กรมธรรม์ประกันชีวิตมีกี่แบบ ให้เลือกพิจารณา
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedsengped[at]gmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรมธรรม์ประกันชีวิตมีกี่แบบ ให้เลือกพิจารณา  (อ่าน 6 ครั้ง)

ออฟไลน์ airrii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
การวางแผนอนาคตทางการเงิน และการสร้างความมั่นคงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง กรมธรรม์ประกันชีวิต คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เป้าหมายนี้เป็นจริงได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับมือใหม่ การทำความเข้าใจประเภทของกรมธรรม์ประกันชีวิตอาจจะดูซับซ้อนไปบ้างกรมธรรม์ประกันชีวิต มีกี่แบบ และแต่ละแบบมีความโดดเด่นอย่างไรบ้าง

ประกันชีวิตคืออะไร
ก่อนจะไปดูประเภทของกรมธรรม์มาทำความเข้าใจพื้นฐานกันก่อน ประกันชีวิต คือสัญญาที่ทำขึ้นระหว่าง ผู้เอาประกันภัย (ลูกค้า) กับ บริษัทประกันชีวิต (เช่น ไทยประกันชีวิต) โดยที่ผู้เอาประกันภัยจะจ่ายเบี้ยประกันเป็นงวดๆ และบริษัทจะจ่ายเงินผลประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนด เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น การเสียชีวิต การมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา หรือการเจ็บป่วย/ทุพพลภาพ (ขึ้นอยู่กับสัญญาเพิ่มเติม)



กรมธรรม์ประกันชีวิตมี 4 ประเภทหลัก
โดยทั่วไปแล้ว กรมธรรม์ประกันชีวิตสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ตามลักษณะของความคุ้มครองและผลตอบแทน ดังนี้:

1. ประกันชีวิตตลอดชีพ
เน้น: ให้ความคุ้มครองยาวนาน ตลอดชีวิต ของผู้เอาประกันภัย (ส่วนใหญ่มักจะถึงอายุ 90 ปี หรือ 99 ปี)
การจ่ายเบี้ย: ชำระเบี้ยประกันเป็นระยะเวลาสั้นกว่าความคุ้มครอง เช่น ชำระ 10 ปี, 20 ปี, หรือจนถึงอายุ 60 ปี แต่ให้ความคุ้มครองยาวไป
จุดเด่น: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างมรดก หรือต้องการความคุ้มครองระยะยาวให้แก่ครอบครัวอย่างแท้จริง มีมูลค่าเงินสดสะสมในกรมธรรม์
ตัวอย่างจากไทยประกันชีวิต: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนมรดกและหลักประกันให้ครอบครัวระยะยาว

2. ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา
เน้น: ให้ความคุ้มครอง ตามระยะเวลาที่กำหนด อย่างชัดเจน เช่น 5 ปี, 10 ปี, 20 ปี หรือถึงอายุ 60 ปี
การจ่ายเบี้ย: เบี้ยประกันค่อนข้างต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเภท เนื่องจากไม่มีการสะสมมูลค่าเงินสด
จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูง ในช่วงระยะเวลาที่มีภาระหนี้สินสูง หรือมีลูกที่ยังต้องดูแล เมื่อครบกำหนดสัญญา สัญญาก็จะสิ้นสุดลง
ตัวอย่างจากไทยประกันชีวิต: เหมาะสำหรับคนที่มีงบจำกัด แต่ต้องการวงเงินคุ้มครองสูงในระยะสั้น/กลาง

3. ประกันชีวิตสะสมทรัพย์
เน้น: การผสมผสานระหว่าง ความคุ้มครองชีวิต และ การออมเงิน/การลงทุน
การจ่ายเบี้ย: ชำระเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนด และจะได้รับเงินคืนเป็นงวดๆ หรือได้รับเงินก้อนใหญ่เมื่อครบกำหนดสัญญา
จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินที่มีวินัย พร้อมทั้งได้รับความคุ้มครองชีวิตไปพร้อมกัน ผลตอบแทนแน่นอนและทราบล่วงหน้า
ตัวอย่างจากไทยประกันชีวิต: มีหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบออมสั้น คืนเร็ว และแบบออมยาวเพื่อเป้าหมายใหญ่ เช่น การศึกษาบุตร หรือวัยเกษียณ

4. ประกันชีวิตควบการลงทุน
เน้น: ความยืดหยุ่นสูง โดยผู้เอาประกันสามารถ เลือกสัดส่วน ของเบี้ยประกันที่นำไปใช้ในการคุ้มครองชีวิต และส่วนที่นำไป ลงทุนในกองทุนรวม
จุดเด่น: สามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและแผนการลงทุนได้ตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงชีวิต มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูง (แต่ก็มีความเสี่ยงตามมาด้วย)
ตัวอย่างจากไทยประกันชีวิต: เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ ต้องการความคุ้มครองที่สูง พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าเงินฝาก

Share This Topic To FaceBook

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด