พิมพ์หน้านี้ - สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Snufflehp ที่ 06-07-2018 21:39:38

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 06-07-2018 21:39:38
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

************************************

เรื่องนี้เราเขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจบางอย่าง จากใครบางคน หวังว่าจะสนุกไปด้วยกันนะคะ

ติดตามเอาใจช่วยน้องขวัญพัฒน์กันด้วยค่ะ

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 06-07-2018 21:48:14
ตอนที่ 1

เรื่องราวชีวิตของแต่ละคนเริ่มต้นขึ้นไม่เหมือนกัน และสำหรับชีวิตของผมในเช้าวันนี้ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าเมื่อวาน
เมื่อวานว่าแย่แล้ว วันนี้กลับแย่ยิ่งกว่า


ผลัวะ! พลั่ก!


ผมถูกต่อยเข้าที่ปลายคางจนหน้าหัน แต่ก็คงยังไม่สาแก่ใจคนที่ขึงตามองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เพราะอีกไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็ถูกเท้าหนักๆ เตะเข้าที่ท้อง แรงพอที่จะทำให้ล้มลงกับพื้น นอนตัวงอเหมือนกุ้งด้วยความจุกแน่น

“ถ้าขืนยังเสือกเรื่องของพวกกูอีก มึงเจอดีมากกว่านี้แน่!” น้ำเสียงกร้าวประกาศก้อง ทำท่าจะเข้ามาจัดการผมอีกครั้ง แต่เพื่อนของมันอีกคนรั้งเอาไว้

“เฮ้ย! พอแล้วไอ้วัน เกิดมันตายขึ้นมาได้ซวยกันพอดี วันนี้แค่เบาะๆ ก็พอ ไปดีกว่าว่ะ เงินก็ได้มาแล้ว”

“ก็ได้” มันพูด ก้มลงมองผม “วันนี้ถือว่ามึงยังโชคดี แต่จำใส่หัวมึงไว้ไอ้ขวัญ คนดีไม่ค่อยได้ตายดี! ยิ่งเป็นคนดีที่ขี้เสือกอย่างมึงยิ่งตายเร็ว ไปเว้ย!”

ผมมองตามไอ้คู่หูอันธพาลประจำซอยที่เร่งฝีเท้าเดินจากไปพลางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง พิงหลังกับผนังที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนจากพวกมือบอน บ้านร้างที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ทั้งหลายแหล่นี้คือสถานที่ที่ไอ้วันกับไอ้ทิว เด็กเกเรรุ่นราวคราวเดียวกับผมซึ่งอาศัยอยู่ในสลัมเดียวกันใช้เป็นแหล่งมั่วสุม ผมกวาดตามองที่พื้น พบกระเป๋าตังค์หนังเนื้อดีที่พวกมันทิ้งไว้อย่างไม่แยแสเมื่อเอาเงินออกไปหมดแล้ว

ผมยื่นมือไปหยิบต้นเหตุแห่งความซวยที่ทำให้ถูกซ้อม ปัดฝุ่นที่เลอะเปื้อนบนนั้นแล้วกอดมันไว้แนบอก หากผมชกต่อยเก่งกว่านี้ ผมก็คงจะปกป้องของสำคัญของ เขา เอาไว้ได้

กระเป๋าตังค์ใบนี้ไม่ใช่ของผม เด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในสลัมอย่างผมไม่มีปัญญาซื้อกระเป๋าตังค์หนังแบรนด์ดังราคาแพงอย่างนี้มาใช้ได้ แค่คิดว่าต้องจ่ายเงินทั้งหมดที่มีในชีวิตแถมอาจจะต้องหยิบยืมมาเพิ่มเพื่อซื้อมันผมก็ตัวสั่นแล้ว แต่สำหรับเจ้าของมันคงไม่คิดอย่างนั้น เขาร่ำรวยมากพอที่จะซื้อได้อีกหลายใบและตอนนี้อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหายไป ผมคิดนะว่าเขาคงจะเดือดร้อนมากทีเดียวถ้าไม่มีมันอยู่เพราะเครดิตการ์ด บัตรประจำตัวประชาชน และใบขับขี่รถยนต์ของเขาอยู่ในนี้ทั้งหมด ผมเปิดเช็กดูแล้วว่ามีอะไรที่ไอ้วันกับไอ้ทิวเอาไปบ้างนอกจากเงิน แต่ปรากฎว่ายังอยู่ครบ ทีแรกไอ้วันมันจะเอาเครดิตการ์ดไปใช้ด้วย แต่ไอ้ทิวมันก็ฉลาดพอที่จะเตือนเพื่อน โชคดีอยู่หรอกที่โรงเรียนวัดสามารถสอนให้พวกมันมีสมอง ทว่าเห็นได้ชัดว่าไม่มากพอที่จะขัดเกลาสันดานโจรของพวกมันได้

ผมก้มลงมองรูปของเขาที่ถ่ายติดบัตรประจำตัวประชาชน ใบหน้าคมสันเห็นเด่นชัดแม้บัตรจะมีสีซีดจางลงบ้างตามกาลเวลา เขามีชื่อว่า ธนิก ธนิกที่แปลว่าผู้ร่ำรวยทรัพย์ ซึ่งเขาก็ร่ำรวยจริงๆ ตามชื่อของเขา เขาเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีตึกสูงใหญ่อยู่ในย่านธุรกิจ ขับรถสปอร์ตราคาแพงสีสะดุดตา  ผมเคยเห็นเขาบ่อยๆ เพราะผมขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่แถวนั้น เขาไม่ค่อยถือตัวเหมือนที่ผมคิดว่าลูกคนรวยทุกคนจะเป็น แต่แน่ล่ะผมก็ไม่ได้รู้จักเขาดีพอเพราะเคยคุยกันแค่ครั้งเดียว จำได้ว่าตอนนั้นเขายืนอยู่หน้าบริษัทท่าทางรีบร้อน ผมกำลังจอดรถส่งพี่จอย พนักงานบัญชีบริษัทของเขาที่เป็นลูกค้าขาประจำของผมพอดี เขาก็กวักมือเรียกให้ไปหาแล้วถามว่า

‘ไปใต้ดินคิดเท่าไรน้อง’

ผมตอบกลับไปว่า ‘ 20 บาทครับ’

นั่นจึงเป็นครั้งเดียวที่เราได้คุยกัน สองประโยคในชีวิตอย่างไม่คิดฝัน... อาจเป็นครั้งแรกที่โลกของผมกับเขาหมุนวนมาใกล้กันมากที่สุด เปิดโอกาสให้เราได้พูดคุยกันแม้จะไม่ยืดยาว ให้ผมกับเขาได้ใกล้ชิด หัวเข่าของเขาอยู่ห่างจากต้นขาของผมไม่ถึงห้าเซนติเมตร คงต้องขอบคุณเบาะรถมอเตอร์ไซค์เวฟ 110 ที่ไม่ได้กว้างมากมาย เขาตัวหอม มีกลิ่นเฉพาะตัวที่คงจะมาจากน้ำหอมราคาแพงที่คนมีเงินใช้กัน ในขณะที่ผมมีแต่แป้งเด็กกับสารส้มไว้ดับกลิ่นกาย ตอนนั้นผมภาวนาขอให้ระยะทางจากบริษัทของเขากับสถานีรถไฟใต้ดินยืดยาวไปอีกนิด แต่มันก็เป็นแค่การภาวนา การโคจรอันน่าอัศจรรย์นี้เปิดโอกาสให้ผมได้ใกล้ชิดเขาเพียงสิบนาที จากนั้นก็เหวี่ยงกลับที่เดิม หลังจากนั้นแม้ว่าผมจะเฝ้ารอให้การโคจรเกิดขึ้นอีกเท่าไร มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย

ผมได้แต่มองเขาอยู่ไกลๆ มองความรักที่ไม่มีทางสมหวังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากถามผมว่าทำไมถึงรัก ผมก็คงตอบไม่ได้ มันอาจจะเริ่มจากการมองก่อน แล้วจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความชอบ แล้วพอชอบแบบชอบมากๆ ก็เลยกลายเป็นความรัก ผมรู้แหละว่ามันฟังดูไม่มีเหตุผลสักเท่าไร แต่ไอ้แนนเพื่อนที่ขับวินด้วยกันมันก็บอกผมว่าอาจเป็นอารมณ์ประมาณผู้หญิงที่หลงรักศิลปินักร้องเกาหลี พอยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก เพราะคุณธนิกรูปหล่อ พี่จอยก็ยังบอกบ่อยๆ ว่าในบริษัทก็มีพนักงานที่หลงรักเขาอยู่หลายคน พี่จอยก็รู้ว่าผมแอบชอบแอบมองเจ้านายของเธอ แล้วเธอก็ใจดีมากที่ไม่มองผมเหมือนตัวประหลาด เธอมักจะมีคลิปวิดีโอการสัมนาของบริษัทมาให้ผมดู นั่นเป็นทางเดียวที่จะได้ยินเสียงของเขา ได้เห็นรอยยิ้มของเขา และได้เห็นว่าเขาเก่งกาจสมกับเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทมากแค่ไหน

ผมมองกระเป๋าตังค์ของเขาแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้เลยว่าจะหาทางส่งคืนกระเป๋าใบนี้ได้อย่างไรโดยที่เขาไม่จับผมส่งตำรวจ ผมคงจะพูดแก้ต่างไม่ได้ว่าไอ้วันกับไอ้ทิวเป็นคนเอาเงินไป ทั้งๆ ที่ไอ้สองตัวนี้ขโมยมันมาจากเขาแท้ๆ แน่ล่ะว่าสมองโจรของพวกมันวางแผนแนบเนียน แต่ผมก็ดันไปเห็นเข้า ผมดันเห็นพวกมันแกล้งชนเขาล้ม กระเป๋าเอกสารตกกระจาย แล้วก็เหมือนในละคร ไอ้สองโจรรีบแสดงน้ำใจช่วยเขาเก็บของ แต่ก็มือไวเอากระเป๋าตังค์ของเขาติดมือมาด้วย ผมขี่มอเตอร์ไซค์ตามพวกมันมาจนถึงบ้านร้าง เจอพวกมันกำลังค้นกระเป๋า แบ่งเงินกันพอดี นั่นแหละ...จากนั้นผมก็ถูกซ้อม

ทั้งๆ ที่แค่อยากจะเป็นพลเมืองดี ทั้งๆ ที่แค่หวังให้การโคจรประหลาดนั่นเกิดขึ้นอีกสักหน แต่ผมก็ไม่เก่งพอที่จะสู้ไอ้วันกับไอ้ทิว พวกมันน่ะเป็นเพื่อนที่เคยเรียนโรงเรียนวัดด้วยกันมาจนถึงมัธยมต้น แล้วพวกมันก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน เพราะทำเรื่องไม่ดีไว้เยอะ ส่วนผมก็เรียนจนจบมอปลาย แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะต้องช่วยน้าลีน้องสาวของแม่ที่เลี้ยงดูผมมาแทนพ่อแม่ที่เสียไปตั้งแต่ผมยังเด็กจ่ายค่าเช่าบ้าน ขืนผมเรียนก็คงไม่มีเวลาหาเงิน ที่จริงมันก็ลำบากหน่อย แต่ผมทนได้ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ชอบเรียนอยู่แล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเรียนแล้วจะเรียนอะไร ผมเกลียดตัวเลขเพราะรู้สึกปวดหัวทุกทีที่ต้องบวกลบคูณหาร ให้เรียนภาษาก็คงต้องขอลาเพราะไม่ได้สนใจลึกซึ้งขนาดนั้น แค่อ่านออกเขียนได้ก็พอแล้ว ภาษาอังกฤษก็ฝึกเอาจากลูกค้าต่างชาตินี่แหละครับ งูๆ ปลาๆ ชี้โบ้ชี้เบ้ไปก็ได้ รู้เรื่องก็พอ จากนั้นพอจบมอปลายผมก็มาขับวินเลย เพราะมันง่ายสำหรับผม ไม่ค่อยได้ใช้สมอง แค่ขี่ไปส่งตามที่หมาย จำทางลัด จำซอยนั้นซอยนี้ได้ก็สบายแล้ว  แต่เมื่อต้นปีก่อน น้าลีก็มาด่วนจากไปด้วยโรคประจำตัว ตอนนี้ผมก็เลยอยู่คนเดียวกับเจ้าหลงหมาพันธุ์ทางที่น้าเก็บมาเลี้ยง

ผมค่อยๆ ใช้มือยันพื้นพยุงตัวลุกขึ้น ยังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่บ้างแต่ก็ยังพอไหว ยังไงก็ต้องเอากระเป๋าตังค์ไปคืนคุณธนิก ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องวุ่นวายทำบัตรใหม่ทั้งหมด

อีกยี่สิบนาทีต่อมาผมก็มาอยู่หน้าบริษัทของเขา วันนี้เป็นวันทำการก็เลยเห็นพนักงานเดินกันให้ขวั่ก ผมเดินไปที่ป้อมยาม ทางเลือกที่ดีที่สุดในการส่งคืนกระเป๋าตังค์ของคุณธนิกก็คือฝากไว้กับพี่รปภ.

“สวัสดีครับพี่” ผมยกมือไหว้ พลางยื่นกระเป๋าตังค์ไปตรงหน้า “ผมเก็บกระเป๋าตังค์ได้น่ะครับ เห็นนามบัตรที่อยู่ในกระเป๋าตังค์มีที่อยู่บริษัทนี้ ยังไงรบกวนพี่คืนให้เจ้าของด้วยนะครับ”

“ได้สิได้” พี่รปภ.รับฝาก ผมยิ้มอย่างโล่งใจ กำลังจะเดินกลับไปเอารถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ก็พอดีว่าพี่รปภ. เรียกไว้ “เดี๋ยวไอ้น้อง”

“ครับพี่”

“เงินในกระเป๋าหายไปไหนหมด” พี่รปภ.ถามพลางเดินเข้ามาใกล้ เขาจับข้อมือผมไว้ราวกับคิดว่าผมกำลงจะหนี

“ตอนผมเจอมันก็ไม่มีเงินอยู่แล้วครับ”

“โกหกรึเปล่า” พี่รปภ. ทำหน้าไม่เชื่อ

“จริงๆ นะครับพี่” ผมยืนยัน “ผมจะเอาเงินไปทำไมกัน”

พี่รปภ. มองผม เขามองตั้งแต่หัวจรดเท้า คงคิดว่าคนท่าทางจนๆ อย่างผมคงมีแรงจูงใจมากพอที่จะขโมย แต่คงไม่คิดเลยสินะว่าถ้าผมขโมยไปจริง ผมไม่เอากระเป๋ามาคืนหรอก!

“ถึงผมจะจนแต่ผมก็ไม่คิดจะขโมยเงินใครนะพี่”

“พวกโจรมันก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น”

ผมแทบอยากตบหน้าผากของตัวเองให้กับความโง่เง่านี้ “นี่พี่ดูละครมากไปปะเนี่ย”

“ไม่รู้แหละเว้ย ยังไงเอ็งต้องอยู่รอพบเจ้าของกระเป๋าด้วยกัน ไม่งั้นเขาก็ได้คิดว่าข้าเอาเงินไปสิวะ”

“ที่พี่พูดมันก็ถูก แต่ถ้าเขาจับผมส่งตำรวจล่ะพี่ ผมเป็นพลเมืองดีนะ!”

“ดีไม่ดีไม่รู้เว้ย แต่เอ็งตามมานี่ รอพบคุณเขาด้วยกัน”

พี่รปภ.อาจจะดูละครแนวกระชากลากถูมากเกินไป เขาถึงได้ลากผมอย่างถูลู่ถูกังมาที่ห้องทำงานเล็กๆ ของเขา

“รออยู่ในนี้ อย่าคิดออกไปไหน ข้าจะไปติดต่อประชาสัมพันธ์” พี่รปภ. ทำท่าจะผละจากไป แต่ก็หันกลับมาชี้หน้าผม ท่าทางไม่ไว้ใจเอามากๆ  “เอ็งต้องรออยู่ที่นี่นะเว้ย”

“ได้ๆ ผมรออยู่ที่นี่ก็ได้ครับ”

ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจเหตุผลของพี่รปภ. นะ แต่มันจะต่างอะไรกับการเอาไปคืนด้วยตัวเองวะ สุดท้ายถ้าเขาไม่เชื่อว่าผมไม่ได้เอาเงินในกระเป๋าไป ผมไม่ต้องไปนอนในคุกรึไงเล่า!

ผมถอนหายใจออกมา ป้อมยามที่เป็นห้องทำงานของพี่รปภ. ก็คับแคบจริงๆ แถมยังร้อนเอามากๆ ไม่ต่างจากซุ้มวินที่ทำงานของผมเลยด้วยซ้ำ ที่จริงผมก็เรียกให้หรูไปอย่างนั้น ซุ้มที่ว่าเป็นแค่พื้นที่เล็กๆ ให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างจอดรอรับลูกค้าก็เท่านั้น เราทำงานกันตามคิว ไม่มีการแย่งลูกค้า ผมเคยแอบคิดนะว่าปัญหาจุกจิกมันก็ค่อยข้างเยอะ แต่ว่าก็เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ได้พอประมาณ ได้ต่อเดือนก็พอจ่ายค่าเช่าบ้านแล้วเหลือเก็บ ผมจึงยังไม่คิดมองหาอาชีพใหม่

ผมนั่งมองท้องฟ้ารอพี่รปภ. เขาหายไปสักห้านาทีได้แล้ว คงกำลังติดต่อหาเจ้าของกระเป๋าอยู่ อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมา ที่จริงถ้าผมหนีไปตอนนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่เพราะผมคาดหวังเอาไว้ คาดหวังกัับการโคจรที่นานๆ ทีจะพาโลกของผมกับโลกของเขามาใกล้กัน

“คุณธนิกติดประชุม” พี่รปภ. กลับมาพร้อมกับถ้อยคำดับความหวังของผม “เอ็งมีธุระที่ไหนมั้ยล่ะ”

“มีสิพี่ ผมต้องไปทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองกับหมาที่บ้านอีกตัวนะ”

ติดประชุม พวกคนรวยนี่มีธุระที่ฟังดูดีเสมอเลย ไม่เหมือนผมที่ถ้าไม่ติดค่าเช่าบ้านก็ติดค่าก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยเข้าบ้านที่แทบจะกินแทนข้าว เวลาไปกินก็เซ็นไว้ สิ้นเดือนค่อยจ่าย เป็นระบบเอื้ออาทรที่มีประโยชน์กับผมมาก แต่บางทีป้านีเจ้าของร้านก็ตามทวงถึงบ้านให้ได้อาย แถมยังตะโกนด่าผมเสียงดังให้ได้ยินกันทั้งซอยว่าค่าก๋วยเตี๋ยวแค่เจ็ดสิบบาทก็ไม่มีเงินจ่ายให้แก

นั่นแหละ...ผมยากจนถึงขนาดนั้น แล้วจะหวังให้การโคจรแปลกๆ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อเงินค่าก๋วยเตี๋ยวของผมเป็นแค่เศษเงินอันน้อยนิดที่เขามีเสียด้วยซ้ำ

แต่ถึงผมจะจน ผมก็ไม่จนน้ำใจ ประโยคโก้หรูเพียงประโยคเดียวที่คนจนๆ จะพูดได้ ถ้าไม่ยากจนก็คงไม่อินกับประโยคนี้มากหรอก มันเท่นะ เท่มากตอนพูดให้ใครสักคนฟัง แต่ไอ้แนนเพื่อนผมมันถีบผมด้วยความหมั่นไส้ทุกครั้งที่ผมรนหาที่ ยื่นขาหน้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านจนตัวเองเดือดร้อน

“งั้นเอางี้ ถ้าเอ็งบริสุทธิ์ใจจริงๆ ก็เขียนเบอร์โทรไว้” พี่รปภ. บอกแล้วส่งกระดาษกับปากกามาให้ “เก็บของได้แล้วส่งคืนมันก็ดีอยู่ แต่ส่งคืนไม่ครบนี่สิมันจะซวย”

“ผมจะไปรู้เหรอว่ามันไม่ครบ ตอนเจอก็ไม่มีเงินแล้ว”

“พูดซะน่าเชื่อ”

“ต้องน่าเชื่อสิ ก็ผมพูดความจริงนี่ครับ”

“เออๆ เอาเถอะ เขียนเบอร์ไว้ตรงนี้ ถ้าคุณธนิกเขาไม่ติดใจอะไร ก็คงดีหรอก แต่ถ้าเขาต้องการพบ เอ็งต้องมาทันทีนะเว้ย เดี๋ยว รอก่อน ข้าจะถ่ายรูปเอ็งไว้ด้วย เผื่อตุกติก”

โห...ถ้าจะฉลาดขนาดนี้ทำไมพี่ไม่ไปเป็นตำรวจซะให้รู้แล้วรู้รอดวะ

ผมจำต้องยืนนิ่งๆ ให้พี่รปภ. ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยังไงซะผมก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว ในเมื่อผมไม่ได้เอาเงินไปสักบาทเดียว ที่จริงควรจะเรียกค่ารักษาพยาบาลด้วยซ้ำ เพราะกระเป๋าตังค์นี่ ผมถึงถูกซ้อม นี่ก็ไม่รู้ว่าไอ้วันกับไอ้ทิวมันจะหายแค้นหรือยัง เกิดมันมาดักตีหัวที่บ้านคงไม่คุ้มแน่ๆ

“เอ็งยืนนิ่งๆ” พี่รปภ. สั่ง “เอาล่ะนะ หนึ่ง สอง”

ผมยกมือขึ้นชูสองนิ้ว ยิ้มแฉ่งโดยอัตโนมัติเมื่อเจอกล้อง เพราะนี่เป็นท่าหากินของผม ที่บอกเลยว่าไม่ว่าจะถูกถ่ายด้วยกล้องกากๆ แค่ไหนก็ยังออกมาน่ารัก

“เอ็งทำหน้าเหมือนตอนถ่ายรูปบัตรประชาชนไม่ได้รึไงวะ”

“โหย ไม่เอาหรอกพี่ เผื่อพี่เอารูปผมไปติดประกาศจับทำไงล่ะ เวลาผมทำหน้านิ่ง ผมเท่ไม่หยอกเชียวนะ กลัวสาวๆ เห็นจะตามมากรี๊ดถึงบ้าน ชูสองนิ้วดีแล้ว ดูยังไงก็เป็นมิตร”

พี่รปภ. ส่ายหน้าระอาใส่ผม ปากบ่นพึมพำแต่ว่าผมเป็นคนไม่เต็มอย่างเสียมารยาท แต่พลเมืองดีอย่างผมจะไม่ถือสาเอาความก็ได้

“กลับไปได้แล้วไป” พอเสร็จสิ้นธุระ พี่รปภ.ก็ออกปากไล่ทันที เขาโทรเช็คว่าเบอร์ที่ผมให้เป็นเบอร์ของผมจริงจึงปล่อยตัวกลับ
ดีใจแทนคุณธนิกนะที่มีพนักงานคุณภาพขนาดนี้

.
.
.

ผมกลับมาถึงบ้านตอนสามทุ่ม แวะไปบ้านไอ้แนนเพื่อเล่าให้มันฟังถึงวีรกรรมการเป็นคนดีของผม วันนี้ผมไม่ได้ไปวิ่งรถเพราะสภาพร่างกายไม่ค่อยพร้อม ที่ท้องยังปวดอยู่หน่อยๆ หัวเราะแรงๆ ก็รู้สึกสะเทือน

โฮ่ง! โฮ่ง!

“ไงไอ้หลง” ผมทักทายครอบครัวที่เหลืออยู่ ไอ้หลงเป็นตัวเดียวจริงๆ ที่ผมจะนับญาติกับมันได้ น้าลีเลี้ยงผมมาคนเดียวโดยที่เราไม่เคยมีญาติพี่น้องที่ไหน ในย่านสลัมแห่งนี้ก็ไม่มีญาติร่วมสายเลือดเลยสักคน หรือแม้แต่ในโลกใบนี้ผมก็พบว่าไม่มีใครที่สามารถเป็นที่พึ่งพิงให้ได้ น้าลีเป็นน้องสาวของแม่ อยู่ครองโสดจนอายุห้าสิบห้า แล้วน้าก็จากไปด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ส่วนพ่อแม่ของผม น้าลีบอกว่าตายไปหมดแล้ว แม่ของผมไปทำงานที่เมืองนอกหลังจากคลอดผมได้แค่สามเดือน ส่วนพ่อของผมน้าสรุปเอาเองว่าตายแล้วเพราะหนีไประหว่างที่แม่กำลังตั้งท้อง ผมจึงกลายเป็นภาระให้น้า แต่น้าก็รักผมนะ เราอยู่กันสองคนก็มีความสุขดี แม้บางมื้อจะอดบ้างแต่ผมก็ไม่เหงาเท่าตอนนี้

ตั้งแต่น้าลีไม่อยู่ผมก็กินข้าวคนเดียว มีไอ้หลงคอยครางหงิงอยู่ใกล้ๆ บางทีผมก็ไปกินข้าวบ้านไอ้แนนบ้าง แต่จะไปรบกวนมันบ่อยก็ไม่ได้ เมียมันกำลังท้องอ่อนๆ อารมณ์ผู้หญิงท้องฉุนเฉียวเสียจนบางทีผมนึกรำคาญ ผมคิดว่าดีแล้วที่ผมไม่มีเมีย เห็นไอ้แนนโดนด่าเช้าด่าเย็นแล้วผมก็ขอบคุณที่ตัวเองมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน

ผมไม่มีแฟนหรอก ไม่เคยได้เสียซิงสักที เมื่อก่อนเคยมีคนมาชวนผมไปหาเงินแบบที่ได้ง่ายๆ นั่นแหละ อย่างว่า... เพราะเดี๋ยวนี้ประตูหลังของผู้ชายก็มีราคา แต่ผมไม่ได้ลำบากถึงขนาดต้องทำอย่างนั้น ยิ่งตอนนี้ผมตัวคนเดียว คิดว่าถ้าสักวันหาเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้านไม่ไหวก็จะไปบวชเป็นพระอยู่วัดป่าซะเลย เพราะบ้านเช่านี้ก็ไม่ได้ดีนักหรอก แต่ก็ดีที่สุดเท่าที่กำลังของน้าลีจะจ่ายไหว ตอนนี้ก็เป็นผมที่ต้องรับผิดชอบค่าเช่า ค่าอื่นๆ จุกจิกอีกนิดหน่อย หากคิดคำนวณดูแล้วค่าใช้จ่ายต่อเดือนของผมก็ไม่ได้เยอะนะ ค่าน้ำค่าไฟรวมกันก็สองร้อย เพราะที่บ้านไม่ค่อยมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เปลืองหน่อยก็คงเป็นที่ชาร์ตแบ็ตโทรศัพท์มือถือ ส่วนค่าน้ำก็ไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะผมไม่ค่อยอาบน้ำ เมื่อก่อนตอนน้าลียังอยู่ต้องอาบทุกวันเพราะนอนกับน้า แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยสนใจแล้วในเมื่อนอนคนเดียว

ระหว่างที่ผมกำลังหาเห็บหาหมัดให้ไอ้หลงซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำหลังกินข้าวเย็น โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่น้าลีเจียดเงินซื้อให้เป็นของขวัญที่ผมเรียนจบมอปลายก็สั่นเตือน ตอนแรกคิดว่าแบ็ตมันคงหมด เพราะเวลานี้ไม่เคยมีใครโทรหา นานๆ ทีไอ้แนนถึงจะโทรมาขอนอนด้วยเพราะทะเลาะกับเมีย แต่ตั้งแต่ที่เมียมันท้องมันก็เป็นทาสรับใช้ที่ดีให้เมียมันตลอดจึงไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว
ผมหยิบมือถือมาดู เห็นเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ ที่จริงนอกจากเบอร์ไอ้แนนแล้วผมก็ไม่มีเบอร์คนอื่นที่พอจะบันทึกชื่อลงได้สักคน หลังจากกำลังช่างใจว่าจะรับดีไหม เพราะเบอร์ไม่คุ้นพวกนี้ชอบโทรมาขายโฆษณา บางทีเผลอกดรับไปก็กลายเป็นสมัครรับข้อความอะไรก็ไม่รู้ ผมเคยเสียเงินไปยี่สิบบาทให้กับข้อความที่ส่งเข้ามาคิดค่าบริการครั้งละห้าบาทมาแล้วจึงไม่ค่อยอยากเสี่ยง แต่คิดอีกทีนะ...ผมว่าอาจจะเป็นเบอร์ของคุณธนิกก็ได้

“สวัสดีครับ” ผมกดรับสาย ความคาดหวังว่าจะเป็นเบอร์ของคุณธนิกหายวับไปต่อหน้าเพราะเสียงที่กรอกกลับมาคือเสียงของพี่รปภ.ที่เจอเมื่อเช้า

“เฮ้ยไอ้น้อง พี่เองนะเว้ย ตอนนี้เอ็งสะดวกมั้ยวะ”

ผมขมวดคิ้ว สงสัยจริงๆ ว่าถ้าสะดวกพี่แกจะว่ายังไงต่อ “สะดวกครับ”

“เออ มาที่บริษัทหน่อยสิ คุณธนิกเพิ่งเลิกประชุม เขาอยากคุยกับแกหน่อย”

ผมเหลือบมองนาฬิกา สี่ทุ่มครึ่งแล้วแต่คุณธนิกเพิ่งเลิกประชุม! ทำไมเขาต้องทำงานหนักขนาดนั้นด้วยนะ ดูผมสิ ไม่มีเงินจะกินก็ยังกลับบ้านมานอนตีพุงแล้ว แต่เขารวยขนาดนั้น...ยังไม่ได้กลับบ้านเลย ข้าวปลาจะกินรึยังก็ไม่รู้

“โห พี่ ดึกขนาดนี้แล้วนะ ผมไปไม่ได้หรอก”

ผมอยากเจอครับ แต่ผมต้องปฏิเสธ คนปกติทั่วไปไม่เรียกไปเจอตอนสี่ทุ่มหรอก จะคุยจะตอบแทนอะไรก็ไว้พรุ่งนี้เช้าก็ได้ เว้นแต่ว่าคิดจะจับผมส่งตำรวจนี่แหละ!

“มาหน่อยเถอะน่า คุณเขาว่าเคยเจอแก เพราะแกขับวินอยู่แถวนี้ เคยไปส่งเขาด้วยนี่ เพราะงั้นมาเถอะ เขาอยากจะคุยด้วยหน่อย เพราะเขาต้องบินไปต่างประเทศพรุ่งนี้”

คุณธนิกจำได้ด้วยเหรอ... หรือเพราะผมเป็นวินมอเตอร์ไซค์คนเดียวที่เขาเคยนั่งซ้อนท้าย คนรวยอย่างเขาคงมีโมเม้นแบบนี้ไม่บ่อยแน่ๆ

“กลับมาค่อยคุยก็ได้พี่ ผมไม่หนีหรอก”

“คุณเขาไปสองเดือนเลยนะเว้ย เอ็งมาเถอะ คุณเขาไม่จับส่งตำรวจหรอก ข้าได้ยินว่าเขาอยากตอบแทนเอ็งที่เก็บกระเป๋ามาคืนให้”

“โอ้ย ผมไม่เอาหรอกพี่ ผมเป็นพลเมืองดีมีน้ำใจ ยังไงถ้าเขาให้เงิน พี่ก็รับไว้ละกันนะ แค่นี้แหละพี่ ผมวางแล้วนะ”

“เฮ้ยยย เดี๋ยวว”

ผมกดวางสาย วางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวแล้วยกมือขึ้นลูบหัวไอ้หลง มันครางหงิงแล้วยกหัวโตๆ มาเกยบนตักของผม

ที่จริง...ผมอยากเจอเขานะ เพราะพักหลังมานี้ผมไม่ค่อยเห็นเขาเลย เขาคงงานยุ่งมากๆ รถก็คงไม่ค่อยได้ขับเพราะมองหารถสปอร์ตของเขาในที่จอดรถของบริษัทไม่เจอ แต่เขาก็ยังมาทำงานทุกวัน หรือเขาเปลี่ยนรถที่ใช้ขับแล้วผมก็ไม่แน่ใจ ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาหรอก คนที่เฝ้ามองอยู่ไกลๆ ไม่ได้รับอนุญาตขนาดนั้น

“นี่ไอ้หลง แกเคยรักคนที่อยู่คนละโลกกับแกมั้ยวะ อย่างหมาพุดเดิ้ลตัวเมียของบ้านเศรษฐีอะไรแบบนั้นน่ะ คงไม่เคยสินะ ก็แกเอาแต่ทำตัวเป็นเพลบอย เปลี่ยนเมียปีละสองหน หมาตัวเมียในซอยนี้ก็เป็นเมียแกหมดทุกตัว บางทีแกต้องเลือกบ้างนะ นังจิมมี่บ้านไอ้วันน่ะ แกเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเลย วันนี้เจ้าของมันต่อยปลายคางพี่แกซะเกือบกรามเคลื่อน”

มุมปากของผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน่าเกลียดแล้ว เมื่อเช้าตอนใส่ยามันก็ยังแดงๆ อยู่ แต่ตอนนี้มันเป็นสีเขียวอมม่วงอมแดง บอกไม่ถูกเหมือนกัน ผมแยกแม่สีไม่ค่อยเป็น

“คุณธนิกจะไปต่างประเทศสองเดือน คงจะไม่ได้เห็นเขาไปอีกจนกว่าจะเดือนพฤษภา หรือว่าวันนี้พี่ควรออกไปเจอเขาดีวะ เพราะล่าสุดที่คุยกันก็นานสักชาติหนึ่งแล้ว แบงค์ยี่สิบที่เขาให้พี่ก็ยังเก็บไว้อยู่เลย รู้ไหมว่าต่อให้อดตายก็จะไม่เอาออกมาใช้หรอก”

ผมว่าบางทีผมอาจจะบ้านิดๆ ก็ได้ เพราะการคุยกับไอ้หลงได้เป็นวรรคเป็นเวรก็เหมือนก้าวข้ามความปกติไปมากแล้ว แต่ผมคิดว่าไอ้หลงมันเข้าใจผมนะ บางทีก็เหมือนเห็นมันยักคิ้วหลิ่วตาให้

ไม่หรอกมั้ง...นี่ไม่ใช่โลกแฟนตาซี แม้ว่าบางทีผมจะนึกให้มีความมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับผมก็ตาม

ผมก้มลงมองรูปถ่ายในมือ ผมเพิ่งหยิบมันออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วเอาขึ้นมาดู มันเป็นของอย่างเดียวที่ผมนำออกจากกระเป๋าตังค์ของเขา เขาอาจจเปิดเช็กแล้วรู้ว่ามันหายไปแล้วก็ได้

รูปถ่ายหน้าตรงสมัยเขายังเป็นนักเรียน หัวเกรียนแต่ก็ยังหล่อ คงเป็นรูปถ่ายเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่เขาก็ยังเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ ด้านหลังมีลายมือหวัดๆ เขียนไว้ว่า


‘ธนิก ห้อง 4/10’


บางทีนะ...บางที ผมก็แค่คิด ว่าการมีรูปถ่ายของเขาอยู่ในมือ ก็หมายถึงว่าโลกของผมโคจรเข้าใกล้เขาอีกครั้งในรอบหนึ่งปี อาจจะต้องขอบคุณสันดานโจรของไอ้ทิวกับไอ้วันที่ทำให้ผมได้รับโอกาสนี้


ฝันดีนะครับคุณธนิก



........................To be continue.....................

ฝากเอาใจช่วยน้องขวัญกับไอ้หลงด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 06-07-2018 22:05:46
น่ารักแฮะ คุณธนิกจะเป็นคนยังไงน้าาา น้องหลงก็น่ารัก อิอิ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 06-07-2018 22:07:24
ว๊าวววววว โดนมาจองแถวหน้าเพราะชื่อคนเขียนเลยค่าาา ดีใจจัง จะได้อ่านงานคุณ Snufflehp อีกแล้ววว เย้ๆๆๆ  :katai2-1:

นี่มันดอกฟ้าหมาหลง เอ้ย หมาวัดชัดๆเลย น้องขวัญเอ้ยยยยย แววรัดทนแทรกแอบขำใช่ไหม เราสัมผัสได้ สงสัยจะได้เสียน้ำตาอีกแล้วแน่ๆเลย  o13  ชอบค่าาา ติดตามอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Vanillaเปรี้ยว ที่ 06-07-2018 22:32:44
งื้อออออมีความน่ารัก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 07-07-2018 01:40:33
สู้ๆน้าน้องวินมอไซค์
อ่านแล้วรู้สึกเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้อ่าาาา  :hao4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-07-2018 01:51:15
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-07-2018 01:59:06
มอเตอร์ไซค์ X ซุปเปอร์คาร์ ก็บงบอกฐานะแหละ นายเอกน่ารัก อย่าดราม่าหนักนะขอสบายๆหน่อย ติดตาม
ค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-07-2018 03:05:38
อีก 2 เดือนเจอกันนะคุณธนิก  :bye2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 07-07-2018 09:09:32
น้องขวัญ มาแนวคนธรรมดาๆ ไม่มีอะไรที่ดีเลิศ น่าสนใจมาก คุณธนิกจะเป็นแบบไหน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 07-07-2018 10:43:10
เป็นแนวใสๆตามสไตล์คนเขียนใช่ม้ายยยย  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-07-2018 11:48:02
โถๆๆๆ น้องขวัญของแม่
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 07-07-2018 12:14:28
อยากให้เขาเจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 07-07-2018 12:44:47
นี่มันดอกฟ้ากับหมาวัดที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-07-2018 13:46:29
หูย ตอนนี้เจ้าหลงแย่งซีนซะงั้น ตัวเมียทั้งซอยเสร็จเจ้าหลงหมดแล้ว อิอิอิ
คนเราก็แปลก แอบชอบทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จัก ขอให้ได้ ขอให้โดนนะ
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-07-2018 14:34:28
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-07-2018 17:30:24
ตามค่าาา คุณธนิกจะเป็นยังไงนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 10-07-2018 07:30:49

น้องขวัญน่าเอ็นดูจังเลย
คุณธนิกอยากเจอน้องเพราะตกบ่วงรูปยิ้มชูสองนิ้วของน้องรึเปล่าน้า :o8:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2018 18:07:05
 จะรออ่านนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 20-07-2018 18:47:07
ตอนที่ 2



สองเดือนนี่มันนานแค่ไหนกันนะ

ผมคำนวณเลขไม่เก่งจึงไม่รู้จำนวนชั่วโมง นาที หรือวินาทีที่คุณธนิกต้องไปทำงานต่างประเทศ แต่ก็ดีมากแล้วที่ยังพอรู้ว่าในแต่ละเดือนมีกี่วัน

61 วัน

ไม่น้อยเลย เป็นตัวเลขที่มากทีเดียว ตอนนี้ผมเอาแต่นึกเสียใจว่าเมื่อคืนน่าจะออกไปเจอ เพราะนั่นเป็นโอกาสเดียวจริงๆ ที่ได้เข้าใกล้เขามากขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมัวแต่กลัวหรืออยากทำเท่อะไร

“เฮ้อ”

เสียงถอนหายใจของผมทำให้ไอ้แนนที่เคี้ยวหมากฝรั่งเสียงดังแจ๊บๆ หันมามอง “เป็นอะไรไอ้ขวัญ ทำหน้าอย่างกับว่าพรุ่งนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวป้านีจะเจ๊ง”

ผมกลอกตาเล็กน้อย “ร้านก๋วยเตี๋ยวป้านีจะเจ๊งแล้วมาเกี่ยวอะไรกับกู”

“ก็นั่นโรงทานของมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้แนนยืดตัวขึ้น ไล่ความเกียจคร้านด้วยการบิดตัวไปมา

“ถ้านั่นเป็นโรงทานจริง กูไม่ต้องโดนทวงค่าก๋วยเตี๋ยวทุกครั้งที่ไปกินหรอก”

“ก็จริง แต่ป้านีก็ไม่เคยพูดว่าจะไม่ขายให้มึงนี่ ต่อให้มึงติดค่าก๋วยเตี๋ยวป้าเป็นสิบๆ ชาม”

“เพราะกูไม่เคยเบี๊ยวไง สิ้นเดือนก็จ่ายตลอด”

ไอ้แนนยกพัดขนาดเล็กที่มันพกติดตัวไว้ตลอดขึ้นมาโบกไปมา สีหน้าราวกับไม่ได้ยินการมีความรับผิดชอบในการชำระหนี้ของผม แต่การจะยกเรื่องเล็กน้อยมาทะเลาะกับคนน่าถีบอย่างมันในตอนนี้ผมก็ไม่มีอารมณ์

“ตกลงมึงเป็นไร อย่างมึงไม่น่ามีเรื่องให้ทำหน้าหมาหงอยแบบนี้ อะ!” ไอ้แนนทำท่าคิดออก “หรือว่าไอ้หลงมันไปทำหมาบ้านไอ้วันท้องแล้วไอ้วันตามมาเอาเรื่องมึง!”

“กูกลัวลูกมึงจะเกิดมาบ้าเหมือนมึงจริงๆ”

“อ้าว แล้วไม่ใช่เหรอวะ”

“ไม่ใช่”

“แต่มึงไม่มีเรื่องอะไรให้เครียดแล้วนะเว้ยไอ้ขวัญ”

แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ก็จริงที่นอกจากหมาที่บ้านแล้ว ผมก็ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลใจ ทั้งเรื่องค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ หรือเรื่องอนาคตต่อจากนี้ ผมก็ไม่เคยเก็บมาคิดใส่ใจ เพราะคิดมากไปก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่เป็นอยู่ ผมแค่ต้องมีชีวิตอยู่ไปให้ถึงเช้าของอีกวัน

โลกที่ว่างเปล่าของผมก็มีเท่านี้ มีแค่ผม น้าลี และไอ้หลง ตอนนี้น้าลีไม่อยู่แล้ว เรื่องที่ผมต้องกังวลก็มีแค่ไอ้หลง จึงไม่แปลกใจหากไอ้แนนจะคิดแบบนั้น

“มีดิวะ”

“หือ” ไอ้แนนทำหน้าอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที

“คุณธนิก” ผมเกริ่น เห็นไอ้แนนทำหน้างงเล็กน้อย มันคงกำลังใช้สมองอันน้อยนิดค้นหาชื่อคุณธนิกในซอกหลืบความทรงจำของมัน “คุณธนิกไงไอ้โง่ คุณธนิกที่กูบอกว่ากูชอบเขา”

“อ้อ…” ไอ้แนนลากเสียงยาว พยักหน้าหงึกหงัก “คุณธนิก”

“ใช่ คุณธนิก”

“ใช่ๆ กูก็ลืมถามไปเลย แล้วเป็นไงต่อวะ หลังจากที่มึงเก็บกระเป๋าตังค์เขาได้ นอกจากไอ้ปากช้ำๆ นี่แล้ว มึงได้อะไรกลับมาอีกบ้าง”

ผมรู้สึกห่อเหี่ยวในใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ไอ้แนนก็เกือบจะลืมไปแล้ว แล้วถ้าเป็นคุณธนิกล่ะ ในอีกสองเดือนหลังจากนี้ ตอนที่เขากลับมาประเทศไทย เขาจะจำได้ไหมว่าครั้งหนึ่งเคยทำกระเป๋าตังค์หายแล้วผมเป็นคนเก็บไปส่งคืน

“ไม่ได้อะไร” ผมตอบพลางถอนหายใจ “จะให้ได้อะไรวะ เงินในกระเป๋าของเขาก็หายไปหมด เขาไม่จับกูส่งตำรวจก็บุญแค่ไหนแล้ว”

“แต่มึงไม่ได้เอาเงินเขาไปนี่”

“ก็ใช่ คนดีอย่างกูไม่ทำหรอก”

ไอ้แนนเบ้ปากกับการเป็นคนดีของผม “มึงไม่เอาเงิน แต่มึงหวังอย่างอื่น”

“กูจะหวังอะไรได้วะ”

“กูไม่เก่งเรื่องเดาความคิดของมึงหรอก กูก็เรียนมาน้อยพอๆ กับมึง” ไอ้แนนว่าอย่างอารมณ์ดี “แต่พูดก็พูดเถอะ มึงชอบเขา แล้วก็ได้แค่ชอบเหรอวะ แบบ... ทำอะไรต่อไม่ได้เหรอ”

“ถ้าพรุ่งนี้กูตื่นขึ้นมาแล้วมีคนมาบอกกูว่ากูคือลูกมหาเศรษฐี พ่อเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันที่ซาอุ กูคงทำอะไรต่อขึ้นมาได้อยู่หรอก”

บางทีผมก็แค่คิดเล่นๆ ว่าพ่อที่ทิ้งแม่ไปในระหว่างที่แม่กำลังตั้งครรภ์นั้นอาจเป็นมหาเศรษฐีมาจากที่ไหนสักที่ แต่ก็คิดมาหลายปี ไม่เห็นจะมีทนายคงทนายความมาตามหาผมเหมือนในละครบ้างเลย

“นี่ไอ้ขวัญ มึงว่าถ้ามึงเป็นลูกคนรวยแล้วมึงจะทำอะไรได้ แสดงว่ามึงจะจีบเขาเหรอ แล้วถ้าเขาไม่ได้เป็นเกย์ล่ะ”

ความเป็นไปได้ที่ผมจะเป็นลูกมหาเศรษฐีนั้นเป็นศูนย์ แต่ความเป็นไปได้ที่คุณธนิกจะเป็นเกย์นั้น...ติดลบ

ผมได้ยินจากพี่จอย พนักงานบัญชีบริษัทของคุณธนิกมาว่าคุณธนิกมีคู่หมั้นแล้ว เขาหมั้นกับสาวสวย ทายาทนักธุรกิจรายใหญ่ ใครก็ว่าเป็นการหมั้นที่มีผลประโยชน์เอื้อต่อกัน แต่คนรวยก็ทำอย่างนั้นกันทั้งนั้น หากหวังถึงความรักโรแมนติกผมคงต้องวิ่งไปเปิดทีวีที่บ้านเพื่อดูละครหลังข่าว แต่นั่นแหละ ทีวีที่บ้านเสียไปก่อนที่น้าลีจะเสียซะอีก

“ไม่มีความเป็นไปได้เลยเนอะ” ไอ้แนนว่าอย่างเห็นใจ มันตบไหล่ผมสองสามที “เอาน่ามึง ความรักก็แบบนี้แหละ เอาแบบนี้มั้ย ถ้าลูกสาวกูเกิดมา กูจะยกให้มึงเลย”

ผมมองหน้าไอ้ว่าที่พ่อตาใจกว้างแล้วก็ตบหัวมันไปหนึ่งที “กูไม่อยากให้เมียเรียกกูว่าพ่อ ไอ้ห่า!”

“ฮ่าๆ ๆ ๆ”

ไอ้แนนหัวเราะอารมณ์ดี ส่วนผมพอคิดตามแล้วก็หัวเราะไปกับมันด้วย

ผมไม่ทุกข์ใจหรอกนะ แม้ว่ามันจะเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ เพราะผมไม่เคยคาดหวังที่จะไปได้ไกล ผมแค่หวังเล็กๆ น้อยๆ ในหัวใจได้รู้สึก เพราะน้าลีเคยบอกผมว่าการมอบความรักให้ใครสักคนนั้นเป็นเรื่องที่วิเศษมาก เราไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมารองรับความรู้สึกนี้เลย ในเมื่อบางทีก็มีแค่ความรู้สึกรักเท่านั้นที่ขับเคลื่อนให้เราก้าวไปข้างหน้า เหมือนอย่างที่น้าลีรักผม รักโดยที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ

“ไอ้แนน รับลูกค้าเว้ย ไปหน้าสวน” พี่แจ้ หัวหน้าวินตะโกนแทรกเสียงหัวเราะของพวกผม “แล้วไอ้ขวัญ มึงไปรับลูกค้าที่หน้าบริษัทเจ้จอย เจ้แกเพิ่งโทรมาเมื่อกี้”

“รับทราบครับลูกพี่” ผมกับไอ้แนนตะโกนขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

“ไอ้ขวัญ ซื้อกล้วยแขกข้างบริษัทมาด้วยนะเว้ย”

“คร้าบๆ”

ผมหยิบหมวกกันน็อกขึ้นสวม ก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขี่ออกมา ผมรู้จักที่ทางแถวนี้ดี พวกหมาจรจัดแถวนี้ก็คุ้นหน้าคุ้นตากัน ไม่ว่าผมจะขี่ผ่านเมื่อไรมันก็จะเห่าทักทาย เป็นอีกสีสันในชีวิต จนไอ้แนนมักจะเรียกผมอย่างชื่นชมว่า ขวัญเพื่อนรักสัตว์โลก

ผมมาถึงหน้าบริษัทของพี่จอยในเวลาไม่กี่นาที แต่จะเรียกว่าบริษัทของพี่จอยก็ใช่เรื่อง เพราะพี่จอยไม่ใช่เจ้าของ คุณธนิกต่างหากที่เป็นเจ้าของ แล้วคุณธนิกคนนั้น...ตอนนี้คงกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสเพื่อบินลัดฟ้าไปทำงาน เทียบกับผมแล้ว แค่นั่งเรือหางยาวข้ามฟากก็นับว่าหรูเต็มที

“อ้าว ไอ้น้อง มาแต่เช้าเลยนะเอ็ง” พี่รปภ. เจ้าเก่าหน้าเดิมส่งเสียงทักทาย “เมื่อคืนทำไมเอ็งตัดสายข้าวะ”

ผมได้แต่ยิ้มแหย “โทษทีครับพี่”

“แล้วนี่มีธุระอะไร”

“อ๋อ พี่จอยโทรเรียกมาน่ะครับ”

พี่รปภ. พยักหน้า “เออๆ งั้นก็มานั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้”

“ขอบคุณครับ”

ผมเข็นรถมอเตอร์ไซค์ไปจอดใกล้ๆ ป้อมแล้วนั่งรอ ส่วนพี่รปภ. ก็เบิกบานกับกาแฟกระป๋องอยู่ในห้องทำงานแคบๆ ของเขา

“เมื่อคืนคุณเขาอุตส่าห์รอเอ็ง” พี่รปภ. ว่าพลางยกกาแฟกระป๋องขึ้นจิบ “อยู่รอสิบนาทีเชียวล่ะ”

ผมยิ้ม ไม่แน่ใจนักว่าความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาในอกคืออะไร “ไม่ได้คิดจะจับผมส่งตำรวจใช่มั้ย”

“ไม่หรอกน่า คุณเขาคงอยากขอบใจแก”

ผมพยักหน้า ไม่ต่อความอะไรอีก

ตึกนี้สูงกี่ชั้นกันนะ ผมคิดพลางไล่สายตาขึ้นมองความสูงของมัน ความสูงระฟ้ากับพื้นดินนั้นห่างกันเกินไป ผมคงทำอะไรไม่ได้กับความจริงที่อยู่ตรงหน้า

“ไอ้น้อง ข้ายังไม่รู้ชื่อเอ็งเลย” น้ำเสียงเป็นมิตรของพี่รปภ. ดังขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน

“อ้อ ครับ ผมชื่อขวัญครับ” ผมรีบแนะนำตัว กำลังสงสัยว่าพี่จอยไม่มาสักที มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“ข้าชื่อเปี๊ยก ทำงานที่นี่มาได้สี่ห้าปีแล้ว” พี่เปี๊ยกเริ่มเกริ่นเรื่องราวการทำงานของเขาขึ้นมา เป็นนานกว่าสองนาทีที่เรื่องราวชีวิตของหนุ่มอีสานสู้งานของเขาจะจบ ต่อท้ายด้วยความเป็นมิตรว่า “เดี๋ยวไปบอกประชาสัมพันธ์ให้ละกัน ดูท่าว่าคุณจอยน่าจะลืม”

“ขอบคุณครับพี่เปี๊ยก”

พี่เปี๊ยกเดินเข้าไปในตัวตึก หายไปชั่วอึดใจแล้วกลับมาบอกว่า “รออีกเดี๋ยว เดี๋ยวคุณจอยลงมา”

“อ้อ ครับ”

อีกเดี๋ยวของพี่เปี๊ยกนั้นราวๆ สิบนาทีเห็นจะได้ ผมจึงนั่งรอพลางพูดคุยเรื่องราวในชีวิตกับพี่เปี๊ยกไปด้วย ส่วนใหญ่ก็ฟังเขาเล่ามากกว่า ที่จริงควรเปลี่ยนคำว่าเล่า เป็นบ่น ตั้งแต่สภาพอากาศยันเมียที่บ้าน พี่เปี๊ยกบ่นได้ไม่หยุด ทำให้นึกออกเลยว่าอีกไม่กี่ปีไอ้แนนเพื่อนของผมคงมีสภาพไม่ต่างจากพี่เปี๊ยกสักเท่าไร

“นั่นๆ คุณจอยมาแล้ว” พี่เปี๊ยกรีบบอก พยักพะเยิดไปที่ประตูทางเข้า ผมหันมองตาม แล้วก็เจอพี่จอยกับ...ใครอีกคน

ตอนผมเจอคุณธนิกครั้งแรกผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าคำนิยาม รูปหล่อพ่อรวย ไม่ได้มีแค่ในละคร เขาตัวสูงกว่าผม รูปร่างกำยำแต่ไม่ถึงกับล่ำเหมือนคนเล่นกล้าม ทุกอย่างบนร่างสมส่วนลงตัว ขนาดตัวเท่านี้ ศีรษะก็ได้รูปเท่านั้น ไม่ดูหัวเล็กลีบเมื่อเทียบกับส่วนร่างกายอย่างไอ้แนน คุณธนิกมีผมสีดำเหมือนดวงตาสีดำขลับของเขา ทรงผมเท่ๆ ที่คงได้รับการตัดจากช่างฝีมือดี ผมไม่รู้หรอกว่าทรงอะไรเพราะทั้งชีวิตเคยตัดแต่รองทรงสูงกับไถเกรียน ไม่รู้ว่าไอ้ที่ไถเปิดข้างแบบเขาเรียกว่ายังไง แต่คงไม่ใช่ทรงธรรมดา เพราะหากเป็นคุณธนิกแล้วต้องไม่มีความธรรมดาอยู่ในนั้น ใช่...ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดาเลย

“พี่เปี๊ยก ไหนพี่ว่าคุณธนิกจะบินไปต่างประเทศ” ผมเหล่ตามอง แม้จะดีใจที่ได้เห็นเขาก่อนเขาจะไป แต่ก็นึกระแวง เพราะหากเมื่อคืนผมออกมาเจอจริงๆ ผมอาจจะโดนจับโยนเข้าคุกก็ได้

“ใช่ๆ ไปวันนี้ แต่น่าจะดึกๆ ได้ยินตากล้วย คนขับรถคุณเขาบอกอย่างนั้น”

“อ้าว แล้วเมื่อคืนพี่โทรไปเรียกผมให้มา...”

“ก็คุณเขาบอกแบบนั้นนี่หว่า ข้าก็เพิ่งรู้เช้านี้เองว่าจะไปตอนสองสามทุ่มนู่น”

ผมมองสำรวจก็ไม่เห็นแววโกหก พี่เปี๊ยกคงพูดความจริง แล้วทีนี้...ผมควรทำยังไงต่อ พี่จอยโทรเรียกมารับลูกค้า แต่ไม่แน่ใจว่าลูกค้าคนไหน ผมหวังได้ไหมว่าจะเป็น...คุณธนิก

“น้องขวัญ ทางนี้ลูกกกก” พี่จอยตะโกนพลางกวักมือเรียกให้ไปหาที่บันไดทางขึ้นตึก

อาจเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบตากัน แต่ผมรู้สึกว่ามันนานกว่านั้น ผมสบตากับเขาที่มองตรงมา และเขา...ยิ้ม

ใช่ เขายิ้ม เขาส่งยิ้มมาให้ผม

ถ้ารู้นะ...ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอ ผมจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้ ไอ้แนนบอกว่าเสื้อวินสีส้มที่สวมทับกับเสื้อยืดเหมือนเสื้อของฮีโร่ในหนังที่มันเคยดู แต่ผมรู้หรอกว่ามันไม่ได้เท่ขนาดนั้น กางเกงยีนของผมก็สีซีดมากๆ ทั้งยังขาดที่หัวเข่า มีกลิ่นอับของเหงื่อเพราะไม่ได้ซักมานาน ทั้งเสื้อยืดที่ใส่มาวันนี้ตรงคอเสื้อก็มีเชื้อราขึ้นเล็กๆ เป็นจุดสีเขียวที่ผมมักโกหกไอ้แนนว่ามันคือลายกราฟฟิก

ทั้งเนื้อทั้งตัวผม เทียบกับเสื้อผ้าที่คุณธนิกใส่อยู่ไม่ได้เลย

“ไอ้ขวัญ รีบไปสิวะ” พี่เปี๊ยกสะกิด ผมจึงได้สติหลังจากนิ่งงัน

“พี่ว่าผมเดินท่าไหนถึงจะเท่”

พี่เปี๊ยกมองหน้าผมด้วยความงงถึงขีดสุด “เอ็งเพ้ออะไร”

“ฮ่าๆ ๆ ช่างเถอะๆ เดี๋ยวมานะพี่ ฝากสมบัติเพียงชิ้นเดียวในชีวิตของผมด้วย อย่าให้หายนะ ผมยังผ่อนไม่หมด เหลืออีกห้าเดือน”

“เออๆ รีบไป ไอ้เด็กติ๊งต๊องนี่”

ผมอาจจะต้องไปฝึกเดินกับไอ้แนนหลังจากนี้ เพราะรู้สึกว่ามันดูไม่เท่เลย ไม่รู้ว่าคุณธนิกจะใส่ใจกับท่าเดินของผมไหม แต่ผมอยากให้มีสักหนึ่งอย่างของผมที่ดูดีในสายตาของเขาบ้าง

“เอ่อ...สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้เมื่อไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่จอยที่หลิ่วตาส่งมาให้

“คุณธนิกคะ นี่น้องขวัญค่ะ”

หลังจากที่พี่จอยพูดจบ ผมก็พบว่าหัวใจของตัวเองนั้นเต้นรัวอย่างหนักเพราะคำว่า “สวัสดีครับ” ของเขา

เสียงของเขาไม่ได้เพราะเหมือนนักร้องอาชีพ ไม่ได้น่าฟังเหมือนนักจัดรายการวิทยุ มัน...นุ่มนิดๆ ทุ้มหน่อยๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นน้ำเสียงแบบไหน แต่ว่านะ...ผมน่ะ ชอบน้ำเสียงของเขามากๆ เลย

“ได้ยินว่าเมื่อวานเราเก็บกระเป๋าตังค์คุณธนิกได้ใช่มั้ย” พี่จอยหันมาถาม คำว่ากระเป๋าตังค์เหมือนลอยมาฟาดหน้าให้สะดุ้งตื่นจากความเพ้อฝัน

นี่คง...ไม่ได้เรียกมาเพื่อสอบสวนใช่มั้ย

“ใช่ครับพี่”

“ดีๆ งั้นเดี๋ยวอยู่คุยกับคุณธนิกก่อนนะ ไม่รบกวนเวลาเราใช่มั้ย”

“เอ่อ...ไม่ครับ”

“โอเค ถ้าคุยเสร็จแล้วรอพี่นะ เดี๋ยวตอนกลางวันพี่จะให้พาเด็กใหม่ไปซื้อข้าวกล่องร้านประจำ” พี่จอยว่าพลางก้มดูนาฬิกาข้อมือ “งั้นคุณธนิกคะ จอยกลับไปทำงานนะคะ”

“ขอบคุณครับคุณจอย”

คุณธนิกเป็นเจ้านาย แต่เขาก็คงเด็กกว่าพี่จอยมาก เพราะเขาปฏิบัติกับพี่จอยด้วยความนอบน้อม เขาไม่ได้ดูกร่างเหมือนอย่างที่ผมเคยคิดภาพไว้ว่าลูกเจ้าของบริษัททุกคนต้องเป็นที่เห็นบ่อยๆ ในละคร

“ไปคุยกันที่ร้านกาแฟนะ” เขาว่า แล้วเดินนำไปยังประตูกระจกด้านข้างตัวตึกซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ราวๆ สองร้อยเมตร ผมเดินตาม มองแผ่นหลังของเขาด้วยหัวใจที่สั่นไหว

นี่คงเป็น...การโคจรที่ผมได้เข้าใกล้เขามากที่สุด ผมเร่งฝีเท้าอีกหน่อยได้ไหมนะ เพราะรู้สึกเหมือนว่าแผ่นหลังของเขาออกห่างไปไกลมากขึ้นทุกที แต่ถ้าผมเร่งฝีเท้าเร็วกว่านี้ ผมจะเข้าใกล้จนเขาได้ยินเสียงหัวใจของผมหรือเปล่า

“ปกติดื่มกาแฟไหม” เขาถามเมื่อเข้ามาในร้าน

ผมเพิ่งรู้ว่าที่ตรงนี้คือร้านกาแฟ แม้จะเคยได้ยินพี่จอยพูดเหมือนกันว่ากาแฟที่บริษัทราคาแพงต่อให้ได้ส่วนลดพนักงาน แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าร้านที่ว่านั้นอยู่ที่ไหน

“ก็ดื่มบ้างครับ” ผมเคยกินแต่กาแฟกระป๋องหรือไม่ก็พวกแบบซองทรีอินวัน ไม่เคยลิ้มรสกาแฟสด เพราะของกินที่ราคาแพงกว่าก๋วยเตี๋ยวร้านป้านีผมจะจัดให้อยู่ในประเภทของสิ้นเปลือง

“งั้นสั่งเลยนะ พี่เลี้ยง” เขาว่าแบบนั้น หันไปบอกพนักงานว่าเอาเหมือนเดิมแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ ปล่อยให้ผมนิ่งค้างกับคำแทนตัวของเขา

พี่..พี่..พี่.. คำๆ นั้นดังก้องในหัวของผม

“เอ่อ น้องคะ...รับอะไรดีคะ”

“คือ…เอาพี่ เอ้ย! ไม่ใช่นะครับ ขอโทษครับ ผม...” หลังจากรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรไป ผมก็รีบขอโทษพี่สาวพนักงานที่ถลึงตามอง ก่อนจะยิ่งพูดไม่ออกเมื่อเห็นเมนูภาษาอังกฤษยาวเหยียดบนป้ายด้านหลังพี่สาว

แล้วผม...จะกินอะไรวะ

“ผม...ผมเอาเหมือนคุณธนิกครับ”

เป็นเรื่องง่ายดายมาก แม้ผมจะไม่รู้ว่าเหมือนเดิมของคุณธนิกคืออะไร แต่คงง่ายกว่าการอ่านเมนูที่ผมอ่านไม่ออกสักตัว

“โอเคค่ะ ไปรอที่โต๊ะนะคะ เดี๋ยวเอาไปเสิร์ฟให้ค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมเดินเก้ๆ กังๆ ไปที่โต๊ะซึ่งคุณธนิกนั่งรออยู่ เขานั่งด้วยท่าทางสบายๆ ดูไม่เก้อเขินเหมือนผมที่ราวกับมาอยู่ผิดที่ผิดทาง

ทำไมกันนะ...ผมถึงรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก มัน...อึดอัดไปหมด

“นั่งตรงไหนก็ได้” เขาบอก เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มให้ “ไม่ต้องเกร็งหรอก”

“ครับ” ผมรับคำเบาๆ แล้วนั่งลงโซฟาสีครีมอย่างหมิ่นเหม่ กลัวเหลือเกินว่ากางเกงของผมจะทำให้โซฟาตัวนี้เปื้อน

“พี่แค่อยากขอบใจ” เขาเริ่มเรื่อง มองสำรวจใบหน้าของผม “ขอโทษนะที่เรียกมาเมื่อคืน คิดอยู่ว่าคงทำให้ตกใจ แต่อยากขอบใจขวัญนะ เราชื่อขวัญใช่มั้ย”

“ใช่ครับคุณธนิก”

“เฮ้ย ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียกพี่ก็ได้ เราคงไม่ห่างกันมากนะ ขวัญอายุเท่าไรแล้วล่ะ”

“ย่างยี่สิบเอ็ดครับ”

เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “แค่แปดปี”

“ก็มากอยู่นะครับ” ผมว่าแล้วหัวเราะเสียงแห้งเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันคงเหมือนการว่าเขา

“พี่ดูแก่เหรอ”

“ไม่ครับ ไม่เลย จริงๆ นะครับ”

คุณธนิกยิ้มกว้าง เขาวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าแล้วพิงหลังสบายๆ กับพนักโซฟา “พี่เชื่อขวัญนะ เพราะพี่ไม่อยากแก่”

ทำไมกันนะ เขาควรจะถือตัวบ้าง คนรวยๆ อย่างเขาไม่ควรเสียเวลามาพูดคุยกับคนอย่างผมด้วยซ้ำ

“เอ่อ...คุณธนิกครับ ผมอยากจะบอกว่าเงินในกระเป๋า ผมไม่ได้เป็นคนเอาไป ผมแค่ไปเจอ...”

“พี่เชื่อขวัญ” เขาพูดย้ำ ก่อนจะเฉลยว่า “ที่จริงพี่เห็นในกล้องวงจรปิดน่ะ เพราะพี่แน่ใจว่าไม่ได้ทำตกที่ไหน ตอนออกจากบ้านมากระเป๋าตังค์ก็ยังอยู่ แล้วพี่ก็ตรงมาที่บริษัทเลย ที่นึกออกก็มีแค่ตอนชนกับเด็กส่งของสองคนที่หน้าตึก คิดว่าคงหายไปตอนนั้น โชคดีที่เป็นมุมที่มีกล้องนะ”

“แล้วคุณธนิกจำหน้าสองคนนั้นได้มั้ยครับ”

เขาส่ายหน้า “พี่ไม่ชอบจำหน้าคนไม่ดี แต่ขวัญเป็นเด็กดี พอเห็นรูปที่พี่เปี๊ยกเอาให้ดู พี่ก็เลยจำได้ เคยเห็นมาส่งคุณจอยบ่อยๆ คิดว่าคุณจอยคงรู้จัก”

“ผมเคย...ผมเคยไปส่งคุณธนิกที่สถานีรถไฟใต้ดินด้วยครับ”

“ใช่ๆ พี่จำได้”

ความทรงจำเดียวที่มีร่วมกับคุณธนิก ตอนนี้กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง และครั้งที่สองนี้ผมก็สามารถพูดกับเขาได้มากกว่าหนึ่งประโยค

ผมใช้ความโชคดีในชีวิตหมดไปแล้วกับเรื่องในวันนี้หรือเปล่านะ รอยยิ้มของคุณธนิก เสียงหัวเราะของคุณธนิก น้ำเสียงของคุณธนิก ผมได้เห็น ได้ยินมันทั้งหมด อีกทั้ง...เขายังไม่ถามถึงรูปถ่ายของเขาที่หายไปจากกระเป๋าตังค์

“พี่ให้นะ” เขายื่นเงินมาตรงหน้าหลังจากที่พูดคุยมาเกือบท้ายเรื่อง “อย่าคิดว่าพี่ดูถูกน้ำใจ แต่พี่คิดว่าขวัญสมควรได้รับ เพราะถ้าพี่ไม่ได้กระเป๋าคืนก่อนบินคืนนี้พี่คงแย่ ให้ไปทำเรื่องอะไรคงไม่ทัน”

“ผมเข้าใจครับ แต่ผมขอไม่รับเงินนะ” ผมรีบปฏิเสธ เพราะของตอบแทนนั้นผมมีอยู่แล้ว รูปถ่ายที่ประเมินเป็นเงินไม่ได้ของเขานั้นมีค่ามากสำหรับผม

“งั้น...ข้าวเย็นสักมื้อดีไหม พี่กลับมาแล้วจะมาเลี้ยงข้าว”

เดี๋ยวนะ ข้าวเย็นสักมื้อเหรอ! ดินเนอร์กับคุณธนิก!

“คือ...คือว่า...”

“งั้นตกลงตามนี้นะ” เขารวบรัด เลื่อนแก้วกาแฟที่พนักงานเพิ่งเอามาเสิร์ฟวางตรงหน้าผม “ลองชิมดูสิ”

ผมขยับมือตามคำพูดของเขาราวกับคนกำลังเพ้อ รู้สึกว่านี่ไม่จริงเลย...มันเหมือนไม่ใช่ความจริงเลยสักนิดที่ผมจะได้มีโอกาสได้คุยกับเขาหลังจากนี้ แต่ในอีกไม่กี่นาทีก็รู้ว่านี่คือความจริงเพราะรสชาติขมๆ ของกาแฟดึงสติให้กลับคืน

“แหยะ” ผมเผลอทำหน้าเหยเก แทบขย้อนเอาสิ่งที่เพิ่งกลืนลงไปออกมา

“ฮ่าๆ ๆ” เขาหัวเราะ “ขมเกินไปเหรอ”

“ครับ ผมไม่คิดว่าจะขมขนาดนี้”

“ก็ขวัญดันสั่งเหมือนพี่ ของพี่ไม่ใส่น้ำตาล”

เขา...เขาได้ยินเหรอ

“ผมสั่งไม่เป็นครับ” ผมบอกเขาเบาๆ “ผมเคยกินแต่กาแฟกระป๋อง เมนูก็อ่านไม่ออก”

“พี่ขอโทษนะ” น้ำเสียงของคุณธนิกอ่อนโยนมากในความรู้สึกของผม ไม่รู้ว่าเขาขอโทษอะไร แต่ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ไม่มีเรื่องที่เขาควรขอโทษผมเลย “เดี๋ยวพี่ไปสั่งให้ใหม่”

“ไม่ต้องหรอกครับ” ผมรีบพูด “ผมกินแก้วนี้ได้ครับ”

“มันขมไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องฝืนกินหรอก”

“แต่มันแพง”

เขานิ่งไปเพียงครู่ “งั้นเดี๋ยวพี่กินเอง ช่วงบ่ายคงง่วงน่าดู ได้กาแฟสองแก้วนี่พี่คงตื่นไปจนถึงเย็นพรุ่งนี้”

“ผมกินไปแล้วนะครับ”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือหรอก แต่ขวัญไม่ได้เป็นโรคติดต่อพวกไวรัสตับอักเสบอะไรแบบนี้ใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ครับๆ ผมร่างกายแข็งแรงครับ”

“ดีแล้ว”

ดีแล้ว...ใช่ มันดีจริงๆ เหมือนที่คุณธนิกพูด แต่มันดีกับผมรึเปล่านะ ที่ความชอบของผมขยับเข้าใกล้ความจริงจังมากขึ้นอีกนิด

“ขอบคุณนะครับคุณธนิก”

“ขอบใจขวัญเหมือนกันนะ”

ผมแน่ใจว่าแม้แต่หมาเพลบอยอย่างไอ้หลงก็อาจจะต้องแพ้เสน่ห์ของคุณธนิก

ผมดีใจมากครับ...ดีใจที่มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้แล้วได้มาเจอกับเขา


.......................To be Continue.............................

ิติดภารกิจแพ็กหนังสือค่าทุกท่าน แต่กระเสือกกระสนมา ขอบคุณที่ต้อนรับน้องขวัญกันนะคะ มาร่วมเดินทางไปกับรักใสๆ ของเราค่า

ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ ไม่ได้ลงนิยายมานาน พอมาอ่านแล้วดีกับใจมากๆ ค่ะ  :L2: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-07-2018 19:07:45
ต่างฝ่ายต่างชอบกันแล้วใช่ไหม  :hao3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-07-2018 19:45:34
หูยยย น้องขวัญ มีการนัดทานข้าวเย็นด้วย ไปไกลกว่าที่หวังไว้นะ ว่าแต่กาแฟอย่าใส่เสน่ห์ให้คุณธนิกเขาละ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 20-07-2018 19:52:29
น้องขวัญ~ หนูน่าเอ็นดูจังเลยยยย
ชอบตรงประโยค "ผมแน่ใจว่าแม้แต่หมาเพลบอยอย่างไอ้หลงก็อาจจะต้องแพ้เสน่ห์ของคุณธนิก" หนูหลงพี่เค้ามากจนคิดว่าหลงก็ต้องชอบด้วยอ่ะ น่าร้ากกกก
ตอนคุณธนิกชมน้องว่าเด็กดีมันกิ๊วก๊าวใจอ่ะ คุณธนิกแอบประทับใจอะไรในตัวน้องขวัญมาก่อนไหมน้า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-07-2018 21:52:37
อุ๊ย เขามีจะดินเนอร์กันด้วย
เป็นสัญญาณที่ดีใช่ไหมนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-07-2018 23:14:58
คุณธนิกมาทำให้น้องขวัญเพ้อหนักกว่าเดิมไปอี๊ก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 20-07-2018 23:50:53
ถ้าคุณธนิกรู้ว่าน้องขวัญชอบยังใจดีแบบนี้ต่อหรือเปล่าคะ :ling3:
ตอนเห็นชื่อคนเขียน ตีไฟเลี้ยวเข้ามาแทบไม่ทัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-07-2018 01:45:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-07-2018 03:40:35
มาแล้ว  ไปแล้ว   ............
อยากอ่านต่ออีกอ่ะ   :ling1: :ling1: :ling1:

ขวัญ ต้องอาบน้ำบ่อยๆแล้วนะ  :mew2:
ขับรถวินต้องฝ่าฝุ่นควัน ไอเสียทั้งวันอยู่แล้ว
เพื่อสุขภาพของตัวเอง เพื่อกลิ่นสะอาดของลูกค้าวิน
และเพื่อความสดใส เสน่ห์น่ารักของขวัญเอง :mew1:
 
คุณธนิก    ขวัญ     :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-07-2018 11:49:19
เค้าคุยกันละมุนจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 21-07-2018 12:29:43
คนเขียนบอกรักใสๆ
น้ำใสนะคะ น้ำข้นไม่เอา
ชีวิต แตกต่างกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 21-07-2018 12:37:04
คุณธนิกดูเป็นคนใจดีจังเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 21-07-2018 13:28:17
เห็นชื่อนักเขียนเลยรีบเข้ามาอ่านอย่างไว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 21-07-2018 15:07:18
เขาจะรักกันได้ยังไงน้อออ เชียร์น้องขวัญคนสู้ชีวิตค่าาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 21-07-2018 16:16:25
งุ้ยยยยย น่าเอ็นดู  :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 21-07-2018 18:21:45
ใจดีเรี่ยราดแบบนี้ทำร้ายหัวใจคนแอบชอบโดยไม่รู้ตัวมาก กร๊ากกกก
ขอให้ความดีของนุ้งขวัญเอาชนะใจพี่ธนิกได้นะจ๊าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 21-07-2018 19:21:40
คุณธนิกละมุนมาก ใจน้องง
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 21-07-2018 21:01:29
ตอนที่ 3



เข้าสัปดาห์ที่หกที่คุณธนิกไปต่างประเทศ เขาไปโดยทิ้งความหวังให้ผมเฝ้ารอการกลับมา

ดินเนอร์ใต้แสงเทียน!

ใช่ ใช่แล้ว ผมมันคนมโนเพ้อเจ้อเก่ง ผมคิดไปเองนั่นแหละว่าจะเป็นการดินเนอร์ที่โรแมนติกของคนสองคน ซึ่งความจริงแล้วอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ ในวันที่เขากลับมาเขาอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นคนอย่างผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รอนะ ผมรอให้คำพูดนั้นเป็นจริงอยู่ทุกวัน

“ไอ้ขวัญ ทำไมเดี๋ยวนี้มึงใส่น้ำหอมวะ” ไอ้แนนที่กำลังนั่งบนเบาะรถมอเตอร์ไซค์รอรับลูกค้าอยู่ข้างๆ รถของผมถามขึ้น

“สร้างบุคลิกและกลิ่นที่ดีให้ตัวเองไง”

น้ำหอมที่ผมใส่มีราคาไม่ถึงหนึ่งร้อยบาท ต้องเจียดเงินค่าก๋วยเตี๋ยวตั้งสองชามเพื่อที่จะซื้อมัน เพราะพอเอาเรื่องที่คุณธนิกจะเลี้ยงข้าวไปปรึกษาพี่จอย พี่จอยก็แนะนำผมมาอย่างนี้

“กลิ่นที่ดีบ้าอะไร ฉุนมากไอ้ห่า มึงทาแป้งเด็กเหมือนเดิมก็ดีแล้ว อีกอย่างกลิ่นสบู่นกแก้วของมึงก็หอมกว่าน้ำหอมที่มึงใส่อีกนะเว้ย”

“จริงเหรอวะมึง” ผมเหล่มองไอ้แนนที่กำลังย่นจมูก ก่อนจะยกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นดม ผมใส่มันตรงแขน ใกล้ๆ รักแร้ แล้วก็กลางหลังกับกลางอก พอดมดูแล้วก็ฉุนจริงๆ ผมคงใส่เยอะเกินไป

“ทำแต่เรื่องไร้สาระ” ไอ้แนนส่ายหน้าระอา “ตั้งแต่มึงได้ไปกินกาแฟราคาแพงคราวนั้นมึงก็แปลกไปนะ หรือมึงคิดว่าเรื่องที่คุณธนิกจะเลี้ยงข้าวเย็นมึงเป็นเรื่องจริง”

ตอนที่กลับมาเจอไอ้แนนวันนั้นผมก็โม้ให้มันฟังทันที ผมได้เข้าไปกินกาแฟสดในร้านหรู ได้นั่งโซฟาที่นุ่มสบายยิ่งกว่าฟูกที่ผมใช้นอน แล้วก็ได้พูดคุยกับคุณธนิกอย่างสนุกสนาน ไม่พอแค่นั้น คุณธนิกยังบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นตอนที่เขากลับมาจากต่างประเทศ ผมบอกไอ้แนนทั้งหมดเลยแต่มันยังคงไม่เชื่อมาจนทุกวันนี้

“มันเป็นเรื่องจริงนะเว้ย” ผมเถียง อยากยัดเยียดความเชื่อมั่นของตัวเองใส่สมองน้อยๆ ของไอ้แนนมันซะจริงๆ แต่ก็คงช่วยไม่ได้ที่มันไม่ได้พูดคุยกับคุณธนิกเหมือนที่ผมได้รับโอกาส เพราะไม่อย่างนั้นมันก็คงไม่พูดว่าคุณธนิกแค่พูดไปอย่างนั้นโดยไม่คิดจะเลี้ยงข้าวผมจริงๆ หรอก

“แต่กูไม่คิดว่าคนที่งานยุ่งอย่างคุณธนิกจะจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับมึงได้หรอกนะ มึงไม่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้นะเว้ย มึงแค่เก็บกระเป๋าตังค์ไปคืนให้เขา มันแค่เรื่องที่คนทั่วไปก็ทำกันได้ อีกอย่างนะ ต่อให้เขาเลี้ยงข้าวมึงจริงๆ มึงคิดว่าคนอย่างพวกเรานี่จะไปนั่งในร้านหรูๆ ได้เหรอวะ แค่ไปกินกาแฟมึงก็ยังสั่งไม่เป็นเลย”

ไอ้แนนคงทะเลาะกับเมียท้องอ่อนของมันมาแน่ๆ วันนี้มันก็เลยพูดแต่คำไม่น่าฟัง แต่ความเป็นไปได้ที่จะเป็นอย่างที่ไอ้แนนพูดก็มีสูงมาก

“ถึงจะเป็นอย่างนั้นมึงก็ไม่เห็นต้องพูดแบบนี้เลยนี่หว่า”

อาหารที่แพงที่สุดที่ผมเคยกินก็คือพิซซ่า น้าลีเคยซื้อมาให้ตอนที่มันลดราคาแล้วก็มีโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง แต่โชคดีมากที่ผมไม่ได้ติดใจรสชาติของมัน ผมคิดว่าก๋วยเตี๋ยวร้านของป้านีอร่อยมากกว่าหลายเท่า ส่วนเรื่องที่จะเข้าไปนั่งกินในร้านอาหาร ที่หรูสุดก็แค่ร้านตามสั่งที่ปากซอยก็เท่านั้น ผมกับไอ้แนนไปกินด้วยกันบ่อยๆ

ก็จริงอย่างที่ไอ้แนนว่าไว้ ผมจะทำยังไงหากต้องไปนั่งในร้านหรูๆ กับคุณธนิก

“อย่าเป็นแบบนี้เลยน่ามึง เราอยู่ในที่ของเราแบบนี้ก็ดีแล้ว มึงก็รู้ใช่ไหมว่ายิ่งขึ้นสูงก็ยิ่งใกล้ดวงอาทิตย์ เข้าใกล้มากๆ ก็มีแต่มึงนั่นแหละที่จะถูกเผาจนตาย”

“แต่กูอยากไปกินข้าวกับเขาจริงๆ นะเว้ย แค่ครั้งเดียว กูมีโอกาสแค่ครั้งเดียวที่จะได้เข้าใกล้เขานะ”

ไอ้แนนถอนหายใจ มันโยนหมากฝรั่งตรานกแก้วมาให้ผมที่รับไว้ได้อย่างฉิวเฉียด “เอาไปแดก แล้วเย็นนี้ไปเดินตลาดนัดกัน เขาใกล้กลับมาแล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้ามึงจะไปกินข้าวกับเขา มึงต้องมีเสื้อผ้าดีๆ ใส่เว้ย”

“ขอบใจมากว่ะ แต่กูมีงบไม่เยอะนะมึง”

“เออน่า ของไม่แพงแต่ดูดีก็มีถมไป กูจะช่วยเลือก”

ผมยิ้มรับความมีน้ำใจของเพื่อน ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ไอ้แนนก็เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้เสมอ ต่อให้มันจะชอบพูดจาตัดกำลังใจของผมก็ตาม “ไม่แปลกใจที่เมียมึงรักเมียมึงหลง”

“รักหลงเหี้ยไรล่ะ ด่ากูตั้งแต่ตีห้ายันกูออกจากบ้าน ถ้ารู้ว่ามันท้องแล้วเป็นอย่างนี้ กูจะขอไถกับเสาไฟฟ้าดีกว่า”

“เอาน่า เดี๋ยวลูกมึงเกิดมา มึงก็รู้เองแหละว่าความคิดที่จะไถกับเสาไฟฟ้ามันไร้สาระ”

“นั่นดิวะ ลูกสาวกูยังไงก็ต้องน่ารักแน่ๆ”

“มึงต้องเป็นพ่อที่ดีแน่ๆ ไอ้แนน”

“ทำไมมึงยอ”

ไอ้แนนมองผมอย่างไม่ไว้ใจ แต่ผมคิดจริงๆ นะว่ามันเป็นพ่อที่ดี เพราะพอมันรู้ว่าเมียมันท้อง มันก็เลิกอบายมุขหมดทุกอย่าง มันดูแลเมียมันอย่างดี ไม่เหมือนพ่อของผมที่ทิ้งแม่ไปเมื่อรู้ว่าแม่มีผมอยู่ในท้อง

“ก็เพราะว่าค่าเสื้อผ้าของกู กูจะยืมมึงสองร้อย”

“ไอ้ห่าขวัญ!!”

“กูล้อเล่น ฮ่าๆ ๆ”

ผมไม่มีเงินทองมากมาย ชีวิตของผมลำบากมามาก แต่ผมโชคดีที่ผมมีน้าลี มีไอ้หลง และผมมีไอ้แนนที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนตาย ผมจึงไม่รู้สึกว่าผมขาด





..........................



คุณธนิกจะมาทำงานในเช้าวันจันทร์ พี่จอยบอกข้อมูลนี้กับผมในสัปดาห์สุดท้ายก่อนจะครบสองเดือน เขากลับมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่จะเข้าบริษัทก็ในอีกสัปดาห์ถัดไป ถึงอย่างนั้นความหวังที่จะได้ดินเนอร์กับเขาก็ยังไร้วี่แวว

ผมมีชุดพร้อมแล้ว เป็นเสื้อเชิ้ตลายทางที่ราคาแพงที่สุดเท่าที่ผมเคยซื้อ แม้ไอ้แนนจะต่อราคาให้แล้วแต่แม่ค้าก็ยังลดให้แค่สามสิบบาท ผมจึงจำใจควักเงินสามร้อยจ่ายให้ด้วยมือที่สั่นเทา มันน่าเสียดายมากเพราะซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ตั้งหลายชาม อีกอย่างเมื่อรวมค่ากางเกงเข้าไปแล้วก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยที่ผมจ่ายไป

“เขาติดต่อมารึยัง” ไอ้แนนถามในเช้ามืดของวันจันทร์ วันนี้ผมกับมันก็มาวิ่งรถตามปกติ ไอ้แนนเป็นคนขยันขันแข็ง หากไม่ป่วยจนล้มหมอนนอนเสือมันก็จะไม่ยอมขาดงานอย่างเด็ดขาด ส่วนผมนั้นหากไม่ได้ขับวินก็ไม่มีอะไรให้ทำ

“ยังว่ะ” ผมตอบ รู้สึกห่อเหี่ยวเล็กน้อย “เขาคงลืมอย่างที่มึงพูดนั่นแหละ ตั้งสองเดือนแล้ว”

“แต่เขากลับมาแล้วใช่มั้ย”

“อืม กลับมาเมื่อวันศุกร์ วันนี้เขาจะเข้าบริษัท พี่จอยบอกกู”

ไอ้แนนตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ “เอาน่า ให้เขาได้พัก เดี๋ยวเขาก็คงติดต่อมา”

“กูก็รออยู่ ชุดที่ซื้อมาก็ซักรีดเรียบร้อยแล้ว”

“ดีๆ อย่าให้เสียความตั้งใจ”

“แต่ค่าใช้จ่ายเดือนนี้เยอะกว่าทุกเดือน ไม่รู้ว่าที่ตั้งใจไว้มันคุ้มมั้ย ค่าน้ำหอม ค่าสบู่ ค่าเสื้อผ้า ไหนจะค่าน้ำที่เพิ่มมากกว่าเดือนก่อน”

“ดีแล้วนี่ มึงอาบน้ำทุกวันก็ดีแล้ว ที่จริงถ้าชอบใครสักคนแล้วมึงทำตัวดีขึ้นมาอย่างนี้ กูก็ไม่ขัดหรอก เป็นผลดีกับตัวมึง”

“เหรอวะ แต่รู้สึกว่าเสียดายตังค์นิดๆ”

“ไม่กี่บาทหรอกน่า เอ้า หวีผมซะ เดี๋ยวมึงต้องไปส่งพี่จอยที่บริษัท โชคดีอาจได้เจอคุณธนิก ท่องไว้เว้ยว่ามึงต้องดูดี”

“เออๆ ขอบใจ”

ผมส่องกระจกของรถมอเตอร์ไซค์ไปพลางหวีผมไปพลางเพื่อรอพี่จอยที่มักจะโดยสารรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีแล้วนั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปที่บริษัท เมื่อก่อนก็ตามคิว พี่จอยมาทันคันไหนก็ได้ไปคันนั้น แต่ตอนนี้ผมตกลงกับพี่แจ้ไว้แล้วว่าจะไปส่งพี่จอยเองแต่ผมจะต้องเสียคิวให้กับคนที่ทันคิวของพี่จอยสองคิว ซึ่งผมไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ เงินก็สำคัญนะแต่ผมไม่ได้ต้องใช้จ่ายอะไรมาก ผมขอทำตามเสียงของหัวใจดีกว่า

พี่จอยมาถึงในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง แล้วก็เหมือนปกติที่ผมไปส่งเธอที่หน้าบริษัท พี่จอยกระซิบบอกก่อนเดินเข้าตึกว่าคุณธนิกมาทำงานแน่ๆ วันนี้เพราะมีประชุมกับบอร์ดบริหารในช่วงเช้า

“ไอ้ขวัญ กินข้าวเช้ามารึยังเอ็ง” พี่เปี๊ยกตะโกนถามมาจากในป้อม พี่รปภ.หน้าแฉล้มยังคงสุนทรีย์กับกาแฟกระป๋องในยามเช้าเหมือนเช่นเคย

“เรียบร้อยแล้วครับพี่เปี๊ยก ว่าแต่พี่เถอะ กาแฟเย็นแต่เช้าเลยนะ”

“เช้าๆ ก็ต้องกาแฟเว้ย”

“แต่ตอนเช้ากินกาแฟร้อนน่าจะดีกว่า”

“มันยุ่งยากนี่หว่า กาแฟกระป๋องนี่แหละดีสุดแล้ว”

ผมพูดคุยกับพี่เปี๊ยกอีกนิดหน่อยก็ขอตัวกลับ ในจังหวะที่กำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพที่กำลังจะผ่อนหมดในอีกสามเดือน รถยนต์คันหรูก็ขับเคลื่อนเข้ามาพอดี ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่คุณธนิกไม่ขับรถสปอร์ตของเขา เขานั่งรถมาทำงานโดยมีคนขับรถชื่อลุงกล้วยเป็นสารถีรับส่ง

ผมหยุดมองแต่คุณธนิกคงไม่เห็นผมเพราะเขากำลังก้มหน้าอยู่กับแฟ้มเอกสาร ผมมองผ่านกระจกเข้าไปในตัวรถที่เคลื่อนผ่านไปช้าๆ เขาดูดีจังเลยนะ ดูดีจนเสื้อผ้าที่ผมจ่ายเงินไปเกือบห้าร้อยก็ยังเทียบไม่ติด

“ไปก่อนนะพี่เปี๊ยก”

“เออๆ แล้วเจอกันเว้ย”

ผมเข้าเกียร์แล้วบิดคันเร่ง ได้ยินเสียงติ๊ดๆ จากโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่ได้ใส่ใจจะเปิดดู ยังไงคงเป็นข้อความโฆษณาดูดวงให้สมัครใช้บริการอีกแน่ๆ แต่เมื่อมาถึงซุ้มวิน จอดรถแล้วขึ้นขาตั้งคู่เพื่อรอรับลูกค้ารายต่อไป เสียงติ๊ดๆ จากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีก ผมจึงเอาขึ้นมาดูเพื่อฆ่าเวลาเล่น ข้อความที่เห็นบนหน้าจอไม่ใช่ข้อความจากพวกโฆษณา แต่เป็นข้อความจากเบอร์ที่ไม่ได้ถูกบันทึกชื่อไว้ในเครื่อง เป็นเลขสวยที่มีตองเก้าอยู่ในชุดตัวเลข





‘ใช่เบอร์ขวัญหรือเปล่าครับ’





ข้อความฉบับแรกที่ส่งเข้ามาทำให้ผมนึกแปลกใจ แต่ข้อความฉบับต่อมาทำให้ผมใจเต้นรัวแรง





‘ผมชื่อธนิกนะครับ ไม่แน่ใจว่าจะยังจำได้ไหม ยังไงรบกวนตอบข้อความผมด้วยนะครับ’





ไอ้เหี้ยแนนนนนนนนนน! คุณธนิกส่งข้อความมาหากู!

ผมเหมือนคนหัวใจจะวาย ถ้าไอ้แนนอยู่ตรงนี้ผมคงกระโดดกอดมันแล้วร้องตะโกนอย่างดีใจ แต่ตอนนี้มันไม่อยู่ มีแต่พี่แจ้กับพี่คนอื่นๆ ที่กำลังคุยเรื่องผลฟุตบอลที่เตะไปเมื่อคืน ผมก็เลยทำได้แค่ร้องเยสๆ อยู่ในใจ มือก็สั่น พิมพ์ตอบข้อความผิดๆ ถูกๆ แต่ผมลืมไปอย่าง

มือถือผมไม่มีตังค์!

“พี่แจ้ ผมไปเซเว่นก่อนนะพี่ เอาไรมั้ย!” ผมตะโกนบอกพี่แจ้ด้วยความร้อนรน ต้องรีบตอบ ยังไงก็ต้องรีบตอบ

“เอ็มร้อยขวดหนึ่งไอ้น้อง เก็บเงินปลายทาง”

“รับทราบครับลูกพี่”

ผมรีบวิ่ง รู้สึกเหมือนตัวลอยๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้ในภาพจินตนาการ แต่ยังไม่ถึงประตูเซเว่น เสียงเรียกเข้าสุดคลาสสิกของมือถือซัมซุงกาแลคซี่รุ่นที่เล่นโซเซียลได้ในราคาไม่กี่พันบาทก็ดังขึ้น

“ฮะ...ฮัลโหล” ผมรับสายด้วยเสียงตะกุกตะกักเพราะเบอร์โทรเข้าเป็นเบอร์เดียวกับเบอร์ที่ส่งข้อความมา

“สวัสดีครับ นี่ใช่เบอร์ของขวัญรึเปล่าครับ” เขาถาม น้ำเสียงของเขาดังก้องในหัวผม

“ชะ...ใช่ครับ”

“ดีจัง” เขาบอกเสียงทุ้ม คำพูดของเขาทำให้ผมนึกถึงรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่อเหลา เขาจะยิ้มอย่างที่ผมคิดอยู่ไหมนะ “ขวัญ พี่ธนิกเองนะ พี่ได้เบอร์ขวัญจากพี่เปี๊ยก ขวัญเคยให้เบอร์ไว้ จำได้ไหม”

“จำได้ครับคุณธนิก” ผมสาบานเลยว่าพรุ่งนี้ผมจะซื้อกาแฟกระป๋องไปฝากพี่เปี๊ยกสองกระป๋องเลย!

“โธ่ พี่บอกแล้วไม่ต้องเรียกคุณ”

“ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่ชินเลย”

ผมรู้ว่าเขาใจดี แต่ผมไม่อาจเอื้อมที่จะตีสนิท

“เอาเถอะ เรียกยังไงก็ได้ ตามใจเรา” เขาบอกน้ำเสียงสบายๆ “พี่ส่งข้อความถาม แต่ได้คำตอบไม่ทันใจ ขอโทษนะ ไม่รบกวนเวลาใช่ไหม”

“ไม่หรอกครับ ผมว่างครับ ว่างมากๆ เลย”

“ฮ่าๆ ๆ เรานี่ตลกดีนะ” เขาหัวเราะมาตามสาย ทำให้ผมเผลอยิ้มตาม พลางรีบขยับมายืนอยู่ใกล้เครื่องชั่งน้ำหนักหน้าเซเว่น ไม่อยากขวางอยู่หน้าประตู “พี่กลับมาแล้วนะขวัญ ยังจำได้ไหม ที่พี่บอกจะเลี้ยงข้าว”

“จำได้ครับ”

“งั้นเย็นพรุ่งนี้นะ ขวัญสะดวกไหม ที่จริงอยากไปเย็นนี้ แต่พี่ติดงาน”

“ได้ครับ ผมสะดวกมากๆ ครับ ไม่มีปัญหาเลยครับ”

“ดีแล้ว”

ผมรู้ดีทีเดียวว่าเขาจะต้องพูดแบบนี้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เพราะผมเคยเห็นมาก่อน คุณธนิกเมื่อสองเดือนก่อนกับตอนนี้ไม่แตกต่างกันเลย ใช่สินะ ก็เวลามันไม่นานเท่าไร แต่ผมว่ามันนานมากพอนะที่จะทำให้ตัวตนของผมซีดจางลงในความทรงจำของเขา ในเมื่อเราเป็นเพียงคนที่เพิ่งรู้จักกัน

“ขวัญชอบกินอะไร อาหารไทย หรือต่างประเทศ หรืออาหารทะเล”

คุณธนิกใจดี เขาไม่ต้องถามความเห็นของผมเลยก็ได้ แต่เขาก็ยังถาม

“ผมกินอะไรก็ได้ครับ ไม่ต้องแพงมากก็ได้ แต่ก็เอาที่คุณธนิกสะดวกนะครับ” ถ้าให้ถึงขั้นที่เขาต้องไปนั่งกินอาหารตามสั่งกับผม แบบนั้นก็คงเกินไปเหมือนกัน จะมีจุดไหนที่เป็นจุดพอดีสำหรับเราสองคนได้บ้างนะ

“งั้นพี่จะบอกขวัญอีกทีนะ”

“ครับ”

“แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่”

“ผมกำลังจะเข้าเซเว่นน่ะครับ จะมาเติมตังค์มือถือ ที่จริงผมจะตอบข้อความอยู่เหมือนกันครับ แต่พอดีว่าเงินในมือถือไม่มี แหะๆ”

“พี่ทำให้ลำบากหรือเปล่า”

“เปล่าเลยครับเปล่าเลย ผมคิดจะเติมอยู่แล้วล่ะครับ เน็ตที่สมัครไว้ก็จะหมดพอดี”

“พี่มีไลน์นะ ถ้าขวัญสมัครเน็ตแล้วก็แอดไลน์พี่มานะครับ จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ส่งข้อความ”

ผมอยากถามว่าจะดีเหรอ แต่ความดีใจมันเตะคำถามนี้กระเด็นไปไกล

“ได้ครับคุณธนิก” ผมบอกเบาๆ ก่อนจะทำใจกล้าถาม “แล้ว เอ่อ...คุณธนิกครับ คือถ้าผมแอดไลน์ไปแล้ว ผมคุยกับคุณธนิกได้ใช่ไหมครับ”

เขาหัวเราะ คงหัวเราะกับคำถามของผม “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ งั้นแค่นี้ก่อนนะขวัญ พี่ต้องเข้าประชุม”

“ครับๆ”

“พรุ่งนี้เจอกันนะ”

“ครับ สวัสดีครับ”

ไอ้แนนควรรู้เรื่องนี้ ใช่! มันต้องเป็นคนแรกอยู่แล้วที่ผมจะโม้ให้ฟัง!




................................................

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 21-07-2018 21:03:00
ผมกำลังแต่งตัวเพื่อดินเนอร์สุดแสนโรแมนติกกับคุณธนิกในเย็นวันนี้ คุณธนิกให้ไปเจอที่หน้าบริษัทของเขา แล้วเราจะไปที่ร้านอาหารด้วยกัน แต่ผมไม่แน่ใจเลยว่าผมดูดีมากพอหรือยังในตอนนี้ กระดุมเสื้อต้องติดทุกเม็ดไหม แล้วทรงผมต้องใส่เจลหรือเปล่า น้ำหอมล่ะต้องใส่แค่ไหนถึงจะไม่มีกลิ่นฉุน ผมกังวลไปหมดเลย ไอ้แนนก็ไม่ว่างมาออกความคิดเห็นในเสียด้วย เพราะมันต้องไปรับเมียหลังเลิกงาน

“ไอ้หลง เอ็งว่าพี่ดูเป็นยังไงบ้างวะ” ไอ้หมาเพลบอยของผม มันเพิ่งโผล่หน้ามาให้เห็นเมื่อตอนเช้า ไม่รู้ว่าเมื่อคืนไปเตร่กับหมาตัวเมียที่ไหน เรียกกินข้าวก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“มันดูเชยไปรึเปล่านะ” ไอ้หลงไม่หือไม่อือ มันไม่ตอบอะไรผมเลย ถ้านี่คือเรื่องสโนว์ไวท์กับคนแคระ กระจกมัวๆ ที่ได้มาจากร้านขายของถูกคงตอบผมได้ว่าตอนนี้ตัวผมดูเป็นยังไง “ไอ้หลง อย่าเอาหัวมาไถนะเว้ย น้ำลายเอ็งจะยืดติดกางเกงพี่!”

ไอ้หลงครางหงิง มันคงน้อยใจที่โดนดุ ไม่นานก็สะบัดหางไปนอนใกล้ๆ ทีวีที่พังไปเมื่อหลายปีก่อน แต่ในระหว่างที่ผมกำลังกังวลใจอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือสื่อรักก็สั่นเตือนว่ามีคนโทรเข้า ผมแน่ใจทีเดียวว่าเป็นคุณธนิก เพราะตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่ผมพูดคุยด้วย

“ขวัญครับ” เสียงของเขาทุ้มมาตามสาย “พี่ใกล้เลิกงานแล้ว ขวัญอยู่ที่ไหน”

“ผมอยู่ที่บ้านครับคุณธนิก เดี๋ยวผมรีบไปนะครับ”

“โอเค ขวัญขึ้นมารอที่ห้องทำงานพี่นะ พี่จะบอกเลขาฯ ไว้ให้”

ไปรอที่ห้องทำงานของคุณธนิก! ไม่จริงหรอก นี่ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกนะ นี่มันเกินที่คิดไว้มากไปแล้ว!

“มะ...ไม่เป็นไรครับ ผมรออยู่กับพี่เปี๊ยกดีกว่า”

“ทำไมล่ะ อากาศร้อนนะ”

“ผมชอบอากาศร้อนมากๆ เลยครับ แหะๆ”

“ขวัญเป็นคนตลกดี” เขาหัวเราะอีกแล้ว หัวเราะให้กับข้ออ้างโง่ๆ ของผม “แต่เอาแบบนั้นก็ได้ เอาที่ขวัญสะดวกนะ ถึงแล้วก็บอกพี่ด้วย”

“ครับ”

คุณธนิกวางสายไปแล้ว ผมมองหน้าตัวเองในกระจก ฝึกยิ้มที่คิดว่าน่าประทับใจที่สุด จากนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึก เรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง

ผมน่ะชื่อขวัญพัฒน์ เป็นชื่อที่คิดว่าเท่ทีเดียวเมื่อเทียบกับทุกอย่างที่ผมมีในชีวิต แต่จากนี้ผมจะเป็นคนที่เท่ยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อจะได้เข้าใกล้คุณธนิกมากขึ้นอีกหน่อย ขอให้เย็นนี้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นด้วยเถอะนะ

คำภาวนาของผมจะเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะพอผมไปรอคุณธนิกที่หน้าบริษัทของเขา ได้พูดคุยกับพี่เปี๊ยก แอบถามถึงคู่หมั้นของคุณธนิกที่คิดว่าพี่เปี๊ยกน่าจะเคยเห็นหน้าแล้วก็ได้แต่ใจแป้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสวยมาก เป็นคนรวยที่คู่ควรกับคุณธนิก แต่ตอนนี้เธอเรียนต่อปริญญาโทอยู่ต่างประเทศ คุณธนิกก็ไปหาเธอบ่อยๆ แต่พักหลังเขางานยุ่งก็เลยไม่ค่อยได้ไป พี่เปี๊ยกบอกว่าลุงกล้วยเล่าให้แกฟังมาอีกที

ผมรออีกไม่ถึงยี่สิบนาที คุณธนิกก็ลงมา เขายืนอยู่หน้าตึก กวักมือเรียกผมให้ไปหา ผมบอกลาพี่เปี๊ยกแล้วรีบเดินไปหาเขา

“ไง” เขาทักพร้อมรอยยิ้ม ผมรู้สึกเหมือนนานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเขา ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องเมื่อสองเดือนก่อนนี่เอง

“สวัสดีครับคุณธนิก” ผมยกมือไหว้ คลี่ยิ้มตาม

“เราไปกันเลยมั้ย”

“ครับ คุณธนิกบอกร้านมาก็ได้นะครับ ผมจะได้ขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป คุณธนิกจะได้ไม่ต้องลำบากมาส่งผม”

เขามีสีหน้าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะบอกว่า “พี่อยากซ้อนมอเตอร์ไซค์ ตอนเย็นแบบนี้รถติด ไม่อยากนั่งรถยนต์”

“เอ๋! จะ...จะดีเหรอครับ”

“ดีสิ” เขายิ้ม สำทับคำว่าดีให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

“งั้นรอผมนะครับ ผมจะไปเอามอเตอร์ไซค์มารับ”

“เดินไปด้วยกันดีกว่านะ”

อ่า...นี่สินะความรู้สึกที่รู้สึกว่าจากนี้คงนอนตายตาหลับแล้ว

ผมเดินนำคุณธนิกมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง เห็นเขาบอกลุงกล้วยที่รออยู่ที่รถ พูดคุยอะไรกันนิดหน่อยแล้วก็เดินตามผมมา ผมรีบเอาผ้าที่มีติดรถไว้เช็ดเบาะให้เขา กลัวว่ากางเกงราคาแพงของคุณธนิกจะเปื้อนฝุ่น

“เรา...เอ่อ ไปกันเลยนะครับ”

คุณธนิกยิ้ม ขึ้นซ้อนท้ายในขณะที่ผมเกร็งไปทั้งตัว

“ขับวินนี่เหนื่อยไหม” เขาถามในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยการบังคับทิศทางของผม เขาบอกทางเป็นระยะแล้วก็ชวนคุยในหลายๆ เรื่อง

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ แต่ค่อนข้างลำบากเวลาฝนตก แดดแรงก็เป็นอุปสรรคเหมือนกัน แต่คนเรียนมาน้อยก็มีงานนี้แหละครับที่สบาย ไม่ต้องใช้สมองมากด้วย”

“แล้วไม่อยากเรียนต่อเหรอ”

“ไม่รู้สิครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้ามีโอกาสได้เรียนจริงๆ ก็ไม่รู้จะเรียนอะไร เดี๋ยวนี้คนจบปริญญาตรีก็ตกงานกันเยอะแยะ”

เขาหัวเราะ คงเห็นด้วยกับคำพูดของผม “นั่นสินะ”

“คุณธนิกไปต่างประเทศสนุกมั้ยครับ”

“ถ้าไปเที่ยวคงสนุกนะ แต่ไปทำงานก็เลยเครียดนิดหน่อย แล้วขวัญล่ะ อยู่ทางนี้เป็นยังไง”

“ก็ดีนะครับ ผมไม่มีเรื่องให้เครียด อ่า แต่ที่จริงเมื่อครึ่งเดือนก่อน ไอ้หลงหมาที่บ้านของผมป่วยก็เลยเครียดนิดหนึ่ง”

“มีหมาชื่อหลงเหรอ”

“ใช่ครับ เพราะมันหลงทางมา น้าลีก็เลยตั้งชื่อว่าบุญหลง”

“ชื่อเพราะดีนะ ดีกว่าหมาที่แม่พี่เลี้ยงไว้ มันชื่อฌองปิแอร์ เป็นชื่อที่เกินตัวมากไป”

แค่ชื่อหมาก็ไม่มีอะไรจะไปสู้แล้ว รู้อย่างนี้ตั้งชื่อไอ้หลงว่าเจมส์ก็คงดี

ผมขับพาคุณธนิกลัดเลาะซอยมาจนถึงร้านอาหาร สถานที่ที่จะเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุดของผมในค่ำคืนนี้

“เข้าไปในร้านกัน” คุณธนิกบอก แตะที่กลางหลังของผมแผ่วเบา ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในร้านพร้อมเขา

ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารที่เน้นอาหารทะเล ไม่ได้หรูหราราคาแพงอย่างที่ผมนึกกลัว ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีฟ้าสบายตา เห็นพนักงานวิ่งวุ่นเสิร์ฟอาหาร บางคนกำลังยืนรับออร์เดอร์ ผมหันมองคุณธนิก แน่ใจว่าเขาก็คงไม่เคยมากินร้านแบบนี้เหมือนกัน เพราะเขาดูตื่นคนเล็กน้อย

“เสียงดังไปนิด” เขาว่า แล้วหันไปทางพนักงานที่กำลังเดินเข้ามาต้อนรับ “มากันสองคนครับ”

“เชิญทางนี้ค่ะ”

พวกเราเดินตามพนักงานมาจนถึงโต๊ะที่ว่าง เป็นโต๊ะที่อยู่ตรงระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวร้าน ด้านหน้าเป็นสวน ด้านหลังเป็นกระจกที่กั้นระหว่างภายในและภายนอก คุณธนิกนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับผม รับเมนูจากพนักงานมาดูแล้วก็ยื่นให้ผมด้วย แต่ผมไม่รู้จะสั่งอะไรเพราะเกรงใจเขา อาหารแต่ละเมนูทำให้นึกอยากพาเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวป้านีขึ้นมา ผมรู้ว่าเขามีเงินจ่าย ถึงอย่างนั้นผมก็เกรงใจมากๆ

“ขวัญอยากกินอะไรก็สั่งนะ”

“คุณธนิกสั่งเลยครับ ผมกินอะไรก็ได้”

“งั้นเหรอ” เขาทวนคำ กวาดตามองเมนูแล้วเริ่มสั่ง ส่วนผมก็นั่งจิบน้ำเปล่าแก้เก้อไปพลางๆ แล้วหันมองบรรยากาศรอบๆ ร้าน

ข้างนอกคนไม่เยอะเพราะอากาศร้อน ลูกค้าคนอื่นๆ ก็เลยอยากนั่งในห้องแอร์ แต่คุณธนิกไม่ชอบเสียงดังวุ่นวาย เขาเลยบอกพนักงานให้หาโต๊ะที่สามารถนั่งพูดคุยกันได้โดยไม่ต้องตะโกนจนได้มานั่งโต๊ะนอกร้าน บรรยากาศดีแบบนี้

“พี่เพิ่งเคยมาเหมือนกัน” เขาบอกหลังจากพนักงานเก็บเมนูไปแล้ว ทิ้งไว้แค่ผมกับเขาให้นั่งรออาหารมาเสิร์ฟ “ไว้ครั้งหน้าไปที่อื่นเนอะ”

ครั้งหน้า! จะมีครั้งหน้าอีกเหรอ!

“เลี้ยงผมแค่ครั้งนี้ก็พอแล้วครับ ผมเกรงใจ”

“ครั้งหน้าไม่เลี้ยง แชร์กัน” เขายิ้ม เหมือนกำลังพูดเรื่องตลก

“งั้นก็อย่าแพงนะครับ ผมไม่มีตังค์”

“เอ...แต่ครั้งหน้าพี่อยากกินสเต็ก”

“สเต็กลุงแช่มในซอยหน้าสถานีอร่อยมากครับ สเต็กหมู 79 บาท ผมพอจ่ายไหว”

คุณธนิกหัวเราะ ก่อนจะนั่งพิงหลังสบายๆ กับเก้าอี้ แล้วมองหน้าผม เขามองเข้ามาในตาจนผมต้องหลบ “ที่จริงอยากพาขวัญไปที่ร้านประจำของพี่ แต่มันคงดีกว่าถ้ามื้อแรกจะเป็นมื้อที่ไม่อึดอัด”

“ผมก็กลัวอยู่ครับว่าจะไปร้านหรูๆ หรือเปล่า เพราะตัวผมคงไม่ค่อยเหมาะ แหะๆ”

“ตรงไหนที่ไม่เหมาะ วันนี้ขวัญแต่งตัวน่ารักดี”

ผมคิดว่ารสนิยมของคุณธนิกอาจจะมีปัญหาก็ได้ที่มองว่าผมน่ารัก หรือเขาอาจจะแค่ยอผมก็ได้ แต่รอยยิ้มที่มอบให้มันทำให้ผมเชื่อสนิทใจว่าเขาพูดความจริง

“ที่บ้านมีใครบ้าง” เขาเริ่มคำถาม เหมือนกำลังทำความรู้จักในตัวผม

“มีผมกับไอ้หลงครับ น้าที่เลี้ยงผมมาท่านเสียไปแล้ว”

คุณธนิกมีสีหน้าที่อ่านไม่ออก แววตาของเขาก็อ่านยาก “เสียใจด้วยนะ แล้วพ่อกับแม่ขวัญล่ะ”

“แม่ผมตายแล้วครับ ส่วนพ่อผม ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แหะๆ”

“อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ”

“ก็เหงาเหมือนกันครับ”

เขาพยักหน้า สายตาที่ทอดมองมาที่ผมนั้นผมไม่เข้าใจความหมาย รู้แค่ว่ามันทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา

“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ”

“ขอบคุณนะครับ คุณธนิกใจดีกับผมมากๆ เลย” ทั้งๆ ที่ผมก็แค่เก็บกระเป๋าตังค์ไปส่งคืนให้ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้สร้างบุญคุณอะไรให้เขาต้องมาใส่ใจ แต่เขาก็ยังคิดจะช่วยเหลือผมมากเกินกว่าค่าตอบแทนที่คนทำดีคนหนึ่งจะได้รับ

“เพราะขวัญเป็นเด็กดี”

“ผมเกเรนิดหน่อยครับ ไม่ได้เป็นเด็กดีหรอก”

“เกเรยังไง เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ”

ผมเล่าวีรกรรมของผมให้คุณธนิกฟัง ทั้งเรื่องตอนอยู่โรงเรียนที่ชอบต่อยตีกับพวกไอ้วันโดยมีไอ้แนนคอยช่วย ทั้งเรื่องที่ชอบขโมยมะม่วงในสวนของคนในซอยเดียวกัน ความเกเรของผมสร้างเสียงหัวเราะให้กับคุณธนิก เขาพูดแค่ว่า เด็กดื้อๆ แล้วก็ยิ้ม ส่วนผมนั้นฟินตายไปแล้วเรียบร้อย

การโคจรของโลกที่แตกต่าง ผมเห็นแต่ความไม่พอดีเมื่อโลกทั้งสองขับเคลื่อน แต่เมื่อเข้าใกล้และหมุนไปพร้อมกัน น่าแปลกที่ความไม่พอดีเหล่านั้นเลือนหายไป แทนที่ด้วยความพอดีอย่างน่าประหลาด คงเพราะรอยยิ้มของคุณธนิกที่ทำให้ความไม่พอดีนั้นเลือนหายไปพริบตา

“น้าลีชอบกินกุ้งเผามากครับ แต่พวกเราไม่ค่อยมีเงิน หนึ่งปีจะได้กินหนึ่งครั้งก็ตอนปีใหม่ ผมกับน้าจะซื้อกุ้งมาหนึ่งกิโล เผากินแกล้มเบียร์แล้วเคาท์ดาวน์ไปด้วยกัน ตอนนั้นสนุกมากๆ เลยครับ”

ความทรงจำของผมมีแต่เรื่องดีๆ ผมไม่ได้เกิดมาอย่างคนที่มีมากจนเหลือ แต่ผมก็เต็มในแบบที่ผมสามารถจะมีได้ คุณธนิกยิ้ม เขาแกะกุ้งมาให้ผมหนึ่งตัว สร้างความตกใจให้ผมเล็กน้อย

“มะ...ไม่ต้องแกะมาให้ผมหรอกครับ คุณธนิกกินเถอะนะครับ แบบว่ามัน...”

“กินเถอะ อย่าให้พี่เสียน้ำใจ นี่เป็นกุ้งตัวแรกที่พี่แกะให้คนอื่นเลยนะ”

“ขะ...ขอบคุณนะครับ”

คุณธนิกครับ ถ้าผมชอบคุณแบบจริงจังขึ้นมามันก็เป็นความผิดของคุณธนิกเองนะครับ

“ปีใหม่ก็อีกตั้งหลายเดือน แต่พี่จองตัวเคาท์ดาวน์กับขวัญได้หรือเปล่า”

“หา!”

“ตกใจอะไร”

ผมมองรอยยิ้มของเขาด้วยความเบลอเล็กน้อย “คือแบบว่า... เคาท์ดาวน์กับคนอย่างผมเหรอครับ”

“อย่าพูดว่าคนอย่างผมสิ แต่ใช่ เคาท์ดาวน์กับขวัญ”

“คือ…”

“กะทันหันไปเหรอ งั้นไว้เราสนิทกันมากกว่านี้ พี่จะถามอีกครั้งนะ”

ผมไม่แน่ใจหรอกว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น แต่คุณธนิก...แบบว่า มันเป็นแบบนี้จะดีแล้วเหรอ ผมคิดได้ไหมนะว่าคุณธนิกอาจจะสนใจผมอยู่ หรือมันจะเป็นแค่เรื่องปกติทั่วไปกันวะ ผมว่าผมต้องปรึกษาไอ้แนนผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ซะแล้ว แต่ถามคุณธนิก จะได้คำตอบเร็วกว่ารึเปล่านะ

“ผมขอถาม เอ่อ...ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

“คำถามยากไหม”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ก็ค่อนข้างยาก” ยากตรงที่ผมจะถามออกไปนี่แหละ

“พี่ชอบซะด้วย คำถามยากๆ นี่ งั้นถามมาสิ”

“คือว่า...”

“หืม”

พอถูกเขาจ้อง สติของผมก็บินหายลับไปกับสายลมที่พัดมาตอนนี้ “คือว่าคุณธนิกชอบอาหารทะเลเหรอครับ”

“ฮ่าๆ ๆ นั่นสินะ” เขาหัวเราะ พลางทำท่าคิดเล็กน้อย “จะบอกยังไงดี พี่ก็กินได้ ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ”

“แล้วชอบอะไรเป็นพิเศษเหรอครับ”

“อืม...ชอบคนที่มากินด้วยตอนนี้มั้ง”

“ห้ะ!”

“ตกใจอะไร”

คำถามเดิมของเขาไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำหลังจากที่พูดถ้อยคำที่ทำให้ผมเกือบหัวใจวาย

“พี่ล้อเล่น เด็กโง่”

ไอ้เหี้ยแน๊นนนนนนนนนนนน!! ช่วยกูด้วยยยยยยย!! ผมได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ไม่รู้แล้วนะเว้ย ถ้าผมชอบเขาขึ้นมาจริงๆ ผมจะไม่รู้ด้วยแล้วนะ แต่ว่า...แต่ว่าคุณธนิกน่ะ เขาทำหน้าจริงจังมากเลยตอนบอกว่าชอบ ผมอยากคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน แต่มันไม่มีเหตุผลเลย เขาจะชอบผมได้ยังไง

“คุณธนิกครับ”

“ครับ”

“คือว่า...หลังจากนี้ ผม...ผมยังคุยกับคุณธนิกได้ใช่ไหมครับ”

“ได้” เขาตอบ อมยิ้มมองผม “แล้วขวัญอยากคุยกับพี่แบบไหน”

ผมตอบเขาไม่ได้ แม้อยากจะบอกออกไปว่าแบบคนที่ชอบ แต่ผมกลัวว่าทุกอย่างจะพัง ผมไม่รู้ความคิดของเขา ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของเขาจะเปลี่ยนไปไหมหากผมบอกว่าชอบออกไป

“จนกว่าขวัญจะหาคำตอบได้ เราคุยกันไปเรื่อยๆ นะ เพราะพี่อยากคุยกับขวัญเหมือนกัน”

“คะ...ครับ”

ผมมองเขา เต็มไปด้วยความสงสัย ทั้งรอยยิ้ม ทั้งคำพูด มันมีแต่ความน่าสงสัยเต็มไปหมด แต่เหมือนว่าเขารู้ว่าผมกำลังคิดอะไร

“อย่าสงสัยเลย แค่เหตุผลที่ขวัญน่ารัก พี่ว่าก็มากพอแล้วล่ะ”

ผมเชื่อเขาได้ใช่ไหม แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยก็ตาม คุณธนิกเขาจริงจังกับถ้อยคำที่พูดออกมาแค่ไหนกันนะ

“ขอบใจที่มากินข้าวด้วยกัน”

“ขอบคุณที่พาผมมาเหมือนกันครับ คุณธนิก”

โลกของผมกำลังหมุนไปด้วยความเร็วเท่ากับโลกของเขาหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นแบบนั้นโลกของเราสองคน จะรวมกันเป็นโลกใบเดียวได้ไหมนะ


......................To be continue................................

น้องขวัญสู้ๆ นะคะ คนดีๆ อย่างคุณธนิกอย่าปล่อยให้หลุดมือค่ะ สู้ต่อไปค่ะน้องงงงง  ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ ดีต่อใจมากๆ เลย ฮืออออ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 21-07-2018 21:45:02
เขินมากกกก ละมุนดีมากอะ มาต่อบ่อยๆนะคะ ชอบมาก  :heaven
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 21-07-2018 22:31:19
มาทรงนี้ก็คือคุณธนิกต้องแอบชอบขวัญแล้วอะ
เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-07-2018 22:32:44
คุณธนิกเอาจริงหรือเล่นๆคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 1 06/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: อนุบาลตัวแม่ ที่ 21-07-2018 22:49:10
เหมือนดอกฟ้ากับหมาวัดเลย สูงเกินเอื้อมจริงๆ แต่ก็เป็นกำลังใจให้น้องขวัญสู้ต่อไป
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 21-07-2018 22:57:28
กรี๊ดดดดดดดดด เรื่องใหม่ของคุณ Snufflehp มาแล้ววว งื้อออ เพิ่งจิเห็นนน รอติดตามจ้าาาา ♥♥
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: อนุบาลตัวแม่ ที่ 21-07-2018 23:15:12
ดูไปดูมาก็เหมือนชอบไอดอลจริงๆนั่นแหละ ออกแนวปลาบปลื้มชื่นชม แต่ก็เป็นกำลังใจให้น้องขวัญนะ สู้ๆ เครื่องบินมันจะตกลงมาทับหัวหมาเข้าสักวันแหละเนอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: อนุบาลตัวแม่ ที่ 21-07-2018 23:44:33
คุณธนิกทำธุรกิจไร่อ้อยหรือเปล่าคะ มาทำแบบนี้มันไม่ดีต่อใจคนแอบชอบเลยนะ ขอให้คุณธนิกจริงจังกับน้องขวัญเถอะไม่ใช่หลอกกินเล่นๆแล้วก็ทิ้ง กลัวใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 22-07-2018 00:08:16
ทำไมพี่เค้ารุกหนักจังคะ
นุ้งเขิลลลล 5555555
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-07-2018 00:41:41
เดี๋ยวค่ะคุณธนิก เล็งน้องขวัญไว้ตั้งแต่ตอนไหนคะ !!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 22-07-2018 01:13:43

งื้อออ คุณธนิก~
เขินจนหน้ามุดที่นอน มุดแล้วมุดอีก  :m1:

อ่านตอนนี้แล้วต้องหักห้ามใจไม่ยกน้องให้ง่ายๆ
//(ถึงน้องจะดูพร้อมมากก็ตาม ฮ่าๆๆ)
ถึงจะรุกหนักมากแต่ยังไม่ชัดเจนในความหมาย
แถมยังมีคู่หมั้นอยู่แล้วอีก
เราจะยังวางใจไม่ได้!!!  :a14:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-07-2018 03:09:45
โดนจีบแล้ววววววว รู้ตัวป่ะเนี่ย  :katai3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 22-07-2018 05:07:51
ไว้ใจคุณธนิกได้ใช่ไหม ตืนเต้นลุ้นเลย ถ้าคุณธนิกหลอกนี่น้องขวัญตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: sembia ที่ 22-07-2018 09:36:00
โอย ดีงามมากค่ะ ขอคุณธนิกห่อกลับบ้านค่ะ 555   :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-07-2018 10:09:52
คุณธนิกนี่ไม่มีอะไรเคลือบแฝงใช่ไหม
น้องขวัญสู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 22-07-2018 11:14:51
อยากรู้เหตุผลว่าทำไมคุณธนิกถึงชอบขวัญ ชอบตอนไหน เพราะอะไร
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 22-07-2018 11:39:10
ยังงงๆ ... ทำไมมาใกล้ชิด หรือมีเงื่อนงำอะไร
ดูไวเกินไป เอาเป็น ยังไม่ไว้ใจ ขอดูท่าทีต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 22-07-2018 12:52:19
มีอะไรเปล่านะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 22-07-2018 13:00:40
คุณธนิก น่าสงสัยนะคะ ต้องรอดูต่อไป ยังไม่ยอมรับเป็นพระเอกหรอกกกกก!!! :katai5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 22-07-2018 13:38:53
รุกแรงจังเลยนะคนเรา5555555 อยากจะแหมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 22-07-2018 14:25:41
รู้สึกไม่ไว้ใจคุณธนิกเลย เพิ่งคุยกันไม่กี่ครั้งแต่รุกเร็วมาก ทั้งยังต่างกันมากๆด้วย รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 3 21/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-07-2018 16:30:32
รู้สึกไม่ไว้ใจคุณธนิกเลย เพิ่งคุยกันไม่กี่ครั้งแต่รุกเร็วมาก ทั้งยังต่างกันมากๆด้วย รอตอนต่อไปค่ะ

คิดเหมือน
หรือจริงๆคุณธนิก เป็นไบ...... :z3:
หรือคุณธนิก ชอบชายแต่จำเป็นต้องหมั้น  :serius2:
แต่ขวัญ กู่ไม่กลับแล้วมั้ง   :o8: :impress2:
รอเฉลยนะ  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 22-07-2018 16:33:31
ตอนที่ 4



“ไอ้ขวัญ มึงรู้ไหมว่าเมื่อกี้ตอนไปส่งลูกค้าที่หน้าห้างกูเจออะไรมา!” ไอ้แนนที่เพิ่งกลับจากไปส่งลูกค้า รถยังไม่จอดสนิทดีด้วยซ้ำแต่มันก็ร้องเรียกผมหน้าตาตื่นเหมือนคนเพิ่งไปเจอเรื่องสยองขวัญมาหมาดๆ

“เจออะไรวะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ กำลังอ่านทวนบทสนทนากับคุณธนิกผ่านทางไลน์ก็ตกอกตกใจไปกับมันด้วย

“กูเจอคนหน้าเหมือนมึง หน้าเหมือนมาก!” ไอ้แนนบอก ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของมันบอกผมแค่ว่ามันไม่ได้ล้อเล่น

“หน้ากูไม่ได้โหลนะเว้ย จะไปเหมือนใครที่ไหนได้อีกวะ”

“เหมือนจริงๆ ถ้าคนนั้นไม่ได้เพิ่งลงจากรถเบนซ์กูคงทักไปแล้วว่าเป็นมึง หน้าเหมือนมึงมากจริงๆ นะ มึงแน่ใจมั้ยว่าไม่ได้มีแฝดที่ไหน”

“จะไปมีได้ไง ถ้ามีน้าลีก็บอกกูไปแล้วดิวะ”

“แต่น้าเก็บมึงมาเลี้ยงไม่ใช่เหรอไอ้ขวัญ”

“เก็บเหี้ยไรเล่า น้าลีเป็นน้องแม่กู พอแม่กูตาย น้าก็เลี้ยงกูมา กูไม่ได้มาจากสถานสงเคราะห์ไอ้ห่า”

น้าลีเลี้ยงผมมา แม้ผมจะจำเรื่องตอนที่เพิ่งคลอดไม่ได้ จำหน้าแม่ไม่ได้ หน้าพ่อก็ไม่ต้องพูดถึง แต่น้าลีก็เป็นน้องสาวของแม่จริงๆ ผมเอาความมั่นใจมาจากไหนน่ะเหรอ ก็น้าลีบอกผมแบบนั้น ผมเชื่อน้า เพราะน้าลีเป็นคนสุดท้ายในโลกที่จะโกหกผม อีกอย่าง...มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่พูดความจริง

“แต่กูเจอคนหน้าเหมือนมึงจริงๆ มันไม่มีเรื่องที่คนไม่ใช่ญาติพี่น้องกันจะหน้าเหมือนกันหรอกนะเว้ย”

“ไอ้แนน กูรู้ว่ามันอาจจะไม่มีเรื่องแบบนั้น แต่กูเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เขาบอกว่าในโลกนี้จะมีคนเหมือนเราอยู่สามคน คงเหมือนโลกคู่ขนานแนวๆ นั้นล่ะมั้ง แล้วพอคนที่เหมือนกันมาเจอกัน อีกคนหนึ่งก็ต้องตายให้ในโลกนี้เหลือคนที่เป็นตัวจริงเพียงคนเดียว”

“มึงดูการ์ตูนมากไป นั่นไม่ใช่จากหนังสือหรอกไอ้ห่า มันมาจากอนิเมะที่มึงเคยบอกว่าชอบมากไม่ใช่เหรอ แต่นี่กูพูดเรื่องจริงไอ้ขวัญ กูไปเจอมา กูเห็นเต็มสองตากู”

“เออๆ กูเชื่อมึงก็ได้” ผมตอบรับส่งๆ ไม่ได้เชื่ออย่างที่พูด เพราะไอ้แนนอาจจะตาฝาด มันน่ะเคยบอกผมว่าสายตามันไม่ค่อยดี แต่ก็ยังไม่มีเงินไปตัดแว่นมาใส่ เพราะตัดทีก็หลายพัน “ยังไงก็เก็บเรื่องไร้สาระนี่ไว้ก่อน มึงไม่ได้ลืมซื้อข้าวกล่องมาใช่ไหม”

ไอ้แนนยังมีสีหน้าครุ่นคิด แต่มันก็ยอมตอบคำถาม “เออ ซื้อมาน่า มึงโทรไปย้ำกูสองรอบ เอ้า! เอาไป ข้าวไข่เจียวหมูสับอมน้ำมันของมึง”

ผมรับข้าวกล่องมาจากไอ้แนน เปิดกล่องเช็กดูเมนูอาหารก็เห็นว่าได้ตรงที่สั่งไป แต่ไข่เจียวไม่ได้อมน้ำมันสักหน่อย มันก็แค่เยิ้มนิดๆ ไม่ถึงกับอมน้ำมันอย่างที่ว่าหรอก ผมน่ะชอบกินเพราะเป็นเมนูที่ง่ายยิ่งกว่ากะเพราไก่ไข่ดาว วันที่ขี้เกียจบึ่งรถไปร้านก๋วยเตี๋ยวป้านีก็จะมีเมนูนี้มาช่วยประทังชีวิต ส่วนไอ้แนนมันกินผัดไทยเป็นเมนูประจำ

ติ๊ง!

ผมวางกล่องข้าวแล้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู คุณธนิกส่งข้อความมาทางไลน์ เป็นข้อความแรกของวันนี้ระหว่างเรา



คุณธนิก: ขวัญครับ กินอะไรหรือยัง


ผมบันทึกชื่อของเขาไว้แบบนั้นเพราะอ่านง่ายมากกว่า Display Name ของเขา


ขวัญพัฒน์: กำลังจะกินครับ


ผมพิมพ์ตอบพร้อมกับส่งรูปกล่องข้าวไข่เจียวไปให้เขาดู


คุณธนิก: น่ากินดีนะ

ขวัญพัฒน์: กินด้วยกันมั้ยครับ

คุณธนิก: ได้เหรอ งั้นเอามาให้พี่หน่อยสิครับ

ขวัญพัฒน์: จะกินจริงๆ เหรอครับ มันแค่ข้าวไข่เจียวนะ

คุณธนิก: ขวัญให้พี่กินมั้ยล่ะ

ขวัญพัฒน์: ให้กินครับ แต่ว่าไม่รู้จะอร่อยถูกปากหรือเปล่า

คุณธนิก: อาจจะถูกปากนะถ้าได้กินด้วยกัน


ผมไม่รู้จะพิมพ์ตอบไปว่าอย่างไร คุณธนิกเหมือนกำลังจีบผมอยู่เลย ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่เขาทำอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่วันที่ไปกินข้าวด้วยกันจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบสามสัปดาห์แล้ว เราคุยกันตลอด เขาจะโทรหาผมตอนเลิกงาน ในระหว่างวันก็จะคุยกันผ่านไลน์ ถึงผมจะเรียนมาน้อยแต่ผมก็พอรู้ว่าการกระทำแบบนี้คืออะไร

เขาจีบผม! เขาชอบผมอยู่แน่ๆ

“เป็นเหี้ยไรไอ้ขวัญ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” ไอ้แนนที่กำลังยัดผัดไทยสีจืดชืดเข้าปากหันมาถาม “รีบแดกข้าวดิ เล่นมือถืออยู่ได้”

“ไม่ได้เล่น กำลังตอบไลน์เว้ย”

“ไลน์จากคุณธนิกเหรอวะ” ไอ้แนนชะโงกหน้ามาดู แต่ผมเบี่ยงตัวหลบ แม้จะเล่าเกือบทุกเรื่องในชีวิตให้มันฟัง แต่ผมก็รู้สึกกระดากที่จะให้มันเห็นบทสนทนา

“อืม”

ไอ้แนนทำหน้าครุ่นคิด มันเคยวิเคราะห์เรื่องนี้ให้ผมฟังไปแล้ว ซึ่งทั้งผมทั้งมันก็คิดเหมือนกัน “ทำไมกูรู้สึกว่าเขาแปลกๆ วะ”

ใช่ ผมก็คิดว่าเขาแปลก แต่เมื่อได้ฟังจากปากไอ้แนนแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “แปลกที่มาจีบคนอย่างกูรึไง”

“แล้วมึงคิดว่าไม่แปลกเหรอ” ไอ้แนนย้อนถาม “มึงคิดดีๆ นะเว้ยไอ้ขวัญ คุณธนิกเขาเป็นคนรวยมาก แล้วเขาก็หล่อมาก มีโอกาสหนึ่งในล้านๆ เลยที่เขาจะมาสนใจไอ้เด็กขับวินอย่างมึง มึงคิดดูสิว่ามึงมีอะไรดึงดูดใจเขาบ้าง ถึงหน้ามึงจะพอไปวัดไปวาได้ แต่นอกนั้นคือไม่มีความเป็นไปได้อยู่ในตัวมึงเลยนะเว้ย ทั้งฐานะ เสื้อผ้าการแต่งตัว รสนิยม สังคมความเป็นอยู่ ไหนจะเรื่องที่เขาไม่ได้เป็นเกย์อีก เขามีคู่หมั้นแล้ว พี่จอยเคยบอกจำได้ไหมล่ะ!”

คู่หมั้น...ผมจำได้อยู่แล้วว่าเขามีคู่หมั้น เป็นเรื่องที่ต่อให้จะทำทีลืมไปบ้าง แต่ก็มักจะหวนมาตอกย้ำและดึงให้ผมกลับสู่ความจริง ให้ความแน่ใจที่ว่าเขากำลังจีบผมอยู่นั้นสั่นคลอน

“กูจำได้น่า มึงไม่ต้องย้ำหรอก แต่ว่ากูอาจจะเป็นหนึ่งในล้านๆ ก็ได้นะเว้ยไอ้แนน แบบ...เขาอาจจะชอบกูจริงๆ ก็ได้”

ผมสงสัยมากพอๆ กับไอ้แนน แต่ใจกลับไม่ยอมเชื่อในเหตุและผลที่เพื่อนยกมาพูดเลย ผมกลับอยากเชื่อว่าเขาชอบผมจริงๆ ถึงความเป็นไปได้มันจะมีน้อยมาก แต่แล้วเพราะอะไรล่ะที่เขาทำแบบนี้ ผมตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอกนอกจากเขามีใจ

“มึงโง่มากไอ้ขวัญ คุณธนิกกำลังปิดตามึง มึงอย่าไปเชื่อเขามากนะเว้ย เขาอาจจะแค่อยากลองของแปลกก็ได้”

“กูแปลกตรงไหนวะ กูก็คนนะไอ้แนน” แม้จะเป็นคนที่ไม่คู่ควรกับเขา แต่ผมก็ภูมิใจในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่ครบสามสิบสองประการ

“อีกไม่นานเขาจะทำให้มึงไม่ใช่คนไอ้ขวัญ คือมึงเข้าใจไหม กูคิดนะเว้ย แบบ...เขาน่าจะเลือกได้ดีกว่านี้ว่ะ เฮ้ย แต่กูไม่ได้ดูถูกมึงหรอกนะ” ไอ้แนนรีบพูดเมื่อเห็นผมตวัดตามอง

“กูรู้น่า กูก็แอบคิดเหมือนกันว่าอย่างคุณธนิกเขาหาได้ดีกว่านี้แน่ แต่แล้วยังไงวะ กูคงตรงสเปคเขา มึงก็รู้นี่ว่าถ้าเจอคนที่ใช่ขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ห้ามไม่ให้รู้สึกไม่ได้หรอก”

ไอ้แนนทำท่าโก่งคออ้วก แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรกลับมา มันคงรู้ว่าต่อให้พูดมากกว่านี้ก็ห้ามผมไม่ได้อยู่ดี


คุณธนิก: ขวัญมาหาพี่ได้มั้ย มากินข้าวกลางวันด้วยกัน



“ไอ้แนน เขาชวนกูไปกินข้าว” ผมรีบสะกิดไอ้แนนยิกๆ “กูควรไปรึเปล่าวะ”

“ถามกูทำไม ต่อให้กูห้าม ตอนนี้หัวใจมึงก็ไปอยู่ใกล้ตีนรอให้เขากระทืบทิ้งแล้ว”

คุณธนิกคงไม่ใจร้ายอย่างนั้นหรอก บางทีเขาอาจจะเก็บหัวใจของผมขึ้นมาแล้วให้ความอบอุ่นกับมันก็ได้

“ไอ้เพื่อนเวร มึงอย่าคิดในแง่ร้ายดิวะ คุณธนิกเขาเป็นคนดีนะเว้ย เขาไม่หลอกกูหรอก”

“ถ้างั้นมึงก็ไปสิ ไปให้รู้เลยว่ามึงหรือกูที่คิดผิด”

ไอ้แนนท้าทาย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกป๊อดเล็กน้อย ผมคิดว่าผมยังไม่พร้อมที่จะหาคำตอบ แต่ก็ยอมรับจริงๆ ว่ากังวลเอามากๆ


คุณธนิก: ถ้าขวัญกินแล้ว เอาไว้ตอนเย็นก็ได้

คุณธนิก: อ่านแล้วก็ตอบได้ไหม คุยกับพี่หน่อย



ผมยกมือลูบหน้าตัวเอง รู้สึกร้อนรุ่มในใจชอบกล ทำไมวะ ทำไมผมถึงเอาแต่สงสัยความรู้สึกของเขา หรือเพราะความเป็นไปไม่ได้มีมากเกินไป หนำซ้ำไอ้แนนยังเอาแต่พูดว่าเขากำลังหลอกผม

แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาต้องมาหลอก จะหลอกฟันผมเหรอ ไม่หรอก ผมว่าคนอย่างเขาไม่ต้องลงทุนทำเรื่องแบบนี้ก็มีคนถวายตัวให้เขา ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นผมก็ได้ถ้าผมใจกล้ามากพอ


คุณธนิก: ขวัญครับ



ผมชอบเวลาที่เขาเรียกแบบนี้ ไม่ว่าจะพิมพ์หรือพูด เขาจะเปิดบทสนทนาแบบนี้เสมอเลย



ขวัญพัฒน์: ขอโทษทีครับที่ผมไม่ว่างพิมพ์ตอบ มือจับช้อนอยู่ครับ แหะๆ

คุณธนิก: อิ่มหรือยัง

ขวัญพัฒน์: ครับ อิ่มแล้ว

คุณธนิก: อยากกินกาแฟไหม

ขวัญพัฒน์: ครับ ง่วงๆ อยู่เหมือนกัน

คุณธนิก: มากินที่บริษัทพี่สิ พี่เลี้ยง

ขวัญพัฒน์: เสียดายจังเลยครับ ผมซื้อกาแฟกระป๋องมาแล้ว

คุณธนิก: เอากาแฟกระป๋องมาแลกได้ไหม พี่อยากกิน


ผมอยากเจอเขา แต่ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงหากต้องเจอกันหลังจากที่ถูกเขาหยอดคำหวานมาเกือบสามสัปดาห์ ผมชอบเขานะ แต่ผมก็ทำตัวไม่ถูกเลย ความชอบของผมตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสัย

ใช่แน่เหรอ จริงแน่เหรอ คำถามพวกนี้วนเวียนอยู่ในหัวผม

ขวัญพัฒน์: งั้นเดี๋ยวผมไปหานะครับ

คุณธนิก: ดีจัง ยอมมาเจอกันแล้ว

ขวัญพัฒน์: คุณธนิกให้ไปเจอที่ไหนครับ

คุณธนิก: ร้านกาแฟก็ได้ครับ

ขวัญพัฒน์: ผมออกไปเลยนะ

คุณธนิก: ครับ พี่จะรอขวัญนะ


“มึงจะไปไหน” ไอ้แนนถาม มันเหลือบมองผมที่กำลังถีบคันสตาร์ท

“ไปหาคุณธนิก” ผมตอบ รู้สึกหน้าร้อนๆ เล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของไอ้แนน

“อย่าโดนเขากินง่ายๆ ล่ะมึง รีบไปก็รีบกลับ ต้องทำมาหากิน เดี๋ยวก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านหรอก”

“เออน่า เดี๋ยวกูมา มึงกินกล้วยแขกมั้ยล่ะ ที่ขายใกล้บริษัทน่ะ”

“เออๆ ซื้อมาฝากกูด้วย”

คนอย่างไอ้แนนต้องหาของกินมาปิดปากมันไว้ มันจะได้ไม่บ่นอะไรมาก เพราะหลังจากน้าลีไม่อยู่ ไอ้เพื่อนคนนี้ก็ทำตัวเป็นผู้ปกครองของผม มันทำไปก็เพราะเป็นห่วงนั่นแหละ แต่ตอนนี้มันบ่นเก่งแซงหน้าเมียของมันไปแล้ว

ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาที่บริษัทของคุณธนิก แวะทักทายพี่เปี๊ยกแล้วฝากรถไว้ รอจนคุณธนิกลงมาหน้าตึกถึงจะเดินไปพร้อมกับเขา เพราะการแต่งตัวของผมคงไม่เหมาะที่จะเข้าไปคนเดียว

“กินเหมือนพี่อีกมั้ย” เขาแซวเมื่อเราเดินเข้ามาในร้านกันแล้ว

“ไม่ดีกว่าครับ แหะๆ”

“งั้นกินอะไรดี” เขาทำท่าคิด จากนั้นก็สั่งเมนูแนะนำของทางร้านให้ผม ความใส่ใจของเขาทำให้หัวใจของผมเต้นรัวขึ้นมา “ขวัญไปรอพี่ที่โต๊ะนะ เดี๋ยวพี่เลือกเค้กไปให้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ชอบกินเค้กครับ” ผมรีบพูด เค้กแต่ละชิ้นแพงจะตาย แค่ชิ้นเล็กๆ ราคาก็สองสามร้อย ไม่รู้ว่าทำจากละอองทองหรือไงถึงได้แพงขนาดนั้น แต่คุณธนิกดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของผม หรือเขาได้ยินแต่ไม่ได้สนใจ เขาเลือกเค้ก ส่วนผมก็เลยต้องไปนั่งรอที่โต๊ะ

นั่งรอไม่นานคุณธนิกก็เดินมานั่งโซฟาตัวตรงข้ามกันพร้อมเค้กหน้าตาน่าทานมากๆ หนึ่งชิ้น เขานั่งลง เลื่อนจานมาตรงหน้าผม

“แลกกับกาแฟกระป๋อง” เขายิ้มเล็กน้อยแล้วแบมือมาตรงหน้า

“จะกินจริงๆ เหรอครับ ผมนึกว่าคุณธนิกพูดเล่นก็เลยไม่ได้เอามา” คิดว่าเขาแค่หาข้ออ้างเลี้ยงกาแฟผมซะอีก

“กับขวัญ พี่จริงจังนะ” เขาพูด แววจริงจังปรากฎชัดบนสีหน้า “ทุกเรื่องที่พูด จริงจังทั้งนั้น”

ผมรู้สึกประหม่าเอามากๆ เพราะทั้งชีวิตยังไม่เคยถูกใครหยอดคำหวานใส่อย่างนี้ แถมยังหยอดหนัก หยอดถี่ หยอดได้ทุกวี่ทุกวัน คุณธนิกกำลังคิดอะไรอยู่นะ เขาเห็นผมเป็นสาวน้อยหรืออย่างไร

“ขวัญครับ”

“คะ...ครับ”

รอยยิ้มของเขาเหมือนมนต์สะกด คำพูดของเขาเหมือนเวทมนต์คาถาที่กำลังทำให้ผมลุ่มหลง น้ำเสียงของเขากำลังทำให้หัวใจผมสั่นไหว

“เย็นนี้อยากกินอะไร”

“คือว่าผม...ผมไม่รู้หรอกครับ” ผมบอกเสียงเบา “ปกติผมกินแต่ของง่ายๆ ไม่มีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษ”

“ขวัญตอบแบบนี้ พี่คิดได้มั้ยว่าเย็นนี้ขวัญตกลงจะไปกินข้าวกับพี่”

“ขอผมคิดก่อนนะครับ ผมไม่มีเงินแชร์ ใกล้สิ้นเดือนแล้วต้องเก็บเงินจ่ายค่าเช่าบ้านน่ะครับ”

เขาหัวเราะ สายตาที่ทอดมองมาอ่อนโยนอย่างที่ค่อยๆ ปัดเป่าความสงสัยของผมออกไปทีละน้อย

“ค่าเช่าบ้านเหรอ พี่จ่ายให้มั้ย” ไม่มีแววล้อเล่นในดวงตาของเขาเลย “พี่อยากดูแลขวัญนะ”

“คือ...หมายความว่ายังไงเหรอครับ”

ผมถามเพราะไม่เข้าใจความหมายของเขา หรืออาจจะเข้าใจแต่มันยากจะเชื่อ ความสับสนทำให้ผมไม่มีคำตอบที่แน่ชัด

“อยากดูแลต้องมีความหมายยังไงดีนะ” เขาทำท่าครุ่นคิด ยกนิ้วขึ้นลูบคาง

ผมมองเขา เราสบตากัน แค่ชั่วครู่เท่านั้นผมกลับคิดว่าผมเข้าใจความหมายที่เขากำลังสื่อ

ไอ้แนน มึงต้องไม่เชื่อแน่! ขนาดกูก็ยังไม่เชื่อเลย!

“กินเค้กสิครับ พนักงานแนะนำมาว่าอร่อย” ยังไม่ทันที่ผมจะหายตกใจกับคำพูดของเขา เขาก็หยิบส้อม ตัดเค้กเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำไว้ให้ โชคดีที่ไม่ป้อน ไม่งั้นผมคงหัวใจวายตายไปแล้วแน่ๆ “หรือจะให้พี่ป้อน”

“ไม่ครับ ไม่ๆ ๆ ผมกินเองครับ” ผมรีบจิ้มเค้กเข้าปาก เพราะกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่พูดขึ้นมาจริงๆ

คุณธนิกคลี่ยิ้ม เขามองหน้าผม “พี่ทำให้ตกใจหรือเปล่านะ”

“ครับ?”

“ตกใจไหมที่เป็นแบบนี้”

ผมควรตอบเขาตามตรงใช่ไหม “ตกใจครับ แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรด้วย”

“นั่นสินะ” เขาเห็นด้วย หยุดพูดไปเพียงครู่เพราะพนักงานเอาเครื่องดื่มที่สั่งไปมาเสิร์ฟ และเมื่อพนักงานทำหน้าที่เสร็จสิ้น เขาก็เริ่มเขย่าหัวใจผมอีกครั้ง “แต่ไม่มีอะไรที่เข้าใจยากหรอก พี่ไม่ใช่คนเข้าใจยากขนาดนั้น”

แต่ก็ไม่ง่ายหรอกผมแน่ใจ เขามีสีหน้าที่อ่านไม่ออก มีแววตาที่ผมไม่เข้าใจความหมาย มีอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ชวนสงสัย เขาเข้าใกล้อย่างกะทันหัน รวดเร็วและโจมตีอย่างหนักหน่วงจนผมตั้งตัวไม่ทัน

“คือ...คุณธนิกครับ ผมรู้มาว่าคุณธนิกมีคู่หมั้นแล้ว”

ผมไม่กล้ามองเขาตอนที่พูด แค่อยากเตือนเขาว่าตอนนี้เขาไม่ใช่คนโสดที่จะขายขนมจีบให้ใครพร่ำเพรื่อ แต่เผลอสบตากับเขาแว๊บหนึ่ง ผมก็เหมือนถูกไฟช็อต รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในใจระเบิดออกมา เขามองตรงมาที่ผม เปิดเผยไม่หลบเลี่ยง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น ทั้งความรู้สึกและความหมายของมัน ผมตีความไม่ได้เลย

“อืม พี่มีคู่หมั้นแล้ว” นำ้เสียงของเขาฟังดูไม่ทุกข์ร้อน ราวกับเรื่องที่กำลังพูดถึงคือเรื่องปกติธรรมดาที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะเป็น ผู้ชายทุกคนที่มีเจ้าของสามารถทำตัวเจ้าชู้ใส่ใครก็ได้ที่นึกพึงใจเหมือนเป็นเรื่องทั่วไปที่ใครๆ ก็ทำกัน

ทั้งๆ ที่ผมก็รู้ดีว่า ไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปเลย แต่กลับคิดว่าเป็นแบบนี้คงดีแล้ว

“อ๋อ...ครับ”

“แต่คู่หมั้นของพี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของเรานี่ จริงไหมครับ”

เดี๋ยวนะ...นี่เป็นคำพูดของผู้ชายที่เห็นแก่ตัวหรือเปล่า ถ้าผมเล่าให้ไอ้แนนฟัง ว่าที่มนุษย์พ่อลูกอ่อนอย่างมันจะออกความเห็นว่ายังไงบ้าง แน่นอนว่าคำแรกที่หลุดออกจากปากของมันก็คือคำว่า ชั่วช้า!

“เรื่องของเราเหรอครับ”

“ใช่ เรื่องของพี่กับขวัญ”

“ผมไม่ค่อยเข้าใจ คือว่านะครับคุณธนิก ผมว่ามัน...”

เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไหม แล้วคุณมีทางออกกับเรื่องนี้อย่างไร ตอนนี้คนที่ผมชอบและอยู่ไกลเกินเอื้อมกำลังทำเรื่องน่าเหลือเชื่อ เขาจับมือผม มองตาผม แล้วก็พูดในสิ่งที่ผมอยากฟัง

“ให้พี่ดูแลขวัญได้มั้ย ให้โอกาสพี่ได้อยู่ข้างๆ เด็กดีอย่างขวัญนะ”

“ผมไม่เข้าใจเลย”

“ค่อยๆ ทำความเข้าใจก็ได้ พี่ไม่รีบ”

ต่อให้เขาไม่รีบ แต่ผมก็แน่ใจว่าผมคงไม่สามารถเข้าใจเขาได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้หรอก ใครจะทำใจเชื่อลงว่าคุณธนิกที่ผมเฝ้ามองมานานคนนี้จะบอกว่าอยากอยู่ข้างๆ ผม “คนอย่างผมน่ะเหรอครับ อีกอย่างคุณธนิกก็มี...”

“แล้วยังไงเหรอ” เขาถามขัดขึ้นโดยที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำ “ถ้าพี่ชอบคนอย่างขวัญแล้วจะมีปัญหาอะไรเหรอครับ”

คงไม่มีอะไรที่ผมจะตกใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่ท่ามกลางความตกใจ หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมา มันบอกผมว่าไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องไปกังวลเรื่องอื่น ไม่ต้องไปสงสัยในตัวเขา คุณธนิกบอกชอบผม แม้จะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ เป็นเรื่องที่โคตรประหลาดเพราะเมื่อไม่นานมานี้เรายังอยู่กันคนละโลก ผมกับเขาเป็นเหมือนโลกคู่ขนานที่ไม่มีทางมาอยู่ร่วมกันได้ แต่เขากลับทำเหมือนเป็นเรื่องง่ายได้ที่เราสองคนจะอยู่ในโลกใบเดียวกัน

เขาบอกชอบผม เขาพูดอย่างนั้น แล้วค่อนหัวใจของผมก็เชื่อเขาไปแล้ว

“ขวัญชอบพี่บ้างมั้ย”

“ผม…” จะเป็นอะไรไหมที่ผมจะพูดออกไป กระเป๋าตังค์ราคาแพงใบนั้นกำลังนำทางให้ผม มันตอบแทนความดีของผมแล้ว ผมไม่ได้เจ็บตัวฟรีเลย ผมรู้สึกว่าต่อให้โดนไอ้วันกับไอ้ทิวกระทืบหนักกว่านี้ก็คุ้มค่ามากๆ “ชอบครับ”

“ชอบแล้วยังไงต่อดีนะ” น้ำเสียงของเขานุ่มนวล เหมือนดังอยู่ใกล้ๆ หู ราวกับว่าโลกทั้งใบมีแต่เสียงของเขาที่ดังอยู่ในขณะนี้ “คบกันดีมั้ย”

“มัน...คือ มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับ”

เขายิ้ม ไม่ได้ไม่พอใจกับคำพูดของผม “งั้นพี่จะรอ ขวัญพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพี่นะครับ”

ถ้าบอกว่าคบกัน มันคือความหมายของการคบเป็นแฟนหรือเปล่า หรือมันจะมีความหมายในฐานะอื่นอีกผมก็ไม่แน่ใจ

“เย็นนี้พี่พาไปกินข้าวนะครับ ขวัญมารอพี่นะ”

“ได้ครับ”

แต่เมื่อเขายิ้ม ความไม่แน่ใจที่ผมมีก็หายไปราวกับผีลักซ่อน

.................................

ต่อหน้า 3
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 3
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 22-07-2018 16:36:03
“เป็นไรไอ้ขวัญ กลับมาก็เอาแต่เหม่อ”

“มึงต้องไม่เชื่อแน่ๆ ไอ้แนน”

“ไม่เชื่ออะไรวะ”

“คุณธนิกขอคบกับกูเว้ยมึง เขาบอกว่าเขาชอบกู”

ไอ้แนนทำหน้าเหมือนเห็นผีพอๆ กับตอนที่มันมาบอกผมว่าเจอคนหน้าเหมือนผม “อย่าบอกกูนะว่ามึงเชื่อ”

“เอ้า ไอ้ห่า กูได้ยินมากับหู กูก็ต้องเชื่อสิวะ”

ไอ้แนนตบหัวผมไปหนึ่งที “กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้นเว้ย แล้วมึงตกลงคบกับเขาไปรึยัง”

ก็เพราะคำตอบของคำถามนี้แหละที่ทำให้ช่วงบ่ายของผมเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ในหัวก้องไปด้วยเสียงของคุณธนิก หัวใจเอาแต่สั่นไหวกับถ้อยคำจากเขา เรื่องคบก็อยากคบ อยากรีบตอบตกลงด้วยซ้ำ แต่มันดูเหมือนง่ายเกินไป ผมแน่ใจว่าคนอย่างผมไม่มีความโชคดีอะไรขนาดนั้น มันก็เลยต้องมานั่งคิดไม่ตกอยู่อย่างนี้

“ยังว่ะ กูรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจริงยังไงก็ไม่รู้ ก็เลยยังไม่ได้ตกลง” ผมตอบเสียงอ่อย เห็นไอ้แนนกำลังมองมาด้วยสายตาเหลื่อมใส

“สมแล้วที่เป็นเพื่อนกู มึงก็ยังมีสมองอยู่นี่หว่า แต่ว่านะไอ้ขวัญ มึงต้องตั้งสติให้ดีต่อจากนี้นะเว้ย ไม่ง่ายหรอกถ้าจะปฏิเสธคนที่ชอบไปเรื่อยๆ ยังไงสักวันมึงก็ดิ้นไม่หลุดแน่”

ผมรู้ว่าต้องเป็นอย่างที่ไอ้แนนพูด “มึงว่ากูควรทำยังไงดีวะ กูต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไหม”

“ที่จริงแค่เรื่องที่เขามีคู่หมั้น มึงก็ควรต้องตัดใจได้แล้ว” ไอ้แนนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มันเป็นคนรักเดียวใจเดียวและไม่ชอบเรื่องการผิดศีลห้าข้อสามเลยแม้แต่น้อย

“แต่กูชอบเขานะเว้ย” แล้วเขาก็อาจจะชอบกูจริงๆ ก็ได้

“พวกชู้มันก็พูดเห็นแก่ตัวอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ เอาแต่พูดว่าชอบๆ โดยไม่เห็นใจคนอื่น มึงคิดดูว่าถ้ามึงเป็นคู่หมั้นเขา มึงจะเสียใจแค่ไหน”

“กูก็คงเสียใจ แต่ไอ้เหี้ยแนน มึงจะว่ากูเป็นชู้ไม่ได้นะเว้ย กูก็แค่...”

“อีกไม่นานมึงจะได้เป็น มึงเชื่อกูเถอะว่าถ้ามึงไม่ถอย มึงไม่รอดแน่ๆ มึงจะกลายเป็นพวกลักกินขโมยกิน เป็นตราบาปในใจไปตลอดชีวิต”

ไอ้แนนทำตัวเป็นหมอดู แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงคิดว่ามันทำนายได้แม่น คงเพราะเห็นอยู่โต้งๆ ว่าถ้าผมตกลงใจคบกับคุณธนิก ผมก็คงไม่ต่างอะไรกับการลักลอบเป็นชู้กับคนมีเจ้าของแล้ว เห็นตอนจบอย่างแน่ชัดแต่ผมก็ยังไม่คิดตัดใจ

“แต่เขาอาจจะไม่ได้รักกันก็ได้ เขากับคู่หมั้นของเขาอาจจะแค่หมั้นกันเพราะผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ ต่างคนอาจจะไม่ได้รักกันเลย”

“มึงดูละครมากไปจริงๆ ไอ้ขวัญ ตอนนี้แค่เขาบอกว่าชอบ ตามึงก็บอดไปข้างหนึ่งแล้ว”

ผมเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้แนนทุกคำ แต่อีกใจก็ยังรั้น ทั้งที่ความจริงแล้วผมก็แค่ชอบเขา แต่ผมไม่ได้ต้องการที่จะครอบครอง ผมชอบที่ได้มองเขาอยู่ไกลๆ ชอบที่เขาเฉิดฉายอยู่ตรงนั้น อยู่ในที่ที่ผมเอื้อมไปไม่ถึง และผมก็ยังอยากให้ความชอบของผมคงอยู่ต่อไปอย่างนี้ เพราะผมกลัวว่าหากขยับเข้าไปใกล้จะต้องถูกเผาตายเหมือนอย่างที่ไอ้แนนเคยเตือน ตอนนั้นผมหวังไว้แค่นั้น เพราะแค่เล็กน้อยก็คิดว่าลมๆ แล้งๆ เต็มที แต่ตอนนี้คุณธนิกกำลังโยนบันไดเชือกลงมาให้ผมปีนขึ้นไปถึงตัวเขา หอคอยสูงเสียดฟ้าที่มีเขาอยู่บนนั้น ตอนนี้มันมีทางปีนขึ้นไปแล้ว แล้วผมควรทำเมินกับบันไดเชือกที่เป็นเพียงโอกาสเดียวนี้เหรอ

“ตัดใจเถอะน่า อย่าไปยุ่งเลย คนที่ใช่ต้องมาในเวลาที่ใช่ด้วย เข้าใจไหมไอ้ขวัญ มันแปลกตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอวะ” ถ้อยคำของไอ้แนนเหมือนมีดคมๆ มันไม่สนับสนุนและกำลังขัดขวางอย่างสุดความสามารถ

“งั้นกูขอไปกินข้าวกับเขาเย็นนี้ แล้วกูจะตัดใจ จะไม่ติดต่อ จะไม่คุยกับเขาอีก” อีกสักครั้ง ให้ผมลิ้มรสความสุขจากเขาอีกสักครั้งเถอะนะ ถ้าได้ลองกินขนมหวานราคาแพงหนึ่งครั้ง ก็ต้องหาทางกินมันในครั้งต่อไปทั้งๆ ที่ไม่มีปัญญาซื้อ แต่เมื่อถูกใส่จานยื่นให้ตรงหน้า ผมคงไม่ผิดที่จะหยิบขึ้นมากิน

“ให้แน่นะเว้ย ไม่ใช่ว่าพอเขาพูดคำหวานมึงก็จะหลงไปกับเขาอีก”

“แน่สิ กูจะตัดใจ จะไม่ติดต่อกับเขา”

“ทำดีมาก มึงน่ะแค่มีกูกับไอ้หลงก็พอแล้วน่า อย่าหาเรื่องใส่ตัว”

“อืม”

แค่ไอ้แนนกับไอ้หลง แค่เท่านี้ผมก็ไม่รู้สึกขาด แล้วคุณธนิกล่ะ ถ้ามีเขาผมจะมีความสุขมากขึ้นไหมนะ

ผมคิดเรื่องของคุณธนิกจนแทบไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องอื่น ยิ่งได้อ่านข้อความที่เขาส่งมาทางไลน์ ผมก็พบว่าคงเป็นเรื่องยากถ้าจะต้องเลิกยุ่งกับคนปากหวานอย่างเขา เราคุยกันทุกคืน โทรหากันทุกวัน แม้จะไม่ได้เจอกันเลย แต่คุณธนิกทำให้ผมแน่ใจว่าเขาจะไม่หายไปจากชีวิตของผม ทุกคืนเขาจะบอกให้ผมนอนหลับฝันดี ทุกเช้าจะต้องส่งข้อความมาทักทาย





คุณธนิก: ฝันดีนะครับขวัญ ฝันถึงพี่ด้วยนะ

ขวัญพัฒน์: ครับ จะฝันถึงนะครับ





ข้อความเมื่อสองคืนก่อนที่เราคุยกันกำลังเลื่อนผ่านสายตาของผม





คุณธนิก: นอนคนเดียวเหงามั้ยครับ

ขวัญพัฒน์: นิดหน่อยครับ แต่เริ่มชินแล้ว

คุณธนิก: ไม่มีใครชินกับความเหงาได้หรอก พี่ก็นอนคนเดียว

ขวัญพัฒน์: จริงเหรอครับ

คุณธนิก: จริงสิ ไม่เชื่อเหรอ เปิดกล้องคุยกันมั้ย

ขวัญพัฒน์: ตอนนี้ปิดไฟนอนแล้ว เปิดกล้องไม่ได้ แต่ผมเชื่อคุณธนิกครับ

คุณธนิก: เสียดาย พี่อยากเห็นหน้าขวัญ

ขวัญพัฒน์: เน็ตผมไม่ค่อยดีน่ะครับ เปิดกล้องแล้วมันชอบกระตุก

คุณธนิก: ใช้รายเดือนไหม มีโปรเน็ตดีๆ อยู่นะ พี่จ่ายให้

ขวัญพัฒน์: ไม่เป็นไรครับ ผมก็ไม่ค่อยได้เล่น สมัครเน็ตรายสัปดาห์ดีแล้วครับ แหะๆ

คุณธนิก: ก็ได้ พี่ตามใจขวัญนะ แต่ว่าตอนนี้ถ่ายรูปมาให้พี่หน่อยครับ พี่อยากเห็นหน้า

ขวัญพัฒน์: ก็ได้ครับ ผมเลือกมุมถ่ายดีๆ ก่อนนะครับ ห้องรก

คุณธนิก: ต้องการคนเก็บกวาดให้ไหม

ขวัญพัฒน์: ไม่ครับ ผมเก็บเองได้

คุณธนิก: เป็นงั้นไป





ผมจะทำยังไงดีนะ ถ้าตอนเย็นนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนได้อยู่ในโลกแบบเดียวกัน หลังจากนั้นผมจะทุรนทุรายมากหรือเปล่า แต่ถ้าผมไปต่อ ผมกลับแน่ใจมากว่าผมจะพบกับจุดจบที่ทำให้ทุรนทุรายมากกว่าแน่ๆ

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย ผมเลื่อนไปดูข้อความปัจจุบันที่ส่งเข้ามา





คุณธนิก: ขวัญลืมเอากาแฟกระป๋องให้พี่





เขาทำให้ผมยิ้มแค่เรื่องเล็กๆ ที่หยิบยกขึ้นมาคุย





ขวัญพัฒน์: ตอนเย็นเอาไปให้นะครับ

คุณธนิก: ขอสองกระป๋อง

ขวัญพัฒน์: ขอดูเงินในกระเป๋าก่อนนะครับ ไม่แน่ใจว่าพอซื้อมั้ย

คุณธนิก: งั้นกระป๋องเดียวก็ได้

ขวัญพัฒน์: 555

คุณธนิก: วันนี้ไปร้านประจำของพี่นะ กินข้าวไปด้วยฟังเพลงไปด้วย พี่ว่าขวัญต้องชอบ

ขวัญพัฒน์: ได้ครับ ว่าแต่ผมต้องแต่งตัวยังไงดี ร้านหรูมากไหมครับ

คุณธนิก: ไม่ต้องกังวลหรอก ขวัญใส่อะไรก็น่ารัก ไม่รู้ว่าถ้าไม่ใส่เลยจะน่ารักมากกว่าไหม





คุณธนิกอยากให้ผมตอบอะไรกลับไปกันแน่นะถึงได้ถามแบบนี้ ผมควรจะตอบไปว่าผมเซ็กซี่มากๆ ดีไหมล่ะ





คุณธนิก: เขินเหรอ ทำไมอ่านแล้วไม่ตอบ

ขวัญพัฒน์: ผมไม่รู้จะตอบยังไงนี่ครับ คุณธนิกถามมาอย่างนั้น

คุณธนิก: ก็ตอบตามตรง

ขวัญพัฒน์: งั้นต้องบอกว่าผมเซ็กซี่มากๆ ครับ

คุณธนิก: อยากเห็นมาก

ขวัญพัฒน์: 555

คุณธนิก: อยากเลิกงานเร็วๆ พี่อยากอยู่กับขวัญ

ขวัญพัฒน์: เป็นผู้บริหาร พูดแบบนี้จะดีเหรอครับ

คุณธนิก: ใครว่าล่ะ พี่เป็นหัวหน้ารปภ. ถามพี่เปี๊ยกดูก็ได้

ขวัญพัฒน์: ผมเชื่อจริงนะ

คุณธนิก: ทีเรื่องแบบนี้เชื่อง่ายจัง งั้นเชื่อในความรู้สึกของพี่มั้ยครับ

ขวัญพัฒน์: ไปส่งลูกค้าดีกว่า ตอนเย็นเจอกันนะครับ

คุณธนิก: หนีเฉยเลย





“มึงไม่รอดแน่ไอ้ห่าขวัญ มึงตายแน่ๆ” เสียงของไอ้แนนเหมือนเสียงบทสวดที่กำลังกล่อมผมให้เชื่อตามนั้น

“กูจะตัดใจแล้ว ไม่ต้องห่วงเว้ย” ผมรีบปิดหน้าจอให้พ้นสายตาของไอ้แนน

“ไม่ให้ห่วงได้ยังไง มึงยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงรูหู ไม่หลงเขาเลย ไม่ชอบเขาเลย ไอ้โง่”

ไม่ใช่แค่ไอ้แนนไม่เชื่อ ผมก็ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้คิดหนักเลยว่าจะทำยังไงดี สมองสั่งให้ตัดใจแต่หัวใจสั่งให้ไปต่อ

“มึงต้องท่องไว้ไอ้ขวัญ คุณธนิกมีคู่หมั้นแล้ว คุณธนิกมีคู่หมั้นแล้ว และเขาไม่ได้ชอบมึงจริงๆ เขากำลังหลอกฟันมึง”

“แต่เขาจะมาหลอกฟันวินมอเตอร์ไซค์อย่างกูทำไมวะ ไม่เม้กเซ้นมากๆ”

สู้เอาเวลาที่เสียไปกับการมาตามจีบผมเกือบเดือน ไปหาคนที่คู่ควรมากกว่า ดีมากกว่ามานอนด้วยไม่ดีกว่าเหรอ

“อย่าเอาเหตุผลอะไรก็ตามที่มึงกำลังคิดมาลบล้างคำเตือนกู มึงเชื่อกูเถอะว่าเรื่องนี้มันไม่จริงสักนิด”

“เออๆ กูเชื่อมึงก็ได้”

“รับคำส่งๆ ไอ้ห่า ไป ไปส่งลูกค้าได้แล้ว พี่แจ้กวักมือเรียกมึงแล้วไอ้ฟาย”

“สงสารลูกที่จะเกิดมานะ เด็กมันจะอยู่กับพ่อขี้บ่นยังไงไหววะ”

“ปากดี เดี๊ยะๆ”

ผมรีบเข็นมอเตอร์ไซค์ไปตรงหน้าลูกค้าสาวสวยที่ยืนรออยู่ หลบมือของไอ้แนนได้อย่างฉิวเฉียด เอาเถอะนะ หาเงินก่อนดีกว่า อย่างน้อยคงได้เงินไปซื้อกาแฟกระป๋องให้คุณธนิกได้อีกสักกระป๋อง เรื่องของหัวใจไว้ค่อยว่ากันอีกที





คุณธนิก: พี่จองโต๊ะไว้แล้ว เย็นนี้เจอกันนะครับ



ถ้าคนที่ชอบบอกมาแบบนี้ ผมจะห้ามไม่ให้หัวใจของตัวเองระริกระรี้ไม่ได้หรอก เย็นนี้ต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นอีกแน่ คุณธนิกคงเตรียมตัวมาหว่านเสน่ห์ผมอย่างเต็มที่แน่นอน


.....................To be continue .....................

ตอนที่ 4 แล้วค่าทุกคน  :o8: เป็นกำลังใจให้น้องขวัญด้วยนะคะ ไม่ว่าน้องจะตัดสินใจยังไง เราจะอยู่ข้างน้องไปพร้อมไอ้หลงและน้องแนนค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 22-07-2018 17:17:54
อ่านไป กลัวไป จะมาม่าไหมคะ แบบ พระเอก? รุกเร็วไปไหม  :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 22-07-2018 17:21:06
อร๊ากกกกกกกกกก  :katai4: :katai4:
พยายามบอกตัวเองให้เชื่อว่าคุณธนิกชอบน้องจริงๆ
แต่พอพูดถึงเรื่องคู่หมั้น แล้วไม่สนใจ
มันแบบใช่เหรอ ความรู้สึกคุณธนิกมันจริงเหรอ
อ่านไปเกร็งไป ดราม่าจะโผล่มาบรรทัดไหน แงงงง

ตอนนี้เริ่มเอนเอียงไปทางคุณธนิกหลอก
อาจจะเกี่ยวข้องกับคนที่หน้าเหมือนน้องด้วย
น้องขวัญอาจจะเป็นกุญแจพาไปสู่ขุมทรัพย์!!!

แต่ไม่อยากให้ความคิดด้านลบมันจริงเลย
รอยยิ้มนั้น คำพูดดีๆ
การกระทำของคุณธนิก
ถ้ามันลวงตาแค่คิดเราก็เจ็บแล้ว
ถ้าคุณธนิกหลอกจริงน้องขวัญจะรับยังไงไหว
 :ling3: :ling3:

ชอบแนนจัง เป็นคนที่จะไม่หลอกน้องแน่ๆ
เสียดายมีเมียแล้ว ไม่งั้นจะเชียร์ให้คู่กับขวัญ
ขอให้ลูกสาวน่ารักๆ แข็งแรงๆ พ่อแนนจะได้ดีใจ

คิดถึงหลง ตอนนี้เพลย์บอยไม่มีบทเลย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 22-07-2018 17:50:03
คุณธนิกไม่น่าไว้ใจเลย มีอะไรแอบแฝงแน่นอน มีคนที่หน้าเหมือนขวัญมาอีก คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับคนที่หน้าเหมือนขวัญ
งานนี้ขวัญเสียใจแน่นอน เป็นกำลังใจให้ชวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-07-2018 17:50:59
เริ่มกลัวแทนน้องขวัญแล้วเนี่ย พระเอกแต่ละคนของคุณธรรมดาที่ไหน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-07-2018 17:53:33
คุณธนิกต้องมีอะไรสักอย่างไม่ธรรมดาแน่ๆ การกระทำไม่น่าไว้ใจ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 22-07-2018 17:54:39
อ่านแล้วไม่เชื่อใจเลย คุณธนิก!
ชอบง่ายไปไหม เหมือนไม่แคร์อะไรเลย
หรือจะแกล้งแล้วทำให้ตายใจ ต้องอับอายภายหลัง  เพราะเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับที่กระเป๋าสตางค์หาย หรือเปล่า?
อย่าไว้ใจ อย่าวางใจนะขวัญ ดูๆ ไปก่อน
ส่วนคนหน้าเหมือนนั่นต้องเป็นแฝดที่พลัดพรากกันไปแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-07-2018 18:27:01
คุณธนิกนี่หยอดอย่างเดียวนะ อย่าทำร้ายขวัญนะสงสาร
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 22-07-2018 18:36:48
คือเราพึ่งมานึกได้ว่าคนเขียนคือใคร พอนึกได้ปุ้ป เราสงสารน้องขวัญขึ้นมาทันที ว่าแล่วทำไมมันละมุนแปลกๆ เร็วไป คนเขียนไม่ทำให้ผิดหวังแน่ เตรียมด่าอิคุณธนิกครับผมม ยิ่งอ่านยิ่งได้กลิ่นตุๆ มาโปรด2ป่าวว5555 ใครก็ได้บอกเราทีว่าเราคิดมากไป  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-07-2018 18:40:59
ชักตระหงิดๆ แล้ว  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-07-2018 18:58:45
ขวัญมีเพื่อนดีและฉลาด แต่เรื่องแบบนี้ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุอะนะ ได้แต่หวังว่าจะไม่เจ็บหนัก จับตาดูจุดประสงค์ของคุณธนิกค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-07-2018 19:34:15
ทำไมเราระแวงคุณธนิก   o8  มันต้องไม่ราบรื่นขนาดนี้ดิ นี่คุณ snufflehp เลยนะ / คิดยิ่งกว่าสอบ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-07-2018 22:24:52
ยังไงล่ะคุณธนิก แปลกมากไป
แถมเรื่องคนหน้าเหมือนอีก สงสัยน้องขวัญเป็นลูกเศรษฐีจริง ๆ ละมั้งเนี่ย
แบบ มีแฝด แต่พ่อเอาไปเลี้วคนนึง แม่ก็เลี้ยงขวัญงี้
เดาไม่ถูกเลยง่าาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-07-2018 22:53:30
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 22-07-2018 23:21:23
อยากจับขวัญมาตีก้น :z3:
หนูอย่าพึ่งใจอ่อนสิลูก แม่กลัวว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 22-07-2018 23:33:26
น้องขวัญญญญญ พี่เป็นห่วงน้องนะคะ
กลัวน้องโดนหลอกจัง.... :katai5: :katai5: :katai5:
..
คุณธนิกเคยชอบคนหน้าเหมือนรึเปล่าแล้วมาตามจีบขวัญเพื่อเป็นตัวแทน... (เราอ่ะคิดเยอะ :serius2:)
ខ្ញុំមិនស្រួលចិត្តទេ.. :m15:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 22-07-2018 23:42:51
งงไปเลยยย แต่ทีมแนนนะ เป็นเพื่อนที่ดี ชี้นำในทางที่ถูกต้อง  :กอด1:
ใจขวัญคือไปแล้วอะ รั้งไม่อยู่ และคิดว่าหลังจากข้าวเย็นนี้ขวัญก็ตัดคุณธนิกไม่ได้อยู่ดี
ไม่อยากให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเบยย พออ่านตอนที่ขวัญคิดว่าเย็นนี้จะต้องมีอะไรดีๆเกิดขึ้น
เรารู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาเลย วิตกจริตจ้าาา มันจะตรงข้ามกับที่ขวัญคิดมั้ย  :ling1: :ling1:
เรารู้สึกว่าชีวิตขวัญเศร้าๆเหงาๆอะสำหรับเรา
ถึงขวัญจะบอกว่ามีความสุขดีก็เหอะ แต่แบบเราอ่านมุมมองขวัญต่อชีวิตตัวเองแล้วน้ำตาซึมๆ
ถ้าขวัญจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้บ้างไม่ได้ก็อย่าให้คุณธนิกเข้ามาทำให้แย่ลง  :katai4:
ถ้าคุณธนิกทำร้ายขวัญหรือหลอกขวัญนะ จะโกรธและเกลียดมากกกก
ยังไงก็ขอให้เป็นแค่ความวิตกจริตของเรา 555555 จริงๆแล้วคุณธนิกจริงใจจริงจริ้งง
ความรักของขวัญกับคุณธนิกจะสดใสฟรุ้งฟริ้งเหมือนสายรุ้ง
และขอให้คนหน้าเหมือนขวัญไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องราวหลังจากนี้
ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากแนนนน!!!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 23-07-2018 00:14:02
อ่านไปเสียวไป ต้มน่ำรอทุกตอน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 23-07-2018 00:42:42
ถอดรูปออกมาซะดีๆคุณธนิก อย่ามาหลอกขวัญนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 23-07-2018 07:17:33
อยู่ทีมชื่อเรื่องค่ะ555555555 #แบบนี้ก็ได้หรอ จะมีมาม่ามั้ยคือคุณธนิกนี่ใช่ย่อยอ่ะ รุกแรง รุกเร็ว น้องขวัญหนีไปลูก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-07-2018 09:23:26
ขวัญสู้ ๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: sembia ที่ 23-07-2018 09:55:03
คนที่หน้าเหมือนขวัญต้องเป็นตัวแปรแน่ๆเลยค่ะ ตอนนี้คุณธนิกน่ากลัวววว :z3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 23-07-2018 10:11:11
อ่านแล้วหน่วงๆ
ถ้าจะมาทำให้เสียใจ อย่ามาดีกว่า
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 23-07-2018 13:29:36
ถ้ามองจากมุมของคนนอกอย่างเรา ความเป็นไปได้มันน้อยมากเลยนะที่คนระดับผู้บริหาร โปรไฟล์ดี หน้าตาดี นิสัยดี จะมาชอบวินมอไซต์จนๆ โปรไฟล์ต่ำ(เมื่อเทียบกับของตัวเอง) หน้าตาพอไปวัดไปวา แต่นิสัยดี ซื่อๆ เพราะคนโปรไฟล์ดีเค้ามีโอกาสให้เลือกที่ดีๆเยอะกว่าไง ละยิ่งคุณธนิกเพิ่งมาเจอกับขวัญแค่สองครั้งแล้วจีบแบบรุกแรงๆ โจ่งแจ้งเลยอย่างเนี้ย มันยิ่งเป็นไปได้น้อยมากๆอีก (นี่ตกใจมากตั้งแต่ เลี้ยงข้าวครั้งแรกแล้วชวนกินข้าวด้วยกันครั้งต่อไป จะจ่ายค่าเช่าบ้านให้ อยากดูแล เรื่องคู่หมั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องของเรา จะจ่ายค่าเน็ตให้ แถมยังพูดจาเหมือนอยากให้ขวัญเข้ามาในชีวิตเค้า แล้วเค้ายังอยากเข้าไปในชีวิตขวัญอีก(ตอนถามว่าอยากได้คนช่วยทำความสะอาดมั้ย) คือเค้าอาจจะพูดเล่น แต่อินี่คิดจริงไง มันเลยน่าสงสัยและไม่น่าไว้ใจมากๆ) นี่คิดว่าคุณธนิกเข้าหาขวัญแบบไม่บริสุทธิ์ใจ แล้วมันต้องเกี่ยวกับคนหน้าคล้ายขวัญที่แนนเห็นแน่ๆ อย่างเช่นขวัญอาจจะเป็นลูกเศรษฐีแล้วมีฝาแฝด แล้วธนิกก็อาจจะมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเศรษฐีคนนั้น แล้วเผอิญรู้เรื่องฝาแฝด เลยมาเข้าทางขวัญ ทำให้ขวัญหลงหัวปักหัวปำเพื่อใช้เป็นหมากแน่ๆ #มโนเก่งเหลือเกินค่ะกู เป็นตุเป็นตะ5555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-07-2018 13:58:58
เรากลัว เราไม่เชื่อใจอย่างแรง

ขวัญหนีไปลูก วิ่ง


มันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 23-07-2018 14:45:28
อ่านไปก็ระแวงไป (ไม่ค่อยไว้ใจพระเอกของนางเลย)
เฮ้ออออ สู้ๆนะน้องขวัญ :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 23-07-2018 20:00:35
ระแวงพระเอกมากๆ รุกแรงเกินนน จะเก็บอีหนูหรือคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-07-2018 22:16:47
อ่านไป  ระแวงไป.......   :serius2: :serius2: :serius2:
คุณธนิก รูจักแฝดขวัญ หรือคนที่หน้าเหมือนขวัญหรือเปล่านะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: rujaya ที่ 24-07-2018 10:58:04
ไม่ค่อยไว้ใจเลยมาแบบนี้ :confuse:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 4 22/07/2018 Page 2-3
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-07-2018 12:05:57
เริ่มไม่ไว้ใจตามแนนแล้วนะนี่ ด้วยความต่างในหลายๆเรื่อง แล้วยังรุกเร็วขนาดนี้ น่ากลัวจริงๆ
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 24-07-2018 16:48:35
ตอนที่ 5

เมื่อกี้ผมเห็น...ผมเห็นคนคนหนึ่งที่หน้าเหมือนผม หรือเป็นเพราะคำพูดของไอ้แนนกันแน่ที่ทำให้ผมเห็นภาพหลอน เพราะเมื่อขยี้ตาเพื่อจะมองดูให้ชัดเขาก็หายไปในฝูงชนที่กำลังหลั่งไหลออกจากประตูรถไฟฟ้า ผมส่ายหน้าเล็กน้อย สะบัดเอาความเบลอออกจากหัว วันนี้ผมคงใช้สมองมากเกินไปจนเกิดการเออเร่อ และแน่นอนว่าเรื่องที่ทำให้สมองของผมทำงานหนักก็กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

คุณธนิกนัดเจอกับผมที่สถานีรถไฟฟ้า เขาเกิดเปลี่ยนใจที่จะไม่นั่งรถยนต์ และก็บอกกับผมว่าคงขี่มอเตอร์ไซค์ไปร้านประจำของเขาไม่ได้เพราะทางมันไกลเกินไป เราจึงต้องอาศัยระบบการคมนาคมสาธารณะเพราะสะดวกสบายในการเดินทางมากกว่า อีกทั้งร้านที่จะไปนั้นยังอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าไม่กี่ร้อยเมตร แต่ผมค่อนข้างกังวลใจก็เมื่อเห็นร้านที่เขาพามา มันเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่มีดนตรีสดเล่นคลอเพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ให้กับลูกค้า ผมเกรงว่าถ้ามานั่งร้านอย่างนี้เขาคงคิดจะนั่งนาน แล้วก็คงทำให้กลับไม่ทัน รถไฟฟ้าจำกัดเวลาแค่เที่ยงคืน ผมไม่คิดอยากจ่ายค่าแท็กซี่ในการกลับบ้านหรอก เพราะคำนวณระยะทางแล้วคงหมดหลายร้อย

“โต๊ะประจำของพี่” คุณธนิกบอก เปิดทางให้ผมเข้าไปนั่งด้านใน ก่อนเขาจะนั่งลงในฝั่งเดียวกัน ทิ้งโซฟาอีกฝั่งให้ว่างเปล่า

“มาบ่อยเหรอครับ” ผมหันไปถาม ขยับตัวชิดด้านในอีกนิดเมื่อคุณธนิกขยับเข้ามาใกล้

“อืม ค่อนข้างบ่อยนะ”

ผมไม่ถามต่อ แม้จะมีคำถามในใจว่าเขามากับใคร แต่ก็ไม่เสี่ยงทำลายบรรยากาศ

ร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งนี้เป็นร้านที่ให้ความรู้สึกไม่อึดอัดวุ่นวาย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในร้านเป็นโทนสีน้ำตาล ไม่แน่ใจว่าเลียนแบบไม้จริงหรืออย่างไร แต่ก็ให้อารมณ์เหมือนสร้างจากไม้จริงๆ ผมหันมองรอบตัว มองแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟระย้า มองนักร้องที่กำลังขับขานเพลงสากลที่ผมไม่ทราบเนื้อความ แต่ฟังแล้วเพราะจับใจ หันมองไปอีกด้านก็เจอสวนสวยๆ ที่มีดอกไม้กำลังผลิบาน อาจเป็นดอกไม้ปลอมก็ได้เพราะสีสันสดสวยจนยากจะคิดว่าเป็นของจริง

“ขวัญดื่มได้ไหม” คุณธนิกที่กำลังสั่งอาหารกับพนักงานหันมาถาม เขาคงตั้งใจมาดื่มอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เลือกพาผมมาร้านนี้

“ก็นิดหน่อยครับ ดื่มได้แต่ไม่มาก” หากเทียบกับไอ้แนนแล้วผมดื่มได้ไม่เก่ง เพราะไม่ได้มีเวลาฝึกปรือซ้อมคอสักเท่าไร เวลาส่วนใหญ่ของผมคือการทำงาน ในสมัยที่ยังเรียนก็ตั้งใจเรียนเพื่อให้น้าลีภูมิใจ น้ารักผม ผมจึงไม่คิดที่จะทำให้น้าผิดหวัง หากไม่คิดอย่างนั้น ตอนนี้ผมคงเป็นลูกไล่ของไอ้วันกับไอ้ทิวไปแล้ว

“คออ่อนเหรอ”

“ครับ” ผมตอบ เห็นประกายบางอย่างในดวงตาเขาเพียงครู่ จากนั้นก็เลือนหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน

แววตาที่ราวกับเสือจ้องจะตะปบเหยื่อแบบนั้น ไม่เหมาะที่จะอยู่บนใบหน้าใจดีของคุณธนิกเลยสักนิด

“คออ่อนก็ไม่เป็นไร มากับพี่ ขวัญดื่มได้ พี่ดูแลเอง”

ทำไมผมถึงรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา ไม่แน่ใจเลยว่าคุณธนิกจะดูแลผมแบบไหน ถ้าผมเมาจริงๆ เขาจะปล่อยผมไว้ข้างทางไหมก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องกังวล

“ผมเอาน้ำเปล่าดีกว่าครับ” ไม่เสี่ยงเมา อย่างน้อยเซฟตัวเองไว้คงดีที่สุด

“ไม่ได้ มาทั้งที ดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะครับ” แต่ความคิดเมื่อครู่ก็มีอันตกไปเมื่อเขาทำหน้าอ้อนอย่างที่ผมไม่คิดว่าเขาจะทำ ไฟในร้านก็ไม่ได้สว่างมากนักจึงไม่แน่ใจว่าใช่อย่างที่คิดไหม แต่เขาดูอ้อนมากจริงๆ เสียงก็ทุ้ม มือก็ไล้เบาๆ ที่แก้มของผม มันทำให้ผมเคลิ้มตามได้ไม่ยาก

“ก็ได้ครับ แต่นิดเดียวนะ”

“ครับ ขวัญเป็นเด็กดีจัง”

เขาขยับหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้มากพอที่ริมฝีปากของเขาจะแนบชิดลงมาที่แก้มของผม เขาทำอย่างแผ่วเบา เขาทำเหมือนเป็นธรรมชาติเลย ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมตกใจมากผมยอมรับ แต่ไม่ได้รู้สึกไม่ดี ไม่มีความรู้สึกแย่แม้แต่น้อย ผมก็แค่ตกใจที่อยู่ๆ ก็โดนหอมแก้ม

“คุณธนิกครับ คือ...ผมว่าเราใกล้กันมากไป แล้วก็อย่าทำอีกนะครับ มันแปลกๆ”

เขานั่งเบียดผม ไม่เหลือช่องว่างระหว่างเรา มือของเขาก็ฉวยโอกาสมากอดรอบเอวของผมไว้

“ขวัญไม่ชอบเหรอ พี่ขอโทษนะ” เขาทำหน้าสำนึกผิด แต่เขาไม่ได้ขยับออกห่างหรือปล่อยตัวผม

“ไม่ใช่ไม่ชอบครับ แต่มันไม่ดีเลย”

“อย่าคิดมาก ปล่อยไปตามที่มันควรจะเป็นนะ”

อะไรคือที่มันควรจะเป็น ณ วินาทีนั้นผมไม่รู้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เหล้ารสดีราคาแพงที่เขาป้อนให้ผม แก้วแล้วแก้วเล่าก็ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ควรจะเป็นนั้นคืออะไร

คุณธนิกทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดหลายเรื่อง เขาฉวยโอกาส แต่ทั้งๆ ที่ผมรู้ ผมก็ไม่ได้ห้าม ริมฝีปากของเขาคลอเคลียไม่ห่าง ทั้งแก้มและริมฝีปากของผมถูกเขาสัมผัสทีเผลออยู่หลายครั้ง อดคิดไม่ได้ว่าจะมีลูกค้าโต๊ะอื่นสังเกตบ้างไหมในสิ่งที่เราทำกันอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าคนรอบข้างก็ทำไม่ต่างกัน โต๊ะที่มุมนั้น หรือโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปสองช่วงตัว ดูเหมือนจะแสดงความรักยิ่งกว่าที่คุณธนิกทำกับผมมากกว่าด้วยซ้ำ

ผมนั่งฟังเพลง หลับตาแล้วพิงหัวกับไหล่ของเขา ส่วนเขาก็เอาแต่ไล้มือวนที่เอวของผม อีกมือก็ถือแก้วพลางยกขึ้นกระดกไปหลายครั้งหลายครา

คุณธนิกเมาหรือยัง แล้วสิ่งที่เขาทำ มันเป็นเพราะเขาเมาหรือไม่ ผมเอาแต่ตั้งคำถามอยู่ในใจ

“ขวัญพัฒน์” เขาเรียกผม น้ำเสียงแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง “คืนนี้ค้างกับพี่นะ”

“ค้างเหรอครับ” ผมทวนคำ สมองประมวลผลช้าเพราะน้ำเมาที่ได้รับเข้าไปมากพอประมาณ “ไม่ดีกว่าครับ ผมต้องกลับบ้าน ไอ้หลงนอนคนเดียวไม่ได้ มันกลัวผี”

ผมเข้าใจความหมายที่เขาชวนค้าง และเข้าใจดีว่าหากผมตอบตกลง ผมคงไม่รอดเงื้อมมือของเขา เพราะแค่ที่นั่งกันอยู่ตรงนี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวผมก็ถูกเขาสัมผัสแทบจะทุกส่วน

“อย่าครับคุณธนิก ทำแบบนี้ไม่ดีครับ” มือของคุณธนิกเคลื่อนลงต่ำจนผมต้องหยุดไว้ ผมให้เขาสัมผัสมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นคนที่แย่ก็คือผม

เขาไม่ว่าอะไร หยุดมือตามนั้น แต่แขนของเขากระชับตัวผมให้เข้าหา ให้แนบชิดยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“ดื่มอีกหน่อยสิ”

“ไม่ครับ มากกว่านี้ผมคงไม่ไหว”

“ตามใจพี่หน่อยนะครับ” เขากระซิบข้างหู สิ้นเสียงกระซิบตัวผมก็ร้อนวาบเมื่อลิ้นร้อนของเขากำลังคลอเคลียอยู่ตรงนั้น “พี่เป็นผู้ชายขี้เหงา คืนนี้พี่อยากอยู่กับขวัญ ขวัญอยู่กับพี่ ตามใจพี่นะครับ ดื่มอีกหน่อยนะ”

“แต่ว่า...”

เป็นสถานการณ์ที่ผมปฏิเสธได้ยาก เพราะแม้จะได้ยินคำเตือนของไอ้แนนดังมาจากที่ไกลๆ ในหัวแต่ผมก็ยังโอนอ่อนตามเขาไป หัวใจของผมกลับถูกเขาควบคุมได้ง่ายๆ แค่เพราะถ้อยคำหวานไม่กี่คำ

“พี่ชอบขวัญ ชอบมากครับ”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ไม่มีเหตุผลจะเล่นตัวอีกต่อไป คุณธนิกกำลังป้อนคำหวานให้ผมตายใจ สัญญาณอันตรายเตือนอยู่ในหัวของผม แต่ผมกลับเมินสัญญาณนั้นแล้วก้าวลงไปในกับดักของเขา

ผมจะมีสติพอที่จะหลบเลี่ยงเขาได้ไหม ในเมื่อตอนนี้หัวใจของผมกองอยู่แทบเท้าของเขาแล้ว

“ก็ได้ครับ คุณธนิกป้อนผมหน่อยสิครับ”

คำพูดของผมคงทื่อแสนทื่อ อยากทำเสียงให้ฟังดูเซ็กซี่สักนิด แต่ผมก็คิดไม่ออกว่าต้องทำแบบไหน อีกอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเอาแต่คิดอยากทำตัวเซ็กซี่ต่อหน้าคุณธนิก ทั้งๆ ที่รูปร่างของผู้ชายอย่างผมและเสื้อผ้าที่สุดเชยชุดนี้ใกล้เคียงกับคำว่าเฉิ่มที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้

“ให้พี่ป้อนไปจนเช้านะครับ”

“ร้านเปิดจนถึงเช้าเหรอครับ”

แน่อยู่แล้วว่าผมแกล้งถาม ถึงผมจะจบแค่มัธยมปลาย แต่ผมก็รู้กฎหมายพื้นฐานอยู่พอสมควร ร้านอาหารกึ่งบาร์โดยส่วนมากแล้วจะเปิดให้บริการถึงเที่ยงคืน

“เด็กโง่” เขาอมยิ้ม แววตาเจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่าออกล่าเหยื่อ “ต้องไปต่อที่ห้องพี่สิครับ พี่มีคอนโดฯ อยู่ใกล้ๆ”

“แต่ผมอยู่นานไม่ได้ ไอ้หลงจะแย่เอา ถ้าผมไม่กลับบ้าน มันต้องเหงาแน่ๆ”

“ขวัญพัฒน์” น้ำเสียงที่เรียกอ่อนโยน รอยยิ้มที่มอบให้ก็น่ามอง สายตาที่มองก็หวานซึ้ง “พี่ก็เหงานะครับ”

เหมือนมีศรรักหลายพันดอกกำลังกระหน่ำแทงหัวใจของผม ผมไม่เคยเจอผู้ชายแบบคุณธนิกมาก่อนเลย ทำไมเขาถึงชอบพูดแต่คำที่น่าฟังกันนะ ไอ้แนนตอนที่จีบกับเมียมันก็ยังด่ากันเช้าเย็น คำหวานๆ ไม่เคยมีต่อกัน จนผมเข้าใจเอาเองว่าคู่รักอาจเริ่มต้นด้วยการเป็นคู่กัด เข้าทำนองยิ่งกัดก็ยิ่งรัก แล้วถ้าหากผมกับคุณธนิกเริ่มต้นกันแบบนี้ สุดท้ายแล้วเราจะจบลงด้วยการเป็นคู่รักได้ไหมนะ ผมมีความกลัวอยู่ในใจเต็มไปหมด แต่ศรรักของคุณธนิกก็ปักลึกลงมาทุกที ทุกคำพูด ทุกถ้อยคำของเขาเหมือนแรงผลักให้ลูกศรนั้นไม่ถูกความกลัวของผมผลักไส

“แต่ผมต้อง... อื้อ...” คำพูดของผมกลืนหายไปในลำคอ เพราะผ้าเช็ดหน้าสีดำที่อยู่ในมือของคุณธนิกปิดตรงจมูกของผม กลิ่นฉุนที่ปะปนกับน้ำหอมราคาแพงนั้นทำให้ผมเบ้หน้า ผมเผลอสูดเข้าไปด้วยไม่ทันได้ตั้งตัว

“ขวัญพัฒน์” เสียงของคุณธนิกดังขึ้นใกล้ๆ ใบหน้าของเขาอยู่ห่างไปไม่มาก แววตาที่ผมไม่เคยเข้าใจความหมายดูอันตรายอย่างไม่เคยเห็น “พี่ไม่ชอบเด็กดื้อ”

ผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้า ที่ลำคอก็ไม่ต่างกัน รู้สึกมึนงงเล็กน้อย กลิ่นฉุนนั้นยังคงติดจมูก “คุณธนิกครับ เมื่อกี้คุณธนิกทำอะไร...”

“พี่แค่เช็ดหน้าให้ ขวัญดื่มอีกหน่อยนะ สีหน้าไม่ดีเลยนี่” เขายกแก้วขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากของผม “พี่ป้อนนะ ดื่มครับ”

ผมเวียนหัว ยิ่งน้ำสีอำพันที่ไหลผ่านคอลงไปก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่ดี ความร้อนปะทุขึ้นทั่วใบหน้า จนผมแทบทรงตัวไม่ไหว

“เป็นอะไรไป รู้สึกไม่ดีเหรอ” รอยยิ้มของคุณธนิกไม่น่ามองเลยแม้แต่น้อย “งั้นกลับห้องกับพี่นะ ขวัญคงอยากพัก”

“ผมไม่ไปครับ ผมไม่ไปนะครับ ผมจะกลับบ้าน ไอ้หลงรอผมอยู่ ผมจะกลับบ้านครับคุณธนิก ให้ผมกลับบ้านนะครับ...”

คำขอร้องของผม แม้จะพูดออกไปกี่ครั้ง แต่คุณธนิกทำราวกับไม่ได้ยินมันเลย



.

.

.


เพื่อนเวร: ไอ้ขวัญ ไอ้เพื่อนเหี้ย ไม่รับสายกู มึงปล่อยไอ้หลงนอนหน้าบ้านได้ยังไงกัน หายหัวไปไหนของมึงเนี่ย เห็นข้อความกูแล้วตอบด้วยเว้ย



ธนิกโยนโทรศัพท์มือถือราคาถูกลงบนโซฟาหลังจากที่อ่านข้อความจบแล้วจัดการปิดระบบเพื่อตัดการรบกวน รูปหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้ม ก่อนเสียงหัวเราะในลำคอจะดังขึ้นคลอไปกับเสียงดนตรีคลาสิคที่กำลังบรรเลงท่วงทำนอง เขาส่ายหัวเล็กน้อยไปตามจังหวะ ส่งเสียงฮึมฮัมเป็นทำนองเพลง ในขณะที่สายตาก็ทอดมองไปยังเรือนร่างของคนที่กำลังพยายามลุกขึ้นจากเตียงใหญ่ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เจ้าตัวพยายามเค้นออกมา

“ไม่มีประโยชน์หรอกน่า” เขาบอกเสียงนุ่มพลางลุกขึ้นเดินไปใกล้ แค่เพียงออกแรงสะกิดที่ไหล่ ขวัญพัฒน์ก็ล้มลงไปบนเตียงไม่เป็นท่า

“ผมจะกลับบ้าน คุณธนิกให้ผมกลับบ้านนะครับ” น้ำเสียงแผ่วเบาของคนช่างพยายามสร้างเสียงหัวเราะให้กับธนิก เขาส่ายหน้า ก้มลงมองให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน ใบหน้านี้คือใบหน้าที่อยู่ในฝันร้ายของเขา อยู่ในความคำนึงหาอยู่แทบทุกขณะที่หายใจ เพราะแม้จะเป็นฝันร้าย แต่ครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นฝันดี

“มองพี่ตาเยิ้มขนาดนี้ จะให้กลับได้ยังไงกันครับ” ธนิกถามเสียงนุ่ม มองใบหน้าของคนดื้อรั้นด้วยความชอบใจ แม้จะแทบไม่มีแรง แต่ก็ยังพยายามจะต่อสู้ น่ารัก น่ารักมากๆ เพราะอย่างนี้เขาถึงต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อพามาที่ห้อง ไม่งั้นคงหมดแรงไปกับการยื้อยุดฉุดกระชากเด็กหนุ่มสุขภาพดีอย่างขวัญพัฒน์ที่คงมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ แต่แค่เพียงสารระเหยกลุ่มไนไตรท์เพียงนิดที่ให้สูดดมเข้าไปก็ทำให้เด็กหนุ่มที่เปรียบเหมือนม้าพยศทำตัวเชื่องขึ้นมา ขวัญพัฒน์หน้าแดงก่ำ ไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืน เอาแต่พูดซ้ำๆ ว่าจะกลับบ้าน แต่มีหรือที่เขาจะปล่อยให้กลับง่ายๆ

ธนิกได้ตัวมาแล้ว และเขาจะไม่ปล่อยจนกว่าจะได้ทำตามต้องการ

“คุณธนิกทำแบบนี้ทำไมครับ” ขวัญพัฒน์ตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่แทบหมดเรี่ยวแรง มันแผ่วเบา แทบถูกกลบด้วยเสียงเพลงจากเครื่องเล่น แต่คนถูกถามคงได้ยิน เขาจ้องมอง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่คนมองไม่สามารถเข้าใจได้ เขาเปิดเผย แต่กลับดูไม่มีความจริงอยู่ในนั้น

“เพราะพี่ชอบขวัญ” ธนิกนั่งลงเคียงข้าง ยกมือขึ้นไล้ไปตามผิวแก้มของเด็กหนุ่มที่มองเผินๆ เหมือนจะชักจูงได้ง่าย แต่ที่จริงกลับไม่ง่ายอย่างใจคิด จนต้องใช้ลูกเล่นทำให้โอนอ่อนตาม “แล้วพี่ก็รู้ว่าขวัญชอบพี่ แต่ขวัญก็แค่ยังไม่แน่ใจในตัวพี่ ก็เลยเอาแต่ปฏิเสธ คืนนี้พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำอะไรที่ขวัญไม่ชอบ พี่่จะทำแต่สิ่งที่ขวัญชอบนะครับ”

ขวัญพัฒน์ได้แต่ตะโกนต่อว่าคนขี้โกงที่ไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไรได้อยู่ในใจ เพราะตอนนี้ถูกริมฝีปากของเขาปิดกั้นความไม่สมัครใจเสียแล้ว ธนิกบดจูบลงมาอย่างเอาแต่ใจ ไม่มีจังหวะให้ได้ทันตั้งตัว มือนั้นยกขึ้นทุบที่อกของเขาไม่เต็มแรงนัก ฤทธิ์ของสิ่งแปลกปลอมที่เคยสูดดมกำลังเล่นงานให้ทำตัวว่าง่าย แค่เพียงถูกมือใหญ่หยุดการกระทำนั้นไว้ ขวัญพัฒน์ก็หยุดกระทำในทันที เปลี่ยนการทุบตีเป็นการลูบไล้ไปตามมัดกล้ามสมชายชาตรีของเขา

“ชอบใช่มั้ย” เขากระซิบถาม แววตารักใคร่ “ชอบพี่มากใช่มั้ยครับ”

ขวัญพัฒน์ไม่ตอบ ได้แต่หอบหายใจ ร่างกายที่ถูกเขากระตุ้นกำลังทรยศความต้องการที่จะถอยห่าง ความร้อนลามเลียไปทั่วร่าง ติดตามไปยังทุกที่ที่ถูกฝ่ามือของเขาสัมผัส

“คุณธนิก...” เสียงนั้นเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา ความยั้งคิดหลุดลอยไปไกล คงหนีหลบไปพักร้อนอย่างไม่หวนกลับมาในหนึ่งหรือสองนาทีนี้เป็นแน่ อาภรณ์ที่เป็นปราการกั้นจึงถูกถอดทิ้งโดยไร้การขัดขืน ขวัญพัฒน์ทำตัวว่าง่าย นอนตัวแดงก่ำเปลือยเปล่ารอการถูกลิ้มลอง

“ขวัญพัฒน์” ธนิกเอ่ยเสียงพร่า เขามองสำรวจ สายตาโลมเลียเปิดเผย แต่คนถูกมองกลับลืมสิ้นความอาย ขวัญพัฒน์ใช้ดวงตาฉ่ำเยิ้มไปด้วยความต้องการมองกลับอย่างเชิญชวน เขาจึงไม่รอช้า ปลดกระดุมเสื้อที่สวมใส่แล้วถอดทิ้งอย่างไม่ใยดี จากนั้นอีกไม่กี่วินาทีแผงอกกำยำน่ามองก็เผยให้เห็น

“งู” ขวัญพัฒน์ว่าเสียงเบา ไล้นิ้วไปตามรูปสัตว์ร้ายที่อยู่บนผิวกายชายตรงหน้า มันแผ่แม่เบี้ยสวยสง่าอยู่บนท้องด้านซ้าย พาดหางไปตามกล้ามเป็นลอนสวย

“ระวังโดนกัดนะครับ” ธนิกเตือน จับนิ้วซุกซนขึ้นมาพลางใช้ลิ้นตวัดชิม “งูตัวนี้ชอบกัดคนน่ารัก”

“อื้มม..ม..ม” ขวัญพัฒน์ไม่อาจละสายตาจากภาพหยาบโลนตรงหน้า นิ้วแทบทุกนิ้วถูกทำให้ชุ่ม ริมฝีปากของธนิกครอบครองแทบทุกนิ้ว ในโพรงปากนั้นอุ่นร้อน สร้างความวาบหวามที่มีอยู่มากเป็นทุนเดิมให้ยิ่งมากเป็นทวีคูณ

“ทำเสียงน่ารัก ก็จะโดนกัดที่อื่นด้วยนะ”

สิ้นคำเตือนของธนิก ลำคอขาวก็ถูกงับ ขวัญพัฒน์เผลอร้องเมื่อถูกลิ้นร้อนดุนดันตามแรงอารมณ์ ชายหนุ่มดูดชิมรสเนื้อหวาน ครั้งแล้วครั้งเล่าจนขึ้นรอยสีกุหลาบ แต่ราวกับไม่พอใจแค่นั้น ริมฝีปากร้ายเคลื่อนลงต่ำ งับลงบนผิวกาย สร้างรอยไปตลอดทางที่ผ่าน เสียงดูดดุดันดังคลอไปกับเสียงครางหวานจากขวัญพัฒน์

“อืมม..ม อ้ะ อ่า...”

หากเปรียบขวัญพัฒน์เป็นขนมหวานก็คงเป็นสายไหมที่แค่ถูกปลายลิ้นสัมผัสก็พร้อมจะละลาย ปลายลิ้นของธนิกไล้วนไปแทบทุกส่วน ไม่เว้นพื้นที่ส่วนไหนไว้ให้เกิดความเสียดาย เขาชิมตรงนั้น กัดตรงนี้ จนขวัญพัฒน์เสียวซ่านไปทั่วร่าง มือไม้ป่ายปัด จัดวางแทบไม่ถูก สุดท้ายก็ยกขึ้นโอบรั้งร่างกำยำของเขาไว้ นี่คงเป็นที่ที่ถูกต้องแล้ว เพราะเมื่อขวัญพัฒน์ทำเช่นนั้น เขาก็มอบจูบแสนหวานให้เป็นรางวัล

“ชอบมั้ยครับ” เขาเอ่ยถาม ทำให้ชอบยิ่งขึ้นด้วยการละเลียดชิมเม็ดทับทิมสีเนื้อ ข้างหนึ่งถูกนิ้วบีบขยี้ ส่วนอีกข้างถูกลิ้นร้อนของเขาหยอกเอิน

“อาา..า..า”

ขวัญพัฒน์ไม่อาจปฏิเสธว่ากำลังรู้สึกดีเพียงใดกับสัมผัสที่ช่ำชองนี้ มันมากกว่าคำว่าชอบ มากจนไม่มีคำไหนมานิยามความรู้สึกในตอนนี้ได้ ร่างนั้นบิดพลิ้วตามทิศทางที่ถูกเขาชักนำ เขาพาไปซ้ายขวัญพัฒน์ก็ไปซ้าย ให้เปลี่ยนไปทางขวาขวัญพัฒน์ก็ไม่รีรอ เขาทำให้แทบคลั่ง ทำให้ขวัญพัฒน์ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดเว้นแต่เสียงครางแผ่วที่เล็ดลอดออกมา

“แม้แต่เสียงครางก็ยังเหมือน” น้ำเสียงของธนิกแหบพร่า แววตาเต็มไปด้วยความต้องการ “เรียกชื่อพี่หน่อยครับ”

“คุณธนิก” ขวัญพัฒน์ส่งเสียงเรียก ยื่นมือออกมาตรงหน้าราวกับกำลังไขว่ขว้าหาเจ้าของชื่อ ก่อนจะถูกมือใหญ่กุมไว้

“แค่เวลาที่ถูกพี่กอด ต้องเรียกว่าพี่ธนิกนะครับ” เขาสั่ง สีหน้าอ้อนวอนราวกับจะขาดใจหากขวัญพัฒน์ไม่เอ่ยปากเรียก

“พี่ธนิก” เสียงของขวัญพัฒน์สั่นเครือเล็กน้อย “พี่ธนิกครับ”

หัวใจของธนิกสั่นไหว เขาหลับตาลงเพียงครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองคนใต้ร่าง แววตาที่ขวัญพัฒน์ไม่เคยตีความได้ปรากฎร่องรอยแห่งความปวดร้าว “เรียกอีกสิ”

“พี่ธนิก”

“ขอบคุณครับ” เขากระซิบเสียงนุ่ม จูบผะแผ่วลงบนแก้มขวัญพัฒน์ “ให้พี่ทำนะครับ พี่อยากให้เรารู้ว่าพี่รู้สึกกับเรามากแค่ไหน”

ขวัญพัฒน์ไม่ได้เอ่ยอนุญาต แต่คนขอกลับรีบแสดงความรู้สึก ไม่รอแม้แต่การพยักหน้ายินยอม ขวัญพัฒน์ถูกเขาพร่ำคำรักอย่างเร่าร้อน บรรเลงทำนองตามจังหวะเพลงที่เปลี่ยนไป ห้องทั้งห้องเหมือนดั่งโลกทั้งใบของคนทั้งสอง ขวัญพัฒน์ถูกปรนเปรอ ถูกบอกรัก ถูกครอบครองจากคนที่ทำราวกับเป็นเจ้าของมาช้านาน เขาทำราวกับว่ารู้จักทุกส่วนบนร่างกายของขวัญพัฒน์เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะสัมผัสตรงไหนก็สร้างความหฤหรรษ์ได้อย่างประหลาด เขาพาขวัญพัฒน์ไปแตะถึงบันไดสวรรค์ แต่แค่เพียงไม่นาน ถ้อยคำที่ดังจากปากของเขา ถ้อยคำกระซิบรักที่ทำให้ขวัญพัฒน์พยายามถอยหนีจากเขา แต่กลับถูกตรึงไว้ด้วยแรงที่เหนือกว่า ถ้อยคำที่กรีดแทงและนำพาให้ดิ่งลงสู่พื้นด้วยความเร็วสูง

ถ้อยคำที่ว่าคือคำรักที่เขาบอกออกมาพร้อมกับชื่อของคนอื่น...

ขิม

...............................ต่อด้านล่าง..............................
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 24-07-2018 16:50:46
ผมยังคงรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวราวกับว่าเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนกำลังดำเนินอยู่ ผมยังจำทุกการกระทำของคุณธนิกได้ ยังจำทุกสัมผัสที่เขาฝากไว้บนร่างกายของผมได้ และสิ่งที่ชัดเจนกว่าอะไรทั้งหมดก็คือริมฝีปากของเขาที่ปรนเปรอจนผมไม่อาจขัดขืน เขากระซิบบอกผม บอกย้ำให้ผมไปไหนไม่รอด

‘ให้พี่ทำนะครับ พี่อยากให้เรารู้ว่าพี่รู้สึกกับเรามากแค่ไหน’

มันเป็นคำหวานที่อาบไล้ไปด้วยยาพิษ เพราะเมื่อผมรู้ตัวก็สายมากเกินไปแล้ว ครั้งแรกของผมมอบให้กับเขา ไม่ได้รู้สึกเจ็บเท่าไร รู้สึกมึนๆ งงๆ มากกว่า แถมสัมผัสของเขาก็ทำให้รู้สึกมัวเมาไปได้ง่ายๆ มันเป็นครั้งแรกที่ผมจำแทบไม่ได้ว่าเริ่มต้นขึ้นอย่างไร รู้ตัวอีกทีผมก็มานอนอยู่บนเตียงกับเขาที่คอนโดฯ หรูแห่งนี้ เหมือนเขาเตรียมการไว้แล้ว เหมือนเรื่องบังเอิญที่เขามีคอนโดฯ อยู่ใกล้กับร้านที่เรานั่งดื่มด้วยกัน

แต่ก็คงไม่ใช่การขืนใจหรอกมั้ง ผมคงเต็มใจมากับเขาเอง เต็มใจให้เขากอดและเต็มใจที่จะนอนกับเขา ผมรู้สึกห้ามตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ผมจำได้แต่ความร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้น จำได้แค่อาการเมาที่ไม่น่าจะมาจากฤทธิ์เหล้า และกลิ่นฉุนติดจมูกนั่นก็ยังรู้สึกไม่หาย แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังรู้สึกเบลอจนแทบจะจับต้นชนปลายไม่ถูก

ผมหันมองรอบตัว ก่อนจะหยุดสายตาที่คุณธนิก เขานอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างตัวผม เราซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน แค่คิดถึงว่าไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เขายังคงโรมรันอยู่บนตัวผม ใบหน้าของผมก็ร้อนขึ้นมาแล้ว เซ็กส์ของเขาไม่ได้อ่อนโยนเหมือนอย่างแววตาที่เขาใช้ทอดมองผม ไม่ได้หวานล้ำเหมือนคำพูดที่เขาป้อยอให้ฟัง มันเต็มไปด้วยความรุนแรงและค่อนข้างป่าเถื่อนนิดๆ ผมอาจจะไม่รู้สึกแย่มากก็ได้ ถ้าหากในระหว่างท่วงทำนองที่เขากำลังบรรเลงอยู่นั้น เขาจะไม่เผลอเรียกชื่อคนอื่นออกมา

ใช่...เขาเรียกชื่อนั้น ครางชื่อนั้น แม้จะมองหน้าผม ฝังตัวอยู่ในตัวของผม แต่ราวกับว่าเขาไม่ได้มองผมอยู่เลย

ขิม คือชื่อเดียวที่ออกมาจากปากของเขา

คู่หมั้นของเขาเหรอ ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ผมไม่ได้ถาม ผมไม่อยากให้ความชัดเจนมันปรากฎขึ้น อยากให้ผมไม่แน่ใจต่อไป อยากให้คนคนนั้นเป็นเพียงแค่คนที่เขาเผลอเรียกชื่อออกมา ไม่ใช่คนที่อยู่ในความปรารถนาของเขา

“ไม่นอนเหรอครับ” เขาทำตาปรอยมองมา ไม่รู้ว่าเขารู้ตัวไหมว่าได้หลุดพูดชื่อของคนอื่น แต่เขายังทำตัวปกติ กอดผมแล้วยิ้มหวานส่งมาให้ “หรืออยากให้พี่ทำอีกครับ เด็กลามก”

ผมควรต้องทำตัวปกติกับเขาใช่ไหม ให้ชื่อที่เขาหลุดพูดออกมาเลือนหายไปจากความทรงจำ เพราะหลังจากนี้ผมก็แน่ใจมากว่าไม่ควรไปต่อ ผมควรถอยแม้จะก้าวขาข้ามเส้นอันตรายมาหนึ่งก้าวแล้วก็ตาม

“ผมนอนไม่หลับครับ มึนหัวมากๆ ครับ” ผมตอบเขาไปตามตรง “ที่จริงเราไม่ควรทำอย่างนี้เลย ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงห้ามตัวเองไม่ได้ ผมขอโทษครับ”

ที่ผมอยากพูดก็คือคำขอโทษ ผมรู้สึกอยากขอโทษคู่หมั้นของเขา รู้สึกผิดที่ยอมร่วมมือกับเขาเหยียบย่ำคู่หมั้นคนนั้น ผมนอนกับเขา ยอมรับสถานะชู้กลายๆ เสียแล้ว แม้จะจำได้ว่าตัวผมร่ำร้องอยากกลับบ้าน แต่สุดท้ายก็มานอนเปลือยเปล่าอยู่ที่นี่ ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นและตัวตนของเขา

ผมขอโทษ ผมควรจะเด็ดขาดมากกว่านี้

“ขวัญไม่รู้สึกดีเหรอ พี่นึกว่าเรามีความสุขด้วยกัน”

“ผมเมาครับ ไม่เคยดื่มเหล้าแล้วเมาแบบนี้เลย ไม่คิดว่าเหล้าราคาแพงจะทำให้เมาไม่เหมือนเหล้าขาวที่เคยกิน”

“ขวัญเมา แต่ก็ไม่มากพอที่จะไม่มีแรงขัดขืนพี่หรอก” น้ำเสียงของเขาเรียบเรื่ิอย แววตาที่อ่านไม่ออกมองสำรวจผม “จะเหล้าแบบไหนก็เหมือนกัน อย่ามาอ้างเลย พี่ไม่รู้นะว่าขวัญมีเหตุผลอะไรที่ปฏิเสธพี่ แต่ในเมื่อขวัญชอบพี่ เราก็มีความสุขด้วยกันได้”

ผมไม่เข้าในใจความดื้อดึงนี้ ไม่รู้ว่าเขาพิสวาทอะไรในตัวมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาเลย ถ้าแค่เหงา ผมคิดว่าเขาหาคนแก้เหงาได้อยู่แล้ว หาได้ดีกว่านี้เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมต้องเป็นผมกันนะ

ผมอยากคิดว่าเรื่องที่เขาชอบผมคือความจริง แต่ชื่อนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในหัว

“พี่ดูแลขวัญได้ ขวัญไม่ต้องขับวินให้ลำบาก ไม่ต้องอยู่บ้านแคบๆ เท่ารูหนู ขวัญรู้ใช่ไหมว่าการดูแลของพี่หมายถึงอะไร”

เขาแสดงออกอย่างชัดเจนโดยที่ผมไม่ต้องคาดเดาอะไรอีกแล้ว นั่นทำให้ผมได้ยินคำเตือนของไอ้แนนชัดเจนมากยิ่งขึ้น การดูแลของเขาต้องการสิ่งตอบแทน และตัวผมให้เขาได้

“แล้วทำไมต้องเป็นผมครับ ถ้าคุณธนิกตอบคำถามข้อนี้ของผมได้ ผมจะคิดเรื่องที่เราคุยกันอีกที”

แน่ใจว่าจะไม่ได้คำตอบ ผมไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงคิดว่าคำพูดหลังจากนี้ของเขาจะมีแต่คำโกหก เพราะเขาเลือกที่จะไม่พูดถึงคนที่เขาหลุดครางชื่อออกมา เขาเลือกที่จะปิดบังตั้งแต่แรก และกำลังจะปิดหูปิดตาผม

“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าหลังจากที่เรามีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน ขวัญจะถามพี่แบบนี้” เขามีสีหน้าเสียใจ “เพราะพี่ชอบขวัญไง ที่ตรงนี้ถึงต้องเป็นขวัญ มันเป็นเรื่องยากเหรอครับที่จะเข้าใจ”

“ไม่ยากครับ” ผมตอบ “ผมเข้าใจแล้วครับ”

“งั้นจะเอายังไงหลังจากนี้” เขายกมือขึ้นลูบแก้มผม “ขวัญจะทำยังไงกับเรื่องของเรา”

“นั่นสินะครับ”

“ค่อยๆ คิดนะ อย่าเพิ่งปฏิเสธพี่ พี่รอได้”

“ขนาดว่ารอได้ ผมยังต้องมานอนเปลือยอยู่ตรงนี้”

เขาหัวเราะ สีหน้าชอบใจกับคำพูดของผม “ความน่ารักของขวัญต่างหากที่ผิด”

“ความง่ายของผมมากกว่าครับที่ผิด”

“ตอบได้เย็นชากับใจพี่มากเลย”

“คุณธนิกพูดเหมือนผู้ชายเจ้าชู้เลยครับ พูดแต่คำหวานให้หลงชอบ”

แล้วเขาก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เขาคงชอบใจมาก “แม่ก็บอกกับพี่แบบนั้นเหมือนกัน แต่พี่ไม่เจ้าชู้หรอกนะ พี่รักเดียวใจเดียว”

ผมไม่ถามต่อว่าจริงเท็จแค่ไหน เพราะไม่อยากรู้ว่าเขารักเดียวใจเดียวกับใคร ทั้งๆ ที่ชื่อที่ออกจากปากเขาก็ยังดังก้องอยู่ในหัว

“นอนเถอะนะ วันนี้ขวัญเหนื่อยมากแล้ว พรุ่งนี้เช้าพี่จะไปส่งกลับบ้าน” เขาดึงตัวผมเข้าไปกอด จูบที่ขมับแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “พี่ชอบขวัญมากนะครับ”

ผมก็ชอบเขามากถึงได้เป็นแบบนี้ แต่คำว่าชอบของเขาหมายรวมถึงรักหรือเปล่า แล้วมันคือคำโกหกไหม หรือชอบกับรักจะไม่เหมือนกัน เพราะเขาคงรักคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว คนอื่นที่มีชื่อว่าขิม คนคนนั้นอาจจะเป็นคู่หมั้นของเขา หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ แต่เขาไม่พูดถึงเลย ส่วนผมก็ไม่กล้าถามออกไปด้วย ผมรู้สึกกลัวขึ้นมา ราวกับว่าหากถาม คุณธนิกจะกลายเป็นคุณธนิกที่ผมเอื้อมไปไม่ถึง

แต่ไอ้แนนคงจะพูดว่านั่นดีแล้ว การปล่อยให้เขาอยู่บนหอคอยงาช้างของเขาต่อไป ให้หอคอยสูงเสียดฟ้านั้นไม่ต้องมีทางปีนขึ้นไปได้อีก บันไดเชือกที่เขาหย่อนลงมาจะขาดลงเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้

มันคงดีกว่าถ้าผมจะกลับไปอยู่ในโลกที่มีแค่ผม แต่ว่าเมื่อผมหันมองเขา แววตาอ่อนโยนที่ทอดมองมา รอยยิ้มที่น่ามองจนผมแอบเข้าข้างตัวเองว่ามีผมคนเดียวที่ได้เห็น ผมพบว่า...ทางกลับนั้นได้เลือนหายไปต่อหน้าต่อตา

“ฝันดีนะขวัญพัฒน์”

“ฝันดีเหมือนกันครับคุณธนิก”

พอถึงตอนเช้าที่ผมตื่นขึ้นมา ชื่อของคนคนนั้นจะหายไป ผมภาวนาขอให้เป็นแค่การเรียกชื่อผิด ขอให้คนคนนั้นไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้

เพราะโลกใบนี้คือโลกใบที่มีตัวผมและคุณธนิกสามารถอยู่ด้วยกันได้

......................To be continue......................

 :กอด1: :กอด1:

ขวัญสู้ๆ ขวัญสู้ๆ ขวัญสู้ตายค่าาาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 24-07-2018 17:38:42
ความรักทำให้คนแกล้งโง่ ปิดหู ปิดตา ตัวเอง ได้จริงๆ นั้นแร่ะ ขวัญเอ้ยยย
ตามอ่านด้วยใจจดๆ จ่อๆ จะอ่านต่อ หรือ พอแค่นี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 24-07-2018 17:39:56
ขิมคือคนที่หน้าเหมือนขวัญใช่ม้ายยยย คุณธนิกจะให้ขวัญไปเป็นตัวแทนคนอื่นไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 24-07-2018 18:06:35
ขวัญเอ๋ย น่าสงสารจัง ขวัญต้องลุกขึ้นมายืนด้วยตัวเองให้ได้ ไปทำความรู้จักกับพี่ปลื้อกับเพี้ยนเลย แแบบนี้ต้องทิ้งนะขวัญ ทิ้งคุณธนิกไปเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 24-07-2018 18:24:30
ขวัญมีฝาแฝดที่พลัดพรากหรือเปล่า
คุณธนิกเริ่มเผยความร้ายกาจแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 24-07-2018 18:35:53
มาแล้วจ้าาาาน้ำตาหยดแรก โถ่น้องขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-07-2018 18:42:29
 :hao7: :hao7: :hao7: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-07-2018 18:44:57
แล้วขวัญก็เสร็จคุณธนิก โดนใช้วิธีสกปรก
มอมเหล้า ใช้สารระเหยทำให้อ่อนเปลี้ยไม่มีแรง
คุณธนิก ไม่ใช่พระเอก คุณธนิกเป็นผู้ร้าย  :angry2: :angry2: :angry2:

งั้นคุณธนิก ตั้งใจเข้าหาขวัญสินะ
เพราะขวัญหน้าตาเหมือนขิม ที่คุณธนิกรัก

ขวัญ ขิม  เป็นแฝดกันใช้มั้ย
แล้วทำไมน้าลีไม่บอกขวัญ ยังไงๆ ต้องมีอะไรซับซ้อนแน่ๆ   o22 :really2: :serius2:
แล้ววันหนึ่งความจริงจะปรากฏ  เมื่อเจอขิม ขวัญ พร้อมกัน
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 24-07-2018 18:46:23
ฮือออออ  น้องขวัญ~~  :hao5:
คุณธนิกโครตใจร้าย เคยคิดถึงความรู้สึกน้องบ้างไหม
รู้ว่าน้องชอบตัวเองแล้วจะให้น้องเป็นตัวแทนใครก็ได้เหรอ
ขิมเรียกพี่ธนิกใช่ไหม ถึงให้ขวัญเรียกตัวเองแบบนั้นตอนมีอะไรกัน เลวเอ๊ยยยยย  :angry2: :z6:
ยิ่งคิดถึงที่น้องเป็นห่วงหลงแล้ว น้ำตาจะไหล ป่านนี้ทั้งแนนทั้งหลงห่วงน้องแย่แล้ว

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-07-2018 19:01:02
 :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 24-07-2018 19:07:00
ถ้าจะเอาน้องมาเป็นตัวแทนใครก็ไปไกลๆเลยนะ เช๊ออออ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018
เริ่มหัวข้อโดย: อนุบาลตัวแม่ ที่ 24-07-2018 19:08:17
โดนหลอกกินซะแล้ว ขวัญต้องถูกเอามาเป็นตัวแทนของคนชื่อขิมแน่ๆ ดูท่าทางของคุณธนิกแล้วประสบการณ์โชกโชนแน่ๆ ถ้าขวัญถอยออกมาตอนนี้ก็ยังไม่สายนะจะปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกกินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเหรอ?
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 24-07-2018 19:19:47
ขวัญคนโง่ ไม่เป็นไรนะ เราอยู่ข้างขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 24-07-2018 20:00:34
ขวัญเอ๊ยขวัญมา :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-07-2018 20:05:09
ว่าแล้วววว
แต่รอยสักคุณธนิกกร๊าวใจมาก
อาจจะต้องทิ้งพี่โปรดและเมลฐาชั่วคราว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 24-07-2018 21:10:30
ขิมต้องเป็นฝาแฝดที่พลัดพรากของขวัญแน่ๆเลย คุณธนิกใจร้ายยย ขวัญหนีไปลูกกกก Runnnnn  :o12:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 24-07-2018 21:14:58
อีคุณธนิกกกกกอย่ามาทำร้านขวัญน้า

สงสารขวัญต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรอีก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-07-2018 21:55:47
คุณธนิกดูเลวไปไหม หลอกกันมาแบบนี้อ่านจบดูยังไงก็ไม่จริงใจ
แต่ความรักก็ทำให้คนตาบอดมองข้ามสิ่งต่าง ๆ ที่รู้สึก
เมื่อรู้ตัวอีกทีก็คงต้องเจ็บหนักแน่ ๆ เลย
การที่ต้องเป็นตัวแทนของใครมันไม่ดีเลยนะ คิดอย่างไรก็เจ็บ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-07-2018 22:59:07
ว่าแล้วเชียวอิตาธนิกนี่มันไม่บริสุทธิ์ใจ สงสารขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-07-2018 23:41:22
หางงอกแล้ว ธนิก  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 24-07-2018 23:49:44
งื้อออออ อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 25-07-2018 00:53:55
เป็นความเลวอีกแบบนึง  :m31:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 25-07-2018 01:19:29
ไม่ชอบแบบนี้ น่าจะเป็นแค่ตัวแทนคนชื่อขิม?
คุณธนิกอะไรนี่ ดูไม่จริงใจเลย
ชีวิตของสองคนช่างแตกต่าง
มันไม่มีวันเป็นไปได้ที่จะมาบรรจบกันจริงๆ
ขวัญไม่โง่ แต่ขวัญยอม แล้วจะมีความสุข?
อ่านแล้วเครียด เอาเปรียบ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 25-07-2018 01:36:06
อ้าวไมงี้อะไอ้ธนิกกกก ตอนที่1/2คือจกตามากกก  โกรธธธธ :katai4:
คนเขียนให้กำลังใจน้องขวัญทุกตอนขนาดนี้ อิคุณธนิกนี่เป็นดาวร้ายแน่ๆ  :katai5: :ling2:
น้องขวัญคือออออ :katai1: ความรักทำให้คนตาบอดที่แท้จริง
อยากให้ขวัญเฟดตัวออกมานะ ตาคนนี้ไม่น่าจะใช่คนดี คำพูดคำจาเกินเบอร์มาก
แต่ก็นะคนมีความรัก  เป็นกำลังใจให้น้องขวัญแล้วกัน  :z3:
ขิมคงเป็นแฝดขวัญ และมีปมกับอิคุณธนิกรึป่าว
รออะไรชัดเจนกว่านี้จะได้ด่าพระเอกได้แบบไม่รู้สึกผิด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 25-07-2018 04:30:23
ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้!!!!!!! ว่าเเล้วเชียวว่าคุณธนิกมีอะไรแอบบังอยู่ ฮือออออออ  :hao5: :hao5: :hao5: น้องขวัญไม่น่าไปหลงมัวเมากับคนแบบนี้เลยลูก มีเเต่เจ็บกับเจ็บไม่ว่าขิมจะเป็นคนหน้าเหมือนหรือฝาแฝดของขวัญ ก็ไม่อยากให้ทั้งสองคนเกี่ยวข้องกันเลย สงสารแต่ขวัญนี่แหละที่ไม่มีใครเลย แล้วยังต้องมาเจอคนเจ้าเล่ห์ที่จ้องจะกินอย่างเดียว ขวัญหนูอย่าปิดหูปิดตาสิลูก มองความเป็นจริง และสิ่งที่ได้ยินให้มันตอกย้ำเข้าไว้อย่าลงมัวเมากับลมปากคนแบบนี้สิ เค้าแค่มาเพื่อหาตัวแทนระบายอารมณ์เท่านั้น ไม่ได้ชอบหนูที่เป็นหนูจริงๆ เค้าแค่ชอบที่หนูหน้าตาเหมือนคนรักเก่าเค้าเท่านั้น  เสียใจมากกกกกกก ที่คนดีๆแบบนี้ต้องมาเจอคนรวยชั่วๆอย่างคุณธนิก  เจ็บกระดองใจไปหมดเเล้ว  :ling1: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-07-2018 06:27:22
โอ้ยยยยย ทำไมคุณธนิกร้ายแบบนี้ล่ะ ทำแบบนี้ทำไม สงสารขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-07-2018 09:27:45
แล้วทำไมต้องมาทำร้ายขวัญแบบนี้ล่ะคุณธนิก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 25-07-2018 10:41:10
ฮือออออ นังคุรธนิก แย่มากๆ เห้นน้องขวัญเป็นตัวแทนคนอื่นดกรอ เลวววววววว น้องขวัญอย่าไปยอมลูก ใจแข็งไว้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 25-07-2018 10:42:39
อ่านรวดเดียวแอบสงสัยในตัวพระเอกว่ารักจริงไหม มาตอนล่าสุดนี่มันจะดราม่าใช่ไหม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 25-07-2018 11:50:36
เลวเนอะ
คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อคนเลววววว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-07-2018 13:45:20
ขวัญเอ๋ยขวัญมานะ นู๋นะ


สิ่งที่กลัว มันใช่จริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 25-07-2018 18:11:25
เตรียมทิชชู่ น้องขวัญสู้นะลูก ต้องเข้มแข็งนะ ถ้าเจออะไรต่อจากนี้ ดูแล้วน่าจะหนักเอาการ ขอทำใจก่อนอ่านตอนหน้าแป๊บ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 5 24/07/2018 Page 4
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 26-07-2018 02:50:27
ตอนแรกที่เจอกันก็นึกว่าเป็นผู้ชายแสนดี เริ่มเอะใจตอนบอกว่าอยากดูแล สัสสส ชวนมาเป็นเด็กเสี่ยชัดๆ ไปๆมาๆเอ้า พลิกกลายมาเป็นน้องขวัญหน้าเหมือนคนชื่อขิม แต่ขิมคงยากไปสินะคุณธนิก เลยเอามาลงกับวินมอไซแทน
เลวกว่าอิพี่โปรดอีก พี่โปรดมันยังบังคับตรงๆ ชอบปลื้มจริงๆ แค่มันแสดงออกไม่อ่อนโยนเหมือนคุณธนิก
เห็นชื่อSnufflehpการันตีได้เลยว่า น้องขวัญต้องโดนล่อลวงอีกนานนนนนนนนนนนน กว่าจะใจกล้าถอยออกมา
แล้วไหนจะปมขิมอีก กว่าจะเอะใจว่ามันเกี่ยวข้องกันก็คงเจ็บไปหลายสิบตอน
แอบหวังให้มันแหวกแนวบ้างนะ ถอยออกมาตอนนี้เลยน้องขวัญ ตอนสองตอนก็เริ่มสืบเถอะ ไม่ใช่ทนไปยี่สิบกว่าตอนเหมือนเพี้ยนกับน้องปลื้ม เอาแบบเฮียทองกับชงโคบ้างสิ
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 26-07-2018 19:20:22
ตอนที่ 6





“ไอ้ขวัญ มึงมานี่หน่อยดิ๊” ไอ้แนนกวักมือเรียกยิกๆ ตอนนี้มันกำลังยืนอยู่หน้าเซเว่น ในมือถือขวดเครื่องดื่มชูกำลังไว้สองขวด

“มีอะไรวะ” ผมถาม รู้สึกกังวลใจกับสายตาที่มองมาของมัน

“เมื่อคืนมึงหายไปไหนมา กูโทรหาก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับ” ไอ้แนนจ้องจับผิด มันมองสำรวจ ย่นจมูกทำทีดมกลิ่นราวกับกำลังตรวจค้นสิ่งแปลกปลอม “กลิ่นมึงแปลกไป นี่ไม่ใช่กลิ่นสบู่นกแก้วที่มึงใช้ประจำ”

ผมคงประมาททักษะการดมกลิ่นที่เหนือกว่าสุนัขตำรวจของไอ้เพื่อนซี้มากไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นหากผมไม่ยอมรับ ไอ้แนนก็จะไม่มีวันรู้

“น้ำหอมกลิ่นใหม่เว้ย กลิ่นเดิมมึงว่าฉุนไง กูเลยเปลี่ยน”

ไอ้แนนทำหน้าไม่เชื่อ มันส่ายหน้า ขมุบขมิบปาก แต่สุดท้ายก็คงตัดสินใจได้ว่าควรปล่อยผ่าน “เรื่องกลิ่นน่ะช่างมัน แต่มึงตอบมาก่อนว่าเมื่อคืนหายไปไหนมา ไอ้หลงมันถึงเข้าบ้านไม่ได้ นอนครางหงิงๆ อยู่หน้าบ้านยันเช้า”

ไอ้หลงที่น่าสงสารของผม ผมรู้สึกผิดกับมันมาก เพราะเมื่อเช้าตอนที่กลับถึงบ้าน ก็เห็นมันยืนรอพร้อมกับกระดิกหางต้อนรับ มันคงนอนตากยุงอยู่นอกบ้านทั้งคืน แต่มันก็ไม่มีทีท่าจะโกรธผม มันเห่าทักทาย แววตาเหมือนดีใจที่ผมกลับมาสักที มันอาจจะนอนหนาวทั้งคืนด้วยความรู้สึกที่ว่าผมอาจจะทิ้งมันไปแล้ว

หมาน่ะ...รักเจ้าของ ซื่อสัตย์กับเจ้าของ แม้มันจะเป็นหมาเพลบอยที่ชอบเที่ยวเตร่กับหมาตัวเมียไม่ซ้ำหน้า แต่ผมแน่ใจว่าสำหรับมันแล้วผมคือคนสำคัญอันดับหนึ่ง ซึ่งไอ้หลงสำหรับผมแล้วก็เป็นครอบครัวที่สำคัญ เพราะเราเหลือกันอยู่แค่นี้ ผมเข้าไปกอดมัน ตั้งใจว่าเย็นนี้จะหาซื้อไก่ย่างอร่อยๆ ไปให้มันสักหนึ่งไม้ ไก่ย่างเป็นของโปรดที่มันชอบ แต่ไม่ได้ให้กินบ่อย เพราะราคามันค่อนข้างแพง ให้กินทุกมื้อคงไม่ไหว หนึ่งเดือนให้กินสักสองครั้ง แต่เรื่องไอ้หลงคงต้องพับเก็บไว้ก่อน ตอนนี้ผมต้องคิดว่าจะบอกไอ้แนนมันยังไงดี เพราะขืนผมบอกว่าเมื่อคืนผมนอนกับคุณธนิกแล้วเพิ่งขึ้นรถไฟฟ้ากลับมาเมื่อเช้านี้ ไอ้แนนคงถลกหนังหัวผมแล้วไล่ให้ไปเกิดใหม่เป็นควายแน่ๆ

“กูไปกินเหล้ากับไอ้นัท มึงจำไอ้นัทได้ไหมล่ะ ที่เคยเรียนด้วยกันตอนมอต้นไง กูเจอมันที่สถานีรถไฟฟ้าตอนกลับ มันชวนไปนั่งกินเหล้าก็เลยไปกับมัน” ผมอ้างเพื่อนคนหนึ่งที่ก็จำหน้าไม่ได้ขึ้นมา เพื่อนสมัยมอต้นตั้งแต่ปีมะโว้ ไม่เคยเจอกันตั้งแต่ที่เรียนจบมอต้นแล้วมันกับครอบครัวย้ายไปเช่าบ้านที่อื่น แต่ก็เป็นบุคคลที่ปลอดภัยมากพอจะพูดถึง เพราะไอ้แนนคงไม่บังเอิญไปเจอแล้วถามหรอกว่าได้ไปกินเหล้ากับผมจริงหรือไม่

“ไอ้นัทไหนวะ” ไอ้แนนทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะทำท่าคิดออก “เออๆ กูจำได้ ไอ้นัทที่หัวโตๆ ตาตี่ๆ ใช่มั้ย กูจำได้ละ ไม่ได้เจอมันนานเหมือนกัน แล้วทำไมไม่ชวนกู ไปแดกเหล้าไม่คิดจะบอก”

หัวโตๆ ตาตี่ๆ เคยมีคนแบบนี้อยู่ด้วยเหรอวะ ไอ้แนนมันอาจจะรอให้ผมเออออแล้วบอกว่าใช่ๆ ก็ได้ งั้นผมจะไม่พูดหรอก เดี๋ยวมันจับได้ว่าโกหก

“ชวนได้ที่ไหน เมียมึงกำลังท้อง”

“เออว่ะ ก็จริง แต่ดีแล้วล่ะที่มึงไม่ได้ไปค้างกับคุณธนิกอย่างที่กูคิด”

ผมกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ไม่รู้ทำไมความคิดของไอ้แนนถึงได้แม่นราวกับเห็นด้วยตาตัวเอง “จะบ้าเหรอวะ กูจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง หลังจากกินข้าวแล้วกูก็กลับเลย กลับตอนสามทุ่ม แล้วก็ไปต่อกับไอ้นัทยันเช้า”

“เออๆ ดีแล้ว” ไอ้แนนตบไหล่ผม สีหน้าชื่นชม “มึงเด็ดขาดมากกว่าที่คิด กูคิดไปแล้วนะว่ายังไงมึงก็อาจจะไม่รอด อาจได้เสียซิงไปแล้ว แต่มึงยังมีหัวคิดอยู่ โทษทีที่มองมึงผิดไปนะเว้ย แล้วยังไงต่อวะ มึงบล็อกเบอร์ บล็อกไลน์เลยไหม”

งั้นที่ผมนอนกับคุณธนิกแล้ว ผมก็คือคนไม่มีหัวคิดเหรอ คิดถูกแล้วที่ไม่บอกไอ้แนน ไม่งั้นมันได้ด่าผมไปสามวันเจ็ดวันแน่ๆ

“ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะมึง”

ถ้าบล็อกเบอร์ บล็อกไลน์ แล้วผมจะติดต่อกับคุณธนิกยังไงล่ะ เมื่อเช้าผมก็ออกจากคอนโดฯ ของเขามาโดยไม่ได้บอก

“เออดิ จะตัดใจนะเว้ย ถ้าขืนเขายังโทรมาคุย ยังไลน์มาหา ร้อยทั้งร้อยมึงก็ตัดใจไม่ได้” ไอ้แนนบอกอย่างผู้เชี่ยวชาญ

“ก็จริงเนอะ”

“มานงมาเนอะอะไร ทำเดี๋ยวนี้เลย” ไอ้แนนเร่ง ผมจึงต้องควักมือถือออกจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมา หากช้ากว่านี้อาจถูกงับหัวตั้งแต่ยังไม่เคารพธงชาติ

“แต่เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้โทรมาแล้วนะเว้ย หลังจากนี้เขาอาจจะไม่โทรมาแล้วก็ได้”

ใช่ คุณธนิกไม่โทรมาเลย เพราะเรานอนกอดกันที่คอนโดฯ ของเขาจนถึงเช้า ไม่จำเป็นต้องคุยผ่านโทรศัพท์อีกแล้ว เพราะคำหวานของเขากระซิบให้ได้ยินชิดใบหู แค่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้าของผมก็ร้อนผ่าวไปหมด

คุณธนิกหุ่นดีมาก เขาแข็งแรง มีมัดกล้าม น่ามองไปทุกสัดส่วน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่เขาเปิดไฟสว่างโร่ในขณะที่บรรเลงทำนองรักอยู่บนตัวผม ตอนเมาก็ไม่ได้รู้สึกอายอะไร แต่พอสร่างเมาแล้วกลับรู้สึกว่ามองหน้าเขาไม่ติดจนต้องแอบหนีออกมาก่อน

“ทำเดี๋ยวนี้เลยไอ้ขวัญ เร็วๆ” ไอ้แนนยืนกราน

นี่มันไม่ฟังที่ผมพูดสักนิดเลยหรือไงนะ

“เออๆ ก็ได้วะ”

“คนใจอ่อนอย่างมึงน่ะต้องหัดเด็ดขาดซะบ้าง เอ้า เอ็มร้อย กูเลี้ยง”

“ขอบใจ”

ผมจำเป็นต้องบล็อกเบอร์และไลน์ของคุณธนิกเพราะไอ้แนนยืนจ้องเขม็งอยู่ มันไม่ยอมความง่ายๆ แน่หากผมไม่ทำตาม ไอ้แนนมันชอบบงการ แต่การบงการของมันก็เต็มไปด้วยความห่วงใย ผมจึงไม่เคยหงุดหงิดใส่มันสักครั้ง เพราะตอนนี้ ในโลกของผมก็มีเพียงแค่มันเท่านั้นที่สามารถพึ่งพาได้ อย่างน้อยก็แน่ใจว่าตอนผมตาย มันจะเป็นธุระจัดงานศพให้ ทั้งยังฝากฝังไอ้หลงไว้กับมันได้อีกด้วย

เอาเถอะ...ไว้ค่อยปลดบล็อกทีหลังก็แล้วกัน

“แล้วมึงก็ไม่ต้องไปส่งพี่จอยสักพักนะ เวลาคนตัดใจต้องไม่ไปในที่ที่เจอได้ง่ายๆ เว้ย เดี๋ยวกูไปคุยกับพี่แจ้ให้เอง แล้วก็อีกอย่างนะ ถ้าเลี่ยงไปส่งลูกค้าที่บริษัทเขาได้จะดีมาก” กูรูแนนบอกย้ำ ไอ้นี่มันเจ็บมาเยอะเจอมาเยอะ กว่ามันจะลงเอยกับแม่ของลูกอย่างทุกวันนี้ได้ก็หมดเหล้าขาวไปหลายขวด

“อือๆ ตามนั้น”

ไอ้แนนมองผมด้วยความสงสัยอีกครั้ง “ทำไมมึงยอมง่ายจังวะ อย่างน้อยต้องโวยวายว่ามึงจะขาดรายได้อะไรแบบนั้นสิ”

“อ้าว กูไม่โวยวายไม่ดีหรือไง”

“ดี แต่ดูเหมือนมีอะไรแอบแฝง”

ผมว่าถ้าไอ้แนนได้มีโอกาสเรียนสูงๆ มันคงจะมีหน้าที่การงานที่ดีทำเพราะมันฉลาด แต่มันดันมีเมียมีลูกก่อนวัยอันควรก็เลยต้องมาขับวินมอเตอร์ไซค์ หาเช้ากินค่ำไปวันๆ

“ไม่มีอะไรหรอกน่า คิดมากว่ะมึง ไปๆ ทำงานเว้ย”

เป็นครั้งแรกที่ผมมีความลับกับไอ้แนน และก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกแย่กับตัวเองขึ้นมา ชีวิตที่ไม่เคยมีความเครียดของผมเริ่มมีความเครียดกัดกินใจขึ้นทีละน้อย

น้าลีบอกผมเสมอว่าความลับไม่มีในโลก น้าจึงคอยสอนผมว่าห้ามโกหกเด็ดขาด เพราะหากเลือกจะโกหกหนึ่งเรื่อง หลังจากนั้นเราจะต้องสร้างเรื่องโกหกอีกเป็นร้อยเรื่อง ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจที่น้าลีสอน แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว เพราะแค่ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็โกหกไอ้แนนเพื่อนซี้ไปแล้วสองสามเรื่อง มันจะเสียใจรึเปล่านะถ้ารู้ความจริงทีหลังว่าผมโกหกมันอยู่ ทั้งๆ ที่มันเป็นห่วงผมจากใจจริง

งั้นทางที่ง่ายก็คือการตัดใจอย่างนั้นเหรอ ผมต้องถอยห่างออกมาใช่ไหม ต่อให้จะนอนกับเขาแล้ว

คิดหนัก คิดมาก คิดไม่ตก นี่มันปีชงหรือยังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ผมอายุยังไม่ถึงยี่สิบเอ็ดเสียด้วยซ้ำ อีกตั้งสี่ปีจะถึงเบญจเพศ

หนีไปบวชก่อนกำหนดดีไหมวะเนี่ย!

“ไอ้เหี้ยขวัญ มึงเลิกทึ้งผมตัวเองได้แล้ว นี่มันเป็นอาการทุรนทุรายเบื้องต้นรึไงวะ ไอ้โง่เอ้ย เดี๋ยวหัวก็ล้านหรอก”

ถ้าไอ้แนนไม่พูด ผมก็คงไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป “กูสับสนเว้ย!”

“จะเหลืออะไรให้สับสนวะ มึงแค่คิดว่ามันไม่จริง ที่ผ่านมามึงก็แค่ฝัน คุณธนิกอยู่บนนู้น หอคอยงาช้างสูงเสียดฟ้า แต่มึงอยู่ตรงนี้ เดินเตะฝุ่น ขับวินหาเช้ากินค่ำอยู่ทุกวัน บอกตัวเองไว้ไอ้ขวัญ มันไม่ใช่เรื่องจริง”

หากไม่มีเรื่องเมื่อคืนผมก็อาจจะคิดได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่สัมผัสของคุณธนิกชัดเจนมาจนถึงตอนนี้ อ้อมกอดของเขา จูบของเขา ความเร่าร้อนของเขา มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ผมหยิกตัวเองหลายครั้ง ความเจ็บจากการร่วมรักกับเขาก็บอกชัดอยู่หลายหน เพราะฉะนั้นผมคิดว่ามันเป็นความฝันไม่ได้

“ท่องไว้ไอ้ขวัญ อย่ายอมแพ้ไอ้เพื่อนยาก เดี๋ยวมึงก็จะผ่านไปได้เอง”

โอเค ผมจะทำตามก็ได้ คิดว่าจนกว่าจะกลับบ้านไปอาบน้ำนอน ผมคงจะสะกดจิตตัวเองได้ผลขึ้นมาบ้าง

ไอ้แนนพูดถูกแล้ว ให้คิดซะว่ามันไม่ใช่ความจริง เพราะหากพูดกันตามตรง ชื่อของคนคนนั้นที่คุณธนิกเรียกออกมา ไม่ได้หายไปจากความทรงจำของผมเมื่อตื่นขึ้น มันยังดังชัดเจน ก้องอยู่ในหัว ทั้งสีหน้าของคุณธนิก ทั้งคำบอกรักของเขา ยังคงทิ่มแทงใจอยู่จนถึงตอนนี้

“ไอ้ขวัญเว้ย ไปส่งเจ้จอยด่วนนนน” พี่แจ้ส่งเสียงตะโกนมาให้ได้ยิน แต่ไอ้แนนรีบสแล๋นหน้าไปรับคิวแทนผม มันบอกกับพี่แจ้ว่าจะสลับคิวกับผมชั่วคราว มันยกนิ้วโป้งส่งมาให้แล้วก็พาพี่จอยไปที่บริษัท เห็นพี่จอยทำหน้างงๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้พูดว่าอะไร

ผมรู้สึกผิดกับไอ้แนนมาก เห็นมันออกตัวช่วยเต็มที่แล้วก็รู้สึกผิดที่โกหกมันออกไป เพราะฉะนั้น ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่สร้างเรื่องโกหกแล้วจะต้องตัดใจให้ได้จริงๆ

“ทำหน้าเป็นหมาหงอย” พี่แจ้เดินเข้ามาคุยด้วย “มึงตัดใจจากเจ้จอยแล้วเหรอวะ”

“หมายความว่ายังไงอะลูกพี่” อะไรคือการตัดใจจากเจ้จอยวะ ผมจะตัดใจจากคุณธนิกต่างหาก

“ก็มึงน่ะชอบเจ้จอยไม่ใช่เหรอ ไปส่งเขาที่บริษัททุกวัน ถึงกูจะแปลกใจที่มึงชอบผู้หญิงแก่รุ่นแม่ แต่กูก็คอยเชียร์มึงอยู่นะเว้ย”

“หาาาาาาา!” ผมร้องอย่างตกใจ “ผมนี่นะชอบพี่จอย ไม่ใช่ครับไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้หรอก”

“เอ้า นี่กูเข้าใจผิดมาตลอดเลเหรอวะ” พี่แจ้ทำหน้างงหนัก คงคิดมาตลอดสินะว่าการรับส่งพี่จอยคือการที่ผมขายขนมจีบให้

“โธ่ ลูกพี่ ผมจะชอบพี่จอยได้ยังไงครับ พี่จอยเป็นแม่ของผมได้เลยนะ”

แม้จะไม่รู้อายุที่แท้จริงของพี่จอยเพราะไม่เคยก้าวก่ายถามลึกซึ้งอย่างนั้น แต่ผมก็แน่ใจว่าคงไม่สามารถจีบให้มาเป็นแม่ของลูกได้ การเล่นกับของขลังแบบนั้นน่ากลัวน้อยกว่าการการเกาะคานเสียที่ไหน

“ก็แล้วมึงล็อกคิวเจ้แกไว้ทำไม มึงยอมเสียคิวให้คนอื่นเพื่อจะได้ไปส่งเจ้จอยเลยนะเว้ย”

“นั่นสิครับลูกพี่ ผมทำบ้าอะไรมาตั้งนานกันนะ”

คิดย้อนกลับไปก็คงบ้าจริงๆ แต่ก็เป็นความบ้าที่ผมเต็มใจและมีความสุขไปกับมัน ไม่เห็นต้องมากังวลหรือเครียดลงกระเพาะอย่างนี้เลย ผมคงจะเหมาะกับการยืนดูคุณธนิกอยู่ห่างๆ ไม่เหมาะที่จะเข้าไปใกล้เขา ความเป็นจริงก็ชัดเจนอย่างนั้นอยู่แล้ว

“เอาน่าไอ้ขวัญ ชีวิตวัยรุ่นก็แบบนี้ สับสนบ้าง แต่อย่าหลงทางนานเว้ย สู้ต่อไปมึง”

ผมยกมือไหว้ขอบคุณกำลังใจจากพี่แจ้ คิดเอาไว้ว่าหลังจากนี้จะซื้อเอ็มร้อยมาบรรณาการ แต่รอไอ้แนนกลับมา ค่อยให้มันไปซื้อ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น อยากกลับบ้านไปนอนหง่าวครางหงิงอยู่กับไอ้หลงเสียจริง แต่สิ้นเดือนใกล้เข้ามาแล้ว ค่าเช่าบ้านยังขาดอีกห้าร้อย ผมจึงยังคงกลับไปนอนขี้เกียจไม่ได้

เอาวะ! ยังไงพระอาทิตย์มันก็ต้องขึ้นทุกวัน วันพรุ่งนี้ก็ยังมีเสมอนั่นแหละน่า

ไอ้แนนกลับมาอีกสิบนาทีหลังจากนั้น มันว่าพี่จอยถามด้วยว่าผมโกรธอะไรพี่จอยรึเปล่าวันนี้ถึงไม่ไปส่งแก แต่มันก็อธิบายให้เรียบร้อยแล้ว ให้ผมทำใจให้สบายไม่ต้องกังวลอะไรมาก แถมพี่จอยยังฝากให้กำลังใจมาด้วย

“มึง”

“ไร” ไอ้แนนขานรับ เหล่ตามองมา “มีไรไอ้หมาหงอย”

“มึงว่าเขาจะรู้มั้ยว่ากูบล็อกการติดต่อ ปกติเขาจะต้องทักไลน์กูทุกเช้าอะ”

ไอ้แนนกลอกตาไปมา มันคงกำลังนึกเซ็งผมอยู่ “งั้นตอนนี้คงรู้แล้วมั้ง”

“แล้วมึงว่าเขาจะทำยังไงต่อไปวะ”

“ไม่ทำยังไงหรอก กูว่าคงไม่กระทบกับชีวิตเขามาก มึงอย่าเพิ่งคิดสำคัญตัวผิดนะเว้ย เดี๋ยวจะใจอ่อนปลดบล็อกขึ้นมา มึงแค่บังเอิญไปอยู่ในชีวิตของเขาไม่กี่วัน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงหรอกว่าเขาจะเสียใจที่ถูกมึงทิ้ง”

“อือๆ รู้แล้ว”

ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้ง มือยังกำโทรศัพท์มือถือค้างในท่าที่กำลังเปิดไลน์ดูข้อความ เพราะผมเคยทำแบบนี้อยู่ทุกวัน ตอนนี้แม้จะรู้ว่าเขาไม่มีทางส่งข้อความมาได้ แต่ผมก็ยังเปิดดูเหมือนคนบ้า

รู้สึกใจไม่ดีเลย

ผมจะตัดใจแล้วนะ แต่แบบว่า...ยังไงดี ผมก็บอกไม่ถูก

“กูว่ามึงกลับบ้านไปพักมั้ย สีหน้าแย่ฉิบหาย” ไอ้แนนยื่นมือมาผลักหัวผมสองที ปากก็บ่นไปด้วย “ชอบขนาดไหนกันถึงอาการหนักอย่างนี้วะ ไม่มีจะเผื่อใจไว้เลยใช่ไหมไอ้โง่”

“อย่าด่ากูสิ ตอนนี้กูกำลังอ่อนแอ ต้องการกำลังใจนะเว้ย แล้วการชอบใครสักคนทำไมต้องเผื่อใจไว้ด้วยวะ การชอบใครสักคนมันไม่ต้องคิดมากอะไรสักหน่อย”

“คิดมากบ้างก็ดีไอ้ห่า” ไอ้แนนผลักหัวผมอีกครั้ง “มึงมันเด็กน้อย โลกนี้ไม่ได้มีแค่คนที่รักมึงเหมือนน้าลี หรือกู หรือไอ้หลง แต่มันยังมีคนที่ต่อให้มึงจะทุ่มเทให้มากแค่ไหน เขาก็ไม่รักมึง ยังมีคนใจร้ายแบบนั้นอยู่นะ”

“แต่คุณธนิกบอกว่าชอบกูมาก” ผมเถียงไม่เต็มเสียงนัก เพราะเมื่อพูดก็ได้ยินเสียงของคุณธนิกบอกรักใครอีกคนขึ้นมา “แต่ก็อาจจะอย่างที่มึงพูด เขาอาจจะหลอกกูก็ได้”

“กูว่ามึงไม่ไหวแล้วล่ะ มึงสับสนเหี้ยๆ เลยไอ้ขวัญ กูแนะนำมึงนะ อย่าเชื่อในสิ่งที่มึงอยากเชื่อ หรือสิ่งที่เขาอยากให้มึงเชื่อ แต่มึงต้องเชื่อในความเป็นจริง แล้วมึงจะรู้ว่าควรทำยังไง กลับไปพักไป ส่วนมือถือน่ะฝากกูไว้ก่อน เดี๋ยวอยู่คนเดียว มึงจะทำเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก”

“กูไม่ทำหรอกน่า”

“เอามา” ไอ้แนนแบมือมาตรงหน้า “อย่างมึงไว้ใจได้ที่ไหน กูไม่ได้รู้จักมึงแค่วันสองวันเว้ยไอ้ขวัญ”

“เออๆ ก็ได้วะ” ผมจำต้องยกโทรศัพท์มือถือให้มันไป แสนรู้จริงๆ ว่าผมอาจจะใจอ่อนปลดบล็อกขึ้นมา “งั้นกูไปบอกพี่แจ้ก่อน ตอนเย็นซื้อข้าวไปให้กูที่บ้านด้วย แล้วก็เอาไก่ย่างมาให้ไอ้หลงหนึ่งไม้นะ”

“ไอ้เหี้ยนี่ ได้ทีใช้กูเลยนะมึง”

“มึงต้องดูแลกูนะเว้ย สภาพจิตใจกูกำลังป่วยหนัก”

“มึงรนหาที่เองนี่หว่า ไปได้แล้วไป”

ผมถือโอกาสตบหัวไอ้แนนไปหนึ่งทีแล้วรีบวิ่งไปบอกพี่แจ้ ยังไงวันนี้คงต้องขอพักเรื่องเงินๆ ทองๆ มาดูแลเรื่องหัวใจของตัวเองแล้ว เพราะขืนผมยังฝืน ผมอาจจะเอาแต่พาลูกค้าอ้อมไปผ่านบริษัทคุณธนิกก็ได้ เข้าทำนองไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้โทรหา แต่เห็นป้ายหน้าบริษัทก็ยังดี แล้วทีนี้การตัดใจก็จะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าปีนยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก

“ไอ้แนน ไปแล้วนะเว้ย”

ไอ้แนนโบกมือไล่ราวกับรำคาญ ผมจึงพาหัวใจที่ป่วยหนักขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจแล้วขับขี่มาตามทาง ถึงปากซอยเข้าบ้านก็แวะซื้อเกาเหลาลูกชิ้นพิเศษถั่วงอกร้านป้านีเพื่อเอากลับไปกินที่บ้านเป็นมื้อเที่ยง แต่ระหว่างทางเจอพวกไอ้วันกับไอ้ทิวเห่าหอนแซวมาเล็กน้อย แต่ผมไม่หยุดต่อความกับพวกมันให้เปลืองน้ำลาย ไม่อย่างนั้นในอารมณ์ดิ่งๆ แบบนี้อาจมีวางมวยกันให้ตายไปข้าง ปกติผมน่ะไม่สู้คน แม้จะชอบทำตัวเป็นพลเมืองดีไปเสี่ยงตีนบ่อยๆ แต่ผมก็รักสงบมากกว่า ทว่าในอารมณ์นี้ผมคงสู้ยิบตาเพราะอยากระบายความเครียดที่มีกับใครสักคน

[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 26-07-2018 19:22:40
“ไอ้หลงงง” ผมร้องเรียก เพิ่งขับผ่านเสาไฟฟ้าต้นที่ห่างจากบ้านเช่าของตัวเองไม่กี่ร้อยเมตร เห็นไอ้หมาเพลบอยของผมกำลังง้างขาฉี่ มีหมาเจ้าถิ่นอีกสามตัวยืนคุมเชิงคอยท่า หมาพวกนี้ผมคุ้นทุกตัว เพราะเป็นเพื่อนกับไอ้หลง พวกมันคบกันเหมือนบอยแบนด์ตั้งวง ไปไหนไปกัน แล้วก็ชอบเห่า ชอบหอน ส่งให้กันเป็นทอดๆ ผมไม่แน่ใจว่าไอ้หลงคือลูกพี่ใหญ่หรือเปล่า แต่ผมแน่ใจว่ามันหล่อเหลาที่สุดในกลุ่ม ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ขึ้นชื่อว่าเพลบอย

“กลับบ้านกันเร็ว วันนี้พี่เลิกงานแล้ว”

ไอ้หลงทำมองเมิน เวลาอยู่กับหมาตัวอื่นแล้วจะชอบเก๊กใส่ผม กลายเป็นหมาหูหนวกไปในทันที เรียกเท่าไรก็ไม่หือไม่อือ

“ตามใจนะเว้ย แต่เย็นนี้กลับบ้านเร็วๆ ล่ะ ไอ้แนนจะซื้อไก่ย่างมาให้”

ผมน่ะเชื่อมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าพวกสัตว์เข้าใจภาษามนุษย์ น้าลีก็บอกผมแบบนั้น น้าบอกว่าถ้าผมเหงาก็สามารถคุยกับพวกมันได้ เวลาน้าไปทำงาน ผมจะได้มีเพื่อน ผมจึงชอบคุยกับพวกมันจนโดนพวกไอ้วันล้อว่าเป็นคนไม่เต็ม แต่ไอ้แนนบอกผมว่าไม่ต้องไปสนใจ ฉายาเพื่อนรักสัตว์โลกไม่มีใครได้มาง่ายๆ ผมน่ะเป็นคนที่ควรได้รับฉายานี้เลย แต่ตอนที่เรียนมัธยมปลาย วิชาชีวะกลับทำให้ผมรู้ว่าสัตว์บางประเภทก็ไม่มีไอคิวมากพอที่จะเข้าใจภาษามนุษย์ ตอนนั้นผมจึงคิดขึ้นมาจริงๆ ว่า ผมอาจจะไม่เต็มอย่างที่โดนล้อก็ได้ แต่ไอ้หลง มันน่ะเข้าใจคำพูดของผมนะ

ระหว่างที่ความคิดกำลังทำงาน รถมอเตอร์ไซค์ของผมก็แล่นมาถึงหน้าบ้านเช่า ผมจอดรถ เอาถุงใส่เกาเหลาที่ห้อยอยู่แฮนด์รถมาถือ แต่เกือบทำร่วงจากมือเพราะใครบางคนที่เป็นสิ่งแปลกปลอมในสภาพแวดล้อมปกติของบ้านเช่า

คุณธนิก!!!

ผมอ้าปากค้างเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าตาฝาดหรือผมกำลังฝันกลางวัน คุณธนิกยืนพิงกับเสาต้นหนึ่ง ท่ามกลางเศษเหล็กและขยะรีไซเคิลที่ลุงแดง คนเก็บของเก่าขายซึ่งอยู่บ้านติดกันมาฝากเอาไว้ เพราะบ้านลุงไม่มีที่พอจะวางแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ชายเสื้อเก็บเรียบร้อยอยู่ในกางเกง ดูเรียบหรูไม่เข้ากับบรรยากาศรอบตัว ก่อนหน้านี้เขากำลังก้มหน้าอยู่เหนือโทรศัพท์มือถือในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างงีบมวนบุหรี่สีขาวที่มีควันลอยขึ้นมาจากด้านปลาย คิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่นราวกับกำลังหงุดหงิดใจ แต่เมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของผม เขาก็เงยหน้าขึ้นมามอง

“ไง” เขาทัก น้ำเสียงราบเรียบไม่ต่างจากสีหน้า แต่แววตาที่ใช้มองผมเต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง

“มาทำอะไรที่นี่ครับ” ผมถาม ทำหน้าไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่ เขาไม่น่าจะรู้จักบ้านของผม และคนระดับเขาไม่ควรมาอยู่ตรงนี้เลย

“ทำไมติดต่อไม่ได้” เขาไม่ตอบ แต่ถามกลับ “โทรหาไม่ติด ไลน์ไปไม่อ่าน เมื่อเช้าออกมาก็ไม่บอกสักคำ”

“คือว่า...”

“เล่นอะไรอยู่เหรอ”

ผมคงทำให้คุณธนิกโกรธซะแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่เคยนึกภาพตอนเขาโกรธ คิดสีหน้าไม่ออก เคยเห็นแต่ตอนที่ยิ้ม เคยเห็นแต่ตอนที่ทำหน้าอ่อนโยน ใจดี

“ผมขอโทษครับ” ผมบอกเบาๆ

ได้ยินเสียงถอนหายใจของคุณธนิก เขาทิ้งมวนบุหรี่ลงกับพื้น แล้วใช้เท้าขยี้แรงๆ “เอาเถอะ ช่างมันเถอะนะ”

“แล้วคุณธนิกมาที่นี่ได้ยังไงครับ”

“ลุงกล้วยมาส่ง”

“ไม่ครับ ผมหมายถึง คุณธนิกรู้จักบ้านของผมได้ยังไง”

“รู้อยู่แล้วล่ะ” เขาบอกแค่นั้น ไม่อธิบายอะไรต่อ “จะไม่ชวนพี่เข้าบ้านเหรอ พี่ยืนรอตั้งสองชั่วโมง”

“เอ่อ...งั้น” ผมลังเลที่จะเชิญเขาเข้าไปในบ้าน บ้านของผมไม่มีอะไรเลย ไม่มีโซฟานุ่มๆ ให้เขานั่ง มีแต่เสื่อที่ผมมักจะใช้ปูนอนหน้าทีวีที่ใช้งานไม่ได้ โต๊ะกินข้าวผุๆ สภาพตามอายุการใช้งานหลายปี เก้าอี้ของมันก็คงพอนั่งได้ แต่ก็แข็งซะจนไม่เหมาะจะเอามารับแขก เบาะรองนั่งที่เคยมีก็กลายเป็นที่นอนของไอ้หลงไปซะแล้ว “ผมว่าคุณธนิกกลับไปก่อนดีกว่าครับ”

ดวงตาดำขลับตวัดมองมาทันที “ให้พูดอีกที”

“ผมไม่ได้อยากไล่นะครับ แต่บ้านผมไม่สะดวกสบาย คุณธนิกจะลำบากเอานะครับ”

คุณธนิกนิ่งไปเพียงครู่ แล้วจากนั้นรอยยิ้มกว้างก็แต้มบนใบหน้า “เรื่องแค่นี้เอง แค่ขวัญไม่คิดไล่พี่ พี่ก็พอใจมากแล้ว”

“ไม่เคยคิดไล่เลยครับ”

“เด็กดีของพี่”

หน้าผมร้อนขึ้นมา ทั้งคำพูดและแววตาของเขาเล่นงานผมได้เป็นอย่างดี ไอ้แนนมันจะรู้ไหมว่าการไล่ผมกลับมาพักที่บ้านเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ แต่ใครจะไปคิดว่าคุณธนิกจะมารอผมอยู่

“งั้น...เข้าบ้านกันนะครับ”

ผมเดินไปไขกุญแจบ้าน เดินนำคุณธนิกเข้าไปข้างใน ก่อนจะรีบวางถุงเกาเหลาลงบนโต๊ะกินข้าวแล้ววิ่งไปเอาผ้าห่มมาปูให้เขานั่ง

“คุณธนิกนั่งตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้”

เขาพยักหน้า ยอมนั่งลง ผมจึงรีบตรงไปที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำเปล่ากับแก้วน้ำมาบริการ

“ดื่มน้ำก่อนนะครับ” ผมเทน้ำใส่แก้วแล้วส่งให้เขาที่กำลังมองสำรวจทั่วบ้าน “ยืนรอตั้งสองชั่วโมงเลยเหรอครับ ผมขอโทษนะครับ คุณธนิกเมื่อยมั้ยครับ ผมนวดให้นะ”

“เอาสิ” เขาเปลี่ยนท่านั่ง จากนั่งขัดสมาธิเป็นนั่งเหยียดขา “แล้วทำไมถึงติดต่อขวัญไม่ได้”

ผมไม่ตอบ เพราะไม่รู้จะตอบเขายังไง ผมไม่อยากโกหกแต่ก็บอกออกไปตรงๆ ไม่ได้ จึงได้แต่บีบนวดให้เขาอย่างเงียบๆ รู้ดีว่าเขากำลังมองอยู่ และรอคอยคำตอบ

“บล็อกเบอร์พี่เหรอ” เขาถามขึ้นอีก “ไลน์ก็ไม่ขึ้นอ่าน ขวัญโกรธอะไรพี่เหรอครับ”

ถ้าผมเอาแต่เงียบ คุณธนิกก็คงไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องง่ายๆ แต่ผมควรจะพูดเรื่องอะไรดีนะ ผมคิดไม่ออกเลย ในหัวผมตอนนี้มีแต่ความวุ่นวาย เรื่องโน้นเรื่องนี้สลับเปลี่ยนกันวิ่งเข้ามา

“พี่ตั้งใจว่าพอตื่นเช้าจะมาส่ง แล้วจะพาขวัญไปดูบ้าน”

“ดูบ้าน” ผมทวนคำ “ดูบ้านอะไรเหรอครับ”

“บ้านของขวัญไง พี่จะซื้อให้”

“ห้ะ!” เชื่อเถอะว่าต่อให้เป็นไอ้แนนก็ต้องตาเหลือกแล้วร้องอย่างตกใจเหมือนผม “ดะ...เดี๋ยวนะครับคุณธนิก คุณธนิกจะซื้อบ้านให้ผมทำไมครับ”

“ขวัญชอบคอนโดฯ มากกว่าเหรอ” เขาพูดไปคนละเรื่องอีกแล้ว “ยังไงก็ได้ พี่ไม่ขัดหรอก ขอแค่ขวัญชอบ”

“ฟังผมนะครับ!” คราวนี้ผมจำเป็นต้องเสียงดัง เพราะเขาเหมือนไม่ยอมฟังอะไรเลย “คุณธนิกจะซื้อให้ผมทำไม ผมไม่ได้ขอเลยนะครับ แล้วผมก็มีบ้านของผม”

คุณธนิกหันมองไปรอบตัว ก่อนเสียงเรียบๆ จะถามขึ้นว่า “บ้านเช่านี่น่ะเหรอ ขวัญเรียกมันว่าบ้านเหรอ”

“สำหรับผมมันคือบ้านครับ”

ต่อให้มันจะไม่ใช่ที่ที่สวยงามและสะดวกสบาย แต่มันก็เป็นที่ที่ผมมีความทรงจำดีๆ อยู่มากมาย น้าลีต้องทำงานหนักเพื่อจ่ายค่าเช่าบ้านและเลี้ยงดูผมไปด้วย มันอาจจะไม่ใช่บ้านในฝัน แต่มันก็คือสถานที่ที่ผมสามารถอยู่แล้วสบายใจได้

“พี่ไม่อยากให้แฟนของพี่ต้องอยู่ในที่แบบนี้”

หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมาพร้อมกับความสงสัย “ผมเป็นแฟนกับคุณธนิกแล้วเหรอครับ เป็นเมื่อไหร่กัน”

“ขวัญครับ” เขายกมือขึ้นลูบแก้มของผม “หลังจากที่เราทำกัน พี่ยังต้องพูดอีกเหรอ”

“แต่ว่าผม...” ผมควรจะบอกยังไงดีนะ ผมรับปากกับไอ้แนนแล้วว่าจะตัดใจ แล้วผมก็คิดจะทำแบบนั้น แต่ผมไม่ได้คาดคิดว่าผมจะเจอคุณธนิกมารออยู่หน้าบ้าน

“อย่าคิดจะหนีจากพี่” เขาพูดราวกับรู้ แววตาที่อ่านไม่ออกของเขามองตรงมา “ขวัญหนีจากพี่ไม่ได้หรอก”

“เพื่อนผมบอกว่าคุณธนิกหลอกฟันผม แล้วผมก็คิดเหมือนกัน” ผมโกหกไม่เก่ง สร้างเรื่องไม่เก่ง ก็เลยต้องสารภาพ “ผมคิดจะตัดใจจากคุณธนิกแล้วครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องของเรามันไม่จริงเลย คนอย่างผมกับคุณธนิก มันไม่มีความเป็นไปได้ตั้งแต่แรกแล้วครับ”

ผมไม่กล้ามองคุณธนิก ไม่กล้ามองสบตากับเขา ผมกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองให้ต้องถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่เขาก็ใช้มือเชยคางของผมขึ้น คำพูดของเขาทำให้ผมเผลอมองดวงตาดำขลับคู่นั้น “ขวัญพูดอย่างนี้ พี่เสียใจรู้มั้ยครับ”

“ผมขอโทษครับ”

“อย่าพูดแค่คำขอโทษ พี่ไม่ได้ต้องการคำขอโทษ แต่พี่ต้องการขวัญ พี่ชอบขวัญ” น้ำเสียงที่ใช้พูดนั้นนุ่มนวล ราวกับกำลังขับกล่อมให้ผมเชื่อตามนั้น “คนสองคนจะคบกัน แค่ความรู้สึกตรงกันก็พอแล้ว ขวัญไม่เห็นต้องคิดให้ยุ่งยากว่าขวัญเป็นใคร พี่เป็นใคร พี่ไม่อายหรอกถ้าจะได้คบกับขวัญ เพราะพี่คงทำใจไม่ได้ ถ้าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน”

“แต่ว่า...”

“คบกับพี่นะครับ ให้พี่ได้ดูแลขวัญนะ” เขาจูบที่หน้าผากของผมอย่างแผ่วเบา “ขวัญตัดใจจากพี่ไม่ได้หรอก เพราะงั้นอย่าหนีเลยนะ เพราะไม่ว่าขวัญจะหนีไปที่ไหน พี่ก็จะตามขวัญเจออยู่ดี”

“งั้นผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ”

“ถามว่า?”

“ขิมคือใครครับ”

สีหน้าของคุณธนิกเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาของเขาว่างเปล่า ไม่เหลือแววให้ตีความหมาย สีหน้าของเขาก็เช่นกัน ผมจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร คนคนนั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลกับเขามากเกินกว่าที่เขาจะควบคุมตัวเองได้ เพราะหากเป็นปกติแล้ว คุณธนิกจะเอาแต่ยิ้มกับคำถามที่เขาไม่อยากตอบ

“ผมอยากรู้นะครับ เพราะเมื่อคืนคุณธนิกเรียกชื่อเขา”

“ขอโทษครับ” เขาบอก มีสีหน้าสำนึกผิด “ขอโทษนะครับขวัญ พี่ทำตัวไม่ดีเลย”

พูดมาอย่างนี้แล้วจะให้ผมตอบยังไง ตอบว่ายกโทษให้เหรอ แต่ใจของผมมันไม่คิดอย่างนั้นนี่นา

“เขาเป็นอดีตไปแล้ว แต่เพราะขวัญเหมือนเขา พี่ก็เลยเผลอ ขวัญยกโทษให้พี่นะครับ จะไม่มีเรื่องแบบนี้อีกแล้ว พี่สัญญา” คุณธนิกก้มหน้าลง หน้าผากของเขาเอนแนบกับหัวไหล่ของผม “ขวัญจะเป็นปัจจุบันและอนาคตของพี่ แค่ขวัญคนเดียว”

“แล้วคู่หมั้นของคุณธนิกล่ะครับ”

“ถ้าพี่บอกว่าอีกเร็วๆ นี้พี่จะถอนหมั้น ขวัญยังจะมีคำถามอะไรอีกมั้ย”

คนทุกคนชอบที่จะได้รับความสำคัญ และผมก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น หัวใจของผมเต้นแรงไปกับคำพูดของเขา เผลอคาดหวังไปแล้วว่ามันจะเป็นจริง คำพูดของไอ้แนนเมื่อก่อนหน้านี้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น ผมหนีไม่รอดหรืออันที่จริงผมทิ้งทางหนีของตัวเอง ผมหยุดอยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่คิดหนี

“มีครับ แล้วถ้าเป็นแฟนกัน ผมต้องทำยังไงบ้างครับ” ผมถาม รู้สึกประหม่า หัวใจเจ้ากรรมก็ไม่หยุดเต้นรัวเสียที

“นั่นสินะ” เขาทำทีคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วยกนิ้วขึ้นไล้ไปตามริมฝีปากของผม “จูบกันก่อนดีมั้ย”

“งั้นคุณธนิกก็หลับตาก่อนสิครับ”

“ทำไมล่ะ”

“ถ้าโดนจ้องอยู่อย่างนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน”

เขาหัวเราะเบาๆ “เอ... หรือว่าพี่จะเป็นจูบแรกของขวัญ”

“ครับ” ผมตอบตามตรง ถ้าไม่นับตอนที่โดนไอ้หลงเลียปาก เมื่อคืนก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้จูบกับคนจริงๆ

“ไม่จริงน่า” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “อย่ามาทำตัวน่ารักนะ”

“จริงๆ ครับ คุณธนิกเป็นจูบแรกของผม แล้วก็...เป็นคนแรกด้วย”

“ขวัญพัฒน์” เขาครางเสียงอ่อน ยิ้มกว้างเต็มใบหน้า พอผมมอง ก็ก้มหน้าลง ไม่ยอมมองสบตากันเสียอย่างนั้น เห็นใบหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ผมก็อดยิ้มตามไม่ได้ “พี่ทำเรื่องไม่ดีลงไปแล้ว”

“อะไรเหรอครับ”

“ครั้งแรกของขวัญ” เขาว่าเสียงแผ่ว “พี่ควรจะตั้งใจมากกว่านั้น”

“คุณธนิกอย่าคิดมากเลยครับ เมื่อคืนมันดีมากๆ เลย ผมมีความสุขครับ”

ไม่รู้ทำไม ยิ่งผมพูด เขาก็ยิ่งสบถแล้วก็เอาแต่โขกหัวกับหัวไหล่ของผม “เด็กบ้า น่าจะบอกกันก่อน ไม่น่าเลย... เสียดายมาก”

คำพูดแต่ละคำทำให้ใบหน้าของผมร้อนผ่าว เขาเอาแต่พร่ำบอกว่าเสียดาย ไม่น่าเลย พูดแบบนั้นซ้ำๆ “งั้น...ทำกันใหม่มั้ยครับ เอ่อ คุณธนิกลืมไปก่อนนะ ถือว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้บอกอะไร”

“เป่าคาถาสิ จุ๊บตรงนี้ แล้วพี่จะลืม จากนั้นเราจะทำกันใหม่” เขาชี้ที่ริมฝีปาก ผมกำลังจะขยับเข้าไปใกล้ ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียง

โฮ่ง! โฮ่ง!

ฉิบหายยย ไอ้หลงกลับมาแล้ว! มันเห็นฉากเลิฟซีนของผมมั้ยนะ

“ไอ้หลง!”

ไอ้หมาเพลบอยของผมกระดิกหางไปมาอยู่หน้าประตูบ้าน มันเดินเข้ามา ท่าทางวางมาด ผมคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นมันแยกเขี้ยวใส่คุณธนิก มันคงจะไม่คุ้นหน้า ยิ่งเบ้าหน้าระดับเขา ยิ่งไม่มีให้เห็นในละแวกนี้

“ไอ้หลง นี่คุณธนิก เอ็งอย่ากัดเขานะเว้ย เขาเป็นแฟนพี่”

“คุยกับหมารู้เรื่องเหรอ” เขาถามพลางยิ้มขำ “พี่ก็คุยรู้เรื่องนะ สวัสดีหลง”

โฮ่ง!

ผมว่าไอ้หลงมันไม่ได้ตอบคุณธนิกหรอก มันแค่ได้กลิ่นเกาเหลาแล้วก็เห่าแค่นั้น หรือมันอาจจะเห็นแมลงสาบวิ่งผ่านหน้าก็ได้ ไอ้หลงมันชอบเห่าลมเห่าแล้งบ่อยๆ

“นั่นไง มันรู้เรื่อง”

“ดีจังเลยครับ” แต่ผมก็ไม่ขัด เห็นคุณธนิกยิ้มแล้วก็ไม่อยากพูดขัดอะไร “ผมมีมันที่เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ โชคดีจังที่คุณธนิกคุยกับมันรู้เรื่อง”

คุณธนิกยกมือขึ้นลูบหัวของผม “ตอนนี้ขวัญมีพี่เพิ่มมาอีกคนแล้วนะ”

“ขอบคุณครับคุณธนิก”

“เป็นแฟนกันแล้วยังเรียกคุณอีกเหรอ”

“ผมชินเรียกแบบนี้ซะแล้วล่ะครับ”

“ที่ควรชิน ต้องเป็นคำว่าที่รักต่างหาก”

“หาาา”

“ลองเรียกสิ”

“ไม่เอาหรอกครับ”

“ที่รัก”

“ไม่เอา ผมจะเรียกว่าคุณธนิก”

“งั้นเป็นคุณธนิกที่รัก”

“ฮื้อ ไม่กล้าเรียกหรอกครับ”

“เดี๋ยวก็กล้าเองแหละ อีกหน่อยอาจเรียกพี่ว่า ไอ้ธนิกด้วยซ้ำ”

“ฮ่าๆ ๆ”

คุณธนิกดูตกใจเล็กน้อย จนผมต้องหยุดหัวเราะ “มีอะไรเหรอครับ”

“เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นขวัญหัวเราะ” หน้าเขาแดงเล็กน้อย “น่ารัก เล่นเอาเขินเลย”

“ไม่...ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อยครับ” พูดอย่างนี้ผมก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน เขาเป็นคนที่ปากหวานจนผมไม่รู้จะเขินยังไงแล้ว “ว่าแต่คุณธนิกไม่ทำงานเหรอครับวันนี้”

“อืม ก็อยู่ดีๆ ขวัญก็หายไป ใครจะไปมีอารมณ์ทำงาน”

“ขอโทษครับ ผมทำให้เสียการเสียงานจนได้”

เขาส่ายหน้า ก่อนจะหอมแก้มผม “อย่าขอโทษเลย พี่ตั้งใจไว้อยู่แล้ว เพราะจะพาขวัญไปดูบ้าน”

“คิดจะซื้อให้ผมจริงๆ เหรอครับ”

“อืม จริงสิ คิดว่าถ้าซื้อคอนโดฯ ขวัญคงพาหลงไปอยู่ด้วยไม่ได้”

“จะคอนโดฯ หรือบ้าน ก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ ไม่ใช่บาทสองบาทนะ”

“ก็ไม่มีบ้านที่ไหนขายบาทสองบาทหรอก แต่มีบ้านเดี่ยวที่ราคาเบาๆ อยู่นะ เพื่อนพี่เป็นเจ้าของโครงการ สามารถซื้อได้ในราคามิตรภาพ ไม่เล็กไม่ใหญ่ เหมาะกับคู่แต่งงานใหม่มากครับ”

“จะยังไงก็ไม่เอาหรอกครับ ผมอยู่บ้านเช่าต่อไปก็ดีแล้ว”

“ไว้จะส่งแบบบ้านให้ดูนะ” เขาตัดบท เป็นอีกครั้งที่ทำทีไม่ได้ยินเสียงของผม ผมจึงได้แต่ถอนหายใจ ชักจะรู้สึกว่ารับมือยากขึ้นมา

เอาเถอะ ไว้ค่อยปฏิเสธอย่างจริงจังทีหลัง ยังไงตอนนี้ผมต้องคิดคำพูดที่จะไปพูดกับไอ้แนนมันก่อน ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นคนเดียวที่ผมอยากเล่าให้ฟังและอยากบอกความเป็นไปในชีวิตให้ได้รู้

“ว่าแต่ถ้าทำกันที่นี่ มันจะพังไหมนะ”

สีหน้าของคุณธนิกเต็มไปด้วยความสงสัย ซึ่งผมก็สงสัยไม่ต่างกัน จากสภาพความเป็นอยู่แล้วหากโดนทำขึ้นมา คงเจ็บหลังน่าดูเลย ไหนจะไอ้หลงที่มองมาตาแป๋วมาจากที่นอนของมันอีก ที่นี่คงไม่เหมาะซะล่ะมั้ง


......................To be continue..........................

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและความคิดเห็นนะคะ  :กอด1: :กอด1:

ไอ้หลงงงง ดูแลพี่ขวัญด้วยนะลูก  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 26-07-2018 19:44:08
นี่คือมาโปรดเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ที่อ่อนโยน ถูกมะ

เรายังไม่ไว้ใจคุณหรอกนะคุณธนิก คุณมันร้ายเรารู้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 26-07-2018 19:44:39
โธ่ขวัญคนซื่อ

คุณธนิกอย่ามาหลอกอะไรขวัญเลยนะ

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 26-07-2018 19:46:56
น่ากลัวมากคุณธนิก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 26-07-2018 19:53:29
โอ้ยยยยยย ขัดใจน้องขวัญ ใจอ่อนง่ายไปนะลูกกกก มีกลิ่นตุๆว่านังคุณธนิกมันร้ายยย มันคิดไม่ซื่อ มันมีซัมติง ฮือออออออ สงสารน้องขวัญรอเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 26-07-2018 19:58:41
โอ๊ยยยอีกหน่อยนอกจากจะต้องด่าคุณธนิกแล้วยังต้องด่าขวัญด้วยปะ กี๊ดดดด
อยากให้ขวัญฉลาดแบบแนนอะ ทำไมมม!!! แต่ก็นะคนเรา ถ้าไม่เจอกับตัวก็คิดได้หมด
แต่พอเป็นเรื่องตัวเองก็ไปไม่เป็นแบบขวัญแหละ นี่กำลังพยายามเข้าใจขวัญสุด55555
เอาแค่ถูกผิดก็ไม่ได้แล้วปะ ถึงกับจะถอนหมั้นเลย อิคุณธนิกเหมือนนอกใจเมียมาหลงเมียน้อยมาก
 ถึงกจะไม่รักคู่หมั้นหรือยังไงก็เหอะ ทั้งๆที่ขวัญก็รู้อะ แต่ก็ยังไม่ถอย ทำไมอะ งงมาก
อีกอย่างเขาก็บอกอยู่ว่าขวัญเหมือนขิม แค่นี้ยังไม่รุ้อีกหรอว่าเขาไม่ได้รักที่ขวัญเป็นขวัญ
หรือรักนะ ไม่รุ้555555555  การกระทำตอนนี้คือไม่น่าไว้ใจ ขอด่าไว้กันละกัน
ทั้งหมดนี่เพราะเป็นห่วงขวัญนะไม่ใช่อะไร  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 26-07-2018 20:00:34
ร้ายกาจ ร้ายกาจมาก คุณธนิกเอ็งมันคนใจบาปหลอกได้กระทั่งคนที่ใสซื่อขนาดนี้  :angry2: โอ้ยยย แล้วขวัญจะเป็นยังไงต่อเนี่ยลูก ฮืออออออ ไม่ใช่ว่าจะอกหักดังเปาะเร็วๆนี้หรอกนะ ไม่น่าหลงกลเค้าเลยลูกกกกก พวกน่าใสใจคดแบบนี้มันอันตรายจะตาย อีกไม่นานแน่ที่ลูกจะต้องเสียน้ำตายกใหญ่ อกอีแม่จะแตกแล้วเด้อออออ หงุดหงิดกับความซื่อของขวัญ ถ้าเหตุการณ์ครั้งนี้มันจะเป็นบทเรียนที่ดี ก็อยากให้ขวัญจำใส่กระโหลกไว้นะลูก ว่าไม่มีใครเข้าหาเราโดยไม่หวังผลประโยชน์หรอก โดยเฉพาะเข้าหาแบบอิคุณธนิกเนี่ย หงุดหงิดจิตงุ้นเงี้ยวมากจะสงสารก็สงสาร จะสมเพชก็สมเพช เฮ้อใจคน จะไปบังคับกันก็ไม่ได้  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 26-07-2018 20:02:58
ฮึ่ยยยยยยย
ขวัญเอ๋ย ขวัญมา :mew6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-07-2018 20:03:31
น้ำตานองแน่ๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 26-07-2018 20:18:52
คำชื่นชมเยินยอและให้ความสำคัญ มันมักจะหอมหวานเสมอ ขวัญลูกกกก หนูกำลังเดินจะไปเจอกับอะไร?
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-07-2018 20:25:08
คนแบบธนิก น่ากลัวฟ่ะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 26-07-2018 20:33:25
คุณธนิกนี่สายเปย์ขวัญดูเป็นเด็กเสี่ยไปเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 26-07-2018 21:12:14
คุณ​ธนิกยังไงก็ไม่รู้แปลกๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 26-07-2018 22:30:46
ทุกอย่างมันดูเร็วไปหมด ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไรนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-07-2018 22:49:58
อะไรของคุณธนิก น้องขวัญก็ใจอ่อนไปอี๊กกกกก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 26-07-2018 23:04:48
ขวัญ ความรักทำให้ตาบอดไปแล้ว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 27-07-2018 01:42:28
ขวัญกับขิม... คนที่อยู่ในใจ พีค/ คนอื่นบอกว่าพี่เจ้าชู้แต่พี่ว่าพี่เป็นคนรักเดียวใจเดียว พีคอีก/ มองหน้าเขาแล้วหาทางกลับไม่เจอ พีคอีกแล้ว// โอ้ย คนมันกำลังรักอ่ะนะ มองอะไรไม่ค่อยจะชัด เตรียมน้ำเย็นสาดหน้าขวัญ ละเตรียมคำด่ารอใช้กับอิพี่ธนิกเลย
(แอบบอยากรู้ที่มารอยสักงูของธนิก#นังอสรพิ๊ษษษษษษษษษษษษ)

ธนิกคือน่ากลัวมากๆ มีสเน่ห์ รู้วิธีการพูดยังไงให้คนรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ เป็นของที่ถูกทะนุถนอมอย่างดีในมือของเค้า #แต่ที่คนนอกมองมันไม่ใช่ไงจ้ะ อึ๊ยยยย อ่านแล้วอึดอัด ความคิดในหัวคือมีแต่คำด่าทอ แล้วเราคือคนนอกอ่ะ มองเห็นว่าธนิกแค่หลอกใช้ขวัญเป็นตัวแทนอ่ะ โว้ยยยย อยากจะไปตะโกนข้างๆหูขวัญ แล้วนี่จะซื้อบ้านให้แล้วอ่ะ เมียเก็บไปอี๊กกกกก ขวัญจะต้องติดบ่วงชายอสรพิษคนนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน หุ้ยยยย เราคงม้ามไตพังกันไปข้าง แต่ก็นะเข้าใจขวัญ ถ้าเราเป็นขวัญเราก็คงทำไม่ต่างจากขวัญอ่ะ คนที่แอบชอบมานาน สูงเสียดฟ้า วันนึงเค้าโน้มกิ่งลงมา ถึงจะรู้ว่ามันไม่ชอบมาพากลแต่ก็คงอดที่จะไม่เด็ดดอกไม้ที่เราชอบดอกนั้นมาเก็บไว้ในมือไม่ได้ ฮรืออออ ความสุขมันหอมหวาน คนไม่เคยก็อยากลิ้มลอง
ภาวนาให้แนนช่วยตบๆให้ขวัญตาสว่างและหวังให้หลงเห่าดังๆตอนสองคนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
(แต่คาแรคเตอร์แบบธนิกนี่ทำเอาเราอยากรู้ที่มาเลยว่าเพราะอะไรเค้าถึงทำแบบนี้)
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 27-07-2018 02:37:12
คุณธนิกคือน่ากลัวมาก จุดประสงค์ไม่ดีแน่ๆ ไม่เชื่อ ส่วนขวัญ ต้องบอกว่า เชิญตามลำบากเลยคุณน้อง หนทางนี้เหยียบกรวดเหยียบหินยาวๆไป
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-07-2018 07:36:15
โอ้ยยยยย อยากจับขวัญมาตีก้น ทำไมถึงเชื่อ ถึงยอมง่ายขนาดนี้ คุณธนิกต้องการอะไรกันแน่ มาหลอกขวัญทำไม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-07-2018 09:22:35
สงสารหนูขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-07-2018 09:29:58
ไอ้คุณธนิกใจบาป
ขวัญลูกตื่นซะทีเถอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 27-07-2018 09:37:59
อยู่บนความระแวงงงงง แง่ เอาอีกๆๆๆอยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 27-07-2018 10:52:43
โอ้ยยย ทำไมไม่ชอบนิสัยขวัญเลย :serius2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-07-2018 18:10:24
มาติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-07-2018 19:54:51
อื้อหือ............
จากกันแป๊บเดียว.....ไลน์หาไม่อ่าน
โทรหาไม่ติด........ คุณธนิกตามติดถึงบ้าน
จะซื้อบ้านให้ เป็นแฟนกันแล้ว
ขิมเป็นแฟนเก่า ขอโทษที่เผลอเรียกขวัญเป็นขิม เพราะหน้าเหมือนกัน
คู่หมั้นก็จะเลิก.....
ตายๆๆๆๆๆ..........คุณธนิก เชี่ยวซขนาดนี้  :serius2: :serius2: :serius2:
ขวัญลืมคำสั่งสอนของแนนเพื่อนรักหมดเลย   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 27-07-2018 22:13:30
คุณธนิกน่ากลัวมาก

เราว่าคุณธนิกคิดจะผูกขวัญไว้ เพราะขวัญไม่มีอะไรอะ คือจะทำอะไรก็ได้

แต่กับขิม อาจจะมีฐานะทางสังคมพอๆกัน เลยทำแบบนั้นไม่ได้ เลยมาเลือกขวัญเพื่อเป็นตัวแทน จะขังให้อยู่กับตัวเองตลอดไป

 :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 6 26/07/2018 Page 5
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 28-07-2018 15:19:56
อ่านตอนนี้ตั้งแต่วันที่คนเขียนอัพแล้ว คิดถึงเลยกลับมาอ่านอีก พึ่งเห็นว่าลืมเมนท์ค่ะ  :m23:
------------------------------------------------------------------------------------
โอ้ยยยย คุณธนิกปากหวานมาก พูดชักจูงเก่ง อยากให้แนนเจอคุณธนิกเลย น้องขวัญไม่มีทางปฏิเสธคุณธนิกได้หรอก ยิ่งน้องขวัญรักเขาอยู่ด้วยแล้วเนี่ย คุณธนิกสบายเลยพูดนิดๆหน่อยๆน้องก็ยอมหมด ถึงจะสับสนไม่แน่ใจแต่ก็เลือกคุณธนิกอยู่ดี เข้าใจน้องนะ ตอนที่พูดเรื่องจูบแรกครั้งแรก ครั้งแรกของขวัญเนี่ย ยังรู้สึกเลยว่าทำไมคุณธนิกน่ารักจัง(วะ) แต่หักห้ามใจตัวเองอยู่เพราะกลิ่นความร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้ใจของคุณเขาเนี่ยแผ่กระจายมาก
ตอนนี้คือหวังพึ่งพาหลงอยู่ เพลบอยอย่าไปญาติดีกับเขานะ แล้วก็หวังว่าขวัญจะได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้แนนฟัง
 :pig4:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 28-07-2018 18:12:02
ตอนที่ 7


คุณธนิกกลับไปเมื่อตอนบ่ายสองเพราะมีโทรศัพท์จากเลขาฯ ของเขาบอกว่ามีการเรียกประชุมผู้บริหารด่วน เขาก็เลยต้องกลับไปด้วยสีหน้าที่เหมือนเด็กถูกขัดใจ ไอ้หลงเห่าส่งเขาด้วย มันคงชอบที่คุณธนิกลูบหัวมัน

“ดีจังน้าที่คุณธนิกเขาไม่รังเกียจพวกเรา” ผมลูบหัวไอ้หลงเบาๆ “แล้วเอ็งอยากไปอยู่บ้านใหม่หรือเปล่า บ้านหลังใหญ่ๆ สวยๆ แล้วก็อาจจะสะดวกสบายกว่านี้”

บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำของผมและคนในครอบครัว ครั้งหนึ่งมันเคยมีชีวิตชีวา มีเสียงหัวเราะของผมและน้าลี คลอไปด้วยเสียงครางหงิงๆ ของไอ้หลง ชีวิตที่ไม่ต้องมีพร้อม แต่ก็มีความสุขกันดี หากถามว่าผมอยากจะไปอยู่ที่ที่ดีกว่านี้ไหม โดยธรรมชาติของความคิดมนุษย์แล้วก็ต้องอยากไปกันทั้งนั้น ทว่าผมก็ยังทิ้งความผูกพันที่มีต่อบ้านหลังนี้ไม่ลง

“ชีวิตที่ดีกว่า มันจะดีจริงๆ รึเปล่านะ อีกอย่างคุณธนิกเขาจะชอบพี่ไปตลอดมั้ยก็ไม่รู้ เกิดวันหนึ่งเขารู้สึกเบื่อขึ้นมา เราก็คงจะไม่มีที่ซุกหัวนอนกัน”

ไอ้หลงครางหงิงตอบกลับมา มันก็คงเห็นด้วยกับผม คำว่าตลอดไปมันไม่มีอยู่จริง ผมน่ะเข้าใจคำนี้ดี เพราะน้าลีที่สัญญาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ก็จากไปก่อนที่ผมจะทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ

“ไอ้ขวัญญญญญ กูมาแล้วววว” เสียงของไอ้แนนดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน ไอ้หลงรีบลุกแล้ววิ่งไปที่ประตูทันที มันจะส่ายหางระริกระรี้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของไอ้แนน เพราะมันรู้ว่าไอ้แนนจะมีของกินดีๆ มาฝากมัน แต่ไอ้หลงมันคงไม่รู้หรอกว่าของกินที่ไอ้แนนเอามาให้น่ะผมฝากเงินมันซื้อแทบทุกครั้ง ไอ้แนนก็เลยได้หน้าไปตามระเบียบ

“มาเร็วจังวะ” ผมเปิดประตูบ้าน เห็นไอ้แนนยังคงนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ ตะกร้าหน้ารถมีถุงใส่กับข้าวอยู่สองสามอย่าง หนึ่งในนั้นมีไก่ย่างที่ผมฝากมันซื้อด้วย

“พอดีมีเรื่องจะคุยกับมึงนิดหน่อย” ไอ้แนนบอก ลงจากมอเตอร์ไซค์ ยื่นมือลูบหัวไอ้หลงที่รอไก่ย่างของมัน “แสนรู้จริงๆ นะไอ้หลง อยากกินไก่ย่างละซี”

“เรื่องจะคุยเหรอ” คงไม่ใช่เรื่องของคุณธนิกหรอกใช่ไหม ไอ้แนนจะมีตาทิพย์รู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในบ้านหลังนี้ได้ยังไงกัน เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งปล่อยไก่เสียดีกว่า “งั้นเข้ามาคุยในบ้าน กูก็มีเรื่องจะคุยกับมึงเหมือนกัน”

“เออๆ กูซื้อเหล้ามาด้วย ขออนุญาตฝนเรียบร้อยแล้ว วันนี้ยาวได้ถึงเที่ยงคืน” ไอ้แนนชูขวดเหล้าขาวตรารวงข้าวที่มันซื้อมาให้ดู สีหน้ามันเครียดอย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนัก ครั้งล่าสุดที่เห็นมันทำหน้าแบบนี้ก็ตอนที่มันรู้ว่าฝน แฟนของมันท้อง ทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องที่มันกำลังจะคุยต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ถึงต้องใช้เวลาและต้องมีแอลกอฮอล์คอยกระตุ้น

วงเหล้าขนาดย่อมจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่หัวค่ำ ผมจัดการปูเสื่อ ส่วนไอ้แนนจัดการหาถ้วยโถโอชามมาใส่ของแกล้มซึ่งเป็นเนื้อวัวนึ่งกับน้ำพริกข่าของโปรดของผม ต่างคนต่างทำหน้าที่ เมื่อทุกอย่างพร้อม พวกเราก็เริ่มบรรเลง ไอ้แนนเปิดเพลงเพื่อชีวิตที่มันชอบจากโทรศัพท์มือถือให้คลอไปเบาๆ สร้างบรรยากาศ โดยมีไอ้หลงนั่งแทะไก่ย่างอยู่ข้างๆ

“มึงพูดเรื่องของมึงก่อน” ไอ้แนนบอก ยกแก้วขนาดเล็กขึ้นจ่อปากแล้วดื่มไปรวดเดียว สีหน้าของมันเหยเกเล็กน้อยเพราะรสเฝื่อน จากนั้นก็ยื่นแก้วเล็กๆ ที่บรรจุน้ำสีใสอยู่ครึ่งแก้วส่งมาให้ผม “เรื่องของกูต้องใช้เวลาเรียบเรียงนิดหน่อย เพราะค่อนข้างจะงง”

ผมรับแก้วนั้นมาจากมือของเพื่อน ยกดื่มรวดเดียว รู้สึกต้องการความกล้ามากพอควร เพราะการคบหากับคนที่เพื่อนไม่สนับสนุนนั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะทำลายมิตรภาพที่มีลงไหม ผมคงทุรนทุรายมากหากต้องตัดสัมพันธ์กับไอ้แนนไป

“มึง กูน่ะ นอนกับคุณธนิกแล้ว” ผมเริ่มเรื่อง เพราะคงดีที่สุดถ้าจะเริ่มจากตรงนี้ พอลอบสังเกตดูสีหน้าไอ้แนนก็เห็นว่ามันยังสงบ ผมจึงเริ่มพูดต่อ “เมื่อเช้ากูโกหกว่ากูไปดื่มเหล้ากับไอ้นัท แต่ที่จริงแล้วกูนอนกับเขา คือกูก็ไม่อยากโกหกมึงหรอกเว้ย แต่กูกลัวมึงด่า”

“งั้นมึงก็โกหกกูเหรอว่ามึงจะตัดใจ” ไอ้แนนถามเสียงนิ่ง

“เปล่า กูตั้งใจจะตัดใจจริงๆ เพราะกูก็รู้สึกเหมือนที่มึงพูดทุกอย่าง ตอนที่มีอะไรกันเขาก็เรียกชื่อคนอื่นด้วย”

“นั่นชั่วมากเลยนะ”

ผมยิ้ม เดาไม่ผิดจริงๆ “คิดแล้วว่ามึงต้องพูดแบบนี้ นั่นแหละ กูก็เลยคิดว่า ตัดใจก็คงดีกว่า แล้วทีนี้ตอนที่กูกลับบ้านมา เขาก็มารออยู่แล้ว”

“มาที่นี่น่ะเหรอ”

“อือ มาที่นี่ แล้วกูก็คบกับเขา”

“เดี๋ยวๆ” ไอ้แนนยกมือขึ้นห้ามแล้วอีกมือก็นวดขมับตัวเอง “กูตามไม่ทัน ยังไงนะ พอเขามาหามึงที่บ้าน มึงก็เลยใจอ่อนคบด้วยงี้เหรอ แบบมึงคิดว่าไหนๆ ก็นอนกับเขาแล้ว ผูกพันกันแล้ว งี้ใช่มั้ย”

“ก็...ใช่” ผมตอบรับเสียงอ่อย เพราะเห็นไอ้แนนแยกเขี้ยวส่งมาให้ “เขาบอกกูนะว่าคนที่เขาเผลอเรียกชื่อเป็นอดีตไปแล้ว แล้วเขาก็กำลังจะถอนหมั้นกับคู่หมั้นของเขา”

“แล้วมึงก็เชื่อเหรอไอ้โง่!”

ผมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะไอ้แนนเสียงดังมากๆ ไอ้หลงยังรีบคาบไก่ย่างของมันไปกินที่อื่นเลย คงกลัวโดนลูกหลง

“แต่คำพูดเขาน่าเชื่อมากเลยนะ”

“ไอ้ขวัญ มึงนะมึง กูจะเป็นลม” ไอ้แนนตบอกตัวเอง ท่าทางเหมือนพ่อที่รู้ว่าลูกสาวท้องก่อนแต่ง ผมนึกภาพมันในอีกยี่สิบปีข้างหน้าออกเลยว่ามันต้องเป็นพ่อที่เข้มงวดกับลูกสาวมากแน่ๆ “กูไม่อยากจะโทษที่น้าลีสอนมึงให้มองโลกในแง่ดี แต่นี่มันดีเข้าขั้นโง่แล้ว แค่เขาหลุดปากเรียกชื่อคนอื่นตอนเอามึง แค่นั้นก็รู้แล้วมั้ยว่าเขาลืมคนคนนั้นไม่ได้”

ความจริงจากปากของไอ้แนนทำเอาหัวใจของผมเจ็บจี๊ดขึ้นมา “ก็อาจจะเป็นอย่างที่มึงพูด”

“ไม่ใช่แค่อาจจะ แต่มันต้องเป็นอย่างที่กูพูดสิ ร้อยทั้งร้อยนะเว้ย หลุดปากออกมาแสดงว่าต้องคิดถึงตลอดเวลาแน่ๆ” ไอ้แนนปิดประตูหาข้ออ้างของผมจนหมด ผมก็เลยยอมนั่งฟังมันเงียบๆ “อีกอย่างนะ คู่หมั้นที่บอกว่าจะถอนหมั้น มันก็เป็นแค่คำพูดของผู้ชายเจ้าชู้ที่อยากจะมีชู้เพิ่มเข้ามาในชีวิต”

คำพูดของไอ้แนนกับคำหวานของคุณธนิกตีกันวุ่นอยู่ในหัวของผม คำพูดของไอ้แนนนั้นมีน้ำหนักมากพอๆ กับความอยากเชื่อในตัวของคุณธนิกที่ผมมี

“แล้วกูต้องทำยังไงวะ กูตกลงคบกับเขาไปแล้ว”

“เลิกสิ รออะไร”

“จะให้กูบอกเลิกทั้งๆ ที่ยังคบกับเขาไม่ทันข้ามวันเหรอมึง”

“หรือมึงจะรอให้มันครบปีแล้วค่อยเลิกล่ะ จะทนน้ำตาเช็ดหัวเข่าหรือไง”

“แล้วถ้ากูไม่อยากเลิกล่ะ มึงจะโกรธกูมั้ย”

ไอ้แนนถอนหายใจ มันรินเหล้าให้ผมแล้วยื่นมาตรงหน้า “กูไม่โกรธ เพื่อนก็ต้องดูแลเพื่อน แนะนำสิ่งดีๆ ให้เพื่อน ถ้าเพื่อนกำลังตาบอดก็ต้องทำให้ตาสว่าง แต่ถ้ามึงตัดสินใจเลือกแล้ว กูก็ไม่มีอะไรจะว่า แต่กูไม่สนับสนุน”

“กูอยากให้มึงยินดีกับกู”

“ไม่ล่ะ” ไอ้แนนส่ายหน้า ใช้ช้อนตักเนื้อวัวนึ่งมาป้อนให้ผม “กูจะรอเช็ดน้ำตาให้มึงดีกว่า”

ผมคงไปบังคับไอ้แนนไม่ได้ เหมือนๆ กับที่หัวใจของผมก็บังคับได้ยากเย็น “แล้วเรื่องที่มึงจะคุยกับกูล่ะ”

ไอ้แนนเงียบไปเกือบหนึ่งนาที ก่อนมันจะเริ่มต้นคำถาม “มึงจำที่กูบอกว่าเจอคนหน้าเหมือนมึงได้มั้ย”

“จำได้”

“วันนี้กูเจออีกครั้ง แล้วครั้งนี้กูได้คุยกับเขาด้วย เขาบอกกูว่าเขาชื่อขิม”

ขิม... ทำไมถึงมีคนชื่อนี้คอยวนเวียนสร้างความวุ่นวายให้หัวใจของผมกันนะ เมื่อคืนผมได้ยินชื่อนี้จากปากของคุณธนิก ตอนนี้ก็มาได้ยินจากไอ้แนน คนชื่อขิมนี่มันจะมีสักกี่คนบนโลกกันวะ

“มึงกำลังไม่เชื่อกูสินะ แต่กูไม่ได้ตาฝาดไอ้ขวัญ กูมีรูปมาให้มึงดู” ไอ้แนนยื่นโทรศัพท์มือถือของผมมาให้ “กูใช้โทรศัพท์มือถือของมึงถ่าย แล้วก็เอารูปในโทรศัพท์ให้เขาดูด้วย”

ผมรับโทรศัพท์มือถือมาเปิดดู แล้วก็ได้เห็นจริงๆ คนชื่อขิมที่หน้าเหมือนผม

ขิมคนนี้มีใบหน้าเรียวกว่าใบหน้าของผม ผิวดูเนียนละเอียดกว่าเพราะคงถูกดูแลมาอย่างดี แต่ทั้งดวงตา จมูก ริมฝีปาก หรือแม้กระทั่งขนาดของใบหู พวกเราเหมือนกันจนไม่อาจพูดได้ว่าไม่ใช่ฝาแฝด

“เขาเหมือนมึงแม้กระทั่งตอนยิ้ม” ไอ้แนนมีสีหน้าที่บ่งบอกความเครียดถึงขีดสุด “แล้วเขาก็บอกกูว่าเขาอยากเจอมึง”

“มึงไปเจอที่ไหน” ผมถาม รู้สึกน้ำเสียงนี้ไม่ใช่น้ำเสียงของตัวเอง ราวกับว่าผมได้ยืมเสียงของคนในรูปมาใช้

“ซุ้มวิน เขามาที่ซุ้ม มาถามถึงมึง เขาตั้งใจมาหามึงไอ้ขวัญ”

ผมรู้สึกยังไง ตอนนี้ก็บอกไม่ถูก “ถ้ากูมีฝาแฝด แล้วทำไมน้าลีถึงไม่บอกกูล่ะไอ้แนน”

คำถามของผมมีแต่ความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ เพราะไอ้แนนก็คงไม่รู้ คนที่รู้ดีที่สุดก็คงจะเป็นน้าลีที่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ผมมีฝาแฝด ความจริงบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือคงบิดเบือนไปจากนี้ไม่ได้ แล้วความจริงที่ผมคิดมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต ความจริงที่ว่านอกจากน้าลีแล้วผมก็ไม่มีสายสัมพันธ์อื่นใดบนโลกนี้อีก แม้กระทัั่งญาติพี่น้อง ก็ไม่มีเลยสักคน มันออกจะยอมรับได้ยากที่จู่ๆ ก็ต้องมารับรู้ว่ามีใครอีกคนที่หน้าเหมือนผม เติบโตและใช้ชีวิตมาโดยที่ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ได้พบเจอ แต่มีอะไรบางอย่างในใจของผมที่มันผุดขึ้นมา สายสัมพันธ์บางอย่างที่แค่เห็นหน้าก็รู้สึกว่า ดีจังนะ ดีจังที่ในที่สุดก็ได้เจอ

“เฮ้อ ชีวิตกูช่วงนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะ” ผมพ่นลมหายใจออกมา “ตอนแรกก็คุณธนิกที่กูแอบมองมานานมาขอคบ ตอนนี้ก็เรื่องที่ตัวเองมีฝาแฝด”

“ปีชงแน่ๆ มึงอะ” ไอ้แนนคลายสีหน้า “กูกังวลว่ามึงจะโวยวายแล้วสติแตกไปรึเปล่า แต่เห็นมึงยังโอเค กูก็โล่งอก”

“ไม่โอเคว่ะ แต่ก็บอกไม่ถูก แล้วเขานัดเจอกูรึเปล่า”

“เขาบอกกูว่าเขาจะรอที่ร้านกาแฟ เขาแอดไลน์มึงแล้วส่งโลเกชั่นไว้ให้แล้วด้วย” ไอ้แนนบอก ผมจึงรีบเปิดไลน์ดูทันที จากนั้นก็เห็นว่ามีห้องแชทใหม่ที่อยู่บนสุดของลิสท์รายการ ดิสเพลย์เนมที่มีชื่อว่า เขมินทรา พร้อมกับรูปโปรไฟล์ทำให้ผมแน่ใจว่าเรื่องที่ไอ้แนนพูดมานั้นไม่ใช่เรื่องแต่งที่มันเอามาอำเล่น ตอกย้ำความจริงว่าผมไม่ได้ตัวคนเดียวบนโลกนี้อีกต่อไป

“ไอ้แนน มึงว่าน้าลีจะใช่น้าแท้ๆ ของกูรึเปล่าวะ” ผมมีเรื่องสงสัยเป็นร้อยๆ เรื่อง แต่คนให้คำตอบนั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีแต่ต้องขอความเห็นจากไอ้แนนเพื่อนซี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

“จะใช่หรือไม่ใช่ แต่เขาก็เลี้ยงมึงมาด้วยความรัก ไม่เห็นต้องไปคิดมากเรื่องนี้เลย”

เหมือนความอึมครึมในใจสลายหายไปในทันที ใช่...ใช่แล้ว ต่อให้จะใช่หรือไม่ใช่ แต่เรื่องที่น้าลีรักผมก็ไม่ใช่เรื่องโกหก ใครจะยอมลำบากเลี้ยงเด็กอย่างผมให้เติบใหญ่ เพราะบางครั้งผมก็คิดว่าถ้าน้าลีไม่ต้องเลี้ยงดูผม น้าคงมีชีวิตที่สุขสบายมากกว่าที่เป็นอยู่

“จริงด้วยว่ะมึง ขอบใจที่เตือนสติกูนะ”

“เออ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้มึงก็ไปเจอเขาละกัน หรือถ้ายังไม่พร้อมก็ไลน์ไปบอกเขา”

“ไม่ๆ กูพร้อม ถึงจะไม่รู้จะทำหน้ายังไง จะพูดอะไรดี แล้วก็หลายๆ อย่างนะ แต่กูก็อยากไปเจอ”

“สู้เว้ย พรุ่งนี้กูจะไปส่ง”

“ขอบใจจริงๆ ว่ะ”

“เออน่า เพื่อนกัน แล้วมึงน่ะ ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นลูกคนรวย ก็อย่าถีบหัวส่งกูนะเว้ย”

ผมหัวเราะ ที่ไอ้แนนทำหน้าเครียดมันคงจะเครียดเรื่องนี้ด้วยแน่ๆ “กูจะทำอย่างนั้นได้ไงวะ ไม่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยน แต่ระหว่างกูกับมึงก็ยังเหมือนเดิมเว้ย กูทิ้งทุกคนบนโลกนี้ได้ แต่ยกเว้นมึง น้าลี แล้วก็ไอ้หลง”

“ให้มันจริง ถ้ามึงพูดแบบนี้ แสดงว่ามึงทิ้งคุณธนิกได้ใช่มั้ย”

ผมครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ กูทิ้งได้ ตอนนี้กูเหมือนเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงชอบกู มึงรู้มั้ยไอ้แนนว่าชื่อที่เขาเรียกนั่นคือชื่อของขิม”

“เรื่องจริงเหรอวะ” ไอ้แนนถามอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่จริงน่า งั้นแสดงว่าคุณธนิกกับคุณขิม เขาเคยเป็นอะไรๆ กันมาก่อนเหรอ”

“กูก็ไม่รู้ แต่คิดว่าใช่ ถ้าขิมหน้าเหมือนกูขนาดนี้ ก็ไม่แปลกหรอกที่คนระดับคุณธนิกจะลดตัวลงมาหากู”

ไอ้แนนมองหน้าผม ส่วนผมก็มองหน้ามันกลับ “อย่าพูดหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่กูรู้ว่ามึงอยากร้องไห้”

“ไม่มีเรื่องโรแมนติกอะไรแบบนั้นอยู่จริงๆ ว่ะ มึงพูดถูกทุกอย่างนั่นแหละ มาหลอกกูให้ตายใจ”

“หลอกเก่งด้วย มึงถึงขั้นเสียตัวให้แล้ว”

ผมพยักหน้า เทเหล้าใส่แก้วให้ตัวเองแล้วยกดื่ม ทำครั้งแล้วครั้งเล่าจนไอ้แนนต้องห้ามเอาไว้

“เปลืองเหล้าไอ้ห่า ซื้อมากินสองคน ไม่ใช่ให้มึงกินคนเดียว”

“ไอ้ขี้งก เห็นกูเป็นอย่างนี้แล้วยังจะมาหวงของ”

“ก็มึงเสือกโง่ให้เขาแดกเองทำไมวะ กูก็เตือนแล้วเตือนอีก ยังจะแสล๋นหน้าเสนอตัวไปให้เขาเอา”

ไอ้แนนพูดมาขนาดนี้ก็ไม่ถูก “กูขัดขืนนะเว้ย กูร้องจะกลับบ้าน แต่เมื่อคืนกูไม่มีแรงเลย คนหนุ่มสุขภาพดีอย่างกูก็เลยโดนกินง่ายๆ”

“เดี๋ยวนะ คนที่ปล้ำไอ้หลงให้อาบน้ำได้อย่างมึงนี่นะจะไม่มีแรง หมามึงนี่แรงไม่ใช่น้อยๆ กูว่าถ้ามันสู้ขึ้นมา คุณธนิกก็แรงน้อยกว่ามันเลย” ไอ้แนนเริ่มทำหน้าคิดวิเคราะห์แยกแยะแล้ว ส่วนผมสนใจก็แต่ขวดเหล้าตรงหน้า คืนนี้ผมจะกินให้เมาไปเลย เอาให้ลืมผู้ชายปากหวานหลอกล่อเก่งอย่างคุณธนิก!

“ไอ้ขวัญ มึงไม่ได้โดนมอมยาใช่มั้ย”

“ห้ะ! มอมยา ไม่นะ กูก็นั่งอยู่ข้างเขาตลอด ไม่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ กูเคยเห็นในละครนะมึง แบบลุกไปเข้าห้องน้ำก็จะโดนใส่ยาในแก้วน่ะ แล้วคุณธนิกก็ไม่ได้ใส่อะไรลงไปด้วย แค่ยกแก้วมาจ่อปากกู แล้วบังคับให้ดื่ม”

จำได้อยู่เลย ตอนนั้นเขาบังคับด้วยเสียงนุ่มๆ แก้วก็ยกขึ้นจ่อปาก ป้อนให้อย่างเอาใจ แล้วผมตอนนั้นก็โอนอ่อนตาม ที่จริงไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เจอคำหวานกับการกระทำดีๆ ของเขาเข้าไป ผมก็ใจอ่อน ไปไม่เป็นแล้ว

“เหรอวะ งั้นมีอะไรที่แปลกๆ มั้ย ถ้ามึงยืนยันว่ามึงขัดขืน มันก็ต้องมีอะไรที่แปลกๆ บ้างสิ ไม่งั้นมึงคงไม่โดนกินง่ายๆ หรอก”

ผมคิด ลำดับภาพเหตุการณ์หวานๆ ระหว่างผมกับคุณธนิกในความทรงจำ ก่อนจะจำได้ว่ามีช่วงจังหวะหนึ่งที่ผ้าเช็ดหน้ากลิ่นฉุนของเขามาโดนจมูก “ผ้าเช็ดหน้าของเขา เขาเอามาปิดปาก ปิดจมูกกู ตอนกูกำลังจะพูด กลิ่นมันฉุนมากเลยมึง”

“นั่นแหละๆ” ไอ้แนนทำหน้าราวกับโคนันเพิ่งไขคดีได้ “ต้องเป็นไอ้ผ้าเช็ดหน้านั้นแน่ๆ”

“เขาร้ายเนอะ”

“ไม่เรียกร้าย เรียกชั่วต่างหาก มึงแจ้งความจับฐานล่อลวงได้เลยนะ ล่วงละเมิดทางเพศด้วย”

ผมส่ายหน้า “ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ กูก็เสียให้เขาไปแล้ว ไม่ท้องด้วย ให้มันจบๆ ไปดีกว่า อีกอย่างนะแจ้งจับไปก็ทำอะไรคนรวยๆ อย่างเขาไม่ได้หรอก แล้วเมื่อคืนกูค่อนข้างเต็มใจด้วยนะ หลังจากขัดขืนนิดหน่อยๆ พอต่อกันอีกหลายยก กูก็ขึ้นให้เขาเอง”

“มึงมันหน้าไม่อาย” ไอ้แนนหน้าแดงเล็กน้อย “เป็นควายดีๆ ไม่ชอบ ชอบเป็นแรด”

ผมหัวเราะกับคำสรรเสริญของไอ้แนน “แต่คุ้มนะมึง เสียซิงให้คนที่ชอบ แล้วกูไม่อยากคุย คุณธนิกหุ่นโคตรดี เขาสักรูปงูที่ท้องด้วย เท่ฉิบหาย”

ไอ้แนนเบ้ปาก ทำหน้ารับไม่ได้ “ในสายตามึงนี่จะมีอะไรมาสั่นคลอนคุณธนิกได้บ้างมั้ย”

“มีสิ อย่างน้อยตอนนี้กูก็ไม่คิดจะเอาหัวใจไปให้เขากระทืบทิ้งแล้ว” ผมคงแสดงความเสียใจออกทางสีหน้าจนไอ้แนนต้องยื่นมือที่มันเคยใช้ลูบหัวไอ้หลงแล้วยังไม่ได้ล้างมาผลักหัวผมสองสามที

“ตัดใจมันไม่ง่าย แต่มึงทำได้แน่ไอ้ขวัญ”

“อืม ครั้งนี้กูจะทำให้ได้จริงๆ กูสาบานกับมึง สาบานต่อหน้ารูปของน้าลีเลย”

“กูจะเป็นกำลังใจให้ เอ้า ดื่ม!”

เรื่องราวของผมกับคุณธนิก เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงอย่างรวดเร็ว เป็นช่วงเวลาที่เหมือนไม่จริง แต่ผมมีความสุข หนึ่งคืนในอ้อมกอดของเขาก็สุขล้ำ ทว่าหากปล่อยให้มันดำเนินต่อไปอย่างนี้ ผมคงมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ใจ

คุณธนิกครับ ต่อให้ผมอยากจะเชื่อว่าคุณธนิกชอบผมมากจริงๆ แต่ตัวตนของขิมที่เป็นจริงอยู่นี้ก็ทำให้ความเชื่อของผมลดลงจนแทบไม่เหลือ ถ้าขิมคนนี้ไม่ใช่คนที่มีหน้าตาเหมือนผม ผมก็อาจจะยังพอเชื่อได้อยู่บ้างว่าเขาเป็นอดีต แต่เพราะความเหมือนที่แทบไม่มีความต่างนี้ มันทำให้เหตุผลที่คุณธนิกไม่ได้มองผมเพราะผมเป็นผมเด่นชัดขึ้นมา

หอคอยงาช้างของคุณธนิก ผมคงไม่คิดอยากปีนขึ้นไปอีกแล้ว ผมคงต้องขอมองจากบนพื้นดินตรงนี้ดีกว่า

“มึงเชื่อมั้ยไอ้แนน ต่อให้จะรู้จนแทบหาข้ออ้างมาอ้างต่อไม่ได้ แต่กูก็ยังชอบเขาอยู่ดี”

“กูเชื่อ เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเองน่า ร้องออกมาเถอะ รักครั้งแรกมันก็เจ็บแบบนี้แหละเว้ย”

นิ้วมือสากๆ ของไอ้แนนกำลังพยายามต่อสู้กับน้ำตาของผม มันปัด มันเช็ด แต่เมื่อเห็นแล้วว่าไม่มีประโยชน์มันจึงลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งลงเคียงข้างผม ก่อนท่อนแขนแข็งๆ ของมันจะรั้งให้ผมเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน

“กูบอกแล้วนะว่ากูปลอบไม่เก่ง แต่มึงก็ยังขยันหาเรื่องให้กูต้องทำแบบนี้อยู่เรื่อย”

ไอ้แนนบ่น แต่ผมรู้ว่ามันบ่นไปอย่างนั้น ไอ้แนนพูดไม่ผิด มันปลอบไม่เก่ง ไม่มีความโรแมนติกเหมือนอย่างคุณธนิก ใช้คำพูดหวานๆ ก็ไม่เป็น แต่บนโลกใบนี้ ผ้าเช็ดหน้าที่ดีที่สุดของผม ก็คือไอ้เพื่อนรักเพื่อนตายอย่างมัน

ขอบใจที่คอยอยู่เคียงข้างกู



.................................


ขวัญพัฒน์: ผมมาถึงแล้วครับ

เขมินทรา: ผมรอที่โต๊ะตัวในสุด เดินตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายนะ


ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรง เดินเข้าร้านกาแฟด้วยขาสั่นๆ ไอ้แนนมาส่งผมแล้วก็กลับไปทำงาน ปล่อยให้ผมเผชิญกับชะตากรรมประหลาดนี้เพียงลำพัง แต่ผมจะรบกวนมันมากไม่ได้ เมื่อคืนก็รบกวนไปนอนที่บ้านของมัน ฝนแฟนของมันก็ไม่บ่นอะไรเลย ทั้งๆ ที่ปกติจะขี้บ่นแท้ๆ คงเป็นเพราะเห็นผมตาบวมปูดจากการร้องไห้ เธอก็เลยปูที่นอนให้นอนหน้าทีวีอย่างที่ไม่ถามอะไรสักคำ แต่คงไปถามกับไอ้แนนทีหลัง

ร้านกาแฟที่นัดหมายกับเขมินทรานั้นเป็นร้านกาแฟชั้นดีที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ราคาต่อแก้วไม่ต้องพูดถึง คงบวกนั่นบวกนี่จนมีราคาเกินร้อย บรรยากาศในร้านก็ดูต่างจากร้านกาแฟทั่วไป ทั้งชุดฟอร์มพนักงาน ทั้งลูกค้าที่จับจองโต๊ะเพื่อนั่งดื่มกาแฟและทำงาน แต่ละคนใช้แต่ของแพงๆ คงมีแต่ผมที่เป็นสิ่งแปลกปลอมของที่นี่ ผมรีบเดินตรงเข้าไปด้านในสุด ได้ยินพนักงานกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรอย่างแข็งขัน แต่ผมก็เดินเร็วๆ ผ่าน ยิ้มแหยแล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมเลี้ยวซ้ายไปตามทาง แล้วจากนั้นก็เจอ...

ผมชะงักเท้าเล็กน้อย มองคนที่กำลังเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เขากำลังมองตรงมาที่ผมเช่นที่ผมมองเขา เป็นนานกว่าผมจะรู้สึกตัวว่าต้องเดิน เราสองคนเหมือนกันราวกับภาพสะท้อน คงมีแต่เพียงทรงผม สีผม และการแต่งตัวเท่านั้นที่แยกเราออกในตอนนี้ อ้อ...ขนาดรูปร่างด้วย ผมอ้วนกว่านิดหน่อย แต่เขมินทรานั้นผอมบางกว่า

“เอ่อ...สวัสดีครับ” ผมเริ่มประโยคทักทาย ในขณะที่เขายิ้มตอบกลับมา

“มีอยู่จริงๆ ด้วยสินะ” แค่น้ำเสียง ผมก็ยังรู้สึกได้เลยว่าเราใช้โทนเสียงเดียวกัน หรืออาจจะมีความต่างอยู่นิดหน่อย เพราะเอาเข้าจริงแล้วผมก็ไม่รู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองเป็นแบบไหน ผมว่าต่อจากนี้ผมจะอัดเสียงตัวเองแล้วเปิดฟังดูว่าคล้ายจริงๆ ไหม “มีอยู่จริงๆ คนที่เหมือนกันกับผม”

ผมไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม มองสำรวจเขมินทราเงียบๆ เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูก็รู้แล้วว่ามีราคาที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างผมซื้อไม่ได้ ที่นิ้วของเขาสวมแหวนที่ไม่มีลวดลายข้างเดียวกับนาฬิกาแบรนด์ดัง นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีเครื่องประดับอย่างอื่นเลย

“เรา...เป็นฝาแฝดกันใช่มั้ย” เขมินทราตั้งคำถาม

“จากที่เห็นก็น่าจะใช่” ผมตอบ บอกไม่ถูกเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนกำลังคุยกับตัวเองในกระจก แม้ว่าผมจะพูดกับตัวเองในกระจกบ่อยๆ ว่าหน้าตาดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เจ้ากระจกก็ไม่เคยตอบกลับมาเลย

“ผมไม่รู้มาก่อน จนเมื่อไม่นานมานี้” เขมินทรามีรอยยิ้มเศร้า แต่เราสองคนก็คงไม่ต่างกัน “ผมว่าพ่อแม่บุญธรรมของผมก็คงไม่รู้”

“อยู่กับพ่อแม่บุญธรรมเหรอ ผมนึกว่าอยู่กับ เอ่อ...”

เขมินทราหัวเราะ “ผมก็คิดไม่ต่างจากขวัญนะ ผมก็คิดว่าขวัญอยู่กับพ่อแม่ของพวกเรา”

ชั่ววินาทีที่ผมนึกอิจฉาที่เขมินทราอาจจะได้อยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงของพวกเรา แต่ในทางกลับกันเขมินทราก็กำลังนึกอิจฉาผม นั่นเพราะพวกเราต่างก็ไม่รู้เรื่องของกันและกันเลย

“ผมอยู่กับน้าลี น้าลีบอกว่าเป็นน้องสาวของแม่” ข้อมูลเดียวที่ผมมีเกี่ยวกับครอบครัวถูกถ่ายทอดออกไป เห็นเขมินทราเลิกคิ้วน้อยๆ คงสงสัยไม่ต่างจากผม

“พ่อบุญธรรมก็บอกผมเหมือนกันว่าเขาเป็นเพื่อนของพ่อแท้ๆ”

“พวกเราถูกทิ้งสินะ”

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ามีคนมาช่วยแบ่งเบาความรู้สึกทุกข์ใจ แค่เพียงเขมินทรายิ้ม ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวผมกำลังยิ้มอยู่ด้วย

“แล้วขิมตามผมเจอได้ยังไง”

“พี่ธนิก” หัวใจของผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เพราะแบบนั้น คุณธนิกถึงชอบให้ผมเรียกว่าพี่ เพราะเขมินทราเรียกเขาอย่างนั้น “ผมตามพี่ธนิกจนเจอขวัญ เพราะผมคิดว่าเขาจะต้องหาขวัญเจอ”

“ทำไม...”

“เรื่องมันค่อนข้างจะวุ่นวายนิดหน่อย ขวัญสั่งอะไรก่อนมั้ย เราคงคุยกันยาว”

“ไม่ล่ะ มีแต่ของแพงๆ ผมไม่มีเงินจ่าย”

“ผมเลี้ยง”

ผมเริ่มเห็นแล้วว่าเราต่างกันยังไง ต่อให้รูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของเรานั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว เขมินทราอยู่ในชุดที่มองดูดีๆ แล้วคือชุดนักศึกษาที่ตัดจากผ้าเนื้อดี ในขณะที่ผมอยู่ในชุดเสื้อยืดสีซีดกับกางเกงยีนตัวเก่าเข้าชุดกับรองเท้าแตะราคาไม่ถึงร้อย

เขมินทราสั่งเครื่องดื่มให้ผม เขาอ่านภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วจนผมรู้สึกใจแป้วเล็กน้อย

“เอาล่ะทีนี้ ผมถามก่อนว่า ขวัญคบกับพี่ธนิกแล้วหรือยัง”

แค่คำถามแรกก็เล่นเอาสะอึก ผมพยักหน้า ก่อนจะรีบพูด “แต่ผมตั้งใจจะเลิกกับคุณธนิกแล้ว เขาเป็นคนรักของขิมใช่มั้ยล่ะ”

“ก็ตอบได้ทั้งใช่และไม่ใช่ เมื่อก่อนก็เหมือนจะเคยรู้สึกแบบนั้นต่อกันอยู่นะ แต่หลังจากที่แม่ของเขาทำรอยนี้ไว้ เราก็ไม่ได้อยู่ในชีวิตของกันแล้ว” เขมินทรายื่นรอยที่ข้อมือให้ผมดู มันเป็นรอยกรีดราวกับถูกของมีคมกรีดลงไปอย่างแรง

“แม่ของคุณธนิกเหรอ...”

“ใช่” เขมินทราตอบ แล้วไม่อธิบายอะไรไปมากกว่านั้น

“แล้ว...”

“แต่ดีแล้วล่ะ ขวัญอย่าไปรู้สึกอะไรกับเขามากเลย เพราะเขามันเป็นจอมโกหก”

แววตาของเขมินทรานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายยามที่พูดถึงคุณธนิก ทั้งรักทั้งแค้นก็น่าจะพูดแบบนั้นได้

“คุณธนิกยังรักขิมอยู่นะ ผมดูออก” แค่เพียงชั่วครู่ที่ผมเห็นความหวั่นไหวในแววตาของคนตรงหน้า แต่ไม่นานก็เลือนหายไป “ขิมเลิกกับคุณธนิกเพราะแม่เขาทำร้ายขิมเหรอ”

“ผมไม่ค่อยอยากจำเรื่องนั้น แต่ส่วนหนึ่งก็ใช่”

“แค่ส่วนหนึ่งเหรอ”

“ก็ยังมีอีกหลายอย่างล่ะนะ พี่ธนิกก็มีส่วนนั่นแหละ ผมบอกแล้วไงว่าเขาไม่เคยพูดความจริง เขาแสดงเก่งจนไม่มีใครดูออกเลยว่าเขากำลังโกหก แม้ผมจะเคยอยู่กับเขาหลายปี แต่ผมก็ไม่รู้ตัวตนของเขาเลย”

นั่นสินะ แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างผมที่เพิ่งได้ทำความรู้จักกันล่ะ

“แล้วขิมอยากเจอผมเพราะอะไรเหรอ หรือแค่อยากจะมาพูดเรื่องของคุณธนิก”

เขมินทรายิ้ม “ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ผมอยากเจอขวัญมานาน รู้มั้ยว่าผมเอาแต่คิดถึงคนอีกคนที่เหมือนกันกับผม คนที่ผมรักและก็เป็นห่วงโดยไม่เคยแม้จะได้พูดคุยกัน แต่ผมกลัวว่าคนอื่นจะตามขวัญเจอ ผมก็เลยไม่คิดจะมา แต่ตอนนี้พวกเขาเจอขวัญแล้ว เพราะถ้าพี่ธนิกรู้ พวกนั้นก็ต้องรู้”

[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 28-07-2018 18:13:49
ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขมินทรา มันฟังดูวกวน ตอนแรกก็บอกว่าเจอผมเพราะคุณธนิก แต่ตอนนี้กลับพูดราวกับว่ารู้เรื่องของผมมานานแล้ว แต่ก็แค่ยังไม่อยากมาเจอ ทว่ามันก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อยหากตั้งข้อสงสัยกับคนที่เป็นสายเลือดเดียวกัน ทั้งยังเป็นสายเลือดที่หน้าตาเหมือนผมมากขนาดนี้

“ขิมหมายถึงใคร” ผมปัดข้อสงสัยออกจากใจแล้วตั้งคำถาม

“พวกคนที่จะได้ประโยชน์ถ้าพวกเราทั้งคู่ตาย” เขมินทราตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “แม่บุญธรรมของผมบอกว่าผมไม่ควรเกิดมาด้วยซ้ำ ในครอบครัวของเขาแล้วผมเป็นตัวเกะกะ คนอื่นก็คงคิดไม่ต่างกันนักหรอก”

แม้น้าลีจะไม่ได้ร่ำรวย น้าเลี้ยงดูผมมาด้วยความลำบาก แต่น้าก็ไม่เคยพูดเลยว่าผมไม่ควรเกิดมา น้าบอกว่าเป็นเรื่องที่วิเศษมากๆ ที่ผมมีตัวตนอยู่ให้น้าได้รัก ได้ดูแล

“ขวัญหนีไปได้มั้ย อย่าอยู่ที่นี่ต่อเลย เรื่องค่าใช้จ่ายผมจะออกให้ จะไปต่างประเทศก็ได้ ไปที่ที่ขวัญอยากไป”

“เดี๋ยวนะขิม ผมไม่คิดว่าผมควรจะไป ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ผมมีชีวิต มีเพื่อนอยู่ แล้วจะให้ผมไปที่ไหน” ผมไม่คิดสงสัยคำพูดของเขมินทรา แววตาที่มองผมก็เต็มไปด้วยความห่วงใยจากใจจริง แต่จะให้ผมไปที่ไหนกัน ผมไปที่ไหนไม่ได้ ที่อยู่ของผมคือที่นี่ ที่ที่มีไอ้หลงกับไอ้แนน

“ก็คิดอยู่แล้วว่าขวัญไม่ไปหรอก เราคิดเหมือนกันเลยนะ พ่อบุญธรรมก็อยากให้ผมไปอยู่ต่างประเทศเหมือนกัน”

“ถ้าเราอยู่ที่นี่ มันจะแย่เหรอ”

“อืม”

ผมมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่หลายอย่าง แต่เขมินทราดูเหมือนจะไม่คิดเล่าให้ฟังหรือตอบคำถามทุกคำถามที่ผมถาม

“งั้นถ้าขวัญไม่อยากไป เรามาช่วยกันมั้ย มาช่วยสร้างที่อยู่ของเรากัน” แววตาที่มองมานั้นเยียบเย็น แฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง ผมพยายามมองหา แต่ก็ไม่พบความหมายนั้น

“สร้างยังไง...”

“ถ้าขวัญทำให้พี่ธนิกไว้ใจขวัญได้ ผมจะบอกอีกที”

“เดี๋ยวนะ ผมเพิ่งบอกไปว่าผมจะเลิกกับเขา ขิมก็บอกอยู่ว่าเขาเป็นคนไม่ดี อยากให้ผมเลิก แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากให้...”

“ผมแค่บอกว่าอย่าไปรู้สึกอะไรกับเขามาก” เขมินทรากล่าวอย่างสงบ “ถ้าขวัญไม่อยากหนีไปไหน ขวัญก็ต้องมาร่วมมือกับผม”

“แต่ผมจะทำได้เหรอ”

“ได้สิ ครั้งหนึ่งผมก็เคยทำได้ แล้วถ้าขวัญบอกว่าเขายังรักผมอยู่ ขวัญก็ทำได้ไม่ยากหรอก”

ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บจี๊ดกับคำพูดที่ได้ยิน ความด้อยค่าเห็นชัดเมื่อเขมินทรากล่าวย้ำว่าตัวตนของผมไม่ได้มีความพิเศษอะไรต่อคุณธนิกเลย แค่เพราะผมเหมือนคนที่อยู่ในใจของเขา ผมก็สามารถยืนอยู่เคียงข้างเขาได้

“ขวัญเชื่อผมมั้ย”

“เชื่อ” ผมเชื่ออย่างสนิทใจ “เพราะบนโลกนี้ ขิมคือคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับผม ขิมคงไม่หลอกผม”

“ไม่อย่างแน่นอน เราจะสร้างที่อยู่ของเราด้วยกันนะ เราเหลือกันแค่สองคนแล้ว”

“อืม” ผมตอบรับ แม้จะไม่มั่นใจและมีความไม่เข้าใจสุมอยู่ในหัว “แล้วขิมรู้เรื่องแม่ของเรามั้ย”

“ไม่รู้” เขมินทราส่ายหน้า “ผมรู้แค่ว่าพ่อของเราคือใคร แต่เรื่องแม่ ผมไม่รู้จริงๆ ผมให้คนตามสืบอยู่เหมือนกัน”

ผมไม่ได้อยากรู้มากนักเท่าไร คิดแค่ว่าคนที่ทิ้งพวกเราไปก็ไม่มีค่าพอที่จะทำความรู้จัก แม้จะเป็นคนที่ให้กำเนิด แต่ผมก็ไม่มีความคิดที่อยากเจออยู่ในหัว ส่วนเรื่องแม่ หากคิดตามที่น้าลีบอกแล้ว ท่านก็ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ตั้งแต่คลอดผมได้ห้าเดือนก็สิ้นใจด้วยโรคภัย แต่เรื่องที่น้าลีบอกก็ยังมีจุดที่ผมสงสัย ถ้าน้าลีเป็นน้องสาวของแม่จริงๆ แล้วทำไมถึงไม่เลี้ยงผมกับขิมพร้อมๆ กัน เพราะน้าก็น่าจะรู้เรื่องที่ผมมีฝาแฝด หรือเป็นเพราะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเลี้ยงเราสองคนพร้อมกันได้นะ

ปวดหัว มีแต่เรื่องน่าปวดหัว ชีวิตของผมช่วงนี้มีแต่เรื่องให้เครียดไม่เว้นแต่ละวัน

“ขวัญเกิดก่อนหรือผมเกิดก่อนนะ” หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำเราทั้งคู่ เขมินทราก็พูดขึ้นมา “ผมเกิดวันอาทิตย์ 21 กรกฎาคม เที่ยงคืนสามนาที”

“งั้นผมคงเกิดก่อน ผมเกิดวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม ห้าทุ่มห้าสิบแปดนาที”

“ผมขอเรียกขวัญว่าพี่นะ”

“ก็ได้อยู่หรอก” แล้วจากนั้นเราก็ยิ้มให้แก่กัน

เราเป็นฝาแฝด แต่เราก็มีความต่างกัน แม่คลอดเราออกมาก็ให้เราต่างกันแล้ว แม้เราจะเหมือนกันมาก แต่วันเกิดของเราก็ไม่ใช่วันเดียวกัน เราคลอดห่างกันห้านาที แล้วเราก็เติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่เคยรู้ว่ามีสายสัมพันธ์ระหว่างเราอยู่

และตอนนี้ผม...ขวัญพัฒน์ ในปีที่ย่างเข้าปีที่ 21 ผมก็ได้รู้ว่าผมมีน้องชายฝาแฝดที่ชื่อว่า...เขมินทรา




.....................................


“ไอ้ขวัญ มึงเป็นไรวะ กลับมาก็เอาแต่ถอนหายใจ คุยกับคุณขิมไม่รู้เรื่องรึไง”

ผมเหล่ตามองไอ้แนน รู้สึกได้ถึงสรรพนามสองมาตรฐานของมัน “ไอ้เพื่อนเวร มึงเรียกน้องกูว่าคุณขิม แต่เรียกกูว่าไอ้ขวัญ มันหมายความว่ายังไงฮึ”

“ก็หมายความว่าความสนิทมันต่างกันไงล่ะเว้ย”

ผมคลี่ยิ้มออกมาทันที “คำตอบดีนี่หว่า”

“แล้วมึงเป็นไร เอาแต่ถอนหายใจ”

“กูบอกมึงใช่มะว่ากูจะเลิกกับคุณธนิก แต่น้องกูแม่งให้กูไปตีสนิทเพื่อให้เขาไว้ใจ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ กูถามก็ไม่บอก บอกแต่ว่ากูต้องทำถ้ายังไม่อยากหนีไปไหน”

เขมินทราเต็มไปด้วยความน่าสงสัย ส่วนคนสมองน้อยอย่างผมก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบได้อย่างไรดี ผมไม่มีแม้แต่กำลังเงินจ้างนักสืบไปสืบเรื่องของน้องชายฝาแฝด ที่ผมรู้ก็มีแค่ข้อมูลจากปากเจ้าตัวเท่านั้น

ไอ้แนนเริ่มยกมือลูบคาง ทำท่าครุ่นคิด “มันต้องมีอะไรแน่ๆ แต่มึงก็จะเต้นตามที่น้องมึงบอกหรือไงล่ะ จำได้มั้ยว่าเมื่อคืนร้องไห้จะเป็นจะตาย”

“จำได้ดิวะ แต่กูไม่อยากหนีไปไหนนี่หว่า กูอยากอยู่กับมึงกับไอ้หลง แต่ขิมมันบอกว่าอีกไม่นานจะมีคนมาตามฆ่าจนมึงต้องเดือดร้อนไปด้วย กูคงไปขัดแข้งขัดขาการได้มรดกของใครสักคนเข้า เห็นว่าพ่อแท้ๆ ของกูใกล้ตายแล้ว ถ้าอ่านพินัยกรรมเมื่อไหร่ เมื่อนั้นกูจะซวย”

“น้องมึงดูละครเยอะเกินไปแน่ๆ” ไอ้แนนพูดพลางหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกที่เชื่อไม่ได้

“ขิมดูไม่ใช่คนชอบดูละครหรอก แต่ดูเป็นคนเก็บกดยังไงก็ไม่รู้ ออกแนวพวกโอตาคุติดการ์ตูนมากกว่าด้วยซ้ำ”

เขมินทราในสายตาผมเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าติดการ์ตูนจริงๆ ไหม ทว่าภาพลักษณ์นั้นไม่ต่างจากพวกคลั่งไคล้อะไรบางอย่างอย่างจริงจัง ให้ความรู้สึกลอยๆ เมื่ออยู่ในโลกภายนอกที่ไม่ใช่ห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ตัวเองชอบ

“แล้วตกลงมึงจะเอายังไง”

“ขอกูดูท่าทีคุณธนิกไปก่อนละกัน เขาก็คงใช่ย่อยแหละ เหมือนว่าขิมจะเจ็บเพราะเขามาเยอะด้วย”

“พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆ นะ ตั้งแต่ไอ้คุณธนิกอะไรนี่เข้ามาวุ่นวายกับมึงน่ะ”

“นั่นสิวะ ตัวซวยของกูแหงๆ”

ไอ้แนนหัวเราะเอิ้กอ้าก มันตบไหล่ผมสองสามที “ก็ถ้ามึงคิดแบบนี้ กูก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วเว้ย เอาเถอะนะ ยังไงมึงก็อย่าไว้ใจอะไรใครให้มากนักล่ะ คนหวังดีกับมึงจริงๆ บนโลกนี้น่ะเหลืออยู่คนเดียวนั่นก็คือกู มึงควรจะรู้ไว้นะไอ้ขวัญว่าต่อให้เป็นสายเลือดเดียวกันแต่ถ้าขัดผลประโยชน์กัน เขาก็อาจจะฆ่ามึงได้ ส่วนเรื่องอื่นมึงจะเอายังไงต่อ คำถามมันเดินมาถามมึงโน่นแล้ว”

ไอ้แนนพยักพะเยิดหน้าไปทางบันไดที่เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้า คุณธนิกอยู่ตรงนั้นและกำลังเดินมาที่ซุ้มวิน ไอ้แนนยักคิ้วหลิ่วตามาให้ ในขณะที่ผมไม่รู้จะปกปิดอาการบอกบุญไม่รับยังไง ผมเห็นพี่แจ้เข้าไปถามไถ่เขาเหมือนที่ทำกับลูกค้าทั่วๆ ไป แต่คำตอบของเขาคือชี้มือมาทางผม พี่แจ้จึงกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา แม้จะเป็นการเสียมารยาทต่อพี่ที่ถึงคิวของตัวเองก็ตาม แต่คุณธนิกดูเหมือนจะไม่สนใจเลย ความสนใจของเขาพุ่งตรงมาที่ผมโดยไม่ไขว้เขว

หัวใจของผมปวดแปลบขึ้นมาเมื่อเห็นเขายิ้ม รอยยิ้มของเขาไม่ใช่ของผม แต่กลับเป็นของคนที่หน้าเหมือนผมต่างหาก รายละเอียดที่พวกเขาเลิกกัน เขมินทราก็ไม่ได้บอกไว้ ผมรู้แค่ว่าแม่ของเขาทำเรื่องไม่ดี คนทั้งคู่ก็เลยต้องเลิกกัน แล้วคุณธนิกก็มีส่วนด้วย แต่เขาจะมีส่วนยังไงกันนะ

“ขวัญพัฒน์” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยเรียก “ทำไมยังติดต่อไม่ได้อีกล่ะ ยังไม่ปลดบล็อกพี่เหรอครับ”

“อ๋อ ผมลืมครับ” ผมตอบ ส่งหมวกกันน็อกไปให้เขา “ไปที่บริษัทใช่ไหมครับ”

“อืม”

“ขึ้นมาครับ เดี๋ยวผมต้องรีบกลับมา”

“เย็นชาจังเลยนะ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตัดพ้อ แต่ผมไม่เสี่ยงมองหน้า เพราะรู้แน่ว่าถ้ามองจะต้องใจอ่อนสงสาร “พี่ทำอะไรให้โกรธอีกหรือเปล่า”

“เปล่าหรอกครับ” ผมปฏิเสธ บางทีคงเป็นเรื่องยากที่จะตีสนิทกับเขาโดยไม่คิดอะไร “ค่าเช่าบ้านยังขาดอีกหลายร้อย ผมก็เลยต้องทำงานให้มากขึ้นหน่อย”

“พี่จ่ายให้ก็ได้ อีกอย่างเรากำลังจะซื้อบ้านอยู่ด้วยกันนะ จำไม่ได้เหรอ”

“จำได้ครับ แต่ผมชอบอยู่บ้านเช่ามากกว่า รู้สึกไม่ต้องผูกมัดดี จ่ายไหวก็เช่าต่อ จ่ายไม่ไหวก็หาที่ซุกหัวนอนใหม่”

คุณธนิกไม่ต่อความอะไร เขาขึ้นมานั่งซ้อนท้าย แล้วจากนั้นผมก็ออกรถ ไอ้แนนโบกมือมาเป็นกำลังใจให้ ผมจึงโบกตอบมันกลับไป

ระหว่างทางเต็มไปด้วยความอึดอัด ผมไม่มีเรื่องจะพูด ส่วนคุณธนิกก็คงไม่มีเช่นกัน แต่เขาสอดมือเข้ามากอดเอวผมไว้ ผมเกร็งตัวเล็กน้อย รีบบิดคันเร่ง อยากให้ถึงบริษัทของเขาเร็วที่สุด

ใจไม่ดี...ผมใจไม่ดีเลย

“ขวัญครับ” เขาเอ่ยปากเรียกเมื่อถึงที่หมาย มือก็ยื่นหมวกกันน็อกคืนมาให้พร้อมกับแบงค์พันสองใบ “พี่จ่ายสองพัน ขวัญไปนั่งดื่มกาแฟกับพี่ที่ห้องทำงานได้มั้ย”

“สองพันเลยเหรอครับ”

“อืม”

“คงพอค่าเช่าบ้านแล้วล่ะ” ผมยิ้ม ขึ้นขาตั้งไว้ แล้วลงมายืนข้างๆ เขา “กาแฟนี่กินที่ร้านไม่ได้เหรอครับ ผมไม่อยากเข้าบริษัท คงมีแต่คนมอง”

“ที่ร้านก็ได้ ที่ไหนก็ได้ แค่ขวัญยอมอยู่กับพี่”

แค่หน้าเหมือนเขมินทรา มอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างผมก็ได้สิทธิพิเศษมากมายเหลือเกิน

“งั้นที่ร้านนะครับ แต่เป็นร้านที่ผมเลือกได้มั้ย ผมอึดอัดกับร้านแพงๆ”

“ได้”

ในเมื่อคุณธนิกไม่มีเงื่อนไข ผมจึงพาเขาซ้อนมอเตอร์ไซค์มายังร้านกาแฟที่ผมกับไอ้แนนจะมาซื้อกินสองสามครั้งต่อเดือน ราคาแก้วละ 25 บาทนี้ค่อนข้างเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าของพวกผม แต่คงไม่ถูกรสนิยมของคุณธนิก เขาไม่ยอมสั่งอะไรเลย แค่ยืนรอผมซื้อ จ่ายเงินให้ แล้วเราก็เดินทางต่อเพื่อหาที่นั่งคุยกัน ผมขี่พาเขามายังสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมู่บ้านคนรวยที่ไอ้หลงมักจะชอบมาเดินเตร่ดูหมาตัวเมียพันธุ์ดีแถวนี้นัก

“เมื่อคืนไปนอนที่ไหน” คุณธนิกเริ่มคำถามขึ้นเมื่อเรานั่งลงบนม้าหินอ่อนตัวเดียวกัน “พี่ไปหาที่บ้านไม่เจอ”

“บ้านเพื่อนครับ”

“คนไหน”

“ไอ้แนน”

“คนที่อยู่กับขวัญบ่อยๆ เหรอ”

“เคยเห็นด้วยเหรอครับ”

“อืม”

ผมเอียงคอเล็กน้อย พลางดูดกาแฟเย็นหวานถูกใจไปหลายอึก “ผมแปลกใจนะ ทำไมคุณธนิกถึงดูรู้เรื่องของผมเยอะจัง ทั้งๆ ที่เราแค่ได้พูดคุยกันไม่นาน คอยมองผมอยู่เหรอครับ”

คุณธนิกเงียบไปเพียงครู่ ก่อนจะตอบรับเบาๆ ว่า “อืม ก็คอยมองอยู่ตลอด”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็เพราะชอบ”

“ตอนที่คุณธนิกซ้อนมอเตอร์ไซค์ผมครั้งแรก ไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นเลย”

“ขวัญไม่รู้หรอก” เขาว่าพลางยกมือขึ้นลูบหัวผม “ขวัญไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นพี่ตื่นเต้นแค่ไหน นั่นเป็นครั้งแรกเลยที่พี่นั่งวินมอเตอร์ไซค์ เพราะพี่อยากอยู่ใกล้ๆ พี่ก็เลยต้องทำแบบนั้น”

เป็นคำโกหกแน่ๆ ใช่มั้ย เขมินทราบอกกับผมว่าเขาโกหกได้เก่งมาก แสดงละครได้แนบเนียนสุดๆ

“แต่นานนะครับกว่าความอยากอยู่ใกล้ของคุณธนิกจะชัดเจนเหมือนอย่างวันนี้”

“ขวัญครับ” เขาเรียกเสียงอ่อน “ถ้าจู่ๆ พี่เข้าใกล้ ขวัญก็คงตกใจยิ่งกว่านี้ ตอนนั้นพี่ไม่รู้เลยว่าขวัญจะชอบผู้ชายมั้ย แล้วพี่ก็ไม่รู้ว่าถ้าทำอะไรมากไป ขวัญจะเกลียดพี่ไปเลยรึเปล่า แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าคนคู่กัน ยังไงก็หนีกันไม่รอด ขวัญเก็บกระเป๋าตังค์มาคืนให้พี่ พี่ก็เลยมีโอกาสได้เลี้ยงข้าวขวัญไงครับ”

ทำไมคำพูดของเขาถึงฟังดูเป็นเหตุเป็นผลไปหมดเลยนะ

“พรหมลิขิตชัดๆ” ผมว่าพลางยิ้ม เอียงหัวไปซบกับไหล่เขา “ที่จริงผมชอบคุณธนิกตั้งแต่เห็นครั้งแรก ถ้ารู้เร็วกว่านี้ น่าจะดีกับเราทั้งคู่เนอะ”

ใช่...ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ผมคงไม่ชอบเขามากขนาดนี้หรอก

“พี่ก็ชอบขวัญตั้งแต่เห็นครั้งแรก อืม...ไม่ใช่ชอบสิ ต้องเรียกว่ารัก” เขาเว้นจังหวะพูด จูบที่ขมับของผมเบาๆ “รักแรกพบ”

“ชอบฟังมากเลยครับ” ผมมองตาเขา "รักแรกพบคงเกิดขึ้นกับเราแล้ว”

“พูดจาน่ารัก ต่อให้เมื่อเช้าจะทำให้พี่หงุดหงิดเพราะติดต่อไม่ได้ อยากจับมาลงโทษ ให้ไม่กล้าทำอีกเลย”

“แล้วตอนนี้อยากลงโทษอยู่มั้ยครับ”

“ไม่แล้ว อยากให้รางวัลมากกว่า ขอพี่จูบได้มั้ย” แววตาของคุณธนิกออดอ้อน เขามองมา โน้มหน้าเข้าใกล้ อีกไม่ถึงคืบริมฝีปากของเราก็จะสัมผัสกันอยู่แล้ว แต่ผมตัดสินใจเบี่ยงหน้าหลบ

“ไม่ได้ครับ นี่มันที่สาธารณะ”

“อืม...นั่นสินะ” คุณธนิกลากเสียงเล็กน้อย พลางพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นคืนนี้ค่อยให้รางวัลดีกว่า คืนนี้ไปค้างกับพี่นะครับ”

เป็นผู้ชายที่เอะอะก็ชวนค้างคืนจริงๆ จะบอกว่าหื่นกามหรือว่าโรคจิตดีนะ

“ผมจะไม่ทิ้งไอ้หลงไว้อีกแล้วครับ มันน่าสงสาร”

“พี่สำคัญน้อยกว่าหลงสินะ”

“ครับ”

“ตอบได้น่าน้อยใจมาก”

“ฮ่าๆ ๆ”

คุณธนิกมีสีหน้าน้อยใจจริงๆ แต่ผมทำมองเมิน “ใจร้าย หัวเราะพี่ได้ลงคอ”

“ผมอาจจะใจร้ายน้อยกว่าคุณธนิกก็ได้นะครับ”

“หมายความว่าไงเหรอ”

“ก็หมายความตามที่พูด” ผมมองสบตาเขา มั่นใจว่าคงไม่หลุดความรู้สึกใดๆ ออกไป ผมก็ไม่รู้ว่าผมทำได้ยังไง แต่คำพูดของเขมินทรายังดังก้องอยู่ในหัวของผม อย่ารู้สึกกับเขามาก เพราะเขามันเป็นจอมโกหก “คุณธนิกใจร้ายที่ทำให้ผมตกหลุมรัก แล้วก็ยอมคุณธนิกตลอดเลย”

เขาคลี่ยิ้มเมื่อได้ยิน “หมายถึงเรื่องคืนนั้นเหรอ”

“ครับ”

“งั้นคืนนี้พี่จะยอมขวัญ จะตามใจขวัญดีมั้ยครับ”

“แล้วไอ้หลง...”

“พาไปด้วย พี่จะพาขวัญไปที่บ้าน”

“จะดีเหรอครับ”

“ดีสิ บ้านพี่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่หรอก คุณพ่ออยู่โรงพยาบาล ส่วนคุณแม่ก็ไปต่างประเทศ”

“อ่า…”

“เลิกงานแล้วพี่จะไปรับนะ”

“ก็ได้ครับ”

คุณธนิกยิ้มอย่างดีใจ หากคิดว่ารอยยิ้มนี้มันจอมปลอมแล้วเขาก็เป็นคนที่เก่งเอามากๆ เขาจะว่ายังไงนะ หากรู้ว่าผมรู้ว่าขิมที่เขาเรียกหาคือใคร ทุกอย่างที่มาจากเขาทำให้ผมไม่กล้าจะไว้วางใจอีกแล้ว





ขวัญพัฒน์: เขาชวนไปที่บ้าน

เขมินทรา: ใครเหรอ พี่ธนิกเหรอ

ขวัญพัฒน์: อืม

เขมินทรา: พี่อยากไปมั้ย ถ้าอยากไปก็ไปกับเขาก็ได้

ขวัญพัฒน์: ขิมว่าไงล่ะ

เขมินทรา: ไปก็ได้นะ

ขวัญพัฒน์: อืม

เขมินทรา: หรือถ้าไม่อยากไป เราสลับตัวกันมั้ย

ขวัญพัฒน์: จะดีเหรอ

เขมินทรา: นั่นสินะ อาจจะไม่ดีหรอก

ขวัญพัฒน์: ขิมอยากเจอคุณธนิกเหรอ ยังคิดถึงเขาใช่มั้ย

เขมินทรา: เปล่า ไม่อยากเจอ ไม่ได้คิดถึงอะไรด้วย ผมเกลียดเขาจะตาย ไม่อยากไปเจอหน้าหรอก

ขวัญพัฒน์: อืม งั้นพี่ไปนะ คืบหน้ายังไงจะบอก

เขมินทรา: ครับ ยังไงไลน์บอกด้วยนะ เป็นห่วง

ขวัญพัฒน์: รับทราบครับ

เขมินทรา: อย่าไว้ใจเขา อย่าให้เขาแตะต้องตัวพี่นะครับ

ขวัญพัฒน์: จะพยายามนะ


......................To be continue.........................

ยินดีต้อนรับเขมินทราสู่รางรถไฟของเรา  :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณที่รักและเป็นห่วงน้องขวัญกันทุกคนเลยนะคะะะะะะะ  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-07-2018 18:30:05
อ่านแล้วน่ากลัว ทั้งธนิกและขิมเลย  o21
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 28-07-2018 18:47:46
ไม่ไว้ใจทั้งนั้นนนน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 28-07-2018 19:09:49
น่ากลัวทั้งคู่อ่ะ หนัเสือปะจระเข้าทั้งนั้น ชีวิตที่แสนสุขได้หายไปแล้ววววว  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-07-2018 19:13:55
นี่มีแต่คนโรคจิตป่ะ รู้สึกงั้นอ่ะ
พี่เมลน้องกลัวจังเลยค่ะ ถุ้ยย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 28-07-2018 19:28:01
 :a5: :a5: :a5:
เป็นตอนที่อ่านไปคิ้วก็ขมวดไปทั้งตอน
นี่มันอะไรกันเนี่ย น้องขวัญกำลังเจออยู่กับอะไร
ยังกับน้องหลงไปอยู่ในป่าแบบไม่รู้ทิศไม่รู้ทาง
พวกเสือสิงห์กระทิงแรดจะกระโจนเข้าใส่ตอนไหนก็ไม่รู้
ใครจริงใครหลอกก็ไม่รู้ อ่านจบแล้วมีแต่คำถามเต็มไปหมด
-ถ้าเรื่องแม่ของคุณธนิกเป็นเรื่องจริงน้องขวัญก็ตกอยู่ในอันตรายจากคุณแม่ด้วยสิ
-แล้วพ่อที่ป่วยที่คุณธนิกพูดถึงเป็นพ่อแท้ๆไหมหรือจริงๆแล้วเป็นพ่อน้องขวัญ หรือว่าทั้งพ่อน้องขวัญพ่อคุณธนิกก็ป่วย
-ทำไมขิมไม่บอกว่าพ่อน้องขวัญคือใคร
-ครอบครัวบุญธรรมของขิมร้ายกันหมดเลยไหม แล้วทำไมต้องร้ายด้วย
-แล้วที่ขิมพูดเหมือนคุณธนิกจะช่วยให้ทั้งสองคนปลอดภัยได้คือยังไง
-คุณธนิกโกหกเรื่องอะไร
-ขิมกับคุณธนิกรักกันไหม
-ถ้าคุณธนิกรู้จักน้องขวัญตั้งแต่ยังคบอยู่กับขิม แล้วคุณธนิกตามหาขวัญทำไม รู้ได้ยังไงว่าขวัญมีตัวตนอยู่
//อยากให้น้องขวัญขอให้คุณธนิกเล่าเรื่องขิมให้ฟัง แต่มันจะเชื่อได้ไหมเนี่ยสิ
//ฮือออ ทำไมแค่ตอนเดียวมันถึงได้เพิ่มปมยุ่งเหยิงได้ขนาดนี้กันคะ ถ้าจุดธูปเชิญวิญญาณน้าลีมาถามจะได้เรื่องอะไรไหม น้องขวัญดูไม่มีอะไรไปสู้เลย
//รอคนเขียนมาต่อคงเป็นทางที่ดีที่สุด  :mew2:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: Shin b ที่ 28-07-2018 19:41:01
ไม่น่าไว้ใจทั้ง 2คนเลยอะ ทั้งธนิกและขิม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 28-07-2018 19:55:44
ขิมน่ากลัวอ่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-07-2018 19:57:17
เค้าเล่นอะไรกัน สงสารขวัญ
คงมีแต่แนนเท่านั้นที่หวังดีกับขวัญ
ทั้งขิมทั้งธนิกดูไม่ปลอดภัยต่อขวัญทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-07-2018 20:05:58
แนนไม่โกหกใช่ไหม แนนเป็นคนดีใช่ไหม ทั้งเรื่องเราเชื่อแนนคนเดียว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-07-2018 20:11:39
เพิ่งว่างเข้ามาอ่านหลังจากที่อ่านผ่านไปสองตามตอนแรกรู้สึกเหมือนได้อ่านหมอโปรดกับน้องปลื้มเวอร์ชั่นคนทำงานเลย และคิดว่าคุณธนิกต้องร้ายแน่ๆมากด้วยและก็จริงตามนั้น มาตอนนี้ก็มีขิมอีกซึ่งเราก็คิดว่าคงร้ายไม่ต่างกันหรอก ที่เรื่องมันยุ่งยากขึ้นทุกทีส่วนนึงก็มาจากขวัญนะที่หัวอ่อนใจอ่อนง่ายไปใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ถ้าไม่มีแนนมาคอยเตือนขวัญคงกู่ไม่กลับไปมากกว่านี้แน่ๆ จะมีวันที่ขวัญฉลาดมั้ยไม่งั้นแย่แน่
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-07-2018 20:28:55
้อย่างแนนว่าก็น่าคิดนะ........
พี่น้องกัน สายเลือดเดียวกันก็ฆ่ากันได้เพื่อผลประโยชน์  :z3:
เอาละสิ ไว้ใจใครไม่ได้เลยขวัญ  :hao3:
ขวัญจะใจแข็งได้จริงหรือ  o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 28-07-2018 20:40:47
มาไม่ดีทั้งสองทั้งคุณธนิกทั้งขิม นายเอกนิยายคนเขียนนี่สิบล้อชนก็ไม่ตายค่ะ คือต้องอึดจริงๆอ่ะ สงสาร
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-07-2018 21:02:51
แค่คุณธนิก ก็ว่าหนักแล้ว นี่มาเจอขิมอีก ขวัญเอ้ยยย โลกนี้มันชั่งซับซ้อนนัก  :o11:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 28-07-2018 21:17:58
ที่หวังดีกับขวัญจริงๆคงหลงอะ ถ้าเป็นคนก็คงแนนแหละ
เห้อ ทำไมโลกของขวัญถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้าเรียบสงบนะ
เดาไม่ถูกเลย แต่ขอยังไม่เชื่อใจใครก่อน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 28-07-2018 22:51:23
ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่นะ คิดว่า
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-07-2018 23:30:51
น่ากลัวทั้งคู่ :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 28-07-2018 23:57:41
อะไรกันเนี่ยเรื่องนี้ :ling1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 29-07-2018 00:01:11
เขมนี่ดูร้ายกว่าคุณธนิกอีกนะ​ น่ากลัว​ ไว้ใตได้แค่แนนกะไอ้หลงจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-07-2018 00:03:12
อ่านเรื่องนี้แล้วกลัวมันทุกบรรทัดเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 29-07-2018 00:43:13
ขวัญกลับไปอยู่กับหลงกับแนนเหอะ อย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้เลย
ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่อะ ไม่รู้เล่นอะไรกันอยู่ ขวัญยากกว่านี้ได้มั้ย555555
ที่จะยอมไปนี่เพราะแผนขิมหรือเพราะใจตัวเอง  :ling2:
แต่ก็ค่อยสบายใจหน่อยที่ขวัญเริ่มระแวงธนิกแล้ววว
ส่วนขิมก็อย่าเพิ่งไปวางใจ  เป็นแฝดกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหวังดีนะ
ขวัญไม่เคยเจอขิมไม่เคยรุ้ว่ามีตัวตน มันก็คือคนไม่รู้จักดีๆเนี่ยแหละ
แนนต้องช่วยดึงสติขวัญน้าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 29-07-2018 01:14:36
ไม่น่าไว้ใจสักคนน :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: Tpoltiw ที่ 29-07-2018 02:02:58
อ่านเรื่องนี้จ้าาาา. พี่ธนิกแทงใส้แตกยิ่งกว่า เสี่ยโปรดแน่.   กลิ่นมาม่ารสต้มยำกุ้ง แรงงงมากกก :hao5: :hao5: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-07-2018 10:00:48
ขิม....เราก็ไม่ไว้ใจเธอนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 29-07-2018 10:48:33
ธนิกมาแบบเลว ส่วนขิมมาแปลกๆน่ากลัว
ที่สำคัญมันอยูที่ว่าขวัญไม่ฉลาดนี่แหละ
เอาสมองแนนมาให้ขวัญเถอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-07-2018 14:53:19
อ่านแล้วสบสนมึนงงไปหมดเลย ไม่รู้จะเชื่อใครดี
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 29-07-2018 15:07:49
นิยามสำหรับขวัญคือ คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความหัวอ่อนของขวัญ อยากจะพูดว่าโง่นะ อาจจะใจร้ายไป แต่ขวัญหัวอ่อน โลเล คนนั้นพูดทีก็เอนไปที พอขิมโผล่มาพูดถึงคุณธนิกไม่ดีก็เอนไปอีก
ตอนนี้ไม่รู้ใครดีไม่ดีละ แต่ขวัญไม่มีจุดยืนของตัวเองเลย ตอนพูดกับแนนเหมือนจะเข้าใจ แต่พอขิมซึ่งเป็นใครไม่รู้โผล่มาพูดโน่นนั่นนี่ โชว์รอยกรีดข้อมือ ให้หนีไป ถ้าไม่หนีก็ให้เข้าตีสนิทคุณธนิก ขวัญก็กลับเชื่อแล้วเข้าหาด้วยใจไม่บริสุทธิ์เหมือนเดิมอีก ขวัญเชื่อทุกคนยกเว้นคนที่หวังดีกับขวัญจริงๆ

ไม่มีใครทำร้ายขวัญหรอก ยกเว้นความโง่ของขวัญที่มันจะทำร้ายตัวขวัญเอง แล้วเราจะไม่สงสารเลยถ้าขวัญจะเสียใจเพราะขิมในตอนท้าย

สถาณการตอนนี้เหมือนเสือสองตัวจ้องขย้ำกัน แล้วมีแมวบ้านหลงเดินผ่านมา ไม่รู้ว่าเหตุการระหว่างคุณธนิก&ขิม&แม่คุณธนิกเป็นมายังไง แม่คุณธนิกจะทำร้ายขิมจริงหรือไม่ แต่ขิมไม่มีสิทธิใช้ขวัญเป็นเครื่องมือ คุณธนิกก็เช่นกัน

ขิมนี่ท่าจะแสบไม่เบาแหละ ถ้าพลิกมาว่าไปศัลยกรรมให้หน้าเหมือนนะมึ๊งงงงงง พีคในพีค
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 29-07-2018 15:51:33

เขมินทรา: หรือถ้าไม่อยากไป เราสลับตัวกันมั้ย

ขวัญพัฒน์: จะดีเหรอ

เขมินทรา: นั่นสินะ อาจจะไม่ดีหรอก

ขวัญพัฒน์: ขิมอยากเจอคุณธนิกเหรอ ยังคิดถึงเขาใช่มั้ย

เขมินทรา: เปล่า ไม่อยากเจอ ไม่ได้คิดถึงอะไรด้วย ผมเกลียดเขาจะตาย ไม่อยากไปเจอหน้าหรอก

ขวัญพัฒน์: อืม งั้นพี่ไปนะ คืบหน้ายังไงจะบอก

เขมินทรา: ครับ ยังไงไลน์บอกด้วยนะ เป็นห่วง

ขวัญพัฒน์: รับทราบครับ

เขมินทรา: อย่าไว้ใจเขา อย่าให้เขาแตะต้องตัวพี่นะครับ

ขวัญพัฒน์: จะพยายามนะ



เฮลโลววว นี่เป็นห่วงหรืออยากไปเองพูดซิ ไปๆมาๆหมาหวงก้างเสียละม้าง กลัวเขาตกหลุมรักขวัญเข้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 29-07-2018 16:20:32
สักวันขวัญต้องฉลาดขึ้น เราเชื่ออย่างนั้น
พี่รักขวัญนะ ขวัญต้องสู้ !! :m31:

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 7 28/07/2018 Page 6
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 29-07-2018 17:50:21
ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแหละ

คุณธนิกพาความยุ่งยากมาให้ขวัญทำไม

ใครมาดีมาเลวก็ไม่รู้
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 29-07-2018 18:40:48
ตอนที่ 8

การตีสนิทและทำให้คุณธนิกไว้ใจโดยที่ตัวผมไม่หลงมัวเมาไปกับความอ่อนโยนของเขานั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เลย เพราะคุณธนิกมีทักษะเฉพาะตัว โดยเฉพาะเรื่องการเอาอกเอาใจหรือการทำตัวโรแมนติกต่อคนที่เขาบอกว่ารัก ผมจึงต้องระมัดระวังหัวใจของตัวเองให้ดี ส่วนผมจะรู้ได้อย่างไรว่าได้ทำคำขอของเขมินทราลุล่วงนั้น เจ้าน้องชายของผมได้บอกไว้ว่า หากวันใดที่คุณธนิกเอ่ยปากจะพาไปพบพ่อของเขาที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาร่วมหลายเดือน วันนั้นก็คือวันที่ผมทำได้สำเร็จ แต่ผมคิดนะว่าผมคงไม่เก่งพอที่จะเข้าไปอยู่ในหัวใจของเขาอย่างที่เขมินทราเคยทำได้ อย่างมากผมก็เป็นแค่เงาหรือภาพซ้อนทับเท่านั้น ตัวตนของผมจริงๆ แล้วไม่ได้มีความพิเศษอะไรต่อหัวใจของคุณธนิกเลย

แค่ผมคิดแบบนี้ก็เจ็บขึ้นมา แล้วผมจะทนอยู่ข้างเขาได้นานยังไงไหววะ! นี่ถ้าผมฉลาดได้สักครึ่งของไอ้แนนล่ะก็ ผมคงจะหาคำตอบให้กับตัวเองง่ายกว่านี้

คิดเรื่องนี้ทีไรปวดหัวทุกทีเลย น้าลีบอกผมเสมอว่าผมไม่เหมาะกับเรื่องเครียดๆ ให้ยิ้มเข้าไว้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ต้องยิ้ม นิ้วชี้ทั้งสองข้างจึงแตะที่มุมปากแต่ละมุมแล้วยกขึ้น

ยิ้มสู้กับปัญหา! นั่นคือวิธีทางที่ดีที่สุดสำหรับคนโง่อย่างผม

“ทำไมมานั่งทำหน้าตลกอยู่หน้าบ้าน” เสียงของคุณธนิกทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมคงจะคิดเพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า

“มาเร็วจังเลยครับ” ผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นดูนาฬิกา เพิ่งหกโมงครึ่ง เมื่อกี้เขาไลน์มาบอกว่าติดประชุมยังไม่เลิก แต่กลับมาถึงเร็วกว่าปกติ “ผมนึกว่าคุณธนิกจะมาตอนทุ่มกว่าๆ เห็นบอกว่าติดประชุม”

“เลิกแล้วครับ พอเลิกแล้วก็มาหาขวัญเลย ไม่อยากให้รอนาน”

“งั้นคุณธนิกก็ต้องรอก่อนแล้วล่ะครับ ตอนนี้ไอ้หลงยังไม่กลับมาเลย”

ผมมานั่งรอไอ้หลงอยู่หน้าบ้านนานแล้ว เพราะพอกลับมาก็ไม่เจอไอ้หมาเพลบอยของผม มันคงไปเดินเตร่อยู่ที่ซอยบ้านเศรษฐีอีกแน่ๆ คิดว่าเดี๋ยวมันก็กลับมาเพราะได้เวลาข้าวเย็นแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มาสักที

“ได้สิ พี่นั่งรอเป็นเพื่อน” คุณธนิกนั่งลงเคียงข้างผม ไม่กลัวว่ากางเกงสีดำที่ตัดจากผ้าเนื้อดีของเขาจะเปื้อนฝุ่น

“ลุกก่อนครับ” ผมบอก อดไม่ได้ที่จะใส่ใจ “เดี๋ยวผมปัดให้ กางเกงจะได้ไม่เปื้อน”

เขายิ้ม ไม่ยอมลุก “กางเกงเปื้อนก็ซักได้ มือขวัญไม่ได้มีไว้ปัดฝุ่นให้พี่สักหน่อย”

มือของผมถูกเขากุมไว้ ก่อนริมฝีปากของเขาจะจรดลงบนหลังมือของผมเบาๆ “มือของขวัญมีไว้จับมือพี่ต่างหาก”

ไอ้เชี่ยแนน! มึงต้องผลิตยาห้ามใจเต้นแรงให้กูแล้ว!!

“ทำไมหน้าแดง เขินพี่เหรอ”

“เปล่าครับ ผมแค่ไม่ชิน”

“เสียดาย คิดว่าทำแบบนี้ขวัญจะเขินแล้วแท้ๆ” คุณธนิกหัวเราะอารมณ์ดี ก่อนจะยกมือขึ้นโยกหัวผมไปมา “เย็นนี้ขวัญอยากกินอะไรครับ พี่จะทำให้”

“ทำให้...หมายถึงจะทำกับข้าวให้กินเหรอครับ” ผมมองเขาอย่างไม่เชื่อ คนระดับคุณธนิกนี่นะเข้าครัวเป็น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะขนาดคนไม่มีจะกินอย่างผมยังทำได้แค่ทอดไข่กับต้มมาม่า อาศัยว่าโตมาด้วยก๋วยเตี๋ยวร้านป้านีและกับข้าวฝีมือน้าลีเท่านั้น

“ใช่สิ หรือขวัญให้ทำอย่างอื่นล่ะ” แววตากรุ้มกริ่มของคุณธนิกบอกความนัยที่ผมเข้าใจได้ว่าเขาหมายถึงทำอะไร

“คิดให้พ้นเรื่องใต้สะดือหน่อยเถอะครับ”

“ฮ่าๆ ๆ” เขาหัวเราะเสียงดัง แววตาชอบใจปิดไม่มิด “ขวัญเป็นคนแรกเลยนะที่พูดกับพี่อย่างนี้”

“แล้วคนอื่นพูดยังไงล่ะครับ เขาบอกให้ทำ ทั้งๆ ที่โดนลวนลามอยู่น่ะเหรอ”

“ลวนลาม” คุณธนิกทวนคำ แล้วก็หัวเราะขึ้นมาอีก กว่าเขาจะหยุดได้ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งนาที “ตายๆ ขวัญรู้ตัวซะแล้วว่ากำลังโดนพี่ลวนลาม”

“ผมต้องรู้สิ” ผมย่นจมูกใส่เขา รู้สึกหงุดหงิดนิดๆ ที่เขาเอาแต่หัวเราะ

“กลับมาเรื่องทำกับข้าวดีกว่านะ” เขาว่าเสียงนุ่มขึ้นมา ทำไมถึงชอบใช้น้ำเสียงที่ทำให้ใจสั่นอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้ “พี่ทำกับข้าวเป็นแค่ไม่กี่อย่าง เพราะทำเป็นแค่ของที่ตัวเองชอบกิน”

“งั้นคุณธนิกก็คงทำของที่ผมอยากกินไม่เป็นหรอกครับ”

“มันเป็นของพิศดารเหรอ” คำถามของเขาแฝงไปด้วยความกวน “หรือเป็นของที่ไม่มีอยู่บนโลกมนุษย์”

“มันก็ต้องเป็นของที่คนกินได้สิครับ”

“อ้าว...ขวัญเป็นคนเหรอ” เขายังคงกวนไม่เลิก แต่พอผมกำลังจะยกมือทุบเข้าที่ไหล่ เขาก็รวบมือของผมไว้แล้วต่อความว่า “พี่นึกว่าเป็นเทวดาตัวน้อยๆ จะบอกว่านางฟ้าก็คงลิเกมากไปเนอะ”

“เทวดาก็ลิเกมากๆ”

“ก็คงจริง” เขายอมรับ หน้าแดงเล็กน้อย “แต่ขวัญของพี่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นะ”

ขวัญของพี่ ขวัญของพี่! ผมน่ะ...ผมน่ะไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้จะได้ยินคำที่หวานจับใจขนาดนี้ แต่ตอนที่เขาอยู่กับเขมินทรา เขาก็ปากหวานอย่างนี้สินะ ใช่ไหมล่ะ...ไม่ใช่แค่กับผมคนเดียวหรอก

“คิดอะไรอยู่เหรอ สีหน้าไม่ดีเลย”

“ผม…” ผมไม่อยากอยู่ใกล้คุณธนิกอีกแล้ว ถ้าผมขอไม่เชื่อคำพูดของเขมินทราจะได้ไหม ผมไม่แกร่งพอที่จะอยู่กับเขาโดยที่ไม่คิดอะไรได้ แต่ถ้าผมไม่ร่วมมือ ผมก็จะอยู่ที่นี่ไม่ได้จริงๆ น่ะเหรอ ไอ้แนนจะมีอันตรายจริงๆ หรือเปล่า

“ขวัญครับ”

“ผมเป็นห่วงไอ้หลงครับ มันยังไม่กลับมาเลย” ผมยิ้มกลบเกลื่อน บอกปัดไปอีกเรื่องที่ไม่อยู่ในความคิด ยังไงขอผมคุยกับน้องชายอีกสักครั้ง คงต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้แน่ๆ

“ออกไปตามหามั้ย รออยู่ที่นี่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่หลงจะกลับมา หรือว่าปกติจะกลับมาเวลานี้อยู่แล้ว” เขาถามพลางยิ้มอย่างใจดี ไม่ได้ทำหน้ารำคาญแล้วบอกให้ผมทิ้งไอ้หลงไว้และไปกับเขา

“ไอ้หลงมันกลับบ้านไม่เป็นเวลาหรอกครับ ยิ่งช่วงสืบพันธุ์มันจะหายออกจากบ้านเกือบสัปดาห์ มันน่ะชอบไปทำหมาบ้านคนอื่นท้อง แต่ก็ดีที่ไม่ต้องไปตามรับผิดชอบลูกๆ ของมัน”

“หลงเจ้าชู้เนอะ” คุณธนิกว่าแล้วหัวเราะ “แต่พี่ไม่เจ้าชู้นะ อย่างนี้จะรักพี่มากกว่าหลงได้รึยัง”

“โหยย ไม่หรอกครับ ผมน่ะชอบคนเจ้าชู้”

“แปลกคน”

“คุณธนิกก็แปลกที่มาชอบผม คนรวยๆ ดีๆ มีอีกเยอะ ดันเอาวินมอเตอร์ไซค์อย่างผมเป็นแฟนซะได้”

คราวนี้คุณธนิกไม่ยิ้มเหมือนอย่างเคย แววตาและสีหน้าของเขานั้นเริ่มมีริ้วความไม่พอใจ “ถ้าพูดแบบนี้กับพี่อีก พี่จะโกรธนะ”

“หรือมันไม่จริงล่ะครับ มันแปลกจริงๆ นี่นา”

“ขวัญ” เสียงของเขาลอดไรฟัน ดูเหมือนเขากำลังพยายามระงับโทสะ “ใครจะดูถูกขวัญก็ให้เขาพูดไป แต่ขวัญห้ามดูถูกตัวเอง จะวินมอเตอร์ไซค์หรือลูกคนรวยที่ไหน ถ้าพี่รัก พี่ก็คบได้ทั้งนั้น พี่ก็ไม่ใช่คนวิเศษวิโสมาจากไหนหรอก พี่ก็คนธรรมดาเหมือนขวัญนั่นแหละ”

“แต่คุณธนิกรวย”

“พ่อแม่พี่ต่างหากที่รวย ถ้าไม่มีพวกท่าน พี่ก็แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่ง”

ผมยกมือขึ้นแตะข้อศอกเขาเบาๆ “ผมขอโทษครับ คุณธนิกอย่าพูดแบบนี้เลยนะ”

“เห็นไหม เวลาพี่ดูถูกตัวเอง ขวัญก็ยังไม่ชอบเลย อย่าพูดแบบนี้อีกนะครับ เพราะเวลาขวัญพูดในสิ่งที่คนฟังเขาไม่ได้คิด คนฟังเขาจะรู้สึกแย่ไปด้วย”

“ครับ ผมขอโทษครับ”

คุณธนิกคลี่ยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะของผมเบาๆ “ภูมิใจในตัวเองเถอะนะ เพราะพี่ภูมิใจมากๆ ที่ได้เป็นแฟนขวัญ”

จะเป็นอะไรไหมนะถ้าผมจะยิ้มกว้างๆ ให้เขา คำพูดของเขาทำให้ผมรู้สึกเต็มอิ่มในใจ เมื่อนานมากแล้วที่ผมเคยร้องไห้อยากได้จักรยานเหมือนอย่างเพื่อนคนอื่นๆ ในซอย แต่น้าลีไม่มีเงินซื้อคันใหม่ให้ ที่ให้ผมได้ก็แค่จักรยานคันเก่าที่ลุงแดงบ้านข้างกันไปรับซื้อของเก่ามาได้ น้าลีขอซื้อมาในราคาที่ถูกแสนถูกและนำไปซ่อมให้สามารถขี่ได้ในราคาไม่กี่ร้อยบาท ทว่าของเก่ายังไงก็ไม่เหมือนของใหม่ ตอนนั้นผมยังเด็ก ผมอายมากที่จะต้องขี่มันไปโรงเรียน พวกไอ้วันก็ล้ออยู่ตลอดที่ผมมีแต่ของเก่าๆ ใช้ มานึกเสียใจก็ตอนนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะพูดขอบคุณน้าลี ไม่ใช่ทำท่าปั้นปึ่งใส่จักรยานคันเก่าคันนั้น

“คุณธนิกเห็นจักรยานคันนั้นมั้ยครับ นั่นนะเคยเป็นจักรยานที่ผมใช้ตอนเด็กๆ” ผมชี้ให้คุณธนิกดูจักรยานเก่าสนิมเขรอะที่จอดฝุ่นจับรวมกับขยะรีไซเคิลอย่างอื่น “ผมอายทุกครั้งที่ต้องขี่มันไปโรงเรียน มันไม่มีเกียร์ปรับระดับได้เหมือนจักรยานรุ่นใหม่ๆ เอาไปอวดเพื่อนในห้องก็ไม่ได้ มีแค่ไอ้แนนคนเดียวที่บอกว่าเท่มาก แต่ผมว่าไอ้แนนมันรสนิยมแปลกมากกว่า ผมไม่เคยภูมิใจกับของที่ผมมีเลย เพราะมันทั้งเก่า ทั้งไม่สวย เป็นของมือสองที่น้าลีหามาให้ ผมเพิ่งมานึกได้ตอนนี้เองว่าของทุกอย่างที่ผมมี น้าลีจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินซื้อให้ผม แต่ตอนนั้นผมก็ทำตัวไม่ดีเลย”

“น้าลีคงรักขวัญมาก” น้ำเสียงของคุณธนิกอ่อนโยนจนผมต้องเอียงศีรษะไปซบที่ไหล่ของเขา ในขณะที่นิ้วมือซึ่งไม่ผ่านการใช้งานหนักจึงไม่สากเท่ากับนิ้วของไอ้แนนกำลังบรรจงเช็ดน้ำตาที่ไหลออกจากหางตาของผมให้เบาๆ “แต่ขวัญก็เป็นเด็กดีตอบแทนน้าแล้วนะ ขวัญเติบโตมาโดยไม่นอกลู่นอกทาง แค่นั้นน้าลีก็ภูมิใจในตัวขวัญมากแล้ว”

“มีใครเคยบอกคุณธนิกมั้ยครับว่าคุณธนิกปลอบได้เก่งมากเลย”

“ไม่มี” เขาบอกพลางจูบที่ขมับของผม “เพราะพี่ปลอบขวัญคนเดียว”

คุณธนิกชอบที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนสำคัญ ผมอยากให้ถ้อยคำนี้ไม่ใช่การโกหก อยากให้มีความเป็นจริงในคำพูดของเขาบ้าง

“แล้วคุณขิมล่ะครับ คุณธนิกไม่เคยปลอบเขาเหรอ”

“ไม่เคย” เขาตอบแทบจะในทันที “พี่กับขิมไม่ค่อยมีช่วงเวลาแบบนี้ด้วยกันหรอก”

“ทำไมล่ะครับ”

“เพราะเราไม่เคยจริงใจต่อกันเลย เราคบกันเพราะเหตุผล แล้วเราก็เลิกกันเพราะเหตุผล ไม่มีความรู้สึกไหนที่เกิดขึ้นกับขวัญจะเหมือนความรู้สึกของพี่ในตอนนั้น”

“ผมเชื่อได้ใช่มั้ยครับ”

“ไม่ต้องก็ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องจำเป็นของเรา ความรู้สึกของเราที่มีต่อกันต่างหากที่จำเป็น”

“ปากหวานจริงๆ”

“รู้ได้ยังไงว่าหวาน ขวัญชิมแล้วหรือยัง”

“งั้นไปชิมที่บ้านคุณธนิกดีกว่าครับ รอไอ้หลงกลับมาเราคงไม่ต้องกินข้าวกันพอดี”

“นั่นสินะ งั้นคืนนี้ขวัญไม่ต้องค้างกับพี่ก็ได้ พี่รู้ว่าขวัญไม่อยากทิ้งหลงหรอก เที่ยงคืนพี่จะมาส่งนะ”

“ครับ"

ถ้ามันเป็นเรื่องโกหก มันก็คงเป็นเรื่องโกหกที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรง

คุณธนิกลุกขึ้น ยื่นมือมาให้ผมจับ ผมจับมือเขาแล้วลุกขึ้นยืนเคียงข้าง แล้วจากนั้นเราก็เดินไปหน้าปากซอยซึ่งเขาบอกว่าจอดรถทิ้งไว้ที่นั่น

“ทำไมใจถึงขนาดที่จอดบีเอ็มไว้หน้าซอยมืดๆ อย่างนี้ล่ะครับ ไม่กลัวรถโดนกรีด โดนขโมยบ้างเหรอ”

“ไม่กลัว ไม่ใช่รถพี่”

“ฮ่าๆ ๆ แล้วเอารถใครมาล่ะครับ”

“ลูกพี่ลูกน้องน่ะ แล้วไล่มันกลับกับลุงกล้วย”

“คุณธนิกใจร้ายจัง”

“พี่ใจร้ายกับคนทั้งโลกแหละ แต่พี่จะใจดีกับขวัญแค่คนเดียว”

“ขอเถอะครับ ไม่หยอดสักชั่วโมงสองชั่วโมงนะ”

คุณธนิกหัวเราะ ดูเหมือนจะไม่ยอมทำตามคำขอ เพราะตลอดทางที่นั่งรถไปที่บ้านเขา เขาก็หยอดคำหวานให้ฟังจนหูตาพร่าเลือน เกือบจะเชื่อสนิทใจไปแล้ว แต่คำพูดของไอ้แนนและเขมินทรายังคงเป็นแนวป้องกันให้หัวใจของผมอย่างดี

บ้านของคุณธนิกไม่ใช่บ้านหลังใหญ่อย่างที่คิดไว้ มันเป็นบ้านเดี่ยวในโครงการบ้านที่ผมเคยเห็นในโฆษณาแต่ก็ไม่ได้เล็กตามขนาดบ้านทั่วไป บริเวณรอบบ้านนั้นร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านริมรั้ว สวนสวยถูกจัดตกแต่งไว้อย่างดีบ่งบอกถึงการเอาใจใส่ดูแลจนมีหญ้าสีเขียวขจีขนาดนี้ ผมเคยเห็นบ้านเศรษฐีบางบ้านที่มีพื้นที่พอจะมีสนามหญ้าก็ยังไม่มีความสวยเท่านี้เลย แต่บ้านในโครงการก็เหมือนกันแทบทุกหลัง จะมีแตกต่างบ้างหากบ้านไหนมีการต่อเติม บ้านของคุณธนิกอยู่หลังที่ห้านับจากปากทางเข้าที่มีพี่รปภ. คอยตรวจบัตรคนเข้าออก

“บ้านสวยจังครับ”

“ขวัญชอบมั้ย”

“ชอบครับ ชอบสนามหญ้าแล้วก็ต้นไม้ต้นนั้น ถ้าผูกชิงช้าไว้คงนั่งเล่นสบายเลย”

“ไว้จะหาชิงช้ามาผูกให้นะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ” ผมรีบพูด รู้สึกเป็นบทสนทนาที่จะก่อเกิดอะไรบางอย่างก็เลยต้องหยุดไว้ “ว่าแต่ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ”

“ไม่มีหรอก บ้านนี้มีพี่อยู่คนเดียว แต่ถ้าขวัญกับหลงมาอยู่ด้วยก็จะมีคนอยู่สองคนกับหมาอีกหนึ่งตัว”

“เดี๋ยวนะครับ ก็ไหนคุณธนิกบอกว่าจะพาไปที่บ้าน...”

พอเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาแล้วผมก็เข้าใจได้ทันที

“ชวนมาดูขวัญก็ไม่ยอมมานี่ครับ มาอยู่บ้านเดียวกันพี่จะได้อุ่นใจ แต่ขวัญก็ไม่ยอม”

“ร้ายมาก หลอกกันได้”

คุณธนิกเดินมาโอบเอวผมจากทางด้านหลัง เขาหอมแก้มของผมอย่างเอาใจ “หลอกเพราะรักนะ”

“ผมไม่เชื่อคุณธนิกแล้ว”

“โธ่”

“แล้วนี่ผมจะได้กินข้าวมั้ยครับ มันเป็นบ้านที่เข้าอยู่ได้เลยรึเปล่า”

“ตอนนี้ก็พอเข้าอยู่ได้ เพื่อนพี่ตกแต่งให้ใกล้จะเสร็จแล้ว ยังเหลือเก็บรายละเอียดที่ห้องพระกับห้องนอนแขก แต่เป็นห้องที่เราไม่ได้ใช้ ขวัญสบายใจได้ ห้องครัวน่ะพร้อมแล้วล่ะ เตียงนอนก็พร้อมมากๆ”

ผมส่ายหน้าระอา ยังไงซะคุณธนิกก็คิดแต่เรื่องจะกินผม “อยู่ไปคนเดียวเถอะครับ ผมไม่มาอยู่ด้วยหรอก”

“พี่จะรอจนขวัญใจอ่อน”

“ผมเป็นคนใจแข็งมากๆ”

“คนใจแข็งที่หัวใจเต้นแรงเวลาถูกกอดน่ะเหรอ”

ผมตีที่แขนของเขา ได้ยินเขาหัวเราะชอบใจแล้วก็ยิ่งหมั่นไส้ “ว่าแต่มีเพื่อนบ้านหรือยังครับ บ้านข้างๆ นี่มีคนอยู่ไหม”

“ยังไม่มีนะ แต่เพื่อนพี่บอกว่ามีคนจ่ายมัดจำไว้แล้ว คงเข้ามาอยู่เร็วๆ นี้”

“ถ้าเป็นคนดีๆ ก็ดีนะครับ มีเพื่อนบ้านจะได้ไม่เหงา”

“ไม่ดีหรอก ถ้าขวัญไปหลงเสน่ห์คนข้างบ้านพี่จะทำยังไงล่ะ”

“ทำใจสิครับ”

เขากัดที่แก้มผม “นี่แน่ะ ทำใจเหรอ”

“เจ็บนะ”

“ไม่คุยด้วยแล้ว เดี๋ยวขวัญชวนพี่ทะเลาะ เข้าบ้านกันเถอะครับ”

คุณธนิกชวนเข้าบ้านด้วยการจับจูงมือผมให้เดินตาม บ้านสมัยนี้ก้าวไกลจนถึงขนาดสั่งเปิดปิดไฟด้วยโทรศัพท์มือถือได้แล้ว ผมกับคุณธนิกจึงไม่ต้องเดินคลำทางให้ลุ้นว่าจะเดินชนอะไร พวกเราเดินผ่านประตูบ้านที่เปิดด้วยการคีย์รหัสและสแกนลายนิ้วมือ ผมมองด้วยความทึ่งจัด เพราะเมื่อคิดถึงเทคโนโลยีที่นำมาใช้แล้วราคาของบ้านหลังนี้คงไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ที่ทำให้ทึ่งมากกว่านั่นก็คือรูปถ่ายในกรอบขนาดใหญ่ที่ติดฝาผนัง มันเป็นรูปผมที่กำลังนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ที่ยังผ่อนไม่หมด เสื้อวินสีส้มนั่นแหละที่ทำให้ผมแน่ใจว่าไม่ใช่รูปของเขมินทรา พื้นหลังที่เห็นก็เป็นหน้าบริษัทของคุณธนิก ข้างๆ นั่นก็คือป้อมยามของพี่เปี๊ยก รูปนี้เป็นรูปที่ผมชูสองนิ้วและฉีกยิ้มให้กับกล้อง

“นี่มันรูปที่พี่เปี๊ยกถ่ายไว้นี่ครับ”

“อ๋อ ใช่แล้ว เป็นรูปเดียวที่พี่มี พี่ขอจากพี่เปี๊ยกมา ที่จริงคิดอยู่ว่าบริษัทควรจะมีสวัสดิการแจกโทรศัพท์มือถือที่กล้องชัดๆ ให้กับรปภ. คนละเครื่อง ไม่อย่างนั้นคงได้รูปขวัญที่ชัดกว่านี้”

“ทำไมคุณธนิกต้องเอารูปผมมาติดไว้ด้วยล่ะครับ”

“เวลาออกจากบ้านจะได้มีกำลังใจไง”

ใบหน้าของผมร้อนผ่าวไปหมด กี่ครั้งกันนะที่คุณธนิกเล่นงานหัวใจของผมให้เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง “รูปนี้มันตลกจะตาย ดูเสล่อยังไงไม่รู้ ไม่ค่อยมีใครชูสองนิ้วถ่ายรูปแล้วครับ”

“แต่พี่ชอบนะ ดูซื่อๆ จริงใจดี”

“ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ไปทำกับข้าวกับเถอะครับ หิวๆ ๆ ๆ”

ถัดจากโถงทางเดินก็เป็นห้องนั่งเล่นที่มีเพดานยกสูง รอบด้านเป็นกระจกใสที่มีผ้าม่านสีน้ำตาลเข้มปิดไว้ โซฟาสีน้ำตาลที่น่าจะทำมาจากหนังแท้ก็ตั้งวางเป็นชุดขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง อีกด้านมีตู้หนังสือที่สูงจรดเพดาน แต่ตอนนี้ยังคงว่างเปล่า ไม่มีหนังสือเลยสักเล่ม

“ตรงนั้นพี่ยังไม่ได้ให้ช่างมาติดทีวี” คุณธนิกชี้ไปยังผนังว่างโล่งไม่ไกลจากตู้หนังสือ “ส่วนตู้นั้นก็จะเอาหนังสือจากที่บ้านมา ให้ขวัญไว้อ่านเล่น พี่สะสมหนังสือการ์ตูนด้วยนะ ส่วนที่เป็นผนังอีกด้านพี่เปลี่ยนให้เป็นกระจก กันทุกอย่างแม้กระทั่งกระสุนปืน ใช้อะไรทุบก็ไม่มีทางแตก เวลาขวัญมานอนอ่านหนังสือตรงนี้จะได้เห็นสวนสวยๆ ข้างนอกด้วย”

“คิดเผื่อไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ต้องคิดสิ จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนี่นา”

อยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมไม่อยากให้เรื่องที่คุณธนิกพูดมาทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องโกหกเลย

“พี่เตรียมห้องนอนไว้ให้ขวัญด้วยนะ ถ้าวันไหนขวัญเบื่อหน้าพี่ ขวัญก็หนีไปนอนห้องนั้นได้เลย หรือเวลาโกรธพี่ ขวัญก็หลบไปอยู่ที่นั่นได้ แค่ห้ามออกไปไหนก็พอ”

ผมฟังเขาพูดจนเกือบเคลิ้ม เขาชี้ให้ดูตรงนั้นตรงนี้ แล้วก็เล่าให้ฟังถึงความคิดของเขาไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มาหยุดที่ห้องครัวซึ่งพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง

“เอาล่ะทีนี้ สั่งอาหารมาได้เลยครับ” คุณธนิกค้อมหัวราวกับบริกรที่กำลังต้อนรับลูกค้าเข้าสู่ร้านอาหารชั้นเลิศ

“คุณธนิกแน่ใจเหรอครับว่าจะทำได้”

“ขอฟังเมนูก่อนละกัน”

ผมคิดนิดหน่อย ก่อนจะบอกว่า “ข้าวผัดครับ ข้าวผัดไข่ธรรมดา ถ้ามีกุนเชียงใส่กุนเชียงด้วยก็ได้ครับ”

คุณธนิกชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “โล่งใจ พี่ก็นึกว่าจะยากกว่านี้ แต่ขอดูของก่อน เพื่อนพี่มันซื้อไว้ให้ ไม่รู้มันยัดอะไรไว้ในตู้บ้าง”

“คุณธนิกมีเพื่อนที่ดีมากเลยนะครับ ดูเหมือนเขาจะทำให้ทุกอย่างเลย”

“ต้องทำสิ มันอยากขายบ้านให้พี่จนตัวสั่นล่ะนะ”

คำพูดของเขาทำให้ผมหัวเราะ ผมเอาแต่นึกภาพพนักงานขายที่ตื้อขายบ้านในโครงการพร้อมกับรับประกันว่าจะให้บริการอย่างดีเยี่ยม “แพงมั้ยครับบ้านหลังนี้”

“ตอนแรกไม่แพง แต่พอตกแต่งแล้วแพงมากๆ”

“แค่ค่ากระจกก็แพงมากแล้วครับ”

“นั่นสิ แต่พี่อยากให้ขวัญอยู่ในบ้านที่ปลอดภัย”

“บ้านไหนที่มีคุณธนิกก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั่นแหละครับ”

“เป็นเด็กที่พูดจาใจร้ายจัง ไม่มีกุนเชียงแฮะ ข้าวก็ไม่มี รอแป๊บนะ พี่โทรบอกเพื่อนก่อน”

“เดี๋ยวครับ... ไม่ต้อง” ผมจะห้ามก็ไม่ทัน เพราะคุณธนิกยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรแล้ว

“เออ กูเอง มึงซื้อของยังไงไม่มีอะไรให้ทำแดกสักอย่าง มีแต่มาม่าเต็มตู้ แล้วบ้านไหนบอกให้เอามาม่าใส่ตู้เย็น ไปซื้อของมาให้กูเลย เออๆ เอาไข่ไก่ ข้าว กุนเชียง แล้วซื้อขนมอะไรมาก็ได้ จะให้ขวัญกินรองท้อง อืมๆ รีบๆ มา”

ผมเพิ่งเคยเห็นคุณธนิกคุยกับคนอื่นนอกจากผม พอคู่สนทนาไม่ใช่ผมแล้วเขาก็คุยปกติได้นี่นา ออกจะกระโชกโฮกฮากด้วยซ้ำไป “เวลาคุยกับเพื่อนไม่เห็นปากหวานเลย”

“จะหวานได้ไงครับ ไม่ได้คุยกับแฟนนี่นา” นั่นไง พอกลับมาคุยกับผมก็เสียงหวาน “ขวัญรอก่อนนะ เดี๋ยวเพื่อนพี่ซื้อของเข้ามาให้”

“ครับ ผมรอได้ ยังไม่ค่อยหิวหรอก”

“งั้นระหว่างนี้ไปดูห้องนอนกันมั้ย”

ผมเหล่ตามอง ดูไม่น่าไว้ใจเท่าไรเลย “แค่ดูนะครับ”

“แค่ดูครับ หรือขวัญคิดว่าพี่จะทำอะไร”

ผมไม่ตอบ เพราะกลัวว่าตอบไปแล้วจะเข้าตัวก็เลยเดินตามแรงจูงของคุณธนิกที่พาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน พอชะโงกหน้าลงมองก็จะเห็นห้องนั่งเล่นชั้นล่างเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่ ทำเอานึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าผมจะมาใช้ชีวิตอยู่ในที่สวยๆ แบบนี้ได้ยังไง

[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 29-07-2018 18:41:20
“ตรงนั้นเป็นห้องพระ ยังตกแต่งไม่เสร็จ ถ้าขวัญมาอยู่ที่นี่ ขวัญเอารูปน้าลีมาไว้ในห้องนั้นนะ ให้น้ามาอยู่ด้วยกัน” คุณธนิกชี้ไปยังห้องด้านซ้ายมือซึ่งเขาไม่ได้เปิดให้ดูแต่พาเดินผ่านไปยังอีกห้อง “นี่เป็นห้องส่วนตัวของขวัญ พี่ตกแต่งไว้ให้แล้วล่ะ ไม่รู้ขวัญจะชอบมั้ย ถ้าไม่ชอบค่อยปรับเปลี่ยนทีหลังได้ แต่งบจำกัดนะ เพราะพี่ใช้เงินเก็บไปเกือบหมดแล้ว”

“โหย ไม่สปอร์ตเลย”

“ขอเก็บเงินอีกนิดครับ”

ผมหัวเราะกับท่าทีของเขา “ผมไม่มาอยู่หรอกครับ ขอบคุณคุณธนิกนะครับที่ทำให้ถึงขนาดนี้ แต่ผมยังชอบบ้านเช่าของผมอยู่”

“ก็บอกแล้วว่าพี่จะรอจนขวัญใจอ่อน งั้นห้องนี้ยังไม่ดูนะ ไว้ขวัญมาอยู่จะได้เห็นตอนนั้นเป็นครั้งแรก เวลาอะไรที่เป็นครั้งแรกจะน่าประทับใจมาก”

“นั่นสินะครับ”

“เหมือนที่พี่เป็นครั้งแรกและจูบแรกของขวัญ พี่นอนไม่หลับไปครึ่งเดือน”

“โม้แล้วครับ เพิ่งเป็นเรื่องไม่กี่วันก่อนไม่ใช่เหรอ”

“อ้าว จริงด้วย แต่เหมือนนานมากเลยนะ”

ผมทุบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะเดินตามไปยังห้องนอนใหญ่ เป็นห้องที่มีประตูไม้โอ๊คบานใหญ่หนักๆ หนึ่งบาน ทั้งห้องตกแต่งด้วยโทนสีสบายตากับเฟอร์นิเจอร์เข้าชุดกัน มีเตียงนอนขนาดคิงไซส์วางตรงกลางห้อง ผ้าม่านสีครีมบดบังหน้าต่างแต่ละบาน ใกล้กันนั้นมีโซฟาเบดน่านอนอยู่หนึ่งตัว

“ห้องนอนของเรา เตียงใหญ่ขนาดนี้ขวัญคงไม่ใจร้ายให้พี่นอนคนเดียว”

“ผมใจร้ายครับ”

“ขวัญพัฒน์” เขาครางเสียงอ่อน ทำหน้าอ้อน “พี่กลัวผียิ่งกว่าหลงซะอีก”

“ไม่ได้ผลหรอก อย่ามาหลอกผมเลย”

เขาหัวเราะ ก่อนจะพาผมไปที่ระเบียงห้องที่ถูกแบ่งกั้นด้วยกระจกบานใหญ่ ที่ระเบียงมีไม้ประดับปลูกในกระถางวางไว้ตามมุม สายลมเย็นกำลังพัดใบของมันให้ลู่ไปตามลม ผมยืนมองภาพบรรยากาศอันเงียบสงบก่อนจะถูกเขาสวมกอดจากทางด้านหลัง

“ถ้าขวัญมาอยู่กับพี่ เราจะได้มองท้องฟ้าด้วยกันทุกคืน”

ผมแกล้งทำหูทวนลมกับน้ำคำหวานของเขาพลางมองลงไปด้านล่าง “มีสระว่ายน้ำด้วยเหรอครับ”

“อืม แต่พื้นที่จำกัดก็เลยไม่กว้างมาก หลงชอบว่ายน้ำมั้ย พามันมาว่ายน้ำก็ได้”

“มันไม่ชอบครับ แต่ผมชอบ”

“งั้นลองเลยมั้ย พี่มีกางเกงว่ายน้ำ...”

“เดี๋ยวนะครับ ทำไมคุณธนิกเตรียมพร้อมล่ะ”

“เพราะพี่อยากเห็นขวัญใส่กางเกงว่ายน้ำ”

“ผมมีพุงนะ”

“วันนั้นไม่มีนี่ หุ่นดีจะตาย กอดกำลังดี”

ผมอ้วนกว่าเขมินทรา เจ้าน้องชายของผมน่ะผอมบางกว่า แบบนั้นต่างหากที่จะเรียกว่าหุ่นดี ส่วนผมที่ไม่เคยออกกำลังกาย ชอบกินแต่ของมันๆ ของหวานๆ ก็ไม่รอดพ้นการมีพุงหรอก

“ตอนนี้อะไรผมก็ดีหมดแหละครับ ลองเบื่อกันดูสิ แค่หายใจก็ยังผิดเลย”

“ไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นกับเราหรอก”

“มีสิครับ คนเราเปลี่ยนกันได้ทั้งนั้น”

“บางเรื่องขวัญก็ดื้อมากๆ เลย แต่พี่จะทำให้เห็นเองว่ายังมีคนที่ไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ อยู่”

ผมเผลอกัดริมฝีปากของตัวเอง เพราะสิ่งที่กำลังคิดทำให้หัวใจเจ็บแปลบ “งั้นตอนนี้คุณธนิกก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากคุณขิมสิครับ ถ้าคุณธนิกเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ”

แขนที่โอบเอวผมไว้คลายออกไป ก่อนที่มือของคุณธนิกจะจับไหล่ของผมให้หันหน้าไปเผชิญกัน “ทำไมเอาแต่พูดถึงขิม ขวัญจะลืมเรื่องที่พี่ทำไม่ดีไปไม่ได้เหรอ”

ผมหลบตาเขา ไม่กล้ามองตามตรง “คุณธนิกรักเขานี่ครับ”

“มันไม่เคยเป็นความรัก ระหว่างพี่กับขิมไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่”

ผมจะเชื่อใครได้ ระหว่างเขมินทรากับคุณธนิก ทั้งสองคนพูดกันคนละอย่าง น้องชายของผมเหมือนจะรักคุณธนิกมาก แต่คุณธนิกกลับพูดว่ามันไม่ใช่ความรัก หรือจะเป็นเพราะเขาแค่อยากหลอกผมเท่านั้นเอง

“แล้วทำไมถึงเผลอเรียกชื่อเขาตอนที่เรากำลังทำกันล่ะครับ”

“เพราะขวัญเหมือนเขามากยังไงล่ะ พี่อยู่กับขิมมาหลายปี พี่ยอมรับก็ได้ว่ามันเป็นความเคยชินที่เผลอเรียกออกไป แต่ขวัญจะไม่ให้โอกาสพี่เลยเหรอ”

“ผมเหมือนถึงขนาดไหนกันถึงทำให้เผลอเรียกออกมาได้ งั้นไม่ใช่เพราะผมเหมือนหรอกเหรอ คุณธนิกถึงชอบผม”

“ขวัญครับ” เขาก้มหน้าลง ให้ใบหน้าของเราใกล้ชิดกัน “ขวัญเหมือนเขาจนถ้าขวัญเจอเขาขวัญอาจจะตกใจ แต่พี่ไม่อยากให้ขวัญไปยุ่งเกี่ยวด้วย”

“ทำไมเหรอครับ”

“มันยากที่จะอธิบาย แต่พี่อยากให้ขวัญรู้ว่าขวัญเหมือนเขาแค่ภายนอก ตัวตนของขวัญต่างหากที่พี่ชอบ แค่ได้พูดคุยกันพี่ก็รู้แล้วว่าขวัญไม่เหมือนใคร”

เขาโกหกมึงอยู่แน่ๆ ไอ้ขวัญ มึงอย่าหลงเชื่อ ผมจำลองเสียงของไอ้แนนขึ้นในหัว “เหรอครับ”

“ขวัญไม่เชื่อพี่ก็ไม่เป็นไร” เขาว่าด้วยท่าทางอ่อนใจ แววตามีความตัดพ้อเล็กน้อย แต่ไม่นานก็คลี่ยิ้มออกมา “ไม่เชื่อใครง่ายๆ ก็ดีแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องห่วง”

“แม้ว่าผมจะไม่เชื่อคุณธนิกด้วยเหรอครับ”

“อืม บางทีพี่ก็พูดเอาใจขวัญไปอย่างนั้น เพราะพี่อยากให้ขวัญเป็นของพี่เร็วๆ” ใบหน้าของเขาขยับเข้าใกล้มาอีกนิด “ทำหน้าสงสัยเหรอ เหตุผลของพี่ก็เป็นแค่เหตุผลของคนลามกที่ชอบชิมความหวานของขวัญเท่านั้นเอง”

ผมปล่อยให้ริมฝีปากของเขาทาบทับลงมาโดยไม่ถอยห่าง คุณธนิกบอกว่าชอบชิมความหวาน ผมจึงให้เขาตักตวงจนพอใจ แค่จูบสองจูบคงไม่เป็นไร แนวป้องกันของผมยังไม่สั่นคลอนลงหรอก

“ขวัญของพี่หวานมากจริงๆ” เขากระซิบเสียงพร่า บดจูบลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนริมฝีปากของผมที่ถูกดูดดุนนั้นรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ทว่าการผลักไสเขาออกห่างนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเหลือเกิน แต่แล้วระฆังหมดยกก็ดังขึ้น

ติ๊งต่อง!

เสียงออดสุดคลาสสิกดังขึ้นให้ได้ยิน คุณธนิกค่อยๆ ผละออกห่าง ความเสียดายปรากฎบนใบหน้า “พี่จะอดใจไว้ ตอนนี้ขวัญต้องกินข้าวก่อน ลงไปข้างล่างกันเถอะครับ”

ผมพยักหน้า เดินตามลงไปชั้นล่าง คุณธนิกบอกให้ผมรอที่ครัว ส่วนเขาเดินไปเปิดประตู ไม่นานก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นที่โถงทางเดิน อีกไม่กี่วินาทีต่อมาชายร่างสูงพอๆ กับคุณธนิกก็ปรากฎตัวให้เห็น เขาหอบหิ้วเอาถุงจากซุปเปอร์มาด้วย ผมจึงรีบเข้าไปช่วย

“มาครับผมช่วย”

“เป็นเด็กดีนี่หว่า” เขาหันไปพูดกับคุณธนิกด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แต่คุณธนิกแยกเขี้ยวขู่มาให้พลางส่งสายตาบางอย่างและดูเหมือนพวกเขาจะรู้กันอยู่สองคน “โอเคๆ "

“ขวัญ นี่เพื่อนพี่ ชื่อโม” คุณธนิกแนะนำ ผมจึงรีบยกมือไหว้ เพราะยังไงก็คงอายุมากกว่าผม

“สวัสดีครับ ผมชื่อขวัญครับ”

“สวัสดีครับน้องขวัญ” พี่โมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร พลางวางถุงที่ถืออยู่ลงบนเคาน์เตอร์ “ว่าแต่จะทำอะไรกินกัน กูกินด้วยได้มั้ยธนิก ไม่เคยมีบุญปากกินกับข้าวฝีมือมึงสักที”

“ไม่ได้” คุณธนิกตวัดตามอง

“น้องขวัญ พี่อยู่ด้วยได้มั้ยครับ”

“เอ่อ...ผมว่าพี่ถามคุณธนิก”

“ฮ่าๆ ๆ” อยู่ๆ พี่โมก็ระเบิดหัวเราะออกมา “ไม่เหมือนเด็กนั่นนะ ถ้ากูถามแบบนี้คงเอามีดแทงกูไปแล้ว หึหึ”

“อย่าพูดมากไอ้โม จะกินด้วยก็ไปรอที่อื่น อย่ามาเกะกะในนี้”

“ทำเป็นเข้มเนอะ” พี่โมหันมาคุยกับผม “ขวัญอย่าไปยอมมันมากล่ะ ไอ้นี่มันเผด็จการ เดี๋ยววันดีคืนดีมันจับเราขังไว้แต่ในห้อง ระวังตัวไว้ด้วย”

“จริงเหรอครับ” ผมพอจะนึกภาพคุณธนิกทำแบบนั้นได้อยู่หรอก และคิดว่าคนอย่างเขาคงทำได้จริงๆ

“ไอ้โม! พูดอะไรของมึง ขวัญเชื่อคนง่ายอยู่ด้วย”

“ฮ่าๆ ๆ พี่โมล้อเล่นนะครับ มันไม่ใจร้ายแบบนั้นหรอก เวลามันขังมันก็ให้ออกไปเดินเล่นในบ้านบ้างครับ โอเคๆ ไม่พูดแล้ว ไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะ”

พี่โมเดินหัวเราะอารมณ์ดีออกจากครัวไปแล้ว ในขณะที่คุณธนิกเอาแต่เสยผมด้วยความหงุดหงิด

“คุณธนิกครับ เด็กนั่นที่ว่าน่ะใครเหรอ”

“ไอ้โมมันก็พูดไปเรื่อยเปื่อย ขวัญมานี่สิครับ มาช่วยพี่ทำกับข้าว”

แม้ว่าผมจะสงสัย แต่คุณธนิกไม่มีทีท่าจะตอบคำถาม เด็กนั่นจะหมายถึงเขมินทราน้องชายของผมหรือเปล่า หรือหลังจากเลิกกันแล้ว คุณธนิกจะคบกับคนอื่นอีก ผมก็ไม่อาจรู้ได้ ไว้ค่อยไปถามกับพี่โมทีหลัง พี่โมดูจะเป็นคนคุยด้วยง่ายกว่าคุณธนิก แต่ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเขาจะยอมบอกเรื่องที่ผมอยากรู้ไหม

“อดได้กินขวัญหลังมื้อเย็นเลย ไอ้โมต้องอยู่เป็นก้างจนดึกแน่ๆ” คุณธนิกบ่น เขาบ่นไปด้วยหั่นกุนเชียงไปด้วย ส่วนผมที่กำลังซาวข้าวก็อดยิ้มไม่ได้

“ดีแล้วครับที่พี่โมอยู่ ผมไม่อยากถูกกิน”

เห็นคุณธนิกเพิ่มแรงหั่นกุนเชียงแล้วผมก็ทำได้แค่หัวเราะ มองดูเผินๆ ก็เหมือนคนไม่มีพิษไม่มีภัย ถ้าไม่มีคดีมอมยาจนผมเสียตัว ผมก็อาจจะมองว่าเขาเป็นคนดีขึ้นมาก็ได้ ไหนจะคำพูดของเขมินทราที่บอกว่าเขาเป็นจอมโกหก ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมาในวันนี้ถ้ามันเป็นเรื่องโกหกจริงๆ ผมก็คงไม่มีอะไรจะไปสู้กับคนที่แสดงเก่งขนาดนี้ได้แล้ว

“คุณธนิกครับ”

“ว่าไงครับ”

“ข้าวผัดไข่นี่นอกจากใส่ไข่แล้วจะใส่ใจลงไปด้วยหรือเปล่าครับ” ผมขยับเข้าไปใกล้ตัวเขาแล้วเขย่งเท้าเล็กน้อยเพื่อหอมแก้มเขาเบาๆ “ผมอยากกินหัวใจคุณธนิก”

“บอกว่าไม่อยากถูกกินแต่ก็ยั่วพี่” คุณธนิกแยกเขี้ยวใส่ “ถอยไป พี่ถือมีดอยู่นะ เดี๋ยวก็ได้แผลหรอก”

“พออยากถูกกินก็โดนไล่”

“ขวัญพัฒน์ ไอ้เด็กบ้า”

ผมค่อยๆ เห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยจะได้เห็นทีละเล็กละน้อย ปกติแล้วคุณธนิกจะเอาแต่ยิ้ม แต่วันนี้ผมเห็นเขาทำหน้าโกรธ ผมเห็นเขาทำหน้าไม่พอใจ สีหน้าตอนที่คุยกับเพื่อนก็ไม่เหมือนที่คุยกับผม แล้วไหนจะตอนนี้ที่เขาเหมือนพี่ชายที่คอยดุ แล้วปากก็พร่ำบ่นที่ผมยั่วตอนเขาถือมีด

นี่ไอ้แนน...ถ้าเป็นมึง มึงจะป้องกันหัวใจจากคนแบบคุณธนิกยังไงดีวะ เพราะแค่ไม่กี่วันกูก็ทำท่าจะแพ้แล้ว หากว่านานกว่านี้คงแย่แน่ๆ





ขวัญพัฒน์: ขิม ผมไม่ทำแล้วได้มั้ย ผมคิดว่าผมทำไม่ได้หรอก

เขมินทรา: ทำไม? เกิดอะไรขึ้นเหรอ เขาทำเรื่องไม่ดีกับพี่เหรอ

ขวัญพัฒน์: เปล่า เพราะเขาทำดีมากต่างหาก

เขมินทรา: เขาทำไม่ใช่เพราะชอบพี่หรอก เขาก็แค่ทำไปอย่างนั้น

ขวัญพัฒน์: เหรอ

เขมินทรา: อย่าไปหลงเสน่ห์เขา เขาน่ะอันตรายนะ แล้วถ้าพี่ไม่ทำ พี่เองที่เดือดร้อน ผมน่ะมีคนของพ่อบุญธรรมปกป้องอยู่แล้ว แต่พี่ไม่มีใครนะพี่ขวัญ แค่ทำให้พี่ธนิกไว้ใจแล้วให้เขาพาไปพบพ่อของเขา มันไม่ยากหรอก

ขวัญพัฒน์: แต่สำหรับพี่มันยาก

เขมินทรา: พี่อาจจะยังไม่เข้าใจ อาจจะคิดว่าผมพูดเล่น

ขวัญพัฒน์: ไม่ใช่อย่างนั้นนะขิม

เขมินทรา: งั้นผมก็ไม่รู้ด้วยแล้วนะ

ขวัญพัฒน์: โอเคๆ พี่จะคิดดูอีกที

เขมินทรา: ดีครับ พี่แค่ทำเรื่องง่ายๆ แล้วเรื่องยากๆ ผมจะทำเอง อีกอย่าง...พี่ธนิกเขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบพี่หรอก เขาก็แค่ทำดีด้วยเพราะหวังอะไรบางอย่างก็แค่นั้น พี่อย่าคิดมากเลยครับ

ขวัญพัฒน์: พี่รู้ว่าเขารักขิม พี่รู้เรื่องนั้นดี

เขมินทรา: ครับ

ขวัญพัฒน์: ไว้พี่จะไลน์หาพรุ่งนี้นะ

เขมินทรา: ไม่กลับบ้านเหรอครับ จะค้างกับพี่ธนิกเหรอ

ขวัญพัฒน์: เปล่า ไม่ค้าง กลับครับ คุณธนิกจะไปส่ง เขาไม่ยอมให้นั่งแท็กซี่กลับ

เขมินทรา: อะฮะ งั้นถึงบ้านแล้วบอกผมด้วยนะครับ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

ขวัญพัฒน์: ได้ครับ

ผมรู้สึกได้ว่าเขมินทราไม่ชอบใจกับการที่ผมอยู่กับคุณธนิกสักเท่าไร คงเพราะเจ้าตัวยังรักคุณธนิกอยู่แต่กลับปากแข็ง ไม่ยอมรับความรู้สึกที่ตัวเองมี ทำให้ผมสงสัยว่าระหว่างพวกเขาเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้ต่อไม่ติดกันได้มากขนาดนี้

.................To be continue...................

 :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4:

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่า  :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 29-07-2018 19:16:18
ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่ แต่เลือกเชื่อคุณธนิกมากกว่า รู้สึกขิมมีอะไรแปลกๆ ต้องอันเชิญเพี้ยนมา ขวัญสู้คนเดียวไม่ไหวหรอก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-07-2018 19:24:04
ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่มากกว่าเดิม  :hao4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 29-07-2018 19:39:48
ในเรื่องนี้ไว้ใจหลงสุดละ555555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 29-07-2018 19:42:39
ก็ยังไม่เชื่อคุณธนิกอยู่ดีแต่ที่มากกว่าก็ขิมนี่แหละ ย้ำอยู่นั่นว่าคุณธนิกไม่ได้รักขวัญ คือหวงก้างสินะดูก็รู้ว่ายังรักคุณธนิกอยู่และคงยืมมือขวัญให้ทำงานให้ และจากการบอกเล่าของโมขิมนี่จะเหมือนรักและหวงคุณธนิกมากจนไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เลยรึเปล่า คิดอยู่ว่าแผลที่ข้อมือนี่ขิมอาจเป็นคนทำเองก็ได้ สัมผัสความโรคจิตของขิมได้ในตอนนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 29-07-2018 19:44:22
ทำไมเรารู้สึกเชื่อคุณธนิกมากกว่าขิมอ่ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-07-2018 19:58:16
ไม่น่าไว้ใจทั้งหมดเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-07-2018 20:03:43
ทำไมเรารู้สึกเชื่อคุณธนิกมากกว่าขิมอ่ะ :katai4:

คิดเหมือน
ขิมดูจะหมาหวงก้างนะ
เหมือนหลอกใช้ขวัญ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 29-07-2018 20:53:08
ทำมาเนียนหลอกถามขวัญ​นะเขา​ ฉันไม่ชอบเธอเลยจริงๆ​ ไม่ใช่ว่าหมาหวงก้างใช่มั้ย​
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 29-07-2018 20:54:29
หรือว่าคุณธนิกจะเป็นคนดีและจริงใจกับขวัญจริงๆ  :hao7:
งงไปหม้ดด แต่ที่อ่านมาก็ยังไม่ค่อยรู้สึกนะ
อาจเป็นเพราะเล่าจากมุมมองของขวัญด้วย
เห้อออ งงสับสนไปไม่ถูก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-07-2018 21:03:13
ใครมาดีมาร้ายหว่า
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 29-07-2018 21:50:18
ถ้าไม่มีความระแวงอยู่ในใจ ไม่รู้อันไหนเรื่องจริงเรื่องหลอก
ตอนนี้คุณธนิกจะเป็นแฟนที่โครตน่ารักเลย

ติดใจตรงระบบความปลอดภัยของบ้านคุณธนิก
ทำไว้เพื่อปกป้องน้องขวัญไหม
แต่คุณธนิกรู้ได้ยังไงว่าน้องตกอยู่ในอันตราย

แล้วที่บอกว่าคบกับขิมเพราะเหตุผล ไม่ได้รักกัน
แต่มีอะไรกันเหรอคะ คุณธนิก!!!!!  :katai4:

ส่วนขิมก็ไม่น่าไว้ใจเหมือนเดิม
ทำไมถึงให้คนของพ่อดูแลขวัญด้วยไม่ได้
ที่คุยกันขิมก็ดูไม่แคร์ขวัญเลย
 :o211: :o11: :confuse:
 
:pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 29-07-2018 21:53:37
จู่ๆ ขิมก็มาหาแบบรู้ตำแหน่ง แสดงว่ารู้เรื่องอะไรมาก่อนแล้วใช่มั้ย? เล่าเรื่องออกมาเป็นฉากๆแล้วก็มีจุดที่น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย เราเชื่ออย่างที่แนนพูดนะว่าถ้ามีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องคนที่เป็นสายเลือดเดียวกันก็ฆ่ากันได้ แถมยังไม่ได้โตมาด้วยกันแบบนี้อีก ขวัญต้องระวังตัวมากๆ

ส่วนพี่ธนิก มาตอนนี้เราเริ่มสับสนแล้วว่าพี่ธนิกชอบขวัญจริงๆหรือแค่หลอก บางพฤติกรรมของธนิกดูไม่เสแสร้งเลย อย่างตอนหน้าแดงที่หน้าบ้านขวัญ โกรธตอนที่ขวัญดูถูกตัวเอง คิดเรื่องห้องในบ้านมาอย่างดีว่าขวัญจะใช้ชีวิตแบบไหนในบ้าน แถมเรื่องกระจกที่กันกระทั่งกระสุนอีก(หรือจะมีคนมาตามฆ่าขวัญจริงๆอย่างที่ขิมพูด?) แถมยังให้เพื่อนรู้ว่าขวัญคือใครด้วย หลายสิ่งหลายอย่างที่เห็น ณ ตอนนี้ทำให้เราเริ่มลังเลว่า หรือพี่เขาชอบขวัญจริงๆ? แต่ก็ยังติดเรื่องที่พูดชื่อขิมตอนมีอะไรกัน(ถึงจะบอกว่าเคยชิน แต่ก็ไม่น่าจะพูดออกมาหลายครั้งนะ?) ติดเรื่องที่บอกว่าขวัญเสียงเหมือน แถมให้เรียกพี่เฉพาะตอนเอากันนั่นอีก ขนาดเราสับสนขนาดนี้ แล้วขวัญจะสับสนขนาดไหน ยิ่งชอบเค้าอยู่ด้วยอ่ะ ขวัญต้องมีสติมากๆนะ เหมือนเดินอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยตะปูและถ่านไฟร้อน ถ้าเดินไม่ระวังหรือเผลอเบลอไปเชื่อทั้งขิมและธนิกง่ายๆก็คงจะเจ็บตัวมากอยู่ เล่าให้แนนฟังเยอะๆนะลูก มีคนที่เชื่อใจได้ช่วยคิดมันจะดีกว่าคิดหัวเดียวอยู่แล้ว สู้ๆขวัญ!!!!!!


หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 29-07-2018 21:57:40
มันดูแปลก ๆ นะ ทำไมขิมจะต้องเน้นการเจอพ่อคุณธนิก
แล้วทำไมคุณธนิกจะต้องทำบ้านที่มีกระจกกันกระสุนด้วย
อย่างน้อยปรึกษาแนนก็ไม่เสียหลายนะ อย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 29-07-2018 22:12:48
เชื่อแนนมากกว่าใคร เพื่อนที่ดี ขิมนี่อ่านก็รู้และว่าไม่ได้หวังดีต่อขวัญจริงๆ เหมือนหลอกใช้ยังไงก็ไม่รู้ แต่คุณธนิกก็ยังไม่แน่นอนว่าจะเชื่อได้ ต้องดูกันไป รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4: :mew1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-07-2018 22:35:35
เชื่อใครดี ขิมดูสตอเบอรี่ไปเลย
คุณธนิกถึงขั้นทำห้องกระจกกันกระสุนให้ อันนี้ก็ไม่น่าปกติ
เพื่อนคุณธนิกก็คงรู้จักขิม แสดงว่าขิมน่าจะเป็นคีย์รึเปล่า
แล้วหลงไปติดสาวบ้านไหลอยู่ละลูกเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 29-07-2018 22:37:41
น่ากลัวทั้งคู่่่เลย ขิมนี่หลอกใช้ขวัญแน่ๆ แต่คุณธนิกนี่รู้สึกแบบรักจริงนะ แต่มีเรื่องปิดบังอยู่ ขวัญเอ๊ย หนีไปเถอะ อันตรายทั้งคู่
 
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-07-2018 22:43:34
ยังไม่เชื่อใครละกัน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 29-07-2018 23:09:28
ไม่หน้าไว้ใจทั้งคู่อะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 29-07-2018 23:42:34
 :m31: สับสนไปหมดแล้ว
ห่วงขวัญกับหลง :serius2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: Tpoltiw ที่ 30-07-2018 00:39:05
คนแต่งต้องหลอก จวกใส้ เราอีกแน่เลย.    มาโปรดก็แล้ว. รักเสมอก็อีก. ไร้พ่ายอีก.   เรากลัวเธอ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 30-07-2018 00:42:15
ไม่เชื่อ ทั้งสองฝ่าย  ขิมน่าจะร้ายกว่าธนิก  คิดว่าน่าจะมีวาระซ่อนเร้นเหมือนกัน น่าจะพอๆกัน 

ใจยังอยากให้ธนิกเป็นพระเอก  ฉะนั่นอาจจะมีอะไรปกปิด แต่ไม่น่าที่จะร้ายแรงขนาดขิง

แต่ถ้าแนนดริฟท์นะ   เรานี่จะเฟลไปอีก 3 ชาติ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-07-2018 01:04:56
 :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-07-2018 01:21:36
ยิ่งอ่่านยิ่งหวาดระแวง แต่ดูคุณธนิกน่าเชื่อกว่าขิมนะ
ขิมดูเหมือนจิตเวชหน่อยๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-07-2018 02:11:04
เชื่อใครได้มั้ง งง ใน งง :ling1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-07-2018 10:56:48
ฮึ่ม เงื่อนงำเยอะจริงๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 30-07-2018 12:40:14
ขิมเหมือนโรคจิตเก็บกดนิดๆ ส่วนคุณธนิกน่าจะเหมือนรู้เรื่องราวอะไรของขิมกับขวัญแน่ๆ
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 30-07-2018 19:23:57
ตอนที่ 9



ท้องฟ้ายามกลางคืนเมื่อมองผ่านกระจกรถคันหรูโดยมีคุณธนิกนั่งอยู่เคียงข้างนั้นช่างแตกต่างกับการมองจากหน้าบ้านโดยมีไอ้หลงนอนครางหงิงอยู่เป็นเพื่อน ผมชอบชี้ชวนไอ้หลงให้ดูดาว แม้จะไม่ได้รู้จักกลุ่มดาวต่างๆ มากนัก ส่วนมากก็โม้ไปเรื่อยเปื่อยเพราะไอ้หลงมันไม่รู้จักอยู่แล้ว ต่อให้ผมจะพูดมั่วมันก็ไม่ท้วงอยู่ดี กลุ่มดาวที่ผมชอบก็คือกลุ่มดาวลูกไก่ เพราะมองเห็นง่าย ทั้งยังชอบฟังตำนานของกลุ่มดาวนี้ เป็นตำนานที่พูดถึงความรักของลูกไก่และแม่ไก่

ความรักของแม่จะเป็นแบบไหนกันนะ จะเหมือนความรักที่น้าลีมีให้ผมหรือเปล่า

คืนนี้เป็นคืนที่ไม่มีดาวเลยแม้แต่ดวงเดียว พระจันทร์ดวงโตก็ไม่มีให้เห็นคงเพราะเป็นคืนที่ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก เส้นทางจากบ้านของคุณธนิกถึงบ้านเช่าของผมนั้นไกลกันมากพอสมควร แต่ด้วยการจราจรตอนเที่ยงคืนทำให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว จะมีจอดติดไฟแดงบ้างแต่ก็ไม่นานเหมือนชั่วโมงรีบเร่ง ไม่นานนักรถบีเอ็มคันหรูที่คุณธนิกบอกว่าเป็นของลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เคลื่อนเข้าสู่ซอยแคบๆ มืดๆ ที่ทอดนำไปสู่บ้านเช่าหลังเล็ก

“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าน่ะ” คุณธนิกเอ่ยถาม เขาชะลอรถเมื่อใกล้จะถึงหน้าบ้านผมที่ตอนนี้มีเพื่อนบ้านในซอยหลายคนกำลังยืนออกันอยู่

“นั่นสิครับ ดึกขนาดนี้แล้ว”

ผมรีบเปิดประตูลงจากรถเมื่อรถจอดสนิทอยู่หน้าบ้านของลุงแดงเพื่อนบ้าน รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงร้องครางอย่างทรมาน

“ไอ้ขวัญ! เอ็งหายไปไหนมา!” ลุงแดงโผล่หน้าออกมาจากกลุ่มคน ลุงรีบเดินอย่างรีบเร่งมาทางผม “ไปดูไอ้หลงมันเร็วเข้า!”

ความกลัวบางอย่างแล่นริ้วเข้ามาในใจ วันที่น้าลีจากผมไปลุงแดงก็เข้ามาหาผมแบบนี้ ลุงจับที่แขนของผม มือของลุงเย็นเฉียบ สีหน้าก็ซีดเผือดราวกับคนไม่สบายอย่างหนัก คำพูดของลุงราวกับเทปที่กำลังเล่นซ้ำ วันที่น้าลีล้มหัวกระแทกพื้น ผมก็ไม่อยู่ ไปขับวินรับลูกค้าจนดึกดื่น หลังจากวันนั้นผมก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับบ้านดึกอีกแล้ว แต่ผมกลับลืมเลือนสัญญานั้นไป ผมทิ้งให้ไอ้หลงอยู่บ้านเพียงลำพัง

ผมรีบเร่ง แหวกผู้คนไปจนถึงหน้าบ้าน คราบเลือดที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวคลุ้งเข้าปะทะจมูก ที่ตรงนั้น...ไม่ไกลจากประตูที่เปิดอ้าออก ไอ้หลงนอนจมกองเลือด มันกำลังครางด้วยความทรมาน

เรื่องร้ายๆ มักจะเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเสมอ...

“หลง! ไอ้หลง!” ผมสั่นไปทั้งตัว ความเย็นราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่แล่นริ้วไปทั่วร่าง ภาพที่ผมเห็นกำลังกรีดหัวใจของผมให้เป็นแผลลึก ครอบครัวที่ผมเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวกำลังหายใจโรยริน ดิ้นพล่านและร้องครวญด้วยความทรมาน เลือดที่คอและกลางลำตัวก็ไหลไม่หยุด

ผมไม่กล้าแตะต้อง ไม่กล้าโอบตัวมันไว้เพราะกลัวจะทำให้มันเจ็บไปมากกว่านี้ ในวันนั้นน้าลีก็มีเลือดออกมากมายและสุดท้ายน้าก็จากผมไป แล้วไอ้หลงก็จะไปจากผมอีกคน

“มีขโมยขึ้นบ้านเอ็ง มันมาค้นของไปทั่ว มากันสองสามคน” ลุงแดงบอกเสียงเครียด “ลุงอยู่ในบ้าน ไม่กล้าออกมาเพราะพวกมันมีอาวุธ แต่ลุงโทรแจ้งสายตรวจแล้ว แค่รอสายตรวจมา แต่ไอ้หลงมันกลับมาบ้านก่อน มันเห่าเสียงดัง เข้าไปกัดพวกมันคนหนึ่ง มันสู้ขาดใจเลยล่ะ โชคดีแล้วที่เอ็งไม่อยู่ที่นี่ ไม่งั้นก็แย่ไปอีกคน”

โชคดีเหรอ...ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่โชคดีเลยสักนิด มันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่พาไอ้หลงไปด้วย ผมผิดเองที่ไม่รอมัน

“แล้วสายตรวจยังไม่มาเหรอครับ” เสียงของคุณธนิกดังขึ้นใกล้ๆ มือใหญ่ของเขาวางไว้บนไหล่ของผมแล้วบีบเบาๆ

“มาแล้วล่ะพ่อหนุ่ม แต่กลับไปแล้วเพราะไม่มีอะไรถูกขโมย” ลุงแดงบอก “บ้านคนแถวนี้จะมีอะไรให้พวกมันขโมยกันล่ะ แค่หาเช้ากินค่ำก็ยังจะไม่พอยาไส้”

ขโมยปัญญาอ่อนพวกนั้นมันไม่ได้ดูสภาพบ้านของผมเลยหรือไง ไอ้พวกสวะที่ทำได้แม้กระทั่งหมาตัวหนึ่งคงไม่มีสมองมากพอจะคิดได้

ผมคุกเข่าลงข้างไอ้หลง ค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบตัวมัน นิ้วมือที่สั่นเทาของผมแตะที่ลำตัวของมัน พยายามให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะผมกลัวว่าแรงของผมจะเพิ่มความทรมานให้มัน

“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษนะหลง พี่กลับมาแล้วนะ กลับมาอยู่กับเอ็งแล้ว”

เสียงร้องครางของไอ้หลงค่อยๆ สงบลง แล้วจากนั้นมันก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาอีกเลย ผมหลับตาลง อยากร้องตะโกนออกมา แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาเลย ทั้งที่หัวใจของผมเจ็บมากขนาดนี้ แต่ผมกลับไม่สามารถทำอะไรได้ ไอ้หลงจากไปต่อหน้าต่อตาเหมือนกับวันที่น้าลีก็ไปจากผมอย่างไม่มีวันหวนกลับ

ถ้าหากว่าเป็นฝันร้ายคนอย่างผมก็คงไม่เคยตื่นจากฝันเลย ทั้งๆ ที่ผมมีคนที่ผมรักอยู่เพียงไม่กี่คน แต่คนเหล่านั้นกลับค่อยๆ หายไปทีละคนจนตอนนี้โลกของผมเหลือที่ว่างมากเกินไป

“ขวัญครับ คืนนี้ขวัญอยู่ที่นี่ไม่ได้ พวกมันอาจจะกลับมาอีกนะ” น้ำเสียงของคุณธนิกอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง เขาบีบที่ไหล่ผมราวกับกำลังดึงสติของผมให้กลับคืน “ไปที่บ้านของเรา พาหลงไปด้วย”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณธนิก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรที่ผมเอาแต่นั่งมองไอ้หลง แต่ตอนนี้ไม่เหลือเพื่อนบ้านร่วมซอยที่มายืนดูกันเลยสักคน ลุงแดงก็คงกลับไปที่บ้านแล้ว ตอนนี้ตรงหน้าผมเหลือเพียงแต่คุณธนิกที่มองมาด้วยใบหน้าเครียดขรึม

“มันกลับมาก็ดีสิครับ ผมจะได้ฆ่ามันเหมือนที่มันทำกับไอ้หลง”

น้าลีเคยสอนผมว่าแก้แค้นกันไปมาก็ไม่ได้อะไร มีแต่จะสร้างวังวนความแค้นให้ไม่รู้จบ แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้หากไม่ได้ทำอะไรพวกบ้านั่น ผมคงสงบใจไม่ได้

“ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่รู้ว่าขวัญเสียใจ” แต่คุณธนิกกลับพูดได้ง่ายๆ ใช่สิ นั่นเพราะเขาไม่ใช่คนที่สูญเสียเหมือนกับผม

“คุณธนิกไม่รู้หรอก! คุณธนิกจะมาเข้าใจได้ยังไงกัน! เป็นความผิดของผมคนเดียวที่ทิ้งมันไว้ ถ้าวันนี้ผมไม่ไปกับคุณธนิก ใช่...ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่คุณธนิกเข้ามาในชีวิตผมมันก็มีแต่เรื่องซวยๆ ตามมาไม่หยุด! ทำไมไม่กลับไปล่ะครับ กลับไปอยู่ในที่ของคุณธนิกแล้วไม่ต้องมายุ่งอะไรกับผมอีก!”

ผมไม่รู้จะระบายเรื่องนี้กับใคร หากคุณธนิกจะคิดว่าผมเป็นพวกชอบพาลผมก็จะน้อมรับความคิดนี้ไว้

“ไปกับพี่ก่อนนะ เรายังมีเรื่องต้องคุยกันหลายเรื่อง”

“ผมไม่คุย!”

“อย่าให้พี่ต้องใช้กำลัง”

“คิดว่าผมสู้คนไม่เป็นเหรอครับ!”

“เปล่า แต่ขวัญสู้พี่ไม่ได้หรอก”

ผมขยับถอยหนีเพราะมือของคุณธนิกยื่นมาตรงหน้า “ผมบอกแล้วนะว่าอย่าเข้ามา”

“ไปกับพี่ ขวัญพัฒน์”

“ผมไม่ไป! ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ที่อยู่ของผมคือที่นี่...ผมบอกว่า...อย่า!!”

ผลัวะ!

กำปั้นของผมไปไวยิ่งกว่าความคิด มันปะทะเข้ากับรูปหน้าหล่อเหลาของคุณธนิกเข้าอย่างจัง เขาหน้าหันไปตามแรง ก่อนจะหันกลับมามองผม แววตาเต็มไปด้วยโทสะ เขายกมือขึ้นลูบสันกราม ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มแล้วจากนั้นก็จู่โจมเข้ามาในจังหวะที่ผมกำลังตะลึงกับสิ่งที่ได้ทำลงไปอย่างรวดเร็ว

“จะดื้อก็ให้ดูเวลาบ้าง” น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว เขาดันตัวผมติดกับผนัง ใช้แรงของแขนข้างเดียวกดที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้ มันแรงจนผมรู้สึกเจ็บและอึดอัดกับแรงกดทับ ก่อนเข็มขัดกางเกงของเขาจะถูกดึงออกมาใช้งาน ผมดิ้นรนเมื่อเห็นแล้วว่าเขากำลังจะใช้มันมัดข้อมือของผม

“บ้าเอ้ย! มัดผมทำไม!” ผมพยายามดิ้น แต่แรงที่กดทับเพิ่มมากขึ้นทำให้รู้สึกชาไปทั้งไหล่

“กับคนไม่มีหัวคิดก็ต้องใช้ไม้นี้กันทั้งนั้น” เขาคลายแขนที่กดผมไว้เมื่อข้อมือของผมถูกพันธนาการเรียบร้อย ก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้หน้า “ถ้าคิดวิ่งหนี พี่จะมัดเท้าไว้ด้วย นั่งรอเงียบๆ เข้าใจมั้ย”

แม้จะไม่อยากเข้าใจ แต่ท่าทางเอาเรื่องของเขาก็ทำให้ผมต้องทำตาม คุณธนิกเข้าไปในบ้าน เขาเดินวนรอบอยู่สักพักแล้วก็กลับออกมาพร้อมกระเป๋าเป้และเบาะรองนั่งที่ไอ้หลงใช้เป็นที่นอน

“ฝากไว้” เขาคล้องกระเป๋าเป้ไว้ที่คอของผม ก่อนจะนั่งลงแล้วอุ้มไอ้หลงวางบนเบาะอย่างเบามือ “ทีนี้ก็ไปที่รถ”

“ถ้าผมไม่ไปล่ะ”

“พี่จะเอาไอ้หลงไปให้พี่เปี๊ยกต้มกิน”

“ไอ้คนใจร้าย!”

คุณธนิกหัวเราะ แต่แววตาไม่ได้หัวเราะตาม เขาเดินนำไปที่รถ ในอ้อมแขนมีไอ้หลงที่นอนแน่นิ่ง ไม่สนใจจะหันมามองผมอีก

“รอผมด้วย!” หลังจากลังเลอยู่เกือบสามนาทีผมก็รีบวิ่งตามไป ไม่เสี่ยงท้าทายคนอย่างคุณธนิก เพราะเขาอาจจะใจดำถึงขนาดที่เอาไอ้หลงไปให้พี่เปี๊ยกกินจริงๆ ก็ได้

คุณธนิกรออยู่ที่รถแล้ว พอผมไปถึงเขาก็เปิดประตูรถให้ขึ้นไปนั่งแล้ววางไอ้หลงลงบนตักของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอากระเป๋าเป้ที่คล้องคอผมอยู่ออกไปให้ ไม่นานเขาก็วิ่งอ้อมรถมาขึ้นประจำที่นั่งคนขับแล้วขับออกมา ทิ้งบ้านเช่าที่เป็นความทรงจำตลอดยี่สิบปีของผมไว้เบื้องหลัง

ความเงียบภายในรถทำให้ผมอึดอัด ไอ้หลงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนตักก็ทำให้หัวใจของผมราวกับถูกบีบอัดด้วยแรงมหาศาล หลังจากน้าลีไม่อยู่ ผมก็มีแต่มันที่ทำให้คลายเหงา ไอ้บุญหลงตัวนี้เวลาดีใจจะชอบวิ่งไปรอบๆ ตัวผมแล้วกระโดดเอาขาหน้าขึ้นมาเกาะที่เอว ตอนน้าลีเก็บมันมาเลี้ยงมันยังตัวเล็ก ผอมกะหร่อง ไม่ได้แข็งแรงกำยำเป็นที่รักของหมาตัวเมียเหมือนตอนนี้

ผมยกมือลูบหัวไอ้หลงอย่างใจลอย เอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิด เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตที่เงียบสงบของผม ทั้งๆ ที่อยู่มาจนถึงอายุเท่านี้ บ้านหลังนั้นก็ไม่เคยโดนขโมยขึ้นเลยสักครั้ง ต่อให้เปิดประตูอ้าไว้โดยลืมล็อกกุญแจก็ไม่ยักมีของในบ้านหายไปเลยสักชิ้น

“ถ้าไม่โง่ก็น่าจะคิดได้แล้วว่าไม่ใช่ขโมยธรรมดา” คุณธนิกพูดขึ้น สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบลง ความกรุ่นโกรธในน้ำเสียงทำให้น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว “ขโมยโง่ที่ไหนมันจะมาปล้นบ้านคนไม่มีจะกินอย่างนี้”

“ถ้าฉลาดนักก็บอกผมสิครับว่ามันมาทำไม” ผมเบือนหน้ามองออกนอกรถ มือก็ลูบไปตามตัวของไอ้หลง ตอนนี้ตัวของมันเริ่มเย็นแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อเช้ามันยังเห่าแมลงสาบด้วยความร่าเริงอยู่เลย “หมาตัวเดียวก็ยังทำได้ลงคอ”

“คิดว่าถ้าขวัญอยู่ที่นั่นมันจะเป็นยังไง”

ถ้าผมอยู่ที่นั่นผมอาจจะได้บู๊กับพวกขโมยหน้าโง่ แล้วไอ้หลงก็อาจจะไม่ตาย แต่คำพูดของเขมินทรากลับลอยเข้ามาในความคิด แม้ผมจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าในใจกลับรู้สึกหวาดหวั่น

“มันมาฆ่าผมเหรอ” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นเรื่องตลก แต่คุณธนิกไม่ได้ตลกตามไปด้วย เขาทำสีหน้าเครียดขรึมยิ่งกว่าเดิม “ผมไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับใครเลยนะครับ อาจจะเคยมีปัญหากับพวกไอ้วันกับไอ้ทิวบ้าง แต่ไอ้สองคนนั้นมันก็แค่นักเลงคุมซอย ไอ้หลงพวกมันก็รู้จัก ต่อให้จะเคยทำหมาพวกมันท้อง แต่ก็ไม่เห็นพวกมันตามมาเอาเรื่อง แล้วคนอย่างพวกมันไม่ฆ่าใครแน่ๆ อย่างดีก็แค่รุมกระทืบคนไม่มีทางสู้”

คุณธนิกถอนหายใจออกมา สีหน้าของเขามีแต่ความรู้สึกที่ผมคาดเดาไม่ได้ “รู้มั้ยว่าต่อให้เราไม่เคยทำไม่ดี แต่แค่เรามีตัวตนอยู่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อคนบางคนแล้ว”

“คุณธนิกหมายความว่ายังไงครับ”

“ไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่านะ”

ไม่นานหลังจากที่พูด คุณธนิกก็จอดรถบนสะพานข้ามแม่น้ำสายหนึ่ง เสาไฟที่เรียงรายต่างให้แสงสีส้มทอดมาบนตัวของผมกับเขาให้เกิดเงาที่ซ้อนทับกัน ไอ้หลงถูกวางไว้ใกล้ๆ สถานที่ยามกลางคืนที่สวยแบบนี้จะเป็นที่สุดท้ายที่ผมจะได้มากับมัน

“ที่จริงแล้วพี่ไม่ใช่คนที่จะเล่าทุกอย่างให้ฟังได้” คุณธนิกเริ่มเรื่อง เขายกมือขึ้นโยกหัวผมไปมา “แต่ถ้าขวัญยังไม่เข้าใจ ต่อไปนี้พี่จะลำบาก เพราะหมัดเราหนักใช่เล่น”

มุมปากของคุณธนิกเริ่มเห็นเป็นรอยช้ำ อีกไม่นานคงเปลี่ยนเป็นสีน่าเกลียดน่ากลัว แต่ผมกลับพอใจที่ได้ต่อยเขาโดยที่ไม่ได้พูดขอโทษ

“เอาล่ะ พี่มีเรื่องเล่าของลุงข้างบ้านจะเล่าให้ฟัง ลุงคนนี้เป็นคนที่รวยมากๆ ตอนสมัยยังหนุ่มเขาเคยเผลอมีความสัมพันธ์กับเลขาฯ ของตัวเอง ทั้งๆ ที่ตัวเขามีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงาน ตัวลุงคนนี้รักคู่หมั้นของเขามากทั้งๆ ที่คู่หมั้นของเขาเคยผ่านการแต่งงานและมีลูกติด แต่เขาก็ไม่เคยนึกรังเกียจ กับเลขาฯ ก็เป็นแค่การเผลอใจเพราะความใกล้ชิด แต่การเผลอใจทำให้เกิดสิ่งบริสุทธิ์ขึ้นมา เลขาฯ คนนั้นท้องลูกแฝดของคุณลุง แต่เธอกลับไม่พูดไม่บอกอะไร เธออุ้มท้องหายไปเงียบๆ คุณลุงมารู้ก็ตอนที่มีลูกแฝดคนหนึ่งกลับมาทวงความยุติธรรมให้แม่ตัวเอง ท่านป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว พอรู้เรื่องก็ล้มป่วย แต่พินัยกรรมของท่านถูกเขียนขึ้นโดยการยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับลูกชายฝาแฝดของท่าน”

ผมนั่งฟังคุณธนิกพูดมาจนถึงประโยคสุดท้าย เขามองหน้าผม แล้วกุมมือผมไว้ “ลุงคนนี้คือพ่อของพี่ แล้วก็เป็นพ่อแท้ๆ ของขวัญ”

ผมเกือบหลุดหัวเราะออกมา “คุณธนิกครับ ผมน่ะเคยคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นลูกมหาเศรษฐีที่ไหนก็ได้ แต่ไม่เคยคิดจริงๆ หรอกนะว่ามันจะกลายเป็นเรื่องจริง”

เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องตลกร้ายที่สุดในชีวิตที่ผมเคยได้ฟังมา ตัวผมนั้นไม่เคยสนใจว่าพ่อแม่ของผมเป็นใครมาจากไหน ผมรู้แค่ว่าพ่อทิ้งแม่ไป แล้วแม่ก็ตายไปก่อนที่ผมจะทันได้รู้ความ ความรู้สึกรักหรือผูกพันจึงไม่มีในตัวของคนทั้งสองเลย ผมมีก็แค่น้าลีที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของผม น้าลีคือคนที่สำคัญที่สุดของผม พอได้ยินคุณธนิกบอกเรื่องที่น่าประหลาดใจนี้ ผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเท่าไร กลับมองว่ามันอาจจะเป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นมาก็ได้

“มันเป็นเรื่องจริง แล้วถ้าพินัยกรรมถูกอ่านพี่กับแม่พี่จะไม่เหลืออะไรเลย”

“เดี๋ยวนะครับ...” ผมมองสบตาคุณธนิก พยายามมองสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเขา แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใด “ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ คือถ้ามันเป็นเรื่องจริง ผมจะเป็นคนรวยอย่างงั้นเหรอ”

“ใช่ แล้วพี่ก็อาจจะต้องไปขับวินแทนขวัญ”

คำพูดติดตลกทำให้ผมหัวเราะ คุณธนิกก็ระบายยิ้มเมื่อเห็นว่าผมมีสีหน้าแบบไหน

“แล้วผมต้องทำยังไงล่ะครับ” ผมถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่เข้าใจที่คุณธนิกพูด เรื่องที่ได้ฟังก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องจริง มันเหมือนแค่เรื่องเล่าของเพื่อนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวผมเลย “คือตัวผมไม่เคยต้องการอะไรเลย ผมแค่อยากมีชีวิตเงียบๆ กับไอ้หลง ไอ้แนน แล้วก็น้าลี ตัวผมต้องการแค่นั้น ไม่ได้อยากไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของใคร ตัวผมไม่ต้องรวยก็ได้ ผมพอใจกับสิ่งที่ผมมีแล้ว”

“ขวัญครับ” คุณธนิกยิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่ถึงได้บอกว่าขวัญเป็นเด็กดี ดีเกินคาดและดีเกินไป”

“หมายถึงโง่เหรอครับ”

“ก็อาจจะหมายถึงอย่างนั้นก็ได้” เขาโยกหัวผมไปมา “เอาล่ะทีนี้มาพูดประเด็นหลัก ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่ากำลังขวางทางใครอยู่”

ผมคิดทบทวนสิ่งที่เขาพูด เพราะถ้ามันเป็นเรื่องจริง คนที่ผมขวางทางอยู่ก็คือ “คุณธนิกกับแม่ของคุณธนิกครับ”

“ก็ใช่ ขวัญขวางทางพี่กับแม่อยู่จริงๆ แต่พี่ไม่ใช่คนที่ชอบใช้วิธีสกปรก ต่อให้คนอื่นจะไม่เล่นตามเกม แต่พี่จะยังอยู่ในขอบเขตเสมอ” รอยยิ้มของคุณธนิกในครั้งนี้ดูจริงใจอย่างที่ผมคิดว่าคงจะเป็นครั้งแรกที่เขายิ้ม “พี่มีข้อเสนอให้”

“ข้อเสนอ” ผมทวนคำ มองหน้าคนยื่นข้อเสนออย่างไม่ค่อยไว้ใจ “ยังไงเหรอครับ”

“พี่จะปกป้องขวัญโดยแลกกับการที่ขวัญต้องยกทุกอย่างที่ขวัญจะได้ให้พี่” ข้อเสนอของคุณธนิกจริงใจและเปิดเผย เขามีรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่ร้ายกาจเหมือนคำพูดที่เขากำลังพูดออกมา “ขวัญอยากได้อะไรพี่จะซื้อให้ ทุกอย่างที่ขวัญต้องการ อยากไปต่างประเทศ อยากเรียนหนังสือ หรืออยากจะมีรถเท่ๆ ขับสักคัน ขวัญจะได้ทั้งหมด พี่จะทำให้ความปรารถนาของขวัญเป็นจริง”

“คือว่า...”

“ลองคิดดูสิครับ ขวัญขับแต่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ความรู้ก็น้อย ขวัญจะบริหารบริษัทใหญ่โตโดยแบกรับชีวิตของพนักงานทุกคนได้ยังไง”

“เดี๋ยวก่อนนะครับคุณธนิก” ผมยกมือห้ามเขาไว้เพราะสมองของผมประมวลผลตามไม่ทัน “คือผมคิดว่าผมอาจจะไม่ได้อะไรเลยก็ได้นะครับ ระหว่างผมกับพ่อที่คุณธนิกว่ายังไงก็เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นหรือได้พูดคุยกันมาก่อน แล้วผมก็ยังมีฝาแฝด พ่ออาจจะยกให้เขาทั้งหมดก็ได้ พ่ออาจจะไม่รู้ว่ามีตัวผมอยู่อีกคน”

“ไม่หรอก เขารู้อยู่แล้ว อีกอย่างนะขวัญ ต่อให้พ่อยกให้แฝดอีกคน เขาก็จะไม่ได้ไปอยู่ดี เพราะแฝดคนนั้นเซ็นยินยอมที่จะไม่มีส่วนในมรดกเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือก็มีแต่ของขวัญที่ต้องยกให้พี่”

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นความอันตรายจากผู้ชายคนนี้ เขมินทราที่หลงรักเขาหัวปักหัวปำคงยอมทำเรื่องบ้าๆ อย่างนั้นใช่ไหม ยอมยกทุกอย่างให้ตามการล่อหลอกของเขา แล้วตอนนี้ผมก็จะเป็นรายต่อไป

“ผมคิดว่านะครับคุณธนิก ผมน่ะ...ไม่จำเป็นต้องมีใครมาปกป้องหรอกครับ”

คุณธนิกทำหน้าฉงนเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มถาม “ทำไมล่ะ”

“ผมไม่กลัวตายหรอกครับ”

“แล้วไม่กลัวเพื่อนจะเป็นอันตรายเหรอ ตอนนี้ขวัญเหลือเพื่อนอยู่คนเดียวนี่นะ เพื่อนที่มีเมียกำลังอุ้มท้องซะด้วย”

“คุณธนิก...”

“พี่น่ะไม่ทำเรื่องสกปรกหรอก แต่ถ้าคนอื่นทำพี่จะห้ามได้ยังไง”

ผมเผลอกัดริมฝีปาก รู้สึกทรมานกับความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากตัวของคุณธนิก “อย่ายุ่งกับแนนนะ...อย่ายุ่งกับครอบครัวของเพื่อนผม”

ถ้าไอ้แนนต้องมีชะตากรรมอย่างไอ้หลง มันก็จะเป็นความผิดของผมคนเดียว ผมไม่อยากให้ใครต้องมาถูกทำร้ายเพราะเรื่องนี้เลย

“ถ้าขวัญยอมรับข้อเสนอ พี่เชื่อว่าทุกคนที่ขวัญรักจะปลอดภัย” น้ำเสียงของคุณธนิกจริงจัง เขาดึงมือของผมไปกุมไว้ แต่ผมชักมือกลับราวกับกำลังจับของร้อน

“ผมจะแจ้งตำรวจ ทุกคนที่ทำร้ายผม ทำร้ายไอ้แนน แล้วก็คนที่ฆ่าไอ้หลง ผมจะทำให้มันเข้าคุกให้หมด”

“แล้วขวัญทำอะไรได้เหรอ” คุณธนิกมองมาที่ผม แววตาของเขาเยียบเย็น “มีปัญญาหรือไง”

“ผม…” ความยุติธรรมอยู่คู่กับประชาชน แต่กฎหมายมักจะเลือกปกป้องคนที่มีอภิสิทธิ์ชน แล้วคนจนอย่างผมจะเรียกร้องอะไรได้หรือเปล่า หรือว่าความไม่ยุติธรรมนี้จะค่อยๆ หายไปอย่างเงียบๆ ตามกาลเวลา แล้วสุดท้ายก็จะไม่มีใครจำได้ว่าเกิดเรื่องเลวร้ายแค่ไหนกับคนคนหนึ่ง

“ให้พี่ช่วยไหม พี่ทำได้อยู่แล้ว” เขาเหยียดยิ้มอีกครั้ง “พี่รักพ่อมากนะ พยายามเป็นความภูมิใจให้ท่าน แต่เพราะพี่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ท่านถึงรักพี่น้อยกว่าลูกที่ท่านไม่ได้เลี้ยงดูหรือพบหน้าด้วยซ้ำ กับลูกของคนที่แค่เผลอใจกลับยกทุกอย่างที่พี่ดูแลมาให้หมด ไม่ยุติธรรมเลยนะคนคนนี้”

ผมไม่ได้รู้สึกเห็นใจคุณธนิก เขาอาจจะน่าสงสารในสายตาของคนอื่น แต่กับผมแล้วผมหวังแค่ว่าจะไม่เข้าไปในเส้นทางความละโมบของพวกเขา ผมไม่ต้องการอะไรเลย ผมก็แค่อยากใช้ชีวิตที่เงียบสงบของผม หาเช้ากินค่ำไปวันๆ โดยไม่มีเรื่องทุกข์ใจ ทว่าดูเหมือนโชคชะตานี้จะไม่ปล่อยให้ผมกลับไปในที่ของผมง่ายๆ

“เอาล่ะทีนี้ พี่อยากให้ขวัญตัดสินใจว่าจะเอายังไง” เขายื่นมือมาตรงหน้าราวกับรอให้ผมวางมือของผมลงไป “ไม่มีใครที่ปกป้องขวัญได้ ตอนนี้มีแต่พี่ที่ยื่นข้อเสนอนี้ให้ แล้วขวัญจะรับข้อเสนอของพี่มั้ย”

“งั้นผมขอถามได้มั้ยครับ” ผมทำใจกล้า แม้จะรู้สึกหวั่นๆ แต่ก็ไม่อยากค้างคาใจ เพราะผมไม่มีกำลังพอจะช่วยเหลือใครไว้ได้เลย ผมกลัวว่าไอ้แนนจะต้องมาเดือดร้อนเพราะผม แค่เพราะตัวตนของผมไปขัดผลประโยชน์ใครเข้า แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้คนที่สำคัญกับผมซวยไปกับผมด้วย “ไหนๆ คุณธนิกก็เปิดเผยมาขนาดนี้แล้ว บอกผมได้มั้ยครับว่าที่ผ่านมา คุณธนิกแค่แกล้งทำเหมือนว่าชอบผมใช่มั้ยครับ”

คุณธนิกชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาจับขั้วหัวใจ “พี่จะรักคนที่เป็นลูกของศัตรูหัวใจแม่ได้ยังไงกัน แล้วพี่ก็มีคู่หมั้นแล้วด้วย”

เรื่องไม่จริงก็ยังคงไม่จริงอยู่วันยันค่ำ เหมือนที่เขมินทราบอกไว้ เขาเป็นจอมโกหกที่ลวงโลกได้เก่งที่สุด ความโรแมนติกของเขาก็เป็นแค่สิ่งจอมปลอม

“ขอบคุณครับที่พูดตามตรง ผมจะได้ไม่ค้างคาใจ”

สายลมที่พัดอยู่ตอนนี้กำลังพัดเอาความเศร้าเข้ามาในหัวใจของผมทีละน้อย ตัวของไอ้หลงเริ่มแข็งกระด้างทีละส่วนเหมือนกับที่หัวใจของผมเริ่มถูกฉาบไปด้วยน้ำแข็งเย็นจัด

“ตกลงครับคุณธนิก ผมรับข้อเสนอ แต่ผมขอคำสัญญาได้ไหมครับว่าถ้าเรื่องนี้จบลง ผมจะขอกลับไปอยู่ในที่ของผม แต่ในระหว่างนี้ไอ้แนนกับฝนจะต้องปลอดภัย ผมจะเซ็นทุกอย่างก็ต่อเมื่อผมแน่ใจว่าคนที่สำคัญกับผมจะไม่มีอันตราย”

“ได้สิ พี่สัญญา”

“แล้วขอถามอีกได้มั้ยครับ”

“คำถามเยอะจังนะ” คุณธนิกหัวเราะ สีหน้าของเขาดูผ่อนคลาย “แต่ก็ถามมาเถอะ”

“ทำไมถึงเลือกบอกผมเร็วนักล่ะครับ ถ้าคุณธนิกหลอกผมต่อไป ผมก็คงหลงรักคุณธนิกหัวปักหัวปำแล้วยอมยกทุกอย่างให้แท้ๆ”

“เพราะขวัญเป็นเด็กดี” รอยยิ้มของเขากลับมาอ่อนโยน รูปหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นไปบนท้องฟ้าไร้ดาว “พี่ก็เลยทำไม่ลง อีกอย่างพี่ชอบหลงมากนะ พี่เป็นคนรักสัตว์”

“ไม่น่าเชื่อ”

“ฮ่าๆ ๆ”

ผมเผลอยิ้มออกมาด้วย รู้สึกว่าเมฆหมอกภายในใจเริ่มเบาบางลง ตอนนี้คุณธนิกที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมเป็นเหมือนคุณธนิกที่ผมเคยเห็นจากที่ไกลๆ มองเขาขับรถสปอร์ตสีสวยเข้าบริษัทใหญ่โตที่มีพนักงานหลายร้อยชีวิต ภาพความชัดเจนของเขานั้นอยู่ในที่ที่ผมไม่อยากยื่นมือเข้าไปแตะต้อง

“ขวัญพัฒน์”

“ครับ”

“ในเรื่องที่พี่โกหก มันมีอยู่ไม่กี่เรื่องนะที่พี่รู้สึกจริงๆ”

ผมแค่พยักหน้า แต่ไม่ได้ถามว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะหากผมรู้คำตอบผมอาจจะเผลอตั้งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

“เอาล่ะทีนี้ ไปส่งหลงกันได้แล้ว”

คงถึงเวลาที่จะต้องลาจากกันสักที มือของผมสั่นเล็กน้อยตอนที่ช้อนเอาเบาะที่ไอ้หลงนอนแน่นิ่งขึ้นมาอุ้มไว้ “ไปกันเถอะครับ”

เรื่องราวในวันนี้คงเป็นเรื่องที่ผมจะจดจำไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ทุกเรื่องที่เข้ามา ทุกปัญหาที่ยากจะรับมือ ผมอยากให้สายลมที่กำลังพัดนี้ ช่วยพัดให้หายไปสักที ไม่ว่าจะเรื่องพ่อแท้ๆ ของผม เรื่องข้อเสนอของคุณธนิก หรือจะเป็นเรื่องฝาแฝดที่ผมไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรออกไป ผมอยากให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นแค่เรื่องไม่จริง เพราะผมอยากเป็นแค่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจนๆ ที่ทั้งชีวิตมีแค่น้าที่ผมรัก หมาที่ผมรัก และเพื่อนที่ผมรักเพียงเท่านั้น




[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 30-07-2018 19:24:27





คุณธนิกพาผมมาที่บ้านที่ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องมาอยู่อาศัยเร็วขนาดนี้ ผมเพิ่งปฏิเสธเขาไปเมื่อตอนหัวค่ำ แต่ในเวลาตีสามก็หอบกระเป๋ากลับมาพร้อมกับไอ้หลงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเบาะรองนั่ง

“พี่จะขุดหลุมให้ หวังว่าหลงคงชอบที่นี่” เขาบอกพลางเริ่มลงมือขุดหลุมด้วยเสียมที่หาได้จากห้องเก็บอุปกรณ์ทำสวน เห็นเขาพับแขนเสื้อพร้อมกับลงแรงจ้วงเข้าไปในดินแล้วอยากจะเอ่ยปากขอช่วย แต่ผมก็ปิดปากตัวเองได้ทัน

ดีแล้ว...ปล่อยเขาทำไป

ผ่านไปเกือบสิบนาที หลุมขนาดใหญ่กว่าลำตัวของไอ้หลงและมีความลึกพอประมาณก็เสร็จสมบูรณ์ ผมค่อยๆ วางไอ้หลงลงในนั้น มองมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะใช้มือโกยดินกลบให้ ผมกล่าวลาในใจ ขอให้ไอ้หลงหลับสบาย ให้ไปอยู่ภพภูมิไหนก็ฮอตเหมือนเดิม มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ก็อย่าลืมผมนะ อย่าลืมว่าผมคือคนสำคัญอันดับหนึ่งของมันเสมอ

“ขึ้นบ้านไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ”

“ครับ” ผมพยักหน้า ลุกขึ้นยืนพลางปัดดินออกจากมือ “แล้วมอเตอร์ไซค์ของผมล่ะครับ พรุ่งนี้ผมกลับไปเอาได้มั้ย ไหนจะต้องจัดการเรื่องบ้านเช่า แล้วก็...”

“พี่จะจัดการทุกอย่างให้ ขวัญแค่รออยู่ที่นี่เฉยๆ ก็พอ”

“แต่ว่าผมต้องไปหาไอ้แนน มันคงจะกังวลถ้าผมหายไป” ไอ้แนนขี้โวยวายอยู่แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ไม่เห็นผมโผล่หน้าไปที่ซุ้มวิน มันคงจะวิ่งโร่ไปหาที่บ้าน แล้วพอเห็นสภาพบ้านและไม่พบตัวผม มันต้องรีบไปแจ้งตำรวจแน่ๆ

“พี่จะพาแนนมาเจอที่นี่”

“จะไม่ให้ผมออกไปไหนเลยเหรอครับ”

“ที่จริงก็ได้อยู่หรอก แต่เป็นความพอใจของพี่ที่อยากให้ขวัญอยู่บ้าน”

“ทำไมล่ะครับ”

“ไม่ต้องถามว่าทำไม” คุณธนิกนวดแขนตัวเองเบาๆ คงเพราะเมื่อยจากการใช้เสียมขุดดินเป็นเวลานาน “เพราะพี่ไม่ตอบ”

“คนบ้าคนบออะไรกัน” ผมเบ้ปากใส่เขา “เป็นผู้คุมนักโทษหรือไงก็ไม่รู้”

“เป็นห่วงต่างหากเล่า ไปๆ ไปอาบน้ำ!”

เห็นเขาทำหน้าหงุดหงิดแล้วผมก็เลยรีบแจ้นเข้าบ้าน แต่ก็ลืมว่าประตูบ้านต้องสแกนลายนิ้วมือกับใส่รหัสปลดล็อกก็เลยต้องยืนรอ เขาจึงได้แต่หัวเราะชอบใจที่ยังไงผมก็ต้องพึ่งพาเขาอยู่ดี

“ต้องเพิ่มลายนิ้วมือขวัญไปด้วย ส่วนรหัสก็วันเกิดขวัญนะ”

“รู้วันเกิดผมด้วยเหรอครับ”

“ต้องรู้สิ วันที่ยี่สิบกรกฎาคมใช่ไหมล่ะ”

“น่ากลัวมาก ถึงขั้นรู้วันเกิดผมเนี่ย โรคจิตแน่ๆ”

“แล้วอยากโดนโรคจิตลวนลามมั้ยครับ ถ้าไม่ก็รีบๆ ไปอาบน้ำนอน”

ผมย่นจมูกใส่เขา ก่อนจะรีบขึ้นมาบนชั้นสอง จำได้ว่าห้องนอนส่วนตัวของผมนับจากบานประตูแรกไปแล้วก็อยู่ตรงนี้

คุณธนิกเคยบอกว่าความรู้สึกแรกมักจะน่าประทับใจเสมอ ซึ่งผมก็คิดไม่ต่างกัน เพราะเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นห้องนอนที่ผมเคยวาดฝันเอาไว้ ผมเคยบอกน้าลีว่าถ้าถูกหวยเมื่อไหร่จะสร้างบ้านหลังเล็กๆ และมีห้องนอนเป็นของตัวเอง เพราะที่บ้านเช่านั้นผมต้องนอนกับน้าลีตลอด ห้องนอนที่ผมชอบต้องมีเตียงสี่เสา เพราะผมเคยเห็นรูปการตกแต่งห้องหลายๆ แบบก็เลยชอบเตียงแบบนี้ที่สุด รอบเตียงจะมีผ้าม่านสีขาวโปร่งปิดไว้ เตียงนี้ตั้งอยู่บนพรมหนานุ่มที่เหยียบแล้วให้ความรู้สึกสบายเท้า วอลเปเปอร์ก็เป็นรูปการ์ตูนวันพีซที่ผมชอบ ตู้หนังสือตรงนั้นก็อัดแน่นไปด้วยฟิกเกอร์และหนังสือการ์ตูน ที่ผนังด้านหนึ่งใกล้ตู้หนังสือถูกเจาะเข้าไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้วปูทับด้วยเบาะหนานุ่มเหมือนโซฟาเบดที่ใช้นอนผ่อนคลาย ไม่ไกลจากนั้นมีโต๊ะตัวยาวกับเฟอร์นิเจอร์สีขาวเข้าชุดกันถูกประดับประดาไปด้วยหลอดไฟหลากสี

“ชอบห้องนี้มั้ย” คุณธนิกมาจากทางด้านหลัง เขาถามขึ้นพลางกอดคอผม แต่ผมขืนตัวออก

“ชอบมากครับ ขอบคุณครับ”

“อยากแต่งอะไรเพิ่มก็บอกนะ”

“ไม่แล้วครับ ผมชอบมากๆ รูปเรือทาวน์ซั่นซันนี่ใครเป็นคนวาดเหรอครับ วาดเก่งมากเลย”

“พี่เอง” คุณธนิกบอกพร้อมรอยยิ้มภูมิใจ

“ไม่จริงหรอก”

“พี่วาดให้เองครับ เคยเห็นมอเตอร์ไซค์ของขวัญติดสติ๊กเกอร์การ์ตูนเรื่องนี้ พี่เลยคิดว่าต้องชอบ”

ผมมองคุณธนิกอย่างไม่อยากเชื่อ คงมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาที่ผมยังไม่รู้ “ชอบวาดรูปเหรอครับ”

“ก็เคยชอบนะ แต่แม่ของพี่ไม่ปลื้ม พ่อเลี้ยงก็ไม่ปลื้ม”

“ก็เลยไม่ได้เรียนเหรอครับ”

“อืม ต้องเรียนบริหาร แต่ขนาดว่าเรียนตามที่ต้องการแล้ว ก็ยังจะไม่เห็นหัวกันอีก หึหึ”

“เป็นคนรวยก็เรียนอย่างที่อยากเรียนไม่ได้สินะครับ”

ผมคิดภาพคุณธนิกไว้ผมยาวแล้วถือกระดานวาดรูปเดินเตร่อยู่ตามตลาดนัดคอยวาดพวกภาพเหมือนหรือขายภาพวิวทิวทัศน์แล้วก็เผลอยิ้มขึ้นมา

“คิดอะไรตลกอยู่ล่ะสิ”

“เปล่าครับ ผมก็แค่คิดว่าถ้าคุณธนิกเป็นศิลปินจะเป็นยังไง”

“คงหล่อกว่านี้ ทำงานบริษัทน่ะเครียดจะตาย ริ้วรอยก็ขึ้นเร็วกว่าอายุจริง”

“จริงครับ ตีนกาเพียบเลย”

คุณธนิกยื่นมือมาบีบแก้มผม ก่อนจะทำท่าล็อกคอตีเข่า “ปากร้ายต้องเจอ”

“ปล่อยผมน้าาาา”

บางทีคุณธนิกก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพี่ชาย แต่บางทีก็ให้ความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า นอกจากตีนกาจะมาก่อนอายุจริงแล้ว ผมคิดว่าเขาคงเข้าวัยทองแล้วแน่ๆ

“ว่าแต่เราอยากเรียนหนังสือมั้ย” เขาปล่อยตัวผมให้ลงไปนั่งหอบกับพื้น ส่วนตัวเขาก็นั่งลงเคียงข้าง “พี่เคยถามไปแล้ว แต่ตอนนั้นก็บอกว่าไม่รู้จะเรียนอะไร”

“ตอนนี้ก็ไม่รู้ครับ”

“คิดเรื่องเรียนหน่อยก็ดี”

“คนโง่อย่างผมเรียนเรื่องยากๆ ไม่ไหวหรอกครับ เปลืองเงินเปล่าๆ”

เมื่อก่อนก็เคยคิดอยากเป็นครูอยู่หรอก แต่พวกไอ้วันมันบอกผมว่าหน้าอย่างผมสอนตัวเองให้รอดก่อนเถอะ อย่าคิดไปสอนคนอื่นเลย ซึ่งตอนประถมผมก็เถียงมันขาดใจ ทว่าพอขึ้นมัธยมปลาย เจอฟิสิกส์ เคมี ชีวะเข้าไป ผมก็รู้แล้วว่าผมคงไม่เหมาะกับการสอนใครจริงๆ

“มีอะไรให้เรียนตั้งเยอะแยะ งั้นก็ค่อยๆ คิดไปก็แล้วกัน”

“ทำไมเหรอครับ คุณธนิกจะส่งผมเรียนเหรอ”

“อืม ก็คิดไว้อย่างนั้นนะ อย่างน้อยถ้าขวัญยกทุกอย่างให้พี่ พี่ก็จะต้องดูแลขวัญอยู่แล้ว พี่ไม่เอาเปรียบหรอก บ้านหลังนี้พี่ก็จะให้เป็นชื่อขวัญ แฟร์กับเราทั้งคู่”

“จะดูแลผมไปจนถึงเมื่อไหร่เหรอครับ”

“ตลอดไป”

ผมหลุดหัวเราะ รู้สึกตลกกับคำพูดของเขาจริงๆ “พอคุณธนิกแต่งงาน ภรรยาของคุณธนิกก็จะมองว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง ไม่ต้องดูแลผมหรอกครับ ผมน่ะเอาตัวรอดได้ ผมเป็นคนจนมาทั้งชีวิต ถ้ามีเงินมากๆ ขึ้นมาสิครับ อันนั้นคงจะเอาตัวรอดลำบาก คงเอาแต่เครียดว่าจะเอาเงินไปทำอะไรดี”

“มีคนบ้าๆ แบบนี้ด้วยแฮะ ปกติแล้วมีแต่คนชอบมีเงิน” เขายกมือขึ้นโยกหัวผม “แต่พี่พูดจริงนะ พูดตอนนี้ขวัญอาจจะไม่เชื่อ แต่พี่จะทำให้เห็นเองว่าตลอดไปมันเป็นยังไง”

“หลังจากที่ผมเซ็นทุกอย่างแล้ว คุณธนิกจะพูดอีกอย่างมั้ยนะ”

“ก็อาจจะพูดว่ามาอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิตเถอะ”

“เหอๆ ผมไปอาบน้ำดีกว่าครับ เริ่มง่วงแล้ว”

“ไปสิ พี่นอนห้องใหญ่นะ ถ้าเหงาก็มานอนกับพี่ได้ คนเคยๆ กัน”

สายตาเจ้าเล่ห์ของคุณธนิกทำให้ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเพราะประตูแรกที่เปิดเข้ามาคือวอล์กอินคลอเซ็ท เขาก็เลยระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วตะโกนบอกมาว่าห้องน้ำคือประตูที่อยู่ถัดไป แต่เมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้วผมก็เริ่มหนักใจ ผมชินกับการมีโอ่งมังกรและขันน้ำที่ใช้ตักอาบก็เลยงกๆ เงิ่นๆ กับอุปกรณ์ทุกอย่างที่เห็นในตอนนี้

อ่างอาบน้ำมีก๊อกน้ำสองอัน ส่วนตู้อาบน้ำจะเปิดเข้าไปทางไหนก็ยังงงๆ แล้วจะเปิดน้ำต้องเปิดยังไง ก๊อกนี้น้ำร้อนมากไป อีกก๊อกก็เย็นอย่างกับน้ำแข็ง

“ขวัญพัฒน์ ให้พี่ช่วยมั้ย” คุณธนิกโผล่หน้าเข้ามาในห้องน้ำเพราะผมไม่ได้ปิดประตู มัวแต่ตะลึงงันกับสิ่งที่เห็น

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

แต่คุณธนิกทำหูทวนลม เขาจัดการเตรียมน้ำในอ่างให้ หยิบขวดนั้นขวดนี้แล้วเทลงในอ่างจนมีกลิ่นหอมฟุ้ง

“ล้างตัวก่อน ค่อยลงมาแช่ วันนี้เจอเรื่องหนักๆ มา แช่น้ำผ่อนคลายหน่อยก็ดีนะจะได้หลับสบาย มาตรงนี้สิ พี่เปิดฝักบัวให้”

ผมเดินอย่างไม่ค่อยมั่นใจไปหาเขา แต่เขากลับหัวเราะออกมา

“ไม่ถอดเสื้อผ้าแล้วจะอาบได้ยังไง”

“ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ถอดแน่ๆ ถ้าคุณธนิกยังอยู่”

“โอเค งั้นพี่เปิดน้ำไว้ให้” เขาจัดการทำตามที่พูด “เสียดาย นึกว่าจะได้เห็นอีก”

“คนลามก”

“พี่ลามกกับขวัญคนเดียวนั่นแหละ”

“ทำมาพูดดี โกหกอีกแล้วสินะครับ”

“พูดจริงต่างหาก” เขาคลี่ยิ้ม ฉวยโอกาสตอนที่ผมกำลังมองสายน้ำไหลออกจากบนเพดานเพราะไม่มีฝักบัวแล้วหอมแก้มผมเข้าเต็มแรง “ค่ามัดจำการทำสัญญาของเรา ไว้จะมาเก็บดอกเต็มๆ นะ จะเอาหลายดอกเชียว”

“ไม่ให้หรอกครับ! ออกไปเลย!”

เขาหัวเราะร่าแล้วก็เดินออกไป ในขณะที่ผมเผลอถอนหายใจออกมา

อันตรายจริงๆ คนแบบคุณธนิกสินะที่ผมต้องระวังที่สุดในตอนนี้

...................To be continue.......................
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-07-2018 20:02:46
โธ่ น้องหลง แล้วเรื่องนี้จะเหลือใครให้เชื่อใจได้อีก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 30-07-2018 20:22:00
งงอะ มันคืออะไรกัน  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 30-07-2018 20:23:55
อย่างน้อยคุณ​ธนิกก็แบไต๋ออกมาแล้ว​ น้องเขมหล่ะคะยังไงดี​ เป็นน้องขวัญ​คงลำบากน่าดูเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-07-2018 20:26:09
 :a5: :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 30-07-2018 20:42:18
ยังดีนะที่คุณธนิกบอกความจริงกับขวัญบ้าง

สงสารหลงจังเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2018 20:56:48
มันดูไม่ชอบมาพากลแต่แรกแล้ว   :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 30-07-2018 21:43:27
คุณธนิกใจร้ายจริงๆ ติดลบคะแนน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-07-2018 21:53:20
อ้าว ไคลแมกซ์เปิดปมในตอนเดียวเลย ทำไมธนิกหงายการ์ดง่ายจัง? แล้วถ้าไม่ใช่คนของธนิกที่บุกไปค้นบ้านขวัญ ยังมีลาสบอสอีกเหรอเนี่ย? ใครอ่ะ?  :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 30-07-2018 21:57:04
สรุปคุณธนิก ก็แค่ต้องการสมบัติของขวัญใช่ไหม
แล้วที่เขมินทร์ทำนั้นเพื่ออะไร ทั้งที่เซนสัญญาไม่รับมรดกแล้ว
หรือจะฆ่าขวัญแล้วตัวเองสวมรอยแทนเพื่อรับมรดก
อย่างที่แนนบอกว่าถ้าเรื่องเงิน ญาติกันก็ฆ่ากันได้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 30-07-2018 21:59:06
ตอนขวัญกลับไปเจอหลง บีบหัวใจมาก รู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออกเลยค่ะ
ยิ่งเหตุการณ์มันซ้อนทับกับเรื่องน้าลีด้วยแล้ว ยิ่งทรมาณ
 :ling3:
อยากรู้คุณธนิกกับคู่หมั้นรักกันไหม แล้วคู่หมั้นเป็นคนแบบไหน
แต่ที่คุณธนิกพูดบวกกับการกระทำเนี่ย เหมือนจะเลี้ยงขวัญไว้เป็นบ้านเล็กเลย
ถ้าทำจริงเนี่ย คุณธนิกโดนรุมสกรัมจากแม่ๆน้องขวัญแน่นอน
ที่คุณธนิกพูดก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้มากน้อยขนาดไหน กลัวหลอกซ้อนหลอกไปอีกที
มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณพ่อไม่ยกสมบัติอะไรเลยให้คุณธนิก
ทำให้สงสัยว่าจริงๆแล้วคุณธนิกเป็คนยังไงกันแน่.. หรือจะเป็นเพราะแม่คุณธนิก..
ขวัญที่รู้ว่าคุณธนิกหลอกก็ดูไม่ค่อยโกรธคุณธนิก
ให้อภัยคนง่ายหรือว่าคิดจะหลอกคุณธนิกให้ตายใจ..
แต่เชียร์ให้น้องเอาคืนอ่ะ ให้คนที่คิดร้ายกับน้องเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้าง
คิดว่าคงมีตัวละครที่ยังไม่เปิดตัวอีกหลายคน น้องขวัญคงต้องเตรียมตัวรับศึกหนักไปอีกยาวๆเลย  :เฮ้อ:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-07-2018 22:49:10
สงสารขวัญกับหลง ทำไมต้องมาเจอกับคนแบบนี้ด้วยนะ แล้วที่คุณธนิกบอกว่าขิมเซ็นไม่รับมรดกแล้ว แต่ที่ขิมทำอยู่ตอนนี้ต้องการอะไรจากขวัญกับธนิกกันแน่
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 30-07-2018 23:48:54
โอ๊ย ขวัญน่าสงสาร คนที่ชอบก็หลอก น้องจะมาแนวไหนอีก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-07-2018 00:12:09
แล้วทำไมแม่ไม่เลี้ยงขวัญล่ะ ทำไมเลี้ยงแต่ขิม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 31-07-2018 00:18:27
สงสารหลง
การมัดมือนี่เรียนมาจากน้องนะหรือเปล่า คริๆ คิดถึงชนะ อยากได้รูปเล่ม งุงิ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-07-2018 00:19:26
ไปดีนะหลง  :o12:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2018 00:49:27
สงสารไอ้หลง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-07-2018 08:00:37
นั่นไง แล้วไงล่ะคุณธนิก ร้ายสุดคงเป็นแม่คุณธนิกสินะ อีกหน่อยหลงขวัญขึ้นมาจริงๆ จะกล้างัดกับแม่ตัวเองไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 31-07-2018 09:02:24
หลง  :z3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 31-07-2018 09:50:47
เห็นแก่ที่แบไต๋เรื่องพ่อของขวัญ ให้คะแนน +1 ไปเลยคะคุณธนิก :katai4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-07-2018 11:04:41
ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเหรอ เชื่อได้มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 31-07-2018 13:02:36
โถ่น้องขวัญ :กอด1: ตั้งสติดีๆนะลูก ความเป็นจริงกับสิ่งที่เห็นมักจะสวนทางกันเสมอ +1ให้นักเขียนด้วยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 31-07-2018 14:57:51
ถ้าเป็นอย่างที่ธนิกพูดจริงๆล่ะก็  ธนิกนี่โคตรเลวเลยนะที่ใช้วิธีนี้ในการเข้าหาน้องขวัญ
เกลียดบุคลิกตั้งแต่เริ่มปรากฏตัวแล้ว ไม่เชื่อเลยว่าจะเป็นพระเอก น่าจะเป็นตัวร้ายมากกว่า
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 9 30/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-07-2018 15:03:55
เห็นมั้ยๆๆๆๆก็บอกแล้วว่าอิคุณธนิกมันร้าย!!! อย่าไปเชื่ออะไรอีกเลยทั้งหมดมันก็แค่ลมปากอะ นี่พอขวัญเซ็นยกให้ทุกอย่างแล้วก็คงไม่ไยดีขวัญหรอก ขวัญควรอยู่ห่างๆนะเชื่อใครไม่ได้เลยจริงๆไม่ว่าจะธนิกหรือขิม ขอให้แนนที่เป็นเพื่อนขวัญมานานเป็นคนดีจริงๆด้วยเถอะนะไม่งั้นขวัญคงรับมือไม่ไหวแน่
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 31-07-2018 17:05:07
ตอนที่ 10



ผมนอนไม่ค่อยหลับ คงเพราะที่นอนนุ่มเกินไปก็เลยไม่ชิน อีกทั้งผมยังเอาแต่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เอาแต่วิ่งเข้ามาในความคิดโดยไม่ให้ได้หยุดพัก ทั้งเรื่องที่ร้ายและร้ายมาก พูดได้ว่าไม่มีเรื่องที่ดีรวมอยู่ในนั้นเลยสักเรื่อง อ้อ...เรื่องที่ดีนับเอาเรื่องที่คุณธนิกยอมบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้ไหมนะ แม้จะเป็นเรื่องที่เขาบอกว่าความรู้สึกที่มีให้ผมเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงมาตั้งแต่แรก แต่ผมกลับโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

คงเพราะมันเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะมั้ง ผมก็เลยคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว

ผมพลิกตัวไปทางซ้ายแล้วจากนั้นก็พลิกตัวไปทางขวา ได้ยินเสียงนกร้องดังมาจากทางหน้าต่าง แต่ผ้าม่านที่ปิดกั้นไว้นั้นทำให้ไม่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ภายนอก ผมมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เกือบหกโมงเช้าแล้ว ไม่รู้ว่าข้างนอกจะสว่างหรือยัง เพราะไม่แน่ใจว่าในวันนี้พระอาทิตย์จะขึ้นตอนกี่โมง แต่ในห้องที่ผมนอนนั้นเห็นเป็นเพียงเงาสลัว

ห้องนอนในฝัน...

ภาพที่ไม่ชินตาทำให้ผมต้องหลับตาลงอีกครั้ง หวนนึกถึงบ้านเช่าหลังเล็กที่ผมมักจะถูกปลุกด้วยเสียงเห่าของไอ้หลง ความเคยชินที่เมื่อวันหนึ่งหายไปก็ทำให้รู้สึกใจหาย การรับรู้ความจริงที่ว่าผมจะไม่ได้ยินเสียงเห่านั้นอีกแล้ว หัวใจก็เจ็บปวดขึ้นมาไม่น้อยเลย

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนข้อความจากไลน์ดังขึ้นให้ได้ยิน ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นข้อความจากเขมินทรา





เขมินทรา: พี่กลับถึงบ้านหรือยัง ไม่เห็นไลน์บอกผมเลย





เพราะเมื่อคืนเกิดเรื่องยุ่งๆ ผมจึงลืมที่จะไลน์บอกน้องชายไปเสียสนิท





เขมินทรา: ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน ค้างกับพี่ธนิกเหรอ ช่วยตอบข้อความผมด้วยครับ

ขวัญพัฒน์: เปล่า ผมไม่ได้ค้างกับคุณธนิก ผมมานอนบ้านเพื่อน เมื่อคืนขโมยขึ้นบ้านเช่าของผม

เขมินทรา: ขโมยเหรอครับ แย่จังนะ สภาพแวดล้อมแบบนั้นก็น่าจะมีขโมยอยู่แล้วล่ะ แล้วมันได้อะไรไปบ้าง

ขวัญพัฒน์: ไม่ได้อะไร บ้านผมไม่มีอะไรให้มันขโมยหรอก

เขมินทรา: นั่นสินะครับ แล้วพี่ไม่เป็นอะไรนะ ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย

ขวัญพัฒน์: ไม่ครับ ไม่เป็นไร

เขมินทรา: โชคดีนะ แล้วหมาที่พี่เลี้ยงไว้ล่ะ





ผมขมวดคิ้วมองข้อความล่าสุด เขมินทรากับผมไม่ได้สนิทกันมากพอที่ผมจะเล่าชีวิตประจำวันให้ฟังเหมือนที่ผมเล่าให้ไอ้แนน แม้ว่าเขาจะเป็นน้องชายฝาแฝดแต่ผมก็ยังไม่สนิทใจ เพราะจนเมื่อไม่นานมากนี้เราต่างก็ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายมีตัวตน เราไม่เคยพบ ไม่เคยได้พูดคุยทำความรู้จัก ด้วยเหตุนั้นถึงแม้จะมีสายเลือดเดียวกันผมก็ยังมองว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า ทว่าเขมินทรากลับดูเหมือนจะรู้จักตัวผมมากทีเดียว





ขวัญพัฒน์: ทำไมเหรอ

เขมินทรา: คิดว่ามันจะเป็นไรไหมนะถ้าต้องเจอขโมย

ขวัญพัฒน์: มันตายแล้วล่ะ

เขมินทรา: จริงเหรอครับ เสียใจด้วยนะ พี่คงเสียใจแย่เลย

ขวัญพัฒน์: ครับ

เขมินทรา: วันนี้มาเจอกันหน่อยมั้ยครับ ไปเที่ยวกัน ผมอยากไปเที่ยวกับพี่ เราจะได้สนิทกันมากขึ้น

ขวัญพัฒน์: วันนี้มีธุระครับ เอาไว้ครั้งหน้านะ

เขมินทรา: ก็ได้ครับ มีอะไรก็ไลน์หาผมนะ อย่าคิดว่าเป็นคนอื่นคนไกล เราน่ะเป็นยิ่งกว่าคนคนเดียวกันซะอีก

ขวัญพัฒน์: ได้ครับ





ต่อให้วันนี้จะไม่ต้องรอพบกับไอ้แนนแต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าคุณธนิกจะอนุญาตให้ออกไปเที่ยวเตร่อยู่ดี ผมก็ไม่รู้หรอกว่าหากออกจากบ้านจะเกิดเหตุการณ์บู๊ล้างผลาญเหมือนอย่างในหนังแอคชั่นไหม ซึ่งคิดอีกทีก็คงจะไม่มีใครว่างมาตามฆ่าผมได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ข่าวอาชญากรรมที่กำนันผู้ใหญ่บ้านหรือคนรวยๆ ถูกมือปืนสาดกระสุนดับคาที่ก็มีให้เห็นอยู่เยอะแยะ ไม่เลือกวัน ไม่เลือกเวลาและสถานที่เสียด้วย ดังนั้นการออกนอกบ้านด้วยอาการหวาดระแวงก็เป็นเรื่องที่ไม่สุขใจนัก แม้ผมจะเคยบอกว่าไม่กลัวตายก็เถอะ ตอนบอกกับคุณธนิกก็แค่ปากเก่งไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าต้องตายขึ้นมาจริงๆ ก็ขอตายอย่างไม่เจ็บปวด ผมน่ะกลัวการจับตัวไปทรมานเพื่อให้ยอมเซ็นนั่นนู่นนี่แล้วค่อยๆ ฆ่าอย่างช้าๆ ตอนเผลอหลับไปแค่ครึ่งชั่วโมงก็ฝันเห็นเรื่องความโหดร้ายทารุณ นึกถึงก็สั่นไปหมดทั้งตัวแล้ว เอาเป็นว่าอยู่แต่ในบ้านนี้ดีที่สุด อย่างน้อยก็แน่ใจว่าต่อให้มีใครบุกมายิง กระจกของบ้านหลังนี้คงป้องกันได้ตามราคาที่สูงลิ่วของมัน

หลังจากคิดสะระตะว่าจะอยู่อย่างไรให้ไม่ถูกฆ่าดีนั้น ผมก็เห็นเงาตะคุ่มที่ระเบียง มันทอดเป็นเงาสีดำบนผ้าม่าน ลักษณะยาวราวกับรูปร่างคนกำลัังถือของบางอย่าง เงานั้นไหวเอนเหมือนค่อยๆ ย่อง ตอนนี้หัวใจของผมตกไปอยู่ที่ข้อเท้า รู้สึกได้ถึงความกลัวที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง

พวกคนไม่ดีที่จะมาตามฆ่าผมเหรอ!

คนแรกที่ผมคิดถึงขึ้นมาก็คือคุณธนิก อยากจะวิ่งแจ้นไปที่ห้องนอนใหญ่เพื่อบอกเขา แต่ก็กลัวจะทำเสียงจนเจ้าของเงารู้ตัว ผมพยายามใช้สมองที่มีอยู่น้อยนิดคิดหาทาง ความคิดโง่ๆ ที่จะไปสู้นั้นถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็ว ผมน่ะเคยโดนพวกไอ้วันที่เป็นแค่นักเลงคุมซอยซ้อมอย่างไม่มีทางสู้ เพราะฉะนั้นปัดความคิดที่จะไปต่อกรกับพวกมืออาชีพได้เลย ออกไปก็ตายฟรี แต่ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เงาที่เห็นก็เหมือนจะยิ่งขยายใหญ่ขึ้น แสงที่เริ่มตกกระทบก็มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเสียงของคุณธนิกจะดังแว่วเข้ามาให้ใจชื้น

“ไอ้โม! มึงจับบันไดดีๆ นะเว้ย ความสูงขนาดนี้กูตกไปมีหวังคอหักตายแน่ๆ” เสียงของคุณธนิกดังมาจากทางระเบียง มันดังมากพอที่จะทำให้ผมโล่งใจและปัดความคิดว่ามีคนบุกเข้าบ้านออกไปจากหัวทันที

ผมเดินไปที่จุดเกิดเงา แหวกผ้าม่านออกแล้วปลดล็อกประตูกระจกบานเลื่อนก่อนจะเลื่อนมันไปด้านข้าง สายลมอ่อนๆ กับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าปะทะเข้าใบหน้าแทบทันที ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกวาดตามอง

คุณธนิกกำลังอยู่บนบันไดลิงที่พาดอยู่กับกิ่งใหญ่ๆ ของต้นหูกระจง เขาผูกเชือกเส้นหนาด้วยท่าทางมุ่งมั่น ส่วนด้านล่างมีพี่โมเพื่อนของเขาช่วยจับบันไดไว้ไม่ให้เกิดอันตราย แต่มองดูแล้วพี่โมมากกว่าที่อันตรายยิ่งกว่าความไม่มั่นคงของบันได

จากทีแรกผมไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน แต่ไม่นานหลังจากนั้นพี่โมที่สังเกตเห็นผมก็โบกไม้โบกมือมาให้ พร้อมเฉลยว่าสิ่งที่กำลังทำกันอยู่นั้นคืออะไร

“น้องขวัญตื่นแล้วเหรอ สวัสดีตอนเช้าครับ พี่กำลังช่วยไอ้ธนิกทำชิงช้าให้เรา” พี่โมส่งยิ้มมาให้อย่างร่าเริง แต่พอเผลอปล่อยมือก็โดนคุณธนิกตวาดเสียงลั่น

“ไอ้ห่าโม กูบอกให้จับดีๆ”

ทำชิงช้าให้ผม...คุณธนิกเขาทำให้จริงๆ ด้วยสินะ ทั้งๆ ที่คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นแท้ๆ

“สวัสดีตอนเช้าครับคุณธนิก” ผมเอ่ยทัก รู้สึกอยากกวนสมาธิเขาเล่น “ผมวิ่งลงไปเขย่าบันไดจะทันมั้ยนะ”

“ลองสิ ถ้าอยากรู้ว่าพี่จะเอาคืนยังไงก็ลองมาทำดูนะครับ” เขาท้าทาย แววตาเจ้าเล่ห์ แต่ผมไม่กล้าเสี่ยงจึงรีบส่ายหน้า

“ล้อเล่นครับ ผมไม่ทำหรอก”

“อดเอาคืนเลย”

“งั้นพี่เขย่าให้นะครับ” พี่โมตะโกนขึ้นมา “พี่อยากรู้ว่าไอ้ธนิกจะลงโทษขวัญยังไง”

“ไม่ครับพี่โม ไม่ๆ ๆ ๆ” ผมรีบร้องห้าม แต่มีหรือพี่โมจะฟัง เขาเหมือนเด็กที่ยิ่งถูกยุก็ยิ่งทำ เพราะหลังจากนั้นเขาก็เขย่าบันไดโดยไม่กลัวว่าคุณธนิกจะพลัดตกลงมาเลย ถ้าคิดว่าเขากำลังจะทำการฆาตกรรมคุณธนิกก็ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย

“ไอ้ห่าโม!!!” คุณธนิกตะโกนลั่น เขาคงกลัวตกเพราะกอดกิ่งของต้นหูกระจงไว้แน่น ซึ่งถ้าเป็นผมก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะความสูงระดับนี้เขาตกลงไปหลังหัก ม้ามแตกได้เลยนะ

“กูลงไปได้เมื่อไหร่มึงตายแน่!” คนถูกแกล้งคาดโทษ

“เฮ้ย กูแค่ทำตามคำสั่งน้องขวัญนะเว้ย มึงต้องไปจัดการน้องขวัญโน่น ไม่ใช่กู”

พี่โมเป็นคนที่คบไม่ได้จริงๆ ทำไมต้องโบ้ยความผิดมาให้ผมด้วย “ผมไม่ได้สั่งนะครับ ผมก็บอกว่าไม่ๆ ๆ อย่าทำคุณธนิกเลย ผมน่ะเป็นห่วงคุณธนิกมากเลยนะครับ”

“ไม่จริงน่า ธนิก มึงก็ได้ยินใช่มั้ยที่น้องขวัญเป็นคนสั่ง”

ผมเห็นพวกเขาขยิบตาให้กัน ความเจ้าเล่ห์ของพวกเขาทำให้ผมอยากจะหาของหนักๆ แข็งๆ มาปาใส่หัวที่ชอบคิดเรื่องไม่ดีเสียเดี๋ยวนั้น

“เออ ได้ยิน เป็นเด็กที่ใจร้ายจริงๆ เลย”

“เพราะงั้นรอลงโทษน้องขวัญนะ กูไปก่อนละ ไหนๆ น้องขวัญก็ตื่นแล้ว ให้น้องมาจับบันไดให้ก็แล้วกัน” ว่าแล้วพี่โมก็หนีไปทันที คงกลัวว่าถ้าคุณธนิกลงมาได้แล้วตัวเองจะโดนลงโทษแน่ๆ แต่ว่าตอนนี้ก็ซวยผมน่ะสิ

“ไอ้โมหนีไปแล้ว ขวัญต้องมาจับบันไดให้พี่แล้วล่ะ ไม่งั้นพี่ลงไม่ได้”

“ก็ใครใช้ให้ทำเรื่องอันตรายกันล่ะครับ”

“ไม่มีใคร” เขาส่ายหน้าพลางยิ้มกว้างรับอรุณ “มีแต่หัวใจของพี่สั่งให้ทำเพื่อขวัญครับ พี่ต้องตื่นแต่เช้าไปซื้ออุปกรณ์มาทำให้เลยนะ”

ผมต้องเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการหยอดคำหวานของเขาสินะ “ไม่ได้ขอซะหน่อย แต่ขอบคุณนะครับ คุณธนิกรอก่อนนะ ผมจะรีบลงไปจับบันไดให้”

สุดท้ายเพราะกลัวว่าเขาจะพลัดตกลงมาแล้วกลายเป็นชายพิการก่อนได้รับมรดกที่หวังเอาไว้ ผมจึงต้องลงไปช่วยทำหน้าที่แทนพี่โมที่ชิ่งหนีไปดื้อๆ

“ระวังนะครับ ก้าวพลาดขึ้นมานี่พิการตลอดชีวิตเลยนะ” ผมร้องเตือนพลางเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วก็ต้องรีบก้มหน้าลงเพราะคุณธนิกใส่กางเกงบอลขากว้าง มองจากมุมนี้จึงเห็นไปถึงไหนต่อไหน

สีขาว...สีขาว กางเกงในคุณธนิกมีสีขาว

“อย่ากดดันนักซี ขายิ่งสั่นๆ อยู่ด้วย” คุณธนิกบ่นขณะกำลังปีนลงมา และเมื่อถึงจุดที่ปลอดภัยแล้วก็กระโดดลงมายืนบนพื้น “เป็นอะไร หน้าแดงเชียว”

หน้าแดงเพราะเห็นกางเกงในสีขาวของคุณธนิก มันรัดรูปแถมยังเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผมต้องคิดว่าโชคดีที่ได้เห็นแค่กางเกงใน เพราะถ้าเขาไม่ใส่ก็คงเป็นภาพที่ติดตาจนทำให้นอนไม่หลับ ทั้งที่มีเหมือนกัน แต่ทำไมของของผมถึงไม่น่ามองเท่าของของเขาก็ไม่รู้

“ผมร้อนน่ะครับ” ผมแสร้งยกมือขึ้นพัด แม้จะดูไม่สมจริงเพราะอากาศตอนเช้ามีสายลมพัดอ่อนๆ ให้ความเย็นสบายก็ตาม “ร้อนมากๆ”

คุณธนิกหัวเราะกับท่าทีของผม ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงกรุ้มกริ่มว่า “แล้วอยากร้อนมากกว่านี้มั้ย” แต่โดยที่ไม่ต้องรอคำตอบ เมื่อสิ้นคำถาม วงแขนกว้างของเขาก็รวบตัวผมไว้ เขาก้มหน้าลงมาใกล้จนเกือบชิด ในขณะที่ผมขืนตัวหนี หลบหลีกคนที่คิดจะเอาเปรียบ

“คุณธนิกปล่อยผมนะ!”

แผ่นหลังของผมแนบชิดกับอกกว้างของเขา ผมจึงกลัวเหลือเกินว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างบ้าระห่ำของผมเข้า

“เป็นการลงโทษไง ขวัญสั่งไอ้โมให้เขย่าบันไดไม่ใช่เหรอ” เขาพูดยียวน พยายามใช้จมูกโด่งเป็นสันของตัวเองไซ้ไปตามลำคอของผม ส่วนผมก็พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะหลีกเลี่ยงสัมผัส

“คุณธนิกก็ได้ยินนี่ครับว่าผมไม่ได้สั่ง”

“สั่งสิ” เขายืนกราน สีหน้าน่าหมั่นไส้จนน่าถีบ “พี่ได้ยินเสียงหัวใจของขวัญบอกว่า เอาอีก เขย่าแรงๆ เลย”

นี่มันข้ออ้างที่เอามาใส่ร้ายกันชัดๆ “คุณธนิกจะมารู้ใจผมได้ยังไงครับ ปล่อยเลยนะ!”

“ให้ลงโทษก่อน”

“ไม่!” ผมปฏิเสธแล้วยกเท้าขึ้นกระทืบปลายนิ้วเท้าของเขาค่อนข้างแรงจนคนชอบฉวยโอกาสถึงกับเต้นแร้งเต้นกา ปล่อยตัวผมโดยทันที

“ขวัญพัฒน์ มันเจ็บนะเว้ย!” เขาว่าพลาง กุมเท้าไปพลาง “คนเคยๆ กันแท้ๆ ทำกันได้ลงคอ”

“อะไรเคยๆ ล่ะครับ” ผมถามกลับแม้จะรู้ความหมาย

“จะให้พี่รำลึกความหลังให้มั้ยล่ะ”

คงต้องทำลายความมั่นใจที่จะปั่นหัวของผมได้ ไม่อย่างนั้นผมจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่อย่างนี้

ผมถอนหายใจ ก่อนจะแสร้งยิ้มแล้วยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ “ความหลังครั้งนั้นภูมิใจนักเหรอครับ ถึงกับต้องมอมยากัน ถ้าไม่มีปัญญาจะกินผมด้วยเสน่ห์ของตัวเอง ก็อย่ามาพูดอะไรแบบนี้เลย”

คุณธนิกมองผมราวกับเห็นผี ก่อนจะพูดเสียงดังด้วยความขัดเคืองว่า “เด็กปากร้าย!”

“คิดว่าผมจะไม่รู้ล่ะสินะ” ต้องขอบใจไอ้แนนที่ส่งมอบความคิดฉลาดนี้มาให้ “เอาล่ะๆ ข้าวเช้าๆ หิวแล้ว”

ที่จริงตอนนั้นผมก็เอาแต่คิดนะว่าทำไมคุณธนิกถึงพูดว่าเสียดายเมื่อรู้ว่าครั้งที่เราทำกันเป็นครั้งแรกของผม แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกมอมยา ผมก็เพิ่งเข้าใจเมื่อไม่นานนี้เอง เขาคงเสียดายมากที่ไม่สามารถพิชิตครั้งแรกของผมได้ด้วยตัวเอง กลับเอาแต่พึ่งพายาบ้าๆ นั่นก็สมควรแล้วที่จะโอดครวญ

ผมเดินกลับเข้าไปในบ้าน โชคดีที่เอาก้อนหินขัดประตูไว้ไม่ให้ปิดสนิท ไม่งั้นคงต้องเสียฟอร์มรอคุณธนิกให้มาเปิดประตู ระบบความปลอดภัยมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าต้องรีบเข้าบ้านจริงๆ ไม่ต้องมามัวเสียเวลาสแกนลายนิ้วมือกับกดรหัสผ่านหรืออย่างไร ยิ่งถ้าเป็นตอนที่ปวดท้องหนักท้องเบา ไม่ต้องเรี่ยราดอยู่หน้าบ้านเลยเหรอ แค่คิดก็สยองขึ้นมาแล้ว

หมับ!

จู่ๆ ผมก็ถูกกอดจากทางด้านหลัง ท่อนแขนแข็งแรงนี้คงมีแค่คุณธนิกเพียงคนเดียว ทำไมเขาถึงชอบทำเรื่องแบบนี้ทั้งที่เมื่อครู่ก็เพิ่งถูกปฏิเสธหรือเขาต้องการรอยช้ำที่มุมปากอีกมุมถึงได้ทำรุ่มร่ามไม่เกรงใจกันแม้แต่น้อย

“จับเด็กดื้อได้แล้ว” เขากระซิบเสียงเบาที่ข้างหูของผม มือใหญ่ปัดป่ายไปทั่ว เริ่มจากอกลงไปจนถึงเอว ผมข่มความรู้สึก นับหนึ่งถึงร้อยในใจ ยิ่งเมื่อได้ยินคำถามเอาอกเอาใจจากเขา ผมก็ยิ่งต้องสร้างแนวป้องกันให้ดี “ทำข้าวเช้าให้เอามั้ย”

“ไม่ต้องครับ ผมทำเองได้ แล้วก็กรุณาปล่อยด้วยเถอะครับ ทำแบบนี้กับคนที่ตัวเองบอกว่าไม่ชอบ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” ผมอยากจะย้ำให้สมองของคุณธนิกจำเรื่องที่เขาได้พูดไว้เมื่อคืน ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง เขาก็ไม่เห็นต้องเล่นละครต่อ

“อย่าพูดจาเย็นชาแบบนั้นสิ” เขาตัดพ้อ ยังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของผม ริมฝีปากที่แตะผะแผ่วลงมาทำให้ผมตัวสั่นไม่น้อย

“ผมพูดความจริงนะครับ”

“ต่อให้เป็นความจริงก็ไม่อยากฟัง”

น้ำเสียงของคุณธนิกออดอ้อนจนแนวป้องกันของผมแทบถูกทำลาย จึงต้องใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการขัดขืน “ปล่อยเถอะครับ ผมอึดอัด”

“ก็ได้ๆ” เขายกมือยอมแพ้ แต่ก็ฉวยโอกาสหอมแก้มผมหนึ่งที “คนเคยกอดมาครั้งหนึ่งแล้ว ยังไงก็ยังอยากให้มีครั้งต่อไปอยู่ดี พี่อยากจะนอนกอดขวัญทุกคืน”

“เป็นผู้ชายเจ้าชู้มักมากเหรอครับ”

“เป็นผู้ชายที่ชอบสัมผัสขวัญต่างหากล่ะ” เขาพูดหน้าตาเฉยแล้วผละไปเปิดตู้เย็น ทิ้งให้ผมยืนหัวใจเต้นแรงจนเกือบจะควบคุมไม่ได้ ผมต้องนับหนึ่งถึงสิบในใจหลายต่อหลายครั้งและพยายามบอกตัวเองว่าเขาก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดอะไรเลย

อย่าไปสนใจไอ้ขวัญ มึงอย่าไปสนใจ การจำลองเสียงของไอ้แนนยังเป็นตัวช่วยได้ดีจนถึงตอนนี้

“จะทำของง่ายๆ ให้กินนะ” เขาเริ่มเอาวัตถุดิบสำหรับอาหารเช้าของเราสองคนออกจากตู้เย็นมาวางเรียงรายบนเคาน์เตอร์ ซึ่งมีไข่ไก่ แฮม เบคอน ชีส นมจืดขวดใหญ่ และอกไก่หมักสำเร็จรูป “ขวัญมาดื่มนมก่อนครับ มาเร็ว”

ผมเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปยืนใกล้แล้วมองเขาที่ค่อยๆ เทนมใส่แก้วก่อนจะยื่นมาให้ พอรับเอาไว้เขาก็ยิ้มแล้วมองราวกับรอว่าผมจะยกขึ้นดื่มเมื่อไหร่ เมื่อผมยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเขาก็ยิ้มกว้าง จูบที่ขมับของผมพลางยกมือขึ้นโยกหัวผมไปมา

“เวลาขวัญว่าง่ายแล้วน่ารักมากๆ” เขาเอ่ยชม และเหมือนกำลังก้มหน้าลงมาจะให้รางวัลอีกครั้ง แต่ผมเบือนหน้าหนีเสียก่อน “ไม่ยอมเลยนะ แค่นิดเดียวก็ไม่ได้แล้วเหรอ”

“ไม่ได้ครับ” ผมบอกเสียงแข็ง ย้ำทั้งตัวเองและคุณธนิกว่าผมหมายความตามนั้นจริงๆ “คุณธนิกก็อย่าทำแบบนี้อีกเลยครับ เพราะผมอยากอยู่กับคุณธนิกโดยที่ไม่มีเรื่องลำบากใจ การทำหมาหยอกไก่จะทำให้เราอึดอัดใจกันทั้งคู่ ผมน่ะเป็นพวกชอบคิดและสำคัญตัวเองผิด ยิ่งคุณธนิกทำอย่างนี้ผมก็จะยิ่งคิดว่าคุณธนิกมีใจให้ผมทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง”

คุณธนิกมีสีหน้าและแววตาที่ผมอ่านไม่ออก เขาขยับปากราวกับจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา เป็นอย่างนั้นอยู่สองสามครั้ง สุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วถอนหายใจให้ได้ยิน

“หิวแล้วครับ” ผมไม่อยากให้ความอึดอัดดำเนินไปมากกว่านี้จึงเลือกทำลายมันลง “คุณธนิกให้ผมช่วยอะไรบ้างก็บอกได้เลยนะครับ”

“ช่วยไปน่ารักไกลๆ หัวใจพี่หน่อยสิ” ประโยคบ้าบอแบบนี้ก็ยังสามารถหลุดออกมาจากปากของเขาได้ ตอนแรกผมก็จะหัวเราะอยู่เหมือนกัน แต่แอบเห็นว่าเขาหน้าแดง ผมก็เลยหัวเราะไม่ออก กลับมีอาการหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาแทน “ขวัญทำได้มั้ยล่ะ”

“ให้ไปไหนล่ะครับ” ผมถามเขาเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ “แค่ไหนถึงจะไกลพอ”

“นั่นสินะ เพราะต่อให้ไปไกลถึงดวงอาทิตย์พี่ก็ยังจะเห็นขวัญอยู่ดี เพราะขวัญอยู่ในใจของพี่”

“เอ...ในใจ” ผมเอียงคอมองเขา “ให้ผมอยู่รวมกับคุณขิมแล้วก็คู่หมั้นของคุณธนิกเหรอครับ”

เขาทำหน้าไม่ชอบใจราวกับได้ยินคำต้องห้าม “ชอบพูดขัดอยู่เรื่อย”

“ไม่ขัดผมก็จะเคลิ้มตามแน่ๆ” ผมยิ้มให้เขา “ถ้าเคลิ้มล่ะก็แย่เลย คุณธนิกน่ะอันตรายจะตายไป”

“พี่ไม่อันตรายซะหน่อย”

“เล่นหูเล่นตากับผมขนาดนี้ ยังพูดว่าไม่อันตรายได้เหรอครับ”

“พี่เล่นกับขวัญคนเดียว”

“เลิกพูดว่าผมเป็นคนเดียวซะทีเถอะครับ เราต่างคนต่างรู้ว่ามันไม่จริง”

“ขวัญของพี่”

“คุณธนิก! พอซะทีเถอะครับ!”

เสียงตวาดของผมอาจจะทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาได้บ้าง แต่ดูเหมือนจะคิดผิด ท่อนแขนแข็งแรงของเขาสอดเข้าโอบที่เอว ดึงรั้งให้ตัวผมเข้าหา ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ผมทุบอกเขาแรงๆ เป็นการท้วง รู้สึกหายใจแทบไม่ออกเมื่ออากาศถูกช่วงชิงไปอย่างกะทันหัน เขาจูบผม ริมฝีปากบนและล่างถูกบดคลึงจนรู้สึกเจ็บ เสียงท้วงของผมอื้ออึงอยู่ในลำคอ ยิ่งผมทุบเขาเท่าไรเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ตัวของผมถูกดันให้ชิดกับตู้เย็น แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความแข็งกระด้างของตัวอุปกรณ์ เขายึดจับข้อมือผมไว้ทั้งสองข้าง ใช้เข่ากดทับที่หน้าขา แล้วเริ่มมอบความดุดันผ่านทางริมฝีปากอีกครั้งแล้วครั้งเล่า

“พี่ไม่ใช่คนใจดี” เขากระซิบเสียงพร่า “อย่าปฏิเสธพี่จนพี่ต้องทำแบบนี้เลย”

“ต้องการอะไรกันแน่ครับ”

“พี่ต้องการขวัญ ร่างกายของขวัญ แต่หัวใจพี่ไม่เอา”

ถ้อยคำกรีดแทงหัวใจแบบนี้ต้องเป็นเขาเท่านั้นที่จะพูดออกมาได้ แม้จะรู้อยู่แล้วแต่ผมก็ยังเจ็บเมื่อได้ยินจากริมฝีปากที่เอาแต่บดจูบคลอเคลียไม่ห่าง

“งั้นการถูกฆ่าตายคงดีกว่าอยู่ที่นี่ให้คุณธนิกปกป้องสินะครับ”

“รวมถึงครอบครัวของแนนด้วยเหรอ” คำถามของคุณธนิกเหมือนเตือนสติผม “พี่ยื่นข้อเสนอให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยื่นทางเลือกให้ขวัญมากนักหรอก อย่าเข้าใจผิดสิ เพราะเมื่ออยู่กับพี่ ขวัญก็ต้องตามใจพี่บ้าง”

คนเราจะสามารถเจอเรื่องซวยๆ ในชีวิตได้สักกี่ครั้งผมก็จนใจจะหาคำตอบ เพราะชีวิตของผมนับตั้งแต่ที่อาจเอื้อมปีนขึ้นไปบนหอคอยงาช้างมาจนถึงตอนนี้ก็พูดได้ว่าแทบจะไม่มีความโชคดีและความสงบสุขในชีวิตอีกเลย

“คุณธนิกกำลังขู่ผมเหรอครับ”

“แล้วขวัญคิดว่าไง”

“คิดว่าคุณธนิกเป็นคนเลวมาก”

“งั้นจะไปแจ้งความไหมล่ะ แต่เงินประกันตัวพี่มีเยอะนะ รับรองว่าถ้าพี่รอดมาได้ ขวัญต้องแย่แน่นอน”

ผมกัดริมฝีปากพลางขึงตามองเขา ความจริงอย่างไรก็ยังเป็นความจริง ตอนนี้เขายังเป็นคนที่รวยกว่าผม อำนาจเงินนั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง “ผมจะรอวันที่คุณธนิกได้ชดใช้”

“จะมีวันนั้นไหมนะ” เขายิ้มใส่ตาผม พลางเริ่มถอดเสื้อที่สวมใส่ “ความจริงพี่น่ะอยากทำตัวดีๆ กับขวัญ แต่ขวัญผิดเองที่เอาแต่ดื้อ พี่ก็เลยต้องเตือนหน่อยว่าตอนนี้ขวัญไม่ใช่คนที่ต่อรองอะไรกับพี่ได้เลย”

“ผมจะจำไว้ครับ”

“เพราะงั้นตอนนี้...” เขาจับมือผมไปวางไว้บนรอยสักรูปงูบนหน้าท้องเป็นลอนสวยของตัวเอง “เลือกเอาว่าจะกินพี่ก่อนกินอาหารเช้า หรือจะกินอาหารเช้าแล้วค่อยให้พี่กิน”

“มันต่างกันตรงไหน”

“ต่างกันตรงที่ขวัญจะทำเอง หรือจะให้พี่ทำ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าพี่ทำ พี่อาจจะไม่หยุดแค่ครั้งเดียว”

ผมเผลอกำหมัดแน่น เล็บจิกเกร็งลงบนฝ่ามือ ความเป็นคนและสิทธิของผมถูกลดค่าลงเมื่อแววตาลามกของคุณธนิกมองมา

“ถ้าไม่ทำก็ออกจากบ้านไปเลยก็ได้นะ ถือว่าข้อเสนอที่พี่ให้เป็นโมฆะ อย่างน้อยพี่ก็ได้ส่วนของแฝดอีกคนมาแล้ว อีกครึ่งจากขวัญค่อยหาวิธีเอาคืนมาก็ได้ พี่น่ะไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว ปกป้องขวัญเลยด้วยซ้ำ”

ถ้าข้อเสนอเป็นโมฆะ คงไม่ใช่แค่ผมที่จะต้องตาย แต่ไอ้แนนกับฝนและลูกในท้องของพวกเขาก็คงจะต้องซวยไปกับผมด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าพวกคนไม่ดีจะใช้ประโยชน์จากไอ้แนนได้ยังไง แต่หากต้องแลกชีวิตไอ้แนนกับกองมรดกที่ผมไม่คิดอยากได้ ผมก็จะเลือกไอ้แนนอย่างไม่ลังเล

“ผมจะทำครับ แต่ขอยังไม่ใช่วันนี้ได้มั้ยครับ” เป็นครั้งแรกที่ผมยอมก้มหัวขอร้องใครสักคน “ผมอยากให้คุณธนิกรับรองความปลอดภัยให้ไอ้แนนก่อน แล้วจากนั้นคุณธนิกให้ทำอะไร ผมจะทำให้ครับ”

“รักเพื่อนมากเลยสินะ” เขาทอดมองมาด้วยแววตาที่ผมไม่รู้ความหมาย “ตกลง นี่พี่ทำเพื่อขวัญเลยนะครับ”

พูดมาได้ไม่อายปาก ทั้งที่ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น

“พาไอ้แนนมาหาผมที่นี่ด้วยนะครับ ผมต้องคุยกับมันก่อน”

“ได้สิ พี่ตามใจขวัญ” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ คุณธนิกก็กลับมาอ่อนโยนราวกับไม่เคยขู่ผมมาก่อน “แต่พี่ขอมัดจำ เสร็จแล้วจะทำข้าวเช้าให้กินนะ”

ผมพยักหน้าแล้วยืนนิ่ง ปล่อยให้คุณธนิกดูดชิมในจุดที่เขาต้องการ ผมไม่ได้ห้ามปรามอีกแล้วแต่ก็ไม่ได้เคลิ้มตามสัมผัสของเขา เพราะหัวใจที่ยังคงเจ็บแปลบนี้ไม่อนุญาตให้ผมได้ลิ้มรสความหวานที่เขาป้อนให้ได้ มันมีแต่รสขมเฝื่อนติดปากที่ชวนให้นึกขยาด

ทุกครั้งที่ฝ่ามือของเขาสัมผัสผม ผมเอาแต่คิดว่าถ้าผมมีพลังวิเศษ คนแรกที่ผมจะจัดการก็คือเจ้าของมือคู่นี้ คู่ที่นำพาไปเจอทั้งนรกและสวรรค์พร้อมๆ กัน






[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 31-07-2018 17:06:06



“ไอ้ขวัญญญญญ!” ไอ้แนนแหกปากลั่นเมื่อเจอหน้าผม พวกเราแทบกระโดดกอดกันถ้าไม่ติดว่าแขนข้างซ้ายของไอ้แนนกำลังเข้าเฝือก

“มึง!” ผมผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปหา “เกิดอะไรขึ้นกับแขนของมึง”

“มอเตอร์ไซค์ล้มว่ะ มีคนตัดหน้าตอนที่กูกำลังพาฝนไปตลาดเมื่อวาน” ไอ้แนนพูดด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง มันเดินนำไปนั่งที่โซฟา ท่าเดินแปลกๆ ของมันทำให้ผมรู้ว่าคงไม่ได้บาดเจ็บแค่ที่แขน “ไอ้ห่านั่นตัดหน้ากูแล้วยังมาโวยวายว่ากูผิดอีก ดีที่ฝนไม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องพาไปโรงบาล ไปตรวจให้ละเอียด ส่วนแขนกูก็อย่างที่เห็นแหละ”

“ทำไมไม่โทรบอกกูวะ” หัวใจของผมบีบรัดตัวขึ้นมาจนปวดหนึบ แม้จะพยายามคิดว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุทั่วๆ ไป แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของคนที่จ้องจะทำร้าย

“มือถือกูตายสนิทไปแล้ว มันกระเด็นตกตอนล้มแล้วรถไอ้ห่านั่นก็ทับจนแหลก มันวุ่นๆ ด้วยว่ะ แล้วมึงล่ะเป็นไงมาไงถึงมาอยู่ที่นี่” ไอ้แนนหันมองรอบตัวแล้วเอนตัวมากระซิบ “แถมยังให้คุณธนิกไปรับกูมา เมียกูกรี๊ดใหญ่เลยที่กูรู้จักคนหล่อรวยระดับเขาด้วย”

“เรื่องมันยาว เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง” ผมกระซิบตอบ แม้จะไม่เห็นว่าคุณธนิกอยู่ในระยะใกล้พอจะได้ยิน แต่ก็ไม่เสี่ยงที่จะบอกเล่าเรื่องทั้งหมดกับไอ้แนนที่นี่ “แต่ตอนนี้ไปกับกูก่อน มึงเดินไหวใช่มั้ย”

“ไหวๆ”

“กูจะพาไปเจอไอ้หลง”

“พามันมาที่นี่ด้วยเหรอ ไอ้หลงมันคงชอบใจที่ได้วิ่งเล่นในสวน กูเห็นสวนหน้าบ้านกว้างมาก”

ผมแค่ยิ้ม ยังไม่อยากพูดอะไร ผมเดินนำไอ้แนนออกจากบ้าน เห็นคุณธนิกเดินลงจากชั้นสองมาแต่ก็ไม่ได้ทัก ส่วนเขาก็ไม่ได้ตั้งคำถาม

ผมพาไอ้แนนเดินไปใต้ต้นหูกระจงที่มีชิงช้าทำจากไม้มัดห้อยไว้ใกล้ๆ พื้นที่บริเวณนี้ยังคงเห็นร่องรอยการกลบทับใหม่ๆ และเมื่อเช้าผมก็เอาดอกไม้ที่คุณธนิกซื้อเตรียมไว้ให้มาวางบนนี้

“มึง…” ไอ้แนนที่นั่งยองๆ ลงเคียงข้างพูดได้แค่นั้น มันใช้มืออีกข้างที่ยังใช้การได้ลูบไปมาบริเวณนั้น

“มันตายเมื่อคืน มีขโมยเข้าไปขโมยของในบ้านแล้วไอ้หลงมันเห่าเสียงดังก็เลยโดนมีดไปหลายแผล”

พวกเราต่างไม่พูดอะไรกันเลยเกือบสองนาที ที่ตรงนี้จึงมีแต่เสียงของต้นหูกระจงที่ไหวเอนไปตามสายลมยามบ่าย

“ไอ้หลงคงดีใจที่ได้มาอยู่บ้านสวยๆ แล้วที่ตรงนี้แดดก็ส่องไม่ถึง มึงก็รู้ว่ามันเป็นหมาที่ขี้ร้อนมากๆ” ไอ้แนนน้ำตารื้น มันนั่งขัดสมาธิอย่างไม่กลัวเปื้อนราวกับคนหมดแรง “เมื่อวานนอกจากกูจะเจอเรื่องซวยๆ แล้ว มึงก็คงกำลังแย่อยู่สินะ ขอโทษนะเว้ยที่ไม่ได้อยู่ด้วย ทั้งที่กูสัญญาไว้แล้วว่าจะอยู่เคียงข้างมึง”

“กูต่างหากที่ต้องขอโทษ มึงเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาลแต่กูก็ไม่รู้เลย”

“แค่นี้เอง สบายน่า” ไอ้แนนทำท่ายึกยัก ก่อนจะเบ้หน้าเมื่อทำซ่าเกินตัว “แล้วเรื่องที่มึงจะพูดล่ะ”

“หลายเรื่องอยู่เหมือนกัน” ผมนั่งลงใกล้ๆ รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเพราะกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องที่จะเล่าให้ไอ้แนนฟัง “อย่างแรกก็เรื่องบ้าน บ้านเช่านั้นกูไม่ได้เช่าต่อแล้ว ต่อไปกูต้องมาอยู่ที่นี่ อย่างที่สองก็คือกูเป็นลูกคนรวยที่ตอนนี้กำลังโดนตามฆ่า แล้วมึงก็อาจจะต้องซวยไปด้วย”

ไอ้แนนยกมือขึ้นห้ามทันที “เดี๋ยวก่อนนะไอ้ขวัญ ประเด็นแรกแม้กูจะมีคำถาม แต่กูยังพอเข้าใจได้ แต่ประเด็นที่สองกูไม่เก็ท”

“ตอนนี้กูก็ไม่เก็ทแล้วก็รู้สึกว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่คุณธนิกบอกว่ากูเป็นลูกของพ่อเขา ซึ่งพ่อที่เขาว่าก็คือพ่อเลี้ยงของเขา แล้วคงใกล้ตายก็เลยจะยกมรดกให้กู ทีนี้นะ เรื่องมันก็เลยบึ้มขึ้นมา”

ผมเล่าให้ไอ้แนนฟังแทบทุกเรื่อง ยกเว้นก็แต่เรื่องระหว่างผมกับคุณธนิก เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องนำมาคิดในตอนนี้ ความปลอดภัยของไอ้แนนและครอบครัวต่างหากที่สำคัญสำหรับผม ไอ้แนนยกมือขึ้นห้ามเป็นระยะเพื่อขอทำความเข้าใจ แล้วจากนั้นมันก็ฟังต่อด้วยสีหน้าที่เริ่มแย่ลงทุกที แล้วสุดท้ายพวกเราต่างก็ถอนหายใจกันออกมา

“มันเกินตัวคนจนอย่างเราไปแล้วว่ะ” ไอ้แนนบอกเสียงแผ่ว จ้องมองไปที่หลุมฝังศพไอ้หลง “มึงจะเอาอะไรไปสู้เขาวะไอ้ขวัญ กูน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้เนอะ”

“ไม่หรอกไอ้แนน กูต่างหากที่น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่กลับไม่มีปัญญาทำอะไรเลย ไอ้หลงต้องตายก็เพราะกู แล้วมึงก็ยังต้องมาพลอยโดนร่างแห ตอนนี้คนสำคัญของกูเหลือแค่มึงแล้ว มึงน่ะโชคร้ายแล้วล่ะที่มาเป็นเพื่อนกับกู”

ไอ้แนนหัวเราะ ไม่ได้มีท่าทีจะคิดว่าตัวเองโชคร้าย “โชคดีต่างหาก อยู่ๆ ก็มีเพื่อนเป็นคนรวย ถ้ามึงรวยแล้วอย่าลืมกูนะเว้ย ว่าแต่มึงคิดว่าที่คุณธนิกพูดจะเป็นเรื่องจริงสักแค่ไหน”

“อย่างน้อยแขนที่หักของมึงก็ยืนยันได้ครึ่งหนึ่งนั่นแหละ”

“อุบัติเหตุมากกว่าว่ะกูว่า” ไอ้แนนพูดแต่สีหน้าไม่แน่ใจ “เอาจริงๆ เมื่อคืนเหมือนมีคนมาด้อมๆ มองๆ ที่บ้านกู กู็เลยโทรบอกสายตรวจ พอสายตรวจมามันก็หายไปสักพัก แล้วก็กลับมาอีก กูก็เลยพาลูกกับเมียไปนอนบ้านแม่ยาย คิดว่าถ้าเป็นโจรก็คงไม่ได้อะไรไปจากบ้านกูหรอก เพราะบ้านกูไม่มีเงินมีทองให้มันปล้น กลัวแต่ว่าไอ้คนที่มันปาดหน้ารถกูมันจะตามมาแก้แค้น เพราะกูซัดมันไปหลายหมัด มันน่ะโคตรพูดจากวนส้นตีน”

“มึงย้ายไปอยู่ที่อื่นสักพักมั้ย กูกลัวว่าฝนกับหลานกูจะเป็นอันตราย กูจะขอให้คุณธนิกจัดการให้”

“ให้กูไปอยู่ที่ไหน่ล่ะวะ กูก็ไม่มีที่ไปพอๆ กับมึง อีกอย่างนะถ้ากูไปแล้วกูจะเอาอะไรแดก กูยังต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียนะเว้ย” ที่ไอ้แนนพูดมาก็ถูก “มึงอย่าเพิ่งตื่นตูมไปเลยไอ้ขวัญ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ บางทีไอ้คุณธนิกมันอาจจะหลอกมึง พวกคนรวยน่ะเชื่อได้ที่ไหน แม้แต่น้องมึงก็ยังดูแปลกๆ เลย”

“กูก็คิดว่ามันแปลก” ผมยอมรับ “ตอนแรกก็ดีๆ อยู่แท้ๆ แต่หลังๆ มาเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจที่กูอยู่ใกล้คุณธนิก ทั้งที่บอกให้กูทำเองแท้ๆ ตอนนี้กูก็เลยไม่ค่อยได้คุยด้วยแล้ว น่าจะมีเรื่องที่ไม่บอกกูอีกหลายเรื่อง ไม่งั้นมันคงไม่รู้จักไอ้หลงหรอก เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวแต่ดันรู้ว่ากูเลี้ยงหมาไว้ที่บ้าน”

ไอ้แนนมองหน้าผมด้วยความเลื่อมใส “ตอนนี้มึงฉลาดขึ้นมาบ้างแล้วนี่หว่าไอ้เพื่อนยาก!”

“เจอแต่คนหมาๆ จะให้กูมองโลกในแง่ดีต่อยังไงไหววะ ยังไงก็ต้องระแวงไว้ก่อน ตอนนี้กูเหลือแค่มึงคนเดียวแล้วไอ้แนน อย่าตายนะเว้ย”

“เออ ไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า รับปากมึงแล้วว่าจะจัดงานศพให้มึงอย่างยิ่งใหญ่ ให้มึงตายก่อนแล้วกูค่อยตายทีหลัง เพราะกูยังมีเมียมีลูกที่คอยร้องไห้ให้อยู่ แต่มึงน่ะมีแค่กูที่จะร้องไห้ในงานของมึงแค่คนเดียว”

ผมยิ้มให้กับไอ้แนน เพื่อนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อยู่เคียงข้างผม เราเคยเป็นเด็กซอยเดียวกันจนเมื่อไอ้แนนมีลูกมันก็พาลูกพาเมียไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะแม่ยายของมันไม่อยากให้ลูกสาวอยู่ในชุมชนที่แออัดและมีอากาศไม่บริสุทธิ์ แต่แม้จะย้ายที่อยู่ มิตรภาพของพวกเราก็ยังไม่เปลี่ยน เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น

“ถ้าน้าลียังอยู่ น้าจะว่ายังไงวะมึง” ผมถามความเห็นจากไอ้แนนที่กำลังมองไปยังหลุมฝังศพของไอ้หลงเหมือนกันกับผม “ไอ้หลงจะไปบอกน้ามั้ยว่ากูดูแลมันไม่ดี”

“มันต้องฟ้องเรื่องที่มึงไม่ค่อยซื้อไก่ย่างให้มันแน่ ตอนน้าลีอยู่ น้าน่ะตามใจมันยิ่งกว่าตามใจมึงอีก”

“ก็จริงว่ะ ไว้มีโอกาสกูจะตามไปแก้ตัวทีหลัง”

“ไอ้ขวัญ” ไอ้แนนร้องเรียกด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่ามึงจะเจอกับเรื่องอะไร มึงก็อย่าตายนะเว้ย ลูกสาวกูยังรอมึงอยู่”

“ไอ้ห่าาาา จะให้กูแต่งงานกับลูกมึงให้ได้เลยรึไง”

“แน่นอนสิวะ ลูกกูต้องมีผัวรวยๆ มึงน่ะจะรักจะชอบกับใครก็ได้ จะมีเมียมีผัวกี่คนก็แล้วแต่มึง แต่ตำแหน่งเมียหลวงต้องให้ลูกกูนะ เข้าใจมั้ย กูไม่ไว้ใจผู้ชายคนอื่น”

“ไอ้ฉิบหาย กูสงสารเด็กที่กำลังจะเกิดมาจริงๆ”

หลังจากต่างคนต่างมองหน้ากัน พวกเราก็หัวเราะกันด้วยเสียงที่ดังพอจะทำให้ไอ้หลงที่อยู่อีกโลกได้ยินไปด้วย

“ขอบใจนะเว้ยไอ้แนน กูก็ไม่รู้หรอกว่ากำลังจะเจอกับอะไร แต่กูจะมีชีวิตไปจนกว่าจะเห็นลูกของมึงโตเป็นสาว ตอนนี้กูอาจจะต้องเลิกขับวินไปชั่วคราว แต่ไว้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วกูจะกลับไปนะ บอกพี่แจ้ว่าอย่าเพิ่งลบชื่อกูออกจากกลุ่มล่ะ”

“เออๆ รู้เว้ย”

“ดูแลฝนดีๆ นะมึง กูไม่อยากทำให้พวกมึงเดือดร้อนเลยจริงๆ”

“ไม่เป็นไรน่า อีกอย่างเดี๋ยวฝนก็ต้องกลับไปอยู่กับแม่แล้ว เห็นว่ายิ่งท้องเริ่มแก่ก็ยิ่งกลัว ก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆ แม่ให้อุ่นใจ”

“มึงไปด้วยมั้ย”

“มึงก็รู้ว่ากูไม่ถูกกับพ่อตา เอาเถอะน่า กูอยู่คนเดียวได้”

“ยังไงมาอยู่กับกูที่นี่ก็ได้นะเว้ย” ถ้าไอ้แนนมาอยู่ด้วยกัน ผมคงใจชื้นขึ้นเยอะ อีกอย่างถ้ามีมัน หัวใจของผมก็จะปลอดภัยมากขึ้น

“ไม่เอาว่ะ หน้าไอ้คุณธนิกมันรับแขกนักนี่”

ผมกำลังนึกหน้าไม่รับแขกของคุณธนิก แต่ก็นึกไม่ค่อยออก “หน้าที่ยิ้มเป็นเครื่องหมายการค้าแบบนั้นนี่นะจะไม่รับแขก”

“ยิ้มให้มึงคนเดียวน่ะซี กับกูนี่ทำหน้าอย่างกะจะขู่ฆ่า”

“ยิ้มจอมปลอมล่ะสิไม่ว่า”

“แล้วมึงจะอยู่กับเขาไหวเหรอวะ”

ผมเบ้ปาก “ต่างคนต่างอยู่”

“จะแน่เร๊อ สายตาที่เขามองมึงน่ะไม่ธรรมดาเลยนะ” ไอ้แนนพยักพะเยิดหน้าไปทางห้องนั่งเล่นที่เห็นผ่านกระจกใส คุณธนิกนั่งที่โซฟาตัวหนึ่งและกำลังมองมาที่พวกผม

ผมเผลอไปสบตาเข้า ก่อนจะรีบหันกลับมา “ก็แค่สายตาพวกมักมาก”

“อู้ววว” ไอ้แนนร้องขึ้นอย่างชอบใจ “ดีแล้วๆ มึงต้องฉลาดเข้าไว้นะไอ้ขวัญ”

ผมพยักหน้า แม้จะฉลาดขึ้นมาเพียงนิด แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะแค่ความฉลาดแต่ไม่มีกำลังจะต่อกร อย่างไรผมก็ต้องตกเป็นรองอยู่วันยันค่ำ ผมไม่ได้เล่าข้อตกลงระหว่างผมกับคุณธนิกให้ไอ้แนนฟัง เพราะผมไม่อยากให้มันต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ในเมื่อสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัยของพวกเรา ผมอาจจะคิดอะไรเกินตัวว่าอยากจะปกป้องคนสำคัญทุกคน แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าผมกำลังปกป้องจากใครหรืออะไร ผมคงต้องขอเวลาหาคำตอบเอาเอง คุณธนิกน่ะยังบอกผมไม่หมดอย่างแน่นอน ดูจากลักษณะนิสัยของเขาแล้วก็แค่พูดในสิ่งที่คิดว่าเขาจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการก็เท่านั้น ยังมีบางเรื่องที่ผมสงสัย บางเรื่องที่ยิ่งอ่านข้อความจากไลน์ของเขมินทราก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่อันตราย





เขมินทรา: พี่โกหกผมเหรอครับ ตอนนี้พี่อยู่กับพี่ธนิกใช่มั้ย

ขวัญพัฒน์: ใช่ครับ ผมทำตามที่ขิมบอกไง ตีสนิทให้คุณธนิกไว้ใจ

เขมินทรา: แล้วอยู่ที่ไหนล่ะครับ พี่อยู่ที่ไหน บอกผมได้มั้ย แชร์โลเกชั่นก็ได้

ขวัญพัฒน์: ตอนนี้ไม่สะดวกครับ

เขมินทรา: งั้นเมื่อคืนที่บอกว่าค้างบ้านเพื่อนก็โกหกผมสินะ พี่อยู่กับพี่ธนิกตลอดเวลา การตีสนิทไม่ได้หมายความว่าพี่ต้องนอนกับเขา พี่ปล่อยให้เขาแตะต้องตัวพี่ได้ยังไงกัน

ขวัญพัฒน์: โกรธเหรอครับ หึงคุณธนิกอยู่เหรอ

เขมินทรา: เปล่าครับ ผมแค่ไม่ชอบที่พี่โกหกผม เราเป็นพี่น้องกัน พี่ควรจะเล่าทุกอย่างให้ผมฟังโดยไม่มีเรื่องต้องปิดบังเลย

ขวัญพัฒน์: ครับ

เขมินทรา: ออกมาเจอกันนะครับ พรุ่งนี้ก็ได้ ผมมีเรื่องน่าสนใจจะคุยกับพี่

ขวัญพัฒน์: เรื่องอะไรครับ

เขมินทรา: เรื่องน้าของพี่ไงครับ น้าของพี่ที่หมอบอกว่าตายเพราะโรคประจำตัวกำเริบก็เลยล้มหัวฟาดพื้น

ขวัญพัฒน์:??

เขมินทรา: ผมมีเรื่องที่ถ้าพี่รู้จะต้องตกใจ มาคุยกันนะครับ พรุ่งนี้นะ

ขวัญพัฒน์: ได้ครับ แล้วเจอกัน



ผมไม่เคยติดใจสงสัยกับการตายของน้าลี เพราะรู้อยู่แล้วว่าน้ามีโรคประจำตัว แม้จะจากไปด้วยอายุที่ยังไม่มากนักก็ตาม ทว่ารูปและข้อความที่ส่งมาทางไลน์จากเขมินทรานั้นทำให้ผมสั่นกลัวขึ้นมา...

...........To be continue.............

คุณธนิกคะ โซ่แส้กุญแจมือด้วยมั้ยคะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 31-07-2018 17:45:32
“เจอแต่คนหมาๆ จะให้กูมองโลกในแง่ดีต่อยังไงไหววะ"  ชอบประโยคเนนนนนนนน้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 31-07-2018 17:48:38
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าไว้ใจใครไม่ได้ ดีไม่ดีคุณธนิกกับขิมอาจจะวางแผนร่วมกันก็ได้ใครจะรู้ ไม่งั้นขิมจะรู้เรื่องหลงกับที่ขวัญอยู่กับคุณธนิกได้ยังไง ตอนที่แล้วนี่เรายังคิดอยู่เลยว่าขิมส่งคนมาเพื่อจะฆ่าขวัญรึเปล่าแต่พอไม่เจอเลยฆ่าหมา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 31-07-2018 17:50:31
อยากให้เซ็นให้มันจบๆไปแล้วต่างคนต่างอยุ่ซะ ไม่ต้องมาดูแลหรอก ดูแลตัวเองได้  เป็นเรื่องที่เดา ยากเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-07-2018 18:07:16
 :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 31-07-2018 18:13:10
โอ้ยยยมันจะอะไรขนาดนี้ นิสัยไม่ดีเลยคุณธนิก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-07-2018 18:38:27
อ้าวๆ....... อยู่ๆความเลวร้ายของขิมก็โผล่ออกมา   o22
ไหนบอกให้ขวัญตีสนิท ตอนนี้แสดงความหวงก้างแล้ว  :m16:
โกรธเกรี้ยวที่ขวัญมาอยู่บ้านธนิก
และส่อพิรุธ มารู้เรื่องหมาไอ้หลงของขวัญด้วยได้ไง   :fire:
หรือขิม อยู่เบื้องหลังการตายของน้าลี  :angry2: :angry2: :angry2:

ให้รู้สึกว่าธนิก รู้สึกกับขวัญมากกว่าที่บอก
อาจเพราะเห็นขวัญซื่อๆ ไม่เจ้าเล่ห์ รู้มาก เหมือนขิมละมั้ง  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-07-2018 18:43:53
สงสารขวัญ โดนกดดันทุกทางเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2018 18:47:14
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-07-2018 18:55:39
มีแต่คนน่ากลัวทั้งนั้น  :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 31-07-2018 19:46:02
สงสารขวัญ ตอนไม่มีว่าแย่ พอมีแย่กว่าเดิม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: มาเมโกมะ ที่ 31-07-2018 20:01:22
ติดตามเรื่องนี้นะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 31-07-2018 20:10:09
ธนิก ตั้งใจหรือแอคติ้งก็ไม่รู้ รู้แค่ว่า ที่พูดและแสดงออกมา มัน-เลว-มาก

ขิม ไม่ว่าจะเดาทางไหน? ก็ชัดว่าไม่ได้มาดีแน่ ขนาดขวัญยังรู้สึกเลย ปรับปรุงแผนด่วนนะขิม

สงสารขวัญ  :hao5:  อดทนนะลูกกก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 31-07-2018 20:12:02
เขมร้ายอ่ะมีแต่สัญญาณ​อันตรายเต็มไปหมด​ น้องหลงเหมือนอยู่ในดงระเบิดเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 31-07-2018 21:18:00
อยากให้ขวัญสู้ อดทน อย่าให้พวกมันได้สิ่งที่ต้องการ รับมรดกคนเดียวไปเลย แต่ลำพังขวัญคงไม่มีปัญญาทำอะไรได้ อยากให้มีใครสักคนมาช่วยขวัญจัง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 31-07-2018 21:39:56
 เห้อออ ปล่ยอขวัญไปเห้อะทั้งสองคน ยิ่งอ่านยิ่งสงสารเจอแต่คนน่าปวดหัว
คุณธนิกไม่หือไม่อือไม่ปฏิเสธเรื่องขิมกับเรื่องที่ตั้งใจมาหลอกขวัญ
แต่ก็วอแวขวัญแปลกๆนะ หรือคุณธนิกจะชอบขวัญจริงๆ??!!!
แต่ตั้งใจให้ขวัญเข้าใจไปอย่างนั้นเพราะเหตุผลบางอย่าง?!!!!! :hao7:
คุณธนิกกับขิมเค้ากำลังวางแผนแก้แค้นไรกันอยู่ปะ ตอนนี้รู้สึกไม่ไว้ใจขิมมากกว่าอีก55555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 31-07-2018 22:01:16
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนสุดๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 31-07-2018 22:27:57
ชีวิตช่างเลวร้ายอะไรอย่างนี้ สรุปญาติของตัวเองนี่ไม่มีใครดีเลย
พอจะมีดีก็แค่เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก
คำพูดคุณธนิกก็ช่างเฉือดเฉือดเหลือเกินต้องการแต่ตัว แต่ไม่ต้องการหัวใจ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-07-2018 23:31:07
สงสารขวัญ :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-08-2018 00:58:03
มีแต่คนร้ายๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-08-2018 07:35:34
น้องขวัญต้องเข้มแข็งขึ้น และฉลาดขึ้น เรามั่นใจ !!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 01-08-2018 08:28:40
ก็ดีที่ธนิกพูดมาเลยว่าต้องการแค่ร่างกายไม่ใช่หัวใจ อย่างน้อยธนิกมันก็ร้ายเปิดเผยอะ
แต่ขิมเนี่ย ไม่รู้จะมาทางไหนเลย

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 01-08-2018 21:37:28
คุณธนิกเห็นแก่ตัวมากกว่า เปิดเผยมากกว่า

ขิมเจ้าเล่ห์มากกว่า ลึกลับมากกว่า
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 01-08-2018 22:34:05
ถ้าแผลของแนนไม่ใช่เพราะรถล้ม แต่เป็นเพราะหลงนี่ละก็ ขวัญก็ไปบวชเหอะ โลกนี่อยู่ยากเกินไป
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 10 31/07/2018 Page 8
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-08-2018 23:19:04
อะไรเนี่ย มีใครพูดความจริงกันบ้างไหมนะ
ตอนนี้กลัวแนนตายอย่างเดียวเลย
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 02-08-2018 18:41:41
ตอนที่ 11



“ไปกินข้าว” เสียงของคุณธนิกเรียกให้ตื่นจากภวังค์ เขามายืนเท้าเอวอยู่ใกล้ๆ มีความหงุดหงิดเจืออยู่ในสีหน้าเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าส่งเสียงเรียกมากี่ครั้งแล้ว เพราะผมกำลังคิดจนหัวแทบระเบิด เสียงของเขาก็เลยเหมือนเสียงที่ดังมาจากที่ไกลๆ

“ครับ กินข้าวเหรอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา “ผมยังไม่หิวเลย”

“เป็นอะไรไป เห็นเอาแต่นั่งเงียบ” เขาตั้งคำถามพลางนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน

ผมอยู่ในห้องนั่งเล่น นั่งอยู่ตรงนี้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่คุณธนิกไปส่งไอ้แนนที่บ้านจวบจนเขากลับมาในอีกสี่ชั่วโมงให้หลังและกระทั่งเขาทำอาหารเย็นเสร็จ ซึ่งน่าจะเป็นเมนูง่ายๆ ที่เขาทำได้ ผมไม่เรื่องมากอยู่แล้ว ทำอะไรให้กินก็ถือว่าเป็นพระคุณ แต่ตอนนี้ยังไม่อยากยัดอะไรลงไปในท้องเพราะกลัวว่าจะขย้อนออกมาหมด

รูปถ่ายนั้นยังคงติดตาและฝังลงไปในความนึกคิด รูปที่มีน้าลีถูกจับมัดข้อมือข้อเท้า นั่งพิงอยู่กับประตูห้องน้ำของบ้านเช่าที่พวกเราเคยอาศัยอยู่ด้วยกัน ในรูปนั้นมีผู้ชายสามคนท่าทางนักเลงกำลังถือปืนเล็งไปที่น้า เขมินทราบอกผมว่าเป็นรูปที่ถูกถ่ายในวันที่น้าลีเสียชีวิต วันนั้นผมไปขับวินรับลูกค้าตามปกติ กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำแล้ว เพราะแวะกินเหล้าบ้านไอ้แนนด้วย ตอนกลับไปถึงบ้านก็มีคนยืนออกันอยู่หน้าบ้านเหมือนวันที่ไอ้หลงถูกทำร้าย ภาพจำที่ซ้อนทับกันทำให้ผมหลับตาลงด้วยความปวดร้าว ผมเป็นคนโง่ที่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ วันนั้นกว่าจะมีคนไปพบน้าลีล้มอยู่ในห้องน้ำก็มืดค่ำแล้ว ลุงแดงบอกว่าเห็นที่บ้านไม่เปิดไฟ ประตูก็เปิดอ้าไว้ ไอ้หลงที่อยู่ในบ้านก็เอาแต่เห่าเสียงดัง ลุงก็เลยเข้าไปดูแล้วก็พบไอ้หลงกำลังเดินวนรอบน้าลีที่นอนจมกองเลือดอยู่ในห้องน้ำ ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่าเกิดจากโรคประจำตัวกำเริบ ทำให้น้าทรงตัวไม่อยู่แล้วล้มหัวฟาดพื้น กะโหลกศีรษะร้าว มีเลือดออกปากและจมูกเป็นจำนวนมาก คดีครั้งนั้นจึงถูกปิดไปเพราะเป็นอุบัติเหตุ ลุงแดงและผมถูกเรียกไปสอบปากคำในฐานะผู้พบศพคนแรกและญาติของผู้ตาย ตอนนั้นผมไม่ติดใจสงสัยอะไรเลย สภาพศพของน้าไม่ได้มีความผิดแปลก ให้คิดว่ามีคนเข้ามาทำร้ายก็คิดไม่ลง เพราะบ้านผมก็ไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองให้มาขโมย ทั้งพวกเรายังไม่มีศัตรูที่ไหน แต่ใครจะไปรู้ว่าตัวผมคือตัวซวยของคนรอบข้าง ผมน่ะมีศัตรูมาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องของแม่เสียด้วยซ้ำ

แค่คิดว่าน้าลีต้องตายเพราะตัวผม หัวใจของผมก็เจ็บปวดมากขึ้นไปอีก

“ขวัญพัฒน์ เป็นอะไรไป” คุณธนิกถามย้ำอีกครั้ง สีหน้าของเขาในตอนนี้เจือไปด้วยความห่วงใย “ไม่สบายเหรอ”

“ผมปวดหัวครับ ขอขึ้นไปนอนพักนะครับ” ผมอยากจะขอหลบอยู่ในห้องนอนเพื่อร้องไห้ออกมาเงียบๆ เพียงคนเดียว

“กินข้าวกินยาก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่เอามาให้ รอเดี๋ยวนะ” คุณธนิกพูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่ครัว ผมจะร้องห้ามก็ไม่ทัน

คุณธนิกก็เป็นอีกคนที่เข้าใจยากและอันตราย เขาประกาศตัวแล้วว่าเป็นศัตรู แต่ตอนนี้เราผูกมิตรชั่วคราวเพื่อผลประโยชน์ ทว่าบางครั้งเขาก็ทำตัวไม่เหมือนศัตรูเลย เขาดูแลและเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดี ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำ เขาก็ยังทำเรื่องชวนให้เข้าใจผิดแบบนี้ เมื่อเช้าก็พูดจาใจร้าย แต่พอตกเย็นก็มาทำดีด้วย แม้ว่าผมจะไม่อยากรู้สึกอะไรกับเขาอีกแล้ว แต่บางทีก็อดที่จะใจเต้นแรงด้วยไม่ได้

ในอีกห้านาทีต่อมาคุณธนิกก็กลับมาพร้อมโจ๊กคัพที่วางบนถาดเงินซึ่งในนั้นมีกระปุกยาพารากับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ววางอยู่ด้วย เขาถือถาดมาวางลงตรงหน้า “กินแบบนี้ไปก่อนนะ ป่วยกะทันหันแบบนี้ทำของดีๆ ให้ไม่ทัน”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมกินอะไรก็ได้ โจ๊กนี่ก็ดีมากแล้ว เมื่อก่อนเวลาผมป่วยผมก็อยากให้น้าลีซื้อมาทำให้กินเหมือนกัน แต่พวกเราไม่มีเงิน พวกเราน่ะลำบากถึงขนาดที่ว่าบางวันก็ไม่มีข้าวกินเลย”

ตอนอยู่มอต้นผมเคยคิดหนีออกจากบ้านเพราะไม่อยากอยู่เป็นภาระของน้าลี ผมไปหลบอยู่ที่บ้านร้างในซอยถัดจากบ้านเช่าของผม ทั้งน้าลีและไอ้หลงออกตามหากันแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ผมจำเรื่องในตอนนั้นดี เพราะเมื่อหาผมเจอน้าที่มักจะชอบลงโทษเวลาผมดื้อกลับไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย น้าเอาแต่ร้องไห้แล้วก็พูดว่าขอโทษ น้าเข้าใจผิดว่าผมทนอยู่กับความลำบากไม่ไหวก็เลยหนีออกจากบ้าน ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย

ผมก็แค่ไม่อยากเป็นภาระ...ผมคิดเท่านั้นจริงๆ

“ร้องไห้ทำไมขวัญ” คุณธนิกใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ “ปวดหัวมากเหรอ”

ผมพยักหน้า ไม่สามารถพูดบอกสิ่งที่กำลังคิดให้เขาฟัง เพราะคุณธนิกไม่ใช่คนที่ผมไว้ใจได้ เขาน่ะเป็นแค่คนที่มีผลประโยชน์เอื้อต่อกันและใจร้ายมากๆ คนหนึ่งเท่านั้น

“กินโจ๊กอีกสักคำแล้วค่อยกินยา”

ความอ้างว้างและความโดดเดี่ยวที่เกิดขึ้นในใจ ยาพาราที่เพิ่งกินเข้าไปก็ไม่สามารถบรรเทาลงได้ หัวใจของผมเจ็บ มันเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเอาแต่คิดว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ทั้งที่ผมก็แค่อยากมีชีวิตปกติสุขเหมือนอย่างคนอื่นๆ แต่ผมกลับต้องมาอยู่ในบ้านที่ราวกับเป็นห้องขัง หวาดระแวงว่าจะมีใครสักคนมาทำร้าย และยังต้องคอยต่อสู้กับผู้คุมใจร้ายอย่างคุณธนิก เหตุผลที่ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปนั้นแทบไม่มีเลย ความจริงถ้าผมตายไปก็คงดีกับทุกคน ผมไม่ควรเกิดมาด้วยซ้ำ ผมควรจะหายไปซะที...









“ขวัญ...ขวัญ!” ธนิกร้องเสียงดังลั่น แค่เพียงไม่กี่นาทีที่เอาแก้วน้ำและถ้วยกระดาษไปไว้ในอ่างล้างจาน พอกลับมาดูอาการคนป่วยก็เห็นว่ากำลังทำเรื่องไม่เข้าท่า ขวัญพัฒน์กำลังเทยาเม็ดสีขาวออกจากกระปุกจนเต็มกำมือและเอาเข้าปากอย่างรวดเร็ว เขาสาวเท้าเข้าไปอย่างรีบเร่ง ปัดมือนั้นออก บังคับให้คนที่กำลังน้ำตานองหน้าคายสิ่งที่พยายามกลืนเข้าไปออกมา เขาทุบที่หลัง ถือวิสาสะสอดนิ้วเข้าไปในโพรงปาก กวาดเอาของที่อาจจะตกค้างอยู่ในนั้นออกมา ก่อนจะยกร่างของคนที่เอาแต่ร้องไห้ไปที่ห้องน้ำ

ขวัญพัฒน์ตัวสั่นเทา ไม่ดิ้นขัดขืน เอาแต่นั่งเงียบอยู่ในอ่างอาบน้ำพลางปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาไม่ขาดสาย

“เป็นอะไรไป! ทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้น!” คนร้อนใจเอาแต่ตะคอก มือใหญ่ที่กำลังใช้น้ำเย็นเข้าลูบใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นสั่นเทาไม่แพ้กัน “จะตายไม่ได้...ขวัญห้ามตาย ได้ยินพี่พูดมั้ย!”

“ผมไม่อยากอยู่แล้ว” น้ำเสียงของขวัญพัฒน์ทำเอาคนฟังสั่นไหวไปทั้งใจ เด็กหนุ่มปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น หวังให้หัวใจที่ถูกบีบรัดนั้นคลายแรงลงบ้าง

“ขวัญต้องอยู่” ธนิกบอกเสียงเข้ม สองแขนโอบรั้งตัวคนตัวเล็กกว่าเข้าหา อ้อมกอดที่แข็งกระด้างของเขารัดแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะตายก็ช่าง แต่ขวัญตายไม่ได้”

“ผมจะเซ็นทุกอย่างให้ก่อนตายครับ ผมไม่ลืมสัญญาของเรา” คนในอ้อมกอดบอกด้วยเสียงสั่นเครือ “คุณธนิกให้ผมตายนะครับ”

“เด็กโง่!” เขาตะคอก ความปวดร้าวแล่นริ้วเข้ามาในใจ “พี่ขอโทษ...พี่ขอโทษ”

“ผมจะทำยังไงดีครับ ถ้าทุกคนที่ผมรักต้องมาตายเพราะผม ผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม”

“อยู่เพื่อพี่...ตั้งแต่ที่ขวัญรับข้อเสนอของพี่ ขวัญก็มีหน้าที่ที่ต้องอยู่เพื่อพี่แล้ว เข้าใจมั้ย”

“ผมไม่...”

“บ้วนปากก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาไปนอน”

ฆาตกรที่ชั่วร้ายที่สุดก็คือความคิด บางครั้งเจ้าความคิดนี้ก็นำพาความสุขมาให้ แต่บางครั้งก็กลายเป็นเหมือนฆาตกรโรคจิตที่เอาแต่ใช้อาวุธแหลมคมแทงเข้าไปที่หัวใจไม่ยั้ง ขวัญพัฒน์นั้นปล่อยให้ความคิดของตัวเองกลายร่าง จมจ่อมอยู่กับมันแล้วกล่อมตัวเองให้ติดอยู่ในวังวนนั้น เด็กหนุ่มที่ไม่ประสาจึงถูกจัดการได้ง่ายๆ

ธนิกอุ้มร่างของเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมแขน เขาตัวสูงกว่าไม่มาก แต่กำลังวังชานั้นคงมีมากกว่าหลายเท่า ขวัญพัฒน์มองเขาในขณะที่เขาพาเดินขึ้นไปยังชั้นสอง เดินตรงไปยังสุดทางโดยเลยผ่านห้องของขวัญพัฒน์ไป เขาพาไปที่ห้องนอนใหญ่ เปิดประตูเข้าไปในนั้นแล้ววางขวัญพัฒน์ลงบนเตียงหนานุ่ม

“พี่จะไม่ปล่อยให้ขวัญอยู่คนเดียว” เขาบอกด้วยเสียงหนักแน่น กดจูบลงมาที่ขมับ ในขณะที่ขวัญพัฒน์หลับตารับสัมผัสจากเขา “เอาล่ะทีนี้ คุยกันหน่อยมั้ย”

ขวัญพัฒน์ส่ายหน้า พลิกตัวไปอีกทาง แต่มือใหญ่กลับรั้งที่ไหล่แล้วพาให้กลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง “ต่อจากนี้ขวัญต้องบอกพี่ทุกเรื่องที่ขวัญกำลังคิดหรือรู้สึก ต่อให้พี่จะไม่ใช่คนที่หวังดีกับขวัญเต็มร้อย แต่พี่แน่ใจว่าพี่เป็นคนเดียวที่ไม่อยากให้ขวัญตาย”

“แล้วคุณธนิกบอกผมได้มั้ยครับว่ามีใครบ้างที่คิดกำจัดผม” ขวัญพัฒน์สบตากับเขาตามตรง โดยที่เขาก็ไม่หลบเลี่ยง ใบหน้าของเขาสงบอย่างที่จ้องมองมา ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ให้ตีความได้แม้แต่น้อย

“ไม่ใช่เรื่องที่ขวัญต้องรู้”

“บอกไม่ได้เหรอครับ” ขวัญพัฒน์ยิ้มหยัน “เพราะคนคนนั้นคือแม่ของคุณธนิกเหรอครับ คุณธนิกถึงไม่บอกผมว่าปิศาจชั่วที่ทำลายครอบครัวผมเป็นใคร ทั้งแม่ที่ให้กำเนิดผม ทั้งน้าลี แล้วก็ไอ้หลง ถูกปิศาจตนนั้นจัดการไปทีละคน”

ข้อความจากเขมินทรานั้นยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของขวัญพัฒน์ แม้ทุกครั้งที่คุยกันแล้วเด็กหนุ่มจะทำการลบบทสนทนา ทว่าข้อความนี้เป็นข้อความเดียวที่จำได้ไม่ลืม ขวัญพัฒน์อ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับคนถูกหมัดหนักๆ จนหัวสมองมึนงง





เขมินทรา: แม่ของพี่ธนิกฆ่าแม่ของพวกเรา แล้วนังนั่นก็ฆ่าน้าลีที่เลี้ยงพี่มาด้วย เพราะน้าลีคิดจะพาพี่ไปหาพ่อ นังนั่นก็เลยกำจัดน้าลีให้พ้นทาง





ขวัญพัฒน์ไม่ได้ตอบข้อความกลับไป ปัดความสงสัยที่เขมินทรารู้ความเป็นไปของตัวเองเพราะความคิดเอาแต่มุ่งตรงไปที่การตายของน้าผู้เป็นที่รัก

“พี่ไม่รู้” ธนิกบอกเสียงเรียบ “พี่ไม่รู้หรอกว่าแม่ของพี่ทำอะไรลงไปบ้าง อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ ขวัญไม่ควรกล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐาน แต่พี่อยากถามว่าขวัญรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

“ผมจะรู้มาจากไหนไม่สำคัญหรอกครับ”

“สำคัญสิ...สำคัญมาก” เขาสบตากับขวัญพัฒน์ ความจริงจังแฝงอยู่ทุกคำที่เขาพูด “แต่พี่ว่าพี่พอเดาได้ว่าใครเป็นคนพูด เจอกันแล้วใช่ไหม”

“เจออะไรครับ”

“ขิม” น้ำเสียงของเขาเย็นชาเมื่อเอ่ยชื่อนี้ “ขวัญเจอแล้วใช่ไหม”

ขวัญพัฒน์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ตั้งใจเอาความเงียบเป็นคำตอบ เด็กหนุ่มเบือนสายตาหลบ ฟันขาวเผลอกัดริมฝีปากล่าง แต่ก็ถูกนิ้วของคนตั้งคำถามเกลี่ยออกให้

“พี่อยากให้ขวัญรู้ไว้นะ จะเชื่อหรือไม่พี่ไม่บังคับ แต่คนอีกคนที่อยากให้ขวัญตายก็คือขิม”

ขวัญพัฒน์ถอนหายใจออกมา “เหรอครับ แม้แต่น้องชายของผมก็อยากให้ผมตายเหรอ”

“อืม”

“แล้วคุณธนิกล่ะครับ คุณธนิกอยากให้ผมตายมั้ย”

“พี่พูดไปแล้ว”

“ผมอยากฟังอีกครั้ง”

“ไม่พูด”

“พูดหน่อยนะ”

“อย่าอ้อนเลย” เขาก้มลงให้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ในระยะประชิด “พี่ไม่พูดหรอก แต่พี่อยากให้ขวัญให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองอีก”

“ผมไม่เคยคิดจะตายหรอกครับ แต่วันนี้มันชั่ววูบไปหน่อย ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ ผมจะมีชีวิตอยู่ไปจนกว่าจะได้ยกทุกอย่างให้คุณธนิกครับ”

“ดีมาก” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของขวัญพัฒน์ ความอ่อนโยนนี้แผ่กระจายโอบล้อมคนทั้งสองเอาไว้ “ขวัญมีหน้าที่ต้องอยู่เพื่อพี่แล้ว”

“ครับ” ขวัญพัฒน์พยักหน้า ใบหน้านั้นแดงก่ำเพราะสัมผัสอ่อนโยนจากเขา “คุณธนิกจะทำมั้ยครับคืนนี้ ผมเตรียมใจแล้วครับ”

“ไม่ล่ะ” เขาปฏิเสธ “พี่อยากให้ขวัญพักผ่อน ไว้พร้อมเมื่อไหร่เราค่อยมามีความสุขด้วยกัน”

“คุณธนิกจะพาขึ้นสวรรค์เหรอครับ”

“ให้ขวัญตัดสินเองดีกว่าว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์”

“ต้องเป็นนรกแน่เลย เพราะคุณธนิกเป็นซาตาน”

เขาเป็นซาตานที่ใจร้าย แต่บางทีก็อ่อนโยนผิดวิสัยซาตาน

“หลอกด่าพี่เหรอ” เขาถามเสียงกลั้วหัวเราะ “แต่อยากด่าก็ด่าไปเถอะนะ พี่ไม่แคร์”

“หน้าด้านมากๆ ครับ ชอบเลย”

“ชอบคนหน้าด้านเหรอ”

“ครับ ยิ่งหนาแบบปูนซีเมนต์ที่ไม่สะเทือนต่ออะไรเลยนี่ผมยิ่งชอบครับ ชั่วได้ใจดี ไอดอลครับ”

“พี่จะถือเป็นคำชม เอาล่ะตอนนี้พี่จะไปอาบน้ำ ขวัญจะรอหรือหลับไปก่อนก็ได้ แต่...” เขายกมือขึ้นชี้หน้าขวัญพัฒน์ ทำราวกับกำลังสั่งสอนเด็กอนุบาลที่ชอบเล่นซน “ห้ามทำอะไรไม่เข้าท่า เอ...หรือจะจับมัดมือมัดเท้าไว้ดี”

“ผมไม่ทำอะไรหรอกครับ” ขวัญพัฒน์รีบพูด “ผมสาบานครับคุณธนิก”

“ไหนมาจูบสาบาน” เขาก้มหน้าลงไปใกล้อีกครั้ง “จูบหน่อยครับ”

ขวัญพัฒน์จึงต้องผงกหัวขึ้นแล้วจูบที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ มันเป็นการจูบที่รวดเร็วหรือเรียกได้ว่าแค่เอาริมฝีปากแตะกันอย่างผะแผ่วเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับโยกศีรษะขวัญพัฒน์ไปมาอย่างพอใจ

“เห็นมั้ย เวลาขวัญไม่ดื้อพี่ก็เป็นคนใจดี”

“ผมจะไม่ดื้อครับ” ขวัญพัฒน์บอกเสียงหนักแน่น แม้จะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีแล้วแต่ก็ยังไม่กล้าถามออกไป เอาแต่ลังเลจนเขาดีดหน้าผากเข้าให้

“มีเรื่องอะไรจะพูดงั้นเหรอ”

“เอ่อ...คือว่าพรุ่งนี้ ผมอยากขอออกไปข้างนอก”

“ไปข้างนอกเหรอ” เขามีสีหน้าครุ่นคิด “ไปทำไม ที่ไหน แล้วไปกับใคร”

“ผมต้องตอบทั้งหมดเลยเหรอครับ”

“ต้องตอบครับ เป็นเรื่องจำเป็น”

“ที่ร้านกาแฟในห้างครับ ผมมีนัดกับไอ้แนน ผมอยากพามันไปกินกาแฟแพงๆ เพราะว่าตอนนี้ผมมีเงินแล้ว คุณธนิกให้เงินผมไว้ตั้งหนึ่งพันบาท ผมก็อยากจะออกไปเที่ยว...” ขวัญพัฒน์โกหกเขาซะแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูดเกี่ยวกับเขมินทรา แต่ก็ไม่อยากฟังความข้างเดียว แม้เขมินทราจะมีอะไรหลายอย่างให้ชวนสงสัย แต่ขวัญพัฒน์ก็ยังอยากไปพบ ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะชวนเพื่อนซี้ไปเป็นเพื่อนด้วย หากเกิดอะไรขึ้นก็คงช่วยกันสู้ได้

ข้อมูลการตายของน้าลีสำคัญกับขวัญพัฒน์มากที่สุดในตอนนี้และก็อยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขมินทราต้องการอะไรกันแน่

ขวัญพัฒน์ไม่ได้คิดว่าตัวเองฉลาดที่จะไปล้วงคองูเห่าเพื่อหาความจริง แต่การไม่ทำอะไรเลยแล้วรออยู่แค่ในบ้าน มีธนิกคอยปกป้อง เด็กหนุ่มก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าท้ายที่สุดแล้วจะต้องเจอกับอะไร อาจจะถูกหักหลังเมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมดแล้วก็ได้ ตอนนี้จึงต้องคอยคิดหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง เพราะหากพบว่าแท้จริงแล้วตัวเองยืนอยู่ผิดข้าง ขวัญพัฒน์ก็คงไม่เหลือแม้แต่ชีวิต

“ได้สิ พี่จะขับรถไปส่ง แล้วจะกลับกี่โมงก็โทรมาบอก จะให้ลุงกล้วยไปรับ” ธนิกเอ่ยปากอนุญาต แววตาดำขลับนั้นมองสำรวจใบหน้าขวัญพัฒน์ เห็นร่องรอยคำโกหกคำโตอยู่เต็มไปหมด แต่เขาก็ยังอนุญาต

“ไม่ต้องหรอกครับ ไม่ต้องลำบากหรอก ผมจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปครับ”

“มันเสี่ยงเกินไป มอเตอร์ไซค์นี่เป็นของอันดับหนึ่งที่สามารถทำให้ตายด้วยอุบัติเหตุได้ เคยขี่อยู่ดีๆ แล้วถูกสิบล้อพุ่งชนมั้ยล่ะ”

“ถ้าผมเคยผมจะมาอยู่ตรงนี้เหรอครับ” ขวัญพัฒน์ถามพลางคิดภาพสยอง “คงเหลือแต่ชื่อไปแล้ว”

“เพราะงั้นพี่ถึงจะไปส่ง”

“ผมนั่งแท็กซี่ก็ได้ครับ”

“เคยเจอแท็กซี่ทุบหัวกลางทางแล้วขว้างทิ้งในพงหญ้ามั้ย”

ขวัญพัฒน์ยิ้มแหย “คุณธนิกคิดมากเกินไปแล้ว กลางวันแสกๆ ไม่มีใครทำเรื่องไม่ดีหรอก”

“คนเราน่ะตายได้ง่ายๆ เลยนะขวัญ อย่าประมาทดีกว่า พี่ไปส่งดีแล้วล่ะ”

“แต่ว่า...”

“ขวัญบอกพี่ว่าไง ขวัญบอกว่าจะไม่ดื้อ”

ขวัญพัฒน์พรูลมหายใจ “ก็ได้ครับ”

“น่ารัก” เขาหยิกแก้มพลางคลี่ยิ้มให้ “พี่ชอบเวลาขวัญน่ารัก”

ขวัญพัฒน์ปัดนิ้วเขาออกจากแก้ม แล้วพลิกตัวไปอีกทาง ไม่อยากให้เขาเห็นหน้าแดงๆ ในตอนนี้ ขวัญพัฒน์ไม่ชอบที่ตัวเองแสดงความรู้สึกออกทางสีหน้าโดยไม่สามารถควบคุมได้ ในขณะที่เขามีสีหน้าที่อ่านไม่ออก แต่ขวัญพัฒน์กลับถูกเขาอ่านได้ขาด

“ขวัญครับ” เขากระซิบ จมูกโด่งเป็นสันของเขาคลอเคลียที่ใบหู “เรื่องเมื่อเช้าพี่ขอโทษนะ ถ้าขวัญสัญญาว่าจะไม่ดื้อกับพี่ พี่ก็สัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องแย่ๆ กับขวัญอีก จนกว่าข้อตกลงของเราจะจบลง พี่จะเป็นคนที่ปกป้องและดูแลขวัญนะครับ หันหน้ามาหอมแก้มให้รางวัลพี่หน่อยสิ”

“ไม่ล่ะครับ ผมจะนอนแล้ว”

“ขวัญพัฒน์” เพราะเขาเรียกชื่อด้วยเสียงอ้อนๆ ขวัญพัฒน์จึงยอมหันหน้าไป แต่เขารออยู่แล้ว ราวกับรู้ว่าหากรออยู่ในระยะใกล้แบบนี้ ริมฝีปากของพวกเขาจะต้องสัมผัสกัน “ให้คิดว่าในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน พี่เป็นแฟนของขวัญก็ได้”

“ผมไม่คิดหรอกครับ เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง” ขวัญพัฒน์เม้มริมฝีปาก ไม่ยอมให้ปลายลิ้นที่กำลังแลบเลียรุกล้ำเข้ามาได้

ธนิกละความพยายาม ผละใบหน้าออกเล็กน้อย แล้วประสานมือเข้ากับมือของคนปากแข็ง ความอุ่นวาบจากฝ่ามือแผ่กระจายอยู่ในใจของขวัญพัฒน์ ในขณะที่เจ้าของความอุ่นนี้กระซิบเสียงพร่าถามว่า “อยากให้เป็นเรื่องจริงเหรอ”

“ไม่ครับ” ขวัญพัฒน์ตอบในทันที แม้น้ำเสียงจะแผ่วเบามากแค่ไหนก็ตาม

“ดีแล้ว ขวัญคิดแบบนั้นก็ดี อย่าคิดอะไรกับพี่เลย เพราะพี่เป็นคนใจร้าย” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ สำทับความใจร้ายของตัวเขาด้วยจูบที่ดุดัน ริมฝีปากของขวัญพัฒน์ถูกบดขยี้ ในโพรงปากถูกลิ้นของเขาเข้าสำรวจ ควานหาความหวานอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะผละออกไปเพียงครู่ให้คนที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวได้พักหายใจ “พี่รักขวัญไม่ได้ แต่พี่พาขวัญไปขึ้นสวรรค์ได้”

“ไปอาบน้ำเถอะครับ” ขวัญพัฒน์ยกมือขึ้นโอบใบหน้าหล่อเหลาของเขาเอาไว้ “ผมเข้าใจคุณธนิกดีแล้วล่ะ อย่าพูดย้ำอีกเลยนะครับ”

“ทำไม...คำพูดของพี่ทำให้ขวัญเจ็บเหรอ”

“ผมเจ็บครับ” ขวัญพัฒน์ตอบรับตามตรง แววตาอ้อนวอนมองเขาราวกับกำลังขอความเมตตา

“งั้นเราจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ขวัญก็อย่าดื้อกับพี่นะ เราจะมีความสุขด้วยกัน”

“ขายฝันเก่งจังครับ”

“นั่นสินะ พี่ก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเก่ง”

ในตอนนี้ขวัญพัฒน์ปรารถนาเพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือการลืมเลือนใบหน้าของเขา คำพูดของเขา และรอยยิ้มของเขา หากมีใครทำความปรารถนานี้ให้เป็นจริงได้ ไม่ว่าคนคนนั้นต้องการสิ่งใด ขวัญพัฒน์ก็จะพยายามหามาให้

“พรุ่งนี้เรายังจะคุยกันดีๆ แบบนี้อีกมั้ยครับ”

เขายิ้มกว้าง มองขวัญพัฒน์ด้วยความเอ็นดู “ถ้าขวัญไม่ทำเรื่องจนพี่หงุดหงิด พรุ่งนี้พี่จะพูดหวานๆ กับขวัญทั้งวัน”

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ แค่ปกติก็พอ”

“ไม่ได้หรอก พี่ชอบพูดหวานๆ กับขวัญ แล้วพรุ่งนี้พี่จะปลุกขวัญด้วยจูบหวานๆ ด้วยนะครับ เป็นบริการเสริมพิเศษ ปลอบใจกับเรื่องวันนี้”

“พรุ่งนี้เลยเหรอครับ” ขวัญพัฒน์เอียงคอมอง แววตาอ้อนจนคนถูกมองแทบทนไม่ไหว “วันนี้เลยได้มั้ย”

“ขวัญพัฒน์” เขาร้องเรียกอย่างยอมแพ้ ก่อนจะยอมมอบจูบหวานๆ ให้ก่อนเวลา เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้าของขวัญพัฒน์ แตะริมฝีปากลงผะแผ่วและอ้อยอิ่ง เน้นย้ำตรงนั้นตรงนี้แล้วมาหยุดที่ริมฝีปาก เขาเริ่มจากการละเลียดชิมริมฝีปากล่าง ลิ้นของเขาเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ ขวัญพัฒน์มองเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัวแรง สองแขนที่ไม่คิดผลักไสก็ยกขึ้นโอบรอบลำคอหนา

“พอแล้วครับ” ขวัญพัฒน์อาศัยจังหวะที่ริมฝีปากของเขาผละห่างออกไปพูดขึ้นมา “พรุ่งนี้ค่อยทำใหม่นะ”

“พอแล้วเหรอ” เขาจ้องมองมาด้วยความเสียดาย แต่เมื่อขวัญพัฒน์พยักหน้าเขาก็ไม่เซ้าซี้ต่อ “งั้นนอนนะครับ ฝันดีนะ”

“ครับ คุณธนิกก็อาบน้ำแล้วรีบๆ มานอนนะครับ”

“พี่จะรีบมานอนข้างๆ ขวัญเลย”

ธนิกรับปาก แล้วเขาก็หายไปอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง ขวัญพัฒน์อ่านหนังสือรอเขา เลือกหยิบเอาหนังสือจากตู้หนังสือในห้องมาหนึ่งเล่ม เป็นหนังสือการ์ตูนที่เขาสะสมไว้ ขวัญพัฒน์แน่ใจว่าเขาคงไปขนมาจากห้องที่บ้านที่เขาเคยอยู่แน่ เพราะมีร่องรอยการอ่านไม่ต่ำกว่าสองครั้ง ไม่ใช่เป็นหนังสือเล่มใหม่ที่แค่ซื้อมายัดๆ ใส่ตู้ไว้

ขวัญพัฒน์ใช้เวลาอ่านแค่เพียงไม่นานก็ต้องยอมแพ้ โบกมือลาเข้าสู่นิทราไปเรียบร้อย ทั้งที่เนื้อเรื่องก็สนุกแต่คงเป็นเพราะเหนื่อยอ่อนจากการคิดวุ่นวายมาทั้งวันแถมยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนก็เลยทำให้หลับไปได้ง่ายๆ

ธนิกออกจากห้องน้ำ เขาสวมกางเกงนอนเพียงตัวเดียว เดินมาที่เตียงก็เห็นว่าขวัญพัฒน์หลับไปแล้ว เขาผ่อนลมหายใจพลางนั่งลงเคียงข้าง มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะของเด็กหนุ่มอย่างใจลอย

“เป็นเด็กที่โชคร้ายจริงๆ”

ภาพที่ขวัญพัฒน์กำลังกินยาทั้งกำมือนั้นยังติดตา ธนิกยกมือขึ้นลูบใบหน้า เขาไม่เคยคิดว่าเด็กหัวอ่อนคนนี้จะคิดเรื่องตายขึ้นมา แม้จะเดาได้ว่าอีกไม่นานหลายๆ อย่างคงบีบบังคับเจ้าตัวให้เป็นไปในทางนั้น แต่เขาก็มั่นใจว่าจะปกป้องเพื่อไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น

ปกป้อง...พูดให้ใครฟังก็มีแต่คนต้องหัวเราะ คนอย่างเขาน่ะหรือจะปกป้องลูกชายของเมียน้อยที่ทำให้มารดาของเขาต้องเจ็บช้ำใจมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เพราะขวัญพัฒน์ไม่มีพิษไม่มีภัย เด็กนี่ไม่ผิดอะไรเลย ทั้งที่หน้าตาเหมือนกันมากแต่นิสัยกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เด็กแฝดอีกคนนั่นต่างหากตัวปัญหา แต่มารดาของเขาก็ไม่ไว้วางใจขวัญพัฒน์

[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 02-08-2018 18:42:36
ครืด...ครืด...ครืด...

โทรศัพท์มือถือที่สั่นกราวอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงทำให้ธนิกสะดุ้งเล็กน้อย คงเพราะกำลังจ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของขวัญพัฒน์ราวกับต้องมนต์สะกด เขาจึงตกใจแค่กับเสียงสั่นเบาๆ ของโทรศัพท์มือถือ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์โทรเข้า ก่อนจะรีบรับสายทันที

“ครับแม่ กลับมาเมื่อไหร่ครับ”

[เมื่ออาทิตย์ก่อน] น้ำเสียงของธนิษฐายังคงเย็นชาแม้ว่ากำลังพูดกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน [ลูกล่ะเป็นยังไงบ้าง ไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องเลยหรือไง]

“พรุ่งนี้จะเข้าไปครับ”

[แล้วเด็กนั่นเป็นยังไงบ้าง มันยอมทำตามข้อเสนอของลูกไหม]

เด็กนั่นที่ธนิษฐาถามถึงนั้นกำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอยู่ในตอนนี้

“รับครับ ขวัญไม่มีปัญหาอะไรเลยครับแม่ ขวัญพูดง่าย เป็นเด็กดีมากๆ ครับ”

[ตอนลูกเจอเขมินทราแรกๆ ก็พูดแบบนี้ แล้วเป็นยังไง ลูกของงูพิษก็ยังคงเป็นงูพิษ คราวนี้ถ้าลูกใจอ่อนอีก เราจะไม่เหลืออะไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขมรัตน์ให้เอาไปบริจาคการกุศลยังดีซะกว่ายกให้ลูกของนังนั่น แม่ไม่อยากให้สายเลือดชั่วๆ ได้ทุกอย่างที่แม่สร้างมากับมือไปง่ายๆ]

“ผมทราบครับแม่ ผมเข้าใจครับ” ธนิกบอกเสียงแผ่ว “งั้นเรื่องของขวัญพัฒน์ แม่ปล่อยให้ผมจัดการนะครับ ผมรับปากว่าขวัญจะไม่สร้างความยุ่งยากให้แม่แน่นอนครับ”

[แม่จะรอดู] น้ำเสียงของปลายสายนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง [แล้วแม่ก็หวังว่าลูกจะไม่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง รู้มั้ยว่าเวลาคนเรามีความรู้สึกมากเกินไป ความล้มเหลวจะตามมา ลูกคงจะไม่หลงรักขวัญพัฒน์เหมือนที่เคยรู้สึกกับเขมินทราหรอกนะ]

ธนิกนิ่งงันไปกับคำถาม มือที่ลูบศีรษะของคนขี้เซาก็หยุดชะงัก เขาชักมือกลับแล้วกำหมัดแน่น “ไม่หรอกครับ ต่อให้หน้าเหมือนกัน...แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่ไม่เหมือน”

เขมินทราน่ะช่างอ้อนและเอาอกเอาใจ ทั้งฉลาด รู้ทันคน แต่ขวัญพัฒน์นั้นทั้งทึ่ม ทั้งซื่อบื้อ เอาใจก็ไม่เก่ง คำพูดคำจาก็ทื่อจนน่าขัน ทว่าหัวใจของเขากลับสั่นไหวทุกครั้งที่ถูกแววตาซื่อๆ นั้นมอง ถูกคำพูดทื่อๆ นั้นปลุกเร้า ขวัญพัฒน์ไม่เหมือนเขมินทราเลยสักนิด แต่คนที่เด่นชัดอยู่ในใจของเขาก็ยังคงเป็นเขมินทราอยู่ไม่จางหาย เป็นความเด่นชัดที่มีแต่ความร้ายกาจ ไม่มีแม้แต่ความเสน่หา ทั้งๆ ที่จำแทบไม่ได้แล้วว่ารูปร่างของเขมินทราเป็นอย่างไร เด็กคนนั้นไม่มาให้เจออีกเลย หายไปราวกับสลายตัวไปกับอากาศ

[ดีแล้วล่ะ] เสียงจากปลายสายเรียกสติของธนิกให้กลับคืน [ถ้าลูกบอกแบบนั้นแม่ก็สบายใจ ลูกน่ะยังต้องแต่งงาน มีหลานให้แม่]

“ครับแม่”

[ลูกเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่แม่รักและพอจะตั้งความหวังได้ อย่าทำให้แม่ผิดหวังนะธนิก]

“ไม่ครับ ผมไม่มีทางทำให้แม่ผิดหวัง”

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มของมารดา ภาพที่เห็นจนชินตาคือภาพที่มารดานั่งร้องไห้เงียบๆ คนเดียวในห้องนอน ความเจ็บช้ำจากผู้ชายที่รักทำให้มารดาของเขาตั้งแง่กับผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ ยกเว้นก็เพียงลูกชายเพียงคนเดียว

[แล้วตอนนี้ลูกพาเด็กนั่นไปอยู่ที่ไหน]

“คอนโดฯ ของผมครับ”

[อ้อ…บ้านเช่านั่นอยู่ไม่ได้แล้วเหรอ]

“อยู่ไม่ได้แล้วครับ เอ่อ...แม่ครับ ผมมีเรื่องอยากถาม” ความลังเลเกิดขึ้นในใจแค่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถามสิ่งที่อยากรู้ “แม่ได้ส่งคนไปที่บ้านเช่าของขวัญพัฒน์หรือเปล่าครับ”

[แม่ไม่ได้ทำ] ธนิษฐาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่แฝงความจริงจังอยู่ในนั้น [ลูกขอให้ไม่ต้องยุ่ง แม่ก็ทำตามสัญญา]

“เป็นคนของอาแขรึเปล่าครับ”

[ไม่น่าใช่ แขไขคงอยากเจอหลานของมันที่ยังใช้มือเซ็นเอกสารได้ คงไม่โง่ส่งมือปืนไปหรอก อีกอย่างเขมรัตน์ก็อาจจะยังอยู่ไปจนถึงกลางปีหน้า ขืนฆ่าเด็กนั่นตายตอนนี้ มันก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี แต่ถ้าเขมรัตน์อยู่ได้อีกไม่เกินสามเดือนก็ไม่แน่นักหรอก]

“แม่จะทำอะไรเหรอครับ” ธนิกถามด้วยอย่างร้อนใจ “ผมว่าพ่อยังอยู่ก็ดีแล้วนะครับ ยังไงตอนนี้บริษัทก็ยังเป็นของเรา เพราะแม่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าพ่อยังไม่ตาย พินัยกรรมนั่นก็ไม่มีความหมายอะไรเลย”

[ธนิก...อย่าห่วงเลยลูก แม่ไม่ทำอะไรหรอก ลูกคิดว่าแม่จะใจร้ายใจดำฆ่าคนได้ลงคอเลยหรือ]

“ผม…”

[ลูกน่ะแค่จัดการลูกของนังขวัญข้าวก็พอแล้ว เรื่องอื่นอย่าคิดเลย ปล่อยให้แม่จัดการเอง แต่จำไว้นะลูก ลูกของงูพิษต่อให้มันทำเชื่องแค่ไหน ยังไงก็ยังเป็นงูอยู่ดี ระวังด้วยนะ]

“ครับ”

ธนิษฐาขอตัววางสายไปแล้ว โดยทิ้งถ้อยคำให้ลูกชายได้ขบคิด ธนิกจ้องมองคนที่เป็นลูกของงูพิษ มองอย่างไรก็ไม่เห็นความร้ายกาจจากใบหน้าที่กำลังหลับใหลนี้ได้เลย

ขวัญพัฒน์น่ะเป็นเด็กดี แม้จะดื้อไปบ้าง แต่ก็จริงใจเปิดเผย เขาไม่เคยรู้จักมารดาของขวัญพัฒน์ ผู้หญิงที่ชื่อขวัญข้าวคนนั้นจะมีนิสัยอย่างไรก็ยากจะคาดเดา เขารู้แต่เพียงว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ทำให้มารดาของเขาต้องเจ็บช้ำใจ มารยาที่เจ้าหล่อนมีก็ใช้หลอกล่อเขมรัตน์ พ่อเลี้ยงของเขาให้เผลอมีสัมพันธ์ด้วย แต่เขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เขายังเด็กมากในตอนนั้นและรับฟังทุกอย่างจากมารดาที่มักจะร้องไห้แล้วพร่ำสาปแช่งหล่อนกับลูกในท้อง เขาจึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมารดาของขวัญพัฒน์คืองูพิษหรือไม่ หากตัดสินจากขวัญพัฒน์แล้วก็มีแต่ความลังเล เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกแกะไม่ใช่งูพิษ

“ขวัญครับ” เขาปัดปรอยผมที่ปรกหน้าผากให้พ้นทางก่อนจะบรรจงประทับริมฝีปากลงไป

“อื้อ...” เสียงของคนนอนที่ถูกกวนใจร้องท้วงเล็กน้อย แต่ตายังคงหลับพริ้ม

“พี่ทำเรื่องไม่ดีตั้งหลายเรื่อง แต่ทำไมยังมองพี่ด้วยสายตาแบบนั้น”

ขวัญพัฒน์เป็นคนที่รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกทางสีหน้าให้ได้เห็นจนหมด ยิ่งแววตาของเจ้าตัวยิ่งสื่อความหมาย ธนิกทำเรื่องไม่ดี ทำเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้ไปตั้งหลายครั้งแต่ขวัญพัฒน์ก็ยังมองมาด้วยแววตาที่ไร้ความเกลียดชัง

“ขวัญต้องเกลียดพี่รู้มั้ยครับ ต้องเกลียดพี่นะ ต้องเกลียดพี่ให้มากๆ”

“ไอ้...หลง” ขวัญพัฒน์ครางงึมงำ น้ำตาซึมชื้นออกทางหางตา ธนิกใช้นิ้วโป้งเกลี่ยออกให้อย่างเบามือ

“ฝันร้ายอยู่สินะ”

แม้จะสงสารมากเพียงใดที่ก็ช่วยเหลือมากไปกว่านี้ไม่ได้ ธนิกรู้ดีว่าต่อจากนี้คงไม่มีคืนใดที่ขวัญพัฒน์จะได้นอนหลับฝันดีเลยสักคืน แต่เขาจะจับมือไว้อย่างนี้ ลูบศีรษะปลอบโยนไปจนกว่าฝันร้ายนี้จะหายไป หวังว่าคงจะช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของลูกแกะตัวนี้ลงได้บ้าง

“คุณธนิกครับ ขอบคุณนะครับ เค้กอร่อยจังเลยครับ ผมชอบครับ เค้กที่คุณธนิกเลือกให้อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ”

เพราะความใจดีมีแค่ในความฝัน ความจริงในบางครั้งก็ยังมีเรื่องที่โหดร้ายจนยากจะรับไหว ในความฝันของขวัญพัฒน์ที่หมุนเวียนเปลี่ยนเรื่องสลับไปมา กลับมีอยู่หลายครั้งที่ได้ไปนั่งดื่มกาแฟหอมๆ และทานเค้กแสนอร่อยกับคุณธนิกที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งท่ามกลางธรรมชาติ ได้ยินเสียงนกร้อง เสียงน้ำไหล คุณธนิกในฝันนั้นยิ้มแย้มอ่อนโยน คอยเอาอกเอาใจและมักจะมอบจูบที่แสนหวานให้ไม่รู้เบื่อ

ทว่าคุณธนิกคนนั้นไม่ได้มีอยู่บนโลกแห่งความจริง









ผมมีนัดกับเขมินทราตอนบ่ายโมง แต่คุณธนิกต้องเข้าบริษัทตอนเช้าเพราะมีประชุม ผมจึงต้องติดรถเขาไปด้วย เพราะจะให้เขาวนไปวนมาระหว่างบ้านกับบริษัทก็คงไม่ดี เสียเวลาและเสียค่าน้ำมัน

“หลับสบายมั้ย” เขายื่นนมมาให้ผม แทนที่จะเป็นกาแฟ

“สบายครับ” ผมตอบ รับแก้วนมมาจากเขา “ผมอยากดื่มกาแฟบ้าง เอาแบบทรีอินวันน่ะครับ อร่อยแล้วก็ถูกด้วย”

“มันเรียกว่ากาแฟเหรอ หรือแค่ใส่กลิ่นกาแฟลงไปเฉยๆ”

“กาแฟสิครับ มันมีหลายสูตรนะ บางซองก็ขม บางซองก็หวาน”

คุณธนิกคงเติบโตมาโดยไม่รู้รสชาติของกาแฟแบบซองทรีอินวันสินะ เพราะคนอย่างเขาคงเคยกินแต่กาแฟสด ถ้าถึงขนาดมีเครื่องชงกาแฟอยู่ในบ้านก็คงไม่ใช่เล่นแล้ว ส่วนไอ้เครื่องนั่นน่ะผมใช้ไม่เป็นหรอกครับ มีแต่อุปกรณ์ทรงแปลกๆ ก็เลยไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

“น้ำตาลเยอะ ไม่ดีต่อสุขภาพ ดื่มนมน่ะดีแล้ว”

ผมย่นจมูกใส่เขา “นมก็มีน้ำตาลนะ ผมเคยเรียนมา”

“งั้นมานี่มา มาดื่มนมพี่ นมพี่ไม่มีน้ำตาล สูตรหวานแต่น้ำตาลน้อยมาก” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ล็อกคอผมเข้าใกล้

“ไม่เอาครับไม่เอา ผมดื่มแค่นมนี่ก็พอครับ” ผมปฏิเสธ รีบขืนตัวออก “เล่นอะไรก็ไม่รู้”

เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินไปจัดการปิ้งขนมปังแล้วก็ทอดไข่ดาว ไม่นานนักอาหารเช้าของเราสองคนก็พร้อมเสิร์ฟ เรายืนกินกันที่เคาน์เตอร์ในครัวอย่างไม่พิถีพิถัน เขากินเร็วมาก กัดแค่สองคำขนมปังก็หมดแล้ว คงชินกับชั่วโมงเร่งด่วน ไม่เหมือนกับผมที่เช้าๆ อย่างนี้ต้องเขาไปซื้อซาลาเปาในเซเว่นแล้วก็จะนั่งชิวกินบนรถมอเตอร์ไซค์เพื่อรอรับลูกค้า

“คุณธนิกครับ ถ้าให้ผมไปด้วยจะให้ผมไปรอที่ไหนครับ คือผมจะไปกินกาแฟกับไอ้แนนตอนบ่ายโมง” ผมกำลังกังวลกับเรื่องนี้ เพราะเขาไม่ให้ไปรอที่ซุ้มวิน ทั้งที่ผมยืนยันแล้วว่าจะไปรอกับไอ้แนน พอบ่ายโมงก็จะไปที่ร้านกาแฟกันเลย แต่เขาไม่ยอม เขาให้เหตุผลง่ายๆ ว่าเขาเป็นห่วงเวลาผมไม่อยู่ในสายตา คำพูดน่ะหวานมากๆ ครับ แต่พอมาจากคุณธนิกแล้วผมก็เชื่อไม่ลง

“ห้องทำงานพี่ไง ขวัญไปรอที่นั่นได้”

“ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่อยากเดินเข้าบริษัทของคุณธนิก คนคงสงสัยกันใหญ่ถ้าผมไปรอที่นั่น งั้นผมนั่งรอที่ป้อมยามกับพี่เปี๊ยกก็ได้นะครับ”

“ร้อนจะตาย” เขาเริ่มขมวดคิ้ว คงระเบิดออกมาแน่ถ้าผมยังยึกยักไม่ทำตาม “ไปรอที่ห้องทำงานของพี่นั่นแหละ ใครจะสงสัยก็ช่างหัวมัน บอกไปเลยว่าเป็นเด็กพี่”

“เด็กคุณธนิก” ผมทวนคำ เลิกคิ้วขึ้นสูง “หมายถึงเด็กที่แบบ...”

เขาเหมือนจะรู้ความหมายที่ผมต้องการจะพูด จึงรีบบอก “แฟน...พูดคำว่าแฟนก็ได้”

“แต่คุณธนิกมีคู่หมั้นแล้ว” ขืนบอกไปว่าเป็นแฟน ผมก็กลายเป็นพวกหน้าด้านแย่งแฟนคนอื่นน่ะซี

“งั้นบอกไปเลยว่าเป็นเมียน้อย”

“หาาา”

เขาหัวเราะพลางโยกหัวผมไปมา “ล้อเล่นน่า...บอกไปว่าเป็นน้องชายคนสนิทก็แล้วกัน”

น้องชายคนสนิท...ใครฟังก็คงจะคิดว่าเป็นคู่นอนไม่ต่างจากคำอื่นหรอก หรือผมจะคิดมากไปคนเดียว เพราะคำว่าน้องชายคนสนิทอาจจะไม่ได้มีความหมายแฝง มีแต่คนที่ไม่บริสุทธิ์ใจต่างหากที่เอาแต่คิด แต่มันช่วยไม่ได้นี่...ก็ผมน่ะโดนเขาจูบ โดนเขากอด แล้วเราก็เคยทำกันมาแล้วด้วย

“จะดีเหรอครับ” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ แต่เขากลับยักไหล่สบายๆ

“ดีสิ แต่คงไม่มีใครกล้าถามหรอก ไปกับพี่จะกลัวอะไร” เขาคงเป็นเจ้านายที่ในเวลางานต้องดุมากแน่ๆ ถึงไม่มีใครกล้าหือกับเขา “พี่ไม่ให้ใครมากวนใจขวัญหรอกน่า”

“ผมไปรอกับพี่จอยได้มั้ย พี่จอยบัญชีน่ะครับ” ในบริษัทของเขาที่ทำงานอยู่ในตึกก็มีแค่พี่จอยเท่านั้นที่ผมรู้จัก อยากจะใช้โอกาสนี้ไปคุยกับพี่จอยด้วยที่คราวนั้นไม่ได้ไปส่งที่หน้าตึก ต่อให้ไอ้แนนจะอธิบายให้แล้ว แต่ผมก็กลัวว่าพี่จอยจะไม่เข้าใจ ผมรู้จักกับพี่จอยมานานก็ไม่อยากจะมีเรื่องหมางใจต่อกัน

“ก็ได้นะ คุณจอยเขามีห้องทำงานส่วนตัว ขวัญไปรอกับคุณจอยก็ได้”

“ดีจัง ขอบคุณครับ”

คุณธนิกยิ้มแล้วทำแก้มป่อง “ไหนรางวัล”

ผมลังเลเพียงครู่ จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อหอมแก้มเขา ยังไม่ทันจะได้ยืนพื้นเต็มเท้า เขาก็หอมกลับมา หอมไม่พอยังจะให้จูบมาด้วย

“ผมต้องโดนคู่หมั้นของคุณธนิกแหกอกเข้าสักวันแน่ครับ”

“เขาไม่ทำหรอกน่า” คุณธนิกบอกเสียงกลั้วหัวเราะ “คนสวยน่ะใจดีทุกคน”

“สวยมากมั้ยครับ”

“อยู่ในระดับที่ไม่มีใครกล้าจีบ เพราะสวยเกินไปล่ะมั้ง”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคุณธนิกพูดถึงคู่หมั้นของเขา “เธอชื่ออะไรเหรอครับ”

“ชื่อนิ่ม มาจากคำว่านุ่มนิ่ม แก่กว่าขวัญสักหกปีได้”

แก่กว่าผม งั้นเธอก็อายุ 27 ย่าง 28 ปี ผมอยากรู้จังเลยนะว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบไหน หน้าตายังไง

“คุณนิ่มตรงสเปคของคุณธนิกมั้ยครับ”

“ก็ตรงนะ ค่อนข้างดีทีเดียว”

“แล้ว...เอ่อ แล้วจะแต่งงานกันเมื่อไหร่เหรอครับ”

คุณธนิกทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “นั่นสินะ...รอฝ่ายหญิงเขาพร้อมล่ะมั้ง ตอนนี้เขาเรียนต่อ ปีหน้าก็คงจบแล้ว”

ถ้าตอนนั้นผมยังคงติดแหง็กอยู่กับเขา แล้วงานแต่งของเขาผมควรจะไปร่วมอวยพรหรือเปล่า ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ผมจะยินดีกับเขาได้มั้ยนะ

“คุณธนิกบินไปหาบ้างมั้ยครับ แล้วเวลาคิดถึงทำยังไง”

“ก็บินไปบ้าง ส่วนเวลาคิดถึงก็โทรหา แต่ไม่ได้โทรหาเลย เพราะไม่คิดถึง” ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น เพราะผมอ่านสีหน้าของเขาไม่ออก แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผมก็ไม่เกี่ยวด้วยอยู่ดี

“อ๋อ...ครับ” ผมตอบได้แค่นั้น เพราะนึกคำพูดไม่ออก เขามองมาแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผม

“ถ้ารู้ว่าเจ็บแล้วจะถามทำไมล่ะ” รอยยิ้มของเขาราวกับกำลังปลอบประโลม “เด็กโง่”

“ผมไม่เจ็บแล้วครับ ผมตัดใจจากคุณธนิกได้แล้ว”

“ดีๆ ทำได้ดีมาก”

เราต่างก็ยิ้มให้แก่กันแม้จะรู้แน่แก่ใจว่าไม่ได้พูดความจริง ผมโกหกตัวเองเพราะไม่อยากยอมรับ ส่วนเขาก็รู้ว่าผมโกหกแต่ก็ยังแกล้งเชื่อ

คุณธนิกครับ...ผมน่ะต่อให้ตัดใจไม่ได้ แต่ผมก็จะไม่ก้าวเข้าไปหาคุณธนิกหรอกครับ ผมอยากใช้สิทธิ์ของคนแอบรักโดยที่ไม่ไขว่คว้าหาโอกาสในการครอบครองและกำลังรอให้ความรักครั้งนี้มัันเลือนหายไปตามกาลเวลา ผมหวังว่าวันหนึ่งคุณธนิกจะกลายเป็นแค่ใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก เป็นแค่เพียงเงาจางๆ ในเศษเสี้ยวของความทรงจำที่ผมไม่นึกจำ

...............To be continue...........

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-08-2018 19:11:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 02-08-2018 19:12:04
คุณธนิกใจร้ายมากๆๆๆ สงสารขวัญ ฮืออออออออ เรื่องจะจบยังไงน้อ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-08-2018 19:13:16
ขอขเ้ามาติดตามด้วยคน เสียใจที่เห็นเรื่องนี้ช้า

เอาใจช่วยขวัญ ทั้งจน ทั้งซื่อ ทั้งหัวเดียวกระเทียมลีบ สงสารมาก รันทด คนเขียนอย่าใจร้ายสิ :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-08-2018 19:18:42
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 02-08-2018 19:19:24
เรื่องนี้กี่ตอนจบคะ ขนาดอ่านแค่คอมเม้นยังรู้สึกสงสารขวัญเลยอ่ะ ถ้าเรื่องยาวขวัญไม่ช้ำในตายก่อนหรออออ แค่ล่ะเรื่องของคุณสนัฟมีแต่เรื่องใสใสเหมือนวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ทั้งนั้น มันจะต้องมีสักคนที่กระอักเลือดเพราะรักทุกเรื่องเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 02-08-2018 19:46:14
ไม่ต้องพูดอะไร แต่เราอยู่ข้างขวัญเสมอนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-08-2018 19:57:04
อีนุงตุงนัง รักก็ไม่ได้ เลิกก็ไม่ได้ อยู่ที่ไหนก็อันตรายไปหมด เครียด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-08-2018 20:04:22
ขวัญคือเหยื่อของความแค้นสินะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-08-2018 20:04:57
หยอดตลอดคุณธนิกเนี่ย
ฉันแพ้ทางคนอย่างเธอออ~~
น้องขวัญสู้ๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 02-08-2018 20:32:32
อ่านมาตั้งแต่ต้น นี่ยังไม่ถึงจุดพีคสินะ
แต่แบบ แค่นี้ทำให้เราน้ำตาไหลมาก มันสะเทือนใจ
ทั้งตอนที่หลงตาย ทั้งตอนที่ขวัญพยายามฆ่าตัวตาย
มันเจ็บปวดจริงๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุทำให้คยรอบข้างที่ตัวเองรักตาย

คุณธนิก ในความรู้สึกคงเผยไต๋มาหมดแล้วมั้ง
ขริๆเย็นชา ดีกับขวัญเพราะผลประโยชน์
สงสารขวัญนะ อยากให้ถึงที่เซ็นสัญญาจริงๆ
จะได้ต่างคนต่างอยู่ หึ
อีกคนขิม เอาจริงๆ คนๆนี้ไม่น่าไว้ใจสุดๆ
และที่ส่งคนไปบ้านขวัญและฆ่าหลง
หรืออาจจะน้าลีด้วย ก็อาจจะคนๆนี้ก็ได้ หึหึ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-08-2018 20:36:33
เกิดมาเป็นแค่ขวัญพัฒน์ ทำไมชีวิตมันพลิกผันบัดซบขนาดนี้นะ ไว้ใจใครก็ไม่ได้เลย ไม่แปลกใจเลยที่ขวัญจะจมดิ่งกับความรันทดใจแล้วกรอกยาฆ่าตัวตายแบบนี้ เศร้าแทนขวัญมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-08-2018 20:40:29
ชีวิตของขวัญ  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 02-08-2018 21:19:53
เดี๋ยวคุณธนิกก็รักขวัญเองแหละเชื่อดิ  :sad4: :sad4: :sad4:
น้องขวัญของพี่ น้องต้องสตรองนะคะ พี่จะนั่งส่งพลังใจไปจากตรงนี้ ตรงหน้าจอมือถือนี้นะจ๊ะ :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-08-2018 22:06:27
ขวัญน่าสงสารอ่ะ
คงเครียดมากเลยสิ่นะปับสถานการณ์ที่เป็นอยู่
แต่แูเหมือนคุณธนิกเเงก็พอจะไว้ใจได้บ้างนะ
เห้อเเอ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: lukYRKM ที่ 02-08-2018 22:08:53
ถ้าเราเป็นขวัญเราก็คงทำเหมือนขวัญ คืออยู่ในที่ของเรา ถึงจะรักขนาดไหนถ้าเขาบอกว่าทำเพราะหลอก ทำเพราะเรามีผลประโยชน์ความรู้สึกเราคงเฟลน่าดู
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 02-08-2018 22:15:09
ทำไมขวัญต้องเจ็บปวดอะไรขนาดนี้ด้วยนะ เป็นกำลังใจให้น้องขวัญนะ เราจะต้องผ่านความเจ็บปวดนี้ไปด้วยกัน :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 02-08-2018 22:33:43
น้องขวัญเอ้ยยยยยยยยยยย /กอดปลอบและหอมหัว :กอด1:

โชคร้ายจริงๆ อย่างที่ธนิกพูดอ่ะ สงสารมาก ยิ่งตอนหมาคือนี่อินมาก น้ำตาพรูเลย  :hao5: :hao5: :hao5:

เราว่าขิมจะกำจัดขวัญ และปลอมตัวมาเป็นขวัญ เพื่อจะเอามรดกแน่ๆ อารมณ์แบบทั้งรักทั้งแค้นธนิกด้วยป่ะ ฮืออออออ แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารขวัญ เอาใจช่วยนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 02-08-2018 22:58:15
ปริศนาคลี่คลายเร็วมาก เร็วจนน่ากลัว ไม่กล้าเดาอะไรเลย เดี๋ยวหน้าแหก โฮฮฮฮฮ.  แล้วการระทำที่เหมือนใส่ใจของคุณธนิกอย่างเพ้นท์รูปเรือให้ด้วยตัวเองเนี่ย จะไม่เก็บเอาไปมโน จะไม่เก็บเอามาคิดอีกแล้ว จะปล่อยเบลอทุกการกระทำดีๆของนาง ฮือออ เข็ดหลาบเหลือเกิน

ทุกสิ่งดีๆที่คุณธนิกทำเพราะเค้าเฟรนด์ลี่ เป็นคนยุติธรรมิ(?) และรักแต่ประโยชน์ส่วนตน(?)ใช่มั้ย ใจดีแม้กระทั่งกับลูกของคนที่แม่เกลียด พอหงายการ์ดเล่าเรื่องของมุมตัวเองบ้าง ดันมารู้สึกเจ็บปวดตอนเห็นขวัญกินยาอีกอ่ะ!! บ้าไปแล้ว!!!!! สิ่งดีๆที่เค้าทำมันทำให้คิดไกล ละคือทำอย่างเนี้ยจะต้องสร้างใยเหล็กคลุมใจแค่ไหนถึงจะไม่เผลอคิดไปไกลกับสิ่งที่เค้าทำให้อ่ะ!!!!!

ร้องไห้งอแงดีดิ้น ๆๆๆๆ มา!!! เอามาให้หมดเลย ดราม่าแค่ไหนเราก็จะรับได้!!!!! ฮือๆๆๆ

ปล. ตอนแรกคิดเล่นๆว่าหลงอาจจะโดนยาเบื่อแน่ๆกลับบ้านช้า เปล่าจ้าาาา ปรากฎว่ามันร้ายแรงกว่านั้น ฮืออ เสียใจที่หมาน้อยตาย ขิมทำแน่ๆเลยใช้มั้ย!? นังคนร้ายกาจจจจจจจ ต่อไปเธอคิดจะทำอะไรอีก!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 02-08-2018 23:09:29
ยุ่งเหยิงอีรุงตุงนังไปหมด แบบนี้สิถึงจะเป็นsnuffelph
เท่าที่เดาจากสถานการณ์คือเหี้ยหมดทุกตัว ทั้งคุณธนิก แม่คุณธนิก ขิม
แม่คุณธนิกนี่เลวจริง กรอกหูลูกชายว่าเมียน้อยพ่อ(แม่ขวัญ)ชั่ว เพราะตัวไม่สมหวังในความรัก และไม่ได้สมบัติทั้งหมด

ขิมนี่ก็ชั่ว น่าจะแสบเอาการ จอมวางแผน ไม่แน่รูปที่ส่งให้ขวัญก็อาจจะมันนี่แหละบงการมัดมือมัดเท้าน้าลี ที่ยอมเซ็นไม่รับมรดกก็อาจจะเป็นแผน เพราะดูจากที่คุณธนิกเปรียบเทียบขิมขวัญแล้วขิมในตอนนั้นก็ไม่ใสเลย

คุณธนิกนี่โง่ที่เชื่อแม่หมดทุกอย่างจนทำร้ายคนอื่น แต่ก็ให้คะแนนตรงที่ยอมเผยไต๋ออกมาบ้าง

ขวัญพัฒน์ = น้องปลื้ม ง่ายๆ สั้นๆ ได้ใจความ

รอดูต่อไป เรื่องนี้ต้องมีคนตาย ไม่ก็ติดคุก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 02-08-2018 23:15:10
ทำไมขวัญต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย

ทั้งๆที่ไม่เคยอยากได้อะไรเลย ชีวิตสงบแต่แรกก็ดีแล้วแท้ๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2018 23:21:25
 สงสารขวัญ   :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 02-08-2018 23:36:23
นอกจากขวัญกับแนน ก็ไม่มีใครสมควรได้รับความรักดีๆเลย ทุกคนคือร้ายมาก แย่มาก

โดยเฉพาะคุณธนิก คือแบบ อยากตบอะ เกลียดคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 02-08-2018 23:36:28
เรืองนี้ขวัญเป็นพระเอกกกกกกก  :กอด1:
ธนิกพูดจาเห็นแก่ตัวมาก พูดได้ไงขวัญมีหน้าที่อยู่เพื่อแก
หงุดหงิดดด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-08-2018 23:45:19
สะเทือนใจ และปวดใจ
ขวัญเอ้ยขวัญ น่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: kenghan ที่ 02-08-2018 23:54:45
ทำไม ขวัญน่าสงสารขนาดนี้ บีบหัวใจ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-08-2018 11:02:05
สู้ๆนะขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 11 02/08/2018 Page 9
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-08-2018 19:46:23
เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งช้ำ ตกย้ำความเจ็บ
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 04-08-2018 17:42:42
ตอนที่ 12





“น้องขวัญนั่งเก้าอี้ตรงนี้รอก็ได้นะลูก” พี่จอยลากเก้าอี้มาให้ผมนั่ง

ตอนนี้ผมอยู่ในห้องทำงานของพี่จอย พี่จอยเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีก็เลยมีห้องทำงานส่วนตัวเล็กๆ ไม่ได้กว้างมากแต่ก็ไม่ได้มีพนักงานคนอื่นนั่งรวมอยู่ด้วย เป็นเรื่องที่ดีกับผมเพราะไม่ต้องทนกับสายตาสงสัยที่มองมา

เมื่อเช้าผมเดินเข้าบริษัทมาพร้อมกับคุณธนิกด้วยความรู้สึกกังวล เพราะตั้งแต่พี่เปี๊ยกไปจนถึงพนักงานคนอื่นนั้นเอาแต่เหลือบมองมา ไม่มีใครกล้ามองตรงๆ หรือเข้ามาถามว่าผมเป็นใคร คุณธนิกที่สวมสูทสีดำดูดีนั้นมีสีหน้าขรึมเป็นแนวป้องกันตัวผมได้อย่างดี เขาพาผมขึ้นมาชั้นเจ็ดที่เป็นพื้นที่ของแผนกบัญชี ชั้นนี้ทั้งชั้นไม่มีแผนกอื่นรวมอยู่เลย พอเจอพี่จอยก็ฝากผมไว้แล้วจากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ทิ้งให้ผมอยู่กับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของพนักงานในแผนก พี่จอยจึงพาผมหลบเข้ามาในห้องทำงาน

“ขอบคุณครับพี่จอย” ผมนั่งลง กำลังแคลงใจว่าควรนั่งท่าไหนถึงจะหลบสายตาที่พุ่งแทบทะลุกระจกบานใสเข้ามาในห้องได้

“ทำไมมากับคุณธนิกได้ล่ะลูก แล้ววันนี้ไม่ต้องทำงานเหรอ” พี่จอยก็คงสงสัยเหมือนคนอื่นๆ เพราะคุณธนิกแค่บอกว่าฝากขวัญด้วยนะ แล้วก็ไปเลย ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม

“เอ้อ...จะบอกยังไงดีล่ะครับ” ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง ตอนนี้ผมต้องพักงานชั่วคราว บ้านเช่าก็ยกเลิกเช่าไปแล้ว ข้าวของในบ้านนั้นคุณธนิกให้คนจัดการ ไม่รู้เอาไปไว้ที่ไหนหรือทิ้งไป ผมไม่ได้ใส่ใจถามเพราะไม่มีของมีค่าอะไรเลย “คือตอนนี้ผมอยู่กับคุณธนิกน่ะครับ แบบยังไงดี”

พี่จอยพยักหน้า ดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง “พี่เข้าใจ ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ลูก”

ความเข้าใจของพี่จอยคงเป็นไปในทางอื่น แต่ผมก็ไม่สามารถแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ได้ “ครับ ผมต้องขอโทษพี่จอยด้วยนะครับที่มารบกวน”

“ไม่เลยๆ พี่กำลังเป็นห่วงขวัญอยู่พอดี เพราะเมื่อเช้าไม่เห็นที่ซุ้ม ถามน้องแนน น้องแนนก็บอกว่าน้องขวัญมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย” พี่จอยนั่งลงหลังโต๊ะทำงานของตัวเอง กลิ่นแชมพูและกลิ่นหอมจากตัวของสาววัยสี่สิบต้นๆ อบอวลไปทั้งห้อง ผมเผลอสูดหายใจเล็กน้อยเพราะค่อนข้างชอบกลิ่นแบบนี้ มันเหมือนกลิ่นของน้าลี เป็นกลิ่นสะอาดที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย “ตกลงปัญหาชีวิตนี่คงเป็นคุณธนิกสินะ”

“แหะๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“คุณเขาน่ะไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน พี่ทำงานที่นี่มาหลายปี เห็นคุณธนิกมาตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำงานใหม่ๆ ตอนนั้นยังเป็นพนักงานทั่วไปของฝ่ายการตลาด เธอเป็นคนตั้งใจทำงาน ไม่เคยกร่างหรือยกตนว่าเป็นลูกชายเจ้าของ เธอเรียนรู้งานทุกแผนก แล้วเมื่อปีก่อนก็ได้อยู่ในบอร์ดผู้บริหาร คงเพราะท่านประธานล้มป่วยด้วยล่ะนะ คุณนายที่รักษาการแทนท่านก็เลยให้ตำแหน่งกับลูกชาย แต่ก็ไม่มีใครคัดค้านหรอกเพราะคุณธนิกเธอเป็นคนเก่ง”

ผมรับฟังพี่จอยอย่างเงียบๆ พลางนึกภาพคุณธนิกตอนเป็นพนักงานระดับล่างคนหนึ่งที่วันๆ คงเอาแต่วุ่นอยู่กับกองเอกสารที่ถูกรุ่นพี่ในแผนกไหว้วานให้ทำ

“คุณเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้นะ ไม่เคยมีเรื่องว่าคบไม่เลือก เป็นข่าวลือหนาหูเหมือนลูกพี่ลูกน้องของเธอ คุณธนวัฒน์น่ะ ขวัญอาจจะยังไม่เคยเจอ แต่ถ้าเป็นเด็กของคุณธนิก สักวันก็อาจจะได้เจอนะ” พี่จอยส่งยิ้มมาให้ “ขวัญเป็นคนแรกที่คุณเขาพามาที่บริษัทเลยล่ะ ที่จริงก็เคยมีข่าวลืออยู่บ้างว่าคุณเขาเจ้าชู้ เลี้ยงเด็กไว้บ้าง มีคู่ควงเป็นดารานางแบบ สารพัดข่าวลือ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นกับตาสักที”

คุณธนิกเจ้าชู้...พอมาคิดดูว่าเขาชอบพูดจาหวานๆ แล้วก็มีความเป็นไปได้อยู่มากเอาการ ยิ่งแววตาที่ทอดมองผมนั้นยิ่งทำให้รู้ว่าเขาไม่ใช่ธรรมดาเลย

“มันเป็นเหตุจำเป็นน่ะครับ ผมไม่ได้พิเศษอะไรหรอก”

“จำเป็นขนาดไหน คุณธนิกคงให้แค่นั่งรอที่ร้านกาแฟ เธอไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในบริษัท เธอน่ะรักบริษัทนี้มากเลยนะ คู่หมั้นที่ว่าหมั้นกันมาหลายปีก็ยังไม่เคยมาที่นี่เลย”

ผมเลิกคิ้ว แปลกใจกับถ้อยคำที่ได้ยิน “ทำไมล่ะครับ เขาเป็นคู่หมั้นกัน ก็น่าจะมาหาคุณธนิกบ้าง”

“คนรวยๆ ที่เขาหมั้นกันน่ะ โดยมากแล้วก็ไม่ได้รักกันหรอกมั้ง พี่ได้ยินคนเขาพูดกันมาอีกทีว่าหมั้นเพราะจะรวมบริษัท ฝ่ายนั้นเขาก็มีบริษัทใหญ่โตที่เป็นคู่แข่งกับบริษัทเรามานาน ถ้าแต่งงานกันได้ก็คงจะครองตลาดส่วนใหญ่ไว้ได้ทั้งหมดล่ะนะ”

“มีแต่เรื่องยากๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ เป็นคนรวยนี่น่าปวดหัวจัง” ผมว่าดีแล้วล่ะที่ผมไม่มีเงินทองให้ต้องคิดอะไรมาก ขืนเกิดมาเป็นทายาทเศรษฐีคงใช้ชีวิตอย่างอิสระไม่ได้ เรื่องเรียนก็ถูกบังคับ คู่ชีวิตก็ยังเลือกเองไม่ได้เลย

“นั่นแหละๆ อยู่อย่างเราๆ อย่างนี้ดีกว่าเนอะ”

ผมพยักหน้า รู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยกับพี่จอย แต่ก็ยังรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย “พี่จอยครับ”

“ว่าไงลูก”

“พี่จอยไม่รังเกียจเหรอครับ ที่ผมเป็น...เอ่อ...” จะพูดก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะรู้สึกกระดากอายอย่างไม่อยากจะยอมรับ แต่ถ้าไม่ยอมรับสถานะนี้ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์ของผมกับคุณธนิกตอนนี้อย่างไรดี

พี่จอยส่ายหน้ายิ้มๆ “ถ้าเป็นคนอื่นพี่คงรู้สึกไปอีกอย่างนะ แต่นี่เป็นน้องขวัญที่พี่รู้จัก พี่รู้ว่าน้องขวัญไม่ใช่คนไม่ดี เรื่องของหัวใจก็แบบนี้แหละเนอะ แต่การอยู่แบบนี้น้องขวัญก็คงรู้แล้วใช่มั้ยว่ายังไงก็ต้องจบแบบเจ็บๆ อยู่ดี”

“ผมรู้ครับ ผมก็ไม่คิดจะอยู่นาน”

“ดีแล้วล่ะ เข้มแข็งเข้าไว้นะ พี่น่ะเอ็นดูขวัญมากๆ เพราะหน้าตาขวัญน่ะเหมือนรุ่นพี่ที่พี่เคยสนิทด้วย เมื่อก่อนน่ะเคยทำงานแผนกเดียวกัน พี่เขายังเป็นหัวหน้าแผนกนะตอนที่พี่เข้าทำงานใหม่ๆ แต่ไม่นานก็ได้ไปเป็นเลขาฯ ของท่านประธาน ทำงานกันคนละตำแหน่งแต่เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม พี่เขาเป็นคนดี ซื่อๆ เห็นขวัญยิ้มทีไรพี่ก็นึกถึงหน้ารุ่นพี่ขึ้นมาทุกที”

พี่จอยเล่าความหลังตั้งแต่ที่เริ่มทำงานที่นี่ให้ผมฟัง หลายต่อหลายเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทนี้ ทั้งเรื่องเพื่อนร่วมงานที่ลาออกไป คนที่เข้ามาใหม่ หรือแม้แต่คนที่เป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัท ผมฟังด้วยความสนุกสนาน รู้สึกเพลินมาก พี่จอยคุยไปด้วย นั่งดูเอกสารไปด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าพี่จอยมีสมาธิได้ยังไง หรืองานจะไม่คืบหน้าเลย

เกือบสิบโมงก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาในห้องทำงานของพี่จอย เธอบอกผมว่าจะต้องไปประชุม ให้ผมนั่งรอที่นี่ได้ตามสบาย แล้วจากนั้นก็รีบออกไปพร้อมกับปากกาและสมุดโน๊ต ผมจึงถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง แต่โชคดีที่เอาหนังสือการ์ตูนติดกระเป๋าเป้มาด้วย

ผมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างไม่ค่อยมีสมาธิเพราะรู้สึกว่ามีหลายคนที่มองเข้ามาในห้องทำงานบ่อยครั้ง ป้าแม่บ้านที่เดินเอาน้ำเปล่าเย็นๆ ใส่แก้วมาให้ก็ดูเหมือนจะอยากพูดคุยด้วย แต่ผมตอบไปแค่ว่าขอบคุณครับแล้วก็ทำทีอ่านหนังสือต่อ พอป้าแม่บ้านออกไปได้แค่ไม่ถึงสิบนาที ผู้หญิงอีกคนก็เปิดประตูเข้ามา เธอเคาะเป็นมารยาทแค่สองครั้ง ไม่รอให้ใครอนุญาตก็เปิดประตูเข้ามาเลย เธอมองมาที่ผม แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย

“เธอเป็นใคร” เธอตั้งคำถาม อายุของเธอน่าจะรุ่นเดียวกับพี่จอย ตำแหน่งน่าจะใหญ่โตพอควรถึงได้ให้ความรู้สึกเจ้ใหญ่คุมที่นี่ “แล้วจอยไปไหน”

“เอ่อ...พี่จอยไปประชุมครับ” ผมตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ได้ยินว่าไปประชุมที่ชั้นเก้า”

“อ้อ...จริงสิ ฉันลืมไปเลย ว่าแต่เธอเป็นใครกัน มาอยู่ที่ห้องทำงานของหัวหน้าแผนกบัญชีได้ยังไง เด็กใหม่เหรอ หรือมาสัมภาษณ์งาน” คำถามรัวเร็วดังออกจากริมฝีปากสีแดงเลือดนก ผู้หญิงคนนี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เรียบหรู ผมไม่รู้ราคาของเนื้อผ้า แต่คงไม่ธรรมดาหากวัดจากรสนิยมของเจ้าตัว เธอมีผมที่ดัดเป็นลอน สวมแว่นกรอบเหลี่ยมไว้บนดั้งจมูก

“คือผมแค่มานั่งรอน่ะครับ พอดีว่า...”

“ที่นี่ไม่ใช่ที่นั่งรอนะ” เธอว่าเสียงเข้ม “จอยทำงานเลินเล่อได้ยังไง ในนี้มีเอกสารสำคัญหลายอย่างแล้วยังให้เด็กที่ไหนไม่รู้มานั่งรออยู่ในห้อง เธอน่ะเป็นอะไรกับจอย ญาติเหรอหรือว่ามีความสัมพันธ์แบบอื่น”

“ผมไม่ใช่ญาติครับ คือผมแค่มานั่งรอคุณธนิก”

“อ้อ” เธอยิ้มเหยียด มองผมด้วยสายตาดูถูก “พวกเด็กที่อยากรวยทางลัด”

ผมรู้สึกหน้าชาเล็กน้อย แม้จะรู้ว่าบนโลกนี้มีคนอยู่หลายประเภท แต่ประเภทนี้ก็เพิ่งเคยเจอ คนที่พูดดูถูกคนที่เพิ่งได้พูดคุยกันครั้งแรก หนำซ้ำยังไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน

“ออกไปเถอะนะ ถ้าเธอไม่ออกไปดีๆ เดี๋ยวคุณธนิกก็เรียกรปภ. ให้มาลากออกไปเองนั่นแหละ คนที่มาด้วยจุดประสงค์แบบเธอน่ะเขาไม่สนใจหรอก”

“ผมไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรเลยนะครับ คุณธนิกให้ผมมานั่งรอที่นี่ พี่จอยก็อนุญาตแล้ว แล้วคุณเป็นใครล่ะครับ มาถึงก็มาว่าผมปาวๆ แบบนี้”

คำโต้เถียงของผมทำให้เธอนิ่งไป ผมไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองทำผิดหรือมาอยู่ผิดที่ผิดทาง ผมน่ะมาที่นี่โดยที่ไม่ต้องการ แต่ถูกพามา แล้วผมผิดอะไรที่มานั่งอยู่ในห้องที่เจ้าของห้องเขาอนุญาตแล้ว ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างหากที่เสียมารยาท

ก่อนที่จะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นมากไปกว่านี้ พี่จอยก็กลับมา เธอเดินมาพร้อมกับคุณธนิก ได้ยินเสียงพี่จอยตะโกนบอกให้น้องๆ ในแผนกตั้งใจทำงาน เพราะแต่ละคนเอาแต่มองคุณธนิกที่เดินผ่านด้วยแววตาละห้อย

“อ้าว พี่กานดา มีอะไรกันคะ” พี่จอยมาถึงหน้าห้อง ยังไม่เข้ามาเพราะมีคนขวางประตูไว้ ซึ่งคนขวางประตูก็ดูเหมือนจะได้สติ

“จอย เธอมาก็ดี นี่เธอให้เด็กมารยาททรามคนนี้มาอยู่ในห้องได้ยังไง กฎของบริษัทน่ะจำได้ไหมว่าห้ามให้คนนอกเข้ามา ยิ่งแผนกของเธอน่ะมีแต่เอกสารสำคัญ” ผู้หญิงที่น่าจะมีชื่อว่ากานดา หันไปหาพี่จอยทันที พอเห็นคุณธนิก เธอก็ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณธนิก พี่ว่าจะไปคุยด้วยอยู่พอดี”

“สวัสดีครับคุณกานดา” คุณธนิกพูดพลางแทรกตัวเข้ามาในห้อง เขาเดินมาที่ผมพร้อมกับเอาหนังสือการ์ตูนใส่กระเป๋าเป้ให้แล้วยกขึ้นสะพายไหล่ “ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เด็กของผมมาสร้างความวุ่นวายให้ คุณจอยไม่ผิดหรอกครับ เธอรู้กฎของบริษัทเป็นอย่างดี ถ้าคุณกานดาจะตำหนิก็ตำหนิผมเถอะครับ”

“พี่ไม่ได้...” ผมเห็นเธอมีสีหน้าไม่เข้าใจอยู่ชั่วครู่ แล้วจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน “พี่จะตำหนิคุณธนิกได้ยังไงกันคะ ที่จริงให้น้องไปรอที่ห้องทำงานของพี่ก็ได้ค่ะ ที่แผนก HR น่ะคนเยอะ ให้น้องไปนั่งคุยกับน้องๆ ที่แผนกก็ได้ จะได้ไม่เหงา มานั่งในห้องทำงานของจอยคนเดียว แล้วเจ้าของห้องก็ไปประชุม น้องนั่งอยู่คนเดียวก็คงเหงาแย่”

“เหงาเหรอ” คุณธนิกหันมาถามผมพลางยกมือขึ้นลูบหัว “พี่บอกให้ไปอยู่ที่ห้องทำงานพี่ก็ไม่ไป เห็นมั้ยว่าคุณจอยก็ต้องทำงาน ที่นั่นยังพอมีทีวีให้ดู มีคอมให้เล่น”

“ผมไม่เหงาหรอกครับ ผมนั่งอ่านการ์ตูนอยู่ แต่พี่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาพอดี ก็เลย...”

“แหม...น้องคะ พี่ก็แค่ไม่ชอบใจที่เห็นคนนอกเข้ามานั่งในบริษัท” เธอยิ้มหวานมาให้ผม พูดแทรกโดยที่ผมยังพูดไม่จบประโยค ทั้งที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังทำหน้ายักษ์ใส่อยู่เลย “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่ชื่อกานดาค่ะ”

“คุณกานดาเป็นหัวหน้า HR” คุณธนิกแนะนำ

ผมยกมือไหว้ คุณกานดาก็รับไหว้ด้วยท่าทางเสแสร้งเต็มที ยิ่งรอยยิ้มของเธอนั้นยิ่งไม่มีความจริงใจ “ผมชื่อขวัญครับ”

“จ้า ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องขวัญ”

“ว่าแต่พี่กานดามาหาจอยมีอะไรรึเปล่าคะ” พี่จอยได้จังหวะถาม

“ก็เรื่องที่จะรับพนักงานใหม่ของแผนกเธอยังไงล่ะ”

“งั้นผมพาขวัญไปก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับคุณจอย เชิญคุยงานกันตามสบายเลยครับ”

“ได้ค่า” คุณกานดาขานรับเสียงหวาน ส่วนพี่จอยแค่ตอบรับสั้นๆ แล้วหันมาทางผม

“ไว้เจอกันนะขวัญ มีอะไรก็โทรหาพี่นะ”

“ครับพี่จอย ขอบคุณครับ”

ผมเดินตามคุณธนิกออกจากห้องทำงานของพี่จอยไปที่ลิฟต์ พยายามจะไม่สนใจสายตาของพนักงานในแผนก พวกเขาคงสงสัยมากขึ้นว่าเด็กที่คุณธนิกกำลังจูงมือเดินอยู่คนนี้เป็นใคร

“อย่าคิดมาก” เขาพูดเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ “ใครจะดูถูกก็ปล่อยเขาไป คนแบบนั้นมันมีอยู่ทุกที่นั่นแหละ”

“ผมเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้ครับ เข้ามาก็ด่าปาวๆ แล้วจะให้รปภ. มาลากผมออกไปอีก ลูกค้าที่ว่าปากร้ายยังร้ายไม่เท่าเขาเลย”

“พี่ถึงได้บอกให้ไปอยู่ที่ห้องทำงานของพี่จะได้ไม่มีปัญหา บริษัทของเราทำธุรกิจหลายด้าน เอกสารที่สำคัญๆ ก็มีเยอะ จะไปตำหนิคุณกานดาก็ไม่ได้หรอกนะ เขาก็คงทำตามเรื่องตามราว”

“ผมรู้ครับ”

คุณธนิกยกมือขึ้นลูบหัวผม ก่อนจะกดจูบที่ขมับ “อย่าทำหน้าหงอย เขาไม่รู้ว่าขวัญเป็นเด็กดีก็เลยพูดไปอย่างนั้น แล้วขวัญอ่านการ์ตูนถึงเล่มไหนแล้ว”

“เล่มห้าครับ”

“ชอบมั้ย”

“ชอบครับ สนุกดี ชอบพระเอก เท่มากๆ”

“เหมือนพี่หรือเปล่า”

“ไม่เหมือนเลย”

เขาหัวเราะ ท่าทางชอบใจ “พี่เหมือนตัวร้ายมากกว่าพระเอกในเรื่องเหรอ”

“จะว่ายังไงดีนะ”

“ตอบมาตามตรง”

“คุณธนิกร้ายกว่าตัวร้ายในเรื่องที่ผมอ่านอีกครับ”

“เสียใจนิดๆ แฮะ” เขาแสร้งทำหน้าเสียใจ ล็อกคอผมให้เข้าใกล้แล้วก้มลงมากัดที่แก้มเบาๆ “เป็นการลงโทษที่ทำให้พี่เสียใจ แล้วขวัญอยากกินขนมอะไรมั้ย พี่จะบอกเลขาฯ เตรียมให้”

“ไม่หรอกครับ ผมกินน้ำเปล่าก็พอ”

“กินในห้องคุณจอยยังไม่อิ่มหรือไง บอกมาเถอะว่าอยากกินอะไร”

ผมกำลังจะตอบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี มีคนสองคนเข้ามาในลิฟต์ พวกเขายกมือไหว้คุณธนิกแล้วก็ยืนเงียบๆ คงเป็นพนักงานของแผนกการตลาดที่หอบเอาแฟ้มเอกสารไว้เต็มอ้อมแขน

“สองคนนี้คงเป็นเด็กใหม่ ดูสิตัวเกร็งเชียว” เขาก้มลงมากระซิบพลางหลิ่วตาให้ ผมก็เลยยิ้มตามเพราะดูท่าทางทั้งสองคนแล้วเหมือนคนกลั้นหายใจที่เอาแต่ยืนตัวตรง หลังตรง ไม่กล้าจะหันมองผู้บริหารระดับสูงที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“เวลาประหม่า คนเราก็จะเผลอแสดงท่าทีตลกๆ แต่เวลาขวัญประหม่า ทำไมน่ารักก็ไม่รู้นะ”

ผมหน้าแดงเล็กน้อย ไม่ได้โต้ตอบ หัวใจก็เต้นรัวแรงเมื่อหลังมือของพวกเราเผลอสัมผัสโดนกันเข้า แต่เมื่อผมจะขยับห่าง เขาก็รั้งมือของผมเข้าไปกุม ทั้งที่มืออีกข้างล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง แต่อีกข้างกลับกุมมือของผมแน่น

“ห้องทำงานอยู่ชั้นไหนเหรอครับ”

“ชั้นสิบห้า”

“สูงจังครับ”

“ก็นะ...บริษัทของเราเปิดให้บริษัทอื่นเข้ามาเช่าพื้นที่ด้วย ห้องทำงานของพี่ก็เลยถูกขับไล่ให้ไปอยู่ชั้นสูงๆ เวลาแผ่นดินไหวก็ตายก่อนใคร” เขาพูดติดตลก ก่อนจะอธิบายให้ฟัง “บริษัทของเราอยู่ตึกนี้ แล้วตึกที่อยู่คู่กับตึกนี้ทั้งตึกก็เป็นของบริษัทอื่น ลิฟต์อีกตัวมีประตูสองทาง ขวัญอย่าไปขึ้นตัวนั้นนะ ไม่งั้นหลงไปอีกฝั่ง”

คุณธนิกพาผมมาถึงชั้นสิบ ก่อนจะเปลี่ยนไปขึ้นลิฟต์อีกตัวที่เขาบอกว่าเป็นลิฟต์ตัวเดียวที่ขึ้นไปถึงห้องทำงานของเขาได้

“บริษัทของคุณธนิกทำเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ” ผมถาม ไม่แน่ใจว่าเขาจะตอบหรือไม่ แต่สุดท้ายเขาก็ให้คำตอบ

“ขวัญรู้ไว้บ้างก็ดีล่ะนะ บริษัทของเราหลักๆ ทำเกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ เรามีสายการผลิตที่ต่างประเทศ ส่วนในประเทศก็มีที่จังหวัดระยองและชลบุรี พวกธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทในเครือของเราก็มีหลายอย่าง บางอย่างก็ปิดตัวลงไปแล้วเพราะการบริหารไม่ได้เรื่องของคนดูแล พี่น่ะโชคดีที่ได้มาดูแลด้านนี้ เมื่อก่อนพี่ทำบริษัทในเครือเกี่ยวกับพวกขายเครื่องใช้ไฟฟ้า มันก็สนุกดี แต่ไม่ค่อยโต แล้วความกดดันก็ไม่มากเท่ากับบริษัทแม่ พวกบริษัทลูกน่ะจะเจ๊งยังไงพวกบอร์ดบริหารก็ไม่บ่นหรอก แต่ที่นี่จะล้มไม่ได้ เรามีพนักงานหลายร้อยชีวิตที่ต้องดูแล หากรวมพนักงานที่โรงงานแล้วก็เกินหลักร้อย เพราะฉะนั้นความมั่นคงของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญ”

ในภาวะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ โรงงานเล็กๆ ปิดตัวลงกันหลายแห่ง เมื่อหลายปีก่อนโรงงานที่น้าลีเคยทำงานอยู่ก็ปิดตัวลงกะทันหัน ทั้งยังไม่ได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย พนักงานหลายร้อยชีวิตถูกลอยแพ ผมจำได้ดีว่าช่วงนั้นพวกเราลำบากกันมากเพราะรายได้หลักของครอบครัวมาจากการทำงานของน้าลี

“โชคดีจังที่ผมไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้ คุณธนิกเก่งจังครับ ได้คนเก่งๆ อย่างคุณธนิกมาบริหาร ผมว่าดีกับทุกคนมากๆ เลย ดีแล้วครับที่ไม่ใช่คนโง่ๆ อย่างผม”

คุณธนิกหัวเราะ “ถ้าพ่อได้ยินคงปวดใจน่าดู ขวัญไม่อยากได้สักนิดเลยเหรอ”

“ไม่ครับ” ผมปฏิเสธทันที ไม่ใช่เพราะไอ้มรดกนี้เหรอที่ทำให้ชีวิตของผมวุ่นวายมาจนถึงตอนนี้ ทั้งที่เราต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว ผมไม่เห็นความจำเป็นอะไรเลยที่พ่อจะยกทุกอย่างให้ผม “แล้วท่านเป็นยังไงบ้างครับ”

“เรื่อยๆ นะ ขวัญอยากไปเจอมั้ยล่ะ”

“ไม่ครับ” ผมส่ายหน้า อยากให้มีความจริงแค่เพียงว่าพ่อของผมตายไปแล้วอย่างที่น้าลีบอก “ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไร เดี๋ยวจบเรื่องผมก็จะไปแล้ว”

“นั่นสินะ”

คุณธนิกมีสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง แต่สุดท้ายร่องรอยนั้นก็เลือนหายไป เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็เดินนำผมไปตามทางที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีเข้มที่มีความเงางามจนไม่กล้าแม้แต่จะเหยียบลงไป เสียงรองเท้าของคุณธนิกดังกระทบกับพื้น ก้องไปทั้งบริเวณ ตามทางประดับไปด้วยต้นไม้มงคลที่ปลูกในกระถาง วางเรียงรายอยู่ใต้โคมไฟติดผนัง พอมองตรงไปจะเห็นโต๊ะทำงานของเลขานุการที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์และสายตาจดจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์

“ขวัญ คนนี้คุณประทิน เลขาฯ ของพี่” คุณธนิกหยุดที่โต๊ะทำงานของคุณเลขาฯ พลางแนะนำให้ผมรู้จัก

คุณประทินเป็นชายร่างสูง ผอมบางและสวมแว่น ท่าทางเอาการเอางานและสุภาพเรียบร้อย ผมยกมือไหว้เขา ส่วนเขาก็รีบรับไหว้

“คุณประทินครับ นี่ขวัญพัฒน์ เด็กของผม ต่อจากนี้ช่วยดูแลด้วยนะ”

พอถูกคุณธนิกพูดว่าผมเป็นเด็กของเขาทีไร ผมก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา มันเอาแต่เต้นแรงไม่รู้จังหวะ

“ครับคุณธนิก”

“ถ้างานเสร็จแล้วช่วยลงไปซื้อเค้กให้ผมด้วยนะ”

“ได้ครับ”

“เข้าไปข้างในกันเถอะขวัญ” คุณธนิกยกมือขึ้นโอบไหล่ผมแล้วพาเข้าห้องทำงาน

ห้องทำงานของเขานั้นกว้างขวางสมกับตำแหน่ง Vice President ที่ติดอยู่บนประตูไม้โอ๊คบานใหญ่ ผมกวาดตามองรอบห้อง โซฟาสีน้ำตาลเข้มตั้งวางอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทำงาน ผนังอีกด้านมีโทรทัศน์ขนาดไม่น้อยกว่าหกสิบนิ้วแขวนติดผนัง ข้างกันมีตู้โชว์โล่รางวัล และรูปภาพที่ใส่กรอบจัดเรียงไว้อย่างดี ส่วนโต๊ะทำงานนั้นจัดวางอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางห้อง ด้านหลังเป็นกระจกใสรอบด้านทำให้เห็นวิวสวยๆ ท้องฟ้าตอนนี้เป็นสีครามและใต้ท้องฟ้านั้นก็มีตึกรามบ้านช่องที่มีความสูงแตกต่างกันไป

“เป็นห้องที่ิวิวสวยใช้ได้เลยใช่ไหม” คุณธนิกถามยิ้มๆ เขาพาผมเดินไปด้านหลังโต๊ะทำงาน แล้วจากนั้นเราก็ยืนมองภาพวิวเดียวกันโดยไม่ได้พูดอะไร จนเกือบสามนาทีที่เขาพูดขึ้นมาว่า “แม่ให้พี่มาอยู่ห้องนี้ ท่านให้ตำแหน่งกับพี่โดยที่ไม่สนคำคัดค้านจากญาติพี่น้องของพ่อ อาแขไขน่ะอยากให้ลูกชายของตัวเองได้ตำแหน่งนี้”

“ยังมีคนอื่นอีกเหรอครับ”

“มีสิ บอร์ดบริหารของบริษัทเรา ครึ่งหนึ่งก็เป็นเครือญาติกันทั้งนั้น แล้วตอนนี้ขวัญก็ดูเหมือนจะเป็นที่ต้องการตัวเอามากๆ ฝั่งพี่น่ะมีพี่กับแม่ แค่สองคน แต่ฝั่งอาแขน่ะมีคนสนับสนุนเขาเยอะทีเดียว พวกนั้นมองว่าพี่กับแม่เป็นคนนอก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกนะ เพราะพี่ก็คนนอกจริงๆ ในบรรดาคนพวกนั้นคงมีแค่ไอ้วัฒน์คนเดียวที่คิดว่าพี่เป็นญาติกับมัน”

“ใครเหรอครับ”

“ลูกพี่ลูกน้องของพี่ ชื่อธนวัฒน์”

“เป็นคนดีเหรอครับ”

“ก็ไม่รู้นะ แต่อาจจะเป็นคนดีก็ได้ ไอ้วัฒน์เป็นลูกอาแข อาน่ะอยากให้ไอ้วัฒน์ได้ตำแหน่งดีๆ แต่ไอ้หมอนั่นมันรักสนุก มันบอกว่าแค่ได้เป็นผู้จัดการก็ดีมากแล้ว อย่าให้ตำแหน่งสูงๆ กับมันเลย มันปวดหัว ขี้เกียจทำงาน ความจริงพี่ว่าถ้าขวัญอยู่กับฝั่งนั้นอาจจะดีกว่าอยู่กับพี่ก็ได้”

ผมจับมือของคุณธนิกไว้ แล้วหันมองเสี้ยวหน้าของเขา “ไม่มีใครเหมาะที่จะดูแลบริษัทนี้เท่ากับคุณธนิกหรอกครับ คุณธนิกพยายามอย่างหนักเลย แม้ว่าผมจะแค่มองจากที่ไกลๆ แต่ผมก็เห็นคุณธนิกมาทำงานแต่เช้าตรู่ แถมยังเลิกงานมืดค่ำแทบทุกวัน ใครไม่เห็น แต่ผมเห็นนะครับ อย่ากังวลเลยนะ ผมอยู่กับคุณธนิกดีแล้วครับ”

“ขวัญ…” เขาเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว แล้วจู่ๆ ก็ดึงผมไปกอดไว้ “อยู่อย่างนี้สักพักนะ”

แม้ผมจะไม่เข้าใจ แต่ชั่วครู่ที่ผมเห็นแววตาของเขาสั่นไหว “ครับ”

ผมยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของเขาเบาๆ ได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้น มันดังในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของผม ผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้ว่าใครมาดีหรือมาร้าย ผมไม่เก่งพอจะอ่านใจใคร ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากเชื่อคุณธนิก แม้ว่าเขาจะอันตรายมาก เขาร้ายกาจ แต่เขาก็บอกจุดประสงค์กับผมอย่างตรงไปตรงมา เขาชัดเจนว่าเขาต้องการอะไรจากผม เพราะฉะนั้นผมจึงคิดว่าผมควรจะอยู่ตรงนี้ต่อไป แม้บางครั้งหัวใจจะเจ็บแปลบขึ้นมาบ่อยๆ ก็ตาม

“พี่จูบได้มั้ย”

ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถาม แต่ยังไม่ทันจะอนุญาต เขาก็ก้มลงมาถือสิทธิ์ครอบครอง เราจูบกันท่ามกลางท้องฟ้าสีครามที่เห็นจากความสูงบนชั้นสิบห้า ภาพวิวที่สวยที่สุดกับจูบที่ดีที่สุดจะอยู่ในความทรงจำดีๆ ของผมไปอีกนานเท่านาน

[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 04-08-2018 17:43:59
“ไอ้ขวัญ มึงจะลากกูมาด้วยทำไมเนี่ย กูต้องทำงานหาเงินนะเว้ย” ไอ้แนนกระซิบเสียงดุเพราะตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่นัดหมายกับเขมินทราไว้

“ก็กูบอกคุณธนิกว่าจะพามึงมาเลี้ยงกาแฟ เอาน่า ค่าแรงมึงวันนี้กูจ่ายให้” ผมบอกพลางยกน้ำเปล่าที่พนักงานนำมาเสิร์ฟคู่กับอเมริกาโน่ขึ้นจิบ

“มึงไปรวยมาจากไหนเนี่ย” ไอ้แนนเบ้ปากใส่ผมด้วยความหมั่นไส้ “คุณธนิกเปย์มึงมาใช่ไหม”

“อือ” ผมตอบรับตรงๆ “เงินคุณธนิกทั้งนั้นแหละที่กูใช้ ผลาญๆ ไปเถอะ เขาบอกว่าเขามีเยอะ”

ไอ้แนนยกนิ้วโป้งมาให้ “มีเรื่องนี้สินะที่มึงไม่โง่ เอาเถอะ ถ้าเรื่องที่มึงเป็นลูกเศรษฐีขึ้นมาเป็นเรื่องจริง เงินที่มึงใช้อยู่ก็เงินพ่อมึงนั่นแหละ ไม่ต้องคิดไรมาก กูจะช่วยใช้เอง เลี้ยงแน่นะ”

“เออๆ อยากสั่งไรเอาเลย”

“กูอยากกินเค้ก เดินผ่านเมื่อกี้เห็นหน้าตาน่ากินดี” ไอ้แนนว่าพลางเดินไปเลือกเค้กที่มันจะกิน ผมก็เลยต้องนั่งรออยู่คนเดียว กำลังนั่งมองนั่นมองนี่ โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงแจ้งเตือน





คุณธนิก: กินอะไรครับ ถ่ายรูปให้พี่ดูหน่อย





คุณธนิกมาส่งผมหลังจากที่เราไปกินข้าวด้วยกันเสร็จแล้ว เขาทำท่าว่าจะเข้ามานั่งดื่มกาแฟด้วยจนผมลำบากใจที่จะปฏิเสธ แต่แล้วเขาก็ถูกเรียกกลับบริษัทเพราะมีเอกสารสำคัญที่ต้องรีบเซ็น เขาจึงทำหน้างอเล็กน้อย แต่ก็ยอมกลับไป ไม่ลืมที่จะกำชับว่ากินเสร็จแล้วให้ไอ้แนนไปส่งที่บริษัททันที





ขวัญพัฒน์: *ส่งรูป*

คุณธนิก: น่ากิน

ขวัญพัฒน์: กินมั้ยครับ ผมซื้อไปให้

คุณธนิก: หมายถึงขวัญอะที่น่ากิน

ขวัญพัฒน์: ซะงั้น

คุณธนิก: รีบกลับนะ เป็นห่วงครับ

ขวัญพัฒน์: ครับ กินเสร็จจะรีบไปหาครับ

คุณธนิก: หรือจะให้ลุงกล้วยไปรับดี

ขวัญพัฒน์: ไม่ต้องหรอกครับ ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ไอ้แนนไปดีกว่า จะได้ไม่รบกวนลุงกล้วย

คุณธนิก: สวมหมวกกันน็อกด้วยนะครับ

ขวัญพัฒน์: ครับ





ไอ้แนนเดินกลับมาที่โต๊ะ มันนั่งลงพลางชะโงกหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผม “มึงเป็นเด็กเสี่ยนิกจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย”

“เปล่า ไม่ได้เป็น”

“จริงน่ะ” ไอ้แนนทำหน้าไม่เชื่อ “มึงไม่ได้นอนกับเขาเหรอ อยู่บ้านเดียวกันสองต่อสองเลยนะเว้ย”

“ยังไม่ได้นอน” ผมรู้สึกหน้าร้อนเล็กน้อย

“แสดงว่าจะนอนเหรอ” ไอ้แนนเค้น

“อือ” ผมตอบตามตรง “แต่กูยังไม่พร้อมหรอก คุณธนิกเขาก็รอ”

“ไม่พร้อมอะไรล่ะ มึงเคยมีอะไรกับเขามาแล้วนะ”

“ก็ตอนนั้นเมานี่ ตอนไม่เมามันทำลำบากนะเว้ย”

ไอ้แนนหัวเราะ “กากไอ้สัด แต่เอาเถอะ แค่ตอนนี้ มึงอยากมีความสุขยังไง ก็ทำไป แต่มึงต้องอย่าลืมว่าความสุขน่ะมันอยู่กับเราได้ไม่นาน เวลาที่มึงสุขมากๆ มึงก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะเจ็บมากๆ ด้วย”

“กูรู้”

“ตอนนี้นี่คงเป็นทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ขอโทษอีกครั้งนะเว้ยที่กูช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“เฮ้ย...กูบอกแล้วไงไม่เป็นไร แล้วมึงสั่งอะไรมา”

“บราวน์นี่สองชิ้น เผื่อมึงด้วย”

“ขอบใจว่ะ แล้วอย่าลืมเอาไปให้ฝนด้วยนะ ฝนชอบกินอะไรมึงสั่งเลยนะ วันนี้คุณธนิกให้เงินกูมาสองพัน”

“ดีงามมาก ถามคุณธนิกให้กูทีดิ๊ว่ารับเด็กเพิ่มมั้ย”

“ทำไม” ผมถามทันที “มึงจะเป็นเหรอ แต่มึงมีเมียแล้วนะเว้ย”

“ไอ้โง่” ไอ้แนนตบหัวผมทันที “กูล้อเล่น ทำมาขึงตาใส่ เดี๊ยะๆ ทำหวง มึงน่ะไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปหวงเขาไอ้ขวัญ”

ผมยิ้มเจื่อน “ก็จริง”

“พอกูพูดความจริงก็ทำหน้าหงอยใส่กูอีก” ไอ้แนนผลักหัวผมอีกครั้ง ก่อนมันจะเงียบเสียงเมื่อเห็นว่าคนที่นัดหมายกับเราวันนี้เดินผ่านประตูร้านเข้ามาแล้ว

วันนี้เขมินทราอยู่ในชุดนิสิต ที่ไหล่มีกระเป๋าแบรนด์ดังสะพายไว้ เขาเดินเข้ามาจนถึงโต๊ะที่พวกผมนั่ง ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไอ้แนนนั่งอยู่ด้วย แต่สุดท้ายก็ยอมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกัน

“ขอโทษทีนะพี่ ผมเพิ่งเลิกเรียน” เขมินทราบอกพลางส่งยิ้มมาให้ “สวัสดีครับแนน”

“ดีๆ” ไอ้แนนตอบ “ไอ้ขวัญมันลากผมมาด้วยน่ะ คุณขิมสะดวกมั้ย ถ้าไม่สะดวก ตอนที่คุยกันผมไปนั่งอีกโต๊ะได้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้มีเรื่องที่เป็นความลับอะไร”

“ไปเรียนมาเหรอ” ผมเอ่ยถาม “ผมยังไม่รู้เลยว่าขิมเรียนอะไร”

“ผมเรียนบริหารครับ”

“ชอบเหรอ”

“ไม่ชอบหรอกครับ แต่ถ้าสักวันมีบริษัทเป็นของตัวเอง เรียนบริหารคงมีประโยชน์”

บริษัทเป็นของตัวเอง...เขมินทราคงไม่ได้หมายถึงบริษัทของคุณธนิกใช่ไหม หรือเขาจะหมายถึงบริษัทของพ่อบุญธรรมของเขากันนะ

“แล้วพี่ล่ะครับ ตอนนี้เรียนอะไร หรือไม่ได้เรียน”

“ไม่ได้เรียน พี่ไม่มีเงินเรียน แล้วก็ไม่ได้อยากเรียนอะไรเป็นพิเศษด้วย”

“นั่นสินะ” เขมินทรายิ้ม “แบบนั้นคงเหมาะกับพี่มากกว่าครับ”

ผมเห็นไอ้แนนขมวดคิ้ว สีหน้ามันดูไม่พอใจ แต่ผมรีบหยิกแขนมันไว้ไม่ให้พูดอะไรออกมา

“ผมก็คิดแบบนั้นแหละครับ ผมเรียนไม่เก่ง เรียนไปก็เปลืองตังค์เปล่าๆ”

“แต่ก็จบมอหกใช่ไหมครับ”

“อืม จบสิ แต่ก็เกือบไม่รอดนะ เทอมสุดท้ายนี่ติด 0 ไปตัว แต่ไอ้แนนติดสองตัวใช่ไหมมึงน่ะ”

ไอ้แนนพยักหน้า ไม่รับมุกกับคำพูดติดตลกของผม มันเอาแต่นั่งกินบราวน์นี่ไปเงียบๆ

“พี่นี่มีแต่เรื่องให้แปลกใจนะครับ ขนาดมัธยมปลายเรียนง่ายแท้ๆ แต่ยังทำให้ติด 0 ได้”

การพูดคุยกับเขมินทราในครั้งนี้นั้นไม่เหมือนครั้งแรกที่ได้พูดกัน ผมคงทำให้น้องชายไม่พอใจอยู่แน่ๆ ถึงได้จิกกัดเก่งเหลือเกิน และคิดว่าหากไม่เลิกพูด ได้โดนหมัดไอ้แนนกินแทนกาแฟแหงๆ

“เข้าเรื่องกันดีกว่านะ ขิมมีอะไรจะบอกผมเหรอครับ เรื่องรูปถ่ายที่ส่งมาให้ดูใช่มั้ย”

“ใช่ครับ อย่างที่ผมบอกในไลน์แล้วว่าอะไรเป็นอะไร” เขมินทรามองผมด้วยแววตาเย็นชาเล็กน้อย “พี่คิดยังไงครับ กับเรื่องนี้”

หากถามว่าผมคิดยังไง ผมก็คงมีแต่ความเสียใจถ้าหากว่าเป็นเรื่องจริงและเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะตัวผม “คือว่า...”

“ไม่โกรธหน่อยเหรอครับ ไม่อยากแก้แค้นให้น้าที่เลี้ยงพี่มาเลยเหรอครับ” เขมินทราถามย้ำ “พี่จะยอมให้อภัยกับคนที่ทำร้ายคนที่พี่รักง่ายๆ เหรอครับ”

“ถ้าผมไม่ยอมแล้วผมจะทำอะไรได้”

“นั่นสินะ ก็พี่ทำอะไรไม่ได้เลย กับแค่เรื่องง่ายๆ ที่ผมบอกให้ทำ พี่ยังทำไม่ได้ตามที่รับปากไว้ คนโง่น่ะ...ต้องให้เสียคนที่รักอีกกี่คนกันล่ะครับถึงจะฉลาดขึ้นมาบ้าง”

“นี่!” ไอ้แนนทุบโต๊ะเสียงดัง “จะหยุดพูดจาหมาๆ กับเพื่อนกูได้รึยัง”

เขมินทราหัวเราะ “อะไรนะครับ พูดจาหมาๆ เหรอ หมายถึงผมเนี่ยนะ คนที่กำลังพูดจาหมาๆ คือคุณไม่ใช่เหรอครับ ผมกับพี่กำลังคุยกัน แล้วแทรกขึ้นมาทำไม”

“ไอ้ขวัญ มึงอย่าเสียเวลาคุยกับคนแบบนี้เลย กลับกันเถอะว่ะ”

“ใจเย็นๆ ก่อนน่า” ผมดึงมือไอ้แนนให้มันนั่งลงตามเดิม “ขอโทษทีนะขิม เพื่อนผมเป็นคนใจร้อน”

“ไอ้โง่ มึงจะไปขอโทษมันทำไม” ไอ้แนนเดือดดาลขึ้นมา “ตั้งแต่ที่มันเริ่มพูด ยังไม่มีประโยคไหนเลยที่มันไม่ดูถูกมึง”

“ผมก็แค่พูดตามความจริงนี่ครับ พี่โกรธเหรอ” เขมินทรามองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าโกรธก็บอกนะครับ ผมขอโทษ”

“เอ่อ...ที่จริงก็ไม่น่าฟัง แต่ไม่เป็นไรหรอก”

ไอ้แนนทำเสียงในลำคอ มันกรอกตาไปมาแล้วลุกขึ้น “กูจะไปสูบบุหรี่รอข้างนอก คุยเสร็จแล้วก็ตามไป”

ผมพยักหน้า ไม่กล้ารั้งมันไว้อีก เพราะกลัวว่าหากมันยังนั่งอยู่ มันคงต่อยน้องชายของผมจนปากแตก รูปร่างอย่างเขมินทราน่ะสู้ไอ้แนนไม่ได้แม้แต่น้อย

“คนนอกไปแล้ว มาเข้าเรื่องกันดีกว่านะครับ” เขมินทรากลับมาเข้าบทสนทนาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ถ้าพี่อยากแก้แค้น ผมจะช่วย”

“คือ…”

“คนผิดต้องได้รับโทษนะครับ”

“ผมก็เข้าใจเรื่องนั้นนะขิม แต่ผมก็ไม่อยากรื้อฟื้นอะไรขึ้นมาให้ยุ่งยาก น้าลีน่ะไปสบายแล้วล่ะ”

ผมคงเป็นคนอกตัญญูในสายตาของเขมินทราไปแล้ว แต่ความรู้สึกของผมนั้นไม่ได้มีเรื่องแก้แค้นหรืออยากเอาคนผิดอะไรมาลงโทษเลยแม้แต่น้อย ผมอยากให้เรื่องมันจบ ไม่อยากต้องมานั่งสู้รบกับใคร เพราะผมไม่มีอะไรจะไปสู้ ผมแค่เสียใจที่ตัวผมเป็นต้นเหตุก็เท่านั้น

“พี่ครับ! น้าของพี่จะตายตาหลับได้ยังไง ถ้าคนชั่วยังลอยนวล แล้วคนชั่วคนนั้นก็ยังจะตามฆ่าพี่ มันน่ะฆ่าแม่ของพวกเรามาแล้วนะครับ”

“ขิม...เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้จะบอกยังไงนะ ผมน่ะไม่เคยเห็นหน้าแม่เลย ผูกพันกันก็น้อยมากๆ ผมไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งขิมบอกผม ผมก็เลยไม่รู้ว่าผมควรจะรู้สึกยังไงดี ตัวผมไม่มีความแค้นอะไรต่อใครเลย ผมแค่อยากมีชีวิตที่เงียบสงบของตัวเองไปวันๆ”

“พี่เห็นแก่ตัวมากนะครับ เห็นแก่ตัวแล้วก็รักแต่ตัวเอง” เขมินทรามีสีหน้าบิดเบี้ยวยามที่ไม่สามารถระงับโทสะไว้ได้ “ผมต้องการที่จะทวงทุกอย่างที่ควรจะเป็นของแม่ ควรจะเป็นของเราคืนมา แต่พี่กลับเอาแต่พูดว่าไม่อยากยุ่ง ทั้งที่น้าของพี่ก็ถูกพวกมันฆ่าตาย พี่โตมายังไงกันแน่ โตมาด้วยความคิดโง่ๆ แบบนี้เหรอ”

“ผมขอโทษ” ผมบอกเบาๆ รู้สึกแย่กับคำพูดที่ได้ยิน ผมคงเห็นแก่ตัวมากที่ปล่อยให้เขมินทราต่อสู้อยู่เพียงลำพัง “ขิมฟังผมนะ เราต่างก็มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้มันก็ดีมากแล้ว ชีวิตของพวกเราไม่ได้แย่เลย เราไม่ต้องไปแย่งชิงอะไรกับคนอื่นหรอกนะ ขิมจะให้ทั้งชีวิตมีแต่เรื่องพวกนี้เหรอ แก้แค้น ทวงคืน แต่เราหาความสุขจากมันไม่ได้เหรอครับ”

“พี่ไม่เข้าใจผม” ดวงตาของเขมินทราแดงก่ำ “พี่ไม่รู้หรอกว่าผมไม่มีความสุขกับบ้านที่ไม่ใช่ของผม ที่ที่พวกเราจะอยู่ได้คือที่ที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ผมก็แค่ต้องการที่ของพวกเราคืน พี่จะไม่ช่วยผมเลยเหรอ”

“แล้วขิมจะให้ผมช่วยยังไง ทั้งที่ขิมก็ไม่พอใจเลยที่พี่อยู่ใกล้คุณธนิก”

“ผมถึงบอกให้พี่สลับตัวกับผม”

“คิดว่าคุณธนิกเขาจะดูไม่ออกเหรอ”

“เขาไม่ได้รักพี่มากพอจะแยกผมกับพี่ไม่ออกหรอกครับ หน้าตาเราเหมือนกันมากขนาดนี้ เขาไม่มีวันรู้หรอกว่าคนไหนคือขวัญพัฒน์ คนไหนคือเขมินทรา”

“แต่ว่า...”

“ช่วยผมนะครับพี่ ผมทำเพื่อเรานะ ในโลกนี้เราเหลือกันอยู่แค่สองคนแล้ว ผมเป็นน้องของพี่ พี่จะช่วยคนอื่นนอกจากผมเหรอ”

มันเป็นเรื่องที่ผมไม่กล้าตัดสินใจ ผมไม่กล้าช่างน้ำหนักความสำคัญ มันจริงอยู่แล้วว่าสายเลือดเดียวกันกับผมเหลืออยู่แค่เขมินทรา แต่เราไม่ได้มีความผูกพันกันมากมาย เราไม่ได้สนิทกัน ไม่เคยได้รู้จักพูดคุยกันมาก่อน และผมมีความรู้สึกไม่เชื่อใจน้องชายคนนี้ หากเปรียบเทียบกับคุณธนิกแล้ว ผมกลับเชื่อคุณธนิกมากกว่าเขมินทรา

หากบอกให้ไอ้แนนรู้ มันคงพูดว่าความรักทำให้ผมตาบอด

“ผมจะช่วยเท่าที่ช่วยได้นะขิม แต่ผมขอไม่รับปากอะไรนะ”

“ก็ได้ครับ เท่าที่ได้ก็ยังดี” เขมินทราผ่อนลมหายใจ ดูเหมือนว่าเขาจะควบคุมตัวเองได้แล้ว “แล้วพี่กับพี่ธนิกไปถึงไหนกันแล้วครับ”

“ไม่ถึงไหนหรอก ไม่มีอะไรเลย”

“งั้นเหรอครับ ผมก็นึกว่าจะไปได้สวย เพราะเราหน้าเหมือนกัน”

ผมเผลอกัดริมฝีปากของตัวเอง รู้สึกหัวใจเจ็บแปลบขึ้นมา “คุณธนิกเคยรักขิมมากสินะ”

“พี่ธนิกเคยบอกอย่างนั้นครับ แต่ผมไม่รู้นะว่าจริงไหม”

“ก็คงจะจริงแหละ”

“เอาอย่างนี้ไหมครับ พี่ก็ลองเอาอกเอาใจพี่ธนิกดู พี่ธนิกชอบคนดูแลเอาใจใส่ ยิ่งเวลาอ้อน เขาจะยิ่งตามใจ” เขมินทราเวลาพูดถึงคุณธนิกจะมีประกายของความสุขแผ่ออกมาจากตัว แม้แววตาจะเศร้าสร้อย แต่ใบหน้าก็เปื้อนรอยยิ้มเสมอ “เรามีอะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน ก็เลยเห็นอกเห็นใจกัน”

“ขิมคบกับคุณธนิกกี่ปีเหรอ”

“ไม่เรียกว่าคบหรอกครับ แต่เราอยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลา พี่ธนิกไม่เคยพูดว่าเราเป็นอะไรกัน แต่เวลาที่ผมต้องการใครสักคน เขาก็จะรีบมาหา เป็นแบบนั้นมาตลอดสี่ปี”

สี่ปี...สี่ปีมันนานพอที่จะทำให้ใครสักคนจำฝังใจไปตลอดชีวิตได้ไหมนะ

“แต่สุดท้ายเขาก็หักหลังผม” แววตาของเขมินทราเปลี่ยนไป “ถ้าพี่ไปหาพ่อของเขาไม่ได้ พี่ก็ต้องหาเอกสารมาให้ผม เป็นเอกสารสำคัญที่ผมทำพลาดไปเมื่อหลายปีก่อน”

“เอกสารอะไรเหรอขิม” ผมแสร้งถาม ทำทีเหมือนว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“เป็นเอกสารการยินยอมไม่เกี่ยวข้องกับมรดกที่ผมจะได้รับ”

“ผมไม่ค่อยเข้าใจ”

“พี่ไม่ต้องเข้าใจหรอกครับ แค่หามาให้ผมก็พอ มีชื่อของผม เขมินทราอยู่ในเอกสารนั้น พี่อ่านหนังสือออกใช่ไหมครับ”

ผมคิดว่าผมไม่อยากจะช่วยเจ้าน้องชายปากร้ายคนนี้เท่าไรหรอกนะ

“อ่านออก แล้วผมจะหามันได้ยังไง”

“ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ธนิกเก็บไว้ที่ไหน พี่ต้องหาวิธีถามจากเขานะครับ พี่ช่วยผมเรื่องนี้เรื่องเดียวก็พอ แล้วผมจะไม่รบกวนอะไรอีกเลย”

“สรุปง่ายๆ เลยก็คือถ้าผมไปหาพ่อของคุณธนิกไม่ได้ ผมก็ต้องหาเอกสารให้ขิมใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“แบบไหนมันจะง่ายกว่ากันนะ” ผมครุ่นคิด “มันยากทั้งคู่เลย”

เขมินทรามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ให้ความรู้สึกว่าตัวผมนั้นโง่เง่าเสียเต็มประดา “พี่ทำได้แน่ครับ”

“จะพยายามนะ”

“ขอบคุณครับ ผมหวังพึ่งพาพี่นะ แต่ถ้ามันยากเกินไป พี่กับผม เราสลับตัวกันก็ได้”

“เอาไว้พี่ทำไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ เราค่อยมาว่ากันอีกทีดีกว่านะ”

“ก็ได้ครับ”

ตอนนี้ผมอยู่ตรงกลาง แม้ว่าจะเอนเข้าหาคุณธนิกมากแค่ไหน แต่เรื่องที่เขมินทราพูดผมก็จะไม่บอกกับคุณธนิก และเรื่องของคุณธนิก ผมก็จะไม่บอกเขมินทราเช่นกัน ผมแค่ต้องเฝ้ามองอยู่เงียบๆ และหาทางจบปัญหาให้กับตัวผมเอง เพื่อที่ตัวผมจะได้หลุดพ้นจากเรื่องพวกนี้เสียที

ผมไม่ชอบความยุ่งยาก ไม่เข้าใจกับความรู้สึกของน้องชายอย่างเขมินทรา แม่ผู้ให้กำเนิดนั้นจะเป็นอย่างไร พ่อที่แท้จริงจะเป็นใคร ผมไม่สนใจเลยสักนิด แต่คงเป็นเรื่องที่สำคัญกับน้องชายของผม น้องชายที่ถูกเลี้ยงดูด้วยครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยแต่กลับโหยหาความรักที่ผมได้รับจนล้นจากน้าลี เขมินทราไขว่คว้าหาพื้นที่ของตัวเองในขณะที่ผมพบที่อยู่ของตัวเองแล้ว

หากผมสามารถสื่อสารกับน้าลีได้บ้าง ผมก็อยากจะถามน้าว่าน้าโกรธมั้ยที่ผมไม่คิดจะแค้นเคืองหรือเอาผิดคนที่ทำร้ายน้าเลย เรื่องมันผ่านมาแล้ว หากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ความสดใหม่ของมันอาจจะทำให้ผมรู้สึกแค้นเคืองอยู่บ้าง แต่มาจนป่านนี้แล้ว ผมจะเอาชีวิตที่เหลืออยู่ไปเสียให้กับความรู้สึกแย่ๆ แบบนั้นทำไม ผมจึงไม่เข้าใจเขมินทราเลยแม้แต่น้อย

......................To be Continue.......................

 :กอด1: :o8: :-[

ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่า ดีใจมากๆ ที่มีคนตามอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-08-2018 18:19:06
 :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 04-08-2018 18:20:42
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-08-2018 18:39:37
เกลียดนังขิมจังเลย  :m16:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-08-2018 18:45:45
เฮ้อออ เป็นฝาแฝดที่ไม่เหมือนกันเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-08-2018 18:46:54
วุ่นวายจังเลยขิมเนี่ย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 04-08-2018 18:47:45
ความคิดของขวัญน่ะดีแล้ว  อย่าไปยุ่งมากเลย มีแต่เสียกับเสีย มีเรื่องเดียวที่ต้องทำคือช่วยให้แนนปลอดภัย อย่าให้แนนมาเกี่ยวพันด้วย เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สนุกมากๆ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 04-08-2018 19:13:25
น้องขวัญ​เป็นคนทีาหาได้​ยากยิ่งในสังคมสมัยนี้​ เขมอันตรายจริงๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 04-08-2018 19:30:17
เกลียดขิม รำคาญ เหม็นขี้หน้า
จิตใจบิดเบี้ยว เห็นแก่ตัว อินจัดไปหน่อย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-08-2018 20:03:23
แค่อยู่เฉย ๆ ปัญหาก็ยังวิ่งชน นี่ถ้าทำตามขิมบอกงานจะงอกอีกกี่อย่าง เสี่ยงสุด ๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-08-2018 20:19:29
ขิมนี่ขี้อิจฉาสินะมาขอความช่วยเหลือเขาอต่ก็กระแนะกระแหนเขาตลอดเวลามันน่าตบให้ปากฉีกจริงๆ สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้คือกลัวแนนโดยเล่นงานไปด้วยเพราะขิมบอกว่าต้องให้เสียคนที่รักไปอีกกี่คนถึงจะเข้าใจนั่นก็หมายรวมว่าคนสั่งฆ่าน้าลีกับหลงต้องเป็นขิมแน่ๆยิ่งอนนมาด่าแบบนั้นอีกกลัวมันพาลไปเล่นงานแนนด้วยแถมยังเป็นการบีบขวัญทางอ้อมด้วย อ่านเรื่องนี้แล้วโทนตัวละครมันมาโปรดกับปลื้มจริงๆนะ แต่โทนของเรื่องนี่ให้อารมณ์ไร้พ่ายมาก เชื่ออะไรหรือใครไม่ได้สักอย่าง นักเขียนก็เช่นกัน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 04-08-2018 21:24:55
ขวัญสู้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 04-08-2018 21:43:28
นังขิมเป็นบ้าหรอ ขวัญไม่ต้องเข้าไปยุ่งอะดีแล้ว
ปล่อยให้พวกนั้นเค้าแย่งสมบัติแก้แค้นเอาคืนอะไรกันไปเหอะ
นี่จะไม่ได้เจ็บแค่ใจนะ จะเจ็บตัวเอาด้วย  :m16:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 04-08-2018 22:31:44
ในเรื่องร้ายๆอย่างน้อยขวัญก็โชคดีที่มีอีกคนนึงที่เข้าใจ และไม่ตัดสินขวัญจากภายนอกอย่างพี่จอย เป็นแม่พระที่คอยมองห่างๆอย่างห่วงๆ55 แต่รุ่นพี่หน้าคล้ายขวัญที่พี่จอยพูดถึงเนี่ย คงไม่ใช่ขิมหรอกเนาะ? พี่จอยก็สี่สิบกว่าละ คงเป็นคนหน้าคล้ายจริงๆใช่มะ? ระแวงไปหมดเลย55555

คุณหัวหน้าHR นี่พอเข้าใจนะเรื่องที่อยากให้ขวัญออกจากห้องเพราะห่วงเอกสาร แต่ที่ตัดสินขวัญว่าเป็นเด็กหวังเงินทั้งๆที่เพิ่งเจอกัน ตรงนี้เราว่าเค้าแย่มากในฐานะ HR

ส่วนคุณธนิกทำอะไรเปิดเผยเกินไปนะ จับมือ โอบไหล่ หยอดคำหวาน แนะนำว่าเป็นเด็กตัวเองให้พนักงานในบริษัทรับรู้ ควรจะเข้าใจนะว่าสังคมไทยแอนตี้มือที่สาม/เมียน้อยขนาดไหน ถึงจะมีข้ออ้างหรือเหตุผลอะไรก็ตาม แต่เค้าไม่ได้นึกถึงมุมขวัญเลยว่าจะโดนคนอื่นนินทาในแง่แย่ๆยังไง แล้วขวัญจะรู้สึกแย่กับคำพูดของคนอื่นแค่ไหน หวังจริงๆนะว่าอยากให้ธนิกรู้สึกรักขวัญเข้าจริงๆซักวันก่อนที่จะต้องลาจากกันไป อย่างน้อยตอนที่ชีวิตแย่ๆ ความรู้สึกห่วงใยอย่างจริงใจของคนที่เรารักมันก็เป็นสิ่งสำคัญที่หล่อเลี้ยงจิตใจให้ไปเผชิญหน้ากับสิ่งแย่ๆได้อ่ะ

สรุปตอนนี้แขไขมีลูกแท้ๆ 3 คน? ธนวัฒน์ ขวัญกับขิม  ธนวัฒน์นี่เราว่าเป็นอีกคนที่ต้องระวัง ยิ่งอีกครึ่งของบริษัทอยากให้ลูกแท้ๆของแขไขมาบริหาร พวกของธนวัฒน์หรือตัวธนวัฒน์ก็อาจอยากจะกำจัดขวัญไปให้พ้นทางก็ได้ เพราะพวกเค้าคงไม่อยากให้เด็กไม่มีการศึกษามาบริหาร บ. ที่ตัวเองทุ่มเททำงานมาก่อนหรอก คนที่รักสนุก ดูไม่สนใจอำนาจแบบนี้แหละอาจจะหลอกตบตาทุกคนอยู่ก็ได้ (ระแวงอีก55555)

ขิมมมมมมม มาถึงก็เต็มไปด้วยคำดูถูก ฮื่อออ ขิมต้องการมรดก และคุณธนิกคืนเลยเข้าหาขวัญเพราะต้องการใช้เป็นเครื่องมือใช่มั้ย? เราอยากรู้เลยว่าขิมถูกเลี้ยงดูมาแบบไหนถึงได้เป็นแบบนี้ หรือในอดีตมีเหตุการณ์อะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับเค้าจนทำให้ฝังใจรึเปล่า?

ส่วนตัวไม่ได้มองว่าขวัญเห็นแก่ตัวเลยนะที่ไม่อยากไปล้างแค้น/ทวงทุกอย่างที่สมควรเป็นของตัวเองคืนมา เพราะสิ่งพวกนั้นมันไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆในการเติบโตของขวัญเลย แถมเป็นอดีตไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ แล้วขวัญก็โตมาโดยที่มีความสุขกับชีวิตตัวเองและไม่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านั้น มันก็ไม่แปลกที่จะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอ่ะ
แต่การที่ทำตัวเป็นคนที่อยู่ตรงกลางคอยดูทั้งฝ่ายธนิกและฝ่ายขิมว่าจะทำอะไร ขวัญก็ต้องระวังตัวด้วยนะเพราะอย่าลืมว่าทั้งสองฝ่ายใช้ขวัญเป็นเครื่องมือ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ขวัญจะทำได้แค่ยืนดูเฉยๆ เธอคือคนที่ถูกคนอื่นจับถูลู่ถูกังนะ จะมากจะน้อยมันก็ต้องเจ็บแน่นอน เป็นกำลังใจให้ อย่่าท้อ รู้สึกแย่ก็มาอ่านคอมเม้นนะ55555 เราเป็นกำลังใจให้เธอทุกตอนแม้เธอจะไม่รู้ไม่้ห็น5555

อินมากค่ะ ชอบบบบ ดราม่าซับซ้อน รออยู่ทุกตอนเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ;)

ปล. แอบชอบคำว่า 'เสี่ยนิก' ที่แนนเรียกนะ555 แต่ไม่อยากเป็นเด็กเสี่ยนิกเลย ชีวิตลำบากแถมใจก็ช้ำอีกเพราะเสี่ยนิกพูดตรง55

ปล.2 >>ผนังอีกด้านมีโทรศัพท์ขนาดไม่น้อยกว่าหกสิบนิ้วแขวนติดผนัง >> น่าจะเป็นโทรทัศน์ป่าวคะ?
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 04-08-2018 22:51:54
คุณธนิกอ่อนโยนกับขวัญเหลือเกิน ฉัลเขิล :-[
..
สนุกอ่่่่่่าาาาาาาาาาา อยากอ่่่่านตอนต่อไปไวๆ โย่ว ! :really2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-08-2018 23:22:03
ความคิดของขวัญน่ะดีแล้ว  อย่าไปยุ่งมากเลย มีแต่เสียกับเสีย มีเรื่องเดียวที่ต้องทำคือช่วยให้แนนปลอดภัย อย่าให้แนนมาเกี่ยวพันด้วย เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สนุกมากๆ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:

คิดเหมือน

ขิม ปากร้าย ดูถูกขวัญ ทั้งที่เป็นพี่น้องกันแท้ๆ  :fire:
ทั้งที่ต้องการความช่วยเหลือจากขวัญ
ไม่น่าช่วยเหลือเลย
ดูแล้วจะเอาแต่ประโยชน์จากขวัญเท่านั้น
ถ้าสำเร็จก็คงถีบหัวขวัญส่ง ไม่ก็ผลักเรื่องร้ายๆเสียหายให้

ธนิก  คงเห็นนิสัยแท้จริงของขิม
และรู้ตัวตนของขิมใต้ใบหน้าที่น่ารักว่ามันตรงข้ามกัน
ไม่พอเพียง และต้องการฮุบทุกอย่างให้เป็นของตัวเอง  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-08-2018 23:32:15
รุ่นพี่ที่หน้าคล้ายขวัญ ก็แม่ของขวัญไง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-08-2018 00:12:29
ขิมคงไม่คิดจะแบ่งสมบัติใครแม้แต่พี่ชายของตัวเองอะ  :z6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 05-08-2018 00:56:19
บางทีก็อยากให้ขวัญพูดไรบ้างนะ ขิมไม่มีสิทธิอะไรที่จะมาพูดหมาๆแบบนี้ ไม่พูดเขาก็คิดว่าโง่ เขาก็ข่มได้น่ะสิ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-08-2018 03:33:41
อ้างถึง
โทรศัพท์ขนาดไม่น้อยกว่าหกสิบนิ้วแขวนติดผนัง

ใหญ่มากเลยค่ะโทรศัพท์เครื่องนี้ - ทีวีสินะคะ

แขไขนี่คือน้องของพ่อขิมกับขวัญไหม? มีลุกคือธนพัฒน์

พี่ที่หน้าเหมือนขวัญคือแม่ของขวัญสินะ

ขิมนี่นะ  เอาไปปล่อยเกาะสักที่เถอะ  ฟังมานี่ยังปักใจอีกเหรอลูกว่ามันน่ะเป็นคนฆ่าน้าลีชัวร์  มีภาพขนาดนี้แล้ว

จิตเสื่อมดี น่าจะปล่อยให้แนนซัดให้ฟันร่วงสักที เกลียดคนพรรค์นี้สุดๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-08-2018 18:56:41
ขิมดูอันตรายและน่ากลัวสำหรับขวัญมากกว่าคุณธนิกซะอีก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 05-08-2018 20:05:55
จะมองทางไหนก็หาคนจริงใจกับขวัญไม่มี คงมีแต่แนนที่เข้าใจกัน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-08-2018 21:37:30
โหยยยยย ขิม เลวออกนอกหน้ามากกก ดูถูกขวัญทุกคำ แค่คนหน้าเหมือนกันแต่สันดานต่างกันชัดเจนมาก ถึงขวัญจะฉลาดน้อย ไม่ทันคน แต่ก็เป็นคนดีนะ ขิมมันต้องทำให้ขวัญเดือดร้อนแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 06-08-2018 07:43:57
ขวัญอย่าไปช่วยขิมเลย คนแบบนั้น เอาแต่พูดดูถูกขวัญ อยู่กับคุณธนิกไปอะดีแล้ว ขวัญของเราไม่ใช่ของใครทั้งนั้น  :hao5:

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-08-2018 09:51:08
อิขิมมันร้าย!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-08-2018 10:09:46
คนที่เห็นแก่ตัวน่ะคือขิมต่างหาก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 06-08-2018 22:06:29
 :m31:  สงสารขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: iMarchs ที่ 07-08-2018 21:42:06
อยากอ่านตอนต่อไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: sentpai ที่ 08-08-2018 02:24:17
สนุกและเครียดไปพร้อมๆกัน
สงสารขวัญมากกกกกก
จะจบแบบไหนเนี่ยเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-08-2018 12:40:52
ตอนแรกเข้ามาอ่านนึกว่าเป็นเรื่องแบบแอบรักดอกฟ้าแล้วมีเรื่องกุ๊กกิ๊กๆแบบที่เคยอ่าน อ่านๆไปมันไม่ใช่แร่ะ ขวัญไม่น่ามาเจอคนพวกนี้เลย ชีวิตที่อยู่กับหลง กับแนนก็มีความสุขดีอยู่แล้ว อยากได้อะไรก็เอาไปดิขวัญอยากได้แค่ความสงบสุขในชีวิต สู้ๆนะขวัญ :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 12 04/08/2018 Page 10
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 12-08-2018 15:37:26
แวะมาให้กำลังใจน้องขวัญ :กอด1:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 12-08-2018 16:48:50
ตอนที่ 13



“ข้าวผัดกับราดหน้า อยากกินอะไร” คุณธนิกเพิ่งกลับจากบริษัท เขากลับมาในเวลาทุ่มครึ่งและตอนนี้กำลังตะโกนมาจากห้องครัว

วันนี้ผมอยู่บ้าน นอนอ่านการ์ตูนทั้งวันเพราะไม่มีอะไรทำ เป็นความว่างที่น่ากลัวมาก ผมอยากจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาไอ้แนน แต่เจ้าเวฟร้อยคู่ใจของผมถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนาด้วยฝีมือของคุณธนิก เขาไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ก็จะไลน์มาเช็กผมแทบทุกชั่วโมง ทั้งที่ผมแน่ใจว่าเขาเห็นผมจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ทั่วบ้าน เขาบอกว่าเขาสามารถดูผมได้จากโทรศัพท์มือถือ ถ้าผมคิดหนีเที่ยวเขาจะรู้ทันที แต่กล้องไม่ได้มีทุกมุม มีมุมอับอยู่บ้างเหมือนกัน ทว่าพอเขาไม่เห็นผมอยู่ในกล้อง เขาก็จะโทรหาทันที เอาจริงๆ เรื่องนี้ทำให้ผมประสาทกินอยู่พอสมควร

“ข้าวผัดครับ” ผมวางหนังสือการ์ตูนแล้ววิ่งไปที่ครัว

“กินอะไรรองท้องหรือยัง พี่บอกแล้วว่าจะกลับค่ำ ให้กินไปก่อน แต่เราก็ดื้อ” เขาบ่นพลางเปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบ

“กินแล้วครับ ผมกินโยเกิร์ตกับแอปเปิ้ล คุณธนิกล่ะครับ หิวมั้ย”

“นิดหน่อย” เขาตอบ สีหน้าเหนื่อยล้าจนผมรู้สึกผิด

“ผมจะฝึกทำอาหารนะครับคุณธนิก” ผมรีบเข้าไปช่วยเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเขาทำให้ผมเคลิ้มนิดหน่อย

เขากลับมาก็ขึ้นไปอาบน้ำ ตอนนี้จึงไม่ได้สวมสูทตามปกติ เขากลายเป็นชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่สวมใส่แค่กางเกงนอนขายาวกับเสื้อกล้ามสีดำ แถมทั้งเนื้อทั้งตัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นของครีมอาบน้ำที่ใช้

“คุณธนิกจะได้ไม่เหนื่อย กลับมาจะได้กินข้าวเลย”

เขายกมือขึ้นโยกหัวผม “ดีมาก เป็นความคิดที่ดี เพราะไม่งั้นขวัญก็จะได้กินแต่อาหารเดิมๆ ฝึกทำไว้ เวลามีอะไรที่อยากกินจะได้ทำกินเอง”

“ผมกินง่ายครับ แค่มาม่าก็อยู่ได้แล้ว”

“จะกินแต่มาม่าไม่ได้หรอกนะ”

“น้าลีก็บอกผมแบบนั้นครับ แต่ผมก็ชอบกิน”

“มีอะไรที่ชอบกินอีกมั้ย”

“ก๋วยเตี๋ยวร้านป้านีหน้าปากซอยทางเข้าบ้านครับ อร่อยมากๆ แล้วก็ถูกด้วย”

เขายิ้ม ท่าทางชอบใจ “วันหลังพาไปกินหน่อยนะ”

“ได้ครับ”

“ขวัญเลี้ยงพี่นะ”

“ไม่มีปัญหาครับ แต่ว่าร้านป้านีเป็นร้านเล็กๆ นะครับ ร้อนด้วย”

“แต่ขวัญชอบไม่ใช่เหรอ ถ้าขวัญชอบพี่ก็ไม่มีปัญหา”

ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจหั่นต้นหอม รู้สึกอยากหอมแก้มเขาขึ้นมา ก็เลยเดินเข้าไปใกล้แล้วเขย่งปลายเท้าเพื่อทำตามใจคิด

จุ๊บ!

เขาชะงักมือ ก่อนจะหันมาหอมแก้มผมคืน แล้วชี้ไปที่ริมฝีปากของตัวเอง “ตรงนี้ด้วย”

จุ๊บ!

“ดีมากครับ” เขาทำหน้าพอใจแล้วหันกลับไปเตรียมวัตถุดิบต่อ “ขวัญล้างมะเขือเทศให้พี่ด้วยนะ”

“ได้ครับ เอากี่ลูก”

“สอง”

“ใส่เยอะจัง”

“ไม่ชอบเหรอ”

“ไม่ค่อยชอบครับ รสชาติมันแปลกๆ”

“งั้นล้างสามลูกเลย”

“ง่า…”

เขาหัวเราะ “ล้อเล่น ลูกเดียวก็ได้ครับ ไม่ใส่เยอะเนอะ”

“คุณธนิกใจดีจัง”

“ก็ขวัญเป็นเด็กดีไงครับ”

เขามักจะพูดว่าผมเป็นเด็กดี เขาเคยบอกไว้ว่าถ้าผมไม่ดื้อ เขาก็จะใจดี ซึ่งไม่มีคำพูดไหนที่ผิดจากที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย เขาใจดีกับผมมากๆ เขาดูแลเอาใจใส่และทำอะไรหลายๆ อย่างให้ ผมอยู่กับเขาเกือบครบสัปดาห์แล้วก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะมีพฤติกรรมไม่ดีอย่างที่เขมินทราคอยส่งไลน์มาบอก

คุณธนิกกลับบ้านเกือบตรงเวลาทุกวัน อาจมีบ้างที่เขาติดงานจนต้องกลับมืดค่ำ แต่เขาจะบอกเสมอว่าจะกลับกี่โมง กลับเวลาไหน เขาไม่เคยปล่อยให้ผมนั่งกินข้าวเย็นคนเดียว พอกลับจากบริษัทก็จะอยู่กับผมไปจนถึงเข้านอน เขาชอบเล่าเรื่องที่บริษัทให้ฟัง บ่นพวกบอร์ดบริหาร บ่นเรื่องงานที่ไม่ได้ดั่งใจ ปัญหาเกี่ยวกับการผลิตที่ล่าช้า หรือเรื่องอะไรก็ตามที่เขาพบเจอมาตลอดทั้งวัน เขาจะเอามาพูดให้ฟัง ผมก็ฟังเพลิน ชอบที่ได้ยินเสียงของเขา แล้วพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันหยุดแรกที่ได้อยู่ด้วยกัน คุณธนิกบอกว่าจะพาไปเที่ยว ให้ผมชวนไอ้แนนไปด้วยได้ แต่ไอ้แนนมันไม่ว่าง มันก็จะพาฝนไปเที่ยวเหมือนกัน

“ผมเคยได้ยินว่าคุณธนิกเป็นคนเจ้าชู้” ผมถามในขณะที่เขาวางจานข้าวผัดที่มีควันร้อนๆ หอมฉุ่ยลงตรงหน้า “คุณธนิกเจ้าชู้จริงรึเปล่าครับ”

“อืม...ยังไงดีนะ” เขาทำท่าคิด นั่งลงตรงข้ามผมพลางส่งช้อนกับส้อมมาให้ ปกติแล้วเรามักจะกินข้าวจานเดียวกันเสมอ เหตุผลของคุณธนิกก็คือขี้เกียจล้างจาน แต่ผมกลับรู้สึกชอบเหตุผลของเขามากๆ เพราะเวลาได้กินด้วยกันแล้วมีความสุข “ขวัญคิดว่าพี่เจ้าชู้มั้ยล่ะ”

“ผมไม่รู้หรอกครับ ผมเพิ่งรู้จักคุณธนิกได้ไม่นาน”

“ตามประสาผู้ชาย พี่ก็เคยมีเรื่องทำนองนั้นอยู่ล่ะนะ”

“ตอนที่คบคุณขิมล่ะครับ เจ้าชู้มั้ย”

“ก็นะ...ตอนนั้นพี่ก็ยังวัยรุ่น ก็ต้องมีนอกลู่นอกทางบ้าง” เขาตักข้าวผัดขึ้น เป่าเล็กน้อยแล้วส่งมาจ่อที่ปากของผม “ตอนนั้นยังรู้สึกว่าไม่ค่อยใช่เท่าไร ก็เลยพยายามหาที่มันใช่”

“คุณขิมยังไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามพลางงับช้อนที่เขาป้อนให้

“ก็ตอบยาก แต่พี่ยังไม่รู้สึกว่าพี่อยากจะอยู่กับเขาตลอดเวลา” เขาอมยิ้มแล้วใช้นิ้วหยิบข้าวที่ติดตรงมุมปากออกให้ “คนที่ใช่สำหรับพี่คือคนที่พี่อยากจะอยู่ด้วย อยากจะเห็นอยู่ในสายตาโดยไม่เบื่อ ไม่คิดอยากไปที่ไหนเลย”

“คนเราก็คงต้องมีเบื่อกันบ้างสิครับ”

“นั่นสินะ แต่ทำไมพี่ไม่เบื่อขวัญเลยล่ะ”

“เพราะเราเพิ่งอยู่ด้วยกันไม่กี่วันเองครับ ผมเป็นคนน่าเบื่อ เดี๋ยวเดียวคุณธนิกก็เบื่อผมแล้ว”

“ไม่เห็นน่าเบื่อเลย ขวัญตลกจะตาย ชอบทำหน้าประหลาดเวลาอ่านการ์ตูน”

“คุณธนิกมองผมอยู่ตลอดเลยเหรอครับ ไม่ทำงานเหรอ”

เขาหัวเราะ ลูบหัวผมเบาๆ “ทำครับ แต่ไม่ค่อยมีสมาธิ ขวัญอยู่คนเดียว พี่กลัวขวัญจะเหงา”

“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมอยู่ได้ ผมชอบอ่านการ์ตูน ผมอ่านหนังสือช้า อ่านจบเล่มคุณธนิกก็กลับมาพอดี ไม่ทันได้เบื่อเลย”

เขาทอดสายตาอ่อนโยนมองมาจนใบหน้าของผมรู้สึกร้อนผ่าว “พี่จะให้รางวัลยังไงดีนะ”

“ผมไม่เอาหรอกครับ”

“พี่อยากให้” เขายืนยันเสียงนุ่ม “เอาอะไรดี”

“อะไรก็ได้เหรอครับ”

“อืม”

ผมพยายามคิด รางวัลจากคุณธนิกควรเป็นของแบบไหน ของแพงๆ ผมก็ไม่กล้าขอ แล้วผมก็ไม่มีอะไรที่อยากได้ “ผมขอข้าวกล่องได้ไหมครับ พรุ่งนี้คุณธนิกจะพาผมไปเที่ยว ผมอยากกินข้าวกล่องฝีมือคุณธนิก”

“ข้าวกล่องเหรอ” เขาเลิกคิ้วน้อยๆ “ไปกินข้าวร้านดีๆ อร่อยๆ ดีกว่ามั้ย”

“คุณธนิกทำอร่อยที่สุดแล้วครับ”

ผมเห็นเขาหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยกมือมาปิดตาผม “อย่ามองพี่แบบนี้ เดี๋ยวจะแย่”

“อะไรแย่เหรอครับ”

เขาไม่ตอบ เป็นนานกว่าจะผละมือหนี แต่ก่อนหน้านั้นริมฝีปากของผมก็ถูกริมฝีปากของเขาแตะลงมาอย่างแผ่วเบา ไม่นานความอุ่นร้อนที่ได้รับก็หายไป “จะทำให้ครับ แล้วขวัญอยากกินอะไร”

“ข้าวผัดครับ”

“ฮ่าๆ ๆ” ใบหน้าของเขากระจ่างยามที่เขาหัวเราะ “ยากกว่านี้ก็ได้นะ พี่คิดว่าพี่ทำได้”

“ไม่ล่ะครับ ข้าวผัดก็พอ”

ช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าความอบอุ่นที่ได้รับจากคุณธนิกเป็นของผมจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะผมหน้าเหมือนเขมินทรา

“คุณธนิกครับ”

“ครับ”

“ตอนนี้นอกจากผมแล้ว คุณธนิกดูแลคนอื่นอีกไหมครับ”

เขาเลิกคิ้ว มีสีหน้าครุ่นคิด แต่อมยิ้มอยู่ตลอดเวลา “ตอบยังไงดีนะ”

“มีเหรอครับ”

“ไม่มี”

“เพราะมีคู่หมั้นแล้วเหรอครับ”

“เปล่า” เขาส่ายหน้า หน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะพูด “เพราะมีขวัญต่างหาก”

ผมก็คงหน้าแดงไม่ต่างจากเขา แต่แสร้งพูดไปอีกความหมาย “ผมเป็นภาระซะแล้ว ขอโทษนะครับ”

“นอกจากคำขอโทษแล้วมีอะไรไถ่โทษมั้ย”

“คุณธนิกจะเอาอะไรล่ะครับ”

“อืม...นั่นสินะ”

แววตาเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเขากำลังคิดอะไร “ตัวผมได้มั้ย เอ่อ...หมายถึงให้ผมนวดหรือจะใช้งานอะไรผมก็ได้น่ะครับ”

“อ้อ...หมายความอย่างนั้นเอง” เขาหัวเราะออกมา “พี่ก็นึกว่าความหมายอื่น”

“แหะๆ”

“ก็ดีนะ วันนี้พี่เมื่อยมาทั้งวัน”

“งั้นก่อนนอนผมจะนวดให้นะครับ”

เขาพยักหน้า “นวดทุกส่วนเลยนะ”

“ครับ”

“เด็กดีของพี่”

ผมชอบเวลาที่คุณธนิกโยกหัวหรือลูบหัว เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นเอามากๆ เขาน่ะเวลาอ่อนโยนก็ทำเอาระทวย แต่เวลาใจร้าย...มีน้ำตาเท่าไรก็คงไม่พอ





เขมินทรา: ทำอะไรอยู่ครับ

เขมินทรา: พรุ่งนี้ว่างมั้ย ผมอยากเจอ

เขมินทรา: อยู่กับพี่ธนิกอีกแล้วเหรอครับ

เขมินทรา: ผมบอกพี่แล้วนะว่าเขาไม่ใช่คนดี อย่าโง่ให้เขาหลอกพี่ได้นะครับ

เขมินทรา: ว่างแล้วตอบข้อความผมด้วยนะ





ผมไม่กล้าเปิดอ่านข้อความจากเขมินทรา ผมคิดว่าหลายวันมานี้ผมอ่านมามากพอแล้วกับความคิดในด้านลบที่เกี่ยวกับคุณธนิก ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงแค่ไหน คุณธนิกอาจจะทำไม่ดีกับเขมินทราไว้มากจริงหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของเขมินทรา ผมไม่อยากตัดสินว่าเขาเป็นคนไม่ดีเพียงเพราะคำพูดจากคนอื่น เพราะคุณธนิกที่อยู่กับผมนั้นเขาทำแต่เรื่องดีๆ ให้

เขาอาจจะใจร้ายอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่คนเลว การกระทำของเขาอาจจะทำให้ผมคิดไปไกล แต่คำพูดของเขาก็ชัดเจนทุกคำว่าเขาไม่ได้รัก ผมอยู่ตรงนี้ ข้างๆ เขา ผมกลับรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรก็เข้าไปอยู่ในใจของเขาไม่ได้ เขาทำดีแต่มันก็แค่นั้น ไม่ได้มีอะไรอื่นเลย ในเวลานี้ผมยังคงเป็นแค่คนที่มีประโยชน์ต่อเขา คนที่จะทำให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ และเป็นคนที่หลงรักเขาอยู่ข้างเดียวก็เท่านั้นเอง

เมื่อรู้สึกอยู่ข้างเดียวผมก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเองอยู่แล้ว ผมไม่โทษใคร

“เสียงไลน์ดังบ่อยนะ” เขาที่นอนตักให้ผมนวดขมับเอ่ยขึ้น “ใครไลน์มา”

“เพื่อนน่ะครับ” ผมตอบพลางลงน้ำหนักมือเพิ่มเล็กน้อย

“แนนเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ เป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เจอที่ร้านกาแฟ”

ผมไม่อยากบอกเขาว่าผมคุยกับเขมินทรา พยายามเลี่ยงให้ชื่อนี้อยู่ในชีวิตของเขาน้อยที่สุด ผมไม่อยากให้เขานึกถึง แม้หลายครั้งจะหลุดปากถามเรื่องระหว่างเขากับเขมินทราบ่อยๆ ก็ตาม

เขาขมวดคิ้ว แล้วลืมตามองหน้าผม “ไว้ใจได้เหรอ”

“ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”

“งั้นก็เลิกคุย” เขาจับมือผมไปวางไว้บนอกซ้ายของตัวเอง “รู้สึกไหมว่าหัวใจของพี่บอกว่าไม่ชอบใจเลย”

“อ่า…”

“อย่าดื้อนะครับ พี่อยากใจดีกับขวัญ” เขามองสบตา “ขวัญอย่าดื้อกับพี่ได้มั้ย”

“ได้ครับ” หัวใจของผมเต้นแรง แล้วก็รับรู้ได้ว่าหัวใจของเขาก็ไม่ได้เต้นในจังหวะปกติ มันเกือบจะเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจของผม

“ก้มลงมาหน่อยครับ พี่อยากจูบ”

ผมก้มหน้าลงไป ในขณะที่เขายกมือขึ้นรั้งท้ายทอยของผมไว้ และเมื่อริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ผมก็พบว่ามันยากมากที่จะผละหนี

คุณธนิกจะคิดเหมือนผมหรือเปล่านะ

“ไม่ว่าจะจูบขวัญกี่ครั้ง พี่ก็ไม่เคยรู้สึกพอเลย” เขาบอกเสียงพร่า “ขวัญโอเคมั้ยที่พี่ทำแบบนี้”

“จะให้ผมตอบยังไงดีล่ะครับ”

“ตอบแบบเอาใจ”

“งั้นก็คงโอเค”

“แล้วถ้าตามจริง”

“ไม่ค่อยโอเคเพราะผมกำลังจูบกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราแค่เพียงครู่ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นลูบแก้มของผมพลางมองมาด้วยสายตาที่ยากจะตีความ “พี่ไม่ได้ชอบขวัญ”

“ผมรู้ครับ”

“งั้นครั้งหน้าก็อย่าตามใจถ้าพี่เอาแต่ใจ”

“ผมอยากจูบกับคุณธนิกนี่ครับ ต่อให้จะรู้ว่าไม่ดี ต่อให้จะรู้ว่าคุณธนิกไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม ผมก็ยังเอาแต่โลภ”

เขาหลบสายตาของผมด้วยการหลับตาลง “ไม่มีใครจูบคนที่ไม่รู้สึกอะไรด้วยได้หรอก ที่จูบก็เพราะคิดทั้งนั้น”

“คุณธนิกคิดอะไรเหรอครับ”

“อย่าถามเลย”

ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ก็อดคิดไม่ได้ ทว่าก็ยังมีความลังเลว่าที่คุณธนิกคิด เขาคิดกับตัวผมหรือแค่เพราะผมหน้าเหมือนเขมินทรา

“คุณธนิกครับ”

“ว่า”

“ถ้าตอนนี้ผมเซ็นไม่ขอเกี่ยวข้องกับมรดกที่จะได้รับ จะเป็นผลดีต่อคุณธนิกรึเปล่าครับ”

“ทำไม” เขายอมลืมตาขึ้นมองผมอีกครั้ง “ขวัญไม่อยากอยู่กับพี่แล้วเหรอ”

“ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตตามปกติของผม อยู่กับคุณธนิกมันเหมือนความฝันเกินไป”

เขาหัวเราะ แต่นัยน์ตาแล้งเต็มที “เป็นฝันร้ายสินะ”

“ทั้งดีทั้งร้ายครับ”

“ขอโทษนะขวัญ” คำขอโทษของเขาทำให้หัวใจของผมสั่นไหว “ขวัญไม่น่ามาเกี่ยวข้องด้วยตั้งแต่แรก พี่ไม่เคยคิดอยากให้ขวัญมายุ่งกับเรื่องวุ่นวายนี้ ตอนที่ขวัญขับวิน พี่ยังเห็นขวัญยิ้มมากกว่าตอนนี้อีก แต่บางเรื่องมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต่อให้พี่ไม่ดึงขวัญเข้ามา คนอื่นก็ต้องทำอยู่ดี”

“ผมไม่น่าเกิดมาตั้งแต่แรกเลย”

“อย่าพูดแบบนี้ครับ ขวัญไม่ได้ผิดอะไร” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน “แต่อดทนอยู่กับพี่อีกหน่อยนะ”

“ผมกลัวว่าถ้าผมอยู่กับคุณธนิกนานกว่านี้ แล้วถึงเวลาที่ต้องไปจริงๆ ผมจะทำให้คุณธนิกลำบากใจ ผมคงเอาแต่ใจแล้วร้องขอจะอยู่ต่อ”

“งั้นพี่ควรทำยังไง พี่อยากให้ขวัญมีความสุข พี่ไม่อยากใจร้ายกับขวัญ แต่พี่ก็ไม่อยากให้ความหวัง” เขาเผยความสับสนให้เห็นเพียงเล็กน้อย “พี่ก็รู้ว่ามันไม่ดี แต่พี่ก็ยังอยากทำ อยากอยู่กับขวัญ อยากเห็นขวัญยิ้ม อยากทำอะไรดีๆ ให้”

“คุณธนิกครับ” ผมเรียกชื่อเขาแล้วก้มลงไปจูบที่เปลือกตาของเขาเบาๆ แค่เพราะอยากปลอบประโลมความรู้สึกที่คงกำลังตีวุ่นอยู่ในอกของเขา “อย่ากังวลกับผมเลย”

อย่ากังวลเลยนะครับ เวลาที่เห็นคุณธนิกเป็นแบบนี้ หัวใจของผมเจ็บยิ่งกว่าเวลาที่คุณธนิกใจร้าย

“ยิ้มให้ผมนะครับ รู้สึกกับผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่ยิ้มให้ผมก็พอ ผมชอบเวลาที่คุณธนิกยิ้ม เมื่อก่อนที่ผมได้แต่แอบมอง ผมเอาแต่คิดว่าทำยังไงถึงจะได้เห็นรอยยิ้มของคนที่ผมชอบ ทำยังไงถึงจะได้ยินเสียง แล้วตอนนี้ผมก็ได้ตามที่ผมหวังแล้ว มันก็ค่อนข้างโอเคนะ ที่จริงมันดีมากๆ เลยล่ะครับ”

“ต่อจากนี้ขวัญอาจจะต้องร้องไห้เพราะพี่อีกหลายครั้ง ขวัญก็ยังจะโอเคเหรอ”

“ครับ” ผมยิ้มให้เขา “จนกว่าคุณธนิกจะได้ในสิ่งที่หวัง ผมจะอดทนครับ”

นัยน์ตาของเขาเริ่มแปลกไป หากผมตาไม่ฝาดผมเห็นว่ามันรื้นไปด้วยน้ำใสๆ แต่เขาก็รีบหลับตาลง “อย่ารักพี่มากจนเกินไปนะขวัญพัฒน์ ต้องรักตัวเองให้มากๆ ด้วย”

“ผมรู้ครับ”

“พี่เป็นคนใจร้าย”

“ไม่ครับ คุณธนิกใจดีกับผม” ผมรีบเถียง “ใจดีแล้วก็อ่อนโยน มีบ้างที่ตะคอก แต่คำหวานมีมากกว่า”

เขาหัวเราะชอบใจ “พี่ก็พูดหยอดไปอย่างนั้น”

“โธ่ หลงดีใจเลย” ผมแสร้งตัดพ้อ พลางคลี่ยิ้ม “ดีจังครับ หัวเราะแล้ว”

“หืม”

“เมื่อกี้คุณธนิกทำหน้าเศร้ามากๆ ไม่สมกับเป็นคุณธนิกเลย” ผมยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขา “อย่าแพ้คนอื่นนะ ถ้าผมพอจะทำอะไรได้ ผมก็จะเป็นกำลังให้ ผมอยากให้คุณธนิกได้ทุกสิ่งที่คุณธนิกต้องการ ผมอยากเห็นคุณธนิกมีความสุข”

“ขวัญพัฒน์...”

“อย่าให้ใครมาทำให้ความต้องการของคุณธนิกไขว้เขวไป แม้แต่ตัวผมเอง ก็อย่าให้เป็นแบบนั้นนะครับ ผมรู้ว่าคุณธนิกคงพยายามมามาก ความพยายามจะต้องไม่สูญเปล่า ผมจะเอาใจช่วย สู้ๆ นะครับ”

“มาให้กำลังใจกันแบบนี้...พี่ก็แย่น่ะสิ”

ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าแววตาที่เขาใช้มองผมมาตลอดนั้นมีความหมายอย่างไร ผมดีใจที่อ่านมันออก แต่ก็เศร้าใจมากเหลือเกินกับความเป็นไปไม่ได้ที่เด่นชัด

น้าลีครับ...น้าลีเคยบอกผมว่าความรักที่แท้จริงคือความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ รักที่แค่ได้รัก งั้นตอนนี้ผมอาจจะพบความรักที่แท้จริงแล้วก็ได้ แม้จะเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้จนรู้สึกเจ็บปวดใจมากก็ตาม




[ต่อด้านล่าง]

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 12-08-2018 16:49:16



“ไอ้โม”

“มีไรมึง โทรมาดึกดื่น”

“กูแบบ…”

“น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะ มึงโอเคมั้ย”

ธนิกยกมือขึ้นลูบใบหน้าก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “ไม่ว่ะ แย่เหี้ยๆ”

เสียงหัวเราะดังลอดมาตามสาย “เรื่องน้องขวัญสินะ”

ธนิกไม่ตอบคำถาม แต่เพื่อนอย่างปฐพีก็คงรู้ดีว่าระยะหลังมานี้ความเครียดของเขามีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น มีแค่เรื่องของ ขวัญพัฒน์ ที่ติดแน่นอยู่ในหัว ทำยังไงก็ไม่ยอมหยุดคิดเสียที

“นายพรานอยากกลับตัวเป็นคนดีขึ้นมาหรือไง คงเพราะกระต่ายที่กำลังล่าทั้งน่ารักและก็น่าสงสาร”

“น่ากินด้วยไอ้สัด”

คนต่อประโยคลอบกลืนน้ำลายพลางมองคนที่กำลังนอนหลับอย่างไม่ระวังตัวอยู่บนเตียงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย เสื้อยืดตัวบางที่ขวัญพัฒน์สวมใส่เลิกขึ้นสูงจนเห็นหน้าท้องเนียนขาว ธนิกไล้สายตามอง วนเวียนอยู่อย่างนั้น ความคิดที่จะปู้ยี้ปู้ยำเดือดพล่านอยู่ในใจและตอนนี้กำลังบังคับให้มือปลาหมึกของตัวเองไม่ยื่นไปวอแวกับผิวกายของคนน่ารัก

อยากบีบ อยากขย้ำ

“ธนิก มึงต้องใจเย็นๆ นะเพื่อน มึงจะกินน้องขวัญไม่ได้” ปฐพีเอ่ยเตือนไม่จริงจัง ได้ยินเสียงเพลงดังคลอมาด้วย เจ้าเพื่อนตัวดีตอนนี้คงกำลังฟังเพลงคลาสิกและนั่งจิบไวน์อย่างที่ชอบทำเป็นแน่

“กูเคยกินมาแล้ว” ธนิกตอบเสียงพร่า หวนนึกถึงค่ำคืนที่ได้กลืนกินขวัญพัฒน์ ครั้งแรกที่คนน่ารักมอบให้เขานั้นช่างหวานล้ำจับใจ “แล้วก็อยากจะกินอีก น้องก็เหมือนเชิญชวน ทั้งจูบ ทั้งกอด ทั้งหอมแก้มกู ยิ้มหวานให้ด้วย แต่กูเป็นเหี้ยไรถึงทำไม่ลง ทั้งที่อยากใจจะขาด อยากทำมากๆ”

ขวัญพัฒน์ที่เป็นคนนวดมือดีให้เมื่อชั่วโมงก่อนนั้นมองเขาตาปรอย พอมองสบตาก็จะยิ้มให้ เข้ามาหอมแก้มบ้าง จูบที่ริมฝีปากของเขาบ้าง แสดงออกอย่างเปิดเผยว่ากำลังเชิญชวนให้สัมผัส แต่เขากลับทำแค่หอมหน้าผากแล้วกล่อมนอน ทั้งที่ส่วนกลางกายนั้นดีดดิ้นจะเข้าไปสำรวจขวัญพัฒน์ทุกซอกทุกมุม ทว่ากลับไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือออกไปสัมผัส

“มึงแค่จะโทรมาระบายเรื่องนี้ใช่มั้ย” ปฐพีไม่บิดปังความหมั่นไส้ “ถ้าใช่กูจะได้นอน ไอ้เหี้ยขี้อวด น้องอาจจะไม่ได้อ่อยมึงก็ได้ มึงคิดไปเอง”

ทำตาปรอยมองมาขนาดนั้น กูอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยมองลงมาก็ยังรู้เลย!

“มึงต้องมาเห็น อ้อนมากๆ อ้อนจนใจกูสั่นไปหมดแล้ว” ธนิกเสียงเครือ เผลอยื่นมือไปลูบเอวของขวัญพัฒน์ สัมผัสผะแผ่วเพื่อไม่ให้รบกวนการนอน

“พอ! ถ้ามึงไม่เลิกอวด กูจะวาง! ไอ้เหี้ย สงสารคนไม่มีใครให้กอดอย่างกูบ้างโว้ย!”

ธนิกหัวเราะ อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย “ขวัญตัวหอมมากไอ้โม ทั้งที่ขับวินตากแดดมาตลอด ทำไมแม่งไม่ดำบ้างวะ ขาวเกือบทุกส่วนเลยเวรเอ้ย กูจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว กูจะทนทุกคืนได้ยังไงโดยไม่ทำเรื่องไม่ดี”

ปฐพีสบถมาตามสาย เสียงเพลงคลาสสิกหายไปแล้ว มันคงไม่มีอารมณ์สุนทรีย์จะฟัง “ธนิกครับ เข้าเรื่องเถอะครับเพื่อน มึงจะเป็นไอ้โรคจิตแล้วรู้ตัวมั้ย”

“เออๆ ขอกูระบายหน่อยดิวะ กูแม่ง...จะบ้าตายเพราะขวัญอยู่แล้ว น่ารักฉิบหาย มีแต่คำว่าน่ารักๆ เต็มหัวกูไปหมดเลยตอนนี้ น้องแม่งดี...ดีมาก ดีกับใจกูสุดๆ”

ใบหน้าตอนยิ้มว่าน่ารักแล้ว ใบหน้าตอนหลับนั้นน่ารักกว่าอีกหลายเท่า ขวัญพัฒน์คงไม่รู้ว่าเขานั้นต้องหักห้ามใจตัวเองมากแค่ไหน ทำไมถึงเอาแต่ทำตัวน่ารัก พูดแต่ถ้อยคำที่เขาอยากฟัง มองเขาด้วยความจริงใจ เปิดเผยความรู้สึกให้ได้เห็น หัวใจของเขาเกือบวายทุกครั้งที่ร่างกายถูกมือนุ่มนั้นสัมผัส ขวัญพัฒน์จูบไม่เก่ง ความร้อนแรงก็ไม่มี ไม่ประสีประสาเรื่องอย่างว่าเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับปลุกให้ร่างกายของเขาร้อนผ่าวจนเกือบยั้งตัวเองไม่อยู่

อยากทำ อยากทำ อยากทำ!

ขวัญพัฒน์น่ารัก ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ ยิ่งน่ารักขึ้น บิตความน่ารักขึ้นทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง แม้รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างนี้ไม่ได้ แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะหักห้ามใจ

“ธนิก ยังอยู่มั้ยวะ” เสียงของปฐพีดังขึ้น แต่เหมือนดังมาจากที่ไกลๆ แต่นั่นก็พอแล้วที่ทำให้เขารู้ตัวว่าตอนนี้กำลังสร้างร่องรอยดูดกัดไว้ตรงโคนขาด้านในของขวัญพัฒน์ ได้ยินเสียงเจ้าตัวครางฮือก็ยิ่งยากจะถอยหนี อยากกระทำชำเราให้ยิ่งทำเสียงน่ารักมากกว่านี้ เขาใช้ลิ้นดูดดุนด้วยความมันเขี้ยว เป็นนานกว่าจะยับยั้งตัวเองได้

“โอเค กูสงบใจได้แล้ว” ธนิกเช็ดมุมปาก มองรอยสีกลีบกุหลาบอย่างพอใจ “เรื่องที่กูให้สืบดู ได้ความว่าไงบ้าง”

“ยังไม่ได้อะไร เขมินทราระวังตัวแจ ส่วนอาแขไขก็ยังไม่เคลื่อนไหว แต่น่าจะรู้แล้วว่าตอนนี้ขวัญอยู่กับมึง”

เขมินทรากับแขไข ศัตรูตัว ข ที่ยากจะรับมือ

ธนิกยกมือขึ้นลูบคาง สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะทอดมองขวัญพัฒน์ที่เพิ่งพลิกตัวนอนตะแคง กางเกงใส่นอนเลิกขึ้นจนเห็นอะไรต่อมิอะไร เขาข่มใจ ดึงกางเกงลงปิดให้ “ไม่รู้ว่าขิมต้องการอะไรจากขวัญ แต่กูว่าไม่น่าใช่เรื่องดี มึงตามดูให้หน่อยก็แล้วกัน กูไม่สบายใจจริงๆ ที่รู้ว่าขวัญติดต่อกับขิม”

“อย่างเด็กนั่นคิดเรื่องดีก็แปลกแล้ว” ปฐพีตอบกลับเสียงขุ่น “ตั้งแต่รู้จักมันมา กูยังไม่เคยเห็นมันคิดดีกับใคร แม้แต่กับมึงที่มันบอกว่ารักหนักหนา แต่สุดท้ายก็...”

“ช่างเถอะน่า” ธนิกตัดบท ไม่อยากฟังเพื่อนรื้อฟื้นความหลัง “เรื่องมันผ่านมาแล้ว”

“มึงก็พูดแบบนี้ทุกที ปกป้องมันตลอด มึงเกือบพังเพราะมันมาแล้วนะ จำไม่ได้รึไงวะ” ปฐพีเตือนความจำ ขัดใจกับการไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นของธนิก ทั้งที่เพื่อนอย่างเขาอยากเอาคืนให้สาสมกับเรื่องที่เขมินทราก่อเอาไว้

คนไม่ลืมบอกเสียงแผ่ว “จำได้ กูไม่เคยลืม”

“มึงยังรักมันอยู่เหรอ”

“เปล่า” เขาปฏิเสธ “กูแค่รู้สึกผิด”

“แล้วกับน้องขวัญล่ะ”

“สงสาร”

“ปากแข็งไอ้เหี้ย”

ธนิกหัวเราะชอบใจกับคำด่าของเพื่อน “เออน่า กูจะคิดอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงสุดท้ายก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี กูถูกสาปไว้แล้ว”

ความรักที่แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดขึ้นได้ คงต้องโทษขวัญพัฒน์ที่เอาแต่ทำตัวน่ารัก เขาแพ้...แพ้หมดทุกทาง แต่ก็ยังหลอกตัวเองว่าสามารถหักห้ามใจได้ ทั้งที่แค่เห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของขวัญพัฒน์ หัวใจของเขาก็ปวดร้าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“ถามจริงนะ” ปฐพีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะน้องหน้าเหมือนกันหรือเปล่าวะ ความรู้สึกเก่าๆ ก็เลยกลับมา”

“ไม่เหมือน” เขาเสียงขุ่น ไม่ต่างจากความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในใจ “ขวัญไม่เหมือนขิม ไม่มีอะไรเหมือนกัน อย่าเอาไปเทียบ กูไม่ชอบฟัง”

ขวัญพัฒน์ไม่มีทางเหมือนเขมินทรา พอๆ กับที่เขมินทราก็ไม่สามารถน่ารักได้เท่าขวัญพัฒน์ แม้จะเป็นฝาแฝด แต่ทุกคนบนโลกก็ไม่มีใครเหมือนใคร ทุกคนมีเอกลักษณ์ของตัวเองเหมือนอย่างที่เขามองเห็นถึงความต่างนั้น

ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งไม่เหมือน

“แต่สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน ถึงน้องขวัญจะน่ารัก นิสัยดี แต่มึงก็ระวังตัวไว้ดีกว่า โดนหักหลังซ้ำซ้อนมันไม่เท่หรอกมึง มันดูโง่”

ธนิกคลี่ยิ้มเมื่อได้ฟังคำเตือน “คนสุดท้ายในโลกที่จะทำร้ายกูก็คือขวัญ ขวัญไม่มีวันหักหลัง ขวัญเป็นเด็กดี”

“ธนิก กูก็ไม่ได้อยากสงสัย แค่เห็นใบหน้าที่เหมือนเขมินทรากูก็อดระแวงไม่ได้ มันเหมือนไอ้เด็กนั่นในร่างคนดีที่กูไม่เคยจินตนาการถึง กูช่วยมึงมาตั้งแต่แรกแล้วกูก็ไม่อยากให้มึงพังไม่เป็นท่า มึงพยายามมากกว่าคนอื่น แม้พ่อมึงจะไม่เห็น แต่กูเห็น มึงรับปากกูมาดิว่าจะไม่ทิ้งสิ่งที่มึงทุ่มเทมาทั้งชีวิตเพื่อคนเพียงคนเดียว”

ปฐพีนั้นเป็นเพื่อนกับธนิกมาตั้งแต่จำความได้ ด้วยเพราะมารดาของธนิกสนิทกับมารดาของเขา สำหรับเขาแล้วธนิกเป็นเหมือนคนในครอบครัว เป็นเหมือนพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา พวกเขาเข้าใจซึ่งกันและกันเพราะต่างก็ไม่เป็นที่ต้องการของผู้เป็นพ่อ ธนิกพยายามมากแค่ไหนเขานั้นรู้ดียิ่งกว่าใคร แค่เพราะอยากเป็นที่รัก อยากเป็นที่ภูมิใจ ธนิกรักและเคารพคนคนนั้นเหมือนพ่อแท้ๆ ของตัวเอง แต่สุดท้ายก็ถูกหักหลัง สุดท้ายก็เป็นได้แค่คนนอกที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน

“เออน่า กูไม่ทำเรื่องที่จะทำให้แม่เสียใจอีกแล้ว อีกอย่างต่อให้กูอยากทิ้ง แต่ขวัญก็คงไม่ยอมหรอก”

ขวัญพัฒน์คงไม่มีวันยอมทำเรื่องที่จะเป็นการทำร้ายเขา ขวัญพัฒน์เด็กดีของเขาแม้จะรู้ว่าตัวเองต้องเจ็บแต่ก็ยังอยากอยู่เคียงข้างกัน ไม่ว่าเขาจะมอบความเจ็บปวดแบบไหนให้ เขาก็แน่ใจว่าขวัญพัฒน์คงยินดีรับไว้โดยไม่กล่าวโทษหรือโกรธเกลียด และเพราะเป็นแบบนั้น สิ่งที่ตั้งใจจะทำจึงคลาดเคลื่อนไปหมดทุกอย่าง เขาต้องเปลี่ยนแผนการครั้งแล้วครั้งเล่า เปลี่ยนจนตอนนี้เริ่มจะพังไม่เป็นท่า

“ก็ดี จำคำพูดมึงไว้” ปฐพีเน้นย้ำมาตามสาย “ยังไงถ้ามีอะไรคืบหน้า กูจะบอกให้รู้ มึงก็เตรียมตัวรับมือกับพวกอาแขด้วยละกัน คงหาทางที่จะเอาตัวน้องขวัญไปแน่ๆ”

“ก็ลองมาดู กูก็อยากจะรู้นักว่าจะทำยังไง”

“น้ำเสียงมั่นใจมาก”

“ตอนนี้ใครก็เปลี่ยนใจขวัญไม่ได้หรอกว่ะ น้องแม่งรักกูมากเหี้ยๆ”

แค่นึกถึงความรักของขวัญพัฒน์ ธนิกก็ยิ้มกว้างเต็มใบหน้า เขาก้มลงจูบกลีบปากบาง บดคลึงเล็กน้อยให้คนน่ารักส่งเสียงครางออกมา

“โอ๊ย กูฟังแล้วผื่นจะขึ้น ตอนไอ้ขิมมึงก็พูดอย่างนี้แหละ แล้วเป็นไง สุดท้ายมันก็คิดจะเอาทุกอย่างที่เป็นของมันคืน ความโลภมันไม่เข้าใครออกใครเว้ย”

“แต่ไม่ใช่กับขวัญ ไม่ใช่กับเด็กดีของกูแน่ๆ แค่นี้นะเว้ยไอ้โม กูทำธุระต่อก่อน”

“ธุระเหี้ยไร ดึกขนาดนี้”

“บอกให้โง่!”

ธนิกกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง เขาขยับตัวเล็กน้อย จัดท่าทางได้ตามต้องการแล้วก็ดึงขวัญพัฒน์มาในอ้อมแขน คนน่ารักกอดตอบพลางซุกศีรษะกับอกของเขา เสียงงึมงำไม่ได้ศัพท์แต่ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้ม

“ฝันดีครับเด็กดีของพี่” ธนิกบอกเสียงแผ่ว จูบที่หน้าผากลาด หนึ่งครั้ง สองครั้ง และอีกหลายครั้งอย่างห้ามตัวเองไม่ไหว

อยากให้ฝันถึงพี่...แต่ก็กลัวว่าจะเป็นฝันร้าย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นฝันดีให้กับขวัญเหมือนกัน

พี่ขอโทษ



......................To be continue.........................

หายไปเกือบครบอาทิตย์แล้ว โอ๊ยยย เราขอโทษมากๆ เลยค่า เพิ่งจัดการพี่คิงเสร็จไปปปป แพ็กแบบหลังอาน เอ้ย หลังขดหลังแข็ง

ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่า ขอบคุณสำหรับคำผิดด้วยนะคะ เดี๋ยวแก้ไขค่าาาา

 :o8: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 12-08-2018 17:18:02
หวานๆปนขมทำเราน้ำตาซึมเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 12-08-2018 17:36:11
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: ไม่สบายใจเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 12-08-2018 17:56:13
หน่วงไปหมดดด ฮือออ คุณธนิกกก ฮืออ น้องขวัญญญ :z3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-08-2018 18:07:35
 :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-08-2018 18:25:33
รู้สึกใจบางงง เกลียดขิมนี่ขนาดโผล่มาเเค่แชท
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 12-08-2018 18:26:36
ธนิกจะทำอะไรกับขวัญอ่ะ โอ๊ยยย ยิ่งอ่านยิ่งสงสารขวัญนำรอไปแล้ว  :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 12-08-2018 18:27:37
เมื่อไหร่จะผ่านไปได้น้าากลัวขวัญจะเป็นโรคไปก่อน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-08-2018 19:07:15
อึดอัดใจ อยากให้เรื่องคลี่คลายเร็วๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-08-2018 19:47:48
สงสารขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-08-2018 20:05:27
ธนิกกลายเป็นอีกคนที่น่าสงสารรักน้องขวัญ​แต่รักไม่ได้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2018 20:38:22
ขิม ท่าจะทั้งโลภ ทั้งเลว    :angry2: :fire: :serius2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 12-08-2018 21:59:39
สงสารคุณธนิกนะจะรักขวัญก็ไม่ได้
ไม่อยากให้ขวัญติดต่อขิมเลย ขวัญเราน่ารักขนาดนี้จะเอาอะไรไปสู้กับอีขิม

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-08-2018 00:25:47
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 13-08-2018 01:36:23
ขวัญอย่าหักหลังคุณธนิกนะ ดูคุณธนิกรักขวัญเหลือเกิน  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-08-2018 03:33:28
สงสัยต่อไปขวัญจะโดนทำร้ายจิตใจจากขิมและเฮียแน่ ๆ เลย  :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-08-2018 06:37:50
ขิมโคตรร้ายเลย คุณธนิกช่วยขวัญไม่ให้โดนทำร้ายส่วนนึง แต่ก็จะเอาสมบัติด้วย สุดท้ายขอให้จบทุกอย่างด้วยดีทีเถอะ :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 13-08-2018 09:01:04
เราก็เชื่อเหมือนคุณธนิกว่าน้องจะไม่หักหลัง แต่ก็กลัวคนเขียนจะหักมุม แหกโค้ง น้องขวัญอยากเอาคืนคุณธนิกอะไรแบบนี้ ได้แต่หวังว่าจะไม่เป็นแบบที่กลัว ไม่อยากเสียน้องขวัญคนน่ารักใสซื่อไปเลย  :m15:
คุณธนิกไม่ได้มีอะไรที่หลอกขวัญไว้อีกใช่ไหม อ่านตอนคุยกับพี่โม แล้วมันตงิดแปลกๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-08-2018 10:10:52
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 13-08-2018 10:59:02
ให้กำลังใจน้องขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-08-2018 11:52:18
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ว่าขิมไม่ได้หวังดีหรอกแม้แต่ขวัญเองยังบอกไม่แน่ใจเลย นั่นก็แสดงว่าขวัญเริ่มระแคะระคายมากแล้วล่ะแต่ถ้าขวัญไม่ตอบขิมไปเลยก็กลัวว่าขิมมันจะทำอะไรอีกนี่สิ ส่วนคุณธนิกนี่เกิดความโลเลในใจแล้วสินะแต่ก็ยังปากแข็ง ไม่รู้เพราะไม่อยากรัก รักไม่ได้ หรือเพราะกลัวเรื่องมันจะยุ่งยากกว่าเดิมกันแน่แต่เราก็ยังไม่เชื่อใจอยู่ดีแหละ เอาจริงๆตอนนี้ก็ระแวงหมดทุกตัวลครเลยนะไม่รู้เลยว่าที่ดีนี่ดีกันจริงๆหรือร้ายแอบแฝง หรือคนที่ร้ายนี่จะใช่คนที่ร้ายสุดๆรึเปล่า งงในงงไปอี๊ก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 13-08-2018 17:02:46
น้องขวัญของพี่... สงสารน้องงงง...  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 13-08-2018 17:14:26
ทั้งๆที่รักกันมากขนาดนี้... :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-08-2018 14:34:28
มันเป็นอะไรที่เชียร์ไม่ออกเลยค่ะ

รอลุ้นต่อไปแล้วกัน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 14-08-2018 20:28:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 13 12/08/2018 Page 11
เริ่มหัวข้อโดย: meepoohyoyo ที่ 19-08-2018 02:04:13
ลุ้นกันต่อไปค่าาาา
แบบไม่อยากจะเขื่อใจใครเลย :z3:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 31-08-2018 19:18:13
ตอนที่ 14





การมาเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งแรกในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ทำให้ผมได้เห็นว่าแท้จริงแล้วคุณธนิกก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้วิเศษหรือแตกต่างจากใคร เขาตื่นแต่เช้า ทำข้าวกล่องให้ผมตามที่ขอ จัดการข้าวกล่องและข้าวเช้าของเราสองคนแล้วก็ขึ้นมาปลุกผม ต่อให้ผมจะตื่นตั้งแต่ตอนที่รู้สึกว่าคนที่นอนเคียงข้างลุกจากเตียง แต่ก็ยังแกล้งนอนต่อเพราะอยากรู้ว่าเขาจะปลุกผมด้วยวิธีแบบไหน เช้าๆ อากาศดีอย่างนี้มันคงดีถ้าได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขากระซิบข้างหู มันคงดีหากจะได้เห็นรอยยิ้มของเขาเป็นคนแรก และผมก็ไม่ผิดหวัง เขาปลุกผมด้วยสัมผัสอุ่นๆ ที่แก้ม เมื่อผมลืมตาขึ้นก็เห็นรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มละมุนที่ไม่มีสิ่งใดในโลกจะอ่อนโยนได้เท่า

อ่า...ผมอาจจะเวอร์มากไปก็ได้ แต่นั่นคงเป็นเพราะต่อให้เขาไม่ใช่คนที่วิเศษมาจากไหน เขาก็ยังเป็นคนที่พิเศษมากๆ สำหรับผมอยู่ดี

“เอาไงดี พี่ไม่เคยไปเที่ยวซะด้วย” เขามีสีหน้ากลุ้มใจเพราะไม่รู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกของเราควรเป็นที่ไหน

ตอนนี้เราสองคนยืนงงกันอยู่ที่โถงทางเดิน คุณธนิกกำลังเลือกรองเท้าให้เข้าคู่กับชุดที่ผมเป็นคนเลือกให้ ไหนๆ วันนี้เราก็จะไปเที่ยวด้วยกันผมจึงไม่อยากเห็นเขาใส่สูทผูกไทเหมือนวันปกติ แต่เสื้อผ้าของเขาก็มีให้เลือกน้อยมาก คุณธนิกมีเสื้อเชิ้ตอยู่ค่อนตู้เสื้อผ้าที่จัดเรียงเป็นระเบียบ แบ่งแยกเป็นเสื้อกับกางเกงชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นสีขาวกับสีดำที่ดูเรียบๆ ประเมินจากสายตาแล้วไม่มีสีอื่นเจือปนอยู่เลย เสื้อผ้าแต่ละชิ้นก็เป็นของที่สั่งตัดจากห้องเสื้อชื่อดัง ทำเอาไม่กล้าจับตอนที่เขาบอกให้เลือกเสื้อผ้าให้ หลังจากหนักใจอยู่นานว่าอยากเห็นคุณธนิกในชุดแบบไหน ผมก็คว้าเอากางเกงยีนขาตรงสีเข้มกับเสื้อคอปกสีขาวให้เขา แล้วกำชับไว้ด้วยว่าไม่ต้องเซ็ตผม แม้เขาจะดูดีมากๆ ตอนที่เสยผมไปด้านหลัง แต่วันนี้อยากเห็นคุณธนิกที่ไม่ปรุงแต่งมากกว่า ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คาดไว้ในใจ เขาดูดีจนหัวใจผมเต้นแรง

“ไม่จริงน่า คุณธนิกต้องเคยไปเดทบ้างสิครับ” ลักษณะท่าทางของเขาแล้วดูเป็นเหมือนหนุ่มเมืองกรุงที่เจนสถานที่ อย่างน้อยก็น่าจะเคยพาเขมินทราหรือคู่ควงไปสวีทหวานกันบ้าง

“ไม่เคยไปเดทเลย ชีวิตพี่ไม่มีเรื่องโรแมนติกแบบนั้นครับ”

ผมไม่อยากถามเลย แต่ก็อดถามไม่ได้ “แล้วตอนคบกับคุณขิมล่ะครับ คุณธนิกพาคุณขิมไปไหนบ้าง”

“ไม่เคย” เขามองสบตากับผมตามตรง “ขวัญจะเชื่อพี่มั้ยว่าพี่ไม่เคยไปไหนมาไหนกับขิม”

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเขมินทราเป็นแบบไหน ผมชักอยากรู้จริงๆ ปากบอกว่าเคยรักกัน แต่กลับไม่เคยทำอะไรที่เหมือนคนรักกันทำเลย ในช่วงเวลานั้นพวกเขารู้สึกแบบไหนต่อกัน ในช่วงเวลานั้นจะมีสถานที่ที่เป็นความสุข ถ้อยคำที่ประทับใจ หรือเหตุการณ์ที่จำได้ไม่ลืมบ้างไหม

แล้วถ้าไม่มี...ผมดีใจได้มั้ย แล้วถ้าถามออกไป จะได้รับคำตอบที่ดีหรือเปล่า

“ทำไมล่ะครับ” แม้จะลังเลแต่ผมก็ปากไวถามออกไปแล้ว จากนั้นก็มากลั้นใจรอฟังคำตอบ

“ไม่ได้มีความรู้สึกอยากทำอะไรแบบนั้นน่ะ” เขาทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย “พี่กับขิมแค่เจอกันที่คอนโดฯ ของพี่เวลาที่พี่ว่างหรืออีกฝ่ายว่าง ไม่เคยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน แล้วก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าต้องไปเที่ยวด้วยกันจริงๆ ต้องไปที่ไหนดี”

“งั้นอย่านึกเลยครับ” ผมกุมมือเขาไว้ “นึกแค่ว่าวันนี้เราจะไปไหนด้วยกันก็พอ มันแย่เนอะ ผมไม่อยากหน้าเหมือนเขาเลย ผมรู้สึกหวงครับ มันทำให้ผมคิดว่าคุณธนิกกำลังเดินเที่ยวอยู่กับเขาเหมือนกัน”

“ขี้โกง” เขาย่นจมูกใส่ “มาถามพี่เองแล้วก็มาพูดแบบนี้”

“พูดไม่ได้เหรอครับ”

“ได้...แต่รับผิดชอบหัวใจพี่ด้วย มันเต้นจนจะวายอยู่แล้ว”

ผมหัวเราะใส่เขา เห็นใบหูเขาเป็นสีแดงแล้วก็อยากกัด แต่พอกัดไปแล้วก็ยิ่งเป็นสีแดงเข้าไปใหญ่ เขาบีบจมูกผม คงอยากลงโทษ แต่พอถูกหัวของผมไถแขนเข้าไป เขาก็ยกมือยอมแพ้

“พี่สู้ขวัญไม่ได้เลย” เขาว่าเสียงแผ่ว “แล้วเราจะไปไหนกันดี พี่ไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนจริงๆ นะ ช่วยพี่คิดด้วย”

พอย้ำหลายครั้งแบบนี้ผมก็ชักจะเชื่อแล้วว่าคุณธนิกไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนจริงๆ แต่กลับทำให้ยิ่งสงสัยว่าเขาเติบโตมาแบบไหน

“ตอนเด็กๆ ล่ะครับ มีสถานที่แห่งความทรงจำไหม ที่ที่ไปกับครอบครัว หรือไปกับเพื่อน”

“ไม่มี” สีหน้าหงอยเหงาของเขาทำให้ผมต้องกุมมือเขาแน่นยิ่งขึ้น “พี่แค่ต้องตั้งใจเรียน แล้วก็ทำตัวดีๆ จะได้เป็นที่ยอมรับ”

ผมควรจะทำยังไงกับสีหน้านี้ดีนะ ทำไมยิ่งรู้จัก คุณธนิกถึงยิ่งทำให้ผมเป็นห่วง

“ทัศนศึกษาล่ะครับ กับทางโรงเรียน หรือทางมหาลัย”

“ไปต่างประเทศ ไปที่ญี่ปุ่นน่ะ แต่ก็ไม่ได้สนุกอะไร เพราะไอ้โมชอบป่วยการเมืองไม่เคยไปด้วยสักครั้ง พอมันไม่ไป พี่ก็เลยไปครั้งเดียว ส่วนตอนมหาลัยไม่ได้ไปไหนเลย พี่ต้องเรียนรู้งานบริษัทด้วย ก็เลยไม่มีเวลา”

ตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่าชีวิตของผมน่าอิจฉามากกว่าเขายังไง เขาร่ำรวยมากก็จริง แต่เขากลับไม่เคยสัมผัสกับคำว่า ‘ความประทับใจ’ เลยสักครั้ง ผมน่ะถึงจะไม่ค่อยมีเงิน แต่วันเด็กทุกปีก็จะได้ไปเที่ยว น้าลีจะพาผมไป บางครั้งไอ้แนนก็ไปด้วยกัน เราไปสวนสัตว์บ้าง ไปสวนสนุกบ้าง อาจต้องแลกกับการที่น้าลีต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อจะพาผมไปสร้างความทรงจำดีๆ แต่น้าก็ยอม เรามักจะทำข้าวกล่องไปกินด้วยเพราะการไปกินที่ร้านอาหารก็เป็นการสิ้นเปลืองมากๆ ผมอาจจะไม่ได้กินไอศกรีมเหมือนที่เห็นเด็กคนอื่นๆ กินระหว่างไปเที่ยว แต่แค่ได้ไปกับน้าลีก็เป็นความสุขที่สุดแล้ว

“งั้นเราต้องใช้ตัวช่วยแล้วล่ะครับ ผมจะถามกูเกิลก่อนนะ คุณธนิกรอแป๊บนะครับ”

“จะถามว่าอะไรเหรอ”

“จะถามว่าสถานที่ไหนที่ควรไปกับคนรัก”

“อ่า...หัวใจพี่เต้นแรงอีกแล้ว”

หากว่าเวลานี้เป็นโลกแห่งความฝัน ผมก็อยากจะให้มันดำเนินไปนานแสนนาน มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ เหรอครับ เรื่องของผมกับเขา รอยยิ้มสวยๆ แบบนี้ให้ผมเก็บไว้คนเดียวไม่ได้เหรอครับ

คุณธนิกครับ...ผมควรทำยังไงดี

“เป็นไงครับ กูเกิลบอกว่ายังไง” เขาชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือ “เราควรไปที่ไหน”

“มีแต่แนะนำโรงแรมดีๆ ทั้งนั้นเลยครับ เราควรไปมั้ย”

“ขวัญพัฒน์” เขาจับมือผมไปกุมที่อกด้านซ้าย “อย่าทำร้ายพี่แบบนี้ พี่คิดดีไม่ได้เลย”

ผมหัวเราะกับท่าทางของเขา เขาดูเหมือนจะไม่ไหวจริงๆ “งั้นไปสวนสัตว์กันครับ ไปเขาดินกัน จับมือกันเดินแบบใสๆ แต่หัวใจว้าวุ่นไปเลย”

“หึ” เขาหัวเราะในลำคอ “ต่อให้พี่เห็นหน้าแรด พี่ก็ยังคิดดีกับขวัญไม่ได้ หัวใจพี่มันใสไม่ได้จริงๆ”

“เดี๋ยวนะครับ...ด่าผมหรือเปล่า”

เขาแค่ยิ้ม ไม่ปฏิเสธ ก็เลยโดนผมทุบไหล่เป็นการลงโทษ ทุบไปได้สองทีก็ต้องหยุดเพราะเขาจับข้อมือผมไว้แล้วก้มหน้าลงมาใกล้ “ทำอีกทีพี่จูบนะ”

“งั้นผมจะทำครับ”

“งั้นพี่ก็จะไม่ทน”

ริมฝีปากของเขาทาบทับลงมา แผ่วเบาและนุ่มนวล ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงดุดัน เราสบตากัน เขามองโดยไม่หลบเลี่ยง ส่วนผมก็ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้ เราจูบกันอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เวลาเคลื่อนผ่านโดยไม่สนใจว่าจะนานแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายผละออกไปเอง

“พี่ไม่ไหว” เขาบอกสั้นๆ ลูบหน้าตัวเองแล้วถอนหายใจออกมา “ไปกันเถอะขวัญ ไปสวนสัตว์กัน เผื่อสัตว์ที่มีความบริสุทธิ์พวกนั้นจะทำให้พี่คิดดีขึ้นมาได้บ้าง”

ทำไมเขาถึงน่ารัก ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ ผมควรจะทำยังไงดี ควรทำยังไงกับหัวใจที่เต้นแรงกับทุกคำพูดของเขา

“คุณธนิกครับ” ผมตัดสินใจเอ่ยเรียก เขาชะงักมือที่กำลังเปิดประตูแล้วหันมามอง “วันนี้ขอจับมือได้ไหมครับ เราจับมือกันทั้งวันเลยได้มั้ย”

เขานิ่งงันไปเพียงครู่ แววตาเผยความรู้สึกบางอย่าง เป็นความรู้สึกที่ผมอ่านมันออกได้ง่ายๆ เพราะเจ้าตัวคงไม่คิดจะปิดบัง

“สมองพี่บอกว่าไม่ดีเลยที่จะทำแบบนี้ แต่หัวใจพี่มันตอบว่าได้ไปแล้ว” เขายื่นมือมาตรงหน้า “จับสิครับ จับแล้วอย่าปล่อยมือพี่นะ”

“ผมใจเต้นแรงได้มั้ยครับ” ถามออกไปทั้งที่หัวใจมันเต้นแรงนำหน้าคำอนุญาตจากเขาไปแล้ว “ผมคิดได้ไหมเรื่องของเรา”

“อย่าเลย” เขาตอบเสียงแผ่ว “พี่พูดหยอดไปแบบนั้นเอง พี่ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่พูดตามสไตล์ผู้ชายปากหวาน”

“นี่ขนาดไม่ได้คิดอะไรนะครับ” มือของเราผสานกันแน่น เขาไม่ต้องพูดผมก็รับรู้ถึงความรู้สึก “แล้วผมยิ้มได้มั้ย”

“ห้าม” เขาสั่งเสียงเฉียบ “ถ้าขวัญยิ้ม พี่แพ้แน่”

“เราแข่งอะไรกันอยู่เหรอ”

“นั่นสิ พี่ก็สงสัย”

สุดท้ายผมก็ห้ามรอยยิ้มของตัวเองไม่ได้ เรากำลังยิ้มให้แก่กัน เขายิ้มกว้าง ส่วนผมก็ไม่ต่าง รอยยิ้มที่ผมชอบอยู่บนใบหน้าของคนที่ผมรัก ถูกที่และถูกเวลา และหวังว่ามันจะอยู่บนใบหน้านี้ไปอีกนานเท่านาน

รักษาไว้นะครับคุณธนิก รอยยิ้มที่ผมชอบมองก็คือรอยยิ้มของคุณธนิก ผมอาจไม่เก่งพอจะปกป้องได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำลายลงได้ง่ายๆ

“คุณธนิกครับ”

“หืม”

“ถ้ามันพูดยากก็ไม่ต้องพูดนะครับ เพราะผมเข้าใจ เป็นแบบนี้ต่อไปก็ดีแล้ว”

เขาพยักหน้า แววตาเศร้าสร้อยจนผมทำใจกล้ายกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ แต่เขาก็ไม่ท้วงอะไร กลับหลับตาลงแล้วปล่อยให้ผมสัมผัสอยู่อย่างนั้น

“ผมจะไม่รักคุณธนิกหรอกครับ คุณธนิกอย่ากังวลว่าผมจะเจ็บนะ อย่ากังวลเรื่องของผม คุณธนิกจะได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วผมก็จะไป คุณธนิกก็อย่ารักผมนะครับ อย่ารักจนรั้งผมไว้ เราต้องใจแข็งนะครับ มาสู้ไปด้วยกันนะ”

คุณธนิกลืมตาขึ้นมองผม ไม่แน่ใจว่านานแค่ไหนที่เรามองตากันอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกของเราส่งผ่านถึงกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

เขาใจดีเกินไป เขาควรจะเลวมากกว่านี้ ควรทะเยอทะยานมากกว่านี้ถ้าอยากครอบครองสิ่งที่หวัง เขาไม่ควรเป็นแบบนี้เลย

“ไปเที่ยวกันเถอะครับ สายกว่านี้รถติดแย่ วันเสาร์ด้วย คนต้องเยอะสุดๆ แต่ตอนที่ขับวินผมไม่ค่อยชอบวันเสาร์ เพราะไม่ค่อยมีลูกค้า พนักงานบริษัทพากันหยุด จะรับส่งได้ก็มีแต่พวกขาจร ขาประจำหายหน้าเลย” ผมชวนคุย ไม่อยากให้เกิดความสับสนขึ้นกับเขาไปมากกว่านี้

“ถ้าเป็นปกติ วันนี้ขวัญก็ต้องขับวินสินะ”

“ใช่ครับ”

“สนุกมั้ยตอนนั้น”

“มากๆ ครับ แต่ก็เหนื่อยด้วย บางวันเจอลูกค้าผู้หญิงลวนลาม อายุเกือบเท่าน้าลีแล้ว ผมก็ไม่กล้าว่า”

เขาหัวเราะ “นี่ถ้าเด็กกว่านั้นหน่อยก็จะไม่บ่นใช่ไหม”

“ไม่หรอกครับ วัยไหนผมก็ไม่ชอบ ผมเป็นพวกหวงเนื้อหวงตัว”

“จริงเหรอ” เขาทำหน้าไม่เชื่อ

“จริงครับ ผมหวงตัวกับบางคนนะ แต่บางคนผมก็ชอบให้เขาลวนลาม”

เขาเลิกคิ้ว “คนไหนบ้างล่ะ”

“มีคนเดียวแหละครับ”

“คนไหน”

“คนที่กำลังจับมือผมอยู่ไง”

เขาชะงัก มือที่กำลังกุมกันไว้บีบแน่นขึ้น “ถ้าพี่ไม่ไหวขึ้นมาจริงๆ ขวัญจะรับผิดชอบพี่ยังไง”

“พาขึ้นห้องเลยครับ ไม่ไปเที่ยวแล้ว”

“เด็กบ้าเอ้ย!”

เขาคงสบถอีกยาวเหยียดในใจ เพราะเห็นทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตั้งแต่ที่จับตัวผมยัดขึ้นรถแล้วก็ขับออกมา ตอนนี้ติดไฟแดงครั้งที่สี่แล้วเขาก็ยังไม่ยิ้มเลย เอานิ้วจิ้มแก้มก็หันมาแยกเขี้ยวขู่ แต่เขาเป็นอย่างนั้นได้ไม่นาน ในเมื่อผมรู้จุดอ่อนที่จะจัดการเขา อย่างคุณธนิกน่ะแค่ไถหัวกับต้นแขนเขาแล้วเรียกคุณธนิกครับ เขาก็หูแดงแล้วก็ยิ้มกว้างมาให้แล้ว

“แวะเซเว่นที่ปั๊มข้างหน้าไหม” เขาหันหน้ามาถามเมื่อรถค่อยๆ เคลื่อนตัวไปช้าๆ ขยับไปได้ทีละเล็กทีละน้อย

รถติดอยู่ที่ไฟแดงนี้มาหลายนาทีแล้ว แต่คนขับก็ไม่ได้มีทีท่าหงุดหงิดหรือรำคาญใจ เขาน่ะเป็นผู้ชายที่ผมกล้าพูดเลยว่าใจเย็น เพราะแม้จะถูกวินมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้าไปมาก็ไม่ได้ยินคำสบถหลุดจากปาก เป็นผมหน่อยไม่ได้ จะจอดรถแล้วท้าต่อยกันกลางถนนเสียเดี๋ยวนี้เลย ทุกคนรีบก็เข้าใจ แต่ในเมื่อใช้รถใช้ถนนร่วมกันก็ควรจะมีมารยาทต่อกันบ้าง

“ตามใจคุณธนิกครับ ผมยังไงก็ได้”

“ไม่คิดว่ารถจะติดขนาดนี้ ปกติวันเสาร์ ถ้าไม่เข้าบริษัท พี่ก็ทำงานอยู่ที่บ้าน”

“เบื่อแย่เลย ทำงานหนักเกินไปไม่ดีนะครับ”

ชีวิตของคุณธนิกไม่มีสีสันสีอื่นอยู่บ้างเลยหรือไงนะ ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็จืดชืดไปหมด สำหรับเขาแล้วคงมีแค่งาน งาน งาน และงานอยู่ทุกขณะที่หายใจ สถานที่ที่จะพบเห็นเขาได้ก็คงมีแค่ที่บ้านกับที่บริษัท

“แล้วขวัญล่ะ ถ้าไม่ขับวิน ว่างๆ ทำอะไรบ้าง”

พอคิดถึงช่วงเวลาว่างตั้งแต่เริ่มงานวินมอเตอร์ไซค์แล้วก็มีแค่ไม่กี่วัน เพราะวันหยุดงานไม่ตายตัว ผมชอบที่จะอยู่กับพี่ๆ ที่ซุ้นวินมากกว่าไปเที่ยวหรือนอนเบื่ออยู่ที่บ้าน งานของพวกผมมันไม่ได้เครียดอะไรมาก ไม่มีลูกค้าก็คุยเฮฮากันได้โดยไม่ต้องกลัวโดนเจ้านายที่ไหนมาดุด่า

“ไม่ค่อยได้ทำอะไรจริงจังหรอกครับ ผมไม่ค่อยคิดอะไรไว้ล่วงหน้า บางทีไอ้ที่ตั้งใจไว้ก็ไม่ได้ทำ เวลาว่างก็จะทำตามใจตัวเอง อยากนอนก็นอน ถ้าไอ้แนนชวนเที่ยวแล้วเป็นที่ที่ผมอยากไปผมก็ไป บางวันตั้งใจหยุดงานแต่ก็ยังแว๊นมอเตอร์ไซค์ไปคุยเล่นกับพวกพี่ๆ ที่ซุ้ม”

“ง่ายดี ไม่ต้องคิดให้วุ่นวายเนอะ”

“ครับ ผมเป็นคนไม่ซับซ้อน” ผมยิ้มให้เขา ชอบที่เราได้พูดคุยกันแบบนี้ “ว่าแต่เราจะถึงสวนสัตว์กี่โมงครับคุณธนิก รถติดแบบนี้เสียเวลามากๆ เลย อยากไปดูน้องหมีโคอาล่าแล้ว”

“นั่นสิ เราควรจะออกมาให้เร็วกว่านี้” คุณธนิกเห็นด้วย ก่อนจะอมยิ้มมองมา “ความผิดใครกันนะ เด็กปากแดงตรงนี้หรือเปล่า”

“ไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อยครับ คุณธนิกจูบผมเองนี่นา”

“ขวัญผิดนะ”

“ผมผิดตรงไหนครับ”

“น่ารักเกินไป”

เกิดเสียง ปึก! ขึ้นกับหัวใจผมอย่างจัง แค่ถ้อยคำไม่กี่คำก็ทำให้หัวใจของผมเต้นรัว

“อยากจูบอีกจัง” ผมมองริมฝีปากของเขาที่กำลังคลี่ยิ้ม รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าที่เอาแต่มองมันขยับ

“พี่ขับรถอยู่ครับ” เขาละมือจากพวงมาลัยรถมาลูบศีรษะของผม “หอมแก้มไปก่อนได้มั้ย”

“อยากทำมากกว่านั้นครับ”

“ก็เป็นซะแบบนี้ แล้วจะให้พี่ทำยังไงกับหัวใจตัวเองดีล่ะ”

หัวใจของคุณธนิกเต้นแรงในขณะที่ผมถือวิสาสะยกมือขึ้นทาบที่อกด้านซ้ายของเขา ในขณะที่มืออีกข้างก็ยกขึ้นทาบอกด้านซ้ายของตัวเอง

“ผมก็ไม่รู้ เพราะหัวใจของผมก็เต้นจังหวะเดียวกับคุณธนิก”

“ขวัญพัฒน์”

“ดีจังเลยครับ” ผมปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา “อีกห้าสิบวินาที ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงกว่านี้หน่อยครับ”

“ยั่วเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาถามเสียงพร่า และไม่รอให้ผมขอเป็นครั้งที่สอง ริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงบนริมฝีปากของผม เปลี่ยนห้าสิบวินาทีที่น่าเบื่อเพราะการรอคอยสัญญาณไฟจราจรให้กลายเป็นห้าสิบวินาทีที่น่าจดจำ เรียวลิ้นร้อนของเขาดุนดันอยู่ในโพรงปาก ฟันขาวเรียงตัวสวยของเขาก็กัดย้ำเบาๆ

“พี่นิกครับ” ผมเรียกเขา เห็นความร้อนที่ลามเลียไปถึงใบหูของเขาจนเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม “มีใครเคยเรียกอย่างนี้ไหม”

“ไม่มีครับ” เขามองมาตาเชื่อม “ไม่เคยมีใครเรียก ขวัญเป็นคนแรก”

“งั้นผมจะเก็บความพิเศษนี้ไว้นะครับ”

“เรียกอีกได้มั้ย”

“ไม่ได้แล้วครับ เดี๋ยวความพิเศษจะลดลง”

“แล้วทำยังไงพี่ถึงจะได้ฟังอีก”

“คำพิเศษก็ต้องอยู่ในช่วงเวลาที่พิเศษ”

“แต่ถ้าคนพิเศษอยากฟังก็จะไม่พูดให้ฟังเลยเหรอ”

ผมหัวเราะแล้วหอมแก้มเขาเบาๆ “อย่างอแงครับพี่นิก”

คุณธนิกเหมือนจะหมดแรงอยู่กับพวงมาลัยรถ ความร้อนลามไปทั้งหน้าและคอ ไม่คิดว่าคำเพียงไม่กี่คำจะทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้





เขมินทรา: ไปเที่ยวที่ไหนกันเหรอครับ

เขมินทรา: *ส่งรูปภาพ*

เขมินทรา: จูบกันในรถไม่อายบ้างเหรอครับ

เขมินทรา: พี่ไม่มีสิทธิ์อยู่ตรงนั้นพี่ขวัญ

เขมินทรา: ออกห่างจากคนของผมได้แล้ว

เขมินทรา: พี่ยังเห็นผมเป็นน้องชายอยู่มั้ย

เขมินทรา: ผมบอกพี่แล้วไง ผมบอกพี่แล้วว่าอย่ายุ่งกับเขา





ผมมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่มีแต่ข้อความจากน้องชายฝาแฝด เขมินทรารัวข้อความมาไม่หยุด ภาพที่ผมกับคุณธนิกจูบกันถูกส่งมาหลายสิบรูปราวกับคนส่งควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลายครั้งที่ผมได้แต่อ่าน ไม่เคยตอบข้อความกลับไป แม้ว่าเขมินทราส่งข้อความมาทุกวัน พูดคุยแต่เรื่องของคุณธนิกราวกับอยากมาอยู่แทนที่ผมเสียเอง แต่ก็เท่านั้น ผมไม่เคยสนใจ แต่รูปที่ผมกับคุณธนิกกำลังจูบกันในรถ ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วินาทีก่อนก็ทำให้รู้ว่าน้องชายฝาแฝดคงล้ำเส้นเข้าให้แล้ว





ขวัญพัฒน์: รักเขาอยู่เหรอ

เขมินทรา: ผมไม่ได้รัก

ขวัญพัฒน์: ย้อนแย้งจัง

เขมินทรา: พี่จะไปที่ไหน

ขวัญพัฒน์: คนที่ให้ตามผมมา เขาไม่ได้บอกเหรอ ว่าแต่จะให้ตามไปถึงโรงแรมเลยไหม เรามีแพลนจะไปจบบนเตียงของห้องสวีท ดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันอีกสักมื้อ

เขมินทรา: พี่ขวัญ ผมจะบอกอีกครั้งว่าให้พี่ถอยห่างจากเขา เขาอันตราย

ขวัญพัฒน์: เขาหรือขิมที่อันตราย ให้คนตามผมขนาดนี้แล้ว ผมควรจะคิดยังไงดี

เขมินทรา: พูดแบบนี้หมายความว่าไง พี่คิดว่าผมจะโกหกพี่เหรอ ผมเป็นน้องของพี่นะครับ พี่ธนิกไม่ใช่คนดี เขากำลังหลอกพี่ ในใจของเขารักใครไม่ได้แล้ว เขาเห็นพี่เป็นตัวแทนของผม เพราะพี่หน้าเหมือนผม มันก็เท่านั้น

ขวัญพัฒน์: เป็นคนที่ย้อนแย้งดีนะ ตอนแรกก็อยากให้ผมยุ่ง อยากให้ผมทำนั่นทำนี่ให้ มาตอนนี้มาบอกให้ห่างจากเขา

ขวัญพัฒน์: นี่น้องชาย คิดจะทำการใหญ่ ก็อย่าตาบอดเพราะความรักให้มาก

ขวัญพัฒน์: ตามหึงหวงคนที่ไม่ใช่ของตัวเองแบบนี้ใช้ได้เหรอ ขิมทำพลาดเองแต่ก็จะมาให้ผมตามแก้ให้ หลงรักเขาเอง ยกทุกอย่างให้เขาเอง แล้วตอนนี้จะมาเรียกร้อง มันทันเหรอ

เขมินทรา: พี่ขวัญ คนโง่แบบพี่จะรู้อะไรครับ คนแบบพี่...

ขวัญพัฒน์: ผมอยู่ของผมดีๆ ก็ดึงผมเข้ามา แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าคนอย่างผมไม่รู้อะไร ผมรู้ในสิ่งที่ควรรู้ ผมไม่พูดไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ แล้วผมจะบอกขิมไว้อีกอย่าง ผมเลือกข้างแล้ว

เขมินทรา: พี่หมายความว่าไง

ขวัญพัฒน์: ขิมเป็นน้องชายของผมนะ เราพิเศษกว่าพี่น้องคนอื่นเพราะเราหน้าเหมือนกัน

ขวัญพัฒน์: แต่ขิมรู้ไหมว่าผมไม่ชอบมีน้องชาย

ขวัญพัฒน์: แล้วก็...คุณธนิกน่ะ เขาไม่ใช่ของขิมนะ

ขวัญพัฒน์: *ส่งรูปภาพ*

ขวัญพัฒน์: เขาเป็นของผม

ขวัญพัฒน์: *ส่งรูปภาพ*

ขวัญพัฒน์: *ส่งวิดีโอ*

ขวัญพัฒน์: จำไว้ด้วยครับ สวัสดี





“คุยไลน์กับใครตั้งนาน” คุณธนิกปรายตามามองแค่ไม่กี่วินาทีก็หันกลับไปสนใจถนนข้างหน้าต่อ “แนนเหรอ”

“ครับ” ผมเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วเผยรอยยิ้ม “ไอ้แนนส่งรูปไปเที่ยวกับเมียมาอวดเต็มเลย ว่าที่คุณพ่อก็แบบนี้ เห่อมากๆ”

คุณธนิกพยักหน้า “อีกไม่นานแนนก็จะได้เป็นพ่อคนแล้ว เตรียมของรับขวัญหลานไว้หรือยัง”

“ผมพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง คงช่วยมันซื้อของใช้เด็กอ่อนน่ะครับ จะได้ลดภาระมันด้วย”

“อืม ก็ดีนะพี่ว่า งั้นไว้ว่างๆ เราไปซื้อด้วยกัน”

“จะว่างเหรอครับ คนบ้างานคนนี้ไม่ว่างง่ายๆ หรอกมั้ง”

“เรียกพี่นิกแล้วพี่จะว่างทันที”

“ฮ่าๆ ๆ”

“แล้วเมื่อกี้ถ่ายรูปไว้เหรอ ทั้งตอนจูบ ตอนจับมือ ตอนหอมแก้ม”

“ครับ” ผมยิ้มรับ “ผมถ่ายได้ใช่มั้ย”

“ได้สิ แต่ส่งให้พี่ด้วยนะ”

“ค้าบ”

อย่างที่บอกเขมินทราไว้ ผมเลือกข้างแล้ว ผมเลือกคุณธนิกและผมก็เลือกเขามาตั้งนานแล้ว นานกว่าที่เราจะได้เจอกันเสียอีก





เขมินทรา: แล้วผมจะทำให้พี่รู้ว่าพี่เลือกข้างผิด

เขมินทรา: น้าลีของพี่คงไม่เคยสอนบทเรียนดีๆ ให้

เขมินทรา: แต่ผมจะเป็นคนสอนให้พี่เอง

เขมินทรา: อ้อ อีกเรื่องครับ

เขมินทรา: ผมก็ไม่ได้ชอบที่ตัวเองมีพี่ชาย นี่คงเป็นครั้งแรกที่เราคิดตรงกัน ขวัญพัฒน์

เขมินทรา: ผมจะได้ทุกอย่างที่ผมต้องการ ดูผมไว้ให้ดีนะครับ





บางทีก็คงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าท้ายที่สุดแล้ว เราเหลือตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ เพราะแม้แต่คนที่มีสายเลือดเดียวกันก็ไม่อาจเรียกได้ว่ามิตร





ขวัญพัฒน์: จะรอดูครับ เขมินทรา





แต่ผมไม่สน โลกของผมมีแค่น้าลี ไอ้หลง และไอ้แนนก็เพียงพอแล้ว





K : จัดการคนที่ตามมาด้วยครับ วันนี้ผมมาเดท อยากเป็นส่วนตัว

K : Share location

T. : ตามบัญชาครับมิสเตอร์เค

K : ฝากถึงเขาด้วยครับ บอกเขาว่าวันเกิดปีนี้ ผมไปเจอไม่ได้ แต่ปีหน้าคงได้เจอกัน ถ้าเขายังรอไหว

T. : ทุกข้อความจะถึงเขาครับ

K : ขอบคุณครับมิสเตอร์ที หวังว่าวันนี้ทางคุณจะราบรื่น

T. : เป็นวันดีๆ อีกวันทีเดียวครับ

-Deleted chat-

....................To be continue......................

คิดถึงจึงมาหา ฮือออออ เกลียดการติดภารกิจมาก ขอโทษที่ห่างหายไปหลายวันเลยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 31-08-2018 19:32:50
เด็กร้ายกาจ เป้นหม่หวงก้างใช่ไหมคะ เหอะ!!!!  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-08-2018 19:40:31
เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ ตอนท้ายคืออะไร ใครคือ K กับ T
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-08-2018 19:47:14
มิสเตอร์ที คือใครอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 31-08-2018 20:02:39
อยากอ่านอีกอยากอ่านอีกกกกกฏก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 31-08-2018 20:19:57
ลุ้นสุดดด อยากให้มาอัพทุกวันเลยย 55555555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-08-2018 22:00:51
จะพลิกล็อคกลายเป็นน้องขวัญนี่แหละที่ไม่ธรรมดาไหม?
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 31-08-2018 22:33:31
ใครอีก5555555555555
ขิมมั่นหน้ามากจ้าาา แต่น้องขวัญก็ไม่แพ้กัน !
สู้!!!!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 31-08-2018 22:47:33
k นี่ใช่คุณธนิกใช่ไหม แล้วบอกว่าวันเกิดปีนี้ไม่ได้ไปหา จะไปหาปีหน้าอย่าบอกนะว่าหมายถึงขิม
ยังไงกันแน่เนี้ยะ ถ้าอย่างนี้ก็ดูเรวร้ายเกินไปไหม  :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 31-08-2018 23:16:39
K นี่คุณธนิกใช่หรือไม่
เอาล้าวววววว ขวัญเราก็แซ่บนะเออ
สู้เค้า อย่าไปยอมอีขิมไม่เป็นไรเราเลือกแล้ว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-09-2018 08:08:47
ขิมเด็กเปรต โรคจิต
คุณเคคุณทีนี่ใครกันนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 01-09-2018 10:29:00
คิดถึง หลง นะลูก คนดี ย่อมได้รับ ผลดี สู้ๆนะ ขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-09-2018 10:31:57
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-09-2018 11:20:15
น้องขวัญสู้ๆ ว่าแต่ มิสเตอร์ทีกับเคคือใคร
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-09-2018 12:39:12
ต้องแบบนี้แหละขวัญอย่าไปยอม o13 ตอนท้ายนี่อะไรอ่ะ ใครคือ K กับ T อยากอ่านต่อ :ling1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-09-2018 20:24:59
K เหมือนจะเป็นพี่นิก(ของขวัญพัฒน์) ส่วน T ใครก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่า เขมินทราเธอโป๊ะแตกแล้วค่าา ไม่ได้ชอบมีพี่ชาย ใจตรงกันแล้วขวัญพัฒน์  เดินหน้าสู้ต่อไปนะน้องขวัญคิดซะว่าแค่คนหน้าเหมือนกัน ที่บังเอิญมาเจอกันแล้วหาเรื่องให้เราปวดหัวเท่านั้นเอง 555555 / เขมินทรา นางดูร้ายเนอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-09-2018 04:14:37
คุณเค คุณที และคุณเขาที่ยังรอไหว เป็นใครกันบ้างนะ  :m21:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 02-09-2018 15:36:18
เดาว่า
K คือขวัญ
T  คือธนวัตร
คนที่รอคือพ่อมั้งคะ  แต่โห ถ้างี้จริงนี่ขวัญอย่างร้ายยยยย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-09-2018 16:42:42
แชทช่วงท้าย สงสัยมากๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 02-09-2018 18:10:56
ทำไมเรารู้สึกว่า K นี่คือขวัญ เอาแล้วววววไง
ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนคะ  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 04-09-2018 20:29:09
เผลอๆ พลิกล็อก คุณ k คือขวัญ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: mamotic ที่ 14-09-2018 13:28:53
ทำไมอ่านๆ แล้วรู้สึกอยากให้พี่น้องได้กันเอง   :hao7:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: owlkapam ที่ 16-09-2018 23:00:39
K คือ  ขวัญแน่นวลเลยอ่ะ
มาต่อได้แล้วค่ะ   รอลุ้นมากๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-09-2018 05:47:58
K&T ...เขาเป็นใครหนอออ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-09-2018 19:01:06
ทำไมเราคิดว่าน้องขวัญก็มีความลับ  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-09-2018 21:26:31
เดี๋ยวนะคะ ขออนุญาตคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนอ่านตอนต่อไป
เหมือนจะมีการดริฟเกิดขึ้น /พนมมือ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: aumaim0621 ที่ 23-09-2018 23:36:56
เดานะคะ ว่า Kนี่คือน้องขวัญแน่ๆเลย แต่กับTนี่น่าจะเป็นคนของพ่อ?

แบบ..ถ้าใช่น้องขวัญจริง คือพีคมาก ไม่รู้สิ เราว่าน้องก็พยายามตั้งใจให้คุณธนิกรักตัวเองเหมือนกันง่ะ

น้องขุดหลุมเตรียมฝังคุณธนิกแล้วแน่นอน

ถ้าใช่คือเราสะใจมากกกกก ทุกคนดูแบบดูถูกน้องทำเหมือนน้องเป็นลูกไก่ในกำมือ หึหึ

ปล.เผื่อใจไว้30%ล่ะกัน กันหน้าแหก ฮาาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 14 31/08/2018 Page 12
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-09-2018 18:30:05
ได้โปรดดดดดมาต่ออออ พลีสสสสสสสสสสสสสส
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 29-09-2018 18:40:44
ตอนที่ 15



“มึงแปลกไปนะ” ไอ้แนนเริ่มบทสนทนาขึ้นหลังจากที่ผมมานอนแกร่วอยู่บ้านของมันตั้งแต่เมื่อบ่าย มันกำลังทำตัวเป็นว่าที่พ่อลูกอ่อนที่ดีโดยการซักผ้าให้กับภรรยาสุดที่รัก ซึ่งตอนนี้ผมก็ออกมานั่งเฝ้ามันขยี้ชุดคลุมท้อง “ไม่ต้องหลบตากูไอ้ขวัญ กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี แค่นี้ทำไมจะดูไม่ออกวะ”

“แล้วกูแปลกยังไง” ผมย้อนถาม ช่วยขยับตะกร้าผ้าให้ไอ้แนนได้หยิบจับสะดวก “กูก็เป็นกูเหมือนเดิมมั้ย”

“เหมือนมึงมีเรื่องให้คิดมาก”

“โถ...ไอ้แนน ถึงกูจะโง่ แต่ก็ขอพื้นที่ให้สมองกูได้ทำงานบ้าง” ผมถอนหายใจแรงใส่ไอ้เพื่อนที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน “เหนื่อยๆ ว่ะ กูแม่งไม่ชอบโกหกใครมึงก็รู้ แต่ทุกวันนี้เหมือนต้องเขียนบทให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา”

“ปีชงก่อนอายุ 25 ก็มาว่ะ” ไอ้แนนว่าเสียงกลั้วหัวเราะ มันออกแรงขยี้ราวกับสิ่งที่กำลังขยี้อยู่ตอนนี้คือหน้าเมียรัก รู้หรอกว่ามันแค้นเคืองที่โดนใช้งาน แต่ใจมันรัก มันก็ยอมหยุดงานครึ่งวันมาดูแล

ตำแหน่งผัวทาสแห่งปีคงต้องยกให้มัน...

“ชงเข้มด้วยไอ้สัด กูนี่ประสาทจะกิน”

“แล้วมึงเอาไงต่อวะ”

“ก็เท่าที่ได้แหละ เดี๋ยวจบเรื่องก็แยกย้าย กูแม่งไม่เคยอยากได้อะไรเลย แต่ดันต้องมาวุ่นวายด้วย พวกคนรวยนี่โลภมากเนอะมึง ไอ้ที่มีอยู่ ชาตินี้ทั้งชาติก็กินไม่หมดแล้ว ยังจะอยากได้เพิ่ม” ผมไม่เคยเข้าใจความรู้สึกอยากได้อยากมีของคนที่กำลังแก่งแย่งของที่ไม่ใช่ของตัวเองตั้งแต่แรก ถึงตอนเด็กๆ ผมจะอยากได้รถบังคับคันใหญ่ๆ เป็นของขวัญวันเกิดหรือพอโตขึ้นหน่อยก็อยากได้รถจักรยานสวยๆ ไว้ขี่เล่น แต่ความรู้สึกอยากได้ของผมคงเทียบไม่ได้กับความรู้สึกโลภของกลุ่มคนที่ผมกำลังเจอ

“เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใครเว้ยมึง ขนาดลูกยังฆ่าพ่อแม่เพื่อสมบัติได้ แล้วทำไมญาติพี่น้องจะฆ่ากันไม่ได้วะ”

“กูไม่นับญาติได้มั้ยล่ะ มีแต่ร้ายๆ ทั้งนั้น เหอๆ” ผมหัวเราะเสียงแห้ง เหมือนเป็นเรื่องตลกร้ายในชีวิตที่ต้องมารับรู้ว่าญาติพี่น้องที่เพิ่งจะรับรู้ว่ามีตัวตนบนโลกนั้นไม่ได้เป็นมิตรอย่างที่ควรจะเป็น “แต่คุณธนิกเขาดีกับกูนะ แบบ...เขาดียิ่งกว่าคนเป็นญาติแท้ๆ กูอีกอะ”

“จ้า มึงก็ไลน์มาอวดกูทุกวัน เล่าเรื่องเขาทุกวัน นี่ยังจะไม่เลิกอวดอีกเรอะ”

“อยากให้เพื่อนใส่ใจ ฮิฮิ”

ไอ้แนนหัวเราะพลางสะบัดฟองในมือมาโดนเสื้อของผม แต่มันไม่สำนึก ไม่ขอโทษแถมยังทำหน้าสะใจด้วยซ้ำ “เออ เห็นมึงมีความสุขก็ดีแล้วว่ะ แต่ถามจริงแบบมึงห้ามมองเขาด้วยสายตาแห่งรัก เขาดีกับมึงมากใช่ไหม”

“อืม มากๆ” ผมก็ไม่รู้จะบรรยายให้ไอ้แนนเข้าใจถึงความใจดีของคุณธนิกยังไง เพราะสิ่งต่างๆ ที่เขาทำให้ มันก็แค่เรื่องธรรมดาของคนที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่นั่นแหละ...สำหรับผมคือเรื่องที่พิเศษ คือเรื่องที่ทำให้อบอุ่นหัวใจ “ที่เขาทำให้กูมันไม่จำเป็นต้องทำเลยเว้ยแนน เขาจะใจร้ายมากกว่านี้ก็ได้ ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ต้องดูแลกูเลยก็ได้ แต่เขาก็ทำว่ะ เขาพากูไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านป้านีเพราะคิดว่ากูชอบกิน ที่จริงกูแหละที่บอกว่าก๋วยเตี๋ยวร้านป้าอร่อยมาก กูโตมากับก๋วยเตี๋ยวร้านป้าเลย แล้วร้านป้าแม่งก็เพิงหมาแหงนอะมึง บ้านแบบบ้านมากๆ แต่เขาก็นั่งกินกับกูได้ ไม่บ่นสักคำ เวลากูอยากไปไหนเขาก็พาไป ถ้าเขาไม่ว่างก็ให้คนขับรถของเขาพาไป มีหนังสือการ์ตูนสนุกๆ ก็ซื้อมาให้อ่าน ตอนเช้ากับตอนเย็นก็ทำกับข้าวให้กิน สอนกูทำนั่นทำนี่ มึงก็รู้ว่ากูง่อยหลายๆ เรื่องเพราะน้าลีทำให้ตลอด เรื่องเรียนเขาก็ถามกูบ่อยๆ ว่าจะเรียนอะไร เขาจะส่งกูเรียน คือ...มันเยอะมากเลยนะที่เขาทำให้ มึงคิดว่ากูจะไหวมั้ยล่ะ...จะห้ามตัวเองไม่ให้รักเขาไหวมั้ย”

“กูว่ากูพอจะเข้าใจ” ไอ้แนนยอมหยุดมือที่กำลังขยี้ผ้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองผม “และกูรู้เลยว่ามึงแย่แน่ๆ ถ้าต้องไปจากเขา”

“แล้วกูทำอะไรได้บ้างวะ” ผมรู้ตอนจบดี แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินทางไปถึงตอนนั้น ผมก็ยังหวังจะมีความสุขกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง “กูทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากทำให้เขาได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ แล้วมึงว่า...เขาจะมีความสุขจริงๆ มั้ยวะ”

ไอ้แนนถอนหายใจ มันคงลำบากใจที่จะให้คำตอบกับคำถามของผม แต่ต่อให้มันไม่พูดอะไรออกมาผมก็ได้คำตอบอยู่ดี เพราะผมรู้จักคุณธนิกยิ่งกว่าที่ไอ้แนนรู้จัก

“กูโคตรอยากบอกเขาเลยว่าทิ้งทุกอย่างแล้วไปด้วยกัน แต่แบบนั้นมันก็คงเห็นแก่ตัวมากไป เพราะเขามีที่ที่เหมาะกับเขาอยู่แล้ว กูไม่ควรทำให้เขาลังเล”

“ต่อให้ที่ตรงนั้นจะไม่ใช่ความสุขของเขาเหรอวะ” ในที่สุดไอ้แนนก็ถามหลังจากที่ไม่ยอมให้คำตอบกับผม แต่คำถามของมันก็เป็นคำตอบได้แล้วว่ามันกับผมคิดไม่ต่างกัน “มองจากนอกโลกยังรู้ว่าคุณธนิกคิดยังไงกับมึง”

“อาจจะคิดกับเขมินทราก็ได้ กูหน้าเหมือนคนรักเก่าเขาขนาดนี้” ผมพูดติดตลก แต่ไอ้แนนไม่ขำไปด้วย

“เชื่อกูเถอะว่าคนนิสัยอย่างน้องมึงทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำเหมือนมึงไม่ได้หรอก คนโง่จริงกับคนแกล้งโง่มันมีเสน่ห์ต่างกัน”

“มึงกำลังด่ากูอยู่ป่าววะ”

“ชมไอ้สัด กูชม” ไอ้แนนยืนกรานเพราะผมเตรียมง้างเท้าจะเตะมันแล้ว “แต่นั่นแหละ คนอย่างคุณธนิกคงไม่เลือกความสุขของตัวเองหรอกว่ะ ระหว่างแม่ของเขากับมึง เขาก็ต้องเลือกแม่อยู่แล้ว”

“โห...ไอ้ห่าแนน เอากูไปเปรียบแบบนั้นก็แพ้หลุดลุ่ยดิวะ”

“หรือมึงจะเถียงล่ะ เพราะถ้าเป็นมึง ให้เลือกระหว่างน้าลีกับเขา มึงก็เลือกน้าลีอยู่แล้ว”

“ก็จริง” ผมยอมรับอย่างจนด้วยความรู้สึก “ชีวิตแม่งยากเนอะ กูไม่น่าเข้าไปยุ่งเลย วันที่เห็นไอ้วันกับไอ้ทิวขโมยกระเป๋าตังค์เขาวันนั้น กูน่าจะปล่อยไป ไม่น่าทำตัวโง่เป็นพลเมืองดี”

“แน่ใจเหรอที่พูด”

ผมส่ายหน้า ยิ้มอย่างอ่อนใจกับความรู้ทันของไอ้แนน “ไม่ว่ะ ยังไงก็อยากพูดคุยกับเขาสักครั้งอยู่ดีนั่นแหละ...ก็กูมองเขามาตั้งนานแล้วนี่หว่า”

“แล้วมึงจะไม่บอกอะไรเขาหน่อยเหรอวะไอ้ขวัญ” ไอ้แนนถามหยั่งเชิง มันเลิกคิ้วมองมา “อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยเขียนบทให้ตัวเอง เรื่องโกหก...ถ้าอยู่กับมันมากๆ สักวันมึงจะแยกไม่ออกว่าเรื่องไหนจริงหรือเรื่องไหนโกหก มีคนไม่น้อยที่สร้างเรื่องโกหกแล้วอินไปกับมันจนหลุดออกมาไม่ได้ คุณธนิกเขาให้ใจมึงเท่าไรกูไม่รู้ เขาอาจจะมีเรื่องที่โกหกมึงอยู่ก็ได้ แต่กูว่าคงไม่มากเท่าที่มึงกำลังโกหกเขาหรอกว่ะ”

“อะ...ยังเคืองกูไม่หายสินะ”

“งั้นกูถามหน่อยว่าเป็นมึง มึงโกรธไหม ถ้าวันนั้นกูไม่ได้ไปร้านกาแฟที่มึงนัดกับแฝดนรกของมึงไว้แล้วไม่บังเอิญเจอคนที่มึงนัดหลังจากนั้น กูจะรู้อะไรเกี่ยวกับมึงบ้าง” สีหน้าราบเรียบของไอ้แนนทำให้ผมเดาอารมณ์ไม่ออก แต่น้ำเสียงของมันก็ขุ่นเคืองเอาการ “กูอยู่กับมึงมาตั้งกี่ปี กูเป็นเพื่อนที่มึงหวังจะให้เป็นคนจัดงานศพให้ เป็นเพื่อนคนเดียวที่จะร้องไห้ในวันที่มึงจากไป มึงให้ความสำคัญกับกูขนาดนี้ แต่กลับไม่เคยบอกอะไรกูเลย มาจนถึงวันนี้มึงก็ยังไม่อธิบายอะไรให้ฟัง ทั้งๆ ที่มึงบอกว่ากูติดร่างแหไปด้วย ชีวิตกู ลูกเมียกูอีก เนี่ย...แต่มึงก็ยังเงียบ กูควรรู้มั้ยว่าตอนนี้ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู คุณธนิกก็ต้องรู้ไหมว่าตอนนี้คนที่เขากำลังปกป้องเป็นยังไงกันแน่”

ผมไม่เคยต้องการที่จะเป็นต้นเหตุของปัญหา ไม่เคยต้องการให้ใครได้รับอันตรายจากปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะตัวผม ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในเมื่อทั้งน้าลีและไอ้หลง ผมก็รักษาไว้ไม่ได้ มาตอนนี้ไอ้แนน เพื่อนเพียงคนเดียวก็ต้องเดือดร้อน ผมเกลียดคนโลภที่ตามืดบอด เพราะไม่เคยสนวิธีการใดๆ

ผมมองไอ้แนนที่กำลังรอคอยคำตอบจากผม อยากจะขอโทษมันเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่รู้ว่ามันคงไม่ได้อยากฟังคำขอโทษ ไอ้แนนเพื่อนผมให้ใจกับผมเต็มร้อย แต่เป็นผมเองที่ไม่เคยให้ใจกับใครเต็มร้อยเลยสักครั้ง “กูไม่ได้จะปิดบังอะไรมึงนะ แต่กูไม่รู้ว่าจะบอกยังไง เพราะกูก็ไม่รู้มาตลอด น้าลีไม่เคยบอกอะไร ขนาดเรื่องที่กูมีแฝดกูก็เพิ่งรู้ตอนที่มึงมาบอกว่าเจอคนหน้าเหมือนกู แต่มีเรื่องเดียวที่กูไม่เคยบอกมึงก็แค่เรื่องที่ทุกปีกูจะต้องไปเจอกับคนคนหนึ่ง กูจะได้เจอเขาตอนวันเด็กกับวันเกิดของเขา เป็นการเจอกันในที่เดิมๆ ก็คือสวนสาธารณะใกล้หมู่บ้าน ตอนแรกก็เหมือนเรื่องบังเอิญ แต่พอโตขึ้นกูก็รู้แหละว่าเป็นความตั้งใจ กูไม่ได้บอกใครเพราะคิดว่าเป็นคนรักของน้าลี มึงเข้าใจปะ...ความรู้สึกเหมือนน้ากูไปเป็นชู้กับเขา กูก็เลยไม่เคยบอกมึง กูเห็นเขาเอาเงินให้น้าทุกครั้งที่เจอ น้าก็รับบ้างไม่รับบ้าง น้าบอกว่าจะใช้เงินเขาเฉพาะตอนฉุกเฉินเท่านั้น”

ไอ้แนนมีสีหน้างงงัน มันนิ่งฟังโดยไม่ได้พูดขัด แต่ผมต้องหยุดพักเพราะเรียบเรียงเรื่องในหัว ความทรงจำลางเลือนในแต่ละปีที่ได้พบกับคนที่คิดว่าเป็นคนรักของน้าลีนั้นไม่ค่อยมีอยู่ในหัวเท่าไร

“แต่กูเพิ่งมารู้ว่าที่จริงเขาไม่ใช่ชู้รักของน้า” ผมรอไอ้แนนประมวลผล สุดท้ายมันก็อ้าปากค้างเหมือนกับตอนที่ผมได้รู้เรื่องราว “เขาเป็นพ่อกู มิสเตอร์ทีที่เราเจอวันนั้นเขาบอกแบบนี้ วันนั้นเขาเอาโทรศัพท์ของน้าลีมาให้กูด้วย เขาบอกว่าเขาเก็บไปก่อนที่ตำรวจกับมูลนิธิฯ จะมาถึงบ้าน”

“ทำไมทำแบบนั้นวะ...”

“ไม่รู้ว่ะ กูไม่ได้ถาม”

“โง่อีกไอ้ห่า มึงควรถามมั้ย ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะมาเก็บมือถือคนตายไว้” ไอ้แนนมีสีหน้าบึ้งตึง มันคงไม่ได้ดั่งใจเท่าไร “แล้วมึงไว้ใจเขาเหรอวะ ท่าทางเหมือนคนพึ่งพาไม่ได้ ยังจะมาทำเรื่องน่าสงสัยอีก”

“ไม่ว่ะ กูไว้ใจใครไม่ได้สักคน” ผมยักไหล่ตอบปฏิเสธ “แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญไอ้แนน กูไม่สนหรอกว่าเขาจะไว้ใจได้แค่ไหน ต่อให้ถามว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้ไปทำไม พอเขาตอบมา กูก็ไม่เชื่อเต็มร้อย เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องถามให้เกิดประเด็น ปวดหัวเปล่าๆ ที่กูสนใจก็แค่ว่าเขาเลือกข้างใคร”

“อะ ไอ้ห่า กูเริ่มปวดหัวกับมึงละ” ไอ้แนนขมวดคิ้วมุ่น “สรุปมาง่ายๆ เลยว่ามิตรหรือศัตรู”

“กึ่งๆ” คำตอบของผมทำเอาไอ้แนนตวัดตามอง ถ้าไม่ติดว่ามือของมันเลอะผงซักฟอกมันคงเข้ามาบีบคอผมแล้ว “เราเป็นมิตรกันเพราะเป้าหมายเหมือนกัน แต่เราก็เป็นศัตรูหัวใจกันด้วย”

“เดี๋ยวนะ...”

“ตราบใดที่กูอยากให้คุณธนิกสมหวัง มิสเตอร์ทีก็คือมิตรของกู มึงเก็ทมั้ย”

“กูว่ากูพอจะเก็ทแล้ว”

“นั่นแหละ...ความรักของกูเทียบกับเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

มิสเตอร์ทีคือชื่อที่ผมใช้เรียกพันธมิตรเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ เขาปรากฎตัวขึ้นครั้งแรกที่ร้านกาแฟ คล้อยหลังเขมินทราแค่สิบนาที วันนั้นตอนที่กำลังลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินไปสมทบกับไอ้แนนที่สูบบุหรี่รออยู่ เขาก็เข้ามาทัก มาพร้อมกับเรื่องราวมากมายที่คนอย่างผมจำเป็นต้องรู้ เขาบอกว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อเขาก็ได้ เขาไม่ได้บังคับ เพราะต่อให้ผมจะเชื่อหรือไม่เชื่ออย่างไรก็ไม่มีผลกับตัวเขาอยู่แล้ว แต่ที่เขามาพบกับผมก็เพราะเขมินทรา เขารู้ว่าครั้งนั้นผมเจอกับเขมินทราเป็นครั้งที่สอง สีหน้าของเขากังวลเล็กน้อยเมื่อพูดถึงแฝดน้องของผม ตอนนั้นผมไม่ปักใจเชื่ออะไรมาก มาจนถึงตอนนี้ผมก็ไม่ได้เชื่อเขามากขึ้น ทว่าเรื่องเดียวที่ผมเชื่อก็คือความรู้สึกที่มิสเตอร์ทีมีต่อคุณธนิก เราเลือกข้างเหมือนกัน เราไม่ได้เลือกข้างแม่ของคุณธนิก ไม่ได้เลือกข้างคุณแขไข ไม่ได้คิดจะช่วยเหลือเขมินทรา เราแค่เลือกสิ่งที่คุณธนิกจะมีความสุขและเลือกสิ่งที่คุณธนิกควรจะได้ เป้าหมายของผมกับมิสเตอร์ทีมีแค่นั้น

‘ผมร้ายกับคนทั้งโลกได้เพื่อเขา คุณล่ะคิดเหมือนผมไหม’ นั่นคือคำพูดของมิสเตอร์ทีในวันนั้น

‘ผมอาจจะไม่ได้คิดเหมือนคุณซะทีเดียว แต่ผมต้องการความสงบของผมคืน ผมไม่ชอบเรื่องแบบนี้ ถ้าจบได้เร็วเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น ไม่มีใครควรเสี่ยงกับของที่เอาติดตัวไปตอนตายไม่ได้ ยกให้ผมผมก็ไม่เอาเพราะผมไม่มีความสามารถพอ แล้วถ้าผมมีสิทธิ์จะให้ใคร คนคนนั้นก็คือคุณธนิก’ และนั่นคือคำตอบของผม

‘งั้นมาร่วมมือกับผมไหม คุณไม่ต้องเชื่อใจว่าผมจะไม่ทรยศคุณก็ได้ แต่คุณเชื่อได้ว่าผมจะไม่มีวันทรยศธนิก’

ข้อเสนอของมิสเตอร์ที เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อนและผมก็ตกลงอย่างไม่ลังเล

‘ได้ ผมร่วมมือเพราะเป้าหมายเราเหมือนกัน งั้นผมขอความมั่นใจหน่อยว่าถ้าคุณเกิดหึงหวงขึ้นมา ผมจะไม่ซวยก่อนที่เรื่องจะจบ’

‘อย่าห่วงเลย น้องชายฝาแฝดของคุณก็ยังอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แล้วคุณจะกลัวอะไร’

‘ผมกลัวก็เพราะว่าคุณธนิกรู้สึกกับผมมากยิ่งกว่าเขมินทรา’

มิสเตอร์ทีหัวเราะ ผมจ้องมอง ไม่ได้ฝืนหรือเสแสร้ง เขาหัวเราะเพราะอาจจะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่ผมก็ได้แค่เดา

‘เขาจะรู้สึกอย่างไรไม่เกี่ยวกับผมหรอก ผมแค่รู้สึกกับเขาแล้วก็คอยมองเขาอยู่ห่างๆ เพราะเรื่องของผมกับเขามันเป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณได้อยู่กับเขาก็ดูแลเขาให้ผมด้วย ทำให้เขายิ้ม ทำให้เขามีความสุข ทำได้ก็จะขอบคุณมาก แต่ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าทำให้เขาทุกข์ใจก็พอ อย่าห่วงว่าผมจะหึงหวงแล้วทำอันตรายคุณ คุณห่วงว่าผมจะทำร้ายคุณเพราะคุณทำร้ายเขาดีกว่านะ’

‘อย่าห่วงเลยครับ ผมอาจจะรักเขาไม่นานเท่าคุณ แต่ผมก็อยากให้เขามีความสุขเหมือนกัน ถึงตอนจบเขาอาจจะเสียใจเพราะผม แต่ถึงตอนนั้นก็เป็นหน้าที่คุณนะ รับไม้ต่อจากผมที’

‘ดีลครับ ต้องการอะไรก็บอกผมได้ ใช้เครื่องที่ผมให้ไปติดต่อมา มันเหมือนเครื่องของคุณ ธนิกจะได้ไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าเขารู้ว่าคุณติดต่อกับผมคงเป็นเรื่องใหญ่’

‘ครับ’

บทสนทนาของผมกับมิสเตอร์ทีจบลงแค่นั้น เราแยกย้ายกันไปคนละทาง ตอนที่มิสเตอร์ทีออกจากร้านไป ไอ้แนนที่นั่งอยู่โต๊ะไม่ไกลจากโต๊ะที่ผมนั่งก็เข้ามาแตะที่ไหล่ ผมไม่รู้หรอกว่ามันเข้ามาตอนไหนและได้ยินอะไรบ้าง รู้แค่สีหน้าของมันนิ่งเฉยจนผิดสังเกต เพิ่งมาแน่ใจเอาตอนนี้เองว่ามันก็ได้ยินมากพอควรถึงได้ออกอาการขุ่นเคืองเพราะคิดว่าผมมีความลับปิดบัง

“แล้วทีนี้เอาไงล่ะ จะไม่มีใครเข้ามาเพิ่มอีกแล้วใช่มั้ย เผยตัวออกมาทุกคนหรือยัง” ไอ้แนนถามขึ้นหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบอยู่นาน มันหันกลับไปขยี้ผ้าต่อแล้ว แต่ปากก็ยังคงถาม

“กูยังไม่ได้เจอคุณแขไข แม่ของคุณธนิกก็ยังไม่เห็น ที่เกรี้ยวกราดอยู่ก็มีแค่แฝดน้องของกู ขิมจ้างคนมาตามกูทุกฝีก้าวเลยไอ้ห่า ส่งรูปส่งข้อความมาขู่ว่าจะอุ้มกูตลอด แต่บอกคุณธนิกแล้ว เขาคงจัดการให้เพราะสามสี่วันมานี้ก็ไม่เห็นใครมาป้วนเปี้ยนที่บ้าน กูถึงออกมาหามึงได้”

เอาจริงๆ ผมก็ประสาทจะกินกับเขมินทรา แต่การที่อีกฝ่ายเผยตัวออกมาเพราะความหึงหวงก็ทำให้ผมโล่งใจมากกว่าการยิ้มแย้มต่อหน้าแล้วถือมีดซ่อนไว้ข้างหลัง เจ้าน้องชายฝาแฝดเหมือนเด็กที่คอยตะโกนโหวกเหวกมากกว่าจะลงมือทำได้จริง ทว่าผมก็ไม่ควรประมาท เพราะผมยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำได้มากแค่ไหน การตายของน้าลีกับไอ้หลงทำให้ผมไม่กล้าคิดว่าก็แค่เด็กเล่นกัน ในเมื่อไม่สามารถหยั่งลึกเข้าไปในจิตใจของใครได้ ผมไม่ตั้งคำถามด้วยเพราะผมรู้ว่าผมไม่เชื่อคำตอบของใคร แม้ผมจะคิดว่ามิสเตอร์ทีน่าจะรู้ แต่ก็นั่นแหละ...ผมไม่ถามและมิสเตอร์ทีไม่ได้พูดถึง เขาไม่พูดแม้จะทำเหมือนรู้ทุกความเคลื่อนไหวตลอดหลายปีที่น้าลีมีชีวิตอยู่จนกระทั่งเมื่อน้าจากไปซึ่งเขาอาจจะเป็นคนที่พบศพคนแรกด้วยซ้ำ โทรศัพท์มือถือของน้าก็อยู่กับเขา

แต่ผมรู้แล้วจะได้อะไร...นั่นแหละคือที่ผมกังวลกับความคิดของตัวผมเอง

“จะต้องเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่วะ คือกูก็ไม่ได้อยากจะแช่งให้พ่อมึงตายหรอกนะ แต่ถ้ายังโดนปั่นประสาทอยู่อย่างนี้มึงได้ตายก่อนพ่อมึงแน่ ดีไม่ดีตายไปแล้ว พอพินัยกรรมเปิดออกมา อ้าว ไม่มีชื่อมึง มึงตายฟรีเลยนะไอ้ขวัญ”

คำพูดของไอ้แนนทำเอาผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะถ้าเป็นอย่างที่ไอ้แนนพูดจริงมันก็เรื่องตลกร้ายดีๆ นี่เอง “กูก็คิดงั้นว่ะมึง แล้วกูก็ไม่คิดเลยนะว่าพ่อจะยกทุกอย่างให้กู มึงดูสิขนาดตัวกูเขายังไม่เลี้ยงเลย ปล่อยให้อดๆ อยากๆ น้ากูก็ต้องทำงานหนัก ไหนจะเรื่องแม่กู ไม่เห็นเขาทำอะไรได้สักอย่าง รวยซะเปล่า แล้วพอกูโตมาเป็นหนุ่มแข็งแรงสุขภาพดีเสือกมาโยนปัญหาให้กูอีก กูคิดอย่างนี้บาปมั้ยวะ”

“กลัวอะไรแค่บาป ขามึงอยู่นรกไปข้างแล้วตั้งแต่แดกยางลบกูตอนประถม” ไอ้แนนทำหน้าหงุดหงิด มันคงกำลังคิดถึงยางลบกลิ่นสตรอเบอร์รี่ของมัน “แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้กลับมาขี่วินกับกู พวกพี่แจ้บ่นหามึงทุกวัน”

“คงรอเปิดพินัยกรรม นั่นก็หมายถึงตอนที่พ่อกูตาย” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ รู้สึกบาปอยู่ในใจเพราะหวังให้เรื่องมันจบในเร็ววัน “กูอยากจะเซ็นไม่รับมรดกเหมือนขิม แต่ถ้ากูทำแบบนั้น คุณธนิกอาจจะไม่ได้อะไรเลย มันเสี่ยงหลายๆ อย่าง ความเป็นไปได้มีเยอะมากเหมือนที่มิสเตอร์ทีบอก ขิมคงไม่อยู่เฉย ไหนจะคุณแขไข แต่ถ้ากูได้แล้วยกให้เขา คือชัวร์สุด”

“ถามจริงนะไอ้ขวัญ มึงไม่อยากได้เงินเหรอวะ”

“อยาก” ผมตอบในทันทีโดยไม่มีความลังเล “แต่กูไม่อยากได้ทั้งหมด เข้าใจไหมว่ากูก็อยากสบาย ใครบ้างวะจะอยากลำบาก กูว่ากูกับคุณธนิกวินทั้งสองฝ่าย คือถ้ากูได้ แต่กูดูแลไม่รอด สุดท้ายก็เป็นศูนย์ แต่ถ้ากูได้แล้วยกให้เขา คุณธนิกพาไปรอด มันก็โอเค เพราะยังไงเขาก็ไม่มีทางให้กูลำบากอะ กูเชื่อว่าเขาเป็นคนแบบนั้น แล้วมึงลองคิดภาพว่าคุณแขไขได้ เขมินทราได้ กูก็ศูนย์เลยนะ ไม่มีใครมาตามดูแลด้วย คงไม่เจียดให้กูสักแดงหรอก แต่ถ้าเป็นคุณธนิก กูอยากเรียนก็คงได้เรียน อยากได้อะไรเขาก็คงให้ จบเรื่องแล้วขอเงินเขาไปตั้งตัวสักก้อนมันไม่ยากเลยนะ”

“มึง” ไอ้แนนมองหน้าผมด้วยความชื่นชม “มึงโตแล้วว่ะไอ้ขวัญ กูปลื้มใจแทนน้าลีที่ในที่สุดมึงก็คิดได้”

“เวอร์ไอ้สัด กูก็คิดได้มาตลอดมั้ยล่ะ” ผมทำหน้าหน่าย รู้สึกเหมือนโดนชมแกมโดนด่า

“แต่มึงคิดไม่ได้อยู่เรื่องนะ”

“อะไร”

“เรื่องที่ควรช่วยกูซักผ้า ไอ้ห่า มาชวนคุยจนแดดจะหมดอยู่แล้ว ผ้าเมียกูยังเต็มตะกร้า! มานี่ มาช่วยกู!”

เวร...ตำแหน่งผัวทาสของไอ้แนนกำลังเผื่อแผ่มาถึงผม แม้จะก่นด่ามันอยู่ในใจแต่ก็ต้องมาช่วยมัน เพราะเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน ยึดถือคติที่ว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน แต่ตอนมีสุขกับเมียไม่เคยจะเรียกผมร่วมแจม! ทีซักผ้าล่ะใช้กูจังเลย!!

ผมกับไอ้แนนช่วยกันขยี้ผ้าอย่างเมามัน สุดท้ายก็ช่วยกันจนแล้วเสร็จ บรรยากาศเดิมๆ กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ผมต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่กับคุณธนิก ผมไม่เคยได้ซักผ้าเองจนเกือบลืมวิธีซัก เสื้อผ้าที่ผมใส่ตอนนี้ทั้งสะอาด ทั้งหอมแถมยังรีดเรียบไร้รอยยับ คุณภาพชีวิตแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ทว่าผมก็ยังชอบช่วงชีวิตก่อนหน้านี้อยู่ดี ไม่ใช่ว่าอยู่กับคุณธนิกแล้วแย่ ผมกลับคิดว่ามันเป็นความฝันเสียด้วยซ้ำและเพราะมันเป็นความฝันถึงได้คอยระแวงว่าเมื่อไหร่จะถูกปลุกให้ตื่น การรับรู้ว่ามันจะคงอยู่ไม่นานมันทำให้ทรมานมากกว่าที่จะคิดว่าควรมีความสุขไปกับมัน





คุณธนิก: ขวัญครับ ทำอะไรอยู่





ข้อความจากคุณธนิกขึ้นโชว์บนหน้าจอในเวลาเกือบบ่ายสามโมง ผมเหลือบมองในขณะที่กำลังนั่งทอดอารมณ์หลังออกแรงซักผ้ากับไอ้แนนที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้านเช่าของมัน





ขวัญพัฒน์: นั่งเล่นกับไอ้แนนครับ ฝนกำลังทำของแกล้มให้ รางวัลจากการช่วยไอ้แนนซักผ้า

คุณธนิก: ดื่มเหรอ

ขวัญพัฒน์: ค้าบ

คุณธนิก: อืม





คำตอบสั้นๆ เหมือนเขากำลังไม่พอใจ แต่ผมกลับยิ้มกว้าง แค่คำว่าอืมของเขาก็ทำให้หัวใจเต้นแรงแล้ว ผมคงเป็นเอามากจริงๆ เห็นไอ้แนนเบ้ปากใส่ด้วย มันให้ความใส่ใจแค่ไม่กี่วินาทีก็กลับไปสนใจกับการปอกเปลือกมะม่วงต่อ เดี๋ยวคงได้กินมะม่วงน้ำปลาหวาน แค่คิดก็เปรี้ยวปากน้ำลายสอ... อยากให้คุณธนิกมาลองกินด้วยกัน แต่ก็นึกภาพตอนที่เขากินมะม่วงน้ำปลาหวานไม่ออก เพราะเบ้าหน้าของคุณธนิกเหมาะกับการนั่งอยู่ในภัตราคารกับอาหารราคาแพงเท่านั้น





ขวัญพัฒน์: ทำงานเป็นไงบ้างครับวันนี้ เหนื่อยมั้ย

คุณธนิก: เหนื่อยครับ ยิ่งขวัญไม่อยู่บ้านพี่ก็ยิ่งเหนื่อยมากกว่าเดิม

ขวัญพัฒน์: อ้าว ทำไมอย่างนั้นล่ะครับ

คุณธนิก: เป็นห่วงจนเหนื่อย ไม่มีสมาธิทำอะไรแล้ว ท้อใจมาก

ขวัญพัฒน์: เป็นงั้นไป นึกว่าดีแล้วซะอีกที่ไม่ต้องคอยดูภาพจากกล้องวงจรปิด

คุณธนิก: ดีตรงไหน ไม่ได้เห็นหน้าขวัญตั้งหลายชั่วโมง

ขวัญพัฒน์: แง้ว พูดเหมือนคนโรคจิตเลย คุณธนิกน่ากลัว

คุณธนิก: คนโรคจิตที่ไหนกัน แค่เป็นคนคิดถึงขวัญเท่านั้นเอง

ขวัญพัฒน์: พี่นิกปากหวาน

คุณธนิก: อยากฟังเป็นเสียง ขนาดพิมพ์มาแค่นี้ใจพี่ยังสั่น

ขวัญพัฒน์: คืนนี้เรียกให้ฟังนะครับ :)

คุณธนิก: แทบจะอดใจรอไม่ไหว งั้นพี่ไปรับนะ เลิกงานแล้วจะรีบไปหา

ขวัญพัฒน์: เจอกันที่บ้านก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องลำบากมา

คุณธนิก: ไม่เอาครับ ขวัญอย่าดื้อ ต้องเชื่อฟังพี่

ขวัญพัฒน์: ได้ค้าบ เชื่อฟังทุกอย่างเลย

คุณธนิก: น่ารักจังวะ

ขวัญพัฒน์: น่ารักแล้วรักป่าว

คุณธนิก: ขวัญรู้คำตอบพี่ดี

ขวัญพัฒน์: รู้ดีว่าไม่รัก

คุณธนิก: ครับ เข้าใจก็ดีแล้วตัวดื้อ

ขวัญพัฒน์: ค้าบ :)

คุณธนิก: ทำงานต่อละ

ขวัญพัฒน์: สู้น้า เป็นกำลังใจให้

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: เซลฟี่พร้อมมินิฮาร์ทให้พี่นิก

คุณธนิก: เป็นคนหรือกาแฟเนี่ยเรา ทำพี่ใจสั่นไม่หยุดเลย

ขวัญพัฒน์: เป็นทุกอย่างให้พี่นิกครับ อยากให้เป็นอะไรก็เป็นให้ทั้งนั้นแหละ

คุณธนิก: ขวัญ

ขวัญพัฒน์: ครับ?

คุณธนิก: พี่ไม่รักขวัญ ไม่รักเลยนะครับ พูดจริงๆ

ขวัญพัฒน์: ค้าบบบบ รู้แล้ววว

คุณธนิก: ถ้ารู้แล้ว คืนนี้ก็ทำให้พี่รักด้วยนะ

ขวัญพัฒน์: ขออนุญาตนอนบ้านไอ้แนนละกันครับ บายยย

คุณธนิก: 555 ตัวดื้อของพี่ น่าจับตีว่ะ





“ไอ้ขวัญ ทำไมทำหน้าอย่างกับคนเมากาว” ไอ้แนนยื่นมือมาผลักหัวผม ก่อนมันจะจัดการเก็บกวาดเปลือกมะม่วงไปทิ้งใต้ต้นมะม่วงที่ยืนต้นเป็นร่มเงาบังแดดยามเย็นให้ “มึงฟินอะไรของมึงฮึ”

“คุณธนิกบอกว่าไม่รักกู” ผมบอกสาเหตุของอาการเมา ส่วนไอ้แนนทำหน้างงหนัก

“เขาบอกไม่รักแล้วทำไมต้องดีใจขนาดนี้ มึงบ้าปะเนี่ย”

“เออ กูคงบ้าจริงๆ แหละ คุณธนิกแม่ง...พูดคำว่าไม่รักยังไงให้คนอื่นเขินได้วะ”

“กูว่าคงมีแต่มึงอะที่เขิน เป็นคนอื่นร้องไห้ไปแล้ว”

“กูคงพิเศษสินะ”

“เรื่องมึงเถ๊อะ” ไอ้แนนทำหน้าหมั่นไส้ใส่ผม ก่อนจะจัดการคีบน้ำแข็งใส่แก้วเปล่า วันนี้จะได้ร่ำสุราตั้งแต่ยังไม่มืดค่ำเพราะผมมีเวลาไม่มาก ฝนเมียของไอ้แนนก็ใจดีไม่บ่นไม่ว่าสักคำแถมยังอาสาทำของแกล้มให้ด้วย ตอนนี้คงกำลังทำยำวุ้นเส้นหมูสับให้อยู่ในครัว “มึงชงละกัน เดี๋ยวเข้าไปดูฝนก่อน”

“เออๆ เดี๋ยวชงให้เข้มๆ”

“อย่าเข้มมาก กูจะเมาไม่ได้ เมียกำลังท้องกำลังไส้ เกิดเมาหลับไปแล้วเกิดอะไรขึ้นมา กูคงเสียใจไปทั้งชีวิต”

“โอเคครับ รู้เรื่องเลยเพื่อน ไม่ต้องห่วง จะชงบางที่สุดจนมึงแทบไม่ได้กลิ่นเหล้า”

“งั้นก็เอาน้ำเปล่าให้กูแดกเถอะไอ้ห่า”

“เอาใจไม่ถูก ตามใจไม่ทัน วู้! เกิดเป็นเพื่อนมึงนี่ลำบากจริงๆ”

ไอ้แนนยิ่งกว่าคนมีประจำเดือน ตั้งแต่เมียมันท้องมาก็ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย แต่ผมก็บ่นไปอย่างนั้น เพราะการได้เป็นเพื่อนกับมันคือเรื่องดีๆ อีกเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผม เหมือนๆ กับที่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตผมได้อยู่กับคุณธนิก




[ต่อด้านล่าง]




หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 29-09-2018 18:41:19
ตอนเด็กๆ ผมเคยชอบเรื่องราวในนิทาน เรื่องของสัตว์นิสัยดี เรื่องของเจ้าหญิงกับเจ้าชาย เรื่องในโลกแห่งจินตนาการที่ตอนจบมักจะมีความสุขเสมอและในตอนนี้ผมก็ยังคงชื่นชอบ น้าลีมักจะบอกในตอนจบทุกครั้งว่านิทานเรื่องที่อ่านไปนั้นให้ข้อคิดอย่างไรหรือเราได้อะไรจากมันบ้าง แต่น้าลีไม่อยู่บอกผมแล้ว ถ้าหากนิทานเรื่องที่ผมกำลังอ่านนี้จบลง เมื่อตอนจบมาถึงผมคงต้องหาคำตอบเอาเอง

ทั้งตอนจบของนิทานและอะไรบ้างที่ผมได้กลับคืน...ผมต้องหาให้เจอ

แต่เรื่องที่ผมกำลังอ่านอาจจะไม่มีเจ้าชายและเจ้าหญิง

“เมาเหรอครับขวัญ หน้าแดงเชียว”

คุณธนิกไม่ใช่เจ้าชาย

“เปล่าครับ ผมไม่ได้เมา”

ส่วนผมก็ไม่ใช่เจ้าหญิง

“คนเมามักจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เมา”

หรือถ้าเขาเป็นเจ้าชายจริงๆ

“งั้นคนเมาขออ้อนหน่อยได้มั้ยครับ”

แต่ผมน่ะ...ไม่ใช่เจ้าหญิงของเขา

ผมเป็นเพียงแค่ชายขอทานที่บังเอิญเดินผ่านมาเจอเจ้าชายที่กำลังพลัดหลงหาทางกลับปราสาทไม่ได้

ผมเป็นเพียงแค่คนที่จะพาเจ้าชายกลับไปในที่ที่เขาอยู่เพื่อที่เจ้าชายจะได้ครองปราสาทและคู่กับเจ้าหญิง

โลกของเจ้าชายกับโลกของขอทานไม่อาจเป็นโลกใบเดียวกัน อาจมีบ้างที่โลกของเราโคจรเข้าใกล้

ทว่าสุดท้าย...เราก็จะถูกเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง

อ่า...ผมอาจจะกำลังเพ้อเจ้อกับโลกของจินตนาการเพราะกำลังเมา ฤทธิ์เหล้าหงส์ทองที่ร่ำกับไอ้แนนไปเมื่อตอนค่ำยังติดอยู่ปลายลิ้น คงไม่แปลกหากผมจะคิดเรื่อยเปื่อยไปบ้าง

“หืม” คุณธนิกเลิกคิ้วพลางเผยรอยยิ้มน่ามอง เขาจ้องผม เราสบตากันในระยะที่ใกล้เกินความจำเป็น ภายในรถยนต์ของเขามีเพียงแค่แสงจากเสาไฟข้างทางเท่านั้นที่ให้แสงสว่าง “มองพี่ตาเยิ้มแบบนี้อันตรายนะ”

“อันตรายยังไงเหรอครับพี่นิก” ผมยิ้ม ยกมือขึ้นไล้ไปตามสันกรามของเขา “ต่อตัวหรือต่อใจ”

“ขวัญพัฒน์” เขาเรียกชื่อผมเสียงพร่า แววตาของเขาเหมือนคนกำลังสะกดกลั้น “อย่าเล่นแบบนี้”

“พี่นิก”

“อย่า...”

เขาหลับตา สูดหายใจเข้าลึกและผ่อนออกอย่างรวดเร็ว แต่เพราะเขาหลับตาเขาถึงไม่เห็นว่าผมขยับเข้าใกล้เขามากแค่ไหน

“พี่นิก...” ผมเรียก อยากให้เขาได้ยินถ้อยคำที่เขาอยากฟัง “พี่นิกจูบผมหน่อยครับ”

ผมรู้ตอนจบ แต่ผมชอบระหว่างทาง หากตอนจบมันเลวร้าย ผมก็จะเก็บเกี่ยวระหว่างทางให้ดีที่สุด การสร้างความผูกพันต่อความสัมพันธ์ที่รู้จุดจบไม่ใช่เรื่องดี แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่งผมก็อยากจะมีความทรงจำดีๆ ที่สามารถหวนนึกถึงได้และทำให้ยิ้มออกมา แน่ล่ะว่า...ในตอนนั้นผมอาจจะไม่ได้ยิ้ม อาจจะกำลังร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย

แต่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ...ให้ขอทานได้เป็นคนของเจ้าชาย

“ขวัญรู้ใช่มั้ยว่าถ้าขวัญเอ่ยปากขอ พี่จะไม่หยุดแค่จูบ”

“ครับ ไม่หยุดก็ได้”

คุณธนิกยกมือลูบใบหน้า ความกังวลของเขาปรากฎชัด แววตาวูบไหวเมื่อเขาลืมตาขึ้นมองผม เขาเบือนหน้าหนีแล้วหันไปซบหน้ากับพวงมาลัยรถ แต่ผมดึงตัวเขาให้หันมา รั้งคอหนาให้ใบหน้าที่มีแต่ความกังวลนั้นซบลงที่ไหล่

“ดีแล้วเหรอแบบนี้” เขาถามเสียงแผ่วพร้อมกับกัดลงที่ไหล่ของผม “ขวัญจะทนได้จริงๆ เหรอถ้าวันหนึ่งระหว่างเราจะไม่เหมือนเดิม พี่ห่วง...พี่กลัวว่าขวัญจะไม่ไหว พี่ต้องอดทนแค่ไหนขวัญรู้มั้ย พี่อยากกอด อยากจูบ อยากทำให้ขวัญเป็นของพี่ แต่สุดท้ายพี่ต้องปล่อยขวัญไป”

เขา...คือคนที่พูดคำว่าไม่รักแต่สามารถทำให้ผมเขินได้ เขาคือคนที่เป็นห่วงและกังวลเรื่องของผมเสมอ คำพูดของเขาทำให้ผมใจเต้นแรงทุกครั้ง แต่ก็เป็นคำพูดของเขาอีกเหมือนกันที่ทำให้หัวใจของผมไม่อยากเต้นอีกต่อไป

“พี่มีคนของพี่แล้ว”

ถ้อยคำของเขายืนยันว่าผมเป็นของเขาไม่ได้

เจ้าชายต้องคู่กับเจ้าหญิง...ไม่ใช่ขอทาน

“ครับ” ไอ้แนนต้องทำโล่มามอบให้ผมกับการเขียนบทอันเยี่ยมยอดให้ตัวเอง หัวใจของผมเจ็บแต่ผมก็ยังสามารถยิ้มรับกับการตัดสินใจของเขาได้ “ขอโทษที่ผมทำให้คุณธนิกลำบากใจอีกแล้ว ผมคงเมามากเกินไป ไม่ดีเลย...”

“อย่าดื่มอีกนะ”

“คร้าบบบ”

“งั้นกลับกันเถอะ ขวัญจะได้พักผ่อน”

ผมเป็นเจ้าหญิงไม่ได้ แม้จะเผลอวาดฝันถึงรถฟักทองกับรองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่า แต่ในความเป็นจริง นางฟ้าที่มาช่วยก็ยังคงมีแค่ในโลกของนิทาน





“โม กูไม่ไหวแล้วมึง” น้ำเสียงของธนิกราวกับคนที่กำลังถูกขังอยู่ในห้องแห่งความทรมาน เขากำโทรศัพท์มือถือของตัวเองแน่น เส้นเอ็นหลังมือขาวปูดโปนจากการออกแรง “กูพาน้องหนีไปได้ไหม”

“แป๊บ มึงใจเย็นก่อน” ปฐพีว่าด้วยน้ำเสียงร้อนรน ธนิกได้ยินเสียงขลุกขลักจากปลายสาย ไม่แน่ใจว่าเพื่อนซี้ของเขากำลังทำอะไร แต่สักพักก็กลับมาพูดสายด้วยได้ “มา พูดมา เป็นอะไรอีก กูออกมาที่ระเบียงแล้ว พร้อมฟัง”

“ขวัญแม่ง...อันตรายต่อใจกูมากเลยว่ะ” ธนิกบอกอย่างหมดท่า เขายืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงอย่างหวังให้อากาศเย็นสบายและสารนิโคตินที่กำลังอัดเข้าร่างกายได้ช่วยผ่อนคลายความเครียดของเขาลงได้บ้าง “วันนี้น้องเมา แล้วก็ขอให้กูจูบ กูแทบอยากพุ่งเข้าหา แต่เหมือนที่คอกูมีโซ่ล่ามเอาไว้ กูเข้าหาน้องไม่ได้”

“ฟังกูนะไอ้เพื่อนเวร” น้ำเสียงของปฐพีเคร่งขรึมมาตามสาย “กูเตือนมึงหลายครั้งว่าอย่าทิ้งสิ่งที่ทำมาทั้งหมดเพื่อคนคนเดียว แล้วทำไมมึงยังเป็นอย่างนี้”

“เป็นมึงทนไหวมั้ยไอ้โม พวกกูอยู่ด้วยกันทุกวัน ตื่นนอนก็เจอหน้า กินข้าวด้วยกันแทบทุกมื้อ ก่อนนอนถ้าไม่ได้กอดไม่ได้หอมก็นอนไม่หลับ ในห้องกูมีแต่กลิ่นน้อง กูไม่เคยหลงใครขนาดนี้...กูต้องทำยังไงวะถึงจะทนไหว”

ขวัญพัฒน์อยู่ในชีวิตประจำวันของธนิกมากเกินไป เขาจะโทษใครได้นอกจากตัวเขาเองที่อนุญาตให้คนน่ารักคนนี้เข้ามามีผลต่อหัวใจ แค่เพราะไม่รู้ว่าจะอันตรายมากขนาดนี้ แค่เพราะไม่รู้ว่าหัวใจตัวเองไม่ได้แกร่งพอที่จะต้านทานได้

“ธนิก มึงเข้าใจใช่ไหมว่าถ้าแม่มึงรู้ น้องตายแน่ มึงจำเรื่องที่เกิดกับขิมไม่ได้เหรอวะ” ปฐพีเตือนสติคนที่กำลังฟุ้งซ่านเพราะอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง “กูถามมึงหน่อยว่ามึงเป็นขนาดนี้ ไม่ห้ามใจตัวเองเลยสักนิด แล้วมึงพร้อมที่จะสู้กับแม่มึงเหรอ สุดท้ายถ้าเรื่องมันเกิดขึ้น มึงก็ต้องเลือกข้างแม่มึงใช่ไหมล่ะ เหมือนอย่างที่มึงทิ้งขิมมันไว้อย่างนั้น”

สีหน้าของธนิกบิดเบี้ยว ความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึงผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ภาพซ้อนทับระหว่างเขมินทราและขวัญพัฒน์ทำให้เขาจุกแน่นหน้าอก ถ้าหากภาพนั้นเกิดขึ้นอีกและคนคนนั้นคือขวัญพัฒน์ เขาจะเลือกทิ้งไว้อย่างที่เคยทำกับเขมินทราหรือไม่ คำตอบก็แน่ชัดอยู่แล้วว่า...

“กูทิ้งขวัญไม่ได้ไอ้โม” ธนิกบอกเสียงสั่น “ถ้าขวัญต้องเป็นอะไรไป...กูก็ขอไม่อยู่ซะดีกว่า”

“มึงหนักแล้วล่ะ” ปฐพีบอกอย่างกังวลใจ “แค่ไม่นานก็ทำให้มึงเป็นขนาดนี้ได้ กูไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าขวัญหักหลังมึงขึ้นมาจริงๆ ถึงวันนั้นแล้วมึงจะเป็นยังไง”

“ขวัญไม่ทำ”

น้ำเสียงแข็งกร้าวของธนิกทำเอาเพื่อนซี้คู่สนทนาถึงกับถอนหายใจแรง “โอเค งั้นกูรู้แล้วล่ะว่าต้องทำยังไง คนเดียวที่จะดึงมึงกลับได้กูจะตามเขามาให้”

“ไอ้โม...อย่าเพิ่ง” ธนิกอ้อนวอน “ขอต่อเวลาอีกหน่อยได้ไหม”

“ไม่ได้แล้วว่ะเพื่อน” ปฐพีบอกเสียงเรียบ “นิ่มต้องรู้แล้วล่ะว่าควรกลับมาแต่งงานกับมึงสักที”

“กูขอเวลา”

ธนิกรู้ว่าเขาเองเป็นคนใจอ่อน ถ้าไม่มีมารดาคอยตีกรอบ ไม่มีเพื่อนอย่างปฐพีคอยห้ามปราม เขาก็คงไม่เป็นเขามาจนถึงทุกวันนี้ จุดที่เขายืนมีผู้ไม่หวังดีอยู่รายล้อม หากลำพังแค่ตัวเขาเองคงจะต่อกรได้ยาก แต่แค่เรื่องนี้...แค่เรื่องของขวัญพัฒน์ที่เขาอยากจัดการเอง อยากเป็นคนตัดสินใจว่าควรจะจบความสัมพันธ์ที่เป็นอันตรายต่อหัวใจของเขาเมื่อไหร่ ทว่าปฐพีกลับรู้ดียิ่งกว่าเขาว่าเขาจะไม่มีวันจบความสัมพันธ์นี้ลงได้ นอกจากจะต้องตายตามกันไป

“ไม่ได้ไอ้ห่า อาการมึงโคม่าหนักจนต้องรีบรักษา” ปฐพีไม่อ่อนข้อ เขาทำหน้าที่เตือนสติธนิกมาหลายปีและยังจะทำได้ดีต่อจากนี้ด้วย “มึงแค่กำลังหลง คนที่มึงรักจริงๆ ก็คือนิ่ม ก็เหมือนกับที่มึงหลงขิม มึงเป็นคนที่อยู่ใกล้ใครก็หวั่นไหวกับเขาไปหมด ยิ่งตรงกับที่ชอบมึงก็ยิ่งไม่ยอมห้ามใจ แต่อย่าลืมว่านิ่มคือผู้หญิงที่คบกับมึงมานาน เขาเป็นทั้งแฟน เป็นทั้งเพื่อน และก็เป็นว่าที่ภรรยาของมึง เขาจะเป็นคนในครอบครัวของมึง มีลูกให้มึงและสนับสนุนมึงได้ แม่ของมึงก็จะหายห่วง ทุกอย่างจบแบบแฮปปี้ นั่นคือแพลนที่เราวางกันเอาไว้ เรื่องระหว่างทางมันเป็นแค่รายละเอียดเล็กน้อย อย่ายกขึ้นมาเป็นข้อสำคัญหรือประเด็นหลัก เพราะมันเป็นไปไม่ได้”

ธนิกเริ่มเข้าใจแล้วว่าถ้อยคำตัดพ้อของขวัญพัฒน์ที่เคยพูดกับเขา ถ้อยคำที่บอกว่าแค่เกิดมาก็ผิดแล้วนั้นเขารู้สึกได้ว่ามันเป็นจริงก็ตอนนี้ ตอนที่ปฐพีย้ำถึงความเป็นไปไม่ได้ระหว่างเขากับขวัญพัฒน์

“อย่าเงียบไอ้ห่า” เสียงของปฐพีดังขึ้นแทรกความคิดที่ไหลเอื่อยเหมือนสายน้ำ “มึงก็แค่ต้องยอมรับความจริง เจ็บแค่นี้ไม่ถึงกับตาย”

“แต่กูเหมือนจะตายเลยว่ะ” ธนิกเถียงเสียงเบา “กูทำไม่ได้ไอ้โม”

“มึงทำได้ อย่าอ่อนแอไอ้เวรเอ้ย! จะทำให้กูเป็นห่วงไปถึงไหน ยังไม่รบจริงด้วยซ้ำแต่ก็ทำท่าจะแพ้”

“กูแพ้เพราะคนนั้นคือขวัญ”

“พอ!” ปฐพีว่าเสียงดังลั่น ธนิกแน่ใจว่าเสียงของมันคงปลุกยามหน้าหมู่บ้านให้วิ่งหน้าตาตื่นมาหา “ทำตามที่กูบอกเถอะ มันดีที่สุดแล้ว อีกอย่างมึงก็รู้สึกดีกับนิ่ม แคร์นิ่ม รีบๆ แต่งกันไปก่อนความรู้สึกจะไม่เหลือแล้วจะกลายเป็นการฝืนใจ”

“รู้สึกดีกับรู้สึกรักมันไม่เหมือนกันนะเว้ย กับนิ่มมันคือหน้าที่ของคู่หมั้น”

“งั้นก็ทำตามหน้าที่ของคู่หมั้น อย่าเทเขาแค่เพราะคนที่กำลังหลง”

ธนิกถอนหายใจแรง เขานึกอยากเตะไอ้เพื่อนยากที่ชอบพูดแทงใจดำสักหลายร้อยครั้ง เอาให้กระดูกมันหักทิ่มปอดจะได้รู้สึกเจ็บแนนหน้าอกเหมือนอย่างที่เขากำลังรู้สึกบ้าง

“โม มึงไม่ชอบขวัญเหรอวะ ทำไมไม่สนับสนุนกู”

“เพราะชอบนั่นแหละ น้องเป็นคนดี กูไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนที่เกิดกับขิม ไม่อยากให้มึงดึงน้องเข้ามามากกว่านี้ พอเรื่องทุกอย่างจบ น้องควรไปมีชีวิตที่ดี ไม่ใช่อยู่เหมือนตายทั้งเป็นแค่เพราะความรู้สึกของคนที่อยู่กับน้องไม่ได้” ปฐพีตอบกลับด้วยเสียงที่แฝงด้วยความห่วงใย “เราวางทุกอย่างไว้ดีแล้วเพื่อน มึงได้ในสิ่งที่มึงอยากได้ จากนั้นก็แต่งงานกับนิ่ม แม่มึงแฮปปี้ จบอย่างมีความสุข กูเชื่อว่านิ่มจะทำให้มึงมีความสุขได้”

“มึงเชื่ออย่างนั้นเหรอ” ธนิกถาม หากปฐพีอยู่ตรงหน้าคงเห็นว่าแววตาของเขาสั่นไหวมากแค่ไหน “ทำไมกูเห็นแต่ตอนจบที่กูอยู่เหมือนคนตายทั้งเป็น”

“มึงแค่คิดไปเอง ตอนนี้มึงกำลังเอาตัวเองหมุนรอบขวัญ มึงก็เลยมองตอนจบเป็นแบบนั้น แต่มึงลองถอยออกมา...เพราะถ้ามึงไม่ถอยก็จะมีมึงคนเดียวที่ติดอยู่ในนั้น ขวัญพัฒน์ไม่ได้อยู่กับมึงด้วย น้องถอยออกไปมองมึงอยู่ห่างๆ ตั้งนานแล้วนะธนิก ถ้าเผื่อมึงไม่รู้”

“มึงก็ขยี้เก่งเกินไอ้โม กูจะตายเพราะมึงก่อนนี่แหละ”

“เอาน่า...ตายเพราะกูกูก็ยังใจดีทำศพให้ แต่ตายเพราะคนอื่นมึงตายอย่างหมาข้างถนนเลยนะ เชื่อกูเพื่อน แล้วจะดีเอง”

“แล้วกูต้องบอกขวัญยังไงวะ น้องจะร้องไห้มั้ย”

“ทุกคนมีวิธีหยุดร้องไห้ได้เอง มึงไม่ต้องห่วงแล้วก็ไม่ต้องเสร่อไปปลอบน้อง”

ธนิกทรุดตัวลงนั่งบนพื้น เขาหันหลังให้กับท้องฟ้ายามราตรี พิงแผ่นหลังกับราวระเบียงแล้วมองเข้าไปในห้องนอนที่ขวัญพัฒน์กำลังอยู่ในห้วงนิทรา “กูต้องใจร้ายแล้วใช่ไหม”

“อืม ต้องทำแล้ว”

“โม” ธนิกร้องเรียกเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้าง พอปลายสายขานรับเบาๆ เขาจึงพูดต่อ “กูไม่มีทางเลือกอื่นเลยเหรอ”

“มี แต่มึงทิ้งแม่ได้ไหม”

“ทิ้งไม่ได้พอๆ กับที่ทิ้งขวัญไม่ได้”

“ความสำคัญของขวัญพัฒน์เหมือนหุ้นบริษัทกูตอนนี้เลยว่ะ พุ่งขึ้นเร็วฉิบหาย แต่ตอนร่วงก็เจ็บหนักเอาการ”

ธนิกยกมือขึ้นขยี้ศีรษะ เขาก้มหน้าลง แนบหน้าผากกับหัวเข่าที่ชันขึ้น “งั้น...ฝากดูแลน้องด้วยนะ อย่าให้น้องร้องไห้คนเดียว”

“ได้ กูจะดูแลให้”

“ทำกับข้าวให้น้องด้วย น้องชอบกินข้าวผัดกุนเชียง อาหารง่ายๆ น้องชอบทั้งนั้นแหละ พาน้องไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านป้านีด้วย เวลาน้องเบื่ออาหาร น้องจะชอบกินก๋วยเตี๋ยวร้านป้านี น้องติดรสชาติ แต่กูก็ว่าอร่อยดี อ้อ...น้องชอบกินแพนเค้กที่กูทำให้ สตรอเบอรี่น้องชอบมาก มึงต้องไปฝึกทำ”

“กูทำไม่เป็นเว้ย! แต่จะพาออกไปแดกข้าวละกัน ของหวานก็จะจัดเต็มให้”

“เออ...แล้วก็ระวังคนของเขมินทรา อย่าให้น้องคลาดสายตา พาไปห้างก็ตามประกบดีๆ น้องชอบหลงทาง น้องบอกว่าไม่ค่อยได้เดินห้าง ไม่รู้จักที่ทางเท่าไร แต่น้องขับวินมอเตอร์ไซค์ รู้ทางลัดดียิ่งกว่ากู ไปไหนกับน้องก็ถามน้องได้”

“โอเค”

“อีกอย่าง...น้องชอบอ่านการ์ตูน หาเรื่องใหม่ๆ มาให้น้อง วันพีชออกเล่มใหม่ต้องไปซื้อมานะมึง โคนันด้วย ตอนนี้ก็กำลังเรียนทำขนม กูส่งไปเข้าคอร์สกับให้ดูผ่านยูทูป อ้อ...ระวังตอนน้องเข้าครัว อย่าให้มีแผลโดนไฟลวก แล้วก็...”

“พอๆ” ปฐพีรีบเบรกก่อนที่ธนิกจะพล่ามมากกว่านี้ “ธนิกครับ กูถามจริงนะมึงเข้าคอร์สเลี้ยงลูกมาเรอะไอ้เพื่อนเวร มึงทำให้ขนาดนี้ไม่กลัวน้องเป็นง่อยรึไงวะ เชี่ย แม่มึงต้องน้ำตาไหลถ้ารู้ว่ามึงดูแลคนอื่นเป็น”

“นอกจากน้ำตาไหลแล้วแม่จะมาแหกอกขวัญด้วย อย่าให้แม่รู้เรื่องพวกนี้ไอ้สัด”

“เฮ้อ” ปฐพีถอนหายใจอย่างรู้สึกเหนื่อยแทนเพื่อน “กูบอกตรงๆ เลยนะว่ากูทำได้ไม่ถึงครึ่งของมึงแน่ๆ แต่จะพยายามทำให้”

ไม่อยากให้ใครดูแล...ธนิกได้แต่ค้านอยู่ในใจ เพราะรู้ว่าใครก็ทำไม่ได้เศษเสี้ยวของเขา ขวัญพัฒน์เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ทำอะไรให้นิดหน่อยก็ยิ้มตาหยีดีใจราวกับได้ของรางวัลที่ล้ำค่า ทั้งที่ก็เรื่องเล็กน้อย บางครั้งก็เป็นเรื่องธรรมดาอย่างเช่นทำกับข้าวให้กิน แค่นั้นขวัญพัฒน์ก็มีความสุขแล้ว ทว่า...ต่อให้เรียบง่ายแบบนั้นแต่ธนิกก็รักษาความสุขของคนน่ารักไว้ได้ไม่นาน

“โม” หลังจากที่เงียบอยู่นานก็เอ่ยปากเรียก

“อะไรอีกวะ” ปฐพีถามด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญกึ่งอ่อนใจ

“อย่าลืมส่งรูปขวัญให้กูด้วยนะ” ธนิกบอกความต้องการ “รายงานกูด้วย”

“เออๆ” รับคำอย่างเสียมิได้ “กูจะถ่ายให้ทุกท่วงท่าเลยครับ จะถ่ายตอนอาบน้ำให้ด้วย”

“ตีนกูนี่” ธนิกว่าเสียงดุ “อย่าทำอะไรน้อง น้องเป็นเมียกูแล้ว”

“ครั้งเดียว” ปฐพีแก้เสียงกวน

“แค่ครั้งเดียวกูก็นับ” คนถูกกวนยืนกรานเสียงหนักแน่น “ครั้งเดียวไม่รู้ลืม"

“กับคนอื่นเป็นสิบเป็นร้อยท่าไม่พูดอย่างนี้”

“ไม่ได้ชื่อขวัญพัฒน์ก็แย่หน่อยครับ”

“ก็เพราะชื่อขวัญพัฒน์นี่แหละครับก็เลยแย่”

“เอาเงินไปลงทุนเปิดบริษัทผงซักฟอกนะ ขยี้เก่งไอ้เหี้ย”

ปฐีส่งเสียงหัวเราะมาตามสาย “ไปนอนได้แล้วไป รีบไปกอดเติมพลัง ถ้านิ่มกลับมาเมื่อไหร่ เวลาของมึงหมดลงเมื่อนั้น”

“อืม ขอบใจนะเว้ยไอ้โม มึงแม่งเพื่อนตายกูจริงๆ”

“ก็คบกันอยู่แค่นี้ มีอะไรก็โทรมา กูไม่รับก็ไลน์มา โอเคไหม”

“เออๆ”

หลังจากวางสายจากปฐพี ธนิกก็กลับเข้าห้องนอน เขานั่งลงบนเตียงอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะรบกวนคนที่นอนหลับไปแล้ว แต่พอเตียงยวบลงเล็กน้อย ขวัญพัฒน์ก็ลืมตาตื่น

“นานจัง” คนน่ารักวางพลางขยับเข้าใกล้ เกยศีรษะกับตักของธนิกแล้วเงยหน้าขึ้นมอง “คุยกับใครเหรอครับ”

“ไอ้โมน่ะ” เขาตอบพลางยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มสีดำเข้ม “พี่ทำให้ตื่นเหรอ”

“เปล่าครับ ผมตื่นก่อนสักพักแล้ว” ขวัญพัฒน์ขยับตัวลุกขึ้น จ้องมองดวงตาสีดำขลับของเขาด้วยความสนใจ “คุยเรื่องเครียดกันเหรอครับ สีหน้าคุณธนิกแย่มากเลย”

“ก็...เครียด”

“ถ้ากอดจะหายมั้ย”

“แค่ยิ้มให้ก็หายแล้ว”

ขวัญพัฒน์ยิ้มจนตาหยี เห็นฟันขาวซี่เล็กๆ เรียงตัวสวยตัดสีกับกลีบปากสีชมพูอ่อนสุขภาพดี ริมฝีปากของขวัญพัฒน์คือต้นแบบของคำว่าริมฝีปากบางอย่างแท้จริง แต่กลับนุ่มนิ่มราวกับเยลลี่เมื่อได้สัมผัส

“ยิ้มอะไรขนาดนั้นครับ”

“มีความสุข” ขวัญพัฒน์ตอบเสียงอ้อน “แค่คุณธนิกอยู่ตรงหน้า ผมก็มีความสุขแล้วครับ”

“แล้วถ้าพี่หายไป...จะยิ้มได้มั้ย” เป็นคำถามที่ธนิกกลั้นใจรอฟังคำตอบ “ขวัญจะร้องไห้หรือเปล่า”

“ไม่ครับ” ขวัญพัฒน์ส่ายหน้า “คุณธนิกอยู่ในใจของผม ผมเห็นคุณธนิกจากในนี้” มือบางยกขึ้นทาบอกข้างซ้าย “เพราะฉะนั้นอย่าห่วงเลยครับว่าผมจะร้องไห้”

“พี่คงเก่งได้ไม่เท่าขวัญ”

“คุณธนิกเก่งมากสำหรับผม เป็นคนเก่งของผมครับ”

“หนีไปด้วยกันมั้ย” ความปรารถนาในใจเพียงอย่างเดียวถูกพูดออกไป

ขวัญพัฒน์ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “เอาสิครับ แล้วจะหนีไปที่ไหนกันดี”

“ที่ไหนก็ได้ ที่ไกลๆ จากที่นี่” ธนิกบอกเสียงแผ่ว “อีกสองวันเก็บของนะ พี่เคลียร์งานเสร็จแล้วเราไปกันเลย”

“ตื่นเต้นแล้ว เก็บตอนนี้เลยได้มั้ยครับ”

“เอาสิ พี่ช่วยนะ ช่วยกันเก็บจะได้นอนเร็วๆ อยากนอนกอดขวัญแล้ว”

“ค้าบบ ได้เลยยย"

หากในตอนจบไม่สมหวังเหมือนอย่างในนิทาน ก็คงไม่มีใครคิดอยากจะเป็นเจ้าชายกันหรอก

ขอเป็นแค่คนธรรมดาที่ได้อยู่กับคนที่รักก็เพียงพอแล้ว



..........................To be continue..........................

กลับมาจากนรกแล้วค่าาาา เคลียร์งานหมดแล้ววววว มาต่อแล้วนะคะ ขอโทษที่ให้รอนานค่าาาาาาาา

มาแล่นเรือไปด้วยกันนนน  :กอด1: :กอด1:

เอาใจช่วยพี่นิกน้องขวัญด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 29-09-2018 19:19:25
รู้สึกท้องอืด กับเบาหวานและความดัน :mew5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-09-2018 19:39:31
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 29-09-2018 19:40:28
เส้ามากกกกก สงสารใครดีแต่คุณธนิกหลงขสัญสุดๆ555555555 อาการหนักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-09-2018 19:49:21
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 29-09-2018 20:02:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-09-2018 20:38:03
อ่านตอนมิสเตอร์ทีแล้วงงๆ
เพื่อนโมเพื่อนแนนนี่ดีจริงๆ กู๊ดเฟรนด์
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 29-09-2018 20:57:25
หนีไปด้วยกันเถอะ สงสารราร
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 29-09-2018 21:00:21
Mr.T น่าสงสัยจัง
รู้ว่าขวัญเจอพ่อทุกปี แสดงว่าแอบตามขวัญมานานแล้ว
หรือแอบตามพ่อขวัญ
แอบชอบคุณธนิกแล้วทำไมถึงรู้เรื่องขวัญ แล้วยังเป็นคนแรกที่เจอศพน้าลี รู้ว่าขวัญแอบนัดกับขิม
ตอนนี้สงสัยพี่โมนิดๆว่าน่าจะเป็นMr.T
*รู้เรื่องMr.T แล้วรู้สึกผิดกับคุณธนิกเลย เหมือนร่วมกันปกปิดคุณเขา อ่านแล้วมันอินค่ะ
 
ตอนพูดเรื่องหนี ขวัญเหมือนรู้อยู่แล้วเลยว่ากำลังจะต้องแยกจากคุณธนิก สงสารทั้งสองคน แต่คุณธนิกน่าจะอาการหนัก

คนที่ฆ่าน้าลี ฆ่าหลง น่าจะยังไม่ปรากฏตัวในเรื่อง รึเปล่านะ

   :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 29-09-2018 21:13:38
ท้องอืดกับมาม่าที่มีปมน่าสงสัยอีกหลายอย่าง​
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 29-09-2018 21:16:21
น้ำตาคลอเลย สงสารทั้งขวัญทั้งพี่นิก
รักที่ไม่สามารถเลือกได้ :ling1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 29-09-2018 21:25:58
ธนิกน่าสงสารอ่ะ​ น่าสงสาร​ที่สุดแล้วนิ่งกว่าน้องขวัญ​อีก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 29-09-2018 21:44:27
มันขมๆ หน่วงๆ ซับซ้อน แต่หวานซ่าน ละมุน อบอุ่นในใจ มันยังไงกันนะนิยายเรื่องนี้ ? 

รักกันไม่ได้ ไม่ใช่ไม่รัก  :z3:  สู้ๆ พี่นิกน้องขวัญ  / เวลาพี่นิกกล่าวถึงขวัญ ใช้คำว่า “น้อง” เรียกแทนทุกคำเลย น่ารักมากกก เอ็นดู
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 29-09-2018 22:13:07
หน่วงมาก อึดอัดมากก อ่านไปร้องไห้ไป ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย สงสารทั้งคู่เลยย :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-09-2018 00:31:39
ยิ่งอ่านยิ่งเครียด สงสัยไปทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-09-2018 02:02:30
มีแต่คนน่าสงสารกันทั้งนั้นเลย  :sad11:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-09-2018 06:53:07
ตอนพี่นิกคุยกับพี่โมมันเศร้านะ เครียดด้วยแต่ทำไมแอบฮา555 ขยี้เก่ง ถ้าหนีไปด้วยกันแล้วจะรอดหรา ถ้าโดนจับได้พี่นิกก็ต้องเลือกระหว่างแม่กับขวัญอีกป่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 30-09-2018 07:42:07
น้ำตาไหลเลยอ่า :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-09-2018 09:57:16
สงสารอ่ะ หน่วงมากเลบ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 15 29/09/2018 Page 13
เริ่มหัวข้อโดย: aumaim0621 ที่ 30-09-2018 11:14:50
คุณธนิกนี่โคตรรักขวัญเลย แต่พูดออกไปไม่ได้ ถ้าถึงหูแม่น้องคงเป็นอันตราย
แต่ๆๆ เรากลัวเขมใส่ร้ายขวัญเรื่องอะไรก็ตามที่ดูเหมือนหักหลังคุณธนิก มันต้องดราม่าปวดตับแน่นอน เตรียมใจล่วงหน้าเลยค่ะ ㅠㅠㅠㅠㅠㅠ
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 30-09-2018 20:39:41
ตอนที่ 16



‘หนีไปด้วยกันมั้ย’

น้ำเสียงทุ้มของคุณธนิกยังติดอยู่ในหัวจนทำให้ผมนอนไม่หลับ ตอนนี้ทำได้แค่นอนหงายมองเพดาน ในขณะที่คุณธนิกก็คงนอนไม่หลับเช่นกัน แม้ว่าเขาจะหลับตา แต่ผมจับพิรุธได้ว่าในตอนที่เราเผลอสัมผัสโดนกันลมหายใจของเขาสะดุดเป็นพักๆ

บางทีอาจเป็นเรื่องล้อเล่นหรือบางทีอาจจะมีความจริงซ่อนอยู่ในนั้น แต่ทั้งที่ยังลังเล เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเราก็ช่วยกันจัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว

กระเป๋าเป้สีดำอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นเป็นของคุณธนิก ส่วนกระเป๋าเป้สีเหลืองนกทวิตตี้เป็นของผม ผมพับเสื้อผ้าสองสามชุดใส่ไว้รวมกับหนังสือการ์ตูนที่ยังอ่านไม่จบ ของทุกอย่างพร้อมแล้วเหลือแต่หัวใจของเราสองคนที่ยังไม่พร้อม

“พี่นิก” ผมตัดสินใจเรียกคนที่นอนอยู่เคียงข้าง ซึ่งเขาขานรับในทันที

“ครับ”

“ไปกันตอนนี้เลยดีมั้ย” ผมไม่อยากรอเพราะไม่รู้ว่าระหว่างการเคลียร์งานสองวันจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ลางสังหรณ์ผมแม่นและผมไม่กล้าเสี่ยง “ฤกษ์ดีเลยนะครับ ตีสี่เก้านาที”

“พี่ก็กำลังจะถามขวัญเหมือนกัน” คุณธนิกบอกเสียงขรึม เขาลืมตาแล้วพลิกตัวนอนตะแคงมาทางผม “ไม่อยากรอแล้ว ไปกันเถอะ”

“ว่าแต่ขับรถไหวแน่นะครับ” ผมถามอย่างเป็นห่วงเพราะแน่ใจว่าเขายังไม่ได้นอนเลยสักงีบ “หรือคุณธนิกจะนอนสักสองชั่วโมงแล้วเราค่อยไปกันดี”

“ให้นอนพี่ก็นอนไม่หลับ” สีหน้าของคุณธนิกเต็มไปด้วยความกังวล แววตาของเขาสับสน เขาเหมือนเด็กที่กำลังพยายามแหกกฎระเบียบในชีวิตของตัวเองอย่างสุดความสามารถ “ความคิดวิ่งอยู่ในหัวจนเหนื่อย”

ผมอมยิ้มกับถ้อยคำที่ได้ยินก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะของคุณธนิกอย่างหวังที่จะช่วยปลอบประโลมเขาได้ เขาหลับตาพริ้มพลางคลี่ยิ้มน่ามอง “สบายมั้ยครับ”

“อืม”

“น้าลีชอบลูบหัวผมเวลาที่ผมมีเรื่องไม่สบายใจ” ผมเล่าเรื่องของตัวเองในระหว่างที่มือยังไม่ละจากศีรษะของเขา เห็นเขามีท่าทีผ่อนคลายแล้วก็อยากทำต่อไป “อย่างตอนที่ทะเลาะกับไอ้แนนจนถึงขั้นต่อยกัน ผมกลับถึงบ้านก็โดนน้าลีดุ ตอนนั้นรู้สึกแย่มากๆ เจ็บแผลก็เจ็บ เสียใจก็เสียใจ แต่พอดุแล้วน้าก็ทำแผลให้ ผมนอนตักน้า ให้น้าลูบหัวจนรู้สึกดีขึ้น ระหว่างนั้นน้าก็บ่นผมไปด้วย น้ำเสียงของน้าจะยังคงโกรธ คำที่พูดก็ไม่หวานรื่นหู แต่สัมผัสจากมือของน้าอ่อนโยนมากๆ”

“พี่ก็ชอบ...” คุณธนิกบอกเสียงแผ่ว “ไม่เคยมีใครปลอบพี่เหมือนอย่างที่ขวัญทำ สัมผัสจากแม่ก็จำแทบไม่ได้แล้ว”

“คุณแม่ของคุณธนิกเป็นคนยังไงเหรอครับ”

“อืม...เป็นคนยังไงน่ะเหรอ” เขาทำท่าคิด ก่อนจะยิ้มจางเมื่อเริ่มพูด “ถ้าถามคนอื่นที่ไม่ใช่พี่คงบอกว่าแม่เป็นคนใจร้าย แต่ถ้าถามพี่ แม่ของพี่ใจดี เป็นคนสวยและก็รักพี่มากๆ ก่อนที่แม่จะแต่งงานใหม่ แม่เป็นทุกอย่างให้พี่ ทำทุกหน้าที่เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ ช่วงเวลานั้นคงเป็นช่วงเวลาเดียวที่พี่มีความสุข เพราะหลังจากนั้นจนถึงวันนี้ แม่ไม่ได้เป็นทุกอย่างของพี่แล้วและพี่ก็ไม่ได้เป็นพี่อย่างที่ต้องการ”

ผมอดไม่ได้ที่จะดึงคุณธนิกเข้ามากอด แม้ว่าอ้อมกอดของผมจะเล็ก ตัวของผมจะแห้งก้างจนให้ความรู้สึกอบอุ่นได้ไม่มาก แต่ก็ยังหวังว่าหัวใจของเขาที่ถูกปล่อยให้อยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นเพียงลำพังจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง

“งั้นจากนี้...ต่อหน้าผม คุณธนิกก็เป็นพี่นิกที่อยากจะเป็นดีมั้ยครับ ผมจะเป็นที่พักเหนื่อยให้พี่นิกเอง”

“พูดแล้วนะ”

“ครับ”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ยังจะเป็นพี่นิกของขวัญได้ใช่ไหม”

“ได้ครับ...พี่นิกเป็นพี่นิกของผม ผมก็จะเป็นน้องขวัญของพี่”

ผมไม่มีความลังเล ไม่มีแม้สักนิดที่จะเผื่อใจ เพราะผมเตรียมใจกับความเจ็บปวดที่จะมาถึง

“งั้นไปกันเถอะ ไปใช้ชีวิตของเรากัน” คุณธนิกดูฮึกเหิมจนผมอดหัวเราะไม่ได้ “หัวเราะอะไรครับตัวดื้อ”

“ก็พี่นิกเหมือนเด็กจะหนีเที่ยวเลย นี่ถามจริงนะเคยขัดคำสั่งที่บ้านบ้างมั้ยครับ”

“ไม่ พี่ไม่อยากเพิ่มเรื่องไม่สบายใจให้แม่”

ทำไมน่าเอ็นดูจังเลยครับผู้ชายคนนี้...น่าเอ็นดูจนผมต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อหอมแก้ม

“ตัวโตซะเปล่า แต่ไม่เฟี้ยวเลย พี่นิกต้องดูอย่างผม ขัดทุกอย่างที่น้าลีสั่ง น้าสั่งไปซ้าย ผมไปขวาทันทีครับ”

ไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจก็จริง แต่พอมาพูดให้คุณธนิกฟังแล้วทำไมอดรู้สึกภูมิใจขึ้นมาก็ไม่รู้ ผมเคยคิดนะว่าเขาเป็นผู้ชายเสเพลหน่อยๆ เพราะตัดสินแค่สีรถซุปเปอร์คาร์ที่เขาขับ เมื่อก่อนน่ะให้ภาพลักษณ์ของผู้ชายเพลบอยที่น่าจะปาร์ตี้ทุกคืน ควงสาวไม่ซ้ำหน้า แต่ความเป็นจริงแล้วเขาคือพ่อหนุ่มขี้เหงาที่แม้แต่ผับก็อาจจะไม่เคยเข้า อย่างมากก็คงไปนั่งดื่มร้านเหล้าแล้วก็มีคนรถมารับกลับบ้านไปนอน ช่วงชีวิตวัยเด็กกับวัยรุ่นของเขาก็คงไม่ต่างกันมากนักเพราะคงต้องพยายามไปให้ถึงความคาดหวังที่มีคนตั้งเอาไว้ให้ ทว่า...แบบไหนก็คงไม่ใช่คุณธนิก ในเมื่อที่ผ่านมาคือคุณธนิกที่คนอื่นอยากให้เป็น

“เนี่ย ตัวดื้อ คงโดนน้าลีฟาดน่องลายเลยใช่ไหม งั้นพี่ต้องเตรียมเหลาไม้เรียวละ เพราะถ้าดื้อกับพี่ พี่จะตีเรา”

นี่สิครับ...คุณธนิกตัวจริง ผู้ชายที่ชอบทำอาหาร รักความสะอาด ขี้บ่น ชอบใส่ใจ เป็นนักอ่านการ์ตูนตัวยง ถ้าช่วงวัยรุ่นสามารถทำได้คงกลายเป็นโอตาคุไปแล้ว

“โหยยย อย่าทำน้อง พี่นิกจะโหดร้ายไม่ได้นะครับ ไม่เข้ากับลุคหล่อคุณชายของพี่เลย”

“เห็นลุคหล่อคุณชายแบบนี้ก็อยากจะเป็นแดดดี้ให้น้องขวัญนะครับ” เพิ่มเติมคือคุณธนิกตัวจริงชอบทำหื่นใส่ผมด้วย “อยากฟาดแรงๆ”

“งั้นก็ฟาดสิครับ อ่อยหลายรอบแล้วไม่เอาสักที”

เพิ่มเติมอีกเรื่อง...คุณธนิกตัวจริงต้องป๊อดด้วย เขาปากเก่งไปอย่างนั้น แต่พออ่อยเข้าหน่อยก็ถอยกรูดออกห่าง

“บอกหลายครั้งแล้วว่าถ้าเริ่มพี่จะหยุดไม่ได้”

“ก็ผมไม่ได้ให้พี่นิกหยุดซะหน่อย”

“พี่หมายถึง...ถ้าทำไปแล้วก็ต้องมีครั้งต่อๆ ไป” คุณธนิกบอกเสียงสั่น เขายกมือขึ้นลูบใบหน้า ไม่กล้าที่จะมองขาอ่อนของผมที่ผมจงใจเลิกขากางเกงบอลขึ้นมา “คนอื่นติดบุหรี่ ติดเหล้า ติดยา แต่พี่นิกของขวัญ...ติดเซ็กส์นะครับ”

ผมเผลอหายใจสะดุด ความร้อนลามเลียขึ้นหน้าจนรู้สึกเหมือนจะระเบิด “อ่า...งั้น ไม่อ่อยแล้วดีกว่าครับ”

เขารั้งมือของผมที่กำลังจะดึงกางเกงลงไว้ “ขอพี่ดูอีกหน่อย”

“พี่นิกเป็นคนแบบนี้นี่เอง”

“หื่นกว่าพี่ก็เป็นพระเอกเอวีกันหมดแล้ว พี่เป็นคนแบบนี้แหละครับ ต่อหน้าน้องขวัญก็เป็นพี่นิกของน้องขวัญไง หื้อ ไม่เอาครับ เลิกขึ้นสูงๆ อย่าดึงลง พี่กำลังจินตนาการ”

“โอ๊ยยย! พี่นิก ทำไมเป็นแบบนี้ครับเนี่ย ฮ่าๆ ๆ”

ผมหัวเราะกลบเกลื่อนเพราะเอาจริงๆ ผมเหมือนกำลังจะตาย หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง คุณธนิกเหมือนคนน็อตหลุดจากที่พยายามคีพลุคตัวเองอยู่ตั้งนาน ตอนนี้เขาเปิดเผยจนผมเขินม้วน อยากสลายตัวไปกับอากาศเสียเดี๋ยวนี้

“สายตาทะลึ่งใหญ่แล้วพี่นิก” ผมยื่นมือไปปิดสายตาหื่นกาม ไม่อยากเห็นรูปหน้าหล่อเหลาประหนึ่งคุณชายจุฑาเทพต้องมาทำสีหน้าเหมือนดาราเอวี “ว่าแต่เราจะหนีไปไหนดีครับ”

“นั่นสินะ” คนชวนหนีเอ่ยปากพลางดึงมือผมออกจากใบหน้าแล้วเอาไปกุมไว้ “พี่ก็ไม่ได้คิด มีแค่ความคิดที่อยากหนี แต่ไม่รู้สถานที่ เพราะพี่ก็ไม่เคยไปไหนไกลจากบ้าน”

“ดีนะที่ชวนหนีถูกคน เพราะผมรู้เยอะ” ผมยิ้มกว้างให้กับคนคิดแผนการ “ตอนปิดเทอมผมชอบหนีเที่ยวกับไอ้แนนบ่อยๆ เราขึ้นรถไฟฟรีไปกันแล้วก็โบกรถไปเรื่อยๆ ลำบากกันหน่อยแต่สนุกมากๆ เคยไปได้ไกลสุดก็คือแม่ฮ่องสอน ไปตามรอยหนังที่กำลังดังในช่วงนั้นด้วย”

“งั้นไปกัน หน้าที่นำทางให้น้องขวัญจัดการนะครับ”

“ได้ครับพี่นิก”

ผมชอบรอยยิ้มที่เรายิ้มให้แก่กันในตอนนี้ ชอบจนอยากจะสต๊าฟเก็บไว้เพราะแค่ในกล่องความทรงจำคงไม่พอ

เมื่อตกลงกันเสร็จแล้วก็ลุกจากที่นอน ตรงไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา คุณธนิกตามผมมาด้วย เขาบอกว่าจะได้ประหยัดเวลา แต่ผมรู้ว่าเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นเพราะสายตากรุ้มกริ่มของเขามันปิดจุดประสงค์ไว้ได้ไม่มิด

“พี่นิกค้าบบบ ออกไปก่อนเนอะ ผมอาบน้ำแค่ห้านาทีก็เสร็จแล้ว”

“แต่พี่อาบนานนะขวัญ อาบพร้อมกันไม่ได้เหรอ”

ผมอยากจะตีที่แขนเขาแรงๆ กับการออเซาะเกินเบอร์ “อย่าทำหน้าอ้อน ผมแพ้อะ”

“นะ ขออาบด้วย” เขาออดอ้อนจนผมเกือบเผลอพยักหน้า “สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรนอกจากมอง”

“ไม่คิดว่าผมจะอายบ้างเหรอครับ”

คิดบ้างมั้ยเนี่ยว่าที่ขอมาจะทำให้ผมระเบิดตัวเองตายด้วยความเขินอาย

“เห็นกันมาแล้ว ไม่ต้องอายหรอก”

“แค่ครั้งเดียวเอง”

“แน่ใจเหรอ” เขาทำสายตากรุ้มกริ่ม “เราออรัลกันตั้งหลายครั้ง”

ขอคุณธนิกคนคีพลุคคืนมาได้ไหมครับ ผมรับร่างนี้ของเขาไม่ไหว แอทแทคมาทีเลือดลดฮวบฮาบ

“งั้นเอาอย่างนี้” ผมว่าพลางเดินหาของที่ต้องการก่อนจะเดินกลับมายืนตรงหน้าเขา “ถอดเสื้อก่อนแล้ว ยื่นมือมาครับ”

“หืม” เขาเลิกคิ้วงงๆ แต่ก็ถอดเสื้อนอนโยนไปข้างหลังผมก่อนจะยื่นมือซ้ายมาให้

“ทั้งสองข้างครับพี่นิก”

“จะทำอะไรพี่ครับ” เขาถามแต่ก็ยอมทำตามที่สั่ง พอเห็นมือทั้งสองข้างยื่นมาตรงหน้า ผมก็จัดการมัดด้วยเนคไทสีน้ำเงินเข้ม “โอ้...เกินคาด”

“อาบด้วยได้แต่ห้ามแตะต้องผมนะครับ” ผมเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อกระซิบข้างหูของเขา “ต่อให้ผมยั่วก็ต้องอดทนนะ”

“น้องขวัญไม่อ่อนโยนต่อใจพี่เลย” คุณธนิกว่าเสียงเครียด “ฆ่าพี่ซะเถอะครับคนดีถ้าจะทำกับพี่ขนาดนี้”

“ไม่ฆ่าพี่นิกหรอก” ผมยิ้มให้เขาพลางขยับมือไปที่ขอบกางเกง “ผมถอดกางเกงให้นะ”

“ตัวดื้อแม่ง...” คุณธนิกพูดได้แค่นั้นก่อนผมจะเห็นเขาทำหน้าปั้นยาก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อผมค่อยๆ ดึงกางเกงเขาลงจนถึงข้อเท้า จงใจให้ใบหน้าเฉียดใกล้กับกลางลำตัวจนเจ้าของกล้ามเนื้อแน่นตรงหน้าถึงกับสูดปากเสียงดัง

“ไปกันครับ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟ” ผมจูงมือเขาเข้ามาในห้องน้ำ พาเขาไปที่อ่างอาบน้ำกลางห้อง “นั่งรอก่อนนะ ผมเตรียมน้ำให้”

คุณธนิกนั่งรออย่างว่าง่าย เขานั่งอยู่ขอบอ่าง มองทุกการกระทำของผมด้วยสายตากระหายอยาก แต่ถึงจะไม่มองสายตา มองส่วนอื่นก็รู้ว่าเขาอยากมากแค่ไหน แต่ก็นั่นแหละ...ผมอนุญาตให้แค่มอง

“พี่นิกลงไปในอ่างได้แล้วครับ” ผมบอกก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ที่จริงก็อายนะครับแต่ผมสนุกมากกว่า ถ้าน้าลีกับไอ้แนนรู้คงเตรียมไม้เรียวหวดน่องผมแน่ๆ

“น้องขวัญ แก้มัดพี่” คุณธนิกอ้อนวอน เขายังไม่ยอมลงอ่าง แต่กลับเอาแต่จ้องมองผม “จะตายแล้วครับคนดี”

“ให้แค่มองครับพี่นิก” ผมยิ้มให้เขา “เราสัญญากันแล้วน้า”

เขากัดฟันจนสันกรามขึ้นเป็นสันนูนเห็นชัด ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำไปด้วยความต้องการ ผมขยับเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นรั้งท้ายทอยของเขาแล้วกดจูบลงไปบนกลีบปากหนา เขาเงยหน้าขึ้นแล้วอ้าปากให้ผมเป็นฝ่ายรุกล้ำ ลิ้นของเราเกี่ยวพันกันอยู่อย่างนั้นจนผมรู้สึกถึงมือที่ถูกมัดกำลังลูบไล้อยู่บริเวณหน้าท้องจึงผละออก

“สัมผัสไม่ได้นะ” ผมเตือน รู้สึกสนุกที่ได้เห็นสีหน้าอ้อนวอนจากเขา “พี่นิกห้ามดื้อ มานี่ครับ ก่อนลงอ่าง ไปล้างตัวก่อนดีกว่า ผมก็ลืมว่าต้องทำความสะอาดก่อน”

“เก่งมาจากไหนกัน ตัวก็แค่นี้” เขาพูดพลางเดินตามแรงดึงของผมเหมือนคนกำลังเคลิ้มฝัน “ทรมานเก่ง น่ารักเก่ง ยั่วเก่ง เก่งทุกอย่าง”

“ไม่เก่งอยู่อย่าง”

“หื้ม”

“ขัดใจไม่เก่ง” ผมสบตากับเขา ยิ้มหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เคยคิดหรอกว่าชีวิตนี้จะต้องยิ้มยั่วใคร แต่ถ้าลองจินตนาการถึงเขมินทราแล้วแปะรอยยิ้มยั่วลงไป ผมก็ว่าผมทำได้ไม่ยากและทำได้ดีกว่าด้วย

ผมอาจไม่ใจกล้าเท่าแฝดน้องที่เก็บรูประหว่างทำรักกับคุณธนิกไว้ แน่นอนว่าผมได้รับผ่านไลน์ทั้งหมด ส่งมาเป็นอัลบั้ม ผมกดเข้าดูทุกรูป หัวร้อนทุกครั้ง หึงและหวงเขามากๆ แต่ผมก็ต้องทำความเข้าใจว่าในช่วงเวลานั้นผมยังเป็นแค่ไอ้ขวัญวินมอเตอร์ไซค์ที่เขาไม่รู้จัก ช่วงเวลาของผมกับเขมินทราไม่ได้ซ้อนทับกัน เพราะฉะนั้นในเวลานี้คุณธนิกคือของผมและผม...ทำให้เขารู้สึกได้มากกว่า

ผมแก้มัดให้คุณธนิก ค่อยๆ คลายปมช้าๆ แล้วโยนเน็คไททิ้งอย่างไม่ใยดี “เด็กแถวบ้านผมก็ติดเหล้า ติดยา แต่ผมไม่ตามกระแสใคร ผมเลือกที่จะแตกต่าง เพราะมีของที่น่าติดมากกว่า”

“ขวัญพัฒน์” เขาครางเรียกชื่อผมด้วยเสียงสั่นพร่า มือหนาอ้อมไปด้านหลังเพื่อเปิดน้ำอุ่นให้รินไหลรดตัวเราสองคน

“พี่นิกรู้มั้ยครับว่าอะไรที่ผมอยากติด” ผมช้อนสายตาขึ้นมองเขา สายน้ำทำให้เส้นผมแนบลู่ไปกับรูปหน้าหล่อเหลา เขามองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา สองแขนแกร่งตวัดรัดร่างกายของผมเข้าแนบชิด

“อะไรล่ะครับ” เขากระซิบถาม

“เซ็กส์จากพี่นิก” ผมจูบที่แก้มของเขา “ถ้าพี่นิกติดมัน...ช่วยทำให้ผมติดด้วยนะ”

“เตือนไว้ก่อนว่าพี่ไม่อ่อนโยน”

“รุนแรงได้เท่าที่อยาก”

“การเดินทางอาจเลื่อน”

“ไปสวรรค์ก่อนละกันครับ” ผมยกแขนขึ้นโอบรอบคอหนา เบียดให้ร่างกายของเราแนบชิด “เริ่มสักที ของพี่นิกมันชี้หน้าขู่ผมนานแล้ว คง-อยาก-เข้า-ไป-ใจ-จะ-ขาด”

“อยาก-สุด-สุด” สิ้นถ้อยคำ คุณธนิกก็แสดงความต้องการออกมา ตัวของผมถูกรั้งเข้าแนบชิดกับร่างสูงใหญ่ของเขาจนแทบไม่เหลือช่องไฟ สายน้ำที่รินไหลช่วยเพิ่มสัมผัส ผมถูกจูบ กลีบปากทั้งถูกดูดและขบเม้ม ในโพรงปากถูกรุกล้ำ ลิ้นที่ใช้งานได้ดีก็ถอยหนีเพราะสู้ไม่ได้ แต่เขาก็กระหวัดเกี่ยวไม่ยอมปล่อยแม้ผมจะยกธงขาวยอมแพ้

ผมหอบเหนื่อย ได้แต่ครางต่ำในลำคอ เลือดในกายฉีดพล่านไปด้วยความเร่าร้อนที่ร่างสูงใหญ่มอบให้ หากเปรียบเป็นสงคราม ผมก็ถูกฝ่ายตรงข้ามยกทัพมาประชิดถึงประตูเมือง ฝ่ายตรงข้ามที่ร้ายกาจและรู้จุดอ่อนของผมเป็นอย่างดี ริมฝีปากของเขาเปรียบเหมือนกระสุนปืนที่จู่โจมรวดเร็วว่องไว ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ตรงเข้าจุดสำคัญ มือของเขาเปรียบเหมือนลูกธนูไฟ สัมผัสที่ใดก็ร้อนที่นั้น ยามที่เขาใช้มือบีบเค้นที่สะโพกและริมฝีปากลดหลั่นจนครอบครองจุดอ่อนไหว ผมก็อ้าปากร้องไม่เป็นภาษา ส่งเสียงอื้ออ้าในลำคออย่างน่าอาย ยิ่งเขาเพิ่มแรงสัมผัสเท่าไรเสียงของผมก็ยิ่งดังเท่านั้น

มันดังก้อง...สะท้อนไปทั่วห้องน้ำ

“อาา..า พี่...นิก น้อง...น้องยืนไม่ไหว” ขาของผมแทบไม่มีแรง ทรงตัวได้ก็เพราะถูกแขนของเขารั้งไว้เท่านั้น เขายกยิ้ม ไม่พูดอะไร เวลาอย่างนี้เขามักจะนิ่งเงียบ มีเพียงสายตากับการกระทำเท่านั้นที่บอกถึงความต้องการ

คุณธนิกจับมือของผมให้วางอยู่บนไหล่ทั้งสองข้างของเขา เขาแทบยกตัวผมขึ้นอุ้ม แต่ก็แค่ช่วยลดแรงไม่ให้ขาที่อ่อนแรงลงน้ำหนักในการทรงตัว ผมมองเขา นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ามีบางอย่างเล็ดลอดเข้ามาในตัว

นิ้วของเขา

แทรกเข้ามาอย่างเชื่องช้า

“แน่น” เขากระซิบเสียงกระเส่า ในขณะที่นิ้วของผมเริ่มจิกเกร็ง ทั้งนิ้วมือนิ้วเท้า “น้อง...ไม่ต้องกลัว พี่นิกไม่ทำให้เจ็บ เชื่อใจพี่”

“แต่ตอนนี้...มันเจ็บ”

“น้องเสียว” เขาเถียงเบาๆ ขยับนิ้วเข้าลึกมากขึ้น “มันคือความเสียวครับ”

“อะ...อื้มม..ม พี่นิกครับ มัน... อ๊ะ...ลึกจัง”

“ของพี่นิกลึกได้กว่านี้อีกนะ”

แววตากรุ้มกริ่มของเขาทำให้ผมไม่กล้ามอง ผมหลบตา เชิดหน้าขึ้นเมื่อนิ้วของเขาเริ่มขยับ มันแปลก...รู้สึกแปลกจนอธิบายไม่ได้ อาจบอกได้ว่าคงเหมือนตอนที่นั่งรถลงเนิน เสียววูบวาบที่ท้องน้อยแต่ก็เจ็บๆ แสบๆ ความรู้สึกในครั้งนี้ชัดมากเพราะสติของผมอยู่ครบ ทุกการกระทำของเขาผมก็จดจำได้ทั้งหมด

รู้สึกดี...จนแทบบ้า

ผมหลับตาแน่น จิกเล็บลงบนผิวเนื้อของเขาแรงกว่าเดิมเมื่อนิ้วที่สองและสามถูกสอดเข้ามา เขาขยับรัว ไม่ไว้เชิงเหมือนอย่างตอนแรก ในขณะที่กลิีบปากหนาก็ปรนเปรอให้ผมไปด้วย ใบหน้าของเขาซุกซบอยู่ที่อกของผม ลิ้นร้อนแสนอันตรายหยอกเอินเม็ดทับทิมสีเนื้อจนแข็งเป็นไต

“อาา..า พี่นิก อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ น้อง...น้อง...อ๊าาาา”

เสียงที่เปล่งออกมาเหินสูง ผมหลับตาแน่นรับแรงกระแทกจากนิ้วของเขา สั่นระรัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น ก่อนสิ่งอื่นจะเข้ามาแทนที่ นิ้วทั้งสามถูกถอนออกแล้วแกนกายร้อนที่พร้อมสำหรับสู้ศึกก็เข้ามาแทน ความนุ่มลื้นแต่ร้อนผ่าวทำให้สติของผมกระเจิงหาย กลิ่นหอมอ่อนๆ จากครีมอาบน้ำที่ใช้ทำให้ผมมัวเมาได้ไม่ยาก ขาข้างหนึ่งของผมถูกยกขึ้นเกี่ยวรอบเอวสอบก่อนที่เขาจะค่อยๆ แทรกตัวเข้ามา

“พี่นิก”

“หืม”

“มัน…”

ผมซบหน้าลงกับไหล่ของเขา พูดแทบไม่ออกเพราะความจุกแน่น อึดอัดและแสบร้อน ยิ่งเมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้าลึกผมก็ยิ่งเพิ่มแรงจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง ครูดเล็บเป็นแนวยาวด้วยหวังจะระบายความรู้สึกที่ยากจะควบคุม

“แน่นมากครับ อื้มม..ม คนดีของพี่นิก สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกมาครับ อืมม..ม ซี๊ดดด ใช้ได้...ครับ”

“ไม่...ไหว พี่..นิก น้องจะ...ไป”

เขาจะรู้ตัวไหมว่าเซ็กส์ของเขามันดีซะจนผมสามารถขาดใจตายได้ แม้ในตอนที่เขาไม่ได้สัมผัสกับจุดอ่อนไหวใดๆ ทำแค่ขยับโยกตามความต้องการ กระหน่ำอาวุธร้ายเข้าหา เพิ่มจังหวะราวกับกำลังรัวกลองเพื่อขึ้นอินโทรเพลง แต่แค่นั้นกลับทำให้ผม...

“เสร็จแล้วเหรอน้องขวัญ” เขาถามอย่างอ่อนโยนเมื่อเสียงหวีดร้องเหินสูงของผมสิ้นสุด ผมหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของเขาที่ยังคงขยับสะโพกเนิบนาบหลังจากที่เร่งเร็วเพื่อส่งผมไปให้ถึงฝั่ง

“อืออ..อ เหนื่อยแล้วพี่นิก”

“งั้นไปที่อ่าง” เขากระซิบ เร่งจังหวะเล็กน้อย “ท่าคลานไหวมั้ย”

“แต่ในน้ำ...น้องว่าคงแปลก”

“แปลก...แต่ลองแล้วจะติดใจ”

“พี่นิกหลอกป่าว”

“เต็มใจให้หลอกมั้ย”

“อือ เต็มใจอยู่แล้ว”

“น่ารักเก่ง” เขากระแทกตัวเข้าลึกจนผมต้องทุบมือลงบนไหล่คนขี้แกล้ง “งั้นขอตรงนี้อีกหน่อย น้องขวัญหันหลังครับแล้วหันหน้ามาจูบพี่”

ผมทำตามเขาบอก หันหลังแล้วใช้มือทาบกับกระจกตู้อาบน้ำ แม้จะลื่นสักเล็กน้อยแต่ก็รับน้ำหนักตัวผมได้ “พี่นิก...ใกล้ อาา..า ใกล้เสร็จยังครับ”

“อืมม..ม” เขาครางตอบ “ใกล้แล้ว...อาา..า ดีมั้ยครับน้องขวัญ”

“ที่...สุดครับพี่นิก”

เสพติด...ผมคงใช้คำนี้ได้ในทันทีที่คิดว่าอยากได้เพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ แอบนึกเสียดายที่ครั้งแรกของผมจำสัมผัสได้แค่เลือนรางเพราะฤทธิ์ยาที่เขาใช้ แต่ครั้งนี้...ผมคงไม่ลืม แม้ร่องรอยที่เขาทำไว้จะเลือนหายไปตามกาลเวลาก็ตาม



[ต่อด้านล่าง]


หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 30-09-2018 20:41:05



ผมกับคุณธนิกกำลังยืนงงอยู่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง แม้ว่าการเดินทางจะเลทจากเวลาที่ตั้งใจกันเอาไว้ แต่ผมไม่ได้หงุดหงิดอะไรเพราะเขาตีตั๋วพิเศษพาทัวร์สวรรค์อยู่สามรอบ เชื่อแล้วว่าอดทนมานานและอัดอั้นมากจริงๆ

“จะป่วยมั้ยเนี่ยน้องขวัญ” คุณธนิกท่าทางเป็นกังวลตั้งแต่ออกจากบ้านมาแล้ว เรามาด้วยรถแท็กซี่ งดใช้บริการลุงกล้วยเพราะเขาไม่อยากให้ใครรู้ ออกจากบ้านตีห้าครึ่ง สะพายเป้คนละใบแล้วออกมายืนรอแท็กซี่หน้าหมู่บ้าน เดินผ่านพี่ยามยังเห็นนั่งหน้าง่วงอยู่กับกาแฟกระป๋อง แต่ตลอดทางเขาก็เอาแต่ถามถึงสภาพร่างกายที่ถูกเขาเอารัดเอาเปรียบเกือบชั่วโมง “นั่งรถไฟจะไม่กระเทือนเหรอ เปลี่ยนไปเป็นรถทัวร์วีไอพีหรือนั่งเครื่องดีกว่าไหม”

“ผมไหวครับ” ผมตอบพลางกัดขนมปังที่ซื้อมาจากเซเว่น ที่จริงพอถึงหัวลำโพงก็ไปกินโจ๊กกับคุณธนิกมาแล้ว แต่เพราะออกแรงไปเยอะผมจึงหิวเอามากๆ ตามประสาเด็กกำลังโต “ไม่ต้องห่วงนะ เด็กหนุ่มสุขภาพแข็งแรงอย่างผมไม่ป่วยง่ายๆ ยาแก้ปวดก็กินไปแล้ว เดินชิวเลย”

“ขอให้จริง ถ้าป่วยขึ้นมาพี่ฟาดแน่”

“ฟาดแบบที่ตีแรงๆ หรือฟาดแบบ...”

“แบบนี้!” เขาบีบแก้มพลางก้มลงมาจุ๊บริมฝีปากของผมและผละออกไปอย่างรวดเร็ว “ตี”

“ไม่เรียกตีซะหน่อยพี่นิก” ผมเถียง ยื่นหน้าไปหอมแก้มเข้า “ตีต้องแบบนี้ ใช้ปากตี แหะๆ”

“หัวเราะแก้เขินก็ได้ด้วยเหรอ”

“ต้องได้แล้ว ไม่แก้เขินผมหัวใจวายตายได้เลย”

“นึกว่าตายคาอกพี่ตั้งแต่ออนท็อปให้แล้ว”

ผมมองค้อน อยากตีเขาแรงๆ ที่ทำให้นึกถึงเรื่องน่าเขินไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ก็ตีไม่ลง กลัวเขาเจ็บ “อย่า-พูด-ถึง!!”

คุณธนิกหัวเราะพลางยื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆ “ตัวก็แค่นี้ ทำไมทำให้พี่เป็นได้ขนาดนี้วะ”

“ไม่ได้ทำอะไรเลย พี่นิกทำตัวเอง” ผมย่นจมูกใส่คนชอบปรักปรำ ก่อนจะฉีกขนมปังป้อนให้เขา เขาอ้าปากรับแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ แต่ก็ยังไม่ยอมจบประเด็น

“ไม่ทำเลยเนอะ รอยเต็มตัวพี่”

“วุ้ย! ก็บอกว่าอย่าพูดถึง วกเข้าตลอดอะ”

“ก็ในหัวพี่มันคิดแต่เรื่องนี้”

“ถึงว่าจ่ายค่าแท็กซี่เกิน ไม่มีสตินี่เอง ดีนะที่ลุงคนขับเขาท้วง”

ค่าแท็กสี่สองร้อยแต่คุณเขายื่นแบงค์ห้าร้อยแล้วบอกไม่ต้องทอน ไอ้ผมก็นึกว่าใจดีให้ทิปจนอยากด่า แต่ที่ไหนได้...ดีนะที่ลุงคนขับถามย้ำว่าไม่ต้องทอนจริงเหรอ ผมจึงได้รีบหาแบงค์ร้อยจ่ายให้แล้วรับแบงค์ห้าร้อยคืน

“แล้วทำไมน้องขวัญไม่ท้วง”

“ไม่มีสติเหมือนกัน เบลอๆ”

“ว่าแต่พี่” เขาว่าเสียงกลั้วหัวเราะพลางบีบจมูกของผม “แต่จะไม่ถามว่าทำไม เพราะเดี๋ยวเล่นมุขใส่พี่”

“กลัวมุขเบลอว่ารักแถบเหรอ”

ผมถามลองเชิงไปอย่างนั้น ไม่ได้หวังคำตอบจริงจัง แต่คุณธนิกกลับตอบแบบจริงจังว่า “ไม่กลัวมุข แต่กลัวเผลอตอบกลับว่ารักเหมือนกัน”

ไอ้...ฉิบ...หาย!!

ในใจของผมตะโกนเรียกไอ้แนนเพื่อนซี้ไปแล้ว ป่านนี้มันคงตื่นด้วยอาการจามติดกันไม่หยุด แต่...แต่! แต่ผมต้องการที่ระบายก่อนหัวใจจะออกมาเต้นนอกอก ไอ้แนนต้องได้รับรู้เรื่องนี้และมันต้องกรีดร้องไปกับผม

คุณธนิกแม่ง...

“ดีนะที่ผมไม่เล่น” ผมยกมือขึ้นทาบอกซ้าย หวังให้มันสงบลงหน่อย “อันตรายต่อการเต้นของหัวใจ”

“อ่า…” คุณธนิกหูแดง พลางเสมองไปทางอื่น ในขณะที่ผมก็ทำไม่ต่างจากเขา

บ้าเอ้ย! หัวใจของผมยังเต้นแรงไม่หยุดเลย

ทั้งที่รู้ดีแต่ก็ยังเผลอคาดหวัง ผมแม่ง...มีความสุขมากจริงๆ จนอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ ระหว่างที่เรานั่งรอขบวนรถด่วนพิเศษรอบแปดโมงครึ่งที่จะพามุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยกัน ที่ชานชาลาแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืม ใบหูแดงๆ ของคุณธนิก รอยยิ้มของเขา กระเป๋า เสื้อผ้า รวมไปถึงกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้ในวันนี้ ผมแน่ใจว่าผมจดจำทุกรายละเอียดได้ดี

“น้องขวัญ” คุณธนิกเอ่ยเรียกหลังจากที่นั่งเงียบๆ เกลี่ยนิ้วกับนิ้วมือของผมอยู่นาน

“ครับ” ผมขานรับ เผลอหันไปมองเขาที่เหมือนว่าจะมองผมอยู่นานแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านีเสหน้ามองคนละทางแท้ๆ

“เป็นแฟนกัน”

คำพูดของเขาทำให้ผมนิ่งงันไปเพียงครู่ ก่อนจะเลิกคิ้วมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีแต่ความจริงจัง เขาไม่ได้กำลังล้อเล่นและไม่ได้กำลังลังเลหรือมีเรื่องให้กังวล เขาเหมือนคนที่ตัดสินใจดีแล้วที่จะพูดถ้อยคำที่มีผลต่อเราทั้งคู่ออกมา เพราะเราต่างรู้ถึงความเป็นไปไม่ได้ แต่เราต่างไม่เคยควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้เลย

“น้องดื้อนะ” ผมเตือนพลางยิ้มกว้างให้เขา “แล้วก็ขี้หึงมากด้วย”

“ไม่มากเท่าพี่หรอก” เขาแย้ง แววตาดุทำให้ผมต้องขยับเข้าไปกอดแขนเขาอย่างอ้อนๆ “ถ้าเราดื้อพี่ก็จะดุ จะตีด้วย”

“ชอบแฟนดุจัง เอวดุยิ่งชอบ ขยับรัวๆ”

“น้อง!” เขาหน้าแดง ร้องเสียงเข้ม “พูดอีกตีนะครับ”

“ไม่พูดแล้วค้าบ” ผมไถศีรษะกับต้นแขนของเขา รู้เลยว่าเขาแพ้ทาง เพราะเขากำลังปั้นหน้าดุทั้งที่กลั้นยิ้ม “น้องขอโทษ ห้ามตีๆ เดี๋ยวเจ็บ แต่ตีด้วยปากได้ ใช้...เอิ่ม...ตีก็ได้”

“อะไร”

“มือจ้า”

เขาถอนหายใจใส่พลางผลักหน้าผากผมหนึ่งที “ดื้อเก่ง กวนเก่ง”

“น่ารักเก่งด้วย”

“ขวัญพัฒน์”

“ยอมค้าบ แด๊ดดี้ดุจัง”

“น้องงง!”

คุณธนิกเหมือนแด๊ดดี้ แต่แด๊ดดี้สำหรับผมไม่ได้หมายถึงพ่อและเขาก็คงรู้ ก็แบบว่า...ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษนี่นา เคยแต่ศึกษากับชาวญี่ปุ่น เห็นเธอเรียกชายคนรักว่าแด๊ดดี้ ผมก็อยากเรียกบ้าง แหะ แต่ขืนแกล้งบ่อยๆ แด๊ดดี้ฟาดผมด้วยมือใหญ่ๆ ของเขาแน่

“พี่นิกรู้ป่าวว่าเป็นแฟนกันแล้วจับมือกันได้นะ” ผมส่งนิ้วก้อยไปสะกิดนิ้วก้อยของเขา “จับฟรีไม่คิดเงินด้วย”

“มากกว่าจับก็ทำมาแล้วมั้ย”

“ไม่โรแมนติก!”

“อะๆ” เขาทำเหมือนต้องยอมอย่างเสียไม่ได้ แต่คนที่ทำเหมือนฝืืนใจกลับจับมือของผมไว้แน่น “จับมือแล้วทำอะไรอีก”

“ทำรัก”

“พูดอีกทีดิ๊”

“ง่ะ ดุ๊ดุ” ผมแทบจะยกมือไหว้ขออภัยเมื่อเห็นแววตาดุของเขา แต่เพราะมืออีกข้างโดนจับไว้ก็เลยทำได้แค่ส่งสายตาออดอ้อนให้ หากถามว่าสายตาออดอ้อนเป็นยังไง ผมก็คงตอบว่าก็แค่ใช้ฟิลเตอร์ในการมองเหมือนมองน้าลีตอนขอออกไปเที่ยวงานลอยกระทงและต้องกลับดึกกับไอ้แนน นั่นแหละ...สายตาออดอ้อน...มั้ง

“อย่าเล่นมากน้องขวัญ ถ้าพี่ทนไม่ไหวขึ้นมา ชานศาลาพี่ก็เปลี่ยนเป็นม่านรูดได้”

“คนกามแห่งปี”

“ตบตีแฟนด้วยความรักพี่ก็ถนัด”

“พี่นิกดุร้ายอีกแล้ว”

“ตบตีด้วยปากครับ”

“งั้นน้องจะดื้อ!”

“พอเถ๊อะ!”

“ฮ่าๆ ๆ”

คุณธนิกตัวจริงเป็นคนตลกนะรู้ยัง ตอนทำงานเขาก็เก๊กขรึมไปอย่างนั้น แต่ตอนที่อยู่กับผมก็จะมีหลายร่าง คงเพราะเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าแปดชั่วโมงต่อวัน ผมจึงโชคดีที่ได้เห็น เล่นได้บ้างไม่ได้บ้างก็ค่อยปรับกันไป ผมเด็กกว่าเขาก็ลำบากหน่อยเพราะบางทีก็พูดไม่คิด อยู่ด้วยกันมาก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทะเลาะ แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะทะเลาะกันรุนแรง เขาเป็นผู้ใหญ่มากแต่บางครั้งก็ย้อนแย้ง ทำตัวเหมือนเด็ก เรื่องที่ทะเลาะกันบ่อยที่สุดก็คือเรื่องที่ผมชอบได้แผลจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ แต่เขาเองที่ชอบทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ทุกอย่างระหว่างเราดีมากจนบางครั้งผมก็อยากจะตบตีตัวเองที่เผลอคิดไปว่าเขมินทราจะได้อย่างที่ผมได้ไหม แล้วผม...ได้มากกว่าที่ใครๆ เคยได้หรือเปล่า

ครับ...ผมเป็นเด็กไม่ดีเลย ว่าแต่คนอื่นโลภ ตัวผมก็โลภเหมือนกัน

โลภที่อยากจะเป็นคนสำคัญของคุณธนิกเพียงคนเดียว

“พี่นิกว่าถ้าเราไม่รู้ปลายทาง การเดินทางจะเป็นยังไง” ผมถามขึ้นในขณะที่มองรถไฟเข้าหลายขบวนบนราง ยานพาหนะที่จะพาผมกับคุณธนิกหนีไปจากความวุ่นวาย “เป็นไปได้ไหมที่รถไฟจะไม่หยุดวิ่ง เป็นไปได้หรือเปล่าที่สถานีปลายทางจะหายไป”

“ทุกขบวนที่จะออกวิ่ง ก็ต้องมีสถานีต้นทางกับสถานีปลายทาง ความเป็นไปได้มันมีอยู่เท่านั้น เดินทางนานแค่ไหนสักวันก็ต้องถึงอยู่ดี” เขาพูดพลางจับมือผมแน่นขึ้น “แต่ปลายทางของทุกคนไม่เหมือนกัน อาจมีใครบางคนลงระหว่างทาง พอถึงสถานีถัดไปก็มีคนขึ้นมาใหม่”

“แล้วถ้าบนรถไฟมีแค่เราสองคนล่ะพี่นิก ถ้าผมไม่ยอมให้รถไฟหยุดวิ่ง ไม่ให้มันถึงสถานีปลายทาง ไม่ให้คนอื่นขึ้นมา”

“งั้นพี่คงต้องรวยมากๆ ถึงจะซื้อรถไฟทั้งขบวนให้น้องได้”

“ผมจะทำให้พี่รวยมากๆ เอง เพราะฉะนั้นซื้อรถไฟให้ผมนะ”

“ไว้ถึงเวลานั้น ซื้อเครื่องบินให้ดีกว่า” เขาคลี่ยิ้มหน้ามองในขณะที่เราหันมาสบตากัน “อยากพาน้องขวัญบินไปบนท้องฟ้ากว้างๆ เป็นอิสระจากความวุ่นวาย”

“ขอบคุณครับ ผมจะรอนะพี่นิก” ผมบอกเสียงหนักแน่น “แล้วก็...อย่าบอกเลิกผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าพี่นิกจะต้องไปเป็นของใคร แต่อย่าบอกเลิกกัน ผมรอพี่นิกอยู่ที่เดิม แม้ว่าสุดท้ายแล้วพี่นิกจะเลือกไปกับเครื่องบิน แต่ผมก็จะรออยู่ที่สถานีรถไฟ”

“รอผิดที่แล้วเราจะได้เจอกันเหรอ”

“เปลี่ยนสถานีรถไฟเป็นสนามบินสิครับ รวยแล้วทำอะไรก็ได้”

“ฮ่าๆ ๆ ไอเดียดีมาก งั้นก็รอพี่ที่เดิมนะ”

“ครับผม!”

สุดท้าย...แม้จะไม่มีใครมาเลยก็ตาม แต่ผมก็จะรออยู่ที่เดิม เพราะผมเลือกแล้ว ชีวิตของผมเลือกเขาแล้ว ผมเลือกที่จะเดินทางไปกับเขา ถ้าจุดจบของเราคือการจากลา งั้นผมจะเปลี่ยนให้มันเป็นคำสัญญาของการรอคอย ผมอาจจะต้องรอไปตลอดชีวิต แต่ไม่เป็นไร เพราะผมรอด้วยความเชื่อที่ว่าเขา...จะกลับมา

“พี่นิกครับ ไปขึ้นรถไฟกันเถอะ” ผมลุกขึ้น ยื่นมือไปตรงหน้าเขา “ไปใช้ชีวิตของเราและมีความสุขไปด้วยกันนะครับ”

หากเป็นในละคร ผมก็อยากให้ขึ้นคำว่า จบบริบูรณ์เสียตรงนี้

จบตรงที่คุณธนิกยื่นมือมาจับมือผมพร้อมรอยยิ้มและลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

ปัง!!

เสียงแสบแก้วหูดังลั่นชานชาลาก่อนความเจ็บจะแล่นริ้วขึ้นจนผมโอนเอนจนแทบล้ม แต่กลับมีมือที่สั่นเทากับเสียงร้องตะโกนของเขาช่วยเอาไว้ สีหน้าของเขาซีดเผือดตัดกับสีแดงฉานบนท้องของผมที่เริ่มกระจายเป็นวงกว้าง

“พี่...นิก” ผมพยายามเรียกชื่อเขา ไม่กล้าพอที่จะยื่นมือไปสัมผัส เพราะสีหน้าของเขา...ทรมานยิ่งกว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น “คุณธนิก...ครับ ทำไมต้อง...ร้องไห้...ด้วย”

ริมฝีปากที่ผมมักจะแอบจุ๊บก่อนนอนบ่อยๆ นั้นขยับให้เห็น แต่ผมไม่ได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไร ผมได้ยินแค่เสียงของผู้คนที่กำลังโหวกเหวกโวยวาย ทว่า...ท่ามกลางผู้คนที่กำลังแตกตื่น ผมกลับเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน

“เจ็บ...” ผมอยากอ้อน เพราะกลัวว่าจะไม่ได้อ้อนเขาอีก “น้อง...เจ็บ แต่...ว่า...เจ็บน้อยกว่าที่พี่นิก...ทำนิดหน่อย”

“พอแล้ว” เขากระซิบ น้ำเสียงสั่นเทาจนผมกลัว...กลัวว่าเขาจะขาดใจตายลงตรงหน้า

“ล้อ...เล่น...ครับ น้องไม่...เจ็บ...เลยนะ อย่าทำ...หน้า...แบบนี้”

แบ่งมาครึ่งหนึ่งได้ไหม ความเจ็บของคุณธนิก แบ่งมาให้ผม...เพราะผมเป็นเด็กหนุ่มสุขภาพดีและแข็งแรงมาก

“หยุดร้อง...ครับพี่..นิก น้อง...ไม่มี...แรง...ปลอบ”

“อย่าทิ้งพี่...อย่าทิ้งพี่นะครับ” เขาอ้อนวอนทั้งน้ำตา แม้ว่าผมจะขอร้องให้น้ำตาของเขาหยุดไหล แต่เขาไม่ฟังเลย

คุณธนิกตัวจริงคือคนดื้อแบบนี้นี่เอง

ผมนอนมองเขา ในขณะที่เสียงรอบข้างเริ่มหายไปจากโสตการรับฟังทีละเล็กละน้อย แต่เสียงร้องไห้ของเขายังคงดังชัดเจน

นี่...ผมถามอะไรหน่อย ถ้าผมเขียนบทให้ตัวเองได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้แล้วเพราะฉะนั้นอนุญาตให้ผมเขียนฉากจบของตัวเองได้ไหม

ฉากจบที่จะเป็นการเริ่มต้นความสุขของผมกับเขา

ฉากจบที่มีแค่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะ

ไม่ใช่ฉากจบที่เขาต้องร้องไห้แทบจะขาดใจอย่างนี้

ผมไม่ได้จะทิ้งเขาไปไหน...เพราะผมจะรอเขาอยู่ที่เดิม

คนอย่างผมอาจจะไม่มีอะไรเลย บทบาทของผมอาจเป็นแค่ชายขอทาน ชายขอทานที่ไม่ควรทำให้เจ้าชายร้องไห้ แต่ว่า...คนอย่างผมน่ะ ไม่ยอมผิดสัญญาหรอกนะ

ผมจะรอจนกว่าจะเจอเขาแล้วพูดกับเขาอีกครั้งว่า ‘สวัสดีครับ คุณธนิก’


...................To be continue.....................

 :กอด1: :กอด1:

น้องขวัญคะ รักหนูนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-09-2018 21:02:00
 :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 30-09-2018 21:20:47
 :z3: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 30-09-2018 21:37:47
เป็นตอนที่เรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลย ทำไมนะ ทำไม ในหัวตอนนี้คือมีแต่คำนี้
ทั้งที่เขาก็รักกันมากแท้ๆ ให้เขารักกันไม่ได้หรอ ทำไม :hao5:
ขอบคุณที่มาต่อให้วันต่อวันนะคะ รอมานานสมใจรอแล้ว ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: BossZa ที่ 30-09-2018 21:39:08
อ่านจบน้ำตาไหลพราก เจ็บไปกับน้องขัวญและพี่นิก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-09-2018 21:55:46
ง่าาา พี่นิกหรือขวัญ ฝันใช่ไหม ไม่จริงๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-09-2018 22:11:49
ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาล่ะ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 30-09-2018 22:47:09
 :hao5: แง่ทำไมมันจบเศร้าขนาดนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 30-09-2018 23:21:32
ร้องไห้
ทิ้งการอ่านหนังสือสอบเพื่อมานอนร้องไห้ :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 30-09-2018 23:43:50
ใครเป็นคนยิงขวัญ
หรือว่าจะเป็นมิสเตอร์ที  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 30-09-2018 23:54:57
 ปวดใจ :m15:
 ฮือ น้องขวัญ
ใครทำน้อง

สงสารคุณธนิก สงสารน้องขวัญ สงสารตัวเอง
เดี๋ยวคู่หมั้นคุณธนิกกลับมาอีก  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-10-2018 00:03:52
เดี๋ยววววววว เขายังหยอดมุข18+ ยังฟีชเจอริ่งกันอย่างเผ็ชร้อนอยู่หมาดๆ เรายังเขินแทนพี่นิกกับน้องขวัญอยู่เลย แล้ววววววว ~~ อะไรคือ “ปัง” น้องโดนยิงใช่ไหม? โอ๊ยยยย  :ling3: ฉันเป็นมึนงง  ฉันปรับอารมณ์ไม่ทัน  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 01-10-2018 00:04:20
ชอบที่ขวัญบอกว่าชอบเรื่องราวระหว่างทาง เลยขอตักตวงช่วงเวลานี้  :hao5: :hao5:
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เลย ฮือออ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ ติดตามมม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 01-10-2018 00:18:48
แล้วพี่นิกจะกล้าสู้เพื่อขวัญ​มั้ย​ ถ้ารู้ว่ายิ่งรักขวัญ​ต่อขวัญ​จะอันตราย​แล้วพี่นิกจะกล้าปกป้องคนที่ตัวเองรักมั้ย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 01-10-2018 01:20:49
ใจหายยย น้องขวัญอย่าเป็นอะไรไปนะลู๊กกก  :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-10-2018 01:28:49
ใครรรรรรรรรรรรรรรรรร ยิงขวัญญญญญญญญญญญญ มันต้องตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :pigangry2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 01-10-2018 01:32:47
ร้องไห้ไปไม่รู้กี่ตอนแล้ว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-10-2018 01:58:04
งอแง ร้องไห้
ทำไมชีวิตมันแย่ขนาดนี้ ทำไมต้องมีอุปสรรค
ทำไมบางครั้งเราต้องยอมสละความรักและความฝันของตัวเอง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 01-10-2018 12:34:35
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 01-10-2018 15:08:28
 
กระชากอารมณ์สุดๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 16 30/09/2018 Page 14
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 01-10-2018 17:59:57
ทางออกที่ดีน่าจะเป็นคุณธนิกยอมขัดใจแม่ สู้กับแม่สักตั้ง แล้วไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 01-10-2018 18:35:44
ตอนที่ 17



“อย่าเป็นแบบนี้ไอ้เพื่อนเวร!” เสียงของปฐพีดุจัดเมื่อเห็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวนั่งตัวสั่่นและร้องไห้ไม่หยุด “มีสติหน่อยสิวะ!”

เสื้อผ้าของธนิกเปรอะไปด้วยเลือดของคนที่ถูกพาตัวเข้าห้องผ่าตัด เขานั่งงอตัวอยู่บนเก้าอี้สีฟ้า ยกมือขึ้นประสานกันราวกับกำลังภาวนา ไหล่หนาสั่นไหวไม่หยุด มันเริ่มสั่นตั้งแต่ที่ขวัญพัฒน์ล้มลงตรงหน้า ทั้งที่รอยยิ้มยังคงไม่จางหาย ทั้งที่มือบางก็ยังจับมือของเขาไว้ รถไฟกำลังจะออกวิ่ง กำลังจะพาเขากับขวัญพัฒน์ไปยังสถานีปลายทางที่ไกลจากความวุ่นวาย ความสุขกำลังจะเกิดขึ้นแต่กลับหายวับไปกับตาเมื่อเสียงมรณะแสบแก้วหูแล่นเข้ามาในโสตประสาท ทีแรกเขายังคงนิ่งอึ้ง ไม่ทันได้ตั้งตัว ขวัญพัฒน์ก็คงเหมือนกับเขา แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่เมื่อสีแดงฉ่านปรากฎขึ้น ไหลทะลักบนเสื้อยืดสีขาวราวกับน้ำป่าเชี่ยวกราก แสงสว่างบนโลกนี้พลันดับลงราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ เขาขยับตัวทั้งที่ยังคงมึนงง แต่เพราะขวัญพัฒน์กำลังจะล้มลงบนพื้น มือของเขาก็ยื่นออกไปอัตโนมัติ

คนในอ้อมแขนหายใจโรยรินแต่พยายามพูดกับเขา ริมฝีปากบางขยับเปล่งเสียงอย่างยากลำบากเพื่อปลอบโยน

วินาทีนั้น...เขากลัวจับใจ มาจนถึงวินาทีนี้...ความกลัวก็ยังไม่จางหาย

“ธนิกได้ยินกูไหม” ปฐพีวางมือบนไหล่หนาของเพื่อนพลางบีบเบาๆ “หยุดร้องไห้ น้องจะต้องปลอดภัย ขวัญมีแค่มึงนะ ถ้ามึงไม่เข้มแข็งแล้วน้องจะพึ่งใคร”

“โม มันเป็นความผิดของกูเอง” ธนิกไม่อาจควบคุมความสั่นของน้ำเสียงได้ เขายกมือขึ้นปิดหน้า กลิ่นคาวเลือดของขวัญพัฒน์ยังติดที่ฝ่ามือ “กูเห็นแก่ตัว กูแม่ง...ไม่เคยทำให้น้องมีความสุขจริงๆ สักครั้ง”

“มึงไม่ผิดเลยเพื่อน คนผิดก็คือคนที่ทำเรื่องเลวๆ” ปฐพีบอกเสียงขรึม เขาได้รับสายจากธนิกเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แม้ว่าต้องใช้เวลานานกว่าจะพูดคุยกันรู้เรื่อง ธนิกแทบไม่มีสติ เอาแต่พูดวนไปวนมาว่าขวัญพัฒน์ถูกยิง นอกจากประเด็นนี้ก็ไม่ได้รู้อะไรมากขึ้น ทว่าโชคดีที่นางพยาบาลในห้องฉุกเฉินช่วยพูดให้ หล่อนบอกชื่อโรงพยาบาลแล้วเขาจึงรีบตรงมาทันที “แล้วตกลงเรื่องมันเป็นมายังไง มึงเห็นคนยิงไหม”

“กูไม่รู้อะไรเลยไอ้โม” ธนิกบอกอย่างอ่อนล้า เขาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและพยายามควบคุมไม่ให้มือสั่นไปมากกว่านี้ มือที่ยังเปื้อนเลือดของขวัญพัฒน์ยืนยันว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความจริง “ตอนนั้นไม่ได้สนใจใคร กูมองแต่หน้าขวัญ เราจับมือกันกำลังจะไปขึ้นรถไฟ แล้วจากนั้นเสียงปืนก็ดัง กระสุนถูกยิงมาจากทางไหนกูไม่รู้ เหมือนตอนนั้นในหัวกูตื้อไปหมด มัน...ตั้งตัวไม่ทัน รู้อีกทีเลือดก็ไหล แล้วขวัญก็ล้ม ต่อหน้าต่อตากู”

“ใจเย็นๆ” ปฐพียกมือขึ้นลูบแผ่นหลังกว้าง “มันผ่านมาแล้วและตอนนี้น้องถึงมือหมอ”

“น้องตัวก็แค่นั้น น้องเป็นเด็กดี น่ารักเก่งด้วย แต่ทำไมถึงทำกันได้ลงวะ ใครมันทำได้ขนาดนี้”

“ก่อนจะสืบหาตัวคนร้าย กูขอถามมึงหน่อยนะว่าทำไมครั้งนี้ถึงประมาท รู้ว่าไม่ใช่เวลาแต่กูไม่คิดว่าคนของเราจะพลาด มึงทำอะไรลงไปหรือเปล่า” ปฐพีมองเพื่อนซี้ของตัวเองด้วยสายตาตำหนิ “ตอบกูมาธนิก”

“กู...กูแค่อยากพาน้องไปเที่ยว อยากไปด้วยกันสองคนแบบที่ไม่ต้องมีใครมารบกวน ไม่ต้องมีใครรายงานให้แม่กูรู้ กูก็แค่...” ธนิกพยายามเรียบเรียงคำพูดแต่ก็จนด้วยความจริงที่ว่าหากเขาไม่เห็นแก่ตัว เรื่องเลวร้ายครั้งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

“ขอโทษที่บีบมึงมากเกินไป” ปฐพีพูดพลางถอนหายใจยาว “กูน่าจะรู้ว่าความรู้สึกของมึงที่มีต่อขวัญพัฒน์มันมากกว่าครั้งของเขมินทรา”

“มึงไม่ผิด กูผิดเองโม กูคิดอะไรตื้นๆ เอง”

“ความรักทำให้คนขาดสติและไร้เหตุผล” ปฐพีว่าอย่างอ่อนใจ เห็นสีหน้าของเพื่อนรักแล้วก็ตำหนิมันต่อไม่ลง “เอาเถอะ เรื่องมือปืนปล่อยเป็นหน้าที่กู แต่มึงก็รู้ใช่ไหมว่าจะเป็นใครก็ได้ในบรรดาสามคน ทั้งแขไข เขมินทราและคุณธนิษฐา”

“แม่กูเหรอ”

“อืม” ปฐพีรับคำในลำคอก่อนจะบอกอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นคิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาขมวดมุ่น “ตัดออกไม่ได้หรอก แรงจูงใจก็มี”

“แม่รู้เรื่องกูเหรอ”

“ถามดีกว่าว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมึงบ้าง”

“แต่กูสงสัยขิม” ธนิกบอกเสียงหนักแน่น “ขิมขู่จะฆ่าขวัญมาพักหนึ่งแล้ว ทั้งให้คนสะกดรอยตาม มาป้วนเปี้ยนแถวหมู่บ้าน แล้วก็ส่งพวกตุ๊กตาที่ถูกแทงจนไส้ทะลักแถมยังเปื้อนเลือดมาที่บ้านบ่อยๆ”

“มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะคนที่ไม่น่าสงสัยมากที่สุดอย่างแขไขก็อาจจะเป็นคนส่งมือปืนมาเองก็ได้” ปฐพีออกความเห็น “ในเมื่อเกมยังไม่เริ่ม ผู้เล่นตัวจริงยังไม่ชัด ก็มีสิทธิ์ว่าจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น”

“พวกชอบเล่นสกปรก กูจะเป่าหัวทิ้งให้หมด”

“ต่อไปก็อย่าประมาทก็พอ บทเรียนราคาแพงเลยนะ แต่แบบนี้ค่อยสมกับเป็นมึงหน่อย” ปฐพียกยิ้ม มองสีหน้าเครียดขรึมของธนิกอย่างคลายกังวล “ริอ่านจะไปเที่ยวแต่ไม่ได้ดูเลยว่าตัวมึงกับน้องไม่ได้กำลังวิ่งอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ อย่าใส่ฟิลเตอร์ความรักให้มาก มองให้ออกหน่อยว่าแม่งที่วิ่งกันอยู่เนี่ยคือทุ่งกับระเบิด ต้องค่อยๆ ก้าว แถมนอกทุ่งยังมีคนดักยิงหัวมึงทิ้ง หลังจากนี้คิดให้ดีนะ เดินเกมฉลาดหน่อย จัดการคนที่จัดการง่ายสุดอันดับแรก”

“มีใครบ้างที่ง่าย แม่งตัวบอสทั้งนั้น มีแต่แฟนกูเนี่ยเป็นกระต่ายอยู่ตัวเดียว”

“แฟน” ปฐพีทวนคำพลางเลิกคิ้ว “เอาล่ะไอ้สัดธนิก มึงควรจะอธิบายกับกูเรื่องนี้อีกเรื่อง! ทำไมชอบสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อนวะ!”

“ไม่ใช่เวลาด่ากูมั้ย น้องกำลังแย่อยู่นะเว้ย กูไม่มีกะจิตกะใจ”

“กูพูดกับมึงเหมือนพูดกับกำแพง บอกว่าอย่าทำให้อะไรวุ่นวายไปกว่านี้ มึงผูกมัดน้องไว้ทำไมทั้งๆ ที่ต้องทิ้ง” ปฐพีไม่ได้ล้มประเด็นลงง่ายๆ แค่เพราะธนิกกำลังกังวลใจกับคนที่อยู่ในห้องผ่าตัด “โดนยิงว่าเจ็บแล้ว แต่เชื่อกูดิว่ามีเรื่องที่ทำให้น้องเจ็บมากกว่านี้หลายเท่า และคนที่ทำก็คือมึงเอง”

“น้องบอกจะรอ น้องบอกว่าต่อให้กูจะไปเป็นของใครก็อย่าเลิกกับน้อง น้องจะรอที่เดิม มึงเข้าใจมั้ยว่าสักวันมันจะเป็นไปได้”

“ฝันอยู่เหรอวะ” ปฐพีพูดอย่างใจร้าย แต่เขาไม่นิยมสร้างโลกจินตนาการที่เต็มไปด้วยความสุขให้ใครเพราะมันไม่มีประโยชน์ในเมื่อคนทุกคนต้องอยู่กับความเป็นจริง “มึงจะบอกว่าต่อให้แต่งงานกับนิ่มไปแล้วก็จะหย่าถ้ามีโอกาสที่จะกลับไปหาน้อง เฮ้ย ธนิก มันเห็นแก่ตัวเกินไปนะเว้ย นิ่มไม่ได้ทำผิดอะไรที่มึงจะยัดเยียดสถานะแม่หม้ายให้เขา”

“แล้วขวัญผิดอะไร กูผิดอะไร ทั้งที่รักกันแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้”

“ไปถามแม่มึงสิ” ปฐพีบอกอย่างหัวเสีย “ถามแม่มึงคนเดียวเลยจ้า กูก็ช่วยอย่างเต็มที่แล้ว ทั้งที่ก็รู้ว่าสุดท้ายมึงต้องตกบ่วงตัวเองแล้วมาดื้อแพ่งแบบนี้ ไอ้ห่า เอาความเป็นห่วงกูคืนมา”

“ไอ้โม...”

“เออๆ แม่ง...มีเพื่อนอย่างมึงเนี่ยกูปวดหัว” ปฐพีรู้สึกเหนื่อยใจกับไอ้เพื่อนดื้อเงียบที่กำลังนั่งซึมอยู่ข้างๆ แต่ที่เหนื่อยใจมากยิ่งกว่าก็คือตัวเขาเองที่ต่อให้จะหงุดหงิดหัวเสียมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องหาทางช่วยเพื่อนงี่เง่าอยู่ดี “เอาตามสะดวกมึงก็แล้วกัน กูห้ามเตือนอะไรก็ทำสวนทางหมด แต่มึงตกลงกับน้องได้ก็ดีแล้วล่ะ จะเป็นแฟนเป็นอะไรก็ตามใจมึง ไม่เหนื่อยใจไม่เจ็บปวดก็นั่นแหละ ไปให้สุดละกัน แต่อย่าลืมว่าเราเปลี่ยนแพลนไม่ได้ นิ่มจะกลับมาวันศุกร์หน้า กูบอกแค่นี้”

“มึงทำยังไงเขาถึงกลับมาเร็วอย่างนี้”

“กูไม่ได้ทำ เพิ่งคุยกับมึงเมื่อคืนจะทำอะไรได้เร็ววะ” ปฐพีบอกพลางเอนหลังพิงกับพนักแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานสีขาวสะอาดตา “แม่มึงต่างหากที่เรียกนิ่มกลับมา เขาจะเร่งเวลาแต่งด้วย”

“นิ่มยังเรียนไม่จบไม่ใช่เหรอ” ธนิกถามเสียงแผ่ว หัวใจบีบรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม

“แต่งแล้วก็กลับไปเรียนได้ ไม่ใช่ปัญหาของพวกผู้ใหญ่นี่ อีกอย่างแม่มึงอยากให้แต่งตอนที่พ่อมึงยังพอจะมีแรง”

“เขาแค่ขยับตัวก็เหนื่อยแล้ว ไม่น่าจะลุกมางานแต่งไหวหรอก”

“ไปคุยกับแม่มึงละกัน คุณธนิษฐาเขาฟังใครที่ไหน”

“อืม...แม้แต่กูยังไม่ฟังเลย”

ปฐพีช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เขาทำได้เพียงนั่งอยู่ข้างๆ เพื่อไม่ให้ธนิกรู้สึกเดียวดาย รู้ดีว่าไม่ควรเพิ่มเรื่องให้คิดมากไปกว่านี้ ขวัญพัฒน์ที่ยังอยู่ในห้องผ่าตัดจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจบอกได้ ธนิกคงกำลังรู้สึกทรมาน ทั้งเรื่องของขวัญพัฒน์และปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาเชื่อแน่ว่าเพื่อนรักของเขาจะสามารถผ่านมันไปได้ เอาใจช่วยมาขนาดนี้แล้วไม่ทิ้งมันไว้กลางทางอย่างแน่นอน

“ที่จริงนะมึง...ตอนที่ขวัญถูกยิง กูเผลอคิดไปว่าถ้ากูถูกยิงด้วยก็คงดี ปล่อยพวกกูไว้อย่างนั้นไม่ต้องมาช่วย พวกกูจะได้อยู่ด้วยกันอย่างที่ตั้งใจไว้”

ปฐพีตกใจกับถ้อยคำที่ได้ยิน เขาเหลือบมองสีหน้าเหม่อลอยของธนิก เห็นความจริงจังในแววตานั้นแล้วความกังวลก็กลับเข้ามาเกาะกุมใจ “อย่าคิดอะไรตื้นๆ นะเว้ย”

“ก็แค่เผลอคิด”

“เผลอก็ไม่ได้ไอ้ห่า มึงจะทิ้งกูไม่ได้ไอ้เพื่อนเวร กูช่วยมึงมาตั้งขนาดนี้ ต้องอยู่กับกู เข้าใจไหม! ชิงตายห่าไปก่อนแล้วกูจะทำยังไงวะ หมดมึงไปก็ไม่มีใครคบแล้ว กูไม่อยากตายอย่างเหงาๆ ตอนแก่”

ธนิกหลุดหัวเราะ “มึงก็นิสัยดีไอ้โม แค่ชอบทำตัวหยิ่ง เข้าสังคมไม่เป็น คุยกับใครก็เหมือนจะง้างตีนใส่เขา ปรับนิสัยตรงนี้ก็เพื่อนเยอะแยะ”

“ไม่! กูไม่อยากมีเพื่อนคนอื่น มึงน่ะเลิกคิดเรื่องตาย เลิกคิดด้วยว่าจะตายกับน้อง น้องไม่ตายกับมึงด้วยแน่ๆ อายุยังน้อย วัยรุ่นอะรู้จักไหม ต้องใช้เวลาให้คุ้ม โลกในอีกสิบปีข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่อยากรู้เรอะ น้องยังต้องเรียนมหาลัยอีก ไหนมึงจะส่งน้องเรียน ชุดนักศึกษาก็ซื้อเตรียมไว้ให้ เนี่ย ไหนจะกล้องถ่ายรูปที่ซื้อไว้ถ่ายวันรับปริญญาน้อง ซื้อล่วงหน้าไปแล้วแต่มึงควรรู้ไว้ว่าตอนน้องจบเทคโนโลยีใหม่ก็เข้ามา มึงต้องเสียเงินซื้ออีกแน่”

“โห...ใส่เต็มขนาดนี้ จริงจังไปมั้ย”

“จำสโลแกนตอนมหาลัยกูไม่ได้เรอะ”

“อ้อ…” ธนิกทำท่านึกออก “นายปฐพีคนดีที่จัญไร”

“คนดีที่จริงจังและจริงใจไอ้สัด!”

ธนิกหัวเราะเต็มเสียง หวนนึกถึงเรื่องราวในวันรับน้องของมหาวิทยาลัย ความทรงจำในวันนั้นยังคงเป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงและเขาหวังว่าขวัญพัฒน์จะได้มีความทรงจำแบบนั้นบ้าง อยากเห็นคนน่ารักของเขาในชุดนักศึกษา เต้นแรงเต้นกาอยู่หน้าแถวหรืออาจจะร้องไห้ในห้องประชุดเชียร์อย่างที่ไอ้โมผู้อ่อนไหวเคยร้องมาก่อน ขวัญพัฒน์ในรั้วมหาลัยจะต้องน่ารักมากแน่ๆ แต่ตอนนี้...ปลอดภัยก่อนเถอะนะ เพราะเขายังอยากจะเห็นชีวิตที่มีความสุขของขวัญพัฒน์ต่อจากนี้

แม้ว่าจะอยู่เป็นความสุขให้ไม่ได้...แต่ก็อยากให้ขวัญพัฒน์มีความสุขในทุกๆ วัน









“ฮืออ ฮึก! ฮืออ ไอ้เพื่อนเวร มึงรีบตื่นขึ้นมาสิวะ มึงจะทิ้งกูไม่ได้ ต่อให้กูรับปากว่าจะจัดงานศพให้มึง แต่มันเร็วเกินไป ไอ้ขวัญ! ลูกกูจะเรียกใครว่าลุงล่ะถ้าไม่มีมึง! ฮือออ”

ผมได้ยินเสียงร้องไห้น่ารำคาญดังอยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกหนักอึ้งที่เปลืองตาทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะลืมขึ้นแล้วก็เห็นว่าไอ้แนนกำลังฟุบหน้ากับแขน ฟูมฟายอยู่ข้างเตียง ผมอยากจะยื่นมือไปตบหัวมันเรียกสติแต่แค่เพียงขยับก็ร้าวไปทั้งร่าง เจ็บเหมือนรถสิบล้อชนอัดกับเสาไฟฟ้า แต่ก็นั่นแหละ...เจ็บแต่ยังไม่ตาย แล้วไอ้แนนมันมาคร่ำครวญแช่งผมอย่างนี้ได้ยังไง!!

“แนน…” แค่เปล่งเสียงพูดก็เจ็บ แม้ในใจจะก่นด่าแต่ผมก็ทำแค่ส่งเสียงเรียกเบาๆ ลำคอแห้งผาก เพิ่งเข้าใจว่าฉากในละครที่ตื่นมาในโรงพยาบาลต้องกินน้ำมันเป็นยังไง เพราะตอนนี้ผมอยากซัดน้ำลงกระเพาะไปสักสองลิตร “ไอ้..แนน”

“เชี่ยยยย!!” ไอ้แนนร้องลั่น มันชะงักไปตั้งแต่ที่ผมเรียกครั้งแรกแล้ว แต่กลับทำแค่นิ่ง แต่พอผมเรียกอีกครั้งมันก็ผงกหัวขึ้นมาแถมยังทำตาโตใส่ “มึงฟื้น!”

“เออ”

“มึงนอนหลับไปกี่วันมึงรู้มั้ย กูคิดว่าถ้าวันนี้มึงไม่ฟื้นกูจะให้หมอมาฉีดฟอมาลีนแล้วยัดมึงใส่โลงแล้วเนี่ย!”

“ไอ้..สัด”

อยากด่า...อยากลุกขึ้นถีบมันด้วยซ้ำ แต่ผมทำได้แค่กระพริบตามองและเปล่งเสียงแหบแห้ง รอจนไอ้แนนมันคิดได้ว่าควรทำอะไรก่อนหลังนั่นแหละ ผมถึงได้จิบน้ำให้คล่องคอ จากนั้นมันก็วิ่งหน้าตั้งออกจากห้อง ก่อนไปก็บอกว่าจะไปตามหมอมาดูอาการ

ผมนอนมองเพดานสีขาวนิ่งๆ ไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวเพราะเจ็บเกินจะทน แน่ใจว่าตอนถูกยิงไม่ได้เจ็บมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้เจ็บเกินบรรยาย

ในห้องสีเหลี่ยมมีเพียงผม ก่อนหน้าก็มีไอ้แนน แล้ว...คุณธนิกไปอยู่ที่ไหน ภาพก่อนที่ผมจะออกเดินทางสู่ความฝันอันยาวนานก็คือภาพที่เขากำลังร้องไห้ ผมเอาแต่ห่วง เอาแต่คิดว่าถ้าตื่นมาแล้วเขายังไม่หยุดร้องผมจะทำยังไงดี แต่...ผมไม่ต้องคิดอะไรมากเลย เพราะเขาไม่อยู่ให้เห็น

ผิดหวัง...

รู้ว่าไม่ควรแต่ผมอดรู้สึกไม่ได้ เพราะผมหวังว่าในระหว่างที่กำลังอยู่ในความฝันที่ไม่รู้จบ ผมจะตื่นขึ้นมาแล้วได้เจอเขา ในความฝันผมเจอกับน้าลี เราพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ผมในความฝันคือผมในวัยเด็ก ก็เป็นเพียงแค่ภาพเหตุการณ์ที่ผสมปนเปกันของช่วงเวลา ปะติดปะต่อจนเกิดเป็นสถานที่ที่เหมือนจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้น ไอ้หลงที่วิ่งอยู่รอบตัวผมยังคงตัวเล็ก ยังคงเป็นหมาเรียบร้อยไม่ใช่หมาเพลบอยที่มั่วตัวเมียไปทั่ว พวกเรามีความสุขกันมาก น้าลีหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เข้ากับคาแรคเตอร์ของคนเงียบๆ พูดเสียงเบา แต่น้าเวลาดุหรือด่าผมนี่เสียงดังนักเชียว ส่วนไอ้หลงก็เห่าอย่างร่าเริง เห็นอะไรก็เห่าไปหมด ก่อนฉากหลังจะเปลี่ยนจากบ้านเช่าหลังเล็กเป็นสถานีรถไฟหัวลำโพงในตอนสาย ผมกับคุณธนิกนั่งอยู่ที่ชานชาลา สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยจนผมอดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ ความสมจริงของความรู้สึกทำให้ไม่แน่ใจว่าใช่ความฝันไหม ผมมาแน่ใจเอาตอนที่ตื่นขึ้นแล้ว ทว่าพอตื่นขึ้นมาคำบอกลาของเขาก็ยังคงติดอยู่ในหัว ไม่เหมือนกับความฝันก่อนหน้าที่อยู่ๆ ก็ลางเลือนขึ้นมาเสียดื้อๆ จำรายละเอียดไม่ได้จำได้แค่ว่าฝันถึงใครและอยู่ที่ไหน

ผมทบทวนความฝันในขณะที่รอหมอเข้ามาตรวจจนเมื่อหมอทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อย บอกรายละเอียดของอาการและข้อปฏิบัติที่ผู้ป่วยพึงทำก่อนจะขอตัวออกไป แต่ผมก็ยังคงติดใจกับความรู้สึกในความฝันจนไอ้แนนลากเข้าบทสนทนาเพื่อบ่นผมเสียยกใหญ่

“จะไปไหนก็ไม่บอกกูสักคำ แล้วดันไปโดนยิงที่สถานีรถไฟ เนี่ย คนจะหนีเที่ยวมันจะโชคร้ายอย่างนี้ แล้วเป็นยังไงบ้างวะ ประสบการณ์แรกของการโดนยิง เปิดซิงที่ช่องท้อง กระสุนเจาะทะลุกระเพาะอาหาร เกือบตายไอ้สัด ดีที่ม้ามไม่แตก ไตไม่พัง” ไอ้แนนเหมือนผีเจาะปากมาพูด พอมันได้พูดได้บ่นแล้วมันก็รัวไม่หยุด

“ก็ดี...เจ็บ...ดี”

“ไม่เจ็บก็ซุปเปอร์แมนละ ตำรวจบอกว่าพบปลอกกระสุนของปืนเก้า มม. ตกอยู่ไม่ไกลจากจุดที่มึงถูกยิง คือระยะหวังผลไม่กี่เมตร ถ้ามันจ่อยิงคงโดนจุดสำคัญไปแล้ว แต่มึงน่าจะอ้วนจนมันเล็งยิงโดนตัวได้”

“ไอ้…สัด!”

“ชอบจริงๆ เวลามึงไม่ค่อยมีแรงพูดเนี่ย หึหึ” ไอ้แนนหัวเราะในลำคอเหมือนคนโรคจิตก่อนจะพูดต่อ “แต่ดีที่ว่าไม่โดนคนอื่น กูได้ยินว่ามีเด็กๆ วิ่งเล่นแถวนั้นด้วย คือถ้าโดนเด็กคงไม่น่ารอด แต่ผู้ชายแข็งแรงอย่างมึงฟื้นตัวเร็ว ตำรวจว่างั้นแหละ เห็นว่ากำลังตามสืบพยานกับเก็บหลักฐานกันอยู่ คงจะมาสอบปากคำมึงเร็วๆ นี้ แต่มึงอะนอนนานไปหน่อย กูต้องมานอนเฝ้า ไม่...ไม่ต้องทำหน้าคิดมาก กูเต็มใจ สองคืนแรกฝนก็มานอนด้วยเพราะกูไม่อยากให้อยู่คนเดียว มึงโดนยิงกูก็เลยกลัวไปหมด แต่นอนไม่ค่อยสบาย อีกวันก็เลยให้กลับบ้านไปนอนบ้านแม่ ส่วนกูก็อยู่ยาว”

“แล้ว...คุณ...”

“อ๋อ…” ไอ้แนนตัดบทด้วยคำว่าอ๋อแล้วทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนผมอยากจะยื่นมือไปล้วงอะไรก็ตามที่ติดคอมันอยู่ออกสักที แต่ไม่มีแรงก็เลยต้องรอให้มันพูดเอง “คือ...ยังไงดีวะ เขาก็มาบ้างแหละแต่มากับ...”

“อย่า...ลี...ลา”

“คู่หมั้น ได้ยินว่าชื่อคุณนิ่ม” ไอ้แนนทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ ในขณะที่ผมได้แต่จ้องมองเพดานด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก จะบอกว่าเสียใจก็ไม่ถึงขนาดนั้น จะบอกว่าเข้าใจก็เกือบๆ หรือจะเป็นความรู้สึกอื่นๆ ก็มีเหมือนกัน

มัน...ตีกันวุ่นไปหมด

“คุณนิ่มเป็นคนสวยมาก พูดเพราะแล้วก็...ดูจะรักคุณธนิกของมึงเอามากๆ เลยว่ะ” ไอ้แนนบอกเสียงเบา มันยื่นมือเข้ามาใกล้ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะทำอะไรจนเมื่อนิ้วโป้งของมันปาดน้ำใสๆ ออกจากแก้มให้ผม “ขวัญ มันจะผ่านไปด้วยดีเพื่อน”

“กู...เจ็บ”

ผมยังติดอยู่กับภาพที่เขาร้องไห้ ยังติดอยู่ที่สถานีรถไฟ ยังไม่ทันได้ขึ้นไปตามหาความสุข เราจับมือกันได้แค่ตรงนั้น

“ไม่เป็นไร” ไอ้แนนบอกเสียงเบาและคอยเช็ดน้ำตาให้ผม “กูอยู่กับมึง มึงเก่งมากแล้วล่ะ อดทนได้ดีแล้ว”

ผมพยายามไม่สะอื้นเพราะยิ่งสะอื้นร่างกายก็จะยิ่งเจ็บตามไปด้วย รู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเจ็บอย่างสาหัส แต่ในตอนนั้นผมก็แค่จินตนาการถึงความเจ็บที่จะได้รับ ทว่าพอเอาเข้าจริง ผมกลับ...

ก๊อกๆ ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ไอ้แนนส่งสายตามาให้ผมที่หลับตาลงในทันทีที่เห็นความนัยจากมันหรือเอาจริงๆ แล้วก็ไม่เข้าใจแต่สีหน้าของไอ้แนนมันชัดว่าคนที่เคาะประตูไม่ใช่พยายามหรือคุณหมอ

“ขวัญหลับไปแล้วเหรอ” ผมได้ยินเสียงของเขาดังขึ้นใกล้ๆ

“น้องฟื้นแล้วใช่ไหมคะน้องแนน” เสียงหวานใสของใครอีกคนก็อยู่ไม่ห่าง “ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม”

“ครับ ไม่เป็นไรแล้ว คุณหมอเพิ่งเข้ามาตรวจแล้วก็บอกเมื่อกี้ว่ารอดูอาการไปก่อน แต่คงได้ออกเร็วๆ นี้ครับ เพราะไข้ก็ลดลงแล้ว แผลก็ไม่อักเสบ ภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นก็ไม่มี พวกคุณหายห่วงได้เลยครับ” ไอ้แนนตอบอย่างสุภาพดูไม่สมกับลุคเถื่อนๆ ของมัน “แต่ตื่นมาแล้วก็หลับไปอีก คงจะเพลียอยู่น่ะครับ”

“ดีแล้วค่ะ ได้ยินอย่างนี้ก็หายห่วง” เสียงหวานดังขึ้นอีกครั้ง “พี่ธนิกก็เลิกทำหน้าเครียดได้แล้วน้า รู้ว่าห่วงน้องชายมาก แต่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วย อย่าให้นิ่มต้องพูดบ่อยๆ เกิดป่วยขึ้นมาอีกคนคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ นี่ถ้าน้องขิมตื่นนะ จะให้บ่นซะให้เข็ด”

“นิ่ม” เสียงของคุณธนิกเข้มขึ้นมา “น้องชื่อขวัญ ไม่ใช่ขิม”

“อ้าว...เดี๋ยวนะคะ”

“ไอ้ขวัญเป็นฝาแฝดคุณขิมน่ะครับคุณนิ่ม” ไอ้แนนเฉลยข้อข้องใจพลางพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “มองผ่านๆ เหมือนกันแต่ไอ้ขวัญมันตาสวยกว่าแล้วมันก็อ้วนกว่าด้วยครับ ฮ่าๆ ๆ”

“โห...อย่างนี้ต้องรอน้องตื่นซะแล้วค่ะจะได้รู้ว่าตาสวยอย่างที่น้องแนนว่าจริงไหม แต่นิ่มกำลังงงๆ นิดหน่อย งั้นอย่างนี้ถ้าเจอพร้อมกันจะรู้มั้ยคะเนี่ย”

“ไม่มีทางเจอพร้อมกันหรอกครับ” ไอ้แนนยืนยัน น้ำเสียงมันจริงจังจนผมคิดว่าคุณนิ่มอาจจะงงเข้าไปใหญ่

“หรือต่อให้เจอพร้อมกันก็แยกออกง่าย” คุณธนิกพูดแทรกขึ้น “น่ารักต่างกัน”

“พี่ชายห้ามลำเอียงน้า” เสียงของผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในห้องพูด “ว่าแต่ใครน่ารักกว่ากันคะพี่ธนิกคนหลงน้อง”

“ขวัญ” เขาตอบในทันที “ขวัญน่ารักกว่ามาก”

“น้อยใจแทนน้องขิมเลย จะว่าไปก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว นิ่มไปต่างประเทศ ส่วนน้องก็คงวุ่นกับเรื่องเรียน ได้ยินว่าใกล้จบแล้วด้วย นิ่มทักไลน์ก็ไม่อ่านไม่ตอบด้วยนะ ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไลน์ใหม่ไปหรือยัง”

“พี่ก็ไม่รู้”

เรื่องราวในอดีตคงมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่รู้และผมอิจฉาคุณนิ่มนิดๆ ที่ได้อยู่ในทุกช่วงเวลาของคุณธนิก มิสเตอร์ทีเคยบอกผมว่าคู่หมั้นของคุณธนิกนั้นหมั้นกันมานานแล้ว ตามประสาพวกลูกคนรวยที่ผูกชะตากันไว้ตั้งแต่เกิด นอกจากเพื่อนสนิทของคุณธนิกก็คงจะมีคุณนิ่มที่อยู่ด้วยกันมานาน เธอคนนี้คงมีความสำคัญไม่น้อย ถึงไม่ใช่ในฐานะคนรักก็เป็นในฐานะน้องสาว แต่อย่างน้อยเธอก็สามารถอยู่ในฐานะภรรยาของเขาได้ ส่วนผมเป็นคนรักที่อยู่ในฐานะน้องชายและไม่สามารถเป็นมากกว่านี้ได้

“พี่ธนิกมีประชุมต่อจากนี้นี่คะ เราไปกันเลยมั้ย ไปกินข้าวกันก่อน นิ่มหิวแล้ว”

“ครับ งั้นนิ่มไปรอพี่ที่รถก่อนได้ไหม พี่มีเรื่องจะคุยกับแนนสักสิบนาที”

“อ๋อ ได้ค่ะ นานๆ ก็ได้ นิ่มรอได้ ไม่ต้องรีบค่า จะแวะซื้อเค้กที่ร้านกาแฟชั้นล่างด้วย น้องแนน พี่ไปก่อนน้า ดูแลตัวเองจ้า”

“ขอบคุณครับคุณนิ่ม”

ผมได้ยินเสียงเปิดประตูและปิดตามลง คุณนิ่มคงออกไปแล้ว ถ้างั้นตอนนี้ในห้องก็คงเหลือแค่ไอ้แนนกับคุณธนิกที่จะพูดคุยกันด้วยเรื่องอะไรสักอย่าง ผมไม่อยากเสียมารยาทเลยแต่ให้หลับจริงๆ ก็หลับไม่ได้อีก เพราะมีเรื่องให้คิดจนปวดหัว

ผมเฝ้ารอให้บทสนทนาเริ่มขึ้นแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงใดๆ จากนั้นไม่นานก็มีเสียงประตูเปิดอีกครั้ง ก่อนเสียงลากเก้าอี้จะดึงขึ้นใกล้ๆ ไม่นานหลังจากนั้นมือของผมก็ถูกคว้าไปกุมไว้ ซึ่งทำให้ผมแน่ใจว่าเสียงประตูที่เปิดนั้นคนที่ออกไปข้างนอกก็คือไอ้แนน

“ขวัญ” เสียงเรียกของคุณธนิกทำให้ผมไม่อาจแกล้งหลับตาได้อีกต่อไป ผมลืมตาขึ้น มองสบตากับเขา แววตาที่ปิดบังความรู้สึกกลับมาอีกครั้ง “เป็นไงบ้างเรา”

“ดี...ครับ”

“อืม ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว”

ผมยิ้ม แน่ใจว่ามันไม่ใช่การฝืน ผมยิ้มเพราะตอนนี้เขาไม่ได้กำลังร้องไห้อยู่ ภาพที่เขาร้องไห้ยังตามหลอกหลอนผม แต่ว่า...น้ำตาของเขาหายไปแล้ว...หายไปพร้อมกับความรู้สึก

“พี่…” เขาพูดแค่นั้น สีหน้าที่นิ่งเรียบย่ำแย่ลงทุกขณะที่เวลาเดินผ่าน ผมนิ่งฟัง ได้ยินแม้แต่เสียงเข็มวินาทีบนนาฬิกาข้อมือของเขา “พี่กำลังจะแต่งงานนะ”

ผม...

ควร...

รู้สึก...

ยังไง...

นี่ผมคงยังไม่ตื่นจากฝันร้ายใช่ไหม ผมยังติดอยู่ที่สถานีรถไฟนั้น ยังเห็นเขาร้องไห้ ยังจับมือเขาไว้แล้วกำลังจะเดินขึ้นรถไฟเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน

“อีกสามเดือน”

รถไฟออกวิ่งไปแล้ว แต่ผมขึ้นไม่ทัน

“ครับ”

ผมวิ่งตามไม่ทันแล้ว

“มางานพี่ด้วยนะขวัญ”

รถไฟเร่งความเร็ว ไปไกลจนผมเห็นเพียงแค่ท้ายขบวนรถ

“ครับ”

ผมยิ้มแม้จะเห็นเพียงแค่เท่านั้น

“อยู่ได้ใช่มั้ย”

ยิ้มให้กับคำลาและเฝ้ารอการกลับมาของรถไฟขบวนเดิม

“ได้...ครับ”

ผมอยู่ที่เดิมตามคำสัญญาและจะอยู่ได้เป็นอย่างดี

“ไม่ต้อง...ห่วงผมครับ...คุณธนิก”

มีความสุขนะครับ เหนื่อยเมื่อไหร่ก็กลับมาหาผมนะ

“ผม...โอเค”

คุณธนิกลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้ม แววตาของเขาไม่ใช่ธุระที่ผมจะต้องอ่านความนัยออกอีกแล้ว เขาบีบมือผมเบาๆ ก่อนที่จะผละออกไป ปล่อยให้ไออุ่นนั้นจางหาย แต่หัวใจของผมรับรู้ถึงความอบอุ่นจากมือของเขาแล้ว เรามองกันเพียงครู่ จากนั้นเขาจึงหันหลังเดินไปที่ประตู ในขณะที่ผมทำได้แค่เพียงมองประตูที่เปิดออกและปิดลงตามเดิม เหลือแค่เพียงตัวผมที่อยู่เพียงลำพัง

ผมยิ้มรับกับความเจ็บปวด มันเจ็บยิ่งกว่าที่คาดคิดแต่ผมจำเป็นต้องอยู่ให้ได้ รถไฟด่วนพิเศษที่จะพาผมไปเจอความสุขออกไปแล้ว แต่นิทานที่ผมกำลังอ่านนั้นชายขอทานยังคงต้องเดินต่อเพื่อส่งเจ้าชายกลับปราสาท แต่ที่ข้างๆ เจ้าชายในตอนนี้เป็นของเจ้าหญิงไม่ใช่ชายขอทาน เจ้าหญิงคนสวยถูกส่งออกจากปราสาทมาเพื่อร่วมเดินทางไปกับเจ้าชาย ส่วนชายขอทานได้แค่เดินตามหลังคนทั้งคู่ ที่ต้องเป็นอย่างนี้คงได้แต่โทษราชินีที่เปลี่ยนบทในนิทานตามใจชอบ

ผมได้แต่คิดว่าทำไมบทบาทในนิทานต้องเป็นไปตามที่ราชินีกำหนด ราชินีที่เปรียบดั่งแม่เลี้ยงใจร้ายของสโนไวท์ที่ขับไล่ให้เจ้าชายตัวจริงกลับกลายเป็นเพียงแค่ชายขอทาน ผู้กำหนดบทบาทในนิทานควรจะเป็นของชายขอทานที่เป็นตัวหลักไม่ใช่หรือ

ผมครุ่นคิดถึงบทบาทสำคัญของชายขอทาน จะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีปราสาทให้เจ้าชายได้กลับไป จะเป็นอย่างไรถ้าเจ้าหญิงหายไปในระหว่างการเดินทาง จะเป็นอย่างไรถ้าเหล่าขุนนางที่เต็มไปด้วยความละโมบกำจัดราชินีใจร้ายลงได้

ผมส่ายหน้าเมื่อนึกได้ว่าไม่ว่าจะสมมติฐานไหน ชายขอทานก็ยังเป็นได้แค่ชายขอทาน กะลาทองคำที่ถืออยู่คงไม่สามารถขว้างใส่ยอดปราสาทให้พังทลายลงได้ เอาไปตีหัวเจ้าหญิงก็ดูจะใจร้ายเกินไป หรือจะเอาไปติดสินบนกับเหล่าคุณนางให้กำจัดราชินีแต่ก็คงไม่มีอะไรการันตีว่าสุดท้ายแล้วจะไม่โดนกำจัดเสียเอง

เฮ้อ...เพราะพระราชาที่อ่อนแอแท้ๆ เชียว ชายขอทานถึงต้องมาลำบากเกินตัวขนาดนี้ ทำอะไรไม่ได้ได้แต่เอากะลาทองคำมารองน้ำตาตัวเอง



*****************

[ต่อด้านล่าง]

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 01-10-2018 18:36:38
Monday, 08:20 PM

เขมินทรา: ตายหรือยังพี่

เขมินทรา: อยากไปเยี่ยมแต่หมาที่เฝ้าดุเป็นบ้า

เขมินทรา: ถ้าว่างออกมาเจอกันหน่อยไหม

เขมินทรา: ผมรู้นะว่าใครสั่งยิง

เขมินทรา: ไม่อ่านไม่ตอบอย่างนี้นอนจมน้ำตาตายไปแล้วหรือเปล่า

เขมินทรา: มั่นหน้าว่าเขาจะรักแล้วเป็นไง อีกสามเดือนแต่งงาน

เขมินทรา: เตือนแล้วแท้ๆ ไอ้พี่โง่





ผมเหลือบตามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงผู้ป่วยอย่างเบื่อหน่าย เขมินทรารัวข้อความมาอีกแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่หยุดรัวจนกว่าผมจะตอบ เพราะนี่ก็เป็นวันที่สามแล้วมั้งที่ไอ้แฝดบ้าบอของผมติดต่อมา

ผมขยับตัวเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มือถือ ระมัดระวังแผลไม่ให้ปริยิ่งกว่าชีวิต แม้จะขยับเขยื้อนได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังกังวลตอนที่ขยับตัวอยู่ดี





ขวัญพัฒน์: ยังไม่ตายครับไอ้น้องโง่

ขวัญพัฒน์: มีอะไรก็พูดมาตรงนี้

ขวัญพัฒน์: ไม่มีอารมณ์ไปเจอใคร

เขมินทรา: กว่าจะตอบ นึกว่าโดนยิงจนโง่ยิ่งกว่าเดิมแล้วตอบไลน์ไม่เป็น

ขวัญพัฒน์: ผมบล็อกนะ

เขมินทรา: เดี๋ยว!

เขมินทรา: มาคุยเรื่องพี่ธนิก

เขมินทรา: ทำไมไม่รั้งเขาไว้ เขากำลังจะแต่งงานนะ จะไปเป็นของคนอื่นแล้ว

ขวัญพัฒน์: อยากรั้งก็รั้งเอง มีค่าพอไม่แย่งใคร

เขมินทรา: มีค่าหรือหน้าโง่

ขวัญพัฒน์: ไอ้ขิม มึงจะเอายังไง

เขมินทรา: กระสุนเปลี่ยนนิสัยเหรอหรือหัวร้อนเป็นปกติ

ขวัญพัฒน์: กูเลือกปฏิบัติ คนอย่างมึงพูดดีไม่ได้แล้ว

เขมินทรา: กูน้องมึงนะ ทำดีกับกูบ้าง

ขวัญพัฒน์: น้องเหี้ยน่ะสิ สั่งคนมาดักอุ้มกู

เขมินทรา: กูสั่งจริง แต่คนที่ยิงมึงไม่ใช่คนของกูจ้า

ขวัญพัฒน์: มึงรู้อะไรมา

เขมินทรา: มึงเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไปไง เลยโดนสอยร่วง

เขมินทรา: ออกมาเจอกันหน่อย มีเรื่องคุย

ขวัญพัฒน์: โทษทีนะขิม กูไม่โง่ไปให้มึงฆ่าหรอก

เขมินทรา: ต่อให้กูจะเกลียดมึงแต่กูก็ใจเหี้ยมไม่พอฆ่าคนที่หน้าเหมือนตัวเองนะ แค่เห็นแผลบนหน้ามึงกูก็เจ็บแล้วไอ้สัดพี่ แต่ถ้าสั่งคนทำก็อีกเรื่อง กูไม่ให้เลือดมึงเปื้อนมือกูหรอก ฉลาดพอ

ขวัญพัฒน์: เออ ก็ดี ได้ยินแล้วค่อยสบายใจ แต่กูยังอยู่โรงบาลอีกสองวัน

เขมินทรา: เจอได้เมื่อไหร่

ขวัญพัฒน์: วันอาทิตย์ละกัน

เขมินทรา: เออ รีบมาให้กูยิงหัวมึง

ขวัญพัฒน์: กูมีพันธมิตร มึงยิงหัวกูเมื่อไหร่ หัวมึงก็โดน จบเรื่องแบบแฮปปี้ คนอื่นก็ได้สมบัติพ่อมึงไป

เขมินทรา: แอ๊บใสมานาน พี่ธนิกคงไม่มีวันรู้ว่าคนน่ารักของพี่แม่งก็เหี้ยไม่ต่างจากกูหรอก มึงนี่เป็นคนยังไงนะ มีหลายร่างเหรอไอ้สัดพี่

ขวัญพัฒน์: ก็เพราะกูเป็นพี่มึงไงเขมินทรา สันดานเหี้ยถ่ายทอดกันได้ แต่เนื้อแท้กูเป็นพลเมืองดีที่ไม่ชอบวุ่นวาย กูบอกมึงแล้วว่ากูเลือกปฏิบัติ :)

เขมินทรา: แล้วแต่เลย กูไม่ใส่ใจ ว่าแต่มึงจะปล่อยพี่ธนิกแต่งงานจริงเหรอ มึงไม่รักพี่ธนิกเลยรึไง มึงยอมเหรอวะ

ขวัญพัฒน์: มึงไม่ยอม?

เขมินทรา: เออ ใครจะไปยอม กูยอมให้มึงได้ไปดีกว่าคนอื่นได้ เพราะยังไงมึงก็หน้าเหมือนกู

ขวัญพัฒน์: เรื่องของมึงครับ แต่บอกเลยว่าพอมึงพูดอย่างนี้กูแทบจะหามีดมากรีดหน้าตัวเอง

เขมินทรา: มึงมันพี่เหี้ยอะไอ้ขวัญ ไม่เคยคิดช่วยน้องอย่างกู ให้ทำอะไรก็ไม่เคยทำให้ เกิดมาหน้าเหมือนกูซะเปล่า ไร้ประโยชน์ รกโลก น้าตายก็ไม่คิดแก้แค้น หมาตายก็ไม่หือไม่อือ มึงเกิดมาทำไมไอ้ขวัญ เกิดมาแดกแล้วตายไปรึไง

ขวัญพัฒน์: ถ้าตอนเกิดกูรู้ว่าโตมามึงจะเป็นอย่างนี้ กูจะเอาเท้ายันหน้ามึงไม่ให้ตามกูออกมาเลยนะ ออกมาแล้วสร้างแต่เรื่อง กูก็อยู่ของกูดีๆ ดึงกูเข้ามาวุ่นวาย กูเก่งแค่ขับมอเตอร์ไซค์ ไม่เก่งเรื่องแย่งของ รู้ไว้!

เขมินทรา: ไม่เก่งก็แค่เป็นผู้ช่วยของกู กูบอกแล้วว่ากูแย่งเอง กูแค่พลาดเซ็นเอกสาร แต่มึงก็ไม่ช่วย แถมยังจะไปช่วยลูกของศัตรูที่ฆ่าแม่

ขวัญพัฒน์: ไม่เรียกพลาด กูเรียกโง่ มึงก็ไม่ได้ต่างจากกูไอ้ขิม มึงหลงเขาจนยอมยกให้เขาเอง ลายเซ็นมึงสวยจนกูรู้เลยว่าไม่มีใครบังคับให้มึงเซ็นแน่ๆ แม่งคงจับปากกานั่งไขว้ห้างเซ็นด้วยซ้ำ

เขมินทรา: มึงเห็นเอกสารแล้วเหรอ แล้วได้มามั้ย

ขวัญพัฒน์: ได้ มันเคยอยู่ที่กู พี่นิกไว้ใจให้กูเอง แต่ตอนนี้พันธมิตรกูเก็บไว้ กูบอกเขาไว้ว่าถ้ากูตายก็ช่วยจัดการเรื่องต่อให้ด้วย มึงจะไม่ได้สักแดงเลยนะไอ้น้องโง่ ที่จริงพี่นิกให้กูตัดสินใจด้วยซ้ำว่าจะทำยังไงกับเอกสารของมึง แต่กูไม่ช่วยมึงจ้าไอ้น้องเหี้ย พี่นิกต้องได้คนเดียว กูบอกแค่นี้

เขมินทรา: กูเกลียดมึงจนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้วไอ้เหี้ยเอ้ย!

เขมินทรา: แต่มึงไว้ใจคนอื่นมากเกินไปมั้ย หึ เดี๋ยวกูหาทางเอาคืนมาได้เอง ไม่ต้องพึ่งพี่นรกอย่างมึง

ขวัญพัฒน์: กูไม่ได้ไว้ใจใคร แต่เพราะเป็นผลประโยชน์ของพี่นิก พันธมิตรกูไม่มีทางปล่อยหลุดมือหรอก อีกอย่างนะไอ้ขิม ก่อนที่มึงจะหาเอกสารโง่ๆ นั่น มึงจัดการคนอื่นก่อนเถอะ

เขมินทรา: ไม่บอกกูก็คิดได้เอง ไม่เสียเวลานั่งโง่ทำตัวน่ารักเหมือนมึงหรอกนะ

ขวัญพัฒน์: งั้นอีกสามเดือนล่มงานแต่งสิ เรื่องแค่นี้กูไม่บอกมึงก็คิดได้ใช่มั้ย

เขมินทรา: จะยืมมือกูเหรอ คนนิสัยดีอย่างมึงทำไม่ได้ว่างั้น เก่งแต่ทำตัวน่าสงสาร

ขวัญพัฒน์: สมกับที่เป็นฝาแฝดกู อยู่ด้วยกันแค่ในท้องแม่แต่ทำไมรู้ใจจังวะ นี่ถ้าไม่ติดว่ามึงเป็นน้องนรก กูจะหอมหัวให้รางวัล

เขมินทรา: ขยะแขยงไอ้พี่เหี้ย ไว้มาเจอกูวันอาทิตย์แล้วกูจะให้คำตอบว่าจะล่มงานให้มึงมั้ย

ขวัญพัฒน์: ไม่ได้เพื่อกู แต่เพื่อพี่นิก เขายังไม่พร้อมมีห่วงผูกคอตอนนี้ เพราะแต่งเร็วกว่าแพลนที่มิสเตอร์ทีบอกกูไว้ กูไม่อยากให้เขาทรมานไปมากกว่านี้

เขมินทรา: เออ เรื่องนี้กูก็รู้ เพราะกูก็รู้จักพี่นิ่ม ถือว่ากูเข้าใจก็แล้วกัน แต่งอีกสามเดือนแต่ร่อนการ์ดเชิญให้กูแล้ว

ขวัญพัฒน์: ทีเรื่องพี่นิกมึงเข้าใจง่ายจังเลยนะ

เขมินทรา: ผัวกูเหมือนกันจ้า

ขวัญพัฒน์: ไอ้มือปืนที่ยิงกูมันหายหัวไปไหนวะ จะจ้างไปยิงมึงอีกคน เป็นของเก่าอย่าเจ๋อให้มาก

ขวัญพัฒน์: แต่มึงก็ระวังไว้เถอะ ยิงผิดตัวตายฟรีไม่รู้ด้วย

เขมินทรา: ก่อนหน้ามึงสามวันกูโดนยิงถากแขนเลือดอาบไปแล้ว ฟาดเคราะห์ก่อนมึงอีกไอ้พี่เหี้ย

ขวัญพัฒน์: ทำไมไม่ตาย น่าจะเดี้ยงไปนานๆ ยิงปากมึงด้วยก็น่าจะดีแต่ดันโดนแค่แขน ทียิงกูล่ะเสือกแม่น

เขมินทรา: มึงอ้วนไง ตัวกูบางกว่า พื้นที่กระสุนเจาะมีน้อย

ขวัญพัฒน์: เออ ระวังตัวไว้ละกัน ตายก่อนพ่อแน่ปากอย่างมึง

เขมินทรา: พูดถึงพ่อ มึงเคยเจอพ่อมั้ย

ขวัญพัฒน์: เคย แล้วมึงล่ะ

เขมินทรา: เขาไม่มาหากูเลย

ขวัญพัฒน์: แต่มึงเคยเจอแม่

เขมินทรา: ครั้งเดียวก่อนเขาตาย ไม่ได้ตั้งใจด้วย แค่บังเอิญเจอ

ขวัญพัฒน์: แม่หน้าตายังไง สวยมั้ย

เขมินทรา: ตอนกูเจอ สภาพไม่น่าดูหรอก แต่น่าจะสวยมั้ง แล้วพ่อล่ะ

ขวัญพัฒน์: จำหน้าไม่ได้ กูไม่ได้สนใจ นึกว่าเป็นชู้น้าลี กูเลยไม่ชอบ

เขมินทรา: มึงสนใจใครบ้างเถอะบนโลกนี้ ขนาดกูเป็นน้องก็ไม่สนใจกู

ขวัญพัฒน์: เลิกสั่งคนมาอุ้มกูก่อน ค่อยมาขอความรัก

เขมินทรา: ใครขอความรักจากมึงไม่ทราบ

ขวัญพัฒน์: มึงไงไอ้น้องนรก

ขวัญพัฒน์: นี่ไอ้ขิม มึงคงไม่คิดส่งคนปลอมเป็นหมอมาฆ่ากูใช่ไหม หมอแม่งแปลกๆ กูเจอหมอเจ้าของไข้กูทุกวัน เมื่อเช้ามาแล้ว เย็นก็มาแล้ว แต่นี่สามทุ่มไม่น่ามา แต่มายืนจ้องกูอยู่เนี่ย

เขมินทรา: กูจะฆ่ามึงทำหอกอะไรตอนนี้ล่ะ นัดเจอกันวันอาทิตย์ มึงตายก่อนแล้วจะให้กูจุดธูปเรียกคุยเรอะ

ขวัญพัฒน์: กูว่าหมอแม่งมองกูแปลกๆ มันใส่แมสก์ด้วย ไม่เห็นหน้า กูควรทำไงวะ

เขมินทรา: มึงอยู่คนเดียวเหรอ เพื่อนหมาบ้ามึงล่ะ

ขวัญพัฒน์: ส่งข้าวให้เมีย ไอ้ขิม มึงแจ้งตำรวจให้กูดิ๊

เขมินทรา: ตายไปเลยจ้า มึงชอบกินอะไรพิมพ์ไว้ กูจะทำบุญไปให้

ขวัญพัฒน์: ไอ้ขิม หมอแม่งปลดเข็มขัดแล้ว รูดซิบกางเกงด้วยยย

เขมินทรา: ข่มขืนก่อนเหรอ? ทำไมมันสิ้นคิดจังวะ กูว่ามันโรคจิตแน่ๆ ขนาดมึงเล่นมือถือมันก็ยังปล่อยให้มึงพิมพ์ ผิดวิสัยคนร้ายที่ควรจะเข้ามาแย่งตั้งนานแล้ว

ขวัญพัฒน์: มันล็อกประตูก่อนเข้ามาด้วยไอ้ขิม กูนอนเดี้ยงคลุมโปงแอบมองมันอยู่เนี่ย มันยังไม่เห็นว่ากูเล่นมือถือ มึงโทรแจ้งตำรวจยัง

เขมินทรา: ไอ้สัดพี่ งั้นมึงแหกปากดังๆ เลย เดี๋ยวกูว่างเมื่อไหร่โทรแจ้งตำรวจให้

ขวัญพัฒน์: มึงว่างแล้วก็โทรเรียกมูลนิธิฯ มาเก็บศพกูละกันไอ้น้องนรก

เขมินทรา: โทรเรียกทำไม มึงอยู่โรงบาล ตายก็เข้าห้องดับจิตได้เลย

ขวัญพัฒน์: ไอ้ขิม หมอหยิบเข็มแล้ว

เขมินทรา: แล้วมึงจะพิมพ์หากูยิกๆ ทำไมเนี่ย วิ่งหนีไป!

ขวัญพัฒน์: แผลกูจะปริ กูถอดสายน้ำเกลือเองไม่ได้ เลือดกูจะทะลัก!

เขมินทรา: เหี้ยย แล้วเอาไงเนี่ยยย กูโทรแจ้งแล้วแต่แม่งถามวกวนเหี้ยไรไม่รู้ คนของกูแม่งก็ไปลงอ่างกันหมด พี่มึง เอาไง มีใครอยู่แถวนั้นบ้าง ห้องพักคนป่วยหรือป่าช้า ไม่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเรอะ แหกปากดังๆ

เขมินทรา: ไอ้ขวัญ

เขมินทรา: ไอ้พี่ขวัญ

เขมินทรา: พี่!

เขมินทรา: สัด อย่าเงียบ อย่ามาตายตอนที่คุยกับกูนะเว้ย กูไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยกับมึง เกิดก็ดันมาเกิดพร้อมกัน จะตายกูต้องรู้กับมึงด้วยเหรอ

เขมินทรา: ไอ้สัดพี่! อย่าเงียบ กูใจไม่ดี มึงถ่วงเวลาไว้อีกครึ่งชั่วโมง กูจะพาตำรวจเข้าไป

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

เขมินทรา: ...

ขวัญพัฒน์: ไม่ต้องละมึง

ขวัญพัฒน์: พี่นิกมาหากู

เขมินทรา: ไอ้เวรเอ้ย!

ขวัญพัฒน์: โทษๆ กูระแวงไปเอง แต่งตัวเหมือนหมอเจ้าของไข้กู เชิ้ตขาวกางเกงแสลค เบสิคฉิบหาย

เขมินทรา: ควายยย ไอ้พี่เหี้ยอย่างมึงนี่มัน กูหมดคำพูด

เขมินทรา: เจอกันวันอาทิตย์กูจะเอามีดแทงมึง

ขวัญพัฒน์: แทงด้วยความรักเหรอ

เขมินทรา: ความเกลียดชังไอ้สัด

ขวัญพัฒน์: เรื่องของมึงครับ แต่ว่านะไอ้ขิม

ขวัญพัฒน์: ขอบใจว่ะ มึงแม่งรักกูด้วยเหรอเนี่ย

เขมินทรา: กูไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยกับมึงก่อนตายเว้ย

ขวัญพัฒน์: ที่จริงนะไอ้ขิม กูก็ไม่ได้เกลียดการมีน้องชายนักหรอก

เขมินทรา: ...

เขมินทรา: กูก็เหมือนกัน





“ทำไมมาดึกขนาดนี้ หมดเวลาเยี่ยมแล้วไม่ใช่เหรอครับ” ผมวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวหลังจากลบบทสนทนากับเขมินทรา ก่อนจะตั้งคำถามกับบุรุษหนุ่มร่างสูงที่เล่นเอาเกือบหัวใจวายเพราะดันปิดหน้าไปซะครึ่งหน้าแถมยังทำตัวน่าสงสัย

“คิดว่าขวัญนอนแล้ว ก็เลยมา” คุณธนิกตอบเสียงเรียบ เขากลับไปสวมแมสก์ตามเดิมแล้ว เพราะเมื่อกี้ถอดออกเพื่อไม่ให้ผมส่งเสียงโวยวาย อีกนิดถ้าไอ้แฝดน้องของผมมันคุยกับตำรวจรู้เรื่องคงได้ถูกจับไปแล้ว ดันมาแสดงบทคนโรคจิตให้ใจหายใจคว่ำ

“ทำไมมาตอนผมตื่นไม่ได้ล่ะครับ” ผมเอียงคอมองคนที่นั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง เห็นแค่ดวงตาก็เลยไม่รู้ว่ากำลังทำหน้ายังไง “ป่วยเหรอ ทำไมต้องใส่ผ้านี่ด้วย”

“เปล่า” เขาปฏิเสธ “ไม่ได้ป่วย”

“ตอบคำถามก่อนหน้า”

“ไม่ขอตอบ”

ต่อให้เขาไม่พูด ผมก็รู้คำตอบดี แค่อยากถามให้ได้ยินจากปากเท่านั้น

“คุณนิ่มล่ะครับ วันนี้ไม่อยู่ด้วยกันเหรอ”

คำถามของผมทำให้คิ้วเข้มๆ ใต้ผมหน้าที่ไม่ได้ถูกเซ็ตเสยไปข้างหลังขมวดมุ่น “ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันทุกวันไหม”

“แล้วทุกคืนล่ะ”

“นอนคนเดียว นิ่มเป็นผู้หญิง” เขาบอกเสียงเข้ม “พี่ให้เกียรติ”

“หลังจากแต่งงานก็จะนอนเหรอ”

“เข้าหอก็ต้องนอน”

“คืนเข้าหอมาหาผมสิ”

“ขวัญพัฒน์” เขาเรียกเสียงดุ แววตาที่มองผมก็ดุตามไปด้วย “พี่แค่มาเยี่ยม อย่าคิดไกล”

“พี่นิก”

“อย่าเรียกแบบนี้”

บทเขาจะใจร้าย...แม้แต่ชื่อที่เขาชอบให้เรียกก็ยังไม่อนุญาตเลย

“ก็ได้ครับคุณธนิก”

เขาพยักหน้า ท่าทางพึงพอใจ ก่อนจะถาม “แล้ว...เป็นไงบ้าง”

“ใกล้หายแล้วครับ ไกลหัวใจ”

“ปากเก่ง”

“ต้องเก่งแล้วครับ ต้องเก่งทุกอย่างเพราะต้องดูแลตัวเอง แฟนอยู่ด้วยไม่ได้แล้ว” ผมยิ้มให้เขา แน่ใจว่าเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ฝืน แต่ไม่แน่ใจว่าจะสดใสดังเดิมหรือไม่ “ผมเผลอทำหายที่สถานีรถไฟ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็น เขากำลังร้องไห้ ไม่รู้ว่ายังร้องไห้อยู่มั้ย ไม่เจอผมเขาอาจจะเศร้าอยู่ก็ได้”

“ไม่หรอก เขาสบายดี” คุณธนิกตอบ “มีความสุขมากด้วย”

“เหรอครับ”

“แล้วเราล่ะ”

“ผมก็โอเคครับ สบายดี ถ้าแผลหายก็จะสบายดีมากขึ้น”

แม้จะไม่ได้เห็นริมฝีปากที่ถูกผ้าปิดจมูกบดบัง แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังยิ้ม

“ขวัญ”

“ครับ”

“มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวมั้ย”

ตอนนี้ผมไม่ขออะไรมาก แค่อยากไลน์หาไอ้แฝดนรกให้มันส่งคนมายิงหัวผมให้ตายไปซะ เพราะผมก็ชักสงสัยว่าผมเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อร้องไห้แล้วตายไปเหรอ!

“เตรียมชุดให้ผมด้วยครับ” คำตอบของผมก็คือไม่ ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อร้องไห้แล้วก็ตายไปอย่างน่าสมเพช แต่ผมเข้มแข็งพอจะอยู่รอดูไอ้แฝดนรกล่มงานแต่ง เรื่องนี้ผมเชื่อใจมันเกินร้อยว่ามันทำได้ “ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าทำไมไม่เลือกพี่โมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว”

“แล้วทำไมไม่ถาม รู้คำตอบเหรอ”

“รู้ครับ” ผมพยักหน้าพลางให้คำตอบ “เพราะคนหล่อมักใจร้าย นอกจากจะเปลี่ยนผมเป็นน้องชายแล้วยังให้ผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ดีครับ...ทำได้ดี ขอชื่นชม”

“เราประชดพี่เหรอขวัญ”

“ด่าครับ”

“ขวัญพัฒน์”

ผมไหวไหล่ ยักคิ้วใส่เขา “แต่วันงาน พี่นิกต้องถ่ายรูปคู่กับผมนะ ใครจะมองว่าผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวก็ช่างเขา แต่พี่นิกรู้นี่ว่าในใจพี่ผมเป็นใคร”

“พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะน้องขวัญ” น้ำเสียงเขาเข้มอีกแล้ว ทำตาดุอีกตามเคย

“ผมน่ารักสำหรับพี่นิกตลอดแหละ ผมรู้” ดุไปเถอะ ผมไม่สนใจหรอก ปล่อยให้ผมได้พูดเรื่อยเปื่อยให้สบายใจก็พอแล้ว

“น้องขวัญดื้อ”

“น้องดื้อกับพี่นิกคนเดียว” ผมคลี่ยิ้มให้เขา ไม่กล้าที่จะยื่นมือไปแตะต้องคนตรงหน้า แม้ว่าผมจะอยากกุมมือเขาเอาไว้ แต่เพราะเราบอกลากันแล้ว ผมก็แค่พูดเอาแต่ใจไปอย่างนั้น ต่อชีวิตของตัวเองไปวันๆ เสริมกำลังใจให้กับการรอคอยรถไฟขบวนเดิมอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ผมอาจจะตายไปก่อนหรือแก่จนเดินไม่ไหวก็ตอบไม่ได้เหมือนกันเพราะเป็นเรื่องของอนาคต

“พี่ต้องกลับแล้ว” เขามองโทรศัพท์มือถือแล้วพูดขึ้น คุณนิ่มคงไลน์มาตามเพราะผมเห็นแจ้งเตือนบนหน้าจอ

“ครับ กลับดีๆ นะ” ผมยิ้มส่งให้เขา “แล้วก็...ไม่ต้องมาหาแล้วนะครับ ผมสบายดี”

“อืม”

“เจอกันที่บ้านครับ”

“พี่…" เขาเอาอีกแล้ว หยุดพูดให้ผมต้องลุ้น เพราะพอเขาทำแบบนี้ทีไร เมื่อเขาพูดขึ้นมา ความเจ็บของผมก็จะเริ่มต้น...ครั้งแล้วครั้งเล่า “พี่จะไปอยู่คอนโดฯ มันอยู่ใกล้ที่ทำงานแล้วก็...”

“อยู่ใกล้คุณนิ่ม” ผมต่อท้ายให้ด้วยรอยยิ้ม “พี่โมบอกผมแล้วครับ เขาจะมาอยู่เป็นเพื่อนผมแทนคุณธนิก”

“อืม” เขารับคำ แววอาวรณ์ในดวงตาทำให้ผมเสมองไปทางอื่น “อย่าดื้อกับโมนะขวัญ”

“ผมก็บอกไปแล้วนี่ครับว่าผมไม่ดื้อกับคนอื่น” ไม่มีอะไรยากไปกว่าการยิ้มทั้งที่ในใจกำลังเจ็บ ผมเคยคิดนะว่าข้อสอบคณิตศาสตร์เป็นอะไรที่ยากเกินสมองของผมรับไหว แต่พอเจอคุณธนิก ข้อสอบที่คิดว่ายาก...ง่ายขึ้นมาทันตาเห็น “ไปเถอะครับ อย่าให้เขารอ”

“ครับ” เขาพยักหน้าแล้วฝากถ้อยคำให้ผมนอนร้องไห้ไปจนเช้า “นอนได้แล้วนะ ฝันดีครับขวัญ”

ฝันดีอะไรกัน...แค่ปลุกผมให้ตื่นจากฝันร้ายนี้ คำอวยพรให้ฝันดีก็ไม่จำเป็นแล้ว!

แต่ผมก็ได้แค่ท้วงอยู่ในใจและนี่คงเป็นอีกครั้งที่ผมได้แต่มองแผ่นหลังของเขา...ที่ห่างจากตัวผมไปไกลทุกที


............To be Continue....................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 01-10-2018 18:48:37
 :z3: :z3: :z3: :z3:  เจ็บไหม...เจ็บไหม
วันนี้ที่เธอถูกทิ้ง
เจ็บแผล เจ็บจริง เธอแทบจะทนไม่ไหว
แผลมันมองไม่เห็น จะใส่ยาตรงไหน...
ไม่อาจรักษาให้เธอ

แผลใจฉันก็เคยเจ็บมา น้ำตานั้นไม่ช่วยอะไร
มีเพียงความข่มขื่นลึกๆในใจ ลึกๆในใจ
วันเวลาเท่านั้นที่เหมือนเป็นตัวเยียวยา รักษาใจกันไป   :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-10-2018 19:17:33
เราชอบช่วงที่ขวัญคุยกับขิมมาก ทั้งสองคนเป็นตัวของตัวเองได้น่าหมั่นไส้สุดๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-10-2018 19:24:42
แย่มาก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 01-10-2018 19:38:50
ชอบตอนขวัญคุยกับขิมมาก ฟีลแบบ ยามศึกร่วมรบ ยามสงบเรารบกันเอง ด่ากันไปด่ากันมา เป็นห่วงกันซะงั้น
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 01-10-2018 19:46:50
 :hao5: ว่าแล้วเชียวววว ต้องมีคนตามมาแน่ ฮือออ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 01-10-2018 19:48:09
น้ำตาซึม สุดท้ายฆ่าแม่เลี้ยงใจร้ายก่อนเถอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-10-2018 20:41:28
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-10-2018 20:44:10
รักไม่ได้ ไม่ใช่ไม่รัก  เจ็บทั้งคู่เลย / ชอบแฝดเขาคุยกัน ดูน่ารักน่าชัง มุ้งมิ้งกันเชียว 55555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-10-2018 21:30:56
เราล่องลอยไปแล้ว  :z3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 01-10-2018 21:40:40
พี่นิกคือขัดใจแม่ไม่ได้เลยหรอ ชีวิตตัวเองทั้งคน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 01-10-2018 21:44:59
โอ้ยยยยยยยยใจร้าวสงสารนุ้งขวัญ แต่ขำช่วงพี่น้องคุยกันมากกกกก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 01-10-2018 22:08:06
ความรักคงไม่ช่วยอะไร เพราะอย่างไรคุณธนิกก็เลือกครอบครัวตัวเองอยู่ดี
การชวนเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวก็ดูจะใจร้ายเกินทำใจไหว
อ่านข้อความของสองพี่น้องแล้วกวนดีแต่ในใจก็คงผูกพันกันซักนิดอะนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-10-2018 22:18:47
ฮาพี่น้องคุยกัน 5555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-10-2018 22:21:57
จากที่เห็นแฝดคุยกันอย่างน้อยขวัญก็ยังมีขิม TT
ไม่น่าเกลียดกันขนาดนั้นหรอกมั้ง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 01-10-2018 23:01:39
พี่นิกนี่ใจร้ายกับน้องขวัญจังเลยเนอะ  :hao5:
พูดมาได้ว่าให้น้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว สงสารใจน้องไปหมดแล้วววว  :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 01-10-2018 23:21:49
ขอเปลี่ยนพระเอกค่าาา เอาเป็นพี่โมก็ได้ สงสารน้อง
 :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 02-10-2018 00:37:27
สงสารน้องขวัญ ฮือ อยากกอดน้องงงง ¥_¥
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-10-2018 01:11:50
ยังไงต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-10-2018 01:15:22
ไม่รู้เป็นไง แต่อยากเพิ่มนิ่มเข้าไปในฐานะผู้บงการฆ่า  :hao3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: mpalism31 ที่ 02-10-2018 03:25:48
เจ็บดีค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 02-10-2018 07:49:34
ไปๆมาๆขวัญ​กะแฝดน้องก็มีสายใยดีๆให้กันอยู่เนอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-10-2018 09:38:13
เหมือนพี่นิกเอามีดกรีดตัวน้องให้เป็นแผลซ้ำๆทั้งๆที่รักน้องทำไมใช้คำพูดทำร้ายน้องได้ขนาดนั้น ถ้าเราเป็นขวัญคงถามว่าพี่ต้องการอะไรจากผมอีกแต่เพราะมันไม่ใช่เลยได้แต่ล่องลอยอยู่แบบนี้ อีกอย่างหวังว่าโมคงไม่ใช่มิสเตอร์ทีนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 02-10-2018 10:01:12
ตอนนี้ไม่รู้จะไว้ใจใครแล้วขนาดมิสเตอร์ทียังไม่น่าไว้ใจ แล้วตกลงขวัญนี้ทันคนใช่ไหมฉากนอกแค่หลอกตาคนใช่ไหม ชอบที่พี่น้องคุยแชทตอนนี้จังให้ความรู้สึกอบอุ่นดี ชอบที่ขวัญเรียกไอ้น้องนรก ขิมเรียกไอ้สัดพี่ ตลกดีหรือเราโรคจิตหว่า
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: rcbpdr ที่ 02-10-2018 10:25:56
นอนน้ำตาไหลเป็นสาย อยากกอดขวัญแน่นๆ
ส่วนคุณธนิก สงสารเหมือนกันนะ
แต่เพราะความลังเลของตัวเองมันทำร้ายคนอื่นอ่าคุณ
พี่ก็จะรออยู่ที่สถานีรถไฟเป็นเพื่อนขวัญนะ ฮืออออ
ปล.พี่น้องฝาแฝดคู่นี้คือไปสุดมากจริง555555555
 ทั้งรักทั้งเกลียด เอ็นดูก็เอ็นดูแต่ก็บอกไม่ถูกเลย  :z6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 02-10-2018 10:46:23
อ่านตามทันแล้ว... เป็นนิยายที่จะเศร้าก็เศร้าไม่สุดเพราะถึงจะรักไม่ได้แต่เขาก็รักกัน...ใช่ไหมคะ? มิสเตอร์ทีคือคุณธ.ญาติคุณธนิกคนนั้นใช่ไหม  เป็นอีกคนที่อยู่ในสถานะรักไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมคะ... แต่ดีใจกับคุณธนิก ที่ถึงแม้จะต้องแบกความหวังของแม่ไว้มากมายและคิดว่าตัวเองถูกสาปไม่ให้มีความสุขแต่ก็ยังมีคนที่รักและหวังดีกับเขาจริงๆอย่างน้อยสองคนเลยนะ ดีใจกับคุณเขาจริงๆ ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไงแต่ทั้งหมดที่ได้อ่านและรู้จักคุณธนิกเราไม่โกรธหรือเกลียดคุณเขาเลย เป็นกำลังใจให้น้องขวัญด้วยนะคะ พลังบวกน้องเยอะมากๆและหวังว่าจะไม่หมดไปง่ายๆ เรื่องเพื่อนเจ้าบ่าวแอบคิดว่าพี่นิกอยากให้น้องอยู่เพราะเหมือนได้แต่งงานกันเอง แต่ขิมต้องล่มงานก่อนนะ แสบขนาดนี้แล้วต้องทำได้แหละ555555 เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-10-2018 15:15:40
ตอนเถียงกันเหมือนได้ปลดปล่อยเลย

ว่าแล้วเชียว มันต้องมีห่วงกันบ้างแหละ

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 02-10-2018 16:25:44
ดีใจที่น้องขวัญเข้มแข็งนะ ไปแต่งงานเลยคุณธนิกเพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับขวัญอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 02-10-2018 17:01:06
ทำไมว่าคุณธนิกรัก นี้รักหรอ ?
อ้อ รักกันแต่ทำร้ายกันขนาดนี้ วอนอย่ารักเลย
คนที่จะรักกัน เขาไม่ทำร้ายกันหรอกเนอะ 
 :z2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 17 01/10/2018 Page 15
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-10-2018 19:40:12
ฮึก..ขอบคุณนะคะ..ฮึก..ที่ไม่ให้ตอนนี้มันเศร้าเกินไป *ปาดน้ำตา*  :o12: :sad4:

คุณธนิกทำแบบนี้ทำไม ทั้งพานิ่มมาเยี่ยมน้อง ทั้งให้น้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว เดาแบบเข้าข้างคุณธนิกไว้ก่อนว่าน่าจะเป็นรีเควสจากนิ่ม แต่คุณธนิกจะปฏิเสธอะไรไม่ได้เลยเรอะ!!! ดูจากที่นิ่มตามคุณธนิกแจแล้วคิดว่าเธอน่าจะไม่ธรรมดา แต่ก็อยากให้ธรรมดาบ้าง แค่ราชินีใจร้ายก็หืดขึ้นคอแล้ว  :katai1:

ชอบที่ขวัญกับขิมคุยกัน แซะกัน อวดผัวกัน ตล๊ก

 :pig4:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 02-10-2018 20:16:30
ตอนที่ 18



ผมกำลังสงสัยว่าระหว่างแผลที่ถูกยิงกับแผลที่หัวใจอย่างไหนจะหายก่อนกัน หากถามไอ้แนนมันคงด่าผมว่าโง่มากที่แค่นี้ก็คิดหาคำตอบไม่ได้ เพราะแผลที่ร่างกายไม่นานก็จะหายดี แม้ว่าตอนที่มือลูบผ่านจะรู้สึกเป็นกังวลว่ามันจะเจ็บขึ้นมาอีกไหม แต่เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งมันจะหายสนิทซึ่งอาจหลงเหลือแผลเป็นให้ได้เห็นต่างหน้าอยู่บ้างก็ตาม ทว่าแผลที่ใจมันจะไม่หายดี ยิ่งหัวใจที่ถูกทำแผลสดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า...ถ้าอยากหายคงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้น

“มึงอยู่ได้แน่นะไอ้ขวัญ” ไอ้แนนถามย้ำเป็นรอบที่ล้าน มันตั้งท่าอยู่บนมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทเครื่องเรียบร้อยแต่ก็ไม่บิดคันเร่งออกไปเสียที “อยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียวเลยนะเว้ย”

“เออน่า กูอยู่ได้ พรุ่งนี้พี่โมก็เข้ามาอยู่เป็นเพื่อน” ผมตอบอย่างเอือมๆ กับความเป็นห่วงเกินเบอร์ของไอ้แนน “มึงเถอะ รีบกลับไปหาฝนได้แล้ว เมียกำลังท้อง ดูแลหน่อย”

“แต่มึงก็น่าเป็นห่วงไง เพิ่งโดนยิงมา” ไอ้แนนยังไม่คลายสีหน้ากังวล มันพูดไปถอนหายใจไป “อย่างน้อยให้กูบิดมอเตอร์ไซค์ไปส่งบ้านก็ยังดี”

“นั่งมอเตอร์ไซค์กูก็โดนสอยร่วงอีกดิวะ มึงรีบไปได้แล้วไอ้แนน ไม่ต้องห่วงกู”

“ก็ได้ๆ แต่มีอะไรก็ไลน์มานะเว้ย”

“เออๆ อย่าสั่งเสียเยอะ”

“ปากมึงนี่นะ กูไปแล้ว” ไอ้แนนส่งค้อนให้วงใหญ่ก่อนมันจะบิดคันเร่งขับออกไป เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่หน้าโรงพยาบาล

วันนี้หมอยอมให้ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมนอนนานกว่าเคสผ่าตัดทั่วไปเพราะคุณธนิกที่เป็นเหมือนผู้ปกครองไม่อนุญาตให้ออก เขามีอำนาจกว่าหมอเจ้าของไข้อีกนะคิดดูเถอะ แต่ผมก็ไม่ได้แย้งอะไร ไม่ต้องออกไปไหนก็ดีเหมือนกัน ได้นอนกระดิกเท้าสบายๆ อยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพี กินอยู่อย่างดี มีทีวีดูตลอดทั้งวัน ถือเป็นเรื่องดีๆ สำหรับคนช้ำรักอย่างผม ส่วนไอ้แนนก็มาเฝ้าบ้างตามโอกาสเพราะมันต้องดูแลเมียมันด้วย ผมจึงอยู่อย่างเงียบๆ เหงาๆ ซะส่วนใหญ่

แต่นั่นแหละ...ผมไม่เป็นไร

อย่างที่บอกกับคุณธนิกว่าผมโอเคกับทุกอย่างในตอนนี้

แม้จะรู้ว่าต้องกลับไปอยู่บ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่กับเขา มองเห็นความทรงจำที่เราทำร่วมกันเต็มไปหมด แต่...ใช่ครับ ผมอยู่ได้

ไหวไม่ไหว...ก็อีกเรื่อง

ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าระหว่างรอคนขับรถของคุณธนิกมารับ ตอนนี้ไม่กล้าเสี่ยงไปไหนมาไหนเอง แผลโดนยิงยังไม่หายดี ความเจ็บยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ คิดขึ้นเมื่อไหร่ก็เจ็บเมื่อนั้น ผมจึงเลี่ยงที่จะเอาตัวเองไปเสี่ยงโดนสอยอีกรอบ กลัวตายก็ยอมรับ แต่กลัวเจ็บมันมากกว่า เจ็บแล้วไม่ตายมันทรมานมากกว่าหลายร้อยเท่า

ท้องฟ้าวันนี้เป็นสีฟ้าตามชื่อเรียกของมัน มีเมฆสีขาวก้อนเล็กๆ แต้มอยู่ตรงจุดนั้นจุดนี้บ้าง แต่เท่าที่เห็นก็โล่งสบายตา แสงอาทิตย์อ่อนๆ ในยามเช้าก็ไม่ได้รบกวนการมองเห็นมากนัก ผมจึงเอาแต่ยืนมองราวกับคาดหวังว่าจะได้เห็นเรื่องมหัศจรรย์ปรากฎขึ้นบนนั้น แต่แท้จริงแล้วในหัวผมกลับว่างเปล่า

ผมก็แค่มองเห็น...แต่ไม่ได้คาดหวังให้มีอะไรเกิดขึ้นมา

เกือบยี่สิบนาทีที่ผมยืนรับลมและแสงแดดก่อนที่จะมีรถเบนซ์สีดำสวยมาจอดเทียบตรงหน้า ผมยกยิ้มให้กับชะตาชีวิตของตัวเอง เปรียบเทียบกับช่วงเวลาของชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากเป็นเมื่อก่อนผมคงซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไอ้แนนกลับไปนอนสำออยอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็กๆ นั้นแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องขึ้นรถราคาหลายล้านเพื่อกลับบ้านหลังใหญ่ที่ก็แค่ขนาดใหญ่ ไม่ได้เต็มไปด้วยความสุขเหมือนบ้านเช่าของผม

“อ้าว...” ผมร้องขึ้นแค่นั้นเพราะเมื่อเปิดประตูรถ คนขับที่ควรจะเป็นลุงกล้วยกลับกลายเป็นเจ้านายของลุงกล้วยเสียอย่างนั้น แต่ผมไม่อิดออดอะไรมาก ใครมารับก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วตอนนี้ ผมเข้าไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ ระมัดระวังตัวเองมากพอควรเพราะยังรู้สึกกังวลเรื่องแผลที่ท้อง

“ไม่ถามหน่อยเหรอ” คุณธนิกเอ่ยเสียงเรียบพลางถือวิสาสะคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผม จังหวะที่เราใกล้ ผมได้กลิ่นหอมจากตัวเขา เป็นกลิ่นสะอาดที่คุ้นเคย ทั้งที่ไม่ได้กลิ่นนี้มาหลายวันเพราะเขาไม่ได้มาเยี่ยมอีกหลังจากที่บุกมาในคืนนั้น ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่ก็ยังจำได้ดี

ผมนี่มัน...เหมือนหมายิ่งกว่าไอ้หลงอีกล่ะมั้ง

“ไม่ครับ” ผมตอบปฏิเสธ มองตรงไปข้างหน้า “รู้ว่ายังไงพี่ก็ต้องมา”

“ลุงกล้วยแค่ไม่ว่าง”

“ข้ออ้าง ผมรู้”

“พี่ให้ลุงกล้วยไปรับนิ่ม”

ผมแค่นยิ้ม รู้สึกอยากหัวเราะเพราะเขาดูเหมือนอยากยัดเยียดความเจ็บปวดให้กับผมเสียเหลือเกิน ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น หากมองสีหน้าผมบ้าง เห็นแววตาของผมบ้าง เขาก็คงจะรู้ว่าผมแทบจะไม่ไหวแล้ว

“พี่นิกแปลกเนอะ” ผมว่าพลางยกนิ้วไล้ไปตามสันกรามของเขา โดยที่เขาไม่ได้ปัดมือผมออก กลับทำแค่มองตาดุอย่างปรามๆ “ให้คนขับรถไปรับว่าที่เจ้าสาว แต่ตัวเองกลับต้องเสียเวลามารับน้องชายอย่างผม”

“ไม่มีใครว่างแล้วนอกจากพี่”

“ว่างแล้วทำไมไม่ไปรับคุณนิ่ม” คำถามของผมไม่ได้รับคำตอบ เขาเงียบ จงใจใช้สมาธิขับรถเพื่อหลบเลี่ยงความรู้สึก “ผมสำคัญกับพี่ นั่นแหละคำตอบ”

“ขวัญพัฒน์”

“ไม่ต้องเรียกเสียงดุครับพี่นิก”

“ดื้อใหญ่แล้วนะ”

คนดื้ออย่างผมได้แต่หัวเราะกวนๆ ใส่เขา เพราะ...ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ ผมก็แค่ต้องเขียนบทให้ตัวเองยังไหวต่อหน้าเขา ก็แค่ต้องปิดบาดแผลขนาดใหญ่ แต่ที่จริงกลับทำได้แค่ใช้มือปิดมันไว้โดยไม่สนใจมองเลือดที่ไหลทะลักออกมา

ปิดไม่มิดหรอกผมรู้

แต่คุณธนิกไม่รู้กับผมนี่...เขาไม่รู้หรอกว่าที่เขาทำอย่างนี้ มันยิ่งทำให้ผมเจ็บ

ทั้งที่ควรปล่อยให้ผมรออยู่ในที่ของผมต่อไปอย่างเงียบๆ ผมบอกแล้วว่าผมรอได้ ถ้าไม่ใช่การกลับมาอย่างถาวร ก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาบ่อยๆ เพราะผมไม่เก่งพอที่จะให้ใครมาหันหลังเดินจากไปครั้งแล้วครั้งเล่า ผมกลัวเผลอร้องไห้ กลัวเผลอว่าจะแสดงความเสียใจให้ได้เห็น แต่เหมือนเขาไม่รู้หรือรู้แต่กำลังสับสนกับตัวเองกันแน่

ไปๆ กลับๆ อย่างนี้คนที่กำลังจะแย่ก็คือผมนะครับคุณธนิก

“หิวมั้ย” เขาถามขึ้นในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ท่ามกลางการจราจรที่โคตรวุ่นวายในเช้าวันศุกร์ ผมมองคันนั้นขับปาดคันนี้ คันนี้เบียดคันนั้นจนรู้สึกอยากจับรถแต่ละคันมากองรวมกันแล้วโยนระเบิดเข้าไปสักสองลูก ถนนจะได้โล่งสักที

อยากย่นระยะอยู่กับเขาให้สั้นกว่านี้

เพราะผมกำลังจะหลุดการควบคุม

“ไม่ครับ กินโจ๊กไปเรียบร้อย”

“แต่พี่หิว”

ผมเดาะลิ้นกับกระพุ้งแก้ม รู้สึกอยากทำหน้ากวนตีนใส่เขาให้มากเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจไม่พาผมไปนั่งกินข้าวด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเมื่ออีกไม่กี่นาทีต่อมาเขาเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ขับไปจอดในซองจอดรถหน้าเซเว่นแทนที่จะเป็นร้านอาหารสักร้านตามรายทาง

“น้องขวัญ”

ผมใจสั่นทุกทีเวลาเขาเรียกแบบนี้ ทั้งๆ ที่บอกว่าไม่อนุญาตให้เรียกเขาว่าพี่นิกแล้ว แต่บางครั้งเขาก็เรียกผมว่าน้องขวัญ

ไม่ยุติธรรม!

“จ๋าพี่” นั่นแหละ คนอย่างผมมันย้อนแย้งในตัวเอง รู้สึกเสียเปรียบอย่างไรแต่ก็ยังหันไปขานรับพร้อมกับยิ้มหวานให้เขา “จะเอาอะไรจากน้องขวัญจ๊ะ”

คุณธนิกยื่นมือมาบีบแก้มผม เขาบีบแรงจนผมต้องยกมือขึ้นตีข้อมือของเขา พอโวยวายก็ถูกเขาดึงเข้าไปจูบ แต่ก็เพียงไม่กี่วินาทีเขาก็ผละออกแล้วทำสีหน้าเหมือนคนที่กำลังกลืนยาขม

คง...ลืมตัว

“พี่นิก” ผมเรียกเขา ดึงมือเขามากุมแม้เขาจะพยายามดึงออก แต่ผมก็กุมไว้แน่น “ฝืนทำไมครับ อยู่กันสองคน เราก็เป็นแฟนกัน บอกผมสิว่าพี่นิกชอบที่ทำเมินผม ชอบที่ทำเย็นชากับผม คุณนิ่มไม่รู้หรอกพี่ว่าเราทำอะไรกันหรือเรารู้สึกยังไงต่อกัน สถานะนี้มีแค่เราสองคน แล้วต่อหน้าผมจะฝืนไปเพื่ออะไรครับ”

“ไม่มีใครรู้ แต่พี่ก็รู้ไงขวัญ” คุณธนิกบอกเสียงเครียด “พี่กำลังจะแต่งงานกับนิ่ม แล้วเรื่องของเรา...”

“ผมไม่ฟัง” ผมตัดบทที่เขาจะพูดทันที “พี่นิกแคร์คุณนิ่มเหรอครับ”

“แคร์”

ไอ้ขิมอยู่ไหนวะ ส่งคนมายิงหัวผมดิ ยิงแล้วก็ให้มันควักหัวใจผมออกไปกระทืบซ้ำด้วย ผมอยากรู้ว่ามันจะเจ็บมากกว่าคำพูดของคุณธนิกไหม

“รักคุณนิ่มเหรอ” ผมควรต้องตบปากตัวเองเพราะคำถามที่ถามออกไปเหมือนกับส่งมีดให้เขาแทงซ้ำลงบนแผลที่กำลังมีเลือดไหลไม่หยุด

“มันเป็นความรู้สึกดี” เขาตอบเสียงแผ่ว แต่ผมเหมือนโดนถีบลงสู่เหวลึกทั้งๆ ที่ปีนขึ้นมาได้ครึ่งทางแล้ว

สำหรับผมรักก็คือรัก ชอบก็คือชอบ ความรู้สึกดีห่าเหวอะไรนี่คือความรู้สึกแบบไหน จะมารู้สึกดีอะไร ไม่เข้าใจเว้ย!

“พี่นิกรักผม” ผมเตือนให้เขาได้รู้ตัว ตอนนี้เขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าความรู้สึกที่มีต่อผมมันรุนแรงแค่ไหน ผมถึงต้องเป็นฝ่ายเตือนสติ ถ้าถามว่าผมกลัวไหม ผมกลัวนะ กลัวความรู้สึกดีจะพัฒนาไปเป็นความรัก แต่...ผมก็มั่นใจมากพอว่าถ้าจะพัฒนา คงพัฒนามานานแล้วเพราะคุณนิ่มกับคุณธนิกไม่ได้รู้จักกันแค่วันสองวัน ด้วยเหตุนั้น... “ตอบผมสิครับว่าผมเข้าใจไม่ผิด”

“พี่ไม่ได้รัก”

แม่ง...

“ขอโทษนะที่ให้ความหวัง”

ผมว่า...

“ขอโทษที่ทำให้คิดไกล ขวัญไม่ต้องรอพี่แล้วนะ”

ผมไม่ไหว...

“โกหกผมไม่พอ ยังโกหกตัวเองอีกเหรอครับพี่นิก” ผมบอกแล้วนะว่าผมเป็นคนดื้อ ผมอาจจะไม่ได้แสดงออกว่าตัวเองก้าวร้าวอะไรมาก แต่ผมก็ไม่ใช่คนดี ผมชอบบทบาทพลเมืองดี ทว่าผมไม่ได้ชอบเป็นคนดีที่ทำได้แค่ร้องไห้ “ถ้าไม่มีความสุขขนาดนี้ ผมล่มงานแต่งพี่จริงๆ นะ”

“น้องขวัญ” น้ำเสียงของเขาคราวนี้แข็งกร้าว “อย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

“พี่นิกต่างหากที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย แถมยังทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้มันเป็นเรื่องขึ้นมา” น้ำเสียงของผมก็ไม่ได้ต่างจากเขา เพราะผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดจาดีมากนัก ผมกำลังหัวร้อน หัวใจของผมก็กำลังเจ็บหนัก ปากแผลกว้างขึ้นจนปิดไว้ไม่ได้แล้ว “ผมบอกแล้วนะว่าผมรอได้ แต่พี่ก็ต้องต่อชีวิตให้ผมหน่อย อยู่กับผมเราก็เป็นแฟนกันเหมือนเดิม แค่นี้ทำให้ไม่ได้เหรอวะ”

“ทำไม่ได้แล้ว”

“พี่ปฏิเสธผมไม่ได้หรอกพี่นิก เพราะหัวใจของพี่ไม่ปฏิเสธผม” ผมจิ้มนิ้วลงไปบนอกซ้ายของเขา “ตรงนี้ของพี่เป็นของผม มันตกเป็นทาสของผมแล้ว ถ้าผมไม่ปล่อย พี่ก็ยกให้ใครไม่ได้ ตัวของพี่จะอยู่ที่ใครไม่สำคัญ แต่หัวใจของพี่อยู่ที่ผมก็พอ”

“เป็นคนที่คุยไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ผมเป็นมานานแล้ว” ผมบอกเสียงห้วน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาแล้วจูบที่ปลายคางได้รูปเบาๆ “ถ้าพี่เลิกมองผมด้วยความรู้สึกเหมือนผมเป็นกระต่ายน้อยขนฟู พี่ก็จะเห็นว่าผมเป็นยังไง”

“ขวัญก็ยังเป็นขวัญ” คุณธนิกไม่ได้คล้อยตาม เขาผลักผมให้กลับมานั่งตามเดิม พร้อมกับพูดเสียงเรียบ “เป็นเด็กดื้อแต่ก็เป็นเด็กดี”

ผมเกลียดความรู้สึกผิดที่เริ่มโหมกระหน่ำราวกับพายุที่พร้อมจะถล่มป้อมปราการในใจของผมทุกเมื่อ คุณธนิกชอบมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน แม้ว่าตอนนี้เขาจะพยายามปิดซ่อนความรู้สึก แต่ผมก็รู้ว่าเขายังรู้สึก แต่ผมไม่ได้เป็นเด็กดีอย่างที่เขาคิด ผมมีมุมเกเร มีมุมเห็นแก่ตัว และมีผมในอีกหลายๆ ด้านที่ไม่เคยให้เขาได้เห็น เพราะต่อหน้าเขาผมเป็นเพียงขวัญพัฒน์ที่น่าสงสารและจิตใจดี

“ครับ” ผมรับคำพร้อมรอยยิ้ม “ผมเป็นเด็กดีของพี่นิก”

แต่ไม่ว่าจะเป็นผมแบบไหน คนนั้นก็คือผม ผมไม่ได้โกหกใคร แต่ผมแค่เลือกว่าจะปฏิบัติอย่างไรต่อคนที่ผ่านเข้ามาในโลกของผมเท่านั้น

“อืม” เขามีทีท่าอ่อนลงเล็กน้อย “เป็นเด็กดีก็อย่าดื้อให้มาก”

“ดื้อเพราะอยากอยู่ใกล้พี่นิก น้องไม่เรียกว่าดื้อ”

“แต่พี่ไม่อยากอยู่ใกล้น้องขวัญแล้ว”

“งั้นก็ทำตามใจพี่นิกเถอะครับ” ความสุขของเขาต้องมาอันดับแรก “ทำตามความสบายใจของพี่ จะผลักไสผมก็ได้ แต่ผมจะเป็นคนทำตามความรู้สึกของพี่นิกเอง”

ผมดื้อดึงเพราะอยากทำให้เรื่องราวในระหว่างทางของผมมีเรื่องดีๆ ให้น่าจดจำ มันยังไม่ถึงเวลาเลยด้วยซ้ำที่เราจะบอกลา แต่ตอนนี้เขากลับพยายามทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย พอคิดถึงความถูกต้องก็ถอยหนี แต่พอคิดอยากทำตามความรู้สึกก็กลับมา ทั้งที่ผมเดินหน้าเข้าหาเขาโดยไม่กลัวอะไรแท้ๆ ผมเจ็บผมยังบอกว่าโอเคเลย แต่ทำไมเขาถึงผลักไสผมอย่างนี้วะ ในเมื่อไม่ว่ายังไงผมก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต่อชีวิตให้ผมอีกหน่อยไม่ได้เหรอ แค่เวลาสั้นๆ ก็ได้ ช่วยมีความสุขไปกับผมที...

ตอนนี้เราต่างก็นั่งเงียบ ผมกำลังคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร

“พี่ไม่อยากให้แฟนพี่ต้องเป็นชู้ ขวัญเข้าใจพี่ไหม” คุณธนิกพูดขึ้นมาในที่สุด เขาคงอดทนจนใกล้จะระเบิดอารมณ์เต็มทีแล้ว แต่ถามว่าผมกลัวไหม ตอบเลยว่าไม่ “เข้าใจพี่สักทีว่าตอนนี้มันไม่ได้แล้ว ขวัญอยากเป็นชู้เหรอ อยากเป็นรองคนอื่นเหรอ รักษาใจตัวเองบ้าง เจ็บอยู่ไม่ใช่ แล้วจะฝืนไปทำไม”

“ผมไม่ได้ฝืน ผมบอกแล้วว่าผมจะเป็นทุกอย่างให้พี่”

“แต่พี่ไม่ต้องการไง! มันจะเจ็บมากกว่านี้นะขวัญถ้าพี่หรือขวัญยังไม่หยุด”

คำพูดของเขามีคำไหนที่ไม่เหมือนของแหลมคมที่คอยทิ่มตำหัวใจบ้าง ถ้ามีบอกผมนะ ผมจะอัดเสียงเก็บไว้เยียวยาตัวเอง

“อย่าพูดอย่างนี้กับผมพี่นิก” ผมไม่คิดหรอกว่าการพูดคุยกับเขาจะยากเย็นขนาดนี้ คนที่เข้าใจแต่ก็พยายามทำเหมือนไม่เข้าใจมันน่าซัดให้หน้าหงาย “อย่าพูดถ้าพี่ก็คอยแต่จะหาโอกาสมาหาผมบ่อยๆ ตอนที่พี่เดินไปจากผมครั้งแรก ผมบอกตัวเองว่าผมรอไหว ผมอยู่ในที่ของผมได้ พี่จะทำอะไรก็ตามสบายเลย ผมโอเค แต่หลังจากที่มันมีครั้งที่สองและเหมือนจะมีครั้งต่อๆ ไป ผมต้องมาคิดใหม่ว่าผมควรทำยังไงกับพี่ดี พี่กลับมาหาผมแล้วก็ไป ผมไม่อยากพูดว่าอย่ามาอีก เพราะมันไม่ดีต่อความรู้สึกของเรา แต่เพราะรู้ว่าพี่ทนไม่ไหว พี่อยากอยู่กับผมใจจะขาดใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ใช่” เขายังคงปฏิเสธ ปากแข็งจนน่าจูบให้หายซึนเสียที “พี่จะไม่มาหาขวัญแล้วหลังจากนี้ วันนี้พี่แค่มารับไปส่งที่บ้านก็เท่านั้น”

“เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวพี่ก็มา ไม่มาให้เห็นก็คงแอบมาไม่ให้ผมรู้” ผมเหนื่อยแล้วที่ต้องพูด แต่ก็ยังต้องพูดคุยกันให้จบเรื่องจบราวกันไป “อย่ามารู้สึกผิดงี่เง่ากับแค่คนที่พี่รู้สึกดี เห็นแก่ตัวแล้วแคร์ความรู้สึกของผมบ้าง ใจของพี่มันบาปไปแล้วพี่นิก พี่จะแต่งงานกับเขาทั้งที่ยังรักผม แค่นี้มันก็ผิดตั้งแต่แรก ถ้ามันไม่มีความสุขนักก็มานี่ มาหาผม มาตกนรกไปด้วยกัน ต่อให้อยู่ในนรก แต่ถ้าในนรกมีพี่ ผมก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ทำให้ผมไม่ได้เหรอวะพี่”

ผมชัดเจนมากขนาดนี้แล้ว ถ้าเขายังปฏิเสธก็ต้องยอมรับ ผมไม่เก่งเรื่องการพูดโน้มน้าวเพราะจากประสบการณ์ที่เคยอ้อนขอซื้อของเล่นกับน้าลีก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ แค่ของเล่นยังล้มเหลวไม่เป็นท่าแล้วนับประสาอะไรกับการเปลี่ยนใจคนทั้งคน

“พี่นิกต้องเลือกครับ ระหว่างผมกับคุณนิ่ม พี่ต้องเลือกแล้ว” ผมยอมรับว่าปากไวทั้งที่ใจไม่กล้าพอจะฟังคำตอบ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เลือก ริงโทนโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาหลุดความสนใจจากผมแล้วรับสาย

ผมได้ยินทุกการสนทนา ได้ยินแม้แต่เสียงปลายสายที่เล็ดลอดเข้ามา

เจ้าหญิงกับชายขอทาน มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่ตั้งช้อยส์แบบนี้

“พี่จะลงไปซื้อข้าว เรารออยู่ในรถก็ได้” เขาบอกหลังจากวางสาย “อ้อ...เดี๋ยวลุงกล้วยจะมารับเราที่นี่ เพราะพี่ต้องไปลองชุดแต่งงาน”

ต่อให้โลกพลิกกลับด้านยังไง ก็รู้ว่าเจ้าชายต้องเลือกเจ้าหญิง

“ครับ” ผมรับคำสั้นๆ รู้สึกชาไปกับคำตอบกรายๆ ของเขา “ผมรอที่ม้านั่งดีกว่า คุณธนิกซื้อของเสร็จจะได้ออกไปเลย ไม่เสียเวลา”

“อืม”

ผมลงจากรถ เดินตัวลอยๆ ไปนั่งที่ม้านั่งหน้าเซเว่น รู้สึกเหมือนจะลอยได้จริงเพราะขนาดว่ารองเท้าเหยียบพื้นแต่ละก้าวก็ไม่รู้สึก ในตัวมันวูบโหวง ว่างเปล่าเหมือนหัวใจถูกควักออกมา

ไม่รู้ว่าไอ้ขวัญร่างไหนที่มั่นหน้าถามเขาไปแบบนั้น เพราะถ้าผมรู้คงจะฆ่าทิ้งแล้วกลบมันฝังดินไปซะ





T. : มิสเตอร์เค วันอาทิตย์เอายังไงครับ





ระหว่างกำลังนั่งทอดอารมณ์รอคอยลุงกล้วย มิสเตอร์ทีก็ส่งข้อความมาได้ถูกจังหวะ เพราะตอนนี้ผมต้องการแค่ได้คุยกับใครสักคน





K. : เขมินทรานัดผมที่คอนโดฯ แถวสุขุมวิท คุณพอจะให้ความปลอดภัยกับผมยังไงได้บ้าง

T. : ใช้ปืนเป็นไหมครับ

K. : เป็นครับ แต่ผมไม่ฆ่าใครแน่ๆ

T. : เอาไว้ป้องกันตัวครับ ไม่ได้ให้ไปยิงใคร

K. : ก็ได้ครับ ส่วนคนของเขมินทรา คุณช่วยกันให้ออกห่างด้วย ถ้าคุยกันตัวต่อตัว รับรองผมไม่แพ้

T. : แต่ผมก็ยังคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป คุณไม่ควรไปเจอเขมินทรานะครับมิสเตอร์เค

K. : ไม่ต้องห่วง ผมก็ไม่ได้โตมาในทุ่งลาเวนเดอร์ ถ้าไม่รุมผม ผมก็พอสู้ไหว

T. : แล้วเรื่องมือปืนล่ะครับ คุณจะไม่ให้ผมตามสืบจริงเหรอ ผมว่าผมพอจะรู้เบาะแสบ้าง

K. : ปล่อยให้ตำรวจจัดการเถอะครับ วุ่นวายแต่จะหาตัว เดี๋ยวก็หัวปั่นกันพอดี ใครจะยิงไม่สำคัญหรอก เพราะตอนนี้ผมยังไม่ตาย แต่ถ้าผมตายขึ้นมาจริงๆ ฝากมิสเตอร์ทีจัดการส่งมันไปหาผมที่นรกด้วย ตัวตัวในนรกก็เท่ไม่หยอก

T. : คุณนี่เป็นคนยังไงนะ บางทีผมก็ไม่เข้าใจคุณ

K. : อย่ามาเข้าใจผม เพราะผมก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าแต่เรื่องที่คุณธนิกจะแต่งงาน คุณเฮิร์ตบ้างมั้ย

T. : ผมทำใจได้มานานแล้ว ตอนนี้ก็ปกติครับ

K. : แต่ผมทำใจไม่ได้ว่ะคุณ

T. : คุณพูดทั้งที่รู้ว่าเขมินทราจะล่มงานแต่งเหรอครับ รู้อยู่แล้วว่างานจะไม่เกิดขึ้นแต่ก็ยังเฮิร์ตเหรอ

K. : น้องผมมันทำแน่ แต่จะทำสำเร็จไหมใครจะรู้ มันต้องสู้กับคุณธนิษฐา ของแรงเลยนะคนนั้น อาจจะแพ้ก็ได้

T. : แล้วคุณจะไม่ช่วยเหรอครับ

K. : ยืมมือคุณหน่อยได้ไหมล่ะ

T. : กลัวคะแนนตกเหรอ ผมว่าต่อให้คุณร้าย ยังไงธนิกก็รักคุณ

K. : ผมเพิ่งมั่นหน้าไปเมื่อกี้แล้วก็โดนเขาถีบหงายหลัง ขอเถอะ อย่าทำให้ผมมั่นหน้าขึ้นมาอีก เอาเป็นว่าผมฝากเรื่องวันอาทิตย์ด้วยละกันนะมิสเตอร์ที

T. : รับบัญชาครับมิสเตอร์เค วันอาทิตย์เก้าโมงหาทางมาเจอผมให้ได้นะครับ ส่วนวันงานแต่ง ผมหวังว่าคุณจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวที่ดีนะ อย่าพาเจ้าบ่าวหนีก็พอ :)

K. : ถ้าผมพาหนีจริงคุณต้องเป็นคนแรกที่มาช่วยผมอุ้ม

T. : ได้ครับ การทำตามคำขอของคุณ มันอยู่ในข้อตกลงของพันธมิตรอยู่แล้ว



การได้พูดคุยกับคนหัวอกเดียวกันทำให้ผมโล่งใจขึ้นมาบ้าง ผมเก็บโทรศัพท์มือถือลงในถุงผ้าที่ทางโรงพยาบาลแจกให้ซึ่งผมใส่ยาที่ต้องกินกับโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องไว้ในนั้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่ารถของคุณธนิกไปหรือยัง เพราะมันก็ตั้งนานแล้วที่ผมแชทคุยกับมิสเตอร์ที ทว่ารถของเขาก็ยังอยู่ที่เดิม

ผมนั่งรอพลางเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือเพื่อฆ่าเวลา เกือบสิบโมงลุงกล้วยก็มารับ ผมขึ้นรถโดยไม่ได้หันไปมองหรือร่ำลาคุณธนิก เพราะวันนี้ผมโดนหมัดฮุกหนักหน่วงจนต้องขอถอยไปตั้งหลักอยู่ในมุมของตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาในการตั้งหลักนานแค่ไหน ผมว่าครั้งนี้ผมเจ็บหนักกว่าทุกครั้ง ปากแผลกว้างมากเกินไป

สัญญากันแล้วว่าผมจะรอแต่คนที่สัญญากันไว้กลับบอกว่าไม่ต้องรอแล้ว เชื่อผมเถอะว่าเก่งแค่ไหนก็ต้องร้องไห้ไปอีกสองสามวัน

ผมกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ รู้เลยว่ากลายเป็นคนขี้ระแวงไปแล้วเพราะระหว่างนั่งรถก็หันซ้ายหันขวา บางทีเห็นวินมอเตอร์ไซค์ขี่ใกล้เข้าหน่อยก็ผวา กลัวจะเป็นมือปืนมาตามเก็บ แต่นั่นแหละ ผมเพ้อเจ้อมากเกินไป ลุงกล้วยก็เอาแต่หัวเราะกับท่าทางของผม ดูเหมือนลุงจะไม่กลัวเลยว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย คุยกันไปคุยกันมาก็สืบความได้ว่าเคยเป็นทหารรับจ้าง เรื่องบู๊ลุงก็พอตัวแถมยังมีปืนเก็บไว้ในรถ ตัวผมจึงรู้สึกว่าได้อยู่ในเซฟโซนขึ้นมาฉับพลัน อาการหวาดผวาจึงหายไปแล้วกลับมาสุนทรีย์กับเพลงของลุงสุรพล นักร้องคนโปรดของลุงกล้วยไปตลอดทาง

ลุงกล้วยส่งผมถึงบ้านแล้วก็ขอตัวกลับไปทำหน้าที่ต่อ ผมไม่ได้ละลาบละล้วงถามเพียงแค่ร่ำลาและบอกให้ลุงขับขี่อย่างปลอดภัย แยกกับลุงกล้วยก็เดินมานั่งชิงช้าที่คุณธนิกทำไว้ให้ ผมถีบขากับพื้นเพื่อให้ชิงช้าแกว่งตามแรง รู้สึกดีเหมือนความคิดที่ไม่เป็นรูปร่างกำลังถูกเหวี่ยงออกจากหัว ความร่มรื่นช่วยให้ผ่อนคลายแต่ความเงียบสงบทำให้ความคิดวิ่งพล่านอีกครั้ง

ถ้าน้าลีมองอยู่คงต้องหัวเราะผมแน่ เพราะคนเรียนไม่เก่งอย่างผมกำลังทำหน้าคิดหนักจนคิ้วขมวดมุ่น ไม่สมกับเป็นผม น้าคงพูดอย่างนั้น ผมยังจำที่น้าเคยพูดได้ว่า ‘ไอ้ขวัญเอ้ย ถ้ามีเหตุผลมันยากนัก ก็ทำตามความรู้สึกเถอะลูก จะดีหรือจะร้ายต่างก็เป็นบทเรียนทั้งนั้น มีชีวิตเดียวใช้ให้คุ้ม อย่ามัวแต่คิดตีกรอบให้ตัวเองแต่ก็อย่าทำเกินขอบเขตที่ควรทำ รู้จักผิดชอบชั่วดี แต่ก็อย่าดีจนถูกเอารัดเอาเปรียบ และก็อย่าฉลาดจนไปเอาเปรียบคนอื่นเขานะลูก’

น้าลีไม่ใช่นักปรัชญาชีวิต คำสอนของน้าจึงอาจจะงงๆ ไปบ้าง หรือผมงงไปเองก็ไม่แน่ใจ แต่ผมก็ค่อยๆ เข้าใจมันทีละเล็กทีละน้อย เมื่อก่อนผมอาจจะไม่มีกรณีตัวอย่างให้ทำความเข้าใจ ทว่าตอนนี้ผมเข้าใจแจ่มแจ้งและรู้แล้วว่าต่อจากนี้ควรทำอย่างไรต่อไป





************************



[ต่อด้านล่าง]
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 02-10-2018 20:18:19
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ เช้าแห่งการนัดหมายกับเขมินทรา ในใจกังวลเล็กน้อยขณะกำลังสวมฮู้ดสีดำกับกางเกงยีนส์ทรงกระบอก ความกังวลของผมไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขมินทราแต่เกิดขึ้นจากการที่ต้องหาทางหลบเลี่ยงคนของคุณธนิกที่คอยมาตรวจตราความปลอดภัยให้ ผมรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่เห็นพวกเขาแต่ตอนนี้รู้สึกหวั่นใจหากต้องถูกรายงานว่าออกจากบ้านในเช้าตรู่ทั้งที่เจ้าของบ้านอื่นๆ ในโครงการก็อาจจะนอนหลับฝันดีอยู่ด้วยซ้ำ

ตลอดสองวันที่ผ่านมาผมนอนไม่ค่อยหลับ คนในกระจกที่จ้องมองกลับมาจึงมีตาเหมือนหมีแพนด้า ใต้ตาคล้ำและบวมเล็กน้อย รู้ดีว่าอาการนอนไม่หลับไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของเด็กหนุ่มแข็งแรงสมบูรณ์ดีอย่างผมแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อหัวใจไม่รักดีถูกความคิดถึงเล่นงาน เข้าไปอาบน้ำเห็นอ่างที่เคยรักกันกับเขาก็น้ำตาไหล เปิดตู้เย็นเห็นกุนเชียงก็ยิ่งน้ำตาตกใน อาการของผมค่อนข้างหนักแต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ทั้งวัน อย่างมากผมก็ร้องแค่ยี่สิบนาทีแล้วเวลาที่เหลือหลังจากนั้นก็พยายามแชทหาเขา ผมส่งไปเป็นร้อยๆ ข้อความแต่เขาอ่านแล้วตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ยอมใจกับความหินนี้และยอมใจในความหน้าด้านของตัวเองด้วย แต่วันนี้เรื่องของเขาคงต้องพับเก็บไว้ก่อนเพราะผมมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ

ผมเลือกเวลาออกจากบ้านในตอนที่แน่ใจแล้วว่าคนของคุณธนิกกินกาแฟที่ผมซื้อมาให้จากเซเว่นจนหมดแก้ว ยานอนหลับที่มิสเตอร์ทีหามาให้ได้ผลชะงัด เมื่อเห็นว่าคนของคุณธนิกม่อยหลับไปทีละคน ผมจึงเดินดุ่มออกมาหน้าหมู่บ้าน แวะทักทายพี่ รปภ. เพื่อไม่ให้เกิดพิรุธใดๆ พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วผมก็ปลีกตัวออกมาโดยบอกว่าจะไปหาข้าวเช้ากินที่ร้านโจ๊กฝั่งตรงข้าม ซึ่งผมเสียเวลากว่ายี่สิบนาทีถึงจะขึ้นมานั่งบนรถของมิสเตอร์ทีได้

“คุณดูไม่กังวลนะครับ” มิสเตอร์ทีพูดในขณะที่ยังคงให้ความสนใจกับการจราจรบนท้องถนน

“ผมต้องกังวลกับอะไรล่ะ” ผมย้อนถาม ตรวจเช็คปืนพกสั้นที่มิสเตอร์ทีหามาให้ มันพอเหมาะมือ น้ำหนักใช้ได้ คิดว่าตอนเหนี่ยวไกยิง ข้อมือของผมคงรับแรงถีบไหว แต่ก็ภาวนาเหมือนกันว่าจะไม่ต้องใช้มันจริงๆ

“เรายังไม่รู้จุดประสงค์ของเขมินทรานะครับ ไปครั้งนี้คุณเสี่ยงมาก”

“เพราะไม่รู้ผมถึงต้องไป แล้วผมคงต้องกังวลมากกว่านี้ถ้าไม่มีคุณไปด้วย อย่างน้อยคุณก็เตรียมการช่วยผมอยู่แล้ว” ไม่รู้ว่าผมไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่ผมเชื่อว่าถ้าหากผมต้องโดนมีดโดนปืน มิสเตอร์ทีจะเป็นคนเรียกรถพยาบาลให้มาช่วยอย่างทันท่วงที ไม่ปล่อยให้ผมนอนตายอย่างเดียวดายแน่นอน

“เราประมาทไม่ได้นะครับ คุณรู้ดีว่าตัวคุณเองสำคัญกับข้อตกลงของเรายังไง”

“ผมรู้ว่าเราต้องให้คุณธนิกได้ทุกอย่างร้อยเปอร์เซ็น” ผมขยับหัวเล็กน้อยพลางสำรวจปืนพกในมือ “แต่ผมจะสำคัญก็ต่อเมื่อชื่อของผมอยู่ในพินัยกรรมจริงๆ”

“มีชื่อของคุณอยู่ในนั้น ผมยืนยันได้”

ความมั่นใจของมิสเตอร์ทีทำให้ผมเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะถามความข้องใจที่มี “แล้วเขมินทราล่ะ”

“เขามีชื่ออยู่ในพินัยกรรมฉบับแรก แต่ล่าสุดพ่อของคุณเรียกทนายเข้าพบ คุณธนิษฐาที่น่าจะรู้อะไรดีๆ มาจากทนายของพ่อคุณหลุดปากออกมาว่ามีการแก้ไขพินัยกรรม ชื่อของเขมินทราถูกตัดออก”

“ทำไมถึงตัดชื่อน้องของผมออกล่ะ”

“ไม่ทราบครับ”

“อืม แต่คุณธนิษฐานี่น่าสงสารนะ” ผมว่าเสียงกลั้วหัวเราะ “เขารู้ทุกอย่างแต่ก็ไม่ได้ทุกอย่างอย่างที่หวัง”

“เพราะพ่อของคุณเชื่อว่าเขาฆ่าแม่ของคุณไงล่ะครับ เขาก็เลยเป็นคนที่พ่อของคุณทั้งรักทั้งเกลียด เกลียดแต่ทำลายไม่ได้ รักแต่ก็ฝืนใจจะดูแล” มิสเตอร์ทีตอบอย่างรู้ดี แต่ผมก็ไม่รู้ว่าไอ้ที่ว่ารู้ดีนี่มันมีความจริงสักแค่ไหน

“แต่เขาก็ยังได้รักษาการแทนพ่อที่กำลังป่วย”

“เขาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายนี่ครับ ถ้าพ่อของคุณไม่ทำพินัยกรรมยกทุกอย่างให้คุณ เรื่องก็ไม่ยุ่งยากเลย เพราะตามกฎหมายแล้วธนิกที่เป็นทายาทโดยธรรมกับคุณธนิษฐาที่เป็นคู่สมรสจะมีสิทธิ์ในมรดกหลังจากพ่อของคุณตาย ส่วนคุณกับเขมินทราที่ยังไม่มีการเซ็นรับรองว่าเป็นบุตรก็จะไม่ใช่อุปสรรคสำหรับพวกเขา แต่เกมเปลี่ยนแล้วเพราะตอนนี้คุณอยู่ในฐานะผู้รับพินัยกรรมครับมิสเตอร์เค ผมต้องเตือนว่าคุณต้องระวังตัวให้มากหน่อย เพราะในพินัยกรรมนั้นระบุชื่อของคุณคนเดียว”

ผมพยักหน้ารับชะตากรรมแม้จะไม่เข้าใจความคิดของคนที่ยกทุกอย่างให้คนกระจอกอย่างผม เขาต้องการอะไรจากวินมอเตอร์ไซค์ที่จบการศึกษาแค่ระดับมอปลายวะ เอาไปให้คุณธนิกนู่น ดีกรีปริญญาโทจากต่างประเทศนี่ความสามารถไม่เข้าตาเลยหรือไง คิดไปก็หัวร้อนเปล่าๆ ผมก็เลยพยายามควบคุมจังหวะหายใจ สูดเข้าผ่อนออกจนปกติแล้วจึงได้พูดคุยกับมิสเตอร์ทีต่อ “งั้นระหว่างนี้คุณธนิษฐาจะยักยอกหรือกอบโกยยังไงก็ได้อยู่แล้วใช่ไหมครับ เขาจะฮุบทุกอย่างไประหว่างนี้ก็ได้หรือเปล่า”

“อย่าลืมคุณแขไขสิครับ เขายังอยู่ทั้งคน ทำไม่ได้ง่ายๆ เขาเป็นน้องสาว หุ้นที่เขาถือก็มากพอควร อำนาจในการบริหารตอนนี้ก็ไม่น้อยไปกว่าคุณธนิษฐาแถมกรรมการในบอร์ดบริหารคนอื่นๆ ก็อยู่ข้างเขา”

ก็จริงตามที่มิสเตอร์ทีว่า น้องสาวของพ่อคนนั้นยังอยู่และคงเป็นตัวอันตรายพอๆ กับคุณธนิษฐา

“ปล่อยสองคนนั้นงัดกันดีไหม เขารู้กำลังรบของกัน แต่ผมไม่รู้อะไรเลย สู้ยังไงก็แพ้ราบคาบแน่”

มีแค่ใจจะเอาอะไรไปสู้เขา ในเมื่อผมมันคนกระจอก

“แต่กำลังรบของคุณคือกำลังรบที่สองคนนั้นต้องการนะครับ”

“ปล่อยผมกลับไปขับวินเถอะมิสเตอร์ที ผมสะดวกแบบนั้นและมีความสุขมากกว่า” พอพูดขึ้นก็คิดถึงหน้าพวกพี่ๆ ที่ซุ้มวินแล้ว ตอนนี้ถ้าผมอยู่ที่ซุ้มก็คงคุยโขมงเรื่องผลฟุตบอลเมื่อคืนและพูดเกทับกันไปมาอย่างสนุกสนาน แต่ดูผมสิ นอกจากจะไม่สนุกแล้วยังต้องมาจับปืนที่ไม่เคยคิดอยากจับ เมื่อสองปีก่อนในวัยคึกคะนองก็มองว่าเท่ดีเพราะผมก็เด็กผู้ชายทั่วไปที่เติบโตมาในสังคมสีเทา ไอ้แนนก็ยิงเป็นแต่จะแม่นไม่แม่นก็ค่อยว่ากัน แต่ตอนที่ไอ้วันกับไอ้ทิวนักเลงประจำซอยมันเผลอทำปืนลั่นใส่เพื่อนร่วมชั้นจนเดี้ยงเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นแหละเป็นตอนที่ผมรู้เลยว่ามันเป็นอาวุธอันตราย ไอ้สองนักเลงเข้าสถานพินิจตามระเบียบ ปืนที่มันเอามาจากลูกพี่นักเลงของมันก็โดนยึดและลูกพี่ของมันก็ถูกแจ้งข้อหาด้วย คงตั้งแต่นั้นล่ะมั้งที่ผมกับไอ้แนนเลิกยุ่งกับไอ้สองนักเลงและเลิกคิดว่าการพกปืนเป็นเรื่องเท่ไปโดยปริยาย

ของอันตราย...อยู่ในมือคนผิดก็ยิ่งอันตราย

“มิสเตอร์ที ผมพูดจริงๆ นะ ผมยังไม่เห็นความสำคัญของสิ่งที่ผมจะได้จากพ่อ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อทำอะไรถึงรวยล้นฟ้า ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คิดจะให้คนอย่างผม ผมมีความสุขกับชีวิตเงียบๆ อยู่ในบ้านเช่าหลังเล็ก แล้วหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ผมชอบชีวิตแบบนั้น เวลาที่คิดว่าใกล้สิ้นเดือนแล้วแต่เงินค่าเช่าบ้านยังขาดอีกตั้งห้าร้อยบาท มันเป็นสีสันในชีวิตของผมไปแล้ว ผมต้องการแค่นั้นจริงๆ แล้วทำไมต้องเป็นผมที่มาวุ่นวายกับเรื่องนี้ด้วย”

มิสเตอร์ทีหันมามองผมแล้วคลี่ยิ้ม “ผมจำกัดความคนอย่างคุณไม่ถูกเลยมิสเตอร์เค ผมเจอคนมาหลายประเภท ในสังคมที่ต้องแก่งแย่ง มีแต่คนอยากสุขสบาย คงมีแต่คุณที่ขาดความทะเยอะทะยาน” ถึงตรงนี้คู่สนทนาของผมทำหน้าหน่ายแล้วพูดต่อ “ใครๆ ที่ไม่ใช่คุณล้วนอยากถือหุ้นบ่อน้ำมัน เป็นเจ้าของสายการบิน บริหารธุรกิจคาสิโน อ้อ...เหมืองเพชรด้วยครับ ไม่นานมานี้เพิ่งลงทุนทำด้านนั้น ได้ยินว่าสามีคุณแขไขวุ่นอยู่กับเหมืองเพชรอยู่เกือบสองปี” มิสเตอร์ทีหยุดพักเพื่อให้ผมประมวลผล เมื่อเห็นว่าผมไม่ถามอะไรจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “ที่ผมว่ามานั้นเป็นธุรกิจหลักที่พ่อของคุณเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ส่วนธุรกิจยิบย่อยภายใต้ชื่อของบริษัทแม่อย่างเช่นบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ธนิกดูแลอยู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่คุณจะได้รู้ทั้งหมดตอนที่ได้ครอบครองทุกอย่างแล้ว โลกที่พวกเขากำลังแก่งแย่งกันเพื่อขึ้นเป็นพระเจ้า มีเงินเป็นอำนาจนะครับมิสเตอร์เค”

“อำนาจนั้นคงเหยียบวินมอเตอร์ไซค์อย่างผมแบนติดพื้นได้ไม่ยากสินะ” ผมเผลอถอนหายใจอย่างแรง แค่คิดว่าจะต้องดูแลอะไรที่เกินความสามารถแบบนั้นก็ตัวสั่นแล้ว เงินน่ะก็อยากได้ แต่ผมแค่อยากได้เงิน ไม่อยากวุ่นวายกับอะไรทั้งนั้น “ที่จริงผมก็พอจะเข้าใจความโกรธของพวกเขา พอเข้าใจแล้วผมก็โกรธใครไม่ลง เพราะไม่แปลกถ้าจะมีใครคิดฆ่าผมหรือเขมินทรา พวกเขาเหนื่อยกันมามาก พยายามเพื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนผมแค่ใช้สิทธิ์ของคนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขมาชุบมือเปิบ แต่ผมคิดว่าผมไม่ผิดหรอกนะ ที่ผิดคงเป็นคนที่ทำให้เรื่องนี้วุ่นวายต่างหาก พ่อของผมคงเป็นคนแปลกๆ ใช่ไหม เขากล้าวางทุกสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาได้ไว้กับผมที่ไม่มีความสามารถพอแถมยังไม่เห็นหัวคนที่เหนื่อยมากับเขา เขาบริหารทั้งหมดคนเดียวไม่ได้หรอกจริงมั้ยมิสเตอร์ที ทั้งคุณธนิษฐา คุณแขไขและคุณธนิกรวมถึงคนอื่นๆ ในบอร์ดบริหารเหนื่อยมากับเขาทั้งนั้น แต่เขายังกล้ายกให้ผม ทำให้ผมคิดนะว่าถ้าไม่รักผมมากเขาก็คงต้องเกลียดผมมากถึงได้ทำเรื่องที่มองเห็นปัญหาชัดๆ แบบนี้ คิดเอาผมล่อเป้าหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“คุณเป็นคนฉลาดคิดนะมิสเตอร์เค แต่บางทีคุณอาจจะมองพ่อของคุณอย่างอคติอยู่ก็ได้” มิสเตอร์ทีบอกพลางกระตุกยิ้มมุมปาก เขาไม่ใช่คนอารมณ์ดีนักหรอกแม้ว่าจะชอบยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาไปไม่ถึงดวงตาเลยสักครั้ง “เพราะเขารู้สึกผิดและรักพวกคุณมาก ทั้งคุณและเขมินทรา”

“อาจจะรักน้องของผมมากกว่ามั้งครับเพราะเขาตัดชื่อเขมินทราออกไปแล้ว เหลือแต่ผมที่เป็นเป้านิ่งให้ยิงอยู่คนเดียว” คนอื่นอาจจะบอกว่าผมโชคดี แต่ผมกลับรู้สึกว่านี่คือโชคร้ายชัดๆ ถ้ารักผมก็แค่เจียดเงินให้ผมสักร้อยล้านก็ได้ แค่นั้นผมก็อยู่สบายไปได้ทั้งชาติแล้ว ไม่ต้องยกอย่างอื่นให้หรอก ไม่ต้องการ ผมคิดอย่างเหนื่อยใจ รู้สึกเหมือนได้ยินมัจจุราชกำลังตะโกนเรียกชื่อผมมาจากในนรก “ว่าแต่มิสเตอร์ทียืนยันหน่อยสิว่าในธุรกิจของพ่อ ไม่มีพวกธุรกิจมืด”

“อ่า...มันก็ไม่ใช่ธุรกิจมืดหรอกครับ แต่...ผมขอตอบว่าเป็นสีเทาละกัน เพราะมันไม่มีสีขาวหรือสีดำในโลกของธุรกิจหรอกมิสเตอร์เค บางอย่างก็ต้องซื้อด้วยเงิน บางอย่างก็ต้องใช้กำลังแย่งชิงมา คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด โลกมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่คุณสบายใจได้ว่าไม่มีเรื่องการค้ายา ค้ามนุษย์หรือค้าอาวุธสงคราม”

“โห...เสียดาย อดแจ้งความจับกุม แล้วผมจะได้หมดปัญหา”

“คนผิดกลายเป็นคนบริสุทธิ์ได้ถ้าเงินมากพอ”

แล้วคนที่ผมอยากให้ผิดนี่ก็ดันเงินหนาซะด้วย พอเอามาเรียงกันเป็นตั้งคงหนายิ่งกว่าหนังสือประมวลกฎหมาย

“ไม่ใช่ทุกคนนะที่ซื้อได้ด้วยเงิน” ผมอมยิ้มที่คำพูดของตัวเองเท่ไม่หยอก ไอ้แนนคงอดปลื้มใจที่ได้เป็นเพื่อนกับผมหากรู้ว่าผมศรัทธาในพลังของคนดีมากแค่ไหน พวกหนังซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ได้สร้างมาแค่ให้คิดว่าเท่หรอกนะ อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งที่คิดอยากเป็นธานอสที่แค่ดีดนิ้วคนก็ตายไปครึ่งจักรวาล ครับ...เข้าใจไม่ผิด สำหรับผมแล้วธานอสคือซุปเปอร์ฮีโร่ พอๆ กับที่ชื่นชอบยานามิ ไลท์ ในเดธโน๊ต

“คนแบบนั้นตายเร็วทุกคนครับ” คำพูดพร้อมรอยยิ้มของมิสเตอร์ทีทำให้ผมไม่กล้าเล่นมุขบอกเลยว่าผมชอบเล่นบทบาทของพลเมืองดี ไม่อย่างนั้นคงเป็นลางว่าจะได้นอนตายอย่างหมาข้างถนนในเร็วๆ นี้แน่

มิสเตอร์ทีขับมาถึงคอนโดฯ ที่ผมนัดหมายกับเขมินทราไว้ในเวลาเกือบสิบโมง ก่อนลงจากรถเขากำชับให้ระวังตัว ผมรับปากพลางก้าวลงแล้วตรงไปที่ประตูทางเข้า แค่เพียงไปถึงพี่รปภ. ที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ก็ส่งยิ้มให้ ไม่ต้องแสดงบทบาทอะไรมากมายเพราะผมหน้าเหมือนเขมินทรา แค่บอกว่าลืมคีย์การ์ดเข้าคอนโดฯ แค่นั้นพี่รปภ.ก็ช่วยเปิดประตูให้แล้ว

ทุกอย่างง่ายดายจริงๆ แค่หน้าเหมือนไอ้น้องนรก

1809 คือเลขห้องที่เขมินทราบอกไว้ในแชท ผมไม่แน่ใจว่าเลขหนึ่งมาจากอะไร แต่ 809 คือชั้นแปดห้องที่เก้า ผมเดินมาตามทางที่มีลูกศรชี้นำ กังวลอยู่เหมือนกันว่าหากเปิดเข้าไปในห้องแล้วลูกน้องของเขมินทรารอสาดห่ากระสุนใส่ผมจะม้วนตัวหลบทันไหม บอกเลยว่ายังไม่พร้อมกายกรรมตอนนี้แต่นั่นก็แค่ความคิดที่เหมือนในหนังแอคชั่นที่เคยดู เพราะเมื่อเคาะห้องและประตูถูกเปิด ผมก็พบเพียงแฝดน้องที่หน้าเหมือนกันกับผมแต่รูปร่างผอมบางกว่า

ไม่อยากยอมรับว่าอ้วน แต่เขมินทราผอมกว่าผมมาก มันเหมือนจะผอมลงกว่าที่เคยเจอกันครั้งก่อนด้วยซ้ำ

“นึกว่าจะไม่มา” เขมินทราพูดพลางเดินไปนั่งไขว่ห้างที่โซฟา ชุดคลุมอาบน้ำแหวกขึ้นจนเห็นขาอ่อน “นั่งสิ ยืนนานไม่เมื่อยหรือไง”

ผมนั่งลงบนโซฟาอีกตัว มั่นใจว่าในระยะห่างที่นั่งนี้ หากเขมินทรามีมีดซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุมพร้อมจ้วงแทง ผมก็จะหลบทัน

“มึงใส่ชุดแบบนี้ต้อนรับแขกหรือไง อย่าคิดจะยั่วกูไอ้ขิม มึงไม่เซ็กซี่พอ”

“มึงคิดดีๆ บ้างเป็นไหมไอ้ขวัญ” เขมินทราทำหน้าถมึงทึงใส่ “กูใส่ชุดนี้เพราะมีเหตุผลเว้ย!”

“งั้นก็เข้าเรื่องเลย มีเวลาไม่มาก”

“เอาเรื่องพี่ธนิกก่อน” เขมินทราว่าพลางพิงหลังกับพนักด้วยท่าทางสบายๆ แต่สีหน้าของมันไม่ได้สบายตาม ไม่รู้ว่าตั้งแต่เกิดมามันเคยยิ้มบ้างไหม หรือถนัดแค่ทำหน้าบูดเบี้ยว “กูจะล้มงานแต่งให้ก็ได้ แต่แลกกับเอกสารที่มึงเก็บไว้”

ผมหัวเราะขึ้นมาทันที รู้สึกขบขันกับสิ่งที่ได้ยิน “ไอ้ขิม ถามจริงเถอะ มึงคิดว่ากูจะยอมแลกเหรอ”

คนถูกถามชะงักไปเพียงครู่ก่อนจะละล่ำละลักถาม “แล้วมึงไม่อยากให้งานแต่งล่มหรือไง”

“กูก็อยาก” ผมเหยียดยิ้มมองคนที่เหมือนผมราวกับภาพสะท้อน เขมินทรายกมือขึ้นจับสาบเสื้อคลุมของตัวเองเมื่อเห็นว่าผมจ้องมอง “แต่ล่มก็ดี ไม่ล่มก็ได้ไง แต่งหรือไม่แต่งพี่นิกก็ไปจากกูไม่ได้ เดี๋ยวก็ซมซานกลับมา”

เพิ่งถูกถีบหน้าหงายแต่ผมก็ตั้งหลักได้แล้ว หลังจากผ่านการร้องไห้ไร้สาระอยู่สองวันผมก็...โอเค

“กูเกลียดความมั่นใจของมึงจริงๆ นะไอ้ขวัญ” เขมินทรามีสีหน้าบิดเบี้ยว แฝดน้องของผมยังควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีเลย เอาแต่หัวร้อนเกรี้ยวกราด ทว่าคิดจะทำงานใหญ่ “เพื่อนหมาบ้ามึงรู้ไหมว่ามึงเป็นคนแบบนี้”

“เพื่อนกูก็ต้องรู้จักกูดี แต่กูก็ไม่จำเป็นต้องทำไม่ดีใส่คนที่ดีกับกูมั้ยขิม”

“มึงเป็นคนยังไงกันแน่ไอ้ขวัญ พูดตามตรงว่ากูตามอารมณ์มึงไม่ทัน”

“แล้วมาตามทำไม ใครขอมึง”

“สัด!” เขมินทราสบถ หากเราเป็นตัวละครในการ์ตูน ตอนนี้ที่หัวเล็กๆ ของแฝดน้องคงมีไฟลุกท่วม “กูเสือกเองก็ได้!”

ผมไม่ใส่ใจที่อีกฝ่ายโกรธ แต่กำลังคิดว่าถ้าผมโกรธ สีหน้าของผมจะเหมือนกับเขมินทราตอนนี้ไหม เพราะถ้าเหมือนก็คงแย่หน่อย มันบูดบึ้งยิ่งกว่ามีสัมภเวสีเข้าสิงเสียอีก

“แล้วตกลงมึงจะไม่ช่วยกูจริงๆ เหรอพี่” ดูเหมือนมันฝืนใจมากที่จะเรียกผมว่าพี่ ทั้งกัดปากทั้งกลอกตา ถ้ามันฝืนใจขนาดนั้นก็เรียกผมว่าไอ้เหี้ยพี่ต่อไปก็ได้ อย่างนั้นผมคงสบายใจมากกว่า

“กูไม่ช่วย” ผมยืนกรานความคิด “แล้วกูก็บอกมึงเลยว่าต่อให้มึงได้เอกสารนั่นไป ก็ไม่มีประโยชน์ พ่อไม่ใส่ชื่อมึงไว้ในพินัยกรรม เขาตัดชื่อมึงออกแล้ว”

“กูรู้ว่าพ่อไม่รักกู” สีหน้าเจ็บปวดของเขมินทราทำให้ผมชะงักไปเพียงครู่ ผิดแล้ว...ผมว่าพ่อรักมันต่างหากถึงไม่ให้มันมาวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ “ไม่เคยมีใครรักกู แม้แต่คนเป็นพี่อย่างมึง”

ยอมรับก็ได้ว่าผมอาจจะไม่ได้รัก...แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดมันสักหน่อย

“อย่าดึงดราม่าใส่กูไอ้ขิม กูไม่ได้ร้ายกับมึงตั้งแต่แรก แต่เป็นมึงเองที่เข้าหากูด้วยจุดประสงค์ไม่ดี”

ผมจำได้นะว่าแทบประสาทกินเพราะมัน ผมไม่ลืมหรอกเรื่องที่มันข่มขู่ ผมอยู่ด้วยความหวาดระแวงว่าจะมีใครบุกเข้าบ้านมาฆ่า กลัวกล่องไปรษณีย์ที่ส่งมาถึงบ้านทุกครั้ง แล้วจะให้ผมรักมันลงได้ยังไง ไม่เกลียดก็บุญแค่ไหนแล้ว

“ก็มึง...กับพี่ธนิก มึงเยาะเย้ยกูก่อน” เขมินทราหยุดไว้เท่านั้น ผมรู้ว่าแววตาที่สื่อเต็มไปด้วยอารมณ์แบบไหน

“ตอนแรกมึงบอกว่ามึงไม่รักเขา ตอนที่มึงยังเล่นบทน้องชายแสนดีที่พัดพรากจากกันกับกู มึงก็ว่าเขาไม่ดีสารพัด เตือนกูด้วยว่าระวังเขาหลอก แล้วกูจะรู้ไหมว่ามึงรู้สึกกับเขามากขนาดนี้”

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 02-10-2018 20:19:19
บอกตามตรงว่าต่อให้ผมรู้...ผมก็จะทำตามความรู้สึกของตัวเองอยู่ดี แต่ผมก็คงพยายามต่อไปเงียบๆ ไม่แข่งกับใคร ไม่ชิงดีชิงเด่นว่าใครได้รับมากกว่ากันระหว่างผมกับเขมินทรา

“รักแรกสี่ปีมึงลืมลงมั้ยล่ะ” ความเจ็บปวดฉายชัดบนดวงหน้า ผมเลือกที่จะเงียบแล้วมองความเจ็บปวดนั้นโดยไม่ออกความเห็น “กูยอมรับก็ได้ว่าโกหกมึงเพราะไม่คิดว่าเขาจะรักมึงด้วยไง กูหลอกตัวเองว่ากูลืมเขาได้ แต่มันไม่ใช่ สี่ปีที่อยู่ด้วยกัน กูรัก...กูให้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็หลอกกู เขาไม่ได้รักกู กูก็รู้ เขาหลอกให้กูรัก แต่กูก็ไม่เคยโกรธ กูยังรักเขา เต็มใจให้เขาหลอกด้วยซ้ำ กูทำให้ขนาดนี้แต่กลับเป็นมึงที่เขารักจริงๆ แล้วกูต้องรู้สึกยังไงเหรอ กูที่ทำทุกอย่างต้องทนมองมึงกับเขารักกัน ทั้งๆ ที่กูยังลืมไม่ได้ ทั้งๆ ที่ความทรมานยังอยู่กับกู”

เขมินทราแหวกสาบเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นผิวขาวใส แต่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ที่ต้นแขนซ้ายเป็นรอยยาว ที่หน้าท้องเป็นรอยจุดขนาดเท่าเส้นผ่านศูนย์กลางของบุหรี่หลายรอย และเมื่อเขมินทราหันหลังให้ผม รอยแผลเป็นขนาดใหญ่ก็ปรากฎให้เห็น มันเหมือนแผลที่เกิดจากการถูกเหล็กร้อนๆ ทาบลงไปบนผิว

“ธนิษฐา” แววตาของเขมินทราเต็มไปด้วยโทสะแต่มีความกลัวแฝงอยู่ในนั้น “ทำรอยทั้งหมดนี้ มันไม่เคยฆ่าใครตายก็จริง แต่มันทรมานจนคนคนนั้นอยากตายให้พ้นๆ”

ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากในขณะที่น้ำใสๆ ไหลอาบแก้มของเขมินทรา แฝดน้องของผมคงไม่รู้ตัวเพราะแววตาดูเลื่อนลอยราวกับเจ้าของไม่ได้นั่งอยู่ตรงหน้าผม

“มันเกลียดแม่ เกลียดกูกับมึง แต่กูรักลูกมัน กูรักพี่ธนิก แต่มึงรู้ไหม เขาปกป้องใครไม่ได้ ในวันที่กูเลือกที่จะตาย เขาก็เลือกแม่ของเขาแทนที่จะเป็นกู” เขมินทรายื่นข้อมือมาตรงหน้า ผมเห็นรอยแผลเป็นอีกรอยอยู่บนนั้น เป็นรอยกรีดลึกจากของแหลมคม มันคงถูกซ่อนอยู่ใต้นาฬิกาข้อมือที่ผมเห็นเขมินทราใส่มาตลอด “มึงจะไม่เชื่อกูก็ได้ไอ้ขวัญ แต่อีกไม่นานมึงจะโดนเหมือนกัน”

หลังจากที่เขมินทราพูดจบ เราต่างก็นิ่งเงียบ ผมจมอยู่ในความคิดส่วนเขมินทราคงกำลังนึกถึงอดีตเพราะสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความรวดร้าว ถ้าถามว่าผมรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นรอยแผลเป็นพวกนั้นบนร่างกายของคนที่หน้าเหมือนกันกับผม แว๊บแรกผมรู้สึกโกรธจนแทบอยากทำให้คนที่ลงมือกับเขมินทราได้รับรอยพวกนี้บ้าง มันเป็นความรู้สึกชั่วครู่เหมือนตอนที่รู้ว่าไอ้หลงถูกฆ่าตาย เป็นความรู้สึกที่แล่นเข้ามาเพียงไม่กี่วินาทีเหมือนตอนที่เห็นรูปที่น้าลีถูกทรมาน

แต่...นั่นแหละ ความรู้สึกของผมจบที่ตรงนั้น ความโกรธของผมไม่ยาวนาน มันหายไปแค่เพราะมันเป็นเรื่องที่ ‘ผ่านมาแล้ว’

“ขิม ถ้ามึงบอกว่าเขาไม่เคยฆ่าใครตาย งั้นคนสั่งยิงก็ไม่ใช่เขาสินะ”

“อืม ไม่ใช่” เขมินทราบอกพลางกัดริมฝีปาก “ธนิษฐาชอบทรมาน มันสนุกกับการเห็นเหยื่อค่อยๆ ตายมากกว่าจะยิงเปรี้ยงเดียวแล้วให้หลุดพ้น”

“แล้วใคร”

“มึงจะไม่เชื่อกูก็ได้ แต่คนที่สั่งยิงมึง เขาอยู่ข้างพี่ธนิก” เขมินทราเหยียดยิ้มหยัน “กูบอกแล้วนะว่ามึงเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไป ทั้งที่แม้แต่กูก็ใกล้ได้ไม่เท่ามึง”

“แล้วทำไมมึงถึงโดนยิงไปด้วยไอ้ขิม” ผมตั้งคำถามพลางมองหาความจริงในแววตาของคนตรงหน้า “ถ้าเป็นคนที่อยู่ข้างคุณธนิก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องรู้ว่าคนไหนขวัญพัฒน์ คนไหนเขมินทรา”

“กูสวมรอยเป็นมึงไง” เขมินทราตอบหน้าตาย “แค่แต่งตัวกะโหลกกะลากับทำหน้าโง่ๆ ก็เป็นมึงได้ไม่ยาก หน้ากูกับมึงเหมือนกัน มองผ่านๆ ก็แยกไม่ออกหรอก ไม่งั้นมึงคงผ่านรปภ. ขึ้นมาไม่ได้จริงไหม”

“แล้วมึงสวมรอยเป็นกูไปทำซากอะไร”

“ไปหาพี่ธนิก”

ความรู้สึกบางอย่างเข้าโจมตีผม มันคล้ายความรู้สึกผิดหวังแต่ไม่ถึงขั้นนั้น ผมก็บอกไม่ถูก แค่จู่ๆ หัวใจก็ปวดหน่วงขึ้นมา เพราะคุณธนิก...ไม่บอกอะไรผมเลย ถ้าเขาเจอกับเขมินทราก็น่าจะบอกให้ผมรู้บ้าง เป็นแบบนี้แล้วผมกลับเอาแต่คิดว่าที่ผ่านมาคงมีอีกหลายเรื่องที่ผมยังไม่รู้ คงมีอีกหลายเรื่องที่เขายังปิดบัง

พูดในฐานะคนที่ลงเรือลำเดียวกันและมีเป้าหมายเหมือนกัน ผมควรรู้

และหากพูดในฐานะแฟน เรื่องที่เขาเจอกับคนรักเก่าที่รักกันนานถึงสี่ปี ผมยิ่งควรรู้

แต่ผมกลับทำหน้าโง่รับฟังจากเขมินทรา

“นอกจากอยากได้สมบัติแล้วอยากได้ผัวกูด้วย ถูกมั้ย” ผมกดความรู้สึกพ่ายแพ้ไว้ในใจก่อนจะยียวนถามไอ้แฝดนรก มันขึงตามองกลับมาทันทีที่ผมจี้ถูกจุด

“ของกูก่อนเถอะไอ้ขวัญ มึงมาทีหลัง”

ใช่...ผมมาทีหลังตั้งหลายปี

“แล้วยังไง...เขารู้ไหมว่าเป็นมึง”

เขมินทรานิ่งงันไปเพียงครู่ก่อนจะพยักหน้า “รู้ เขารู้ทันทีว่าไม่ใช่มึง”

“ไม่รู้ก็แย่”

“ช่วยปลอบกูหน่อยไอ้พี่เหี้ย”

ผมเบ้ปากใส่เขมินทรา อยากตบกบาลสั่งสอนมันสักที แต่กลัวจะมีมวยขึ้นมาเสียก่อนที่จะพูดคุยกันจบจึงได้แต่บอกให้มันหายโง่ว่า “นี่ไอ้ขิม กูก็ไม่ได้อยากจะพูดให้มึงดีใจ แต่ที่เขาแยกออก เพราะเขารู้จักมึงมาสี่ปี เข้าใจไหม มันไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าเป็นกู แต่เพราะเขารู้ว่าเป็นมึงต่างหาก”

“ทำไมกูต้องเกิดมาหน้าเหมือนมึงด้วย” เขมินทราถามด้วยสีหน้ากลั้นยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ “กูเอาแต่คิดทุกครั้งว่าที่เขาอยู่กับมึงเพราะมึงหน้าเหมือนกู เขายังลืมกูไม่ได้ ตอนรักกัน...เขาดีกับกูมาก ทุกอย่างมันดีจนกูไม่เคยคิดถึงวันที่จะไม่มีเขา กูเข้าใจมาตลอดว่าเขายังรักกู”

บางที...ไอ้น้องโง่ก็อาจจะเข้าใจถูกแล้วก็ได้

“มึงฝันไอ้ขิม ตื่นเถอะ” แต่ผมไม่บอกให้มันดีใจหรอกนะ เวลาเห็นมันยิ้มแล้วน่าถีบให้หงาย

“ไม่มั่นหน้าสักนาทีจะตายไหม”

ผมยักไหล่ ไม่ใส่ใจกับคำต่อว่า “เอาเถอะ มึงจะคิดยังไงก็เรื่องของมึง แล้วนี่หมดเรื่องจะคุยหรือยัง”

“ก็ถ้ามึงบอกว่าชื่อกูไม่มีในพินัยกรรม กูก็ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว”

ไม่แน่ใจว่าทำไมหัวใจของผมถึงรู้สึกแบบนี้ แต่มันปวดแปลบเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเขมินทรา “มึงจะอยากได้ไปทำไมกับไอ้ของที่เอาติดตัวไปตอนตายไม่ได้ ชีวิตก็เป็นของมึง ใช้มันไปสิ ไม่มีจะแดกก็มาขับวินกับกูก็ได้ เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงทำไมขิม รอยบนตัวมึงยังไม่พอเหรอวะ”

ผมไม่ได้เป็นห่วงมันนะ แต่ผมก็แค่...ไม่อยากให้ใบหน้าที่เหมือนกับผมราวกับภาพสะท้อนเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ขวัญพัฒน์คือคนที่ยิ้มเก่ง ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์แบบไหนผมก็ยิ้มสู้ได้ เพราะฉะนั้นคนที่มีใบหน้าเหมือนกันกับผมก็ควรจะยิ้มเก่งเหมือนผมบ้าง

“ขวัญ มึงรู้ไหมว่าแม่ถูกทรมานจนฆ่าตัวตาย ก็จริงที่อาจจะไม่ได้เลี้ยงดู ไม่มีความผูกพัน แต่ยังไงเขาก็เป็นแม่ เขาอุ้มท้องเรามาเก้าเดือน อดทนให้เราได้เกิดมา ถ้าเขาไม่อดทนมึงคิดเหรอว่ากูกับมึงจะได้นั่งอยู่ตรงนี้ แล้วมึงจะปล่อยให้คนที่ทำให้แม่ตายได้ทุกอย่างที่ควรเป็นของเราไปเหรอ มึงเอาแต่พูดว่ามึงไม่ยุ่ง ทั้งที่พ่อเห็นคนอย่างมึงเป็นลูกมากกว่ากูที่พยายามแทบตาย”

“ตัดพ้อไปกูก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้”

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าดีแล้วล่ะที่ในเรื่องวุ่นวายพวกนี้ ไอ้น้องโง่ไม่ได้ถูกดึงเข้ามาด้วย เพราะมันยิ้มไม่เก่งเหมือนผม ควบคุมตัวเองได้แย่แล้วก็คงอารมณ์ร้อนวิ่งเข้าหาความตายเป็นว่าเล่น เป็นผมน่ะดีแล้ว

“มึงช่วยได้แต่มึงไม่ช่วย”

“งั้นมึงจะทำยังไง จะฆ่ากูเหรอ ฆ่ากูแล้วสวมรอยเลยดีมั้ย”

“กูฆ่ามึงแน่ไอ้ขวัญ แต่หลังจากที่กูส่งธนิษฐาไปลงนรก”

“หรือไม่อย่างนั้นมึงอาจจะลงนรกก่อนถ้าขืนยังไปตอแยกับธนิษฐา” ผมบอกพลางลุกขึ้นเดินไปนั่งใกล้ไอ้แฝดนรกแล้วผลักหน้าผากมันให้หงายหลัง “กูไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงทำมึง หาเหตุผลจากคนที่เกลียดไปก็เท่านั้น แต่ถ้ามึงยังคิดแก้แค้น ชีวิตมึงพังแน่ขิม ช่วงวัยอย่างเรามีเรื่องให้ทำอีกหลายเรื่อง มึงจะเรียน จะแรด จะเที่ยว จะมั่วผู้ชายหรือจะผลาญเงินเล่นยังไงก็ทำไป พ่อเลี้ยงมึงรวยอยู่แล้ว ปล่อยหมามันกัดกันไปสิ รอดูเฉยๆ ก็พอ อาจมีบางตัวหลุดฝูงมากัดก็แค่ตั้งรับให้ดี มึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปตะลุมบอนด้วย สุดท้ายอาจตายยกฝูงก็ได้ อาจมีแค่กูกับมึงที่เหลือรอด แล้ววันนั้นมึงจะฆ่ากูกูก็ไม่ว่า ตอนนี้อยู่เฉยๆ ไปก่อนเถอะ”

เขมินทราทำท่าจะเถียง แต่ผมชี้หน้าขู่มัน ไม่คิดว่ามันจะกลัวหรอก แต่มันก็ทำหน้าหงอใส่ ทั้งๆ ที่มิสเตอร์ยิ้มสยามอย่างผมทำหน้าดุไม่เป็นเลยสักนิด

“แต่เรื่องพี่ธนิกกูเฉยไม่ได้” เขมินทราว่าเสียงแผ่ว “กูรอดูเฉยๆ ไม่ได้หรอกไอ้ขวัญ”

“อยากทำอะไรก็ทำ แต่งานแต่งพี่นิก ถ้ามึงล่ม มึงบวกกับธนิษฐาแน่ เขาอยากได้คุณนิ่มเป็นสะใภ้ขนาดนั้น”

“แล้วมึงว่าถ้าเจ้าสาวตาย...”

“กูแจ้งตำรวจจับมึงเอง ไม่ต้องถึงมือธนิษฐาหรอกไอ้ขิม”

“งั้นเอาไอ้หมาบ้าเพื่อนมึงมาใช้งานหน่อย ภาพฉาวของเจ้าสาวคงสะเทือนอะไรได้บ้าง”

ความคิดแต่ละอย่างดีๆ ทั้งนั้น ไอ้น้องเวรนี่! ผมว่าพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงคนรวยของมันคงสปอล์ยจนเสียนิสัย

“เจอตีนกูก่อน ไอ้แนนมีเมียแล้ว เมียมันกำลังท้องด้วย แล้วคุณนิ่มก็เป็นผู้หญิง มึงจะทำเรื่องระยำอย่างนี้ไม่ได้”

เขมินทราปากคว่ำ แววตาดื้อรั้นจนผมตบกบาลมันไปเต็มๆ เหนี่ยว “โอ๊ย! มึงมันพี่เหี้ย ตบหัวกูทำไม!”

“อย่าทำเรื่องไม่ดี”

“แค่คิดล่มงานแต่งชาวบ้านก็ไม่ดีแล้วมั้ย มึงเถอะ อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ แล้วมึงจะล่มงานยังไง”

“ทำไมโยนมาให้กูคิด”

“ก็กูคิดอะไรก็ไม่ดีเลยสักอย่าง”

“ความคิดกูก็ไม่ได้ดีกว่ามึงนักหรอกไอ้น้องโง่” ผมมีหน้าที่ค้าน ไม่ได้มีหน้าที่คิด เพราะให้ผมคิดผมก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงให้เขายกเลิกงานแต่งอย่างสมเหตุสมผล “งานแต่งจะล่มได้ก็มีสองกรณีที่กูคิด กรณีแรกเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวไม่ไปร่วมงาน ซึ่งเจ้าสาวถ้าไม่ลักพาตัวแม่งก็ต้องรอขบวนขันหมากแบบตั้งหน้าตั้งตาคอย ส่วนเจ้าบ่าวก็คงไม่ต่างกัน ความเป็นคนดีค้ำคออยู่ เล่นบทลูกกตัญญูตั้งแต่เด็กจนโตคงเปลี่ยนนิสัยยาก อีกกรณีคือคนสำคัญของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย มึงคิดดูว่าถ้าธนิษฐาตายหรือพ่อมึงตาย งานล่มชัวร์”

“ไหนมึงพูดว่าจะไม่ฆ่าใคร ความคิดมึงก็ระยำไม่ต่างจากกูหรอกไอ้ขวัญ แล้วพ่อกูก็พ่อมึงมั้ย มึงคิดอยากให้พ่อตายเลยเหรอ มึงโคตรเลวเลยไอ้ขวัญ ถึงพ่อจะไม่รักกู แต่กูก็สงสารเขานะเว้ย”

“กูเผื่อกรณีมีอุบัติเหตุ มึงก็โวยวายใหญ่โตไปได้ คนบอบบางอย่างกูจะไปฆ่าใครลงวะ” ผมว่าอย่างฉุนๆ จะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นผมไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น ก็แค่ยกตัวอย่างให้เขมินทราฟัง แต่มันเล่นใหญ่เกินเบอร์ไปมากทีเดียว

“ปล่อยคลิปฉาวพี่นิ่มไม่ง่ายกว่าเรอะ”

ผมสงสัยจริงๆ นะว่าที่เขมินทรามันร้าย มันร้ายด้วยสมองหรือมันดับเครื่องชนใส่อย่างเดียว แต่ดูจากการที่มันทำตัวร้ายโจ่งแจ้งโดยการส่งคนมาอุ้มผมก็พอจะรู้แล้วว่าไม่ค่อยมีสมอง

“สมัยไหนแล้วไอ้ขิม มึงคิดว่าแม่สามีอย่างธนิษฐาจะซีเรียสแค่เรื่องคลิปเหรอ ถ้าเขาอยากได้ลูกสะใภ้รวยขนาดนั้น เรื่องคลิปนี่เด็กๆ ไปเลย”

เขมินทราทำหน้าปั้นยาก เงียบอยู่นานแล้วก็เสนอความเห็นที่ไร้ประโยชน์ว่า “งั้นก็ขังพี่ธนิกไว้เถอะ ถ้ามึงไม่อยากลักพาตัวเจ้าสาว”

“ทำอย่างนั้นก็เตรียมบวกกับธนิษฐาเต็มรูปแบบ” เอาจริงๆ ผมแม่งไม่อยากสู้กับใคร ถ้าถามผมเรื่องที่คุณธนิกจะแต่งงาน ผมว่าผมพอทำใจได้ แม้ไม่รู้ว่าวันงานจะทุรนทุรายมากแค่ไหน แต่ผมทำใจยอมรับได้มานานแล้ว ก็เลยไม่ดิ้นเท่าเขมินทรา

“มึงไม่สู้หรือไง” เขมินทรามองผมด้วยสายตาที่มองคนขี้ขลาดตาขาว

“กูบอกแล้วว่ากูเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วกูก็เพิ่งโดนยิงมา ชีวิตวัยรุ่นอยากเข้าผับเข้าบาร์ ไม่ใช่เข้าโรงบาลเป็นว่าเล่น”

“คุยกับมึงนี่กูเหนื่อยจริงๆ ตอนร่างโง่ว่าเหนื่อยแล้ว ร่างผีเข้าผีออกนี่กูหมดคำจะพูด” เขมินทรามีทีท่าเหนื่อยอ่อนจริงๆ แต่ผมควรเหนื่อยมากกว่าไหมที่ต้องมาคุยกับคนร้ายๆ อย่างมันเนี่ย! “สรุปมึงจะเอายังไง ล่มหรือไม่ล่ม”

“ขอกูดูเชิงก่อน ยังไงซะพี่นิกก็หนีกูไม่รอดหรอก”

“ร่างร่านของมึงก็ไม่เบานะไอ้พี่เหี้ย พี่ธนิกรู้ไหมว่ามึงเป็นขนาดนี้”

ผมยักคิ้วพลางเหยียดยิ้ม “กูก็ไม่ได้ปิดนี่ แต่ชั้นเชิงในการแสดงออกของกูกับมึงต่างกันนะขิม มึงก็เลยดูร่านกว่า”

“อะ…ไอ้…"

ปึงๆ ๆ ๆ ๆ

เสียงทุบประตูทำให้ผมกับเขมินทราชะงักงัน บทสนทนาของเรานิ่งค้างไว้เท่านั้น ก่อนเจ้าของห้องจะมองหน้าผมด้วยความหวาดระแวง

“มึงพาใครมาด้วย” เขมินทราถามในขณะที่ประตูยังถูกทุบไม่หยุด “วันนี้กูอุตส่าห์ให้ลูกน้องพ่อเลี้ยงหยุดงาน แต่มึงผิดสัญญาเหรอไอ้สัดพี่”

“กูมากับพันธมิตรของกูสองคน ส่งกูแล้วเขาก็รออยู่ข้างล่าง ระบบความปลอดภัยคอนโดฯ มึงก็ดีนี่ เขาขึ้นมาไม่ได้อยู่แล้ว” ผมว่าพลางรู้สึกกังวลใจเพราะเสียงเคาะตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงกระแทกราวกับมีคนไม่ต่ำกว่าสองคนกำลังช่วยกันพังประตูเข้ามา “สงสัยน่าจะคนอื่น มึงไปอยู่ในห้องนอนแล้วก็โทรแจ้งตำรวจ เดี๋ยวกูรับหน้าไว้ให้”

ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ว่าอย่างน้อยผมก็มีปืนป้องกันตัว อีกอย่างแทนที่จะกองรวมกันตายตรงนี้ ให้อีกคนหลบไปขอความช่วยเหลือน่าจะดีกว่า

“มึงไม่ได้เก่งไปกว่ากูนะไอ้ขวัญ” แต่ไอ้แฝดนรกมันรั้น เถียงผมกลับจนอยากสับมือบนหลังคอให้มันสลบจะได้สงบปากเดี๋ยวนี้

“แต่กูมีปืน” ผมว่าพลางชูอาวุธร้ายให้เห็น พอปลดล็อกเซพแล้วยกขึ้นเล็ง เขมินทราก็ผงะถอยหลัง

“มึงมันพี่เหี้ยจริงๆ มาหากูแต่พกปืนมาด้วย”

“มึงไว้ใจได้ที่ไหน หลอกกูมาฆ่ารึเปล่าก็ไม่รู้ไง กูป้องกันตัวไว้ก่อน แต่มึงรีบไป รีบเข้าไปในห้อง” ไม่รู้เพราะผมตะคอกหรือเพราะกลัวปืนในมือผมกันแน่ เขมินทราจึงรีบวิ่งไปที่ประตูฝั่งซ้ายมือทันที ส่วนผมก็ไม่ได้นั่งโง่ต้อนรับผู้บุกรุก ผมกระโดดไปด้านหลังโซฟาพลางไลน์ไปขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ทีที่รออยู่ด้านล่าง

หัวใจของผมเต้นระส่ำในขณะที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังโซฟา ด้านหน้าของผมคือตู้โชว์สารพัดของสะสมของเขมินทรา ทำให้ได้รู้ว่าไอ้แฝดนรกของผมมันมีความชอบแบบไหน ผมนับวินาทีอยู่ในใจขณะที่มองซุปเปอร์ฮีโร่ในตู้ชั้นแรก มันคงชอบกัปตันอเมริกามากพอๆ กับที่ผมชอบธานอส

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 02-10-2018 20:19:47
ขณะที่กำลังเลื่อนสายตาขึ้นมองชั้นสองของตู้โชว์ ประตูที่ทนแรงกระแทกไม่ไหวก็ถูกพังเข้ามา ผมเห็นภาพผู้บุกรุกในเงาสะท้อนของกระจก คนสามคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ลักษณะท่าทางโดยรวมแล้วไม่น่าผ่านการรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ ขึ้นมาได้ แต่นั่นแหละ มันขึ้นมาแล้วพร้อมอาวุธครบมือ ปืนหนึ่งกระบอกในมือคนที่ตัวหนาที่สุด ติดอุปกรณ์เก็บเสียงเสร็จสรรพ อีกสองคนถือมีดสั้นสีเงินวาววับ มันสะท้อนแสงไฟจนแสบตายามที่เผลอจ้องมอง

ผมรู้สึกถึงความกลัวที่แล่นริ้วขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย ภาพสะท้อนเงาในกระจกเห็นผู้บุกรุกกำลังกวาดตามองทั่วห้อง ผมตัวสั่นจนแทบอยากอาเจียนแต่มือของผมก็จับแน่นที่กระบอกปืน

บอกแล้วใช่ไหมว่าผมอยากเป็นธานอสที่แค่ดีดนิ้วคนก็ตายไปครึ่งจักรวาล เพราะฉะนั้นผมก็หวังว่าถ้าผมแค่เหนี่ยวไก ผู้บุกรุกอีกสามคนก็คงล้มตายเช่นกัน

แต่ผม...ไม่ใช่นักแม่นปืน

หนึ่งในผู้บุกรุกย่างสามขุมข้ามห้องไปที่ประตูฝั่งซ้าย ส่วนอีกสองคนเดินเข้ามาใกล้บริเวณที่ผมซ่อนตัว ได้ยินเสียงพวกมันหัวเราะ เสียงราวกับมัจจุราชกำลังเรียกหาผม

“ให้ตายเถอะ ทำไมต้องส่งมาเล่นกับเด็กด้วยวะ” เสียงทุ้มต่ำระคายหูดังลั่นห้อง “แต่เพราะในรูปขาวน่าขยี้หรอกถึงรับงาน มึงเอาคนไหนไอ้ศักดิ์ คนพี่หรือคนน้อง”

“ขอสองว่ะ”

ความคิดระยำของชายร่างใหญ่สองคนทำให้ผมแทบลั่นไกปืนเสียเดี๋ยวนั้น แต่มือของผมสั่นเทา ความกลัวทำให้เรี่ยวแรงลดถอยลง ผมรู้จุดประสงค์แล้วว่าพวกมันถูกส่งมาเพื่อทำอะไร

“จุ๊ๆ ๆ เจอหนูหลบอยู่หลังโซฟาหนึ่งตัว”

“งั้นอีกตัวคงอยู่ในห้อง”

ผมเหนื่อยกับการที่ต้องบอกใครต่อใครว่าผมเป็นแค่คนขับวินมอเตอร์ไซค์ที่ไร้สาระและบ้าบอไปวันๆ ไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ ไม่ใช่นักแม่นปืน ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการชกต่อย ในนิทานเรื่องที่ผมอ่านผมก็เป็นเพียงแค่ชายขอทาน แต่ทำไมสถานการณ์ต่างๆ ถึงบังคับให้ผมต้องสู้

ปึง! ปึง! ปึง!

เสียงประตูห้องนอนที่ถูกกระแทกทำให้ผมสะดุ้งเฮือกจนเผลอผุดลุกขึ้นจากที่ซ่อน ทั้งๆ ที่กลัวแต่ก็เสือกอยากเบนความสนใจของพวกมันสักเล็กน้อย ผมไม่ได้ห่วงไอ้แฝดนรกนั่นหรอก...ก็แค่คิดว่าผมน่าจะมีทางรอดมากกว่า

“โอ้วววว น่าเอากว่าที่คิดไว้ พร้อมมาเล่นกันมั้ยจ๊ะหนุ่มน้อย” เสียงสากระคายหูทำให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียน

พอยืนประจันหน้ากับพวกมัน รอยยิ้มน่าขยะแขยงก็ปรากฎให้เห็น ผมถอยหลังไปจนชิดผนังห้อง พลางยกปืนที่ถืออยู่ขึ้นเล็ง ผู้บุกรุกหน้าเหี้ยมที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้ต่างชะงักแล้วมองผมราวกับเห็นตัวประหลาด

“เล่นของแรงนะไอ้เด็กนี่” หนึ่งในนั้นว่าเสียงเครียด ก่อนใบหน้าเหี้ยมจะยิ้มเย้ยราวกับคิดเอาเองว่าคนที่ยืนขาสั่นอย่างผมไม่กล้ายิง มันจึงก้าวสามขุมมาหาอย่างไม่กลัวตาย

ปัง!

นิ้วของผมลั่นไกปืน แรงถีบจากการยิงทำให้มือที่ประคองไว้ทั้งสองข้างชาไปชั่วขณะ ไอ้หน้าเหี้ยมคนหนึ่งส่งเสียงโวยวาย ส่วนอีกคนกระโดดหลบไปอีกทาง ผมแน่ใจว่าเสียงปืนของผมจะทำให้เจ้าของห้องอื่นๆ ได้ยินแล้วรีบให้ความช่วยเหลือแต่ก็มีอีกกรณีที่เลวร้ายก็คือได้ยินแต่ก็กลัวโดนลูกหลงจนนิ่งเฉย

ถ้าเชื่อตามดวงโชคร้ายของผมก็คงจะเป็นกรณีเลวร้ายนั่นแหละ เพราะป่านนี้แล้วข้างห้องยังไม่ออกมาเป็นไทยมุงเลย!!

“ไอ้เวรนั่น!” ผมส่งเสียงตะคอก รู้สึกว่าเสียงที่ได้ยินราวกับไม่ใช่เสียงของตัวเอง เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมจะตะคอกใส่ใครด้วยความรู้สึกแบบนี้ ทั้งโมโหทั้งกลัว “มึงออกห่างประตูเดี๋ยวนี้! ออกมา!!”

“มึงคิดว่ามึงจะขู่กู...”

ปัง!

มือของผมชาจนเจ็บเพราะกระสุนนัดที่สอง ผมไม่ได้ตั้งใจจะยิงโดนใคร แต่เพราะแรงถีบกับความไม่แข็งแรงของกำลังแขนทำให้วิถีกระสุนไปโดนแขนของไอ้หน้าเหี้ยมที่ยืนอยู่หน้าประตูโดยบังเอิญ เสียงของมันร้องโหยหวนเพราะบาดแผลที่มีเลือดทะลักก่อนมันจะกัดฟันแน่นแล้วยิงสวนกลับมา แต่ผมก้มหลบอย่างไม่คิดชีวิต ใบหน้าของคุณธนิกผุดวาบขึ้นมาในหัว มันเป็นความรู้สึกอยากเจอในขณะที่ความตายคืบคลานเข้ามาใกล้

กระสุนนัดแรกจากมันโดนตู้กระจกเสียงดัง เพล้ง! เศษกระจกกระจายไปทั่วบริเวณที่ผมก้มหลบ ไอ้หน้าเหี้ยมอีกสองคนหลบเศษกระจกที่กระเด็นออกเพราะแรงกระสุนเป็นพัลวัน ความชุลมุนเกิดขึ้นเมื่อผมยิงสวนไปอีกนัด ยิงมั่วๆ โดยไม่หวังผลด้วยความกลัวจับใจ แต่เพราะมีอาวุธที่สามารถตอบโต้ได้อยู่ในมือผมจึงค่อนข้างอุ่นใจขึ้นมาบ้างว่าถ้ามีใครหน้าไหนกล้าเข้าใกล้ ผมจะยิงใส่มันอย่างไม่ลังเล

“ไอ้เด็กเหี้ยเอ้ย! ไอ้ลันมึงอ้อมไปอีกทาง!!” เสียงไอ้หน้าเหี้ยมที่อยู่ใกล้ผมที่สุดดังขึ้น แต่มันไม่กล้าเข้ามาใกล้กว่านี้ มันมองมาที่ผมด้วยความระแวดระวังพลางออกคำสั่งให้เพื่อนของมันเดินมาล้อมผมไว้ “ไอ้กิตมึงเป็นไง!!”

“เจ็บสิวะ ถามมาได้!!” ไอ้คนที่กำลังเลือดอาบแขนตะโกนลั่น “ไม่มีใครบอกว่าไอ้เด็กเวรนี่มันมีปืน! มึงรับงานมายังไงไม่เช็กให้ดีวะไอ้โง่เอ้ย!!”

“กูจะรู้มั้ย! ไอ้จิวมันก็รับมาอีกที! ไว้กลับไปถามมันเองเว้ย!!” ไอ้คนที่อยู่ใกล้ผมตะโกนกลับด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าของมันถมึงทึง ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองราวกับจะขยี้ผมให้แหลก

“แล้วเอาไงดีวะไอ้ศักดิ์ เสียงปืนคงเรียกพ่อมึงมาแล้วตอนนี้ ไอ้บีที่ให้เฝ้าข้างล่างไว้ก็ถ่วงได้ไม่นานนักหรอก”

“แต่ถ้างานไม่เสร็จ นายจ้างฆ่าพวกมึงแน่!”

ก่อนที่ไอ้หน้าเหี้ยมสามคนจะหารือกันเสร็จ คนอีกกลุ่มก็กรูกันเข้ามาในห้อง รวดเร็วจนผมหรือพวกมันไม่ทันตั้งตัว จำนวนคนห้าคนกับอาวุธปืนครบมือทำให้ไอ้หน้าเหี้ยมสามคนถึงกับหน้าถอดสี พวกมันทำหน้าเหมือนเห็นผี ใบหน้าเหี้ยมซีดเผือดพร้อมกันนั้นก็ยกมือชูขึ้นเหนือหัวประกาศยกธงขาวด้วยความกลัวตาย

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคนที่เดินเข้าห้องมาเป็นคนสุดท้ายคือมิสเตอร์ที

“คุณมาช้ามิสเตอร์ที ผมเกือบได้ฆ่าคนตาย” น้ำเสียงของผมคงอ่อนแรงไม่ต่างกับขาทั้งสองข้าง เพราะตอนนี้กำลังไถตัวลงนั่งกับพื้น ไม่สนแม้ว่าเศษกระจกจะตกเกลื่อนอยู่รอบตัว

“ผมต้องจัดการกับทีมรปภ. ข้างล่าง วุ่นวายจนแทบจะฆ่าคนตายเหมือนกัน” สีหน้าของมิสเตอร์ทีราบเรียบ แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความคุกรุ่น “เขมินทราอยู่ไหน”

“ผมให้เข้าไปหลบในห้องนอน”

“มิสเตอร์เค ผมบอกคุณแล้วนะว่าคุณสำคัญกับข้อตกลงของเรา” มิสเตอร์ทีพูด แต่ครั้งนี้สีหน้าราบเรียบของเขาเผยความโกรธขึ้งให้เห็น “ถ้าคุณเป็นอะไรไป...”

“อย่าโทษผม! มันเป็นความผิดของคุณที่จัดการทุกอย่างได้ช้าถึงได้เกิดเรื่องบ้าๆ นี่ขึ้น! อีกอย่างนะมิสเตอร์ทีนอกจากผมกับเขมินทราก็มีแต่คุณที่รู้การนัดหมาย ผมเกือบคิดไปแล้วด้วยซ้ำว่าคุณส่งไอ้พวกระยำนี่มา” ผมบอกออกไปตามตรงก่อนจะกวาดตามองไอ้สามเหี้ยมที่ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ “ถ้าใช่ล่ะก็นี่คงเป็นละครปาหี่ดีๆ นี่เอง”

“ผมเป็นพันธมิตรของคุณมิสเตอร์เค แล้วถ้าคุณสงสัยผม ทำไมไม่สงสัยเขมินทราล่ะ เพราะที่นี่คือห้องของเขา คอนโดฯ นี้ทั้งตึกก็ของพ่อเลี้ยงเขา คนที่อยู่ที่นี่คือคนของเขาทั้งหมด เขมินทราสร้างสถานการณ์กำจัดคุณได้ง่ายๆ นะ พูดให้คิดแค่นี้”

ผมรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน บางทีคำพูดของมิสเตอร์ทีก็ฟังดูมีเหตุผล เขมินทราที่หลบอยู่เงียบๆ ในห้องไม่ส่งเสียงกระโตกกระตากเลยแม้แต่น้อยมาจนถึงตอนนี้ ไอ้สามเหี้ยมที่รู้ว่าในห้องมีผมกับเขมินทรา มันพูดคุยกันถึงรูปถ่าย ตกลงแบ่งหน้าที่ว่าใครจะจัดการคนพี่คนน้อง ทั้งๆ ที่ห้องนี้เป็นของเขมินทราเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงแล้วคนที่บุกเข้ามาทำร้ายเขมินทราก็ไม่น่าจะรู้ว่าวันนี้ผมอยู่ด้วย ไม่มีความบังเอิญเกิดขึ้นแน่ๆ มีแต่ความตั้งใจล้วนๆ ทว่าไม่ว่าจะใครก็ไว้ใจไม่ได้ ตอนนี้แม้แต่รอยยิ้มของรปภ. ที่ให้ผมขึ้นคอนโดฯ มาก็ยังน่าสงสัย

“โอเคมิสเตอร์ที ยังไงซะปืนที่คุณให้มาก็ช่วยผมไว้” ผมคืนปืนให้กับมิสเตอร์ทีพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกเหมือนคนที่จมน้ำอยู่นานแล้วเพิ่งได้อากาศหายใจ บอกตามตรงว่าผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแต่ก็ต้องยอมรับว่าเพราะปืนกระบอกนี้ผมถึงยังไม่เข้าตาจน คำพูดของมิสเตอร์ทีจึงมีน้ำหนักขึ้นมาเล็กน้อย แต่ผมก็ไม่คิดว่าเป็นฝีมือของเขมินทรา “ผมไม่รู้ว่าตำรวจจะมาที่นี่ไหมเพราะผมให้เขมินทราเป็นคนแจ้งความ แต่คุณเก็บกวาดให้เรียบร้อยดีกว่า ขืนส่งตัวให้ตำรวจเดี๋ยวก็โดนปล่อยตัวออกมาอยู่ดี พวกมันเป็นอันตรายกับผม”

“ตามบัญชาครับ” มิสเตอร์ทีเหยียดยิ้มออกมา แววตาเย็นชาของเขาทอดมองไปยังไอ้สามเหี้ยมที่ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาเมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ “คุณไปทำแผลดีกว่ามิสเตอร์เค แผลที่ใต้ตาของคุณคงลึกน่าดู ผมแนะนำให้ไปโรงพยาบาล”

พอถูกทักขึ้นความเจ็บแสบก็เข้ามาเยือน ผมยกมือขึ้นลูบบาดแผลใต้ตา ค่อนข้างแน่ใจว่าเกิดจากเศษกระจกที่กระเด็นมาโดน เลือดสีแดงที่ไหลอาบแก้มก็ส่งกลิ่นคาวคลุ้ง ผมเพิ่งรู้สึกตัวตอนนี้เองว่ามีแผลลึกแค่ไหนและโชคดีที่มันไม่ทำให้ผมกลายเป็นผู้ชายตาบอดไปจริงๆ เพราะแค่ตาบอดเรื่องความรักก็แย่เต็มทีแล้ว

แน่นอนว่าไม่ใช่เวลาตัดพ้อชีวิต แต่ก็ขอให้ผมได้หยุดพักกับเรื่องตลกร้ายพวกนี้บ้าง

“ครับ ผมจะไปโรงพยาบาล” ผมรับปากมิสเตอร์ทีก่อนจะเดินไปยังหน้าประตูห้องนอน ประตูยังคงปิดสนิท ผมยกมือขึ้นเคาะหลายครั้งแต่ก็ไม่มีการตอบสนองกลับมา ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นที่ดังเล็ดลอด “ขิม! ได้ยินกูมั้ย ทุกอย่างโอเคแล้ว! เปิดประตู!”

ผมไม่สนว่านี่จะเป็นละครฉากหนึ่งที่เขมินทราสร้างขึ้นหรือเป็นเรื่องจริงที่คนอื่นยัดเยียดความโหดร้ายให้ แต่ผมก็เต็มใจจะเล่นตามบทบาทของพี่ชาย เพราะไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร เขมินทราก็คือน้องชายของผมอยู่ดี

น้องชายที่ผมก็ไม่ได้อยากมี ไม่ได้นึกอยากห่วง แต่ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น

เมื่อเขมินทราไม่ยอมเปิดประตู ผมจึงต้องหันหน้าไปหาพันธมิตรเพียงหนึ่งเดียว ถ้าในนิทานเรื่องที่อ่านผมเป็นชายขอทาน มิสเตอร์ทีก็คงเป็นพ่อมดที่คอยเสกของใส่กะลาทองคำและอำนวยให้เส้นทางสู่ปราสาทของเจ้าชายราบรื่น เพราะเขาเป็นพ่อมดที่หลงรักเจ้าชายแต่ไม่เคยยอมเผยตัวให้เจ้าชายได้เห็น มีเพียงชายขอทานอย่างผมที่รู้จักเขา “มิสเตอร์ที ฝากดูเขมินทราด้วย ต่อให้นี่จะใช่หรือไม่ใช่ฝีมือเขา คุณก็ช่วยรับคำขอของผมทีนะ”

“ครับ ภายใต้สัญญาพันธมิตรของเราแล้วผมจะรับฟังทุกคำขอของคุณ ตอนนี้ไปโรงพยาบาลได้แล้วครับ ผมเตรียมคนรถไว้ให้คุณอยู่ข้างล่าง”

ผมพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเขมินทรา ความเหนื่อยล้าเข้าเกาะกุมจิตใจ รู้ดีทีเดียวว่านี่ไม่ใช่ทางของผม ผมไม่เหมาะกับความวุ่นวายพวกนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ที่โดนยิงก็คงเป็นปีชงของผมอย่างจริงจัง เพราะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาแค่สองวันก็ต้องกลับเข้าไปอีก ทว่าวันนี้ที่มาก็ไม่ได้มีอะไรเสียเปล่า ผมเสี่ยงไปบ้างแต่ผมก็ได้รู้ในหลายๆ เรื่อง ผมได้เห็นบาดแผลของเขมินทรา แผลทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผมได้รู้ถึงความรู้สึกของน้องชายตัวเองและได้รู้ว่าในเกมแห่งความละโมบนี้ผมไว้ใจใครไม่ได้เลยสักคนเดียว

.....................To be Continue......................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2:

รักน้ำ รักปลา รักเธอนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-10-2018 20:57:43
ขวัญกับขิมเป็นแฝดนรกมากเวลาอยู่ด้วยกัน.
แต่น่ารักนะ คือมั่นหน้ากันมากกกกกกกกกกกกก
ว่าแต่ ใครบ่งการ ใครอยู่เบื้องหลังยังไงเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-10-2018 21:34:44
ดราม่าหนัก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-10-2018 21:50:25
โอ๊ยย เครียดแทน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 02-10-2018 22:04:25
โคตรกากเลยคุณธนิก เหอะ!!!!!! สงสารขวัญกับขิมที่ต้องมารักคนแบบนี้ แม่ง ยิ่งตอนอ่านว่าขิมเคยโดนทรมานนะ อยากให้คนทำแม่งรับรู้ความเจ็บปวดเหมือนกัน ให้ขสัญเล่นเป็นบทตัวร้ายที่จิตหน่อย ค่อยๆทรมานฝ่ายตรงข้าวช้าๆ สุดท้ายเอาไปปล่อยป่าค่อยๆให้สัตว์ร้ายมากิน ถึงจะตายก็ไม่ตายป่าว ยังมีคุณประโยชน์ให้เพื่อนร่วมโลก อีกอย่างอยากให้ขวัญระบายความอัดอั้นตันใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย ไหนๆทั้งหมดก็เกิดจากอินางแม่มดโรคจิต ก็มห้ความทรมานทั้งหมด ตกไปอยู่ที่มันเหอะ ส่วนอิคุณธนิกก็ช่างหัวแม่มมัน กากสัสรัสเซีย แค่ปกป้องคนที่ตัวเองรักยังไม่ทำ ดีแต่พูดคำหวานหลอกลวงไปวันๆ แทบไม่มัตวามจริงใจให้คนรักตัวเองเลย ไม่ว่าขิมหรือขวัญ อิคุณธนิกก็สมควรไปตายให้หนอนแดกค่ะ คนกระจอกของทุกๆปี

ปล.อยากแนบรูปตัวเองตอนอ่านตอนนี้จบมาก อยู่ก็รู้สึกสมเพช แล้วก็ยิ้มมุทปากเฉย หึ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 02-10-2018 22:05:17
ยิงกันสนั่นห้อง มิสเตอร์ทีรึเปล่าที่ส่งคนมายิง 2 แฝด
ใครๆ ก็เป็นผู้ต้องสงสัยแล้วละนาทีนี้

พอฟังเรื่องขิมแล้วสงสาร คุณธนิกโคตรเห็นแก่ตัว
ขนาดคบกัน 4 ปี พอขิมจะตายเลือกแม่ซะอย่างนั้น
คนแบบนี้ไม่ควรให้ความรู้สึกดีด้วยเลยสักนิดนะ


ขอบคุณมากๆ นะคะ เนื้อเรื่องตอนนี้ยาวสะใจมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-10-2018 22:26:35
สนุกมากกก ครบรสยิ่งกว่าอายิโนโมโต  ทั้งดราม่า ทั้งขำ ทั้งเอ็นดู ทั้งแอคชั่น ชีวิตน้องขวัญนี่มันวาไรตี้จริงๆ ชอบมากค่ะ ไม่เสียแรงที่เกาะคุณ สนฟ มาทุกเรื่อง

ไปค่ะไป ไปต่อยาวๆด้วยกัน ไม่ขอเดาหรือเลือกข้างใดๆทั้งสิ้น เพราะ...เดาไม่ถูกเลย 55555 มันน่าเชื่อไปหมด รอตามติดๆ อย่างเดียวเลยค่าา แต่...แต่มีสิ่งนึงที่มั่นใจ เกลียดอิพี่นิกคนเลือดเย็น(ไม่สุด)มากกก 55555 อะไรของแกร๊ เดี๋ยวรัก เดี๋ยวห่างเหิน ไหวไหมพี่นิก?  :laugh:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: BChampa ที่ 02-10-2018 22:33:43
คนสั่งยิงอยู่ข้างคุณธนิก

ขวัญเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไป

ขิมรักคุณธนิกมาสี่ปี = สี่ปีที่โดนหลอก

ขิมถูกธนิษฐาทรมานจนอยากตายแต่คุณธนิกเลือกน้องสาว
แม่ถูกทรมาน จนแม่ต้องฆ่าตัวตาย

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เดี๋ยวขอกูอันเชิญโคนันก่อน ถามว่ามีใครตายเหรอเจ้าเด็กวายป่วงทุกย่างก้าวนั่นจะมา ก็ไอ้คุณธนิกไง

กาก ขี้ขลาด เห็นแก่ได้แต่ไร้ความรับผิดชอบ ทำเป็นแน่ ทำเป็นคนจริงเจ้าเล่ห์แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้แม่กับน้องจูงจมูกทำชั่วโดยเอาการทำงานหนักควรได้ผลตอบแทนมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ห้ามปราม

ถ้าสุดท้ายคุณธนิกยังเป็นพระเอกนี่จะบอกให้แก๊งพ่อบ้านใจกล้ารุมยำตีน ความเป็นพระเอกไม่ได้เศษขี้เล็บของเสี่ยโปรด เฮียทองเลย แม้แต่พ่อพ่ายยังดีกว่าเลย

คุณธนิกไม่ควรได้ใคร ไม่ควรเหลืออะไรเลยแม้แต่ขวัญหรือขิม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 02-10-2018 22:35:28
มีแค่ 3 คนที่รู้เรื่องนี้ไหม ถ้าให้คิด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-10-2018 22:41:10
T น่าสงสัยมากบอกเลย
นิ่ม นี่เราสงสัยได้ไหมอ่ะ
ขิม นี่เฉยๆนะ ไม่สงสัยเท่าไร
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-10-2018 22:46:49
สนุกมากค่ะ ยาวจุใจ
ตอนคุยกับคุณธนิกในรถนี่ชอบน้องขวัญมาก
น้องแบบสุดแล้ว พูดทุกอย่าง แต่คุณธนิกเนี่ย.. o12

เรื่องแผลของขิม ทำให้เริ่มโกรธคุณอีกแล้วแฮะ
กตัญญูกับแม่แต่ทำให้คนอื่นเจ็บปวด แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว
รู้ทั้งรู้ว่าแม่ตัวเองเป็นยังไงแต่ยังลากขวัญเข้ามาเป็นเป้าอีก
น้องขวัญไม่น่ามารักคนๆนี้เลย

 :pig4:

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-10-2018 23:23:11
พี่เหี้ยน้องโง่คุยกันน่าเอ็นดู ฮ่าๆ  ตีนคงกระตุกตลอดการสนทนา
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกแย่กับคุณธนิก นางกากมาก
กากกว่าพี่ทองตรูยอมจดทะเบียนสมรสอ่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 02-10-2018 23:30:40
สงสารขวัญหนูลู้กกกกกกกก เห้อแค่วินมอไซต์ต้องเจออะไรขนาดนี้ด้วยหรอ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 02-10-2018 23:41:00
สงสารขิม อย่าให้ขิมเป็นตัวร้ายเลย พระเอกก็อย่าสมหวังง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-10-2018 23:50:43
ที่ผ่านมาขิมก็ไม่ได้โกหกเรื่องโดนทำร้าย แต่สงสัยมิสเตอร์ทีตั้งแต่ขวัญโดนยิงแล้ว ปล่อยขิมไว้แบบนี้จะดีเหรอ เครียดเลยค่ะ ขวัญก็ไม่เบา ชอบตอนแฝดอยู่ด้วยกัน น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Ezi ที่ 02-10-2018 23:51:55
เจ็บกว่านี้มีไหมม จัดมาเอาให้ซ้ำๆๆๆ ลงไปที่แผลเดิมๆ
ไม่อยากให้ขิมร้ายยกับขวัญเลยย เวลาเค้าคุยกันก้เป็นพี่น้องที่ฮาดีอ่ะ


หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 03-10-2018 00:17:38
ชอบโมเมนต์​พี่น้องของสองแฝดเค้าคุยกันนะคะ​ แล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นขิม​ด้วย​ ใครก็ไม่รู้​ มีแต่อันตรายอยู่​รอบตัว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-10-2018 00:24:49
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเครียด เพราะเดาไม่ถูกเลยว่าเป็นฝีมือใครกันแน่
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-10-2018 01:00:24
พี่เหี้ยน้องโง่คุยกันน่าเอ็นดู ฮ่าๆ  ตีนคงกระตุกตลอดการสนทนา
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกแย่กับคุณธนิก นางกากมาก
กากกว่าพี่ทองตรูยอมจดทะเบียนสมรสอ่ะ

พี่ทองคงสะดุ้ง 55555555555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-10-2018 01:29:25
 :z6:  กากคือธนิต
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-10-2018 03:24:50
อยากรู้แล้วอ่ะว่าใครคือคุณที  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-10-2018 06:05:53
สนุกค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นว่าใครเป็นคนบงการ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 03-10-2018 07:59:45
"คนบอบบางอย่างกูจะไปฆ่าใครลงวะ" เจอประโยคนี้ของขวัญเข้าไปถึงกับหลุดหัวเราะเลยค่ะ รู้สึกว่าเวลาขวัญอยู่กับขิมจะเป็นตัวของตัวเองมากนะชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันตลกดี
เรื่องนี้คนที่อ่อนที่สุดคงจะเป็นธนิกสินะ
คนที่ไม่น่าไว้ใจที่สุดก็น่าจะเป็นมิสเตอร์ทีรู้ทุกเรื่องของคนทุกคน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 03-10-2018 08:17:05
ปวดตับกันเลยทีเดียว  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-10-2018 11:00:38
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-10-2018 11:17:40
เพิ่งจะได้มาตามอ่านทัน ตอนนี้เหมือนคุณธนิกลอยลำเลยอะ แค่ทุกข์ใจกับเรื่องต้องแต่งงานกับเรื่องขวัญเอง แต่ทางขวัญนี่สิต้องรับมือกับสารพัดศัตรูที่เข้ามาใครเป็นใครบ้างไว้ใจไม่ได้เลย เรื่องโดนยิงนี่ตอนแรกก็สงสัยมิสเตอร์ทีนะ แต่อีกใจก็สงสัยนิ่มและโมเหมือนกัน แอบคิดด้วยว่าที่พ่อตัดชื่อขิมออกเพราะคงคิดว่าอย่างขิมคงรับมือความร้ายกาจต่างๆไม่ได้แน่เลยต้องเปลี่ยนมือมาที่ขวัญเอง อ่านๆไปก็อยากให้ขวัญร้ายสุดๆไปเลยเหมือนกันนะเนี่ยเอาให้พวกศัตรูหน้าเหวอไปเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: aumaim0621 ที่ 03-10-2018 13:05:13
ไม่สงสารคุณธนิกเลยนะเอาจริงๆ เราไม่ชอบคนที่ให้ความหวังคนอื่นเลย รู้ว่ารักแต่รักไม่ได้ ก็อย่าเข้ามาในชีวิตใครเขาเลย ไปอยู่กับคุณนิ่มเถอะะะะ แต่งงานได้รับมรดกมีเงินใช้เย๊อะเยอะ ชิ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 03-10-2018 13:16:11
ถ้าคุณธนิกแต่งกับนิ่มจริงๆ ขอเปลี่ยนพระเอกได้มั้ยคะ คนน่ารักอย่างขวัญ ไม่น่าจะต้องมารอรับของเหลือจากยัยนิ่มนะคะ ถ้าคิดว่าจะไปนอนกะผู้หญิงแล้วค่อยเทิร์นมาหานายเอกของเรา อย่างนี้ก็ไม่ใช่บทพระเอกแระ ชริ รอหาพระเอกใหม่ค่าาาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-10-2018 13:28:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 03-10-2018 14:25:00
จะไม่เดาอะไรทั้งนั้น ใครๆก้ไม่น่าไว้ใจ แต่เอ็นดูพี่น้องตัวขออะ ชอบเวลาที่พวกนางคุยกัน เหมือนเห็นถาพแมวสองตัวแง้วๆใส่กัน น่ารัก5555555555555 อยากกอดน้องขวัญ เข้าใจความน้องอะว่าไม่ได้อยากได้อยากมีอะไรเลย น้องแค่อยากกลับไปขับวิน คุณพ่อได้โปรดรับรู้ด้วย!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: vermilion ที่ 03-10-2018 17:18:25
เกือบลืมไปแล้วว่าเคยหวานกันขนาดไหน  :o12:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 18 02/10/2018 Page 16
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 03-10-2018 19:57:57
พึ่งตามอ่านทัน ไว้ใจใครไม่ได้เลยเรื่องนี้ อ่านด้วยฟีลระหวาดระแวงตลอดเวลา ถามว่าใครน่าสงสารสุดในเรื่องคงต้องตอบว่าคนอ่านล่ะค่ะ ต้องล่มงานแต่งให้ได้นะ ชอบเวลาสองพี่น้อง ข คุยกัน รักแบบร้ายๆดี คนนึงมั่นเพราะมาก่อน อีกคนมั่นหน้าเพราะเป็นคนปัจจุบัน เกลียดกันจริงๆมั้ยก็ไม่รู้ แต่น่าจะหมั่นไส้กันจริงๆ คุณธนิกตอนคุยกะพี่โมคือแบบ เป็นเราก็หลงอะ แล้วน้องขวัญจะห้ามใจตัวเองยังไงให้ไหววะ น้องขวัญตอนเป็นมิสเตอร์เคอยู่กับมิสเตอร์ทีนี่โคตรจะร้ายเลย มีพกปืนอีก ทุกคนดูวร้ายยๆ เป็นกำลังใจให้ค่า รีบๆมาต่อนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 03-10-2018 20:04:34
ตอนที่ 19



“หายไปไหนมา!!” เสียงทุ้มแข็งกร้าวดังลั่นเข้าสู่โสตประสาทเมื่อผมเปิดประตูบ้านได้เพียงไม่กี่วินาที ผมผงะถอยหลังทันทีที่เจ้าของเสียงเดินตัดจากห้องครัวมาสู่โถงทางเดินด้วยความรวดเร็ว เขาก้าวยาวๆ เข้ามาใกล้ มือหนาแข็งแรงทั้งสองข้างบีบต้นแขนของผมแน่น

“คุณธนิกใจเย็นก่อนครับ” ผมบอกเขาเสียงแผ่ว เบ้ปากเพราะความเจ็บที่ต้นแขน ดวงตาของคุณธนิกแดงก่ำ ใบหน้าเครียดขรึมอย่างคนที่ซ่อนพายุอารมณ์ไว้ข้างในทำให้ผมรู้สึกกลัวเขาเล็กน้อย

“หายไปทั้งวันแล้วกลับมาพร้อมกับแผลที่ตาซ้าย!! มึงเคยคิดถึงความรู้สึกของคนที่เขาเป็นห่วงมึงบ้างมั้ยขวัญพัฒน์!!” เขาตะคอก แรงบีบยิ่งเพิ่มขึ้นจนผมต้องร้องท้วง

คุณธนิกโกรธมาก โกรธอย่างที่ผมไม่เคยเห็นเขาโกรธรุนแรงแบบนี้มาก่อนเลย สายตาดุจัดที่มองมาบอกได้ว่าถ้าเขาลงมือเฆี่ยนตีผมได้เขาคงทำ

“คุณธนิกครับผมเจ็บแขน” ผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ บอกเขาเสียงอ้อนให้เขาคลายแรงก่อนจะยกมือขึ้นกราบแนบอกกว้างของเขาที่สะท้อนขึ้นลงตามแรงโทสะ “ขอโทษนะครับ ผมเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล เพราะเมื่อตอนบ่ายโดนกระจกบาด แผลมันลึกมากก็เลยต้องไปเย็บ”

คุณธนิกนิ่งเงียบ เขาคงกำลังพยายามระงับโทสะของตัวเอง มือที่บีบต้นแขนของผมคลายแรงลงแล้ว แต่สีหน้าของเขายังไม่ดีขึ้น ยังคงเครียดขรึมไร้รอยยิ้ม ผมควรทำตลกบ้าบอให้เขายิ้มไหม แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผล กลัวว่าจะแย่ยิ่งกว่าเดิม เพราะฉะนั้นที่ดีที่สุดคงต้องยืนให้เขาจ้องมองอยู่อย่างนี้ แม้ว่าตอนที่โดนดวงตาคมกริบของเขาสำรวจ หัวใจของผมจะเต้นแรงมากจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอก

สายตาของคุณธนิกไม่เคยอ่อนโยนต่อหัวใจของเด็กหนุ่มสุขภาพดีอย่างผมเลย

“พี่ห่วงแทบบ้ารู้มั้ย” ในที่สุดหลังจากที่ผ่านไปเกือบห้านาทีเขาก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรั้งตัวผมเข้าไปในอ้อมแขน “ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้ ครั้งสุดท้ายที่รปภ. หน้าหมู่บ้านเห็นก็ตอนเช้าที่ออกไปกินโจ๊ก ขวัญคิดบ้างมั้ยว่าในระหว่างที่หายไปพี่ต้องทรมานกี่ชั่วโมง ถ้าอยากฆ่าพี่ให้ตายก็แค่เอามีดมาแทงพี่ แต่อย่าทำแบบนี้อีก พี่ทรมานจนเหมือนจะตายจริงๆ”

“ผมไม่ได้หายไปไหนนะครับ” ผมพูดพลางผละออกจากอ้อมกอดของเขาเพื่อให้เขาได้เห็นแววตาสำนึกผิด “ผมก็เที่ยวเล่นแถวนี้ ไม่ได้ไปไหนไกลเลย”

“เพิ่งโดนยิงมานะ” คุณธนิกเสียงดุขึ้นมาทันที “แผลก็ยังไม่หายดีแต่ยังกล้าออกไปเที่ยวเล่นเหรอขวัญ”

“พวกพี่ๆ ก็อยู่กันนี่ครับ” ผมรีบพูดก่อนที่เขาจะหัวร้อนไปมากกว่านี้ “คนที่คุณธนิกส่งมาเขาก็ทำหน้าที่ได้ดี ผมก็เลยอุ่นใจ เที่ยวได้สบายมาก”

“ถ้าทำได้ดีทำไมถึงตอบพี่ไม่ได้ว่าขวัญหายไปไหน”

ผมส่ายหน้าพลางตอบ “ไม่รู้สิครับ ผมออกไปในช่วงที่พี่เขาเปลี่ยนกะกันล่ะมั้ง”

“แล้วทำไมไม่บอกใครไว้ ทุกคนตามหาขวัญ ไม่มีใครได้กินข้าว ขวัญทำทุกคนเดือดร้อน”

“ขอโทษครับ ผมไม่ทันได้บอก เลือดไหลอาบแก้มให้วิ่งกลับมาที่บ้านผมคงเลือดออกหมดตัวก่อนพอดี ขอโทษจริงๆ นะครับ คุณธนิกให้พวกพี่ๆ ไปกินข้าวนะ ผมก็แค่ไปเที่ยวเล่นแถวนี้เองแล้วก็โดนกระจกบาด แต่แผลลึกเลย” เอาล่ะ...ผมรู้สึกเหนื่อยจริงๆ แล้วนะกับการที่ต้องสร้างเรื่องมาโกหกเขา การคิดเรื่องราวในขณะที่ถูกสายตาคมกริบของเขารีดเค้นความจริงนั้นเป็นเรื่องที่ยากพอๆ กับข้อสอบคณิตศาสตร์สมัยมอปลายที่ทำเอาผมติดศูนย์เกือบจะเรียนไม่จบ “ผมก็เลยโบกแท็กซี่ไปเย็บแผลที่โรงบาล แล้วก็เพิ่งได้กลับมานี่แหละครับ”

“เหรอ” คุณธนิกย้อนถามเหมือนไม่เชื่อ ก่อนจะถามถึงต้นตอของเรื่องที่ผมลอบกลืนน้ำลายลงคอ “แล้วไปโดนกระจกบาดที่ไหน”

“ใกล้ๆ นี่แหละครับ พอดีกำลังเดินเล่นแล้วมีเด็กเตะฟุตบอลมาอัดกระจกหน้าต่าง กระจกก็เลยแตกแล้วเศษมันกระเด็นมาโดน เฉี่ยวตาซ้ายไปนิดเดียว” รู้อยู่แล้วว่าฟังไม่ขึ้น รู้อยู่แล้วว่าเหลวไหลทั้งเพ แต่ตอนนี้สมองที่เหนื่อยล้าของผมคิดได้เท่านี้จริงๆ และก็ตามคาด คุณธนิกไม่เชื่อ

“กระจกหน้าต่างที่ไหนใกล้ทางเดิน ก่อนพี่จะซื้อบ้านหลังนี้ พี่สำรวจทั่วแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรอย่างที่ขวัญพูด”

“ผมเหนื่อยแล้วครับ” ผมจงใจพูดเปลี่ยนประเด็น ให้เขารู้ไปเถอะว่าโกหก แต่ถ้าผมไม่สารภาพเสียอย่าง เขาก็จะรู้แค่ว่าผมโกหกนั่นแหละไม่ได้รู้รายละเอียดไปมากกว่านั้น “เจ็บแผลด้วย อยากนอนแล้ว”

คุณธนิกถอนหายใจออกมา สีหน้าของเขาเหมือนอยากบีบกะโหลกผมให้บี้แบนคามือแต่สุดท้ายก็พยักหน้ายอมความ “อืม งั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ แต่ก่อนอื่นไปกินข้าวนะ พี่ทำไว้ให้”

“ไม่เห็นต้องลำบาก”

“ไม่ได้ลำบากอะไร”

“แน่ใจเหรอครับ” ผมเลิกคิ้วแล้วมองสบตากับเขา “แน่ใจเหรอว่ามาหาผม มาทำกับข้าวให้อย่างนี้ คุณธนิกไม่ได้ลำบากใจ”

“ไปกินข้าวขวัญพัฒน์” เขาเลี่ยงสบตาพร้อมกับออกคำสั่ง

“งั้นไปกินด้วยกันสิครับ พี่โมกลับดึกทุกวัน พอตื่นก็ออกไปแต่เช้า ผมก็เลยต้องกินข้าวคนเดียวทุกที”

คุณธนิกส่ายหน้า แววตาของเขากลับมาเย็นชาอีกครั้ง “พี่จะกลับแล้ว ที่แวะมาดูเพราะเราหายไปก็เท่านั้น”

เฮ้อ...ผมก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะที่เขาแสดงท่าทีแบบนี้ แต่ถ้าโดนบ่อยๆ ก็ไม่ไหวมั้ยวะ

“ครับ” ผมเหนื่อยจะรั้ง ไม่รู้ว่าวันนี้ต้องพูดว่าเหนื่อยอีกกี่ครั้งถึงจะสมกับความเหนื่อยที่ได้รับ ออกไปบู๊กับไอ้พวกหน้าเหี้ยมยังไม่เหนื่อยเท่ากับเจอคุณธนิกแค่ไม่กี่นาทีเลย “กลับดีๆ นะ”

ตอนนี้ที่ผมต้องการก็แค่ต้องการพัก...พักยาวๆ พักให้สมกับที่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นกับชีวิตในช่วงนี้และมันคงจะดีหากได้พักพิงไหล่ของคนที่ผมรัก ไหล่กว้างๆ ของเขาคงช่วยให้หายเหนื่อยได้มากกว่าหมอนใบใหญ่บนเตียงเดี่ยวขนาดคิงไซส์ที่ผมต้องนอนเพียงลำพัง

ผมเดินไปที่โต๊ะกินข้าว ข้าวผัดกุนเชียงที่ผมชอบวางอยู่บนนั้น ความเหงาเข้าจู่โจมเมื่อผมต้องนั่งลงบนเก้าอี้และตักข้าวผัดฝีมือของคุณธนิกเข้าปาก รสชาติยังเหมือนเดิม กุนเชียงที่หั่นก็พอดีคำ จำนวนชิ้นเท่ากับวันแรกที่ได้ลิ้มลอง ไม่มีขาดไม่มีเกินแต่อาจจะเป็นผมเองที่รู้สึกไม่เหมือนเดิมกับของโปรด

เพราะตอนนี้ผมเริ่มเกลียด...ข้าวผัดกุนเชียง

ครืดดด

เสียงขาเก้าอี้ครูดกับพื้นดังขึ้นใกล้ๆ ยังไม่ทันได้เงยหน้ามองเงาของร่างสูงก็พาดลงบนจาน ผมก้มหน้านิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ไม่ได้รู้สึกดีใจที่เขานั่งอยู่ตรงหน้าเพราะในใจเอาแต่ตะโกนว่า...อีกแล้วเหรอวะ กลับมาแล้วก็ต้องไปอีกใช่ไหม แล้วความรู้สึกของผมจะต้องถูกเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงไปจนถึงเมื่อไหร่

ผมไม่อยากร้องไห้เลย เพราะน้ำตาอาจจะทำให้แผลจากเศษกระจกบาดแสบขึ้นมา แต่อย่างที่บอก...วันนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ เหนื่อยจนผมควบคุมตัวเองได้ไม่ดีพอ

“ไม่อร่อยเหรอ” น้ำเสียงของเขาเป็นเหมือนมีดที่ค่อยๆ กรีดซ้ำลงบนแผลเดิม

“ครับ” ผมรับคำสั้นๆ ก่อนจะพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่นไปมากกว่านี้เพื่อบอกเขาว่า “ไม่อร่อยแล้วเพราะผมไม่ชอบข้าวผัดกุนเชียง”

“อืม ขอโทษนะ” เชื่อเหรอครับกับคำโกหกของผม “งั้นก็...อย่าฝืนกินเลย”

ผมโกหกเก่งขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณธนิก หรือเพราะสำหรับคุณธนิกแล้ว...ความชอบของคนเรามันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ

“ไม่กลับแล้วเหรอครับ” ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเขายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม “หรือมีธุระอะไรจะคุยกับผมอีก”

“ไม่มี”

“งั้นก็รีบกลับไปหาคุณนิ่มสิครับ”

“นิ่มรอได้”

เป็นคุณนิ่มนี่ดีจังนะครับ ทีผมน่ะรอแทบตาย ยังมาพูดง่ายๆ ว่าให้เลิกรอ ผมน่ะรอเก่งยิ่งกว่าคุณนิ่มอีกแต่ดูเหมือนว่าคุณธนิกจะลำเอียงเสียแล้ว

“อ๋อ...ครับ” อย่างผมก็พูดได้แค่นี้แหละ “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

คนรอมันท้อ ผมก็พอรู้ แต่ไม่คิดว่าจะท้อขนาดนี้ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้บอกให้รอแล้วนะแต่เป็นผมเองที่ดันทุรัง ก็คงต้องรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเองให้ได้

ผมกลับขึ้นบนห้อง อย่างแรกเลยคือต้องเช็ดตัว เสร็จแล้วจะได้มานอนแผ่บนเตียงสบายๆ สักที ตั้งแต่โดนยิงมาก็ยังไม่ได้สัมผัสกับน้ำแบบเต็มตัว ตรงท่อนบนได้แต่เช็ดๆ ถูๆ อ่อนโยนกับบริเวณใกล้แผลผ่าตัดประหนึ่งส่วนที่บอบบางที่สุดในร่างกาย ส่วนท่อนล่างก็ทำความสะอาดตามปกติ พอจัดการธุระเรียบร้อยก็เดินตัวปลิวออกจากห้องน้ำ แต่ความคิดว่าจะนอนแผ่บนเตียงเป็นอันพับไปเมื่อเจ้าของเตียงอีกคนปรากฎตัวอยู่ในห้อง

ผมเผลอถอนหายใจออกมา อยากจะจับคุณธนิกเขย่าแล้วถามนักว่า มึงจะเอายังไง!

แต่นั่นแหละ...ใครจะไม่กล้า

“นอนด้วยนะ”

วันนี้ไม่รู้ต้องทำหน้าเหวอไปกี่ครั้งหรือต่อให้ก้าวข้ามวันใหม่ก็จะมีเรื่องเหวอๆ แบบนี้เกิดขึ้นไม่หยุด

“คุณนิ่มรอไม่ใช่เหรอครับ” ผมก็ไม่ได้อยากยกประเด็นนี้มาพูด แต่ผมคงต้องเตือนสติเขาแล้วว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

“ขวัญก็รอ” คำตอบของเขาทำให้ผมแค่นยิ้ม

“สงสารเหรอ”

ถ้าสงสารก็ไสหัวไป! วันนี้ผมไม่ได้ใจดีหรอกนะ! ครับ...ผมก็แค่เกรี้ยวกราดอยู่ในใจ

“เปล่า”

“แล้วอะไร” ไม่หรอก...ผมไม่เรียกว่าการขึ้นเสียง เพราะผมก็แค่หงุดหงิดมากจนเผลอกระแทกเสียงถามก็เท่านั้น “จะเอายังไงก็พูดมา วันนี้ผมเหนื่อยครับคุณธนิก เห็นแผลที่ตาผมมั้ย ถ้าเห็นก็ปล่อยผมนอนพัก ผมไม่อยากเล่นกับคุณธนิกแล้ว พูดมาตรงๆ เลยว่าต้องการอะไร ถ้าไม่พูดคุณก็ออกไปครับ ออกไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก”

เขาเงียบ...เขาเงียบอีกแล้ว

รถไฟขบวนนั้นที่ผมขึ้นไม่ทันคงไม่ได้แค่ไม่รอผม แต่คงเอาความชัดเจนของคุณธนิกไปด้วย

“โอเคครับ ถ้าคุณธนิกไม่พูด ผมไปเอง”

ไอ้แนนได้ยินต้องลุกขึ้นยืนแล้วปรบมือให้ผมกับประโยคเท่ๆ แบบนี้ แต่ความจริงแล้วผมก็แค่จะไปนอนห้องอื่น เพราะผมต้องการพัก ต้องการเยียวยาตัวเองให้พร้อมที่จะสู้ใหม่ ผมหันหลังเดินไปที่ประตูแต่ไม่ทันจะจับลูกบิดด้วยซ้ำ ตัวของผมก็ถูกรั้งเข้าไปในอ้อมกอด เขากอดผมจากทางด้านหลัง เกยคางกับไหล่ของผมพร้อมกับที่แขนทั้งสองข้างกระชับรอบเอวผมแน่นขึ้น

“น้องขวัญ” เขาเปิดโหมดแฟนกันวันเดียวด้วยวลีต้องห้ามอีกแล้ว ส่วนผมก็ใจสั่นอย่างคนไม่เคยหลาบจำ “น้องขวัญครับ พี่นิกขอโทษ”

“อย่ามาอ้อนนะ” ผมพยายามดุเขา แต่หางเสียงกลับอ่อนลงอย่างน่าสมเพช สุดท้ายเมื่อถูกเขาซุกไซ้หนักเข้าก็แพ้ทาง ผมปล่อยให้เขากอด พอเขาจูงมือมาที่เตียงก็ตามเขามาเหมือนควายเชื่องๆ ตัวหนึ่ง

ไม่แปลกใจที่ไอ้แฝดน้องนรกด่าผมว่าหน้าโง่ เพราะร่างโง่ของผมมันน่าด่าจริงๆ

คุณธนิกนั่งลงปลายเตียง ดึงตัวผมให้นั่งลงบนตักพลางกอดเอวผมไว้หลวมๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ซุกซบที่แผ่นหลังของผม นานเกือบสิบนาทีที่เราปล่อยให้เวลาเคลื่อนผ่านไปโดยไร้บทสนทนา มีเพียงการสัมผัสเท่านั้นที่แสดงถึงความคิดถึงในยามนี้

ผมต้องปรับอารมณ์ ต้องเค้นเอาไอ้ขวัญร่างน่ารักออกมา แม้หัวใจจะเหนื่อยล้าแต่ผมก็ยังต้องการเขา คุณธนิกไม่ใช่คนดีวิเศษวิโสอะไรหรอก แต่เขาดีในแบบที่ผมชอบ และเขาเป็นในแบบที่ผมรัก เหตุผลที่ผมยังคงยอมหลับหูหลับตาก็มีเท่านี้

ไปกันครับ...ไปสู่ประตูนรกด้วยกัน

“ยอมแล้วเหรอ” ผมกระซิบถามคนที่เอาแต่กอดเอาแต่ซุกราวกับไม่เจอะเจอกันมาแรมเดือน “จะเลิกเมินผมแล้วใช่มั้ย”

“เคยเมินหรือไง” คุณธนิกย้อนถามอย่างน่าหมั่นไส้จนผมต้องหยิกที่แขนเขาไปหนึ่งที “โอ๊ย! น้องขวัญ หยิกพี่ทำไม”

“หมั่นไส้พี่นิก” ผมบอกพลางขยับเปลี่ยนท่านั่ง จากนั่งซ้อนตักเป็นหันหน้าเผชิญกันแทน

“พี่ชอบท่านี้” เขาว่าตาเป็นประกาย กลีบปากหนาก็คลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม น่าแปลกใจที่เขาเปลี่ยนอารมณ์ได้เหมือนนักแสดงที่ผู้กำกับตะโกนสั่ง คัท! จากบทบาทหนึ่งสู่อีกบทบาทหนึ่งทันที

“ทำไมครับ” ผมเอียงคอถามแล้วยกมือขึ้นโอบรอบคอเขา ในขณะที่มือของเขาก็รั้งเอวของผมเข้าแนบชิด “ของพี่นิกเข้าลึกเหรอ”

“อื้ม”

“อยากเข้ามั้ย”

“ที่สุด”

“เหรอครับ” ผมอมยิ้ม ส่งสายตาเชิญชวนแล้วบดสะโพกยั่วยวนเขา “แต่ผมไม่ให้ วันนี้ผมเหนื่อย”

“ไปทำอะไรมาครับ” เขาถามเสียงนุ่ม “ซนตอนพี่นิกไม่อยู่เหรอ”

“ก็พี่นิกไม่มาดูแล น้องจะซนก็ไม่แปลก”

“งั้นพี่นิกขอตีนะครับ เพราะน้องขวัญซน”

วิธีตีของคุณธนิกนอกจากผมจะไม่เจ็บแล้วยังรู้สึกมวนท้อง ริมฝีปากที่ดูดดึงกลีบปากล่างของผมนั้นดุดันจนอยากร้องขอเวลานอก ผมเผลอหลุดครางเมื่อลิ้นของเขารุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก หลายต่อหลายครั้งที่ถูกสำรวจก็ไม่เคยทำให้คุ้นชินกับสัมผัสวาบหวามนี้ ริมฝีปากของเราบดเบียดเข้าหากันในขณะที่มือหนาของเขาก็ขยำสะโพกของผมไม่หยุด

“คิดถึงครับ” เขากระซิบเสียงพร่าเมื่อผละริมฝีปากออกห่างจากริมฝีปากของผมเล็กน้อย “พี่คิดถึงน้องขวัญ”

“คิดถึงแล้วทำไมใจร้ายล่ะครับ” ผมถามพลางไล้นิ้วไปตามอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา ความหนันแน่นที่สัมผัสได้นั้นทำให้อยากก้มลงไปกัดให้จมเขี้ยว แต่ผมอดใจไว้ ผมจะปล่อยให้ตัวเองถูกยั่วด้วยกล้ามแน่นๆ ไม่ได้ “พี่นิกเลือกคนอื่น เห็นคนอื่นสำคัญกว่าผม แล้วยังมาบอกว่าไม่ต้องรอ...”

“รู้มั้ยว่าพี่ก็เจ็บ” เขาสารภาพอย่างหมดท่า “ไม่ได้อยากพูดเลย”

“แล้วใครบังคับ” ให้โอกาสพูดครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ยังคิดจะเล่นบทคนปากแข็ง เอาจริงๆ ผมโกรธเขาผมก็ไม่ผิดนะ แต่นั่นแหละ...ผมโกรธเขาลงเหรอ ขวัญพัฒน์คนนี้จะทำอะไรคุณธนิกได้ “ผมบอกแล้วว่าอยู่กันสองคนเราก็เป็นเหมือนเดิม แต่พี่นิกก็ไม่ฟัง แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ซมซานกลับมา”

“ใช้คำว่าซมซานเลยเหรอน้องขวัญ” เขาย่นจมูกใส่ผม ดูไม่ชอบใจกับคำที่ได้ยินเท่าไร แต่ก็แค่คนที่ไม่ยอมรับความจริง หลุดมาดขนาดนี้ ดูก็รู้ว่าทนไม่ไหวแล้ว

“อีกนิดจะบอกว่าคลานเข่าเข้าหาผม อาการลงแดงเพราะขาดขวัญพัฒน์รุนแรงเหลือเกิน” ผมหยอกเย้า เห็นใบหูเขาเป็นสีแดงก็ยิ่งได้ใจ “ทนได้กี่วันเองครับหื้ม”

“ไม่รู้ รู้แค่ว่าถ้าไม่ได้กอดวันนี้พี่ตายแน่ๆ”

อยากอัดเสียงไปให้ไอ้ขิมฟัง มันจะได้เลิกคิดว่าคนอย่างผมมั่นหน้าสักที! หึ! บอกแล้วไงว่าคุณธนิกหนีผมไม่รอด

“ยังอยากแต่งงานอยู่ป่าว” ผมถามลองเชิง เห็นเขาชะงักไปเพียงครู่ อ้อมแขนเผลอคลายแรงแต่ผมเบียดตัวเข้าหา “ถ้ายังอยากแต่งงั้นคืนเข้าหอมาอยู่กับผมได้มั้ย"

แววตาของเขาวูบไหว กลีบปากหนาเม้มแน่นก่อนคลายตัวแล้วให้คำตอบ “ครับ พี่จะมาอยู่กับน้องขวัญ”

ไม่ต้องฉุด ไม่ต้องลาก ไม่ต้องลักพาตัวและไม่ต้องมีใครตาย เพราะหัวใจของคุณธนิกไปไหนไม่ได้แล้ว และผมคิดว่าอีกสองเดือนกว่าๆ ต่อจากนี้ คงไม่ต้องพึ่งแรงของเขมินทราผมก็ทำให้งานแต่งของเขาล่มได้อย่างแน่นอน ด้วยกรณีที่เจ้าบ่าวไม่เข้าร่วมงานแต่ง

ความหลงใหลเปลี่ยนนิสัยคนมานักต่อนัก...

“เอามั้ย” ผมเสนออย่างไม่กระดากอาย “ให้รางวัล”

“แต่น้องเหนื่อย” เขาว่าพลางยกมือขึ้นลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา “ขอนอนกอดเฉยๆ ก็พอ”

“พี่นิกน่ารัก”

“แล้วรักพี่มั้ย”

“บอกได้เหรอ” ผมเอียงคอถามเขา ถ้าไอ้แนนเห็นคงต้องถามว่าคอผมเป็นเหี้ยไรนักหนา แต่นั่นแหละ ท่วงท่าแห่งการแอทแทค เจอท่านี้เข้าไปคุณธนิกไม่รอดหรอก เพราะผมเคยเห็นเขมินทราทำแล้วน่ารัก คนที่หน้าเหมือนกันอย่างผมทำก็คงไม่ต่าง

“พี่อยากฟัง” เขาจูบที่แก้มของผมพลางกระซิบ “บอกให้พี่มั่นใจทีว่าพี่เลือกไม่ผิด”

คงยากใช่ไหมกว่าที่เขาจะมาอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ คงต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เลือกถูกแล้วครับ...ดีแล้วที่เลือกผม

ดีแล้วที่ก้าวข้ามเส้นอันตรายเข้ามา...

“รัก” ผมบอกเสียงหนักแน่น “รักพี่นิกครับ รักมากๆ”

“เป็นทุกอย่างให้พี่ได้ใช่มั้ย”

“อื้ม ทุกอย่างเลยครับแด๊ดดี๊” ผมขยิบตาพลางยิ้มกว้างให้กับเขาที่ก็ยิ้มกว้างตอบกลับมาเช่นกัน “เนี่ย...ง่ายแค่นี้เอง เห็นมั้ยมีความสุขจะตาย ดีกว่าเมินผม”

“พี่มีเหตุผลของพี่”

“เหตุผลของคนใจร้าย” ผมต่อประโยคให้แต่เขาส่ายหน้า

“เหตุผลของคนที่เป็นห่วงน้องขวัญครับ” เขาแย้งได้อย่างดีเยี่ยมเพราะทำให้หัวใจของผมทำงานหนักอีกแล้ว “ชีวิตพี่ก็อย่างที่เห็น ไม่มีอิสระ พี่ทำอะไรไม่ได้มากนักกับเรื่องนี้ ตอนที่ขวัญโดนยิงต่อหน้าต่อตาพี่ พี่ก็รู้แล้วว่าพี่ปกป้องขวัญไม่ได้ แล้วต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อก็ไม่รู้”

“ผมดูแลตัวเองได้ครับ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องห่วงหรือปกป้องผมมากไปกว่านี้ ทำเท่าที่ทำได้ก็พอครับพี่นิก” ผมไม่ได้เก่ง แต่ผมไม่อยากให้เขาเหนื่อย ไม่อยากให้มาคอยกังวลใจกับเรื่องของผมจนไม่เป็นอันทำอะไร ตอนที่เรื่องนี้เริ่มขึ้นผมก็คิดแบบนี้มาจนตอนนี้ความคิดของผมก็ยังไม่เปลี่ยน “เราสัญญากันไว้แล้วไงที่สถานีรถไฟวันนั้น เวลาของผมหยุดเดินตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แค่รอพี่นิกกลับมาหมุนนาฬิกาต่อ เพราะฉะนั้นผมไม่มีทางผิดสัญญากับพี่นิกหรอก”

“งั้นสัญญากับพี่อีกข้อ”

“หืม”

“ห้ามตาย”

ผมหัวเราะกับข้อสัญญาที่เขากำหนด แต่สีหน้าของคุณธนิกจริงจัง แววตาของเขาที่ทอดมองมาอย่างรอคอยคำตอบนั้นทำให้ผมไปไม่เป็น แต่คำสัญญาที่ทำได้ยากอย่างนี้ ผมไม่ค่อยกล้าให้ โชคชะตามักเล่นตลกเสมอ ความเอาแน่เอานอนในชีวิตไม่มีอยู่จริง แล้วผมจะกล้าสัญญาได้ยังไง “อะไรกันครับ ของแบบนี้ห้ามได้ด้วยเหรอ”

แม้ผมจะทำทีตลกแต่เขาก็ยังพูดเสียงหนักแน่น “สัญญากับพี่”

ผมนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะยอมความ “อ่าๆ ได้ครับ จะพยายามนะ”

“ถ้าผิดสัญญา ชาติหน้าก็อย่าได้เจอกัน”

“รุนแรงต่อใจเหลื๊อออเกินนน”

“อย่าทำเป็นเล่น พี่จริงจังนะน้องขวัญ” เขาบอกเสียงเครียดพลางยกมือทั้งสองข้างโอบแก้มของผมไว้ “พี่ยังอยากเห็นโลกในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้าที่เราอยู่ด้วยกัน อยากเห็นขวัญประสบความสำเร็จในชีวิต อยากอยู่ในงานรับปริญญา อยากอยู่เป็นกำลังใจให้ตอนทำงาน เวลาเครียดหรือเหนื่อยพี่ก็อยากคอยอยู่ข้างๆ ในอนาคตของพี่มีขวัญอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นอย่าทำให้พี่ผิดหวังนะครับ”

ผมยิ้มให้เขา แต่ความรู้สึกเศร้ากลับพัดกระหน่ำเข้ามาในใจ เพราะอนาคตที่ผมมองเห็นไม่มีคุณธนิกอยู่ในนั้น ในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้าโลกของเราคงเหวี่ยงออกจากกันแล้ว เขากลับไปอยู่ในโลกของเขา ส่วนผมก็กลับไปใช้ชีวิตปกติของตัวเองตามเดิม ใช้ชีวิตที่มีแต่การรอคอยไม่สิ้นสุด...รอคอยให้โลกของเราเข้าใกล้กันอีกครั้ง รอคอยรถไฟขบวนนั้นที่ออกวิ่งไป...ให้กลับมาเทียบชานชาลาตามเดิม

“พูดเหมือนขอผมแต่งงานเลย” ผมแสร้งเขิน กลบเกลื่อนความเศร้าด้วยรอยยิ้ม “แต่บอกไว้ก่อนว่าสินสอดผมแพงมาก”

“เท่าไรบอกมา” เขาถามทันที “ตอนนี้พี่จ่ายไหว”

“เอ้า! นี่จะขอผมแต่งงานจริงน่ะ” ผมเบิกตาโตแล้วทุบไหล่ของเขาอย่างมีจริต “บ้าน่าาา ไม่ทันตั้งตัว”

“ไม่ขอละ ลีลา” เขาทำหน้าเอือมใส่ แต่ดูก็รู้ว่าแกล้งเพราะแอบเหลือบมองผม ผมจึงหอมแก้มเขาไปหนึ่งที

“ได้แล้วค่าสินสอด” ผมบอกพลางยักคิ้วให้เขา “หนึ่งหอมก็พอ ไม่คิดแพงสำหรับพี่นิกคนเดียว”

สีหน้าของคุณธนิกดูจะไม่ไหวแล้ว เขาคงอดทนมากเพราะเมื่อผมพูดจบเขาก็ฟัดแก้มของผมอย่างรุนแรง ผมได้แต่ดิ้นขอความเมตตาแต่เขาไม่หยุด เขาใช้ไรหนวดถูกับแก้มของผม ยิ่งห้ามก็ยิ่งทำ จนสุดท้ายก็ปล่อยให้เขาทำตามใจแล้วนั่งหอบบนตักเขาอย่างหมดท่า

“พี่นิกขี้แกล้ง”

“แกล้งเมียตัวเองไม่ผิดกฎหมาย”

“หื้ออ โมเมเก่ง ใครเมียพี่นิก”

“น้องขวัญไง” เขาใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของผม “คนที่น่ารักเก่งคนนี้ครับ”

เหมือนอย่างที่เขมินทราพูดไว้ไม่ผิด ตอนที่อยู่ด้วยกัน...มันดีมากจนไม่คิดว่าวันหนึ่งจะไม่มีเขา

“ใช่ป่าว”

แต่ผมต้องเริ่มเกมแล้ว...

“ยิ่งกว่าใช่”

และก่อนเริ่มผมต้องเคลียร์ทุกอย่างให้ไม่เกิดความค้างคา

“รู้ได้ไงว่านี่ไม่ใช่คุณขิมปลอมตัวมา” ผมยิ้มซื่อถาม ในขณะที่เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามกลับ “ก็ผมรู้น้าว่าคุณขิมเขาสวมรอยเป็นผมไปหาพี่นิก”

“แล้วยังไง”

“ไม่คิดจะเล่าเหรอครับ หรือว่ามันเป็นความลับ”

“ไม่ใช่ความลับ แต่ไม่รู้จะบอกทำไม ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

ผมเผลอถอนหายใจใส่เขา ที่จริงตอนรู้จากปากเขมินทราผมก็อดที่จะกังวลไม่ได้ ยอมรับว่าหัวร้อนแทบไฟลุก แต่เพราะไอ้น้องโง่มันสวมรอยเป็นผมจนมันโดนยิง ผมจึงโกรธมันได้ไม่นานแล้วก็ไม่ได้ถามรายละเอียดว่าเจอแล้วยังไงต่อ เขาจำไม่ได้แล้วทำอย่างไรต่อบ้าง

“ไม่สำคัญแต่ผมก็อยากรู้”

คราวนี้เป็นฝ่ายเขาที่ถอนหายใจใส่ผม ก่อนจะเริ่มเล่า “ก็ไม่มีอะไรมาก ขิมมาหาที่บริษัท ฝากเลขาฯ มาบอกพี่ว่ารออยู่ร้านกาแฟ พี่ก็เลยรีบลงไป ตอนนั้นว่าจะลงไปดุเพราะคิดว่าเป็นขวัญเกเรหนีเที่ยวมาหาพี่ แต่พอไปเจอก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ขวัญ”

“ทำไมครับ”

“ขิมผอมกว่า”

ผมสบถออกมา พร้อมทั้งก่นด่าในใจอีกยาวเหยียด แต่ที่ออกเสียงก็แค่คำสั้นๆ ถึงอย่างนั้นก็ถูกเขาบีบปากลงโทษข้อหาพูดไม่เพราะ นี่ถ้าได้ยินผมพ่นสิงสาราสัตว์กับไอ้แนน ปากผมคงโดนบีบจนระบม

“ที่จริงก็ไม่ใช่แค่นั้น” คุณธนิกหยุดพูดแล้วมองหน้าผม “เพราะพอเจอพี่ ขวัญคนนั้นวิ่งเข้ามาจูบ”

ผมผุดลุกขึ้นจากตักของคุณธนิกทันที แต่เขารั้งเอวผมไว้ เราต่อสู้กันอีกเล็กน้อยสุดท้ายผมก็หยุดดิ้น หัวใจของผมหล่นหายไปอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่ที่ได้ยินคำว่าจูบแล้ว

“อย่างนี้ไงถึงไม่อยากเล่าให้ฟัง พอเล่าแล้วน้องขวัญก็โกรธพี่”

“ไม่ได้โกรธ” ผมปฏิเสธจากใจจริง “แค่พูดไม่ออกแล้วก็เสียใจนิดหน่อย”

“ตอนนั้นพี่ไม่ทันตั้งตัว”

“ข้ออ้างเถอะพี่นิก” หัวใจของผมกลับเข้าที่แล้ว แต่มันเต้นในจังหวะเหนื่อยล้าเต็มที “ไม่มีทางที่พี่จะตั้งตัวไม่ทัน ที่จริงพี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านั่นไม่ใช่ผม ร้านกาแฟแพงๆ แบบนั้นผมไม่เคยเข้าไปถ้าพี่ไม่เลี้ยง บริษัทนั่นเป็นไปได้ผมก็ไม่เคยคิดจะไป ต่อให้อยากเจอพี่ผมก็รอพี่กลับมาที่บ้าน ตอนนั้นพี่รู้ว่าเป็นขิม แล้วพี่ก็ลงไปเพราะอยากเจอใช่ไหม”

ความเงียบคือคำตอบของเขาและเป็นความทรมานของผม

แต่ผมรู้ดีว่าความรู้สึกนี้จะหายไปเมื่อตื่นขึ้น ผมจะโอเคกับมันและมีความสุขไปกับเขาอีกครั้ง ทว่า...ไม่ใช่ตอนนี้

“ถ้าพี่ยังคิดถึง ผมไม่ว่าหรอกครับ ไม่มีสิทธิ์ว่าอะไรพี่ทั้งนั้นแต่แค่บอกผมตรงๆ อย่าให้ผมรู้เอง บอกผมให้ผมได้เตรียมใจบ้าง ขิมอยู่ในชีวิตของพี่ตั้งสี่ปี พี่คงลืมไม่ได้ง่ายๆ เพราะเป็นแบบนั้นผมถึงมีโอกาสมากขนาดนี้”

ผมหยุดตัวเองไม่ได้ หลุดปากพูดสิ่งที่อยู่ในห้วงคิดตลอดเวลาที่อยู่กับเขามาจนหมด ผมไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดอะไร ครั้งแรกที่เรามีเซ็กส์ด้วยกันชื่อของขิมก็ยังตามหลอกหลอนผม ภาพที่คนทั้งคู่รักกันผมก็มีเป็นอัลบั้มไว้ดูให้เจ็บใจเล่น ใบหน้าที่เหมือนกันกับผมที่เขาซุกซบ จูบดูดดื่มที่คนในรูปได้รับ แต่คนคนนั้นไม่ใช่ผม ผมควรจะรู้สึกยังไงวะ ควรจะทำใจแล้วลืมมันไปอย่างนั้นเหรอ...

“ขอโทษครับพี่นิก วันนี้ผมเหนื่อยเกินไปแล้ว”

ผมคงไม่ไหวแล้วจริงๆ สำหรับวันนี้ ไม่น่าหาเรื่องถามขึ้นมาเลย ทั้งๆ ที่คืนนี้ควรจะได้นอนหลับฝันดีเป็นคืนแรกหลังจากที่เดี้ยงเข้าโรงพยาบาล

“ถ้าวันนี้ขวัญไม่โอเค ให้พี่ไปนอนอีกห้องมั้ย” เขาถาม ในขณะที่ผมเสมองไปทางอื่น ผมอยากบอกว่าต่อให้ผมไม่โอเคแต่ผมก็ไม่อยากให้เขาไปไหน ทว่า...เขาเอ่ยปากขึ้นมาอย่างนี้ก็คงอยากไปเองล่ะมั้ง “แต่พี่อยากให้ขวัญรู้ไว้ว่าไม่ใช่เพราะขิม แต่เพราะขวัญที่เป็นขวัญ เป็นคนน่ารัก เป็นเด็กดีของพี่ ถ้าไม่ใช่ขวัญพี่ก็คงไม่รู้สึกมากขนาดนี้”

คำว่ารักคงพูดยากมากหรือความรู้สึกที่ว่าไม่ใช่ความรู้สึกรักกันแน่ ขนาดเขมินทรายังได้ยินคำว่ารักจากเขา แล้วผมล่ะ...คนที่เขาบอกว่ารู้สึกด้วยมากขนาดนี้ เคยฟังชัดๆ หรือยัง

“ครับ พรุ่งนี้ทุกอย่างจะโอเค วันนี้ผมขอโทษนะครับ”

“อืม”

คำตอบก็คือ...ไม่เคย

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 03-10-2018 20:05:04


01:20 AM

ขวัญพัฒน์: ตายยัง

เขมินทรา: ไม่ถามหมารับใช้ของมึงล่ะว่าทำอะไรกับกู

ขวัญพัฒน์: มิสเตอร์ทีเขาจัดการตามเหมาะสม แล้วมึงก็ยังไม่ตาย จะโวยวายทำไม

เขมินทรา: ไอ้พี่เหี้ย มึงทักมาหาเรื่องกูใช่ไหม

ขวัญพัฒน์: เปล่า กูมีข้อเสนอ

เขมินทรา: คิดว่ากูจะรับข้อเสนอมึงเหรอ คนที่ไม่เคยช่วยกูอย่างมึงอะ

ขวัญพัฒน์: ข้อเสนอของกูมึงคงอยากรับจนตัวสั่นแน่

เขมินทรา: ว่ามาสักที

ขวัญพัฒน์: เปลี่ยนตัวกับกู

เขมินทรา: ห้ะ?

ขวัญพัฒน์: ตามนั้น

เขมินทรา: มึงเป็นบ้าอะไรไอ้สัดพี่ อย่าบอกนะว่าจะให้กูไปล่อเป้า มึงนี่มันเป็นพี่ที่ระยำที่สุดในโลกเลยไอ้ขวัญ มึงกะฆ่ากูให้ตาย

ขวัญพัฒน์: กูเกลียดมึงไอ้ขิม แต่ไม่เคยคิดจะฆ่า ไม่เหมือนมึงที่ป่วนกูจนประสาทจะกิน สำเหนียกตัวเองก่อนจะว่ากู

เขมินทรา: ไม่อยากเถียงกับคนอย่างมึง แล้ว...มึงจะให้กูทำอะไร

ขวัญพัฒน์: ไม่ต้องทำอะไร เป็นอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ ส่วนกูจะลองเป็นมึงดูบ้าง

เขมินทรา: มึงทะเลาะกับพี่ธนิกใช่มั้ย

ขวัญพัฒน์: เสือก

เขมินทรา: ไอ้ขวัญ มึงยื่นโอกาสให้กูเองนะ แล้วถ้ามึงต้องเสียใจ จะมาโทษกูไม่ได้

ขวัญพัฒน์: มึงก็มีความสุขดูบ้าง แล้วถ้ามึงได้โอกาสนั้น กูก็แค่ต้องยอมรับ

เขมินทรา: มึงเป็นไรมากมั้ย ทำดีกับกูอย่างกับจะหลอกกูไปฆ่า

ขวัญพัฒน์: มึงจะเอาไม่เอา ตอบมาคำเดียว

เขมินทรา: เออ แล้วเมื่อไหร่

ขวัญพัฒน์: พรุ่งนี้เย็น เตรียมข้อมูลของมึงไว้ให้กู

เขมินทรา: แล้วของมึงล่ะ

ขวัญพัฒน์: ไม่มี มึงเป็นมึงอย่างที่เป็น ไม่ต้องสวมรอย แล้วก็หาที่ปลอดภัยให้กู ขอการรักษาความปลอดภัยสูงสุด คอนโดฯ พ่อเลี้ยงมึงมีหลายโครงการ เลือกที่มันใกล้บริษัทพี่นิกให้กูด้วย

เขมินทรา: มึงเรื่องมากจังวะ

ขวัญพัฒน์: กูจะตายไม่ได้ มึงเข้าใจมั้ย

เขมินทรา: แล้วถ้ากูโดนสอยระหว่างที่เป็นมึงอยู่ล่ะ

ขวัญพัฒน์: ถือว่าฟาดเคราะห์ ไปรอกูที่นรกก่อนละกัน

เขมินทรา: อยากด่าทั้งหมดที่อยู่ในใจแต่ก็ขี้เกียจพิมพ์ สรุปว่ากูตกลง

ขวัญพัฒน์: อืม พรุ่งนี้เจอกันตอนเย็น

เขมินทรา: พี่

ขวัญพัฒน์:?

เขมินทรา: ขอบใจที่ช่วยไว้แล้วก็เรื่องพี่ธนิกด้วย

ขวัญพัฒน์: เออ





ผมวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้อง การหยิบยื่นโอกาสให้เขมินทราไม่ได้อยู่ในหัวของผมตั้งแต่แรกเพราะความจริงผมก็แค่เห็นแก่ตัวอยากลองเสี่ยงดู ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงติดอยู่ในใจของผมไปตลอดชีวิต แต่ผมก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีที่ควรทำ ผมไม่ควรเล่นกับความรู้สึก เพราะไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหนก็ต้องมีคนเจ็บ ทว่าผมต้องการความชัดเจน ผมจะได้รู้ว่าควรเดินหมากต่ออย่างไร ในเมื่อผมไม่ได้มีแค่อดีตอย่างเขมินทราที่ต้องก้าวข้าม แต่ยังมีคุณนิ่มที่เป็นปราการด่านหน้าและคุณธนิษฐาที่เป็นปราการหลัก ผมจึงต้องเลือกวิธีนี้และอย่างน้อยหากว่าผลลัพธ์ออกมากลายเป็นผมที่เจ็บ ไอ้น้องนรกนั่นคงมีความสุขเหมือนคนอื่นๆ ได้บ้าง

ผมน่ะ...ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ผมเยียวยาตัวเองได้ดีกว่าคนอื่น

ผม...ยิ้มเก่ง

อีกอย่าง...นอกเหนือจากเรื่องนี้ผมก็อยากจะรู้ว่าชีวิตของเขมินทราเป็นแบบไหน อยากรู้ว่าคนที่หน้าเหมือนผมอีกคนใช้ชีวิตมาอย่างไรและอยากรู้ว่าหากลองก้าวออกจากเซฟโซนของขวัญพัฒน์ ผมจะได้เจอโลกอย่างที่ขวัญพัฒน์ไม่เคยได้เจอไหม ผมคิดว่าผมไม่ได้ห่วงใยไอ้แฝดนรกของผมหรอก ความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันก็ไม่น่าจะมี คงเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่อยากรู้จัก อยากเข้าใจมากกว่าล่ะมั้ง

ก๊อกๆ ๆ

ประตูห้องนอนถูกเคาะเบาๆ ก่อนจะถูกเปิดเข้ามา ผมเหลือบตามองไปที่ประตูก็เห็นคุณธนิกที่สวมเพียงแค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียว เขาก้าวยาวๆ มาที่เตียงในขณะที่ผมทำทีไม่สนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเพื่อเบนสายตาออกจากกล้ามอกแน่นๆ ของเขา

“พี่นอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกับขวัญ ขอพี่นอนด้วยคน” เขาพูดแบบนั้นก่อนจะล้มตัวนอนข้างๆ ผม แล้วแขนยาวทั้งสองข้างก็ดึงผมเข้าไปกอด

“หลายคืนที่ผ่านมายังนอนได้” ผมว่าเขา ดิ้นขัดขืนให้รู้ว่าไม่ได้เต็มใจให้กอด

“นอนได้แต่ไม่หลับ” เขาแย้ง กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น “ยิ่งคืนนี้...ยิ่งหลับไม่ลง”

ผมหยุดนิ้วที่กำลังไถหน้าจอ ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วหันหน้าไปพูดกับเขาอย่างจริงจัง “นอนเถอะครับ”

“แต่ขวัญโกรธพี่”

“ผมแค่เหนื่อย ไม่ได้โกรธอะไรเลย”

หรือต่อให้โกรธผมก็ไม่ได้โกรธเขา ผมโกรธตัวเองมากกว่าที่หลุดการควบคุม

“ไม่ได้โกรธงั้นก็เชื่อใจกันได้ไหม”

คำว่าเชื่อใจควรใช้กับคนที่รักกัน ไม่ใช่กับคนที่บอกรักเขาฝ่ายเดียวอย่างผม

ผมไม่ได้ให้คำตอบ แต่เลือกหลับตาลง ตอนนี้วิธีหนีที่ดีที่สุดก็คือหนีไปอยู่ในความฝัน ฝันที่แม้จะเจอเขาอยู่ที่นั่น แต่ก็เป็นเขาที่จับมือผมไว้แน่นและยิ้มหัวเราะไปด้วยกัน ไม่ใช่เขาที่เต็มไปด้วยพันธนาการและลังเลที่จะมีความสุขไปด้วยกันกับผม









เช้าตรู่ของอีกวันไม่ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยความสดใส คำพูดที่บอกว่าพอตื่นเช้ามาแล้วทุกอย่างจะโอเคมันไม่เป็นจริงตามนั้น ผมตื่นมาอย่างเดียวดายบนเตียงที่มีร่องรอยว่าเคยมีใครอีกคนนอนอยู่ข้างๆ ทว่าพอควานมือหาก็พบเพียงแค่ที่นอนเย็นชืด คุณธนิกไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ ผมจัดการธุระส่วนตัวแล้วลงมาข้างล่างก็ไม่เจอ ไม่มีข้อความอะไรบอกไว้

ดีเนอะ...นึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา

ผมเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบนมกล่องใหญ่มาเทใส่แก้วพร้อมกับฉีกซองขนมปังไส้ถั่วแดง อาหารเช้าของผมง่ายๆ แค่เท่านี้ แต่ในขณะที่กำลังมีความสุขกับถั่วแดงหวานๆ เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมสนทนาก็ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูพลางขมวดคิ้วเพราะชื่อบัญชีที่ไม่คุ้นเคยส่งรูปมาให้ มันดูผ่านการแจ้งเตือนไม่ได้ถึงต้องตัดใจวางขนมปังแล้วเข้าดูอย่างจริงจัง

หวังว่าคงไม่ใช่รูปเรียกน้ำยามเช้าที่เคยมีคนในกรุ๊ปไลน์หนังชีวิตส่งมาให้ผมดูหรอกนะ ไม่อย่างนั้นได้ฮึ่มแต่เช้าแน่





07:30 AM

X: Send a photo.

X: Send a photo.

X: Send a photo.

X: Send a photo.

X: มีความสุขในนรกดีไหม ขวัญพัฒน์ :)





เข้าใจความรู้สึกของการถูกตบจนหน้าชาก็ตอนนี้ แม้ว่าผมจะไม่เคยถูกตบเลยก็ตาม แต่มันชาจริงๆ รูปแรกที่คุณธนิกกับคุณนิ่มนั่งยิ้มให้กันในร้านข้าวต้มยามเช้าเหมือนมือซ้ายของ X ฟาดลงบนหน้าผม รูปที่สองที่คนทั้งคู่กำลังวิ่งออกกำลังกายด้วยกัน เหมือนมือขวาซัดเข้าที่ใบหูจนได้ยินเสียงวิ้งและอีกสองรูปที่คนสองคนกำลังยิ้มอย่างมีความสุขด้วยกันเหมือนหมัดหนักๆ เข้าที่สันกรามทั้งสองข้าง





ขวัญพัฒน์: นรกวันนี้ดีทีเดียวครับ อากาศกำลังร้อนได้ที่ น้ำในกะทะทองแดงก็อบอุ่นดีพอควร

X: แล้วต้นงิ้วล่ะจ๊ะ หนามยังแหลมคมอยู่มั้ย

ขวัญพัฒน์: มาปีนด้วยกันสิครับ จะได้รู้ ว่าแต่คุณ X เป็นบ่าวจากเรือนคุณหลวงที่ไหนครับเนี่ย

X: อะไร

ขวัญพัฒน์: ช่างยุแยง เสี้ยมเก่ง ผมชื่นชมมาก ฝีมือถ่ายรูปก็ดี๊ดี ชัดทุกรูป อย่างกะจ้างช่างภาพมาแอบถ่ายตัวเอง มุมดีเหลือเกิน

X: ปากดีเข้าไปเถอะมึง

ขวัญพัฒน์: ก็ปากดีแบบนี้ไง พี่นิกก็เลยติดใจ ว้าาา แย่จัง เมื่อคืนก็ซมซานกลับมาซุกเราทั้งคืน คงมีคนนอนแห้งเหี่ยวอยู่แน่เลยยย

X: ร่าน!

ขวัญพัฒน์: เฮ้อออ ไอ้เราก็ว่าเราเด็ดพอตัวนะ เอวก็พลิ้ววว

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

X: มึง!!! มึงต้องไม่ตายดี!

ขวัญพัฒน์: อกแตกตายไปเลยเด้อ ถ้ามีรูปอนุบาลแค่นั้นอย่ามาอวด กูไม่สะเทือน ดูรูปกูก่อนสิ จะเก็บเอาไปเป็นกรณีศึกษาก็ได้นะ ไม่หวง ไม่เห็นหน้าสักรูปแต่คงรู้นะว่ารอยสักแบบนั้นมีพี่นิกสักคนเดียว ลิมิเต็ดมากผัวคนนี้ รักกกเพราะกล้ามแน่นและแซ่บมาก

X: มึงมันร่าน มั่ว! น้องมึงก็อีกคน ไอ้แฝดนรก! กูจะส่งพวกมึงไปอยู่ด้วยกันที่นรก หลุดจากคนน้องก็มาคนพี่ พวกมึงมันสัมภเวสี ชอบลักกินของชาวบ้าน

ขวัญพัฒน์: แล้วไง อย่างน้อยกูกับน้องก็ได้กิน แล้วมึงล่ะ ได้กินเขาหรือยัง หรือว่าแห้งจนใยแมงมุมขึ้นแล้ว

ขวัญพัฒน์: ว่าไงคุณนิ่ม มึงได้กินหรือยัง :)

X: มึงพูดอะไรของมึง

ขวัญพัฒน์: ถ้าไม่ใช่คุณนิ่มก็เพื่อนคุณนิ่มเหรอหรือคนรู้จักคุณนิ่มหรือองครักษ์พิทักษ์ใจคุณนิ่ม เอ๊ะๆ ๆ ยังไงดี

ขวัญพัฒน์: แต่ไม่ว่ามึงจะเป็นใคร กูบอกไว้ตรงนี้ พี่นิกไม่แต่งงานกับใครหน้าไหนทั้งนั้น เขาเป็นของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: ของกู

ขวัญพัฒน์: อ้าว...ไม่อ่านเลย บล็อกแล้วเหรอ ขี้ขลาดจังวะ





ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากร้ายใส่ใคร แต่สถานการณ์ทุกอย่างมันบังคับ ผมชอบความสงบ ไม่วุ่นวาย โกรธแค้นใครก็ไม่เคยทำได้นาน ปกติผมก็ปล่อยเบลอไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมอยู่เฉยให้ใครรังแก





ขวัญพัฒน์: พี่นิก อยู่ไหน

ขวัญพัฒน์: ออกไปทำไมไม่บอก

ขวัญพัฒน์: เป็นผีเหรอ แว๊บไปแว๊บมา

ขวัญพัฒน์: กินโจ๊กกับว่าที่เจ้าสาวเสร็จแล้วก็มาคุยกันหน่อย

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: นอนเปลือยรออยู่นะครับ





ผมวางโทรศัพท์มือถือแล้วหยิบขนมปังไส้ถั่วแดงขึ้นมากินต่อ รูปที่ผมส่งไปนั้นผมถ่ายไว้นานแล้ว ทำใจกล้านานเลยแต่คิดว่าคงได้ใช้ แล้วก็ใช่จริงๆ ถ้าเรียกผีต้องจุดธูป งั้นการเรียกคุณธนิกก็ต้องใช้รูปหื่นกามแบบนี้แหละ





คุณธนิก: ลบรูปซะน้องขวัญ

คุณธนิก: ทำอะไรไม่คิดอีกแล้วนะ ถ้ามีคนแฮคเครื่องขึ้นมารูปเราคงว่อนเน็ต

ขวัญพัฒน์: ว้าว ตอบแล้ว

คุณธนิก: ทำแต่เรื่องที่พี่คาดไม่ถึงนะเรา แล้วใครถ่ายให้

ขวัญพัฒน์: ใครสักคนที่พี่นิกไม่รู้จัก ใครสักคนที่อาจจะได้ตัวผมเหมือนที่พี่นิกได้

คุณธนิก: พี่จะโกรธแล้วนะขวัญ ทำไมทำแบบนี้วะ

ขวัญพัฒน์: คิดว่าผมไม่โกรธเหรอตอนนี้ พี่ไประรื่นกับเขาแล้วไม่บอกผมสักคำ

คุณธนิก: รู้ได้ยังไง

ขวัญพัฒน์: ไม่สำคัญหรอก แล้วถามแบบนี้พี่นิกคิดจะปิดผมเหรอ

คุณธนิก: พี่ไม่อยากทะเลาะด้วยนะขวัญ อย่างี่เง่าให้มาก

ขวัญพัฒน์: โอ้โห...ถึงกับต้องแคปหน้าจอเก็บไว้เตือนใจตัวเองเลย

คุณธนิก: ขอโทษครับ พี่หงุดหงิด

ขวัญพัฒน์: พี่นิกยังไม่ตอบคำถามผม

ขวัญพัฒน์: ทำไมถึงไม่บอกว่าไปกับเขา เขีียนโน๊ตไว้ก็ได้ โพสอิทก็มีอยู่ในห้อง ไลน์ก็มีไม่พิมพ์บอกไว้ล่ะ

ขวัญพัฒน์: หรือตอนเช้าสมองไม่ทำงาน ปล่อยเขาลากเขาจูงไปไหนก็ได้

คุณธนิก: นิ่มมาหาที่บ้านแล้วพี่จะมีเวลาบอกเราตอนไหน นี่ก็เพิ่งได้มือถือคืน

ขวัญพัฒน์: อะไรวะ ยอมเขาอะไรขนาดนั้น ทีผมจะยุ่งกับมือถือพี่ พี่ยังไม่ยอม แต่ทำไมเขาทำได้

คุณธนิก: ขวัญ พี่กำลังจะแต่งกับเขานะ มันเป็นเรื่องที่เขาทำได้ สิทธิ์ของเขา

ขวัญพัฒน์: รู้ครับ ไม่ต้องย้ำ





ผมถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาอย่างแรง เจ็บแปลบที่ใจแต่หัวร้อนมากกว่า สิทธิ์ของเขาเหรอวะ งั้นสิทธิ์ของผมก็คงมีแค่ตอนที่อยู่กันสองคนแค่นั้นใช่ไหม

เวรเอ้ย! ผมเลือกทางนี้เองแท้ๆ แต่เสียการควบคุมอีกแล้ว





คุณธนิก: เรื่องเมื่อคืนก็ยังไม่ได้เคลียร์ ตอนนี้จะทะเลาะกับพี่อีกเหรอขวัญ ทีละเรื่องมั้ย ไหนบอกจะมีความสุขด้วยกันไง

ขวัญพัฒน์: แล้วผมเลือกอะไรได้บ้างครับ มีสิทธิ์เหมือนคุณนิ่มเหรอ

คุณธนิก: ขวัญมีสิทธิ์ทุกอย่าง แต่พี่ขอให้ใจเย็นลงหน่อย เมื่อก่อนขวัญเป็นเด็กน่ารักกว่านี้

ขวัญพัฒน์: ยิ้มแห้งเลย น่ารักหรือหน้าโง่ก็แยกไม่ออกแล้ว ดีที่มีคนด่าผมว่าหน้าโง่บ่อยๆ ก็เลยรู้ตัว

ขวัญพัฒน์: เจ็บดีนะครับ รักคนอย่างพี่นิกเนี่ย

ขวัญพัฒน์: แล้วเอาไงครับ จะกลับมาหาผมมั้ย

คุณธนิก: ตอนเย็นนะ พี่จะส่งนิ่มกลับบ้านแล้วเข้าบริษัทเลย

ขวัญพัฒน์: ฟีลลิ่งชู้รักมาเต็มอะ เจอกันตอนพี่เงี่ยน พี่เหงา พี่ว่างงี้เหรอ

คุณธนิก: ถ้าไม่หยุดประชดพี่ พี่จะไม่คุยกับขวัญแล้วนะ

คุณธนิก: ไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะครับ

ขวัญพัฒน์: ผมชักอยากทุบสถานีรถไฟทิ้งแล้วเปลี่ยนมันเป็นสนามบินแล้วสิ

ขวัญพัฒน์: พี่ไม่รู้หรอกครับว่าคนอย่างผมถ้าหมดความอดทนแล้วจะเป็นยังไง

ขวัญพัฒน์: พี่จะขึ้นเครื่องบินไปกับคนอื่นก็ได้ แต่บอกผมก่อน ผมคือคนสำคัญของพี่ไม่ใช่เหรอ แล้วมองไม่เห็นหัวผมแบบนี้ พี่รู้นะครับว่าผมมีปัญญาซื้อเครื่องบินไปชนกับพี่ได้

ขวัญพัฒน์: อย่าบังคับให้ผมต้องทำแบบนั้นเลย เพราะผมยังอยากเป็นขวัญพัฒน์ที่น่ารักของพี่

คุณธนิก: ขวัญขู่พี่เหรอ ปีกกล้าขาแข็งอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ขวัญพัฒน์: ทิ้งคุณนิ่มไว้ที่นั่นแล้วกลับมาหาผมครับพี่นิก

ขวัญพัฒน์: เพราะถ้าพี่ไม่มาตอนนี้ ผมจะไม่อยู่คุยกับพี่แล้วนะ





ผมก็ขู่ไปอย่างนั้น ทำจริงจังไม่ได้สักอย่าง แต่ที่ว่าจะไม่อยู่คุยแล้วผมพูดจริง เพราะเย็นนี้ต้องส่งไม้ต่อให้เขมินทรา ฉุกละหุกไปหน่อย ถึงอย่างนั้นมันจะผ่านไปด้วยดี ที่ห่วงก็มีแค่ว่าผมดันสร้างเรื่องปากดีกับ X ไปซะได้ ไม่รู้ไอ้น้องโง่มันจะโดนลูกหลงไปด้วยมั้ย แต่คนอย่างมันคงไม่ตายง่ายๆ ว่าแต่ตอนนี้ผมควรทำอะไรต่อ นอกจากนั่งเคี้ยวขนมปังไส้ถั่วแดงโง่ๆ ที่กินมาเป็นชาติแล้วก็ยังไม่หมดลูกนี้ ผมควรทำอะไรอีก...

สมองมันตื้อๆ เบลอๆ ภาพตรงหน้าพร่าเลือน ตอนเด็กคงไม่ค่อยได้กินปลาผมถึงได้ไม่ฉลาดสักที แค่...น้ำตาก็ยังควบคุมไม่ได้ ไส้ถั่วแดงหวานๆ ถึงได้เค็มไปหมด

ทำยังไงน้ำตาจึงจะหยุดไหล...

นอกจากเช็ดมันออกจากใบหน้าแล้วผมทำอะไรได้บ้าง

พออยู่คนเดียวแล้วน้ำตาก็ไหลลงมาดื้อๆ ถ้าน้าลีอยู่ผมคงบอกน้าว่าไม่ไหว ถ้าไอ้หลงอยู่ผมคงบ่นกับมันทุกเรื่องที่อยู่ในใจและถ้าไปหาไอ้แนนตอนนี้ได้ ผมคงจะกอดมันแน่นๆ แล้วร้องไห้กับอกกว้างๆ ของมัน

แต่ผมสู้อยู่คนเดียว เหนื่อยจนแทบไม่ไหวแล้ว

“ขวัญ” เสียงเรียกของคุณธนิกทำให้ผมรีบปาดน้ำตาออกจากใบหน้า กลืนก้อนสะอื้นลงคอ ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนแน่ใจว่าไม่มีน้ำตาสักหยด

“มาเร็วดีนะครับ” ผมยิ้มให้เขา แต่สีหน้าของเขาดูไม่ยินดีกับรอยยิ้มของผม

“ร้องไห้ทำไม” เหมือนเป็นคำถามโง่ๆ ที่ทำให้หัวใจของผมเหนื่อยมากขึ้น เขาเหมือนเด็กที่ตบหัวผมจนผมร้องไห้แล้วถามผมว่าร้องไห้ทำไม คำตอบชัดอยู่แล้วแต่ก็ยังถาม ผมจึงไม่ตอบ

แต่ในขณะที่คิดว่าพอเถอะ ผมควรพอสักที อ้อมกอดของเขาก็กลายเป็นตัวฉุดผม

“ไหวมั้ย” และแค่เขาถาม

แค่นี้เอง...ผมก็พร้อมจะตอบเขากลับไปว่า “ไหวครับ”

“รู้ไว้นะ ไม่มีใครสำคัญไปกว่าขวัญนะครับ”

ยกเว้นแม่ของพี่

“อย่าคิดมาก”

ผมทำไม่ได้

“เชื่อใจพี่”

ผมทำไม่ได้

“เข้าใจพี่”

ผมทำไม่ได้

“แล้วก็รอพี่นะครับ”

ผมยิ้มให้เขา “ครับ”

“พี่จะกลับไปหาขวัญที่สถานีรถไฟแล้วเราจะขึ้นรถไฟไปด้วยกัน”

โกหก ก็แค่คำโกหก

“ครับ นึกว่าจะต้องเผาสถานีรถไฟทิ้งซะแล้วสิ”

“อย่านะครับเด็กดื้อ ไม่งั้นเราจะรอพี่ที่ไหนล่ะ บอกว่ารอแล้วก็ต้องรอนะขวัญ ห้ามผิดคำพูด”

“ถ้าจะมีใครผิดคำพูด คนนั้นจะไม่ใช่ผมแน่นอนครับ”

ตอนที่ผมกำลังท้อ ตอนที่ผมกำลังเหนื่อย แต่เขา...มาทันเวลาทุกที

ไฟแช็คกับน้ำมันเชื้อเพลิงในมือของผมจึงถูกโยนทิ้งไป

ชานชาลาแห่งนั้นจึงยังคงมีขวัญพัฒน์ในร่างโง่ที่ผมทิ้งไว้ตรงนั้นตามเดิม

..................To be Continue.......................


ถึงร้ายก็รักนะเกเรยังไงก็รักนะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 03-10-2018 20:15:52
สามีกากแห่งปี 2018 ได้แก่ คุณธนิก
ทำไมเป็นพระเอกที่รู้สึกว่าไม่มีความพยายามจะปกป้องคนที่รักเลย เทียบกับพระเอกคนก่อนๆ อย่าง ป๋าพ่าย ที่ถึงจะปากร้าย แต่ก็ปกป้องนังเพี้ยน (ทั้งที่นังเพี้ยนไม่ได้บองบางน่าถนอมเลย)​หรือจะพระเอกบื้อๆ อย่างเฮียทอง ก็ยังยอมทำทุกอย่างเพื่อชงโค
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-10-2018 20:31:38
ทิ้งไปเถอะหลัวแบบนี้  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-10-2018 20:33:35
 :เฮ้อ: แต่ละคน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 03-10-2018 20:40:01
ทำอะไรสักอย่างสิคะคุณธนิก แฝดจะสลับตัวกันแล้วเนี่ย xนี่คือคุณนิ่มรึคุณแม่ ร้ายมากเลยนะ แต่ไม่แซ่บเท่าน้องขวัญ ชอบขวัญเวอรชั่นร้ายๆจังเลย อย่าไปร้องไห้บ่อยนะน้อง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 03-10-2018 20:41:25
คุณธนิกคือแบบพักก่อนนน จะต้องพิมพ์ว่าสงสารน้องขวัญอีกกี่ตอน เหนื่อยแล้วนะคนใจร้าย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 03-10-2018 20:43:35
พระเอกที่ขี้ขลาดและกาก และuseless 2018
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-10-2018 20:57:21
  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-10-2018 21:00:07
โอ้ย!!! ชอบบบบบบบ
ชอบขวัญร่างเกรี้ยวกราด  o13 o13
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: hunhan ที่ 03-10-2018 21:24:37
เหนื่อยนะ เอาจริง
ถ้าไม่พยายามที่จะรักษาแต่อยากเก็บเอาไว้ก็ไม่ต้องทำค่ะ ชอบพี่ธนิกมากนะตอนนั้นพี่เขาเก่งและรักน้องขวัญมาก
ตอนนี้ก็ยังคงรักเช่นกันแต่ฉันก็เหนื่อยแต่เพราะคำว่ารักน้องขวัญมันค้ำคอนี้แหละน้องจึงทน
ไม่ได้อยากให้วันที่หมดความอดทนมาถึงแต่ถ้ามันเหนื่อยมากจริงๆฉันก็จะไป
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 03-10-2018 21:31:00
เรื่องนี้มีแต่คนเก่งๆ ยกเว้นคนเดียวพระเอก :z2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 03-10-2018 21:49:38
รอบตัวพี่นิกมีใครดีบ้าง ใส่หน้ากากกันทุกคน นัวคุณนิ่มน่าจะไม่นิ่มตามชื่อซะแล้ว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 03-10-2018 21:55:57
โหยยยยยย อิธนิก! ผัวเลว2018!  แกนี่มันโคตรของโคตรความเห็นแก่ตัวเลย เอียงคอทำหน้าแบ๊วสู้กับมันต่อไปน้องขวัญ อย่าไปถอย ถึงธนิกมันจะเลวยังไง มันก็ยังเป็นผัวน้อง  เสียทองเท่าหัวอย่าไปยอมเสียผัวเราให้ใคร สู้ๆ!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 03-10-2018 21:56:43
นูปแห่งปีได้แก่ คุณธนิก กากเกิ๊นนนน ปล่อยให้คนรักตัวเองสู้อยู่คนเดียว แสรดดดดดดด ไม่ว่าขิมหรือขวัญด็น่าสงสารที่ต้องมารักคนแบบนี้   (-_-)
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-10-2018 22:06:50
ชิปขวัญขิมแล้วค่ะ ลาก่อนคุณธนิก สวัสดีค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-10-2018 22:21:18
ขวัญร่างเกี้ยวกราดคือดี ซัดให้หมอบไปเลยน้องขวัญ :katai4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-10-2018 22:40:47
ตัวละครลับจะเยอะเกินไปแล้ว นี่ขวัญต้องสู้รบกับใครไปถึงไหนเรื่องราวถึงจะจบสักที แต่ตอนนี้คิดว่าดีแล้วที่ขวัญสลับตัวกับขิมน่ะให้ขวัญถอยออกมามองจากมุมนอกบ้างอาจจะเห็นและคิดอะไรได้ง่ายขึ้นแต่ก็กลัวขิมโดนลูกหลงอยู่จากการที่ขวัญปะทะกับ X ยอมรับเลยว่าจากการอ่านสองตอนมานี้เรารู้สึกดีกับขิมเยอะกว่าก่อนมาก ชอบที่เวลาพี่น้องเขาคุยกันอารมณ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 03-10-2018 22:46:28
โถ่ขวัญญญญญญญ  โอ้ย พระเอกเรื่องนี้ไม่ได้เรื่องเลยยยยยยย ขวัญ ขิม นิ่ม ลงทุนกว่า สู้กว่าในทุกๆด้าน ยิ่งถ้าไม่มีโมนะ ธนิกยิ่งไม่ได้เรื่องเข้าไปใหญ่ โว้ย ปวดหัว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-10-2018 22:59:44
พี่นิกคนกาก 2018 ที่นางโลว์เทคด้้้้้้้้วยเพราะกากเป็นทุนเดิมและเป็นต้นทุนที่สูงมาก หงุดหงิดค่ะ ไปเปิดเครื่องดูดฝุ่นเล่นดีกว่า บั๊ยยส์
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-10-2018 23:00:44
ทำไมเหมือนคุณธนิกเป็นคนโลเลจัง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 03-10-2018 23:09:33
เราว่าคนที่ร้ายที่สุดต้องเป็นนิ่มแน่เลย
พี่นิกคนกากแห่งปี
ขวัญตัดใจได้ไหมอะ สงสาร
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Ezi ที่ 03-10-2018 23:41:20
คุณธนิก หลอกขายฝันให้น้องขวัญตลอดเวลาเลย
อยากทำแบบน้องขวัญ เขย่าให้หัวหลุด แล้วถามว่า มึงจะเอายังไง!!!  :angry2: :z6:

อ่านไป ใจก้วูบไป จะเลิกอ่านมันก็ทำม่ายด๊ายยยย

ขอบคุณที่มาต่อทุกวันนะคะ ไหว้ย่อ  :call:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 03-10-2018 23:44:27
เอาขิมมาเปลี่ยนด่วนๆเลย​ ทำไงก็ได้ให้นิกหาขวัญ​ไม่เจอเอาให้ทรมานโหยหาน้องเลย​ ขิมนี่ร้ายตรงๆไม่มีไรเลยเด็กโหยหาความรักอ่านไปอ่านมาก็สงสารปนเอ็นดู​น้องขิม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 03-10-2018 23:45:28
อ่านจบพบแพทย์ ไบโพล่าร์จะมาเยือนละ แต่ก็จะอ่านต่อไป 5555555555

เหนื่อยแทนขวัญมาก ๆ มันเบลอไปหมดอะ กอดนะน้องงงงงงงง  :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 03-10-2018 23:54:00
แต่ถ้าความพยายามมันทำให้เราเหนื่อยเกินไป พักบ้างก็ได้นะ..."หัวใจของเราคู่ควรกับคนที่เห็นค่าของมัน"
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-10-2018 00:42:24
ขวัญไปอยู่กับขิมเหอะ
ปล่อยอิบ้านนี้ไป น่ามคานนนนนน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-10-2018 00:45:40
บอกตรงๆว่าไม่เชียร์พี่นิกเลย กี่ครั้งแล้วที่ทำกับขวัญแบบนี้อ่ะ ตบหัวแล้วลูบหลังวนไป ปัญหาอะไรก็แก้ไม่ได้สักที บอกให้ขวัญรอ ให้ขวัญเชื่อ แต่ที่ทำนี่ไม่มีอะไรน่าเชื่อได้เลย
และก็อยากรู้ว่าขวัญจะจัดการเรื่องนี้ยังไง อยากให้ขวัญใจแข็งกว่านี้ด้วย เอาให้อิพี่นิกมันอกแตกตายไปเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-10-2018 01:11:52
อะไรกันนี่ ตัวตนของขวัญในตอนแรกหายไปจะหมดแล้ว
หายไปตั้งแต่ยอมจับเชือกขึ้นไปหอคอยของคุณธนิกนี่แหล่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 04-10-2018 01:25:40
มะโนมะเนื่องมาตลอดว่าธนิกร้ายอย่างงู้นอย่างงี้ แต่ความจริงแล้วธนิกไม่ได้ร้ายขนาดนั้น ดันซื่อและจริงใจจนเข้าขั้นโง่มากกว่า ธนิกอาจจะเป็นคนดี แต่รอบตัวมีแต่คนร้ายๆ ธนิกเลยดูโง่ขึ้นมาทันตา ขวัญตอนแรกเราก็กลัวว่าขวัญจะเจ็บงั้นงี้เพราะดูไม่ทันคน แต่เอาเข้าจริงๆเรากลับไม่ได้รู้จักขวัญดีพอเลย แสบกว่าที่คิด แล้วคงจะร้ายได้ถ้าอยากจะทำ ตอนหน้าคงมันส์ถ้าขวัญกับขิมได้สลับตัวกัน :hao7:

คนที่สั่งให้ยิงขวัญที่หัวลำโพงกับที่จ้างคนมาข่มขืนอาจจะเป็นพี่โม ไม่ก็นิ่ม ไม่ก็แม่ เอ๊ะหรอจะเป็นมิสเตอร์ที?
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 04-10-2018 02:15:57
อยากให้ขวัญร้องไห้มากกว่ายิ้มอะ ไม่ต้องยิ้มรับทุกเรื่องก็ได้นะคะน้องขวัญ หนูไหวแต่พี่ไม่ไหวแล้วลูก ㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ
แล้วอยากจะเขย่าแล้วคุณธนิกเหมือนกันว่ามึงจะเอายังไง!!! จะไม่สงสารแล้วนะ!! จะตามใจแม่ก็ตามใจให้สุดไปเลย ไม่ต้องมาครึ่งผีครึ่งคนดีก็ดีไม่สุดแบบนี้นะ ฮือ ทุบแม่ง :z6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-10-2018 02:56:58
เราเชื่อมาตลอดว่าธนิกรักขวัญนะแต่ทำไมพอได้อ่านตอนนี้แล้วความเชื่อมันสั่นคลอน มองเห็นแต่ความเห็นแก่ตัวของธนิก   :เฮ้อ:           
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-10-2018 05:49:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 04-10-2018 09:42:16
โหวตเป็นตัวร้ายแห่งปีได้ไหม


อยากจะจับตัวไอ้คุณธนิกมาเขย่าๆ แล้วกรี้ดใส่หูมัน แล้วบอกโกนใส่หน้าให้น้ำลายเต็มหน้าไปเลย ว่ามุงเป็นเชี้ยอะไรนักหนา


จะมาก็มาก็ไปก็ไป จะกอด จะผลักออก มุงจะเอาไงวะ ต่อยกันสักทีไหม



ตอนนี้ รู้สึกอยากจะปล่อยแมร่งละ ตอนนนี้เป็นกำลังใจให้พี่น้อง ขวัญขิม ไปก่อน พี่น้องเวลามันเถียงกัน ได้ฟิวความจริงใจมาก


ที่หาแทบไม่ได้กับไอ้พระเอกหอยหลอดนี่เลย



หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 19 03/10/2018 Page 17
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 04-10-2018 12:56:30
อิพี่ธนิกโคตรเห็นแก่ตัวเลยอ่ะ ดูแลขวัญก็ยังไม่ได้ ก็นะตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอด
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 04-10-2018 19:40:07
เขมินทรา



เขมินทรากำลังรู้สึกกังวลใจ มือทั้งสองข้างจับกันไว้แน่นแต่ก็ยังสั่นราวกับคนที่เจออากาศเย็นจัด เขาแน่ใจว่าไม่ได้เป็นเพราะเครื่องปรับอากาศที่ทำให้อุณหภูมิเย็นกว่าปกติแต่คงเป็นเพราะชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าราบเรียบไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆ มีเพียงแต่แววตาดุร้ายเท่านั้นที่กำลังคุกคามตัวเขาในขณะนี้

“เมื่อไหร่มึงจะเลิกมองกูไอ้เหี้ย!” ความกดดันทำให้เขมินทราทนไม่ไหว เขาตะโกนลั่น รู้สึกประสาทเสียกับสายตาของมิสเตอร์ที ทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่ทำ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ก็ยังเอาแต่จ้องจับผิดและยัดเยียดให้เขาเป็นคนบงการไอ้หน้าเหี้ยมที่บุกขึ้นคอนโดฯ อย่างอุกอาจ

“คุณรับสารภาพเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเขมินทรา”

เขมินทราเผลอขบริมฝีปากล่างอย่างไม่รู้ตัว เป็นแบบนี้เสมอเมื่อกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก บางทีขบกัดจนได้เลือด ทำเอาร่างสูงที่แสนเย็นชาต้องมองตาดุ ยกมือบีบริมฝีปากเล็กให้ฟันขาวขบกัดไม่ถนัด เขมินทรามองอย่างตัดพ้อ ปัดมืออีกฝ่ายออกแต่ไม่สำเร็จ

“กัดอยู่ได้”

“เรื่องของกู”

“สารภาพเถอะเขมินทรา ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนไปมากกว่านี้”

“กูก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น กูว่าไอ้ขวัญมันโง่แล้วนะ เจอมึงเข้าไปนี่พี่กูฉลาดขึ้นมาทันที คนเหี้ยอะไรพูดไม่รู้เรื่อง” เขมินทราว่าอย่างน้อยใจ แต่ถ้อยคำตัดพ้อคงเข้าไม่ถึงคนใจดำตรงหน้า

“ปากดี” มิสเตอร์ทีว่าเสียงเข้ม มือแข็งแรงบีบคางของคนตัวเล็กกว่าที่กำลังดิ้นหนีแต่เพราะเอวบางถูกแขนแกร่งอีกข้างโอบรั้งเข้าหา เขมินทราจึงไม่อาจขัดขืน “ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใครเขมินทรา”

“แม่มึงมั้งไอ้สัด! โอ๊ย!”

เพราะปากดีจึงถูกสั่งสอน เขมินทราน้ำตาคลอเมื่อแรงบีบที่คางเพิ่มมากขึ้น ใบหน้าเย็นชาของมิสเตอร์ทีเผยแววตาอันตรายจนนึกหวั่น แววตาที่สามารถฆ่าใครก็ตามที่กล้าขัดผลประโยชน์ ไอ้พี่โง่ของเขมินทราจะรู้ไหมว่ามันเก็บคนอันตรายไว้ข้างตัว!

“พูดกับผัวให้มันดีๆ” เสียงเข้มเตือนพลางคลายแรงบีบ ทว่าเขมินทราก็ยังมีสีหน้าบิดเบี้ยวเมื่อได้ยินคำต้องห้ามที่ไม่เคยนึกอยากได้ยิน “ทำตัวน่ารักกับผมหน่อย ไม่อย่างนั้นผมคงต้องสารภาพกับมิสเตอร์เคว่าแท้จริงแล้วผมเป็นอะไรกับคุณ”

“กูไม่นับคนที่เป็นแค่คู่นอนอย่างมึงเป็นผัว” เขมินทราว่าเสียงกร้าวในขณะที่คนรับฟังทำเพียงแค่เลิกคิ้วยียวนมอง “อย่ามาอ้างสถานะน่าขยะแขยงนั่นทั้งๆ ที่กูกับมึงไม่ได้รัก ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน”

“แต่ก็ยังให้เอาทุกคืน”

เขมินทราหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้ามองสบกับแววตาอันตรายของมิสเตอร์ที ร่างผอมทำเพียงแค่ยกกำปั้นขึ้นทุบอกกว้างเพื่อไม่ให้แขนแกร่งรั้งตัวเข้าชิดไปมากกว่านี้ อยากพูดท้วงแต่ก็ไม่อยากเสวนาด้วย อยากดิ้นหนีแต่ก็สู้แรงไม่ไหว เขมินทราไม่เคยสู้คนคนนี้ได้ ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนที่ถูกหักหาญน้ำใจ ถูกมอมเมาและจบลงที่เตียงจนมาถึงตอนนี้ก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน ตกเป็นเบี้ยล่างอย่างไรก็อย่างนั้น

“มึงต้องการอะไรกันแน่” คำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบดังจากปากเล็ก ไม่ว่าจะถามตอนไหนคำตอบก็มีแต่เพียงความเงียบ “กูเลิกยุ่งกับพี่ธนิกมานานแล้ว แต่ทำไมมึงยังไม่เลิกยุ่งกับกู ต้องให้กูตายไปจริงๆ ไหมมึงถึงจะพอใจสักที”

นอกจากการถูกธนิษฐาทรมานจนร่างกายมีแต่บาดแผล ร่างกายที่ไม่สวยงามนี้ก็ยังตกเป็นเครื่องระบายความใคร่ให้ชายหนุ่มตรงหน้า ทั้งหมดนั้นก็แค่เพราะเขมินทราหลงรักธนิก สาเหตุมันก็มีเท่านั้นเอง

“ไม่เคยต้องการให้คุณตาย” น้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายเอ่ยขึ้น มือหนาที่เคยบีบคางเล็กปรับเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วเกลี่ยแก้มเนียน “แค่อยากสั่งสอน เพราะคุณชอบล้ำเส้น ไม่ฉลาดเหมือนพี่ชายของคุณ แต่ตกเป็นของผมก็ยังดีกว่าตายเพราะน้ำมือธนิษฐาไม่ใช่เหรอ ผมช่วยคุณเอาไว้ จำไม่ได้หรือไง”

“มึงคิดว่าดีกว่าจริงๆ เหรอวะ ทั้งๆ ที่กูอยู่เหมือนตายทั้งเป็น ต้องนอนให้มึงเอา ต้องกอดกับคนที่กู...ไม่ได้รัก ต้องครางให้คนอย่างมึงได้ยิน มึงคิดว่ามันดีกว่าการตายตรงไหนไม่ทราบ!” น้ำตาของเขมินทราค่อยๆ รินไหล นึกเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ทั้งที่ควรตายไปตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจกรีดข้อมือตัวเองเพื่อหวังว่าคนที่เขารักจะเห็นความสำคัญและเลือกปกป้องเขา แต่คิดผิด...เพราะเขมินทราไม่เคยได้เป็นคนสำคัญของใคร

คืนนั้นเป็นคืนวันวาเลนไทน์ เป็นวันวาเลนไทน์ปีที่สองที่จะได้ฉลองกับธนิก เขมินทราจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสำหรับดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่แสนโรแมนติก อาหารรสเลิศ ไวน์ราคาแพงและของขวัญชิ้นพิเศษที่ตั้งใจมอบให้กับธนิก ของขวัญที่จะทำให้ธนิกยิ้มกว้างและพร่ำบอกรักเขา เอกสารยินยอมสละมรดกอยู่ในกล่องกระดาษสีสวยพร้อมผูกริบบิ้นสีแดง เป็นของขวัญพิเศษในค่ำคืนนี้ จำได้ว่าในวันนั้นเขมินทรารอคอยอย่างใจจดจ่อ รอการมาเยือนของคนที่รักสุดหัวใจ แต่แล้วเมื่อถึงเวลานัดหมายและประตูถูกเปิดเข้ามา คนที่มาเยือนกลับไม่ใช่ธนิก ความหวั่นกลัวผุดวาบขึ้นในใจเมื่อมองใบหน้าสวยแม้จะมีร่องรอยตามกาลเวลาของธนิษฐา ผู้มาเยือนแทนบุตรชายของตัวเอง หล่อนมาพร้อมกับชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่สองคน แย่งชิงของขวัญชิ้นพิเศษไปแล้วเริ่มบทแห่งการทรมานเขมินทรา

ธนิกไม่มา...แม้จะตะโกนเรียกชื่อเขาจนเสียงแหบแห้ง คนที่คิดว่าเป็นฮีโร่ในดวงใจก็ไม่ปรากฎตัว ตอนนั้นราวกับมีมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากหัวใจเขมินทราออกไปจากร่างกาย เขาถูกขังอยู่ในห้องนั้นสองวันกับชายฉกรรจ์ที่เห็นเขาเป็นเหยื่อทางอารมณ์ พวกมันบังคับให้ยากับเขา เสียงหัวเราะดังลั่นห้องเมื่อเห็นเขาทรมานกับความต้องการที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย พวกมันก็แค่เล่นสนุก มือสากสองคู่สัมผัสร่างกายของเขาอย่างถือสิทธิ์ สองวันในนรกยังอยู่ในความทรงจำของเขมินทรา ไม่มีใครมาช่วย ไม่ได้รับการตอบกลับจากคนที่อ้อนวอนขอความเห็นใจ ธนิกเหมือนตายจาก เงียบหายราวกับถูกผีลักซ่อน ในตอนนั้นหนทางรอดของเขาแทบไม่เหลือ ร่างกายเปลือยเปล่าไร้เรี่ยวแรงถูกล่ามไว้กับเตียง เขาหายใจรวยรินเพราะหัวใจเหนื่อยล้าเต็มที น้ำตาเหือดหายไปพร้อมกับร่องรอยของการปรารถนาจะมีชีวิต เขมินทราในตอนนั้นอยู่ในสภาพน่าสมเพชราวกับหมาข้างถนน แต่ในจังหวะที่กำลังหาทางให้ตัวเองหลุดพ้นจากความทรมาน หลุดพ้นจากชีวิตเฮงซวยนี้ ประตูนรกที่ถูกปิดตายก็ถูกพังเข้ามา สัตว์เดรัจฉานสองตัวถูกกำจัดทันทีหลังจากนั้น

เขมินทราสะดุ้งเฮือกเมื่อสูทสีดำคลุมลงบนตัวเขา น้ำหอมกลิ่นสะอาดที่เหมือนกับกลิ่นของธนิกลอยแตะจมูก แต่เจ้าของสูทไม่ใช่ธนิก กลับเป็นใครอีกคนที่มีใบหน้าราบเรียบ แววตาเย็นชาแสนอันตรายนั้นไม่มีความปราณีให้ใคร

“นรกของธนิษฐา ไม่น่าอยู่เท่านรกของผมหรอกเขมินทรา” น้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายดังขึ้นให้ได้ยิน “ผมเตือนคุณครั้งแล้วครั้งเล่าแต่คุณไม่เคยฟัง ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากไปกว่าที่ควรใกล้ แล้วเป็นอย่างไรกับความอวดเก่งของคุณ”

ความช่วยเหลือที่ไม่ต้องการก็เหมือนกับการยัดเยียด เขมินทราไม่เคยนึกขอบคุณ ไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณต่อกัน เพราะหลังจากที่ถูกช่วยออกจากห้องนั้น คนที่ขวัญพัฒน์ให้ชื่อเรียกว่ามิสเตอร์ทีก็สร้างนรกแห่งใหม่ขึ้นมา เขมินทรากลัวเขา...กลัวมิสเตอร์ที ได้ยินแค่เสียงก็ทำให้ตัวสั่นเทา ความกลัวที่มีมากกว่าความกลัวต่อชายฉกรรจ์สองคนที่ตายจากไป ความกลัวต่อคนที่เปรียบเหมือนซาตานแห่งนรกขุมที่ลึกที่สุด มิสเตอร์ทีเริ่มบทลงโทษของผู้ไม่ได้รับอนุญาต เขาย่ำยีเขมินทรา ทั้งร่างกายและจิตใจตกอยู่ในน้ำมือของเขา ความร้ายกาจของเขาฝังรากลึกลงสู่ก้นบึ้ง

“ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต่อธนิกแล้วเขมินทรา แต่ถ้าคุณยังไม่หยุดทำเรื่องโง่ๆ ผมจะเป็นคนหยุดคุณเอง”

เขมินทราถูกพันธนาการไว้ในนรกแห่งนั้นโดยไม่เคยได้รับความกระจ่างว่าเรื่องโง่ๆ ที่มิสเตอร์ทีพูดถึงคือเรื่องอะไร เขมินทราอยู่เหมือนตายทั้งเป็นโดยไม่รู้ความผิดของตัวเองหรือแค่เพราะหลงรักธนิก หลงรักคนที่มิสเตอร์ทีบอกว่าเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์คนนั้น เขมินทราถึงได้มีความผิด

ห้ามเข้าใกล้มากเกินไป ห้ามคิดที่จะครอบครองไว้ และห้ามคิดที่จะดับแสงของดวงอาทิตย์

สามข้อห้ามของมิสเตอร์ทีที่เคยบอกกับเขมินทรา ทว่าคนตัวผอมทำไม่ได้แม้แต่ข้อเดียวและเขาเกลียดคนที่ไม่เล่นตามกฎมากที่สุด

นรกของมิสเตอร์ทียาวนานมากกว่าสองวัน แม้จะไม่สร้างบาดแผลทางร่างกายแต่ก็เป็นนรกที่เขมินทราเต็มไปด้วยความอับอาย รอยดูดกัดสีช้ำหลายรอยปรากฎชัดบนผิวขาว การถูกทรมานจากธนิษฐาก็ยังไม่น่าเจ็บใจเท่ากับการที่ร่างกายตกเป็นเครื่องระบายความใคร่ของมิสเตอร์ที ชายฉกรรจ์สองคนนั้นไม่เคยแตะต้องเขมินทรามากเกินกว่าใช้มือสัมผัส ทว่าซาตานในนรกแห่งใหม่ทำให้เขมินทราลืมความกลัวจากมือสองคู่นั้นและเปลี่ยนมากลัวตัวเขาแทน ทั้งมือของเขา แววตาของเขา ริมฝีปากของเขาหรือแม้แต่เสียงของลมหายใจ ก่อให้เกิดความกลัวที่ทำให้สั่นไปทั้งร่าง บางครั้งเมื่อนึกถึงก็ยังเผลอร้องไห้ออกมา

เขมินทราใช้เวลาอยู่นานหลายเดือนกว่าที่จะตั้งหลักได้ ร่างผอมต้องทำตัวให้คุ้นชินเพราะหนีจากนรกนี้ไม่พ้น ต้องเข้มแข็งและมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ถึงแม้จะพยายามฆ่าตัวตายครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตามแต่ไม่เคยทำสำเร็จ เพราะถ้าซาตานไม่อนุญาตให้ตายเขมินทราก็ตายไม่ได้

นรกนั้นมีแต่ความรุ่มร้อน เผาไหม้ตัวตนของเขมินทรา จากวันเป็นเดือนที่เจ้าของร่างกายกลับไม่ใช่ตัวเอง มิสเตอร์ทีเปลี่ยนเขมินทราจากม้าพยศเป็นแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งที่ติดใจในสัมผัสจนบางครั้งก็กระหายอยากอย่างน่าอาย ไม่มีแล้วร่างกายที่เหมือนเดิม มีแต่หัวใจดวงเดิมที่ยังหวังว่าจะได้เห็นแสงจากดวงอาทิตย์ดวงนั้นอีกครั้ง

ดวงอาทิตย์ที่ยังคงทำหน้าที่ของตัวเอง ดวงอาทิตย์ที่ไม่เคยรู้ว่าเขมินทราตกอยู่ใต้เงามืดและออกไปสู่แสงสว่างไม่ได้

“ขอโทษนะขิม วันวาเลนไทน์ปีนี้ไม่ได้ฉลองกับเราเลย พี่ต้องบินไปต่างประเทศด่วนมาก ปฏิเสธไม่ได้ด้วยเพราะแม่บอกว่าทางนั้นมีปัญหา งานทางนั้นยุ่งจนไม่มีเวลาติดต่อเรา ไม่โกรธพี่นะครับ”

ดวงอาทิตย์ที่กลับมาในเช้าที่อากาศแจ่มใส ทำราวกับไม่รู้ว่าที่ผ่านมามีพายุพัดกระหน่ำรุนแรงแค่ไหน

สามเดือนที่หายไป ปล่อยให้ชีวิตของเขมินทรามืดมิดไร้ทางออก

“ไม่โกรธ ใครจะโกรธพี่ธนิกลง ว่าแต่เรียบร้อยนะ ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย”

“เคลียร์เรียบร้อยครับ พี่ไปนานเลย คิดถึงพี่หรือเปล่า”

“คิดถึงสิ คิดถึงมากๆ คิดถึงมากจนเหมือนจะตายให้ได้เลย”

“พี่ก็คิดถึงขิมครับ”

ในตอนที่แสงสว่างกลับมาอีกครั้ง เขมินทราก็เหมือนคนที่ได้ชีวิตกลับมาอีกหน แต่เขมินทราคือคนโง่ คนโง่ที่คิดว่าจะตอบโต้คืนได้ คนโง่ที่คิดเข้าข้างตัวเองว่าที่ธนิกไม่มาในวันนั้นเป็นเพียงเพราะเขามาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากมา ความสัมพันธ์จึงยังดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นเหมือนกับที่นรกของมิสเตอร์ทีก็ยังดำเนินต่อไปเช่นกัน แต่เขมินทราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว นรกของมิสเตอร์ทีเปลี่ยนเขมินทราทีละน้อย จากเด็กน่ารักกลับกลายเป็นโมโหร้าย เขมินทราเริ่มตอบโต้ธนิษฐา ขัดขืนบทลงโทษของมิสเตอร์ที ด้วยเพราะได้ใจว่าดวงอาทิตย์ที่กลับมาจะช่วยแผดเผาคนพวกนั้นได้ นานวันเข้าความดื้อดึงของเขมินทราจึงเริ่มหนักข้อ แต่เพราะเขมินทราไม่ได้ฉลาดมากไปกว่าใคร การแสดงออกโจ่งแจ้งเป็นภัยกับตัว ยังไม่ทันที่จะเรียกร้องทุกอย่างคืนด้วยซ้ำ ยังไม่ทันจะเผาไหม้ศัตรูให้ตายตกไป เขมินทราก็ต้องพบเจอกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด

ผลลัพธ์ที่มาจากการขัดขืนซาตาน

“ขิมไปนอนกับใครมา ตอบคำถามพี่ อย่าเอาแต่เงียบ! ไอ้รูปบ้าๆ พวกนี้นี่มันอะไร แล้วนี่...มีแต่รอยดูด ตรงนี้ก็เพิ่งเอากับมันมาเหรอครับ ถึงได้หลวมขนาดนี้”

ดวงอาทิตย์แผดแสงกล้า แต่ไม่ได้เผาไหม้คนที่เขมินทราต้องการกลับกำลังเผาไหม้ตัวของเขมินทราเอง

“ไม่ใช่นะพี่ธนิก ขิมไม่ได้ทำ”

“น้ำของมันไหลออกมาเปื้อนที่นอน ยังจะบอกว่าไม่ได้ทำเหรอวะ จะบอกว่าพี่เป็นคนทำเหรอขิม พี่จำได้ว่าตั้งแต่พี่กลับมาก็ไม่เคยนอนกับเราเลย แล้วนี่มันอะไร!”

เขมินทราเอาแต่ร้องไห้ ในใจตะโกนข้อแก้ตัวยืดยาวแต่ในความเป็นจริงแล้วกลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว สายตาของธนิกเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาขยับถอยห่าง ไม่ยอมให้เขมินทราสัมผัสตัวเขาได้

“แม่พี่เตือนพี่ ใครๆ ก็บอกพี่ว่าขิมมีคนอื่น แต่พี่ก็ไม่เคยเชื่อ แล้วนี่เหรอสิ่งที่ขิมตอบแทนความเชื่อใจของพี่”

“ขิมไม่ได้ตั้งใจ ขิมขอโทษ ขิมขอโทษนะพี่ธนิก ฮึก...ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้”

“ขนาดไม่ตั้งใจ เขาบนหัวพี่ยังงอกยาวจนจะแทงตัวเองตายได้ แล้วถ้าตั้งใจพี่คงเป็นควายไปแล้วหรือเปล่าขิม”

“ขิมขอโทษ ฮึก...ขอโทษครับ พี่ธนิกยกโทษให้ขิมได้มั้ย ขิมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ขิมรักพี่ธนิก ไม่เคยคิดนอกใจพี่ธนิกเลย”

“พอเถอะขิม พี่ว่าเราจบกันแค่นี้ดีกว่า ไม่อยากให้ระหว่างเรามันแย่ไปมากกว่านี้แล้ว”

แสงสว่างกำลังย้ายออกจากจุดที่เขมินทรายืน ความมืดมิดหนาวเย็นกำลังครอบงำเขมินทราอีกครั้ง

“ไม่นะครับ...พี่ธนิกอย่าเลิกกับขิมนะ ขิมรักพี่ ขิมไม่ได้ตั้งใจ ขิมโดนมันขืนใจ ขิมไม่ได้อยากทำ...ขิมรักพี่ พี่เชื่อขิมนะ อย่าทิ้งขิมเลย”

“คนโดนขืนใจคงไม่ร้องครางลั่นห้องหรอกขิม ขืนใจครั้งแรกแต่สมยอมครั้งต่อไปหรือเปล่า เกือบสองปีเลยนะขิม เกือบสองปีที่พี่กลายเป็นตัวตลก เกือบสองปีที่ขิมโกหกพี่ พี่ต้องเปิดทุกคลิป ทุกรูปที่มีคนส่งมาให้ขิมดูมั้ย ขิมจะได้รู้ว่าขิมมีความสุขกับคนที่ขิมบอกว่ามันขืนใจมากแค่ไหน แม่ป่วยเหรอ ต้องไปทำธุระกับพ่อเหรอ แต่ก็แค่ไปนอนให้มันเอา”

“ไม่ใช่นะพี่ธนิก พี่...ฮึก...พี่เชื่อขิมนะ อย่าทิ้งขิม...อย่าเชื่อคนอื่น เชื่อขิมนะพี่ ฮึก...ไม่เอานะพี่ธนิก อย่าทิ้งกันไป...เชื่อขิมอีกครั้งนะ”

“ให้เชื่ออีกครั้งเหรอวะ พี่เชื่อขิมแล้วพี่ก็โดนหักหลัง พี่ตั้งใจเอาไว้ว่าต่อให้แม่จะไม่ชอบขิม จะคัดค้านเรื่องของเรา พี่ก็จะไม่สนใจ แต่ทำไมขิมถึงทำอย่างนี้กับพี่ บอกตามตรงว่าพี่ผิดหวัง พี่น่าจะเชื่อแม่ตั้งแต่แรก”

“ฮึก…ขิมขอโทษ ขิมผิดเอง พี่ธนิกจะโกรธก็ได้ แต่อย่าทิ้งขิมนะพี่ ขิมไม่เหลือใครแล้ว”

“ครับ...ขิมไม่ผิดหรอก พี่โง่เอง เพราะงั้นพี่ไปก่อนนะขิม จบกันตรงนี้พอ”

แม้เขมินทราจะร้องไห้อ้อนวอน ยอมทำตัวน่าสมเพชกอดขาธนิกไว้ แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะจบความสัมพันธ์ ทั้งที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี ทั้งที่คิดว่าจะมีความสุขด้วยกันในสักวันหนึ่ง สุดท้ายก็ไปไม่รอด เขมินทราคนโง่ถูกเขี่ยทิ้ง ม่านน้ำตาทำให้ภาพแผ่นหลังของธนิกพร่าเบลอ แต่ถ้อยคำนั้นยังชัดเจนอยู่ในใจ เขาเลือกจะไปแล้วและเขาไม่เคยมีความลังเล แม้ว่าเขมินทราจะกรีดข้อมือตัวเองหวังให้เขามาหา มาดูใจก่อนที่จะตายจากกัน ใช้ความเป็นความตายมาขู่เขา แต่เขาก็ไม่มา เขาไม่เหลือเยื่อใยราวกับคนที่ไม่เคยรักกันมาก่อน ในตอนที่เขมินทราขอโอกาส พยายามตามตื้อ บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่าง เปิดเผยบาดแผลที่ถูกทำร้ายและบอกชื่อคนลงมือทำ แต่ก็เท่านั้น เขมินทราเหมือนพูดกับกำแพง เขาไม่ยอมเชื่อคำพูดของเขมินทราอีกต่อไป

“พี่เชื่อขิมได้มั้ย แม่ของพี่ทำร้ายขิม ให้คนมาขืนใจขิม วันวาเลนไทน์วันนั้นที่พี่ไม่มา ขิมเหมือนอยู่ในนรก ฮึก เชื่อขิมนะพี่ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ ขิมขอร้อง”

“ขิม พี่รู้ว่าขิมไม่ชอบแม่พี่ แต่ก็ไม่เห็นต้องว่าร้ายกันขนาดนี้ แย่ว่ะ เราเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ พี่มองคนผิดไปจริงๆ ไปให้พ้นหน้าพี่ก่อนที่พี่จะเกลียดเราไปมากกว่านี้”

เขมินทรากรีดร้องแทบเสียสติ เสียงกรีดร้องเหมือนสัตว์ที่ถูกทรมานดังทั่วบริเวณ ริมฝีปากเล็กได้แต่ตะโกนความจริงให้เขาฟังแต่เขาไม่เชื่อซ้ำยังให้รปภ. ลากเขมินทราออกไปให้พ้นหน้า

ความพ่ายแพ้อยู่กับเขมินทรามาตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้และนรกของมิสเตอร์ทีก็ยังคงดำเนินอยู่ เขมินทราซมซานกลับมาในเงามืดหลังจากที่แสงอาทิตย์แผดเผาจนผิวแสบร้อน

“เป็นเด็กดีตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บแบบนี้หรอกเขมินทรา ถอดเสื้อผ้าแล้วก็อ้าขาให้กว้าง นรกของผมจะทำให้คุณลืมความเจ็บปวดจากธนิกเอง เพราะผมจะมอบความเจ็บปวดที่มากกว่าให้คุณ”

เขมินทราว่าง่ายเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าซานตานแห่งนรก เขาเป็นเหมือนเจ้าชีิวิตของเขมินทราไปเสียแล้ว เขาขีดเส้นให้เขมินทราเดิน คำสั่งของเขาคือสิ่งที่เขมินทราต้องทำตาม หลายปีที่ผ่านมาเป็นอย่างนั้น เขมินทราตกอยู่ในนรกแต่ก็เป็นรกที่ช่วยให้ลืมความเจ็บปวด ในยามที่ถูกสัมผัส ในยามที่ถูกแนบชิด ในหัวของเขมินทราขาวโพลน เขมินทราเกลียดชังซาตานแต่ก็รักใคร่ทุกสัมผัสจากเขา ซาตานที่มอบความทรมานแต่ก็อยู่เคียงข้างเขมินทรามานานหลายปี

ทว่าหลายเดือนมานี้ซาตานของเขมินทราให้ความสนใจกับขวัญพัฒน์ พี่ชายฝาแฝดของเขมินทรา พี่ชายที่ก็เพิ่งรู้ว่ามีตัวตน พี่ชายที่ทำให้หัวใจที่แห้งแล้งอุ่นวาบขึ้นมา เพราะให้ความรู้สึกว่าอย่างน้อย...ก็ยังมีคนที่อาจจะเรียกว่าครอบครัวได้เต็มปากเต็มคำอยู่บนโลกใบนี้

มีตั้งหนึ่งคนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันและพิเศษมากกว่าใครเพราะมีใบหน้าเหมือนกันกับเขมินทราราวกับภาพสะท้อน

“ถามหน่อยได้มั้ย” เขมินทราพูดขึ้นหลังจากที่หวนนึกถึงความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของตัวเองอยู่นาน “ตอนนั้นมึงส่งคลิปกับส่งรูปให้พี่ธนิกทำไม กลัวเขาจะทิ้งทุกอย่างเพื่อกูหรือกลัวกูจะหลุดพ้นจากนรกของมึง”

คนร่างสูงเลิกคิ้วกับคำถาม รั้งเอวบางเข้าบดเบียดแนบชิดยิ่งขึ้นก่อนมุมปากได้รูปจะกระตุกยิ้ม “ผ่านมากี่ปีคุณก็ยังโง่ไม่เปลี่ยน”

“อย่า...” เขมินทราร้องห้ามพลางเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากที่กำลังจะทาบทับลงมา “ตอบคำถามกูก่อน แล้วมึงอยากทำอะไรกูจะไม่ห้าม”

“ปกติก็ห้ามไม่ได้นี่ครับ” คนเหนือกว่าว่าเสียงเรียบ ก่อนจะจับใบหน้าเล็กให้หันมาประจัญหน้ากันแล้วทาบทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบาง เขมินทราเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ยอมให้ทำตามอำเภอใจไปมากกว่านี้แต่สุดท้ายก็แพ้เรียวลิ้นนุ่มที่พยายามดุนดันรอยแยกเข้ามา เผลอคลายกลีบปากจนถูกรุกล้ำเข้ามาได้ กระทั่งถูกดูดชิมความหวานจนสาแก่ใจแล้วริมฝีปากนั้นก็ผละออก “เห็นว่าเป็นเด็กดี ผมจะบอกให้ก็ได้”

เขมินทรามองสบตากับมิสเตอร์ที มือบางยึดเกาะไหล่กว้างของเขาไว้ จูบของเขาทำให้แข้งขาอ่อนแรง ทั้งที่ชิงชัง ทั้งที่เกลียดจนอยากฆ่าให้ตาย แต่รักใคร่สัมผัสจากเขามากกว่า “รีบบอกมา”

“ธนิกไม่ทิ้งทุกอย่างเพื่อคุณหรอกและคุณก็ไปจากผมไม่ได้ด้วย ต่อให้อยากไปก็ไปไม่ได้”

เมื่อได้ยินคำตอบ เขมินทราก็เผลอกัดริมฝีปากล่าง แม้จะผ่านมาแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา “กูเข้าใจถูกใช่ไหมที่ว่าเขาหลอกกูมาตลอดแล้ววันที่เลิกกันก็แค่ตั้งใจเลิก ไม่ใช่เพราะกูนอนกับมึง”

“ผมบอกแค่ว่าเขาไม่ทิ้งทุกอย่างเพื่อคุณ แต่ไม่ใช่เขาไม่รู้สึกอะไร ครั้งหนึ่งเขาเคยให้ใจคุณแต่เพราะคุณหักหลังเขา” มิสเตอร์ทีบอกเสียงเรียบ มือหนารั้งท้ายทอยของเขมินทราเข้าใกล้

“มันก็เพราะมึงไม่ใช่เหรอ เพราะมึงทำให้กูเป็นแบบนี้”

“ครับ เพราะผมเอง”

เขมินทราจ้องลึกเข้าไปในแววตาเย็นชาของมิสเตอร์ทีพลางยกมือขึ้นลูบสันกรามของเขาราวกับคนละเมอ เขมินทราบอกย้ำตัวเองตลอดว่าคนตรงหน้าคือคนที่ไม่ควรรู้สึกดีด้วยเพราะไม่อยากตกอยู่ในนรกไปตลอดกาล ทว่า...

“มึงจะทำยังไงถ้ากูกลับไปหาพี่ธนิกอีกครั้ง จะฆ่ากูมั้ย”

“อยากให้ผมฆ่าคุณเหรอ” เสียงเรียบเอ่ยถาม ก้มใบหน้าลงใกล้แล้วงับริมฝีปากล่างของเขมินทรา “คุณไม่มีสิทธิ์ลงแข่งแล้ว อย่ารื้อฟื้นอะไรขึ้นมาอีก”

“แต่ว่า…"

“มิสเตอร์เคให้โอกาสคุณ ซึ่งผมก็ไม่ขัดเขา เขาคงคิดรอบคอบดีแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะทำอะไรได้ เพราะมันก็แค่โอกาสที่คนอื่นให้ ไม่ใช่โอกาสจากธนิก”

“แล้วทำไมมึงถึงยอมพี่กูจังเลยวะ ทีกับกู...” เขมินทราหยุดคำพูดไว้แค่นั้น รู้สึกอยากกัดลิ้นตัวเองตายขึ้นมา

“ผมไม่ยอมคนโง่”

เขมินทรามองค้อน ยกกำปั้นทุบที่ไหล่คนปากร้ายเบาๆ “มึงต่างหากที่ทำให้กูเป็นคนโง่ ทำให้กูเป็นไอ้ขี้แพ้”

“ผมบอกแล้วนะว่าคุณทำตัวเองทั้งนั้น ที่ชื่อของคุณถูกตัดออกก็เพราะคุณเซ็นยินยอมสละมรดก มันจะเป็นปัญหาทีหลังถ้ายังมีชื่อของคุณอยู่ อย่าคิดไปเองว่าพ่อของคุณไม่รักคุณ แต่อย่างที่ผมบอก คุณทำตัวเอง” มิสเตอร์ทีว่าพลางจูบแก้มเนียนของคนที่กำลังหน้าแดง หูแดงอย่างไม่ทราบสาเหตุ “คุณเปิดช่องให้คนอื่นโจมตีคุณ แต่มิสเตอร์เคไม่เหมือนคุณ ผมจึงปฏิบัติกับเขาในฐานะพันธมิตรที่ผมจะทำตามที่เขาขอทุกอย่าง”

“แล้วกูล่ะเป็นอะไร ทาสของมึงเหรอ”

“ครับ จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ผิด”

“มึงมันเหี้ย!” เขมินทราอดจะตะคอกใส่ไม่ได้ “กูเกลียดมึงจนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว!”

“เกลียดผมจริงเหรอ” มุมปากยกยิ้มพลางใบหน้าที่แสนเย็นชาก้มลงพูดด้วยเสียงแหบพร่า “แต่ตอนอยู่บนเตียง คุณครางชื่อผมไม่หยุดเลยนะ”

“ก็ตอนนั้นมัน...”

“รู้สึกดีเหรอครับ”

“ไม่ใช่!”

เขมินทราอยากข่วนใบหน้าไร้อารมณ์ของคนที่กำลังส่งเสียงหัวเราะในลำคอ แม้ในใจจะยอมรับว่ารู้สึกดีมากแค่ไหน แต่ปากก็พูดออกไปไม่ได้ หลายปีในนรกของมิสเตอร์ทีคือความทรมาน แต่เป็นความทรมานใจที่เขมินทราอยากกัดลิ้นตัวเองตายวันละหลายพันครั้ง เพราะไม่อยากยอมรับว่าสัมผัสจากมิสเตอร์ทีช่วยทำให้ลืมความเจ็บปวดไปได้ ระยะเวลาที่ยาวนานในนรกแห่งนี้ช่วยให้ลืมสองวันกับสัตว์เดรัจฉานนั่นไปจนหมด มีบ้างที่เผลอนึกถึงมือสองคู่นั้น หวาดกลัวแค่กับการที่ใครสักคนยื่นมือเข้ามาใกล้ ทว่ามือของมิสเตอร์ทีก็ลบความกลัวนั้นไป

เขมินทราเกลียดชังมิสเตอร์ที แต่บางครั้งก็รู้สึกหวงพื้นที่ของตัวเองขึ้นมา ความรู้สึกทุรนทุรายนี้เขมินทราแน่ใจว่าไม่ใช่ความรัก คิดว่าอาจจะเป็นแค่ความผูกพันของคนที่มีความสัมพันธ์ทางร่างกายด้วยกันมานาน เขมินทรานอนไม่หลับหากไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา รู้สึกกระวนกระวายหากวันไหนเขาไม่ติดต่อมา มันเป็นความรู้สึกที่เขมินทราต่อต้านอย่างรุนแรงเพราะไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนแต่อยู่ๆ ก็ผุดวาบขึ้นมาในใจ ไม่เคยชัดเจนว่าที่รู้สึกอยู่เป็นแบบไหน จนกระทั่งวันที่รู้ว่าตัวเองมีพี่ชายฝาแฝด วันที่ความสนใจของซาตานเปลี่ยนทิศ

“มึงยอมกูเหมือนที่ยอมพี่กูบ้างไม่ได้เหรอ” เขมินทรายกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบรอบคอหนาพลางส่งสายตาเชิญชวน “กูยอมมึงทุกอย่างแล้วนะ ใจดีกับกูบ้างได้ไหม”

“ผมใจร้ายกับคุณตรงไหนเขมินทรา ผมปล่อยให้คุณหึงหวง ปล่อยให้คุณทำตามใจตัวเองมาหลายเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ” เสียงเรียบตอบกลับ ก่อนมือหนาจะล้วงเข้าสัมผัสผิวกายใต้อาภรณ์เนื้อบาง เขมินทราครางในลำคอ เชิดหน้าขึ้นเมื่อปลายนิ้วเย็นปัดผ่านยอดอกสีเนื้อ

“ใคร....ใครหึง” เสียงของเขมินทราขาดห้วงเพราะสัมผัสที่ทำให้สติกระเจิง “กูไม่ได้...”

“ลูกน้องพ่อเลี้ยงของคุณวุ่นวายกับมิสเตอร์เคไม่หยุด คุณส่งไปป่วนเขาทำไมถ้าไม่ใช่เพราะหึงหวง ทั้งที่ก็รู้ว่าธนิกไม่ใช่ของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่ยุ่งกับคุณในเรื่องนี้ ผมไม่ลงโทษ คุณอยากจะทำอะไรก็ทำไป แบบนี้ยังไม่เรียกว่าใจดีกับคุณอีกเหรอเขมินทรา”

“มึงคิดว่ากูหึงพี่ธนิกงั้นเหรอ” เขมินทราย้อนถาม มองคนเย็นชาที่เหมือนจะฉลาดไปซะทุกเรื่อง แต่กลับมองความรู้สึกของเขมินทราไม่ออก “ใช่...คิดถูกแล้วล่ะ กูหึงเขาจนจะเป็นบ้า หึงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ หวงมากๆ เวลาที่เขาสนใจพี่กูมากกว่ากู”

“เด็ก”

เขมินทราไม่โต้เถียง ยอมรับด้วยซ้ำว่ามีความคิดเหมือนเด็กๆ เด็กที่หึงหวงคนใจร้ายอย่างเขา

เขมินทรารู้เรื่องราวของขวัญพัฒน์เป็นอย่างดีผ่านการแอบดูข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของมิสเตอร์ที เพราะสงสัยว่าสิ่งไหนที่ทำให้เขาหมกมุ่นจนไม่มีเวลาให้ ในเมื่อปกติแล้วเขมินทราจะต้องเจอเขาทุกวัน เขาจะมาหาตอนเย็นและอยู่ด้วยไปจนถึงเช้า แต่เขากลับหายหน้าหายตาไป ไม่ติดต่อมาหาหรือต่อให้มาก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็กลับ เขาไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ไม่เคยบอกอะไรกับเขมินทรา แม้จะตั้งคำถามก็ไม่เคยได้รับคำตอบ เหตุผลที่ห่างเหินไปก็ไม่พูด ที่จริงเขมินทราน่าจะดีใจเสียด้วยซ้ำที่ในที่สุดนรกที่ทำให้ทรมานใจจะจบลง ทว่า...รู้แน่แก่ใจดีว่าไม่ได้ดีใจเลยสักนิด สุดท้ายก็ต้องหาคำตอบเอาเองแล้วก็เจอกับสาเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป

สาเหตุนั้นก็คือขวัญพัฒน์ พี่ชายฝาแฝดของเขมินทรา

“คิดอะไรอยู่” เสียงเรียบถามขึ้น ปลุกเขมินทราให้หลุดจากภวังค์ “มีอะไรให้กังวลเหรอครับ”

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 04-10-2018 19:40:36
เขมินทรากัดริมฝีปากล่าง แต่ครั้งนี้ถูกนิ้วหัวแม่มือของอีกคนสอดมารับแรงกัด เห็นคิ้วเข้มบนใบหน้าเรียบเฉยขมวดมุ่นแล้วก็ออกแรงกัดมากขึ้น ทว่าเจ้าของนิ้วกลับไม่ส่งเสียงร้องหรือดึงนิ้วออก กลับสอดอีกนิ้วเข้ามา ในขณะที่แววตาเย็นชาเปลี่ยนเป็นความกรุ้มกริ่ม “เลียดีกว่าครับ”

“อื้อ...” ริมฝีปากของเขมินทรารับฟังคำสั่งอย่างง่ายดาย ไม่ได้เต็มใจแต่มันเคยชินที่จะทำตามคำพูดของเขาไปเสียแล้ว ปากเล็กดูดงับนิ้วในโพรงปากอย่างยั่วยวนพลางลิ้นเล็กก็โลมเลียไปตามความยาวของนิ้ว เขมินทราหลับตา จินตนาการถึงสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วของเขา สิ่งที่เปลี่ยนเขมินทราให้กลายเป็นคนร่านรัก

เสียงดูดนิ้วดังเบาๆ ยามที่ริมฝีปากเล็กขยับ นิ้วของเขาสอดเข้าออก แววตาเย็นชามองสบตากับคนที่กำลังยั่วยวนพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เขมินทราไม่เหลือความกระดากอาย เปิดเผยความต้องการก่อนจะถอนริมฝีปากออกแล้วมองตาปรอย “อยากแล้ว”

“ไม่ได้ครับ” เขาปฏิเสธอย่างใจร้าย “ผมต้องไปรับมิสเตอร์เคมาที่นี่”

“เหลืออีกตั้งสองชั่วโมง” เขมินทราส่งเสียงกระเง้ากระงอด มือบางขยับเคลื่อนไปตรงกลางกายของร่างสูง รูดซิปกางเกงที่เป็นปราการขีดขวางลงอย่างรีบร้อนพลางเข้ากอบกุมส่วนแข็งขืนที่ซ่อนอยู่ภายใน “ไอ้พี่โง่มันรอได้”

“ไม่อยากรีบไปหาธนิกหรือไงครับ ซี๊ดดด..ด ขิม คุณแม่ง...” คนถูกปลุกเร้าถามเสียงพร่าพลางสูดริมฝีปากเพราะมือของเขมินทรากำลัังรูดรั้งอาวุธร้ายให้พร้อมใช้งาน มือบางขยับอย่างช่ำชองกับของที่ขนาดคุ้นมือ บีบบี้ส่วนหัว ปาดน้ำใสที่ไหลซึมแล้วคลึงเล่น

“อยาก แต่ว่า...” เขมินทราทำหน้าคิดหนักราวกับกำลังลังเลใจที่จะพูดออกมา ต่อสู้กับตัวเองอยู่นานสุดท้ายก็เปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ “ช่างมัน แล้วนี่ถ้าไอ้พี่โง่มันเปลี่ยนตัวกับกู มึงจะทำมันมั้ย...กูหมายถึง บทบาทของเขมินทราต้องตกอยู่ในนรกของมึงนี่”

“อย่าโง่สิครับ อื้มมม...ม อะ...ซี๊ดด ผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นกับมิสเตอร์เค”

เขมินทราหลุดยิ้ม แต่ก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการทำหน้าบึ้งตึง “อืม ดีแล้ว อย่าให้ใครมาทรมานเหมือนกู”

“ครับ” เสียงตอบรับสั่นพร่าเพราะมือบางเพิ่มความเร็วในการรูดรั้ง “อดทนอีกนิดก็แล้วกัน ถ้ามิสเตอร์เคจบเรื่องได้เมื่อไหร่ คุณก็เป็นอิสระเมื่อนั้น”

อิสระ...เขมินทราจะเป็นอิสระจากนรกนี่แล้วอย่างนั้นเหรอ

ดีใจหน่อยสิ...สุขใจกับมันหน่อย

“หมายความว่าไง” เขมินทราถามพลางชะงักข้อมือ

“ผมไม่ได้คิดจะขังคุณไปตลอดนี่ครับ”

“เหรอ”

“วันนี้คุณเป็นอะไรเขมินทรา” เขาตั้งคำถาม ขมวดคิ้วมองเขมินทราด้วยความไม่เข้าใจ “งอแงมากนะครับ”

“ไม่รู้”

เขมินทรารู้ดีว่าคำตอบที่ให้ไปนั้นไม่ถือว่าเป็นคำตอบ แต่เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งๆ ที่วันนี้จะได้มีโอกาสไปหาคนที่รักโดยที่ปกติเข้าใกล้ไม่ได้ ควรดีใจกับโอกาสที่พี่ชายหยิบยื่นให้มากกว่านี้ แต่มันก็เป็นเพียงความดีใจชั่วครู่ตอนที่ได้รู้ว่าขวัญพัฒน์ขอเปลี่ยนตัว ส่วนตอนนี้นั้น...บอกไม่ถูก รู้สึกยังไงก็บอกไม่ถูก

“ผมต้องไปแล้ว” เขาบอก แต่เขมินทราไม่ยอมปล่อย กลับเริ่มขยับข้อมือของตัวเองต่อ “ได้ยินที่ผมพูดไหม”

“ก็ไปสิ”

“ปล่อยของผมก่อนครับ” เขาว่าอย่างใจเย็นพลางหยุดข้อมือบาง “เลอะหมดแล้ว”

เขมินทราเม้มริมฝีปากแน่น แววตาตัดพ้อน้อยใจอย่างไม่รู้ตัว “อีกตั้งสองชั่วโมง รีบเหรอ อยากไปเจอไอ้พี่โง่เร็วขนาดนั้น มึงคิดอะไรกับพี่กูก็บอกมาเถอะ”

“เขมินทรา” เขาเรียกเสียงเข้ม “ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายกับคุณนะ ไม่ว่าผมจะคิดหรือไม่คิดอะไรกับใคร”

“ก็ไม่ได้ขอให้มึงอธิบายอะไรนี่ แค่ว่าถ้ามึงชอบพี่กู กูก็จะช่วย เพราะยังไงพี่ธนิกก็จะกลับมาหากู กูไม่อยากให้ไอ้พี่โง่มันไม่เหลือใคร”

“งั้นผมจะบอกคุณไว้ตรงนี้ว่าผมไม่ได้ชอบมิสเตอร์เค”

“แล้วมึงชอบใคร”

“ผมมีดวงอาทิตย์ของผม”

เขมินทราเหมือนคนที่โดนยิงแสกหน้าหมดลมหายใจลงตรงนั้น ความรู้สึกตอนที่ได้ยินคำตอบก็เป็นแบบนั้นเอง อ่า...นั่นสินะ มีคนในใจอยู่แล้วจริงๆ ด้วย แล้วถ้าเป็นคนนั้นก็ตอบข้อสงสัยของเขมินทราได้จนหมด

“แบบนี้เอง มึงถึงได้เป็นพันธมิตรกับพี่กู”

“ครับ ตามนั้น”

“แล้วทำไมวันนั้นถึงไม่ยิงกูให้ตายไปเลยล่ะ แค่ถากๆ ไม่สมกับเป็นมึง”

คำถามของเขมินทราทำให้มิสเตอร์ทีเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่มีความหวั่นเกรงที่ถูกล่วงรู้ในสีหน้า แววตายังเย็นชาไม่เปลี่ยน “ผมต้องลงโทษนี่ครับ คุณจะได้หลาบจำ ไม่ได้คิดฆ่าให้ตาย”

“แล้วพี่กูล่ะ มึงกะฆ่ามันเหรอ”

“นั่นสินะครับ” คำตอบเล่นลิ้นของมิสเตอร์ทีทำให้เขมินทราเงื้อกำปั้นขึ้นจะทุบอกกว้าง แต่ข้อมือก็ถูกรวบไว้ “แต่เพราะยังอยู่ในข้อตกลง ต่อให้อยากทำผมก็ไม่ทำ ผมเล่นตามกฎของผมเสมอ คนที่สั่งยิงมิสเตอร์เคที่สถานีรถไฟจึงไม่ใช่ผม อีกอย่างคนที่ควรจะโดนยิงอาจจะไม่ใช่มิสเตอร์เคก็ได้ แต่อาจจะเป็นธนิกเองที่เป็นเป้าหมายตั้งแต่แรก เพราะระยะยิงใกล้แบบนั้น ไม่น่าพลาดจุดสำคัญ คนยิงไม่ใช่มือสมัครเล่น ถ้าเล็งมิสเตอร์เคตั้งแต่แรก แค่ที่หัวหรืออกซ้ายนัดเดียวก็จอดแล้ว เพราะอย่างนั้นคนที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากธนิษฐากับแขไข ก็คือคนเริ่มเกมอย่างพ่อของพวกคุณ”

เขมินทราพยักหน้าน้อยๆ ตัวเลือกในใจตอนนี้ตัดธนิษฐาออกไปอย่างไม่ลังเล เพราะเขมินทรารู้จักผู้หญิงจิตวิปริตคนนั้นดี “ก็คงจริงอย่างที่มึงพูด แต่แปลกดีนะพอเป็นกู...มึงยิงกูไม่ลังเล แต่กับพี่กู มึงบอกว่ามึงไม่ทำ”

“อีกนิดนะเขมินทรา อีกนิดผมจะคิดว่าคุณน้อยใจผม”

เขมินทราขึงตามอง ริมฝีปากเม้มแน่น ให้ตายอย่างไรก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าน้อยใจคนที่เกลียดที่สุดในโลกอย่างเขา

“ตอนนี้ปล่อยผมได้แล้วครับ เสียเวลามากแล้ว”

“ทำ...ก่อน ไม่ได้เหรอ” ในที่สุดเขมินทราก็พ่ายแพ้ต่อตัวเอง ใบหน้าเล็กขยับเข้าใกล้ใบหน้าได้รูปคม กลีบปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อย แววตาหวานเชิญชวนอย่างไม่ปิดบัง “จะไม่เจออีกหลายวัน มึงทำกูติดไปแล้ว”

“ใครบอกว่าจะไม่เจอ” มิสเตอร์ทีถามกลับ แววตาที่มองสบกับเขมินทราเปรียบเหมือนเหวลึกที่ฉุดให้คนมองดำดิ่งลงไป “คุณยังอยู่ในนรกของผม ผมไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ หรอก”

“แต่ว่ากูไปอยู่ในบ้านหลังนั้นแล้วจะได้เจอเหรอ...”

ร่างสูงยกมือซ้ายขึ้นดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะรั้งร่างผอมเข้าแนบชิด “งั้นให้ห้านาที ถ้าทำให้ผมพอใจได้ ผมต่อเวลาให้คุณเอง”

ตั้งแต่ตกอยู่ในนรกของมิสเตอร์ที ก็ไม่มีเขมินทราคนเดิม หัวใจอาจจะยังคงมีเจ้าของเดิมแต่ร่างกายเปลี่ยนไป เขมินทราโหยหาสัมผัส เสพติดเซ็กส์ของมิสเตอร์ที ร่างกายรุ่มร้อนแค่เพียงถูกเขามองหรือสัมผัส เขมินทรากลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ เมื่อต้องการอ้อนขอให้เขาเติมเต็ม คำพูดบอกว่าเกลียดเขาแต่ก็ใช้ริมฝีปากสัมผัสเขาแทบทุกส่วนราวกับรักใคร่ ปรนเปรอเขาทุกทางเพื่อหวังให้ห้านาทีกลายเป็นหนึ่งชั่วโมง

เขมินทราไม่เคยชนะและตอนนี้ก็แน่ใจแล้วว่าอยากพ่ายแพ้อยู่ในนรกของมิสเตอร์ทีต่ออย่างไม่ขอให้มีวันจบสิ้น



********************


“ไงไอ้น้องโง่” ขวัญพัฒน์เอ่ยทักเมื่อมาถึงที่นัดหมาย “มึงไหวมั้ยเนี่ย ท่าทางเพลียๆ”

“กูไหว แค่ง่วงนิดหน่อย” เขมินทราตอบกลับ ขยับเปลี่ยนจากการขดตัวนอนเป็นนั่งพิงหลัง ก่อนจะมองหาใครอีกคนที่ควรจะมาด้วย “แล้ว...หมารับใช้ของมึงล่ะ ไม่มาด้วยเหรอ”

“มา แต่รอไปส่งมึงอยู่ข้างล่าง” ขวัญพัฒน์ตอบพลางนั่งลงบนโซฟาอีกตัว “แล้วยังไงไอ้ขิม การเป็นมึงนี่กูต้องทำอะไรบ้าง”

“พิมพ์ใส่โน๊ตไว้ในคอมฯ ให้แล้ว ไปเปิดดูเอง” เขมินทราหาวหวอด ขยับตัวเล็กน้อยพลางบิดกายคลายความเมื่อยขบ “ของกูน่ะไม่ยุ่งยาก เพราะนอกจากอยู่คอนโดฯ แล้วก็แค่ต้องไปมหาลัย กลับบ้านบ้างเดือนละครั้ง เดือนนี้กูก็เพิ่งกลับไปก็ตัดปัญหาข้อนี้ได้ อีกอย่างพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงไปต่างประเทศ กำหนดกลับอีกสามเดือน หายห่วงเลย แต่ของมึงกูต้องไปติดแหง็กอยู่ในบ้านหลังนั้น แล้วก็ต้องลุ้นว่าพี่ธนิกจะเตะกูออกจากบ้านหรือเปล่า เขาต้องรู้ทันทีว่ากูไม่ใช่มึงแล้วก็ต้องบีบคอกูเพื่อถามว่ามึงอยู่ไหนแน่”

“ใช้คำว่าเค้นคอเถอะ พี่นิกไม่โหดกับมึงหรอก อีกอย่างมึงแก้ปัญหาเอาเองละกันเรื่องนี้”

“โยนขี้ให้กูตลอดไอ้สัดพี่” เขมินทราเบ้ปากใส่พลางมองพี่ชายฝาแฝดที่นั่งกางขาอย่างมาดแมนสมชาย ดูไม่ทุกข์ร้อนกับปัญหาที่เขาต้องเจอ

ขวัญพัฒน์เป็นคนแบบไหน เขมินทราก็ตอบไม่ได้ ตอนที่แอบตามมิสเตอร์ทีไปแล้วพบเข้าจนตัดสินใจเข้าไปคุยด้วยก็รู้สึกได้ว่าเป็นคนโง่คนหนึ่งที่ไม่มีพิษภัยต่อใคร หลอกง่ายและอาจถูกจูงจมูกได้ไม่ยาก ท่าทางขวัญพัฒน์หัวอ่อนไม่สู้คน ผิดวิสัยจากเด็กที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย เชื่อแน่ว่าเด็กหนุ่มในละแวกบ้านเช่าของขวัญพัฒน์นั้นติดยาไปเกินครึ่ง เป็นนักเลงหัวไม้ ตั้งกลุ่มแก้งแว๊นรบกวนชาวบ้านอีกหลายคน แต่ขวัญพัฒน์กลับเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่เรียนจบชั้นมัธยมปลายและมีอาชีพขับวินมอเตอร์ไซค์ไปวันๆ ครอบครัวที่รับเลี้ยงขวัญพัฒน์ไม่ได้ร่ำรวย บางครั้งก็อดมื้อกินมื้อ ขวัญพัฒน์อยู่บ้านเช่าหลังเล็กกับน้าวัยสี่สิบกว่าๆ และหมาอีกหนึ่งตัว

ธรรมดา ไม่เด่น ไม่สะดุดตา ไม่มีอะไรเลย คำจำกัดความแรกที่ให้ไว้กับขวัญพัฒน์ซึ่งแตกต่างจากเขมินทราราวฟ้ากับเหว

เขมินทราเคยรู้สึกดีใจตอนที่รู้ว่ามีพี่ชายฝาแฝดแต่พอได้ทำความรู้จักกันแล้วความรู้สึกดีใจก็หายไปแทนที่ด้วยความหงุดหงิดแทน เพราะขวัญพัฒน์เป็นพี่ชายที่พึ่งพาอะไรไม่ได้ ทั้งที่หน้าเหมือนกันแต่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย นิสัยก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในระหว่างที่เขมินทราคิดแก้แค้นและเรียกร้องทุกอย่างที่ควรเป็นของตัวเองคืนมาแต่ขวัญพัฒน์กลับเมินเฉย ไม่โกรธไม่แค้น ไม่หือไม่อือต่อสิ่งใด

ทว่าบางครั้งก็ทำเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้นมา นั่นแหละ...จากที่คิดว่าพึ่งพาไม่ได้ก็ใจชื้น เขมินทราจึงรู้ได้ทันทีว่าคนอย่างขวัญพัฒน์เอาแน่เอานอนไม่ได้ ทำเหมือนไม่คิดอะไรแต่ก็คิดและอาจจะคิดมากกว่าคนอื่น ในขณะที่เขมินทราวิ่งเต้นเป็นเด็กน้อยแต่ขวัญพัฒน์กลับแค่นั่งดูอยู่นิ่งๆ เพราะแบบนั้นล่ะมั้ง...มิสเตอร์ทีถึงละความสนใจจากเขาไปหาขวัญพัฒน์ พักหลังมานี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่ได้อยู่ในสายตา อาจมีเตือนบ้างแต่ก็แค่นั้น...ไม่ได้สนใจเหมือนเมื่อก่อน

อิจฉา...คือความรู้สึกที่เขมินทรามีต่อขวัญพัฒน์

“มึงไปได้แล้วไอ้ขิม มีอะไรไลน์คุยกับกูได้ แต่ไม่ต้องส่งรูปมึงกับพี่นิกมา เข้าใจมั้ย” ขวัญพัฒน์พูดขึ้นพลางลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ “ไป กูเดินไปส่ง”

“เออๆ แต่ถ้ากูจะโดนพี่ธนิกฆ่า มึงต้องไปช่วยกูทันทีนะเว้ย” เขมินทราลุกขึ้นตาม ความเมื่อยขบจากกิจกรรมรักที่เพิ่งทำไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้ากำลังทำพิษเข้าให้แล้ว แค่ยืนขึ้นเขมินทราก็เซถอยหลัง แข้งขาอ่อนแรงแต่เพราะมือของขวัญพัฒน์คว้าไว้ได้ทันจึงไม่ล้มไปเสียก่อน

“มึงไหวแน่นะ” ขวัญพัฒน์ถามย้ำ มองสำรวจใบหน้าน้องชายฝาแฝดก่อนจะพูดขึ้นตามใจคิดอย่างไม่จริงจังว่า “หน้าเพลียอย่างกะเพิ่งไปเอากับใครมา”

“กูจะไปเอากับใครที่ไหนเล่า!!” แต่คนฟังที่มีชนักติดหลังกลับร้อนตัวขึ้นมา เขมินทราเสหน้าหลบเลี่ยงสายตาของพี่ชาย

“นี่มึงไปเอากับใครมาจริงเรอะ” ขวัญพัฒน์ทำตาโต ถือวิสาสะดึงเสื้อยืดที่น้องชายสวมใส่ขึ้นจนเห็นหน้าท้องขาวกับแผ่นอกที่ถูกทำรอย “ไอ้ขิม ใครทำ”

“ไม่ใช่พี่ธนิกละกัน” เขมินทราตอบพลางปัดมือคนพี่ออกจากเสื้อแล้วดึงปิดร่องรอยด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อน่ามอง

“รู้ว่าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เขาเอากับกูอยู่” ขวัญพัฒน์ว่ายียวน เห็นไอ้แฝดน้องทำหน้าบูดบึ้งแล้วก็ยิ่งชอบใจ

“มึงเกทับกูใช่มั้ย”

“เปล่า บอกความจริง แต่เอากูเสร็จก็กลับบริษัทแล้วตอนนี้คงไปรับคุณนิ่มไปกินข้าว ดึกๆ น่าจะกลับนั่นแหละ”

เขมินทราถอนหายใจแรงเมื่อได้ยินคำพูดจากคนที่ดูไม่ทุกข์ร้อน แต่เห็นตาบวมๆ นั่นก็รู้แล้วว่าผ่านการร้องไห้มา “ไอ้สัดพี่ มึงนี่มันเป็นแค่ชู้รัก แค่ที่พักใจจริงๆ”

“แล้วมึงล่ะเป็นอะไร” ขวัญพัฒน์ย้อนถาม “เป็นอะไรสำหรับคนที่เอามึง”

“ทาส” เขมินทราตอบเสียงแผ่ว “แต่กูก็ไม่ได้อยากได้สถานะอะไรจากมัน เพราะกูเกลียดมัน”

“สีหน้าที่บอกว่าเกลียดเหมือนกับสีหน้าตอนบอกว่ายังรักพี่นิกอยู่ว่ะ” แฝดพี่มองแฝดน้องที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนแล้วก็ยื่นมือไปผลักหน้าผากเนียนหนึ่งที “ไปหาคำตอบความรู้สึกเอาเอง มึงไปเจอพี่นิกให้มันชัดเจนไปเลยก็ดี เพราะกูก็ต้องการความชัดเจนเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ไหวให้รีบบอกกู”

“อืม จะบอกมึงคนแรก เพราะที่กูเคยบอกมึงกูไม่ได้โกหกนะ” เขมินทราเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่ชาย “พี่ธนิกใจร้ายจริงๆ กูอาจจะทนไม่ไหวก็ได้”

“ทำเต็มที่ก็พอ รักแล้วก็ไปให้สุดแล้วหยุดที่เจ็บ”

“ดูเหมือนมึงเชี่ยวชาญ”

“อืม” ขวัญพัฒน์รับคำสั้นๆ ก่อนบอก “เพราะขนาดยังไม่หยุดกูยังเจ็บเลย”

“สมน้ำหน้ามึง”

“เดี๋ยวกูเอาตีนฟาดปาก ไปได้แล้ว”

ขวัญพัฒน์เดินนำหน้าเขมินทราออกจากห้อง ก่อนจะลงลิฟต์ไปยังล็อบบี้ของคอนโดฯ ที่มิสเตอร์ทีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์คอยท่า

เขมินทราเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเห็นชายร่างสูงที่มักจะมีสีหน้าเย็นชาอยู่เป็นนิตย์เผยรอยยิ้ม ทั้งที่เวลาอยู่กับเขมินทรากลับเอาแต่ทำหน้าราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ ทว่าพออยู่ต่อหน้าขวัญพัฒน์กลับพูดคุยกันอย่างถูกคอ เขมินทราจึงได้แต่ยืนเป็นส่วนเกินอยู่นอกวงสนทนาเพราะไม่มีเรื่องใดจะหยิบยกไปพูดคุยด้วย

“ยังไงก็ฝากเขมินทราด้วยนะมิสเตอร์ที ส่งเขาถึงบ้านแล้วมาคุยกันหน่อย ผมต้องการความช่วยเหลืออยู่มากทีเดียวเพราะการเป็นคนรวยมันไม่ง่าย” ขวัญพัฒน์เอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต่อบทสนทนากันมานานแล้ว อีกสองคนควรต้องไปสักที

“ได้ครับมิสเตอร์เค ผมทำธุระเสร็จจะแวะมา สักสามทุ่มนะ อยากฝากซื้อของก็ไลน์บอกผม ผมจะซื้อเข้ามาให้”

“งั้นซื้อข้าวมากินกับผมด้วยได้มั้ย ขี้เกียจหาอะไรกินเอง”

“รับบัญญาครับมิสเตอร์เค”

เขมินทราไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเขากำลังทำสีหน้าแบบไหน แต่มันคงแย่มากพอที่พี่ชายฝาแฝดจะทักขึ้นมาว่า “เป็นอะไรตาแดงๆ มึงอย่ามาป๊อดตอนนี้นะเว้ย โตแล้วห้ามงอแง”

“ใครงอแงไอ้สัดพี่ กูแค่ง่วงนอน”

“เออๆ งั้นก็รีบกลับไปพัก ตื่นแล้วจะได้สู้รบกับพี่นิก กูฝากด้วยละกันนะ แล้วก็มิสเตอร์เคอย่าลืมข้าวผม ข้าวมันไก่พิเศษแตงกวาเยอะๆ”

“ครับ เอาร้านที่คุณชอบกินนะ”

“ใช่ครับพี่ ร้านนั้นเลย” ขวัญพัฒน์พยักหน้าก่อนจะขอตัวแยกออกไป ตอนนี้เหลือเพียงมิสเตอร์ทีกับเขมินทราที่ยืนอยู่ด้วยกัน

“ใจดีจังนะ” เขมินทราเอ่ยเสียงแผ่ว “ทีกับกูไม่เห็นมึงทำให้บ้าง มาหากูแค่จะมาเอา”

“แล้วผมต้องทำอย่างอื่นด้วยเหรอครับ” ร่างสูงย้อนถาม “เราไม่ได้มีธุระอย่างอื่นด้วยกันนี่”

รู้อยู่แล้วว่าคนอย่างเขาไม่เคยแยแส รู้อยู่แล้วว่าที่ข้องเกี่ยวกันทุกวันนี้ก็แค่เพราะความสัมพันธ์ทางกาย แต่เขมินทราก็ยังหวัง ความคาดหวังที่ทำให้ทุรนทุรายจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง

“ไปที่รถกันครับ คุณต้องถึงบ้านก่อนหนึ่งทุ่มครึ่ง”

เขมินทราไม่มีแรงโต้เถียง ขาเรียวก้าวตามร่างสูงไปอย่างว่าง่ายจนมาถึงรถเบนซ์คันหรูสีดำเงางามที่ลานจอดรถชั้น G ประตูรถถูกเปิดออกช้าๆ แต่ยังไม่ทันที่เขมินทราจะก้าวขึ้นไปนั่ง ต้นแขนก็ถูกคว้าไว้ ก่อนใบหน้าคมจะเคลื่อนเข้าใกล้แล้วบดจูบลงมา เขมินทราขัดขืน พยายามเบี่ยงหน้าหนีสัมผัสแต่ก็ไม่เป็นผลจึงยืนปล่อยให้อีกฝ่ายจูบทั้งน้ำตา

“น้อยใจผมเหรอเขมินทรา” เสียงแหบพร่ากระซิบถามเมื่อละจากกลีบปากบางแล้วใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย “หรือเป็นอะไร”

“ไม่ต้องมาสนใจ”

“ครับ ได้ตามต้องการ”

มือหนาละจากต้นแขน ร่างสูงทำท่าจะผละออกแต่เป็นเขมินทราเองที่รั้งไว้ “พาไปกินข้าวก่อนได้ไหม”

“ไม่ได้ครับ”

“แต่พี่กูฝากกูไว้กับมึง”

“งั้นก็ตามบัญชา”

เขมินทราปล่อยมือจากชายเสื้อของเขาแล้วเข้าไปนั่งในรถ ส่วนเขาก็ปิดประตูให้แล้วเดินอ้อมมาขึ้นนั่งประจำที่คนขับ

เขมินทราหลับตาลงทันทีที่เขาสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่แล้วก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อมีอะไรเย็นๆ มาแปะที่หน้าผาก พอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเขากำลังให้ความสนใจกับแผ่นเจลบนหน้าผากพลางใช้นิ้วจัดทรงผมหน้าให้เขมินทรา

“ติดไว้ คุณเหมือนมีไข้”

“ห่วงด้วยเหรอ”

คำถามของเขมินทราทำให้เขาเลิกคิ้วน้อยๆ “ถามแปลกนะครับ ก็รู้อยู่แล้วว่าหน้าที่”

“อืม”

“งอแงมากรู้ตัวไหมครับ” เขายกมือลูบแก้มนุ่มเบาๆ

“จะกลับมาหาพี่กูอีกเหรอ” คนงอแงกุมมือที่ลูบอยู่บนแก้ม “แล้วจะอยู่ด้วยจนถึงเช้าเลยมั้ย”

“ถ้ามิสเตอร์เคต้องการผมก็จะอยู่”

“แล้วถ้ากู...ไม่ต้องการให้มึงอยู่ล่ะ”

“ความต้องการของคุณไม่เกี่ยวกับผมเขมินทรา”

เพราะพิษไข้นั่นแหละที่ทำให้รู้สึกแย่แบบนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับคำพูดของอีกคนเลย เขมินทราก็แค่อ่อนแอเวลาที่กำลังป่วย “มึงบอกว่าเป็นผัวกู...แล้วกูไม่เกี่ยวกับเรื่องของมึงเลยเหรอ”

“เป็นผัวแค่ตอนเอาครับ ตอนอื่น...ไม่ใช่”

“อืม เข้าใจแล้ว” เขมินทราบอกพลางขยับเลื่อนมือไปยังซิบกางเกงของร่างสูง ก่อนจะโน้มตัวข้ามกระปุกเกียร์แล้วก้มหน้าลงชิด “งั้นก็เอากูตอนนี้ แล้วก็เลิกพูดคำแย่ๆ กับกูสักที นะครับผัว”

“งั้นก็จัดการสิครับ ให้โอกาสใช้ปากจนกว่าจะถึงร้านข้าว ถ้าทำให้ผมแวะเข้าข้างทางก่อนถึงร้านได้ ถือว่าคุณทำสำเร็จ”

เขมินทราชอบความท้าทาย ยิ่งเป็นความท้าทายจากร่างสูงตรงหน้าด้วยแล้วกลับยิ่งต้องทุ่มเททุกสิ่งที่มีทั้งหมดเพื่อเอาชนะให้ได้ แม้ว่าจะไม่เคยเอาชนะได้สักครั้งก็ตามที

นรกของมิสเตอร์ทีคือนรกแห่งความทรมาน แต่ก็เป็นความทรมานที่เขมินทราไม่ต้องการจะแบ่งปันกับใคร แค่อยากเป็นคนเดียวที่ได้อยู่ในนรกของเขา อยากเป็นคนเดียวที่เขาให้ความสนใจ

.......................To be continue..................

กอดน้องขิมค่ะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-10-2018 19:55:15
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-10-2018 20:11:49
เอ้ะ ทำไมยังคิดว่ามิสเตอร์ทีค่อเพื่อนธนิกอยู่
สงสารขิมโครตตตตต ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนั้น ไม่โอเคเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-10-2018 20:15:50
โอยยยยยย นี่อะไร มนุษย์ดาวอังคารมาจากไหนเยอะแยะ งงไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-10-2018 20:27:45
น้องขิมเจอมาหนักมาก มิสเตอร์ทีไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความรักให้น้องเลยเหรอคะ  :m15:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-10-2018 20:29:59
ทั้้งสองพีน้องเป็นเหยื่อทั้งคู่  ไม่โอเคเลย :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-10-2018 20:43:28
??????
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 04-10-2018 20:45:01
มีแต่คนงงๆๆ55555555 แต่ว่าขออีกตอนค่ะน้องขวัญออกน้อยยยยยยย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 04-10-2018 20:51:38
ธนิกโง่จริงๆ :hao4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-10-2018 20:52:31
เราเริ่มคิดแบบจริงจังแล้วนะว่ามิสเตอร์ทีคือโมเพื่อนของธนิกอะ แล้วถ้ามันใช่ธนิกจะทำยังใงต่อไป  :เฮ้อ:  ส่วนขวัญนอนกับธนิกแล้วเขาออกไปรับว่าที่เจ้าสาวเหรอ เจ็บและทนต่อไปนะน้องนะพี่หมดคำจะเอ่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 04-10-2018 20:56:02
ขิมกลายเป็นเด็กน่าสงสารไปเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 04-10-2018 21:04:21
ขวัญน่าสงสารแล้ว ขิมน่าสงสารกว่าอีก โอ้ยยยยย ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดธนิก บายยยยยย ลำไย หมั่นไ้ส้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 04-10-2018 21:05:53
ขิมแม่ง คือทำไมมีแค่คนทำร้ายน้องวะ คือน้องเป็นคนนะเว้ย ไม่ใช่สิ่งของที่อยากจะทำอะไรก็ได้อ่ะ ทำไมมีแต่คนเหี้ยๆเข้ามาหาขิมวะ รักใครก็มีแต่โดนทำร้ายกลับมา ชีวิตแม่งรันทดสุดๆ เหี้ยกว่านี้มีอีกไหม? 
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: CRP_N ที่ 04-10-2018 21:15:29
สงสารทั้งขวัญทั้งขิม ทำไมต้องมาเจอคนแบบนี้ด้วย!! อยากให้หนีไปอยู่กัน2คนจัง ช่างแม่งผช.เฮงซวยไปเรยรู้กกก!  :angry2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 04-10-2018 21:25:42
โอ้โห ขิมก็ชีวิตดราม่า สตรองมากที่ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ เป็นคนที่ต้องการความรักแต่เหมือนไม่เคยได้มาครอบครองจริงๆซักที ทั้งจากธนิกและจากมิสเตอร์ที (ที่สะพรึงคืออาการหึงหวงฟาดงวงฟาดงาที่ไปลงกับขวัญก็มีสาเหตุมาจากหึง ผช สองคนด้วยนะ555 แต่ดูจะหึงมิสเตอร์ทีมากกว่าธนิก)

มิสเตอร์ทีนี่เป็นคนน่ากลัวอีกแล้ว ชอบธนิก(คงแบบนับถือบูชาใช่มั้ย?) แต่ก็ยังมามีอะไรกับขิมเนี่ยนะ จิตใจยากแท้หยั่งถึงเว่อร์

บุคคลน่าสงสัยยังมีพ่อเพิ่มมาอีกคนเหรอ :hao4: นี่ชั้นหมดความสามารถในการเดาต่อไปแล้วจริงๆ

อยากรู้แล้วธนิกจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อรู้ว่าขิมกับขวัญสลับตัวกัน :hao3:

ปล. เดี๋ยวนี้ไรท์มาถี่จัง รัก :กอด1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-10-2018 21:37:04
อ่านแรกๆก็ยังสงสัยว่ามิสเตอร์ทีเป็นใคร มีบางคนบอกว่าเป็นโมแต่นี่ก็ยังเอะใจไงว่าถ้าเป็นโมขวัญก็ต้องเอะใจตอนได้เจอกันครั้งแรกสิ แต่พอมาตอนนี้เริ่มคิดตามแล้วว่าอาจจะเป็นโมจริงๆ เพราะตอนโมพูดเรื่องขิมกับธนิกดูโมอยากให้ธนิกตัดขิมออกจากใจมากอะ แล้วไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ของขวัญกับธนิกอีก มิสเตอร์ทีรู้ดีทีเดียวนั่นเป็นเพราะธนิกโทรเล่าให้ฟังบ่อยๆใช่มั้ยละ เรื่องมิสเตอร์ทีหลงรักธนิกอีกโมก็มีแต่ธนิกนะไม่ยอมคบใครเพราะรักธนิกใช่เปล่า

ตอนนี้สงสารขิมมากภาพร้ายๆของนางตอนต้นเรื่องหายไปหมดเลย ทำไมชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนั้นด้วย อิคุณธนิกก็พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย อ่อนด๋อยมากอะได้แต่ก้มหน้ายอมรับคำสั่ง มิสเตอร์ทีก็อีกคนมาทำกับขิมแบบนี้ใจร้ายมากนะ อ่านแล้วอยากให้สองพี่น้องนี่เทผู้ชายสองคนนี้มาก ไม่ต้องใส่ใจไม่ต้องสนใจ ให้สองพี่น้องไปรักกันเองยังดีซะกว่าเพราะขวัญเวลาอยู่กับขิมแล้วแมนมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 04-10-2018 22:02:39
ทำไมน้องต้องเจอแค่คนใจร้ายยด้วย อยากให้น้องมีความสุขจริงๆบ้าง :sad4: :sad4: กอดๆโอ๋ๆนะน้องขิมลูกกก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 04-10-2018 22:44:18
สรุปรอบตัวมีแต่คนร้ายกาจ สาเหตุที่ทำให้ขิมเป็นตัวร้ายเพราะธนิกและคนรอบข้าง
ดูไม่ค่อยเป็นธรรมซักเท่าไร เริ่มไม่อยากให้ขวัญคู่ธนิกแล้ว
สุดท้ายอยากให้ 2 พี่น้องอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ปล่อยให้คนโลภทั้งหลายได้รับกรรม ให้พี่ธนิกถูกทิ้งเหมือนสองพี่น้องบ้าง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 04-10-2018 23:28:27
โอ้ยยย สงสารขิมม โดนมาเยอะมากกก
เบื่อธนิกแล้ววว ทำไมเป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้ ไม่ชัดเจนอะไรเลยอ่ะ
ขวัญต้องเจ็บต้องทนไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย ยอมให้คุณธนิกตลอดๆ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-10-2018 23:54:53
เป็นขวัญน่ะดีแล้ว เป็นขิมช่างทรมาน
ขวัญเสียใจเพราะทำตัวเอง
แต่ขิมเสียใจเพราะมีแต่คนอื่นกระทำ
กอดขิม ให้เลิกทาสจากมิสเตอร์ทีได้สักทีนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: Ezi ที่ 05-10-2018 00:07:25
มันคือวังวนอะไรที่น้องต้องเจอ
อยากให้แฝดอยู่ด้วยกัน ดูแลกันและกันนะรู้กกกก

แอบคิดว่ามิสเตอร์ที คือพี่โมรึป่าวววว้าาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 05-10-2018 00:18:37
อ่านแล้วเหนื่อยจัง55555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 05-10-2018 00:41:29
ไอ้น้องโง่  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-10-2018 01:16:12
มิสเตอร์ทีคือโมรึป่าว เพราะดูเหมือนเป็นคนใกล้ตัวของธนิกเลย สงสารขวัญกับขิมมากเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-10-2018 02:53:24
อ้าววววว กลายเป็นขิมที่โชคร้ายที่สุดเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-10-2018 07:12:36
มิสเตอร์ที คือ พี่โม?? แล้วสรุปรักกี่้เส้ากันแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-10-2018 07:28:30
อ่านแล้วรู้สึกสงสารขิง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: pim14 ที่ 05-10-2018 08:38:10
อยากได้มือที่สามมาสอยขวัญไปจากพี่ธนิกจัง คราวนี้แทบไม่ต้องไปล้มงานแต่งหรอกค่ะน้องขวัญ จะรอดูน้ำหน้าคนขัดใจแม่ไม่ได้ คนห่วงน้อง ชริ เชียร์ให้ขวัญหนีไปมีคนใหม่ด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-10-2018 09:17:53
โ่ถน้องขิม​ น่าสงสาร​ แอบเทใจ​ สงสารน้อง​
 ในเรื่อง​ ใครมีความสุขบ้างอ่ะ​ เกมส์​ชีวิตจริงๆ​ ทุกคนต้องอยู่ในเกมส์​
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 20 04/10/2018 Page 18
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 05-10-2018 09:56:05
ยิ่งอ่านยิ่งลึกลับซับซ้อน snufflehp จะกลับมาทวงบัลลังก์ล้าวววววว
ดีใจจจ  :pig4:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 05-10-2018 17:33:18
ตอนที่ 21



11:30 PM

เขมินทรา: มึง พี่ธนิกยังไม่กลับเลย

ขวัญพัฒน์: คงอยู่กับคุณนิ่มล่ะมั้ง

ขวัญพัฒน์: แล้วมึงอยู่คนเดียวได้มั้ย

เขมินทรา: ได้ กูโตแล้ว

ขวัญพัฒน์: เออ ดี แต่ระวังผีหมากูด้วยละกัน กูเอาไอ้หลงฝังไว้ที่สวนหน้าบ้าน

เขมินทรา: ไอ้พี่เหี้ยยยยยย!! ไม่ใช่ว่าเสียงหมาหอนที่กูได้ยินเป็นเสียงหมาของมึงนะ!

ขวัญพัฒน์: ไม่รู้ว่ะ ออกไปดูที่ระเบียงดิ

เขมินทรา: ไปให้โง่เหรอ!

ขวัญพัฒน์: แล้วมึงทำอะไรอยู่ตอนนี้

เขมินทรา: เพิ่งอาบน้ำเสร็จ กูอยู่ห้องนอนที่วอลเปเปอร์เป็นตัวการ์ตูนนะ คืนนี้ขอนอนนี่ละกัน

ขวัญพัฒน์: เออ อยู่นั่นก็ได้ ห้องนั้นพี่นิกทำไว้ให้กู แต่จะไปนอนห้องใหญ่ก็ได้ ปกติกูนอนกับพี่นิกที่นั่น เตียงใหญ่นอนสบาย

เขมินทรา: เขาทำให้มึงเยอะจังวะ ตอนคบกับกูแม่งไม่มีไรเลย ข้าวยังต้องหาแดกเอง

ขวัญพัฒน์: สงสารเด้อ

เขมินทรา: เกลียดมึงไอ้สัดพี่ แล้วมึงล่ะ ทำไรอยู่

ขวัญพัฒน์: กำลังดูเส้นทางไปมหาลัยมึงอะ มิสเตอร์ทีเปิดสตรีทวิวให้ดู แต่พักละ ตอนนี้เขาเล่นคอมฯ มึง ส่วนกูคุยกับมึงนี่ไง

ขวัญพัฒน์: แต่เขารู้เรื่องมึงเยอะมากไอ้ขิม บอกกูด้วยว่ามึงชอบแต่งตัวยังไง ร้านโปรดมึงอยู่ที่ไหน ในมหาลัยมีเพื่อนกี่คน แล้วก็อีกสารพัดที่ไม่มีในโน๊ตที่มึงบอกกูเลยจ้า ถ้ามึงจะพิมพ์แค่ห้าบรรทัดก็ไม่ต้องเสือกบอกว่าให้ข้อมูลไว้ไอ้น้องโง่ ดีนะที่มิสเตอร์ทีมันขี้เสือก สืบเรื่องของมึงมาเยอะพอสมควร เอาจริงถ้าแม่งเป็นศัตรูกูกลัวเลยนะ

เขมินทรา: มึงควรกลัวมันได้แล้วไอ้สัดพี่ ไว้ใจอะไรขนาดนั้นวะ ดึกแล้วนะ ไล่มันกลับไปสิ ไม่กลัวมันฆ่ามึงหมกห้องกูหรือไง

ขวัญพัฒน์: ถ้าคนอย่างมึงไว้ใจได้ คนทั้งโลกก็เป็นคนดีน่ารักน่าคบหาว่ะ

เขมินทรา: มึงไม่กัดกูจะตายมั้ย เฮ้อ

ขวัญพัฒน์: เป็นไรวันนี้ มึงแปลกๆ นะ ปกติต้องด่ากูยาวกว่านี้

เขมินทรา: กูปกติ แค่หมารับใช้ของมึงแม่งทำกูประสาทแดก มึงไม่น่าให้มันมาส่งกูเลย

ขวัญพัฒน์: เหรอ งั้นถามหน่อยไอ้ขิม มึงกับมิสเตอร์ทีมีซัมติงกันใช่มั้ย

เขมินทรา: ...

เขมินทรา: อะไรของมึงไอ้ขวัญ กูกับหมารับใช้ของมึงนี่นะ

ขวัญพัฒน์: เออ กูเห็นมึงจูบกับมิสเตอร์ที หรือว่าที่กูฝากให้ดูมึงวันนั้น มึงจะตกเป็นของมันแล้ว ไหนมิสเตอร์ทีมันรายงานกูว่าแค่พูดคุยทำความเข้าใจกับสั่งสอนเพราะมึงดื้อเล็กน้อย

ขวัญพัฒน์: เฮ้ยยย งั้นรอยบนตัวมึง...

เขมินทรา: ไม่มีอะไรเว้ย มึงมโนไปถึงไหนไอ้พี่เหี้ย กูก็มีคู่นอนของกูมั้ย ขืนรอพี่ธนิกกูแห้งเหี่ยวพอดี อีกอย่างที่เห็นจูบกันมึงแน่ใจได้ไง มึงมองจากตรงไหน

ขวัญพัฒน์: บนห้อง

เขมินทรา: สัด สูงขนาดนั้น สายตามึงดีมากมั้ง

ขวัญพัฒน์: เออ ก็สั้นนิดๆ เอียงหน่อยๆ แต่ไม่มีเงินตัดแว่น ยังพอเห็นทาง หนังสือก็ไม่ต้องอ่านก็เลยโอเค

เขมินทรา: ควายย แล้วก็มาว่ากูจูบกับมัน เสนียด

ขวัญพัฒน์: สรุปกูมั่วเอง มึงไปนอนซะ ดึกขนาดนี้แล้วพี่นิกคงไม่มาละ กูจะไปคุยกับมิสเตอร์ทีต่อ มีไรไลน์มาละกัน

เขมินทรา: อืม รีบๆ ไล่มันกลับด้วยล่ะ

ขวัญพัฒน์: ต้องกลับอยู่แล้วน่า ไม่ต้องหวง เอ้ย! ห่วง





เขมินทรามีพิรุธ ผมไม่อยากจับผิดถ้าหากว่าคนที่จูบกับมันจะไม่ใช่มิสเตอร์ที ที่จริงผมไม่ได้เห็นจากบนห้อง ถ้ามันจะคิดสักนิดว่าลานจอดรถที่มิสเตอร์ทีจอดรถไว้ไม่สามารถมองลงจากห้องที่ผมอยู่ได้เพราะที่จอดมันอยู่ชั้น G ไม่ใช่ลานกลางแจ้งล่ะก็ มันคงไม่หลุดพิรุธมากขนาดนี้

ผมเงยหน้ามองเพดานพลางประมวลผล ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว ไม่ได้อยู่กับมิสเตอร์ทีอย่างที่บอกกับเขมินทรา พันธมิตรของผมกลับไปตั้งแต่ตอนสี่ทุ่มแล้ว ดูรีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะใบหน้าราบเรียบนั้นก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออยู่บ่อยครั้ง ส่วนเขมินทราก็รัวแชทหาผมตั้งแต่ที่มิสเตอร์ทีมาถึง ผมจะคิดว่ามันปกติก็ได้ถ้าไม่ใช่ว่าข้อความของเขมินทรามันแปลกประหลาด จะว่าแปลกอย่างเห็นได้ชัดก็ไม่ใช่แต่ความรู้สึกของผมตอบได้ว่ามันแปลก อีกอย่างคือมันบังคับให้ผมถ่ายรูปส่งไปให้ ถ่ายแค่ผมมันไม่เอาด้วยนะ ต้องให้มีมิสเตอร์ทีอยู่ในรูป พอถามก็บอกว่าเป็นห่วง มิสเตอร์ทีไว้ใจไม่ได้ ผมก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ แต่นั่นแหละมันก็แชทมาเป็นระยะ แม้จะเวิ่นอยู่มากแต่ใจความหลักคือจะถามว่ามิสเตอร์ทีกลับไปหรือยัง

เฮ้อ...ผมชักจะปวดหัวแล้ว ความเสือกนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

ผมนอนหลับตาอยู่พักใหญ่เพราะต้องการให้สมองผ่อนคลายจากการคิดเรื่อยเปื่อย ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือ พอยกขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นข้อความจากคุณธนิก





คุณธนิก: ขวัญ





มาสั้นๆ แบบนี้ใจไม่ดีเท่าไรเลย ผมลังเลใจอยู่ว่าจะตอบกลับดีไหมก็พอดีกับที่เขาส่งรูปมาให้ แต่เพราะรูปดูจากแจ้งเตือนไม่ได้ผมจึงจำใจต้องกดเข้าห้องแชท





คุณธนิก: Send a photo.

คุณธนิก: Send a photo.

คุณธนิก: Send a photo.

คุณธนิก: Send a photo.

คุณธนิก: Send a photo.

คุณธนิก: สนุกมากมั้ย

คุณธนิก: ขึ้นสวรรค์ไปกี่ครั้ง

คุณธนิก: ได้กันไปกี่ท่า

คุณธนิก: ไอ้เหี้ยนี่ใช่มั้ยที่ถ่ายรูปตอนเปลือยให้





ผมนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกดหัวผมลงน้ำ พอจะตะเกียกตะกายขึ้นเพื่อหาอากาศหายใจก็สู้แรงไม่ไหวเพราะรูปที่ถูกแคปมาจากหน้าจอทำเอาแขนผมหมดแรงดื้อๆ





คุณธนิก: รู้ว่าพี่มองขวัญจากกล้องวงจรปิดตลอด แต่ทำไมยังกล้าทำแบบนี้วะ

คุณธนิก: ตอบพี่สิขวัญ





ใช่ครับ...อย่างที่คุณธนิกว่ามา รูปที่เขาส่งมาให้เป็นรูปที่แคปเจอร์มาจากโปรแกรมของกล้องวงจรปิดที่คุณธนิกมักจะดูผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ผมรู้ดีว่ามีกล้องติดอยู่ที่ไหนบ้าง แต่...อีกคนที่เปลี่ยนตัวกับผมไม่รู้ ผมไม่ได้บอกไว้และมันก็ทำงามหน้า เล่นท่ายากใส่กล้องด้วย แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าอีกคน แต่หน้าที่เหมือนกันกับผมก็ชัดเจน บางรูปเห็นชัดแม้กระทั่งสีหน้าที่เสียวแทบขาดใจ

ไอ้ขิมมึ้งงงง!!

ไอ้น้องนรกกกกก!!

ยังไม่ทันจะข้ามวันก็พังไม่เป็นท่า นี่ผมคบอะมีบาสร้างบ้านหรือไงวะ!





คุณธนิก: อ่านแล้วก็ตอบหน่อยได้มั้ย

คุณธนิก: พี่ทำให้เสียใจมากเหรอถึงทำกันแบบนี้

คุณธนิก: ไม่อยากรอแล้วทำไมไม่บอกพี่ตรงๆ

คุณธนิก: ตอบพี่หน่อยขวัญ พี่รอขวัญอธิบายอยู่นะ





ผมควรอธิบายยังไงดี จะบอกว่านั่นไม่ใช่ผมก็เหมือนจะพังแผนรวดเร็วไปหน่อยเพราะถ้าบอกว่าไม่ใช่ก็ต้องตอบคำถามว่าถ้าที่อยู่ที่บ้านไม่ใช่ผมแล้วผมอยู่ที่ไหน ขืนบอกไปว่าเป็นเขมินทราก็ไม่เข้าทางแผนการของผม เพราะจุดประสงค์ในการเปลี่ยนตัวคือให้คุณธนิกเจอกับเขมินทรา แล้วถ้าเขารู้ว่าที่บ้านคือเขมินทรา เขาอาจจะไม่กลับบ้านแล้วออกตามหาผมก็ได้ แต่ถ้าบอกว่าเป็นผมแล้วจะทำยังไงต่อกับคุณธนิก ความสัมพันธ์ที่แย่อยู่แล้วจะแย่ยิ่งกว่าเดิมไหม แผนการล่มงานแต่งของเขาจะยังเป็นไปได้หรือเปล่า

ผมยังออกจากเซฟโซนไม่ข้ามวัน ยังไม่ทันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ต้องมาพังเพราะความเงี่ยนของไอ้แฝดน้องแถมไอ้คนร่วมพังแผนแม่งก็คงจะไม่ใช่ใครอื่น ต่อให้ไม่เห็นหน้าแต่ผมก็มั่นใจว่าไม่ใช่คู่นอนของเขมินทราที่ผมไม่รู้จักแต่เป็นพันธมิตรหน้านิ่งคนนั้น

มิสเตอร์ที!!





00:40 AM

K. : คุณสร้างเรื่องไว้หนักมากมิสเตอร์ที

T. : รู้ตัวแล้วเหรอครับ :)

K. : ไม่ตลก ผมไม่ควรไว้ใจคุณมากเกินไปเลย คุณตัดคะแนนผมจนติดลบ

T. : ไม่อยากเสียคะแนนคุณก็แค่บอกธนิกไปว่านั่นไม่ใช่คุณ แล้วก็กลับเข้าเซฟโซนตามเดิม

K. : คุณก็รู้ว่าผมตั้งใจออกมาทำไม

T. : งั้นคุณก็ต้องเลือกแล้วล่ะครับ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจทั้งหมดหรอก

T. : อ้อ...ผมลืมบอก ธนิกเลิกกับเขมินทราเพราะจับได้ว่านอกใจนะครับมิสเตอร์เค คุณตัดสินใจดีๆ นะ

K. : ผมว่าไม่ใช่จับได้เองแต่คงมีคุณเสี้ยมอีกแน่ๆ ใช่ไหม

T. : น้องคุณฉลาดไม่เท่าคุณเลยจริงๆ

K. : พูดแบบนี้แสดงว่าคุณกับไอ้น้องโง่ของผมกินกันมานานแล้วถูกมั้ย

T. : ตามนั้นครับ แต่คุณไว้ใจผมได้ นอกจากความสัมพันธ์ทางกายแล้วผมกับเขมินทราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน

T. : อย่ากังวลว่าผมจะเป็นนกสองหัว ผมไม่ทรยศคุณตราบเท่าที่เป้าหมายของเรายังเหมือนเดิม

K. : และตราบเท่าที่ยังเป็นศัตรูหัวใจกัน คุณก็จะพังความสัมพันธ์ของผมกับคุณธนิกถูกไหม

T. : เรียกว่ากันให้ออกห่างดีกว่าครับ ใช้คำว่าพังแล้วดูไม่ดี

K. : งั้นผมขอถามอีกข้อ

T. : ครับ?

K. : เลิกยุ่งกับเขมินทราได้มั้ย

T. : ถ้ามันเป็นสิ่งที่คุณขอ ภายใต้ข้อตกลงของเราผมทำให้ได้

K. : งั้นผมขอให้คุณเลิกยุ่ง ถ้าคุณไม่ได้รักก็อย่าทำแบบนี้กับมัน

T. : ตกลงตามนั้นครับ





ผมยกมือขึ้นนวดขมับ มันปวดตุบๆ ขึ้นมาจนต้องหลับตาลงสักพัก อาการน้ำท่วมปากเป็นยังไงก็เพิ่งได้รู้ตอนนี้ ต่อให้ไม่จริงแต่ก็พูดออกไปได้ยาก งั้นในเมื่อเป็นอย่างนี้ผมคงต้องเดินหน้าต่อ ไอ้เรื่องจะพิสูจน์ความชัดเจนอะไรนั่นคงไม่ต้องแล้วในเมื่อแฝดน้องของผมมันโจ่งแจ้งขนาดนี้ นึกเสียใจที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวมันเลย ผมพลาดตรงนี้เอง

ความรู้สึกที่เขมินทรามีต่อคุณธนิกก็อาจจะยังคงอยู่ แต่อาจจะไม่รุนแรงเท่ากับความรู้สึกที่มีต่อใครอีกคน มันเป็นน้องโง่อย่างแท้จริงเพราะตามใครไม่ทัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตกเป็นเครื่องมือของใครบ้าง ตอนนี้นอกจากต้องเคลียร์กับคุณธนิกแล้วผมยังต้องเคลียร์กับเขมินทรา

แม่งเอ้ย! ทำตัวเป็นพนักงานเทศบาลตามล้างตามเช็ดเลย จบเรื่องนี้ผมคงหาอาชีพเสริมได้ไม่ยาก





01:30 AM

ขวัญพัฒน์: ขิม มึงนอนยัง

เขมินทรา: ยัง นอนไม่หลับ มึงมีไร

ขวัญพัฒน์: บอกกูมาตามตรง มึงเอากับมิสเตอร์ทีในบ้านใช่มั้ย

เขมินทรา: พูดอะไรของมึงไอ้ขวัญ นี่มึงยังไม่เลิกจับคู่กูกับหมารับใช้มึงอีกเรอะ มึงกลัวว่ากูจะแย่งพี่ธนิกไปล่ะซี

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: กูฟอร์เวิร์ดมาจากแชทพี่นิก ที่เขายังไม่กลับก็เพราะแบบนี้ ทีนี้มึงบอกกูได้หรือยัง

ขวัญพัฒน์: กูเลือกรูปที่มึงออนท็อปให้เห็นชัดเลยนะ อย่าปฏิเสธ!

เขมินทรา: มึงไปเอารูปมาจากไหน ไอ้เหี้ยนั่นถ่ายคลิปอีกแล้วเหรอ!

ขวัญพัฒน์: ขิม กูลืมบอกว่าในบ้านมีกล้อง พี่นิกเช็กกูจากกล้องตลอด

เขมินทรา: ไอ้สัดพี่!! เรื่องสำคัญทำไมไม่บอกกู

ขวัญพัฒน์: แล้วกูจะรู้มั้ยว่ามึงเอากับมันในบ้าน เรื่องนี้สำคัญมึงก็ไม่บอกกูเหมือนกัน มึงแม่งทำแผนพังหมด จากนี้จะทำยังไงไอ้ขิม บอกกูดิ๊ ทำไมไม่ไปเงี่ยนที่อื่น

เขมินทรา: กูขอโทษ กูแม่ง...กูไม่รู้อะมึง ก็ว่าแล้วทำไมมันถึงจูบกูตั้งแต่รถจอดหน้าบ้าน มันรุกกูแปลกๆ กูน่าจะเอะใจได้ เพราะปกติมันไม่ทำ มันไม่ใช้ปากให้กู สัดพี่กูขอโทษ กูโง่อีกแล้ว

ขวัญพัฒน์: ทำไมไม่ห้ามใจวะไอ้ขิม มึงคิดจะกลับไปหาพี่นิก แต่มึงก็นอนกับคนอื่น ย้อนแย้งปะวะ

เขมินทรา: กูไม่รู้ คือกูยังรักพี่ธนิกนะเว้ย แต่กับมัน...มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ใช่ความรัก กูไม่รู้ว่ารู้สึกแบบไหน กูรู้แค่ว่ากูขาดมันไม่ได้ขวัญ กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

ขวัญพัฒน์: เลิกยุ่งกับมิสเตอร์ทีเถอะไอ้ขิม มึงอยู่แบบนี้แม่งไม่มีอะไรดีเลยนะ

เขมินทรา: กูขาดมันไม่ได้ แค่ไม่เจอมันกูก็กระวนกระวายแล้ว

ขวัญพัฒน์: มึงต้องทำได้แล้วล่ะ มันรับปากกูแล้วว่าจะเลิกยุ่งกับมึง

เขมินทรา: มันยอมง่ายๆ เลยเหรอ

ขวัญพัฒน์: อืม





เขมินทราเงียบหายไปจากแชทเกือบสิบนาที ในขณะที่ผมยังคงนอนมองบทสนทนาบนหน้าจอ แจ้งเตือนจากคุณธนิกยังเด้งขึ้นมาติดๆ กันตั้งแต่เมื่อยี่สิบนาทีก่อนแล้ว แต่ผมยังไม่มีคำตอบดีๆ จะให้เขา เขาโทรมาผมก็ตัดสายทิ้ง เพราะยังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ รู้อยู่แล้วว่าคงทำให้เขาคิดมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้บุกไปที่บ้านหรือยัง แต่ถ้าบุกไปเขมินทราก็ต้องรายงานผมแล้ว เอาจริงๆ แผนการครั้งนี้คิดว่ายังไงคุณธนิกก็มองออกได้ง่ายๆ ว่าคนที่อยู่ที่บ้านไม่ใช่ขวัญพัฒน์ อีกอย่างผมก็ไม่ได้คิดสลับตัวนาน แค่อยากออกจากเซฟโซนมาทำอะไรให้สะดวกบ้าง อย่างน้อยก็สักวันสองวัน ให้คุณธนิกได้มีเวลาพิสูจน์ตัวเองด้วยว่าตกลงแล้วความรู้สึกของเขาชัดเจนต่อผมหรือต่อใครกันแน่

แต่นั่นแหละ...นี่มันผิดแผนเพราะสลับตัวยังไม่ทันข้ามวัน เขมินทรายังไม่ทันได้เป็นบทพิสูจน์ของคุณธนิกเลยด้วยซ้ำ เป็นแบบนี้นอกจากจะไม่ได้รู้อะไรแล้ว คุณธนิกก็อาจจะจบกับผมด้วย

แย่ว่ะ...มิสเตอร์ทีแม่งดัดหลังผมซะได้





เขมินทรา: พี่

ขวัญพัฒน์: ไรวะ

เขมินทรา: กูเจ็บ

ขวัญพัฒน์: อะไรของมึงไอ้ขิม หายไปเป็นชาติแชทมาบอกกูแค่นี้เหรอวะ

เขมินทรา: กูไม่อยากเลิกกับมัน พี่มึงบอกมันทีว่าอยู่กับกูต่อได้มั้ย กูไม่อยากเลิก กูมานั่งคิดดูแล้ว กูทำไม่ได้

ขวัญพัฒน์: ตั้งสติไอ้ขิม มิสเตอร์ทีมันไม่ได้เห็นความสำคัญของมึงเลยนะ

เขมินทรา: กูรู้ แต่กูขาดมันไม่ได้ รักแรกสี่ปีสำหรับกูมันลืมยาก แต่มึงรู้มั้ยว่ากูอยู่กับมันนานกว่านั้น นานกว่าสี่ปีที่กูรักพี่ธนิก พี่มึงบอกมันให้กูหน่อยนะ กูขอร้อง

ขวัญพัฒน์: ไปเอาหัวจุ่มน้ำเย็นๆ แล้วค่อยมาคุยกับกู ไป!

เขมินทรา: บอกมันให้หน่อย มันไม่ตอบแชทกูเลย

ขวัญพัฒน์: มึงนี่เป็นไอ้น้องโง่ของแท้เลยว่ะไอ้ขิม มึงอ่านที่กูพิมพ์ไปบ้างมั้ย! เหี้ยนี่ มันรับปากแล้ว มันไม่เอามึงแล้ว เข้าใจยังว่ามึงไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย มันก็แค่มองมึงเป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น เลิกโง่ได้แล้ว!

เขมินทรา: พี่มึงบอกมันให้หน่อย มารับกูก็ได้ กูไม่อยากเจอพี่ธนิก กูอยากเจอมัน กูโทรหามันก็ไม่รับ กูไม่ไหวแล้วขวัญ ช่วยกูด้วย

ขวัญพัฒน์: ตั้ง!

ขวัญพัฒน์: สติ!





ผมใกล้จะบ้าตายเพราะเขมินทราเต็มทีแล้ว ไม่คิดว่าพอมันหลุดฟอร์มจะคร่ำครวญมากขนาดนี้ ผมจึงต้องโทรไปด่ามันเกือบสองชั่วโมง ในขณะที่มันเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง กว่ามันจะเล่าทุกอย่างให้ฟังน้ำลายผมก็หมดไปเกือบลิตร แต่พอรู้ทุกอย่างแล้วก็ด่ามันไม่ลง ตอนฟังคิดแค่ว่าถ้าได้นั่งอยู่ข้างๆ แล้วกอดมันไว้คงจะดี ตอนที่มันเจ็บหนักเพราะคุณธนิกผมก็คงมีความสุขอยู่กับน้าลีและไอ้หลง ตอนที่มันถูกรุมทำร้ายและตกเป็นเหยื่อของมิสเตอร์ที ผมก็คงหัวเราะสนุกสนานอยู่กับไอ้แนน

ผมรู้สึกแย่...ที่ช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่กับมัน ไม่ได้อยู่กับน้องชายเพียงคนเดียวของผม

แต่เขมินทราไม่เคยเปลี่ยนเลยถ้าฟังจากที่มันเล่า ความรักทำให้มันพังไม่เป็นท่า เมื่อก่อนมันเคยอ้อนวอนคุณธนิกอย่างไร มาตอนนี้มันก็อ้อนวอนมิสเตอร์ทีให้อยู่กับมันอย่างนั้น ทั้งน่าสงสารและน่าสมเพช แต่ผมจะพูดอะไรได้ เพราะหากเป็นผมก็คงจะทำไม่ต่างจากมันนักหรอก





ขวัญพัฒน์: นอนซะ

เขมินทรา: อืม แล้วมึงจะบอกพี่ธนิกมั้ย

ขวัญพัฒน์: ไม่ ยังไงกูกับพี่นิกก็ต้องจบกันสักวัน ช้าหรือเร็วก็ไม่ต่างกันนักหรอก

เขมินทรา: ถ้ามึงไม่บอก มึงคงต่อกับพี่ธนิกไม่ติด มึงก็ได้ฟังที่กูเล่าแล้วนี่ เขาใจแข็งมากนะถ้าได้ตัดแล้วอะ

ขวัญพัฒน์: อืม ช่างเถอะ

เขมินทรา: แล้วงานแต่งล่ะ

ขวัญพัฒน์: ปล่อยแม่งไปดิ จากที่เห็นอยู่กับคุณนิ่มได้ กูว่าพี่นิกก็คงไม่ได้ฝืนใจ

เขมินทรา: แต่อีพี่นิ่มมันร้าย ตอนกูคบกับพี่ธนิก มันส่งคนมาทำร้ายกู แต่ต่อหน้าทำตัวเป็นคนดี กูแม่งบล็อกไลน์มันไปแล้ว ชอบทักมาถามเป็นไงบ้างอย่างนู้นอย่างนี้ โทรหากูข้ามประเทศแค่อยากรู้เรื่องพี่ธนิก รำคาญความตอแหล

ขวัญพัฒน์: ให้พี่นิกได้เรียนรู้เองละกัน ช่วงนี้ทำตัวไม่ดี ไม่ชัดเจน เจออีคุณนิ่มจับทำผัวไปก็ดี ธนิษฐาจะได้ตายตาหลับ

เขมินทรา: มึงพูดเหมือนไม่รักพี่ธนิก กูแม่งยังจี๊ดๆ เลยที่เขาจะแต่งงาน

ขวัญพัฒน์: มึงแค่จี๊ดแต่กูเจ็บจ้า ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยไอ้เหี้ย กูต้องปั้นหน้ายิ้มแรงเบอร์ไหน

เขมินทรา: แต่กูว่านะพี่ธนิกไม่แต่งหรอก ดูจากการรัวแชทมาหามึงแล้ว พี่แม่งง้อมึงชิบหายขนาดเห็นคาตาว่ามึงเอากับคนอื่น แต่ก็ยังให้โอกาสมึงอธิบาย ตอนกูนะพี่แม่งไม่ฟังอะไรกูเลย ให้รปภ. หิ้วปีกกูไปโยนหน้าบริษัทพ่อกูอย่างกับกูเป็นขยะเปียก ไอ้สัด แบบกูเป็นลูกเจ้าของอะ แต่ทำกับกูเหมือนหมูเหมือนหมา

ขวัญพัฒน์: มึงสมควรโดน อีกอย่างก็ไม่มีคนอื่นรู้มั้ยว่ามึงเป็นลูกเจ้าของ มึงทำตัวเองไอ้ขิม ถ้ารักพี่นิกจริงมึงต้องใจแข็ง ก็อย่างพี่นิกว่า ครั้งแรกมึงโดนขืนใจแต่หลังจากนั้นมึงเต็มใจอะ มึงหลงมิสเตอร์ทีจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วยังไม่รู้ตัวอีก

เขมินทรา: กูขอโทษ ตอนนั้นนอกจากมันแล้วไม่มีใครกอดกู ไม่มีใครปลอบกู ต่อให้มันจะร้ายแต่มันคือคนที่อยู่ข้างกู กูไม่คิดถึงไอ้ตัวเหี้ยสองตัวนั่นเลยเพราะมันทำให้กูลืมได้ ขวัญ ตอนนั้นกูก็ไม่รู้จะทำยังไง

ขวัญพัฒน์: อืม ช่างเถอะ มึงผ่านมาได้ก็ดีแล้ว ไม่ตายก็ดีแล้ว ดีแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่มาเจอกู ไม่งั้นกูก็คงไม่รู้หรอกว่ามีน้องโง่ๆ อย่างมึง

เขมินทรา: แล้วมึงจะเอาไงต่อ พี่นิกเห็นภาพบาดตาไปแล้ว

ขวัญพัฒน์: ไม่เอายังไง กูไม่ได้ทำกูรู้แก่ใจ แต่มึงก็เหลือเกิน เอากับมันบนห้องแล้วไปต่อในรถไม่พอ ยังจะเอาที่บ้าน

เขมินทรา: เออ กูผิดเอง แต่ว่านะไอ้ขวัญ เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มึงจะได้รู้ไงว่าพี่ธนิกมันจะเอาไงต่อ

ขวัญพัฒน์: ประเด็นอ่อนไหวของชีวิตคู่เลยนะไอ้สัดดีตรงไหน เป็นกูคือเลิกอะ ไม่รัวแชทรัวคอลขอคำอธิบายงี้หรอก ไม่อยากฟังคำแก้ตัว

เขมินทรา: อืม คงไม่มีใครทำหรอกถ้าไม่เชื่อใจและไม่รักกันจริง งั้นคำตอบของคำถามที่มึงกำลังข้องใจอยู่ในคำพูดมึงแล้วนะ กูไปนอนละ


หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 05-10-2018 17:33:49


ผมจบบทสนทนากับเขมินทราไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะตอบอะไรมันกลับไปดี เหลือบมองนาฬิกาก็เกือบตีสี่แล้ว ข้อความจากคุณธนิกหยุดค้างไว้ที่ตอนตีสามสิบห้านาที ความลังเลใจเกิดขึ้นกับผม หลายครั้งที่พิมพ์คำอธิบายลงไปยืดยาวแต่สุดท้ายก็ลบออกจนหมดและไม่เคยมีข้อความไหนถูกส่งไป

ผมถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เปิดปิดหน้าจอเป็นว่าเล่นเพราะใจหนึ่งอยากทำอีกใจไม่อยากทำ ไม่รู้สิ...ผมรู้สึกว่าการรอคอยเขาที่สถานีรถไฟเงียบๆ อาจมีความสุขมากกว่า เพราะตอนนี้เหมือนผมเดินมาไกลมาก ก้าวเข้ามายืนในวงล้อมของปัญหาอย่างเต็มตัว แค่ปัญหาที่มีผมก็รับมือแทบไม่ไหวแล้ว ไหนจะเพิ่มปัญหาหัวใจเข้ามาให้ได้เหนื่อยยิ่งกว่าเดิม ผมเคยคิดนะว่าเวลารักใครสักคนแบบจริงจัง ตัวผมต้องมีความสุขไปด้วย แต่พอเอาเข้าจริงทำไมถึงทำให้เหนื่อยมากขนาดนี้หรือเป็นผมเองที่ดันทุรังมากเกินไป

ผมควรหยุดแค่นี้ ไม่ต้องอธิบายอะไร ปล่อยเรื่องของผมกับเขาจบลงอย่างเงียบๆ หรือควรทำยังไงต่อ...

ลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจ เสียงสัญญาณรอการรับสายดังขึ้นเมื่อนิ้วของผมกดคอลหาคุณธนิก ทั้งที่ใจจริงก็ยังไม่พร้อมแต่พอถึงเวลาก็ต้องคุย ทว่าเขาไม่รับสาย ผมจึงโทรไปอีกครั้งแต่ผลปรากฎว่าเหมือนเดิม ส่วนสายที่สามที่สี่เขาตัดสายทิ้งโดยไม่ต้องให้ผมได้ลุ้น

โอเค...เขาคงไม่อยากคุยแล้ว

ผมโยนโทรศัพท์มือถือไว้ข้างตัวแล้วข่มตานอน เตียงนอนของเขมินทรานั้นนุ่มสบาย หากเป็นเวลาปกติผมคงหลับลงได้ไม่ยากแต่เวลานี้คงต้องบอกว่าเอาแต่นอนจ้องเพดาน ตาค้างยิ่งกว่าดื่มกาแฟเข้าไปสิบแก้ว

ให้ตายเถอะวะ! แม่ง...ผมโทรไปอีกก็แล้วกัน

คิดได้ดังนั้นก็คว้าโทรศัพท์มือถือลุกออกไปที่ระเบียง ผมกดคอลอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่นานเขาก็กดรับแต่ไม่พูดอะไร ส่วนผมก็ไม่รู้จะทักทายเขาด้วยคำพูดไหน มันอึนๆ มึนๆ ไปหมด ผมจึงต้องนับเลขในใจ สูดหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมา เมื่อพร้อมแล้วจึงทักทายเขา

“สวัสดีครับคุณธนิก” เป็นคำทักทายเบสิคที่สุดและสุภาพมากที่สุดเท่าที่คิดออก คือแทนที่จะเรียกอย่างสนิทสนมหลังจากสร้างเรื่อง ผมขอแบ็คทูเบสิคดีกว่าว่ะ อย่างน้อยก็ให้ความรู้สึกปลอดภัยนิดๆ ขืนเรียกพี่นิกออกไป เขาสวนกลับมาว่าใครพี่มึง ผมไม่ต้องกระโดดระเบียงตายเลยเหรอ

“อืม” เขาตอบรับสั้นๆ

“ทำอะไรอยู่ครับ” ง่อย...เป็นคำถามที่ง่อยมาก

“รอ” เขาตอบสั้นอีกแล้ว

“ไม่ง่วงเหรอครับ” ผมถามอย่างนึกห่วง “จะตีสี่แล้ว เก้าโมงก็ต้องเข้าบริษัทนะครับ จะไหวมั้ย”

“ไม่ไหวได้ด้วยเหรอ” เขาย้อนถาม น้ำเสียงตัดพ้อเล่นเอาผมสะอึก “ถ้าไม่ไหวแล้วพี่ทำอะไรได้บ้าง”

“อยู่ไหนครับตอนนี้” ผมตัดบทถามเพราะไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้ เสียงบริเวณรอบข้างฝั่งทางเขาเงียบสงัด ผมภาวนาให้เขาอยู่ที่คอนโดฯ แต่จากนิสัยของคุณธนิกแล้ว คำภาวนาของผมไม่น่าเป็นจริง

“ในรถ” แล้วก็คาดไม่ผิด “จอดอยู่หน้าบ้าน”

“เข้าไปนอนก่อนครับ พักผ่อนก่อนนะ” เป็นห่วงไม่ไหวแล้วโว้ย! ผมอยากออกไปหาเขาซะเดี๋ยวนี้ แต่ผมไม่ออกไปล่อเป้าให้ใครยิงหัวเล่นตอนตีสี่แน่ เป็นห่วงแต่ก็กลัวตายมากกว่า เพราะฉะนั้น ขอเป็นห่วงอย่างห่างๆ อยู่ตรงนี้นะพี่นิก

“ไม่อยากเข้าไป” น้ำเสียงของคุณธนิกแข็งกร้าวขึ้นมา “ไม่อยากได้กลิ่นผู้ชายคนอื่น ไม่อยากเห็นเตียงที่ขวัญนอนเอากับมัน ไม่อยากอยู่บนเตียงนั้น พี่ไม่อยากเข้าไปในบ้าน!! แม่ง...ทำไมขวัญทำกับพี่อย่างนี้วะ!”

“พี่นิกครับ ใจเย็นก่อนได้มั้ย” เป็นคำขอโง่ๆ ผมรู้ดี และรู้ว่าเขาต้องระเบิดอารมณ์ใส่ผมหลังจากนี้

“ให้พี่ใจเย็นเหรอวะ!” เขาตะคอกมาตามสาย “พี่เจ็บไปหมดแล้วนะเว้ยขวัญ! ขวัญจะให้พี่ใจเย็นยังไงไหว! ขวัญออกมาหาพี่เดี๋ยวนี้ มาคุยกันต่อหน้า พี่สัญญาจะคุยดีๆ ไม่ลงไม้ลงมือกับขวัญ ต่อให้พี่อยากจะบีบคอเราให้ตายคามือพี่ก็ตาม”

เวร...ถ้าผมอยู่ที่บ้านก็คงมุดหัวอยู่ในห้องนอนแล้วล็อกประตูอย่างแน่นหนา

แต่นั่นแหละ...ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่ผมจะบอกเขายังไง นิสัยของคุณธนิกไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนก็จริง แต่เขาจะเย็นได้ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ เป็นผมเองที่จุดไฟ เป็นผมเองที่ทำให้เขารออย่างทรมานอยู่หลายชั่วโมง เป็นผมเองที่เมินแชทเขา ตัดสายเขาและไม่ยอมอธิบายอะไร

ตอนนี้ผมสงสัยว่าผมกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องไหนอยู่กันแน่ ผมลืมไปหรือเปล่านะว่าเคยให้ความสำคัญกับคุณธนิกมาเป็นอันดับแรก

“เงียบทำไมขวัญ! ตอบสิวะ!”

เวรเอ้ย! แล้วผมตอบอะไรได้บ้าง บอกให้เขาบุกเข้าไปในบ้านแล้วบีบคอไอ้น้องโง่ให้ตายไปเลยดีไหม สร้างเรื่องดีนัก

“ขวัญพัฒน์! มึงจะตอบกูมั้ย!”

“พี่นิก” ผมเอ่ยเรียกเขา พยายามทำใจดีสู้เสือ “ผมบอกให้ใจเย็นก่อนไงครับ”

“แล้วกู...”

“ฟังผม” ผมพูดแทรกก่อนที่เขาจะทันพูดจบ “เปิดรูปที่พี่แคปไว้ดูอีกที ดูดีๆ แล้วคิด ก่อนที่พี่จะโวยวายใส่ผม”

คุณธนิกตะคอกกลับมาอีกครั้งด้วยคำหยาบคายที่แทบจะทนฟังไม่ได้แต่ผมตัดบทใส่เขาว่าให้ไปดูอีกที นั่นแหละเขาถึงได้เงียบไป ผมนับเวลารอ คาดเอาไว้ว่าเขาคงดูเสร็จแล้วหรืออาจจะไม่ได้เปิดดูเลยก็ตาม “เป็นไงครับ เห็นอะไรมั้ย”

“เห็น” คำตอบเสียงห้วน “เห็นว่าขวัญมีความสุขกับมัน แม่ง...”

สิ้นคำพูดของเขาผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระทบกัน คาดเดาได้จากสภาวะอารมณ์แล้วน่าจะเป็นมือของเขาต่อยลงไปบนอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นกระจกหรือพวงมาลัยรถ

“พี่นิก พี่นิกครับ พอก่อนนะ คนโง่นี่” ผมร้องห้ามเสียงหลง เมื่อแน่ใจแล้วว่าน่าจะเป็นมือของเขาเพราะเสียงดังพลั่กสุดท้ายกับเสียงสบถดังลั่นมาตามสาย “พี่นิกอย่าทำร้ายตัวเอง ได้ยินที่ผมพูดมั้ย”

“พี่เจ็บ...” เขาว่าเสียงสั่น หัวใจของผมก็สั่นไปด้วย มันสั่นไปด้วยความเจ็บเหมือนน้ำเสียงของเขา “พี่ขอโทษ ถ้าพี่ทำตัวไม่ดีพี่ขอโทษ แต่ขวัญอย่ามีใครได้มั้ย พี่อยู่ไม่ได้ พี่เหมือนจะตายเลยขวัญ ขวัญรอพี่ต่อไม่ได้เหรอ กลับมาเป็นขวัญพัฒน์เด็กดีของพี่ไม่ได้แล้วเหรอ พี่ยอมแล้ว พี่รู้แล้วว่าพี่ปล่อยขวัญไปไม่ได้”

ผมยอมแพ้...ยอมแพ้แล้วครับคุณธนิก

“พี่นิกฟังผมนะ พี่นิกอาจจะโกรธจนมองไม่เห็น แต่คนที่พี่เห็นเขาไม่มีผ้าปิดตาซ้ายไม่ใช่เหรอครับ” ผมพูดช้าๆ ชัดๆ ให้เขาได้ฟัง “จำได้มั้ยว่าเมื่อวานผมโดนกระจกบาด ตอนมีอะไรกันเมื่อบ่ายพี่นิกก็ยังลูบผ้าปิดตาของผมอยู่เลย จำได้มั้ยครับ อย่าร้องไห้นะ มันไม่มีอะไรเลย หยุดต่อยอะไรได้แล้ว มือพี่เจ็บนะครับ พอแล้วนะ”

เขาเงียบ เป็นความเงียบที่น่าวังเวงมาก เงียบจนผมรู้สึกกลัว จนต้องถามออกไปว่า “พี่นิกฟังผมอยู่มั้ยครับ”

“ฟังครับ”

“ทีนี้เข้าใจที่ผมจะบอกมั้ย”

“อืม” เขาขานรับในลำคอ ก่อนจะถามผมว่า “แล้วขิมมาทำอะไรที่บ้านของเรา”

น้ำเสียงสั่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาจับขั้วหัวใจ ผมคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขา ไม่อย่างนั้นเขาบีบคอผมตายจริงๆ แน่

“คือว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อน...” ไม่กล้าบอกอะไรเลย ถ้าจะเล่าก็ไม่รู้จะเล่าจากตรงไหนเพราะผมโกหกเขาไว้หลายเรื่อง เกิดหลุดพูดอย่างที่ไม่ทันได้เตรียมบท ผมคงหลุดหลายๆ เรื่องออกมาตีแผ่ให้เขาฟัง

“พี่ว่าพี่พอจะรู้” น้ำเสียงของเขาเหมือนมีดแหลมคมเฉือนหัวใจของผมและเพิ่มความหวาดกลัวให้ทีละนิด “งั้นไว้ค่อยคุย ไม่อยากโมโหใส่เราไปมากกว่านี้ พี่กลับคอนโดฯ ก่อนละกัน”

“พี่นิกครับ...”

“สำนึกผิดเมื่อไหร่ก็บอก แต่รู้ไว้นะว่าพี่จะไม่ใจดีกับขวัญอีกแล้ว” ถ้าอยู่ตรงหน้ากันตอนนี้ ผมคงได้เห็นแค่ความเย็นชาบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา คุณธนิกที่นานครั้งจะโกรธแต่พอโกรธขึ้นมาก็ปิศาจดีๆ นี่เอง “พี่คงปล่อยเรามากไปจนเราดื้อกับพี่ขนาดนี้ ให้เวลากลับบ้านนะครับ ถ้าพี่กลับจากที่ทำงานแล้วไม่เจอ ขวัญเจอดีแน่ พี่เตือนแค่นี้ครับ สวัสดี”

คุณธนิกตัดสายไปแล้วส่วนผมได้แต่ยิ้มแห้งกับโทรศัพท์มือถือที่ยังคงถือค้างไว้อยู่อย่างนั้น ให้เวลากลับบ้านเหรอวะ...งั้นผมกลับพรุ่งนี้ก็ได้ใช่ไหมหรือยังไง แต่นั่นแหละ แกล้งโง่แค่ไหนก็ยังรู้เลยว่าขืนไม่กลับไปในวันนี้ผมซวยแน่ เขาขู่ขนาดนี้ก็วางดาบพาดคอผมไว้แล้วล่ะ เหลือแต่เงื้อขึ้นบั่นคอเท่านั้น ขืนยังประวิงเวลาก็คงหัวปลิวไปไกลหลายร้อยเมตร

ถามว่ากลัวไหม...กลัวครับ แต่ถ้าถามว่ากลับไหม ผมตอบได้ทันทีว่ายังไม่กลับ เพราะผมยังไม่ได้สวมบทบาทของเขมินทราเลยแม้สักวินาทีเดียว









ผมยังไม่ได้นอนตั้งแต่วางสายจากคุณธนิกและตอนนี้ก็กำลังยืนซื้อกาแฟแก้วละยี่สิบห้าบาทอยู่หน้าคอนโดฯ ของเขมินทรา ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กินด้วยตั้งใจว่าจะเดินไปที่ซุ้มวินพวกพี่แจ้แล้วแวะเซเว่นแถวนั้น วันนี้ตารางชีวิตของเขมินทราไม่มีอะไรมาก นอกจากต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยตอนบ่ายโมงครึ่งแล้ว หลังจากนั้นก็เหมือนจะว่างหายใจทิ้งหายใจขว้าง แต่ต่อให้ไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไร ทว่าการเป็นแฝดน้องไม่ได้ง่าย ปกติมันขับรถหรูไปเรียนหรือไม่อย่างนั้นก็มีลูกน้องของพ่อเลี้ยงขับไปส่ง เรียกได้ว่าบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ผมขับรถไม่เป็นและไม่ต้องการความวุ่นวาย จึงปกปิดใบหน้าด้วยผ้าปิดจมูกแล้วหลบเลี่ยงออกมาเอง จบเรื่องความวุ่นวายแล้วก็ต้องมาหนักใจกับเสื้อผ้า เขมินทราผอมกว่าผมก็ต้องยอมรับเอาตอนที่เอวกางเกงของมันทำให้ผมอึดอัด

แม่ง...รวยก็รวยแต่ไม่มีตังค์ซื้อข้าวกินรึไงวะ ถึงได้ผอมกว่าวินมอเตอร์ไซค์จนๆ อย่างผมเนี่ย!

ระหว่างที่ยืนรอแม่ค้าชงกาแฟ ผมก็ตอบแชทเขมินทราไปด้วย มันฟูมฟายแต่เช้า ร้องแต่จะหามิสเตอร์ที พอผมด่าไปสิบประโยคมันก็หงอยแล้วบอกว่าหิวข้าว ที่ครัวไม่มีอะไรกินเลยนอกจากขนมปังไส้ถั่วแดงกับนม แต่มันไม่ชอบไส้ถั่วแดง เขมินทราแพ้ถั่ว นมวัวก็กินไม่ได้ ชีวิตแม่งยากมากจริงๆ โชคดีแล้วที่มันอยู่ในครอบครัวคนรวย ขืนมาอยู่กับน้าลีคงเป็นภาระที่หนักหนาสำหรับน้ามาก ตอนนี้ก็เป็นภาระของผมด้วยที่ต้องหาข้าวให้มันกิน





ขวัญพัฒน์: พี่นิกค้าบบบ

คุณธนิก: อะไร

ขวัญพัฒน์: ฝากบอกพี่โมหาข้าวให้ขิมหน่อยครับหรือให้คนของพี่นิกไปซื้อให้มันก็ได้

คุณธนิก: แล้วทำไมเราไม่ไปเอง ยังไม่กลับหรือไง

ขวัญพัฒน์: ยังครับ

คุณธนิก: แล้วอยู่ที่ไหน

ขวัญพัฒน์: สักที่นี่แหละครับ แต่ไม่ต้องห่วง ผมปลอดภัยดี พี่นิกเข้าบริษัทแล้วเหรอครับ

คุณธนิก: ยัง

ขวัญพัฒน์: หืม...สายขนาดนี้แล้วนะครับ ว่าแต่อยู่ที่ไหน

คุณธนิก: หันหลังมา





แม่มึงเอ้ยยยย!!

โทรศัพท์มือถือผมแทบร่วงจากมือกับข้อความที่ได้เห็น พอหันหลังไปก็เจอกับรถของคุณธนิกที่จอดเทียบรั้ว ไม่ไกลจากร้านกาแฟที่ผมยืนอยู่ ตัวผมสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาเปิดประตูลงจากรถด้วยสีหน้าที่แทบฆ่าคนตายด้วยมือเปล่า ผมจึงรีบจ่ายเงินแม่ค้า คว้าแก้วกาแฟได้ก็ออกวิ่ง

ครับ...นอกจากเป็นวินมอเตอร์ไซค์แล้วยังต้องมาทดสอบการสับขาประหนึ่งเป็นนักวิ่งทีมชาติ

ผมก็ไม่ได้อยากหนีนะเว้ย แต่ถ้าเขาจับผมได้ผมจบเห่แน่ ดูสีหน้าของเขาก็รู้แล้วว่าบทลงโทษของผมต้องสาหัสแสบสันไปทั้งทรวง

“ขวัญพัฒน์!” เขาตะโกนเสียงดังลั่นไล่หลังมา แต่ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตอนนี้เหมือนปอด หัวใจและเครื่องในจะพร้อมใจขย้อนออกทางปาก เหนื่อยหอบจนปวดชายโครงไปหมด ทว่าต้องทนไว้ ข้ามถนนนี่ไปได้ก็คงสลัดเขาพ้น แต่ใครจะคิดว่าคุณธนิกที่นั่งอยู่แต่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานจะวิ่งได้เร็วยิ่งกว่าผม เขาคงอาศัยช่วงขาที่ยาวกว่าถึงได้วิ่งมาประชิดได้ขนาดนี้ ผมหันหลังมองแว๊บหนึ่งก่อนจะตัดสินใจกระโจนลงไปบนท้องถนนที่วุ่นวาย ได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่น แก้วกาแฟหลุดจากมือเพราะผมตกใจกับรถกระบะที่พุ่งเข้ามาใกล้ วินาทีนั้นคิดว่าคงได้ปลิวไกลไปหลายเมตรจากแรงกระแทก แต่ก็แทบหยุดหายใจเมื่อมือแข็งแรงจับต้นแขนของผมแล้วกระชากกลับ

“เป็นบ้ารึไง!” เสียงตะคอกดังลั่น คงดังยิ่งกว่าเสียงแตรรถกระบะที่ผมได้ยิน ใบหน้าของคุณธนิกเต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง มือที่จับต้นแขนของผมออกแรงบีบจนเจ็บ “จะทำให้โกรธไปถึงไหน”

ไม่...ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาโกรธ คือเขาก็ต้องเข้าใจผมมั้ย คิดว่าหลังจากสร้างเรื่องแล้วผมควรยืนยิ้มหน้าระรื่นเจอเขาเหรอ รอเจอให้เขาฟาดหน้าแหกหรือไง เอ้อ...เข้าใจกันบ้างเถอะครับคุณธนิก

“ตามมานี่”

ผมถูกลากให้เดินตาม ไม่กล้าขัดขืนไม่กล้าพูดอะไร ถ้ารู้ว่าจะถูกเขาตามทันคงไม่วิ่งให้เหนื่อยตั้งแต่แรก นอกจากจะเหนื่อยแล้วตอนนี้ขายังล้าจนแทบไม่อยากเดิน ชุดนักศึกษาของเขมินทราก็น่าอึดอัด ร้อนจนแทบจะเป็นลม

ไม่นานหลังจากที่เดินตามหลังคุณธนิกมาเงียบๆ ผมก็ถูกจับยัดเข้ารถ เสียงปิดประตูดังปึงทำเอาสะดุ้งโหยง ในพื้นที่คับแคบอย่างนี้ผมคงต่อสู้ได้ลำบาก แต่ก็หวังว่าเขาคงจะไม่บีบคอผมอย่างที่ขู่จริงๆ

“เอ่อ...” ผมเงียบอยู่ได้ไม่นานเพราะอึดอัดกับสายตาของคุณธนิกมาก จากที่คิดว่าขึ้นรถมาแล้วจะถูกเขาตะคอกแล้วก็บีบคอแรงๆ กลับไม่ใช่ เขาเงียบแต่ก็มองผม เอาแต่มองโดยไม่พูดอะไร “รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่”

“คิดว่าจะหนีพี่ได้เหรอ ต่อให้ขวัญอยู่ที่ไหนพี่ก็ตามเจอ” เขาพูดขึ้นในที่สุดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “แล้วทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ เปลี่ยนตัวกันทำไม ไว้ใจขิมรึไงหรือมีเรื่องที่พี่ยังไม่รู้อีกกี่เรื่อง”

“แค่ตกลงกันนิดหน่อยครับ” ผมตอบเสียงเบาเพราะเกรงสายตาของเขา “ผมคิดว่าคงดีถ้าขิมกับพี่ได้อยู่ด้วยกัน ได้เจอกัน เผื่อพี่จะให้ความชัดเจนกับผมได้บ้าง”

“พี่บอกเหรอว่าดี แล้วพี่ไม่ชัดเจนกับขวัญตรงไหน”

“ชัดเจนเหรอครับ ทั้งเรื่องคุณนิ่ม ทั้งเรื่องขิม พี่ทำผมหัวปั่นไปหมด เจอขิมก็ไม่บอกผม แถมยังจูบกันอีก แล้วพี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธไม่ใช่เหรอว่าไม่ได้คิดถึง”

“ขวัญ การที่ยังคิดถึงไม่ใช่ว่ายังรัก เรื่องจูบก็เหมือนกัน มันแค่ริมฝีปากสัมผัสแค่ไม่กี่วินาที ขิมวิ่งเข้ามาแล้วพี่ก็ไม่ทันตั้งตัว” คุณธนิกทำหน้าหงุดหงิดใส่ผม แววตาเหมือนอยากฟาดผมแรงๆ แต่เขาก็ไม่ทำ และขอบคุณที่ไม่ทำ ผมยังไม่พร้อมจะเจ็บตัว “พี่คิดถึงขิมในบางครั้งเพราะพี่รู้สึกผิดกับขิม ขิมเจอเรื่องแย่ๆ หลายเรื่องเพราะพี่ พี่ก็เจอเรื่องแย่ๆ มาเหมือนกัน พี่จบทุกอย่างเองและพี่ไม่กลับไป ตอนนี้พี่มีแค่ขวัญ เพราะขวัญที่เป็นขวัญ ไม่ใช่หน้าเหมือนขิม ถ้าเป็นแบบนั้นพี่คงห้ามใจมากกว่าที่จะรัก”

ผมเลิกคิ้วมองคุณธนิก “พี่นิกรักผมเหรอครับ”

“พี่ต้องพูดด้วยเหรอ”

นั่นสิ...มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องพูดกันล่ะ

“เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องพูดก็ได้”

ผมเห็นคุณธนิกถอนหายใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “ให้ดูที่การกระทำก็ไม่ได้อีกใช่ไหม”

“ไปถามคุณนิ่มเถอะครับ”

คุณธนิกยื่นมือมาบีบปากผม ทีแรกคิดว่าเขาจะบีบคอด้วยซ้ำ แม่ง...ใจหายวาบ แต่นั่นแหละ เขาแค่บีบปากผมเบาๆ “อย่าไปยุ่งกับนิ่ม พี่ไม่อยากให้ขวัญมีเรื่องปวดหัวเพิ่ม”

“งั้นพี่ก็เลิกยุ่งกับคุณนิ่มสิครับ”

“คิดว่าพี่อยากยุ่งเหรอขวัญ” เขาย้อนถามเสียงกร้าว “ไหนๆ ก็คุยกับขิมแล้ว ไปถามขิมสิว่าโดนอะไรบ้าง ขิมโดนมาทุกรูปแบบทั้งจากนิ่มและจากคนอื่น แล้วพี่ก็ไม่อยากให้ขวัญโดนแบบนั้น”

“ผมจะคิดจริงๆ แล้วนะว่าพี่นิกก็รักผมเหมือนกัน”

“แล้วทำไมไม่คิด” เหมือนคุณธนิกออกหมัดมาเสยคางผมเข้าอย่างจัง “เป็นคนอื่นพี่ไม่รอฟังคำแก้ตัวหรอกนะถ้าเห็นคาตาว่านอนเอากับใคร แต่พี่เชื่อใจขวัญ ถ้าขวัญทำจริงๆ พี่ก็มีส่วนผิดที่ทำให้ขวัญทำแบบนั้น ขวัญเหนื่อยมากพี่ก็รู้ จะไม่ไหวแล้วพี่ก็รู้ พี่คิดด้วยซ้ำว่าถ้าขวัญมีคนอื่นอาจจะดีก็ได้ แต่พี่เองที่ทรมานจนทนไม่ไหว”

“พี่นิก...พี่ไม่ต้องห่วงผมนะ ผมเก่งขึ้นแล้ว”

คุณธนิกมองสบตากับผม สีหน้าอ่อนล้าของเขาทำให้ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ ก่อนที่เราจะตกอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน

“ใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้...ดูดีเหมือนกันนะ” เขาว่าเสียงเบา “เร้าใจพี่”

“พี่นิกคนหื่น” ผมย่นจมูกใส่เขา รู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง “หายโกรธผมแล้วใช่มั้ย”

“อืม พี่โกรธขวัญได้ไม่นานหรอก”

“แล้วถ้าผมยังไม่กลับบ้านล่ะครับ พี่นิกจะโกรธผมมั้ย”

คุณธนิกชะงักไปเพียงครู่ สีหน้าเขากังวลและไม่เห็นด้วย “ทำไมถึงยังไม่กลับ ข้างนอกนี่อันตรายสำหรับขวัญนะ”

“แต่จะมีใครแยกออกล่ะครับว่าผมคือขวัญพัฒน์ไม่ใช่เขมินทรา”

“อย่างน้อยก็แม่ของพี่และพ่อของขวัญ”

คำตอบของคุณธนิกทำให้ผมพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คุณธนิษฐาดูจะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงซะเหลือเกิน “แต่เขาไม่น่าจะรู้นี่ครับ ผมหมายถึงทั้งสองคน”

“รู้ไหมว่านอกจากพี่ที่คอยดูขวัญจากกล้องแล้ว แม่พี่ก็ดูอยู่ด้วย”

เหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกที่คอ ผมแทบอยากเขย่าตัวคุณธนิกแล้วตะโกนใส่หน้าเขาว่า นี่มันเรื่องอะไรกัน! แล้วมีอะไรที่ยังปิดบังผมอีกบ้าง!

“อ่า…อย่างนี้นี่เอง พี่ขังผมไว้ในบ้านให้แม่พี่สบายใจว่าผมจะไม่นอกเกม ทั้งๆ ที่ผมคิดว่ามันเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดแท้ๆ”

“มันปลอดภัยสำหรับขวัญในตอนนี้ แต่ถ้าในบ้านไม่ใช่ขวัญ แม่พี่จะไม่สบายใจ”

“พี่นิก” ผมเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม “ถ้าวันหนึ่งที่พี่ต้องเลือก ผมจะเป็นคนที่พี่เลือกมั้ย”

คุณธนิกไม่ได้ตอบคำถามของผมในทันที เขาเงียบแล้วเสหน้ามองไปทางอื่นในขณะที่ผมรอคอยคำตอบอย่างไร้ความหวัง ผมไม่กล้าหวังแต่ก็แค่อยากถาม ผมรู้ว่ามันเลือกยาก ชีวิตของเขามีคุณธนิษฐาที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียว เขารักแม่ของเขามาก มากจนหลับหูหลับตามองไม่เห็นความผิด แต่ผมก็ยังหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะยอมลืมตามองความเป็นจริง

“ขวัญรู้แค่ว่าพี่จะไม่ปล่อยมือจากขวัญก็พอ”

คำตอบของเขากำกวม แต่ผมก็พอใจแล้วที่ได้ยิน พอใจแล้วที่คำตอบไม่ใช่ความเงียบ

“พี่ไปส่งที่มหาลัยนะ อยากมีโอกาสขับรถส่งขวัญไปเรียน ส่วนเรื่องกลับบ้าน พี่ยื้อให้ได้แค่สามวันนะครับ”

“ขอบคุณครับพี่นิกที่เข้าใจผม งั้นพาผมเข้าบริษัทก่อนได้มั้ย ผมมีเรียนตั้งบ่ายครึ่ง ขอไปนั่งเล่นที่ห้องทำงานพี่นิกได้มั้ยครับ จะไม่เป็นอะไรใช่ป่าว”

ที่จริงผมว่าจะนัดเจอพี่จอยก่อนไปมหาลัย คิดว่ามื้อกลางวันจะโทรไปหา แต่พอคุณธนิกอยู่ตรงหน้าก็ขอใช้โอกาสหน่อยดีกว่า

“อืม ไม่เป็นไร แม่พี่เดินทางเมื่อเช้า บินไปต่างประเทศกับนิ่ม”

“ความรู้สึกเหมือนเป็นชู้อะ เฮ้อ”

“ทนอีกนิดนะ”

“ล้อเล่นครับ” ผมคลี่ยิ้มให้เขา “ต่อไปนี้ผมจะไม่คิดมากแล้ว ส่วนขิม ฝากพี่นิกดูแลให้ได้มั้ยครับ”

“พี่จะให้โมดูแลให้”

“ไม่เป็นพี่โมไม่ได้เหรอ พี่นิกดูแลขิมให้ไม่ได้เหรอครับ”

“พี่ไม่ว่างครับ เพราะขวัญอยู่ข้างนอกพี่ต้องดูแลขวัญ” เขาบอกเสียงเฉียบพลางสตาร์ทเครื่องยนต์ “จะเป็นเขมินทราก็ได้ แต่ต้องเป็นเขมินทราที่อยู่ในสายตาพี่ตลอด เข้าใจไหม”

เอาเถอะ...เข้าใจก็ได้ อย่างน้อยอยู่ข้างนอกก็หายใจได้สะดวกกว่าอยู่ที่บ้านหลังนั้น


.......TBC.........

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 05-10-2018 18:03:07
วันนี้มาเบาๆ5555555 พอกรุบกริบบบ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-10-2018 18:20:27
โอ้ยยย แผนยังไม่ถึงไหนก็พังไม่เป็นท่าซะแล้ว อิมิสเตอร์ทีมันร้ายจริงๆดัดหลังทั้งพี่ทั้งน้องเลยและเราก็คิดจริงๆว่าว่ามิสเตอร์ทีคือโมเพราะขวัญขอให้ธนิกดูแลแทนไม่อยากให้เป็นโมมาดูแลเพราะกลัวขิมจะหวั่นไหวอีกรึเปล่า ยิ่งอ่านยิ่งเจอแต่คนร้ายๆอิคุณธนิกก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่างทั้งอดีตที่รับรู้ว่าขิมโดนอะไรบ้างแต่ก็ไม่ช่วยอะไร ทั้งปัจจุบันที่ขวัญเจอคือก็รู้แหละว่ารักไม่อยากให้ขวัญโดนแบบขิม แต่คุณธนิกคะช่วยชัดเจนและเข้มแข็งหน่อยได้มั้ยคะโตแล้วนะคะอย่าทำตัวเป็นลูกแหง่ไปหน่อยเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 05-10-2018 18:21:32
ตกลงมิสเตอร์ทีกับโมคือคนเดียวกันหรอ หรือยังไง เอ๊ะ งงๆอะเนอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 05-10-2018 18:29:57
น้อยใจโชคชะตาแทนขิมจริงๆนะ ทำไมเจอแต่เรื่องให้เจ็บเรื่อยๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-10-2018 18:40:14
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-10-2018 18:42:03
ดูๆ แล้วน่าจะจิตไม่ปกติกันทุกคน เว้น ขวัญกับแนน.  :hao4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 05-10-2018 19:53:38
ทำไมอ่านแล้วอินกับความหัวร้อนของธนิกมาก 555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-10-2018 20:38:23
คุณธนิกเป็นพระเอกจริง ๆ หรอ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-10-2018 20:40:15
ตอนแรกสงสัยคนนั้นที่มาจากฝั่งคุณแขไข ที่ชื่อขึ้นต้นด้วย ท แต่ตอนนี้คือสงสัยพี่โม  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-10-2018 20:59:41
วันนี้ไม่ต้องใช้ยาดมกับพาราตอนอ่านจบ เฮ้ออออ ยาวไปค่าาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-10-2018 21:03:03
ขิมก็ลำบาก เจอมาเยอะเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-10-2018 21:05:04
ดีใจที่พี่น้อง 2 แฝดรักกัน :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 05-10-2018 21:07:12
มิสเตอร์ทีคือโมจริงๆสินะ  :เฮ้อ: ทำไมทำกับเพื่อนได้ถึงขนาดนี้ ส่วนพี่นิกก็รู้ในหลายๆเรื่องนะแต่จะไม่รู้เลยเหรอว่าโมทำอะไรลงไปบ้าง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 05-10-2018 21:33:00
เจอขวัญแรกๆนี้ด่าขวัญโง่ตลอดตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าตัวเองโง่กว่า สงสารขิมนะที่ต้องมาโดนคนอื่นกระทำแบบนี้ให้ขวัญจัดการให้หมดเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 05-10-2018 21:34:00
ทั้งเรื่อง ตัวร้ายหมด ยกเว้น ขิม กะ ขวัญ ที่เหลือรวบแล้วเผาซะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 05-10-2018 21:54:58
ถ้ามิสเตอร์ทีคือโม เมื่อก่อนเราคงสงสารคุณธนิกแต่ตอนนี้สมเพชมากกว่า ขิมน่าสงสารนะ คนที่อยากถุกรักที่แท้จริงเลยมั้ยคนนี้ อาจจะดูทำอะไรโง่ๆแต่ใครๆก้โง่เรื่องความรักกันทั้งนั้นแหละ เนี่ย ไบแอส5555555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-10-2018 22:12:18
เอ็นดูขิมเด็กโง่
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 05-10-2018 22:39:50
สงสัยว่าทำไมคุณธนิกถึงพึ่งบอกเลิกขิม
ทั้งๆที่Mr.Tส่งคลิปมาให้ตั้งเกือบ2ปี หรือว่าMr.Tส่งย้อนหลัง?
กับตงิดๆที่คุณธนิกพึ่งทักขวัญมาตอนเกือบเที่ยงคืน
ทั้งๆที่ขิมกับMr.Tมีอะไรกันที่บ้านตั้งแต่ตอนไปส่งขิม

อะไรหลายอย่างทำให้คิดว่าMr.Tคือพี่โม
แต่ถ้าเป็นพี่โมจริงๆ มันก็มีบางอย่างที่แปลกๆ ขัดกันอยู่  :m28:
แล้วก็เริ่มคิดว่าคุณธนิกคนกากที่รู้จักผ่านขวัญเนี่ยอาจจะร้ายตัวพ่อก็ได้

สงสารขิมตอนบอกคุณธนิกว่าตัวเองโดนข่มขืน
แต่คุณธนิกดันไม่สนใจเลย ถึงครั้งต่อๆมาจะยินยอม
แต่งยังไงขิมก็เคยโดนข่มขืนอยู่ดี
ไม่แปลกใจที่ขิมติดMr.T เพราะในช่วงที่เลวร้ายมีแต่Mr.Tที่อยู่กับขิม

บอกตัวเองว่าอย่าเดาอะไรเยอะ อะไรก็เกิดขึ้นได้
แต่มันอดไม่ไหวจริงๆค่ะ ทีนี้เลยต้องมานั่งเครียด แง   :katai1:
ขอโทษที่ยาวนะคะ เม้นรวมสามตอนเลย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 05-10-2018 22:47:01
ขิมมมมม สงสารน้องงงง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 05-10-2018 23:35:35
ไม่รู้จะเม้นอะไรในความหน่วงนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 06-10-2018 00:31:11
หน่วงเบาๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 06-10-2018 00:56:15
น้องขิมลูก​ น้องขวัญ​นี่จะเปลี่ยนนิกให้เข้มแข็ง​ต่อสู้กะแม่ปกป้องคนที่รักได้มั้ย​
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 06-10-2018 11:01:10
อิพี่นิก อิคนโง่ ฮือออออออออออออออออ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: Bambooyamy ที่ 06-10-2018 16:00:05
รู้สึกเหือนตัวเองเป็นไบโพล่า  แต่เรื่องนี้จะจบยังไงไม่เห็นแสงเลยเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 21 05/10/2018 Page 19
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 06-10-2018 16:36:36
หน่วงงงงงง  :ling1:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 06-10-2018 16:54:28
ตอนที่ 22



“น้องขวัญญญญญ หายหน้าหายตาไปเลยนะลูกกก พี่จอยต้องซ้อนท้ายไอ้แจ้จนจะเป็นเมียมันอยู่แล้ว คิดถึงเบาะรถเวฟของหนู ฟีโน่ของไอ้แจ้นั่งไม่สบาย หน้าตามันก็ไม่เจริญหูเจริญตา ตัวก็ไม่หอมเหมือนน้องขวัญ” พี่จอยแทบจะกระโดดเข้ากอดเมื่อเจอหน้าผม แต่ผมยกมือขึ้นห้ามไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงจมอกแบนๆ ของเจ้แกไปแล้ว “โอ๊ยย ดีใจที่ได้เจอกันอีก คิดถึงมาก ไม่ติดต่อพี่มาเลยเนี่ย”

ตอนนี้ผมอยู่กับพี่จอยในห้องทำงานของคุณธนิก ส่วนเจ้าของห้องไปประชุมกับฝ่ายการตลาด ก่อนไปก็โทรเรียกพี่จอยขึ้นมาพบตามที่ผมขอ ผมอ้างว่าไม่ได้เจอพี่จอยนานแล้ว อยากเจอมากๆ คุณเขาก็ตามใจ

“พี่จอยใจเย็นๆ ก่อนครับ ผมก็คิดถึง วันนี้เลยมาหาถึงที่ มาให้พี่จอยเลี้ยงข้าวกลางวันด้วย”

“เต็มใจเลยค่าาา จะกินอะไรบอกพี่ หมูเห็ดเป็ดไก่ พี่จัดให้ได้ลูก” ไม่เจอกันหลายเดือนพี่จอยก็ยังเป็นแม่บุญทุ่มไม่เปลี่ยนและยังพูดไม่หยุด พูดจนผมพูดด้วยไม่ทัน “แต่น้องขวัญน่ารักขึ้นนะเนี่ย คุณธนิกดูแลเราดีมากใช่มั้ย”

“ก็ดีครับ” ผมตอบยิ้มๆ ส่วนพี่จอยก็ยิ้มตอบกลับมา

พี่จอยอาจจะไม่แก่พอจะเป็นแม่ของผมแถมยังเป็นหญิงโสดเสียด้วยซ้ำแต่พี่จอยมีเป็นความเป็นแม่สูงมาก ตั้งแต่ที่ขับวินรับส่งกันแล้วนั่นแหละที่พี่จอยเอ็นดูผมมาตลอด ยังจำสมัยที่ฟังพี่จอยโม้เรื่องของคุณธนิกให้ฟังได้อยู่เลย ตอนนั้นมีความสุขกันมากๆ ทุกวันจะต้องมีเรื่องเล่าของคุณธนิก บางทีก็มาเป็นรูป มาเป็นคลิปให้ผมได้ฟิน นอกจากเรื่องความรักที่คอยให้คำปรึกษาแล้ว บางทีก็พาไปเลี้ยงข้าว ถามผมทุกครั้งว่าขาดเหลืออะไรมั้ย ลำบากอะไรหรือเปล่า ค่าเช่าบ้านพอจ่ายมั้ย สำหรับผมแล้วคนรอบข้างผมเมื่อก่อนมีแต่คนที่คอยให้ความช่วยเหลือ แม้แต่พี่แจ้หัวหน้าวินเองก็เป็นที่ปรึกษาที่ดี

“คิดถึงพี่มากจริงๆ นะครับ คิดถึงทุกอย่าง พวกพี่แจ้ ไอ้แนน คิดถึงช่วงเวลาเมื่อก่อน” ผมบอกกับพี่จอย เสียงสั่นเพราะแทบคุมอารมณ์ไม่ไหว “ร้านส้มตำท้ายซอยที่ไปกินด้วยกัน ร้านอาหารตามสั่งที่พี่จอยชอบให้ซื้อข้าวมาส่งตอนเที่ยง คิดถึงทั้งหมด”

“น้องขวัญลูก เป็นอะไรไปคะ” มือของพี่จอยลูบไหล่ผมเบาๆ แค่เท่านั้นเองที่น้ำตาของผมไหลลงมา “ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะ”

“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้อยากร้องไห้”

ผมขอโทษที่พักหลังมานี้ผมร้องไห้มากกว่ายิ้ม ขวัญพัฒน์คนยิ้มเก่งเหมือนจะเลือนหายไปตามกาลเวลา

“น้องขวัญ การร้องไห้ไม่ใช่ความผิดนะลูก” พี่จอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม มือของพี่จอยย้ายมาลูบศีรษะของผม “พี่ไม่รู้ว่าเราไปเจออะไรมา แต่ว่าเข้มแข็งนะคะ ไม่ไหวก็แค่กลับมาอยู่ที่เดิมหรือถ้ากลับมาไม่ได้แล้วก็เดินหน้าต่อ อย่าหยุดอยู่ในที่ที่ไม่มีความสุข”

“กำลังพยายามอยู่ครับ”

“ดีจ้ะ ไม่มีใครก็อย่าลืมพี่จอยนะ ไม่ต้องห่วงว่าจะรบกวนพี่ พี่เป็นสาวโสดไม่มีลูกไม่มีผัว ไม่มีภาระนอกจากมีแมวหนึ่งตัวกับคุณแม่วัยเจ็ดสิบปี เงินเหลือใช้มาก”

“ฮ่าๆ ๆ”

“ยิ้มแล้วนะคะ ว่าแต่มาวันนี้ไม่ใช่แค่คิดถึงพี่ใช่มั้ย”

“ครับ” ผมยอมรับ สบตามองผู้หญิงที่อายุมากกว่าด้วยความจริงใจ “ที่จริงผมมีเรื่องอยากจะถามพี่จอย”

ไม่อยากอ้อมค้อมรอจนถึงมื้อเที่ยง ผมอยากคุยธุระกับพี่จอยให้เสร็จก่อนเพราะยังอยากกินข้าวกลางวันอย่างสบายใจ

“เรื่องอะไรเหรอลูก” พี่จอยถามพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ แล้วมองหน้าผมอย่างรอคอย

“ขวัญข้าว” ผมว่าแล้วสังเกตเห็นสีหน้าของพี่จอยเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วที่ถูกเขียนขึ้นอย่างดีเลิกขึ้น “พี่จอยรู้จักผู้หญิงที่ชื่อขวัญข้าวมั้ยครับ ผมรู้มาว่าเธอเคยทำงานที่นี่ เคยเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีเลยคิดว่าพี่จอยน่าจะรู้จัก”

“น้องขวัญถามถึงทำไมคะ” พี่จอยมองหน้าผม แววตาครุ่นคิด “ไม่น่าจะเคยเจอกันและไม่น่าจะรู้จักกันด้วย”

ก็จริงอย่างที่พี่จอยว่า วงโคจรของผมที่ผ่านมาไม่ได้เฉียดใกล้คนที่ชื่อขวัญข้าวเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่ขวัญข้าวยังทำงานที่นี่ผมก็คงยังไม่ได้เป็นตัวเป็นตนอยู่บนโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความบังเอิญที่ผมจะขับวินมาส่งเธอแน่นอน นั่นแหละถึงทำให้พี่จอยมองผมด้วยความสงสัย

“ผมก็ไม่ได้อยากจะบอกอย่างนี้เพราะมันดูไม่น่าเชื่อไปหน่อย แต่ผมเป็นลูกชายของคุณขวัญข้าวครับ” นอกจากบอกความจริงแล้วผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร “ผมแค่อยากรู้เรื่องของแม่”

พี่จอยมีสีหน้าตกใจ ตกใจมากแบบที่ถ้าตาถลนออกจากเบ้าได้ก็คงหลุดออกมาแล้ว ใช้เวลาเกือบห้านาทีกว่าที่พี่จอยจะกลับมาตั้งหลักได้ นับครั้งที่สามที่พี่จอยอ้าปากพูดแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา ผมจึงรอคอยอย่างใจเย็น จิบน้ำแดงโซดาที่เลขาฯ หน้าห้องคุณธนิกเอามาเสิร์ฟให้ไปพลางๆ

“บอกตามตรงเลยนะคะว่าพี่ตกใจ เหมือนเรื่องเหลือเชื่อ แต่ขวัญก็เหมือนพี่ขวัญข้าวจริงๆ”

“ผมไม่รู้ว่าเหมือนจริงมั้ย เพราะไม่เคยเห็นหน้าคุณขวัญข้าวเลย”

“ที่ตากับปากมั้ง” พี่จอยบอกพลางพิจารณาใบหน้าของผม “ตาสวยเหมือนกัน พี่ขวัญข้าวตาคมมาก เวลามีความสุขมากๆ จะยิ้มจนตาหยีเหมือนน้องขวัญเลยลูก”

“อ่า...ครับ” ผมนึกไม่ออกหรอก เพราะผมไม่เคยเห็นแม่ แต่พี่จอยที่กำลังรำลึกความหลังด้วยสีหน้ายิ้มแย้มคงเห็นภาพของแม่ชัดเจน “พี่จอยเล่าให้ฟังหน่อยสิครับ เรื่องของคุณขวัญข้าวน่ะ”

ผมมีเรื่องที่ลังเลอยู่มากจึงต้องจัดการตัดปัญหาออกทีละเรื่อง แต่เพราะลังเลจึงต้องหาเหตุผลมาประกอบการตัดสินใจ ผมอยากรู้เรื่องของเขมินทรา อยากรู้เรื่องของแม่ อยากรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นี้ถูกต้องมากแค่ไหน

ผมยังอยากให้คุณธนิกได้ทุกสิ่งที่เขาหวังแต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือผมอยากให้เขมินทรามีความสุข ผมคงอินกับบทของพี่ชายไปแล้ว แต่นั่นแหละ...มันจะผิดอะไรถ้าผมอยากให้น้องชายเพียงคนเดียวมีความสุขเหมือนอย่างคนอื่นๆ บ้าง

“น้องขวัญอยากรู้อะไรบ้างลูก เพราะถ้าให้พี่เล่า พี่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง พี่รู้จักพี่ขวัญข้าวตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงาน ตั้งยี่สิบกว่าปีแล้วด้วย” พี่จอยบอกพลางยกกาแฟขึ้นจิบ สีหน้าปั้นยากราวกับหลุดบอกใบ้อายุของตัวเองให้ผมฟัง “อย่าเรียกพี่ด้วยสรรนามอื่นเชียวนะคะ เรียกพี่จอยเหมือนเดิมนะคะลูก”

“ทั้งสาวทั้งสวยอย่างนี้ต้องเรียกพี่จอยสิครับ ส่วนเรื่องเล่า พี่จอยเล่าอะไรก็ได้ครับ ผมอยากฟัง”

“ปากหวาน” พี่จอยยิ้มกว้าง ความกระชุ่มกระชวยของสาวรุ่นใหญ่คงมาจากการถูกชมว่ายังสาวสินะ “เข้าเรื่องพี่ขวัญข้าวดีกว่า พี่ขวัญข้าวที่พี่รู้จักเนี่ย เป็นคนเงียบๆ ค่ะ ใจดี ไม่เคยดุด่าใคร เวลาปกติจะพูดเสียงเบา แต่พอเป็นเรื่องงานจะเหมือนมีวิญญาณเวิร์คกิ้งวูแมนเข้าสิง พูดจาฉะฉาน ทำงานเก่ง แล้วก็...”

เรื่องเล่าจากพี่จอยดำเนินอย่างเรียบเรื่อย ในขณะที่ผมนั่งฟังโดยไม่ขัดไม่แทรก ผมรับรู้ถึงความรักความชื่นชมที่พี่จอยมีให้กับคุณขวัญข้าว รุ่นพี่ที่สวย ใจดี ทำงานเก่ง มีผู้ชายต่างแผนกมาแวะเวียนขายขนมจีบให้ไม่ขาด นั่นคงเป็นเรื่องราวก่อนคุณขวัญข้าวจะถูกเปลี่ยนไปทำงานตำแหน่งเลขาฯ ของท่านประธาน ถึงตรงนี้พี่จอยตัดจบไปเสียดื้อๆ และอ้างว่าไม่รู้รายละเอียดหลังจากนี้มากนักเพราะหลังจากที่คุณขวัญข้าวเปลี่ยนตำแหน่งก็เจอกันน้อยลง ไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุย แต่ผมไม่เชื่อว่าพี่จอยไม่รู้ ในเมื่อพี่จอยเผลอหลุดปากถามถึงน้องชายฝาแฝดของผม คำถามที่ว่าน้องชายฝาแฝดของผมตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ทำให้ผมถึงกับต้องเงียบเพื่อประมวลผลทุกอย่างอีกครั้ง

“ตายจริง เดี๋ยวพี่ต้องเข้าประชุมกับคุณธนิกด้วย คุณเขานัดแผนกบัญชีตอนสิบโมงครึ่ง พี่ไปก่อนนะลูก ตอนเที่ยงเจอกันนะคะ” พี่จอยพูดแค่นั้นก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่รอให้ผมได้ทักท้วงอะไรทั้งสิ้น

อืม...ทำไมกันนะ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการเดินเข้าหาความจริงก็เหมือนเดินเข้ากองไฟมรณะ ความหวั่นกลัวที่ว่าชีวิตของผมอาจจะถูกใครบางคนเขียนบทให้ตั้งแต่แรกกลายเป็นความหวั่นกลัวที่สั่นหัวใจให้รู้สึกเหนื่อยล้า ผมกลัวจริงๆ นะว่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตของผมจะไม่มีความบังเอิญอยู่เลย กลัวแม้กระทั่งว่าแม้แต่น้าลีก็อาจจะถูกวางบทบาทไว้ตั้งแต่แรก

ในกรณีที่ถ้าพี่จอยไม่ใช่ความบังเอิญ ไม่ใช่คนที่อยู่ๆ ก็เป็นลูกค้าขาประจำที่ผมต้องมาส่งที่บริษัททุกวันแล้วพี่จอยเป็นใคร

ก๊อกๆ ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งทำให้ผมหลุดจากภวังค์ กำลังคิดว่าพี่จอยอาจจะลืมของเอาไว้แล้วกลับเข้ามา ก็พอดีที่ประตูเปิดออกต้อนรับผู้มาเยือนใหม่

ผู้หญิงวัยกลางคนยืนคอตั้งหลังตรงราวกับนางพญาอยู่ตรงนั้น เธอสวมชุดทะมัดทะแมงที่ตัดจากผ้าเนื้อดี กางเกงสีขาวกับเสื้อจั้มสูทสีขาวเข้าชุดกัน ร่างระหงส์ยืนบนรองเท้าสนสูงสีดำพลางกวาดตามองทั่วห้องก่อนจะหยุดสายตาลงที่ผม

“ขวัญพัฒน์” เธอเอ่ยพลางเลิกคิ้วน้อยๆ “ใช่ไหม”

“ครับ” ผมตอบรับอย่างงงๆ เพราะไม่รู้จักคนที่ถาม “ใช่ครับ”

“ไปที่ห้องทำงานอาไหม มีเรื่องจะคุยด้วย” เธอแทนตัวว่าอา สรรพนามที่ไม่คุ้นหูเพราะในชีวิตไม่เคยมีใครให้เรียกแบบนี้ทำให้ผมเผลอทำหน้างงๆ ใส่

“คือ…ผมอาจจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ผมไม่รู้จักคุณครับ”

“ธนิกนี่แย่จริงนะ” เธอว่าพลางยกยิ้มมุมปาก “ไม่เคยแนะนำญาติพี่น้องให้รู้จักเลยใช่ไหม งั้นแนะนำตัวเป็นทางการ อาชื่อแขไข เป็นน้องสาวของเขมรัตน์พ่อของเธอ”

อืม...ครับ ผมกำลังอึ้งอยู่ เพราะนอกจากจะได้เจอแขไขคนที่สามารถงัดกับธนิษฐาได้แล้ว ยังได้รู้ชื่อพ่อของตัวเองอีกด้วย แม้ว่าผมจะไม่เคยสนใจเลยก็ตาม ในความรู้สึกของผมแล้วตัวตนของพ่อจืดจางยิ่งกว่าตัวตนของแม่ ไม่เคยถามถึงแต่ก็นึกถึงบ้าง นึกถึงที่ว่าก็แค่ข้องใจเรื่องที่เขาจะยกทุกอย่างที่เขามีให้ผม

“แล้วรู้ได้ยังไงครับว่าผมคือขวัญพัฒน์ไม่ใช่เขมินทรา” ผมตั้งคำถามกับคนที่ย่างเท้าราวกับนางพญาเข้ามาในห้อง ประตูปิดลงตามหลังอย่างช้าๆ มันปิดสนิทลงพอดีกับที่คุณแขไขนั่งลงตรงหน้าผม

“เพราะเขมินทราไม่มีทางได้อยู่ในห้องทำงานของธนิกล่ะมั้ง” เธอตอบพลางยกยิ้ม “แต่ไม่ใช่หรอก คนของอาเพิ่งบอกเมื่อกี้ ว่าแต่ไปคุยที่ห้องทำงานอาไหม”

“คุยที่นี่ได้ไหมครับ ผมไม่อยากไปที่อื่น”

เธอพยักหน้า ไม่ทู่ซี้ ผมมองเธอ ริมฝีปากที่ยังคงฉีกยิ้มไม่ทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็นมิตร เพราะแววตาของเธอไม่ได้ยิ้มตาม “งั้นอาไม่อ้อมค้อม อาอยากให้เธอมาอยู่กับอา”

“ยังไงนะครับ” ผมย้อนถาม รู้สึกถึงความกะทันหันในการเข้าเรื่องของคุณแขไข “คือผมไม่เข้าใจ”

“อาหมายถึงให้เธอมาอยู่ในความดูแลของอา” เธอมีสีหน้ารำคาญใส่ผมเล็กน้อยเมื่อต้องอธิบาย “ออกจากบ้านของธนิก เธอกำลังเลือกข้างผิดนะขวัญพัฒน์ เธอจะยกทุกอย่างให้คนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับเราไม่ได้ ธนิกเป็นคนนอก ธนิษฐาก็เช่นกัน สิ่งที่พี่ชายของอาเหนื่อยมาทั้งหมดจะตกเป็นของสองคนนั้นไม่ได้”

คุณแขไขไม่มีวาทศิลป์ เธอไม่อ้อมค้อม ไม่ตะล่อมเหยื่อ แต่ทะลุกลางป้องอย่างคนที่ไม่ยอมเสียเวลาแม้สักวินาทีเพื่อเกลี้ยกล่อมเด็กอย่างผม เธอไม่ได้มองว่าควรพะเน้าพะนอเอาใจ แต่กำลังขู่บังคับทางสายตา

“จะง่ายกว่าไหมถ้าคุณไปบอกพี่ชายของคุณให้เปลี่ยนพินัยกรรม” ผมก็พูดอย่างไม่อ้อมค้อมเช่นกัน “ให้เขายกทุกอย่างให้คุณ ง่ายกว่าให้ผมไปอยู่ข้างคุณ”

“ลีลาพูดไว้ไม่มีผิด” คุณแขไขว่าเสียงหงุดหงิด แต่ชื่อของน้าลีทำให้ผมเกร็งตัวขึ้นมา “เธอน่ะหัวดื้อไม่ต่างจากขวัญข้าว เรื่องที่ควรเข้าใจง่ายๆ กลับไม่เข้าใจ ความรั้นนี่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไงนะ”

“รู้จักน้าลีด้วยเหรอครับ” ผมเอ่ยถาม เห็นคุณแขไขกระตุกยิ้มแล้วรู้สึกกลัวความเป็นจริงขึ้นมา

“รู้จักดีทีเดียว” เธอตอบพลางพิงหลังกับพนักโซฟาแล้วยกขาขึ้นไขว่ห้าง “แต่ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ลีลาก็เป็นแค่คนหัวดื้อไม่ต่างจากเธอ เป็นรุ่นน้องที่รักขวัญข้าวจนยอมกัดฟันเลี้ยงเธอมาตัวคนเดียว อาขอเธอมาเลี้ยงตั้งหลายครั้ง แต่ทั้งที่อดอยาก ลำบากกันเลือดตาแทบกระเด็นก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอมา ก่อนตายยังขู่อีกว่าเธอไม่มีวันอยู่ข้างอาแน่ๆ”

“ก่อนตาย...” ผมจ้องมองคุณแขไข เห็นเธอยิ้มหยันและไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้านต่อสายตาของผม “ฝีมือคุณเหรอครับ”

“ไม่ใช่ฝีมืออาหรอกนะ อย่ามองอาเป็นคนร้ายแบบนี้สิขวัญพัฒน์ อาไม่ได้ประโยชน์อะไรที่จะกำจัด เรื่องไร้ประโยชน์แบบนั้นอาไม่ทำ”

“แล้วใครทำครับ” เสียงของผมสั่น รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในอุณหภูมิติดลบทำให้หัวใจหนาวเหน็บ “พอจะบอกผมได้มั้ยว่าใครทำน้าลี”

“พ่อของเธอไง” คุณแขไขเหยียดยิ้ม เธอให้คำตอบอย่างง่ายดายในขณะที่ผมเผลอกลั้นหายใจกับคำตอบที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ “ผู้ชายที่ชื่อเขมรัตน์ พี่ชายของอาไงขวัญพัฒน์”

“เขา...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “เขาทำจริงเหรอครับ”

“ทำไมไม่ลองถามมิสเตอร์ทีดูล่ะขวัญพัฒน์” คุณแขไขย้อนถามผมด้วยรอยยิ้มหยัน “เขายืนดูอยู่ด้วยซ้ำ”

ผมรู้สึกอยากอาเจียน ตอนนี้ข้อมูลในหัวเหมือนล้มระเนระนาด คำพูดของคุณแขไขเชื่อได้แค่ไหนผมไม่รู้ แต่ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรที่เธอจะโกหก ถ้าเธอบอกว่าเป็นคุณธนิษฐา ผมก็ยังสามารถคิดได้ว่าเป็นการบลั๊ฟกันเอง ทว่าพอชื่อคนทำกลับเป็นของอีกคนและมีพันธมิตรของผมร่วมด้วย กลับทำให้ผมเหมือนวิ่งชนกับกำแพงเต็มแรง

แล้วเขา...ผมหมายถึงผู้ชายที่ชื่อเขมรัตน์ เขาทำไปทำไม

“โลกนี้มันไม่สวยงามหรอกขวัญพัฒน์ ทุกคนมีความต้องการของตัวเอง พ่อของเธอก็เป็นคนหนึ่งที่ต่อให้จะมีทุกอย่างครบพร้อม แต่เขาก็ยังโหยหาสิ่งอื่น สำหรับเขาแล้วลีลาเป็นเหมือนตัวขัดขวาง เพราะถ้าลีลายังอยู่ วันนี้ตัวเธอคงไม่มานั่งอยู่ตรงหน้าอา พ่อของเธอก็แค่ผู้ชายโง่ๆ ที่เชื่อว่าลีลาจะฆ่าเด็กที่เลี้ยงมากับมือได้ลง คงคิดสินะว่าทำไม แต่ลีลาต่อหน้าเธอคือน้าลีที่แสนใจดี ยอมลำบากเพื่อเธอ ตรงข้ามกันกับเขมรัตน์ สำหรับพี่ชายอาแล้วหล่อนคืองูจงอางดีๆ นี่เอง” คุณแขไขบอกพลางขยับตัวนั่งหลังตรง “ทุกคนมีด้านที่ไม่อยากให้คนอื่นล่วงรู้ขวัญพัฒน์ และสำหรับเธอมันคงดีกว่าที่จะจำภาพที่สวยงามไว้ อาดูเธอมาตลอดและเห็นด้วยกับการที่ไม่คิดแก้แค้นใคร มันไม่คุ้มกับการทิ้งทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อเรื่องแบบนั้น”

คุณแขไขพูดถูก ผมคิดไม่ต่างจากเธอ ความรู้สึกของผมตอนนี้คือไม่ต้องการรับรู้ เหมือนกับตอนที่ไม่อยากรู้จักพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง เพราะผมพอใจแล้วกับการที่ผมมีน้าลี น้าเป็นทั้งพ่อและแม่ของผมได้ ถ้าการที่ได้รู้ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไป ภาพความสวยงามจืดจางลง ผมก็ขอเลือกที่จะเก็บความสวยงามนี้ไว้แล้วละทิ้งสิ่งอื่นไปเสียดีกว่า

ไม่ว่าน้าลีจะทำอะไรไม่ดีไว้ แต่น้าลีคือน้าที่ผมรักและดีกับผมเสมอมา

“คุณแขไขครับ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่จัดการความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว “คุณจะจัดการกับผมมั้ย ถ้าผมไม่ได้เลือกข้างคุณ”

“อามีความสามารถพอที่จะไม่พึ่งพาเด็กอย่างเธอขวัญพัฒน์” คุณแขไขตอบ ใบหน้าสวยจริงจัง ความหนักแน่นในแววตาของเธอทำให้ผมอดชื่นชมไม่ได้ “อีกอย่างอาไม่รังแกคนไม่มีทางสู้ แต่อาก็ไม่เลือกวิธีที่จะสู้กับคนคิดร้ายกับอา ธนิษฐาคือศัตรู ถ้าเธอไม่อยากโดนลูกหลงก็ออกห่างธนิก อาเตือนเธอแค่นี้และอยากให้เธอตัดสินใจดีๆ อาไม่แย่งชิงอะไรจากเธอ แต่กับคนนอกที่ไม่สมควรได้อะไรไป อาบอกเลยว่าอาไม่ยอม ไปคิดให้ดีละกัน”

คุณแขไขเป็นคนเด็ดขาด สายตาของเธอที่มองผมช่างเด็ดเดี่ยว เธอไม่ได้พยายามเป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าเป็นศัตรู เธอดูไม่ชอบหน้าผมเท่าไร ไม่ได้มองด้วยสายตารักใคร่อย่างที่คนเป็นอาควรมองหลาน แต่นั่นแหละ...อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เกลียดผม

“อาขอตัวก่อน ธนิกคงใกล้เลิกประชุมแล้ว เขาคงไม่ชอบใจถ้าอามาพบเธอถึงถิ่นของเขา” คุณแขไขลุกขึ้นยืน ในขณะที่ผมลุกขึ้นตามเพื่อจะเดินไปส่งเธอ “อาอยู่ต่างประเทศซะส่วนใหญ่ อีกสองวันก็ต้องกลับไปคุมงานที่เหมืองเพชรต่อ แต่ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือก็บอกคุณจอยนะขวัญพัฒน์ คุณจอยหัวหน้าบัญชีน่ะ รู้จักดีใช่ไหม”

“อ๋อ...ครับ รู้จักดีเลยละครับ งั้นขอบคุณนะครับคุณแขไข”

เธอพยักหน้าแล้วเดินจากไป เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอกระทบพื้น ดังแว่วห่างออกไปทุกทีในขณะที่ผมจมอยู่ในความคิดของตัวเองอีกครั้ง

เราไม่มีวันรู้หรอกว่าใครเป็นยังไงจนกว่าจะได้พูดคุยทำความรู้จัก คุณแขไขในความคิดของผมก่อนหน้านี้คือน้องสาวของพ่อที่ต้องการแก่งแย่ง แต่คุณแขไขในวันนี้คือผู้หญิงเก่งที่สมเป็นผู้ใหญ่ มองจากสายตาแล้วผมก็ยังไม่กล้าฟันธงหรอกว่าเธอเป็นยังไง จะดีหรือจะร้ายแค่ไหน ทว่าในความรู้สึกของผมแล้วคุณแขไขก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

พี่จอยก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจว่าแม้จะรู้จักนานก็ไม่ใช่จะรู้จักดี แต่พี่จอยที่ผมรู้จักก็ไม่ได้คิดร้ายต่อผม ต่อให้พี่จอยจะเลือกอยู่ข้างใครก็เป็นสิทธิ์ของพี่จอย ผมสนใจแค่ว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงก็เท่านั้น

ที่จริงมันก็ตอบโจทย์ในใจผมได้หลายอย่าง ตอนนี้ที่ผมยังค้างคาใจก็มีเรื่องของคุณเขมรัตน์กับมิสเตอร์ที ผมค่อนข้างมั่นใจมากว่าต่อให้มิสเตอร์ทีจะอยู่ข้างคุณธนิก แต่เขาก็คงเป็นมือเป็นเท้าให้คุณเขมรัตน์ด้วย บางทีเรื่องมันอาจจะง่ายขึ้นถ้าผมไปพบคุณเขมรัตน์และพูดคุยกับเขาสักครั้ง ก่อนที่อะไรๆ มันจะแย่ไปกว่านี้

“คิดอะไรอยู่ครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ หู ก่อนริมฝีปากอุ่นของเจ้าของเสียงจะจูบผะแผ่วลงบนแก้มของผม “พี่เรียกตั้งนานขวัญก็ไม่ขานรับ”

ผมหันมองเล็กน้อย คุณธนิกยืนอยู่หลังโซฟาแล้วก้มตัวข้ามพนักมากอดรอบคอผมจากข้างหลัง “ประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ”

“ยังครับ พักเบรกครึ่งชั่วโมง พี่ห่วงเรา” เขาว่าเสียงนุ่ม “วันนี้อาแขเข้ามาที่บริษัท ได้ยินว่าประชุมบอร์ดเสร็จก็ตรงมาที่นี่เลย คงรู้ว่าขวัญมากับพี่”

“ครับ เจอกันแล้วล่ะ คุยกันนิดหน่อยด้วย” ผมบอกอย่างไม่คิดปิดบัง “แต่ไม่มีอะไรต้องห่วงครับพี่นิก”

“อืม พี่ไม่ห่วงแล้วล่ะ เพราะน้องขวัญเก่ง พี่รู้”

“อะไรเก่งน้า”

“น่ารักเก่ง” เขาหอมแก้มผมแรงๆ หนึ่งทีแล้วใช้ริมฝีปากคลอเคลียที่ใบหูจนผมเสียววาบไปทั้งช่องท้อง “แล้วคุยกับคุณจอยเป็นไงครับ หายคิดถึงมั้ย”

“ก็เม้ากันหลายเรื่องครับ หลักๆ พี่จอยก็บ่นพี่แจ้ หัวหน้าวินพวกผมน่ะครับ เห็นว่าเดี๋ยวนี้รับส่งกันทุกวัน เนี่ย ผมว่าพี่จอยใกล้สละโสดแล้วแน่ๆ” ผมบอกพลางหัวเราะเพราะจั๊กจี้เมื่อโดนไรหนวดขึ้นใหม่ของเขาสัมผัสเข้าที่ซอกคอ “พี่นิกอย่าแกล้งสิครับพี่ อื้อ...อะไรเนี่ย มาดูดคอทำไม เดี๋ยวก็เป็นรอย”

“อยากดูดอยากกัดไปทั้งตัว” คุณธนิกว่าเสียงพร่า ฟังดูกระเส่าจนหน้าผมเห่อร้อน “คนอะไรน่ากิน”

“มือเข้าเฝือกอยู่แต่ยังซ่าเนอะ” ผมมองมือซ้ายที่เดี้ยงเพราะโทสะของเขาแล้วนึกอยากตีซ้ำ “แล้วใครพาไปทำแผลครับ มือเจ็บขนาดนี้เมื่อเช้ากลับยังไงไหว”

“ไอ้โมมารับ” คุณธนิกบอกแล้วข้ามโซฟามานั่งลงข้างๆ “มันด่าพี่อยู่ครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่บ้านจนถึงโรงพยาบาล กลับถึงคอนโดฯ ก็ยังไม่หยุด”

“โห...สุดๆ ไปเลยนะพี่โมเนี่ย เขาถามมั้ยว่าทำไมพี่เป็นอย่างนี้”

“ถาม พี่ก็บอกว่าเจอเด็กใจร้ายทำ”

“อย่างนี้พี่โมไม่โกรธผมแย่เหรอครับ พี่นิกไปพูดอย่างนั้นอะ”

“มันบอกถ้าเจอจะจับเราตีให้น่องลาย”

ผมหัวเราะกับคำพูดของคุณธนิก เพราะมันตลกมากจริงๆ จะตีผมน่องลาย...พี่โมก็คงต้องตีตัวเองด้วยล่ะมั้ง

“พี่นิกค้าบ” ผมเรียกเขาเสียงอ้อนพลางไถศีรษะกับต้นแขนของเขา ท่าพิฆาตท่านี้ขอดวงจันทร์เขาก็จะตะเกียกตะกายหามาให้

“หื้ม” เขาทำเสียงในลำคอแล้วก้มลงมองผม “จะเอาอะไรครับ”

“เอาพี่นิกได้ป่าว” ผมช้อนตาขึ้นมอง หลิ่วตาให้เขาพลางอมยิ้ม “อยากลองรสชาติในห้องทำงาน”

“น้องขวัญ” เขาเรียกเสียงเข้ม แววตาข่มอารมณ์ “อีกสิบห้านาทีพี่ต้องประชุมต่อ”

“แหะ ล้อเล่นอะ” ผมแลบลิ้นใส่ แต่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างไวแล้วอ้าปากดูดลิ้นของผม ทำเอาตกใจจนแทบผงะ แต่เขาใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกรั้งท้ายทอยของผมไว้ ดูดลิ้นแล้วดูดงับริมฝีปากของผมทั้งบนและล่างอย่างหนักหน่วงจนผมต้องส่งเสียงท้วง กว่าเขาจะผละออกผมก็ระทวยมือไม้อ่อน “พี่นิกทำแบบนี้ได้ไง”

“ก็น้องขวัญยั่วพี่”

“ผมแค่แกล้งมั้ยอะ แต่พี่นิกทำจริง จะกินลิ้นผมอยู่แล้ว ไม่ใช่เยลลี่ซะหน่อย งื้ออ แต่ชอบอะ ไว้กินอีกได้ป่าว”

คุณธนิกยกมือขึ้นลูบแก้มผม ถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่ลุ่มหลง “อย่าน่ารักไปมากกว่านี้ พี่แพ้จนไม่รู้จะแพ้ยังไงแล้วขวัญ”

“แพ้ขนาดนี้ยังจะแต่งงานอยู่มั้ย”

“ไม่แต่ง” เขาตอบทันที “พี่ไม่แต่งกับใครทั้งนั้น แต่ขอเวลาพี่เคลียร์ก่อน”

ผมมองคุณธนิกอย่างชั่งใจ แต่สีหน้าของเขาจริงจัง ไม่มีแววล้อเล่น “พี่นิกเอาจริงเหรอ แล้วแม่ของพี่จะว่ายังไง”

“พี่จะคุยกับแม่เอง” เขาเผยความกังวลให้เห็นเพียงเล็กน้อย แต่ผมยกสองแขนโอบรอบตัวเขาไว้

“น้องห่วงพี่นิก” ผมแนบหน้าลงกับอกกว้างของเขา กลั้นยิ้มจนปวดแก้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของธนิษฐาตอนที่ลูกชายสุดที่รักแข็งข้อ “แต่น้องก็ดีใจที่พี่นิกเลือกน้อง”

“พี่ไม่อยากรู้สึกทรมานเหมือนเมื่อคืนอีกแล้วขวัญ” เขาบอกเสียงแผ่ว “พี่ปล่อยขวัญไปให้ใครไม่ได้ ถ้าพี่แต่งงานไปแล้วขวัญไม่รอ ขวัญไปเป็นของคนอื่น แค่พี่คิด...”

ควรต้องตบรางวัลให้ไอ้น้องนรกที่แสดงสีหน้าเสียวจนแทบขาดใจใส่กล้องได้ดี แม้ว่ามันจะไม่ตั้งใจและทุกอย่างอยู่นอกเหนือแผนการ ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจ

มิสเตอร์ทีจะว่าอย่างไรถ้าคุณธนิกถึงขั้นจะล่มงานแต่งเองเพื่อผม แถมยังล่มเพราะตัวของมิสเตอร์ทีเอง คงจะคิดไม่ถึงเหมือนผมล่ะมั้งว่าคุณธนิกจะเลือกไปต่อกับผมแทนที่จบความสัมพันธ์ ซึ่งบอกตามตรงผมก็ไม่คิดเหมือนกัน

จิตใจของคนเรานี่ลึกจนยากจะหยั่งถึงจริงๆ

“พี่นิกเข้าใจความรู้สึกน้องแล้วใช่มั้ย” ผมถามเสียงอ่อน ไล้มือไปตามอกกว้างของเขา “เพราะถ้าพี่นิกเป็นของคนอื่น ต่อให้น้องบอกว่ารอได้ แต่น้องก็ไม่ไหวเหมือนกัน ระหว่างรอก็คงหาใครสักคนมาทำให้กระชุ่มกระชวย ไม่แห้งเหี่ยว โอ๊ย! บีบปากทำไม”

“อย่าพูด แค่ขวัญพูดภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ แล้ว ทำไมไม่หน้าเหมือนกันให้น้อยกว่านี้วะ ขนาดเสียงครางยังเหมือนเลย แม่ง...” เขาว่าเสียงดุ หัวร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ผมก็ลูบต้นแขนให้เขาใจเย็น ลูบไปได้สักพักเขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วกดจูบลงบนหน้าผากของผมหนึ่งที ความอุ่นจากริมฝีปากหนาทำให้ผมหลับตาลงเพื่อซึมซับสัมผัส

“ครางเหมือนจริงป่าว” ผมเอ่ยถามเขา ก่อนจะเอะใจขึ้นมา “เดี๋ยวนะครับ ทำไมกล้องวงจรปิดมันมีเสียงด้วย”

“มันมีเครื่องดักฟังที่ห้องนั่งเล่น พี่ติดไว้เองแหละ เพราะอยากฟังเสียงของขวัญเวลาเรานอนอ่านการ์ตูนแล้วหัวเราะ ฟังแล้วเพลินดี แต่ไม่ต้องห่วง มีพี่คนเดียวที่ได้ยิน แม่พี่ดูได้แค่ภาพจากกล้อง” คุณธนิกอธิบายเมื่อเห็นผมทำหน้างงใส่ แต่พอเขาพูดเสร็จผมก็อยากจะทุบเขาให้ช้ำในตาย ทำไมเขาถึงทำตัวเหมือนคนโรคจิตแบบนี้กันนะ

“พี่น่ากลัวอะพี่นิก” ผมย่นจมูกใส่เขา “ว่าแต่ถ้าเรามีอะไรกัน แม่ของพี่ก็ต้องเห็นใช่มั้ย เพราะในห้องนอนก็มีกล้อง”

“ตัดสัญญาณก่อนได้ แล้วแม่พี่ก็ไม่ได้นั่งดูเราตลอดเวลา จะดูแค่ตอนที่พี่ไม่อยู่กับขวัญแค่นั้น”

“โล่งอกเลย นึกว่าจะแสดงหนังสดให้แม่พี่ดูแล้ว”

“แต่เมื่อวานแม่พี่น่าจะเห็น” คุณธนิกบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “พอเห็นแบบนั้นก็ไปธุระได้อย่างสบายใจล่ะมั้ง”

เอาจริงต้องขอบคุณเขมินทรากับมิสเตอร์ทีมากๆ จากที่คิดว่าทุกอย่างจะพังแน่ๆ แต่กลับเปิดโอกาสราวกับฟ้าโปร่งในวันอากาศแจ่มใส

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 05/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 06-10-2018 16:55:18
“พี่นิกๆ” ผมเรียกเขาพลางผละออกจากอ้อมแขน ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาลงทีละเม็ด เห็นเขากลืนน้ำลายลงคอแล้วมองมาด้วยความสงสัย

“ร้อนเหรอครับน้องขวัญ” เขาถามเสียงพร่า จ้องมองแผ่นอกของผมไม่วางตา “หรือต้องการให้พี่ทำอะไร”

“ทำรอยให้หน่อย” ผมบอกด้วยสายตาเชิญชวน “พี่นิกบอกว่าชุดนักศึกษาเร้าใจนี่นา ทำให้หน่อยสิครับ มาเป็นคุณครูสอนน้องขวัญที สอนน้องขวัญทำรัก แบบ...แรงๆ น้องขวัญอยากโดนคุณครูตีด้วย...ขอไม้เรียวใหญ่ๆ”

ทนได้ก็เอาสิครับ บอกเลยว่าคุณธนิกไม่รอดหรอก จุดอ่อนของเขาทั้งนั้น เขาชอบให้เชิญชวน ชอบบทบาทบนเตียงที่เขาได้เป็นผู้บงการ เขาชอบให้พูด ชอบให้มองเขาตาฉ่ำ ชอบความออดอ้อนเพื่อแสดงถึงความต้องการเขา

ผมน่ะ...ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นหรอกครับว่าเขาจะแข็งข้อกับแม่ของเขาได้ ผมจึงต้องทำให้มันเป็นร้อยเปอร์เซ็น ซะเองเพราะผมรู้ว่าความรักต่อแม่ กับความลุ่มหลงต่อใครสักคน ความรู้สึกไหนมันรุนแรงกว่ากัน นิสัยของคุณธนิกทำให้ผมเห็นแล้วว่าเขาใจอ่อนเกินกว่าจะต้านทานใครไหว เขาเก่งนะ เรื่องทำงานเขาไม่แพ้ใคร แต่เรื่องความรู้สึก...เขาจะแพ้ผม

“ขวัญเป็นข้อยกเว้นทุกข้อเลยรู้มั้ย” เขาเสียงพร่าในขณะที่คร่อมอยู่บนตัวผมซึ่งนอนเปลือยอกมองเขาตาปรอย “พี่ไม่เคยใช้ห้องทำงานทำเรื่องแบบนี้เลย แต่ขวัญจะเป็นคนแรกที่พี่ทำ”

“พี่นิกก็เป็นคนแรก...ที่ทำให้ผมทำเรื่องน่าอายแบบนี้” ผมยิ้มให้เขา ลดมือลงไปที่เข็มขัดนักศึกษา ปลดมันออกแล้วรูดซิบลงพลางยกสะโพกขึ้นเพื่อดึงรั้งให้กางเกงลงไปกองที่ข้อเท้า ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาสอดนิ้วเข้าไปในโพรงปาก ส่วนมืออีกข้างบีบบี้ยอดอกตัวเองพร้อมกับมองคุณธนิกด้วยสายตาที่คิดว่ายั่วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“อาา..า พี่นิกครับ อื้มม..ม พี่นิก” ผมครางเรียกเขาเสียงกระเส่า เห็นว่าเขากำลังมองอยู่ก็ยิ่งร้องคราง มือที่เคยสอดอยู่ในโพรงปาก ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำลาย บัดนี้ผมทำใจกล้าสอดเข้าไปที่ช่องทางนุ่ม ป้ายความชุ่มฉ่ำแล้วค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปทีละนิ้ว

คุณธนิกมองตามทุกการกระทำของผม ใบหน้าเขาแดงก่ำ เต็มไปด้วยอารมณ์ดิบที่พร้อมจะกระหน่ำใส่ผม แววตาอันตรายเผยสัตว์ร้ายที่แฝงอยู่ในตัว เขามองในขณะที่ผมขยับนิ้วเข้าออกช่องทางของตัวเองพลางส่ายสะโพกอยู่ต่อหน้าเขา ได้ยินเขาครางในลำคอ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะฝังลงที่ต้นขาด้านในแล้วลามเลียมาจนถึงนิ้วที่กำลังขยับเข้าออก เรียวลิ้นร้อนแลบเลียออกมาช่วยนิ้วของผมสัมผัส ผมครางลั่นเมื่อลิ้นร้ายนั้นควานเข้ามา มือที่ใช้การได้เพียงข้างเดียวของเขาก็กอบกุมส่วนอ่อนไหวของผมแล้วรูดรั้งให้

แม่ง...ผมแทบขาดใจลงตรงนี้

“อาา อ๊ะ อ๊ะ ฮึ๊ พี่ พี่นิก เสียว อาา...า ฮื้มม”

“อืม” เขาครางงึมงำในลำคอเพราะริมฝีปากยังปรนเปรอผมไม่หยุด ก่อนที่เขาจะผละถอยราวกับได้เวลาแล้วที่จะใช้ไม้เรียวตีนักเรียนหัวดื้ออย่างผม ผมจึงรีบช่วยรูดซิบกางเกงให้เขาพลางสวมใส่เครื่องป้องกันที่ผมพกมาด้วย เสร็จสิ้นแล้วก็นอนลงยกขาขึ้นให้เขากระแทกกระทั้นได้ตามแต่ใจ

“แน่น...อาา อืมม” เขาว่าพลางกัดริมฝีปากเมื่อค่อยๆ สอดใส่เข้ามา เมื่อเข้ามาจนสุดแล้วเราต่างฝ่ายต่างก็หอบหายใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มให้แก่กัน “ร้ายว่ะขวัญ หัดพกถุงยาง”

“ก็จะได้รักกับพี่นิกแบบทุกที่ทุกเวลาไงครับ อ๊าา ลึกจังพี่นิก” ผมว่าเสียงสั่นเพราะรู้สึกคับแน่นกับไม้เรียวของอาจารย์ธนิก “อาจารย์ธนิกครับ ขยับสักที กระแทกแรงๆ เลย...อ๊า!”

คุณธนิกแม่ง...ถึงใจจริงๆ กระแทกทีทำเอากระสันอยากเพิ่มขึ้น ยิ่งกระแทกรัวๆ ผมยิ่งจะขาดใจ

“เมียเด็ดขนาดนี้ ฮึ๊ อ๊าา..า ถ้ายังคิดจะแต่งงานอีก อ๊ะ อ๊ะ อาา..า ขอมีชู้ อื้ออ..อ พี่นิก แรงไปพี่”

“อย่าพูด” เขาว่าเสียงกระเส่า แววตาดุมองมาพลางเอวก็กระแทกเข้าออกช่องทางของผมระรัว “ห้ามมี ห้ามมีใครนอกจากพี่นะคนดี”

ผมไม่คิดนะว่าความตายคือสิ่งที่ควรจะมอบให้กับคนที่เกลียดชัง ผมไม่ค่อยอินกับประโยคที่ว่าเกลียดจนอยากฆ่าให้ตายเท่าไร เพราะความตายคือจุดสิ้นสุดของความทรมานและทำให้หลุดพ้นจากชีวิต ผมจึงไม่อยากให้คนที่ผมเกลียดต้องหลุดพ้น ธนิษฐาก็คงคิดเหมือนกับผมถึงได้ชอบทรมานให้คนที่เธอเกลียดชังตายทั้งเป็น การถือปืนไปยิงให้สิ้นเรื่องสิ้นราวคงไม่ได้รับความสะใจเท่ากับการปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในนรก ธนิษฐาเป็นแบบนั้นถึงได้ทรมานแม่กับน้องชายของผม บอกตามตรงผมไม่ได้โกรธแค้นแต่ก็แค่อยากให้เธอได้รับรู้บ้างว่าการถูกทรมานเป็นอย่างไร ทว่าผมก็ไม่ร้ายพอจะส่งใครไปทำร้ายเธอ การสร้างบาดแผลทางร่างกายที่ไม่นานก็หายไม่ใช่เป้าหมายของผม

“พี่นิกจ๋า...พี่นิกเอาน้องแรงๆ เลย อื้ออ..อ ถึงใจน้อง”

คุณธนิกจะได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ แต่นั่นขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายแล้วเขาต้องการอะไร พอถึงตอนนั้นอาจจะไม่ใช่ทรัพย์สมบัติก็ได้ที่เขาปรารถนา มิสเตอร์ทีก็ว่าผมไม่ได้หรอกในเมื่อข้อตกลงของเราไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน เราแค่เลือกข้างคุณธนิกเพื่อให้เขาได้สิ่งที่เขาต้องการ แต่ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจยังไง เขาก็จะได้มันไป ผมยืนยันได้เท่านี้ ทว่าผมก็จะได้ในสิ่งที่ผมต้องการด้วยและผมตั้งใจจะเอามาให้ได้

ความทรมานใจของธนิษฐา...คือสิ่งที่ผมต้องการ

ผมไม่รู้หรอกว่าผมจะทำได้ไหม เป้าหมายนี้ไม่ได้ชัดเจนมาตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้เพิ่งเริ่ม ผมคิดมานานแล้ว นั่นเพราะเขมินทรา เพราะไอ้น้องโง่นั่นทำให้ผมต้องเพิ่มเรื่องยุ่งยากนี้ขึ้นมา

นั่นแหละที่ทำให้ผมชอบรายละเอียดระหว่างทาง เพราะมีเรื่องพลิกผันอยู่แทบทุกขณะ แต่ตอนจบก็ยังคงไม่เปลี่ยน ในเมื่อผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจบเรื่องแล้วผมจะไป ผมก็จะไปจริงๆ

“ขวัญ ขวัญ พี่จะ ซี๊ดดด..ดด ฮึ้มมม”

ถ้าผมเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมของคุณธนิก คุณธนิกก็จะเป็นให้ผมเหมือนกันและต่อให้เขาเป็นคิง ตัวเบี้ยอย่างผมก็จะรุกฆาตคิงให้ดู ราชินีจะได้หน้าหงายไปเลย

ผมมองคุณธนิกที่ซบหน้าลงกับอกผมพลางหอบหายใจหนัก ใบหน้าขาวของเขายังคงแดงก่ำ เหงื่อซึมชื้นตามไรผมแม้ห้องทำงานจะเย็นฉ่ำ เขาดูดยอดอกของผม ฝากรอยสีกุหลาบไว้บริเวณหน้าท้อง ก่อนจะตวัดลิ้นเลียน้ำขาวขุ่นของผมที่เลอะอยู่บนนั้น ในขณะที่ผมยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขา “จะกินหมดเลยเหรอครับ”

“อืม จะไม่ให้เหลือสักหยด”

ภาพหยาบโลนตรงหน้าทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจ เจ้าชายได้กลายเป็นหมาเชื่องๆ ให้ชายขอทาน เวลาเหมาะสมแห่งการกำจัดเจ้าหญิงที่ถูกส่งมาคงมาถึงแล้วล่ะมั้ง เหลือแค่รอเวลาให้เจ้าหญิงเผยร่างแท้จริงออกมาผมจะได้เอากะลาทองคำฟาดหัวให้สลบไปทีเดียว

“พอแล้วครับ” ผมจับใบหน้าหล่อเหลาของเขาไว้ เพราะหลังจากที่เขาเลียชิมน้ำรักจนแทบไม่เหลือ ริมฝีปากของเขาก็ครอบส่วนอ่อนไหวของผม ขยับโยกหัวแล้วดูดดุนจนผมกระตุกสั่นไปทั้งร่าง “พี่ต้องไปประชุมต่อนะ”

เขาครางในลำคอ ปัดมือผมออกแล้วขยับโยกศีรษะขึ้นลง แกนกายของผมผลุบเข้าผลุบออกโพรงปากของเขา ในขณะที่แววตาคมก็ทอดมองมาเพื่อสังเกตสีหน้าของผม ผมเม้มริมฝีปากแน่นพลางสวนกายรับจังหวะ ครางอื้ออึงอยู่นานเพราะความช่ำชองของเขา ไม่คิดว่าจะใช้ลิ้นใช้ปากเก่งขนาดนี้ พาผมถึงสวรรค์ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งดูดแรงยิ่งขยับเร็วก็ยิ่งรีดเค้นผมได้ดีเท่านั้น

เขาเก่ง...ลิ้นก็ดี เอวก็พลิ้ว

“สุดจริงพี่นิก อีกรอบนะพี่ คราวนี้บนโต๊ะทำงานพี่นะ เวลาพี่ทำงานจะได้นึกถึงตอนเสร็จในตัวผม”

เขมินทราบอกผมว่าเซ็กส์ที่ดีสามารถทำให้ลุ่มหลง เซ็กส์ที่ยอดเยี่ยมสามารถทำให้เสพติด ที่จริงผมก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนี้นักหรอก แต่ผมไม่มีเวลามากพอที่จะสร้างความผูกพันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่าเซ็กส์จะทำกับใครก็ได้ คุณธนิกหาได้อีกเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นผมและผมก็ไม่ได้เก่งหรือยอดเยี่ยมเหมือนมิสเตอร์ทีที่ทำให้เขมินทราเสพติด แต่เพราะคุณธนิกรู้สึกกับผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมไม่กล้าใช้คำว่ารักเพราะเขายังไม่พูดออกมา แต่นั่นแหละ ถ้าไม่หลงตัวเองมากเกินไป ผมก็สำคัญกับเขาในระดับหนึ่ง ด้วยเหตุนั้น...มันก็ไม่ยากหรอกที่จะโจมตีจุดอ่อนของเขา

“เรานี่มันแสบจนพี่ใจสั่นเลยน้องขวัญ นี่จะไม่ให้พี่คิดเรื่องอื่นนอกจากเราเลยเหรอครับ”

ผมจะล่ามโซ่พี่...

“ครับ...ไม่อนุญาตให้คิด นอกจากคิดถึงผมคนเดียว”

ทั้งมือและเท้าจะถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา...

“สดได้มั้ย”

ผมล็อกแม่กุญแจและโยนลูกกุญแจทิ้ง

“อื้ม มาสิครับที่รัก เข้ามาปล่อยในตัวผมนะ”

ต่อให้พี่จะดิ้นแรงแค่ไหน

“อาา..า ตัวแสบ แม่ง...ซี๊ดด ท่านี้ดี...”

ก็ดิ้นไม่หลุดหรอก...ที่รัก


.
.
.


Tuesday, 01:30 AM

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: Sent a photo.

ขวัญพัฒน์: โทษครับ ผิดแชท :)

NumNim: คะ?

NumNim: น้องขวัญ ต้องการอะไรคะ แล้วแอดไลน์พี่มาได้ยังไง

ขวัญพัฒน์: ไม่ต้องการอะไรครับ เพราะที่อยากได้ ได้มาแล้ว

NumNim: เหรอคะ

ขวัญพัฒน์: คุณนิ่มจะกลับวันไหนครับ ผมกับพี่นิกจะไปรับ

NumNim: ไม่เป็นไรค่ะน้องขวัญ เดี๋ยวพี่ไปเจอน้องขวัญ ตัวต่อตัวดีกว่า :)

ขวัญพัฒน์: ครับ มีเรื่องจะคุยอยู่พอดี

NumNim: คงต้องคุยกันเยอะเชียวค่ะ

ขวัญพัฒน์: ว่าแต่คุณนิ่มไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ ถ้าระหว่างที่ไม่อยู่ ผมจะขอกกตัวว่าที่เจ้าบ่าวของคุณนิ่มไว้ก่อน

NumNim: หน้าด้านก็ทำไปสิคะ

ขวัญพัฒน์: ไม่อยากทำหรอกครับ แต่พี่นิกนี่สิ ไล่ยังไงก็ไม่ไป แถมยังบอกอีกว่าจะไม่แต่งงานแล้ว อะไรนักหนาก็ไม่รู้

NumNim: เหรอคะ ตอแหลเก่งดีนะคะน้องขวัญ

ขวัญพัฒน์: เราก็พอกันนั่นแหละครับ แต่เรื่องแต่งงานผมพูดจริงนะ

ขวัญพัฒน์: Send a voice message.

ขวัญพัฒน์: ฟังเองดีกว่านะครับคุณนิ่ม หวังว่าคงจำเสียงพี่นิกได้ ไปแล้วนะครับ พี่นิกเรียกแล้ว สวัสดี





ผมวางโทรศัพท์พลางกลั้นหัวเราะ ป่านนี้เจ้าหญิงคงกำลังกลายร่างจนหัวลุกเป็นไฟ อกแทบระเบิดไปเลยล่ะมั้ง แต่ถ้าเทียบกับแผลเป็นขนาดใหญ่ข้างหลังของเขมินทราที่เกิดจากการถูกน้ำร้อนลวกด้วยฝีมือของเจ้าหญิงตามคำสั่งของราชินี ผมว่าก็คงแสบน้อยกว่าด้วยซ้ำ

“ทำไมยังไม่นอนครับตัวแสบ” คุณธนิกเอ่ยถาม เขาเพิ่งออกจากห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวมาอวดกล้ามอวดรอยสักจนผมอยากจะขึ้นคร่อมเขาอีกรอบ ถ้าไม่ติดว่าวันนี้จัดกันยาวหลายยกแล้ว ตั้งแต่ที่ห้องทำงานของเขาเมื่อตอนใกล้เที่ยง ตอนเย็นก็ตั้งแต่ที่ขึ้นคอนโดฯ ของเขมินทรามาจนถึงเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน

“เล่นโทรศัพท์อยู่ครับพี่นิก” ผมตอบแล้วลุกขึ้นเดินไปหาเขา แผงอกกว้างน่าซบพราวไปด้วยน้ำ ผมกลืนน้ำลายลงคอมองด้วยใจสั่นไหว ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำจากตัวของเขาด้วย “ไม่เช็ดผมให้แห้งล่ะครับ มานี่มา ขวัญซาลอนจะจัดการให้”

ผมจูงมือเขาให้เดินตาม เขาก็ไม่อิดออด เดินมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนผมก็หยิบไดร์เป่าผมออกจากลิ้นชัก เสียบปลั๊กแล้วเริ่มจัดการกับเส้นผมเปียกๆ ของเขาทันที

“ดูแลเก่ง” คุณธนิกมองผมผ่านกระจกเงา เราสบตากันในนั้นผมจึงยักคิ้วให้ “อยากให้ดูแลไปตลอดชีวิต”

“อยู่ให้ดูแลสิครับ คนอย่างขวัญพัฒน์ถึงไหนถึงกัน”

“ถึงใจพี่นิกมากด้วย” คุณธนิกชมพลางยกแขนขึ้นกอดเอวผมไว้หลวมๆ “เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ น้ำพี่แทบหมดตัว”

“แล้วชอบมั้ยครับ”

“ใช้คำว่าติดใจได้เลย”

“งั้นก็ไม่เสียแรงที่อ่านมาเยอะ” ผมคลี่ยิ้มกว้างตอบเขา ก่อนจะปิดไดร์เป่าผม “ผมยังมีอีกหลายวิธีจะลองกับพี่นิก อย่าเบื่อกันก่อนนะครับ”

“คำว่าเบื่อสะกดยังไงเหรอขวัญ” เขาถามพลางดึงผมไปนั่งบนตัก “กับขวัญแล้วพี่สะกดไม่เป็น”

ปากหวานจริงๆ ปากหวานจนน่าประกบด้วยปากให้แตก

“ว่าแต่พี่นิกชอบแบบไหนมากกว่า” ผมไล้นิ้วไปตามรอยสักของเขาพลางช้อนตาขึ้นมอง “น้องขวัญแบบใสๆ น่ารักหรือน้องขวัญแรงๆ ขี้ยั่ว”

“อืม” เขาทำท่าครุ่นคิด บีบจมูกผมก่อนจะก้มลงมาหอมแก้ม “เลือกยาก ใสๆ ก็หลง แรงๆ ก็ติดใจ”

“แล้วแบบไหนที่จะทำให้พี่นิกขาดไม่ได้”

“แบบขวัญ แบบที่ขวัญเป็น”

“จริงป่าว”

“ยืนยันแบบไหนได้บ้าง” เขาถามด้วยแววตากรุ้มกริ่ม “ทำแบบไหนน้องขวัญถึงจะเชื่อพี่นิก”

“แค่นอนเฉยๆ ขวัญก็เชื่อ” ผมตอบแล้วยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขา “นอนเป็นของเล่นของขวัญ ให้ขวัญจัดการพี่นิก”

“อื้ม พี่ตามใจขวัญเลย”

“ลางานได้มั้ย” ผมเอียงคอมอง ตั้งคำถามแล้วรอคอยคำตอบ “มาลองอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงสักหนึ่งอาทิตย์ ไม่ต้องติดต่อกับใคร ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ อยู่ด้วยกันแค่สองคน”

คุณธนิกเลิกคิ้ว เขาทอดสายตามอง ไม่แน่ใจหรอกว่าเขาจะตกลงไหม เพราะอีกสามวันแม่ของเขากับคุณนิ่มจะกลับมา ถ้าเขาขาดการติดต่อคงเป็นเรื่องแน่ แต่ผมเตรียมการไว้ให้แล้ว

“ได้ครับ” เขาตอบรับอย่างที่ผมไม่คาดคิด “ตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ ดีไหม”

“ดีค้าบ” ผมยิ้มตาหยีให้เขา ในขณะที่เขารั้งผมเข้าไปกอด “แต่พี่นิกให้พี่โมดูแลขิมให้ดีด้วยนะ อย่างน้อยถ้าพี่นิกต้องลาหยุดหนึ่งอาทิตย์ ขวัญพัฒน์ก็ยังต้องอยู่ในบ้าน ถ้าเราหายไปพร้อมกันคงเกิดปัญหา”

“ก็ปล่อยมันเกิดไป”

“ว้าว ดับเครื่องชนแล้วเหรอ”

“ก็พี่อยากอยู่กับขวัญ” คุณธนิกบอกเสียงแผ่ว “ขวัญเก่งมากแล้ว จากกระต่ายน้อยขนฟูเป็นเสือยั่วสวาท ไม่มีอะไรน่าห่วง”

“งิ้ง ชมเค้าหลอ”

คุณธนิกหัวเราะกับเสียงสองของผม ก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวผมเบาๆ “อยากชมตั้งแต่ออรัลให้พี่โคตรถึงใจ พี่เกือบหัวใจวายตาย”

“เค้าทำเก่งมากกว่านั้นอีก เจ็ดวันนี้พี่นิกนอนเฉยๆ ได้เลย เค้าจัดให้พี่นิกเอง”

หลังเจ็ดวันนี้ พี่เกมโอเวอร์แน่พี่นิก ผมจะงัดทุกความยั่วบนโลกใบนี้มาลงโทษพี่

“พี่แทบจะรอไม่ไหว” สีหน้าของคุณธนิกเป็นตามที่พูดจริงๆ เขาหน้าแดงหูแดงไปหมด คงกำลังจินตนาการถึงภาพหยาบโลนอยู่แน่ๆ

“ลาหยุดก่อนมั้ย บอกว่าพี่ไปทำธุระต่างประเทศก็ได้” ผมเตือนถึงสิ่งที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรก

“ประเทศไหนดี” เขาขอความเห็น

“ประเทศที่มีชื่อว่าสวรรค์อะ นั่งเครื่องบินก็ไปไม่ถึง ต้องนั่งน้องขวัญเท่านั้น ถึงแน่นอน”

“โอ๊ยยย น้องงง” คุณธนิกถึงกับซุกหน้ากับไหล่ของผม สีหน้าที่อยากตีแต่ก็ข่มไว้เพราะความเอ็นดูทำให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ

“หรือให้น้องขวัญนั่งดีน้า น้องขวัญนั่งเทียนเก่ง เทียนพี่นิกยิ่งชอบ บดๆ วนๆ ขึ้นสุดลงสุด”

“สงสารพี่บ้าง” คุณธนิกอ้อนวอน “โดนรีดน้ำจนจะหมดตัวแล้วครับ”

“บริการซักรีดให้ไว้ใจน้องขวัญ”

“ทำทุกอาชีพเนอะ”

“ความสามารถพิเศษจ้ะ อาชีพเมียพี่นิกยิ่งถนัด”

คุณธนิกดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มพลางเลิกคิ้วยียวน “คนไหนเมียพี่”

“น้องขวัญคนนี้ไง” ผมชี้เข้าหาตัวเองพลางฉีกยิ้มกว้าง “ให้เป็นป่าว”

“ไหนเรียกผัวสิครับ”

พอเขาพูดด้วยเสียงหล่อๆ แววตากรุ้มกริ่มพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างนี้แล้ว ใบหน้าที่คิดว่าอัพเลเวลความหนาขึ้นก็ยังต้องเห่อร้อน

“เรียกสิคนดี”

“ง่า...ผะ...”

แม่มึงเอ้ยยยย! พูดไม่ออกโว้ย! ขอพลังความด้านจงสถิตย์อยู่กับผม

“เรียกให้ฟังหน่อยที่รัก” เขาจู่โจมรุนแรงแล้วคราวนี้ เป็นในเกมคงขึ้นเกมโอเวอร์ตั้งนานแล้ว ผมนี่ทั้งหน้าทั้งหูคงแดงไปหมด คนหัดด้านนี่หลุดฟอร์มง่ายจังวะ “ผัวน้องขวัญอยากฟังน้องขวัญเรียก”

“พี่นิกอะ แกล้งผม”

คุณธนิกหัวเราะเสียงดังลั่น พอเห็นหน้างอๆ ของผมก็ก้มลงมาจูบแก้มอย่างเอาใจ “น้องขวัญก็ยังเป็นน้องขวัญ จะแสบแค่ไหน ก็ยังเป็นเด็กดีของพี่ แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้พี่ถูกใจ น้องขวัญเป็นแบบที่ต้องการนั่นแหละดีแล้ว”

“พี่นิกกกกก”

ผมแพ้เขาอีกแล้ว ช่วงเวลาแบบนี้ราวกับผมได้เห็นดอกไม้ที่สถานีรถไฟแห่งนั้นเบ่งบาน แต่ผมรู้ว่าสักวันดอกไม้ก็ต้องแห้งเหี่ยวโรยราไปตามกาลเวลา เพราะฉะนั้นผมจะรีบเด็ดมันขึ้นมาก่อนที่ความสวยงามจะหมดไป เด็ดเอามาสต๊าฟไว้เก็บใส่ในกล่องแห่งความทรงจำ


*****************************

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 06-10-2018 16:55:42
ธนิกมองคนที่กำลังหลับใหลในห้วงนิทราพลางมือหนาก็ยกขึ้นลูบศีรษะเล็ก ขวัญพัฒน์ขยับตัวอยู่ในผ้าห่มเหมือนลูกแมวน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มนิดๆ ราวกับกำลังฝันดี เขามองภาพที่คงจะติดอยู่ในความทรงจำอยู่อย่างนั้น สุขใจที่ได้เห็นใบหน้านี้ ดีใจที่ความเงียบทำให้เขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ เสียงที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต เขาหลับตาลงเพียงครู่ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้ง

การรักใครสักคนเป็นความทุกข์ทรมาน ยิ่งรักมากก็ยิ่งทรมานมาก ขวัญพัฒน์มีอิทธิพลต่อหัวใจของเขามากเกินไป หลายต่อหลายครั้งที่ความเป็นไปไม่ได้ปรากฎชัดอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็เลือกที่จะมองเมิน

ทนไม่ไหวหรอกหากขวัญพัฒน์จะเจ็บปวด ทนไม่ไหวหรอกหากขวัญพัฒน์ต้องร้องไห้ แต่ทนไม่ไหวก็ต้องทน

ภาพที่ขวัญพัฒน์ล้มลงที่สถานีรถไฟในวันนั้นยังคงติดตา ไม่ใช่แค่ขวัญพัฒน์ที่นั่งรอเขาอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่แค่เวลาของขวัญพัฒน์ที่หยุดลง แต่เขาก็ยังติดอยู่ที่ตรงนั้น ติดอยู่กับกลิ่นคาวเลือดสีแดงฉ่านที่แผ่วงกว้างบนเสื้อของขวัญพัฒน์ ติดอยู่กับการเห็นขวัญพัฒน์นอนหายใจรวยริน ใบหน้าเล็กซีดเผือด ลมหายใจแผ่วลงราวกับจะจากเขาไปได้ทุกเมื่อ

เขาจับมือขวัญพัฒน์ไว้ในตอนนั้นและในความรู้สึกของเขาตอนนี้ก็ยังคงจับไว้แน่น

ธนิกถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ขวัญพัฒน์เด็กดื้อ ทั้งแสบทั้งซน แต่สำหรับเขาก็ยังคงเป็นเด็กดี ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือแสดงนิสัยด้านใดออกมา แต่สำหรับเขาแล้วขวัญพัฒน์ก็ยังเป็นขวัญพัฒน์ เป็นน้องขวัญของเขา

แต่จะเป็นได้ถึงเมื่อไหร่...

ธนิกรู้คำตอบดีและนาฬิกาของเขาเริ่มนับถอยหลังแล้ว มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานที่รับปากกับคนสำคัญ คนสำคัญที่เกลียดเขาจนอยากฆ่าให้ตาย

ย้อนกลับไปเมื่อวาน...

เมื่อวานตอนสามทุ่มครึ่งธนิกอยู่ที่โรงพยาบาล ในห้องพักผู้ป่วยพิเศษสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ เขาตัดสินใจอยู่นาน นานตั้งแต่ที่เวลาของเขาหยุดลงที่สถานีรถไฟในวันนั้น จนสุดท้ายแล้วก็ต้องพ่ายแพ้และมายืนอยู่ตรงหน้าเตียงผู้ป่วยที่เขมรัตน์นอนพักรักษาตัว

ใบหน้าคมสันของเขมรัตน์แสดงท่าทีประหลาดใจที่เห็นเขา พ่อเลี้ยงที่มีแต่ความเกลียดชังให้เขาเลิกคิ้วน้อยๆ ส่งสายตามาเป็นคำถาม

“พ่อครับ” ธนิกเอ่ยเรียก น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเริ่มพูด “ผมมีเรื่องอยากคุย”

“ว่ามา” น้ำเสียงแหบต่ำของเขมรัตน์ฟังดูไม่แยแส แต่ก็ยังนิ่งเงียบรอคอย

“ไอ้วัฒน์บอกผมว่าคนที่ยิงขวัญพัฒน์ในวันนั้นคือคนของพ่อ” ธนิกไม่อ้อมค้อม เขาเข้าประเด็นแล้วลอบมองปฏิกิริยา “จริงเหรอครับ”

“คิดว่าคนที่ควรโดนกระสุนนัดนั้นคือลูกของฉันเหรอธนิก” เขมรัตน์ย้อนถาม “คนที่ควรจะโดนคือแกมากกว่า”

แม้จะรู้ดีว่าไม่ได้เป็นที่รัก แต่ธนิกก็ยังอดที่จะรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ ความพยายามหลายปีแทบไม่มีความหมาย แค่เพราะเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ แค่เพราะเป็นลูกชายของศัตรูหัวใจของเขมรัตน์ แค่เท่านั้นก็ถูกเกลียดชัง

เขาก็ไม่ได้ต่างจากขวัญพัฒน์ มีความผิดมาตั้งแต่เกิด

“แกกับแม่ชอบเล่นนอกเกมกันนักนี่ เขมินทราก็แพ้ให้แกไปคนหนึ่งแล้ว แล้วทำไมฉันต้องยอมให้ลูกชายอีกคนแพ้ให้แกด้วย คิดจะหนีไปด้วยกันเหรอ แกมันก็คิดตื้นเกินไป” เขมรัตน์พูดเสียงเย็นชา ใบหน้าคมที่มีริ้วรอยตามกาลเวลาให้เห็นนั้นไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆ “ฉันให้โอกาสเพราะแกพยายามมากกว่าคนอื่น แต่แกไม่เล่นตามกติกา เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องสั่งสอนแกบ้าง”

“พ่อคิดบ้างมั้ยครับว่าถ้าวันนั้นโดนจุดสำคัญ ถ้าวันนั้นขวัญพัฒน์ไม่รอด แล้วมันจะเป็นยังไงต่อ” ธนิกแทบจะควบคุมโทสะของตัวเองไว้ไม่ได้ เขาไม่เคยนึกเกลียดชังเขมรัตน์แม้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิบัติตัวกับเขาอย่างไร ทว่าตอนนี้ความรู้สึกเกลียดกลับแล่นริ้วขึ้นมาในใจจนแทบอยากฉีกร่างผู้ป่วยที่ซีดเซียวออกเป็นชิ้นๆ “ถ้าอยากฆ่าผมนัก พ่อฆ่าผมตอนนี้ได้เลย”

“ปากดีเหมือนกันนี่ไอ้ลูกแหง่” เขมรัตน์พูดเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเหยียดยิ้มหยันมองลูกชายของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ “ไม่นานมานี้ยังให้แม่เดินจูงมือ ป้อนข้าวป้อนนมอยู่แท้ๆ แต่ฉันไม่ฆ่าแกหรอกธนิก ตราบใดที่แกไม่เล่นนอกกติกา แกก็ยังมีโอกาสนั่งเก้าอี้ประธานของฉันอยู่”

“ผมไม่เคยพูดว่าผมอยากแทนที่พ่อ” ธนิกว่าเสียงกร้าว “ผมไม่เคยพูดว่าผมอยากได้อะไรจากพ่อเลย”

“แล้วแม่แกยอมเหรอธนิก เมียฉันถูกทรมานจนตายเพราะแม่แกไม่ยอมให้อะไรก็ตามที่ขวัญข้าวสมควรจะได้รับ ทั้งๆ ที่ฉันก็ให้แม่แกไม่น้อยไปกว่าใคร แต่แม่แกมันโลภมาก”

“แล้วทำไมพ่อไม่จัดการแม่ซะล่ะครับ รู้ว่าแม่ของผมทำไม่ดีแล้วทำไมยังปล่อยไว้”

เขมรัตน์ไม่ตอบคำถามของธนิก ใบหน้าคมสันของเขาเรียบเฉยแต่แววตาสะท้อนความนัยที่ตีความได้ยาก

“ที่ผมมาวันนี้ ผมจะมาบอกพ่อแค่ว่าผมขอถอนตัว ผมไม่ต้องการอะไรจากพ่อ ต่อให้มีคนยกให้ผมก็ไม่เอา” ธนิกบอกอย่างหนักแน่นเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้า เขายื่นเอกสารที่ให้ทนายจัดการพร้อมกับเครื่องบันทึกเสียงไปให้เขมรัตน์ “เอกสารนี้เป็นเอกสารที่ผมไม่ขอข้องเกี่ยวกับมรดกของพ่อกับไฟล์เสียงของผม มีทนายกับไอ้วัฒน์เป็นพยาน”

เขมรัตน์มองสิ่งที่ธนิกยื่นให้ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก ในขณะที่ธนิกทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย

“ผมไม่ต้องการอะไร ขอแค่ขวัญปลอดภัย ลำพังตัวผมปกป้องขวัญจากแม่ไม่ได้ ผมทำใจทำร้ายแม่ไม่ลง แต่ผมรู้ว่าพ่อทำได้ ช่วยปกป้องขวัญได้ไหมครับ แล้วอย่าทำพลาดอีก ถ้าพ่ออยากฆ่าผม แค่บอกผม ผมจะมาให้พ่อฆ่าต่อหน้าเลยก็ได้ ผมจะตายก็ไม่เป็นไร แค่ขวัญพัฒน์รอดและใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขก็พอแล้ว”

ธนิกไม่เคยร้องขอสิ่งใดจากเขมรัตน์ แต่ตอนนี้เขากำลังอ้อนวอน หัวใจของเขาเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นภาพขวัญพัฒน์ล้มลงตรงหน้า “พ่อไม่อยากเห็นเหรอครับ อนาคตที่ดีของลูกชายของพ่อ ไม่อยากเห็นเขาประสบความสำเร็จเหรอ ไม่อยากเห็นเขามีชีวิตที่ดีเหรอครับ”

“ทำไมฉันจะไม่อยากเห็น เพราะอยากเห็นถึงได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้”

“แต่ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดของพ่อกำลังทำร้ายลูกชายของพ่อทั้งสองคน ผมหมายถึงน้องขวัญกับน้องขิม” ธนิกว่าพลางสบตากับเขมรัตน์ “ถ้าพ่ออยากให้ในสิ่งที่ดีที่สุด พ่อก็ต้องจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นให้ด้วย พ่ออาจจะสะใจที่เห็นว่าผมต้องทุรนทุราย แต่การทำร้ายผม มันส่งผลถึงน้องทั้งสองคน ตั้งแต่น้องขิม มาจนตอนนี้น้องขวัญก็แย่ลงทุกวัน”

ธนิกไม่เคยเข้าใจผู้ชายที่ชื่อเขมรัตน์ ความรักของผู้ชายคนนี้เข้าใจได้ยาก ครั้งหนึ่งเขมรัตน์เคยบอกว่ารักมารดาของเขา แต่สุดท้ายก็ทำให้มารดาของเขาร้องไห้แทบทุกวันเพราะการถูกนอกใจ เขาต้องทนเห็นมารดาร้องไห้และทำร้ายตัวเอง ผู้หญิงที่เคยยิ้มแย้มอยู่เป็นนิตย์ ใจดีและรักเขายิ่งกว่าใคร กลับกลายเป็นคนเก็บตัว พูดน้อยและบางครั้งก็ร้องไห้ออกมาเงียบๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาต้องทนมองมารดาที่สภาพจิตใจย่ำแย่ลงทุกวันจนสุดท้ายก็คิดสั้นฆ่าตัวตาย ถ้าวันนั้นเขาไม่นึกกังวลใจก็คงกลับไปเจอไม่ทันการณ์และคงจะสายเกินไป หลังจากผ่านความเป็นความตายมาได้มารดาของเขาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ทั้งหมดก็เพราะความรักของเขมรัตน์ ความรักที่ตอนนี้เผื่อแผ่ไปถึงขวัญพัฒน์และเขมินทรา และกลับกลายเป็นความรักที่สร้างความอันตรายให้สองพี่น้อง

“ตอนนั้นถ้าแกคิดที่จะปกป้องเขมินทราอย่างจริงจังขึ้นมาบ้าง เรื่องก็คงไม่ยืดยาวมาจนถึงตอนนี้” เขมรัตน์บอกเสียงเย็น ดวงตาคมจ้องมองเพดานสีขาวของห้องพักผู้ป่วย ไม่ได้มองคู่สนทนาอย่างธนิก “ฉันให้แกเป็นองครักษ์และสัญญาว่าจะให้ทุกอย่างกับแก แต่สุดท้ายแกก็แพ้ให้แม่ของแก แล้วฉันจะให้คนใจอ่อนอย่างแกขึ้นมาแทนฉัน ปกป้องลูกชายของฉันได้ยังไง”

“แต่พ่อก็ส่งทหารมือดีของพ่อมาแทงข้างหลังผมก่อน” ธนิกบีบมือตัวเองแน่นเมื่อนึกถึงอดีต “ผมผิดเองที่ปกป้องเขมินทราไม่ได้ ตอนที่ผมกลับมา ทหารมือดีของพ่อก็เปลี่ยนเขมินทราไปแล้ว”

“ม้าดีก็ต้องพยศเป็นธรรมดา อีกอย่างผู้เล่นไม่ไหวก็ต้องเปลี่ยนตัว” เขมรัตน์บอกอย่างเย็นชา “เขมินทราหัวอ่อนและอ่อนแอเกินไป อยู่กับทหารมือดีคงปลอดภัยมากกว่าอยู่กับแกที่มีทั้งราชินีกับเจ้าหญิงโรคจิตอยู่ใกล้ตัว”

ธนิกไม่เห็นด้วย เขมรัตน์คงไม่รู้ว่าตอนนี้หัวใจของเขมินทราตกอยู่ในอันตรายจนยากเกินจะช่วยเหลือแล้ว

“เพราะแบบนั้นผมถึงต้องถอนตัว ผมไม่อยากเป็นองครักษ์ ไม่อยากเล่นบทบาทอะไรนี่แล้ว ผมอยากเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถรักขวัญพัฒน์ได้ ไม่อยากเป็นองครักษ์ที่มีสิทธิ์แค่ปกป้องแต่ครอบครองไม่ได้ ผมทำตามที่พ่อบอกทุกอย่างแล้ว แต่ครั้งนี้ผมขอเลือกทางของผมบ้าง ผมขอถอนตัวครับ ถ้าพ่อไม่อนุญาต ก็ฆ่าผมตอนนี้เลยก็ได้”

ธนิกวางปืนลงข้างตัวเขมรัตน์ ความเด็ดเดี่ยวในแววตาทำเอาคนมองเลิกคิ้วอย่างอดแปลกใจไม่ได้ เจ้าเด็กติดแม่คนนี้ทำหน้าจริงจังและจ้องตาเขากลับเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วที่ธนิกไม่เคยกล้าสบตากับเขา เด็กผู้ชายขี้กลัวติดแม่แจ ชอบนั่งในสวนวาดรูปต้นไม้ดอกไม้อยู่เงียบๆ แต่บางครั้งก็หัวเราะร่าอยู่ในครัว ช่วยมารดาทำอาหารคาวอาหารหวาน

เขมรัตน์หัวเราะในลำคอ เหมือนเมื่อวานนี้เองที่เด็กชายธนิกยื่นโหลใส่คุกกี้ที่ทำกับมารดามาให้เขาด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่ตอนนี้กลับยื่นปืนมาให้เขาอย่างไม่หวั่นเกรง

“แกจะไม่เหลืออะไรธนิก ถ้าแกถอนตัวแกจะกลายเป็นแค่หมาขี้แพ้ตัวหนึ่งที่ไม่มีเงินทอง ไม่มีอำนาจ โลกที่ทุกอย่างขับเคลื่อนไปด้วยเงินจะไม่มีที่ให้แกยืนอยู่”

“ผมไม่เกี่ยงหากต้องไปขับวินกับน้องขวัญ”

“ถึงตอนนั้นขวัญพัฒน์จะอยู่ห่างจากแกเหมือนคนละโลกธนิก แกจะทำได้แค่รัก แค่มองจากที่ไกลๆ เพราะไม่ว่ายังไงแกก็ครอบครองไม่ได้และฉันไม่มีวันยกลูกชายให้กับคนที่ดูแลไม่ได้”

คำขู่ของเขมรัตน์ไม่เป็นผล เพราะธนิกไม่มีความลังเล ชายหนุ่มรุ่นลูกพยักหน้า ยอมรับทุกผลลัพธ์ที่จะตามมา “ผมไม่กลัว สำหรับผมในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าน้องขวัญ”

“งั้นก็แล้วแต่แก แต่อย่าซมซานกลับมาอ้อนวอนฉันอีก”

“ผมไม่ทำแน่ครับ ที่ผมจะขอจากพ่อก็แค่ให้พ่ออนุญาตและจัดการทำสิ่งที่ควรจะทำก็แค่นั้น” ธนิกยืนยันความต้องการหนักแน่น เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและทอดมองเขมรัตน์อย่างจริงจัง “ผมรู้ว่าพ่อรักแม่ของผม ถึงได้ยอมเลี้ยงดูผมมาทั้งๆ ที่เกลียดผม แต่ว่าตอนนี้เลิกปกป้องได้แล้วครับ พ่อว่าแต่ผม แต่พ่อก็ทำร้ายแม่ไม่ลง ผมขอนะครับ ครั้งนี้ให้แม่ทำผิดครั้งสุดท้าย อย่ายื่นมือเข้าไปช่วยอีก ผมขอตัวก่อนครับ มีธุระต้องไปจัดการ”

ธนิกยกมือลาแล้วหันหลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย ทิ้งเขมรัตน์ให้จมกับความคิดของตัวเอง

“เป็นไงพี่ คุยกับลุงรู้เรื่องไหม” ธนวัฒน์ ลูกชายของแขไขที่รออยู่นอกห้องทักขึ้นทันทีที่เห็นธนิก

“น่าจะรู้เรื่องที่สุดในรอบหลายปีที่เคยคุยกันมา” ธนิกตอบพลางคลายเนคไทออกเพื่อลดความอึดอัด “มึงก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ว่าแต่มาเมื่อไหร่วะ”

“มาถึงเมื่อกี้ครับ สี่ทุ่มเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน” ธนวัฒน์ยิ้มพรายอย่างชายหนุ่มขี้เล่น “อีกอย่างผมจะคุยกับใครได้ เรื่องผมก็ไม่ใช่ นี่วันก่อนแค่ดันทะเล่อทะล่าเขาไปหาตอนพี่คุยกับทนายหรอก โดนจับเป็นพยานเลยเนี่ย”

“ไอ้นิสัยเข้าห้องคนอื่นไม่เคาะประตูน่ะเลิกสักที”

“แม่ผมก็ด่าแบบนี้แหละแต่ผมไม่จำ ช่วงนี้อยู่แต่ต่างประเทศ ไม่มาบ่นให้ฟังก็เลยลืมๆ” ธนวัฒน์ยักไหล่ ยียวนจนโดนธนิกตบศีรษะเข้าให้ เจ้าคนขี้เล่นจึงร้องโอดโอยพลางยกมือขอโทษขอโพยเมื่อเห็นว่าจะโดนตบอีกรอบ “แค่นี้ก็โหดกับน้องกับนุ่ง”

“อย่างมึงใจดีด้วยไม่ได้ แล้วเวลาไปเมากับไอ้โมก็ไม่ต้องหลุดปาก”

“เรื่องนี้พี่โมไม่รู้เหรอ” ธนวัฒน์ถามอย่างแปลกใจ “ปกติพวกพี่คุยกันทุกเรื่องนี่”

“เออน่า”

“เลี้ยงเหล้าผมเลย ค่าปิดปาก รับรองจะปิดสนิท แถมช่วยกันพี่นิ่มให้ด้วยนะพี่ แต่ขอเหล้าแพงๆ ให้สมกับฤทธิ์เดชของแม่เจ้าประคุณหน่อยนะ” ธนวัฒน์พูดทีเล่นทีจริงตามประสาคนไม่มีเรื่องในชีวิตให้เครียดมากนัก “ทั้งจิกทั้งข่วน เล็บยาวอย่างกับผีปอบ”

“พูดอย่างกะผู้หญิงที่มึงนอนด้วยไม่เคยข่วนหลังมึง”

“แบบนั้นยิ่งข่วนยิ่งเสียวไง แต่ว่าที่เจ้าสาวพี่ยิ่งข่วนยิ่งเจ็บ ปากก็ร้าย ด่าผมทีขนมาทั้งเขาดิน พอต่อหน้าพี่นี่เรียบร้อยเชียว ผมว่าถ้าแต่งงานกันจริงๆ พี่พาไปรักษาด้วยนะ ไม่ใช่กับจิตแพทย์อะ แต่กับหมอผี ปราบวิญญาณร้ายให้สิ้นซากที” ธนวัฒน์ว่าแล้วก็ทำหน้าสยอง รอยข่วนที่แขนของเขายังเห็นชัดอยู่เลย ส่วนธนิกก็ได้แต่หัวเราะ

“เออพี่ พี่โมโทรมาบอกให้พี่อ่านไลน์ด้วยน่ะ ไม่รู้มีเรื่องสำคัญอะไร ผมเลยบอกว่าพี่ติดธุระสำคัญอยู่”

“กูปิดมือถือ ตอนคุยกับพ่อไม่อยากให้ใครกวน” ธนิกบอกพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดเครื่อง “ยังไงก็ขอบใจมึงนะไอ้วัฒน์ ทำตัวกะโหลกกะลาไปวันๆ แต่พอจะใช้งานทีก็มีประโยชน์ดีเหมือนกัน”

“โห พี่ พูดแบบนี้เอารองเท้าฟาดหน้าผมเลยก็ได้ แค่แม่ด่าผมปัญญาอ่อนทุกวันก็เจ็บหัวใจมากพออยู่แล้ว คุณแขไขน่ะปากร้าย ไม่เหมือนป้านิษแม่พี่ ใจดีกับผมอะ เมื่อก่อนทำขนมให้กินบ่อยๆ ด้วย คิดแล้วไม่น่าโตเลย โตมาแล้วปวดหัว”

ธนิกได้แต่ส่ายหน้าระอาใส่คนที่ไม่รู้จักโต เขาพูดคุยกับธนวัฒน์จนเดินมาถึงที่รถ ระหว่างทางก็เคลียร์แจ้งเตือนในโปรแกรมสนทนาไปด้วย ปฐพีส่งข้อความมาถามแค่ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่อีกห้องแชทหนึ่งจากแอคเคาท์ที่ไม่คุ้นเคยกลับทำให้เขาลืมที่จะตอบกลับข้อความของเพื่อนรัก เพราะรูปที่ส่งมาในห้องแชทเวลาเกือบสามทุ่มนั้นทำเอาชาไปทั้งร่าง





T. : อย่าลืมเปิดดูกล้องย้อนหลังล่ะธนิก :)





“เฮลโหลวววว เป็นไรไปพี่ชาย” ธนวัฒน์โบกไม้โบกมืออยู่ตรงหน้า แต่สติของธนิกหลุดไปเสียแล้ว “พี่ธนิก ได้ยินผมป่าวพี่”

“เออ…” กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอก็นานหลายนาที ธนิกกระแอมเบาๆ มือที่จับโทรศัพท์มือถือสั่นเทาไปหมด “อืม...ว่าไงวะ”

“เห็นพี่นิ่งไปอะ ผมแค่จะบอกว่าผมจะไปแล้ว ส่วนหลักฐานพวกรูปภาพกับคลิปที่พี่ให้ผมมาอะ ผมให้เพื่อนที่เป็นตำรวจไปเรียบร้อยแล้วนะ แต่จะจัดการยังไงมันจะบอกอีกที เพราะไม่มีการแจ้งความเอาผิดอะ ตอนตายก็สรุปว่าเสียเลือดมากจากการฆ่าตัวตาย แต่ผลชันสูตรอวัยวะภายในก็คงเอื้อต่อรูปคดีอยู่ แต่ก็ยังมีแต่อีกแหละพี่ น้าขวัญข้าวตายไปหลายปีแล้วอะ ตั้งแต่น้องขิมอยู่มอห้าจนตอนนี้น้องเรียนจะจบมหาลัยแล้ว ส่วนคลิปที่ทรมานน้องขิมนี่ ต้องปรึกษากับทนายอีกที” ธนวัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดกับนิสัยขี้เล่น ในขณะที่ธนิกกำลังรวบรวมสติของตัวเองรับฟังให้มากที่สุด “ผมเอาใจช่วยพี่นะ เพราะพี่เหมือนดวงอาทิตย์ ไอดอลเลยยย”

“ดวงอาทิตย์อะไรของมึง ชอบเพ้อเจ้อเหมือนไอ้โมไม่มีผิด”

“พี่โมก็บอกว่าพี่เพ้อเจ้อ ชอบเพ้อถึงแต่น้องขวัญ” ธนวัฒน์ว่า แต่ชื่อของขวัญพัฒน์กระตุกใจของธนิกให้ชาวาบ “ถึงว่าเดี๋ยวนี้ไม่ไปดื่มกับผมอะ ชวนทีไรก็ไม่ว่าง น้อยใจ”

“น้อยใจอะไร โตแล้วจะมาติดกูทำไมเนี่ย” ธนิกยกมือขึ้นขยี้หัวไอ้คนที่ชอบทำตัวเป็นเด็กตลอดเวลา “ไปกับไอ้โมบ่อยไม่หายเหงาอีกไง”

“คนที่ไม่ใช่พี่ทำดีก็แทนไม่ได้ จำว้ายยย”

“ไอ้เด็กหัวดื้อเอ้ย ไปได้แล้ว เดี๋ยวกูหาหลักฐานอะไรได้จะส่งให้อีก ฝากมึงจัดการด้วยก็แล้วกัน”

“รับทราบครับผม เพื่อพี่ธนิกให้ทำอะไรก็ยอมมม บุกน้ำลุยไฟก็ได้ทั้งนั้น”

“อาแขคงดีใจน้ำตาไหลที่มึงอยู่ข้างกู”

“แม่จะยังไงก็ช่าง ไม่เกี่ยวกับโผ้มมม”

“เหนื่อยใจแทนแม่มึงมากไอ้วัฒน์ ไปละ ไว้เจอกัน”

ธนิกแยกตัวขึ้นรถตัวเองส่วนธนวัฒน์ก็เดินไปขึ้นรถอีกคัน





ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือหนายังคงสัมผัสศีรษะได้รูปของขวัญพัฒน์อย่างแผ่วเบา ตัวก็แค่นี้...แต่สู้มาได้ถึงขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว เขาดีใจที่ขวัญพัฒน์เข้มแข็งขึ้น ยังจำวันที่คนร่างผอมกรอกยาพาราทั้งกำมือใส่ปากได้อยู่เลย แต่ขวัญพัฒน์ก็ผ่านมาได้และคงตั้งแต่วันนั้นแหละมั้งที่เขาเกลียดการมีตัวตนของตัวเอง

รักก็ไม่ได้แต่ให้ปล่อยไปก็ใจไม่แข็งพอ

เขาควรทำยังไงกับคนที่ชื่อขวัญพัฒน์คนนี้ดี เฝ้าคิดถามตัวเองมาตลอด จนสุดท้ายก็แน่ใจแล้วว่าปล่อยมือบางคู่นี้ไม่ได้

การมีอยู่ของขวัญพัฒน์คือความสุข ไม่ต้องอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ แต่แค่ได้มองเห็นตลอดไปก็ยังดี

“สุดท้ายแล้วพี่อาจจะไม่เหลือใคร แต่พี่ก็ยังดีใจนะที่ได้เจอขวัญและในช่วงเวลาหนึ่งเราก็เคยมีความสุขด้วยกัน”

เขาก้มลงเหนือหน้าผากเนียนแล้วกดจูบลงไปเบาๆ “หลับฝันดีนะ”

ฝันดีที่อาจจะไม่มีพี่อยู่ในนั้น แต่ไม่เป็นไร แค่ขวัญฝันดีก็พอแล้ว

............TBC.................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นและขอบคุณที่ร่วมเดินทางด้วยกันมาค่ะ คุณธนิกมาค่อนทางแล้ว ใกล้ที่จะถึงปลายทางเต็มทีแล้ว เพราะฉะนั้นจับมือไปด้วยกันจนจบนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 06-10-2018 18:02:09
น้องขวัญลูก หัวใจพี่จะวาย  :m25:

แต่ละคนมีหลายด้าน มีเรื่องปกปิดเยอะเหลือเกิน
แต่ละคำพูดแต่ละการกระทำจริงไม่จริงก็ไม่รู้
จิตใจของคนเราลึกจนยากจะหยั่งถึงเหมือนที่น้องขวัญบอกจริงๆ
โดยเฉพาะคุณเขมรัตน์เนี่ยรักขิมแต่ให้Mr.Tข่มขืนขิม  :a5:
แล้วยังความรู้สึกต่อธนิษฐา ต่อคุณธนิกอีก
จะเป็นผู้ชายที่เข้าใจยากอะไรขนาดนี้กัน

หวังว่าน้องขวัญกับคุณธนิกจะได้อยู่ด้วยกันทั้งสัปดาห์จริง
งัดมาให้หมดทุกท่าเลยน้องขวัญ *ปูเสื่อรอ*

 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 06-10-2018 18:12:20
มิสเตอร์ทีนี่พี่โมแน่เลย ขำแชทที่สองพี่น้องคุยกัน ตอนจบให้สองพี่น้องหนีไปอยู่ต่างประเทศกันแค่สองคนได้มั้ยคะ55555555555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-10-2018 18:14:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-10-2018 18:29:28
ช่วงแรกก็ร้อนแรงดีหรอก  :haun4: แต่พอมาช่วงหลังให้ความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูงอะ  :a5: เอาเป็นว่า"สู้ต่อไปนะทุกคน"ไม่รู้จะเอ่ยคำใดแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 06-10-2018 18:36:38
น้องขวัญโคตรยั่ว !!!

อยากเห็นน้องขวัญยั่วคุณธนิกบนมอเตอร์ไซต์บ้างจัง
 :hao6:  :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-10-2018 18:57:25
ไว้ใจใครไม่ได้สักคน โลกนี้อยู่ยาก
ซบอกชนะดีกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 06-10-2018 19:01:06
ยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้จะสงสารใครดีเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-10-2018 19:20:31
เอาใจช่วยขวัญกะขิม ตบตวร้ายให้หน้าหงายไปเลย

ที่เหลือก็ใช่ว่าจะชอบนะ โดยเฉพาะมิสเตอร์ที
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-10-2018 19:33:26
ปวดหมองตืบ หลายปมเกิน   :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 06-10-2018 20:01:59
จะจบยังไงน้ออออออ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 06-10-2018 20:34:14
น้องขวัญร่างยั่วนี่สุดจริงงงง   :m25:
พี่นิกเริ่มกลับมาทำตัวเหมือนพระเอกละ  o13 :katai2-1:
ขอบคุณคนเขียนที่มาลงให้อ่านทุกวันนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ เยิฟฟฟ  :m1: :m3:

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 06-10-2018 20:46:08
ปมเยอะ จนอยากรู้ว่าใครร้ายที่สุด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-10-2018 20:50:38
ซับซ้อนซ่อนเงื่อน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-10-2018 21:03:08
ร้ายสุดเป็นพระราชานี่เอง ความรักแบบไหนเนี่ย ทำได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 06-10-2018 21:13:32
ปฐพี(โม)ใช้แอคฯไลน์คนละแอคกับ T สรุป ใช่คนเดียวกันจริงดิ? แล้ววัฒน์นี่ยังไง จะใสซื่อจริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ไม่ได้นะ มาผิดเรื่องแล้ววัฒน์

สรุป นี่แผนซ้อนแผนซ้อนแผนซ้อนแผน กันกี่ชั้นเนี่ย โอ๊ยยยย  :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 06-10-2018 21:24:45
นี่จะเกลียดคุณธนิกไม่ได้จริงๆหรอ อารมณ์เหมือนโกรธผัวอะ โกรธแต่เกลียดไม่ลง ยอมโง่ต่อไปเรื่อยๆงี้ ฮือ  น้องขวัญลูกกกกกกกกกกกก ร้ายมาก พี่ปลื้ม!! ชอบความร้าย  ส่วนอีตามิสเตอร์ทีคือโมจริงๆใช่ไหมเนี่ย เหมือนคุณธนิกจะรู้อะไรเยอะแยะเลยนะคะ แต่ท้ายสุดแล้วจบยังไงก็ได้ค่ะที่ไม่ใช่ให้คุณธนิกไปขับวิน อันนี้ทำใจลำบากจริงๆ5555555555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 06-10-2018 21:45:21
 :m15:. :m10: ตอนนี้ขวัญอับเลเวลได้ทะลุปลอทมากแรงจริงเล่นสะเลือดเกือบหมดตัว :pighaun:
คุณธนิกเลือกแล้วจริงใช่ไหมไม่กากแล้วนะหวังว่าพอแม่กลับมาจะไม่กลับไปกากเหมือนเดิมนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-10-2018 21:51:09
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปหมด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 06-10-2018 22:56:40
คือพ่อก็รู้เรื่องมาตลอด แถมเป็นแผนของพ่อด้วย นี่เข้าใจถูกป่ะ แทบจดผังแล้วอ่ะ ใครเอ่ยถึงใคร โค้ดเนมก็มี โอ๊ยยยยยยยยยยย ซับซ้อนไปอีก แต่ตรงที่พ่อพูดถึงขิมคือ ยิ่งสงสารขิมเลยอ่ะ  :hao5: :hao5: :hao5: ยังไงก็เอาใจช่วยขวัญละ ธนิกด้วยจะขัดใจแม่ยังไง ฮือออออออออออ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 07-10-2018 00:20:33
สรุปเรื่องนี้ใครร้ายกว่าใคร
ทั้งร้ายทั้งรักอย่างนี้ก็ได้เหรอ เรื่องมันชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-10-2018 03:42:50
หูยยยย นี่แทบอยากจะลุกขึ้นปรบมือดังๆกับจุดพลุฉลอง ในที่สุดพี่นิกก็ลุกขึ้นสู้แล้ว ถึงจะไม่ได้สู้เองแต่ยืมมือคนอื่นสู้ก็ถือว่าสู้เหมือนกัน ส่วนมิสเตอร์ทีนี่ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดว่าใช่พี่โม แต่....ธนวัฒน์ชื่อนี้เข้ามาแบบใสซื่อมันเลยรู้สึกแปลก ยิ่งเรียกพี่นิกว่าพระอาทิตย์ยิ่งทำให้เราเขว เอ๊ะ หรือคนนี้คือมิสเตอร์ทีตัวจริงกันแน่นะ โอ้ย ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง ยิ่งงงก็ยิ่งสงสัย เรื่องนี้หนักหนากว่าไร้พ่ายนักตรงที่ไม่สามารถเชื่อใจใครได้เลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 07-10-2018 07:47:59
มิสเตอร์ที = ธนวัฒน์?? :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-10-2018 11:31:20
กับพี่นิกนี่เหมือนทั้งรักทั้งเกลียดอ่ะ เกลียดความไม่เด็ดขาด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 07-10-2018 11:48:12
หึยยยยยยยยยยยยยย คือ ณ ตอนเนี้ย มองไม่เห็นหนทางที่เรื่องมันจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าในช่วงสถานการณ์การที่บีบคั้นระยะเวลาเพียงเล็กน้อยจะทำให้ขวัญพัฒน์เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้อ่ะ ตั้งแต่อ่านมาตั้งแต่ตอนแรกไม่เคยคิดเลยว่าขวัญจะร้าย จะขี้ยั่วได้ถึงขนาดนี้ ความรักแม่งเปลี่ยนแปลงคนได้จริงๆอ่ะ เอ้าสิ แตกเป็นแตก

ธนิกเหมือนเตรียมการต่างๆไว้เพื่อวางมือจากอำนาจที่เคยต้องการในอดีตแล้ว แม้กระทั่งขวัญเองธนิกก็ดูยอมจะปล่อยมือเพื่อให้ขวัญได้มีชีวิตที่สงบสุข(?) ธนิกต้องการรื้อคดีการตายของขวัญข้าวกับแจ้งข้อหาเรื่องที่ขิมโดนทำร้ายใช่ไหม แสดงว่าต้องการเอาผิดแม่ตัวเองแล้ว?

แขไขอยู่ฝ่ายเดียวกับพ่อใช่ไหม ดั้งนั้นเลยส่งจอยไปคอยเป็นหูเป็นตาดูแลขวัญ แต่น้าลีเหมือนจะไม่ใ่ช่น้าแท้ๆของขวัญพัฒน์ น่าจะเป็นคนที่ชอบแม่ของขวัญพัฒน์มากๆจนยอมเลี้ยงลูกของ ผญ ที่ตัวเองรัก เขมรัตน์เลยมองว่าลีลาเป็นคนคล้ายๆศัตรูหัวใจ(?) เลยสั่งเก็บลีลา แต่ทำไมถึงมาฆ่าเอาตอนที่ขวัญโตแล้วล่ะ ทำไมปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาขนาดนี้?  แต่ตอนนี้ก็เคลียร์แล้วว่าทำไมขิมถึงมีรูปตอนก่อนน้าลีจะตาย เพราะขิมเอามาจากมิสเตอร์ที(ที่ตอนนั้นกำลังคั่วกันอยู่) แล้วมิสเตอร์ทีก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่น้าลีกำลังจะตาย

สรุปคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องบ้าๆนี้คือเขมรัตน์ ที่แต่งเมียรักอย่างธนิษฐาแต่ก็ยังไปเป็นชู้กับขวัญข้าว ทำให้เกิดดราม่าเลือดข้นคนจางอยู่ในขณะนี้ :hao6: บ้าไปแล้ววววววว กลายเป็นว่าตอนนี้จะด่าใครเลวก็ด่าได้ไม่เต็มปาก เพราะแต่ละคนที่ทำร้ายคนอื่นต่างก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น ที่ทำไปก็เพราะต้องการปกป้องตัวเองและเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก แต่เพราะการกระทำมันส่งผลร้ายต่อคนอื่นไง เลยแยกไม่ออกว่าทำเพราะอยากให้คนที่ตัวเองรักได้สิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี หรือเพราะเห็นแก่ตัว ให้ตัวเองได้พอใจกับสิ่งที่ทำลงไปแม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้คนที่ตัวเองรักเสียใจก็ตาม

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 22 06/10/2018 Page 20
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 07-10-2018 12:18:34
นี่ใช่ขวัญพัฒน์วินตอนต้นเรื่องจริงดิ อัพเวลความยั่วขึ้นสูงมาก ทุกคนมีหลายด้าน มีหลายปมเกิน จะโกรธคุณธนิกแต่ก็โกรธไม่ลง :mew5:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 07-10-2018 19:56:17
ตอนที่ 23


“มึงอยู่ไหนธนิก” เสียงเข้มจัดของปฐพีดังมาตามสายจนธนิกต้องรีบรุดไปที่ระเบียงเพื่อพูดคุยกับเพื่อนรัก ไม่อยากรบกวนเวลานอนของขวัญพัฒน์ที่ยังคงหลับใหล

“อยู่กับขวัญ” ธนิกตอบตามตรง เขาเท้าแขนกับระเบียงพลางทอดมองภาพทิวทัศน์เมืองใหญ่ยามใกล้รุ่ง “มีอะไรวะไอ้โม โทรมาเกือบตีสี่”

“นิ่มรัวแชทมาหากูตั้งแต่ตีสอง เพราะเขาโทรหามึงไม่ติด ไลน์ก็ไม่อ่าน” ปฐพีพูดเสียงเครียด “มึงเป็นเหี้ยอะไรอีกกูถามจริง”

ธนิกขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังถ้อยคำ “แป๊บ เช็กก่อน” เขาลดโทรศัพท์มือถือลงแล้วเปิดเช็กเบอร์โทรเข้าโทรออกรวมไปถึงโปรแกรมแชทที่ปฐพีพูดถึง “ไม่มีนะไอ้โม”

“น้องขวัญคงบล็อกเบอร์กับไลน์นิ่มในเครื่องมึงแล้ว” ปฐพีว่า ในขณะที่ธนิกหลุดหัวเราะ “ไม่ใช่เรื่องตลกไอ้ห่า เดี๋ยวแม่เจ้าประคุณผีเข้า น้องตายคามือแน่”

“ขวัญแม่งมีอะไรมาให้กูตื่นเต้นตลอดเลยว่ะ น้องโคตรได้ใจกูเลยโม กูไม่เคยรู้สึกกับใครอย่างนี้มาก่อนจริงๆ” ธนิกยกมือขึ้นลูบใบหน้าแต่ก็ยังลบรอยยิ้มไปไม่ได้ “ทำไงดีวะ กูติดน้อง หลงน้องจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ทั้งเด็ด ทั้งเผ็ด ทั้งน่ารัก ทุกอย่างอยู่ในตัวขวัญพัฒน์คนเดียว”

“แล้วขวัญพัฒน์คนเดียวนี่ก็กล้าบวกกับนิ่มด้วย มึงรู้ไว้ว่าน้องส่งรูปตอนพวกมึงเอากันไปให้นิ่มดู ไอ้ขิมมันยังไม่กล้าเลย นิ่มก็เลยรัวแชทมาหากูอย่างกับคนบ้าจนกูแทบไม่ได้นอน”

คำบอกเล่าของปฐพีทำเอาธนิกกลั้นขำไว้ไม่อยู่ เขาคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ “เหี้ยเอ้ย เมียกูแสบใช่เล่น แล้วทำไมมึงไม่ได้นอน ปิดแจ้งเตือนไปก็หมดเรื่อง ไม่ต้องสนใจ”

“เออน่า” น้ำเสียงของปฐพีแปร่งไปเล็กน้อย พร้อมกันนั้นธนิกก็ได้ยินเสียงประหลาดจากปลายสาย เป็นเสียงเตียงที่ลั่นเอี๊ยดๆ และเสียงครางแผ่วเบา “เหี้ย แป๊บนึง”

“ไปทำธุระให้เสร็จก่อนไป ไว้ค่อยคุย”

“ไม่เป็นไร เรื่องมึงสำคัญกว่า” ปฐพีว่า ธนิกได้ยินเสียงขลุกขลัก เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่โทรคุยกับปฐพีตอนดึก เหมือนเจ้าเพื่อนยากมีกิจกรรมเข้าจังหวะทุกวัน แล้วแต่ช่วงเวลา ซึ่งธนิกไม่เคยก้าวก่าย ปฐพีเป็นแบบนี้มานานแล้ว หนุ่มโสดตัวคนเดียว ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนและไม่เคยเห็นปฐพีควงใครคนไหนมาหลายปีแล้ว แต่ก็รู้นั่นแหละว่ามันมีคนของมัน โดยที่ธนิกก็ไม่เคยถาม ถือคติที่ว่าเพื่อนไม่เล่าก็คือยังไม่พร้อมจะเปิดตัว “แล้วตกลงยังไง มึงจะอยู่กับขวัญแล้วปล่อยกูดูไอ้เด็กขิมให้เหรอวะ”

“ช่วยหน่อยละกัน”

“กูก็มีธุระของกูมั้ย มึงไม่กลับมาดูมันเองวะ”

“ไม่” ธนิกปฏิเสธเสียงแข็ง “กูจะอยู่กับขวัญ กูลางานแล้วด้วย จะขังตัวเองอยู่ในห้องกับขวัญสองคน”

“เดี๋ยวๆ” ปฐพีเบรกแทบไม่ทัน “มึงจะทำอะไรอีก”

“กูตัดสินใจแล้วว่ะโม” ธนิกบอกอย่างหนักแน่น “กูจะคุยกับแม่เรื่องนิ่ม กูจะไม่แต่ง”

ปฐพีเงียบไป ธนิกได้ยินเสียงเตียงลั่นอย่างรุนแรงและเสียงหวีดร้องครวญครางเมื่อสนามรักร้อนระอุขึ้น เขาลดโทรศัพท์มือถือลง รอคอยให้เพื่อนซี้จัดการธุระให้เสร็จสิ้น คงเข้าช่วงสุดท้ายแล้ว เวลาบนหน้าจอยังคงเดินไป แต่ปลายสายปิดเสียงไปเรียบร้อย เขาจึงรอเกือบสิบนาทีกว่าที่ปฐพีจะกลับมาในสายอีกครั้ง

“โล่ง” ปฐพีบอกเสียงหอบเล็กน้อย “ว่าแต่เรื่องที่จะไม่แต่ง มึงพูดจริงเหรอวะ”

“อืม ฝืนไม่ไหวว่ะ เมื่อก่อนยังพอได้ แต่ตอนนี้กูมีขวัญ กูไปแต่งกับใครไม่ได้จริงๆ” ธนิกยอมรับอย่างหมดท่า ตอนนี้ไม่มีมาด ไม่มีฟอร์มใดๆ ให้ต้องรักษา เมื่ออยู่กับปฐพี ธนิกก็คือธนิก คนที่เปิดเผยตัวตน “แล้วถ้าแม่จะทำขวัญ กูคงต้องทำอะไรบ้าง”

“มึงเลือกน้องเหรอธนิก”

“อืม ไม่อยากปล่อยมือขวัญแล้ว”

“คิดดีแล้วเหรอ” ปฐพีถามย้ำ “ไม่กลัวจะเป็นเหมือนครั้งไอ้ขิมเหรอ คราวนี้ก็จะทิ้งทุกอย่างเพื่อขวัญอีกแล้วเหรอวะ”

“กลัว” ธนิกยอมรับ “แต่กูกลัวการไม่มีน้องมากกว่า มึงรู้มั้ยตอนที่กูเห็นภาพที่น้องเอากับคนอื่น กูหมายถึง...คนที่หน้าเหมือนน้อง เอากันในบ้านของกู บนเตียงของกู กูเหมือนจะตายให้ได้ มันจุก หายใจไม่ออก แน่นไปหมด ทรมานจนกูอยากเอาปืนไปยิงน้องแล้วยิงตัวกูตายตามไป กูแม่ง...โคตรไม่ไหวเลยตอนนั้น แต่อีกใจกูก็ยังเชื่อใจ กูคิดว่าน้องมีเหตุผลที่ต้องทำ กูรอน้องอธิบาย แต่น้องปล่อยกูรอ ตอนนั้นกูเอาแต่คิดว่ากูคงทำผิดกับน้องมาก น้องไม่แคร์กูเหมือนเดิม คงไม่อยากรอกูแล้ว สารพัดความรู้สึกอัดอยู่ในหัว”

“ธนิก แต่มึงเข้าใจใช่ไหมว่ามันไม่ง่าย การ์ดเชิญแจกไปแล้ว งานเริ่มเตรียมไปกว่าครึ่งแล้ว ทางฝั่งครอบครัวนิ่มจะว่ายังไงถ้ายกเลิกกลางครัน” ปฐพีเตือนสติของคนที่กำลังยืนอยู่บนความรู้สึกแทนที่จะเป็นเหตุและผล เขารู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องของขวัญพัฒน์แล้ว ธนิกจะกลายเป็นเด็กหนุ่มริรักขึ้นมาทันที

“ไม่ยกเลิกตอนนี้ วันงานกูก็ไม่ไปอยู่ดี” ธนิกไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อน เขาเตะเหตุและผลทิ้งไปตั้งแต่เมื่อวาน ตั้งแต่ที่รอขวัญพัฒน์ด้วยความทรมานอยู่หน้าบ้านของตัวเอง รอให้คนน่ารักออกมาหา ออกมาอธิบายโดยที่ตัวเขาไม่กล้าเหยียบเข้าไปในบ้าน เพราะกลัวภาพที่เห็นจะเป็นจริง กลัวว่าจะได้กลิ่น กลัวว่าจะเข้าไปเจอขวัญพัฒน์นอนกกกอดอยู่กับคนอื่น “แบบนั้นนิ่มคงเสียหน้ามากกว่า”

“เฮ้อ…” ปฐพีถอนหายใจมาตามสาย “กูต้องเหนื่อยกับมึงไปถึงไหน”

“เป็นเพื่อนกันแล้วก็ต้องเหนื่อยกับกูไปตลอดชีวิตนั่นแหละ”

“ซื้อทิ้งได้มั้ยคำว่าเพื่อนกับมึงเนี่ย ไม่มีประโยชน์อะไรต่อชีวิตกูเลยไอ้สัด”

“ขายแพงนะ มึงจะซื้อเหรอ”

“เท่าไรก็ว่ามา กูรวย”

ธนิกหัวเราะ “รวยก็รอเลี้ยงกูละกัน อีกหน่อยถ้ากูไม่เหลืออะไร มึงเตรียมซัพพอร์ตกูได้เลย”

“กลัวอะไรวะ น้องมันซัพพอร์ตมึงได้”

“ให้กูเกาะเมียกินเหรอ”

“เป็นแมงดาก็เท่ไม่หยอก”

“พ่อมึงเถอะไอ้โม” ธนิกสบถ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “กลัวก็แต่แม่จะคิดสั้นอีก กูคงบาปหนากว่านี้ถ้าทำให้แม่ฆ่าตัวตายครั้งแล้วครั้งเล่า เขามีแค่กูคนเดียว ไม่รู้ทำไมใครๆ ก็อยากตายเพราะกู บาปจนไม่รู้จะบาปยังไง”

“มึงไม่ผิด” ปฐพีคือคนที่คอยอยู่ข้างๆ คือคนที่บอกธนิกเสมอว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย “ตอนไอ้ขิม มันก็เลือกทำเอง คนอ่อนแอก็แพ้ไปดิวะ มึงจะมารู้สึกผิดทำไม”

“แต่กูใจร้ายกับขิมก่อน”

“มันนอกใจมึงก่อนไอ้ธนิก” ปฐพีเสียงกร้าว “มันนอนให้คนอื่นเอาตั้งกี่ครั้ง หักหลังมึง สวมเขาให้มึง ปากบอกว่ารักมึงแต่สุดท้ายก็มีคนอื่น พอมึงทิ้งก็กรีดข้อมือเรียกร้องความสนใจให้มึงกลับไปหา”

“แต่วันนั้นกูไม่ได้ไป กูยังรู้สึกผิดกับขิมมาจนทุกวันนี้”

“แม่มึงก็จะตายมั้ย กินยาไปเกือบยี่สิบเม็ดเพราะกลัวมึงกลับไปหาไอ้ขิม เรื่องนี้มึงก็ไม่ผิดอีกเหมือนกัน แม่มึงก็อีกคนนั่นแหละ อ่อนแอก็แพ้ไปโว้ย! ถ้าจะมีใครผิดก็กูนี่แหละ ที่ช่วยอะไรมึงไม่ได้สักอย่าง” ปฐพีว่าอย่างเหลืออด ไม่ชอบใจเลยที่ธนิกจมอยู่กับความรู้สึกที่บั่นทอนตัวเอง

“มึงจะผิดได้ไง วันนั้นถ้ามึงไม่ไปช่วยขิมให้ กูคงบวชไม่สึกไปแล้ว”

“มึงจะบวชได้ไง มึงไม่มีศาสนา” ปฐพีตัดบทเสียงเฉียบจนธนิกหัวเราะออกมา

“เออ ก็จริง แต่ตอนนี้กูมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแล้วเว้ย” ธนิกบอกอย่างอวดๆ “ลัทธิน้องขวัญ มีน้องขวัญเป็นศาสดา”

“อีกนิดนะ อีกนิดกูจะโทรเรียกคนไปรับมึงไปบำบัดแล้วไอ้สัด”

“อืม กูต้องบำบัดแล้วว่ะ โคตรติดแล้ว” ธนิกสารภาพด้วยรอยยิ้มเหนื่อยอ่อน “โดนรีดน้ำจนตัวจะแห้ง”

“น้องทำอะไรมึง” ปฐพีถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “เล่ามาไอ้เวร เปิดประเด็นให้กูเสือกแล้วต้องให้กูเสือกให้สุด”

ธนิกเผลอหายใจสะดุดเมื่อนึกถึงความเร่าร้อนของขวัญพัฒน์ ใบหน้าขาวเริ่มแดงก่ำ ก่อนจะสบถลั่นเมื่ออวัยวะกลางกายตื่นตัว “มึง...กูแบบแค่คิดก็จะไม่ไหว น้องแม่งให้กูนอนเฉยๆ แล้วใช้ปากให้ ตั้งแต่ห้องทำงาน แล้วก็ในรถ พอขึ้นคอนโดฯ มา ทุกที่ในห้องอะ น้องทำให้กูคิดถึงแต่ตอนทำกับน้อง ใช้ปากเก่งฉิบหาย กูไม่เคยรู้มาก่อน แล้วทำแต่แบบที่กูชอบ นิ้ว ลิ้น ปาก พลิ้วไปหมด เอวนี่ยิ่งพลิ้ว ไม่มีแล้วน้องขวัญคนใสๆ ของกู”

“เด็ดไม่เด็ด”

“โคตรแบบโคตรๆ เด็ด” ธนิกบอกด้วยน้ำเสียงของเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจ เขาเล่าทุกเรื่องในชีวิตให้ปฐพีฟัง จึงไม่คิดกระดากอาย เรื่องที่เล่าก็รู้กันอยู่สองคน ไม่มีใครเอาไปโพนทะนา สองเพื่อนซี้เป็นแบบนี้มานานแล้ว “ปกติกูก็รักก็หลงฉิบหายอยู่แล้ว มาเจอแบบนี้กูตายไปเลย ไม่แต่งกับใครหน้าไหนทั้งนั้น เมียเด็ดขนาดนี้”

“โอ๊ย น้อออ พร่ำเพ้ออย่างกะเพิ่งเคยได้กัน” ปฐพีว่าอย่างหมั่นไส้มาตามสาย

“ได้น่ะเคยได้แล้ว แต่เพิ่งเคยถูกน้องกิน แม่ง...แล้วเจ็ดวันต่อจากนี้ กูต้องขึ้นสวรรค์อีกกี่รอบวะ เจอกูอีกครั้งถ้ากูผอมไม่ต้องทักว่าป่วยนะ น้ำคงหมดตัว”

“ไอ้สัดธนิก มึงมันคนกาม” ปฐพีต่อว่า แต่ธนิกทำแค่หัวเราะร่วน “แล้วจะให้กูจัดการยังไงกับนิ่ม”

“ตามมึงเห็นสมควรละกัน อย่าเพิ่งให้มายุ่งวุ่นวายกับกู เดี๋ยวกูไปเคลียร์เองทีหลัง ขออยู่กับขวัญก่อน”

“ตัวเองหนีไปมีความสุขแล้วโยนทุกข์ให้กูทุกที” ปฐพีว่าอย่างเหนื่อยใจ

“เพื่อนก็มีไว้อย่างนี้แหละ”

“ด่าชั่วกูก็ยังรู้สึกไม่สาสม!”

“มึงเถอะ กับคนที่นอนให้มึงเอาน่ะ เมื่อไหร่จะเปิดตัวสักที” ธนิกวกกลับเข้าเรื่องของปฐพี “หลายปีแล้วนะคนนี้ ได้ยินแต่มึงบอกว่าเด็ด ไม่เคยได้เห็นตัวจริง กลัวอะไรอยู่วะ”

“ไม่ได้กลัว แต่กูไม่ได้จริงจังไงไอ้สัด” ปฐพีบอกเสียงเรียบ “เอากันมาหลายปีแต่มันก็แค่นั้นปะวะ”

“แค่นั้นไม่จริงน่ะสิ พ่อมึงบังคับแต่งงานอยู่ทุกวัน ถ้าไม่ติดอะไรก็ไม่แต่งไปล่ะ”

“ชีวิตกู กูเลือกเองครับ” ปฐพีบอกอย่างเท่ๆ “อีกอย่าง...แต่งไปก็ปัญหาเยอะ กูเลิกเอามันไม่ได้ ไม่อยากสวมเขาให้ใคร”

“นี่ไง มึงจริงจังแล้ว”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น” คนไม่ยอมรับปฏิเสธอย่างอ่อนใจ “มันซับซ้อนนิดหน่อย อย่ามารู้เรื่องกูเลย เอาเรื่องมึงให้รอด”

“ไม่รอดไม่เป็นไร ตายคาอกน้องขวัญก็ยอม” ธนิกพูดติดตลก แต่ปฐพีสบถดังลั่นมาตามสาย “เออ...มึง แล้วเป็นไง เรื่องมือปืนที่ยิงน้องกับพวกที่บุกขึ้นคอนโดฯ ขิม เป็นใครวะ”

“เรื่องมือปืนที่ยิง มันโดนฆ่าก่อนโดนจับ ตำรวจสาวถึงตัวได้แล้ว หนีไปกบดานที่สุโขทัย แต่ไปไม่ทัน โดนเก็บก่อน ส่วนพวกที่บุกขึ้นคอนโดฯ ไอ้ขิม กูว่าน่าจะเป็นคนของนิ่ม กูเช็กมือถือไอ้ขิมแล้ว มันคุยกับ X เค้นถามมันมันบอกไม่รู้จักว่าเป็นใคร X ส่งรูปตอนที่มันวิ่งไปจูบมึงที่ร้านกาแฟมา แล้วก็ด่ากราดมัน มันก็ด่าตอบ โต้กันไปโต้กันมานั่นแหละ แต่ตอนที่มันคบกับมึง ไอ้ X อะไรนี่ก็โผล่หัวมาไม่ใช่เหรอ แล้วมันก็โดนน้ำร้อนสาดหลัง”

“มึงจำแม่นนะ กูจำแทบไม่ได้” ธนิกกล่าวชื่นชม “ไอ้ X นี่รู้ว่าเป็นนิ่ม แต่คนสั่งจริงๆ อาจจะเป็นแม่กู”

“เออ คิดเหมือนกัน น้องไม่อยู่บ้านก็น่าจะมีแค่มึงกับแม่มึงที่รู้ ขนาดน้องหายไปไอ้คนเฝ้ามันยังไม่รู้เลยไอ้ห่า”

ธนิกถอนหายใจแรง “มึงว่าเส้นกั้นระหว่างคำว่ากตัญญูกับอกตัญญูอยู่ตรงไหนวะ”

“ไม่รู้ว่ะ เพราะกูก็คนบาป”

“ทำไมกูไม่คบเพื่อนดีๆ ก็ไม่รู้เนี่ยไอ้โม คบคนชั่วอย่างมึงตอบไรไม่ได้เลย” ธนิกแสร้งพูด แต่ปฐพีด่ากราดมาตามสายจนต้องยกโทรศัพท์มือถือออกห่าง ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไปก็ได้ยินเสียงประตูกระจกเลื่อนเปิดออก

“พี่นิกค้าบ” น้ำเสียงออดอ้อนของขวัญพัฒน์ดังขึ้นใกล้ๆ “คุยกับใคร ทำไมไม่ไปนอนกอดน้อง”

“พี่นิกคุยกับไอ้โมครับคนดี” ธนิกบอกเสียงนุ่ม ขยับเข้าไปหาขวัญพัฒน์ที่ยกมือขึ้นกอดเอวเขาไว้หลวมๆ แล้วซุกหน้ากับอกกว้างของเขา “นอนไม่หลับเหรอ”

“หลับไปแล้ว แต่สะดุ้งตื่น” ขวัญพัฒน์บอกเสียงอ่อน คลอเคลียเหมือนลูกแมวน้อยจนหัวใจของธนิกอ่อนยวบ “พี่นิกไปนอนกล่อมน้องหน่อย น้องนอนไม่หลับถ้าไม่ได้กอดๆ”

แม่ง...อยากรังแกคนง่วงนอน

“จูบพี่นิกก่อน เดี๋ยวพาไปนอนเลยครับ”

ขวัญพัฒน์เด็กดีว่านอนสอนง่าย บอกให้จูบก็จูบ ริมฝีปากเล็กดูดงับกลีบปากหนาพลางใช้ฟันขาวขบกัด พอธนิกแลบลิ้นให้ก็ดูดกินราวกับเด็กน้อยหิวเยลลี่ พอกินอิ่มแล้วก็มองตาปรือ “ง่วงแล้วค้าบ”

“แป๊บ” ธนิกบอกแล้วยกโทรศัพท์มือถือขึ้น “มึง กูไปนอนก่อนนะ เจ็ดวันจากนี้กูจะปิดโทรศัพท์ ไม่ต้องห่วง”

“ไอ้สัด นึกว่าตายห่าคาอกน้องไปแล้ว” ปฐพีว่าพลางถอนหายใจใส่ธนิก “เอาไงก็เอา แต่มึงคงรู้นะว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น”

“เออ เตรียมใจแล้ว ไปละมึง โชคดี”

“อืม โชคดี บอกตัวเองเถอะมึง”

ธนิกวางสายจากปฐพี ก่อนจะก้มลงมองคนในอ้อมกอดที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองเขาตาแป๋ว “ตาใสเชียว ไม่ง่วงแล้วเหรอ”

“มันจะสว่างแล้วอะ จะตีห้าแล้วอยู่ดูพระอาทิตย์ขึ้นกับพี่นิกดีกว่า” ขวัญพัฒน์บอกเสียงงัวเงียเล็กน้อย แต่ดวงตาคู่สวยยังเปล่งประกายน่ามอง ดูไม่เหมือนคนง่วงนอนเลยสักนิด “แต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นทำอะไรดีน้า”

“น้องขวัญอยากทำอะไรล่ะครับ”

“กินพี่นิกที่ระเบียง” ขวัญพัฒน์ว่าพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก มือบางลูบไล้กายหนา ไล่ตั้งแต่อกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ไต่ระดับลงมาถึงหน้าท้องเป็นลอนสวย แวะคลึงนิ้วที่แอ่งสะดือแล้วหายลับไปในกางเกงนอน

ธนิกเกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อถูกมือเล็กกอบกุมแกนกาย เขากัดฟันข่มอารมณ์ที่เริ่มโหมกระหน่ำ “น้องขวัญ” เสียงของธนิกขาดห้วง เขาเชิดหน้าขึ้นเมื่อถูกริมฝีปากบางเล่นงาน ผิวกายแต่ละส่วนถูกดูดกัด ขวัญพัฒน์ขี้เล่น ใช้ปากเล็กเล่นไปซะทุกส่วน บางทีก็กัดกล้ามเนื้อของเขาจนขึ้นรอยฟัน

“พี่นิกอร่อย” ขวัญพัฒน์มองเขาตาฉ่ำ แลบลิ้นเล็กเลียผิวแก้มของเขาแล้วลากลงมาที่ลำคอพลางนิ้วเรียวก็ค่อยๆ เกี่ยวขอบกางเกงของเขาลงต่ำจนเผยให้เห็นแกนกายแข็งขืนที่ถูกซ่อนไว้ ขวัญพัฒน์แสร้งทำตาโต ปัดนิ้วลากผ่านส่่วนที่เปรอะไปด้วยน้ำใส “น้องขวัญกินได้มั้ย”

“จัดการเลยที่รัก” ธนิกเอ่ยอนุญาต เขาเฝ้ารอให้ขวัญพัฒน์กลืนกินแทบจะขาดใจ แต่ริมฝีปากของขวัญพัฒน์ยังไปไม่ถึงจุดหมาย คนชอบยั่วแวะเวียนตรงจุดนั้นจุดนี้ เล่นจนสติของเขาเกือบกระเจิงหาย ลิ้นเล็กหมุนวนที่เม็ดทับทิม สลับสับเปลี่ยนไปมา ก่อนจะวนที่แอ่งสะดือของเขาพลางลากลิ้นไปตามกล้ามเนื้อเป็นลอน ดูดชิมจนเกิดรอยไปหลายรอย แล้วจากนั้นก็ลากผ่านลงไป เขามองตามพลางเผลอกลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากของขวัญพัฒน์เคลื่อนผ่านลงไป ลิ้นเล็กแค่แลบเลียมาแตะส่วนหัวแล้วลงไปให้ความสนใจกับส่วนอื่น

“น้องขวัญ...” ธนิกพูดได้เท่านั้นก็เชิดหน้าขึ้นเมื่อริมฝีปากปากครอบครองหนึ่งลูกแห่งความกระสันเข้าเต็มคำ ขวัญพัฒน์ตัวแสบเล่นงานเขาซะจนอยู่หมัด คนตัวเล็กดูดกลืนเข้าไปในปาก หายวับไปหลายวินาทีพอๆ กับที่เขากลั้นหายใจตามพร้อมกันนั้นมือเล็กก็ขยับเข้ามากอบกุมแกนกายบวมเบ่งที่ไม่ได้รับการสัมผัส มือของขวัญพัฒน์ขยับขึ้นลงในขณะที่ริมฝีปากก็สู้ไม่ถอย

“พี่นิกกางขาแล้วย่อตัวลงหน่อย” ขวัญพัฒน์สั่ง ริมฝีปากวาววับไปด้วยความชุ่มฉ่ำ ผิวหน้าขาวแดงก่ำ ดวงตาปรือปรอยอย่างน่าย่ำยี “อือ แบบนั้น”

“อะ...ซี๊ดดด..ด น้องขวัญ” ธนิกจะขาดใจแล้ว ขวัญพัฒน์อ้าปากงับตรงจุดเดิมก่อนจะแลบเลียจุดเชื่อมระหว่างเส้นทางแล้วทำสิ่งที่เขาไม่คาดคิด ลิ้นเล็กปรนเปรอช่องทางข้างหลังของเขา ความรู้สึกสุขสมเต็มตื้นอยู่ในใจ เมื่อขวัญพัฒน์ปรนเปรอเขาอย่างต่อเนื่อง “ขวัญ พี่...จะ”

ขวัญพัฒน์ส่งยิ้มให้ รอยยิ้มยั่วทำให้ธนิกอยากจะจับคนตัวเล็กกว่าลงโทษ แต่เพราะอยากรู้ว่าจะถูกกินอย่างไรต่อไปจึงได้แต่เฝ้ารอแล้วเขาก็ต้องครางลั่นเมื่อจู่ๆ ริมฝีปากเล็กก็ครอบครองแกนกายของเขาเข้าไปในปากจนเกือบหมด ในโพรงปากของขวัญพัฒน์คับแน่นและอุ่นร้อน ลิ้นของขวัญพัฒน์ก็ตวัดชิมของเขาอย่างเชี่ยวชาญเหลือเกิน เขาเผลอขยับสะโพก กระทุ้งเข้าหาความอุ่นนุ่มจนส่วนปลายดันกับกระพุ้งแก้ม ขวัญพัฒน์ส่งเสียงอึกอักแต่ก็ยังขยับศีรษะตามจังหวะของเขา

พระอาทิตย์ใกล้ขึ้นเต็มทีแล้วแต่ธนิกไม่อาจให้ความสนใจได้ ตอนนี้เขาสนใจแค่ขวัญพัฒน์ที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าและกำลังกินเขาอย่างถึงใจ สะโพกของเขาขยับรัว ครางต่ำยาวนานเมื่อกระตุกสั่นอยู่ในโพรงปากของขวัญพัฒน์

“อาา..า ขวัญ ที่รักครับ ฮึ่มม สุดจริงคนดีของพี่” เขาชมเมื่อขวัญพัฒน์ยังคงดูดกินน้ำรักของเขา ริมฝีปากเล็กช่วยรีดเค้นให้ออกมาทุกหยาดหยดและตอนนี้ยังช่วยทำความสะอาดโดยการลากลิ้นขึ้นลง

ภาพนี้สวยยิ่งกว่าพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าเสียอีก









Friday, 03:40 AM

K. : ขิม

เขมินทรา: ใคร

K. : อย่าโง่ไอ้สัดน้อง กูเอง

เขมินทรา: ไอ้สัดพี่ มึงเหรอ เหี้ย เงียบหายไปสองวัน กูนึกว่ามึงตายไปแล้ว

K. : กูยังไม่ตายไอ้น้องโง่ แต่ไม่ได้เล่นมือถือ

เขมินทรา: แล้วนี่มึงเล่นอะไรวะ

K. : มือถืออีกเครื่อง เครื่องหลักเอาใส่ตู้คล้องแม่กุญแจกับมือถือพี่นิกไปแล้ว

เขมินทรา: นี่มึงเอาจริงเหรอ กูนึกว่ามึงพูดเล่น แล้วพี่ธนิกแม่งก็บ้าไปกับมึงด้วย

K. : กูก็ตกใจเหมือนกันนั่นแหละที่เขาตกลง แล้วมึงเป็นไงบ้าง

เขมินทรา: เหี้ยมากไม่อยากจะพูด กูติดแหง็กอยู่ในบ้านเนี่ย อย่างกับนักโทษ ขยับตัวทีก็อึดอัด ไม่กล้าขี้กล้าเยี่ยวเลยจ้า มีกล้องเยอะเกินไปมั้ย บ้านหรือคุกกูแยกไม่ออกแล้ว

K. : เออ ทนๆ ไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีละ

เขมินทรา: มีน่ะมี แต่พี่โมของมึงจัดการเรียบร้อย

K. : ยังไงวะไอ้ขิม เกิดอะไรขึ้นกับมึง

เขมินทรา: อีพี่นิ่มมันเข้ามาในบ้าน บุกมากระชากหัวกูลงจากเตียงเลย กูเมาขี้ตา ยังอึ้งๆ อยู่ มันเอาเพื่อนของมันมาด้วย ดูโอ้นรกฉิบหาย แต่พี่โมของมึงมันมาพอดี กูก็เลยรอด

K. : มันทำอะไรมึงบ้าง บอกกู

เขมินทรา: ตบ แต่เพื่อนผู้ชายมันชกปากกูแตกอะ ใส่ยาแล้วยังไม่หาย หน้ากูระบมหมด นี่ก็เจ็บเลยนอนไม่หลับ

K. : อินิ่มอิเหี้ย มันต้องเจอกู

เขมินทรา: ไอ้สัดพี่มึงสู้คนเหรอ

K. : กูนักเลงเก่า แต่กูไม่ตบผู้หญิง หมาหมู่กูไม่สู้ แต่ตัวตัวกูไหว

เขมินทรา: กูก็ไม่ทำผู้หญิง แต่โดนตบแล้วมึนก็เลยสวนหมัดอิผู้ชายไม่ทัน โดนหมัดมันไปทีกูล้มกลางอากาศไปเลย แล้วอิพี่นิ่มก็ขึ้นคร่อมตบกูรัวอย่างกับฝึกตบวอลเล่ย์

K. : บอกมิสเตอร์ทีไปเก็บมัน อีคุณนิ่มมันต้องเจอสักทีอะ แม่พี่นิกให้ท้ายมัน มันก็เลยกล้า รหัสเข้าบ้านก็รู้ พี่นิกบอกว่าแม่พี่นิกบอกมัน กูว่าธนิษฐานี่ควรโดนสักทีเหมือนกัน เหี้ยไรกับชีวิตลูกนักหนา

เขมินทรา: เออ มึงก็ระวังหน่อยนะ แม่ผัวมึงอะใช่เล่น โรคจิต มันกลับมาละนี่ มึงเอาลูกมันไปกก มันตามฆ่ามึงแน่

K. : มันจะฆ่ามึงก่อนถ้ามึงไม่แสดงเป็นกูให้แนบเนียน กูมีประโยชน์กับมันอยู่ ตราบใดที่มึงเป็นกูแล้วอยู่ในบ้านหลังนั้น มันไม่ทำอะไรมึงหรอก กลัวนักก็บอกมิสเตอร์ที มันจัดการให้มึงได้

เขมินทรา: มิสเตอร์ทีไม่สนใจกูไอ้สัดพี่ กูโดนรุมมันพูดแค่ว่าสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ แม่งเอ้ย คิดแล้วแค้น

K. : แค้นอิคุณนิ่ม?

เขมินทรา: มิสเตอร์ทีมึงอะ แล้วมึงจะทำยังไงต่อ เพื่อนกูก็ไลน์มาถามว่าทำไมไม่ไปมหาลัย ตอนนี้คือตัวกูหายสาบสูญอะ มึงทำไรอยู่กันแน่วะไอ้ขวัญ

K. : ทำให้พี่นิกเป็นของกู

เขมินทรา: ยังไง?

K. : เหมือนที่มิสเตอร์ทีทำกับมึง กูทำแบบนั้นแหละ ละเอียดทุกขั้นตอน ทุกพื้นที่ผิวสัมผัสไม่ให้พลาด ตอนนี้เหลือบนหลังตู้ที่ยังไม่ได้ปีนขึ้นไปลอง

เขมินทรา: เดี๋ยวนะไอ้พี่เหี้ย ที่มึงขอให้กูเล่านี่...มึงเอาไปใช้กับพี่ธนิกเหรอ เวรรรร กูหมดคำจะพูด มึงกล้าขนาดนั้นได้ยังไง

K. : คิดถึงหน้าธนิษฐาดิ้นตายตอนลูกไม่รักแล้วความกล้ากูแม่งเกินล้านเปอร์เซ็น

เขมินทรา: เดี๋ยวมันก็มามุขเดิมเชื่อกูเถอะ ฆ่าตัวตายซ้ำๆ มุขเก่าแต่ใช้ได้ผลทุกครั้ง ฆ่าจริงด้วยนะแต่ไม่เคยตายสักที กูก็งงมากว่าดวงมันดีหรือหมอเก่ง ทีแม่พวกเราแม่งครั้งเดียวไปแล้วไปลับ

K. : เออ เรื่องนี้ มึงบอกใช่ปะว่ามึงเจอแม่ก่อนตาย

เขมินทรา: อืม สภาพแย่มาก เจอตอนกูอยู่มอห้า มีคนพากูไปเจอ เป็นผู้หญิงรุ่นน้องแม่ เขาบอกว่ามีคนอยากเจอ คนนั้นจะไม่ไหวแล้ว อยากเจอครั้งสุดท้าย คือสภาพแม่ถ้ามึงเห็น ต่อให้ไม่รักไม่ผูกพันมึงก็ต้องร้องอะไอ้ขวัญ แผลเต็มตัว หน้าช้ำ หัวแตก แม่กรีดข้อมือตัวเองแต่ไปส่งโรงพยาบาลทัน หมอก็ช่วยยื้อไว้ได้ แต่แม่ก็เสียเลือดมาก ช้ำในด้วยก็เลยอยู่ต่อไม่ไหว

K. : ตอนที่มึงเจอวินาทีแรก มึงรู้มั้ยว่าเป็นแม่

เขมินทรา: ไม่ว่ะ คนพาไปเขาไม่ได้บอกอะไรก่อน แล้วพอแม่ตายเขาก็บอกว่านี่แหละแม่แท้ๆ ของกู

K. : ธนิษฐามันแค้นอะไรขนาดนั้นวะ

เขมินทรา: ตอนมันทรมานกู มันบอกว่าแม่เป็นเมียน้อย ให้ท่าพ่อ อ่อยพ่อ ทำลายชีวิตครอบครัวของมัน มันโกรธที่พ่อไม่ให้อะไรมันเลยทั้งๆ ที่มันเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมาย แล้วกูก็จะแย่งลูกมันไปอีก

K. : พ่อมึงก็ใช่ย่อยนะไอ้ขิม สามวันก่อนกูเจอคุณแขไข เขาจะดีจะร้ายไม่รู้แหละ แต่ก็ดูไม่อะไรกับพวกเรา แล้วเขาก็บอกว่าพ่อมึงอะฆ่าน้ากู แม่ง นอกจากสร้างปัญหาให้กูแล้วยังทำร้ายน้าลี เอาจริงกูไม่นับญาติได้มั้ย จะบาปปะวะ

เขมินทรา: พ่อกูก็พ่อมึงไอ้ขวัญ ไม่ต้องยัดเยียด แล้วเขาก็ยกมรดกให้มึงคนเดียว ควรเป็นพ่อมึงอะ

K. : ถามกูสักคำยังว่ากูอยากได้มั้ย

K. : พูดถึงเรื่องมรดก คุณแขไขเขาไม่ได้จะไฟท์อะไรกับกูว่ะ เขาแค่ไม่ยอมให้ธนิษฐาได้ไป แต่ถ้ากูยังจะให้พี่นิก ก็ตามเวรตามกรรมกู

เขมินทรา: ถามจริงไอ้สัดพี่ มึงจะให้พี่ธนิกจริงเหรอ คืออย่างที่กูบอกมึงตั้งแต่แรกว่ากูไม่เห็นด้วย พี่ธนิกได้ก็เหมือนธนิษฐาได้ มันคงกระพือปีกแรงเลยอะ ขนาดว่ายังไม่ได้อะไรก็กร่างซะขนาดนี้

K. : เออน่า กูจัดการทุกอย่างไว้ให้แล้ว กูไม่ได้โง่เหมือนมึงจ้าไอ้ขิม ถ้ากูไม่ฉลาดกูไม่เกิดก่อนมึงหรอก ไม่ต้องกังวลอะไร นั่งสวยๆ รอเรื่องจบไป ที่เหลือกูชนเอง

เขมินทรา: มึงทำอะไรแผลงๆ หรือเปล่า เดี๋ยวก็ตายไม่รู้เรื่องนะเว้ยไอ้ขวัญ กูไม่มีชุดดำไปงานมึงนะ อีกอย่าง...ตอนนี้กูเหลือแค่มึงคนเดียว อย่าทิ้งกูนะไอ้สัดพี่ กูชินกับการด่ามึงไปแล้ว

K. : เพื่อนกูก็อยู่ มึงไม่เหงาหรอกน่า ไอ้แนนมันเป็นคนดี ต่อให้มันจะเขม่นมึงแต่เพราะมึงปากหมาใส่กูไง แต่มันไม่ได้เกลียดอะไรมึงหรอกนะ กูไม่อยู่ก็ไปช่วยมันเลี้ยงลูก ใกล้คลอดแล้ว ลูกมันคงน่ารัก ซื้อของเล่นกับของรับขวัญให้หลานด้วยล่ะ กูสัญญากับไอ้แนนแล้วว่าจะซื้อสร้อยทองให้

K. : 089786XXXX นี่เบอร์พี่จอย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมึงโทรหาเขา บอกว่าเป็นน้องกูนะไอ้ขิม

เขมินทรา: มึงจะสั่งเสียทำหอกอะไร กูใจไม่ดี

K. : พูดเผื่อๆ ไว้ไง กูเอาลูกธนิษฐามากกนะเว้ย มันรู้คงได้แหกอกกูแน่

เขมินทรา: ศึกแม่ผัวนี้ใหญ่หลวงนัก ศึกอิเมียมโนก็ใหญ่หลวงเช่นกัน พูดแล้วเจ็บแผลขึ้นมาทันที

K. : หมากัดใช่ไหมแบบนี้ นี่เธอเกลียดชังฉันมากหรือเธอ

เขมินทรา: มึงก็ยังเล่นกับกูเนอะ ไอ้ห่าพี่ มิสเตอร์ทีจะมา กูไปก่อนละ

K. : มันยังไม่เลิกยุ่งกับมึงอีกเรอะ

เขมินทรา: เปล่า กูบอกว่ากูกำลังจะตาย มันเลยมา

K. : ไอ้น้องโง่เอ้ยยยย! กูจะด่ามึงยังไงดี! ตอนคลอดมึงลืมเอาสมองมาด้วยเหรอ ไอ้ขิม! ไอ้น้องเวร

เขมินทรา: อย่าด่ากูเยอะ กูโดนตบเพราะมึงส่งรูปให้อิพี่นิ่มนะ สำนึกด้วย ไปแล้ว!



หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 07-10-2018 19:56:55

ผมแทบอยากจะปาโทรศัพท์มือถือทิ้งเพราะความหัวร้อน ถ้าไม่ติดว่ามันจะทำให้คุณธนิกตื่นขึ้นมาล่ะก็ ไอ้ซัมซุงในมือไม่รอดแน่

เขมินทราไม่ฉลาด แต่จะว่ามันอย่างนั้นก็ไม่ได้เพราะบางทีผมก็ทำอะไรไม่คิด เราใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกมากกว่าเหตุผลจนบางครั้งก็ลืมที่จะคิดถึงผลที่ตามมา อย่างตอนนี้ผมอยู่กับคุณธนิกแบบยี่สิบสี่ชั่วโมงเข้าวันที่สามแล้ว ซึ่งถ้าถามว่าดีมั้ย สำหรับผมมันก็ดีมาก แต่ผมกังวลหลายอย่าง มันเหมือนกำลังเล่นกับไฟที่ไม่รู้จะเผาตัวเองตายวันไหน

ผมยกมือขึ้นลูบศีรษะคุณธนิกพลางกดจูบลงบนหน้าผากลาดของเขา เขาหลับค่อนข้างลึกเพราะความเหนื่อยอ่อน วิธีการในนรกของมิสเตอร์ทีสำหรับเขมินทราเป็นแบบไหน ผมก็เอามาใช้กับคุณธนิกแบบนั้น แต่เชื่อไหมว่าคุณธนิกไม่คิดว่ามันเป็นนรก เพราะเขาเต็มใจ เราเหมือนอยู่บนสวรรค์ด้วยกัน สามวันของเราหอมหวานเกินจะบรรยาย ยี่สิบสี่ชั่วโมงเต็มอิ่มจุใจ ผมชอบการที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเขา หยอกล้อกันแล้วจบที่เราสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ทุกพื้นที่ในห้องนี้ไม่มีตรงไหนที่ไม่ใช่สวรรค์ของเรา อย่างที่ผมบอกกับเขมินทราว่าเหลือแค่หลังตู้เสื้อผ้าเท่านั้นที่ยังไม่ได้ลองทำ

ผมงัดทุกกลเม็ดมาใช้ ลองที่ได้อ่านๆ มาบวกกับประสบการณ์ตรงจากเขมินทรา ผมชอบให้มันเล่าให้ฟังเพราะจะได้ให้มันระบายออกมา ไม่อยากให้มันเก็บเอาไว้เพราะอย่างน้อยก็มีผมคอยรับฟัง แต่วิธีการของมิสเตอร์ทีก็เด็ดดวงมากจริงๆ คุณธนิกไปไหนไม่รอดทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านมาแค่สามวัน เขานั่งห่างผมไม่ค่อยได้ มือไม้ต้องเลื้อยมาตลอด มันเหมือนว่าเขากำลังถูกมอมเมา โดยที่ผมก็ยอมรับว่าผมมอมเขาจริงๆ

“ตื่นได้แล้วครับที่รัก” ผมกระซิบข้างหูเขา เวลาตีสี่กว่าๆ แบบนี้ผมมักจะปลุกเขาขึ้นมาและเขาก็ลืมตาขึ้นอย่างว่าง่ายแม้จะมีสีหน้าอิดโรย “ไปรอดูพระอาทิตย์กัน”

“ตัวแสบจะให้พี่ได้ดูพระอาทิตย์จริงๆ ไหมวันนี้” เขาถามเสียงแหบต่ำ ใบหน้าหล่อเหลาโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “หรือจะทำอะไรอีก”

“อืม...ขอคิดก่อน” ผมอมยิ้มมองเขาที่มองตอบกลับมาด้วยสายตารักใคร่ “จะกินพี่นิกแบบไหนดีน้า”

ผมชอบกินเขา เป็นความชอบที่เพิ่งค้นพบว่าชอบเอามากๆ แต่วิธีการกินของผมมีหลายวิธี กินแบบละเมียดละไม กินแบบตะกละตะกลาม หรือกินแบบที่คิดว่าจะได้กินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนโลกจะแตก เขาไม่เคยขัดใจผม ถ้าบอกว่าให้นอนเฉยๆ เขาก็จะทำตามนั้น เราทำเรื่องน่าอายอย่างถึงที่สุดที่คู่รักจะทำกันได้ แต่ผมแน่ใจว่าเรื่องน่าอายนี้จะติดอยู่ในความทรงจำของเขาไปอีกนานเท่านั้น

“แล้วน้องขวัญชอบแบบไหนครับ” คุณธนิกถามอย่างสุภาพราวกับบริกรที่พร้อมเสิร์ฟอาหารชั้นเลิศ

“แบบเช้าวันแรกก็ดี อากาศที่ระเบียงเย็นสบาย หรือตอนกลางวันบนโต๊ะกินข้าว แยมสตรอเบอร์รี่บนตัวพี่นิกหวานสุดๆ” ผมคลี่ยิ้มให้เขาพลางทวนเหตุการณ์หวานล้ำที่ผ่านมาให้ฟัง ในขณะที่เขามีสีหน้าดื่มด่ำไปกับจินตนาการในหัว “พี่นิกมองไปตรงนั้นสิครับ ในครัวที่เราทำอาหารด้วยกัน กว่าจะได้กินข้าว พี่นิกกินน้องขวัญจนอิ่ม”

“น้องขวัญก็กินพี่” เขาย้อนกลับเสียงพร่า “ทั้งที่หน้าประตูห้อง ผนังตรงนั้น หลังโซฟา หรือแม้แต่บนพนักโซฟา แทบจะทุกที่ในห้องนี้ น้องขวัญไม่เคยหยุดกินพี่เลย”

“น้องขวัญกินเพราะพี่นิกอร่อย” ผมยิ้มใส่ตาเขา จับผ้าห่มดึงออกเพื่อให้เห็นร่างหนาน่ากินของคุณธนิก เขาเปลือยเปล่าไม่ต่างจากผม เราแทบจะไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เพราะใส่แค่ไม่กี่นาทีก็ถอด แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะไปสุดปลายทาง เราแค่หยอกเล่นกัน แค่สัมผัสให้เกิดความคุ้นชิน แค่สัมผัสให้จดจำว่าตรงนี้ บริเวณนี้ มือของใครเป็นเจ้าของ เราแทบไม่ห่างกัน อาบน้ำก็อาบน้ำด้วยกัน กินข้าวก็กินด้วยกัน เราสอดประสานกันแทบทุกช่วงเวลา ผมจึงพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขมินทราถึงถูกล่อลวงได้ง่ายๆ เพราะผมก็เริ่มที่จะนึกชอบอะไรทำนองนี้ ยิ่งตอนที่เราสร้างความแปลกใหม่ให้รสชาติรักก็ยิ่งเพิ่มความหฤหรรษ์และความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ “แต่เช้านี้ดูพระอาทิตย์จริงๆ ครับ น้องขวัญไม่ซนแล้ว”

“งั้นไปทำของกินรอชมพระอาทิตย์กันมั้ย” คุณธนิกลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง ในขณะที่ผมส่งเสื้อกับกางเกงบอลให้เขาใส่ “แซนวิชกับชาร้อนๆ หอมๆ โอเคหรือเปล่าน้องขวัญ”

“โอเคเลยครับพี่นิก” ผมยิ้มตาหยีให้เขาในขณะที่เขายื่นมือมายีหัวแล้วช่วยกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งที่ผมกำลังใส่อยู่ให้ “น้องขวัญขอแซนวิชทูน่านะค้าบบบ”

คุณธนิกพยักหน้าพลางคลี่ยิ้มกว้าง เขาลงจากเตียงแล้วเดินไปที่ครัวเล็กๆ ที่อยู่อีกมุมของห้อง ส่วนผมก็เดินตามหลังเขาไปติดๆ

คอนโดฯ ของเขมินทราห้องนี้ไม่ได้กว้างมากนัก แต่ก็จัดแบ่งเป็นสัดส่วน มีอยู่สามโซนด้วยกันก็คือส่วนของห้องนอน ส่วนของห้องนั่งเล่นและส่วนของห้องครัว สำหรับห้องนอนจะมีห้องน้ำในตัวและมีระเบียงขนาดพอเหมาะไว้รับลม มีโต๊ะทรงกลมเล็กๆ กับเก้าอี้สองตัวที่สามารถนั่งจิบชาหรือจิบกาแฟยามเช้าตรงนั้นได้ แต่ที่ห้องนี้ไม่ค่อยมีของตกแต่งอะไรมาก เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าคอนโดฯ ของไอ้แฝดน้องมันมีอยู่หลายที่ ซึ่งก็เป็นกิจการของพ่อเลี้ยงมัน ที่นี่ก็เพิ่งจะมาอยู่ก็ตอนที่ผมบอกให้หาที่อยู่ให้ มันเตรียมของไว้ให้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไรแล้ว

คุณธนิกจัดการเปิดตู้เย็นเพื่อหาวัตถุดิบทำแซนวิช พวกของทำกับข้าวก็ได้คนของไอ้แฝดน้องจัดหามาให้ ผมกับคุณธนิกจึงไม่อดตายต่อให้ไม่ออกจากห้องไปให้ผู้คนเห็นหน้าเลยก็ตาม

“พี่นิกไม่ใส่มะเขือเทศได้ป่าว” ผมต่อรองเมื่อเห็นเขาเริ่มหั่นมะเขือเทศลูกโต เอาจริงคือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใส่ในอาหาร ผมไม่ชอบมะเขือเทศ อยากจะบอกว่าแพ้เหมือนที่ไอ้แฝดน้องแพ้ถั่ว แต่ความจริงแล้วผมกินได้สบายมากแค่รู้สึกแขยงกับรสชาติของมัน

“กินไปเถอะน้องขวัญ” คุณธนิกตอบอย่างใจร้าย ผมจึงย่นจมูกใส่เขาแล้วหันมาสนใจกับน้ำในกาต้มน้ำต่อ “เรื่องอื่นนี่เก่งไม่ต้องสอน แต่กินมะเขือเทศแค่นี้ทำอิดออด”

“ก็มันไม่อร่อย รสชาติประหลาด แหยะๆ ในปากไม่กล้าเคี้ยว”

“คิดว่ากินผลไม้สิ บางคนกินเล่นได้ด้วยซ้ำ” คุณธนิกว่าพลางวางมะเขือเทศหั่นแว่นบนขนมปังโฮลวีท “น้องขวัญคิดว่าเป็นผักหรือเปล่าก็เลยไม่กล้ากิน”

“ผมกินผักนะพี่นิก” ผมแย้ง รู้สึกเหมือนโดนใส่ร้ายเพราะตลอดทั้งชีวิตวัยรุ่นของขวัญพัฒน์คนนี้ไม่จอดแค่กับผักใบเขียว "ผักคะน้าขมๆ ก็กิน อะไรที่ว่าขมผมกินได้สบายมาก แต่ไม่ชอบมะเขือเทศ”

“งั้นเดี๋ยววันนี้ตอนจดรายการของที่ต้องซื้อให้เพิ่มน้ำมะเขือเทศเข้าไปเลยนะ”

“พี่นิกจะฆ่าผมเหรอ” คนใจร้ายใจดำ คิดจะฆ่าคนด้วยน้ำมะเขือเทศ!

“จะจับกรอกปากวันละสองกล่อง”

“น้องจะโกรธพี่นิกกกกก!!”

คุณธนิกหัวเราะ ไม่เกรงกลัวต่อคำขู่ “โกรธไปเถอะ พี่ไม่ง้อครับ น้องขวัญคนดื้อต้องโดนขัดใจบ้าง”

“ง้ะ” ผมทำหน้างอแล้วเข้าไปกอดเอวเขาไว้หลวมๆ ก่อนจะไถศีรษะกับต้นแขนของเขา ท่าพิฆาตแบบนี้คุณธนิกตายมานักต่อนัก “พี่นิกอย่าแกล้งน้อง”

“เรานี่นะ” คุณธนิกถอนหายใจเหนื่อยอ่อน เขาก้มจูบหน้าผากผมแล้วบอกเบาๆ “รู้ว่าทำแบบนี้พี่จะตามใจก็ทำอยู่เรื่อย”

“คนฉลาดคือขวัญพัฒน์ ฮิฮิ”

“งั้นคนฉลาดก็มาช่วยพี่นิกทำแซนวิชครับ ไปยืนหน้างออยู่หน้ากาต้มน้ำ มันคงง้อเราได้หรอก มือพี่เข้าเฝือกอ่อนอยู่ด้วย เสร็จช้า น้องขวัญมาหั่นมะเขือเทศ ปอกหอมใหญ่ แล้วไปล้างผักกาดหอมนะ”

ผมเบ้ปากใส่เมื่อเขาหันหลังให้ “ใช้เก่งจังเลย!”

“เป็นเมียพี่ต้องขยัน”

“โอ้โห รู้สึกอยากทำขึ้นมาทันที พี่นิกรอแป๊บ น้องขวัญจะเตรียมทุกอย่างตามสั่งภายในสิบนาที!”

“ฮ่าๆ ๆ เรานี่นะ” ชอบจัง...ชอบเวลาที่คุณธนิกหัวเราะ “งั้นพี่ไปชงชาให้”

“มันจะขมมั้ยพี่นิก” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ “ผมไม่เคยมีฟีลลิ่งจิบชายามเช้ามาก่อนเลย ไม่เคยกินด้วยอะ กินแต่ชานมเย็นสีส้มๆ แก้วละสิบห้าบาท อร่อยมาก”

“ซื้อมาให้เมื่อวานมีชามะลิ เอิร์ลเกรย์กับอิงลิชเบรคฟาสต์ น้องขวัญชอบบ่นว่านอนไม่หลับ พี่ก็เลยให้เขาซื้อชามาให้ ที่จริงอยากได้คาโมมายล์แต่น่าจะลืมซื้อ” คุณธนิกแจกแจงให้ฟัง เขาทำหน้าครุ่นคิดเพียงครู่แล้วพูดขึ้นอีกว่า “เอาแบบนี้ถ้าชอบชานมเย็น น้องลองกินอิงลิชเบรคฟาสต์ใส่นมดูไหม”

“ได้เลยครับ พี่นิกว่าดีผมก็ว่าดี แล้วพี่นิกจะกินอะไรอะ”

“เอิร์ลเกรย์ครับ ฝ่านมะนาวลงไปด้วย จะได้สดชื่น”

ผมพยักหน้าหงึก “อ๋อๆ ปกตินึกว่าชอบกินกาแฟ แต่ก็ชอบชาด้วยเหรอเนี่ย”

“ชอบนะ ถ้าวันไหนไม่ต้องทำงานพี่ก็จะไม่กินกาแฟ”

“ถึงว่าสิ เพราะชอบชานี่เอง ก่อนหน้านี้ถึงได้ชอบทำเย็นชา”

คุณธนิกยื่นมือมาผลักหัวผมสองทีติด “เกี่ยวเหรอน้องขวัญ”

“ไม่เกี่ยวก็ได้จ้า ว่าแต่นี่ต้องใส่เหรอ ผมเคยเห็นติดมากับถาดพิซซ่าบ่อยๆ” ผมชูขวดเครื่องปรุงไม่คุ้นเคยให้คุณธนิกดู เพราะตอนนี้กำลังจัดการผสมทูน่ากับมายองเนส

“ออริกาโน่น่ะ เพิ่มความหอม ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ก็ได้”

“งั้นไม่ชอบมะเขือเทศก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ใช่ป่าว อะ เอาออกเลย เกะกะ”

“ไม่เนียนครับ” เขาทำตาดุพลางหยิบมะเขือเทศที่ผมหยิบออกวางลงไปใหม่ “เอาอย่างนี้ กินมะเขือเทศหมดพี่มีรางวัลให้”

“โอ้โห งานนี้วิญญาณนักล่ารางวัลต้องเข้าสิงน้องขวัญแล้วล่ะ” ผมตาเป็นประกาย “ว่ามาเลยพี่นิก รางวัลอะไรครับ”

“ให้ขออะไรก็ได้จากพี่หนึ่งอย่าง” ชอบซะจริงๆ คนใจป๋า นิสัยเสี่ยเนี่ย!

“บ้าน รถ ที่ดิน คอนโดฯ หรืออะไรก็ได้ใช่มั้ยครับ”

“ได้” เขาตอบพลางยักคิ้วให้ “แต่ขอบ้านนี่ต้องกินห้าลูกอย่างต่ำ กินสดๆ ด้วยนะ”

“ทำไมงั้นอะ” แค่คิดว่าต้องยัดมะเขือเทศห้าลูกเข้าปากแบบสดๆ ผมก็จะอ้วกแล้ว คงเป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมเลยทีเดียว

“รางวัลใหญ่ข้อแลกเปลี่ยนก็เยอะตามไงน้องขวัญ” สมกับเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ไม่ยอมเสียเปรียบเลยจริงๆ

ผมย่นจมูก รู้สึกว่าเกมครั้งนี้ไม่หมูอย่างที่คิดเอาไว้แล้ว “งั้นเปลี่ยนของรางวัลดีกว่า”

“หืม” เขาเลิกคิ้วน้อยๆ “เปลี่ยนเป็นอะไร”

“ไม่เอาบ้าน ไม่เอารถ ไม่เอาของแพงๆ แต่ถ้าจะให้พี่นิกบอกรัก ผมต้องกินมะเขือเทศทั้งไร่เลยหรือเปล่าครับ”

เห็นความยากเย็นของการได้ยินคำว่ารักจากปากเขาไหม! นั่นแหละผมเปรียบกับการกินมะเขือที่ผมไม่ชอบทั้งไร่ แต่ต่อให้กินเข้าไปทั้งไร่ก็ยังต้องมาลุ้นว่าเขาจะพูดให้ได้ยินหรือเปล่า

ชีวิตรักนี้ลุ้นกว่าหวยรัฐบาลได้ยังไง!

“เอ...ยังไงดีนะ” เขาอมยิ้มมองมา “แน่ใจเหรอว่าฝืนกินได้ทั้งไร่”

“ก็อย่าให้ถึงขนาดนั้นมั้ย”

“ใจเย็น รีบร้อนไปทำไม พี่มีเวลาให้ขวัญทั้งชีวิต”

ผมคลี่ยิ้มกว้าง “เนี่ย ก็เป็นซะแบบนี้”

ไม่ฟังก็ได้...ขนาดไม่มีคำว่ารักยังเขินแทบบ้า ถ้ามีขึ้นมา...ผมคงล้มกลางอากาศ ฟินจนตายไปถึงชาติหน้าแล้ว

“พี่นิกไปกันนน เสร็จแว้ววว”

แซนวิชทูน่าง่ายๆ เรียบๆ เสร็จสิ้นเรียบร้อยและตอนนี้ชาหอมๆ ในแก้วชาก็ส่งควันหอมฉุ่ยให้รู้สึกผ่อนคลาย เราช่วยกันยกของไปวางบนโต๊ะทรงกลมที่ระเบียง คุณธนิกถือถาดแซนวิชด้วยมือข้างเดียวในขณะที่คนมือใช้การได้ทั้งสองข้างอย่างผมจัดการยกของร้อน แอบดมกลิ่นแล้วหอมมาก ผ่อนคลายจนอยากจะหลับตาแล้วล้มตัวลงนอน ทว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะได้เห็นแสงแรกของวันแล้ว ผมดูเวลาพระอาทิตย์ขึ้นในโปรแกรมพยากรณ์อากาศก็แจ้งว่าพระอาทิตย์จะขึ้นตอนตีห้าสี่สิบห้านาที ตอนนี้นอกจากจะกัดแซนวิชและจิบชาไปพลางๆ แล้วยังต้องภาวนาให้ไม่มีเมฆมาบังแสงอาทิตย์แรกของวันด้วย

“ตอนนี้ดีมากเลยเนอะขวัญ” คุณธนิกพูดขึ้นหลังจากที่เราต่างฝ่ายต่างก็จัดการอาหารเช้าของตัวเอง เขาพิงหลังสบายๆ กับพนักเก้าอี้แล้วเหม่อมองไปยังภาพเบื้องหน้า “อยากอยู่กับขวัญแบบนี้ไปจนแก่เลย”

ผมไม่รู้จะพูดอะไร เพราะไม่มีถ้อยคำไหนจะบอกเขาได้ ความปรารถนาของเขาห่างไกลจากจุดที่พวกเรายืน เส้นทางของพวกเราทอดยาวจนเห็นจุดจบ ที่จุดนั้นเกิดทางแยกสองทาง ซึ่งมันหมายความว่าผมและเขาต่างก็มีทางของตัวเอง

“สถานีรถไฟนั้นยังมีอยู่จริงมั้ย”

นั่นสินะ...

“แล้วถ้ายังมีอยู่จริงขวัญยังรอพี่ที่ชานชาลาอยู่หรือเปล่า”

แสงอาทิตย์แรกของวันเริ่มปรากฎแก่สายตา สีทองอ่อนๆ ค่อยๆ ไล่โทนจนกระจายไปทั่วท้องฟ้า

“หรือตั้งแต่วันนั้น ขวัญพัฒน์ที่จับมือพี่ไว้ได้ตายไปแล้ว”

ผมเงยหน้าขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามนี้พลางมองฝูงนกที่เริ่มบินออกหากิน

“ผมเป็นอมตะครับพี่นิก” ผมบอกพลางยื่นมือไปกุมมือเขาไว้ “แต่สถานีรถไฟนั้นอาจจะไม่มีตั้งแต่แรก”

ถ้อยคำในประโยคสุดท้ายของผมเป็นเพียงเสียงรำพึงท่ามกลางเสียงของธรรมชาติ ผมไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินไหม แต่การนิ่งเฉยพร้อมกับรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้าหล่อเหลานั้นทำให้ผมเดาทางไม่ออก

คุณธนิกครับ ผมในตอนนี้น่ะ...มีความสุขมากจริงๆ นะ

ไม่ต้องมากไปกว่านี้ก็ได้ แค่นี้...ก็พอแล้วครับ









วันที่สี่และวันที่ห้าสำหรับผมกับคุณธนิกยังคงราบรื่นดี แต่เราไม่ค่อยมีกิจกรรมสยิวด้วยกันสักเท่าไร คงเพราะแท้จริงแล้วผมกับคุณธนิกไม่ได้กระสันอยากมากขนาดนั้น บางทีเราทั้งคู่ก็แค่พอใจที่จะนอนจัับมือกันดูหนังอยู่หน้าทีวีหรือบางทีก็แค่นั่งจิบชาพูดคุยกันที่ระเบียง สุขใจกับแค่การสัมผัสกันเล็กๆ น้อยๆ ผมว่าการที่ได้กอด ได้จูบหรือได้หอมแก้มแค่เท่านี้ก็ทำให้รู้สึกดีได้ไม่ยาก ผมจึงค่อนข้างแปลกใจที่ระหว่างมิสเตอร์ทีกับเขมินทราหักโหมกันได้ขนาดนั้น

“พี่นิกครับ” ผมเอ่ยเรียกคนตัวหอมที่ใจดีให้ผมนั่งพิงอกกว้างๆ ดูแสงอาทิตย์สุดท้ายของวันนี้ เรานั่งกันตรงธรณีประตูซึ่งกั้นระหว่างระเบียงกับห้องนอน เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังและให้ผมนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้าง

“หืม” เขาขานรับ

“พี่นิกเบื่อไหมครับ” ห้าวันแล้วที่ขังตัวเองอยู่ในห้องกับผม นอกจากคนที่ซื้อของเข้ามาให้แล้วเราสองคนก็ไม่พบเจอคนอื่น

“ไม่นะ อยู่กับขวัญสนุกมาก” เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม “ขวัญล่ะ เบื่อมั้ย”

“ไม่ครับ” ผมปฏิเสธพลางลูบแขนแกร่งที่โอบตัวผมอย่างแผ่วเบา “แปลกดีเหมือนกัน ผมชอบมากกว่าเบื่อซะอีก ขนาดสองวันมานี้ไม่ได้เล่นกับพี่นิก แบบ...ผมหมายถึงแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าหมดมุขนะครับ ผมยังเหลือลูกเล่นอีกเยอะ รับรองพี่นิกไม่เบื่อแน่นอน แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้แค่อยากอยู่กับพี่นิกแบบเสื้อผ้าครบชิ้นบ้าง”

เขาหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ผมต้องยิ้มตาม “พี่ยังไงก็ได้ แค่ได้อยู่กับขวัญ จะไม่ทำอะไรเลยก็ได้ เพราะให้พี่มองหน้าขวัญทั้งวันพี่ก็ไม่เบื่อ ขวัญใส่อะไรก็น่ารัก ไม่ใส่ก็เซ็กซี่ดี แบบไหนพี่ก็โอเค”

“เราเป็นคนรักกันหรือเปล่านะ”

“ถ้าใจบอกใช่ก็ใช่” เขาตอบกำกวมจนผมอ้าปากงับต้นแขนเขาอย่างหมั่นไส้ “ไปเปิดไฟมั้ย ห้องเริ่มมืดแล้ว”

“ไม่เอา อยู่แบบนี้ดีกว่า” ผมรั้งเขาที่ทำท่าจะลุก ไม่อยากห่าง แค่ไม่กี่วินาทีที่เดินไปกดสวิทช์ไฟก็เหมือนนานเป็นชาติ เพราะอย่างนั้นอยู่แบบนี้ก็ได้ มืดแค่ไหนแต่แค่อ้อมกอดของคุณธนิกก็ทำให้รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย “พี่นิกว่าถ้าคนไม่ได้รักกัน การที่เขายังอยู่ด้วยกัน เขาอยู่เพราะอะไรครับ”

“แต่ละคนก็มีเหตุผลไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างเหตุผลครับน้องขวัญ บางคนอาจอยู่เพราะเซ็กส์ บางคนอาจอยู่เพราะความผูกพันหรือบางคนอาจอยู่เพราะความเหงา มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่มีใครบนโลกต้องการที่จะอยู่คนเดียว ต่อให้เก่ง ให้แข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ยังต้องมีเพื่อน มีคู่คิด มีคนคอยเตือนสติให้คำปรึกษา” เขาตอบน้ำเสียงเรียบเรื่อยพลางลูบศีรษะของผมไปด้วย

“ผมถามเรื่องพี่นิกกับขิมหน่อยได้มั้ย” ผมเอ่ยลองเชิง ที่เมื่อเห็นเขาไม่ว่าอะไรจึงถามต่อ “ตอนคบกันเป็นยังไงครับ พี่นิกคบกับขิมสี่ปี การที่อยู่ด้วยกันมานานแบบนั้นเพราะรักหรือเปล่าครับ”

“มันเป็นความรู้สึกดีครับน้องขวัญ ช่วงระยะเวลาหนึ่งพี่ก็เคยคิดว่ามันเป็นความรัก แต่ตอนเจอเรากลับชัดเจนว่าไม่ใช่” เขาตอบพลางถอนหายใจ ราวกับว่าการหวนนึกถึงอดีตทำให้เขาเหนื่อยเอามากๆ “พี่คบกับขิมสี่ปี สองปีแรกมันดีมาก อาจจะไม่เหมือนคู่อื่นๆ ที่ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างที่พี่อยู่กับขวัญในตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ พี่กับขิมเป็นเหมือนแค่คนที่เจอกันเฉพาะเวลาที่ว่าง แต่ก็พูดคุยกันทางโทรศัพท์ตลอด ถ้าอยากเจอมากๆ ก็แค่หาเวลาอยู่ด้วยกัน นัดเจอกันที่คอนโดฯ ของพี่ อาจเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเป็นวันธรรมดาที่พี่ขี้เกียจไปทำงาน เพราะเหตุผลหลายอย่างทำให้เป็นมากกว่านั้นไม่ได้ หลักๆ ก็มาจากตัวพี่เองด้วย แต่ตอนนั้นก็รู้ว่าขิมรู้สึกกับพี่มากๆ แต่ความรู้สึกพี่ไปไม่ถึง มันหยุดอยู่แค่การอยากเจอเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้อยากอยู่ด้วยไปตลอด”

“พี่นิกเบื่อเหรอครับ”

“ครับ” เขายอมรับตามตรง “เป็นความรู้สึกแบบว่าไม่เจอก็ไม่ทุรนทุราย อยู่ด้วยก็เฉยๆ บางทีก็เบื่อด้วยซ้ำ พี่สนุกกับการทำงานมากกว่าที่จะคิดเรื่องความรัก ตอนนั้นกำลังพยายามพิสูจน์ตัวเองอยู่ด้วย วันไหนพี่เหนื่อยมากๆ พี่ก็ไม่อยากเจอ วันหยุดก็อยากใช้เวลาอยู่คนเดียว ช่วงนั้นคงเป็นช่วงที่พี่ตีตัวออกห่าง พี่ก็ยังรู้สึกผิดกับขิมมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าพี่บอกกับขิมตั้งแต่แรกก็คงไม่ยืดเยื้อ ในเมื่อสิ่งที่ขิมต้องการจากพี่ พี่ให้ขิมไม่ได้ สองปีหลังที่คบกันก็เนือยๆ ตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้นกับขิมด้วยนั่นแหละ”

ผมพยักหน้าเข้าใจเพราะรู้ว่าเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับเขมินทรา “แต่พี่นิกก็บอกเลิกขิมใช่ไหมครับ เพราะจับได้ว่าขิมนอกใจ”

“เรื่องขิมนอนกับคนอื่นพี่รู้ก่อนหน้านั้นนานแล้ว รู้ตั้งแต่แรกๆ เลยมั้ง ใครจะไม่รู้ถ้าอีกฝ่ายจงใจทิ้งถุงยางอนามัยใช้แล้วให้เห็นขนาดนั้น มันก็เจ็บใจนะ เหมือนโดนหยามหน้า แต่ไม่มีอะไรชัด พี่ไม่อยากทะเลาะก็เลยทำไม่เห็นไป ก็คบกันมาเรื่อยๆ แต่อะไรที่มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่” เขาหยุดพูดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าลงแล้ววางคางเกยไหล่ผม “สองปีหลังพี่ไม่นอนกับขิม ไม่ได้แตะต้องตัว เจอกันน้อยลงจากที่น้อยอยู่แล้ว บางเดือนก็ไม่ได้เจอ แค่โทรถามว่ายังอยู่ดีมั้ย เป็นยังไงบ้าง ส่วนขิมก็ดูจะรู้สึกกับพี่น้อยลง เวลาเจอกันก็ไม่ได้ดูมีความสุขเหมือนเดิม ไม่ได้พูดกันตรงๆ แต่ก็จับความรู้สึกได้”

“ตอนนั้นพี่นิกมีคู่หมั้นยัง”

“มีแล้ว” เขาตอบพลางกดจมูกลงบนแก้มของผมราวกับต้องการเอาใจ “อย่าทำหน้าบึ้ง เราถามพี่เองนะ”

“ก็มันอดหงุดหงิดไม่ได้ คุณนิ่มนี่อยู่ในชีวิตพี่มานานแค่ไหนกัน”

“ตั้งแต่นิ่มสามสี่ขวบมั้ง เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ แต่เพราะไม่ใช่คู่หมั้นที่พี่เป็นคนเลือกเอง พี่ก็ถือว่าพี่มีโอกาสทำความรู้จักกับคนอื่น สถานะพี่อาจจะไม่ว่างแต่หัวใจพี่ยังว่าง” เขาว่าพลางคลี่ยิ้มเล็กน้อย “นั่นเมื่อก่อนนะ เพราะตอนนี้ไม่ว่างแล้ว”

“เหรอพี่นิกเหรอ” ผมย้อนถามด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปหอมแก้มเขาแรงๆ ถือเป็นการลงโทษที่พูดดีเกินไป “แล้วทำไมบอกเลิกขิมอะพี่ ที่พี่เล่ามาก็เหมือนจะคบกันต่อได้นี่”

“เหมือนคบต่อได้แต่มันฝืนนะขวัญ อีกอย่างยิ่งขิมคบกับพี่ก็ยิ่งโดนทำเรื่องไม่ดี สองปีหลังเพลาลงบ้างเพราะขิมมีคนดูแล แต่การปล่อยให้ยืดเยื้อก็ไม่เป็นผลดีต่อขิม คบกันทั้งที่ไม่รู้สึกต่อกันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกน้องขวัญ แต่ขิมไม่ยอมรับว่าไม่รักพี่แล้ว พี่นัดเคลียร์ขิมไม่ยอมเคลียร์ ความผูกพันของคนที่คบกันมามันทำให้หวงสถานะขึ้นมาได้เหมือนกัน พี่เข้าใจขิมนะเพราะพี่ก็ใจหายถ้าจะบอกเลิก แต่ตอนนั้นพี่เจอคนที่พี่สนใจ นั่นแหละที่ทำให้รู้ว่าไปต่อไม่ได้แล้ว” เรื่องของความรู้สึกเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แม้ผมจะรับฟังจากปากของคุณธนิกแต่ผมก็ไม่ได้เข้าใจทั้งหมด “แต่พี่ก็อยากจบดีๆ นะ เลิกแล้วก็ยังอยากคุยในฐานะอื่นได้ แต่มันจบได้ไม่สวยอย่างที่คิด วันนัดเคลียร์แล้วขิมไม่มา พี่ก็เลยไปหาที่คอนโดฯ พี่มีคีย์การ์ด คิดว่าโทรหาขิมก็คงไม่ยอมพบเลยไปรอที่ห้อง แล้วก็เห็นขิมกับคนนั้นนัวกันเข้ามาตั้งแต่หน้าประตู พี่อยู่ในครัวพอดีตอนนั้น ไม่ได้อยู่ที่ที่สองคนนั้นเห็น ถ้าเห็นคงตกใจน่าดู พี่ก็เลยรอจนสองคนนั้นทำธุระเสร็จ พออีกฝ่ายกลับไปแล้วพี่ก็เคลียร์กับขิม”

“งั้นพี่นิกก็เห็นเหรอครับ...เห็นคนนั้นด้วยเหรอ” ผมถามด้วยความตกใจ หันมองหน้าคุณธนิกแล้วก็ยังเห็นว่าเขายังคงยิ้ม

คุณธนิก...เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ รู้อยู่แล้วแต่ยังยิ้มออกเหรอ

“อืม เห็นสิ” เขาตอบพลางหัวเราะในลำคอ “ตาพี่ไม่ได้บอดนะขวัญ เห็นทั้งภาพทั้งเสียง อย่างกับดูหนังโป๊”

“แล้วพี่นิก...พี่นิกไม่เสียความรู้สึกเหรอครับ”

“ไม่เหลือ แต่ทำไงได้ ถ้าพี่ทำไม่รู้ไม่เห็น ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมนี่ จริงไหม” ผมเห็นแล้วว่ารอยยิ้มบนหน้า มันไม่ถึงดวงตาของเขาเลย “พี่ไม่ชอบจบความสัมพันธ์กับใคร ยิ่งถ้าสำคัญ ไม่มีทางเลยที่พี่จะตัดขาดได้”

“ผมควรปลอบพี่ยังไงดี”

“ยิ้มก็พอ เวลายิ้มจนตาหยีพี่ชอบมาก”

ผมยิ้มให้เขา พยายามยิ้มกว้างๆ แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้ยิ้มไม่ค่อยออก เป็นไปได้อยากลบความทรงจำให้เขาเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไม่ได้จึงเปลี่ยนประเด็น “เอ้...เดี๋ยวน้า พี่นิกว่าพี่นิกเจอคนที่สนใจเหรอ”

“อืม”

“บอกได้ป่าว”

“ไม่ได้” เขาตอบทันที “บอกก็รู้สิ”

“ใครรู้”

“คนที่พี่สนใจ”

ครับ...คุณธนิกจะรู้ไหมครับว่าผมไม่ได้โง่ แม่ง...เก่งทำให้เขินจังวะ ทั้งหน้าทั้งหูคงแดงไปหมดแล้ว ดีที่มืดก็เลยไม่โดนล้อ

“คุณนิ่มเหรอ”

“งั้นมั้ง” คำตอบของเขาทำให้ผมยกกำปั้นขึ้นทุบ ก่อนจะหยิกเขาแรงๆ เขานิ่วหน้าพลางเอาคืนด้วยการกัดที่แก้มกับที่คอของผม เราต่อสู้กันอยู่นานก่อนจะหยุดหอบหายใจพักเหนื่อยโดยไม่รู้ผลแพ้ชนะ แต่ผมว่าผมแพ้นะ ยิ่งโดนเขากอดอยู่อย่างนี้ยิ่งแพ้เข้าไปใหญ่

“ไม่ชอบคุณนิ่ม” ผมบอกกลบเกลื่อนอาการเก้อเขินของตัวเอง “นิสัยไม่ดี”

“เราก็แสบพอกันไม่ใช่เหรอ”

“แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครมั้ย” ผมย้อนหน้ายุ่ง “ชอบทำตัวเป็นหมาแม่ลูกอ่อนไล่กัดคนอื่นไปทั่ว ส่วนพี่นิกก็ทำตัวขัดอกขัดใจ น่ารำคาญ ยอมเขาไปซะหมด”

“ไม่อยากให้ขวัญมีปัญหาเพิ่ม ถามว่าพี่รู้มั้ยว่านิ่มทำอะไร พี่ก็รู้ แต่จัดการเด็ดขาดได้ไหม มันก็ยาก”

“งั้นถามหน่อย ที่พี่นิกใจร้ายกับผม พี่นิกอยากตัดปัญหาให้ผมหรืออยากตัดผมออกจากชีวิต”

ผมได้ยินเขาถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะซุกหน้าลงบนซอกคอของผมแล้วตอบงึมงำ “ไม่บอก”

“ตีนะ”

“เดี๋ยวขวัญโกรธพี่”

“อ้อ รู้ละ” ผมว่าแล้วหยิกที่แขนเขาอีกหลายๆ ที จนเขาร้องเบาๆ แต่ก็เอาคืนด้วยการดูดคอผมจนเสียวแปล๊บ “อื้อออ พี่นิก ไม่ต้องเลยนะครับ”

“อย่าโกรธกันเลย” เขาพูดเสียงอ้อน “ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก แต่ขวัญก็เห็นแล้วนี่ว่าพี่ไปไหนไม่รอด ไปไกลยังไงก็ยังวกกลับมาหาขวัญ”

“มาๆ หายๆ น่าตบให้คว่ำ”

“ขอโทษครับ” เขาว่าเสียงอ่อย “พี่นิกขอโทษนะ”

“แล้วจากนี้...จะหายอีกป่าว”

“อยากให้ไปมั้ย” ผมตั้งคำถามแท้ๆ แต่พอโดนย้อนถามกลับตอบเขาไม่ได้ “งั้นพี่เปลี่ยนคำถาม ตอนนี้ที่อยู่ด้วยกัน น้องขวัญมีความสุขไหมครับ”

“มากๆ”

“อืม แค่นี้ก็พอแล้ว”

ในความเป็นไปไม่ได้ของชีวิตที่ผมพบเจอมา คุณธนิกก็เป็นอีกหนึ่งความเป็นไปไม่ได้นั้น ไม่เหมือนกับตอนที่ผิดหวังเพราะไม่มีเงินซื้อของเล่นใหม่ๆ ไม่เหมือนกับตอนที่ร้องไห้เสียใจเพราะคนที่จากไปไม่ฟื้นคืน ความเป็นไปไม่ได้พวกนั้นผมทำใจยอมรับได้ แต่กับคุณธนิก ไม่ว่าจะทำอย่างไร คิดปลอบตัวเองและเตรียมใจไว้แค่ไหน...ผมก็ทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ

คุณธนิกครับ ขอบคุณที่เป็นความสุขของผมนะ

...............TBC...................


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-10-2018 20:23:28
ขวัญจะจัดการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-10-2018 21:03:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 07-10-2018 21:24:32
ตะจบยังไงน้ออออออ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-10-2018 21:27:19
สำหรับเราในตอนนี้ ธนิกน่าสงสารที่สุดอะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 07-10-2018 21:45:57
อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้วคุณธนิกก็ยังไม่บอกรักน้องขวัญซักทีเนอะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 07-10-2018 21:49:57
พี่ธนิกรู้ ...  :a5: :a5: :a5: :a5:

กอดนะพี่  :กอด1: :กอด1: สตรองเกินไปแล้ว

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 07-10-2018 21:58:32
หลังจาก 7 วัน แล้ว จะออกไปพบกับความจริงอะไรบ้างนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-10-2018 22:23:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-10-2018 22:26:48
หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-10-2018 22:27:24
กรุ่นๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 07-10-2018 22:53:20
พีคมากที่เรื่องซัยซ้อนพวกนี้ทุกคนในเกมส์​นี้ต่างค่อยๆรู้ตัวตนตัวละครเป็นอย่างดี​ นิกเก่งมากที่ทำเหมือนไม่มีอะ​ไร​เกิดขึ้นได้​ โมไม่รู้สึกอะไรกับขิมจริงๆหรอ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 07-10-2018 23:10:17
หรือ โม คือ มิสเตอร์ที ??

รู้อยู่แล้วว่าต้องเสียใจ แต่ไม่ได้ช่วยให้เสียใจน้อยลงเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-10-2018 23:57:36
เหมือนคุณธนิกโดนทุกทางเลย TT
ไม่มีพันธมิตรอื่นนอกจากนี้แล้วเหรอ
หนักหนาเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-10-2018 00:43:03
โอ้ววว อิพี่นิกรู้ว่ามิสเตอร์ทีคือใครงั้นหรอ
เรื่องนี้เกินคาดหมดเลยแฮะ เดาทางไม่ถูก
แต่มิสเตอร์ทีนี่พี่โมแหง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-10-2018 00:55:56
ตอนนี้เหมือนการบอกใบ้กลายๆว่ามิสเตอร์ทีคือโมแน่ๆ แต่...นี่ก็ยังกลัวนักเขียนสับขาหลอกอยู่ แล้วถ้าสุดท้ายคนที่โมมีอะไรด้วยมาตลอดคือนิ่มนี่คงอึ้งยิ่งกว่าอึ้งอะ แต่ตอนนี้ที่น่าอึ้งกว่าคือพี่นิกรู้ว่ามิสเตอร์ทีเป็นใครนี่สิ คือแบบ...โอ้โหหหพี่นิกทำได้ยังไงคือรู้อยู่แล้วแท้ๆแต่ทำเฉย ทำเหมือนไม่มีอะไร นี่อ่านแค่นี้ยังรู้สึกอึดอัดแทนอะ เฉลยเถอะว่ามิสเตอร์ทีเป็นใครแน่ระหว่างพี่โมกับธนวัฒน์
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 08-10-2018 01:28:13
ทำไมจุดจบเรื่องนี้เรารู้สึกว่าคุณธนิกจะไม่รอดวะ  :m15:
แรกๆ ก็เกลียดแหละ ทำน้องขวัญเจ็บ
แต่ตอนนี้ สงสารคุณธนิกที่สุดละ

สวัสดีครับคุณธนิก :call:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 08-10-2018 04:41:54
ทุกอย่างมันชี้ชัดว่ามิสเตอร์ทีคือโม!!! ถ้าพลิกเป็นคนอื่นได้อีกคือยอมใจ5555 แต่เอาจริงคุณธนิกรู้ว่าตลอกว่าใครแถมสนิทกันขนาดนั้นอีก ยอมใจคุณเขาเลยนะ  อันนี้อยากชมคนเขียนเป็นพิเศษเรื่องนึง คือคนเขียนเก่งมากในการมำให้เรารักหรือเกลียดตัวละครหนึ่งในตอนแรกและทำให้ตอนหลังเรารู้สึกตรงกันข้าม จากรักเป็นเกลียด เกลียดเป็นรัก คือพลิกเก่งงงงง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-10-2018 10:10:27
โลกด้านนอกเป็นยังไงบ้างนะ

ในขณะที่ในห้องมีแต่สีชมพู
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 08-10-2018 11:37:55
สถานการณ์นิ่งสงบเหมือนก่อนพายุจะมาเลยค่ะ มันคงจะมาตอนหน้าแน่ๆ

นี่ดีใจนะ ตอนแรกกลัวว่าพอขวัญเผยมุมแสบๆร้ายๆยั่วๆออกมา พี่ธนิกจะชอบแค่ประเดี๋ยวแล้วก็คิดถึงขวัญคนซื่อคนเดิมมากกว่า จนพาลทำให้รู้สึกว่าขวัญเปลี่ยนไป ไม่ใช่คนเดิมที่เคยรัก โล่งใจมากที่พี่ธนิกก็ชอบขวัญในมุมนี้เหมือนกัน

แต่กลัวใจขวัญอ่ะ เหมือนยอมปล่อยแล้ว ปลงจากธนิกแล้ว เราสงสารพี่ธนิกจัง ธนิกจะปล่อยมือจากทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่กับขวัญ แต่ขวัญจะยกทุกอย่างให้ธนิกแล้วไปจากชีวิตพี่งี้อ่อ :sad4:

พี่ธนิกรู้ด้วยว่าคนที่เป็นชู้กับขวัญคือใคร แต่ไม่พูดเพราะเป็นคนสำคัญที่ไม่อยากสูญเสียไป คงชัดเจนเเล้วแหละว่ามิสเตอร์ทีคือพี่โม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 08-10-2018 11:59:22
เมื่อไหร่ทุกคนจะหลุดจากวังวนนี้สักที
ทรมานแทน  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 08-10-2018 14:40:41
ตอนนี้้ทำให้รู้ว่าธนิกก็ไม่ได้โง่ให้ใครต่อใครหลอก รู้แต่ก็ไม่บอกใครเก็บเงียบไว้คนเดียว อ้อบอกอยู่บอกโม มิสเตอร์ทีใช่เขลาธนิกเปล่า(ชื่อไรจำไม่ได้แล้ว) แต่ก็สงสัยโมนะเพราะโมก็รู้ทุกเรื่องเหมือนกันสงสัยสองคนนี้แหละ หวังว่าครบ 7 วันขวัญจะตั้งรับสองนางมารได้นะเอาใจช่วย  :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 08-10-2018 15:00:00
มีความเป็นไปได้ว่าโมจะเป็นมิสเตอร์ทีนะ แต่ไม่แน่ใจว่าน้องขวัญเคยเจอพี่โมมั๊ย
ถ้าเคยเจอพี่โมแล้ว น้องขวัญจะรู้ทันทีว่าเป็นคนเดียวกัน
น่าสงสัยพฤติกรรมพี่โมนะว่าจะเป็นคนดีอย่างที่แสดงออกมาหรือไม่
เผลอๆอาจเป็นคนที่ร้ายที่สุดก็ได้. ...มโนอีกแระ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 08-10-2018 15:58:25
กลัวMr.Tกำจัดน้องขวัญ  :ling3:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: cute0.0cass ที่ 08-10-2018 18:44:54
ไม่อยากให้ออกจากห้องเลย กลัวไปหมด :ling3:
ถ้าจะต้องมีใครตายก็ขอให้ได้ไปด้วยกันเถอะนะ อย่าทิ้งใครไว้คนเดียว อีกคนอยู่ไม่ได้แน่
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 23 07/10/2018 Page 21
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 08-10-2018 23:55:21
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสารคุณธนิกขึ้นมา :pig4:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 09-10-2018 17:47:41
ตอนที่ 24





ก๊อกๆ ๆ ๆ

ในเช้าของวันที่หก เสียงเคาะประตูคือเสียงที่ปลุกให้ผมตื่นจากความฝัน ผมฝันดีติดต่อกันมาหลายวัน แต่วันนี้กลับรู้สึกกังวลใจ ผมลุกจากที่นอน ผละออกจากอ้อมแขนของคุณธนิกด้วยความมึนเล็กน้อยเพราะยังตื่นไม่เต็มตา ทว่าแค่การขยับตัวเบาๆ ก็ทำให้คุณธนิกตื่นได้แล้ว ผมกับเขามองสบตากันในขณะที่เสียงเคาะประตูยังคงดังไม่หยุด

“พี่ไปเปิดเอง” เขาบอกพลางผุดลุกขึ้น ในขณะที่ผมรีบกระโจนไปหาลิ้นชัก เปิดออกแล้วหยิบเอาของที่อยู่ภายในส่งให้เขา

“เอาปืนไปด้วยครับ” เราต่างก็รู้ว่าไม่ควรมีใครมาในเวลานี้ ผมไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น ไม่อยากเสี่ยงเหมือนวันที่นัดคุยกับเขมินทรา ปืนพกสั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรมีให้อุ่นใจมากกว่า

“ขวัญเตรียมพร้อมดีนะ” เขายกยิ้มพลางรับปืนไปจากผม “ไปหลบในห้องน้ำก่อน”

“ไม่อยากปิดประตูขังตัวเอง ถ้าเกิดเป็นคนร้ายจริงๆ แล้วพี่นิกสู้ไม่ไหว มันก็พังประตูเข้าไปได้อยู่ดี” ผมบอกเหตุผลกับเขา ดูไม่เข้าท่าเลยที่ต้องติดแหง็กอยู่ในนั้น “ให้ผมหลบอยู่ข้างหลังพี่นิกดีกว่านะ อย่างน้อยก็อุ่นใจ”

“เหตุผลเราพี่สู้ไม่ได้จริงๆ งั้นหลบข้างหลังพี่ไว้นะ”

พอตกลงกันได้เรียบร้อยผมก็เดินตามคุณธนิกไปที่ประตู เขาส่องดูที่ตาแมวในขณะที่เสียงเคาะหายไป แต่อีกไม่กี่นาทีก็เคาะขึ้นใหม่อีกครั้ง ระหว่างนั้นหัวใจของผมเต้นไม่เป็นส่ำ กลัวแต่ก็รู้สึกอุ่นใจเมื่อตรงหน้าของผมคือแผ่นหลังของคุณธนิก

“ไอ้วัฒน์น่ะ” เขาหันมาบอกผม แต่เมื่อเห็นผมขมวดคิ้วมองตอบกลับไปจึงพูดต่อ “ธนวัฒน์ ลูกชายอาแข”

“แล้วเขารู้จักที่นี่ได้ยังไงครับ”

คุณธนิกส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่รู้ แต่คงมีเรื่องด่วน”

ผมไม่รู้จักคนชื่อธนวัฒน์ ไม่เคยเจอหรือพูดคุย เพราะฉะนั้นพอคุณธนิกจะเปิดประตูผมจึงรั้งเอาไว้ “เขามาดีหรือเปล่า แล้วไว้ใจได้แค่ไหน”

“ไม่รู้ดีหรือร้าย แต่พี่ก็ไว้ใจพอควร”

“งั้นพี่นิกเอาปืนมาให้ผม” ผมบอกพลางยื่นมือไปตรงหน้า “ถ้าเขาร้าย ผมยิงเอง กลัวพี่ใจอ่อน”

ผมรู้จักนิสัยของคุณธนิกดีและเขาก็คงรู้จักตัวเองดีถึงส่งปืนมาให้ผม แม้จะทำหน้าประหลาดใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

ผมถอยห่างออกจากประตูในขณะที่คุณธนิกเปิดมันออก คุณธนวัฒน์ลูกชายคุณแขไขยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าร้อนรน

“พี่!” คุณธนวัฒน์พูดขึ้นคำแรกเมื่อเจอคุณธนิก “เกิดเรื่องแล้ว ผมติดต่อพี่ไม่ได้ พยายามโทรหาตั้งแต่เมื่อคืน ผม...”

“เข้ามาก่อน” คุณธนิกตัดบท เปิดประตูออกกว้างให้คนที่ยืนหน้าประตูได้เดินเข้ามา สีหน้าของคุณธนวัฒน์เหมือนคนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน “ใจเย็นๆ ขวัญไปชงชามาให้หน่อย”

ผมพยักหน้าหลังจากที่จ้องมองคุณธนวัฒน์อยู่ครู่ใหญ่ คุณธนิกเดินนำไปที่โซฟาในขณะที่คุณธนวัฒน์เดินตามหลัง ส่วนผมแยกมาที่ครัว จัดการชงชามะลิทั้งสามแก้วอย่างไม่เสียเวลาคิดแล้วยกไปบริการคนที่กำลังนั่งหน้าเครียดทั้งสองคน

คุณธนวัฒน์รับชาไปจิบ เขาดูใจเย็นลงเล็กน้อยแต่สีหน้ายังคงเคร่งเครียด “ทำไมผมถึงติดต่อพี่ไม่ได้เลย เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นไปหมด”

“ปิดมือถือ” คุณธนิกตอบ “แล้วมีเรื่องอะไรกัน มึงถึงมาที่นี่ อีกอย่าง...รู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ที่ไหน”

“พี่โมบอกผม” คุณธนวัฒน์พูดพลางจิบน้ำชาไปอีกอึกใหญ่ “พอติดต่อพี่ไม่ได้ผมก็ติดต่อพี่โม”

“แล้วตอนนี้ไอ้โมอยู่ที่ไหน”

“โรงพยาบาล แม่ก็กำลังจะบินกลับมา” สีหน้าของคุณธนวัฒน์เครียดขรึมหลังจากที่ผ่อนคลายเพราะชาร้อนๆ แต่เรื่องที่อยู่ในใจ แม้แต่น้ำชาก็คงช่วยอะไรไม่ได้ “พี่คงไม่รู้ว่าสองวันก่อน พี่โดนปลดจากบอร์ดบริหาร ทุกโปรเจ็คที่พี่รับผิดชอบถูกเปลี่ยนเป็นชื่อผมแทน”

พอได้ฟังกลับกลายเป็นผมที่เครียดไปกับคุณธนวัฒน์ แต่คุณธนิกกลับยังคงมีสีหน้าสงบ เขาดูไม่ตกใจกับเรื่องที่ได้ยินเลย

“ผมพยายามโทรหาพี่ แต่ติดต่อไม่ได้ ป้านิษโกรธมาก ป้าก็ติดต่อพี่ไม่ได้เหมือนกัน ทุกคนวุ่นกันไปหมด สองวันมานี้แทบลุกเป็นไฟกันทุกคน พี่โมก็ดูจะโกรธมากนะ เขามาถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนตั้งคำถามกับผม เพราะชื่อผมอยู่ในตำแหน่งของพี่” คุณธนวัฒน์มีสีหน้าทุกข์ใจจนคุณธนิกต้องยื่นมือไปบีบไหล่เบาๆ เพื่อให้ไหล่กว้างที่เผลอห่อตัวเข้าหากันนั้นคลายลง “ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ ไม่รู้ว่าแม่ทำอะไรด้วย พี่ก็รู้ว่าผมไม่อยากทำ”

“กูรู้แล้วก็ขอโทษที่ทำให้มึงต้องวุ่นวายไปด้วย แม่ของกูคงอาละวาดมึงหนักเลยใช่ไหม”

“ก็นิดหน่อยครับ แต่ผมเข้าใจว่าป้ากำลังโกรธ”

“แล้วทำไมไอ้โมถึงอยู่โรงพยาบาล”

“คุณลุงถูกแทงเมื่อคืนครับ” คุณธนวัฒน์บอกเสียงเครียด “ตอนนี้น้องขิมก็อยู่กับพี่โมด้วย ไปเฝ้ากันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่คุณลุงยังไม่ฟื้น สุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว หมอบอกว่าเสียเลือดมาก เพราะกว่าจะมีคนไปเจอก็ตอนที่พยาบาลมาตรวจรอบดึก”

คุณธนิกสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ในขณะที่ผมอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้ เป็นความรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก ความกลัวเกาะกุมจิตใจ

กลัวว่าฉากจบกำลังจะมาถึง ทั้งๆ ที่ผมยังส่งเจ้าชายได้ไม่ถึงไหน แต่กลับเห็นพายุลูกใหญ่ตั้งเค้าขวางทางอยู่แต่ไกล

ผมยื่นมือไปจับมือของเขาไว้ในขณะที่เขาบีบตอบกลับมาเบาๆ “พอจะรู้มั้ยครับว่าเป็นฝีมือใคร”

คุณธนวัฒน์หันมาที่ผม เขาเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าควรทักทายจึงส่งสายตาขอโทษมาให้ ก่อนจะตอบ “ไม่รู้ครับน้องขวัญ”

คำตอบของคุณธนวัฒน์ไม่ได้ทำให้ผมเชื่อ ดูจากสีหน้าก็พอจะรู้ว่าเขาไม่อยากเอ่ยชื่อคนทำ แต่แค่เห็นเขาเหลือบสายตามองหน้าคุณธนิกแล้วคำตอบก็ชัดเจน

“ขวัญไปที่โรงพยาบาลกับไอ้วัฒน์นะ” คุณธนิกหันมาพูดกับผมหลังจากที่เขาเงียบอยู่นาน “พี่มีเรื่องต้องไปคุยกับแม่”

“ไม่เอา” ผมเผลอพูดเอาแต่ใจออกไปแล้ว “วันนี้เพิ่งวันที่หกเอง ยังไม่ครบเจ็ดวันเลยนะครับพี่นิก”

“ขวัญ” เขาเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “ไปดูพ่อหน่อยนะ พ่ออาจจะกำลังรอ กำลังต้องการกำลังใจจากขวัญ”

ผมคงเป็นลูกชายที่อกตัญญูมาก หากจะบอกว่าผมไม่ได้อยากไปเจอพ่อเลย คุณเขมรัตน์สำหรับผมคือคนแปลกหน้า คือผู้ชายที่ฆ่าน้าลีของผม แล้วทำไมผมต้องแยกจากคุณธนิกเพื่อไปพบเขา ตอนนี้ผมไม่อยากห่างจากคุณธนิกเลย เพราะผมกังวลใจว่าถ้าเราแยกจากกันตอนนี้ เราจะไม่ได้กลับมาเจอกันอีก

ผมกลัว...

“ไปรอพี่ที่โรงพยาบาลนะ พี่คุยกับแม่เสร็จแล้วจะไปรับขวัญ”

คำสัญญาจากคุณธนิกหนักแน่น แต่ผมสังหรณ์ใจว่ามันจะไม่เป็นจริง รู้ว่าผมรอเก่งก็เลยชอบบอกให้รอใช่ไหม

“นานมั้ย” แม้ว่าจะไม่อยากให้ไป แต่ผมความเด็ดเดี่ยวในแววตาของเขาไม่ได้ “ให้รอนานมั้ยครับพี่นิก”

“ไม่นาน” เขาตอบแล้วส่งยิ้มมาให้

คำว่าไม่นานของคนเราเท่ากันไหม ไม่นานของเขากินเวลาเท่าไร นับเป็นวินาทีหรือไม่สามารถนับได้ ผมไม่รู้และไม่มั่นใจอะไรเลย แต่...ผมเคารพการตัดสินใจของเขา

“ไปรับผมด้วยนะพี่นิก ผมจะรอ”

“ครับ รอพี่นะครับน้องขวัญ”

ทุกการเดินทางมีจุดสิ้นสุด การรอคอยก็เช่นกัน ผมเชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น เชื่อว่าเขาจะมารับตามที่สัญญา

ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปโรงพยาบาล ส่วนคุณธนิกออกไปก่อนแล้ว เขาพูดคุยกับคุณธนวัฒน์เสร็จก็เดินมาหอมแก้มผมแล้วออกจากห้องไป ตอนนี้เกือบแปดโมงตรง ของกินที่ตกถึงท้องมีแค่ชามะลิ ผมจึงคว้าเอาขนมปังไส้ถั่วแดงติดมือมาด้วยก่อนจะเดินตามหลังคุณธนวัฒน์ไปที่ลิฟต์ ผมกับเขาพูดคุยทำความรู้จักกันเล็กน้อย เพราะไม่เคยเจอกันมาก่อน เขาอาจจะรู้จักผมอยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้รู้จักเขามากไปกว่าการที่เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณธนิก ได้ยินแค่ชื่อกับกิตติศัพท์ความเจ้าชู้เท่านั้น

“น้องขวัญรออีกแป๊บนะ เดี๋ยวคนขับรถมารับ” คุณธนวัฒน์หันมาบอกเมื่อเราอยู่กันที่ล็อบบี้

ผมพยักหน้าพลางกำลังเคี้ยวขนมปัง ถือคติที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง แม้จะมีเรื่องกังวลแต่คนเราก็ต้องกิน กินให้มีแรงสู้ ไม่อยากหมดแรงตอนกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน อย่างน้อยมีแรงวิ่งหนีสักเล็กสักน้อยเพื่อต่อชีวิตให้ตัวเองก็เป็นเรื่องที่ดี ผมพกปืนมาด้วย บอกตามตรงว่าต่อให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ จะเป็นคนที่คุณธนิกไว้ใจ แต่ปลอดภัยไว้ก่อน เกิดเล่นตุกติกกับผมผมจะได้เป็นต่ออยู่บ้าง

“ว่าแต่ไม่ได้ขับรถมาเหรอครับ” ผมชวนคุย เริ่มฉีกซองขนมปังลูกที่สอง

“ขับมาครับ แต่พี่ธนิกเอาไป” คุณธนวัฒน์ตอบแล้วยิ้มอารมณ์ดี “กินคนเดียวเลยนะ แบ่งกันบ้างสิ”

“ไม่ได้ครับ ผมยังไม่อิ่ม” ตามมารยาทต้องตอบว่าได้

คุณธนวัฒน์หัวเราะร่วน “น้องขวัญนี่ไม่เหมือนน้องขิมเลยอะ หน้าตาเหมือนกันแต่นิสัยต่างกันมาก”

“ใช่ครับ ผมนิสัยดีกว่า”

“อะครับ ตามแต่ใจ”

คุณธนวัฒน์อาจตัดสินผมด้วยขนมปังไส้ถั่วแดงที่ผมกำลังกินไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ได้แคร์เขา

ผมนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้เกือบยี่สิบนาที นอกจากยัดขนมปังลงท้องแล้วต้องมากลั้นใจกินน้ำมะเขือเทศที่คุณธนิกภูมิใจนำเสนอให้ ทั้งที่ผมก็เกือบขาดใจตายเพราะรสชาติของมัน แต่เขาบอกว่าดี ผมก็เออ...กินก็ได้วะ นั่นแหละ ตอนนี้ก็เลยระลึกชาติกับน้ำมะเขือเทศ ส่วนคุณธนวัฒน์นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ เงยหน้าขึ้นมาชวนคุยเป็นพักๆ ก่อนจะบอกว่ารถใกล้มาถึงแล้ว ผมกับเขาจึงออกมายืนรอหน้าคอนโดฯ

รถที่มารับคือรถเบนซ์คันคุ้นตาที่มีลุงกล้วยเป็นสารถี ผมจึงอุ่นใจมากขึ้นทันทีที่เห็นรอยยิ้มใจดีของอดีตทหารรับจ้าง แต่พอเข้ามานั่งในรถแล้วจุดหมายปลายทางที่คุณธนวัฒน์บอกกลับไม่ใช่โรงพยาบาล

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้สีหน้าของหนุ่มอารมณ์ดีไม่ได้ปรากฎบนใบหน้าได้รูปของคุณธนวัฒน์ เขามีสีหน้าเครียดขรึมไม่ต่างจากตอนที่เปิดประตูเจอเขาเมื่อเช้า

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมตั้งคำถาม “แล้วทำไมเราไม่ไปโรงพยาบาล”

“พี่โมให้ไปเจอที่อื่น” เขาตอบเสียงเครียดแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผมดู “น้องขวัญตัดสินใจเองนะ ถ้าไม่ไป ก็บอกลุงกล้วยไปส่งที่โรงพยาบาล”

ผมรับโทรศัพท์มือถือของคุณธนวัฒน์มาไว้ในมือ ก่อนจะมองรูปบนหน้าจอที่เขาเปิดค้างไว้ ผมนิ่งงันไปเพียงครู่ ความรู้สึกเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับถูกทำไอซ์บัคเก็ตเมื่อเห็นว่าในรูปนั้นคือเขมินทรา แฝดน้องของผมที่ถูกมัดมือมัดเท้าอยู่กับเก้าอี้โทรมๆ ผ้าปิดตาสีดำคาดปิดไว้

“มันอยู่ที่ไหน” มือของผมสั่น แม้จะพยายามทำให้มันหยุดสั่นแต่ก็ไม่เป็นผล “ไอ้มิสเตอร์ที...ไม่ผมหมายถึงพี่โมมันอยู่ที่ไหน!”

“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละครับ” คนที่มีสีหน้าเครียดขรึมบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาเล่นลิ้นด้วยในเวลานี้ ผมชักปืนออกมาจ่อที่ขมับของเขาทันที “เฮ้ๆ ใจเย็นก่อนน้องขวัญ”

“ตั้งแต่เจอกันจนถึงตอนนี้ มีเรื่องไหนบ้างที่คุณพูดความจริง ตอบผมคุณธนวัฒน์” ผมสาบานถ้าเขายังไม่เข้าประเด็น ผมลั่นไกแน่

“ยอมรับก็ได้ว่าโกหก แต่พี่โมมีเรื่องอยากเจรจาด้วยนิดหน่อย น้องขิมก็ยังปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วง” เขาบอกเสียงจริงจัง “ไปคุยกันก่อน เพราะตอนนี้มันวุ่นวายไปหมดแล้ว”

“แบบไหนที่เรียกว่าคุยกันดีๆ เห็นๆ อยู่ว่าเอาไอ้ขิมมาต่อรองกับผม”

“น้องขวัญใจเย็นๆ ก่อนนะ” เขาพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ผมไม่ติดกับ โชคดีแค่ไหนที่ผมเอาปืนมาด้วย “คือพี่ไม่รู้ว่าระหว่างน้องขวัญกับพี่โมตกลงอะไรกันไว้ น้องขิมถึงได้ไปอยู่ในสภาพนั้น พี่ก็แค่คนที่ต้องพาน้องขวัญไปเจอ พี่ก็ไม่ได้อยากทำอะไรยุ่งยากแบบนี้ แต่ถ้าอะไรที่ทำแล้วมันดีต่อตัวพี่ พี่ก็เลี่ยงไม่ได้ พี่ก็แค่คนที่อยากจะอยู่อย่างสบายๆ ไปวันๆ แต่ตอนนี้พี่ต้องติดแหง็กกับสิ่งที่พี่ไม่ชอบ ถ้าทำให้พี่ธนิกกลับมาได้ ไม่ว่าทางไหนพี่ก็จะร่วมมือด้วย เจตนาพี่มีแค่นี้จริงๆ นะน้องขวัญ”

“ถ้ามีหน้าที่แค่นี้ก็ลงจากรถไป ลุงกล้วยจอดรถเลยครับ” ผมไม่ได้อยากฟังข้อแก้ตัวและไม่เสี่ยงเอาไอ้ลูกผีลูกคนนี่ไปด้วยแน่ เพื่อผลประโยชน์แล้วใครก็ยอมทำเรื่องไร้สาระลงไปได้ทั้งนั้น

ลุงกล้วยจอดรถเทียบฟุตปาธหลังจากที่ผมบอกไม่กี่นาที ก่อนจะปลดล็อกประตู “ลงไปครับ แต่ก่อนลงส่งโลเคชั่นมาให้ผม”

“ก็ได้ครับ” คุณธนวัฒน์จัดการทำตามที่ผมบอก ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวลงไปและเมื่อประตูปิดลง ลุงกล้วยก็ออกรถทันที

“บอกคุณธนิกมั้ยครับ” ลุงกล้วยมองผมผ่านกระจกหลังแล้วตั้งคำถาม

“ไม่ต้องครับ มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับมิสเตอร์ทีตั้งแต่แรก ลุงช่วยไปกับผมก็พอครับ ไม่ต้องช่วยอะไรผม ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตของลุงเพื่อผม แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมด้วย อย่างน้อยผมก็อุ่นใจว่าถ้าโดนยิงขึ้นมาก็ถึงมือหมอแน่ๆ”

ผมไม่ชอบให้ใครโดนลูกหลงไปด้วย ปัญหาของผมผมจะจัดการมันเอง มิสเตอร์ทีเป็นคนที่พูดคุยกันด้วยเหตุผลได้และผมมั่นใจเกินครึ่งว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นเขาถึงได้ทำแบบนี้

ลุงกล้วยพาผมไปตามโลเคชั่นที่มุ่งสู่บ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรซึ่งเป็นบ้านในโครงการถัดจากโครงการบ้านที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับคุณธนิกมาร่วมหลายเดือน ที่นี่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ภูมิทัศน์รอบข้างยังไม่ถูกปรับเปลี่ยนให้สวยงาม ยังคงรกเรื้อไปด้วยต้นไมยราพยักษ์และหญ้าคาที่สูงท่วมหัว ลุงกล้วยจอดรถลงหน้าบ้านหลังสุดท้ายของโครงการที่ต้องขับมาลึกหลายร้อยเมตร ผมตรวจเช็คปืนในมือให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้งก่อนลงจากรถ

ทั่วบริเวณเงียบสงัด มีแต่เสียงประตูรั้วที่ผมเลื่อนเปิดออกเท่านั้น ผมมองตรงไปข้างหน้าแล้วเลื่อนประตูปิด มีผู้ชายสวมสูทผูกไทดูภูมิฐานคนหนึ่งยืนคอยท่าที่ประตูบ้าน เขาเปิดประตูรอให้ผมเดินเข้าไป

ในบ้านเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะบนพื้น เหยียบรองเท้าลงไปแต่ละครั้งฝุ่นละอองก็ฟุ้งกระจายจนต้องยกมือขึ้นปิดจมูก ตัวผนังยังไม่ถูกทาสีกลบทับ มีเพียงปูนเปลือยๆ ที่ยังถูกฉาบไม่แล้วเสร็จ หยากไย่ขึ้นตามมุมเพดานตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง

“ทางนี้ครับ” ชายสวมสูทเชื้อเชิญให้ผมเดินเข้าไปข้างใน ส่วนเขาไม่ได้เดินตามมา

จากบริเวณที่ผมยืนผมไม่ได้ยินเสียงอื่นใดในบ้านหลังนี้ มีแต่เพียงความเงียบที่เริ่มเข้ามากัดกินใจ จนเมื่อเดินมาถึงบริเวณที่คงจะถูกจัดแต่งให้เป็นห้องนั่งเล่นเมื่อบ้านหลังนี้แล้วเสร็จ ผมก็พบมิสเตอร์ทีนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะไม้ขนาดเล็กไม่ไกลจากเขมินทรา ไอ้แฝดน้องของผมร้องไห้ออกมาเงียบๆ แต่ก็เห็นว่าตัวมันกำลังสั่นไปด้วยอาการสะอึกสะอื้น สีหน้าของมิสเตอร์ทีดูแย่เต็มที เขาหลุดมาดผู้ชายเย็นชา เหลือเพียงแต่ใบหน้าที่สะท้อนความทรมานใจออกมาให้เห็น สายตาของเขาจ้องไปที่เขมินทรานิ่งนาน จนเมื่อได้ยินเสียงเดินของผมที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

โล่งใจที่มันเป็นแค่การเจรจาอย่างที่ธนวัฒน์ว่าไว้ ไม่อย่างนั้นคงมีกำลังคนและอาวุธครบมือยืนล้อมหน้าล้อมหลังแล้วเล็งปืนมาทางผม แต่ผมก็เอาดวงของตัวเองมาเสี่ยงมากเหมือนกัน ผมมาด้วยความมั่นใจล้วนๆ เพราะผมยังมีข้อต่อรองที่สามารถช่วยเขมินทราได้

“มาแล้วเหรอน้องขวัญ” เสียงเคร่งเครียดของมิสเตอร์ทีดังขึ้น สรรพนามที่เรียกขานทำให้ผมรู้ทันทีว่าข้อตกลงที่เคยให้ไว้นั้นสิ้นสุดลงแล้ว บทบาทของคนที่ทำข้อตกลงก็คงสิ้นสุดลงด้วย “นั่งสิ”

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีโต๊ะกั้นกลางระหว่างผมกับเขาราวกับจะเริ่มการเจรจากันอย่างจริงจังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สถานที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ร้านกาแฟหรูหราแต่กลับเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองและความสกปรก

“ก่อนที่จะเข้าเรื่อง พี่โมบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมว่าพลางเหลือบมองไปทางแฝดน้อง “มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำกับมันอย่างนั้น”

“ผมต้องถามคุณมากกว่าว่าทำอะไรไว้ขวัญพัฒน์”

“ผมทำอะไรงั้นเหรอ”

“รู้ไหมว่าธนิกโดนปลดจากบอร์ดบริหารหลังจากขังตัวเองไว้ในห้องกับคุณ” ผู้ชายตรงหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เขาเหมือนคนนอนไม่ได้นอนมาหลายวัน “ธนิกถอนตัวออกไปแล้ว ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรก็ตามที่จะได้จากคุณ เพราะฉะนั้นข้อตกลงของเราก็เลยไม่มีความหมาย! ผมถึงได้ถามว่าคุณทำอะไร เป่าหูจนเขายอมหรือขู่บังคับ คุณรู้นี่ว่าเขารักคุณ สั่งให้เขาไปตายเขายังจะทำให้คุณเลย!”

แววตาที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ของมิสเตอร์ทีจ้องมองมาที่ผม คนคนนี้ไม่ใช่พี่โมในยามที่อยู่ต่อหน้าคุณธนิก แต่เป็นพี่โมที่ออกห่างจากดวงอาทิตย์ของเขา จมอยู่ในเงามืดและเป็นได้แค่มิสเตอร์ที คนที่ไม่เคยได้รับความสว่างจากดวงอาทิตย์

“ผมไม่รู้เรื่อง” ผมตอบเสียงเรียบ แม้จะเป็นไปตามที่ตั้งใจไว้แต่ไม่ได้คิดว่าจะกะทันหันและรวดเร็วขนาดนี้ เพราะผมก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงๆ จังๆ ด้วยซ้ำ คุณธนิกน่าจะจัดการทุกอย่างเอง “ผมกับคุณธนิกไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ หลังๆ ไม่พูดถึงไอ้เรื่องมรดกเวรนี่ด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรแบบนั้นนะ ผมยังยืนยันในข้อตกลงของเรา ผมไม่ใช่คนผิดข้อตกลง เพราะฉะนั้นตอนนี้ปล่อยไอ้ขิมก่อนเถอะครับ”

เขมินทราคงกำลังรู้สึกตกนรกครั้งแล้วครั้งเล่า มันคงจะไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นขนาดนี้ถ้าคนที่จับมันมัดไม่ใช่คนที่มันหลงรัก คนที่มันบอกกับผมว่าคอยฉุดดึงมันออกมาจากความมืดมิด แต่บัดนี้คนคนนั้นกลับถีบมันเข้าไปอีกครั้ง

“ตอนนี้ผมไม่มั่นใจหรอกนักว่าคำพูดของคุณจริงแค่ไหนขวัญพัฒน์” น้ำเสียงเครียดขรึมจริงจังทำให้ผมแน่ใจว่าคงเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ “คุณต้องทำเอกสารตอนนี้ บันทึกคำพูดที่จะยกทุกอย่างให้ธนิกหลังจากที่พินัยกรรมถูกอ่าน จะไม่มีการยืดเยื้ออีกแล้ว เพราะอีกไม่นานธนิษฐาต้องกำจัดเขมรัตน์แน่ วันนี้ผมพาทนายมาด้วย คุณไม่มีสิทธิ์ต่อรองแล้วขวัญพัฒน์ ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการกับเขมินทราซะ น้องชายเพียงคนเดียวของคุณจะอยู่เหมือนตายทั้งเป็น”

ผมเม้มริมฝีปาก มองมิสเตอร์ทีอย่างไม่เข้าใจนัก เขาไม่รู้สึกอะไรกับเขมินทราจริงๆ อย่างนั้นเหรอ ในตอนที่บอกว่าจะจัดการทำไมต้องทำหน้าทรมานขนาดนั้น เขาพยายามที่จะไม่มองไปทางเขมินทรา แต่สุดท้ายก็อดเหลือบมองไปไม่ได้ ความรู้สึกของเขาชัดเจนขนาดนั้นแล้วแต่เขาก็ปฏิเสธมัน ทว่าผมก็ไม่กล้าเอาความคิดไปเองมาเสี่ยงว่าถ้าผมไม่ทำตามแล้วมิสเตอร์ทีจะจัดการกับเขมินทราจริงหรือไม่

“แต่ทำไปตอนนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร” ผมถามเพื่อประวิงเวลา

“ธนิษฐาได้เอกสารของธนิกกับไฟล์เสียงจากเขมรัตน์แล้ว ไม่ต้องห่วง”

“คุณร่วมมือกับธนิษฐาด้วยใช่ไหม”

“ผมร่วมมือกับทุกคนที่เป็นประโยชน์ต่อธนิก”

“ทำไมคุณถึงรักคุณธนิกขนาดนั้นวะ” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยอยากก้าวก่ายในความรู้สึกของคนตรงหน้า ไม่เคยถามเลยสักครั้ง แต่ผมเชื่อไปแล้วจริงๆ ว่าเขารู้สึกกับเขมินทรา ทว่าตอนนี้เขากลับทำเรื่องที่ตรงกันข้าม “คุณทำแบบนี้ นอกจากจะไม่ได้อะไรขึ้นมาแล้ว คุณยังทำร้ายคนที่รักคุณ”

“คนที่รักผมไม่ใช่คนที่ผมรัก” เสียงเรียบเอ่ย ในขณะที่เขมินทราสะอื้นจนตัวโยน ผมอยากเข้าไปกอดเขมินทราไว้ อยากปลอบว่าไม่ต้องร้องไห้แล้ว แต่มิสเตอร์ทียกปืนขึ้นเล็งไปที่แฝดน้องเมื่อผมขยับตัวจะลุกขึ้น “ผมกล้ายิงนะขวัญพัฒน์ ผมบอกแล้วว่าผมร้ายกับคนทั้งโลกได้ ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้นทั้งนั้น”

ผมยอมนั่งลงตามเดิม “ต่อให้คุณทำแบบนี้คุณธนิกก็ไม่รักคุณ”

“แล้วยังไงขวัญพัฒน์” น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบขึ้นทันที “ไม่รักแล้วยังไง”

“ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ”

“ไม่ต้องเข้าใจ” เขาว่าเสียงห้วน “แค่ทำเรื่องที่ควรทำในตอนนี้ก็พอ”

“แปลกดีนะ” ผมพูดพลางยิ้มหยัน “แปลกดีที่คุณอยู่กับคุณธนิกมานาน แต่คุณกลับไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไร และเพราะคุณเป็นแบบนี้คุณถึงเป็นได้แค่เพื่อน เป็นได้แค่คนที่เขาไม่รัก”

“ขวัญพัฒน์!” เสียงเรียกชื่อผมดังลั่นเมื่อเจ้าของเสียงข่มโทสะไว้ไม่อยู่

“คุณบอกว่าคุณธนิกเป็นดวงอาทิตย์ของคุณ คุณห้ามทุกคนเข้าใกล้ แต่คุณคงไม่ได้รู้ตัวว่าตัวคุณเองอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไปจนกำลังถูกเผาให้ตายทั้งเป็น”

เป็นเรื่องตลกร้ายที่ผมได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของผู้ชายที่ชอบทำเหมือนไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใด เขาไม่รู้ตัวหรืออาจจะรู้ตัวมาตั้งนานแล้วก็ได้ว่ากำลังถูกทำลายลงทีละเล็กทีละน้อย แต่ในระหว่างนั้นเขารู้ตัวไหมว่าในขณะที่กำลังเฝ้ามองดวงอาทิตย์ของตัวเอง เขาก็ได้กลายเป็นดวงอาทิตย์ของใครอีกคน ใครอีกคนที่ตอนนี้ทำเพียงสะอื้นแผ่วเบา ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดตั้งแต่ที่ผมมาถึง

เขมินทราที่มักจะโวยวายเงียบงันจนผมนึกกลัว มันทำให้ผมคิดว่าต่อให้ผมช่วยได้...แต่ผมก็คงช่วยหัวใจของน้องชายเพียงคนเดียวเอาไว้ไม่ทัน

สำหรับเขมินทราแล้วผมเป็นพี่ชายที่ห่วยมากหรือเปล่านะ เพราะต่อให้มันกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน ผมก็กอดมันไม่ได้เลยสักครั้ง ทั้งครั้งก่อนๆ ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ ไม่ได้รับรู้การมีตัวตนของกันและกัน และครั้งนี้ผมก็ทำเพียงแค่ยืนมอง แต่เข้าไปกอดไม่ได้

“ทำซะขวัญพัฒน์ แล้วคุณสองคนพี่น้องจะได้หลุดพ้นจากเรื่องนี้” เสียงของมิสเตอร์ทีปลุกผมที่กำลังจมอยู่ในความคิดให้กลับมาสู่ความเป็นจริง “ถ้าคุณตั้งใจจะทำตามข้อตกลงของผมจริงๆ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว ทำแล้วก็ไปให้พ้นจากธนิก”

“คุณรู้ใช่ไหมว่าต่อให้ผมไป คุณธนิกก็ไม่มีวันมองเห็นคุณในฐานะอื่น”

“ผมพอใจกับที่ยืนของผมขวัญพัฒน์ เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่จะไม่มีวันจบสิ้น ผมสามารถยืนอยู่ข้างเขาได้จนตายจากกัน ผมสามารถมองเห็นเขาได้จากที่ของผม ในขณะที่คุณจะกลายเป็นแค่ความทรงจำหนึ่งในชีวิตของเขา”

น่าตลกดีที่ผมกลับเห็นด้วยกับคำพูดของมิสเตอร์ที ผมคงตีตั๋วรถไฟผิดขบวนเสียแล้วล่ะมั้งเพราะในขณะที่ผมนั่งรออยู่ที่ชานชาลาแต่มิสเตอร์ทีอยู่บนรถไฟอีกขบวนที่ออกวิ่งไปพร้อมกัน ความรักที่แค่ได้มองเห็น แค่ได้ยืนอยู่ข้างๆ คงเป็นความรักในรูปแบบของมิสเตอร์ที

“ถ้าอย่างนั้นก็มาทำให้มันจบเถอะครับ” ผมพูดพลางฉีกยิ้มก่อนจะชักปืนออกจากที่ซ่อน ในขณะที่มิสเตอร์ทีก็เร็วพอกันกับผม ปืนสองกระบอกในมือของคนสองคนจ่อที่หน้าผากของแต่ละฝ่าย “ผมไม่ให้สิ่งที่คุณขอมิสเตอร์ที เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คุณธนิกต้องการอีกแล้ว ตัวผมยังคงอยู่ในข้อตกลงแต่เป็นคุณที่ผิดข้อตกลงกับผม ไม่ใช่คุณคนเดียวที่ไม่ชอบคนเล่นนอกกฎ แต่ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน”

“คุณนี่มีแต่เรื่องที่ทำให้ผมคาดไม่ถึงนะขวัญพัฒน์” มิสเตอร์ทียิ้มหยัน ใบหน้าแข็งกร้าวยามจ้องมองที่ผม “ลุงเขมรัตน์ถึงถูกใจคุณเอามากๆ เขาพูดเอาไว้ว่าไงรู้ไหม เขาบอกว่าคุณเหมือนเขา แววตาของคุณ ความไม่ยินดียินร้ายของคุณและความเด็ดเดี่ยวของคุณ แต่กว่าจะปลุกคุณตื่นได้ก็ต้องตีให้แรงๆ คุณเหมือนเด็กที่ถูกกล่อมให้หลับ อยู่ในความฝันเล็กๆ พอใจแค่ชีวิตที่หาเช้ากินค่ำไปวันๆ แต่ที่อยู่ของคุณไม่ใช่บ้านเช่าหลังเล็กนั่น เขาถึงได้ทำลาย กำจัดคนที่เลี้ยงคุณมา กำจัดสิ่งที่คุณรักเพื่อคุณจะได้กลับมาหาเขา”

“ผมไม่เหมือนเขาหรอกมิสเตอร์ที เพราะผมไม่ได้สนุกกับการเล่นกับชีวิตของคนอื่น” ผมว่าพลางกดปากกระบอกปืน ในขณะที่บริเวณหน้าผากก็รู้สึกถึงความเย็นจากโลหะ ปากกระบอกปืนในมือของมิสเตอร์ทีก็กดลงมาแนบแน่นกว่าเดิมเช่นกัน “แต่ผมจะบอกให้คุณรู้ไว้ว่าถ้าผมตาย น้องของผมจะได้ทุกอย่างไป แต่ถ้าผมกับเขมินทราเป็นอะไรไปทั้งคู่ สิ่งที่ผมจะได้จะถูกเปลี่ยนเป็นชื่อคุณแขไข คุณธนิกกับธนิษฐาจะไม่ได้อะไรไปแม้แต่อย่างเดียว”

“คุณทำอย่างนั้นไม่ได้ขวัญพัฒน์ อีกอย่างเอกสารการสละมรดกของเขมินทราก็อยู่กับผม”

“คงอย่างนั้น ผมให้ไว้สำหรับเป็นตัวค้ำประกันในข้อตกลงนี่นะ แต่ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้จริงๆ นั่นแหละถ้านั่นเป็นฉบับจริง” ใบหน้าของมิสเตอร์ทีบิดเบี้ยว แต่ผมหัวเราะในลำคออย่างนึกสะใจ “เขมินทราก็คงคิดว่าเอกสารอยู่กับคุณจริง เพราะผมบอกน้องว่าผมให้มันไว้กับพันธมิตรของผม คุณถึงไม่เอะใจอะไรเลย แต่ผมไม่ได้ไว้ใจคุณขนาดนั้น เพราะพันธมิตรเพียงคนเดียวที่ผมไว้ใจก็คือเพื่อนของผม ถ้าผมตายเมื่อไหร่ มันจะจัดการทุกอย่างแทนผมเองรวมถึงจัดงานศพให้ผมด้วย ผมน่ะมีพันธมิตรที่ดีขนาดนั้นเลยนะ ส่วนคุณก็เป็นแค่หมารับใช้”

“ขวัญพัฒน์!” เป็นครั้งที่สองแล้วที่มิสเตอร์ทีเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

“ไม่มีอะไรเป็นได้ดั่งใจหรอกมิสเตอร์ที แม้แต่ผมยังต้องเสียสิ่งสำคัญไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะงั้นมาเถอะตอนนี้ มาจบปัญหา มาวัดดวงกันเลยว่าคุณหรือผมจะได้อยู่ต่อ”

การเตรียมใจของผมกับฉากจบที่ได้รับอนุญาตให้ขีดเขียนขึ้นเอง ผมไม่ได้เก่งกาจพอจะต่อกรกับใครก็ตามที่ดาหน้าเข้าหา แต่ผมก็มีวิถีทางของคนโง่ ผมไม่ได้สนใจอะไรตั้งแต่แรกแล้ว ผมจึงไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ

ฉากจบที่สวยงามมันไม่ได้มีอยู่ในชีวิตจริงหรอก ถ้าผมได้บางอย่างผมก็ต้องเสียบางอย่าง นั่นคือความเป็นจริง



หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 09-10-2018 17:48:33
แปะๆ ๆ ๆ

เสียงปรบมือทำให้ขวัญพัฒน์หยุดชะงักพลางเลิกคิ้วมองปฐพี เมื่อมองจากหางตาก็เห็นว่ามีใครบางคนเดินเข้ามา เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นแต่ขวัญพัฒน์ไม่สามารถเสียสมาธิจากคนตรงหน้าไม่ได้ ปากกระบอกปืนยังคงจ่อแนบหน้าผาก วินาทีนี้ไม่มีสิทธิ์เพลี่ยงพล้ำเพราะหากพลาดก็หมายถึงชีวิต

“เป็นภาพที่สวยดีนะว่ามั้ย” เสียงหวานใสคุ้นหูทำให้ขวัญพัฒน์รู้ทันทีว่าเจ้าของรองเท้าส้นสูงเป็นใคร ผิวนวลขาวเปล่งปลั่งในชุดเดรสสีดำราวกับสิ่งแปลกปลอมในความสกปรก นาตยา ว่าที่เจ้าสาวของธนิกยืนอยู่ที่เชิงบันได หล่อนเพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน รอยยิ้มหวานปรากฎบนใบหน้าสวย ไม่มีความพรั่นพรึงใดๆ “เมื่อก่อนเคยใจแข็งกว่านี้นี่นาพี่โม นี่ถ้าคุณแม่ไม่ให้นิ่มมากับพี่ด้วย จะได้รู้มั้ยว่าพี่ใจอ่อนกับไอ้แฝดน้องหน้าโง่จนแฝดพี่ของมันแข็งข้อได้ขนาดนี้”

“อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง!” เสียงของปฐพีแข็งกร้าว “บอกให้รออยู่ข้างบนจนกว่าขวัญพัฒน์จะยอมเซ็นเอกสารไม่ใช่เหรอ!”

“นั่นท่าทางของคนยอมเหรอคะ” เสียงของนาตยายังคงดังก้อง ความหวานที่แฝงความเยียบเย็นทำให้ขวัญพัฒน์รู้สึกหวั่นในใจ และยิ่งหวั่นมากขึ้นเมื่อเห็นมีดขนาดพอดีมือกำลังไล้ไปตามแก้มของเขมินทราและเรื่อยลงไปยังบริเวณลำคอขาวของแฝดน้อง นาตยาคลี่ยิ้ม จับจ้องใบหน้าเล็กของเขมินทราที่กำลังซีดเผือด “อย่าใจดีไม่เข้าเรื่องพี่โม เรามีเวลาไม่มากนะคะ คุณแม่รั้งพี่ธนิกได้ไม่นานนักหรอก อีกเดี๋ยวเขาก็ต้องรู้ว่าลุงเขมรัตน์ไม่ได้ถูกแทง รีบๆ จัดการให้จบดีกว่า ไม่อยากต้องมาวุ่นวายทีหลัง”

กึกๆ ๆ ๆ

เสียงขาเก้าอี้ที่เขมินทรานั่งสั่นกระทบพื้น คนบนเก้าอี้พยายามขยับหนีแต่ไม่เป็นผล พันธนาการที่ร่างกายทำให้หมดทางสู้ เสียงกรีดร้องของเขมินทราดังขึ้นเมื่อมีดแหลมคมกรีดเบาๆ ลงบนแก้มขาว น้ำตาของเขมินทราไหลอาบแก้ม ความเจ็บปวดปรากฎชัดบนสีหน้า แขนที่เมื่อยล้าจากการถือปืนจ่อยิงปฐพีของขวัญพัฒน์หมดแรงลงดื้อๆ มันคงเป็นโอกาสให้อีกฝ่ายยิงได้ถ้าแขนของปฐพีจะไม่หมดแรงลงเช่นกัน

“อย่า...” เสียงของปฐพีสั่นเทา สีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ในขณะที่เลือดไหลออกจากบาดแผลของเขมินทรา หยดลงใต้คางด้วยผสมกับน้ำตาที่มากมาย “มึงอย่าทำอะไรไม่เข้้าเรื่องอีนิ่ม! เอามีดออกไปเดี๋ยวนี้!”

เสียงของปฐพีคงส่งไปไม่ถึงผู้หญิงที่มีแววตาเหี้ยมเกรียมตรงหน้า เพราะหล่อนมองไปที่ขวัญพัฒน์พร้อมรอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษ “ทำเรื่องที่ควรทำเดี๋ยวนี้ค่ะน้องขวัญ” น้ำเสียงหวานเอื้อนเอ่ยก่อนแววตาและน้ำเสียงจะเปลี่ยนไป “ไม่อย่างนั้น...กูจะเฉือนเนื้อมันให้มึงดู กว่าจะตายคงทรมานอีกหลายชั่วโมง”

มีดแหลมคมกรีดลงบนลำคอของเขมินทราจนมีเลือดซึม ทั้งขวัญพัฒน์และปฐพีขยับเข้าไปพร้อมกัน ปืนในมือกระชับแน่นพร้อมยิงทุกเมื่อ แต่เพราะแรงกดบนลำคอขาวทำให้ต้องหยุดชะงักกันทั้งคู่

“พี่ขวัญ...พี่ขวัญช่วยด้วย” เขมินทราอ้อนวอน นำ้เสียงสั่นไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด “ช่วยขิมด้วยพี่ขวัญ ขิมเจ็บ...ช่วย...อึก!”

“ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอกตอนนี้ หยุดเห่าสักที กูรำคาญ! ปากดีนักทั้งพี่ทั้งน้อง” แววตาของคุณนิ่มเยียบเย็นในขณะที่ใช้ด้ามมีดกระแทกริมฝีปากของเขมินทราให้หยุดพูด “เร็วเข้าสิไอ้ขวัญ! ก่อนที่น้องมึงจะโดนปาดคอทิ้ง ทำเรื่องที่ควรทำ แต่ถ้าไม่ทำมึงก็ตายไปซะ ตายๆ ไป กูจะได้หายใจหายคอสะดวกสักที!”

“พอ...พอแล้ว” ปฐพีพูดพลางหันไปทางขวัญพัฒน์ แววตาอ้อนวอนมองตรงไปยังแฝดคนพี่ที่ตอนนี้ยืนนิ่งงัน มือที่ถือปืนสั่นอย่างควบคุมแทบไม่อยู่ “จัดการซะขวัญพัฒน์ ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าน้องชายของคุณ ก่อนที่เขมินทราจะแย่ไปกว่านี้ เซ็นเอกสารนั่นซะ เร็วเข้า!”

ขวัญพัฒน์ยิ้มหยันมองสบตากับปฐพี มองคนที่ทำพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยความสมเพช “ทั้งหมดมันเพราะคุณมิสเตอร์ที ถ้าน้องผมต้องตายมันก็เป็นเพราะคุณ เพราะความโง่ของคุณที่เอามันมาด้วย!”

เสียงหัวเราะแหลมสูงของนาตยาบาดแก้วหู หล่อนหัวเราะเหมือนคนคลั่ง ราวกับยิ่งเห็นเลือดก็ยิ่งชอบใจ หล่อนมองมาที่ขวัญพัฒน์แล้วไปหยุดสายตาที่ปฐพี “หลงมันมากเหรอคะพี่โม เอ...หรือรักมันไปแล้วคะ ข่มขืนจนได้มาเป็นของตัวเองแล้วแต่ติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น พอเห็นมันเจ็บก็ทำหน้าจะเป็นจะตาย เอ๊ะ...หรือนิ่มเดาผิดน้า ไม่ได้รักหรือเปล่าคะ ลองกรีดดูอีกแผลดีมั้ย”

สิ้นคำพูดนั้น เสียงกรีดร้องของเขมินทราก็ดังขึ้นอีกหน คราวนี้มือที่สั่นเทาของปฐพียกปืนขึ้นเล็งไปที่นาตยา “หยุด...กูบอกให้มึงหยุดอีนิ่ม!”

“ยิงสิคะพี่โม” นาตยาย่อตัวลงเสมอคนนั่งเก้าอี้ พลางส่งแววตามุ่งร้าย “ยิงมาเลยค่ะ แต่โดนไอ้ตัวร่านนี่ไม่รู้ด้วยนะ”

ใบหน้าของเขมินทราเลอะไปด้วยเลือดและน้ำตา ทว่าก็ยังมองเห็นสีหน้าของคนที่เกลียดชังที่สุดในโลกได้ คนที่มักจะมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดและมักจะมองเขมินทราด้วยแววตาเย็นชาเสมอ แต่บัดนี้กลับแสดงแต่ความปวดร้าว ความรู้สึกที่เขมินทราไม่อาจเข้าใจ ทั้งที่เขาทำให้เขมินทราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งที่ควรสะใจเมื่อเห็นเขมินทราทรมาน ทว่าแววตาที่วูบไหวนั้นเต็มไปด้วยคำขอโทษ

“ไม่กล้าเหรอคะ ไม่ทำเพื่อพี่ธนิกแล้วเหรอคะ ไม่รักคนที่พี่บอกว่ารักมาตลอดหลายปีแล้วเหรอคะพี่โม” เสียงของนาตยาเป็นเสียงเดียวที่ดังก้องในห้องคลอไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้นของเขมินทรา “หน้าโง่เหมือนกันไม่ผิด! ทั้งพี่ธนิก ทั้งพี่! หลงไอ้แฝดนรกนี่จนโงหัวไม่ขึ้น!”

ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวไปด้วยความริษยา นาตยาสบตามองกับปฐพี พี่ชายที่หล่อนเคารพรักก่อนจะมองไปยังศัตรูหัวใจอย่างขวัญพัฒน์ เพราะมัน...เป็นเพราะมัน! หล่อนกำลังจะได้แต่งงานกับคนที่หล่อนรัก การ์ดเชิญถูกแจกให้แขกเหรื่อนับร้อยคนเพื่อมาร่วมงานเฉลิมฉลอง งานแต่งถูกเตรียมการใกล้แล้วเสร็จ ทั้งสถานที่และชุดแต่งงานก็พร้อมสรรพ แต่เพราะไอ้แฝดนรกที่ทำลายความหวังของหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้นอกจากจะผิดหวังแล้วหล่อนยังได้รับความอับอายจากการถูกว่าที่เจ้าบ่าวยกเลิกงานแต่งอย่างกะทันหัน กลายเป็นหม้ายขันหมากโดยไม่มีความผิดอะไร แค่เพราะเขาไม่รัก แค่เพราะเขารักคนอื่นที่ไม่ใช่หล่อน

รักข้างเดียวของนาตยายาวนานมาหลายสิบปี หล่อนเคยเป็นเด็กสาวเรียบร้อยน่ารัก ว่านอนสอนง่าย แต่เพราะความรักที่มีต่อธนิกทำให้หล่อนเปลี่ยนไป หล่อนเป็นเพื่อนเล่นกับธนิกและปฐพีมาตั้งแต่จำความได้ หล่อนเป็นน้องสาวคนเล็กที่น่าปกป้อง ถูกตามใจและได้รับการปกป้องดูแลจากพี่ชายทั้งสองพร้อมกันนั้นยังถูกปลูกฝังความคิดที่ว่าโตขึ้นจะได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดของธนิก หล่อนไม่เคยมองใคร สายตาของเราเฝ้ามองแต่ธนิก หล่อนพยายามทำทุกอย่างและพยายามที่จะเป็นทุกอย่างที่คิดว่าเขาจะรัก แต่ความพยายามของหล่อนไม่เคยเป็นผล เขาไม่เคยมองหล่อนในฐานะอื่นมากไปกว่าน้องสาว ธนิกเป็นคนที่วางสถานะให้คนอื่นอย่างชัดเจนเสมอ เขาให้หล่อนเป็นแค่น้องสาว ให้ปฐพีเป็นแค่เพื่อน แม้จะรู้ความรู้สึกของทั้งสองคนดีก็ตาม แต่หากถูกจัดเข้าสถานะนั้นๆ แล้วก็ไม่มีใครออกมาได้ ทว่าหล่อนไม่เคยหมดหวัง เพราะหล่อนรู้ว่าเขาขัดใจมารดาไม่ได้ มารดาของธนิกชอบหล่อน อยากได้หล่อนเป็นสะใภ้ แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้รักแต่ไม่ว่ายังไงหล่อนก็จะได้เป็นเจ้าสาวของเขาอยู่ดี แล้ว...มันก็เข้ามา คนที่ทำลายความคาดหวังของหล่อน คนที่ทำให้ธนิกต้องทิ้งทุกอย่างที่พยายามมาแทบตาย แค่เพราะไปหลงรักคนกระจอกอย่างมัน

“มึงฆ่ากูสิอินิ่ม” เสียงของเขมินทราดังขึ้น แววตากร้าวอย่างคนที่จนมุมแต่ต้องหันหน้าสู้ “ฆ่ากู แล้วมึงก็ไปนอนในคุก เพราะไม่ว่ามึงจะทำเหี้ยอะไร มึงก็เป็นได้แค่เมียมโน ไม่ได้มีสิทธิ์...อึก!”

เป็นอีกครั้งที่ด้ามมีดกระแทกใบหน้าของเขมินทรา ใบหน้าเล็กเหยเกพลางร้องลั่นเมื่อโดนซ้ำตรงบาดแผล เขมินทราดิ้นรนอย่างรุนแรง ผิวเนื้อขาวเฉียดใกล้คมมีดจนเป็นแผลไปหลายรอย ในขณะที่ขวัญพัฒน์ตะโกนลั่นกระโจนเข้าหาเมื่อเห็นแฝดน้องใช้แรงยันตัวไปด้านหลังกระแทกนาตยาให้ล้มตึง ร่างของเขมินทราที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ทับไปบนร่างบาง

“กรี๊ดดดดดดดด!” เสียงของนาตยากรีดร้องเพราะระบมไปทั้งร่าง เจ็บที่สุดก็ตรงข้อเท้าที่ราวกับได้ยินเสียงกระดูกดังกร๊อบ! หล่อนล้มลงไหล่กระแทก นอนหงายจากการถูกทับ เจ็บจุกไปทั้งช่องท้อง หล่อนอ้าปากหอบหายใจพลางพยายามดันเก้าอี้ที่หนักไปด้วยน้ำหนักตัวของเขมินทราให้ออกห่าง

ปฐพีรีบรุดตามขวัญพัฒน์ไปติดๆ มือของเขายังสั่นเทาไม่หายขณะที่ดึงเก้าอี้และเขมินทราออกห่างจากนาตยา ส่วนขวัญพัฒน์ใช้มือเพียงมือเดียวกระชากกลุ่มผมยาวตรงแล้วลากร่างบางให้ครูดไปกับพื้น นาตยากรีดร้องลั่น ดิ้นขัดขืนแต่เพราะสู้แรงไม่ไหว ทั้งข้อเท้าก็ใช้การไม่ได้ ความจุกที่โดนกระแทกที่ช่องท้องยังไม่เลือนหาย หล่อนจึงทำได้เพียงยกมือทั้งสองข้างกุมศีรษะของตัวเองไว้เพื่อหวังลดแรงกระชากลงได้บ้าง หล่อนถูกลากข้ามห้องแล้วถูกเหวี่ยงให้อัดกระแทกกับผนัง

ปึก!

“โอ๊ยยยย! มึง!”

“ทำไม!” เสียงของขวัญพัฒน์เย็นเยียบ แววตาแข็งกร้าวจ้องมองนาตยา “มึงจะทำไมกูอีนิ่ม”

“กูจะฆ่ามึง!”

“ปากดี” ปืนในมือของขวัญพัฒน์ยกขึ้นตรงหน้าหล่อน ก่อนปากกระบอกปืนจะจ้ำลงบนแก้มใส หล่อนมองขวัญพัฒน์ด้วยความหวาดผวา มือของขวัญพัฒน์บีบเข้าที่ปลายคางของหล่อน บังคับให้ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นก่อนปากกระบอกปืนจะถูกสอดเข้าในโพรงปาก ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง ในขณะที่ขวัญพัฒน์ยิ้มเหี้ยมเกรียม

“อึก...อึก” นาตยาร้องอึกอัก ดวงตาถลนและหน้าซีดเผือด ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่หล่อนไม่เคยอยู่ระหว่างความเป็นความตายอย่างนี้มาก่อน แววตาของขวัญพัฒน์ไม่มีความปราณี

“มึงกลัวกูเหรอ...”

“พี่…” เสียงเรียกแผ่วเบาของเขมินทราขัดขึ้น แฝดน้องร้องเรียกให้ขวัญพัฒน์หันไปมอง ส่วนปฐพีชะงักมือที่กำลังแก้มัดที่ข้อเท้า “พี่ขวัญ...มานี่...หน่อย”

ไม่ได้สนใจ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสังเกตว่ามีดในมือของนาตยาอยู่ที่ไหน แม้แต่ปฐพีที่กำลังแก้มัดให้ร่างผอมตอนนี้ก็ไม่รู้ เพราะเอาแต่จดจ่อกับการปลดพันธนาการด้วยมือที่สั่นเทา ก้มหน้าหลบสายตาของเขมินทราที่มองมา เขาผิดเอง...ผิดเองทั้งหมด โชคดีแค่ไหนที่ไม่เป็นอะไรมาก โชคดีแค่ไหนที่บาดแผลไม่ลึกจนเกินเยียวยา ทว่าเลือดสีแดงฉ่านที่ไหลหยดลงพื้นหยดแล้วหยดเล่ากลับลบความโชคดีไปจนหมดสิ้น

มีดของนาตยาไม่ได้หายไปไหน มันปักอยู่กลางแผ่นหลังของเขมินทรา นำพาความโชคร้ายมาเยือนขวัญพัฒน์และปฐพี

“พี่...มา...นี่ ปล่อย...ปล่อย...มัน มาหา...น้อง” น้ำเสียงขาดห้วงของเขมินทราแผ่วเบาแต่กลับดังสะท้อนอยู่ในหัวของคนฟัง

ขวัญพัฒน์ผละออกห่างนาตยาที่ตอนนี้กำลังหัวเราะด้วยเสียงแหลมแสบแก้วหูด้วยความสะใจ แต่ขวัญพัฒน์ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว เขาได้ยินแต่เสียงของแฝดน้องที่แผ่วเบาลงทุกที

“มึงมันเป็นน้องโง่ของกูจริงๆ ไอ้ขิม” ขวัญพัฒน์ว่าเสียงสั่น แต่คนที่มักจะหงุดหงิดและด่ากราดกลับมาทำแค่พยักหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ “เถียงกูสิ น้องโง่แถมยังหัวดื้ออย่างมึงต้องเถียงกู อย่ามายิ้มอย่างนี้นะ มึงไม่น่ารักหรอก อย่าทำหน้าแบบนี้ไอ้ขิม”

อย่าทำหน้าเหมือนจะทิ้งกูไว้คนเดียว

“รถพยาบาลกำลังมาแล้ว ลุงกล้วยคงโทรเรียกให้ กูได้ยินเสียงแว่วๆ เพราะงั้นมึงไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวก็หาย โดนแทงแค่นี้เอง ไกลหัวใจ กูโดนยิง...ฮึก โดนยิงมา กูยังรอดเลย มึงอย่าใจเสาะนะไอ้ขิม โง่แล้วใจเสาะไม่ได้นะ ต้องมีความดีบ้างนะ เข้าใจมั้ย เชื่อฟังพี่มึงนะ กูฉลาดกว่ามึง ต้องเชื่อกูนะขิม”

ไม่หรอก...ไม่เคยรักมันเลย ไม่เคยเป็นห่วงมัน แต่เพราะเป็นน้องชายเพียงคนเดียว เป็นความพิเศษที่ต่อให้อยากจะปฏิเสธก็ทำได้ยาก คนที่เหมือนกันราวภาพสะท้อน คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ในท้องของแม่ คนที่มีสายใยพิเศษกับขวัญพัฒน์ยิ่งกว่าใคร

“มึง...ร้องไห้” มุมปากเล็กบวมช้ำยกขึ้น “ห่วงกู...เหรอ แม้แต่...มึงที่เกลียดกู ก็ยังร้องไห้”

ปฐพีไม่พูดอะไรเลย เขาพยายามห้ามเลือดให้เขมินทรา มือสองข้างแดงฉ่านคาวคลุ้งในขณะที่น้ำใสไหลออกจากดวงตาที่มักจะมองเขมินทราด้วยความเย็นชา

“ดีจังนะ...มีคน...เป็นห่วง...กูแล้ว”

“ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมขอโทษ” ปฐพีพร่ำพูด คำขอโทษของเขาอัดแน่นอยู่ในใจเป็นล้านๆ คำ แต่มันช่วยอะไรไม่ได้ ช่วยห้ามเลือดไม่ได้ ช่วยห้ามน้ำตาของเขมินทราไม่ได้ ช่วยย้อนเวลากลับไปไม่ได้

“ไม่โกรธ...หรอก ให้...เกลียด...กูยัง...ทำไม่ได้...เลย”

จะโกรธได้อย่างไรในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าปฐพีจะทำอะไร แต่เขมินทราก็ยังยอมตามเขามา แค่เพราะเชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้าย แค่เพราะเชื่อว่าในใจของเขาจะมีเขมินทราอยู่บ้าง ก็แค่...ความเชื่อโง่ๆ ที่ทำให้ต้องมีสภาพแบบนี้

“สมน้ำหน้าอีขิม สมน้ำหน้ามึง ตายไปซะ ตาย ตาย ตาย! ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงของนาตยาดังแทรกขึ้นเป็นระยะ หล่อนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนด้วยความสะใจแม้ร่างกายจะแทบไร้แรงขยับเพราะความระบม “คนโง่ๆ อย่างมึงตายไปซะ!”

เขมินทราคนโง่...เป็นแค่คนโง่จริงๆ เพราะต่อให้กำลังเจ็บปางตายแค่ไหนก็ยังเกลียดปฐพีไม่ได้ เป็นแค่คนขี้แพ้ที่สร้างแต่ปัญหา มีพี่ชายเพียงคนเดียวก็ได้แต่ทำตัวเป็นภาระ เขมินทราเป็นได้แค่น้องโง่ๆ ที่หาเรื่องใส่ตัวจนทำให้พี่ชายเดือดร้อน แล้วตอนนี้ก็ยังทำให้คนปากแข็งทั้งสองคนร้องไห้ คนที่ปากก็บอกว่าเกลียดเขมินทรา แต่กลับทำหน้าเหมือนจะขาดใจกันทั้งคู่

แค่นี้ก็ดีแล้ว...แค่ได้รู้ว่าได้เป็นคนสำคัญของคนที่รักก็พอ

ต่อให้จะเป็นได้แค่คนโง่คนหนึ่งที่ไม่ควรเกิดมาก็ตาม






หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 09-10-2018 17:49:17

***ความรักของ Mr. T***




“ที่จริงมึงชื่อแตงโมเหรอ” ริมฝีปากเล็กเอ่ยถาม ใบหน้าของเขมินทรามีความขบขันราวกับเด็กที่ล่วงรู้ความลับที่ไม่ควรรู้ แววตาซุกซนล้อเลียนจนปฐพีต้องมองด้วยแววตาดุ “ไม่ต้องทำตาดุ กูไม่กลัวมึงหรอก”

“ไปรู้มาจากไหน” ปฐพีถามเสียงเข้ม ผลักหน้าผากเขมินทราที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้ออกห่าง

“เห็นในมือถือพี่ธนิก” เขมินทราบอกพลางยิ้มพราย “ขอเรียกแตงโมได้ป้ะ”

“ห้าม” เขาสั่งเสียงเฉียบ “คุณไม่มีสิทธิ์”

ไม่มีใครมีสิทธิ์ นอกจากธนิกแล้วปฐพีไม่อนุญาตให้ใครเรียกชื่อแห่งความทรงจำของเขา ชื่อที่มีแค่ธนิกเรียกได้คนเดียวเท่านั้น

“อยากเรียกๆ ๆ” เขมินทราไม่ยอมความ ร่างผอมบดสะโพกกับตักของปฐพี ก่อนจะออดอ้อนรบเร้า ใบหน้าเล็กคลอเคลียอยู่กับซอกคอของร่างสูงไม่ห่าง “นะๆ น่ารักจะตาย ชื่อแตงโมอะ ขอเรียกตอนอยู่กันสองคนก็ได้”

“ขิม” เขาปราม “พูดให้รู้เรื่อง”

“แล้วทำไมแค่นี้มึงต้องหวง” แววตาเย็นชาของปฐพีสบมองกับแววตาดื้อรั้นของเขมินทรา จากนั้นคนที่พ่ายแพ้ก็คือคนที่ไม่เคยชนะอย่างเขมินทรา “ก็ได้ ไม่เรียกก็ได้”

“ดีครับ” ปฐพีบอกเสียงเรียบ “แล้วจะกลับบ้านไหม”

เขมินทราส่ายหน้า ความเหงาปรากฎชัดให้เห็น “กลับไปให้แม่เลี้ยงด่ากูเหรอ ขนาดกูกลับบ้านแค่เดือนละครั้งยังคิดว่ากูกลับไปอ่อยพ่อ โคตรประสาท ขืนเสนอหน้ากลับไปบ่อยๆ กูคงโดนตบจนหน้าบวมอีก แล้วมึงถามทำไม จะไม่อยู่กับกูเหรอ จะไปที่ไหน ไปนานมั้ย ไปแล้วโทรมาหากูได้ป่าว มึงก็รู้กูนอนคนเดียวไม่ได้”

“ผมต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัดสองวัน” ปฐพีบอกอย่างอ่อนใจกับเด็กช่างจ้อที่ชอบรัวคำถามใส่เขา เขมินทราเป็นแบบนี้เสมอ สามปีที่มีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันมา จากวันแรกจนถึงวันนี้คนที่มักบอกว่าเกลียดเขาเปลี่ยนไปมาก คงเพราะเจ้าตัวเป็นคนอ่อนไหวง่าย ปากบอกว่าเกลียดแต่การกระทำกลับตรงกันข้ามทุกอย่าง เขมินทราติดเขาแจ ไม่เคยยอมห่างแม้จะผลักไส เขาบอกอยู่เสมอว่าที่มาหาก็แค่ต้องการมีเซ็กส์ด้วยเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่ระยะเวลาคงทำให้หัวใจของเขมินทราล้ำเส้นที่เขาขีดไว้ ไม่ใช่ไม่รู้แต่ทำไม่รู้เสียมากกว่า เพราะหัวใจของเขารักใครอีกคนไปแล้ว คนในใจที่ต่อให้จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตัดใจไม่ได้ แม้จะมีเขมินทรามาร่วมสามปีแต่ก็เป็นสามปีที่ไม่เคยมีเขมินทราอยู่ในนั้น

สิ่งที่เขมินทราต้องการจากเขา เขาให้ไม่ได้ มีเพียงความสงสารเท่านั้นที่เขมินทราได้รับ

“ไปด้วยได้ไหม”

“ผมไปกับธนิก”

“ไม่เห็นเป็นไร ให้กูไปด้วยนะ กูนอนไม่ได้ถ้าไม่มีมึง กูตามไปทีหลังก็ได้ แต่ดึกๆ มาหากูนะ มานอนด้วยกัน”

ปฐพีพยักหน้า เขาไม่อาจปฏิเสธเมื่อเห็นแววตาเหงาๆ ของเขมินทรา หลายครั้งที่อยากหยุดความสัมพันธ์ทางกายเพราะเป้าหมายสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แต่ที่ยังไม่หยุดและปล่อยเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ก็เพราะทิ้งคนน่าสงสารคนนี้ไว้เพียงลำพังไม่ได้ เขมินทราที่ภายนอกทำเหมือนเข้มแข็ง แต่ความจริงแล้วอ่อนแอเปราะบาง พร้อมจะแหลกสลายหากถูกกระทบด้วยแรงได้ทุกเมื่อ เขาก็แค่ต้องดูแล ก็แค่ต้องอยู่ข้างๆ เพราะก็ไม่ได้เดือดร้อนหากต้องอยู่ตรงนี้ ในเมื่อไม่มีที่ข้างๆ ของคนในใจให้เขาได้ยืน ให้อยู่ตรงนี้ต่อก็ไม่เป็นไร

ก็ดี...ไม่เหงาดีเหมือนกัน

“เย้!” เขมินทราร้องดีใจราวกับเด็กน้อย ในขณะที่ปฐพีเผลอหลุดยิ้มให้เห็น “มึงยิ้มก็เป็นนี่ แต่ชอบทำหน้าดุ ทำหน้าเฉยๆ ใส่กู ยิ้มบ้างก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไรเลยจริงๆ นะ ถึงกูจะเกลียดมึง แต่กูว่า...กูชอบรอยยิ้มของมึงนะ”

ตอนนั้นถ้าไม่ได้เข้าใจผิดปฐพีก็แน่ใจว่าเขาหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะแค่เพราะคำพูดของเขมินทรา

“นี่ ทำไมถึงเป็นแตงโมล่ะ”

คำถามที่ได้ยินทำให้ปฐพีเลิกคิ้ว ทำไมถึงเป็น...แตงโม นั่นสินะ เกือบลืมไปแล้วว่าทำไม หลายปีแล้วมั้งจนเกือบจำรายละเอียดแทบไม่ได้ แต่เหตุผลมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่เพราะ...อะไรที่มันง่ายและดีต่อความรู้สึก

“มีเรื่องไม่สบายใจอีกแล้วเหรอ”

“ทำไมถึงรู้ล่ะ”

“ก็เวลาที่ไม่สบายใจมึงจะชอบกินแตงโม มึงเคยบอกนี่ว่ามันช่วยให้อารมณ์ดีได้”

“อืม ก็มีเรื่องนิดหน่อย”

“เรื่องพ่ออีกใช่ไหม”

“มึงจะรู้ทุกเรื่องไม่ได้นะธนิก”

“เล่าสิ นอกจากแตงโมแล้ว กูจะทำให้มึงอารมณ์ดีเอง”

เหตุผลที่ชอบแตงโม ไม่ใช่เพราะมันทำให้อารมณ์ดี แต่เป็นเพราะคนที่อยู่ด้วยตอนที่กินต่างหากที่ทำให้อารมณ์ดี ปฐพีกับธนิกคือคนที่มีหัวอกเดียวกัน หัวอกของคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากคนที่เรียกว่าพ่อ ทุกครั้งที่เจอกันไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งที่ต้องมีเรื่องไม่สบายใจ ธนิกมักจะอยู่ด้วยเสมอในวันที่ปฐพีต้องการใครสักคน บางครั้งอาจแค่นั่งอยู่ด้วยเงียบๆ คอยเป็นผ้าเช็ดน้ำตาให้หรือบางครั้งอาจจะด่าทอต่อว่าในยามที่ปฐพีดิ่งจนเผลอคิดสั้น ธนิกมาทันเวลาทุกครั้ง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะเป็นในวันที่แดดแรงหรือวันที่ฝนตกหนัก หากปฐพีไม่สบายใจ ธนิกจะปรากฎตัวตรงหน้าพร้อมแตงโมลูกใหญ่

“อย่าคิดมาก ต่อให้ไม่มีใครรักมึง ไม่มีใครเห็นความสำคัญของมึง แต่มีกูนะเว้ยโม กูจะอยู่กับมึงเอง”

“มึงมันบ้าไอ้เพื่อนเวร ฝนตกหนักขนาดนี้ก็ยังจะมาหากู กูบอกแล้วว่ากูอยู่ได้ ไม่ต้องมาก็ได้”

“แต่กูมา มันก็ดีกว่าใช่ไหมล่ะ ยิ้มสิวะ กูไม่ได้มาเพื่อเห็นมึงร้องไห้ ยิ้มหน่อยแตงโม กูชอบรอยยิ้มของมึงนะ”

ทั้งที่ตัวเองก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจ แต่ธนิกมักจะทำให้ปฐพียิ้มได้แค่มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า ทั้งคำพูด ทั้งรอยยิ้ม ทำให้ปฐพีรู้สึกดียิ่งกว่าได้กินแตงโมร้อยลูก ทุกช่วงเวลาในชีวิตของปฐพีมีธนิกอยู่ในนั้น ความสำคัญที่มากกว่าเพื่อน เป็นมากกว่าคนในครอบครัว สำหรับปฐพีแล้วธนิกคือคนเพียงคนเดียวในโลกที่ว่างเปล่า ปฐพีนิยามความรู้สึกนี้ไม่ได้ เพราะหากว่าความรู้สึกนี้คือความรัก ธนิกคงไม่ได้อยู่ในความรู้สึกนี้ แต่หากมีความรู้สึกไหนที่มากกว่ารัก ธนิกจะอยู่ตรงนั้น

“ขอโทษนะเว้ย ที่กูรู้สึกบ้าๆ แบบนี้ ขอโทษจริงๆ ธนิก มึงจะเลิกเป็นเพื่อนกูก็ได้ กูไม่เป็นไร”

“ขอโทษทำไมวะ กูมากกว่าที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่ให้ในสิ่งที่มึงต้องการไม่ได้ ขอโทษที่กลายเป็นความทุกข์ใจของมึง แต่มึงเป็นคนสำคัญนะ เป็นคนที่สำคัญกับกู เป็นคนที่กูอยากให้อยู่ข้างๆ ไปตลอด ถ้าแตงโมคือสิ่งที่ทำให้มึงอารมณ์ดี กูก็ไม่ต่างกัน เพราะแตงโมก็ทำให้กูยิ้มได้ มึงเป็นรอยยิ้มของกูนะแตงโม”

“ไอ้เพื่อนเวรเอ้ย พูดขนาดนี้แล้วกูเลือกอะไรได้บ้างวะ มึงโคตรขี้โกงเลยธนิก”

“ความสัมพันธ์แบบนี้มันดีกว่าไม่ใช่เหรอวะ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันเลิกรา ความสัมพันธ์ที่จะได้อยู่ด้วยกันไปตลอด ในฐานะเพื่อนแล้วกูไม่มีวันทิ้งมึงให้อยู่คนเดียว อย่าร้องไห้นะเว้ย ถ้าจะร้องก็มาร้องกับกู กูเป็นคนทำให้ร้องกูก็จะเป็นคนปลอบเอง”

“มึงมันบ้าธนิก คนอย่างมึงมันโคตรบ้าเลย”

โคตรบ้าที่ทำให้ปฐพีโคตรรัก ความรู้สึกรักที่ยาวนานหลายสิบปีของปฐพีแม้จะทรมานใจแต่ก็เป็นความทรมานใจที่เต็มไปด้วยความสุข ธนิกไม่เคยมีใครเป็นจริงเป็นจัง ไม่เคยคบใครได้นาน ไม่เคยให้ความสำคัญกับใครมากกว่าปฐพี คนบ้าของเขา ยกให้เขาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ แต่เป็นอันดับหนึ่งในฐานะเพื่อน เพื่อนคนสำคัญที่ธนิกไม่เคยให้ก้าวข้ามไปในฐานะอื่น

“ถามก็ไม่ตอบ ได้ยินไหมเนี่ย” เสียงของเขมินทราปลุกให้ปฐพีตื่นจากห้วงคิด “กำลังคิดถึงใครอยู่เหรอ”

“เปล่า ไม่ได้คิดถึงใคร” ปฐพีตอบ ในขณะที่คนถามยิ้มกว้าง “ไปนั่งดีๆ ไม่ต้องมาซุก”

“ทำไมล่ะ มึงรำคาญกูเหรอแตงโม”

“ต้องให้พูดเหรอครับ” ว่าพลางทำหน้าหน่ายจนคนตัวผอมหน้างอง้ำ “คุณเป็นแฟนกับธนิกอยู่นะ อย่าทำเหมือนตกหลุมรักผม ระหว่างเรามันก็แค่เรื่องเซ็กส์นะเขมินทรา ถ้าเผื่อคุณลืม”

“กูไม่ลืม ไม่ลืมหรอกว่าเป็นอะไรกับเพื่อนมึง ไม่ลืมหรอกว่าระหว่างเรามันไม่มีอะไรเลยนอกจากที่มึงมาเอากูทุกวัน” เขมินทราตัดพ้อ ในขณะที่ปฐพีมองใบหน้าเล็กด้วยแววตาเย็นชา “แต่พี่ธนิกไม่ได้สนใจกู เขาตีตัวออกห่าง คบกันเหมือนรอวันเลิกแล้วมึงจะไม่ให้กูหวั่นไหวกับคนอื่นที่อยู่กับกูตลอดได้ยังไง”

“งั้นก็ไม่ต้องมาเจอกันแล้ว” ปฐพีบอกเสียงเรียบ “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ผมจะไม่มาหาคุณอีก”

“ไม่เอานะ!” เขมินทราร้องขึ้นทันที “กูแค่พูดเล่น กูเกลียดมึงจะตาย กูจะหวั่นไหวกับมึงได้ยังไง กูรักพี่ธนิก กูรักเพื่อนมึงนะ เพราะงั้น...เพราะงั้นอยู่กับกูนะแตงโม”

โกหก...แค่เห็นแววตาก็รู้แล้วว่าเขมินทราโกหก แต่ปฐพีกลับยอมพยักหน้าเชื่อในคำพูดนั้นและดำเนินความสัมพันธ์ต่อ เพราะความสงสาร...สงสารคนที่ทำหน้าเหงาจับใจ ปฐพีจึงยอมที่จะอยู่ต่อ ทั้งที่รู้ว่าเรื่องที่กำลังทำไม่ใช่เรื่องที่ควร ทั้งที่รู้ว่าเป็นการหักหลังเพื่อนคนสำคัญ ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็ไม่ยอมหยุด กลับมีความสัมพันธ์กันเรื่อยมาจวบจนเขมินทราเลิกรากับธนิก

“กูไม่มีใครแล้วนะแตงโม เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งกูนะ อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ได้ไหม จะไม่ดื้ออีกแล้ว จะเป็นเด็กดี”

ไม่ว่าเขมินทราจะแสดงออกว่าเกลียดมากแค่ไหน แต่บางครั้งก็เผลอหลุดความรู้สึกต้องห้ามออกมา ความรู้สึกที่หากเผลอรู้สึก ปฐพีจะจบความสัมพันธ์ทันที เพราะนอกจากความสงสารแล้ว...ปฐพีไม่เคยมีความรู้สึกอื่นใดให้ เขายังคงรักธนิก ยกให้ธนิกเป็นคนสำคัญ แม้จะได้แค่ยืนมองอยู่ห่างๆ แม้จะได้แค่ในฐานะเพื่อน แต่สำหรับปฐพีแล้วธนิกเป็นความรักเพียงหนึ่งเดียวที่เขามี ในขณะเดียวกันตัวเขาก็อาจจะเป็นความรักเพียงหนึ่งเดียวที่เขมินทรามีก็ได้

“ทำไมหายไปทั้งวัน กูรอฉลองวันเกิดให้ จำได้ว่าวันนี้วันเกิดมึง กูมีของขวัญให้ด้วย แล้วทำไมเมามาอย่างนี้ เลยเที่ยงคืนแล้วอีกต่างหาก อุตส่าห์ทำกับข้าวไว้ เค้กก็เตรียมให้ มึงไม่เห็นเหรอว่ากูโทรไป แชทไปก็ไม่อ่าน”

“ผมอยู่กับคนสำคัญ”

“อ๋อ…”

“ขอโทษ แต่ทีหลังไม่ต้องทำอย่างนี้ ผมไม่ได้ขอให้ทำ ไม่ต้องทำอะไรให้ทั้งนั้น แค่...นอนให้ผมเอาคุณก็พอ”

สำหรับปฐพีแล้ว เขมินทราเป็นได้แค่นั้น แค่คนที่มีความสัมพันธ์ทางกาย แค่คนที่เป็นที่ระบายยามที่ปฐพีเหนื่อยล้ากับความรู้สึกที่มีต่อธนิก ยามที่คิดอยากกอด ยามที่คิดอยากจูบ เขมินทราคือตัวแทน

“นี่...ไปเที่ยวด้วยกันบ้างได้ไหม มีที่ที่อยากไปกับมึงเยอะแยะ เราไม่เคยไปไหนด้วยกันเลยนะ นอกจากอยู่ในห้องแบบนี้”

“คงไม่ดีหรอกถ้ามีใครเห็นผมเดินกับคุณ”

“นั่นสินะ...กูคงหวังกับคนอย่างมึงมากเกินไป”

“เข้าใจก็ดีแล้วครับ มานี่สิ ขึ้นให้ผมหน่อย”

เวลาที่ผ่านมามีแต่เรื่องแบบนั้น ไม่มีความทรงจำอื่นนอกจากในห้องนอน ระหว่างปฐพีกับเขมินทรามีเพียงความใคร่เท่านั้นที่ผูกกันเอาไว้ แค่เพราะหัวใจไม่ได้รู้สึกต่อกันหรืออาจจะมีแค่ปฐพีเองที่ไม่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่เขมินทรานั้นถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น

“ขอโทษนะที่ไอ้พี่บ้าของกูทำแบบนี้ มึงเจ็บใช่ไหมแตงโม เจ็บที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน มึง...จะร้องไห้กับกูก็ได้นะ จะให้กูทำอะไรก็ได้ แต่ยิ้มให้กูหน่อยได้ไหม หลายวันแล้วนะที่เอาแต่ทำหน้าเศร้า ข้าวปลาก็กินได้น้อย”

“ไม่ต้องยุ่งได้ไหม”

“ถ้ามันเจ็บมากทำไมไม่เลิกรักพี่ธนิกล่ะ มึงจะเจ็บแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

“แล้วถ้าเป็นคุณ คุณทำได้ไหม เลิกรักผม เลิกยุ่งกับผม เลิกทำตัววุ่นวายแบบนี้สักที ทำได้หรือเปล่า”

“กูไม่ได้รักมึง”

“คุณโกหกไม่เก่งนะเขมินทรา”

“ไม่ได้รักจริงๆ นะ ไม่เคยรักเลย แต่...ช่วยยิ้มให้คนที่เกลียดมึงได้ไหม เพราะถ้ามึงเป็นแบบนี้ คนที่เกลียดมึงอย่างกูจะสะใจมากนะ ยิ้มหน่อยเถอะ อยากเห็น...”

นอกจากธนิกที่เป็นคนบ้าแล้ว เขมินทราก็เป็นคนบ้า คนบ้าที่บ้ายิ่งกว่าธนิก คนบ้าคนที่สองที่บอกว่าชอบรอยยิ้มของปฐพี อยากเห็นรอยยิ้มของปฐพียิ่งกว่าใคร แม้แต่ในวันที่ปฐพีทำเรื่องเลวร้าย คนบ้าอย่างเขมินทราก็ทำเพียงก้มหน้ายอมรับแล้วร้องไห้ออกมาเงียบๆ

ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่ความรักที่มีต่อธนิกไม่เคยลดน้อยลง แต่ปฐพีกลับแพ้น้ำตาของเขมินทรา กลับรู้สึกทรมานใจที่เห็นเขมินทราเจ็บปวด

ถ้าธนิกคือความรู้สึกที่มากกว่าความรัก แล้วอย่างนั้น...เขมินทราควรอยู่ตรงไหน

น้ำตาที่ไหลมากมายในตอนนี้คงตอบได้เป็นอย่างดี





ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ต้องปลอดภัยนะ ต้องตื่นขึ้นมานะ ตื่นขึ้นมาฟังคำขอโทษจากผม

ไม่ต้องยกโทษให้ ไม่ต้องให้อภัยคนอย่างผม แต่ขอแค่คุณตื่นขึ้นมา แค่นั้นก็พอแล้ว...


...........TBC................

อีก 3 ตอนจบนะคะ   :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-10-2018 18:16:56
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 09-10-2018 18:36:23
โอ้ยยยยยยยย ใจพังไปหมดแล้ว ขิมเธอต้องปลอดภัยนะ ต้องอยู่ดูจุดจบของอินิ่มต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 09-10-2018 18:51:03
 :hao5:t :hao5: :hao5:แง่สงสารขวัญสงสารขิมมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-10-2018 18:51:33
ในที่สุดก็เฉลยแล้ววววเป็นพี่โมจริงๆแบบไม่พลิกโผ อ่านพาร์ทพี่โมแล้วไม่สงสารเลยสักนิดสงสารขิมมากกว่าที่ต้องมาเจอกับคนแบบนี้ ขิมต้องปลอดภัยนะลูกเข็มแข็งไว้ ส่วนอินิ่มนี่ตอนขวัญเอาปืนกรอกปากคงเพิ่งได้ลิ้มรสความรู้สึกแบบนั้นสินะก่อนผละออกมาขวัญน่าจะตบปากด้วยด้ามปืนสักทีนะให้สมกับที่มันเคยทำขิมไว้ ตอนหน้าหวังว่าอิพี่นิกจะช่วยทำอะไรให้มันคลี่คลายบ้างนะคะ อีกสามตอนจบแล้วเหรอไวมากกกก อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: cute0.0cass ที่ 09-10-2018 18:54:15
ยังดีนะที่เป็นแตงโม ถ้าเป็นธัมโม... นิยายจะเปลี่ยนมู้ดทันที :a5:

สงสารน้องขิมอะ ขอให้น้องได้มีความสุขบ้างเถอะนะ :mew4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 09-10-2018 18:56:18
ขิม...อย่าเป็นอะไรไปนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-10-2018 18:57:07
อยากให้ขวัญเหนี่ยวไกใส่ชะนีให้เสร็จๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 09-10-2018 19:41:23
สงสารขวัญกับขิม โชคร้ายตั้งแต่เกิดมาเป็นลูกเขมรัตน์
โดยเฉพาะขิมชีวิตจะรันทดอะไรขนาดนี้
อยากจับตัวเขมรัตน์เขย่าๆ แล้วถามว่าเป็นบ้าไร
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 09-10-2018 20:05:42
สงสารน้องขิมมมม  อย่าเป็นอะไรน้า
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 09-10-2018 20:12:40
พวกแกมีปืนกันตั้งสองคน ทำไมยังปล่อยให้นังคนนั้นมันเอามีดมาปาดเนื้อขิมได้อีกห้ะ :m31: :fire: :fire:

มาอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมก็ยังโดนแม่บุญธรรมเกลียดอีก ขอให้ไปโรงบาลทันแล้วรอดนะหนูนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-10-2018 20:32:59
อยากให้คุณนักเขียนมาเห็นหน้าเราตอนนี้จะได้ไม่ต้องอธิบายว่ามันเป็นยังใง  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 09-10-2018 20:53:10
ตายๆๆๆๆ หนักมากตอนนี้ ใจพังพินาศมาก ขิมน่าสงสารมาก เข้มแข็งนะลูก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 09-10-2018 20:59:18
คือ โมไม่คู่ควรกับขิมเลย

ทำไมคนเขียนใจร้ายกับสองพี่น้องจัง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Jinjingot7 ที่ 09-10-2018 21:10:08
ขิม ห้ามตายนะ น้ำตาร่วง :o12:เผาะร่วงเผาะเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 09-10-2018 21:15:18
ไม่นะน้องขิมขอเถอะอย่าเป็นอะไรนะแค่โดนมีดแทงเองพี่ขวัญโดนยิงยังไม่ตายเลย อย่าตายนะ!! :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 09-10-2018 21:16:33
ทำไมขิมต้องมาเจออะไรหนักๆ แบบนี้ตลอดเลยลูกสงสารเหลือเกิน
อิพี่โม ไม่ควรได้รับความรักจากใครทั้งสิ้นฉันเกลียดที่แกทำร้ายจิตใจน้องขิม และขอให้คุณธนิกเมินแก แม้แต่คำว่าเพื่อนก็ไม่ควรมอบให้ !! :ling1:
ส่วนอินังนิ่มโรคจิต แกสมควรตายอย่างทรมานด้วยการโดนขวัญชำแหละเนื้อเอาเกลือที่ไม่มีสารไอโอดีนทาาาาาา :z3:

/me กว่าจะจบฉัลจะเป็นโรคจิตเองรึเปล่าเนี่ย T-T
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-10-2018 21:22:09
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-10-2018 21:48:03
ยิงนังนิ่มก่อนไปโรงบาลทีค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 09-10-2018 21:49:54
สงสารขิมขึ้นมาเลย ไม่เคยได้รับความรักจากใคร
ไม่อยากให้ขิมตาย และให้ขวัญพาขิมไปอยู่ด้วยกันสองคน
เผื่อน้องจะมีความสุขกับเขาบ้าง เรื่องสมบัติก็ให้พวกอยากได้ทั้งหลายแก่งแย่งกันเอง
 :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-10-2018 21:58:23
 :hao5: ขิมต้องไม่เป็นอะไรนะกลับมาอยู่กับขวัญพี่น้องเพิ่งจะเจอกันเองยังไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลย กลับมาฟังคำบอกรักจากพี่แตงโมก่อน(ยังจะปากแข็งอยู่ไหม)ขิมต้องสู้
ในที่สุดก็รู้สักที่ใครคือมิสเตอร์ที
นังโรคจิตนิ่ม :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: →Yakuza★ ที่ 09-10-2018 22:15:41
สงสารแฝด ไม่อยากให้ขิมเป็นอะไรอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 09-10-2018 22:40:30
ขิมคือน่าสงสารสุดใจ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 09-10-2018 22:43:38
ฮือออออ สงสารน้องขิมมากเลย  :hao5: :hao5:
อยากให้น้องรอดปลอดภัยและก็กลับมามีความสุขจริงๆได้ซักที
น้องบอบช้ำมามากพอแล้ว  :o12:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 09-10-2018 22:55:52
น้องขิมเด็กโง่ของแม่ ฮือๆๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 09-10-2018 22:58:08
เขาไม่รักก็รักตัวเองสิ ไม่ใช่ทำตัวเป็นคนบ้าแบบนี้นิ่ม เขาไม่รักเขาไม่ผิดนะ ยูแพ้ก็ดูแลตัวเองไปทำแบบนี้โคตรขี้แพ้ จะมาอ้างว่ารักเขามาเป็นสิบปีแล้วไง เขาไม่รักก็รู้อะ รู้ทุกอย่างแต่ยังทำตัวไร้ค่า สมเพชอะนิ่ม  สงสารขิมมาก ขอให้น้องไม่เป็นไรแล้วจบเรื่องนี้ไปสักที ให้ขวัญกับขิมไปอยู่ในที่ที่จะมีความสุขจริงๆ ได้ถูกรักและดูแลจากใครที่เขาพร้อมจะดูแลไม่ก็อยู่กันสองคนไปเลยยยยย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-10-2018 23:08:41
อยากให้น้องขิมรอด​ คุณพ่อเขมราชควรออกโรงมาจัดการปกป้องลูกๆได้แล้ว​ ช่วยทำตัวเป็นพ่อหน่อย​ สงสารน้องขิมมากๆ​ อยากฆ่าน​ิ่มให้ค่อยๆทรมานจนตายบ้าง​ เกลียด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 10-10-2018 00:17:31
 :fire: :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 10-10-2018 01:27:17
ใจฉันนนน
ขิมอยู่กับขวัญก่อนนะรักกันให้ดูหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 10-10-2018 07:23:00
 :hao5:  สงสารขิม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 10-10-2018 07:44:21
อึดอัดมากก หน่วงสุดๆไปเลยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 24 09/10/2018 Page 22
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-10-2018 14:03:46
โมจริงๆด้วย

อีรุงตุงนังมากเรื่องนี้

น้องขิมต้องปลอดภัยนะ พี่ขวัญผ่านมาแล้ว ขิมก็ต้องผ่านมาได้เหมือกันนะ รุ้ไหม
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 10-10-2018 17:22:54
ตอนที่ 25



ขณะเดียวกัน...

ธนิกกำลังเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถระหว่างฟังเสียงสัญญาณจากโทรศัพท์มือถือ เขากำลังต่อสายถึงมารดา แต่กดโทรไปสองครั้งแล้วก็ยังไม่มีการตอบรับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม เขารออยู่นานจนสัญญาณเกือบจะตัดอัตโนมัติ สุดท้ายก็มีเสียงตอบรับ

“แม่ครับ” ธนิกเอ่ยเรียกปลายสายทันที “แม่อยู่ไหนครับตอนนี้”

“ลูกสนใจด้วยเหรอว่าแม่อยู่ที่ไหน” ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “สนใจด้วยเหรอว่าแม่คนนี้จะเป็นยังไงหลังจากที่ลูกทำเรื่องงี่เง่าลงไป บอกแม่สิธนิกว่าแม่ควรจะรู้สึกยังไงที่ลูกของแม่รักคนอื่นมากกว่าแม่”

“อยู่ไหนครับ” เขาถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นจากมารดา “ผมกำลังจะไปหาครับแม่ รอผมนะ”

“ไม่ต้องมา” ธนิษฐาบอกเสียงเครือ “ไม่ต้องมาธนิก แม่ไม่อยากเจอลูก ไม่อยากเจอคนที่แม่รักมากกว่าชีวิตตัวเองแต่กลับหักหลังแม่ ทั้งที่แม่ไว้ใจ ทั้งที่ให้ทุกอย่าง แต่ลูกกลับเห็นลูกของนังนั่นสำคัญกว่า ลูกเลือกมัน เพราะฉะนั้นตอนนี้แม่ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กับลูกแล้ว”

“อยู่ที่บ้านของเราใช่ไหมครับ” เสียงเข้มถามด้วยความร้อนรน “ผมกำลังไปนะ รอผมก่อน รอผมก่อนนะครับแม่”

ธนิกรู้ดีว่ามารดาของเขาจะทำอะไร หลังจากร้องไห้ฟูมฟายตัดพ้อชีวิตแล้วคงเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองลง ธนิษฐาเป็นแบบนี้เสมอหากพลาดหวังจากสิ่งที่ต้องการ หลายต่อหลายครั้งที่มารดาทำร้ายตัวเองเพื่อให้เขาเป็นดั่งใจหวัง หัวใจของเขาเจ็บปวดทุกครั้งที่ช่วยเหลือไม่ได้ ทำได้แค่พยายามประคับประคอง คอยอยู่เคียงข้าง คอยเดินตามเส้นทางที่มารดาขีดไว้ให้เพราะไม่อยากทำให้ผิดหวัง ไม่อยากทำให้เสียใจ ทว่าราวกับเป็นการรักษาที่ผิดวิธี เหมือนยิ่งทำกลับยิ่งแย่ แย่ต่อตัวมารดาเองและแย่ต่อเขาด้วย เพราะไม่มีใครฝืนทนได้นาน ยิ่งเมื่อเจอเส้นทางของตัวเอง การให้ฝืนทนเดินไปตามเส้นทางอื่นก็เหมือนกับเดินบนทางที่โรยด้วยเศษแก้ว ถูกความแหลมคมทิ่มตำให้รู้สึกเจ็บตลอดเวลา แล้วเขาผิดเหรอที่ไม่อยากเจ็บปวดอีกต่อไป ผิดมากจนกลายเป็นคนอกตัญญูใช่ไหมที่อยากเดินไปบนทางที่ตัวเขาจะมีความสุข

ธนิกเหมือนคนต้องสาป เป็นคำสาปร้ายจากคนที่ให้ชีวิตกับเขา พอเลือกที่จะถอนคำสาปก็กลับกลายเป็นต้องสูญเสียไป ทั้งๆ ที่ไม่เคยอยากจะสูญเสียใครไปแม้แต่คนเดียว

“ไม่ต้องมานะลูก แม่เหนื่อยแล้ว ไม่อยากอยู่รบกวนชีวิตลูกอีกแล้ว ขอแม่พักก่อนนะครับ แม่รักลูกนะ” ธนิษฐาบอกเสียงแผ่วมาตามสาย คำอำลากรายๆ ทำให้ธนิกร้อนรน เขาเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วให้ไปได้ทันเวลา

กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เป็นแบบนี้ วนเวียนไม่จบไม่สิ้น เขาต้องทนเห็นมารดาทำร้ายตัวเองไปอีกกี่ครั้ง ถ้าหากวงจรนี้จบลงได้โดยที่ไม่ต้องสูญเสียก็คงจะดีไม่น้อย แต่คำภาวนามักจะไม่เป็นจริง ความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าวนเวียนเข้ามาหาไม่ให้ได้พัก

“ผมขอโทษครับแม่ ผมกำลังจะไปหา แม่รอเจอผมก่อน ถ้าแม่อยากจะไป เราไปด้วยกันนะครับ แม่อยู่คนเดียวไม่ได้ ไม่มีผมแม่ต้องเหงามากแน่ๆ เพราะฉะนั้นรอผมก่อนนะ” ธนิกพยายามเกลี้ยกล่อม เขาขับเลี้ยวเข้าซอยมาแล้ว อีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงจุดหมาย

ธนิษฐาเงียบอยู่นาน ธนิกได้ยินเพียงแต่เสียงร้องไห้ที่ดังมาตามสาย หัวใจของเขาปวดหนึบ ความรู้สึกผิดท่วมท้นแต่หากให้ย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็คงจะทำเหมือนเดิม คงจะเลือกทางเดินที่มีขวัญพัฒน์ ลูกชายของผู้หญิงที่มารดาเกลียดชังคนนั้น

“ก็ได้...แม่จะรอ แม่รอธนิกอยู่ที่เดิมนะลูก ที่ที่เราเคยอยู่ด้วยกันสองคน บ้านที่เป็นของเราจริงๆ รีบมานะ”

“ครับ ผมกำลังจอดรถ” ธนิกสูดหายใจเข้าเต็มปอด เข้าเลี้ยวรถเข้าจอดในซองก่อนจะรีบรุดไปที่ประตูลิฟต์

บ้านที่ธนิษฐาพูดถึงคือเพนเฮาส์ชั้นบนสุดของโรงแรมที่บิดาแท้ๆ ของธนิกเป็นเจ้าของ เขาเคยอยู่กับมารดาที่นี่ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูกก่อนที่มารดาจะแต่งงานใหม่ ธนิษฐามักจะมาที่นี่ในเวลาที่มีเรื่องทุกข์ใจ บางครั้งก็ขลุกตัวอยู่หลายวันโดยมีธนิกอยู่ด้วยไม่ห่าง สองแม่ลูกกับความทรงจำแห่งความสุขในบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นเทียนหอม ธนิกยังจำได้ดีถึงรอยยิ้มสวยๆ บนใบหน้ารูปไข่ของมารดา รอยยิ้มที่เลือนหายไปเพราะความไม่รู้จักพอของเขมรัตน์

ธนิกมาถึงหน้าประตู เขากดรหัสปลดล็อคแล้วเปิดเข้าไปพบกับโถงทางเดินที่ยังคงหอมอบอวลด้วยกลิ่นเทียนหอม มารดาของเขาคงจุดไว้ เปลวเทียนวูบไหวเมื่อเขาเดินผ่าน กลิ่นหอมอบอวลทำให้ผ่อนคลาย เขาเดินมาที่กลางห้อง ตะโกนเรียกหาแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ได้ยินเพียงเสียงสะอื้นไห้จากในห้องนอนเก่าของเขา

“แม่ครับ” เขาเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเมื่อเห็นว่ามารดานั่งอยู่บนเตียงของเขา เตียงขนาดสามฟุตครึ่งของเด็กชายธนิก “ผมมาแล้ว”

ธนิษฐาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าพลางเงยขึ้นมองบุตรชาย หล่อนคลี่ยิ้ม สองแขนยกขึ้นกางกว้างเพื่อรอรับร่างสูงใหญ่เข้าสู่อ้อมแขน “กลับมาหาแม่ได้สักที”

ธนิกกอดร่างบางของมารดา ผิวกายหอมสะอาดของธนิษฐายังคงอบอุ่น ก่อนหน้านี้เขากลัวจับใจว่าจะมาไม่ทันแล้วได้พบแต่ร่างเย็นชืด มารดาของเขาเป็นคนตัวผอมบาง ผมสีดำยาวตรงและมักสวมเดรสสีขาวเป็นเอกลักษณ์ ทว่าหลังจากที่แต่งงานกับเขมรัตน์ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จากคนที่เคยยุ่งอยู่แต่ในครัว อบขนมหรือทำอาหารแสนอร่อยให้เขากิน เปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่ต้องทำงานในออฟฟิศ จับปากกาเซ็นเอกสารมากกว่าจับตะหลิวลงมือทำของโปรดให้ลูกชาย การแต่งกายก็เปลี่ยนไป จากเดรสสีขาวที่ชอบใส่ก็มีแต่ชุดทำงานสีดำเรียบหรู ผมยาวตรงถูกรวบตึงเกล้าเป็นมวยไว้ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับเคร่งเครียดแทบตลอดเวลา จากเคยยืนเคียงกันอบคุกกี้ในครัวกลับต้องฟาดฟันในห้องประชุม

เปลี่ยนไปหมดจนแทบไม่เหลือ...

ทว่าธนิกก็ยังคงจดจำมารดาคนเดิมได้ ภาพรอยยิ้มสวยๆ นั้นไม่เคยหายไปจากใจ มารดาที่เลี้ยงดูเขามาเพียงลำพังหลังจากหย่าร้างกับบิดาแท้ๆ ของเขาที่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว โรงแรมแห่งนี้ก็เป็นของภรรยาคนใหม่ มีแต่เพียงเพนเฮาส์ที่ได้รับสิทธิ์ให้เป็นเจ้าของนี้เท่านั้น จนเมื่อมารดาแต่งงานครั้งใหม่กับเขมรัตน์ ทั้งธนิกและธนิษฐาก็ย้ายออกไป ปล่อยให้เพนเฮาส์แห่งนี้กลายเป็นแค่สถานที่ในความทรงจำ ยามที่เหนื่อยล้าก็มักจะแวะมาเติมพลังใจด้วยกันเพียงสองคน

“บอกแม่ได้ไหมธนิกว่าทำไมถึงทำเรื่องที่รู้อยู่แล้วว่าแม่จะเสียใจ” ธนิษฐาเอ่ยถาม หล่อนยกมือลูบศีรษะลูกชายที่กอดเอวหล่อนไว้หลวมๆ

“ผมขอโทษครับ” ธนิกกล่าวขอโทษ เขามองสบตากับมารดา เห็นความเสียใจสะท้อนในดวงตานั้นแล้วก็รู้สึกได้ว่าแค่คำขอโทษคงไม่พอ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ขอโทษ “ผมรู้ว่าที่ทำไปแม่จะต้องเสียใจ แต่ผมฝืนตัวเองไม่ได้ ผมรักขวัญพัฒน์ครับแม่”

“ทั้งที่แม่ก็เตือนลูกตั้งแต่แรกแล้ว” ธนิษฐารู้จักลูกชายของตัวเองดีกว่าใคร หล่อนรู้นิสัยของธนิก รู้ว่าธนิกจะต้องใจอ่อนและหลงรักลูกชายของขวัญข้าวในสักวัน ถึงอย่างนั้นก็ยังเชื่อว่าสุดท้ายแล้วธนิกจะเลือกอยู่ข้างหล่อน แต่ในครั้งนี้ความเป็นจริงกลับเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับ ลูกชายของหล่อนไม่ได้อยู่ข้างหล่อนอีกต่อไป “ขอได้ไหมธนิก ลูกจะรักใครก็ได้ ไม่ต้องแต่งงานกับหนูนิ่มก็ได้ แต่ขออย่างเดียว แค่ลูกชายของนังขวัญข้าว แค่ลูกของนังนั่น อย่าเลือกมัน อย่ารักมัน ตัดขาดจากมันเพื่อแม่ได้ไหม”

“ขอโทษครับแม่”

คำขอโทษที่เหมือนคำปฏิเสธทำให้ธนิษฐากรีดร้องอยู่ในใจ แพ้อีกแล้ว...หล่อนต้องแพ้ให้มันอีกแล้ว “ทั้งๆ ที่ลูกก็รู้น่ะเหรอว่าแม่ของมันทำอะไรไว้บ้าง ผู้หญิงแพศยาที่ชอบลักกินขโมยกิน คนที่ทำให้แม่ต้องตกนรกทั้งเป็น รู้แบบนั้นก็ยังจะรักลูกของมันเหรอธนิก”

“คนละคนกันนะครับแม่ ขวัญพัฒน์เป็นเด็กดี น้องน่ารัก ไม่มีพิษมีภัยกับใคร”

“ลูกกำลังตาบอด! ลูกกำลังโดนมันหลอกธนิก!” ธนิษฐาเสียงกร้าวขึ้นมาทันที จากสีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ที่ได้เจอลูกชายกลับมาบิดเบี้ยวเพราะแรงโทสะ “เชื่อแม่เถอะ ลูกนังงูพิษ ยังไงก็เป็นงูพิษ มันเป็นลูกแกะไม่ได้หรอก ถ้ารักแม่ก็ทำเพื่อแม่บ้าง”

“ผมเชื่อแม่มาตลอดทั้งๆ ที่ผมก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผมก็ยังหลับหูหลับตา แม่คิดว่าเพราะอะไรล่ะครับ” ธนิกผละออกห่างมารดาแล้วมองสบตาอย่างไม่หลบเลี่ยง “เพราะผมรักแม่มากไงครับ แต่เหมือนความรักของผมจะยิ่งทำให้แม่เป็นแบบนี้ พอแล้วไม่ได้เหรอครับ ปล่อยทุกอย่างไปแล้วอยู่กันแค่สองคนเหมือนเดิม เมื่อก่อนไม่ต้องมีเงินทองมากมายเราก็ยังอยู่กันได้ ตอนนี้ผมก็โตแล้ว แม่อยู่กับผม ผมไม่ปล่อยให้แม่ลำบากแน่ๆ ผมเลี้ยงแม่ได้ ความสามารถผมก็มี ไม่ต้องทำงานบริษัทพ่อก็ได้ เป็นพนักงานบริษัทอื่นก็ได้ เราจะไม่ลำบากกันหรอกครับ แค่แม่ยอมปล่อยสิ่งที่ไม่ใช่ของเราไปแล้วกลับมาเป็นแม่คนเดิมของผม”

ธนิกยื่นมือไปกุมมือผอมบางของมารดาไว้แล้วบีบเบาๆ เขาไม่ได้ต้องการเงินทอง ไม่เคยต้องการมาตั้งแต่แรก ที่ต้องพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายก็เพราะอยากให้มารดาที่เขารักมีความสุข มารดาที่ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้เขาสบาย “ผมจะทำงานเก็บเงินเปิดร้านขนมให้แม่ดีไหมครับ ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนแม่ชอบทำขนมมาก อบเค้กอบคุกกี้ให้ผมกินบ่อยๆ เราทำร้านเล็กๆ ก็ได้แม่จะได้ไม่เหนื่อย ข้างร้านก็ทำแปลงดอกไม้ที่แม่ชอบ”

ธนิษฐาเม้มริมฝีปาก หล่อนมองใบหน้าของบุตรชาย จากเด็กตัวผอมที่ตามติดไม่ห่าง บัดนี้กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ไหล่ที่เคยเล็กจนหล่อนคิดว่าหากมีอะไรมากระทบก็คงหักได้ง่ายๆ แต่มองดูตอนนี้แล้วกลับกว้างและดูแข็งแรง ความแข็งแรงที่คงสามารถแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ได้

“ถ้าแม่ยอมหยุด ลูกจะเลิกยุ่งกับลูกของนังนั่น ตัดขาดจากมันได้ไหม จะเลิกรักมันได้หรือเปล่า”

คำถามของมารดาทำให้ธนิกเงียบงันไปชั่วครู่ แต่รอยยิ้มยังคงระบายบนใบหน้าหล่อเหลา “ให้ผมเลิกรักผมคงทำไม่ได้หรอกครับ ตัดขาดจากขวัญพัฒน์ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายเหมือนกัน แต่...แม่ไม่ต้องห่วงครับ น้องไม่เลือกผมหรอก”

“ธนิก...” สีหน้าเจ็บปวดของคนที่เป็นดั่งดวงใจทำให้ธนิษฐาอดเจ็บปวดไปด้วยไม่ได้ “ทำไมต้องรักมันมากขนาดนั้น”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ” เรื่องของความรู้สึก หากยับยั้งได้ด้วยเหตุและผลคงไม่มีคนที่ต้องเจ็บปวด ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรรักแต่เผลออีกทีก็พร้อมจะทิ้งตัวลงกับพื้นให้เหยียบย่ำแล้ว

ธนิษฐาเจ็บไปทั้งใจราวกับได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ซ้อนทับ ใบหน้าของเขมรัตน์ในยามที่สารภาพกับหล่อนว่ามีผู้หญิงคนอื่นก็มีสีหน้าเหมือนกับธนิก คำตอบที่มีแต่คำว่าไม่รู้ดังก้องในหัว กรีดหัวใจของหล่อนให้เกิดบาดแผล เรื่องราวเมื่อครั้งเก่าก่อนย้อนเข้ามาในความคิดให้รู้สึกเจ็บช้ำ

ธนิษฐากับเขมรัตน์เป็นคู่รักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแต่แล้วจังหวะเวลากลับทำให้ต้องพรากจาก เขมรัตน์ขอเลิกราแล้วไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ เหตุผลที่ตัดความสัมพันธ์ก็เพราะครอบครัวของเขมรัตน์ไม่ยอมรับธนิษฐา เขาขอเลิกในวันที่หล่อนไปส่งเขาขึ้นเครื่อง ไม่มีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจ บอกเลิกแล้วก็หนีกันไปเท่านั้น หล่อนต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่รักครั้งต่อมาก็ไม่ได้เหมือนรักครั้งเก่า ธนิษฐาแต่งงานและอยู่กินกับพ่อของธนิกแค่สองปีก็เลิกรากันเพราะไม่อาจฝืนกันต่อ ตอนนั้นหล่อนเพิ่งคลอดธนิกได้ไม่นานแต่ก็ยังตัดสินใจที่จะจบความสัมพันธ์และเลี้ยงดูธนิกเพียงลำพัง หล่อนกับพ่อของธนิกเลิกรากันด้วยดี แม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายแต่งงานใหม่หล่อนก็ไปร่วมแสดงความยินดีด้วยในฐานะเพื่อน ทุกอย่างในชีวิตของหล่อนราบรื่น เลี้ยงลูกชายเพียงคนเดียวลำบากอยู่บ้างแต่พ่อของธนิกให้ค่าเลี้ยงดูพร้อมกับส่งพี่เลี้ยงมาช่วยเหลือ มาหาลูกชายบ้างเป็นครั้งคราว ทว่าพักหลังๆ ภรรยาใหม่ไม่พอใจ ต่างฝ่ายจึงต่างตกลงที่จะไม่พบเจอกันอีก ธนิษฐาเข้าใจดีถึงความหึงหวง หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีกันแค่สองคนแม่ลูก จนเมื่อเขมรัตน์กลับมา เขากลับมาพร้อมกับนำพาความรู้สึกของหล่อนมาด้วย เขาไม่พอใจอยู่บ้างที่หล่อนแต่งงานแล้วมีลูกติด แต่เขาก็บอกว่าเขารับได้และขอหล่อนแต่งงาน ทั้งที่ควรรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าการอ่านหนังสือเล่มเดิม อย่างไรก็ต้องจบแบบเดิม แต่เพราะไม่รู้ ไม่รู้เลยว่าวันหนึ่งเขาจะนอกใจ

หลังจากแต่งงานธนิษฐาก็พาลูกชายไปอยู่กับเขมรัตน์ เขาไม่ยอมให้หล่อนทำงาน หล่อนจึงอยู่บ้าน เป็นภรรยาที่ดี ดูแลปรนนิบัติเขา โดยไม่เคยระแคะระคายว่าเขาจะมีใคร เขมรัตน์มักจะกลับบ้านดึกดื่นหรือบางทีก็หายไปหลายวัน เขาอ้างเรื่องงานเสมอ ซึ่งเป็นข้ออ้างที่หล่อนบ่นอะไรเขาไม่ได้ พอเขาบอกแบบนั้นหล่อนก็มีแต่ต้องเข้าใจและเชื่อเขา แม้จะมีผู้หวังดีส่งรูปของเขากับผู้หญิงคนอื่นมาให้ดู แต่หล่อนก็ไม่ปริปากถาม คอยปลอบตัวเองว่าเขาอาจจะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็คือที่หนึ่ง จนเมื่อเขาพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ผู้หญิงที่ชื่อขวัญข้าวที่เขาแนะนำว่าเป็นเลขาฯ ให้หล่อนทำความรู้จักไว้ ตอนนั้นไม่ได้เอะใจ เขาอ้างว่ากลัวหล่อนเหงาก็เลยหาเพื่อนมาให้ ซึ่งขวัญข้าวก็เป็นเพื่อนที่ดี ขวัญข้าวเป็นผู้หญิงเรียบร้อย พูดน้อยแต่เป็นคนที่คุยกันถูกคอ รสนิยมเหมือนกันจึงไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย หล่อนรักขวัญข้าวเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด ขวัญข้าวชอบขนมที่หล่อนทำ ชอบอาหารทุกอย่างที่หล่อนทำให้ มักจะยิ้มตาหยีทุกครั้งที่ได้เจอ เกือบสี่ปีที่ธนิษฐาให้ใจ รักและเอ็นดู ไม่เคยหึงหวงที่เขมรัตน์กับขวัญข้าวไปไหนมาไหนด้วยกัน เพราะขวัญข้าวรายงานให้ฟังตลอด คอยเป็นหูเป็นตาให้ หล่อนจึงเบาใจ อีกทั้งเขมรัตน์ก็ไม่ได้มีเรื่องผู้หญิงอื่นมาให้กังวล เขากลับบ้านตรงเวลา พอถามว่าทำไมทำตัวดี เขาก็ตอบติดตลกว่ากลัวขวัญข้าวรายงานหล่อน

ตอนนั้นกล้าพูดได้เลยว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก หล่อนมีสามีที่ดี มีลูกชายที่น่ารักและมีน้องสาวที่ให้ใจไปเกินร้อย แต่ช่วงเวลาที่ดีมันคงอยู่ได้ไม่นาน ธนิษฐาสังเกตเห็นความผิดปกติของขวัญข้าว น้องสาวที่น่ารักของหล่อนมักจะใจลอยราวกับมีเรื่องที่คิดไม่ตก บางทีก็ร้องไห้ออกมาโดยที่หล่อนก็ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งห่วงทั้งเป็นกังวล ขวัญข้าวผอมลง หมดสติบ่อยและอาเจียนแทบตลอดเวลา หล่อนจึงดูแลไม่ห่างเพราะขวัญข้าวตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน กลัวเป็นอะไรไปแล้วช่วยเหลือไม่ทัน

“ขอโทษนะคะพี่ ขอโทษค่ะ”

ขวัญข้าวมักจะพร่ำพูดกับหล่อนทั้งน้ำตา ตอนนั้นเข้าใจว่าขอโทษที่ทำให้หล่อนลำบากต้องดูแล แต่ความเข้าใจของหล่อนผิดทั้งหมดเมื่อหลังจากนั้นอีกสามเดือนอาการป่วยของขวัญข้าวก็เริ่มชัด ผู้หญิงรูปร่างดีแต่หน้าท้องกลับนูนขึ้นมาจนผิดสังเกตนั้นกลายเป็นข้อครหาของคนในบริษัท ข่าวลือหนาหูว่าขวัญข้าวตั้งครรภ์กับท่านประธานมาถึงหูธนิษฐาราวกับไฟลามทุ่ง แต่มันก็แค่ข่าวลือ หล่อนไม่เคยปักใจเชื่อ หล่อนรู้ว่าขวัญข้าวตั้งครรภ์ตั้งแต่แรกแล้วแต่ก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ ไม่อยากถามให้น้องสาวของหล่อนต้องเสียใจไปมากกว่านี้เพราะเข้าใจไปเองว่าฝ่ายชายคงไม่รับผิดชอบ ในเมื่อแม้แต่ตอนที่คบหากันหล่อนก็ไม่รู้ ไม่เคยรู้จักแฟนของขวัญข้าวเลย ทั้งที่เชื่อถึงขนาดนั้น เข้าใจถึงขนาดนั้นแต่สุดท้ายธนิษฐากลับเป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง

“แม่ครับ” เสียงเรียกของธนิกทำให้ธนิษฐากระพริบตาไล่น้ำใสๆ ที่คลอหน่วยให้เลือนหาย “เป็นอะไรไปครับ”

“คิดถึงเรื่องเก่าๆ น่ะลูก” ธนิษฐาคลี่ยิ้ม แววตาเศร้าสร้อย “แม่เป็นแม่ที่ไม่ดีหรือเปล่าครับธนิก”

“สำหรับผมแล้ว แม่เป็นแม่ที่ดีมากครับ” ธนิกยิ้มพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาออกจากแก้มของมารดา “ผมขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ผมอ่อนแอ ปกป้องแม่ไม่ได้ ช่วยแม่ก็ไม่ได้ ผมเอาแต่มองหาแม่คนเดิมของผมแล้วละเลยแม่ในตอนนี้ ขอโทษนะครับที่ผมไม่ทำอะไรเลย”

ธนิกทำเพียงแค่มอง เขายืนมองอยู่ห่างๆ โดยไม่เข้าไปใกล้ ไม่ส่งเสริมแต่ก็ไม่ห้ามปราม เพราะเอาแต่ติดอยู่กับภาพแผ่นหลังบางของมารดาที่กำลังอบคุกกี้ให้เขาท่ามกลางกลิ่นเทียนหอมที่อบอวลอยู่ในห้อง

“แม่ก็ขอโทษ” ธนิษฐาเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอโทษที่ทำให้ลูกเจ็บ ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยมาตลอด”

“งั้นตอนนี้...” หยุดพูดไปเสียอย่างนั้น เพราะรู้สึกยากเหลือเกินที่จะพูดออกมา แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยผ่านไปอีก “ไปมอบตัวกันนะครับ ไอ้วัฒน์บอกผมเมื่อเช้าว่าแม่แทงคุณเขมรัตน์... ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่โรงพยาบาล”

“ธนิก แม่น่ะเกลียดเขานะ แต่ก็รักเขาด้วย ต่อให้อยากทำให้เจ็บแค่ไหน แม่ก็ไม่ทำ” ธนิษฐาบอกพลางยิ้มหยันด้วยความสมเพชตัวเอง “มันเป็นเรื่องโกหก เป็นแค่เรื่องโกหกที่จะพาลูกของขวัญข้าวไปเจรจาโดยไม่มีลูกก็เท่านั้น”

“อะไร...นะครับ” น้ำเสียงของธนิกแปร่งไปทันที เขามีสีหน้าตกตะลันก่อนจะซีดขาว

“ไม่ต้องห่วงหรอก มีแค่โมกับนิ่มแล้วก็ทนายที่ไปคุย ไม่มีคนอื่น แม่รับรองได้”

“ทำไมทำเรื่องแบบนี้อีกแล้วครับ” ธนิกถามเสียงเข้ม แววตาเจ็บปวดผิดหวังมองผู้ให้กำเนิด “แม่หลอกผม...กี่ครั้งแล้วครับที่ผมต้องเจออะไรแบบนี้”

“ธนิก...นั่นเป็นเรื่องก่อนที่แม่จะได้คุยกับลูก ตอนนี้แม่จะหยุดแล้ว พอแล้วล่ะ เราไปอยู่ด้วยกันสองคน มีแค่แม่กับลูกนะ ขอโทษนะลูก”

“ผมจะเชื่อแม่ได้ยังไงครับ ผมโดนหลอกมากี่ครั้ง โดนหลอกแค่เพราะผมรักแม่ แม่เอาตัวคนที่ผมรักไปอย่างนั้น คำว่าเจรจาของแม่มีขอบเขตแค่ไหน ต้องทรมานจนกว่าจะตายไหม หรือให้อยู่อย่างตายทั้งเป็น”

ธนิษฐากุมมือของลูกชายไว้ “เชื่อแม่อีกสักครั้ง ครั้งสุดท้ายก็ได้ลูก ตอนนี้ไปด้วยกัน ไปคุยกับโม ไปหยุดทุกอย่างด้วยกันนะครับ แม่ขอโทษอีกครั้งที่ทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้อีกแล้ว จะโกรธแม่หลังจากนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้น่าจะทันนะ”

“ขอให้ทันอย่างที่แม่พูดเถอะครับ"

ธนิกรีบรุดออกจากโรงแรม เขามาพร้อมมารดาที่ยืนกรานจะมาด้วย ยื้อยุดกันอยู่นานแต่เพราะไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้จึงต้องเลยตามเลย ในระหว่างที่กำลังเดินทางก็พยายามติดต่อหาธนวัฒน์แต่ไอ้เด็กนั่นไม่ยอมรับสาย พอลองโทรหาปฐพีและขวัญพัฒน์ก็ปิดเครื่อง ทุกคนที่น่าจะอยู่ด้วยกันในสถานที่นัดเจรจานั้นไม่มีใครติดต่อได้เลยสักคน มิสคอลจากลุงกล้วยคนขับรถที่ขึ้นก่อนหน้านี้เป็นสิบๆ สาย พอโทรกลับไปก็ไม่มีคนรับ

ธนิกร้อนใจ เขาเร่งความเร็วรถแต่สิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดมากกว่าการติดต่อใครไม่ได้ก็คือการที่รถของเขาติดอยู่ท่ามกลางการจราจรที่แสนวุ่นวาย จากโรงแรมถึงโครงการบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างของปฐพีนั้นห่างกันคนละมุมเมือง ไปด้วยความเร็วสูงสุดก็ยังคงต้องใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที บวกกับการจราจรในตอนนี้ก็คงต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง

ไม่ทัน...อาจจะไม่ทันแล้วก็ได้

ในห้วงคิดของธนิกตอนนี้มีแค่ขวัญพัฒน์ ความกลัวเกาะกุมจิตใจ ภาพที่ขวัญพัฒน์ล้มลงในอ้อมกอดของเขาฉายซ้ำไปมาไม่หยุด ไม่เอาอีกแล้ว...ไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นอีกแล้ว

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 10-10-2018 17:23:17
“ธนิก เสียงโทรศัพท์น่ะลูก” ธนิษฐาเตือนลูกชายที่ดูเหมือนสมาธิจะไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดนอกจากท้องถนนในยามนี้ “แม่กดรับให้นะ”

ธนิกพยักหน้าและเมื่อมือผอมบางของมารดากดรับสาย เสียงของลุงกล้วยคนขับรถก็ดังขึ้นผ่านสปีกเกอร์โฟน

“คุณธนิกครับ อยู่ที่ไหนครับตอนนี้” น้ำเสียงของลุงกล้วยเคร่งเครียด

“กำลังขับรถครับ ลุงกล้วยอยู่ที่ไหน อยู่กับน้องขวัญหรือเปล่าครับ แล้วไอ้วัฒน์มันไปมุดหัวที่ไหน” ธนิกถามอย่างร้อนรน มีคำถามมากมายอัดแน่นอยู่ในหัวของเขา

“คุณขวัญไปกับรถพยาบาลแล้วครับ คุณโมก็ไปด้วยกัน ส่วนผมอยู่กับตำรวจจัดการเรื่องคุณนิ่ม” ลุงกล้วยรายงานแต่ก็ต้องรีบพูดเมื่อได้ยินเสียงของเจ้านายสบถดังลั่น “คุณขวัญปลอดภัยดีครับ แต่แฝดอีกคนยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง ผมไม่ได้ตามไปด้วย”

“ขิมเหรอครับ...ขิมเป็นอะไรครับ”

“โดนแทงครับ คุณนิ่มเป็นคนทำ ตอนนี้ตำรวจกำลังคุมตัวไปโรงพัก คุณธนิกไปที่โรงพยาบาลเลยนะครับ ตอนนี้รถพยาบาลกำลังออกไปได้ไม่นาน”

“ครับลุง ขอบคุณมากครับ”

ลุงกล้วยวางสายไปแล้ว ในห้องโดยสารจึงกลับมาเงียบอีกครั้ง ก่อนที่ธนิษฐาจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา “แม่ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้”

“แม่คิดครับ” ธนิกสวนขึ้นทันที “ถ้าแม่ไม่คิดแม่ไม่ให้นิ่มไปกับไอ้โม แม่รู้นิสัยของนิ่มดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ห้าม ผมถามหน่อยเถอะครับว่าทำไมถึงเอาความแค้นไปลงที่สองคนนั้น แม่รู้ไหมครับว่าถ้าเป็นไปได้พวกเขาก็ไม่ได้อยากเกิดมา แต่เลือกอะไรได้ไหม พวกเขาเลือกไม่ได้ ทุกอย่างเพราะพวกผู้ใหญ่ทั้งนั้น น้องทั้งสองคนไม่ผิดอะไรเลย น้องต้องพรากจากกัน ไปคนละทิศละทาง ไม่เคยได้รู้จักพ่อแม่ของตัวเอง คนหนึ่งก็อยู่กับพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง โดนแม่เลี้ยงทำร้ายตลอดเพราะได้รับความรักจากสามีของเธอมากเกินไป กลัวว่าพ่อเลี้ยงจะเคลมลูกเลี้ยงของตัวเอง ส่วนอีกคนก็อยู่อย่างอดๆ อยากๆ ขับวินเลี้ยงตัวเองไปวันๆ ของกินดีๆ ไม่เคยได้กิน เสื้อผ้าสวยๆ ไม่เคยได้ใส่เหมือนคนอื่นเลยสักครั้ง พวกเขาเลือกอะไรไม่ได้เลยนะครับแม่ แต่ต้องมารับทุกอย่างที่พวกผู้ใหญ่สาดใส่ให้ แล้วผู้ใหญ่ที่ใจร้ายที่สุดคนหนึ่งก็คือแม่ที่ผมรัก เพราะแบบนี้...พอผมได้รับความรักจากน้อง ผมจึงทรมานใจมากกว่ามีความสุข ยิ่งผมรักน้องมากเท่าไร ผมยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น”

“แม่เข้าใจแล้วธนิก...แม่เข้าใจแล้ว ขอโทษนะลูก ขอโทษจริงๆ” ธนิษฐาปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มเพราะลูกชายของหล่อนกำลังทุกข์ทรมานจากการกระทำของหล่อน

ธนิกไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น เขาจมอยู่ในความคิดจนขับมาถึงโรงพยาบาลที่ลุงกล้วยส่งโลเคชั่นมาให้ ทันเห็นท้ายรถพยาบาลที่เปิดเสียงไซเรนเพื่อขอทางขับเข้าไปที่ทางเข้าอย่างเร่งด่วน รถคันนั้นจอดลงที่หน้าตึกอุบัติและฉุกเฉิน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลสองสามคนรีบเข้าปฏิบัติหน้าที่ เตียงคนไข้เลื่อนลงจากรถและถูกเข็นเข้าไปทันที ธนิกเห็นขวัญพัฒน์และปฐพีแล้ว ทั้งสองคนหน้าซีดเผือดและทั้งเนื้อทั้งตัวเประไปด้วยเลือดที่คงจะเป็นเลือดจากแผลถูกแทงของเขมินทรา เขารีบรุดเข้าไปหาพร้อมกับมารดา ทว่าขวัญพัฒน์หันมาเจอเขาก่อน ร่างผอมแยกตัวจากปฐพีที่ตามติดเตียงคนไข้ไป จากนั้นจึงก้าวเท้าเข้ามาหา ตรงเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าที่ไม่ใช่ขวัญพัฒน์ แววตาเยียบเย็นมุ่งร้าย

“สะใจหรือยังคุณธนิษฐา” ขวัญพัฒน์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าธนิก แต่แววตาจับมองที่ผู้หญิงร่างบาง “ผมคิดอยู่เชียวว่าถ้าคุณไม่มาดูผลงานตัวเอง ผมคงจะบุกไปหาคุณถึงที่”

“น้องของเธอ...” ธนิษฐาจ้องมองสายตาของเด็กหนุ่มแล้วก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างหวาดวิตก “เขมินทราเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ตายหรอก มันจะอยู่ได้อีกนาน” ขวัญพัฒน์ตอบเสียงแข็งกร้าว “อย่าอกแตกตายไปก่อนล่ะครับ”

“ขวัญ พี่ว่าเข้าไปข้างในก่อนดีกว่าไหม ตอนนี้ไปอยู่หน้าห้องฉุกเฉินกัน...”

“อย่ามาใกล้” ขวัญพัฒน์ตัดบท มองตาขวาง “อย่าพาแม่ของคุณมาใกล้น้องของผม คุณธนิก”

“ขวัญ…” ธนิกเอ่ยเรียกแต่ก็พูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ เมื่อเห็นสายตาว่างเปล่าของขวัญพัฒน์ที่จ้องมองมา

“รีบเตรียมเงินประกันตัวแม่ของคุณดีกว่าหรือจะพาหนีไปเลยก็ได้ เพราะอีนิ่มโดนจับ มันคงซัดทอดว่าแม่ของคุณสั่งให้มันทำ” ขวัญพัฒน์เผยรอยยิ้มเย็น “อ้อ...ถ้ามีเงินนะครับ ตอนนี้พวกคุณสองแม่ลูกจะไม่เหลืออะไรแล้วนี่ แย่หน่อยนะครับคุณธนิษฐา ที่สุดท้ายลูกชายของคุณก็เลือกจะทิ้งทุกอย่างเพื่อผม ดูสิ...พยายามกันมาแทบตาย สุดท้ายก็เป็นได้แค่นี้ แค่หมาขี้แพ้”

“ขวัญพัฒน์” ธนิษฐาเรียกเสียงเฉียบ “ถ้าจะเกลียดก็เอาความเกลียดมาลงที่ฉัน ฉันเป็นคนทำร้ายน้องของเธอเอง ธนิกไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย”

“ไม่เกี่ยวเหรอครับ” ขวัญพัฒน์เลิกคิ้วพลางยิ้มเยาะ “รู้แต่ไม่ยอมห้าม รู้แต่ก็ปล่อยให้คุณทำเรื่องร้ายๆ ใส่คนอื่น ผมเรียกการกระทำแบบนี้ว่าสมรู้ร่วมคิด ลูกชายของคุณจะรักใครได้คุณธนิษฐา เขาเก่งแต่เดินตามคุณต้อยๆ สั่งให้หันซ้ายก็หัน เชื่องดีจริงๆ ขนาดตอนนี้ก็ยังพาคุณมาเยาะเย้ยผมกับน้อง แทนที่จะพาคุณไปส่งตำรวจให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่เขาก็ไม่ทำ สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะเข้าข้างคุณ ถ้าอย่างนั้นก็อยู่กับแม่ไปตลอดชีวิตนะ เพราะปกป้องได้แค่แม่ของตัวเอง ส่วนคนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมัน เวลาสำคัญไม่เคยอยู่ หายหัวทุกที”

ธนิกยืนรับฟังโดยไม่โต้เถียง คำพูดของขวัญพัฒน์เหมือนมีดแหลมคมจ้วงแทงหัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ฉันขอโทษ” ธนิษฐาบอกเบาๆ “เรื่องที่มันเกิดขึ้นเป็นความผิดของฉันเอง เกลียดฉันได้เท่าที่เธออยากเกลียด ฉันจะรับผิดกับเรื่องที่ฉันทำ แต่กับธนิก เธอไม่ควรพูดกับเขาแบบนี้ขวัญพัฒน์ อย่าทำร้ายเขาแค่เพราะเกลียดฉัน”

“ผมไม่รับคำขอโทษของคุณ” ขวัญพัฒน์บอกอย่างเย็นชา “คำขอร้องของคุณผมก็ไม่รับคุณธนิษฐา ผมไม่เคยคิดแค้นใคร จนถึงเมื่อวานนี้ผมก็ยังไม่คิดแค้นคุณต่อให้คุณจะเป็นคนที่ทรมานแม่ของผม จะเป็นคนที่ทรมานน้องชายของผม ผมไม่แค้นเลย แต่ตอนนี้ผมยอมรับเลยว่าผมอยากให้คุณตายๆ ไปซะ ตายไปพร้อมกับความแค้นบ้าบอของคุณ ความแค้นที่ผมกับน้องไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย ถ้าอยากขอโทษผม ไปตายให้ผมดูทีนะครับ”

“ขวัญ!” ธนิกเรียกเสียงเข้ม เขาจ้องมองคนรักราวกับไม่เคยเห็น ขวัญพัฒน์ที่เขารู้จักไม่ใช่คนร้ายกาจแบบนี้ “พี่เข้าใจว่าตอนนี้ขวัญรู้สึกยังไง แต่อย่าเพิ่งให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล”

“คนอย่างคุณธนิษฐาใช้เหตุผลได้ด้วยเหรอ” ขวัญพัฒน์ยิ้มเยาะ “แล้วอย่ามาพูดว่าเข้าใจผมคุณธนิก คุณไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกที่กำลังจะสูญเสียคนสำคัญ”

ขวัญพัฒน์ในตอนนี้คงลืมไปแล้วว่าวันนั้นที่สถานีรถไฟ ธนิกมีสีหน้าแบบไหน น้ำตาบนใบหน้าหล่อเหลานั้นก็คงลางเลือนในความทรงจำ เพราะแม้แต่คำว่ารักที่ได้บอกไปก่อนขวัญพัฒน์จะหมดสติจนถึงวินาทีนี้ก็ไม่มีทีท่าจำได้

“ว่ายังไงล่ะคุณธนิษฐา ผมรอชมคำขอโทษอย่างจริงใจจากคุณอยู่นะ” น้ำเสียงของขวัญพัฒน์ดังเรียบเรื่อย “คุณชอบขู่ฆ่าตัวตายนี่ คงคิดออกนะว่าควรจะตายแบบไหน แต่ผมก็ยังสงสัยว่าคนเห็นแก่ตัวอย่างคุณจะกล้าทำจริงๆ ไหม หรือเก่งแค่ขู่ให้ลูกชายยอมทำตัวเชื่องๆ ด้วยเท่านั้น มุขเก่าๆ แต่ก็ได้ผลทุกครั้งนี่นะ” ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มหยัน จ้องมองธนิกด้วยแววตาที่ยากจะตีความ “ทั้งที่ผมมั่นใจแล้วเชียวว่าทำให้หลงหัวปักหัวปำได้ คาดไม่ถึงอยู่หรอกที่ยอมขัดคำสั่งคุณเพื่อผม แต่สุดท้ายเขาก็เลือกอยู่ข้างคุณ เสียดายที่ผมยอมเปลืองตัวไปฟรีๆ ตั้งหลายวัน แกล้งปั้นหน้ายิ้มจนเมื่อย ลงทุนทำอะไรขยะแขยง แต่เวลานึกถึงความทุรนทุรายของคุณเวลาที่รู้ว่าลูกชายที่น่ารักติดอยู่ในบ่วงของผม ฝืนใจยังไงก็ต้องทำ”

“พอได้แล้วขวัญพัฒน์” ธนิษฐาเอ่ยเตือน หัวใจของคนเป็นแม่แทบสลายเมื่อเห็นลูกชายยืนนิ่งงัน สีหน้าของธนิกเต็มไปด้วยความเจ็บปวด คำคนฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นได้ ยิ่งจากคนที่รักแล้วคงยิ่งทำให้ทุกข์ทรมานราวกับตกอยู่ในนรกขุมที่ลึกที่สุด “หยุดพูดสักที ฉันขอร้อง”

“สีหน้าของคุณตอนนี้ ผมชอบมากจริงๆ นะคุณธนิษฐา เจ็บปวดมากเหรอครับ” ขวัญพัฒน์ไม่ได้มองไปที่ธนิก เพราะเอาแต่มองผู้หญิงใจร้ายตรงหน้าด้วยความสะใจ “เจ็บปวดเพราะอะไรกันนะ เพราะลูกชายที่รักนักรักหนากำลังเจ็บปวดเหรอ แต่ช่วยไม่ได้นะครับเพราะลูกชายคุณเลือกที่จะเชื่อผมเอง น่าสมเพชอะไม่รู้ว่าเชื่อไปได้ยังไงว่าผมจะให้ทุกสิ่งที่ต้องการ เป็นความผิดคุณนะที่เลี้ยงเขามาแบบนี้ ทั้งหลอกง่าย โดนจูงจมูกง่าย พอหลงผมมากๆ ก็ยอมทิ้งสิ่งที่ต้องการเพื่อบูชาความรัก ทั้งๆ ที่ผมก็เตือนแล้วว่าอย่ารักผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าทิ้งทุกสิ่งเพื่อผม แต่ดูเขาสิ” ขวัญพัฒน์หัวเราะในลำคอ “กลายเป็นไอ้หน้าโง่เลยนะครับ”

เพียะ!!

มือของธนิษฐาตวัดลงบนแก้มของขวัญพัฒน์ เด็กหนุ่มหน้าหันไปตามแรงตบ แต่ก่อนที่จะได้เอาคืนก็ถูกมือแข็งแรงของร่างสูงยับยั้งไว้แล้วผลักออกห่าง ขวัญพัฒน์จ้องมองธนิกที่ยืนบังธนิษฐาเอาไว้ด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ

“อยากเอาคืนก็ทำกับพี่” ธนิกบอกเสียงเรียบ ก่อนจะหน้าหันไปตามแรงชก

ผลัวะ!

กำปั้นหนักๆ ของขวัญพัฒน์ปะทะกับสันกราม ธนิกเซไปด้านหลังในขณะที่ธนิษฐาจับแขนของลูกชายเอาไว้ไม่ให้เสียหลัก ก่อนหล่อนจะตวัดตามองไปที่ขวัญพัฒน์

“เป็นไงครับ ตบผมอีกได้นะ ตบอีกผมก็จะชกลูกคุณอีก ยังไงซะลูกของคุณก็ไม่ทำร้ายผมอยู่แล้ว” ขวัญพัฒน์เหยียดยิ้มด้วยแววตามุ่งร้าย “เพราะเขารักผมมาก รักจนยอมเชื่อว่าผมจะรักเขาที่เป็นลูกชายของคนอย่างคุณ เวลาแสดงบทว่าต้องรักต้องหลงเขานี่ ผมสะอิดสะเอียนจริงๆ ต้องปั้นหน้าเป็นเด็กดี หัวเราะแล้วก็ทำท่าปัญญาอ่อน เรียกเขาว่าพี่นิกๆ ผมแทบอ้วก”

“อยากให้ฉันตายใช่ไหม” ธนิษฐาเอ่ยเสียงแปร่งเพราะพยายามกลบเกลื่อนความสั่นไหวในใจ หล่อนทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้หล่อนแพ้ราบคาบ ไม่ต้องใช้อาวุธใดๆ มาขู่ทำร้าย ไม่ต้องทรมานร่างกายให้เจ็บปวด แต่แค่วาจาก็ทำให้หล่อนเหมือนตายทั้งเป็น ตายเพราะความทุกข์ทรมานของลูกชายอันเป็นที่รัก “ถ้าฉันตาย...เธอจะรักเขาได้ไหมขวัญพัฒน์”

“ลองดูก่อนสิครับ” ขวัญพัฒน์เอ่ยตัดบท “ลองดูเผื่อผมจะมีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาบ้าง”

“ได้...ถ้ามันพอจะชดใช้ให้ได้บ้าง ถ้ามันพอจะมีทางบ้าง ฉันจะ...”

“พอแล้วครับ” ธนิกยื่นมือไปจับข้อมือบางของมารดา “ไปกันเถอะครับ ผมไม่เป็นไรครับแม่”

ฉากจบไม่ได้สวยงามอย่างที่หวัง แม้จะเจ็บปวดแต่ธนิกก็ยอมรับ เขารู้ถึงความเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะจบลงแบบนี้

ขวัญพัฒน์ก็คงเจ็บปวดไม่น้อยเพราะแม้จะเอ่ยถ้อยคำทำร้ายกันออกมา ทำราวกับไม่แยแสแต่ก็กลบความสั่นไหวของแววตาไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นจึงไม่ยอมมองมาที่เขาเลย มารดาของเขาคงเชื่อแต่เขาที่รู้จักขวัญพัฒน์ดีไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว แต่รู้ว่าไปต่อไม่ได้แล้วจึงไม่แย้งเพื่อเป็นการเหนี่ยวรั้ง

พี่เข้าใจ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ ดูแลตัวเองด้วยนะ

“ขอให้ขิมปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องห่วง ใครทำผิดก็ว่ากันไปตามผิด พี่จะพาแม่ไปพบตำรวจเอง งั้น...พี่ไปก่อนนะ”

มีความสุขด้วยนะน้องขวัญ

ขวัญพัฒน์หันหลังกลับ เขาพอใจแล้วที่ได้เห็นสีหน้าทุรนทุรายของธนิษฐา พอใจแล้วที่ได้เห็นว่าคนใจร้ายแบบหล่อนก็สามารถเจ็บปวดได้ เกมโอเวอร์แล้ว ธนิษฐาแพ้ให้เขาแล้ว แพ้โดยที่ไม่ต้องลงแรงไปมากกว่านี้ แต่ทำไมในชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้ทำให้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งในตอนที่ธนิษฐายอมรับข้อเสนอที่จะตาย เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีใจ

คุณธนิกครับ เจ็บมากไหมครับ

ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ นะที่ฉากจบของเรา

...มันไม่ได้สวยงามอย่างที่หวังเอาไว้

ขวัญพัฒน์เงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วมองตรงไปข้างหน้า ก้าวขายาวๆ เพื่อตรงไปหน้าห้องฉุกเฉิน ทุกย่างก้าวมั่นคง ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องดังลั่น หัวใจของขวัญพัฒน์กระตุกวูบ ขาที่กำลังก้าวหยุดอยู่กับที่พลางหันหลังกลับไปมอง

ที่ถนนหน้าโรงพยาบาลมีผู้คนมุงกันอยู่เป็นจำนวนมาก ขวัญพัฒน์ไม่ได้หยุดคิดสงสัยแต่กลับก้าวขาออกวิ่ง เพราะเขาเห็น...เห็นธนิษฐาอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ยืนอยู่กลับมีหล่อนเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่กับพื้น ร้องไห้ราวกับจะขาดใจ เสียงสะอื้นไห้ของหล่อนเป็นเพียงเสียงเดียวที่ก้องอยู่ในหัวเมื่อขวัญพัฒน์ไปถึง ไม่ว่าผู้คนบริเวณรอบข้างจะพูดคุยเสียงดังแค่ไหน ขวัญพัฒน์ก็ไม่ได้ยิน เขายืนนิ่ง นิ่งงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน เสียงร้องไห้ของธนิษฐากรีดหัวใจของเขาให้เป็นแผลเหวอะหวะ ตอกย้ำว่าภาพที่เขาเห็นตรงหน้าเป็นความจริง

ธนิกนอนอยู่บนพื้น ร่างสูงใหญ่ของเขานอนราบไปกับพื้นถนน เลือดสีแดงฉานจากบริเวณศีรษะของเขาไหลเป็นทาง เขาไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เคลื่อนไหว อกกว้างสะท้อนขึ้นลงช้าๆ ตามจังหวะการหายใจที่ราวกับจะช้าลงทุกขณะ ขวัญพัฒน์มองเขา จ้องมองเขาราวกับไม่เคยพบเคยเห็น ร่างผอมบางยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ทั้งที่อยากคุกเข่าลงตรงหน้าเขา ดึงเขามากอดไว้ แต่กลับก้าวขาไม่ออก เขานอนอยู่ไม่ไกลจากรถกระบะสี่ประตูที่จอดกีดขวางการจราจรในขณะนี้ ข้างกันนั้นมีธนิษฐานั่งสะอื้นไห้ พร่ำบอกคำขอโทษซ้ำๆ

“ไม่เจ็บใช่ไหมครับแม่” เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับเป็นเสียงกระซิบที่ลอยมาตามลม ลมที่หอบเอาความเศร้าพัดพาเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว “ครั้งนี้ผมมาทันใช่ไหม”

ธนิษฐากรีดร้องราวกับสัตว์ที่บาดเจ็บ ในขณะที่ขวัญพัฒน์ก็รู้สึกไม่ต่างกัน หัวใจปวดหน่วงคล้ายกับกำลังจะหยุดเต้นเสียเดี๋ยวนั้น

“ต่อจากนี้...อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะครับแม่” มุกปากของธนิกยกขึ้นเล็กน้อย “มีความสุขได้แล้วนะ”

ความสุขหน้าตาเป็นแบบไหน ขวัญพัฒน์ที่ยืนอยู่ตรงนี้หาคำตอบไม่ได้ ทั้งที่ไม่กล้าเข้าไปใกล้แต่สายตาของธนิกก็ยังหาเขาเจอและทั้งที่ม่านน้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ แต่กลับอ่านปากของเขาที่ขยับโดยไร้เสียงได้

รัก...

รักมาก...

ที่จริงแล้ว...นี่อาจจะเป็นแค่เรื่องโกหก ที่จริงแล้ว...ฉากจบคือสถานีรถไฟในวันนั้น ที่จริงแล้ว...พวกเขาจับมือกันขึ้นรถไฟไปแล้ว ไม่มีใครรอที่ชานชาลา การรอคอยที่ไม่จบไม่สิ้นนั้นเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ พวกเขาอยู่บนนั้น...อยู่บนขบวนรถไฟที่ไม่มีสถานีปลายทาง ไม่มีผู้โดยสารคนอื่น มีเพียงพวกเขาที่อยู่บนขบวนรถไฟที่วิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน


................TBC...................
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-10-2018 17:54:20
ตัวต้นเรื่องยังนอนสบายอยู่
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-10-2018 18:05:54
เป็นไงล่ะ ความแค้น เจ็บปวดมากไหมล่ะทุกคน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 10-10-2018 18:06:30
ไม่อยากตัดสินว่ามครควรหรือไม่ควรตายหรอก แต่ถ้าต้องเลือกให้ใครสักคนตายก็ให้เป็นเขมรัตน์กับขนิษฐาเถอะ ต้นเหตุความห่าเหวทั้งหมดก็สองคนนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 10-10-2018 18:10:30
อ่านจบแล้วนั่งร้องไห้ เจ็บไปหมดทั้งใจ
ตอนที่บอกว่าขวัญคงลืมไปแล้ว
ความเจ็บปวดของธนิกในวันนั้น คือไม่ไหว  :sad2:

อยากให้คุณธนิกฟื้นมาแล้วได้ใช้ชีวิตเรียบง่าย
 ทำอาหารเอง ว่างๆก็วาดรูป ได้เดินตามทางตัวเอง

อย่าให้คุณธนิกกับขิมตายเลยนะคะ
 ถ้าใครจะตายก็ให้เป็นเขมรัตน์เถอะ

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-10-2018 18:16:26
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-10-2018 18:23:27
เป็นตอนที่เหมือนจะเป็นบทสรุปทุกอย่างแต่ก็ไม่ใช่ ธนิษฐายอมง่ายกว่าที่คิดนะทั้งๆที่ร้ายมาเยอะแท้ๆหรือเพราะเห็นพี่นิกต้องเจ็บปวดเลยยอมลงให้ เรื่องทุกอย่างมันเริ่มมาจากเขมรัตน์แท้ๆ ทำไมทุกคนต้องมาทนทุกข์แล้วตัวต้นเรื่องแค่นอนป่วยอยู่ละ ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 10-10-2018 18:27:34
ดราม่าเข้มข้นมากพ่อคุณเอ๊ย :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 10-10-2018 18:29:07
เห้อออออออเหนื่อยใจจจจสงสารจับใจเลยแง ต้องมีใครสะกคนที่มีความสุขนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-10-2018 18:37:44
 :mew6: :mew4: :mew6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-10-2018 18:52:42
บีบคั้นหัวใจ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 10-10-2018 19:24:32
ทำไมเป็นงี้อ่าาา  :sad4:
ขอให้คุณธนิกปลอดภัยเถอะ  :hao5:
โกรธเกลียดแค้นกันไปมาแบบนี้ไม่มีอะไรดีเลย เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-10-2018 19:51:37
ตอนนี้บอกไม่ได้แล้วว่าอยากให้ใครอยู่หรืออยากให้ใครตาย  :katai1: :katai1: :katai1: สมองเบลอไปแล้วอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 10-10-2018 19:52:35
 :m15:  ร้องไห้ เราร้องไห้หนักมาก

ฟื้นสิคุณต้องฟื้นนะคุณธนิก ถ้าคุณตาย ฉันจะไปสวัสดีใคร
..สวัสดีครับคุณขวัญ
...สวัสดีครับคุณโม
....สวัสดีครับลุงกล้วย
.....สวัสดีครับคุณนิ่ม ???!!? (อินี่ฉันยิ่งไม่อยากสวัสดี)

ฉันจะสวัสดีครับ! คุณธนิกเท่านั้น
ฟื้นมาเดี๋ยวนี้ !!!  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-10-2018 20:15:42
เพราะผู้ชายมักมาก(เขมรัตน์) กับผู้หญิงอ่อนแอ(ขวัญข้าว)
เรื่องทุกอย่างมันเลยเป็นแบบนี้ ธนิษฐาต้องมาแค้้นเพราะ
ถูกคนที่รักทั้งสองคนหักหลังพร้อมๆกันและด้วยกัน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 10-10-2018 20:44:22
เจ็บกันถ้วนหน้า นิยายคุณ สนฟ. ไม่เคยเบามือให้คนอ่านเลย / หันไปหายาดม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 10-10-2018 20:52:01
ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ผู้ใหญ่ ทำไมต้องมาลงกับเด็ก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 10-10-2018 21:24:25
บีบคั้นหัวใจจริงๆ...
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-10-2018 22:25:36
เคลียร์ไปหนึ่งน้องขิมรีบฟื้นแล้วมาบอกว่าไม่รับคำขอโทษจากอิพี่โมนะคะ เกลียด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 10-10-2018 22:46:25
ผลสุดท้ายก็ต้องเจ็บกันทุกคน
เพราะรักมาก เพราะแค้นมาก
เพราะความไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีจึงทำให้เป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-10-2018 22:46:51
เจ็บปวดกันทุกคน
มีแต่คุณเขมรัตน์นอนคูลๆอยู่โรงบาล
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 11-10-2018 01:29:45
อหหหหหหหหหก   เขมรัตน์คือเลวมาก เค้าจะเป็นจะตายกันหมด มีแค่เขมรัตน์ที่สุดชิลล 
แต่จริงๆคือ ธนิษฐาน่าสงสารยังไง จริงๆก้ร้ายมากอยู่ดี
จริงๆคือธนิกก็ดูไปกับขวัญไม่รอดอยู่ดี บ่วงเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-10-2018 10:48:10
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: pwaruntorn ที่ 11-10-2018 11:08:58
ตัวต้นเรื่องคือคนที่นอนสบายสินะ สงสารเขมกับโมที่สุดเลย
ทำไมถึงโม ไม่รู้สิ คนที่อยู่เคียงข้างธนิกมานานขนาดนั้น
จะรู้สึกแย่ขนาดไหนนะ

ธนิกอย่าตายนะ จำอะไรไม่ได้จะดีมาก T_T
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 11-10-2018 13:10:17
อิเชี๊ยยยยยยยยยยยยย :serius2: อย่าให้พี่ธนิกตายนะคะะะะะะะะ หนูรักพี่เค้าาาาาาา ฮืออออออออออออออออออ :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 11-10-2018 13:50:11
 :sad2: เจ็บทุกคน ไม่รู้จะเห็นใจใครมากกว่ากันดี


สวัสดีครับ! คุณธนิก
อย่าเป็นไรนะกลับมาหาขวัญก่อนให้ตายแค่คนเดียวพอให้พ่อของขวัญตายๆไปซะทำเรื่องวุ่นวายดีนัก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 11-10-2018 15:32:12
คนที่เจ็บกันอยู่ตอนนี้คือไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย  //เหม่อ..
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 25 10/10/2018 Page 23
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-10-2018 16:42:52
เจ็บกันแทบตาย สุดท้ายใครได้อะไรบ้าง
เรื้องนี้ผิดและร้ายที่สุดคงเป็นพ่อของขวัญและขิม นั่นอ่ะควรตายจริงๆ
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 11-10-2018 17:50:05
ตอนที่ 26


นิทานเรื่องที่ผมกำลังอ่านนั้น ตอนจบเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้แม้แต่ตัวผมเอง เพราะผมโยนมันทิ้งไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีเจ้าชายอย่างคุณธนิก ไม่มีชายขอทานอย่างผม ไม่มีเจ้าชายพลัดถิ่นอย่างเขมินทรา ไม่มีราชินีใจร้ายอย่างธนิษฐา ไม่มีเจ้าหญิงโรคจิตอย่างคุณนิ่ม ไม่มีพ่อมดอย่างมิสเตอร์ที หรือแม้แต่พระราชาอย่างคุณเขมรัตน์ ตอนนี้ไม่มีตัวละครพวกนั้น เพราะที่นี่ตรงนี้มีเพียงผม ขวัญพัฒน์ที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความหวั่นใจ ข้างกันมีพี่โมที่เอาแต่นั่งเงียบ กุมมือภาวนาอย่างเอาเป็นเอาตาย ไกลออกไปคือธนิษฐาที่ยังคงสะอึกสะอื้น หมดมาดผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความแค้น พวกเราต่างก็กำลังภาวนา ภาวนาให้คนสำคัญที่อยู่ระหว่างความเป็นความตายกลับมาได้อย่างปลอดภัย

ทั้งเขมินทราน้องชายของผมและคุณธนิกคนที่ผมรัก ทั้งสองคนจะต้องปลอดภัย ถ้าหากถามผมว่ารู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าการนอนเจ็บปางตายอยู่ในห้องฉุกเฉินคงทรมานน้อยกว่าการนั่งอยู่ตรงนี้ ร่างกายปราศจากบาดแผลแต่กลับรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายได้แทบตลอดเวลา

การรอคอยจะสิ้นสุดในนาทีใดนาทีหนึ่งต่อจากนี้ แต่ก็เหมือนจะนานเป็นปีระหว่างที่ต้องรออย่างทรมาน ผมมีแต่ความคิดที่ว่าพวกเขาจะปลอดภัย ไม่มีความสูญเสียอยู่ในหัว ลางสังหรณ์ของผมแม่น ผมเชื่อใจหมอ เพราะแผลโดนยิงของผมก็ยังช่วยให้หายได้ แล้วนับประสาอะไร...กับแผลถูกมีดบาดกับโดนรถสะกิด เดี๋ยวก็หาย...เดี๋ยวก็ออกจากห้องฉุกเฉินมาเดินปร๋อ ทว่า...ทั้งๆ ที่คิดอย่างนั้น กล่อมตัวเองให้เชื่อแบบนั้น แต่ความจริงที่เลือดของพวกเขายังติดบนเสื้อของผมก็ยิ่งตอกย้ำว่ามันไม่ใช่แค่แผลที่ถูกมีดบาดหรือแค่แผลที่โดนรถสะกิด

เขมินทราถูกแทงเข้าที่กลางหลังด้วยมีดขนาดความยาวห้านิ้ว ที่แก้มมีบาดแผลลึก ที่ลำคอและต้นแขนก็มีรอยบาดเป็นทางยาว ส่วนคุณธนิกถูกรถกระบะสี่ประตูชนด้วยความแรงจนคนตัวใหญ่ๆ อย่างเขากระเด็นไกลจากตัวรถ ลอยเหมือนนกปีกหักก่อนที่จะร่วงลงพื้น นอกจากแผลที่ศีรษะแล้วคงมีส่วนอื่นที่สาหัสเพราะเขาทำเพียงแค่นอนแน่นิ่งรอการช่วยเหลือและหมดสติไปก่อนที่เจ้าหน้าที่พยาบาลจะมาถึง ไม่มีใครกล้าเคลื่อนย้ายตัวเขาสุ่มสี่สุ่มห้าด้วยต้องรอผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วย ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือผมทำได้แค่ยืนมอง ตัวผมทำได้แค่นั้นจริงๆ

น้าลีเคยบอกผม...ว่าการใช้ชีวิตตามเหตุและผล บางครั้งมันก็แย่ แต่บางครั้งการใช้ชีวิตตามอารมณ์ความรู้สึกกลับแย่ยิ่งกว่า ผมได้แต่นั่งกุมมือสั่นๆ ของตัวเองด้วยความรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตตอนนี้ก็เพราะการทำตามอารมณ์มากเกินไป ถ้าผมไม่บอกให้ธนิษฐาตายเพื่อแสดงถึงการขอโทษ ถ้าผมไม่ได้พูดถ้อยคำที่น่าขยะแขยงพวกนั้นออกไปก็คงไม่ต้องเพิ่มผู้ป่วยให้เป็นภาระของหมอ แต่ผมย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว เอาคำพูดของตัวเองกลับคืนมาไม่ได้แล้ว มันจะแย่แค่ไหนกันถ้านั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้พูดกับคนที่ผมรัก มันจะแย่แค่ไหนถ้าความรู้สึกสุดท้ายที่เราจดจำกันได้คือความเจ็บปวด

โง่...ทั้งผมทั้งเขา เราก็โง่พอๆ กัน

คนโง่ที่รักกันแต่ยอมปล่อยมือกันง่ายๆ

“ไอ้ขวัญ...” เสียงเรียกนี้เป็นเสียงเดียวที่ผมคิดทุกครั้งว่ามาได้ถูกเวลา ผมเงยหน้าขึ้นจากที่ก้มมองมือตัวเองอยู่นาน ไอ้แนนอยู่ตรงหน้า เพื่อนเพียงคนเดียวในชีวิตของผมกำลังมองมาด้วยแววตาห่วงใย มันนั่งยองๆ ลงตรงหน้าแล้วจับมือผมไว้ “ไหวนะมึง”

ถ้อยคำของไอ้แนนราวกับไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เหมือนประโยคคำสั่งว่าผมต้องไหว ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้มแข็ง “ไม่ไหวได้ด้วยเหรอวะ”

“ได้” ไอ้แนนตอบเสียงเบา “ถ้าไม่ไหวก็มานี่” มันรั้งท้ายทอยของผมเข้าไปไกล้ แล้วกดศีรษะของผมให้แนบกับไหล่ของมัน “ไม่เป็นไรไอ้ขวัญ ต่อให้จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่มึงจะผ่านไปได้ อย่าคิดว่ามันเป็นแค่ความฝัน อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง ในเมื่อสุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้น ต้องอยู่กับมันให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะ”

ผมทำเพียงแค่พยักหน้ากับไหล่ของไอ้แนนแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ แต่ไอ้แนนคงรู้ คงรู้ว่าตัวที่สั่นเทาของผมมาจากสาเหตุใด ผมไม่ชอบร้องไห้ให้ใครได้เห็น เพราะขวัญพัฒน์คือคนที่ยิ้มเก่ง ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรก็จะยิ้มสู้...

“แล้ว...เข้าไปนานหรือยัง” ไอ้แนนถามในขณะที่ยกมือขึ้นลูบหลังผม

“ไอ้ขิมเข้าไปสักพักแล้ว แต่คุณธนิกเพิ่งเข้าไป” ผมตอบพลางผละตัวออกแล้วมองไอ้แนน “ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่าเกิดเรื่องขึ้น”

“พี่จอยโทรบอกกู ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ไงเหมือนกัน แต่บอกว่าให้รีบมาหามึงที่โรงพยาบาล แต่กูพาฝนมาหาหมอตามนัดพอดี”

“อ้าว แล้วฝนอยู่ไหน ท้องแก่แล้วมึงปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง ไม่ได้นะเว้ย ต้องดูแลหลานกูดีๆ” ผมผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้ร้องไห้ออกมา บางทีการสนทนาถึงชีวิตใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกมีความหวังว่าอีกสองชีวิตที่กำลังรอคอยอยู่นั้นจะปลอดภัย

“อยู่กับแม่กู แต่กูขอมาหามึง ไม่อยากพามาตรงนี้ด้วย หดหู่เปล่าๆ” ไอ้แนนว่าแล้วล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างยื่นมาให้ผม “ดูสิ” ภาพอัลตราซาวน์ของลูกไอ้แนนอยู่ตรงหน้า “เป็นผู้หญิง หมอบอกสุขภาพแข็งแรงดี ดูท่านอนดิไอ้ขวัญ โคตรน่ารัก”

ผมคลี่ยิ้ม รู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการเยียวยาเล็กๆ “แค่เห็นกูก็หวงแล้ว ไม่อยากคิดตอนหลานจะมีแฟน มึงต้องเข้มงวดนะเว้ย เรียนจบมหาลัยก่อนค่อยมี”

“คิดไกลมากไอ้ห่า ลูกกูยังไม่คลอดแต่มึงคิดถึงตอนเรียนจบมหาลัยแล้วเรอะ”

พูดถึงเรื่องเรียนจบมหาลัย...คุณธนิกก็บอกว่าอยากเห็นผมเรียนจบ อยากอยู่ในงานรับปริญญา อยากถ่ายรูปให้ผม เขาซื้อกล้องไว้แล้วด้วย ชุดนักศึกษาก็ซื้อเตรียมไว้ให้ทั้งๆ ที่ผมยังไม่รู้จะเรียนอะไร

“เจ้าน้ำตาจริงๆ นะมึงช่วงนี้น่ะ” ไอ้แนนถอนหายใจใส่ ก่อนมันจะลุกมานั่งเก้าอี้ข้างๆ “อาการหนักไม่แพ้กัน” มันบุ้ยปากไปทางพี่โมที่จมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่พูดไม่จากับใคร “แล้วมาอยู่ด้วยกันได้ไงวะ”

“เรื่องมันซับซ้อนนิดหน่อย นั่นก็แม่คุณธนิก” ผมชี้ไปยังคุณธนิษฐาที่นั่งไกลออกไป “มึงคิดดูสิ แม่งฟาดฟันกันมาแทบตาย เกลียดจนหายใจร่วมโลกด้วยกันไม่ได้ สุดท้ายมารวมกันนั่งเฝ้าหน้าห้องฉุกเฉิน ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วจะเริ่มเรื่องกันทำไมตั้งแต่แรกวะ ตอนจบไม่มีใครยิ้มได้สักคน มีแต่คนร้องไห้เสียใจ มีแต่คนเจ็บปวด” ตอนจบของนิทานเรามักจะได้ข้อคิดแม้จะจบอย่างมีความสุข แต่ตอนจบของเรื่องนี้พวกเราได้อะไรกลับมาบ้างนอกจากน้ำตา ความเจ็บปวดและบทเรียนราคาแพง “กูก็อีกคน ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ดีว่าทำไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น แต่ก็อินบท ลืมว่าตัวเองก็แค่ขวัญพัฒน์ที่ขับวินมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่ทายาทที่จะได้รับมรดกหมื่นล้านแสนล้าน”

“ทุกคนทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น” ไอ้แนนปลอบใจ ก่อนตั้งคำถาม “แล้วมึงจะเอายังไงต่อไอ้ขวัญ”

“หลังจากนี้กูคงต้องคุยกับคุณเขมรัตน์ มีหลายเรื่องที่กูอยากถาม เพราะเขาคงเป็นคนเดียวที่ตอบทุกคำถามของกูได้ แต่กูก็ยังไม่รู้ว่าตอนเจอหน้าเขาจะทำหน้ายังไง” น้าลีต้องตายเพราะเขา ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะเขา ผมควรจะฉีกยิ้มกว้างๆ ให้ไหมตอนเจอหน้า

ผมคุยกับพี่โมในระหว่างที่รอรถพยาบาล แค่ถามเรื่องที่ผมข้องใจเรื่องเดียวนั่นคือเขามีส่วนรู้เห็นกับการตายของน้าลีจริงไหม โทรศัพท์มือถือของน้าลีเขาก็เป็นคนเก็บไว้ เขาบอกว่าวันนั้นเขาอยู่ด้วย แต่ไม่ได้อยู่ตั้งแต่ต้น เขามาทีหลังทันได้เห็นคนลงมือแต่เข้าไปช่วยไม่ทัน ผมไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนเพราะคำพูดของคุณแขไขก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าวันนั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ แต่คำตอบแค่นั้นผมก็พอใจแล้ว พอใจที่จะยอมให้เขาขึ้นรถพยาบาลมากับน้องชายของผมที่จับมือเขาไม่ปล่อย

เขมินทราไม่โกรธเขาเลย ส่วนผมก็ไม่ได้โทษใครในเรื่องนี้ เราต่างต้องยอมรับว่าในสักวันเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ทว่าไม่ได้คาดคิดถึงบทสรุปในรูปแบบนี้

“ไอ้ขวัญ” ไอ้แนนเรียกพลางสะกิดไหล่ผม ผมจึงหันไปมองก่อนจะมองตามสายตาของมันไป

คุณแขไขมาพร้อมกับลูกชายของเธอ ที่เดินก้มหน้าก้มตาตามหลังมา เธอมาหยุดยืนข้างๆ ผม “ขวัญพัฒน์”

“ครับ” ผมขานรับพลางไพล่สายตาไปยังคนที่ยืนยิ้มแหย

“เป็นยังไงกันบ้าง”

“หมอยังไม่ออกมาพูดอะไรเลยครับ”

“อาเพิ่งลงจากเครื่อง พอรู้ว่าไอ้ลูกโง่นี่มันก่อเรื่องก็รีบมาทันที” คุณแขไขว่าแล้วก็ดึงหูคุณธนวัฒน์ต่อหน้าผม “งานการไม่ขยันทำ ขยันทำแต่เรื่องโง่ๆ”

“แม่ครับแม่...ผมเจ็บบบ โอ๊ยๆ ๆ” คุณธนวัฒน์ร้องโอดโอยเบาๆ แต่ดีแล้ว อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องลงมือตั้นหน้าเขาเอง

“จะให้อาจัดการกับมันยังไงก็บอก ใครผิดก็ว่ากันตามผิด”

ผมคลี่ยิ้มให้เธอ รู้สึกว่าบางทีกับคนคนนี้ผมอาจจะนับญาติด้วยได้ “ไม่ต้องหรอกครับคุณแขไข คนลงมือทำก็ถูกจับแล้ว นอกจากเรื่องที่น้องของผมโดนแทง เรื่องอื่นผมไม่ติดใจ”

ผลพวงจากการกระทำของคนหนึ่งส่งผลต่ออีกคน แม้ว่าผมจะไม่ทราบเจตนาว่าแท้จริงแล้วแต่ละคนที่ก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นนั้นเจตนาอย่างไร ใจร้ายถึงขนาดที่อยากให้ใครตายหรือไม่ แต่หากคิดว่าเป็นเรื่องแค่นั้นมันก็แค่นั้น สำหรับผมแล้วพวกเราที่ก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ผิดกันทั้งหมด อยู่ที่ว่าใครผิดมากผิดน้อย ด้วยเหตุนั้นผมจึงไม่คิดเอาเรื่องใครแต่ทางกฎหมายจะจัดการอย่างไรก็ให้เป็นตามนั้น อีกทั้ง...คนอย่างผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าใครได้

ผม...คนที่อยากให้ธนิษฐาตาย

ผม...คนที่ทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปขวางหน้ารถเพื่อจบชีวิตตัวเองลง

ผม...คนที่ทำให้คุณธนิกต้องรับความเจ็บนั้นแทน

ผมคนนี้มีสิทธิ์ไปตราหน้าคนอื่นด้วยหรือ

การฆ่าใครสักคนให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน ไม่จำเป็นต้องสร้างบาดแผลทางร่างกาย แค่คุณฆ่าคนที่เขารัก แค่ทำให้คนที่เขารักเจ็บปวด แค่นั้นคุณก็จะได้เห็นเขาตายทั้งเป็น

จุดอ่อนของธนิษฐาก็คือคุณธนิก นั่นเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ผมไม่เคยคิดทำ ไม่เคยคิดทำเลยจนกระทั่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

คุณธนิกอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ เขาอาจจะรู้แล้วว่าเรื่องของเรามันจบลงที่สถานีรถไฟในวันนั้น เพราะเขาเป็นแบบนี้มาตลอด ทำเหมือนไม่รู้อะไรทั้งที่รู้ทุกอย่างและยอมแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้

ผมนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ความรู้สึกผิดกัดกินใจจนอยากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เฝ้าคิดทบทวนถึงสิ่งที่ทำผิดพลาดก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูห้องตรงหน้าถูกเปิดออก เตียงของเขมินทราถูกเข็นออกมาพร้อมกับพยาบาลและบุรุษพยาบาล ผมกับพี่โมรีบลุกขึ้นเดินไปถามไถ่อาการของเขมินทรา แต่ไม่พบนายแพทย์ผู้รักษาเหมือนอย่างในละครที่เคยดู ผมจึงไม่สามารถถามไถ่อะไรได้มาก พี่พยาบาลบอกว่าคุณหมอจะเข้ามาตรวจอาการให้อีกทีวันพรุ่งนี้ ผมพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ แม้จะร้อนใจอยากรู้ให้มากกว่านี้ แต่แค่ได้เห็นว่าร่างผอมๆ ของไอ้แฝดน้องนอนหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด เปลือกตาปิดสนิทแต่อกสะท้อนขึ้นลงก็เบาใจจนเหมือนยกภูเขาหนึ่งลูกออกจากอก

ส่วนภูเขาอีกลูก ที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับเทือกเขาหิมาลัยกลับยังกดทับความรู้สึกไม่จางหาย เมื่อความเป็นไปของใครอีกคนยังคงเงียบงัน

ผมฝากให้ไอ้แนนจัดการเรื่องต่อ ไอ้แนน คุณแขไขและคุณธนวัฒน์จึงเดินตามเตียงของเขมินทราไปโดยไม่มีใครตั้งคำถามอะไรขึ้นมา ในขณะที่ผมกับพี่โมยังคงนั่งด้วยกันอยู่ที่เดิม การรอคอยที่ทรมานยังคงดำเนินต่อไป เพราะคนสำคัญของเรายังมาไม่ครบ เขมินทราออกมาได้แล้วแต่คุณธนิกยังอยู่ในนั้น

ความไม่แน่นอนคือความแน่นอนของทุกชีวิต ผมควรยอมรับกับความจริงในเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ได้รับโอกาสให้กลับไปแก้ไขเรื่องที่ทำผิดพลาด

ผมเฝ้ารอคำตอบด้วยความทรมาน แต่ละวินาทีที่เคลื่อนผ่านยิ่งเพิ่มความทรมานให้ทวีขึ้น ความรู้สึกที่ว่าเขาจะต้องปลอดภัยเริ่มถดถอยเมื่อผ่านหนึ่งชั่วโมงไปอย่างยากลำบาก ไอ้แนนกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าสามขวด รายงานว่าเขมินทราถูกย้ายเข้าห้องพักฟื้นโดยมีคุณแขไขกับคุณธนวัฒน์รับอาสาดูให้ ใจจริงผมอยากไปอยู่กับมัน แต่เพราะต่อจากนี้คงได้อยู่ด้วยกันอีกนาน ผมจึงอยากอยู่ตรงนี้มากกว่า อยากอยู่กับคนที่ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยอีกแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกมึง” ไอ้แนนบอกหลังจากที่มันเอาน้ำเปล่าไปให้คุณธนิษฐามาแล้ว “หมอกำลังพยายามช่วยอย่างเต็มที่ ตอนที่แม่กูผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีก็แบบนี้ เงียบๆ อึนๆ ให้ลุ้นกันไป ตราบใดที่ไม่มีประกาศเรียกพบญาติคนไข้ มึงก็เบาใจได้ว่าการผ่าตัดยังราบรื่นดี เพราะเวลาที่มีการเรียกพบ...ส่วนใหญ่ไม่ใช่ข่าวดีนักหรอก”

คำปลอบใจของไอ้แนนทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง แต่ใจชื้นได้ไม่นานเพราะอีกยี่สิบนาทีต่อมาก็มีการเรียกขอพบญาติ ผมเห็นคุณธนิษฐาหน้าซีดเผือด เธอเหมือนจะล้มตอนที่พยายามเดินไปที่ห้องเพื่อพูดคุยกับแพทย์เจ้าของไข้ แต่ผมพยุงตัวเธอไว้ได้ทัน พี่โมที่เดินตามมาติดๆ ก็ช่วยเธอไว้อีกแรง เธอหันมามองผมแล้วเอ่ยขอบใจเบาๆ ในตอนนี้เราต่างก็วางความเกลียดชังที่มีต่อกันไว้ เพราะเราต่างก็รักคนคนเดียวกัน ต่อให้เรามีความคิดความรู้สึกที่ต่างกันมากแค่ไหน ทว่าตอนนี้เราต่างก็มีความต้องการเหมือนกันคืออยากให้คุณธนิกปลอดภัย

ผมเดินไปส่งคุณธนิษฐาที่หน้าห้อง มองแผ่นหลังของเธอหายเข้าไปในนั้น แล้วก็ยืนรอ เป็นการรอคอยที่มีแต่ความทรมานเท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง ผ่านไปห้านาทีประตูก็เปิดออก แต่พี่พยาบาลเป็นคนเปิดมันแล้วเรียกผมเข้าไป เพราะญาติเพียงคนเดียวของคุณธนิกเป็นลมไปแล้ว คุณธนิษฐาหมดสติในขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

บอกตามตรง...ผมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยที่เห็นภาพนี้ ความสะใจของผมปลิวหายไปหมดแล้วตั้งแต่ที่เห็นเธอร้องไห้บนถนนหน้าโรงพยาบาลและตอนนี้ความเจ็บปวดทรมานเข้ามาแทนที่ความสะใจแทน เพราะผมรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้

อาการของคุณธนิกไม่สู้ดีนัก กระดูกซี่โครงหักแทงปอดจนฉีกขาด ทำให้เขาไม่สามารถหายใจเองได้ นอกจากนั้นยังมีเลือดคั่งในสมองสองจุด กระดูกไหปลาร้าและแขนซ้ายหัก หลังจากนี้...ถ้าเขายังไหวก็ยังต้องเข้าผ่าตัดสมองอีกครั้งและข่าวร้ายที่สุดสำหรับผมก็คือ...ถึงแม้ว่าจะยื้อให้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปแต่เขาก็อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย นั่นเป็นเพียงความคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ญาติของคนไข้ต้องทำใจยอมรับให้ได้

แต่เรื่องโหดร้ายแบบนี้...ใครจะรับไหว

ยิ่งคุณธนิษฐา เธอคงไม่อาจยอมรับได้กับผลการกระทำของตัวเอง

ผมได้แต่หวังว่านี่จะเป็นเพียงฝันร้าย แต่ก็อย่างที่ไอ้แนนบอกว่าการหลีกเลี่ยงความจริงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ผมควรจะอยู่กับความจริง อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นและยอมรับมัน

สถานีรถไฟในวันนั้น...ชานชาลาที่เรานั่งด้วยกัน ผมยังนั่งอยู่ตรงนั้นนะครับคุณธนิก ยังนั่งรอรถไฟขบวนที่จะพาเราไปมีความสุขด้วยกัน

ผมรออยู่นะครับ รอให้คำสัญญาของเราเป็นจริง



หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 11-10-2018 17:51:02

เช้าวันที่สี่ในโรงพยาบาลไม่ใช่เช้าที่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว แม้ว่าเขมินทรายังไม่มีทีท่าจะฟื้นและคุณธนิกยังอยู่ในห้องไอซียู ทว่าความหวังของผมก็ยังไม่ใช่ศูนย์ ผมยังคงมองเห็นคนที่ผมรัก ยังคงไม่มีใครจากลาผมไปตลอดกาล ต่อให้บางคนอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ตาม

ผมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนในห้องพักผู้ป่วยของเขมินทราหลังจากจัดการโจ๊กที่ไอ้แนนซื้อมาให้ เรื่องราวในหนังสือสนุกสนานดีแต่ผมไม่สามารถอินไปกับมันได้ พลิกไปพลิกมาได้สิบหน้าก็เลิกอ่าน

ก๊อกๆ ๆ

เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วมองคนที่แวะมาเยี่ยมเยียน พี่โมมากับใครอีกคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น ผู้ชายที่มีใบหน้าคมสันแต่ใบหน้าดูดีนั้นก็ซีดเซียวมองมาทางผม โดยไม่ต้องแนะนำตัวผมกลับรู้ว่าเขาคือใคร

“น้องเราเป็นยังไงบ้าง” เสียงของเขาแหบต่ำ เขาตั้งคำถามกับผมแล้วมองไปยังเขมินทราที่นอนอยู่บนเตียง

“อาการดีขึ้นมากแต่ยังไม่ฟื้นครับ” ผมตอบเสียงเรียบ “คุณมาก็ดีแล้วครับ ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเจอ”

เขมรัตน์...พ่อแท้ๆ ของผมคลี่ยิ้ม แววตาของเขาเศร้าสร้อยและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเมื่อมองมาที่ผม “เราคงเกลียดพ่อมาก”

ทำไมใครต่างก็ยัดเยียดความรู้สึกให้กับผม ทั้งที่เอาเข้าจริงผมไม่ได้รู้สึกอะไรต่อใครเลย ผมไม่ได้เกลียดแต่ผมก็ไม่ได้รัก เรียกว่าผมมีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้นที่มอบให้ “อย่าพูดถึงเรื่องความรู้สึกเลยครับ ผมว่ามันคงดีกว่าถ้าเรามาพูดเรื่องที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นสักที ที่ทุกอย่างมันวุ่นวายอย่างนี้ก็เป็นเพราะคุณให้สิ่งที่ไม่ควรให้กับคนที่ไม่ควรได้รับ”

“เราเป็นลูกของพ่อ สิ่งที่พ่อมีก็คือสิ่งที่ลูกควรจะได้” เขาบอกเสียงแผ่ว เขาคงกำลังป่วยหนักจริงๆ เพราะแค่การพูดก็ทำให้เขามีสีหน้าอิดโรย หายใจราวกับคนออกวิ่งทางไกล “พ่อทำผิดกับแม่ของลูกมาก ปกป้องไม่ได้ ดูแลไม่ได้ แล้วยังปล่อยให้ลูกทั้งสองคนลำบาก”

จนถึงตอนนี้คุณเขมรัตน์ก็ยังมองเห็นแต่สิ่งที่อยากเห็น “ไม่ใช่แค่คนคนเดียวหรอกครับ แต่กับคุณธนิษฐา คุณก็ทำผิดกับเธอหรือแม้แต่คนที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คนสำคัญของผมทุกคนกับเกมที่คุณเป็นคนเริ่มมัน ทั้งที่ความรักของพวกคุณสามคนควรจบแค่ที่พวกคุณ ไม่ควรมีใครมารับผลจากความแค้นที่เหลืออยู่” ความรักที่ไม่ได้มีแค่คนสองคน มักจบลงด้วยความเจ็บปวดเสมอ “คุณน่ะ...เคยรักใครจริงๆ บ้างไหมครับคุณเขมรัตน์”

น้ำตาของเขารินไหล แต่ผมก็ทำเพียงมองดู ต่อให้เขาจะเป็นใคร เป็นพ่อแท้ๆ ที่ผมควรจะรักหรือเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจที่ไม่ควรได้รับเรื่องสะเทือนใจ ทว่าความจริงก็เป็นสิ่งที่เขาต้องยอมรับให้ได้ ผมต้องพูดเพื่อให้เรื่องราวมันจบลงจริงๆ เสียทีแล้วจะได้ก้าวเดินกันต่อไป ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหลีกเลี่ยงให้ค้างคาในเมื่อตอนนี้...มันพังจนไม่รู้จะพังยังไงแล้ว

“ทุกคนที่ยอมเล่นเกมกับคุณ ก็เพราะพยายามดิ้นรนเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผมเคยคิดว่าสิ่งที่ทุกคนต้องการก็คือเงินและอำนาจที่คุณมี แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่เลย เพราะทุกคนต่างก็หลับหูหลับตาทำเพื่อคนที่ตัวเองรักโดยยอมที่จะทำร้ายคนอื่น สิ่งที่ต้องการก็แค่การจะได้เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข” ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งยองๆ ลงตรงหน้าชายผู้นั่งอยู่บนรถเข็น “การสละมรดกจะทำได้ก็ต่อเมื่อเจ้ามรดกตาย การสละมรดกล่วงหน้าในขณะที่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ไม่เป็นผล เรื่องนี้ทนายเป็นคนบอกผมเอง ความจริงข้อนี้บอกให้ผมรู้ว่าคุณควรจะตายไปนานแล้วถ้าคุณธนิษฐาต้องการสมบัติของคุณ ควรจะตายก่อนวันที่แฝดน้องของผมยอมเซ็นเอกสาร คนป่วยอย่างคุณถูกจัดการได้ง่ายๆ อยู่แล้ว แต่คุณก็ยังมีชีวิตอยู่มองคนอื่นๆ แก่งแย่งของที่คุณยังเป็นเจ้าของ ส่วนผมก็กลายเป็นเป้าหมายแค่คุณบอกจะยกสิ่งที่คุณมีให้ ทุกอย่างขับเคลื่อนเพราะคุณ แล้วคุณเห็นอะไรบ้างไหมครับนอกจากความรู้สึกผิดที่มีต่อคุณขวัญข้าวและอยากเอาคืนคุณธนิษฐา”

เห็นหรือเปล่าครับว่ามีใครเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้บ้าง ทุกคนไม่มีความสุขเลย ทุกคนต่างต้องสูญเสีย ทั้งที่ความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมกลับเลือกที่จะปัดมันทิ้งแล้วรับความทุกข์ทรมานเข้ามาแทน

“พ่อขอโทษ” ความสำนึกผิดปรากฎชัดบนใบหน้าอิดโรยของคุณเขมรัตน์ “พ่อผิดเองทั้งหมด พ่อขอโทษ”

“มันจบแล้วครับ” ผมจับมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ “แม้จะไม่ใช่ตอนจบที่ดี แต่จากนี้ผมหวังว่าทุกคนจะมีความสุข รวมถึงคุณด้วย ผมไม่ได้เกลียดคุณนะ แต่เรื่องของน้าลีทำให้ผมรักคุณไม่ได้เหมือนกัน”

“พ่อเข้าใจ” เขาบอกเบาๆ “แต่...ดีใจแล้วที่วันนี้ได้เจอเราในฐานะพ่อ พ่ออาจจะไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ แต่...มีกันสองคนพี่น้อง ขวัญเป็นคนเข้มแข็ง พ่อรู้เพราะตามดูเรามาตลอด เพราะฉะนั้น...ดูแลน้องด้วยนะ”

บางที...ผมอาจจะไม่สามารถกลับไปเป็นขวัญพัฒน์คนที่ขับวินมอเตอร์ไซค์หาเลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังจะเป็นขวัญพัฒน์ คนที่จะมีความสุขหลังจากนี้

ผมพูดคุยกับคุณเขมรัตน์หลังจากนั้นอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ถามคำถามที่ผมอยากรู้ ทุกเรื่องที่ผมสงสัย เขาพยายามตอบแม้ว่าจะเหนื่อยเต็มที ในขณะที่พี่โมที่นั่งอยู่ข้างเตียงเขมินทราก็หันมาให้คำตอบเอง

“พี่ร่วมมือกับลุงเขมก็เพราะข้อตกลงที่ว่าสุดท้ายแล้วธนิกจะได้นั่งเก้าอี้ประธาน แต่พี่ก็แค่ร่วมมือด้วยในบางเรื่องที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อธนิก เรื่องอื่นต่อให้เขาสั่งพี่ก็ไม่ทำ” พี่โมตอบคำถามหลังจากที่ผมตั้งคำถามกับเขาว่าทำไมถึงร่วมมือกับคุณเขมรัตน์ ซึ่งคำตอบของเขานั้นผมเข้าใจได้ดีทีเดียว พี่โมไม่ได้มีความซับซ้อน เขาอยู่ฝั่งไหนก็ได้ที่ทำให้คุณธนิกได้ประโยชน์ ในขณะที่คุณเขมรัตน์ก็ไม่ได้ตราหน้าว่าพี่โมเป็นคนทรยศในเมื่อพวกเขาทำข้อตกลงกันไว้เหมือนๆ กับที่ผมทำ

แรกเริ่มเดิมทีผู้รับพินัยกรรมมีผม เขมินทราและคุณธนิก ที่จริงตอนได้ยินว่ามีชื่อของคุณธนิกด้วยผมก็ตกใจเหมือนกัน แต่ความจริงก็เป็นตามนั้น ทว่าคุณเขมรัตน์กลับให้พี่โมบอกคุณธนิษฐาว่ามีแค่ชื่อผมกับน้องชายที่จะได้ทุกอย่างจากเขา เรื่องบ้าบอนี้ถึงได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากนั้นก็มีแต่การปลุกปั่น พอถามถึงจุดประสงค์ คุณเขมรัตน์ก็ได้แต่ทำหน้าเสียใจและสำนึกผิด โดยไม่มีคำตอบให้ ซึ่งแค่นั้นก็พอมองออกแล้วว่าเขาก็แค่ต้องการให้คุณธนิษฐาเจ็บปวด การล้างแค้นของเขาให้คุณขวัญข้าวก็คือการทำร้ายคุณธนิกโดยไม่ได้สนเลยว่าผมกับน้องชายจะเป็นอย่างไร แต่หากถามว่าแท้จริงแล้วเขารักคุณขวัญข้าวไหม ผมคงตอบได้แค่ว่าครั้งหนึ่งเขาอาจจะเคยรักแต่ตอนนี้เขาสงสารและรู้สึกผิด เขาเป็นคนทำให้เธอตั้งท้องและทำให้เธอต้องตายไปอย่างเดียวดาย ทั้งยังไม่สามารถดูแลลูกชายของเธอที่เกิดกับเขาได้

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พ่อคงห้ามตัวเองไม่ให้มีความสัมพันธ์กับแม่ของเรา แต่ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เราเกิดมาหรอกนะ”

“ครับ ผมเข้าใจ”

ความจริงไม่ใช่เรื่องที่สวยงาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะรับไม่ไหว ผมกับเขมินทราอาจเกิดจากความลุ่มหลงและพลั้งเผลอ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็แน่ใจว่าหลังจากที่เกิดมาผมก็ได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยม

พี่โมพาคุณเขมรัตน์กลับไปแล้ว ส่วนผมก็มานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงของเขมินทรา แฝดน้องของผมยังคงหลับตาพริ้ม แต่ในระหว่างที่ผมกำลังปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไปไกลถึงคนที่อยู่ในห้องไอซียู เขมินทราก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ผมคิดว่ามันอาจจะรู้สึกตัวนานแล้วก็ได้ อาจจะรู้สึกตัวตั้งแต่ที่คุณเขมรัตน์เข้ามาในห้อง

“เป็นไงบ้าง” ผมถามขึ้นหลังจากที่เขมินทราจิบน้ำไปเล็กน้อย

“เจ็บ” เสียงแหบๆ ตอบสั้น

“นอกจากเจ็บแผลแล้วรู้สึกไม่ดีตรงไหนมั้ย”

เขมินทราส่ายหน้า ผมจึงไม่ตามหมอหรือพยาบาล เพราะอีกเดี๋ยวตอนเที่ยงหมอเจ้าของไข้ก็จะเข้ามาตรวจอยู่แล้ว หากไม่มีอะไรฉุกเฉินก็ไม่อยากรบกวนเวลาช่วยเหลือคนไข้คนอื่นของหมอ

“มึงนอนนานนะ”

“ตื่นหลายรอบแล้ว” เขมินทราตอบ “ออกห้องผ่าตัดมาก็ตื่น แต่มึงไม่อยู่ เจ็บแผลไม่ไหวด้วยก็เลยหลับๆ ตื่นๆ”

ไม่แปลกใจทำไมมันมีแรงพูดมากกว่าตอนที่ผมโดนยิง

“เออ กูก็ว่าทำไมมึงนอนนาน นึกว่าจะไม่ฟื้นแล้ว ขนาดกูโดนยิง ครึ่งวันก็ฟื้นละ” ผมว่าพลางจัดผ้าห่มให้

“แล้วทำไมมึงชอบหายหัว กูตื่นมาทีไรไม่เคยเจอมึง เจอแต่...” เขมินทราหยุดพูดไปซะอย่างนั้น มันคงไม่อยากเอ่ยชื่อคนที่นั่งข้างเตียงมันตลอด

“ไม่ได้ไปไหน นอกจากห้องมึงกูก็ไปอยู่หน้าห้องไอซียู มันเข้าเยี่ยมได้แค่บางเวลา”

เขมินทราเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไปทำไม มีใครใกล้ตายยิ่งกว่ากูอีกเหรอ”

“มี” ผมตอบพลางมองสบตากับเขมินทรา “กูเป็นคนทำเอง”

“คนอย่างมึงน่ะเหรอ” เขมินทราถามอย่างไม่เชื่อ “มึงฆ่าอีนิ่มเหรอ”

“เปล่า ไม่ใช่อีนิ่ม” แม้อยากจะจับหัวผู้หญิงคนนั้นโขกผนังแค่ไหน แต่ผมก็ใจไม่เหี้ยมพอ ตอนนี้มันโดนข้อหาทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า แต่ที่น่าแปลกมันไม่พาดพิงใคร มันบอกมันทำเพราะเหตุผลส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีใครสั่ง รับสารภาพโดยไม่ปฏิเสธ ทนายของพ่อมันมาประกันตัวแล้วด้วย คงต้องไปสู้กันในชั้นศาลล่ะมั้ง เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่ในโรงพยาบาล เรื่องคดีความก็ได้คุณแขไขจัดการให้ “พี่นิกน่ะ กูบอกให้ธนิษฐาไปตายเพื่อเป็นการขอโทษ แต่พี่นิกช่วยแม่เขาไว้ รถชนวันเดียวกับที่มึงโดนแทง อาการหนัก หายใจเองยังไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังอยู่ห้องไอซียู”

หลังจากที่ผมพูดจบ เราต่างก็เงียบอยู่นาน เขมินทรายื่นมือมาจับมือของผมแล้วบีบเบาๆ

“มึงไม่ใช่คนทำหรอก” มันปลอบใจ “ต่อหน้ากูไม่ต้องทำเหมือนมึงโอเคก็ได้ ตามึงบวมขนาดนี้ ร้องไห้เป็นงานอดิเรกเลยล่ะสิ”

มือของผมสั่น กระบอกตาร้อนผ่าว ผมเกลียดคนรู้ทัน “กูฝันถึงพี่นิก ฝันว่าได้อยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกันแล้วสุดท้ายเขาก็พูดว่าจะไปแล้วนะ เขาบอกลาก่อนที่กูจะสะดุ้งตื่น มันเหมือนจริงจนกูกลัว ยิ่งเห็นว่าเขายังนอนอยู่ในห้องไอซียู ความฝันกูก็เหมือนจริงขึ้นเรื่อยๆ”

“มันแค่ฝันไอ้พี่ ไม่ใช่ลางบอกเหตุอะไรทั้งนั้น ตอนนี้มึงก็แค่กังวลเรื่องของพี่ธนิกจนเก็บเอาไปฝัน ก็แค่นั้นเอง” เขมินทราใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้ผม “แล้วก็เลิกโทษตัวเอง เชื่อเถอะว่าอย่างพี่ธนิกไม่โทษอะไรมึงหรอก กูไม่ได้จะเกทับมึงนะ แต่กูคบกับเขามาสี่ปี พอจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”

“เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ผมมองสบตากับเขมินทรา “พี่นิกที่มึงรู้จักเหมือนที่กูรู้จักไหม”

“กูว่าเขาเหมือนมึงนะ หมายถึงนิสัยบางอย่าง” เขมินทราบอกพลางเงยหน้าขึ้นมองเพดานอย่างครุ่นคิด “ตอนกูคบกับเขา กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ามันดีมาก ดีจนไม่คิดว่าจะเลิกกัน แต่นั่นก็แค่สองปีที่รู้สึกแบบนั้น วันวาเลนไทน์ที่ธนิษฐามาหากู เขาก็ถูกส่งไปต่างประเทศ ไปสามเดือนแล้วไม่เคยติดต่ออะไรมาเลย สามเดือนที่กูเหมือนอยู่ในนรกแต่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราว พอกลับมาก็ทำเหมือนทุกอย่างยังเหมือนเดิม บอกขอโทษที่หายไป ทั้งที่กูรู้ว่าเขารู้สึกกับกูน้อยลงนั่นแหละถึงได้หายไป แต่เขาไม่บอก กูโกรธนะ อยากถามว่าหายไปไหนมาถึงไม่อยู่ปกป้องกู แต่กูไม่กล้าถาม ไม่กล้าให้เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้น เราเลยต่างฝ่ายต่างหลอกตัวเองว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่แค่สองเดือนหลังจากที่เขากลับมา เขาก็รู้แล้วว่ากูกับเพื่อนของเขามีอะไรกัน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าจริงๆ แล้วกูโดนขืนใจเขาก็ติดอยู่กับความรู้สึกที่โดนหักหลังเกือบสองปี กูอาจจะไม่ได้สำคัญที่เขายอมปิดปากเงียบแต่อีกคนสำคัญต่อเขามาก จนกูเลิกกับเขาไปแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดเรื่องที่เขารู้กับแตงโม ไม่ต่อว่า ไม่อะไรทั้งนั้น เขาทำแค่ขอโทษกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ที่บอกเลิกกูหลังจากทนอยู่นานก็ไม่ใช่เพราะกูนอนกับเพื่อนเขาแต่เพราะรู้เรื่องที่แม่เขาทำร้ายกู กูคิดนะว่าถ้าเขาไม่รู้และยังฝืนใจกับกูได้ต่อ ป่านนี้คงยังยื้อความสัมพันธ์กันอยู่”

“ตอนมึงคบกับเขามึงโดนทำร้ายหนักเลยใช่ไหม”

“ถ้าจากธนิษฐาก็แค่วันวาเลนไทน์ แต่หนึ่งปีหลังจากนั้นกูเจออีนิ่มล้วนๆ ที่หนักสุดคือสาดน้ำร้อนใส่กู พี่ธนิกพากูไปแจ้งความ แต่พ่ออีนิ่มใหญ่พอที่มันจะไม่ติดคุก แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายก็ทำอะไรมันไม่ได้ แต่พี่ธนิกก็ช่วยส่งมันไปอยู่ต่างประเทศให้จะได้ไม่มาระรานกูอีก”

“อีนิ่มมันยอมไปง่ายๆ เหรอ”

“ยอมสิเพราะพี่ธนิกบอกว่าถ้ามันยอมไปเรียนต่อที่นั่นจนจบปอโท กลับมาแล้วเขาจะแต่งงานกับมันทันที จะไม่อิดออดอะไรอีก เพราะก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธการแต่งงานกับมันตลอด คู่หมั้นที่หมั้นกันแค่ปากเปล่าก็เลยจะกลายเป็นคู่จริงขึ้นมา”

“เพราะมึงนี่เองไอ้น้องโง่ กูเลยต้องมารับศึกจากมันต่อ แล้วครั้งนี้มึงว่ามันจะรอดอีกไหม อีนิ่มน่ะ”

“ต่อให้รอด พ่อมันคงไม่ให้อยู่ที่นี่แล้วมั้ง แค่เป็นหม้ายขันหมากพ่อมันก็แทบจะพาครอบครัวย้ายหนีไปต่างประเทศ พวกคนรวยๆ น่ะหน้าตาสำคัญในสังคมยิ่งกว่าเงินที่มีซะอีกนะมึง”

ผมกับเขมินทราถอนหายใจออกมาพร้อมกันเมื่อคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็คงทำอะไรผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ คงต้องปล่อยให้เวรกรรมทำงานของมันเอง

“แล้วอะไรที่มึงบอกว่ากูเหมือนกับพี่นิก”

“ก็นิสัยปล่อยเบลอของมึงไง” เขมินทราเฉลยพลางยิ้มนิดๆ “จะว่าเป็นข้อดีก็ไม่ใช่ ข้อเสียก็ไม่เชิง มึงเห็นปัญหาเป็นแค่เรื่องแค่นั้นอะ แค่มองแล้วก็มอง ยิ่งถ้าผ่านมาแล้วมึงก็ไม่สนใจ ไม่คิดแค้น ไม่คิดแก้ไข มึงอยู่กับมันได้จนบางทีกูหงุดหงิดใจแทน พี่ธนิกก็ไม่ต่างจากมึง วันที่กูสวมรอยเป็นมึงไปเจอเขาที่ร้านกาแฟก็คุยกันทุกเรื่อง คุยกันมากกว่าตอนที่คบกันด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังเหมือนเดิม ยังให้ความรู้สึกเดิมๆ ที่ว่าถ้าคบด้วยแล้วคงจะมีความสุขดี ถ้าไม่ติดว่ากูรักคนอื่นไปแล้วแล้วเขาก็รักมึง พี่ธนิกเป็นของกูแน่จ้า แต่กูรู้นะว่าเขารักมึงมาก เขาปล่อยเบลอมาตลอดแต่พอเป็นเรื่องของมึงเขากลับพยายามชัดเจนในแบบของเขา แม่เขานั่นแหละปัญหาหลักของพวกเรา เขาบอกกูนะว่าถ้าเขายังติดอยู่กับแม่ของเขา เขาก็ก้าวไปหามึงไม่ได้”

“ตอนนี้เขาคงเหมือนเป็นอิสระแล้ว แต่กูกลับจะเป็นคนที่ติดอยู่ในบ่วงแทนเขา”

“เป็นไปได้ก็คงไม่อยากให้จบลงแบบนี้หรอก”

ฉากจบห่วยๆ แบบนี้ใครจะยอมรับได้กัน อย่างน้อยให้ผมได้พูดเรื่องจริงกับเขา ไม่ใช่เรื่องโกหกที่เป็นถ้อยคำสุดท้ายที่เขาได้ยิน

“ถ้าเขาไม่ฟื้น...กูควรทำไงวะขิม”

“ทำใจยอมรับให้ได้” เขมินทราตอบในทันที “มันยากเว้ย แต่มึงเก่งอยู่แล้วขวัญ มึงไม่ใช่คนที่จะเทิดทูนความรักเหมือนกู กูรู้ว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่างสำหรับมึง มึงจะอยู่ได้”

“แต่พี่นิกเป็นทุกอย่างสำหรับกู ไม่ใช่แค่ความรัก...แล้วอย่างนี้ กูจะอยู่ได้จริงๆ เหรอวะ”

“ก็อย่าพูดให้มันไม่มีทางอย่างนี้สิ” เขมินทราว่าอย่างอ่อนใจ

“ว่าแต่...เรื่องของพี่โม มึงจะเอายังไงต่อ” คำถามของผมทำให้เขมินทราเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย “รู้นะว่ามึงไม่โกรธ แต่อย่างน้อยก็ทำอะไรบ้าง ไม่ได้บอกว่ามึงควรแก้แค้น แต่มึงต้องออกมาจากจุดที่มึงเคยยืน จุดที่ยอมทุกอย่างแล้วก็ตกเป็นเบี้ยล่างให้เขา”

“กูจะทำอะไรได้วะ” เขมินทราถามด้วยสีหน้าคนขี้แพ้ “กูรักไปแล้ว โดนทำร้ายแค่ไหนก็เกลียดไม่ลง”

“ยังอยากมีเขาต่อมั้ย”

“กูบอกมึงแล้วไงว่ากูขาดเขาไม่ได้”

“ต่อให้เขาจะไม่รักหรือจะอยู่กับมึงด้วยความสงสารน่ะเหรอ”

“อืม”

“มึงเป็นไอ้น้องโง่จริงๆ นั่นแหละ” ผมถอนหายใจใส่มัน “แต่อะไรที่เป็นความสุขของมึง กูทำให้แล้ว”

“มึงทำอะไรอีกไอ้สัดพี่” เขมินทรามองผมอย่างไม่ไว้ใจ

“กูบอกว่ากูไม่เอาเรื่อง แต่มันต้องรับผิดชอบด้วยการดูแลมึงตลอดชีวิต กูล่ามคอมันไว้กับมึงแล้ว เพราะหมอบอกว่ามึงเดินไม่ได้ มีดโดนเส้นประสาทบางส่วนทำให้ท่อนล่างเป็นอัมพาต”

“เดี๋ยวนะ...” เขมินทราหน้าซีด “เรื่องจริงเหรอที่กูจะเดินไม่ได้!”

ผมหยิกที่หน้าแข้งของไอ้น้องโง่ เห็นมันสะดุ้งเฮือกแล้วร้องโอดโอยเพราะกระเทือนแผลแล้วก็ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างให้มัน “มึงเจ็บไหมล่ะ”

“เจ็บ”

หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 11-10-2018 17:51:26
“เออ งั้นแสดงว่ายังรู้สึก เอวมึงยังใช้ได้ดีเหมือนเดิมนั่นแหละ”

“ไอ้สัด กูไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นมั้ย” เขมินทรามองค้อน “แต่ก็...เออ ห่วงนิดหน่อยแหละ”

“กูรู้ใจมึงที่สุดไหมล่ะ” ผมหัวเราะ รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย “นั่นแหละไอ้ขิม กูบอกพี่โมอย่างนั้น มึงก็ทำให้แนบเนียนหน่อยละกัน เอาเรื่องมันมันก็รอดอยู่ดี ให้มันมาติดแหง็กอยู่กับมึงทั้งชีวิตนั่นแหละ เป็นการลงโทษให้มันทรมานอยู่กับคนที่มันไม่ได้รัก”

“อย่าย้ำได้มั้ยว่ามันไม่รักกูไอ้พี่เหี้ย” เขมินทราเบ้ปากใส่ผม “แต่กูจะทนไหวเหรอวะ อยู่กับคนที่รู้ว่าเขาไม่รัก”

“มึงนี่ย้อนแย้งเก่ง แต่ไม่ต้องห่วง มันรักมึง”

“กูไม่เชื่อ”

“ไม่เชื่อแล้วมึงยิ้มทำไม” ผมล่ะเบื่อไอ้พวกปากแข็ง ทำตัวซึน “ต่อจากนี้จะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้ว แต่ต้องคิดถึงความสุขของตัวเอง อย่าทิฐิเยอะ”

“แล้วกูต้องทำเหมือนเดินไม่ได้เหรอ”

“แผลยังไม่หายก็ไม่ควรเดินเยอะไอ้โง่ หายดีเมื่อไหร่จะวิ่งก็ตามใจมึง”

เขมินทราพยักหน้า คลี่ยิ้มกว้างก่อนจะหุบลงทันทีเมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาและคนที่มันทำทีว่าไม่อยากเจอก็ปรากฎตัว

“พี่โมมาก็ดี ฝากดูมันหน่อย” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันไปพูดคุยกับคนที่กำลังเดินมาใกล้เตียง “ผมจะไปหน้าห้องไอซียู จะอยู่รอจนถึงเวลาเข้าเยี่ยม”

“ได้ ไปเถอะ”

ผมหันไปลูบหัวไอ้น้องโง่ แสดงหน้าที่เป็นพี่ชายที่ดีแล้วก็ขอตัวออกจากห้อง จากนี้...ผมหวังว่าเขมินทราจะมีความสุขจริงๆ เสียที แม้ว่าพอปิดประตูแล้วจะได้ยินเสียงโครมคราม มันอาจจะอาละวาดโดยการขว้างปาข้าวของใส่คนที่มันรัก แต่ผมเชื่อว่ามิสเตอร์ทีคนที่ขังมันในนรกมาหลายปีคนนั้นจะจัดการได้ ผมไม่ได้เปิดโอกาสให้คนทำผิดมีโอกาสแก้ตัวแต่เขมินทราจะลงโทษเขาเอง ผมถึงได้ยอมถอย ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคนจัดการกันไป เพราะต่อจากนี้ไม่ใช่ปัญหาของผมอีกแล้ว

ปัญหาของผมคือคนที่ยังอยู่ในห้องไอซียูต่างหาก ปัญหาที่ดูท่าว่าจะไม่มีทางคลี่คลาย ยังคงเป็นเหมือนเมฆสีดำอึมครึมบดบังดวงอาทิตย์ให้ท้องฟ้าที่ควรเป็นสีฟ้าแจ่มใสกลับกลายเป็นสีหม่นๆ เทาๆ

ผมเดินมาที่หน้าห้องไอซียู หลบมุมมานั่งรออยู่บนเก้าอี้ที่มีญาติของผู้ป่วยหนักคนอื่นๆ รอเข้าเยี่ยมกันอยู่ คุณธนิษฐาไม่มาสองวันแล้วเพราะเธอล้มป่วย ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาลหรืออยู่ที่บ้านเพราะไม่ได้ให้ความสนใจ เวลาเจอเธอที่นี่ก็ไม่ได้พูดคุยกัน ทว่าเราก็หัวอกเดียวกัน ดวงตาเธอที่มองสบมาบวมช้ำไม่ต่างจากผม ทุกครั้งที่เข้าเยี่ยมก็คงภาวนาไม่ต่างจากผมว่าอยากให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี แม้สายระโยงระยางจากตัวคุณธนิกจะเป็นภาพที่ไม่ชินตาและทำให้ใจฝ่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังใจชื้นที่ยังเห็นอกกว้างของเขาสะท้อนขึ้นลง เขายังหายใจเองไม่ได้ ยังคงหลับสนิทราวกับไม่เจ็บไม่ปวด มีอาการชัก เกร็งให้ใจหายใจคว่ำอยู่บ้าง แต่ผมก็ยังพูดได้เต็มปากว่าดีแล้ว...ดีแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ผมยังสามารถจับมือรับความอบอุ่นจากเขาได้





“น้องขวัญ ได้เวลาแล้ว” เสียงของคุณธนิกทำให้ผมละความสนใจจากเด็กที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ในชานชาลา “ไปขึ้นรถกัน”

“ขึ้นรถไปไหนครับพี่นิก” ผมถามพลางเอียงคอมองเขา “เรากำลังจะไปที่ไหน”

“อ้าว...คนซื้อตั๋วไม่รู้แล้วพี่จะรู้ได้ยังไง” เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “เอาตั๋วมาดูสิ”

ผมล้วงมือไปค้นในกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงแต่ก็หาตั๋วรถไฟไม่เจอ “ไม่มีครับพี่นิก หรือผมยังไม่ได้ซื้ออะ”

“ทำหายหรือเปล่า”

“ไม่แน่ใจ” ผมตอบอย่างลังเล “ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย”

“น้องขวัญขี้ลืม แล้วทีนี้เอายังไงดี”

“ไปซื้อใหม่ก็ได้” คุณธนิกทำหน้าดุจนผมรีบพูดอย่างเอาใจ “ว่าแต่พี่นิกอยากไปไหนครับ”

“พี่ไปที่ไหนก็ได้แค่น้องขวัญไปด้วย”

ปากหวานอีกแล้ว

“งั้นไม่ต้องไปแต่แค่นั่งอยู่ด้วยกันก็ได้ใช่ไหมครับ”

“อืม ยังไงก็ได้ถ้ามีน้องขวัญ”

“ผมก็เหมือนกัน”

เรามองสบตากันแล้วคลี่ยิ้ม แต่ผมคิดไปเองหรือเปล่าที่รอยยิ้มของคุณธนิกเศร้าเหลือเกิน

“พี่รักขวัญนะ” เขาบอกเบาๆ ส่วนผมได้แต่เบิกตากว้างกับถ้อยคำที่ได้ยิน “ทำหน้าตลกจัง”

“ก็...พี่นิกไม่เคยพูดเลย”

“กลัวว่าพูดไปแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้ พอพูดให้ฟังแล้วกลัวจะเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าเดิม”

ไม่เข้าใจเท่าไร แต่เห็นสีหน้าของเขา ผมก็เห็นความทุรนทุรายบางอย่างในแววตา

“ขวัญไม่รู้หรอกว่าพี่รักขวัญ ต้องการขวัญมากแค่ไหน”

“รู้ซี ก็พี่นิกรักผมทุกวันเลย รักแรงด้วย” ผมพูดล้อๆ ก่อนจะหน้าแดงกับคำพูดของตัวเอง

เขาหัวเราะพลางถามเสียงนุ่ม “แล้วขวัญรักพี่บ้างมั้ย”

“รักมากๆ เลยค้าบบบ”

“กอดพี่หน่อยสิครับ” เขาอ้าแขนออกกว้าง ผมเห็นดังนั้นจึงโผเข้าในอ้อมกอด เขารับตัวผมไว้แล้วยกมือลูบศีรษะผมเบาๆ “ดูแลตัวเองให้ดีนะน้องขวัญ พี่คงเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลย ดูแลไม่เก่ง ปกป้องก็ไม่ได้ ทำขวัญร้องไห้ก็บ่อย แล้วพี่ก็ยังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อความสุขของเราสองคนเลย พี่ขอโทษนะที่เป็นแบบนี้ ขวัญยกโทษให้พี่ได้มั้ย”

“ผมไม่ได้โกรธพี่นิกนี่ครับ จะมาขอโทษผมทำไม” ผมบอกเขาเบาๆ แล้วกระชับแขนโอบตัวเขาแน่นขึ้น “ผมไม่ได้ต้องการแฟนที่ปกป้องผมได้เหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ เรื่องดูแลพี่นิกก็ทำได้ดีมากๆ แล้ว ดูแลดียิ่งกว่านี้ผมคงเป็นง่อย เพราะฉะนั้นไม่ต้องทำอะไรเพื่อผมมากไปกว่านี้หรอกครับ เป็นพี่นิกผู้ชายธรรมดาๆ แค่พี่นิกเป็นพี่นิก อยู่เป็นพี่นิกให้ผมรักก็พอแล้ว”

“แบบนี้ดีจริงๆ เหรอน้องขวัญ พี่ที่เป็นแบบนี้ทำให้น้องขวัญมีความสุขได้จริงๆ ใช่มั้ย”

“ครับ ผมมีความสุขแล้ว” ผมตอบพลางยิ้มหวานให้เขา “คนเป็นแฟนกันไม่จำเป็นหรอกครับที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องคอยปกป้องหรือดูแล พี่ไม่ต้องทรีตผมเหมือนผมเป็นผู้หญิง เพราะผมก็ผู้ชาย ดูแลตัวเองได้ ปกป้องตัวเองได้ดีด้วย พี่มีปัญหาของพี่ ผมมีปัญหาของผม ไม่ต้องช่วยกันแก้ก็ได้แต่แค่เราอยู่เคียงข้างกัน ผมว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว”

คุณธนิกอาจเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็ค เก่งเรื่องงาน จัดการปัญหาได้ทุกอย่าง แต่พี่นิกแฟนของผมกลับเป็นแค่ผู้ชายที่มีข้อบกพร่อง เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

“แล้วถ้าวันหนึ่งพี่ไม่ได้อยู่ด้วย ขวัญจะยังมีความสุขอยู่มั้ย”

“พี่” ผมมองสบตากับเขา “ความสุขของผมคือพี่นะ ถ้าพี่ไม่อยู่ ผมจะมีความสุขได้ยังไง”

“ขวัญ…”

“อย่าไปไหนเลย” ผมกอดเขาแน่นขึ้น “ที่ผมเข้มแข็งและยังยิ้มได้ ต่อให้เจอปัญหาผมก็ไม่ท้อ เพราะว่ายังมีพี่อยู่ข้างๆ ผมเก่งเพราะผมมีพี่”

“ขวัญกำลังทำให้พี่เป็นห่วงรู้ไหม”

ผมไม่ชอบน้ำเสียงเศร้าสร้อยของเขา ไม่ชอบที่เขากำลังผละตัวออกห่าง แม้ว่าอ้อมกอดของผมจะแน่นแค่ไหนแต่อยู่ๆ แขนทั้งสองข้างก็ไร้เรี่ยวแรง เขายังคงยิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่พาความเหงาเข้ามาในใจของผม

“ขวัญพัฒน์เด็กดีของพี่ ต้องยิ้มเยอะๆ นะ” เขาใช้นิ้วทั้งสองข้างยกมุมปากของผมขึ้น “พี่ชอบเวลาขวัญยิ้มจนตาหยี ชอบมองเวลาขวัญหัวเราะ ถ้าต่อจากนี้พี่ทำได้แค่มองดูขวัญแล้ว ขวัญสัญญาได้ไหมว่าจะไม่ร้องไห้”

“ผมไม่สัญญาในเรื่องที่ผมทำไม่ได้” ผมบอกอย่างดื้อดึง แต่ครั้งนี้เขาไม่ดุ เขาทำแค่ยิ้มอย่างอ่อนใจแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผม

“พี่ต้องไปแล้วนะ” เขาบอกเสียงเบาพลางยื่นตั๋วรถไฟให้ดู “รถไฟจะออกแล้ว”

“ไม่” ผมจับแขนเขาไว้แน่น “พี่จะทิ้งผมไม่ได้ รอผมก่อนได้ไหม ผมจะไปซื้อตั๋วใบใหม่ แล้วเราไปด้วยกัน”

ผมขอโทษที่ทำตั๋วหาย ขอโทษที่ผมดูแลรักษาไว้ไม่ดี แต่ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสให้แก้ตัวเพราะแม้จะดื้อดึงแค่ไหน ตัวผมก็ยังถูกทิ้งให้อยู่ที่ชานชาลาเพียงลำพังและเฝ้ามองท้ายขบวนรถไฟที่พาคุณธนิกไปไกลจากผม

สัญญาบ้าบออะไรกัน...

ถ้าจะไม่มีใครกลับมา ก็อย่าปล่อยให้ผมรอได้ไหม

เพราะตอนนี้ การรอคอยคือสิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิตของผมแล้วผมจะยิ้มอย่างที่เขาชอบได้ยังไง





“ไอ้ขวัญ” เสียงเรียกของไอ้แนนทำให้ผมลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะกวาดตาไปทั่วบริเวณ เพดานสีขาวและเสาน้ำเกลือกับความนุ่มของเตียงคนไข้ “เป็นไงบ้างวะมึง”

“แย่ว่ะ” ผมตอบตามจริงเพราะความฝันเมื่อครู่ยังคงทำให้หัวใจปวดหน่วง “แล้วกูมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ กูจำได้ว่านั่งรอเยี่ยมคุณธนิกที่หน้าห้องไอซียู”

ไอ้แนนทำหน้าเหนื่อยใจ ก่อนจะส่งแก้วน้ำมาให้ผมจิบ “มึงเข้าไปเยี่ยมคุณธนิกแล้ว แต่ตอนออกมามึงเป็นลม หมอบอกว่ามึงพักผ่อนน้อย ความดันต่ำด้วย ข้าวปลาก็คงไม่ค่อยยอมกินเลยบอกว่าควรให้น้ำเกลือสักกระปุกสองกระปุก”

“กูไม่เห็นจำได้ว่าเข้าไปแล้ว...”

“ไอ้ขวัญ” ไอ้แนนเรียกเสียงเข้ม “ถ้ามึงไม่ยอมมองความจริงตรงหน้า ก็อย่าบิดเบือนมัน ถ้าภาพที่เห็นมันแย่ แล้วจะไปทำไมให้เห็นทุกวัน หัวใจของมึงจะไม่ไหวอยู่แล้ว”

“กูคิดถึง กูอยากเจอ แต่กูทนเห็นเขาในสภาพนั้นไม่ได้ กูควรทำยังไงต่อวะแนน กูเอาแต่ฝันว่าเขาจะไปจากกู กูอยู่เหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ วันแรกมันไม่ทรมานเท่านี้ แต่หลังจากนั้นมันแย่ลงเรื่อยๆ เวลาแม่งไม่เคยช่วยอะไรกูได้เลย”

“ร้องออกมา...มึงร้องออกมาให้หมด” ไอ้แนนบอกเสียงสั่น “ไม่ต้องทำเป็นเก่งแล้วไอ้ขวัญ ตอนนี้มึงอ่อนแอสุดๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องอายถ้าจะร้องไห้”

น้ำตาของผมไหลลงตามคำสั่งของไอ้แนน ผมกอดเอวของมันไว้ ปิดเสียงร้องไห้ด้วยหน้าท้องที่ไม่ได้เป็นลอนสวยเหมือนอย่างของคุณธนิก แต่ก็ปิดกั้นเสียงแห่งความอัดอั้นของผมได้ ผมอยากตะโกนให้ดังกว่านี้ เอาให้สมกับที่ความรู้สึกกำลังจะระเบิดออกมา ทว่า...ผมไม่มีแรงพอ

ชีวิตหลังจากนี้ของผมจะมีความสุขได้อย่างไรผมก็ยังคิดไม่ออกในเมื่อรถไฟขบวนนั้นพาความสุขของผมหนีหายไปแล้ว กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มีแค่ผมที่ยังคงนั่งรออยู่เพียงลำพัง มีแค่ผมที่ยังคงรอคอย รอคอยอย่างมีความหวังว่าในสักวันจะได้พูดทักทายเขาอีกครั้ง

ผมยังรออยู่นะ...กลับมาสักทีได้ไหมครับ กลับมาก่อนที่ผมคนนี้จะรอไม่ไหว เปลี่ยนคำจากลาเป็นคำพูดที่ดีกว่านี้ ที จะเป็นคำธรรมดาก็ได้ แต่แค่ให้ผมได้พูดว่า ‘สวัสดีครับคุณธนิก’ อีกสักครั้ง แค่นั้นก็พอแล้ว

.............TBC................

จบตอนหน้าจ้าาาา  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-10-2018 18:22:59
 :mew6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 11-10-2018 18:30:10
แง่อยากให้มีความสุขขขขขขขขขขข
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-10-2018 18:40:53
หายไวๆนะพี่นิก ตอนนี้อย่างที่ขวัญบอกว่าฟาดฟันกันมาตั้งนานสุดท้ายแล้วก็เจ็บปวดเหมือนกัน ในส่วนของขิมยังไงเราก็ยังหน่วงๆอยู่นะอยากให้ขิมออกมาใช้ชีวิตของตัวเองสักทีเลิกยึดติดกับอิพี่โมมันเถอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-10-2018 18:46:45
ขวัญญญญญ  :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-10-2018 18:49:30
การรอคอยแบบไร้จุดหมายมันทรมานกว่าจากลากันไปแบบเข้าใจอีก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2018 18:51:43
ถ้าตายจริงๆก็ยอมรับได้นะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-10-2018 19:14:44
พี่นิกจะไปจริงๆใช่ไหม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 11-10-2018 19:27:24
โอ๊ยยยยบีบหัวใจเหลือเกิน อาการจุกอกจนร้องไม่ออกนี่มันโคตรจะทรมานเลย :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-10-2018 19:40:46
จะตื่นไม่ตื่นคุณธนิก !!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-10-2018 20:05:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 11-10-2018 20:05:59
รอขวัญพูดว่า สวัสดีครับ!คุณธนิก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 11-10-2018 20:09:09
เดายากมากว่าคุณ​ธนิกจะรอดไม่รอด​ กลัวไม่รอดจังเลย​ แต่อาจจะรอดให้น้องขวัญ​สวัสดี​คับคุณ​ธนิกก็ได้​ โอ้ยยยย​   :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-10-2018 20:22:04
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 11-10-2018 20:52:18
กลับมานะคะคุณธนิกกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-10-2018 20:59:02
เห็นไหม? เราบอกแล้วว่าพระเอกเรื่องนี้คือ...แนน  หล่อสุด ปกติสุดละพี่แนนของกู  :laugh:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 11-10-2018 21:02:12
ต่อให้หมอเก่งกาจมาจากไหน
ผ่าตัดรักษาคนไข้มาแล้วกว่าหมื่นราย
ก็ไม่สามารถรักษาคุณธนิกให้ฟื้นขึ้นมาได้
นอกจาก....คุณ Snufflehp
ฮือออออออออออออออออออออออออ

/me นั่งอธิฐานจนเมื่อยหลังละยังไม่ฟื้นอีก  :jul1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-10-2018 21:13:42
พี่นิกอย่าทิ้งน้องขวัญไปไหนนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 11-10-2018 21:23:23
อย่าให้พี่นิกตายนะคะ ขอร้องละ หนูขอร้องงงงงงงงงงงงงง :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-10-2018 21:30:16
เราปล่อยเบลอมั่งดีกว่า  :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 11-10-2018 21:47:48
คุณธนิก!!! ชื่อคุณโชว์หราเป็นชื่อเรื่องขนาดนี้ จะตายได้ยังไง
น้องขวัญถ่ายรูปยั่วเผาส่งไปเลย จะฟื้นไม่ฟื้น ห้ะ!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 11-10-2018 22:55:46
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักคุณธนิก เราเคยบอกว่าเขาคือคนที่ควรได้ความรักมากที่สุดจนถึงตอนนี้เราก็ยังคิดแบบนั้น เขาเป็นคนที่เราพยายามโกรธแต่โกรธจริงๆไม่ลงสักที ใจเราบอกว่าคุณธนิกไม่ตายหรอก แต่ที่กลัวคือตื่นขึ้นมาแล้วจำใครไม่ได้ กลัวประโยค "สวัสดีครับคุณธนิก"จะเป็นประโยคทักทายเพื่อทำความรู้จักกันใหม่ของน้องขวัญกับเขา ส่วนน้องขิมเราว่าคงมีความสุขแล้วเนอะ ขนิษฐาได้บทเรียนราคาแพงไปคงไม่ทำเรื่องแล้วนะ ส่วนเขมรัตน์...ตอนนี้เขาได้บทเรียนหรือผลตอบแทนสมกับสิ่งที่ทำหรือยังน่ะ เหลือน้องขวัญที่จะมีความสุขแบบออฟฟิเชียลเมื่อไหร่? ตอนหน้าเนอะ55555

ปล.แนนคือยิ่งกว่าเพื่อน พี่คนโตของของแฝด เป็นยิ่งกว่าพ่อขวัญอีก รักพี่เพื่อนแนน♡
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 11-10-2018 23:31:46
อยากกอดขวัญพัฒน์แรง ๆ ฮือออออออออ นี่อินตามไปหมดแล้วอ่ะ  :hao5: :hao5: :sad4: :sad4:

เจ็บปวดแบบทรมานมาก อ่านไปหยุดไป  :ling1: น้องขิมโชคดีที่ไม่เป็นไรแล้ว ต่อไปขอให้มีแต่ความสุขนะ แข็งแรงไว ๆ  :กอด1:

ขอให้พี่นิกปลอดภัย จะได้ขึ้นรถไฟไปเที่ยวพร้อมน้องขวัญนะพี่  :mew2:

ตอนหน้าก็จบแล้ว OMGGGGGG  :serius2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-10-2018 00:16:11
นั่งเปิดเครื่องดูดฝุ่นรอพี่นิกนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 12-10-2018 08:30:21
โอยย หน่วงมากก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 12-10-2018 16:22:39
ไรท์จ้า.. เราอ่านวน รอ พี่นิก ทั้งวันอ่ะ
 :katai1:
มาเร็วน้าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-10-2018 16:37:52
รอ  :z2:
 :z3:

 :z10:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 26 11/10/2018 Page 24
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-10-2018 16:39:21
จะหมดแรงตามขวัญแล้วขอให้ฟื้นนะคุณธนิกอย่าให้ขวัญต้องอยู่แบบนี้เลย :monkeysad: :impress3:
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 12-10-2018 18:23:59
ตอนที่ 27 (End)



“โทรมมาเลยนะไอ้ห่า กูบอกแล้วไงว่าก่อนมาหาลูกสาวกูให้โกนหนวดด้วยไอ้เวร” ไอ้แนนกำลังบ่นผม ตอนนี้มันกลายเป็นพ่อลูกอ่อนอย่างเต็มตัว เมื่อก่อนฝนอาจจะบ่นเก่งแต่ตอนนี้ไอ้แนนบ่นเก่งยิ่งกว่า มันบ่นทุกเรื่องในชีวิต สากกะเบือยันเรือรบและที่มันบ่นมากที่สุดก็คือเรื่องของผม บ่นไปด้วยซักผ้าอ้อมลูกไปด้วย บันเทิงดีเหมือนกันแต่เอาเข้าจริงก็อยากให้บ่นให้น้อยลงหน่อย ไม่อย่างนั้นฝนอาจจะขอหย่ากับมันแล้วพาน้องนาย ลูกสาววัยหนึ่งปีกับอีกหนึ่งเดือนหนีไปก็ได้

“ไม่มีเวลาไง” ผมแก้ตัว แต่ก็ไม่ใช่คำแก้ตัวซะทีเดียวเพราะตารางชีวิตของผมก็ไม่ว่างจริงๆ “ช่วงนี้ยุ่งกับงานศพด้วย แต่อีกสองวันก็เผาแล้ว หลังจากนี้คงยุ่งน้อยลงหรืออาจจะยุ่งมากขึ้นก็ไม่รู้”

ไอ้แนนเหลือบตามองผม มันเสร็จจากการซักผ้าอ้อมก็มาล้างขวดนมต่อ “มึงโอเคใช่ไหม”

“ไม่โอเคแล้วทำอะไรได้วะ” ผมถามกลับ ยกมือคลายปมเนคไทออกเล็กน้อย “ยังไงก็ต้องยอมรับให้ได้”

“ดีแล้วที่คิดได้แบบนี้”

ผมพยักหน้า ก่อนจะหลบตาพิงหัวกับกรอบประตู “ผ่านมาปีกว่าๆ แล้วเหรอวะ แต่กูยังรู้สึกเหมือนผ่านมาแค่สองสามวัน”

“ไปนอนดีๆ ไปไอ้ห่า อดนอนมาอีกแล้วสิเนี่ย” ไอ้แนนออกปากไล่ “ไปนอนกับลูกกูไป นอนกลางวันอยู่อะตอนนี้ ใบหน้าตอนนอนของลูกกูคงช่วยบรรเทาจิตใจคนบาปหน้าโจรอย่างมึงได้บ้าง รับรองว่าเห็นแล้วหลับสนิท แก้มยุ้ยๆ เป็นยานอนหลับชั้นเยี่ยม”

“แค่ไม่โกนหนวดมึงกล่าวหากูว่าเป็นโจรเลยเหรอวะ”

“ก็ดูสภาพ แฝดน้องของมึงเปล่งปลั่งอย่างกะแดกพระอาทิตย์เข้าไปทั้งลูก แต่มึงนี่เหมือนอมเมฆสีอึมครึมเข้าไปทั้งก้อน” ไอ้แนนเปรียบเทียบซะผมเห็นภาพ เพราะไม่ผิดจากที่มันพูด เขมินทราแฝดน้องของผมตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวที่ทำให้มันเศร้าได้ก็คืออาหารมื้อที่กินอยู่ไม่ถูกปาก นอกนั้นชีวิตของมันแฮปปี้จนน่าถีบ

ตอนนี้ผมอยู่กับมันที่คอนโดฯ หลังจากมันออกจากโรงพยาบาลก็ย้ายไปอยู่ด้วยกัน เพราะผมอยู่ในบ้านของคุณธนิกไม่ไหว แม้บ้านหลังนั้นจะเป็นชื่อของผม แต่ผมจะไม่กลับไปจนกว่าเจ้าของบ้านอีกคนจะกลับมา แม้ความหวังจะริบหรี่เต็มที แต่นั่นแหละ ผมก็มีชีวิตหนึ่งปีกว่าๆ ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ของผม ร้องไห้บ้าง นอนไม่หลับบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล

“ไอ้ขิมมันก็มีความสุขของมันนั่นแหละ ส่วนกูจะมีเรื่องกลุ้มใจบ้างก็ไม่แปลก” ผมไหวไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจกับสายตาห่วงใยของไอ้แนน

“พูดถึงมัน มันเลิกตบตีไอ้พี่โมหรือยังเถอะ วันก่อนไอ้พี่โมอุ้มมาเยี่ยมลูกกู เห็นมันทั้งถีบทั้งตบเวลาไอ้พี่โมขัดใจ” ไอ้แนนถาม ส่วนผมหลุดหัวเราะทันทีเพราะคำถามของมันทำให้นึกถึงเรื่องตลกของสองคนนั้นขึ้นมา

“ไอ้ขิมบอกว่ามันจะทำไปอีกสองปี แต่มันก็บ่นบ่อยๆ ว่าขี้เกียจแสดงละครแล้ว กูก็บอกให้มันเฉลยให้จบๆ ไป แต่มันก็ดื้อ พอเวลาที่พี่โมมันกลับ ไอ้ห่าขิมแม่งลุกมาวิ่ง คึกยิ่งกว่าคนติดม้า ถ้าตำรวจบุกคอนโดฯ นี่มันต้องสงสัยไม่เสพก็ขายว่ะ ดึกๆ ลำบากกูนี่ต้องไปเป็นเพื่อนมันวิ่งออกกำลังกาย กูโคตรอยากถามพี่โมว่ามันไม่สงสัยเหี้ยไรเลยเหรอ ปกติคนเดินไม่ได้ แข้งขาก็ต้องลีบปะวะ แบบไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อ แต่ขาไอ้ขิมคือถอดตีหัวคนตายได้ ใหญ่ยิ่งกว่าขาโต๊ะสนุ๊ก มันแดกดุด้วย พี่โมก็ตามใจไม่ขัด ดูแลดีอย่างกับน้องกูเป็นง่อยที่มือ ป้อนได้ป้อน เคี้ยวได้คงเคี้ยวให้แล้ว”

“ดูมึงมีความอิจฉา” ไอ้แนนยิ้มเย้ย “อยากมีแบบนั้นบ้างก็หาสักคน มึงจะมาเหี่ยวเฉาอย่างนี้ไม่ได้แล้ว”

“จะให้กูไปเอาใครที่ไหนวะ” ผมก็รู้แหละว่าไอ้แนนห่วง แต่การอยู่คนเดียวในตอนนี้ผมก็ไม่ได้เดือดร้อน ผมโอเคกับทุกอย่าง โอเคกับการพูดคุยอยู่ฝ่ายเดียว โอเคกับแค่ได้มองแล้วก็จับมือเขาไว้ บางเวลาที่ท้อและเครียดมากๆ ผมก็แค่มองเขาอยู่เงียบๆ “กูมีความสุขในแบบของกูแล้วไอ้แนน มึงไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องเหงาเรื่องเงี่ยนก็มีบ้าง”

“อย่าบอกกูนะว่ามึงไปช่วยตัวเองต่อหน้า... ไอ้ขวัญ!!! มันไม่ใช่อย่างที่กูคิดใช่ไหม!”

“ไอ้สัด!” ผมถึงกับต้องลุกไปตบหัวเรียกสติไอ้แนนหนึ่งที จนขวดนมลูกสาวมันหลุดจากมือตกไปในน้ำดังจ๋อม “เรื่องแบบนั้นก็ทำในที่ส่วนตัวดิวะ รูปเขาในมือถือกูก็เยอะแยะ”

“แต่ไม่ปฏิเสธสินะว่าทำ มึงนี่มัน...คนจัญไร”

“กูก็ผู้ชายไหมล่ะ เวลาไอ้ขิมกับพี่โมมันจิ๊จ๊ะกัน กูก็อยากทำกับแฟนกูบ้าง” ผมว่าพลางถอนหายใจ ไอ้แฝดนรกของผมมันชอบแรดไม่ดูเวลาและสถานที่ หรือบางทีมันก็ไม่รู้ว่าผมกลับจากโรงพยาบาลมาเร็วกว่าปกติ ผมบอกใช่ไหมว่าพี่โมตามใจมันทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ต้องใช้ปากให้ “พี่โมแม่งก็โง่ว่ะ นอกจากไม่สังเกตอะไรแล้ว ยังไม่สงสัยว่าทำไมไอ้ขิมมันร่อนเอวเก่ง”

“พวกมึงนี่มันคู่พี่น้องจัญไร ถ้ากูไม่รู้ว่าเคยพรากจากกันมายี่สิบกว่าปี กูคงคิดว่าพวกมึงอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต”

ผมหัวเราะกับคำพูดของไอ้แนนโดยไม่โต้เถียง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วยืดตัวบิดขี้เกียจ ผมรู้สึกเมื่อยไปทั้งตัว เพราะใช้เวลานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยนานเกินไป

ชีวิตประจำวันของผมมักจะวนเวียนอยู่แค่ไม่กี่ที่ หลักๆ ก็ที่โรงพยาบาล รองลงมาก็บ้านของไอ้แนนเพราะอยากมาเล่นกับลูกสาวของมัน ที่เหลือก็ที่...มหาวิทยาลัย

ใช่ครับ...ผมเข้าเรียนแล้วเมื่อครึ่งปีก่อน เป็นครั้งแรกที่ผมใส่ชุดนักศึกษาและคนแรกที่ผมใส่ไปให้ดูก็คือคุณธนิก ผมเอาชุดนักศึกษาที่เขาซื้อให้มาใช้แล้ว แต่กลับร้องไห้จนแขนเสื้อเปียกไปหมดเพราะเขาใจร้าย...ไม่ตื่นขึ้นมาดู

คุณธนิกผอมลงมาก แทบไม่เหลือคราบคนหนุ่มสุขภาพดี ไม่เหมือนในนิทานเจ้าหญิงนิทราที่ต่อให้หลับไปนานแค่ไหนแต่สภาพก็ยังสวยสดงดงาม นิทานมันก็ยังเป็นนิทาน เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่มีปาฏิหาริย์ มีพรจากนางฟ้า แต่ในความเป็นจริงแล้วผมกลับต้องทนมองร่างกายของเขาทรุดโทรมลงทุกวัน ผมมักจะใช้เวลาอยู่กับเขาในห้องพักผู้ป่วย มองดูการเปลี่ยนแปลง เล่านั่นนี่ให้ฟังโดยไม่ท้อใจแม้จะไม่มีเสียงใครตอบกลับมา ทุกเช้าและเย็นจะต้องทำกายภาพบำบัดให้เขา หากวันไหนผมติดธุระ พี่โมจะเข้าไปดูแลแทน ส่วนคุณธนิษฐาเธอมาไม่ค่อยไหวแล้ว การตรอมใจของผู้หญิงอายุค่อนข้างเยอะทำให้สภาพร่างกายเจ็บป่วยจนตอนนี้เธอลุกจากเตียงไม่ไหวแล้วเช่นกัน

“ไอ้ขวัญ เหม่ออีกแล้วนะมึง” เสียงของไอ้แนนปลุกผมจากภวังค์ “กูถามได้ยินไหม”

“ถามไรวะ”

“ถามว่าคุณธนิกเป็นไงบ้าง” ไอ้แนนทำหน้าหงุดหงิดใจ

“ก็เหมือนเดิม แต่เพิ่งผ่าตัดเลือดคั่งอีกจุดไปต้นเดือน เลยได้มาลุ้นอีกที” ผมบอกแล้วขยับศีรษะไปทางซ้ายและขวาเป็นการกายบริหารไปในตัว “แต่มีหวังแหละ คราวนี้กูหวังมากหน่อย เคยมีเคสของคุณธนิกที่รักษาได้เหมือนกัน หมอเจ้าของไข้เขาก็ช่วยเขียนจดหมายไปหาหมอที่เยอรมัน คือถ้าที่เยอรมันรับเคส กูก็พร้อมบิน สภาพร่างกายคุณธนิกตอนนี้ก็โอเคกับการเดินทางนานๆ กูอาจจะไปเรียนที่นู่นเลย แต่ก็ยังกังวลอยู่ว่ามีแค่เงินแต่ไม่มีสมองจะรอดมั้ย กูยิ่งโง่ๆ ภาษาอยู่ แค่แบบ...มีเงินอะ จะทำอะไรก็ได้”

“มึงเป็นคนรวยอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ไอ้แนนทำหน้าหมั่นไส้เสียเต็มประดา ถ้าไม่ติดว่ามันกำลังขัดจุกนม มันคงลุกมาตบตีผมแล้ว

“นั่นสิวะ” ผมย้อนถามเสียงกลั้วหัวเราะ “นี่ขนาดยังไม่อ่านพินัยกรรมนะ แม่งรวยไม่รู้เรื่องแล้ว รถเวฟกูที่ขายได้นี่เศษเงินไปเลย”

“น่าหมั่นไส้จริงๆ ไอ้ห่าเอ้ย!”

ผมหลิ่วตาเพื่อให้ไอ้แนนเพิ่มความหมั่นไส้ยิ่งขึ้น “กูจะเป็นเด็กนอกแล้วนะ กลับมาอีกทีกูจะหยิ่งให้มึงดู”

“เออ หยิ่งได้หยิ่งไปเถอะ แต่อย่าหวังว่ากูจะให้มึงอุ้มลูกกูอีก”

“อย่าเอาเรื่องนี้มาขู่กูไอ้แนน มึงก็รู้ว่ากูไม่สู้ ตอนนี้หลานเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจอย่างเดียวที่กูมีอยู่”

“ไอ้สัด เล่นใหญ่ไปเพื่อ” ไอ้แนนทำหน้าปลงๆ ใส่ผม “แต่มึงเข้มแข็งอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะ อยู่กับมันได้ก็ดีแล้ว หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูก็คิดว่ามึงคงทำใจได้ในระดับหนึ่ง”

“ไม่รู้ดิ” ผมส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจ “กูไม่ได้คิดว่าเขาจะไม่อยู่ ในฝันของกูก็ยังเห็นเขา ฝันเรื่องเดิมซ้ำๆ ในฝันจนกระทั่งตื่นกูได้แต่หวังว่าสักวันตัวกูจะรั้งเขาไว้ได้หรืออาจจะได้ขึ้นรถไฟไปกับเขา ไม่ใช่นั่งรออยู่ที่ชานชาลาคนเดียว ภาพในฝันของกูจบแค่นั้นตลอด จนกูรู้สึกว่าแค่หลับตาลงก็ไม่ใช่จะหนีความทรมานพ้น มันทรมานทุกลมหายใจเลยว่ะไอ้แนน แต่กูก็ยังต้องหายใจต่อ แล้วถ้าเขาไม่อยู่ กูก็ไม่รู้แล้วว่าจะเป็นยังไงต่อจากนี้”

“อย่าคิดสั้นก็พอ ปล่อยให้ชีวิตมันดำเนินต่อ มันอาจจะยาก แต่มึงคิดสิว่าสักวันทุกคนก็ต้องไป ไปช้าหรือเร็ว ถ้าเขาต้องไป ก็แค่ให้เขาไปรอมึงก่อน ให้เขาได้รอมึงบ้าง จนกว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง จนกว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เชื่อกูไอ้ขวัญ”

“ตั้งแต่มีลูก มึงก็พูดอะไรดีๆ มากขึ้น” ผมมองหน้าไอ้แนนอย่างซึ้งใจ “ขอบใจนะเว้ยที่ไม่ตัดเพื่อนกับกูตั้งแต่ที่กูแดกยางลบสตรอเบอร์รี่ของมันตอนนั้น”

“พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ รวยแล้วก็ซื้อมาคืนเลยไอ้ห่า ซื้อมาให้ลูกสาวกู”

“บอกแล้วไงว่าอุปกรณ์การเรียนและเรื่องเรียนทุกอย่างกูจะเป็นทุนให้ลูกมึงเอง” ผมบอกอย่างหนักแน่นเพราะตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว “ลูกมึงต้องได้เรียนโรงเรียนดีๆ นะเว้ย กูไม่อยากให้ไปอยู่โรงเรียนอย่างที่เราเคยอยู่ แม่งต้องเจอพวกไอ้วันกับไอ้ทิวแกล้งทุกวัน ขืนให้ลูกไปอยู่แบบนั้นได้โดนเปิดกระโปรง ดึงผมเปียเล่นแน่ๆ”

“มึงก็เวอร์เกิน”

“ไม่เวอร์ มีกำลังก็ส่งเสริมให้ถึงที่สุด ยังไงกูกับแฟนก็ไม่มีลูก น้องกูถ้าไล่ให้มันมีเมียคงชักดิ้นชักงอตาย ให้กูเป็นพ่อทูนหัวลูกมึงนั่นแหละ ไม่สิ กูต้องเป็นแม่ เพราะพี่นิกจะเป็นพ่อ เขาเป็นผัวกู”

“มึงนี่มัน...” ไอ้แนนคงหมดคำพูดจะต่อว่าผม มันจึงได้แต่แยกเขี้ยวมาให้

ผมหัวเราะเยาะมันก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นดู ลุงกล้วยส่งข้อความมาบอกว่าอยู่หน้าปากซอยแล้ว

“กูไปก่อนนะ จะไปโรงพยาบาลก่อนไปวัด วันนี้พวกบอร์ดบริหารไปกันครบทุกคนด้วย คุณแขไขบอกให้กูไปทำความรู้จัก” ผมบอกลาไอ้แนน รู้สึกเบื่อหน่ายทันทีเมื่อคิดว่าต้องใส่หน้ากากเข้าสังคมและงานนี้ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นงานศพของคุณเขมรัตน์ พ่อแท้ๆ ของผมเอง

ถามว่ารู้สึกอะไรไหม ก็มีบ้างครับแต่นิดเดียว เพราะเขาก็ป่วยมานานแล้ว มาทรุดลงหลังจากที่ได้เคลียร์กันไม่นาน จากนั้นก็แย่มาเรื่อยๆ แล้วก็เพิ่งจากไปเมื่อสี่วันก่อน คนที่ร้องไห้จนตาบวมก็มีเขมินทราแฝดน้องของผม มันเป็นคนอ่อนไหวง่าย ในขณะที่ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละครับ ไม่ได้อินไปกับมัน ส่วนคนที่เหลือก็ตามนั้น เสียใจบ้างแต่ไม่มีใครฟูมฟาย คุณแขไขก็ดูจะทำใจไว้ล่วงหน้า อย่างที่บอกว่าไม่ใช่การจากไปปุบปับ ทุกคนมีเวลาเตรียมใจ คุณธนิษฐาไม่ได้มางาน เธอดูจะทรุดหนักลงตั้งแต่ที่คุณเขมรัตน์อยู่แต่ในห้องซีซียู จนตอนนี้ผ่านงานศพมาสี่วันแล้วเธอก็ยังไม่สามารถมาร่วมงานได้ ผมไม่เคยไปเยี่ยมเธอหรอกนะครับ แต่ก็รู้ข่าวจากพี่โมที่เป็นคนดูแลเธอมาตลอด

หากคิดถึงคุณธนิษฐาก็ต้องคิดถึงคุณนิ่ม ผู้หญิงคนนี้หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เธอไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศหลังจากจบคดีความ พ่อแม่ของเธอมาขอโทษพวกผมด้วยตัวเอง ในขณะที่ลูกสาวยังดื้อแพ่ง นี่แหละครับ พ่อแม่รังแกฉัน แต่ผมก็เข้าใจว่าไม่มีใครอยากเห็นลูกของตัวเองเข้าคุก ไม่ว่าลูกจะดีหรือจะร้ายแค่ไหน ยังไงก็เป็นลูก กระบวนการทางกฎหมายนั้นผมไม่รู้ ไม่ได้ติดตาม แต่รู้อีกทีเธอก็ไม่อยู่ประเทศไทยแล้ว เขมินทราจึงทำได้แค่สาปส่งให้เครื่องบินที่เธอนั่งตกทะเล แต่พอมาคิดได้ว่ามีผู้โดยสารคนอื่นอยู่ด้วยก็ไขว้นิ้วแทบไม่ทัน เปลี่ยนมาแช่งให้เดินลงจากบันไดเครื่องบินแล้วตกจากส้นสูงหัวกระแทกพื้นแทน

นั่นแหละครับ ไอ้แฝดนรกของผมมันก็บ้าๆ บอๆ แบบนั้น ถามว่ามันแค้นไหมมันก็แค้น แต่ให้จริงจังอยากเอาคืนไหมมันก็ไม่อยากเสียเวลาชีวิตไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้พวกเราก็มีความสุขกันดีแล้ว

เรื่องราวต่อจากนี้ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบหรือสวยงามอย่างที่หวังเอาไว้ แต่ผมเชื่อว่าแค่เราพอใจ เราก็สามารถยิ้มอย่างมีความสุขได้









แปดเดือนต่อมา...

Friday, 03:40 PM

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: สถานีรถไฟห้าชั้นที่เบอร์ลินเล่นงานผมอีกแล้ว พี่นิกต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าผมหลงทาง

ขวัญพัฒน์: แต่ผมมาที่นี่ร้อยครั้งแล้วนะ! ทำไมยังหลงทางอยู่ก็ไม่เข้าใจ

ขวัญพัฒน์: คุณวัฒน์บอกว่าถ้าเป็นพี่นิกก็ต้องหลงแน่ๆ รู้ไหมว่าเขานินทาพี่ให้ผมฟังเยอะแยะ

ขวัญพัฒน์: ตื่นมาแล้วต้องตีเขาแรงๆ เลยนะ นอกจากจะชอบนินทาพี่นิกแล้วเขาก็ไม่ยอมกลับประเทศไทยสักที

ขวัญพัฒน์: คุณแขไขจิกเขาทุกวัน แต่เขาก็เอาผมกับพี่ไปอ้าง บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อน แต่ความจริงเขาเที่ยวทุกวัน วันก่อนเขาไปมิวนิคมาด้วย มีรูปสวยๆ เยอะเลย ผมเก็บไว้ให้แล้ว ไว้เรามาดูด้วยกันนะ ไม่สิ ไว้เราไปถ่ายด้วยกันดีกว่า

ขวัญพัฒน์: วันนี้ภาษาเยอรมันของผมก็ไม่คืบหน้า ทำยังไงถึงจะเก่งเหมือนพี่นิก ผมคงเป็นคนเดียวในคลาสที่โง่มากๆ ผมฟังไม่เข้าใจเลย ภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ ท้อแล้ว

ขวัญพัฒน์: แต่พอดูรูปของพี่นิกผมก็มีกำลังใจ เวลาเห็นพี่นิกยิ้มเหมือนพลังงานจะล้นอยู่ในอกผม คุณวัฒน์บอกว่าผมเวอร์อีกแล้ว พี่นิกต้องจัดการเขาให้ผมด้วยนะ!

ขวัญพัฒน์: อ้อ...คุณวัฒน์บอกว่าพี่นิกพูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วย เวลาพูดคงเท่ไม่หยอกเลยใช่ไหมครับ

ขวัญพัฒน์: ผมอยากฟังพี่นิกพูดจัง เสียงทุ้มๆ คงเซ็กซี่น่าดู ฮื้อออ คิดถึงอีกแล้ว จะรีบกลับนะครับ




หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 12-10-2018 18:24:25
สองสัปดาห์หลังจากนั้น...

Monday, 01:30 AM

ขวัญพัฒน์: เมื่อเช้าหมอ Ralph บอกว่าทุกอย่างดีหมดเลย ความดัน การเต้นของหัวใจ รอยรั่วที่ปอดปิดสนิทแล้วด้วย ผมลุ้นมากตอนที่ถอดเครื่องช่วยหายใจ พี่นิกรู้มั้ย...ผมกลัวจริงๆ นะ ผมได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี จนถึงตอนนี้ผมก็ยังนอนไม่หลับ

ขวัญพัฒน์: พี่ผอมลงมากเลยนะครับ ขอโทษนะที่ใช้แชทของพี่เป็นไดอารี่มาเกือบสองปีแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดี

ขวัญพัฒน์: ต่อให้พี่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ แต่ผมก็ยังคิดถึงพี่แทบบ้า

ขวัญพัฒน์: พี่นิกครับ ถ้าผมรู้ว่าผมจะรักพี่มากขนาดนี้ วันนั้นผมไม่พูดอะไรแบบนั้นออกไปแน่ๆ

ขวัญพัฒน์: ผมไม่น่าหาเรื่องทรมานตัวเองเลย ผมแม่ง...เหมือนจะตายอยู่ทุกวัน แต่เพราะผมยังสามารถเห็นพี่ได้ ผมก็คิดว่าดีแล้วล่ะ แค่นี้เอง ผมไม่เป็นไร

ขวัญพัฒน์: ผม...โอเค

ขวัญพัฒน์: วันนี้ตอนที่เปลือกตาของพี่ขยับ อ่า ผมจะเรียกยังไงดีนะ แต่ผมเห็นเหมือนพี่กำลังจะลืมตา ผมตื่นเต้นมากเลยนะ เกือบจะยิ้มแล้ว แต่มันก็แค่อาการกล้ามเนื้อกระตุก จากที่จะยิ้ม น้ำตาผมก็ไหลลงมาดื้อๆ

ขวัญพัฒน์: ผมท้อแล้วนะครับพี่นิก แต่พอเห็นหน้าพี่ ผมคิดว่าผมอาจจะยังท้อได้มากกว่านี้อีก เพราะงั้นผมก็ยังไหว

ขวัญพัฒน์: ผมลืมถามเลยว่าผมตัดเล็บโอเคไหม ปกติแล้วไม่เคยตัดให้ใครเลย กลัวตัดเข้าเนื้อแล้วทำให้เจ็บ

ขวัญพัฒน์: ลืมบอกอีกเรื่อง ผมพี่นิกยาวแล้วน้า ไม่หัวโล้นแล้ว ผ่าตัดครั้งนี้แผลนิดเดียวเอง หมอ Ralph บอก โอเคๆ ผมก็ฟังออกแค่นั้นแหละครับ เพราะนอกนั้นเขารัวภาษาเยอรมัน ดีที่คุณวัฒน์แปลให้ฟังได้ เห็นเซ่อๆ แบบนั้นแต่ผมก็เพิ่งรู้ว่าเขาเรียนปอตรีกับปอโทที่มิวนิค พูดไม่ได้ฟังไม่ออกก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วเนอะ

ขวัญพัฒน์: ผมนอนแล้วดีกว่า จะจุ๊บๆ พี่นิกด้วยนะ ฝันดีนะครับพี่นิกของน้องขวัญ





สองเดือนหลังจากนั้น...

Saturday, 10:30 AM

ขวัญพัฒน์: วันนี้ไอ้แนนส่งรูปน้องนายมาให้ดู น้องนายลูกสาวมันน่ะพี่นิก นายที่มาจากชื่อคุณนาย ตลกไอ้แนนที่ตั้งชื่อลูกเหมือนประชดเมีย แต่ทีแรกน่ะตั้งใจว่าถ้าเป็นผู้ชายจะให้ชื่อเจ้านาย พอเป็นผู้หญิงก็ให้ชื่อคุณนายซะเลย

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: แก้มน่าหยิกใช่ม้า เหมือนแก้มน้องขวัญที่พี่นิกชอบหยิกเลยยย

ขวัญพัฒน์: ไอ้แนนไปเยี่ยมแม่ของพี่มาด้วย แต่มันไม่ได้ถ่ายรูปมานะ

ขวัญพัฒน์: มีหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นระหว่างที่พี่นอนหลับไป ถ้าตื่นมาแล้วย้อนอ่านด้วยนะ ผมเล่าไว้เยอะมาก แชทนี้เก็บย้อนหลังไว้ได้ไม่นาน แต่ผมเก็บเป็นรูปภาพไว้ให้พี่แล้ว ไม่ต้องห่วง ผมรอบคอบเสมอ ฮิฮิ

ขวัญพัฒน์: พี่นิกรู้มั้ย ที่ผมต้องพิมพ์ใส่แชทพี่อย่างนี้ เพราะผมหวังนะ

ขวัญพัฒน์: หวังว่าสักวันข้อความที่ผมส่งถึงพี่ จะขึ้นอ่านสักครั้ง

ขวัญพัฒน์: วันนี้อากาศแย่ ขมุกขมัวแต่เช้า

ขวัญพัฒน์: ผมมาเดินเที่ยวที่ย่าน Alexanderplatz ของกินเพียบเลย แต่ผมไม่ได้กินสักอย่าง ผมถ่ายรูปเก็บไว้แล้ว ไว้เรามากินด้วยกันนะ ผมรอกินครั้งแรกพร้อมพี่นิก

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: Fernsehturm อยู่ในเขต Mitte คุณวัฒน์บอกว่าขึ้นไปชมวิวบนนี้ได้ ไว้เราไปด้วยกัน ขึ้นไปบนนี้คงเข้าใกล้สวรรค์อีกนิด แต่เอ๊ะ อยู่กับพี่นิกก็ขึ้นได้หรือเปล่านะ อุ่ยยย

ขวัญพัฒน์: ผมทะลึ่งอีกแล้ว ขอโทษนะครับ

ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: นาฬิกาโลกกกก นาฬิกาใหญ่ขนาดนี้ซื้อเวลาอยู่กับพี่นิกไปอีกร้อยปีได้ไหมนะ

ขวัญพัฒน์: พี่นิกครับ

ขวัญพัฒน์: ...

ขวัญพัฒน์: ...

ขวัญพัฒน์: ...

ขวัญพัฒน์: รออยู่นะครับ

ขวัญพัฒน์: สัญญาของเรา พี่ไม่ลืมใช่ไหมครับ

ขวัญพัฒน์: สถานีรถไฟตอนแปดโมงตรง ผมยังรออยู่ที่นั่น

ขวัญพัฒน์: อย่าลืมมารับผมนะครับ

ขวัญพัฒน์: จะครบสองปีแล้วนะ พรุ่งนี้ก็จะครบสองปีแล้วที่พี่นอนอยู่แบบนั้น

ขวัญพัฒน์: ขอโทษนะครับที่นานขนาดนี้แล้ว แต่บางครั้งผมก็ยังร้องไห้ ยิ้มไม่ได้อย่างที่พี่ชอบมองสักที

ขวัญพัฒน์: ผมน่ะ...

ขวัญพัฒน์: ไม่ได้รอเก่งขนาดนั้นนะครับ





ผมเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ตามเดิม บางทีการเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหม่นๆ คงดีกว่าก้มหน้าอยู่กับแชทที่ไม่มีการตอบกลับ ไม่ว่าผมจะเดินมาไกลแค่ไหน แต่หัวใจของผมก็ยังอยู่ที่เขา

ผมมองไปรอบตัว ใครจะคิดว่าชีวิตวินมอเตอร์ไซค์อย่างผมจะมาไกลถึงเยอรมัน ไม่รู้อะไรสักอย่างแต่ก็ยังมาได้ ทว่าจนป่านนี้ก็ยังเข้าเรียนไม่ได้เลย เพราะความยากทางด้านภาษา ตอนนี้ก็ได้แค่เรียนภาษาไปพลางๆ ถ้าถามว่าผมมาที่นี่ได้ยังไงก็คงต้องยกความดีความชอบให้คุณแขไขที่จัดการธุระให้ โดยมีคุณธนวัฒน์เป็นล่ามและไกด์ส่วนตัว เพราะเขาอยู่เยอรมันมาหลายปี ยิ่งขาเที่ยวอย่างเขาแล้วคงซอกแซกไปเกือบทั่วประเทศแล้วมั้ง แต่ดีครับ เวลาที่นึกเบื่อๆ ก็มีเขาเป็นเพื่อนเที่ยว

ส่วนเรื่องที่ประเทศไทยผมให้คุณแขไขจัดการให้จนกว่าผมจะพร้อม พินัยกรรมของคุณเขมรัตน์ถูกอ่านหลังจากที่เขาเสียชีวิตได้หนึ่งเดือนและก็เป็นไปตามอย่างที่พี่โมบอก ตำแหน่งเก้าอี้ประธานยังคงรอคุณธนิกไปบริหารโดยตอนนี้คุณแขไขรักษาการแทน ในขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ เป็นของผมกับเขมินทรา แน่ล่ะว่าผมเป็นพี่ก็เลยได้เยอะกว่า หุ้นของคุณเขมรัตน์ส่วนใหญ่เป็นชื่อผม แต่ไอ้แฝดนรกมันไม่ได้อิจฉา มันบอกว่าแค่มีผัวรวยมันก็ไม่ต้องรวยก็ได้ ผมเกือบถีบหน้ามันไปแล้ว แต่ติดที่ว่ามันยังแสดงละครนั่งอยู่บนรถเข็น ก็เลยยังปรานีอยู่บ้าง ทั้งๆ ที่อยากยันมันให้ตกจากรถเพื่อเปิดเผยความจริง ไม่รู้จะเล่นโง่ๆ แช่งตัวเองไปทำไม ในเมื่อพี่โมมันรู้อยู่แล้วว่าความจริงเป็นยังไง แต่นั่นแหละ ปล่อยมันเถอะ เรื่องของมัน ผมบ่นจนไม่รู้จะบ่นอะไรแล้ว

นอกจากเรื่องพินัยกรรมเรื่องอื่นก็ราบรื่น ไอ้แนนก็เป็นพ่อลูกหนึ่งที่ยุ่งหัวฟู ตอนนี้นอกจากขับวิน เลี้ยงลูกแล้วมันยังเรียนกฎหมายที่มหาลัยเปิดแห่งหนึ่งควบคู่ไปด้วย ผมบอกมันว่าถ้าเรียนจบจะจองตัวให้เป็นทนายประจำตัวผม ซึ่งมันก็ไฟลุก ตั้งอกตั้งใจเรียน บอกว่าถ้าเรียนจบแล้วขอเงินเดือนเยอะๆ พูดอย่างไม่อายว่าจะเกาะผมแดกไปตลอดชีวิต ซึ่งผมก็ชิวมาก เกาะได้เกาะไปเถอะ แค่เพื่อนคนเดียว ผมเลี้ยงไหว คนอย่างผมไม่มีภาระอะไรอยู่แล้ว ส่วนคุณธนิษฐา ก็สุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก ผมไม่ค่อยได้ทราบเรื่องของเธอเท่าไร แต่พี่โมก็บอกเองว่าเธอโอเคขึ้นแล้วและตอนนี้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเก่าของเธอ ในพินัยกรรมของคุณเขมรัตน์ระบุว่ายกบ้านที่เคยอยู่กินด้วยกันให้เป็นชื่อของเธอกับเงินอีกก้อนใหญ่ ทว่า...เธอไม่แตะต้องเลย

หากถามผมว่าพอใจกับบทสรุปนี้ไหม ผมก็ตอบได้ว่าพอใจแล้ว คนผิดอาจจะไม่ได้จบลงที่การนอนอยู่ในคุกให้กฎหมายจัดการเสมอไป เพราะบางทีสำหรับคนบางคน ต่อให้ไปนอนอยู่ในคุกก็ยังถือว่าให้เข้าไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเสียด้วยซ้ำ เปลืองข้าวแดงแกงร้อนเสียเปล่าๆ แต่การอยู่ด้วยความรู้สึกผิดต่างหากที่เหมือนการจองจำอย่างแท้จริง อย่างไรเสียกฎแห่งกรรมก็คงไม่หนักน้อยกว่ากฎหมายหรอกหรือบางทีก็อาจจะหนักมากจนแทบไม่ติดกันเลยก็ได้

ผมกลับมาที่โรงพยาบาลหลังจากที่เดินเตร่อยู่สักพัก วันนี้คุณธนวัฒน์ไม่ได้กลับมาด้วยเพราะเขาจะไปเที่ยวกับเพื่อนต่อ ผมจึงนั่งรถไฟกลับมาเพียงลำพัง กลับมาถึงห้องพักผู้ป่วยก็เหมือนเช่นเคย เงียบเหงาและน่าหดหู่

โรงพยาบาลในเยอรมันไม่ได้เสียงดังหนวกหู อย่างโรงพยาบาลที่คุณธนิกรักษาตัวอยู่นี้ก็ออกจะวังเวงเสียด้วยซ้ำ คนที่นี่ส่วนใหญ่แล้วเวลาเจ็บป่วยก็จะไปคลินิคเสียมากกว่า จะไม่ค่อยเห็นคนไข้ที่ป่วยหัวตัวร้อนวอร์คอินมาที่โรงพยาบาลหรอกครับ กว่าจะทำเรื่องมารักษาที่นี่ได้ก็ยากพอสมควร ค่ารักษาที่หากไม่มีประกันสุขภาพแล้วแม้แต่เจ้าของหุ้นในบ่อน้ำมันอย่างผมก็ยังหน้ามืดไปเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เม็ดเงินก็มีค่าเท่านี้ล่ะครับ ซื้อความสุขและยื้อชีวิต ต่อให้ต้องหมดตัวผมก็ไม่เกี่ยง อาชีพวินมอเตอร์ไซค์ยังรอผมอยู่ที่ปลายทางเสมอ

ผมนั่งลงบนเก้าอี้พลางเปิดเพลงที่มีแต่ท่วงทำนองช้าๆ หวานๆ ให้คุณธนิกฟัง ดนตรีบำบัดคงช่วยให้เขาผ่อนคลายได้บ้าง

เวลานี้ที่ประเทศไทยคงประมาณสี่โมงเย็น เวลาที่นั่นเร็วกว่าที่เยอรมันห้าชั่วโมง ไอ้แฝดน้องของผมคงว่างแล้วมันจึงรัวแชทมาเหมือนทุกวันที่ทำ

เขมินทรา: สัสดีตอนเช้า ที่นู่นสิบเอ็ดโมงแล้ว มึงกินข้าวยังไอ้สัดพี่

ขวัญพัฒน์: แดกละ ขนมปังไส้กรอก มึงล่ะ เมื่อเช้ากินไร

เขมินทรา: โจ๊กหมูเด้ง ว่าแต่มึงกินขนมปังเยอะไปละ รวยแล้วก็หัดเข้าร้านอาหารบ้าง สะตงสเต็กก็แดกๆ เข้าไป

ขวัญพัฒน์: รวยไม่รวยไม่เกี่ยว มันเกี่ยวตรงที่กูสั่งไม่เป็น คุยไม่รู้เรื่องเว้ย

เขมินทรา: สมองอย่างมึงควรอยู่แค่ที่ประเทศไทยอะไอ้ห่า ไปต่างประเทศมึงกินแต่อาหารขยะจนตายแน่ๆ

ขวัญพัฒน์: เรื่องของกูจ้า

เขมินทรา: ควายเอ้ย กูไม่น่าเสียเวลาพูดกับคนอย่างมึง

ขวัญพัฒน์: ไว้กูจะถามไอ้คุณวัฒน์ละกันว่าเวลาสั่งสเต็กต้องพูดยังไง

เขมินทรา: มึงเรียนภาษามาหลายเดือนแล้วนะไอ้ขวัญ มันไม่ได้สักนิดเลยเรอะ

ขวัญพัฒน์: ได้หน้าลืมหลัง สมองกูไม่เหลือไว้จดจำเรื่องมีสาระแบบนี้

เขมินทรา: พ่อต้องร้องไห้ที่ยกสมบัติให้คนอย่างมึง มึงต้องพาฉิบหายล่มจม คนอย่างมึงควรจมบ่อน้ำมันหรือไม่งั้นก็โดนเครื่องบินชนให้หายโง่ซะ

ขวัญพัฒน์: ถือหุ้นน้อยกว่ากูก็แย่หน่อยนะ หึ

เขมินทรา: กูเกลียดมึ้งงงง

ขวัญพัฒน์: เอาน่า ไม่ต้องห่วง พี่นิกฉลาดอยู่แล้ว ช่วยกูได้ทุกเรื่องแน่นอน ส่วนกูก็นอนกินเงินปันผลสบายๆ ไป

เขมินทรา: พี่ธนิกรู้ว่ามึงจะต้องโขกสับแน่ๆ ถึงได้แกล้งนอนนานๆ ไม่ฟื้นสักที

ขวัญพัฒน์: งั้นกูจะทำงานหนักๆ เอง ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ แต่ฟื้นมาสักทีเถอะ กูพูดคนเดียวจนจะเป็นบ้าแล้ว

เขมินทรา: มึงไม่พูดคนเดียวมึงก็เป็นบ้า ว้ายยย

ขวัญพัฒน์: ออกสาวไอ้ห่า เดี๋ยวกูถีบหน้าหงาย

เขมินทรา: ง่ะ ชอบใช้กำลังกับกู แล้วนี่พี่นิกเป็นไงมั่ง ผ่าตัดครั้งที่แล้วดีมากๆ เลยนี่ใช่ไหม

ขวัญพัฒน์: ดีมาก ไม่มีเลือดคั่งแล้ว ทุกวันนี้อาการก็ไม่ได้แย่ ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้วด้วย ดีหมดแล้วแหละ ติดอยู่อย่างเดียว ถ้าฟื้นขึ้นมาจะเหมือนเดิมมั้ย ยังต้องลุ้น

เขมินทรา: ดีแล้วๆ ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ ยังไงก็แฟนเก่า กูก็ห่วง

ขวัญพัฒน์: ไม่พิมพ์มาแล้วนิ้วมึงจะด้วนเหรอไอ้สัด อย่าให้กูบินกลับไทย จะตบให้หัวหลุด

เขมินทรา: เกรี้ยวกราดใส่น้องทำไม น้องก็แค่อาลัยอาวรณ์

ขวัญพัฒน์: กูจะแคปแชทไปให้ไอ้พี่โม

เขมินทรา: ทำเลยๆ กูอยากโดนหึง อยากโดนเล่นบทจำเลยรัก ตบจูบ ตบกระแทก

ขวัญพัฒน์: มึงคึกแต่เช้านะ ไปโดนตัวไหนมา

เขมินทรา: ก็โดนเยอะอยู่ ฟินๆ ทั้งนั้น

ขวัญพัฒน์: น้ำเดินตลอดว่างั้น ไอ้สัดน้องมึงอย่ามาเกทับกู ไปไหนก็ไป เรียนจบก็ขยันทำงานซะ

เขมินทรา: อือ เดี๋ยวเย็นจะออกไปดินเนอร์กับแตงโม บอกมันก่อน มันต้องอุ้มกูไปอาบน้ำ ฮิฮิ

ขวัญพัฒน์: จัดอีกกี่ดอก

เขมินทรา: ดอกเดียวก็พอ แต่ดอกใหญ่ๆ ไปละ ไว้อยากหาเรื่องไร้สาระทำจะทักไปหามึง

ขวัญพัฒน์: กูจะบล็อกมึงไอ้ขิม เพราะมึงแม่งตัวไร้สาระไอ้สัด อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์!






เป็นสีสันของชีวิตไปแล้วที่ต้องได้ด่าเขมินทราทุกเช้า ไอ้แฝดนรกมันก็ชอบสรรหาเรื่องมาให้ด่า เวลาคุยกับผมมันทั้งแรดทั้งปากร้าย แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าแตงโมของมันจะปากแข็ง ปากหนัก พูดอย่างทำอีกอย่าง จนบางทีก็น่าเหนื่อยใจแทน

ผมยิ้มให้ตัวเองอยู่สักพัก มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ดีๆ ก็อยากยิ้ม เพราะคนรอบข้างผมในตอนนี้มีความสุขกันหมดแล้ว เหลือแค่ผม...เหลือแค่ผมคนเดียวที่ยังคงทรมานอยู่ตรงนี้

“คุณธนิกครับ” ผมเรียกเขาเป็นล้านๆ ครั้ง แต่ผมไม่เคยรู้ว่าเขาได้ยินบ้างไหม ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะขานรับกลับมา ผมทำได้เพียงแค่เรียกหา ฟุบหน้าลงกับแขนตัวเองอยู่ข้างๆ เขาอย่างนี้ “ผมควรจะทำยังไงดี...ผมไม่เคยรู้เลยว่าการรอคอยใครสักคนจะทรมานอย่างนี้”

ผมก็แค่ปากเก่งไปอย่างนั้น ก็แค่คำพูดของคนที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง รอได้เหรอ...รอไปตลอดชีวิตก็ได้งั้นเหรอ มันก็แค่เรื่องตลกที่ผมพูดออกไปและไม่เคยหัวเราะกับเรื่องนี้เลยสักครั้ง

ผมร้องไห้ออกมาเงียบๆ ก็แค่อยากระบายออกมา แต่พอผมเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าซีดเซียวของเขากลับมีน้ำตาไหลลงมาเช่นกัน

ทำไมยังมีแค่เราที่ต้องเจ็บปวดอยู่แบบนี้...

ทำไมกันนะ...คำถามของผมเมื่อไหร่จะได้คำตอบเสียที

ผมเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างเบามือ “ผมยังรออยู่นะครับคุณธนิก”

ผมดึงมือเขามากุมไว้พลางกดจูบลงบนหลังมือของเขาเบาๆ “ยังรอที่จะได้พูดทักทายคุณธนิก”

น้ำตาของผมรินไหลลงบนหลังมือของเขา “ยังรอที่จะพูดคำว่าสวัสดี”

หยดแล้วหยดเล่า “ยังรอที่จะบอกว่ารัก”

แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น ผมอาจจะพูดได้แค่ว่า “สวัสดีครับคุณธนิก”

ถ้าเขาลืมตาขึ้น...และรับรู้ว่าคำว่าสวัสดีจากผม มันหมายความถึงการรอคอยที่จะพบเจอเขาอีกครั้ง

รอคอยที่จะได้พูดทักทายเพื่อต่อด้วยคำบอกรักที่ผมรู้สึกอยู่ทุกขณะลมหายใจ

ตอนนี้เรารู้สึกถึงกันอยู่ใช่ไหม รับรู้ใช่ไหมว่าเรายังอยู่ด้วยกันตรงนี้

คุณธนิกครับ...

พี่นิกครับ...

ผมน่ะ...

ผมอาจจะไม่เคยพูดเลยว่าความดีใจที่สุดในชีวิตของผมคืออะไร ผมอาจจะไม่เคยรับรู้ถึงมันเลยก็ได้ว่าความสุขที่สุดของผมคือสิ่งไหน แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าเมื่อการรอคอยสิ้นสุด ความดีใจที่สุดก็เกิดขึ้นกับผม ความสุขที่ปลิวหายไปกับขบวนรถไฟที่ออกวิ่งโดยไม่รอกลับมาแล้ว แค่เพียงเปลือกตาที่ปิดสนิทของคนที่รักที่สุดในชีวิตค่อยๆ ขยับทีละน้อย

เชื่อไหม...ว่าผมทำได้แค่เพียงร้องไห้

เชื่อไหม...ว่าผมพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

จิตใจที่อ่อนล้าของผมได้เวลาหยุดพักแล้ว หลังจากที่มันเหนื่อยล้ามานานจนแทบหมดแรง

ผมไม่รู้หรอก...ว่าตอนนี้ผมฝันอยู่หรือไม่ แต่แค่มือของเขาขยับตอบรับการบีบของผม แค่ตาของเราสบกันอยู่ตอนนี้ จะให้เป็นแค่ความฝันก็ได้ เพราะหากเป็นความฝัน มันจะเป็นฝันดีในรอบสองปีของผม

ฝันที่ไม่ใช่การมองแผ่นหลังของเขาขึ้นรถไฟไปเพียงลำพัง แต่จะเป็นฝันที่เขาหันหลังกลับมาแล้วคว้ามือผมไปจับไว้ บอกด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมรอยยิ้มกว้างว่า ‘ไปด้วยกันนะ’

นี่...เป็นฉากจบที่สวยงามได้ใช่ไหม

แม้จะเป็นฉากจบในห้องพยาบาลสีจืดชืด คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยา แสงแดดสีจางที่ส่องฝ่าเมฆสีขมุกขมัวผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทุกองค์ประกอบในตอนนี้ไม่ได้สวยงามเลย ทว่า...ผมกลับพบความสวยงามมากยิ่งกว่า

ความสวยงามในแววตาของเขา แววตาที่อยากบอกความรู้สึกกับผมมากมาย ในขณะที่ผมก็อยากจะบอกเขาเหมือนกัน พอเรียบเรียงแล้วก็มีแต่ความรู้สึกที่ตีกันวุ่นในหัว สุดท้ายก็แค่เลือกคำพูดเรียบง่ายมาพูดกับเขา

“สวัสดีครับคุณธนิก”

ผมยิ้มให้กับเขา แม้เขาจะทำได้เพียงขยับเปลือกตา แต่นั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้รับ ทว่าอีกไม่นานหรอกที่เขาจะตอบผมกลับมาเช่นกันว่า





‘สวัสดีครับขวัญพัฒน์ ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ’





คำทักทายที่เรียบง่ายแต่ในบางทีก็มีความหมายมากมายต่อใจคนฟังเพราะบางคนแค่คำพูดว่า สวัสดี ก็เหมือนการเริ่มต้นของความรักที่รอคอยมานานแสนนาน เหมือนกับผม...ที่รอเขามานานเหลือเกิน





‘สวัสดีครับคุณธนิก จากนี้มามีความสุขไปด้วยกันนะครับ’









End


สวัสดีค่ะคนอ่านทุกท่าน เราพาทุกคนมาถึงตอนจบแล้วนะคะ สำหรับสวัสดีครับคุณธนิก เราอยากเขียนเรื่องนี้ในมุมที่มองทุกอย่างเป็นสีเทา ไม่มีใครดีที่สุดหรือเลวที่สุด มีแต่คนที่รักตัวเองที่สุด เห็นแก่ตัว เห็นแก่ความต้องการของตัวเองจนลืมที่จะมองว่าคนรอบข้างนั้นเป็นอย่างไร คุณธนิกพระเอกของเราคงน่าขัดใจไปบ้าง น้องขวัญคนดีก็น่ารักเรี่ยราดไปบ้าง แต่ให้อภัยกันนะคะ

 :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณที่ต้อนรับเราอย่างอบอุ่น ทั้งๆ ที่เราหายไปนานมาก ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น ทุกๆ กำลังใจที่มีให้กัน เราหวังนะคะว่าเรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่ทำให้คนอ่านสนุกสนานไปกับเรา เศร้าไปกับเรา ยิ้มไปกับเรา

ขอบคุณมากค่ะ



เราเปิดจองพี่นิก ไปจับจองกันได้นะคะ ที่เพจของเราเลยค่ะ Snufflehp


หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-10-2018 18:55:03
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-10-2018 18:55:43
การรอคอยที่มาถึงจุดหมายซะทีนะน้องขวัญ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 12-10-2018 19:12:34
อยากให้มีภาคต่ออออ งื้อออ คิดถึงพี่นิก :mew6:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-10-2018 19:23:50
จบแล้วว ฮืออ
การรอคอยสิ้นสุดแล้วนะ
สิบตอนพิเศษขอพี่ธนิกเอวดุเยอะๆน้า ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-10-2018 19:28:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-10-2018 19:31:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 12-10-2018 19:32:48
คาดหวังกัยตอนพิเศาในเล่มมากๆ รอ555555
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ♡♡♡♡
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 12-10-2018 19:48:57
สวัสดีค่ะ พี่นิก หนูก็ยินดีมากที่ได้พบกับพี่นิกอีกครั้ง #น้ามตาไหล :hao5: ต่อไปนี้อยากให้พี่มีความสุขมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-10-2018 19:56:03
เราสิ้นหวังไปแล้ววว เผื่อใจไว้ทุกทาง เห็นแบบนี้แล้ว ก็สวัสดีอีกครั้งนะคะคุณธนิก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 12-10-2018 20:15:59
ยินดีต้อนรับกลับมานะพี่นิก หมดเคราะห์หมดโศกกัรไปซะที และยังยืนยันว่าชอบความแฝดระหว่างขวัญกับขิมมาก ถ้าได้โตมาด้วยกันคงได้สนิทกันมากกว่านี้

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะเป็นเรื่องที่หม่นๆเทาๆ เดาอะไรได้ยากและน่าติดตามมากจริงๆ สำหรับเราเรื่องนี้เหมือนเป็นการผสมกันระหว่างมาโปรดและไร้พ่ายแต่เครียดกว่าหน่อยๆ พอจบแล้วแบบนี้ก็แอบคิดถึงเหมือนกันแล้วหลังจากนี้เราจะอ่านอะไรล่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 12-10-2018 20:17:09
แงงงงงง  เปนชีวิตที่หนักมาก   มีความสุขซะมีเนอะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 12-10-2018 20:37:10
การรอคอยที่ยาวนาน
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-10-2018 20:42:20
"สวัสดีคุณธนิก" นี่คือขวัญพูดจริงๆแล้วใช่ไหม
ไม่ใช่แค่ซ้อมใช่หรือเปล่า ถ้าจริงคือดีใจด้วยนะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-10-2018 21:12:13
 :pig4: :pig4: :pig4: ยินดีที่กลับมานะคุณธนิก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 12-10-2018 21:15:17
เราดีใจที่คุณ Snufflehp เลือกที่จะเป็นหมอ
ไม่ได้เลือกที่จะเป็นฆาตกร 55555555555
งืออออออแฟนเราฟื้นขึ้นมาซะที กรี๊ด !! กรี๊ด !! กรี๊ด !! :z3:

กราบสวัสดีครับ! คุณธนิก  :call:  :call:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 12-10-2018 21:45:48
อยากอ่านตอนพิเศษอะงื้ออออออออออออออออ ดีใจกับนุ้งขวัญด้วยน้าาสสรักๆๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-10-2018 23:16:48
เราไม่อยากให้จบแค่นี้ อยากให้พี่ธนิกกับขวัญได้มีความสุขมากกว่านี้ :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 13-10-2018 00:55:14
ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตานี่ว่าคนน่าสงสารสุดในเรื่องก็คือคนที่มีชื่อในชื่อเรื่องนี้ เป็นคนที่เหมือนจะดูคุมเกมไว้ในช่วงแรกๆแต่สุดท้ายเป็นคนเจ็บปวดที่สุดธนิกคือผู้ชายน่าสงสารคนนึงเลย ส่วนขวัญรอเก่งมากรอเก่งจริงๆและการคอยก็สมหวังละนะขอให้ชีวิตต่อจากนี้ของทั้งสองคนมีแต่สุขและสมหวังสักทีหลังจากเจ็บปวดมากเยอะ แต่คู่ที่เราชอบสุดในเรื่องคือคู่ของมิสเตอร์ทีกับขิม งื้ออออออออมันดีมากแบบเป็นความรักในความเกลียดของในความรักอีกทีสุดท้ายแล้วพี่โมก็ตกหลุมหนูขิมจนได้เราชอบคู่นี้มากกัดกันเก่งแต่จริงๆต่างหลงรักกันและกันเราเชื่อว่าตลอดหลายปีพี่โมอยู่กับขิมไม่ใช่แค่เพระคำสั่งหรือทำเพื่อธนิกแต่มันเป็นความรักที่แม้ทำลงไปโดยไม่รู้ตัว อยากอ่านตอนพิเศษคู่โมขิมมากค่ะปามาทีเราพร้อมรับมากกกกเอ็นดูคู่นี้ชอบความเกี้ยวกราดของหนูขิม ขอบคุณสำรหับเรื่องราวดีๆนะคะมันดีมากกกกก และสวัสดีนะคะคุณธนิกฟื้นขึ้นมาแล้วสักที
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: enas290843 ที่ 13-10-2018 01:03:38
ไปสุดมากกกกกก คุณธนิกหายไวๆนะคะ รอวันที่สวัสดีน้องขวัญอยู่นะ อยากให้มีตอนพิเศษค่า ต้องคิดถึงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 13-10-2018 02:09:51
จะได้มีความสุขกันจิงๆสักทีนะพี่นิกน้องขวัญ ดีใจด้วยจิงๆ ฮืออออ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 13-10-2018 04:29:17
 :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2018 04:42:42
สวัสดีเช่นกัน คุณธนิก และน้องขวัญด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-10-2018 05:55:15
ในที่สุดคุณธนิกก็กลับมาหาขวัญแล้ว :sad11:

สวัสดัครับ คุณธนิก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Gugii ที่ 13-10-2018 08:29:24
ขอบคุณที่กลับมาเขียนนิยายดีๆ แบบนี้อีกนะคะ
รักกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: nizzarinz ที่ 13-10-2018 14:39:34
สนุกมากเลยค่ะฮือออ ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ เราชอบและอ่านนิยายของคุณทุกเรื่องเลยค่ะ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่อง น้องขวัญกับคุณธนิกน่ารักมากดีมากๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 13-10-2018 16:32:23
พี่ธนิกรีบๆหายนะคะ จะได้ขึ้นรถไฟไปเที่ยวกับขวัญ จะได้อ่านแชทไดอารี่ของขวัญ ตั้ง2ปีแหน่ะ อ่านจนตาแฉะไปเลยแน่ๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ ทำเราร้องไห้ไปหลายรอบ พอตัดเข้าฉากคุยกับขิมเราหัวเราะเลย ขิมนี่แสบใช่เล่นเลย แกล้งแตงโมหนัก สมน้ำหน้าพี่โมเขานะคะ ฮ่าาา อยากอ่านตอนพี่ธนิกกลับไทยจังเลยค่ะ ขอตอนพิเศษเถอะค่ะ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: skysky ที่ 13-10-2018 20:00:56
เจ็บปวดแต่งดงาม
ขณะที่เราอ่าน เราคิดอยู่เสมอเลยว่า ทำไมพวกเขาต้องมาอยู่ในวังวันอะไรแบบนี้นะ
มันหน่วงในใจ มันรู้สึกเทาๆไปหมด
ความสัมพันธ์ที่ดำเนินไป แต่ในขณะเดียวกันก็นึกถึงจุดจบมันเสมอ
ยังไงความรักครั้งนี้ก็ต้องจบ เพราะรู้จักตัวตนอีกฝ่าย รักอีกฝ่าย เลยรู้ว่าเขาจะเลือกอะไร
บางทีการรักมากเกินไป ก็อาจทำให้ตัวเองเจ็บได้แบบนี้เนอะ

สิ่งที่เรารู้สึกดีที่สุดคือการที่ขวัญมีเพื่อนที่ดีแบบแนน มันดีจริงๆเนอะ :)
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีความสุขคือการที่ขวัญได้ สวัสดีครับคุณธนิก อีกครั้ง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตเราก็ต้องดำเนินต่อไป
อยู่ด้วยความหวัง อยู่เพราะการรอ อยู่เพราะอะไรก็แล้วแต่
แต่เราก็ต้องอยู่ และใช้ชีวิตต่อไป

ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ มันทำให้เราคิดอะไรหลายๆเรื่องต่อไปอีก
ตอนแรกเราเห็นจากทวิตเตอร์ เราคิดว่าคุณธนิกจะร้ายมากกว่านี้
แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่เลย คุณธนิกไม่ใช่คนใจร้ายเลย
 ฮืออออออ อยากให้เขาทั้งคู่มีความสุขค่ะ และหวังที่สุดว่าจะเป็นอย่างนั้น :)
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 13-10-2018 21:55:22
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วปวดจิตปวดใจ ร้องไห้ เสียน้ำตา แต่ชอบมากนะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 14-10-2018 00:18:16
ตามอ่านวันเดียวจบ ร้องไห้เป็นจริงเป็นจัง
ร้องจนตามบวม  :hao5:
หลงรักพี่ธนิกและน้องขวัญมากกกกก
อินมากๆ พอเศร้าก็คือดิ่งมากๆค่ะ
พอเค้าหวานกัน ก็ดีใจ แต่ยังเหมือนไม่สุด เพราะปมเยอะ
พออ่านมาถึงตอนจบ ก็ยังไม่วายร้องไห้อีก :o12:
ถ้าอยากได้ตอนที่จะฮีลสภาพจิตใจเราตอนนี้ ต้องอ่านตอนพิเศษใช่มั้ยคะ
ฮืออออออออ อุดหนุนรวมเล่มค่ะ

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่แต่งนิยายสนุกๆ น่าติดตาม และประทับใจมากๆ
ดีใจที่ได้เปิดมาเจอ ได้มาอ่าน ได้มาทำความรู้จักกับตัวละคร
ขอบคุณมากๆค่ะ จะติดตาม และสนับสนุนต่อไปนะคะ
แล้วก็ขอโทษที่เพิ่งมาเจอแบบรวดเดียวจบ ก่อนหน้านี้ไม่รู้เราไปอยู่ไหนมา
มาเจออีกทีก็จบแล้ว รักคนเขียนนะ  :กอด1:
**ปล. ปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยร้องไห้ง่ายๆ แต่อันนี้คืออินมาก
เพราะรู้สึกว่าตัวละครทุกตัว มีความเรียล คนทุกคน ไม่มีใครขาวทั้งหมด ดำทั้งหมด
พออ่าน แล้วอิน ก็เลยห้ามใจไม่ไหว ต้องมีน้ำตา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: monkeytwin ที่ 14-10-2018 00:39:36
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 14-10-2018 00:44:46
ในที่สุดคุณธนิกก็ฟื้นขึ้นมาซักที
ใช้ชีวิตกับน้องขวัญให้มีความสุขนะคะ  :mew1:
ขอบคุณคนเขียนมากๆนะคะสำหรับเรื่องนี้ จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 14-10-2018 01:12:52
 :katai1:กว่าจะฟื้น เรื่องนี้ปมเยอะมาก แต่ละคนร้ายทั้งนั้นแอบด่าคุณธนิกไปเยอะแต่คนที่ร้ายกลายเป็นคุณพ่อ เหอๆๆหมากในเกมส์มีหลายตัวแต่ขวัญฉลาดมากพี่วินของเราเท่ห์สุด ดราม่ายันจบเรื่อง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 14-10-2018 06:46:49
ิอ่านรวดเดียวจบด้วยความอึดอัด
ลากข้าม ๆ บ้าง เลือกเก็บแต่ "ความสำคัญ" ที่เป็นปมเรื่อง
ผูกปมจนพันกันเป็นผมยาวไม่ได้สระ 10 ปี

ถามว่า ดีไหม?
ก็ดีนะคะ เป็น "วาย" ที่แปร่งแปลกดี
มันมีความพีคที่ลากเส้นเรื่องปรื๊ด ๆ ขึ้นสูง
แต่ด้วยความที่คนร้าย "เยอะไป" อ่านแล้วเหนื่อย
แต่พอจบ กลายเป็นสายน้ำเอื่อยซะงั้น
ปมถูกเคลียร์ ... ครบแหละ แต่มันแผ่วเบามากเลย

สรุป จบแล้วคนอ่านก็ยังจากไปด้วยความรู้สึกอึดอัด

แต่ขอบคุณนะคะ ที่เขียนลงให้อ่านจนจบ
ขอบคุณค่ะ //ถลากลับไปหาอิพี่ทอง :bye2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: minsojin ที่ 14-10-2018 10:22:28
ไม่เคยเม้นเรื่องไหนเลย 55+ แต่อยากอ่านตอนพิเศษจังเลยค่ะ อยากเห็นตอนที่คุณธนิกได้มีความสุขจริงๆ บ้าง ㅜㅡㅜ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 14-10-2018 20:32:40
น้ำตารื้น  :hao5: อดทนเก่งมากเลยนะน้องขวัญ  :กอด1: :กอด1:

พี่นิกแข็งแรงไว ๆ นะ สู้ ๆ  :L1:

ขอบคุณไรท์มากนะ เป็นอีกเรื่องที่ให้แง่คิดได้ดีเลย  :pig4: :pig4: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: imseries ที่ 14-10-2018 21:15:12
โอ้ยยยทั้งปวด ทั้งหน่วง ทั้งสุข มันครบทุกอารมณ์จริงๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 15-10-2018 00:26:03
ในที่สุดก็มีความสุขได้ซะทีนะขวัญ เอาใจช่วยน้องมาตลอด แม้บางทีจะหมั่นไส้ความซนของน้องไปบ้างก็เถอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 15-10-2018 03:20:00
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ เราเสียน้ำตากับเรื่องนี้ไปหลายปี๊บเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 15-10-2018 15:41:02
เขียนเก่งจริงๆ ทุกตัวละครดูเทาดี
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 15-10-2018 16:55:48

เป็นอะไรที่เดาไม่ได้

คาดไม่ถึง

อ่านแล้วหยุดไม่ได้

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-10-2018 11:03:33
ในที่สุด  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 16-10-2018 14:01:15
หน่วงมากกกก ฮือออ เป็นเรื่องที่ทุกคนทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องยาก เล่นแง่กันเก่ง
ชอบความสัมพันธ์ของแฝดนรก ขำเวลาคุยกันทุกที55555
สงสารทุกคน  :katai1: ธนิกผิดที่ใจอ่อนกับแม่เกินไป โดนจูงง่ายเกิน ขวัญผิดที่คิดแผนอะไรมากมายสุดท้ายคำพูดตัวเองก็ย้อนกลับมาทำร้าย ใจสลาย ฮืออออออ
อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนดูละครดีๆสักเรื่องเลย เข้มข้นมาก  :L1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 16-10-2018 16:40:00
 :L2:

ตามไปซื้อหนังสือแล้วน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 16-10-2018 23:08:13
เราไม่น่าพลาดที่ตุนไว้อ่านโค้งสุดท้ายตอนที่คนแต่งบอกว่าอีก3ตอนจบเลย555
อ่านรวดเดียวช่วงท้ายเนี่ยมันหน่วงจนแทบหายใจไม่ออกเลย ฮือออ
ขอบคุณ สำหรับนิยายดีๆสีเทาเรื่องนี้นะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-10-2018 23:38:09
กว่าจะมาถึงตอนนี้ก็เสียน้ำตาไปเป็นลิตรเหมือนกัน มีความสุขกันสักทีนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 17-10-2018 13:52:04
สนุกมากกกก o13
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-10-2018 16:20:07
แฮปปี้สักที คุณธนิก หายวันหายคืนนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 19-10-2018 20:07:55
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: 13smblue ที่ 24-10-2018 06:32:41
มาอ่านรวดเดียวจบแบบ non-stop แล้วก็ยังไม่รู้ว่าระหว่างน้องขวัญกับเราใครทรมาณ หรือเสียน้ำตามากกว่ากัน เรื่องสีเทาได้ใจ อ่านๆไปแล้วยังคิดว่าเป็นเรื่องจริง เพราะชีวิตจริงบ้างครั้งมันก็ยิ่งกว่าละครแบบนี้แหละ 555
ถ้าพูดถึงตัวละครทุกตัวก็มีเหตุผลเข้าข้างตัวเองหรือเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น เราชอบสไตล์การเขียนนะ บรรยายชัดเห็นความสมเหตุสมผลความเป็นไปได้ที่จะเกิด แต่ที่เราไม่คาดคิดที่สุดก็คือคุณธนิก ที่ท้ายสุดแล้ว... เอาเป็นว่าทุกคนได้รับกรรมที่ตนก่อแล้วละเนอะ รวมทั้งน้องขวัญด้วย
สุดท้ายขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องที่โคตรรรรรดีให้เราอ่าน ไว้จะแวะไปติดตามเรื่องอื่นๆบ้างเมื่อมีโอกาสนะคะ :)
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-10-2018 11:08:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 24-10-2018 21:17:52
อ่านรวดจบเลยค่ะ น้ำตาซึมๆไปหลายตอน ตอนสุดท้ายก็เช่นกัน
ขอบคุณค่ะ
ปล.อยากอ่านตอนต่อจากนี้จัง แหะๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mameaw.omg ที่ 25-10-2018 13:48:56
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ
อ่านเรื่องนี้แล้วทั้งรักทั้งเกลียดคุณธนิกเลยย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-10-2018 14:40:29
เรื่องลุ้นมาก ลุ้นทั้งเรื่อง ดีใจที่อย่างน้อยคุณธนิกก็ยัวฟื้นขึ้นมาหาน้องขวัญ แต่ชอบที่สุดก็คงเป็นเวลาที่ฝาแฝดเค้าคุยกัน ตลกดี 55555

ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องนี้มาให้ได้อ่านกันค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-10-2018 02:23:18
          สารบัญ สวัสดีครับ! คุณธนิก

ตอนที่1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3856671#msg3856671)
ตอนที่2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3862755#msg3862755)
ตอนที่3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3863380#msg3863380)
ตอนที่4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3863823#msg3863823)
ตอนที่5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3864840#msg3864840)
ตอนที่6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3865840#msg3865840)
ตอนที่7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3866804#msg3866804)
ตอนที่8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3867263#msg3867263)
ตอนที่9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3867874#msg3867874)
ตอนที่10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3868264#msg3868264)
ตอนที่11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3869184#msg3869184)
ตอนที่12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3870029#msg3870029)
ตอนที่13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3873370#msg3873370)
ตอนที่14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3881103#msg3881103)
ตอนที่15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3893743#msg3893743)
ตอนที่16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3894193#msg3894193)
ตอนที่17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3894550#msg3894550)
ตอนที่18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3895035#msg3895035)
ตอนที่19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3895512#msg3895512)
ตอนที่20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3895944#msg3895944)
ตอนที่21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3896333#msg3896333)
ตอนที่22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3896726#msg3896726)
ตอนที่23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3897210#msg3897210)
ตอนที่24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3897998#msg3897998)
ตอนที่25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3898358#msg3898358)
ตอนที่26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3898742#msg3898742)
ตอนที่27End (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3899125#msg3899125)
ตอนพิเศษ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67706.msg3908437#msg3908437)

หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 29-10-2018 13:58:48
ขอตอนพิเศษได้มั้ยค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-11-2018 09:01:54
กว่าจะอ่านจบเครียดมากกกก~
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Soda.wine ที่ 01-11-2018 18:06:26
 :pig4:
อยากรู้ต่อหลังจากนี้จัง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 01-11-2018 20:14:48
ร้องไห้ น้ำตาซึม หลายตอนมาก
ประทับใจเรื่องเทาๆนี้
กลับมาเป็นความสุข ตื่นมายิ้มให้กัน้ร็วๆนะคุณนิก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 27 End 12/10/2018 Page 25
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-11-2018 21:54:52
ร้องไห้กับหลายๆ ตอน โดยเฉพาะช่วงหลังๆ นิยายพาเรามาไกลมากจริงๆ จากขวัญวินมอไซ
มากลายเป็นหมากในเกม เป็นผู้คุมเกม จนมาชดใช้กับความหลงไปในเกมอีกหลายปี
ลุ้นมากเรื่องนี้ ลุ้นกับพระเอก ความพระเอ๊กพระเอก นั่นก็แม่นี่ก็เมีย ความแม่ที่โคตรจะร้าย
แต่ก็เพราะรักลูกแบบผิดๆ บวกความแค้นด้วย ความพ่อขวัญ ซึ่งทำให้เรื่องราวโคตรวุ่นวาย
ชอบสุดคือพี่เหี้ยกับน้องแรดนี่ล่ะ ยังไงก็พี่น้องเนอะ ร้องไห้มากสุดตอนขิมโดนนังนิ่มทำร้าย
ขิมน่าสงสารมาตลอดเลย กลัวขิมตายมากตอนนั้น มาคุณธนิกรถชนอีก โอ้ย จะบ้าตาย
ใครทำก็รับกรรมกันไปจนหมด เรื่องความรักความแค้นที่แท้ ชอบในความหลงเมียของพี่นิกนะ
อาณมณ์อยากฟัดตลอดเวลา รักที่สุด ทำให้ทุกอย่าง ส่วนขวัญ เป็นตัวที่มีพัฒนาการเยอะมาก
เข้มแข็งมาก สตรองอ่ะ กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ขวัญมีทั้งด้านที่เข้มแข็งและอ่อนไหว
เป็นคนที่บางทีดูยสกเหมือนกัน ดีใจที่คุณธนิกตื่นแล้ว จะได้มีคสามสุขกันสักที

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Snufflehp ที่ 06-11-2018 12:45:07
ตอนพิเศษ





ผมคือขวัญพัฒน์ ผู้ชายที่ยิ้มเก่งและโชคดีที่สุดในโลก ถามว่าทำไมน่ะเหรอครับ

คำตอบของผมก็คือ ผู้ชายที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงหน้าผมไง ผู้ชายที่มีชื่อว่าธนิก

คุณธนิกผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม

“เป็นไงบ้างครับเช้านี้ ปวดหัวมั้ย” ผมถามขณะใช้ผ้าขนหนูเปียกหมาดเช็ดใบหน้าให้

เขาส่ายหน้าช้าๆ คำถามของผมกว่าจะได้รับคำตอบก็นานเกือบสองนาที แต่ผมเริ่มชินแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุมานั้น สิ่งที่ผมหวังก็มีแค่ให้เขากลับมาอยู่ข้างๆ กัน แม้ว่าจะไม่มีอะไรเหมือนเดิม ร่างกายของคนเราไม่มีอะไหล่เสริมเหมือนพวกยานพาหนะ บางอย่างพังแล้วพังเลย บางอย่างอาจซ่อมแซมให้ดีได้แต่ก็ไม่เหมือนที่เคยดีก่อนหน้า

ผ่านมาหนึ่งปีกับอีกสี่เดือนที่คุณธนิกตื่นขึ้นมา เรากลับมาอยู่ที่ประเทศไทยหลังจากที่ตรวจเช็กจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรเป็นอันตรายและอาการของเขาดีวันดีคืน แต่เขายังมีอาการปวดหัวอยู่บ้าง การสื่อสารกับคนรอบข้างช้าลง กิจกรรมบางอย่างต้องเริ่มหัดทำใหม่ ความทรงจำเสียหายบางส่วน แต่ไม่ได้ถึงกับจำอะไรไม่ได้ เพราะมีแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นที่เขาลืม อีกทั้งความคิดบางอย่างยังไม่เหมือนคุณธนิกที่ผมรู้จัก ราวกับเป็นคุณธนิกที่เด็กลงประมาณห้าหกปี หลายๆ อย่างคงต้องใช้เวลาในการบำบัดรักษานั่นแหละครับ จะให้หายปุบปับเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ อย่างที่กว่าเขาจะกลับมาเดิน กลับมาพูดคุยกันได้ก็ยังใช้เวลาปีกว่าๆ เพราะฉะนั้นในส่วนของสมองอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี

แต่ไม่เป็นไร มีผมอยู่ทั้งคน

“น้องขวัญ” เขาเรียกเสียงเนิบ ในขณะที่ผมเลิกคิ้วรอฟัง “หิวแล้วครับ”

ผมคลี่ยิ้ม โยนผ้าขนหนูไว้ในกะละมังบนพื้นแล้วติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เขา “ทำข้าวต้มไว้ให้แล้วครับ ข้าวต้มหมูใส่ผักชี ราดกระเทียมเจียวเยอะๆ”

เขาพยักหน้าช้าๆ ยิ้มกว้างให้ผม “รู้ใจ”

“แน่นอนซี เป็นแฟนพี่นิกนี่นา” ผมติดกระดุมเสื้อให้เขาเสร็จแล้วก็ฉวยโอกาสเอารางวัลโดยการจุ๊บริมฝีปากเขาเบาๆ “วันนี้ผมต้องไปเรียนนะครับ มีเรียนตอนบ่าย ไอ้คุณวัฒน์มันจะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่เพราะพี่โมพาไอ้ขิมไปเกาหลีหลายวัน แต่ถ้ามันดูแลไม่ดีหรือแอบหนีเที่ยวพี่แชทมาบอกผมทันทีนะครับ ตอนเรียนผมอาจจะไม่มีเวลาดูกล้อง เพราะฉะนั้นห้ามดื้อ ห้ามซน”

“พูดเหมือนพี่เป็นเด็ก” เขาย่นจมูกใส่ จึงโดนผมกัดไปหนึ่งที

“ไม่เด็กเลยเนอะ ตอนผมไม่อยู่บ้าน ใครกันที่เล่นน้ำกับไอ้หลิวจนเปียกไปทั้งตัว อีกวันไข้ขึ้นเลย” คิดแล้วก็หัวร้อน อยากตีเขาแรงๆ อีกสักทีให้สมกับที่เป็นห่วง

“พี่เองครับ” เขาตอบเสียงอ่อย “แต่ไม่ได้เล่น แค่จะอาบน้ำให้ ไอ้หลิวซนเอง”

“โทษหมาก็ได้เหรอ” ผมทำเสียงดุ เขาก็เลยรีบกอดเอวผมอย่างเอาใจ ทำหน้าหงอยๆ ใส่อีก “โอเค...ไม่ดุแล้วก็ได้ครับ แต่พี่นิกห้ามทำให้ตัวเองป่วยอีกนะ ผมเป็นห่วง”

“ครับ สัญญาเลย”

เนี่ย! แล้วผมก็แพ้!

คุณธนิกป่วยง่าย คงต้องใช้เวลาอีกเหมือนกันในการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้ร่างกาย ผมบังคับให้เขาออกกำลังกายทุกวัน กินอาหารที่มีประโยชน์ คิดว่าอีกไม่นานก็กลับมาแข็งแรงได้ตามเดิม แต่เจ้าตัวชอบดื้อกับผม ตัวโตซะเปล่าแต่ชอบทำให้เป็นห่วง เมื่อก่อนคุณธนิกดูผมจากกล้องวงจรปิดใช่ไหม ตอนนี้กลับเป็นผมเองที่ต้องดูเขาเพราะผมต้องออกไปเรียน ไปทำธุระนั่นนู่นนี่ ชีวิตคนรวยแม่งไม่ง่ายเลย ส่วนเขาตอนนี้ยังทำงานหนักไม่ได้ ใช้ความคิดมากๆ เมื่อไหร่จะปวดหัวเมื่อนั้น ทีแรกเป็นหนักจนผมกังวลไปหมดแต่ระยะหลังมานี้ดีขึ้นมาก เขาพูดคุยกับเลขาฯ ของเขาได้แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ให้ทำอะไรมากเกินไป กำหนดให้ทำงานแค่วันละสองชั่วโมง แค่ให้นั่งอ่านเอกสารโดยมีไอ้คุณวัฒน์มาประกบ แต่ถ้าไม่ไหวให้พอทันที เวลาอื่นนอกเหนือจากนั้นเขาก็วาดรูปบ้าง ฟังเพลงบ้าง ถือเป็นการบำบัดไปในตัว ซึ่งผมจะให้คนมาอยู่กับเขาด้วยตลอด พี่โมบ้าง ลุงกล้วยบ้าง บางทีไอ้แนนก็หอบลูกหอบเมียมันมา หรือไอ้คุณวัฒน์ที่มันชอบอู้งานมาอยู่ด้วย แต่ถ้าไม่มีใครว่างเลยเขาก็จะอยู่กับไอ้หลิวสองคน

ไอ้หลิวคือใคร ไอ้หลิวคือหมาพันธุ์บีเกิลอายุหกเดือนที่ชอบทำหน้าเอ๋อๆ ตามคนที่ซื้อมันมาให้ ครับ...ใช่ ไอ้หมาหน้าเอ๋อแถมยังเด๋อๆ ด๋าๆ นี้คือหมาที่ไอ้ขิมเลือกสรรมา มันบอกว่าคุณธนิกจะได้ไม่เหงา เวลามองหน้าไอ้หลิวจะได้เหมือนมองหน้าผมไปด้วย ตอนนั้นจำได้ว่าผมเตะก้นไอ้แฝดนรกจนมันร้องสำออยไปยกใหญ่

“ไปครับ ลงไปกินข้าวกัน” ผมว่าพลางลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปตรงหน้าให้เขาจับ เขาจับไว้แล้วลุกขึ้นตาม ก่อนจะเดินตามแรงจูงของผม

เมื่อครึ่งปีก่อนเขามีปัญหาเรื่องการทรงตัวเล็กน้อย ทำให้ใช้เวลาเดินลงบันไดนานกว่าปกติ แต่เขาไม่บอกผม เขาฝืนทำอะไรเองแล้วตกบันได ข้อเท้าพลิกเดินไม่ได้ไปอีกหลายวัน โดนผมด่าไปอีกครึ่งเดือน เพราะห่วงจนแทบบ้า

ผมเข้าใจดีที่เขาไม่บอก เข้าใจมากทีเดียวที่เขารู้สึกแย่กับตัวเอง จากคนที่เคยทำอะไรได้ดีมาตลอดแต่กลับต้องให้คนอื่นช่วยเหลือ แรกๆ เขาจับช้อนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ลืมแม้กระทั่งวิธีคาดเข็มขัด ติดกระดุมเสื้อ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องยอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้นและสิ่งที่เป็นให้ได้ ในเมื่อผมรับได้ทุกอย่างที่เขาเป็น ผมที่เป็นคนที่รักเขามากยิ่งกว่าชีวิตตัวเองยังอยู่ทั้งคน เพราะฉะนั้นพึ่งพาผมได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อแค่กลับมาอยู่เคียงข้างผมก็เหมือนเขาให้สิ่งที่มีค่ากับผมแล้ว

“น้องขวัญทำเองเหรอ” เขาถามเมื่อนั่งลงบนโต๊ะกินข้าว ในขณะที่ผมเดินไปตักข้าวต้มหมูมาเสิร์ฟให้

“ทำเองครับ” ผมทำอาหารได้หลายอย่างแล้ว แต่ก็เป็นหลายอย่างที่คุณธนิกชอบ อะไรที่เขาไม่ชอบผมก็ไม่ได้หัดทำหรอก “พี่นิกรีบกิน จะได้กินยา”

“แล้วน้องขวัญล่ะ” เขาย้อนถามเมื่อเห็นว่าผมทำแค่นั่งมอง “ทำไมไม่กินด้วยกัน”

“กินสิครับ แต่จะแย่งพี่นิกกิน” ผมยักคิ้วให้เขา “ป้อนผมด้วยได้ป่าว”

“ได้ๆ แต่พี่ขอชิมก่อนว่าอร่อยมั้ย”

“แล้วถ้าไม่อร่อยล่ะ”

“เททิ้ง”

“โหยย เสียน้ำใจ” ผมแกล้งทำหน้าเสียใจ “ผมอุตส่าห์ใส่ความรักลงไปด้วย”

“งั้นพี่จะกินให้หมด”

“กินแค่ข้าวต้มเหรอ” ผมยิ้มยั่วพลางยื่นเท้าไปสะกิดเท้าของเขาเบาๆ แล้วลากไล้ขึ้นลงอยู่อย่างนั้น

“กิน…” เขาเว้นจังหวะ ทำท่าคิด แต่สายตากรุ้มกริ่มมองมาที่ผม “กินน้องขวัญด้วยได้ไหมครับ”

“ได้สิ” ผมแสร้งตอบเสียงกระเส่า พลางหลิ่วตาให้เขา “แต่กินข้าวให้หมดก่อนนะ”

เขาพยักหน้าพลางหูแดง ส่วนผมก็...ตายอย่างสงบไปเรียบร้อย เล่นเอง ชงเอง แต่ตายเองก็คนอย่างผมนี่แหละ

คุณธนิกไม่จำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้ก็ได้!





ขวัญพัฒน์: Send a photo.

ขวัญพัฒน์: แค่กินข้าวต้มก็เซ็กซี่

เขมินทรา: ไอ้สัดพี่! กูจะเที่ยว! มึงเลิกอวดสักที อวดหาพ่องมึงเหรอ อวดกูมาเป็นปีๆ แล้วเนี่ย ในแชทไลน์กูมีแต่รูปพี่ธนิกเต็มไปหมด

ขวัญพัฒน์: ไอ้ขิมมมมม มึงต้องได้เห็นตอนเขาแลบลิ้นเลียเม็ดข้าวที่ติดตรงมุมปาก มึ้งงง มึงงงง กูร้องฉิบหายในใจหนักมาก อยากแดกลงท้องไปทั้งตัว

เขมินทรา: อะ...ไม่อ่านข้อความกูเลยใช่ไหม ได้มึงได้ มึงจะอวดอะไรก็พิมพ์ไว้ กูจะไม่อ่านแล้ว!

ขวัญพัฒน์: ถ้าไม่อ่านกูจะฆ่าไอ้หลิวแล้วเอาหัวมันไปเสียบหน้าคอนโดฯ มึง

เขมินทรา: ใจมึงโคตรเหี้ยมไอ้พี่เหี้ย อย่าทำอะไรน้องหลิวของกู มา! กูพร้อมแหกตาอ่านแล้ว

ขวัญพัฒน์: ไม่มีไรละ กูไปเล่นกับพี่นิกดีกว่า

เขมินทรา: ตามใจมึงเลยจ้าไอ้สัดพี่!!





ผมนั่งมองคุณธนิกกินข้าว คอยใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปากให้เขาบ้าง หากถามผมว่าการต้องดูแลใครสักคนแบบนี้ทำให้นึกรำคาญใจบ้างไหม ผมคงตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าหากคนที่ต้องดูแลเป็นคนอื่น ผมก็คงรำคาญใจ แต่เพราะคนคนนี้คือคุณธนิก ผู้ชายที่ผมรัก ผมจึงทำทุกอย่างให้เขาด้วยความเต็มใจ เป็นห่วงเขาไปซะทุกเรื่อง โดยที่เขาไม่ต้องดูแลหรือเป็นห่วงผมเลยก็ได้

ผมเป็นผู้ให้ได้โดยไม่เหนื่อยและก็หวังว่าผู้รับอย่างเขาจะไม่เบื่อผมไปซะก่อนเหมือนกัน

“น้องขวัญกินบ้าง” เขาว่าแล้วตักข้าวต้มในถ้วยขึ้นมาแล้วจ่อช้อนที่ริมฝีปากของผม “อร่อยดี”

ผมอ้าปากงับช้อน รับเอาข้าวต้มที่เขาเป่าให้จนอุ่นแล้วเข้าปาก ก่อนจะเคี้ยวแล้วกลืนลงท้องอย่างรวดเร็ว “ที่มันอร่อยก็คงเป็นเพราะพี่นิกป้อนต่างหาก”

“น้องขวัญปากหวาน”

“ชิมแล้วเหรอ” ผมยื่นหน้าข้ามโต๊ะเข้าไปใกล้ “ถึงรู้ว่าหวาน”

“ขวัญพัฒน์จะรุกพี่อย่างนี้ไม่ได้”

ผมอมยิ้มกับคำพูดของเขา “พี่นิกชอบคนเรียบร้อยเหรอครับ ไม่ชอบน้องขวัญที่เป็นแบบนี้เหรอ”

เขาส่ายหน้าเร็วๆ “แบบไหนก็ชอบ แต่ว่าแบบนี้หัวใจพี่เต้นแรง”

“เอ้...ทำไมเป็นอย่างนั้นน้า”

“เพราะน้องขวัญน่ารักเกินไป”

ถ้อยคำของคุณธนิกทำให้ผมรู้เลยว่าทักษะความหน้าด้านของตัวผมยังห่างชั้นจากไอ้ขิม แฝดน้องนัก เพราะแค่เจอคำว่าน่ารักเข้าไป หัวใจก็สั่น หน้าเน้อร้อนผ่าวไปหมด

“มาน่ารักใกล้ๆ ได้มั้ย” เขายังคงจู่โจมผมด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มและสายตากรุ้มกริ่ม “มาน่ารักบนตักพี่นิก”

เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าความอายหรือความกระหายอยาก อย่างไหนที่มันมีมากกว่ากัน แต่สุดท้ายความกระหายอยากก็เอาชนะ ผมจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเองเพื่อเดินไปนั่งตักของเขาด้วยใบหน้าร้อนๆ จนไม่กล้ามองสบตาเจ้าของตัก

“ตัวหอมจัง” เขาว่าพลางซุกหน้ากับซอกคอของผม “หอมเหมือนเยลลี่”

ต้องขอบคุณน้ำหอมที่ไอ้ขิมซื้อให้ ลำพังตัวผมก็คงใช้น้ำหอมราคาถูกที่หาซื้อได้จากเซเว่นเพราะความหอมก็คงไม่ต่างกัน แต่ไอ้แฝดน้องมันบอกว่ากลิ่นฉุนแถมยังไม่ติดทนนาน ต่อให้อาบทั้งขวดก็อาจปลิวหายไปตามลม มันจึงหาซื้อของแพงๆ มาให้ใช้ แถมยังบ่นอีกยกใหญ่ที่ผมเอาแต่เขียมเงิน ไม่ซื้อของดีๆ ใช้เองสักที

“พี่นิก...อย่ากัดสิครับ”

สั่น...ผมสั่นไปหมดแล้ว ทั้งร่างกายทั้งหัวใจถูกริมฝีปากของคุณธนิกทำให้อ่อนระทวย

“อยากกิน”

“ให้หายดีก่อนเนอะ”

“หายดีแล้วครับ”

ผมคลี่ยิ้มมองเขาก่อนจะจุ๊บที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ “ฟิตกล้ามให้ได้เท่าเดิมก่อน ไม่งั้นไม่เรียกว่าหายดี”

“กล้ามแน่นมาก” เขาเถียง “พิสูจน์ได้”

ผมยกมือสัมผัสที่อกกว้างของเขาก่อนจะไล้ขึ้นไปตามไหปลาร้าแล้ววกไปที่แขน จากนั้นก็กลับลงมาที่เอว บีบเล็กน้อยเป็นการตรวจเช็ก “อืม...กำลังดี”

“งั้นพี่นิกก็กินได้”

“ยังครับ” ผมส่ายหน้า “น้องขวัญมีเรียน”

“อยากถอดชุดนักศึกษา”

“เรียนเสร็จจะกลับมาให้ถอด”

เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากมองผม “กลับกี่โมงครับ”

“บ่ายสามก็กลับแล้ว”

“นานเลย” เขาทำหน้ายุ่ง “มัดจำไว้ก่อนได้ไหม”

“ได้” ผมเลิกคิ้วมอง “เอาเท่าไร”

“จัดเต็มให้พี่หน่อย”

โว้ยยยย! น่ารัก น่ารัก น่ารัก!

“แน๊ หลอกผม จัดเต็มไม่เรียกว่ามัดจำ”

“อือ ให้พี่หลอกนะ”

ฉิบหายแล้ว...มันแบบ หัวใจผม กำลังจะ...วาย

ใครบอกว่าผู้ชายตัวโตไม่น่ารัก ผมขอเถียงเลย เพราะคุณธนิกน่ารักมากๆ น่ารักที่ไม่ได้เกี่ยวกับใบหน้า แต่เป็นน่ารักที่มีความหมายตรงตัว คนอย่างเขามันน่า...รักจริงๆ น่า...ให้รักแรงๆ เลย

ผมยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อของตัวเองให้พอที่จะแหวกสาบเสื้อออกจากกันได้ ก่อนจะจับมือของคุณธนิกขึ้นมา มือของเขาใหญ่กว่ามือของผม แค่วางทาบลงบนอกก็กินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง ผมพานิ้วชี้ยาวๆ ของเขามาหยุดที่จุดอ่อนไหวแล้วมองสบตากับตาของเขาอย่างสื่อความหมาย แต่เขาดึงมือออก ไม่ยอมสัมผัส ครั้นจะเอ่ยถามว่าทำไม เขาก็ฝังใบหน้าลงมาเสียก่อน เรียวลิ้นร้อนนั้นตวัดพลางดูดดึงแทนที่นิ้วมือที่ตอนนี้ย้ายไปบีบจับส่วนอื่นแทน

“อื้อ..อ พี่นิกครับ” ผมเชิดหน้าขึ้นคราง รู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศราวกับว่าอีกไม่นานจะแตะถึงสวรรค์ได้แค่เพราะริมฝีปากเป็นกระจับสวยของคุณธนิก

ยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมถูกจุดติดได้ง่าย เพราะตั้งแต่ที่เขาป่วยจนมาถึงวันนี้ เราไม่ได้ทำรักด้วยกันเลย มีอย่างมากก็แค่หอมแก้มกับจุ๊บริมฝีปาก ไม่เคยมีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น ในเมื่อวันทั้งวันผมเอาแต่คิดถึงอาการป่วยของเขา กังวลนั่นนู่นนี่เต็มไปหมด ส่วนเขาก็พยายามรักษาตัวเองเพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามเดิม เราวุ่นกับเรื่องอื่นจนเกือบลืมไปเลยว่าเวลาที่เราสัมผัสกันนั้น เรามีความสุขขนาดไหน

คุณธนิกทำรอยบนอกของผมหลายรอย เขาทั้งดูดทั้งกัดราวกับเป็นเยลลี่รสชาติอร่อย ส่วนผมก็ทำได้แค่สูดปากพลางร้องครางอยู่ในลำคอ อยากบอกเขาเหลือเกินว่าใกล้จะขาดใจตายเต็มที ยิ่งเมื่อเขาดูดยอดอกของผมเหมือนเด็กน้อยแล้วก็ยิ่งทำให้ผมอยากปลดปล่อยออกมา เขาไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมอยากให้เขาเข้ามาในตัวผมมากแค่ไหน ผมอยากบอกแต่สุดท้ายเสียงที่เปล่งออกมาก็มีแต่เพียงเสียงครางแห่งความกระสันอยาก

“น้องขวัญแดงไปทั้งตัว” เขากระซิบบอกเสียงพร่า “น่ารัก”

ผมอยากจะบอกว่าน่ารักก็รักแรงๆ แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เสียงกริ่งจากประตูรั้วก็ดังขึ้นพังสวรรค์ที่คิดจะไปเที่ยวชมซะยับ

ไอ้คุณวัฒน์!

“ไอ้วัฒน์คงมาแล้ว” คุณธนิกว่าพลางทำหน้าเสียดาย “ยังกินไม่เต็มที่เลย”

“ไม่เป็นไรนะ” ผมกัดฟันพูดปลอบใจ ปลอบทั้งตัวเองและคุณธนิก “ผมกลับมาเมื่อไหร่ เราจัดเต็มกันเลย”

“พี่จะฟิตร่างกายรอ”

“อย่าฟิตจนเหนื่อยไปซะก่อนละครับ” ผมเตือน “แล้วก็อย่าเล่นซนกับไอ้หลิวจนป่วย”

“ครับแม่”

“นี่แฟน!”

คุณธนิกหัวเราะ “ครับๆ แฟนครับ”

“ดีมากครับ”

“ไปเปิดประตูให้ไอ้วัฒน์มั้ย”

“ปล่อยมันรอไปก่อน ชอบขัดจังหวะ” แม้ว่าผมจะนัดไอ้คุณวัฒน์มาในเวลานี้ แต่ผมก็ให้เป็นความผิดของเขาอยู่ดีที่มาขัดจังหวะจนสวรรค์ล่ม!

“เกเรใหญ่แล้ว” คุณธนิกยิ้มขำใส่ผม “ว่าแต่ไปเรียนยังไงครับ”

“มอเตอร์ไซค์ครับ”

“อีกแล้ว” เขาหน้าบึ้ง “พี่บอกกี่ทีแล้วว่าอันตราย”

“ไม่อันตรายหรอกครับ” ผมแย้ง “มันสะดวกดีด้วยนะ”

ผมไม่ชอบนั่งรถยนต์ เพราะไม่อยากรบกวนลุงกล้วย ให้ผมขับไปเองก็ไม่สะดวก รถยนต์คันใหญ่ ซอกแซกไม่ได้ ต่างจากมอเตอร์ไซค์ที่ไปไหนก็สะดวก หาที่จอดก็ง่าย

“ดื้อมากๆ” คุณธนิกย่นจมูกใส่ผม แต่จากนั้นก็ไม่ได้บ่นอะไรต่อ

แม้ว่าตอนนี้ผมจะมีปัญญาซื้อมอเตอร์ไซค์ได้เป็นร้อยๆ คัน จะเอาคันที่แพงที่สุดในประเทศก็ยังได้ รถยนต์ที่คุณแขไขส่งมาให้ก็ยังจอดอยู่ในที่จอด ไม่เคยเอาออกไปขับเล่น แต่ผมก็ยังเป็นผม ยังเป็นขวัญพัฒน์ที่ชอบขับรถเวฟร่อนไปมา ยังคงคิดถึงอาชีพวินมอเตอร์ไซค์อยู่ตลอด ทำให้บางวันผมก็ไปรับจ๊อบบ้าง เสื้อวินก็ยังอยู่กับผม เมื่อก่อนทำงานผ่อนจ่ายแต่ตอนที่ผมไม่ได้ไปขับวิน พี่แจ้ก็ไม่ได้ถามอะไร มารู้ทีหลังว่าเสื้อวินของผมนั้น พี่จอยเป็นคนรับผิดชอบตามคำสั่งคุณแขไข นั่นแหละครับ ผมจึงอยากขอบคุณพี่จอย พอว่างๆ ก็เลยไปรับไปส่งพี่จอยไปทำงานบ้าง พวกพี่แจ้ก็ให้การต้อนรับผมอย่างดี ไม่ได้มองว่าผมเปลี่ยนไป พี่ๆ ในซุ้มวินก็ยังคงเป็นมิตร อาจมีพวกหน้าใหม่เข้ามาบ้างแต่ก็ไม่ได้มีปัญหากัน ในเมื่อผมไม่ได้ไปแย่งคิวใคร

“เอาละ ตอนนี้ผมต้องไปแล้ว พี่นิกสัญญากับผมแล้วนะครับว่าจะไม่ดื้อไม่ซน เพราะฉะนั้นถ้าผมรู้ว่าพี่ไม่ทำตามสัญญา ผมทำโทษแน่”

“กลัวเลย”

ใครกันแน่นะที่ดื้อ คุณธนิกน่ะดื้อกว่าผมอีก

“อยู่กับไอ้คุณวัฒน์ดีๆ นะครับ ถ้ามันชวนทำอะไรแผลงๆ อย่าไปทำตาม”

“น้องขวัญ” คุณธนิกเรียกเสียงอ่อย “พี่โตแล้ว”

“ก็ผมเป็นห่วง”

“พูดอย่างนี้แล้วพี่จะว่าอะไรได้”

“พูดให้ไม่ว่านั่นแหละครับ”

“ร้ายนัก”

“รักมั้ย”

“ไม่บอก”

ไม่เคยจะได้ยินจริงๆ จังๆ เล้ย แต่ไม่เป็นไร ผมมีเวลาเค้นเขาอีกเยอะ หึ!

“ไม่รักก็ไม่ต้องมากอด”

พอพูดอย่างนี้แล้วคุณธนิกก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้น “ต้องให้พูดอีกเหรอ”

“แล้วมันทำไมนักกับแค่คำว่ารักถึงพูดไม่ได้”

“พูดได้” เขาว่าเสียงอ่อย “แต่อยากพูดบนเตียง”

“ผมตีนะ”

“อย่าใจร้ายกับพี่”

“ก็พี่นิกน่าตี”

“น่าฮัก”

“หืม”

“น่าฮัก น้องแนนสอนพูด”

ไอ้แนนมันไม่ใช่คนเหนือ แต่เมียมันน่ะพื้นเพเป็นคนเหนือ สอนลูกพูดคงไม่พอ ดันมาสอนคุณธนิกด้วย นี่ไม่รู้ว่าสอนอะไรคุณธนิกไปอีกบ้าง แต่บอกได้คำเดียวเลยว่ามันแบบ...น่าฮักกกกก!

“ก็...น่าฮักแต้ๆ”

คุณธนิกทำหน้างงเล็กน้อย “แต้ๆ หมายความว่าอะไร”

“ก็หมายความว่า...” ผมชี้ที่ริมฝีปากของตัวเอง “จูบ”

“ไม่ใช่มั้ง” ก็ไม่ใช่นั่นแหละครับ แต่ผมจะให้หมายถึงจูบ ตอนนี้โลกของเราสองคน ผมจะเป็นผู้บัญญัติคำศัพท์ขึ้นมาเอง คงไม่มีใครมีปัญหาหรอก ยิ่งกับคุณธนิกยิ่งห้ามมีปัญหา ไม่อยากนั้น...ผมจะ...ฮักเขาแฮงๆ เลย!

“ไม่ใช่แล้วจะจูบมั้ย”

“ใช่ไม่ใช่ก็จูบ”

“งั้นมา...” ผมเผยอปากรอ “ปล่อยไอ้คุณวัฒน์รอไปก่อน เดี๋ยวเบื่อกดกริ่งก็คงปีนรั้วเข้ามาเอง”

“ใจร้ายกับไอ้วัฒน์”

“แน่นอนสิครับ เพราะผมใจดีแค่กับพี่นิก”

“โอ้โห...ขวัญพัฒน์”

“ทำไม”

“น่าฮักแต้ๆ”

“ฮ่าๆ ๆ”

ผมชอบช่วงเวลานี้ ชอบช่วงเวลาของฟ้าหลังฝน ชอบที่เรายังคงได้อยู่ด้วยกัน จับมือกัน พูดคุยกันและหัวเราไปด้วยกัน ยิ่งเมื่อริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ผมก็พบว่ามันคุ้มค่ามากกับการรอคอย



.......Thank You......



อ่านตอนพิเศษอื่นๆ ต่อในเล่มนะคะ ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 06-11-2018 12:56:34
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 06-11-2018 13:00:42
พี่นิกกกกกกกกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2018 14:45:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: nice_nice ที่ 06-11-2018 15:37:18
 :impress2: คิดถึงของขวัญ  ขอบคุณกับนิยายดีๆที่แต่งให้อ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-11-2018 15:53:39
น่าฮักจริงๆ รออ่านในเล่มๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 06-11-2018 18:10:20
กรี้ดดดดดน่ารักๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-11-2018 19:52:32
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 06-11-2018 22:09:51
งืออออ เป็นหยังมาน่าฮักขนาดสูเขาสองคนนี่

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 06-11-2018 23:12:57
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะค่ะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-11-2018 23:56:41
เป็นตอนพิเศษที่เหมือนฝันมากๆ ค่ะ แต่น้องมีความสุขก็ดีแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-11-2018 00:01:43
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-11-2018 00:08:51
พี่นิกเป็นแบบนี้ก็ดีนะ นิสัยดูซอฟท์ลงไม่เคร่งขรึมอะไรมากเหมือนแต่ก่อน และนี่ก็คงเป็นพี่นิกในเวอร์ชั่นรวมดาวน์ที่สั่งให้ไปซื้ออะไรแล้วไม่เคยจะได้เลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 07-11-2018 00:19:16
ตอนพิเศษนี่มันดีต่อใจมากมายก่ายกองงงงงง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 07-11-2018 00:45:26
งู๊ยยยย  ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 07-11-2018 23:45:19
  :angry2: ไอ้วัฒน์ทำสวรรค์ล่ม !!!  หยุดกดกริ่งเดี๋ยวนี้ !!!
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 08-11-2018 07:00:17
น่าฮักขนาดดดดดด
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 08-11-2018 09:40:29
มีความสุขจริงๆซะที
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-11-2018 21:31:00
เป็นตอนพิเศษที่ดีต่อใจมากๆ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-11-2018 22:21:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-11-2018 23:10:20
น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 09-11-2018 07:37:32
ชอบความกัดกันของพี่ขวัญน้องขิมมาก แต่เรื่องมันไม่เคลียร์ตรงที่แม่ข้าวรักน้องคลอดน้องออกมาแล้วทำไมไม่เลี้ยง คู่แฝดถูกแยกได้ไง พี่จอยรู้เรื่องเด็กแฝด แต่ไม่รุ้ว่าเป็นขวัญ พ่อเขมมันฆ่าลีทำไม รักลูกแต่ไม่มาดูแลตลอด20ปี ทั้งๆที่เป็นถึงเจ้าของบ่อน้ำมัน มันก้อค้างๆตรงนี้ล่ะ แต่เนื่อเรื่องทั้งหมดก้อเหมาะสมกับเป็นไรท์อ่ะนะ มีเงื่อนงำให้น่าติดตามเสมอๆ ขอบคุณมากคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 12-11-2018 02:59:14
 o13
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-11-2018 12:49:36
น่าฮักขนาดด :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-11-2018 17:32:58
 น่าฮักแต้ๆ ดีใจนะที่ได้รักกันแบบไม่มีเงื่อนงำได้สักที

แอบอยากรู้เรื่องแม่ของคุณธนิก เธอจะมีความสุขบ้างหรือยังนะ
อย่างน้อยก็เท่ากับตอนก่อนเข้ามาที่บ้านของพ่อขวัญกับขิม
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 14-11-2018 21:04:22
น้ำตาหมดไปเท่าไหร่กับเรื่องนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 17-11-2018 11:55:59
ดราม่าหนักหน่วงมาก แต่ก็จบแบบมีความสุข :heaven
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 15-12-2018 00:42:14
ความสีเทาของเรื่องนี้มันดีค่ะ

 :hao7: ชอบอ่าาาาาา อ่านแบบห้ามเดา เพราะมันไม่ได้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 16-12-2018 21:00:19
ใช้เวลาอ่านนานมาก 3-4 เดือน

เพราะแต่ละตอนยิ่งช่วงแรกๆหน่วงมาก

แรก ๆ เกลียดหลายตัวละครมาก

แต่ตอนหลังเกลียดใครไม่ลงยกเว้นอินิ่ม

น้องขิมคือคนที่น่าสงสารสุดในเรื่อง โดนหนักมาก ๆจริง ๆ

พ่อคือต้นเรื่องที่ใจดำมาก...ทั้งที่รู้เห็นทุกอย่าง

ดีแล้ว ตายไปแบบไม่มีใครรัก

งงตรง อาแขใข...มาแต่ชื่อ นี่ลุ้นนานมากว่าชีจะร้ายแค่ไหน

ที่ไหนได้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 8 29/07/2018 Page 7
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 17-12-2018 18:42:38
ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่ แต่เลือกเชื่อคุณธนิกมากกว่า รู้สึกขิมมีอะไรแปลกๆ ต้องอันเชิญเพี้ยนมา ขวัญสู้คนเดียวไม่ไหวหรอก

จริงๆค่ะ ต้องแม่นายเพี้ยนเท่านั้น 5555555
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 18-12-2018 19:51:14
รู้สึกว่ามันยังขาดอะไรๆ แต่ก็ชอบค่ะ สงสารทุกคนในเรื่องเลยสงสารพี่นิกมากแต่ก็ดีใจที่เขายังกลับมา
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-12-2018 07:17:51
พึ่งได้เข้ามาอ่านเพราะชื่อคนแต่งแต่ก็กลัวว่าอ่านไปแล้วจะปวดใจเหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 19-12-2018 08:15:24
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่า  :pig4: :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 19-12-2018 18:33:18
ตกบ่วงจนได้ ไม่ถูกกับดราม่า แต่ไปำหนไม่รอดเลย

ต้องอ่านไปร้องไป ฮือออออออออ

คุณธนิกของน้องงงงงงงงงงง  :กอด1:

ขอบคุณคนเขียนมากๆน้าา สนุกมากกกกกกก  o13
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 20-12-2018 13:15:49
สนุกมาก ลุ้นทั้งเรื่อง
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-12-2018 01:42:38
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วลุ้นมากจริงๆ อ่านตอนแรกก็ไม่นึกว่าจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรขนาดนี้ แต่อ่านแล้วติดแล้ววางไม่ลง ไม่ต้องนอนอ่านยาวๆไป
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 24-12-2018 17:48:20
เหมือนดูละครหลังข่าว อรรถรสไปอีกแบบ

  :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: oilie ที่ 12-01-2019 12:54:50
ชอบมากเลยค่ะ ลุ้นสุดๆ ชอบคู่แตงโมขิมมาก อยากขอสเปคู่นี้อีก
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 15-04-2019 22:02:04
เรื่องรสวมันช่างซับซ้อน
อ่านไป กังวลไป ลุ้นไป กลัวจบไม่แฮปปี้
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 29-05-2019 01:05:12
ไม่ว่าเนื้อเรื่องจะโหดร้ายทารุณกับเราแค่ไหน แต่ตอนจบจะเหยียวยาทุกสิ่ง :กอด1:
ดีใจมากกกกกก ดีใจที่สุดดดดด คือน้องขิมของชั้นแฮปปี้!!!!! :katai2-1:
รักในความแฝด ต้องด่าปะทะฝีปากกัน ต้องเกทับกัน แต่ก็แคร์กันในตอนท้ายตลอด o13
ที่หวีดสุด คือ ความแซ่บของน้องขวัญ คุณค่ะ!! ทุกที่ของคอนโดที่ยืมขิม อิพี่นางพาคุณธนิกไปเจิมหมดเหลือแต่บนตู้ กราบ!! ในความแซ่บ ความเนียมอายตอนเจอคุณธนิกครั้งแรกนั้นนนน ลืมไปเลยค่ะ :laugh:

// ขอบคุณ คุณนักเขียนนะคะ เรื่องสนุกมากจริงๆ อ่านแล้วหยุดไม่ได้เลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: mundoo ที่ 07-06-2019 21:29:10
อ่านช่วงแรกตอนที่คุณธนิกโปะผ้าเช็ดหน้าน้องล่ะแบบ..
คือ เตรียมคำด่าแล้วอ่ะ คุณต้องร้ายกับน้องขวัญแน่ๆ
แต่คือคนเขียนหักมุมเรามากกกก ตอนหลังๆนอกจากจะด่าไม่ออกแล้วคือหลงรักคุณธนิกมากกกกกกก อ่านไปก็ลุ้นไป
เดาไป โอ้ยยยยสนุก!!! ชอบ!!!!

แต่ก็แอบอยากให้มีเรื่องของน้องขิมกับมิสเตอร์ที
คู่นี่ก็ดูน่ารัก(สำหรับเราอ่ะนะ^^)
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 26-06-2019 22:08:20
อ่านตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนจบ เอาจริงๆคือเดาไม่ถูกเลย ปมเยอะ อ่านแล้วเฮ้อทุกตอน แต่ตอนจบดีต่อใจ

แต่เราว่ามันสะท้อนจิตใต้สำนึกของคนดีนะ คือไม่มีใครดีทั้งหมด หรือเลวทั้งหมดในตัวเอง ต่างคนก็ต่างมีจุดหมายของตัวเอง อ่านแล้วเครียดจริง แต่ก็อินจริงเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 30-06-2019 05:05:29
เป็นเรื่องที่สนุกมากกกกกกกก ลุ้นตลอด นี่ตี5แล้วยังไม่นอน 555555 ต้องอ่านให้จบให้ได้ น้องขวัญคือสตรองสุดๆ น้องขวัญน่ารักจนไม่รู้จะอธิบายยังไง 55555 หลงพอๆกับคุณธนิก ช่วงแรกๆ เราหมั่นไส้คุณธนิกมาก แต่พออ่านไปเรื่อยๆก็เข้าใจนะ ส่วนน้องขิมน่าสงสารมาก แต่ตอนท้ายนี่ฮานะที่ต้องทำเป็นเดินไม่ได้อะ 5555555 ส่วนพี่โมไม่รู้จะบอกยังไงมันก็ดี และที่ขาดไม่ได้เลยคือ เพื่อนแนนจ้า แนนเป็นเพื่อนที่ดีสุดๆ ทำเราซึ้งปลาบปลื้มใจมาก น้ำตาปริ่มๆเลยนะ แนนดีจริงๆ ตั้งแต่ต้นเรื่องเราอาจจะไม่ไว้ใจใครเลย แต่ที่เราไว้ใจมีแนนกับไอ้หลงจริงๆนะ เพราะเรารู้สึกว่าพวกเขาจริงใจต่อกัน  เรื่องนี้ทำให้เราประทับใจในเรื่องของเพื่อนนะ แบบอย่างคุณธนิกกับโมเนี่ย แบบมันก็ดี และที่ชอบคือแนนกับขวัญนี่แหละ เพื่อนที่ผ่านอะไรมาด้วยกัน ทุกช่วงเวลาของชีวิต มันซึ้งจริงๆ ส่วนความรักของคุณธนิกตลอดทั้งเรื่องเราวูบในใจทุกตอนเว้ย แบบวูบไปมาเสียวๆคันๆในใจตลอด แต่ขวัญเค้ารักคุณธนิกมากๆเลยนะ คุณธนิกก็รักขวัญแรงๆด้วย ฉากนั้นไม่พูดถึงไม่ได้ รุนแรงแซงทางโค้งมาก แบบมันดจีย์! 5555555 เขิน ขอบคุณนักเขียนนะครับที่ให้เกิดเรื่องดีๆสนุกๆแบบนี้ ทำให้เราได้อ่านได้มีความทรงจำกับเรื่องน่ารักๆ ชอบมาก สวัสดีครับ! คุณธนิก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:33:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 27-01-2023 01:43:01
ร้องไห้ไม่มีดีมากๆจนตอนพิเศษสุดท้ายที่คือเยียวยาอย่างแท้จริง
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: Noonnaja ที่ 28-01-2023 19:32:23
 :katai1:
หัวข้อ: Re: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 02-02-2023 18:44:27
 :pig4: