(นิยายแฝด)Oh,My Dear Ghost! : อุตลุตชุลมุน-ผีวุ่นพี่โคม่า(แก้ไขตอนล่าสุด)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (นิยายแฝด)Oh,My Dear Ghost! : อุตลุตชุลมุน-ผีวุ่นพี่โคม่า(แก้ไขตอนล่าสุด)  (อ่าน 3743 ครั้ง)

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2024 14:30:08 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Title   :  Oh,My Dear Ghost! - อุตลุตชุลมุนผีวุ่นพี่โคม่า
Author:  Keisarinna
Genre :  Mature, Slice of Live, Ghost, Mystery
Summary:
          ใครต่อใครเรียกผมว่าเจ้าชาย(นิทรา) ถึงว่าต้องรอเจ้าชายมาจุมพิตให้ตื่นสินะผมถึงจะคลายหลับใหลได้ แต่ในนิทานไม่ได้บอกไว้ว่าร่างสวยงามหลับสนิทจะตื่นขึ้นกลายร่างโปร่งแสงแปลงกายเป็นผีล่องไปลอยมา มาช่วยลุ้นกับผมทีว่าตะวันคนนี้จะเจอเจ้าชายและหลอกล่อให้มอบจูบกายสิทธิ์กับร่างเนื้อนอนนิ่งของตัวเองได้หรือเปล่า
คำเตือน
          นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงให้การอ่านและส่งเสริมจินตนาการพลพรรคคนรักสายวายเท่านั้น เนื้อเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดหรือบุคคลใดและสถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Intro
          มีใครเคยตื่นแล้วร่างกายลุกขึ้นไม่พร้อมกันไหม? หรือมีประสบการณ์ชวนหลอนมองเห็นตัวเองนอนหลับไม่รู้เรื่องหรือเปล่า? มาร่วมเล่าประสบการณ์เหล่านั้นให้ผมฟังหน่อยว่าพวกคุณได้ร่างจริงกลับมากันได้อย่างไร
          หรือมาหาผมด้วยตัวเองได้ ร่างผมนอนหลับไหลบนเตียงนอนใหญ่ในห้องคนไข้วีไอพี อย่าไปหาผิดคนล่ะ มองดูปลายเตียงให้ดีต้องมีอักษรแจ้งไว้ “คนไข้พิเศษ PVS โจส์ฮาน จูเนียร์ วอล์เมอร์ธ”
          ‘สวัสดี! มีใครได้ยินหรือเห็นผมไหม?’ แต่ผมเห็นตัวเองนี่สิมันเป็นเรื่องผิดปกติที่คนทั่วไปไม่สามารถเห็นได้ถ้าไม่มองผ่านกระจก
          ผมพยายามหลายครั้งที่จะตื่นจากความฝันนี้เสียที ไม่รู้วันไม่รู้เดือนทุกอย่างเวียนวนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่ลืมตาเหมือนยังไม่ตื่นจากฝัน ยามหลับตาเหมือนมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่เลือนหาย ความรู้สึกต่างๆ วนเวียนเปลี่ยนไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า
          ไออุ่นของแสงแดด ลมเย็นพัดเอื่อยเฉื่อย กลิ่นดินลอยฟุ้งพร้อมละอองฝนเย็นชื้น อุณหภูมิต่ำลงทำให้ผมหายใจไม่สะดวกแสบไปทั่วโพรงจมูก อาการเจ็บปวดตามร่างกายพลัดกันแสดงตัวหมุนเปลี่ยนไปทีละที่ๆ ยังไม่รวมกลิ่นอันคุ้นเคยที่ลอยฟุ้งมาแตะจมูกที่ได้สูดดมจนเคยชิน แต่ผมชอบกลิ่นนี้จัง กลิ่นหอมประหลาด ที่ทำให้ผมรู้สึกสะอาดหมดจดไปทั้งตัว
          “ผมยังไม่ตายสินะ หรือตายไปแล้ว!”  ยากจะเดาคำตอบเหลือเกิน ปล่อยให้ดำเนินแบบนี้ไปก่อนไว้เมื่อตื่นขึ้นจริงเมื่อไหร่ คงได้คำตอบที่แท้จริง
          ร่ายการผมเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง ได้ยินเสียงล้อรถบดเบียดกับพื้นทำให้รู้สึกจั๊กจี้รูหู ไอเย็นเริ่มปกคลุมร่างกาย กระแสน้ำบางอย่างค่อยๆ แทรกซึมเข้าเข้าร่างอย่างช้าๆ ได้ยินเสียงภายในร่ายกายกรีดร้องอย่างทุรนทุราย
          แปลกใจเหลือเกินทั้งๆที่ยังมีชีวิตแต่ทำไมไม่รู้สึกเจ็บปวด เสียงคนผู้คุยกันสั้นบ้าง ยาวบ้าง ขาดหายเป็นช่วงๆ แต่จับใจความคำพูดเหล่านั้นได้ลำบาก ร่างกายผมเครียดเกร็งอย่างไม่รู้ตัว ความอึดอัดบริเวณอกด้านซ้ายค่อยทุเราลง ไม่! นึกให้ดีแล้วผมไม่รับรู้ความรู้สึกทั้งภายนอกและภายในร่างกายมาระยะหนึ่งแล้ว
          “ อ่ะ!...” แย่ที่สุดผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เคว้งคว้างล่องลอยความว่างเปล่าเดียวดายที่เคยเผชิญกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เสียงพูดคุยที่ฟังไม่ได้สัพค่อยๆ เบาลง ความเย็นค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิจนแสบร้อนทั่วร่างแล้วสลายไป
          กิจกรรมเรียนรู้จัดแน่นเต็มเวลาเขาลอยตัวเดินนั่งนอนไปรอบๆ มองและฟังผู้สอนที่ทางครอบครัวจัดจ้างมาสอนเด็กหลับสนิทไม่รู้เรื่อง เหล่าวิทยากรจะรู้สึอย่างไรบ้างนะผมเคยถามแต่ไม่มีใครตอบ
          ผมชอบครูสอนวาดรูปนะไม่ใช่เพราะเขาส่งภาพวาดร่างของผมใส่กรอบส่งมาให้หรอกนะ งานศิลปะช่วยทำให้เวลาชีวิตล่องลอยผ่านไปอย่างเพลิดเพลินและจบลงด้วยภาพวาดสวยงาม
          ผมเข้าสู่ฝันร้ายที่แสนเงียบสงบนี้อีกครา หลับไหลลอยละล่องครั้งนี้แปลกประหลาดนัก ร่างที่รู้สึกว่าหนักเบาหวิวเหมือนขนนกตัวเขาหลุดจากวงโคจรแห่งความเบื่อหน่ายเข้าสู่ชีวิตใหม่ที่ลอยเคว้งอยู่เหนือร่างของตัวเองที่นอนนิ่งอยู่เบื้องล่าง
          แปลกในช่วงแรกสะดวกสบายช่วงหลังคงไม่มีใครหายตัวไปมาตามที่ต่างๆ ได้ ไปไหนมาไหนไม่ต้องเดินไกลใช้ลอยไป ถึงอย่างไรผมก็อยากกลับมาใช้ชีวิตเด็กหนุ่มธรรมดามีขาไว้เดิน นั่งรถไปเที่ยว และเปิดประตูด้วยมือไม่ใช่ทะลุประตูเข้าไป!
          แต่แล้วผมได้เจอความตื่นเต้นอีกครั้ง คุณพี่โคม่า!เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตโหวงเหว่งละล่องลอยไร้สาระสารผ่านไปวันๆ ตั้งแต่แรกพบนั้นวงจรคนเหมือนผีอย่างเขาไม่เคยเหงาอีกเลย


ลงผิดตอนชีวิตเปลี่ยนจริงๆ ใจเย็นๆนะคะท่านผู้อ่านขา โปรดรอสักครู่...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2023 18:51:59 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Ghost Day-1 : คนทักต้องหัน ผีเรียกต้อง...ขาน
Nice to meet you! - ใครกันนะนายน่ะ?

          ชั้นพิเศษมีเสียงคุยกันของพยายาล พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะระหว่างแพทย์ บุรุษพยาบาลช่วยกันขนย้ายอุปกรณ์การแพทย์เดินกันขวักไขว่ ห้องคนไข้พิเศษที่มาใหม่กลับเงียบสงบมีเสียงเครื่องมือดิจิทัลดังเบาเป็นระยะๆ เหมือนเปิดเพลงบรรเลงกล่อมคนไข้
          ‘มิสเตอร์เคราส์ ซูกุเทิน มูลเลอร์ ชื่อประหลาด’ ดวงตากลมโตไล่มองดูบันทึกทางการแพทย์ด้วยความงุนงง ก่อนจะมาสะดุดตัวอักษรตรงหัวมุมกระดาษว่า ‘โคม่า’
        เขาเลื่อนสายตาขึ้นไปสำรวจร่างกายคนป่วยไล่ตั้งแต่ปลายเท้าที่อยู่นอกเฝือกแข็ง ผ่านช่วงเอวและอกมีอุปกรณ์ต่างๆระโยงระยางเต็มไปหมด ริมฝีปากมีท่อสอดเข้าด้านใน รอบศีรษะและใบหน้าถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลเห็นเพียงดวงตาซีกขวาที่หลับสนิท เครื่องมือแพทย์คอยช่วยชีวิตวางตั้งอยู่รอบตัว
        ‘ให้ตายเถอะ มันยิ่งกว่านิยายไซไฟที่เคยอ่านเสียอีก หวังว่าคงไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวจริงๆ หรอกนะ’
         หมอและพยาบาลเข้ามาตรวจดูอาการคนไข้ เขาคุ้นเคยกับคุณหมอท่านนี้เป็นอย่างดีเพราะเป็นคนเดียวกันที่รักษาเขาอยู่ การตรวจเช็คตามร่างกายดำเนินไปตามปกติ นายแพทย์ซักถามพยาบาลยาวเหยียด ฟังไปพยักหน้าไป สายตาจ้องมองตรงไปยังจอมอนิเตอร์ของคนไข้ไม่วางตา เมื่อพยาบาลสาวจดรายละเอียดเรียบร้อยแล้วสอดแฟ้มไว้ที่ปลายเตียงเช่นเดิม ทั้งสองคนยืนนิ่งมองคนไข้ราวกับไม่เคยเห็นการรักษาเช่นนี้กันมาก่อนครู่หนึ่งแล้วเดินออกไป
          เขากลับมายังห้องของตัวเองก่อนที่คนทั้งสองจะมาถึงเสียอีก นอนหลับตาฟังเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยที่ค่อยๆ ดังขึ้นๆ จนมาหยุดอยู่ข้างเตียงที่เขานอนอยู่
          “สวัสดีทวาร! หลับสบายดีนะ วันนี้มีนัดทำการภาพอย่าดื้อล่ะ ตั้งใจทำไปพร้อมๆ หมอกายภาพนะ” เสียงสั่งการคนไข้ไม่ได้เข้มงวดมากนัก หมอมักเข้ามาพูดคุยกับเขาเสมอ บอกเรื่องนั้นเล่าเรื่องนี้ให้ฟังไม่รู้เบื่อเสียบ้าง และยังคงเรียกชื่อเขาผิดๆ เหมือนเดิม
          ‘ผมตะวัน วอล์เมอร์ธ!’ ทวารแปลว่าประตู หรือรู...ปัสสาวะ อุจจาระ ความหมายของคำต่างกันราวฟ้ากับเหวกับชื่อตะวัน ที่แปลว่า ดวงอาทิตย์
          เมื่อตรวจอาการโดยรวมเสร็จเรียบร้อย นายแพทย์ดีแลนท์ ส่งสัญญานให้พยาบาลผู้ช่วยออกไปก่อน เขาอยากมีเวลากับคนไข้ที่เป็นเหมือนดั่งลูกชายอีกคนของเขา ที่หน้าตาเหมือนเพื่อนสนิทราวรับโคลนนิ่งกันออกมา แม้ตอนนี้คนเป็นพ่อจะไม่สามารถมองเห็นตัวเองโดยไม่ต้องส่องกระจกได้อีกแล้ว
          "หมอจะอยู่เป็นเพื่อนก่อน ตอนนี้ที่วอร์ดกำลังวุ่นวายกับคนไข้ใหม่ ต่อไปหมออาจไม่ได้มาเยี่ยม*ทะวารบ่อยๆ อย่าคิดถึงหมอแก่ๆ คนนี้เสียล่ะ"
          'หนุ่มต่างดาวคนนั้นน่ะเหรอ!' หนุ่มน้อยนั่งอยู่บนเตียงคนไข้แกว่งขาเล่นไปมามองหมอประจำตัวที่เป็นเพื่อนสนิทของผู้เป็นพ่อ
          ร่างชายหนุ่มที่นอนหลับสงบนิ่งอยู่ข้างๆ ร่างโปรงแสงนั้นคือตัวตนแท้จริงของตะวัน แต่เขาไม่สามารถลากสังขารตัวเองให้กลับมาอยู่ร่วมกับวิณญาณที่หลงทางอย่างตัวเขาตอนนี้ได้ คิดแล้วก็กลุ้มใจสบายญาณได้แต่ล้มตัวลงนอนจมไปกับร่างของตัวเอง
          นายแพทย์ฟาน วัน ลูยส์ ลูกครึ่งฝรั่งเศล-เวียดนาม เป็นหมอเจ้าของไข้ของเจ้าชายผู้หลับใหล คนเป็นหมอดูแลคนไข้หนุ่มน้อยดั่งเป็นลูกชายตัวเอง มืออบอุ่นลูบใบหน้าน่าเอ็นดูอย่างรักใคร่ หากเขามีครอบครัวจะมีลูกน่ารักอย่างเพื่อนสนิทได้หรือเปล่า ชีวิตเพื่อนที่โตมาด้วยกันทำให้เขาทั้งอิจฉาและเห็นใจ
          โจส์ฮาน จูเนียร์ วอล์เมอร์ธ เป็นเพื่อนสนิทของลุยส์พ่อของตะวัน ทางครอบครัวบังคับให้คบค้าสมาคมกันตั้งแต่อนุบาล มาถึงระดับประถม เลยมามัธยม จนถึงเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแพทย์ แต่ตัดสินใจเลิกเป็นหมอและผันตัวเองเป็นนักธุรกิจตามครอบครัว โจส์ได้แต่งงานกับลูกสาวเจ้าของแบรนด์เมกะโปรเจคยักษ์ใหญ่ชาวเอเชีย
         วันแต่งงานเขาไปร่วมแสดงความยินดีด้วยไม่ได้ เพื่อเป็นการแสดงน้ำใจแก่เพื่อนคนพิเศษจึงขโมยไวน์ชื่อดังโรมาเน่ ก็องติของพ่อไปให้ในวันเดินทางไปฮันนีมูน เพื่อเพื่อนรักได้ลูกชายตัวน้อยๆ สมใจ แต่เขาต้องโดนพ่อหักเงินส่วนตัวจนกว่าจะครบราคาไวท์
         เรานัดพบปะกันไม่บ่อยนักเพราะอาชีพแพทย์ไม่เอื้ออำนวย โจนส์เป็นนักวางแผนและนักธรุกิจพร้อมลงทุนแม้จะมีความเสี่ยงสูง มองผลประโยชน์ในอนาคตเป็นโบนัสชิ้นโบว์แดงเหมือนนักแสวงโชคชอบหาในคาสิโน
         เขาคุยโม้ถึงธุรกิจรูปแบบใหม่แค่มีเครดิตการ์ด จอมอนิเตอร์ และอินเตอร์เนต การรวบรวมร้านค้าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่มีภรรยามีความสัมพันธ์อันดีกับห้างสรรพสิ้นค้าชั้นนำอยู่บ้างในหลายประเทศ
         สิ้นค้าทั่วไปจนถึงของหายากไม่ลำบากเลยที่จะสรรหามาได้ กลยุทธเจาะกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนบริษัทขนส่ง ถ้าทำเสร็จพร้อมเปิดบริการ โจส์ฮานจะครอบครองอาณาจักรอีคอมเมิร์ซบนโลกสเมือนมาบริหาร เสียดายที่เมื่อความคิดอ่านยังเยาว์วัยไม่ก้าวหน้าไม่ยอมลงทุนกับกันธุรกิจสมองเฟื้องแต่ดันคิดว่าเพื่อนมโนหนักสติฟั่นเฟือน
         เขาไม่เข้าใจการเปรียบเทียบสุดโต่งโอ่งอลังการของเพื่อนรักซักเท่าไหร่หรอก แต่เมื่อเข้าเว็บไซท์ อเมซอน ที่ไร ทำให้นึกถึงเพื่อนคนนี้ทุกที ถ้าไม่ด่วนจากไปก่อน อเมซอน คงมีคู่แข่งเป็น อับดุล! หรืออาลีบาบา! เคยจำชื่อที่เพื่อนได้ตั้งไว้ได้แต่เวลาทำให้ลืมชื้อนั้นไป กะจะโม้ให้หลานฟังซักหน่อยว่าพ่อมันเก่งกาจขนาดไหน ถ้า...ทำสำเร็จ!
         “ปีนี้หลานจะได้รับของขวัญที่วิเศษสุด และได้ให้สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดด้วย” มือหนาลูบหน้าผากเด็กหนุ่มที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนด้วยความเอ็นดูปนเศร้าใจมือทั้งอีกข้างกุมมือลูกชายของเพื่อนไว้ พร้อมบีบเบาๆ เป็นจังหวะเพื่อให้กำลังใจ
         “ไม่ว่าอะไรผลจะเป็นอย่างไร ลุงจะอยู่เคียงข้างและดูแลตะวันแทนพ่อและแม่เอง เหมือนสองปีผ่านมา”
         ‘คุณลุงครับ ผมขอบคุณมาก’ เพียงเสี้ยวนาทีสองแขนและร่างโปร่งของเด็กหนุ่มได้โอบกอดคล่อมหลังของนายแพทย์ใหญ่ที่นั่งลูบหัวบีบมือเขาอยู่ข้างเตียงด้วยความซาบซึ้งใจ เขารู้ดีไม่มีใครในครอบครัวสามารถดูแลเขาได้ดีเท่าเพื่อนของพ่อคนนี้อีกแล้ว
          สมบัติที่พ่อและแม่ รวมทั้งมรดกของปู่ใหญ่ที่ตกทอดมายังเขา ไม่อาจตีราคาได้ว่าจะมากมายแค่ไหน เขาใช้ชีวิตได้สบายๆ ไม่ต้องสนใจว่าจะมีกินมีใช้หรือเปล่า จะอยู่ยังไงต่อไปเพราะมีคนดูแลคอยจัดหาให้ มีอาจารย์นักวิชาการมาให้ความรู้ มีนักประพันธ์มาสอนดนตรีมีศิลปินมาสอนศิลปะ และมีเพื่อนเป็นคนสูงวัย! (ท้ายสุดมันทะเม่งๆนะไอ้หนู)
          จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตะวันได้สูญเสียทั้งพ่อและแม่ส่วนตัวเขารอดมาได้อย่างปฏิหาริย์ ผลการตรวจไม่เจออาการบาดเจ็บร้ายแรง ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติจนเกระทั้งสามเดือนให้หลัง เขามีอาการหลับลึกตื่นยากและไม่ตื่นขึ้นมาอีก(หรือน้องโดนวางยาล่ะฟะ นี่ฉันแต่งเองหรือเปล่าเนี่ยสงสัยไปเรื่อย)
          การดูแลรักษาพยาบาลดำเเนินการภายในบริเวณคฤหาสน์ที่แปรสภาพบ้านของปู่ใหญ่ให้กลายเป็นสถานพยาบาล ญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่คอยดูแลเขาเสียชีวิตไป ร่างของเขาจึงถูกย้ายมาดูแลที่โรงพยาบาลของคุณลุงรอง
          ห้องพิเศษถูกตกแต่งเป็นบ้านสำหรับทายาทสกุลดังอย่างถาวร โดยมีนายแพทย์ดีแลนท์ เปเรตซ์ เป็นแพทย์เจ้าของไข้ ก่อนที่ลูกชายของเพื่อนสนิทจะถูกส่งตัวมาให้นายแพทย์ลูยส์ ดูแลต่อเพราะความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับลูกชายคนโปรดของคนตระกูลดัง
          เขายังมีลูกพี่ลูกน้องอยู่คนหนึ่งที่คอยมาเยี่ยมบ่อยๆ อาจด้วยความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของพวกเขาที่เป็นพี่น้องกัน ทำให้สนิทสนมกันแต่ครั้งวัยเยาว์ เขารู้สึกถึงความรักความเมตตาที่ลูกชายของพี่สาวแม่มีให้นั้น ไม่ใช่กลลวงเพื่อหลอกล่อหวังผลประโยชน์แต่อย่างใด
          ตะวันไม่รู้สึกตัวเองว่านอนหลับไปนานขนาดไหน รู้สึกร่างกายเบาหวิว ผิงหนังทั่วร่างเหมือนมีรูพรุ่นยังกับฟองน้ำ เย็นสบายเหมือนอากาศพัดผ่านทะลุตัวเขาไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
          เขาลอยได้! เขาเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่ลอยได้โดยไม่ต้องนั่งเครื่องบิน!
          หรือเขาไม่ใช่คน? เป็นวิญญาณ? เป็นผี? เป็นหิ่งห้อย!?...สิ่งที่ผมเป็นและรู้สึกอยู่ตอนนี้ไม่อาจให้คำนิยามได้ การดำเนินชีวิตยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ เรียนหนังสือ เล่นดนตรี สร้างงานศิลปะ แต่เขาได้แต่นอนฟัง นอนดู โต้ตอบไม่ได้ เมื่อผ่านเวลามาระยะหนึ่งเริ่มมีพัฒนาการลุกนั่งได้ เดินไปไหนได้ วูบวาบผลุบโผ่ไปที่ๆ เคยอยู่ เคยไป แต่ร่างกายกลับนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
          สิ่งมหัศจรรย์บังเกิดแล้ว?! แต่ช่างน่าสลดใจร่างกายของผมค่อย ๆ ซูบลง กล้ามเนื้อตามร่างกายที่แน่นตึงเหมือนจะยุบลงจากเดิม ชายวัยเจริญพันธุ์อย่างผมคงได้หยุดเจริญเติบโตเป็นแน่แท้ ใบหน้าไม่เปลี่ยนไปมากนักแต่เบ้าตาสองข้างเหมือนจะลึกลงกว่าเก่า โหนกกรามเริ่มเด่นชัดพวงแก้มสองข้างตอบลง ผิวสีน้ำผึ้งอันแสนจะภูมิใจที่ได้จากการเปลือยกายอาบแดดบนลานกว้างชั้นดาดฟ้า เริ่มจางลงจนกลับมาเป็นสีเนื้อที่ดูขาวซีดกว่าปกติ
          คุณลุงหมอกลับไปแล้ว แพทย์กายภาพเข้ามาทำหน้าที่ตามตารางนัด ผมทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดยกแขนยกขาตาม พลิกหน้าหงายหลัง จนเสร็จสิ้นกระบวนการ ส่วนร่างกายเขานั้นถูกมือของหมอจับยืดจับดึงท่านั้นท่านี้ไม่มีอีดออด
          แปลกประหลาดอยู่บ้างที่ต้องมานั่งมองตัวเองถูกคนอื่นจับทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ในช่วง แรกๆ แต่ตอนนี้ร่างที่เขาเป็นอยู่ทำตามไปด้วยกับร่างจริงเสียเลยจะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย
          บุรุษพยาบาลร่างใหญ่เข็นรถวิลแชร์พร้อมเบาะรองนั่งมาข้างเตียง ลำแขนแข็งแรงพยุงให้ร่างกายนั่งและอุ้มวางบนรถเข็น พยาบาลสวมหมอนครึ่งวงกลมไว้รอบคอ ห่มผ้าผืนใหญ่คลุมร่างกายให้อุ่น และสวมหมวกไหมพรม พร้อมพาผมและร่างออกไปเดินเล่นรับลมและแสงแดดภายในสวนของโรงพยาบาล
          ‘วันนี้รู้สึกเหนื่อยกว่าทุกวัน ขอหลับสักพักแล้วกัน’ ปกติจะเดินไปด้วยกันแต่วันนี้อากาศดีเขาอยากจะนั่งกับไปร่างแท้ของเขา (ชีวิตหนูเหมือนสบายนะลูกแต่พี่เศร้าใจยิ่งนัก พี่ขอโทษพี่แต่งไปน้ำตาไหลไปที่น้องต้องมารันทดแบบนี้เพราะไคซ์ผิดเอง ไคซ์ไม่ดีเอง วางพล้อตให้น้องลำบากเป็นวิณญาณเร่ร่อนคุณน้องพี่ผิดไปแล้ว ฮือๆ)

          นิยายเรื่องนี้มีสองเรื่องนะคะ ไคซ์เรียกว่านิยายแฝดลงผีน้อง ก็ต้องลงพี่โคม่า อีกครู่ใหญ่ๆ จะลงนิยายพี่โคม่า หากมีการอัพนิยายสองเรื่องนี้จะมาคู่กันนะคะ
          สรุปไคซ์ลงนิยายในเล้าเป็ดทั้งหมด 3 เรื่อง คือ ครวญรัก (อัพช้าสุดใช้เวลานาน) หาจนเจอ เธอคนที่รัก ซีซันแรกจบแล้วลงเร็วที่สุดนะจ๊ะ และนิยายใหม่พึ่งลงมือแต่งเป็น นิยายแฝด(ผีน้อง)-อุตลุตชุลมุน-ผีวุ่นพี่โคม่า นิยายแฝด(พี่โคม่า) เห็นนะ! อยากหลบพี่(ตบจูบ)
          มันเยอะอยู่นะ มืออยู่ไม่สุขหรือพล็อตในหัวมันเยอะไปหรือเปล่าเนี่ย ฝากผลงานด้วยนะคะเราใส่ทุกอย่างยิ่งกว่าจิตวิณญาณในทุกตัวละครและทุกเรื่องที่แต่ง พูดคุยกันได้หลังไมค์กันมาได้เลยจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2023 13:55:22 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Ghost Day-2 : คนดีผีคุ้ม-คนรุมผีหนี
He's my guardian.
          ณ ห้องประชุม ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลนักธุรกิจชื่อดังวันนี้เป็นดั่งวันรวมขุนพลบรรพบุรุษรุ่นสองครบทุกองค์ประชุม และมีรุ่นสามผู้เป็นที่รักใคร่เอ็นดูจากนักธุรกิจรุ่นลุงราวกับราชสีกับหนู
          หลานชายนั่งจ้องหน้าลุงทั้งสี่คนด้วยใบหน้าบึ้งตึง เหมือนเด็กไม่พอใจตีสีหน้าบึ้งตึงใส่ผู้ปกครอง ลุงพี่ใหญ่เห็นอาการของหลานวันนี้แล้วหากคิดจะพูดโน้มน้าวสาวเหตุผลจนยาวยืดอย่างเดียวคงไม่ทำให้หลานชายคนนี้ยอมรับได้

          “นี่คือการติดสินใจของพวกลุง....ที่ถือเป็นที่สุดแล้ว”
          “น้องยังเป็นคนป่วยอยู่นะครับ ไม่ได้มีภาวะสมองตายด้วย อวัยวะเทียมที่จะแลกมามันเป็นส่วนสำคัญของร่างกายคนเราเลยนะครับ ไม่ใช่แขนเทียมขาเทียม” เด็กหนุ่มในสายตาลุงพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
          ต่อให้ใช้วิทยาการไบโอเมคาโทรนิกส์จนถึงขั้นผสานอวัยวะเทียมเข้ากับระบบประสาทและสมองของมนุษย์ได้สำเร็จกับน้องชายของเขาก็ใช่ว่าจะไม่เกิดผลกระทบอะไรกับร่างกาย ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช้วิทยาการแบบไหนมารักาน้องชายของเขาได้
          “พวกเราไม่คิดว่าเด็กนั่นจะฟื้นขึ้นมาอีกหรอก แต่ละเคสที่ลุงศึกษามาอยู่ไม่เกิน 5 ปีซักคน ทุกวันนี้เด็กนั่นกินเงินไปเท่าไหร่แล้ว หากเคสของมันสำเร็จล่ะก็...” ยังพูดไม่ทันจบหลานชายก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน พยายามข่มเสียงไม่ให้พูดเสียงกระโชกจนเลยความเหมาะสม ไม่ชอบให้ลุงๆ ใช้สรรพนามเรียกน้องเขาว่า ‘มัน’ ทั้งที่ยังเรียกเขาอย่างรักใคร่ได้ ทำไมกับลูกของน้องชายคนเล็กของพวกลุงเองกลับไม่ใยดี
          “ผมเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจและอำนาจการบริหารจัดการสินทรัพย์และทรัพย์สินอันเป็นมรดกยามน้องยังไม่บรรลุนิติภาวะ จนอาจเป็นบุคคลไร้ความสามารถตามกฎหมาย จะอีกห้าปีถึงสิบปีข้างหน้า ผมยังมั่นใจว่าการตายของน้องจะไม่มีปัญหาอะไรขัดผลประโยชน์พวกคุณลุงแน่นอน”
          “หึ! จะรอถึงห้าปี สิบปีทำไม ทนายของมันตั้งหน้าตั้งตาจัดการเรื่องจัดตั้งบริษัทมาบริหารแทนพวกลุงอยู่ทุกวัน ต้องโทษปู่ของหลานนั่นแหล่ะไม่รู้หลงเสน่ห์เด็กนั่นอะไรกันนักหนาทั้งพ่อทั้งลูกเลยประจบประเจงจนได้สมบัติเยอะกว่าพวกลุงๆ อีก”
          “แต่คุณลุงก็ยังได้รายได้เป็นกอบเป็นกำตลอดสองปีนี้นี่ครับ ทนายท่านทำตามคำสั่งเสียของคุณปู่เท่านั้นเอง หากจะมีการแต่งตั้งบริษัทบริหารทรัย์สินต้องได้รับการยินยอมจากผู้อาวุโสทุกฝ่ายของครอบครัว เรื่องนี้มันไม่ง่ายนะครับ”
          ยิ่งอธิบายเหมือนยิ่งลาดน้ำมันบนกองไฟลามไปไกลจนถึงคุณปู่ เหตุผลที่น้องได้สมบัติมากกว่าไม่ทำให้รู้สึกกินแหนงแคลงใจแม้แต่น้อย พ่อและแม่น้องเสียไปพร้อมกันตั้งแต่น้องยังเด็ก ผลกระทบจากอุบัติเหตุทางร่างกายยังต้องคอยรักษา ทางด้านจิตใจมีแต่คุณปู่เท่านั้นที่คอยเยียวยาจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
          หากน้องไม่มีทรัพย์สมบัติจะเอาเงินที่ไหนรักษาจะจ้างใครมาคอยดูแล รู้กันทั้งบ้านตั้งแต่คนสวนคนรถจนถึงหัวหน้าพ่อบ้านแม่บ้านว่าเครือญาติกันเองต่างไม่พอใจที่หลานชายคนเล็กได้รับการดูแลเอาใจใส่จากประมุขใหญ่ของตระกูล ทั้งยังพาลว่าให้ว่าเป็นเด็กมีปัญหาชอบเรียกร้องความสนใจ
           “พ่อเอ็ง ก็ยอมรับข้อเสนอนี้แล้วนะธรรศ ลุงเองอยากจะขยายการลงทุนด้านการแพทย์ด้วย ธรุกิจโรงพยาบาลที่ไปรวบหุ้นมาไม่ได้กำไรต่อเนื่อง ถ้าเรามีวิทยาการ์ใหม่ๆ ผลลัพท์การรักษาที่น่าพอใจ ยืดอายุนักการเมือง นักธุรกิจหรือคนที่มีความรู้ความสามารถออกไปได้อีกห้าปีสิบปี  หรือจะอีกแค่หกเดือนก็ได้ประโยชน์มหาศาลแล้ว” ลุงคนรองพูดให้หลานได้ฟังเพราะพึ่งลงทุนเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อธุรกิจโรงพยาบาลและชักชวนพ่อของหลานมาร่วมลงทุนด้วยเป็นที่เรียบร้อย
          “ใครจะไปรู้ ถ้าการปลูกถ่ายประสบความสำเร็จ ได้ลงนิยาสารการแพทย์ ได้ทุนการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องและเป็นที่ยอมรับอันเป็นสากล ลุงอาจเป็นคนที่สองที่เข้ารับการผ่าตัดต่อจากเด็กนั่นก็ได้ ฮ่าๆ” ลุงพี่ใหญ่คุยสบทบกลายเป็นพูดตลกให้ร้ายตัวเองอย่างขำขัน
          “คนรุ่นลุงนี่ไม่คิดจะตายกันบ้างหรือไรครับ โรคภัยไข้เจ็บ อายุไขล้วนเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว”
          “อย่ากล่าวหาว่าพวกลุงใจร้ายเลยนะ เด็กนั่นน่ะแค่ลืมตามันยังทำไม่ได้เลย ให้มันได้รับเกียรติ์กลายเป็นอาจารย์ใหญ่แห่งวงการปลูกถ่ายอวัยวะเทียมเป็นทางเลือกที่เยี่ยมยุทธแล้ว”
          “พวกลุงใครเรียกใจร้ายกัน...!” ก่อนที่จะพูดต่อให้จบประโยค แต่โดนสายตาพิฆาตของผู้เป็นพ่อจ้องใส่แทบจนหุบปากไม่ทัน
          “ธรรณบอกลูกมั่งสิ อย่าพูดจาร้ายกาจใส่พวกลุงๆ ให้มันมากนัก ปัดเดี๋ยวได้หัวใจวายตายกันไปซะก่อน” ลุงรองพูดกระเซ้าเย้าแหย่น้องชายอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้มีอาการโมโหโทโสแต่อย่างไร ยิ่งทำให้หลานชายอารมณ์แกว่ง เสียศูนย์ทางอารมณ์พูดไม่ออกได้มากเท่าไหร่เหมือนได้ยารักษาโรคเครียดโดยไม่ต้องเสียสตางค์
          “เอาน่ะหลานรัก หยุดคุยเรื่องเครียดๆ แล้วพาแฟนสาวมาให้พวกลุงได้รู้จักดีกว่า มีอย่างที่ไหนหลานสาวแต่งงานกันไปหมดแล้ว หลานชายยอดรักไม่เห็นมีวี่แววสละโสดเสียที อยากอุ้มเหลนแล้วนะเดี๋ยวจะหมดแรงอุ้มกันเสียก่อน” เหล่าพลพรรคคณะลุงหัวร่อกันครึกครื้นฟังเป็นเรื่องสนุกหยอกหลายชายให้รีบสละโสด
          “ไม่ต้องห่วงครับลุง คุณลุงทั้งหลายยังรอได้อีกหลายปีผมเลยไม่รีบ” ธรรศพูดจบจิกตาค้อนใส่สมทบอีกหนึ่งครั้ง
หัวข้อส่งท้ายเหมือนวาระการปิดประชุม ไม่รู้พวกคุณลุงจะห่วงความโสดแทนเขาทำไม หลานๆ จากพี่สาวมีให้อุ้มตั้งหลายคนแล้ว นี่คงไม่คิดจะผลิตทายาทให้เป็นทีมฟุตบอลประจำตระกูล วอลล์เมอร์ธ ใช่ไหม?
          หนุ่มวัยฉกรรจ์ที่พึ่งจบมหาวิทยาลัยจะให้แต่งงานมีลูก มีหวังวัยหนุ่มของเขาได้เหี่ยวเฉากันพอดี ถ้าไม่ติดว่าเป็นห่วงน้องชายเขาคงยังไม่รีบกลับมาดูแลเร็วขนาดนี้ กะวางแผนจะเรียนต่อและทำงานหาประการณ์อยู่ที่เมืองนอกซักพักแล้วค่อยกลับเป็นอันต้องยกเลิก ไม่ต้องหวังทำตัวอิสระเอ้อละเหยลอยชายใช้ชีวิตชายโสดอีกเลย
          “สรุปว่าผมขอดูแลน้องแทนคุณลุงทั้งหลาย รับทราบแล้วช่วยลงชื่อในเอกสารให้ด้วยนะครับ”
          “อีกเรื่องนึง ผมขอลาพักร้อนแบบไม่มีกำหนดนะครับคุณพ่อ ขอจัดการเรื่องสำคัญนี้ให้เสร็จก่อน” ธรรศหลานรักตั้งข้อแม้ของกรรมสิทธิเด้ดขาดเรื่องการรักาของตะวันและของอภิสิทธิ์หยุดงานสมทบ
          “ยังไม่ได้ตำแหน่งงานจะขอลาพักร้อน นายจ้างที่ไหนจะยอมถ้าไม่ใช่พ่อล่ะธรรช เฮ้อ! ทำธุระให้เสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป คุยกับลูกแล้วพ่ออารมณ์แปรปรวนไมเกรนจะขึ้น”
          เมื่อได้ลายเซ็นบนเอกสารสำคัญครบถ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าคมเข้มยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ เดินเข้าไปกอดขอบคุณพวกลุงๆ และพ่อของตัวเองด้วยความดีใจจนลืมอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้าเสียปลิดทิ้ง เรียกรอยยิ้มพลพรรคคนวัยลุงได้ชะงักนัก ขืนหลานชายทำตัวเป็นเด็กอยู่แบบนี้เห็นทีต้องมีเมียเป็นรุ่นแม่อาจจะได้ลุ้นแต่งงาน
          แต่งเองแล้วสงสารน้องจังไม่ต้องห่วงน้องผีแล้วผู้พิทักษ์ปรากฎตัวแล้วค่า ฝากนิยายแฝดเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจท่านผู้อ่านทุกท่านในเล้าเป็ดด้วยนะคะ
          แก้ไขคำผิดและเพิ่มเต็มรายละเอียดอีกนิดหน่อยจ้า วันนี้จะลงนิยายแฝดสองเรื่องนี้นะคะชาวเล้าเป็ด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2023 12:09:43 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขอเวลาแก้ไขลงผิดจ้า
Ghost Day -3 : ผีดูอย่างดม-ผมดูอย่างดี
          วันนี้โรงพยาบาลที่เคยเงียบสงบดูคึกคักทั้งหมอพยาบาลเดินกันขวักไขว่ เขามองเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินกรูกันตามหลังใครบางคน เขารู้สึกคุ้นตาหนึ่งในคณะคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ยังไม่ทันจะหลบไปด้านข้างทางเดินบุคคลากรอีกกลุ่มเดินทะเล่อทะล่าผ่านร่างโปร่งแสงของตะวันไป เจ้าตัวรู้สึกเสียววูบวาบชวนขนลุก
          เด็กหนุ่มได้แต่มองตามหลังกลุ่มคนทางการแพทย์ตาละห้อย การเป็นคนไม่มีตัวตนคงจะมีความรู้สึกแบบนี้อีกสินะแต่เขาไม่มีเวลามาให้คิดน้อยอกน้อยใจกับโชคชะตาตัวเองหรอก ไม่ใช่เขาพึ่งจะลอยละล่องออกจากร่างมาเมื่อวันสองวันเสียเมื่อไหร่ ชินกับร่างโปร่งแสงนี้เสียแล้วบางครั้งยังคิดว่าอยู่แบบนี้กลับสะดวกสบายดีไปอีกแบบหนึ่ง
          ‘ไปหาคุณพี่ต่างดาวดีกว่า’ ร่างโปร่งแสงหายแว้ปไปยังห้องคนไข้พิเศษที่ชอบเข้าไปทักทายบ่อยๆ เหมือนเดินไปคุยกับเพื่อนห้องข้างๆ
          ‘มิสเตอร์เคราซ์!' เงียบอยู่ไร้เสียงตอบรับ
          ‘พี่ชายมูลเลอร์!’ เขาเรียกชื่อผิดหรือไง อ่านตามตัวหนังสือแล้วนะ
          ‘อืม! คุณพี่ซูกุเทิน’ ตะวันพยายามไล่เรียงเรียกชื่อสามวรรคบนป้ายชื่อคนไข้ ตามที่ได้รู้มาชื่อเรียกอาจเป็นชื่อต้นชื่อกลางและนามสกุล บางเชื้อชาติอาจมีชื่อต้นเป็นชื่อเกียรติยศหรือนามสกุลชื่อกลางอาจเป็นสถานะทางเพศหรือลำดับรุ่นในครอบครัวท้ายสุดอาจอาจเป็นชื่อเจ้าตัวก็เป็นไปได้
          มิสเตอร์เคราซ์ ซูกุเทิน มุลเลอร์ จะเป็นแบบชนชาติไหนกันนะเรียกทั้งสามชื่อก็แล้วต้องมีชื่อจริงเจ้าตัวสักชื่อแน่นอน
          “ไปเล่นข้างนอกไปไอ้หนู” คนนอนนิ่งทนไม่ไหวอดใจไม่ให้ตอบได้พร้อมเชิญตัวให้ไปไกลๆ ไม่ต้องมากวนอารมณ์เขาแบบนี้
          ‘คุณพี่ซูกุเทิน! เห็นผมหรือเปล่า ผมอยู่นี่ๆ’ ภาพเคลื่อนไหวประหลาดเหมือนภาพมิราจบนท้องทะเลทราย วูบวาบๆ เหมือนเจ้าตัวโบกไม้โบกมือหรือโยกย้ายตัวไปมา
          “เจ้าเด็กนี่ไม่เห็นหรือไงว่าเขาหลับตาอยู่จะเห็นได้อย่างไร ไม่เห็นโว้ย!” คนเจ็บหนักไม่ได้โกหกเขามองไม่เห็นหน้าเจ้าเด็กนี่จริงๆ
          ‘แต่พี่ตอบผมนี่นา ผมคุยกับใครไม่ตอบสักคนมีแต่พี่นี่แหล่ะที่ได้ยินผมพูด คุณพี่ซุกท์อย่าโกรธเลยนะครับ’ ตัดแต่งคำย่อชื่อยาวๆ จนกุดห้วนให้พร้อมใช้เสร็จสรรพดีที่คำย่อสุดเท่เหมือนชื่อเทพเจ้ายังพอทำเนาโทษได้ แต่ฟังแล้วไม่ค่อยพึงใจเท่าไหร่กุดและสั้นเกินไปฟังไปฟังมาเป็นในทางแปลกๆ
          ‘พี่ซุกท์เป็นคนชาติไหนหรือครับ? ชื่อประหลาดแต่แนวมาก เท่ห์โฮก! พี่เป็นอะไรมา? ทำไมพี่มีสภาพแบบนี้ล่ะครับ?’ ทำไมๆ ถามนั่นถามนี้ไม่รู้จะตอบอะไรก่อนอะไรหลังเจ้าหนูจำไมถามเขาไม่มีหยุดหย่อนแล้วยังไม่รอฟังคำตอบอีกด้วย ลอยตัวไปมารอบตัวเขาว่อนไปหมด สุดจะเวียนหัวเห็นภาพเคลื่อนไหวตามติดทุกจุดรวมสายตา
          ‘พี่ครับ ได้ยินผมใช่ไหม?’
          เจ้าของเตียงคนไข้ในห้องนี้จะบ้าตายไม่ได้ยินก็คนหูหนวกแล้ว คนไม่สบายตัวเลยไม่อยากตอบเท่านั้น จินตนาการเห็นเด็กผีน้อยทำหน้าละห้อยเหมือนหมาหงอยเมื่อเขาไม่โยนลูกบอลให้เล่น
          เขารู้สึกว่ามีร่างใครบางคนมานั่งอยู่ริมขอบเตียงคนไข้ เสียงเจื้อยแจ้วแผ่วเบาลง ทำเขาประหลาดใจจะให้ไปมองก็มองไม่เห็นแค่รู้สึกเท่านั้นว่าตอนนี้ร่างเด็กเจ้าคำถามอยู่ที่ไหนภายในห้อง
          ‘พี่เจ็บมากเหรอครับ’ ซูกุเทินไม่ได้ตอบอะไร แต่ถามคนช่างซักกลับไป
          “นายชื่ออะไร?”
          ‘ผมชื่อตะวัน’ เด็กหนุ่มกระตือรือร้นออกชื่อของตัวเองด้วยความภูมิใจชื่อที่พ่อแม่ของตัวเองตั้งอกตั้งใจเลือกให้
          “ทะวาน”
          ‘ต-ะ-วั-น!’ แย่มาก! ทำไมใครต่อใครถึงออกเสียงชื่อเขาไม่ได้กัน ออกเสียงเป็นทวารไปเสียหมด ดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่รูตูดเสียหน่อย
          “ขอโทษๆ ชื่อนายออกเสียงยาก” หนุ่มคนไข้จินตนาการถึงคนหน้าตาบูดบึ้งของเด็กคนนี้ได้เลยจากการได้ยินเสียงขานชื่อตัวเองอย่างชัดถ้อยชัดคำ รีบขอโทษขอโพยแสดงความจริงใจว่าไม่ได้ล้อเลียนคำออกเสียงยากเลย
          ‘ช่างผมเถอะ อย่าใส่ใจเลย ฮึ!’ ตะวันฮึดฮัดฟึดฟัดแกล้งพูดส่งๆ ให้ผ่านๆ ไปเขาไม่อยากเสียเพื่อนคุยเพียงคนเดียวไป
          “ขึ้งอนเป็นเด็กผู้หญิงไปได้ แมนๆ หน่อยสิเราน่ะ” หนุ่มอายุมากกว่าแซะพฤติกรรมเด็กหนุ่มจะพูดว่ามันน่ารักก็กระดากปากเลือกใช้คำว่าน่าเอ็นดูพอรับได้
          ความเงียบกลับมาอีกครั้งเขามองหาคนร่างระยิบระยับว่ายังนั่งอยู่ที่เดิมอยู่หรือหายไปแล้ว เขาเห็นภาพมิราจวูบวาบเป็นระยะแล้วทะลุผ่านกำแพงไปยังด้านนอก
          “เด็กน้อยเอ้ย! ใจน้อยแบบนี้จะทำมาหากินอะไรได้” ท่านผู้นำคงยังไม่รู้ว่าหนุ่มน้อยผู้น้อยใจเรื่องชื่อตัวเองไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อดำรงชีพแล้วในชาตินี้บางทีอาจมีกินถึงชาติหน้า
          ไม่มีคนมากวนก็ใจหาย ตัวเขาในตอนนี้จะทำอะไรเพื่อไปง้อคนงอนได้แค่ลุกขึ้นนั่งยังทำไม่ได้วันๆนอนเหยียดยาวหมดสภาพอยู่คนเตียงคนไข้อยู่อย่างนี้
          ยังไม่ทันได้กลับไปยังห้องส่วนตัวของตนเองตะวันเห็นหมอลุยส์ เดินจ้ำๆ ก้าวขาพรวด ๆ ตามกลุ่มคนที่เขาเห็นเมื่อเช้าไป ไม่รอช้าเขาลอยตัวตามไปแบบไม่ต้องคิด
          ชีวิตเขาไม่มีเรื่องอะไรให้ทำมากมายนักหรอกได้แต่วูบไปแว้ปมาออกห้องนั้นทะลุห้องนี้เหมือนเจ้าที่ของโรงพยาบาลไม่มีผิด ว่าแต่เขายังไม่เห็นเจ้าที่เจ้าทางของที่นี่เลยซักตน แต่ไม่เจอเป็นดีที่สุดเขาจะได้ทำตามใจสบายกายไปไหนๆ ก็ได้ไม่ต้องเกรงใจผีผู้หลักผู้ใหญ่
          ตะวันแทบจะสิงร่างอาหมอคนสนิทดีที่ว่าเขาหยุดได้ทัน เขาเห็นหมอดีแลนท์และจำได้ว่าเขาเคยมาดูแลตอนเด็กหนุ่มเริ่มมีอาการหลับลึกตื่นยาก
          ผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่นี่น่าจะไม่ใช่เหตุการณ์ปกติหากจะมีการประชุมเหล่าหมอส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีบุคคลากรฝ่ายอื่นเข้ามาร่วมด้วย ทุกคนมีหน้าที่ภายในโรงพยาบาลแห่งนี้ทั้งนั้นเขาจำชุดยูนิฟอร์มของแต่ละแผนกได้
          ชะโงกมองด้านหน้าเห็นนายแพทย์ผู้ใหญ่ดูภูมิฐานคนหนึ่งยืนอยู่หน้าคนกลุ่มนี้ เหมือนอาจารย์กำลังเลคเชอร์เด็กมหาลัย เขาก็อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนกันเสียดายที่ร่างเขาไม่ยอมตื่นเสียที
          เขาลอยตัวฟังเสียงเหล่าแพทย์พูดคุยกันในเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ เสียเวลาอยู่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์ กำลังจะนึกถึงห้องนอนของตัวเองก็ได้ยินชื่อของตัวเองและพี่ซุกท์ ที่อาจารย์หมอกำลังพูดอยู่
          (('มิสเตอร์เคราซ์ ซูกุเทิน มูลเลอร์' เครื่องประดับ และ ' โจส์ฮาน ตะวัน วอล์เมอร์ธ' หัวใจเพชร))
          ว่าแต่เสียงเมื่อครู่นี้ ใครจะขายเครื่องประดับเพชรให้พี่ซุกท์ เจ้าตัวนอนนิ่งสภาพสาหัสอย่างนั้นจะใส่เครื่องเพชรราคาแพงไปทำไม? ทำไมเขาได้ยินที่อาจารย์หมอคนนั้นพูดล่ะ
          'เอ๊ะ! โทรจิต!' คงไม่ใช่หรอกเขาไม่เคยได้ยินเสียงใครสักคนเรียกชื่อแล้วได้ยินก้องอยู่ในหูแบบนี้มาก่อน หรือเป็นวิณญาณล่องลอยมานานความสามารถอื่นจึงเกิดขึ้น
          สุดยอด! นายตะวันจะได้เป็นคุณชายยอดผี!! สัมผัสที่หกของเขาเปิดใช้งาน(มันใช่หรือน้อง)นี่เขากลายเป็นวิณญาณผู้ทรงภูมิแล้วใช่ไหม เขาจะกลายเป็นเจ้าที่ของโรงพยาบาลนี่สินะ? (น้องเอ้ย! หลับจนเพี้ยนนะเรา)
          ‘เจ๋งชะมัด!! เขาต้องรีบไปบอกพี่ซุกท์ แล้ว เยส!!!’ ร่างพริ้วไหวพลิกตัวออกจากห้องประชุมเหล่าหมอสุดแออัดกำลังแวกว่ายอากาศไปบอกข่าวกับพี่โคม่า ตะวันเห็นหลังคนคุ้นตาของใครบางคนเดินเข้าห้องคนไข้พิเศษของเขาไป
          ‘พี่ธรรศ! พี่มาหาตะวันเหรอ’ พี่คนใหม่ถูกลืมไปถนัดใจเมื่อพี่สุดที่รักมาหาน้องชายคนนี้ถึงที่โรงพยาบาลสุดจะไกลปืนเที่ยงถึงที่นี่ เขาสั่งณาญตัวเองไปถึงห้องทันท่วงที
          “ไงตะวันน้องรัก คิดถึงพี่หรือเปล่า” คนเดียวที่ออกเสียงชื่อเขาได้ถูกต้องคนได้ยินชื่นใจเป็นที่สุด น้องเล็กกระโดดเกาะหลังพี่ชายและโอบกอดด้วยความคิดถึง
          "พี่เอาองุ่นมาฝาก แต่เป็นองุ่นสกัดนะฉีดปุ๊ปได้รับสาร! เอ้ย! วิตามินที่มีอยู่ในองุ่นเข้าเส้นเลือดไปเลยไอ้น้องชาย ฮ่าๆ" คนนอนกินอะไรไม่ได้เขาใช้อภิสิทธิ์ในห้องแลปนิดหน่อยแต่ไม่บ่อยประเดี๋ยวจะโดนอาจารย์หมอประจำห้องทดลองว่าเอาเรื่องจะลามไปถึงหูสภาลุงๆทั้งหลาย
          ทรรศฉีดสารบางอย่างในหลอดฉีดยาเข้าไปในถุงน้ำเกลือ ท่าทางชำนาญการเจ้าตัวคงสรรหาฉีดสารสกัดต่างๆ มาหลายหลังแล้วในเมื่อไม่เป็นอันตรายเขาไม่รีรอที่จะให้น้องชายต้องนอนเหี่ยวเฉาผิวเหี่ยวย่นทั้งที่อายุพึ่งจะสิบแปด
          ผีน้องชายเกาะบ่ามองดูพฤติกรรมคนพี่อย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยาก ปั่นเป็นอาหารอ่อนให้เขาทางสายให้อาหารก็หมดเรื่อง
          “พี่อยากจะพาจันทร์เจ้ามาหานะ แต่โดนด่าเสียก่อนมันเลยไม่ได้มาด้วย” เจ้าแมวน้อยขาวมณีสายพันธุ์ไทยที่ตะวันเลี้ยงไว้ก่อนที่เขาจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราพูดแล้วก็คิดถึงแมวน้อยเพศเมียนั่นป่านนี้จะโตขนาดไหนแล้วนะ
          “นายเองรีบตื่นนะ จะได้เจอลูกจิ้งจอกอีกสองตัวที่จันทร์มันหลุดไปหาผู้มา เฮ้อ! น่าตีจริงๆ ดีที่กลับบ้านมาได้” ทรรศลากเก้าอี้มานั่งพูดคุยไปกับร่างนอนนิ่งของตะวัน เขาแสดงท่าทางอาการเหมือนคนปกติพูดคุยกันออกอรรถรสจนผีน้องชายที่เกาะหลังกระโจนไปนอนฟังเรื่องที่พี่ชายเล่าบนเตียงคนไข้
          “ไม่ต้องห่วงตอนนี้พี่จับทำหมันไปแล้ว มันหนีไปหาผู้อีกไม่ได้แล้วล่ะ ใครที่บอกว่าผู้มาหาเมียไม่จริงเสียล่ะ” พี่ชายเสียงสั่นเล็กน้อยเขาคิดถึงน้องชายตัวจ๋อยที่เคยตัวติดกันเหมือนเจ้าจันทร์เมื่อเขาได้กลับไปบ้านคุณปู่ มือแข็งแรงสั่นเหมือนเสียงแต่ยังพยายามดึงมือน้องชายเข้ามาแนบใบหน้าแล้วเล่าเรื่องราวเหมี๊ยวๆ ของเจ้าตัว
          “ลูกของแม่จันทร์มีสองตัวใช่มั้ย พี่ตั้งชื่อตัวผู้ว่าเดือน ส่วนตัวเมียชื่อว่าดาว ถ้าจับตัวพ่อมันมาได้นะจะตั้งชื่อพ่อมันว่า อาทิตย์! ตะวันจะมีครอบครัวเพิ่มหายเหงาเลยนะ” พี่ชายเปิดมือถึงใช้นิ้วมือข้างที่ว่างไถ่หน้าจอให้เจ้าตัวได้ดูรูปถ่ายของน้องแมว
          “พี่ทำเพจให้พวกหลานๆ แมวด้วยนะ ตะวันตื่นมาแล้วจะได้ไล่ดูตั้งแต่มันยังเล็ก” เสียงพี่ชายแหลมขึ้นจมูกพร้อมสูดน้ำมูกและกลั้นน้ำตาฝืนปั้นหน้ายิ้มให้น้องด้วยใบหน้าสุดหล่อ
          มือทั้งสองข้างของตะวันประคองหน้าเศร้าที่แสร้งยิ้มนั่น เขาไม่มีคำพูดใดได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูรับรู้ความเสียใจที่คนเป็นพี่ไม่อาจช่วยเขาได้ทั้งที่กำลังเงินมีมากมายกลับไร้ประโยชน์ที่จะหาทางรักษา ตะวันมองหน้าของพี่ชายผู้แสนดีอยากจะบอกให้ได้ยินเหลือเกินว่าเขาเองไม่ได้หายไปไหนอยู่ต่อหน้าพี่ทรรศตรงนี้แล้ว
          “ทรรศ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงหมอลูยส์ทักทายหลานอีกคนเมื่อเปิดประตูเข้ามาตรวจตะวันแล้วเจอหลานยตัวโตกำลังกลั้นความเศร้าโศกจนตัวสั่น มือทั้งสองของหมอทาบลงบนบ่าทั้งสองข้างของทรรศบีบเบาๆ ให้กำลังใจหลานชายคนโต คนได้รับกำลังใจพยักหน้ารับรู้และปรับเสียงปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ
          “ผมมาพร้อมศาตราจารย์กับท่านเลขา” หมอรับรู้เรื่องราวเมื่อโดนเรียกตัวเข้าประชุมจึงรู้ว่าคนที่หลานชายพูดถึงคือใคร
          ทั้งสองคนพูดคุยกันเหมือนญาติคนหนึ่งและมีน้องผีนั่งฟังอยู่ข้างๆ พี่ชายตัวเองเล่าเหตุการณ์ในห้องประชุมของครอบครัวอย่างออกรสออกชาติเดี๋ยวโมโหเดี๋ยวหัวเราะจนทั้งคนทั้งผีมีอารมณ์ร่วมไปด้วย คุยเรื่องเล่าความกันไปพักใหญ่หมอลุยส์มีเพจเรียกตัวนั่นแหล่ะสองคนหนึ่งผีก็ได้มีเวลาพักอารมณ์กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
          ทั้งสองคนกล่าวลาตะวันแล้วออกจากห้องไป ความเงียบเข้ามาเยือนผีขี้เหงาเริ่มใจห่อเหี่ยวอีกครั้ง ‘จริงสิ! คุณพี่โคม่า! ' เขาลืมไปเลยว่าจะไปหาซูกุเทิน แค่คิดตัวก็ปลิวไปหาพี่คนใหม่เสียแล้ว เหตุใดจึงใจส่งจึงกันได้สนิทแนบแน่นขนาดนี้หนอ คนโคม่ากับผี!
          ติดพี่โคม่าเสียแล้วสิน้องผีของเรา เจอกันตอนหน้านะคะ ฝากนิยายแฝดสองเรื่องนี้ด้วยจ้า

     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2023 20:21:30 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Ghost Day - 4 : เพื่อนคนเห็นผี หากเป็นเพื่อนผี...น่ารักอ่ะ!
Warm Welcome, My Soulmate!-เป็นผีร่วมหอไม่ต้องรอให้ลงโรง!
          ตะวันมองซ้ายแลขวาลอยตัวชะโงกดูเพื่อนคนแรกที่ตอนนี้โดนห้อมล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลหลายคน ด้วยมุมสูงที่ตัวเองลอยตัวมองดูเหตุการณ์ความวุ่นวายโกลาหนตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มใจคอไม่ดี สีหน้าหมอและพยาบาลมีความกังวลอย่างหนักเมื่อดวามดันของซูกุเทินตกลงเรื่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
          ‘อ้าว? คุณพี่โคม่า!’ ณาญลอยได้เห็นร่างคนคุ้นตามองดูตัวเองกำลังถูกรุมรักษาบนเตียงคนไข้ ร้องทักด้วยความตกใจ
          “เย็นสวัสไอ้หนู” หนุ่มหน้าคมยืนหน้ามึนดูเหตุชุลมลทางการแพทย์ เจ้าตัวยืนกอดอกโก่งคอมองขั้นตอนการรักษาเหมือนได้ดูหนังสารคดี
          ‘คุณเพ่! มายืนทำไรตรงนั้นครับ กลับเข้าร่างเดี๋ยวนี้เลย!’ เจ้าคนน้องชี้ไม้ชี้มือให้กลับไปนอนบนเตียงคนไข้
          “เข้ายังไงล่ะ” ซูกุเทินยักไหล่จนต่อปัญหาไม่ใช่ว่ารอให้ผีเด็กหนุ่มมาบอกแต่ได้ลองหลายวิธีแล้วไม่ประสบผลจนต้องมายืนงงอยู่ตรงนี้
          ‘พี่ออกมายังไงล่ะ?’ เด็กขึ้สงสัยถามถึงสาเหตุที่ร่างจริงดีดร่างคุณพี่โคม่าออกมา สำหรับตัวเขาเองไม่ได้โดนร่างจริงดันออกแต่เขาลุกขึ้นมาเองแต่ตัวร่างเนื้อยังนอนนิ่งอยู่ที่เดิม
          “นายเคยโดนถีบไหม แบบเดียวกันเลย” คำตอบกวนๆ พี่แกคงจะโคม่านานเกินไปจนหงุดหงิด หรือไม่ก็อาจกำลังอารมณ์เสียที่ตัวเองต้องระหกระเหินออกจากร่าง
          ‘ผมเคยแต่โดนโอ๋ แบบคุณชายน่ะคุณพี่’ เห็นผมแบบนี้แล้วจะไปมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นได้อย่างไรพูดอะไรไม่คิดเลยคุณพี่นี่
          ‘เดี๋ยวก่อนนะ! พี่เห็นผมแล้วใช่ไหมแบบมองเห็นหน้าน่ะ’ ร่างที่เคยเห็นว่าโปรงแสงรอยวูบมาอยู่ตรงหน้าเจ้าของร่างโคม่าจนคนมองเห็นด้วยตาเนื้อถึงกับสะดุ้งตกใจ
          “อืม! อย่างนั้นล่ะใครอยากจะเห็นกัน” เสียงตอบอ้อมๆ แอ้มๆ เมื่อโดนจับได้ว่าสามารถเห็นหน้าตาที่แท้จริงของร่างโปรงแสงชัดเจนแล้ว เป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไปแต่ทำไมทำตัวเหมือนเด็กน้อยวัยพึ่งหย่านมถ้ามาอยู่ในบ้านเมืองเขาคงได้หนีออกจากประเทศแน่
          ตะวันเองก็มองพิจารณาร่างณาญของยูกุเทินเช่นกัน ปกติเขามองเห็นหน้าไม่ชัดนักเพราะหน้าของพี่ชายโคม่ามีผ้าพันแผลปิดไว้ครึ่งหน้าแล้วไหนจะสายเครื่องมือแพทย์ต่างๆ พาดผ่านระโยงระยางทั่วไปหมด
          ใบหน้าสุขุมดูดีแบบแปลกๆ ทั้งเท่ห์และน่ากลัวมีพลังทรงอำนาจ สู้พี่ทรรศก็ไม่ได้หล่อหน้าใสประกายอบอุ่นน่าอยู่ใกล้มากกว่าพี่ซุกท์เยอะเลย หรือพี่เขาอาจเป็นหนุ่มสายหล่อแนวลึกลับหล่อจนขนหัวลุก! บรื้อ! น่ากลัวชะมัดตัวเขาเป็นผียังสั่นเลย
         ‘พี่รู้ไหมเกิดอะไรขึ้นกับร่างพี่’ ตะวันวกกลับมาเรื่องของคนหลุดออกจากร่างเมื่องมองพิจารณาหน้าตาพี่สุดเท่ห์จนพอใจแล้ว
          “ได้ยาฉีดเหมือนปกติ ไม่เห็นมีอะไรผิดปกตินะไอ้น้อง” เขาคิดทบทวนหตุการณ์ก่อนหน้าที่น้องผีจะทัก กลับไปทบทวนอีกสักครั้งอาจไปสะดุดกับเหตุที่ทำให้เขาแยกร่างได้แบบนี้
          ‘ตะวัน! ผมชื่อตะวัน’ เด็กหนุ่มย้ำชื่อตัวเองอีกครั้งจะมาเรียกไอ้น้องๆ รู้จักกันแล้วก็ต้องเรียกชื่อเสียงเรียงนามสิ มารยาทสังคมคุณพี่ซุกท์! โปรดใช้กับเด็กอย่างผมด้วย
          “อ่า! ตาวาน ตาหวัน ตาหวาน ทะวาน!” คนกวนโมโหไล่เสียงเล่นคำแกล้งน้องชายหน้าตาน่าชังมองแล้วอยากจะกระเซ้าแหย่เล่น
          ‘ฮึ่ม!’ ได้ผลสมดังใจตะวันเบิกตาโตหน้าตาโมโหสุดๆ ที่ใครๆ ต่างออกเสียงชื่อเขาไม่ได้ ยากตรงไหนแค่สองคำสั้นๆ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ทวาร! ทะวาน! ฟังแล้วอยากเอามือปิดก้น! แล้วยังจะมาตาหวาน! นี่ตาทั้งสองข้างของเขาประกายสดใสเหมือนในการ์ตูนตาหวานหรือไง
          “ฮ่ะๆ ตะวัน!” คนขี้แกล้งพออกพอใจยอมเรียกชื่อที่ถูกต้องง้อคนหน้างอให้อารมณ์ดีขึ้น แปลกใจว่าทำไมไม่กังวลกับเรื่องของตัวเองเสียก่อนถ้ากลับเข้าร่างไม่ได้คงได้อยู่กับเจ้าเด็กตะวันนี้ไปตลอดชีวิตแน่
          ‘โห้ย! พี่แกล้งผมเหรอ!’ คนตัวเล็กอยากจะวิ่งไปต่อยพุงคนชอบแหย่นัก อยากจะตั้นหน้าหล่อๆนั่นด้วย แต่คงสุดปลายมือเพราะความสูงนี่สิหรือต้องลอยตัวต่อย! โอ้ย! เรื่องชกต่อยใช้กำลังตัดสินมันไม่ใช่แนวคนอย่างเขา
          “แต่พี่เหาะอย่างนายไม่ได้หรอกนะ” ซูกุเทินกระเซ้าอีกไม่เบื่อที่เห็นเด็กรุ่นน้องกระเง้ากระงอดเหมือนเด็กน้อยเมื่อไม่พอใจ ทั้งที่ปกติเบื่อเสียงเจี้ยวจ้าวของเจ้าตัวเสียนี่กระไร
        ‘แน่สิ ทำอย่างผมได้พี่ก็ต้องนอนนิ่งติดเตียงเหมือนผมสิ’ ตะวันตอบตามความจริงเจ้าชายนิทราอย่างเขาต่างกับอาการโคม่าของพี่ซุกท์
         คำตอบของน้องทำให้คนเป็นผู้ใหญ่อย่างซูกุเทินสะอึกเล็กน้อยที่พูดโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของตะวัน ตั้งแต่ร่างโปร่งแสงวนเวียนมาหาเขาทั้งวี่ทั้งวันเขายังไม่เคยถามเจ้าตัวเลยว่าเป็นมาอย่างไร
          ‘พี่ไม่ลองเข้าไปนอนทับร่างพี่ล่ะ’ คนไม่ได้คิดอะไรยังคงเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าเรื่องตัวเอง กลัวว่าพี่โคม่าน่าจะตกใจเหมือนเขาตอนที่ลอยออกจากร่างครั้งแรก
          “ทำแล้วก็โดนยันออกมา ได้แต่ยืนดูอยู่รอบๆ ทำอะไรไม่ได้” เสียงติดตลกขี้เล่นทุ้มต่ำลงเล็กน้อยตาของเขาจับจดไปที่แพทย์ผู้มาสมทบใหม่
          ‘คุณหมอดีแลนท์!’ ตะวันจำนายแพทย์ที่เดินนำหน้าเข้าห้องมาคนแรกได้ติดตาถนัดใจ
          “นายรู้จักหรือ” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้เมื่อเห็นแพทย์อีกคนที่เดินตามหลังมา
          ‘รู้สิครับ ท่านเป็นหมอคนแรกที่ดูแลผม อ่ะ! จริงด้วยผมลืมไปเลยมีคุณหมอมาใหม่เรียกชื่อผมกับพี่ด้วยนะครับ คนนั้นไงพี่ซุกท์’
          “เกิดอะไรขึ้นหรือหมอ” หมอศาสตราจารย์เอ่ยปากถามประเมินสถานการณ์ว่าอาจเป็นไปในทางที่ไม่สู้ดี
          หมอผู้ช่วยรายงานอาการของคนไข้โคม่าที่คงที่มาแล้วหลายวันกลับทรุดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจารย์หมอรีบหยิบชาร์ตคนไข้ไล่อ่านรายงานอาการคนไข้แต่ไม่พบความผิดปรกติอะไรที่น่าจะเป็นสาเหตุ
          “ครั้งสุดท้ายให้ยาฉีดอะไรไปบ้างรายงานผมมา คนไข้อาการทรงตัวมาตลอดทำไมถึงอาการแย่ลงล่ะ” หัวหน้าแพทย์ถามอย่างตรีงเครียด
          “คือว่า...หมอดีแลนท์ค่ะช่วงบ่ายมีคุณหมอท่านหนึ่งมาตรวจคนไข้ค่ะ” พยาบาลตอบเสียงอ่อยๆ ไม่คาดคิดว่าความไม่รอบคอบครั้งเดียวของเธอทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
          “ใคร? ทำไมผมไม่รู้ว่ามีหมอใหม่มาเพิ่ม” คนเป็นหมอพูดเสียงค่อนข้างดังแต่ไม่ได้คำตอบจากใคร
          “การดูแลพวกคุณหละหลวมเกินไปนะ นี่เป็นเคสพิเศษคุณจะให้คนที่บอกว่าตัวเองเป็นหมอมาตรวจคนไข้โดยไม่ถามไถ่หรือแสดงบัตรหรือไง อย่างน้อยต้องรีบโทรบอกผมสิ” เสียงบ่นจากหัวหน้าหมอดังกว่าปกติจนญาณสองตนถึงกับมองหน้ากัน
          คนพี่ถามตะวันว่าปกติหมอท่านเป็นคนดุดันขนาดนี้เลยหรือเปล่าคำตอบที่ได้คือเขาใจดีมากตัวน้องไม่เคยเห็นหมอเป็นแบบนี้เหมือนกัน
          อาจารย์หมอแซคคารีนรีบรับช่วงต่อจากหมอดีแลนท์ ไม่บ่อยนักที่ดีแลนท์จะอารมณ์เสียแบบหยุดตัวเองไม่อยู่แบบนี้ ดูท่าแล้วลูกชายในนามของท่านเลขาฯ เป็นบุคคลสำคัญมากกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรก
          การทำงานสุขุมสั่งการเป็นขั้นเป็นตอนทำให้สถานการณ์คลี่คลายและบรรยากาศที่หนักหน่วงเบาลงด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มละมุนหูฟังสบายของยอดหมอนักวิจัย การสืบหาความผิดปกติทำเป็นกระบวนการอย่างรวดเร็วเมื่อผลการตรวจเลือดส่งตรงมาถึงมือทีมวิจัย
          “เครื่องประดับโดนวางยาแล้วล่ะหมอดีแลนท์” ผลของเลือดไม่ชัดเจนนักแต่คนผ่านงานวิจัยมานักต่อนักไม่คิดว่าผลที่ดูน่าปกติแต่ค่าเลือดสมบูรณ์เกินไปสำหรับคนไข้อาการสาหัสเช่นนี้ หากผลเลือดไม่ถูกทำขึ้นมาใหม่ก็น่าจะเป็นปฏิหาริย์ที่ร่างโคม่าจะเริ่มกลายเป็นคนไข้ระดับปกติ
          “เรามีปัญหา!” เสียงหมอดีแลนท์โทรรายงานรองเลขาฯ ทันที ความปลอดภัยของลูกชายที่เซบาสเตียนเคยกังวลเป็นจริงแล้วในวันนื้ ปลายสายไม่ได้ตอบอะไรกลับมามากนัก เขารับรู้ด้วยคำสั่งแสนสั้นว่าเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดเอง
          เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องพิเศษของซูกุเทินไปถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วและตอนนี้คนถืออำนาจใหญ่ที่สุดในที่นี้เร่งสอบสวนสถานการณ์ด้วยการซักฟอกผู้เกี่ยว ข้องทุกคนและขยายผลไปถึงคนรอบตัวด้วย วงจรปิดถูกสั่งให้ตรวจสอบอย่างละเอียดมามีใครเข้าออกบริเวณนี้บ้าง
          ‘เล่นใหญ่มาก พี่เป็นเจ้าชายบ้านไหนเมืองไหนหรือครับเนี่ย?’ ตะวันสังเกตการณ์ด้วยความสนอกสนใจ
          คนไข้โคม่าอาการทรุดลงแพทย์คนสำคัญจะต้องร่วมด้วยช่วยกันรักษาและต่อว่าพยาบาลที่เผลอเลอในหน้าที่จริงจังขึงขังขนาดนี้เชียวหรือ ถ้าไม่ใช่ผู้บริหารประเทศ คนมีชื่อเสียง ดาราเซเลป ก็ต้องเป็นเจ้าคนนายคนสักประเทศหนึ่ง
          “ก็คงเป็นคนสำคัญล่ะมั้ง ตาหวานถามทำไมล่ะ” เจ้าของเรื่องไม่ได้ทุกข์ร้อนมากนักแม้จะไม่ได้อยู่ในร่างจริงของตัวเอง เขาให้คำนิยามตะวันเสียใหม่เพราะดวงตาน้องคู่นั้นสุขใสสว่างไสวไร้มลทินเป็นเด็กน้อยจิตใจดี
           ต่างจากเด็กผู้ชายในบ้านเมืองของเขาเหมือนอยู่คนละโลก หากบ้านเมืองสงบสุขเขาคงได้เจอเด็กหนุ่มแบบตะวันมากขึ้นหรือเปล่านะ
          ‘จิส์ ตะวันสิ อะไรกันเนี่ย’ ฟังแล้วสะดุดชื่อใหม่ของตัวเอง นี่เป็นคำแนวไหนอีกล่ะเนี่ยนอกจากทวารยังจะมี ‘ตาหวาน’ นี่อีก เมื่อครู่ยังออกเสียงตะวันได้ถูกต้องอยู่เลยไหงเปลี่ยนอีกแล้วล่ะ
          ‘ตกลงพี่ซุกท์เป็นใคร บอกผมได้แล้วอย่าแถไถ’ คนถามรอคำตอบอย่างจริงจัง
          “ก็แค่คนบนดินแดนเล็กๆ มีพื้นดินกระหย่อมหนึ่ง มีทะเลทรายกว้างสุดลูกหูลูกตา” ซูกุเทินเล่าสภาพบ้านเมืองตัวเองให้เด็กน้อยในสายตาตัวเองฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในความคิดและในสายตาของเขาแล้วประเทศที่เขามีคือสิ่งที่สวยที่สุดตั้งแต่เขาเติบโตมา
          ‘พี่โคม่าจนเพี้ยน!’ ร่างเด็กหนุ่มลอยมาจ้องหน้าเขาสำรวจตรวจตราความผิดปกติที่ตอบคำถามคนปกติได้ไกลจนเกินเข้าใจ
          “ถ้าตายคงยิ่งกว่าสำคัญ” พี่ใหญ่ลอยหน้าลอยตาตอบกวนๆ ส่งๆ ไป ไม่จำเป็นเลยที่เด็กตะวันจะต้องมารับรู้เรื่องราวและหน้าที่การงานของเขาอย่างน้อยให้เขาอยู่แบบคนไร้เกราะป้องกันใดๆ แบบคนธรรมดาทั่วไปดูบ้างถึงจะเป็นร่างจำแลงในตอนนี้มันน่าจะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี
          ‘อะไรกัน พูดจาไม่รู้เรื่อง ช่วยพูดภาษาเดียวกันด้วยสิครับคุณพี่’ เด็กน้อยในสายตาคนหนุ่มเริ่มไม่พอใจคำตอบที่ได้รับ ลอยตัวจ้องหน้ามือกอดอกหน้าตาพร้อมจะวิ่งเข้าฟัดใส่เขาทันทีถ้าพูดไม่เข้าหูอีกครั้งเดียว
          “เราจะยืนคุยกันตรงนี้เหรอ” พี่โคม่าถามเสียงอ่อนลงญาณคนเล็กก็อ่อนตาม เป็นเด็กน้อยว่าง่ายน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
          ‘แล้วพี่อยากจะไปคุยที่ไหนร่างพี่อยู่นี่’ ตะวันหันไปมองร่างพี่เขาที่กำลังมีเหล่าแพทย์พยาบาลช่วยกันเตรียมการย้ายคนไข้คนสำคัญไปยังสถานที่อื่น
          ‘โอ้ว! อะไรอีก? เกิดอะไรอีกล่ะเนี่ย!’ น้องชายต่างชาติตาโตมือไม้กวัดแกว่งห้ามปรามเหมือนตัวเองจะหยุดการกระทำนั้นได้
          ‘หยุดเลยน้า!’ จะย้ายเพื่อนพี่ผีคนแรกของเขาไปไหนเขาไม่อยากเหงาเหว่ว้าอยู่คนเดียวที่นี่อีกแล้วสองปีมานี้เขาเบื่อจนร่างโปร่งแสงจะสลายกลายเป็นอากาศอยู่โรงพยาบาลนี้แล้ว
          ยูกุเทินมองตะวันทำท่าทางประหลาดๆ เอะอะโวยวายเหมือนว่าคนอื่นจะได้ยินได้เห็นอย่างนั้นแหล่ะ เขาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้รอยยิ้มที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าตัวแปลกใจว่านานแค่ไหนแล้วที่กล้ามเนื้อรอบริมฝีปากไม่ได้ถูกยกแย้มยิ้ม น่าสนใจจริงๆ นะเจ้าเด็กน้อยตะวัน
          มีกลุ่มคนมาใหม่ปิดปังหน้าตาสวมชุดกาวน์สีเข้ม หน้าตาเข้มนิ่งขรึมหนึ่งในนั้นบอกว่าจะมาทำหน้าที่รับคนไข้รายนี้ไปดูแลต่อด้วยตัวเอง พร้อมแสดงบัตรประจำตัวและจดหมายแสดงเจตจำนงค์และอำนาจในการพาคนไข้คนสำคัญเปลี่ยนผ่านการดูแลไปยังหน่วยงานอื่น
          คราวนี้พยาบาลคนเดิมไม่พลาดที่จะโทรแจ้งหัวหน้าแพทย์และบอกผู้ช่วยให้รีบโทรหาผู้อำนวยการให้รีบมาตรวจสอบสถานการณ์ ผู้ช่วยพยาบาลผู้ชายร่างสูงใหญ่เดินออกหน้ารับเอกสารมาตรวจสอบถ่วงเวลาให้คนสำคัญทั้งสองมายังสถานที่แห่งนี้เสียก่อน อำนาจหน้าที่ของบุคลากรที่นี่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจและไม่มีใครคิดทำเกินหน้าที่
          หนุ่มโคม่าคิดไว้ในใจว่าท่านเลขาฯ คงไม่ปล่อยให้สถานการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้นกับเขาได้อีก คนกลุ่มที่มาคือเหล่าคนสนิทของตัวเขาเอง ไม่รู้สึกเสียใจที่ตัวเองต้องอยู่สภาพนี้เขารู้สึกสบายใจมากที่ไม่พาคนของเขาเข้าขบวนระเบิดนั้นไปด้วย
เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่ได้ทำงานใหญ่เพื่อประเทศมาหลายครั้ง หนึ่งในนั้นคือการที่คนของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บไปกับความบุ่มบ่ามและความทะนงตนในความแกร่งกล้าของตัวเองเกินไป
          ผู้อำนวยการมาพร้อมกับลุงสองผู้เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้และโรงพยาบาลในเครือ บุคคลกรของโรงพยาบาลทำความเคารพพร้อมแจ้งเรื่องและเอกสารของรับตัวผู้ป่วย
          “ผมเตรียมห้องพิเศษไว้แล้ว พวกคุณย้ายคนของคุณตามผมมา ผู้อำนวยการช่วยเรียกศาสตราจารย์...” ยังไม่ทันส่งการจบคนที่ท่านผู้บริหารอยากพบก็มาถึงห้องคนไข้เรียบร้อย
          “ผมมาแล้วครับและนี่เลขาท่านรองฯ” แพทย์นักวิจัยมาพร้อมกับบัดด์คนสนิทของท่านเลขาฯ คนทั้งคู่เคยพบกันมาก่อนแล้วพวกเขาจับมือทักทายตามปกติและพยักหน้าทักกลุ่มคนเสื้อกาวน์สีเข้มที่ยอมรับในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์
          ‘เฮ้! เขาจะย้ายคุณพี่จริงๆ แล้วนะ’ มือไม้ดึงร่างพี่ผีให้เข้ามาใกล้ร่างของตัวเอง เด็กหนุ่มมองลุงสองที่ไม่เคยแสดงตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้หากไม่มีเรื่องสำคัญ ยากที่จะเดาเหตุการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ต่อจากนี้
          ‘ต่อไปเขาต้องยุ่งมากขึ้นแน่ๆ’ ตั้งแต่ได้เจอพี่โคม่าชีวิตผีของเขาตื่นเต้นได้ตลอดเวลากลายเป็นว่าทุกวันผีน้อยๆ อย่างเขาไม่ต้องลอยไปนั่นลอยมานี้ไร้สาระไม่มีแก่นสารอีกต่อไปแล้ว แต่เขายังต้องนอนเรียนนอนกายภาพด้วยนี่นาถึงจะน่าเบื่อแต่ก็ต้องทำล่ะนะ
          ขณะเคลื่อนย้ายคนไข้ร่างญาณของซูกุเทินถูกลากให้เดินตามคนกลุ่มนั้นไปด้วยโดยอัตโนมัติ ส่วนเด็กผีตะวันลอยตัวโชว์หน้าชูคอเหมือนนักข่าวตามติดสถาณการณ์สำคัญไม่มีผิด
          คนที่ร่วมการย้ายเขามีศาสตราจารย์ ผู้บริหาร บัตด์และคนของตัวเองไม่นับสองญาณที่ตามกลุ่มคนนี้มาด้วยล่ะนะ
          “เรื่องเป็นยังไงกันท่านศาสตราจารย์แซค” คนเป็นลุงถามแพทย์ที่ถูกเซบาสเตียนแนะนำให้ทำการวิจัยเคสของหลานชาย
          “มีคนลอบวางยาลูกชายท่านเลขาฯน่ะ” จากการดูกล้องวงจรปิดโดยรอบเห็นแล้วว่ามีคนนอกแอบเข้ามาภายในโรงพยาบาลด้วยการปลอบตัวเป็นแพทย์แล้วใช้บัตรผ่านของคนในโรงพยาบาลแผ่นเครื่องแสกนเข้ามาได้
          ด้วยเป็นสถานที่ปลอดภัยระดับสูงความระแวดระวังภัยของคนในองค์กรเต็มสิบแทบจะเหลือศูนย์เพราะทุกคนไว้วางใจเทคโนโลยีความปลอดภัยมากจนเกินไป
          ใครพูดคุยอะไรกันบ้างนั้นผีพี่ใหญ่กับน้องผีคนเล็กได้ยินได้ฟังชัดเจนแจ่มแจ้ง เด็กตะวันหันไปมองหน้าพี่โคม่าอีกครั้งคิดในใจว่าชีวิตนี้คุ้มนักที่ได้รู้จักคนใหญ่คนโตถ้าไม่เป็นอาชญากรร้ายแรงก็ต้องเป็นประธานธิบดีแน่ถึงมีคนลอบฆ่า
          “คิดเพ้อเจ้อน่ะเรา” มองตาก็รู้ความคิดเจ้าเด็กนี่ต้องคิดว่าเขาเป็นอาชญากรมีหมายฆ่าล่าหัวแน่ๆ เจ้าผีตัวจ้อยได้แต่หัวเราะคิกคักไปตามเรื่องตามราวอย่างน้อยก็ถูกแค่ครึ่งหนึ่งล่ะนะ
          การย้ายคนไข้เหมือนเล่นสลับร่างรถไฟ ถึงไม่ได้เปลี่ยนลิฟท์ไปมาแต่มีหลายชั้นที่ผนังด้านตรงข้ามเปิดปิดสลับข้างกัน เด็กหนุ่มคุ้นเคยกับการปรับเปลี่ยนผนังลิฟท์ไปมาเหมือนพี่ซุกท์จะไปเยี่ยมร่างเขาที่ห้องวีไอพีพิเศษ ที่จัดไว้ให้หลานชายนิทราของเจ้าของโรงพยาบาล
          ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาได้จนกว่าจะได้รับการอนุญาติจากลุงสองมีเพียงหมอลูซส์ที่มีบัตรผ่านโดยตรง ส่วนครูและวิทยากรที่จะมาสอนและให้ความรู้กับร่างของเขาได้แค่บัตรผ่านชั่วคราวเท่านั้น
          อย่างน้อยความปลอดภัยของเขาก็สูงกว่าพี่ซุกท์ละน้า ปลอยภัยเหมือนโดนปล่อยลอยแพรแค่ไม่พัดออกทะเลลอยเคว้งคว้างภายใต้แสงดาวและลมทะเลพัดไกลออกฝั่งไปเรื่อยๆ!
          ‘มีแพรสองเรือนถูกปล่อยร้างลอยเคว้งหรือเปล่าครับพี่’
          มือคนพี่จับหัวตะวันให้หันกลับไปมองทางข้างหน้าเมื่อหน้าเยาว์วัยหันขวับมาคุยกับเขา ซูกุเทินไม่เข้าใจความหมายประโยคแปลกๆ ที่คนน้องพูด จะเป็นเรือนจะเป็นแพรเขาหาได้ใส่ใจในตอนนี้เขาอยากใช้ความคิดเงียบๆ ดูสถานการณ์ต่อจากนี้ไปก่อน
          การที่เขาหลุดออกมาจากร่างแบบนี้ต้องมีใครคิดและวางแผนทำร้ายเขาแน่นอน ดวงเขาคงแข็งชนะฆาตระเบิดก็ไม่ตายฉีดยาพิษให้แล้วยังรอด! ก็ถือว่ารอดละนะรอดจากคนกลายเป็นร่างจำแลงแล้วกันยังไม่อยากเป็นผีเต็มขั้นเกรงใจน้องตะวัน!
          อ้าว...ไหงท่านซุกท์ออกจากร่างมาล่ะนั่น? ฝากนิยายแฝดเรื่องนี้ด้วยนะคะชาวเล้าเป็ดทุกคน
          จากผีเดียวจะกลายเป็นสองผีในเรื่องไหมกลับมาลุ้นกันนะท่านผู้อ่านทุกคน อยากคอมเม้นท์พูดคุยหลังไมค์กันได้นะคะ ไคซ์ขอเว้นวรรคเรื่องนี้ระยะหนึ่งแต่จะพยายามไล่ๆ ลงช่วงปีใหม่จะได้มีอ่านรับปีใหม่กับนิยายใหม่เรื่องนี้จ้าฝากด้วยนะหาก แล้วเจอกันตอนใหม่ บ๊าบาย :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2023 21:01:10 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แจ้งข่าวนะคะ
ไคขอหยุดอัพนิยายสักพัก เมื่อร่างกายพร้อมใจพร้อมและต้นฉบับพร้อมเจอกันค่า :jul3:
อัพนิยายพี่แล้วก็ต้องมาอัพนิยายน้องนะคะ โปรดรอครู่ยาวๆ นะจ๊ะ :impress3:
ส่วนแก้ไขใหม่
Ghost Day - 5

Will We Be! - น้องว่าดีแล้วพี่ว่าไง?


          หมอลุยส์เข้ามาดูคนไข้หลานรักรอบสุดท้ายของวัน สภาพร่างกายและค่ามาตรฐานทางการแพทย์ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้าย เขาจดบันทึกผลประมวลต่างๆ จากหน้าจอคอมพิวเตอร์ จนได้ยินเสียงเปิดประตูดังมาจากห้องน้ำในห้องของตะวัน
          “ขอโทษทีนอนหรือยัง” หมอเอ่ยถามแปลกใจที่หลานชายอีกคนน่าจะนอนพักอยู่ห้องสำหรับแขก
          “ยังครับผมพึ่งอาบน้ำเสร็จ” ร่างสูงสมาร์ทของทรรศสวมเพียงกางเกงหูรูดธรรมดาคาคาดหมิ่นเหม่ช่วงสะโพกลำตัวด้านบนไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่มีเพียงผ้าขนหนูพาดคอไว้เช็ดหน้าเช็ดตา
          น่าอิจฉาร่างกายวัยรุ่นนักกล้าเนื้อแน่นขมวดมัดเป็นรูปร่างน่ามอง พอนึกถึงพุงย้วยๆ ของตัวเองรู้สึกสังเวชสังขารของตัวเองในวัยใกล้เข้าเลขสี่ปลายๆ หมออย่างเขาไม่มีเวลาเวิร์คเอ้าท์เหมือนอาชีพอื่นได้แต่อาศัยวิ่งเบาๆ บนลู่วิ่งในฟิตเนส อาศัยสังขารนี้วิ่งรอกตรวจคนไข้ก็แทบหมดแรงเดินแล้ว
          “พี่ลูอิสไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ” เด็กหนุ่มรุ่นน้องล้อชื่อของหมอลูยส์เพราะมีตัวสะกดอ่อนออกเสียงต่างกันแต่ดันเขียนเหมือนกัน ตอนเขาดังเป็นเด็กนั้นไม่ปะสีปะสาเรียกผิดเรียกถูกเจ้าตัวก็เอ็นดูไม่ว่าอะไร
          “โตเป็นหนุ่มแล้วเรียกชื่อน้าให้ถูกเสียหน่อยก็ดีนะทรรศ” คนอะไรรู้ว่าออกเสียงไม่ถูกก็ดันทุรังเรียกมาเรื่อยๆ เขายังออกเสียงเจ้าตัวถูกต้องชัดถ้อยชัดคำ....ยกเว้นทวาร กับ ตะวันถูกบ้างผิดบ้างเจ้าตัวไม่รู้หรอก
          “น่ารักดีออกครับพี่ ไม่เหมือนใคร ผมชอบ(เรียก)” ทรรศกระเซ้าเพื่อนน้าชายเหมือนรุ่นพี่ที่มหาลัย
          “ไม่คุยด้วยแล้วนอนซะไป” หมอลูยส์เป็นฝ่ายตัดบทไม่อยากอยู่ให้เด็กรุ่นลูกถอนผมถอนหงอก
          ร่างสมส่วนเปลือยอกชวนมองเดินมาขวางหน้าหมอไว้หน้าแทบจะชนแผงอกแน่นมัดกล้ามอวดเนื้ออวดหนังนั่น มือหนาเลื่อนเปิดประตูด้วยท่าประหลาดจนคนเป็นหมอสงสารกล้ามเนื้อที่ทำงานผิดธรรมชาติขืนฝึนทำแบบนี้บ่อยๆ หลายชายต้องได้รับการรักษาด้านกายภาพก่อนวัยเกษียณแน่นอน
          เจ้าทรรศเจ้าเด็กขี้อวด อวดทุกอย่างทั้งของลับที่คนเขาไม่อวด! อ่อนใจกับเด็กขี้โอ่นี้จริงๆ ก็รู้อยากอวดว่าโตขนาดไหนแล้วแต่คนไม่อยากมอง มันอิจฉาไม่ได้คิดพิเศษพิศวาสไอ้ร่างกายรุ่นหลานคนนี้เลยจริงๆ ให้ตาย!
           หนุ่มขี้เล่นโปรยยิ้มทรงเสน่ห์ส่งพี่หมอเข้านอนจะได้หลับฝันดี มีร่างกายเซ็กซี่ของเขาในความฝัน อยากรู้จังคนทำงานวัยอย่างลูอิสจะฝันถึงเขาเรื่องอะไรหนอ?(คนแต่งจะจิ้น แกมันร้ายนายทรรศ)
          คืนนี้มีการบ้านหลายงานวิจัยที่ต้องอ่านทรรศไม่อยากโง่อยู่คนเดียวในหมู่หมอเจ้าของไข้ของทั้งตะวันและคนไข้ที่มีรหัสลับว่าลูกชายของท่านรองฯ
          ตัวเขาเองคิดว่าการรักษาด้วยวิทยาการวิทยาศาสตร์ล้ำสมัยเป็นสิ่งเพ้อฝันที่เป็นจริงได้แค่ห้องทดลองและประสบความสำเร็จกับสัตว์ทดลองเท่านั้นไม่มีใครกล้าทำการวิจัยกับคนจริงๆ คนสมัยนี้บางกลุ่มต่อต้านการใช้ขนสัตว์หนังสัตว์มาทำเครื่องแต่งกายกระเป๋าถือหรือรองเท้ายังมีคนเดินประท้วงจนต้องปิดถนน
          เขาต่อต้านการรักษาครั้งนี้หรือเปล่าอย่างนั้นหรือ? ใจจริงไม่อยาก แต่บางครั้งก็อยากให้น้องชายตื่นขึ้นมามองโลกเส็งเคร็งใบนี้ในด้านอื่นๆ บ้าง เขาปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าลึกสุดใจอยากให้ตะวันได้หลับใหลและล่องลอยไปยังดินแดนไกลโพ้นไม่ต้องเวียนว่ายอยู่ในอ่างน้ำวนแห่งชีวิตในโลกนี้อีกแล้ว
          สัตว์ป่าที่ว่าดุร้ายบางครั้งมนุษย์เราร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่าเสียอีก! สัตว์ออกล่าเพื่ออยู่รอดคนเดินสองขาออกล่าตามความต้องการของตัวเองไม่สนว่าจะทำลายใครทำลายวงจรแห่งชีวิตใดไปบ้าง ก็นั่นแหล่ะที่เขาเรียกว่า มนุษย์ ล่ะ
          ความคิดคนหนุ่มอย่างเขาลุ่มลึกสัจธรรมเกินวัยคงไม่ต้องปลงผมออกบวชละทิ้งทางโลกแล้วมุ่งหาความสว่างทางธรรมเสียหรอกนะ แต่ทำไม่ได้หรอกกิเลสยังหนาขูดเท่าไหร่ก็ไม่ออกขนาดนี้ แค่อารมณ์สงสารน้องชายพาไปเท่านั้นล่ะ เขาก็มนุษย์คนหนึ่งมีด้านดีและเลวสลับกันไปตามสถานการณ์
         ดึกมากแล้วและเขาใช้สายตากับบรรดาตัวหนังสือจนสายตาพร่ามัว เขาปิดไฟในส่วนโซฟายาวล้มตัวลงนอนพักทั้งสายตาและความคิด การทดลองทางการแพทย์เป็นสิ่งที่สมควรแล้วหรือที่จะทดลองกับมนุษย์?เป็นคำถามที่ค้างอยู่ในความคิดของทรรศจนกระทั้งหลับไป
          “บ้าพลังจริงๆ ต่อให้อ่านทั้งหมดนี่ใช่ว่าจะเข้าใจกระบวนการทดลองทั้งหมดเสียหน่อย นายเพียงแค่เปิดหนังสือหน้าแรกเท่านั้น” หมอลูยส์อดใจไม่ได้ที่จะเดินมาดูลูกหลานของเพื่อนที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ดูแลของตัวเองไม่ได้
          หมอเดินมาดูผลการวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับการปลูกถ่ายอวัยวะ และวารสารการแพทย์มากมายที่หลานของเพื่อนรวบรวมมาเพื่อเทความรู้ใส่สมอง แต่ความจริงนั้นขั้นตอนต่างๆ ไม่ได้ง่ายที่จะทำความเข้าใจแค่อ่านบทความเพื่อสร้างผลงานและเลื่อนตำแหน่งหน้าที่จากนายแพทย์เป็นศาสตราจารย์
          ร่างกะทัดรัดทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้นวมอีกชุดหนึ่งในห้องมองทรรศและตะวัน ปล่อยความคิดว่างเปล่าเขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้วในวันนี้พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดที่เฝ้ารอมาทั้งอาทิตย์เขาอยากไปออกกำลังกายฟิตหุ่นและอยากใช้เวลาอยู่กับหลานตะวัน
          บางครั้งใช้เวลากับคนไข้เจ้าชายนิทราที่ไม่โต้ตอบอะไรก็สุขใจดีเหมือนกันพูดเองตอบเองใช้ชีวิตอีกรูปแบบที่แปลกกว่าปกติคงมีแต่คนแบบเขาที่ทำแบบนี้กระมัง
         “เฮ้อ! นายจากไปยังทิ้งตะวันไว้กับฉันอีกนายมันใจร้ายเกินไปนะฮาน” เสียงเปรยเบาๆ ของหมอลูยส์ไม่ได้เกิดจากความอาลัยอาวรณ์เพื่อนรักแต่เกิดจากความขัดเคืองใจที่ลูกชายของเพื่อนดันหน้าตาเหมือนเพื่อนสนิทยังกับย้อนวัยกลับมายิ่งได้ดูแลมองเห็นเช้าเย็นไม่มีทางที่จะลืมคนที่จากไปได้เลย
          คนนอนหลับตาได้ยินเสียงบ่นรำไร เขาหรี่ตามองผู้มาเยื่อนยามดึกที่กำลังนั่งปล่อยกายใจอยู่ที่ชุดรับแขกอีกด้านของห้อง เขานึกแปลกใจที่วัยอย่างหมอลูยส์ไม่คิดอยากมีครอบครัวสร้างเนื้อสร้างตัวหรืออย่างไรแทนที่จะมานั่งทอดอาลัยนึกถึงเพื่อนที่จากไป
          ทุกวันนี้เขารู้สึกว่าหมอทำหน้าที่เหมือนพ่อของตะวันไปเสียแล้ว นี่เขาคงไม่ได้อิจฉาน้องชายใช่ไหมนะ เขาก็อยากอยู่ใกล้ๆ หมอลูอิสบ้างเหมือนตอนยังเป็นวัยรุ่นอาจเป็นเพราะเชื้อชาติตะวันออกในตัวหมอหรือเปล่านะที่มองดูที่ไรก็ดูเป็นคนละมุนนุ่มนวลไปหมด...ท่าจะบ้าแล้วทรรศ หลับไปซะ!
          ‘อ้าว! หมอลูยส์ พี่ทรรศ ทำไมมานอนกองกันในห้องผมละครับ?’ ตะวันลอยตัวมามองคนทั้งคู่หมอหลับไปทั้งชุดเครื่องแบบประจำโรงพยาบาลส่วนอีกคนนอนเอกนกอยู่บนโซฟารับแขก เด็กหนุ่มลอยตัวยิ้มมองภาพคนทั้งสองด้วยความอิ่มใจหากเขาได้ตื่นลืมตาอีกครั้งแม้จะไม่เหลือใครแล้วแต่ยังมีหมอและพี่ทรรศที่ยังอยู่กับเขา
          “อบอุ่นดีจัง” ชายหนุ่มไม่รู้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เข้ามายืนใกล้กับตะวัน เขาไม่ตั้งใจประชดประชัดแต่รู้สึกถึงความรักที่อบอวนอยู่ในห้องของเด็กหนุ่มจริงๆ
          รูปครอบครัวที่แขวนไว้บนผนังบอกเล่าเรื่องราวว่าตะวันเติบโตมาอย่างดีด้วยความรักของพ่อแม่ รอยยิ้มของเด็กหนุ่มอ่อนละมุนมองแล้วสบายตาสบายใจดวงตากลมโตคู่นี้ของตะวันช่างเหมาะสมกับชื่อ ‘ตาหวาน’ เสียจริง ประกายตาทั้งคู่เจิดจ้าด้วยพลังงานด้านบวก
          ‘พี่ซุกท์ไม่นอนหรือครับ’ ตะวันลงไปนอนทับร่างตัวเองแต่ลำตัวลอยเหนือร่างจริงเล็กน้อย คนโตกว่ามองว่าเหมือนผีน้องนอนรอยตัวเหมือนนอนอยู่บนเปลเด็กกวัดแกว่งไปมาน่าเวียนหัว
          “นอน...จะนอนยังไงล่ะแบบนั้น” เห็นแล้วยังเวียนหัวแทนเจ้าตัวแต่กรณีร่างของเขาต่างกันตัวของตัวเองดีดตัวเองออกจากร่างเป็นว่าเล่นคงทำตามตะวันไม่ได้
        ‘แบบนี้ไง!’ เด็กน้อยนอนหนุนแขนสองข้างสบายอกสบายใจถึงไม่หลับเหมือนตอนเป็นคนปกติแต่การที่เขาลอยตัวอยู่กับที่แบบนี้เขารู้สึกสงบและผ่อนคลาย
          “นายนอนไปเถอะพี่อยู่ตรงนี้ดีกว่า” เขาทิ้งตัวบนพื้นแปลกใจที่ไม่หล่นไปด้านล่างเลยเดินไปนั่งบนเก้าอี้รับแขกอีกตัวตรงข้ามหมอลูยส์และชายหนุ่มนั่งได้เหมือนตอนเป็นคนธรรมดาทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
        ‘ขี้โกงอ่ะ พี่ซุกท์ขี้โกงที่สุด!’ ตะวันต่อว่าอย่างไม่พอใจทำไมเขาถึงนั่งบนโซฟาแบบนั้นไม่ได้ทำไมได้แต่ลอยไปมาพี่เขาพึ่งเป็นวิณญาณวันแรกทำไมได้สิทธิพิเศษแบบนี้
          คนพี่ได้แต่หัวเราะหึๆ ในลำคอ นึกในใจเขาคงเข้าร่างได้สักวันเพราะนอกจากทะลุกำแพงได้เขายังทำอย่างอื่นได้เหมือนอย่างที่เคยมีร่างกายคนปกติ
          ซูกุเทินรู้สึกวูบหลับไปชั่วครู่เขานึกเป็นห่วงร่างตัวเองขึ้นมาจึงเดินทะลุกำแพงไปยังห้องคนไข้ของตนเอง ก็ไม่ค่อยชอบแต่ก็สะดวกสบายดี! เขาเดินวนสำรวจตัวเองรอบเตียงทุกอย่างรอบตัวเป็นปกติดีเขาจึงเดินไปยังด้านนอกห้องเลยจากห้องรับรองแขกไปอีกไม่ไกล
          คนของเขาอยู่ยืนยามประจำตำแหน่งอยู่ห้องโถงรับรองในห้องสุดพิเศษชั้นนี้ อยากจะก้าวขาเดินต่ออีกหน่อยแต่เหมือนมีบางอย่างดึงทั้งร่างกายเขาไว้ไม่ให้ออกไปไกลกว่านี้ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ฝืนยอมถอยหลังกลับมายังพื้นที่ของตัวเองโดยดี
          ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาต้องเรียนรู้ในระหว่างเป็นผีฝึกหัดสินะ!

          เจอกันตอนต่อไปนะคะ รอกันหน่อยนะคะเรื่องนี้มาช้าแต่มาแน่ค่าอัพทีสองเรื่องจ้า :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2024 18:09:17 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Ghost Day - 6
Peacefully Sleeping Live - ชีวิตแสนสุขในร่างนิ่งสงบ
          ผู้นำการผ่าตัดเรียกประชุมคณะแพทย์เข้าร่วมประมวณผลการรักษาและพิจารณาเลือกวิธีการผ่าตัด ศาตราจารย์แซคคารีนยังตัดสินใจเลือกวีธีการผ่าตัดสวมสร้อยให้กับตะวันยังไม่ได้ การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจะย้ายหัวใจของคนไข้ซูกุเทินมาใส่ให้เลยทำได้ยากเพราะหัวใจบอบช้ำอย่างมากจากการประสบอุบัติเหตุด้วยแรงระเบิด
          อาจารย์หมอถือโอกาสสอนรูปแบบของการปลูกถ่ายให้แพทย์ที่เข้าร่วมประชุมเพื่อเป็นวิทยาทานทางความรู้และเผยแพร่งานวิจัยทางการแพทย์ของเขาไปด้วย บรรดาแพทย์หลากหลายสาขาร่วมเข้าประชุมด้วยเพื่อเปิดรับความรู้และวิทยาการใหม่ๆ มีการเปิดหัวข้อให้ถกปัญหาทางการแพทย์เชิงวิชาการแลกเปลี่ยนทัศนะทางวิชาชีพ
          “ผมจะเริ่มประชุมเคสของคนไข้ตะวัน เพื่อสร้างทางเลือกเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมและดีต่อคนไข้ที่สุด” ประธานประชุมเริ่มชักนำเข้าสู่หัวข้อหลักหลังจากแพทย์ผู้รักษาคนไข้ทั้งสองแถลงอาการโดยรวมของ’สร้อย’และ’หัวใจเพชร’
          สังคมหมอก็เหมือนกับกลุ่มคนอื่นๆ มีคนรักย่อมมีคนเกลียด มีคนยกย่องยังมีคนติฉินนินทา คนเราแค่เห็นหน้ายังรู้สึกไม่ถูกโฉลกก็มี ผลงานความรู้ของอาจารย์หมอที่เด่นด้านงานวิจัยเฉพาะทางอาจไปขัดความแนวคิดความเชื่อของหมอกลุ่มอื่นย่อมเกิดขึ้นได้ แพทย์บางคนไม่เห็นด้วยกับการทำการผ่าตัดครั้งนี้ พวกเขาเข้าร่วมการประชุมเพื่อต้องการตั้งคำถามและรับฟังเพื่อพิจารณาจรรยาบรรณของแพทย์นักวิจัยชื่อดัง
          หากจะมีการยื่นสอบวินัยต่อสมาคมแพทย์ต่อจากนี้ ก็ให้เพื่อนร่วมอาชีพดำเนินการได้เลยเขาเดินเข้าห้องสอบวินัยแพทย์นับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ทำงานวิจัยเชิงก้าวหน้าเช่นนี้ ผ่านความกดดันเฉียดความหมิ่นแหม่หลายแหล่มาได้เพราะจำกัดการทดลองที่ใช้เฉพาะกับสัตว์เท่านั้นไม่ใช่ทำกับคนไข้ ครั้งนี้ความสุ่มเสี่ยงสูงเกินคาดการณ์ย่อมต้องหาเกราะคุ้มภัยมาปกป้องแต่ครั้งนี้เหมือนท่าน*ฮิปโปเครติสรวมพลัง*เทพแอสคลีเพียสส่งผู้พิทักษ์มาช่วยโดยเฉพาะ

ฮิปโปเครติส (Hippocrates) ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้ให้กำเนิดวิชาแพทย์” หรือ “บิดาแห่งการแพทย์” นำวิธีการรักษาแบบใหม่วินิจฉัยถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคแล้วทำการรักษา
แอสคลีเพียส (Asclepius) เป็นเทพเจ้าแห่งการแพทย์ การรักษา และการฟื้นคืนชีพ ในตำนานเทพปกรณัมกรีกในยุคกรีกโบราณคทาของแอสคลีเพียสใช้แทนสัญลักษณ์แทนการแพทย์ในสมัยกรีกและใช้มาจนถึงปัจจุบัน
          “การผ่าตัดครั้งนี้ทำการวิจัยและปฎิบัติการทดลองเพื่อการรักษา เลือกทำ*อีจีนนีซีซ ไม่ดีหรือครับ” ใครคนหนึ่งในที่ประชุมพูดถึงแนวทางการปลูกถ่ายอวัยวะยุคปฏิวัติวงการ และวิธีการนี้ถูกตัดออกเป็นตัวเลือกแรกโดยของหมอดีแลนท์และผู้ร่วมโครงการทดลองเห็นพ้องด้วยว่าไม่เหมาะสม
          “นอกจาก*ทำการทดลองกับสัตว์ตัดแต่งพันธุกรรมแล้วจึงปลูกถ่ายให้กับคนไข้ต้องใช้ระยะเวลาแล้ว เปอร์เซ็นการมีชีวิตรอดหลังการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะยังมีน้อยอยู่” หมอในทีมผ่าตัดพูดชี้แจงถึงผลเสียของวิธีการอีจีนนีซีซ
          การทดลองด้วยการใช้สัตว์ทดลองที่ต้องตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อคนๆ หนึ่งมันยังไม่ดีพอต้องจัดการกับโรคที่มาติดมากับสายพันธ์สัตว์ ไม่ให้ส่งผลกับคนที่รับอวัยวะส่วนนั้น การเสียสละยังไม่บังเกิดผลดีที่สุดเพราะผู้ที่ได้รับความหวังนั้นมีชีวิตต่อไปได้ไม่นานด้วยโรคแฝงจากสัตว์สู่คนที่ได้รับการปลูกถ่าย ทำให้เกิดการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมทำลายอวัยวะนั้นและพรากชีวิตที่มีหวังให้สิ้นไป
          “ทำ*ทรีดี-ไบโอพริ้นติ้ง ทางเลือกนี้ไม่น่าสนใจหรือครับ” หมอผู้ร่วมประชุมอีกคนเสนอแนวทางล่าสุดที่ช่วยเรื่องการปลูกถ่าย
          “คำถามนี้ดีครับ เทคโนโลยีที่มีแนวโน้มที่ประสบความสำเร็จสูงแต่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดของอวัยวะ หัวใจดวงแรกที่ทำสำเร็จมีขนาดเท่าหัวใจกระต่าย” มือของหมอแซคคารีทำมือเป็นรูปหัวใจขนาดเล็กและขยายคำถามนี้ด้วยตัวเอง

3D Bioprinting พิมพ์ขึ้นแบบก่อนแล้วพิมพ์รายละเอียดด้วยหมึกแบบพิเศษมาจากเซลล์เนื้อเยื่อของผู้ป่วยคนนั้น ๆ เพื่อป้องกันการปฏิเสธอวัยวะจากร่างกายของผู้ป่วยเอง


          เขาภูมิใจแพทย์รุ่นใหม่ที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลใหม่เอี่ยมสูงยิ่งใหญ่แห่งนี่อย่างมาก ทุกท่านศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ ได้ดีทีเดียวแม้ไม่เกี่ยวกับแผนกของตัวเอง เจ้าตัวไม่อยากคิดไปในทางติดลบคิดว่าที่กระตือรือร้นเช่นนี้ต้องการไล่บี้บีบเคล้นหมอที่มุ่งแต่งานวิจัยไม่ได้ลงประจำบ้านรักษาคนไข้อย่างเขาหรือเปล่า
          “เคสแรกที่ทำการปลูกถ่ายสำเร็จและยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้คือเด็ก อวัยวะที่ทำการปลูกถ่ายคือกระเพาะปัสสาวะซึ่งมีขนาดเล็กและไม่มีความซับซ้อนเหมือนหัวใจ” หมอดีแลนท์เสริมผลการผ่าตัดที่ประสบผลสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์
          “ทำสเต็มเซลล์ดีไหมศาสตราจารย์ สร้อยคอยังอายุน้อยประสิทธิภาพของเซลล์ยังสมบูรณ์” เสียงหมอคนหนึ่งเสนอความคิดให้มองหาสิ่งใกล้ตัวความเยาว์วัยเป็นข้อดีของคนไข้ตะวัน
          “ผมวางแผนการใช้สเต็มเซลล์ร่วมด้วยตอนปลูกถ่ายลงโฮสเข้าสู่การเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อกระตุ้นการทำงานก่อนการปลูกถ่าย” หมอแซคคารีนบอกขั้นตอนการดำเนินงานก่อนการผ่าตัดปลูกถ่ายที่วางลำดับขั้นไว้
          “ตอนนี้เราทำได้แค่สเต็มเซลล์เม็ดเลือด” ข้อโต้แย้งยังมีมาไม่ลดละ ความจริงเป็นเช่นนั้นเพราะมีการทำการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในบางกลุ่มโรคเพราะให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและคนไข้หายจากอาการป่วยกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้
          “ควรจะเป็นเช่นนั้นเพราะการทดลองใช้เวลาเป็นสิบยี่สิบปีในการค้นคว้าวิจัยกว่าจะใช้กับคนไข้” หมออีกคนให้การสนับสนุนวงการแพทย์มักไม่ชอบความเสี่ยงในการรักษาคนไข้ด้วยผลที่ตามมาสามารถทำลายอาชีพที่มีเกียรตินี้ได้
          “หมออายุรกรรมอย่างผมได้ยินคำว่าสเต็มเซลล์ตั้งแต่เด็กแล้วครับ ไม่ใช่การรักษานะครับแต่เป็นครีมทาหน้า ’รกแกะ’ ของแม่” เสียงหมอหนุ่มพูดออกไมค์เจ้าตัวคงไม่ได้คิดว่าประโยคเด็ดของเขาจะทำให้บรรยากาศดีขึ้นเหมือนยกบรรยากาศริมทะเลมาไว้ในห้องประชุม เป็นเรื่องธรรมชาติคนเรามักตกเป็นเยื่อของการโฆษณาแต่เป็นความจริงที่ใช้โปรตีนสกัดจากรกแกะก็สามารถเรียกว่าใช้สเต็มเซลล์ได้เช่นกันถึงไม่ได้ใช้รักษาคนไข้
          การถกเรื่องเคร่งเครียดหยุดชะงักไปชั่วครู่และตามด้วยเสียงหัวเราะของแพทย์ร่วมประชุม บรรยากาศหนักๆ อัดแน่นด้วยการไล่ต้อนผ่อนคลายลง ต้องขอบคุณแพทย์รุ่นน้องที่พูดประโยคเด็ดนั้นออกมา แอบอ้างแม่เป็นดั่งเกราะเหล็กป้องกันภัยใดๆ ให้มลาย อย่างน้อยก็นำพาให้ชีวิตเจอทางออกที่ดี
          “ทราบดีทุกท่านเป็นห่วงจรรยาบรรณแพทย์ของตัวผม เมื่อการทดลองต้องทำมาใช้กับคนไข้ผมย่อมตระหนักถึงจริยธรรมนำหน้าเสมอ” ผู้เป็นศาสตราจารย์กวาดตามองหน้าแพทย์ทุกท่านด้วยสายตามุ่งมั่น
          ความน่าเชื่อถือทางด้านงานวิจัยและน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลแต่หนักแน่นสายตาดุดันจริงจังพร้อมเผชิญหน้าอุปสรรคต่างๆ ที่ต้องเผชิญ เมื่อผู้เข้าร่วมประชุมเจอบุคคลที่แสดงภาวะผู้นำออกมาชี้นำผู้ตาม
          ศาสตราจารย์สวมบทบาทเป็นแพทย์และนักวิชาการทางการแพทย์ที่ดีมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องบรรยายรายละเอียดถี่ยิบเหมือนโดนตำรวจสอบปากคำ วันนี้ที่เขาเรียกประชุมแพทย์เพราะอยากเปิดเผยถึงการผ่าตัดด้วยความจริงใจเมื่อเข้าสู่กระบวนการทำงานเขาคือผู้ควบคุมเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว ทุกอย่างจบลงด้วยผลการวิจัยและการเขียนรายงานด้วยภาษาวิชาการปั้นคำแต่งภาษาอย่างไรล้วนอยู่ที่นิ้วมือของเขา คราวนี้แซคคารีนจะใช้มือคู่นี้เขียนถึงความสำเร็จที่จะพลิกงานวิจัยที่ใช้กับคนไข้จริงๆ
          ไม่ต้องพูดชี้แจงมากมายตัดจบการประชุมตอนที่บรรยายกาศยังดีอยู่แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง สองหมอตำแหน่งสูงเดินพูดคุยเรื่องการดำเนินการผ่าตัดโดยมีหมอผู้ติดตามเดินเรียงแถวอยู่ด้านหลัง บริเวณที่ขบวนเดินผ่านได้รับการแสดงความเคารพจากแพทย์และพยาบาลด้วยความนอบน้อม หัวหน้าคณะแพทย์ทั้งสองแสดงภาษากายด้วยการยกมือก้มและหัวรับแต่ไม่ละทิ้งการพูดคุยถึงเคสสำคัญด้วยโดยเร่งรัดให้ช่วยกระชั้นเวลาให้กับท่านรองฯ ในช่วงที่ใช้อำนาจจัดการเรื่องราวให้ราบรื่นได้อยู่
          “เก็บสเต็มเซลล์ของ ‘ลูกชาย’ ให้ผมด้วย ทางผมทำ *TSIM นำไปก่อนแล้ว” ศจ.แซคคารีได้สั่ง *การขึ้นรูปหัวใจจากโครงสร้างเนื้อเยื่อตั้งแต่มาถึงสถานวิจัยแห่งนี้วันแรกแล้ว ขณะนี้โครงหัวใจอยู่ในขบวนการเพาะเลี้ยงและกระตุ้นการทำงานเสมือนอยู่ในร่างกาย
          “มีแผนหนึ่งแผนสองยังวางแผนสามระหว่างหัวจะระเบิด ผมรักษาไม่ได้นะโรคนี้น่ะ” หมอรุ่นพี่พูดเย้าแหย่คนชอบคิดซ้ำคิดซ้อนวางข้อสงสัยพินิจแนวทางแก้ไขไว้พร้อมสรรพ คุณสมบัติของนักวิจัยกระมังหากออกตรวจคนไข้มีหวังได้ตรวจครอบจักรวาลต่อหนึ่งโรคหนึ่งคนไข้
          “ผมวางไว้สำหรับตัวสร้อย ถ้าปฏิหาริย์ดันมาเกิดตอนอยู่ในมือผมผลจะต้องดีที่สุด” หมอเน้นงานวิจัยอย่างเขามีจุดยืนเป็นของตัวเองหมอและคนไข้มุ่งเน้นการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ด้วยการได้รับการรักษาที่เหมาะสมและดีที่สุด
          ถึงเป็นเจ้าชายนิทราหากได้รับจุมพิตจากเจ้าหญิงแล้วฟื้นคืนมาได้ เขาจะมีชีวิตคู่แสนสุขได้อย่างไรในเมื่อหัวใจที่ได้รับมาคือปัญหาของชีวิต การบริจาคอวัยวะเป็นการทำมหากุศลแต่ผลบุญอาจจะไม่ส่งผลดีในชีวิตนี้เสมอไป
          “โอ้! เสียดายหมออย่างคุณนะไม่น่าหมกตัวทำแต่งานวิจัย” หมอดีแลนท์กล่าวยิ้มๆ ใจจริงก็เสียดายความสามารถของรุ่นน้องที่อดีตเคยเป็นศัลแพทย์อนาคตไกล วาดฝันไว้อย่างดีจะได้มีรุ่นน้องคนสนิทมาเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางด้วยกัน
          “หรือว่า...หมอมีปรสิตตัวไหนสิงหรือเปล่าเนี่ย แบบว่าประเภทสิงสู่น่ะ” รุ่นพี่เย้าแหย่ซ้ำอีกครั้งทำท่าทางจริงจังพร้อมหันมามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าฉุกคิด หมอเอเลี่ยนกำลังเข้ายึดคนไข้ของเขาแล้วสินะ!
          “ศัลยแพทย์อย่างรุ่นพี่เนี่ยมีเวลาไปดูหนังหรือไง เพ้อเจ้อ!” รุ่นน้องนักวิจัยส่ายหน้าในความคิดสุดจินตนาการที่มักจะเจอบนแผ่นฟิมล์หลอกคนดูส่งเสริมความบันเทิงเท่านั้น
          กลุ่มแพทย์ด้านหลังที่ไม่เคยได้ยินคำพูดอาจารย์หมอพูดเล่นกับใคร ศาสตรจารย์นักวิจัยคงสนิทสนมกันมากทีเดียว แอบสะใจอยู่นิดหน่อยที่มีคนว่าอาจารย์หมอสุดเฮี้ยบได้เจ็บแสบจนเดินยิ้มน่าชื่นบาน ‘เพ้อเจ้อ!’ เจ็บจนทำให้โกรธได้เลยนะนั่นหมอแซคคารีนคงว่าคนได้แรงสุดแล้ว
          ย้ายมาที่วันสบายๆ ของตะวัน วันนี้เป็นตารางเวลาแห่งศิลปะที่เด็กหนุ่มตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ อาจารย์ผู้สอนวันนี้เป็นครูจบใหม่ที่กำลังศึกษาต่อความรู้ขั้นสูงมาแทนผู้สอนคนเดิม ตะวันนั่งลอยตัวแกว่งขามองคนสอนที่หน้าตาไม่ค่อยสดชื่นนักเดาว่าคงจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ที่ต้องมาสอนคนนอนนิ่งอยู่บนเตียงแล้วพูดพร่ำอยู่คนเดียวในห้องคนไข้เช่นนี้ เขาเคยได้ยินมาว่าคนที่มีพรสวรรค์มักจะทำตัวแปลกๆ ครูคนนี้ต้องสอนสิ่งที่น่าสนใจแน่นอน
          คนสอนเผลอสะดุดจนหนังสือเล่มหนาสองสามเล่มที่นำมาด้วยหล่นกระจายสันหนังสือตกกระแทกพื้นทำให้ตัวหนังสือกางออกเผยรูปภาพด้านใน ตะวันลอยตัวแหวกอากาศไปมองหนังสือเหล่านั้นตื่นตาตื่นใจกับศิลปะแนวแปลกตา เหมือนภาพสะท้อนสังคม วิถีชีวิต หรือวัฒนธรรมบางอย่างที่คนไข้นอนไม่ตื่นอย่างเขาไม่เคยออกไปพบเจอ
          “ว้าว!” ศิลปะแนวไหนกันเขาไม่เคยเห็นมาก่อนคงเป็นงานร่วมสมัยเพราะเคยเห็นรูปแนวแบบนี้มาบ้างแต่เอกลักษณ์เฉพาะในรูปภาพคงเป็นงานเฉพาะกลุ่มเสียมากกว่า หรือความรู้เขายังไม่เพียงพอไม่รู้ถึงที่มาของแหล่งกำเนิดศิลปะแนวนี้
          หญิงสาวที่ทำหน้าที่เป็นครูในวันนี้ยังคงไม่กระดุกกระดิกนั่งหน้านิ่งอยู่หน้าเฟรมภาพที่ตั้งไว้หน้าตัวเองไม่มีทีท่าสนใจหนังสือภาพที่ตกเกลื่อนบนพื้น เด็กหนุ่มสูดอากาศธรรมชาติจนฉ่ำปอดกางแขนสัมผัสลมโชยที่พัดเข้ามาในห้อง ด้วยการวาดภาพจะมีกลิ่นของสีดังนั้นหน้าต่างทุกบานจึงเปิดออกรับลมธรรมชาติเพื่อระบายกลิ่นฉุ่นในองค์ประกอบของสีให้จางหายไป
          เสียงถอนลมหายใจของครูผู้สอนเรียกความสนใจของตะวันให้หันกลับมาในห้องคนไข้ของตัวเอง เธอคนนั้นพูดจางึมงำฟังไม่ได้ความ เสียงและสำเนียงไม่คุ้นหูเหมือนผู้คนที่นี่คงจะเป็นคำพูดคนต่างแดนเสียมากกว่า เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าการมารับงานสอนคนไข้นอนนิ่งอย่างนี้น่าเบื่อขนาดนั้นเชียวหรือ ทำไมคนอื่นไม่เป็นเหมือนกันหรือค่าจ้างที่เคยจ่ายให้ต่ำกว่ามาตรฐานจากคนก่อนๆ แต่ช่างปะไร! ใครจะเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่แล้ว
          “เล่นอะไรน่ะแปลกคนจริง” เสียงคุ้นหูดังดูด้านหลังคนไร้ร่างที่ก้มหน้าลอยตัวดูภาพบนหนังสือลมพัดทีหน้ากระดาษก็ค่อยๆ พลิกไปอีกหน้าต้องคอยลุ้นทั้งลมทั้งกระดาษให้พัดและพลิกไปพร้อมกัน
          “อย่าพึ่งกวนผมตอนนี้ พี่ไปหาอะไรทำก่อนสิครับ” เด็กหนุ่มยังคงสนใจกับหนังสือภาพตรงหน้าเขาก็อยากคุยกับพี่ซุกท์แต่คนสอนไม่ได้มาหาเขาบ่อยๆ เขาอยากจะเห็นอะไรด้านนอกบ้างได้แต่รอผู้ถูกว่าจ้างที่มาสอนเล่าให้ฟังเท่านั้น
          “ทำตามที่นายอยากทำเถอะตาหวาน พี่ก็แค่คนไม่มีอะไรทำ” ประโยคข้างหลังเจ้าตัวพูดเบาๆ  คนที่เคยได้รับความสนใจอยู่เสมอต้องยอมแพ้ให้กับหนังสือภาพ เด็กหนอเด็ก!
          “หือ?” ตะวันหันขวับมามองชายหน้าคมเข้มแต่ดันมาน้อยใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง ในหน้าน่าเอ็นดูส่ายไปมาแล้วกลับไปมองหน้ากระดาษใบต่อไปที่พึ่งจะพลิกหน้าใหม่มาจากแรงลม
          คนเป็นพี่มองน้องทำท่าหน่ายแหนงไม่สนใจเห็นแล้วใจกระตุกคิ้วกระดิกได้แต่ทำเสียงฟึดฟัดผ่านจมูกโด่งคมสันของตัวเอง เขาถอยห่างออกมาหาที่นั่งมองดูตะวันกับอีกคนหนึ่งที่นั่งมองเฟรมวาดภาพอยู่ข้างเตียงคนไข้ ยังไม่เริ่มงานวาดภาพหรือทำการสอนอะไรสักอย่างส่วนลูกศิษย์ตัวจริงลอยเท้งเต้งท่านอนมองดูสมุดภาพอยู่ข้างๆ
          สุดท้ายแล้วที่นั่งที่ซูกุเทินทิ้งตัวลงไปเกิดร้อนขึ้นมาเหมือนไฟรนให้ต้องลุกเดินมานั่งข้างๆ คนน้อง มองภาพแต่ละหน้าที่ค่อยๆ พลิกเปิดตามจังหวะลมพัด น้องตาหวานไม่มีทีท่าหงุดหงิดอะไรนอนลอยตัวรอหน้าต่อไปอย่างใจจดจ่อคนน้องจะเห็นความสำคัญของพี่หน้านิ่งอยู่บ้างเพราะเงยหน้ามายิ้มให้อยู่หลายครั้ง ทำให้คนย้ายตัวมานั่งข้างๆ ใจพองฟูเต้นตึกตักที่เขาไม่ได้โดนตะวันเขี่ยทิ้งเพราะเจ้าหนังสือภาพเล่มเดียวเสียหน่อย ถ้าหากเขาหายป่วยเมื่อไหร่จะกวาดหนังสือภาพอัดแน่นด้วยงานศิลปะให้หมดแผงมาเปิดให้ตะวันได้ดู ตะวันตาหวานนอนรอพี่ได้เลย! (เอ๋! แปลกๆ นะคะคุณพี่)
          ผู้มาเยือนในฐานะอาจารย์ศิลปะเริ่มขยับฝีแปรง เริ่มต้นด้วยแม่สีถูกปาดป้ายไปมาด้วยหัวแปรงขนาดใหญ่ ขั้นตอนลงสีและวาดแปรงของคนสายศิลป์เรียกความสนใจจากตะวันให้กลับไปยืนลอยตัวข้างๆ ฝีแปรงเป็นช่วงๆ ทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้งปาดขึ้นๆ ลงๆ มองเป็นรูปเป็นร่างไม่ออกว่าแนวทางภาพวาดจะไปในแนวทางไหน
          ด้านหลังหนึ่งคนกับหนึ่งตนมีพี่ใหญ่ยืนคุมเชิงดูอยู่ไม่อยากพูดถึงงานศิลปะพูดถึงประเภทของปืนระเบิดรถถังยันเครื่องบินรบรวมถึงยุทธศาสตร์ความมั่นคงเป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุดคุยออกรสออกชาติไม่ใช่บทสนทนาน่าเบื่อแน่นอน บ้านเมืองไม่สงบจะมีชีวิตเป็นสุขเสพสุนทรียภาพสร้างสรรค์งานศิลปะไม่ได้หรอก สงครามหาใช่บ่อเกิดหรือสร้างแรงบรรดาลใจนอกจากวิ่งหนีระเบิดหลบลูกกระสุนเอาชีวิตให้รอด
          “พี่ซุกท์ๆ นี่ๆ ดูสิครับรูปผมเอง” ตะวันขวักมือเรียกคนพี่ยิกๆ คนถูกเรียกด้วยความกระตือรือร้นพยักหน้าหงึกๆ รับรู้เพราะยืนดูด้วยกัน
          ซูกุเทินมองเด็กหนุ่มตาหวานยิ้มแป้มแก้มแทบปริอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนสูงวัยชอบอยู่กับเด็กเพราะอะไร ชีวิตดูสดชื่นมีชีวิตชีวาหัวใจกระชุ่มกระชวยมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
          ตะวันลอยวนไปวนมาตื่นเต้นที่ได้เห็นภาพตัวเองถึงจะเป็นภาพนอนหลับธรรมดาไม่ได้เก็กท่าทางให้ดูเท่ห์แต่ยังไม่เคยมีวิทยากรหรือครูคนไหนวาดภาพตัวเขามาก่อน เหมือนได้ไปเดินเล่นในสถานที่ท่องเที่ยวแถบยุโรปที่มีศิลปินรับจ้างวาดรูปให้นักท่องเที่ยวเป็นที่ระลึกเป็นฝันที่เกิดขึ้นจริงถึงจะยังไม่ได้ไปเที่ยวดั่งหวังก็ตาม
          “ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นรูปผม พี่ซุกท์ดูสิครับ” เมื่อโดนเซ้าซี่คนเป็นพี่ต้องเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เอาใจตะวันที่ดีใจออกนอกหน้าเสียหน่อย มองภาพวาดแล้วมองดูร่างจริงของเด็กหนุ่มดูคล้ายกันมาก
          พี่ใหญ่ภาวนาอย่าให้ตะวันถามความคิดเห็นของเขาจากรูปวาดใบนี้ เพราะไม่รู้จะหาคำตอบอะไรมาเอาใจคนที่กำลังดีอกดีใจที่มีคนวาดภาพตัวเอง รูปน่ะสวยอยู่แล้วต้นแบบเป็นอย่างไรภาพก็เป็นเช่นเดียวกัน
          ภาพวาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์นักวาดภาพฝีมือดีตัดขอบไล่สีทำทุกส่วนบนในหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังหลับใหลอย่างละเอียดละออเธอใส่ใจใส่ความรู้สึกสงบนิ่งมองการนอนนิ่งเป็นการนอนที่มีเปี่ยมด้วยความสุข ดีแล้วที่วาดภาพของตาหวานถ้ามาวาดภาพตัวเขาไม่รู้จะออกมาเป็นยังไง
          สุดท้ายภาพออกมาเสร็จสมบูรณ์คนวาดมีรอยยิ้มให้กับผลงานตัวเองเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาที่นี่ ส่วนเจ้าตัวลอยตัวหน้าปลื้มปริ่มปากยิ้มตาเยิ้มด้วยความสุขตั้งแต่ได้เห็นรูปวาดแผ่นนี้แล้ว คนวาดทิ้งรูปวาดไว้บนเฟรมแล้วไปเตรียมกรอบใส่ภาพวาดเจ้าของห้องทิ้งให้ตะวันลอยวนชื่นชมภาพตรงหน้าให้สมใจ ซูกุเทินขัดอะไรน้องไม่ได้นอกจากยืนมองพร้อมรอยยิ้ม
          “เหมือนผมไหมครับ” ตะวันเทียบหน้าตัวเองกับรูปบนเฟรมที่พึ่งจะตัดขอบแต่งสีเสร็จเรียบร้อยถึงจะไม่คมชัดเท่าภาพถ่ายแต่ฝีมือระดับเอกสายศิลป์ไม่ได้ด้อยค่าภาพวาดแม้แต่น้อย
          ความรู้สึกนุ่มนวลละมุนละไมด้วยโทนสีพาสเทลที่ใส่ลงในภาพเหมือนซูกุเทินมองภาพเทวดาในโบสถ์ แต่เขาชอบที่น้องตะวันเป็นเดวิลตัวน้อยๆ ชอบแกล้งชอบแหย่แสบๆ คันๆ มากกว่า อยากเอาหัวใจให้น้องตะวันขยุ้มเล่นคงจะเต้นตึกตักไม่น้อย (อุ้ย! คุณพี่อาการออกแล้วนะคะ)
          ครูจำเป็นนำรูปเข้ากรอบลายไม้สำเร็จรูป เธอมองภาพวาดที่เสร็จสมบูรณ์แล้วด้วยความชื่นชมแล้วหันกลับมามองนายแบบของเธออีกครั้งเหมือนรอยยิ้มที่บางเบาแทบจะหายไปจากใบหน้าเธอพูดประโยคเบาๆในลำคอและบังเอิญซูกุเทินได้ยินเพราะยืนอยู่ใกล้ที่สุด
          “เจ้าชายน้อยรีบตื่นจากฝันมาดูภาพที่ฉันวาดด้วยนะ” นักศึกษาศิลปะขั้นสูงแขวนภาพภาพของตะวันไว้บนผนังถัดจากรูปวาดใบอื่นๆ ก่อนหน้านี้
          “มีอะไรหรือครับพี่ซุกท์” ตะวันลอยมาเกาะบ่าคนพี่ถามสถานการณ์ด้วยความสนใจ
          “เธออยากให้ตะวันตื่นมาชื่นชมภาพวาดที่เธอวาดน่ะ” คนพี่พูดจบน้องก็หันไปมองยังครูสอนวาดภาพเด็กหนุ่มอยากจะตบปากรับคำว่าจะตื่นมาดูให้ได้แต่สองปีมาแล้วเขาก็ยังลากร่างตัวเองให้ลุกขึ้นตื่นไม่ได้เสียที
          คนตัวโตอยากจะโอบกอดปลอบใจเด็กหนุ่ม เขาเห็นความหดหู่เล็กน้อยบนใบหน้าที่รอยยิ้มหวานๆ นั้นตะวันไม่ปล่อยให้บรรยากาศต้องหม่อนหมองเขาหันกลับมากล่าวขอบคุณที่คนพี่บอกให้เขารู้ว่าครูพูดพึมพำว่าอย่างไร ตะวันลอยตัวมองภาพวาดตัวเองอยู่นานสองนานจนครูศิลปินเก็บของเตรียมตัวจะกลับ เธอโบกมือลาร่างเด็กหนุ่มที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงพร้อมกล่าวคำอำลา
          ตะวันยังรื่นเริงเหมือนเดิมเขาโบกมือหยอยๆ ลอยขึ้นลอยลงรับคำกล่าวลา เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าการกระทำใสซื่อเช่นนี้ทำให้ใครบางคนเผลอคิดไปว่าไม่ใช่เด็กน้อยที่ทำแล้วน่ารักแต่ตะวันทำก็น่าเอ็นดูน่ามองไม่แพ้กัน!

          ต่อส่วนของน้องแล้วจะตามไปอัพส่วนของพี่แล้วนะจ๊ะ ฝากติดตามด้วยนะจ๊ะกลับมาอัพเดตเรื่องนี้หลังจากค้างเพราะติดเรื่องปลูกถ่ายแนวแพทย์นี่ล่ะค่ะต้องหาความรู้แล้วปรับให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ลงลึกเกินไปคนแต่งไม่ได้เป็นหมอจ้ามาลึกมาจะเครียด :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2024 18:42:28 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องตาหวาน พี่ขอโทษ พี่หมดแรง พี่หมดพลัง พี่โดนดูดวิญญาณ พี่ขอโทษ :hao5:
รอนะน้องนะเดี๋ยวน้องได้ออกซีนนะน้องนะตอนนี้ให้พี่ซูกุเทินเขาไปก่อน :katai4:
คนแต่งจะตายแล้วจ้าา เล่นเรื่องยากไปหน่อย :z6:
ฝากนักอ่านไปสู้ชีวิตกับพี่โคม่ากระทู้ด้านบนก่อนนะคะ
ฝากอี-บุ๊คสองเรื่องด้วยนะคะ :haun4:
Waiting for, Loving around รอจนเจอ(เธอที่รัก)
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNjg3MDQwMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjMyMTQwNCI7fQ

CALL Me : special the Myth
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNjg3MDQwMyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjMyMzkyOSI7fQ

และอย่าลืมติดตามนิยายเรื่องอื่นๆ ด้วยจ้า ช่วงนี้มือขึ้นเกินหลายเรื่องหัวจะหมุนปรับโหมดแต่ละเรื่องแทบไม่ทัน :really2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2024 09:29:36 โดย keisarinna »

ออฟไลน์ keisarinna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ผีน้องรอพี่นะคะ พี่จะ :katai4: น้องตะวันพี่คนแต่งมาอิดิท พี่จะไม่ไหวแล้วมือพี่ไม่ไหวแล้ว :z13:

edited 20/10/2567

Ghost Day - 7
The Sixth Sense - สัญญารักสัญญาณหลอนเฮ้ย! แปลอย่างนี้จริงดิ๊ หยอกเล่น
เซ้นส์ร้ายทายทักกับดักชีวิต
          ไม่ว่าการทำงานจะหนักแค่ไหนตอนเช้าก็มากล่าวอรุณสวัสดิ์ตกเย็นหมอลูยส์ก็ยังมาเซย์กู้ดไนท์กับตะวันบ่อยๆ เหมือนห้องคนไข้เวรี่วีไอพีเป็นเครื่องตอกบัตรเริ่มและกลับเหมือนมาทำงาน
          วันนี้ก็เช่นเดียวกันพอหมดเวลาทำงานเขาก็จะมาเยี่ยมหลานรักตะวันลูกของเพื่อนก่อนจะออกจากโรงพยาบาล แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะรับแต่เวรเช้ากลับดึกหรือยอมแลกเวรกับหมอเวรคนอื่นเพราะเขาไม่มีเมียมีลูกเป็นหัวหน้าครอบครัวเหมือนเพื่อนหมอคนอื่น

          ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยเพราะหมอดีแลนท์อยากให้เขาเข้ามาเป็นผู้ช่วยหมอในห้องผ่าตัดเขาจำเป็นต้องศึกษาเคสการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะและถูกเรียกตัวเข้าห้องผ่าเรียนรู้ไปกับหมอดีแลนท์ทั้งในและนอกเวลางาน
          ตะวันทักทายตอบแต่หมอคงไม่ได้ยินเดินดุ่มๆ ผ่านหลานรักตัวโปร่งแสงไปนั่งคลายความเหนื่อล้าเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง พอหัววางบนพนักโซฟาเอียงองศาเล็กน้อยแล้วหลับทันที หลานรักอยากจะช่วยดันตัวให้นอนหลับสบายๆ คงได้แต่หวังเพราะช่วยอะไรไม่ได้มากได้แต่มองยืนดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
          เด็กน้อยร่อนกายตามหาพี่โคม่าทันที ชะโงกหน้าหายตัวไปดูตามที่ต่างๆ ไม่ยักจะเห็นคนตัวโตมาเยี่ยมเยือนก่อกวนอารมณ์เขาเหมือนวันก่อนๆ
          ตะวันนับนิ้วย้อนวันที่ได้เจอกับผี เอ๊ะ! วิณญาณพี่โคม่าต้องตกอกตกใจ พี่เขาพึ่งหลุดจากร่างไม่ถึงอาทิตย์แต่ตัวเขาเองกลับผูกพันขนาดไม่เห็นหน้าต้องออกตามหาแล้วหรือเนี่ย เขาติดพี่ซุกท์เข้าให้แล้วใช่ไหม? เดินตามเหมือนลูกเจี๊ยบตามแม่ไก่ สอดส่ายสายตาหาก้นแม่เป็ดเดินย่ำต๊อกต๋อยตามกันเป็นขบวน         
          ด้วยไร้จุดหมายปลายทางผีน้องน่ารักนั่งลอยๆ ข้างร่างโคม่าของซูกุเทินบนเตียงผู้ป่วย มองช้ายแลขวาไม่เห็นอัลคนสนิทของผีคนพี่ เพราะเห็นพี่เขาเดินตามบ่อยที่สุดแทบจะเป็นเงาที่สองของคนชื่ออัล
          ‘วันนี้ทำไมรู้สึกแปลกๆ หวิวๆ ไหวๆ เหมือนร่างกายกำลังเจอบั๊ก’ ตะวันวิเคราะห์ตัวเองในวันที่เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนร่างกายโปร่งแสงนี่กำลังเจอกับพายุแห่งชีวิต
          เขาจำได้เลือนรางว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อตอนที่เขาจะสูญเสียครอบครัวไปเมื่อตอนเป็นเด็ก ความรู้สึกใจหายมองฟ้ามองน้ำเกิดความรู้สึกอ่อนไหวแม้แต่มองท่อนไม้ยังทำให้เศร้าใจที่มันต้องถูกตัดถูกโค่นมาตัดแต่งมาทำเป็นท่อนฟืนไว้เผาไฟ?
           น้องตะวันนั่งแกว่งขาโปร่งๆ พลิ้วไปปลิวมาจนเบื่อ จึงหันกลับมามองร่างพี่ซุกท์อีกครั้งก่อนจะลอยตัวทะลุกำแพงหายไปยังห้องตัวเอง
          เมื่อก่อนไม่มีใครเห็นไม่มีเพื่อนคุยก็ยังอยู่ได้เลยนี่นา มาตอนนี้ล่ะทำเป็นผีขี้เหงาต้องหาเพื่อนผีคุยซะแล้ว ไหนดูสิว่าวันนี้จะมีใครมาเยี่ยมมาสอนอะไรให้เขาหายจิตใจอ่อนไหวผ่านวันนี้ไปได้หรือเปล่า
          ตัวลอยไปด้านหน้าแต่หางตาดันเห็นร่างคุ้นตาอยุ่ไวๆ ไม่ต้องแตะเบรกให้เสียเวลา ร่างโปร่งแสงชะงักตัวกลางอากาศกึ่งลอยกึ่งวิ่ง? กระโจนตามร่างที่พึ่งเห็นไปทันที
          ‘อ้าว! พี่เขาหายไปไหนของเขาอีกแล้ว’ ตะวันลอยตัวคอตก นึกสงสัยว่าพี่โคม่าหายไปไหนเสียแล้ววันนี้
          เสียงรถเข็นดังมาทางด้านหลัง พยาบาลเตรียมพร้อมมาทำความสะอาดร่างกายของตะวันอย่างตรงเวลาทุกวัน ตอนแรกเขาก็เขินบิดไปบิดมา แต่พอคิดได้อีกทีก็ตัดสินใจหายตัวไปอยู่ที่อื่นเสียไม่รู้ไม่เห็นดีกว่ามองดูพยาบาลคนสวยเช็ดๆ ถูๆ ตามร่างกายของเขา ไม่ไหวจะทนความเขินถึงพยาบาลจะทำตามหน้าที่ไม่ได้พิศวาสร่างกายคนไข้อย่างเขาก็เถอะ
          สุดท้ายจุดหมายปลายทางก็ต้องย้อนกลับมาห้องคนไข้ของพี่ซูกุเทินเหมือนเดิม เด็กหนุ่มเอามือทั้งสองขยี้ตาคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นร่างของ พี่ซุกท์ขยับเหมือนคนทรมาน ส่วนหัวโยกไปโยกมาเนื้อตัวกระตุกตะกุกตะกักเหมือนหนึ่งคนแต่มีสองร่างยักแย่ยักยันต่อสู้กันเอง ผีคนน้องกระพริบถี่ๆ ขยี่ตาว่าสิ่งที่เห็นเป็นภาพลวงตาหรือเกิดจากอาการหลอนทางอารมณ์ที่เจ้าตัวกังวลตั้งแต่เช้าหรือเปล่า แต่ภาพประหลาดนี้ก็ยังติดตาไม่ยอมหายไปเสียที งานเข้าพี่ผีล่ะคราวนี้!           
         ‘เฮ้ย! พี่ซุกท์! เป็นอะไรล่ะคุณพี่!’ ด้วยความเป็นห่วงเขารีบลอยทะลุกำแพงหวังจะไปเรียกหมอลูยส์ให้รีบเข้ามาดูพี่โคม่าด้วยความเป็นห่วง ลืมไปเลยว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้มากนอกจากลอยไปลอยมา
          เจ้าตัววางความไร้ประโยชน์ของตัวเองเอาไว้ก่อน ก่อนอื่นต้องรีบหาคนมาช่วยเขาเคยดูหนังผีมาหลายเรื่อง ผีก็ปัดของตกได้ วันนี้หล่ะ! เขาจะได้ทดลองทฤษฎีนี้เสียทีทำได้ไม่ได้จะได้ทดลองกันเลย ปัดกรอบรูปให้ตกจากผนังร่วงกราวไปกองบนพื้นเลยตะวัน! วันนี้ต้องเปิดอภินิหารผีน้อยให้ได้
          เสียงเครื่องมือแพทย์พร้อมใจกันบรรเลงเพลงเศร้าจบด้วยโทนเสียงปิ๊ดยาวๆ แล้วเงียบลง เสียงเครื่องช่วยร่างกายทำงานพร้อมใจกันส่งสัญญาณร้องเตือนเหมือนหิ่งห้อยร้องระงมจนฟังน่ารำคาญ แต่จิตใจของตะวันตอนนี้แทบจะไหลลงด้านล่างไปกองที่ปลายเท้า
          ใจคอไม่ดี! เสียงชีพจรหยุดเต้น เจ้าเครื่องช่วยชีวิตไม่สัมพันกับลมหายใจของพี่ซุกท์ พี่ไคม่าไม่หายใจ พี่เขาจะตายจริง! เลยคราวนี้
          ‘โอ้ว! ไม่!’ เด็กหนุ่มตะโกนสุดเสียง มือไม้ทั้งสองทั้งปัดทั้งตบตีเหล่าภาพวาดที่แขวนบนผนังแต่รูปเหล่านั้นไม่ยักจะขยับเขยื้อนแม้แต่เซนต์เดียว หนังผีบ้านั่น! หลอกเขานี่นาไม่เห็นจะทำได้เลย!
          ‘ใครก็ได้ ช่วยพี่ซุกท์ของผมด้วย! ช่วยด้วย! ช่วยพี่ผมที!’ ตะวันยังคงตะโกนแหกปากสุดเสียงอย่างเต็มความสามารถที่เขาจะทำได้ในร่างไร้ประโยชน์นี่
          ฉับพลันความทรงจำในวัยเด็กผุดขึ้นมาในความคิด ร่างโปร่งแสงทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าสองมือประสานระหว่างอกหลับตาแล้วทำจิตใจให้สงบ
          พยายามตั้งสติภาวนาอธิษฐานจิตเหมือนที่แม่เคยสอนเขาไว้ตอนยังเด็ก หากอยากให้เกิดสิ่งดีๆ กับตัวเองหรือกับคนที่เรารัก ให้ตั้งใจอธิฐานขอพรต่อผู้เป็นอริยะส่งความเมตตาด้วยกุศลผลบุญให้แก่พวกเขาเหล่านั้น
          เหมือนสวรรค์จะเปิดทาง หรืออาจจะเห็นใจความอ่อนต่อโลกอันโหดร้ายใบนี้ของผีเด็กน้อย ให้หมอลูยส์ที่หลับลึกสะดุ้งตื่นเหมือนได้ยินเสียงร้องตะโกนของหลานรัก
          ด้วยสัญชาตญาณและความเคยชินของสัญญาณเสียงจากเครื่องช่วยชีวิตต่างๆ ที่พากับร้องระงมเรียกใครสักคนให้มาช่วยคนตรงนี้ คนเป็นหมอหายง่วงเหมือนปลิดทิ้ง ก้าวขาทรงตัวยืนได้ก็ออกตัววิ่งออกไปทางประตู ตรงดิ่งไปห้องผู้ป่วยคนสำคัญอย่างทันท่วงที
          ตะวันเห็นหมอลูยส์ขานรับคำขอ รีบลุกขึ้นลอยตัวพ่วงท้ายตามหลังหมอ ลอยละลิ่วปลิวละล่องแทบจะขี่คอหมอคนสนิทตามไปติดๆ

          ‘พี่ซูกุเทิน ห้ามตายนะ! อย่าทิ้งผม!’ ตะวันตะโกนโหวกเหวกอยู่บนหัวคุณหมอ เกินเป็นเสียงประหลาดคล้ายเสียงแมลงตีปีกกระพือพับๆ อยู่ข้างหูของหมอลูยส์จนต้องเอามือปัดๆ สะบัดออกไปให้พ้นจากการได้ยิน

เจอกันตอนหน้านะคะท่านผุ้อ่าน

          คนแต่งไม่ไหวแล้วค่า :katai5: ตอนหน้าพี่จะขโมยซีนให้น้องตะวันคนเดียวเลยค่ะ :call:
          ตอนแต่งก็ฟีลมาเต็มเลย ต่อนี้กลับมาแก้ไขนิดหน่อยให้เข้ารูปเข้ารอยนะค่ะท่านผู้อ่าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2024 20:42:53 โดย keisarinna »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด