หาคนมานอนกอดจิ จะได้ไม่หนาว คิกคิก
*****************************************
ตอนที่ 13 Begins
มาถึงวินาทีนี้ผมเองก็ขอบอกตามตรงครับ ไม่กล้าแม้ที่จะมองนานเกิน 1นาที
เพราะใจมันคงทนไม่ได้หรอก
มันคงทนไม่ได้ที่จะมองเห็นภาพคนที่เรารักได้อยู่กับคนที่เค้ารัก
มันไม่ใช่สิ่งที่น่าดูเลยสักนิด แต่ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ เรารักใคร
เราก็ยังอยากที่จะอยู่กับคนๆนั้นเลย
ผมว่าผมคงมีรักแต่เป็นรักที่เห้นแก่ตัวมากจนเกินไป ผมว่ามันคงถึงเวลาแล้วล่ะ
ที่ผมจะเลิกเห็นแก่ตัวครับ มันคงถึงเวลาที่จะได้รับรู้กันจิงๆว่า
ยังไงซ่ะผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ
ตราบใดที่พระอาทิตย์ยังขึ้นทางเดิม
เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว
ผมทำเป็นขยับลูกบิดให้พอมีเสียงเพื่อที่ให้คนรักกันเค้ารู้ตัว
ตอนนี้น้ำตาผมมันแห้งไปหมดแล้วล่ะ
" อ้าว แก๊ส มาแต่เช้าเลยนะ " ผมทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
" จ๊าาา ก็มาได้ไม่นานหรอก " แก๊สทักทายผมดีอย่างเคย
" คุณเอไปซื้อถึงไหนมาเนี่ยะ นานจัง " ไอ้พัดถามผม
" ที่ตลาด ดิ ถามได้ " ผมตอบแบบมีเคือง
" ซื้อมาเยอะเลย จะกินหมดไหนเนี่ยะ " แก๊สถามผม พร้อมกับรอยยิ้ม
" โหก็กินด้วยกันนี่แหละ อยู่ตั้งหลายคน ถ้าไม่มหมด เรียกพวกไอ้โอ๊ตมาจัดการ "
" 5555+ เหลือไม่ถึงพวกนั้นหรอก " ไอ้พัดพูดติดตลก
" เอ้าาา นี่กินนี่ซ่ะ แล้วก็กินยา เดี๋ยวกูไปนั่งดูทีวีห้องโอ๊ต " ผมทำท่าจะลุกขึ้น
" เอ้ยจะไปไหน อยุ๋กินด้วยกันดิ คุณเอ "
" ไม่ล่ะ ไม่หิวน่ะ " ผมตอบ
" โหอุตส่าห์ซื้อมาเองแท้ๆ น่าจะกิน แก๊สกินไม่หมดหรอก "
" แก๊สไม่รู้อะไร ว่าแก๊สน่ะอยู่กะปอบนะ ปอบผีฟ้าด้วย แดกเรียบ " ไอ้พัดหยอดมุข
ทั้งสองคนหัวเราะกันสนุก ผมเลยถือโอกาสหยุดเป็นส่วนเกินสักที ผมว่านะ
ผมเดินออกมาตอนไหนพวกเค้าสองคนก็ยังไม่รู้หรอก
ผมออกมาถึงหน้าหอแล้วครับ เดินออกมาแบบไร้จุดหมาย ไร้กำลัง
ไร้ความคิดทุกๆอย่างด้วย นี่นะเหรอที่มันเรียกว่าอกหัก เป็นแบบนี้
เองเหรอ มันชาไร้ความรู้สึกเอาซ่ะด้วย ใครว่าผมจะไปหาไอ้โอ๊ต คงไปหรอกครับ
เพราะอยู่แค่ห้องไอ้โอ๊ต ผมก็ยังได้ยินเสียงเค้าสอง
คนอยู่ดี ก็คนมันช้ำใครจะมาสนล่ะ จิงไหมครับ
ผมเดินเหม่อมาเรื่อยๆ
จนถึงหน้ามหาลัย ซึ่งมีร้านคอมอยู่เต็มไปหมด
ว่าไปแล้วไปเมล์หาเพื่อนดีๆกว่า เพื่อนสมัยมัธยมป่านี้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้
ผมไม่อยากคิดอะไรถึงเรื่องปัจจุบันตอนนี้อีกแล้ว มันคงเป็นกลไกล
ในสมองมนุยษ์อย่างนึงน่ะครับ ถ้ามันมีเรื่องที่เราคิดแล้วเราไม่สบายใจ
สมองมันก็จะสั่งงานให้คิดเรื่องอื่นที่มันดีกว่าขึ้นมาทันที
พอผมเข้ามาในร้าน ผมหยุดลงนั่งที่เก้าอี้ ทุกคนวุ่นวายเต็มไปหมด
ดูจะใส่ใจไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันคือโลกเสมือนจิงที่ดูจะไม่มีอะไร
แตกต่างไปจากโลกแห่งความจิง
มีตลาด มีที่นัดคุยกัน มีภาพไว้ดู แต่ผมว่า
อย่างนึงที่โลกในคอมพิวเตอร์ไม่มี นั่นคือ ความจิงไงล่ะ ต่อให้มัน
เหมือนจิงแค่ไหน มันก็ยังไม่มีความจิงอยู่ดี ทุกอย่างคือสิ่งที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นมา
แต่ที่นี่ ผมเองก็เคยมานั่งกะไอ้พัดและทุกทีที่เข้ามา
ผมไม่เคยเข้ามาคนเดียว ผมเคยเข้ามามันกับเพื่อที่จะหาข้อมูลทำรายงาน
แล้วก็ลงท้ายด้วยการ เปิดดูเวปโป็ตามนิสัยอยากรู้อยากลองของวัยรุ่น
วันนี้ผมต้องมานั่งที่นี่คนเดียว มันเหงานะครับ แต่มันคงจะเหงากว่าถ้าผมจะไป
อยู่ในห้องผม ในห้องที่มีแค่ความว่า 2 เรา ไม่ใช่ สามเรา.....เผื่อผม
" สวัสดีครับ " ผมเริ่มต้นบทสนทนาในโลกไซเบอร์
"ดีเช่นกัน "
" เป็นเกย์หรือเปล่า " ผมเริ่มคำถามโง่ๆออกไป
" ก้ช่ายดิ ไม่ใช่แล้วจะมาเล่นที่ห้องนี้ได้ไง " อีกฝ่ายตอบมา
"ขอโทษที ผมไม่เคยเข้ามานะ "
" ผมชื่อ จอน ครับ " เค้าแนะนำตัวเอง
" เอ ครับ ผมชื่อ เอ "
" ชื่อโหลจัง "
" ครับโหล ชื่อคนอกหักน่ะ " ผมตอบกลับ
" 555+ อกหักเลยเหรอ "
ผมเองไม่ใช่คนที่เคยเข้ามาในห้องสนทนาแบบนี้ แล้วก็ไม่ใช่คู่สนทนาที่ดีนัก
เพราะผมเป็นคนพูดตรงๆ มีอยู่หลายครั้งที่คู่สนทนาก็งง
ไปกับคำพูดของผมเหมือนกัน เค้าคงหาว่าผมบ้าไปแน่ๆ
" ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ " เสียงมือถือผมดังขึ้นมา
" เออ ว่าไงโอ๊ต "
" มึงอยู่ไหนเนี่ยะ "
" อยู่หน้ามอ มาหาข้าวกิน "
" ไปดูหนังกัน "
" ที่ไหน เรื่องไร
" ที่โรงหนัง xxx กูได้บัตรฟรีมาแฟนกูเอามาให้ " ไอ้โอ๊ตบอกผม
" เหรอไปดิ "
" เออ งั้นเดี๋ยวกูไปชวนไอ้แจ๊คกะไอ้สิทธิ์ก่อน "
" มีใครไปมั้งอ่ะ " ผมถาม
" ก็กูมึง ไอ้แจ๊ค ไอ้สิทธิ์ ไอ้พัดอยู่ห้องช่ายป่ะ เดี๋ยวกูชวนมันไปด้วย "
" มันอยู่กะแฟนมัน มันไม่ไปหรอก กูถึงได้ออกมาข้างนอกเนี่ยะ " ผมรีบโกหก
" เหรอๆๆๆๆ เออ งั้นะเจอกันที่โรงหนังเลย เที่ยง นะมึง"
" เออ เดี๋ยวกูนั่งรถเมล์ไปรอเลย "
ผมวางสายเพื่อนไปแล้วกลับมาสนใจเพื่อนในแชทอีกครั้ง
" เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกแล้ว "
"เหรอครับ แย่จัง เพิ่งได้คุยกันเอง "
" นั่นดิ ดีใจที่มาคุยเป็นเพื่อนผมน่ะ "
" เอมีเบอร์ไหม จะได้โทรไปคุยด้วย ว่างๆ "
" เอาดิ "
พอผมแลกเบอร์กะเพื่อนในแชทคนแรกของผมเรียบร้อยแล้วผมก็เดินทางไปที่โรงหนังที่นัดไว้กะไอ้โอ๊ต
รถเมล์ ผมก็ไม่ค่อยได้ขึ้นหรอก
เพราะไม่ค่อยชอบไปไหน หรือถ้าไปที่ก้จะไปเป็นกลุ่ม พร้อมหน้ากะเพื่อนๆ
โดยเฉพาะไอ้พัด มีไม่กี่ครั้งที่ผมนั่งรถไปคนเดียวแบบวันนี้
พอเรารู้สึกไม่ค่อยดีเนี่ยะ มองอะไรก็กลายเป็นสีหม่นๆ
มันไม่เห็นจะสดใสเหมือนตอน........อยู่กับเค้า ผมนั่งรถผ่านที่ร้านตัดผมที่ผมกะไอ้พัดเคยมา
ตัดด้วยกันประจำ จิงๆผมพามันมาตัดมากกว่า เพราะผมนะชอบไว้ผมยาวมากกว่าตัดสั้น
อีกอย่างที่มากะมัน เพราะจะได้ช่วยเลือกทรงให้มันด้วย
ผมรู้สึกถึงภาพลางๆได้เลย
" พี่ๆ ตัดผม ครับ " ไอ้พัดพูดเสียงดังกลางร้าน
" เอาทรงไรดีครับ " ช่างถามมัน
" ไปถามคนนั้นพี่ " มันชี้มือมาทางผม
" เอ้าน้องตัดไม่ใช่เหรอ "
" ก็นั่นแหละ ผมตัด แต่เอาทรงที่มันบอก "
" มีงี้ด้วย " ช่างก็งงได้เหมือนกันเจอไม้นี้
ผมต้องลุกออกไปอธิบาย เพราะความเรื่องมากของไอ้คุณชายเพื่อนผม ชอบตัดผม
แต่ไม่ชอบตัดสั้น ชอบตัดสั้นแต่ไม่ให้สั้นมาก
ชอบไม่ให้สั้นมาก แต่ไม่ให้ยาวไป คงมีแต่ผมที่เข้าใจภาษามัน
แล้วก็อธิบายออกมาเป็นภาษาคนได้อีกที
" อิอิอิ " ผมนึกขำหัวเราะทุกทีที่เห็นมันตัดผมมาใหม่ เพราะทั้งมันทั้งช่าง
เจอลูกยุจากผมเข้าไป
" นี่ถ้าหน้าตาไม่หล่อจิง ตักทรงนี้ไม่ได้นะเนี่ยะ " ช่างบอก
" 555 จิงเหรอเพ่ แหมเขินเลยผม "
" 555 พี่ไม่น่าไปหลอกมันเลย " ผมขำมันอีกทีที่ดันไปเชื่อคำยอของช่าง
ผมนั่งขำจิงๆครับ ขำบนรถเมล์อยู่คนเดียวเมื่อตอนนึกถึงวันเก่าๆ เหอะๆ
ผมนี่ก็บ้าเนอะ บ้าที่หัวเราะคนเดียว
เคยเป็นแบบผมไหมครับที่คิดถึงคนที่เจอหน้ากันอยู่ทุกวัน
จะคิดถึงได้คงมีแค่ผม ก็มันเพื่อนสนิทนี่นา ผมถึงไม่มีสิทธิ์ไง ผมว่าน่ะ
คงมีคนเอาไปแต่งเป็นเพลงแหละ 555+
" เฮ้ย เอ รอนานไหม " ไอ้โอ๊ตเดินมาตบไหล่ผม
" เห็นไอ้พัดบอก มึงออกมาตะลอนแต่เช้าเลยเหรอ " ไอ้แจ๊คเดินมาขนาบข้าง
" เออ ก็มีบ้าง นานๆก็ว่างที ไม่มีซ้อมด้วย เลยอยากสบายๆ" ผมยิ้มแห้งๆ
" แล้วมีใครมาบ้างเนี่ยะ " ผมถามเพื่อความแน่ใจว่า
ไม่มีไอ้เพื่อนคนนั้นของผมมาด้วย
" มาแล้วๆ " เสียงคุ้นๆดังมาข้างหลัง ไอ้พัด ...ไม่ได้มาคนเดียวหรอกครับ
กะแฟนมันแหละ
" ไอ้สิทธิ์ล่ะพัด " ไอ้โอ๊ตถาม
" นั่นไง มันยืนดูไรอยู่ก็ไม่รู้ " ไอ้พัดชี้มือโบ้ย
ผมทำหน้าเซ็งในใจครับ มาถึงตอนนี้อะไรมันก็ทำในใจได้หมดแหละครับ
ทำยังไงก้ได้ที่จะทำให้เค้าสบายใจที่สุด
" งั้นเดี๋ยวกูกะไอ้แจ๊ค เอาตั๋วไปแลกก่อนน่ะ " ไอ้โอ๊ตบอก
" งั้น กูกะแก๊ส ไปซื้อข้าวโพดกะน้ำนะ " ไอ้พัดบอก
" เออ มึงไปกะไอ้พัดดิ ซื้อเยอะช่วยกันถือ " ไอ้แจ๊คบอกผม
" เฮ้ยยยย ไม่เอาขี้เกียจเดิน " ผมรีบบ่ายเบี่ยง
" โหยมึงเอาเปรียบเพื่อนเหรอ " ไอ้แจ๊คด่าผม
" เออ ๆๆไปก็ได้ไม่ต้องย้ำมาก " ผมเลยต้องจำใจเดินไปซื้อของกับ คู่รักรีเทิรน์
ของกลุ่ม ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่ที่ไม่ปกติมันก็คือ
ใจผมอ่ะดิครับ มันสั่นๆยังไงก็ไม่รู้ มันรู้สึกแปลบๆ
ทุกทีที่เห็นเค้าอยู่ใกล้กัน ผมว่าถ้าผมอยู่อีก 2 ชม ผมขาดใจตายแน่ๆ
ผมทำได้อย่างดีที่สุดคือการเดินให้ช้า
เดินตามหลังแล้วก็ไม่ได้ไปตีเสมอขนาบข้างหรอกครับ เพราะรู้ว่า
ถึงจะอยู่ข้างไหน ผมก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวเค้าอีกแล้ว
" อ่ะ ตั๋ว มึงกะพัดกะแก๊สเข้าไปก่อน " ไอ้โอ๊ตเอาตั๋วมายื่นให้
" อ้าวมึงจะไปไหน " ผมถาม
" ก็สามคนจะไปเข้าห้องน้ำ "
" ไปเข้าห้องน้ำหรือไปขอเบอร์สาว " ผมจับไต๋พวกมันได้ อย่าทิ้งกูไว้กะสองคนนี้
ไม่เอานะ กูไม่อยากเป็นส่วนเกิน
ผมต้องจำใจล่ะครับ
จำใจต้องเดินมากับบุคคลในโลกที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด สองคนในขณะนี้
จำใจอีกเช่นกัน จำใจที่จะนั่งข้างพวกมันสองคน
โห นั่งข้างผมเหรอ ทำไงดีเนี่ยะ
พวกสามคนนั้นก็เข้ามาแล้ว ดันเข้ามาอีกฝั่งของแถวที่นั่ง
ผมเลยไม่กล้าที่เปลี่ยน
เพราะเกรงใจคนที่นั่งข้างหลัง
ผมนั่งรอสักพักในโรงหนังเค้าก็เปิดเพลงก่อนที่หนังจะฉายตามปกติ แต่มันคือ
เพลงเดียวกันกะที่เคย
ฟังที่อื่น พอมาฟังตอนนี้ บรรยากาศตอนนี้ มันดู ........
------- ฟ้าแกล้งกันใช่ไหม ฟ้าจงใช่ไหม
ที่ทำให้ฉันได้แต่ร้องไห้อย่างนี้
เรื่องราวก็เดิมๆ เหมือนเดิมอยู่...ทุกที่
ก็คือวันนี้ ฉันไปรักคนที่ไม่รักกัน
รักคนที่ไม่รัก สนคนที่ไม่สน
กี่ทีกี่หน เขากลับไม่เคยใส่ใจ
หรือเป็นเพราะฉันเองไม่มีสิทธิ์รักใคร
ทุ่มเทแค่ไหน สุดท้ายลงเอยด้วย ...น้ำตา
เจ็บแบบซ้ำๆ จบแบบช้ำๆ
เรื่องราวก็ซ้ำตรงคำว่าเสียใจ
เมื่อไหร่ความรัก จะหยุดทำลายหัวใจ
ไม่รู้ทำไม จะเจ็บซ้ำเท่าไหร่
ไม่เคย...จำ
น้ำมันปริ่มมาที่ตาแล้วครับ จนจะล้นเอ่อออกมาอยู่แล้ว
ผมเป็นคนอ่อนไหวง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
ผมแอบเช็ดน้ำตาเบาๆ ผมว่าการมาดูหนังครั้งนี้ ถึงจะเป็นหนังตลก มันคงไม่ตลก
และผมก็คงจะจำหนังเรื่องนี้ไปอีกนานครับ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพลงตอนท้าย ขอเครดิตให้ เพลง เจ็บซ้ำๆ ของ แอน ฐิติมา อัลบั้ม ไนซ์ไทม์นะครับ
รักกันนานๆครับ
โดย A-lone