนมันออกก่อน ไอ้ป่านรีบวิ่งมาจับตัวผมหมุนไปมาด้วยความเป็นห่วง

   “ไอ้เกน” พี่ฟลอยด์เรียกชื่อเพื่อนตัวเองเสียงดัง

   “ทำเพื่อนกูทำไมไอ้เหี้ย” ไอ้ป่านด่าครับ พี่เกนกัดฟันจนกรามนูนเป็นสัน

   “งั้นทำมึงแล้วกันไอ้สัด” ว่าแล้วก็พุ่งมัดเข้าเต็มหน้าไอ้ป่านจนมันล้มลงไปนั่งกับพื้น มุมปากแตกจนเลือดซึมออกมา

   “ไอ้เหี้ย” ไอ้ป่านตวาดลั่นจนคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำรีบวิ่งหนีเพราะกลัวถูกลูกหลง

   ผมผลักอกไอ้คนที่มันต่อยเพื่อนผมจนหลังมันไปชนกำแพง “ทำเพื่อนกูทำไมวะ”

   “มึงมันก็แค่พวกหนูที่อยากตกถังข้าวสาร หลอกเงินเพื่อนกูไปเท่าไหร่แล้ววะ” โมโหมากตอนนี้ เหมือนมีใครเอาไฟร้อนๆ มารนในอก

   “ไอ้สัด” ผมต่อยหน้าไอ้คนปากเสียเต็มโหนกแก้ม

   “หมัดตรง เจ๋ง” เสียงไอ้ป่านว่า มันปรบมือยิ้มตาพราว

   “ถึงกูจะไม่รวย แต่ไม่เคยเกาะใครกินจำไว้ แล้วเพื่อนกูก็ไม่ใช่กระสอบทรายที่มึงอยากต่อยก็ต่อยได้” ผมชี้หน้าด่าแล้วลากไอ้ป่านออกจากห้องน้ำ ผมบอกให้พี่ฟลอยด์ดูเพื่อนมันครับไม่ต้องตามออกมา เดี๋ยวหมาบ้าจะออกไปไล่กัดคนอื่นอีก

   ผมสองคนเลือกจะไม่กลับไปที่โต๊ะ แต่เปลี่ยนเป็นออกนอกผับแทน ด้านนอกบรรยากาศต่างกันลิบลับ ไอ้ป่านตบบ่าผมเบาๆ มันคงหายเมา ก็เจอหมัดหนักๆ ขนาดนั้น

   “เจ็บหรือเปล่าวะ” ผมถาม ไอ้ป่านเบ้ปาก

   “โคตรๆ หมัดหนักชิบหาย เมาแล้วโคตรเหี้ย” ผมขำเพื่อนตัวเองจนไอ้ป่านหน้างอ “ขำพ่อง เพื่อนมึงเจ็บเนี่ยเห็นป่ะ” มันยื่นปากตรงที่แตกมาให้ผมดูใกล้ๆ ผมเลยต้องผลักหน้ามันออกห่าง

   “กูเห็นแล้ว สายตาไม่ได้สั้น”

   “ว่าแต่ มันไม่ชอบมึงเรื่องอะไรวะ แค่เรื่องไปเกาะเพื่อนมันก็ไม่น่าใช่” ระหว่างยืนรอแท็กซี่ไอ้ป่านมันก็เริ่มวิเคราะห์

   “กูว่า มันน่าจะชอบเพื่อนตัวเองหรือเปล่าวะ” ผมออกความคิดเห็น ไอ้ป่านหันขวับมามองแล้วส่ายหน้ารัวๆ

   “ไม่น่าใช่นะมึง ถ้าชอบมันก็ต้องรุกแล้วสิวะ แต่มันจงใจหาเรื่องมึง หรือว่า...” มันตาโตจ้องหน้าผม

   “อะไร”

   “มันชอบมึง”

   “พ่องมึงสิ” ไอ้พี่เกนมันจะมาชอบผมได้ไง ด่าผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ หาว่าเป็นหนูตกถังข้าวสาร หรือว่ามันเคยโดนหลอกเลยฝังใจ “พี่เขาอาจเคยโดนหลอกหรือเปล่าวะ”

   ไอ้ป่านพยักหน้า “เป็นไปได้ แต่แม่ง ไม่ควรมาพาลคนอื่นหรือเปล่าวะ ไอ้สัดเอ้ย ต่อยกูด้วย แต่หมัดมึงเมื่อกี้เจ๋งจริงๆ”

   “เออ”

   แล้วเราสองคนก็หัวเราะกันดัง รอแท็กซี่ก็ไม่มา สายนี้ไม่น่าจะมีรถเมล์ด้วย แสงไฟหน้ารถสาดมาทางพวกผมพร้อมกับเสียงบีบแตรดังลั่น พอมองดีๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นรถพี่ฟลอยด์ เจ้าของรถเลื่อนกระจกลงแล้วตะโกนออกมาให้ผมขึ้นรถ พอผมเปิดประตู ไอ้ป่านก็เปิดด้านหลังแต่พี่ฟลอยด์กลับไม่ให้มันขึ้นซะงั้น

   “ทำไมพี่ไม่ให้ไอ้ป่านไปด้วยล่ะ” ขมวดคิ้วถาม

   “ให้ไอ้เกนไปส่ง” คำตอบทำเอาผมกับไอ้ป่านตาโต

   “เมื่อกี้ต่อยกันขนาดนั้นพี่ยังจะให้ไปส่งไอ้ป่านอีกเหรอ” เจ้าของชื่อรีบพยักหน้าเห็นด้วย

   “มันทำผิดก็ต้องไปส่งเพื่อไถ่โทษ” เสียงพี่ฟลอยด์ดูนิ่งจนเพื่อนผมเริ่มลังเล

   “กูไม่เป็นไร มึงกลับเถอะ” ไอ้ป่านปิดประตูด้านหลัง ผมเลยปิดด้วย ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกันสิวะ

   “งั้นเดี๋ยวผมกลับกับไอ้ป่าน” บอกไป พี่ฟลอยด์ขมวดคิ้วแล้วเปิดประตูรถออกมาพอดีกับมีรถอีกคันขับมาจอดต่อท้าย “อะไรของพี่เนี่ย” ผมถูกจับยัดในรถ ส่วนไอ้ป่านถูกพี่ฟลอยด์ลากไปนั่งข้างคนขับรถคันหลัง ผมมองเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วง “พี่ฟลอยด์”

   “ไม่เป็นไร มันรู้ความผิดของมันแล้ว” พี่ฟลอยด์ว่า แต่ผมยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เกิดมันโมโหฆ่าเพื่อนผมหมกป่าทำไงวะ “ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้เกนมันปากหมาไปแบบนั้นเอง”

   “เหอะ ยิ่งกว่าปากหมาเหอะ” กอดอกแล้วเบ้ปาก “เพื่อนพี่เคยโดนเด็กหลอกเอาเงินเหรอ ถึงคิดว่าผมจะหลอกพี่น่ะ”

   “อืม” เสียงตอบรับเบาๆ “เคยถูกเด็กที่มันรักหลอกเอาเงินไปก็เลยเข็ดละมั้ง”

   “ทำไงถึงโดนหลอกล่ะ โง่เองนี่หว่า” เหมือนจะรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไป “ขอโทษ”

   “ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ” ว่าติดตลก “ไอ้เกนมันเป็นพวกขี้สงสาร เมื่อก่อนน่ะนะ เจอเด็กคนหนึ่งหน้าตาน่ารักออเซาะเก่ง บอกบ้านจนมันก็ให้ทุกอย่าง สุดท้ายขโมยทั้งรถทั้งคอนโดไปหมด” ร้ายแรงว่ะแบบนี้

   “ทำยังไงถึงขโมยคอนโดวะพี่” ไอ้รถผมรู้ว่ามันขโมยได้

   “แอบไปโอนชื่อเป็นของตัวเองไง” ผมพยักหน้าเมื่อได้รับคำตอบ แบบนี้จะโทษคนอื่นได้ยังไง ต้องโทษตัวเองที่หลงเชื่อเอง

   “พอเห็นผมจนเลยคิดว่าจะมาหลอกพี่น่ะเหรอ ปัญญาอ่อนเหี้ยๆ” อดที่จะด่าไม่ได้ พี่ฟลอยด์ก็หัวเราะ

   “เด็กมีปัญหาก็แบบนี้แหละ พี่เคยเป็น”

   “แล้วเพื่อนพี่จะไม่ทำร้ายเพื่อนผมแน่นะ ถ้าไอ้ป่านมันมีรอยขีดข่วนละก็ ผมตามไปเอาเรื่องถึงคณะแน่” ขู่ไว้ก่อน พี่ฟลอยด์ยื่นมือมาขยี้หัวผมซะเละ

   “ครับๆ”



   เส้นทางของรถไม่ได้มุ่งหน้ากลับหอพักผมแน่ เหลือบมองคนที่ตีเนียนพาผมกลับคอนโดด้วยเฉย

   “ไม่ส่งผมที่หอเหรอ” ถามทั้งๆ ที่เห็นอยู่

   “อยากนอนกอด” ขยิบตาเจ้าชู้ใส่ ผมเลยชูนิ้วกลางให้แทน คนโดนขำ “เดี๋ยวเจอของจริง”

   “ตลก”

   กว่าจะถึงห้องก็ดึกจนเห็นลุงยามนั่งงีบหลับอยู่ที่ป้อม ผมเดินตามเจ้าของห้องขึ้นไปด้านบนเช่นเคย มือใหญ่ยังจับมือผมไม่ยอมปล่อย ขนาดเข้ามาในลิฟต์ยังไม่ยอม

   “ปล่อยมือผมได้แล้ว” เหงื่อเต็มมือผมเลยให้ตาย

   “ไม่เอา” ไม่พูดเปล่า ยังยกมือผมขึ้นจูบด้วย ดวงตาคมช้อนมองผมจนหน้าโคตรร้อน

   “ห้ามรุ่มร่าม” บอกแก้เขิน พี่ฟลอยด์แม่งหัวเราะออกมาก่อนจะดึงผมให้เดินตามเข้าห้อง

   เข้ามาในห้อง ผมก็ทิ้งตัวนอนเหยียดยาวบนโซฟา วันนี้โคตรเหนื่อย แต่ยังน้อยกว่าเมื่อวาน นอนแล้วเหมือนจะเคลิ้มหลับก่อนรู้สึกอุ่นๆ ที่ปาก

   ปรือตาขึ้นมองก็เจอกับหน้าหล่อๆ อยู่ใกล้จนปลายจมูกแตะกัน

   “พี่ฟลอยด์”

   “อยากจูบ”

   หน้าหล่อเลื่อนลงมาจนริมฝีปากประกบกัน อยากจูบก็จูบจริง แต่ถ้ามากกว่าจูบผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน มือที่ลูบไล้แถวสะโพกถูกมือผมจับแน่น พี่ฟลอยด์ค่อยๆ ผละออก ดวงตาพราวจ้องอย่างเสียดาย

   “ยังไม่ใช่ตอนนี้” บอกเสียงแข็ง

   “แล้วเมื่อไหร่ล่ะ” เสียงอ่อนถามพร้อมกับซบหน้าลงที่ซอกคอของผม “พี่ยอมทุกอย่างแล้วนะ”

   “ผมก็ยอมทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้” ผมว่า พี่ฟลอยด์ส่งเสียงงุ้งงิ้งก่อนจะรีบดีดตัวนั่งตรงแล้วจ้องผม

   “เมื่อกี้บอกยอมทุกอย่างเหรอ” เบิกตากว้างถาม ผมก็เลยพยักหน้า

   “อืม”

   “ทุกอย่างที่ว่า รวมถึงยอมเป็นแฟนพี่แล้วใช่ป่ะ”

   “อืม”

   “ไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย”

   “อืม”

   “พี่ไม่ได้เมาจนเบลอใช่มั้ย” ผมตบหน้าใส่แรงนิดหน่อยจนคนโดนตบลูบแก้มตัวเองเบาๆ

   “เจ็บป่ะ”

   “มาก” ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง

   ผมถูกคนดีใจกอดจนแทบจะจมหายไปกับอกแข็ง

   “หายใจไม่ออกแล้วเว้ย” ตีเข้าที่แขนหลายๆ ครั้ง

   “ดีใจเหี้ยๆ” ท่าทางดูดีใจจนผมขำ พี่ฟลอยด์หอมแก้มผมซ้ายทีขวาทีจนแก้มแทบช้ำเมื่อถูกหอมย้ำๆ “โอ้ยดีใจ คืนนี้นอนไม่หลับแน่”

   “อย่ามาเว่อร์ได้ป่ะ”

   “ไม่ได้เว่อร์สักนิด”

   “เหรอ” ลากเสียงยานคาง

   “ครับ” นี่ก็ลากตาม แล้วเราก็พากันหัวเราะลั่นห้อง “เป็นแฟนกันแล้วนะ”
 
   “อืม พูดมากจริง ไปอาบน้ำไป เหม็นเหี้ยๆ” ผมปิดจมูกแสร้งว่าเหม็น

   “ตัวหอมขนาดนี้มาว่าเหม็น แล้วเลิกพูดเหี้ยพูดเว้ยกับพี่ด้วย พี่ไม่ชอบ”

   “แล้วชอบแบบไหนล่ะ”

   “ชอบแบบหวานๆ อ่ะ” ดวงตาเป็นประกาย

   “แต่ผมเป็นคนไม่กินหวานว่ะ” บอกไปงั้น ที่จริงผมโคตรชอบของหวานเลย

   “ไม่เป็นไร ไม่หวานพี่ก็ชอบ”

   ผมยิ้มตาปิดเมื่อพี่ฟลอยด์กระโดดโลดเต้นเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำ ส่ายหน้าให้กับคนที่โตแต่ตัวก่อนหยิบมือถือโทรหาไอ้ป่าน รอสายไม่นานมันก็รับ น้ำเสียงเหมือนโวยวายจนผมตกใจ

   “มึงเป็นไรวะ โดนมันต่อยอีกเหรอ” ผมถามอย่างร้อนรน

   “เปล่า” เสียงตอบกลับนิ่งๆ “แต่แม่งยางรถแบน ไอ้สัดนั่น มันเปลี่ยนยางไม่เป็นอีก ซวยชิบหาย”
 
   “มึงก็เปลี่ยนสิวะ” ผมว่า

   “กูก็กำลังเปลี่ยนอยู่นี่ไง มือถือกูหนีบคอจนจะเคล็ดเนี่ย ไอ้เชี่ย มึงช่วยกูหน่อยได้มั้ยวะสัดเอ้ย” ประโยคแรกไอ้ป่านคุยกับผม แต่ประโยคหลังคงด่าคนที่จะพามันกลับนั่นแหละครับ

   “เอ่อๆ ไม่เป็นไรก็ดี ดูแลตัวเองด้วยนะเว้ย” สั่งเสียเพื่อนตัวเองก่อนจะไลน์ไปหาไอ้ดอยที่ช่วงนี้ติดเมียเกินไปจนลืมเพื่อน มันบอกแค่ว่า อาทิตย์นี้งดเรียน สบายสิผม

   รอพี่ฟลอยด์ออกมาผมก็เปลี่ยนไปอาบน้ำ น้ำอุ่นคลายความปวดเมื่อยได้เยอะ พอออกมาก็เห็นเจ้าของห้องนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงสีน้ำตาล พี่ฟลอยด์กวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา พอไปถึงก็ดึงให้นั่งแล้วเอาขาผมไปวางบนตักตัวเอง จะชักกลับก็โดนยึดไว้แน่น

   “ทำอะไรเนี่ย” ผมโวยวาย

   “ทายาให้ไง เห็นเดินแปลกๆ” มือขาวชูหยอดยาคลายกล้ามเนื้อ ก่อนจะบีบลงบนขาผมแล้วออกแรงนวดเบาๆ บางจุดนี่เจ็บจี๊ดเลยนะครับ “ขาบวมหรือเปล่า เดินเยอะขนาดนั้น” นวดไปบ่นไปจนผมขำ

   “เหมือนพ่อเลยอ่ะ” พูดจบโดนหยอดยาเคาะหัวเบาๆ

   “เดี๋ยวเถอะ” ว่าไปงั้น มือก็ยังนวดขาผมอยู่ พอเริ่มเคลิ้มๆ มือมันก็นวดขึ้นมาซะสูงจนต้องรีบตะปบมือ

   “อย่ามาตีเนียนครับ เดี๋ยวจะโดนต่อย” พี่ฟลอยด์หัวเราะเสียงดัง แล้วโผเข้ามากอดผมให้นอนราบบนเตียง “คนหรืองูหลามวะ รัดโคตรแน่น”

   “ถึงเวลาจะรัดให้แน่นกว่านี้อีก คอยดูเถอะ” ว่าจบก็ฟัดแก้มผมจนแทบจะช้ำ

   “คงอีกนานกว่าจะถึงวันนั้นครับ” ยิกเข้าที่เอวจนพี่ฟลอยด์บ่น แล้วก็เริ่มคลายกอด

   “ขอบใจนะ ที่ยอมให้โอกาสพี่” เรานอนมองเพดานสีขาวพร้อมรอยยิ้มบางๆ

   “ถ้าทำผิดอีก ผมไม่มีให้แล้วนะ”

   “ครับ ไม่มีแน่นอน จะเชื่อฟังทุกอย่างเลยดีมั้ย”

   “เว่อร์ว่ะ” บอกขำๆ แล้วหันหลังให้เพราะผมชอบนอนตะแคงมากกว่า เมื่อสบโอกาสแขนแกร่งก็สอดเข้ามาโอบเอว ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอ “ฝันดีนะ”

   “ฝันดีครับ” ถูกจูบเบาๆ ที่ต้นคอ

         คืนนี้ผมคงจะนอนหลับฝันดี ไม่มีเรื่องในกวนใจ แล้วที่ผมให้โอกาสเพราะเห็นถึงความพยายามของพี่เขาที่จะทำเพื่อผม แค่นั้นก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเขาไปเยอะ ยังไงซะ คืนนี้ก็เป็นคืนที่ดี หลับฝันดี พรุ่งนี้ตื่นมาจะเจออะไรค่อยว่ากัน


...TBC


เป็นแฟนกันแล้วววว พี่ฝอยของเรา  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-09-2016 13:02:43
ดีใจด้วยพี่ฝอย ต้อมยอมเป็นแฟนแล้ว
ได้แฟนเซอร์วิสด้วย นวดกันไป
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-09-2016 13:03:06
ไอ้บ้าเกน
โง่โดนหลอกเอง
แล้วคิดว่าคนอื่นเค้าจะนิสัยเสียเหมือนกันหมดหรือไง


 :z6: :z6:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 01-09-2016 13:07:52
กรี๊ดพี่ฟล์อยน้องต้มเขาเป็นแฟนกันแล้ว เย่ๆๆ :katai3:แล้วอะไรนะพี่เกนมาสายโหดแต่เปลี่ยนยางรถไม่เป็นเนี่ยนะ ต้องให้น้องป่านว่าที่ภรรยาเเเปลี่ยนให้ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-09-2016 13:16:02
ถึงจะน่าเตะไปหน่อย
แต่รออ่านเกนป่านนะ *__*
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-09-2016 13:31:49
เป็นแฟนกันแล้ว~~~
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-09-2016 14:25:16
พี่ฟลอยด์ ต้อม  :mew1: :mew1: :mew1:
 "ผมไม่หวานนะพี่"
"ไม่หวานก็รักว่ะ" สมชื่อเลยยยยย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 01-09-2016 14:54:23
เป็นแฟนกันแล้วววววว    :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-09-2016 16:23:41
เป็นแฟนกันแล้วววววววว :mc4: :mc3: :mc2: :m18:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-09-2016 18:48:40
หึๆๆๆๆ เป็นแฟนกันแล้วววววว
เกนกับป่านนี้ชักแปลกๆนะ หุๆๆๆๆๆ :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-09-2016 19:12:46
พี่เกนนี่ระแวงจนดูเหมือนหึงเลยนะ หึหึ ดีใจกับพี่ฝอยด้วยได้แฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ชอบต้อมด้วยอะแมนๆไม่หวานแอบน่ารักด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 01-09-2016 19:29:05
“ไม่เป็นไร ไม่หวานพี่ก็ชอบ”
“ไม่เป็นไร ไม่หวานพี่ก็ชอบ”
“ไม่เป็นไร ไม่หวานพี่ก็ชอบ”
“ไม่เป็นไร ไม่หวานพี่ก็ชอบ”
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

“ไม่เป็นไร ไม่หวานเราก็ชอบ”
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 01-09-2016 22:17:20
พี่เกนนี่โง่เองนะ
แล้วไปต่อยป่านทำไม  :m31:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 01-09-2016 22:28:36
เป็นแฟนกันสักที
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-09-2016 13:35:06
เป็นแฟนกันแว้ววววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 02-09-2016 17:59:05
เป็นแฟนกันซะที พี่ฝอยนี่พัฒนาการดีขึ้นเยอะมาก
ไม่กวน..เหมือนตอนแรกๆ  555+

พี่เกนนี่ฝังใจมากสินะ ถึงขั้นต่อยกัน หึหึ
อยากอ่านฝั่งช่วงที่ป่านกลับกับพี่เกนจัง จะมีไหมนะคนเขียน หุหุ
รู้สึกคู่นี่มันมีอะไรบาวอย่างน่าสนใจ 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 11 Up!!<< // [01/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 02-09-2016 18:22:01
หวานมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!!<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 03-09-2016 12:28:30
No Sugar : 12



        ตอนนี้ผมกำลังยืนกอดอกจ้องคนที่เหมือนโดนบังคับให้มาขอโทษ ไอ้ป่านก็ยืนอยู่ข้างผมส่วนพี่ฟลอยด์ยืนข้างเพื่อนตัวเอง ผู้ชายสี่คนยืนเงียบอยู่ใต้หอพักจนคนที่เดินไปมาเหลียวมอง ผมอยู่ใต้หอพักตัวเองนั่นแหละครับไม่ได้ไปที่ไหน แต่ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เพราะพี่เกนมาส่งไอ้ป่านเอารถ

   เช้ามาผมก็ให้พี่ฟลอยด์มาส่งที่หอ บังเอิญเจอรถคนที่ไปส่งเพื่อนผมมาจอดต่อท้าย นั่นละครับทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ตอนแรกรถคันต่อท้ายจะรีบขับหนี แต่พี่ฟลอยด์รู้ทันรีบเข้าไปขวางแล้วลากเพื่อนให้ออกมายืนตรงหน้าผม

   “ขอโทษ” เอ่ยออกมาแบบไม่รู้สึกผิดสักนิด

   “เสียงแบบนี้ใช่คนที่สำนึกผิดหรือเปล่าครับ” ผมว่า พี่เกนทำหน้าทะมึนตึงใส่ผม

   “เออๆ กูขอโทษ เมื่อคืนกูเมามากไปหน่อย” เสียงกับหน้าตาดูอ่อนลง

   “แต่ดูพี่เหมือนไม่ใช่คนเมาเลยนะ” ยังตีรวนไม่เลิก พี่ฟลอยด์แตะศอกปรามผม

   “ต้อม ไม่เอาน่า ไอ้เกนมันรู้สึกผิดจริงๆ” ผมเบ้ปากไม่ค่อยเชื่อ

   “ต้องให้กูก้มกราบมึงเลยมั้ยวะ” พี่เกนพูดออกมา รีบหันขวับไปมอง

   “ถ้าได้ก็ดี”

   “ไอ้!” คนโมโหพยายามข่มความโกรธไว้ พร้อมถอนหายใจออกมา “เพราะมึงเป็นแบบนี้ ปากหมาแบบนี้ กูเลยไม่คิดว่าไอ้ฟลอยด์จะชอบมึง”

   หันไปมองพี่ฟลอยด์ “เพื่อนพี่ชอบคนน่ารัก อ่อนหวานผมรู้ดี”

   “นั่นแหละ แต่มึงแม่งตรงกันข้ามทุกอย่าง”

   “บางทีคนเราไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลไปซะทุกเรื่องก็ได้ ชอบกับรักมันไม่เหมือนกันหรอก ถ้าพี่ได้รักใครสักคนถึงจะรู้” ผมว่า พี่เกนแค่นยิ้ม

   “กูไม่เชื่อใจใคร” เหล่ตามองไอ้ป่านนิดๆ “แล้วเพื่อนมึงก็กวนตีนกู” ยังไม่ได้พูดเกี่ยวกับไอ้ป่านเลยนะ

   “พี่กวนผมก่อนนี่หว่า” ไอ้ป่านเถียง

   “มึงด่ากู” คนนี้ก็ไม่ยอม

   ปล่อยให้เถียงกันซะให้พอ ผมยืนมองคนทะเลาะกันจนเงียบไปเอง

   “มึงมากับพี่เกนได้ไง รถมึงก็เพิ่งจะมาเอาตอนนี้” จ้องจับผิด ไอ้ป่านหน้ามุ่ย

   “เมื่อคืนกว่าจะเปลี่ยนยางเสร็จมันก็ไม่ยอมไปส่งกู” ไอ้ป่านเหล่ตามองพี่เกน “กูเลยนอนห้องมันซะเลย”

   “กูรุ่นพี่มึงนะ” เริ่มทะเลาะอีกแล้ว

   “พอๆ แยกย้ายเถอะ” พี่ฟลอยด์รีบห้ามศึก พี่เกนส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วเดินกลับไปขึ้นรถ ส่วนผมล็อกคอเพื่อนตัวเองขึ้นห้อง มีเรื่องต้องเคลียร์ก่อน “ข้าวต้มนะ” พี่ฟลอยด์ตะโกนถาม ผมพยักหน้าพี่แกเลยเดินข้ามไปร้านสะดวกซื้ออีกฝั่ง

   “ลากกูมาทำไมเนี่ย” ไอ้ป่านโวยวายจนมาถึงห้องผมก็ปล่อยให้มันเป็นอิสระ

   “ต่อยกันแทบตาย แต่มึงกลับไปนอนห้องพี่เขาได้ยังไงวะ”

   “ก็มันดึก อีกอย่าง บ้านมันแม่งโคตรไกล จะเดินออกมาเรียกแท็กซี่ก็ไม่ไหว กูเลยนอนบ้านมันซะเลย” ไอ้ป่านกอดอกทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ “ว่าแต่มึงเถอะ กับพี่ฟลอยด์เป็นไงมั่ง ได้กันยัง” ตบหัวมันเต็มมือจนไอ้ป่านหน้างอ

   “ได้พ่องมึงสิ”

   “อะไรวะ พี่เขาอ่อนโคตร แค่ไอ้ต้อมตัวแห้งๆ แม่งยังจัดการไม่ได้ แย่ว่ะ” ไอ้ป่านส่ายหน้า “หรือของพี่เขาไม่ขันวะ” เลยโดนผมตบหัวไปอีกที

   “มันก็เรื่องของกู มึงกลับไปได้แล้ว”

   “อ่าว มึงลากกูมาแล้วไล่กูแบบนี้เหรอวะ”

   “เออ”

   ไอ้ป่านยกขาถีบเอวผมก่อนเดินออกจากห้องไป พอประตูปิดลงไม่นานพี่ฟลอยด์ก็เปิดเข้ามา

   “ป่านกลับแล้วเหรอ” ถือขาวๆ วางถุงเข้ากล่องบนโต๊ะ ผมก็พยักหน้า “พี่ซื้อมาเผื่อด้วยนะ”

   “เดี๋ยวผมกินเองไม่ต้องห่วง” รีบเปิดกล่องข้าวต้มหมู ของพี่ฟลอยด์ข้าวต้มกุ้ง พอเห็นแบบนี้แล้วก็นึกถึงตอนที่เจอกันที่ร้านสะดวกซื้อ

   “ขำอะไร”

   “เห็นข้าวพวกนี้แล้วนึกถึงตอนพี่แย่งข้าวผัดของผมไง” พี่ฟลอยด์เลิกคิ้วก่อนขำออกมา

   “ใช่ ตอนนั้นต้อมโคตรน่าต่อย” พูดตรงจนผมขำ

   “พี่ก็น่าต่อยเหมือนกันนั่นแหละ แย่งไม่ดูเลยว่าอันไหนของตัวเอง” ตักข้าวเข้าปากก่อนคายออกมาเพราะโคตรร้อน

   “ระวังหน่อย” มือขาวยื่นมาเช็ดมุมปากแล้วยิ้ม “ก็สั่งเหมือนกันใครจะไปรู้วะ”

   “ไม่มีเซ้นซะเลย” ผมว่า พี่ฟลอยด์ก็หัวเราะอย่างเดียว “แล้ววันนั้นพี่เกือบถอยรถชนผมด้วย กะฆ่ากันเห็นๆ” นึกถึงก็แอบแค้น

   “ตอนไหน” ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

   “ตอนนั้นแหละ แค่ยืนดูเฉยๆ แม่งถอยมาซะเกือบชน”

   “อ่าวเหรอ ฮ่าๆ” แกล้งไม่รู้นี่หว่า “แล้วปิดอาทิตย์หนึ่งต้อมจะไปไหนหรือเปล่า”

   “ผมว่าจะกลับบ้าน พี่ล่ะ” พี่ฟลอยด์ชะงักไปนิดก่อนจะส่ายหน้า “งั้นพี่ไปกับผมมั้ย” คนหน้าหมองรีบยิ้มแย้ม

   “ไปได้เหรอ”

   “อืม แต่บ้านผมไม่ได้หลังใหญ่แบบบ้านพี่นะ” ถึงบอกแบบนั้นพี่ฟลอยด์ก็ยังพยักหน้าแล้วยิ้ม

   “แม่ดุหรือเปล่า” เงยหน้ามองทั้งที่ปากยังคาบช้อน

   “มาก” คนถามหัวเราะร่วน

   “ไม่กลัว”
   




   แต่พอเอาเข้าจริง คนบอกไม่กลัวมือเย็นมากครับ แถมมีเหงื่อผุดเต็มไรผม พี่ฟลอยด์ดูประหม่าขนาดลืมดับเครื่องยนต์ตอนลงจากรถจนผมต้องสะกิดบอก แล้วยังลืมตะกร้าผลไม้ที่เตรียมไว้ที่ห้อง เลยต้องมาหาซื้อก่อนที่จะถึงบ้านผม
 
   “ตื่นเต้นป่ะ” ถามไป คนที่เดินข้างๆ ทำหน้าตื่นแล้วรีบพยักหน้า อยากจะขำ “เอาน่า บ้านผมไม่มีปืนซ่อนอยู่ พี่ไม่ต้องกลัว”

   “ไม่รู้สึกดีเลยสักนิด” คนตื่นเต้นทำหน้าบูด

   ผมเดินนำพี่ฟลอยด์เข้ามาในตัวบ้าน เจอตัวครองบ้านกระโดดดุ๊กดิ๊กมาหา ผมย่อตัวนั่งลูบมันนิดหน่อยก่อนแม่จะเดินออกมา ผมก็ยกมือไหว้ พร้อมๆ กับพี่ฟลอยด์ที่รีบยกมือไหว้จนเกือบทำตะกร้าผลไม้ตก

   “อุ้ย ระวังสิลูก” แม่รีบเดินเข้ามาคว้าตะกร้าไป พี่ฟลอยด์เลยยกมือไหว้สะดวกขึ้น “คนนี้เหรอที่บอกแม่เมื่อคืน” ผมรีบพยักหน้าแล้วยิ้ม “หล่อนะเนี่ย หล่อกว่าตุ้มเยอะ” ตุ้มคือพี่ชายผมครับ

   “โห แม่กล้าเอาตุ้มมาเปรียบว่ะ” โดนตีเข้าแขนเบาๆ ก่อนกอดแม่เต็มรัก “คิดถึง”

   แม่กอดตอบผมแน่น “คิดถึงแต่ไม่มาหา มันใช่หรือเปล่ายะ”

   “แม่อะ” หน้างอเมื่อผละจากอ้อมกอด “แล้วพ่อล่ะ”

   “ยังไม่กลับ นั่งก่อนลูก มัวแต่คุยลืมเลย” แม่ผมดึงแขนพี่ฟลอยด์มานั่งแล้วรีบเดินเข้าไปด้านใน คนที่นั่งลงหันมามองผมที่อุ้มเจ้าตัวสีเทาหูตั้งมาวางบนตัก

   “เลี้ยงกระต่ายด้วยเหรอ” ถามพร้อมยื่นมือมาลูบ

   “แม่อยากเลี้ยง เป็นผม เลี้ยงหมาตัวใหญ่ๆ ดีกว่า” กระต่ายมันเฝ้าบ้านไม่ได้นะครับ พี่ฟลอยด์มองหน้าผมแล้วยิ้มจนต้องดันหน้าให้หันไป

   ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่จ้องหน้าผมแล้วยิ้ม ปกติก็เป็นแบบนั้นแต่เหตุการณ์หน้าเวทีผ่านไปกับการได้เป็นแฟนยิ่งเพิ่มรอยยิ้มกว้าง จนผมเริ่มขนลุก

   “น้ำจ้ะ” แม่ยกน้ำมาให้ คนข้างผมรีบลุกไปช่วยถือถาดแก้วน้ำ “มารยาทดีด้วย ไม่เหมือนลูกแม่ นิสัยเสียเหมือนปากมันนั่นแหละ”

   “แม่ นี่ผมนั่งตรงนี้นะเว้ย”

   “ก็พูดให้ได้ยินไม่ดีเหรอ”

   แม่ผมเองครับ ไม่ต้องสงสัยว่าผมได้นิสัยมาจากไหน แบบก๊อบบี้มาเป๊ะๆ ขนาดตุ้มยังกวนไม่เท่า รายนั้นจะนิ่งเหมือนพ่อแต่ซ่อนเล็บนะครับพี่ผม มีลูกตั้งแต่ก่อนเรียนจบ

   “เสียงรถตุ้มมั้งน่ะ” แม่ชะเง้อมอง ไม่นานพี่ชายผมก็จูงมือลูกเข้ามาครับ ลูกของตุ้มอายุสี่ขวบแล้ว กำลังน่ารักเชียว “ว่าไงคะ หลานของย่า”

   “คุณย่า” ร่างเล็กเดินต้วมเตี้ยมมาหาอ้อมแขนของคุณย่า
 
   “ว่าไงคะ คนดีของย่า”

   ผมมองแม่กับหลานคุยกันกระหนุงกระหนิงก่อนหันกลับมามองคนที่นั่งข้างผม พี่ฟลอยด์ยิ้มให้พี่ชายผมแต่ตุ้มกลับมองนิ่งๆ ก่อนกวักมือเรียกผมกับคนข้างๆ ไปด้านนอกแทน

   “มีอะไรวะ” ผมถามทันทีที่เดินออกมา

   “มึงพาเข้าบ้านไม่กลัวพ่อตี?” ตุ้มจ้องพี่ฟลอยด์อย่างไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่

   “มีไรต้องกลัววะ ขนาดตุ้มพาเมียท้องโย้เข้าบ้านพ่อยังไม่ตีเลย” ผมไม่เรียกพี่ครับ จะเรียกชื่อเฉยๆ มันติดมาตั้งแต่เด็กแล้ว
 
   “ไอ้เหี้ยต้อม ปากมึงนี่มัน” ยักไหล่ใส่พี่ชายตัวเอง “แล้วมึงจริงจังกับน้องกูเหรอ” ตุ้มมาบทโหดนิดๆ ปกติก็เฉยๆ แต่วันนี้ดูโหดแฮะ

   “ครับ” นี่ก็เงียบ เห็นตุ้มมองพี่ฟลอยด์ตั้งแต่หัวจรดเท้า อยากจะบอกว่าเปลือกพวกนั้นแบรนด์นอกทั้งนั้น

   “ลูกคนรวย” ตุ้มว่า “อยากลองของแปลกหรือเปล่าวะ”

   “ตอนแรกก็คงใช่” พี่ผมแทบจะพุ่งไปขยำคอจนผมต้องรีบขวาง “แต่พี่คงรู้จักน้องชายพี่ดี ว่าคนแบบนี้ลองเฉยๆ คงไม่ได้” ว่าแล้วก็จ้องนิ่ง

   “แค่คำพูดใครมันก็พูดได้”

   “งั้นพี่ก็ลองดูแล้วกัน”

   “กูต้องดูอยู่แล้ว ไอ้นี่มันน้องกู” โดนแขนพี่ชายตัวเองล็อกคอจนหน้าหงาย แม่งหายใจไม่ออก

   “ตุ้ม คอกูๆ” รีบตีแขนมันรัวๆ จนมันยอมปล่อย “หวงกูล่ะสิ” แซวมัน พี่ชายผมตีหน้านิ่งแล้วผลักหัวซะผมปลิวไปชนกับพี่ฟลอย์

   “หวงมึงให้เสียเวลาทำไม กูหวงไอ้จิ๋วหลิวดีกว่าเยอะ” หน้าตึงทันที พี่ผมเห็นกระต่ายดีกว่าน้องว่ะ แม่ง

   พวกผมถูกแม่เรียกให้เข้าไปในบ้าน ลูกตาลลอยแก้ววางอยู่บนโต๊ะ มีเด็กตัวป้อมๆ ตักเข้าปากอย่างอร่อยจนผมขำ ก่อนมองหน้าพ่อมัน

   “มองหน้ากูทำไม” ตุ้มเหล่ตามองผม

   “ลูกเหมือนพ่อมันเป๊ะ” ผมรีบหลบเมื่อเห็นมือเงื้อขึ้น จนแม่บ่น พอนั่งโต๊ะ แม่ก็หันมาสนใจคนใหม่ของบ้านก่อนเพื่อน

   “กินได้มั้ยลูก ไม่ค่อยหวานหรอกนะ กลัวเป็นเบาหวาน”

   “ไม่หวานผมก็ชอบครับ” มีแอบเหล่ตามองผมด้วย รีบจ้วงลูกตาลเข้าปากแก้อาการหน้าร้อน

   ของหวานหมดลงทุกถ้วย แม่ก็ปลีกตัวเข้าครัวกับป้าที่จ้างมาดูแลบ้าน ส่วนพวกผมก็มานั่งเล่นเป็นเพื่อนน้องตูน ลูกของตุ้มนั่นแหละ แม่มันทิ้งตั้งแต่คลอดใหม่ ตอนแรกรักก็แทบจะเอาขึ้นหิ้ง พอหมดรักก็ทิ้งอย่างไม่ใยดีแถมยังทิ้งลูกในไส้ไว้อีก

   “อาต้อม” เสียงยานคางยื่นแก้วของเล่นมาให้ผม

   “เลี้ยงน้ำอาเหรอ” ผมแกล้งยกดื่ม “อร่อยมาก” ตูนหัวเราะชอบใจจนผมยิ้มตาม

   “รักเด็กเนอะ” พี่ฟลอยด์ยื่นหน้ามากระซิบ แม้จะมีสายตาของตุ้มจ้องอยู่ก็ตาม

   “แน่นอน” ยักคิ้ว ตอนงานศพเห็นหลานของพี่ฟลอยด์แต่ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ผมสักเท่าไหร่ อาจเพราะกลัวคนแปลกหน้า “แล้วพี่ไม่รักหลานตัวเองเหรอ” พอถามพี่ฟลอยด์ก็ยักไหล่

   “ไม่สนิทหรอก เด็กติดพี่เลี้ยง” ว่าไปก็ยื่นของเล่นให้ตูนไป

   “แล้วพ่อของหลานพี่ล่ะ ผมไม่เห็นเลย”

   “หึ” พี่ฟลอยด์แค่นเสียงในลำคอ “มันทิ้งพี่ฟีนไปตั้งแต่รู้ว่าท้อง โคตรเหี้ย” เหล่ตามองเหมือนกับที่ตุ้มกำลังมอง ครอบครัวนี้ดูเผินๆ น่าอิจฉาทุกอย่าง หล่อ สวย รวย เก่ง แต่กลับไม่มีความสุขในชีวิต

   “อยากได้พี่เขยป่ะล่ะ การงานดีแต่ปากหมา โอ้ย เจ็บนะตุ้ม” โดนมันถีบครับ

   “หุบปากของมึงไปก่อนจะโดนตีนกูยัดปากไอ้ต้อม” บอกแล้วว่าปากหมา ผมเบ้ปากก่อนจะเล่นกับหลาน จนเสียงรถของพ่อวิ่งเข้ามาในบ้าน พี่ฟลอยด์เริ่มตัวแข็งอีกรอบ คราวนี้คงตื่นเต้นของจริง เพราะกำลังจะเจอของแข็ง

   พ่อเดินเข้ามาหน้านิ่งเหมือนทุกที ผมยกมือไหว้แต่พ่อไม่ได้มองมาที่ผม ดวงตาที่มีแว่นเลนส์หนากำลังจ้องคนข้างๆ พี่ฟลอยด์รีบยกมือไหว้

   “พ่อ นี่พี่ฟลอยด์” ผมบอก พ่อก็ยังยืนนิ่งมองจนคนที่ผมแนะนำเริ่มมีเหงื่อผุด

   “ผัวมึง?” พูดปุ๊บผมเอาแก้วของเล่นขว้างใส่ตุ้มที่แม่งหัวเราะ

   “ยังเว้ย” รีบแก้ตัว พ่อผมก็ยกยิ้มนิดๆ แล้วเดินเอาสูทไปพาดกับเก้าอี้

   “กูก็คิดว่าลูกกูแมนขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมีผัว น้องมึงมีผัวว่ะ”

   “พ่อ” เรียกเสียงดังจนพ่อกับตุ้มหัวเราะพร้อมกัน

   ที่บอกของแข็งเพราะระดับความกวนก็ไม่น้อยหน้าผมหรอกครับ แต่ถ้าเอาจริงๆ พ่อจะนิ่ง สงสัยจะคุยกันก่อนที่ผมจะกลับมา
 
   “มึงลูกใครวะ” ถามเหมือนกับจะหาเรื่องเลย พี่ฟลอยด์ยิ้มก่อนตอบ พ่อผมก็ฟังๆ แต่ตามองหลานที่เล่นขายของ “ลูกคนรวย” พูดแบบเดียวกับตุ้มเป๊ะ

   “ครับ” ดูเหมือนคนข้างผมจะผ่อนคลายลง ไม่ใช่พ่อกับแม่หรือพี่ชายผมจะยอมรับง่ายๆ หรอกนะ แต่ถึงห้ามไปก็เท่านั้น ความดื้อผมมีเกินล้านบอกเลย

   “ไอ้ต้อมมันไม่เคยคบใคร มันติสเกินไปจนคิดว่ามันคงไม่มีเมีย ที่ไหนได้ มีผัวเฉย”

   “พ่อพูดเบาๆ หน่อย ลูกผมฟังอยู่” ตุ้มบอกเมื่อตูนกำลังจ้องปู่ตาแป๋ว

   “ว่าไงคะหลานปู่ หนูห้ามเอาเมียเข้าบ้านนะ” โดนแขวะอีกเป็นกระบุง



   กินข้าวเสร็จทุกคนก็นั่งกันพร้อมหน้า และผมกับพี่ฟลอยด์ก็ถูกให้นั่งทับขาตัวเองที่พื้น

   “พ่อของเราไม่โกรธเหรอหรือคบผู้ชายน่ะ” แม่ผมเปิดการสอบสวนคนแรก

   “พ่อยังไม่รู้ครับ” พี่ฟลอยด์บอก

   “แล้วถ้ารู้ล่ะ พ่อมึงไม่ฆ่าน้องกูเหรอ ไอ้ลูกคนรวย” ตุ้มเสริม

   “พวกเราไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวกันครับ” ตอบพร้อมรอยยิ้มนิดๆ จนตุ้มหันไปมองพ่อเพื่อส่งไม้

   “คิดจะรักไอ้ต้อมไปได้ตลอดเหรอ ความสัมพันธ์ผู้ชายกับผู้ชาย” จ้องหน้าพ่อตัวเอง ต้องคิดไกลขนาดนั้นเลยเหรอวะครับ

   พี่ฟลอยด์ยิ้มให้ผมก่อนเผื่อแผ่ให้กับทุกคน “ก็ต้องรอดูครับว่าจะรักได้ถึงเมื่อไหร่ เพราะผมก็ไม่รู้”

   “ตอบได้ดีทีเดียว” พ่อพยักหน้า “ถึงยังไงสักวันก็ต้องมีเมียมีลูก ยิ่งเป็นลูกคนรวย ธุรกิจที่บ้านอีกจะทำยังไง” นี่พ่อผมมองการณ์ไกลสุดๆ เอาแค่วันนี้ให้รอดก่อนจะดีกว่า

   “ทุกอย่างมันยังไม่เกิดขึ้น ผมก็ไม่รู้ครับ”

   “บ๊ะ ไอ้เด็กนี่”

   “แค่วันนี้ผมได้อยู่กับต้อมก็พอแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ เพราะทุกๆ เช้าวันใหม่ ผมจะคิดเสมอว่าเราต้องทำให้ดีกว่าเมื่อวานที่ผ่านมา” แม่ยกนิ้วโป้งให้พี่ฟลอยด์ทันทีหลังจากพูดจบ

   “ตอบแบบลูกคนรวยก็งี้แหละ” ตุ้มแท็กทีมกับพ่อแขวะ

   “คนกวนก็แบบนี้แหละเนาะ” แม่ผมหันมาแท็กทีมกับพี่ฟลอยด์จนผมขำเมื่อพ่อเบิกตาโตมอง
 
   ครอบครัวผมจะเคร่งครัดบางเรื่อง แต่กับลูกๆ จะปล่อยให้คิดและตัดสินใจเอง ด้วยความดื้อก็ส่วนหนึ่ง เป็นครอบครัวที่ไม่หวานแต่ไม่ต้องเติมน้ำตาลก็อร่อย...ประมาณนั้น

   ขากลับผมมองคนที่เอาแต่ยิ้มตาแทบปิด หลายครั้งที่ถูกปาดหน้า แต่คนเคยอารมณ์ร้อนกลับเฉยไม่โมโห ไม่โวยวาย

   “พี่ยิ้มทำไมเนี่ย” มองแบบสงสัย

   “สงสัยเบาหวานขึ้นตา” หา?

   “เบาหวานขึ้นตา ไม่สบายเหรอวะ”

   “ไม่สบายเพราะต้อมนั่นแหละ” มือขาวยื่นมาโยกหัวผมซะคอแทบหัก “พี่ต้องติดกินหวานแน่เลยว่ะ”
 
   “แต่ผมไม่ชอบหวาน”

   “แล้วเมื่อกี้ใครกินลูกตาลไปจนเกือบหมดหม้อวะ” เถียงไม่ออกเพราะมันคือผมเอง
 
   “เออ ชอบกินหวานแต่ไม่ชอบทำตัวหวานจบป่ะ”

   “แฟนพี่ไม่ต้องหวานก็อร่อยแล้ว” ขยิบตาใส่จนต้องเบือนหน้าไปอ้วก

   “เลี่ยนเหี้ยๆ”

   ขับรถด่ากันไปเลี่ยนกันไปเพื่อผ่อนคลายจากการจราจรติดขัดที่ต้องเจอ อยู่ๆ พี่ฟลอยด์ก็หน้าบึ้ง ดวงตาจ้องด้านซ้ายของผม พอหันไปมองตาม...ผู้ชายที่เจอที่งานศพกำลังกอดเอวสาวรุ่นลูกเดินหัวเราะเข้าห้างไป

   “พี่ฟลอยด์”

   รถยนต์ถูกเลี้ยวตามเข้าไปในห้าง ผมพยายามจับแขนคนที่ตีหน้ายุ่งตลอดเวลาการเดินตามหา เรื่องผู้หญิงคนนั้นผมรู้มาจากไอ้กลอยว่าเคยเป็นแฟนเก่า แต่คบเผื่อเลือก คุณผู้หญิงครับ อย่าลดค่าตัวเองลงแบบนี้เลย ผมว่ามันไม่คุ้มหรอก เงินดีเงินง่าย แต่แลกด้วยหน้าตาและชื่อเสียงของครอบครัว เพราะชาวบ้านเขาไม่ได้ด่าแค่คุณ แต่ด่าไปถึงบุพการีด้วย

   มัวแต่มองเหม่อกว่าจะรีบสาวเท้าตามคนที่พุ่งพรวดเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์นอก ใบหน้าหล่อขมวดมุ่นคว้าแขนของพ่อตัวเอง คนโดนจับแขนตกใจที่ต้องมาเจอลูกชายตัวเองจังๆ

   “นี่แกมาทำอะไรที่นี่”

   “พ่อไม่เคยสำนึกเลยเหรอ แม่เพิ่งตายไปไม่นานก็ควงเมียน้อยว่อนไปทั่ว”

   “ไอ้ฟลอยด์”

   “ผมพูดถูกใช่มั้ย”

   “รีบกลับไปซะ”

   “อายเหรอครับ” นั่นเพราะพนักงานกับคนที่เข้ามาดูของต่างก็พากันมอง “ทำแบบนี้ไม่ต้องอายแล้วมั้งครับ เปิดตัวกันซะขนาดนี้ น่าละอาย”

   “เฮ้ย” ตกใจตาโตแล้ววิ่งพรวดเข้าไปพยุงร่างที่ถูกต่อยล้มลงไปนั่งกับพื้น มุมปากมีรอยเลือดซึมนิดๆ ผมตวัดสายตามองคนที่ทำร้ายลูกตัวเอง “พี่ฟลอยด์”

   “หึ” คนถูกต่อยยกมือเช็ดมุมปากแล้วยิ้มเยาะ

   “ฉันบอกแกแล้วนะ” คนเป็นพ่อชี้นิ้วเตือน สาวที่ควงมารีบเดินเข้ามาหา เธอทำหน้าเสียมอง

   “แก่แล้วไม่เจียม ชอบนักนะเด็กสาวน่ะ” ผมรีบปรามพี่ฟลอยด์ แต่ก็ไม่เป็นผล “ระวังตายคาอกล่ะ”

   “ไอ้ฟลอยด์” คนเป็นพ่อตวาดลั่นจนหลายคนตกใจ “แล้วแกดีกว่าฉันหรือไง ทำตัววิปริตคบผู้ชายน่ะ” ดวงตาดูถูกมองมายังผม

   “แล้วจะทำไม ผมคบผู้ชายแล้วมันทำไม มีปัญหาเหรอ” คนนั่งอยู่ที่พื้นลุกขึ้นยืนประชันหน้า “ห้ามผมไม่ได้หรอก”

   “แกมันตัวปัญหา” ขนาดผมเป็นคนนอกยังเสียใจที่ได้ยิน จับมือคนถูกด่าว่าเป็นตัวปัญหาแน่น ใบหน้าหล่อกำลังพยายามทำให้ดูปกติแต่ผมรู้ดีว่าพี่ฟลอยด์กำลังเจ็บปวด

   “ผมขอพูดอะไรหน่อยนะครับ” ผมเอ่ยขัดบรรยากาศอึมครึม “คุณลุงควรใส่ใจลูกบ้างนะครับ สักนิดก็ยังดี เพราะชีวิตที่เหลืออยู่จะถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วคุณลุงจะมานึกเสียดายวันเก่าๆ มันก็เปล่าประโยชน์ เหมือนที่เขาบอกว่า มีเงินนับแสนล้าน ก็ซื้อเมื่อวานกลับมาไม่ได้” ผมยิ้มพร้อมค้อมศีรษะลา มือก็ดึงอีกคนให้เดินตาม

   “ขอบใจ” เสียงพูดแผ่วเบาดังขึ้นจากปากที่สั่นนิดๆ

   “อืม” แย่งกุญแจรถมาขับเอง ปล่อยให้คนที่ต้องการเวลาอยู่กับตัวเองไปสักพัก

   ถึงคอนโด เจ้าของห้องก็ปลีกตัวเข้าห้องนอนไป ผมยืนเคว้งอยู่กลางห้อง ไม่อยากเข้าไปกวนแต่อีกใจก็เป็นห่วง อารมณ์แบบนี้แหละที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ที่ไม่อยากมีความรักก็เพราะแบบนี้ นับหนึ่งถึงร้อยสุดท้ายก็เดินเข้าห้องไป

   ร่างของคนที่เดินเข้ามาก่อนนอนคุ้ดคู้อยู่ใต้ผ้าห่ม แรงสั่นเล็กๆ ทำให้รู้ว่าคนด้านในกำลังร้องไห้อย่างหนัก ผมยื่นมือไปแตะ ผ้าห่มผืนหนาถูกกระชากออกพร้อมกับตัวผมที่ลงไปนอนบนเตียง แขนแกร่งรัดกอดตัวผมจนแน่น ใบหน้าคนเจ็บปวดซบที่อกปล่อยน้ำตาที่ยังไหลเปียกเสื้อผมไปหมด

   “พี่ยังมีผมนะ” ลูบผมนุ่มเบาๆ ยิ่งถูกกระชับกอดแน่น

   พี่ฟลอยด์ร้องไห้จนผล็อยหลับไป ผมปัดผมที่ปกดวงตาแดงออกแล้วก้มจูบหน้าผากเบาๆ พี่คงเจ็บปวดมากสินะ อยากรู้จริงๆ ว่าพี่เติบโตมาแบบไหน ถูกเลี้ยงดูหรือใช้ชีวิตที่ผ่านมายังไง


   “ผมอยู่ข้างพี่เสมอนะ” ก้มจูบหน้าผากที่ชื้นเหงื่ออีกรอบ “หายเจ็บปวดไวๆ ผมรอเห็นรอยยิ้มของพี่อยู่นะ”



......TBC


 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-09-2016 13:46:43
พี่ฝอยต้องการกำลังใจ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-09-2016 14:02:01
สงสารพี่ฟลอยด์ :mew4: :mew6: :hao5:
ต้อมรักและดูแลพี่ฟลอยด์ด้วยนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-09-2016 14:21:12
ปล่อยพ่อไปเหอะฟลอยด์ เกินเยียวยาแล้วจริง ๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 03-09-2016 14:57:06
สู้ๆนะอย่างน้อยก็มีต้อมอยู่ข้างๆ  :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 03-09-2016 16:54:36
 :sad4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 03-09-2016 19:37:56
มีพ่อแบบนี้ อย่ามีจะดีกว่า :m16:  :m16:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 03-09-2016 20:29:29
สงสารพี่ฟลอยด์มีพ่อแบบนี้
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 03-09-2016 21:27:01
ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-09-2016 21:42:17
ดีที่ต้อมเข้ามา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 04-09-2016 00:01:03
อร๊ายแฟนพี่ไม่หวานแต่กินอร่อย พี่ฟล์อยโคตรรหล่อเลย. แต่ตอนนี้สงสารพี่ฟล์อยจัง อยากให้เข้มแข็งนะและพี่ฟล์อยจะผ่านมันไปได้เพราะมีต้อมอยู่ข้างๆเสมอ :hao5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-09-2016 00:10:38
พี่ฝอยแกเป็นคนอ่อนไหวมากนะต้อมต้องดูแลดีๆละ สงสารพี่แกจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-09-2016 08:57:10
สงสารพี่ฟลอย์

 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 12 Up!! [P.5]<< // [03/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 04-09-2016 10:40:29
พี้ฝอยน่าสงสาร อ่อนไหวมาก :katai4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 04-09-2016 19:17:46
No Sugar : 13



         คนที่เสียใจตื่นมาก็เอาแต่นั่งเหม่อ โทรศัพท์ดังตลอดแต่ไม่คิดจะรับ ผมชะเง้อคอดูเบอร์ที่โทรเข้ามามีพี่เกนแล้วก็ตอนนี้คือพี่ฟีน ผมสะกิดให้คนที่เหม่อรับแต่พี่ฟลอยด์กลับเบือนหน้าหนีแล้วลุกเข้าห้องไป

   อาจดูเสียมารยาท แต่ผมก็กดรับแทน

   “สวัสดีครับ” กรอกเสียงลงไป

   (ต้อมเหรอจ๊ะ) เสียงถามคล้ายกับไม่แน่ใจ

   “อ่า ครับ” ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ “พี่มีธุระด่วนหรือเปล่า ผมจะได้ไปบอกพี่...”

   (ไม่เป็นไรจ้ะ แค่รู้ว่าต้อมอยู่ด้วยพี่ก็เบาใจ)

   “ขอโทษนะครับ เกิดเรื่องอะไรเหรอครับ”

   (ก็เรื่องที่ฟลอยด์ไปอาละวาดพ่อที่ห้างนั่นแหละ) ว่าแล้วต้องเป็นเรื่องใหญ่โต (พ่อโมโหจนแทบจะตัดออกจากลูก แต่พี่กับพี่เฟิร์นช่วยกันพูดเลยยอมอ่อนลง) คนปลายสายถอนหายใจออกมาอีกรอบ

   “ผมพยายามห้ามแล้ว”

   (พี่รู้จ้ะ แต่ฟลอยด์น่ะ ห้ามยากจะตาย ยังไงพี่ก็ฝากฟลอยด์ด้วยนะ เพราะถ้าให้กลับบ้านเขาคงไม่ยอม)

   “ครับ” กำลังจะกดวางแต่ก็รีบขัดขึ้นก่อน “เอ่อพี่ฟีนครับ”

   (จ๊ะ?)

   “พี่ฟลอยด์ชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า แบบกินแล้วจะอารมณ์ดี” ได้ยินพี่ฟีนหัวเราะร่วน

   (ขานั้นกินได้หมดแหละ แต่ที่ชอบที่สุดก็บัวลอย เพราะฟลอยด์ชอบของหวานมาก กินแล้วอารมณ์ดีทุกที)

   “อ่า ขอบคุณครับ”

   วางสายไปผมก็เริ่มคิดชื่อร้านที่ขายบัวลอยอร่อยๆ ไอ้ผมก็ไม่เคยเดินหาร้านตามขนมอร่อยๆ ซะด้วย พอคิดไม่ออกก็หยิบมือถือส่งข้อความถามเพื่อนๆ ไอ้ดอยบอกไม่รู้เพราะไม่ชอบกิน ไอ้ป่านบอกชื่อร้านที่โคตรจะห่างไกลจากที่ผมอยู่ ไปกลับคงใช้เวลาเกือบห้าชั่วโมง

   ‘ไอ้กลอย มึงรู้จักร้านขายบัวลอยอร่อยๆ หรือเปล่าวะ’ พิมพ์ไปหาคนที่น่าจะรู้มากที่สุด เดินไปเดินมากว่ามันจะขึ้นอ่านแล้วตอบ แม่งทำอะไรอยู่วะ ตอบช้าโคตร

   ‘มึงจะกินเหรอ’ ผมถามมัน ไม่ใช่ให้มันถามผมกลับหรือเปล่าวะ

   ‘กูจะซื้อให้พี่ฟลอยด์’ บอกไปเถอะ ไอ้กลอยมันช่างจับผิด ถ้าไม่รู้มันไม่ยอมบอกแน่

   ‘แค่มีมึงยังไม่หวานอีกเหรอวะ’ ส่งสติ๊กเกอร์หมีโมโหไป ไอ้กลอยมันก็ส่งหัวหอมหัวเราะมาให้ ‘ทำเองเลยสิวะ ไม่ยุ่งยาก ร้านขายที่ไหนจะอร่อยสู้ทำเองวะ พี่โชชอบทุกอย่างที่กูทำ บางอย่างไม่อร่อยยังชอบเลย’ เหมือนมันอวดตัวเองกลายๆ แต่ทำเองเหรอ ผมทำไม่เป็นว่ะ

   ‘กูทำไม่เป็น’

   ‘จะยากอะไร มึงก็เปิดดูในยูทูปสิ แล้วเดี๋ยวกูจะบอกอีกที แนะนำบัวลอยเผือก ไม่อยากบอกว่ากูทำโคตรอร่อย’ อวดตัวเองเห็นๆ แต่ผมเคยกินกับข้าวฝีมือมันครั้งหนึ่ง ก็อร่อยจริงนั่นแหละ
 
   เดินไปเปิดแลปท็อปหาวิธีทำบัวลอยเผือกตามที่ไอ้กลอยแนะนำ แม่งดูแล้วทำโคตรยาก เกินที่ผมจะมั่วทำได้ ยิ่งดูยิ่งงง และเหมือนเสียงที่ผมเปิดจะดังไปหน่อยเพราะคนในห้องเดินออกมา คนหน้ามุ่ยอ้อมมานั่งซ้อนหลังผม

   “ทำอะไร” เสียงกระซิบข้างหู “บัวลอย? จะทำเหรอ” น้ำเสียงดูปกติขึ้น

   “ดูเฉยๆ ทำไม่เป็นว่ะ” บอกพี่ฟลอยด์ที่วางคางเกยบนไหล่ผม

   “แค่คิดจะทำก็ดีใจแล้ว” ได้เห็นรอยยิ้มแรกหลังจากเกิดเรื่อง “ถามพี่ฟีนมาใช่มั้ย บัวลอยเนี่ย”

   “อืม” ตอบไป แขนที่รัดเอวเริ่มแน่นจนอึดอัด “อะไร”

   “ตอนนี้ไม่ได้เหรอ” ผมเอียงคอไปมอง คนที่ซ้อนหลังเริ่มซุกซนแถวซอกคอ มือลูบหน้าท้องผมไปมา อีกข้างลูบสูงแถวหน้าอก ผมรีบตะครุบมือสองข้างแล้วดันหน้าคนที่งับคอผมจนเจ็บจี๊ด

   “อย่าทำแบบนี้ ไม่งั้นผมจะกลับ” บอกเสียงนิ่งจนคนข้างหลังหยุดการกระทำทุกอย่าง ผมหันหน้าไปมอง นัยน์ตาเศร้ากำลังจ้องมองผมอยู่ “พี่อ่อนแอแต่ไม่ควรเอาผมเป็นที่ระบาย”

   “ต้อมไม่ใช่ที่ระบาย” รีบปฏิเสธ แต่ผมก็ส่ายหน้าช้าๆ

   “พี่ใช้ผมเป็นที่ระบายความอ่อนแอของตัวเอง เมื่อพี่เป็นฝ่ายควบคุมผม พี่จะรู้สึกไม่อ่อนแอ ผมพูดถูกมั้ย” คำพูดคราวนั้นยังดังก้องหูในตอนที่เรื่องบนเตียงใกล้จะจบ ‘กูกำลังคุมเกมส์นี้อยู่ กูไม่ได้อ่อนแอ’

   พี่ฟลอยด์เม้มริมฝีปากแล้วก้มหน้า ผมยื่นมือจับหน้าเนียนขึ้นมาจ้อง

   “พี่ขอโทษ”

   “เอ่อ รับคำขอโทษ” บอกพร้อมรอยยิ้ม คนที่ขอโทษก็ยิ้มตาม

   “โคตรรักเลยว่ะ” ถูกดึงเข้าไปกอดแน่น

   “รู้แล้วๆ รัดเป็นงูเหลือมไปได้” ตีหลังคนรัดจนแรงลดลง “อยากกินมั้ยบัวลอยเนี่ย”

   “อืมๆ” พี่ฟลอยด์รีบพยักหน้า รอยยิ้มกว้างที่เห็นผมต้องยิ้มตาม “ต้อมทำเองนะ พี่อยากกิน”

   “แต่ผมทำไม่เป็น”

   “ช่วยกันทำไง”

   เพราะแววตาที่มองมาทำให้ใจอ่อน ผมเลยถูกพาไปซื้อของที่ห้างซุปเปอร์สโตร์ ทั้งอุปกรณ์ ทั้งวัสดุทุกอย่างที่จดมาจากเว็บแล้วก็จากไอ้กลอย ผมเดินดูของนั่นนี่ ด้านหลังมีคนเข็นรถเดินตาม

   “แป้งพวกนี้ต่างกันยังไง” พี่ฟลอยด์หยิบถุงแป้งขึ้นมาดู ผมไม่รู้ได้แต่ส่ายหน้า แต่ถ้าซื้อตามที่ไอ้กลอยบอก ต้องซื้อแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน เผือก น้ำตาล แล้วก็กะทิ

   ซื้อของเพิ่มอีกหลายอย่างก่อนจะกลับ คนอยากกินจ่ายเงินไปหลายพันจนผมเกรงใจ เพราะในส่วนนั้นยังมีของใช้ส่วนตัวของผมด้วย จะแยกจ่ายก็ไม่ยอม เถียงกันจนพนักงานมองหน้า ผมเลยจำใจยอมให้ลูกคนรวยจ่ายด้วยบัตรเครดิต

        พี่ฟลอยด์หิ้วถุงพะรุงพะรังไปใส่ไว้ท้ายรถ ผมยืนเกร็งเพราะไม่รู้จะต้องทำอะไร ปกติไม่เคยมีคนถือของให้ ต้องถือเองทุกครั้ง มองนั่นมองนี่ก่อนสายตาหันไปเห็นเพื่อนตัวเองกำลังกินไอศกรีมร้านสีน้ำเงินเดินออกจากประตูห้าง ไอ้ป่านเดินกัดไอศกรีมออกมาขึ้นรถ มีคนเดินตามทำหน้ามุ่ยรีบเดินนำแล้วกัดไอศกรีมในมือไอ้ป่านไปคำหนึ่ง รอยยิ้มกว้างเกิดขึ้นทันทีจนผมอ้าปากค้าง
 
   “มองอะไร” พี่ฟลอยด์มายืนข้างๆ “ไอ้เกน? ป่านด้วย” ผมหันไปมองคนข้างตัวเองแบบหางตามีดาวแบบในการ์ตูนญี่ปุ่น

   “เพื่อนพี่ชอบเพื่อนผมเหรอ” คนถูกถามส่ายหน้า

   “ไม่รู้ว่ะ”

   ลองโทรหาไอ้ป่าน มันรับสายแต่เหมือนจะโวยวายไม่ยอมตอบผมสักทีจนต้องเรียกอีกหลายรอบ

   (ตะโกนพ่อง) มันด่าผมครับ

   “กูเรียกมึงแล้วมึงไม่สนกูไอ้สัด” ผมยังยืนดูรถพี่เกนที่ติดเครื่องแล้วแต่ยังจอดอยู่ “มึงอยู่ไหนวะ”

   (กูอยู่ห้าง...มึงเอาไปกินเลยไอ้ห่า เลียซะกูกินต่อไม่ได้) เหมือนมันจะด่าคนอื่นหลังจากตอบผม

   “มึงอยู่กับใครวะ”

   (อยู่กับเพื่อนพี่ฟลอยด์...กูชื่อเกน...เสือก) สองเสียงดังลอดออกมา

   “ไปอยู่กับพี่เขาได้ยังไงวะ” มองตามรถที่ออกตัวจากลานจอด ผมดึงพี่ฟลอยด์ให้แอบข้างๆ เสา

   (ไม่ได้อยากอยู่ แต่มันแม่งบังคับกู) ได้ยินเสียงหัวเราะแล้วสายก็ตัดพร้อมๆ กับไอ้ป่านโวยวายร้องหาโทรศัพท์ตัวเอง

   ผมหันมองหน้าคนข้างตัวอย่างช้าๆ อย่าบอกว่าไอ้ป่านกับพี่เกน? “เพื่อนพี่ชอบบังคับคนอื่นสินะ”

   “ก็บอกแล้วว่ามันนิสัยเหมือนพี่” พี่ฟลอยด์ขำก่อนดึงผมไปขึ้นรถ

   เพื่อนผมมันคงเอาตัวรอดได้...ใช่มั้ย




   “พี่กดหยุดก่อน” ผมรีบชี้นิ้วสั่งเพราะนึ่งเผือกสุกแล้วกำลังบด แต่ในคลิปมันไปถึงต้มแล้ว พี่ฟลอยด์ไม่ยอมช่วยอะไรได้แต่ดูเฉยๆ

   “จะกินได้หรือเปล่าเนี่ย” คนอยู่เฉยๆ ขำร่วน

   “งั้นก็ไม่ทำละ”

   “เฮ้ย ไม่สิ ทำเลยๆ เดี๋ยวพี่ช่วย”

   ผมหน้างอยกชามที่ผสมแป้งสองอย่างเข้าด้วยกัน พี่ฟลอยด์มองอย่างงงๆ แต่ก็หยิบไปวางตรงหน้า ผมใส่เผือกที่บดละเอียดแล้วก็เริ่มนวด ในคลิปบอกต้องทำให้มันเข้ากัน คนอยากกินเติมน้ำทีละน้อย

   “พอยัง”

   “แป้งมันยังไม่เหนียว ใส่อีก”

   นวดๆ จนแป้งเริ่มเหนียว

   “พี่กดเปิดคลิปต่อเลย”

   มองไปด้วย ยกบัวลอยลงไปต้มด้วย ทำอาหารนี่มันโคตรเหนื่อยจริงๆ อยากจะไปกราบแม่สักหมื่นรอบที่ทำข้าวให้กิน เพิ่งรู้ว่ากว่าจะได้สักอย่างมันทั้งเหนื่อย ทั้งลำบาก คนกินบางคนยังบ่น

   กว่าจะทำเสร็จ ครัวก็เหมือนเจอระเบิดลูกใหญ่ๆ เพราะเละมาก แป้งเลอะเทอะตามโต๊ะ ไหนจะน้ำที่เปียกพื้น หม้อ ทัพพี จานชามเต็มอ่างไปหมด

   “นี่ครัวห้องพี่เหรอวะ” เจ้าของห้องมองสภาพอย่างอึ้ง

   “เดี๋ยวค่อยเก็บกวาดก็ได้ พี่ลองกินสิ” ยกบัวลอยถ้วยเล็กๆ ไปตรงหน้า พี่ฟลอยด์ดูลังเล เงยหน้ามองผมหลายครั้ง “ไม่กล้าก็ไม่ต้องกิน” ดึงออกแต่พี่ฟลอยด์ดึงกลับ

   “กินๆ” คำแรกเข้าปากอย่างลุ้นระทึก ใบหน้าขาวดูบิดเบี้ยวคล้ายกับจะอ้วกออกมาจนผมต้องรีบคว้าถังขยะมารอง

   “คายๆ” พยายามลูบหลังให้อีกคนคายแต่ก็ยังไม่ยอม

   “อร่อย” แทบเขวี้ยงถังขยะทิ้ง อยู่ๆ คนกินก็กลืนแล้วยิ้มกว้าง

   “หลอกผมเหรอวะ”

   “โอ๋ๆ อย่าหน้าบึ้งสิ” โดนตวัดมานั่งตัก “อะ เดี๋ยวพี่ป้อน อ้า” กินไปคำนึง รสชาติไม่ได้อร่อยเหมือนกับที่ขายตามร้าน แต่ก็พอกินได้

   “หวานน้อยไปหน่อย” ผมว่า
 
   “พี่ชอบแบบนี้” พูดแล้วก็ตักบัวลอยเข้าปาก ตาคมช้อนขึ้นมอง “ทั้งคนทั้งบัวลอย”

   “พอๆ” รีบหนีก่อนจะหน้าร้อนมากกว่านี้ ผละออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ได้แต่หันไปคาดโทษแล้วก็เดินมาล้างอุปกรณ์ที่ถูกวางทิ้งไว้

   “ขอบคุณนะที่ทำเพื่อพี่” ระหว่างกำลังเช็ดชาม แขนแกร่งยื่นมากอดผมจากด้านหลัง คางแหลมวางเกยไหล่พร้อมกระซิบข้างหู

   “เพราะพี่ฟีนขอหรอก” โกหกไปแต่คนข้างหลังกลับขำ

   “โกหก” โดนจูบที่ซอกคอจนต้องย่นคอหนี

   “เออโกหก ถอยเลย แล้วมือนี่ด้วย อย่ามาเนียน” ตีมือที่เริ่มเลื่อนขึ้นมาลูบหน้าอก

   “รู้ทันตลอดว่ะ” เสียงหัวเราะเบาๆ กับคนด้านหลังผละออก ผมหันไปมองก็เจอสายตาประกายมองอยู่ “ถ้าไม่มีต้อม พี่คงไปเมาที่ไหนสักที่”

   “กินเหล้ามันช่วยให้ลืมแค่แปบเดียวเท่านั้นแหละ” กอดอกมอง

   “แต่ก็ยังได้ลืมบ้าง”

   “พี่ฟีนเป็นห่วงพี่มากเลยนะ โทรไปหาหน่อยสิ พี่เขาจะได้ไม่เป็นห่วง” ผมว่า พี่ฟลอยด์ยื่นหน้ามาหอมแก้มแล้วเดินไปโทรศัพท์

   ไอ้ต้อมกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมมองมือตัวเองที่เคยจับแต่จอบกับเสียม ตอนนี้มาจับตะหลิว จับทัพพี โคตรไม่เข้ากับผมเลยให้ตาย

   เช็ดมือเสร็จก็เดินกลับไปนั่งที่หน้าทีวี เห็นข้อความไอ้กลอยที่ส่งมารัวๆ พอกดอ่านมันก็บ่นว่าผมไม่ยอมตอบ พี่ฟลอยด์คงชอบกินทั้งบัวลอยทั้งคนทำ เลยด่ามันกลับ ไอ้กลอยมันส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะกลับมาพร้อมกับพี่ฟลอยด์ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ

   “เป็นไง”

   “ก็ไม่เป็นไง” ตีรวนว่ะ

   “พี่ฟลอยด์”

   “ครับๆ ...พี่ก็บอกว่าดีขึ้นแล้ว ได้กินบัวลอยแล้วด้วย”

   “ดีมาก”

   “มีรางวัลป่ะ” นิ้วชี้แก้มที่ป่องมาทางผม

   “ไม่มี” เอามือดันหน้าออกห่างจนคนขอรางวัลหน้าบูด “ไปกินเหล้ากัน”

   “ที่ไหน”

   “ร้านยาดองเพิงหมาแหงนแถวมออะ” เมื่อกี้ผมลองชวนไอ้ดอยแล้วไอ้ป่าน พวกมันตอบตกลงทันที ถ้าเป็นเรื่องของมึนเมามันชอบตลอด แต่ถ้าเรื่องอื่นมันไม่สนใจหรอกครับไอ้สองคนนี้

   “ทำไมไม่ไปไนต์คลับแทนล่ะ” รีบส่ายหัวส่ายหน้าทันที คราวที่แล้วก็มีเรื่องที่นั่นยังจะให้ไปอีกก็ไม่ไหว

   “ร้านยาดองนี่แหละ เจ๋งสุด ถ้าได้ลองพี่จะชอบจนลืมที่หรูๆ ไปเลย แล้วผมก็นัดเพื่อนไว้แล้ว”

   “มัดมือชกนี่หว่า”

   ถึงจะว่าแบบนั้น แต่พี่ฟลอยด์ก็ยอมมากับผม ที่ร้าน ไอ้ดอยนั่งรออยู่แล้ว วันนี้มันพาแฟนมันมาด้วย เป็นรุ่นน้องต่างมหาลัย แต่รู้จักกันมานาน ตั้งแต่มัธยมต้น รักมาราธอนสุดๆ

   “ไอ้ป่านล่ะ” ผมยิ้มให้แฟนเพื่อนก่อนจะนั่งข้าง พี่ฟลอยด์นั่งข้างไอ้ดอยที่ยกมือไหว้แบบงงๆ

   “เห็นบอกใกล้ถึงละ แต่แม่งโวยวายเหี้ยอะไรไม่รู้” ผมรีบหันไปมองหน้าพี่ฟลอยด์ หรือว่า...

   รถของไอ้ป่านเลี้ยวไปจอด มีคนนั่งมาด้วยลงมาก่อน ผมพยายามเพ่งดูเห็นเพื่อนตัวเองถูกคนที่มาด้วยกอดคอทั้งๆ ที่สะบัดไม่หลุด

   “ไอ้เกน” พี่ฟลอยด์ทักเพื่อนตัวเองที่ยังกอดคอเพื่อนผม

   “ชิบหาย” ไอ้ดอยสบถครับ ผมเห็นด้วย ชิบกำลังหาย
 
   “ปล่อยกูสิวะแม่ง” ไอ้ป่านยกแขนที่พาดคอออกแล้วมานั่งข้างผม ส่วนพี่เกนก็ไปนั่งแทรกไอ้ดอยกับพี่ฟลอยด์

   ยาดองสองโหลบนโต๊ะเริ่มแจกจ่ายหลังจากคนมาครบ ผมเริ่มจับผิดเพื่อนตัวเองนิดๆ จนทนไม่ไหวต้องสะกิดถาม

   “มาด้วยกันได้ไงวะ” แอบกระซิบเมื่อคนบนโต๊ะกำลังเฮฮา ขนาดพี่ฟลอยด์กับพี่เกนยังยกดื่มแบบติดใจ ไอ้ป่านยื่นหน้ามากระซิบด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ

   “มันไปหากูที่ห้อง พอดีกูจะออกมามันเลยมาด้วย”

   “มึงกับพี่เขาสนิทกันขนาดนั้นเหรอวะ”

   “กูก็ไม่รู้ว่ะ แม่ง อยู่ๆ ก็เข้าหากูเฉย” ไอ้ป่านว่า “แต่มันชอบโดนตัวกูตลอด ขนลุกสุดๆ” อยากจะขำเพื่อนตัวเองแต่ไม่กล้า ผมตบบ่าไอ้ป่านเพื่อปลอบใจ “กูรู้แล้วว่ามึงรู้สึกยังไงตอนพี่ฟลอยด์เข้าหา”

   “กรรมตามทันมึงสินะ เล่นกูไว้เยอะ”

   ชนแก้วไปมาจนยาดองหมด สภาพแต่ละคนก็หนักเอาการ ยกเว้นผม ไอ้ป่าน แล้วก็แฟนไอ้ดอย เพราะต้องมีคนขับรถกลับ พี่ฟลอยด์ฟุบหน้ากับโต๊ะเพราะดื่มเยอะ คงจะอยากลืมเรื่องแย่ๆ ที่เกิด น้องพิมพ์พาไอ้ดอยที่อ้อแอ้กลับด้วยความลำบาก พวกผมต้องช่วยประคองไปยัดในรถ 

   “พี่ฟลอยด์เป็นไงมั่งวะ” ไอ้ป่านถาม ผมยังมองไฟท้ายรถเพื่อนตัวเองที่ห่างไปไกล

   “คงจะทรมานน่าดู” ตอบออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง

   “พาเมียน้อยเที่ยวไม่มีท่าทีเสียใจที่เมียตาย เป็นกูคงทำอะไรไม่ถูกว่ะ ไม่รู้จะพูดยังไง จะทำยังไง” ไอ้ป่านตบบ่าผมพร้อมรอยยิ้ม “โชคดีที่มีมึงอยู่ข้างๆ”

   “ชมกูสินะ”

   “เออ ชม”

   พวกเราสองคนพากันหัวเราะ ชีวิตมีเรื่องในเครียดมากพออยู่แล้ว ถ้าเอามาคิดทุกเรื่องสมองคงระเบิดพอดี ปล่อยวางไปซะบ้าง สมองจะได้มีพื้นที่เพื่อเก็บความสุขบ้าง

   “กูกลับก่อน มึงก็กลับดีๆ ล่ะ ระวังถูกพี่เกนปล้ำนะมึง เมาขนาดนั้น” แซวไอ้ป่าน มันเงื้อจะตบหัวแต่ผมหลบทัน

   “เมาเหมือนหมาแบบนี้กดกูได้กูยอมเลยสัด” ไอ้ป่านปากดีจนผมอยากจะแช่ง “ลุกๆ ตัวหนักเหี้ย กินควายมาหรือเปล่าวะ” มองตามเพื่อนตัวเองที่แบกคนเมาไปขึ้นรถ จากสภาพคงไม่สามารถปล้ำเพื่อนผมได้จริงๆ นั่นแหละ

   เคลียร์บิลเสร็จผมก็กลับมาพยุงคนเมาของตัวเองกลับบ้าน คนเมาเอนตัวพิงประตูรถ บ่นเรื่องไร้สาระก่อนจะเพ้อถึงแม่จนน้ำตาไหล ผมยื่นมือไปเช็ดขณะติดไฟแดง



   “รีบๆ เข้มแข็งนะ พี่ยังมีคนรักอีกเยอะ”

.....TBC
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-09-2016 19:45:50
ไม่มีอะไรจะพูดกับพฤติกรรมของพ่อฟลอยด์
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-09-2016 20:23:27
ต้อมน่ารักว่ะ มีทำขนมด้วยกันซะด้วย พี่ฟลอยด์ขี้อ้อนมากๆ สองคนนี้อยู่ด้วยกันนี่น้ำตาลยังแพ้เลย

ส่วนพี่เกนกับป่าน รู้สึกถึงรังสีม่วงๆมาแว่บๆนะ ระวังโดนพี่เกนปล้ำนะป่านนนนน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-09-2016 20:34:12
พี่ฝอยยังมีต้อมนะ เข้มแข็งได้เร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 04-09-2016 21:02:24
พ่อฟลอยด์ก็คงมีปมอะไรบางอย่าง อายุปูนนี้แล้วคงต้องทำใจ
ยังไงก็พ่อ แต่ตัวเองไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดี ก็อย่ามากะเกณฑ์อะไรชีวิตลูกเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-09-2016 21:07:31
พ่ออะไรเห็นขี้ดีกว่าไส้ เมียตายก็ยังพานังบลูไปงานศพแบบลอยหน้าลอยตา :z6: :beat: :z6: :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 04-09-2016 21:11:14
  :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-09-2016 21:11:51
มีพ่อแบบพ่อฟลอย์
เราก็ทำใจรับไม่ได้

 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-09-2016 21:27:33
โถววว พี่ฝอยของน้องชีวิตเป็นคุณชายอาภัพเลยแล้วพ่อพี่ฝอยนี่แม่งรักลูกมั่งป่าววะตามติดเอาใจแต่เมียน้อยไม่สนใจลูกเลย นี่ถ้าเป็นเราคงตามตบกับเมียน้อยอะ สงสารพี่ฝอยจริงๆต้อมดูแลพี่ฝอยดีๆนะ เข้มแข็งเร็วๆนะพี่ฝอยนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-09-2016 21:33:22
พ่อพี่ฟลอยด์ ต้องเอาสมญาที่พี่โชตั้งให้
ตอนท้ายของพี่ฟลอยด์ไปใช้แทนและ
แต่เปลี่ยนจาก ขัด เป็น ตี แทน
พ่อฟลอยด์ ชอบตีหม้อ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 05-09-2016 00:29:20
อยากอ่านเกนป่านเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: everyxing☆ ที่ 05-09-2016 12:28:46
ฉนุกกกกกกกกกก

พี่ฟลอยยยยด์ฉู้ๆ♡♡ *ยกป้ายเชียร์*
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 05-09-2016 17:04:16
พี่ฟล์อยเข้มแข็งไว้นะ พี่ฟล์ยังมีต้อมที่รักพี่ฟล์อยด้วยหัวใจอยู่ข้างๆเสมอ  :mew1: :mew1:ส่วนป่านระวังโดนพี่เกนกดเน่อ คู่นี้ก็น่ารักอีกคู่ รักกันเร็วๆนะ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 05-09-2016 22:00:09
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-09-2016 22:11:34
ลุ้นต่อน่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 13 Up!! [P.6]<< // [04/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-09-2016 09:55:02
ไอ้เมียน้อยอ่ะ เราว่ามันไม่หยุดอยู่ที่พ่อพี่ฟลอยหรอก มันต้องเที่ยวไปจับคนอื่นอีกแน่ เพราะเราว่าพ่อพี่ฟลอยคงไม่อึดพอที่จะทำให้อิเมียน้อยมีความสุขพอ มันต้องหลอกเอาเงินไปเลี้ยงหนุ่มต่ออีกแน่ ถ้าพี่ฟลอยจะคิดกำจัดอิเมียน้อยนี่เราว่าหานักสืบคอยตามเราว่าต้องมีแน่ๆ หาหลักฐานเก็บเอาไว้แล้วเอาไปโยนใส่พ่อให้ตาสว่างซะที แต่เราว่ามันคงจะเกินเยียวยาแล้วล่ะคนพ่อนี่
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 08-09-2016 20:19:52
No Sugar : 14



       สงครามไหนเลยจะเท่าสงครามความเงียบ ไม่ใช่เงียบธรรมดา มันเงียบชนิดที่ว่า ไม่กล้าเคี้ยวข้าวแรง ผมก็ไม่ได้อยากอยู่ในสงครามนี้สักเท่าไหร่ แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้

   ผมกำลังนั่งร่วมโต๊ะกับครอบครัวพี่ฟลอยด์ แม้จะมีเสียงพูดเจื้อยแจ้วของหลานตัวน้อยของบ้านแต่ความเย็นแผ่ซ่านที่ปกคลุมเจ้าของและลูกสาวคนโตกับลูกชายคนเล็กไม่ลดหย่อนลงสักนิด ผมถูกพี่ฟลอยด์ขอร้องให้มานอนค้างที่บ้านด้วยหลังจากถูกพี่ฟีนโทรตาม ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะมา แต่แววตาขอร้องอ้อนวอนนั่นทำให้ใจอ่อน

   ถูกจ้องจากเจ้าของบ้านที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ พยายามก้มหน้ากินข้าวโดยมีพี่ฟลอยด์เป็นคนตักนั่นตักนี่มาให้ และมีเสียงแขวะจากพี่สาวคนโตดังเป็นระยะ


   ผมโคตรไม่ชอบแบบนี้เลย


   “แกจะคบไอ้เด็กนี่จนถึงเมื่อไหร่” เสียงถามของเจ้าของบ้าน แต่คนถูกถามทำเหมือนไม่ได้ยินเพราะมือยังตักไข่เจียวหมูสับมาให้ผม “ฟลอยด์!” เสียงตวาดดังขึ้น ขนาดสาวใช้ที่ยืนด้านหลังยังสะดุ้ง รวมทั้งผม

   “เรื่องของผม พ่อไม่ต้องมายุ่ง” ตอบกลับแบบนิ่งๆ แต่ไม่มองหน้า

   “ถ้าแกไม่ใช่ลูกฉัน ฉันก็ไม่อยากยุ่งหรอก” ดวงตาดุของพ่อพี่ฟลอยด์มองมาที่ผม “ส่วนเธอ ก็เลิกมาเกาะแกะลูกชายฉันซะที”

   “อย่ายุ่งกับคนรักของผม” เสียงขัดขึ้นมาทันควัน

   “เงียบไปเลยแก” ตวาดพร้อมชี้นิ้วใส่หน้าลูกชายตัวเอง

   “ไม่เงียบ พ่อไม่มีสิทธิ์แตะต้องหรือด่าว่าคนของผม เหมือนที่ผมว่าคนของพ่อไม่ได้นั่นแหละ” พี่ฟลอยด์เถียงกลับ คนเป็นพ่อได้แต่จิ๊ปากอย่างขัดใจ

   “ฉันให้แกมานอนที่บ้านเพื่อคุยกัน แต่แกกลับพา...มาด้วยทำไม” พี่เฟิร์นเว้นวรรคเพื่อมองหน้าผมก่อนพูดจนจบ

   “เพราะผมขาดเขาไม่ได้” รีบหันกลับไปมองคนที่พาผมมา สีหน้าจริงจังจนพี่สาวคนโตเบ้ปาก

   “ถ้ามันตายไป แกจะตายตามมันไปหรือเปล่า” นี่เจ้าของบ้านถึงกับแช่งให้ผมตายเลยเหรอครับเนี่ย ไอ้ต้อมตายยากนะจะบอกให้

   “ใช่” นี่ก็ยังแรงไม่หยุด

   “แกมันโง่” พี่เฟิร์นว่าออกมา “ผู้หญิงมีตั้งมากมายไม่เลือก ดันเลือกพวกผิดเพศ”

   “ถึงผมจะผิดเพศแต่ผมก็ไม่เคยฆ่าใคร ไม่เคยทำให้พ่อแม่เสียใจ ไม่เคยมานั่งดูถูกใครไม่ว่าจะสูงหรือต่ำกว่า” เมื่อทนไม่ไหวเราก็ต้องปกป้องตัวเองบ้าง “พวกคุณอาจจะคิดว่าคนรวยทำอะไรก็ได้ ไม่สนหัวใคร แต่ธุรกิจของพวกคุณ ถ้าไม่มีคนชนชั้นแบบผมทำงานให้ยังไงก็เจ๊ง บริหารดีแทบตายไม่มีคนทำก็ล่มอยู่ดี”

   “นี่แก”

   “พี่อาจคิดว่าตัวเองสวย รวย เก่ง เลยหยิ่งผยอง แต่คนเราไม่ควรลืมว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งสูง ตกลงมายิ่งเจ็บ อยากขึ้นไปที่สูงแต่อย่าเหยียบหัวคนอื่น เพราะถ้าตกลงมาจะมีแต่คนรอเหยียบซ้ำ”

   “ด่าฉันเหรอ ไอ้เด็กบ้า”

   “ผมไม่ได้ด่า ผมก็แค่พูดตามความจริง” จ้องกลับอย่างไม่กลัว แม้อีกฝ่ายตั้งท่าเหมือนจะขย้ำหัวผม “เวลาพี่ผิดก็เอาแต่โทษคนอื่น ลองหยุดคิดแล้วโทษตัวเองบ้าง พี่จะได้รู้ว่า การมีคนที่รักเราจริงๆ เป็นยังไง” ผมหันไปมองพี่ฟลอยด์ เพราะเมื่อก่อน คนข้างๆ ผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เวลาผิดก็มักจะโทษอย่างอื่นไม่เคยด่าตัวเองว่าผิด

   “ปากดี” เสียงดังมาจากคนนั่งหัวโต๊ะ ผมมองหน้าคนแก่กว่าแล้วยิ้มให้

   “ผมไม่ได้ปากดี แค่เป็นคนพูดตรง”

   “พูดตรงยังไง ฉันเห็นว่าเถียงลูกสาวฉันฉอดๆ”

   “ผมก็บอกแล้วว่าไม่ได้เถียง แค่บอกไปตามหลักที่คนแบบผมเข้าใจ ผมรู้ว่าคุณลุงก็รักลูก แต่อาจมีเหตุผลบางอย่างหรือคุณลุงอาจแสดงออกไม่เป็น” ผมไม่ได้ปีนเกลียวนะ แต่อยากอธิบาย “พ่อของผม แม้ไม่เคยบอกว่ารักผมสักครั้ง แต่ผมก็รู้ว่าพ่อรัก แม้จะไม่เคยเห็นดีเห็นงามกับความคิดของผม แต่ท่านก็ไม่เคยห้าม เพียงแค่เวลาผมล้ม ผมจะรู้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีมือของพ่อรอประคองอยู่ ลูกๆ ของคุณลุงก็รอแบบนั้นเหมือนกัน”

   พูดจบ ลูกสาวและลูกชายที่นั่งอยู่ก็ก้มหน้าจนคนเป็นพ่อต้องกระแอม

   “กล้าสอนฉันเลยเหรอ ไม่เจียมตัว”

   “ผมเจียมตัวเสมอครับ แต่ผมแค่อยากให้เข้าใจพี่ฟลอยด์หรือพี่คนอื่นๆ บ้าง พวกพี่เขาไม่ได้โกรธที่คุณลุงจะมีกิ๊กสักร้อยคน แต่ขอแค่แบ่งเวลามาสนใจครอบครัวสักนิด ไม่มีใครจะดูแลเราไปตลอดชีวิตนอกจากคนในครอบครัวหรอกนะครับ ขอโทษที่ผมต้องพูดแบบนี้”

   “ต้อม” พี่ฟลอยด์แตะแขนคล้ายกับปรามที่ผมเริ่มพูดเยอะเกินไป

   “พูดออกมาให้หมด” แต่เจ้าของบ้านกลับกอดอกเอนหลังพิงพนักแล้วให้ผมพูดต่อ

   “กิ๊กของคุณลุงเขาไม่ได้มีแค่คุณลุงคนเดียว เรื่องนี้ผมว่าคุณลุงก็คงรู้ และเพื่อนผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ใสซื่อแบบที่คิด เธอกล้าให้คนไปทำร้ายเพื่อนผมโดยการลากไปข่มขืน ดีที่ผมช่วยไว้ทัน”

   “เธอพูดเรื่องจริงหรือโกหกฉันอยู่”

   “ผมพูดเรื่องจริงทั้งหมดครับ” จ้องหน้านิ่งจนเจ้าของบ้านเริ่มขมวดคิ้ว แรงสะกิดจากด้านข้างพร้อมกระซิบถามว่ากลอยหรือเปล่า ผมก็พยักหน้ารับ

   “แล้วมีอะไรอีก”

   “ครับ?”

   “ปากดีแล้วก็พูดให้จบๆ ต่อไปจะได้เลิกยุ่งกับลูกชายฉัน”

   “พ่อคะ ฟีนว่าพอเถอะ”

   “เงียบไปเลย”

   “ตวาดยัยฟีนทำไมคะ”

   “แกก็ด้วย”

   สองสาวหน้ายู่ทันทีที่ถูกตวาด

   “ผมไม่มีทางเลิกกับลูกของคุณลุงแน่นอน” ยิ้มพร้อมบีบมือพี่ฟลอยด์ “ลูกของคุณลุงเป็นของผม” บอกอย่างหนักแน่น

   “อวดดี”

   “ขอบคุณที่ชม พ่อกับแม่ผมก็ชมผมแบบนี้ทุกวัน”

   เสียงลากเก้าอี้ของเจ้าของบ้านที่ยืนขึ้น พ่อพี่ฟลอยด์จ้องหน้าผมนิ่งก่อนเดินออกจากห้องทานข้าวไป ผมลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้ต้อมไม่เคยก้าวร้าวกับใครเลยนะ แต่ครั้งนี้ปากมันไปก่อนสมอง อยากจะตบปากสักร้อยครั้งที่ไปต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่ 

   “พูดได้ดี” เสียงชมลอยๆ หรือเสียงแขวะก็ไม่ทราบได้จากปากสีแดงเลือดนกของพี่เฟิร์น
 
   “ไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้นกับพ่อพี่เลยนะ” พี่ฟีนรีบเสริม

   “ผมคงโง่มั้งครับ” ก้มหน้าถอนหายใจ

   “ไม่โง่หรอก แค่เป็นคนตรงในแบบที่พวกเราไม่เคยเจอแค่นั้น”

   “พี่ชมผมใช่มั้ยครับ”

   พี่ฟีนหัวเราะร่วน และเสียงขำนิดๆ จากปากสีแดง ส่วนพี่ฟลอยด์ยิ้มหน้าบานตั้งแต่ผมบอกไม่มีทางเลิกแล้ว ตอนนี้ทำตาเล็กตาน้อยใส่ผมจนอยากจะอมข้าวแล้วพ่นใส่หน้า

   “ไม่น่าเชื่อ ว่าฟลอยด์จะชอบคนแบบต้อมได้”

   “แบบผมยังไงเหรอครับ พูดออกมาได้เลย ผมไม่โกรธ” พี่ฟีนดูลังเล สุดท้ายก็พูดออกมา ไอ้ต้อมไม่โกรธหรอก แค่หน้าเสียแค่นั้น

   “แบบปากเสีย พูดตรง ห้าว แล้วไม่อ่อนหวาน ขอโทษนะที่พี่พูดแรง”

   “ไม่แรงหรอกครับ ผมโดนด่ามากกว่านั้นเยอะ”

   มื้อเช้าที่แทบลุกเป็นไฟจบลง เมื่อคืนตอนมาก็มาซะดึก ตอนเช้าตื่นมายังต้องเจอสงครามเย็น ไอ้ต้อมสูญเสียพลังไปเยอะ ยังโชคดีที่ผมได้นิสัยมีเหตุผลของพ่อและนิสัยไม่คิดมากของแม่ แต่บางคนก็ไม่ชอบหรอกครับ เหตุผล...บางทีมันเหมือนกับเรากำลังแก้ตัวหรือหาข้ออ้างกับเรื่องๆ นั้นอยู่

   พี่ฟลอยด์พาผมมานั่งเล่นหลังบ้าน มีสระว่ายน้ำในร่มด้วย บ้านคนรวยมันเป็นแบบนี้นี่เอง สระนี่ถ้าโดดลงไปคงจะเย็นสดชื่นสินะ ลองเอาเท้าเปล่าๆ หย่อนลงไปก็เย็นดี

   “อยากว่ายน้ำมั้ย” พี่ฟลอยด์ขำก่อนถาม

   “เช้าแบบนี้เนี่ยนะ” นาฬิกาเพิ่งบอกเวลาเก้าโมงเช้าอยู่เลย

   “ออกกำลังกายตอนเช้าไง พี่มีกางเกงว่ายน้ำ” ลังเลแต่ก็พยักหน้า

   เดินตามเจ้าของบ้านคนเล็กขึ้นห้อง เมื่อคืนพอได้นอนเตียงนุ่มๆ ก็หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้ว ผมมองพี่ฟลอยด์ที่กำลังค้นของในตู้เสื้อผ้าก่อนจะยื่นกางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วมาให้ นี่มันกางเกงในชัดๆ

   “พี่ไม่มีแบบที่มันเหมือนกางเกงขาสั้นเหรอ” ไม่ใช่อายพี่ฟลอยด์นะครับ แต่อายพี่สาวใช้กับพี่สาวพี่ฟลอยด์ วันนี้วันหยุดด้วย

   “ไม่มี” จบเห่ “ใส่ไปเถอะ ไม่มีใครแอบดูหรอก” ไม่มีใครที่ไหน ยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ตรงหน้าผมนี่ไง

   กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วพันปกปิดด้วยเสื้อคลุมสีขาว พี่ฟลอยด์ก็อยู่ในชุดเดียวกับผม แม้จะเคยไปว่ายน้ำตามสระแต่นี่สระน้ำบ้านคนรวยเพิ่งเคยครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้นดีเหมือนกัน พอพวกผมก้าวลงมาก็เจอหลานของพี่ฟลอยด์กำลังยืนมองผมตาแป๋ว

   “สวัสดีครับน้องเฟรม” ผมย่อตัวนั่งลงทักทาย เด็กตัวน้อยยิ้มให้แล้วยื่นหน้ามาจุ๊บปาก ทันทีทันใดก็ถูกพี่ฟลอยด์ดึงคอเสื้อคลุมจากด้านหลังให้ถอย “พี่ฟลอยด์ทำไรวะ” โคตรตกใจตอนหงายหลังลงไป

   พี่ฟลอยด์หน้าบึ้ง “เฟรม ไปอยู่กับพี่เลี้ยงเลยไป” ดุหลานจนเริ่มเบะปากจะร้องไห้

   “พี่ดุหลานทำไมเนี่ย” จะยื่นมือไปจับแต่ถูกรวบไว้แล้วดึงให้ยืน “อะไรเนี่ย”

   “มันแก่แดด ไปเลย ไปอยู่กับพี่เลี้ยงเลย”

   “พี่ฟลอยด์” ส่งเสียงขุ่น ตัวโตรังแกเด็กได้ยังไง

   “โป้ง” น้องเฟรมยกนิ้วโป้งใส่น้าตัวเองจนผมขำ

   “ไม่ต้องโป้งเลยนะ” หัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนทะเลาะกัน “ไปเร็ว” โดนลากไปสระน้ำ น้องเฟรมเดินตามมาแต่ถูกน้าส่งสายตาดุมองเลยยอมหยุดเดิน

   “ไปแกล้งหลานทำไม”

   “มันจูบต้อมไม่เห็นเหรอ”

   “นั่นเด็กนะ”

   “ถึงเด็กก็เถอะ”

   “อย่ามาขี้หวงน่า ผมไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดนั้น”

   “ไม่รู้ตัวเองมากกว่า”

   ผมส่ายหน้าให้กับความคิดของคนที่เคยเอาแต่ใจ ตอนนี้ก็ยังมีอยู่แต่ไม่มาก เดินไปถึงสระพี่ฟลอยด์ก็ปลดเสื้อคลุมออก กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วแบบผมนั่นแหละ แต่คนใส่หุ่นดีทำให้น่ามอง ผมก็หุ่นดีนะ ไม่มีพุงแต่ก็ไม่มีกล้าม นับว่าเป็นเรื่องดีที่เข้าแปลงเกือบทุกวัน

   ลูกชายเจ้าของบ้านโดดลงไปด้วยท่าทีสวยงามราวกับนักว่ายน้ำ ผมเลยทำบ้าง แต่เหลวไม่เป็นท่าเมื่อพุ่งหลาวกลายเป็นจับกบ โดนหัวเราะเยาะด้วย เล่นไปสักพัก น้องเฟรมก็ออกมาพร้อมชุดเล่นน้ำกับห่วงยางที่แขนสองข้างและห่วงกลมๆ อยู่ที่เอว พี่ฟลอยด์โวยวายพี่เลี้ยงแต่ผมรีบปิดปากแล้วพาน้องเฟรมลงสระ เด็กตัวน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแต่อีตาคนโตกลับไปเกาะขอบสระทำหน้างอ พี่ฟีนเดินมาดูแล้วขำ

   “หวงแม้แต่กับเด็กนะ” เสียงตะโกนของพี่ฟีนยิ่งเพิ่มความง้ำงอของหน้าหล่อ “นี่น้องชายฉันจริงๆ เหรอเนี่ย”

   ผมจูงน้องเฟรมมาเกาะขอบสระข้างๆ น้าตัวเอง พี่ฟลอยด์ทำท่าจะผละออกแต่ผมดึงไว้

   “ดูหลานหน่อย”

   “ทำไมต้องดู”

   “ฟลอยด์นั่นหลานแกนะ” พี่ฟีนบอก
 
   “ลงมาดูเองเลย” หน้างอจนผมต้องเกาะหลัง พี่ฟลอยด์หันมามองนิดๆ

   “ไปเล่นกัน” บอกพร้อมรอยยิ้ม เลยดีขึ้นมาหน่อย

   กว่าจะเลิกเล่นน้ำก็เกือบสิบเอ็ดโมง น้องเฟรมขึ้นไปก่อนนานแล้วเหลือแค่ผมกับพี่ฟลอยด์ยังยืนเอาหลังพิงขอบสระ สายตามองไปยังสวนต้นไม้เล็กๆ ที่จัดอยู่อีกฝั่ง

   “ที่พูดกับพ่อพี่เมื่อเช้า ผมขอโทษนะ ปากผมมันห้ามไม่ได้จริงๆ” บอกเบาๆ อย่างรู้สึกผิด

   “ไม่เป็นไร แต่ก็ตกใจที่ต้อมพูดแบบนั้น” ใบหน้าจริงจังจนผมหน้าเสีย “เพราะไม่มีใครกล้าพูด”

   “ผมพูดแรงไปเหรอ พ่อพี่จะโมโหหนักกว่าเดิมหรือเปล่า”

   “ปล่อยเขาโมโหไปสิ ไม่ต้องไปสน”

   “พี่ฟลอยด์” ผมเรียกคนข้างๆ “ผมรู้ว่าพี่ก็รักพ่อมาก ลองเข้าไปพูดกับท่านดีๆ...”

   “ไม่มีทาง” โดนขัดทั้งที่ยังพูดไม่จบ

   “ทำไมล่ะ”

   “คนๆ นั้นไม่เคยฟัง ไม่เคยสนใจใครหรอก สนแต่ตัวเอง”

   “พี่ก็เคยเป็นแบบนั้น” เงียบครับ ไม่เถียงแปลว่าพูดถูก “ตอนพี่เจอผมใหม่ๆ ก็เป็นคนแบบนั้น”

   “พูดเกินไป”

   “ไม่เกินเลย เอาแต่ใจ ไม่ฟังใคร ชอบบังคับ สนใจแต่ตัวเอง” นับนิ้วตามจนถูกจับมือไว้แน่น

   “พี่ดูโคตรแย่เลยนะ”

   “โคตรของโคตรแย่”

   “โห พูดตรงเกิน”

   “ก็ถ้าผมเป็นคนพูดอ้อมโลก พี่จะเปลี่ยนตัวเองมาถึงขนาดนี้เหรอ ถ้าพี่เป็นคนแบบเดิม จ้างพันล้านผมก็ไม่คบหรอก” พี่ฟลอยด์หันมามองแล้วยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู

   “ขอบคุณนะ”

   “ผมก็ขอบคุณที่พี่ยอมเปลี่ยนเพื่อผม” ผมว่า “แต่ผมพูดจริง เรื่องที่จะให้พี่เข้าหาพ่อก่อน” ปากที่ยิ้มหุบลงทันที

   “ไม่พูดด้วยละ” ว่าแล้วก็ว่ายน้ำหนี ผมก็รีบว่ายตาม

   “พี่ฟลอยด์”

   “ไม่ต้องตามมาเลย”

   “พี่ฟลอยด์” ว่ายตามไปเรื่อยๆ พร้อมขำ

   “บอกอย่าตามมา” โดนสาดน้ำใส่ แต่ผมก็ยังตาม

   “พี่ฟลอยด์”

   “เออๆ ก็ได้” สุดท้ายก็ต้องยอม “แต่ ขอรางวัลด้วยได้ป่ะ”

   “รางวัลอะไร” มองอย่างระแวง

   “รางวัลของคนใจกล้าไง”

   “กะอีแค่เข้าหาพ่อตัวเอง”

   “แต่มันคือครั้งแรกไง ไม่มีรางวัลเหรอ” ถูกหัวหนักๆ โขกเข้ากับบ่า
 
   “ก็ได้ แต่ขอดูก่อนว่าทำได้ระดับไหน”

   “ต้องระดับสูงสุดอยู่แล้ว” โดนตะปบก้นแล้วบีบแน่น ผมเบิกตาโตแล้วพยายามว่ายน้ำไล่ต่อยคนที่ลวนลามในน้ำ พี่ฟลอยด์หัวเราะอารมณ์ดีว่ายน้ำไปรอบๆ



   รางวัลใหญ่ที่จะได้จริงๆ มันไม่ได้มาจากผมหรอกถ้าพี่ฟลอยด์ทำได้...แม้ผมจะเป็นตัวล่อก็เถอะ ผลลัพธ์เป็นยังไงค่อยว่ากัน       


...TBC

มาม่าจะหมดแล้วค่า เริ่มอืดแล้ว เราจะเปลี่ยนมากินน้ำแข็งไสน้ำหวานกันดีกว่า เย็นๆ หวานๆ ออฟชั่นเยอะๆ ฮ่าๆๆ

เจอกันตอนหน้าค่าาาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 08-09-2016 21:47:44
เย่ๆจะได้กินของหวานซักทึ มาม่าอืดแล้ว แต่พี่ฟล์อยหวงแฟนแม้กระทั่งหลานเหมือนพี่โชเลยนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-09-2016 21:49:36
คุณพ่อถ้ายังหลงบลูไม่ลืมหูลืมตาระวังโดนเมียน้อยที่รักนักหนาอุ้มไปนั่งยางเอาเงินนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 08-09-2016 22:09:23
เข้มข้นขึ้นเรือยๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 08-09-2016 23:30:35
สู้ๆค่ะพี่ฟลอยด์ คุยกันดีๆ ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-09-2016 00:50:08
ขอให้ครอบครัวพี่ฝอยปรับความเข้าใจกันได้เร็วๆ
ต้องขอบคุณต้อมที่สะกิดต่อมได้ถูกที่
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-09-2016 03:16:37
เหมือนเด็กเลย ต้องมีรางวัลมาล่อ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 09-09-2016 06:02:45
พ่อพี่ฟลอยด์นี้ยังไง ไม่ค่อยสนใจลูก
แต่อยากให้เขาเลิกคบกันเพื่ออะไร
ห่วงอนาคตลูกชายเหรอ
แต่ตัวเองอ่ะทำไมมีเมียน้อยล่ะ  :serius2:

ถึงจะมาม่า แต่ก็มีความหวานอยู่ คิคิ  :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-09-2016 06:44:00
รอของหวานค่ะ

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-09-2016 08:49:21
จะไม่ดราม่าแล้วหรือเปล่าครับ?
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-09-2016 13:06:03
ชอบต้อมอะขอได้ไหม #โดนพี่ฝอยเตะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-09-2016 16:24:58
ชอบต้อมจัง ที่ต้อมพูดมาไม่รู้พ่อพี่ฟลอยด์จะฟังบ้างหรือเปล่านะ แต่ถ้าฟังและคิดได้ก็คงจะดี
ครอบครัวพี่ฟลอยด์ก็คงจะมีความสุขขึ้นมาบ้าง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-09-2016 21:01:27
บอกคำเดียว หนุก ชอบ ตรงดี
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 09-09-2016 23:37:55
No Sugar : 15



      สั่นครับ ไม่ใช่ผมหรอก คนที่จับมือผมอยู่เป็นคนสั่น มือเย็นเฉียบจนผมต้องบีบแน่นๆ เพื่อให้คลายความตื่นเต้น ตอนนี้ผมพาพี่ฟลอยด์มาอยู่หน้าห้องทำงานของพ่อตัวเอง มีพี่ฟีนจับมือน้องเฟรมมาให้กำลังใจด้วย ตอนเดินมาเมื่อกี้แอบเห็นพี่เฟิร์นแง้มประตูมอง ทุกคนคงลุ้นอยู่เหมือนกัน

   ผมเพิ่งรู้มาจากพี่ฟีนว่า พี่ฟลอยด์ไม่เคยคุยกับพ่อเป็นประโยคยาวๆ ได้เลย ตั้งแต่ตอนเด็กก็มักจะอยู่กับแม่ตลอด อาจเพราะพ่อทำงานหนักเลยทำให้ห่างเหินกันพอสมควร

   “พี่ต้องทำได้” ผมยิ้มกว้างให้คนที่ขมวดคิ้ว พี่ฟลอยด์จ้องบานประตูนิ่ง

   “คนในนั้นคือพ่อของเรานะ” พี่ฟีนตบบ่าน้องตัวเอง

   “ฉู้ๆ” น้องเฟรมยิ้มให้น้าตัวเอง

   เมื่อบ่าย ผมได้เมลจากไอ้กลอยเรื่องผู้หญิงที่ชื่อบลู มันให้เพื่อนสืบให้พร้อมส่งหลักฐานมา ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมมันถึงช่วย หรืออาจจะยังแค้น แต่ผมว่า คนเกรียนๆ อย่างไอ้กลอยมันคงไม่คิดแค้นใครหรอก มันอาจอยากให้ครอบครัวนี้มีความสุข ผมเป็นคนปรึกษามันเองนั่นแหละ

   เอกสารทุกอย่างก็อยู่ในซองที่พี่ฟลอยด์ถือ ทุกคนได้เห็นหมดแล้ว ทั้งคอนโดที่ไม่ได้มาจากเจ้าของบ้านนี้ หรือแม้แต่รถหรูที่ได้จากคนอื่น บัตรเครดิตมากมายที่มาจากหลายคน ผมไม่รู้เลยทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงยอมทำลายศักดิ์ศรีเพื่อความสุขสบายของตัวเอง

   “เข้าไปด้วยกันไม่ได้เหรอ” อยู่ๆ พี่ฟลอยด์ก็หันมาพูดกับผม

   “ไม่ได้หรอก”

   “เดี๋ยวเข้าไปทะเลาะแล้วใครจะห้าม”
 
   ผมหันไปมองพี่ฟีนซึ่งทำตาโตพยักหน้าเห็นด้วย

   “แต่ผมเป็นคนนอก ให้พี่ฟีนเข้าไปคงดีกว่า”

   “พี่จะห้ามได้เหรอ” ทำหน้าเหลอหลามองผมสลับกับน้องตัวเอง

   และแล้วผมก็เข้ามาด้วย เดินตามหลังคนสูงเข้ามา เห็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มอ่านอะไรสักอย่าง แต่พอมีคนเดินเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นมอง

   “มีอะไร” เสียงเข้มถาม ผมรีบสะกิดพี่ฟลอยด์ให้พูด

   “อยากมาคุย” นี่จะมาหาเรื่องพ่อตัวเองหรือเปล่า ตอบกลับโคตรห้วน

   “คุยอะไร” ถามกลับพร้อมเหล่ตามามองผมที่ยืนซ้อนหลังอยู่ “แล้วทำไมต้องพาเข้ามา หรือจะคุยเรื่องเด็กนั่น”

   “เปล่า เขาเข้ามาเป็นกำลังใจให้ผม” เจ้าของบ้านเลิกคิ้วข้างหนึ่งมอง

   “แล้วมีอะไร” เจ้าของบ้านเอนตัวพิงพนักของเก้าอี้ ดวงตาคมมองมาตรงลูกชายเพียงคนเดียวที่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าพูดจนผมต้องแตะแขนเบาๆ เพื่อให้รู้ว่ายังมีผมอยู่ข้างๆ

   “ผม...” ใบหน้าหล่อลังเลก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา “ผมมาขอโทษ”

   “ขอโทษเรื่อง?”

   พี่ฟลอยด์หันมามองผมแล้วยิ้มออกมา “ทุกเรื่อง” พ่อพี่ฟลอยด์จ้องนิ่งไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา “ผมรู้ว่าผมกับพ่อไม่สนิทกันมาตั้งแต่ต้นแล้วผมก็ตั้งแง่มาตลอด นั่นเพราะพ่อไม่เคยเลี้ยงผม พ่อมัวแต่ทำงานทุกวันจนเราแทบไม่เจอหน้ากัน พ่อเลยเหมือนคนนอกในความคิดของผม” ความในใจพรั่งพรูออกมาจากคนที่ยืนตรงหน้าผม

   “แต่ฉันเจอหน้าแกทุกวัน”

   “ตอนไหน ทำไมผมไม่เห็น”

   “ตอนที่แกหลับ ฉันไปหาทุกครั้ง”

   “แม่ไม่เห็นบอก”

   “เพราะแม่แกโกรธฉันที่ไม่ทำหน้าที่สามีที่ดียังไงล่ะ” คำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อทำเอาลูกชายขมวดคิ้ว “ที่ฉันแต่งงานกับแม่แกเพราะคุณย่าขอร้อง”

   “หมายความว่ายังไง”

   “ฉันรักกับแม่ของเฟิร์นจนเธอตายไป ฉันดื่มเหล้าหนักแล้วขับรถชน ย่าก็พาแม่ของแกมาดูแล แล้วฉันก็เพิ่งรู้หลังจากแต่งงานว่าแม่ของแกคือคนที่เคยเกือบถูกจับแต่งงานกับฉัน แต่บังเอิญฉันแต่งงานไปซะก่อน ประจวบกับการจากไปของแม่เฟิร์น ย่าเลยรีบจัดการตามแผนการที่ถูกเตรียมไว้แต่แรก อีกสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะติดหนี้เลยให้ฉันเป็นคนดูแลลูกสาวเจ้าหนี้ หรือคือแม่แกนั่นแหละ”

   เรื่องราวอันน่าซับซ้อนถูกถ่ายทอดออกมา ผมขมวดคิ้วฟังด้วยความรู้สึกหลากหลาย ตอนนี้ไม่รู้เลยว่า ใครผิด ใครทิ้งใคร หรือใครน่าสงสารที่สุด พี่ฟลอยด์มองหน้าพ่อตัวเองนิ่งไร้เสียงตอบกลับใดๆ หลังจากได้ยิน

   “...”

   “แต่ไม่ใช่ฉันจะใจจืดใจดำไม่สนใจ เพราะฉันก็ยังดูแลแม่แกเป็นอย่างดี จนมีฟีนกับแก ฉันก็ยังคอยดูอยู่ตลอด แต่แม่แกมักจะกันฉันออกห่าง ฉันก็พอเข้าใจว่าคงโกรธที่ฉันละเลย”

   “ตอนแม่ป่วยทำไมพ่อไม่เคยไปดูแล”

   “ฉันเป็นคนจ้างหมอจากเมืองนอกมาดูแลแม่แกโดยเฉพาะ”

   “แล้วทำไมต้องมีเมียน้อย”

   “เรื่องนั้นเพราะฉันผิดที่ไม่พอเอง” เจ้าของบ้านลุกจากเก้าอี้มายืนตรงหน้าลูกชายตัวเอง “พ่อขอโทษ แต่แกจะโกรธพ่อก็ไม่เป็นไรเพราะพ่อผิดจริง พ่อดีใจนะ ที่วันนี้แกกล้าเข้ามาหา และยอมคุยอย่างเปิดอก” สรรพนามที่เปลี่ยนไปพร้อมมือหนายื่นมาจับบ่าลูกชายพร้อมรอยยิ้ม “พ่อต้องขอบใจไอ้เด็กปากดีคนนี้ด้วยมั้ย”

   ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อถูกจ้อง พี่ฟลอยด์เอนตัวมาบังผมไว้จนคนเป็นพ่อขมวดคิ้ว

   “ห้ามยุ่งกับคนของผม”

   “หวงกับพ่อของแกเชียวรึ” ถามกลับเสียงเขียว “เอาเถอะ อย่างน้อยก็ทำให้แกเข้าหาพ่อได้ จะดีกว่านี้ถ้าแกเลิกเกลียดพ่อบ้าง”

   “พ่อก็เลิกกับเมียน้อยพ่อสิ” ซองเอกสารถูกยื่นไปตรงหน้า เจ้าของบ้านยิ้มไม่รับ

   “พ่อรู้เรื่องพวกนี้นานแล้ว”

   “แล้วทำไมพ่อไม่เลิก”

   “...” ไม่มีคำตอบ มีเพียงแค่รอยยิ้มจากคนถูกถาม

   “เธอนิสัยเหมือนแม่พี่เฟิร์นใช่หรือเปล่าครับ” ผมชะโงกหน้าไปถาม พ่อพี่ฟลอยด์เลิกคิ้วนิดๆ แล้วพยักหน้ารับ พี่ฟลอยด์ไม่เข้าใจเลยหันมามองผม “เท่าที่ได้คุยกับเพื่อนที่เคยคบกับเขามา ผู้หญิงคนนั้นมีนิสัยอ่อนโยน อ่อนหวาน และมีเหตุผล ปฏิเสธเรื่องที่เห็นว่าไม่มีประโยชน์กับตัวเอง แต่ผมว่าข้อหลังมันคล้ายกับเห็นแก่ตัวนิดๆ” พ่อพี่ฟลอยด์เผลอหัวเราะออกมา

   “แม่ของเฟิร์นเป็นคนแบบนั้นนั่นแหละ บางครั้งดูเห็นแก่ตัวแต่ก็ทำเพื่อครอบครัว”

   “แต่ผู้หญิงคนนั้นทำเพื่อตัวเองนะครับ” ผมว่า เลยถูกสายตาดุจ้อง

   “รู้มากจริงนะ” คล้ายกับประชด

   “แล้วยังรู้ว่าลุงยอมยกบ้านให้เพราะอยากเลิก แต่ติดตรงที่ว่า ผู้หญิงคนนั้นเธอบอกว่าท้องใช่หรือเปล่า”

   “ต้อมรู้ได้ไง” พี่ฟลอยด์ถาม “หรือว่ากลอยบอก” ผมพยักหน้าลง

   “กลอยให้เพื่อนช่วยสืบให้”

   “เพื่อนเป็นนักสืบหรือไงถึงรู้มากจริง” น้ำเสียงนิ่งเฉยแบบนี้คงเป็นเรื่องจริง ในตอนแรกผมโคตรตกใจที่ได้อ่านข้อความ

   “แต่คุณลุงคงรู้ความจริงแล้วใช่มั้ยครับ” ผมถาม ซึ่งได้การพยักหน้าตอบกลับ

   “พ่อก็เพิ่งรู้ว่าเด็กในท้องเป็นลูกคนอื่น” ดูเหมือนพ่อพี่ฟลอยด์คงให้คนสืบเหมือนกัน บนโต๊ะทำงานมีซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่ ข้างๆ มีรูปภาพหลายรูปที่คงเดาได้ไม่ยากว่าเป็นรูปถ่ายของคู่ควง “เธอนี่ฉลาดดีนะ”

   “ขอบคุณที่ชมผมครับ” ผมยิ้มกว้างให้ แต่พี่ฟลอยด์กลับทำหน้าบึ้งตึง “พี่เป็นอะไร” ผมลองสะกิดถาม

   “ทำไมต้อมไม่บอกพี่เลย” อ่าว ทำไมมาโกรธผมแทนวะ

   “ผมก็เพิ่งรู้เมื่อบ่ายนี้เอง” บอกความจริง อยู่ๆ ไอ้กลอยก็โทรเข้ามาบอกส่งข้อมูลบางอย่างมาให้ พอผมเปิดดูก็มีข้อความทุกอย่าง รวมถึงไฟล์เอกสารที่แนบผ่านเมลเข้ามา “ขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่ก่อน”

   โทรศัพท์ของเจ้าของบ้านดังขึ้น ผมกับพี่ฟลอยด์เลยขอตัวออกมา แต่ก่อนออกห้อง พ่อพี่ฟลอยด์ชวนผมกินเข้าเย็นด้วย แค่นี้ผมก็พอรู้แล้วว่าความโกรธของพ่อลูกคงลดลงเมื่อพี่ฟลอยด์ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม

   โล่งอกจริงๆ

   พอออกจากห้องก็เจอพี่สาวสองคนเดินวนไปมา ประตูเปิดออกก็รีบพุ่งเข้ามาหา พี่ฟีนจับน้องชายหมุนไปมาอาจจะหาบาดแผล

   “ไม่โดนทำร้ายใช่มั้ย ทำไมไม่มีเสียงโวยวายเลย” พี่ฟีนดูเป็นห่วงมาก ใบหน้าสวยบูดเบี้ยวคล้ายกับจะร้องไห้ออกมา
 
   “พ่อไม่ได้ทำอะไรแกใช่มั้ย” พี่คนโตถาม คนถูกถามส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม แขนยาวรวบร่างบางของพี่สาวทั้งสองมากอด “อะไรของแกเนี่ย”

   “ผมรักพี่นะ”

   “เป็นอะไรเนี่ย” พี่ฟีนกอดตอบแล้วยิ้มออกมา

   “ผมโคตรรักพี่เลย”

   มองพี่น้องกอดกันก็อดที่จะดีใจแทนไม่ได้ ผมว่า เรื่องราวที่มันใหญ่โตแบบนี้ สาเหตุมาจากการไม่พูดคุยกัน ปัญหาเลยพอกพูนเป็นดินก้อนใหญ่จนยากจะกะเทาะออก แต่มันก็ไม่ยากถ้าช่วยกันทำลาย สักวันมันก็จะเหลือแค่เศษดิน

   แรงสะกิดเบาๆ ทำให้ผมก้มไปมอง น้องเฟรมยื่นอมยิ้มมาให้ ผมย่อตัวนั่งลงแล้วหยิบอมยิ้มมา

   “อร่อยเหรอ” น้องเฟรมยิ้มแล้วพยักหน้า “ให้พี่แบบนี้ พี่กินหมดนะ”

   “อื่อ” จ้องหน้าเด็กตัวเล็กแล้วชวนให้นึกถึงหลานสาวของตัวเองที่อายุคงพอๆ กัน แถมยังกำพร้าเหมือนกัน “ไปเล่นกัน” ผมหัวเราะเมื่อถูกมือเล็กดึงไปข้างหน้า แต่ทำไมผมหงายหลังแทน

   “พี่ทำไรวะ” หันหน้าไปด่า อยู่ๆ ถูกดึงคอเสื้อทำให้หงายหลัง

   “เอาลูกพี่ไปเลย” พี่ฟลอยด์หันไปบอกพี่ฟีนเลยถูกพี่สาวหัวเราะ

   “ทำไมฉันต้องมาทนเห็นแบบนี้อีกแล้ว” ทั้งผม พี่ฟลอยด์ พี่ฟีนต่างก็มองหน้าคนบ่น พี่เฟิร์นเบ้ปากแล้วเดินหนี ผมจำได้ว่า พี่เฟิร์นเคยทะเลาะกับไอ้กลอยที่งานศพวันนั้น

   “ไม่ต้องไปสนใจหรอก พี่เฟิร์นแกก็เป็นแบบนี้นั่นแหละ” พี่ฟีนบอกผมพร้อมรอยยิ้ม

   “ครับ” ผมยิ้มรับ มือพยายามปัดแขนยาวๆ ที่พาดบ่า เอาลงแล้วก็ขึ้นมาใหม่ ต่อหน้าพี่สาวเลยนะ รุ่มร่ามตลอดว่ะ




   มื้อเย็น บรรยากาศดีกว่ามื้อเช้าเยอะ ไม่มีเสียงแหนบแนมหรือชวนทะเลาะให้เห็น แต่ก็ไม่ได้เฮฮาเหมือนครอบครัวผม คงต้องค่อยๆ ปรับอีกนาน พี่ฟลอยด์ดูอ่อนลงพอสมควร มือขาวตักผัดผักใส่จานของพ่อโดยที่ผมไม่ต้องกระซิบเตือนอย่างตอนแรก

   “เราน่าจะฉลองกันหน่อยมั้ยคะ พี่ฟลอยด์กับพ่อไม่ทะเลาะกันแล้ว” พี่ฟีนพูดขึ้น พร้อมกับบอกแม่บ้านให้นำไวน์ออกมาหลังจากมื้อค่ำจบลง

   ไวน์แดงรสชาติละมุนนุ่มลิ้นแบบที่ผมไม่เคยได้แตะมาก่อน ไวน์คนรวยนี่เนอะ อย่างผมก็แค่ยาดองก็หรูแล้ว ฤทธิ์ร้อนแรงร้อนท้องนอนหลับสบาย

   “เป็นไงไอ้เด็กปากดี ไวน์ขวดนี้เป็นแสนเชียวนะ” ถูกพ่อพี่ฟลอยด์แขวะนิดๆ แต่ผมก็ยิ้มให้

   “เป็นบุญปากของผมมากครับ” พูดจบ ทุกคนก็พากันหัวเราะออกมา

   “ปากมันดีจริงๆ” เจ้าของบ้านชูแก้วมาทางผม ผมก็ตอบกลับแล้วยกดื่มรวดเดียว เริ่มขมนิดๆ ตอนเข้าปาก พอกลืนก็หวาน
 
   การฉลองจบลงพร้อมกับไวน์แสนแพง ดีกรีแค่นี้ไม่ทำให้ผมคอพับได้ ยาดองเป็นโหลก็เคยกินคนเดียวมาแล้ว แค่เดินเซเท่านั้น

   ผมเดินกลับขึ้นห้องพร้อมพี่ฟลอยด์ นี่ก็ไม่ออกอาการใดๆ คงคอแข็งเหมือนผม ไม่เหมือนพี่สาวสองคนที่ต้องให้แม่บ้านพยุงไป ตามมาถึงห้อง คนเดินนำก็แยกเข้าห้องน้ำไป ผมก็มือถือมาส่งข้อความหาเพื่อนเกรียน แต่มันไม่ยอมตอบ อาจสวีทกับแฟนมันอยู่ ผมเลยวางมือถือลงแล้วขึ้นไปนอนกลิ้งเกลือกบนเตียงนุ่ม เมื่อคืนมาถึงก็เข้านอนเลย

   ผล็อยหลับไปแปบหนึ่งก่อนจะครางอย่างขัดใจ เมื่อถูกขโมยหอมแก้มไปฟอดใหญ่เลยต้องปรือตาขึ้นมอง

   “นอนก่อนพี่ได้ยังไง” พี่ฟลอยด์นั่นแหละครับ ดูเหมือนจะอาบน้ำเรียบร้อยแล้วเพราะตัวหอมมาเชียว

   “หอม” ผมพูดออกมาเมื่อถูกแขนสองข้างกักตัวไว้บนเตียง พอจะลุกกลับถูกกดให้นอนลงเหมือนเดิม “ผมจะไปอาบน้ำ”

   ถูกก้มหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ “ถูให้สะอาดทุกซอกทุกมุมเลยนะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เริ่มทำให้ผมไม่ค่อยไว้วางใจสักเท่าไหร่

   ผมอาบน้ำใช้เวลาไม่นานก็ออกมา เจ้าของห้องนอนตะแคงดูทีวีท่าทางอารมณ์ดีจนผมแปลกใจ พอได้อาบน้ำก็รู้สึกสดชื่น
 
   “มานี่มา” ถูกตบเตียงที่ว่างข้างๆ เรียก ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ก็ถูกกอดเอวแน่น “ขอบใจนะ” เสียงอู้อี้แถวหน้าท้องทำให้ขำ
 
   “ไม่เป็นไร” ลูบผมนุ่มสีดำไปมา “พี่ก็รักพ่อแต่ฟอร์มไปงั้น ผมรู้”

   “แสนรู้จริงนะ”

   “ขอบคุณที่ชม”

   “ไม่โกรธเหรอเนี่ย” เสียงขำเล็กๆ ทำให้ผมต้องเลิกคิ้ว

   “โกรธทำไม”

   “ก็ที่พี่ว่าแสนรู้ นั่นมันหมานะ”

   “คนก็แสนรู้กว่าหมาอีก”

   “ตลกว่ะ” แล้วพี่ฟลอยด์ก็หัวเราะร่วน มือขาวนั่นสอดเข้ามาในเสื้อยืดของผมจนต้องดึงออก แถมยังต้องดึงหน้าหล่อที่งับหน้าท้องผมผ่านเสื้อเนื้อบาง

   “ทำไรวะเนี่ย” ยันหน้าหล่อด้วยมือ

   “รางวัลไง” พูดออกมาพร้อมนัยน์ตาพราว

   “ยังไม่ใช่ตอนนี้” ตาแพรวหม่นแสงลงทันที

   “แล้วเมื่อไหร่ พี่แทบจะตายด้านอยู่แล้วนะ” ผมขำออกมาเมื่อถูกคนตัวโตกว่างอน พี่ฟลอยด์ทำหน้างอขยับห่างไปนอนชิดขอบเตียง ผมเลยต้องขยับเข้าไปหา วางคางเกยบนต้นแขนมีกล้ามนิดๆ

   “เมื่อไหร่แล้วผมจะบอกพี่เอง แต่ตอนนี้ เวลานี้ บ้านพี่มันไม่สมควร” ได้ยินปุ๊บคนงอนก็หันมายิ้มตอบ

   “อายละสิ กลัวพี่ทำให้เสียงดังคนจะได้ยินใช่มั้ย โอ้ย เจ็บนะเนี่ย” โดนกัดต้นแขนไปแบบเบาๆ แต่ก็มีรอย “เป็นหมาจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”

   “เออ หมาพันธุ์ดุด้วย ระวังเถอะ”

   “ต้อมเป็นหมา พี่ก็เป็นหมาเหมือนกัน แถมพร้อมผสมพันธุ์ตลอดเวลาด้วย โฮ่งๆ”

   “ผมต้องขำมั้ย”
 
   ถามไปแบบนั้นแต่ก็หัวเราะออกมา คืนนี้เราก็ยังนอนกอดกันแบบเดิม ความอุ่นที่ตอนนี้ผมขาดไม่ได้ ขาดวันไหนมักจะนอนไม่หลับ นี่ผมเสพติดความอุ่นของพี่ฟลอยด์ใช่หรือเปล่าเนี่ย ไอ้ต้อมเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อเลย แต่ช่างเถอะ คืนนี้ขอแค่ให้นอนหลับฝันดีก็พอ

   “ฝันดีนะครับ”

   “อื่อ ฝันดี อย่าอ่อยผมให้มากด้วย เดี๋ยวผมเผลอกดพี่ก่อนจะหนาว” บอกทั้งๆ ที่หลับตา ได้ยินเสียงขำเบาๆ ชิดใบหู

   “จะรอวันนั้นนะ”

   “เหอะ รอดูเถอะน่า” 


..TBC


พี่ฝอยขี้อ่อยมาทักทายค่า และจะบอกว่า อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้ววว

แต่ตอนพิเศษไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากลอยประเกรียนแน่นอนค่าา ฮ่าๆๆ

แล้วพบกันตอนหน้าค่าาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-09-2016 23:47:06
เอาใจช่วยพี่ฝอยได้ต้อมเร็วๆนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 09-09-2016 23:56:00
อ่านตอนนี้แล้วยิ้ม ดีใจกับพี่ฝอยด้วย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 14 Up!! [P.6]<< // [08/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 10-09-2016 00:14:16
มาตาอเร็วๆเลยๆรออยู่ครับ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-09-2016 00:17:33
หลังจากนี้พ่อพี่ฟลอยด์คงเอาหลักฐานทั้งหมดที่มีไปขอเลิกได้แล้วล่ะมั้ง และก็คงจะต้องเสียเงินให้อีกก้อนเพื่อให้มันหมดปัญหาไปด้วยแน่ๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะเรื่องมันจะได้จบๆ ไป ครอบครัวจะได้มีความสุขซะที
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 10-09-2016 06:35:46
ชีวิตคนเรามันสั้นพี่ฝอยทำถูกแล้ว เดียวต้อมก็ใจอ่อน5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 10-09-2016 09:18:50
อยากซื้อตุ๊กตาหมาไปให้พี่ฟลอยด์กดระหว่างต้อมยอม ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-09-2016 09:29:51
เรื่องราวช่างซับซ้อนจริงๆ เหมือนเรื่องทุกอย่างมันเริ่มมาจากพ่อกับแม่ แต่เพราะไม่พูดคุยกันมันเลยพอกยาวมาถึงทุกวันนี้ ยังดีที่เริ่มหันมาคุยกัน ทุกอย่างเลยเริ่มดีขึ้นแล้ว  o13
แต่ที่น่าจัดการหนักๆ นังบลูนั่น ใครก็ได้ช่วยจัดหนักให้นางไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลยจะดีมาก แลดูนางช่างทนทานจริงๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-09-2016 10:51:03
หาาา จะจบแล้วเหรอ ใจหายมากกยังไม่เจอฉากหวานคู่นี้เลย ฮ่าๆๆ ถึงแม้ชื่อเรื่องจะบอกไม่หวานก็เถอะ ดีใจกับพี่ฝอยด้วยที่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นสักที
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 10-09-2016 11:45:02
555อะไรถึึงจะเป็นหมาแต่เป็นหมาพร้อมผสมพันธ์   :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 10-09-2016 12:19:24
จาจบแว้ววว  :mew2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 10-09-2016 12:22:55
ต้อมยอมพี่ฝอยเถอะค่ะ5555  :hao3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 10-09-2016 12:24:39
น่ารักจริงๆคู่นี้
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 15 Up!! [P.6]<< // [09/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-09-2016 13:20:51
หวังว่าจะดีขึ้นกว่านี้ คนรัก ครอบครัว ความสุข
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 10-09-2016 19:13:27
No Sugar : 16.1



       เพราะได้รับความช่วยเหลือจากไอ้กลอย ผมเลยจะเลี้ยงตอบแทน แต่มันติดตรงที่แฟนของมันหรือพี่โชไม่อนุญาตให้ออกมาตอนกลางคืน มาตอนค่ำก็เลี้ยงเหล้านั่นแหละครับ คุยไปคุยมา ถูกมันชวนให้มากินที่คอนโดซะงั้น ไอ้ผมมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก คนเป็นปัญหาหลักๆ ยืนอยู่ข้างผมนี่แหละครับ

   หน้าลิฟต์ที่ด้านข้างมีไอ้ทูกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง เห็นไอ้ทูเรียกพี่เบอะไรนี่แหละ ผมทักทายมันปกติ แต่มันที่เป็นคนไม่ปกติ เมื่อเห็นหน้าพี่ฟลอยด์ไอ้ทูก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีจนพี่เบของมันตกใจ อยากขำแต่ขำไม่ออก เหมือนพาเสือเข้าถ้ำสิงอะไรแบบนั้นเลย

   พี่ฟลอยด์ทำหน้าตาเฉยๆ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา แต่ผมก็รู้ว่ากำลังกังวล คงคิดไม่ออกว่าจะทำหน้ายังไงเมื่อต้องเจอพี่โช ทะเลาะกันมาเยอะ เรียกฉายาก็ยังมี พอนึกก็ขำออกมา

   “ขำอะไร” เสียงนิ่งๆ ถาม ยังมีไอ้ทูกับพี่อีกคนก็มองมาที่ผม คงจะขำเสียงดังไปหน่อยละมั้งนะ

   “นึกถึงฉายาที่พี่โชเรียกพี่น่ะสิ” ผมว่าปนขำ คนมีฉายาจิ๊ปากไม่ชอบใจ

   “ฉายาไรวะ” ไอ้ทูยื่นหน้ามากระซิบแล้วรีบผละออกเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมาไม่ค่อยเป็นมิตร ได้ยินพี่คนข้างๆ กระซิบว่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นทำไมด้วย

   ผมมองหน้าพี่ฟลอยด์แล้วขำออกมาอีกรอบ “พี่ฝอยขัดหม้อ” พูดออกมาจนคนในลิฟต์ที่ไม่เคยได้ยินทำตาโต แต่เจ้าของฉายาหันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์

   “นึกออกแล้ว” อยู่ๆ พี่ที่ยืนข้างไอ้ทูก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก นิ้วชี้มาที่พี่ฟลอยด์จนคนถูกชี้มองด้วยความฉงน “นายคนนั้นนั่นเอง”

   “พี่รู้จักเหรอ” ไอ้ทูถามตาโต

   “ไม่รู้จัก”

   “อ่าว” ผมกับไอ้ทูร้องพร้อมกัน

   “แต่จำหน้าได้ไง ที่เคยไปกับไอ้กลอยที่ตึกอะไรสักอย่าง ที่ไปเปิดโปง สายลับ โอย สับสน” พี่เบของไอ้ทูสะบัดหน้าไปมาจนถูกมือไอ้ทูยื่นไปนวดขมับ

   “จูนหน่อยๆ”

   “เชี่ย แต่จำได้จริงๆ แล้วฉายาเมื่อกี้ได้ยินไอ้โชมันพูดถึงอยู่ ฝอยๆ หม้อๆ อะไรนี่แหละ”

   “ฝอยขัดหม้อพี่”

   แล้วสองคนก็หันหน้าหนีเมื่อเจอสายตาอำมหิตของเจ้าของฉายา ผมได้แต่หัวเราะร่วนอยู่คนเดียว จนมีเสียงมากระซิบข้างหูว่าให้หยุด แต่ผมก็ยังปิดปากขำอยู่ดี

   ประตูลิฟต์เปิดออกผมกับพี่ฟลอยด์ก็ก้มไปหยิบถุงที่วางที่พื้นแล้วก้าวออกไป ไอ้ทูรีบเสนอตัวเข้ามาช่วย เราเลยเดินถือของคนละไม้ละมือมาที่ห้องที่ไอ้กลอยบอก เคาะไม่กี่ทีประตูก็เปิดออก คนที่โผล่หน้าออกมาก็ไอ้กลอยนั่นแหละครับ มันเห็นพวกผมก็ยิ้มแป้นแล้วกวักมือให้เข้าไป

   “โห เอาไรมาเยอะแยะเนี่ย” ไอ้กลอยมองถุงที่ช่วยกันหิ้วเข้าไปอย่างตกใจ

   ของพวกนี้ก็มีพวกของกิน กับแกล้มแล้วก็ขนม ซึ่งพี่ฟลอยด์เป็นคนเลือก พอเข้ามาในห้องก็เจอคนนั่งล้อมวงมีเหล้าขวดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง คงเริ่มไปแล้วสินะ

   “พี่ๆ นี่เพื่อนผมเอง มันชื่อไอ้ต้อม แล้วนี่พี่ฟลอยด์” ไอ้กลอยแนะนำผมกับคนที่นั่งในวงเหล้า ทุกคนก็พยักหน้ารับแล้วสนใจแก้วเหล้าตัวเองต่อ แต่เห็นมีคนหนึ่งที่จ้องมาทางผม ไม่สิ จ้องมาที่คนข้างๆ ผมมากกว่า “นั่งเลยๆ พี่ฟลอยด์นั่งเลย” ถูกไอ้กลอยพามานั่งในวงด้วย ซึ่งทุกคนก็ขยับขยายให้

   “อะๆ แก้ว” พี่รูปร่างท้วมนิดๆ ยื่นแก้วสองใบมาให้ผมก่อนยื่นขวดเหล้ามาให้ด้วย

   “ขอบคุณครับ” ผมว่าพร้อมยกมือไหว้

   “โอ้ย แม่ง เด็กแบบนี้สิถึงจะน่ารัก อย่างไอ้เกรียนกูก็ไม่ไหว” แล้วทุกคนในวงก็พากันหัวเราะ ผมมองเพื่อนตัวเองอย่างงงๆ
 
   “ถ้าพี่ตินจะพูดแบบนี้ ปลาหมึกนี่ก็ไม่ต้องกิน” ไอ้กลอยยกจานปลาหมึกทอดกรอบออก แต่พี่ที่เอาแก้วให้ผมรีบคว้าจานไว้

   “โถๆ พี่ขอโทษ แม่ง ขี้น้อยใจ”

   ทุกอย่างดูวุ่นวายในความรู้สึก พี่ฟลอยด์จิบน้ำสีอำพันเงียบๆ ไม่มีปากมีเสียง หลายครั้งถูกถามก็ตอบแบบเรียบๆ ยังดีที่เพื่อนพี่โชเป็นกลุ่มสนุกสนาน ทุกคนเลยไม่ใส่ใจอาการทางสีหน้าของคนแปลกหน้า

   “อยากกลับ” เสียงกระซิบเบาๆ ข้างหูผม พอหันไปมอง ใบหน้าพี่ฟลอยด์ดูไม่สนุกจริงๆ นั่นแหละครับ

   “อีกแป๊บ” ผมบอก เพราะเพิ่งมาถึงจะกลับเลยก็ดูเสียมารยาทไปนิด

   ผมนั่งฟังเพลงจากเพื่อนไอ้กลอยที่ชื่ออัธ มันร้องเพลงเพราะดีนะครับ เห็นว่า คนนี้คือคนที่ช่วยหาข้อมูลมาให้ แต่ผมยังไม่ได้คุยอะไรด้วย อยากจะขอบคุณอยู่เหมือนกัน

   คาราโอเกะถูกเปิดและเปลี่ยนไมค์กันร้อง ขอบอกว่าตอนนี้ชิปหายวายป่วงมาก เสียงพี่ๆ แต่ละคนอยากจะรีบจองตั๋วเครื่องบินให้พี่เขาไปออกตามหาคีย์เพลงซะเหลือเกิน แล้วก็ชอบร้องเพลงที่คีย์สูงๆ อย่าง Silly Fools หรือ 25 hours จะว่าตลกก็ตลกนะ แต่มันแสบแก้วหูเกินไป

   “ไอ้ฝอย มึงร้องสักเพลง” ผมหันขวับมองพี่โชที่ยื่นไมค์มาทางพี่ฟลอยด์ แล้วดูชื่อที่พี่โชเรียก เหมือนจะหาเรื่องกันเลย สีหน้าพี่ฟลอยด์เริ่มบึ้งตึงจนกลัวจะมีเรื่อง

   “เดี๋ยวผมร้องเอง” รีบเสนอตัว แต่พี่ฟลอยด์ยื่นมือไปรับไมค์

   “สรุป มึงชื่อฟลอยด์หรือฝอยวะ” พี่ที่ชื่อแทมถาม พี่คนนี้เสียงระดับปรมาจารย์แห่งความเพี้ยนเลยนะครับ

   “ชื่อฟลอยด์...ครับ” มีหางเสียงด้วยวุ้ย คงเพราะพี่ๆ ทุกคนอายุเยอะกว่าด้วย ผมได้ยินพี่โชขำในลำคอนิดๆ เมื่อได้ยินหางเสียงนั่น

   “ชื่อมันเข้ากับหน้าตา แล้วทำไมมึงเรียกไอ้ฝอยวะ” พี่ตินหรือพี่ที่เอาแก้วให้ผมถามเพื่อนตัวเอง

   “ไอ้เชี่ยติน” โดนพี่เบตบหัวเต็มๆ จนหน้าบูด

   “ตบหัวกูทำพ่อง”

   “มึงจำไม่ได้เหรอ ไอ้เด็กนี่ที่เป็นอดีตกิ๊กไอ้เกรียนไง”

   ประโยคบอกเล่าจบลง สายตาทุกคู่ก็จ้องมายังคนที่ถือไมค์อยู่

   “อ่าวจริง?” พี่แทมครับ ไม่ต้องยื่นหน้ามาใกล้พี่ฟลอยด์ขนาดนั้น “มันหล่อสูสีนี่เอง”

   “พวกพี่พูดไม่เกรงใจแฟนพี่ฟลอยด์เลยนะ มันนั่งอยู่ข้างๆ นั่นน่ะ” ไอ้กลอยรีบขัดขึ้นมา เพราะโดนพี่โชล็อกคออยู่

   “อ่าวจริง?” หน้าพี่แทมย้ายมาที่หน้าผมครับ แต่ผมถูกพี่ฟลอยด์ขยับเข้ามาบังจนพี่แทมต้องถอยกลับไปนั่งตามเดิม “แม่ง ขี้หวงเหมือนเพื่อนกูอีกละ เซ็ง” ส่ายหน้าแล้วเลือกเพลงที่จะร้อง

   “แล้วไอ้ซันกับไอ้จอมมันจะไม่มาเหรอวะ กินจนเหล้าจะหมดขวดอยู่แล้ว” พี่เบพูดขึ้นมา ทุกคนเลยเลิกสนใจพี่ฟลอยด์กับผม

   “เห็นว่าใกล้ถึงแล้ว” พี่โชเป็นคนบอก “มึงร้องสิ ไอ้เชี่ยแทมวางไมค์เลย เสียงมึงอย่างกับฮิปโปออกลูกไอ้สัด” พี่โชตะโกนด่าเพื่อนตัวเองที่เริ่มโยกไปกับจังหวะ

   “ขัดกูตลอด เซ็ง” พี่แทมอ้าปากจะร้องก็ต้องรีบหุบแล้วปิดเพลงที่ตัวเองเลือก พี่แกไม่ให้ใครร้องครับ เพราะจะร้องเองหลังจากพี่ฟลอยด์ร้องจบ มีจองคิวด้วยนะ

   “ทำไมต้องให้ไอ้ฝอย เอ้ย ฟลอยด์ร้องวะ” พี่ตินถาม

   “กลอยบอกมันร้องเพลง” ไอ้กลอยรีบพยักหน้ารับ คงเป็นตอนงานมหาลัยนั่นแหละครับ

   “เพราะสุดๆ” ไอ้กลอยยกนิ้วโป้งสองข้างยืนยัน

   เพลงที่พี่ฟลอยด์เลือกเป็นเพลงที่พี่แทมหาให้ครับ เลือกแบบไม่ถามเลยว่าคนร้องจะร้องได้หรือเปล่า ยังดีที่พี่ฟลอยด์ร้องได้ แต่ก็เกือบถูกทิ้งไว้กลางทางเหมือนชื่อเพลง ดีที่ไอ้อัธเพื่อนไอ้กลอยช่วยจึงรอดพ้นมาได้ พอร้องจบทุกคนก็ปรบมือให้ในความไพเราะ คงจะมีพี่ที่ชื่อแทมก็บ่นอยู่คนเดียว

   “ทีกูร้องแม่งไล่ลงตลอด กูเสียใจ”

   จะว่าไป พออยู่นานๆ เข้า พี่ๆ เขาก็น่ารักดีนะครับ ดูแรกๆ เหมือนจะเข้าถึงยาก แต่ยิ่งคุยยิ่งเฮฮา มีเสียงหัวเราะตลอด ขนาดเพื่อนไอ้กลอยมันยังตลก ผมพยักหน้าให้คนที่ชื่ออัธ มันคงสังเกตว่าผมมองมันหลายรอบ มันเลยกวักมือเรียกผมไปที่ระเบียง

   ท่ามกลางสายตาของใครหลายคู่ รวมทั้งพี่ฟลอยด์ที่จะลุกตาม แต่ผมบอกไปแค่แป๊บเดียวก็เลยนั่งลงแม้ท่าทางดูฮึดฮัดจนพี่ตินขยับมากอดคอทำเหมือนสนิทกันมานานนม หวังว่าพี่ฟลอยด์คงไม่องค์ลงอาละวาดหรอกนะ แล้วนี่ก็ต่างถิ่น พวกเขาก็มีมาก

   เดินมาที่ระเบียง แต่ตายังคอยมองคนที่อยู่ด้านใน เห็นถูกบังคับให้ยกรวดเดียวแข่งกับพี่แทม

   “มีอะไรวะ เห็นมองกูตั้งแต่เข้ามา” เสียงพูดจากคนที่ออกมาด้วยกัน ผมหันมายิ้มให้ไปที

   “แค่อยากจะขอบใจ” ผมว่า

   “เรื่อง?...อ๋อ เอกสารนั่น ไอ้กลอยเอาให้มึงเหรอ” พยักหน้ารับ “งั้นพ่อของพี่ที่นั่งในนั้นก็เป็นเสี่ยหนึ่งในหกของยัยบลูงั้นสินะ”

   “หนึ่งในหก?” ตอนแรกคิดแค่สองหรือสามคน นี่ล่อไปหกคน

   “อืม โคตรเก่ง ขนาดกูมีกิ๊กยังไม่มากเท่าเลยว่ะ อยากจะปรบมือให้ซะจริงๆ” ไอ้คนที่ชื่ออัธส่ายหน้าอย่างระอา

   “มึงไม่ชอบเหรอวะ ผู้หญิงคนนั้น เห็นเคยคบไอ้กลอย”

   “เออ ตั้งใจยั่วพวกกูทุกคน มีแต่ไอ้กลอยที่ติดกับ มันตามจีบเหมือนคนเพี้ยน อ่อ เพื่อนกูมันก็เพี้ยนอยู่แล้วด้วย” พูดไปขำไปจนผมเผลอขำไปด้วย “มึงคบมันมากๆ ระวังติดโรคเพี้ยนนะเว้ย”

   “งั้นมึงก็เพี้ยนเหมือนกันสินะ เพื่อนไอ้กลอยนี่” แล้วเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน “ว่าแต่ มึงทำได้ไง หลักฐานข้อมูลพวกนั้น ขนาดตำรวจยังหายาก”

   ไอ้อัธมันยกยิ้ม “นักสืบของพ่อกูหาให้ พ่อกูเป็นทนายไอ้กลอยคงบอกมึงแล้ว” รีบพยักหน้ารัวๆ “ตอนแรกพ่อกูก็ไม่เห็นด้วย สงสัยไม่ได้เงิน แต่ไอ้กลอยไปขอร้องเองเลยใจอ่อน นี่ก็ใจอ่อนกับไอ้เกรียนตลอด” รอยยิ้มบางๆ ติดที่ปาก จนผมเผลอถามอะไรออกไป ไอ้อัธถึงกับนิ่ง

   “มึงชอบไอ้กลอย?”

   “เคย” รับออกมาตรงๆ จนน่านับถือ

   “อ่า แบบนี้นี่เอง”

   “เมื่อสมัยรู้จักมันใหม่ๆ นิสัยมันเป็นยังไงมึงคงรู้ดี แต่พอคบนานๆ ไปกูก็ไม่ไหวว่ะ ถ้าจะคบเป็นแฟน” แล้วมันก็หัวเราะออกมา พร้อมขยิบตาให้ผม “ความลับนะมึง”

   “เออ กูรู้”

   “ว่าแต่ กูกับมึงสนิทกันแล้วเหรอวะ ทำไมกูต้องเล่าเรื่องให้มึงฟัง” ไอ้อัธมันขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด

   “เพราะกูเป็นคนนอกไงมึงเลยกล้าเล่า ขืนไปเล่าให้ไอ้ทูหรือเพื่อนอีกคนของมึง มันคงเป็นเรื่อง”

   “ก็จริง แต่ตอนนี้กูมีความสุขดี ไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เกรียนนั่นแล้ว คล้ายกับเบื่อนั่นแหละ อยู่กับมันบ่อยจนเบื่อ”

   “ขนาดกูนานๆ เจอยังเบื่อเลย”

   ไอ้อัธทำตาโตแล้วหัวเราะออกมา “แล้วมึงจะทำยังไงกับเอกสารนั่น”

   “พี่ฟลอยด์เอาให้พ่อเขาไปแล้ว แต่กูว่า เรื่องนี้มันจัดการยากว่ะ” พูดตามที่คิด

   “มึงไม่เคยดูละครหรือไง เงินฟาดหัวก็จบ” ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิด “ทำไมวะ”

   “แค่ได้เงินไปมันไม่จบหรอก ผู้หญิงที่ทำแบบนั้นได้เขาไม่สนเงินนั่นหรอก น่าจะสนอย่างอื่นมากกว่า”

   “มึงพูดมีเหตุผล” ไอ้อัธเห็นด้วย “เดี๋ยวกูลองถามพ่อให้ว่าจะทำยังไงได้บ้าง”

   “ไม่ต้องหรอกกูว่า เรื่องพวกนี้ ควรให้เขาจัดการกันเอง เรามันคนนอก ทำแค่นี้ก็เหมือน...แล้ว” ผมเว้นช่องไฟไว้ ไอ้อัธหัวเราะคงจะเข้าใจความหมาย

   “ก็ตามใจ ว่าแต่ มึงเรียนที่เดียวกับไอ้กลอยเหรอวะ ไม่เคยเห็นหน้า”

   “คนละคณะ”

   “อ๋อ กูก็ว่า”

   “ขอบใจนะมึง ไว้ไปกินยาดองกัน กูเลี้ยงเอง”

   “ร้านเพิงๆ อะไรนั่นเหรอ กูเคยไปกินกับไอ้เชี่ยกลอย เมาชิบหาย” ผมตบบ่าเพื่อนใหม่ “เข้าไปเถอะ ผัวมึงมองตาแทบจะถลนออกเบ้าแล้วไอ้สัด”

   เสียงเปิดประตูกระจกบานเลื่อนเรียกสายตาอีกรอบ คราวนี้ดวงตาแต่ละคนเยิ้มซะไม่มี ดูเหมือนจะมีคนเพิ่มอีกสองที่ผมไม่รู้จัก ทุกย่างก้าวของผมถูกจับตามองจนดูอึดอัด กำลังจะนั่งข้างพี่ฟลอยด์กลับถูกไอ้กลอยดึงขึ้นจนตกใจเกือบปล่อยหมัดใส่หน้ามัน ดีที่พี่โชรับหมัดไว้ได้


   พี่จะเท่ไปไหนเนี่ย


   “ไอ้เชี่ยต้อม ใจเย็นๆ มึง กูเองๆ” ไอ้กลอยลอบถอนหายใจ คงกลัวหมัดผมเหมือนกัน ในห้องพากันขำท่าทางของคนที่ร้องลั่น

   “โทษที กูตกใจ” ยิ้มแหยๆ ให้ไอ้กลอยกับแฟนของมัน ถ้าพี่โชรับหมัดผมไม่ได้ หน้าไอ้กลอยช้ำแน่

   “ห่ามเหี้ย” เสียงจากพี่แทม

   มันคือคำชมใช่มั้ยวะ

   “กูแค่จะแนะนำให้รู้จัก นี่พี่ซัน แล้วก็พี่จอม” ไอ้กลอยชี้ไปทางคนมาใหม่ พี่ที่ยิ้มเป็นมิตรชื่อซันสินะ อีกคนดูนิ่งๆ พี่จอม แต่อยู่ก๊วนนี้ได้คงไม่ธรรมดานั่นแหละ “ส่วนนี่ไอ้ต้อม แฟนพี่ฟลอยด์” ต้องแนะนำขนาดนั้นเลยเหรอวะ

   ผมนั่งข้างพี่ฟลอยด์ปุ๊บ เสียงเข้มก็กระซิบข้างหูปั๊บ ยังดีที่พี่ฟลอยด์เปลี่ยนไปมาก ถ้าเป็นคนเอาแต่ใจเมื่อก่อนคงโวยวายไปแล้วตอนได้ยินผมบอกไว้คุยที่ห้อง จะมีแค่สีหน้าไม่พอใจที่ให้เห็น

   พอครบทีมของพวกเขาความหายนะของแก้วหูก็มา ผมอุดหูมาหลายเพลงมาก คือร้องจนไมค์หอน พี่ฟลอยด์ดูเฉยๆ แต่พอแอลกอฮอล์ในเลือดเพิ่มขึ้นก็หัวเราะไปกับเขาด้วย ผมกินมากไม่ได้อยู่แล้วเพราะต้องขับรถ ขืนเมาทั้งคู่ จุดจบคงไปอยู่ในคุกแน่
 
   ส่วนคนอื่นๆ ยกเหมือนดื่มน้ำ นั่นเพราะเมาแล้วนอนมันซะที่นี่ ตอนนี้เพื่อนไอ้กลอยที่ชื่อม่านกำลังดื่มไปคุยโทรศัพท์ไปจนผมขำ ไม่รู้มันคุยหรือทะเลาะกันแน่ ที่รู้ๆ ไอ้กลอยมันจ้องตาเป็นมัน ผมลองสะกิดไอ้คนเจ้าแผนการ มันหันมามองแล้วขยับมานั่งข้างผม

   “มีอะไรวะ” ผมถาม ไอ้กลอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   “ดูผลงานเว้ย” เลิกคิ้วอย่างสงสัย

   “ผลงานอะไรวะ”

   “จับคู่”

   “เชี่ย”

   ดูมันชื่นชมผลงานตัวเองมาก แถมหัวเราะเหมือนพวกโรคจิตในละครจนผมขยับหนี

   “มึงขยับไปทำไม” ยังมีหน้ามาถามผม

   “หน้ามึงเหมือนพวกโรคจิตในละครเลยว่ะ ไม่นานคงไปอยู่หลังคาแดงแน่” ไอ้กลอยมันหัวเราะออกมาแต่ไม่ได้เรียกความสนใจจากกลุ่มสายร้อง ไมค์ตัวเดียวผลัดกันถือคนละรอบสองรอบ คนอื่นผมไม่ค่อยห่วง มีพี่ที่ชื่อแทมนั่นแหละครับ เสียงพี่แกไม่ไหวจริงๆ แล้วแต่ละเพลงก็เสียงสูงๆ ทั้งนั้น ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน...


....TBC


พอมาอยู่กับก๊วนนี้ขอแบ่งเป็น 2 พาร์ทนะคะ

แล้วเจอกันตอนจุดสองค่าาาาาา  :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 10-09-2016 19:24:59
พี่ฝอยน่ารักขึ้นนะเนี่ย 55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-09-2016 19:36:45
เริ่มดีขึ้นแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-09-2016 21:03:58
หึๆๆๆ เม่นม่าน...สินะ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 10-09-2016 21:08:43
ที่ไหนมีกลอยที่นั่นหาความปกติไม่เจอ55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 10-09-2016 21:19:28
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-09-2016 21:36:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-09-2016 22:15:35
ดีใจที่พี่ฝอยปรับความเข้าใจ
กับพ่อได้

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-09-2016 23:20:05
หวังว่าพ่อพี่ฟลอยด์จะจัดการนังนั่นได้ แต่ถ้ามันเรื่องมาก โลภมากนัก ก็จับมันไปซ้อมหรือข่มขืนให้มันหายเงี่ยนแล้วถ่ายคลิปลงโซเชียลไปซะเอาให้มันอยู่ในสังคมนี้ไม่ได้ อ้อ แต่ลืมไปมันท้องอยู่นี่ แต่เราว่านิสัยแบบนี้ต้องขู่หนักๆ แบบจัดหนักจัดเต็มมันคงจะกลัวขึ้นมาบ้าง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 10-09-2016 23:30:27
พี่ฟลอยด์เปลี่ยนไปเยอะเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-09-2016 23:52:47
กลอยเกรียนจนใครๆก็ต้องยอม :laugh: :laugh: :laugh:
พี่ฟลอยด์พอเหล้าออกฤทธิ์ก็เลิกหน้านิ่งใส่พวกพี่โช

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-09-2016 01:29:52
ความป่วงนี้ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.1 Up!! [P.7]<< // [10/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 11-09-2016 13:56:51
และแล้วก็เรื่องต่อไป น้องเม่นพี่ม่าน :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 11-09-2016 20:53:19
No Sugar : 16.2



       ยิ่งค่ำยิ่งคึกจัด พี่แทมเอาไม้กวาดมาเป็นกีต้าร์ พี่ตินเข้าถ้วย ชาม มาเป็นกลอง พี่เบเอารีโมททีวีมาเป่าเหมือนเม้าท์ออแกน ตัวหลักอยู่ที่พี่จอมเป็นคนร้องเพลงครับ แม้จะคีย์ไม่เพี้ยนเท่าพี่แทม แต่สกิลการร้องก็ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่ดีในความคิดของผม หรืออาจเพราะเมาก็ได้

   ไอเทมเสื้อผ้าก็มานะครับ ไอ้กลอยมันไปเอาวิกมาจากไหนไม่รู้สี่ห้าอัน พี่แทมใส่สีเขียวโยกจนหลุดหลายรอบ สุดท้ายเอามาพันคอแทน ส่วนคนอื่นๆ ก็ใส่แบบธรรมดา ผมแอบหยิบมาอันหนึ่งใส่พี่ฟลอยด์ครับ พี่แกก็เมาพอสมควร เอาวิกสีแดงให้ใส่ก็หน้าบึ้งแต่ก็ไม่เอาออก

   “สนุกมากมั้ย” คนใส่วิกสีแดงยื่นหน้ามากระซิบ ผมเลยพยักหน้าไป “ถึงเวลาเอาคืนโดนหนักแน่” มีชี้หน้าคาดโทษด้วย ตอนนั้นช่างมัน แต่ตอนนี้ขอฮาก่อน

   พี่จอมเดินมาดึงแขนพี่ฟลอยด์ไปเต้น คนที่เต้นแข็งย่อไม่เท่าก็โดนตบหัว ผมนั่งขำจนปวดท้องไปหมด พี่แทมสอนพี่ฟลอยด์ (ที่เมา) ย่อเข่า เด้งหน้า เด้งหลัง ถ้าไม่เมาผมว่าไม่มีทางได้เห็นลุคนี้ของคนเอาแต่ใจแน่ สุดท้ายพี่ฟลอยด์ก็เป็นสายย่อเหมือนกับคนอื่นๆ

   “พี่ฟลอยด์แม่งฮาว่ะ” ไอ้กลอยหัวเราะร่วนอยู่ข้างผม

   “กูก็เพิ่งรู้นี่แหละ” ขำจนปวดกรามไปหมด โอย “พี่โชมึงก็ใช่ย่อย” นี่ก็สายขรึมครับ เต้นแบบขรึม ยักไหล่นิดๆ หน้านิ่งๆ ฮากว่าสายย่ออีก

   น้ำเมาเปลี่ยนนิสัยใช้ได้กับทุกคนในห้องนี้ครับ ไอ้ต้อมยืนยัน

   พี่จอมยื่นไมค์ให้พี่ฟลอยด์ร้องเพลงปราบเซียน (เห็นว่ากันแบบนั้น) พอดนตรีขึ้นผมก็แทบขำล่วงหน้า พี่ฟลอยด์หน้าเหวอเมื่อเห็นชื่อเพลงกรุณาฟังให้จบบนหน้าจอโทรทัศน์

   “โหย พี่ ผมร้องไม่ได้” พี่ฟลอยด์โวยวายยื่นไมค์คืนแต่พี่จอมไม่รับ

   “มึงร้องได้ กูเชื่อๆ” มีตบบ่าแบบเชื่อมั่นด้วย

   “จะไปยากอะไรวะ เพลงนี้ง่ายจะตาย” พี่แทมแย่งไมค์ไปยัดมือพี่ซันที่เบิกตาโต “ไอ้ซันร้องได้”

   “ไอ้สัดแทม” โดนตบหัวไปทีแต่พี่ซันก็ร้องครับ

   ร้องเพราะด้วยแม้จะเมาก็เถอะ ท่อนแร็พเป๊ะทุกเนื้อ

   ลูกทุ่งผ่านไปแล้ว ลูกกรุงก็มา เพลงแร็พก็จัด เพลงเศร้ายิ่งปวดหู โดยเฉพาะพี่ตินกำลังหอน เอ้ย ครวญเพลงต่างชาติฝั่งเอเชีย เพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ขำกรามค้างตั้งแต่คำแรกยันท่อนจบ หัวเราะจนเหมือนคนบ้าหลังคาแดง ขนาดไอ้กลอยยังแอบหนีไปห้องน้ำเพราะหัวเราะฉี่เกือบเล็ด

   “กูเหนื่อยๆ” สายย่อ สายนิ่งวางไมค์แล้วมานั่งล้อมวงอีกรอบครับ ปล่อยให้ไอ้กลอยร้องเพลงการ์ตูนไป

   ผมชงเหล้าให้ทุกคน เข้มสุดก็ของพี่จอม รายนี้บอกเมายากผมเลยจัดให้ โดนไปหลายแก้วคอยังแข็งอยู่นะครับ ยังโวยวายได้อยู่ แต่มีบางครั้งก็เริ่มเลื้อยพี่ซัน ไอ้กลอยกระซิบบอกว่าคบกันอยู่

   “ซัน” เสียงกระซิบเบาๆ แต่ผมนั่งใกล้สุดเลยได้ยิน หูนี่ไม่ได้อยากกางเลยแต่ไอ้กลอยมันขยับมาซะจนชิดผม ไอ้นี่แหละที่หูกาง

   “ครับ” เจ้าของชื่อรับเบาๆ หันหน้าไปหอมแก้มด้วย คนอื่นๆ ไม่มีใครสนใจเพราะมัวแต่เลือกเพลงหลังจากไอ้กลอยวางไมค์
 
   พี่ฟลอยด์ไปนั่งเลือกเพลงกับเขาด้วยนี่สิ

   “กูเมาแล้ว” เลิกสนใจพี่ฟลอยด์เพราะเสียงหวานที่ได้ยินข้างๆ นี่แหละ

   “งั้นกลับมั้ย” แอบเหล่ตามองเห็นพี่จอมส่ายหน้า ปากแดงเหมือนเชอรี่ยู่โคตรน่ารัก พี่ซันก้มลงทำให้มองไม่เห็น แต่คงจูบกันนั่นแหละครับ เป็นคู่ที่น่ารักดีนะ

   ผมขมวดคิ้วเมื่อถูกสะกิดยิกๆ จากไอ้กลอย ไอ้นี่จะเขินแทนเขาทำไม

   เห็นท่าคืนนี้คงไม่ได้กลับแน่แท้ เมื่อพี่ฟลอยด์ยังร้องเพลงกับพวกพี่โชอยู่แบบนั้น แต่ดูบรรยากาศระหว่างสองคนนั้นจะดีขึ้น...หรือเปล่า เห็นพี่โชยิ้มให้ด้วย บางครั้งก็ชนแก้วกัน


   มิตรภาพในวงเหล้าสินะ


   “ไอ้น้อง” พี่ตินเสียงยานคางพร้อมกับดึงแขนผมให้ยืน “มาเต้นๆ”

   “ไม่เป็นไรพี่” ปฏิเสธไปก็แค่นั้น พอออกไปยืนรวมกลุ่ม เต้นไม่เหมือนก็ถูกตบหัว เริ่มรู้ความรู้สึกพี่ฟลอยด์แล้ว ว่าทำไมถึงยอมย่อ

   ความเมาเริ่มใกล้จบเมื่อสายแข็งค่อยๆ ล้มนอนไม่ลุก ผมช่วยไอ้กลอยเก็บกวดซากขวด ซากจาน ช่วยล้างช่วยเช็ด ดูนาฬิกาก็ปาเข้าไปตีสอง

   “มึงนอนที่นี่ก็ได้ กองรวมกันนั่นแหละ” ที่บอกว่ากองคือแบบนั้นจริงๆ

   พี่ตินนอนราบกับพื้นมีพี่แทมนอนเอาหัวหนุนพุง พี่เบนอนหนุนขา ไอ้ทูนอนหนุนแขนพี่เบ ไอ้อัธกับไอ้ม่านก็นอนต่อๆ กันไป มีคู่พี่ซันกับพี่จอมที่ยึดโซฟาไว้ได้ นอนสบายกว่าเพื่อนสินะ ส่วนพี่ฟลอยด์นอนขดอยู่ที่พื้นแบบโดดเดี่ยว

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูกลับห้องดีกว่า” ไอ้กลอยมองไปที่คนโดดเดี่ยวแล้วพยักหน้า ผมสะกิดพี่ฟลอยด์ที่เมาไม่รู้เรื่อง ดวงตาที่ชอบจ้องหาเรื่องคนอื่นหวานเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ลุกขึ้นก่อน” ดึงแต่ไม่ยอมลุก ผมก็แทบหน้าคว่ำ

   “กูว่า นอนที่นี่เถอะ” ไอ้กลอยคงเห็นถึงความพยายามอันล้มเหลว ผมถอนหายใจแล้วหยักหน้า

   เดินตามเจ้าของห้องอย่างไอ้กลอยไปเอาผ้าห่มกับหมอนมาให้คนเมา แม้พื้นจะเป็นพรมแต่ก็หนาวอยู่ดี ตวัดผ้าห่มคลุมแล้วเอาหมอนสอดให้หนุน พี่ฟลอยด์ยู่หน้าคล้ายโดดขัดใจแต่ก็หลับต่อ ส่วนผมขออาบน้ำก่อนเพราะเหนียวตัวมาก

   ไอ้กลอยให้ผมอาบก่อนเพราะมันต้องเช็ดตัวคนเมาบนเตียง พี่โชก็เมาไม่ได้สติเช่นเดียวกัน อาบเสร็ตผมก็ยิ้มให้ก่อนจะออกจากห้อง พอออกห้องมาเห็นพี่ฟลอยด์ถีบผ้าห่มออกและพี่แทมดึงไปกอดเป็นหมอนข้างเรียบร้อย นี่ผมไปยืมไอ้กลอยมันมาทำไมวะ

   แอบหงุดหงิดแต่ก็ไม่เอาคืน ผมเดินไปนอนข้างๆ พี่ฟลอยด์ แขนยาวๆ ตวัดมากอดจนอึดอัด ผลักไสไปก็เท่านั้นเลยปล่อยให้กอดไป เสียงเบาๆ ดังออกมาจากปากปนกลิ่นละมุดว่าหนาว


   หนาวแล้วแม่งถีบผ้าห่มออกไปทำไม


   ค่ำคืนที่หนาวจากแอร์ค่อยๆ เลือนหายเหมือนสติ ผมยังนอนในอ้อมกอดพี่ฟลอยด์เหมือนทุกวัน ผิดตรงที่ตอนนี้นอนห้องคนอื่น

   แต่นอนไปไม่เท่าไหร่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนเมาที่นอนกองละเมอเสียงโคตรดัง ผมลุกขึ้นนั่งดูก็ไม่เห็นอะไรนอกจากคนเมาดิ้นพล่านไปมาคล้ายถูกขัดใจของพี่แทม ขนาดหลับยังโวยวายได้ขนาดนี้ ไอ้ต้อมนับถือ

   เมื่อเงียบผมก็ล้มตัวนอนต่อ แล้วก็ต้องสะดุ้งขึ้นมานั่งอีก คราวนี้เป็นพี่เบที่พรวดลุกนั่งพูดภาษาอะไรไม่รู้ก่อนจะล้มตัวนอนเหมือนเดิม ผมเริ่มรู้แล้วล่ะว่าตัดสินใจผิดที่ยอมนอนที่นี่ แม่งเหมือนไม่ได้นอน คราวนี้เสียงอะไรผมก็ไม่ลุกแล้วครับ...เหนื่อย

   มารู้สึกตัวอีกทีตอนได้ยินเสียงกระทะ ตะหลิวดังไกลๆ ผมปรือตาขึ้นมอง คนเมายังอยู่เหมือนเดิม แต่นอนกระจัดกระจายไม่เหมือนตอนแรก ผมผงกหัวมองไปที่ครัวเห็นร่างเล็กๆ กำลังควงกระทะทำอะไรสักอย่าง กลิ่นหอมชวนน้ำลายไหล

   สะบัดหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำด้านนอก ล้างหน้าล้างตาเสร็จผมก็เดินไปหาไอ้กลอยที่ตั้งใจผัดข้าวผัด นี่กะทำเลี้ยงทั้งหมู่บ้านเลยหรือไง คือมันทำไว้เยอะมากๆ

   “นี่มึงจะทำไปเลี้ยงใครวะ เยอะโคตร” ผมถามหลังจากเห็นมันผัดรอบสอง

   “มึงไม่รู้อะไร พวกขี้เมามักจะหิวหลังจากตื่น กูมีประสบการณ์ตรง” ไอ้กลอยมันว่า เวลามันทำอาหารก็น่ารักดีนะครับ ดูตั้งใจทำ ขนตามันเป็นแพยาวสวยเชียว มิน่าถึงมีแต่คนหลงมัน “จ้องกูทำไม นู้น ไปเอาไข่ออกมา เดี๋ยวจะดาวไข่ด้วย”
 
   “เชี่ย ใช้กู” บ่นแต่ก็ไปหยิบครับ เอามาให้หลายฟอง

   กลิ่นหอมของข้าวผัดปลุกพวกขี้เมาให้ตื่นได้จริงๆ แต่ละคนทำจมูกยื่นจนผมขำ ขนาดพี่โชที่นอนในห้องยังเดินหน้ามุ่ยออกมา

   “ทำอะไรกิน” มาถึงก็กอดเอวไอ้กลอยจากด้านหลังแล้วหอมแก้ม

   “เลี่ยนแต่เช้าเลยพวกมึง” ไอ้จอมแขวะหลังจากมานั่งที่โต๊ะ มือถือช้อนส้อมไว้รอแล้ว

   “เรื่องของกู เพราะนี่ห้องกู” พี่โชบอก ผมขำมือก็วางจานแจกจ่ายให้แต่ละคน จานสุดท้ายของพี่ฟลอยด์ ผมนั่งตรงหน้าพี่ฟลอยด์ที่พื้น เพราะโต๊ะไม่พอนั่ง ไอ้อัธ (เริ่มสนิท) ก็มานั่งด้วย มันคุยกับพี่ฟลอยด์อย่างดี แถมได้รับคำขอบใจจากคนที่ใช้เอกสารด้วย

   มื้อเช้าแสนอร่อยจบลง ทุกคนก็กลับกันหมด ผมออกเป็นคู่สุดท้ายเพราะช่วยไอ้กลอยล้างจาน แบ่งเบาภาระมันบ้าง เห็นสภาพจานที่กองพะเนินแล้วสงสาร

   “กลับก่อนนะ...ครับ” พี่ฟลอยด์บอกพี่โชกับไอ้กลอยเบาๆ

   “อืม ไว้มากินอีกนะ” พี่โชชวนครับ ไอ้กลอยกับผมนี่ตาโตเลยทีเดียว ผมยกมือไหว้คนอายุมากกว่าก่อนเดินออกมากับพี่ฟลอยด์ ญาติดีกันแล้วแบบนี้ก็เบาใจ เพราะเมื่อก่อนเวลาเจอกันทีไรแยกเขี้ยวใส่กันทุกที

   บนรถ ผมขับไปร้องเพลงไป รู้สึกอารมณ์ดีที่คนเอาแต่ใจเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังเท้า คนเมายังนอนพิงเบาะหลับตาและคงจะรำคาญผมเลยส่งเสียงจิ๊จ๊ะขึ้นมา

   “อารมณ์ดีอะไรนักหนา” หน้ามุ่ยเชียว

   “เมาค้างเหรอ เอากาแฟป่ะ” ไม่ตอบแต่พยักหน้า ผมเลยเลี้ยวเข้าร้านกาแฟ ลงไปสั่งไม่นานก็กลับขึ้นมา “อะ” ยื่นให้คนเมา

   “ปวดหัวมากอะ กินข้าวเมื่อกี้ไม่อร่อยเลย” หันมองคนบอกไม่อร่อย

   “ไม่อร่อยแต่หมดไม่เหลือเนี่ยนะ”

   “เดี๋ยวคนทำจะเสียน้ำใจ”

   “เหรอ”

   ไม่ยอมเถียงต่อ ผมหัวเราะอยู่คนเดียวก่อนออกรถเพื่อกลับห้อง พอพูดถึงห้องก็นึกถึงหอตัวเองที่ไม่ได้กลับไปนอนนานมาก

   “พี่ คืนนี้ผมกลับไปนอนหอนะ”

   “ไม่เอา นอนคอนโดพี่นั่นแหละ สบายจะตาย”

   “แต่ผมไม่ได้กลับไปนานแล้ว”

   “ช่างปะไร ยังไงก็จ่ายทุกเดือนอยู่แล้ว”

   “พี่เป็นคนรวยมีเงินก็พูดได้สิ”

   “ไม่รู้ ไม่ให้ไป ถ้าจะไปพี่จะไปด้วย”


   ผมขอคืนคำพูดเมื่อกี้ที่ว่าพี่ฟลอยด์นิสัยเปลี่ยนไป คนเอาแต่ใจยังไงก็ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม ไอ้ต้อมเหนื่อย!


....TBC


พี่ฝอยกับพี่โชดีกันแล้ว เย้ๆ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-09-2016 21:23:49
ฮ่าๆๆๆๆ กลุ่มนี้เมาแล้วฮ้าตลอด
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-09-2016 21:39:12
โถวววว เจอสายย่อเข้าไปหมดกันคนหล่อของน้องงงงง ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kangteuk1995 ที่ 11-09-2016 22:01:15
แต่ละคน :เฮ้อ: ไม่เหลือแล้วสายหล่อเหลือแต่สายฮา  :m20:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 11-09-2016 22:17:09
แก๊งสายย่อน่ารัก จะมีคู่ไหนตามาอีกไหมน้อวว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 11-09-2016 22:33:35
สายย่อนี่เขาเต้นกันยังไงครับ 5555+
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nighttime ที่ 11-09-2016 22:44:51
 :m20: ขำแต่ล่ะคนจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 11-09-2016 23:42:00
พอเมาก็เละทุกคน   :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 11-09-2016 23:45:06
555 พี่ฟล์อยสายย่อ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 12-09-2016 00:12:37
ชอบกลุ่มพี่โชทุกคน พี่ฝอยน่ารักจัง :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-09-2016 00:27:27
ฮาพี่โชกะพี่ฟลอยด์นี่ล่ะ พอเมากลายร่างกันหมด 55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-09-2016 12:10:31
ดีแล้วๆ อย่าโกรธอย่าเกลียดกันเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 12-09-2016 12:50:32
มาต่อีกครับจะรออยู่น้าๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 12-09-2016 12:58:25
อยากไปอยู่รวมกับแก๊งค์สายย่อด้วยจัง

 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2016 13:08:21
คราวนี้ มีทั้งอึ้ง ทั้งขำ ทั้งหวาน
อึ้ง อัธ เคยชอบกลอยมาก่อน คิดไว้เหมือนกันเรื่องนี้
ขำ  พี่โช กับพี่ฟลอยด์ คนขี้หวงสองคนมาเจอกัน
ขำ กลอย เจ้าเล่ห์วางแผนจับคู่ให้ม่าน
ขำ พี่แทม งอนเพื่อนเรื่องร้องคาราโอเกะ
ขำ พี่โช อุตส่าห์เต้นน้อยๆ กับเขาด้วย
ขำ พี่ฟลอยด์ ถีบผ้าห่มออก แต่คว้าต้อมมากอดแล้วบอกหนาว
ขำ พี่ฟลอยด์ลืมกลอยสนิท บอกว่ากลอยทำข้าวผัดไม่อร่อย
คงติดฝีมือจองต้อมแล้วลัสิ
ขำ พี่จอม ว่าะพี่โชเลี่ยนแต่เช้า แต่ตัวเองมือถือช้อนส้อมเตรียมพร้อม
หวาน พี่จอม เมาแล้วเลื้อย อ้อนพี่ซัน
รอตอนใหม่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 12-09-2016 13:09:33
พี่ฝอยเปลี่ยนไป
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-09-2016 13:55:04
เมาจนหมดสภาพกันเลยทีเดียวนะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-09-2016 16:23:51
เมาแล้วกลายเป็นสายย่อกันหมด  :m20: :m20: :m20: :m20:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 13-09-2016 20:16:25
ตอนนี้ฮาดี
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 16.2 Up!! [P.7]<< // [11/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 14-09-2016 17:28:10
สนุกมากค่ะ.    กลอยกับพี่โชและคณะโผล่มาเป็นดาราสมทบ.  น่ารักมาก. ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 14-09-2016 20:56:41
No Sugar : 17



       มหาลัยเปิด ทุกคนก็ต้องไปทำตามหน้าที่นั่นคือการเรียน พี่ฟลอยด์อยู่ปีสี่ไม่ค่อยมีเรียนก็มักจะมาขลุกอยู่ที่คณะผมนี่แหละครับ ไม่ได้มาคนเดียว พี่แกพาเพื่อนมาด้วย แต่ไม่รู้จะพามาเพราะไม่อยากเด่นคนเดียวหรือมาเพื่อเอาไว้ชวนไอ้ป่านทะเลาะกันแน่ ทะเลาะจนผมไล่ให้ไปนั่งโต๊ะอื่น

   “พี่เกนจริงจังกับเพื่อนผมเหรอ” ถามพี่ฟลอยด์ที่นั่งอ่านอะไรสักอย่าง ดูแล้วไม่น่าจะใช่หนังสือเรียน

   “มั้ง มันไม่เคยตามใครแบบนี้เลยนะ” ได้คำตอบแบบนั้นทำให้ผมต้องหันไปดูเพื่อนตัวเองอีกรอบ ไอ้ป่านขี้โวยวายกับพี่เกนขี้โมโห อยู่ด้วยกันจะรอดหรือเปล่า

   “จะไหวหรือวะพี่” พูดออกมาตามที่เห็น ได้เสียงหัวเราะตอบกลับ

   “ไหวไม่ไหวก็อยู่ที่พวกมันสองคน” ก็จริง ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ “แล้วเลิกกี่โมง”

   “เดี๋ยวต้องไปลงแปลงว่ะ คงเย็นๆ นู้น พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่า”

   “งั้นเดี๋ยวพี่ไปช่วย”

   “บ้าหรือเปล่า พี่ไม่ได้เรียนด้วยจะไปทำไมวะ แล้ววันนี้อาจารย์แกลงตรวจด้วย ไปไม่ได้หรอก” คนไม่ได้ไปหน้างอปิดหนังสือที่อ่านลง

   “งั้นพี่จะรอที่ตึกนี่แหละ”

   “พี่ไปรอที่หอผมดีกว่า อยู่ที่ตึกนี้เดี๋ยวก็บ่นไม่มีอะไรทำ ไปอยู่ที่หอง่วงก็นอน หิวก็ออกมาหาอะไรกิน” ดูคนอยากรอยังไม่พอใจ “ไม่งั้นพี่ก็กลับคอนโดพี่ก่อน”

   “ไปรอที่หอก็ได้” สุดท้ายก็ต้องยอมครับ ผมส่ายหน้าช้าๆ พลางล้วงกุญแจหอให้

   “ถ้าเลิกเรียนเดี๋ยวผมโทรไปบอก”

   “อืม”

   รับคำเสร็จก็ตะโกนเรียกเพื่อนตัวเองที่ไปนั่งซะไกล  ดูเหมือนจะทะเลาะกับไอ้ป่านเสร็จแล้วด้วย พี่เกนเดินหน้าบึ้งมาหาเพื่อนตัวเอง ก่อนจะไปยังไม่วายสั่งไอ้ป่านให้โทรหาหลังเลิกเรียน พี่คนนี้แม่งเอาจริงว่ะ

   ผมปั่นสุดหวง มีไอ้ป่านซ้อนท้าย เดินนำหน้าลิ่วๆ ก็ไอ้ดอยกับพวกเพื่อนๆ ในคลาส ปั่นไปไอ้ป่านก็บ่นเรื่องพี่เกนไป ช่วงนี้พี่เกนตัวติดกับเพื่อนผมมาก ตอนแรกชวนไปกินเหล้าที่ห้องไอ้กลอย ไอ้ป่านรับปากแทบจะทันทีแต่พี่เกนตะโกนว่าไม่ให้ไป สรุปก็คือไม่ได้ไปนั่นแหละครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอิทธิพลกับการตัดสินใจของเพื่อนผมขนาดนี้

   วันนี้การลงแปลงก็ธรรมดาเพราะชินแล้ว อีกอย่าง พวกผมกำลังถูกคุกคามจากเด็กปีสองที่เริ่มมาขอใช้พื้นที่ด้านข้างเพื่อปลูกพืชผลตามวิชาที่เลือกเรียน นั่นก็ไม่เท่าไหร่เพราะตอนปีสองผมก็ทำ แต่ประเด็นคือ พวกมันมานั่งเอ้อระเหยไม่ทำอะไรอยู่ที่แปลงของพวกผม พออาจารย์วิชาผมไปปุ๊บ พวกมันก็แล่นมาหาถึงที่

   “พี่ต้อมครับ อยากกินยาดอง” น้องรหัสสุดที่รักอย่างไอ้เป็กมานั่งเงยหน้ามองผม มันใช้ผมเป็นที่บังแดดให้ โคตรเจริญไอ้เด็กนี่ “คืนนี้ไปเพิงกันนะ”

   “ดูก่อน” รับปากไม่ได้เพราะมีคนรออยู่ที่ห้อง

   “โหย เดี๋ยวนี้ลืมน้องลืมพี่หมดแล้ว เด็กปีหนึ่งมันก็บ่นไม่เคยเจอหน้าลุงมัน” ดราม่าใส่ผมจนต้องเตะหลังมันไป

   “กูเพิ่งเจอไอ้เด็กปีหนึ่งเมื่อเช้า อย่ามาไซโคกูครับ”

   “อะไรวะ บอกให้หลบ ไม่ได้ดั่งใจเลย” ไอ้เป็กบ่น “พี่อะ แบ่งเวลาความสุขส่วนตัวมาเผื่อแผ่ส่วนรวมบ้าง มัวแต่อยู่ที่ห้องไม่เบื่อเหรอ” ประโยคธรรมดาแต่หน้ากับสายตามันไม่ธรรมดานะครับ มันกำลังคิดอกุศลอยู่แน่

   “กูไม่ได้อยู่แต่ในห้องเว้ย”

   “ระเบียงก็ไปเหรอพี่” เตะมันไปอีกรอบจนมันลุกหนี “พี่แม่งใช้แต่กำลัง รุ่นพี่บริหารชอบไปได้ยังไง” ว่าแล้วมันก็วิ่งหนีเพราะผมวิ่งไล่เตะมัน ก่อนมันไปยังตะโกนนัดเวลาเรียบร้อย หวังว่าคนที่รอที่หอผมคงจะเข้าใจ

   กว่าจะล้างอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จก็ปาเข้าไปจนเย็นย่ำ ผมพาไอ้ป่านมาเอารถที่คณะก่อนปั่นสุดหวงกลับหอ นานแล้วที่ไม่ได้เดินทางแบบสโลไลฟ์กับสุดหวง ยามเย็นท้องฟ้าเป็นสีส้มสวย นกบินให้ว่อนคงเตรียมตัวกลับเข้ารังแหง

   ผ่านสวนที่เคยมีแม่หมากับลูกน้อยสองตัวที่ตอนนี้ถูกเพื่อนผมเอาไปฝากคนอื่นเลี้ยง เห็นบอกว่าบ้านที่รับไปเลี้ยงดูแลจนลูกสองตัวอ้วนเหมือนหมู ผมว่า หมาแม่ลูกพวกมันมันโชคดีที่เจอคนอย่างไอ้กลอย เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีใครสนใจ
 
   ขี่ผ่านสนามบาสที่มีแต่สาวๆ คงจะมีนักบาสหน้าตาดีเล่นสินะ สมัยผมอยู่ปีหนึ่งก็มาเล่นบ่อย แต่พอแก่แล้วมันเคลื่อนไหวช้าลงเลยปล่อยให้พวกเขาเล่นไป เพราะถ้าผมยังเล่นพวกเด็กๆ ไม่ได้เกิดหรอก ปั่นไปหัวเราะไปจนเหมือนคนบ้าก่อนเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงจะดังขัดขึ้นมา

   (อยู่ไหน ทำไมยังไม่เลิกอีก) เสียงเข้มดังมาจากปลายสาย คนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นแหละครับ คงนอนหลับไปเป็นสิบรอบแล้วมั้ง

   “กำลังกลับครับ พี่มีอะไร หิวเหรอ” ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

   (มาก เดี๋ยวพี่ลงไปรอข้างล่าง มาถึงจะได้ไปกินข้าวเลย) ชอบจริงนะ ออกคำสั่งนี่น่ะ

   “อืม”

   (รีบๆ มา)

   วางสายไปแล้วแต่ผมก็ยังยิ้มให้กับคนปลายสาย แม้เขาจะมองไม่เห็นก็เถอะ พี่ฟลอยด์จากคนที่ผมไม่อยากยุ่ง ไม่อยากคุย แค่เห็นหน้าก็อยากกระโดดต่อย วันนี้กลับกลายเป็นว่า ผมต้องเข้าไปยุ่งในทุกเรื่อง ต้องคุยต้องแชร์ทุกอย่างให้กันฟังตลอด ส่วนกระโดดต่อยนั้นยังมีบ้างตามอารมณ์ บางทีพี่แกก็น่าโมโหเกิน ความเอาแต่ใจแม้จะลดลงแต่ก็ยังหลงเหลือ มันคงเปลี่ยนยากสินะครับ


   แต่เมื่อเปลี่ยนไม่ได้ ก็ต้องอยู่กับมันให้ได้


   กว่าจะมาถึงหอ โดนโทรตามหลายสิบสาย มาถึงปุ๊บคนที่นั่งไขว่ห้างรอก็หน้าบูด ผมเอาสุดหวงไปจอดที่แผงจอดจักรยาน เดินออกมาหาคนที่รอ พี่ฟลอยด์หน้าหงิกแต่ก็น่าขำ

   “หัวเราะอะไร ปล่อยให้พี่รอนี่มันน่าขำมากเหรอ” ไอ้ต้อมโดนไปหนึ่งดอกเลยหยุดขำ

   “โหย พี่ก็ ผมรีบปั่นสุดหวงมาเลยนะ” พยายามทำให้อีกคนใจเย็นลง สงสัยจะโมโหหิว “หิวแล้ว อยากกินผัดไท” พี่ฟลอยด์ดีอยู่อย่าง ถึงแม้จะเอาแต่ใจแต่เวลาผมบอกอะไรไปพี่แกก็จะตามใจ แม้บางสิ่งดูไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ อ้อ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ออกนอกลู่นอกทางนะครับ พวกอาหารหรือที่เที่ยวจะตามใจ แต่เรื่องอื่นพี่แกขอดูไปแต่ละกรณี 

   เราเดินเคียงข้างกันไปที่รถคันโปรดของพี่ฟลอยด์ มีแอบเนียนยกแขนพาดคอผมด้วย ไม่ต้องอายมันแล้ว มาถึงขนาดนี้ น้องในหอที่รู้จักผมก็เห็นแบบนี้จนชินตา และกลายเป็นสมาชิกแฟนเพจของผมไปโดยปริยาย อีกทั้งยังเป็นคนคอยอัพรูปผมกับพี่ฟลอยด์เวลาอยู่หอด้วย เอ็กซ์คลูซีฟมากๆ

   ร้านผัดไทขายบนรถเข็นข้างทาง ไม่หรูแต่อร่อยครับไอ้ต้อมยืนยัน ข้างๆ มีรถเข็นที่ขายอาหารตามสั่งด้วย กลิ่นกระเพาฉุนได้ที่จนพี่ฟลอยด์จามน้ำตาไหล

   “ใครสั่งวะ” บ่นไปเช็ดน้ำตาไป

   “น่าอร่อยนะ รสชาติน่าจะเด็ด” ผมว่า เพราะกลิ่นพริกนี่รุนแรง คนรอบข้างผมก็พากันน้ำตาไหลเป็นแถว “เราสั่งไปกินที่ห้องด้วยมั้ย” โดนเหล่ตามองนิดๆ

   “อืม” คิดว่าจะขัด แต่เปล่าเลย คงอยากกินเหมือนผมนั่นแหละครับ กลิ่นมันยั่วยวนมาก

   ผัดไทสองจานกินโดยไม่ต้องปรุงเพิ่มเติม เส้นเหนียวนุ่มเคี้ยวสนุกเชียว ผมคีบเต้าหู้สีเหลืองให้พี่ฟลอยด์เพราะผมไม่กิน พี่ฟลอยด์เลยเอากุ้งสดตัวเองมาให้ผม แต่คีบให้ซะจานตัวเองไม่มีกุ้งผมเลยเอาคืน

   “กินไปเลย ไม่ต้องเอาให้พี่” พี่ฟลอยด์บอกพลางคีบกุ้งคืนผม

   “พี่กินบ้างสิ กุ้งเชียวนะ” โดนหัวเราะใส่ “พี่จะกลับบ้านป่ะ”

   “อืม” พี่ฟลอยด์ดูลังเลนิดๆ แต่ก็พยักหน้า “ไปด้วยกันนะ”

   “จะดีเหรอ ถ้าผมไปพี่ไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลยนะ” แกล้งแหย่ไปเลยโดนมือเคาะหัว

   “พี่แบ่งเวลาเป็นน่า ได้ทุกคน” มีขยิบตาด้วย ไม่ธรรมดานะเดี๋ยวนี้

   กลับมาหอเพื่อเอาเสื้อผ้าผมก่อนแล้วค่อยไปบ้านพี่ฟลอยด์ ตั้งแต่ผมไปคราวนั้นทุกอย่างดูดีขึ้น พี่ฟลอยด์เริ่มคุยกับพ่อมากขึ้น แล้วพ่อพี่ฟลอยด์ก็กลับบ้านตลอดทุกวัน (ได้ยินมาจากพี่ฟีน) ผมปากดีวันนั้นได้ผลสินะ

       ระหว่างนั่งรถกลับบ้านพี่ฟลอยด์ ผมโทรไปยกเลิกนัดไอ้เป็ก ถูกมันโวยวายตะโกนดราม่าใส่จนต้องรีบวางสาย พี่ฟลอยด์เหล่ตามามองเป็นระยะแต่ไม่พูดอะไร

   เข้ามาในตัวบ้านหลังใหญ่ ผมเจอน้องเฟรมก่อนเพราะกำลังเดินลงมาจากชั้นบน พอเห็นผมก็รีบวิ่งเข้าใส่ แม้จะมีขาใหญ่ๆ ของน้าตัวเองขวางแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะเข้ามาหาผม

   “อย่าแกล้งหลานได้ป่ะ” พี่ฟลอยด์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และไม่ยอมเอาขาที่ขวางหน้าผมออก น้องเฟรมเลยเหมือนกอดขาน้าตัวเองพร้อมกับผม

   “ไปอยู่กับพี่เลี้ยงเลยไป” ดุหลานตัวเองจนพี่เลี้ยงต้องรีบมาอุ้มน้องไป

   “ทำไมชอบแกล้งหลานตัวเอง” ผมบ่นแต่พี่ฟลอยด์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนผมจะรีบยืนขึ้นเมื่อพ่อพี่ฟลอยด์เดินลงมาจากด้านบน ผมรีบยกมือไหว้

   “มาซะค่ำ กินข้าวมาหรือยังล่ะ” พ่อพี่ฟลอยด์พูดขณะยืนตรงหน้าลูกชายตัวเอง

   “กินมาแล้ว...ครับ”

   “อืม แล้วนั่นซื้ออะไรมา”

   “น้ำเต้าหู้...พ่อกินมั้ย” ทำไมผมต้องลุ้นเวลาพี่ฟลอยด์คุยกับพ่อตัวเองทุกครั้งเนี่ย

   “ก็ได้” พูดจบก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น ผมคว้าถุงน้ำเต้าหู้เข้าไปในครัว ปล่อยให้พี่ฟลอยด์ตามพ่อไป

   ในห้องครัว ผมยกมือไหว้ป้าแม่บ้าน ป้าแกใจดีครับ ผมซื้อน้ำเต้าหู้มาเผื่อทุกคนด้วย ยืนรอน้ำเต้าหู้ใส่แก้วผมก็ได้กินขนมไทยโบราญฝีมือของคุณป้าแม่บ้านด้วย อร่อยมาก เห็นว่าจะเอาไปทำบุญวันเกิดให้กับแม่ของพี่ฟลอยด์ในวันพรุ่งนี้

   “คุณหญิงท่านชอบทำขนมไทยมากค่ะ ป้าช่วยท่านทำทุกครั้งเลย” คุณป้าแม่บ้านเล่าไปก็เรียงปาท่องโก๋ใส่จานไป “แต่ป้าก็เข้าใจคุณท่านเหมือนกัน คนไม่รักอยู่ด้วยกันมันก็ลำบากนะ”

   “ผมว่า ไม่ลำบากหรอกครับ แม่พี่ฟลอยด์ต้องมีความสุขอยู่แล้ว ได้ทำขนมที่ชอบ ได้อยู่กับลูกกับหลาน ท่านต้องมีความสุขแน่นอนครับ”

   “เป็นเด็กมองโลกในแง่ดีมากเลยนะคะป้า” พี่สาวใช้ตัวเล็กสะกิดป้าแม่บ้านแล้วยิ้มให้ผม “มิน่าคุณฟลอยด์ถึงรัก”

   แทบสำลักน้ำเปล่าที่ยกดื่ม เล่นชมแบบนี้ทุกคนก็พลอยขำไปหมด ผมรีบยกน้ำเต้าหู้ออกไป กลัวอยู่นานกว่านี้จะโดนล้อ พอเข้าไปในห้องนั่งเล่นห้องใหญ่ พี่สาวพี่ฟลอยด์อยู่ครบทีม

   “คิดว่าหนีกลับไปซะแล้ว” โดนพ่อพี่ฟลอยด์แขวะไปหนึ่งดอก

   “พ่อคะ” พี่ฟีนแตะแขนพ่อตัวเองแล้วหันมายิ้มให้ผมเมื่อผมวางแก้วน้ำเต้าหู้ให้ “ขอบใจจ้ะ” ผมยิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างพี่ฟลอยด์ ดูทุกคนคงกำลังคุยกันเรื่องทำบุญวันพรุ่งนี้

   “พรุ่งนี้แกจะพาไอ้เด็กปากดีนี่ไปด้วยเหรอ” รีบหันไปมองคนที่พูดถึงผม ทำไมกลายเป็นหัวข้อไปได้

   “ครับ ผมจะพาต้อมด้วย” พี่ฟลอยด์ตอบแบบหนักแน่น มือก็กุมมือผมอยู่จนรู้สึกว่ามีดวงตาหลายคู่มอง

   “รักจริงนะ” พี่เฟิร์นพูดขึ้นมาพร้อมสายตาจิกกัดผมนิดๆ

   “มาก” พอได้ยินเสียงตอบจากน้องตัวเองก็ขำในลำคอทันที แต่พี่ฟีนกับป้าแม่บ้านหัวเราะไปแล้ว พ่อพี่ฟลอยด์ก็ยิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไรอีก

   “อย่าตื่นสายล่ะ” เจ้าของบ้านยกน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วเดินแยกขึ้นไปด้านบน ได้ยินพี่ฟีนบ่นว่าพ่อตัวเองฟอร์มจัด

   ผมนั่งเงียบๆ ฟังพี่น้องเขาคุยกัน ก็เรื่องผู้หญิงคนนั้น พี่เฟิร์นไปจัดการเองโดนการเอาทนายไปขู่ด้วย โดยให้เซ็นเอกสารยินยอมที่จะเลิกยุ่งกับพ่อพร้อมให้เงินก้อนหนึ่ง แต่บ้านกับรถถูกเอาคืนเนื่องจากค่าบ้านค่ารถยังผ่อนจ่ายและติดมาหลายงวด คงกลัวถูกยึดเลยคืน ผมก็เพิ่งรู้ว่าพ่อพี่ฟลอยด์ไม่ได้ซื้อเงินสด คงเกรงใจลูกตัวเองอยู่บ้างแหละ

   “อยากให้เห็นหน้ามันตอนทนายเอาเอกสารบรรดาสินทรัพย์ที่มันได้จากพวกเสี่ยคนอื่นๆ ไปให้ดู หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ถูกต้มซะอีก”

   “พี่ไม่ได้ไปทำร้ายเขาใช่มั้ย”

   “ยัยฟีน แกเห็นพี่แกโหดร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “มาก” พี่ฟลอยด์ตอบแทนจนพี่ฟีนขำ

   “ปากแกนะ ติดมาจากไอ้เด็กนั่นใช่มั้ย” ทำไมต้องพาดพิงผมด้วยเนี่ย ไอ้ต้อมอุตส่าห์นั่งเฉยๆ อยู่แล้วเชียว

   ผมมองดูทุกคนในบ้านดูมีความสุข ต่างจากวันแรกที่ก้าวขาเข้ามา ในวันนั้นบ้านดูไม่เหมือนบ้านในความคิดผม แต่วันนี้บ้านน่าอยู่แล้ว ผมเหล่ตามองพี่ฟลอยด์ก่อนยื่นหน้าไปกระซิบถาม

   “พี่ไม่กลับมาอยู่บ้านเหรอ มันน่าอยู่แล้วนะ”

   “ถ้าต้อมมาพี่ก็อยู่” ตอบแทบจะทันทีที่ผมถาม

   “นี่บ้านพี่”

   “บ้านพี่ก็บ้านต้อมนั่นแหละ”

   “พวกแกสองคนขึ้นไปสวีทข้างบนไป เห็นหัวคนที่ไม่มีสามีแบบฉันบ้าง” โดนพี่เฟิร์นแขวะเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี




   บนห้อง ผมปล่อยให้เจ้าของห้องไปอาบน้ำแล้วตัวเองก็เปิดดูอะไรในมือถือไปเรื่อยๆ เห็นไอ้ป่านอัพรูปที่ถ่ายกับพี่เกนด้วย แต่ดูมันโคตรเต็มใจถ่ายเพราะหน้าเลยคำว่าบึ้งไปไกล เพื่อนผมคนนี้มันเป็นพวกดื้อเงียบนะครับ ถ้าไม่ชอบจะดื้อแบบชี้ให้ไปขวามันจะนั่งลงไม่เดิน สั่งให้ตายมันก็ไม่ไป

   ไอ้กลอยก็อัพรูปใส่วิกกับพี่โช ไม่น่าเชื่อว่าพี่แกจะยอมใส่ แคปชั่นเป็นเซเลอร์มูนซะด้วย ไอ้กลอยใส่สีเหลือง พี่โชใส่สีฟ้าแต่หน้านิ่งมาก ด้านหลังยังมีพี่จอมใส่สีเขียว พี่ซันใส่สีแดง ผมขำลั่นห้องขนาดพี่ฟลอยด์อยู่ในห้องน้ำยังตะโกนออกมาถาม   

   ถ้าไม่ใช่ไอ้กลอย บังคับให้ทุกคนใส่วิกแบบนั้นไม่ได้นะครับ โดยเฉพะพี่โชที่ผมดูแล้วว่า ไม่น่าจะยอม สุดท้ายก็ได้เห็น

   “หัวเราะอะไร” คนอาบน้ำเพิ่งเสร็จเดินหน้าบึ้งออกมานั่งข้างๆ ผม

   “ไอ้กลอยอะ” ยื่นโทรศัพท์ให้ดู พี่ฟลอดย์ขำนิดๆ แล้วเดินแยกไปใส่เสื้อผ้า พี่แกออกมาแบบผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันเอวโชว์กล้ามหน้าท้องเป็นลอน

   วางมือถือแล้วเข้าไปอาบน้ำ ออกมาพี่ฟลอยด์ก็นอนไปแล้ว คงคิดถึงแม่แน่เพราะพรุ่งนี้จะไปทำบุญให้วันเกิดของแม่  ผมเดินเข้าไปซ้อนหลังพร้อมกอด คนในอ้อมกอดพลิกตัวมาซุกหน้ากับอกผม ลูบกลุ่มผมสีดำกล่อมให้หลับสุดท้ายผมก็ผล็อยหลับไปด้วย

   ท้องฟ้าใกล้สาง ผมปลุกพี่ฟลอยด์ให้รีบตื่น คนถูกปลุกสะลึมสะลือนั่งอยู่บนเตียงในขณะที่ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมเร่งให้คนที่ไม่อยากตื่นไปอาบน้ำ รออยู่นานกว่าจะออกมา

   “ตื่นสายนะ” แค่ผมเปิดประตูออกมาก็เจอหน้าพี่เฟิร์นที่แต่งตัวจัดเต็มกำลังจะลงไปด้านล่าง
 
   “อ่าครับ” ไม่อยากเถียงเลยรับๆ ไปเอง

   พี่ฟลอยด์เดินหน้าง่วงตามผมกับพี่เฟิร์นลงไปด้านล่าง ข้าวของที่จะทำบุญเตรียมพร้อมอยู่บนรถ พ่อพี่ฟลอยด์สวมสูทสีดำรออยู่แล้ว ท่านเสตามองลูกชายนิดๆ แล้วขึ้นไปนั่งรถบนรถตู้ พี่เฟิร์นตามขึ้นไปแล้วต่อด้วยพี่ฟีน

   “ผมเอารถไป” พี่ฟลอยด์ว่าแล้วดึงผมมาที่รถ

   “ทำไมพี่ไม่นั่งรถตู้ไปล่ะ” โวยวายเบาๆ แต่พี่ฟลอยด์ส่ายหน้า

   “ไม่เอา อึดอัด” ส่ายหน้าให้กับคนฟอร์มจัด ผมรู้ทันหรอกว่าเกร็งที่ต้องนั่งข้างพ่อตัวเอง

   รถสองคันออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่วัดที่มีเถ้ากระดูกของแม่พี่ฟลอยด์บรรจุอยู่ แม้จะทำบุญวันเกิดแต่ก็อยากไปหา ภายในรถเงียบจนผมต้องชวนคุย

   “เมื่อคืนหลับฝันดีป่ะ” ถามเพราะสะดุ้งตอนพี่ฟลอยด์กอดผมแน่น คงฝันอะไรบางอย่างอยู่แน่

   “มาก” หันมาบอกผมพร้อมรอยยิ้ม “พี่ฝันถึงแม่ด้วย ท่านกอดพี่แล้วบอกให้พี่ใช้ชีวิตให้ดีและทำให้ตัวเองมีความสุข”

   “เลยตอนตื่นสายสินะ”

   “เออ” หัวเราะให้กับคนหน้าบูด

   วัดที่ผมเคยมาช่วยงานเมื่อตอนนั้น รถสองคันจอดที่ลานจอด ผมช่วยทุกคนถือของที่ใช้ทำบุญ เดินตามหลังครอบครัวคนรวยไปในวิหาร เจ้าอาวาสที่คงรออยู่ก่อนแล้ว เห็นพ่อพี่ฟลอยด์เดินเข้าไปก็ทักทายทันที ผมยกของมากับป้าแม่บ้านด้านหลังเพื่อจัดเรียงของใส่ถาดเพื่อนำไปถวายสังฆทานและจัดอาหารรอถวายเพล

   จัดเสร็จก็ยกของเพื่อถวายสังฆทานเข้าไปด้านใน พี่ฟลอยด์ก็รีบมาช่วยผมยกทันที ผมถอยกลับออกมานั่งกับป้าแม่บ้านเพื่อให้ครอบครัวประเคนของ

   “ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้นะคะ” หันไปเห็นคุณป้าแม่บ้านกำลังยกมือเช็ดน้ำตาที่หางตา

   “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” กระซิบถามกลับไป คุณป้าก็พยักหน้า

   “กับคุณเฟิร์น คุณฟีนไม่เท่าไหร่ แต่คุณฟลอยด์นี่สิคะ” อ่า ผมพอเข้าใจความหมาย พี่ฟลอยด์ผู้ที่เอาแต่ใจเข้ากับพ่อไม่ได้คนเก่าจะไม่มีวันรวมตัวกับคนอื่นเพื่อทำแบบนี้สินะ

   “คุณหนูเอาแต่คนใจคนนั้นเปลี่ยนไปแล้วนะครับ” ผมว่าพร้อมรอยยิ้ม

   “นั่นสิคะ” มืออุ่นวางทาบบนมือผม “ขอบใจคุณมากเลยนะคะ”

   “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับ” ตอบแบบคนหล่อไปจนคุณป้าหัวเราะ

   หลังจากถวายสังฆทานวันเกิดให้กับคุณหญิงของบ้านแล้ว ก็เริ่มถวายเพลครับ ผมก็ยังเข้าไปช่วยตามเดิม พี่เฟิร์นดึงผมให้ไปช่วยพี่ฟลอยด์ประเคนถาดอาหารถวายเพลพระรูปหนึ่ง ผมทำหน้างงๆ ช่วยพี่ฟลอยด์ยกถาดอาหารขึ้นประเคน คนข้างๆ หันมายิ้มนิดๆ

   “ผมมาทำอะไรที่นี่เนี่ย” กระซิบถามคนข้างๆ

   “ทำหน้าที่ว่าที่ลูกสะใภ้ไง” พี่ฟลอยด์ตอบพร้อมรอยยิ้ม แถมยังพูดออกเสียงซะจนพระรูปที่ผมถวายอาหารยิ้มให้พวกเรา


   รอจนถวายเพลจบก็เก็บของกลับ ผมแยกออกมากลับพี่ฟลอยด์ ก่อนขึ้นรถแทบจะขยี้หูซ้ำๆ เมื่อพ่อพี่ฟลอยด์เรียกผมว่าลูกแล้วยังขอบใจผมอีก ลูกแท้ๆ อย่างพี่ฟลอยด์ขำอย่างเดียวจนผมต้องตวัดสายตามอง
 
   “ขำไรนักหนา” ถามเสียงขุ่น

   “ขำต้อมนั่นแหละ”

   “เรื่อง”

   “พ่อพี่ยอมรับแล้วนะ”

   “แล้ว”

   “กวนตีนป่ะเนี่ย” โดนผลักหน้าผากจนหน้าหงาย

   “โห ทำแบบนี้ลงไปต่อยกันเลยมั้ย” ต่อยเข้าแขนคนขำ พี่ฟลอยด์จะยื่นมือมาผลักอีกแต่ผมหลบ “ไม่ได้แอ้มรอบสองหรอกนะ”

   “ถ้าได้แอ้มอีกรอบรับรองจะติดใจ” พูดพลางขยิบตาใส่

   “แอ้มอะไร พูดวกเข้าเรื่องใต้เข็มขัดตลอดว่ะ”

   “เอ้า พี่ผิดเหรอ ก็คนมันรักนี่ อยากกอดใจจะขาด” ทำตาเล็กตาน้อยจนอยากเอานิ้วทิ่มตาซะจริง

   “โนวๆ” ทำลอยหน้าลอยตาจนโดนตีหน้าผาก “เจ็บโว้ย รีบๆ กลับเลย”

   “แม่ง แฟนกูจะหวานแบบคนอื่นบ้างมั้ยเนี่ย” มีบ่นๆ

   “อยากได้หวานๆ ไปหาที่อื่นครับ ไอ้ต้อมไม่หวานว่ะ”

   “บอกแล้วไง ว่าไม่หวานก็รักว่ะ”

   “เออ รู้ก็ดี” ทำไมต้องหน้าร้อนแบบนี้ สงสัยโลกจะร้อนขึ้นแน่ คงจะแบบนั้น ฟู่ว


...TBC


พี่ฝอยใกล้จบแล้วว แต่ยังไม่ค่อยเห็นความหวานแบบจริงจังสักตอน ฮ่าๆๆๆ

เจอกันตอนหน้าค่าา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-09-2016 21:28:54
พ่อพี่ฟลอยด์ยอมรับลูกสะใภ้แล้วววว :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-09-2016 21:30:34
ไม่หวานก็รัก ฮ่าๆๆๆ นี้แระต้อม อิอิ
ครอบพี่ฝอยลงตัวแล้ว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: chaichan ที่ 14-09-2016 21:35:10
หวานเท่านี้ก็ดีใจแล้ว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 14-09-2016 22:27:38
ทุกอย่างคือดีลงตัวหมดแล้ว เหลือแต่พี่ฝอย เมื่อไหร่จะได้แอ้มอีกเนี่ย สงสาร 5555555555555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 14-09-2016 22:49:29
ขอหวานๆสักตอนนะต้อมพี่ฟล์อยให้คนอ่านเป็นเบาหวานกันไปเลย และขอ nc 18++ระดับปานกลางนะอิอิ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-09-2016 23:19:20
อดทนรอต่อไปนะคะ พี่ฟลอยด์ 555555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 14-09-2016 23:34:20
เราว่าแค่นี้ก็หวานแล้วนะ แต่ถ้าหวานกว่านี้ก็น่าจะฟินมากอ่ะ

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 14-09-2016 23:42:29
 :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-09-2016 23:57:15
ได้เท่านี้ก็ดีแล้วแหละเนอะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-09-2016 03:59:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 15-09-2016 05:56:32
ครอบครัวสุขสันต์สักที  :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-09-2016 06:09:57
กลอย กับ ต้อม มีจิตใจทีดี พูดตรง มองโลกในแงดี
ทำให้คนใกล้ตัว รัก มีจิตใจ อารมณ์ที่เย็นลง
พี่เกน ป่าน สานสัมพันธ์กันยังไงนะ
คนหนึ่งขี้โมให อีกคนก็ขี้โวยวาย
อะไรเป็นตัวเชื่อมนะ อยากเผือกและ
แต่ทั้งกลอย ต้อม ป่าน มีเสน่ห์
เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนไม่สนใจเรื่องเงิน
ตาโตกับความร่ำรวยของใคร
นี่อาจทำให้คนที่เข้าหาประทับใจ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-09-2016 06:33:08
คู่นี้น่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-09-2016 07:13:22
ขอแบบหวานๆ ซะตอนก่อนจบได้ป่ะไรท์ ไรท์อย่าใจร้ายเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 15-09-2016 08:37:27
ไม่ต้องหวานมาก แค่ลงตัวและพอดีก็พอ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-09-2016 09:47:14
คุณพ่อยอมรับแล้ว

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 15-09-2016 14:43:55
ชอบจัง อบอุ่นมาก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 15-09-2016 16:33:45
หวานนนนนนนนมากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 17 Up!! [P.8]<< // [14/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 15-09-2016 17:06:17
หวานแค่นี้ก็น่ารักดีนะ  :o8:

อยากรู้เรื่องพี่เกนด้วยอะ คู่นั้นคงกัดกันมันส์ 555+
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-09-2016 22:44:45
No Sugar : 18


       เหนื่อยมาก ไม่ได้เหนื่อยใจนะครับ แต่เหนื่อยกาย วันนี้พวกผมต้องไถแปลงใหม่เพื่อลงของแถมยังต้องไถให้เด็กปีสองอีก ที่จริงควรให้เด็กมันทำไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกมันได้แต่นั่งมองวะ แบบนี้ต้องซ่อมทั้งรุ่นหรือเปล่า

   “พวกมึงกินแรงพวกกู” ไอ้ดอยมันเดินไปโวยวายแล้วทิ้งตัวนั่งข้างๆ รุ่นน้อง

   “พี่ก็กินแรงเพื่อนไม่ใช่เหรอ” มันโดนน้องรหัสมันตอกหน้า ไอ้ดอยขำไม่โต้ตอบปล่อยให้น้องรหัสมันใช้หมวกใบลานพัดให้ โคตรสบายนะมันเนี่ย

   ผมโยนดินก้อนใหญ่ใส่ไอ้พวกกินแรงจนกลุ่มนั้นลุกหนี ไอ้ดอยลากพวกรุ่นน้องมาช่วย กว่าจะผ่านไปได้เล่นเอาแขนล้าไปหมด พวกผมแบกจอบแบกเสียมไปไว้ในห้องเก็บอุปกรณ์ด้านหลัง ได้ยินเพื่อนๆ นัดกันที่เพิงเพื่อกินยาดอง จะว่าไปก็แอบเปรี้ยวปากเหมือนกันนะ แถมวันนี้พี่ฟลอยด์กลับไปนอนบ้านโดยไม่มีผม

   วันนี้ไอ้ต้อมฟรีครับ

   “ไปหรือเปล่าไอ้ต้อม” ไอ้ดอยสะกิดถาม ผมรีบพยักหน้าตกลง “ขอผัวมึงหรือยัง”

   “ผัวพ่อง” ด่าพร้อมตบหัวไปที ผมเดินเลี่ยงมากอดคอไอ้ป่านที่เพิ่งวางโทรศัพท์ไป “พี่เกนโทรมาเหรอวะ”

   “เออ ตามกูยิกๆ อย่างกับกูขโมยทองมันไปไอ้ห่า” ไอ้ป่านบ่นแต่ผมขำ

   “ขโมยหัวใจมากกว่า” พูดเองอ้วกเองจนไอ้ป่านมันหัวเราะ “แล้วมึงไม่ไปเพิงกับไอ้พวกนี้เหรอวะ”

   “ว่าจะไป แต่ดูก่อน” หรี่ตามองเพื่อนตัวเอง ผมเริ่มรู้แล้วครับว่าทำไมพวกไอ้เป็กมันถึงล้อผม เพราะแบบนี้นี่เอง อยากให้ไปพร้อมหน้าแต่ติดตรงที่ว่าแฟนไม่ให้ไป

   “ว่าแต่ มึงกับพี่เกนคบกันแล้วเหรอวะ” ผมถาม แต่ไอ้ป่านทำหน้าเซ็งตอบ และเป็นคำตอบที่ทำเอาผมเข็มขัดสั้นทันที (คาดไม่ถึง กล้าเล่นมุกว่ะ)

   “เออ มันกดกูลงได้ไอ้สัด”

   “เชี่ย ตอนไหนวะ”

   “ตอนที่กูท้าวันนั้นแหละสัด”

   พยายามนึกแล้วก็ต้องร้องอ๋อ ที่เพิงวันนั้นที่ไอ้ป่านบอกถ้าโดนกดจะยอม นั่นไง ไปท้าเรื่องที่ไม่ควรไปท้า เลยต้องรับโทษแบบนี้ไป แต่ไอ้ป่านมันดูชิวๆ ไม่โกรธอะไรมาก

   “แล้วมึงไม่โกรธเหรอวะ” ขนาดผมตอนนั้นยังโมโหเลยครับ

   “โกรธไปก็ทำอะไรไม่ได้ กูผู้ชายไม่ได้ท้อง” แมนมากเพื่อนผม “อีกอย่าง ได้ลองแล้วก็ไม่ได้แย่” ตรงมากเพื่อนผม

   “เจ๋งสัด ได้กันบ่อยป่ะ” โดนไอ้ป่านตบหัวไปทีโคตรเจ็บ

   “ไม่บ่อย ถ้าบ่อยกูไม่มีแรงพอดี” ผมยกนิ้วให้เพื่อนเลยครับ ตอบออกมาแบบไม่ปิดบัง ไอ้ต้อมคำนับ

   “มิน่า พี่เกนถึงหลงมึงนัก” แซวพอประมาณก่อนวิ่งหนีเมื่อไอ้ป่านยกขาจะถีบ

   ปั่นสุดหวงกลับเหมือนเดิมทุกครั้ง แต่ไม่เหมือนคือมีรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่หรือเรียกตามชาวบ้านว่าบิ๊กไบค์วิ่งมาอย่างไวแล้วเฉี่ยวผมล้มนี่แหละครับ สุดหวงพังเลย ไม่ได้โมโหที่ตัวเองเจ็บหรอกนะครับ แต่มาทำให้สุดหวงพังนี่แหละที่โกรธ ไอ้คนขี่ก็ชะลอแล้วเลี้ยววกกลับมา มันจอดรถแล้วลงมาดูผม

   “เป็นยังไงบ้างครับ เจ็บตรงไหนมั้ย” ผมตวัดตาขึ้นมองทันทีที่มันถาม

   “ชนขนาดนี้ไม่เจ็บหรอกมั้งครับ แม่ง” พูดไปก็หงุดหงิดไป ข้อศอกเลือดไหลซิบๆ เจ็บที่ไหล่ด้วย ดีที่ม้วนเอาหัวหลบไม่งั้นหัวแตกแน่

   “ขอโทษครับ” แม้น้ำเสียงจะติดไม่พอใจนิดๆ แต่ก็ยังพูดขอโทษ

   “เออๆ แต่ในมหาลัยขับรถไวขนาดนี้จะรีบไปขี้หรือไงวะ ขับช้าๆ ก็ได้ขี้เหมือนกัน” ผมว่า มือก็ปัดกางเกงที่เปื้อนฝุ่น คนที่เดินไปเดินมาก็เริ่มหันมาดู ไอ้คนชนช่วยพยุงผมให้ยืน

   “ผมรีบไปเรียน แล้วคุณก็ขี่เข้ามาในเลนรถวิ่ง” มันชี้ไปที่ถนน

   “เลนรถวิ่ง แล้วที่กูขี่มานี่ไม่ใช่รถเหรอวะ หรือมึงสร้างถนนถึงไม่ให้สุดหวงกูวิ่ง อูย” ด่าไปสุดท้ายก็เจ็บสีข้าง มีรอยเลือดด้วย ถลอกแน่

   “อ่าว ก็ผมขอโทษแล้วไง” ไอ้คนชนมันเริ่มขึ้นเสียง มือยกหมวกกันน็อกใบใหญ่ออก คนที่มุงมีกรี๊ดเบาๆ แต่ผมไม่สน หล่อปานพระเอกเกาหลีแต่ผมไม่ปลื้ม

   “ขอโทษแต่สุดหวงกูพัง” ชี้ไปที่จักรยานฮ่างๆ ตัวเองล้อเบี้ยวไปหมด ไอ้คนชนมันรีบควักกระเป๋าเงินแล้วยื่นแบงค์เทาให้ผมห้าใบ

   “พอมั้ยครับ ซื้อคันใหม่เถอะ คันนั้นผมว่าไม่นานสนิมคงกินทั้งคัน” สะอึกสิครับ กล้าดูถูกสุดหวง ผมไม่ยอมรับแต่มันก็เอาเงินมายัดมือแล้วเดินไปควบรถคันแพงพร้อมพุ่งออกตัวไป ทิ้งให้ผมยืนขมับเต้นตุบๆ ด้วยความโกรธ
 
   “ให้ช่วยมั้ยคะ” สาวหน้าตาจิ้มลิ้มเดินมาช่วยผมพยุงสุดหวง ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า

   “ไม่เป็นไรครับ” ก้มให้เธอไปทีก่อนเดินกระเผลกเอาสุดหวงไปซ่อมร้านประจำ คราวที่แล้วตอนเจอพี่ฟลอยด์ก็ล้อเบี้ยวไปที มาคราวนี้สภาพเยินกว่าเก่าอีก สงสัยต้องปลดระวางการใช้งานของสุดหวงซะแล้ว โธ่ สุดหวงของพ่อ

   กว่าจะกลับถึงหอผมก็แทบยกขาไม่ขึ้น มันปวดหัวเข่าด้วย ดีที่แวะซื้อยามา ไม่อย่างนั้นไอ้ต้อมคงนอนสำออยอยู่ที่เตียงแหง กำลังจะก้าวขาขึ้นบันได อยู่ๆ ก็มีมือมารวบที่เอวจนต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ

   “ทำไมไม่โทรหาพี่วะ” เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับมือที่รวบนั่นแหละครับ แล้วที่ผมไม่โวยวายเพราะจำกลิ่นน้ำหอมได้ดี

   “โทรหาเรื่องอะไร” ถามขณะถูกประคองขึ้นตึก

   “ก็เรื่องถูกรถชน ไอ้คนที่ชนเป็นใคร เรียนคณะไหน ชั้นปีอะไร พ่อแม่มันทำงานอะไร” ขอขำเถอะ เจอคำถามแบบนี้ “ไม่ขำนะต้อม แล้วไปหาหมอหรือยัง” ผมชูถุงยาให้ดู พี่ฟลอยด์ขมวดคิ้วกำลังจะอ้าปากพูดต่อ

   “แค่ช้ำน่า ไม่ได้หักหรอก ไม่ต้องห่วง”

   “ไม่ห่วงได้ไงวะ แฟนทั้งคน พูดไม่คิด” โดนดุอีก

   “แล้วพี่รู้ได้ไง ใครโทรบอกเหรอ” เพราะผมจำได้ว่าไม่ได้โทรหาใครเลย ไอ้ป่านกับไอ้ดอยยังไม่รู้เรื่องเลย

   “จากแฟนเพจ เขาส่งข้อความมาบอกพร้อมลงรูปด้วย นี่ถ้าพี่ไม่ดูคงไม่รู้ว่าแฟนถูกรถชนสินะ” อูย สายตาทิ่มแทงสุดๆ

   “มันแค่เฉี่ยวเฉยๆ ไม่ได้ชน”

   “รถล้มเหมือนกัน”
 
   “ครับๆ” ไม่อยากเถียงจริงๆ

   พอถึงห้อง ผมก็ถูกจับถอดเสื้อผ้า จะดิ้นขัดขืนแต่เอี้ยวตัว ขยับตัวลำบากเลยปล่อยเลยตามเลย เสื้อนักศึกษามีรอยเลือดอยู่ที่หัวไหล่กับด้านข้าง พอถอดออกก็เห็นแผล มันเป็นแผลถลอกมีเลือดซิบๆ นั่นแหละครับ แต่ตรงสีข้างถลอกเยอะไปหน่อย ลากยาวมาเกือบถึงหัวไหล่ แถมเขียวช้ำด้วย ถ้ามันสุกงอมจนเป็นสีม่วงนะคุณเอ้ย ทรมานสุดๆ

   “ช้ำขนาดนี้ต้องให้มันมารับผิดชอบ” พี่ฟลอยด์บ่นไปบีบยาที่ผมซื้อมาทาบนแผลเบาๆ แต่ก็สะดุ้งตลอดเวลาที่มือถูกับแผล
 
   “มันเอาเงินให้ผมห้าพันด้วย” ยื่นแบงค์สีเทาที่ยัดไว้ในกางเกงลวกๆ ให้ดู พี่ฟลอยด์เหล่ตามองนิดๆ อย่างไม่สนใจ “เหมือนพี่คราวที่เจอครั้งแรกเลย เอาเงินให้ผมเหมือนกัน”

   “แต่พี่ไม่ได้ทำให้ต้อมเจ็บ”

   “บอกเหมือนตรงเอาเงินให้เฉยๆ สงสัยจะลูกคนรวยเหมือนกัน โอ้ย เจ็บ” แม่ง ลงน้ำหนักมือซะเจ็บ

   “พูดมากดีนัก แล้วห้ามเอาพี่ไปเทียบกับไอ้นั่นด้วย มันไม่เหมือนกัน” มีงอนซะด้วย ผมขำนิดๆ ก่อนดีดหน้าผากคนที่กำลังตั้งใจทายาให้ผม

   “รู้แล้ว ไม่เหมือนหรอก พี่นิสัยดีกว่าเยอะ”

   “ประชดพี่เหรอ เดี๋ยวเถอะๆ”

   ตอนนี้ทั้งตัวผมเหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์เพราะถูกพี่ฟลอยด์ลอกคราบเพื่อทายา หัวเข่าก็ช้ำ หน้าแข้งก็ถลอก วันนี้ผมใส่มคกางเกงยีนส์เนื้อบางด้วย เพราะเนื้อแข็งๆ เอาไปซัก นี่ขนาดใส่ยีนส์ยังช้ำขนาดนี้ ถ้าเป็นกางเกงนักศึกษา ขาผมคงได้อาบเลือดแน่

   ทายาเสร็จก็ต่อด้วยยาแก้อักเสบ เริ่มตึงๆ พอประมาณ ดีที่วันนี้ลงแปลงเสร็จหมดแล้ว ขืนถ้าพรุ่งนี้ได้ซ้ำอีกไอ้ต้อมคงเดี้ยงไปจริงๆ

   “พรุ่งนี้จะมีไข้หรือเปล่า” ถูกเอามือมาทาบหน้าผาก

   “ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

   “ไม่ได้อ่อนแอแต่ก็ใช่ว่าจะป่วยไม่เป็น” พี่ฟลอยด์ว่าก่อนจะเดินเอากะละมังใส่น้ำไปเทในห้องน้ำ “คืนนี้ไปนอนบ้านพี่นะ นอนนี่ดึกๆ เป็นอะไรขึ้นมาจะลำบาก” นี่ไม่ใช่คำชวนของพี่ฟลอยด์นะครับ แต่เป็นคำสั่ง ผมได้แต่นั่งมองคนที่เก็บเสื้อผ้าผมใส่กระเป๋า

   “พี่กะจะเอาเสื้อผ้าผมไปหมดตู้เลยหรือไง” ขัดเพราะเสื้อกับกางเกงแทบจะหมดตู้อยู่แล้ว

   “ถ้าเอาความจริงคือใช่” ตรงกว่าไอ้ต้อมก็พี่ฟลอยด์นี่แหละครับ

   นี่ถ้าแบกผมได้คงแบกไปแล้ว พี่ฟลอยด์แทบจะอุ้มผมแต่สีข้างมันช้ำเลยได้แค่ประคอง กว่าจะลงมาถึงชั้นล่างเหงื่อแทบไหล น้ำตาแทบตกเหมือนกันนะครับเนี่ย นั่งรถได้ก็ใช่จะสบายต้องพิงตัวมาด้านขวาที่ไม่ช้ำ ผมนั่งเอียงมาจนถึงบ้านหลังใหญ่ ตอนนี้ตาเริ่มปรือๆ ฤทธิ์ยาคงกำลังทำงาน

   “เดินไหวมั้ย” พี่ฟลอยด์ค่อยๆ ประคองผมเดิน ทุกย่างก้าวนี่แสนร้าวระบม คุณป้าแม่บ้านหรือคนอื่นๆ มาเห็นต่างก็ตกใจกันเป็นแถว

   “ไปโดนอะไรมาคะนั่น”
 
   “รถชนครับ”

   “แค่เฉี่ยวเฉยๆ ครับ” รีบแก้คำผิดแต่มันก็น่าตกใจสำหรับคุณป้าแม่บ้านอยู่ดี

   “แล้วจับคนที่ชนได้มั้ยคะ แบบนี้ต้องแจ้งความนะคะคุณฟลอยด์” เอ่อ ทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่

   “พอดีคุยกันแล้วครับ แล้วผมก็ไม่เป็นอะไรมาก...มั้ง” หัวเราะแห้งๆ เมื่อถูกจ้องเขม็ง

   “ให้ลุงหมอมาดูที่บ้านมั้ยคะ” คุณป้าแม่บ้านหันไปถามพี่ฟลอยด์ คนถูกถามพยักหน้าแต่ผมโบกมือปฏิเสธ แต่ก็ต้องเอาลงเมื่อถูกสายตาดุจ้องอีกรอบ หูย ไอ้ต้อมไม่เคยหงอแบบนี้เลยนะ

   ถูกพยุงขึ้นมาบนห้อง เอนตัวลงนอนนี่สะดุ้งจนต้องลุกขึ้นมานั่ง ปวดจริงจัง ปวดจนอยากจะมอบโล่ให้ ไม่อยากนึกถึงวันพรุ่งนี้เลยว่ามันจะทรมานแค่ไหน พี่ฟลอยด์มองนิ่งๆ ก่อนจะให้ผมขยับไปกลางเตียงแล้วตัวเองก็นั่งลงข้างๆ

   “ทำไรอะ” ถามอย่างระแวงนิดๆ

   “เถอะน่า” ถูกดึงเบาๆ ให้พิงบนอกกว้างนั่น “ถ้าทำแบบนี้หลังข้างซ้ายก็จะไม่โดนเตียง” เอียงหน้าไปมองเห็นแค่ปากสีแดงขยับพูด

   “เริ่มโรแมนติกนะเนี่ย” แซวไปแบบนั้นเลยได้เสียงหัวเราะตอบกลับ

   “พี่ยังโรแมนติกได้อีกเยอะ” โดนบีบจมูก “รีบหายๆ แล้วพี่จะทำให้ดู” ได้ยินเสียงเลือนรางเพราะตามันกำลังจะปิด ห้องนอนกว้างค่อยๆ มืดลงเหมือนปิดไฟ แล้วผมก็หลับไปทั้งที่พิงอกพี่ฟลอยด์อยู่




(ฟลอยด์)
   
   ผมปล่อยให้คนที่พิงอกนอนหลับไปทั้งแบบนั้น ก่อนผมจะรู้เรื่องราว ผมกำลังนั่งคุยกับพี่ฟีนเรื่องของต้อมนั่นแหละครับ ผมอยากจะพาต้อมมาอยู่ที่บ้านด้วย เลยอยากให้พี่สาวช่วยคุยกับพ่อให้หน่อย แต่พี่ฟีนกลับให้ผมไปบอกเองเพราะพ่อก็ไม่ได้รังเกียจต้อม

   ในขณะที่ผมกำลังนั่งรอพ่ออยู่หน้าบ้าน มือถือผมก็สั่นขึ้นมาพร้อมข้อความของน้องที่เป็นสมาชิกเพจคู่ผม น้องเขาส่งรูปของต้อมที่นั่งอยู่ที่พื้น มีไอ้คนชนอยู่ในรูปด้วย ใต้ภาพมีคำบรรยายนิดหน่อย แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมรีบคว้ากุญแจรถไปหาต้อมที่หอทันที

   นั่งรออยู่ในรถไม่นานก็เห็นแฟนตัวเองเดินกระเผลกๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวเวลาใช้ขาข้างที่เจ็บเหยียบพื้น ผมรีบเปิดประตูออกไปหา ต้อมทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีเมื่อเจอหน้าผม มันพยายามยิ้มแย้มเพื่อให้ดูว่าไม่เจ็บ แต่ผมรู้ว่ามันเจ็บมาก

   บางทีผมก็อยากให้มันแสดงความอ่อนแอ อ่อนไหวออกมาบ้าง เพราะผมจะได้ทำหน้าที่ดูแล แต่ความเข้มแข็งที่ทำให้ผมแทรกตัวเข้าหายากกำลังค่อยๆ หายไปบ้างหลังจากตกลงคบเป็นแฟน แม้จะไม่เห็นความออเซาะฉอเลาะแบบคู่อื่นๆ

         ผมว่า ผมชอบแบบนี้นะ บางอารมณ์ผมก็อยากได้คนที่คุยกันรู้เรื่องมากกว่า 

   เกือบเผลอนอนหลับไปด้วยหากประตูไม่เปิดออกพร้อมกับลุงหมอที่สะพายกระเป๋าเครื่องมือเข้ามา ผมขยับตัวไม่ได้เพราะต้อมจะตื่น อีกอย่างก็เริ่มชาจากการถูกเหน็บเล่นงาน

   “เดี๋ยวลุงตรวจแบบนั้นก็ได้” ลุงหมอยิ้มนิดๆ ก่อนเปิดกระเป๋าสีดำเอาอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาตรวจคนพิงอกผม

   “กระดูกหักหรือเปล่าครับ” ผมถาม ลุงหมอส่ายหน้าช้าๆ

   “ไม่หักนะ แค่ฟอกช้ำแล้วก็แผลถลอก” เบาใจไปนิดหน่อยแต่ก็ยังเป็นห่วง “พรุ่งนี้แผลน่าจะระบม เดี๋ยวลุงจะฉีดยาแก้ปวดให้ แล้วเอายาแก้อักเสบแล้วก็ยาแก้ไข้ให้ไว้นะ” ลุงหมอบอกขณะฉีดยาแก้ปวดให้เข็มหนึ่ง เพราะไม่อย่างนั้นต้อมจะนอนไม่ได้
 
   “ขอบคุณครับ”

   ลุงหมอตรวจทุกอย่างเสร็จสรรพก็ขอตัวกลับ ผมยกมือไหว้อีกรอบแม้จะลำบากนิดหน่อยเพราะต้อมยังพิงอกอยู่ พอประตูปิดผมก็ค่อยๆ วางคนป่วยนอนบนเตียง ทันทีที่หลังสัมผัสเตียงนุ่ม คนนอนหลับสนิทสะดุ้งนิดๆ แต่ก็ไม่ตื่น คงจะเจ็บพอดู

   ผมลุกเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมอ่างน้ำพร้อมกับผ้าไว้เผื่อคนป่วยมีไข้ เสียงเปิดประตูห้องอีกรอบทำให้ผมหันไปมองหลังจากเอาแต่จ้องหน้าคนหลับสนิท

   “น้องเป็นไงบ้าง” พี่ฟีนเดินย่องเข้ามา

   “ลุงหมอฉีดยาแก้ปวดให้แล้ว” ผมบอก

   “จับคนชนได้มั้ย”

   “มีรูปอยู่ ผมกำลังให้ไอ้เกนช่วยดูให้” โมโหมากเมื่อนึกถึง มหาลัยนักศึกษาเยอะแบบนั้นยังขับขี่ไวไม่กลัวเกิดอุบัติเหตุ มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้ามันล้มไปเองโดยไม่มีคนเจ็บ แต่นี่มีคนเจ็บ แล้วเป็นต้อมด้วยผมยิ่งโมโห

   “แจ้งความเลยมั้ย”

   “ต้อมบอกมันเอาเงินให้แล้ว แจ้งไปคงไม่ได้เรื่อง”

   “งั้นฟลอยด์ก็ดูแลน้องดีๆ แล้วกัน อ่อ พ่อกลับมาแล้วนะ อยู่ห้องทำงาน” พี่ฟีนบอกแล้วออกจากห้องไป ผมมองต้อมนิ่งแล้วเดินตามพี่สาวออกไปด้วย เพราะตอนนี้ต้อมคงยังไม่ตื่นแน่นอน

   ผมแยกมาห้องทำงานของพ่อ ห้องที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาเหยียบเมื่อสมัยก่อน ตอนนี้ผมเข้ามาหลายครั้งแล้ว รวมครั้งนี้ด้วย พ่อเงยหน้าจากกองเอกสารแล้วถอดแว่นออก

   “เด็กปากดีนั่นเป็นไงบ้าง เห็นฟีนบอกถูกรถชน” พ่อถามถึงต้อมก่อน ดูท่าจะติดใจในความปากดีนั่นเหมือนผม

   “ลุงหมอฉีดยาให้แล้วครับ” ผมบอก...เรื่องพ่อ ถ้าไม่ได้ต้อม ทุกวันนี้ผมคงไม่มองหน้าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมกลับยอมเปิดใจพูดคุยกับพ่ออีกครั้ง ซึ่งมันก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่

   “อ่อ ก็ดีแล้ว สงสัยคงหายปากดีไปเยอะสินะ” ผมขำในสิ่งที่ได้ยิน หายากนะครับที่จะเจอคนนอกที่กล้าต่อปากต่อคำกับพ่อผมได้ ขนาดคนในครอบครัวยังมีแค่พี่เฟิร์นเท่านั้นที่กล้าเถียง “แล้วมีอะไร”

   “ก็เรื่องต้อม” แค่ผมเกริ่น พ่อก็จ้องนิ่ง “ผมอยากพาต้อมมาอยู่ที่บ้านด้วย”

   “แล้วแกก็จะกลับมาอยู่บ้าน แบบนั้นใช่มั้ย” พยักหน้ารับ “แบบนี้ถ้าฉันไม่ให้อยู่ ก็เหมือนไล่ลูกทางอ้อมแบบนั้นสินะ” พ่อขำแต่ผมยังนิ่ง

   “ก็ประมาณนั้น” โดนหรี่ตามองแต่ผมก็ยังนิ่ง

   “ก็ตามใจแก แต่บอกให้มันลดความปากดี อวดดีสักนิด ฉันปวดหัวแทน” รีบยกมือไหว้ขอบคุณพ่อทันที “ก่อนจะพามา ไปคุยกับพ่อแม่เขาให้ดี ไม่ใช่พาลูกเขาหนีมาอยู่เลยล่ะ ฉันจะไม่รับผิดชอบนะบอกไว้ก่อน”

   “วันนี้ผมไปขอมาแล้ว” ผมบอก พ่อเลยทำตาโตมอง

   “แบบนี้สิ ถึงเหมือนพ่อของแก” พ่อเดินมาตบบ่าผมแล้วหัวเราะลั่น แต่ผมยังงงๆ ไม่รู้ความหมาย พอออกจากห้องผมก็เกาท้ายทอยเพราะยังสงสัย แต่ก็ช่างเถอะ ผมรีบกลับไปดูต้อมดีกว่า

   ขึ้นไปบนห้อง ต้อมยังนอนหลับสนิท ผมวางหลังมือกับหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิซึ่งยังปกติอยู่ อาจเพราะต้อมออกกำลังกายบ่อย ผมหมายถึงลงแปลง ลงสวนอะไรแบบนั้น ผมเคยไปรอรับที่แปลงผัก เห็นต้อมเงื้อจอบขุดดินซะผมปวดแขนแทน

   ผมใช้นิ้วไล้ตามหน้าที่เริ่มขาวจากครีมที่ผมบังคับให้ใช้ เมื่อก่อนหน้ามีแต่สิวแล้วก็แห้ง ตอนนี้นุ่มและเนียนจนน่าสัมผัส ดวงตาสองข้างที่ถูกเปลือกตาปิดอยู่คู่นี้มักจะมองผมแบบหาเรื่องเสมอเวลาที่อยากกวน จมูกโด่งนิดๆ เหมาะกับใบหน้านี้นัก แต่ที่ผมชอบที่สุดคงจะเป็นปากอวบสีแดงที่กำลังล่อตาล่อใจผมอยู่ตรงหน้า ใช้นิ้วลูบวนไปมา ความนุ่มหยุ่นยามสัมผัสทำให้ต้องเลียริมฝีปากตัวเอง

   เหมือนเป็นโรคจิต แต่ผมอยากจูบมาก

   ก้มประกบปากนุ่ม ประคองหน้าเนียนให้เงยเพื่อรับสัมผัสได้ถนัด ผมสอดนิ้วเข้าปากคนนอนหลับแล้วสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกับลิ้นร้อนจนได้ยินเสียงครางแผ่วเบาจากคนด้านล่าง รสชาติจูบที่จาบจ้วงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหอมหวาน ริมฝีปากนี้ทำให้อยากสัมผัสโดยไม่อยากถอดถอนออก แต่ถ้าไม่ห้ามใจ ผมกลัวว่าจะเผลอลักหลับคนป่วยจนโดนโกรธไม่มองหน้าอีก

   ผมจ้องหน้าคนที่กำลังทำให้ผมหลงใหลด้วยความรัก ต้อมเป็นผู้ชายที่ไม่ใช่คนหวาน เป็นคนห่าม ปากดี พูดตรง แต่จิตใจดี นี่คงเป็นเสน่ห์ที่เจ้าตัวไม่รู้ เป็นเสน่ห์ที่ผมให้ผมหลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกเตือนสติวันนั้น เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผมหลงรักคนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้

   โคตรรักเลยว่ะ




   เช้านี้ที่แสนเจ็บปวด แค่ขยับตัวนิดหน่อยก็รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งหลัง นี่สินะคือความเจ็บปวดของจริง ผมกระพริบตามองเพดานสีขาวที่ไม่ใช่ในหอพักหรือบ้านตัวเอง เพดานนี้คือบ้านของผู้ชายที่เป็นแฟนผม แม่งพอเรียกแฟนแบบนี้รู้สึกเขินขึ้นมา ผมหันไปมองที่ข้างๆ ก็ว่างเปล่า แต่ความอุ่นยังคงอยู่ คงเพิ่งลุกไปสินะ

   “พี่ฟลอยด์” ลองเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับ คงออกไปข้างนอกละมั้ง ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะมันเจ็บ ไอ้ต้อมหนอไอ้ต้อม เกิดมาจะยี่สิบปีเพิ่งเคยนอนป่วยแบบนี้ ขนาดไข้ขึ้นเกือบสี่สิบองศาผมยังหอบสังขารไปสอบเลยครับ ออกห้องสอบมาสลบอยู่หน้าห้องเลย ในตอนนั้นทุกคนวุ่นวายมากกับการพาผมไปโรงพยาบาล พอนึกถึงก็แอบกลัวตัวเองเบาๆ

   พยายามจะลุกขึ้นจากเตียง โดยใช้แขนขวาข้างที่ไม่เจ็บค้ำยัน แม้จะลำบากแต่ก็ลุกขึ้นนั่งได้ กัดฟันอีกรอบขยับตัวมานั่งที่ข้างเตียง แค่หย่อนขาลงที่พื้นก็ปวดหัวเข่าไปหมด ผมสั่งให้ตัวเองลุกเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ จนแล้วจนรอดก็พาตัวเองมาแบบทุลักทุเลนิดๆ

   ใช้ไหล่ด้านขวาพิงกับกำแพงเพื่อแปรงฟันล้างหน้า โคตรลำบากเลยให้ตาย ผมกำลังนั่งทำธุระได้แปบเดียวก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้านนอกห้องน้ำ น่าจะเป็นเจ้าของห้องนั่นแหละครับ ไม่เห็นผมคงโวยวายแบบนั้น

   เสียงเคาะประตูห้องน้ำรัวๆ เร่งให้ผมเปิด แต่สังขารผมทำอะไรเชื่องช้าเลยโดนบ่นทันทีที่เปิดประตูออก พี่ฟลอยด์เลื่อนสายตามองผมทั้งแต่หัวจรดเท้า คิ้วดำขมวดมุ่น

   “อาบน้ำเหรอ”

   “เปล่า”

   กำลังก้าวขาออกมาก็มีมือพยุงทันที คนพยุงก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ผมได้แต่หัวเราะเพราะเถียงไม่ทัน นี่ไม่รู้หายใจทางเหงือกหรือเปล่า จนผมมานั่งอยู่ที่เตียงถึงหยุดบ่น

   “พี่หายใจยังไงเนี่ย” เกือบถูกเขกหัวดีที่พี่ฟลอยด์ยั้งมือไว้ทัน ไม่งั้นเพิ่มความปวดให้ผมอีกแน่นอน

   “จะเข้าห้องน้ำทำไมไม่เรียกพี่” พี่ฟลอยด์เปลี่ยนไปถือถ้วยข้าวต้มมาคนให้คลายร้อนแทน

   “เรียกจนคอจะแตกแล้ว” บอกไปทั้งที่เรียกแค่ครั้งเดียว แต่ทำให้มันเว่อร์ไปงั้น

   “ไม่เห็นได้ยิน” พูดไปเป่าไป “เออใช่ ห้องพี่เก็บเสียง” ผมจ้องคนพูดที่ยิ้มแปลกๆ มือขาวยื่นข้าวต้มมาจ่อปากผม

   “ผมกินเองได้” พยายามจะแย่งช้อนแต่ดูเหมือนขัดใจคนป้อน

   “ป่วยแบบนี้แล้วอ้อนพี่บ้างสิ”

   “อ้อนยังไง”

   “ก็ทำตัวให้อ่อนแอพี่จะได้ดูแลบ้าง” ผมมองคนที่บอกอยากดูแลขำๆ

   “มันเหมือนเป็นภาระอะ” ผมบอก

   “ภาระที่พี่เต็มใจดูแล”

   “ครับๆ” อ้าปากรับข้าวต้มคำโต ผมจ้องคนที่ตั้งใจป้อนข้าวต้มแล้วก็ยิ้มออกมา ไม่ใช่ผมไม่อยากทำตัวอ่อนแอหรอกนะ แค่ไม่อยากทำตัวเป็นภาระของคนอื่น

   เมื่อคนอยากให้ผมเป็นภาระ ไอ้ต้อมเลยจัดให้ อยากได้อะไรก็ชี้อย่างเดียว พี่ฟลอยด์ดูเต็มใจทำให้ทุกอย่างแบบที่พูดจริงๆ ขนาดผมบอกปวดหนัก พี่ท่านยังประคองผมไป แล้วอยู่ในห้องน้ำจนปลดปล่อยทุกอย่างโล่งท้อง

   “พี่ไม่เหม็นเหรอ” ถามติดตลก พี่ฟลอยด์ทำหน้านิ่งๆ ก่อนถอนหายใจออกมา

   “กลั้นหายใจเอา” แค่นั้นเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

   ผมถูกพยุงกลับมานั่งที่เตียง โชคดีที่ไม่มีไข้ บอกแล้วว่าผมแข็งแรง พี่ฟลอยด์ป้อนน้ำป้อนยาอย่างดีแถมกล่อมให้ผมนอนหลับอีก คือคนเพิ่งตื่นมันไม่ง่วงไง คนกล่อมเลยได้แต่ขำ

   “พี่มีไรจะพูดหรือเปล่า” ถามเพราะดูท่าทางแปลกๆ

   “ต้อมมาอยู่กับพี่ที่นี่นะ” เมื่อโดนผมจ้องนิ่งพี่ฟลอยด์ก็ดูประหม่า “คือ...”

   “ก็ได้”

   “ว่าแล้วเชียวต้องไม่ยอม...ห๊า”

   “อะไร”

   “เมื่อกี้บอกตกลงเหรอ พูดจริงใช่มั้ย พี่ไม่ได้หูฟาดใช่มั้ย”

   “เออ พูดมากเดี๋ยวก็ปฏิเสธหรอก” พี่ฟลอยด์รีบเม้มปากเน้นแต่ตาหยีเพราะยิ้ม “ระวังตัวไว้เถอะ ไอ้ต้อมเป็นภาระหนักนะจะบอกให้”

   “พี่รับได้เสมอ”

   “ฝากตัวด้วยนะ ผมกินจุ หลับง่าย เลี้ยงง่าย” พูดได้แค่นั้นก็ถูกปล้นจูบจนแทบโดนหลอมละลาย “โอ้ย เจ็บๆ” ร้องลั่นเมื่อหลังแนบกับเตียง เจ็บร้าวจนต้องผลักคนที่ลงน้ำหนักจะทับผมออก พี่ฟลอยด์ตกใจรีบผุดขึ้นยืนทำหน้าลนลาน ผมทั้งเจ็บทั้งขำ สุดท้ายต่างคนต่างก็หัวเราะออกมา “ช่วงนี้ห้ามหื่นนะครับ”


   “หายเมื่อไหร่โดนแน่”


...TBC

ต้อมหายแล้วจะโดนหรือเปล่าละนี่ ฮ่าๆๆๆ

เจอกันตอนหน้าค่าาาาา  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-09-2016 23:25:51
สุดหวงโดนเฉี่ยวรอบนี้ต้อมเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์เถอะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-09-2016 23:27:06
โอ๊ยยยยยยย มีความละมุน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 15-09-2016 23:28:27
รอตอนต่อไปค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 15-09-2016 23:32:58
ต้อมหายเร็วๆนะ อยากอ่านคู่รอง เค้าได้กันแล้วด้วย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 15-09-2016 23:43:15
พ่อสามี ยอมให้พาสะใภ้เข้าบ้านแล้ว......
เมื่อไรจะมีคืนส่งตัว ขอหวานๆสักนิดนะ  :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 16-09-2016 00:12:10
 :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-09-2016 02:46:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 16-09-2016 06:32:11
มุ้งมิ้งอ่ะ (มองข้ามฉากรถเฉี่ยว)
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 16-09-2016 07:24:34
ชอบป่านคือตรงมาก5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 16-09-2016 08:28:40
ไม่หวานแต่ละมุน อ่านแล้วยิ้ม รู้สึกสุขไปกับทั้งสอง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-09-2016 08:29:21
แง้ น่ารักอะ เอาจริงๆพี่ฝอยแกนิสัยดีมากนะถึงจะติดเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็มีเหตุผลอยู่พอสมควรเหมาะกับต้อมแล้วจริงๆ ว่าแต่ไอ่หล่อที่ขับรถชนต้อมนี่เป็นตัวเอกจากเรื่องไหนรึเปล่าหว่าา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 16-09-2016 09:06:56
โดนแน่
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-09-2016 09:39:33
อยากอ่านคู่พี่เกนกับป่านอ่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 16-09-2016 11:15:34
อร๊ายพี่ฟล์อยไปขอว่าที่ลูกสะใภ้กับพ่อกับแม่ต้อมมาแล้ว เลิศๆๆ อยากอ่าน NC 18+++พี่ฟล์อยน้องต้อมเเล้วอะ  :katai2-1:ขอตอนพิเศษคู่พี่เกนกับน้องป่านหลายๆตอนเลยนะเพราะเขาได้กันแล้ว   :hao3: :hao3:แต่เอผู้ชายสุดหล่อที่ขี่รถชนต้อม พระเอกของเรื่องใหม่ที่จะตามมาเร็วๆนี้หรือเปล่านะ อยากให้ใช่อะ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 16-09-2016 14:46:21
คู่รอง  ได้กันง่ายจัง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 18 Up!! [P.9]<< // [15/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-09-2016 15:10:06
อุ๊ย ... คู่พี่เกน - น้องป่าน ขอสักสองสามตอนนะครับ จะเป็นพระคุณมากเลย
ส่วนคู่พี่ฟลอยด์ - น้องต้อม ไปขอที่บ้านน้องให้เรียบร้อยด้วยนะ ^^
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 16-09-2016 22:26:28
No Sugar : 19



       หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงยอมมาอยู่กับคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาแกะเอาก้างปลาทูออกให้ผม คิดดูง่ายๆ ถ้าผมไม่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ก็ต้องไปอยู่ที่คอนโดแล้วถ้าไม่ยอมไปอยู่คอนโดนพี่ฟลอยด์ก็ต้องหอบเสื้อผ้ามาอยู่หอกับผม เราต้องเลือกสิ่งที่สบายที่สุดสิครับ จริงมั้ย

   ผมล้อเล่นน่า....

   ที่ยอมตกลงนั่นเพราะพี่ฟลอยด์ต้องยอมกลับมาอยู่บ้านแน่นอน ซึ่งพี่ฟีนเคยพูดกับผมว่าอยากให้น้องกลับมาอยู่บ้าน เพราะออกไปอยู่คอนโดตั้งแต่เรียนมัธยม ผมอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองมากไปก็ได้ว่าถ้าผมยอมอยู่ที่นี่ พี่ฟลอยด์ต้องอยู่เหมือนกัน

   “อ่ะ” ปลาทูชิ้นโตวางแหมะอยู่บนข้าวสวยร้อนๆ ถูกยื่นมาจ่อปาก ผมอ้าปากรับก่อนเคี้ยวตุ้ยๆ ที่จริงแผลผมก็ดีขึ้นแล้ว นอนไม่เจ็บ และก็อยากไปเรียนแล้วด้วย

   ตั้งแต่วันแรกหลังจากรถเฉี่ยวที่ผมจะไปเรียนแต่ถูกสั่งห้าม คนสั่งโทรไปบอกเพื่อนตัวเองอย่างพี่เกนว่าผมลาหยุด ตอนแรกก็งงว่าจะบอกพี่เกนทำไม แล้วก็มานึกขึ้นได้ทีหลังว่าไอ้ป่านกับพี่เกนมีซัมติงกันอยู่

   “พรุ่งนี้ผมไปเรียนแล้วนะ” บอกขณะอ้าปากรับข้าวอีกคำ

   “รอไว้หายก่อนค่อยไป” รีบเคี้ยวเพื่อจะพูดจนโดนขำ “ค่อยๆ เคี้ยว เดี๋ยวก็ติดคอพอดี”

   “ผมไม่ได้...”

   “อ่อนแอขนาดนั้น พี่รู้” โดนพูดตัดหน้าไปเฉย ไอ้ต้อมเซ็ง “อ่อ ไอ้คนชนพี่รู้แล้วนะว่ามันอยู่คณะอะไร”

   “ช่างเขาเถอะ” เรื่องมันผ่านมาแล้ว อีกอย่างผมก็ใกล้หายแล้วด้วย

   “ช่างไม่ได้ แล้วพี่ก็บอกอธิการบดีไปแล้ว”

   เชี่ย แบบนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ ทั้งที่มันแค่เรื่องเล็กๆ

   “พี่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทำไม เขาก็ขอโทษผมแล้ว จ่ายเงินค่าทำขวัญด้วย แม้จะแอบโมโหที่ทำสุดหวงพังจนแทบขี่ไม่ได้อีกก็เถอะ”

   “แต่ไอ้เด็กนั่นก็ต้องถูกลงโทษซะบ้าง ขับขี่รถรามันก็ต้องระมัดระวังทั้งตัวเองและคนอื่น ไม่ใช่อยากจะขับเหมือนเป็นเจ้าถนน ชนคนอื่นแล้วไม่สำนึก”

   “แล้วมันเป็นใครเหรอ ผมรู้จักหรือเปล่า” ลองถามไปอย่างงั้นเพราะเดี๋ยวจะถูกบ่นยาว

   “ถ้ารู้จักต้อมคงไม่ถามพี่หรอกว่ามันเป็นใคร” เออว่ะ ทำไมผมโง่ที่ถามออกไปวะ “หึๆ ทำหน้าดีๆ หน่อย”

   “ดีที่สุดแล้วเนี่ย”

   “มันเรียนปีสอง คณะวิศวะ เส้นใหญ่เอาเรื่อง เห็นว่าเป็นดารานายแบบอะไรเนี่ยแหละ” ผมพยักหน้าเคี้ยวข้าวปลาทู มิน่ามันถึงหน้าตาดีแถมสาวๆ กรี๊ดด้วย แต่ตอนนั้นไม่ทันได้สังเกตดีเพราะมัวแต่ห่วงสุดหวง

   “งั้นก็ช่างเถอะ ไม่ต้องไปยุ่งหรอก เผลอๆ อาจไม่ได้เจอแล้วก็ได้” พวกดารานายแบบบางคนติสจะตาย เจอหน้ายังไม่ยอมยิ้มให้ใคร

   กว่าข้าวเช้าที่ผมอยากกินจะหมดก็เกือบเก้าโมง ขยับลงเตียงเพื่อจะเข้าห้องน้ำเองเพราะพี่ฟลอยด์ลงไปข้างล่าง มือกำลังจะบิดลูกบิดเสียงมือถือผมก็ดันดังขึ้นมาซะก่อน ทำไมไม่โทรมาตอนผมยังนั่งอยู่บนเตียงวะ ต้องกัดฟันเดินกลับไปรับ

   “ว่าไงมึง” ไอ้ป่านครับ มันโทรมา

   (หายดียังมึง อ้อนผัวจนไม่มาเรียนเนี่ย) ดูปากมัน

   “ยังอ้อนไม่พอเลยไอ้สัด”

   (มึงเปลี่ยนไปแล้วไอ้ต้อม) แล้วไอ้ป่านมันก็หัวเราะ ไอ้ยินเสียงไอ้ดอยด้วย สงสัยจะอยู่ที่ตึกเรียน (เออใช่ เรื่องไอ้คนที่ขี่รถชนมึงอะ กูจำรถมันได้เว้ย มันคือคนเดียวกับที่จีบครีมอะ หลานผัวมึงอะ)

   “แน่ใจได้ไง มันเป็นดารานายแบบนะเว้ย”

   (กูจำได้ มึงก็เคยเห็นนี่หว่า ที่ไปรับครีมที่หน้าคณะเราวันงานมหาลัย) พยายามนึกภาพตามแต่ก็นึกไม่ออก

   “แบบนั้นพี่ฟลอยด์ก็หาเรื่องแฟนหลานตัวเองเหรอวะ”

   (กูก็ไม่รู้ กูไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกับครีมเลย ไม่รู้ยังคบกันอยู่หรือเปล่า)

   พูดแค่นั้นไอ้ป่านก็วางครับเพราะอาจารย์เข้าห้องพอดี แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ต้องรอถามพี่ฟลอยด์ซะแล้ว ก่อนคนที่ผมจะถามเปิดประตูเข้ามา ผมก็รีบจ้องหน้าทันที

   “มีอะไร จ้องหน้าพี่แบบนั้นอยากได้อะไรหรือเปล่า หรืออยากเข้าห้องน้ำ” ผมส่ายหน้ารัวๆ “อ่าว แล้วทำไม”

   “พี่รู้จักแฟนของน้องครีมป่ะ”

   “ไม่รู้จัก”

   “ไอ้ป่านโทรมาบอกว่า คนที่ชนผมเป็นแฟนน้องครีม หลานของพี่อะ” พี่ฟลอยด์เลิกคิ้วนิดๆ “จริงๆ”

   คนที่ดูไม่เชื่อเดินไปหยิบมือถือตัวเองที่วางบนโต๊ะแล้วกดโทรหาใครสักคน ผมคิดว่าคงโทรหาน้องครีม ไม่นานปลายสายก็รับ พี่ฟลอยด์เดินมานั่งข้างผมพร้อมกับเปิดลำโพงเพื่อให้ได้ยินพร้อมกัน

   (ว่าไงคะ) เสียงสดใสมาเชียว

   “แฟนเธอเรียนวิศวะเหรอ” ถามโคตรตรง

   (แฟน? เอ๋ ไม่มีนะ) โดนเหล่ตามองเลยไอ้ต้อม (อ๋อ เคยคบอยู่พักหนึ่งค่ะ เขาเป็นนายแบบด้วยนะ ครีมปลื้มมากเลย) นั่นไง

   “แล้วตอนนี้ล่ะ”

   (เลิกกันนานแล้วค่ะ พอคุยกันแล้วมันไม่ใช่) ประโยคแบบเดียวกับไอ้ป่านโดนเลย (แต่ได้ยินเพื่อนครีมบอกมาว่า ตอนนี้เขากำลังถูกมาเฟียหรืออะไรน่ากลัวๆ ตามอยู่ คงเล่นบอลจนเสียแน่เลย)

   “เลิกได้ก็ดีแล้ว อย่าไปยุ่ง แค่นี้นะ”

   (เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว แหม จะรีบวางไปจู๋จี๋กับพี่ต้อมล่ะสิ ครีมรู้ทันหรอกน่า) สำลักน้ำลายทันทีจนโดนขำ (อุ้ยพี่ต้อม สวัสดีค่า แผลหายหรือยังคะ)

   “อ่าครับ ดีขึ้นแล้ว” ผมส่งเสียงทักทายไป “น้องครีมสบายดีนะ ไม่ได้เจอกันเลย อื้ออ” ถูกมือยื่นมาปิดปากแล้วเจ้าของเครื่องก็กดวางจนผมขมวดคิ้ว “พี่ทำอะไรเนี่ย”

   “พอๆ คุยอะไรมากมาย”

   “หึงอะเด้”

   “เออ แฟนทั้งคน” ผมโดนคนหึงจิ้มหน้าผากจนหงายหลัง แผลที่ช้ำเริ่มดีขึ้น ปวดน้อยลงด้วย “อยากออกไปเที่ยวมั้ย” รีบพยักหน้ารับเมื่อถูกชวน ผมนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ มาจะสามวันแล้ว โคตรเบื่อ

   “อยากมาก” ลากเสียงยาวจนโดนหัวเราะใส่

   ผมแก้ชุดเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเจ้าของห้อง ไม่ต้องอายแล้วครับ อาบน้ำด้วยกันตั้งแต่เจ็บวันแรกเลยด้วยซ้ำ แรกๆ มันก็แปลกๆ เมื่อถูกจ้อง แม้จะเคยอาบกับพวกไอ้ป่าน ไอ้ดอย แต่พวกมันไม่ได้จ้องผมด้วยสายตาระยิบระยับที่จ้องกลับแล้วรู้สึกขนลุก อาบทั้งเช้า เย็น เห็นจนชินตา ของก็มีเหมือนๆ กัน แม้สิ่งๆ นั้นจะเคยผมเคล็ดขัดยอกมาแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ

   “จะไปไหนกัน” ผมถามขณะนั่งในรถแบบสบายๆ
 
   “พี่โชชวนไปกินข้าวด้วย” หันไปมองคอแทบเคล็ด พี่ฟลอยด์เรียกแฟนไอ้กลอยว่าพี่เต็มปากเต็มคำ แถมพี่โชยังออกปากชวนเองด้วย ไม่น่าเชื่อ “นัดไว้แล้วที่ห้าง”

   “สนิทกันเหรอตอนนี้” แกล้งถามไป ก็ได้รับพยักหน้าแทนคำตอบ

   “ก็ไม่ได้แย่มาก”

   นั่งอมยิ้มไปจนถึงห้างที่นัดกับอีกคู่ ไอ้กลอยใส่เสื้อยืดสีเหลืองอ๋อยลายมินเนี่ยนกับกางเกงยีนส์สีดำ มัดจุกผมหน้าทรงน้ำพุ ถ้าหน้าตามันไม่น่ารักละก็ ชุดนี้ไม่ผ่านนะครับ ดูเหมือนพี่โชก็คงไม่ชอบเหมือนกัน ใบหน้าหล่อบึ้งตึงเห็นมาแต่ไกล

   “มึงทะเลาะกับพี่เขาหรือเปล่าวะ” ผมขยับไปชิดไอ้กลอยแล้วถาม มันส่ายหน้า

   “งอนที่กูแต่งตัวแบบนี้แหละ” เชี่ย ขอขำหน่อยเถอะ “ไม่ขำนะมึง จะพากูไปซื้อเสื้อใหม่หลายรอบแล้ว ไม่สวยเหรอวะ” ไอ้กลอยมันก้มมองเสื้อตัวเองแล้วถามผม

   “เอาที่มึงสบายใจ” ตอบไปพร้อมหัวเราะ ไอ้กลอยยู่ปากใส่แล้วรีบเดินไปหาพี่โชที่เดินคุยกับพี่ฟลอยด์

   คู่นี้สนิทกันเหมือนไม่เคยผ่านการทะเลาะกันมาก่อน

   พวกเราเดินเข้าร้านหนังสือก่อนจนใกล้เที่ยง เราเลยเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นสีฟ้าขาว ของที่สั่งไปเริ่มทยอยมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ นี่พวกเขาสั่งมากินมื้อเที่ยงหรือรวบมื้อค่ำด้วยเนี่ย

   “สั่งมาเยอะเกินไปหรือเปล่า” ผมว่า ไอ้กลอยรับตะเกียบจากพี่โชที่แกะแยกให้ก่อนเอามาชี้หน้าผมหนึ่งอัน

   “น้อยไปด้วยซ้ำ” แล้วมันก็ยัด ขอใช้คำว่ายัดครับ มันกินทุกอย่าง ซูชิ ซาซิมิ หมูทอด ปลาทอด กุ้งทอด มันยัดเข้าไปจนผมแทบอิ่มแทน

   “อ้า” เสียงจากคนข้างๆ ผมเลยละสายตาจากเพื่อนต่างคณะหันไปมอง พี่ฟลอยด์คีบซูชิมาจ่อที่ปาก “อ้าปากเร็ว”

   “ผมกินเองได้” ส่ายหน้าไปแต่ซูชิก็ยังจ่อปากไม่ไปไหน “เออๆ” สุดท้ายก็อ้าปากกิน ไอ้กลอยมันหัวเราะใส่ด้วย ผมเลยยักคิ้วส่งไป

   “แผลมึงหายแล้วเหรอวะ” ไอ้กลอยถาม ผมก็พยักหน้าตอบไป “เป็นกูคงนอนไข้แดกเป็นอาทิตย์แน่ เพราะกูชอบสำออย” พูดจบมันก็หัวเราะเองจนโดนพี่โชยกมือปิดปาก แป้งกรอบจากกุ้งมันกระเด็นครับ
 
   “เคี้ยวให้หมดก่อนพูด” พี่โชดุ

   “ปีศาจขี้บ่น” ได้ยินไอ้กลอยมันว่าให้แฟนตัวเอง

   มื้ออาหารตอนเที่ยงอร่อยจนผมกินไปเยอะ อีกอย่างนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวกินอะไรไม่ค่อยอร่อยด้วย พอได้ออกมาอยู่ข้างนอกก็อยากอาหารไปหมด พี่ฟลอยด์กับพี่โชก็คุยกันปกติ จนผมต้องสะกิดถาม

   “พี่สนิทกับพี่โชแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าตั้งแต่ไปกินเหล้าที่ห้อง”

   “ไม่นานมานี้” ตอบแบบไม่ได้ความรู้อะไรเลย

   พอจานทุกอย่างบนโต๊ะหมดเกลี้ยงก็เช็คบิล มื้อนี้พี่โชเลี้ยง ผมกับพี่ฟลอยด์รีบยกมือไหว้ทันที อิ่มแถมเงินอยู่ครบมันสบายซะจริง พี่โชชวนผมไปดูหนัง แต่ผมปฏิเสธ ขืนไปนั่งในโรงหนังนานๆ อาจปวดหลังขึ้นมาได้ แม้รอยฟกช้ำจะดีขึ้น แต่ก็ยังหลงเหลือ
   พอแยกกันหน้าร้าน พี่ฟลอยด์ก็พาผมกลับคอนโด เห็นว่าจะไปเก็บเสื้อผ้า ไอ้ผมก็เชื่อไม่ได้เอะใจอะไร มาถึงห้องก็ปวดท้องพอดี ผมเข้าห้องน้ำอยู่นาน ออกมาเจ้าของห้องหายไปไหนก็ไม่รู้ กระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ที่พื้นแล้ว ผมกำลังจะลากกระเป๋าเดินทางออกไป พอดีกับเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามา

   “พี่ไปไหนมา” ผมถาม พี่ฟลอยด์ยิ้มๆ แล้วชูถุงยาให้ดู “เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ” รีบโผเข้าไปหาคนที่ออกไปซื้อยา

   “เปล่า พี่ไม่ได้เป็นอะไร”

   “แล้วออกไปซื้อยาอะไร” รีบดึงถุงยามาดูก่อนจะเงยหน้ามองคนไปซื้อช้าๆ “อย่าบอกว่าพามาที่นี่เพราะเรื่องนี้” ถามใบหน้านิ่งเฉยแล้วหยิบกล่องเล็กๆ คล้ายกล่องลูกอมขึ้นมา แล้วมันก็ไม่ได้มีแค่กล่องเดียว

   พี่ฟลอยด์แม่งยิ้มตาหยีแล้วเดินมากอดผมแน่น “แหม พี่ก็แค่ซื้อมาเตรียมไว้”

   “สาบานว่าพูดจริงเรื่องแค่ซื้อมาเตรียมไว้”

   “ต้อมก็...” ลากเสียงยาวยังไม่พอ ยังลากผมมาที่เตียงอีก “พี่รอมานานแล้วน้า”

   “รอนานแล้วทำไม รออีกหน่อยไม่ได้เหรอ” แกล้งถามไปแบบนั้น แม้หลังผมจะแนบกับเตียงไปแล้ว “แดดขนาดนี้หื่นได้อีกเหรอวะ” แดดตอนบ่ายส่องเข้ามา แม้จะเปิดแอร์แต่ก็ร้อนครับ

   “พี่หื่นได้ตลอดเวลาที่มีต้อมอยู่ด้วย” ผมเผลอหัวเราะออกมาเมื่อคนที่คร่อมผมกระพริบตาปริบๆ “นะ” มองกล่องที่ถูกเอามาชูตรงหน้าสลับกับใบหน้าหล่อๆ ที่อ้อนวอน

   “รอกลางคืนไม่ได้เหรอวะ” ผมถาม

   “ทำๆ ไปเดี๋ยวก็ค่ำเอง” ดูพี่มันตอบ ผมแทบยกขาถีบ ถ้าไม่ติดว่าร่างหนักๆ มันแทรกอยู่ตรงกลาง ทำให้ยกขาลำบาก ยกทีนี่รู้สึกถึงของบางอย่างที่มันกำลังดันต้นขาของผมอยู่ “รู้สึกใช่ป่ะ” ถามออกมาแบบตรงๆ แถมยังส่ายของโดนของๆ ผมด้วย แม่งโคตรหื่นว่ะ

   “เชี่ย ทำแบบนี้” ผมก่นด่าไปเพราะดันรู้สึกขึ้นมาเฉย ก็มันถูกกระตุ้นแบบนั้น แถมยังมีมือที่คอยลูบสีข้างอย่างแผ่วเบาอีก ไอ้ต้อมผู้ชายนะครับ ผู้ชายแค่มันจินตนาการก็คึกคักแล้ว

   “หึๆ” เสหน้าไปมองประตูบานเลื่อนที่มีแดดแรงสาดเข้ามาที่พื้นพรม ไม่ใช่เขินนะ แต่ไม่อยากมองหน้าคนที่กำลังแสดงความต้องการทางสายตาอย่างโจ่งแจ้ง เพราะมันจะทำให้ผมเผลอพลิกกดได้...

   เออว่ะ ผมก็กดมันได้นะ

   คิดแล้วผมก็ใช้ขาหนีบร่างคนด้านบนแล้วพลิกให้พี่ฟลอยด์นอนด้านล่าง ดูคนถูกพลิกจะตกใจนิดๆ แต่ก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นผมใช้แขนค้ำจ้องหน้าอยู่

   “พี่เป็นของผมบ้างนะ” พูดไปแบบนั้นพร้อมกับโดนมือใหญ่ๆ กดหัวให้ก้มลงมาจูบ

   คล้ายกับกระหายน้ำทำให้เราสองคนกอดจูบกันอย่างไม่ลดละ ยิ่งจูบยิ่งรู้สึกร้อน ผมดึงเสื้อยืดของพี่ฟลอยด์ออกแล้วปาทิ้งไปที่ไหนสักที่ คนด้านล่างก็ดึงเสื้อผมออกเหมือนกัน รอยฟกช้ำยังหลงเหลือที่สีข้างไม่ได้ทำให้ความต้องการลดลง มือขาวค่อยๆ ลูบไล้อย่างแผ่วเบา

   ของร้อนที่อยู่ตรงต้นขาดุนดันขึ้นมา ผมลดมือลงไปลูบเบาๆ จนคนใต้ร่างครางออกมา เหมือนไอร้อนของมันทะลุกางเกงผ้าเนื้อหนา

   “โอ๊ะ” ผมสะดุ้งเมื่อถูกมือขาวจับส่วนนั้นตรงๆ และยังได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ
 
   “ต้อมช้าอะ งั้นเป็นของพี่ก่อนก็แล้วกัน”

   “เหวอ เดี๋ยวๆๆๆ” ร้องลั่นเมื่อถูกกอดแน่นแล้วพลิกตัวลงมานอนราบกับเตียงแทน ผมถูกดึงกางเกงขาสั้นและชั้นในออกพร้อมกัน วันนี้ไม่น่าใส่กางเกงสามส่วนเลยให้ตาย “เฮ้ยพี่ ช้าๆ สิวะ” โวยวายเพราะถูกรุกรวดเร็วและร้อนแรงจนตั้งรับแทบไม่ทัน

   “พี่ช้าไม่ได้แล้วตอนนี้” เสียงตอบกลับกระเส่าจนต้องเม้มปาก “ปลดกางเกงพี่ให้หน่อยนะครับ” ถูกจูบทั่วใบหน้าก่อนลิ้นร้อนจะแหย่เข้าในรูหูจนขนลุกเกรียวกราว ผมรีบลดมือลงไปปลดกระดุมกางเกงยีนส์ออก เนื้อร้อนที่ดุดดันกางเกงในสีดำพร้อมใช้งานแน่นอน

   “โคตรร้อน” ผมพูดออกมาเพราะกำลังหยอกล้อเนื้อร้อนนั่นอยู่ ไม่อายหรอกนะครับ เคยมาแล้ว และยังจำได้ดีถึงรสชาติความเจ็บปวดตอนมันเข้ามาในตัวผม “อื้อ”

   “ต้อมครับ” เสียงแผ่วเบาเวลาถูกปากแดงก้มจูบและทิ้งรอยตามแผงอกแบนๆ ผมพยายามเม้มริมฝีปากเน้น ไม่อยากปล่อยเสียงน่าอายออกไปมากกว่านี้ “พี่อยากได้ยินเสียง” คนที่สนใจหน้าท้องแบนๆ เงยหน้าขึ้นมา แววตาหวานเชื่อมมองมาคล้ายกับเว้าวอน

   “น่าอาย อื้อ” เชี่ย เล่นทีเผลอ ผมร้องออกมาเพราะถูกลิ้นร้อนตวัดที่หลุมสะดือ ด้านล่างก็กำลังถูกมือปลุกเร้าจนต้องส่ายสะโพกไปมา ยิ่งเปลี่ยนจากมือมาเป็นลิ้นร้อนยิ่งดิ้นพล่าน มันเหมือนจะหายใจทางจมูกไม่ออกจนต้องอ้าปากช่วย แต่กลับมีแต่เสียงครางกระเส่า

   “ต้อมครับ” ปรือตามองเมื่อถูกเรียกชื่อ พี่ฟลอยด์ก้มลงมาดูดปากผมแรงๆ หลายทีก่อนจะบีบหยอดยาอะไรสักอย่างสีใสๆ ที่นิ้วมือ “มันจะได้ไม่เจ็บเหมือนคราวที่แล้ว” กระพริบตามองพร้อมผงกหัวดู นิ้วที่มีน้ำใสๆ ป้ายช่องทางด้านหลังจนต้องเบิกตากว้าง ยิ่งนิ้วที่วนๆ ลูบๆ กดลงไป ผมถึงกับแหกปากร้องเหมือนควายถูกเชือด

   “เชี่ย อะไรเนี่ย” โวยวายไปก็แค่นั้น เพราะพี่ฟลอยด์ยังยิ้ม นิ้วที่คาอยู่ก็เริ่มหมุน “พี่เอานิ้วเข้าไปทำไมวะ อ๊ะ” มันมาแล้ว นิ้วที่สอง เริ่มเจ็บจนขี้เกียจพูด

   “เพื่อต้อมจะได้ไม่เจ็บมากไง ของๆ พี่ใหญ่ ต้อมก็รู้” อยากถีบยอดหน้าคนคุยโวจริงแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะแค่ผมขยับสะโพก นิ้วที่หมุนอยู่ก็จะยิ่งขยับแรง

   “พี่ ผมเจ็บว่ะ โอ๊ะ” เมื่อกี้รู้สึกเสียววาบขึ้นมาในท้อง ผมกระพริบตามองพี่ฟลอยด์ที่เหยียดยิ้มออกมาเฉย

   “ตรงนี้?” อยากจะสบถเป็นภาษาเอเลี่ยน นิ้วที่มันขยับในตัวผมกดย้ำๆ ไปตรงที่ผมสะดุ้งเมื่อกี้ ถึงกับดิ้นพล่าน ความเสียววาบในท้องมันเพิ่มขึ้นจนต้องบิดตัวเพราะเสียวซ่านไปทุกรูขุมขน มันเป็นความรู้สึกกระสันอยากปลดปล่อยออกมา

   “พี่ อ๊ะ พี่ฟลอยด์” ผมยื่นมือไปจับแท่งร้อนของตัวเองที่มันอยากปลดปล่อยเต็มแก่ แต่ก็ถูกมือขาวข้างที่ว่างจับออก แม้ผมพยายามจะดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่ได้ช่วยให้หลุดพ้นเลย ยิ่งดิ้นยิ่งรู้สึกมากขึ้น

   “จุ๊ๆ” อ้าปากหายใจแต่ในอกกำลังเดือดพล่าน พี่ฟลอยด์ดึงนิ้วตัวเองออกมาและห้ามไม่ให้ผมช่วยตัวเอง คนที่ยืดตัวขึ้นเปิดกล่องคอนดอมแล้วใช้ปากช่วยฉีกซองสีเงินออก ผมมองคนที่สวมคอนดอมใส่แท่งร้อนของตัวเอง ไอ้อาวุธที่อีกเดี๋ยวมันต้องทำร้ายผมแน่

   “พี่ ผมว่า” คือเหมือนอารมณ์สงบนิดๆ จะรู้สึกกลัวขึ้นมา

   “ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำให้เจ็บเหมือนคราวที่แล้วแน่นอน” ถูกยืนยันหนักแน่น ผมเลยพยักหน้าไป เอาวะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย มันคงไม่เจ็บมาก...


   แต่โคตรๆ เจ็บ


   ผงกหัวมองคนที่กำลังใช้มือดันสิ่งร้อนรุมเข้ามาในตัว เพียงแค่นิดเดียวความรู้สึกเร้าร้อนเสียวซ่านก็หายวับไปกับตา ผมรีบตีแขนคนที่ตั้งหน้าตั้งตาดันสิ่งใหญ่โตเข้ามา

   “เจ็บๆ” ไหนบอกไม่เจ็บไงวะ

   “เดี๋ยวก็ไม่เจ็บ เชื่อพี่” ขมวดคิ้วเพราะไม่เชื่อ พี่ฟลอยด์ยิ้มให้ผมก่อโน้มตัวมาจูบปาก “งั้น...เจ็บครั้งเดียวนะ” ไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยินจนถูกดันของร้อนเข้ามารวดเดียว เจ็บและจุกครั้งเดียวจริงๆ

   “เชี่ย ไหนบอกไม่เจ็บ” กัดฟันพูดไปจนโดนหัวเราะ

   “เดี๋ยวก็ดีเอง”

   ยอมเชื่อและปล่อยให้ความรุ่มร้อนขยับอย่างรุนแรงและอ่อนโยนสลับกันไปมาภายในตัว ผมยื่นมือดึงหน้าหล่อมาบดจูบแล้วส่งลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวตวัดเพื่อลดเสียงครางกระเส่าของตัวเอง แต่หลายครั้งที่กระแทกถูกจุดกระสันมันก็กลั้นเสียงออกมาไม่ได้ และนั่นทำให้ผมถูกแกล้งหนัก

   “ชะ อ๊ะ เชี่ย อื้อ” ด่าไปครางไปเมื่อถูกคนด้านบนกระแทกย้ำไปที่จุดเดิมซ้ำๆ หลายครั้งที่เหมือนจะถึงจุดสูงสุด แต่คนด้านบนกลับดึงจังหวะช้าลงจนผมแทบอยากตาย แต่สุดท้ายผมก็ปลดปล่อยออกมาก่อนจนได้เมื่อถูกปลุกเร้าด้านหน้าพร้อมกับด้านหลัง “แกล้งผมเหรอวะ” ตีเข้าหน้าท้องที่มีแต่รอนสวย คนแกล้งขำเบาๆ แล้วออกแรงขยับสะโพกอีก

   “ยังไม่ค่ำเลยนะ ทำไมหมดแรงแล้วล่ะ” เสียงพูดปนหัวเราะทำให้ผมอ้าปากค้าง อย่าบอกว่าจะมีอะไรถึงค่ำ บ้าไปแล้ว ไม่ไหวหรอก

   “พอ อ๊ะ พอแล้วเว้ย เชี่ย” ครั้งแรกมันไม่ได้เป็นแบบนี้เลยนะ ตอนนั้นใส่ได้ก็ใส่ไม่ยั้งจนปลดปล่อยออกมาก็จบ แต่ทำไมครั้งนี้มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ อารมณ์ที่หายไปกลับมาอีกรอบและยิ่งรุนแรงก่อนคนด้านบนจะครางยาวออกมา

   “สุดยอด” พี่ฟลอยด์พูดปนหอบหนักไม่ต่างจากผมที่สะโพกเกือบคราก

   อย่าคิดว่าครั้งเดียวจะจบ คนหื่นถอนกายออกพร้อมทิ้งคอนดอมที่ใช้แล้วทิ้ง แล้วคอมดอมทุกกล่องก็ถูกใช้งานจนหมด นั่นละครับ ร่างกายไอ้ต้อมก็แทบไม่ไหว ยังมีหน้ามาบอกว่าเบามือแล้วเพราะผมยังเจ็บแผลที่รถเฉี่ยวอยู่ แต่นี่คือเบามือแล้วเหรอวะ มือมันเบาจริงแต่สะโพกแม่งใส่ไม่ยั้ง ตอนนี้แค่กระดิกนิ้วเท้ายังร้าวขึ้นมาถึงเส้นผม

   “เป็นของพี่แบบสมบูรณ์แล้วนะ ไม่เหมือนครั้งแรกด้วย เหมือนที่พี่บอกหรือเปล่า” ตวัดสายตามองคนที่พูดด้วยความโมโหที่แล่นเป็นริ้วๆ อยากต่อยหน้าระรื่นนั่นแรงๆ แต่แขนดันยกไม่ขึ้น

   “มันไม่เหมือนเพราะพี่แม่งเอาเยอะ” ด่าไปก็แค่นั้นเพราะคนโดนด่าหัวเราะออกมาเฉย

   “นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

   “เชี่ย ยังมีมากกว่านี้อีกเหรอ” ผมเหล่ตามองนอกประตูระเบียง จากแสงแดดกลายเป็นแสงจันทร์ไปแล้ว “ถ้ามากกว่านี้ไอ้ต้อมขอตายดีกว่า แม่ง”

   “ไม่ตายหรอกน่า ต้อมก็ชอบนี่ พี่ได้ยินเมื่อกี้ว่าอยากได้อีก แรงอีก เอาอะ...” รีบยกมือปิดปากคนที่ปากมาก

   “หยุดพูดไปเลย” ว่าจบผมก็รีบชักมือกลับเพราะมือถูกลิ้นร้อนเลียตามนิ้ว “ผมไม่ไหวแล้ว” พูดออกมาทันทีที่สังเกตเห็นแววตาหื่นกระหาย

   “ยั่วพี่ก่อนทำไมหื้ม” ผมไปยั่วต่อมหื่นตอนไหนวะ รีบขยับตัวหนีฝ่ามือร้อนๆ ที่ลูบสะโพกเปลือยเปล่าอย่างยากลำบาก “จะหนีไปไหนครับ”

   “หนีไปดาวอังคาร”

   “พี่ก็จะตามไปหาอยู่ดี”

   “งั้นหนีไปสวรรค์” ไม่ยอมลงนรกหรอก

   “โอ๊ะ แบบนั้นยิ่งดีใหญ่ เราไปสวรรค์ชั้นเจ็ดกันดีมั้ยครับ”

   “ชั้นไหนก็ไม่ไปโว้ย เชี่ย!!!”

   อย่าคิดว่าพรุ่งนี้ผมจะได้ไปมหาลัยอย่างที่ส่งข้อความบอกไอ้ป่านครับ และคิดไว้ว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะฟื้นฟูร่างกายให้เดินเป็นปกติ

   “ต่อไปถ้าทำบ่อยๆ พี่จะลดรอบให้”

   “หุบปากไปเลยไอ้ขี้เอา”


...TBC

แต่งฉากเรทเหมือนถูกดูดพลังไปจนหมดจริงๆ ค่า ทำได้แค่นี้ ข้าน้อยขออภัย

ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วค่ะ แต่ตอนพิเศษยังมีอยู่แน่นอนรวมถึงคู่เกนป่านด้วย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปอลอ.พี่ฝอยขัดหม้อต้อมได้แล้ว ไม่นกเหมือนพี่โชด้วยเด้อค่าเด้อ  :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-09-2016 22:47:40
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
ที่บอกว่าคอมดอมทุกกล่องก็ถูกใช้งานจนหมด
พี่ฟลอยด์ซื้อมากี่กล่อง :z1: :z1: :z1: :z1:
ถึงขนาดจากแสงแดดเป็นแสงจันทร์ :jul1: :jul1: :jul1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-09-2016 22:51:04
ฮ่าๆๆเป็นฉากที่จะบอกว่าหวานก็ไม่สุดจะบอกว่าไม่หวานก็ไม่ใช่ สมกับชื่อเรื่องจริงๆคู่นี้ดูแมนๆดี ชอบบ รอคู่รอง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 16-09-2016 22:51:53
กลายเป็นน่ารักไปได้คู่นี้ ทำไมอ่าน nc แล้วรู้สึกว่าน่ารักดี 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 16-09-2016 22:54:37
 :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-09-2016 23:07:13
ใช้หมดทุกกล่องนี่มันกี่กล่องคะ โหยยยยยยยย หื่นขั้นไหนแล้วคะ พี่ฟลอยด์ :hao6: :hao6: :haun4:  :haun4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 16-09-2016 23:21:51
ดีใจกัยพี่ฟลอยด์ด้วยหลังจากที่อดทนมานาน55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 17-09-2016 00:09:30
ต้อมหนูโดนจัดหนกไปแล้วนะ. พี่ฟล์อยจัดซะคอนด้อมหมดทุกกล่องเลย 555 รอตอนพิเศษ :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 17-09-2016 01:50:57
ในที่สุดน้องต้อมก็เสร็จพี่ฟลอย์

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 17-09-2016 05:46:36
โอ้ยยยย แบบนี้ตาย  :jul1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 17-09-2016 05:58:12
ตามอ่านทันละ
พี่ฝอยนี่หวานกว่าที่คิดนะ
ส่วนต้อมไม่หวานแต่อร่อย ใช่มะพี่ฟลอยด์
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 17-09-2016 08:35:17
 :z1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 17-09-2016 10:01:40
เสร็จ55555 :pighaun:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 17-09-2016 10:58:13
ไม่หวานก็รักผมก็รักนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 17-09-2016 12:44:37
เฮ้ยยน่ารัก แอบมีกลอยเกรียนด้วยย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-09-2016 17:57:41
ใช้ไปกี่กล่องค่ะนั่นพี่ฟลอยด์ :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 17-09-2016 22:26:21
อ๋อยยยย พี่ฟลอยด์แกจัดหนักจัดเต็มจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-09-2016 01:29:22
หมดถุงยางไปกี่กล่องล่ะเนี่ย :z1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-09-2016 17:11:49
โอ๊ะ! 0.0 :jul1: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ์ำNeFuji ที่ 18-09-2016 19:27:16
 :hao3: สุดท้ายการรอคอยของพี่ฝอยก็สิ้นสุดลง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 19 Up!! [P.9]<< // [16/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-09-2016 20:51:09
ต้อมได้ของดีจริงๆๆๆ ลุกไม่ขึ้นชัวร์ ฮ่าๆๆ พี่ฝอยจัดซะอิ่มเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 20-09-2016 20:41:26
No Sugar : 20 [END]



         ผมเพิ่งรู้ว่าคนเรามีการอัพเลเวลความเป็นห่วงกลายเป็นความหวงแบบสูงสุดได้ ผมหมายความว่าแบบนั้นจริงๆ พี่ฟลอยด์จากเมื่อก่อนไม่เคยโทรเช็ค และตามติดผมทุกฝีก้าวแบบนี้ ตอนนี้พี่ท่านเล่นโทรหาผมตลอดทุกชั่วโมง ขนาดที่ว่า ส่งผมลงจากรถไม่ถึงสามสิบนาทีก็โทรมาถามว่าทำอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่เพิ่งห่างกันแล้วก็อยู่มหาลัยเดียวกันนี่แหละ

   ผมไม่ได้น่าหวงขนาดนั้น

   และตอนนี้เหมือนผมกลายเป็นโรคระแวงโทรศัพท์ หูชอบแว่วไปเองว่าโทรศัพท์ดังจนโดนไอ้ดอยด่ามาหลายรอบ ต้องโทษพี่ฟลอยด์เลยที่ทำให้ผมเป็น ขืนไม่รับ พี่ฟลอยด์อาจมาถึงที่ได้ และมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อตอนก่อนเที่ยงของวันนี้ ผมไปเข้าห้องน้ำไม่ได้รับโทรศัพท์ ออกมาเจอพี่ฟลอยด์นั่งหน้าโหดอยู่ข้างๆ ไอ้ป่าน

   ‘พี่มาทำไม’ ผมถามด้วยความแปลกใจ เพราะคลาสพี่เขายังไม่น่าจะเลิก

   ‘โทรมาทำไมไม่รับ’ เสียงนิ่งจนไอ้ป่านกับไอ้ดอยรีบหุบปากจากเสียงหัวเราะ

        ‘หา? อย่าบอกว่าที่มาเพราะผมไม่ได้รับโทรศัพท์’
 
        ‘ใช่’ ยอมรับออกมาตรงๆ จนผมแทบอยากทึ้งหัวคนมาเพราะเหตุผลเพี้ยนๆ

   ‘พี่บ้าหรือเปล่าวะ กลับไปเรียนเลย เดี๋ยวนี้’
 
   นั่นแหละครับ เหตุการณ์ตอนก่อนเที่ยงที่ผ่านมา มันทำให้ผมต้องคอยระแวงเสียงโทรศัพท์ตัวเอง
 
   “กูว่า มึงหาเชือกมามัดโทรศัพท์แล้วห้อยคอเถอะว่ะ” ไอ้ดอยมันเอาปากกาชี้หน้าผมอยู่

   “แต่กูว่า เอาเชือกมัดโทรศัพท์ติดหน้ามันเลยดีกว่า โทรปุ๊บพูดปั๊บง่ายสุด” แล้วพวกมันก็พากันหัวเราะเล่นเอาผมหน้าบึ้งทันที แม่งวันนี้โดนเพื่อนเล่นงานกี่ดอกแล้ววะเนี่ย แถมเถียงก็ไม่ได้เพราะดันเป็นเรื่องจริง

       เพราะพี่ฟลอยด์คนเดียวเลย

   ตั้งแต่วันที่ผมถูก เอ่อ...นั่นแหละครับ ผมไม่เคยให้พี่ฟลอยด์แตะตัวเลย สาเหตุคือเวลาพี่เขาแตะโดนตัวผมทีไร ไม่ว่าจะแขนหรือแค่แตะนิ้ว ดวงตาที่จ้องผมมันจะเปลี่ยนไป ความรู้สึกไม่ปลอดภัยมันแผ่ทุกขุมขน เวลานอนต้องหาหมอนข้างมาคั้น ไม่งั้นผมก็เลือกที่จะนอนพื้น 

   แต่พี่ฟลอยด์ทำตัวว่านอนสอนง่ายมากขึ้นนะครับ อย่างผมสั่งให้ทำอะไรก็มักจะยอมทำตามตลอด แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่มักจะขัด นั่นคือการจ่ายเงินพร่ำเพรื่อเรื่องเลี้ยงเพื่อนเวลาไปเที่ยว ขนาดที่ว่า ตัวเองไปนั่งแค่ยี่สิบนาทีแต่ใจป๋าออกเงินเลี้ยงเป็นหมื่น ที่เสียเยอะเพราะเพื่อนเอาสาวที่ไม่รู้จักมานั่งด้วย แต่คนจ่ายอยู่แค่แปบเดียวไงครับ ไม่ได้อะไรกับเขาเลย แต่ต้องมาเสียเงิน ผมเหล่แล้วเหล่อีกตอนหยิบเงินเป็นฟ่อนออกจากกระเป๋าเพื่อให้เพื่อนก่อนที่ตัวเองจะกลับ ผมมารู้ทีหลังหรอกว่าเงินฟ่อนนั้นตั้งหมื่นห้า ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงให้แค่ห้าพันพอ 

       และตอนนี้ผมย้ายข้าวของเข้าไปอยู่บ้านหลังใหญ่นั่นเรียบร้อย พ่อกับแม่ผมก็มาด้วยตอนย้ายของ ความกดดันเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย พ่อผมกับพ่อพี่ฟลอยด์ต่างก็วางฟอร์มทำเป็นนิ่งใส่กันจนพวกผมกลัวว่าจะเกิดการวางมวยสักรอบ แต่พอตกค่ำมีงานเลี้ยงต้อนรับผม ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนรักกันเฉยเลย ทุกคนพากันหัวเราะสองผู้ยิ่งใหญ่ที่กอดคอกันร้องเพลงโปรดเพลงเดียวกัน แถมยังชอบนักร้องคนเดียวกันอีก จากนั้นก็ยาวครับยาว คุยกันยาวจนเวลาเลยค่อนคืนทำให้ต้องนอนค้างกันที่นั่น

   ถึงแม้จะสนิทกันแล้ว แต่พ่อผมก็ยังเขม่นพี่ฟลอยด์อยู่ดี เพราะก่อนกลับยังขู่ว่าถ้าผมผอมลงแค่ขีดเดียวก็จะเอาผมกลับ นั่นคือขู่แล้วเหรอวะ อีกอย่าง พ่อผมลืมไปหรือเปล่า ว่าผมไม่ใช่ผู้หญิงร่างบอบบางที่น่าเป็นห่วงขนาดนั้น

   “มึงย้ายออกจากหอไปอยู่บ้านผัวเลยเหรอวะ เจ๋งว่ะ” ไอ้ป่านเริ่มเปิดประเด็นอีกรอบ หลังจากผมตกอยู่ในความคิดของตัวเอง

   “ไม่อยากเชื่อว่าพี่เขาจะจริงจังกับมึง”

   “กูก็ไม่คิดจะเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อว่ะ” ผมว่า

   “พี่เขาคงตาบอดสีที่เอาไอ้ต้อมเป็นเมีย”

   “อ่าวไอ้เชี่ยดอย” ขว้างปากกาใส่หัวเพื่อนตัวเองแต่มันหลบได้ทัน

   “ไม่ได้กินกูหรอก” มันลอยหน้าลอยตาใส่ “ว่าแต่ พี่เขาจะเอามึงจริงนานแค่ไหนวะ เผลอๆ ไม่ถึงเดือนก็อาจเบื่อมึงละ คนรวยมีแต่คนมาให้เลือกขนาดนั้น”

   “ถ้ามึงจะพูดให้เพื่อนมึงระแวงกูแบบนั้นก็หุบปากมึงไปเลย” เสียงเข้มพร้อมกับหน้านิ่งเดินเข้ามา ไอ้ดอยรีบยกมือไหว้ทันที พี่ฟลอยด์วางปากกาที่ผมปาใส่หัวเพื่อนเมื่อกี้บนโต๊ะ

   “โหยพี่ ผมก็พูดไปตามเนื้อผ้าไง”

   “เนื้อผ้ามึงทำให้กูระคายเคืองไงไอ้สัด” พี่ฟลอยด์ดึงกระเป๋าผมไปถือหลังจากผมเก็บของเสร็จ “เพราะมึงปากเสีย เหล้าสองอาทิตย์ที่ตกลงเหลือแค่วันเดียวไอ้ดอย” ไปตกลงกินเหล้ากันตอนไหนวะ ผมจ้องหน้าคนที่ถือกระเป๋าผมอยู่ แต่พี่ฟลอยด์ทำเมินคงกลัวผมบ่นเรื่องการใช้เงิน

   “พี่ฟลอยด์” ไอ้ดอยโอดครวญมีไอ้ป่านนั่งหัวเราะสมน้ำหน้าอยู่ข้างๆ

   ผมเดินตามหลังคนมารับได้ตรงเวลาสุดๆ พี่ฟลอยด์ส่งข้อความบอกว่าจะมารับตอนบ่ายสามยี่สิบซึ่งตอนนี้พอดีเป๊ะ ต้องปรบมือชื่นชมคุณชายตรงเวลา

   “กลับบ้านเลยมั้ย” ถามขณะคาดเข็ดขัดรถ

   “ยัง พี่ว่าจะไปซื้อของจัดห้องก่อน” คนจะไปซื้อของยิ้มแป้น ก่อนยื่นขนมมาให้ “พี่ซื้อมาเพราะต้อมอาจหิวระหว่างทาง” ผมจ้องขนมที่ยื่นมาอย่างลังเล

   “ทำแบบนี้ไม่ได้หวังอะไรใช่มั้ย” ต้องรีบดักคอไว้ก่อน พี่ฟลอยด์หันมาทำตาใสแล้วส่ายหน้า

   “ไม่ได้หวังอะไรเลยนะ” น้ำเสียงและสายตาแบบนี้แปลว่าหวังครับ พอเจอผมจ้องหนักเข้าไป หน้ายิ้มๆ เลยค่อยๆ หุบลง “หวังก็ได้ ต้อมลองคิดดูสิ นอนข้างเมียตัวเองทุกคืนแต่แตะไม่ได้ มันทรมานขนาดไหน”

   “ก็ผมยังเจ็บอยู่นี่หว่า” หน้ามุ่ยใส่ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่เจ็บแล้วก็เถอะ แต่พอนึกถึงตอนเดินไปห้องน้ำคราวนั้นไอ้ต้อมแม่งเข็ด ระยะทางแค่ไม่กี่ก้าวแต่เดินเหมือนเป็นกิโล

   “เว่อร์ว่ะ ผ่านมาขนาดนี้ไม่เจ็บแล้ว”

   “พี่รู้ได้ไง”

   “ก็ดูมา” รีบหันไปมองคนบอกว่าดูมา

   “ดูอะไร”

   “ก็ดู...” ผมก้มมองตามสายตาที่จ้องมาที่ผม

   “อย่าบอกว่า...” พี่ฟลอยด์พยักหน้าช้าๆ เล่นเอาผมอึ้ง “พี่ไปดูตอนไหนวะ”

   “ก็ตอนต้อมหลับ” ขมวดคิ้วจ้องหน้ากลับ นี่ผมหลับลึกขนาดไม่รู้สึกตัวว่ามีคนเปิดดูก้นขนาดนั้นเลยเหรอวะ เป็นไปไม่ได้ จนพี่ฟลอยด์เฉลยออกมาผมถึงกับอ้าปากค้าง “วันนั้นที่ต้อมเมา” วันที่ผมย้ายเข้าบ้านวันแรกสินะ 

   “ลักหลับไม่พอ ยังทำตอนผมเมาอีก พี่แม่ง”

   “ฟังก่อน พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่เปิดดูแล้วใส่ยาให้เอง พี่ดูแลทั้งช่วงบริการและหลังบริการเลยนะ ดีจะตายเห็นป่ะ” ว่าแล้วก็ยิ้มตาหยี แต่ผมไม่ยิ้มตามหรอก

   “แล้วทำไมต้องทำตอนผมเมา คิดอกุศลด้วยใช่มั้ย”

   “ก็ต้อมไม่ให้พี่โดนตัวเลยนี่หว่า เมียนอนยั่วอยู่ข้างๆ ทุกคืน กว่าจะข่มใจนอนหลับได้ มันยากลำบากแค่ไหน ต้อมไม่รู้หรอก” 

   เหล่ตามองคนตีหน้าเศร้าที่ต้องบอกข่มใจเวลานอน แต่ทำไมเวลาผมตื่นมาจะเห็นคนข่มใจนอนกรนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวตลอด
 
   รถคันแพงเลี้ยวเข้าศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน พี่ฟลอยด์เดินจูบมือผม (พยายามสะบัดแล้วแต่ไม่ออก) เข้าไปด้านใน พนักงานหน้าประตูมองหน้าแล้วยิ้มจนผมต้องรีบชักมือกลับอีกรอบ

   “อะไร” โดนคนจับตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ

   “คนมอง” ผมพยักพเยิดให้มองไปที่คนอื่นที่เรากำลังเดินผ่าน

   “ช่างคนมองสิ ไม่ได้ไปขอข้าวเขากิน” คำพูดนั่นทำให้ผมมองแผ่นหลังกว้างแล้วขำออกมา ไม่แคร์ใครเลยสินะ สมแล้วที่เป็นคนเอาแต่ใจมาก่อน “พี่อยากได้ที่นอนใหม่”

   “ที่นอนเก่าก็ดีอยู่แล้วนี่ จะซื้อทำไม เปลืองเงิน” แต่คนอยากได้ไม่ฟังสักนิด พี่ฟลอยด์กึ่งจูงกึ่งลากผมมาที่แผนกขายที่นอน มือข้างที่ว่างกดลงที่นอนหลายต่อหลายอันแต่ก็ยังทำหน้าไม่พอใจ “อะไร”

   “มันเด้งไม่ดีเลย” ว่าแล้วทำไมถึงอยากได้อันใหม่ ผมเตะขาคนที่อยากได้ที่นอนเด้ง

   “คิดมันอยู่แค่เรื่องนี้นะ” ผมว่า พี่ฟลอยด์หันมายิ้มให้

   “ก็มีเมียแล้วนี่หว่า ต้อมจะได้ไม่เจ็บหลังไง เพราะพี่แรงเยอะ” ขยิบตาเจ้าชู้ใส่ผมทีหนึ่ง ผมกำลังเงื้อกำปั้นขึ้นพอดีกับพนักงานเดินเข้ามาขัดพอดี

   กลับบ้านไปโดนต่อยแน่

   ผมยืนกัดฟันดูคนเลือกเตียงที่ระบุว่าอยากได้ที่นิ่มและเด้ง พนักงานยิ้มแล้วแนะนำทุกยี่ห้อจนได้มาอันหนึ่ง คนอยากแต่งห้องพอใจที่นอนใหม่แล้วก็เดินไปหาของอย่างอื่นต่อ สรุปแล้ว มาครั้งนี้ได้ที่นอนใหม่ แล้วก็ของจุกจิกอีกไม่กี่อย่าง ผมไม่เห็นด้วยแค่ที่นอน เพราะนอกนั้นผมเป็นคนเลือกเอง ขืนให้พี่ฟลอยด์เลือก ผมได้เอาเท้าก่ายหน้าผากพอดี เพราะพี่แกซื้อไม่ดูราคาเลย จะเอาแค่อันที่แพงที่สุด ทั้งๆ ที่อันที่ถูกกว่าดีกว่าก็ยังมี

   รถส่งที่นอนตามรถพวกเรามาจนถึงบ้าน พี่ฟลอยด์สั่งการให้พนักงานยกข้าวของขึ้นห้องท่ามกลางสายตาของป้าแม่บ้านและพี่ฟีนที่ทำหน้าสงสัย ผมยิ้มแห้งๆ ให้พี่ฟีนที่เดินมาหยุดข้างผม

   “ซื้อที่นอนมาทำไมน่ะ”

   “พี่ต้องถามคนอยากได้ครับ ผมบ่นไปแล้วตอนขากลับ” พี่ฟีนหันไปมองน้องชายตัวเองที่เจ้ากี้เจ้าการให้พนักงานยกของขึ้นชั้นสอง

   “แต่พี่พอเดาออกแล้วล่ะ ว่าจะเอามาทำไม” หน้าร้อนเลยครับเมื่อเจอสายตาของพี่ฟีนกับคุณป้าแม่บ้านที่จ้องผม ผมรีบขยับตัวหนีแล้วเดินขึ้นห้องไปพร้อมกับเสียงหัวเราะของสองคนที่มองผมด้วยแววตาล้อเลียน

   พวกเขาต้องคิดไปในทางนั้นแน่นอนพันล้านเปอร์เซ็น

   กว่าจะจัดห้องเสร็จก็ถึงเวลามื้อค่ำพอดี พอลงไปโต๊ะอาหารทุกคนก็ประจำที่กันหมดแล้ว เว้นผมกับพี่ฟลอยด์ที่เพิ่งจะลงมา ผมจ้องตากับเจ้าของบ้านที่ตั้งใจมองมาที่ผมอย่างกดดัน

   “ได้ข่าวว่าซื้อที่นอนใหม่ ทำไม ของที่ฉันเลือกมันไม่นุ่มพอหรือไง” ผมเม้มปากหลังจากได้ยินคำถาม ก่อนก้มหน้างุดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะรอบโต๊ะ รวมทั้งคนที่ซื้อด้วย

   “พ่อคะ อย่าแซวสิ ต้อมเขินหน้าแดงแล้ว” พี่ฟีนบอกแต่น้ำเสียงพี่ก็ล้อผมนะครับ

   “ที่นอนใหม่? อุ้ยตาย” พี่เฟิร์นจีบปากจีบคอจ้องผม “เตียงเก่าไม่เร้าใจหรือไงยะ ถึงอ้อนให้ฟลอยด์ซื้อใหม่น่ะ” หันขวับไปมองคนพูด คิดว่าผมอยากได้เหรอวะ

   “ผมซื้อเองแหละ” ยังดีที่พี่ฟลอยด์รีบออกตัวก่อน “ที่นอนเก่ามันแข็ง ต้อมไม่ชอบ”

   “ผมเปล่าไม่ชอบ” รีบปฏิเสธคนที่ยัดเยียดให้

   “เอาเถอะๆ เรื่องอย่างว่ามันก็ควรรู้ ควรทำกันแค่สองคน กินข้าวเถอะ พ่อหิวแล้ว”
 
   เป็นมื้อที่ไม่เจริญอาหารซะจริงๆ

   ผมโดนสายตาล้อเลียนจนแทบก้มหน้าชิดจานข้าว พี่ฟีนไม่เท่าไหร่ แต่พี่เฟิร์นนี่สิ ดูเหมือนจะกัดไม่ปล่อย ชอบบอกว่าผมเล่นท่าให้น้องเขาติดใจ เล่นท่าอะไรแทบจะฆ่ากันอยู่แล้ว พอมื้อค่ำจบ ผมก็รีบเดินขึ้นห้อง ปล่อยพี่ฟลอยด์คุยกับครอบครัวตัวเอง

   เสียงโทรศัพท์ดังพอดีที่ผมเปิดประตูเข้าไป รีบวิ่งไปดู หน้าจอโชว์ชื่อไอ้ป่าน พอกดรับก็ได้ยินเสียงเพื่อนตัวเองโวยวาย แถมได้ยินเสียงพี่เกนตะโกนอยู่ไกลๆ ทะเลาะกันหรือเปล่าวะ

   (มึงอยู่ไหนวะ)

   “อยู่บ้านพี่ฟลอยด์นั่นแหละ ทำไมวะ”

   (เปล่า กูแค่จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้กูลานะ) หือ

   “ทำไมวะ แล้วนี่มึงอยู่ไหน” ได้ยินเสียงคลื่นครับ

   (ทะเล ไอ้สัดเอ้ย กูมัวแต่หลับ ตื่นมาเห็นแต่ทะเล จะกลับมันก็ไม่ยอม...ออกไปให้ห่างเลย) มันตะโกนจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู

   “พี่เกนพามึงไปทะเลเหรอวะ”

   (เออ แม่ง คิดหื่นตลอด โอ้ย เจ็บนะเว้ยพี่เกน) 

   “ไอ้ป่าน แล้วมึง....” กำลังจะถามแต่มือถือกลับด่าผมว่าตุ๊ดๆ แทน ยังพูดไม่จบเลย

   กำลังโมโหมือถือด่าอยู่ก็โดนลอบเข้าหาจากด้านหลัง ผมถูกคนที่ผมสั่งห้ามเข้าใกล้กอดจากด้านหลังแถมยังรัดแน่นซะจนขยับไม่ได้

   “บอกว่าห้ามโดนตัวผมไง” เอียงหน้าไปโวยวายก็ถูกหอมแก้มฟอดใหญ่ จนแทบจะดูดแก้มผมติดปากด้วย “ไอ้พี่ฟลอยด์”
 
   “พ่อพี่บอกว่า เมียไม่ให้กอด แปลว่าอยากให้กอดแน่นๆ” ตรรกะอะไรวะ

   “มั่วแล้ว ปล่อยเลย” ต้องรีบสะบัดให้หลุดครับ เพราะสายตามันเริ่มฉายแววหื่นแล้ว แถมไอ้ของอันตรายมันกำลังทิ่มก้นผมอยู่

   “พี่เปลี่ยนที่นอนใหม่แล้วนะ” เสียงเบาหวิวชิดใบหูทำให้ต้องย่นคอหนี

   “แล้วไงวะ”

   “ก็เปลี่ยนแล้ว...มันต้องลอง”

   “เชี่ย” โวยวายดังลั่นห้องเมื่อถูกอุ้มตัวลอยแล้วโยนลงที่นอนใหม่ที่ทั้งนุ่มและเด้ง “ไอ้พี่ฟลอยด์ หยุดเลย” ชี้หน้าปรามคนที่กำลังคร่อมผมอยู่

   “ต้อมอะ ไม่สงสารพี่เหรอ” น้ำเสียงและสายตาดราม่าจัดเต็มมาก ผมไม่หลงกลหรอกบอกเลย

   “ไม่สักนิด”

   “ต้อม”

   “ไม่งั้นผมร้องให้คนช่วยนะเออ” ใครจะมาช่วยวะ แล้วห้องก็เก็บเสียง แต่ผมก็ขู่ไป

   “ร้องเลย ไม่มีใครมาขัดหรอก พ่อกับพี่ๆ ออกไปข้างนอกหมดแล้ว คืนนี้ไม่กลับด้วย” บ้าไปแล้ว “ดังนั้น ต้อมจะร้องดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน ตึกใหญ่มีแค่เราเท่านั้น” ยิ่งกว่าชิบที่หายไปซะอีก ไอ้ต้อมเอ๋ย

   “แต่นี่มันใกล้จบแล้วนะ”

   “ก็ปล่อยให้จบไปสิ” สายตาโคตรหื่น

   “แต่เดี๋ยวเราต้องปิดตอนด้วยนะ” รีบพูดตอนถูกงับเข้าซอกคอ ต้องเป็นรอยแน่ “ไอ้พี่ฟลอยด์”

   “ไม่ต้องปิดตอนหรอก เพราะเรื่องนี้พี่ไม่ยอมให้จบง่ายๆ แน่ รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย”

   “ไอ้...อื้อออ” 

   คืนนี้ถึงกับต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว ที่นอนใหม่ช่างมีประสิทธิภาพ เด้งได้เด้งดี เด้งจนผมปวดเอวไปหมด ที่นอนแบบนี้โคตรไม่ดีเลยไอ้ต้อมขอบอก


   “อีกรอบนะ”


   คำขอนี้ผมฟังมาเกือบห้ารอบได้แล้ว แต่ก็ยังมีเพิ่มมาอีกรอบรวมเป็นหก แม้จะปฏิเสธไปแต่คนขอไม่เคยฟังคำคัดค้านเพราะตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างที่ขออย่างเดียว ผมอยากจะฝากบอกพี่โชเหลือเกิน ที่พี่เรียกพี่ฟลอยด์ว่าฝอยขัดหม้อนั้น มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ฝอยขัดหม้อขัดซะผมไม่มีเรี่ยวมีแรง ขัดจนไม่มีอะไรจะเหลือจริงๆ แต่ถูกขัดแบบนี้บ่อยๆ หม้อไอ้ต้อมคงพังเข้าสักวัน


   “อีกรอบนะ”

   “ไม่โว้ย”
   



   ฟ้าสางแต่ผมเพิ่งได้นอนไป คนที่ทำให้ผมแทบไม่ได้นอนกำลังกรนได้ที่ เพราะความโมโหทำให้ผมยกขาถีบร่างไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ตกเตียงจนดังตุบ พี่ฟลอยด์ร้องโอดโอยจนผมต้องชะโงกหน้าไปดู แล้วก็พบว่า

   เลือดออกจมูกครับ

   พี่ฟลอยด์เอาหน้าวัดกับพื้นกระเบื้อง เลือดกำเดาเลยไหล อยากจะขำคนที่ร้องโวยวายแต่ก็เป็นห่วงเลยดึงคนเจ็บขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วฝืนสังขารเดินไปหาผ้ามาให้เช็ด

   “ใช้งานพี่เสร็จก็ถีบหัวส่งเลยเหรอ” ผมเนี่ยนะ?

   “เออ”

   “ใจร้าย พี่หมดแรงเพราะต้อมเลยนะ” ผมผิดอีกว่ะ

   “งั้นต่อไปก็ไม่ต้องทำ จะได้มีแรง ตกลง ดีล”

   “ไม่ดีลโว้ย พี่ยอมหมดแรงเพราะต้อมทุกวันยังได้ พี่ยอมๆ”

   “พี่ฟลอยด์”

   “อะไร”

   “อีกรอบนะ”

   “ต้อมขออีกรอบเหรอ ได้สิ เชี่ย”

   ผมหัวเราะร่วนเมื่อถีบคนกวนโมโหร่วงจากเตียงอีกรอบตามที่ขอ คราวนี้พี่ฟลอยด์หัวโนเป็นลูกมะนาวเลยครับแถมยังงอนผมไปตั้งสามวัน ถ้าไม่รักจริงนี่ไอ้ต้อมไม่ง้อนะครับขอบอก ส่วนวิธีการง้อก็ง่ายๆ ไม่ต้องคิดแผนการให้วุ่นวายซับซ้อนอะไร แค่สั่งให้หายงอนก็แค่นั้น คนงอนก็ยิ้มออกมาแล้วก็เข้ามากอดผมแน่น

   ก็บอกแล้วว่าสั่งอะไรได้อย่างนั้น

   พี่ฟลอยด์เวลาอยู่กับผมจะทำตัวเหมือนเด็ก แต่ถ้าผมเจอปัญหาพี่เขาก็พร้อมจะเป็นผู้ใหญ่ที่คอยช่วยเหลือ ผมว่า ชีวิตผมมีสีสันขึ้นเยอะตั้งแต่เจอลูกคนรวยเอาแต่ใจ

   เริ่มตั้งแต่ถูกถอยรถมาทับจักรยานนามว่าสุดหวง ไม่เคยคิดเลยว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในชีวิต และเพราะปากที่ไปก่อนสมองทำให้ผมถูกเกาะติดจากคนที่เอาแต่ใจจนสลัดไม่หลุด

   แต่มาเสียตรงที่ผมถูกล่วงเกินจากคนที่ต้องการเอาชนะในเวลาที่กำลังเสียใจ ตอนนั้นยอมรับเลยว่าโกรธจนไม่อยากมองหน้า แต่พี่ฟลอยด์ก็เดินหน้าขอโทษและทำทุกอย่างเพื่อจะทำให้ผมยกโทษ สุดท้ายผมก็ใจอ่อนยอมเริ่มต้นใหม่กับคนที่เคยทำร้ายผมมา

   เหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิต แต่ที่ๆ ผมชอบที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้างกายผมก็มักจะมีผู้ชายขี้งอนเอาแต่ใจอยู่ข้างๆ เสมอ

   “ขอบคุณนะ ที่พี่มาเติมน้ำตาลให้ชีวิตผมหวานขึ้นมาบ้าง”

   “สำหรับพี่ แม้ต้อมไม่หวาน พี่ก็ชอบ” ผมถูกพี่ฟลอยด์กอดแน่น “โคตรรักเลยว่ะ”

   “รู้ว่ารัก แต่ไม่ต้องกอดแน่นได้ป่ะ หายใจไม่ออก”

   “เดี๋ยวพี่ผายปอดให้”

   “หยุดเลย ตอดเล็กตอดน้อยตลอดว่ะ”

   “ทำแค่กับต้อมแค่นั้นแหละ”

   “เออสิ ลองทำกับคนอื่น ผมก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน” ไอ้ต้อมขี้หึงนะครับขอบอก

   “เมียพี่ขี้หึงวุ้ย”

   “รู้แล้วก็ดี”

   “ครับๆ ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ พี่จะหนีต้อมไปไหนพ้น”

   หน้าหล่อๆ ของพี่ฟลอยด์ค่อยๆ ขยับมาจนจมูกเราชนกัน ดวงตาที่จ้องในระยะประชิดบ่งบอกความรู้สึกภายในใจได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากนุ่มแตะกันแผ่วเบา

   “อะแฮ่ม ไปสวีทในห้องสิ อย่าออกมาทำด้านนอก” เสียงกระแอมพร้อมกับเสียงตะโกนดังมาจากด้านล่าง ผมกับพี่ฟลอยด์ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องนอน ด้านล่างมีพ่อและพี่ๆ ของพี่ฟลอยด์กำลังมองขึ้นมา

   “ฉันขอสั่งให้พวกแกแสดงความรักกันแค่ในห้องก็พอ ฉันไม่อยากเห็นภาพพวกนี้ ฉันรับไม่ได้” พี่เฟิร์นวีดร้องแล้วเดินเข้าบ้านท่ามกลางเสียงหัวเราะของน้องสาวและพ่อ

   พอไม่มีคนขัดอีก ผมรีบดึงหน้าคนยิ้มเข้ามาจูบหนักๆ พี่ฟลอยด์ขำก่อนช้อนตัวผมเข้าห้อง คราวนี้เตียงไม่ใช่เป้าหมายแต่เป็นห้องน้ำที่ผมสาบานเลยว่า จะไม่มีครั้งที่สองอีก เพราะมันทรมานกว่าเตียงเป็นไหนๆ



   ว่าแต่...มีอ่างอาบน้ำนุ่มๆ ที่ไหนขายบ้าง ไอ้ต้อมอยากได้ครับ


THE END


จบแล้วค่าพี่ฝอยของเรา ทั้งเรื่องหวานกันน้อยมาก งั้นตอนพิเศษเราจัดหวานๆ สักหลายๆ ตอนดีกว่า ฮ่าๆๆๆ ยังไม่ลืมเกนป่านนะ คะ ตอนพิเศษคู่นี้มีแน่นอนค่าาา

ขอบคุณที่ติดตามพี่ฝอยกับน้องต้อมนะคะ จากวันนั้นถึงวันนี้ ได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม และการต้อนรับอย่างอบอุ่น ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

แล้วพบกันตอนพิเศษค่าาาา  :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 20-09-2016 20:59:23
น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 20-09-2016 21:01:09
จะรอตอนพิเศษน้าาาาา

 :กอด1:  :L2:  :3123: :L1: :pig4:

...
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 20-09-2016 21:11:41
พี่ฟลอยด์น่ารัก

รอคู่เกนป่าน ค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-09-2016 21:13:00
บอกพี่ฝอยสั่งทำเลยไอ้อ่างน้ำนุ่มๆน่ะ :hao6: :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 20-09-2016 21:15:06
น่ารักมากคู่นี้
ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆ
มาแบ่งปันให้ได้อ่านกัน
รออ่านอีกคู่  :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-09-2016 21:21:24
ยังไม่อยากให้จบเลย รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-09-2016 21:21:56
รอพี่เกนกับป่าน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-09-2016 21:30:17
55 ออนท็อปเลยสิต้อม จะได้ไม่ต้องร้องหาอ่างอาบน้ำนุ่ม ๆ ฮา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 20-09-2016 22:23:32
ช่วงนี้ลดน้ำหนักเลยต้องกินหวานน้อยๆ~ :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 20-09-2016 22:24:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 20-09-2016 22:29:17
พี่ฝอยแกหื่นหนักจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 20-09-2016 22:53:56
จบได้สวยไม่ต้องหวานมาก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 20-09-2016 22:55:20
ชอบต้อมมาก เป็นคนคิดบวกเสมอ จริงใจ ตรงๆ

ขอตอนพิเศษเพิ่มหวานอีกนะคะ รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 20-09-2016 23:01:45
พี่ฟลอยด์หื่นหนักจริง พอๆกับพี่โชเลยอ่ะ ขานั้นก็หื่นขั้นสุดเหมือนกัน :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 20-09-2016 23:29:39
 :-[
 :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 20-09-2016 23:32:07
เราชอบพี่ฝอยยยยยย แกก็น่ารักตามแบบของแกนะเออ ตอนพิเศษขอหวานแบบเจี๊ยบๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-09-2016 23:39:02
ใจหายเลย เจอคำว่า END
แต่ดีใจ พอเห็นคำว่า แล้วพบกันตอนพิเศษ  :mew1: :mew1: :mew1:
สมเป็นพี่ฝอยจริงๆ ขัดหม้อของต้อม ซะเกือบทะลุ
เอ๊ะ....ต้อม ไหนว่าไม่พอใจที่นอนนุ่มเด้ง
แต่อยากได้อ่างอาบน้ำนุ่มๆ มันยังไงกัน :katai1: :katai1: :katai1:
บอกพี่ฟลอยด์ สิ ต้องพยายามหาจนได้แน่ๆ เพราะของชอบ
พี่เกน ป่าน ไปสวีท ถึงชายทะเลเชียวนะ
สรุป พี่โช พี่ซัน พี่ฝอย พี่เกน หื่นไม่น้อยหน้ากันเล้ย
แต่คนอ่าน ชอบบบบ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-09-2016 23:53:14
งุ้ยยยย จบหื่นมากก555555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 20-09-2016 23:58:22
ขอตอนพี่เศษพี่ฝอยเยอะๆเลยนะคะ มันดีกับใจจริงๆ
ตลกตรงที่พี่ฝอยโทรหาต้อมถี่ๆ อะไรจะขนาดน้ันนนนน5555555555 :m20:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 21-09-2016 04:54:46
น่ารักมากกกกก
ขำอ่ะ ใช้งานเสร็จถีบหัวส่ง
ทั้งเลือดกำเดาทั้งหัวโน สงสารพี่ฝอยเบาๆ

รอตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 21-09-2016 06:03:21
น่ารัก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-09-2016 07:17:51
พี่ฟลอยด์คนหื่นเพลาๆ ลงบ้าง เดี๋ยวต้อมจะแย่เอานะคะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 21-09-2016 08:54:46
 :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 21-09-2016 09:05:56
ไม่หวานมาก กำลังดี ขอบคุณค่า สนุกสุดๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-09-2016 10:32:25
คนเราเวลามีความรัก ก็เปลี่ยนได้จริงๆ นะครับ ขอให้พี่ฟลอยด์รักน้องต้อมนานๆ
ส่วนพี่เกน-น้องป่าน รออยู่ๆ คริคริ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: hamony ที่ 21-09-2016 13:03:37
ไม่อยากให้จบเลย มาต่อตอนพิเศษเร็วนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 21-09-2016 13:11:52
พี่ฝอยสายหื่นแต่ได้กิน ส่วนพี่โช สายหื่นเหมือนกันแต่เลี้ยงนกเยอะไปหน่อย ก๊ากๆๆ :ling1: :ling1: รอตอนพิเศษนะครับ เอาต้อมกับพี่ฝอยหวานหยดเลยนะ ส่วนพี่เกนน้องป่านก็รอนะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 21-09-2016 13:21:18
ขอบคุณคร้าบบบบ เรื่องน่ารักมว้ากกกกกกก
ชอบคู่นี้มากกว่า โช-กลอย และจะรอคู่ เกน-ป่านมาเปรียบเทียบอีก 555+
รอตอนพิเศษนะฮะ  :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 21-09-2016 19:30:29
น่ารักดีอะ ชอบบ  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 22-09-2016 07:20:20
ฮืออออ จบแล้ว ไม่อยากจบเลย :ling1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 22-09-2016 08:51:23
หลงรักความ 'ไม่หวาน' ของเรื่องนี้เต็มเปา^^
เพราะเป็นความไม่หวานที่'พอดี'ต่อสุขภาพหัวใจค่ะ
รักโทนเรื่องสบายๆแบบนี้จัง ดูจับต้องสัมผัสได้จริงๆ   :L2:

ต้อมเป็นคนธรรมดาๆ ใช้ชีวิตอย่างปกติเป็นธรรมชาติ รักตัวเองเป็นและมากพอที่จะเผื่อแผ่ไปให้กับคนรอบข้าง
ดูเป็นคนที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยใช่มั้ยคะ แต่ในความปกติธรรมดานี่แหละที่มันไม่ธรรมดาสำหรับคนที่ไม่ปกติแบบพี่ฝอย^^

เพราะชีวิตที่เหมือนมีมากแต่ที่แท้แล้วคือขาดขั้นสุด เมื่อได้มาพบกับความที่เหมือนน้อยกว่าแต่กลับเหลือเฟือพอที่จะแบ่งปัน
ความปกติธรรมดาที่กลับมอบให้เป็นความอบอุ่นในหัวใจ ค่อยๆเติมน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจที่แห้งผากมาเนิ่นนาน :กอด1:
ความเบาบางสบายๆเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ ช่วยมอบความรู้สึกเต็มตื้นเหมือนได้อยู่ที่ 'บ้าน'ถึงแม้จะดูอุดอู้อยู่ในห้องแคบๆแต่อบอุ่นไม่อ้างว้างเหน็บหนาวอย่างตอนที่อยู่ในคอนโดหรือบ้านหลังใหญ่โต ที่มีแต่ก้อนอิฐโอบล้อมกาย

ชอบที่ให้ความสำคัญกับความรักของคนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน
รักที่ให้พ่อแม่เชื่อว่าความสุขของลูกสำคัญที่สุด
รออ่านทุกๆตอนและทุกๆเรื่องอยู่นะคะขอบคุณมากๆค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-09-2016 21:36:43
No Sugar ตอนพิเศษ : หวง


(ฟลอยด์)

   ผมไม่ใช่คนขี้หวง นอกจากรถที่แม่ซื้อให้ตอนผมได้เหรียญทองเรียนดีเมื่อตอนมัธยม มันเป็นของที่ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการได้มันมา แม้จะมีรถแพงแค่ไหนที่พ่อซื้อให้สักกี่คันก็เทียบไม่ได้ ผมไม่เคยให้เพื่อนคนไหนขับรถตัวเอง ไอ้เกนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กก็ยังไม่เคย มันจะรู้ดี หากวันไหนไปเที่ยวแล้วผมเมา มันก็จะจอดรถผมทิ้งไว้ที่นั่นพอเช้ามาค่อยมาส่งผมขับรถกลับ มันเป็นแบบนั้นมาตลอด

   จนตอนนี้มีสิ่งที่ผมหวงมากกว่า

   “ทำไมไม่รับโทรศัพท์วะ” โมโหหลังสัญญาณตัดเป็นรอบที่ห้าสิบของวัน ผมโทรหาต้อมตลอดทั้งวันตั้งแต่ขับรถออกจากบ้าน ตอนนั้นยังคุยกันอยู่เลย พอหลังจากผมถึงมหาลัยโทรหาอีกทีกลับไม่มีคนรับ “เชี่ยเอ้ย” สบถอีกรอบเมื่อปลายสายยังไม่รับ
 
   “มึงจะโทรจิกอะไรนักหนาไอ้เหี้ยฟลอยด์ ไม่ปล่อยให้น้องมันขี้เยี่ยวเลยเหรอวะ” ไอ้แม็คมันเอาชีทม้วนตีหัวผม

   “แต่กูโทรไปตั้งแต่เช้ามันยังไม่รับ ขี้เยี่ยวห่าไรทำทั้งวัน” ตาขวางใส่เพื่อน

   “น้องมันอาจท้องเสียไง” มันยังเถียง

   “พวกมึงจะเถียงกันเองเพื่อ ไม่รับก็ไม่ต้องโทรสิวะ” เหล่ตามองไอ้เกนที่สภาพมันก็ไม่ต่างจากผม มือมันยังจับโทรศัพท์มือถือหมุนควงไปมาเพราะโทรหาเด็กมันไม่ติด

   “ก่อนจะว่ากู มึงเก็บโทรศัพท์มึงก่อนเถอะไอ้เกน” ผมว่า ไอ้เกนเบนสายตาหนีแล้วลุกออกไป มันก็ไม่ได้ไปไหนแค่เดินออกไปโทรศัพท์อีกที่ แล้วมีหน้ามาว่าให้ผม

   “กูว่า มึงขี้หวงเกินไป” ไอ้แมท ฝาแฝดไอ้แม็คมันพูดออกมา พี่ชายมันรีบพยักหน้าเห็นด้วย “น้องมันก็อยู่บ้านมึงไม่ใช่เหรอ มันไม่ไปไหนหรอก อาจจะนอนหลับ” วันนี้ต้อมหยุดอยู่บ้านอย่างที่ไอ้แมทมันว่า

   “นอนหลับลึกขนาดนั้นแม่งไม่ต้องตื่นเถอะ” ผมรู้ว่ากำลังพาล แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ ต้อมก็น่าจะรู้ว่าผมจะโทรหาตลอด แต่ทำไมวันนี้มันไม่ยอมรับ


   ผมจะขาดใจตายอยู่แล้ว


   ยอมอดทนเรียนแบบไม่รู้เรื่องจนเลิก ผมกวาดของลงกระเป๋าแล้วดิ่งออกจากห้องทั้งที่อาจารย์ยังยืนอยู่หน้าห้อง เวลานี้อะไรไม่สำคัญทั้งนั้น ผมอยากเจอ อยากเห็น อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์

   ขับรถที่แทบจะบินจนไปถึงบ้าน...บ้านที่ผมออกไปอยู่ที่อื่นมานานจนไม่ชินกับการอยู่ที่นี่ แต่เพราะต้อมอยู่ และต้อมก็อยากให้ผมอยู่ ประตูรั้วเปิดช้าๆ จนอยากจะเข้าไปกระชากให้รีบเปิด เท้าเหยียบคันเร่งทันทีที่ประตูเปิดพอจะให้รถผมเข้าไป

   “ต้อมล่ะ” ลงจากรถผมก็ถามหาคนที่ทำให้ผมต้องรีบบึ่งกลับมา ลุงชมเป็นคนสวนของบ้านกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าตัวเองที่เต็มไปด้วยเหงื่อออกก่อนจะตอบผม

   “อยู่หลังบ้านครับ กำลัง...คุณฟลอยด์เดี๋ยวครับ” ผมไม่อยู่รอฟังจนจบ พอรู้ว่าอยู่ที่ไหนขาก็ก้าวทันที

   หลังบ้าน ต้อมไปทำอะไรหลังบ้านวะ กึ่งเดินกึ่งวิ่งจนไปถึงด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ ความเหนื่อยหอบทำให้ต้องหายใจหนัก ผมยืนมองคนที่ทำให้ผมแทบเป็นบ้ากำลังขุดดิน ข้างๆ คือพ่อของผม ที่กำลังขุดดินเช่นกัน ม้านั่งใต้ต้นไม้มีพี่สาวสองคนของผมนั่งดูอยู่ด้วย

   นี่พวกเขากำลังทำอะไร

   ผมเดินเข้าไปหา ต้อมเห็นผมก็ยิ้มกว้างก่อนยกแขนขึ้นปาดเหงื่อที่มีเต็มหน้า

   “ทำอะไร” ขมวดคิ้วถาม

   “ปลูกผัก” ต้อมว่า “เหนื่อยมากอะ” หน้าขาวๆ ขึ้นสีคงเพราะเหนื่อยและร้อน

   “ปลูกทำไม”

   “ก็ปลูกไว้กินจะได้ไม่ต้องซื้อไง ไม่มีสารพิษด้วยนะ” ฟันขาวๆ ยิ้มอวดผมแต่ผมไม่มีอารมณ์ยิ้มตอบ ตอนขามาสมองผมคิดแต่เรื่องร้ายๆ กลัวว่าคนของผมจะเป็นอะไรไป แล้วนี่คืออะไร

   “ปลูกผักจนไม่ยอมรับโทรศัพท์เนี่ยนะ มึงกำลังคิดอะไรวะ” ตะคอกด้วยความโมโห ต้อมย่นคิ้วแล้วเดินมาจับแขนผม

   “โมโหอะไรเนี่ย”

   “โมโหมึงนั่นแหละ ทำไมไม่รับโทรศัพท์กู”

   “พี่ฟลอยด์ใจเย็นๆ” ต้อมพยายามทำให้ผมเย็นลง แต่ตอนนี้มันร้อนไปหมด “ไปนั่งก่อน” โดนลากไปนั่งกับพี่สาวทั้งสองที่พากันรินน้ำเย็นให้ผม

   “กินน้ำก่อน โมโหอะไรนักหนา” พี่ฟีนยื่นน้ำให้

   “แค่เมียไม่รับโทรศัพท์เนี่ยนะ” พี่เฟิร์นเบ้ปาก “ไม่ไว้ใจเมียตัวเองหรือไงถึงโมโหขนาดนี้น่ะ” เหมือนถูกเข็มเล่มโตทิ่มเข้าหัวใจ นี่ผมไม่ไว้ใจต้อม...เหรอ

   เถียงไม่ออกพร้อมใจเย็นจนแทบกลายเป็นน้ำแข็ง ผมมองหน้าต้อมที่มีเหงื่อแต่ยังยิ้มแย้มให้ไม่มีความโกรธใดๆ ปะปนเลย เม้มปากแล้วยอมนั่งลงแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

   “ไอ้เด็กปากดีอย่าอู้เว้ย มาขุดดินเร็วๆ” เสียงตะโกนของพ่อดังขึ้นมา ต้อมรีบเดินไปแต่ผมดึงแขนไว้ก่อน

   “ผมไปขุดดินแปบนะ พี่นั่งตรงนี้แหละ” ต้อมบอกแล้วเดินไปหาพ่อผมที่กำลังยกแขนปาดเหงื่อออก พ่อผมถอดเสื้อ แต่ต้อมใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตที่มักจะใส่ตอนลงแปลงผักที่มหาลัย

   มองไปที่สองคนที่กำลังขะมักเขม้นขุดดิน โดยมีแปลงที่ขุดเสร็จแล้วข้างๆ อีกหลายแปลงที่ดินพูนกองโต

   “แปลก” ผมพูดกับตัวเอง แต่ยังมีคนตอบ ก็พี่สาวผมนั่นแหละครับ

   “ฉันก็คิดว่าแปลกตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เฉยๆ” หันไปมองพี่เฟิร์นที่ยกพัดกลมๆ พัดเพราะอากาศร้อน

   “ตอนแรกพี่ก็แปลกใจเหมือนกัน” พี่ฟีนพูดขึ้นบ้าง “อยู่ๆ พ่อก็บอกจะทำแปลงผัก พอถามไปถามมาก็รู้ว่าต้อมบอก”

   “ต้อมเหรอครับ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “แล้วไปบอกอะไร”

   “เห็นว่า ชวนปลูกผักสวนครัวเพื่อประหยัดเงินน่ะ” มองหน้าพี่ฟีนแล้วขำออกมา นั่นแหละต้อม ทุกอย่างต้องดีและประหยัด “นี่เมื่อเช้าก็ออกไปหาซื้อเมล็ดผักกันสองคน พี่เพิ่งเคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้ ปกติไม่เคยลงมือทำอะไรแบบนี้เลย” พี่เฟิร์นพยักหน้าเห็นด้วย

   “ที่ไม่รับโทรศัพท์แกนั่นแหละ” คนที่กำลังไล่อ่านซองเมล็ดผักตอบ พี่เฟิร์นก็ดูสนใจเพราะเรียกให้ต้อมเอาเมล็ดนั่นนี่ไปปลูก “เอาไปปลูกสิ ผักนี่แพง”

   “ต้องพักดินสักวันสองวันครับถึงปลูกได้” ต้อมบอก พี่เฟิร์นเบ้ปากใส่แล้วสะบัดมือไล่ให้ต้อมกลับไปขุดดินต่อ ผมหัวเราะพี่ตัวเองแล้วถอดเสื้อนักศึกษาออกเพื่อไปช่วยขุดดิน “พี่มาทำไมเนี่ย ร้อนนะ” ต้อมร้องทักทันทีที่ผมแย่งจอบที่เจ้าตัวเอาค้ำกับดินเพื่อพักเหนื่อย

   “ก็มาช่วยจะได้เสร็จไวๆ” ผมว่า พ่อเหล่ตามามองแล้วขำ

   “รักกันจริงๆ นะ” คล้ายกับโดนแขวะแต่น้ำเสียงล้อเลียนมากกว่า “งั้นก็รีบขุดจะได้เสร็จไวๆ เหนื่อยชะมัด” พ่อยกแขนปาดเหงื่ออีกรอบจนต้อมหัวเราะร่วน

   “แก่แล้วก็แบบนี้แหละครับ” รีบหันไปมองเมียตัวเองที่ว่าให้พ่อ “คุณลุงต้องออกกำลังกายบ้างนะ แล้วผักพวกนี้กินแล้วดีต่อร่างกาย โรคเบาหวานความดันไขมันในเลือดอาจจะหาย” ใส่มารัวๆ จนพ่อผมหน้าเสีย ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมๆ กับผมนี่แหละครับ ต้อมมองหน้าผมทีพ่อผมที คงสงสัยว่าหัวเราะอะไร

   “ปากมันดีจริงๆ” พ่อว่าแล้วออกแรงขุดดินอีกรอบ

   “เมียผมเจ๋งมั้ยล่ะ” พ่อขำหนักไปอีก แต่ผมโดนเตะขาจนเกือบล้ม “เขินทีไรเจ็บตัวตลอดว่ะ” หันไปว่าให้ต้อมจนเกือบถูกเตะ แต่คราวนี้หลบได้ครับ

   “พูดมาก รีบๆ ขุดเลยทั้งพ่อทั้งลูก” ต้อมชี้นิ้วแล้วใช้คราดเล็กๆ ขูดหน้าดินอีกรอบเพื่อให้ดินร่วน

   หนักเอาการนะครับ ขุดจนเริ่มปวดหลัง พ่อผมก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ไม่รู้ต้อมทำได้ยังไง ผมเคยไปรับที่แปลงผักเห็นต้อมขุดแบบนี้แต่แปลงยาวกว่านี้มาก

   “ปวดหลัง” ผมทุบหลังตัวเองเบาๆ ต้อมลุกขึ้นมาแย่งจอบไปแต่ผมยื้อเอาไว้ “ทำอะไร”

   “ก็พี่ปวดหลัง เดี๋ยวผมทำเอง นี่ก็ใกล้เสร็จแล้ว พี่ไปนั่งรอตรงนู้นเลยไป” ต้อมแย่งไปจนสำเร็จแล้วพยักพเยิดไปที่พ่อผม “พี่อ่อนว่ะ คุณลุงขุดยังไม่เคยบ่นเลยเนาะ” ทั้งคู่หัวเราะเยาะผมจนมันน่าโมโห

   “ฉันแข็งแรงกว่าเห็นๆ” พ่อก็เอาด้วย

   ผมฮึดฮัดแต่ก่อนจะกลับไปนั่งไม่ลืมกระซิบบางอย่างที่ทำให้หัวเกือบแบะ

   “คืนนี้พี่จะทำให้ดูว่าอ่อนหรือแข็ง” โดนจอบชี้หน้าแต่ผมวิ่งออกมาแล้วพร้อมเหงื่อเต็มหน้าเต็มหลัง กลับมานั่งที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ พี่ฟีนเอาผ้าเย็นให้พร้อมหัวเราะออกมา “หัวเราะเยาะผมเหรอครับ”

   “ใช่” ยอมรับออกมตรงๆ จนเถียงไม่ออก “ที่หัวเราะเพราะพ่อนั่งอยู่ตรงนี้นานมากจนต้อมขุดเกือบเสร็จถึงไปช่วย” และแล้วก็ได้รู้ว่าทำไมพ่อถึงไม่บ่น แม่ง เอาเปรียบเมียผมว่ะ

   “แต่เด็กนั่นแข็งแรงมากเลยนะ ขุดดินไม่เหนื่อย” พี่เฟิร์นเผลอชมออกมา

   “นั่นเพราะทำมาตลอดเลยชินด้วยละมั้งครับ” พูดแต่ตามองเมียตัวเองที่ถอดเสื้อแขนยาวกับเสื้อยืดออกเผยให้เห็นตัวขาวๆ ขนาดลุงชมยังมอง

   กล้าดียังไงเอาของๆ ผมมาโชว์ให้คนอื่นเห็นวะ

   ผมรีบเอาเสื้อนักศึกษาตัวเองไปคลุมให้คนที่บ่นร้อน ต้อมตกใจปนงงที่อยู่ๆ ผมก็เอาเสื้อไปคลุม แต่พอผมส่งสายตาไม่พอใจเจ้าตัวถึงรู้ว่าผมกำลังโมโห ต้อมเอาเสื้อเชิ้ตแขนยาวมาคลุมอีกรอบก่อนยิ้มให้ผม

   “ต้องทำอะไรต่อหรือครับ” ลุงชมถามหลังจากใช้คราดขูดหน้าดินจนได้ที่

   “ตากแดดทิ้งไว้ก่อนครับ พอดินได้ที่สักวันสองวันแล้วเราค่อยมาปลูก” ต้อมบอกไปมือก็พยายามดันแขนที่ผมกอดคอออก “พี่ ปล่อยสิวะ” มันกัดฟันบอกผมแต่ผมไม่ทำ

   “อ่อ ครับ”

   “ดูด้วยล่ะ ฉันขี้เกียจถูกเด็กปากดีท้ามาขุดอีกรอบ” พ่อบอกลุงชมแต่เหล่ตามามองคนในอ้อนแขนของผม

   เดี๋ยวนะ...ท้าเหรอ

   “คุณลุงได้ออกกำลังกายด้วยนะครับ ดีจะตาย แถมยังโชว์ให้เห็นว่าฟิตขนาดไหน” ต้อมยกนิ้วโป้งให้พ่อผม ที่ทำคงเพราะห่วงสุขภาพพ่อผมนั่นแหละครับ แบบนี้ไม่รักได้ไง จ้องหน้าแดงๆ แล้วอดที่จะก้มหอมแก้มไม่ได้ ต้อมตกใจจนอ้าปากค้าง ส่วนคนอื่นๆ ก็พากันมองตาโต

   “มาพลอดรักอะไรกันตรงนี้วะเนี่ย เห็นหัวฉันบ้าง” พ่อเริ่มบ่นแล้วออกปากไล่

        ผมยิ้มแล้วลากต้อมเข้าไปในบ้านเพื่ออาบน้ำ แม้จะโดนโวยวายแต่ไม่สนหรอก พาขึ้นไปจนถึงห้องก็รีบยัดคนตัวเหม็นเหงื่อเข้าห้องน้ำทันที 

   “พี่ทำอะไรวะเนี่ย” ผมพยายามถอดเสื้อคนดื้อที่มันดิ้นแถมโวยวายเสียงดังลั่นห้องน้ำ

   “ก็อาบน้ำไง เหม็นเหงื่อขนาดนี้” ผมบอกก่อนเปลี่ยนจากถอดเสื้อเป็นถอดกางเกงหลังจากเจ้าของร่างจับเสื้อตัวเองแน่น

   “เชี่ย” ต้อมมันตกใจเพราะคงไม่คิดว่าผมจะถอดกางเกงแทน มือมันปล่อยจากเสื้อไปคว้ากางเกงผมเลยถอดเสื้อเชิ้ตออก แม้จะลำบากแต่ก็ไม่เกินความพยายามของผมหรอก สุดท้าย ต้อมก็โชว์ร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า “แม่ง” มันสบถแต่ผมไม่สน

   “จะไปไหน” รีบดึงคนยั่วอารมณ์ที่จะเดินไปอาบน้ำ คงไม่ได้อายแล้วล่ะครับ เห็นกันมาขนาดนี้

   “ก็อาบน้ำไง” น้ำเสียงเหวี่ยงได้ที่จนผมขำ

   “รอพี่ด้วยสิ” โดนถลึงตาใส่ ผมรีบถอดชุดตัวเองออกแล้วเดินตามเมียที่กำลังเปิดฝักบัวให้น้ำอุ่นไหลผ่านตัวเอง

   เหมือนโรคจิตที่กำลังมองเมียตัวเองอาบน้ำ หลังขาวๆ ถูกน้ำไหลผ่านลงไปถึงร่องก้นและผ่านขาเรียวยาวกระทบพื้น โคตรเซ็กซี่จนแทบอดใจไม่ไหว

   “อาบน้ำสิวะ เฮ้ย” ต้อมมันโวยวายหลังจากถูกผมรวบกอดจากด้านหลัง กัดเข้าบ่าขาวไปจนมีรอยแดง “เป็นหมาเหรอ” มันเอี้ยวหน้ามาแหวใส่ ยิ้มขำไม่สะทกสะท้าน ลูบไล้มือไปทั่วร่าง คนที่ว่าผมฉอดๆ เริ่มเงียบ

   “ต้อมครับ” ช้อนมือขึ้นจับหน้าเมียตัวเองให้เอียงมารับจูบ มือก็ไล้ไปทั่วทั้งบนและล่างจนได้ยินเสียงครางไพเราะน่าฟัง



   ผมไม่อยากให้ใครได้เห็น ไม่อยากให้ใครได้รู้ว่า เมียผมร้อนแรงและเร้าร้อนแค่ไหนใต้ร่างของผม



   เพื่อนผมหลายคนถามตลอดว่าทำไมถึงเลือกต้อม ทั้งที่ไม่มีอะไรน่าพิศวาส ทั้งปากเสีย ดื้อ รั้น แต่สำหรับผม ต้อมคืออากาศที่ผมขาดไม่ได้ ต้อมคือคนที่มาเติมเต็มชีวิตของผมให้สมบูรณ์ จากโลกที่บิดเบี้ยวกลับมากลมสวยเหมือนเดิม

   กว่าจะอาบน้ำเสร็จต้อมก็แทบหมดแรง นี่ผมปวดหลังนะครับ เพราะขุดดินเมื่อกี้ ถ้าไม่ปวดหลังละก็ แค่ในห้องน้ำไม่พอหรอก สำหรับต้อม ผมยอมตายคาอกยังได้ เว่อร์ไปใช่มั้ย แต่ผมพูดจริงว่ะ

   “แม่ง หมาที่ไหนบอกรอบเดียววะ” โดนแขวะพร้อมสายตาดุจ้องมา ต้อมนอนบนเตียงไม่ยอมขยับ ถึงผมจะปวดเอวแต่ผมยังจัดเต็มเหมือนเดิมนะครับ

   “หมาก็ผัวนะครับ” ต้อมยกเท้าให้ แต่คงลืมว่ายังไม่ได้สวมกางเกง ท่อนล่างยังพันแค่ผ้าเช็ดตัวอยู่ แถมกางเกงในก็ไม่มี ยกแบบนี้ตั้งใจยั่วชัดๆ

   “เข้ามาถีบจริงๆ ด้วย” ต้อมยังยกขาขู่ แต่ผมก็ยังคลานขึ้นไปจนขาที่ยกรอถีบเข้ามา “ไม่ได้กินพี่หรอกครับ” จับขาไว้แล้วออกแรงดึง ต้อมโวยวายเพราะผ้าที่พันไว้หลุดครับ เผยให้เห็นทุกอย่างที่ผมหลงใหล ทั้งอกขาวและ...

   “ต้อมครับ”

   “ไม่ต้องทำเสียงเล็กเสียงน้อย แม่ง” คนโวยวายรีบพลิกตัวซ่อนอกขาวไว้กับเตียง แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมไปนะครับ ว่าด้านหลังแบบนี้ผมยิ่งชอบ ผมตีก้นแน่นไปสองทีแล้วหัวเราะออกมา

   “ยั่วใช่มั้ย อีกรอบเถอะ”

   “ถ้าจะเยอะขนาดนี้ วันหลังจะซื้อตุ๊กตายางไว้ให้”

   “ไม่เอาหรอก มันไม่ได้อารมณ์เหมือนเมีย”

   “เมียเชี่ย”

   “ด่าตัวเองทำไม”

   “เลิกลูบก้นด้วย ห้ามจับโว้ย”

   “จะจับ ก้นนี่ของพี่ ตรงนี้ด้วย ตรงนี่อีก ทุกตรงเลยของพี่หมดเลย”

   ชี้มันทุกที่บนร่างกายของต้อม ทุกอย่างเป็นของผมครับ ผมไม่มีทางยกให้ใคร ไม่ว่ามันจะหล่อรวยกว่าผม ซึ่งหายากมาก

   “ไปไกลๆ เลยไป ผมเหนื่อย”

   ผมหัวเราะคนที่พูดจบก็หลับไปเลย มีเสียงกรนเบาๆ เล็ดลอดออกมา คงจะเหนื่อยที่ต้องขุดดินแถมจะออกกำลังกายในห้องน้ำอีก ก็แค่สามรอบเอง นิดเดียวแล้วนะ ผมลุกไปหาเสื้อกับกางเกงมาสวมให้คนที่หลับทั้งที่ยังเปลือย ต้องใส่ครับ ไม่อย่างนั้นผมอาจจะทนไม่ไหวจนลักหลับได้ ก็หน้าตาเมียผมมันยั่วเกินไปนี่นา


   “โคตรรักเลยว่ะ” 


.........................................................

พาพี่ฝอยมาทักทายหลังจากจบค่าาา ส่วนคู่พี่เกนป่านรอจัดการภารกิจครอบครัวผ่านพ้นจะลงแบบรัวๆ ค่า

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่าา รักทุกคนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความเป็นห่วง ฝนตกอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ  :mew1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-09-2016 22:08:04
พี่ฝอยยยยยยย ขี้หึงวะแต่รักนะคะ อย่าหื่นให้มากสงสารต้อมบ้าง ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-09-2016 22:11:27
พี่ฟลอยด์ รักมาก ก็หวงมาก หวงต้อม สุดๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 22-09-2016 22:17:38
อ๊ายยยพี่ฝอยขี้หวง

ปวดเอวยัง 3 รอบ ถ้าไม่ปวดนี่ต้อมต้องป่วยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-09-2016 23:08:49
 o13
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-09-2016 23:15:35
เป็นเรื่องที่ไม่หวาน แต่กลมกล่อม
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 22-09-2016 23:51:50
พี่ฝอยหื่นอะไรเบอร์นั้น
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 23-09-2016 03:54:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 23-09-2016 05:59:40
ทั้งหวง ทั้งหื่น  นี้แหละพี่ฟลอยด์  :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-09-2016 07:58:49
ความหวงความหื่นของพี่แกมีแต่เพิ่ม จะมีวันลดลงบ้างมั้ยเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-09-2016 10:03:20
ขนาดขุดดินปลูกผักแถมได้ออกกำลังกายในห้องน้ำอีกสามรอบ :pighaun: :pighaun:
พี่ฟลอยด์สงสารเมียบ้าง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 23-09-2016 12:54:03
พี่ฝอยเลเวลความหื่นเพิ่มขึ้นตลอดเลยนะ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 23-09-2016 19:09:57
 :katai2-1: :katai2-1: รอคู่เกนป่านนนนนน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 23-09-2016 23:42:01
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 23-09-2016 23:43:23
 :pig4: ครอบครัวสุขสันต์
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-09-2016 16:01:52
ต้อมน่ารักอ่ะ...สมแล้วที่เป็นเพื่อนกับเกรียนกลอย (เกี่ยว?) 5555+

รอคู่ป่านเน้อ.... อิอิ :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: isuloveU Soly ที่ 24-09-2016 18:45:43
เราอ่านรวดเดียว สนุก ฮ่าฮ่า รอคู่เกนกะป่านอ่ะ น่าสนุก พี่ฝอยก็น่ารักนะ 555  :z1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: volvox_nostoc ที่ 24-09-2016 21:53:02
สนุกมากกกกกกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 24-09-2016 22:25:38
เอาอีกๆ สนุกมากเลย น่าร๊อคง่ะ
ชอบพระเอกแนวนี้มากเลย น่ารักกกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-09-2016 09:59:41
น่ารักขึ้นเรื่อยๆๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-09-2016 16:02:26
ปากว่ามือถึงกับน้องต้อมตลอดเลยพี่ฟลอยด์ ถนอมน้องบ้าง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 25-09-2016 18:25:18
พี่ฝอยหื่นพอๆกับพี่โชเลยนะ 55555

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 25-09-2016 21:40:02
พี่ฝอยโคตรขี้หวงเลยยยยย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 25-09-2016 21:59:45
พี่ฝอยทั้งขี้ห่วง ขี้หื่น

 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ ตอนพิเศษ หวง Up!! [P.11]<< // [21/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 25-09-2016 23:50:37
ฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้ไงมันสุดยอดมากอ่านเรื่องของโชจบก็ตามเรื่องนี้เลยชอบมากเลยจะต้องติดตามผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปแน่ๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 26-09-2016 20:18:59
No Sugar : Part Ken & Pan [1]


(ป่าน)


   ผมเป็นคนขี้เบื่อครับ ขึ้นต้นมาก็ไม่น่าคบแล้วใช่มั้ย ขนาดบางทีผมยังเบื่อตัวเองเลย ตั้งแต่เกิดและโตมา ผมยังไม่มีสิ่งไหนที่ไม่เบื่อ อ่อ มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เบื่อ นั่นคือการเลี้ยงปลาครับ ผมสามารถขลุกอยู่กับปลาได้เป็นวันๆ ตอนเด็กๆ ผมเคยนั่งดูปลาแหวกว่ายในตู้เป็นวันๆ จนแม่คิดว่าผมตายไปแล้ว เพราะไม่ยอมออกไปไหนเลย

   พอเข้ามัธยม ผมก็รู้จักเพื่อนฝูงมากขึ้น สังคมก็กว้างขึ้น และทำให้ผมได้เจอคนถูกใจทั้งชายและหญิง ผมก็ยอมรับว่าไม่ได้ชอบแค่ผู้หญิง แต่ผมก็ไม่เคยคบเคยลอง เพียงแค่ชอบเฉยๆ

   จนอยู่มัธยมปลายปีที่ห้าผมแอบชอบรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง เธอสอบเข้าเรียนที่มหาลัย XXX ได้ แถมยังเรียนดีอีก ผมโคตรอยากจีบมาก เพราะหน้าตาน่ารักอีกทั้งยังพูดจาอ่อนหวาน ผมพยายามเรียนอย่างหนักเพื่อจะสอบเข้ามหาลัยเดียวกับพี่เขา ในที่สุดผมก็สอบติด แม้จะคนละคณะก็เถอะ แค่นั้นก็ดีใจแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงผมแทบไม่เคยได้เจอพี่คนนั้นเลย ทำให้ผมต้องตัดใจไปเอง

   ผมเลือกสอบเข้าคณะเกษตรก็เพราะไม่รู้จะเรียนอะไร จะเรียนวิศวะผมก็ไม่เก่งฟิสิกส์ จะเรียนหมอก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น พอเข้าปีหนึ่ง ได้เจอกับกิจกรรมรับน้องสุดโหดที่สามารถดับต่อมความเบื่อของผมลงได้ครึ่งหนึ่ง ผมมีเพื่อนสนิทที่คอยกระตุ้นความตื่นตัวจากความเบื่ออย่างไอ้ต้อม มันเป็นคนที่พูดตรงค่อนไปทางปากหมาหน่อยๆ แต่เวลามันจะทำอะไรแล้ว มันจะจริงจังกับเรื่องนั้นมาก ส่วนอีกคนก็ไอ้ดอย ไอ้นี่มันเพล์บอยตัวพ่อ แต่แค่เวลาไปเที่ยวกับพวกผมนะครับ เพราะมันมีแฟนแล้ว เห็นบอกว่าคบกันมานานมีวางแผนอนาคตด้วย คิดไกลขนาดนี้ยังทำตัวชั่วๆ ได้อีก ผมละสงสารแฟนมันจริงๆ

   กว่าจะผ่านปีหนึ่งช่วงรับน้องมาได้เลือดตาแทบกระเด็น แต่มันก็ทำให้พวกเรามีเพื่อนและมีระเบียบวินัย ที่สำคัญ อาการเบื่อของผมแทบมอดดับไปหมด ยิ่งวันไหนถูกว้ากหนักๆ ยิ่งตื่นเต้น 

        ชีวิตของผมก็ยังราบเรียบ มีเที่ยวบ้าง จีบสาวบ้าง เหล่ปีหนึ่งด้วยกันเองบ้างแต่ก็ไม่เคยจริงจังกับใคร ไม่ใช่ผมไม่อยากมีหรอกนะครับ แต่กลัวอาการขี้เบื่อตัวเองจะกลับมา ผมเลยเลือกที่จะเกาะติดชีวิตอยู่กับเพื่อน ไอ้ต้อมมันขี้บ่นแต่อยู่กับมันแล้วมีความสุขดี มันจะบ่นเฉพาะเวลาใช้เงินเปลือง ไอ้นี่มันขี้งก ขี้เหนียว ส่วนไอ้ดอยนี่ผมตัดมันไปเพราะมันชอบขลุกอยู่กับแฟน

   “มึงไม่หาแฟนสักคนวะ จะได้ไม่เป็นภาระของกู” ไอ้ต้อมมันโวยวายหลังจากผมมานั่งรอมันที่หน้าร้านสะดวกซื้อหน้าหอมัน รู้จักมันมาไม่ถึงปีแต่เหมือนสนิทกันมาแต่ชาติปางก่อน

   “นี่เพื่อนมึงนะ ไม่สงสารกูเหรอ” พูดน้ำเสียงโศก ก่อนยื่นมือออกไปรับข้าวกล่องที่ผมสั่งไว้ก่อนมานั่งรอ ไอ้ต้อมมันถอนหายใจแล้วนั่งลงตรงหน้าผม

   “มึงก็ไม่ได้ขี้เบื่อเหมือนเดิมแล้วนี่หว่า” มันทำหน้าจริงจังมองผม เพราะเจอวันแรกๆ มันชวนผมไปไหนผมก็ชอบบอกว่าเบื่อจนกลายเป็นคำติดปาก “ออกห่างกูบ้าง นี่ตัวติดกูจนจะเป็นเมียกูอยู่แล้ว” 

   “ก็กูไม่ชอบอยู่คนเดียวเลย มึงคิดดู เวลานั่งอยู่คนเดียวมองไปทางไหนมันก็มีแต่กู แค่คิดก็เบื่อแล้ว” พูดหลังกลืนข้าว ไอ้ต้อมมันพยักหน้าลงคงเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด เพราะมันก็นอนหอคนเดียวเหมือนกัน

   “เออๆ งั้นก็รอกูหน่อย เดี๋ยวจะออกเวรแล้ว” ผมชูกำปั้นส่งกำลังใจให้เพื่อน ไอ้ต้อมมันทำงานร้านนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง ที่จริงบ้านก็ไม่ได้ยากจน พ่อก็ทำงานดี พี่ชายก็ทำงานดี แต่มันบอกอยากทำงานเพื่อเก็บเงินซื้อของที่อยากได้ นี่ถ้าเป็นผมละก็ อยากได้อะไรแพงๆ ก็แบมือขอพ่อเอาง่ายสุด

   นั่งกินข้าวกล่องรอไอ้ต้อมอยู่นานมันก็ยังไม่ออกมาสักที จนมีแสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาจนต้องหรี่ตาลง ผมขมวดคิ้วจ้องรถคันสวยที่เจ้าของรถไม่ยอมดับเครื่องสักที ไฟหน้ารถสว่างจ้าทิ่มตาคนอื่นขนาดนี้ไม่ยอมปิด ผมที่เริ่มรำคาญจะลุกไปบอกแต่เจ้าของรถดันดับเครื่องยนต์ลงซะก่อน

   ประตูสองด้านเปิดออกพร้อมกัน ด้านข้างคนขับเป็นสาวสวยสวมชุดเดรสสีชมพูแปร๊ดสั้นจู๋ชนิดที่ว่าก้าวขาทีรถโรงพยาบาลต้องวิ่งวุ่นแน่ ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องประทินผิวซะจนกลบใบหน้าสด ปากแดงมันวาวยิ้มกว้างให้กับคนอีกด้านที่ก้าวขาลงมา ผู้ชายหน้าตาดีสวมแบรนด์เนมทั้งตัว ผมสีเทาซอยระต้นคอถูกมัดรวบครึ่งหัว ตาเรียวคม คิ้วดำ จมูกโด่งเหมือนสันเขื่อน กับปากบางๆ นั่น รวมๆ ผู้ชายคนนี้แม่งโคตรหล่อ ทำให้ไอ้เกาหลีบ้านๆ แบบผมดับไปเลย (เริ่มเขม่น)

   สาวสวยนั่นโผเข้ากอดเอวเจ้าของรถแล้วออเซาะใหญ่ ผมเบ้ปากมองชายหญิงคู่นี้ ดูก็รู้ว่าคู่นอนไม่ใช่แฟน คนเราสมัยนี้คู่นอนมากซะจนโรคร้ายจะถามหา ผมก็เคยผ่านมาบ้าง ก็แหม ผู้ชายนี่ครับ การหาความสุขให้ตัวเองก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา แต่การเปลี่ยนคู่นอนจนเหมือนถุงยางนี่ไม่เคยหรอก 

   คู่น่าเอียนเดินผ่านผมเข้าร้านสะดวกซื้อไป กระจกใสๆ ยังสามารถมองเห็นคู่นั้นออดอ้อนออเซาะซะจนอยากสำรอกออกมา สายตาคมเงยหน้ามองผ่านกระจกบานใสออกมาด้านนอก จังหวะเดียวกับผมที่กำลังตักข้าวเข้าปากแล้วมองเข้าไปในร้าน

   สบตากันพอดีสิครับ

   มันมองหน้าผม แต่ระยะค่อนข้างไกลผมก็บอกไม่ได้ว่ามันมองแบบไหน แต่ผมมองมันแบบเอือมๆ ไม่ได้สนใจอะไร จ้องอยู่ครู่เดียวผมก็ก้มหน้ากินข้าวรอไอ้ต้อมต่อ

   เสียงลากเก้าอี้ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ใช่ไอ้ต้อม แต่เป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักแต่แต่งตัววาบหวิวจนรู้สึกหนาวแทน ยิ่งหน้าอกหน้าใจที่ล้นทะลักออกมาจนจะกองอยู่ข้างนอกนั่น ดูท่าจะหนักเอาการ
 
   “มีอะไรเหรอครับ” ผมถามออกไป สาวตรงหน้ายิ้มหวานมาให้

   “สนใจมั้ยจ๊ะ ไม่แพงนะ” ผมส่ายหน้าให้กับคำเชิญชวนที่ได้ยิน “ไม่สนเหรอ ไปสนุกกัน” สาวเจ้าขยิบตาให้ผมนิดๆ กับโปรยยิ้มหวาน

   “ไม่ครับ” ยังปฏิเสธตามเดิม ผมไม่ชอบแบบนี้หรอก ถ้าอยากสนุก ผมคงหาในที่ๆ มันน่าจะปลอดภัยกว่าข้างถนนแบบนี้
 
   “แหม ทำไมเย็นชาจัง พี่ชอบน้องนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกรอบ เริ่มหงุดหงิดนิดหน่อยที่ถูกกวน ก่อนเสียงลากเก้าอี้ด้านข้างผมจะดังขึ้น คนมานั่งก็ยังไม่ใช่คนที่ผมรอ แต่เป็นเจ้าของรถราคาแพงที่มันออกมาเพียงคนเดียว “อุ้ย เพื่อนก็หล่อ ไปด้วยกันหมดเลยก็ได้นะ”

   “ผมบอกว่า...”

   “ไม่ดีกว่า พวกเราแค่สองคนก็สนุกแล้ว” ผมอ้าปากค้างมองคนที่มันพล่ามเรื่องแปลกๆ อะไรคือสองคนก็สนุกแล้ววะ “ไม่ต้องอายเขาหรอกน่า” ไอ้บ้านั่นยกแขนพาดไหล่ผม บางปากๆ เหยียดยิ้มจนผมขนลุก ถึงผมจะชอบผู้ชายด้วย แต่ก็ชอบแบบตัวเล็กน่ารักๆ ขาวๆ ไม่ใช่ตัวโตเป็นควายแบบนี้

   “มึง...”

   “จุ๊ๆ อย่าเรียกผัวว่ามึงสิ” รอยยิ้มมันโคตรกวนอวัยะเบื้องล่าง เสียงฟึดฟัดจากผู้หญิงหนึ่งเดียวในโต๊ะเรียกให้ผมละสายตาไปมอง

   “พวกวิปริต” คำด่าที่พ่นออกมาผมไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ความรักไม่ได้แบ่งเพศและไม่ได้วิปริต

   ผมมองร่างที่สวมชุดสั้นเดินห่างไปไกล ผู้หญิงสมัยนี้หากินง่ายเกินไป เสียดายหน้าตาจริงๆ

   “เอามือออกได้แล้วครับ” ผมพูดแบบสุภาพกับคนแปลกหน้าที่อย่างน้อยเขาก็ช่วยแม้จะไม่ได้ขอร้องก็ตาม แต่แขนหนักๆ ก็ยังไม่ยอมยกออกสักที

   “ทำไมมึงไม่ปฏิเสธวะ” เสียงดุจนผมกระพริบตาปริบๆ

   “ก็ปฏิเสธไปแล้วแต่เขาไม่ไปครับ” ไม่เข้าใจ ทำไมต้องพูดเพราะ แต่ดูแล้วมันน่าจะอายุเยอะกว่าผม ดังนั้นพูดแบบนี้คงถูกต้องแล้ว

   “แล้วใครใช้ให้มึงมานั่งอ่อยแบบนี้” นี่มันด่าผมหรือเปล่าวะ ตวัดสายตาขุ่นมอง รู้จักหรือก็เปล่า แต่มายุ่งยิ่งกว่าพ่ออีก

   “ผมนั่งอ่อยตรงนี้ ไม่ได้นั่งอ่อยบนหัวพี่นี่ครับ” ตอบแบบสุภาพแต่ไอ้คนฟังคงไม่พอใจเพราะมันใช้ตาดุจ้องกดดันผมอยู่ในระยะใกล้

   “หึๆ ปากดีจริงนะมึง” ผมแปลกใจที่ได้ยินเสียงขำ ก่อนไอ้คนแปลกหน้าจะยืนขึ้นเต็มความสูงที่ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง “แต่จะบอกอะไรให้ ปากแบบมึงไม่นานจะมีสี จำไว้” คำขู่ที่ผมไม่ได้กลัวสักนิด

   ปกติผมไม่ได้ปากเสียแบบนี้หรอกครับ แต่ก็อาจมีบ้างถ้าถูกก่อกวน

   “กลัวตายละมึง” ชูนิ้วกลางใส่จนมันถลึงตามอง

   เหมือนมันกำลังจะอ้าปากพูดแต่ประตูร้านสะดวกซื้อเปิดออกพร้อมสาวที่มาด้วยกับมันตอนแรกเดินเข้ามาหา แล้วคู่เอียนก็โชว์จูบปากให้ผมดู

   เห็นแล้วจะอ้วก

   คู่รักสุดเอียนขับรถออกไปแล้ว คงไปจบบนเตียงที่ไหนสักที่ ผมละความสนใจมามองเพื่อนตัวเองที่กำลังเดินออกจากร้านมา ไอ้ต้อมเปลี่ยนชุดจากยูนิฟอร์มพนักงานมาเป็นเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์

   “ให้กูรอเป็นชาติ” ด่ามัน แต่คนโดนด่ากลับหัวเราะ

   “เอาน่า ก็มึงอยากรอกูเอง” ไอ้ต้อมว่า ก่อนเราจะเดินข้ามฝั่งไปที่หอไอ้ต้อม วันนี้ผมก็ค้างห้องมันตามเดิม
 


   ชีวิตปีสองก็สบายๆ การรับน้องก็ยังโหดสมชื่อตามระบบของมัน และมันมาซวยตรงที่ผมถูกโหวตให้เป็นพี่เนียนซึ่งผมไม่เห็นด้วย แต่แพ้คะแนนโหวต ข้ออ้างของพวกมันบอกว่าผมหน้าตาหล่อ อันนี้ต้องยอมรับครับเพราะหลักฐานมันทนโท่

   พอผ่านช่วงพี่เนียนมาได้ เด็กๆ ก็เข้าหาผมทั้งหญิงและชาย คงเพราะผมเข้าหาง่าย พูดดี ไม่ถือตัว ต่างจากไอ้ต้อมที่มันนิ่งๆ แค่ปรายตามอง รุ่นน้องทุกคนก็พากันก้มหน้า มันไม่ได้โหดหรอก แต่หน้านิ่งมันดุแค่นั้น แต่นิสัยมันโคตรบ้าเลยถ้าได้สนิท
 
   “อย่าแผ่ออร่ามากไอ้ป่าน” โดนไอ้ดอยตบหัวเต็มๆ โทษฐานยิ้มโปรยเสน่ห์ให้เด็กปีหนึ่ง ก็คนมันหน้าตาดีต้องทำใจนะครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ต้องตาตรงใจใครสักคน

   “มึงก็ใช่ย่อย ตามึงแพรวพราวมากไอ้สัด” ไอ้ดอยโดนไอ้ต้อมว่าให้อีกที แล้วมันก็หัวเราะออกมา

   “ใครจะไปเหมือนมึง ไม่สนอะไรสักอย่าง ผู้หญิงก็ไม่มอง ผู้ชายก็ไม่แล ชาตินี้มึงจะหาแฟนได้หรือเปล่าวะ” ไอ้ดอยร่ายยาว ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วย อยากเห็นแฟนของไอ้ต้อมจริงๆ ว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้มนุษย์ประหลาดปากตรงกับใจไปครอง

   “เรื่องของกู” ไอ้ต้อมตอบอย่างไม่สนใจ

   “แล้วมึงไปทำงานหรือเปล่าวะ” ผมถาม ไอ้ต้อมส่ายหน้า “งั้นไปกินนมปั่นกัน กูหิว ต้องการน้ำตาล” งอแงนิดๆ เพื่อให้เพื่อนหมั่นไส้

   “ไอ้ปัญญาอ่อน” โดนไอ้ดอยด่าลากยาว แต่มันก็ไปกับผมครับ

   ร้านนมปั่นหน้ามหาลัยเป็นร้านที่เด็กๆ ต้องมาลิ้มลองความอร่อย ผมเขียนโยเกิร์ตนมสดปั่นปีโป้ไป ไอ้ดอยกินกาแฟปั่นเพิ่มวิป ส่วนไอ้ต้อมก็สั่งแบบเดิมคือนมปั่นเพิ่มวิปเพิ่มท็อปปิ้ง กินอะไรแม่งโคตรเด็ก

   “เมื่อไหร่มึงจะเลิกกินนมปั่นวะ” ไอ้ดอยว่า

   “มันเรื่องของกูมั้ย แล้วร้านชื่อนมปั่น มึงเสือกกินกาแฟทำไม” รีบพยักหน้าเห็นตามไอ้ต้อม

   “ก็กูอยากกิน”

   “งั้นก็เรื่องของมึง”

   “แล้วมึงจะถามหาพ่อง”

   “มึงถามกูก่อนไอ้สัดดอย”

   ผมเบือนหน้าหันไปมองทางอื่น ขี้เกียจมองเพื่อนพ่นกาแฟกับนมใส่กัน ถ้าผมเป็นพนักงานหรือเจ้าของร้านคงเดินมาไล่พวกมันแล้ว ประตูหน้าร้านเปิดออกพร้อมกับชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา

   ทำไมรู้สึกเหมือนเคยเจอผู้ชายที่เพิ่งเดินเข้ามา ไอ้หัวเทาแบบนี้ แต่คิดยังไงก็ไม่ออก ภาพลางๆ มันติดอยู่ตรงปลายซีรีบรัม
ดูไอ้คนนั้นมันก็ทำเหมือนเคยเห็นผม มันเหยียดยิ้มออกมายามเราสบตากันพอดี ก่อนมันจะหันไปคุยกับสาวที่พามาอย่างกระหนุงกระหนิง

   “อยากกินขนมปังปิ้งว่ะ” เสียงไอ้ดอยดังขึ้น ผมเลยละสายตาจากคู่หวานมามองเพื่อนตัวเอง

   “อยากกินก็สั่ง กูก็อยากกิน” ไอ้ต้อมเสริม “มึงล่ะไอ้ป่าน เป็นไร มองใครอยู่วะ”

   “เปล่าๆ สั่งดิ่ กูกินด้วย”

   บอกปัดไป ทำไมมันค้างคาแบบนี้ เหมือนเคยเห็นแต่ก็จำไม่ได้ นี่ผมกลายเป็นคนขี้ลืมตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็นะ ชีวิตผมเจอคนก็มาก จะไปจำหมดยังไงไหว ขนาดคณะเดียวกันยังจำได้ไม่หมด

   ขนมปังปิ้งสามอย่างหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว สนุกดีนะครับ กับการกินโดยมีเพื่อนคอยแย่ง มันเหมือนต้องแข่งขันกัน หากใครกินช้าก็อด ผมนี่ยัดเข้าปากทีละสองสามอันจนแทบเคี้ยวไม่ได้ ไอ้ต้อมถึงกับตบหลังผมดังปึกเพราะกลืนไม่ลง

   “สมน้ำหน้า ไอ้ขี้โลภ” ทุบอกทุบหลังอยู่นานกว่าขนมปังจะลงกระเพาะได้ ผมกำลังจะอ้าปากว่าให้เพื่อนแต่สายตาดันไปสบเข้ากับดวงตาดุ มันแพรวระยับคล้ายกับกำลังขัน

   นี่มันหัวเราะผมอยู่หรือเปล่า

   อ้าปากพะงาบๆ ด่าไอ้คนไม่มีมารยาทหัวเราะคนอื่น มันคงอ่านปากออก หน้าหล่อของมันตึงขึ้นมาทันที คิ้วเข้มของมันขมวดเป็นปมก่อนถูกนิ้วเรียวของผู้หญิงตรงหน้าจับไว้ สำออยให้สาวสนใจหรือเปล่าวะ ไอ้เชี่ยนี่   
        
   “มึงรู้จักเหรอวะ” ไอ้ดอยถามหลังจากมันหันหลังไปมอง คงเห็นผมมองอยู่นานนั่นแหละครับ

   “ไม่ว่ะ”

   “ไม่รู้จักแล้วจะมองทำไม” นั่นสิ ผมเลยเลิกสนใจคนไม่รู้จักและออกจากร้านหลังจากกินเสร็จ “เหมือนเขามองมึงเลยว่ะ” ไอ้ดอยบอก ผมลองหันเข้าไปในร้านก็ไม่เห็นว่ามันจะมองมาตรงไหน

   “ตามึงฝาดแล้ว กลับเถอะ”

   การใช้ชีวิตในมหาลัย ไม่ว่าจะปีหนึ่งหรือปีสอง สำหรับผมถือว่าคุ้ม อาจเพราะเป็นเด็กกิจกรรมพอสมควร ผมได้วางแผนปีสาม ปีสี่ของผมเรียบร้อยแล้ว ผมจะต้องทำกิจกรรมเยอะๆ จะได้รักษาอาการขี้เบื่อให้หมดไปสักที

   “ปีสามนี้กูจะมีแฟน” ผมบอกขณะเดินผ่านประตูมหาลัย แม้จะโดนเพื่อนสองคนหัวเราะเยาะแต่ผมไม่แคร์ ผมจะมองหาสาวน่ารักๆ สักคนมาเคียงข้างให้ได้ ไม่ได้อิจฉาไอ้คู่ตะกี้นะ แค่รู้สึกว่าอยากมีแล้วก็แค่นั้น

   “กูจะคอยดู” ไอ้ต้อมตบบ่าเป็นกำลังใจแล้วมันหันไปขำต่อกับไอ้ดอย

        โคตรจริงใจว่ะเพื่อน

   “ขอบใจเพื่อน” กัดฟันบอกไปพร้อมกับวิ่งไล่เตะเพื่อนสองคนที่มันกวนโมโห มิตรภาพแบบนี้แหละที่ผมชอบ



   พอเอาเข้าจริง ปีสามไม่ได้ใช้ชีวิตสบายแบบที่คิดเอาไว้ ไหนจะรับน้อง ไหนจะกิจกรรม ไหนจะงานมหาลัย มันมาพร้อมๆ กันหมดจนผมแทบอยากตาย ไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี โดนสั่งเป็นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้จนสับสนไปหมด

   “ไอ้เชี่ยป่าน มึงจะโวยวายเชี่ยไร พวกกูทำงานหนักกว่ามึงอีก” โดนไอ้เจษเฮดว้ากไซโคครับ

   “นี่มึงติดพี่ว้ากมาใช่มั้ย” ผมเตะขามันไปทีหนึ่งก่อนจะเดินมานั่งกับพวกไอ้ดอย “ไอ้ต้อมล่ะ” เปิดเรียนทั้งทีมาสายอีกไอ้เพื่อนคนนี้

   “มึงก็รู้ว่ามันมาช้าอย่างกับหอยทาก” ไอ้ดอยตอบคำถามผม แต่ก็จริงอย่างที่ได้ยินนั่นแหละครับ ไอ้ต้อมมันชอบปั่นจักรยานโบราณของพ่อมันมาเรียน แต่เห็นเก่าๆ แบบนั้น เคยมีลุงที่เขาสะสมมาขอซื้อต่อในราคาเป็นแสนเลยนะครับ เห็นเป็นเศษเหล็กแบบนั้นโคตรแพง

   นั่งดูพวกปีสองกำลังนั่งสอนปีหนึ่งร้องเพลงเชียร์ ไม่นานไอ้ต้อมก็เดินหน้าบึ้งเข้ามา ไปอารมณ์เสียที่ไหนมาวะไอ้นี่

   “เป็นอะไรวะไอ้ต้อม ทำหน้าอย่างกับขี้ไม่ออก”

   “ทะเลาะกับหมามา” ไอ้ต้อมกระแทกเสียงใส่จนผมตกใจ

   “อ๋อ แสดงว่ามึงยอมรับแล้วใช่มั้ย ว่ามึงพูดกับหมารู้เรื่อง”

   “มึงจะว่ากูเป็นหมาใช่มั้ยไอ้สัดป่าน” ผมหัวเราะงอหงายเมื่อเห็นหน้าไอ้ต้อมบูดบึ้ง อยู่กับมันแล้วมีความสุขตลอด

   “แล้วตกลงมึงเป็นอะไรวะ” ผมยังถามย้ำแบบเดิมเมื่อเห็นหน้าเพื่อนยังบึ้งตึง

   “สุดหวงกูถูกรถทับ แม่ง ไอ้เชี่ยนั่นตาบอด สุดหวงกูจอดตรงนั้นยังถอยมาทับได้ แถมเรียกเศษเหล็กอีก พูดแล้วของขึ้น” ไอ้ต้อมระบายออกมารัวๆ ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจมัน ไอ้ต้อมหวงสุดหวง (ชื่อจักรยาน) มันยิ่งกว่าชีวิตอีก อยู่ๆ มันก็ควักมือถือมาแล้วกดให้ผมดูรูปคนที่มันไปมีเรื่องด้วย

   คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน

   ผมเอามือถือที่มีรูปมาถามกลุ่มสาวนักข่าวประจำห้อง เพียงแค่ยื่น กลุ่มสาวๆ ก็รีบสาธยายตั้งแต่ประวัติยันเรื่องส่วนตัวจนผมต้องยกมือห้าม

   “พวกมึงนี่ ถ้าจำข้อสอบได้เหมือนเรื่องพวกนี้คงได้เกียรตินิยมไปแล้ว” พูดจบก็รีบชิ่ง ไม่อย่างนั้นผมอาจโดนกระทืบได้ สาวคณะผมไม่ได้อ้อนแอ้นนะครับ ทุกคนถึกและบึกบันทั้งนั้น

   ได้ข้อมูลมากพอก็กลับไปบอกไอ้ต้อม แต่มันกลับขัดทำเหมือนไม่อยากฟัง แต่ผมรู้ว่ามันฟัง ทำเก๊กไปงั้น



   ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ผมชอบช่วงเวลาค่ำคืน รู้สึกเย็นสบาย ยิ่งได้จิบเบียร์แบบนี้ยิ่งรู้สึกดี ผมออกมาเที่ยวกับไอ้ดอยหลังจากออกจากห้องเชียร์ ส่วนไอ้ต้อมมันปฏิเสธเพราะเป็นพวกประหยัดเงิน ทุกวันนี้มันจดบัญชีรายรับรายจ่ายของมันทุกบาท ยังจำตอนเหรียญห้าสิบสตางค์มันหาย คุณเอ้ย โวยวายประหนึ่งเป็นแบงค์พัน

   เบียร์สีเหลืองทองมีฟองฟูจนแทบล้นแก้ว ไอ้ดอยพาแฟนมาด้วยแต่ไม่ได้ทำให้ผมอิจฉาหรอกครับ เห็นจนเบื่อแล้ว

   “ร้านนี้บรรยากาศโคตรดี” ผมว่าพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม

   “จริง” ไอ้ดอยเสริม

   “พวกพี่อย่ากินเยอะนะ โดยเฉพาะพี่ป่าน ขับรถมาเองระวังตำรวจ”

   “ครับๆ” รับคำบ่นจากน้องพิมพ์แฟนของเพื่อน “แฟนมึงขี้บ่นว่ะ” ว่าไปหัวเราะไป
 
   “แฟนพี่ป่านจะขี้บ่นกว่าพิมพ์อีกคอยดู”

   “แช่งพี่นี่หว่า”

   “ไม่ได้แช่ง แต่สาบเลยต่างหาก” แล้วไอ้ดอยกับแฟนมันก็หัวเราะผม แม่ง

   ระหว่างนั่งดูนักร้องของที่นี่ร้องเพลง มันเหมือนถูกศรรักปักอกอย่างจังเมื่อเห็นสาวสวยท่าทางเรียบร้อย หน้าตาน่ารักมากเดินผ่านไปพร้อมกับเพื่อน ผมมองตามจนเธอไปนั่งรวมกับกลุ่มใหญ่

   “ชอบละสิมึง” ไอ้ดอยเอาถั่วปาหน้าผมแต่ผมไม่สน “จัดเลยมึง”

   “พี่ดอยอย่ายุเพื่อน” น้องพิมพ์ดุ

   “กูอยากรู้จักว่ะ” ผมพูดจากใจ ตั้งแต่เรียนมาจะสามปีเพิ่งมาถูกใจคนนี้
 
   เมื่ออยากรู้จักผมก็รีบพุ่งเข้าไปหาตอนเห็นว่าคนที่ผมชอบเธอลุกครับ น่าจะไปเข้าห้องน้ำ ไอ้ป่านกำลังมีแฟนแล้วนะครับ (ติดไม่ติดอีกเรื่องหนึ่ง) ผมรีบเดินไปดักรอ ยืนอยู่นานกว่าเธอจะออกมา

   “สวัสดีครับ” รีบเข้าไปขวางหน้าทันที ดูเธอตกใจนิดๆ แต่ก็ยิ้มบางๆ ให้

   “คะ?”

   “คือผมอยากรู้จักคุณ”

   “...” ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา มีเพียงสีหน้าที่ดูแปลกใจ

   “เราน่าจะเรียนมหาลัยเดียวกัน ผมเรียนเกษตรปีสาม” แนะนำตัวก่อนเพื่อลดช่องว่างความไม่น่าไว้ใจ อีกอย่างที่รู้เพราะกลุ่มใหญ่ที่เธอไปนั่งด้วย บางคนผมก็เคยเห็นในรั้วมหาลัย

   “เกษตรเหรอ เอ่อ แล้วรู้จักพี่ต้อมหรือเปล่าคะ” ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อเพื่อนออกจากปากสาวสวยคนนี้

   “รู้จักไอ้ต้อมด้วยเหรอครับ” ถามออกไปด้วยความแปลกใจ

   “เพื่อนครีมชอบพี่ต้อมค่ะ พี่เขาอยู่ในเพจคิ้วบอยด้วย” กระพริบตาปริบๆ มอง

   อยู่ๆ ความคิดในหัวสมองผมก็แล่น รู้จักไอ้ต้อม งั้นผมให้มันเป็นทางเชื่อมให้ผมน่าจะดี แล้วก็น่าจะไปได้สวย

   ผมปล่อยให้แฟนในอนาคตของผมเดินกลับไปนั่งที่ ส่วนผมได้แต่คิดแผนการเกลี้ยกล่อมไอ้ต้อมให้ช่วย ไอ้นี่มันเรื่องมากอยู่ด้วย ต้องใช้เหตุและผลในการคุยมันถึงจะตกลง

   ขากลับ ผมโบกมือลาไอ้ดอยกับแฟนก่อนเดินไปที่รถตัวเอง เกือบจะถึงอยู่แล้วหากไม่เจอภาพบาดตาที่มันขวางอยู่ ภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเมามันส์ในรสจูบ ถ้าจะทำขนาดนั้น แนะนำไปหาโรงแรมนอนเถอะ
 
   “อุ้ย” เสียงตกใจดังหลังจากถูกถอนจูบ “มองทำไมยะ ไม่มีมารยาท”

   “พวกคุณคงมีมารยาทมากสินะ” ผมส่ายหน้าอย่างระอา

   “แก!”

   “ไม่เอาน่าคริส” เสียงทุ้มของผู้ชายมักมากหันกลับมามองผม ไอ้หัวเทาคนหน้าคุ้นนี่อีกแล้ว พอมันเห็นผมก็เลิกคิ้วมอง สายตาที่มองตรงมาไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร อาจจะรำคาญผมก็ได้ที่มาขัดจังหวะ

   “แต่เด็กนั่นมันปากเสีย” ยัยผู้หญิงปากแดงยังชี้หน้าว่าให้ผม

   “ก็แค่พวกที่ผ่านมาแค่นั้น”

   “ใช่ครับ ผมก็แค่ผ่านมาแล้วก็เห็นพวกคุณสองคนกำลังจูบกันอย่างเมามันส์กันอยู่ก็แค่นั้น” ว่าเสร็จก็รีบหนีขึ้นรถแล้วขับออกไป ก่อนขับผ่าน ผมลดกระจกรถลงแล้วโบกมือลา ยัยผู้หญิงคนนั้นย่ำเท้าอยู่กับที่ด้วยความไม่พอใจ

   “ทำไมเกนถึงไม่จัดการให้คริส”

   “ช่างเขาเถอะ ผมกลับล่ะ”

   “เกน เดี๋ยว เกน คืนนี้ของเราล่ะ เกน!”

   ผมมองผ่านกระจกมองหลัง เห็นผู้ชายคนนั้นเดินขึ้นรถตัวเองทิ้งให้คู่ขาย่ำเท้าร้องกรี๊ดๆ

   ไอ้นี่มันเพล์บอยตัวพ่อนี่หว่า พวกวันไนท์สแตนด์สินะ

   เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขัดจังหวะมองรถคันงามที่ขับต่อท้าย ผมชะลอความเร็วไปจอดข้างทางจนไอ้รถคันนั้นขับแซง ตอนช่วงที่มันแซง ผมแอบเห็นไอ้นั่นโบกมือทักทายผมด้วย

   “ว่าไงไอ้ต้อม”

   (อย่าลืมงานพรีเซ็นต์พรุ่งนี้นะมึง ไม่เอามามึงตาย)

   “เออ ไอ้นี่ย้ำจริง”

   (ก็มึงมัวแต่เที่ยว)

   “เออๆ พูดมากระวังมีเมียขี้บ่นนะมึง”

   (ไอ้เหี้ย)

   โดนปล่อยสัตว์ทำร้ายตอนกลางคืนจากเพื่อนปากดี ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมและเข้าเกียร์จะออกรถ แต่สายตาดันเห็นท้ายรถนอกคันสวยที่แซงผมไปเมื่อกี้ที่มันจอดอยู่ไม่ไกล พอเห็นผมออกรถมันก็ออกตาม และมันปล่อยให้ผมแซงกลับตามเดิม

   มันบ้าหรือเปล่าวะ


   ผมขับรถมาจนถึงหอพักตัวเอง วันนี้ดื่มไม่มากเพราะมัวแต่คิดเรื่องสาวสวยที่เจอในร้าน โคตรน่ารักอะ เปิดประตูลงจากรถ สายตาดันเหลือบไปเห็นแสงสีแดงท้ายรถที่เพิ่งวิ่งผ่านผมไป อาจจะเป็นรถคนทั่วๆ ไปก็ได้ ไอ้บ้านั่นคงไม่ขับรถตามผมมาถึงที่นี่หรอก ถ้ามันมา มันก็บ้าแล้ว นึกถึงแฟนในอนาคตของผมดีกว่า ได้คบกันเมื่อไหร่ ไอ้ป่านจะเอาไปอวดพ่อกับแม่เลยคอยดู


.............TBC


พาน้องป่านมึนมาทักทายค่าาา ช่วงนี้อัพช้าไปหน่อย ขออภัยด้วยค่า แต่ไม่ได้หายไปไหนเน้อ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 26-09-2016 20:56:49
พี่ฝอยกับน้องต้อมน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

รออ่านน้องป่านคนมึนกันพี่เกน

ขอบตุณค่า  :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 26-09-2016 21:16:17
โอ้ยยยน :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-09-2016 21:39:12
พี่เกน เคยเจอป่านมาก่อน
แล้วสนใจป่าน   :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-09-2016 22:19:58
คู่เกน ป่าน มาแล้ว

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-09-2016 22:46:11
เจอกันแต่ละครั้งพี่เกนมีสาวอยู่ข้างกายตลอด

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 26-09-2016 23:28:06
รอตอนต่อไปค่ะ ^ ^
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 27-09-2016 01:10:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 27-09-2016 05:50:07
ป่าน เกน มาแล้ว เย้ๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-09-2016 11:13:35
คือเคยเจอกันมาก่อน แต่ป่านจำไม่ได้สินะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 27-09-2016 12:40:09
ป่านนี่แหละที่จะทำให้พี่เกนทิ้งสันดาน ทิ้งนิสัยที่ไม่ดี ทิ้งความเจ้าชู้ เมื่อมอบหัวใจดวงนี้ให้กับคนที่พี่เกนรักกว่าชีวิตอย่างป่านแน่นอน แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นอยากให้ป่านทำให้พี่เกนรู้ซึ้งของคำว่ารักแท้ และรู้ซึ้งของคำว่า "ก่อนจะเสียของที่มีค่าในชีวิตไป" :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-09-2016 16:51:42
ดูท่าพี่เกนจะหลงน้องป่านตั้งแต่แรกเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 28-09-2016 13:12:46
 o13
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-09-2016 13:45:52
พี่เกนนี่ก็ตัวพ่อได้เลยนะครับเนี่ย น้องป่านต้องคุมข้มแล้วแหละ ^^
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-09-2016 14:17:23
อ้าวคู่นี้เขารู้จักกันมาก่อนตายรักแรกพบ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 28-09-2016 15:13:14
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด รอเชียร์น้องป่าน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 28-09-2016 15:33:41
ว้าว เกน-ป่านมาแล้ว น่าสนุกกกกก รออ่านนะฮะ ขอบคุณคร้าบบบบ  :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 28-09-2016 18:02:54
แน่ะๆ พี่เกนเล็งน้องป่านไว้ตั้งนานแล้วใชมั้ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 28-09-2016 19:56:28
ค้างๆ ชอบคู่นี้ค่ะ :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-09-2016 22:30:35
กรี๊ดดด อิพี่เกนมันซุ่มค่าาา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-09-2016 11:30:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 29-09-2016 15:27:14
เค้ามองกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งอ่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-09-2016 18:08:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 29-09-2016 20:39:26
อยากอ่านป่านเกนต่ออออค่าาาา o11

 :pig4:


หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [1] Up!! [P.12]<< // [26/09/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 30-09-2016 16:28:24
เออเนาะที่แท้เกนก็เล็งป่านไว้แล้วนี่เอง

รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 01-10-2016 13:00:07
No Sugar : Part Ken & Pan [2]


(ป่าน)
   

        ผมคิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องสำเร็จ ผมได้ไลน์ของน้องเขามาจากการแลกไลน์ไอ้ต้อม อาจจะดูขายเพื่อนไปสักหน่อย แต่ชั่วโมงนี้ขอผมได้ทำตามหัวใจหน่อยเถอะ ลองส่งข้อความไป ไม่นานก็ได้ข้อความตอบกลับ ความน่ารักของน้องยิ่งทำให้ผมชอบมากขึ้นไปอีก จำได้ว่า วันแรกเราคุยกันข้ามคืนกันเลยทีเดียว

   น้องครีม เป็นสาวมั่นใจในตัวเองสูงพอสมควร นั่นเพราะน้องเขาสวยจริงๆ ผมพยายามชวนคุยอยู่หลายวันจนกลั้นใจลองชวนน้องครีมไปกินนมปั่นหน้ามหาลัย น้องดูแบ่งรับแบ่งสู้ซะผมใจคอไม่ค่อยดี แต่สุดท้ายก็ตกลง เลยชวนไอ้ต้อมไปด้วย เผื่อมีอะไรมันจะได้ช่วยผม

   พอเอาเข้าจริง แทบไม่ต้องให้ไอ้ต้อมช่วย เพราะน้องครีมพูดเก่งมาก น้องชวนผมคุยจนลืมเพื่อนที่พามา ก่อนน้องครีมโวยวายคนที่พามาด้วยเรื่องแย่งของกินนมปั่นของไอ้ต้อม ดูแล้วคงจะอยากกินเพื่อนผมมากกว่านมปั่นละมั้ง ไอ้ต้อมมันก็นั่งหน้านิ่ง ผมเดาว่า มันไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังถูกอ่อย

   น้องครีมชวนผมคุยอีกครั้งเมื่อรุ่นพี่ที่มาด้วยไม่ยอมคืนแก้ว อีกทั้งไอ้ต้อมก็ยินดียกให้ ส่วนผมกับน้องคราวนี้คุยเรื่องเรียน น้องเขากำลังขึ้นปีสองซึ่งบางวิชาก็เรียนยากซะจนท้อ ผมให้กำลังใจได้เพียงคำพูด แต่น้องครีมดูเหมือนไม่ค่อยตั้งใจฟังเท่าไหร่ ดวงตากลมโตจ้องไอ้ต้อมกับพี่ชายตัวเอง พอผมลองหันไปมองบ้างก็ต้องอ้าปากค้าง
 
   ไอ้พี่หน้าดุมันยื่นนมปั่นไปจ่อปากเพื่อนผม ที่สำคัญ ไอ้ต้อมอ้าปากกินด้วย แม้มันจะไม่ถือเรื่องใช้หลอดเดียวกัน แต่สำหรับผม มันจูบทางอ้อมชัดๆ

   “เอ่อ ครีมยังมีรายงานต้องทำ ครีมขอกลับก่อนดีกว่าค่ะ”

   “ได้ครับ ไว้เจอกันใหม่นะ” ผมโบกมือลาน้องครีมคนสวยของผม (?) จนเธอขึ้นรถไป ผมก็เริ่มกลับมาเงียบจนโดนไอ้ต้อมตบหัวเข้าอย่างจัง ไอ้เชี่ยนี่มือหนักชะมัด

   “เป็นเชี่ยไรวะ เงียบนะมึง” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเองเมื่อภาพที่ร้านยังติดตา

   “มึงกับพี่ของครีม...เหมือนคบกันเลยว่ะ” พูดออกไปในที่สุด  ไอ้ต้อมมันตบหัวผมติดๆ กันจนสมองแทบไหล

   “ไอ้เหี้ยป่านคิดมาได้ กูขนลุกสัด” ไอ้ต้อมพูดพลางยกมือลูบแขนตัวเองไปมา

   “กูพูดจริงๆ ตอนป้อนกัน กูเห็นผู้หญิงโต๊ะหลังถ่ายรูปด้วย” เพื่อนผมโดนยกกล้องมือถือถ่ายตั้งแต่ยื่นแก้วนมปั่นให้พี่ของครีม สาวๆ กลุ่มนั้นยกมือปิดปากไว้ ผมว่าคงอยากกรี๊ดแน่ เพราะหน้าแต่ละคนแดงแปร๊ดเชียว

   “ไร้สาระ กูกับไอ้นั้นไม่มีทางญาติดีกัน...คิดเรื่องมึงเถอะ อย่ามาคิดเรื่องกู เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้” ไอ้ต้อมมันยืนยันว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ผมดูออกว่าพี่คนนั้นกำลังจะทำให้มันเป็นไปได้อย่างแน่นอน

   ผมแยกกับไอ้ต้อมหน้าตึกเรียน มันกลับหอ ส่วนผมก็กลับเหมือนกัน ระหว่างทางเจอรถคันที่มันเคยขับตามผมด้วย รถคันงามกำลังมุ่งหน้าออกถนนใหญ่อยู่ด้านหน้าของผม ภายในรถเห็นเงาลางๆ ว่ามีตุ๊กตาหน้ารถนั่งข้าง เป็นพวกใช้ผู้หญิงเปลือง แถมคนที่ได้มีแต่น่ารักและเด็ดดวงทั้งนั้น ไม่รู้ทำบุญด้วยอะไร แต่ก็อย่างว่า หล่อ รวย ครบเครื่องซะขนาดนั้น ไม่ได้ก็แปลกแล้ว

   ขับตามไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะความอยากรู้มันดันสั่งให้ขับตาม ก่อนรถคันแพงจะเลี้ยวเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ผิดคาดนะครับ คิดว่าจะเข้าโรงแรมซะอีก ผมหมายถึงกินข้าวในโรงแรมแล้วแถมเรื่องใต้สะดือ

   แยกออกมาเพื่อกลับห้อง ผมแวะซื้อข้าวกล่องกลับมากินที่ห้อง กินเสร็จก็อาบน้ำ พอออกจากห้องน้ำเห็นหน้าจอมีแสงวาบขึ้นมา ไอ้ต้อมส่งข้อความมาโวยวายว่ารุ่นพี่คนนั้นส่งข้อความมาหา ไม่รู้ไปเอาไลน์มันมาจากไหน

   หรือจะมาจากน้องครีมที่ผมเอาไปแลกวะ

   สะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปพร้อมบอกให้ไอ้ต้อมทำใจ เพราะมันไม่หยุดแค่นั้นหรอก เพื่อนผมไม่แคล้วจะเสร็จรุ่นพี่บริหารคนนั้น แต่หวังว่าจะทนไอ้ต้อมได้นะ



   เช้าวันใหม่ ผมออกห้องแต่เช้าเพื่อไปซื้อขนมปังร้านอร่อย ยืนต่อคิวอยู่นานถึงจะได้ ระหว่างที่เดินสวนออกมา ได้ยินนักศึกษามหาลัยเดียวกันพูดถึงรุ่นพี่บริหารชื่อเคนหรือเกนอะไรสักอย่างที่เพิ่งบอกเลิกกับดาวคณะนิเทศปีสามจนเป็นข่าวดัง เนื่องจากดาวปีสามกำลังจะเป็นนางเอกละครเวทีของคณะในอีกไม่กี่เดือน

   “ฉันเพิ่งเห็นพี่เขาคบกันไม่ใช่เหรอ” เพราะยังยืนรอนมร้อนเลยต้องกลายเป็นคนสอดรู้

   “ใช่ คงเพราะอดีตที่ฉันเคยได้ยินมาแน่เลย” ผมเหล่ตามองสาวร่างเล็กพูด “อดีตพี่เขาเคยถูกผู้หญิงหลอก”

   “รวย หล่อขนาดนั้นยังมีคนหลอกอีกเหรอ โง่หรือเปล่าผู้หญิงคนนั้น” แม้ไม่รู้อะไรแต่ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย ก็ในเมื่อผู้ชายหล่อรวยเพอร์เฟกทุกอย่างขนาดนั้นไม่น่าถูกหลอกได้

   “ใช่น่ะสิ พี่รหัสฉันเป็นแฟนคลับพี่เขานะ พี่เขาเล่าให้ฟังว่าผู้หญิงที่หลอกเป็นรักแรก”

   “รักแรกเลยเจ็บฝังใจ”

   “น่าสงสารเนอะ”

   อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับ

   “มิน่าทำไมพี่เขาถึงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า คงกลัวคบไปนานๆ จะถูกหลอก”

   ผมมองนักศึกษาสาวสองคนที่เดินไปคิดเงินหน้าเคาน์เตอร์หลังเลือกขนมปังเสร็จ นี่พวกเขากำลังพูดถึงไอ้เจ้าของรถแพงคันนั้นหรือเปล่า ก็น่าจะเข้าข่ายนะ

   ได้นมร้อนผมก็รีบขับรถไปหาครีม แม้จะเกร็งที่ต้องเข้าคณะนั้นแต่ผมก็ทำใจกล้า น้องครีมไหว้ขอบคุณจนผมรับไหว้แทบไม่ทัน เพื่อนๆ ของน้องแอบแซวเพื่อนตัวเองจนหน้าใสขึ้นสีระเรื่อ

   น่ารัก

   “พี่ป่านไม่น่าลำบากเลย” น้องครีมยิ้มหวานให้ผม

   “ไม่ลำบากเลย พี่เต็มใจ” ผมบอก

   “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ผมยิ้มส่งท้ายกำลังจะเดินออกมา แต่น้องครีมเดินมาขวางหน้าซะก่อน “พรุ่งนี้พี่ป่านว่างมั้ยคะ พอดีครีมอยากดูหนัง”

   น้องเปิดโอกาสให้ผมเต็มที่แล้วใช่มั้ย

   “ได้สิครับ”

   รับปากเสร็จผมก็รีบกลับคณะเพราะมีเรียน ผมขับมาจอดที่ลานเห็นรุ่นพี่บริหารกำลังมองตามหลังไอ้ต้อมที่เดินเข้าตึกไปแล้ว ผมเคยได้ยินมาว่า พี่คนนี้จีบไอ้กลอยเด็กศิลปกรรมอยู่นี่นา ตามเฝ้าไอ้กลอยอยู่ทุกวี่ทุกวัน แล้วทำไมวันนี้กลับมาจอดหน้าคณะเกษตรได้...

   อย่าบอกว่าจะจีบไอ้ต้อมจริงๆ

   ผมรู้ว่าไอ้ต้อมมันฟรีสไตล์เรื่องคู่ อีกอย่าง มันแทบไม่เคยมองหาคนที่ชอบสักคน ผมเข้าใจในสิ่งที่มันพูดมาจนถึงวันนี้ที่ผมเริ่มไม่เข้าใจ นั่นเพราะผมเริ่มอยากมีความรัก

   ระหว่างเรียนผมก็นึกถึงช่วงเวลาที่จะไปดูหนังกับน้องครีม ผมต้องวางแผนซะก่อน หากถึงเวลาจะได้ทำให้รู้ว่าผมตั้งใจมาด้วยจริงๆ

   “ไปกินข้าวโรงอาหารกลางดีกว่าพวกมึง” ไอ้นัยมันชวน พวกผมก็พยักหน้ารับ เริ่มเบื่อกับข้าวคณะตัวเองเหมือนกัน

   โรงอาหารกลางยังคงคึกคัก เสียงพูดคุยจอแจไปทั่วจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ ผมแยกไปซื้อข้าวมันไก่ที่คนไม่ค่อยเยอะ ที่จริงร้านนี้ก็อร่อยนะครับ แต่ติดที่ว่าทำช้าไปหน่อย อย่างตอนนี้ผมยืนรอจนปวดขา คุณยายที่ขายกำลังสับไก่อยู่เลย ผมละสายตาจากจานข้าวตัวเองที่เริ่มถูกวางไก่ต้ม รอบๆ โรงอาหารมีนักศึกษาที่แทบดูไม่ออกว่าเรียนคณะอะไรนอกจากพวกวิศวะที่สวมช็อปเข้ามา ข้างๆ กลุ่มนั้นมีนักศึกษาชายกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน สองในห้าดูดีซะจนสาวมองเหลียวหลัง

   รุ่นพี่บริหารกับไอ้รุ่นพี่หัวเทาเดินนำหน้าเพื่อนเข้ามา ก่อนทั้งหมดจะแยกย้ายไปซื้อข้าว ผมมองตามรุ่นพี่ที่คิดจะจีบเพื่อนผม พี่เขาเดินไปซื้อร้านริมทางเดินที่ไอ้ต้อมเพิ่งไปต่อแถวซื้อมา มองๆ ไปคนที่มองกลับถูกเปลี่ยนหน้า นั่นเพราะไอ้พี่หัวเทามันเดินมาขวางครับ

   “มองอะไรของมึง” เสียงทุ้มพร้อมกับหน้าบึ้งถามผม

   เรารู้จักกันเหรอวะ

   “เอ่อ เปล่าครับ” รีบปฏิเสธ ก่อนคุณยายจะเรียกผมให้รับจานข้าวมันไก่ แต่ผมกลับถูกกระชากแขนจากคนด้านหลังจนสะดุ้ง “พี่ทำไรเนี่ย”

   “มึงจำกูไม่ได้เหรอ” ขมวดคิ้วมองหน้าคนถาม

   “จำได้สิ ผมเจอพี่ที่ลานจอดหน้าผับไง ที่กำลังจะกินสาว”

   “นานกว่านั้นล่ะ มึงจำได้มั้ย”

   “พอดีผมสมองปลาทอง” บอกไปเพราะมันคือความจริง

   รุ่นพี่หัวเทาหรี่ตามอง “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูจะทำให้มึงจำได้เอง” พูดเสร็จก็ปล่อยมือจากแขนของผมแล้วก็เดินหนีไป อะไรของพี่เขาวะ หรือคบสาวเยอะจนเบลอ

   กลับมาที่โต๊ะพวกเพื่อนของผมก็นั่งรวมกลุ่มกับพวกไอ้กลอย สนิทกันอยู่แล้วนั่งด้วยกันยิ่งพากันครื้นเครง มีไอ้ต๋องเด็กศิลปกรรมเป็นตัวชงอีก เสียงหัวเราะโต๊ะของผมเลยดังไปหน่อยจนโดนพี่บริหาร (ที่เหล่ไอ้ต้อม) ดุ ถ้ามองเลยพี่เขาไปอีกหน่อยก็จะเห็นไอ้พี่หัวเทามันจ้องมาเช่นกัน

   ผมรู้ว่าผมเคยเจอพี่เขาที่ลานจอดรถหน้าผับ ตอนที่เขากำลังนัวเนียกับสาวทรงโต ผมก็จำได้นะ ทำไมถึงมองเหมือนผมทำผิดเรื่องร้ายแรงวะ

   กว่าจะหมดวันของวันนี้เล่นเอาเหนื่อย ไม่ได้เรียนเหนื่อยหรอกครับ แต่นั่งดูน้องปีหนึ่งเข้าห้องเชียร์แล้วเหนื่อยแทน ยิ่งถูกพวกว้ากลงอีก เอาจริงๆ ตอนปีหนึ่งพวกผมเจอมากกว่านี้ ไอ้ต้อมเกือบจะต่อยกับพี่ระเบียบที่มันเดินมาหาเรื่องโต้งๆ สุดท้ายเป็นไงล่ะ กลายเป็นลุงรหัสมันเฉย จากพี่ดุๆ กลายเป็นพี่รั่วสุดขีด

   ออกจากห้องเชียร์มาไอ้ต้อมเจอแจ็คพอตครับ พี่บริหารมารอมันถึงที่ เพื่อนผมได้แต่อ้าปากค้าง พอส่งเพื่อนให้พี่เขาแล้ว ผมก็เดินมาที่รถพร้อมไอ้ดอย

   “จะดีเหรอวะ” ไอ้ดอยมันถามรอบที่สิบแล้วครับ

   “ดีไม่ดีไม่รู้” ผมว่า

   “อ่าว แล้วพวกเราก็ปล่อยให้ไอ้ต้อมมันไปด้วย”

   “เอาน่า พี่เขาไม่เอามันไปปล้ำหรอก”

   “กว่าจะปล้ำได้กูว่า ตาเขียวพอดี”

   จากที่คบไอ้ต้อมมาจะสามปี เพื่อนผมคนนี้มันซ่าอยู่นะครับ เรื่องหมัดๆ มวยๆ นี่ถนัดนัก ขืนลองทำอะไรที่มันไม่เต็มใจดู มีหวังเบ้าตาเขียวพอดี

   ขับรถมาถึงหอพักตัวเอง ผมก็สะดุดตากับรถแพงที่เห็นบ่อยๆ ในมหาลัย รถคันนั้นเข้ามาจอดที่ลานจอดซะด้วย ไอ้พี่หัวเทานั่นมันมาส่งสาวที่หอนี้หรือเปล่า ผมนั่งอยู่ในรถชะเง้อมองหาเจ้าของแต่ก็ไม่เห็น พอเดินไปส่องด้านในก็ไม่เห็นมีคน

   “มึงจะขโมยของเหรอวะ” เชี่ย ตกใจ ผมกำลังส่องภายในรถกลับมาเสียงดังอยู่ข้างๆ ไม่ให้ตกใจก็บ้าแล้ว

   “ตกใจหมด” ลูบอกลูบหน้าตัวก่อนมองคนที่กำลังเหยียดยิ้มคล้ายกับยิ้มเยาะ “พี่มาส่งแฟนเหรอ” ถามไปทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

   “เปล่า” เสียงตอบนิ่งๆ พร้อมกับร่างสมส่วนจะเอนหลังพิงรถคันหรูของตัวเอง

   “แล้วมาทำไม”

   ถามออกไปแต่ไม่ได้คำตอบจากเสียง แต่มาทางสายตา นัยน์ตาดุจ้องหน้าผมตรงๆ เหมือนกับจะใช้สื่อสารอะไรออกมา แต่ผมไม่รู้หรอก พอดีโง่

   “มึงจำกูไม่ได้จริงๆ เหรอวะ” เริ่มรำคาญกับคำถามนี้แล้วนะครับ ถามย้ำอยู่ได้

   “ผมก็บอกพี่ไปแล้ว” บอกพร้อมขมวดคิ้ว “ถ้าอยากให้ผมรู้ก็บอกมาเลยดีกว่า” เงียบครับ ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมา “ถ้าไม่บอกผมขอตัวขึ้นห้องก่อน โอ๊ย” ร้องเพราะถูกกระชากแขนจนปลิวมาชนตัวรถ

   “กูยังพูดไม่จบมึงห้ามเดินหนี” คนแบบนี้ก็มีเว้ยเฮ้ย

   “ก็พี่ไม่พูด ผมก็ไปสิวะ” ยกมือข้างที่เป็นอิสระลูบสะโพกที่ชนกับตัวถังของรถ สมแล้วที่สร้างจากเหล็กอย่างดี

   “มึงลองใช้สมองอันน้อยนิดคิดว่าเคยเจอกูที่ไหนก่อนหน้าผับวันนั้น”

   “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้” ผมร้องลั่นแล้วยกมือปิดหู ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อถูกบีบต้นแขน “เจ็บโว้ย บังคับอยู่ได้แม่ง”

   ตะโกนใส่หน้าจนไอ้พี่หัวเทามันยอมปล่อยมือจากต้นแขนของผม แม่งเป็นรอยมือเลย ผมตวัดสายตาขุ่นมองและเหมือนมันจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมวิ่งหนีเข้าตึกมาซะก่อน ต้องเล่นทีเผลอครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่รอดแน่นอน แต่พี่คนนี้แม่งเพี้ยนว่ะ จะบังคับผมให้จำได้ทำไม ทำอย่างกับผมเป็นเมียมันแล้วความจำเสื่อมจำมันไม่ได้อย่างนั้นแหละ แต่นั่นมีแค่ในละครเท่านั้นแหละ เพราะชีวิตจริง จำไม่ได้ก็คือจำไม่ได้

.......................................................


(เกน)


   ทำไมมันจำผมไม่ได้วะ แม้มันจะผ่านมาปีหรือสองปีแล้วแต่ผมยังจำได้อยู่เลย ตอนเจอมันครั้งแรกที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ผมขับรถไปจอดหน้าร้านและเผลอเปิดไฟส่องหน้าไอ้คนที่มันนั่งเอ๋อปล่อยให้ไฟหน้ารถส่องไปที่ตัวเองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ลุกไปไหน ผ่านไปนานกว่าผมจะดับเครื่องยนต์ พอลงไปผมก็เห็นดวงตาเรียวมันจ้องอย่างไม่พอใจเท่าไหร่

   แววตาดื้อรั้นแบบนั้นที่ผมยังจำฝังใจ

   พอเดินเข้าไปในร้าน ผมยังแอบมองออกไปด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง จนไอ้เด็กนั่นเงยหน้าขึ้นมาทำให้เราจ้องตากันอยู่ครู่ใหญ่ แม้มันจะไกล แต่ในมุมของผมกลับเห็นหน้าขาวๆ นั่นถนัดนัก ผมมองไอ้เด็กแววตาดื้อนั่งจ้วงกินข้าวกล่องอย่างหิวโหย ดูไปแล้วก็ตลกดี

   “เกนขำอะไรเหรอคะ” มินตรา ดาวมหาลัยอื่นที่เป็นคู่ควงของผมในวันนี้ถามขึ้น ผมส่ายหน้าตอบ “เหรอ”

   “มินซื้อของเถอะ เดี๋ยวผมออกไปรอข้างนอก”

   ผมไม่สนใจอาการไม่พอใจของเธอเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ด้านนอกมีผู้หญิงแต่งตัวจัดเดินมานั่งโต๊ะกับเด็กนั่นด้วย ดูแล้วมันคงจะไม่ชอบใจ ใบหน้าขาวตีหน้ายุ่งซะจนผมต้องขำ

   ผมยังไม่รู้ตัวเองเลย ทำไมถึงเดินเข้าไปช่วย แถมบอกว่ามันเป็นของผม ไอ้เด็กนี่ทำตาโตตอนผมบอก แต่มันก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมาจนผู้หญิงคนนั้นเดินหนีไป ผมก็ถูกโวยวายทันที หน้าตายามมันโมโหก็ตลกดีเหมือนกัน ผมสบตากับแววตาดื้อคู่นั้นอีกครั้ง มันคล้ายกับมีแรงดึงดูด ยิ่งมองเหมือนผมยิ่งโดนดูดเข้าไป แม้อดีตที่ผ่านมามันจะยังย้ำเตือนให้ผมระวังตัวจากคนที่เข้ามาหา แต่ไอ้เด็กนี่ถ้าผมเป็นคนเข้าหาเอง มันไม่เหมือนกันใช่มั้ย หรือใช่วะ

   ทั้งๆ ที่ก็ดูไม่ได้น่าสนใจ แต่ทำไมผมถึงลืมแววตาคู่นั้นไม่ได้ แต่ไอ้เด็กดื้อนี่กลับลืมไปหมดสิ้น แบบนี้ไม่ให้น่าโมโหได้ยังไง

   ผมพยายามลืมแววตาคู่นั้นและยังใช้ชีวิตเสเพลแบบเดิม เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แต่มาพักหลังๆ ผมแค่พาไปกินข้าวหรือซื้อของให้แค่นั้น แทบจะนับครั้งได้ที่พาเข้าโรงแรม

   ‘เป็นเชี่ยไรของมึงไอ้ฟลอยด์’ ผมถามเพื่อนรอบที่สามของวัน มันดูกระวนกระวายขมวดคิ้วคิดอะไรบางอย่าง แววตาของมันสับสนปนลังเล

   ‘กูว่า กูกำลังตกหลุมรักว่ะ’ มองหน้าเพื่อนที่ไม่นานมานี้เพิ่งมาเพ้อถึงคนที่เจอที่ต่างจังหวัด ทำไมวันนี้มันเปลี่ยนคนตกหลุมรักอีกแล้วว่ะ

   ‘กูว่ามึงตกหลุมรักง่ายไป ระวังจะเหมือนกู’ คำเตือนของผมส่งให้เพื่อนรักที่สนิทกันมานาน ไอ้ฟลอยด์มันเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน เป็นพวกอ่อนไหวกับเรื่องคนใกล้ตัว ผมละกลัวมันจะถูกไอ้เด็กนั่นหลอก

   ‘ว่ากูตกหลุมรักง่าย มึงห่วงตัวเองเถอะ หลงมากกว่ากูอีก เที่ยวตามเขามากๆ ระวังจะโดนเกลียดสักวัน’ ผมเหล่ตามองไอ้ฟลอยด์

   ‘มันไม่มีทางเกลียดกูหรอก เพราะกูไม่อนุญาต’ เหยียดยิ้มออกมาอย่างมั่นใจและมันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

   ตอนนี้ผมก็ยังคิดแบบที่เคยพูดไปเมื่อตอนนั้น ผมไม่อนุญาตให้มันเกลียด มันก็ห้ามเกลียด เหมือนเผด็จการไปนิด แต่ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตลอด

   มันเป็นของผมแล้ว แม้จะทางสายตาก็เถอะ แต่มันเป็นของผม...ของผมเพียงคนเดียว

..............................................................................

   
(ป่าน)


   สรุปแล้ว ไอ้ต้อมก็หนีไม่พ้นเงื้อมือของพี่บริหารคนนั้นจริงๆ ผมรู้เพราะน้องครีมหรือว่าที่แฟนผมนั่นแหละ เธอส่งข้อความมาบอกเรื่องไอ้ต้อมกับพี่ของเขา ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ต้อมจะยอมคบ ยิ่งคนที่คบเป็นผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่

   “เป็นไรของมึง” ไอ้ดอยเหล่ตามองผม ตัวมันเองกำลังคำนวณตัวเลขลงรายงานที่ทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งตอนนี้ไอ้ต้อมก็ยังไม่มา

   “มึงรู้เรื่องไอ้ต้อมหรือเปล่าวะ ที่มันกำลังคบกับพี่บริหารคนนั้น” ลองถามดู ซึ่งไอ้ดอยก็พยักหน้า “จริงเหรอวะ ไอ้ต้อมเนี่ยนะคบผู้ชาย”

   “ผู้ชายหรือผู้หญิงมันไม่ต่างหรอกเว้ย อีกอย่าง พี่เขาก็ดูทุ่มเท มึงลองคิดดู มารับมาส่งทุกวัน แล้วไอ้ต้อมเนี่ย ถ้ามันไม่เต็มใจมันจะไปมั้ย สมองมีหัดคิด” ตวัดสายตาขุ่นมองไอ้เพื่อนสนิทที่มันใช้นิ้วจิ้มหัวผมอยู่ ไอ้ห่าดอยนี่กวนโมโหจริงๆ

   “เออ ไอ้คนสมองดี” ไม่ได้ประชดเพราะมันคือเรื่องจริง “งั้นกูว่า รายงานนี้ให้ไอ้ต้อมเอาไปทำเลยดีกว่าว่ะ แฟนมันเรียนบริหารต้องเก่งตัวเลขแน่”

   “จริงด้วยว่ะ” ไอ้ดอยเงยหน้ามองผมแล้วโยนปากกาทิ้งทันที

   สรุปแล้วก็สมองพอๆ กันนั่นแหละว้า


   
   ตอนบ่ายมีลงแปลงผักครับ เป็นวิชาเลือก ซึ่งวันนี้อาจารย์ไม่ลงมาคุม พวกเราเลยทำบ้างพักบ้างขึ้นอยู่กับความขี้เกียจของแต่ละคน อย่างกลุ่มผมตอนนี้ก็กำลังเถียงกันไปมาเรื่องไอ้ต้อมกับแฟนมัน อยู่ๆ แฟนมันก็มาหาพวกผมเลยแยกตัวไปที่แปลงตัวเอง ปล่อยให้สวีทกันซะให้พอ

   ผมพรวนดินได้แป๊บเดียวเสียงจากแปลงไอ้ต้อมก็ดังขึ้น โผล่หน้าไปดูก็เห็นพี่บริหารเลือดไหลเต็มมือไปหมด คนโดนยังไม่ตกใจเท่าคนยืนดู ไอ้ต้อมหันซ้านหันขวามองหาผ้าจะเอามาซับ ผมยื่นผ้าขนหนูให้มันก็ไม่เอาแต่มันกลับถอดเสื้อตัวโปรดมันซับเลือดแทน หวังว่าจะซักออก

   ไอ้ดอยกับผมยืนมองท้ายรถที่ขับออกไป ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องพาไปโรงพยาบาล นี่แหละนา คนไม่เคยทำมันก็ต้องเกิดอุบัติเหตุกันบ้าง

   “กลับดีกว่าว่ะ” ไอ้ดอยถอดถุงมือออก

   “เออ กูก็หิวแล้ว” ผมเห็นด้วย

   พวกเรานำอุปกรณ์ที่เอามาใช้ไปเก็บห้องด้านหลัง ไอ้ดอยมันโทรหาแฟนมัน ส่วนผมไม่มีคนโทรหาเพราะครีมเรียนอยู่ จะว่าไป หลังๆ มานี้ครีมกับผมก็สนิทกันมากขึ้น อย่างเมื่อวานครีมชวนผมไปซื้อของ ซึ่งของที่ครีมจะซื้อโคตรทำให้ผมอายจนอยากมุดดินหนี

   ผ้าอนามัยกับเสื้อยกทรง

   ในชีวิตนี้ของไอ้ป่านไม่เคยไปเลือกซื้อของพวกนี้เลย ขนาดแม่ผมยังไม่เคยให้ผมไปซื้อให้ ครีมคงไว้ใจผมมากสินะ

   ระหว่างสตาร์ทเครื่องยนต์ เสียงข้อความดังขึ้นมา พอกดเข้าไปดูเป็นน้องครีมที่ชวนผมไปกินข้าวตอนเย็น ผมเลยเปลี่ยนจุดหมายจากกลับหอเป็นคณะเภสัชแทน ไปอยู่รอเลยน่าจะดีกว่า เพราะอีกเดี๋ยวครีมก็เลิกเรียนแล้ว

   จอดรถรอครีมอยู่ด้านหน้าตึก นักศึกษาที่เดินไปมาเป็นกลุ่มก้อน บางคนก็น่ารักจนมองเหลียวหลัง บางคนก็หน้าตาธรรมดา พอไปวัดไปวาได้ ผมส่งข้อความไปบอกว่ามารออยู่หน้าตึก ครีมตอบกลับเป็นสติ๊กเกอร์รูปหัวใจจนผมเผลอยิ้มออกมา

   ก๊อกๆ เสียงเคาะกระจกทำให้ผมแทบทิ้งมือถือ คนเคาะเป็นผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก พอเลื่อนกระจกลงหญิงสาวคนนั้นก็ยิ้มหวานส่งมา

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามอย่างสุภาพ

   “เพื่อนครีมใช่มั้ย” รีบพยักหน้า “ฝากให้ครีมด้วยค่ะ” ผมมองสมุดเล่มบางที่ยื่นมาให้อย่างงงๆ

   “ของครีมเหรอครับ”

   “ค่ะ วันนี้ครีมไม่มาเรียน นิวจดเลคเชอร์ไว้ให้” รอยยิ้มหวานไม่ทำให้ผมยิ้มตาม ครีมไม่มาเรียน? แล้วทำไมถึงบอกผมว่ากำลังเรียน

   “ครีมบอกผมว่ากำลังเรียนอยู่” ผมบอก แฟนของครีมรีบส่ายหน้า ก่อนทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
 
   “อ๋อ งั้นนิวเอาให้ครีมเองก็ได้ค่ะ” ว่าเสร็จก็รีบเดินหนีไป ผมกำลังจะเปิดประตูรถลงไปตามก็ต้องดึงกลับเข้ามาใหม่เมื่อเห็นคนที่ผมกำลังรอลงจากมอเตอร์ไซค์คันใหญ่

   ครีมยืนนิ่งให้คนขี่รถถอดหมวกกันน็อก รอยยิ้มกว้างที่ผมเห็นบ่อยๆ กำลังส่งให้ผู้ชายคนนั้น ผมรอจนรถคันนั้นวิ่งหายไปก็เปิดประตูลงไปหา ครีมเห็นผมไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร เพียงแค่นิ่งไปเพียงนิดเดียวก็กลับมายิ้มกว้างให้ผมตามเดิม

   “พี่ป่านมานานแล้วเหรอ”

   “ครับ ครีมไปไหนมาเหรอ”

   “ไปกินข้าวมาค่ะ”

   “กับคนเมื่อกี้?” บรรยายความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ ครีมพยักหน้ารับ ถามว่าเสียใจมั้ย มันก็มีนิดๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นอยากฟูมฟาย “งั้นมื้อเย็นก็ไปกินกับพี่ไม่ได้แล้วสิ”

   “โหย ได้สิคะ ครีมกินตั้งแต่เที่ยงแล้ว พอดีไปดูหนังเลยกลับมาตอนนี้” ครีมกล้าทำกล้ารับจนผมอยากปรบมือให้จริงๆ ดีแล้วครับ แบบนี้จะได้ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันให้เสียเวลา

   “งั้นไปกันเลยมั้ย”

   ผมพาครีมมากินข้าวแถวๆ หอไอ้ต้อมครับ เป็นร้านบะหมี่ข้างทางซึ่งครีมก็ไม่ได้รังเกียจอะไร ร้านนี้อร่อยดี ผมมากินกับไอ้ต้อมบ่อย เรากินกันไปคุยกันไป ผมไม่ได้ลืมเรื่องไอ้คนขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้นหรอกนะครับ แค่ไม่อยากถาม แต่ครีมก็พูดออกมาก่อน

   “พี่ขิงเป็นนายแบบค่ะ” พูดพร้อมรอยยิ้ม

   “เขาจีบครีมเหรอ” ผมถามและได้เสียงหัวเราะเล็กๆ ตอบกลับ

   “ไม่หรอกค่ะ พี่เขามีสาวๆ เยอะจะตาย” ตอบแบบนี้แสดงว่าใช่นั่นแหละครับ
 
   “แล้วพี่ล่ะ แห้วเลยล่ะสิ”

   “ขอโทษน้า” ผมยิ้มให้คนที่กำลังยกมือไหว้ขอโทษ

   “ไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้น” พูดให้ขำ แต่ใจจริงแล้วกำลังเสียใจ (นิดๆ)

   “พี่ป่านไม่โกรธครีมใช่มั้ย”

   “โกรธทำไม เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเลยนะ ครีมจะชอบใครพี่ก็ห้ามไม่ได้หรอก”

   “น่ารักนะเนี่ย เดี๋ยวครีมหาแฟนให้”

   “ไม่ต้องเลยๆ”

   “ทำไมล่ะ ตอนพี่ต้อม ครีมยังยุให้พี่ฟลอยด์เลย”

   “แปลว่าครีมเอาไลน์ไอ้ต้อมให้พี่ชายจริงๆ ใช่มั้ย”

   ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงหัวเราะชอบใจ

   ผมกับครีมเดินมาเรื่อยๆ กะจะไปร้านสะดวกซื้อสักหน่อย แต่ดันเจอไอ้ต้อมที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหา มันพยายามจะอ้าปากพูดแต่กลายเป็นหอบแฮ่กแทน

   สรุปคือพี่ฟลอยด์ของมันป่วยเลยจะให้ครีมพากลับ แล้วครีมที่ยุพี่ชายให้ก็ไม่ยอมเพื่อนผมเลยต้องเดินหน้ามุ่ยไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแทน ตลกดีนะเพื่อนผม

   “งั้นครีมขอกลับก่อนนะคะ” อยู่ๆ คนข้างผมก็ขอตัวกลับ

   “แล้วครีมกลับยังไงล่ะ” ถามยังไม่จบดีก็มีเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังมาแต่ไกลก่อนจะวิ่งมาจอดข้างๆ ครีมโบกมือลาผมก่อนขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย

   ผมโบกมือให้คนที่ชอบที่กำลังกอดเอวคนอื่นแน่น ไอ้ป่านเอ้ย คนแรกที่อยากเข้าหากลับต้องมาซดน้ำแห้วแก้วใหญ่ ผมเดินคอตกกลับไปที่รถ อีกนิดเดียวจะถึงอยู่แล้วหากไม่มีรถยนต์ที่สาดไฟใส่หน้าจนต้องหรี่ตาลง...จำได้แล้ว

   ไอ้หัวเทากับเจ้าของรถไฟแรงสูงคนนั้น

   ผมหันหลังไปมองชุดโต๊ะหน้าร้านที่ผมเคยถูกขี้ตู่ว่าเป็นแฟนมัน ใช่แล้ว ต้องเป็นมันแน่ๆ จำได้เลาๆ ว่าน่าจะตอนปีหนึ่งตั้งแต่ไอ้ต้อมยังทำงานที่ร้านนั้นอยู่ เรื่องนานขนาดนั้นมาบังคับให้ผมจำ แต่ช่างเถอะ นี่ก็ไม่ได้เห็นหน้ามันมาเป็นอาทิตย์ คงจะเบื่อจนเลิกถามไปแล้ว

   “มาอ่อยไกลนะมึง”

   นึกถึงไม่พ้นนาทีมันก็โผล่หน้ามากวนอยู่ข้างผม ไอ้พี่หัวเทามันยังนั่นในรถของมันที่มาจอดเทียบตัวผม เหล่ตามองอย่างไม่ใส่ใจ จนมันขมวดคิ้ว ผมเห็นมือมันยื่นออกมานอกรถคงกะจะจับแขนผม ดีที่ผมรีบเบี่ยงตัวหนีแล้วขึ้นรถ
 
   “ไอ้บ้า”

   ว่าส่งท้ายก่อนออกรถ ผมไม่เห็นสีหน้าตอนถูกด่า แน่นอนว่ามันต้องโกรธแน่ แต่ถ้าถมว่าอยากจะด่ามันมั้ยถ้าย้อนกลับไปได้ ก็ยังคงเป็นแบบเดิมคือด่าครับ


.........................................................................................

พาร์ท 2 ค่าาาา มาช้าดีกว่าไม่มา ฮ่าๆๆๆๆ (ก้มกราบงามๆ)

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-10-2016 14:12:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 01-10-2016 14:58:04
สนใจป่านตั้งแต่เจอครั้งแล้วอ่ะดิ คิคิ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 01-10-2016 15:12:27
พี่เกน ชอบป่านนานแล้วนี่ หาโอกาสกดอยู่นี่เอง
ป่าน พลาดละที่ไปท้า
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 01-10-2016 16:23:32
พี่เกนรอจังหวะอยู่นี่เอง

 :pig4:  :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 01-10-2016 18:22:23
อ่านไปยิ้มไปค่ะ^^ มีความสุข

พออ่านจบก็ได้แต่กรีดร้อง'เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆ'555+ :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 01-10-2016 19:03:52
พี่เกนรีบรุกเร็วววววววว อีกคู่เค้าแซงหน้าไปไกลแล้วววว :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-10-2016 21:17:20
ถึงว่าป่าน จีบครีมอยู่ดีๆ
ทำไมพี่เกน ถึงมายุ่งขิงกับป่าน
พี่ฟลอยด์ รู้ดวยว่าพี่เกน แอบตามป่าน
พี่เกนรู้จักป่าน และติดใจป่านมาก่อนจริงๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-10-2016 21:51:16
พี่เกนสนใจป่านมาตั้งแต่เจอครั้งแรกเลยสินะ อิๆๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 01-10-2016 22:37:44
เกนชอบป่านตั้งแต่แรกเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-10-2016 23:47:11
ชอบป่านแต่ก็ทำปากเสียใส่เรื่อยนะพี่เกน

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 01-10-2016 23:50:29
อั้ยยะป่านเป็นของพี่เกนคนเดียวด้วยสายตา พี่เกนซุดยอด :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 01-10-2016 23:59:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 02-10-2016 09:54:27
 :กอด1:รอตอนต่อไป^^
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-10-2016 12:59:42
คู่กันแล้ว ไม่แคล้วกันหรอกเนอะ ^^
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-10-2016 18:26:56
กรี๊กกร๊าด มาต่อแล้ว
อิพี่เกนนี่ไม่หยุดเข้าหาน้องจริงๆ
ทำไงได้ึคนมันรัก ฮิ้ววว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-10-2016 18:58:48
เกนตามเฝ้าป่านมานานเหมือนกันนะ
มีหวงด้วย

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [2] Up!! [P.13]<< // [01/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-10-2016 21:50:42
เออะ พี่เกน หลงรักป่านเพราะเปิดไฟสูงใส่หน้าเขานี่นะ พี่ตกหลุมรักได้เกรียนมากค่ะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 02-10-2016 22:58:14
No Sugar : Part Ken & Pan [3]



       เป็นเพราะด่ามันคราวนั้นผมพยายามจะหลบ เวลาจะไปไหนในมหาลัยที ผมจะสอดสายตามองหาก่อน ถ้าเจอจะได้หลบทัน เหมือนเป็นโรคประสาทนิดๆ จนโดนไอ้ดอยตบหัวอย่างจัง

   “เป็นเชี่ยไรของมึง ลุกลี้ลุกลนจนกูปวดหัวเนี่ย”

   “เปล่าๆ”

   “ใกล้งานมหาลัยแล้ว กูโคตรขี้เกียจตื่นเช้า” เพื่อนคนใต้ผมบ่นครับ เหล่ตามองมันนิดๆ

   “ทุกวันนี้มึงไม่ต้องตื่นเช้า?” ผมว่า ไอ้ดอยมันหัวเราะลั่น ที่พูดแบบนั้นเพราะมันต้องตื่นเช้าไปรับแฟนไปเรียน แม้จะคบกันมานานแต่ทั้งคู่ก็แยกกันอยู่

   “ขอกูบ่นหน่อยสิวะ ไอ้เชี่ยนี่ แล้วไอ้ต้อมล่ะ หายหัวตลอด” ยักไหล่ไม่ใส่ใจ ตั้งแต่มันเปิดตัวจนมีแฟนคลับ ไอ้ต้อมมันจะหายหัวไปเลย เลิกเรียนเสร็จอย่าหวังจะไปเตร็ดเตร่แบบที่เคย “มึงเถอะ กับน้องที่มึงตามจีบไปถึงไหนแล้ววะ ช่วงนี้กูเห็นมึงไม่ไปหาเลย”

   “ก็พี่น้องเหมือนเดิม” ตอบอย่างไม่ใส่ใจ

   “แห้วล่ะสิมึง” ไอ้นี่รู้ทันตลอด “เอาน่า ปุ๊บปั๊บรับโชคมึงอาจแต่งงานเลยก็ได้”

   “แต่งงานพ่องมึง” ผมไม่เคยคิดหรอกครับเรื่องแต่งงาน ไม่ใช่คิดว่างานแต่งไม่สำคัญ แต่เพราะมันสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่อยากแต่งก็แต่ง

   ผมแยกตัวกลับหอ ช่วงนี้ชีวิตกลับมาน่าเบื่ออีกแล้ว เรียนจบก็กลับ ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นสักนิด จะให้ออกไปเที่ยวทุกวันมันก็คงไม่ไหว อีกอย่าง เพื่อนเที่ยวอย่างไอ้ดอยมันก็ต้องพาแฟนมันไป ผมก็กลายเป็นหมาหัวเน่าไม่มีคู่ เหงาไปอีก

   ขับรถไปครึ่งทาง ผมก็ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าห้างใหญ่ อยากหาอะไรอร่อยๆ กินก่อนเข้าห้อง เบื่อบะหมี่กับอาหารกล่องเต็มทน กดล็อครถส่วนตัวแล้วเดินเข้าห้าง ผมยื่นมือผลักบานประตูใสเข้าไปโดยไม่ได้มองอีกฝั่งที่มีคนผลักออกเช่นกัน เลยกลายเป็นว่า ต่างฝ่ายต่างผลัก ประตูเลยไม่ยอมขยับ

   “ขอโทษครับ...” ผมเอ่ยขึ้นก่อนเบิกตากว้างเมื่ออีกฝั่งเป็นรุ่นพี่มหาลัยเดียวกันที่ผมพยายามหลบมาหลายวัน “ชิบหาย” พึมพำเมื่อถอยให้อีกฝ่ายเปิดประตูออกมา สาวสวยที่ควงแขนเป็นรุ่นพี่คณะผมเอง ผมเลยต้องยกมือไหว้และทักทายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

   “น้องป่าน มาคนเดียวเหรอจ๊ะ” พี่ไหมทักทายผมหลังจากรับไหว้เสร็จ ที่สำคัญ ผมต้องไหว้รุ่นพี่หัวเทานั่นด้วย ใบหน้ามันดูนิ่งเฉย ใช้แต่สายตาคมจ้องมอง

   “อ่าครับ พอดีอยากกินชาบู” ผมตอบไป ตาก็แอบเหล่ไปที่คนข้างของพี่ไหมที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่เช่นกัน “พี่ไหมจะกลับแล้วเหรอครับ งั้นสวัสดีครับ” ยกมือไหว้ส่งท้ายแล้วรีบเดินหนี ไม่ชอบสายตาที่ถูกมองมาเลย มันเหมือนผมทำผิด กะอีแค่จำเรื่องหน้าร้านสะดวกซื้อนั่นไม่ได้ จะอะไรหนักหนา

   เดินเข้าร้านขายเสื้อ อยากจะซื้อแต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่อยากได้ ไม่ใช่ไม่สวย แต่มันแพงเกินไป ผมเคยไปเดินตลาดนัดกับไอ้ต้อม เห็นมันเลือกซื้อเสื้อจากโรงงานตัวห้าสิบบาท มันถูกมากและดีด้วย คราวนั้นผมเหมามาเกือบพันบาท จนไอ้ต้อมมันแทบยกมือกราบผม

   “ไม่ซื้อเหรอ” เสียงถามดังจากด้านหลัง ผมหันไปมองเจอคนที่น่าจะกลับไปกับพี่ไหมเมื่อกี้มายืนจังก้าทำหน้านิ่ง “อะไร”
 
   “พี่ยังไม่กลับเหรอ” ถามออกมา ก็ได้พยักหน้าตอบกลับแทนคำพูด “อ่อ งั้นผมไปก่อน” ผมเดินหนีไปโดยมีรุ่นพี่หัวเทาเดินตาม “อะไรวะ” หันไปถามอีกทีเมื่อเริ่มรำคาญ

   “ก็มึงจะไปกินชาบู” ผมก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ยิน “กูก็อยากกิน” มาถึงตรงนี้เริ่มเข้าใจแล้ว

   “ก็แล้วแต่”

   ไม่อยากสนใจแล้ว ยิ่งพูดยิ่งปวดหัว ผมเริ่มสงสารไอ้ต้อมแล้ว มันชอบบ่นว่าถูกตามแบบนี้ ผมยังมีน่าไปสมน้ำหน้ามัน สุดท้าย กรรมติดจรวดวิ่งมาชนจนหนีไม่ทัน

   ผมเดินเข้าร้านชาบูสีเขียวดำ เลือกที่นั่งเป็นบาร์สำหรับมาคนเดียว ด้านหน้ามีสายพานเลื่อนจานทั้งหมูทั้งผัก พอสั่งน้ำต้มไปคนข้างผมก็คว้าแก้วใสของผม

   “พี่จะเอาแก้วผมไปไหน”

   “มึงจะกินน้ำอะไร” อยากขยี้รูหูซ้ำๆ นี่มันจะเอาน้ำให้ผมเหรอวะ

   “โค้ก” ไปบอก รุ่นพี่หัวเทาพยักหน้าแล้วเดินไปที่โซนน้ำดื่ม ผมยิ้มให้พนักงานที่เอาหม้อมาใส่ในหลุมก่อนจะลุกไปหาของกินเล่นอีกด้าน

   ซูชิน่ากินจนผมตักมาเต็มจาน รู้ว่ากินไม่หมด แต่ต้องมีคนช่วยกินอย่างแน่นอน ผมเดินกลับมาคนที่ไปเอาน้ำก็นั่งใส่ของลงหม้อตัวเองไปแล้ว ที่สำคัญ ใส่หม้อผมด้วย

   “เฮ้ยพี่ ผมไม่กินเห็ด” รีบห้ามเมื่อถูกเขี่ยเห็ดลงในหม้อ

   “อ่าวเหรอ” พูดแค่นั้นก็ใช้ตะเกียบคีบเห็ดออกจากหม้อผม

   รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมานั่งกินข้างคนที่ผมพยายามหลบ หลายครั้งที่แอบใช้หางตามองแต่ก็มักจะถูกหันมามองตรงๆ ทุกครั้ง ความรู้สึกเร็วโคตร

   “มึงชื่อป่านใช่มั้ย” คำถามที่ผมพยักหน้าตอบกลับ ปากก็งับเนื้อหมูสไลด์บางเข้าปาก “เพื่อนมึงคบกับเพื่อนกูสินะ” คงหมายถึงไอ้ต้อม

   “แล้วทำไม”

   “เพื่อนมึงคิดจะหลอกเพื่อนกูหรือเปล่า” ผมหันไปมองหน้าคนที่ว่าเพื่อนตรงๆ “เพราะเพื่อนมึงเข้าหาเพื่อนกูตลอด คิดจะหลอกเงินเพื่อนกูหรือเปล่า”

   ไม่เคยโกรธใครมากเท่านี้มาก่อน

   “พูดผ่านสมองแล้วใช่มั้ย ไอ้ต้อมไม่เคยเข้าหาเพื่อนพี่สักครั้ง เพื่อนพี่ต่างหากที่เข้าหามัน เอาจริงๆ ถ้าพี่จะหวงจะห่วงเพื่อนขนาดนี้ไปบอกเพื่อนพี่ให้เลิกยุ่งจะดีกว่า” พูดออกมารัวๆ หมูหรือกุ้งในหม้อไม่น่าพิสมัยอีกต่อไป ผมลุกยืนแล้วเดินไปจ่ายเงินทันที ขืนอยู่นานกว่านี้ผมอาจจะเผลอต่อยหน้านั่น



   
   จากวันที่ไปกินชาบูผมก็ไม่ได้เห็นหน้าพี่เขาอีกเลย ที่จริง ปกติในมหาลัยก็ไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วเพราะคณะผมกับบริหารอยู่คนละที่เลย ดังนั้นผมจะกลัวไปทำไม ผมควรสนใจงานมหาลัยดีกว่า ถูกมอบงานเป็นฝ่ายประสานงานที่โคตรจะวุ่นวาย ผมต้องเดินไปนั่นมานี่ หานั่นหานี่จนหัวหมุน สุดท้ายก็มานั่งเหล่สาวอยู่ใต้ตึกกับพวกไอ้ดอย
 
   “หน้าบูดเป็นตูดเลยมึง” เพื่อนรักผมทักได้น่ารักจริงๆ ถุย

   “เออสิ กูเดินทั้งวัน ปวดขาเหี้ยๆ” นวดขาตัวเองคลายความปวดก่อนเงยหน้าเมื่อไอ้ดอยตีแขน “อะไร”

   “น่ารักว่ะ” มองตามคนที่ไอ้ดอยชี้ “รหัสอะไรวะ”

   “ห้าสองเว้ย หลานรหัสอีแนง” ไอ้นัยบอก ไอ้ดอยถึงกับส่ายหัว

   “ป้ารหัสโคตรโหด น้องมันอาจไม่ต่าง” ไอ้ดอยว่า

   “อย่าตัดสินคนที่หน้าตาครับ” ไอ้แว่นว่า มันยิ้มกริ่มอย่างถูกใจ ก็นานๆ จะมีสาวหน้าตาจิ้มลิ้มหลงเข้ามาในคณะสักคนสองคน

   “ผ่านเลยมึง” ผมว่า

   “สนมั้ยมึง แทนเด็กเภสัช” ไอ้ดอยเปิดประเด็นปุ๊บ ไอ้พวกทั้งหลายที่นั่งอยู่ด้วยก็เริ่มเซ้าซี้ถามถึงรายละเอียดเรื่องผม

   “เรื่องของกู” ผมเน้นทีละคำจนพวกมันเลิกสนใจแล้วหันไปหลีน้องปีหนึ่งต่อ

   ไอ้ต้อมเดินลงจากตึกเรียกสายตาของพวกผมได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะตอนมันลงมามีผู้ชายที่จีบเพื่อนผมกับคนที่กล่าวหาว่าเพื่อนผมไปหลอกยืนขวางหน้ามันอยู่

   “พี่มาทำไม” ไอ้ต้อมหน้าเหวอมองรุ่นพี่บริหาร ผมหูผึ่งนิดๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ได้ยินว่าพวกเขาจะไปดูหนังกัน “เอาเพื่อนไปด้วยนะ” ไอ้ต้อมปรี่มาดึงแขนผมจนผมแทบตกเก้าอี้

   ทำไมต้องเอาผมไปด้วยวะ

   ผมเดินตามไอ้ต้อมไปขึ้นรถแฟนมัน ชื่อฟลอยด์สินะ เรียกพี่บริหารตั้งนาน แต่พี่ฟลอยด์กลับชี้ให้ผมไปขึ้นรถเพื่อนแทน ชิบหาย จะให้ผมไปนั่งกับไอ้พี่นั่นน่ะนะ ผมมองไอ้ต้อมอย่างขอความช่วยเหลือ มันเดินเข้ามาแล้วกระซิบบอกว่านั่นเพื่อนพี่ฟลอยด์ คือผมรู้จัก แต่ไอ้ต้อมคงไม่รู้ แม้จะอึกอักแต่ผมก็ยอมเดินไปขึ้นรถอีกคันที่จอดต่อท้าย ที่ยอมเพราะไม่อยากให้ไอ้ต้อมกับแฟนมันทะเลาะกันหรอก

   “ขึ้นสิ” เสียงนิ่งๆ บอกก่อนเจ้าของรถจะสอดตัวเข้าไปนั่งประจำคนขับ

   เอาวะ ผมสอดตัวไปนั่ง คาดเข็มขัดเสร็จก็แทบผงะเมื่อเจ้าของรถชะโงกตัวข้ามผม มือยาวๆ เอื้อมดึงประตูรถที่ยังไม่ได้ปิด ผมเอนตัวชิดเบาะรถแถมต้องกลั้นหายใจแต่กลิ่นน้ำหอมก็ยังทิ่มเข้าจมูกอยู่ดี พอคนใส่น้ำหอมจัดถอยออกไปผมก็ถอนหายใจออกมา มองไปเห็นรอยยิ้มติดมุมปากนิดๆ ด้วย

   มันแกล้งผมหรือเปล่าวะ

   การจราจรคับคั่งจนรถแทบไม่ขยับ รถคันหน้าไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไง ไอ้ต้อมมันจะห่วงผมหรือเปล่า รู้แบบนี้ไม่ยอมมาด้วยก็ดี มันอึดอัด แม้ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรก็เถอะ กว่าจะถึงก็นั่งจนเมื่อยก้น ผมรีบเปิดประตูไปเกาะแขนไอ้ต้อมทันที รู้สึกหายใจโล่งท้องขึ้นมาหน่อย 

   ผมกับเพื่อนเดินตามหลังเพราะเจ้ามือมื้อนี้ที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนด้านหน้า ร้านเสื้อกับรองเท้าลดราคาเยอะมาก ช่างยั่วยวนเงินในกระเป๋าผมซะเหลือเกิน

   “ทำหน้ากระสันเหี้ย” ไอ้ต้อมมันตบหัวผมครับ แต่ไอ้คำว่ากระสันนี่มันใช้ถูกเหรอ?

   “กูชอบเสื้อตัวนั้น” ผมชี้ แต่ไอ้ต้อมส่ายหน้า

   “ลดสามสิบเปอร์เซ็น แต่ราคาเต็มหลักพัน ลดไปก็ยังหลักพัน” มาแล้วครับ คนช่างคำนวณงบประมาณรายวัน

   “มึงน่าจะไปเรียนบริหารแทนเกษตรนะ คิดแม่งทุกอย่าง” ด่าไปก็ไม่สะทกสะท้านหรอกครับ ไอ้ต้อมยืดอกรับคำชมเฉย

   หนังที่จะดูต้องรออีกชั่วโมง พวกเราทุกคนเลยไปหาอะไรกินก่อน ไอ้ต้อมเป็นคนเลือกร้าน ผมก็กินได้หมดนั่นแหละ ยิ่งปิ้งย่างที่พวกเรากำลังเดินเข้าร้านผมก็ยิ่งชอบ ผมเดินไปหยิบจานหมูมาเพิ่มเป็นตั้ง กลับมาที่โต๊ะก็เจอคนจ้องหาเรื่อง

   “นี่เอามากินทั้งชาติหรือไง” ไอ้ต้อมหันมองผมทันที มันคงกลัวผมจะไม่กล้าทำอะไร แต่เปล่าเลย ผมยิ่งเดินไปเอาจานหมูมาจนเต็มโต๊ะ พี่ฟลอยด์แอบขำด้วยเมื่อเห็นเพื่อนหัวเสีย ส่วนเพื่อนพี่เขาลุกออกไปหาของเพิ่มแทน

   ผมนั่งปิ้งหมูโดยมีพี่ฟลอยด์กำลังปิ้งของทะเล ผมเงยหน้ายิ้มอย่างเป็นมิตร เช่นเดียวกับพี่เขา ดูเหมือนพี่ฟลอยด์จะมีเรื่องอยากคุยแต่ไม่กล้า ผมเลยถามไปก่อน

   “พี่มีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่า”

   “คือ...ไอ้เกนไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใช่มั้ย”

   ผมกระพริบตาปริบๆ มองคนที่ถามคำถามแปลกๆ “พี่หมายถึงอะไรเหรอครับ”

   “ไอ้เกนมันไม่ได้ไปยุ่งกับป่านมากเกินไปใช่มั้ย คือมันก็เป็นแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนดีนะ อาจจะดูเหี้ยไปบ้างบางเวลา” อยากจะเถียงว่าเหี้ยตลอดเวลามากกว่า

   “พี่รู้ด้วยเหรอ ว่าเพื่อนพี่มา...เอ่อ ยุ่งกับผม” พี่ฟลอยด์พยักหน้าช้าๆ “แต่พี่เขาไม่ได้ยุ่งแบบชอบผมหรอกครับ แค่มากวนประสาทเฉยๆ” คนถามผมหัวเราะจนไอ้ต้อมมาก็โดนสายตาบังคับให้นั่งลงข้างๆ ผมเลยลุกไปหาของอย่างอื่นบ้าง แต่พอกลับมา ผมกลับต้องนั่งข้างคนที่ชอบกวนประสาทของผมแทน

   กว่ามื้อนี้จะจบลง ผมก็แยกเขี้ยวกับเพื่อนของพี่ฟลอยด์ไปหลายรอบ มันกวนโมโหผมจริงๆ นะครับ ผมปิ้งหมู มันก็เอาไป ปิ้งกุ้ง มันก็เอาไป ทั้งๆ ที่จานหมูของมันก็ยังมี อารมณ์เสียจริงๆ

   อีกสามสิบนาทีถึงจะถึงเวลาหนังฉาย ผมขอแยกออกมาดูหนังสือการ์ตูน ไล่ดูตามชั้นหนังสือที่ผมอยากได้แต่ยังไม่มา ผมเลยเดินดูหนังสืออื่นๆ จนไปเจอหนังสือท่องเที่ยว หน้าปกเป็นรูปทะเลสีฟ้า จะว่าไปผมก็อยากไปทะเลเหมือนกันนะ นานแล้วที่ไม่ได้เหยียบหาดทรายขาว

   “มึงอยากไปเหรอ” ผมหันไปมองคนถาม “เนี่ย” นิ้วเรียวสวยจนผู้หญิงอายชี้มาที่หน้าปกหนังสือ

   “เปล่า แค่เอามาดูเฉยๆ” ผมวางหนังสือท่องเที่ยวตามเดิม “แล้วพี่ไม่ซื้ออะไรเหรอ” ที่ถามเพราะไม่เห็นหิ้วอะไรสักอย่าง ตอนแยกกันเมื่อกี้ได้ยินจะไปหาซื้อของ

   “มันไม่ถูกใจ”

   “อ่อ”

   เบ้ปากใส่คนที่มาตามผมไปที่โรงหนัง อย่าคิดว่ามันเดินตามผมนะครับ แค่โดนพี่ฟลอยด์ใช้ให้มาตามผมก็แค่นั้น พอเข้าไปในโรงหนัง ผมถูกสายตาบังคับให้เข้าไปนั่ง ไอ้ต้อมเดินต่อผมมาปิดท้ายด้วยพี่ฟลอยด์ ส่วนเพื่อนพี่เขาก็นั่งข้างผมนี่แหละครับ ตอนแรกก็อึดอัด แต่พอหนังเริ่มฉายผมก็ไม่ได้สนใจคนข้างๆ อีกเลย

   หนังจบแบบไม่เสียดายเงิน แม้ไม่ใช่เงินของผมก็เถอะ ผมเดินออกมากับไอ้ต้อมแต่พอมองหน้าพี่ฟลอยด์แล้วก็รู้สึกว่าตอนนี้คงอารมณ์บ่จอยเท่าไหร่ ผมคงต้องให้ไอ้ต้อมจัดการ ส่วนผมใจกล้าไปขอกลับกับอีกคนแทน

   “เออ” คำตอบตกลง

   ผมเดินตามเจ้าของรถไป กำลังจะถึงรถอยู่แล้วเชียวดันมีสาวทรงโตเดินเข้ามากอดและจูบคนที่ผมขอติดรถกลับ ผมว่า พวกเขาคงอยากไปโรงแรมที่ไหนสักที่

   “เอ่อ ผมกลับก่อนนะครับ” บอกรัวๆ เพราะกลัวไปขัดจังหวะ ผมเดินเลี่ยงออกมาด้านนอก กำลังจะยื่นมือโบกแท็กซี่แต่มีรถมาโฉบตัดหน้าจนชักมือกลับแทบไม่ทัน กระจกรถเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นเจ้าของรถ “อะไร”

   “ขึ้นมา” เสียงดังฟังชัดจนผมเหลียวซ้ายแลขวา เอาวะ แถวนี้ขึ้นชื่อเรื่องแท็กซี่ไม่รับแขก อย่างน้อยก็น่าจะถึงหอตัวเองก่อนดึก

   เปิดประตูขึ้นไปนั่งยังไม่ทันจะปิดประตูดีรถก็กระชากออกตัวจนผมตกใจ พอจะหันไปด่าก็ต้องหุบปาก หน้าตาบึ้งตึงคล้ายกับจูบเมื่อกี้ไม่เป็นที่พอใจ

   “กูยังไม่ได้อนุญาตให้มึงเดินหนีไปเมื่อกี้”

   “หา?”

   “เดินหนีออกมาทำไม” ทำไมต้องตะคอกด้วยวะ

   “ก็ผมคิดว่าพี่อยากไปโรงแรมกับผู้หญิงคนนั้น”

   “มึงเป็นตัวกูเหรอถึงคิดแทนกู” บ๊ะ ไอ้พี่นี่

   “เออๆ ผมผิดเอง”

   ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ผมเลือกที่จะปัดเรื่องไม่เป็นเรื่องทิ้ง ก่อนพิมพ์ข้อความไปหาไอ้ต้อม บอกรายละเอียดเพื่อนแฟนมัน แต่มันก็ไม่ยอมอ่านสักที หรือว่ากำลังปลอบใจกันอยู่ ผมเห็นพี่ฟลอยด์หน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง

   “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้พี่คนใจดีที่อุตส่าห์มาส่งแม้หน้าตาจะเลยบึ้งไปไกลก็เถอะ แต่ก็พาผมมาถึงหออย่างปลอดภัย

   “กูชื่อเกน เรียกชื่อกูบ้าง” น้ำเสียงเรียบๆ บอกมาผมเลยพยักหน้าลง

   “ขอบคุณครับพี่เกน” บอกอีกรอบ คนหน้าบึ้งเริ่มดีขึ้นบ้าง

   “เออ” กว่าจะมีเสียงตอบกลับพร้อมรอยยิ้มผมก็แทบจะเดินหนีไปแล้ว แต่ก็ยังแอบเห็นนั่นแหละครับ ชาติก่อนต้องเป็นฮิตเลอร์แน่ ชอบนักกับการสั่งนั่นนี่ ไอ้ป่านปวดหัว

   ระหว่างขึ้นห้องก็พิมพ์ข้อความบอกไอ้ต้อมอีกที คราวนี้มันโต้ตอบมาบ้าง มันเอาแต่ส่งเสียงหัวเราะกลับมา จนผมปามือถือไว้บนเตียง วันไหนที่ผมหาแฟนได้สักคน ชีวิตผมคงจะหลุดพ้นเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้




   เผลอแป๊บๆ พรุ่งนี้ก็วันงานมหาลัยแล้วครับ ผมวิ่งวุ่นประสานงานนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ไอ้ต้อมมันบ่นให้ฟังทุกวันว่ามันเหนื่อย แต่ผมเหนื่อยกว่าอีก มันแค่ใช้แรงงาน แต่ผมนี่สิ ทั้งแรงงานและสมอง แถมยังต้องปั้นหน้ายิ้มให้พวกที่เอาแต่ขมวดคิ้วคอบถามนั่นนี่จนแทบอยากลงไปนอนดิ้น

   ผมเดินผ่านโรงอาหารกลางเจอกับครีมที่เดินออกมาด้านนอกคนเดียว พอยิ้มให้น้องก็รีบเดินมาเกาะแขนผมทันที ความน่ารักสดใสยังคงเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน หลายอาทิตย์แล้วที่ผมไม่ได้ติดต่อครีมเลย อีกทั้งครีมก็ไม่ติดต่อกลับมาหาผมเช่นกัน รู้เพียงว่า ตอนนี้ครีมกำลังเดทกับไอ้นายแบบที่เรียนคณะวิศวะนั่น

   “สบายดีหรือเปล่า” ผมถาม น้องรีบพยักหน้าแล้วยิ้มหวาน

   “มากๆ ค่ะ พี่ป่านล่ะ สบายดีมั้ย” ผมควรตอบยังไงดี

   “ก็ดีนะ” บอกไปแบบกลางๆ “แล้วไม่มีเรียนเหรอ”

   “ไม่ค่ะ ครีมเพิ่งเตรียมงานคณะเสร็จก็เลยแวะมาหาอะไรรองท้องสักหน่อย”

   “ทำไมไม่กินข้าวเลยล่ะ เดี๋ยวก็ปวดท้อง”

   “ครีมนัดกับพี่ขิงไว้ค่ะ”

   “อ่อ แบบนี้นี่เอง”

   ขิงเดินเกาะแขนผมไป มือก็พิมพ์ข้อความยิกๆ จะว่าไป นี่ผมเป็นคนใจกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็นั่นแหละ จะหวงไปทำไมในเมื่อเขาไม่ได้มีใจให้ หวงไปก็ทุกข์ใจเปล่าๆ

   ผมเดินมาถึงหน้าตึก ไอ้ต้อมรีบทักน้องครีมทันที แต่มันต้องเบิกตากว้างเมื่อมีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่โฉบมารับน้องสาวของญาติแฟนมัน ไอ้ต้อมกระตุกแขนผมรัวๆ ด้วยความอยากรู้ แต่พอเล่าเรื่องให้มันฟัง มันก็พยักหน้าเข้าใจ เวลาผ่านมาแล้วผมก็ไม่ได้เสียใจอะไรมาก แค่ผิดหวังนิดหน่อยที่คนที่ผมชอบกลับไปชอบคนอื่น อาจแค่รู้สึกเสียหน้านิดๆ ก็แค่นั้น

   “พรุ่งนี้สาวๆ จะมาเยอะ กูจะเล็งเอาสักคน”

   “กูจะเอาใจช่วยมึงเพื่อน”



   หวังว่าจะมีใครสักคนที่เกิดมาเพื่อผมจริงๆ


.......TBC


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 02-10-2016 23:51:47
ไม่ทันได้เล็งสาวหรอกปาน อาจมีผู้คุมมานั่งคุมแทนก็ได้นะ 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-10-2016 02:03:22
ป่านจะได้เล็งสาวรึเปล่า
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 03-10-2016 05:36:58
ป่านกับต้อมคงได้แฟนนิสัยคล้ายๆกันแน่ๆ 55
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 03-10-2016 11:50:56
"หวังว่าจะมีใครสักคนที่เกิดมาเพื่อผมจริงๆ " ก็พี่เกนไงป่าน อิอิ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 03-10-2016 13:13:48
ชอบป่านนะ ง่ายๆ แมนๆดี ไม่เรื่องมาก
รออ่าน เกน-ป่าน ทุกวันเลยฮะ ชอบ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-10-2016 13:26:48
ไม่ต้องเล็งให้เสียเวลาหรอกป่าน มีคนตู่เอาป่านเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ฮา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-10-2016 16:23:08
 :pig4: พี่เกนรุกปานแบบนิ่ง ๆ น้องมันเลยไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 03-10-2016 16:52:42
รออ่านเกนป่านคูนี้น่ารักดี
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-10-2016 17:39:34
พี่เกนนี่เหมือนพี่โช + พี่ฟลอยด์เลยอะ สงสารป่านล่วงหน้่าเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 03-10-2016 18:10:24
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 03-10-2016 20:39:26
เกรงว่าป่านคงได้เล็งแค่พี่หัวเทาแหละ o18

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [3] Up!! [P.13]<< // [02/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 03-10-2016 21:38:08
ตามลุ้นคู่ป่าน แต่พี่เกน สาวเยอะไปนะ จะจีบน้องป่าน เคลียร์ตัวเองยัง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 03-10-2016 23:42:34
No Sugar : Part Ken & Pan [4]



       วันงานมหาลัยที่ทำให้ผมไม่มีเวลาทำธุระส่วนตัว คือตอนเช้าผมไม่ได้กินข้าวเลยกินน้ำประทังกระเพาะไปก่อน แล้วต้องวิ่งวุ่นไปที่นั่นที ที่นู้นทีจนตอนนี้น้ำที่กินไปเริ่มอยากออกสู่นอกร่างกาย ผมรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำที่ตึกคณะศิลปกรรมที่กำลังเดินผ่าน มันไม่ไหวจริงๆ หากจะกลับคณะตัวเองคงไม่รอด ห้องน้ำอยู่ไม่ไกลผมเร่งฝีเท้า สวรรค์อยู่แค่เอื้อมแล้ว

   หมับ หือ ขากำลังจะก้าวเข้าห้องน้ำ แต่แขนถูกมือใครสักคนดึงไว้ ผมรีบหันไปส่งสายตาทิ่มแทง แต่คนดึงสายตาทั้งทิ่มทั้งแทงยิ่งกว่า

   “ปล่อยก่อน ผมอยากเข้าห้องน้ำ” สะบัดยังไงก็ไม่ยอมหลุด

   “คุยกับกูก่อน” ไอ้พี่เกนมันทำหน้านิ่งพยายามฉุดมือผมไม่ให้เดินหนี แต่คือผมไม่ไหวแล้ว

   “เดี๋ยวค่อยคุย ผมปวดฉี่โว้ย จะราดแล้ว” ทำหน้าทรมานจนแขนตัวเองเป็นอิสระ พอถึงเป้าหมายก็ปลดปล่อยเต็มอัตรา ไม่ไหวจริงๆ

   “มึง”

   “เชี่ย” ตกใจสิครับ ยืนทำธุระอยู่ดีๆ ไอ้พี่เกนก็โผล่มาเรียก แถมชะโงกหน้ามาดูของๆ ผมอีก โรคจิตว่ะ “มองไรวะ”

   ไอ้พี่เกนมันยักไหล่ถอยไปยืนพิงประตูห้องน้ำแทน ผมเริ่มหวาดระแวงรีบเก็บของรักเข้าที่หลังจากเสร็จธุระ เดินมาล้างมือที่อ่างล้างหน้าก็ยังเห็นสายตานั่นมองตามอยู่ตลอด

   “พี่มีอะไรจะคุยกับผม?” ถามออกไป พร้อมหันไปเผชิญหน้าตรงๆ

   “อะ” ผมมองหน้าคนตรงหน้าก่อนก้มมองของที่ยื่นมา “รับไปสิ”

   “พี่ซื้อมาให้ผมเหรอ” แซนวิสครับ ดูท่าจะอร่อย

   “ของเหลือ” น้ำเสียงตอบมาทำให้ผมชักมือกลับ

   “งั้นพี่กินเถอะ” ว่าแล้วผมก็เดินหนีออกมาเลย แม่ง ผมโคตรไม่เข้าใจเลย นิสัยจริงๆ เป็นยังไง คนแบบนี้ทำไมยังมีเพื่อนได้
 
   เดินมาถึงคณะตอนสายๆ คนเริ่มเต็มหน้าตึก โซนขายผักมีคนสนใจพอสมควร เห็นแบบนี้ก็หายเหนื่อยนะครับ ผักพวกนั้นพวกผมช่วยกันปลูก ไร้สารพิษทุกอย่าง ไอ้นัยอาสาไปหาซื้อขี้วัวมาทำปุ๋ย หรือแม้แต่ไอ้ดอยที่ไปขอผักจากร้านอาหารมาหมักและเพิ่มสูตรนิดๆ หน่อยๆ แมลงไม่มีให้เห็น

   “ยิ้มอะไรของมึงวะ” ผมเหล่ตามองไอ้นัว

   “ไอ้ต้อมล่ะ” ไอ้ต้อมเป็นเบ๊ของไอ้นัวครับ ตำแหน่งมันเป็นแบบนั้น

   “หายหัว สงสัยไปหาผัวมันที่คณะ” น้ำเสียงนิ่งๆ ของไอ้นัวมันคงพยายามเก็บความโมโห “เพื่อนมึงปล่อยให้กูหานั่นหานี่คนเดียว กูเหนื่อยสัด” สุดท้ายมันก็โวยวายจนผมหัวเราะ ตบบ่าปลอบมันไปเบาๆ

   “เอาน่า มึงยังทำแค่ในคณะ กูสิ วิ่งไปทั่วมหาลัยแล้วเนี่ย”

   “สู้ๆ”

   ผมยังเดินวนไปวนมาแถวคณะตัวเอง ไอศกรีมนมสดอร่อยสมกับที่พวกทำมันอวดอ้างจริงๆ ผมตักมากินสามสคูปคลายหิว พอไอศกรีมไหลลงกระเพาะนี่เย็นจนรู้สึกได้ เดินกินไปเรื่อยๆ จนเริ่มออกจากคณะ ผมได้ยินจากสาวๆ ที่มางานว่า คณะวิศวะมีดนตรีแล้วพี่ฟลอยด์จะร้องเพลงด้วย เพื่อนผมต้องไปเชียร์อยู่หน้าเวทีแหง

   แค่ก้าวขาเหยียบหน้าตึกวิศวะ ผู้คนที่นี่มีมากกว่าคณะอื่นๆ คงเพราะจะมีดนตรีด้วยละมั้ง ผมเดินเบียดเสียดกลุ่มคนเข้าไป แอบเห็นไอ้พี่เกนยืนคุยอยู่ผู้ชายเสื้อช็อปกลุ่มใหญ่ แต่ไม่ใช่คนที่ผมตามหา ไอ้ต้อมอยู่ไหนหว่า

   สอดส่ายสายตาไปจนเห็นหัวไอ้ต้อมยืนอยู่ใกล้ๆ หน้าเวทีที่ตอนนี้ด้านบนมีรุ่นพี่วิศวะเล่นดนตรีอย่างสุดสนุก ผมต้องค่อยๆ เบียดสาวกชาวร็อคที่กระโดดสนุกไปกับเพลง ก่อนจะถึงเพื่อนมือใครสักคนตีเข้าเต็มหัว พอหันไปเจอกับกลุ่มชายฉกรรจ์แต่งชุดธรรมดาที่ไม่สนใจผม เพราะมัวแต่แหกปากร้องเพลงตาม

   กว่าจะมาถึงตัวไอ้ต้อม ผมก็เสียเหงื่อเป็นลิตรๆ สะกิดเพื่อนที่มาไม่ยอมชวน พร้อมกับยิ้มส่งให้ไอ้กลอยเพื่อนต่างคณะ

   “มาดูไม่ชวนกูเลยนะมึง” ผมยื่นหน้าไปกระซิบ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ต้องแหกปากตะโกนแข่งกับเสียงเพลงแทน ไอ้ต้อมทำหน้านิ่งคล้ายกับไม่ได้อยากมาดูสักเท่าไหร่

   “กูไม่ได้ตั้งใจมา ถูกไอ้นี่ลากมา” ไอ้ต้อมใช้คางชี้ไอ้เพื่อนตัวเตี้ยที่โดดไปกับเขาด้วย

   แล้วความสนุกก็จบลงเมื่อรุ่นพี่วิศวะเปลี่ยนให้พี่ฟลอยด์ขึ้นมาจับไมค์แทน ไอ้ต้อมหน้าบึ้งแต่ผมรู้ว่ามันอยากจะยิ้มใจแทบขาด พี่ฟลอยด์แนะนำตัวด้วยรอยยิ้มที่ส่งมาให้เพื่อนผมโดยเฉพาะ แต่แล้วก็ถูกขัดเมื่อเสียงนิ่งดังข้างผมหลังจากพี่ฟลอยด์ทักทาย

   “นี่ไงฟลอยด์หรอวะ” ผมกับไอ้ต้อมขวับไปมอง ไอ้พี่เกนยืนกอดอกมองไปบนเวที แต่บนเวทีกำลังพูดเรื่องราวหวานซึ้งเกี่ยวกับความรัก พี่ฟลอยด์พูดได้น่าประทับใจมากแต่เพื่อนพี่เขากลับเห็นต่าง “เลี่ยน”

   ผมเหล่ตามองอย่างไม่สบอารมร์ “ดีออก” โดนเหล่ตามองกลับแต่ผมก็ยักไหล่ไม่สนใจ

   อินโทรเพลงที่พี่ฟลอยด์ตั้งใจจะร้องให้เพื่อนผมดังขึ้น น้ำเสียงนุ่มขับกล่อมอย่างน่าฟัง แววตาอบอุ่นที่ส่งมายังเพื่อนผมจนคนรอบข้างหันมาดู สายตาพี่ฟลอยด์ตั้งใจมองมาที่คนข้างผมจริงๆ

   “น้ำเน่า” มาอีกแล้วเสียงนี้

   “ดีออก” ผมพูดลอยๆ ไม่สนใจคนกัดฟันข้างๆ เพราะเพื่อนผมน่าดูกว่า ตอนนี้ไอ้ต้อมถูกดึงไปด้านหน้าเวที ผมมองยิ้มๆ เห็นเพื่อนมีความสุขก็สุขตาม 

   คนร้องเพลงบนเวทีกระโดดลงมาพร้อมคุกเข่ายื่นดอกกุหลาบให้ พี่ฟลอยด์โคตรโรแมนติกว่ะ นับถือเลย พอทุกอย่างจบลงวงดนตรีปีอื่นก็ขึ้นเล่นแทน ผมเดินแหวกผู้คนตามหลังไอ้ต้อมไปหลังเวที โดยมีคนหน้าตึงเดินตาม ไม่รู้จะมาด้วยทำไม

   “พี่จะตามมาทำไมวะ”

   “กูตามมึงที่ไหน กูตามเพื่อนกู”

   “งั้นก็แล้วแต่”

   คนเดินตามตอนนี้เดินนำหน้าผมแล้วครับ พอไปถึง พวกพี่ฟลอยด์ก็หัวเราะยิ้มร่ากันอยู่ ไอ้ต้อมกำลังเขย่าตัวไอ้กลอย สงสัยไอ้เพื่อนต่างคณะมันจะเป็นคนต้นเรื่อง ไม่ก็คนร่วมขบวนการ ผมหัวเราะตามไปด้วย

   “แต่พี่แม่งเจ๋งสุดอ่ะ” ยกนิ้วโป้งชมจากใจจริง แต่...

   “บ้ามากกว่า” ผมโดนขัดอีกแล้ว

   “ดีออก” คราวนี้ว่าให้เน้นๆ จนคนขัดตวัดสายตาดุมามอง

   “มึงด่ากูใช่มั้ย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” ไอ้พี่เกนยื่นมือจะคว้าคอเสื้อผม แต่พี่วิศวะร้องนำคนแรกรีบกระโดดเข้ามาคว้าตัวคนโมโหไว้ซะก่อน ส่วนผมก็ถูกไอ้ต้อมดันไปยืนด้านหลังของมัน ผมไม่ได้กลัวหรอกนะครับ ต่อยก็ต่อยสิวะ กวนผมมานานแล้ว

   ผมมองหน้าคนที่กัดฟันชี้นิ้วใส่หน้าผม แต่พวกรุ่นพี่วิศวะก็เดินมาบังจนมิด พร้อมยิ้มชวนผมไปงานเลี้ยงด้วย ไอ้ต้อมก็รีบพยักหน้า ผมไม่ได้อยากไปหรอก แต่สายตาไอ้ต้อมเมื่อกี้มันคล้ายกับขอร้องผมกลายๆ

   กลับคณะของตัวเองพร้อมไอ้ต้อม แค่มันโผล่หน้าไปก็ถูกหัวหน้ามันเฉ่ง ไอ้นัวใส่ไม่ยั้งจนผมขำ กว่าข้าวของทุกอย่างจะเก็บจนหมดท้องฟ้าก็มืดสนิท ผมขับรถตามไอ้ต้อมที่ปั่นจักรยานกลับ พอถึงหอผมก็ขึ้นไปรอพี่ฟลอยด์มารับในห้องไอ้ต้อม

   “อาบน้ำแป๊บ” พยักหน้าเมื่อไอ้ต้อมบอก ผมก็อยากอาบหรอกนะ แต่เสื้อผ้าอยู่ในรถขี้เกียจเดินลงไปเอา นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จนมีคนมาเคาะห้อง ผมลุกไปเปิดคนมาก็แฟนเพื่อนผมนั่นแหละครับ

   “ต้อมล่ะ” มาถึงก็ถามหาทันที รักกันจริงๆ

   “อาบน้ำครับ” ผมบอกก่อนขยับให้พี่ฟลอยด์เดินเข้ามา

   “พี่ขอโทษแทนไอ้เกนด้วยนะ” อยู่ๆ พี่ฟลอยด์ก็พูดขึ้น ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมอง “ไอ้เกนมันค่อนข้างกลัวคนเข้าหาน่ะ”

   “กลัวคนเข้าหา? ยังไงเหรอครับ” งงสิ กลัวทำไม

   “พี่ก็ไม่ค่อยรู้หรอก” พูดแบบนี้แสดงว่าไม่พูดนั่นเอง ผมยิ้มแห้งๆ ให้แล้วก้มหน้าสนใจโทรศัพท์ต่อ ไม่นานไอ้ต้อมก็เดินออกมาแถมยังแต่งตัวเรียบร้อย

   พี่ฟลอยด์พาผมกับไอ้ต้อมมาที่ผับหรูที่ตกแต่งไฟซะสว่าง บรรดารถที่จอดอยู่ในลานแพงๆ ทั้งนั้น งั้นผับนี้คงมีแต่ลูกคนรวยสินะ


   ผ่านประตูผับเข้ามาด้วยการ์ดสีดำวีไอพีของพี่ฟลอยด์ ผมรู้ว่าพี่เขารวยมาก ผมเริ่มเห็นด้วยกับเพื่อนในคณะแล้วว่าไอ้ต้อมเรียนเกษตรเสียเวลา เพราะจบมาแล้วคงไปนับเงินเป็นฟ่อนอยู่ที่บ้าน พอเดินตามเข้าไปก็แทบอยากวกกลับออกไปด้านนอกตามเดิม จะเพราะใครล่ะ ก็ไอ้พี่หัวเทานั่นแหละ พี่เกนมันกำลังนั่งยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม แต่พอเห็นพวกผมเดินมามันก็วางแก้วลง

   ผมเลือกจะนั่งข้างพี่นักร้องนำ มารู้ชื่อว่าชื่อมอส ท่าทางคงไม่เบาแน่นอน ที่สำคัญ พยายามมอมเหล้าผมด้วย ชงแต่ละแก้วแทบจะไม่ผสมอะไรเลย แต่เสียใจ ผมคอแข็ง ยาดองเป็นโหลก็ผ่านมาแล้ว มีเซนิดๆ แต่ไม่เคยล้ม ไม่แน่จริงทำแบบไอ้ป่านคนนี้ไม่ได้หรอกนะครับ

   พอแอลกอฮอล์เข้าสู่เส้นเลือด ผมก็ลืมคนที่ทำให้หงุดหงิดคราแรกแล้วออกไปเต้นที่ฟลอร์กับพวกพี่วิศวะ พวกพี่เขาหลีสาวมาได้อย่างละคน แต่ผมเบี่ยงตัวกลับมาที่โต๊ะแทน ผมถอดเขี้ยวเล็บไปนานแล้วครับ เคยปวดหัวเมื่อตอนปีหนึ่ง ผมคึกจัดควงขึ้นห้อง สุดท้ายถูกตามจนชีวิตแทบจะหาที่สงบอยู่ไม่ได้ ขนาดพ่อกับแม่ผมยังถูกรบกวน จากนั้นผมก็ไม่เคยควงใครขึ้นห้องอีกเลย

   ผมระเห็จมานั่งข้างคนที่เขม่นตั้งแต่มา จนตอนนี้ก็ยังมองเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง

   “มีปัญหาอะไรมิทราบ” ผมยื่นหน้าไปกระซิบถาม

   “ไม่มี” กระแทกเสียงตอบกลับมา

   “เออ” ผมก็กระแทกเสียงตอบกลับ

   เพลงจังหวะมันส์ๆ พากลุ่มรุ่นพี่ในโต๊ะออกไปเต้นกันหมด ผมมองไอ้ต้อมลุกจากโต๊ะ อีกไม่นานคนข้างผมก็ลุกไปแถมเหยียบเท้าผมอีก ไอ้พี่นี่มันหาเรื่องผมหรือเปล่าวะ ไม่สิ มันต้องไปหาเรื่องไอ้ต้อมแน่ ผมรีบสะกิดพี่ฟลอยด์ให้รีบตามไป ขืนช้า ไอ้ต้อมอาจโดนต่อยหน้าแหกได้ ดูจากขนาดตัวแม้จะใกล้ๆ กัน แต่ไอ้ต้อมก็ไม่น่าจะสู้ได้

   พี่ฟลอยด์รีบวิ่งไปรวบตัวเพื่อนตัวเองที่โผจะต่อยแฟนตัวเอง ส่วนผมรีบจับไอ้ต้อมหมุนไปมาเพื่อดูว่าเพื่อนปลอดภัยดีหรือเปล่า ขนาดว่ารู้ตัวเร็วแล้วนะ

   “ไอ้เกน” ผมหันไปมองพี่ฟลอยด์ตะคอกเพื่อนตัวเองที่ยังออกแรงสะบัดให้พ้นจากการดึง

   “ทำเพื่อนกูทำไมไอ้เหี้ย” ด่าออกไปด้วยความโมโห แต่กลับถูกตวาดกลับพร้อมแรงหมัดเน้นๆ เข้าเต็มปาก โคตรเจ็บไอ้สัด
 
   “ทำเพื่อนกูทำไมวะ” ไอ้ต้อมโมโหจนหน้าดำหน้าแดง มันผลักอกคนชกผมจนกระเด็น

   “อย่างมึงก็แค่พวกหนูที่อยากตกถังข้าวสาร หลอกเงินเพื่อนกูไปเท่าไหร่แล้ววะ”

   “ไอ้สัด” ทันทีที่เพื่อนผมด่า หมัดตรงก็ตามไปเต็มโหนกแก้ม ผมรีบปรบมือชมเพื่อนทันที ไอ้ต้อมโคตรเจ๋ง “ถึงกูจะไม่รวย แต่ไม่เคยเกาะใครกินจำไว้ แล้วเพื่อนกูก็ไม่ใช่กระสอบทรายที่มึงอยากต่อยก็ต่อยได้”

   ผมถูกไอ้ต้อมลากออกมาจากผับ หน้าตามันบอกบุญไม่รับจนผมต้องตบบ่ามันเบาๆ

   “เจ็บหรือเปล่าวะ” ผมเบ้ปากใส่

   “โคตรๆ หมัดหนักชิบหาย เมาแล้วโคตรเหี้ย” เหล่ตามองไอ้ต้อมที่มันหัวเราะผม “ขำพ่อง เพื่อนมึงเจ็บเนี่ยเห็นป่ะ” ผมยื่นปากไปจนเกือบชิดหน้าไอ้ต้อม จนมันยื่นมือมาผลักผมให้ออกห่าง

   “กูเห็นแล้ว สายตาไม่ได้สั้น”

   พวกผมเดินไปคุยไป แท็กซี่ไม่เห็นผ่านมาสักคัน ยืนรอครู่หนึ่งก่อนพี่ฟลอยด์จะกระพริบไฟพร้อมบีบแตรดังลั่น ไอ้ต้อมชี้ให้ผมไปนั่งด้านหลัง พอยื่นมือไปแตะปุ๊บ พี่ฟลอยด์ก็สั่งห้ามทันที

   “ทำไมพี่ไม่ให้ไอ้ป่านไปด้วยล่ะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้ต้อม

   “ให้ไอ้เกนไปส่ง” ผมเบิกตากว้างหลังจากพี่ฟลอยด์ว่า

   นี่จะให้ผมไปนั่งรถคนที่มันต่อยผมน่ะเหรอ ไอ้ต้อมเห็นแบบผม มันเริ่มโวยวายแฟนมันจนผมเห็นท่าไม่ดีเลยบอกปัดไป ยังไงซะ มันคงไม่ฆ่าผมทิ้งข้างหรอกมั้งนะ

   เดินมาขึ้นรถที่จอดต่อท้าย เจ้าของรถไม่มองหน้าผมสักนิด ผมก็ไม่อยากมองเท่าไหร่ พอรถออกตัวผมก็นั่งนิ่ง แอบเหล่โหนกแก้มมันก็ดูช้ำนิดๆ หมัดไอ้ต้อมก็หนักใช่ย่อยนะเนี่ย

   “ขอโทษ” หันขวับไปมองคนเหมือนพูดลอยๆ

   “อะไร”

   “กูบอกว่าขอโทษ”

   “ถ้ารู้ว่าทำผิดแล้วจะทำๆ ไม”

   “กูเมา”

   “ข้ออ้างว่ะ”

   “ไอ้...อะไรวะ”

   ไม่ใช่แค่คนขับตกใจ ขนาดผมยังตกใจ อยู่ๆ รถก็ส่ายไปส่ายมา ตอนแรกคิดว่าแค่แกล้ง แค่เปล่าเลย มันไปไม่ได้แล้วจริงๆ ดีที่ไอ้พี่เกนประคองไปจอดริมทางได้ พอเปิดประตูลงมาดูก็เจอปัญหาใหญ่

   “ยางรถแบนว่ะ” แทบอยากทึ้งหัวตัวเอง มืดค่ำขนาดนี้จะโทรเรียกช่างที่ไหนมาเปลี่ยนวะ “มึงเปลี่ยนเป็นหรือเปล่า”

   “เออ”

   “งั้นมึงเปลี่ยน”

   “ห๊ะ”

   ผมขมวดคิ้วมองคนสั่งให้ผมเปลี่ยน ส่วนคนสั่งขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว อะไรของมันวะเนี่ย รถผมก็ไม่ใช่ แต่ก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นก็กลับไม่ได้ แถวนี้ไม่มีรถแท็กซี่ซะด้วย

   เอายางสำรองจากท้ายรถมาพิงตัวถัง โคตรเหนื่อยบอกเลย ล้อไม่ใช่เบาๆ นะครับ พอหายเหนื่อยก็ต้องไปยกแม่แรงออกมาอีก ยังดีที่รถคันนี้มีอุปกรณ์เปลี่ยนยางครบ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเดินกลับแทน

   งัดแงะปลดยางแบนๆ ออกด้วยความเหนื่อย เหงื่อไหลตั้งแต่ขมับไปถึงร่องก้น วันนี้อากาศอบอ้าวอีกต่างหาก ไอ้ป่านมึงจำเป็นต้องมาทำมั้ยวะเนี่ย พอเงยหน้ามองเจ้าของรถ มันนั่งสบายอยู่ในรถจนผมตะโกนด่ามันไป

   “สบายจริงนะมึง ไม่มาช่วยกูวะ” ให้พูดเพราะๆ ตอนนี้คงไม่ได้ เหนื่อยเกินจะเคารพแล้ว

   “กูทำไม่เป็น” ตอบแบบไม่ยี่หระ

   “ไม่เป็นเดี๋ยวก็เป็น” ยกแขนปาดเหงื่อ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่น พอล้วงออกมาเป็นไอ้ต้อมที่มันคงห่วงผมอยู่ ผมเอาคอหนีบโทรศัพท์ไว้ คุยกับไอ้ต้อมไม่นานก็วาง คนที่ไม่ช่วยก็ยังไม่ช่วยผมอยู่แบบนั้น กว่าจะเปลี่ยนยางเสร็จผมก็แทบเป็นลม

   “เสร็จแล้ว?” ไอ้พี่เกนถามขณะผมเปิดประตูเข้าไปนั่ง

   “เออ” ยกมือปาดเหงื่อแล้วตอบไป ผมเร่งแอร์พร้อมกับเอาหน้าจ่อ มันร้อนจนต้องถอดเสื้อออก

   “ทำไรวะ” ผมส่งสายตาสงสัยให้คนที่ถาม “กูหมายถึง มึงถอดเสื้อทำไม”

   “ก็ร้อน” แม้รูปร่างผมจะไม่เพอร์เฟก แต่ก็ไม่ได้แห้งเป็นก้าง

   ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากนั่นอีก ผมนั่งถอดเสื้อตากแอร์จนเริ่มหนาวก็ใส่เสื้อ เดี๋ยวๆ นี่มันทางกลับหอผมเหรอวะ

   “พี่ไปไหนวะเนี่ย” มองสองข้างทางที่ไม่คุ้นตาเอาซะเลย

   “กลับคอนโด” คำตอบไม่ทำให้หายสงสัย “คอนโดกู”
 
   ชิบหาย มันจะพาผมกลับห้องมัน

   “ทำไมไม่ส่งผมที่หอก่อนวะ รถผมอยู่ที่หอไอ้ต้อม”

   “ขี้เกียจ คอนโดกูไม่ไกลจากที่นี่แล้ว” มองคนที่มองคอนโดตัวเองไม่ไกลจากที่นี่ มันก็แน่อยู่แล้วในเมื่อขับมาทางกลับคอนโดตัวเองนี่หว่า มันก็ต้องใกล้กว่าหอผมอยู่แล้ว “กูไม่ปล้ำมึงหรอกน่า”

   “ไม่ได้กลัวเรื่องนั้นเว้ย” ตาเหลือกก่อนจะรีบพูดออกไป พูดมาได้ปล้ำเปิ้มอะไร

   “ก็ดี”

   นี่ผมคิดถูกคิดผิดวะเนี่ย ที่ยอมมาด้วยเนี่ย ไม่ใช่กลัวนะครับ ก็อย่างที่บอกไป จะกลัวทำไมในเมื่อไอ้พี่เกนมันชอบผู้หญิง แต่สิ่งที่ห่วงคือรถของผมนั่นแหละครับ ข้าวของทุกอย่างก็อยู่ในนั้น กลัวขโมยทุบมากบอกเลย ทั้งแล็ปท็อป ทั้งกล้องอยู่ในนั้นหมด ไอ้ต้อมก็ไม่กลับหออีก ผมจึงได้แต่ภาวนาให้ของๆ ผมยังอยู่เหมือนเดิม

   “เป็นไรวะ ไหว้อะไร”

   “ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์”

   “หือ ไหว้ทำไมวะ”

   “เรื่องของผม”

   “เออ” เหล่ตามองคนขับรถ เห็นมันเหยีดยยิ้มที่มุมปากด้วย “ไม่นานก็จะกลายเป็นเรื่องของกูด้วยนั่นแหละ”

   “พี่ว่าอะไรนะ” ประโยคหลังพูดโคตรเบา

   “เรื่องของกู”

   “เออ แล้วแต่เลยครับ ตามสบายครับพี่” ถูกเขกหัวจนตาขวางใส่ แต่ก็ต้องกระพริบตามองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น นี่ไอ้พี่เกนหัวเราะ? ผมจ้องตากับคนหัวเราะร่วนแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรอีก  ผมนั่งตากแอร์ไปเรื่อยๆ จนตาเริ่มหนักและเบลอ ในที่สุดก็ผล็อยหลับไป 


   “กูคิดไม่ผิดจริงๆ”


..................................................................

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rivayu ที่ 04-10-2016 01:07:12
พี่เกนมีแผนอะไร กลับมาก่อนคนเขียน เค้าอยากรู้อะ :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 04-10-2016 01:21:47
พี่เกนคิดอะไรไม่ผิดล่ะเนี่ย :hao4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-10-2016 01:59:08
พี่เกนทำอะไรครับ วางแผนอะไรไว้ ยังไงก็คิดถึงใจน้องป่านด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 04-10-2016 05:52:40
ป่านจะโดนอะไรป่าวเนี๊ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-10-2016 06:58:35
คิดไม่ผิดยังไง ที่ชอบป่านเหรอ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 04-10-2016 08:15:33
พี่เกน น้องป่านเป็นคนดี ห้ามแกล้งนะ รักน้องจริงเท่านั้นนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-10-2016 09:36:25
พี่เกนคิดอะไรยังไง ถ้าทำป่านเสียใจจะบอกต้อมให้พาเด็กเกษตรมารุมกระทืบ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-10-2016 10:09:44
พี่เกนวางแผนอะไรไว้อีกละ แต่ตอนในผับนี่่าตบปากจริงๆแหละ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-10-2016 11:23:21
พี่เกนเตรียมแผนอาไร๊ ป่านไม่รอดแน่แล้ววว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 04-10-2016 12:46:12
พี่เกนที่บอกว่าคิดไม่ผิด คือคิดไม่ผิดที่รักป่านใช่ไหมละ :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 04-10-2016 16:43:15
สนุก  o13 รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 04-10-2016 18:54:42
 :hao4: พี่มันคงไม่คิดทำอะไรบ้า ๆ หรอกนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 04-10-2016 19:56:57
พี่เกนมีแผนอะไร ลุ้นนน :katai4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: volvox_nostoc ที่ 04-10-2016 19:57:41
ดูเหมือนเกนมีแผนอยู่ตั้งแต่แรก ละอ่ะ งือออออ เลาจะรอตอนต่อไปนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 04-10-2016 20:31:35
เอาใจช่ายนะพี่เกนคนมึน :hao4:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-10-2016 00:53:27
ตอนหน้าไม่แคล้วเรียบร้อยโรงเรียนเกน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 05-10-2016 10:36:27
นั่นสิ เกน คิด อะไรอยู่ ถึงทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ติชิลา ที่ 05-10-2016 11:06:53
เกนจะทำอะไรน้องล่ะนั่น
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 05-10-2016 14:08:29
อิพี่เกนลำไย จะทำไรก็ทำสักทีสิ ลุ้นจะแย่เเล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 05-10-2016 21:00:36
พี่เกน เจ้าแผนการ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 06-10-2016 21:19:13
อยากอ่านอีกกกกกก... :katai4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-10-2016 20:07:58
เกนต้องมีแผนอะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: volvox_nostoc ที่ 07-10-2016 21:28:17
รอมาต่อ  :katai2-1: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 08-10-2016 12:24:11
พี่เกนหาเรื่องเก่งยิ่งกว่าพี่ฟลอยด์อีก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 08-10-2016 12:41:30
พี่เกนเจ้าแผนการนะคะ
วางแผนพิสูจน์น้องป่านล่ะซี่
คิดถูกแล้วใช่มั้ยที่จะรักน้องมันอะ
ลุ้นๆ ตอนหน้าน้องป่านต้องไปคอนโดพี่เกนแล้ว
จะรอดปลอดภัยมั้ยหนอ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 08-10-2016 20:43:27
รอทั้งสองคู่อยู่นะคะ มาต่อไวๆนะ please
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-10-2016 21:05:07
พี่เกนจะทำอะไร

 o18 o18
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-10-2016 21:50:19
ตอนหน้าเกนจะกินป่านแล้วใช่ไหม!!!

รอนะคะ.  :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 10-10-2016 09:08:05
รอมาต่อ สู้ๆๆๆๆจร้า o18 o18
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-10-2016 16:15:11
อ่านจนจบสนุกมากกกกก~
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [4] Up!! [P.14]<< // [03/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 12-10-2016 10:38:07
รออยู่นะฮะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 12-10-2016 21:17:22
No Sugar : Part Ken & Pan [5]



[เกน]


   ผมขับรถแบบไม่เร่งรีบอย่างที่ชอบทำ และชอบใจทุกครั้งที่รถเจอสัญญาณไฟแดงที่แสนเกลียด นั่นเพราะมันทำให้ผมมีเวลามองหน้าไอ้เด็กปลาทองที่มันนอนหลับสนิทเบาะข้างๆ หน้าตาตอนหลับมันตลกดี ปากแดงที่มุมปากมีรอยช้ำนิดๆ เผยอออกจนน้ำลายแทบไหล ผมแกล้งยื่นมือไปดันคางปิดปากให้น้ำลายถูกกลืนเข้าไปใหม่ แต่ปากแดงๆ นั่นยู่ออกมาอย่างไม่พอใจ คงอยากปล่อยเอนไซม์ออกมาสินะ โคตรตลกว่ะ

   พอมองหน้าไอ้เด็กปลาทองนี่แล้วก็ย้อนนึกถึงคำพูดไอ้ฟลอยด์เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา หลังจากผมชกปากไอ้เด็กนี่ผมก็ถูกเพื่อนตัวเองบ่นจนหูชา ที่จริงก็ไม่ได้อยากหาเรื่องแฟนเพื่อนหรอก แค่หมั่นไส้ ไอ้ฟลอยด์ไม่เคยอยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แม้มันจะเคยมีคู่นอนทุกวันเมื่ออดีตแต่ไม่เคยคิดจะจริงจัง แต่พอมันเริ่มสนใจเพื่อนไอ้เด็กนี่ มันก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน วันๆ เอาแต่นั่งเพ้อนอนเพ้อ บางครั้งยิ้มเหมือนเป็นคนบ้าจนผมเริ่มเป็นห่วงเตรียมจองห้องพิเศษในโรงพยาบาลบ้า อะไรมันจะรักจะหลงขนาดนั้น

   จริงๆ ก็ไม่ปฏิเสธที่เด็กต้อมนั่นก็เป็นคนดีอย่างที่ไอ้ฟลอยด์มันว่า แล้วเด็กนั่นก็ไม่ได้ง่ายด้วย แต่ก็หมั่นไส้อย่างที่ผมพูดไปนั่นแหละ กว่าเพื่อนผมจะได้คบเห็นมันต้องทนทุกข์นั่งหน้าเครียด ไม่รู้ว่าคนที่นอนหลับอุตุข้างๆ จะยากขนาดนั้นหรือเปล่า 
แค่ผมยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่ใคร ไม่เกินสองวันคนๆ นั้นต้องขึ้นมานอนเกยบนเตียงรอไปแล้ว แต่แบบนั้นใช้กับไอ้เด็กปลาทองนี่ไม่ได้ผล ผมใช้เวลาเกือบสามปีเพื่อตามติดดู แม้จะไม่ได้ตามติดตลอดเวลาก็เถอะ แต่ก็รับรู้ว่ามันทำอะไรอยู่ที่ไหน หรือคบกับใคร

   ไม่ได้สนใจมากหรอกนะ แค่อยากรู้เฉยๆ

   ส่วนผู้หญิงที่เรียนเภสัชนั่นก็น่ารักดี สมแล้วที่มันจะจีบ แต่ข่าวล่าสุด ผมได้ยินมาว่า มันกินแห้วซะแล้ว

   “เชี่ย” เสียงละเมอดังจนผมต้องหันไปมอง คิ้วสวยย่นจนแทบจะติดกัน

   สงสัยมันด่าผมในฝันแน่นอน

   ทำไมผมถึงทำตัวเหี้ยๆ ไปวันๆ น่ะเหรอ นั่นเพราะผมเคยโง่มา อดีตมันโหดร้ายกับผมเกินไป ผมกลัวการถูกเข้าหานั่นเพราะรักแรกของผมเป็นแบบนั้น เธอเข้ามาพร้อมกับความอ่อนหวานทำให้ผมหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น ผมเพ้อฝันถึงเธอทุกวัน บอกป๋าว่าอยากแต่งงานทั้งที่เพิ่งจะเรียนม.ปลาย ผมคบกับรักแรกมาเกือบสองปี สุดท้าย ทุกอย่างของผม เธอขโมยไปทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคอนโดที่ป๋าซื้อไว้ให้ โทรศัพท์ กระเป๋าเงิน แล็ปท็อป กล้องถ่ายรูป ทีวี ตู้เย็น ทุกๆ อย่างจริงๆ ก็ยอมรับว่าผมโง่มากในตอนนั้น แต่นั่นก็เป็นรักแรกที่สอนให้ผมระวังตัวมากขึ้น

   ความเสียใจของผมยุติเมื่อป๋าพูดออกมาว่า ถ้าไม่อยากเสียใจอย่ามีความรัก แต่ถ้าอยากรักก็ต้องเผื่อใจไว้ให้ความเสียใจ ผมทำตามคำบอกของป๋าทุกอย่าง มันใช้ได้จริงๆ จนมาเจอใครคนหนึ่งที่มันทำให้ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ตัวต้นเหตุนั่นก็นั่งอยู่ข้างผมนี่แหละ

   ในคราแรกผมถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอย่างกับคนบ้า แค่เจอครั้งแรกแต่กลับติดตาซะจนเก็บไปนอนฝันถึง ลองถามป๋าๆ ก็บอกให้ผมถามตัวเองดู ก็ถามแล้วไม่เข้าใจก็เลยต้องถามป๋า แต่ป๋าแม่งไม่เข้าใจ

   ว่าแต่ มันหลับแบบนี้จะพามันส่งหอมันก็ใช่เรื่อง ผมเลี้ยวรถไปยังทางคอนโดของผม มันตื่นขึ้นมาคงตกใจน่าดู ขับต่อไม่นานผมก็เลี้ยวรถเข้าจอดที่จอดประจำ

   “กลับดึกนะครับ” ยามหน้าประตูคอนโดรีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ผมอย่างที่เคยทำทุกครั้ง “แล้วนั่น”

   “คนของผม เดี๋ยวผมปลุกเอง” ปรายตามองคนสอดรู้จนรีบโค้งศีรษะแล้วเดินไปเฝ้าประตูหน้าคอนโดต่อ ผมกำลังจะยื่นมือไปเขย่าแต่ใบหน้าขาวๆ นั่นทำให้ต้องยั้งมือไว้ ขืนปลุกตอนนี้มีหวังหนีกลับแน่ “อย่าเพิ่งตื่นล่ะไอ้ปลาทอง”

   ผมรีบเดินอ้อมไปช้อนร่างที่หลับสนิทขึ้นพาดบ่า เห็นตัวผอมนี่โคตรจะหนัก พอยกมันออกมาแล้วผมก็ใช้เท้าถีบประตูรถปิด ก่อนพามันขึ้นไปเข้าไปในลิฟต์เพื่อไปห้องที่อยู่ชั้นบนสุด จำนวนชั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไอ้คนนอนหลับก็ยังไม่รู้สึก นอนหลับลึกจริงๆ ไม่กลัวถูกลักหลับเลยสินะ

   ประตูลิฟต์จอดที่ชั้นยี่สิบเก้าซึ่งทั้งชั้นมีแต่ห้องผมกับป๋า ทางเดินยาวแยกฝั่งซ้ายขวา ห้องของผมอยู่ฝั่งทางซ้ายทั้งหมด

   “คุณเกน” เลขาของป๋าที่เพิ่งเปิดประตูออกมาเจอกับผมเข้าพอดี แถมตอนนี้ยังส่งสายตาสอดรู้สอดเห็นก้มๆ เงยๆ จะมองหน้าคนบนบ่า “นั่นใครเหรอ”

   “เพื่อน จะกลับแล้วก็รีบ” ไล่กลายๆ จนคนถูกไล่ค้อน “ป๋านอนแล้วเหรอ”

   “กำลังอาบน้ำอยู่” เลขาสนิทของป๋าชื่อปูน

   “อาบน้ำ? แล้วพี่ออกมาทำไม”

   “จะให้เข้าไปอาบด้วยหรือไงเล่า”

   “ก็ออกจะบ่อย” ตอบกลับพร้อมเสียงขำ เลยโดนค้อนมาอีกรอบ “ไปละ หนัก”

   “เดี๋ยวๆ ใครอะ ไม่บอกเดี๋ยวเข้าไปบอกป๋านะ”

   “ยุ่ง”

   เหวี่ยงเสร็จก็รีบหอบร่างที่นอนหลับเป็นตายเข้าห้อง นี่ผมเปล่าวางยามันนะ มันหลับลึกเอง แม้จะเข้ามาในห้องแต่คนสอดรู้ก็ยังตามเข้ามา อยากจะตบหัวตัวเองเมื่อลืมล็อกห้องเมื่อกี้

   “โห น่ารักซะด้วย” พี่ปูนยื่นมือไปพลิกหน้าใสๆ นั้น ผมรีบปัดออกแทบไม่ทัน “อะไร หวงเหรอ” รีบส่ายหน้าจนโดนยิ้มล้อ
ผมไม่ได้หวงหรอก แต่กลัวปลาทองมันตื่น

   “รีบๆ ออกไปได้แล้ว เบื่อว่ะ”

   “เออ”

   มองเลขาของพ่อที่เป็นยิ่งกว่าแม่ คือแม่ผมทิ้งผมไปตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ อ่านออกเขียนได้ก็มีแต่ป๋า แบบนี้ด้วยละมั้งที่ผมถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อคนอยากรู้ออกไปแล้วผมก็รีบหอบคนนอนนิ่งจากโซฟาไปที่เตียง แต่แล้วสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้นจนได้

   “เชี่ย อะไรวะเนี่ย” ปลาทองของผมตื่นแล้ว แถมมันยังโวยวายเมื่อเห็นหน้าผมอีก “มึงอุ้มกูทำไมเนี่ย แล้วที่นี่ที่ไหน มึงพากูมาขายหรือไงไอ้...”

   “ถ้าไม่หยุดด่า กูจะจูบมึง” ขมวดคิ้วพร้อมตะคอกไป มันโวยวายแค่ปาก แต่ตัวมันลืมดิ้นจนผมอุ้ม (ในท่าเจ้าสาว) เข้ามาในห้องนอน ไอ้เด็กปลาทองก็เบิกตากว้าง

   “มึงจะปล้ำกูเหรอวะ กูจะแจ้งตำรวจไอ้เหี้ย อื้อ”

   ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง...จูบจริงด้วย

   จูบมันนานพอดูกว่าผมจะผละออก คนโดนจูบนิ่งคล้ายกับถูกสาบเป็นหินไปแล้ว ดวงตาเรียวกระพริบปริบๆ จนอยากจะขำ เมื่อวางร่างหนักๆ มันลงบนเตียง ไอ้คนลืมกล่องเสียงก็เริ่มโวยวายอีกรอบแต่แค่ผมชี้ไปที่ปากมันก็รีบงับทันที

   ท่าทางเหมือนแมว (ในร่างปลาทอง)

   “อึ๊งอาอูอาอี้อี้อำไอ” (มึงพากูมาที่นี่ทำไม) ไอ้เด็กปลาทองมันเม้มปากแล้วถาม

   “กูไม่รู้เรื่อง” หน้าขาวๆ ติดบึ้งตึง “พูดให้ดีๆ หน่อย พูดไม่ดีเดี๋ยวกูจูบอีกแน่”

   “มึงพากูมาที่นี่ทำไมวะ” ผมเบิกตาโตมองคนที่พูดเร็วยิ่งกว่าจรวดก่อนมันจะงับปากไว้แบบเดิม

   ตลก แต่ก็สนุก

   “นี่คอนโดกู แล้วกูก็ขี้เกียจขับรถไกล หอมึงกับคอนโดกูอยู่คนละทาง” บอกเหตุผลที่ไม่ใช่ของจริงไป คนฟังก็ขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าเบาๆ คล้ายกับเข้าใจ

   “แต่มึงควรบอกกูก่อน แล้วเมื่อกี้อุ้มกูด้วย ขนลุกเหี้ย” ผมมองมันลูบแขนลูบขาตัวเองไปมา “ว่าแต่ นี่ห้องมึงเหรอ”

   เหมือนผมลืมอะไรบางอย่าง....

   “มึงเรียกกูแบบนั้นได้เหรอ” ทำเสียงเข้มขู่ไว้ก่อน

   “เรียก? เรียกยังไง” ไอ้ปลาทองมันยิ่งขมวดคิ้วจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน

   “มึงไม่เรียกกูว่าพี่” กอดอกจ้องหน้ามัน

   “อ๋อ ลืม” อยากจะตบหน้าผากตัวเองสักป๊าบ ผมมองคนที่นั่งบนเตียงที่หัวเราะแห้งๆ “นี่ห้องพี่เหรอวะ แม่งโคตรกว้าง” พูดจบมันก็เริ่มเดินร่อนไปทั่ว หยิบนั่นหยิบนี่ แม้จะไม่ค่อยชอบใจแต่ก็ไม่อยากขัด ที่จริง ไม่เคยมีคู่นอนผมเข้ามาในนี้ นอกจากเพื่อนสนิทจริงๆ

   “เออ” ตอบไปสั้นๆ แล้วทิ้งตัวนั่งที่โซฟา

   “โห กว้างขนาดนี้แพงป่ะ แล้วนี่พี่อยู่คนเดียวเหรอ เห้ย นั่นรูปพี่เหรอ ตอนเด็กโคตรน่ารัก”

   “ถามรัวขนาดนี้กูจะตอบอันไหนก่อนไอ้ห่า แล้ววางรูปกูเลย เดี๋ยวนี้” ชี้นิ้วสั่งไปแต่มันไม่เชื่อสักนิด แถมยังสลับกรอบรูปที่วางเรียงกันสวยงามจนมันเละไปหมด

   “แฟนพี่ล่ะ แม่งควงไม่เคยซ้ำหน้า เจ๋งโคตร” ไอ้เด็กปลาทองเดินกลับมานั่งข้างผม

   “กูไม่เคยมีแฟน” บอกความจริง แต่หน้าขาวๆ นั่นดูไม่เชื่อ

   “อย่ามาขี้จุ๊”

   “อะไรคือขี้จุ๊ ปวดขี้เหรอวะ”

   “พี่ไม่ฉลาดเลยว่ะ” ว่าผมโง่อีกไอ้เด็กนี่ “ขี้จุ๊ แปลว่าขี้โม้”

   “แล้วมึงพูดคำที่กูไม่รู้ทำไม”

   “เอ๊า นี่ผมผิดเหรอวะเนี่ย”

   ผมกำลังถูกยั่วโทสะ

   “ไอ้ปลาทอง” เผลอเรียกชื่อที่อยู่ในใจออกไป คนโดนเรียกขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย “มึงชื่อไรนะ”

   “พี่ต่างหากควรชื่อปลาทอง ผมชื่อป่านครับ” มันทำหน้าเซ็งๆ จนผมขำออกมา

   “เชือกป่านสินะ” แค่ผมพูดมันก็รีบหันขวับมามอง สีหน้าดูแปลกใจนิดๆ ก่อนจะปรับให้ดูเป็นปกติ ผมยื่นไปขยี้ผมที่ไม่เป็นทรงนั่นจนฟู มันก็น่ารักดีเหมือนกันนะ แล้วนี่ผมก็ไม่ได้ถูกเข้าหา เพราะผมเข้าหามันก่อน...ไอ้เด็กปลาทอง




(ป่าน)


   โคตรตกใจเลยตอนลืมตาตื่นขึ้นมาเจอเพดานที่ไม่คุ้นแถมยังเจอมุมเงยของหน้าหล่อพอๆ กับผมอีก แม่ง จมูกหรือสันเขื่อน โด่งได้อีก แต่ก็นั่นแหละ ผมถูกลักพาตัวมาอยู่ที่ห้องสุดหรูของคนที่เพิ่งต่อยปากผมไป นึกๆ แล้วก็ยังแค้น แต่รอยช้ำที่โหนกแก้มนั่นก็ทำให้ความร้อนค่อยๆ เย็นลง

   หมัดหนักไอ้ต้อมฮุกตรงๆ ไม่มียั้ง

   “ไปอาบน้ำไป” เสียงเข้มดังเรียกสติแล้วจ้องหน้าคนที่ถาม

   เมื่อกี้มันจูบผมด้วย ไม่ให้เวลาตั้งตัวสักนิด...

   “จะให้อาบทำไม” กวนไปนิดๆ อยากเห็นหน้าไอ้คนนิสัยไม่ดีจะทำร้ายเพื่อนผมโมโหหนักๆ

   “กูไม่ชอบให้คนสกปรกมานอนเตียงกู” ผมมองหน้าคนบอกอย่างขำๆ ไม่ชอบแล้วเมื่อกี้มันก็วางผมลงบนเตียง “หัวเราะทำไม”

   “ก็อยากหัวเราะ” ลอยหน้าลอยตาไปแป๊บเดียวเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น คือห้องๆ นี้เท่าที่เดินสำรวจ เป็นพื้นที่โล่งกว้าง มีเตียงอยู่ด้านใน มีตู้หนังสือตั้งคั้นไว้ระหว่างเตียงกับประตู ข้างๆ เตียงมีโซฟาเบดตัวใหญ่ ก็ที่ผมนั่งอยู่นี่แหละ อีกด้านมีทีวีที่ติดกับผนัง 

   ผมแอบมองเจ้าของห้องที่หน้าตาบูดบึ้งเดินไปที่ประตู พอกระชากประตูเปิดออกก็มีผู้ชายท่าทางภูมิฐานเดินเข้ามา ใบหน้าคล้ายกับคนที่พาผมเข้าห้องตัวเองโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของร่าง (อย่างผม) ข้างๆ มีผู้ชายตัวเล็ก (กว่าผม) หน้าตาสวยหวานราวกับผู้หญิงแต่ออกจะบึ้งตึงไปหน่อย พอทั้งคู่เดินเข้ามาคนตัวเล็กกว่าก็ชี้มาที่ผมทันที

   “นี่เหรอ” ผู้ชายที่หน้าเหมือนไอ้พี่เกนสาวเท้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเอนตัวไปด้านหลังหนีใบหน้าคมที่ยื่นมา

   “ไม่ต้องใกล้ขนาดนั้นก็ได้” ไอ้พี่เกนดันอกคนตรงหน้าผมออก

   “แหม” คนส่งเสียงเป็นชายร่างเล็กนั่นแถมยังเดินมาดึงแขนผมให้ออกห่างหนุ่มหล่อที่หน้าตาหล่อสูสี “จำไว้ อย่าไว้ใจหรือหลงคารมสองพ่อลูกนี่เด็ดขาด” เสียงเล็กๆ พูดออกมาทำให้ผมหันไปมองแทบไม่ทัน

   “พ่อลูก?” หันกลับไปมองพ่อและลูกอีกครั้ง จะว่าไป โครงหน้าใช่เลย รูปร่างสมส่วนและสูงพอๆ กัน

   “นี่ป๋าพี่เอง ป๋า นี่...” ผมรีบยกมือไหว้ทันทีที่ถูกแนะนำ แต่พอจะแนะนำผมกลับอ้ำอึ้งซะงั้น

   “สวัสดีครับ ผมชื่อป่าน เป็นรุ่นน้องที่มหาลัยแต่ต่างคณะครับ” ผมแนะนำตัวเองแทน ขืนรออีกคนก็คงไม่ได้แนะนำพอดี

   “สวัสดี แล้วหนีตามไอ้เกนมาหรือไง” น้ำเสียงติดทะเล้นเล่นเอาผมเกือบสำลักน้ำลาย คนพูดยิ้มร่าก่อนใบหน้าหล่อคมจะบิดเบี้ยว สาเหตุมาจากมือเล็กๆ นั่นยิกที่แขนอยู่นั่นเอง “เจ็บนะเนี่ย”

   “ก็ทำให้เจ็บ ป๋าไปว่าเขาทำไม”

   “เอ๊า ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จริงมั้ย” รีบพยักหน้าแบบตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าจะวกกลับมาถามอีก “เห็นมั้ยๆ ปูนคิดมาก”

   ผมกำลังจะถูกสาบเป็นหินครับ เพราะเห็นบทแสดงความรักของคนตรงหน้ามันโจ่งแจ้งเกินไป ป๋าของไอ้พี่เกนจูบกับพี่ตัวเล็กนั่น ตอนแรกดูขัดๆ แต่พอเริ่มเข้าที่ก็โอบรอบคอเชียวนะ

   “กรุณากลับไปที่ห้อง อย่ามาโชว์เรี่ยราด” พี่เกนออกปากไล่คนเป็นพ่อให้ออกจากห้องจนโดนยกนิ้วกลางให้ส่งท้าย “ทำหน้าแบบนั้นทำไม”

   “คือเมื่อกี้...” อยากจะบอกว่าช็อกมากถึงมากที่สุด พ่อกับเลขาที่เป็นผู้ชายจูบกัน คือยังไง

   “เขาคบกัน” คำอธิบายสั้นๆ แต่ได้ใจความ

   “แล้วพี่...”

   “กูไม่ได้รังเกียจเรื่องความรักแบบนี้”

   “แล้วพี่...”

   “ที่กูไม่ชอบเพื่อนมึงไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่เพื่อนมึงเกาะติดเพื่อนกูเกินไป”

   “ประโยคนั่นผมควรพูดมากกว่ามั้ง เพื่อนพี่นั่นแหละตามเพื่อนผมเกินไป แล้วที่บอกมันเกาะกินนี่ไม่มีทาง ไอ้ต้อมมันขี้เหนียวจะตาย เศษห้าสิบสตางค์หายมันยังจดลงในบัญชีรายรับรายจาย”

   “มิน่า”

   “มิน่าอะไร”

   “ก็ช่วงหลังมานี้ไอ้ฟลอยด์มันไม่ชอบจ่ายอะไรเลย” เข้าใจเลยแบบนี้ ถูกเพื่อนผมคุมเข้มเรื่องเงินแน่นอน เมื่อก่อนผมก็โดนครับ ขนาดผมเป็นแค่เพื่อนนะ แค่จะซื้อเสื้อมันยังด่ายันเช้าจนต้องตามมันไปซื้อที่อื่นที่มันราคาไม่แพง

   “ก็ดีแล้วนี่ คบกับเพื่อนผมดีจะตาย ไอ้ต้อมมันโคตรมีเหตุและผล” มันด่ามาทีเถียงไม่ค่อยได้หรอก เหตุผลที่เรามีกลายเป็นเรื่องงี่เง่าแน่นอน

   “หยุดพูดแล้วไปอาบน้ำ ในตู้นั่นมีผ้าเช็ดตัว” ผมมองตามนิ้วที่ชี้ไปที่ประตูบานเลื่อนสีขาวขุ่น “หรือจะให้กูอาบให้”

   “พี่ฝันอยู่หรือเปล่า” รีบวิ่งเข้าไปในห้องที่เจ้าของบอก เกือบโดนขาลีบๆ นั่นเตะซะแล้ว แม่งโหดร้ายจริงๆ

   ห้องน้ำที่กว้างกว่าห้องรับแขกบ้านผมซะอีก พี่จะรวยไปไหน มิน่าถึงมีคนมาหลอก พอเดินเข้ามาตรงหน้าที่เห็นจะเป็นอ่างอาบน้ำ ข้างๆ มีเรนชาวเวอร์ติดตั้งอยู่ แล้วไอ้ผ้าเช็ดตัวมันอยู่ตรงไหน ห้องน้ำนี้ไม่มีตู้อะไรเลย มีแต่กระจกบานใหญ่ที่แยกกับอ่างล้างหน้า

   “ตู้ผ้าเช็ดตัวอยู่ไหน” แง้มบานประตูแล้วโผล่หัวออกไปถาม ก็นะ ผมถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้ว แม้คนที่อยู่ในห้องด้วยจะเป็นผู้ชายก็เถอะ

   ไอ้พี่เกนมันไม่พูดแต่กลับเดินมาหา ผมถอยหลังแทบไม่ทันเมื่อประตูบานเลื่อนถูกเปิด (ไม่มีกลอนล็อกด้วยนะ) และคนเข้ามาคงจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นผมยืนเปลือยต่อหน้า เดี๋ยวๆ ผมยังใส่กางเกงในอยู่นะอย่าเพิ่งคิดไปไกล

   “ตู้อยู่นี่” มือใหญ่แตะกระจกนิดๆ บานทั้งบานก็เด้งเปิดออก นี่เอาตู้ซ่อนไว้หลังกระจกขนาดนี้ หวังว่าห้องนี้คงไม่โปรงแสงหรือมีกล้องซ่อนอยู่หรอกนะ เริ่มระแวงนิดๆ

   “ขอบคุณครับ” มองในตู้จนกระจกถูกปิด พี่เกนหันมามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “อะไร” ถามออกไปอย่างสงสัย

   “มึงไม่กลัวกูปล้ำ?” กล้าถามด้วยเว้ย

   “ไม่สักนิด ออกไปได้แล้วผมจะอาบน้ำ” ไล่ด้วยสายตาจนเจ้าของห้องออกไปผมก็เริ่มอาบน้ำ

   อยากอาบสักชั่วโมง อะไรมันจะสบายขนาดนี้ ผมเปิดเรนชาวเวอร์ให้น้ำไหลตั้งแต่หัวลงมา แชมพูที่วางอยู่หอมเหมือนนม สบู่ก็ด้วย รู้สึกหอมหวานจนอยากลองกินดูสักครั้ง ถ้าไม่กลัวตายนะ

   ผมยื่นมือปิดน้ำแล้วเดินไปผลักบานกระจกเบาๆ แต่ก่อนจะเปิดตู้ ผมลองยืนมองรูปร่างตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกสัดส่วนมันช่างเพอร์เฟก เมื่อพอใจก็หยิบผ้าขนหนูออกมาซับตัว ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้

   จะเอาชุดไหนมาเปลี่ยนวะ

   รีบพันผ้าเช็ดตัวที่เอวแล้วชะโงกหัวออกไปด้านนอก เห็นเจ้าของห้องเดินไปเดินมาอยู่หน้าตู้เย็น โต๊ะบาร์ข้างๆ มีขวดไวน์ตั้งอยู่ คงเปิดกินสินะ

   “พี่” ผมเรียกคนที่เดินอยู่ พี่เกนหันมาทำหน้าตาประหลาด “ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนว่ะ”

   “ของกู อยู่ในตู้” เจ้าของห้องชี้ไปที่ห้องข้างห้องน้ำ ผมพยักหน้าแล้วเดินไป แต่ก็มิวายหันไปมองคนที่ทำหน้าตาแปลกๆ อะไรของเขา สงสัยกินไวน์มากไปหน้าเลยแดง คออ่อนนี่หว่า

   แต่งตัวเสร็จก็เดินออกไปแต่เจ้าของห้องไม่อยู่แล้ว ผมเดินไปเดินมาจนเสียงน้ำไหลดังขึ้น พอหันไปแก้วน้ำในมือแทบร่วง จะอะไรล่ะ บานประตูห้องน้ำมันมองเห็นเรือนร่างคนอาบลางๆ น่ะสิ อย่างตอนนี้ที่ผมเห็น พี่เกนกำลังถูสบู่ที่แขนไล่มาที่อก ชิบหาย ไอ้ป่านใจเย็นๆ ไว้ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้พี่เกนมันถึงเดินไปเดินมา เพราะผมก็กำลังทำอยู่นี่ไง

       ผมรีบเดินไปนั่งที่โซฟา จะเปิดทีวีก็เปิดไม่ออกไม่รู้ต้องไปกดอะไรตรงไหน ทางเดียวคือเอามือถือมานั่งกดนั่นนี่ไปเรื่อย ไม่นานคนอาบน้ำอยู่ก็ออกมา รูปร่างสมส่วนที่โผล่พ้นจากเสื้อคลุมอาบน้ำนั่นมันโคตรเซ็กซี่ มองนานๆ แล้วใจคอไม่ค่อยดีเลยต้องหันไปมองทางอื่น

   “หึๆ” เสียงขำในลำคอของคนที่มายืนอ่อย

   “รีบๆ ไปแต่งตัวสิ ผมง่วงแล้วเนี่ย” ต้องรีบไล่ เพราะไม่มีดีต่อใจมากๆ ตอนนี้ พอคนหุ่นดีเดินไปผมก็รีบถอนหายใจ แต่ก็ได้ไม่นานเมื่อเจ้าของห้องเดินกลับมา “พี่ทำไมไม่ใส่เสื้อวะ”

   “กูถอดเสื้อนอนอยู่แล้ว ที่จริงไม่ใส่อะไรนอนด้วยซ้ำ เห็นมีคนมานอนด้วยหรอกนะ เลยใส่กางเกงขายาวเนี่ย” นี่ผมต้องยกมือไหว้ขอบคุณด้วยมั้ยเนี่ย แผงอกล่ำๆ กับกล้ามหน้าท้อง...ผมจะนอนหลับตาได้หรือเปล่าวะ

   ผมล้มตัวนอนบนเตียงนอนสีน้ำเงินเข้มที่เจ้าของเตียงสละให้ด้านหนึ่ง ความนุ่มก็เหมือนเตียงทั่วไปแต่กลิ่นหอมนี่ลอยแตะจมูกตั้งแต่แรกสัมผัส ผมว่า คืนนี้ผมต้องนอนฝันดีแหงๆ ....




 (เกน)


   ผมนอนพลิกไปพลิกมา ก็ใครมันจะไปข่มตาหลับลงได้ในเมื่อมีคนมานอนยั่วอยู่ข้างๆ มันก็ไม่ได้ยั่วอะไรหรอก แต่รู้สึกแปลกเวลาหันไปแล้วได้เจอหน้าขาวๆ ที่นอนตะแคงหันหน้ามาหา ผมขมวดคิ้วจ้องหน้ามันก่อนจะรีบลุกออกไปจากเตียงก่อนกลับมาพร้อมกับยาแก้ฟกช้ำ

   “มึงนี่นะ”

   บ่นไปมือก็ทายาที่มุมปากมันไป ปากแดงนุ่มๆ ทำให้ลองกดนิดๆ ก่อนเปลี่ยนจากนิ้วเป็นริมฝีปากตัวเอง กดจูบเบาๆ ไปเท่านั้นเพราะกลัวปลุกคนนอนหลับ ไว้ตอนไหนมันเต็มใจผมไม่ไว้หน้าแน่

   “กูจองมึงมานานแล้วนะจำไว้ด้วย”

   ก้มจูบหน้าผากมนเบาๆ แล้วล้มตัวนอนลงข้างๆ ดูหน้าขาวเวลาหลับเพลินไปหน่อยเลยผล็อยหลับไปซะอย่างงั้น คืนนี้คงเป็นคืนที่ผมไม่อยากฝัน เพราะความจริงมันดีอยู่แล้ว


...TBC


หายไปหลายวันกลับมาอัพแล้วค่าาา น้องป่านยังคงไม่โดนพี่เกนเขมือบแต่อย่างใดเน้อ ฮ่าๆๆๆ รอตอนต่อไปไม่แน่ เอ๊ะๆ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 12-10-2016 21:35:08
คิดถึงมาก มาต่อแล้ว  :mc4:
ป่านน่ารัก คิดบวกดี พี่เกนต้องรักน้องจริง ห้ามแกล้งน้องนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-10-2016 21:42:24
ไปจองตอนไหนน่ะเกน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-10-2016 22:04:45
ไม่อยากฝันเพราะความจริงมันดีอยู่แล้ว รู้สึกชอบประโยคนี้ พี่เกนจะจีบป่านจริงๆจังๆได้ยังเนี่ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-10-2016 22:18:54
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก

รอต่อค่าาาา พี่เกนกับป่านน่ารักเกินนนนน :-[ :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-10-2016 22:19:05
อะไรคือจองน้องมานานแล้วๆมาบอกจองน้องตอนน้องหลับเนี่ยนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 12-10-2016 22:28:43
แหมมๆ พี่เกน ไปจองไว้ตอนไหนคะะะ
เค้ารู้เรื่องด้วยมั้ยนั่น :katai3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-10-2016 23:07:49
คนเงียบสุดร้ายสุด 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-10-2016 00:16:39
อิพี่ทำไมคุณมึงน่ารักขนาดนี้ค้าาา  :m3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 13-10-2016 02:29:21
อยากอ่านตอนต่อไปมากๆเลย เผื่อน้องป่านจะถึงเวลาโดนพี่เกนจับกินสักที :z1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 13-10-2016 05:48:43
พาขึ้นคอนโดแล้ว ได้เจอป๋าแล้ว เหมือนจะไม่ขัดขวาง
ก็เหลือพี่เกนสินะ จีบป่านจริงๆจังๆได้แล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-10-2016 06:57:43
พ่อพี่เกน ไม่เบาเลย มีกอด หอม โชว์ ลูกกับป่านซะด้วย :mew1:
ขำป่าน มีชมรูปร่างตัวเองว่าทุกสัดส่วนมันช่างเพอร์เฟก :katai2-1:
จองป่าน แต่ไม่บอกป่าน นี่มันยังไงๆ นะพี่เกน :เฮ้อ:
ป่าน ก็ชมรูปร่างพี่เกนว่าสมบูรณ์แบบ เซ็กซี่
ป่าน เริ่มคิดอะไรๆ กับพี่เกนแล้ว :-[
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 13-10-2016 07:33:46
รอน้องป่านนนน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 13-10-2016 10:10:18
อร๊ายพี่เกนจองป่านมานานแล้ว  เลิศๆๆ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 13-10-2016 12:24:17
น่ารักดี พี่เกนก้อมีมุมนี้เหมือนกัน ชอบป่านมากฮะ
รออ่านตอนต่อไปนะคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: volvox_nostoc ที่ 13-10-2016 12:40:24
ถ้าจะมุ้งมิ้งขนาดเนนนนนนนนนนนนน้ นะ อร้ายยยยยยยยยยยยยยยย :katai2-1: เอาอีกลงอีกๆๆๆ  o13
                                 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-10-2016 13:09:14
มี 2 ประเด็นที่แปลกๆ
เกนตามป่านมา 3 ปีเลยเหรอ ไม่ใช่เพิ่งเจอกันเหรอ
ที่เกนโดนหลอกน่ะ หมายความว่าเกนแต่งงานตั้งแต่ม.ปลายเหรอ แล้วทำไมถึงเสียทุกอย่างไปล่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 13-10-2016 13:33:53
จองมานานแล้ว งืมๆๆ อ่านพลาดช่วงไหนไปรึป่าวนี่ ฮ่าา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 13-10-2016 14:42:15
มี 2 ประเด็นที่แปลกๆ
เกนตามป่านมา 3 ปีเลยเหรอ ไม่ใช่เพิ่งเจอกันเหรอ
ที่เกนโดนหลอกน่ะ หมายความว่าเกนแต่งงานตั้งแต่ม.ปลายเหรอ แล้วทำไมถึงเสียทุกอย่างไปล่ะ

...............................

ขอตอบคำถามค่าาาา

ป่านเคยเจอเกนตั้งแต่เรียนปี 1 ค่า ตอนไปรอต้อมที่หน้าร้านสะดวกซื้อ พี่เกนจองป่านมาตั้งแต่ตอนนั้นนั่นเอง (รักแรกพบก็ว่าได้  :o8:)

แล้วที่พี่เกนโดนหลอกเมื่อสมัยเรียนม.ปลาย ยังไม่ได้แต่งงานค่า แค่ไปอยู่ด้วยกัน ป๋าพี่เกนซื้อคอนโดให้แต่น้องนีก็ใช้วิทยายุทธในการหลอกล่อให้หลงแล้วเชิ่ดของทุกอย่างหนีไป

ขอบคุณสำหรับคำถามค่าา (ไหว้เหมือนนางง่าม เอ้ย งาม)  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 13-10-2016 18:42:43
บอกตอนน้องตื่นดิพี่เกน :hao3:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-10-2016 20:01:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-10-2016 22:20:49
 :-[ :-[

 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 14-10-2016 05:57:40
พ่อเกนน่านักอ่ะ. อิอิ

รอตอนต่อไปที่น้องป่านจะเป็นเชือกรัดพี่เกนนะคะ


 :hao3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-10-2016 09:11:00
โอ้ย คู่พ่อช่างเปิดเผย!
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 14-10-2016 10:23:36
อีพี่เกน น่ารักน่าตบ 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [5] Up!! [P.15]<< // [12/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 15-10-2016 00:51:25
แอบเขินพี่เกน อิอิ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-10-2016 11:43:21
No Sugar : Part Ken & Pan [6]



       ผมขยับตัวแล้วปรือตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องสีขาว อ่า นี่ไม่ใช่ห้องผมสินะ เพราะเมื่อคืนผมติดรถไอ้พี่เกนมา แล้วนี่คงเป็นห้องมัน ... ว่าแล้วผมก็รีบหันไปมองเตียงข้างๆ ปรากฏว่าเจ้าของห้องไม่อยู่แล้ว พอคลำที่นอนอีกฝั่งเริ่มเย็นแล้ว คงตื่นก่อนผมนานพอดู

   นอนบิดขี้เกียจก่อนลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำ ใช้เวลานานจนออกมาก็ยังไม่เห็นเงาเจ้าของห้อง ไปไหนของเขาวะ ผมเดินวนไปวนมาหน้าประตูห้อง เสื้อผ้ากลับไปสวมชุดเดิมของเมื่อคืนเตรียมกลับหอ แต่พอยื่นมือไปบิดลูกบิด ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาจนเกือบจะชนกับหน้า ดีที่ผมเก่งเลยหลบได้ทันเวลา

   “อ่าว” เสียงคนที่เข้ามาทำหน้าเหวอเมื่อเห็นผมยืนอยู่ห่างประตูประมาณสองก้าว

   “เอ่อ สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ตามอายุ คนที่เข้ามาก็คือคนที่โชว์จูบต่อหน้าผมนั่นแหละ เลขาของพ่อพี่เกน

   “พอดีพี่เอาอาหารเช้ามาให้” ว่าแล้วก็รีบสาวเท้าไปที่โต๊ะบาร์แล้ววางจานอาหารสองจาน บนจานมีไข่ดาว ไส้กรอกแล้วก็แฮม “เกนไปวิ่ง เดี๋ยวคงมาแหละ”

   “เอ่อ” ผมรีบร้องทักเมื่อเห็นพี่ที่ตัวเล็กกว่ากำลังจะออกจากห้อง

   “ครับ? อ่อ เรียกพี่ว่าพี่ปูนแบบที่เกนเรียกก็ได้” พี่ปูนยิ้มหวานส่งมาให้ รอยยิ้มที่เหมือนดอกไม้กำลังผลิบาน

   “คือผมจะกลับแล้ว” เป็นห่วงรถของผมด้วย

   “ไม่รอเกนล่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว ขานี้ชอบตื่นเช้าไปวิ่ง เห็นกล้ามหน้าท้องมั้ย เซ็กซี่จะตายไป” ผมมองนัยน์ตาพราวกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างระแวง “ไม่ต้องทำหน้ากลัวพี่ขนาดนั้นก็ได้ กินก่อนเลยเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย” พี่ปูนกดตัวผมให้นั่งที่เก้าอี้สูงพร้อมกับเลื่อนจานอาหารเช้ามาให้

   “ขอบคุณครับ” ยกมือไหว้ตามที่พ่อกับแม่เคยสอนไว้เวลารับของจากผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่ที่ผมไหว้กลับทำหน้าบึ้ง

   “ไม่ต้องไหว้พี่หรอก เดี๋ยวพี่ดูแก่” แล้วพี่ปูนก็หัวเราะออกมาพลอยทำให้ผมหัวเราะตาม “ว่าแต่ คบกับเกนแล้วเหรอ” รีบส่ายหน้าเพราะปากเต็มไปด้วยไส้กรอกชีส พี่ปูนหรี่ตาลงอย่างไม่ค่อยเชื่อ

   “จริงๆ นะครับ แล้วนี่ พี่เขาทำร้ายผมเมื่อคืน” ไม่ได้ตั้งใจฟ้อง แต่สถานการณ์มันพาไป ผมชี้ที่มุมปากตัวเองจนพี่ปูนขมวดคิ้ว จะว่าไป ทำไมแผลไม่ค่อยเจ็บแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งโดนเมื่อคืนนี้เอง

   “แผลนี้ อ๋า รู้แล้ว เมื่อคืนเกนมาเคาะประตูขอยาแก้ฟกช้ำ คงไปทาให้เราสินะ” พี่ปูนยิ้มล้อเลียนแต่ผมกลับเบิกตาโต ไอ้พี่เกนเนี่ยนะทายาให้ผม ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า

   คุยได้อีกนิดหน่อยพี่เกนก็เข้ามา ร่างสมส่วนใส่ชุดวอร์มสีดำ ใบหน้ามีเหงื่อผุดอยู่เต็มไปหมด เจ้าของห้องที่เพิ่งไปวิ่งมาเหล่ตามองคนที่ยืนกอดอกยิ้มอยู่

   “มองไร” พี่ปูนแกยิ้มอย่างเดียวไม่ปริปากตอบอะไรจนคนถามส่งเสียงจิ๊จ๊ะ “เอาข้าวมาให้แล้วก็ออกไปได้แล้ว”

   “ไล่เลยเหรอเนี่ย ก็ไม่ได้อยากอยู่หรอกน่า แล้วก็นะ เลิกทำตัวเป็นคนรวยเอาแต่ใจด้วย เดี๋ยวน้องเขาก็ไม่ชอบขี้หน้าเอาหรอก จีบไปไม่ติดแหงๆ”

   “พี่ปูน!”

   “จี้ใจดำล่ะสิ ออกไปดีกว่า กินเยอะๆ นะ ถ้ากินกับเกนไม่อร่อย ยกจานไปห้องอีกฝั่งได้เลย” พี่ปูนบอกทิ้งท้ายก่อนรีบวิ่งออกไปเมื่อเจ้าของห้องชี้หน้าแล้ววิ่งไล่

   ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่เกนถึงโคตรๆ เอาแต่ใจ ก็มีแต่คนเอาใจแบบนี้ถึงไม่ค่อยยอมลงให้ใครก่อน ผมมองคนที่ยืนหันหลังให้ด้วยความสับสน

   “ไม่กินเหรอ” พี่เกนเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ แล้วลงมือจัดการอาหารเช้า “ทำไม”

   “พี่ไม่ได้ชอบทำตัวขวางโลกเหรอ” ตอนแรกคิดว่าจะโดนด่า แต่เปล่าเลย คนโดนถามกลับหัวเราะจนผมแปลกใจ

   “มึงคิดว่ากูเลวขนาดนั้น?” ถามปุ๊บก็รีบพยักหน้าปั๊บ “มึงนี่นะ”

   “อ่าว ก็พี่ทำตัวเองให้ดูเลวนี่หว่า อย่างตอนที่สาดไฟรถใส่หน้าผม รู้ทั้งรู้ว่าผมนั่งอยู่แต่ก็ไม่ยอมดับเครื่องสักที เลวมั้ยล่ะ” ร่ายยาวจนลืมสังเกตคนข้างๆ พอหันไปพี่เกนกลับวางมีดกับส้อมลงบนจาน “อิ่มแล้วเหรอ”

   “มึงจำได้แล้ว?”

   “จำอะไรได้?”

   “ก็เรื่องที่เจอกูครั้งแรก”

   “มันแวบเข้ามาในหัวเอง” ผมบอก “เจอคนพฤติกรรมแย่ๆ แบบนั้นไม่มีใครอยากจำหรอก” เบ้ปากใส่คนที่ทำ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้โมโหหรือโกรธอะไร อีกอย่าง เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วผมก็จำความรู้สึกโกรธตอนนั้นไม่ได้

   “กูไม่คิดว่ามึงจะโง่นั่งอยู่ต่อ” แปลว่ากำลังท้าทายผมสินะ ตอนนั้นน่ะ

   “ก็เลยไม่ยอมปิดไฟหน้ารถ? เลวว่ะ” ผมมองคนที่ยิ้มรับคำด่า “นี่ด่านะ”

   “เออกูรู้ รีบๆ กิน จะไปเอามั้ยรถมึงน่ะ”

   “เอา”

   “เอาก็กินสิ จะมองหน้าทำไม”

   “พี่ดีหรือเลวว่ะ มองไม่ออกจริงๆ” ว่าแล้วก็รีบจ้วงไส้กรอกชีสเข้าปากโดยมีสายตาแปลกๆ มอง “อะไร รีบกินสิ จะไปส่งผมเอารถมั้ย”

   “เออ”




   ผมคิดไว้ว่าไอ้ต้อมไม่น่าจะกลับมาไวแบบนี้ มันเหมือนกับบังเอิญมากไปนิดเมื่อรถพี่เกนจอดต่อท้ายรถของพี่ฟลอยด์พอดี ที่รู้เพราะคนข้างผมจำรถเพื่อนตัวเองได้นั่นแหละ พอลงจากรถมาก็รู้สึกกดดันโคตรๆ สายตาไอ้ต้อมมันส่งมาที่ผมแบบห่วงใยและส่งไปที่อีกคนแบบไม่ไว้ใจ คงเพราะตอนแรกหลังจากผมเปิดประตูลงมา พี่เกนมันจะขับรถหนีนั่นด้วย

   หลังจากพี่เกนเปิดประตูลงมา พี่ฟลอยด์ก็รีบดันเพื่อนตัวเองแล้วซุบซิบกันอยู่สองคน ก่อนจะพาเพื่อนหน้าบึ้งมายืนตรงหน้าไอ้ต้อม ผมยิ้มให้เพื่อนตัวเองคล้ายกับบอกว่าสบายดีไม่มีอะไรบุบสลาย

   “ขอโทษ” ทั้งผมและไอ้ต้อมต่างก็พากันทำตาโตเมื่อได้ยิน เป็นคำขอโทษที่โคตรไม่รู้สึกว่ามาจากใจเลยให้ตาย น้ำเสียงจะแข็งไปไหน

   “เสียงแบบนี้ใช่คนที่สำนึกผิดหรือเปล่าครับ” ไอ้ต้อมถามออกไป มันไม่กลัวพี่เกนผมรู้ ส่วนคนโดนถามส่งเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายกับไม่พอใจ

   “เออๆ กูขอโทษ เมื่อคืนกูเมามากไปหน่อย” แหม เมามากไปหน่อยแต่ขับรถพาผมกลับคอนโดได้ แถมพาเข้าห้องซะด้วย เพิ่งรู้ว่าอาการของคนเมามากเป็นแบบนั้น

   พี่เกนที่ว่าแน่ยังเถียงกับไอ้ต้อมไม่ได้จนพี่ฟลอยด์ต้องออกโรงบอกให้แฟนตัวเองหยุดว่า ก็อย่างที่ผมเคยบอก หากคิดจะเถียงกับไอ้ต้อม เหตุผลเราจะกลายเป็นสิ่งที่งี่เง่าไปทันที ก่อนประโยคท้ายๆ เหมือนคนเถียงไม่ได้จะหันมามองผม
 
   “กูไม่เชื่อใจใคร แล้วเพื่อนมึงก็กวนตีนกู” โอ้โห นี่กล้ากล่าวหาผมขนาดนี้เลยเหรอ

   “พี่กวนผมก่อนนี่หว่า”

   “มึงด่ากู”

   “ด่าตอนไหน”

   “มึงว่าดีออก กูได้ยินเต็มสองหู”

   “ดีออกมันเป็นคำด่าตรงไหน”

   “ก็ตรงที่มันเป็นคำด่านั่นแหละ”

   “บ้าว่ะ”

   “มึงมัน!” ถลึงตาใส่คิดว่าผมจะกลัวเหรอ ไม่มีทาง ผมแลบลิ้นกลับไปให้เลยถูกชี้หน้า และพอผมหยุดเถียงไอ้ต้อมที่จ้องอยู่แล้วก็รีบแทรกขึ้นมาปรับสีหน้ากับอารมณ์แทบไม่ทัน เกือบงับลิ้นตัวเองอีก

   “มึงมากับพี่เกนได้ไง รถมึงก็เพิ่งจะมาเอาตอนนี้” โดนคาดคั้นหนักมากพร้อมสายตาสะกิดจิต

   “ก็เมื่อคืนกว่าจะเปลี่ยนยางเสร็จ มันก็ไม่ยอมไปส่ง กูเลยนอนห้องมันซะเลย” ไม่บอกหรอกว่าเผลอหลับแล้วถูกอุ้มขึ้นห้อง ขายหน้าตาย

   “กูรุ่นพี่มึงนะ” ไอ้ต้อมกำลังจะอ้าปากแต่เสียงพี่เกนขัดขึ้นมาซะก่อน และก่อนจะมีเรื่องยาวพี่ฟลอยด์ก็รีบห้าม พี่เกนมองหน้าผมก่อนจะกลับไปขึ้นรถและออกตัวอย่างไวคล้ายกับคนปวดท้อง

   แต่ผมควรสนใจเพื่อนตัวเองมากกว่า โดนแน่ๆ

   และก็จริงผมโดนไอ้ต้อมคาดคั้นจนเหมือนเป็นส้มที่ถูกคั้นเอาน้ำออกจนหมดแล้วเขี่ยทิ้ง ผมกลับมาที่รถตัวเองแล้วขับกลับห้องที่รออยู่



   ภายในหอพักแคบๆ ของผม วันนี้วันหยุดช่างสุขอุราซะจริงๆ ผมตื่นเกือบเที่ยงเพราะท้องร้อง หลังจากเสร็จงานทุกอย่างร่างกายก็อยากพักผ่อน ลุกจากเตียงเดินซุยๆ ไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินมาเปิดทีวีดู

   ...เบื่อ

   อาการเบื่อโลกกลับมาอีกแล้ว นี่แหละที่ผมไม่ชอบการอยู่คนเดียว หากเป็นเมื่อก่อนผมคงไปคลุกอยู่กับไอ้ต้อม แต่ตอนนี้มันมีแฟนแล้ว ผมคงไปอยู่ด้วยไม่ได้ ขืนไปมีหวังถูกพี่ฟลอยด์เตะโด่งออกมาแหงๆ

   ผมว่า เบื่อแบบนี้ไปเที่ยวกันเถอะ

   แต่งตัวสบายๆ ลากแตะคีบออกจากหอพัก ก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนหรอกครับ ไม่ไกลจากหอพักมีห้างซุปเปอร์สโตร์ ไปหาซื้ออะไรมาตุนไว้ในห้องดีกว่า ผมเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ มีผู้คนเดินผ่านไปมาบางคนก็รีบ บางคนก็เดินเอื่อยแบบผม ตอนนี้ผมเริ่มไม่ชอบวันหยุดซะแล้ว

   กว่าจะถึงห้างขาก็แทบลาก อยากจะชิวเองคงโทษใครไม่ได้ ผมลากรถเข็นเพื่อบรรจุของที่ขาด หยิบกระดาษที่ลิสรายการออกมาดู พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เบอร์โทรที่ผมไม่เคยเห็นแต่ชื่อนี่โคตรคุ้น น่าจะเอามือถือผมไปเมมเองแหง

   “ครับ” คีบโทรศัพท์ที่คอขณะหยิบน้ำอัดลม

   “อยู่ไหน”

   “พี่ถามผมเหรอ”

   “เออสิ กูโทรหามึงคงถามหาเพื่อนมึงมั้ง” มีความกวนด้วยนะ

   “อยู่ห้างแถวๆ หอนี่แหละ”

   “เออ”

   พูดจบก็วางไปเฉย อะไรของเขาวะเนี่ย

   ผมเดินหาของที่ต้องซื้อ กระดาษทิชชู่อันไหนดีหว่า ยี่ห้อนี่ยาวกว่า แต่อีกอันนุ่มกว่า หยิบสองอันมาอ่านเทียบความน่าซื้อจนลืมมองว่ามีคนเดินมาด้านหลังพร้อมกระชากอันที่นุ่มกว่าใส่รถเข็น

   “เชี่ย ตกใจ” สะดุ้งจนตัวโยนสิ

   “เรื่องมากจริง”

   “เอ้า มันต้องเลือกดีๆ สิ” เมื่อก่อนผมก็ไม่เลือกหรอกครับ ไอ้ต้อมมันเคยบังคับให้อ่าน จากนั้นก็เหมือนจะติดเป็นนิสัย “พี่เถอะ มาได้ไงแล้วมาทำไม”

   “กูไปหามึงที่หอมาแต่มึงไม่อยู่ที่ห้อง” ผมมองด้านหลังคนที่เข็นรถเข็นของผมไป “แล้วมึงจะซื้ออะไรอีก”

   “หา...เออ ผงซักผ้าแล้วก็ บลาๆๆๆ”

   ผมกับพี่เกนซื้อของนานมาก นั่นเพราะผมเลือกเยอะ ผมไม่ได้เลือกเยอะหรือเรื่องมากนะ มันก็ต้องอ่านก่อนซื้อหรือเปล่า อย่างสบู่อาบน้ำซึ่งผมชอบที่เป็นก้อนมากกว่าเพราะมันประหยัดใช้ได้นานแม้แต่ก้อนเล็กๆ เราสามารถเอามารวมกันแล้วเติมน้ำเขย่าๆ มันก็ใช้ได้ (ไอ้ต้อมมันเคยมาทำให้) แต่พี่เกนบอกให้เอาแต่ครีมอาบน้ำ

   “ครีมอาบน้ำหอมกว่าเยอะ” อยากกรอกตาบนใส่มาก นี่ขนาดว่าจ่ายเงินแล้วยังไม่เลิกพูดอีก

   “แต่ผมชอบใช้สบู่ก้อน ครีมอาบน้ำมันลื่นๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” ที่จริงก็อาบได้หมดนั่นแหละครับ แต่แบบก้อนหาซื้อง่ายกว่า

   “แต่กูจ่ายเงิน” เหตุผลโคตรน่าฟัง

   “แล้วผมขอให้พี่จ่ายหรือไง” ผมเกือบถูกเขกหัวดีที่มือสองข้างของพี่เกนมีถุงเต็มไปหมด
 
   เดินตามคนหน้าบึ้งมาขึ้นรถ ขามาเดินอย่างร้อน ขากลับได้นั่งรถเย็นๆ ค่อยยังชั่ว จะว่าไป พี่เขามาหาผมทำไม หรืออยากมาหาเรื่องทะเลาะกันเฉยๆ แต่พอคิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน มีเพื่อนอยู่ด้วยจะได้ไม่เบื่อ คิดแบบนั้นผมก็นั่งยิ้มอารมณ์ดีจนคนขับรถหันมามอง

   “ยิ้มไรของมึง”

   “เพราะมีความสุขถึงยิ้มไง” หันไปฉีกยิ้มให้คนถามอีกรอบจนโดนหัวเราะใส่

   “อยู่กับกูมีความสุข? ก็ดีนะ”

   คล้ายกับถูกไม้ตียุงช็อตหน้าเมื่อเผลอสบตานัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั่น เหมือนหัวใจมันกระตุกๆ ปากที่ยิ้มก็เหมือนเริ่มยิ้มไม่เต็มที่...ผมว่า ผมเริ่มมีอาการอีกแล้ว

   “ผมว่า...”

   “อะไร”

   “เปล่า”

   มันคล้ายกับรู้สึกแบบที่เคยรู้สึกกับครีม แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจก็เลยไม่กล้าพูด ผมอาจจะหลงรอยยิ้มเวลาไม่เก๊กนั่น หรืออาจจะชอบกล้ามหน้าท้อง เดี๋ยวนะ ทำไมผมคิดไปถึงเรื่องนั้นซะได้ มันไม่ดีต่อหัวใจเลยสักนิดให้ตายสิ

   “มึงหน้าแดงนะ ร้อนเหรอ” รีบพยักหน้าแทนคำตอบ เจ้าของรถยื่นมือไปเร่งแอร์ให้เย็นขึ้นจนขนเริ่มลุก “หยุดนี้มึงจะไปไหน” คำถามที่ทำให้ผมหันกลับไปมองคนที่ทำให้รู้สึกแปลก เอ๋ วันหยุดหลังงานมหาลัยจะไปไหนดี

   “ไม่รู้เหมือนกัน กลับบ้านคงเหงาเหมือนเดิม” พ่อแม่ผมทำงานตลอดไม่มีเวลาให้ผมหรอก

   “ขี้เบื่อล่ะสิมึงน่ะ”

   “ก็คงงั้นมั้ง”

   “ไปอยู่กับกูมั้ยล่ะ” รีบหันขวับไปมองคนที่ออกปากชวน

   “ไม่ไป” ผมปฏิเสธแม้มันจะน่าสน ห้องนั้นมีทั้งเกมส์ ทั้งหนังสือน่าอ่าน

   พี่เกนใช้หางตามองผมนิดๆ ก่อนหันกลับไปสนใจถนนต่อโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก จนถึงหอที่ผมพักอยู่ นี่ถ้าเดินมาคงถึงนานไปแล้ว ขับรถมันต้องไปวนไกล พอลงจากรถผมก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณคนใจดีอาสามาส่ง

   “มึงไม่คิดจะชวนกูขึ้นห้องกินน้ำสักหน่อยเหรอวะ” พูดมาซะขนาดนี้ผมเลยยิ้มแห้งๆ แล้วเอ่ยชวนไปเลยได้การตอบกลับมาแบบง่ายๆ เรียบๆ “เออ”

   เดินนำคนอยากมากินน้ำเข้ามาในห้อง แม้จะเป็นห้องชายโสดแต่ผมก็เก็บของเรียบร้อยนะครับ เพราะตอนปีหนึ่งห้องรกมาก สกปรกมากสาเหตุจากการไม่มีเวลาเพราะต้องไปรับน้องเข้าห้องเชียร์ ห้องเน่าๆ ทำให้ผมป่วยกระเสาะกระแสะเป็นเดือนจนแม่มาเยี่ยมพร้อมกับสั่งบริษัททำความสะอาดมาดูดฝุ่น ทั้งไรฝุ่น ทั้งตัวอะไรต่อมิอะไรที่ทำให้ผมป่วยอยู่เต็มห้องจนทุกคนแทบอยากจะวิ่งหนี จากนั้นผมก็เริ่มทำความสะอาดมาตลอด ไม่ชอบเลยการไม่สบายเนี่ย มันทำให้ผมต้องนอนอยู่กับที่ไปไหนไม่ได้...มันน่าเบื่อมาก (อยากเพิ่มกอไก่สักล้านตัว)

   พี่เกนเดินดูนั่นดูนี่จนพอใจแล้วกลับมานั่งที่พรมหน้าทีวี พอดีกับผมรินน้ำเย็นไปให้ คนรับไปยกแก้วขึ้นมองอย่างพิจารณาเหมือนหาตัวประหลาดในน้ำ พอมองไม่เห็นอะไรค่อยยกดื่ม

   “พี่เป็นเอามากนะ น้ำผมไม่มียาพิษหรอกน่า” บอกพร้อมเปลี่ยนกางเกงจากยีนส์มาเป็นกางเกงบอลเพราะมันสบายๆ

   “มึงไม่ไปเปลี่ยนในห้องน้ำวะ” นี่ตอบไม่ตรงคำถามแล้วยังถามผมกลับอีก

   “ทำไมต้องเปลี่ยนในห้องน้ำ ในเมื่อพี่กับผมก็ผู้ชายเหมือนกัน” ผมบอก แล้วพาลนึกถึงประตูห้องน้ำที่สะท้อนให้เห็นรูปร่างสัดส่วนอย่างล่อแหลม แม้จะไม่เห็นตัวเป็นๆ ก็เถอะ แต่สมองเรามักจะจินตนาการไปไกลกว่าดวงตาเยอะ

   “มึงหน้าแดงอีกแล้วนะ”

   เพราะพี่นั่นแหละ!

   อยากตะโกนออกไปแบบนี้แต่เลือกที่จะยิ้มตอบกลับไปเฉยๆ

   “พี่มาหาผมทำไมเหรอ”

   “กูอยากมา”

   “อ่อ” ไปต่อไม่เป็นเลยไอ้ป่าน

   “กูจะกลับแล้ว” อยู่ๆ พี่แกก็ลุกพรวดขึ้น หูสองข้างโคตรแดง “ไว้พรุ่งนี้กูจะมารับไปกินข้าว”

   “ดะ เดี๋ยว” ยังไม่ทันได้ตอบอะไรพี่เกนก็รีบเดินหนีออกจากห้องไป อะไรของเขาวะ แค่ผมมานั่งข้างๆ แค่นี้ หรือไม่ชอบที่ผมนั่งด้วย อ่อ...กางเกงบอลผมขาดที่เป้านั่นเอง แค่นี้ก็ต้องรีบกลับด้วย คงรังเกียจกางเกงที่ขาดแน่ๆ อะไรจะขนาดนั้น แค่เย็บก็ใช้ได้แล้วโธ่




   “มึงลงมาช้า” เสียงทักประโยคแรกหลังจากถูกโทรปลุกตั้งแต่หกโมงเช้า พี่จะตื่นเร็วไปไหน แล้วมารับสิบโมง รู้แบบนี้ผมน่าจะนอนหลับรอ (มากี่โมงก็ไม่บอก แบบนี้ใครจะไปกล้าหลับต่อ)

   “รีบสุดๆ แล้ว” บอกพร้อมเสียงเหนื่อยหอบ “พี่จะเลี้ยงผมเหรอ”

   “เออ อยากกินอะไร” ใจดีซะด้วย ผมฉีกยิ้มให้ก่อนจะนึกว่าอยากกินอะไรดี

   “มังกรเขียว” ผมบอกไป คนเลี้ยงก็พยักหน้ารับ มื้อนี้จะกวาดให้เรียบเลยคอยดู

   แต่พอเอาเข้าจริงผมก็กินได้ไม่เยอะเท่าที่หวัง นั่นเพราะไม่มีคนแย่งกิน เคยกันมั้ยครับที่เวลาซื้ออะไรไปแล้วแย่งกันกินมันจะอร่อยมาก แต่พอซื้อมากินเองมันดูไม่ค่อยอร่อย เหมือนกับตอนนี้ที่พี่เกนกินแบบเอื่อยๆ เลยทำให้ผมเอื่อยไปด้วย

   “ไม่อร่อยเหรอ” ยังมีหน้ามาถามผมอีก

   “อร่อย แต่อิ่มแล้ว” ลูบท้องเป็นสัญญาณเลยถูกขำ

   “แล้วใครวะที่บอกแม่งจะแดกจนหมดร้าน ขี้โม้นี่หว่า” ผมไม่เถียงหรอกครับ เพราะมันคือเรื่องจริง “อยากไปไหนต่อล่ะ” ผมมองหน้าคนที่ถามที่กำลังคีบหมูเข้าปาก

   “พี่ตามใจผมเหรอ” นี่โคตรแปลก หรือพี่เกนมันกินยาลืมเขย่าขวดวะ

   “อืม” มีช้อนตามองแล้วยิ้มอ่อยด้วย แบบนี้ไม่ดีต่อใจไอ้ป่านนะครับบอกเลย

   “ซื้อการ์ตูน” บอกไปงั้นแหละครับ คนถามก็พยักหน้าเบาๆ

   สุดท้ายก็ได้การ์ตูนที่อยากได้ครบทุกเล่มโดยไม่ได้ออกเงินสักบาท มันสบายก็ตรงนี้แหละ

   “มึงซื้อทำไมเยอะแยะวะ” คนออกเงินที่ผมแทบกราบเท้าถาม

   “ก็ผมชอบอ่าน อยู่ห้องคนเดียวโคตรน่าเบื่อ นี่เอาไว้อ่านตอนดึก”

   “เพื่อนมึงบอกว่ามึงมีโรค มึงเป็นโรคอะไร ต้องไปหาหมอหรือเปล่า หรือต้องกินยา”

   “ผมไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงขนาดนั้น แค่เป็นโรคขี้เบื่อ”

   “แล้วทำไมถึงเป็นโรคขี้เบื่อ”

   “คงเพราะตอนเด็กๆ ผมอยู่บ้านคนเดียวด้วยมั้ง ไม่ได้ออกไปไหนอยู่กับตัวเองทั้งวันทั้งคืน นั่งๆ นอนๆ เบื่อก็หลับ มันเลยกลายเป็นโรคนี้ขึ้นมา” ผมบอกตามความจริง เพราะพ่อกับแม่ผมท่านยุ่งมาก ทำงานหามรุ่งหามค่ำที่บริษัท กลับมาผมก็เข้านอนไปแล้ว เดือนหนึ่งแทบไม่ได้เจอหน้า

   “แล้วทำไมมึงไม่หาอะไรทำ นั่งๆ นอนๆ เฉยๆ ทำไม” คนถามยัดหนังสือการ์ตูนผมใส่หลังรถแล้วสอดตัวเข้ามานั่งประจำที่คนขับ

   “ผมเคยเลี้ยงปลานะ ตอนนั้นหายเบื่อไปพักใหญ่เลยล่ะ” ผมยังคิดถึงเจื้อยกับแจ้วได้อยู่เลย ปลาทองสองตัวที่ผมไปเดินเลือกซื้อกับป้าแม่บ้านที่ตลาด “แต่ผมอยู่กับปลาทั้งวันไม่ยอมไปไหนแม่เลยเอาไปปล่อย”

   “มึงนี่พอทำอะไรแล้วจะไม่ยอมทำอย่างอื่นเลยสินะ”

   “ก็มันทำให้หายเบื่อ”

   “แล้วตอนนี้มึงหายเบื่อหรือยัง”

   “หา”

   “อยู่กับกูนี่หายเบื่อบ้างหรือเปล่า”

   สบตาคู่นั้นแล้วใจเต้นแรงอีกแล้ว

   “ก็...นิดหน่อย” ตอบแค่นี้ก็เหมือนกับถูกสุมกองไฟใส่หน้า

   “ก็ดี” ผมหันหน้าหนีเลยได้ยินแต่เสียงพูดและเสียงหัวเราะ



   ...แต่มันไม่ดีต่อใจผมอีกแล้ว



...TBC


พี่เกนกับน้องป่านเหลืออีก 2 ตอนจะจบแล้วค่าาาาา ขอบคุณสำหรับการติดตามคู่นี้นะคะ ส่วนคู่หลักยังมีตอนพิเศษอยู่นะคะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-10-2016 12:05:18
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 15-10-2016 13:05:33
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 15-10-2016 13:33:47
เดี๋ยวได้หายเบื่อยาวแน่น้องป่าน

 :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-10-2016 13:42:04
ต่ออีกหลายๆตอนก็ได้ค่ะ คู่นี้น่ารักดี :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 15-10-2016 14:27:59
 :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-10-2016 14:31:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 15-10-2016 14:41:30
 :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6] Up!! [P.16]<< // [15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-10-2016 15:26:53
เริ่มหวั่นไหวแล้วล่ะสิ~
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-10-2016 15:46:17
No Sugar : Part Ken & Pan [7]



       ค่ำคืนที่ผมต้องนอนอ่านหนังสือการ์ตูนก่อนนอนผิดแปลกไปจากเดิมเนื่องจากไอ้ต้อมผีเข้าโทรมาชวนไปกินยาดอง กำลังเปรี้ยวปากอยู่พอดี ได้สักกรึ๊บก็น่าจะทำให้นอนฝันดีไม่น้อย ผมแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกางเกงสามส่วนลากแตะไป เพราะร้านที่ไปนั้นแต่งตัวชุดสูทคงไม่เหมาะ เซ็ทผมให้ชี้ๆ ดูเท่เผื่อจะเจอคนถูกใจสักคน

   แต่ทุกอย่างก็พังทลายเมื่อเปิดประตูมาก็เจอคนตีหน้ายักษ์ยืนอยู่ ผมได้แต่ยกมือไหว้ตามมารยาทแต่อีกคนกลับดูนิ่งขึ้นมาจนผมเริ่มแปลกใจ

   “อะไร”

   “มึงไม่คิดจะชวนกู?”

   “ชวนอะไร”

   “นัดเพื่อนมึงกินเหล้าไม่ใช่เหรอ”

   “พี่รู้ได้ไง” ตาโตสิครับ รู้ได้ยังไงหรือไอ้ต้อมบอก แต่คงไม่ใช่แน่

   “กูเห็นเพื่อนมึงโพสลงหน้าเพจมึง แท็กชื่อมึงพร้อมกับชื่อร้าน” ไอ้เชี่ยดอยเล่นผมแล้ว ผมเห็นมันเพิ่งอัพไปเมื่อไม่นานมานี้ตอนกำลังออกจากบ้านแฟนมัน

   “ก็ไปกับเพื่อน”

   “แล้วกู?” เหมือนพี่เกนมันจะเริ่มตีรวนจนผมได้แต่ยกมือเกาหัวตัวเองจนผมเสียทรง หมดกัน อุตส่าห์เซ็ทมาซะหล่อ

   “เออๆ ไปก็ไป”
 
   ผมขับรถตัวเองมา แต่ตาไม่ค่อยจะมองถนนสักเท่าไหร่ นั่นเพราะคนที่มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถคอยมองนั่นนี่จนผมไม่มีสมาธิขับ กว่าจะถึงร้านผมเกือบจะได้ฆ่าคนหมกป่าที่เอาแต่บ่นเรื่องความสะอาดรถของผม พี่เกนก็พูดได้สิ ว่ารถผมสกปรก รถพี่เขาสะอาด นั่นเพราะบ้านพี่เขารวยเขาต้องจ้างคนทำความสะอาดตลอดอยู่แล้ว ผมซึ่งไม่มีเวลาจะให้ไปเก็บกวาดมันก็ไม่ได้ (ข้ออ้างแบบงี่เง่านิดๆ)

   “อย่ากอดคอได้มั้ยเล่า” คือพวกไอ้ต้อมมันกำลังจ้องมา แล้วคนข้างๆ ก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ผมแทบจะทันที บ้าไปแล้ว

   “ไม่ได้” ตอบพร้อมกับทำหน้าลอยไปมาอย่างน่าหมั่นไส้ ผมพยายามสะบัดยังไงก็ไม่หลุดเลยจำใจเข้าร้านไปทั้งอย่างนั้น สายตาไอ้ต้อมกับไอ้ดอยที่มองมาคล้ายกับอยากรู้แต่ไม่มีใครถาม

   มาถึงโต๊ะ ผมรีบยกแขนพี่เกนออกแล้วรีบหนีไปนั่งข้างไอ้ต้อมจนเจอสายตาคาดโทษ ส่วนพี่เกนไปนั่งข้างเพื่อนตัวเองอีกฝั่งแทน ผมรู้ว่าผมกำลังถูกเพื่อนตัวเองจับจ้องอยู่ตลอด แม้จะเริ่มชนแก้วไปแล้วแต่สายตาของไอ้ต้อมก็ยังคงเหล่มอง

   “มาด้วยกันได้ไงวะ” ไอ้ต้อมทนไม่ไหวเอียงตัวมากระซิบถามท่ามกลางเสียงเชียร์ของไอ้ดอยให้คนไม่เคยลองกินยาดองสองคนยกแก้ว

   “มันไปหากูที่ห้อง พอดีกูจะออกมามันเลยมาด้วย” ผมบอกแล้วยกแก้วยาดองขึ้นจิบ กินมากไม่ได้เดี๋ยวต้องขับรถกลับอีก

   “มึงกับพี่เขาสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

   “กูก็ไม่รู้ว่ะ แม่ง อยู่ๆ ก็เข้าหากูเฉย”

   ตอบไอ้ต้อม ตาก็มองคนที่ยกแก้วเล็กๆ ที่มียาดองสีแดงเต็มแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ใบหน้าหล่อบิดเบี้ยวจนโคตรตลก ผมตอบคำถามจนไอ้ต้อมพอใจมันก็หันไปโวยวายแฟนมันที่ดวลกับพี่เกน นี่กะเมาหัวราน้ำกันสินะ
 
   “คอพี่เขาแม่งอ่อนว่ะ” ไอ้ดอยมันว่า วันนี้มันพาแฟนมันมาด้วยอีกตามเคย

   “ใครจะไปคอทองแดงเหมือนมึง แดกยาดองคนเดียวเป็นโหลแค่เดินเซ เป็นกูตายตั้งแต่ครึ่งโหลแล้วไอ้ห่า” ด่ามันไป ที่จริงผมก็คอแข็งนะครับ แต่ไอ้ยาดองพวกนี้ฤทธิ์มันร้ายนัก ได้ชิมแล้วอ้วกเกือบทุกราย

   ไอ้ดอยยักไหล่ไม่แคร์จนโดนแฟนมันตีเข้าที่แขน ผมได้แต่สมน้ำหน้ามัน ก่อนหันไปสนใจไอ้ต้อมที่มันมองพี่ฟลอยด์อยู่ตลอด คงเพราะเรื่องพ่อพี่เขานั่นแหละ มันเคยบอกผมว่าพี่เขาทะเลาะกับพ่อ พอผมถามมันก็ตอบแบบสบายๆ ผมว่าพี่ฟลอยด์แกคิดถูกแล้วครับที่ชอบไอ้ต้อม มันเป็นที่พึ่งได้ดีมาก

   ท้ายสุด งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา รุ่นพี่สองคนเมาจนฟุบหน้ากับโต๊ะ ไอ้ดอยตัวปลิวไปกับแฟนก่อนใครเพื่อน ผมที่จะช่วยออกเงินค่ายาดองแต่ไอ้ต้อมโบกมือไม่เอาเพราะมันชวนและจะเลี้ยงเอง แทบอยากจะฟังซ้ำหลายๆ รอบว่าไอ้ต้อมขี้งกเลี้ยง

   “เป็นบุญของปากกูมาก” แซวเพื่อนตัวเองจนโดนมันยกขาเตะ

   “เออ เดี๋ยวกูเอาบิลไปเบิกกับคนเมาอีกที” ว่าแล้ว อย่างไอ้ต้อมไม่น่าใจป๋าขนาดนี้ ไม่น่าชมมันเลย

   ผมลองสะกิดพี่เกนที่ฟุบนอนข้างพี่ฟลอยด์ แต่เรียกยังไงก็ไม่ยอมขยับจะมีก็แค่มือที่ปัดไปปัดมาไม่อยากให้แตะตัว เมาขนาดนี้พรุ่งนี้หัวระเบิดแน่ ไอ้ต้อมก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่เพราะแฟนมันก็เมาสภาพไม่ต่างกัน พวกเราสองคนพากันหัวเราะก่อนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

   ลำบากไอ้ป่านอีก

   “มึงกลับเถอะว่ะ พี่เกนไม่ไหวแล้ว” ไอ้ต้อมมันว่า ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วยว่ามันไม่ไหวแน่

   “เอาไง” ผมปรายตามองคนเมาทั้งสอง

   “ทางใครทางมันเลยมึง”

   “โอเค”

   ผมหิ้วปีกคนเมาขึ้นมา ตัวมันโคตรจะหนักจนแทบเซลงไปนั่งที่พื้น ยังดีที่เอาขายันไว้ทัน ไอ้ต้อมเห็นก็แทบจะพุ่งมาช่วย แต่พอเห็นผมพอไหวมันก็ขำออกมา

   “ระวังถูกพี่เกนปล้ำนะมึง เมาขนาดนั้น” มันแช่งผมใช่มั้ย

   “เมาเหมือนหมาแบบนี้ กดกูได้ กูยอมเลยสัด” ไอ้ต้อมหัวเราะที่ได้ยินผมตอบ “นี่ก็...ลุกๆ ตัวหนักเหี้ย กินควายมาหรือเปล่าวะ” ออกแรงดึงคนที่คอพับให้ยืนอีกรอบก่อนพาเดินแบบปูไปที่รถ น้ำหนักที่น่าจะมากกว่าผมเทมาจนพยุงแทบไม่ไหว ผมเดินเซไปเซมาเกือบสะดุดขาตัวเองอยู่หลายรอบ คนเมาก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือสักนิด เปิดประตูรถได้ผมก็ผลักให้ไปนั่งไม่สนว่าหัวพี่เกนมันจะโขกกับขอบประตูหรือเปล่า



   ตอนแรกผมกะจะพาคนเมาไปนอนหอตัวเอง แต่คิดไปคิดมาพากลับคอนโดพี่เขาดีกว่า ขืนเอามาอยู่ที่หอก็จะเป็นภาระของผมแน่นอน ห้องพี่เขายังมีพี่ปูนที่เป็นเลขาพ่อพี่เขา มันดีที่สุดแบบนั้น

   ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึง ผมเอาโทรศัพท์คนเมาเพื่อจะโทรเรียกคนด้านบนให้ลงมา แต่คนที่ผมคิดว่าจะเอาคนเมามาให้กลับไปต่างจังหวัด พี่ปูนกับป๋าไปต่างจังหวัด ซวยไอ้ป่านอีกแล้ว ผมเปิดประตูรถลงไปพอดีกับยามวิ่งเข้ามาหา พอเห็นหน้าพี่เกนพี่ยามก็เบิกตาโตแล้วช่วยผมพยุงออกมาจากรถ

   “โห คุณเกนเมาหนักมากเลยนะครับ”

   “อ่าครับ” ไม่รู้จะตอบอะไรไป

   “ปกติผมไม่เคยเห็นคุณเกนเมาแบบนี้สักครั้ง” พูดไปก็ช่วยผมแบกเข้าตัวตึกไป

   “คงเพราะไม่เคยกินยาดองมั้งครับ” คนไม่เคยกินมีสิทธิ์เมาหนักกว่าคนเคยนะครับ

   พี่ยามแกส่งผมกับคนเมาแค่หน้าลิฟต์เท่านั้น ยิ้มให้พร้อมโค้งศีรษะเป็นเชิงขอบคุณก่อนหิ้วคนเมาเข้าลิฟต์แล้วกดชั้นที่พี่เกนอาศัยอยู่ ภายในลิฟต์คนเมาที่ไม่มีสติเริ่มรุ่มร่าม มือไม้ปัดไปมาจนผมต้องตีไปหลายครั้ง ที่ต้องตีเพราะมือมันลูบหลังผม พอดึงออกก็มาลูบด้านหน้า ถ้าไม่เห็นว่าเมาอยู่ผมคงเตะไปแล้ว ลูบอยู่ได้

   พอประตูลิฟต์เปิดผมก็รีบลากคนเมาไปที่ห้อง ล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกงก็ยากโคตรเพราะคนเมาไม่ยอมให้ความร่วมมืออะไรเลย ช่วงที่ผมพยายามล้วงกุญแจ คนเมาเริ่มแปลกๆ แม่งกัดคอผมเฉย แต่พอผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ผมหิ้วก็ยังหลับตาคล้ายกับว่าไม่มีสติ

   ประตูห้องเปิดได้ผมก็ลากพี่เกนเข้ามาแล้วทิ้งพี่แกบนเตียงนุ่ม โคตรเหนื่อย พอปรายตามองคนที่นอนบนเตียงในสภาพเมาเละเทะ ชายเสื้อที่ใส่เลิกขึ้นจนเห็นกล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวย ไม่ดีต่อใจอีกแล้ว ผมรีบยื่นมือไปปิดหน้าท้องนั่นแต่อยู่ๆ มือที่ยื่นไปปิดกลับถูกยึดไว้เฉย

   “ไอ้พี่เกน” พยายามสะบัดมือที่ถูกยึดไว้ออก แต่ไม่มีท่าทีว่าจะหลุด “ปล่อยสิวะ เมาจริงหรือเปล่าเนี่ย” ประโยคพี่ยามแวบขึ้นมาทันทีว่าไม่เคยเห็นพี่เกนเมา หรือว่า...แกล้งวะ

   เพราะมัวแต่คิดเลยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ถูกดึงลงไปนอนแอ้งแม้งบนเตียงนุ่มโดยมีคนเมาขึ้นคร่อมเฉย ชิบหายแล้ว คนที่ผมคิดว่าเมามาตลอดทางปรือตาขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

   “หึๆ” เสียงเค้นหัวเราะในลำคอทำให้รู้ทันทีว่าถูกหลอก

   “แกล้งเมาเหรอวะเนี่ย” ผมเริ่มโวยวายและดิ้นหนี มือสองข้างถูกจับยึดไว้ขยับแสนจะลำบาก ขาสองข้างยิ่งแล้วใหญ่ ทำอะไรไม่ได้เลยเมื่อคนที่คร่อมผมอยู่ตรงกลางหว่างขา จะถีบก็ไม่ได้ เตะก็ไม่ได้

   “กูเมาจริงๆ”

   “เมาเหี้ยอะไร ปล่อยสิวะ”

   “มึงท้ากูก่อน”

   “ท้าอะไร”

   “ก็บอกถ้ากูกดมึงได้มึงจะยอมไง” เชี่ย ไหนบอกเมาจริงๆ ไงวะ

   “แกล้งเมาตั้งแต่แรกใช่มั้ยเนี่ย” ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากรอยยิ้มร้าย “ไอ้พี่เกน” รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อถูกสายตานั่นจ้องมอง ผมอยากหลบตาแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่เม้มปาก

   “กูรู้ว่ามึงก็ใจเต้นแรงกับกู”

   “รู้ได้ไง”

   “ก็กูได้ยิน...อย่างตอนนี้” พูดจบก็แนบหูลงไปที่อกผมทันที “เต้นแรงเหี้ยๆ”

   “มะ มันก็ต้องเต้นสิวะ” จะติดอ่างทำไมเนี่ย

   “กูก็เต้นแรงเหมือนมึง” คำพูดกับรอยยิ้มไม่ดีต่อใจไอ้ป่านอีกแล้ว คราวนี้รุนแรงหนักมาก มากซะจนผมยอมรับจูบที่นุ่มนวลจากคนที่คร่อมผมอยู่

   จูบที่ยังมีกลิ่นหอมของยาดองสูตรพิเศษ จูบที่แทบทำผมละลายคล้ายอยู่ในกองเพลิง ความรุ่มร้อนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่จำเป็นต่อไป ผมเห็นเสื้อตัวเองปลิวไปหน้าตู้หนังสือ จากนั้นก็ได้แต่หลับตา ความเย็นของแอร์เล่นงานได้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกร้อนเป็นไฟเมื่อถูกสัมผัส

   มือนุ่มลูบไล้ตามหลังตามอกจนขนลุกชัน ปากแดงที่เคยก่นด่าผมกำลังดูดเม้มไปทั่วแผงอก ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ลิ้มลองชวนให้วาบวามในใจ คนเอาแต่ใจชักนำจนผมแทบดิ้นตายอยู่ในอ้อมแขน

   “เรียกชื่อพี่หน่อยสิครับ” เสียงกระซิบข้างหูพร้อมกับเป่าลมร้อนพานทำให้ขนลุกชันไปทั่วตัว ผมยังคงเม้มปากไม่ยอมส่งเสียงอะไรออกมา คนเอาแต่ใจขำเบาๆ ให้ได้ยินก่อนผ่อนแรงขยับมือจนผมต้องส่งสายตาเว้าวอนเมื่อมันใกล้จะสุดทางเต็มที “นะครับ”

   “พี่...เกน” อยากจะตบหน้าตัวเองสักพันครั้งแต่ความต้องการมันอยู่จุดสูงสุดจนต้องยอมอายพูดออกไป พอชื่อตัวเองหลุดออกมาปากแดงก็ฉกมาจูบย้ำซ้ำๆ

   “มึงโคตรน่ารักเลยว่ะ” ผมหอบหนักมองคนที่ฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกแปลกๆ ที่มีคนช่วยปลดปล่อยความต้องการ ช่วงเวลาที่ผมกำลังจะหยุดหอบ คนที่ชมผมก็เริ่มจัดการสิ่งที่เพิ่งสงบไปเมื่อครู่ให้กลับมาคึกอีกครั้ง “คืนนี้ไม่จบง่ายๆ แน่”

   ยอมรับว่ากลัวแต่ก็อยากลอง ผมเคยลองกับผู้หญิงแน่นอน แต่กับผู้ชาย พี่เกนเป็นคนแรก แม้จะเคยคบผู้ชายมาหลายคนแต่ก็ไม่เคยล่วงเกินหรือเกินเลยมากกว่าการพูดคุย เผลอแค่นิดเดียวคนเอาแต่ใจก็รีบร้อนจนผมร้องลั่นห้อง แม่ง ไม่ให้โอกาสทำใจเลยให้ตายสิ

      “แม่ง” สบถได้แค่คำเดียวเพราะเจ็บและจุก รู้ดีว่าถูกเล้าโลมจนพร้อมแต่แบบนี้ก็ไม่ไหว เคยเห็นในคลิป มันต้องทำนั่นนี่ก่อนไม่ใช่หรือไง นี่พี่ท่านเล่นใส่ของร้อนเข้ามาจนสุดทางเฉย

   “อย่ารัดกูสิ” ตวัดสายตามองคนพูดอย่างเคืองๆ อยากรัดมั้ย ไม่เลยสักนิด แต่มันหยุดเกร็งไม่ได้ไง ความเจ็บยามจะคลายความรู้สึกมันก็พุ่งขึ้นมาจนต้องเกร็งตามเดิม “ป่านครับ”

   “พี่เอาออกก่อนสิ เจ็บอะ” ผมยื่นมือไปดันหน้าท้องแข็งๆ แต่ก็ถูกมือใหญ่กว่านิดหน่อยจับออก

   “รัดแน่นขนาดนี้จะออกได้ไงเล่า” พี่เกนว่า ก่อนจะช้อนสะโพกผมขึ้นจนขาสองข้างของผมแนบกับอกแกร่ง “หายใจเข้าออกช้าๆ” ผมลองทำตามแม้จะอายโคตรๆ ก็เถอะ พยายามไม่มองภาพที่เห็นตรงหน้า ขนาดเคยเห็นในคลิปบ่อยๆ แล้วนะ ยังไม่หน้าร้อนเท่านี้เลย

   ได้ยินเสียงขำในลำคอเบาๆ ผมปรือตาขึ้นมาเพื่อสบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน พี่เกนยิ้ม ยิ้มที่ดูอ่อนโยนแบบไม่เคยเห็นมาก่อน (ปกติยิ้มร้าย) ผมรีบยกมือปิดหน้าเพราะรอยยิ้มแบบนี้มันทำให้ผมใจเต้นแรง คนยิ้มเริ่มคลอนสะโพกจนต้องนิ่วหน้า มันก็ยังเจ็บอยู่นั่นแหละ แค่ไม่มากเท่าตอนแรก

   จากแรกเริ่มที่ค่อยเป็นค่อยไปแปลเปลี่ยนเป็นร้อนแรงและดุดันตามนิสัย ทุกช่วงจังหวะที่ถูกชักนำทำให้ความรู้สึกต่างๆ ปนเปไปหมด สมองที่กำลังคิดหาคำพูดหรือเหตุผลได้ถูกลบออกไปจนเหลือแค่ภาพของคนตรงหน้าที่กำลังมอบความรู้สึกใหม่ให้ ความเจ็บปวดถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความกระหาย

   “ซี๊ด สุดยอด” เสียงของคนเอาแต่ใจที่เริ่มผ่อนแรงแล้วถอนของร้อนจนเกือบหมด ผมย่นหน้าเพราะฝั่งฝันของผมอยู่ไม่ไกล ปากกำลังจะท้วงติงคนเอาแต่ใจกลับดันลึกเข้ามาจนหลังผมต้องยกขึ้น เชี่ยเอ้ย มันแกล้งผม

   “พะ พี่แม่ง” ค้อนด้วยตาไปคนแกล้งก็ไม่สะทกสะท้าน เอวที่คลอนไม่ยั้งยังคุมจังหวะจนผมแทบอยากตายไปจริงๆ จนสุดท้ายผมก็ปลดปล่อยออกมา รู้สึกเหนื่อยกว่าการไปสิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบตอนรับน้องซะอีก

   ผมคิดว่าทุกอย่างจบแล้วแต่ที่จริงมันยังไม่จบ ไม่ใช่สิ พี่เกนมันไม่ยอมจบต่างหาก นั่นเพราะพี่เขายังไม่ได้ปลดปล่อยออกมา ผมกัดหมอนแน่นเมื่อเอวที่คลอนใส่มากระแทกไม่ยั้งก่อนรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง จบแล้วสินะ...


   ...คิดว่าเป็นแบบนั้น


   “โอ้ย เบาๆ” มันไม่ยอมจบอย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ

   “กูทนมาเกือบสามปี นี่ยังแค่ดอกนะ ต้นกูยังไม่ได้คิดเลย” นี่ขนาดแค่ดอกนะ แม่ง

   “พี่ไปทนที่ไหนมาวะ” ผมโวยวายเมื่อถูกจับพลิกให้นอนคว่ำหน้าโชว์ก้นงามๆ ให้คนเอาแต่ใจ “เชี่ย” พยายามถีบขาไปด้านหลังแต่จะล้มซะเอง ห่วย

   “ตั้งแต่เจอมึงครั้งแรก...อื้ม...กูก็จองมึงมาตลอด” ทิ่มพรวดเดียวอีกแล้ว แม่งนิสัยโคตรเสีย

   “โคตรมั่ว อ๊ะ ผมไม่เห็นรู้เรื่อง เบาๆ สิวะ” อยากด่ามากกว่าแต่กลัวขาดใจตายไปซะก่อน

   “ก็กูบอกตอนนี้ไงว่ากูจองมึงด้วยสายตามานาน สมกับที่กูหมายตาไว้จริง” หันไปมองคนที่ตบก้นผมดังเพี๊ยะ เจ็บนะนั่น “ต่อไปนี้ มึงเป็นของกูคนเดียว”

   ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่อยากลองอะไรใหม่ๆ กับคนเอาแต่ใจคนนี้ ผมไม่ได้กลัวการผูกมัดหรอกนะ แต่ผมกลัวการถูกบงการชีวิต ผมกลัวการจะไม่มีอิสระในชีวิต

   “แล้วถ้าผมมองคนอื่นล่ะ”

   “มันตาย”

   ชิบหาย พลาดแล้วไอ้ป่าน สิ่งที่กลัวมันกำลังคืนคลานเข้ามาจนคิดว่าไม่น่าหนีพ้น

   ค่ำคืนแสนเร้าร้อนผ่านพ้นไปและผมคงต้องไว้อาลัยให้กับร่างกายตัวเอง ความอ่อนล้าเล่นงานจนขยับแขนขาลำบาก คนทำนอนเท้าแขนจ้องหน้าผมอยู่ข้างๆ

   “อะไร”

   “มึงน่ารักดีนะ”

   “ชมใช่ป่ะ”

   “เออชม” คนบอกว่าชมหัวเราะออกมา “มึงเป็นเมียกูแล้วนะ” เหล่ตามองนิดๆ

   “รู้”

   “ก็ดี”

   ผมไม่ใช่พวกคนที่จะมานอนร้องไห้หรอกนะครับ ก็อยากลองเอง

   “พี่เคยเอาผู้หญิงมานอนเตียงนี้ป่ะ” พอนึกถึงภาพผู้หญิงของเจ้าของห้องก็พานขมวดคิ้วสงสัย

   “ไม่เคย ห้องนี้ เตียงนี้มีแค่มึงนั่นแหละ” พยายามซ่อนรอยยิ้มจนโดนดีดหน้าผาก “กลัวกูฟันแล้วทิ้งเหรอ”

   “พี่วันไนท์แสตนด์บ่อยจะตาย ทำแบบนั้นกับผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เชี่ยเจ็บ” ถูกดึงปากจนยานโคตรเจ็บ

   “กูทำแบบนั้นกับคนอื่นเท่านั้น ไม่อย่างนั้นกูจะทนรอมึงมาตั้งสามปีเหรอ”

   “พี่รอเพราะชอบผมเหรอ” อยากจะขยับนอนตะแคงแต่ปวดก้นทำให้ต้องนอนหงายตัวตรงเหมือนเดิม

   “ตอนนั้นกูก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้คงเป็นแบบนั้น” แก้มขาวๆ นั่นขึ้นสีซะด้วย

   “เขินนะเนี่ย” ผมแอบแซว “แล้วทำไมพี่ไม่เข้ามาหาผมเลยล่ะ เห็นควงสาวคนนั้นคนนี้ไปทั่ว”

   “กูกลัวมึงรังเกียจ” เหตุผลน่ารักซะด้วย “แต่พอกูตามมึงมาเรื่อยๆ เลยรู้ว่ามึงก็เคยคบผู้ชายมาก่อน” ข้อมูลแน่นมาก แน่นซะจนตกใจว่ารู้ได้ยังไง

   “พี่รู้ได้ไง”

   “ก็ตามมึงมาตลอด เห็นไปเที่ยวกับไอ้เด็กทันตะ” โห นั่นตั้งแต่ปีหนึ่ง ทันตะคนนั้นเดินเข้ามาขอเบอร์จากนั้นก็คบกันไม่กี่เดือนก็แยกย้าย

   “สโตกเกอร์ใช่มั้ยเนี่ย น่ากลัวว่ะ”

   “ก็แค่กับมึง”

   “แล้วทำไมกับพี่ฟลอยด์แล้วก็เพื่อนผมพี่ดูรังเกียจล่ะ”
 
   “กูคงหวงไอ้ฟลอยด์ด้วยมั้ง” ผมเบิกตาโตมอง หรือว่าสิ่งที่ผมกับไอ้ต้อมสันนิษฐานจะเป็นจริง ที่พี่เกนชอบพี่ฟลอยด์ “คิดว่ากูรักไอ้ฟลอยด์ละสิ”

   “รู้ได้ไง”

   “หน้ามึงมันฟ้อง” ผมเบ้ปากใส่คนว่า “ไอ้ฟลอยด์มันเป็นคนดี กูกลัวมันถูกหลอกเหมือนกู” ผมก็พอเข้าใจอยู่หรอก เป็นผม ผมก็กลัวว่าไอ้ต้อมจะถูกหลอก “แต่พอรู้จัก ได้ด่ากันบ้างก็พอรู้ว่าเพื่อนมึงเป็นคนดี”

   “มากด้วย”

   ผมหันไปหัวเราะจนเผลอจ้องตาคู่สวยนั่นอีก ใบหน้าขาวค่อยๆ ใกล้เข้ามาจนจมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียกับจมูกของผม

   “ป่าน”

   ปากแดงจูบย้ำๆ ลงบนริมฝีปากของผม ร่างเปลือยเปล่าสมส่วนขยับขึ้นมาคร่อมอีกครั้ง





   “ทะแด เซอร์ไพรส์ เชี่ย!”

   “ชิบหาย”

   “ป๋าปิดตาปูนทำไมเนี่ย ปล่อย”

   “ไม่เอาไม่ดูครับ ตามสบาย คิดว่าป๋ากับปูนไม่ได้เข้ามานะ”

   เสียงปิดประตูดังสนั่นหยุดการกระทำทุกอย่างของพี่เกนและผม เราเหมือนถูกสตาฟฟ์ไว้จนไม่ขยับเขยื้อนตัวแม้แต่น้อย จนผมเริ่มหาเสียงเจอ

   “เราต้องทำต่อมั้ย” พี่เกนมองหน้าผมนิ่งแล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

   “ทำต่อก็ได้นะ”

   “เชี่ย ทำต่อก็บ้าแล้ว”

   รีบมุดเข้าไปในผ้าห่มจนไม่อยากโผล่หน้าออกมา ไม่อยากจะคิดไปก่อนเลยว่า ป๋ากับพี่ปูนจะคิดอะไรยังไงไปถึงไหน ที่แน่ๆ พี่เกนที่หลังขาวโผล่จากผ้าห่มกำลังคร่อมผมและเรากำลังจูบกัน ภาพแบบนี้ไม่คิดก็บ้าแล้ว

   ตอนเช้าผมแทบจะก้มหน้าติดจานข้าว พี่ปูนหัวเราะคิกคักจนผมไม่อยากเงยหน้าขึ้นมา ส่วนพี่เกนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ยังคงกินมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนเดิม ส่วนป๋าของพี่เกนก็คอยหยอดแซวลูกชายบ้าง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับเลยนั่งกินเงียบๆ ต่อไป มีแค่ยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผมเท่านั้น

   “รีบๆ กินสิ เดี๋ยวให้ปูนเอาไข่ลวกมาให้ ไอ้เกนแรงมันเยอะน่าจะเหนื่อย” โอ้ย ไอ้ป่านอยากจะหายตัวมุดลงดิน ยิ่งพี่ปูนหัวเราะร่วนขึ้นพร้อมกันอีก

   “ป๋าอย่าไปแซวสิ นั่นลูกสะใภ้นะ เอากี่ฟองดี สิบฟองดีมั้ย เกนน่าจะแซ่บนะ”

   “มันก็ต้องแซ่บเหมือนป๋ามันอยู่แล้ว”


   ไอ้ป่านจะไม่มาห้องนี้อีก จะไม่มาอีก!!!


.....TBC



น้องป่านจะไม่มาห้องพี่เกนอีกแล้วว .... ได้เหรอ  :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 15-10-2016 15:52:12
ไม่ดีต่อใจเลยนะป่าน ชอบเกนอะ ป่านก็น่ารักๆๆๆ ชอบๆๆรอๆๆ :mew1:  :mew6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 15-10-2016 15:55:43
อิน้องเริ่มหวั่นไหวว
อิพี่รุกอีกค่ารุกอีกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 15-10-2016 16:10:43
กรี๊ดด ไม่ต้องไปห้องอิพี่บ่อยๆหรอกค่า
แต่ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยเถอะ ป่านจะได้ไม่เบื่ออีกมีกิจกรรมเข้าจังหวะ อิอิ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-10-2016 19:42:06
พี่เกนคงปล่อยให้หนีหรอกนะ ป่าน ไม่รอดอยู่แล้ว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 15-10-2016 20:03:11
 :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-10-2016 20:57:51
พี่เกน ป่าน  :mew1: :mew1: :mew1:
ขำป่านอ่ะ พี่เกนรีบไปทำไมเพิ่งมาแท้ๆ
"อ่อ...กางเกงบอลผมขาดที่เป้านั่นเอง"
พี่เกน พี่ฟลอยด์ เพื่อนกันเหมือนกันแท้
เรื่องความหื่น ความหึง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-10-2016 21:18:11
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 15-10-2016 21:47:13
ป๋ากับพี่ปูนเจอเซอร์ไพรส์กว่า :hao6:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-10-2016 21:57:42
คู่นี้น่ารักดี ละก็สมแล้วที่เป็นเพื่อนกันทั้งพี่ฝอยพี่เกน ทั้งต้อมป่าน นิสัยไปแนวเดียวกันเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 16-10-2016 00:03:33
เค้าได้กันแล้วค๊าคุณๆ

 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-10-2016 00:10:57
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 16-10-2016 00:17:53
พี่เกนจัดหนักจัดเต็มจริงๆเลยนะแกล้งเมาอีกด้วย :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-10-2016 08:41:26
เสร็จพี่เกนจนได้!!
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [6+7] Up!! [P.16]<<[15/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 16-10-2016 08:59:56
เกนเจ้าเล่ห์มาก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 16-10-2016 15:31:57
No Sugar : Part Ken & Pan [8][END]



        เปิดเรียนแล้วหลังจากหยุดไปเป็นอาทิตย์ ความเบื่อของผมก็หยุดลงเช่นกันเมื่อร่างกายถูกผูกติดไว้กับคนเอาแต่ใจ ผูกติดไม่ใช่เอาร่างกายมัดติดกันนะครับ แค่มีเงาตามตัวจะไปไหนทำอะไรจะเห็นเงาตามผมเสมอ พอผมบ่นก็ถูกบ่นกลับมากกว่าเดิมจนปล่อยเลยตามเลย เอาตามที่สบายใจเลยครับ

   “พี่จะตามผมไปคณะทำไมเนี่ย” นี่ก็บ่นมาแล้วสามรอบ พี่เกนจอดรถที่คณะตัวเองแล้วเดินมาส่งผมที่คณะ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ไปส่งหน้าคณะจะได้ไม่ต้องเดิน

   “อยากไป” ได้แต่ถอนหายใจให้กับคนที่เดินเคียงข้าง ผมสังเกตเห็นสาวๆ หลายคนต่างก็ส่งยิ้มมาให้ พี่เกนก็ยิ้มกลับไปแค่นั้น บางรายถึงขั้นเดินมาขวางแต่พี่แกก็ปฏิเสธที่จะให้เบอร์ไป

   ‘พี่จะรีดพิษตัวเองทิ้งแล้วเหรอ’

   ‘ไม่ทิ้งหรอก เพราะพิษกูจะใช้เล่นงานเมียกูคนเดียว’

   คำถามขณะเดินผ่านกลุ่มสาวสวยออกมา ผมละอยากตบกะโหลกตัวเองซ้ำๆ เมื่อได้ยินคำว่าเมียเต็มปากเต็มคำขนาดนั้น เริ่มเข้าใจหัวอกไอ้ต้อมแล้วว่า การถูกเรียกว่าเมียมันไม่ใช่วิถีของคนหน้าตาดี

   “จะไปส่งถึงหน้าห้องเรียนเลยป่ะ” แกล้งถามไปแบบนั้นซึ่งพี่เกนแม่งเอาจริง จะดึงมือผมขึ้นตึกเฉย ดีที่ผมรั้งตัวไว้ทัน พอดีกับไอ้ดอยเดินมา มันยกมือไหว้พี่เกนพร้อมทำหน้าสงสัยที่เห็นผมอยู่กับรุ่นพี่ต่างคณะที่เคยจะกัดกันอยู่ตลอด พี่เกนจ้องหน้าไอ้ดอยจนเพื่อนผมเริ่มกระอักกระอ่วนในการจ้องกลับ

   “กูไปเรียนก่อน” ก่อนไปยังมิวายหันมามองอีกรอบ ไอ้ดอยถึงกับถอนหายใจเมื่อพี่เกนเดินไปไกล

   “โคตรน่ากลัวเลยว่ะ จ้องเหมือนกูจะไปแย่งเมียพี่เขาอย่างงั้นแหละ หรือว่า...” ไอ้ดอยหันมาหรี่ตามองผม “มึงกับพี่เขา...จริงเหรอวะ” มันทำตาโตเมื่อผมพยักหน้ารับ ผมไม่ใช่คนปิดบังอะไรเพื่อนอยู่แล้ว “ไอ้ป่านกู”

   “ดราม่ามากเพื่อนกู” ตบหัวมันไปแล้วพากันหัวเราะ

   ตอนบ่ายผมกำลังนั่งปรึกษาเรื่องรายงานกันอยู่ ถุงขนมถุงใหญ่ถูกวางลงมากลางวง พอเงยหน้ามองคนวางเป็นแฟนของเพื่อน พี่ฟลอยด์ยิ้มหวานมาให้ผมก่อนถูกพี่เกนตบหัวจนไอ้ต้อมตกใจ

   “ตบหัวกูทำไมวะ” คนโดนตบหัวโวยวาย พี่เกนขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อน “แค่กูยิ้มให้เนี่ยนะ ไอ้สัดเกน” แล้วเหมือนจะรู้กันเอง

   “เออ” มองเพื่อนทะเลาะกันแล้วก็แปลกๆ ผมขยับให้พี่เกนนั่งข้างๆ ส่วนพี่ฟลอยด์ก็นั่งข้างไอ้ต้อม สองคนนี้มีไอ้ดอยนั่งคั้นอยู่ “กินข้าวยัง” พี่เกนเลิกจ้องหน้าเพื่อนหันมาถามผมแทน

   “กินแล้วสิ นี่จะบ่ายแล้ว” ผมบอก

   “แล้วไม่ถามเหรอว่ากูกินหรือยัง”

   “ต้องถามเหรอ”

   “ไอ้ป่าน”

   “อะไรเล่า”

   โดนพี่เกนถลึงตาใส่

   “เอ่อ ถ้าจะทะเลาะกันเชิญโต๊ะนั้นเลยครับพี่” ทั้งผมทั้งพี่เกนหันไปมองไอ้ต้อมหลังจากมันพูดจบ ก่อนเราจะลุกไปนั่งอีกโต๊ะจริงๆ

   “เพื่อนมึงไล่กู” มานั่งโต๊ะใหม่พี่เกนก็พูดขึ้นทันที

   “มันก็ไล่ผมเหมือนกันนั่นแหละ”

   “กินข้าวกับอะไร”

   “ถามผมเหรอ”

   “เออสิ จะให้ถามหมาที่ไหน” มันด่าผมหรือเปล่าวะ

   “กินข้าวขาหมู” ตอบเสร็จพี่เกนก็ปรายตามองที่พุงของผม “อะไร”

   “ระวังลงพุง”

   “ไม่กลัว” ตอบอย่างไม่ยี่หระ “แล้วพี่กินข้าวหรือยัง”

   “ยัง”

   “ทำไมไม่กิน”

   “รอกินพร้อมมึง”

   “แต่ผมกินแล้ว”

   “มึงบอกไปแล้ว”

   “นี่พี่กวนผมอยู่ใช่มั้ยวะ”

   “เออ”

   แม่ง โคตรหงุดหงิดจนอยากจะทึ้งผมตัวเองออก พี่เกนยิ้มยี่ยวนจนน่าเตะ ก่อนไอ้ต้อมจะเดินมาสะกิดว่าต้องไปลงแปลงแล้ว พี่เกนเงยหน้ามองแฟนเพื่อนนิ่งๆ ก่อนไล่สายตามองที่มือที่กำลังจับบ่าผมอยู่

   “ผมไปเรียนก่อน” รีบตัดบทกลัวสิ่งที่คิดจะเกิดขึ้น

   กำลังจะเดินผ่านหน้า พี่เกนรีบคว้าแขนผมไว้ก่อนยื่นหน้ามากระซิบแล้วปล่อยให้ผมไปกับเพื่อน เหล่ตามองทิ้งท้ายก่อนซ้อนจักรยานไอ้ต้อมไปที่แปลงผัก


   ‘ตัวมึงอย่าให้ใครแตะ กูแตะได้คนเดียว’




   ลงแปลงวันนี้ทำให้ผมปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว ขับรถกลับหอพักตัวเองพร้อมยาทาแก้ปวดที่แวะซื้อ พอจอดเทียบปุ๊บ รถที่เคยเห็นบ่อยๆ ก็รีบจอดเข้ามาเทียบ เจ้าของรถสวยเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับเปิดประตูด้านผมออก
 
   “อะไร” ถามอย่างงงๆ

   “กลับช้า”

   “ก็เพิ่งเลิก พี่มารอผมเหรอ”

   “เออ ป๋าชวนไปกินข้าว วันนี้พี่ปูนจะทำมื้อใหญ่” มองคนชวนที่ยังทำหน้าบึ้ง สงสัยคงรอนานจริงนั่นแหละ

   ผมพยักหน้ารับคำชวนแต่ขอเอาของขึ้นไปเก็บก่อน พี่เกนเดินตามขึ้นมาด้วย พอมีคนเดินสวนมาแขนยาวๆ ก็ยกขึ้นโอบไหล่แบบอัตโนมัติ แถมยังจ้องหน้าคนมองอีก หาเรื่องชาวบ้านเขาไปทั่วนี่หว่า

   เข้าห้องมาปุ๊บ คนมาด้วยถามหากระเป๋าเสื้อผ้า ผมก็ยังงงๆ เลยชี้ไป คนถามหาเดินไปหยิบออกมาพร้อมกับดึงเสื้อของผมที่อยู่ในตู้ยัดลงในกระเป๋าเฉย

   “พี่ทำไร” รีบวิ่งเข้าไปห้าม

   “เก็บเสื้อผ้ามึงไง”

   “เก็บไปทำไม มันก็อยู่ในตู้ดีอยู่แล้ว” อุตส่าห์รีดเองนะครับนั่น ยับหมดแล้ว

   “ก็ไปนอนที่ห้องกับกู มึงก็ต้องเอาเสื้อผ้าไปสิ” เหมือนได้ยินอะไรไม่ชัดจนผมต้องขมวดคิ้ว

   “ผมเนี่ยนะจะไปนอนห้องพี่”

   “เออ”

   “เมื่อไหร่”

   “ตั้งแต่วันนี้”

   “พี่บ้าหรือเปล่าเนี่ย ไม่เอาโว้ย” พยายามแย่งกระเป๋าแต่ไม่เข้าใจทำไมแรงผมถึงสู้ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยืนดูพี่เกนยัดเสื้อผ้าผมใส่กระเป๋า “แม่งโคตรเอาแต่ใจว่ะ”

   ระหว่างทางผมไม่พูดไม่จาเอาแต่นั่งนิ่ง โกรธด้วย โมโหก็ใช่ ผมไม่ชอบการบังคับที่สุดแต่กลับต้องมาเจอ นี่ใช่มั้ยที่เขาบอกเกลียดสิ่งไหนก็จะเจอสิ่งนั้น พอมาถึงห้อง พี่เกนก็ลากพี่ปูนไปด้านหลังปล่อยให้ผมอยู่กับป๋าพี่เขาสองคน รอยยิ้มเป็นมิตรกับท่าทางสบายๆ เลยพลอยไม่ได้รู้สึกเกร็งเท่าไหร่ วันนี้ป๋าแต่งตัวสบายๆ เสื้อกับกางเกงบอลครบชุด นี่ถ้าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเจอละก็ ใบหน้าอ่อนกว่าวัย แถมหล่อแบบนี้คงคิดว่าอายุประมาณยี่สิบกว่าแน่ๆ

   “ย้ายมาอยู่ด้วยกันซะที่นี่แหละ ไม่เปลืองค่าเช่าหอด้วย” ป๋าแทะเมล็ดแตงโมไปพูดกับผมไป

   “แต่ผมว่า ผมอยู่ที่หอสะดวกกว่า แล้วก็ใกล้มหาลัยกว่าด้วย” ผมส่ายหน้าปฏิเสธเมล็ดแตงโมที่ถูกยื่นมาให้หลังตอบออกไป

   “ทำไม กลัวไอ้เกนได้แล้วทิ้งเหรอ ถ้ากลัวแบบนั้นไม่ต้องคิดมาก เชื้อป๋ามันไม่เคยทิ้งใคร” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกส่งมาทำให้ร้อนๆ หนาวๆ “แม่เกนเขาทิ้งตั้งแต่เล็ก เลยถูกเลี้ยงตามใจ ส่วนคนที่ทำให้มันนิสัยเสียก็นู้น ปูนนู้น”

   “ป๋ากับพี่ปูนเอ่อ...คบกันมานานแล้วเหรอครับ” ไม่อยากถามแต่อยากรู้

   “ก็ตั้งแต่มันอายุสิบมั้ง เอ หรือสิบเอ็ดวะ ก็นั่นแหละ” ก็นานเหมือนกันแฮะ “ส่วนทำไมหน้ามันไม่ตี๋อินเทรนนั่นเพราะได้เชื้อจากแม่มันมา แม่มันเป็นลูกครึ่งฝรั่ง แต่ตามันได้พ่อ หล่อก็ได้พ่อ” รีบพยักหน้าให้กับสิ่งที่ได้ยิน พยายามไม่หันไปโก่งคออ้วก แม้มันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ ที่ว่าพี่เกนหล่อ

   “เอ่อ แล้วป๋าไม่โกรธเหรอที่พี่เกนพาผมเข้าบ้าน” ผมเรียกป๋าจนเริ่มจะชินปาก เคยเรียกลุงแต่ถูกเตะ ตอนนั้นโคตรตกใจที่ป๋าพี่เกนแตะเข้าตูดผมดังป๊าบ

   “โกรธทำไมในเมื่อฉันก็รักกับปูนเหมือนกัน” ยอมรับออกมาตรงๆ อย่างน่าชื่นชม ผมยิ้มให้กับป๋าที่ไม่ปิดบังลูกในสิ่งที่ตัวเองเป็น “ลูกน่ะนะ เลี้ยงให้เชื่อฟังได้แค่ตอนเป็นเด็กเท่านั้น เพราะยังคิดเองไม่ได้ พอโตมาความคิดก็เริ่มมี ไม่เชื่อที่สั่งไปหรอก มีแต่จะทำสิ่งตรงข้ามให้เราปวดหัว”

   “ก็จริง” อันนี้เห็นด้วย “แล้วอดีตที่ถูกหลอกของพี่เกนล่ะครับ”

   “นั่นมันโง่เอง” ผมหัวเราะเมื่อป๋าด่าลูกชายตัวเอง “มาเพ้อพกว่ารักอย่างนั้น รักอย่างนี้ มาขอให้ซื้อคอนโดให้ สุดท้ายถูกหลอกเอาไปจนหมด ไม่โง่ก็ไม่รู้จะด่าว่าอะไรแล้วจริงมั้ย”

   “ทำไมถึงหลอกได้ขนาดนั้นล่ะครับ มันต้องดูออกกันบ้าง”

   “มันโง่ไง อย่างที่บอก ปูนก็อุตส่าห์เตือนแล้วเตือนอีกก็ยังหลง แม่สาวนั่นคงลีลาดีเลยติดใจจนยอมเสียเงินเป็นก้อน” ป๋าพูดเรียบๆ เหมือนไม่อยากใส่ใจ ทั้งที่มันเป็นเงินก้อนใหญ่เลยนะครับนั่น

   “เป็นผมๆ ก็แค้นนะป๋า เงินไม่ใช่น้อยๆ ทั้งคอนโด ข้าวของด้านในไม่มีเหลือ”

   “ก็ใช่ แต่จะฟ้องร้องก็ไม่ได้ในเมื่อคนของเราเต็มใจยกให้เองตอนหลง ของทุกอย่างเลยกลายเป็นเสียค่าโง่ไป” คนไม่รวยจะไม่พูดแบบนี้นะครับเนี่ย ราคาข้าวของรวมคอนโดนั่นไม่ต่ำกว่าล้านแน่นอน

   “เพราะโง่นี่เอง” ผมพึมพำออกมาจนป๋าหัวเราะ ผมคงคิดดังไปใช่มั้ย

   “เธอนี่เป็นคนแรกที่เกนมันเข้าหาเชียวนะ” อยู่ๆ ป๋าก็พูด ดวงตาคมพราวระยับจนเริ่มขนลุก “ฉันเห็นมันสั่งให้ปูนส่งคนไปตาม พอเห็นรูปก็นึกแปลกใจอยู่ที่รู้ว่าเป็นผู้ชาย สงสัยเชื้อพ่อมันจะแรงไปหน่อย” ว่าแล้วก็ขำเอง

   “ป๋าชอบผู้ชายเหรอครับ” ผมถามตรงไปหรือเปล่า เพราะป๋าดูตกใจนิดๆ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนพี่ปูนรีบวิ่งเข้ามาหา

   “ถามได้ดี” พี่ปูนที่วิ่งมาหาถูกดึงให้ลงไปนั่งที่ตัก แม้จะขัดขืดในตอนแรกแต่พอถูกจุ๊บปาก หน้าหวานก็ยิ้มออกมาพร้อมขยิบตาให้คนนั่งตักได้เขิน “แค่ปูนคนเดียว”

   ขนาดไม่ใช่ชื่อผมๆ ยังเขินเลยเหอะ

   “อะไรกันเหรอ” พี่ปูนทำตาโตมองหน้าผมสลับกับป๋า

   “ไม่มีอะไร ป๋าหิวแล้ว ปูนทำเสร็จหรือยัง” ผมมองป๋าใช้จมูกโด่งคลอเคลียแก้มป่อง

   “เสร็จแล้ว เกนเป็นลูกมือด้วยนะ” ช็อตนี้กระพริบตาจนเหมือนคนเป็นโรคร้าย พี่ปูนงับจมูกป๋าเบาๆ เลยถูกลงโทษด้วยการจูบที่ยาวนาน

   เห็นผมเป็นอากาศใช่มั้ยครับเนี่ย

   แรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ละสายตาจากคู่รักตรงหน้า พี่เกนยืนจ้องหน้าผมนิ่งก่อนเงยหน้ามองคู่รักที่ทำเอาผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง กลัวไปขัดจังหวะรัก

   “จะกินมั้ยข้าว ถ้าไม่กินก็กลับไปกินกันเองที่ห้องไป๊” อ้าปากค้างเมื่อได้ยินพี่เกนไล่พ่อตัวเอง ส่วนคู่รักที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันที่โซฟาแค่ปรายตามามองทั้งที่ปากก็ยังจูบกันอย่างดูดดื่ม

   ไอ้ป่าน แกจงกลายร่างเป็นหินบัดเดี๋ยวนี้

   ก่อนที่ผมจะกลายเป็นก้อนหินไปจริงๆ พี่เกนก็ดึงให้ลุกออกไปจากฉากเรทแล้วพามานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ บนโต๊ะ มีจานข้าวผัดกุ้งวางอยู่ ไม่ใช่กุ้งเล็กๆ นะครับ กุ้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่กว่าหน้าผมอีก

   “นี่ข้าวคนรวยใช่มั้ยเนี่ย” ผมใช้ช้อนตักเนื้อกุ้งขนาดพอดีคำเข้าปาก “อร่อย” เนื้อกุ้งแน่นๆ ช่ำ หวาน หอม อร่อยมาก

   “อร่อยก็กินเยอะๆ แต่ถ้าอยากกินทุกวันก็ย้ายมาอยู่ที่นี่เลย” ผมเหล่ตามองคนพูด ไม่อยากเถียงอะไรเพราะกลัวข้าวพุ่งออกมา “กูพูดจริงๆ ย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ ผัวอยู่ที่นี่ เมียก็ต้องมาอยู่ด้วยสิ”

   “พี่พูดแบบนี้กระดากปากบ้างมั้ย ผัวเมียเนี่ย”

   “ไม่”

   “เอาตามที่พี่สบายใจ”

   ผมกับพี่เกนกินกันได้ไม่กี่คำ คนที่โชว์ความหวานของคู่ตัวเองก็เดินโอบกันมา พี่เกนเหล่ตามองพ่อตัวเองนิ่ง แต่ป๋ากลับยักไหล่ไม่สนใจ ผมมองพี่ปูนที่ดูเอาใจป๋าทุกอย่าง ไม่ว่าจะกินข้าวก็จะป้อนถึงปากจนได้รางวัลคือจูบเบาๆ นี่สินะ ที่พี่เกนต้องการ เพราะตอนนี้พี่แกวางช้อนตัวเองลงแล้วหันหน้ามาอ้าปากตรงหน้าผมแทน
 
   “อะไร”

   “อ้า” ไม่ตอบแต่ยังอ้าปากรอ

   “พี่นี่นะ” ผมตักข้าวคำใหญ่ยัดเข้าปากจนพี่เกนแทบสำลัก ป๋ากับพี่ปูนขำหน้าดำหน้าแดง “ขอโทษๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

   “เดี๋ยวกูเอาคืนแน่”

   มื้ออร่อยกำลังจะผ่านไป พี่ปูนหยิบเอามือถือเครื่องแพงขึ้นมากดบันทึกภาพความสุขของพวกเราสี่คน ผมพยายามฉีกยิ้มเท่าที่จะทำได้ นั่นเพราะมีมือปลาหมึกคอยลูบสะโพกผมอยู่นี่ไงจะให้ยิ้มออกก็แปลกแล้ว ตวัดสายตามอง คนทำก็ลอยหน้าลอยตา

   ผมช่วยพี่ปูนเก็บจานเก็บของจนเรียบร้อยก็มานั่งข้างสองพ่อลูกที่กำลังเล่นเกมส์กันอยู่ ผมว่า พ่อพี่เกนนี่เจ๋งดีนะครับ เลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน นั่งดูคนเล่นเกมส์ได้สักพักผมก็เดินออกมารับโทรศัพท์แม่ที่โทรมา คงเห็นรูปถ่ายที่ผมเพิ่งอัพโหลดไป

   “ครับ”

   (แกอยู่ไหนน่ะ)

   “อยู่บ้านแฟน”

   (แฟน? ผู้ชายในนั้นน่ะนะ)

   “ครับ”

   (ป่าน นี่แกเป็น...)

   “ผมเป็นผู้ชาย” ยิ้มให้แม่แม้จะไม่เห็น “แต่ผมรักพี่เขา” แม่เงียบไปนานมากจนผมเริ่มใจคอไม่ค่อยดี

   (พ่อกับแม่ขอโทษ ที่ไม่มีเวลาดูแลแกเลย)

   “ผมไม่ได้โกรธแม่กับพ่อสักหน่อย ผมรู้ว่าที่ทำไปก็เพื่อผมทั้งนั้น” ไม่รู้น้ำตามันมาจากไหน ผมพยายามกระพริบไล่ มันก็ยังเอ่อออกมาอยู่ตลอด “ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้แม่ผิดหวัง”

   (พ่อกับแม่ไม่เคยผิดหวัง ขอแค่ป่านมีความสุข พ่อกับแม่ก็พอใจแล้ว) ได้ยินเสียงแม่สะอื้นพร้อมกับเสียงพ่อบ่นเบาๆ (ป่านไม่เบื่อแล้วใช่มั้ยลูก)

   “ครับ” ผมยกแขนปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ

   (ดีแล้วๆ พามาให้พ่อกับแม่เจอบ้างนะ)

   “ครับ”

   แม่วางสายไปแล้วแต่ผมก็ยังแนบโทรศัพท์ที่หู เมื่อก่อนผมเป็นโรคขี้เบื่ออย่างที่เคยบอก มีอยู่ช่วยหนึ่งผมเคยขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าที่บริษัทของพ่อ ความเบื่อทำให้ผมเกือบโดดลงไป ดีที่แม่บ้านมาเห็นพอดี จากนั้นมา ผมก็มักจะถูกจับตามองอยู่ตลอด คงกลัวว่าผมจะฆ่าตัวตายอีก

   “ร้องไห้ทำไม” เสียงนิ่งๆ ดังมาจากด้านหลังทำเอาสะดุ้งมือถือเกือบร่วง

   “เปล่า” ส่ายหน้าปฏิเสธไปแต่ถูกมือใหญ่จับหน้าให้หันไปมอง

   “ร้องไห้ชัดๆ ทำไม ใครโทรมาด่า หรือว่าแม่โทรมาตาม” พี่เกนขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม

   “ไม่ใช่สักหน่อย”

   “แล้วอะไร”

   “ป๋ากับพี่ปูนกลับไปแล้วเหรอ” ผมเปลี่ยนเรื่องแต่พี่เกนไม่ยอม มือใหญ่ยังจับหน้าผมไม่ยอมปล่อย “แม่แค่อยากให้ผมพาพี่ไปที่บ้านบ้าง”

   “ก็แค่นี้”

   รอยยิ้มเท่แบบนี้ไม่ดีต่อใจไอ้ป่านอีกแล้ว ที่สำคัญ ไม่มีต่อร่างกายด้วย

   “สองรอบพอแล้วโว้ย พรุ่งนี้ผมมีเรียนเช้า”

        โวยวายไปก็แค่นั้นละครับ เพราะคนเอาแต่ใจก็ยังเอาแต่ใจอยู่วันยังค่ำ



   “เฮ้อ”

   ถอนหายใจรอบที่ล้านมองข้าวของตัวเองที่ถูกเจ้าของห้องจัดแจงเองทุกอย่าง ทั้งเสื้อผ้า ตุ๊กตาที่หอบมาหมดหอพัก นี่กะจะให้ผมมาอยู่ด้วยจริงๆ สินะ แล้วที่ผมยอมเนี่ย ก็เพราะพี่ปูนอ้อนวอนแทบจะคุกเข่า สาเหตุมาจากพี่เกนที่ประชดไม่กินข้าว โคตรเด็กเลยว่ะ

   “พี่จะเปลี่ยนที่นอนใหม่” พี่เกนที่เอาหนังสือเรียนผมใส่ชั้นหนังสือหันมาบอก

   “เปลี่ยนทำไม อันนี้มันดีอยู่แล้วนะ”

   “แล้วก็จะเปลี่ยนบานประตูห้องน้ำใหม่” ไม่สนใจที่ผมถามกลับสักนิด

   “เปลี่ยนทำไมเล่า”

   “อ้อ เปลี่ยนรหัสกับกุญแจห้องด้วย”

   “พี่เกนโว้ย สนใจบ้าง ผมถามว่าเปลี่ยนทั้งหมดทำไม”

   ผมเหล่มองพี่เกนที่เดินยิ้มหน้าบานเข้ามาหา แขนยาวๆ รวบผมเข้าไปกอดแล้วดึงนั่งตักที่โซฟา คางแหลมๆ วางเกยบนไหล่

   “ที่พี่ทำเนี่ย ก็เพื่อป่านเลยนะ” สรรพนามเปลี่ยนไปแล้วนะครับเนี่ย คงเพราะอารมณ์ดีสินะ คอยดู อารมณ์เสียเมื่อไหร่ภาษาพ่อขุนรามจะกลับมา

   “ทำเพื่อผม? ยังไง”

   “ก็ที่เปลี่ยนที่นอนก็เพราะป่านจะได้ไม่เจ็บหลังไง เอาแบบเตียงป๋าน่าจะดี” เชี่ย “แล้วที่เปลี่ยนบานประตูห้องน้ำเพราะพี่กลัวป่านเป็นลมล้มแล้วพี่ไม่เห็น เปลี่ยนมาเป็นกระจกใสดีที่สุดเพราะจะได้เห็นไง” เหี้ยแล้ว “แล้วก็...ที่จะเปลี่ยนรหัสกับกุญแจห้องก็เพราะ...”

   “เพราะอะไร” คิดเรื่องชั่วๆ อยู่แน่ หน้าตากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้

   “ก็เผื่อเวลาป่านเบื่อเตียงไง เกิดไม่เปลี่ยนป๋ากับพี่ปูนโผล่มาอีก ป่านจะอายนะ” ชิบหาย

   “ไอ้พี่เกน สมองมีแต่เรื่องแบบนี้เหรอวะแม่ง” พยายามตะกายออกจากตักเพราะรู้สึกถึงของอันตรายบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์สีดำที่ผมกำลังนั่งทับมันอยู่

   “ป่าน”

   “ไม่ต้องมาทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลย”

   “ป่านครับ”

   “ไม่ต้องพูดแบบนี้ด้วย”

   “ป่าน”

   “โว้ย บอกว่าห้ามพูด ไม่ต้องพูด”

   “ไม่พูดแต่ทำเลยดีกว่า”

   “เชี่ย”

   ชีวิตผมคงหายเบื่อไปอีกนานแสนนาน เพราะอยู่กับคนเอาแต่ใจคนเดาอารมณ์ไม่ได้ว่าจะมาโหมดไหน แต่ที่แน่ๆ โหมดนี้ผมยังต้องเจอไปอีกนาน


   โหมดหื่นๆ แบบนี้เนี่ย ไอ้ป่านขอตายเลยดีกว่า








   (อีกด้านของประตูห้อง)

   “ป๋า ปูนว่าเราเคาะประตูเลยดีมั้ย ถึงเวลากินข้าวแล้วนะ”

   “เวลาแบบนี้ปล่อยให้พวกเขากินกันเอง เอ้ย หากินกันเองเถอะ เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่าเนอะ”

   “ป๋าก็พูดแบบนี้ตลอด สุดท้ายก็บนเตียงทุกที”

   “โธ่ ก็ปูนน่ารักนี่นา ปะ ไปกินกัน เอ้ย ไปหาอะไรกินกัน”

   “แต่ปูนห่วงเกนกับป่าน”

   “เถอะน่า เกนมันมีป่านแล้วไม่น่าห่วงหรอก ไปครับไป”

   “ป๋าก็”

   โชคดีนะไอ้ลูกชาย เชื้อป๋ามันแรงก็แบบนี้นั่นแหละครับท่านผู้อ่าน   



--- THE END ---


พี่เกนกับน้องป่านจบแล้วค่าาาาาาา  :mc4: :mc4:

ขอบคุณสำหรับกำลังใจของทั้งคู่ค่า ส่วนตอนพิเศษคู่หลักยังคงมีอยู่นะคะ ไม่ทิ้งกันไปไหนโน๊ะ  :mew1: :mew1:


 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-10-2016 16:11:57
เกนเป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นจริงๆ พ่อลูกหื่นพอกัน :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 16-10-2016 17:04:55
จะมีคู่คุณป๋ามั้ยหนอ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 16-10-2016 18:05:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-10-2016 18:27:50
พี่เกน คนขาดความอบอุ่น
มาเจอคนขี้เหงา ขี้เบื่อ ป่าน
เลยลงล็อค เข้ากัน
พี่เกน ป่าน  :mew1: :mew1: :mew1:
พี่เกน ตามติดเป็นเงาป่านจริงๆ
คราวนี้ป่าน ไม่มีเวลาเหงา
ไม่ต้องเบื่ออยู่คนเดียวอีกแล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 16-10-2016 19:05:53
พี่เกนคนหื่นสมกับเป็นเพื่อนกับพี่ฝอยจริงๆๆ :hao7:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kooncheye ที่ 16-10-2016 19:10:04
รักทุกคู่เลยยยย อ่านแล้วยิ้มตลอดทั้งเรื่อง 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 16-10-2016 19:45:34
น่ารักจริงๆ น่ารักทุกคู่เลย
ละมุนมาก ขอบคุณคนแต่งมากๆเลย :กอด1:

ขอตอนพิเศษ ให้หายคิดถึงหน่อยนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-10-2016 19:58:21
ความหวงพี่เกนสุดยอดมากค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 16-10-2016 20:06:48
 :jul1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-10-2016 20:32:23
มี 2 ประเด็นที่แปลกๆ
เกนตามป่านมา 3 ปีเลยเหรอ ไม่ใช่เพิ่งเจอกันเหรอ
ที่เกนโดนหลอกน่ะ หมายความว่าเกนแต่งงานตั้งแต่ม.ปลายเหรอ แล้วทำไมถึงเสียทุกอย่างไปล่ะ

...............................

ขอตอบคำถามค่าาาา

ป่านเคยเจอเกนตั้งแต่เรียนปี 1 ค่า ตอนไปรอต้อมที่หน้าร้านสะดวกซื้อ พี่เกนจองป่านมาตั้งแต่ตอนนั้นนั่นเอง (รักแรกพบก็ว่าได้  :o8:)

แล้วที่พี่เกนโดนหลอกเมื่อสมัยเรียนม.ปลาย ยังไม่ได้แต่งงานค่า แค่ไปอยู่ด้วยกัน ป๋าพี่เกนซื้อคอนโดให้แต่น้องนีก็ใช้วิทยายุทธในการหลอกล่อให้หลงแล้วเชิ่ดของทุกอย่างหนีไป

ขอบคุณสำหรับคำถามค่าา (ไหว้เหมือนนางง่าม เอ้ย งาม)  :mew1: :mew1:

ประเด็นแรกนึกได้เคลียร์ล่ะ

แต่ประเด็นคอนโดนี่ไม่ใช่ล่ะมั้ง มันขโมยกันไม่ได้ง่ายๆนะ ต้องมีเรื่องโอนจดทะเบียนอะไรด้วยนะ ยังเป็นเด็กไม่บรรลุนิติภาวะ ทำเองไม่ได้ คุณป๊าก็ไม่น่าจะปล่อยให้เกิดขึ้นนะ  <<<<< ท่าทางเราจะจริงจังเกิน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 16-10-2016 21:37:18
ป๋าสายฮา 55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-10-2016 21:43:55
พี่เกนขาดความอบอุ่นมากไปแล้วมั้ง ป่านเหนื่อยแย่
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 16-10-2016 21:53:57
เกนหื่นได้ป๋า

 :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 16-10-2016 22:15:46
แหมะ...เชื้อป๋าแรงจริงค่ะ

สงสารน้องป่านคงเป็นโรคปวดเอวแทน. คิๆ

 :-[  :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-10-2016 22:16:41
ป่านคงหายเบื่อไปอีกนานเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 16-10-2016 22:25:38
ป๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-10-2016 23:03:00
 :z1: :z1: :z1: :z1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-10-2016 23:41:09
คุณป๋าน่ารัก เชื้อเขาแรงจริงๆค่าา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 17-10-2016 05:51:39
คู่นี้น่ารักมากกก อยากให้มีตอนพิเศษเพิ่มเรื่อยๆ
พี่เกนทั้งหวง ทั้งหื่น ไม่ต่างกับพี่ฟลอยด์
ชอบทั้งสองคู่เลยฮะ อ่านไม่มีเบื่อ ดีต่อใจมากกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 17-10-2016 10:39:10
คู่เกนป่านน่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 17-10-2016 10:53:50
อ้าพี่เกนน้องป่านจบเเล้วอะใจหาย ยังไม่จบได้ไหมอะ ขอเพิ่มอีกสัก 2 ตอน เป็น 10 ตอน ได้ไหมครับ ขอเพิ่มอีกสัก 2 ตอนเถอะครับ ขอแบบหวานๆๆฟินๆๆ อีกสัก 2 ตอนเถอะครับ :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 17-10-2016 13:43:07
ขอบคุณฮะ ชอบคู่ เกน-ป่านมากกกกกกก ยังไม่จุใจเลย
อยากได้ตอนพิเศษของทั้งคู่อีกนะฮะ ถ้าเป็นไปได้ ขอบคุณล่วงหน้าไว้ก่อนเลย  :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-10-2016 21:36:06
 :jul1: :jul1: :o8:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 17-10-2016 21:48:30
ป่านน่ารักอ่ะ

พี่เกนแกก็ตีมึนเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-10-2016 22:22:41
 :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 18-10-2016 21:57:53
เชื้อบ้านนี้เขาแรงจริงๆค่ะ  :haun4: :jul1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 19-10-2016 09:02:17
น่ารัก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 19-10-2016 23:47:17
น่ารักกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 23-10-2016 11:20:44
สนุกมากเลยคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 24-10-2016 11:55:48
โอยยยย แอบชอบปูนกับป๋าาา อิอิ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-10-2016 20:23:14
น่ารักดี  :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 27-10-2016 22:08:44
น่ารักจังชอบน้องต้อมกับพี่ฝอยมากๆค่ะ  อ่านแล้วยิ้ม   พี่ฝอยเอาแต่ใจ แต่ก็เพราะรักจึงเปลี่ยนแปลง เยี่ยมจริงๆ  อิอิ    คู่เกนกับป่านก็มาแนวแอบรักแต่ปากแข็ง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>Part เกนxป่าน [8] Up!! [P.16]<<[16/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 08-11-2016 21:53:35
ป่านเกนก็น่ารักดีอ่ะ ฮริฮริ ต่างกับตอนแรกลิบลับ  :mew1:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 12-11-2016 23:09:54
No Sugar ตอนพิเศษ : ลอยกระทงสุขสันต์



       อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานลอยกระทง ทุกทีที่จะมีการจัดงานขึ้น คณะผมก็มักจะถูกจับตามอง ไม่ใช่เพราะสร้างซุ้มสวยหรืออะไร แต่เพราะคณะอื่นพากันจับจองต้นกล้วยที่พวกผมกับรุ่นพี่เป็นคนปลูก มันใช่เรื่องมั้ยครับเนี่ย กว่าจะปลูก กว่ามันจะโตอีก พวกผมเลยต้องผลัดเวรกันเฝ้าความปลอดภัยของต้นกล้วยจากพวกกระเป๋าแห้งทั้งหลาย

   ไอ้ป่านมีบอร์ดี้การ์ดประจำตัวมานั่งเฝ้า ผมเพิ่งรู้ว่าพี่เกนก็หวานเป็นกับเขา พี่มันซื้อขนม นม เนยมาให้เพื่อนผมชนิดที่ว่า แบ่งคนทั้งคณะกินยังไม่หมด ต่างจากพี่ฟลอยด์ที่เอาแต่นั่งดูการ์ตูนต่อสู้อะไรสักอย่าง ได้ข่าวว่ามันออกมานานแล้ว แต่พี่แกเพิ่งได้ดู ต้องโทษไอ้ดอยที่แนะนำ มันเอาแต่หัวเราะหลังจากพี่ฟลอยด์ติด

   “พี่กลับไปดูบ้านไป” เริ่มรำคาญคนที่หัวเราะคนเดียวอย่างกับคนบ้า

   “ไม่เอา” เสียงตอบกลับแต่ตายังดูการ์ตูน

   “พี่แก่ขนาดนี้ยังติดการ์ตูนอีกเหรอ”

   “อายุเป็นเพียงตัวเลขน่า เลิกบ่นได้แล้ว”

   “เออ” กระแทกเสียงใส่ก่อนจะลุกขึ้น ทำไมช่วงนี้พี่ฟลอยด์แม่งเอาแต่ใจอีกแล้ว แรกๆ ก็เริ่มดีขึ้น แต่ไหงกลับมาเป็นแบบเดิมอีก เบื่อที่จะพูด โตขนาดนี้แล้ว

   ผมเดินออกมามีสายตาไอ้ป่านกับพี่เกนมองตาม ดูก็รู้ว่าปากหมาๆ ของไอ้ป่านพร้อมจะกัด แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมกัดกับมันเลยเลือกที่จะเดินหนีไปที่อื่น ใช่อะไร หิวด้วยส่วนหนึ่ง มีคนกินขนมล่อหน้าล่อตาแบบนั้นท้องก็ต้องร้องธรรมดา ไอ้คนที่น่าจะพึ่งได้ดันติดการ์ตูนอีก พึ่งตัวเองก็ได้วะ

   ซื้อลูกชิ้นปิ้งกลิ่นหอมหวนมาสิบไม้ เผื่อเด็กโข่งติดการ์ตูนอยากกินด้วย เห็นผมแบบนี้โคตรใจดีและหล่อมากนะครับ ระหว่างทางกลับ ผมกัดกินลูกชิ้นอย่างอร่อย สมแล้วกับการต่อแถวรอซื้อ แถมแม่ค้ายังสวยสะเด็ดอีก ลูกสุดท้ายกำลังจะเข้าปาก หากไม่มีคนมาดึงข้อศอกทำให้มันตกพื้นอย่างน่าเสียดาย

   “ไอ้เหี้ยนัว มึงทำลูกชิ้นกูตก” โมโหสิครับ ลูกชิ้นไม้สิบบาทห้าลูก ลูกละตั้งสองบาท

   “ขอโทษๆ แต่ตอนนี้กูรีบ” ไอ้นัวดูร้อนรนก่อนมันจะดึงแขนผมให้วิ่งตาม

   “อะไรของมึงเนี่ย” ขาก็วิ่ง ปากก็โวยวาย มือก็รีบเก็บถุงลูกชิ้น (กลัวมันตก)

   “เออน่า ไปกับกูก่อน”

   วิ่งตามแรงดึงของไอ้นัวไปจนห้องสโมสรนักศึกษาคณะ ภายในห้องมีผู้คนจำนวนหนึ่งนั่งหน้าเครียดอยู่ ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ปีสี่ที่มีอยู่ประปราย และก็ต้องรับไหว้เด็กปีสองกับปีหนึ่ง

   “มีอะไรกับผมหรือเปล่า” ถามอย่างหวาดระแวง เพราะสายตาทุกคู่ต่างก็พุ่งมาหา ประหนึ่งว่าผมลืมรูดซิป

   “คืองี้นะต้อม” พี่เต็นท์เดินเข้ามาตบบ่าผม ดวงตารีจ้องหน้าผมนิ่ง “พวกพี่แล้วก็เพื่อนๆ น้องๆ ได้ตกลงกันแล้วว่า งานประกวดนาย-นางนพมาสจะให้ต้อมประกวด”

   “เฮ้ย ได้ไงพี่” ผมเบิกตาโตมองรุ่นพี่ “ไม่เอา”

   “ไม่เอาก็ต้องเอา พวกพี่ตกลงกันแล้ว” พี่แจน พี่ปีสี่อีกคนพูดแทรกขึ้นมา ผมหันไปมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างขอความเห็นใจ
 
   “แต่ผมไม่ได้ตกลงนี่นา เล่นแบบนี้พวกพี่กำลังข่มขืนความรู้สึกผมอยู่นะ”

   “มึงใช้คำถูกหรือเปล่าวะ” ไอ้นัวถามออกมา มันตีหน้ายุ่งจนรุ่นน้องขำ

   “คำไหนของมึง” ผมถามกลับ

   “ก็ข่มขืนความรู้สึก มันทะแม่งๆ ว่ะ”

   “ข่มขืนทั้งที่กูไม่เต็มใจไง ไม่ถูกเหรอวะ” เอาซะผมไม่มั่นใจไปด้วย ไอ้นัวหลับตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้าเออออไป “พวกพี่ทำไมไม่หาคนที่มันหน้าตาดีกว่าผม คณะเรามีตั้งเยอะ อย่างไอ้เดือนปีสองที่เกือบเป็นเดือนมหาลัยนั่นไง”

   “มันก็ได้อยู่ แต่น้องเขามีแฟนคลับน้อย” พี่เต็นท์ว่า

   “แฟนคลับอะไรพี่” งงไปกันใหญ่ เกี่ยวอะไรกับแฟนคลับ

   “เอ้า ก็มันมีรางวัลขวัญใจมวลชน ถ้ามึงประกวด แฟนคลับคู่มึงก็ต้องมาเชียร์ ได้รางวัลใสๆ” ไอ้นัวยิ้มพรายออกมา

   “โหย” ครวญอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่ไหวหรอกพี่”

   “นะต้อม ช่วยพี่หน่อย เพื่อพี่ เพื่อเพื่อน เพื่อน้อง ที่สำคัญ เพื่อคณะของเรา”

   “รู้สึกไม่กดดันเลย”

   เพราะสายตานับสิบคู่ที่ส่งมาทำให้ผมเผลอพยักหน้าไป แค่นั้นเสียงเฮก็ดังลั่นจนหน้าตกใจ อย่าบอกว่าทุกคนตีหน้าเศร้าแกล้งผมอยู่ แบบนี้คงโดนหลอกแล้วล่ะ ไอ้ต้อมมึงถูกหลอก จากนั้นผมก็ถูกนัดซ้อมในวันพรุ่งนี้เพื่อวันถัดไปจะได้ไม่ทำขายหน้าบนเวทีประกวด รู้สึกเหมือนจะขึ้นเขียงพิกล 

   ตกลงกันเสร็จสรรพก็กลับไปที่เดิม เห็นพี่ฟลอยด์ตีหน้ายุ่ง มือก็ยกโทรศัพท์แนบหูอยู่ตลอด โทรหาใครวะนั่น แต่พอเห็นผมเดินมา พี่แกก็ปรี่หน้ายักษ์มาหาจนผมต้องถอยหลัง

   “อะไร”

   “มึงไปไหนมา” เสียงตะคอกดังจนตกใจ “กูโทรหาเป็นสิบรอบทำไมไม่รับวะ” ลองตบกระเป๋ากางเกงตัวเองก็ไม่มีโทรศัพท์

   “อยู่ในกระเป๋าเป้นู้น” ผมชี้กระเป๋าตัวเองที่วางอยู่ข้างไอ้ป่าน พี่ฟลอยด์ทำตาโหดจนต้องยิ้มแหยๆ ให้ “กินป่ะ”

   “ไม่” มีงอนด้วยนะ “กลับ”

   ผมรีบไปหยิบเป้ตัวเองก่อนจะวิ่งตามคนขี้งอนที่เดินอาดๆ ไปก่อน ได้ยินเสียงตะโกนด่าตามก้นมาจากพี่เกนกับไอ้ป่าน เพราะยังไม่ถึงเวรเปลี่ยนกะคนเฝ้า ทำให้สองคนนั้นต้องเฝ้าอีกชั่วโมง พี่ฟลอยด์ไม่พูดไม่จาจนกลับถึงบ้านก็เดินปึงปังขึ้นห้อง
 
   “มันเป็นอะไร” เสียงพ่อของพี่ฟลอยด์ถามออกมา ผมยกมือไหว้ก่อนส่ายหน้าเพราะไม่รู้

   “น่าจะปวดท้องมั้งครับ”

   “คงปวดขี้หนัก”

   ผมกับพ่อพี่ฟลอยด์หันมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมา บรรยากาศระหว่างผมกับครอบครัวนี้ดีขึ้นเยอะ หลังจากคุยกันอีกหน่อยผมก็ขอตัวขึ้นห้อง เรื่องจะง้อคนขี้งอนไม่ต้องคิดมาก แค่หอมแก้มหนักๆ ไม่ก็ยอมอ้อนสักหน่อยแค่นี้ก็หายแล้ว

   “พี่ฟลอยด์ครับ อาบน้ำกัน” ตะโกนทันทีที่เปิดประตู คนงอนตุ๊บป่องนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงรีบเด้งขึ้นมายืนยิ้มแป้นแล้นทันที


   แค่นี้ก็หายงอนแล้ว





   “ไอ้ต้อม มึงยิ้มหวานเป็นมั้ยวะ ยิ้มหวานๆ น่ะ” ไอ้ดอยด่าผมมาหลายรอบ ผมก็พยายามยิ้มหวานตามที่ทุกคนบอก แต่มันได้แค่นี้จริงๆ

   “มันได้แค่นี้” ผมว่า

   “ต้อม เห็นแก่พวกพี่และคณะ ยิ้มให้มันเป็นธรรมชาติหน่อย” หันไปมองพี่แจนที่แทบยกมือไหว้ร้องขอ

   “แล้วผมยิ้มไม่เป็นธรรมชาติตรงไหน”

   “ทุกตรง”

   คนในห้องเกือบๆ สิบคนตะโกนออกมาพร้อมกันจนผมสะดุ้งโหยง ก็ฉีกยิ้มให้กว้างโชว์ฟันขาวแล้วกระพริบตาถี่ๆ แบบนี้มันไม่ธรรมชาติตรงไหน

   “มึงลองมองไปที่ตู้หนังสือนะ” ไอ้ป่านเดินมาข้างผมแล้วชี้ไปที่ตู้ “มึงลองใช้สมองอันน้อยนิดจินตนาการว่านั่นคือพี่ฟลอยด์ พี่เขากำลังยิ้มให้มึงอยู่น่ะ เห็นป่ะ” เสียงกรอกหูทำให้ผมลองนึกภาพตาม ตู้คือพี่ฟลอยด์เหรอวะ

   ผมลองยิ้มแบบธรรมดาเหมือนยิ้มทุกวัน ไม่ได้เห็นตู้คือพี่ฟลอยด์หรอกนะครับ แต่กำลังมองเป็นเพื่อนๆ ทุกคน พอยิ้มแบบนั้น ทุกคนก็พากันเฮลั่น ไอ้ป่านตบหลังผมจนหน้าเกือบคว่ำ

   “ดีมากๆ”

   ได้รับคำชมมาแบบงงๆ แต่ก็เออออไป

   สองวันมาแล้วกับการซ้อมเดิน ซ้อมยิ้มและตัดชุด ผมไม่เข้าใจว่ากะอีแค่ขึ้นประกวดทำไมต้องมากมายขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือต้องนุ่งโจงกระเบนอีก เวลาเข้าห้องน้ำทีโคตรลำบาก อย่างตอนนี้ผมโคตรปวดขี้เลย พอเวลาใกล้เข้าไปทุกทียิ่งปวดให้ตายสิ

   ผมถูกจับแต่งตัวแต่งหน้ามาหลายชั่วโมง พวกพี่ฟลอยด์กับเพื่อนก็รออยู่ด้านนอกเพราะคนนอกห้ามเข้ามา ตอนแรกพี่แกก็กระฟัดกระเฟียดนิดๆ แต่ผมก็อธิบายให้ฟังจนยอมนั่งรอ อันที่จริงก็ไม่เชิงอธิบายหรอก ข่มขู่นิดๆ พอประมาณแค่นั้น

   “ห่วงผัวเหรอ เชี่ย” ตบหัวไอ้ป่านเสียงดังจนพี่ช่างแต่งหน้าสะดุ้ง

   “มึงห่วงผัวมึงเถอะไอ้ห่า กูปวดขี้เว้ย” รีบอธิบาย

   “อ๋อเหรอ ไอ้เราก็คิดว่าห่วงผัวตอนที่มาเห็นกลายสภาพแบบนี้”
 
   อันที่จริงนี่ก็ส่วนหนึ่ง สภาพผมตอนนี้ทั้งตัวมีแค่โจงกระเบน แค่ผมก็ไม่เท่าไหร่ ผู้ชายแมนๆ มีแพกนิดๆ จากการยกปุ๋ยยกดิน แต่ไอ้คนนั่งรอไม่รู้จะว่ายังไง ผมก็ไม่เข้าใจจะหวงทำไม คนอื่นมองไปก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี

   “พี่เขาไม่ว่าหรอกเว้ย”

   “ปากดีให้ตลอดนะมึงไอ้เชี่ยต้อม”

   เวลาล่วงเลยไปนานซะจนผมเผลอนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้ ถ้าไอ้นัวไม่เดินมาปลุก ผมคงนอนยันเช้า ก่อนออกจากห้องแต่งตัวที่คณะ ผมยังถูกเอาแป้งมาทาทั่วตัวแถมเอาสายสร้อยมาคล้องซะเหมือนกุมารทอง ถ้าเกล้าผมจุกนะใช่เลย ผมเดินตามไอ้นัวกับพี่แจนออกมาด้านนอก มองซ้ายขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนมานั่งรอ หรือไปเที่ยวที่อื่นแล้วก็ไม่รู้

   พอออกจากห้องแต่งตัวมาสู่โลกภายนอก ความวุ่นวายก็ถาโถมเข้ามาหา ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องต่างพากันมาขอถ่ายรูปกับผมใหญ่ เห็นผมเป็นของแปลกหรือเปล่าวะ ขนาดตัวแทนนางนพมาสอย่างน้องนุ่นยังไม่ฮอตเท่า

   “โหพี่ต้อม นึกว่าพระเอกละคร” ไอ้เป็กน้องรหัสเริ่มกวนอวัยวะเบื้องล่าง แต่มันก็ยกมือถือมาถ่ายรูปกับผม
 
   ระหว่างเกิดจลาจลขนาดย่อมๆ สายตาผมเหลือบไปเห็นบางอย่างที่มุมเสา บางอย่างที่ผมเอาผมขนลุกซู่เหมือนปวดขี้ตอนเช้า สายตาที่พุ่งมาคล้ายกับแสงเลเซอร์ที่ยิงจนร่างแทบพรุน ตายห่าแล้วไอ้ต้อม

   พี่ฟลอยด์ก้าวขาเร็วเข้ามา ข้างๆ มีพี่เกนกับไอ้ป่านที่เอาแต่ขำ มันคงนึกถึงคำตอบของผมอยู่แน่

   “มึง” คำสั้นๆ มาพร้อมเสื้อแขนยาวของคนพูดคลุมตัวผมทันที ผู้คนที่ยืนอยู่รายล้อมต่างพากันมองเลิกลัก แต่จะมีบางกลุ่มที่พากันลั่นชัตเตอร์ไม่ยั้ง

   “พี่ทำไรเนี่ย” พูดลอดไรฟันไปถาม คนถูกถามขมวดคิ้วจ้อง พี่แกไม่สนผู้คนว่าใครจะมองเหตุการณ์นี้ยังไง “พี่ฟลอยด์”

   “ใครให้มึงแต่งแบบนี้วะ” เสียงตวาดกร้าวจนสะดุ้งกันเป็นแถวๆ

   “พี่ ใจเย็นก่อน” ผมรีบลูบแขนลูบหลังให้คนขี้โมโหใจเย็น พี่เกนรีบเดินมาประชิดตัวเพื่อน คงกลัวพี่ฟลอยด์จะพุ่งต่อยหน้าคน

   “ฉันให้แต่งเอง” ในช่วงที่ผมพยายามทำให้อารมณ์ที่ฟลอยด์เย็นลง พี่เต็นท์ก็เดินมาหาแล้วออกตัวรับทันที มันก็ดีอยู่หรอกที่พี่ออกรับ แต่ตอนนี้คนเลือดร้อนมันน่ากลัวกว่าภูเขาไฟที่มันระเบิดอีกนะ

   “พี่ฟลอยด์” สังเกตเห็นปากบางๆ กำลังจะอ้า ผมรีบขัดขึ้นมาก่อน กลัวพี่ฟลอยด์มีเรื่องกับพี่คณะผม มันไม่ดีแน่นอน ทั้งคู่ก็ปีสี่เหมือนกันด้วย

   “กูไม่ให้ต้อมประกวดแล้ว มึงหาคนใหม่แล้วกัน” พี่ฟลอยด์เหล่หางตามองผมนิดๆ ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แขนผมแล้วออกแรงดึงไป ลำบากผมที่ต้องยื้อร่างตัวเองไว้ “อะไร”

   “พี่ แต่ผมต้องประกวด” ไม่ได้อยากได้รางวัลหรอกนะครับ แต่มันจะเสียเวลาหากหาคนอื่น ตอนนี้ไม่ทันแล้วด้วย กว่าจะแต่งหน้าแต่งตัวอีก

   “กูไม่ให้ประกวด” เสียงดังฟังชัดจนผมต้องเม้มปาก

   “แต่ผมเป็นตัวแทนคณะนะ”

   “ก็กูไม่ให้ประกวด”

   “มีเหตุผลหน่อยสิ ผมทำเพื่อคณะนะ”

   “แล้วกูล่ะ ไม่ทำเพื่อกูเหรอ”

   “มันเหมือนกันซะที่ไหนเล่า”

   “ยังไงกูก็ไม่...”

   “มึงคนนอก มายุ่งอะไรกับคณะพวกกูวะ” พี่ยักษ์ รุ่นพี่ในคณะที่อยู่แถวนั้นเดินเข้ามาขวาง ผมว่า เริ่มจะไม่ดีซะแล้วสิ

   “อ่าว พูดแบบนี้ก็สวยสิวะ” พี่เกนพุ่งเข้ามาหาทันทีจนไอ้ป่านเกือบรั้งไว้ไม่ทัน พี่ไม่นับเท้าคนในคณะผมเหรอวะ

   “ทำไม มึงจะทำไม” พี่ยักษ์ก็ไม่กลัว จนผมต้องย่อตัวลงไปนั่ง ถ้าลงไปนอนดิ้นที่พื้นได้นะ ทำไปแล้ว “เป็นไรของมึงไอ้ต้อม” พี่ยักษ์จะคว้าผมแต่ถูกพี่ฟลอยด์ผลักซะกระเด็นจนเกือบจะต่อยกัน

   “พวกพี่หยุดทะเลาะกันสักที หยุด นี่ก็หยุด” ตะโกนจนดังลั่น ผมชี้นิ้วไปที่พี่ยักษ์ให้เงียบ แล้วหันกลับมาชี้พี่ฟลอยด์อีกรอบ “ผมจะประกวด จบแค่นี้ แยกย้ายๆ” ผมรีบดึงพี่ฟลอยด์ให้เดินออกมาทันที ขืนช้ามีหวังพุ่งเข้ากัดกับพี่ยักษ์แน่ ขู่ด้วยสายตาซะขนาดนั้น

   “ไม่ให้ประกวด” พี่ฟลอยด์ยังยืนยันเสียงแข็ง หน้าตาบูดบึ้งเหมือนเด็กถูกบังคับให้กินยาน้ำ

   “ไม่ทันแล้ว เดี๋ยวผมจะขึ้นเวทีแล้ว” บอกขณะที่เดินไปที่เวทีกลาง บรรดาพี่ช่างแต่งหน้า หรือสตาฟฟ์คณะคนอื่นๆ ต่างพากันเดินตามห่างๆ คงกลัวถูกลูกหลง

   “คิดจะบอกกันสักคำมั้ยไอ้ประกวดเนี่ย” ตวัดสายตามองคนถามแทบจะทันที

   “บอกจนนับไม่ได้แล้ว แต่พี่ไม่สนใจเอง มัวดูแต่การ์ตูนนั่นไง” พูดแล้วก็โมโห ผมบอกไปแล้วนะครับว่าจะประกวด แต่พี่ฟลอยด์ไม่สนใจ ไม่แม้จะเงยหน้ามามองด้วยซ้ำ

   “ไม่เห็นได้ยิน”

   “ก็หูพี่มัวแต่ฟังการ์ตูนนั่นจะได้ยินผมได้ไง”

   พอเถียงไม่ได้ก็ทำหน้างอเป็นเด็กตลอด

   เดินไปจนเกือบถึงเวทีก็เจอไอ้กลอยที่เดินเคียงข้างกับพี่โช ผมยกมือไหว้พี่เขาตามมารยาท แต่ไม่ทันได้พูดคุยเพราะใกล้ขึ้นเวที ผมเดินมาปะปนกับบรรดาชายงามต่างคณะ บ้างก็รู้จัก บ้างก็ไม่เคยเห็นหน้า พี่ฟลอยด์ถูกกันให้ออกไปด้านนอกเพราะไม่เกี่ยวข้อง ก่อนจะออกไปยังกำชับให้ผมสวมเสื้อคลุมไว้ห้ามถอด แล้วมันจะทำแบบนั้นได้ยังไง

   ยืนอยู่หลังเวทีแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเพราะหูอื้อไปหมด มันตื่นเต้นจนเหงื่อออก ยิ่งคนที่ยืนอยู่ด้วยค่อยๆ ทยอยออกไปยิ่งแล้วใหญ่ มือสองข้างของผมเย็นเหมือนกำน้ำแข็งไว้ เกิดมาไม่เคยได้ประกวดอะไรกับเขา นี่ถ้าผมเดินสะดุดล้มคงขายหน้าแน่นอน

   พอถึงคิวที่ผมต้องขึ้น แข้งขาอ่อนไปหมดจนเกือบสะดุดบันได ผมพยายามสวดมนต์เพื่อให้จิตใจสงบ แต่บทสวดทุกอย่างหายไปเมื่อต้องขึ้นไปยืนบนเวทีที่มีผู้คนมากมาย ยังดีที่น้องนุ่นอยู่ข้างๆ น้องพยายามกระซิบให้ผมเดินตามและให้ยิ้มกว้างๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้หน้าตัวเองเป็นแบบไหนหรือยิ้มยังไง รู้แค่ว่า โคตรตื่นเต้น

   “เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ถึงเวลาที่ทุกๆ ท่านจะร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินรางวัลขวัญใจมวลชนแล้วนะคะ พร้อมแล้วใช่มั้ยคะ ดิฉันคิดว่า ทุกคนคงมีดอกกุหลาบอยู่ในมือแล้ว หนึ่งดอกก็เท่ากับหนึ่งกำลังใจและเสียงโหวต เราจะให้เวลาหนึ่งนาทีนะคะ รักใครเชียร์ใครเชิญเลยค่า” พอสิ้นเสียงพิธีกรปุ๊บ บรรดาผู้ร่วมประกวดก็เดินไปอยู่หน้าเวทีกันหมด ผมหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำยังไงจนมีกลุ่มผู้หญิงกวักมือเรียก

   ผมเดินไปอยู่ด้านหน้าเวทีดอกกุหลาบเกือบสิบดอกก็ถูกยื่นมาให้จากกลุ่มที่เรียกผม พอผมรับพวกเธอก็กรีดร้องแล้วถอยหลังไปให้คนที่อยู่ข้างหลังแทรกเข้ามา...และเรียกสายตาของทุกคน

   ดอกกุหลาบช่อโตที่ถูกห่อกระดาษถูกยื่นมาตรงหน้า ผมเบิกตากว้างอ้าปากค้างมองคนที่หน้าบูดบึ้งแต่ก็ยังส่งดอกไม้มาให้

   ไม่ได้อยากให้ประกวด แต่ก็ไม่อยากให้แพ้สินะ

   ผมยื่นมือออกไปรับพร้อมกับเสียงกรี๊ดและเสียงรัวชัตเตอร์ พี่ฟลอยด์บ่นอีกนิดๆ ก็ต้องถูกดันให้หลบ จากนั้นบรรดาพี่น้องในคณะก็รีบยื่นดอกกุหลาบมาให้จนล้นมือ

   “หมดเวลาแล้วค่า แหม ได้กันจนล้นมือเลยทีเดียว” ผมหันไปมองพิธีกรที่จงใจพูดถึงผมแน่ เพราะสายตาเธอมองมาที่ผม “ดูจากสายตาแล้วรางวัลนี้คงเป็นของใครคนอื่นไม่ได้แล้วละมั้งคะ” พูดแบบนั้นจนผมปั้นหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว

   ดอกไม้จากทุกคนถูกส่งไปในทีมงานด้านหลังเพื่อนับคะแนนขวัญใจมวลชน แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือคะแนนจากกรรมการตัดสินตำแหน่ง นายและนางนพมาส ผมรู้ตัวดีว่าคงไม่มีหวังกับตำแหน่งนี้ แต่น้องนุ่นอาจมีหวังเพราะตอบคำถามดี

   ก่อนจะประกาศรางวัล ทุกคนจะได้เดินโชว์ตัวอีกรอบ (ทำเหมือนนางงามเลยว่ะ) ผมเดินยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเจอสายตาพิฆาตที่จ้องมาจนเกือบสะดุดเวที พอเดินครบทุกคน ผลคะแนนทุกอย่างก็ถูกยื่นไปที่พิธีกร ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มจนเข้มจัดยิ้มแย้มเมื่อมีซองในมือ

   “ในที่สุด เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง” พิธีกรชูซองสีขาวขึ้นเรียกเสียงโห่ร้องได้เป็นอย่างดี “รางวัลแรกที่เราจะประกาศคือรางวัลขวัญใจมวลชน...” ผมเหล่ตามองซองสีขาวที่ถูกเปิดออก กระดาษเล็กๆ ถูกดึงออกมาก่อนคนถือจะกวาดสายตามองไปรอบๆ “รางวัลขวัญใจมวลชนฝ่ายชายได้แก่หมายเลข...”

   บอกสักที ลุ้นจนปวดขี้อยู่แล้ว

   “หมายเลข”

   จะย้ำทำไมเนี่ย

   “หมายเลขอะไรดี”

   ป้าแกคงคิดว่าตัวเองตลก ผมขมวดคิ้วมองคนที่เล่นกับความตื่นเต้นของคนอื่น เธอดูมีความสุขที่ได้แกล้งทุกคน จนในที่สุดก็ประกาศออกมา ใครวะเลขเก้าเนี่ย

   “พี่ต้อมออกไปสิ” เสียงเริงร่าของน้องนุ่นกับแรงผลักเบาๆ ทำให้ผมมองน้องคณะอย่างงงๆ “พี่ได้รางวัล”

   หือ หันซ้ายหันขวาก่อนจะเดินงงๆ ออกไปกลางเวที รองคณบดีคณะผมยืนยิ้มแป้นรอมอบสายสะพายให้ ผมยกมือไหว้แล้วย่อตัวลง สายสะพายเขียนบอกชื่อรางวัล ผมมองกราดไปที่กลุ่มคณะตัวเองที่กระโดดโลดเต้นกับรางวัลนี้ ทุกคนดูจะมั่นใจว่าผมจะได้ และมันก็ได้จริงๆ ต้องยกรางวัลนี้ให้กับทุกคน ส่วนฝ่ายหญิงเป็นของคณะนิเทศศาสตร์ไป

   รางวัลนายนพมาสเป็นของคณะบริหารรุ่นน้องของพี่ฟลอยด์ ส่วนฝ่ายหญิงก็มาจากคณะบริหารเหมือนกัน รุ่นพี่คณะถึงกับยิ้มกริ่ม เอาเถอะ ผมไม่ได้คาดหวังรางวัลอยู่แล้ว แค่ได้ขวัญใจอะไรนี่ก็เกินที่คิดไว้แล้ว พอลงเวทีรุ่นพี่รุ่นน้องคณะผมก็ล้อมหน้าล้อมหลัง ทุกคนพากันชื่นชมถ้วยรางวัลกันใหญ่

   “ไงมึง ได้รางวัลด้วยนี่หว่า” ไอ้ดอยเดินมาทักผมขณะกำลังจะเดินออกจากหลังเวที

   “กูหน้าตาดีก็งี้แหละ” ผมว่า ไอ้ดอยมันขำพรืดก่อนวงดนตรีมันจะเดินมาสมทบ “จะขึ้นเล่นเหรอวะ”

   “เออ วงกูก่อน เดี๋ยววิศวะจะมาปิดท้าย”

   อวยพรเพื่อนก่อนจะเดินออกไป เจอพี่ฟลอยด์ที่ยืนรอพร้อมเสื้อคลุม เห็นผมปุ๊บ เสื้อก็คลุมตัวผมปั๊บจนพี่เกนขำออกมา

   “มึงหวงเกินไป ไอ้ต้อมมันเป็นผู้ชาย”

   “ถึงเป็นผู้ชายก็เมียกู มึงไม่เห็นผิวมันเหรอ ขาวขนาดนั้น” รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ไอ้ป่านเอาแต่ขำจนผมต้องเตะขามันไป

   “มึงใช่ไอ้ฟลอยด์เพื่อนกูจริงๆ หรือเปล่าวะ” ประโยคนี้ของพี่เกนทำผมขำ ก่อนเราจะหันไปสนใจบนเวทีที่กำลังซาวด์เช็คกันอยู่ “ไอ้ดอยนี่”

        “เพื่อนผมเอง เจ๋งป่ะล่ะ” ไอ้ป่านอวดเพื่อนเต็มที่

        วงดนตรีของคณะผมมักจะเล่นเพลงเพื่อชีวิตซะส่วนใหญ่ แต่ผู้คนก็ยังสนุกและชื่นชอบ ยิ่งเพลงบัวลอยยิ่งทำท่าเหมือนเพื่อนจะตาย ยังดีที่ไม่เกิดศึกสงครามท่ามกลางความสนุก ผมอยู่เฮฮาได้ไม่กี่เพลงก็ถูกลากกลับไปเปลี่ยนชุด ผมเพิ่งสำเหนียกได้ว่าตัวเองใส่ชุดอะไรอยู่ แล้วยังมีหน้ามากระโดดตาม ดีที่โจงกระเบนไม่หลุด ถ้าหลุดมีเฮแน่นอน

   เปลี่ยนชุดออกมาก็ถูกจับยัดในรถ หมดกันความคิดจะไปมันส์อยู่หน้าเวที ป่านนี้ไอ้ป่านคงโดดไส้หลุดแล้ว ผมเหล่ตามองคนที่บังคับ

   “ผมยังไม่อยากกลับเลยนะ”

   “แต่พี่อยากกลับ”

   “เออ” ขี้เกียจเถียง เดี๋ยวทะเลาะกันอีก ผมกอดอกมองการจราจรที่คับคั่ง คงเพราะวันนี้เป็นวันลอยกระทง ผู้คนมากมายออกมาเที่ยวงานบ้างก็มาลอยกระทงเพื่อขอขมาพระแม่คงคา จะว่าไปผมก็ยังไม่ได้ลอยกระทงเลยนี่หว่า

   รถสุดหวงของพี่ฟลอยด์จอดนิ่งสนิทที่โรง ผมเปิดประตูลงไปกำลังจะเดินเข้าบ้านแต่แขนถูกดึงไว้ ผมมองหน้าคนดึง ปากก็ถามแต่พี่ฟลอยด์ไม่พูดอะไร พี่แกเอาแต่ลากผมไปข้างบ้าน

   “ไปไหน” ถามเสียงเบาเพราะไฟในบ้านปิดเกือบหมด ไม่รู้เพราะไปเที่ยวกันหรือนอนหลับกันแล้วกันแน่

   “ไปลอยกระทง” พี่ฟลอยด์หันมายิ้มให้ก่อนจะดึงผมไปที่สระว่ายน้ำ

   “ลอยในสระว่ายน้ำเนี่ยนะ” ผมถาม

   “ใช่ ไม่ต้องไปเบียดแย่งใครดี”

   เอาตามที่พี่สบายใจเลยครับพี่ครับ

   สระน้ำที่ผมชอบมาว่ายเล่นประจำ พี่ฟลอยด์ดึงให้ผมนั่งลงข้างๆ ถุงที่คล้องแขนอีกข้างถูกปลดแล้ววางลง ด้านในคือกระทงสวยสองอัน

   “กระทง?”

   “อืม พี่ไปซื้อมาตอนที่ต้อมยังแต่งตัว ไม่คิดว่าไปซื้อกระทงแป๊บเดียวกลับมาจะเจอเมียแต่งตัวแบบนั้น” น้ำเสียงเหวี่ยงจนผมต้องรีบเบี่ยงประเด็น

   “แพงป่ะเนี่ย”

   “ไม่เลย” รีบปฏิเสธเชียวนะ ผมจ้องหน้านิ่งจนคนซื้อยิ้มแห้งๆ แล้วพยักหน้า “สองร้อย”

   “สองอันสองร้อย?”

   “อันละ”

   “พี่!”

   “นานๆ ทีไม่เป็นไรหรอก มันสวยเห็นมั้ย”

   “มันแพงไง อันตั้งสองร้อย ซื้อมาทำเองไม่กี่สิบบาท”

   “เอาน่า ครั้งเดียวเอง” พี่ฟลอยด์รีบยัดกระทงใส่มือผม ดวงตาคมพรายระยับเมื่อสะท้อนกับคลื่นของสระน้ำ “ต่อไปพี่สัญญา...”

   “อย่าสัญญาในสิ่งที่คิดว่าอาจจะทำไม่ได้”

   “โอเคๆ ต่อไปจะพยายามคิดก่อนซื้อ ตกลงมั้ยครับคุณเมียที่รัก”

   “พี่เคยอยู่ดีๆ แล้วตกน้ำป่ะ” ถ้าไม่ห้ามใจตัวเองผมคงถีบพี่ฟลอยด์ลงน้ำไปแล้ว แม่ง ชอบนักเรียกผมเมียเนี่ย

   “โหดตลอด”

   ผมไม่สนใจคนที่เริ่มกลับมากวนโมโหอีกครั้ง กระทงสวยในมือถูกยกขึ้น ผมหลับตาอธิฐาน ขอให้ทุกๆ ปีพ่อกับแม่และครอบครัวผมกับพี่ฟลอยด์มีความสุข ปราศจากโรคภัยที่จะย่างกรายเข้ามา สาธุ

   “พี่ทำอะไร” ผมเหล่หางตามองคนที่จับข้อศอกผมไว้ตั้งแต่แรก ที่ไม่โวยวายเพราะกำลังขอพรอยู่

   “ก็ขอพรร่วมกันไง ลอยกระทงเถอะ”

   “แล้วของพี่ล่ะ” กระทงอีกอันวางอยู่ด้านข้าง

   “ลอยด้วยกันดีกว่า ประหยัดแบบที่ต้อมชอบไง เร็วๆ”

   “พี่อยากประหยัดแต่มันไม่ทันแล้วไง มันจ่ายเงินไปแล้ว แต่ลอยอันเดียว อีกอันปล่อยไว้เฉยๆ ก็เปลืองเงินเปล่าๆ น่ะสิ”

   “สองร้อยเอง”

   “สองร้อยเองของพี่ คนอื่นกินข้าวได้ทั้งวัน ไปกลับบ้านอีก แล้วไหนจะ...อุ๊บ” คำบ่นต่างๆ นาๆ ถูกกลืนหายไปเมื่อปากถูกประกบจูบแน่น “พี่ทำไรเนี่ย” ทันทีที่ปากเป็นอิสระก็หอบกันเลยทีเดียว

   “จูบเมีย...เชี่ย” เรียบร้อยด้วยฝ่าเท้า ผมยกขาถีบพี่ฟลอยด์ลงน้ำไปเรียบร้อย คนตกน้ำโวยวายเสียงดังลั่น “ทั้งถอดเสื้อโชว์คนอื่น ทั้งถีบผัว จับได้ลุกไม่ขึ้นแน่”

   ผมหัวเราะลั่นเมื่อถูกชี้หน้าคาดโทษจากคนเอาแต่ใจและขี้หึง

   “ขึ้นจากน้ำให้ได้ก่อนเถอะ ว๊าก” พี่ฟลอยด์ขึ้นจากน้ำโคตรไวแล้วพุ่งเข้าใส่จนผมหลบเกือบไม่ทัน
 
   “เสร็จแน่”

   “โนวววววว”



   นี่มันวันลอยกระทงจริงๆ เหรอ ทำไมผมไม่รู้สึกอย่างนั้น แต่มันก็คือวันลอยกระทงจริงๆ นั่นแหละ...สวัสดีวันลอยกระทงครับผม       


..................................

สุขสันต์วันลอยกระทงค่าาาา ทุกข์โศกจงหมดไป รวยๆ ค่าาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-11-2016 00:03:15
 :haun5: :haun5: :haun5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 13-11-2016 00:33:12
ชอบคู่นี้มากๆเลย น่าร๊ากกก
ขอตอนพิเศษเยอะๆเลยฮะ
เกน ป่าน ด้วยยย

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 13-11-2016 04:42:46
อิพี่ฝอยขี้หวง
ขำโดนต้อมถีบตกน้ำ 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 13-11-2016 11:34:46
ความขี้หึง ขี้หวงไม่เคยลดเลยยยยยยยยยยย 5555555 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 13-11-2016 11:55:54
เบื่อคนขี้หวงจังเลยค่ะ :z1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 13-11-2016 13:07:38
หวงจริงๆๆนะพี่ฟลอยด์
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 13-11-2016 14:03:53
 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 13-11-2016 15:11:17
พี่ฟล์อยหวงน้องต้อม :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-11-2016 15:53:01
เอิ่มม พี่ฟลอยด์คะหายงอนง่ายไปนะ ฮ่าๆๆ กะแล้วเชียวว่าพี่ฟลอยด์ต้องหึงก็แหมต้อมออกจะหน้าตาดีไหนจะซิกแพคอีก แต่ตอนพี่ฟลอยด์โดนถีบตกน้ำนี่ลั่นเลย ชอบๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 13-11-2016 16:18:14
 :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-11-2016 20:03:16
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-11-2016 20:32:57
ขี้หวงจริง ๆ


 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 13-11-2016 21:43:08
อิจค่ะอิจ :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-11-2016 21:49:08
ยังขี้หึงขี้หวงมากกว่าเดิมนะพี่ฟลอยด์
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 14-11-2016 15:04:51
สมน้ำหน้าพี่ฝอย
ตอนต้อมพูดล่ะไม่ฟัง
ทีงี้มาทำหึง
 :hao3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-11-2016 16:52:25
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tangMa ที่ 15-11-2016 16:13:29
พี่ต้อมต้องงอนเรื่อค่าดอกไม้ด้วยค่ะ งอนพี่ฝอยให้หนักๆเลย

 :impress2: :impress2: เพราะน่าจะได้หลายดอกแน่ๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-11-2016 21:58:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทงสุขสันต์ Up!! [P.18]<<[12/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-11-2016 01:29:23
แหมๆๆ ผัวเมียสุขสันต์
ขอเกนป่านด้วยได้ไหมค้าา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหน.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 18-11-2016 15:19:13
No Sugar [เกน x ป่าน] : สุขใดไหนเท่ากินข้าวพร้อมหน้า




      เคยมีคนบอกว่า หากอยากกินข้าวให้อร่อยต้องกินกับคนที่เรารัก ผมว่าเขาพูดถูก เพราะดูคนในห้องดูมีความสุขเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นคนทำอาหาร พี่ปูนหั่นผักไปฮัมเพลงไป ป๋ากับพี่เกนก็นั่งเล่นหมากรุกรอกินอย่างเดียว ทั้งหมดดูมีความสุข ส่วนผมน่ะเหรอครึ่งทุกข์ครึ่งสุขละมั้ง งานครัวเป็นอะไรที่ยากสำหรับผม ตอนนี้ก็เป็นลูกมือของพี่ปูนนั่นไป แม้จะช่วยงานได้น้อยนิดก็เถอะ

   “ป่านต้องหั่นให้เล็กกว่านี้อีกหน่อยนะ” ชะงักมีดที่กำลังจะลงน้ำหนักหั่นผักบุ้ง พี่ปูนยิ้มหวานแล้วชี้ให้ผมขยับมีดเข้ามาอีกหน่อย

   “เอ่อ...” คนยิ้มหวานเงยหน้ามองผมอีกรอบ

   “มีอะไร”

   “เราซื้อเขามาทำกินไม่ง่ายกว่าเหรอครับ” ปกติถ้าผมอยากกินชาบูหรือสุกี้ก็มักจะไปหาซื้อที่เขาจัดเป็นชุดตามร้านเอา ขืนให้มานั่งตัดนั่งหั่นแบบนี้ได้กินอีกทีคงชาติหน้า

   “มันง่ายก็จริง แต่ถ้าเราทำเองแบบนี้มันจะเป็นการเชื่อมสัมพันธ์คนในครอบครัวด้วยนะ ช่วยกันทำ คุยไปเล่นไปดีกว่าซื้อเป็นชุดมาแล้วโยนใส่หม้อ แบบนั้นพี่ว่ามันไม่อร่อย” คำอธิบายยาวเหยียดของพี่ปูนลอยเข้าหูสองพ่อลูกที่พากันตะโกนบอกว่าเห็นด้วย

   เห็นด้วยก็เห็นด้วยครับ แหม

   พอผมหั่นผักเสร็จก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ผมเลยนั่งเท้าคางมองพี่ปูนทำนั่นทำนี่อย่างคล่องแคล่ว ใบหน้ายามตั้งใจทำกับข้าวนี่ช่างน่าหลงใหล ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมป๋าถึงหลงพี่ปูนขนาดหนัก แม้เวลาจะล่วงเลยมานานเป็นสิบปีแต่ความหวานก็ไม่เคยลดลงเลย (พี่เกนบอกมา)

   “จ้องหน้าพี่ทำไม” คนตั้งใจเงยหน้ามายิ้มหวานให้ผม รู้สึกใจสั่นแปลกๆ “หน้าแดงด้วย”

   “ผมหน้าแดงเหรอครับ” รีบจับแก้มของตัวเองที่ร้อนวูบวาบ

   “มากเลยล่ะ” พี่ปูนลากเสียงพร้อมเอียงหน้าทำตาโต

   พี่กำลังทำให้ผมหลงแล้วนะครับเนี่ย

   ภาพน่ารักตรงหน้าอยู่ๆ ก็หายวับไปกลายเป็นความมืดมิด ผมพยายามแกะมือพี่เกนออกจากตา แต่มือใหญ่นี่เหนียวเหมือนชาติที่แล้วเกิดเป็นตุ๊กแก

   “พี่ทำไรเนี่ย” โวยวาย มือก็ตีเข้าที่แขนมั่วๆ โดนอะไรบ้างก็ไม่รู้

   “ห้ามมองเดี๋ยวหลง” น้ำเสียงนิ่งดังอยู่ข้างหู “กลับไปกินห้องตัวเองเลยไป”

   “อ่าว ฉันเป็นพ่อแกนะเว้ย เจ้าของที่นี่ด้วย” ป๋าโวยวายพร้อมกับมีเสียงหัวเราะของพี่ปูน

   “ไม่รู้ๆ” พี่เกนยังโวยวาย โดยมีผมที่ยังงัดแงะมือออกจากตา

   “พี่เอามือออกสิวะ”

   “ไม่”

   “จะปิดตาผมทำไมเล่า”

   “ก็มองพี่ปูนทำไม หน้าแดงด้วย กูไม่ชอบ”

   “อย่าปัญญาอ่อนได้ป่ะ”

   “ด่ากูเหรอ”

   “เชี่ย” มือที่ปิดตาเลื่อนมาตบหัวผมดังป๊าบจนผมอุทานออกมา ชอบนักใช้ความรุนแรงเนี่ย

   “ด่ากูเชี่ยเหรอวะ”

   “ไอ้พี่เกน” ทั้งตบทั้งตีไอ้พี่เกนที่ใช้มือบีบปากผมจนเจ็บไปหมด “ปล่อยสิวะ”

   “ไม่โว้ย”

   “พอแล้วๆ จะทะเลาะกันทำไม เดี๋ยวมื้อนี้ไม่อร่อยพอดี” พี่ปูนรีบเดินมาดึงพี่เกนออก พอจะเดินเข้ามาหาผมอีกก็ถูกพี่ปูนใช้มีดชี้หน้า “ชอบนักหาเรื่องเขาเนี่ย เกิดป่านโกรธหนีกลับบ้านขึ้นมาจะมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

   “พี่!”

   “เอาล่ะๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน ปูนกลับมาทำต่อมาป๋าหิวแล้ว” ป๋ากวักมือเรียกพี่ปูนไปยืนประจำที่ แม้จะไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็ยอมเดินไปทำต่อ ส่วนผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวีโดยมีคนที่หาเรื่องเดินตามมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ

   ซีรี่ส์ฝรั่งที่สปีคภาษาอังกฤษเอาซะผมฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็ดูไปอย่างนั้น ไม่อยากสนใจคนข้างๆ ที่ทำเสียงจิ๊จ๊ะเรียกร้องความสนใจอยู่ตลอด ขณะที่ผมกำลังคิดจะลุกขึ้นยืน แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงก็ทำให้ต้องขมวดคิ้ว ใครโทรมาวะ และดูเหมือนคนข้างๆ จะอยากรู้เหมือนกัน ไอ้พี่เกนยื่นหน้ามาจนแทบจะชิดกับหน้าจอมือถือผมอยู่แล้ว

   “จะไปไหน” พี่เกนถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นผมลุกขึ้น

   “ไปคุยโทรศัพท์” ว่าแล้วผมก็เดินออกมาเลย ไม่สนใจสายตาที่จับจ้องจนจะทะลวงตับไตไส้พุงผม “ว่าไงมึง” กรอกเสียงเนือยๆ ลงไป

   (เป็นไรของมึง) ไอ้ต้อมถามกลับมา

   “เปล่า มึงโทรมาทำไมวะ” พยายามนับหนึ่งเพื่อไม่ให้อารมณ์หงุดหงิดติดไปลงกับเพื่อน

   (กูจะโทรมาเตือนเรื่องพรีเซ็นงาน อย่าลืมทำเปเปอร์ในส่วนของมึงมาด้วย ทำสรุปอีกชุดให้กูเข้าใจด้วย...พี่ฟลอยด์ไปไกลๆ ดิ๊ ร้อน) พูดเรื่องงานอยู่ดีๆ ไอ้ต้อมก็โวยวายขึ้นมา ผมเผลอหลุดขำจนลืมที่หงุดหงิดเมื่อกี้ไปหมด (จะไปไม่ไป นับถึงสามไม่อย่างนั้นถีบนะเว้ย)

   “ไอ้ต้อม ถ้ามึงจะสวีทกันก็วาง กูไม่อยากได้ยินไอ้ห่า” ว่าไปขำไป สักพักได้ยินเสียงพี่ฟลอยด์ร้องโอดโอย เพื่อนผมเลี้ยงแฟนด้วยลำแข้งสินะ โคตรสงสารพี่ฟลอยด์ให้ตายสิ

   (สวีทพ่อง เออๆ อย่าลืมเอามาด้วย กูขี้เกียจมานั่งอ่านเปเปอร์เป็นปึกๆ เอง ไอ้พี่ฝอย!) เสียงตะโกนจนแสบแก้วหูดังพร้อมกับสายที่ตัดไป หรือสงครามกำลังเกิดขึ้น แต่ชื่อสุดท้ายที่ได้ยินนั่น...หรือไอ้ต้อมอยากกินฝอยทองวะ
 
   เพราะมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มารู้ตัวอีกทีเอวผมก็ถูกแขนรัดแน่น หน้าขาวยื่นมาหอมแก้มซะจนน้ำลายแทบติดหน้าก่อนจะวางคางบนบ่าของผม

   “ทำไมต้องออกมาคุยข้างนอก” เสียงแผ่วเบากระซิบข้างหู

   “ข้างในเสียงมันดัง” ผมบอกเสียงแข็งเลยถูกลมอุ่นๆ เป่าหูซะขนลุกเกรียว “ทำไรเนี่ย”

   “ต่อไปห้ามจ้องหน้าพี่ปูนอีกพี่ไม่ชอบ” ผมเอี้ยวหน้ามองคนที่โอบด้านหลัง ใบหน้าหล่อนั่นบูดบึ้งเหมือนเด็กถูกขัดใจ “เข้าใจมั้ย”

   “ทำไมต้องห้ามล่ะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

   “ใครที่จ้องหน้าพี่ปูนก็พากันหลงทุกคน ป๋าพี่เคยเป็นมาเฟียโหดอุ้มฆ่าคนเป็นร้อยเพราะมีคนจ้องหน้าแล้วหลงนี่แหละ”

   “พูดจริงพูดเล่นเนี่ย” ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่

   “ไปถามป๋าพี่ดูสิ ว่าเรื่องจริงหรือเปล่า” คำยืนยันหนักแน่นจนผมต้องเอนหน้าเข้าไปมองคนข้างใน ป๋าที่ว่าโหดกำลังทำตาหวานใส่พี่ปูนอยู่ตลอด มันน่าเชื่อดีมั้ยเนี่ย

   พี่เกนจูงมือผมกลับเข้าไปด้านใน พอดีกับพี่ปูนกำลังใส่ผักลงในหม้อชาบู ทั้งป๋าและพี่ปูนต่างก็มองหน้าผมกับพี่เกนสลับกันไปมา คงอยากรู้ว่าเมื่อกี้ทะเลาะกันแทบตายแต่ไหงดีกันเฉย...ผมก็อยากรู้เหมือนกันนั่นแหละว่าไปดีกันตอนไหน

   พี่ปูนยังคงจัดแจงทุกอย่างเอง ขณะที่ผมนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ใช่ไม่อยากช่วย แต่ไม่รู้จะทำอะไร จะให้เอาผักลงหม้อซึ่งตอนนี้ในหม้อมีแต่ผัก แต่ทำไมอีกหม้อไม่มีผัก
 
   “ทำไมต้องมีสองหม้อด้วยครับ” ถามออกมาจากความสงสัย

   “ปูนไม่กินเนื้อเลยต้องแยกหม้อ” ป๋าเป็นคนตอบ มือก็กำลังคีบหมูสไลด์ขึ้นจากหม้อไปจ่อปากพี่ปูน “อ้าม” เสียงเร่งให้อ้าปากทำเอาผมกับพี่เกนแทบจะอ้าปากตาม หวานได้อีก

   “ป๋าทำเหมือนคู่ผมเป็นตัวประกอบ” พี่เกนบ่นก่อนจะทำตามโดยการเอาผักมาจ่อปากผม “อ้าม”

   “ผมไม่กินขึ้นฉ่าย” ถ้าเป็นผักบุ้งผมจะไม่ว่าเลย พอผมปฏิเสธพี่เกนก็ยู่ปาก ส่วนป๋ากับพี่ปูนก็พากันหัวเราะเยาะ “เอาหมู” กลัวคนตั้งใจดีจะน้อยใจผมเลยบอกให้ป้อนอย่างอื่น พอได้ยินปุ๊บ หมูก็มาจ่อที่ปาก “เอาที่มันสุกดิ่” โดนเอาหมูหมักมาจ่อปากเฉย

   “เอ้า นึกว่าชอบ” น้ำเสียงกวนโมโหจนอยากเลี้ยงด้วยลำแข้งแบบไอ้ต้อม

   “กินคนเดียวเลยไป”

   ชาบูมื้ออร่อยที่มีความสุขสลับกับความวุ่นวาย ป๋ากับพี่ปูนก็ยังหวานเสมอต้นเสมอปลาย ทั้งป้อนหมู ป้อนผัก จนเกือบจะป้อนจูบด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดที่พี่เกนกระแอมจนคอแทบพังละนะ หวานไม่เกรงใจคนร่วมห้องเลยให้ตาย


   หลังจากความสุขจบไป ความทุกข์ก็ตามมาเมื่อป๋าช้อนร่างพี่ปูนกลับห้องไปแล้ว ภาระหน้าที่ในการทำความสะอาดโต๊ะและภาชนะจึงตกมาเป็นของผมและพี่เกน ยังดีที่เจ้าของห้องช่วยเก็บกวาด นี่ถ้าให้ผมทำเองคืนนี้ก็คงไม่เสร็จ...จานใบสุดท้ายถูกเสียบไว้ในตะแกรงคว่ำจาน ผมเช็ดมือกับผ้าแล้วออกมาดูคนที่เก็บกวาดเช็ดถูโต๊ะ

   “พี่เช็ดแล้วเหรอ” ถามขณะใช้มือรูดคราบมันขึ้นมาดู

   “เช็ดแล้ว” คนเช็ดบอก ตาก็จ้องแต่ซีรี่ย์เกาหลีที่นางเอกโคตรสวย

   “คราบยังมีอยู่นี่คือเช็ดแล้วเหรอ” ถึงจะบ่นแต่ผมก็ต้องไปหาผ้ามาเช็ดเอง ขืนรอคนที่อาสาเช็ดมีหวังหลังเที่ยงคืนนู้น

   ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดจนโต๊ะสะอาดดังเดิมผมก็เดินเข้าไปอาบน้ำ ผมยังขัดใจกับประตูห้องน้ำ ตอนแรกมันเป็นกระจกแบบฝ้าที่มองเห็นแค่เงาลางๆ แต่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนมาเป็นกระจกใส อย่าคิดจะหลบเพราะมันสามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุม ครั้นจะเอาผ้ามาปิด เจ้าของห้องกลับดึงทิ้งเฉย เวลาอาบน้ำทีไรรู้สึกไม่สบายใจทุกที

   ยืนหันหลังอาบจากเรนชาวเวอร์อยู่ดีๆ ก็มีมือปริศนาโผล่มากอด ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าใคร นั่นเพราะมันเป็นแบบนี้ประจำ ผมอาบน้ำทีไรก็มักจะมีพวกโรตจิตเข้ามาอาบด้วยทุกครั้ง ขนาดบางทีพี่เกนอาบแล้วก็ยังกลับมาอาบอีกรอบ คงรักสะอาดมากจริงๆ

   “มันดึกแล้วเนี่ย” บอกขณะปากถูกถอนจูบออกไปแล้ว

   “ยังไม่ได้กินของหวานเลย” ลมหายใจอุ่นปะทะตามซอกคอจนขนลุก

   “กินดึกเดี๋ยวก็อ้วน...พี่เกน!” รีบตะครุบมืออันตรายที่โป๊ะเข้าเต็มกลางกล่องดวงใจ

   “ถ้าป่านไม่อยากอ้วนก็ต้องใช้แรงเยอะๆ” ถัดจากประโยคของพี่เกนผมก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกเลย กระเบื้องที่เย็นเหยียบตอนนี้แทบร้อนเป็นไฟ “คืนนี้พี่จะกินของหวานทั้งคืน รับรองไม่มีทางอ้วนแน่นอน”



   ทุกคนโปรดยืนไว้อาลัยให้ร่างกายไอ้ป่านด้วยครับ...คร่อก





    
   ความแสบที่ริ้วตั้งแต่เท้าขึ้นมาทำให้ต้องลืมตาตื่น คนข้างๆ คงกำลังอาบน้ำอยู่เพราะได้ยินเสียงน้ำไหล ผมหันไปมองที่ประตูห้องน้ำ เห็นพี่เกนกำลังสระผมอย่างอารมณ์ดี นี่ผมติดโรคถ้ำมองมาจากพี่เกนหรือเปล่าเนี่ย

   ระหว่างที่กำลังสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมฝืนลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปเปิด แต่เหมือนจะช้ากว่าพี่เกนที่วิ่งฉิวไปเปิดเองทั้งๆ ที่ร่างกายกำยำมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวพันท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่เอาไว้

   “ไปกินข้าวได้แล้ว” พี่ปูนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู ดวงตากลมเลื่อนมองรูปร่างสมส่วนของพี่เกนแล้วก็ขำออกมา “ไปแต่งตัวไป”

   ผมมองพี่เกนที่ปิดประตูใส่หน้าพี่ปูนอย่างสงสัย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า คนหน้างอเดินมาทิ้งตัวนั่งบนเตียงข้างผม ซึ่งผมพยายามจะเงยหน้ามองคนหน้าบึ้ง แต่ตามันเหมือนบังคับไม่ได้เพราะมันเอาแต่จ้องขาอ่อนที่โผล่พ้นผ้าเช็ดตัวจนเกือบจะเห็นอาวุธร้ายที่เล่นงานผมเกือบทุกคืน

   ขนาดเห็นบ่อยก็ยังไม่ชินสักที

   “โดนพี่ปูนว่ามาเหรอ” ผมถาม พี่เกนก็ส่ายหน้า “แล้วเป็นอะไร ปวดขี้?”

   “ก็รอยที่ป่านทำ” หือ ผมก้มมองเอวของพี่เกนที่เจ้าตัวชี้ให้ดู “พี่ปูนบอกมันเล็กไป”

   เชี่ย เกือบสำลักน้ำลาย ผมไปทำรอยนั่นตอนไหนวะ หรือว่าจะตอนที่ผมทำ...ให้พี่เกน ชิบหายแล้วไอ้ป่าน เอ็งหน้ามืดตามัวทำรอยทั้งที่ไม่รู้ตัวเหรอวะเนี่ย

   “พี่ก็รีบไปแต่งตัวสิ โชว์อยู่ได้ โรคจิตหรือไง” แกล้งเหวี่ยงกลบเกลื่อนความอาย

   “เฉพาะกับเมียเท่านั้นแหละ” พี่เกนหัวเราะเยี่ยงจอมมาร ร่างสมส่วนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือก็ปลดผ้าเช็ดตัวออกแล้วเดินโถงๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้า

   เอาตามที่พี่คิดว่าทำแล้วสบายใจ เอาให้เต็มที่! ไม่ต้องสนว่าไอ้ป่านคนนี้จะมุดหัวในผ้าห่มเพราะทนเห็นหน้าท้องเป็นลอนไม่ได้ ไอ้ป่าน แกมันโรคจิต

   ผมวิ่งไปล้างหน้า เผื่อน้ำเย็นจะทำให้ลดความฟุ้งซ่านได้บ้าง แต่พอออกมาทำให้รู้ว่า สิ่งที่ผมทำไม่ช่วยอะไรเลยในเมื่อคนชอบโชว์ยังใส่แค่กางเกงในสีขาวเดินร่อนไปมา

   “พี่จะอะไรนักหนาเนี่ย จะยั่วผมใช่มั้ย” คนอุตส่าห์ไปดับอารมณ์มาแท้ๆ

   “ขึ้นมั้ยล่ะ” ลอยหน้าลอยตาตอบ ผมเลยขว้างผ้าขนหนูใส่หัวคนยั่ว...โมโห

   “ขานี่สิจะขึ้น” ยกขาใส่ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปก่อน ได้ยินพี่เกนหัวเราะตามหลัง ชอบนักนะแกล้งไอ้ป่านคนนี้น่ะ

   ผมเคาะประตูห้องป๋าแค่สองครั้งก็ได้ยินเสียงคนด้านในตอบรับ พี่ปูนตะโกนบอกไม่ได้ล็อกให้เปิดเข้ามาเลย แต่พอแง้มได้นิดก็รีบดึงประตูกลับอย่างไว เริ่มเข้าใจแล้วว่าเชื้อป๋าแรงยังไง ก็ตอนนี้ป๋ายังใส่แค่กางเกงในสีดำเดินร่อนไปทั่วห้องเหมือนพี่เกนน่ะสิครับ

   เชื้อไม่ทิ้งแถว ไอ้ป่านปวดหัว

   พี่ปูนคงรู้ว่าผมเปิดไปเจออะไร เลยแง้มประตูแล้วโผล่หน้าออกมาจากห้อง รอยยิ้มหวานที่ส่งมาทำเอาผมยิ้มแห้งๆ ตอบกลับ

   “เข้ามาสิ พี่สั่งให้ป๋าไปแต่งตัวแล้ว” มือขาวดึงแขนผมเข้าไปด้านใน “แล้วเกนล่ะ”

   “แต่งตัวอยู่ครับ” พอนั่งได้ ผมก็รีบเหลียวซ้ายแลขวา กลัวป๋าจะออกมาแบบชั้นในตัวเดียวอีก ที่แน่ๆ หุ่นป๋าแซ่บไม่แพ้พี่เกนเลย ไอ้ป่านคอนเฟิร์ม

   “ข้าวต้มกุ้งนะ พอดีกุ้งเหลือในตู้เย็น ป๋า ออกมาทานข้าวได้แล้วครับ” พี่ปูนยกชามข้าวต้มให้ผมก่อนจะตะโกนเรียกคนแต่งตัวให้ออกมา

   “หอมมากเลย” ป๋าออกมาด้วยเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบอล จะเท่ไปไหนเนี่ย

   “กินเยอะๆ ด้วย” คนบอกว่าหอมก็หอมจริงครับ แต่หอมแก้มคนทำนะ

   รู้สึกเหมือนตัวประกอบอีกแล้วไอ้ป่าน

   ผมนั่งเขี่ยข้าวต้มในชามไป ตาก็จ้องคนสวีทกันไป ผมอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมทั้งป๋ากับพี่ปูนถึงดูรักกันมากขนาดนี้ ไม่รู้จะเคยทะเลาะกันหรือเปล่า ผมนั่งอิจฉาอยู่ไม่นานพี่เกนก็เปิดประตูเข้ามา 

   “กินไม่รอเลยนะ” นี่ก็หวานไม่แพ้ป๋า มาถึงโต๊ะก็ดึงหน้าผมไปหอมแก้มฟอดใหญ่ จนพี่ปูนหัวเราะ
 
   “ช้าเอง” ผมว่า คนมาสายนั่งตรงข้างๆ ก่อนจ้วงกินข้าวต้มอย่างหิวโหย ผมบอกหรือยังว่าพี่เกนกับป๋าแต่งตัวเหมือนกันเป๊ะ เสื้อกล้ามกางเกงบอล “พี่กับป๋านี่เหมือนกับฝาแฝดเลย” อยู่ๆ ผมก็อยากพูดออกมา ทำเอาพี่ปูนหัวเราะงอหงายกับความคิดของผม

   “ป่านคิดถูกแล้ว คู่นี้เขาเหมือนเป็นแฝด” พี่ปูนเห็นด้วยกับความคิดของผม “เป็นพวกอยากได้อะไรก็ต้องได้เหมือนกัน”
 
   “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ผมมองหน้าพี่เกนกับป๋าที่ก้มหน้ากินข้าวไม่ถงไม่เถียงสักคำ

   “เสื้อ รองเท้า ข้าวของทุกอย่าง แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนกัน...” รอยยิ้มของพี่ปูนเริ่มดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจ ดวงตากลมโตจ้องหน้าผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

   “อะไรเหรอครับ” ไม่ได้อยากถามต่อ แต่เพราะความอยากรู้ทำให้พลั้งออกไป

   “แฟน...” เสียงหัวเราะคิกคักเล่นเอาผมหน้าร้อนก่อนจะเปลี่ยนเป็นชาเมื่อได้รู้ว่าอะไรที่ไม่เหมือน “ทั้งทำกับข้าวไม่เป็น งานบ้านไม่เก่ง กวนโมโหอีกต่างหาก”

   “พี่ปูนไม่ต้องชมผมขนาดนั้นก็ได้”

   “เขาด่าอยู่” ผมถลึงตาใส่พี่เกนที่กระซิบหน้ามาบอก

   “ถึงป่านจะทำแบบที่พี่ว่าไม่ได้ แต่เกนก็ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ หากฝึกจนเป็นละก็ มีหวังหลงจนไม่ยอมออกจากห้องแหง”

   “ผมว่าเปลี่ยนเรื่องเถอะครับ” พูดเรื่องอื่นวกกลับมาเรื่องใต้สะดืออีกจนได้ พี่ปูนก็หัวเราะจนถูกป๋าดึงแก้มและสั่งให้กินข้าวต่อ

   “ป่านไม่ต้องทำแบบที่พี่ปูนบอกหรอก เดี๋ยวพี่จะหลงมากกว่านี้ แค่นี้ก็หลงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” เสียงกระซิบชิดใบหูจากคนที่นั่งข้างๆ ผมหันไปยิ้มบางๆ ให้แล้วกรีดนิ้วกลางที่ถือช้อนส่งให้ “ไม่ต้องให้หรอก คืนนี้พี่จัดให้อีก”
 
   “ผมจะกลับไปนอนบ้าน”

   “ไม่ให้กลับ”

   “จะกลับ อยู่กับพี่มีแต่เรื่องบนเตียง”ผมว่าแล้วก็รีบเดินออกจากห้องเพื่อไปเก็บกระเป๋า พี่เกนเดินตามออกมาติดๆ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงพี่ปูนโวยวายลั่นห้องและมีเสียงป๋าหัวเราะ



   “อย่าทะเลาะกัน เดี๋ยวข้าวต้มไม่อร่อย โธ่ ข้าวต้มของปูนถูกเมินอีกแล้ว”


.......................................

วันนี้พาพี่เกนน้องป่านมาทักทายบ้าง หลังจากพาพี่ฝอยกับน้องต้อมมาแล้วเมื่อลอยกระทง คู่นี้ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นตัวประกอบให้ป๋ากับพี่ปูนไป (ล้อเล่นค่า) ฮ่าๆๆๆๆๆ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 18-11-2016 16:21:22
ป่านกลับบ้านเกนก็อดดิ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 18-11-2016 16:23:33
พี่เกนน้องป่านน่ารักมากๆๆ เมื่อไหร่พี่เกนจะไปบ้านน้องป่านน้อ

 :กอด1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-11-2016 16:38:30
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-11-2016 17:08:48
พ่อลูกพอกัน  :z1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-11-2016 18:48:49
ป๋า กับพี่เกน เหมือนเป็นฝาแฝดเลย
สมเป็นพ่อเป็นลูกกันจริงๆ
พี่ปูน นี่ทั้งสวยทั้งหล่อ ทำเอาป่านหน้าแดง
พี่เกน ทั้งหึง หวง กลัวป่านหลงพี่ปูน
ขำพี่ฟลอยด์ กับต้อม ที่ต้อมรำคาญพี่ฝอยนัวเนีย
แต่ละคู่ หลงเมียกันทั้งนั้น :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-11-2016 19:28:45
เดาว่าสุดท้ายป่านไม่ได้กลับบ้าน อะคึๆ
ป๋ากับพี่ปูนยังคงความสวีทอย่างสม่ำเสมอ
ส่วนเกนป่านเป็นอันรู้กัน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 18-11-2016 20:00:02
 o13
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 18-11-2016 20:37:50
ชอบบบบบบบบ ขอพิเศษอีกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 18-11-2016 21:32:31
หื่นคงเส้นคงวามากกกกกกก :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-11-2016 21:37:52
คงยากนะป่าน พี่เกนไม่มีทางยอมให้กลับแน่ๆ หรือไม่อาจตามมานอนด้วยก็ได้นะ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 19-11-2016 04:12:17
น่ารักทั้งสามคู่เลยค่ะชอบพ่อพี่ฟลอย มันเป็นอะไร   สงสัยปวดขี้ 55555 ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 19-11-2016 05:36:53
ขอตอนพิเศษของป๋ากับพี่ปูนด้วยนะคะ
น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-11-2016 07:11:21
พี่เกนนี่น่าหมั่นไส้จริง ชอบแกล้งป่านแต่ก็น่ารักดี พี่ปูนกับป๋าก็หวานไม่แคร์ใครเล้ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 20-11-2016 05:36:25
เกนป่าน
ป๋าปูน
สวีทกันไม่หยุด

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-11-2016 11:14:05
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 20-11-2016 11:31:42
รู้สึกเหมือนพี่เกนกับป่านเป็นตัวประกอบ 55555
ป๋ากับพี่ปูนหวานกันไม่เกรงใจคนมองเล้ยยย


ว่าแต่ป่านงอนแบบนี้จะได้กลับบ้านมั้ยจ๊ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 20-11-2016 12:46:48
บ้านที่น่ารัก แงงงง
อยากอ่านป๋ากะพี่ปูน 5555
ตอนได้กันคงสนุกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 20-11-2016 12:48:14
 :haun4: บอกว่า ก็..ก็.. เอาที่สบายจัย :-[ น่ารักหมดเบย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 22-11-2016 19:41:00
สวีทไม่เกรงใจคู่ลูกเลยยยย :z1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 23-11-2016 10:58:21
ขอบคุณฮะ กำลังคิดถึงคู่นี้อยู่พอดี
ชอบๆ เกน-ป่าน  :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] สุขใดไหนเท่า.. Up!! [P.18]<<[18/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 23-11-2016 14:36:51
หวานกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ฮวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-11-2016 19:32:17
No Sugar ตอนพิเศษ : ฮวงห่วงห้วงฮ้วงหวง




        ในชีวิตของผม เรื่องที่ทำให้หวงได้มีไม่มากเท่าไหร่ หนึ่งคือสุดหวง จักรยานโบราณที่ผมรักและใช้มานาน แต่ตอนนี้กลับถูกเอาไปจอดในกรุอยู่ที่บ้าน หลังจากโดนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ชนจนซ่อมไม่ได้ โคตรเสียใจเลยบอกตรงๆ ส่วนที่สองคือคนที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง

   อย่างตอนนี้ผมกำลังนั่งหน้างออยู่ในกลุ่มรุ่นพี่ปีสี่คณะบริหารหรือคือเพื่อนพี่ฟลอยด์นั่นแหละครับ ผมไม่เคยหน้างอเป็นปลาทูแบบนี้เลยสักครั้ง แต่ที่เป็นแบบนี้นั่นเพราะผมถูกลากมางานวันเกิดของเพื่อนพี่ฟลอยด์ เหล้าพร้อมแต่กินไม่ได้ แล้วจะลากผมมาทำไมไอ้ต้อมไม่เข้าใจ คนลากผมไม่ได้มาสนใจ พี่แกเที่ยวเดินชนแก้วเขาไปทั่วร้าน ที่เห็นๆ คือสาวหน้าตาจิ้มลิ้มทำหน้าที่เชียร์เบียร์ แต่ละคนแต่งตัวสั้นจู๋ หน้าอกล้นจนแทบจะออกมากองด้านนอก ที่จริงผมก็ชอบมองเหมือนกัน แต่เลือดไม่มีแอลกอฮอล์อย่างคนอื่นเลยพลอยไม่สนุก

   ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะกับเพื่อนพี่ฟลอยด์ แม้พี่เขาจะพูดคุยสนุกสนาน บ้างก็ชวนผมคุย แต่หน้าผมหงิกแบบนี้พี่เขาเลยเลือกที่จะปล่อยให้ผมอยู่กับตัวเอง พี่เกนไม่ได้พาไอ้ป่านมาด้วย เห็นว่ามันอยากนอนอยู่เฉยๆ อย่างไอ้ป่านไม่น่าจะชอบนอนมากกว่ากินเหล้า มันต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนผมแน่ ถามพี่เกนก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา

   “น้องต้อมครับ” เสียงเรียกจากพี่สิงห์ เพื่อนพี่ฟลอยด์อีกคนที่นั่งถัดจากพี่เกน พี่คนนี้พยายามเอาเหล้ามาให้ผมตลอด แต่มักถูกพี่เกนดึงไปกินเอง แม้พี่ฟลอยด์จะไปเฮฮากับคนอื่นแต่ผมก็ใช่จะกินเหล้าได้ น่าเบื่อตัวเท่าบ้านเลยครับ

   “ครับ” ตอบรับแบบนิ่งๆ ตอนนี้ไม่อยากสนุกแล้ว

   “สักนิดครับ” แก้วน้ำสีอำพันถูกยื่นมาให้ผม คราวนี้ไม่มีพี่เกนเพราะถูกสาวหิ้วไปเต้นอยู่หน้าเวทีแล้ว

   “ไม่เป็นไรพี่” หมดสนุกไปแล้วเลยไม่อยากกินอะไร แถมคนพาผมมาก็สนุกจนลืมผมอีก ตอนนี้คงคิดแค่อยากวัดรอบอกสาวที่นั่งตักอยู่แน่ “ก็ได้ครับ” หงุดหงิด รู้สึกเหมือนถูกสุมไฟจนร้อนไปหมด

   เหล้าแรงพอควรที่พี่สิงห์ชงมา แต่ไม่สะเทือนคอผมเลย พอเห็นผมยกรวดเดียวหมด พี่สิงห์แกก็รีบเทให้อีก นี่กะมอมผมหรือเปล่า เทเหล้าเพียวๆ ไม่มีการเติมน้ำแข็งหรือโซดา เทมาก็ดื่ม หมดก็เติม เติมมาก็ยก วนไปจนหลายแก้ว ผมเริ่มร้อนวูบวาบในท้อง ฤทธิ์แอลกอฮอล์คงเริ่มทำงาน

   “เอาอีกมั้ยไอ้น้อง คอแข็งดีนี่หว่า” ตอนนี้พี่สิงห์ย้ายมานั่งข้างผม แขนหนักพาดเข้าคอแล้วออกแรงดึงจนผมแทบหงายหลัง
 
   “ไม่ดีกว่าพี่ เดี๋ยวขับรถไม่ได้” ที่จริงตอนนี้ก็ขับไม่ได้หากเจอด่านได้นอนคุกแน่นอน
 
   “กลัวขับรถไม่ได้ หรือกลัวไอ้ฟลอยด์วะ” น้ำเสียงเหมือนจะยั่วให้ผมดื่มเหล้าในแก้ว แต่ไม่ได้ผลหรอก

   “ทั้งสองอย่าง” ตอบออกไป พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นแล้วหัวเราะร่วน

   “ได้ใจกูจริงๆ กูชอบๆ” พยายามจะขยับห่าง แต่แขนที่รัดทำให้ผมขยับตัวลำบาก “คบกับไอ้ฟลอยด์นานหรือยังวะ”
 
   “ครับ” ต้องรีบกันตัวเองก่อน ผมไม่ใช่ผู้ชายน่ารัก น่าเต๊าะ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ถูกสายตาอยากลองของคนอื่นมายุ่ง พอผมตอบออกไป พี่สิงห์ก็ยังหัวเราะอยู่ “พี่เอาแขนออกได้ป่ะ ร้อน” บอกออกไปตรงๆ แต่เหมือนพี่เขาจะฟังไม่ออก แถมยังรัดคอผมแน่นขึ้นอีก

   “อะไรวะ หวงตัวเหรอมึง” หน้าคล้ำแดดยื่นมาจนเกือบจะหอมแก้มผม ดีที่เอนตัวหนีได้พอประมาณเลยรอดพ้น นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนพี่ฟลอยด์ และนี่คืองานวันเกิด ผมคงเอาเลือดหัวพี่สิงห์ออกไปแล้ว

   “เออ โคตรหวง” รำคาญขนาดส่งสายตาออกไป คนตีมึนยังไม่สนใจ พี่สิงห์หันไปคุยกับเพื่อนอย่างออกรสทั้งๆ ที่แขนยังพาดคอผมอยู่

   ผมมองหาตัวช่วยอย่างพี่เกนหรือพี่ฟลอยด์ แต่สองคนนั้นยังยุ่งอยู่กับผู้หญิงอกล้น นี่ไอ้ต้อมจะทนไม่ไหวแล้วนะเว้ยเฮ้ย จะวัดความอดทนของผมเหรอวะ

   “จะไปไหน” ผมจับแขนที่พาดคอออกแล้วยืนขึ้น พี่สิงห์เงยหน้าขึ้นมองแล้วถามออกมา

   “ห้องน้ำ” ไม่มีแล้วหางเสียง ทำแบบนี้ไม่ต่อยเข้าเบ้าตาก็นับว่ากลั้นสุดๆ แล้ว

   เดินมาหลังร้าน ห้องน้ำแยกโซนชายหญิง ผมเห็นรุ่นพี่บริหารผู้ชายหลายคนกำลังนัวเนียสาว ถ้าจะอยากโชว์ขนาดนั้น นี่ถ้าหนึ่งในนั้นมีพี่ฟลอยด์ละก็ ไอ้ต้อมจะกระโดดถีบให้ดู

   หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็เดินออกมา พอดีเจอกับรุ่นพี่ที่รู้จัก ผมเลยเดินตามพี่เขาไปห้องที่แยกออกมาสำหรับนักดนตรี

   “มึงมากับผัวแล้วมาอยู่กับกูจะไม่มีปัญหาเหรอวะ” พี่ฟง อดีตพนักงานร้านสะดวกซื้อที่เข้าเวรพร้อมผมบ่อยๆ ตอนนี้ออกมาทำงานประจำโดยการร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านอาหาร ผมรู้แค่นั้น และไม่รู้ว่าร้านนี้คือร้านของพี่เขา

   “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมออกมา” ไม่ได้งอนนะ แค่อารมณ์บ่จอย

   “หึงเหรอมึง” ควันสีขาวโพยพุ่งออกจากปากสีคล้ำ ที่จริงบุหรี่ผมก็สูบ แต่ห่างไปนานมากจนเหมือนเลิกกลายๆ

   “บ้าดิ่พี่” รีบปฏิเสธ ไม่ได้อยากยอมรับแต่ผมกำลังหึงจริงๆ นั่นแหละ แม่ง เกิดมาไม่เคยหึงใครเลย “แล้วพี่ร่วมหุ้นกับใครเหรอ”

   “กูบอกแล้วมึงจะรู้จักเหรอวะ” น้ำเสียงกวนๆ ทำให้ผมเบ้ปาก

   “เออ ไม่ได้อยากรู้นักหรอก” พี่ฟงหัวเราะหนัก มือก็ขยี้บุหรี่กับที่รอง

   “ร้านนี้กูกับเมียร่วมหุ้นกัน”

   “พี่มีเมีย?”

   “กูผู้ชายก็ต้องมีเมียสิไอ้ห่าต้อม”

   “ไม่ได้หมายความแบบนั้น คือผมไม่เห็นพี่คบใครไง”

   พี่ฟงแกเป็นผู้ชายอารมณ์ติสสุดๆ ทำงานหน้าตายทุกครั้ง เคยโดนผู้จัดการเรียกเตือนหลายรอบว่าให้ยิ้ม ผมว่า ถ้าพี่ฟงยิ้มตอนทำงาน รับรองมีสาวติดตรึมแน่ ผมหยักศกธรรมชาติยาวประบ่าดูเซอร์นั่น หากชอบแนวนี้ขอบอกว่าฟินไปเลยทีเดียว

   “คนนี้กูจองมาตั้งแต่เด็กเว้ย” ใบหน้ายิ้มแย้มดูมีความสุขจนผมอดจะหมั่นไส้ไม่ได้

   “โลกเป็นสีชมพูเลยนะเนี่ย” ใช้ศอกกระทุ้งแขนพี่ฟงเบาๆ เลยถูกตบหัวจนเซ “เจ็บนะ”

   “เออ มึงออกไปหาผัวมึงไป ตามหาแล้วมั้ง”

   “หลงนมอยู่ ไม่หาหรอก”

   “ตามใจมึง”

   ผมนั่งอยู่ในห้องอีกครู่เดียวก็ออกไป ไม่อยากกวนนักดนตรีของร้านที่เดินเข้ามาแล้วทำหน้าตกใจราวกับผมเป็นขโมยหรือพวกถ้ำมอง นี่ถ้าพี่ฟงไม่อยู่ด้วย มีหวังถูกกระทืบแน่

   พอออกจากห้องพักก็เดินกลับเข้าไปด้านใน ตอนนี้ทุกอย่างดูสงบนิ่งและเงียบมาก ใช่มันเงียบ แล้วสาวๆ หายไปไหนกันหมด เพื่อนพี่ฟลอยด์แต่ละคนก็นั่งกินเหล้านิ่งๆ ไม่เฮฮาหรือโวยวายดังเก่า เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ผมชะเง้อมองจนเห็นพี่เกนนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลยเดินเข้าไปหา แค่สะกิดหลังนิดเดียวกำปั้นเกือบเฉี่ยวเข้าหน้า ดีที่หลบทัน

   “ผมเองๆ” รีบออกตัวเมื่อเกือบถูกต่อย พี่เกนเห็นผมก็เบิกตาโตมองแล้วคว้าคอเสื้อผมไปเขย่า “พี่ ผมหายใจไม่ออก”

   “มึงหายหัวไปไหนมาวะ ทำเอาคนอื่นวุ่นไปทั่ว ไอ้สัด” พี่เกนเพิ่มแรงเขย่า ผมเลยเลยใช้หัวโขกกับคาง ความเจ็บแปลบวิ่งสวนเข้ามา แต่ก็ทำให้พี่เขาปล่อยคอเสื้อผม “ไอ้เชี่ย”

   “แค่กๆ พี่เป็นบ้าอะไรวะ” ไอเป็นบ้าเป็นหลัง คอเสื้อรัดจนหายใจแทบไม่ออก

   “มึงสิ เป็นบ้าอะไร หายหัวไปไหนก็ไม่บอก” พี่เกนยังคงโวยวายเหมือนหมาบ้า ไม่ได้ฉีดยาแน่

   “ผมไปเข้าห้องน้ำ ก็บอกพี่แล้วไง”

   “บอกกูตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมกูไม่ได้ยิน”

   เออว่ะ เหมือนผมจะบอกพี่สิงห์ว่าไปเข้าห้องน้ำ ก็ตอนนั้นพี่เกนหรือพี่ฟลอยด์กำลังหลงนมอยู่

   “ผมบอกพี่สิงห์” หัวเราะแห้งๆ เลยถูกตบหัวจนหน้าคว่ำ

   “ไอ้เหี้ยต้อม มึงทำให้เพื่อนกูเป็นบ้า” เอียงคอมองคนพูดอย่างสงสัย ใครวะ

   “แล้วพี่ฟลอยด์ไปไหน หรือไหลไปกับนมแล้ว” พูดแล้วก็โมโห (หึง)

   “ไหลกับนมห่าอะไร มันออกไปตามหามึงนอกร้านนู้น กูก็เพิ่งกลับเข้ามาเนี่ย ไปเลยนะมึง ไปลากคอเพื่อนกูกลับมา” โดนผลักซะเซ ผมส่งตาเขียวให้พี่เกน ก่อนจะเดินไปหน้าร้านเพื่อตามหาคนบ้า เอ้ย คนหลงนม

   เปิดประตูหน้าร้านแล้วมองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เห็นพี่ฟลอยด์แม้แต่เงา รถก็ยังจอดอยู่ แล้วจะไปที่ไหนได้ ผมเดินไปที่รถใช้มือป้องดวงตาสองข้างแล้วส่องเข้าไป ด้านในก็ว่างเปล่า กุญแจก็ไม่มี แล้วเจ้าของรถหายไปไหนหว่า

   “เฮ้ย” ระหว่างมองไปทั่วรถ แขนผมก็ถูกคนกระชากจากด้านหลัง กำปั้นถูกปล่อยออกไปอัตโนมัติและโดนเต็มโหนกแก้ม.... “พี่ฟลอยด์” คนถูกผมต่อยยกมือที่ว่างจับหน้าตัวเอง อีกข้างยังยึดแขนผมแน่น “พี่ ผมขอโทษ”

   “เจ็บโว้ย” ตกใจแทบหงายหลัง อยู่ๆ พี่ฟลอยด์ก็ตะโกนออกมา แล้วพี่แกก็มองตาเขียวปั๊ดมาที่ผม “มึงหายหัวไปไหนมาวะ กูเดินตามหาทั่วร้าน หน้าร้าน ที่ถนน เดินจนขาลาก กลัวว่ามึงจะเป็นอะไรไป กลัวว่าจะหนีหายไป กูแม่งเหมือนจะเป็นบ้า ไอ้เหี้ย” พี่ฟลอยด์พูดออกมารัวๆ แล้วทรุดนั่งลง ผมมองมือที่จับมือตัวเอง ก่อนเลื่อนไปมองใบหน้าคนที่บิดเบี้ยวเหมือนจะร้องไห้
 
   “พี่ฟลอยด์” เรียกเบาๆ แต่คนที่นั่งยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง “ผมขอโทษ”

   “หายไปไหนมา” คราวนี้พี่ฟลอยด์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตาเริ่มกดดันจนผมต้องยิ้มแห้งๆ “หาย ไป ไหน มา” คราวนี้สี่คำเน้นๆ

   “ห้องน้ำ”

   “ห้องน้ำเหี้ยไร ไปดูไม่เห็นมี”

   “ผมก็เกาะอยู่แถวนั้น” แสร้งพูดตลก แต่อีกคนไม่ขำด้วย

   “เป็นจิ้งจกหรือไง ต้องตลกมั้ย” เสียงนิ่งได้อีก “หายไปไหนมา”

   “ไปห้องน้ำจริงๆ ตอนออกมาเจอพี่ที่รู้จักเลยไปคุยกับพี่เขา” บอกความจริงไป พี่ฟลอยด์ย่นคิ้วมองหน้าผม

   “พี่ที่รู้จัก? ใคร เรียนที่ไหน ปีอะไร พี่รู้จักมั้ย” ถามซะรัวจนไม่รู้จะตอบอันไหนก่อน “ต้อม”

   “เออๆ พี่ไม่รู้จักหรอก ผมรู้จักตอนทำงานตอนปีหนึ่งนู้น”

   “ผู้ชายหรือว่าผู้หญิง” นี่ก็ซักไซ้ได้โล่

   “ผู้ชาย”

   “คนไหน พาพี่ไปหาเขาตอนนี้เลย”

   “พี่จะบ้าหรือเปล่า เป็นบ้าอะไรเนี่ย” เริ่มมีอารมณ์โมโหนิดๆ หลังจากถูกซักไซ้หนักๆ “ทีพี่ไปหลงนมผมยังไม่ว่าอะไรเลย แม่งหน้าแทบจะจมอยู่แล้ว” พอนึกภาพตามแล้วเหมือนหูอื้อเพราะควันออกหู

   “หลงนม? พี่เนี่ยนะ”

   “เออ” ยังไม่รู้ตัวอีก

   “ตอนไหน” ยังมีหน้าทำตาใสซื่อ

   “ตอนไหนก็ตอนนั้น”

   “หึงพี่ล่ะสิ” เหล่ตามองคนบอกว่าผมหึง

   “ไม่ได้หึงเว้ย” เถียงทันควันจนโดนขำใส่หน้า “แต่หวง รู้จักป่ะ ฮวงห่วงห้วงฮ้วงหวง”

   “มาเต็มทุกวรรณยุกต์” ไม่สนคนที่ขำจนกรามแทบค้าง เกิดมาไม่เคยหวงใครเลยให้ตาย “ดีใจที่เมียหวง”

   “อยากโดนอีกสักหมัดมั้ย” ชูกำปั้นเมื่อพี่ฟลอยด์เรียกผมว่าเมีย

   “ไม่อยากโดนกำปั้น อยากโดน...” มองคนที่ยิ้มชั่วร้าย พี่ฟลอยด์ใช้มือข้างหนึ่งกุมหมัดของผมแล้วขยับมาซะชิดก่อนจะส่งมืออีกข้างโอบหลังมาพร้อมกับลูบไปที่ก้น “ตรงนี้...เชี่ย”

   “หึๆ” ส่งสายตาเหี้ยมประหนึ่งโรคจิตให้คนที่ลงไปนั่งกุมเป้าตัวเองอยู่ที่พื้น อยากหื่นดีนักเลยจัดให้ จัดเน้นๆ เต็มไม้เต็มมือแล้วขยำให้แน่น

   “ถ้าเกิดมันใช้งานไม่ได้ทำไง” คนนั่งจุกเงยหน้าเขียวๆ มองผม
 
   “ก็เรื่องของพี่”

   “ของเราต่างหาก” ขนาดจุกจนหน้าเขียว ปากยังมีแรงพูดหื่น

   ผ่านไปหลายนาทีกว่าพี่ฟลอยด์จะลุกขึ้นยืนปกติได้ ผมกอดอกมองหน้าคนที่เอาแต่ยิ้ม เป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ อย่างที่พี่เกนบอก

   “ยิ้มอะไรนักหนาวะ หรือเมานม”

   “ก็ดีใจที่ต้อมหึงหวงพี่บ้าง ให้พี่หึงเป็นบ้าอยู่คนเดียว” มาทำหน้าง้ำงออย่างกับเด็ก

   “ที่ผมไม่เคยหึงหรือหวงพี่ ก็เพราะผมไว้ใจพี่ต่างหาก ผมเชื่อว่าพี่จะไม่ทำให้ผมเสียใจ นี่ผมคิดผิดเหรอวะ”

   “ไม่ๆ ไม่ผิด” ผมพยายามสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนที่รัดเอว “ขอบใจนะ ที่เชื่อใจ แล้วก็ขอโทษที่ทำให้หึง แต่พี่ไม่ได้หลงนมหรือเมานมนะ” โอ้โห กล้าพูดนะเฮ้ย

   “ไม่หลงแต่เอาแก้มถู?” ผมแค้นเสียงขำ “ว่าแต่ พี่ได้เบอร์มาป่ะ คนที่นั่งตักพี่น่ะ”

   “ทำไม” หลบสายตาแบบนี้แปลว่าได้มา

   “ขอ” ผมแบมือขอเบอร์โทรไป พี่ฟลอยด์ทำท่าทางตกใจแล้วรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ขอหน่อย สเป็คผมเลยว่ะ หน้าอกดูมๆ เป็นลูกแตงโม ไอ้ต้อมชอบ” ผมพูดทำจมูกบาน มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่ชอบผู้หญิงเซ็กซี่มีหน้าอก ไอ้ต้อมก็ผู้ชายนะครับ

   “พูดแบบนี้แสดงว่าไม่อยากลุกเดินพรุ่งนี้” น้ำเสียงเหี้ยมจนขนลุก

   “เสียใจ วันนี้ผมกลับไปนอนบ้านตามที่สัญญาไว้” แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ พี่ฟลอยด์หลับตาช้าๆ มือก็ล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง

   “สวัสดีครับคุณแม่ วันนี้ผมขอให้น้องนอนที่บ้านนะครับ งานน้องเยอะมาก แต่เกเรจะหนีกลับบ้านท่าเดียว ครับ ใช่ครับ น้องบ่นไม่อยากทำ ครับ ขอบคุณครับคุณแม่” ระหว่างการสนทนา ผมได้แต่อ้าปากค้างทำตาโตมอง พี่ฟลอยด์โกหกมดเท็จจนผมพูดไม่ออกเลยไม่ได้เถียง ฉิบหายแล้ว “หึๆ เสร็จ”

   ผมถอยหลังไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดช่องว่าง แต่อีกคนกลับเดินเข้าหาเพื่อลดช่องว่าง ก่อนหลังผมจะชนกับตัวรถราคาแพงที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมา

   “ไอ้พี่ฝอย ถอยไปเลย” ชี้หน้าใส่คนทำหน้าหื่น ไอ้ต้อมไม่เคยแพ้ใครหน้าไหน แล้วทำไมถึงต้องมาแพ้ไอ้พี่หน้าหื่นคนนี้วะ “ไอ้พี่ฝอย” ยกแขนขึ้นกั้นแต่อีกคนยื่นหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่

   “พี่ฝอยจะขัดหม้อน้องต้อมให้หายดำเลยครับ” ผมเบี่ยงหน้าหลบปากแดงๆ ที่จะยื่นมาจูบ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นพี่เกนยืนหน้านิ่งมองจนผมต้องรีบผลักพี่ฟลอยด์จนกระเด็น

   “จะขัดหม้อหรือล้างหม้ออะไรกูไม่ว่า แต่พวกมึงควรไปบอกกูสักนิดว่าหากันเจอแล้ว ให้กูเดินทั่วร้านแล้วพวกมึงก็มากอดจูบกัน ไอ้สัด” โดนมาชุดใหญ่ พี่ฟลอยด์ทำหน้านิ่ง ส่วนผมได้แต่ยกมือไหว้ปลกๆ พี่เกนฮึดฮัดแล้วเดินเข้าร้านไป ส่วนผม กำลังจะเดินตามเข้าไป แต่กลับถูกแขนกั้นไว้

   “กลับไปขัดหม้อกันดีกว่า”

   ทั้งน้ำเสียงและสายตาของไอ้พี่ฝอย ผมว่า ผมควรรีบไปทำประกันชีวิตตัวเองไว้ก่อน ไม่แน่ พรุ่งนี้ชีวิตของผม ร่างกายของผม อาจจะจบเห่ อวสานเอิงเอยแล้ว







   (แถมสักนิดจิตแจ่มใส)

   “พี่ เบาๆ หน่อย ผมเจ็บ พี่ฟลอยด์” ผมครางเสียงกระเส่า เจ็บก็เจ็บ คนทำก็ไม่คิดจะผ่อนแรงลงสักนิด เห็นผมเป็นท่อนไม้หรือไง

   “เดี๋ยวก็เสร็จ อีกแป๊บนะ เมียจ๋า” เสียงตอบกลับหวานปนเลี่ยน ผมจ้องหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้เลยบีบจมูกโด่งๆ นั่น

   “รีบๆ เลย เจ็บแล้วเนี่ย”

   “จัดไปครับ เมียของพี่”

   “โอ๊ย พี่ ตรงนั้นเจ็บ”

   อย่าครับ อย่าคิดว่าเราขัดหม้อกัน ตอนนี้ผมกำลังใช้ให้พี่ฟลอยด์บีบคลายกล้ามเนื้อเพราะตะคริวกินขา หลังจากอาบน้ำแล้วแช่ตัวนานไปหน่อย ตะคริวเลยกิน แม้จะเริ่มดีแต่ก็ยังเจ็บ

   “ต้อมครับ” เสียงหวานพอๆ กับดวงตาที่จ้องมาที่ผม

   “อะไร” ถามกลับด้วยความระแวง

   “เดี๋ยวพี่อาบน้ำให้ จะถู....ให้สะอาดเลย”

   “พี่อาบน้ำให้ผมกี่รอบแล้ววะ ถูจนสะอาดไม่มีขี้ไคลแล้วเนี่ย”

   “แต่พี่ยังเห็นขี้ไคลอยู่เลยนะ ตรงนี้” เชี่ยเอ้ย มัวแต่มองหน้า ลืมสนใจมือที่ล้วงมาลูบประตูหลังผมตอนไหนไม่รู้ “แล้วก็ตรงนี้ ในนี้ อึก”

   จบชีวิตของส่ายหื่น ผมโขกหัวตัวเองกับหัวพี่ฟลอยด์จนหน้าหงาย เลือดกำเดาคนหื่นไหลออกจมูกเป็นทางทำให้น้ำในอ่างเป็นสีแดง พี่ฟลอยด์จับมูกตัวเองก่อนเงยหน้ามองผม

   “เลือด” เบ้หน้าทำเหมือนจะร้องไห้ ไอ้ผมก็ตกใจรีบผุดไปดู ทำให้เสียรู้ไปซะได้ แขนแกร่งรัดเอวผมจนโผไปซบอกขาว แรงรัดแน่นจนขยับลำบาก

   “ไอ้พี่ฟลอยด์ ปล่อยเลย” ใช้แขนดันอกแต่ไม่ได้สร้างระยะห่างได้เลย แถมไอ้ตัวอันตรายมันทิ่มขาผมอยู่ “พี่ฟลอยด์”

   “ครับ ไม่เอาไม่พูดนะเมียจ๋า”


   จอบอ จบ การพูดคุยจบไปจริงๆ ลาเรียนล่วงหน้าไว้ได้เลยเนื่องจากการคาดเดาถึงร่างกายคงทนนั่งเรียนทั้งวันไม่ไหว ทำไมผมถึงต้องแพ้สายหื่น ไอ้ต้อมแพ้สายหื่นตลอด แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น แพ้อีกแล้ว...ไอ้ต้อมเครียด!!   


.........................................

คราวนี้พาพี่ฝอยกับน้องต้อมมาทักทาย (อีกรอบ) ค่าาา  :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-11-2016 20:03:49
พี่ฝอยยังคงความหื่นได้คงเส้นคงวา

 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-11-2016 20:10:47
แหม พี่ฝอยทำตัวไม่น่ารักเลยนะคะกล้าดียังไงให้ผู้หญิงมานั่งตัก เดี๋ยวเถอะจะยุให้ต้อมไปหากิ๊กเลยนี่
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 23-11-2016 20:44:01
หวงห่วงห้วงห๊วงห๋วง มาเต็มจิงๆ :laugh3: :laugh3: :laugh3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 23-11-2016 20:58:57
พี่ฟลอยด์โดนน้องต่อยแต่ก็คุ้มเนาะ

ขอบคุณมากๆๆค่า :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 23-11-2016 21:21:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 23-11-2016 21:27:20
ขอบคุณค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 23-11-2016 22:32:32
อิพีี่ฝอยกล้าให้ชะนีนั่งตักหรอคะ
มันน่าให้ขัดจรวดแทนขัดหม้อจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-11-2016 22:34:07
พี่ฟลอยด์ กล้าเคล้าเคลีย นมจากเต้าต่อหน้าต่อตาต้อม น้อ
มีขอเบอร์อีก ทำไปทำไม จะให้ต้อมหึงละซี้
พี่เกน ก็อีกคน นี่ถ้าป่านรู้ ฮึ่มๆ....เลยนะ
พอไม่เห็นต้อม งานกร่อยเลย เฮอะ...ตอนนี้ละหาควักเลย
ต้อม น่าจะกลับก่อนให้หัวปั่นซ้า
แต่สุดท้าย หวาน มันหยด กันที่อ่าง  :pighaun: :haun4: :jul1:
ขอแก้คำผิด นะ
หวงห่วงห้วงห๊วงห๋วง  เป็น   ฮวง  ห่วง  ห้วง  ฮ้วง  หวง
เพราะ   ห  เป็น  อักษรสูง  ผัน แล้ว ได้ เป็น  หวง(ไม่มีวรรณยุกต์ แต่เสียงจัตวา)  ห่วง   ห้วง
จะผันได้ครบห้าเสียง  ต้องเอา  ฮ  ซึ่งเป็นอักษรต่ำมาช่วย  ฮวง(เสียงสามัญ)  ฮ่วง  ฮ้วง(วรรณยุกต์โท แต่เสียงตรี)
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 23-11-2016 23:03:27
พี่ฝอยหื่นคงเส้นคงวาจริงๆเลย :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-11-2016 23:07:50
พี่ฝอยแม่งกวนตีน ตัวเองถูไถอยู่กับนมหนองโพ แต่ต้อมแค่พูดถามกลับโดนจับขัดหม้อต้อมให้หายดำ
ไม่ยุติธรรมเลย :beat: :beat: :beat: :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 23-11-2016 23:58:59
หึๆๆๆ แล้วความหื่นก็ชนะเลิศ 55555 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ หวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 24-11-2016 08:45:36
พี่ฟลอยด์ กล้าเคล้าเคลีย นมจากเต้าต่อหน้าต่อตาต้อม น้อ
มีขอเบอร์อีก ทำไปทำไม จะให้ต้อมหึงละซี้
พี่เกน ก็อีกคน นี่ถ้าป่านรู้ ฮึ่มๆ....เลยนะ
พอไม่เห็นต้อม งานกร่อยเลย เฮอะ...ตอนนี้ละหาควักเลย
ต้อม น่าจะกลับก่อนให้หัวปั่นซ้า
แต่สุดท้าย หวาน มันหยด กันที่อ่าง  :pighaun: :haun4: :jul1:
ขอแก้คำผิด นะ
หวงห่วงห้วงห๊วงห๋วง  เป็น   ฮวง  ห่วง  ห้วง  ฮ้วง  หวง
เพราะ   ห  เป็น  อักษรสูง  ผัน แล้ว ได้ เป็น  หวง(ไม่มีวรรณยุกต์ แต่เสียงจัตวา)  ห่วง   ห้วง
จะผันได้ครบห้าเสียง  ต้องเอา  ฮ  ซึ่งเป็นอักษรต่ำมาช่วย  ฮวง(เสียงสามัญ)  ฮ่วง  ฮ้วง(วรรณยุกต์โท แต่เสียงตรี)
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ขอบคุณค่าาาาา  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ฮวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 24-11-2016 10:21:29
สงสารต้อมเล็กๆโดนขัดหม้อ

พี่ฝอยสายหื่นจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ฮวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-11-2016 11:28:27
wowwwww มาอีกได้นะคะตอนพิเศษ รอได้เสมอ 5555

ชอบต้อม ตรง ชัดเจน ไม่แรง แต่ต้องบอก
ฟลอยด์ มีความหื่นหนักมาก มีความขี้อ้อน งอนเก่ง ยิ่งกว่าต้อมอีก เอาแต่ใจเยอะแยะ

ต้อมได้ใจมาก แค่สั่งให้หายงอน ฟลอยด์หายเลย จริงๆคือขอแค่ง้ออะนะ

คู่นี้ลงเอยไม่ยาก ท่ายากเยอะกว่า และจัดหนักกว่า เป็นคู่ที่คุ้ม ไม่เสียหลาย
ต้อมทำฟลอยด์เปลี่ยนไปเยอะ แถมครอบครัวยังสุขสันต์ขึ้นอีก ทำดีค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ รอเรื่องใหม่จ้า
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ฮวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 25-11-2016 00:41:57
อ้าวววว เห็นปูเรื่ิองคนชื่อสิงห์ออกแนวลวนลาม นึกว่าจะให้มีเรื่องกับฟลอยด์ ปรากฎว่าผ่านไปเฉยๆซะงั้น โหยยยยยยยย 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ฮวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-11-2016 01:53:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ฮวงห่วงห้วง... Up!! [P.19]<<[23/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 27-11-2016 00:33:52
อีพีฝอยคิดนอกลู่นอกทางเหรอแกระวังไม้แขวนเสื้อดีๆนะระวังต้อมมือจะลั่น 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 27-11-2016 20:16:51
No Sugar ตอนพิเศษ : น้อยใจ (ใจน้อย)




         “กูกลับก่อนนะพวกมึง” ผมบอกลาเพื่อนๆ ที่นั่งหน้าป่วยอยู่ใต้ตึก ไม่ใช่เพราะป่วยติดกันหมดหรอกครับ แค่ทำควิซไม่ได้ก็แค่นั้น มันเป็นเรื่องปกติจริงๆ อีกอย่าง ช่วงนี้ต้องเริ่มหาพี่ฝึกงานช่วงปิดเทอมด้วย แต่ละคนเลยมีสภาพไม่ต่างจากซอมบี้เท่าไหร่ ส่วนผม อย่าลืมว่ามีมุษย์เจ้าสำอางคอยบงการชีวิตอยู่ ครีมสารพัดสารเพจนปวดหัว ผมว่า เอามาผสมกันแล้วกวนๆ ทาทีเดียวจะง่ายกว่า

   “เออๆ” ไอ้ดอยโบกมือลาแต่หน้ายังฟุบกับโต๊ะ

   “มึงไม่ไปรับเด็กมึงเหรอวะ” ถามก่อนจะเดินไป ช่วงนี้เห็นมันคลุกอยู่แค่กับเพื่อน

   “เด็กกูไปต่างจังหวัดเว้ย ไปกับครอบครัว คงไปเที่ยววันพ่อละมั้ง” ไอ้ดอยตอบเสียงเนือยๆ

   “แล้วทำไมมึงไม่ไปด้วยวะ” ไอ้ป่านที่นั่งข้างๆ ถามแทรก

   “ถามไม่คิดนะมึง ถ้ากูไป กูจะได้ทำควิซมั้ย สมองมีหัดใช้บ้าง คิดแต่อย่างเดียว...” ผมหัวเราะกับการทำจมูกบานของไอ้ดอย ผมเข้าใจในสิ่งที่มันจะสื่อนะครับ แต่ดูเหมือนไอ้ป่านจะไม่เข้าใจ เพราะมันยังทำหน้างง

   “กูคิดอะไร” ตีหน้ายุ่งจนคิ้วมันขมวดเป็นผม

   “หื่น” ไปแล้วครับ ไอ้ดอยวิ่งหนีการถูกไล่เตะ ผมก็เอิ้กอ้ากก่อนกลับ ที่ไอ้ดอยแซวเพราะมีวันหนึ่ง พวกผมต้องทำรายงานแล้วไอ้ป่านไม่ได้ปริ้นส์งานมา เลยต้องเปิดจากคอมมัน แล้วเผอิญมีไฟล์วีดีโอ เจ้าของเครื่องมันเผลอ ผมที่ไม่รู้ก็เปิดไปโดน...มาเต็มๆ ครับ

   วีดีโอที่ไอ้ป่านแอบถ่ายพี่เกนอาบน้ำ นี่ยังตกใจไม่หาย ดีที่มีแค่ผมกับไอ้ดอยที่เห็น ถ้าเปิดตอนพรีเซ็นต์ละก็คุณเอ้ย ซิกแพกมาเต็มจอแน่ ยังดีที่มันไม่ถ่ายช่วงล่างมา เห็นแค่วับๆ แวมๆ แต่ก็พาคิดไปไกล ไอ้ดอยกำลังกินน้ำชาจากขวดพุ่งใส่กระดาษจนเปียกหมด ไอ้ผมก็ได้แต่เปิดตาค้าง กว่าจะปิดได้ก็ตอนเจ้าของเครื่องมันหันมาเห็น ไอ้ป่านโวยวายลั่นใต้ตึก หน้ามันแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงซะอีก พอถูกคาดคั้นมันก็บอกว่า ถ่ายไว้แบล็กเมลแค่นั้นไม่ได้เก็บไว้ดู


   ใครจะไปเชื่อวะครับ



   ผมเดินออกไปเอารถออดี้ของพี่ฟลอยด์ที่จอดอยู่ลานจอดของคณะ ไม่ใช่พี่แกจะใจดีให้ผมใช้หรอกนะครับ แต่เพราะผมเลิกก่อน พี่ฟลอยด์ให้เลยผมขับมาที่คณะ พอเรียนเสร็จก็ให้ไปรับ เหมือนถูกกักบริเวณชอบกล คงกลัวผมจะแอบหนีไปไหน อีแค่เคยแอบหนีไปงานมอเตอร์โชว์กับไอ้ดอยก็แค่นั้น ไม่ได้กลับดึกเลย กลับเช้าด้วย แค่ตีห้าเท่านั้นเอง

   ขับออกจากคณะมุ่งหน้าสู่ตึกบริหาร ออดี้คันงามสีขาวดูสะดุดตาหากไม่ถูกสปอร์ตคาร์ตรากระทิงดุโฉบมาแย่งซีนจอดอยู่ด้านข้างตอนจะข้ามแยก ผมส่องผ่านกระจกสีชาเห็นแค่เงาลางๆ ของคนขับ ดูท่าจะเท่ไม่หยอก พอออกตัว กระทิงดุก็ขับแซงหน้าเลี้ยวไปทางขวา ผมยังมองตามท้ายรถสวย ก็สมราคาของมันแล้วครับ

   ออดี้สีขาวจอดที่ใต้ร่มไม้ที่ว่างพอดี ผมเปิดประตูออกไปด้านนอกเพื่อรอ นี่ถ้าเจ้าของรถไม่เลิกสายกว่าผมเป็นชั่วโมงละก็ ไอ้ต้อมจะเปิดแอร์นอนในรถเลยครับ แต่นี่มันนานเกินไป กลัวจะตายก่อน เห็นข่าวบ่อยๆ

   ผมเดินไปรอที่ม้านั่งใต้ตึกที่มีนักศึกษาคณะบริหารนั่งประปราย ระหว่างที่นั่งรอก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดดูนั่นดูนี่ ก่อนจะถูกรบกวนจากคนที่ไม่รู้จัก ผู้ชายตาตี่ผิวขาว ตัวสูง ดูจากการแต่งตัวน่าจะปีสอง ผมมองหน้าคนที่มายืนค้ำหัวอยู่ข้างๆ หลังจากถูกสะกิดเรียก

   “ครับ?” ถามออกไปเมื่อเด็กนั่นยังเงียบ

   “พี่ใช่คนที่ประกวดนายนพมาสหรือเปล่าครับ” ถามสุภาพจนผมต้องรีบพยักหน้า “อ่อ ครับ” มาแค่สั้นๆ แล้วก็เดินไป อะไรของเด็กนั่น

   ผมยังนั่งรอไปเรื่อยๆ คราวนี้เป็นผู้หญิงครับ แต่งตัวเปรี้ยวใช้ได้ ไอ้ผมก็ผู้ชายที่ชอบมอง กระโปรงที่โชว์ขาขาวก็เป็นจุดดึงสายตาของผมได้ดี จนคนมายืนต้องกระแอม

   “ครับ?” ถามคำถามเดิม ผู้หญิงสามคนที่มายืนส่งยิ้มหวานให้

   “มารอพี่ฟลอยด์เหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามออกมา ใบหน้ายิ้มแย้มจนผมเผลอยิ้มตาม

   “อ่า ครับ” ตอบรับแบบตัวลอยๆ

   “พอดีพี่ฟลอยด์ให้เอานี่มาให้ค่ะ” ‘นี่’ ของน้องเขาคือกระดาษครับ ผมมองกระดาษที่ถูกพับเล็กๆ ที่ถูกยื่นมาให้ พอผมรับ น้องเขาก็เดินไป

   ‘ไม่ต้องรอ พี่มีนัดและอาจกลับช้า’

   เลิกคิ้วมองข้อความบนกระดาษแบบงงๆ อะไรวะ ทั้งที่กำชับให้ผมมารอ แล้วไหงให้กลับก่อน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า แต่เพราะความสงสัย ผมเลยส่งข้อความไปหาพร้อมแนบรูปถ่ายกระดาษโน้ตนี่ไปด้วย แต่กลับไม่มีคำตอบใดๆ หรือจะให้กลับก่อนจริงๆ วะ

   เมื่อไม่มีคำตอบ ผมก็เดินกลับไปที่รถ แล้วต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นกำลังจะราดน้ำแดงใส่ออดี้สุดหวงของพี่ฟลอยด์ เชี่ยเอ้ย ผมรีบวิ่งแหกปากตะโกนจนพวกนั้นตกใจทำน้ำแดงตกพื้น แอบเห็นมือของหนึ่งในสามถือมีดคัตเตอร์ที่คาดว่าจะสร้างรอยบาดแผล โชคดีที่ผมออกมาทัน

   ลูบๆ คลำๆ รถจนคิดว่าปลอดภัยก็ขึ้นไปนั่ง ไม่เข้าใจว่าเด็กพวกนั้นจะทำอะไร ไม่ชอบหน้าผมเหรอ แต่นี่มันไม่ใช่รถผมไง หรือเกลียดพี่ฟลอยด์วะ เอ หรืออะไรหว่า

   ขับรถออกจากมหาลัยเพื่อกลับบ้าน แต่มือถือดันดังขึ้นมาขณะติดไฟแดง พอหยิบมาดูเป็นพี่ฟลอยด์ที่ตอบกลับมาด้วยการถามว่า ใครเอาให้ แล้วผมจะรู้จักมั้ยละ ผมเลยขับไปจอดริมฟุตบาทแล้วโทรไปหา

   “ผู้หญิงว่ะพี่ สวยด้วย” ทันทีที่ปลายสายรับผมก็ตอบไปทันที

   (ใครวะ แล้วนี่อยู่ไหน เดี๋ยวพี่จะเลิกเรียนแล้ว) เชี่ย เล่นอะไรกันวะ

   “ออกมาแล้ว แต่ไม่ไกล” พูดจบผมก็วางสายแล้ววกรถกลับไปรับพี่ฟลอยด์เหมือนเดิม อะไรวะ หรือจะเป็นบรรดากิ๊กที่หลงรักเจ้าของรถแล้วเกลียดผม มีส่วนๆ

   ขับย้อนมาถึงมหาลัยอีกรอบ คราวนี้เจอเต็มๆ ครับ พี่ฟลอยด์กำลังยืนเท้าเอวอยู่ข้างพี่เกน ด้านหน้าคือสามสาวพาวเวอร์พับเกิร์ลที่ก้มหน้าคางชิดนม เอ้ย อก พอผมเดินลงไปหา สามสาวก็ทำท่าตกใจราวกับเห็นผี

   “อะไรวะพี่” ถามอย่างงงๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่

   “พวกนี้ใช่มั้ยที่เอาจดหมายให้” พี่ฟลอยด์ทำหน้านิ่งถามผม แต่ตาจ้องสามสาวอย่างหาเรื่อง

   “ใช่ ทำไมเหรอ” ผมเดินไปยืนข้างพี่ฟลอยด์ ยิ่งทำให้สามสาวก้มหน้ามากกว่าเดิม

   “เด็กไอ้สิงห์มัน” เป็นพี่เกนที่ตอบ ผมก็ยังทำหน้าไม่เข้าใจ

   “แล้วมันยังไง”

   “เด็กมึงโง่เกิน” อ่าว พี่เกนด่าผมเฉย “ตอนนี้ไอ้สิงห์นอนอยู่โรงพยาบาล”

   “ห๊ะ” ตาโตมองสิ่งที่พี่เกนบอก “เมื่อไหร่ เป็นอะไรวะพี่”

   “หลังจากพวกมึงกลับจากผับ” ถ้าตามที่พี่เกนพูดจริงก็เป็นอาทิตย์แล้วสิวะ

   “พี่เขาเป็นอะไรวะพี่ อาการหนักเลยเหรอ”

   “ยังจะไปห่วงมันทำไม” กลายเป็นพี่ฟลอยด์ที่ตวาดจนนักศึกษาแถวนั้นหันมามอง

   “ถูกกูซ้อม” ผมต้องรีบขยี้รูหูซ้ำๆ

   “ไปซ้อมพี่เขาทำไม” จ้องหน้าพี่เกนอย่างอยากรู้ แต่คนโดนจ้องพยักพเยิดไปทางคนอีกข้างของผมแทน “พี่ฟลอยด์เกี่ยวด้วยเหรอ” คนนี้คาดคั้นได้สะดวกครับ

   “ใครใช้ให้มันมาแตะตัวมึงล่ะ”

   “เหตุผลแค่นี้? พี่ทำเกินไป” ผมเริ่มโมโหนิดๆ ละ

   “เกินไป? นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” พี่ฟลอยด์พูดออกมาหน้าตาเฉย แถมยังเดินไปอยู่หน้าสามสาวในระยะประชิดจนพวกเธอต้องถอยหลัง “อย่าทำแบบนี้อีก เพราะผมจะไม่ปล่อยคุณไปอีกแน่” คำสั่งเสียงเฉียบขาดจนสามสาวรีบพยักหน้า ดวงตาโตเริ่มมีน้ำตาคลอ

   “มึงไม่ทำอะไรเหรอวะ” พี่เกนเดินไปยืนคู่พี่ฟลอยด์ แถมตอนนี้เพื่อนๆ พี่ฟลอยด์ที่เพิ่งลงมาก็มายืนออเต็มไปหมด บ้างก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นพี่เกนที่บอกแบบเรียบๆ ไปจนทุกคนพยักหน้าเข้าใจ

   “นี่แค่ตักเตือน ถ้ายังทำอีก...คงรู้ว่าผมไม่ใช่คนใจดี” ข่มขู่ พี่ฟลอยด์เดินไปกดดันแถมข่มขู่จนน้ำตาสามสาวไหลเป็นทางแล้วรีบวิ่งไป

   ผมยืนมองด้วยความขัดใจที่เห็นพวกพี่ฟลอยด์รุมรังแกผู้หญิง ถึงพวกนั้นจะคิดทำร้ายแต่เขาก็เป็นผู้หญิงนะครับ เป็นเพศอ่อนแอ ทำแบบนี้ก็เกินไป

   “พี่ทำเกินไปนะ” ผมแหวขึ้นมาทัน เพื่อนพี่ฟลอยด์พากันหัวเราะ

   “ตรงไหนที่ว่าเกินไป” คนหน้าตึงเดินเข้ามากดดันผมแทน

   “มันไม่เกินไปหรอก ถ้าหนึ่งในนั้นไม่มีน้ำกรด ถ้าหนึ่งในนั้นไม่มีมีดพก และถ้าหนึ่งในนั้นไม่มีปืน คงเรียกมึงไปเพื่อจะทำร้ายนั่นแหละ” พี่เกนร่ายยาวจนผมและพี่คนอื่นๆ ยังตกใจ คิดว่าจะทำร้ายรถซะอีก กะฆ่าผมเลยเหรอเนี่ย

   “เชี่ย รู้ได้ไงวะ” เพื่อนพี่ฟลอยด์ถามออกมาด้วยความตกใจ

   “กูค้นกระเป๋าไงไอ้ห่าที” พี่เกนตอบเพื่อนจนโดนตบหัวเบาๆ (แต่ผมปลิว)

   “นี่กะเล่นให้ตายเลยเหรอวะ โหดจริงๆ ผู้หญิงสมัยนี้” พี่ทีทำหน้าสยดสยองทันที ส่วนผมได้แต่นิ่งเพราะพูดอะไรไม่ออก
 
   “ยังเกินไปอยู่หรือเปล่า ที่พี่ทำ” น้ำเสียงปลายสะบัดให้รู้ว่างอนและน้อยใจทำให้ผมยิ้มแหยๆ และกำลังจะอ้าปากพูด พี่ฟลอยด์ก็เดินหนีไปแล้ว

   “พี่ไปซ้อมพี่สิงห์ทำไม” แม้ตาจะมองตามหลังคนงอนไป แต่ก็อยากรู้เรื่องก่อน ขืนให้ไปถามพี่ฟลอยด์ มีหวังถูกเงียบใส่ตามเคย

   “ก็ตอนในผับ ไอ้ฟลอยด์เห็นมึงถูกไอ้สิงห์มอมเหล้า ดีที่มึงคอแข็ง แต่ที่มันไม่พอใจคือไอ้ห่าสิงห์ขอเอามึงสักรอบ จนถูกลากออกไปกระทืบด้านนอก” พี่เกนเล่าเป็นฉากๆ ซึ่งพี่ที่ชื่อทีก็พยักหน้า คงจะอยู่ในเหตุการณ์สินะ

   “พี่ฟลอยด์กระทืบเหรอ ตอนไหน ทำไมผมไม่เห็น” นั่นสิ ทำไมผมไม่เห็นวะ

   “มึงอยู่หรือเปล่าละ หายหัวจนพวกกูต้องออกตามหา”

   “แต่ตอนผมกลับมาก็ไม่เห็นมีใครเล่าอะไรให้ฟัง นับๆ แล้วเกือบอาทิตย์ด้วยซ้ำ”

   “มันคงอยากเล่าหรอก ไม่เอาถึงตายแค่หยอดน้ำข้าวต้มก็บุญเท่าไหร่แล้ว” พี่ทีพูดออกมาแทน

   “มึงก็รู้นิสัยไอ้ฟลอยด์นี่หว่า ขี้หึงไม่มีใครเกิน แล้วที่ไอ้สิงห์ทำมันก็เกินขอบเขตความอดทนของมันแล้ว”

   “พี่ฟลอยด์กระทืบคนเดียวเหรอ” ถามออกไป ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงแต่การมองตากันปริบๆ “พวกพี่ด้วยสินะ”

   “นานๆ ทีว่ะ ไอ้น้อง” พี่ทีหัวเราะแห้ง แต่ผมมองตวัดตามองก็เงียบ

   “พี่สิงห์ก็เพื่อนพี่นะ” ทำเพื่อนตัวเองใช้ได้ที่ไหนวะ

   “มันเป็นเพื่อนของเพื่อนเว้ย เรียนอยู่คนละที่ด้วย มันถึงห่ามทำแบบนี้ไง ถ้าอยู่ที่นี่คงไม่กล้าแหย่ขนจมูกไอ้ฟลอยด์หรอก” พี่ทีร่ายยาว ผมก็พยักหน้าส่งๆ

   “เออๆ” ขี้เกียจถามต่อเลยเลือกเดินกลับไปหาคนที่งอนนั่งรอให้รถ

   ทันทีที่ผมเปิดประตูไปนั่ง ออดี้สีขาวก็พุ่งทะยานจนผมตกใจ ไม่รู้จะรีบเหาะไปไหน เหยียบทีหัวใจไอ้ต้อมจะวาย กว่าจะถึงบ้าน ผมสวมมนต์ไปเป็นร้อยรอบ กลัวเหลือเกินว่าจะกลับไม่ถึงบ้าน




   พี่ฟลอยด์ลงจากรถไปไม่หันมามองผมแม้แต่น้อย โหมดคนงอนขี้น้อยใจดราม่ามาเต็มอีกแล้ว ทำไมผมรู้สึกเหมือนมีแฟนเป็นผู้หญิงวะ ทั้งขี้งอน ขี้หึง ขี้น้อยใจ ขี้อะไรอีกสารพัด ขนาดพี่เกนของไอ้ป่านหรือพี่โชของไอ้กลอยยังไม่เป็นเยอะแบบนี้เลย

   ผมเดินเข้าบ้านเจอพี่ฟีนกำลังทำตาปริบๆ อยู่กับลูกชาย พอหันมาเห็นผมปุ๊บก็รีบเดินเข้ามาหาแล้วเขย่าแขนยิกๆ

   “ฟลอยด์เป็นอะไร ต้อมพอจะรู้มั้ย พี่ถามก็ไม่ยอมตอบ” ผมยิ้มให้พี่ฟีนเพราะไม่กล้าบอกว่าน้องชายกำลังงอน แต่พี่เขาคงเข้าใจเพราะเห็นพยักหน้าแล้วตบบ่าผมปุๆ “ถูกเลี้ยงเอาแต่ใจมากไป ต้อมก็คงเข้าใจ”

   โคตรเข้าใจเลยว่ะครับ

   เดินตามขึ้นไปชั้นสอง มีล็อกห้องด้วยนะเออ นี่กะจะไม่ให้ผมนอนด้วยใช่มั้ยเนี่ย คิดเหรอว่าไอ้ต้อมจะง้อ ผมเดินลงมาด้านล่างเพื่อขอกุญแจห้อง อย่าคิดว่าผมจะหนีนะครับ ไอ้ต้อมไม่ใช่คนประเภทนั้น พอได้กุญแจก็รีบเดินปึงปังขึ้นไป ไขได้ก็มองหาคนขี้งอนที่คงอาบน้ำอยู่ ผมนั่งรอจนพี่ฟลอยด์ออกจากห้องน้ำมา แต่งตัวชุดนอนเรียบร้อย

   “พี่ไม่ลงไปกินข้าวเหรอ” ผมถามขณะคนงอนล้มตัวนอนบนเตียง พี่ฟลอยด์ไม่แม้แต่จะชายตามามอง พอนอนได้ก็คลุมโปงจนผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ตามใจ”

   ผมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปด้านล่าง บนโต๊ะอาหารมีแค่พี่ฟีนกับน้องเฟรมที่นั่งรออยู่ พอเห็นผมพี่สาวคนรองก็กวักมือเรียกให้ผมไปนั่ง

   “เหลือแค่นี้แหละ” พี่ฟีนว่า มือก็คอยตักไข่เจียวใส่จานลูกชาย

   “น่าอร่อยนะครับ” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นกับข้าวง่ายๆ ไม่กี่อย่าง

   “ถ้าไม่ชอบสั่งทำใหม่ก็ได้นะ พี่เห็นว่าพี่เฟิร์นกับพ่อไม่อยู่ เลยให้ทำง่ายๆ” ผมยิ้ม มือก็ตักผัดผักรวมกุ้งสดใส่จาน

   “ไม่เป็นไรครับ ผมกินได้ ตอนอยู่หอ ผมยังต้มบะหมี่ใส่ปลากระป๋องเลย” ผมว่า พี่ฟีนทำตาโตมอง

   “พี่ก็อยากกินนะ เห็นเขาว่ากันว่ามันอร่อย”

   “มากครับ”

   หลังจากอิ่มหนำ ผมก็ยกข้าวไข่เจียวขึ้นไปให้คนงอนที่ยังนอนคลุมโปงไม่มีขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

   “พี่ฟลอยด์ กินข้าวได้แล้ว” เดินไปสะกิด แต่ร่างที่นอนใต้ผ้าห่มขยับตัวหนี “จะหายใจออกมั้ยน่ะ รีบๆ ออกมากิน ไข่เจียวห๊อมหอม” พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ปกติจะง้อง่ายมาก คราวนี้ท่าจะยาก

   “ไม่หิว” เสียงที่ดังลอดออกมาอู้อี้ แต่ก็ฟังรู้เรื่อง

   “ไม่หิวได้ไง นี่มันจะทุ่มแล้ว เร็วๆ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะหรอก” ต้องหลอกล่อครับ

   “ไม่”

   “พี่ฟลอยด์” ลากเสียงยาวให้ดูน่ารำคาญ และมันได้ผล คนนอนคลุมโปงเปิดผ้าห่มออกมาตีหน้ายุ่ง “กินข้าว”

   “ไม่กิน ไม่หิว ออกไปเลย” มีไล่ผมด้วยว่ะ

   “ไล่เลยเหรอ” ถามออกไป คนงอนนั่งกอดอกอยู่บนเตียงพยักหน้าตอบ “เออ ถ้าไล่ก็จะไป แต่กินข้าวก่อน”

   “ไม่หิวโว้ย” ขึ้นเสียงมาจนสะดุ้ง เชี่ยเอ้ย

   “ไม่หิวก็ไม่หิว งั้นวางไว้นี่นะ หิวก็ออกมากิน” ผมวางข้าวไข่เจียวที่ผมทำไว้บนโต๊ะ ก่อนจะออกไปยังแอบเหล่ตามองคนงอนก่อดราม่าอยู่บนเตียง ได้แต่ขำหน้าตาตลกๆ นั่น “ไปละ ไล่แล้วไม่ต้องตามกลับมาด้วย”

   ผมหัวเราะออกมาหลังจากปิดประตูแล้ว ที่ขำเพราะหน้าของคนงอนที่เบิกตาจนแทบถลนที่ผมบอก พวกเด็กเอาแต่ใจยิ่งเราตามใจก็จะยิ่งดื้อ ดังนั้นเราต้องดัดนิสัยครับ ผมลงมาด้านล่างไม่เจอใครแล้ว เลยเลือกจะออกไปนั่งรับลมด้านนอก แต่ลมไม่มีพัดมาสักนิดน่าขัดใจ เลยไปนั่งตากยุงในสวน ซึ่งตอนนี้ผักที่ปลูกเริ่มสวยงามสามารถเก็บกินได้

   นั่งไปนานๆ เริ่มมีลมพัดมาให้คลายร้อน ผมเลยล้มตัวลงไปนอนกับพื้นหญ้าทำให้เห็นดวงดาวที่พร่างพราวเต็มท้องฟ้า ช่างสวยซะจริง

   พอนอนอยู่คนเดียวก็มาคิดเรื่องที่พี่ฟลอยด์ทำร้ายพี่สิงห์อะไรนั่น ถ้าเป็นตอนเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ ไม่แน่ผมอาจเข้าร่วมวงด้วย แต่มันผ่านมาแล้ว ความโมโหที่ถูกเกาะแกะก็หายไปแล้วด้วย เลยเห็นว่ามันเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป พอคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

   ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้ตัวอีกทีตอนมีรถขับเข้ามา คงจะเป็นพ่อหรือไม่ก็พี่เฟิร์น และผมคงจะนอนต่ออีกหน่อยถ้าไม่ได้ยินเสียงโวยวายดังลั่นบ้าน อะไรวะ เกิดอะไรขึ้น

   ผุดลุกขึ้นนั่ง สายตามองไปยังหน้าบ้านที่เห็นในระยะไกล ผมเห็นคนใส่ชุดนอนวิ่งไปวิ่งมา ปากก็ตะโกนจนถูกพ่อตัวเองด่าให้เงียบเพราะดึกแล้ว แต่พี่ฟลอยด์ดูไม่สนใจยังคงเดินไปเดินมา จะไปไหนของพี่แกน่ะ ผมยืนขึ้นเมื่อพี่ฟลอยด์ขับรถออกจากบ้านไป ขาก็รีบสาวไปหน้าบ้าน เจอกับพ่อพี่ฟลอยด์ที่ขมวดคิ้วหัวเสีย

   “มีอะไรเหรอครับ แล้วพี่ฟลอยด์จะไปไหน” ผมถามเจ้าของบ้านที่จ้องผมนิ่งๆ

   “ไปไหนมา ไอ้ฟลอยด์มันตามหา” พ่อถามผมออกมา

   “อยู่หลังบ้าน...” นั่นไง คนขี้งอนออกตามหาผมนั่นเอง “เอ่อ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ยครับ” แม้พ่อดูไม่อยากยุ่งแต่ก็วางมือถือเครื่องแพงบนมือผม พอต่อสายไปจนดับไปสองรอบ รอบสุดท้ายปลายสายก็กดรับ

   (ถ้าหาต้อมไม่เจอผมไม่กลับ) เสียงดูร้อนรนจนผมเผลอเลิกคิ้ว

   “พี่จะไปหาผมจากที่ไหน” ถามออกไป ได้ยินเสียงปลายสายตะโกนสบถเสียงดังลั่น ไม่นานสายก็ตัดไป ผมยื่นมือถือคืนพ่อไป ซึ่งหลังจากได้ของคืนก็เดินเข้าบ้าน มีทิ้งท้ายไม่อยากยุ่ง ผมได้แต่ก้มศีรษะขอโทษไป

   ยืนรออยู่หน้าบ้านครู่ใหญ่ รถคันสวยก็พุ่งมาจอดตรงหน้าผม เจ้าของรถเปิดประตูตีหน้ายักษ์เข้ามาหา ผมรีบถอยหลังทันทีกลัวถูกชก หน้าตาโคตรหาเรื่องจนผมกลัว

   แต่ผิดคลาด พี่ฟลอยด์เดินเข้ามาแล้วดึงผมไปกอด...แต่มันแน่นเกินจนต้องผลักออก

   “มึงหายไปไหนมา” ตะคอกถาม

   “อยู่ในสวน” ตอบไปชี้ไป “พี่นั่นแหละ ไปไหนมาวะ”

   “ไปตามหามึงนั่นแหละ”

   “ตามหาทำไม เมื่อกี้พี่ไล่ผมเอง”

   “มึงก็รู้ว่ากูงอน” น้ำเสียงแข็งกระด่างหายไปทันตา ผมขำจนคนบอกว่าตัวเองงอนหน้าบึ้ง

   “ก็รู้ไงว่างอน” พูดเจือเสียงหัวเราะ

   “รู้แล้วหายออกมาทำไมวะ”

   “อ่าว ก็พี่ไล่ผมก็ออกมาสิ จะอยู่ทำไม” ดูเหมือนคนไล่จะพูดไม่ออก

   “ไม่รู้ละ ต่อไปถ้าถูกไล่ก็ให้รออยู่ในห้อง เข้าใจมั้ย” พอหาเสียงเจอก็ร่ายยาว

   “นี่ผมผิดเหรอวะ”

   “เออ ผิด”

   คนแบบนี้ก็มีเว้ยเฮ้ย

   ผมหัวเราะร่วนตามหลังคนกึ่งจูงกึ่งลากเข้าบ้าน พอขึ้นห้องก็เห็นจานข้าวหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักเม็ด ไหนคนไหนบอกไม่หิววะ ดูเหมือนคนบอกไม่หิวจะรู้ว่าผมมองจานข้าว เลยเลือกจะเดินซุยๆ ไปนั่งบนเตียงโดยดึงแขนให้ผมลงไปนั่งตาม...

   แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องให้นั่งคร่อมตัก โคตรล่อแหลม

   “ผมขอโทษ” บอกออกไปเพราะรู้สึกผิดนิดๆ

   “เรื่อง?” มีตีหน้ามึนด้วยนะ

   “ที่พี่ปกป้องผม” ยิ้มให้คนทำดี “แต่ก็โกรธที่ทำเกินเหตุ”

   “น้อยไปด้วยซ้ำ ตอนเห็นมันกอดแทบจะพุ่งมากระทืบให้ตายคาตีน”

   “เห็นด้วยเหรอ นึกว่ามัวแต่หลงนม”

   “เต็มๆ สองตานี่เลย” ผมหัวเราะให้คนที่ชี้ดวงตาสองข้างตัวเอง “ทำไมไม่ขัดมันวะ”

   “นั่นก็เต็มที่แล้ว ถ้ามากกว่านั้นคงกระทืบไปละ” บอกตามความรู้สึกตอนแรกที่โดน “แต่พี่ก็ทำไม่ถูก พรุ่งนี้ไปขอโทษพี่เขาเลย”

   “ไม่” ปากยู่เหมือนเป็ดจนผมต้องบีบ “อ๋อ นี่ทำร้ายพี่แล้วเข้าข้างมันเหรอ” ดูครับ ดูคนพาล

   “อย่ามาดราม่าครับพี่ฟลอยด์” ใช้หน้าผากเคาะกับหน้าผากคนพาลเบาๆ

   “ไม่ได้ดราม่า แต่งอน น้อยใจด้วย มากด้วย ที่สุดด้วย” คนบอกอารมณ์ตัวเองหน้างอเป็นปลาทูไปแล้ว แบบนี้จะไม่ให้ขำได้ไง

   “ก็ง้ออยู่นี่ไง จะหายไม่หาย”

   “นี่ง้อหรือบังคับวะ”

   “ทั้งคู่”

   “เหอะ” พี่ฟลอยด์เบือนหน้าไปมองหน้าต่าง

   “เอาน่า นี่ง้อสุดๆ แล้วเนี่ย หรือจะให้แก้ผ้าเต้นจ้ำบ๊ะให้ดู” พูดทีเล่นทีจริง แต่คนงอนทำตาวาว “พูดเล่นครับพี่ครับ”

   “หึๆ”

   เริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ผมรีบตะกายลงจากตัก แต่มือที่ยึดสะโพกไว้จับแน่น แถมสายตาที่จ้องมายังหื่นเต็มพิกัด

   “บอกว่าล้อเล่นเว้ย เชี่ย ห้ามล้วง”

   “ไม่ล้วงก็ได้” คนบอกจะไม่ล้วงแต่กลับแก้ผ้าผมแทน ครับไม่ต้องล้วง ไม่มีเสื้อผ้าขวางก็ไม่ต้องล้วง เหี้ยแล้ว

   นี่ถ้าไม่เห็นว่าทำเพื่อผมละก็ ไม่มีทางจะยอมง่ายๆ หรอกนะเออ

   “พี่ฟลอยด์” ถามขณะถูกปากแดงกัดเม้มที่คอ

   “หืม” นี่ก็ไม่ยอมพูดยอมจา จ้องจะกัดคอผมอยู่นั่น

   “พรุ่งนี้ไปขอโทษพี่สิงห์กันนะ เชี่ย” ที่ด่าเพราะถูกกัดคอครับ กัดจริงๆ โคตรเจ็บ

   “ถ้าวันนี้ทำตัวดี เรื่องพรุ่งนี้ก็ตกลง” มีต่อรองด้วยว่ะ แล้วจะทำไงได้ จัดไปครับ จัดให้เต็มที่ คิดซะว่าไอ้ต้อมเป็นตุ๊กตายางไปเลย!





   ที่โรงพยาบาลหน้าห้องพิเศษ ชื่อหน้าห้องเป็นชื่อของคนไข้ที่พักรักษาตัวอยู่ในนั้น ผมถือกระเช้าผลไม้เพื่อเยี่ยมคนไข้ มีพี่ฟลอยด์ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ

   “ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย” ผมสะกิดคนหน้าบูด
 
   “เต็มที่แล้วเนี่ย” ส่ายหน้าให้คนดื้อ

   ผมเคาะประตูไม่นานก็มีคนมาเปิด ผู้หญิงที่เอากระดาษให้ผมตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่หลังประตู ผมยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพร้อมชูกระเช้า เธอถอยนิดๆ ให้ผมเข้าไป คนไข้นอนดูทีวีอยู่บนเตียง พอเห็นผมก็กระพริบตาปริบๆ แต่พอเห็นคนเดินตามหลังผมเข้ามาก็หน้าบึ้ง

   “มึงมาทำไม” พี่สิงห์เอ่ยทัก สายตามองไปยังพี่ฟลอยด์

   “...” พี่ฟลอยด์ไม่ตอบอะไร ตาก็เอาแต่จ้อง เป็นผมที่ต้องพูดแทรก

   “คือผมเอากระเช้ามาเยี่ยม” เดินเข้าไปหาแต่ถูกดึงเสื้อด้านหลัง สาวสวยที่เปิดประตูคงเห็น เธอเลยเดินมาเอากระเช้าไปวางบนโต๊ะข้างคนไข้แทน “ดูพี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วนี่”

   “เออ” ตอบเสียงห้วนจนผมขมวดคิ้ว “แล้วมาทำไม”

   “พี่ฟลอยด์” ผมเรียกคนที่ทำเป็นนิ่ง ได้ยินเสียงจิ๊ปากก่อน

   “ขอโทษ” พี่ฟลอยด์บอกเสียงห้วนๆ แต่ก็ดังพอให้คนนอนบนเตียงเลิกคิ้ว

   “มึงมาขอโทษกู?” พี่สิงห์ถามกลับด้วยความแปลกใจ

   “เออ” นี่ก็ห้วนจริง

   “ผมรู้ว่าพี่ฟลอยด์ทำเกินไป แต่พี่ก็ทำเกินไปกับผม อย่าคิดว่าผมไม่รู้ที่พี่จะมอมเหล้าผม” บอกเสียงนิ่ง พี่สิงห์รีบหันไปมองแฟนตัวเองทันที

   “เออๆ กูขอโทษ” พี่สิงห์เอ่ยขอโทษผมออกมา ก่อนมองไปที่พี่ฟลอยด์ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างผม “กูก็ขอโทษมึงด้วยเหมือนกัน”

   “ถ้ามึงยังทำอีก กูเอามึงตาย” นี่ให้มาขอโทษ แต่พี่ฟลอยด์ดันมาขู่คนไข้แทนซะงั้น พี่สิงห์ได้ยินก็พยักหน้าแล้วหัวเราะออกมา

   “อืมๆ”

   หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ผมก็เดินออกมากับพี่ฟลอยด์ เกือบจะเข้าลิฟต์แล้วหากสาวสวยแฟนพี่สิงห์ไม่วิ่งมาเรียกซะก่อน

   “คือ...” ใบหน้าสวยอ้ำอึ้งจนผมยิ้มออกมา เธอถึงเอ่ย “ขอโทษนะคะที่ทำไป”

   “ผม...”

   “รู้ไว้ก็ดี อย่าคิดทำคนของผมอีก” ผมถลึงตาใส่พี่ฟลอยด์ที่พูดแทรก สาวเจ้าก็รีบพยักหน้าแล้วเอ่ยขอโทษอีกรอบก่อนจะหันหลังย้อนไปที่ห้องคนไข้

   “พี่นี่นะ” ผมว่าพลางขำ

   “อะไร”

   “สงสัยต้องเลิกกินหวานแล้วว่ะ”

   “ทำไมต้องเลิกกินหวาน”

   “ก็ดุเกินไป” พี่ฟลอยด์เลิกคิ้วมองหน้าผมอยู่นานก่อนจะนึกขึ้นได้ก็คว้าคอผมเข้าใต้รักแร้ “เชี่ย ผมเจ็บ”

   “ด่าผัวว่าหมาเหรอหา” โดนหมัดหมุนอยู่บนหัว โคตรเจ็บ

   “เจ็บๆ” พยายามตีต่อยจนหลุดออกมา ผมมองคนใช้ความรุนแรงตาเขียว

   “มองหน้าพี่ทำไมครับ” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนน่าหมั่นไส้

   “งอนเว้ย น้อยใจด้วย ที่สุดด้วย” ผมว่า พยายามปั้นหน้าบึ้ง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเผลอหัวเราะออกมา “ทำไม่ได้ว่ะ”

   “ถึงไม่งอน พี่ก็ง้อได้นะ” ผมเหล่มองคนบอกชอบง้อ ก่อนจะถอยห่างเมื่อมีเสียงกระซิบชิดใบหู “แต่ต้องง้อบนเตียงนะ รับรอง หายงอนแน่ แถมติดใจด้วย”

   ไม่มีทางครับ ไอ้ต้อมไม่มีทางงอนให้ไอ้พี่ฟลอยด์มันง้ออย่างแน่นอน แค่เมื่อคืนต้องง้อมันก็แทบหมอนรองกระดูกเคลื่อน ไอ้ต้อมเข็ดครับ เข็ดหลาบจนฝังขึ้นใจ



   “พี่เคยตายในลิฟต์ป่ะ” 


.........................................................

ใครว่าพี่ฝอยไม่ทำอะไร ไม่ค่ะไม่ .. ไม่เหลือ ฮ่าๆๆๆ

เป็นตอนต่อ (มั้ง) จากตอนพี่แล้วค่ะ เห็นพี่ฝอยเงียบๆ กระทืบเรียบนะฮ้าบ  :jul3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-11-2016 20:48:52
พี่ฟลอยด์มุ้งมิ้งมาก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 27-11-2016 20:52:38
อยากได้คนแบบพี่ฝอย55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-11-2016 20:53:24
พี่ฝอย ทั้งขี้หึง ขี้งอน ฟิลลิ่งมาเต็มจริง ๆ

แต่ก็น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก


 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 27-11-2016 20:54:25
พี่ฟลอยด์สามขวบ555555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 27-11-2016 21:09:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 27-11-2016 21:11:25
 :m20: :m20: เอาอีกๆ..ให้ต้อมง้อเยอะเยอะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-11-2016 21:28:39
น่าเอ็นดูนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-11-2016 21:30:18
อ่านๆไปบางทีก็สงสัยว่าตกลงต้อมนี่พระเอกใช่มะ เห็นตามง้ออิพี่ฟลอยด์แกแทบทุกตอนเลยจริงๆ อิพี่ฟลอยด์นี่นิสัยสาวน้อยมาก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-11-2016 21:48:44
นอกจากความหื่นที่เพิ่มขึ้น ความหึงหวงพี่แกก็ไม่ลดลงเลยสักนิดดดดด :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 27-11-2016 22:35:01
พี่ฟลอยด์ทำดีมากๆ น้องต้อมง้อแทบทุกตอนนะ

 :กอด1:  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 27-11-2016 23:18:02
พี่ฝอยขี้น้อยใจเป็นปลาซิวเลย :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-11-2016 23:33:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 28-11-2016 06:40:50
ตลกพี่ฟลอยด์ งอนเหมือนเด็กเลย 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: chaichan ที่ 28-11-2016 10:55:17
น่าร้ากกกอ่ะ มีอีกสักคนไหม เค้าอยากได้ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 28-11-2016 12:41:04
โอ้ยพี่ฝอยจะหื่นไปถึงไหน :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 28-11-2016 18:18:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-11-2016 19:58:05
ชอบพี่ฝอยอ่ะ งอนแต่ก็กินข้าวจนหมด ไล่ต้อมแต่ก็รีบขับรถออกไปตามหา :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 29-11-2016 17:55:22
พี่ฟลอยด์ขี้หวงมากกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-11-2016 08:05:38
ต้อมแพ้สายหื่นตลอด~
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 30-11-2016 08:36:34
อ่านจบแล้ววว

แต่รู้สึกเหมือนจะยังมีต่อ

คาใจเรื่องน้องปีสองขาวตี๋

พี่ฝอยนี่ก็ขี้หึงเกินไปนะ แต่ต้องเจอสายแข็งแบบต้อม :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 03-12-2016 21:48:19
 o13ช
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-12-2016 21:54:04
พี่ฝอยผัวขี้งอนแต่มุ้งมิ้ง
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ น้อยใจ (ใจน้อย) Up!! [P.20]<<[27/11/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 03-12-2016 22:28:15
แอบโหดนะเนี่ยพี่ฝอย แต่เวลางอนนี่เหมือนเด็กเลย
อืม..ก็น่ารักดีนะ 555+
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 08-12-2016 22:11:48
No Sugar [Ken & Pan] : วันเกิด




        วันนี้เป็นวันเกิดของพี่เกนครับ ผมมารู้ก็ตอนตื่นเช้ามาพี่แกคลุกวงในผมเฉย บอกเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่ได้หลังจากอายุครบยี่สิบเอ็ดปี ให้ของขวัญกันแบบนี้ก็ได้ด้วยว่ะ ก็ดีนะ ไม่เปลืองเงินดี แถมมีแต่ได้กับได้ ก็ตอนเช้ามันคึกคักกันอยู่แล้วไง อ๊ะๆ อย่ามองว่าผมหื่นสิ ไม่เอาไม่คิด

   ผมออกมาซื้อของเพื่อไปจัดงานในเย็นวันนี้ แต่ไม่ได้ออกมากับเจ้าของวันเกิดหรอก เพราะพี่ฟลอยด์พาไอ้ต้อมมาเมื่อช่วงสาย ผมเลยหนีบไอ้เพื่อนรักมา

   ไอ้ต้อมเพิ่งมาห้องพี่เกนครั้งแรก สิ่งที่มันทำคือเบิกตาโตๆ ของมันมองไปที่ประตูห้องน้ำครับ ผมพยายามกลั้นหัวเราะจนปวดท้อง พี่ฟลอยด์คงจะเคยมาบ่อยก็เขาเป็นเพื่อนกันนี่นา มีแค่ถามว่าเปลี่ยนเป็นแบบใสก็เวิร์กดี ผมเริ่มเห็นแววว่าพี่ฟลอยด์อยากจะทำตาม

   ผมลากรถเข็นมาที่โซนขายผัก วันนี้กะจะทำอะไรง่ายๆ กินกัน ของหลักๆ คงจะเป็นน้ำเมาแล้วก็กับแกล้ม ไอ้เรื่องทำกับข้าวผมก็ทำไม่เป็นหรอกครับ ไอ้ต้อมก็ไม่เป็น แต่ที่ยังกล้ามาซื้อของก็เพราะพี่เกนจดรายชื่อของให้มาหมดแล้ว แค่ซื้อตามก็สบายๆ แถมให้เงินมาอีกเป็นปึก พ่อบุญทุ่มซะจริง

   “มึงจะซื้ออะไรวะ” ไอ้ต้อมเดินดูผักที่วางในชั้น มันขมวดคิ้วแล้วหันมาถามผม
      
   “เดี๋ยวนะมึง” ผมหยิบใบรายการออกมาดู “ต้นหอม ผักชี หัวหอมใหญ่” อ่านตามรายการที่เขียนด้วยลายมือสวยยิ่งกว่าผู้หญิงในคณะของผม

   “จะทำยำเหรอวะ” ไอ้ต้อมเริ่มหยิบตามที่ผมอ่านวางในรถเข็น

   “ก็กับแกล้มไง” แล้วเราก็มองตาอย่างรู้ใจ

   ทำไมพี่เกนถึงไม่ขอให้พี่ปูนทำน่ะเหรอครับ ก็เพราะป๋าพาพี่ปูนไปร่องเรือชมจันทร์อะไรสักอย่าง จะกลับก็หลังปีใหม่ ผมว่าพี่ปูนโคตรโชคดีที่ได้ป๋าเป็นคู่ ส่วนผมยังต้องรอดูไปอีกยาวๆ ครับ

   ไอ้ต้อมหยิบองุ่นไร้เม็ดกับมะม่วงใส่รถเข็น มันบอกพี่ฟลอยด์อยากกิน เพื่อนผมก็หวานไม่แพ้ใครเหมือนกัน แม้ภายนอกไอ้ต้อมมันห้าวเป้ง แต่ลึกๆ แล้วมันค่อยข้างอ่อนโยนมากนะครับ แถมยังขี้สงสารด้วย พี่ฟลอยด์โชคดีด้วยโชคร้ายด้วยส่วนหนึ่ง ที่ว่าร้ายผมว่า พี่เขาคงรู้ดีอยู่แก่ใจนั่นแหละ

   จากรถเข็นที่ว่างเปล่า ตอนนี้เต็มไปด้วยรายการที่ถูกสั่งให้ซื้อกับของที่พวกผมอยากกิน ก็แหม เจ้าของเงินอุตส่าห์ให้มา ไม่ใช้เขาคงจะโกรธ แรกๆ เพื่อนผมมันก็บ่นๆ แต่สุดท้าย ของมันก็เต็มรถเข็นเหมือนกันนั่นแหละ เอาไปเบิกกับพี่ฟลอยด์ได้หรือเปล่าวะ

   “เอาไรอีกปะไอ้ป่าน” เดินจนทั่ว ขาแทบลาก ผมมองใบรายการก็ซื้อครบทุกอย่างแล้ว

   “ไม่ว่ะ กลับเหอะ”

   ค่าเสียหายทั้งหมดทำเอาเงินเป็นปึกเหลือไม่กี่ใบ นี่ไอ้ป่านคนนี้จะซวยหรือเปล่าวะ

   ผมขับรถพาไอ้ต้อมกลับมาที่คอนโดพี่เกน เราสองคนช่วยกันขนถุงขึ้นห้องด้วยความทุลักทุเล พออยู่หน้าห้อง ผมก็ใช้เท้าเตะเพื่อให้คนด้านในมาเปิด รออยู่นานจนถุงเกือบร่วง กว่าพี่เกนจะมาเปิด กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวตอนเปิดประตูแบบนี้พี่ท่านคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จล่ะสิ

   “นี่ซื้อตามที่พี่จดหรือเปล่าเนี่ย” คงเห็นมันเยอะเกินไป พี่เกนถึงกับตาโต “ไอ้เชี่ยฟลอย์ มาช่วยเมียมึงถือของสิวะ” ไอ้ต้อมทำหน้าเหลอหลาตอนพี่เกนตะโกน คือผมกับไอ้ต้อมยังยืนอยู่นอกห้อง แล้วพี่เกนตะโกนแบบนี้มันดังก้องทั่วชั้น ผมหัวเราะกับท่าทางของเพื่อน

   “มึงเป็นไรวะ ทำหน้าตื่นๆ” หลังจากคายถุงที่คาบให้พี่เกนถือ ผมก็ถามเพื่อนรักที่ยืนมองซ้ายมองขวา

   “พี่เกนแม่งตะโกนเสียงดัง คนอื่นก็ได้ยินหมดสิวะ”

   ขอขำแรงๆ ทีเถอะ

   ผมแทบลงไปนั่งดิ้นหัวเราะที่พื้น มันคงลืมว่าทั้งชั้นเนี่ย มีแค่สองห้อง คือห้องป๋า แล้วก็ห้องพี่เกน ผมก็บอกมันแล้วตอนมาใหม่ๆ แต่ดันลืมซะนี่

   “มึงโคตรตลก ชั้นนี้มีแต่ห้องพี่เกน แล้วใครจะมาได้ยินวะ” พูดไปเช็ดน้ำตาไป ไอ้ต้อมหน้ามุ่ยเลย

   เราสองคนเดินตัวปลิวเข้าห้องเพราะให้คนนั่งนอนในห้องเฉยๆ มาช่วยหิ้วไป พอเข้ามาก็เห็นกองของกินวางอยู่หน้าทีวี ข้างซองขนมยังมีเบียร์ที่หมดไปแล้วหลายกระป๋อง นี่เริ่มกันตั้งแต่เช้าขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย

   “ระวังเมาก่อนได้เป่าเค้กนะ” ผมเดินมาหาพี่เกนที่เคาน์เตอร์ครัว เจ้าของวันเกิดยิ้มหวานก่อนดีดน้ำจากปลายนิ้วใส่หน้าผม
 
   “ไม่หรอกน่า คืนนี้พี่ไม่มีทางเมา เพราะของขวัญเมื่อเช้ายังไม่อิ่ม” รอยยิ้มโคตรไม่น่าไว้ใจทำเอาผมต้องยกขาเตะ พี่เกนแม่งหัวเราะแล้วเดินเอาผักที่ล้างมาหั่น

   “พี่จะทำไรกิน”

   “เช้านี้ว่าจะเจียวไข่ก่อน ผักพวกนี้ล้างไว้เผื่อตอนเย็นจะได้ง่าย” คนทำอาหารเป็นคนเดียวในห้องขยิบตานิดๆ และความเลี่ยนของพวกผมคงไปกระทบกับพี่ฟลอยด์เลยโดนตะโกนด่ามา เห็นอยู่นะว่าโดนไอ้ต้อมด่า

   ผมช่วยหยิบนั่นหยิบนี่เท่าที่ทำได้ ก่อนไข่เจียวหอมๆ จะโป๊ะบนข้าวสวยสี่จาน พี่เกนเรียกเพื่อนมาเอาจานข้าว แต่เป็นไอ้ต้อมที่เดินมาหยิบแทน ผมเดินเอาจานของตัวเองกับพี่เกนเดินตามมันไป แล้วพวกเราทั้งสี่ก็นั่งที่พื้นกินข้าวเช้า ตาก็ดูละครจักรๆ วงศ์ๆ ในวันหยุด

   “กูดูมาเป็นชาติแล้วก็ยังไม่จบ” พี่เกนว่าออกมา ซึ่งผมก็เห็นด้วย

   “ทำเพื่อเรตติ้ง ตอนยิ่งเยอะเงินก็ยิ่งแยะไง เรียนมาทำไมไม่คิดวะ” พี่ฟลอยด์ขัดขึ้น ผมกับไอ้ต้อมต่างก็ส่ายหน้าให้กับสองคนที่เริ่มเถียงกันครับ

   ผมเก็บจานสี่จานไปล้างเพราะขี้เกียจฟังเพื่อนเขาเถียงกับเรื่องเงิน เรื่องค่าโฆษณาอะไรสักอย่าง มีไอ้ต้อมตามก้นมาด้วย มันคงรู้สึกเช่นเดียวกันผม

   “มึงโอเคหรือเปล่าวะ” อยู่ๆ ไอ้ต้อมก็ถามผมออกมา

   “โอเคอะไรวะ”

   “ก็ห้องนี้แม่งไม่มีความเป็นส่วนตัวไอ้ห่า” มองหน้าไอ้ต้อมอย่างขำๆ “มึงดูห้องน้ำ ประตูเป็นกระจกใส ใครแม่งคิดวะ จะขี้จะเยี่ยวแม่งเห็นหมด”

   “เจ้าของห้องมันจันไรไง แรกๆ มันเป็นแบบบานขุ่นเห็นแค่เงาลางๆ พอกูมาอยู่ไม่กี่วันเปลี่ยนเป็นแบบใสเฉย” คิดแล้วก็เคืองนะ ตอนนั้นผมก็ค้านหัวชนฝา กลับมาจากมหาลัยมันก็เปลี่ยนไปแล้วๆ แก้อะไรไม่ได้ด้วย

   “มึงไม่อายเหรอวะ”

   เอาจริงๆ ตอนแรกผมโคตรอายเลย แม้จะเห็นของไอ้พี่เกนแบบเอชดีมาหลายครั้ง แต่บางทีเราก็ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างในห้องน้ำ

   “ชินแล้วว่ะ”

   “แล้ววันนี้กูจะเข้าห้องน้ำที่ไหนดีวะ”

   นี่คงเป็นประเด็นหลักที่ไอ้ต้อมอยากพูดมากที่สุด

   “เดี๋ยวกูพามึงไปเข้าห้องป๋า” ไอ้ต้อมมันทำหน้างง ที่จริงมันก็รู้ว่าป๋าคือพ่อพี่เกนแล้วก็ไม่อยู่ในห้องอีก “ไม่ต้องห่วง พี่เกนเขามีกุญแจ”

   “กูกลัวว่าถ้าของหายเขาจะโทษกู” ตบบ่าไอ้ต้อมไป

   “มึงไม่ได้ขี้ขโมยไอ้ห่า แล้วก็นะ ถึงห้องน้ำในห้องป๋าจะเป็นแบบนี้” ชี้ไปที่ประตูห้องน้ำของพี่เกน “แต่ห้องนั้นไม่มีคนอยู่ มึงสบายใจได้” ไอ้ต้อมถอนหายใจออกมา “มีแค่กล้องวงจรปิดแค่นั้น”

   “ไอ้ห่าป่าน” หัวเราะให้กับเพื่อนตัวเอง ไอ้ต้อมมันขี้อายสำหรับคนอื่น ผมกับมันแล้วก็ไอ้ดอยเคยอาบน้ำด้วยกันตอนปีหนึ่งมาแล้ว แรกๆ ไอ้ต้อมจะเขินนิดๆ แต่พอครั้งต่อไปก็ปล่อยตามสบาย อาบจนชินเพื่อความเร็วตอนรุ่นพี่นัด ขืนช้าจะโดนลงโทษได้

   มื้อเช้าจบลง พวกผมก็เริ่มจัดสถานที่ ที่จริงไม่จัดก็ได้ แต่เจ้าของวันเกิดอยากได้แบบปาร์ตี้เลยมีพวกเส้นสายรุ้งสีๆ ติดไปทั่วห้อง มีลูกโป่งด้วย ไม่รู้ไปเอาที่ไหนมา ผมมีหน้าที่ติดก็ติดไป อยู่ๆ ไอ้ต้อมก็สะกิดยิกๆ หันไปมองมันก็บอกว่าอยากเข้าห้องน้ำ
 
   “มึงเข้าที่นี่แหละ เดี๋ยวกูเอาผ้าปิดให้” เริ่มสงสารเพื่อนตัวเองแล้วล่ะ เข้าใจความรู้สึกมันนะครับ ถ้าห้องนี้มีแค่มันกับพี่ฟลอยด์มันก็คงไม่ค่อยอาย แต่นี่มีพี่เกนด้วย

   “เออๆ ก็ดี แม่งจะออกอยู่แล้ว” ไอ้ต้อมหน้าบิดเบี้ยว ผมวางสายรุ้งแล้วเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เดินนำคนปวดฉี่ไปที่ห้องน้ำ

   “จะไปไหน” พี่เกนตะโกนถามเพราะกำลังนั่งอยู่บนบันไดเพื่อติดลูกโป่งกับเพดาน มีความพยายามมาก
 
   “ไอ้ต้อมอยากเข้าห้องน้ำ แต่ประตูของพี่มันจันไรไง” ผมว่า พี่เกนมองหน้าไอ้ต้อมแล้วหัวเราะออกมาก่อนจะโดนพี่ฟลอยด์ดีดลูกโป่งที่เป่าลมแล้วใส่หน้า ก่อนพี่แกจะเดินมาแย่งผ้าเช็ดตัวจากผมไปปิดให้เอง

   มีหวงด้วยเว้ยเฮ้ย แต่ไม่อยากบอกว่าผมเห็นของไอ้ต้อมจนเบื่อแล้ว

   กว่าจะจัดห้องเสร็จก็เกือบบ่าย ข้าวมื้อเช้าย่อยสลายหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้โคตรจะหิว ดีที่พี่ฟลอยด์โทรสั่งพิซซ่าไว้ เลยไม่ต้องทำมื้อเที่ยงเอง

   “นี่พี่บอกเพื่อนให้มาด้วยหรือเปล่า” ที่ถามเพราะแม่งจัดห้องอย่างกับจะมีคนมาเป็นสิบ

   “ไม่มี” หันไปมองแทบไม่ทัน

   “แล้วจะจัดใหญ่ทำไม”

   “ก็อยากจัด”

   ตามสบายครับพี่

   เลิกสนใจพี่เกนไปสนใจข่าวในทีวีแทน ดูไม่นานพิซซ่าก็มาส่ง ความหิวโหยทำให้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนพิซซ่าสองกล่องหมด ถึงกับแข่งกันเรอด้วยความอิ่ม

   “เมื่อกี้ผมไปเอาพิซซ่าทำไมไม่ใช่พนักงานส่งล่ะ” ไอ้ต้อมมันถามออกมา

   “ชั้นนี้ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา” พี่เกนตอบเรียบๆ

   “เมื่อกี้คงเป็นยาม ทุกทีลุงเขาก็เอาขึ้นมาให้แบบนี้แหละ” ผมก็เป็นเหมือนไอ้ต้อมตอนมาอยู่แรกๆ คนมันไม่เคยรวยแบบนี้นี่เนอะ

   เมื่อไอ้ต้อมได้คำตอบมันก็พยักหน้าเลิกสนใจ ผมเก็บกล่องไปทิ้งมีพี่เกนเก็บซากไก่ลงถังขยะเปียก แล้วเราก็เดินมาล้างมือพร้อมกัน

   “ไม่น่าชวนไอ้ฟลอยด์มาเลย” อยู่ๆ พี่เกนก็พูดออกมา ผมมองหน้าอย่างสงสัย “ไม่ได้สวีทเลยว่ะ”

   “ที่จริงป๋าน่าจะอยู่ด้วย วันเกิดทั้งทีต้องอยู่กับครอบครัวด้วยสิ”

   “ทุกทีพี่ก็ไปกับป๋านั่นแหละ ถือเป็นของขวัญวันเกิด” ของขวัญคนรวยมันแพงแบบนี้นี่เอง

   “คนรวยว่ะ”

   “ตอนนี้มีเมียเป็นตัวเป็นตนเลยอยากสวีทอยู่ห้องมากกว่า” ผมเหล่ตามองเจ้าของวันเกิด มือก็อ้อมไปตบไอ้ที่มันล้วงเข้าไปในกางเกง

   “อิ่มจะตายยังมีอารมณ์หื่นอีกนะคนเรา” ผมรีบเดินหนีออกไปนั่งรวมกับเพื่อนตัวเอง ไอ้ต้อมกับพี่ฟลอยด์ตาปรือๆ คงจะง่วง อิ่มปุ๊บก็จะหลับเลยนะ ส่วนพี่เกนก็เดินมาสมทบแล้วเอนตัวพิงหมอนอิงอันใหญ่ดูซีรี่ย์ “พี่เกน” ผมหันไปถลึงตาใส่คนที่นอนข้างๆ

   “ไม่เป็นไรหรอก สองคนนั้นมันหลับแล้ว” เชี่ย หันไปดู เพื่อนผมกับพี่ฟลอยด์หลับไปแล้วจริงๆ

   “ถึงหลับแล้วก็ไม่ได้” จับมือที่ไล้อก อีกข้างมันก็เลื้อยขา จับขามันก็เลื้อยเปลี่ยนที่อีก “ไอ้พี่เกน ถ้าไม่หยุดคืนนี้ไม่ให้นะเว้ย” ต้องขู่ครับ พอได้ยินมือดั่งปลาหมึกก็ถูกเจ้าของดึงกลับ เหลือแต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับสายตาที่จ้อง คืนนี้ไอ้ป่านรับศึกหนักอีกแน่

   ซีรี่ย์ในทีวีเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆ ผมก็ดูบ้างหันไปด่าพี่เกนบ้าง ชอบนักเป็นนักล้วงเนี่ย ล้วงจนอยากจะลากเข้าห้องน้ำซะให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่าเป็นประตูใสเห็นทะลุปรุโปร่งแบบนั้น

   คู่ที่หลับกว่าจะตื่น พี่เกนกับผมก็ทำกับแกล้มเกือบเสร็จหมดแล้ว ผมมองไอ้ต้อมเดินตาปรือเข้าห้องน้ำ มันคงลืมกังวลเรื่องประตูใส จะมีพี่ฟลอยด์ที่นั่งงงๆ เพราะพึ่งตื่น แต่พอหันไปทางห้องน้ำ พี่แกก็รีบตาลีตาเหลือกไปหาแล้วยืนขวาง ผมกับพี่เกนหัวเราะจนน้ำตาไหล

   “ของก็เหมือนๆ กันจะหวงทำห่าอะไร” พี่เกนตะโกนว่า เลยได้นิ้วกลางส่งคืน

   “พี่เกน” ผมสะกิดแขนคนที่คนยำหมูยอวุ้นเส้นในชามใหญ่ “แล้วถ้าเป็นผมพี่จะหวงป่ะ” ลองถามเล่นๆ มือที่คนอยู่หยุดทันใด

   “ตายเท่านั้น” ผมหัวเราะให้กับคนที่เพิ่งตะโกนว่าเพื่อนไปเมื่อกี้ ไม่ดูตัวเองว่ะแม่ง

   เราสองคนเลิกคุยกันแล้วหันไปมองไอ้ต้อมที่เดินหน้าตื่นมาหาผม มันยื่นหน้ามากระซิบว่าลืมเรื่องประตู อยากจะหัวเราะมันนะ แต่ก็เข้าใจเลยตบบ่ามันไปแล้วปลอบว่า พี่ฟลอยด์บังมิดไม่มีใครเห็น มันก็ยังเหลือบมองพี่เกนเป็นระยะ คงกลัวถูกพี่เกนมองของลับ

   “ของมึงเล็กเท่าถั่วเขียว พี่เกนมันไม่เห็นหรอก เชี่ย” ถูกไอ้ต้อมตบหัวอย่างแรง โคตรเจ็บ ขนาดพี่เกนยังตกใจ

   “พอดียุงมันเกาะ” ไอ้เชี่ยต้อมมันกวนตีน พี่เกนเหล่มองนิดๆ แต่ไม่กล้าทำอะไร ก็คนของเพื่อน ขืนต่อยไอ้ต้อมละก็ มีมวยเกิดขึ้นแน่

   งานปาร์ตี้วันเกิดเริ่มงานตอนห้าโมงพอดีเป๊ะ เพลงถูกเปิดจนดังลั่นห้อง ตอนยังไม่ได้ดื่มรู้สึกปวดหูมาก แต่พอเริ่มกริ่มๆ เพลงพวกนี้รู้สึกโคตรเบาแทบไม่ได้ยิน พี่ฟลอยด์กับพี่เกนผลัดกันร้องเพลง เสียงใสกับทำนองเพราะๆ โคตรเข้ากับหน้าตาคนร้อง
 
   “ฟังแบบนี้แล้วโคตรสบายหู” ไอ้ต้อมมันกระซิบเบา ตาก็มองแฟนมันครวญเพลงหวาน

   “ทำไมวะ” ขมวดคิ้วจ้องหน้าเพื่อน

   “มึงต้องลองไปกินกับกลุ่มแฟนของไอ้กลอย พวกพี่เขาโคตรสุดยอด”

   “ร้องโคตรเพราะเหรอวะ”

   “เพี้ยนจนหาทำนองไม่เจอ”

   แค่เห็นหน้าไอ้ต้อมผมก็ขนลุกแล้วครับ สยองแทน คงสงสารหูตัวเองสุดๆ แน่



   “ชน” เสียงลากยาวพร้อมยกแก้วชน พี่ฟลอยด์เดินไปเอาเป้ตัวเองมาเปิด กล่องของขวัญขนาดพอดีถูกยื่นให้เพื่อน พี่เกนยิ้มนิดๆ แล้วดึงพี่ฟลอยด์มากอด

   รู้สึกเหมือนมีดาวสองดวงขึ้นที่หางตา

   ไอ้ต้อมหันมามองผมแล้วหันไปมองเพื่อนที่กอดกันแนบแน่น นี่พวกพี่คิดไม่ซื่อต่อกันหรือเปล่าวะ พี่เกนดูโคตรซึ้งที่ได้ของขวัญจากพี่ฟลอยด์ มันเริ่มแปลกๆ แล้วว่ะ พอผละจากกัน พี่ฟลอยด์ก็ตบบ่าพี่เกนเบาๆ พร้อมรอยยิ้มที่ไอ้ป่านสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง

   หลังจากได้กล่องของพี่ฟลอยด์แล้ว ไอ้ต้อมก็ยื่นของตัวเองให้ พี่เกนเอ่ยขอบใจมันนิดๆ แล้วจะโผกอด แต่โดนพี่ฟลอยด์ใช้ขายันไว้เลยได้แต่คว้าอากาศ ผมหัวเราะงอหงายให้คนขี้หึง

   “กูแค่กอด”

   “งั้นให้กูกอดเมียมึงบ้าง มึงโอเคหรือเปล่าวะ”

   พอถูกสวนคนอยากกอดก็หน้าบึ้ง ผมลูบหลังพี่เกนเบาๆ เพื่อปลอบที่ถูกพี่ฟลอยด์ดุ ถึงบอกว่ารู้สึกถึงพลังบางอย่างไง

   เรื่องราวดราม่าจบลง ความสนุกก็กลับมาอีกรอบ คราวนี้เป็นผมที่โชว์ลูกคอเพลงพี่บี้ พี่เกนวิ่งออกมาเต้นตามจนเหนื่อยถึงเปลี่ยนให้พี่ฟลอยด์ร้องบ้าง ขานี้ก็มาแต่เพลงซึ้งๆ ความหมายดีๆ จนไอ้ต้อมจะเลี่ยนอยู่แล้ว

   “เหนื่อยเนอะ” พี่เกนหอบอยู่ข้างหู ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย ไม่คิดว่าเพลงพี่บี้จะกินพลังไปขนาดนี้

   เหล้าค่อยๆ หมดทีละนิด ไอ้ต้อมแทบไม่แตะเพราะมันจะเป็นคนขับรถ ดังนั้นพี่ฟลอยด์เลยซัดอย่างกับเป็นน้ำ แล้วก็ดวลกับพี่เกนนี่แหละครับ วัดความคอแข็ง ผมไม่เข้าร่วมด้วยหรอก จะตายเอา

   “ใครตอบผิดต้องกินนะมึง”

   ตอนนี้เราเริ่มเบื่อ เจ้าของวันเกิดเลยคิดเล่นเกมส์ตอบคำถาม ใครแพ้ดื่ม ส่วนคนถูกถามจะหมุนขวดเลือกเอา พี่เกนเริ่มคนแรก หมุนขวดติ้วๆ จนมันช้าลง แล้วหยุดที่พี่ฟลอยด์

   “เชี่ย ซวย” คนถูกปากขวดชี้สบถ

   “มดสามตัวเรียงกันเรียกว่าอะไร” คำถามโคตรเบาสมองถูกถามออกมา ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ตอบได้ไปแล้ว แต่นี่ถามคนเมา พี่ฟลอยด์ขมวดคิ้วนึกอยู่นาน

   “โคตรง่าย แอ่น แอ้น แอ๊น” พอได้ยินคำตอบ คนถามก็ส่งเสียงฮึดฮัด จากนั้นพี่ฟลอยด์ก็เป็นคนหมุน คนโดนก็ไอ้ต้อมครับ ดูเหมือนจะแอบจงใจด้วยนะ เห็นหมุนโคตรเบา “ปลาอะไรตัวเล็ก”

   “ปลาเข็ม” ไอ้ต้อมตอบอย่างไม่คิด หน้าตามันโคตรมั่นใจในคำตอบ

   “ผิด” คนมั่นใจหันขวับทันที

   “แล้วปลาอะไร”

   “ปลาทู” พี่ฟลอยด์ยู่ปากซะเล็ก ผมกับพี่เกนหัวเราะ มีไอ้ต้อมคนเดียวที่หน้าบึ้ง แต่มันก็รอดพ้นจากการลงโทษเพราะมันเป็นคนขับรถ สรุปคือถามเองโดนเอง “เชี่ย กูโดนสองเด้ง เลิกๆ”

   “ผมยังไม่ได้ถามเลย” ไอ้ต้อมโวยวายแต่พี่ฟลอยด์ไม่เล่นแล้ว ผมเลยปล่อยให้เถียงกันไปแล้วมาดวลเหล้ากับพี่เกนแทน

   “เป่าเค้กๆ” พี่ฟลอยด์ตะโกนออกมาแล้วพุ่งมาหาพี่เกน “เป่าเค้กเลยกูจะกลับแล้ว”

   “เพิ่งสองทุ่ม มึงจะรีบไปไหน”

   “ไปเอาเมีย”

   ผมอ้าปากมองพี่ฟลอยด์ ไม่ใช่ตะลึงที่พี่เขาพูดนะครับ แต่ตะลึงที่ไอ้ต้อมขว้างหมอนโดนหัวแล้วหน้าพี่ฟลอยด์ก็พุ่งเข้าปะทะหน้าพี่เกน จนปากเขาชนกัน เชี่ยแล้ว

   “พี่จูบกัน” ไอ้ต้อมตาโตมอง พี่ฟลอยด์ตบหัวเพื่อนตัวเองจนผมตกใจ

   “ตบหัวกูทำพ่อง” พี่เกนด่าครับ

   “กลับเว้ย ไม่เป่าเค้กแล้ว กลับๆ” พี่ฟลอยด์โวยวายแล้วลากแขนไอ้ต้อมออกไปทันที ผมก็พอรู้ว่าพี่ฟลอยด์เอาแต่ใจ แต่ไม่คิดว่าจะทำตัวเป็นเด็กขนาดนี้ ขี้โวยวายด้วย ผมว่าคนที่โชคร้ายน่าจะเป็นไอ้ต้อมแล้วละ เจอศึกหนักขนาดนี้ เห็นแล้วเหนื่อยแทน

   พอประตูห้องปิด ห้องก็มีแต่เสียงเพลงเปิดคลอ ผมกับพี่เกนมองหน้าอย่างงงๆ ก่อนจะพากันหัวเราะออกมา นี่ถ้าบอกว่าไอ้ต้อมรุกผมยังจะเชื่อมากกว่าอีก พี่ฟลอยด์โคตรง้องแง้ง ส่วนไอ้เรื่องจูบกัน ผมยังเคยแกล้งจูบปากไอ้ต้อม ไอ้ดอยก็เคย

   “เพื่อนพี่โคตรตลกว่ะ” ผมว่า

   “รู้มานานแล้ว” พี่เกนว่า แล้วมองผมตาเยิ้ม สงสัยจะเมา

   “กินเค้กไหวปะ” ที่ถามเพราะทั้งเหล้าแล้วก็กับแกล้มแน่นท้องมาก พี่เกนส่ายหน้าช้าๆ “งั้นเป่าก็พอเนอะ” คราวนี้พี่เกนพยักหน้า

   ผมเดินไปหยิบเค้กในตู้เย็น มีพี่เกนเดินตามมายืนซ้อนหลัง ปักเทียนไปตาก็เหล่คนข้างหลังไป ถ้าจะยืนชิดขนาดนี้ก็สิงร่างไปเลย

   “พี่ไปปิดไฟสิ”

   “ไม่ต้องปิดหรอก”

   “เออๆ”

   และแล้วเทียนก็ถูกจุดทั้งที่ไฟยังเปิด แล้วแบบนี้จะจุดเทียนให้เปลืองทำไม ผมยกเค้กไปตรงหน้าเจ้าของขวัญเกิด พี่เกนมองเค้กก่อนจะจ้องหน้าผมผ่านแสงเทียนสีส้ม

   “ขอบใจนะ”

   พี่เกนหลับตาลงแล้วอธิฐานเงียบๆ ไม่นานก็ลืมตาขึ้นมาเป่าเพียงรอบเดียวเทียนก็ดับหมด ผมเอาเค้กไปวางที่เคาน์เตอร์เพื่อจะดึงเทียนออก อยู่ๆ กล่องของขวัญของพี่ฟลอยด์ก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

   “อะไร”

   “ของขวัญไง”

   “พี่ฟลอยด์ให้พี่นี่” ตอนนี้ไอ้ป่านเริ่มงงแล้วครับ พี่เกนจะเอาของขวัญตัวเองให้ผมทำไม “ให้ผมเปิดเหรอ” คนยื่นให้พยักหน้ารัวๆ ผมมองสายตาวิบวับอย่างไม่ค่อยไว้วางใจ “ไม่ได้แกล้งผมใช่ป่ะ”

   “เปล่าเลย”

   ผมเริ่มลงมือแกะห่อของขวัญกล่องขนาดกลาง พี่เกนดูจะลุ้นเหลือเกินจนน่าสงสัย กระดาษร่วงลงไปแล้วทำให้เห็นกล่อง คนข้างๆ ก็ยิ่งลุ้น ผมเปิดฝากล่องแล้วค่อยๆ ดึงของข้างในออกมา

   วิ้งๆ รู้สึกคล้ายกับลมออกหู ทั้งโกรธ ทั้งเครียด ต่างจากพี่เกนที่ดูจะยิ้มพอใจกับของในมือผมซะเหลือเกิน

   “พี่จะใส่ใช่มั้ย” ถามเสียงนิ่งๆ

   “ป่านนั่นแหละ”

   ไม่รู้ว่าเผลอบีบกล่องแน่นตอนไหน รู้อีกทีมันก็เกือบแหลกคามือไอ้ป่านแล้วครับ แล้วของที่อยู่ในกล่องคือผ้ากันเปื้อนเป็นปึก มีทั้งลายการ์ตูน ลายเซ็กซี่ และที่สำคัญ มีแบบตาข่ายบางๆ ทั้งสีขาว สีดำ นี่โคตรจันไร

   “ชุดนี้ใส่คืนนี้ ชุดนี้ใส่พรุ่งนี้ ชุดก็วันมะรืน แล้วนี่ก็...”

   “ไม่ใส่เว้ย พี่โรคจิตเหรอวะ แม่ง”

   คิดมาได้ยังไงจะให้ผมใส่ผ้ากันเปื้อนนอน ผมไม่ได้ทำอาหารนะ มิน่าถึงดูซาบซึ้งตอนพี่ฟลอยด์เอาให้ คงเตี๊ยมกันมาละสิ แม่ง

   “พี่ปูนใส่ยิ่งกว่านี้”

   “นั่นพี่ปูน แต่นี่ไอ้ป่าน ไม่ใส่เว้ย” มีตัวอย่างให้เห็นนี่เอง

   “ป่านครับ”

   “ไม่ต้องมาเรียก ไม่ใส่” เดินเลี่ยงมาเก็บแก้ว เก็บจาน ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว เลิกๆ

   “เดี๋ยวใส่เป็นเพื่อนก็ได้”

   “ป๋าใส่กับพี่ปูนด้วยล่ะสิ” เหล่ตามอง ไอ้พี่เกนพยักหน้าเฉย

   “นะๆ พี่ปูนใส่นอนทุกคืนเลยนะ” จานเกือบร่วงครับ

   “พี่รู้ได้ไงวะ”

   “ถ้ากลับห้องไวก็ไปกินข้าวด้วย พี่ปูนก็ใส่แต่ผ้าคลุมกันเปื้อนเดินไปเดินมา”

   “ใส่เสื้อผ้าด้วยมั้ย” พี่เกนส่ายหน้ารัวๆ เริ่มเข้าใจแล้วที่ป๋าว่า เชื้อไม่ทิ้งแถว ผมว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ “ไม่ต้องมาจับ คืนนี้จะกลับบ้าน”

   “โนวๆ ไม่ให้กลับ วันนี้วันเกิดพี่น้า” ผมเดินไปที่ประตูมีพี่เกนลงไปนั่งที่พื้นรั้งขาผมไว้ “ป่านครับ” พยายามสะบัดขาแต่เกาะโคตรแน่น “ป่าน”

   “ไม่ต้องเรียกเลย”

   “ป่าน”

   “ไอ้พี่เกน”

   ฉิบหาย มัวแต่คิดจะออกจากห้องจนลืมดูกางเกงตัวเองที่ถูกไอ้พี่เกนดึงร่วงไปกองที่พื้น รู้แบบนี้ไม่น่าใส่กางเกงวอร์มอยู่ห้องเลยว่ะ พอจะก้มดึงกางเกงขึ้น ตัวผมก็ลอยหวือก่อนถูกโยนลงบนเตียง

   “ป่าน”

   “เข้ามาถีบนะเว้ย” ไม่สนแล้วว่ากางเกงมันจะหลุดปลิวไปเหลือแต่กางเกงในสีขาว

   “ถีบเลย ถีบตรงนี้เลยนะ” ไอ้พี่เกนค่อยๆ คืบคลานขึ้นเตียง “ถีบสิ ถีบเลยครับ” มีชี้ที่อกตัวเองด้วย “ป่าน”


   เงียบ...


   ผมค่อยๆ ยันตัวลุกแล้วคลานไปดูปลายเตียง พี่เกนที่ถูกผมยันเปรี้ยงเดียวเข้าปลายคางนอนหลับตาพริ้มอยู่ที่พื้น ฉิบหายแล้ว

   “พี่ท้าให้ผมถีบเองนะเว้ย”

   พยุงคนน็อคกลางอากาศขึ้นมานอนบนเตียง ผมว่า สภาพแบบนี้คงนอนยาวจนถึงเช้าเชียวล่ะ นี่คือจุดจบของคนหื่น โดนทีเดียวนับดาวยันเช้า


   สุขสันต์วันเกิดนะพี่เกน แล้วก็ขอโทษด้วย ไอ้ป่านไม่ได้ตั้งใจจริงๆ   


...........................

มาแบบเบาๆ ค่า หวังว่าพี่เกนคงจะไม่เป็นตัวประกอบแล้วเนอะ  :laugh:     

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 08-12-2016 22:57:30
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-12-2016 23:15:32
ฮ่าๆๆๆ โถววว ไม่น่าเลยคนหื่น นอนนับดาวไปดิ

ป.ล. ตอนต้อมบอกเคยฟังพวกพี่โชร้องเพลงนี่ถึงกับลั่น ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 08-12-2016 23:48:24
ไม่น่าเลยพี่เกน
เรายังอยากเห็นป่านใส่ชุดแบบนั้นนะ 55
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2016 23:52:15
ป๋า พี่ปูน นี่หื่นสุดๆ
พี่ฟลอยด์ พี่เกน นี่ก็หื่นไม่น้อยหน้า
พี่เกน นอนนับดาวในห้อง
เอ่อ...ห้องพี่เกน นี่หลังคาเปิดได้ด้วย สุดยอดดดดด
ว่าแต่พี่เกน นับดาวทั้งคืน นับได้กี่ดวงกันนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-12-2016 04:05:47
สงสารคนหื่น ฮ่าๆ
ว่าแล้วว่าของในกล่องต้องไม่ธรรมดา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 09-12-2016 05:23:32
นอนนับดาวฉลองวันเกิดเลยพี่เกน

ทั้งสงสารและ สมน้ำหน้า 555555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 09-12-2016 05:55:04
พี่เกนอดเลย ได้วันนี้วันอื่นยังมีนะ 555

เรื่องนี้อ่านไม่เบื่อเลย ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-12-2016 10:35:42
 :laugh: :laugh:

 :m20: :m20: :m20:

ขำหนักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 09-12-2016 12:42:34
สนุกมากๆเลยคับ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-12-2016 13:50:49
โธ่ เลยได้นับดาวแทนที่จะได้นับบันไดขึ้นสวรรค์ว่ามีกี่ขั้น :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-12-2016 14:59:29
ป่านหนูโหดร้ายมาก วันเกิดพี่เกนนะ ฮาไปไหน  :m20:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-12-2016 16:02:59
ตาย ตาย แกตายป่าน ถ้าพี่เกนฟื้นแกตายแน่ๆ งานนี้
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 09-12-2016 17:41:50
ป่านใจร้ายยยยย วันเกิดพี่เกนนะ ทำไมไม่ตามใจพี่เค้าล่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 09-12-2016 20:22:46
ป่านช่างถีบกันได้ลงจริงๆๆ ไม่อยากจะคิดตอนพี่เกนฟื้นมา :hao3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 09-12-2016 20:37:54
555 อดเลยพี่เกนนนน สมควรโดนแล้ววววววว :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-12-2016 22:38:35
รักกันรุนแรงจริงๆ เลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-12-2016 05:57:52
 :m20: :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-12-2016 07:26:17
เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆพี่เกน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-12-2016 14:14:07
ว้าวๆๆๆ เค้ามีมุมหวานกัน เกนป่าน
เกนเอาใจป่านน่าดู ป่านก็ชิลมาก

แล้วเป็นไงล่ะ ท้าไม่ใช่เรื่อง ยังไม่ทันนับดาวเลย ป่านก็บ้าจี้ถีบจริงจัง 55555

ตลกฟลอยด์ คือจะเอาแต่ใจไปไหนอีก 55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 12-12-2016 22:01:19
 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 13-12-2016 22:27:50
ป่านใจร้ายอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 14-12-2016 12:29:59
เกรียนกันยกก๊วนอ่ะ :hao7: กลุ่มสามีนี่ก็... :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 18-12-2016 20:17:52
นอนดับดาว 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันเกิด Up!! [P.20]<<[08/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 19-12-2016 19:30:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-12-2016 20:03:30
No Sugar ตอนพิเศษ : คริสมาสสุดหรรษา



       ผมไม่รู้ว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นี่ ผมคิดถูกหรือคิดผิด แต่ผมว่าน่าจะอย่างหลังนะ ผมนั่งมองเพื่อนสนิทตัวเองกำลังสนุกสนานกับการถูกจับแต่งตัว แล้วคนที่แต่งตัวให้คือใครล่ะ

   “ไอ้กลอย มึงว่าแบบนี้พี่เขาจะจำไม่ได้เหรอวะ” ไอ้ป่านมันหันรีหันขวางจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองหน้ากระจก

   “เออสิ มึงเชื่อกู เพราะกูมีประสบการณ์มาก่อน” ผมเลิกคิ้วมองไอ้คนอวดอ้างประสบการณ์

   “ประสบการณ์อะไรของมึง” ไอ้ป่านคงคิดไม่ต่างจากผม มันเลยถามออกมา

   “ตอนวันฮาโลวีน กูแต่งเป็นผีแคสเปอร์เว้ย” พูดจบไอ้กลอยมันก็ยืดคอ ทำข่มพวกผม

   “แล้วพี่โชจับได้หรือเปล่าวะ” อดไม่ได้ที่จะถาม รู้สึกหมั่นไส้ไอ้ขี้อวดนัก ไอ้กลอยทำตาโตหันมองไอ้ป่านที ผมทีแล้วฉีกยิ้มอย่างมั่นใจสุดๆ

   “อย่างกู” มันชี้นิ้วเข้าหน้าตัวเอง “จับได้ตั้งแต่หน้าประตู ไอ้ห่า โคตรอารมณ์เสีย”

   ทั้งผมและไอ้ป่านต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง ไอ้เชี่ยกลอยมันบ้าไปแล้ว ทำเหมือนโคตรเก่ง สุดท้ายก็เก่งแต่ปาก

   “ไอ้เหี้ย กูก็นึกว่าเนียน” ไอ้ป่านมันเช็ดน้ำตาแล้วตบไหล่ไอ้กลอยที่มันทำหน้ามุ่ย ผมลุกขึ้นยืนแล้วไปหาไอ้เพื่อนต่างคณะ

   “กูคงไว้ใจมึงไม่ได้ว่ะ” แล้วผมก็หัวเราะออกมาอีก ไอ้กลอยมันทำปากเป็ด สะบัดหน้าค้อนจนแทบได้ยินเสียงกระดูกมันลั่น “เชี่ยนี่ขี้งอนเว้ย รีบๆ แต่งเถอะ กูร้อนจะตายห่าแล้ว”

   นี่ขนาดเปิดแอร์นะครับ ยังร้อนขนาดนี้

   ตอนนี้พวกผมอยู่ไหนน่ะเหรอ ผมกับไอ้ป่านถูกลากมาร้านไอ้กลอยหลังจากเลิกเรียน ผมถูกมันจู่โจมถึงหน้าตึก แอบเห็นไอ้พวกเพื่อนที่หมายปองไอ้กลอยมองตาละห้อย ช่วงนี้มันน่ารักขึ้นเป็นกอง คงเพราะตัดผมทรงใหม่กับทำสีน้ำตาลอ่อน หน้าขาวมันเลยเด่นพอๆ ปากแดงมัน ไม่รู้ทรงนี้ผ่านความเห็นชอบพี่โชมาได้ยังไง

   “ไม่มีความอดทนเอาซะเลย” ไอ้ป่านแขวะผม เฮ้ย มึงเป็นเพื่อนกูนะเว้ย ไหงมันตีซี้ไอ้กลอยไปซะแล้ว

   มัวแต่คุยกันจนใกล้เวลาเริ่มงาน...งานที่ว่าคือปาร์ตี้วันคริสมาสครับ จัดที่บ้านพี่ฟลอยด์ อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจัด แต่พี่ฟลอยด์ยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าอยากจัดที่บ้าน แล้วพ่อก็อนุญาตด้วยเว้ย โคตรแปลกใจ ที่สำคัญคือ พี่ฟลอยด์ชวนเพื่อนตัวเองแค่คนเดียวคือพี่เกน นี่พี่เขาไม่มีคนคบเหรอวะ แต่นั่นยังไม่สำคัญพอ เพราะคนที่ถูกเชิญมา กลับกลายเป็นพี่โชและผองเพื่อน


   โคตรเซอร์ไพรส์


   ไม่รู้พี่ฟลอยด์ไปชวนกลุ่มพี่โชมาได้ยังไง และไม่รู้ทำไมกลุ่มพี่โชถึงยอมมา ที่แน่ๆ ผมต้องเตรียมหาที่อุดหูไว้แจกให้พ่อแม่ผมแล้วก็พ่อพี่ฟลอยด์แน่

   “ไอ้เชี่ยต้อม หากมึงกลัวผัวมึงจับได้ กูมีอาวุธลับ” ผมเหล่ตามองไอ้คนบอกมีอาวุธลับที่มันเดินไปค้นเอาของข้างตู้เสื้อผ้า เห็นมันควานๆ หาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา “นี่ไงมึง”

   “ฉิบหาย” ผมสบถเองครับ

   สิ่งที่มันถือออกมาคือแว่นตาที่มีจมูกอันโตๆ แล้วก็หนวด มันไปหาจากที่ไหนมาเนี่ย เตรียมทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ อย่างจะก้มกราบมันจริงๆ

   “มึงฉลาดมากเพื่อน” นั่น ไอ้ป่านเห็นดีเห็นงาม แถมยังเอาไปใส่เรียบร้อย

   นี่มันเป็นเพื่อนผม หรือเพื่อนไอ้กลอยกันแน่วะครับ

   “แล้วไอ้เชี่ยทูล่ะ มึงไม่ให้มาแต่งตัวแบบพวกกูบ้าง” เพื่อนสนิทมันทั้งคน ทำไมไม่บังคับมาด้วย แบบที่มันบังคับผมกับไอ้ป่านเนี่ย รู้สึกหลังๆ มานี้กลายเป็นผมคนเดียวที่คล้ายว่าถูกบังคับ

   “ไอ้เชี่ยทูชิ่ง กูยังโมโหมันอยู่ เลิกปุ๊บเหมือนจะรู้ว่ากูคิดจะทำอะไร แม่งเผ่นกลับบ้านเฉย ตอนนี้คงไปงานกับพี่เบแล้วมั้ง” ไอ้กลอยทำปากยื่นบ่นๆ ตัวมันกับไอ้ป่านกำลังหมุนไปหมุนมาหน้ากระจก

   ชอบจริงนะ ทำแบบนี้เนี่ย

   เสียงโทรศัพท์ผมดังเป็นรอบล้านแปด ไม่ใช่แค่ผมหรอก ไอ้ป่าน ไอ้กลอยก็ด้วย พวกเราไม่มีใครรับสักคน คนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใคร ก็คนที่รู้ๆ กันอยู่ แต่ไอ้กลอยหนักหน่อย พี่โชคงใช้เพื่อนมันแล้วก็เพื่อนตัวเองโทรจิกด้วย ทั้งโทรทั้งข้อความ โคตรโหด

   “เสร็จยังวะ ถูกโทรตามจนมือถือกูจะระเบิดอยู่แล้ว” ผมบ่น พวกมันจะส่องกระจกทำไมกันมากมาย

   “เออๆ ขี้บ่นจังวะ เพื่อนมึงแม่งขี้บ่น” ไอ้กลอยหันไปสะกิดไอ้ป่าน ซึ่งเพื่อนผมมันก็หัวเราะเห็นด้วย

   “งี้แหละ ไม่บ่นก็ไม่ใช่ไอ้ต้อม” ลุกขึ้นไปเตะปากเพื่อนตัวเองสักหนึ่งทีจะมีใครว่าอะไรมั้ย แม่ง

   “เออกูขี้บ่น แล้วจะไปกันได้หรือยัง แต่งแค่นี้ยังไม่แน่นพออีกเหรอไอ้ห่า จะห้าโมงอยู่แล้ว รถติดอีก” อยากให้บ่นก็จัดไป ไอ้กลอยรีบคว้ากระเป๋ามาสะพายก่อนยกมืออุดหูเดินนำพวกผมลงไปด้านล่าง


   นี่คือด่านแรกครับ


   ชั้นล่างของที่นี่เป็นร้านอาหาร ที่จริงเคยมาสองถึงสามรอบ อาหารที่แม่ไอ้กลอยทำคืออร่อยมากจริงๆ ไม่แปลกใจที่ไอ้กลอยมันจะทำอร่อย และที่กังวลคือ ลูกค้าที่มานั่งกินข้าวเขาคงจะไม่ตกใจจนช็อคตายใช่มั้ย

   ระหว่างที่ผมกังวล ไอ้กลอยมันกลับตื่นเต้นที่จะได้ทดสอบสิ่งที่มันตั้งใจคิดและบังคับพวกผมทำ พอพวกเราสามคนเหยียบพื้นชั้นล่าง บรรดาลูกค้าที่กำลังกินหรือเคี้ยวข้าวไปแล้วต่างก็ตกตะลึงนิ่งค้างไป นี่แหละสิ่งที่ผมเครียด

   “โฮะ โฮะ โฮะ เมอรี่คริสมาส” ขาผมแทบก้าวไม่ออก แต่ไอ้กลอยกับไอ้ป่านกลับเดินไปอย่างไม่มีสะดุด แถมยังหัวเราะแบบลุงซานต้าอีก มือก็ล้วงเอาลูกอมที่เตรียมใส่ถุงไว้แจกตามโต๊ะคนละเม็ดสองเม็ด

   ไอ้ต้อมก้าวขาไม่ออก

   ไอ้ป่านที่เดินนำไปไกลไม่เห็นผมตามหลัง มันเลยวิ่งย้อนมาหาแล้วลากผมออกจากร้าน แค่นี้ผมก็โคตรอายแล้วว่ะ แม้จะมีแว่นตานี้บังหน้าก็เถอะ แต่มันละอายใจ โอ้ย ไอ้ต้อมสาบานว่าจะไม่ทำอีก

   รถเก๋งของไอ้ป่านมีไอ้กลอยนั่งข้าง พวกมันสองคนคุยโม้ว่าสนุก ไม่มีใครจับได้ ที่สำคัญ มีคนขอถ่ายรูปด้วย แล้วทำไมผมถึงต้องนั่งก้มหน้าแบบนี้เนี่ย แล้วเมื่อกี้เกือบถูกตำรวจเรียกเพราะแต่งตัวแบบนี้ขับรถ ยังดีที่ไอ้ป่านมีใบขับขี่ แล้วไอ้กลอยก็โชว์ยิ้มหวานบอกจะไปงาน คุณตำรวจหน้าขาวเลยปล่อยไปแบบเบลอๆ

   แล้วของจริงมาถึง รถไอ้ป่านจอดต่อท้ายรถออดี้สีขาว ดูจากตัวรถแล้วราคาคงไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลักแน่นอน ไอ้ยินไอ้กลอยเปรยเบาๆ ว่ารถพี่ซัน เพื่อนพี่โชแม่งรวยกันทุกคน ก็นะ คนรวยก็มักจะคบกับคนรวย แต่ไอ้ต้อมมันจน เดี๋ยวๆ นี่ไม่ใช่เวลามาน้อยใจโชคชะตา ผมต้องสนใจงานด้านในมากกว่า

   “โคตรตื่นเต้น” ไอ้ป่านลุกลี้ลุกลนพอๆ กับไอ้กลอย มีผมคนเดียวที่นิ่ง ไม่ใช่ไม่ตื่นเต้นนะครับ แต่มันเครียดไง

   “พวกมึงต้องทำตามที่กูบอกนะ ห้ามหลุดพูดกับใคร แล้วเดินเรียงกันเข้าไป อย่าให้ใครจับได้ ใครถูกจับได้ก่อนเลี้ยงเหล้าแพงที่สุดนะมึง” ไอ้กลอยกำชับเป็นร้อยรอบ ผมเลยโบกหัวมันไปเบาๆ

   “ย้ำอยู่ได้ เข้าไปยัง” คือมือถือผมมันสั่นที่ขาอยู่ตลอด สั่นจนขาจะเป็นโรคร้ายอยู่แล้ว

   ไอ้ป่านเดินนำหน้า ถัดมาไอ้กลอยแล้วก็ผมปิดท้าย สามหนุ่มสามมุมแต่งชุดซานตาคลอสสีแดง บนหัวมีหมวก ใบหน้ามีแว่นตาอันใหญ่ปกปิด แล้วความสูงพวกเราก็ไล่ๆ กัน ห่างไม่ถึงห้าเซ็น เลยดูเหมือนตัวเท่ากันหมด พอพวกเราก้าวเข้าไปเป็นขบวน คนด้านในที่กำลังคึกคักลองไมค์หันมามอง ทุกสายตาจ้องมายังพวกผม แทบหยุดหายใจให้ตาย

   “โฮะ โฮะ โฮะ เมอรี่คริสมาส” ไอ้ป่านให้สัญญาณปุ๊บ พวกเราก็รีบหัวเราะทันที แม้เสียงผมแทบไม่ได้ยินก็เถอะ นี่ถ้าถูกจับได้ตั้งแต่แรกนะ จะเอาหัวมุดดินเลยคอยดู

   “เชี่ย นั่นซานตาคลอสหรือคนแคะทั้งสามวะ” ผมหันขวับไปมองคนพูด เพื่อนพี่โชที่มีเสียงอันสุดแสนจะเพี้ยนพูดออกไมค์ครับ ทำเอาทุกคนต่างพากันหัวเราะเสียงดัง เคืองเหี้ยๆ ผมเห็นไอ้กลอยกำมือแน่น คงพยายามห้ามหมาในปากเพราะกลัวถูกจับได้

   แต่สุดท้าย พวกเราก็เดินหน้าเข้างานต่อ มีเสียงหัวเราะเบาๆ ให้ได้ยิน ก็เพื่อนพี่โชนั่นแหละครับ แม่ง ว่าแต่ พี่ฟลอยด์หายไปไหนวะ

   “เฮ้ย ว่าไงซานต้าแคระ” พี่หน้าดุที่น่าจะชื่อจอมโผเข้ามากอดคอไอ้ป่านครับ คงแยกไม่ออกเหมือนกันว่าใครเป็นใคร ก็เล่นแต่งตัวเหมือนกันทุกอย่าง

   ไอ้ป่านไม่กล้าพูดออกเสียงเลยได้แต่ตบมือที่จับไหล่มันเบาๆ เป็นการทักทาย อีกอย่าง มันก็ไม่รู้จัก พี่จอมเหยียดยิ้มแล้วดึงไอ้ป่านออกจากแถวเรียงสาม เพื่อนผมมันพยายามกวักมือเรียกผมด้วย แต่ไอ้กลอยส่ายหน้าใส่

   “เอาไงต่อวะ” ยื่นหน้าไปกระซิบถามไอ้ตัวต้นเรื่อง ไอ้กลอยมันบอกให้เดินต่อครับ เอาลูกอมไปแจกทุกคน แล้วห้ามพูดด้วย เชี่ย มันทำได้ แล้วผมละวะ แค่ถูกพี่เสียงเพี้ยนมองก็ก้าวขาไม่ออก “มึงแจกคนเดียวไม่ได้เหรอวะ”

   “ไอ้เชี่ย ขึ้นหลังแมวแล้วห้ามลงเว้ย”

   “หลังเสือหรือเปล่าวะ”

   “พวกนี้สิ้นลายเสือแล้วโว้ย”

   เอาที่ไอ้กลอยมันสบายใจครับ แล้วมันก็เดินแยกไปแจกลูกอมให้พวกเพื่อนแฟนมัน ผมก็แยกไปที่โต๊ะของพ่อแม่ตัวเอง พวกท่านหัวเราะใหญ่ ส่วนพี่ตุ้มพี่ชายผมเอาแต่ส่อง มองซ้ายมองขวาเพื่อสำรวจ ผมพยายามทำตัวนิ่งๆ ไม่แสดงอาการ แต่โคตรกลัวเลย ยิ่งหลานรักของผมเดินมาสะกิดขากางเกงเพื่อขอลูกอมอีก จะถูกจับได้มั้ยเนี่ยไอ้ต้อม

   เมื่อแจกลูกอมเสร็จผมรีบชิ่งหนีให้ห่างจากโต๊ะ เพิ่งสังเกตว่าพี่ฟีนนั่งข้างพี่ของผมด้วย เหมาะกันมากที่สุดว่ะ มัวแต่สนใจพี่ชายจนมีเสียงโวยวายด้านหลังผมเลยต้องหันไปมอง


   ฉิบหาย ไอ้ป่านถูกดึงแว่นตาออกแล้ว


   คนดึงคือพี่เกนครับ หน้าตาพี่เขาโคตรบึ้งตึง ไม่รู้จำไอ้ป่านได้ยังไง ผมว่า พี่จอมต้องบอกแน่ ดูจากรอยยิ้มร้ายๆ ตอนดึงไอ้ป่านออกจากแถว ผมว่าพี่เขาต้องรู้ว่าคนที่พี่เขาเอาไปไม่ใช่ไอ้กลอย ผมรีบเดินไปหาซานต้าอีกคนที่ยืนตะลึงไม่แพ้ผม ไอ้กลอยมันลนลานแล้วครับ

   “เอาไงดีมึง” ผมกระซิบข้างหูมัน

   “ไม่รู้ว่ะ แต่เพื่อนมึงโคตรอ่อน” รีบหันไปมองแทบไม่ทัน ไอ้เชี่ยกลอยมันพูดนิ่ง แต่ท่าทางโคตรไม่เป็นปกติ “เชี่ย” ได้ยินมันสบถหลังจากหันไปมองด้านหลัง ด้วยความสงสัยเลยหันไปมองบ้าง

   แจ็คพอต คนที่ตามหามาแล้ว

   พี่ฟลอยด์เดินออกมากับพี่โชครับ หน้าตาไร้รอยยิ้ม ดวงตาดุสองคู่จ้องมาที่พวกผมยืนอยู่ ไอ้ต้อมต้องซวยแน่ จำได้มั้ยครับ ว่าผมเป็นโรคกลัวเสียงโทรศัพท์ หากไม่รับพี่ฟลอยด์จะมาถึงที่ แล้วนี่โทรไปหาผมกี่สาย ตายๆ ไอ้ต้อม อวสานแน่ชีวิตผมนี้

   “นิ่งๆ” ไอ้กลอยพยายามบอกผม แล้วมันก็แกล้งทำตัวร่าเริง “โฮะ โฮะ โฮะ เมอรี่คริสมาส” มันเดินเอาลูกอมไปยื่นให้พี่ฟลอยด์ครับ คงคิดอยากจะทำตัวเป็นผมแน่ ไอ้นี่ไม่กลัวสายตาพี่โชเลย จ้องจะทะลุแว่นอยู่แล้ว

   “มึง” เสียงพี่ฟลอยด์ครับ จ้องไอ้กลอยไม่วางตาเหมือนกัน จนผมต้องรีบเดินไปหาแล้วยื่นลูกอมให้พี่โชบ้าง โคตรสั่นเลย
 
   “ขอบใจ” เสียงพี่โชก็นิ่งมากเช่นกัน มีขอบใจผมด้วย เห็นคิ้วพี่เขาเลิกขึ้น เพราะมือผมตอนวางลูกอมมันสั่นนั่นเอง “ว่าแต่ สนุกมั้ย”

   ตายๆ อยู่ๆ พี่โชก็ถามออกมา

   “นิดหน่อย” หันขวับไปมองไอ้กลอย แม่งมันเผลอพูดอะ แล้วเหมือนจะรู้ตัว มันรีบยกมือปิดปาก แต่ไม่ทันแล้วว่ะเพื่อน มึงเดินมาจนสุดทางแล้ว

   “คราวหลัง หัดทำให้เนียนๆ หน่อยนะ” คราวนี้พี่โชยกยิ้มที่มุมปากแล้วยื่นแขนมาคล้องคอไอ้กลอย “เกรียนเอ้ย”

   “เอาใหม่ๆ ห้ามจับได้ดิ่ แต่งตัวตั้งนาน” ได้ยินไอ้กลอยโวยวายหลังจากถูกพี่โชลากไปรวมกับเพื่อนตัวเอง เห็นไอ้ทูนั่งหัวเราะจนน้ำตาไหล

        อยากสมน้ำหน้ามันนะ แต่ผมจะรอดหรือเปล่า

   พอหันกลับมาจ้องคนของตัวเอง พี่ฟลอยด์ทำหน้าดุมาก ชนิดที่ขนลุกเกรียว ผมใช้นิ้วเกี่ยวแว่นตาออกก่อนยิ้มแหยๆ ให้คนตรงหน้า พี่ฟลอยด์เดินมาจนชิดกับผม

   “เคยสั่งแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามไม่รับโทรศัพท์” ชัดๆ เน้นๆ ทุกคำในประโยค ไปต่อไม่ได้เลยไอ้ต้อม “พี่โทรไปกี่รอบ” ได้ยินคำถาม ผมก็รีบเอามือถือออกมาดู

   “ห้าสิบห้าสาย” นี่โทรหรือจิกให้ตายเถอะ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ กลัวถูกโบกหัว ผมยิ้มแหยๆ ให้แทน

   “แล้วมัวทำอะไรอยู่วะ” อยากจะบอกเหลือเกินว่าถูกไอ้กลอยแต่งตัวให้อยู่ “วันนี้ไม่อยากอารมณ์เสียแท้ๆ เชี่ยเอ้ย” พี่ฟลอยด์สบถทิ้งท้ายแล้วเดินผ่านหน้าผมไปหาพี่เกนที่นั่งเขม่นไอ้ป่าน

   แล้วทำไมพี่โชถึงดูไม่โกรธวะ

   อ้อ ลืมไป คงจะชินกับไอ้กลอยทำอะไรแผลงๆ

   ผมเดินคอตกไปนั่งที่โต๊ะครอบครัวตัวเอง พ่อพี่ฟลอยด์โทรไปเชิญมาทั้งบ้านเลย พอไปถึงก็ถูกพี่ตุ้มตบหัวซะคว่ำ นี่น้องนะเว้ยเฮ้ย

   “ทำอะไรไม่รู้จักคิดนะมึง” ตาขวางใส่พี่ชายตัวเอง

   “ต้อมคงอยากให้บรรยากาศคึกคักค่ะ” รีบพยักหน้าตามที่พี่ฟีนพูด ขนาดไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ยังเข้าข้างเลย

   “อย่าตามใจไอ้ต้อมมากนะครับ เดี๋ยวจะนิสัยไม่ดี” พี่ตุ้มเหล่ตามองผม

   “ตัวเองดีเหรอ” พูดแล้วต้องรีบหลบมือหลบตีนทันที ชอบใช้กำลังกับน้อง พ่อกับแม่เอาแต่นั่งขำ “มากันนานแล้วเหรอ” เลิกสนใจพี่ชายแล้วหันมาถามพ่อ แต่แม่พยักหน้าตอบแทน

   “สักพักแล้ว ไปเปลี่ยนชุดมั้ย” แม่คงเห็นเหงื่อผมไหลที่ขมับ ก็ดีเหมือนกัน ผมโคตรร้อนเลย นี่ไม่มีแดดแล้วนะ

   ผมลุกเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนชุด ที่จริงไอ้เสื้อผ้าซานต้านี่ก็ไม่ได้หนาอะไร แต่ด้านในมีชุดนักศึกษาซ้อนอยู่เลยร้อนมากกว่าปกติ พอเข้าห้อง ผมก็รีบถอดชุดออกจนเหลือแต่บ็อกเซอร์แล้วเดินยืนหน้าแอร์เพื่อคลายร้อน นานพอสมควรกว่าเหงื่อจะแห้ง แต่พอหันหลังมา เหงื่อแทบผุดออกมาอีก

   “มานานแล้วเหรอ” พี่ฟลอยด์ยืนจ้องครับ สายตาโคตรดุ

   “เออ” ห้วนได้อีก

   ไม่รู้จะคุยอะไร พี่ฟลอยด์โหมดงี่เง่าง้องแง้งยังพอรับมือได้ แต่ไอ้นิ่งๆ แบบนี้รับมือยาก เพราะเดาอารมณ์ไม่ออก ได้ยินเสียงร้องเพลงเพราะๆ ด้านล่าง ผมก็แกล้งทำเป็นเดินไปที่หน้าต่าง

   “โหย พี่ซันร้องเพลงเพราะเนอะ” หาเรื่องชวนคุย แต่พี่ฟลอยด์ยังเงียบ “ผมขอโทษ” สุดท้ายก็ต้องเอ่ย “ผมไม่ได้อยากทำหรอกนะ ไอ้กลอยมันบังคับ” ไม่ได้โบ้ยความผิดนะ แต่มันเรื่องจริง

   “ปฏิเสธไม่เป็นหรือวะ” นั่นสิ ทำไมผมไม่ปฏิเสธ ไม่สิ ผมบอกปัดแล้วแต่ก็ไม่รอด
 
   “ขอโทษ” โคตรรู้สึกผิด

   “อยากแต่งแบบนี้ทำไมไม่บอกออกมา พี่หาให้ได้อยู่แล้ว” รีบเงยหน้ามองคนพูด พี่ฟลอยด์ทำหน้าบึ้ง “พี่ไม่อยากให้ต้อมแต่งแบบนี้ ถ้าแต่งก็ให้พี่เห็นคนเดียวสิ” พี่ฟลอยด์เดินไปหยิบกล่องของขวัญมายื่นให้ผม “ไว้เลิกงานค่อยแกะ”

   “ของขวัญผมเหรอ” จากที่ใจเสียเริ่มชื้นมานิดๆ ยิ่งพี่ฟลอยด์ยิ้มด้วยยิ่งเบาใจ

   “เมอรี่คริสมาสครับ” รอยยิ้มหล่อแบบทุกทีทำให้ผมโล่งสุดๆ ผมกระโดดกอดคอพี่ฟลอยด์ ใช้ขาหนีบเอวเหมือนลูกลิงจนถูกหัวเราะ “ไว้เราค่อยแกะพร้อมกันนะ ไปเปลี่ยนชุดเถอะ”

   “อืม”

   คืนดีกันแล้ว เราก็เดินลงไปด้านล่าง บรรยากาศตอนนี้คึกคักมาก พี่เฟิร์นไปเที่ยวยุโรปกับแฟน ไอ้กลอยคงเบาใจเพราะไม่ต้องเขม่นกัน ส่วนพ่อพี่ฟลอยด์เพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน มีเอกสารด่วนมาเลยต้องไปเซ็น

   “เดี๋ยวๆ” เหมือนคิดอะไรออก ผมรีบวิ่งขึ้นไปด้านบน ก่อนจะวิ่งกลับลงมาด้วยอาการหอบหนัก

   “ลืมอะไร” พี่ฟลอยด์ทำหน้าสงสัย ยิ่งเห็นของในมือผมยิ่งทำหน้างง “เอาสำลีมาทำไม”

   “เอามาให้พ่อกับแม่อุดหู” ผมว่า พี่ฟลอยด์กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจว่าผมเอามาทำไม “หายนะกำลังมาเยือนถึงถิ่นแล้ว”

   “เว่อร์ไป” ถูกผลักหัวเบาๆ แต่ผมพูดจริง

   .

        .

        (มีต่อด้านล่าง เพราะตัวอักษรมันเกินค่า)
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-12-2016 20:05:20


       และจริงที่สุด พอค่ำมา ไมโครโฟนกลายเป็นของพี่เสียงเพี้ยนที่ชื่อแทมทันที แถมมีลูกคู่เป็นไอ้กลอย อยากจะไปกราบกรานหน้าเวทีมากว่าให้หยุดร้อง นิวจิ๋วเสียหายไปแล้ว 

   “เชี่ย ปวดหู” พี่ตุ้มสบถครับ ขนาดเอาสำลีให้อุดแล้วนะ ตอนแรกไม่เอา สุดท้ายใช้เยอะกว่าเพื่อน
 
   “ตลกดีนะ” พี่ฟีนนี่แปลกมาก เอาแต่หัวเราะเสียงเพี้ยน แล้วก็ฟังด้วย เส้นประสาทพี่ช่างแข็งเยี่ยงนัก

   ผมถูกไอ้ป่านลากไปรวมกลุ่ม ทุกคนเฮฮาสนุกสนาน พี่เกนทำตัวสนิทสนมกับพวกพี่โชราวกับว่า เรียนที่เดียวกัน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน เห็นพี่ตินบอกเคล็ดลับความหล่อให้ด้วย โคตรมั่นหน้ามาก ไม่ใช่ว่าพี่เขาไม่หล่อนะครับ แต่ถ้าลดความอ้วนลงสักหน่อยคงดูดีเชียวละ

   “ไอ้ฝอย ร้องสักเพลง” พี่โชยื่นไมค์ให้ ได้ยินเรียกชื่อแบบนี้ พี่ฟลอยด์เริ่มปลงแล้วยอมรับชื่อเพี้ยนๆ จากพี่โชแล้วครับ

   “ได้เลย” นี่ก็เอาด้วยนะ

   ที่ได้ร้องไม่ใช่เพราะพี่แทมให้ร้องนะครับ แต่ถูกพี่เบแล้วก็พี่จอมวางแผนมอมเหล้า ไม่ทำแบบนี้ หูทุกคนมีอันต้องพึ่งโรงหมอแน่

   “ไอ้เชี่ย กูต้องฝึกไปประกวดร้องเพลง” ไอ้ยินเสียงบ่นจากพี่แทม (คอแข็งมาก)

   “สวัสดีครับ” พี่ฟลอยด์ได้ไมค์ปุ๊บ ก็รีบยกมือไหว้รอบทิศ (เริ่มเมา) “วันนี้เป็นวันคริสมาส ผมอยากให้ทุกคนมีความสุข” เอาเข้าไป ดนตรีเพลงร็อกขึ้นมา บรรดาชายหนุ่มตกมันทั้งหลายพากันออกมาโดด

   บุษบาก็มา ขาหมูก็มี เรือเล็กยังมารอออกจากฝั่งด้วย แต่ละเพลงใส่กันสุดๆ นี่ผมมาดูคอนเสิร์ตอยู่หรือเปล่า ส่วนคนร้องก็มีสลับไปมา ที่สำคัญ คนร้องดีเท่านั้นที่จับไมค์ อย่างพี่ฟลอยด์ พี่เกน พี่ซัน แล้วก็ไอ้อัธเพื่อนไอ้กลอยที่มาทีหลังเพราะมัวส่งสาว ไอ้นี่มันร้ายนัก

   “ให้กูๆ” พี่แทมโคตรน่าสงสาร ยื่นมือขอไมค์จากเพื่อนแต่ไม่มีใครเอาให้ จนพี่ฟลอยด์ยื่นให้ เท่านั้นแหละ วงแตกครับ “เดี๋ยวกูจะเป็นแดก บิ๊กแอ๊ด”

   “แด๊กหรือเปล่าวะ” พี่ตินลูกคู่ถาม

   “กูเป็นคู่แข่งเว้ย”

   “เอาตามที่มึงสบายใจ”

   จากนั้นพี่แทมก็ใส่มาเต็มที่ทั้งบิ๊กแอ๊ด บอร์ดี้แสลม ขนาดพาราด็อกซ์ยังมา เสียงสูงปรี๊ดจนไมค์หอน ส่วนคนฟัง ไม่มีครับ พี่แกร้องเต้นอยู่คนเดียวโคตรน่าสงสาร

   “ไม่ไปช่วยพี่แกเหรอวะ” ยื่นหน้าไปถามไอ้กลอยที่เอาแต่กิน

   “เดี๋ยวก็กลับมานั่งเอง ไม่เหนื่อยไม่พักหรอก” ตอบแบบไม่สนใจ ปากก็รอพี่โชป้อนส้ม “พี่โช ส้มมันเปรี้ยวว่ะ อยากกินลูกหวานๆ” มีบ่นส้มอีก แล้วพี่โชก็กินลูกนั้นเอง ก่อนจะเลือกลูกที่น่าจะหวานมาแกะให้ไอ้กลอยกินอีกรอบ โคตรรักไอ้กลอยเลยอะ

   ไม่นานเพลงก็เงียบลง คนร้องทำหน้าเหม็นเบื่อกลับมานั่งที่ ไมโครโฟนตอนนี้เลยถูกเปลี่ยนมือไปที่ไอ้อัธแทน ค่อยสบายหูหน่อย ไอ้นี่เอาใจคนแก่ ร้องเพลงลูกกรุง ลูกทุ่ง แถมมีลูกคอด้วยนะเออ และดูเหมือนแม่ผมจะถูกใจเป็นพิเศษ ยื่นแบงค์สีเทาให้ด้วย บอกเป็นของขวัญ ป๊าด ไอ้ต้อมก็อยากได้

   พอลูกทุ่งลง สากลก็มา พี่ซันสลับกับพี่เกน กินกันไม่ลงทั้งเสียงและหน้าตา สำเนียงก็แสนจะเพอเฟกเหมือนเจ้าของภาษา คราวนี้ได้เงินจากพ่อพี่ฟลอยด์ครับ คงชอบเพลงฝรั่งแน่

   “พี่ฟลอยด์” ผมสะกิดพี่ฟลอยด์ยิกๆ

   “ครับ” นี่ก็เอาแต่หัวเราะอย่างเดียว

   “ไปร้องมั่งสิ เงินนะเงิน” เห็นเงินแล้วงกทันที

   “พี่มีเยอะแล้ว” อยากตบหน้าผากตัวเองหลายๆ ที นี่ถ้าผมเสียงเพราะก็พุ่งแล้ว โธ่

   ค่ำคืนวันนี้สนุกสนาน เสียงหัวเราะดังลั่นบ้าน แม้แต่คนร้องเพี้ยนยังได้เงินเลยคิดดู พ่อผมคงเห็นถึงความพยายาม (ที่จะร้องเพราะ) เลยได้แบงค์เทาไปด้วย พี่แกยิ้มหน้าบานทีเดียว

   ท้ายสุดของงาน เจ้าของบ้านอย่างพ่อพี่ฟลอยด์ถูกดึงให้ออกมาร้องเพลงปิดท้าย ก่อนจบด้วยเพลงเมอรี่คริสมาส ผมมองภาพความสนุกตรงหน้า เห็นพ่อกับลูกกอดคอกันโยกก็ทำให้ยิ้มตาม

   “บ้านน่าอยู่แล้วนะเนี่ย เพราะต้อมเลย” พี่ฟีนยิ้มหวานให้ผม

   “ไม่หรอกครับ เพราะทุกคนต่างหาก” ยิ้มตอบกลับ ผมดีใจที่เห็นทุกคนมีความสุข โคตรพระเอกเลยว่ะ ไอ้ต้อมเนี่ย


   แล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ทุกคนมัวแต่สนุกสนานแลกของขวัญด้วย ลืมบอก ราคาขั้นต่ำคือหนึ่งพันบาท โคตรแพง ส่วนผมจับได้ของไอ้อัธ เห็นมันบอกเป็นของใช้ ก็เบาใจหน่อย ตอนนี้ทุกคนเดินกลับไปที่รถ ผมโบกมือลาทุกๆ คนด้วยรอยยิ้ม ส่วนไอ้กลอยหน้าบึ้งเป็นตูด เพราะมันจับได้ของตัวเอง โคตรฮา ตอนได้ครั้งแรกมันโวยวายจะจับใหม่ แต่พี่จอมไม่ให้ แทบจะกระโดดกัดคอพี่เขา ไอ้นี่โคตรเกรียน สุดท้ายเลยแลกกับพี่โชที่จับได้ของพ่อพี่ฟลอยด์ เป็นซองแดงด้วยนะเออ อยากจะชมอีกรอบ พี่โชโคตรรักไอ้กลอยเลย

   พอทุกคนกลับหมด บ้านก็ดูเงียบลงจนน่าใจหาย พ่อกับแม่ผมกลับไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะหลานต้องไปโรงเรียน กลับขึ้นมาบนห้อง ผมหงายหลังนอนไปที่เตียง ดวงตามองเพดานสีขาวพร้อมรอยยิ้ม คริสมาสปีนี้โคตรสนุก แม้ตอนแรกๆ จะเริ่มไม่ค่อยดีก็เถอะ ไม่น่าเชื่อไอ้กลอยเลย

   “อาบน้ำกัน” พี่ฟลอยด์หยิบผ้าขนหนูโยนมาให้ผม

   “พี่อาบก่อนสิ” ผมบอก แต่นั่นก็ไม่ฟังอะไรเลย ลากผมเข้าห้องน้ำลูกเดียว

   อาบน้ำอย่างเดียวครับ ไม่มีอะไรเกินเลย แหม

   ผมเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูก่อนมัดหลวมๆ ไว้ที่สะโพก พอเดินออกมาพี่ฟลอยด์แม่งลากไปที่เตียงเฉย ตอนแรกตกใจคิดว่าจะถูกจับกินตับ แต่เปล่า พี่แกจะให้เปิดของขวัญ

   “ผมแต่งตัวก่อนไม่ได้เหรอวะ” คือตอนนี้โคตรโล่ง กางเกงในก็ไม่ได้ใส่

   “แกะก่อน นะๆ” ดวงตาเป็นประกายแวววาวอย่างน่าสงสัย

   “เออๆ”

   เริ่มแกะห่อของขวัญของพี่ฟลอยด์ครับ ตอนแรกจะแกะของไอ้อัธ แต่ถูกตีมือเฉย กระดาษลายหมีดูสวยและแพง ผมเลยต้องค่อยๆ แกะ มีพี่ฟลอยด์นั่งลุ้นอยู่ข้างๆ

   “ฉีกเลยสิ” คงไม่ทันใจคุณชายแก แต่ผมก็ค่อยๆ แกะตามเดิม ได้ยินเสียงฮึดฮัดนิดๆ

   มองหน้าคนให้แล้วก็ขำ จะลุ้นอะไรขนาดนั้น ด่านต่อมาคือกล่องสีน้ำตาล ผมดึงฝาปิดออก พอเห็นของด้านในทำเอาขมวดคิ้ว

   “นี่มัน...ของขวัญผมเหรอ” เงยหน้าถามคนให้อีกรอบ พี่ฟลอยด์พยักหน้ายิ้มแป้น

   “เลือกให้ต้อมเลยนะ ถูกใจหรือเปล่า”

   พูดไม่ออกเลยทีเดียวเชียว ผมค่อยๆ ยกของขวัญขึ้นดู เป็นชุดครับ ชุดซานตาคลอสสีแดง แต่เดี๋ยว นี่มัน...

   “ชุดเหี้ยอะไรเนี่ย” แทบโยนทิ้ง แต่พี่ฟลอยด์แย่งไปเสียก่อน

   “ชุดซานตี้ไง สวยออก” คนให้ทำตาวาว คลี่ดูชุดอีกรอบ ชุดซานตี้ ซานต้าบ้าบอมาก นั่นมันชุดว่ายน้ำแบบวันพีชเถอะ ด้านหลังเว้าลงมาเกือบเห็นก้น แล้วมีหางสีน้ำตาลโผล่มาด้วยนะ “มีหางกวางด้วยเห็นเปล่า หูมันก็มี”

   “ไอ้พี่ฟลอยด์” ตะโกนเต็มเสียง ตอนนี้เดือดมาก เมื่อเช้ายังด่าว่าผมใส่ชุดบ้าอยู่เลย ชุดพี่แกบ้ากว่าอีก แม่ง

   “ต้อมใส่ให้พี่ดูหน่อยสิ” มีสะกิดด้วย

   “ไม่โว้ย ใส่เองสิ” คิดได้ยังไงให้ผมใส่ ไม่บ้าด้วยหรอก

   “ชุดมันเล็ก พี่ซื้อไซส์ต้อมนี่ นะ ถือเป็นของขวัญไง ต้อมบอกไม่มีอะไรให้พี่”

   โอ้โห ไอ้ต้อมนี่ปรี๊ดเลย

   “นะครับ ป่านยังใส่เลย” เดี๋ยวนะ ผมฟังชื่อผิดหรือเปล่า

   “ไอ้ป่าน? ใส่ตอนไหน” อย่ามาขี้โม้เถอะ

   “คืนนี้แหละ” ดูจากน้ำเสียงและใบหน้า พี่ฟลอยด์กับพี่เกนแม่งต้องไปหาซื้อพร้อมกันแน่

   “พี่ไปหาซื้อจากที่ไหนวะ ถามจริง”

   “พี่ไม่ได้ซื้อเอง” เหยด แล้วเอาที่ไหนมาวะ “ชุดพวกนี้ พี่โชซื้อให้ แต่พี่ไปเลือกเอง”

   ฉิบหายตายโหง

   พี่โชเอาให้เหรอวะ ไม่อยากจะเชื่อ

   “พูดเล่นหรือเปล่า อย่างพี่โชเนี่ยนะ”

   “จริงๆ กลอยก็ชอบออก เห็นอวดว่ากลอยชอบชุดกระต่ายมากกว่า”

   ไอ้ต้อมอยากจะกลายร่างเป็นหินดั่งจ้องตาเมดูซ่า เชี่ย ผมเข้าใจแล้ว ว่าทำไมพี่โชถึงไม่โกรธไอ้กลอย เพราะมันชอบใส่คอสเพลนี่เอง ก็เคยรู้มาบ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะใส่ชุด....เอ่อ แบบนี้ไง

   “ผมใส่ไม่ได้ว่ะ” คือรับตัวเองไม่ได้จริงๆ ผู้ชายแล้วแต่งแบบนี้ สยองเหี้ย

   “ก็ได้ ไม่เป็นไร แค่ต้อมอยู่กับพี่ก็เป็นของขวัญแล้ว ชุดนี้ก็ทิ้งไปก็ได้ ไม่เป็นไร”
 
   นั่น ทำให้ไอ้ต้อมสะกิดใจ รู้สึกผิดเลยทีเดียว ตีหน้าเศร้าแล้วเอาชุดทิ้งลงถังขยะ พี่ฟลอยด์เดินกลับมานอนคว่ำหน้าแล้วบอกราตรีสวัสดิ์ เฮ้ย นี่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีนะเนี่ย

   เหล่ตามองเศษชุดในถังขยะ เอาไงดีวะ ใส่หรือไม่ใส่ดี พอเหลือบมองคนบนเตียงก็รู้สึกสงสารนิดๆ เอาวะ ไม่มีใครเห็น คิดซะว่าเป็นชุดว่ายน้ำแล้วกัน

   ผมกลั้นใจเดินไปหยิบชุดออกจากถังแล้วเดินเข้าห้องน้ำ หน้ากระจกบานใหญ่กำลังสะท้อนภาพของผมอยู่ ในมือถือชุดที่ไม่เคยคิดว่าจะใส่ พยายามนับหนึ่งถึงร้อย เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ตายเป็นตาย

   ดึงผ้าเช็ดตัวออก โล่งโจ้งเลยทีเดียว ผมสอดเท้าเข้าไปในชุดว่ายน้ำแบบวันพีช ทำใจยกชุดขึ้นมาแล้วสอดแขนเข้าสายเดี่ยวสองข้าง ชุดแม่งโคตรจันไรให้ตาย ตรงหน้าอกเว้าหัวนมด้วย อยากเห็นหน้าคนออกแบบชุด สุดท้ายคือหูกวาง ลาก่อนไอ้ต้อมมาดแมน ผมยืนมองสาระร่างตัวเองแล้วได้แต่ปลง ไม่มีอะไรอีกแล้วไอ้ต้อม ในชีวิตนี้ของแก

   เปิดประตูห้องน้ำแล้วพรวดออกมา คนงอนนอนนิ่งบนเตียง หรือว่าหลับแล้ววะ ผมลองเดินเข้าไปสะกิด พี่ฟลอยด์หลับจริงเว้ยเฮ้ย แต่พอผมสะกิดก็ปรือตาขึ้นมา

   “ง่วง” ทำปากเป็ดเมื่อถูกปลุก

   “อ่อ งั้นก็หลับเถอะ” ใจชื้นมาหน่อย ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจะถอดชุดน่าอายนี่ “เฮ้ย” ถูกแขนสอดมาที่แล้วอุ้มพาดบ่าออกไปด้านนอกอีกรอบ

   “กวางน้อยของพี่” น้ำเสียงโคตรร่าเริง เมื่อกี้แกล้งนอนหลับเหรอวะ

   “เมื่อกี้พี่หลับแล้วนี่”

   “ก็ต้อมปลุกพี่เอง ตื่นทั้งตัวเลยตอนนี้” คำพูดโคตรกำกวม

   “ปล่อยเลย” บอกปุ๊บก็ถูกวางบนเตียงนุ่มปั๊บ ผมโดนสายตาวาววับแสกนตั้งแต่หัวจรดเท้า พยายามหลับตาเพื่อไม่ให้เห็นสายตานั่น แต่มือที่แม่งลูบนี่โคตรสยิว “จะลูบนมทำไมเนี่ย วนแม่งอยู่ที่เดียว” แหวใส่จนพี่ฟลอยด์หัวเราะออกมา

   “นมตั้ง” ถลึงตาใส่คนขำ ก็มันลูบวนไปมาก็สยิวหรือเปล่าวะ แม่ง

   “เปิดแอร์โคตรหนาวไง” แถครับ กลบความเขิน “พี่...แม่งเอ้ย” ปากก็สบถ มือก็ดันหัวพี่ฟลอยด์ที่ก้มหน้าฟัดกับหน้าอก นี่พี่จะดูดดึงจนมันขาดติดปากมาหรือไง

   “ต้อม ขอบคุณนะ ที่ยอมมอบของขวัญให้พี่ พี่สัญญาจะดูแลของขวัญนี้ไปตลอดชีวิต”

   “ไม่ต้องสัญญาเลย แค่ทำให้เห็นก็พอ”
 
   ที่หลบตาไม่ใช่เขินนะ แค่ไฟเพดานมันส่องตาเฉยๆ นั่นๆ อย่ามาผมแถด้วย ไอ้ต้อมไม่เคยแถ (มั้ง)

   พี่ฟลอยด์บอกผมเป็นพวกพูดคำหวานๆ ไม่เป็น เลยจะให้ผมครางหวานๆ ให้ฟังแทน จันไรเหี้ย
 
   “อย่าลูบ ห้ามล้วงด้วย” มือดันหัวที่ฟัดหน้าอกไม่พอ ยังต้องลดลงไปจับมือที่ล้วงๆ ควักๆ เข้ามาผ่านขาชุดว่ายน้ำอีก ชุดนี้แม่งโคตรล่อเป้า แต่เป็นผมๆ ก็ตื่นว่ะ

   “กวางน้อยของพี่น่ารักเหี้ยๆ”

   และแล้ว ชุดกวางน้อยที่อยากให้ใส่นักใส่หนาก็ถูกถอดทิ้งอยู่ดี ไม่รู้จะให้ใส่ทำไม

   “เบาๆ เชี่ย” ปากที่กัดหมอนต้องอ้ามาด่า เล่นใส่มาไม่ยั้ง สงสารร่างกายผมบ้าง ทั้งกัด ทั้งฟัด ทั้งนวด ทั้งเค้น

   “เบาไม่ได้ เมียร่อนยั่วขนาดนี้” คำพูดโคตรน่าตบปาก แต่ทำไม่ได้เพราะหน้าผมถูกกดลงที่หมอน ทำให้มือตบหน้าพี่ฟลอยด์ไม่ถึง แล้วพี่แกแม่งตบก้นผมซะแสบไปหมด 

   “ร่อนเหี้ย อ๊ะ ช้าๆ สิวะ อื้ออ” ยิ่งด่ายิ่งเพิ่มแรง ปล่อยครับ เอาตามใจ ร่างกายไอ้ต้อมเป็นของพี่ฟลอยด์อยู่แล้ว ตามใจคุณชายแกไป แต่วันไหนเผลอ ไอ้ต้อมเอาคืนแน่ “บอกให้ช้าๆ ไงเล่า”

   “พี่อยากเห็นกวางน้อยร้อนแรง” พูดแล้วงับหูอีก ถ้ายกขาถีบได้ พี่ฟลอยด์แม่งลงไปนอนกองที่พื้นแล้ว “ยั่วขนาดนี้ พี่ฟลอยด์แถมให้ทั้งคืน”

   “ไม่เอาเว้ย”

   แถมไม่ถง ไม่ถามสภาพสะโพกไอ้ต้อมสักคำ

   ผมต้องโทษไอ้ชุดกวางบ้านั่นใช่มั้ย หรือต้องโทษตัวผมดี ที่ยอมใจอ่อนตลอด แต่เอาเถอะ ที่ทำก็เพราะรัก ถ้าไม่รัก มีตายกับตายแน่

   “กวางจ๋า เล่นท่ากัน”

   “ท่าเหี้ยไร ไม่โว้ย”

   อย่าถามว่าคืนนี้ผมจะโดนท่าไหนบ้าง เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถูกจับทำท่าไหนแม่งก็ไปท่านั้น ชีวิตไอ้ต้อม ไม่นานคงจมเตียงตายแน่นอน...




   ...เดี๋ยวสิ




        ...เมอรี่คริสมาสแอนด์แฮปปี้นิวเยียร์ครับ 


......................................................................

มาก่อนวันจริงไปหน่อย แต่ใกล้ปีใหม่แล้ว ขอให้ทุกคน ทุกท่านจงมีความสุข ร่ำรวยในปี 2017กันทุกคนนะคะ  :mew1:     
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 23-12-2016 22:06:22
ขำซานต้าแคระ   :jul3: หลังจากนี้ต้อมคงได้ใส่ชุดคอสเพลทุกเทศกาล :hao6:

ขอให้นักเขียนมีความสุข ร่ำรวยตลอดปี 2017  :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 23-12-2016 22:14:38
น่ารักจิงพ่อกวางน้อย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-12-2016 22:25:32
พี่ฝอยแมร่งแผนสูง


 :m20: :m20:



หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 23-12-2016 22:37:33
น่ารักจัง     มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 23-12-2016 22:41:16
สมาคมพ่อบ้านทำงานกันเป็นทีมเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-12-2016 22:44:12
MERRY CHRISTMAS & HAPPY NEW YEAR
ขอบคุณไรท์ มากกกก   :pig4::pig4: :pig4:
พา กลอยประเกรียน ต้อมคนแมน ป่านไม่เบื่อ
พี่โช พี่ฟลอยด์ พี่เกน และผองเพื่อน มาโลดแล่น
ให้ คนอ่าน มีความสุข
พี่โช รักกลอย จนซาบซึ้งเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1:
กลอยยังคงความเกรียนอยู่
พี่โช พี่ฟลอยด์ พี่เกน สุขสมกันทั่วหน้าฟ้าเหลือง  :haun4: :ling1: :pighaun:
       :L1::L1::L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-12-2016 22:49:49
ต้อมเอ้ยยย น่าจะทำใจตั้งแต่รู้จักนังกลอยเกรียนแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 23-12-2016 22:53:48
ขำ 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 23-12-2016 22:59:58
พี่ฝอยหื่นตลอดๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 23-12-2016 23:46:27
Merry x'mas and Happy new year jaaaa

  :mc1:   :mc3:   :mc2:   :pig3:

....
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 23-12-2016 23:54:14
Merry Xmas and Happy new year ka :mc1:
น้องพี่ฝอยทำอิฉันเลือดพุ่ง กวางน้อย :m10:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 24-12-2016 00:17:46
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

ซานต้า กลายเป็นซานตี้
น่าจะครบ 3 ตัวเลยน้า 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-12-2016 07:01:52
ความหื่นเพิ่มขึ้นหรือป่าวเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 24-12-2016 07:26:03
Merry Christmas

ตอนนี้มีความสุขและอบอุ่นมากก

 :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-12-2016 09:28:31
สมาคมพ่อบ้านนิยมคอสเพลย์ :laugh: :laugh:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-12-2016 09:34:22
55555 โดนจับได้ตั้งแต่ด่านแรก ทุ่มเทเพื่ออออ

ฟลอยด์ยังโกรธเรื่องแต่งคอสเพลย์ ไม่เท่ากับไม่แต่งชุดกวางน้อยอะนะ
ต้อมแอบอิจฉากลอยหรอ พี่โชดูแลดี

พี่โชออกจะปลื้มกลอยใจน้อยของพี่

ตลกป่าน อย่างฮา ให้ทำไรทำหมด เป็นคนชิลจริงๆอะ บอกเลย

น่ารักมากเลยค่ะ ดีใจที่ได้อ่านตอนพิเศษ มาอีกนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 24-12-2016 12:00:03
ของป่านชุดไรอ่ะ โฮะโฮะโฮะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-12-2016 17:11:40
พี่ฟลอยด์คงมีความสุขข้ามคืนสินะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 24-12-2016 20:25:34
5555555

ซานตาครอสแคระ

ต้อมปากหนักใจอ่อนตลอดเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 24-12-2016 20:53:27
ชอบทุกคู่เลยค่ะ
 :L3: o13 o13
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 24-12-2016 23:38:30
สนุกมากๆเลยค่ะ รักทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-12-2016 01:39:52
 :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-12-2016 02:29:40
 :laugh:

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-12-2016 10:58:35
เจอซานต้าแคระเข้าไปนี่ลั่นเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 26-12-2016 22:23:01
ลากเลือด :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2016 00:30:58
 :m20:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 29-12-2016 22:45:21
 o13 สนุกค่ะ ชอบป๋ากับพี่ปูน 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-12-2016 12:56:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 30-12-2016 17:32:45
มันซี๊ดมากกกกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 30-12-2016 21:34:39
กวางน้อยถูกกินตับ  :z1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Azuryngel ที่ 31-12-2016 10:19:31
 :katai1: :hao6: :pighaun: :jul1: :sad4: :hao3: Stages of emotion when reading this.
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 31-12-2016 10:22:28
555555555555 สายหื่นกันทั้งหมดเลยใช่ไหม
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-01-2017 14:00:51
เจอกวางน้อยของพี่เข้าไปเล่นเอาเราฮาส
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ คริสมาสสุดหรรษา [P.21]<<[23/12/59]
เริ่มหัวข้อโดย: hyukkiemai ที่ 14-01-2017 21:47:24
กรี้ดดดดด ตามอ่านจบแล้วววววววว พี่ฟลอยด์รักต้อม เพราะคำพูดเนี่ยละะะะ
ต้อมฮ้าวมากกกก ชอบแนวนี้
เกนกับป่านนี้ไม่คาดคิดว่าจะต้องตาต้องใจมากนาน
แต่ป่านน่าจะมีมุมดราม่า เรื่องขี้เบื่ออีกหน่อย เรานี้กรี้ดเลยยยยย
ตอนแรกคิดว่าพี่เกนนี้สายซาดิสแล้วนะเนี่ย 55555
ชอบมากค่ะะ  อ่านแล้วยิ้มตามตลอดดดดดด

รออ่านตอนพิเเศษคริสมาสของป่านเกนด้วยได้มั้ย 55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 28-01-2017 22:49:06
ตอนพิเศษ วันตรุษจีน [เกนxป่าน]



         สวัสดีวันตรุษจีนครับ แม้ผมจะเป็นชายไทยแท้ๆ แต่ก็ได้มีส่วนร่วมนิดๆ เนื่องจากคนรักของผมเป็นลูกเสี้ยวของเสี้ยวสืบมาจากพ่อตัวเอง หลังจากผ่านการซื้อของที่ผู้คนพากันออกไปช็อปพร้อมกันจนแทบแบนเป็นปลากระป๋อง ผ่านการไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษด้วยความแช่มชื่น มาวันนี้พี่เกนบอกเป็นวันเที่ยว แต่พวกเราไม่ได้เที่ยวหรอกครับ เพราะไม่อยากไปเบียดผู้คนอีก แค่วันจ่ายที่ไปซื้อของกับพี่ปูน เท้าผมก็ถูกเหยียบจนช้ำไปหมด

   “พี่เกน” ลากเสียงพร้อมเหล่ตามองคนที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ “พี่เกน”

   “เรียกอีกทีเดี๋ยวมีเสียตัว” น้ำเสียงเรียบๆ แต่สายตาที่มองมาไม่ใช่ ขู่ได้ขู่ดีว่ะ

   “พี่ได้เท่าไหร่อะ” ที่เรียกเพราะอยากรู้จำนวนในซองอั่งเปาสีแดงๆ ที่วางอยู่ข้างพี่เกน เจ้าของซองขำในลำคอเล็กๆ แล้วหันมาจ้องหน้าผม “อะไร”

   “ก็ได้เท่าของป่านนั่นแหละ” มองมือของตัวเองที่ถือซองอั่งเปาสามซองอยู่

   “รู้ได้ไง” บางทีลูกกับคนนอกอาจจะไม่เท่ากันก็ได้ โธ่

   “อ่ะ” อยู่ๆ พี่เกนก็ยื่นซองสีแดงสองซองมาให้ผม “อยากรู้ก็นับเอง”

   “ไม่ดีมั้ง” ปากจะพูดแบบนั้น แต่มือผมก็หยิบมาแล้ว ไม่ได้จะเสียมารยาทนะ แค่อยากรู้เฉยๆ

   ผมค่อยๆ เปิดซองอั่งเปาสีแดงสดมีภาษาจีนสีทองอยู่ด้านหน้า จากความหนาแล้วน่าจะเยอะอยู่เหมือนกัน ผมเปิดซองที่ป๋าให้ก่อน มือสั่นตอนหยิบเงินออกมา

   “หนึ่ง สอง สาม....” มือเริ่มนับ ปากก็พูดไปด้วย แม้ผมจะไม่ได้ทำงานธนาคาร แต่เรื่องนับเงินนี่ขอให้บอก “หะ ห้าหมื่น” ตาโตจนเกือบถลน อั่งเปานี่ให้กันเป็นหมื่นๆ แบบนี้เลยเหรอเนี่ย

   “ตาจะหลุดออกจากเบ้าแล้ว” พี่เกนโยกหัวผมจนเกือบหงายหลัง

   “ป๋าให้อั่งเปาพี่ตั้งห้าหมื่นแน่ะ” ผมว่า พี่เกนก็เอาแต่หัวเราะ “แล้วของป่านล่ะ” ตอนนี้เริ่มสนใจซองของตัวเองที่ความหนาไม่ต่างจากของพี่เกนเลย

   “ลองนับสิ” เงยหน้ามองคนพูด แล้วก้มหน้านับของตัวเองบ้าง

   พระเจ้าช่วย ห้าหมื่นเหมือนพี่เกนเลย ไอ้ป่านไม่ได้ฝันใช่ไหม ลองตบแก้มตัวเองก็โคตรเจ็บ จากอั่งเปาของป๋า ขยับมานับของพี่ปูนที่ให้ นับไปนับมาก็หลักหมื่นเหมือนกัน แต่น้อยกว่า

   “พี่ปูนให้ป่านตั้งสามหมื่น” ทำตาโตอีกรอบ

   “นับของพี่ด้วย” พี่เกนว่า พลางมองซองสุดท้ายที่วางบนตักของผม

   “ไม่ใช่กระดาษใช่ไหม” เหล่ตามองคนที่ให้ซองอั่งเปาคนแรกที่ลืมตาตื่น พี่เกนเขกหัวผมซะแสบ แต่ก็ไม่อาจขัดการนับจำนวนเงินได้ “นี่อะไรเนี่ย” กระพริบตาปริบๆ มองคนที่ให้

   “ไม่ชอบเหรอ ไม่จำกัดวงเงินด้วยนะ”

   ผมมองการ์ดบัตรเครดิตสีดำในมือตัวเอง “ไม่ชอบ” ตอบปุ๊บ พี่เกนขมวดคิ้วจ้องดุทันที

   “ทำไม”

   “มันมากเกินไป ให้ยี่สิบบาทยังดีใจกว่านี้เลย” ยู่ปากแล้วยัดบัตรคืน

   “พี่ตั้งใจให้ป่าน” พี่เกนยัดบัตรกลับคืนมือผม

   “อวดรวยเหรอ” ถามน้ำเสียงไม่พอใจ

   “ไม่ได้อวดรวย” พี่เกนว่า

   “ไม่ได้อวดรวยแล้วนี่อะไร เห็นป่านจนเหรอ”

   “ป่าน พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น” จะลุกหนีแต่ถูกดึงแขนให้นั่งตามเดิม “ก็ได้ๆ อะ” ผมเหล่ตามองพี่เกนที่เก็บบัตรสีดำใส่กระเป๋าแล้วเปิดกระเป๋าเงินตัวเอง “ป่านบอกยี่สิบก็ดีใจ”

   “เลยให้ยี่สิบ?”

   “เออ” ผมคว้าเอาแบงค์สีเขียวมาถือ ก็ได้วะ ก็เงินเหมือนกัน ซื้อของได้หลายอย่าง



   หลังจากนับอั่งเปาเสร็จ พี่ปูนก็มาตามให้ไปช่วยเตรียมของกิน ที่พวกเรามานั่งในห้องก็เพราะรอป๋ากับพี่ปูนออกไปซื้อของมาทำกินเองในห้อง เพราะปีนี้พี่ปูนไม่ยอมไปเที่ยวตามที่ป๋าชวน เหตุผลคือผมไม่ได้ไปด้วย พี่เกนเลยไม่ยอมไป สรุปก็ไม่ได้ไปนั่นแหละครับ

   “วันนี้พี่ซื้อของทะเลมา สดมากเลย” พี่ปูนชวนผมคุย ส่วนพี่เกนเดินรั้งท้าย ทำปากขมุบขมิบเพราะถูกตัดออกจากวงสนทนา “เดี๋ยวป่านช่วยพี่หน่อยนะ”

   “ได้ครับ พี่ปูนใช้มาได้เลย” ยิ้มแป้นให้กับพี่ปูน ผมรู้สึกรักพี่ปูนเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง ผูกพันมากๆ

   “น่ารักที่สุด” พี่ปูนวาดแขนมาโอบไหล่ของผม แต่กลับถูกพี่เกนที่เดินอยู่ด้านหลังยกแขนออก “อะไรของเกน”

   “หวง” สั้นๆ แต่ได้ใจความ ผมหัวเราะให้กับพี่เกนที่เขม่นพี่ปูน

   “ทำตัวเป็นเด็ก” ถูกพี่ปูนว่า พี่เกนก็ไม่สน เดินมาดึงแขนผมเข้าห้องป๋าแทน “ใครเลี้ยงให้นิสัยเสียเนี่ย” ผมหันหลังไปมองเมื่อได้ยิน คนตะโกนยืนชี้นิ้วอยู่หน้าห้องทำเอาป๋าถึงกับเดินออกมาดูด้วยความสงสัย

   พี่ปูนเดินมาในห้องทำหน้าง้ำงอไปยืนหน้าเคาน์เตอร์ครัว มือก็แกะนั่นนี่ด้วยความโมโห ป๋าขยับมาหาผมกับลูกชาย แต่พี่เกนเลือกจะเดินหนี

   “งอนกันเหรอ” ป๋าเลยเลือกจะถามผมแทน ซึ่งผมก็พยักหน้าช้าๆ “ทำตัวเป็นเด็กไปได้ วันนี้เขาห้ามทะเลาะกันนะเนี่ย” ป๋าส่ายหน้าช้าๆ แล้วเดินเข้าไปหาคนรัก ส่วนผมก็เดินไปหาพี่เกน

   คนตัวโตขี้งอนเดินไปนั่งอยู่มุมห้อง โคตรทำตัวเป็นเด็กว่ะ ผมสะกิดพี่เกน คนงอนก็หันมามอง หน้าแบบนี้หากพูดไม่เข้าหูมีถูกด่าแน่

   “พี่เกนทำไม่ถูก” แม้รู้ว่าไม่ควรพูด แต่ผมว่า เรื่องนี้ต้องรีบทำให้จบ พี่เกนทำหน้าไม่พอใจแต่ผมไม่สน “พี่ปูนเขาไม่ได้ทำอะไรพี่สักหน่อย พี่คิดดู ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นควาย เอ้ย โตได้ขนาดนี้ พี่เขาใช้ความรักมากแค่ไหน เรื่องแค่นี้พี่ทำให้พี่ปูนเสียใจเลยนะ ร้องไห้ด้วย อย่าทำตัวเป็นเด็กที่รู้ว่าทำผิดแต่ไม่ยอมรับเลยนะ”

   “ป่านว่าพี่เหรอ”

   “เออ ว่าให้เนี่ย ไม่ได้ชมด้วย”

   แม้คนถูกด่าตรงๆ จะทำหน้าไม่พอใจ แต่ผมเห็นพี่เกนเหล่ตามองพี่ปูนที่เช็ดน้ำตาป้อยๆ โคตรน่าสงสาร ใบหน้าขาวแดงกล่ำคงจะร้องไห้หนัก ขนาดป๋าปลอบยังไม่หยุดเลยคิดดู

   “น่ารำคาญว่ะ” พี่เกนพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ขายาวก้าวไปหาคนที่ร้องไห้เป็นเผาเตาที่มีอ้อมแขนของคนรักโอบกอดอยู่ตลอด พอป๋าเห็นพี่เกนเดินไปหาก็ส่งตาดุมอง “ผมขอโทษ” น้ำเสียงอ่อนลงจนผมเผลอยิ้ม ก่อนพูดมีสูดลมหายใจเรียกความกล้าด้วยนะ
 
   พี่ปูนช้อนตาแดงๆ มอง โคตรน่ารักเหอะให้ตาย พอดวงกลมมีน้ำคลอเห็นใบหน้าคนขอโทษก็กระพริบตาปริบๆ แล้วพยักหน้าออกมา

   “แกจะโดนดีไอ้เกน” ป๋าคาดโทษลูกชายตัวเอง ก่อนจะช่วยเช็ดคราบน้ำตาออกจากหน้าขาวของพี่ปูน

   ผมเดินเข้าไปช่วยพี่ปูนที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้น ปากแดงติดรอยยิ้มแล้วทำให้รู้สึกเบาใจ วันนี้เป็นวันดี ไม่ควรมีเรื่องด้วยซ้ำ พอผมอยู่ช่วย ป๋าก็ล็อกคอลูกชายตัวเองไปทำโทษ ได้ยินเสียงพี่เกนโวยวายเป็นระยะ และได้ยินเสียงพี่ปูนว่าสมน้ำหน้าด้วย


   เป็นครอบครัวที่อบอุ่นนะในความคิดของผม


   หมู หมึก กุ้ง ปู ปลา หอย ถูกพี่ปูนจัดการซะอย่างดี ผมยืนทึ่งที่เห็นคนตัวพอๆ กับผมทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ส่วนผมก็ทำแค่ล้างผัก หั่นผัก ใช้เวลาไม่นานของทะเลทุกอย่างก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ ผมกำลังจะนั่งข้างพี่เกนถูกพี่ปูนดึงแขนให้ยืนตามเดิม

   “อะไรเหรอครับ” ถามด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ

   “อาบน้ำก่อนสิ ตัวเหม็นแบบนี้” พี่ปูนว่า ผมก้มดมเสื้อตัวเองก็เหม็นจริงๆ นั่นแหละ

   “กินก่อนค่อยอาบก็ได้นี่” ป๋าขัดแต่พอถูกพี่ปูนมองก็รีบทำเป็นจับปู จับปลาไป กลัวคนรักนี่หว่า

   สุดท้ายผมก็ถูกพี่ปูนพาเข้ามาในห้องนอนของป๋า ตอนแรกจะไปอาบที่ห้องพี่เกน แต่ไม่ถูกอนุญาต ยิ่งไปกว่านั้น พี่ปูนจับผมอาบน้ำด้วย โอ้มายก็อด ไอ้ป่านตกใจแทบหงายหลัง พี่ปูนไม่มีความขวยเขินแม้แต่น้อย

   “อาบสิ ไม่ต้องเขินพี่หรอก” คนที่แก้ผ้าจนล่อนจ้อนว่า ผมก็ไม่ได้เขินหรอก แต่แปลกๆ ที่ต้องมาอาบน้ำกับคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน กับไอ้ต้อม ไอ้ดอยก็เคยอาบมาแล้ว กับพี่เกนนี่ยิ่งกว่าอาบ แต่กับพี่ปูน....

   ผิวขาวราวกับน้ำนม ทุกสัดส่วนดูสวยน่ามอง ขนาดผมเป็นผู้ชายยังอดจะมองไม่ได้ แม้ไม่มีเอวกิ่ว หน้าอกไม่ดูมๆ แต่ทุกสัดส่วนดูน่ามองมากๆ สมแล้วที่ป๋าทั้งรัก ทั้งหวง

   หลับหูหลับตาอาบน้ำพร้อมพี่ปูน พอออกจากห้องน้ำมา ผมถึงได้รู้ ได้เห็นจนกระจ่างแจ่ม เมื่อเห็นชุดที่พี่ปูนเอาออกมาจากตู้เสื้อผ้า ผมรีบส่ายหน้ารัวๆ แล้วถอยหลัง แต่คนถือกลับยิ้มแย้ม

   “นั่นมันชุดผู้หญิงนะครับ” ผมชี้นิ้วไปที่ชุดกี่เพ้าสีแดงยาว ด้านข้างแหวกขึ้นมาอย่างสูง

   “ผู้ชายก็ใส่ได้ พี่ซื้อขนาดเท่ากัน เพราะป่านก็ตัวใหญ่กว่าพี่นิดเดียว” คนซื้อมาดูจะมีความสุข ผมมองพี่ปูนใส่ชุดกี่เพ้าด้วยรอยยิ้ม “ใส่สิ เดี๋ยวช้าพวกด้านนอกจะโวยวายเอานะ” พี่ปูนที่สวมชุดเสร็จแล้วไปยืนหันซ้ายหันขวาหน้ากระจก พอชุดสีแดงอยู่บนตัวพี่ปูนแล้วโคตรน่ามอง ผิวขาวตัดกับสีของชุด

   “ถ้าผมน่ารักเหมือนพี่ ผมคงไม่คิดมากแบบนี้หรอก” ถอนหายใจออกมาจนพี่ปูนหัวเราะ

   “ป่านน่ารักจะตายไป ไม่งั้นเกนจะหลงเหรอ มั่นใจหน่อยสิ” ผมมองพี่ปูนที่มาช่วยผมยัดชุด ไม่เคยใส่มาก่อนเลยไม่รู้ต้องใส่ยังไง “ดูสิ น่ารักจะตาย” พี่ปูนยิ้มพรายมองผมที่ใส่ชุดแบบเดียวกัน

   หมดกันไอ้ป่าน

   ผมถูกพี่ปูนจูงมือออกมาจากห้อง ด้านนอกยังเงียบ คนที่รอไปนั่งดูทีวีแทน พอเห็นประตูห้องนอนเปิดก็พากันมานั่งที่โต๊ะตามเดิม แต่ต่างกันตรงที่ ทั้งป๋าและพี่เกนย่อตัวคล้ายจะนั่ง แต่ก็ค้างตัวกลางอากาศ

   “น่ารักใช่ไหมล่า” พี่ปูนยิ้มจนตาปิด แต่ผมส่ายหน้าอย่างเดียว มือก็พยายามจับรอยแหวกที่ขึ้นมาสูงเกือบจะเห็นกางเกงใน “ป่านก็น่ารักนะ”

   “มาก” ป๋ายกนิ้วโป้งให้สองข้าง ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ไปนั่งข้างพี่เกนที่ยังมองค้างอยู่ “ไอ้เกน แมลงวันจะเข้าปากแล้ว”

   “ป๋า” พี่เกนรีบหุบปากแล้วมองหน้าผมต่อ “ป่านน่ารักว่ะ”

   “ไม่ต้องชมมาก เขิน” ผมบอก ทุกคนรอบโต๊ะเลยพากันหัวเราะ

   กับข้าวบนโต๊ะค่อยๆ หมดลงไปเรื่อยๆ ผมมองพี่ปูนแกะทั้งปู ทั้งหอยให้ป๋า ดูเป็นคู่ที่น่ารักมากที่สุด น่ารักจนอิจฉา ผมเลยเลือกจะแกะกุ้งให้พี่เกนบ้าง คนได้กุ้งก็ยิ้มแก้มปริแต่ไม่ยอมกิน

   “เอาไว้กินหลังสุด” พี่เกนว่า เลยถูกป๋าเขวี้ยงเปลือกปูใส่หัวด้วยความหมั่นไส้

   กว่าของบนโต๊ะจะหมด ท้องก็เกือบแตก ผมลุกช่วยพี่ปูนเก็บจาน ส่วนป๋ากับพี่เกนเช็ดโต๊ะ กวาดเศษขยะลงถัง ช่วยกันคนละไม้ละมือก็เสร็จไว แต่ผมจะไวกว่านี้ถ้าถอดชุดนี่ออก มันอึดอัด คับแน่น แถมยังต้องห่วงไอ้ที่มันแหวกขึ้นมาถึงต้นขาอีก

   “พี่ปูนไม่อึดอัดเหรอครับ” ถามคนที่เดินไปเดินมาไม่แคร์ว่าไอ้ที่แหวกจะแหกจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน

   “ไม่นี่ พี่ใส่จนชินแล้ว” ตกใจแทบหงายหลัง พี่ปูนใส่บ่อยเลยเหรอวะ

   “พี่ไม่...เอ่อ อายเหรอครับ” ไม่อยากถามเลย แต่ก็อดไม่ได้ พี่ปูนทำตาโตแล้วยิ้มออกมา

   “อายทำไม พี่ใส่เฉพาะอยู่ในห้องนี่แหละ ถ้าออกไปข้างนอกก็แต่งตัวปกติ” ก็ยังไม่เข้าใจ ผมทำตาปริบๆ มอง “พี่ว่า การแต่งตัวก็เป็นอย่างหนึ่งที่จะทำให้คนรักรู้สึกสนุก พี่น่ะ ชอบหาชุดมาใส่ให้ป๋าตื่นเต้น”


   ยิ่งกว่าตกใจอีกไอ้ป่าน


   “พี่หาเองเหรอครับ” รู้สึกเสียงตัวเองเบาซะจนเหมือนไม่ได้ยิน

   “อืม ถามเกนสิ รายนั้นก็เห็นพี่แต่งตัวแบบนี้ตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้รู้สึกเฉยๆ ไปถึงเบื่อเลยล่ะ ต่างจากป่าน ที่เกนมองตาค้างเลย”

   “พี่ดูดีกว่าผมอีก”

   “ลองถามเกนสิ ว่าใครดูดีกว่ากัน” ถามก็บ้าแล้ว ผมส่ายหน้ารัวๆ จนพี่เกนที่ยืนอยู่ไกลๆ มองอย่างสงสัย “เดี๋ยวพี่ถามให้”

   “โนวๆๆ ครับ” รีบดึงแขนพี่ปูนได้ทัน “ไม่ได้อยากรู้ครับ โธ่”

   “ถ้าป่านชอบ ชุดพี่มีเต็มตู้เลย ทั้งชุดว่ายน้ำ ชุด....”

   “ไม่ครับ ไม่เลย ไม่เอา” ผมรีบปฏิเสธหลังยกมือปิดปากพี่ปูนไว้ ได้ยินชื่อชุดแล้วขนลุกขึ้นมาเฉย

   “เสียดาย” พี่ปูนทำหน้าเศร้า แต่ผมไม่รับรู้ ก่อนพี่เกนจะชวนกลับห้องเมื่อได้ขวดไวน์ชั้นเลิศติดมือมา “ถ้าสนใจมาหยิบได้เลยนะ ป่าน”

   “อะไรเหรอ” พี่เกนที่ไม่รู้เรื่องราวทำหน้าสงสัย แต่ผมรีบส่ายหน้าแล้วดันร่างใหญ่ให้รีบออกห้อง ก่อนพี่ปูนจะปูดเรื่องที่คุยออกมา รับรองถ้ารายนี้รู้ ต้องรีบไปหยิบมาหมดตู้แน่ แค่ชุดที่ใส่นี่ก็เต็มทนแล้ว

   กลับมาถึงห้อง ผมก็กะจะเปลี่ยนชุด แต่พี่เกนดันให้นั่งบนที่โซฟาซะก่อน ไม่ได้คิดอะไรเพี้ยนๆ ใช่ไหม

   “ดื่มด้วยกันก่อน ไวน์แพงนะ”

   “อวดรวยอีกแล้ว”

   “ของป๋า ไม่ใช่ของพี่”

   เบ้ปากแต่ก็หยิบแก้วที่มีไวน์มาจิบ รสชาตินุ่มลิ้นมาก สมกับราคาที่แพงเว่อร์ “อร่อย”

   “พี่ว่าแล้ว ว่าป่านต้องชอบ”

   พี่เกนยื่นมือมาคล้องกับแขนผม แล้วเราก็ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบพร้อมกัน สายตาสวยจ้องมาอย่างพราวระยับ ปากได้รูปยกยิ้มนิดๆ ให้กับผม

   “ขอบคุณนะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อป่าน”

   “ก็พี่เลือกเองนี่นา ก็ต้องดูแลคนที่พี่เลือกให้ดีที่สุด”

   “ต้องซึ้งไหม”

   “ได้ก็ดี”

   สิ้นประโยค เราทั้งคู่ต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ทุกๆ ปีไม่ว่าจะเทศกาลอะไร ผมก็จะขลุกอยู่กับหน้าทีวีบ้าง หน้าตู้เกมส์บ้าง ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้มาทำอะไรแบบนี้ ในเทศกาลเป็นมงคลของพี่น้องเชื้อสายชาวจีน รู้สึกดีใจหล๊ายหลาย

   “พี่มีอะไรจะให้” พี่เกนวางแก้วแล้วลุกไปหยิบของออกมา ผมเหล่ตามองอย่างระแวง

   “ไม่ใช่ชุดนางแมวป่าใช่ไหม” พูดดักไว้ พี่เกนทำตาโตก่อนหัวเราะออกมา

   “บ้าแล้ว ไม่ใช่หรอก” กล่องขนาดเล็กถูกยื่นมาให้ ผมมองอย่างลังเลแต่ก็หยิบมาเปิดดู “ไม่ได้แพงมาก พี่รู้ว่าป่านต้องโมโหหากเป็นของแพง”

   “นี่มัน...” ของในกล่องขนาดเป็นแหวนเรียบๆ แต่ดูสวย

   “พี่ตั้งใจเลือกให้ป่านเลยนะ” พี่เกนยื่นมือมาหยิบแหวนในกล่องไป ก่อนจะแบมือขอมือของผม ไอ้ผมก็บ้าจี้ ไม่ใช่สิ ตั้งใจวางให้ “อีกข้าง” เผลอหัวเราะเมื่อวางข้างขวา

   “ได้หมดถ้าสดชื่น” ผมว่าเมื่อแหวนถูกเลื่อนเข้ามาที่นิ้วนางด้านซ้าย

   “ได้สดชื่นแน่” พี่เกนจิ้มหน้าผากผมหลายจึ๊ก ก่อนจะเปลี่ยนมาดึงผมเข้าไปกอด “พี่โคตรมีความสุข เป็นปีใหม่ที่เริ่มต้นด้วยความสุข”

   “ป่านดีใจที่พี่เกนมีความสุข” รัดเอวพี่เกนแน่น

   “พี่ก็ดีใจที่ทำให้ป่านมีความสุข” พี่เกนว่า “แล้วก็ พี่ชอบนะ ที่เห็นป่านแต่งตัวแบบนี้”

   “ไม่ได้อยากใส่เลย” ผละออกจากอ้อมกอดมานั่งที่โซฟาตามเดิม “พี่ปูนนั่นแหละบังคับ แถมให้อาบน้ำด้วยกันอีก โคตรอาย”

   “เหรอ” น้ำเสียงเรียบเฉยจนน่าแปลกใจ

   “พี่ไม่โมโหเหรอ ที่ผมอาบน้ำกับพี่ปูน”

   “พี่ปูนไม่ได้แตะตัวใช่ไหม” พยักหน้ารัวๆ “งั้นก็ไม่โมโหหรอก เพราะพี่ปูนคงไม่ปล้ำป่าน”

   “โหย แบบนั้นก็ได้เหรอ” ผมว่า “เอ่อ พี่เห็นพี่ปูนแต่งตัววับๆ แวมๆ อยู่กับป๋า ไม่รู้สึกอายเหรอ”

   “อายทำไม พี่เห็นตั้งแต่เด็กแล้ว ขนาดใส่แค่ผ้ากันเปื้อนตัวเดียวก็เห็นมาแล้ว เฉยๆ” พี่เกนยักไหล่อย่างไม่แคร์ มือยกไวน์ขึ้นจิบ ต่างจากผมที่เบิกตาโตๆ มอง

   “ใส่ผ้ากันเปื้อนตัวเดียว? พี่หมายถึงพี่ปูนไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลยเหรอ”

   “อืม เห็นจนเบื่อ” แทบกระอัก แล้วมากระอ่วนต่อ “แต่ถ้าป่านใส่ พี่จะไม่มีวันเบื่อ”

   “ใส่ก็บ้าแล้ว” เสียงสูงปรี๊ด “เลิกล้มความคิดได้เลย ผมไม่มีวันใส่หรอก”

   “ไม่นานหรอกน่า”

   “มั่นใจซะจริง” ถูกพี่เกนโน้มหน้าผากจูบซะจนน้ำลายเยิ้ม “อี๋ น้ำลายว่ะ”

   ซีรี่ส์ที่กำลังเริ่มดึงความสนใจของพวกเรา ผมเอนตัวพิงอกอุ่นของพี่เกน พร้อมๆ กับมีมืออุ่นโอบไหล่เอาไว้ ชีวิตคนเรา ถ้าทำตัวให้มีความสุข โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น เราก็จะสุขทั้งกายและใจ

   อ๊ะๆ วันนี้วันดี ดังนั้นเรื่องบนเตียงไม่ดุเดือดแน่นอน ขืนดุเดือดละก็ ของที่กินต้องถูกขย่อนออกมาแน่ เพราะความรัก...ไม่จำเป็นต้องจบบนเตียง เพราะโซฟาก็นุ่มไม่แพ้กัน เฮ้ย ไม่ใช่



   สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้พี่น้องทุกคนมีความสุข ร่ำรวยเงินทอง และความสุขตลอดปีนะครับ 


......................................................................

สวัสดีวันตรุษจีนค่า  :mc4: :mc4:

ขอให้เฮงๆ กันถ้วนหน้าทุกๆ คนค่า  :mew1: :mew1:

( ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ . ที่นี้ด้วยค่าาาา )
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 29-01-2017 01:25:35
 :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 29-01-2017 01:49:40
ไม่ว่าเทศกาลไหน สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือความหื่น!!! :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-01-2017 01:58:30
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 29-01-2017 15:19:31
พี่เกนน่ารัก :katai3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 29-01-2017 20:09:54
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 29-01-2017 20:19:29
สนุกอ่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-01-2017 21:07:15
อ่า....พี่ปูนขยันแต่งตัวแบบนี้
ป๋า ถึงหลงงงง ขยันรักพี่ปูนตลอด
พี่เกน ก็ชอบป่าน หลงป่านสุดๆ
หวงแม้กับพี่ปูน  :ling1: :ling1: :ling1:
คิดถึงพี่โช กลอยประเกรียน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 29-01-2017 21:46:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-01-2017 22:03:57
กรี๊ดด ฟินนนน
งวดหน้าขอชุดผ้ากันเปื้อนผืนเดียวค่าา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 29-01-2017 22:43:38
พี่ปูนน่ารักมากๆๆ  :mew1:

 :pig4: :กอด1: :L1:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 29-01-2017 22:47:24
ทุกเทศกาล  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-01-2017 23:10:17
คู่นี้มาบ่อยจนลืมคู่หลักไปแล้ว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-01-2017 02:11:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 30-01-2017 04:55:39
ป่านน่ารัก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-01-2017 10:55:50
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 30-01-2017 12:21:57
อยากได้อั่งเปาแบบนี้บ้าง  :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 31-01-2017 00:12:16
ป่านต้องอัพเลเวลอย่างพี่ปูน รับรองแจ่ม  :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 31-01-2017 20:00:26
ไม่ว่าจะเทศดาลไหน
ขอให้รักกันตลอดไปนะ
เกน×ป่าน

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 01-02-2017 14:41:54
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 02-02-2017 09:04:54
รอตอนป๋ากับพี่ปูนว่าจะแซ่บขนาดไหน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 02-02-2017 20:12:58
น่ารักได้อีกคู่นี้ อีพี่ฝอยขัดหม้อมันหื่นได้ใจจริงๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hyukkiemai ที่ 03-02-2017 14:47:55
เกรมันสายชอบคอสเพลย์แล้ววววว ป่านเสดแน่~~
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 05-02-2017 10:52:44
ชอบต้อมกับป่าน นิสัยน่ารักทั้งคู่ แต่บรรดาเมะนี่... น่าถีบมาก
มีบ้างตอนบทบรรยายขัดกันบ้าง หรือจำผิดเริ่มไม่แน่ใจ
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-02-2017 13:13:41
55555 ชอบๆๆๆๆๆ

ป่านอย่างน่ารัก แต่ทำไงได้ มันไม่ใช่ทางอะเนาะ แต่ระวังเกนจะไปถามปูนแล้วขนมาให้ใส่นะ
เกนอย่างเวอร์ ทำหวง ทำตาค้าง ก็แน่ล่ะ ป่านทำทั้งที

เกนทำปูนร้องไห้เลย น่าสงสาร อ่อนไหวมาก เกนทำสมควรโดนทำโทษ
ป่านถึงกับอึ้ง ปูนกลับชอบ 5555 สีสันของชีวิตคู่

อยู่กันแบบนี้น่ารักดีค่ะ

รอวาเลนไทน์จ้า
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ [K&P] วันตรุษจีน [P.22]<<[28/01/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-02-2017 16:13:07
อยากเห็นป่านใส่ชุดกี่เพ้าด้วย//หลบตรีนพี่เกนแป๊บ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 14-02-2017 23:28:23
ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์


        ห้องเรียนที่ตอนนี้แทบจะกลายเป็นแปลงดอกกุหลาบ เพื่อนในห้องบางคนก็ได้รับมา หรือบางคนก็รอที่จะให้คนรัก สำหรับผม วันวาเลนไทน์ก็เป็นแค่วันธรรมดา (ที่ต้องมาเรียน)

   ไอ้ดอยยิ้มหน้าบานเข้ามาพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงสามดอก มันยิ้มโชว์ฟันขาวแถมอวดว่าสาวให้มันมา ขอให้แฟนมันรู้ แล้วผมจะนั่งหัวเราะให้ดู

   “ไอ้ป่านยังไม่มาเหรอวะ” ผมส่ายหน้าตอบคำถามเพื่อน ไอ้ดอยมันเก็บของเสร็จก็มองผมแปลกๆ “มึงไม่ได้ดอกไม้เหรอวะ”

   “เออ” ตอบนิ่งๆ จนคนถามทำสีหน้าไม่เชื่อ “อะไร”

   “กูไม่อยากจะเชื่อ แล้วพี่ฟลอยด์ไม่ซื้อให้มึงเหรอ”

   “จะซื้อ แต่กูไม่ให้ซื้อ เปลืองเงิน”

   อันที่จริงพี่ฟลอยด์รบเร้าจะซื้อของให้ผมตั้งแต่เมื่อวาน แอบบังคับด้วยการพาผมเข้าห้างแล้วให้เลือกตุ๊กตาว่าจะเอาตัวไหน แต่ผมทำเมินเดินหนี ผ่านร้านนั้นร้านนี้ก็ชี้ให้ผมเลือก ผมว่ามันเป็นการใช้เงินโดยใช่เหตุ ข้าวของแต่ละอย่างแพงแสนแพงผมไม่ค่อยอยากได้หรอก

   “มึงนี่นะ ซื้อของสักพันสองพันขนหน้าแข้งพี่เขาไม่ร่วงหรอกไอ้ห่า” ผมยักไหล่ให้เพื่อนที่ส่ายหน้าเอือมระอา ก็ทำไมอ่ะ ผมช่วยพี่ฟลอยด์ประหยัดเงินเลยนะ ช่วงเทศกาลแบบนี้ ของคู่รักราคาถูกอัพขึ้นทุกอย่าง ขนาดดอกกุหลาบจากปกติห้าบาท สิบบาทยังขึ้นเป็นสามสิบ ห้าสิบ ไอ้ต้อมรับไม่ค่อยจะได้จริงๆ

   “กูรู้ว่าไม่ร่วง แต่ประหยัดน่ะ มึงรู้จักป่ะ”

   “เออ ไอ้ขี้งก มึงนี่ขี้เหนียวจนเกลือต้องเรียกทวด”

   “ขอบใจที่ชมกู” ผมยิ้มให้กับคำประชดของเพื่อน ไอ้ดอยถึงกับหมดคำพูดทันที

   จวนใกล้เวลาเรียน ไอ้ป่านก็โผล่มาพร้อมดอกกุหลาบช่อโตทำเอาพวกคนในห้องฮือฮา ผมคงจะตกใจไปด้วยหากไม่เห็นหน้าคนถือที่หงิกยิ่งกว่าคนท้องผูก นั่นคือใบหน้าของผู้ที่ได้ดอกไม้ช่อใหญ่เหรอ ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ

   “ขี้ไม่ออกเหรอมึง” ไอ้ดอยทักไปแบบที่ผมคิดพอดี คนถูกถามถอนหายใจออกมา “เป็นไร ได้ดอกไม้แล้วไม่ดีใจ?”

   “คงจะดีใจแต่มันไม่ใช่ของกู” ไอ้ป่านว่า

   “อ่าว แล้วของใคร หือ” ผมถามยังไม่จบดี ช่อดอกไม้นั่นก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

   “ของมึง ไอ้ต้อม” เหมือนจะได้ยินผิด ผมกระพริบตามองเพื่อนที่ยังยื่นดอกไม้ให้ “เอาไปสิ หนัก”

   “ของกู? ใครให้วะ”

   “แล้วมึงคบใครอยู่ ถามไม่ผ่านสมองไอ้นี่”

   “ด่ากูโง่เลยดีกว่าแบบนี้”

   ผมยื่นมือรับช่อดอกไม้มาถือไว้ นี่พี่ฟลอยด์ขัดคำสั่งของผมเหรอเนี่ย อุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามซื้อ ช่อนี้ราคาเท่าไหร่วะเนี่ย ผมลองค้นดูก็ไม่มีการ์ดอะไร กำลังจะพิมพ์ข้อความไปถามแต่อาจารย์เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน

   คาบเรียนที่ทุกคนไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ เพราะแต่ละคนกำลังวางแผนที่จะพาคนรักไปฉลอง ต่างจากผมที่กำลังประเมินราคาช่อดอกไม้และคิดหาคำถามที่จะคาดคั้นคนซื้อ

   “เอาล่ะนักศึกษา วันนี้พอแค่นี้ก่อน งานที่สั่งอย่าลืมทำล่ะ” พูดจบ อาจารย์ประจำวิชาก็เดินออกไป แล้วนกก็แตกรัง ทุกคนในห้องส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว บางคนเดินมาถามผมเรื่องดอกไม้ บ้างก็เอ่ยแซว แต่มันไม่ใช่เวลาที่ผมจะตอบ

   ผมพิมพ์ข้อความด้วยความเร็ว รออยู่ครู่หนึ่งกว่าอีกทางจะตอบกลับ วันนี้พี่ฟลอยด์ไม่มีเรียนครับ แต่ก็มาส่งผมและรอรับ เพราะผมเรียนวิชาเดียว

   “เดี๋ยวกูไปโรงอาหารกลาง พวกมึงไปกับกูไหม” ไอ้ดอยถาม ผมรีบพยักหน้าซึ่งไอ้ป่านก็เกาะติดไปด้วย

   วันนี้บรรยากาศภายในมหาลัยช่างดูเป็นสีชมพู ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่คู่รัก ส่วนใครโสดก็ต้องทนเอาหน่อย เพราะผมก็ทนมาแล้วหลายปีโดยไม่คิดว่าจะมีคนรักด้วยซ้ำ พี่ฟลอยด์นี่อยู่นอกเหนือจากความคิดไว้สุดๆ

   โรงอาหารกลางยังคงคลาคล่ำไปด้วยนักศึกษาต่างคณะ ดอกกุหลาบกับตุ๊กตายังเป็นสิ่งที่นิยมในหมู่คู่รัก ผมถือช่อดอกไม้ตรงไปหาคนที่บอกว่านั่งกินข้าวรอ พี่ฟลอยด์กำลังคุยออกรสอยู่กับพี่เกนและคนที่ผมไม่รู้จัก พอเห็นผมยืนอยู่ก็ยิ้มทักทาย

   “เท่าไหร่” นี่คือคำที่ผมทักคำแรก
 
   “อะไรเท่าไหร่” ถูกถามกลับ ผมเลยยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่นั่นให้ดู

   “ก็นี่ไง ช่อละเท่าไหร่” เริ่มหงุดหงิดนิดๆ ที่พี่ฟลอยด์ยิ้มแปลกๆ “พี่ฟลอยด์ ทำไมไม่ตอบ” ไม่ตอบไม่ว่า แต่นี่พี่ฟลอยด์กลับยืนขึ้น ด้วยหน้าตาที่ดูโดดเด่นสามารถดึงสายตาให้เป็นที่สนใจของคนในโรงอาหาร “อะไร”

   “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ไง” พี่ฟลอยด์ยิ้ม ก่อนยื่นมือมารับดอกไม้จากมือผม ก่อนเสียงวี๊ดร้องเบาๆ ที่มาพร้อมเสียงถ่ายรูปจากกล้องมือถือ พอผมหันไปมองทุกคนก็ทำหน้าเพ้อฝัน

   ชักรู้สึกไม่ชอบมาพากลแปลกๆ

   “เดี๋ยวนะ” กระพริบตาปริบๆ มองคนที่รับช่อดอกไม้จากมือผมไป “ผมว่า มันต้องมีอะไรผิดปกติ”

   “สมองช้า” เสียงหนึ่งลอยเข้าหูมา จำได้ว่าเป็นเสียงของพี่เกน

   “นี่พี่...วางแผนไว้ใช่ไหม” เมื่อสมองเริ่มทำการประมวลเต็มอัตรา ก็เริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ “พี่ฟลอยด์” กดเสียงให้ทุ้ม ซึ่งคนถูกเรียกก็ขำเบาๆ

   “พี่ไม่ได้วางแผนอะไรเล้ย”

   “แล้วทำไมต้องเสียงสูง”

   “เปล่า”

   “นี่ก็เสียงต่ำ”

   ในระหว่างที่ผมกำลังจับผิดคนอยู่ เสียงไอ้ป่านก็แทรกเข้ามา มันพลิกหน้าจอโทรศัพท์ของมันให้ผมดู รูปที่มากกว่าสิบคือรูปที่ผมยื่นช่อดอกไม้ให้พี่ฟลอยด์ และคำบรรยายที่บอกว่า วันสีชมพูของเจ้าของเกาะ (เกาะมาจากชื่อที่กลุ่มเพจคู่เรียก เอฟทีไอซ์แลนด์)

   “ภาพลวงตาชัดๆ” พี่เกนเอ่ยออกมาแล้วหัวเราะ

   “แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเพื่อนพี่จัดฉาก” ไอ้ป่านหันไปคุยกับพี่เกน ก่อนทั้งคู่จะขำออกมา ยังมีไอ้ดอยกับพี่ฟลอยด์ที่ขำไปด้วย

   “หยุดหัวเราะเลยนะ” ผมชี้สั่ง “สนุกใช่ไหม แกล้งกันเนี่ย”

   “พี่ไม่ได้แกล้งสักหน่อย ก็ต้อมเล่นสั่งห้ามทุกอย่าง พี่ก็ต้องทำแบบนี้ ไม่งั้นต้อมก็ไม่รับ”

   “ก็พี่เล่นจะซื้อของฟุ่มเฟือย ทำไมไม่เอาไปซื้อของที่มันจำเป็นเล่า”

   “ของจำเป็นต้อมก็ไม่เอาเหมือนกัน”

   “พอๆ พวกมึงกลับไปทะเลาะกันที่บ้านไป เดี๋ยวฉากที่จัดไว้จะล่ม” พี่เกนเอ่ยปากไล่ ผมเลยเดินหนีออกมาจากโรงอาหารก่อน

   อันที่จริง ผมกะจะชวนพี่ฟลอยด์ไปซื้อของมาทำกินที่บ้านฉลองวันแห่งความรักกับครอบครัว แต่เริ่มไม่มีอารมณ์จำฉลองแล้วตอนนี้ ผมเดินนำหน้ามารอที่รถ พี่ฟลอยด์ไม่ยอมกดเปิดประตูจนผมต้องยืนมองตาขวาง

   “ต้อม” คนเดินตามเรียกเสียงอ่อน

   “เปิดรถ วันนี้ผมจะไปฉลองกับพ่อแม่ที่บ้าน” พอได้ยิน พี่ฟลอยด์ก็แทบทิ้งดอกไม้จนผมรีบรวบมากอด
 
   “ไม่ให้ไป ทำไมต้อมไม่เห็นใจพี่บ้าง พี่ก็แค่อยากแสดงความรักแบบคนอื่นๆ”

   “พี่จะแสดงความรักแค่วันวาเลนไทน์วันเดียวหรือไง แล้ววันอื่นๆ พี่ก็จะทำเฉยๆ เหรอ” ผมกอดดอกไม้จ้องหน้าคนหน้างอ “ที่ผมไม่อยากได้ของอะไร นั่นเพราะมันไม่จำเป็นจริงๆ ความรักไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการซื้อของแพงๆ แค่พี่ดีกับผมแบบนี้ทุกวัน มันมีค่ากว่าเป็นไหนๆ” บอกตามความรู้สึก พี่ฟลอยด์ดูจะนิ่งไปทันที

   “ทำไม...” เสียงพูดของพี่ฟลอยด์เบาจนแทบไม่ได้ยิน

   “อะไร”

   “ทำไมเมียพี่น่ารักแบบนี้เนี่ย” พี่ฟลอยด์ยิ้มจนตาแทบปิด มือก็ยื่นมาดึงแก้มผมซะเจ็บไปหมด

   “เจ็บๆ” มองตาขุ่นเมื่อคนดึงถอยไปยืนที่เดิม “ผมรู้ว่าพี่อยากให้ดอกกุหลาบ แต่แค่ดอกเดียวก็พอแล้วป่ะ” ลึกๆ ผมก็ดีใจนะ ไม่ใช่ไม่ดีใจ อยากจะยิ้มแป้นเหมือนกัน แต่พอนึกถึงราคาของมันแล้วยิ้มไม่ค่อยออกเท่าไหร่

   “ก็พี่ชอบหลายๆ ดอก” พูดพร้อมขยิบตา โคตรเจ้าเล่ห์

   “แล้วมันราคาเท่าไหร่ ช่อนี้” ถึงคราวต้องถามสักที แต่คนซื้อกลับแถไปเรื่องดินฟ้าอากาศเฉย เนียนได้โล่ คงกลัวถูกบ่นจนหูชา “อย่าให้รู้นะ” คาดโทษไว้ พี่ฟลอยด์หัวเราะก่อนจะยื่นหน้ามาฉกหอมแก้มผมเร็วๆ ไปฟอดใหญ่

   “หอม” อยากเอาช่อกุหลาบฟาดหน้า แต่มันแพงเกินไป ผมกัดปากจ้องโหดกำลังจะยกขาเตะ สายตาดันเหลือบไปเห็นคนรู้จักซะก่อน “มองอะไร”

   “ไอ้กลอย” ตอบเสร็จผมก็เดินเข้าไปหาเพื่อนต่างคณะ ไอ้กลอยเดินมากับไอ้ทู คู่หูคู่ฮาของมัน พอคู่นั้นเห็นผมก็ทักทายปกติ ก่อนจะยกมือไหว้คนข้างผม “ฮอตนะมึง”

   “แน่นอน กูกลอยประเกรียนนะเว้ย” หัวเราะให้กับท่าทางมั่นใจของคนพูด ตอนนี้บนตัวไอ้กลอยมีแต่สติ๊กเกอร์รูปหัวใจ เสื้อเอย กางเกงเอย ขนาดหน้ามันยังมี ก่อนความมั่นใจของคนยืดจะมอดดับเมื่อถูกแฉจากคนใกล้ตัว

   “อย่าไปเชื่อมัน ซื้อมาติดเอง แล้วจะเอาไปอวดผัว” ไอ้ทูว่าปุ๊บ ผมกับพี่ฟลอยด์ก็หัวเราะเสียงดัง ไอ้กลอยอ้าปากโวยวายทันที

   “มั่วแล้วไอ้เชี่ยทู นี่สาวๆ ติดให้กูเว้ย”

   “เท่าที่กูเห็นมีแค่ห้าดวงหรือเปล่าวะ ที่เขาติดให้ นอกนั้นมึงติดเอง ไอ้มั่ว”

   “หุบปากมึงไปเลย” ผมมองเพื่อนคู่ซี้เถียงกันไปมาแล้วก็ยิ้ม พวกมันตลกดี “ว่าแต่ พี่จะพาไอ้ต้อมไปสวีทที่ไหนเหรอวันนี้”
 
   “ขี้เสือกว่ะ” ไม่ใช่ผมกับพี่ฟลอยด์นะครับที่พูด

   “ไอ้เชี่ยทู” นั่นแหละครับ ชื่อคนพูด

   “ไม่มีหรอก” นี่ต่างหากคำตอบของพี่ฟลอยด์

   “ได้ไง วันนี้วันวาเลนไทน์นะ” ไอ้กลอยทำตาโตมอง

   “ว่าแต่มึงเถอะ ไปฉลองที่ไหน” ผมถามบ้าง ไอ้กลอยเลยหันมามองหน้า แล้วกรอกตามองบน

   “คงจะได้ไปหรอก เมื่อคืนเพื่อนพี่โชมาแล้วพากันดื่มหนัก ไม่รู้ตอนนี้จะตื่นหรือยัง” ผมหัวเราะแห้งๆ ให้เพื่อน เข้าใจมันครับ เคยไปกินด้วยแล้วไอ้กลอยเป็นแผนกเก็บกวาด

   คุยกันอีกนิดหน่อย เราก็แยกกัน พี่ฟลอยด์บอกจะแวะซื้อของสดเข้าไปทำกินที่บ้าน ผมเห็นด้วยนะ วันแห่งความรักไม่เฉพาะแฟนเท่านั้น กับพ่อแม่ พี่น้อง ก็มอบให้กันได้




   กว่าจะกลับถึงบ้านก็บ่ายแก่ๆ พี่ฟลอยด์ขนของสดลงจากรถเดินไปที่ครัว ตอนนี้คุณชายของบ้านเป็นคนน่ารักไปแล้ว จากที่เคยเอาแต่ใจกลายเป็นคนเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น

   “ต้อมโทรไปชวนพ่อกับแม่สิ” ผมหันไปมองคนบอก พี่ฟลอยด์นั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียง ส่วนผมกำลังเปลี่ยนชุดนักศึกษา “รีบๆ เปลี่ยน ก่อนที่พี่จะจับปล้ำ”

   “ไอ้หื่น” ด่าเสร็จก็รีบสวมเสื้อยืดกับกางเกงบอล เปลี่ยนชุดเสร็จผมก็รีบโทรชวน แต่ทางบ้านผมมีแพลนไปฉลองที่ทะเลเลยปฏิเสธ นี่ถ้าไม่ติดว่าจะกลัวถูกงอน ผมคงขอไปทะเลกับพ่อแม่แล้ว “พวกเขาไปทะเล”
 
   “อยากไปเหรอ” ผมถูกพี่ฟลอยด์ดึงลงไปนั่งตัก “พี่พาไปเอาไหม”

   “จะไปได้ไง พี่บอกจะฉลองที่บ้าน พ่อกับพวกพี่ๆ เขาก็รู้แล้ว”

   “ก็ยกเลิกสิ ไม่ก็ให้เขาจัดกันเอง”

   “ได้ไงเล่า” ขมวดคิ้วคนจะไม่รักษาคำพูด “ลงไปเถอะ เขาจัดของเสร็จแล้วมั้ง” ที่รีบไม่ใช่เพราะอยากลงไปช่วยหรอกนะครับ แต่สภาพแบบนี้ล่อแหลมเกินไป คงจะไม่ดีหากนั่งแบบนี้นานๆ

   “รู้ทันอีกนะคนเรา” พี่ฟลอยด์ขำออกมา มือก็ลูบไล้แขนผมไปมา “คืนนี้เสร็จแน่” แทบอยากเอานิ้วจิ้มคนขยิบตา

   แต่คอยดูเถอะ ผมจะมอมเหล้าคนเจ้าแผนการให้ดู

   ด้านล่าง ข้าวของต่างๆ ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยอย่างที่คาด เตาปิ้งบาร์บีคิวถูกก่อเตรียมไว้ล่วงหน้า ผมเห็นน้องเฟรมวิ่งเล่นอยู่ไกลๆ พี่ฟีนก็คงกลับมาด้วย

   “คุณเฟิร์นจะพาแฟนมาด้วยนะคะ” ผมได้ยินป้าแม่บ้านบอกพี่ฟลอยด์ ซึ่งพี่แกก็พยักหน้ารับรู้ ผมก็อยากเห็นตัวจริงเหมือนกันนะ เคยเห็นแต่รูปตามหน้าสังคม ดูท่าจะรวยมาก ก็นะ คนรวยก็ต้องคู่กับคนรวย หายากสมัยนี้ที่คนจะกลายเป็นซินเดอเรลล่า

   ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนสี นำพาเจ้าของบ้านและลูกสาวคนโตกลับมา พ่อกวักมือเรียกพี่ฟลอยด์ให้ไปรู้จักว่าที่ลูกเขยคนโต ผมที่อยู่ไม่ไกลก็ถูกเรียกไปด้วย ภาพที่เห็นกับตัวจริงค่อนข้างแตกต่าง จะว่ายังไงดีล่ะ ตัวจริงคงดูดีกว่ารูปละมั้ง

   “นี่คุณนิค เขาจะมาร่วมปาร์ตี้บาบีคิวด้วย” ทั้งผมกับพี่ฟลอยด์พากันยกมือไหว้ คุณนิคที่ว่าก็รีบยกมือรับแล้วยิ้มส่งมาให้

   “น้องเขาคือคนที่เฟิร์นเล่าให้ผมฟังใช่ไหม” ผมทำท่าเหลอหลาที่อยู่ๆ ก็ถูกชี้ พอพี่เฟิร์นพยักหน้า สายตาของคนมาใหม่ก็หรี่ลง “ตัวจริงก็ดูดีนะ คิดยังไงถึงมาคบกับผู้ชายเหรอ”

   คำถามที่ออกจากปากเหมือนหนามที่เผลอเหยียบโดน มันเจ็บจี๊ดจนแทบนิ่วหน้า แต่สักพักมันก็หาย ผมขมวดคิ้วไม่ชอบใจในคราแรกก่อนจะยิ้มออกมาเพื่อให้คนข้างผมกับพ่อของเขาสบายใจ

   “ก็ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน แค่อยากจะรัก ก็รัก ไม่ยากครับ” ผมตอบ พยายามคิดหาคำพูดที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันอันดีของใครๆ ทั้งที่ในใจแทบอยากกระโดดเข้าไปต่อย

   “อ๋อ เพราะคิดน้อยสินะ แบบนี้แหละ คนคิดน้อยก็มักจะทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน” (ไอ้) คุณนิคยังไม่ยอมหยุด คนข้างผมก็อยากจะสู้รบ แต่เพราะผมจับแขนไว้อยู่ตลอด ส่งสายตาข่มขู่ให้เงียบด้วย ไม่อยากให้มีเรื่อง

   “แต่ผมว่า คิดน้อยก็ดีนะครับ คิดมากไปก็รกสมอง เผลอๆ ไอ้ที่คิดรังจะมีแต่ขยะ” พูดจบพร้อมรอยยิ้ม ผมเห็นพ่อพี่ฟลอยด์เผลอยิ้มออกมานิดๆ ส่วนคนที่บอกผมคิดน้อยดูนิ่งไปทันที “ผมขอตัวก่อนนะครับ” รีบดึงพี่ฟลอยด์ให้ออกมาห่างๆ จนมาถึงหน้าเตาปิ้ง คนถูกดึงก็รีบสะบัดแขน

   “ห้ามพี่ทำไม ไอ้นี่มันวอนโดนกระทืบ” พี่ฟลอยด์กัดฟันมองไปยังว่าที่พี่เขย

   “ช่างเขาเถอะ ก็เขาเป็นพวกคนคิดมาก แต่ข้างในคงกลวง” ผมว่า ป้าแม่บ้านที่ยืนข้างๆ ยังขำ “คนคิดน้อยหิว ขอบาร์บีคิวหน่อยสิ” พยายามปรับอารมณ์ของคนร้อนในเย็นลง กลัวใจจริงๆ เกิดไปมีเรื่องจะวุ่นวายเปล่าๆ พี่ฟลอยด์เริ่มยิ้มออกมาแล้วหยิบบาร์บีคิวป้อนผม รู้สึกถึงการถูกมอง เลยยักคิ้วทัก (ท้า) ทายไป

   “อร่อยไหม พี่ซื้อเองเลยนะ”

   “ป้าดูคนขี้อวดสิ แค่ซื้อของก็อวด”

   พวกเราหัวเราะกันอยู่ที่โต๊ะหน้าเตาปิ้ง ตอนนี้ไม่สนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ ยิ่งพอน้องเฟรมมารวมด้วย น้องก็ยิ่งติดผม ทั้งนั่งตัก อ้าปากรอผมป้อน ภาพปกติที่เกิดเกือบทุกวันแต่คนมาใหม่คงไม่ชิน

   “หลานเฟิร์นน่ารักดีนะ ดูท่าจะติดน้องเขา” ผมเงยหน้ามองคนพูด ดูจากหน้าตาก็ยิ้มแย้ม แต่น้ำเสียงฟังแล้วไม่ค่อยลื่นหูเท่าไหร่

   “เฟิร์นเห็นจนเบื่อแล้วล่ะ ไม่รู้ติดใจอะไร” พี่เฟิร์นว่า

   “คงมีอะไรน่าติดละมั้ง” ผมทำเมินรอยยิ้มเยาะนั่น ไม่อยากมีเรื่องจริงๆ เดี๋ยวหมดสนุก

   “เป็นเด็กปากดีจะตาย” พี่ฟลอยด์กำลังจะอ้าปากว่า แต่พ่อพี่เขากลับแทรกขึ้นมาก่อน นั่นเรียกสายตาทุกคู่ให้มอง คำพูดดูเหมือนจะว่าให้ผมจนแขกของบ้านหัวเราะ แต่ประโยคถัดมาเป็นผมที่ขำแทน “ปากดี อวดดี แต่ก็เป็นคนดี”
 
   “คุณอาชมขนาดนี้เลยเหรอครับ”

   “ก็ไอ้ผักสวนครัวที่อาคุยวันนั้นก็มาจากความคิดของเขานั่นล่ะ”

   “ทำให้บ้านเราประหยัดเงินไปตั้งเยอะเลยค่ะ” พี่ฟีนเสริมขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม

   “ตอนแรกอาก็ว่าไร้สาระ แต่พอได้ปลูกเองก็รู้สึกดีเหมือนกัน ตอนนี้ก็กะจะลงดอกไม้ด้วย ที่ว่างด้านหลังน่ะ” ประโยคหลังพ่อพี่ฟลอยด์หันมาคุยกับผมครับ

   “ครับ” รู้สึกดีใจที่ทุกคนเข้าข้าง ไม่ได้อยากรู้สึกแบบเด็กน้อยหรอกนะครับ

   “ผมไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะมองยังไง แต่ที่ผมเลือกต้อม...” พี่ฟลอยด์ยื่นมือมากุมผมแน่น “เพราะเขาเป็นคนดี ทำให้ผมอยากเป็นคนดี หากไม่มีเขา ตอนนี้ผมอาจไปอยู่ที่ไหนสักที่ๆ ไม่ใช่...บ้าน” รอยยิ้มกับคำพูดที่ได้ยิน ผมชอบมากกว่าดอกไม้ช่อใหญ่เมื่อเช้าซะอีก

   “พูดได้ดี” ผมเอ่ยชมเบาๆ พร้อมขยิบตาให้ 

   “ก็นั่นแหละ บ้านก็เป็นบ้าน” ปิดท้ายด้วยเจ้าของบ้านครับ ผมยิ้มตาแทบปิดที่ทุกคนพูดแบบนั้น “เอาๆ หยุดคุยแล้วกินกันเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว”



   จากความอึดอัดเมื่อครู่ ตอนนี้เหมือนถูกปลดล็อก ผมยิ้มป้อนของกินให้น้องเฟรมที่ลงไปนั่งข้างๆ แทน (โดนพี่ฟลอยด์บังคับด้วยสายตา) การพูดคุยก็ราบเรียบมากขึ้น แขกของบ้านไม่ได้ค่อนแคะผมอีก มีบ้างที่ปรายตามอง ผมก็พอเข้าใจ บางคนเขาไม่เข้าใจความรักที่เกิดจากเพศเดียวกัน แต่ความรัก มันไม่จำกัดเพศ อายุ ไม่ใช่หรือไง

   เวลาผ่านไปจนถึงเวลาลาจาก พี่เฟิร์นลุกขึ้นยืนเตรียมไปส่งแฟนตัวเอง ผมก็กำลังเก็บของนั่นนี่ อยู่ๆ ก็เห็นปลายรองเท้าหนังมายืนตรงหน้า พอเงยหน้าขึ้นมองก็เจอคนที่ค่อนแคะผมมาตั้งแต่แรกยืนจ้อง

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามออกไป

   “ขอโทษนะครับ” เหมือนหูเพี้ยนที่ได้ยิน ผมกระพริบตาปริบๆ มองคนเอ่ยปากขอโทษ “ผมไม่ได้ดูถูกคุณหรอกนะ แค่ไม่ค่อยรู้เรื่องความรักของคนชอบเพศเดียวกัน”

   “ความรักไม่ว่าจะเพศไหนก็เหมือนกันนั่นแหละครับ” บอกออกไปพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าคุณเชื่อในความรัก คุณก็จะมองเห็น” ผมไม่รู้ว่าคุณนิคอะไรนี่จะเข้าใจไหม แต่รอยยิ้มที่ตอบกลับมาเดาว่าคงพอรู้

   “ครับ ฝันดีนะครับ”




   ผมกลับขึ้นห้องเจอเจ้าของห้องกำลังจัดดอกกุหลาบใส่แจกัน ดอกช่อโตถูกจัดแจงอย่างสวย ไม่รู้แอบไปเรียนจัดดอกไม้ที่ไหนมา พี่ฟลอยด์เห็นผมเปิดประตูก็กวักมือเรียก

   “สวยไหม พี่ตั้งใจจัดเลยนะ” พยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม “พี่ว่าแล้วว่าต้อมต้องชอบ พี่ตั้งใจเลือกเองทุกดอกเลยนะ”

   “ขอบคุณครับ...แต่” คำทิ้งท้ายเรียกให้พี่ฟลอยด์หันมามอง “ขอดูบิลหน่อย” แบมือไปตรงหน้า คนที่ยิ้มหน้าบานค่อยๆ หุบลง

   “บิลอะไร” ทำเป็นไม่รู้

   “บิลค่าดอกไม้ ขอดูหน่อย” ผมจ้องกดดัน พี่ฟลอยด์กรอกสายตาไปมาดูมีพิรุธ “พี่ฟลอยด์”

   “ไม่มีนี่ สงสัยจะทิ้งไปแล้ว ช่างมันเถอะ ไม่แพงหรอก”

   “ไม่แพงน้อยแต่แพงมากใช่ไหม เอามาเลย อย่าให้ต้องค้นจนเจอเองนะ” พี่ฟลอยด์หน้างอเดินไปเปิดประเป๋าเงินแล้วหยิบบิลส่งให้ผม ทันทีที่เห็นราคาไอ้ต้อมคนนี้เข่าแทบทรุด “ห้าพัน ช่อนี้ห้าพันเหรอ”

   “ต้อมอ่า อย่าโกรธพี่” พี่ฟลอยด์เดินเข้ามากอด เอาหน้าถูไถต้นแขนของผมไปมา “ต้อม”

   “ไม่ต้องทำเสียงอ่อนเลยนะ บอกแล้วไงว่ามันสิ้นเปลือง” บ่นครับบ่น

   “นานๆ ให้ทีไม่เป็นอะไรหรอก”

   “ไม่ต้องพูดเลย ผมรู้ว่าเงินพี่เยอะ แต่ใช้เปลืองสักวันมันก็หมดหรือเปล่าวะ”

   “หมดก็หาใหม่ ไม่ก็ขอพ่อเอา ไม่ยาก”

   “พี่ฟลอยด์”

   “ขอโทษ ต่อไปพี่จะไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยอีก สัญญา”

   “อย่าสัญญาถ้าคิดว่าทำไม่ได้” ผมว่า “ไม่รู้กินได้ไหมดอกกุหลาบ” ผมเคยเห็นไอ้กลอยถ่ายรูปดอกไม้ชุบแป้งทอดแว๊บๆ
 
   “ต้อมครับ” ระหว่างที่กำลังคิดเมนูดอกกุหลาบ พี่ฟลอยด์ก็ส่งสายตาหวาน มือลูบไล้แถวสะโพกจนผมต้องตีมือ “ต้อมอ่า”

   “ไม่ต้องเลย คนทำผิด ไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง”

   “ต้อม วันนี้วันวาเลนไทน์นะ ไม่เห็นใจพี่เหรอ”

   “ไม่”

   “ใจร้าย”

   “ไม่สนเว้ย”

   “วาเลนไทน์ของพี่”



   นกไปนะครับพี่ฟลอยด์


......................................................

มาชั่วโมงสุดท้ายของวัน เพราะเราจะบอกรักเป็นคนสุดท้าย ฮิ้ววว

Happy Valentine's day ค่า ^^

ขอบพระคุณที่ทุกคนยังติดตามและรักทุกตัวละคร ปลื้มมากค่า ทุกคนถือเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ของเราเลย ดีใจหลาย

เลิฟ ยู เวรี่มัสสึ ค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 14-02-2017 23:33:19
 :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 14-02-2017 23:57:34
นกฝูงใหญ่เลยค่ะพี่ฟลอยด์ :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-02-2017 00:22:02
เข้าข้างต้อมค่ะ โอ้ยย อิพี่ฝอยดอกไ้ม้ช่อห้าพันบ้าไปแล้ว สมควรนกค่ะเป็นเราก็โกรธ ห้าพันนี่ซื้อไรได้อีกเยอะเลยนะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 15-02-2017 00:41:54
 :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 15-02-2017 00:53:54
55555 อดไปนะ พี่ฝอย  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 15-02-2017 00:54:11
พี่ฟลอย์เป็นครุฑสินะ (พญานก). 5555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-02-2017 01:16:51
เป็นที่รักจริงๆนะต้อม
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-02-2017 01:47:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 15-02-2017 06:17:46
ต้อมยังงกไม่เปลี่ยน 555

Happy Valentine

 :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2017 06:18:10
ว้ายๆ......พี่ฟลอยด์นก หลายๆ
ต้อม คนจริง ก็พี่ฟลอยด์ดื้อเองนี่
นี่แหละ....รักเมีย ต้องเชื่อเมีย
ขนาดพ่อพี่ฟลอยด์ ออกปากชมต้อม
“ปากดี อวดดี แต่ก็เป็นคนดี”
..... 
ขำ หลุดหัวเราะเลยตอนอ่านเรื่องกลอย  กลอยน่ารักสุดๆ
ที่ตามตัวแปะด้วยสติ้กเกอร์รูปหัวใจ
 “แน่นอน กูกลอยประเกรียนนะเว้ย”
“อย่าไปเชื่อมัน ซื้อมาติดเอง แล้วจะเอาไปอวดผัว” กร๊ากกกก
คิดถึวพี่โช กับแกงค์เพื่อนพี่โชด้วยนะ
ขอบึุณไรท์ มาต่อให้ชื่นใจ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 15-02-2017 07:23:02
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-02-2017 08:26:01
555 เพราะดื้อไงพี่ฟลอยด์ ซื้อดอกไม้มาจัดเองก็สิ้นเรื่อง หรือจะให้เป็นต้นต้อมคงไม่ว่า ฮา
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 15-02-2017 10:10:33
จะสงสารพี่ฟลอยด์ดีไหมน้อ :laugh:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Shin Heeyoo ที่ 15-02-2017 10:31:08
ถ้าไม่ซื้อดอก ก็จะได้กินต้อมแล้วแท้ๆ พี่ฟลอยด์เอ้ย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 15-02-2017 19:16:58
ต้อมน่ารัก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-02-2017 21:17:40
นกค่ะพี่ฟลอยด์

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 16-02-2017 15:41:17
นกไปนะพี่ฟลอยด์ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 16-02-2017 22:26:41
นกตัวเท่าบ้านเลยพี่ฝอย :katai3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-02-2017 22:31:38
สมน้ำหน้าอิพี่ฝอย 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 17-02-2017 07:55:32
ขำ สุดท้ายก็นก 55555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 19-02-2017 10:22:34
อีคุณนิคเนี่ยท่าจะหลงเสน่ห์ต้อมเข้าให้เเล้ว. พี่ฝอยมีศัตรูหัวใจแล้ว :katai1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 22-02-2017 23:33:40
นกบินกันว่อน
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 23-02-2017 10:29:57
ต้อมงกจริงๆ
มีเรื่องของป๋ากับปูนให้ติดตามไหมคะ
อยากอ่านมากเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 23-02-2017 12:14:35
พี่ฟลอยด์นกไปค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-03-2017 20:54:50
           มาทุกเทศกาลลยน่ารักมากมาย
    :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 08-03-2017 19:38:35
พระเอกนี่เหมือนกันทั้งคู่ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน หื่นตลอด 55555555 คู่รองมุ้งมิ้งน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันวาเลนไทน์ [P.23]<<[14/02/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Silver Fish ที่ 10-03-2017 04:55:11
สนุกมาก เคะแบบนี้แหละที่ต้องการ!!
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ สงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 10-04-2017 20:23:10
No Suagr ตอนพิเศษ : สงกรานต์แสนสนุก




        สวัสดีวันปีใหม่ของไทยครับ ปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างมีอะไรเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วมากและหลายเรื่อง อย่างเช่นปีนี้ผมไม่ต้องไปหางานพาร์ทไทม์ทำในช่วงวันหยุดยาว ที่สำคัญ ปีนี้ผมมีแฟนแบบไม่คาดคิดว่าจะได้คนแบบนี้...แบบที่ว่า

   “ต้อม พี่อยากกินส้ม ไม่อยากกินเปลือก” นี่ผมได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า

   “แล้วใครเขากินเปลือกวะ” ถามกลับไป แต่มือก็แกะเปลือกส้มออกให้ บ่นร่ำๆ มาหลายวันว่าอยากกิน วันนี้ผมเลยขอให้ป้าแม่ครัวซื้อมาให้หลายกิโล

         กินไม่หมดละน่าดู
 
   “มันกินได้นะ พี่เห็นมีขนมที่ทำจากเปลือก...อันนี้หวาน” พี่ฟลอยด์ยื่นส้มที่กัดไปแล้วครึ่งหนึ่งมาจ่อปาก พอผมจะงับกลับดึงหลบแล้วเอาเข้าปากตัวเองซะงั้น...กวนตีน

   “แล้วนัดกับพี่เกนกี่โมง” ส้มกองใหญ่ที่ผมแกะถูกมือดีหยิบไปกินเกือบหมด นี่ไม่คิดจะเหลือให้คนแกะบ้างเลยเหรอวะ “พี่ฟลอยด์ กินเยอะเดี๋ยวก็ขี้แตก”

   “ก็ดีนะ ช่วงนี้พี่ท้องผูก” ดูคำตอบ พักหลังๆ ตั้งแต่สนิทกับพี่โช คนของผมชักจะกวนโมโหขึ้นทุกวัน จากที่ดูๆ พี่โชแฟนไอ้กลอยไม่น่าจะเป็นคนแบบนี้นะ หรือนี่จะเป็นธาตุแท้ของไอ้พี่ฟลอยด์มัน “พี่นัดบ่ายๆ อันนี้เปรี้ยว เหมาะกับต้อม”

   ถ้าถีบได้ พี่ฟลอยด์คงลงไปนอนกองที่พื้นแล้ว

   “เออ”

         วันนี้พวกเรานัดกันจะไปเล่นน้ำที่ถนนสีลมครับ ตอนแรกผมค้านไม่อยากไป ไม่ชอบคนเยอะ ไม่ชอบสถานที่ที่ต้องเบียดเสียด แต่คนอยากไปงอแงยิ่งกว่าเด็ก จนผมต้องรับปาก เหนื่อยใจนะครับเนี่ย ไม่รู้ถูกเลี้ยงมาตามใจขนาดนี้ได้ยังไง 

   ในระหว่างรอเวลานัด ผมลงไปทำสวนหน้าบ้าน ดอกไม้ที่พ่อพี่ฟลอยด์ซื้อมาในวันนั้นกำลังอวดความสวยพร้อมสีสันหลากสี ผมว่า ความสุขของคนเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่หรูๆ แค่อยู่กับสิ่งที่ชอบก็มีความสุขแล้ว อย่างคนที่ทำงานหนักตลอดเวลาอย่างเจ้าของบ้าน ตั้งแต่ผมลงดอกที่สวน พ่อพี่ฟลอยด์แทบทิ้งกองเอกสารในห้องทำงานแล้วมาขลุกอยู่ที่นี่ บางวันไม่ยอมกินข้าวด้วยซ้ำ 

   ใช้เวลาไปกับสวนดอกไม้และสวนผักอยู่นานจนพี่ฟลอยด์ต้องออกมาตามไปอาบน้ำเพราะใกล้เวลานัด ผมแต่งตัวง่ายๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เอาที่ใส่ถูกน้ำแล้วจะไม่หนัก เคยมีประสบการณ์สวมยีนส์ไปแล้วมันหนักมาก ขาผมเป็นแผลเพราะเวลาเปียกมันเสียดสี โคตรแสบ

   “ทำไมใส่ขาสั้น” หันไปมองหน้าคนถาม พี่ฟลอยด์คิ้วขมวดจ้องแต่กางเกงที่ผมสวมอยู่ “ไปใส่ขายาวไป”

   “มันหนักเวลาโดนน้ำ” ผมว่า แต่อีกคนดูไม่พอใจในคำตอบ เพราะพี่แกเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบกางเกงยีนส์ของผมออกมา “พี่ฟลอยด์ทำอะไร” ตัวที่ผมใส่มันไม่ได้สั้นเลยนะ แค่เหนือหัวเข่ามานิดหน่อย

   “เปลี่ยนใส่ตัวนี้” พี่ฟลอยด์ทำหน้าจริงจัง มือก็ยื่นกางเกงให้ผม “ต้อม”

   “มันก็ไม่ต่างกันหรือเปล่าวะ พี่ยังใส่กางเกงขาสั้นได้เลย” แถมลายดอกไม้สีน้ำเงินด้วยนะครับ

   “แต่กางเกงของต้อมมันเป็นสีเนื้อ” ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี สีเนื้อแล้วไง

   “ก็ดีกว่าสีขาว”

   “ทำไมชอบเถียงวะฮะ เปลี่ยนเลยก่อนพี่จะจับถอดเอง”

   “เออๆ แต่ไม่เอาตัวนี้” ไม่อยากมีเรื่อง แต่ก็ไม่ตามใจมาก ผมเดินไปเลือกกางเกงเอง ก่อนเปลี่ยนมันต่อหน้านั่นแหละ ความอายมันไม่มีเหลือแล้วครับ

   เมื่อเป็นที่พอใจแล้ว พวกเราสองคนก็ออกเดินทาง เบาะนั่งด้านหลังมีปืนฉีดน้ำอยู่สองกระบอก ซึ่งมีน้ำผสมน้ำอบซะหอมชื่นใจอยู่เต็ม พี่ฟลอยด์ขับรถฝ่าการจราจรที่หนาแน่นไปจอดใต้โรงแรมแถวๆ นั้น พอลงรถไปก็เจอพี่เกนกับไอ้ป่านเช็คอินก่อนหน้าไม่กี่นาที

   “แน่ใจว่ามึงมาเล่นน้ำ ไอ้ต้อม” โดนไอ้ป่านทักปุ๊บ ผมก็ทำปากยื่นไปที่คนให้ใส่ มันพยักหน้าเข้าใจแล้วยิ้มออกมา “พี่เขาหวงของเขา มึงต้องเข้าใจ”

   “อันนั้นกูก็เข้าใจ แต่บางอย่างมันก็เกินไป กูก็ผู้ชายนะเว้ย ดีนะที่กูไม่ยอมใส่เสื้อแขนยาวตามที่สั่ง โคตรบ้า” ไอ้ป่านหัวเราะงอหงาย พวกที่เดินนำหน้าถึงกับหันมาดู “เอาจริงๆ กูไม่อยากมาเลย”

   “กูอยากมานะ เขาบอกที่นี่สาวเยอะ ดูมๆ ด้วย” น้ำเสียงกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของไอ้ป่านทำเอาผมอยากเห็น อยากเจอแบบที่มันพูด

   “แต่กูเห็นเขาโพสกันว่า ที่นี่นมน้อย แต่ไข่มากไม่ใช่เหรอวะ” พูดตามที่ได้เปิดอ่าน เพื่อนรักถึงกับชะงัก

   “จริงเหรอวะ” ดูท่ามันจะตกข่าวอย่างแรง

   “เออสิ เขาเล่นกันทุกปี มึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา”

   “มึงก็รู้ว่ากูเคยโผล่หัวมาเล่นน้ำหรือเปล่า”

   ผมกับไอ้ป่านมองหน้ากันไปมาก่อนจะหัวเราะอีกรอบ พวกเราสามคน รวมไอ้ดอย เป็นพวกไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเบียดเยอะๆ ขนาดผับที่คนแน่นๆ ยังไปแบบนับครั้งได้ เขาเรียกว่า โลกส่วนตัวสูงอะไรแบบนั้น

   แยกกับไอ้ป่านเพื่อตามพี่ฟลอยด์เข้าห้อง ผมก็ว่าทำไมพี่แกเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋า ที่แท้ก็จะเอามาเปลี่ยนหลังจากเล่นน้ำนี่เอง รอบคอบจริงๆ แต่ไม่เข้าใจอย่างเดียว ทำไมต้องพักโรงแรมหรูขนาดนี้ แค่เอาไว้ใช้เป็นที่เปลี่ยนชุดเฉยๆ ปั๊มก็เปลี่ยนได้หรือเปล่า

   “ห้องคืนละเท่าไหร่” ถามขณะออกสำรวจรอบๆ ห้องน้ำแม่งมีอ่างโคตรกว้าง แถมเตียงยังเป็นขนาดคิงไซส์ ไม่ธรรมดาแน่ ราคาน่ะ

   “ไม่แพงหรอก” พี่ฟลอยด์ตอบ แต่ไม่กล้าสบตากับผม

   “พี่ฟลอยด์” เดินไปกดดันใกล้ๆ “ไหนบอกจะไม่ใช้เงินเปลืองแล้วไง”

   “นานๆ ทีเอง ทุกวันนี้พี่ไปมหาลัยใช้เงินวันละไม่เกินหนึ่งพันด้วยนะ น้อยสุดตั้งแต่จำความได้เลย”

   “นั่นก็มากกว่าผมตั้งหลายเท่า” อย่างผม วันละสองร้อยก็หรูแล้ว

   “ต้อมอ่า” คนใช้เงินเปลืองรวบผมเข้าไปกอด ปากแดงขโมยหอมแก้มผมไปหลายฟอด “พี่เปลี่ยนทุกอย่างเพื่อต้อมแล้วนะ แต่วันนี้พี่ขอวันนึง”

   “ไม่ต้องอ้อนเลย” แม้จะเสียงแข็งแต่ผมก็ยิ้มให้กับคนขี้อ้อน “แล้วจะลงไปตอนไหน” ข้างนอกแดดแรงมากที่สุด ผมว่า เอาไข่ใส่น้ำไปวางก็สุกอะ เชื่อสิ

   “รอเย็นกว่านี้หน่อย” รู้ว่ารอให้เย็น แต่มือที่เลื้อยนี่คืออะไรวะครับ “ไอ้พี่ฟลอยด์”

   “มาพักห้องสวีท ก็ต้องสวีทกันสิ” ดวงตาโคตรเป็นประกาย คนเรานะ คิดมันอยู่แต่เรื่องพรรค์นี้ “เราไม่ได้สวีทกันมานานเป็นเดือนเลยนะ”

   “ก็สอบ” เผลอขำเมื่อเห็นสีหน้าง้ำงอของพี่ฟลอยด์ ผมที่เรียนเยอะกว่า เวลาสอบก็หนักกว่า ส่วนพี่ฟลอยด์เรียนตัวเดียว สอบวันเดียวก็เสร็จ ช่วงนั้นผมแยกกลับไปนอนบ้านตัวเองเลยครับ อยู่บ้านพี่ฟลอยด์แม่งไม่เคยได้อ่านหนังสือ เพราะต้องคอยหลบปลาหมึกตัวโตที่คอยจะเลื้อยรัดอยู่ทุกเวลา

   “นี่ปิดเทอมแล้ว สวีทได้ใช่ไหม” มือที่ลูบไล้บนล่างทำงานโคตรหนัก ไอ้ต้อมจะละลายอยู่แล้ว



   ติ๊งต่องๆ เสียงกดกริ่งหน้าประตูห้องดังขัด พี่ฟลอยด์ถึงกับสบถจนผมลงไปนอนหัวเราะ



   “สงสัยจะเป็นพี่เกน” ดันหลังให้พี่ฟลอยด์ลุกไปเปิดประตู อีกฝ่ายกดรัวอย่างกับไม่เคยกดมาก่อนในชีวิต

   “ไอ้พวกมารความสุข รู้งี้ไม่ชวนมาเล่นซะก็ดี” คนพูดหน้างอไปที่ประตูแล้วครับ บางทีผมก็สงสารนะ เข้าใจธรรมชาติของผู้ชาย ผมก็เป็นผู้ชาย อารมณ์อยากเสพสมมันก็ต้องมี แต่สถานการณ์มันไม่ได้ อย่างช่วงสอบผมก็เครียด ไม่มีอารมณ์ร่วมหรอก

   “จะเอากันเหรอ” เสียงดังฟังชัดมาจากบุคคลที่เพิ่งเดินเข้ามา พี่เกนทำหน้านิ่งมาก ต่างจากไอ้ป่านที่แทบเดินสะดุด...

   พี่เกนพูดโคตรตรงว่ะ

   “เออสิ แต่มึงมาขัด” พี่ฟลอยด์ตะโกนใส่เพื่อนด้วยอารมณ์บูด

   นี่ก็ตรงไม่แพ้กัน สมแล้วที่คบกันได้

   สรุปแล้ว พี่เกนกับไอ้ป่านก็มาขลุกเล่นไพ่ที่ห้องผมจนบ่ายแก่ๆ พอแดดร่มลมตกก็ได้เวลาไปฟาดฟันกับคนอื่นแล้ว อาวุธก็พร้อม คนยิ่งพร้อมใหญ่ โดยเฉพาะผมกับไอ้ป่านนั่นแหละครับ มนุษย์รูกำลังจะออกจากรูแล้ว


   พวกเราสี่คนเดินจากโรงแรมไปยังถนนเส้นที่ปิดเพื่อจัดงาน ผมแทบอยากย้อนกลับเมื่อมาถึง คนหรือมดกันแน่ที่เดินถนนเส้นนี้

   “ผมว่าเรากลับกันดีกว่าไหม” ออกความคิดเห็น แต่พี่ฟลอยด์กลับกอดไหล่ผมแล้วพาเดินเข้าไป

   เพียงแค่ก้าวขาเข้าไป ผมรู้สึกถึงสายตาหลากหลายคู่จ้องมา ไม่สิ จ้องคนข้างผมกับพี่เกนมากกว่า ด้วยหน้าตาที่โดดเด่น แถมสูงชะลูดอีก เป็นที่สะดุดตาผู้คนแน่นอนไม่ต้องเดา และนั่นทำให้กลุ่มเราถูกทั้งน้ำ ทั้งแป้ง แล้วใครไม่รู้เอาแป้งป้ายหน้าผมจนเข้าปากเต็มๆ แม่ง รสชาติโคตรเฝื่อน

   เพราะไม่อยากเป็นเป้าการรุม ผมกับไอ้ป่านเลยถอยร่นลงมาเดินด้วยกัน ปล่อยให้สองเพื่อนรักนั่นเดินนำไป ไม่อยากบอกว่า โดนทั้งสาวแท้ สาวเทียมและผู้ชายกล้ามโตรุมทึ้ง

   “น้ำในกระบอกกูจะหมดแล้วว่ะ” ไอ้ป่านกระซิบบอกผม เมื่อกี้พากันกระหน่ำฉีดใส่สาวสวย เสื้อกล้ามสีขาวช่างดึงดูดปืนหลายสิบกระบอก (รวมทั้งของผมกับไอ้ป่าน) ให้ฉีดไปหา แต่ผมฉีดโดนตัวนะครับ อย่าคิดไปไกลแบบนั้น...แหม

   “ไปซื้อกัน ของกูก็จะหมดแล้ว” ผมเดินเข้าข้างทางเพื่อซื้อน้ำเป็นขวดใส่ “ป้าครับ ขอซื้อน้ำ...”

   “จะเอาใส่ปืนใช่ไหมครับ” กำลังอ้าปากจะขอซื้อน้ำ แต่มีคนถามขึ้นมาอยู่ด้านหลัง ผมกับไอ้ป่านหันไปดูก็รีบพยักหน้า “พี่มีน้ำในถังหน้าร้าน ถ้าน้องไม่อยากเสียเงินตามมาได้นะ” คำเชิญชวนสร้างความลังเลให้พวกผม ไอ้ป่านกระพริบตาปริบๆ แต่ผมเลือกจะยิ้มแล้วตอบตกลง ของฟรีก็ดีกว่าเสียเงินอยู่แล้ว

   จะว่าใจง่ายก็ได้ ผมเดินตีคู่มากับคนชวน ลืมบอกว่าคนชวนแก้เสื้อโชว์กล้ามล่ำๆ หน้าตาก็ดีประมาณหนึ่ง ส่วนไอ้ป่านมันเอาแต่ชะเง้อหาพวกพี่ฟลอยด์ที่พลัดหลงกันไปเมื่อครู่ แต่หลงยังไงก็ค่อยไปเจอที่โรงแรมก็ได้ ไม่น่าห่วงกังวลเท่าไหร่...มั้ง

   พี่คนชวนที่ชื่อ ม่อน พามาที่หน้าร้านอาหารตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ด้านหน้าร้านมีถังน้ำใบใหญ่สามสี่ถัง รอบๆ มีทั้งหนุ่ม ทั้งสาวยืนเต้นตามเพลงอย่างสนุกสนาน

   “กูว่า เราขอน้ำเสร็จแล้วไปตามหาพวกพี่เกนดีกว่า” ไอ้ป่านกระซิบเบาๆ ตอนนี้ผมกับมันกำลังถูกจ้องไม่วางตา โคตรทำตัวไม่ถูก

   “อืม กูก็คิดแบบนั้น” ตอบเสร็จก็ยิ้มแหยๆ ให้กับทุกคนที่มอง

   “เอาปืนมาสิ เดี๋ยวพี่เติมน้ำให้” พี่ม่อนแบมือมาตรงหน้า ผมกับไอ้ป่านรีบหมุนเอากระบอกสำหรับเก็บน้ำส่งให้ นั่นยิ่งเรียกเสียงโห่ เสียงฮือฮาจนผมแปลกใจ หรือแป้งยังติดหน้าผมอยู่ เมื่อกี้ก็ล้างออกหมดแล้วนี่หว่า

   “แหม ไอ้เชี่ยม่อน กูให้ไปซื้อลูกชิ้นทอด แต่เสือกได้เด็กกลับมาด้วย ไอ้ห่า ไม่ทิ้งลายเสือ” สาวสวยสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นพูดเสียงดัง ยิ่งเพิ่มเสียงโห่จากคนรอบๆ ดังมากขึ้นอีกเท่าตัว

   “พวกมึงคิดร้ายกับกู นี่ครับ” ผมรีบรับกระบอกน้ำมาสวมประกอบกับตัวปืนพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ “เดี๋ยวๆ ครับ” แต่พอจะเดินหนีกลับถูกเดินมาขวาง “น้องมากันสองคนเหรอ พี่บอกชื่อพี่แล้ว ชื่อน้องพี่ยังไม่รู้จักเลยนะ”

   “เออ” หันไปหาไอ้ป่าน มันกระพริบตาปริบๆ แถมเม้มปาก ท่าทางแบบนั้นคือมันจะให้ผมจัดการ ไอ้เชี่ยป่านช่วยไม่ได้เลยจริงๆ “ไอ้นี่ชื่อป่านครับ” เลือกจะบอกชื่อเพื่อนไปก่อน เลยโดนไอ้ป่านต่อยแขนซะชา

   “แล้วน้องล่ะ ชื่ออะไร” เอ่อ ไม่ต้องทำสายตาอยากรู้ขนาดนั้นก็ได้ ไอ้ต้อมกลัว
 
   “ชื่อ...”

   “มาทำอะไรที่นี่วะ!” น้ำเสียงโหดมาพร้อมแขนที่ผ่านหน้ามาล็อคคอจนผมแทบหงายหลัง “กูตามหาจนแทบเป็นบ้า!” พี่ฟลอยด์ตะคอกจนผมไม่กล้าพูดอะไรออกมา แม้แต่พี่ที่เพิ่งรู้จักยังทำหน้าเหลอหลา “ไปกับกู เดี๋ยวนี้”

   ผมถูกลากคอให้เดินหนีจากตรงนั้น อยากจะอ้าปากโวยวาย แต่อาจทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากมากกว่าเดิม เลยเลือกที่จะเดินไปเงียบๆ ส่วนเพื่อนผมมันเดินหงอตามหลังมาอีกที แต่ช่างไอ้ป่านก่อน เพราะผมต้องเอาตัวผมให้รอดก่อน

   “พี่ฟลอยด์” เรียกเสียงอ่อน

   “...”

   “พี่ฟลอยด์อย่าโกรธสิ”

   พี่ฟลอยด์เงียบแบบนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งตั้งแต่คบกัน ทุกครั้งที่ไม่พอใจหรือโกรธก็จะโวยวายร้องเรียกให้ง้อ แต่นี่มานิ่ง หางตาก็ไม่คิดจะแลมองมา งานเข้าของจริงแล้วไอ้ต้อม

   จากที่คิดจะเล่นน้ำจนถึงดึก ตอนนี้แผนการถูกปรับใหม่หมด ผมถูกพากลับมาที่โรงแรมโดยไร้การพูดคุย ไม่ว่าผมจะแกล้งทำตลก แกล้งเดินชนเสาหรืออะไรสารพัด พี่ฟลอยด์ไม่แม้แต่ชายตาแลมอง นี่มันจะงอนเกินไปหรือเปล่าวะ

   “สู้ๆ นะมึง”

         ไอ้ป่านให้กำลังใจก่อนจะแยกเข้าห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน ผมพยักหน้ารับก่อนเดินตามคนงอนเข้าห้อง ทิ้งปืนฉีดน้ำลงบนพื้นแล้วเดินอ้อมไปดักหน้าพี่ฟลอยด์ไว้

   “จะไม่ยอมคุยกันจริงดิ่” ถามเสียงนิ่ง จ้องตาแทบถลนพี่ฟลอยด์ไม่ยอมมองกลับ “พี่ฟลอยด์”

   “...” คราวนี้หันมามอง แต่ก็ทำแค่นั้น ก่อนเดินผ่านเข้าห้องน้ำไป


   เชี่ยเอ๊ย แล้วจะทำยังไงให้หายงอนวะ คราวนี้รับมือโคตรยาก เกินความสามารถไอ้ต้อมจริงๆ


   ผมนั่งรอพี่ฟลอยด์อาบน้ำอยู่นานกว่าพี่แกจะออกมา แต่ก็เหมือนเดิมคือไม่พูด ไม่มอง มาถึงก็พุ่งขึ้นเตียงเอาผ้าห่มสีขาวคลุมโปงเหมือนเด็กงอน

   “พี่ฟลอยด์ ออกมาคุยกันก่อน” หย่อนก้นนั่งบนเตียงข้างๆ ก้อนกลมสีขาว “พี่ฟลอยด์”

   ไร้เสียงตอบกลับใดๆ เหมือนห้องนี้มีผมอยู่เพียงลำพัง

   มาไม้นี้ไอ้ต้อมเอาไม่อยู่จริงๆ ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาเลื่อนหาเบอร์คนที่พอจะปรึกษาได้ ชื่อแรกที่เห็นคือเพื่อนเกรียนต่างคณะ มันน่าจะมีประสบการณ์โชกโชนพอดู เอ่อ ผมดูจากนิสัยของมันนะ ไอ้กลอยเป็นพวกสั่งซ้ายไปขวา คงมีทำพี่โชโกรธบ้างแหละ...ต่อสายไม่นานไอ้กลอยก็รับ

   (ว่าไงครับคุณต้อม) น้ำเสียงกวนๆ ทักทาย

   “มึงว่างพอจะคุยกับกูหรือเปล่า” ที่ถามเพราะได้ยินเสียงพี่โชพูดอะไรเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ไม่ใช่ว่าผมโทรไปขัดความหวานของพวกเขาหรอกนะ

   (ว่างๆ กูเพิ่งทำกับข้าวเสร็จ) ค่อยโล่งอก ผมเดินออกมานอกระเบียง เพราะจะได้คุยสะดวกๆ (กูเห็นรูปมึงไปเล่นน้ำ สนุกป่ะ กูก็อยากไปแต่ปีศาจไม่ให้ไป...โอ๊ย เจ็บนะพี่โช) เอ่อ จะฆ่ากันหรือเปล่าวะ

   “มึงไม่ว่าง กูวางก่อนก็ได้” รู้สึกเกรงใจยังไงพิกล

   (ว่างๆ พี่โชไปไกลๆ เลย นี่ไอ้ต้อมไม่ใช่ชู้เว้ย) คู่นี้อยากชมว่ารักกันดี แต่บางทีก็น่ากลัวไป (โหลๆ ไอ้ต้อม ทางสะดวก มึงมีอะไรหรือเปล่า)

   “กูมีเรื่องจะปรึกษา...”

   (มึงเลือกถูกคนแล้วเพื่อนยาก กลอยประเกรียนคนนี้เคลียร์ได้ทุกปัญหา...ยกเว้นของตัวเอง) หลุดขำกับมุกของไอ้กลอย ความเครียดเมื่อกี้ก็เบาขึ้นเยอะ นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีคนชอบมันเยอะละมั้ง

   “พี่ฟลอยด์โกรธไม่ยอมคุยกับกูว่ะ” ปล่อยมันคุยโวมากไม่ดีเดี๋ยวคนงอนจะขาดอากาศหายใจตายในผ้าห่มซะก่อน “กูต้องทำยังไงดีวะ”

   (โกรธระดับไหน หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า)

         ความโกรธมันมีระดับด้วยเหรอวะ

   “สิบมั้ง ไม่คุย ไม่มอง ไม่สนกูเลย”

   (เชี่ย ขั้นรุนแรงมาก แล้วโกรธเรื่องอะไร) ถ้าไม่เพราะปรึกษามันอยู่ ผมต้องคิดว่าไอ้กลอยก็ขี้เผือกเหมือนกัน ที่จริงมันก็ขี้เผือกอยู่แล้วนั่นแหละ

   “ก็วันนี้....” ผมเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ไอ้กลอยฟังเงียบๆ ไม่ส่งเสียงขัดการเล่าสักคำ “มึงฟังกูอยู่หรือเปล่า” หรือมันจะหลับไปแล้ว

   (ฟังๆ สรุปย่อๆ คือโกรธที่มึงเดินตามผู้ชายอื่น)

   “ไม่ใช่เว้ย โกรธเรื่องหากูไม่เจอต่างหาก” รีบแก้ตัว อันนั้นก็พอรู้ความผิด แต่ไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่ “กูต้องทำยังไงวะ”

   (ไหนมึงลองถ่ายรูประดับความโกรธของพี่ฝอย เอ๊ย พี่ฟลอยด์มาให้ดูหน่อยสิวะ) ไอ้กลอยพูดจบผมก็เดินกลับเข้าห้องเพื่อถ่ายรูปก้อนกลมๆ ในผ้าห่มสีขาวให้มันดู (ง่ายๆ คงอยากเล่นผีผ้าห่ม)

   “ผีผ้าห่มบ้านมึงสิ ไอ้ห่ากลอย” มันยังมีน่ามาขำ “เอาดีๆ สิวะ”

   (เอ๊า ก็กูบอกวิธีง้อนี่ไง เล่นผีผ้าห่มรับรองหายชัวล้านๆ เปอร์เซ็นต์)

   “กูหาวิธีเองดีกว่า ขอบใจแต่แค่นี้นะ”

   กดวางแล้วถอนหายใจ วิธีไอ้กลอยมันไม่เหมาะกับผมหรอก จะให้ผมรุกก่อนเหรอ...ผมเป็นรุก...เหรอ อืม ท่าจะไม่เลวเหมือนกันนะ

   ก็ได้แค่คิดนั่นแหละครับ ผมว่าคนโกรธบางทีก็อยากอยู่คนเดียว ผมเลยเลือกจะเข้าไปอาบน้ำแทน พอออกมา ก้อนกลมๆ ก็หายไป...หายไปไหนวะ

   ผมรีบแต่งตัวแล้วออกไปเคาะห้องไอ้ป่าน เพื่อนสนิทผมเปิดห้องออกมายิ้มแป้นแล้นพร้อมบอกว่าพี่ฟลอยด์อยู่ในห้อง

   “จะนอนนี่” เสียงตะโกนจากด้านใน มาพร้อมเสียงโวยวายของพี่เกน อย่างน้อยก็พูดกับผมแล้ว ผมยิ้มฝากฝังพี่ฟลอยด์ก่อนกลับห้องตัวเอง

   เตียงคิงไซส์โคตรกว้าง เหมาะสำหรับนอนกลิ้งซะจริงๆ ผมกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่ง เอาจริงๆ มันก็กว้างเกินไปเหมือนกันนะ ป่านนี้ไม่รู้พี่ฟลอยด์จะเป็นยังไง ไปยุ่งวุ่นวายกับคนอื่นอยู่หรือเปล่า หวังว่าจะไม่ถูกพี่เกนถีบออกห้องมาหรอกนะ


   นั่งคิดมากไปจนนอนไม่หลับ ผมเลือกที่จะออกจากห้องเพื่อไปหาอะไรกิน ตอนเข้ามาเห็นร้านสะดวกซื้ออยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ท้องตึงหนังตาคงจะหย่อนเอง ผมลากรองเท้าแตะลงมาด้านล่าง มองซ้ายมองขวายังเห็นผู้คนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ค่ำมืดขนาดนี้ยังไม่เลิกกันอีกเหรอเนี่ย แล้วแบบนี้ผมจะไปซื้อของกินได้ยังไง 

   ช่วงที่ผมคิดมากเรื่องการออกจากโรงแรม พนักงานของที่นี่ยื่นเสื้อกันฝนมาให้ อ่า วิธีแบบนี้ก็มีสินะ ยกมือขอบคุณแล้วรีบสวม ร้านสะดวกซื้อมีบรรดานักเที่ยวจนล้น และสายตาทุกคู่ในนั้นต่างก็พากันจ้องผม คงคิดว่าคนบ้าหลุดออกมาแน่ๆ

   ซื้อเสร็จก็รีบขึ้นห้อง มีเด็กมาถามผมด้วยว่าฝนตกเหรอ ไปต่อแทบไม่เป็น...เปิดบานประตูเข้าไปเจอคนที่บอกจะนอนอีกห้องมานั่งทำหน้าง้ำงออยู่บนเตียง พี่ฟลอยด์กอดหมอนสีขาวไว้แน่น

   “ไปไหนมาวะ” พบคนแก่ขี้งอนหนึ่งอัตราในห้องนี้ครับ

   “หิว เลยไปซื้อซาลาเปา พี่กินป่ะ” ยื่นถุงซาลาเปาให้คนขี้งอน พี่ฟลอยด์ไม่ยอมหยิบแต่อ้าปากรอแทน “หายงอนแล้วเหรอ” ถามขณะเป่าให้ซาลาเปานุ่มคลายร้อน

   “ไม่หาย” ปากบอกไม่หายแต่ก็กินของที่ผมป้อน “ทำไมไม่เห็นง้อเลย”

   “ก็ง้อแล้วไง แต่พี่ไม่ยอมคุย”

   “ง้อตอนไหนวะ”

   “อ่าว ทุกตอนเลยไม่เห็นเหรอ” พี่ฟลอยด์ส่ายหน้ารัวๆ “อย่าโกรธเลยนะ” ลองพูดดัดเสียงดูสักครั้ง พี่ฟลอยด์ถึงกับยิ้มออกมา

   “ที่พี่โกรธเพราะต้อมไปไหนไม่เคยบอก” คนขี้งอนมองหน้าผมนิ่ง “พี่หันไปเห็นต้อมเดินตามคนอื่นไป รู้จักไอ้นั่นมากแค่ไหนถึงเดินตามเขาไปน่ะ เกิดมันพาไปทำร้ายจะทำยังไง” แปลว่าเดินตามผมตลอดสินะ

   “ขอโทษ ต่อไปจะระวังตัวไม่ใจง่ายตามคนอื่นไปอีก หายโกรธยัง” ฉีกยิ้มกว้างเพื่อให้พี่ฟลอยด์ยิ้มตาม แม้อีกฝ่ายจะพยายามกลั้นยิ้ม แต่ผมก็เห็นว่ามุมปากกระตุกหลายรอบ “หายโกรธยังตัวเอง” ยัดซาลาเปาทั้งลูกเข้าปากคนงอน

   “อะไอ้อ๋ายโอดเอ๊าะแอดอี๋แอะ” (จะไม่หายโกรธเพราะแบบนี้แหละ)

   บทจะหายโกรธกันก็ง่ายขนาดนี้เลย ผมต้องขอบคุณซาลาเปาใช่ไหม





   เช้าวันใหม่ พี่ฟลอยด์พาผมไปทำบุญที่วัดก่อนเราจะแวะซื้อของเพื่อไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่เคารพรัก เริ่มจากบ้านของผมก่อน ผมกับพี่ชายพากันล้างเท้าพ่อกับแม่ ส่วนพี่ฟลอยด์ขอนวดไหล่นวดคอให้ มารู้ทีหลังว่าให้ป้าแม่บ้านสอนนวดเลยทีเดียว ผม พี่ชาย หลานสาวตัวเล็กแล้วก็พี่ฟลอยด์ได้รับคำอวยพรจากพ่อและแม่ ความรู้สึกช่างอิ่มใจมากกว่าได้เงินทองซะอีก

   ใช้เวลาบ้านผมหลายชั่วโมงก่อนจะกลับมาบ้านพี่ฟลอยด์ พ่อของพี่เขานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในบ้าน ส่วนพี่คนอื่นๆ ก็อยู่บนห้อง บ้านนี้ดูไม่คึกครื้นเหมือนบ้านผมสักเท่าไหร่ ผมดันคนข้างๆ ให้นำพวงมาลัยไปไหว้ พี่ฟลอยด์ลังเลนิดๆ แต่ก็ยอมคลานเข่าไปหา

   “ทำอะไรของแกน่ะ” พ่อพี่ฟลอยด์ทำหน้าแปลกใจที่เห็นลูกชายคนเดียวคลานเข่าเข้าไปหา
 
   “ผมมากราบขอพร...วันปีใหม่” แม้จะพูดติดๆ ขัดๆ แต่ก็ถือว่าใช้ได้ ผมนั่งให้กำลังใจอยู่ห่างๆ “ผมขอให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรง อยู่กับผมแล้วก็พี่ๆ ไปนานๆ” พูดจบก็ก้มกราบแทบเท้า พ่อของพี่เขาหันมามองหน้าผมอย่างอึ้งๆ แต่ก็รีบยื่นมือไปลูบศีรษะพี่ฟลอยด์เบาๆ

   “พ่อก็ขอให้แกมีความสุขมากๆ เลิกเอาแต่ใจบ้างก็ดี คนอื่นเขาเหนื่อย” ตอนแรกเหมือนคำอวยพร แต่ทำไมหลังๆ เหมือนคำบ่น พี่ฟลอยด์หน้างอ แต่ผมกลับหัวเราะออกมา “เราก็ด้วย” คราวนี้เป็นผมที่คลานเข้าไปหาพร้อมกราบขอพร

   “ขอบคุณครับ” แม้ไม่พูดอะไรมากมาย แต่ผมก็รู้ว่า พ่อพี่ฟลอยด์รู้ว่าผมรักและเคารพมากแค่ไหน

   ไหว้ขอพรประมุขของบ้านเสร็จ ผมก็พาพี่ฟลอยด์ไปไหว้ขอบคุณป้าแม่บ้านหรือแม้แต่ป้าแม่ครัวที่ทำของกินอร่อยให้กินทุกมื้อ ซึ่งทุกคนแทบก้มกราบพี่ฟลอยด์แทนที่ถูกไหว้ พออวยพรกันเสร็จก็ปล่อยโฮออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ฟลอยด์ทำแบบนี้ ในเทศกาลนี้

   “ทำอะไรไม่เคยจะบอกกันเลยนะ” พี่ฟีนเดินลงมาพร้อมลูกชาย

   “ไม่เห็นหัวพี่แกแล้วล่ะสิ ตั้งแต่มีเมียเนี่ย” คำพูดแรงๆ แบบนี้ของพี่เฟิร์นแน่นอน

   “พวกพี่ไม่ลงมาเอง ช่วยไม่ได้” ปิดท้ายด้วยลูกชายคนเล็กแสนเอาแต่ใจของบ้าน

   แม้บรรยากาศรอบข้างของครอบครัวนี้ดูไม่สนิทชิดเชื้อกันมาก แต่ผมก็รู้ว่า ทุกคนรักกันมาก พอใครเดือดร้อนก็พร้อมที่จะช่วยเสมอ

   “สวัสดีปีใหม่ไทยนะครับ” ยิ้มด้วยความจริงใจ

   “ย่ะ/จ้ะ” เสียงตอบรับสองเสียงที่ต่างกันดังหลังจากผมพูดจบ

   อย่างที่ผมบอกคราวแรก สงกรานต์ปีนี้มันช่างต่างจากปีก่อนๆ ผมมีคนรักที่รักผม มีครอบครัวที่เข้าใจ ครอบครัวคนรักที่ต้อนรับเป็นอย่างดี มีเพื่อนดีที่รัก ช่างเป็นเทศกาลสงกรานต์ความสุขซะจริงๆ 


.........................................................................

สวัสดีปีใหม่ไทยค่า ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ หากใครเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ ง่วงไม่ขับ แวะปั้มสักนิดเพื่อความสดชื่น 

:mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-04-2017 21:09:14
ชอบคู่นี้ ตลกอิพี่ฝอยงอนกี่รอบก็หายเองทุกรอบ สงสารรร ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 10-04-2017 21:30:47
อ้าว..นึกว่าจะเล่นผีผ้าห่มตามที่ท่านเกรียนเสนอซะอีก.. :laugh:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 10-04-2017 21:51:39
พี่ฝอยนกอีกแล้วใช่ไหม 

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ  ขอให้นักเขียนมีความสุขมากๆๆในเทศกาลปีใหม่ไทยค่า
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 10-04-2017 21:57:06
พี่ฟลอยด์นี่คล้ายกลอยมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-04-2017 22:02:34
 :L2: :L2:

สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-04-2017 22:06:08
สวัสดี ปีใหม่ไทย นะไรท์
พี่ฟลอยด์กวนตีนต้อม แต่ต้อมไม่กวนกลับ
พี่ฟลอยด์  ก็หวงต้อมมากๆเหมือนเดิม
ไม่เล่นน้ำกันอย่างเดียว
ไปไหว้ทั้งฝั่งต้อม และฝั่งพี่ฟลอยด์
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-04-2017 22:15:41
 :กอด1: สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: leemmm ที่ 11-04-2017 12:36:21
พี่ฝอยงอนเป็นเด็กเลยนะ  แต่ก็รักนะ สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-04-2017 14:40:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-04-2017 07:49:22
สงกรานต์แสนสุขจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Coffeeblack ที่ 12-04-2017 11:09:52
คิดถึงคู่นี้ ความรัก ความหวงต้อมนี่ ไม่เคยลดลงเลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-04-2017 11:27:04
สวัสดีปีใหม่ไทย
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-04-2017 20:23:39
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 15-04-2017 10:35:28
บางทีก็สงสารอิพี่ฝอยงอนเองต้องหายเอง 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 15-04-2017 10:48:04
สนุกมาก ๆ ครับ น่ารักทุก ๆ คู่เลย นิสัยพี่ฟลอยด์นี่เหมาะจะเป็นเมียต้อมมากกว่านะเนี่ย



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: numildkub ที่ 16-04-2017 19:46:32
เข้าสโลแกนที่ว่า เป็นเมียพี่ต้องอดทน กร๊ากกกกกก 55555
แอบสงสารต้อมต้องรับภาระหนักเลยยย
ขอบคุณสำหรับนิยายนะค้า
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-04-2017 11:26:26
สวัสดีวันสงกรานต์จ้า ขอบคุณมากๆนะคะ ที่แต่งตอนพิเศษมาให้อ่าน รอเทศกาลหรือวันหยุดต่อไปจ้า

ต้อมน่ารักมากเลยนะ ก็เข้าใจว่าหวง แต่ก็ยังไม่ลืมว่าเป็นผู้ชาย
ฟลอยด์เหมือนเด็กน้อย อ้อนได้โล่ ขี้หึง ขี้หวง งอนเก่ง เมะเราทำไมร้ายกว่าแบบนี้ 555
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mucan99 ที่ 17-04-2017 13:27:06
น่ารักอะ อิอิ แต่ก่าจะผ่านมาได้ขนาดนี้สุดยอด
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sawapalm ที่ 17-04-2017 22:29:25
สนุกๆๆๆๆ มาต่อน้าาาาาาาาา  :ling1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: hyukkiemai ที่ 19-04-2017 21:07:46
พี่ฝอยน่าจะงอนกว่านี้นะ 655555 ให้ต้อมง้อเยอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 23-04-2017 02:11:27
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-05-2017 05:47:33
อ้าว แล้วฝั้งพี่เกนล่ะ ฝั่งนั่นเขาง้อยังไงผีผ้าห่มชัวร์เลยอ่ะฝั่งนั้น
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 06-05-2017 02:15:10
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษปีใหม่ไทยค่ะ  ^^  พี่ฟลอยอดผีผ้าห่มเลยเชียว
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 07-07-2017 15:16:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 14-07-2017 11:21:20
 :pig4: :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 14-07-2017 13:14:30
 :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 17-07-2017 17:31:44
สนุกดีค่ะ
แอบชอบคู่พี่ซันกับพี่จอมตลอดดดด ถึงจะออกมานิดเดียว  ชอบคู่นี้มากเลยอ่ะ
ตั้งแต่เรื่องก่อนแล้ว น่ารัก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 24-07-2017 13:20:23
น่ารักมากเลย ชอบต้อมชอบพี่ฟลอยด์
ชอบนายเอกแบบต้อมมาก ๆ แมน ๆ ลูกผู้ชายจริง ๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-08-2017 17:38:05
 :pig4: o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 22-08-2017 08:39:37
อ่านรอบที่ 2  :hao5: :hao5: :hao5:
ดีงามเหลือเกิน ไม่ดราม่า
น่ารักกก งื้ออ พี่เกน กับ น้องป่าน  :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 22-08-2017 23:08:27
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนที่ 20 Up!! [P.10]<< // [20/09/59] [THE END]
เริ่มหัวข้อโดย: KLiar ที่ 25-08-2017 05:52:51
 :impress2: :L1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ วันสงกรานต์แสนสนุก [P.24]<<[10/04/60]
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-09-2017 19:20:54
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 03-11-2017 21:06:00
ตอนพิเศษ : ลอยกระทง




       ค่ำคืนในวันงานลอยกระทงของมหาวิทยาลัยของผมก็ยังเต็มไปด้วยนักศึกษาและประชาชนทั่วไปอย่างเช่นทุกปี ซึ่งคณะผมทำซุ้มจัดดอกไม้และขายนมปั่น มีขนมปังปิ้งด้วย กลิ่นชวนท้องร้องตั้งแต่เช้า

   ผมนั่งเฝ้าในซุ้ม มีรุ่นน้องและเพื่อนรุ่นเดียวกันเดินให้วุ่น คงเพราะคนเยอะ อากาศอบอ้าวทำให้นมปั่นขายดี และที่สำคัญ คนขายถือว่าเด็ดครับ

   “อย่าทำตัวเด่น” เสียงกระซิบชิดใบหูทำให้ผมเหล่มองด้วยหางตา

   “นั่งอยู่เฉยๆ เนี่ย เด่นตรงไหน” ตอบกลับไปแบบเรียบๆ ก็ได้ท่าทีฮึดฮัดตอบกลับ

   เดาออกไหมครับว่าใครมานั่งคุม เอ๊ย นั่งข้างผม ที่จริงผมต้องไปยืนหน้าซุ้มด้วย แต่มีคนหน้าบึ้งยืนชิดติดจนขยับไปไหนไม่ได้ เลยถูกเนรเทศมานั่งในซุ้มแทน

   “ไม่ต้องยิ้มด้วย” คนหน้าบึ้งออกคำสั่งไม่พอ ยังยื่นมือมาบีบแก้มผมอีก ผมแค่ยิ้มให้ลูกค้าที่มายืนหน้าร้านเองนะเว้ยเฮ้ย “บอกแล้วว่าทำตัวเด่น”

   “พี่บ้าป่ะเนี่ย” เม้มริมฝีปากเมื่อถูกปล่อยแก้ม เริ่มอาการหนักขึ้นทุกวัน

   “บ้าเพราะต้อมนี่แหละ รู้แบบนี้ไม่ให้ทาครีมบำรุงผิวหรอกแม่ง” แม้จะพูดกับตัวเองแต่ผมก็ได้ยิน เลยอดที่จะขำไม่ได้
 
   ก็จริงของพี่ฟลอยด์นะครับ พอหนังหน้าผมได้ครีมดีๆ บำรุงมันก็ดีขึ้นมา จากหน้าหยาบๆ สากๆ ตอนนี้ลูบทีนุ่มนิ่มเหมือนซาลาเปานึ่งเลย

   “พี่ช่วยทำหน้าดีๆ หน่อยได้ไหม”

   “ดีได้แค่นี้แหละ”

   ผมหัวเราะคนตีหน้าบึ้ง ก็แอบสงสารเหมือนกันนะครับ ที่ต้องมานั่งเฉยๆ อยู่แต่ในซุ้ม ก็ไล่ไปหาเพื่อนไม่ยอมไปเอง จะมาโทษผมก็ไม่ได้

   “พี่ไปหาเพื่อนที่คณะสิ นัดไว้ไม่ใช่เหรอ” พูดรอบที่สิบได้

   “พี่ไป ต้อมไปด้วยป่ะล่ะ” นี่ก็ตอบเหมือนเดิมรอบที่สิบเช่นกัน “ซุ้มนี่ก็ให้รุ่นน้องทำต่อสิ คนตั้งเยอะ”

   “แต่ต้อมเป็นรุ่นพี่ ต้องช่วยน้องสิ” ทำตัวเหมือนพระเอกเลยว่ะ ผมเนี่ย ที่จริงขี้เกียจเดินต่างหาก

   “อย่าทำตัวเด่นให้มาก” โดนถลึงตาใส่แล้วพี่ฟลอยด์ก็สะบัดหน้าหนี  ผมขำนิดๆ ก่อนจะมีรุ่นน้องเดินเข้ามาหาพร้อมขนมปังปิ้งและนมปั่นสองแก้ว ผมสั่งไว้ตั้งแต่ตอนแรก คงเพราะคนซื้อเริ่มบางตาเลยทำให้ผมได้ พอผมหยิบเงินจะให้ พี่ฟลอยด์ก็แย่งตัดหน้าไปแล้ว

   “อร่อย กินไหม” ผมจิ้มขนมปังปิ้งกรอบราดนมเข้าปาก พร้อมดูดนมปั่นหวานๆ เย็นชื่นใจ

   “ป้อนด้วย” พี่ฟลอยด์กอดอกอ้าปากรอ ดวงตาเรียวจ้องกดดันให้ผมป้อน “เร็วๆ”

   “มือก็มีนะคนเรา” แม้จะพูดแบบนั้น ผมก็ป้อนไป พอคนงอนได้กินก็ยิ้มออกมาบางๆ

   “นมปั่นด้วย” ปากเคี้ยวขนมปังออกคำสั่ง พอผมหยิบแก้วใหม่ให้ พี่ฟลอยด์ก็หันหนี ก่อนบุ้ยปากไปที่แก้วของผม “แก้วนั้น”

   “นี่แก้วของผม ของพี่ก็นี่ไง” ชูนมปั่นแก้วใหม่ แต่พี่ฟลอยด์ไม่ยอมกิน “อย่าเยอะไปป่ะ”

   “สั่งแก้วเดียวก็พอ สั่งมาทำไมเยอะ” พอเห็นผมไม่เอาให้ มือยาวก็ยื่นข้ามตัวผมมาหยิบไป แถมดูดทีนมปั่นหมดไปเกือบครึ่งแก้ว นั่นปากหรือเครื่องสูบวะ

   “ยิ้มทำไม” ที่ถามเพราะพี่ฟลอยด์จ้องหน้าผมสลับกับแก้วนมปั่น

   “ก็นึกถึงตอนเราเจอกันแรกๆ ไง นมปั่น เสียดายไม่มีวิปครีม” ว่าแล้วก็ทำยิ้มกริ่ม ถ้าผมคิดน้อยกว่านี้คงเอานิ้วจิ้มตาคู่ตรงหน้าแล้ว มองได้น่าต่อยเหลือเกิน และผมไม่ได้เขินนะ

   “พูดแล้วก็เคืองย้อนหลัง หาว่าสุดหวงผมเป็นเศษเหล็กได้ไงวะ” โมโหครับ แม้ตอนนี้สุดหวงจะไปจอดเป็นของประดับที่บ้าน แต่ผมก็ยังรักอยู่นะ ให้พี่ตุ้มเช็ดถูให้ดูทุกวัน

   “ก็จักรยานต้อมมันโบราณ เก่าด้วย มีสนิมเกาะ แบบนี้ก็ต้องเรียกเศษเหล็กสิ” พยายามกำมือให้แน่นไว้ กลัวเผลอตบหัวรุ่นพี่ “แต่ถ้าต้อมอยากได้คันใหม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปถอยให้เลย”

   “ไม่เอา ถึงซื้อมาก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี” ถ้าผมอยู่หอเดิมคงจะเอาแหละครับ เพราะใกล้มหาลัย ปั่นมาแป๊บเดียว แต่นี่บ้านพี่ฟลอยด์อยู่โคตรไกล ปั่นมาอาจตายกลางทางได้

   “ดีแล้ว ไม่ต้องปั่นหรอก แค่นี้น่องต้อมก็เตะคอพี่สลบแล้ว” จากที่ขำๆ ก็หน้าบูดสิผม “พี่ล้อเล่น ขาต้อมสวยจะตาย”

   “พี่อยากโดนเตะจริงๆ ป่ะ” เคืองนะเว้ยเฮ้ย

   “กล้าเตะผัวเหรอ” พี่ฟลอยด์พูดเสียงดัง ผมเบิกตาโตรีบหันไปมองว่ามีใครได้ยินหรือเปล่า “ไม่มีใครได้ยินหรอก พี่รู้น่า ว่าควรพูดเวลาไหน”

   “หุบปากของพี่ไปเลย” ชี้นิ้วสั่ง แต่พี่ฟลอยด์กลับหัวเราะซะงั้น น่าถูกเตะก้านคอนะครับ จะได้สงบปาก

   พอรำคาญคนพูดมาก ผมก็ลุกไปยืนหน้าร้าน ไม่สนเสียงเรียกด้านหลัง ลูกค้าร้านเราเท่าที่เห็นก็ปะปนกัน ทั้งหนุ่ม ทั้งสาว ที่จะมากหน่อยก็หนุ่มๆ คงเพราะพนักงานขายเราหน้าตาดี ก็แน่ละ เอาเดือนกับดาวปีหนึ่งมาแบบนี้ แม้จะไม่หล่อจนเป็นเดือนมหาลัย แต่ก็ดูดีนะครับ ส่วนดาวคณะผมเป็นดาวมหาลัยเชียวนะ ความน่ารักกับความสามารถในการเล่นดนตรีทำเอาคณะกรรมลงคะแนนแทบไม่ทัน

   แต่ผมสงสัยว่าทำไมถึงมาเลือกเรียนเกษตร หน้าสวยๆ ผิวดีๆ จะเสียหมด

   “ไอ้ต้อม” เสียงเรียกชื่อผมดังจนทุกคนต้องหันไปมอง พี่ฟลอยด์ไม่สนใจใคร ดวงตาคู่นั้นมองมาแค่ผม มือก็กวักเรียกยิกๆ “ไอ้ต้อม อย่าให้กูโมโห”

   “กูว่า มึงไปนั่งเฉยๆ ดีที่สุด” ไอ้ดอยคงทนดูไม่ไหว มันเดินมาสะกิดให้ผมกลับไปนั่งที่เดิม

   พอเดินกลับมายังไม่ทันได้ย่อตัวก็ถูกดึงให้กระแทกนั่งจนความเจ็บจี๊ดจากก้นกบลามขึ้นสมอง

   “เจ็บ” ผมย่นหน้าบอก พี่ฟลอยด์ยังตีหน้าดุ “กลับไปหาเพื่อนตัวเองไป”

   “ไล่อยู่ได้ ไม่อยากให้กูอยู่เหรอ”

   “ก็ดูพี่ทำหน้าสิ”

   “เพราะใครละวะ”

   “นี่ผมผิดเหรอ”

   “เออ”

   ผมเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองเอาชีวิตส่วนตัวมาพูดในที่ๆ คนเยอะเกินไป เลยต้องเงียบลง แค่นี้ก็ถูกคนมองมากพอแล้ว ผมเลือกที่จะเงียบ พี่ฟลอยด์ก็ด้วย ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวเราสองคนโคตรเย็น หรือเพราะลมที่เริ่มพัดมาก็ไม่รู้

   กว่าเราจะหาเสียงเจอก็ตอนที่พี่เกนกับไอ้ป่านเดินมา ในมือเพื่อนผมถือสายไหมอันใหญ่มาด้วย เห็นแล้วก็อยากซื้อเหมือนกันนะ ไม่ได้กินมานาน

   “จะไปซื้อลูกชิ้นนะ” อยากลุกไปเลย แต่ก็คงไม่ดี พอผมบอกพี่ฟลอยด์ก็เงียบไม่ตอบกลับ ก็เลยลุกออกไป เดินออกจากซุ้มได้ไม่กี่ก้าว หันกลับมาก็เจอคนหน้าบึ้งเดินตาม ผมไม่พูดอะไร พี่ฟลอยด์ก็ยังเงียบแต่เดินตามตลอด





   ร้านลูกชิ้นทอดเป็นของเด็กเอกวิทยาศาสตร์ ซึ่งผมก็ไม่รู้จักหรอก แต่เคยเจอหน้าบ้าง ผมสั่งลูกชิ้นจิ๋วไปสิบไม้ พอคิดเงินก็มีแขนยาวๆ ยื่นแบงค์ร้อยตัดหน้ามา พี่ฟลอยด์ไม่ได้มองหน้าผมแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากใดๆ จนผมทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายพูดก่อน

   ที่จริงผมก็พูดก่อนเสมอนะ

   “กินไหม” ยื่นถุงลูกชิ้นให้ ตอนนี้จากที่เดินตาม เปลี่ยนมาเดินข้างๆ พี่ฟลอยด์ปรายตามองแต่ไม่ยอมพูด “ไม่กินก็ตามใจ”

   ผมกัดลูกชิ้นจิ๋วกินอย่างสบายอารมณ์ คนในมหาลัยยังคงแน่น เราไม่ควรเข้าไปเพิ่มประชากรให้ทางฝั่งท่าน้ำ ดังนั้น กลับซุ้มดีกว่า ผมคาบลูกชิ้นไว้ในปากแล้วหันหลังกลับเพื่อจะเดินย้อนไปที่ซุ้ม แต่ลืมไปว่ามีคนเดินด้วยเลยเผลอชนไปนิดหน่อย นั่นไม่ตกใจเท่าพี่ฟลอยด์ยื่นหน้ามาแล้วกัดลูกชิ้นจิ๋วอีกด้านจนปากเราแตะกัน

   ลมเย็นวูบพัดมาทำให้ผมรีบผละหน้าออกมา ตกใจสิครับโธ่ คนก็ตั้งเยอะ พี่ฟลอยด์กินลูกชิ้นลูกนั้นไปแล้ว แถมแลบลิ้นเลียปากตัวเองอีก แม่ง โคตรบ้า

   “ทำไรเนี่ย” ยังตกใจนิดๆ แต่ก็พอมีสติถาม

   “กินลูกชิ้นไง” น้ำเสียงนิ่งๆ แต่หน้าตาโคตรกวนตีน “จะไปไหน”

   “กลับซุ้ม คนเยอะ” ผมบอก พี่ฟลอยด์ก็พยักหน้า “อย่าทำแบบเมื่อกี้อีกนะ คนมอง”

   “ไม่แคร์”

   ผมก็ลืมไปว่าพี่ฟลอยด์ไม่เคยแคร์ ไม่เคยสนใจใครอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นปีก่อนจะร้องเพลงจีบผมหน้าตึกวิศวะเหรอ บ้ายังไงก็ยังบ้าอย่างนั้น

   ตอนนี้มือผมกลายเป็นเครื่องป้อนลูกชิ้นไปแล้ว พี่ฟลอยด์จับแล้วดึงมือผมที่ถือลูกชิ้นไปกินหน้าตาเฉย มีสาวๆ หลายคนเห็นแล้วยิ้ม บ้างก็หัวเราะ คือไม่ได้หวานแหววอะไรหรอกนะครับ มันตลกมากกว่าที่ผู้ชายสองคนยื้อแย่งลูกชิ้นจิ๋วกัน




   กลับมาถึงซุ้ม ได้ยินเสียงดนตรีจากกีต้าร์ พี่ฟลอยด์ก็ขมวดคิ้ว ก่อนเปรยเบาๆ ว่าฝีมือของพี่เกน นี่แฟนพันธ์แท้ของพี่เกนหรือเปล่าวะ ขนาดมองไม่เห็นว่าใครเล่นนะ แต่กลับรู้เหมือนตาเห็น ซึ่งพี่เกนนั่งเล่นกีต้าร์จริงๆ แถมซุ้มผมกลายเป็นแหล่งรวมของบรรดาสาวๆ ทั้งในและนอกคณะ

   พอจับกีต้าร์แล้วหล่อนะเนี่ย ดูมีเสน่ห์เหลือเกิน

   “พี่เกนเท่อะ” ผมว่าออกมา จนลืมนึกว่าไอ้คนข้างๆ ขี้หึงขนาดไหน พอได้ยินผมพูด พี่ฟลอยด์ก็เดินลิ่วๆ ไปแย่งกีต้าร์ในมือเพื่อนตัวเองเฉย ไม่สนว่าพี่เกนจะโวยวายยังไง

   บ้ามากคนนี้

   “อะแฮ่มๆ” พี่ฟลอยด์กระแอมเบาๆ แค่นี้สาวๆ ที่นั่งและยืนก็แอบกรี๊ดแล้ว มีหลายคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอด้วย ที่จริงก็ถ่ายตั้งแต่พี่เกนแล้วแหละ “วันนี้วันลอยกระทง คนไม่มีคู่อาจจะเหงาสักหน่อย แต่ผมไม่เหงานะครับ” พี่ฟลอยด์พูดแล้วก็ขยิบตามาให้ แล้วผมต้องทำไงล่ะ ก็เขินไง โธ่

   “จะทำอะไรของเขาวะ” ผมเม้มริมฝีปาก ลุ้นว่าพี่ฟลอยด์จะทำอะไร

   “วันนี้แฟนของผมเขาชอบทำตัวเด่นเหลือเกิน” ตาเหลือกที่ได้ยิน แต่บรรดารุ่นน้องกับเพื่อนๆ ที่รู้ต่างพากันหัวเราะเสียงดัง นี่ทำให้ผมขายหน้าใช่ไหมเนี่ย “เพราะเขาทำตัวเด่น ผมเลยหึงหนัก แต่เพราะผมไม่อยากเหงาในวันลอยกระทงปีหน้า ผมเลยต้องทำตัวดีหน่อย” ตรงไหนวะ ทำตัวดีตรงไหนอยากถามเหลือเกิน “และผมก็มีเพลงหนึ่งจะมอบให้เขา ช่วยรับฟังด้วยรอยยิ้ม ด้วยนะครับ”


   ไอ้ต้อมขอตายเลยได้ไหม


         ตอนนี้คนหันมามองหน้าผมเต็มเลย ได้ยินบางคนบอกอิจฉาด้วย อิจฉาอะไร เอาไปเลยไหมผู้ชายคนนี้ พอเสียงดีดกีต้าร์อินโทรเพลงขึ้นมา ทุกคนก็หวีดขึ้นมาอีก ยิ่งพอพี่ฟลอยด์ร้อง จากที่หวีดเบาๆ กลายเป็นเสียงกรี๊ดแล้วก็เงียบลงเมื่อคนเล่นหยุดเล่น แล้วยกนิ้วขึ้นแตะปาก

   จะทำเท่อะไรขนาดนี้วะ

   “เธอ คือทุกสิ่งในความจริงในความฝัน คือทุกอย่าง เหมือนใจต้องการ เธอเป็นนิทาน ที่ฉันอ่าน ก่อนหลับตาและนอนฝัน เธอ คือหัวใจไม่ว่าใครไม่อาจเทียม เทียบเท่าเธอ ช่างโชคดีที่เจอ ได้ตกหลุมรักเธอ ได้มีเธอ เคียงข้างกัน” ทั้งหน้าตา จังหวะการเล่น รวมไปถึงเสียงร้อง พี่ฟลอยด์กลายเป็นคนที่ดูเท่ขึ้นมา จากที่เท่อยู่แล้วนะ


   พี่จะทำให้ผมตกหลุมรักอีกรอบเหรอเนี่ย ไอ้ต้อมไม่ใช่คนใจง่ายนะเฮ้ย


   “คงจะมีเพียงเธอทำให้โลกนั้นหยุดหมุน เพียงเธอสบตาฉัน คงจะมีเพียงเธอที่หยุดหัวใจของฉันไว้ตรงนี้ ตรงที่เธอ...”
อยู่ๆ ก็หยุดเล่น พี่ฟลอยด์ยื่นมือมาที่ผม คล้ายกับจะบอกให้ผมเดินเข้าไปหา ความกดดันยิ่งกว่าตอนประกวดนายนพมาศบนเวทีอีก พอผมไม่ยอมขยับ หลายคนก็รีบพูดและเร่งให้ผมเดินเข้าไป เอาวะ ไปก็ไป แมนๆ เขาไม่อายกัน...เหรอวะ

   “เธอเพียงคนเดียวและเพียงเธอที่ต้องการ ฉันจะทำทุกๆ  ทางด้วยวิญญาณและหัวใจ นั้นคือฉันจะรักเธอไม่ว่าเป็นเมื่อไหร่สถานใด ทั้งหัวใจฉันมีเธอเพียงคนเดียว”

   ผมกำลังถูกสายตาหวานส่งมาจนไม่กล้าหลบตา พี่ฟลอยด์ทำให้ผมลืมไปเลยว่ามีคนนั่งจ้องและนั่งถ่ายวีดีโอเรานับสิบคน เสียงร้องเพลงนุ่มน่าฟังถูกถ่ายทอดออกมาจนจบเพลง พอเสียงกีต้าร์หยุดลง ความเงียบก็เกิดขึ้น แล้วอยู่ๆ เสียงปรบมือก็ดังไปทั่วซุ้ม

   “ฉิบหาย” เผลอสบถออกมาเมื่อหันไปมองหน้าซุ้ม คนยืนออเต็มไปหมด นี่มันมากเกินกว่าสิบแล้ว ทุกคนพร้อมใจมุงดูกันมาก และมันมากซะจนผมต้องหันหลังให้

   “ไอ้เชี่ย ทำตัวเด่นเกิน” เสียงพี่เกนลอยมาเข้าหู และมีเสียงหัวเราะของไอ้ป่านตามมาติดๆ แต่ผมเห็นด้วยนะครับ พี่ฟลอยด์แม่งทำตัวเด่นเกิน ตั้งแต่กินลูกชิ้นเมื่อกี้แล้ว

   เมื่อเพลงแรกจบ เพลงต่อไปก็มาจากคำขอของรุ่นน้องในคณะผมที่อยากมอบเพลงหวานๆ ให้แฟนฟัง โดยการโทรวีดีโอคอลไปหาเพราะแฟนทำงานอยู่ น่ารักจังครับ ตอนนี้ซุ้มผมเลยกลายเป็นซุ้มบอกรักด้วยเสียงเพลง พี่ฟลอยด์ก็ดังเฉย หลายครั้งที่ร้องไม่ได้ก็ให้พี่เกนช่วย แม้ดูไม่เต็มใจก็เถอะ ต้องขอบคุณให้ป่านนะครับที่พูดเชียร์ ไม่งั้นไม่ได้ยินเสียงพี่เกนแน่


   เพิ่งรู้ว่าพี่เกนก็บ้ายอ (จากแฟน) เหมือนกัน


   สองหนุ่มต่างคณะแต่กำลังกลมกลืนไปกับคณะผม เห็นมีพวกบริหารมายืนดูด้วย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถ่ายวีดีโอ แต่ที่ตลกคือเพื่อนของพี่ฟลอยด์มาหาถึงซุ้ม และลากกลับคณะ แต่ถูกบรรดาสายตาหลายสิบคู่จ้องกดดันเพราะต่อคิวบอกรักแฟนด้วยเสียงเพลงเลยต้องล่าถอย

   เอากับพวกเขาสิ

   “มึงทำซุ้มนมปั่นเลี่ยนสัดๆ” ไอ้ดอยบ่น มือก็ทำนมปั่นเป็นระวิง พอมีคนเข้ามาซุ้มมาก ของกินก็ขายได้มาก จนผมกับไอ้ป่านต้องมาช่วย เด็กปีอื่นๆ ก็เอาแต่รุมจะส่งเพลงให้แฟน แม้แต่ผู้ชายก็ยังจองคิว

   “อย่าบ่น รีบๆ คนรอเนี่ย” ผมว่า ก่อนเงยหน้ายิ้มให้ลูกค้า “ขนมปังปิ้งแยมส้มนะครับ” ทวนออร์เดอร์ก่อน คนสั่งก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มจนผมแอบเขินๆ เหมือนกัน ยิ่งได้ยินคำพูดของน้องเขาก็ทำเอาวางตัว วางหน้าไม่ถูก

   “ที่จริงน้องเป็นแฟนคลับเพจคู่พี่นะคะ เพจเอฟทีไอซ์แลนด์น่ะ ไม่คิดว่าวันนี้จะมาเจอโมเม้นน่ารักๆ แบบนี้ รับรองคืนนี้ยอดแชร์ ยอดไลค์คลิปเพลงเมื่อกี้ต้องเยอะแน่ค่ะ โชคดีจังที่คิดมามหาลัย”

   “อ่าครับ” หัวเราะแห้งๆ ส่งไป นี่ผมลืมว่ามีบ้านคู่ตัวเองเหรอเนี่ย นั่นมันตั้งแต่สมัยคบกับพี่ฟลอยด์ใหม่ๆ แล้วนะ หลังๆ มานี้ไม่ค่อยมีอะไร เพราะมีคู่อื่นโผล่อย่างกับดอกเห็ด แถมแต่ละคนก็หน้าตาจิ้มลิ้มทั้งนั้น

   ไอ้ดอยกับไอ้ป่านหัวเราะงอหงาย ผมก็รีบปิ้งขนมปังไป เมื่อไหร่จะเลิกงานวะเนี่ย ไอ้ต้อมอยากกลับแล้ว งานลอยกระทงปีที่แล้วก็ตื่นเต้นเพราะต้องยืนบนเวทีมีคนมองกันมาก ปีนี้ก็แทบไม่ต่าง แม้ไม่ได้ยืนบนเวทีแต่ก็ยังเป็นที่สนใจของทุกคน แม้ไม่เต็มใจก็เถอะ


   เมื่อไหร่พี่ฟลอยด์จะเลิกตะโกนเรียกชื่อผมเนี่ย เดินไปเตะก้านคอดีไหม...ไม่ดีเหรอ


   สุขสันต์วันลอยกระทงนะครับ


.....

เปลี่ยนมาลอยกระทงกับพี่ฝอยแล้วก็ต้อมบ้างค่า อาจเบื่อเกรียนกันแล้ว ฮ่าๆ

สุขสันต์วันลอยกระทงค่า  :mew1: :mew1:
   
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 03-11-2017 22:02:41
ชอบตอนพิเศษมากครับ
มันเป็นบรรยากาศที่สัมผัสได้ ดูอบอุ่นๆ
อ่านแล้วผมยิ้มตามตลอด
หึงอะไรขนาดนั้นพี่ฝอย 5555

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะครับ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-11-2017 22:34:33
มีความงู้ยยยยยย :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 03-11-2017 23:15:17
ยอมใจในความหวงแบบหวานมากๆๆของพี่ฝอย อิจฉาน้องต้อม :o8:

 :pig4: :กอด1: :L1:

หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-11-2017 23:27:14
คิดถึงคู่นี้และก็ชอบคู่นี้มากด้วย จะตอนพิเศษกี่ตอนๆพี่ฝอยก็ยังงอแงเหมือนเดิม ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-11-2017 01:00:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2017 01:40:26
นี้ก็หวานเรี่ยราดจริงๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 04-11-2017 06:01:14
 :-[ o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 04-11-2017 07:13:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-11-2017 10:04:30
FT พี่ฟลอยด์ ต้อม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
พี่ฟลอยด์ ยังคงความขี้หึง ขี้หวง คงเส้นคงวา น่ารักมาก
แต่ต้อม คนโดนหึงหวง แทบโอ๊ย........ไม่ไหวจะน่ารัก

คิดถึงพี่โช กลอยประเกรียนเลย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แค่กลอยฝันว่าพี่แทมไม่ดี ฝันยังเป็นเรื่อง ยังตามไปราวีพี่แทม โอ๊ย......หลงกลอยสุดๆ
ขอบคุณไรท์มาก ดีต่อใจจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 04-11-2017 10:18:08
พี่ฝอย ต้อมน่ารักอ่ะ  ชอบพี่ฝอยเปิดเผยดี  ขี้หึงอีกต่างหาก

ขออีกเยอะๆเลยค่ะตอนพิเศษ คิดถึงมากๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-11-2017 12:38:52
คือพี่ฝอยอย่างน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Shin Heeyoo ที่ 06-11-2017 15:06:21
พูดถึงชื่อบ้านคูฟลอยด์ต้อม ก็นึกถึงวงดนตรีร็อคของเกาหลีขึ้นมาเลยค่ะ เอพือที ไอแรนดึ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 08-11-2017 21:37:38
 o13 น่ารัก
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 10-11-2017 20:07:37
ชอบเรื่องนี้ครับสนุกมาก สนุกทุกตอนเลย ขอให้มีผลงานมาเยอะๆนะครับ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: fst_mtd ที่ 12-11-2017 16:49:39
 :-[ ชอบอ่าาาา ชอบมากๆๆ
พี่เกนนี่แบบ....เชื้อป๋าท่าจะแรงจริงนะนั่น
แอบอยากอ่านคู่ป๊ะป๋ากับพี่ปูน  :pighaun:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: TaemyG ที่ 19-11-2017 22:38:45
สนุกมากๆเลยค่ะ อยากเตะก้านคออีพี่ฟลอยด์วันละสิบรอบ น่าหมั่นไส้มาก ก ไก่ ล้านตัว ฮ่าาา :hao7: :z6:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-11-2017 23:24:59
พี่ฝอยน่ารักอ่ะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-11-2017 00:25:33
พี่ฝอยยังขี้หึงเหมือนเดิม

 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 13-12-2017 09:52:37
ตามมาจากเรื่องของป๋า-ปูนและกลอย-โช
ปูนมีการเปลี่ยนแปลงมากกกกก
มีความแซ่บเว่อร์ๆ
ชอบมาก ทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 19-12-2017 09:29:58
น่ารัก ................
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 26-12-2017 19:35:23
เราว่าเรื่องนี้ไม่น่าชื่อว่า No Sugar นะค่ะ เพราะมันโครตๆหวานเลยยยยยยย(หมายถึงพี่ฝอยค่ะ5555)
 :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 12-01-2018 18:57:08
พี่ฟลอยด์ขี้หึงไม่เปลี่ยนส่วนต้อมก็เขินรุงแรงตลอด
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 09-03-2018 23:36:04
เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่า
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-04-2018 22:13:17
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 22-04-2018 11:10:59
เกน ป่าน ขโมยซีนมากกกกกกกกกกกกก มาทีหลังแต่ฟินกว่า 5555555555 o13
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: smilepengy ที่ 23-08-2018 19:01:35
น่ารักทุกคู่เลยคะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 09-10-2018 21:11:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 23-10-2018 11:00:19
น่ารักทั้ง 2 คู่เลย
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 23-12-2018 15:30:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 04-07-2019 20:05:58
คิดถึงพี่ฝอย น้องต้อม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 10-07-2019 02:07:27
สนุกมากๆ ค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 14-07-2019 22:04:26
ต้อมแมนมาก ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 14-07-2019 22:58:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: habanice ที่ 07-03-2020 23:31:48
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-03-2020 04:48:25
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ >>ตอนพิเศษ ลอยกระทง [P.25]<<[03/11/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 01-07-2023 21:02:53
เพิ่งจะเคยอ่านเรื่องนี้ สนุกมากๆๆๆๆ