ReLove3 : Reinterpreted Love - รัก...ความหมายใหม่ (ตอนที่ 1 - 10 ก.ย. 66)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ReLove3 : Reinterpreted Love - รัก...ความหมายใหม่ (ตอนที่ 1 - 10 ก.ย. 66)  (อ่าน 209 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Reinterpreted Love / รัก...ความหมายใหม่

*

อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง)

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17


เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2023 02:15:03 โดย sarawit »

ออฟไลน์ sarawit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ReLove3 : Reinterpreted Love - รัก...ความหมายใหม่
«ตอบ #1 เมื่อ01-09-2023 02:57:12 »

Reinterpreted Love / รัก...ความหมายใหม่

re - again; interbetween, among; pret(ium) – to sell, to negotiate
การพูดคุยเจรจาต่อรองระหว่างกันซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะเข้าใจความหมายที่ตรงกัน

*

*

หนึ่งคนที่เจอเหตุการณ์ซ้ำร้ายจนรู้สึกกลัวใจว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้คิดว่าครั้งนี้อาจจะใช่

~ Finally found somebody that could be the one. But I promised myself that I wouldn't give in to love ~
(Mariah CareyThe One)

*

อีกหนึ่งคนที่เฝ้ารอโอกาสมาเป็นของตัวเองและไม่มีวันที่จะปล่อยให้ครั้งนี้หลุดมือไปอีก

~ The best thing underneath the stars. You're everything my heart desires ~
(Adam RickittEverything My Heart Desires)

*

ภาคสุดท้ายของชุด ReLove และพระเอกตัวจริงของน้องวีร์
ควรอ่านภาคก่อนหน้าเพื่อความเข้าใจเนื้อเรื่อง

Replaceable Love รัก...แทนกันได้
(ir)Replaceable Love รัก...แทนกัน(ไม่)ได้



[บทนำ]

[.1. Third Time's a Charm]

*

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2023 02:39:25 โดย sarawit »

ออฟไลน์ sarawit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ReLove3 : Reinterpreted Love - รัก...ความหมายใหม่
«ตอบ #2 เมื่อ01-09-2023 03:03:11 »

บทนำ

ต่อจากนี้ เราจะตรวจสอบความพร้อมครั้งสุดท้าย ขอให้ทุกท่านเข้าประจำที่ให้เรียบร้อย

หน่วยบันทึกภาพและเสียง
....................Go for launch

ระบบข้อมูลข่าวสาร
....................Go for launch

การรวมกลุ่มผู้ติดตามพร้อมชื่อเรียกขาน
....................Go for launch

ผู้สอดส่องสื่อสังคมออนไลน์
....................Go for launch

การกำหนดชื่อแฮชแท็กตามสถานการณ์
....................Go for launch

หน่วยเคลื่อนที่เร็วยามคับขัน
....................Go for launch

ก่อนจะถึงขั้นตอนสุดท้าย ขอนำทุกคนเข้าสู่ความฟินที่ไม่ต้องจินตนาการ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจริงที่ไม่ต้องมานั่งมโนไปเองให้เสียเวลา ขอกราบเรียนให้ทุกท่านยึดที่นั่งของตัวเองไว้ให้ดี เพราะนี่ไม่ใช่เรือพาย เรือเจ็ต หรือเรือสำราญ แต่เราคือเรืออวกาศที่จะพาทุกคนออกสู่จักรวาลอันไกลโพ้น ก้าวสู่ดินแดนอันไร้ขอบเขต รับรองความฟินที่เกินจะคิดฝันพรรณนาได้

เมื่อพร้อมแล้ว เริ่มนับถอยหลังกันเลย

5

4

3

2

1

#VVGo4Launch



ออฟไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
มาแล้ว ss3

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Ss2 ใจร้ายมากกกกก เราผู้เชียร์วีมารุตมาโดนตลอด :hao5: :sad4: ตัดบทได้โหดร้ายมาก  :a5::sad4:

ออฟไลน์ sarawit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 1 Third Time’s a Charm ครั้งที่สามจะโชคดี


หลังจากจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ก็จะมีช่วงว่างอยู่เกือบครึ่งปีก่อนจะเริ่มชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย หลายคนใช้โอกาสนี้ในการหาประสบการณ์ชีวิตเพิ่มเติม ไม่ว่าจะผ่านทางการเรียนรู้เพิ่มเติมหรือว่าการท่องเที่ยว บางคนก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ราวกับว่ามันขาดหายไปจากชีวิตเสียนาน บางคนก็ยังดิ้นรนแสวงหาที่เรียนต่อจนถึงช่วงสุดท้าย

สำหรับ วีร์ วรรัญญา เด็กหนุ่มที่ย้ายโรงเรียนในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้พบกับเพื่อนใหม่ สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป และผ่านเหตุการณ์ในชีวิตที่ไม่ได้คาดคิดอย่างการสูญเสียบุคคลสำคัญไปถึงสองคนในเวลาไม่ถึงปี นั้นคือ วีรดนย์ กิจการเรืองฤทธิ์ ที่จากไปเพราะอาการป่วยที่หาสาเหตุไม่ได้จนร่างกายทรุดถอย และ วีรมาตุ ราวัณ ที่ประสบอุบัติเหตุและจากไปก่อนวัยอันควร

การเสียชีวิตของทั้งสองคนนำมาซึ่งเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าวีร์นั้นมีคำสาปอาถรรพ์ติดตัว ไม่สามารถจะครองรักกับใครได้เพราะมีเหตุให้บุคคลอันเป็นที่รักต้องมีอันเป็นไป วีร์ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นไปตามคำพูดเหล่านั้น แต่กระนั้นหลังจากการเสียชีวิตของวีรมาตุ วีร์ก็ไม่ได้มองหาหรือเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครเลย

อาจะเป็นเพราะว่าเข้าสู่ปีสุดท้ายก่อนการสอบเข้าเรียนระดับชั้นมหาวิทยาลัย ทำให้วีร์ต้องใช้เวลาเตรียมตัวอยู่พอสมควร รวมถึงกิจกรรมนอกเวลาเรียนที่วีร์ตอบรับเป็นเลขานุการชมรมดนตรีตามคำไว้วานของ ศศิทัศน์ ราวัณ เพื่อนสนิทและยังเป็นน้องชายของวีรมาตุ ที่ต้องการเป็นประธานชมรมดังเช่นพี่ชายของเขา นอกจากนี้วีร์ยังต้องช่วยดูแลน้องชายวัยเด็กที่กำลังซุกซน และสุนัขพันธุ์ไทยขนสั้นตัวใหญ่ทั้งสองตัวที่ได้รับมาเป็นของขวัญวันเกิดจากวีรดนย์เมื่อหลายปีก่อน

ที่สำคัญ ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ธีร์ ผู้ที่เติบโตมาในฐานะพี่ชายจนได้มารู้ภายหลังว่าเป็นพ่อแท้ๆของวีร์ และวนกร แม่ผู้ให้กำเนิดที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ได้บอกข่าวสำคัญแก่ครอบว่าว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังจะมีทายาทคนที่สาม ตัดหน้า อร พี่สาวคนโตของธีร์ ที่เพิ่งจะตกแต่งต่อเติมบ้านเก่าให้เป็นห้องหอสำหรับเธอและแฟนหนุ่มอย่าง เอก เสร็จไปไม่นานและเตรียมตัวเริ่มต้นชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ในอีกไม่ช้า

ดังนั้นตลอดปีสุดท้ายของชีวิตวัยมัธยมศึกษาของวีร์แทบจะไม่มีเวลาว่างให้ความคิดฟุ้งซ่านเข้ามารบกวนได้เลย จนกระทั้งสิ้นสุดวันปิดภาคเรียน


*****


สองมือของวีร์กำลังเช็ดล้างจานชามอยู่ในครัวหลังจากที่กินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว แม้ว่าจะมีเสียงเอิ๊กอ๊ากของเด็กชายธร ที่มีอายุใกล้จะสองขวบปี ดังไปทั่วบ้านก็ตาม แต่สายตาของวีร์กำลังมองออกไปไกล ในใจก็นึกไปถึงความฝันที่เพิ่งจะเกิดขึ้นคืนก่อนหน้า ว่าทำไมเขาถึงได้ฝันเรื่องเดิมซ้ำกันอยู่หลายครั้งในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา

ในความฝันมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตัวสูงกว่าเขากับใบหน้าที่วีร์มองเห็นไม่ชัดว่าเป็นใครกันแน่ ชายหนุ่มคนนั้นเดินตามวีร์มาในซอยแคบๆ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็พยายามรั้งตัววีร์ไว้ในขณะที่วีร์เองก็พยายามขืนตัวออก จนท้ายที่สุดวีร์ก็รู้สึกตื่นขึ้นมาตอนที่ริมฝีปากของเขาถูกประกบจากริมฝีปากของชายหนุ่มคนนั้น

ความฝันแต่ละครั้งอาจจะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วมักจะจบแบบเดียวกัน

“วีร์”

วีร์สะดุ้งตัวจนเกือบจะทำจานตกลงในอ่าง ดีที่ว่าปฏิกิริยาของมืองทั้งสองยังคงไวเหมือนเดิมอยู่ จึงรีบจับไว้มั่นได้ทัน

“เหม่ออะไรอยู่ เดี๋ยวก็ทำจานแตกหรอก”

วีร์หันไปมองค้อนให้กับธีร์ที่เข้ามาทำให้เขาตกใจ แล้วก็หันกลับไปล้านจากชามต่อให้เสร็จ

“เปล่า ไม่มีอะไร” เมื่อเห็นว่าธีร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ วีร์จึงหันกลับไปมองอีกครั้ง “พี่ธีร์มีอะไรมั้ย”

“เมื่อกี้อรเขาไลน์บอกในกลุ่มว่าเพิ่งไปหาหมอมา คอนเฟิร์มแล้วว่าท้อง”

“อืม ดีแล้วนิ” วีร์พยักหน้าตอบไปด้วย “สมใจพี่เอกเขาละ”

“ใช่ เห็นบอกอยู่ว่าแต่งแล้วอยากมีลูกเลย”

“ปีหน้าพ่อกับแม่คงชอบใจหน้าดู เกษียณฯทันออกมาเลี้ยงหลาน”

“ก็นะ ถ้าไม่ได้อยู่ไกลกันขนาดนี้ ก็คงมาช่วยเลี้ยงธรด้วยเหมือนกัน”

วีร์อมยิ้มเล็กน้อย เพราะตัวเขาคือต้นเหตุที่ทำให้ทั้งเขาและธีร์ต้องย้ายมาอยู่กันที่นี่ เพราะต้องการหาหนทางรักษาวีรดนย์ให้ได้และต้องการตามมาดูแลอย่างใกล้ชิด แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วก็ฝืนไปต่อไม่ได้ แล้ววีร์ก็ถอนหายใจตามมาด้วยความรู้สึกที่ถูกผลักศีรษะเบาๆ

“ถ้าเราไม่ย้ายมากันที่นี่ คิดเหรอว่าพี่กับวาจะได้เจอกันอีก แล้วถ้าไม่เจอกันก็คงไม่มีธรออกมาหรอก” ธีร์ย้ำให้วีร์มั่นใจว่าไม่มีโยนความผิดเรื่องนี้ไปให้วีร์ ซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรตั้งแต่แรก

“ก็ไม่แน่” วีร์ล้างน้ำเปล่าจานสุดท้ายแล้วก็วางคว่ำไว้ “พี่ธีร์กับพี่วาทำงานบริษัทเดียวกัน ก่อนหน้านี้พี่ธีร์เองก็มาประชุมที่สำนักงานใหญ่อยู่บ่อยๆไม่ใช่รึไง ถ้ามันจะได้เจอกัน ยังไงก็ได้เจอ”

“ไหนว่าไม่เชื่อเรื่องโชคลางพรหมลิขิต” ธีร์พูดในเชิงเหย้าแหย่

“ก็ไม่ได้เชื่อ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้” วีร์วางจานชามที่ล้างเสร็จแล้วไว้บนที่คว่ำจานจนหมดเรียบร้อย พอดีกับเด็กชายตัวน้อยวิ่งถือแก้วน้ำพลาสติกใบใหญ่ที่มีหูจับทั้งสองข้างมาหาผู้ใหญ่ทั้งสองคน

“ล้าง” เด็กชายธรชูแก้วน้ำให้วีร์

“กินเสร็จแล้วเหรอ” วีร์แก้วน้ำมาจากเด็กตัวน้อย

“เช็ดแย้ว” เมื่อตอบแล้วเด็กชายธรก็เตรียมจะวิ่งกลับไปแต่โดนวีร์รั้งตัวไปเสียก่อน

“ล้างมือแล้วยัง” วีร์ถามแล้วก็มองดูเด็กน้อยยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาดูก่อนที่จะชูฝามือให้วีร์ดู “งั้นมา ล้างมือก่อน” วีร์ช่วยยกตัวเด็กน้อยให้ถึงอ่างล้างจานโดยมีธีร์ช่วยเปิดก๊อกน้ำและช่วยถูมือทั้งสองข้างของเด็กน้อย หลังจากนั้นวีร์ก็อุ้มธรไปที่ผ้าเช็ดมือ แล้วจึงปล่อยตัวเด็กน้อยลงให้กลับไปวิ่งเล่นในบ้านหลังจากที่เสร็จทุกกระบวนการแล้ว

“เดี๋ยววันนี้ออกไปไหนรึเปล่า”

“คิดว่าไม่นะ” วีร์หันกลับไปล้างแก้วน้ำชิ้นสุดท้ายที่เพิ่งจะถูกนำส่งมา “ทำไมอะ”

“ถามเฉยๆ เห็นปิดเทอมแล้วก็อยู่แต่บ้าน ไม่นัดเพื่อนออกไปไหนกันบ้างรึไง”

“พวกไอ้กิ่งก้านมันยังไปไหนไม่ได้ ต้องเตรียมตัวสอบรอบสุดท้าย ใหญ่มันก็ต้องทำงาน ส่วนไอ้บิ๊กกับไอ้ตี๋เล็ก เดี๋ยวพวกมันก็ต้องเริ่มเรียนปรับพื้นฐานแล้ว ตอนแรกก็กว่าจะลงใต้ไปสักอาทิตย์นึง แต่เห็นแต่ละคนกำลังวิ่งวุ่นหาที่เรียนกันอยู่ ก็เลยคิดว่าอีกสักพักก็แล้วกัน”

“แล้วแพรกับต่ายสอบได้ที่ไหนกัน” ธีร์ถามไปถึงแพรไหม เพื่อนสนิทเก่าแก่ตั้งแต่วัยแบเบาะของวีร์ และวิธู ซึ่งเป็นน้องชายของวีรดนย์อีกด้วย

“ยังไม่เห็นบอกมาเลย อีดำไม่น่าห่วงหรอก ยื่นที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว” สรรพนามเรียนหญิงสาวที่มีผิวเข้มไม่เปลี่ยนแปลง ตราบใดที่อีกฝ่ายยังคงเรียกวีร์ว่า อีอ้วน อยู่เหมือนเดิม “แต่ของไอ้ต่ายนี้ลุ้นหนักหน่อย ถ้ามันหัวดีได้สักครึ่งของพี่มันนะ สบายแล้ว”

สองหนุ่มธีร์และวีร์เดินกลับเข้าไปในบ้านในจังหวะเดียวกันกับที่วนกรกำลังเดินอุ้ยอ้ายไปหยิบหนังสือมานั่งอ่านกับเด็กตัวน้อยที่วิ่งนำหน้าไปนั่งรอที่เก้าอี้ยาวที่หน้าโทรทัศน์แล้ว

“เดี๋ยวตอนเย็นไปหาอะไรกินนอกบ้านมั้ย” วนกรเสนอความคิดขึ้นมา

“อืม.. ก็ได้นะ วีร์ว่าไง” ธีร์หันไปถามความเห็นจากวีร์

“ไม่มีปัญหา แล้วจะไปที่ไหนกัน” วีร์ไม่ได้ปฏิเสธ

“ไปห้างก็ได้ จะได้ซื้อของด้วย” วนกรรอคำตอบจากทั้งชายหนุ่มสองคน แต่เมื่อได้ยินคำว่าจะไปห้างสรรพสินค้า เด็กชายตัวน้อยก็ร้องดีใจดังกว่าใครเพื่อน จึงทำให้ได้คำตัดสินใจโดยที่ไม่สามารถโต้แย้งอะไรต่อได้อีก


*****


เหมือนดั่งเฉกเช่นทุกๆวันที่มีผู้คนพลุกพล่านภายในห้างสรรพสินค้า อาจจะมีมากน้อยในแต่ละแผนกแตกต่างกันไปในแต่ละวัน เพราะมีสินค้าหลากหลายประเภทที่ตอบสนองความต้องการที่หลายหลาย ไม่ว่าใครจะมาด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็ตาม

วีร์และครอบครัวตัดสินใจใช้บริการแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนและได้นำของไปเก็บไว้ที่รถเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงกลับมาเลือกร้านอาหารสำหรับมื้อเย็นและจบลงด้วยการเดินดูของทั่วไปในภายหลังก่อนที่จะกลับ

วีร์เดินจูงมือธรตามหลังธีร์และวนกรที่กำลังย้ายจากแผนกหนึ่งไปยังอีกแผนกหนึ่ง มีสินค้าหลายอย่างทั้งคู่ตั้งใจจะซื้อเข้าบ้าน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัดในตอนนี้เพราะต้องการเปรียบเทียบข้อมูลก่อนตัดสินใจ จึงเลือกดูและเก็บข้อมูลไว้เท่านั้น

“นาย!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาสะกิดบ่าและทักทายวีร์โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

วีร์มองตอบด้วยความแปลกใจ เขาพอจะคุ้นหน้าตาของอีกฝ่ายว่าเป็นคู่แข่งขันเทนนิสจากโรงเรียนชายล้วนในกีฬาประเพณีสี่สถาบันที่มีโรงเรียนของเขาร่วมด้วย และหลังจากจบการแข่งแล้วอีกฝ่ายก็เดินตรงเข้ามาถามคำถามกับเขาที่เป็นที่พูดถึงในโลกสื่อสังคมออนไลน์อยู่ไม่น้อย

“จำเราได้รึเปล่า”

“จำได้ มีอะไรรึเปล่า” วีร์พยักหน้าตอบรับแบบสงวนท่าที

“แค่เข้ามาทักเฉยๆ เห็นเดินอยู่ มาซื้อของกันเหรอ” เด็กหนุ่มถามพร้อมกันชำเลืองเด็กตัวน้อยที่วีร์จูงมืออยู่ไปด้วย

“ใช่ มากับครอบครัว” วีร์ตอบกลับโดยที่ประเมินท่าที่ของเด็กหนุ่มไปด้วยว่าต้องการอะไรจากเขา

“อ๋อ” เด็กหนุ่มตอบกลับแล้วก็ยิ้มทักทายหนุ่มสาวสองคนที่เดินมาหาพวกเขา

“วีร์ นี่เพื่อนเหรอ” ธีร์ถามเพราะว่าไม่เคยเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายมาก่อน

“อ่า... เคยแข่งเทนนิสด้วยกัน” ธีร์ขมวดคิ้วถามกลับ เพราะเขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าวีร์ไม่ได้ชอบลงแข่งกีฬาเทนนิสสักเท่าไหร่ จนวีร์ต้องอธิบายเพิ่มเติม “กีฬาประเพณีของโรงเรียน”

“อ๋อ” ธีร์เหมือนจะนึกเรื่องราวขึ้นได้ “แสดงว่าไม่ได้อยู่โรงเรียนกันสิ”

“ครับ ผมจบจากโรงเรียนประจำชายล้วนครับ”

ธีร์นั้นพยักหน้ารับรู้ แต่วนกรกลับมีสีหน้าสงสัย

“เอ... พี่เคยเจอเรารึเปล่า เหมือนจะคุ้นๆหน้านะ” วนกรถาม

“ไม่แน่ใจเหมือกันครับ” เด็กหนุ่มยิ้มตอบกลับอย่างมั่นใจ ไม่มีอะไรที่ดูน่าสงสัย

“เหรอ... งั้นก็ช่างเถอะ พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” วนกรตอบปัดไปเพราะเห็นว่าถึงจะสอบถามกันไปมาก็อาจจะไม่ได้คำตอบ แล้วจึงกวักมือเรียนเด็กตัวน้อย “ธร ไปดูของเล่นกับแม่มั้ย”

เมื่อได้ยินคำว่าของเล่น เด็กน้อยธรก็ยินดีปล่อยมือพี่ชายคนโตแล้วก็เดินไปหามารดาด้วยความเต็มใจ

“วีร์ เดี๋ยวตามไปนะ” ธีร์บอกทิ้งท้ายก่อนที่จะหันเดินตามศรีภรรยาไป และก็ไม่ลืมหันกลับมายักคิ้วหลิ่วตาให้วีร์ โดยที่วีร์ไม่ทันจะได้ตอบกลับว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังเข้าใจผิด

“มีอะไรรึเปล่า” เด็กหนุ่มเมื่อเห็นท่าทางของวีร์ที่ทั้งกรอกตามองและพ่นลมหายใจออกมา

“เปล่าไม่มีอะไร แล้วนายมีอะไรอีกรึเปล่า” วีร์ตอบและถามกลับ

“อ๋อ ไม่แล้ว อย่างที่บอก แค่เห็นแล้วก็เดินมาทักเฉยๆ พอดีว่ากำลังจะไปร้านทำผม แบบว่าอยากถ่ายรูปติดบัตรแล้วออกมาดูดีหน่อยน่ะ”

วีร์ยิ้มเล็กๆตอบรับตามมารยาที่ดีกับคำอธิบายที่เขาไม่ได้ถาม

“งั้นเราไปก่อนนะ ไม่รบกวนเวลานายแล้วดีกว่า”

วีร์ก็พยักหน้าตอบ และมองดูเด็กหนุ่มที่เดินจากไปแล้วแต่ก็หันกลับและเดินมาหาเขาอีกครั้ง

“ขอถามอะไรหน่อยสิ”

วีร์ยังคงอมยิ้มค้างอยู่ แต่ก็เริ่มมีความคิดสงสัยสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะถาม และถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงจะบอกว่าทำไมถึงซื้อล็อตเตอรี่ไม่ถูกแบบนี้บ้าง

“ตอนนี้นายมีแฟนแล้วยัง”

ถึงแม้ว่าจะเดาทางไว้ถูก แต่เมื่อได้ยินคำถามเข้าจริงแล้ว วีร์ก็รู้สึกอ้ำอึ้งที่จะพูดตอบอยู่เหมือนกัน

“งั้น เราถือยังไม่มีก็แล้วกันนะ” เด็กหนุ่มชิงสรุปความแทนเมื่อเห็นว่ากำลังจะตอบแต่ก็ไม่ตอบกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะบอกลาแล้วเดินจากไปในทันที “ไว้เจอกันนะ”

ทิ้งให้วีร์ยืนงงสงสัยในดงผู้คนมากมาย หลังจากที่เด็กหนุ่มเดินลับสายตาไปแล้ว วีร์พยายามนึกทบทวนว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้น ขนาดว่าเกิดขึ้นครั้งเดียวก็ดูน่าสงสัยแล้ว และนี่ยิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองยิ่งทำให้น่าคิดมากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะเคยบอกไว้ในครั้งแรกถามว่าเขาไม่ได้ถามให้ตัวเขาเอง

แต่ส่วนมากที่บอกว่า เพื่อนฝากมาถาม ก็มักจะเป็นคำถามของตัวเองไม่ใช่หรือ


*****


ช่วงนี้เหล่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษากำลังเปิดภาคเรียนใหม่แล้ว  และแน่นอนว่ากิจกรรมอย่างแรกสุดหลังจากวันพบผู้ปกครองก็คือการปฐมนิเทศน์ วีร์และผองเพื่อนก็ถือโอกาสกลับมาเยี่ยมเยียนโรงเรียนเก่าอีกครั้ง แต่เพราะว่าเป็นวันของศิษย์ปัจจุบัน เหล่าศิษย์อย่างเพื่อนๆร่วมรุ่นจึงมากันไม่มากนัก

วีร์แต่งชุดสุภาพมาไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ ยกเว้นก็เพียง ศศิทัศน์และพระยศ สองว่าที่นักศึกษาแพทย์ที่ใส่เสื้อโปโลสีน้ำเงินปกเสื้อสีขาวและกระเป๋าเสื้อมีตราสัญลักษณ์สมาคมศิษย์เก่าปักไว้อยู่ เพราะต้องขึ้นรับรางวัลนักเรียนดีเด่นในช่วงบ่าย

ส่วนวีร์ที่ตั้งใจจะนั่งรออยู่ภายในบริเวณโรงเรียนกับเพื่อนๆคนอื่นๆ แต่ก็ถูกไว้วานจากรุ่นน้องชมรมถ่ายรูปขอให้ไปช่วยงาน ซึ่งวีร์ก็ไม่ได้เกี่ยงงอนอะไร ถึงปีสุดท้ายวีร์จะไปทำงานให้กับชมรมดนตรี แต่ความสนิทสนมกับคนชมรมถ่ายรูปยังคงเหมือนเดิมทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง

อันที่จริงในช่วงปีสุดท้าย วีร์รู้สึกเหมือนว่าเขาต้องทำงานเลขานุการถึงสามชมรมไปพร้อมกัน คือชมรมดนตรี ชมรมถ่ายรูป และชมรมหมากรุกซึ่งในตอนนี้ก็มีเสริมศักดิ์น้องชายของสุรศักดิ์ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ประธานชมรม ดังที่ศศิทัศน์หมายมั่นปั้นมือไว้

“เฮ้อ คิดถึงวัยเด็ก” “นั่นสิ เป็นเด็กอะไรก็ดีไปหมด”

“พวกมึงสองตัวพูดเหมือนกับว่าจบไปแล้วเป็นสิบๆปี ทั้งๆที่พวกมึงเพิ่งจะเรียนจบไปไม่กี่เดือนเอง” สุรศักดิ์พูดตัดอารมณ์ของคู่แฝดนพชัยและชัยทิศ “แล้วเดี๋ยวนี้นะ พวกมึงสองตัวจะมาบอกว่าพวกมึงไม่รวยแต่บ้านมึงรวย เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะเว้ย”

“โหย ก็ยังไม่รวยจริงๆเหมือนเดิมนั่นแหละว่ะ” “ได้หุ้นมาแค่นิดนึงเอง ไม่ใช่ได้สมบัติมาเป็นกองๆซะเมื่อไหร่”

“นิดนึงของบ้านพวกมึง กูกินใช้ได้เป็นปีๆ” สุรศักดิ์สวนกลับทันควัน

“พวกกูก็ต้องมีเหลือไว้กินใช้ให้ได้ถึงปีเหมือนกันคร๊าบ” “ใช่ หมดแล้วหมดเลย ไม่มีเงินเพิ่มให้แล้ว”

“หมายความว่ายังไงวะ” ข้าวฟ่างถามคู่แฝดด้วยความสงสัย

“ก็คือตามธรรมเนียมของบ้านกูเนี่ย พอจบม.ปลายแล้วแต่ละคนจะได้ส่วนแบ่งหุ้นล้ำเลิศรัตนทรัพย์มาเท่าๆกัน” “แต่นั้นก็หมายความว่าต่อจากนี้พวกกูต้องจัดการเรื่องเงินกันเอง ทุกเรื่อง เพราะพ่อแม่กูจะไม่ให้เงินเพิ่มอะไรแล้ว” “ถือว่ามีทุนเป็นของตัวเองแล้ว” “ทุกอย่างที่เหลือ ถ้าหมดก็คืออด”

“แล้วยังไง” ข้าวฟ่างยังคงไม่เข้าใจ เพราะเท่าที่เขาและคนอื่นๆรู้ว่ากลุ่มล้ำเลิศเป็นกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“พวกกูก็ต้องแบ่งใช้ให้พอจนกว่าปันผลรอบใหม่จะออกมาน่ะสิวะ” หนึ่งในฝาแฝดโอดครวญ

“กูก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาตรงไหน”

ทั้งนพชัยและชัยทิศยังคงมีท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงอยู่เหมือนเดิม

“ถามจริง มึงได้หุ้นกันมาคนละเท่าไหร่” สรุศักดิ์ถามทั้งสองคน

“คนละ... แสนหุ้น” หนึ่งในคู่แฝดตอบด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มในช่วงท้าย

“เดี๋ยวนะ แสนหุ้น! ราคาหุ้นเครือล้ำเลิศมันหกสิบเจ็บบาทเลยไม่ใช่เหรอวะ แล้วได้ข่าวว่าปันผลทีนึงก็ไม่ใช่น้อยๆ” ข้าวฟ่างพูดด้วยความตื่นเต้นและตกใจ

“โน โน โน ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั่นมันหุ้นเครือล้ำเลิศ” “อันนี้คือหุ้นล้ำเลิศรัตนทรัพย์ บริษัทแม่ของเครือล้ำเลิศอีกที” “ที่ไม่ได้เข้าตลาด” “และไม่ได้ขายให้คนนอก”

“แล้วจ่ายปันผลหุ้นละเท่าไหร่วะ” ข้าวฟ่างถามต่อ

“เห็นพี่อัฐบอกว่าปกติก็หุ้นละสองสามบาท” “ถ้าปีไหนดีหน่อย ก็อาจจะไปถึงห้าหกบาท”

เพื่อนคนอื่นๆเริ่มคิดคำนวณประมาณการจำนวนเงินที่ทั้งสองจะได้รับ

“แล้วจ่ายปันผลปีละกี่รอบ” สุรศักดิ์ถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สายตาหรี่มองทั้งสองคนอย่างคาดคั้น

“ก็... แบบว่า...”

แล้วทั้งนพชัยและชัยทิศก็ชูนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาพร้อมกัน

“เฮ้อ เบื่อจะคุยกับพวกคนรวย” สุรศักดิ์หันหน้าไปทางอื่น หลังจากที่ได้ฟังแล้วก็ยังไม่เห็นถึงความลำบากอะไรตรงไหน นั่งนอนเฉยๆก็มีเงินมาให้ใช้ ต่างจากเขาที่ตอนนี้ต้องทำงานทุกวันเพื่อให้พ่อและแม่ของเขามีเวลาพักผ่อนมากขึ้น และช่วยส่งเสียน้องทั้งสองอย่างเสริมศักดิ์และสิริศักดิ์ให้เรียนจบอย่างที่ตั้งใจ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอะไร

ในตอนนั้นเองที่ศศิทัศน์และพระยศเดินถือโล่รางวัลตรงมาหาพวกเพื่อน ตามติดมาด้วยวีร์และหนุ่มลูกครึ่งอย่างเดวิดที่อยู่ในชุดโปโลสีน้ำเงินปกเสื้อสีขาวอีกคนหนึ่ง

“เฮ้อ กว่าจะเสร็จเรื่อง” เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ศศิทัศน์ก็เริ่มบ่นทันที

“ทำไม มีอะไรวะ” ข้าวฟ่างถาม

“ผอ.อยากถ่ายรูปรวมแบบจัดเต็ม เลยต้องไปตามเด็กม.4 ที่ได้รางวัลรอบเช้ามาถ่ายด้วยกันอีก” พระยศอธิบายให้ฟัง

“แล้วนี่เดี๋ยวพวกมึงจะรีบไปไหนมั้ย” ศศิทัศน์หันไปถามเพื่อนๆทุกคน

“ทำไมวะ หรือมึงอยากจะไปดริงก์” ข้าวฟางทำท่าทางยกแก้วเหล้าขึ้นซด

“โอ้ย ไม่เอาอะ ขี้เกียจแบกไอ้วีร์กลับบ้าน” ศศิทัศน์บอกปัด

“โห ไอ้ตี๋เล็ก มึงพูดอย่างกะกูเมาเละเทะ” วีร์กรอกตามอง แม้จะเป็นแค่ครั้งเดียวแต่ก็คงจะโดนล้อไปอีกนาน “เออ ว่าแต่... ตอนนั้นกูนั่งอยู่คนเดียวจริงๆใช่มั้ย ไม่ได้มีใครอยู่ด้วยใช่มั้ย”

“ใช่ ตอนพวกกูพาไอ้พวกแฝดนรกออกมาจากร้านก็เห็นมึงนั่งฟุบอยู่คนเดียว ทำไมวะ เรื่องนี้มึงถามกูหลายรอบแล้วนะ มีอะไรรึเปล่าวะ” ศศิทัศน์มองดูด้วยวามสงสัย

“เปล่า ไม่มีอะไร”

“หรือว่าของมึงหาย มีคนมาตบทรัพย์มึง ให้พี่กูเช็คกล้องวงจรปิดให้มั้ย” ข้าวฟ่างถามด้วยความเป็นห่วง

“แถวนั้นมีกล้องวงจรปิดด้วยเหรอวะ” วีร์รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาแต่ก็สงวนท่าทีของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด

“ที่หลังร้านมีตรงหน้าประตู แต่ถ้าไกลออกไปจากนั้นต้องลองไปถามร้านอื่นดู”

วีร์พยักหน้ารับรู้ เพราะหากว่ามีกล้องวงจรในบริเวณนั้นจริงๆ ก็อาจจะคลี่คลายข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องเรื่องราวในความฝันของเขาได้เสียที

“ถึงจะมีจริง แต่ป่านนี้แล้วจะยังมีเหลือเก็บบันทึกไว้รึเปล่าเหอะ” สรุศักดิ์แย้งด้วยเหตุผล

“กูก็ว่างั้น” ศศิทัศน์เองก็เห็นตามไปด้วย “มึงไม่มีอะไรแน่นะ”

วีร์ส่ายหน้าปฏิเสธ เพื่อนๆจึงไม่ได้ต่อความเรื่องนี้อีก

“แล้วสรุปจะไปไหนกันมั้ย” ศศิทัศน์ถามความเห็นจากเพื่อนๆ ซึ่งต่างคนก็หันมองหน้ากันว่าใครจะเอาอย่างไร “ไม่งั้นก็ไปนั่งร้านไอ้ใหญ่มั้ย ไม่ได้ไปนั่งรวมตัวด้วยกันนานแล้ว”

“วันนี้ร้านมันปิดไม่ใช่เหรอวะ” พระยศหันไปยืนยันคำตอบจากสรุศักดิ์ให้แน่ใจ

“ปิดสิวะ วันนี้โรงเรียนหนูเล็กเปิดวันแรก พ่อกับแม่กูไปกันหมด กูก็เลยบอกว่างั้นปิดต่อเนื่องเลย ถือโอกาสพักผ่อนไปด้วย” สรุศักดิ์ย้ำคำตอบ

“งั้นก็อด” ศศิทัศน์รู้สึกเสียดายเพราะโอกาสรวมตัวกันครบทีมหหลังจบการศึกษาไปแล้วไม่ได้มีบ่อยๆ แต่ต่อไปก็คงจะยากขึ้นเรื่อยๆ

“ไปที่อื่นก็ได้มั้งมึง” ข้าวฟ่างเสนอความเห็น

“ไม่เอาอะ ขี้เกียจไปไหนไกล กูกะว่าแค่ข้ามฟากไปก็พอ” ศศิทัศน์บอกปัดก่อนที่จะพูดต่อ “ไม่งั้นก็ไว้วันหลัง กูก็จะกลับหอพักเลย”

“โห ไรวะ จะรีบกลับไปไหน หอพักไม่ได้จะย้ายไปไหนสักหน่อย” ข้าวฟ่างอดที่จะแซวกลับไม่ได้

“แต่พรุ่งนี้พวกกูมีเรียนครับ” ศศิทัศน์ตอบ ซึ่งพระยศเองก็พยักหน้ายืนยัน

“เออ แล้วแต่มึงละกัน” ข้าวฟ่างตอบ “สงสัยจะได้เจอกันอีกที ก็โน้น... วันปฐมนิเทศน์”

“กูว่าเดี๋ยวก็คงจะไม่ได้เจอกันหรอก เรียนกันคนละคณะแบบนี้” สุรศักดิ์ส่ายตามองเพื่อนๆแต่ละที่เติบโตแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง

“กูก็ว่างั้น” เดวิดก็เห็นด้วย โดยสายตามองไปที่ใครคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนต่อคณะเดียวกับเขา


*****


ช่วงเวลาสองสามเดือนสุดท้ายก่อนเริ่มชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย วีร์ใช้เวลาไปกับการดูแลทั้งน้องชายตัวน้อยและสุนัขทั้งสองตัว เนื่องจากวนกรมีอายุครรภ์ใกล้คลอดเข้ามาทุกที ถึงแม้ว่าจะคำนวณเวลาออกมาแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่สมาชิกคนใหม่ของบ้านอาจจะมีวันเกิดร่วมกันกับคนอื่นๆ แต่ทุกคนต่างก็เห็นตรงว่าให้เป็นเรื่องของธรรมชาติตัดสิน

นอกจากนี้วีร์ยังรับเป็นคู่ฝึกซ้อมเทนนิสให้กับพีรพัชร์ เพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันมานานอยู่บ้างเป็นครั้งคราว เพื่อฝึกฝนฝีมือไว้ใช้สำหรับการแข่งขันในฐานะนักเรียนทุนด้านกีฬา

ส่วนเพื่อนๆร่วมโรงเรียนเก่านั้น ไม่ว่าจะเป็นศศิทัศน์ พระยศ นพชัย ชัยทิศ และสรุศักดิ์ ก็ได้นัดพบเจอบ้างเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย แต่อย่างไรก็ตามทุกคนยกเว้นเพียงสุรศักดิ์เท่านั้นที่ตัดสินไม่เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ล้วนแล้วสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันทุกคน

ศศิทัศน์และพระยศเข้าเรียนต่อคณะแพทย์ศาสตร์ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก นพชัยสอบได้คณะวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งใจจะเรียนสาขาเครื่องกล ส่วนคู่แฝดอย่างชัยทิศสอบได้คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาอิเล็กทรอนิกส์ โดยหวังว่าจะสามารถนำมาต่อยอดในกิจการของครอบครัวได้

ส่วนวีร์นั้น เดิมทีก็ไม่แน่ใจว่าอยากจะเรียนด้านไหน วีร์ไม่มีความคิดจะเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์อย่างธีร์อยู่ในหัวเลย พีรพัชร์เองก็เคยเชิญชวนให้ลองสมัครคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาเช่นเดียวกับเขา แต่วีร์อยากจะเก็บการเล่นเทนนิสไว้เป็นงานอดิเรกมากกว่า หรืออาจจะเลือกเรียนวิชาการบัญชีอย่างวนกรและอร แต่อาจารย์พิจิตราที่เป็นที่ปรึกษาชมรมถ่ายรูปที่โรงเรียนเก่าก็เคยแนะนำให้วีร์ลองดูคณะศิลปกรรมศาสตร์ แต่วีร์ก็คิดว่าตัวเองไม่ได้มีความถนัดเอนเอียงไปด้านนั้นสักเท่าไหร่ เมื่อคิดทบทวนรอบด้านและปรึกษาทุกคนรอบตัวแล้ว สุดท้ายวีร์ตัดสินใจเลือกสมัครคณะเศรษฐศาสตร์ อย่างน้อยความถนัดทางคณิตศาสตร์ที่มีอยู่ก็อาจจะช่วยการเรียนของเขาได้



[อ่านต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ sarawit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
วันแรกพบนักศึกษาใหม่ เป็นวันรวมตัวนักศึกษาที่สอบเข้ามาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษามาหมาดๆหรือจะเป็นคนที่ออกไปทำงานหาประสบการณ์และเงินทุนมากพอแล้วจึงมาสอบเข้าภายหลังก็ตาม วันนี้เป็นวันที่ทุกคนจะได้มาทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมรุ่นที่จะอยู่ช่วยเหลือกันไปจนจบการศึกษา และได้มาฟังเรื่องราว คำแนะนำและประสบการณ์การใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้จากนักศึกษาปีสูง สิ่งที่ต้องรู้ สิ่งที่ควรทำ จะได้เรียนจบการศึกษาอย่างราบรื่น

เนื่องจากวีร์และเพื่อนๆที่ต่างก็สอบเข้าเรียนคนละคณะกัน ดังนั้นในช่วงเช้าวันนี้ต่างคนก็แยกย้ายไปยังยังคณะใหม่ของตัวเอง ก่อนที่จะมีกิจกรรมรวมนักศึกษาใหม่ของทุกคณะในช่วงบ่าย

วีร์เดินตามทางที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทั้งสองข้างทาง มุ่งหน้าสู่ตึกคณะเศรษฐศาสตร์ ระหว่างทางก็มีผู้ร่วมทางที่ต่างเดินไปตามจุดหมายของตัวเอง แต่วีร์เองก็ไม่แน่ใจว่าใครเป็นนักศึกษาใหม่หรือใครเป็นนักศึกษาเก่าเพราะไม่มีเครื่องหมายอะไรบ่งบอกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายหรือสัญลักษณ์ใดๆ

“ขอโทษนะคะ” หญิงสาวคนหนึ่งส่งเสียงเรียกระหว่างที่วีร์กำลังเดินไปตามทาง

“ครับ” วีร์ตอบรับอย่างสุภาพ

“พอจะรู้มั้ยคะว่าคณะเศรษฐศาสตร์ไปทางไหน พอดีว่าเราจบจากต่างจังหวัดเพิ่งจะมาที่นี่ครั้งแรก แล้วทั้งโรงเรียนก็มีเราคนเดียวที่สอบเข้าที่นี่ได้ ไม่รู้จะไปถามใครดี” หญิงสาวมีรูปร่างและหน้าตาถือว่าสละสลวย ผิวพรรณไม่ได้ขาวมาก ผมยาวพอประมาณ ดวงตากลมโต แต่งตัวทะมัดทะแมง

“ไปด้วยกันก็ได้ครับ” วีร์เอ่ยปากชวนโดยเดาเอาว่าหญิงสาวคงจะเป็นว่าเพื่อนร่วมคณะ

“ไม่ได้รบกวนนะคะ” หญิงสาวถามอย่างแบบเกรงใจ

“ไม่ครับ กำลังจะไปคณะเศรษฐศาสตร์พอดี”

หญิงสาวมีท่าทีฉุกคิดแล้วก็แสดงสีหน้าตีความออกได้ ก่อนที่จะสำรวจลักษณะท่าทางของวีร์

“อ๋อ เพื่อนร่วมคณะใช่มั้ย” วีร์ก็พยักหน้าตอบกลับ “ดีเลย เราชื่อแพรวานะ เรียกแพรเฉยๆก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

วีร์รู้สึกเหมือนกำลังเห็นภาพเหตุการณ์อะไรบางอย่างทับซ้อนขึ้นมา คนหนึ่งหน้าคมผิวเข้ม ส่วนอีกคนก็ผิวขาวหมวย ส่วนหญิงสาวตรงหน้าก็อยู่ประมาณระหว่างกลางของสองคนนั้น

“มีอะไรรึเปล่า” แพรวาเห็นวีร์นิ่งไปไม่ได้แนะนำตัวเองกลับ กำลังคิดจะถอนตัวออกจากว่าที่เพื่อนใหม่

“อ๋อ ไม่มีอะไรอย่าใส่ใจ เราชื่อวีร์ เรียกวีร์เฉยๆก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน”

เมื่อเห็นวีร์ตอบกลับแล้วแพราวาก็ใจชื้นขึ้นมา โดยเฉพาะตอนที่วีร์ตอบกลับโดยล้อประโยคทักทายของเธอ แล้วทั้งคู่ก็เริ่มออกเดินต่อ

“วีร์สอบติดที่นี่คนเดียวเหรอ”

“เปล่าหรอก มีเพื่อนสอบติดด้วย แต่ว่าวันนี้ยังไม่เจอใครเลย”

หญิงสาวพยักหน้ารับรู้แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ทั้งคู่เดินมุ่งหน้าไปด้วยกันอย่างเงียบๆ และมีหยุดแวะทักทายเพื่อนของวีร์สองสามคนที่เจอระหว่างทางบ้าง จนใกล้ถึงที่หมาย

“วีร์” หญิงสาวเรียกชื่อขึ้นมา

“มีอะไรเหรอ” วีร์หันไปถามก็เห็นท่าทางของหญิงสาวที่ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรต่อ วีร์จึงถามกครั้ง “มีอะไรรึเปล่า”

“คือ... เราจะบอกว่า... เอ่อ... เราชอบผู้หญิง” แพรวาผู้ที่ความคิดว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเป็นตัวของตัวเองเสยที เมื่อมีโอกาสได้พบเพื่อนใหม่ จึงอยากจะลองดูสักครั้งที่จะกล้าเปิดเผยตัวเอง “เอ่อ... ถ้า...”

“ขอบคุณนะที่บอก พอดีว่าเราเองก็... ชอบผู้ชาย” วีร์ยิ้มตอบกลับ

แพรวาได้ยินคำตอบแล้วก็รู้สึกโล่งใจ เหมือนแสงแดดกำลังส่องสว่างท้องฟ้ากำลังสดใส แม้ว่าในความเป็นจริงจะมีเมฆครึ่มปกคลุมอยู่ก็ตาม อย่างน้อยการตัดสินใจเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอย่างที่เธอคิดไว้

“ตึกคณะอยู่ข้างหน้าแล้ว ไปกันเถอะ”

สองหนุ่มสาวเดินตรงไปที่โต๊ะด้านหน้าคณะที่มีกลุ่มนักศึกษายืนออกกันอยู่ มีนักศึกษารุ่นพี่ที่ยืนถือโทรโข่งคอยประกาศเรียกและอธิบายขั้นตอนที่ต้องทำ อันดับก็คือลงทะเบียน

“วีร์ๆ มานี่เลย” นักศึกษาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โต๊ะลงทะเบียน ลุกขึ้นยืนและกวักมือเรียกวีร์

“พี่ป๊อบ สวัสดีครับ” วีร์ยกมือไหว้ทักทายรุ่นพี่ที่รู้จักกัน แพรวาเห็นดังนั้นก็ทำตามเช่นกัน

“มาลงชื่อเลย ไอ้กิ๊บโทรมาสั่งกูไว้แล้วว่าให้ดูแลมึงด้วย น้องก็ด้วยนะ” ชายหนุ่มมองดูแพรวาอย่างสงสัย จึงได้เอ่ยปากถามวีร์ “นี่...รุ่นน้องโรงเรียนเรารึเปล่า”

“เปล่าครับพี่ นี่เพื่อนใหม่ชื่อแพรวา เพิ่งเจอกันระหว่างทาง” วีร์อธิบายให้ฟัง

“ชื่อแพรวานะ...”

“คะ เรียกแพรเฉยๆก็ได้คะ”

ชายหนุ่มรุ่นพี่เปิดดูเอกสารหารายชื่อ “นี่เจอแล้ว ลงชื่อเลยครับน้อง” ก่อนที่จะหันไปบอกให้เพื่อนคนอื่นๆเขียนป้ายชื่อของรุ่นน้องทั้งสองคน

ป้ายชื่อมีขนาดประมาณโทรศัพท์มือถือ เป็นกระดาษแข็งสีฟ้า ด้านบนเจาะรู้สำหรับร้อยเชือกสีขาวเส้นหนายาวพอจะคล้องคอได้สะดวก วีร์รับป้ายชื่อที่มีคำว่า ‘วีร์’ เขียนด้วยปากกาเมจิกเส้นหน้าอยู่กลางป้าย ส่วนป้ายชื่อของแพรวานั้น เขียนคำว่า ‘แพร’ ตัวใหญ่ๆตรงกลาง และด้านล่างมีคำว่า ‘แพรวา’ มีขนาดย่อมกว่า เขียนตัวปากกาสีเดียวกันแต่มีขนาดเส้นที่บางกว่า

“คล้องป้ายชื่อแล้วมึงก็พาเพื่อนเข้าไปนั่งรอข้างในได้เลย เดี๋ยวกิจกรรมก็เริ่มแล้ว” รุ่นพี่ชายหนุ่มชี้ไปด้านในตัวอาคาร

“ครับพี่” วีร์ตอบกลับแล้วก็ชวนแพวาเดินไปด้วยกัน

ชั้นล่างสุดของตึกคณะในตอนนี้เป็นลานโล่งกว้างขวาง เนื่องจากโต๊ะเก้าอี้ทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปวางเรียงกันรอบนอก เปิดพื้นที่ตรงกลางไว้ทำกิจกรรม มีนักศึกษาหน้าใหม่รวมตัวรอกันอยู่ไม่น้อยแล้ว

วีร์เดินไปทักทายเพื่อนร่วมโรงเรียนเก่า เจอกันก็ทักทายกันตามประสาถึงแม้จะไม่เคยสนิทกันแต่ก็เห็นหน้าตากันมาบ้าง และยังแนะนำแพรวาให้รู้จักกันด้วย

ระหว่างที่รออยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฮือฮาทั้งจากคนในอาคารและคนที่อยู่หน้าอาคาร เมื่อมองไปก็เห็นกลุ่มชายหนุ่มสองสามคนกำลังลงชื่อที่โต๊ะลงทะเบียนอยู่ คงเป็นเพราะว่าชายหนุ่มกลุ่มนั้นรูปร่างสูงกำยำ หน้าตาผิวพรรณดี ท่าทางดูสง่ามีราศี จึงเป็นที่สนใจของใครหลายคน

ที่สำคัญหนึ่งในกลุ่มคนนั้นวีร์จำได้เป็นอย่างดี เพราะเขาเคยเป็นคู่แข่งขันตอนงานกีฬาประเพณีที่โรงเรียนเก่า ชายหนุ่มคนดังกล่าวเงยหน้าขึ้นเจอกับสายตาของวีร์พอดี จึงยิ้มและโบกมือเพื่อทักทาย ซึ่งวีร์ก็ยิ้มตอบกลับตามมารยาท

“เพื่อนโรงเรียนเก่าวีร์เหรอ” แพรวากระซิบถาม

“เปล่า แค่เคยเจอกันน่ะ” วีร์เอียงตัวไปตอบ

“เหรอ ดูท่าทางมีมาด ทั้งกลุ่มเลย” แพรวาพูดตามที่สังเกตเห็น

“เด็กโรงเรียนชายล้วนก็แบบนี้แหละ”

“เหรอ” แพรวาตอบสั้นๆ

“ทำไม จะเปลี่ยนใจเหรอ” วีร์แอบถามหญิงสาวเบาๆ

“หึ ไม่อะ ไม่ใช่สเปค” แพรวาส่ายหน้าทันที “ต้องถามวีร์มากกว่า”

“เราน่ะเหรอ” วีร์ถามกลับ และแพรวาก็ผงกศีรษะรับ วีร์หันไปมองกลุ่มชายหนุ่มเหล่านั้นโดยเฉพาะคนที่เคยเป็นคู่แข่งกีฬาแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่อะ ไม่ใช่สเปค”

ไม่นานนักเมื่อนักศึกษาใหม่เข้ามาด้านในตัวอาคารจนเกือบเต็มพื้นที่แล้ว กิจกรรมในวันนั้นก็เริ่มต้น ทั้งกิจกรรมสันทนาการจับกลุ่มกันเล่นเกม กลุ่มเดิมบ้างเปลี่ยนกลุ่มบ้างสลับกันใหม่ ให้เพื่อนใหม่ได้ทำความรู้จักกัน ไปจนถึงกิจกรรมที่เน้นสาระและคำแนะที่นักศึกษาใหม่ควรรู้เกี่ยวกับวางแผนลงวิชาเรียนและกิจกรรมทั้งภายในคณะและของมหาวิทยาลัย

รวมถึงแอพลิเคชั่นของมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาต้องดาวน์โหลดลงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตัวเองไว้สำหรับการติดตามข่าวสาร การตรวจสอบผลการสอบ และที่สำคัญคือการลงคะแนนหยั่งเสียงในทุกสัปดาห์ เพราะที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่มีองค์กรที่เป็นตัวแทนนักศึกษา มีแต่ระบบที่นักศึกษาต้องออกเสียงแสดงความเห็นด้วยตัวเอง


*****


หลังจากจบกิจกรรมช่วงเช้าไป ก็ถึงเวลาพักกลางวัน เหล่ารุ่นพี่จัดแจงแจกอาหารกล่องและน้ำดื่มให้กับว่าที่นักศึกษาใหม่ทุกคน พร้อมนัดหมายเวลาและสถานที่สำหรับกิจกรรมช่วงบ่ายที่จะเป็นการรวมนักศึกษาใหม่ทุกคณะที่อาคารอเนกประสงค์ ก่อนที่จะปล่อยให้แยกย้ายอิสระ

“นาย” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง ถึงจะไม่ได้หันไปดูในทันที วีร์ก็จำเจ้าของเสียงได้ว่าเป็นใคร “ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย”

“อ่า... พอดีว่านัดเพื่อนไว้” วีร์ตอบกลับแบบสุภาพและโชคดีที่มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังเข้ามาพอดี วีร์ยกโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายเห็นแล้วจึงปัดหน้าจอรับสาย “ว่าไงมึง”

(คณะมึงเลิกแล้วยังวะ) มีเสียงดังลอดออกมาพอสำหรับที่คนที่อยู่ใกล้ๆจะจับใจความได้

“เพิ่งเลิกเมื่อกี้” วีรตอบกลับคนในสาย

(งั้นมึงเดินมาที่ศาลาข้างโรงยิมเลย กูกับไอ้บิ๊กนั่งจองโต๊ะอยู่)

“โอเค เดี๋ยวไป”

วีร์ยกโทรศัพท์ให้ชายหนุ่มเห็นอีกครั้งว่าเขาไม่ได้สร้างข้ออ้างว่ามีเพื่อนนัดไว้ขึ้นมาลอยๆ ชายหนุ่มกำลังจะพูดตอบแต่ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์ของวีร์เข้ามาอีกครั้ง

“ว่าไงมึง”

(เดี๋ยวกูกับอีดำเดินไปหา มึงท่าอยู่แถวนั้นแหละ)

“ไม่ต้อง มึงไปที่โรงยิมเลย ไอ้ตี๋เล็กมันนั่งรออยู่กับไอ้บิ๊ก”

(เอางั้นเออ)

“เออ... มึงเดินไปแถวนั้นใกล้กว่า”

เมื่อตกลงกันได้แล้ว วีร์ก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์ตัดสัญญาณโดยที่ชายหนุ่มตรงหน้ายังยืนอยู่ที่เดิมตลอด

“พอดีว่าเพื่อนตามตัวแล้ว ไปก่อนนะ” วีร์รีบชิงพูดเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะมีโอกาสแล้วจกานั้นก็ลากแพรวาตามมาด้วยกันในทันที

“ดูเขาจะสนใจวีร์อยู่เหมือนกันนะ”

“อย่าดีกว่า” วีร์ส่ายหน้าเบาๆ

“ทำไมอะ” แพรวาไม่ได้ตั้งใจจะคาดคั้นเอาคำตอบ แค่ต้องการแหย่วีร์เล่นเท่านั้น

“ไปกินข้าวกัน หิวแล้ว” วีร์เปลี่ยนเรื่องพูดคุยพร้อมกับรีบก้าวเท้าเดินจนแพรวาต้องเร่งฝีเท้าเดินตามให้ทัน


*****


ศาลาขนาดย่อมตั้งเรียงรายอยู่ มีผู้คนมากมายจับจองที่นั่งรอกิจกรรมช่วงบ่าย วีร์พอจะคุ้นเคยสถานที่อยู่บ้าง เพราะห่างไปไม่ไกลก็เป็นคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่วีร์และศศิทัศน์เคยมานั่งรอวีรมาตุเลิกเรียน และนั่นก็ทำให้วีร์เห็นชัยทิศนั่งอยู่กับศศิทัศน์และพระยศเมื่อเขาเดินมาถึง

“ไอ้กิ่งยังไม่มาเหรอวะ” วีร์ถามหนึ่งในคู่แฝดซึ่งถือเป็นโอกาสน้อยครั้งที่จะเจอใครคนใดคนหนึ่งเพียงลำพัง

“เดี๋ยวมันก็มา” ชัยทิศตอบพร้อมกับหันไปสนใจหญิงสาวที่เดินถือข้าวกล่องมาด้วยกันกับวีร์

“นี่ แพรวา เรียนคณะเดียวกัน” วีร์แนะนำหญิงสาวให้เพื่อนๆรู้จัก “ส่วนพวกนี้เรียนม.ปลายมาด้วยกัน นี่ก้าน จริงๆมันมีแฝดด้วยนะ เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักที่หลัง ถัดไปก็บิ๊ก แล้วก็ไอ้ตี๋เล็ก” พระยศและศศิทัศน์ยกป้ายชื่อสีเขียวอ่อนให้แพรวาดู ส่วนของชัยทิศเป็นป้ายสีเหลือง

แพรวากำลังจะทักทายเพื่อนใหม่ แต่วีร์ก็รีบพูดแทรกขึ้นมา

“เอ้ย ไม่ใช่ นี่ไอ้ต่าย เราก็เรียกตี๋เล็กซะคุ้นปากเลยลืม”

แพรวาพยักหน้ารับรู้และยิ้มทักทายทุกคน ทั้งสามหนุ่มก็ยิ้มทักทายกลับ โดยเฉพาะศศิทัศน์ที่ยิ้มกว้างกว่าใคร ไม่ใช่เพราะว่าได้รู้จักเพื่อนใหม่ แต่เพราะ ‘ไอ้ตี๋เล็ก’ ที่เขายังคงได้ยินจากปากของวีร์ จากเดิมที่เคยได้ยินแต่จากปากของพี่ชายของเขาอยู่บ่อยๆ

“ไม่เป็นไร เรียกยังไงก็ได้” ศศิทัศน์ยังคงยิ้มไม่หุบ

“เดี๋ยวกูฟ้องพี่ฝ้าย” ชัยทิศแอบแซวศศิทัศน์เบาๆ

“กูยังไม่ได้คิดอะไรเลย แล้วกูก็ไม่ใช่คนแบบนั้น” ศศิทัศน์ดึงสีหน้ากลับในทันที

“อะจ้า หมอต่ายคนซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียว ไม่วอกแวกอะไรเลย” ชัยทิศยังคงล้อเลียนต่อ เพิ่มเติมพูดเสียงดังปกติชัดถ้อยชัดคำ

“ก็ไม่ผิดตรงไหน พูดอีกก็ถูกอีก”

ชัยทิศกรอกตามองไปทางอื่น ไม่ได้ต่อความต่อไปอีก

“ทำไมวะ ไม่มีลูกคู่แล้วเล่นไม่ออกเลยเหรอวะ” ศศิทัศน์แซวเพื่อนกลับ ชัยทิศไม่ได้ตอบกลับแต่แสดงท่าทางว่าไม่ได้ยี่หระอะไร “เดี๋ยวก็ชิน เสือกสอบเข้าคนละคณะแบบนี้”

ชัยทิศยังไม่เปลี่ยนท่าทาง พยายามบอกคนอื่นๆว่าหลังจากที่ตัวติดกับคู่แฝดกันมาร่วมสิบแปดปี ก็ถึงเวลาที่ต้องไปตามทางเดินของตัวเองแล้ว เขาอยู่ได้ และพยายามบอกกับตัวเองด้วยเช่นกัน

“เดี๋ยวพอเริ่มมีแฟนนะ พวกมึงก็จะลืมอีกคนเป็นใคร” ศศิทัศน์ยังคงเกาะเรื่องราวไว้ต่อเนื่อง

“เหมือนพวกมึงไง พอมีพี่ฝ้ายกับน้องเฟิร์น แล้วก็ลืมเพื่อนๆ”

“กูแบ่งเวลาเป็น” พระยศพูดแย้งไว้ก่อน

“เอาน่ะ เดี๋ยวพอถึงตามึง เดี๋ยวมึงก็เข้าใจเอง” วีร์พยายามดึงอารมณ์ไม่ให้ปะทุไว้เสียก่อน

ชัยทิศมองเพื่อนทั้งสามคนที่ละคน แล้วก็เสหน้ามองไปทางอื่น “เบื่อพวกคนมีแฟนแล้ว” แล้วก็หันกลับมามองวีร์อีกครั้งก่อนที่จะหันกลับไป “กับคนเคยมีอีกคนนึง”

“เดี๋ยวก็มี” แพรวาเห็นสายตาของชัยทิศที่มองไปทางวีร์จึงคิดว่าตัวเองเดาถูก แล้วก็ได้รับสายตาที่ส่งมาจากศศิทัศน์ถามอย่างสงสัย

“หมายความว่ายังไงอะ”

“ก็เมื่อกี้ที่คณะมีคนจะจีบวีร์ด้วย” แพรวาตอบไปตามความคิดของตัวเอง

“หือ ใครวะ” ศศิทัศน์หันไปถามวีร์

วีร์ส่ายหน้าเบา เขาเหมือนจะเห็นศศิทัศน์คนเก่าเมื่อหลายปีก่อนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

“เพื่อนที่คณะ เห็นวีร์บอกว่าเป็นเด็กโรงเรียนชายล้วน” แพรวาเห็นวีร์ไม่ได้ตอบอะไรจึงตัดสินใจเป็นคนบอกเอง

“เด็กโรงเรียนชายล้วน... อ๋อ... ไอ้คนนั้นน่ะเหรอ” ศศิทัศน์หันไปถามวีร์

วีร์กรอกตามองแต่ก็พยักหน้ารับ

“มันสอบติดคณะเดียวกับมึงเหรอ” ศศิทัศน์ถามต่อ

“ก็เห็นลงชื่อเข้ามาทำกิจกรรมด้วย คงใช่มั้ง” วีร์ตอบแบบปัดส่งๆไป ยังไม่อยากเชื่อปักใจว่าชายหนุ่มคนนั้นคิดอะไรกับเขาจริงๆ

ศศิทัศน์เริ่มมีสีหน้าครุ่นคิด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะวางแผนหาทางกำจัดทุกอุปสรรคที่มาขวางทางพี่ชายของเขา แต่ในตอนนี้พี่ชายของเขาไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังถือโอกาสในฐานะน้องชายว่าที่แฟนของวีร์จะทำการตรวจวัดมาตรฐานคนที่เข้าหาเพื่อนของเขา อย่างน้อยก็ต้องไม่ด้อยไปกว่าท่านเทพวีรมาตุ

“วางแผนอะไรอยู่ห๊ะ ไอ้ตี๋เล็ก” วีร์ดีดหน้าผากศศิทัศน์เบาๆ

“บ้า กูยังไม่ได้คิดอะไรเลย” แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ยอมรับแต่ท่าทางที่แสดงออกมาของศศิทัศน์นั้นไม่ได้บอกเช่นนั้น

“แสดงว่าเดี๋ยวก็คงจะมากันที่นี่ใช่มั้ย” ชัยทิศถาม

“ก็ต้องมากันทุกคนไม่ใช่รึไง ช่วงบ่ายมันรวมทุกคณะ” พระยศเป็นคนตอบ

ชัยทิศจึงหยิบโทรศัพท์แล้วก็กดโทรออกในทันที

“โทรหาใครวะ” ศศิทัศน์ถาม

“โทรตามไอ้กิ่ง เดี๋ยวมันพลาดเรื่องสนุก” ชัยทิศมองดูรอบๆไปด้วย เผื่อว่าจะเห็นคู่แฝดของเขา เมื่อพยายามโทรอยู่หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เขาก็ตัดสินใจลุกขึ้น

“จะไปไหนวะมึง”

“จะลองไปดูที่วิศวะฯ เผื่อมันยังไม่ออกมา” ชัยทิศไม่ได้รอคำตอบก็รีบเดินออกไปในทันที

“กูคอยดูว่าพวกมันจะแยกกันได้นานเท่าไหร่” ศศิทัศน์พูดตามท้ายเพื่อนที่เดินไปไกลแล้ว

“ช่างมันเหอะ พี่น้องกันอยู่ด้วยกันบ้างแยกกันบ้างเดี๋ยวก็ปรับตัวได้... แพร กินข้าวกันเถอะ” วีร์หันมาเปิดกล่องข้าวของตัวเอง “พวกมึงกินกันแล้วยัง”

“เรียบร้อยแล้ว คณะกูไม่มีอะไรมาก เพราะเจอหน้ากันมาเป็นเดือนแล้ว” ศศิทัศน์ตอบ

“แล้วมึงเห็นไอ้ต่ายแล้วยังวะ” วีร์ถามไปด้วยระหว่างที่กินอาหารไปด้วย

“ยังเลย” ศศิทัศน์มองดูรอบๆบริเวณ “แต่ตอนนี้...เห็นแล้ว”

วีร์เงยขึ้นมาแล้วก้หันไปตามทิศทางที่ศศิทัศน์มองไป ก็เห็นชายหนุ่มผิวเข้มกำลังเดินมากับสองสาวกำลังเดินตรงมาหาพวกเขา

“ว่าไงพวกมึง” วิธูทักทายเพื่อนๆ และเดินนำสองสาวเข้ามานั่งในศาลา

“ไปไหนมาวะ มึงน่าจะมาถึงก่อนกูอีกไม่ใช่เออ” วีร์ถาม

“รอสองสาวไปทำธุระส่วนตัว กว่าจะเสร็จ” วิธูเพิ่งจะสังเกตเห็นคนที่เขาไม่คุ้นหน้ามาก่อนจึงสะกิดถามวีร์

“อ๋อ... นี่เพื่อนที่คณะ เขาบอกว่าสอบติดมาคนเดียวเลยชวนมาด้วยกันซะเลย” แล้วภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งแรกที่วีร์แนะนำกระต่ายสองตัวให้รู้จักกันผุดขึ้นมาในความคิด ทำให้วีร์ชะงักไปครู่หนึ่ง “เออ... แล้วก็นี่ต่ายเพื่อนเราตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็...” วีร์มองสลับไปมาระหว่างสองสาวและหนึ่งสาวขณะคิดคำพูดแนะนำ “แล้วก็... ยังไงดีละ... นี่... แพรไหม แพรพรรณ... แล้วก็นี่ แพรวา”

สองสาวหันมามองหน้ากันแล้วก็หันไปยิ้มให้กับเพื่อนใหม่ ส่วนเพื่อนใหม่ก็มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย

“แล้วจะเรียกกันยังไงดี เรียกแพรเฉยๆ ได้หันพร้อมกันสามคนแน่เลย” แพรวาถามความเห็นจากสองสาว

“ยังไงก็ได้ เราได้หมด” แพรไหมตอบ

“เดี๋ยวค่อยตกลงกัน” แล้วแพรพรรณก็หันไปสะกิดวีร์ “แกๆ คนที่แข่งเทนนิสกับแกอะ อยู่คณะแกเหรอ”

วีร์ทำท่านึกแล้วก็พยักหน้าตอบ

“เหรอ ชั้นก็ว่าคนเดียวกัน แต่ว่าดูดีขึ้นนะ”

“ไปเห็นตอนไหน” วีร์ถามด้วยความสงสัย เพราะตึกคณะของเขากับของแพรพรรณก็ไม่ได้อยู่ใกล้กัน โอกาสที่หญิงสาวจะไปพบเจอบุคคลในหัวข้อสนทนาคงจะเป็นไปได้ยาก

“หัดเล่นทวิตเตอร์เล่นเฟชบุ๊คบ้างสักทีสิจ๊ะ” แพรพรรณหยิบโทรศัพท์ของเธอมาเปิดให้วีร์ดูถึงข้อความที่กำลังส่งต่อในโลกสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวงานในวันนี้

“ไม่อะ ขี้เกียจ” วีร์ตอบปฏิเสธ เขายังไม่สนใจที่สมัครแอพลิเคชั่นใดๆนอกเหนือไปจากไลน์และอินสตาแกรม

“วีร์ไม่เล่นเลยเหรอ” แพรวาถาม วีร์ก็ส่ายหน้าตอบ “เราก็เหมือนกัน นอกจากไลน์แล้วไม่มีอะไรเลย”

“งั้นก็แอดเลยจ๊ะ” แพรพรรณเสนอเป็นคนแรกพร้อมหันโทรศัพท์ที่กำลังแสดงคิวอาร์โค๊ดสำหรับเพิ่มชื่อให้แพรวา ซึ่งแพรไหมเองก็ทำตามเช่นกัน “เราได้เจอกันบ่อยๆแน่นอน”

แพรวาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะว่าทั้งสองสาวต่างก็เป็นเพื่อนของวีร์ แพรวาจึงตัดสินใจเพิ่มเพื่อนในแอพลิเคชั่น

“เม้าท์กันมันแน่ๆ” แพรไหมตรวจสอบในแอพลิเคชั่นว่าเรียบร้อยดี

“เม้าท์เรื่องชั้นใช่มั้ย” วีร์เบ้ปากเล็กๆ

“ไม่เม้าท์เรื่องเธอจะไปเม้าท์เรื่องใครหล่าว” แพรไหมก็เบ้ปากกลับตามประสาคนที่รู้จักกันมาเกือบทั้งชีวิต ถือว่าศีลเสมอกัน

“กินข้าวดีกว่า หิว” วีร์เปลี่ยนเรื่องโดยหันไปจัดการอาหารในกล่องให้หมด

ในตอนนั้นก็เริ่มมีเสียงประกาศจากโทรโข่งเชิญชวนให้นักศึกษาใหม่ให้ทยอยเข้าไปจับจองที่นั่งในอาคารอเนกประสงค์ โดยอธิบายแผนผังว่านักศึกษาแต่ละคณะอยู่จุดไหน สามารถเข้าทางประตูด้านไหนจะสะดวกที่สุด วีร์และแพรวาจึงรีบกินอาหารให้เสร็จโดยเร็วก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปยังที่นั่งคณะของตัวเอง


[อ่านต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ sarawit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ภายในอาคารอเนกประสงค์มีพื้นที่ตรงกลางกว้างใหญ่และมีที่นั่งเป็นลำดับชั้นโดยรอบ สามารถจัดการแข่งขันได้หลายประเภท และกิจกรรมอื่นๆที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมากได้ ฝั่งด้านหนึ่งปรับให้เป็นเวทีชั่วคราว มีนักศึกษาปีสูงเข้ามาเตรียมงานไว้พร้อมดำเนินแล้ว รอเพียงนักศึกษาใหม่เข้ามานั่งประจำที่ให้พร้อมเพียงกันก่อน

คณะเศรษฐศาสตร์ของวีร์และแพรวานั่งรวมตัวอยู่บนอัฒจันทร์ชั้นบน ไม่ไกลไปจากคณะบัญชีของแพรไหม ที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองเห็นศศิทัศน์ที่นั่งเด่นอยู่แต่ไกล อยู่ใกล้ๆกับกลุ่มสาขาวิชาด้านสาธารณสุขทั้งหมด

ผู้คนเข้ามาภายในอาคารจำนวนมากแล้ว พิธีกรบนเวทีเริ่มชวนพูดคุยและทักทายก่อนจะเริ่มอย่างเป็นทางการ

“วีร์”

เสียงเรียกดังขึ้นมา วีร์มองลงไปทางเดินด้านหน้าที่นั่งก็เห็นสองหนุ่มห้อยป้ายชื่อสีดำเขียนด้วยตัวอักษรสีขาวว่า ‘เดวิด’ และ ‘ข้าวฟ่าง’ กำลังเดินผ่านหน้าคณะของเขา

“พวกกูไปนั่งโน้นนะ” ข้าวฟ่างตะโกนบอก

วีร์ยิ้มและพยักหน้ารับรู้ มองดูเพื่อนทั้งสองเดินไปนั่งรวมตัวกับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินเลยไป เดวิดหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับข้าวฟ่างแล้วก็มองมาทางที่วีร์นั่งอยู่ วีร์กำลังจะส่งสัญญาณถามแต่ก็รู้สึกว่ามีคนมาสะกิดบ่าของเขา

“ไง”

ชายหนุ่มพร้อมกับเพื่อนๆของเขามานั่งอยู่ข้างๆวีร์ เขาชะโงกไปมองดูหญิงสาวที่นั่งถัดไปและอ่านป้ายชื่อของเธอ

“แพรวา... ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ นี่เพื่อนเราชื่อโจ๊กกับโชกุน”

แพรวายิ้มตอบกลับและอ่านป้ายชื่อของแต่ละคน บนป้ายสีฟ้าคนหนึ่งเขียนว่า ‘โจ๊ก ฐานันดร’ ส่วนอีกคนเขียนว่า ‘โชกุน ไร้พ่าย’ ส่วนคนที่แนะนำตัวแทนเพื่อนๆที่เป็นที่กล่าวถึงโดยใครหลายๆคนก่อนหน้านี้ มีอักษรที่เขียนบนป้ายชื่อตัวใหญ่ๆกลางป้ายว่า ‘ปันปัน’ ส่วนแถวล่างมีอักษรขนาดย่อมกว่าเขียนว่า ‘ปัญจวีส์

“ส่วนเรา ปันปัน” ชายหนุ่มยกป้ายขึ้นมาให้ทั้งสองเห็นชัดๆ

“วีร์” วีร์เองก็ยกป้ายให้เพื่อนใหม่ทั้งสามคนดู

“ได้รู้จักชื่อกันสักที” ปัญจวีส์ยิ้มดีใจ หลังจากที่รอโอกาสที่จะได้แนะนำตัวมานาน ภารกิจนี้ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

เนื่องจากต้องเข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ วีร์ได้ปรับโหมดของโทรศัพท์ไม่ให้ส่งเสียงไว้ เหลือแต่ระบบสั่น และตอนนี้โทรศัพท์ของเขาก็สั่นต่อเนื่องกันไม่หยุดจนวีร์ต้องล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเอาขึ้นมาดู เห็นทั้งข้อความและการโทรของศศิทัศน์ที่ส่งมา เรื่องที่ถามก็หนีไม่พ้นเรื่องของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา

วีร์เงยหน้าขึ้นมองตรงไปยังที่นั่งบนอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้าม ก็เห็นสายตาจ้องเขม็งมาที่เขา วีร์ส่ายหน้าเบาๆแล้วก็ส่งข้อความกลับไปว่าค่อยคุยกันหลังเสร็จกิจกรรม แม้ว่าอีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ส่งข้อความหรือโทรมาอีก

“มีอะไรรึเปล่า” ปัญจวีส์แอบชำเลืองดูโทรศัพท์ของวีร์

“เปล่าไม่มีอะไร” วีร์ยิ้มตอบกลับแล้วก็เก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม

“จริงสิ ว่าจะถามอยู่ที่พวกรุ่นพี่บอกเรื่องกีฬาน้องใหม่อะ วีร์จะลงแข่งเทนนิสรึเปล่า” ในฐานะที่เคยเป็นคู่แข่งกันมาก่อน ปัญจวีส์จึงได้ถามไว้ก่อนล่วงหน้า

“คิดว่าไม่ดีกว่า” วีร์ตอบปฏิเสธ ปกติแล้วเขาก็ไม่ได้คิดที่จะลงแข่งอยู่แล้ว ในตอนกีฬาประเพณีสี่สถาบันนั้น เป็นเพราะทั้งเพื่อนๆและอาจารย์ต่างก็รบเร้าจนวีร์ใจอ่อนยอมลงแข่งในที่สุด

“อ้าวเหรอ ทำไมอะ จริงๆปันปันว่าจะชวนวีร์ลงแข่งชายคู่ด้วยกันอยู่นะ”

วีร์รู้สึกสะกิดใจที่ชายหนุ่มใช้ชื่อเล่นเรียกแทนสรรพนามตัวเอง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป มันเป็นสิทธิ์ส่วนตัวและความเคยชินของแต่ละคน

“ถ้าวีร์คู่กับปันปันนะ ปันปันว่าเราน่าจะชนะได้ไม่ยาก ปันปันเชื่อในฝีมือของวีร์” ปัญจวีส์พูดอย่างมั่นใจ จนวีร์รู้สึกเขินเล็กน้อยที่ชมต่อหน้า

“เอาไว้ว่ากันที่หลังก็แล้วกัน” วีร์ผงกศีรษะไปทางเวทีที่พิธีกรกำลังเริ่มพูดจาเป็นทางการมากขึ้นแล้ว

นักศึกษาปีสูงที่รับหน้าที่เป็นพิธีกรเริ่มกิจกรรมตามกำหนดการที่วางไว้ ตั้งแต่การกล่าวต้องรับนักศึกษาใหม่ การแนะนำข้อมูลของมหาวิทยาลัย สถานที่และเครื่องมืออุปกรณ์ที่นักศึกษาสามารถใช้ได้เพื่อสนับสนุนการศึกษาและกิจกรรมนอกหลักสูตร รวมไปถึงสิ่งที่นักศึกษาสามารถร้องขอเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆจากมหาวิทยาลัยได้

ระหว่างนั้นก็มีกิจกรรมสันทนาการสอดแทรก ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การส่งตัวแทนของแต่ละคณะไปเล่นเกมบนเวที ซึ่งแน่นอนว่าความโดนเด่นของคนที่นั่งข้างๆวีร์ทั้งด้านรูปร่างและด้านหน้าตา ทำให้ถูกเพื่อนๆผลักและดันให้ไปเป็นตัวแทนนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ สร้างเสียงฮือฮาจากคนทั่วไปไม่น้อย และแน่นอนว่าเมื่อเห็นว่าตัวแทนคณะเศรษฐศาสตร์เป็นใคร ทางฝั่งคณะแพทยศาสตร์ก็มีตัวแทนออกไปในทันทีโดยไม่ต้องร้องขอจากหนุ่มขาวตี๋พิมพ์นิยมที่ชื่อว่าศศิทัศน์

“เลือกไม่ถูกเลยทีเดียวว่าจะให้น้องปันปัน เศรษฐศาสตร์ หรือหมอต่าย แพทยศาสตร์เป็นผู้ชนะหัวใจดิฉันดี” พิธีกรหญิงกล่าวเมื่อเหลือคนเล่นเกมสองคนสุดท้าย

“ไม่ว่าใครจะชนะ ยังไงน้องเขาก็ไม่เลือกคุณนะครับ” พิธีกรชายกล่าวแซวเพื่อนร่วมเวทีก่อนที่จะเล่นเกมรอบตัดสินเพื่อหาผู้ชนะ

ผลการตัดสินในเกมนั้น ศศิทัศน์เดินกอดปี๊บขนมกลับที่นั่งของคณะแพทยศาสตร์ แล้วกิจกรรมบนเวทีก็ดำเนินต่อไป

“น่าเสียดายนะคะ เราไม่มีประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ถึงมีก็เลือกไม่ถูกอยู่ดี หมอต่ายเอย น้องปันปันเอย น้องเดวิดเอย แต่ละคนนะ...”

“ไม่มีใครเลือกคุณสักคนเลย”

“คุณคะ อย่ามาขัดความสุขของดิฉันและเก้งกวางบ่างชะนีทั่วฮอลล์แบบนี้สิคะ”

“ก็หยั่งเสียงแล้วไม่ผ่านเลยไม่ได้จัดอีก จะทำอย่างไรได้ละครับคุณ”

“อุ๊ยๆ ลืมเลยค่ะ นักศึกษาใหม่ทุกคนคะ อย่าลืมโหลดแอพของมหาวิทยาลัยกันไว้นะคะ เพื่อสิทธิประโยชน์ของทุกคน เดี๋ยวในวันปฐมนิเทศ นักศึกษาใหม่ทุกคนจะได้รับบัตรนักศึกษา ก็อย่าลืมเอาบัตรไปใช้ยืนยันบุคคลกับแอพด้วยนะคะ ส่วนใครไม่มีมือถือ ถึงแม้ว่าดิฉันจะไม่เชื่อว่าจะเหลือคนแบบนั้นอยู่”

“ก็ไม่แน่ครับ อาจจะยังมีอยู่ก็ได้”

“ใครที่ไม่มีมือถือ สามารถไปยืนยันบุคคลผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยได้เหมือนกันนะคะ ยูสเซอร์เนมเป็นรหัสนักศึกษา ส่วนพาสเวิร์ดนักศึกษาก็ไปตั้งกันเอาเองนะคะ”

“เดี๋ยววันปฐมนิเทศจะมีนักศึกษาปีสูงแต่ละคณะคอยช่วยแนะนำอีกทีนะครับ”

เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงที่เป็นทางการหรือในบางเรื่องที่กล่าวซ้ำ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มหันมาคุยกันเองบ้างระหว่างรอกิจกรรมต่อไป ในตอนนั้นก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจนคนทั้งห้องหันไปมองทางด้านเวทีตามๆกัน

ชายหนุ่มร่างสูงเดินขึ้นไปบนเวที ตรงไปหาพิธีกรทั้งสองคน ที่เด่นสะดุดตาไม่ใช่แค่เพียงเพราะรูปร่างหน้าตาหรือเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย แต่เป็นที่ทรงผม เส้นผมที่ยาวทิ้งตัวลงมาประมาณกรอบคางไม่ได้จัดทรงอะไรเป็นพิเศษ นอกเสียจากสีผมที่เป็นสีเทาและทุกครั้งที่เคลื่อนไหวก็จะเห็นเป็นเหลือบสีน้ำเงินสะท้อนออกมา

“ว๊ายตายแล้ว คุณคะ ขึ้นมาทำอะไรบนเวทีคะ” พิธีกรสาวร้องตกใจเมื่อเห็นบุคคลที่สามอยู่บนเวที แล้วก็ยื่นไมโครโฟนให้ชายหนุ่มตอบ

“เขาบอกให้ขึ้นมา” ชายหนุ่มที่มืท่าทางเหมือนถูกบังคับ ชี้นิ้วโป้งไปทางด้านข้างเวที

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่วันนี้มีโอกาสอะไรพิเศษรึเปล่าครับ ถึงได้...”

“เดี๋ยวอย่าเพิ่งคะ” พิธีกรสาวขัดจังหวะก่อนที่ชายหนุ่มจะได้พูดเสียก่อน “นักศึกษาใหม่ทุกคนคะ ขอแนะนำให้รู้จักกับ วี วิทยา-อวกาศ นักเรียนทุนอวกาศศึกษาหนึ่งเดียวของมหาวิทยาลัยของเราค่ะ”

เสียงปรบมือและโฮ่ร้องดังไปทั่ว แต่ชายหนุ่มดึงไมโครโฟนของพิธีกรสาวมาพร้อมทั้งยกฝ่ามือขึ้นห้ามให้ทุกคนเงียบเสียง

“ไม่ต้องๆ เขาแค่ให้ขึ้นมาโปรโมทงานเฉยๆ” ชายหนุ่มรอให้เสียงในอาคารเงียบลงก่อนที่จะพูดต่อ “เดี๋ยวจะมีนิทรรศการดาราศาสตร์ จริงๆอยากจะเริ่มแสดงตั้งแต่วันวิทยาศาสตร์แต่ทำไม่ทัน ก็เลยเลื่อนไปเป็นเดือนหน้านิทรรศการจะจัดแสดงประมาณสองสัปดาห์ที่ใต้หอสมุดคณะวิทยาศาสตร์ ใครว่างก็ไปดูได้”

ชายหนุ่มพูดจบแล้วก็คืนไมโครโฟนให้กับพิธีกรสาว แล้วก็เดินกลับทันที

“เดี๋ยวสิคะคุณ มาแค่นี้เองเหรอคะ พูดคุยกับน้องๆนักศึกษาต่ออีกหน่อยมั้ยคะ”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร ทำแค่เพียงโบกมือปฏิเสธแล้วก็หันเดินกลับไป แต่ห่างไปเพียงสองสามก้าวก็เดินกลับมา แล้วก็จับไมโครโฟนของพิธีกรสาวมาอีกครั้ง ใครหลายคนก็เริ่มมองและรออย่างมีความหวัง

“คณะเศรษฐศาสตร์นั่งตรงไหน”

มีหลายคนช่วยกันชี้ไปทางอัฒจันทร์ที่นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์นั่งอยู่ ชายหนุ่มเห็นแล้วก็พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เดินลงไปจากเวทีโดยที่ไม่พูดอะไรอีก

“แหม บทจะมาก็มาบทจะไปก็ไปเลยนะคะ” พิธีกรสาวพูดจากระเง้ากระงอด

“แล้วถ้าเขาเดินกลับมาอีกละครับ”

“อุ๊ย ดีใจเลยค่ะ สาบานจะตั้งใจเรียนทุกวิชาเลยค่ะ” หญิงสาวปรับเปลี่ยนท่าทางดูสดใสขึ้นในทันที

“เฮ้อ เรามาเริ่มกิจกรรมต่อไปกันดีกว่าครับ” พิธีกรชายเปลี่ยนหัวข้อเข้าสู่งานต่อไป แล้วทั้งคู่ก็เริ่มแจกแจงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปีการศึกษา เริ่มตั้งแต่งานเปิดโลกกิจกรรม งานกีฬานักศึกษาใหม่ที่จะเริ่มในสัปดาห์ที่สามหลังเปิดภาคเรียน งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ งานหนังสือ ฯลฯ

“เกิดอะไรขึ้นคะ” ทั้งพิธีกรสาวและชายพยามยามมองดูไปในกลุ่มนักศึกษาด้านบนอัฒจันทร์

เนื่องจากมีเสียงอื้ออึงดังขึ้นมาไกลๆ ต้นเหตุมาจากชายหนุ่มร่างสูงผมสีเทาไปปรากฏตัวอยู่บนอัฒจันทร์บริเวณที่นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์นั่งอยู่ เขาเดินผ่านทางเดินหน้าก่อนที่จะเลี้ยวขึ้นขั้นบันไดด้านข้าง แล้วไปหยุดอยู่บริเวณชั้นกลางๆ จากนั้นก็เดินแทรกตัวเข้าไปเกือบถึงที่แพรวานั่งอยู่

เสียงหึ่งๆที่ดังก่อนหน้านี้เงียบหายไป เหมือนทุกคนพร้อมใจกับเงียบเสียงและคอยลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือกล่าวให้เข้าใจโดยง่ายคือต่างก็อยากรู้อยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ชายหนุ่มผมสีเทาไม่ได้พูดจาอะไร เพียงแค่ยื่นถุงใบหนึ่งไปที่ตรงหน้าวีร์ ถึงแม้ว่าถุงที่ถือมาจะไม่ได้เป็นสีใสแต่ก็พอมองเห็นว่าข้างในมีทั้งขนมสดและขนมแห้ง

วีร์มองดูถุงขนมตรงหน้ากับชายหนุ่มที่ยืนเยื้องอยู่ใกล้ๆสลับกันไป แม้ว่าแววตาของชายหนุ่มจะดูคุ้นอยู่บ้าง แต่วีร์มั่นใจว่าตัวเขาไม่รู้จักกับอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอนและไม่รู้จุดประสงค์ของชายหนุ่มว่าต้องการอะไร ต่างฝ่ายต่างก็มองกันไปมา ไม่มีใครพูดหรือขยับตัวทำอะไรมากไปกว่านี้ บรรยากาศรอบๆก็ยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิมยิ่งทำให้ใครหลายคนลุ้นตามไปด้วย

“หูย”

เหมือนทุกคนจะนัดกันส่งเสียงมา เมื่อชายหนุ่มผมสีเทาตัดสินใจไปคว้ามือของวีร์ขึ้นมาแล้วก็ยื่นถุงขนมใส่ลงไป ก่อนที่จะเดินกลับลงไปแล้วก็เดินออกไปจากอัฒจันทร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้คนทั้งห้องงงสงสัยเป็นไก่ตาแตกโดยเฉพาะคนที่รับถุงขนมมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว



*****

#VVGo4Launch

[โปรดติดตามตอนต่อไป]

ออฟไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ชื่อ”วี”อีกแล้วววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด