อ่านทั้งตอนพิเศษ และข้อความจากน้องชินนะคะ
บวก 1 ให้คนละแต้มเช่นเคยก่อน
แต่อ่านแล้วใจหายกับสิ่งที่น้องชินบอกว่า
ปล.อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆๆๆๆ กับการไร้เหตุผลของมัน จะผิดจะถูกยังไง ผมก็ต้องง้อมมันเสมอ บางครั้งมันรู้ว่ามันผิด แต่มันก็เฉย ไม่เคยคิดจะทำอะไรให้ดีขึ้น ผมไม่รู้ว่า ผมจะอยู่กับสภาพแบบนี้ได้อีกเท่าไหร่ คำว่า เอาน่า มันจะใช้ได้ผลอีกแค่ไหน หวังว่ามันจะดีขึ้นนะครับ (ไม่อยากโทรไปบ่นให้ป้าจิฟังแร่ะ เดี๋ยวป้าแกเบื่อซะก่อน)
นอยจริงจัง เหนื่อยอย่างจริงใจ
ในฐานะคนอ่านและในฐานะพี่คนหนึ่ง ขออนุญาตนะคะ
เวลาคนเราอยู่ด้วยกันนานๆ คบหากันนานๆ มันก็จะเริ่มชินกับพฤติกรรมหรือการวางตัวของแต่ละฝ่าย
่ฝ่ายที่ง้อ กับฝ่ายที่ถูกง้อ เหมือนจับวางตำแหน่งกันไว้
ฝ่ายที่ถูกง้อน่ะไม่เท่าไร ยิ่งนาน ยิ่งเหมือนได้ใจ และรู้สึกว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรเธอก็ต้องง้อฉัน ไม่เช่นนั้นอาจแปลความเลยเถิดไปว่า ไม่ให้ความสำคัญ หรือไม่รักกันแล้ว หรือรักกันน้อยลง อะไรแบบนั้น
ส่วนฝ่ายคนง้อนี่สิ ยิ่งบ่อย ยิ่งนาน ยิ่งเหนื่อย ถ้าคราวใดอยู่้ในสถานการณ์แบบนี้ แล้วกอปรกับเป็นช่วงที่กายเหนื่อย หรือใจเหนื่อยกับเรื่องอื่นอยู่ มันก็พาลจะปรี๊ดแตก ไม่อยากง้อแล้ว แต่ถ้าเป็นช่วงอารมณ์ดีมีความสุข สุขกายสุขใจอยู่ก็ยังพอทนกันไป
ถ้าการอยู่ด้วยกัน แปลว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องอดทน ไม่ใช่อดทนซึ่งกันและกัน ก็คงทำให้รู้สึกลำบากใจบ้าง
แต่ถ้ามีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงบ้าง เพื่อคนที่รัก เพื่อไม่ต้องอดทนกันและกัน (มันต่างกับอดทนเพื่อให้มีกันและกันนะคะ) มันก็น่าจะดีกว่าใช่มั้ยคะ
ไม่รู้ว่าสองหนุ่มเคยจับเข่าคุยกันมั้ย เปิดอกเปิดใจคุยกัน (ไม่ใช่เปิดอย่างอื่นซะก่อนนะ
)
ในขณะที่น้องชินรู้สึกทางลบแบบนี้ น้องบอลเองรู้สึกแบบนี้แต่ในเรื่องอื่นด้วยมั้ย
ใครบอกว่ายิ่งรักยิ่งอยู่ด้วยกันไปนานๆแล้วจะยิ่งเข้าใจกัน นั่นมันก็ใช่
แต่ในขณะเดียวกัน ยิ่งรัก ยิ่งอยู่ด้วยกันไปนานๆ ความคุ้นเคยกัน จะทำให้ความเกรงอกเกรงใจ การเอาใจเขามาใส่ใจเราน้อยลงไปด้วย
พยายามเข้านะจ๊ะ พี่เป็นกำลังใจให้จ้ะ
และเชื่อว่า น้องจิ จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีของน้องๆทั้งสองได้แน่ๆ
ปล พิมพ์จบแล้ว เพิ่งเห็นที่น้องบอลมาเมนท์
ขอไปอ่านเมนท์น้องบอลก่อนนะคะ