Part 24
“ชอบอะไร ชอบแกล้ง ชอบไอติม…. หรือชอบจูบ?” ดูมันสิครับ เวลาแบบนี้ยังคิดได้ว่าชอบนู่นชอบนี่… ทำไมไม่คิดว่าชอบตัวเองบ้างนะ
“…ชอบหมดเลย” ผมกระชับแขนที่โอบกอดอีกฝ่ายแน่นยิ่งขึ้น ดีนะที่ตรงนี้ไม่มีคนผ่านไปผ่านมาสักเท่าไหร่ ผมเลยทำได้อย่างสบายใจหลังจากแอบเงยหน้าขึ้นมองซ้ายทีขวาที
“โดยเฉพาะไอ้ตัวเนี้ย” ผมก้มหน้าลงหอมแก้มเปื้อนคราบน้ำตาของไอ้มิกกี้ดังฟอด มันเองก็มองผมแบบงงๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นลูบแก้มขาวตัวเองเบาๆ
“แก้มเนี่ยนะ…?” โง่ได้อีก (กล้าด่าเนอะคนเรา)
“อาฮะ แก้มด้วย”
“…แล้ว”
“หืม?” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ส่งเสียงถามในลำคอ เพราะดูก็รู้แล้วว่าเจ้าหนูทำท่าจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ตัดสินใจกลืนมันลงไปแทน
“ก็… ผม เฮ้อออ ช่างมันเถอะ” มันถอนหายใจแบบหมดอาลัยตายอยาก ก่อนจะทิ้งตัวลงพิงกับผมเต็มแรง แล้วซุกหน้าเข้ากับอกผม
“หึหึ ก็บอกว่าชอบหมดไง… ไอ้เด็กดื้อ ไม่เข้าใจอีก”
คราวนี้ไอ้มิกกี้เงยหน้าขึ้นมามองผมขวับ ให้ตายเถอะ… ขำชะมัด ดูมันทำหน้าเข้าสิ อธิบายไม่ถูกกันเลยทีเดียวเชียว จะว่า งง…ก็คงใช่ แต่ก็ปนกับเอ๋อๆ บวกดีใจนิดๆ ระคนแปลกใจหน่อยๆ จนเหมือนคนบ้า… ไปเล่นละครท่าจะรุ่งแหะหมอนี่ แสดงหลากหลายอารมณ์ได้ในเวลาชั่ววินาที หึหึ
“มาแล้วๆ” เสียงไอ้ไมล์ดังมาแต่ไกล มันชูไม้ชูมือวิ่งหอบ ผมสังเกตดีๆ นั่นมันบิลค่าอาหารนี่หว่า ไม่ค่อยเลยนะมรึงงง
“…นานจริงนะมรึง” ผมว่า ปล่อยอ้อมแขนออกจากตัวเจ้าหนู เปลี่ยนเป็นลูบหัวเบาๆ แทน
“โทษทีว่ะ พอดีน้องพนักงานแม่งโคดน่ารักอ่ะ เลยนั่งมองนานไปหน่อย ก็กรูนึกว่าพวกมรึง…”
“อะไร?” เอาอีกแล้วครับ… ไอ้ไมล์ทำหน้าทำตากวนๆ จนผมรู้สึกเสียวประหลาด ไอ้นี่น่ะเซ้นส์แรง บางทีผมก็กลัวมันเล็กๆ
“ป๊าววว เอ้าๆๆๆ ไปรึยัง เดี๋ยวไม่ทัน” มันรีบพูดกลบเกลื่อน แล้วเปิดประตูด้านข้างคนขับทิ้งตัวลงไปนั่งทันที่ที่ผมปลดล็อก
ผมยืนมองท่าทีแปลกๆ ของมันงงๆ ได้แต่คิดในใจว่าเมื่อกี้มันเห็นรึเปล่า… หรือว่ามันก็แค่ทำหน้าทำตาทะเล้นไปเรื่อยตามประสา ว่าแล้วเลยเอื้อมมือไปดันหัวเจ้ามิกกี้ แล้วดุนหลังให้เดินเข้าไปในรถ แต่ก่อนหน้านั้น… อยู่ๆ มันก็ดึงมือผมออก แล้วดันตัวผมให้ถอยหลังไปนิดหนึ่งจนพ้นรัศมีการมองเห็นของไอ้ไมล์ในรถ
“ผม…ก็ชอบ…แก้มเฮียนะ”
ไอ้ตัวยุ่งไม่พูดเปล่า มันเขย่งจนสุดปลายเท้า… และหอมแก้มผมเบาๆ หอมแบบที่อาจเรียกว่า ‘หอม’ ไม่ได้เพราะมันเป็นการเอาปลายจมูกตัวเองมาแปะที่ข้างแก้มผมอย่างรวดเร็ว ผมหัวเราะ พยายามจะจับตัวอีกฝ่ายไว้… แต่ก็วิ่งเร็วชะมัด ไอ้มิกกี้มันหายแว๊บเข้าไปในรถซะแล้ว ดู๊ดู… ไอ้แบบนี้เค้าไม่เรียกว่าหอมหรอก… เดี๋ยวจะสอนให้ว่าภาคปฏิบัติเค้าทำยังไง หึหึ
ผมยืนยิ้มคนเดียวเหมือนเป็นบ้า แล้วก็เดินไปนั่งลงตรงที่คนขับ หันไปมองไอ้ตัวดีที่นั่งอยู่เบาะหลังผ่านกระจกเป็นระยะๆ มันเองก็มองผมตอบบ้างครับ แต่ส่วนใหญ่จะทำหน้าแดง หันหน้าหนีมากกว่า ทำเป็นมองวิวมองนกมองไม้มองอะไรไปเรื่อย
“แล้วนี่ไปไหนกันอ่ะ?” สุดท้ายไอ้มิกกี้ก็เริ่มบทสนทนาขึ้น สงสัยคงมองข้างทางแล้วงงว่านี่ไม่ใช่ถนนกลับคอนโด
“เดี๋ยวไปคุยธุระกับลูกค้า ไม่นานหรอก น่าจะชั่วโมงนึง รอได้มั้ย?” ผมตอบ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองปฏิกิริยาคนข้างหลังไปด้วย
“ทั้งสองคนเลยเหรอ?”
“อาฮะ รอนะ แป๊บเดียว” ผมยิ้มผ่านกระจกไปให้ ไอ้หนูทำหน้างอนิดนึง แต่ก็พยักหน้าตอบกลับ นั่งชันเข่าบนเบาะเล่นผมตัวเองไปเรื่อยตลอดทาง
……………………
ไม่นานเราก็มาถึงตึกที่นัดไว้แถวๆ สวนลุมครับ ผมก้มมองดูนาฬิกา… อืม อีก 10 นาทีบ่ายโมง ทำเวลาได้ดี… พวกเราเดินมาตรงคาเฟ่ภายในพร้อมกับแฟ้มในมือ
“ไปนั่งรอ สั่งอะไรก่อนป่ะ” ผมดันหัวเจ้าหนูให้ไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งริมกระจกใสบานโต สามารถมองเห็นวิวจากชั้น 100 กว่าๆ ได้สบายๆ ไอ้มิกกี้เองก็กำลังตื่นตะลึงกับความงามรอบตัว ไม่ได้สนใจผมเล้ยยย… มันหย่อนตรูดนั่งลงหมับ แล้วแปะสองมือเข้าที่กระจก ทำหน้าตาเหรอหราปนหวาดเสียวมองวิวกรุงเทพ
“..อ๊ะ แล้วเฮียกะพี่ไมล์จะไปไหนอ่ะ??” ไอ้หนูรีบดึงแขนเสื้อผมไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าผมกำลังเดินไปอีกทาง
“ก็ไปคุยธุระน่ะสิ”
“ทิ้งผมไว้คนเดียวเหรอ?” ดูทำหน้าเข้า…หมาหงอยมาเชียว
“ไม่ได้ทิ้ง นั่งอยู่โต๊ะนั้น ไม่ไกลหรอก เห็นมั้ย” ว่าแล้วก็ยกมือชี้ไปอีกโต๊ะที่จะออกแนวหรูหราและเป็นทางการมากกว่าครับ เป็นโต๊ะพิเศษที่ผมจองไว้เวลามาคุยงาน เพราะมันได้ทั้งบรรยากาศดีๆ และเป็นกันเองกว่าไปคุยในห้องสี่เหลี่ยมหรือออฟฟิศ
“อืม…” ไอ้มิกกี้ยังไม่ยอมปล่อยมือ ทำท่าลังเลๆ มองไปมองมาอยู่แบบนั้น
“รอแป๊บเดียว… นะ เด็กดี” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มขาวๆ ของอีกฝ่าย จนมันทำหน้ามู่ทู่
“…เร็วๆ นะ”
ผมแปะมือบนหัวบนไอ้มิกกี้อีกที แล้วขยี้ๆ จนมันต้องปัดมือผมออก แล้วเซ็ทผมตัวเองใหม่ ห่วงหล่ออีกนะไอ้ตัวยุ่ง… ว่าแล้วก็เดินยิ้มอารมณ์ดีไปกับไอ้ไมล์
“รอแป๊ปนะ เด็กดี” ไอ้หน้าลิงทำเสียงล้อเลียนทันทีที่เรามาถึงโต๊ะ
“เป็นอะไรของมึง” ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงงๆ แต่ก็ยังอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้… อารมณ์ดีถึงขีดสุดเลยเว้ยกรู
“สัด อย่าคิดว่ากรูไม่เห็นนะ แล้วหูกรูก็ไม่ได้หนวกด้วย”
“แต่เดี๋ยวปากมรึงได้เป็นใบ้แน่” ผมยกนิ้วชี้หน้าไอ้ไมล์ พร้อมกับจัดเตรียมเอกสารไปด้วย
“โหหหห มีขู่ๆ… กลัวแล้วครับเฮียยย” มันเน้นคำว่า ‘เฮีย’ ซะเสียงดัง เล่นเอาผมหันซ้ายหันขวากลัวใครบางคนได้ยิน
“มรึงเงียบไปเลย วันนี้กรูอุตส่าห์มาช่วยนะ…ไม่งั้นมรึงไม่รอด”
“คร้าบบบบ… เฮียยยย ว่าแต่เสร็จนี่ไปดื่มฉลองมั้ยวะ” ไอ้ไมล์ทำหน้ากรุ่มกริ้ม กระซิบกระซาบใส่ผม อยากจะบอกว่ามรึงจะกระซิบทำเตี่ยอะไร นั่งกันอยู่สองคนเนี่ย -*-
“ยังไม่รู้เลยว่าเจรจาสำเร็จรึเปล่า ฉลองป๊ะไรของมรึง” ผมตอบแบบหงุดหงิด ห่านี่ ช่วยก็ไม่ช่วย ชวนเพื่อนเสียตังค์อยู่เรื่อย
“กรูไม่ได้ฉลองเรื่องนี้… รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็เสร็จมรึง แต่ฉลองเรื่อง…” มันก้มหน้าเข้ามาใกล้ผม แล้วเสตาไปมองอีกโต๊ะหนึ่งที่อยู่ด้านหลังมันไป แต่อยู่ในระดับสายตาผมพอดี (ก็เลือกไว้ให้เห็นง่ายๆ นี่แหล่ะครับ)
“ทำไม” ผมถามเสียงเย็น ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อย่าคิดว่ากรูไม่รู้ ไม่เห็นนะ” มันยังคงกระซิบเสียงเบาต่อไป
“รู้อะไร?” และผมก็ทำไขสือต่อไป
“มรึงจะมาปากหนักอะไรกะกรูวะ!? กรูคบกับมรึงมากี่ปีแล้วววว มองตาก็เห็นไปถึงไส้ติ่ง!”
“หมายความว่าไง?” ผมยังคงน้ำเสียงปกติ แต่คิ้วเริ่มขมวดกันมากขึ้น
“เรียบร้อยแล้วล่ะสิ น้องกี้อ่ะ”
“หึ นึกว่าเรื่องอะไร” ผมยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะมองหน้ามันแบบเหยียดๆ
“ไรวะ! มรึงจะชิวเกินไปละ บอกกรูมาว่าเสร็จรึยัง!?” ไอ้ไมล์สีหน้าจริงจัง มันรีบยึดแฟ้มผม แล้วปิดทันทีเพื่อเค้นหาคำตอบ
“….เสร็จกรูตั้งแต่วันแรกแล้ว” อย่าหาว่าโม้เลยครับ ขอนิดนึงเหอะ เวลาอยู่กับเพื่อนเนี่ย
“ไอ้โม้!” อ่าว รู้ทันกรูอีก สาดดดด
“เออ มรึงจะอะไรนักหนาวะ…”
“ก็กรูอยากรู้ ถ้ายัง กรูจะได้…” ไอ้ไมล์ทำหน้าหื่นน้ำลายเยิ้ม…
“อย่ายุ่งกับมิกกี้ ไม่งั้นมรึงจะทั้งหูหนวก ตาบอด และเป็นใบ้ไปตลอดชีวิตแน่ เข้าใจ?” ผมยิ้มโหดใส่อีกฝ่าย จนไอ้ไมล์ทำท่าขนลุกซู่
“ขู่กรูจริง…ชิ”
“สวัสดีค่ะหนุ่มๆ คุยไรกันอยู่เหรอ” ผมและไอ้ไมล์เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวานที่ทักมา ผมรีบลุกขึ้นแล้วผายมือเชิญอีกฝ่ายนั่งลงทันที
“เชิญครับ คุณปอแก้ว…”
“ขอบคุณค่ะแดน บอกแล้วว่าให้เรียกปอเฉยๆ เรียกแบบนั้นดูห่างเหินกันจัง” ผมล่ะไม่อยากจะคิดในใจว่าก็ห่างเหินจริงๆ ไงเล่า… มองหน้าไอ้ไมล์ทีนึง ท่าทางมันจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เลยยิ้มให้แหยงๆ
“ไม่ดีหรอกครับ ผมเป็นแค่พนักงานบริษัทที่ตอนนี้ตกกระป๋องไปแล้ว จะไปตีสนิทคุณปอแก้วได้ยังไง” ผมบอก แล้วหมายจะเขยิบไปนั่งอีกฝั่งกับไอ้ไมล์ แต่ก็…
“มานั่งนี่สิคะ ผู้ชายสองคนนั่งด้วยกัน เบียดแย่…” ผมกับไอ้ไมล์มองหนากันเล็กน้อยอย่างรู้เท่าทัน แต่จะให้ทำยังไงล่ะครับ ขัดไปก็ดูจะแย่ต่อการผลประโยชน์ ผมเลยทำตาม ย้ายกลับมานั่งข้างเธอตามเดิม
“ครับ… คุณปอแก้ว”
“เดี๋ยวเถอะ บอกว่า ปอๆ” เธอทำท่างอนค้อนเล็กน้อยพองาม แสดงถึงกริยามารยาทแบบผู้ดีอย่างเด่นชัด คือไม่น่าเกลียดและไม่ดูคุณหนูเกินไป
“ครับ…ปอ”
ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วก็เริ่มต้นด้วยการทักทายพูดคุยสัพเพเหระก่อน… ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเจ้าตัวและครอบครัว ซึ่งเธอก็ตอบอย่างละเมียดละไม มีที่ถามถึงงานใหม่ผมบ้าง… ผมเองก็ตอบไปตามตรงและปฏิเสธคำขอของเธอที่ต้องการให้ผมไปทำงานที่บริษัทให้ได้เหลือเกิน แต่คุณปอแก้วเองก็ไม่ได้เจาะจงถามแต่ผมจนน่าเกลียดหรอกนะครับ ไม่งั้นไอ้ไมล์คงนอยด์ที่มันมานั่งเป็นหัวหลักหัวตอ… พอมันโดนถามบ้างเท่านั้นแหล่ะ กระตือรือร้นตอบใหญ่ ผมล่ะขำชะมัด…
แล้วสักพักเราก็เริ่มคุยเรื่องธุรกิจกัน… นี่คือข้อดีของคุณปอแก้วครับ เธอเป็นผู้ใหญ่ และมีคุณสมบัติของผู้นำสูง สามารถพูดคุยเล่นได้ แต่พอมาเรื่องงานก็จะจริงจังราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน… บางทีผมยังคิดแปลกใจว่าทำไมไม่ชอบเธอนะ ไม่งั้นคงเป็นคู่ที่ดูสมกันมากๆ ไม่ได้จะเข้าข้างตัวเองหรอก… แต่ผู้หญิงที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์แบบนี้มาชื่นชอบผม… ก็ขอคิดบ้างล่ะว่าตัวเองมีดีมากเกินพอในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง
ผมมองดูนาฬิกา…ผ่านไป 20 นาทีแล้ว ไอ้มิกกี้เป็นยังไงบ้างนะ… ว่าแล้วก็แอบชะโงกหน้าไปมองซะหน่อย ก็ดูสบายดีนี่ มันนั่งเอากระดาษกับปากกาขึ้นมาวาดรูปบนโต๊ะหยุกหยิกๆ ผมเห็นแบบนั้นก็โล่งใจ เลยหันมาคุยธุระต่อ


พวกเราสามคนคุยกันเพลิน… หัวเราะเสียงดังด้วยอารมณ์ขันของไอ้ไมล์ และความเป็นกันเองของคุณปอแก้วทำให้การเจรจาราบรื่นเป็นอย่างมาก จนกระทั่งผมรู้สึกมือถือสั่นในกระเป๋ากางเกง…
(หัวเราะอะไรกันเสียงดัง เสร็จรึยัง ผมง่วงแล้วนะ)
ผมถึงกับเกือบหัวเราะออกมากลางวงสนทนา… ดีนะที่กลั้นไว้ทัน ว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองไอ้โต๊ะที่อยู่ถัดไปประมาณ 3-4 ตัว… ไอ้ตัวยุ่งทำหน้ายุ่งสมชื่อ มันนั่งชันเข่าเอาขาสองข้างขึ้นมาบนเก้าอี้ แล้วมองมาที่ผม ทำปากยื่น

ผมอาศัยช่วงที่คุณปอแก้วกับไอ้ไมล์กำลังคุยกันออกรส… พิมพ์ส่งเมสเสจกลับไปทันที
(หัวเราะไอ้เด็กนั่งโชว์ของดี ซิบไม่ยอมรูด)
ทันทีที่มือถือของมันสั่น ไอ้มิกกี้รีบหยิบขึ้นมาดู… แล้วหุบขาตัวเองลงทันที

มันก้มลงดูเป้ากางเกงตัวเอง แล้วส่งสายตาอาฆาตมาให้ผม… ประมาณว่า ตรูรูดซิบแล้ววววววววว หลอกกกกันนี่หว่า!! ผมถึงกับต้องก้มหน้าแล้วยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ทำเป็นไอเพื่อปิดรอยยิ้ม
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะแดน?” คุณปอแก้วหันมาถาม แล้วรีบหยิบขวดน้ำมาเติมในแก้วผมให้
“ฮึฮึ่มมม ไม่เป็นไรครับ… แค่ฝืดคอนิดหน่อย” ผมตอบกลับไปยิ้มๆ ที่ยิ้มไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ เพราะอารมณ์ยังค้างกับเจ่าหนูต่างหาก
“งั้นดื่มน้ำก่อนค่ะ” เธอยิ้มกลับให้ผมแบบอายๆ คาดว่าคงเขินที่ผมยิ้มให้ซะหวานทั้งปากทั้งตาขนาดนั้น จะแก้ตัวก็ไม่ทันแล้ว เลยตามน้ำไปเรื่อย
“ขอบคุณครับ” ผมมองดูหน้าไอ้ไมล์ที่กำลังเอ๋อๆ แล้วก็ยิ่งขำ… มันเลยส่ายหัวให้อย่างระอา คงพอเดาได้ว่าผมหัวเราะอะไร
…ตืดดด …ตืดดด…
(รูดซิบแล้ว! ไอ้เฮียบ้า! ตัวเองแหล่ะนั่งกะสาวสวยหน่อยทำหน้าบานอยู่นั่น -*-)

มันไม่ได้ส่งมาอย่างเดียว แต่แลบลิ้นให้ผมด้วยทันทีที่แอบชะโงกหน้าไปมอง… หึหึ เด็กน้อยเอ้ยยย ผมไม่ได้ตอบข้อความอะไรกลับไปอีก เพราะการสนทนาเริ่มมาถึงตอนสำคัญ ทำให้ต้องจดจ่อและใช้สมาธิกับงานตรงหน้าอย่างมาก ไม่รู้ทำไม…ทั้งๆ ที่เธอก็ดูจะคุยเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรับผลิตภัณฑ์ของเรา แต่ตอนนี้กลับทำหน้าลังเลๆ หน้าที่ผมก็ต้องพูดจูงใจให้เธอกลับมาทำสีหน้าแน่วแน่แบบครั้งแรกอีกครั้ง
“โอเคค่ะ ปอรับตัวนี้ไว้” เธอเอ่ยขึ้นเสียงใส หลังจากที่นั่งพิจารณาอยู่นาน เอกสารมากมายกองเกลื่อนโต๊ะไปหมด…
“ขอบคุณมากครับ!” เสียงไอ้ไมล์ดังขึ้นก่อนผมเสียอีก.. มันยิ้มร่าพร้อมส่งซิกมาให้ผม แน่นอนล่ะ งานนี้สำเร็จก็ถือว่างานมันสำเร็จไปด้วยครับ… และนั่นหมายถึงโบนัสก้อนโต
“ขอบคุณมากครับ คุณปอแก้ว” ผมยิ้มให้อีกฝ่าย
“ปอค่ะ บอกแล้วไม่จำแบบนี้สงสัยยังเซ็นไม่ได้ซะล่ะมั้ง” เธอควงปากกาไปมาบนใบสัญญา เล่นเอาผมกับไอ้ไมล์เสียวสันหลังกันเลยทีเดียว
“ครับ ปอ ขอโทษด้วย…” เธอยิ้มทันทีที่ผมพูดเสร็จ จรดปลายปากกาลงบนช่องว่าง และตวัดภายในพริบตา
“แล้วก็… ขอของแถมเป็นดินเนอร์คืนนี้ได้มั้ยคะ?”
“เอ่อ…”
ผมมองหน้าไอ้ไมล์… แมร่งเอ้ย ทำหน้าประหลักประเหลือกปนกระสับกระส่าย… นึกออกกันมั้ยครับ ก็มันกลัวคุณเธอจะฉีกสัญญาทิ้งน่ะสิ ชื่อเสียงคุณปอแก้วน่ะโด่งดังเรื่องฉีกหน้าจะตาย เพราะเธอเป็นคนมั่นใจสูงจนบางครั้งก็สามารถทำอะไรแรงๆ ได้เหมือนกัน… มันพยักหน้าให้ผมรับปากใหญ่
“ผมเกรงว่าคงไม่ได้ครับ ปอ… คืนนี้ผมมีนัดแล้ว” ผมรีบบอกปัดอีกฝ่ายไปอย่างละมุนละม่อมที่สุด
“เฮ้อ เป็นแบบนี้ทุกทีเลย เมื่อไหร่ปอจะมีโอกาสได้ดินเนอร์กับแดนสองต่อสองบ้างเนี่ย” เธอทำหน้าเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ไม่แสดงออกมาก… เพราะกลัวดูไม่ดี
“ขอโทษด้วยนะครับ เอาไว้คราวหน้า…”
“อย่ารับปากเลยค่ะ เพราะรับปากทีไร แดนไม่เคยทำตามที่ปอขอสักที…”
เธอพูดดัดคอผม แล้วยิ้มให้อย่างเท่าทัน… เล่นเอาผมโล่งใจไปเหมือนกัน เพราะที่บอกคราวหน้าน่ะ ก็ด้วยมารยาทล้วนๆ ไม่ได้อยากไปด้วยเลยสักนิด สมกับเป็นคนมีการศึกษาจริงๆ ไม่ได้เที่ยววีนแตกกระทืบเท้าหรือเล่นบทน้ำตาแบบผู้หญิงทั่วไป แบบนี้เค้าคงเรียกว่า สวยเลือกได้ รึเปล่าครับ?
ผมกับไอ้ไมล์บอกลาคุณปอแก้วพร้อมกับสัญญาที่เซ็นเรียบร้อยในมือ… พอเธอเดินจากไป ผมกับมันก็มองหน้ากันทันที ไอ้ไมล์กระโดดโลดเต้นกอดคอผมด้วยความดีใจ ส่วนผม… มองหาไอ้ตัวยุ่งเป็นอันดับแรก….
หายไปไหนแล้ว!?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รูปช่างเข้า หาเองชอบเอง กี๊สสสส ตอน msg น่ารักได้อีกกก
ว่าแต่ ฮ ทำมิกกี้หาย 