(นิยายแฝด)Obviously See Through!-เห็นนะ!อย่าหลบพี่(ตบจูบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (นิยายแฝด)Obviously See Through!-เห็นนะ!อย่าหลบพี่(ตบจูบ)  (อ่าน 611 ครั้ง)

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2023 22:15:36 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Title   :  Oh,My Dear Ghost! - อุตลุตชุลมุนผีวุ่นพี่โคม่า
Genre :  Mature, Slice of Live, Investigation, Political Affairs
Summary:
          อยู่ดีแบบโคม่า! ได้ความสามารถเหนือธรรมชาติมาเป็นดวงตาเห็นผี(น่ารัก) นักต่อสู้ทางการเมืองสุดจะมึนตึบนอกจากคนที่ต้องตามปฏิรูปยังมีผีที่ต้องอยู่ดูแลด้วยชีวิตนี้จะคุ้มเกินคนปกติไปแล้ว

คำเตือน
          นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงให้การอ่านและส่งเสริมจินตนาการพลพรรคคนรักสายวายเท่านั้น เนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดหรือบุคคลใดและสถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

Intro
         ผมพยายามหลายครั้งที่ดึงร่างกายหนักอึ้งของตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งได้เสียที ไม่รู้วันไม่รู้เดือนทุกอย่างเวียนวนอยู่กับเรื่องเดิมๆ เหตุการณ์ในความคิดเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขบวนรถยนต์ของเหล่าผู้นำหลากหลายประเทศเสียงตูมตามเกิดการระเบิดต้องตะเกียดตะกายเอาตัวให้รอดจากเหตุการณ์ไม่เกิดคาดแต่ระแวดระวังไม่ยอมให้ตัวเองต้องจนหนทางต่อเหตุการณ์จราจลประทุษร้ายที่อาจคร่าชีวิตเขาได้
         ทุกครั้งที่ลืมตาเหมือนยังไม่ตื่นจากฝัน ยามหลับตาเหมือนมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่เลือนหาย ร่างกายหนักอึ้งไม่สามารถดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งจากท่านอนจนปวดเมื่อยไปทั่ว
         อาการเจ็บปวดตามร่างกายพลัดกันแสดงตัวหมุนเปลี่ยนตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย กลิ่นอันคุ้นเคยลอยฟุ้งแตะจมูกที่สูดดมจนเคยชิน กลิ่นหอมประหลาดที่ทำให้ผมรู้สึกสะอาดหมดจดไปทั้งตัว
          ‘ผมยังไม่ตายสินะ หรือเกิดใหม่!จอสถานะ! มันอยู่ไหนล่ะ!?’ ยากจะเดาคำตอบเหลือเกิน ปล่อยให้ดำเนินแบบนี้ไปก่อนไว้ให้เขาฟื้นจากอาการบาดเจ็บสุดสาหัสครั้งนี้ไปก่อนคงได้คำตอบที่แท้จริง
          ได้ยินเสียงล้อรถเข็นบดเบียดกับพื้นทำให้รู้สึกจั๊กจี้รูหู มีบางสิ่งแทรกซึมเข้าร่างกายเจ็บๆ คันๆ ยิบยับไล่ตามเส้นเลือดและกล้ามเนื้อ ความเจ็บปวดบรรเทาลงอย่างช้าๆ เสียงสัณญาณจากเครื่องช่วยชีวิตหลายขนานส่งเสียงคุยกันจ๊อกแจ๊กจอแจแต่เขาไม่อาจเข้าใจ ได้แต่นอนฟังรอให้หมอและพยาบาลมาตรวจเจ้าเสียงเจื้อยแจ้วของเครื่องพวกนี้
          เขาอยากหลับตาลงช้าๆ จะได้หลับไปพร้อมกับสภาพแวดล้อมใหม่นี้ ความเจ็บปวดทุเลาลงคงเพราะยาบางอย่างเมื่อครู่ซึมลึกสู่เข้าร่างกาย การต้องแบกรับความเจ็บปวดหลากรูปแบบผ่านคืนวันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เหตุการณ์เลวร้ายนั่น
         ไม่รู้ร่างกายผิดปรกติตรงไหนหลับตายังไงตาก็ไม่ปิดลงเสียที!
         เสียงคนผู้คุยกันสั้นบ้าง ยาวบ้าง ขาดหายเป็นช่วงๆ แต่จับใจความคำพูดเหล่านั้นได้ลำบากอาจด้วยความไม่คุ้นชินด้านภาษาแต่เขามั่นใจว่าตัวเองมีความชำนาญภาษากลางมากพอสมควรและความสามารถทางภาษาอยู่ในระดับดี
        ‘ให้ตาย!’ แย่ที่สุดผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เคว้งคว้างล่องลอยหากไม่เจ็บปวดร่างกายของเขาล่องลอยเห็นนอนบนนุ่นปุกปุย ภาระหน้าที่ที่เขาต้องทำจะมารอให้เขาทำตัวไร้แก่นสารไปวันๆ แบบนี้ไม่ได้
         ป่านนี้แล้วข่าวของเขาไม่หลุดไปถึงกลุ่มคนไม่หวังดีแล้วหรือไง? ท่านรัฐมนตรีที่เข้าร่วมฝ่ายเขาคงไม่ประสบเหตุเหมือนเขาใช่ไหม? กลุ่มปฏิวัตของเขาและพวกแล้วยังประชาชนที่สนับสนุนงานที่เขาและพวกพ้องเดินหน้าทำเพื่อประเทศทุกอย่างจะมาหยุดนิ่งเพราะตัวเขาไม่ได้
         'สวัสดี! คุณมนุษย์ต่างดาว' เสียงเจื้อยแจ้วชวนปวดหัวกลับเข้ามากวนประสาทเขาอีกแล้ว อยากจะทุบให้สักทีจะได้เลิกวุ่นวายรอบตัวเขาแบบนี้ ปล่อยให้นอนหลับตาเบิกโพลงแบบนี้ไปคนเดียวได้ไหม
         ร่างโปร่งแสงกระพริบระยิบระยับตามมาหลอกหลอนเขาทุกวัน อยากจะเบิกตามองหน้าให้ชัดๆ แต่เห็นมองมองเห็นได้ไม่เต็มสองตา
         ตั้งแต่ได้สติเจอแต่เจ้าเด็กแสบนี้เวียนวนเข้ามาทักทายไม่หยุดหย่อน ใบหน้าค่าตาก็มองไม่เห็นได้ยินแต่เสียงพูดคุยกับเขาเหมือนนกกระจอกแตกรัง พร่ำบอกว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวบ้าบออะไรนั่นความคิดเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เพ้อเจ้อกันไปใหญ่
        ตัวยาเริ่มทำหน้าที่ของมันได้ทันใจผมเสียจริงจะได้หนีจากเจ้าเด็กกวนใจนี่เสียที ฝันร้ายที่แสนเงียบสงบกำลังกลืนกินทุกอย่างที่เป็นตัวเขาดึงร่างกายและจิตใจที่เหลืออยู่เข้าสู่วังวนแห่งอาการโคม่า!

          คุณพี่ใจเย็นร่มๆนะคะ อาการแย่แล้วก็ยังไม่ทิ้งความโหด!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2024 17:19:43 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
My Lost son!-ลูกรักผู้หลงทาง
         หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดครั้งสำคัญในประวิติศาตร์ รัฐาบาลได้สั่งให้มีการซ้อมรับมือกับสถานการฉุกเฉินวนเวียนไปตามสถานที่สำคัญทางราชการและกระทรวงต่างๆ   
          ภาวะกิจ Lost Son ถูกส่งให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นผู้ตรวจสอบและดำเนินการสอบสวน
          “ลูกชายสบายดีไหม” คู่สนทนาไม่ได้ตอบคำถามแต่ส่งเอกสารให้เปิดอ่านด้วยตัวเอง
         “ผมกำลังเตรียมการช่วยชีวิตลูกชาย จะรอดหรือไม่มีแต่ทีมแพทย์เท่านั้นที่รู้” เอกสารถูกอ่านเรียบร้อยแล้วสอดกลับไว้ในซองเช่นเดิมพร้อมกับบอกความตั้งใจแน่วแน่ที่ต้องการช่วยลูกชายให้กลับมาอีกครั้ง ฝากความหวังไว้กับโชคชะตาและความดวงแข็งของคนเป็นลูกชายแค่ในนาม
         “ทุกอย่างยังดำเนินไปตามแผนหรือไม่ครับ” เสียงไร้อารมณ์ของคนสนิทถามสถานการณในตอนนี้
         “มีอะไรให้กังวลหรือ อาจผิดแผนนิดหน่อยที่ต้องลงจากตำแหน่งเร็วกว่าที่คาดการไว้”
         “ผมยังไม่ได้ข่าว”
         “ไม่ได้ข่าวใช่ว่าจะไม่มีมูล ผมอยากได้รายชื่อบุคคลที่อาจเป็นภัยต่อลูกชายตอนนี้เลย” คนดำรงตำแหน่งรักษาการฝ่ายปกครองบ้านเมืองรู้ดีว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีรอเหตุการณ์บ้านเมื่องที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงและการรับข่าวสารที่หลากหลายที่มาทำให้เกิดความสับสนทางความคิดของประชาชน
         เสียงบทสนทนาต่อเนื่องไม่สื่อความหมายและความรู้สึกอะไรเหมือนการพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยแต่มีความหมายเป็นนัยที่คู่สนทนารู้กันเพียงสองคน ทั้งสองหลีกเลี่ยงการพูดคุยที่เป็นวาระสำคัญในที่ทำงานมานานแล้วรวมทั้งคณะทำงานทุกคนจะไม่พูดเรื่องราวไม่จำเป็นนอกจากเรื่องงาน หากต้องการพูดเรื่องสำคัญเป็นการส่วนตัวพวกเขามีที่เชฟโซนไว้โดยเฉพาะ
         “หากสาวลึกเราต้องมีหลักฐานแน่นหนาแค่สัณนิฐานและเชื่อมโยงยังคงไม่พอจะจับได้ทั้งขบวนการ” เลขาบัดด์แสดงความเห็นโดยปกติเขาแทบจะไม่ขยับปากพูดหรือแม้แต่จะยิ้มอยู่แล้ว
         “มีหลายหัวข้อที่ผมยังไม่เข้าใจสถาณการณ์ต่อนี้มันเกินกว่าที่พ่อและผมคาดเดาไว้มาก มันใหญ่มากเกินกว่าแผนหลักและแผนสำรองที่เราวางไว้ ที่ผมอยากทำให้สำเร็จอันดับแรกคือบั่นทอนกำลัง” คนเป็นเสมือนเจ้านายพูดจากพรวดออกในครั้งเดียวแทบไม่เว้นวรรคให้คนฟังได้ตีความ
         “เราพยายามกันมาหลายสมัยแล้ว บางครั้งเหมือนกับราดน้ำมันบนกองไฟ” การเมืองจะน่ากลัวที่สุดตอนที่มีเหตุการณ์อ่อนไหวเป็นตัวกระตุ้นแต่จะยิ่งแย่ไปกว่านั้นถ้าคณะบริหารไม่มีอำนาจเด็ดขาดจะจัดการนักการเมืองหัวคิดขบถได้
         “ยุคสมัยเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่ไม่เชื่อเรื่องศรัทธาสร้างสันติสุขและเสรีภาพอีกแล้ว ลูกชายและพวกเป็นตัวอย่างจริงที่น่าสนใจ
         นักการเมืองยังหนุ่มแน่นถอดหายใจยาวเหมือนผ่านเรื่องราวชีวิตมานักสี่สิบห้าสิบปี ความกังวลแสดงออกชัดเจนทั้งสีหน้าและแวดตาเมื่อพูดถึงลูกชายคนสำคัญที่ตอนนี้ไม่อาจบอกได้ว่ามีชีวิตอยู่หรือตายจะดีที่สุดสำหรับเจ้าตัว
         “เหตุการณ์เหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ นายว่าอย่างนั้นไหม” หนุ่มนักการเมืองตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบกับเลขาส่วนตัวผู้สวมหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดอีกตำแหน่ง
        “หากนายมีลูกชายอยากให้เขาเป็นคน หุ่นยนต์ หรือปีศาจ...ดีล่ะ?”
        เลขาส่วนตัวเดินเข้าประกบด้านหลัง การที่ผู้ใต้คุ้มครองยืนเด่นเป็นสง่าด้านหลังบานหน้าต่างกระจกโปร่งใสสุ่มเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยจากลูกกระสุนส่องเป้าระยะไกล
      “ไม่ว่าคนหรือปีศาจถ้ายังเป็นลูกชายไม่เห็นต้องใส่ใจ” เป็นคำตอบที่หนักแน่นฟังดูโหดร้าย ลูกใครใครก็รักไม่ว่าจะดีละเลว พ่อคนแม่คนย่อมมองลูกตัวเองน่ารักทุกท่วงท่าและการกระทำยังคงเป็นเด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดูอยู่วันยังค่ำ
        “ใจร้ายชะมัด!” นักการเมืองหนุ่มยอมหลบกลับเข้ามายังด้านในห้องทำงานห่างจากกระจกเจ้าปัญหา คำตอบของคนสนิทไม่เกินความคาดหวังเขานักแต่ดูจะใจร้ายไปหน่อยถ้าลูกชายต้องกลายเป็นปีศาจด้วยการตัดสินใจของพ่อกำมะลอคนนี้
         นักการเมืองอนาคตไกลตั้งความหวังให้เดอร์เตอร์แซคคารีนยังต้องการทุนการทำวิจัยการแพทย์อยู่ในตอนนี้ นายทุกใหญ่ของเราน่าจะทนไม่ไหวที่จะสาดเม็ดเงินมหาศาลในการทำวิจัยครั้งนี้จนกระเป๋าสั่นแล้ว
         นักการเมืองและเลขาบอดี้การ์ดเดินออกไปด้านนอก ห้องทำงานเงียบสงบเหมือนเช่นหลายๆ วัน แม้เจ้าของห้องจะไม่อยู่แล้วเครื่องบันทึกเสียงที่ถูกซ่อนไว้ภายในห้องยังคงทำงานไปตามปกติ กล้องวงจรปิดภายในห้องยังทำงานของมันตามหน้าที่ไม่บกพร่อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่บางคนที่กำลังมองดูเหตุการณ์ในที่ลับไม่ให้คราดสายตาแม้แต่นาทีเดียว
        “ท่านรองฯไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่” ไม่รอความสงสัยทำงานให้ล่าช้าเขากดโทรศัพท์ต่อสายตรงถึงผู้เป็นนายตัวเองและรายงานเหตุการณ์ที่เห็นในจอมอร์นิเตอร์และเครื่องส่งสัณญาณเสียงทันที

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
THE FATHER!
Sinners or Saints - คนจะดีไม่มีนิยามมารุงรัง

          ณ สถาณที่ทำการพรรคการเมือง ภายในห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารพรรคระหว่างการเตรียมการจัดพิธีฌาปนกิจของผู้นำพรรคที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสำคัญในรัฐบาลปัจจุบัน
          เสียงการรายงานข่าวดังมาจากโทรทัศน์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการระเบิดครั้งสำคัญบริเวณด้านหน้าอาคารกลาโหมเมื่อวันก่อน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถึงสาหัสรวมถึงผู้เสียชีวิตที่หนึ่งในนั้นคือท่านรัฐมนตรีว่าการกลาโหมผู้ติดตามและคนขับรถ
          นักข่าวต่างโยงเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งร่วมกับ นโยบายการปฏิบัติงาน ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ปกครองพิเศษ กลุ่มก่อการร้าย รวมทั้งข่าวซุบซิบถึงความไม่ลงรอยระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายเดียวกัน แยกประเด็นหลักแตกเป็นข้อย่อยกันหลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์เศร้าสลดในครั้งนี้
          ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่หลักของการเสนอข่าวแต่ดูเหมือนคนในวงการสื่อสารมวลชนจะมีความสามารถพิเศษทำหน้าที่สืบสวนคดีด้วยการคิดวิเคราะห์ และประมวลภาพภาครวมได้ดีกว่าเจ้าหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเสียแล้ว
         ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยืนกอดอกฟังรายการข่าวไปเรื่อยๆ สีหน้านิ่งสนิทไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ก่อนจะกดรีโมทปิดข่าวชวนหัวเสียนั่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
          เมื่อได้รับอนุญาติให้เข้ามา บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยชุดสูธเข้ารูปดูคล่องแคล่วทะมัดทะแมงก้าวเข้ามาในห้อง นัตย์ตากวาดมองรอบห้องอย่างรวดเร็วดัวยทักษะพิเศษที่ได้เรียนและฝึกฝนมา ดวงตาสีฟ้าเทามองนิ่งบนใบหน้าอ่อนล้าของผู้บังคับบัญชาพร้อมรอรับคำสั่ง
          “เก็บอะไรเพิ่มได้บ้างบัดด์” คนอยู่ในห้องเอ่ยปากถาม ความเหนื่อยล้าทำให้เขาทิ้งตัวลงนั่งจมโซฟาอย่างดีที่มีไว้ต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนในห้องทำงานผู้บริหารพรรค
         “ไม่มีอะไรเพิ่มเต็มครับท่าน ตอนนี้เราได้ขยายเขตการค้นหาไปอีกห้าร้อยเมตร แต่ผมสังเกตเห็นบางอย่างที่น่าสนใจ” ชายหนุ่มสอดมือเข้าใต้เสื้อสูทหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมาพร้อมขยายความจากข้อความที่ได้จดไว้ย่อๆ ให้ผู้มีตำแหน่งหน้าที่สูงกว่ารับทราบ
        “น่าสนใจมาก แต่ถ้าจะเอาผิดจริงยังขาดหลักฐานสำคัญที่จะใช้มัดตัวคนร้ายให้ดิ้นไม่หลุด ด้วยเหตุนี้ทำให้มันลอยหน้าลอยทำการอุกอาจด้วยใบหน้าเป็นมิตรไร้พิษภัย”
          กองเอกสารต่างๆ วางระเกะระกะเต็มโต๊ะทำงาน ที่มีป้ายโลหะตั้งแจ้งชื่อสกุลพร้อมตำแหน่งว่า มิสเตอร์เซบาสเตียน รัมส์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูแปลกและวางผิดที่ผิดทางที่เจ้าตัวจงใจเอามาวางแหมะไว้ ความจริงป้ายนี้น่าจะวางไว้ที่สำนักงานกระทรวงจะเหมาะสมกว่า
          คนสนิทมองแล้วยังสะดุดคันปากอยากจะถามเหมือนกันว่าป้ายตำแหน่งการงานทำไมนำมาวางไว้บนโต๊ะผู้บริหารพรรค หรือเจ้านายนึกสนุกอยากเล่นตลกการเมือง
          เซบาสเตียนใช้เวลาอ่านบทสรุปทั้งข่าวสารและรายการข่าวที่ออกบนจอทีวี ทั้งหมดทั้งมวลตีความว่าเป็นการพยายามก่อความไม่สงบของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติมีบางสถานีและบางรายกายข่าวพยายามโยงมายังเรื่องการบริหารบ้านเมือง
          แผนการในวันเกิดเหตุเงียบเชียบดูดีไร้ที่ติเกินกว่าผู้ก่อการร้ายภายนอกจะจัดการได้ขนาดนี้ บางทีอาจมีคนในให้การช่วยเหลือและวางแผนการทุกอย่างดูจงใจมากเกินไปที่จะชี้เป้าหมายให้เขาเห็นว่าใครน่าสงสัยมากที่สุด
          ‘เรียกร้องความสนใจ’ หรือ ‘เบี่ยงประเด็นความสนใจ’ เขาจะไว้ใจใครได้หรือต้องติดต่อพันธมิตรมาช่วยดูแลงานนี้
          “ท่านรัฐมนตรีช่วยถามความคิดเห็นมาครับว่าภาระกิจ Lost son ให้หน่วยงานไหนดูแลครับท่าน”
          “คุณคิดว่าอย่างไร ใครทำภาระกิจนี้ถึงจะเหมาะสมที่สุด”
          “ท่านอยากจะสั่งการด้วยตัวเองหรือครับ หากถามผมเรื่องความเหมาะสม ผมไม่อาจตอบได้ถ้าถามถึงหน้าที่ในฐานะลูกชายท่านเหมาะสมกับภาระกิจนี้โดยไม่มีข้อสงสัย แต่เพราะท่านมีอำนาจและอภิสิทธิ์มากเกินบุคคลธรรมดาทั่วไป" อาจเกิดข้อครหาภายหลังถึงเหตุการณ์นี้และยังอาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามสร้างประเด็นบั่นทอนความมั่นคงทางตำแหน่งหน้าที่ได้ด้วยเหมือนเอื้อประโยชน์ให้คนคิดไม่ดียิงกระสุนนัดเดียวนกร่วงกราว
          การวิเคราะห์วิจารณ์อย่างมีเหตุผลและตรงไปตรงมาทำให้เลขากระทรวงตั้งใจฟังและคิดตาม พาลให้ตำหนิตัวเองอยู่ในใจที่ปล่อยให้อารมณ์มีบทบาทสำคัญในการติดสินใจมากเกินไปแล้ว
          “มีอะไรที่ผมต้องรู้อีกไหม”
          “หน่วยข่าวกรองแจ้งมาว่า มีการเคลื่อนไหวของผู้บัญชาการระดับสูงหลายท่านต้องการให้จัดตั้งการเลือกรัฐมนตรีคนใหม่ และปลดท่านลงจากตำแหน่งรักษาการแทนครับ" คนนั่งปล่อยตัวปล่อยกายยันตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงและตั้งใจฟังใจจดจ่อ
          "สายของเราพบว่ามีการปรึกษาเรื่องโยกย้ายท่านไปยังกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมเตรียมการส่งตัวให้ประจำการที่ต่างประเทศอย่างลับๆ ”
          เรื่องนี้เขาไม่เถียงเลขาธิการพรรคจะมารับตำแหน่งรักษาการไม่เหมาะสมและมีนักการเมืองจำนวนหนึ่งคัดค้านแม้ว่าเขาจะทำงานคู่กับพ่อบุญธรรมมานานงานประสานงานต่างๆ มีเขาเป็นคนดำเนินการแทบทั้งหมด อย่างคนเขาว่าอำนาจคนจะหมดเมื่อคนนั้นตาย!
         “การเลือกตั้งรัฐมนตรีคนใหม่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่จะย้ายผมไปกระทรวงอื่นด้วยสาเหตุใด? ตอบมาเถอะบัดด์ ผมไม่ใช่คนเลือดขึ้นหน้าง่ายๆ คุณก็รู้”
         “ตอนนี้ท่านดำรงค์ตำแหน่งรองรักษาการ เกรงว่าท่านจะใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบในการสืบสวน ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของนักข่าวมาโจมตีกระทรวงครับท่าน”
         “อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบอย่างนั้นหรือ? ไฟยังไม่ทันลุกควันก็ลอยไปไกลแล้วหรือนี่” หลายวันมานี้เขารู้สึกว่าอายุตัวเองพุ่งพรวดไปหลายสิบปีกับเรื่องการเมืองภายใน นักข่าวจอมจุ้นจ้านและนักการเมืองหน้าไหว้หลังหลอก
         “จัดการนัดท่านรัฐมนตรีมหาดไทยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งรัฐให้ผมหน่อยหลังการประชุมวันพรุ่งนี้ ผมจะพาดอกเตอร์แซคคารีเข้าพบด้วย”
         “เอ่อ...ครับ”
         “เหมือนคุณไม่ค่อยเห็นด้วยกับการนัดประชุมครั้งนี้”
         “ผมเกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมหากทำการนัดหมายอย่างเป็นทางการ ผมได้ข่าวว่าอาทิตย์นี้ท่านรัฐมนตรีพาครอบครัวไปพักผ่อน และผู้อำนวยการโรงพยาบาลมีประชุมทางการแพทย์ในเขตนั้นด้วย ผมจะขอนัดพบปะพูดคุยสังสรรค์แบบธรรมดาจะดีกว่าครับท่าน”
         “ผมต้องจองห้องพร้อมค่าอาหารด้วยไหม? คุณต้องการให้ผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเย็นท่านรัฐมนตรี กับท่านผู้อำนวยการ...โอ้ว! เงินเดือนผมเดือนนี้ต้องติดลบแน่ๆ
         บอดี้การ์ดหนุ่มเริ่มรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงไม่พอใจจากคำพูดแดกดันระดับคนอารมณ์ขัน แต่รับประกันได้เลยว่าภายในใจของผู้เป็นนายตอนนี้เต้นระส่ำเร่าร้อนสุดกู่ด้วยทั้งโกรธและโมโหที่ไม่สามารถจัดการอะไรได้ดังใจตามแผนที่วางไว้ ทำอย่างไรถึงจะให้ความสุขุมกลับมาอีกครั้งก่อนที่หินก้อนใหญ่แห่งสภาความมั่นคงจะมาถึงตามเวลานัด
        “การจองห้องอาหารผมสามารถจัดการให้ได้ ส่วนเรื่องเงินเดือนถ้าท่านขัดสนจริง หากไม่รังเกียจผมขออาสาเลี้ยงข้าวท่านเองครับแต่อาจจะไม่ใช่อาหารในภัตตาคารทุกมื้อเย็น”
          คนฟังนิ่งอึ้งไปไม่น้อย ใครจะคิดจริงจังกับประโยคประชดประชันแบบนั่นกัน ให้ตาย! ความรู้สึกเหมือนเป็นสาวน้อยกำลังถูกชายหนุ่มเสนอสวัสดิการพิเศษเพื่อมัดใจ เขาคงจะต้องเขินอย่างมากถ้าเกิดมาเป็นผู้หญิง
          “พูดเป็นเล่น! ถ้าคุณพูดประโยคนี้กับสตรีเดาได้เลยไม่มีพลาด แต่ผมน่ะเรื่องกินเรื่องใหญ่คุณชนะใจผมไม่ได้หรอก ผมอาจจะให้โอกาสคุณอีกหลายๆ ครั้งแล้วกัน” ใบหน้าหล่อเหลาคลายความบึ้งตึงมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบาๆ เข้ามาแทน
          “ขอบคุณมากที่ช่วยเตือนสติ ผมรู้ตัวแล้วว่าออกตัวแรงเกินไป ยังไงเสียก็ออกตัวแรงแล้วเหยียบให้มิดไม่ต้องแเตะเบรคเลยแล้วกัน”
         “ครับท่าน อ๊ะ! เมื่อครู่พูดว่า?” บัลด์ปรับสีหน้างุนงงให้กลับมาเป็นปกติ หากเจ้านายไม่คิดจะหยุดคงมีแผนสำรอง หรืออาจส่งช่วงต่อให้คนที่ไว้ใจได้
         คำถามคาใจของเขาคือ ใครกันที่จะสามารถเจรจาต่อรองกับเรื่องใหญ่ระดับรัฐมนตรีได้ ต้องมีบางอย่างที่เขาพลาดไป ท่านจะต้องไปพบใครโดยที่ไม่บอกเขาเป็นแน่ อันตรายๆเป็นเจ้านายที่เหมือนไดนาไมท์เสียจริงๆ ปลอดภัยระดับสูงแต่อานุภาพรุนแรงเมื่อระเบิด
          เลขารักษาการหันกลับมาสนใจเอกสารบนโต๊ะ จัดเก็บบางส่วนที่เป็นเอกสารส่วนตัวและเริ่มสะสางกับเอกสารราชการที่ยังค้างไว้ตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์วางระเบิด ยังมีการประชุมอีกหลายหน่วยงานที่จ่อคิวขอนัดพบคงไม่มีเวลาให้ปลีกไปทำธุรกิจเรื่องส่วนตัว ต้องรีบทำให้ทันเวลาก่อนจะมีใครเข้ามาสอดแอบตัดไฟตัดน้ำในอำนาจหน้าที่ของเขาในเวลานี้
          รีบทำงานตรงหน้าให้เสร็จโดยเร็วไว เขาต้องเข้าร่วมพิธีส่งพ่อบุญธรรมไปสู่สรวงสวรรค์หรือจมดิ่งสู่นรกแล้วแต่การกระทำของท่านที่ได้ทำไว้แล้วกัน
          เขาชำเลืองมองรูปภาพกรอบทองขนาดใหญ่ที่แขวนไว้หลังโต๊ะทำงานของอดีตผู้บริหารพรรคการเมืองและอดีตรัฐมนตรีกลาโหมผู้ล่วงลับความสัมพันธ์เราทั้งคู่ไม่สนิทแนบแน่นเช่นพ่อและลูกแต่ถ้าตามนิตินัยท่านทำหน้าที่ความเป็นพ่อที่มีให้เซบาสเตียนทั้งด้านการเลี้ยงดู การส่งเสริมสถานภาพหาได้ขาดตกบกพร่องไม่ต่างจากลูกแท้ๆ ของท่านรัฐมนตรีเลย
          บางทีคนที่ดูว่าร้ายกลับกลายเป็นคนดีจนน่าใจหาย แต่บางคนที่ดูใจดีแต่การกระทำโหดร้ายมีให้เห็นก็มากอยู่ ยิ่งนักการเมืองกลับร้ายให้กลายดีมีเยอะแยะอย่าได้หลงให้ใจให้ความเชื่อถืออย่างจริงจังเป็นการดีต่อตัวเป็นที่สุด บางครั้งเซบาสเตียนยังสบสนกับตัวเองว่าตัวเขานั้นเป็นคนดีโดยเนื้อแท้หรือเป็นคนเลวในคราบคนดีกันแน่
          อาชีพนักการเมืองสร้างปมคนทำดีต้องให้โลกเห็นดีกว่าทำดีแบบปิดทองใต้ฐานพระ หรือเดินอ้อมไปปิดหลังองค์พระถ้าพระพุทธรูปไม่ล้มคว่ำ คนไม่เดินไปด้านหลังก็จะไม่เห็นทอง
          แต่อย่างว่าจะมัวไปปิดใต้ฐาน ปิดไว้หลังองค์พระให้เสียเวลาทำไม โปกไปตรงๆ กลางหน้าผากไปเลยดีกว่า ทำดีเอาหน้าคนเห็นชัดเจนดีไม่ต้องตีความ ไม่ต้องตามไปสืบไปค้นหรือรอให้ลาโลกไปแล้วผู้คนถึงรู้ว่าเป็นคนดี
(บางทีคนแต่งก็คิดว่าท่านเซบาสเตียนปากร้ายเป็นบ้าเลยค่ะท่านขาเป็นนักการเมืองปากเก่ง เอ้ย!ปากดี เอ้ย! ปาก...นั่นแหล่ะ ไคซ์ไม่ได้ว่าใครนะคะท่านนิยายค่ะนิยาย หุหุ)
          เครียดเนอะ :เฮ้อ: รู้แล้วทำไมพี่โคม่าถึงฮาร์ดคอร์ สายดำมืดมาเลยขนาดน้องสว่างไสวแสงสาดขนาดนั้นไม่ยักกะเปิดใจ เหนื่อยค่ะ ไว้เจอกันตอนต่อไปนะคะ
          ขอเล่าแนวเรื่องนะคะเป็นแนววิทยาศาสตร์การแพทย์เข้ามาแจมนิดหน่อยค่ะพอมีสาระให้ท่านเจ้าคุณซูกุเทินท่านได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างงานสรรค์ แต่เป็นแนวนิยายนะคะไม่ต้องซีเรียสไคซ์ผูกไว้จะเป็นจริงหรือเปล่า แหม! ก็นิยายอะเน๊อะ! :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2023 22:48:44 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Found You 1 : สร้อยเพชรคล้องคอ-คนกำมะลอคล้องใจ

8:00 นาฬิกา
          ช่วงเวลาเร่งรีบในชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเช้าที่พึ่งผ่านมาได้ไม่กี่ชั่วโมง

          เสียงแฮริคอปร์เตอร์กวาดกลุ่มลมขึ้นบนอากาศเหนืออาคารสูงย่านใจกลางเมือง จุดหมายคือโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไม่ไกลนักแต่ด้วยถนนที่มีการจราจบคับคั่งทำให้ใช้เวลาในการเดินทางไม่สะดวกอย่างใจหวัง
          ภายในห้องผู้โดยสารเงียบกริบอัดแน่นไปด้วยความกดดันของผู้นำระดับบริหาร ผู้อำนวยการงานวิจัยทางการแพทย์ระดับประเทศ และอีกหนุ่มลูกครึ่งที่มีใบหน้าโด่ดเด่นด้วยเชื้อสายเอเชียนั่งโดยสารมาด้วย

          “ไม่มีอะไรต้องกังวล ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” เสียงทุ้มหนักแน่นของหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ กล่าวขึ้นคลายความกดดัน เขาคือรักษาการแทนรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พูดกับศาสตราจารย์ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงงานวิจัยทางการแพทย์
          “แล้ว? ...” นายแพทย์ชื่อดังไม่อาจคลายความว้าวุ่นใจลงได้ การผ่านช่วงเวลาอันยาวนานที่แสนยากลำบากในวิชาชีพทำให้เขาความกระหายความสำเร็จอย่างมีสติมากขึ้น
          “ผมจะไม่ยอมเสียไปกว่านี้” สองมือกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาสีหม่นดูดุดันแข็งกร้าว สันกรามขบเข้าหากันจนแน่นยิ่งทำให้ใบหน้าดูโกรธเกรี้ยวกราดพร้อมจะปะทุความบ้าคลั่งได้ตลอดเวลา คู่สนทนาได้แต่มองและทอดถอนหายใจ
          เพื่อนพ้องมักเตือนเขาว่าอย่ายื่นมือจับขานักการเมืองหากมีประโยชน์จะมีอำนาจประหลาดโอบอุ้มให้ลุกยืน หากไร้ประโยชน์นอกจากจะโดนเตะกระเด็นยังโดนอำนาจบางอย่างกดหัวให้จมดิน นักการเมืองหนุ่มหน้าตาดุดันคนนี้จะเป็นหนึ่งในนักการเมืองเช่นนั้นไหมไม่ใครรู้ได้หากไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง
          “คุณเซบาสเตียนผมมีแค่ผลการทดลองในแล็ปเท่านั้น นั่นคือความเป็นไปได้ไม่ใช่กรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติจริง” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุผลนี้ถูกยกขึ้นมาพูดคุยและชี้แจงหลังจากได้รับการติดต่อให้ทำภาระกิจพิเศษ เขาอยากจะใช้ความจริงข้อนี้ปลอบประโลมคนคาดหวังความสำเร็จไว้สูงมาก
          “แค่นี้เพียงพอแล้ว พวกเขามีสิ่งที่เข้ากันได้อยู่ที่คนทั่วไปมักเรียกว่าปาฏิหาริย์” ฟังคำตอบนี้ทำเอานายแพทย์ระดับศาสตรจารย์กระตุกยิ้มมุมปาก
          ปาฏิหาริย์ใช่ไฮสปีดอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงทุกพื้นที่การใช้งานเสียเมื่อไหร่กัน คนเด่นคนดังทางการเมืองจะพูดให้ความหวังจนกลายเป็นตลกกระโหลกกะลาให้เขาขำเสียเปล่าๆ
          ภายใต้แว่นสายตากรอบโลหะดวงตาทั้งสองข้างของผู้มีวัยวุฒิหรี่ลงด้วยความคิดหลากหลาย จะวางแผนรับมือกับการต่อสู้ทางความคิดของผู้คน กระแสต่อต้านทางสังคมอย่างรุนแรงให้ยอมรับและสงบลงได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่วิทยาศาสตร์ที่เขากำลังทดลองทำกับคนจริงๆ
          “เราจะได้ไม่คุ้มเสียหรอกนะ หากจะเสี่ยงกับความอ่อนไหวทางวิชาชีพ คุณธรรม และจรรยาบรรณ” พิจารณาแล้วอาจจะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่ากับความสำเร็จ พ่วงท้ายด้วยระดับความน่าเชื่อถือที่สร้างสมมานานหลายสิบปีถูกบั่นทอนให้ตกต่ำลงด้วย
          “ไม่มีอะไรได้และเสียสำหรับงานนี้ มีแต่ความสำเร็จอันก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์และ...” เสียงทุ้มกดต่ำลงเหมือนพูดอยู่ในลำคอ ดึงความสนใจของศาสตราจารย์อีกครั้ง สีหน้าแสดงความสงสัยใคร่รู้ทำให้เขาต้องพูดประโยคที่กลืนลงคอไปแล้วอีกครั้ง
          “และ...ความมืดหม่นในใจผมจะมีแสงสว่างสาดส่องลงมาบ้าง”
          มืออุ่นตบต้นขาท่านรองหนุ่มเบาๆ คนที่ผ่านเหตุการณ์ระทีกขวัญ สั่นประสาทเช่นนั้นมาได้ ดีเท่าไหร่แล้วที่ยังกลับมาเป็นผู้เป็นคนเหมือนทุกวันนี้ได้
          “เขาเป็นใครกัน ที่ยอมเสียสละเพชรเม็ดงามให้กับเรา”
          “PVS” เซบาสเตียนไม่พูดอะไรมาก ด้วยรู้ว่าหมอทุกคนล้วนเข้าใจสภาพผักถาวรได้ดี หรือคนทั่วไปจะนึกถึงคนไข้ที่เป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายนิทรา
          “หึๆ ความก้าวหน้าทางการแพทย์มักทำให้ผมกลัว คุณรู้ไหมผมรู้สึกยินดีทุกครั้งที่การทดลองและการรักษาประสบการสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ” ดอกเตอร์แซคคารี พูดด้วยความภาคภูมิใจ แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงคล้ายคนสิ้นหวัง
          “แต่ผมกลับหวาดกลัวว่าความสำเร็จนั้น อาจเป็นการกักขังชีวิตไม่ให้หลุดพ้นแม้อยากจะตายแค่ไหนก็ตาม” ปรัญชาที่คนเป็นหมอลืมคิดถึง เมื่ออยากเอาชนะการตายจจากโรคภัยไข้เจ็บของคนไข้ตรงหน้า
          “ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในโลกอยากตายหรอกหมอ การตายถือเป็นอิสรภาพอันยิ่งใหญ่แต่การตายมันไม่ให้อิสระกับคนที่มีชีวิตอยู่มากนัก” รอยยิ้มที่มองดูซื่อสัตย์และจริงใจหลังประโยคนี้ ยังมีข่าวที่น่ายินดีตามมาให้ประหลาดใจ
          “สถาบันวิจัยของศาสตร์จารย์และคณะผู้ร่วมวิจัยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลแต่ยังต้องพึ่งทุนจากต่างชาติ ผมได้ทำเรื่องเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐแล้วแต่อาจมีข้อตกลงบางอย่างที่ศาสตร์จารย์ต้องชี้แจงด้วยตัวเอง ผมจะปรึกษากับท่านรัฐมนตรีอีกครั้งในการประชุมที่จะถึง คุณจะมีอำนาจบริหารองค์กรเฉพาะทางขนาดเล็กภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาล เพื่อคุณธรรม และธำรงไว้ซึ่งจรรยาบรรณ...อันเป็นวิทยาศาสตร์” ลงท้ายได้น่าฟังและจี้ใจดำจนแทบทะลุ
          คู่สนทนานั่งนิ่งสนิทไม่มีใครพูดหรือมีความคิดเห็นใดๆ ชายวัยหนุ่มกว่ายื่นข้อเสนอที่น่าสนใจก่อนที่ข้อเสนอในอานาคตจะประสบความสำเร็จ
          “ส่วนงานวิจัยพิเศษพร้อมทุนวิจัยครั้งนี้ที่คุณกังวลมีผู้เสนอทุนวิจัยและพร้อมสนับสนุนต่อเนื่อง”
          ศาสตราจารย์เดอเตอร์แซกคารียอมจำนนต่อข้อเสนอทั้งที่มียังมีความขัดแย้งบางอย่างในจิตใจ เส้นกั้นบางๆ ระหว่างความสำเร็จกับจรรยาบรรณแพทย์ ไม่เคยคิดว่านอกจากงานวิจัยที่ว่ายากแล้วยังทำซ้ำได้ แต่ความคิดผิดชอบชั่วดีหากเลือกผิดไม่รู้จะย้อนกลับไปแก้ไขอย่างไร
          “ว่าแต่....คุณเปลี่ยนผู้ติดตามเมื่อไหร่” แนวคิ้วที่เริ่มมีสีขาวขึ้นแซมยกขึ้นตั้งคำถาม ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวถึง ยื่นมือจับแสดงการทักทายพร้อมแนะนำตัวเอง
          “สวัสดีครับผมธรรศ วอล์เมอร์ธ เป็นญาติและตัวแทนฝ่ายคนไข้ PVS เอกสารสำคัญและใบอนุญาตที่ทางท่านขอมาอยู่ในซองเอกสารเรียบร้อย และนี่คือไฟล์ที่รวมรวมผลการรักษาไว้ทั้งหมดตลอดสองปี ผมนำแลปท็อปมาด้วยหากคุณหมอต้องการดูเดี๋ยวนี้” ของทั้งสองอย่างถูกยื่นถึงมือด้วยความรวดเร็ว ยังไม่รวมถึงแลปท็อปบนหน้าตักที่พร้อมใช้งาน
          “โอ้! ผมไม่รู้มาก่อนว่าครอบครัวนักธุรกิจดังมีคนในครอบครัว....ป่วยหนักขนาดนี้” นายแพทย์ใหญ่เปิดเอกสารต่างๆ ในซองสีน้ำตาลขึ้นมาอ่านเพื่อดูความถูกต้องว่าคนไข้มีอาการตามบอกไว้เป็นอันดับแรกถึงได้ทราบว่าเพชรเม็ดงามนั่นคือใคร
          หัวใจเพชรคนนี้คือคนไข้ของนายแพทย์ดีแลนท์ เปเรตซ์ เพื่อนร่วมอาชีพที่เคยทำวิจัยร่วมกันเป็นครั้งคราว และได้ยินมาว่าคนไข้หนุ่มน้อยทุนหนาอยู่ในการดูแลของแพทย์รุ่นน้องเชื้อสายเวียดนาม
          “เราเป็นแค่คนไข้ธรรมดาเมื่อเจ็บป่วยแค่นั้นเองครับ” ชายหนุ่มยิ้มรับด้วยความนอบน้อม และรอฟังศาสตราจารย์ผู้รับผิดชอบการผ่าตัดของน้องชายด้วยความตั้งใจ
          “ผมสามารถพูดคุยถึงการรักษา ผลข้างเคียงของคนไข้ หรือปรึกษาปัญหาหลังการผ่าตัดกับ...คุณธรรศ (ทัด) ได้เลยไม่ต้องรอญาติคนอื่นๆ ใช่ไหม”
          “ครับ ผมรับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้ ติดต่อผมได้ตลอด เพราะผมเป็นญาติที่จะอยู่ดูแลอาการของคนไข้นับแต่วันนี้เป็นต้นไป”
          “รับผิดชอบ? เป็นครอบครัวที่ซับซ้อนและเข้าใจยากเสียจริง” ศาสตร์จารย์มองใบหน้าหล่อเหลาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแบบฉบับลูกครึ่งเอเชีย คนถูกจับจ้องมองตรงยืดตัวเล็กน้อยให้สายตาได้ประสานกันอย่างไม่หวั่นไหวและเกรงกลัวรอคำถามที่จะตามมา
          ต้องเป็นคนมั่นใจขนาดไหนถึงใจกล้าตาสู้ได้ขนาดนี้? ก่อนที่จะมีการสนทนากันต่อ เสียงนักบินและผู้ช่วยขอสัญญาณลงจอดไปยังที่หมายทำให้ผู้โดยสารเตรียมตัวพร้อมลงจากเครื่อง เพื่อเตรียมเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปยังโรงพยาบาลระดับไฮเอนด์เพื่อไปเจอเพชรและตัวเรือน
          “คนไข้ทั้งสองคนไม่ได้อยู่โรงพยาบาลนี้เหรอหรือท่านเลขาฯ” คนเป็นหมอสงสัยการแจ้งของนักบิน
          “อยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลนี้ครับศาสตราจารย์แต่อยู่อีกแห่งแถวชานเมือง” เนื่องจากความหนาแน่นของเขตเมืองทำให้ไม่สามารถขยายอาคารขนาดใหญ่หลังอื่นๆ ได้
          บางหน่วยงานภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลจึงถูกย้ายฐานชานเมืองแทน ธรรศเอ่ยคำอธิบายแต่ไม่ได้กล่าวสาวความถึงเหตุจำเป็น เมื่อแพทย์นักวิจัยเห็นสถานที่ที่ไว้จัดหาให้คงสามารถรับรู้สถานการณ์ได้เอง
           ใกล้แล้วค่าใกล้จะได้เจอพระเอกนี่อาจเป็นเรื่องแรกๆ ที่พระเอกไม่ได้ออกโรงตั้งแต่ตอนแรก  o18
         

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Found You 2 :To Join the Hall of Fame
ร่วมเตียงเคียงนอน-ส่งหมอนอาจได้โรง! :(ซับนรกขึ้นทุกตอน)

          ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์แซคคารี มอร์แกน เดินเข้าสู่โถงทางเดินบริเวณโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลงมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองพร้อมแนะนำศัลยแพทย์และแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะที่จะเข้าร่วมโครงการวิจัยพิเศษ พร้อมบอกเรื่องน่ายินดีที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในประเทศขอทำวิจัยร่วมศึกษาการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
          แล้วยังแจ้งความจำนงต้องการให้เขารับหน้าที่เป็นอาจารย์หมอสอนนักเรียนแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลแห่งนี้ให้การสนับสนุนอีกด้วย หากตอบปฏิเสธตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเช่นนี้ให้ไขว่คว้าอีกเมื่อไหร่
          เจ้าหน้าที่ห้องทดลองทางการแพทย์พาไปยังห้องประจำการ อุปการณ์สำคัญหลายอย่างที่ถูกขนย้ายมาถูกติดตั้งเสร็จสิ้นพร้อมใช้งานแล้ว นับได้ว่าโรงพยาบาลเอกชนสาขานี้ให้ขอบเขตการรักษาที่ไม่ธรรมดาและยังยกระดับการบริหารจัดการ การรักษาด้านการแพทย์และการบริการพยาบาลตามมาตรฐานสากลข้ามข้อกำกัดระดับประเทศเป็นระดับโลกไปแล้ว
          รองศาสตร์จารย์ และแพทย์ผู้ช่วยทำการเปิดระบบเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และติดตั้งเครื่องมือที่ต้องใช้นอกเหนือจากที่มีในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ตามโรงพยาบาลทั่วไป
          มีการตกลงใช้รหัสลับในบรรดาผู้เข้าร่วมการวิจัยพิเศษครั้งนี้ ‘หัวใจเพชร’ คือผู้ให้หัวใจ และ ‘เครื่องประดับ’ คือผู้รับบริจาคหัวใจ
          “หลังจากพาหัวใจเพชรเข้าเครื่อง MRI แล้ว เตรียมขึ้นรูปหัวใจแบบสามมิติเตรียมไว้ก่อนหากเกิดกรณีฉุกเฉิน ที่ยังไม่สามารถปลูกถ่ายหัวใจสำเร็จ" เขาตั้งใจบรรยายให้เหล่าแพทย์ที่สนใจโครงการนี้ฟังและร่วมอภิปรายกับเขาได้อย่างอิสระ
          "เราจะสร้างหัวใจใหม่ขึ้นมาเพาะเลี้ยงและปลูกถ่ายด้วยเนื้อเยื่อหัวใจเพชรกระตุ้นการเต้นของหัวใจด้วยอุปการณ์ไฟฟ้าในห้องปฏิบัติการนี้ก่อน" ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยสั่งเก็บตัวอย่างเลือดและเชลล์คนไข้ เมื่อทีมแพทย์วิศวกรรมเนื้อเยื่อมาถึงจะทำการปลูกถ่ายอวัยวะทันที
          หัวหน้าทีมวิจัยชุดที่ทางโรงพยาบาลเตรียมให้มาศึกษาร่วม รอจัวหวะให้ศาสตราจารย์สั่งการจนเรียบร้อยจะได้ถามคำถามที่ยังสงสัยในการรักษาแนวทางใหม่นี้
          วุ่นวายอ่านเอกสารสั่งการสิ่งที่ต้องการเก็บตัวอย่างจนเสร็จเขาหมุนตัวหาที่นั่งแล้วมองตรงมายังผู้ร่วมงานด้วยสายตาครุ่นคิด เป็นศาสตราจาร์ยแซกคารีนเองที่ตั้งคำถามกับเหล่าผู้ร่วมงานวิจัย
          “ผมมีปัญหาคาใจที่ยังหาทางออกไม่ได้ ทั้งหัวใจและเครื่องประดับมีความเข้ากันได้อย่างนัยสำคัญระดับเซลล์เราจะเตรียมหัวใจที่ได้รับบริจาคมาล่าสุดทำการปลูกถ่ายด้วยเนื้อเยื้อเดียวกัน" ทุกคนงงกับคำตอบที่ศาสตราจารย์ต้องการหาเพราะทุกข้อข้องใจล้วนอยู่ในคำถามหมดแล้ว
          "เมื่อถึงเวลาเลือกต้องมั่นใจว่าเป็นหัวใจเทียมที่สมบูรณ์ที่สุด ที่จะถูกปลูกถ่ายกลับคืนสุ่หัวใจเพชร ผมยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับหัวใจเครื่องประดับมากนัก"
          แพทย์แต่ละคนหันหน้ามาพูดคุยกันถึงเครื่องประดับคือคนไข้อาการโคม่าที่ท่านเลขากระทรวงใหญ่ฝากฝังมาให้ช่วยดูแล
          "ผมกังวลการทดลองจริงในเคสนี้ยากกว่าการวิจัยที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วหลายครั้ง” แพทย์ผู้ชำนาญการทดลองและวิจัยเฉพาะทางร่างบทยาว
          นายแพทย์คนหนึ่งเข้าระบบไปตรวจสอบประวัติคนไข้ที่อาจารย์ไม่สามารถตัดสินใจได้ จนต้องนำมาตั้งประเด็นเพื่อหาข้อเสนออื่นๆ ที่น่าสนใจและเป็นไปได้
          เมื่อตรวจสอบประวัติทั้งสองแล้วทำให้ต้องเบิกตากว้าง นี่อาจเป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นเป็นปฏิหาริย์ทางการแพทย์ในการวิจัย ขนาดคนเป็นพี่น้องกันยังไม่มีองค์ประกอบระดับเซลล์คล้ายคลึงกันถึงเพียงนี้
          “ศาสตร์จารย์อยากให้หัวใจของเครื่องประดับเป็นภาชนะเพาะเนื้อเยื่อและปลูกถ่ายเซลล์หัวใจใช่ไหมครับ เราจะทำได้อย่างไรในเมื่อการผ่าตัดต้องทำพร้อมกัน แล้วยังการเพาะเนื้อเยื้อต้องใช้เวลาปลูกถ่ายในห้องปฏิบัติการอีก"
          การเพาะเนื้อเยื้อต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ส่วนการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะอาจทำสำเร็จได้เร็วกว่า แล้วคนเป็นหัวใจเพชรจะต้องอยู่อย่างไร้หัวใจ! โดยพึงพาเครื่องมือและเทคนิควิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เป็นไปได้หรือไม่ หากจะทำอย่างนั้นไม่ได้แน่นอนเป็นการทรมานคนไข้ PVS เหมือนปล่อยให้เป็นเคสตายทั้งเป็น จรรยาบรรณแพทย์ในการทำวิจัยครั้งนี้ได้ถูกพิพากษ์วิจารณ์ย่อยยับแน่
          "หรือเราจะทำการปลูกถ่ายหัวใจเพชรกับเครื่องประดับด้วยการสับเปลี่ยนกันแล้วเยียวยาด้วยการรักษาตามอาการ เป็นไปได้ไหมครับอาจารย์” เหล่าแพทย์ต่างกระตือรือร้นออกความคิดเห็นด้วยความตื่นเต้นกับวิทยาศาสตร์การแพทย์แนวใหม่ที่ยังไม่มีการทดลองกับมนุษย์มาก่อน
          “ผมต้องได้ตรวจเครื่องประดับก่อน แล้วจะกลับมาวิเคราะห์อีกครั้ง” อาจารย์หมอเฉพาะกิจมองหาข้อมูลของคนไข้อีกคนที่ทางโรงพยาบาลให้การดูแล
          ขณะเดียวกันมีพยาบาลนำเอกสารการตรวจรักษาของคนไข้รอการปลูกถ่ายอวัยวะมาให้ หัวหน้าแพทย์ที่ดูแลคนไข้รายนี้อยู่ไม่ใช่คนอื่นคนไกลนายแพทย์ดีแลนท์ สหายนายแพทย์นั่นเองคนคุ้นเคยทักทายพอเป็นพิธี
          ใช้เวลาไม่นานแผ่นเอกซเรย์ทั้งหมดถูกนำขึ้นติดบนบอร์ดแสงครบทุกใบ การอธิบายอาการบาดเจ็บของคนไข้อาการสาหัสได้เริ่มขึ้น
          “คนไข้รอดมาได้จากเหตุการณ์วางระเบิด แรงอัดและแรงกระแทกทำให้ซี่โครงหัก กระดูกหน้าแข้งด้านซ้ายแตก มีกระดูกหักบริเวณแขนซ้ายเช่นกัน กระดูกไหล่ด้านซ้ายมีรอยร้าวด้วย” (พ่อคุ๊ณพ่อทูนหัว พ่อจะรอดใช่ไหม)
          “สมองได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย ไม่พบเลือดคั่งและเลือดออกในสมอง ส่วนหัวและใบหน้ามีเศษโลหะและกระจกบาดหลายแห่ง ที่สาหัสคือบริเวนหัวคิ้วซ้ายที่เศษโลหะแทงทะลุผิวหนังเข้าไปยังเป้าตา อาจส่งกระทบกับการมองเห็นของคนไข้ได้” ไล่เรียงอาการตามลำดับเรียบร้อยจึงส่งแฟ้มการตรวจรักษาให้ศาตราจารย์ให้พิจารณา
          “คนใช้มีภาวะช็อคจากการเสียเลือดมากบริเวณอกที่มีแท่งโลหะแทงทะลุหัวใจ ปอดฉีกและไตวายเฉียบพลัน ช่วงพักฟื้นหลังได้รับการผ่าตัดร่างกายคนไข้มีภาวะเลือดเป็นกรด อวัยวะภายในที่สำคัญเริ่มเข้าสู่ภาวะเสื่อมสภาพ” ทั้งแพทย์และบุคคลกรทางการแพทย์ยืนฟังอย่างตั้งใจ
          “ตอนนี้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยเครื่องเอคโม่เพื่อช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด ศาสตราจารย์คิดว่าอย่างไรกับเคสนี้” หัวหน้าแพทย์ดีแลนท์ เล่าสถาการณ์อาการของคนไข้คนสำคัญตามลำดับขั้น แพทย์ผู้รับผิดชอบรับมือกับสภาวะรุมเร้าจนสามารถพยุงอาการแต่ไม่อาจคาดหวังว่าจะผ่านช่วงโคม่าได้อย่างปลอดภัย
          ทีมงานวิจัยถึงกับนั่งอ้าปากค้าง แม้แต่ศาสตราจารย์เองยังมองแผ่นฟิล์มด้วยอาการตะลึงงัน ยิ่งได้ฟังทำบรรยายอาการจากแพทย์เจ้าของไข้ด้วยแล้ว ไม่อยากคิดเลยว่าสภาพคนไข้ที่ถูกส่งมาที่นี่จะมีสภาพย่ำแย่ขนาดไหน อยากจะเข้าไปดูเคสนี้เสียตอนนี้เลยจริงๆ
          “หมอดีแลนท์และทีมของคุณมีความสามารถมากทีเดียว เครื่องประดับเพชรดวงนี้ทนทายาดจริงๆ ขอบคุณมากความสามารถของพวกคุณเยื้อชีวิตคนไข้มาได้ไกลขนาดนี้”
          เหล่าแพทย์ก้มหัวรับคำชมเชย แต่คนที่น่าได้รับการยกย่องมากที่สุดก็คือคนไข้รายนี้ไม่มีซักวินาทีที่จะละทิ้งร่างกายบอบช้ำเช่นนี้ไป (แน่ล่ะค่ะคุณหมอต้องได้เจอนายเอกก่อนสิคะตายไม่ได้)
          คณะแพทย์และผู้อำนวยการโรงพยาบายถามถึงความเหมาะสมและแสดงเจตจำนงค์ที่จะรับคนไข้ทั้งคู่เข้าสู่การรักษาและดูแลเองที่นี่ หรือจะส่งตัวคนไข้ทั้งสองไปยังสถานพยาบาลอื่น จะได้เตรียมความพร้อมไว้รอหากต้องมีการส่งตัว
          นายแพทย์ฟาน วัน ลูยส์หมอประจำตัวคนไข้ตะวัน เสนอให้ทำการรักษาเสียที่นี่เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองคนไม่ต้องกังวลกับอันตรายที่อาจเกิดระหว่างการเคลื่อนย้าย
          ภายในโรงพยาบาลแห่งนี้ล้วนมีทีมงานและสถานที่สามารถจัดเตรียมห้องพิเศษให้พวกเขาทั้งคู่ให้อยู่ห้องวีไอพีเดียวกันเพื่อความสะดวกในการเฝ้าดูอาการและให้การรักษาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว
          'มิสเตอร์เคราซ์ ซูกุเทิน มูลเลอร์' เครื่องประดับ และ ' โจส์ฮาน ตะวัน วอล์เมอร์ธ' หัวใจเพชร
          ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์แซคคารี มองชื่อคนไข้คนสำคัญทั้งสองคนและเขาจะจดจำคนไข้เคสพิเศษนี้ไปจนตราบที่เขาจะจดจำได้ ในความคิดของเขานั้นการผ่าตัดมีโอกาสที่จะเสียใครคนไข้คนใดคนหนึ่งไป ผลสำเร็จของการรักษาเคสนี้น่าจะมีเพียงคนเดียว
          เขาเทใจให้หัวใจเพชรมากกว่าแต่ร่างอ่อนล้าของเจ้าของเข้าสู่สภาวะนิทราไม่รู้จะฟื้นได้เมื่อไหร่ผลการรักษาไม่สามารถสรุปได้ถ้าคนไข้ไม่ฟื้นขึ้นมา
          ส่วนคนไข้ที่เป็นเครื่องประดับก็บอบช้ำเสียเหลือเกินแต่มีโอกาสดีขึ้นได้จากอาการโคม่า แค่ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงพอทั้งคู่ต้องสะสมบุญพร้อมพกปฏิหาริย์ติดตัวเองเป็นตันๆ หากทั้งสองคนได้กลับมาใช้ชีวิตเช่นคนปรกติได้อีกครั้ง
          ตามไปอัพเดตผีน้องแล้วนะคะ คุณพี่โคม่าแสดงตัวแล้วค่ะว่าอาการเป็นมาอย่างไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2023 14:58:14 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โปรดรอสักครู่ใหญ่ๆ
Found You 3 :Welcome to our whole world!
ขอต้อนรับ อาณาเขตเราสองคน
(((เทพพิทักษ์ธรรม ทรรศพิพักษ์ใจ(หมอ))) อย่าสนใจค่าทำสร้อย

          ท่านรองรักษาการเดินทางมายังโรงพยาบาลที่คนเสมือนลูกชายได้รับการรักษาอยู่ด้วยตัวเองกลางดึกวันเดียวกัน เขาได้รับรายงานสายตรงว่ามีคนคิดส่งลูกชายไปยมโลกให้เร็วขึ้นจนต้องมาดูแลงานรักษาความปลอดภัยด้วยตัวเอง เซบาสเตียนได้พูดคุยปรึกษาระดับอาการของซูกุเทินที่ถูกยื้นไว้ให้กลับมาอยู่ในระดับโคม่าเช่นเดิม
          ศาสตราจารย์แซคคารีมาสมทบภายหลัง หมอนักวิจัยมุ่งประเด็นเรื่องการรักษาเป็นหลักหมอดีแลนท์นำทางไปยังห้องคนไข้พิเศษที่มีมาตรการความปลอดภัยสูงสุดเพราะเป็นชั้นที่เปิดให้ทำการรักษาทายาทคนสำคัญของเจ้าของโรงพยาบาล
          กลุ่มคนคุ้นเคยกันดีพูดคุยเรื่องการรักษาของสร้อยคอและหัวใจ เซบาสเตียนอยากจะให้เริ่มดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนถ่ายหัวใจแต่ยังให้ความยืดหยุ่นด้านเวลาแก่ทีมแพทย์อยู่บ้างเมื่อเขาให้โอกาสเริ่มดำเนินการเมื่อเตรียมความพร้อมเสร็จโดยเร็วที่สุด
          “ทีมเตรียมการปลูกถ่ายเนื้อเยื้อหัวใจเพชรเริ่มดำเนินการบางส่วนแล้ว การทำทรีดีพริ้นติ้งก็กำลังทำอยู่เป็นลำดับต่อไป” หมอแชกคารีบอกขั้นตอนแผนการดำเนินการรักษา
          หัวใจทั้งสองดวงต้องดำเนินการควบคู่กันไป ทีมวิจัยได้เตรียมไว้หลายแนวทางและจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในบทสรุปแต่ละขั้นตอนเพื่อประกอบสร้อยคอเส้นนี้ให้สวยสมบูรณ์แบบมากที่สุด และความงดงามของอัญมณีในทุกส่วนต้องเจิดจรัสไม่มัวหมอง
          เซบาสเตียนพยายามเข้าใจปณิธานอันแกร่งกล้าของความเป็นหมอที่มีให้คนไข้ทุกคน แต่วิกฤตทางการเมืองทำให้เขาทนรออย่างใจเย็นได้นานขนาดมองเห็นความสมบูรณ์นั้นได้หรือเปล่าคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะหน้าแล้ว
          “ลูกชายต้องเสริมโลหะปรับรูปหน้าที่ได้รับความเสียหายและทำการปลูกเนื้อเยื้อบนใบหน้าซีกซ้าย ส่วนดวงตายังไม่รู้ว่าการรับการมองเห็นเหลือกี่เปอร์เซนต์ต้องรอให้คนไข้ฟื้นแล้วค่อยรักษาตามอาการต่อไป” หมอดีแลนท์เสริมแนวทางการรักษาให้คนไข้ได้กลับมาใช้ชีวิตปรกติดังเดิมได้มากที่สุด พื้นฐานของคนไข้ต้องใช้ใบหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองหากไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิมก็ควรที่จะใกล้เคียงคนเดิมมากที่สุด
          “ไม่ทราบว่าศาสตราจารย์มีความกังวลเรื่องอะไร” ท่านเลขารู้สึกถึงความกังวลบางอย่างซึ่งความลังเลทำให้เขาเสียศูนย์ได้หากแผนที่วางไว้พังวินาศสันตะโร
          “คนที่ผมกังวลไม่ใช่ลูกชายคุณหรอก ไว้ผมจะปรึกษากับคุณทรรศภายหลัง” คนถูกตามตัดบท ความกังวลไม่ได้เกิดจากทีมแพทย์แต่คนที่มีอาชีพแพทย์อย่างแชกคารีหวั่นใจกับจรรยาบรรณและหลักมานุษยธรรมมากกว่า
          “เราต้องรีบจัดการสภาวะติดเชื้อซ้ำซ้อนให้กลับเป็นปกติ” หมอเจ้าของไข้รายงานสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้เสียก่อนเขาหล่ะเหนื่อยใจแทนคนไข้ที่ผ่านระดับวิกฤตสู่วิกฤตขั้นสุดต่อสู้กับความตายจนรอดมาอยู่ฝ่ายกลับมามีชีวิตได้เป็นสุดยอดวีรบุรุษแล้ว
          “ทำไม?หรือท่านเลขาฯอยากรับการรักษาด้วยพลังจิต! ศาสตร์ทางเลือกที่กำลังเป็นกระแสตอนนี้ ผมพอจะรู้จักหมอชำนาญการอยู่บ้าง” ดูเหมือนว่าคำถามของเซบาสเตียนไปสะกิดอารมณ์และความคิดของหมอแชกคารีขนาดที่หมอดีแลนท์พายเรือแล่นออกจากท่าแต่เพื่อนหมอรุ่นพี่ก็ยังไม่ยอมขึ้นยืนกระดิกขามองเรือแล่นจากไป
          “เฮ้อ! ขอโทษศาตราจารย์ผมคงใจร้อนเกินหน้าพ่อคนปกติทั่วไป” มือนักการเมืองโอบไหล่หมอแชกคารีและเอ่ยคำขอโทษให้นุ่มนวลและจริงใจประโลมปลอบคนเป็นหมอที่เขาไปกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวโดยไม่รู้ตัว
          เมื่อทั้งสามผ่านด่านความปลอดภัยต่างๆ มายังห้องผู้ป่วยระดับพิเศษสุด ประตูบานสุดท้ายมีผู้บริหารโรงพยาบาลรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว คำทักทายมีเพียงการพยักหน้ารับกันคนคุ้นเคยไม่จำเป็นต้องมากพิธีการ
          ห้องผู้ป่วยสุดพิเศษจัดแต่งเป็นห้องสวีทตามโรงแรมชั้นนำ สัดส่วนการจัดการห้องและส่วนการใช้งานในส่วนต่างๆ ตั้งแต่ห้องรับแขกจนถึงห้องครัวเหมือนบ้านขนาดย่อมหลังหนึ่งต่างกันที่ห้องนอนคือห้องพักผู้ป่วย หมอลูยส์รอพบอยู่ในห้องคนไข้ระดับวีวีไอพีเรียบร้อยแล้วโดยมีทรรศญาติคนสนิทอีกคนของตะวันยืนอยู่ข้างๆ
          กลุ่มคนสำคัญนั่งปรึกษาพูดคุยเรื่องเดียวกันร่วมชั่วโมง มีทรรศผู้มีวัยวุฒิน้อยที่สุดในกลุ่มทำหน้าที่ให้บริการชากาแฟ เขานั่งฟังการพูดคุยแบบคนผู้ใหญ่ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเข้าร่วมการฟังสัมมนาเรื่องเข้าใจยากอยากเข้าไปนอนเล่นเป็นเพื่อนตะวันเสียมากกว่าแต่กลัวจะผิดมารยาท
          “ทรรศ! ไปผักผ่อนเถอะพวกลุงๆ ขอคุณธุระกันเสียหน่อย” ผู้อำนวยการเหมือนรู้ใจหลานชายหาโอกาสให้เจ้าตัวได้ปลีกตัวออกจากวงสนทนา
          “ครับคุณลุง เรียกผมได้ตลอดนะครับถ้าให้ช่วยอะไร” ทรรศหันไปบอกคนในกลุ่มแล้วเดินออกจากห้องรับแขกไปยังน้องนอนของตะวัน
          เมื่อเด็กหนุ่มแยกตัวออกไปหัวข้อการสนทนาต่างออกไปโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับคนไข้ทั้งสองคน ครอบครัวนักธุรกิจอยากจะเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางสายการเมือง
          มีเงินมีชื่อเสียงสิ่งเดียวที่ต้องมีต่อจากสองสิ่งนี้คืออำนาจ อาจเป็นสิ่งจำเป็นของคนบางกลุ่มคนแต่ไม่มีใครโต้แย้งได้ว่าสามสิ่งนี้หากใครได้ครอบครองสุดที่ใครจะทัดทาน คนเดินดินธรรมดาหาได้คิดไกลถึงอำนาจที่เกินเอื้อมถึงแต่ไม่ใช่กับคนมีเงินล้นเหลือบริหารจัดการธุรกิจมูลค่ามหาศาล อำนาจคือใบเบิกทางอีกเส้นทางหนึ่งที่น่าจับจองและเข้าไปบริหารงาน
          เงินและอำนาจล้วนอยู่ในระนาบเดียวกันผิดกับศีลธรรมจรรยาเป็นเรื่องความคิดและแนวทางส่วนบุคคล
          พี่ชายผู้อ่อนโยนจับมือตะวันถูเล่นเบาๆ ใจหนึ่งอยากให้น้องตื่นขึ้นมาแต่อีกใจก็อยากให้นอนหลับสงบๆ อยู่อย่างนี้ ชีวิตในครอบครัวใหญ่ของตะวันอยู่ยากขึ้นเมื่อคุณปู่สิ้นบุญ
          ถ้าหากตะวันยังดำเนินชีวิตอยู่เป็นปรกติป่านนี้ญาติฝ่ายแม่ของเขาน่าจะพาออกจากบ้านใหญ่ไปแล้วแต่เมื่อน้องชายมาป่วยแบบนี้ให้อยู่ที่นี่จะสะดวกต่อการรักษามากกว่า
          “น้อยเอ้ย! พี่ต้องสร้างมหากุศลอะไรดีเน้อจะได้พาเรากลับมาได้” คิดแล้วก็ยิ่งเสียใจที่รู้ว่าน้องชายจะเป็นคนไข้ที่เข้ารับการรักษานวัตกรรมใหม่ไม่ต่างอะไรจากหนูทดลองในความคิดของเขา ทรรศจูบหน้าผากตะวันลูบหัวลูบหน้าด้วยความเอ็นดูปนเศร้าใจ
          “ฝันดีตะวัน เจอกันพรุ่งนี้” พี่ชายกล่าวคำราตรีสวัสดิ์แล้วเดินไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะเข้านอนร่วมห้องกับน้องชายที่เตียงนอนเฝ้าคนไข้บริเวณทางเข้าประตู
          “พี่ชายรักน่าดูเลยนะ” ซูกุเทินโดนผีน้องลากทะลุมายังห้องของเจ้าตัว ร่างสูงแปลกใจที่ก่อนหน้านั้นเดินห่างจากร่างกายตัวเองแทบไม่ได้ หรือว่าห้องของพวกเขาทั้งสองไม่ไกลกันนักอาจจะเป็นได้ว่ามีแค่พนังแผ่นนี้กั้นเอาไว้
          ‘แน่ล่ะ พี่ซุกท์ไม่มีใครรักสิท่า’ เด็กหนุ่มชินกับการกระทำเช่นนี้ของพี่ชายร่วมสายเลือดไม่เห็นว่าจะเป็นการแสดงความรักที่เว่อร์วังตรงไหน พ่อก็จูบฝันดีกับเขาแม่ก็ชอบจูบราตรีสวัสดิ์คุณพี่ไม่มีใครทำแบบนี้บ้างเลยหรือเลยถามกวนๆกลับไป
          “เฮ้อ! เด็กน้อยจริง ทำให้คนทั้งโลกรักเราไม่ได้อยู่แล้ว” นิ้วหน้าดดีดเบาๆที่หน้าผากโหนก เป็นแบบนี้แล้วก็ดีอย่างถูกเนื้อถูกตัวได้ตีกว่าคุยกับควันฝ้าฟางมองไม่เห็นอะไร
          ‘แปลกคน ครอบครัวพี่ต่างหากไม่ได้ถามถึงคนอื่น’ คนอ่อนต่อโลกถามกลับมือลูบหน้าฝากปรอยๆ มันไม่เจ็บแต่มันแปลกรู้สึกแปลกๆ เหมือนโดนไฟฟ้าช็อตเบาๆ
          “ครอบครัวไม่มีหรอก มีแต่คนร่วมอุดมการณ์ที่เสมือนครอบครัวเดียวกัน” ดวงตาทรงพลังมองดูเด็กน้อยไร้เดียงสาด้วยความเอ็นดู ชีวิตคนเรามันผิดกันชะตาชีวิตบางคนต้องดิ้นรนฝ่าฟันผิดกับบางคนอยู่สุขสบายเขาไม่ได้โทษเจ้าผีตัวจ้อยนี่หรอกนะที่ไม่รู้อะไรเลยกับโลกใบใหญ่นอกโรงพยาบาลแห่งนี้
          ‘เอ๋! ขอโทษนะครับที่ถาม’ ตะวันเสียใจที่ได้ยินว่าพี่ซุกท์ไม่มีครอบครัวเขาไม่คิดว่าจะได้มาเจอใครในที่แบบนี้และคุยกับเขาตอนนี้เลยพูดคุยไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง
          “เจ้าหนูเอ้ย! เราน่ะยังต้องผ่านประสบการณ์บนโลกนี้อีกหลายสิบปี รีบๆ กลับร่างแล้วตื่นจะได้คุยกันรู้เรื่องบ้าง” ร่างสูงกล่าวใบหน้ายิ้มแย้ม
          คนไร้ร่างทั้งสองมองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไร แล้วจู่ๆ ร่างหลุดลอยของซูกุเทินก็โดนดึงกลับไปยังบริเวนห้องคนไข้ของตัวเอง โดยมีผีน้องชายลอยตัวตามไปทิ้งสภาพห้องและร่างหลับสนิทของตะวันไว้ที่นี้
          ตะวันยังมีเรื่องให้ต้องถามพี่ซูกุเทินอีกมากมายหลายเรื่อง เห็นทีว่าคราวนี้เขาจะได้รับฟังประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตื่นเต้นตกใจเกี่ยวกับโลกภายนอกได้บ้าง วิทยากรแต่ละคนบอกเล่าแต่ส่วนที่ดีงามจนเขาเหมือนเด็กน้อยวัยใสมองทุกอย่างสวยงามไปเสียหมด
          เขาต้องร้ายกาจ! ให้ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ซุกท์ เขาอยากจะเท่ห์ไม่อยากน่ารักน่าเอ็นดู เคยอ่านเจอในนิยายผู้ชายต้องร้ายผู้หญิงถึงรัก ท่าจะเป็นเรื่องจริงลอยมองพี่เขาที่ไรน่าหลงใหลสุดๆ น่าค้นหาน่าเข้าใกล้ถึงจะมือสั่นเท้าเย็นก็เถอะ แบบนี่แหล่ะสเป็กหญิงชอบ! (หนูรักพี่เขาแล้วหรือลูก! ไวมาก พี่แต่งให้รักไวไปไหม?)
          เนื้อหาตามกันทันแล้วจ้า ขอเว้นระยะสักหน่อยนะคะนิยายแฝดเรื่องนี้ **แก้ไขเนื้อหา**
          โอ้ยฉันไม่น่าเล่นหมอลูยส์เลย งานแต่งงอกมาอีกแล้ว ไว้ก่อนๆ ทุกอย่างเป็นไปตามคิวนะคะคุณหมอ ไคซ์มีสองมือสิบนิ้วพิมพ์ต่อเนื่องมาหลายอาทิตย์มือจะกลายเป็นหนวดหมึกแล้วจ้าอีกนิดเดียวจะจับมือตัวเองย่างกินแล้วน้า
          ในส่วนของเรื่องการแพทย์อยากจะสรุปให้อ่านรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไรพอนะคะไม่ต้องอินกับวิทยาการใหม่ๆ ไปมากไคซ์แค่จับหัวจนหางมาสร้างพล็อตเท่านั้นจะเกิดขึ้นจริงคงไม่มีอะ 555+ จินตนาการน่ะน้ะวงการบันเทิงก็ยังเงี้ย เอ้ยวงการนักเขียนวายก็แบบเนี้ยล่ะค้า
          ฝากนิยายแฝดผีน้องกับพี่โคม่าทั้งสองเรื่องเลยนะคะ ชาวเล้าเป็ดทุกคน เจอกันตอนหน้าค่า :ruready
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2024 18:11:12 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แจ้งข่าวนะคะ
ไคขอพักการลงนิยายไว้ก่อนนะคะขอรักษาตัวเองให้หายดีก่อน ไม่ต้องห่วงค่ะวันนี้จะมาลงต่อเรื่องนี้และเรื่องที่เหลือนะคะ เจอกันเมื่อร่างกายพร้อมใจพร้อมและต้นฉบับพร้อม :m20: แจ้งข่าวแล้วได้เวลาอัพเดตนิยายจ้า รอสักครู่ :pigha2:
Found You 4 : Telling a secret makes it not a secret 
         เมื่อห้องพิเศษรองรับคนไข้คนสำคัญจัดเตรียมเป็นที่เรียบร้อย ในครั้งนี้การเข้าถึงคนไข้มีการดูแลอย่างแน่นหนาด้วยคนของซูกุเทินและเจ้าหน้าที่ของเซบาสเตียน พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลรวมทั้งบุคคลกรที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ จะได้เพียงบัตรผ่านชั่วคราวตามชั่วโมงที่มีหน้าที่ดูแลคนไข้คนพิเศษเท่านั้น
           “ท่านเคราซ์เข้มแข็งไว้ ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรารอท่านอยู่” คนสนิทของผู้นำกระซิบข้างหูคนเป็นผู้นำกลุ่ม   ด้วยเสียงที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวัง
           “อัล...” ชื่อใครบางคนเล็ดลอดออกมาจากเรียบปากเรียบสนิท ซูกุเทินได้ยินเสียงเข้มแข็งของเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขที่พากันฝ่าความเป็นความตายมาหลายครั้งกำลังกดความสั่นไหวทางอารมณ์ กลั้นน้ำตาที่ให้เอ่อค้างไว้หางตา ความหวังที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเป็นภาพที่บาดเขาเสียจริง
          ‘พี่ซุกท์ ใครหรือครับ คนรักพี่เหรอ?’ เด็กตะวันพลั้งปากถามแล้วเอามือขึ้นปิดปากอย่างรวดเร็ว
          “เด็กบ้านี่! เดี๋ยวจับตีก้นซะเลย” คำถามละลาบละล้วงไม่ได้ทำให้คนถูกถามโกรธเลยแม้แต่น้อยเขาทั้งสองคนคือเพื่อนตายซึ่งมีค่ามากกว่าคนรักทางกายสัมพันธ์เสียอีก
          ‘ใครจะรู้ล่ะ เขาเป็นห่วงเป็นใยเป็นหญิงหรือชายก็ไม่รู้เสื้อกาวน์คลุมทั้งตัวขนาดนั้น พฤติกรรมแบบนี้มีแค่คนรักที่แสดงออกมาไม่ใช่หรือไงล่ะครับ’ เด็กหนุ่มตอบอ้อมแอ้มถ้าไม่ใช่คนรักใครที่ไหนจะทำกริยาอาการแบบนี้กัน
          “เด็กอ่อนเอ้ย! ชีวิตเราทุกคนไม่ได้มีแค่พ่อกับแม่และคนรักหรอกนะ รวมถึงเรื่องความรักนายเลือกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนรักจะเพศอะไร เจอคนที่ใช่ก็คนนั้นแหล่ะคู่ของนาย” คนอายุมากกว่าเอ็นดูเด็กหนุ่มที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างสุขสบายจิตใจอ่อนโยนและมองโลกในแง่ดี
          “บางทีคนที่กอดนายอย่างรักใคร่อาจซ่อนมีดไว้คอยจ้วงแทงนายก็ได้นะตาหวาน” คนใช้ชีวิตบนโลกแห่งความเป็นจริงชังน้ำหน้าคนหน้าไหว้หลังหลอกประสบการณ์ชีวิตสอนให้เขาอย่างไว้วางใจคนแสร้งทำดีเหมือนเป็นทูตสวรรค์เพราะลับหลังนั่นคือมารตามผลาญตามผจญ
          ตะวันได้แต่ฟังนิ่งๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร น้ำเสียงและคำพูดของซูกุเทินฟังดูขมขื่นและกดดัน คนที่ไม่ได้ผ่านชีวิตยากลำบากอย่างเขาไม่อาจตัดสินคนที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน บาดแผลที่พี่โคม่าได้มาคงไม่ได้อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน...อาจเหมือนพ่อที่ไม่มีใครขุดขุ้ยเบื้องหลังอุบัติเหตุที่เหมือนจงใจอยากปิดชีวิตครอบครัวของเขา
          การดำเนินการทางการแพทย์เป็นได้อย่างเรียบร้อยอาการของคนไข้พิเศษคงที่แล้วในตอนนี้ เหลือเพียงแต่เจ้าของร่างยังไม่อาจเข้าไปร่างจริงของตัวเองที่นอนไร้สติในอาการโคม่าได้
          “เป็นอะไรล่ะเราเคยเจื้อยแจ๊วเป็นนกแตกรังทำไงเงียบไปเสียล่ะ”
          ‘พี่ก็พูดเกินไป ผมก็เหนื่อยเป็นใครจะพูดได้น้ำไหลไฟดับน้ำลายได้แห้งพอดี’
          “พูดได้ดี น่าเอ็นดู”
         ความเงียบเข้ามาครอบคลุมบรรยากาศ เด็กหนุ่มไม่รู้จะชวนคนตัวใหญ่คุยเรื่องอะไรต่อจากนี้เลยปล่อยให้เครื่องมือแพทย์ทั้งหลายแหล่พูดคุยแทนตัวเขา
          “ยังไม่ได้ถามเลยว่าเราเป็นใครน่ะตาหวานถึงมาอยู่ในโรงพยาบาลนี้”
         ‘ผมเป็นหลานของเจ้าของโรงพยาบาลนี้ และผมชื่อตะวันนะครับคุณพี่ซุกท์หยุดเรียกผมด้วยชื่อแปลกๆ ด้วยครับ’
          “เหมาะกับนายดีนะ ไม่ชอบหรือ?”
          ตะวันส่ายหัวแทบหลุดเขาไม่ชอบคำว่าตาหวาน เหมือนเขาเป็นเด็กน้อยอ่อนต่อโลกเหมือนการ์ตูนเด็กน้อยวัยหวานไร้พิษภัยเป็นคำเปรียบเปรยกรายๆ ว่าคนพูดประเมินเขาเป็นคนอย่างไร ถึงท่านพี่ซุกท์จะไม่ได้คิดไปทางทางลบแบบนั้นก็เถอะเขาก็ไม่ชอบอยู่ดี
         “ถ้านายไม่ชอบฉันไม่เรียกก็ได้ แต่มันห้ามปากยากหน่อย ก็พี่ชอบชื่อตาหวานมากกว่าตะวัน
         ‘อะไรของพี่เนี่ย ก็ผมไม่ชอบนี่นา’ คนเห็นท่าทางของเด็กผู้ชายทำหน้างองอนถึงไม่ค่อยชินเท่าไหร่แต่ก็ทำให้ทั้งแปลกใจและขำขัน
          ความเงียบเข้าปกคลุมบทสนทนาของคนทั้งคู่ตะวันไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรอีกทุกอย่างรอบตัวพี่ซุกท์ดูเรียบร้อยดีแล้วถึงเวลาที่เขาเองต้องกลับไปยังห้องของตัวเองเสียที เด็กหนุ่มหันไปบอกลาซูกุเทินแล้วแว้ปหายไปยังห้องข้างๆ ต่อหน้าต่อตา
          คนพึ่งหลุดจากร่างยังไม่ทันจะได้รั้งเด็กรุ่นน้องก็กลายเป็นญาณตนเดียวในห้องผู้ป่วยที่ตัวเองนอนโคม่าอยู่ ยืนหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้
          เมื่อคิดอะไรไม่ออกมีทางเดียวที่ทำได้ก็ต้องตามติดตะวันไป ไหนๆ เราทั้งคู่ก็ติดต่อสื่อสารกันได้แล้วคนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตายเป็นคำสุภาษิตที่เขาเคยได้ยินมาบอกไว้ว่าอย่างนั้น
           เขาหันกลับมามองร่างของตัวเองอย่างพิจารณาอีกครั้ง ต่อให้เป็นตัวเองก็ยังจำร่างจริงแทบไม่ได้ใบหน้าที่มีผ้าพันแผลพันไว้ครึ่งหนึ่งร่างกายที่เต็มไปด้วยเครื่องช่วยชีวิตแล้วยังมีเฝือกครอบขาของเขาไว้อีก ไม่ต่างอะไรกับมอมมี่ในหีบศพเลย
          ว่าแต่คนอยากให้เขาตายที่พยายามจะฆ่าเขาให้ได้ เขายังแปลกใจตัวเองว่าทำไมถึงตายยากตายเย็นทนทานการประทุษร้ายแม้ร่างกายบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ หากได้กลับไปเป็นเขาได้อย่างเดิมคงต้องรีบจัดการอะไรหลายๆ อย่างให้บรรลุเป้าหมายอย่างรวดเร็ว คนดวงแข็งอย่างเขาพึ่งจะรู้แน่แท้ว่าร่างกายก็เป็นเพียงก้อนเนื้อเดินได้ชิ้นหนึ่งเจออาวุธหนักก็กระจุยเป็นมวลสารสีแดง
          แว่วสำเนียงภาษาบ้านเกิดของซูกุเทินมาด้านหลังเขาพยายามตั้งใจฟังว่าบทสนทนานั้นพูดว่าอย่างไร เดินตามเสียงที่ได้ยินจนมาเจอคนในกลุ่มของเขาคนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนซึ่งน่าจะเป็นคนในประเทศเดียวกัน
          ชายคนนั้นกระซิบกระซาบใส่เจ้าเครื่องมือสื่อสารสีหน้าวิตกกังวลเขามองเห็นทั้งสีหน้าตื่นตระหนกและแววตาเลิกลักอีกทั้งท่าทางลุกลี้ลุกลนได้อย่างชัดเจนเพราะชุดปลอดเชื้อและเสื้อกาวน์ทางการแพทย์ถูกถอดออกไปแล้ว ชายที่ทำตัวลับๆล่อๆ คือเพื่อนคนสนิทของอัล ส่วนตัวแล้วเขาไม่ได้สนิทสนมกับชายผู้นี้มากนักเพราะมาช่วยเรื่องการวางแผนงานและอยู่ในการดูแลตามหน้าที่งานของเพื่อนเสียมากกว่า
          “เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ใครดีใครเลว ฝั่งไหนคือพรรคพวกและฝั่งไหนคือศตรู!” แต่จะแก้วิกฤตอย่างไรนี่สิหรือเขาจะต้องสิงคนอื่นเหมือนร่างทรงถ้าต้องทำแบบนั้นสู้เขาหาวิธีกลับเข้าร่างตัวเองทำเองจะดีเสียกว่า
          ชายหนุ่มมองตามหลังคนในกลุ่มของตัวเองที่เร่งรีบเดินออกจากที่ลับตาขาแทบขวิดเขาหมายตาเป้าหมายไว้แล้ว คนนี้อาจจะเป็นปลายด้ายที่เขาจะสาวไปถึงคนสั่งการให้กำจัดเขาให้ออกจากวงการเมืองไปซะก่อนจะทำการพลิกขั้วอำนาจสำเร็จ
          จังหวะที่เขาหันกลับมาเห็นอัลยืนนิ่งแนบสนิทกับฝาผนังทุกการกระทำน่าจะอยู่ในชายตาของเพื่อนคนนี้หมดแล้ว ซูกุเทินคลายกังวลว่าจะเตือนเพื่อนให้ระวังคนใกล้ตัวได้อย่างไร
          อัลเดินนิ่งๆ ตามบุคลิกกลับเข้ามาที่ห้องรับแขกในห้องคนไข้พิเศษอีกครั้งเห็นคณะตัวเองเริ่มวางเวรยามและแยกย้ายกันเข้ากะแบ่งเวลาดูแลความปลอดภัยของผู้นำตัวเอง และยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ท่านรองฯ เซบาสเตียนส่งมาสบทบด้วยยิ่งทำให้รู้สึกเบาใจขึ้น ทุกการทอดถอนลมหายใจของเพื่อนหนุ่มโคม่าได้ยินถนัดทั้งสองรูหูเพราะเดินคู่กันมา
          คนในห้องทักทายรองหัวหน้ากลุ่มด้วยความเคารพ อัลน้อมตัวลงรับตามวัฒนธรรมและแยกตัวไปนั่งคิดการณ์คนเดียวเงียบๆ โดยมีหนุ่มล่องหนยืนก้มดูเพื่อนแก้สถานการณ์อยู่ด้านหลัง
          ชายหนุ่มนั่งทำงานเหมือนเช่นเดิมเปิดคอมพิวเตอร์ส่วนตัวแล้วพิมพ์ข้อความขยุกขยิกไปมาเป็นระยะ เพียงแต่งานคราวนี้ไม่ได้เกี่ยวกับงานบ้านเมืองหรืองานของกลุ่มอุดมการณ์ใหม่ที่นำโดยซูกุเทิน แต่เป็นการติดต่อลับกับเซบาสเตียนโดยตรง
          “อืม! นายเริ่มพัฒนาบ้างแล้วสินะ”  หนุ่มที่ยืนอ่านข้อความอยู่หลังอัลยิ้มชอบใจในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าของเพื่อนสนิทที่ไม่ยอมสู้หน้าสบตาคนนอกจากมองผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ทุกประเภท
          “ท่านอัล ฝ่ายบริหารติดต่อมาครับแจ้งว่าอยากนัดพบท่านหัวหน้า...ต้องขอประทานอภัยที่แสดงความคิดเห็นทางเราจะประวิงเวลาไม่ได้นานนะครับ ผมคิดว่าการติดต่อถี่กระชั้นเวลาแบบนี้ผิดวิสัยนักการเมืองที่เล่นแง่เล่นมุมมาตลอดกับทางเรา” รายงานจบก็ก้มหน้ายอมรับคำติหนิที่คิดเกินหน้าที่ มือบางๆ ของอัลตบเบาๆ ที่ไหล่ คนรอรับโทษถึงกับตัวแข็งทือนึกว่าจะโดนตบสักป้าบ!
          “นิ่งไว้ก่อน บอกทางนั้นไปว่าหัวหน้ากำลังเจรจาและปรึกษาเรื่องการพัฒนาเขตทะเลทรายคงยังไม่กลับประเทศในเร็ววันนี้ หากอยากพบผมยินดีที่จะเดินทางกลับไปพูดคุยด้วยตัวเอง” อัลบอกผู้ติดตามไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ 
          รองอัลพูดคุยง่ายกว่าซูกุเทินแต่ใบหน้าและท่าทางที่ไร้การแสดงอารมณ์ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะมากนัก และมักเกินข่าวลือแปลกๆไปทางโหดๆ เกี่ยวกับเจ้าตัวที่ไม่ได้รู้เรื่องเลย
          คนในกลุ่มยังเกรงกลัวท่านรองมากว่าหัวหน้าเสียอีก และประเด็นสำคัญท่านรองหัวหน้าอัลไม่ชอบคุยกับคนนอกจากระบบคอมพิวเตอร์และเอไอ แต่ต้องยกเว้นซูกุเทินไว้หนึ่งคนที่เขาตามติดพูดคุยสารพัดเรื่องในทุกเวลาที่ทำได้
          หัวหน้าตัวจริงยืนกอดอกดูทุกเหตุการณ์อยู่ด้านหลังเริ่มภูมิใจที่มีเพื่อนหน้านิ่งเป็นผู้พิทักษ์เพราะหากเขาไม่อยากติดต่อพูดคุยหรือคบค้าสมาคมกับใครจะส่งตรงไปยังเพื่อนอัล คนแล้วคนเล่าล้วนบ่นกันอุบอิบว่าเหมือนเสียเวลาไปกับคนหน้ารูปปั้นไม่หือไม่อือนั่งนิงตัวตรงหน้าตั้งคิดว่าตัวเองมาสารภาพบาปมากกว่ามาเจรจาพูดคุย
          “ฝากนายด้วยนะตอนนี้” มือหนาวางบนไหล่เพื่อนเขาหาคำพูดอะไรที่มากกว่านี้ไม่ได้นอกจากให้เพื่อนลำบากแบกรับเหตุการณ์ต่างๆ ในตอนนี้ไปก่อน อย่างน้อยคนนอกลู่นอกทางได้แสดงตัวให้เห็นชัดเจนแล้วหนึ่งคนที่อัลต้องระวัง
          ไออุ่นส่งผ่านมือล่องหลไปถึงความรู้สึกเดิมๆ ที่เพื่อนรักเคยทำ อัลหยุดนิ่งไปพักหนึ่งหลับตานึกถึงการกระทำของซูกุเทินที่มักให้กำลังใจด้วยการวางมืองไว้บนบ่า บ่าที่มือนั้นวางทั้งหนักทั้งอุ่นยังคงมีเรื่องราวให้ต่อสู้ไปข้างหน้าอีกมากตราบเท่าที่มือทั้งสองยังวางบนบ่าของเขาอัลพร้อมเดินตามลุยดงฝ่าไพรไปด้วยแน่นอน
          “รีบๆ กลับมาเถอะ ฉันทำอะไรไม่ได้มากนักหรอ” เสียงพรึมพรำเบาแค่ไหนแต่คนฟังได้ยินชัดเจน และบีบบ่าเพื่อนรักแรงขึ้นอีกให้กำลังใจยืนหยัดสู้แทนเขาต่อไปก่อน
           เสร็จจากการให้กำลังใจชายหนุ่มเดินมาตามทางเชื่อมห้องคนไข้ ทำตัวปกติใช้ขาเดินดีกว่าทะลุกำแพงซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่คุ้นเคย ห้องในส่วนของตะวันเงียบสงบไม่วุ่นวายด้วยการคุ้มกันเขาเหมือนกำลังเดินเข้าบ้านใครสักคนที่อบอุ่นและน่าคบหา
           หากเขาจะมีคนรักอยากให้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมาบ้างเพราะที่ผ่านๆ มาเหมือนเดินอยู่ในดงไฟ ความรักเป็นของร้อนที่ซูกุเทินไม่อยากหยิบจับกลัวจะไหม้เกรียมไปทั้งคู่...(คุณพี่มีปมหรือคะ? เข้าใจคนแต่งนะคะอยากหาเพื่อนคุย ส่งเม้นท์หลังไมค์ได้นะท่านผู้อ่าน)
          ประเดี๋ยวเราจะไปต่อน้องผีกันนะคะต้องแจ้งข่าวท่านผู้อ่านที่ตามนิยายของ Keisarinna อยู่ในทุกพื้นที่ ตอนนี้ไคไม่สบายต้องขอพักกายอีกสักหน่อยนะคะรอติดตามอ่านกันต่อไปนะจ๊ะแวะมาหาตอนต่อไปบ่อยๆ น้า :monkeysad:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2024 18:28:27 โดย keisarinna »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด