่เสน่ห์วรรณยุกต์ ตอนที่ 11 ลงวันที่ 14-7-65
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ่เสน่ห์วรรณยุกต์ ตอนที่ 11 ลงวันที่ 14-7-65  (อ่าน 1302 ครั้ง)

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

******************************************************************************


เกริ่นนำ

 

คืนค่ำย่ำราตรี  งานเลี้ยงสังสรรค์ประดับประดาไปด้วยไฟแสงสีงดงามตระการตา ดูแล้วช่างน่าสนุกรื่นเริงเสียจริง มันถูกจัดขึ้นด้วยความตั้งใจของ ตุลาการ ชายวัยเจ็ดสิบปี ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว งานลักษณะเช่นนี้คนวัยเขาไม่สันทัดเท่าไหร่นัก แต่กลับเต็มใจจัดขึ้นมา เพื่อเปิดตัว หลานชายคนเล็ก อันเป็นที่รัก ของเขาต่างหาก


ในงานปาร์ตี้เล็กๆบนลานสนามหญ้าคฤหาสน์แห่งนี้ ปกคลุมเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติมากมาย พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นที่รู้จักในทางตรงและทางอ้อมของเครือธุรกิจ อัศวะเหมินทร์ 



“ต้องขอขัดจังหวะความสุขแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมในฐานะประธานเครืออัศวะเหมินทร์ ขอแนะนำหลานชายคนเล็ก  เชื่อว่าหลายๆท่านยังไม่เคยเห็นและรู้จักมาก่อน ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะกรุณาและให้คำชี้แนะเขาในอนาคตให้เติบโตในการบริหารธุรกิจ อัศวะเหมินทร์ รุ่นต่อๆไป  และนี่คือ หลานชายคนเล็กของผมครับ จัตวา ชนัสถ์นันท์ อัศวะเหมินทร์ครับ” 

จบประโยคของตุลาการ เสียงปรบมือจากทั่วสนามหญ้า ดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง หากแต่เจ้าของชื่อกลับไม่ปรากฏแม้แต่เงา ชายชราหันซ้ายแลขวามองหาหลานรัก จนเริ่มกังวลใจ  เวลาดำเนินผ่านไปครู่ใหญ่  เขาเริ่มส่งสัญญาณไปยังหลานชายคนที่สาม ที่ยืนอยู่ขอบเวทีด้วยการพยักหน้า เพียงเท่านี้ ก็เข้าใจกันแล้วว่าควรรีบไปตามหาเจ้าของงานคืนนี้โดยเร็ว


“เจ้าวานี่ ดื้ออีกแล้ว” เขาบ่นในใจ ในขณะที่สีหน้ายังยิ้มรับขับสู้แก่แขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย

 

 

 

คุณเคยเจอเรื่องโกลาหลวุ่นวายอยู่บ่อยๆไหมครับ สำหรับชายตัวเล็กคนนี้ไม่เคยพบประสบเจอ  แต่ถนัดสร้างความโกลาหลนั้นให้คนอื่นพบเจอมากกว่า 


ที่แห่งนี้คือชายหาดยามราตรี แต่ตอนนี้มองยังไงก็ไม่พบความสวยงามเลย ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำทะเลตรงหน้าหรือแม้แต่ชายหาดที่เขาเหยียบอยู่  มีเพียงสายลมโชยพัดผ่านร่างอยู่เป็นเพื่อนหนุ่มน้อยรูปงาม ที่ยืนแหงนหน้ามองพระจันทร์บนฟ้าคนเดียว อย่างโดดเดี่ยว คล้ายคนกำลังคิดอะไรอยู่ แต่แท้จริงกลับตรงกันข้าม ในสมองของเขาโล่งเปล่าคล้ายสีขาว ไร้ซึ่งความกังวลใจใดๆ


ครืดดดดด ครืดดดดดด


“พี่ไม้ตรี...”

หนุ่มรูปงามก้มมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือ นี่เป็นสายที่สามแล้วที่คนปลายทางพยายามติดต่อ แต่เขากลับไม่คิดที่จะกดรับ ทำแค่เพียงยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้ากระเป๋ากางเกงไว้ดังเดิม


แต่ยังไม่ทันจะเอี้ยวตัวเดินเท้าต่อไปบนผืนหาดทรายละเอียด ก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อพบชายร่างสูงสง่า ยืนขวางอยู่กลางหาด
ช่างเป็นรูปร่างที่เขาจดจำได้ดีเหลือเกิน


“พี่ไม้เอก” เขาเปรยชื่อออกมา ท่าทางที่ดูมั่นใจก่อนหน้านี้หายไปหมด มีเพียงร่างกายที่แข็งทื่อเข้าแทรก พี่ชายคนอื่นๆ เขาอาจจะต่อรองได้ แต่ไม่ใช่กับ ไม้เอก พี่ชายคนโตอย่างแน่นอน

 
“กลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้  จัตวา”   

น้ำเสียงทุ้มต่ำ แววตาและน้ำเสียงไร้ความฉุนเฉียวหรือโมโหใดๆ แต่ชายชื่อจัตวานั้น กลับต้องฟัง ราวต้องมนต์สะกด 

“ค...ครับ”


ทำไมกันนะ ทั้งที่เขาหนีมาไกลเกือบหนึ่งร้อยกิโลเมตร จากเคหาสน์อัศวะเหมินทร์ พี่ชายคนโตที่ประหนึ่งเหมือนบิดาเขา  กลับออกตามหาเจอได้อย่างง่ายดาย  เป็นไปได้ยังไง จะเก่งเกินไปเสียแล้ว





นิยายเรื่องนี้ ลงตามอารมย์ผู้แต่ง ฝากติดตามด้วยนะครับ

 :pig2: :pig2: :pig4: :pig4:

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2022 15:14:50 โดย วริทธิ์ »

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ่เสน่ห์วรรณยุกต์
«ตอบ #1 เมื่อ16-05-2022 11:11:40 »

ตอนที่ 1


“ฮัลโหล...ตอนนี้จัตวาอยู่กับพี่ บอกคุณปู่ด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง”

ประโยคบอกเล่าปนสั่งการของหนุ่มวัยสามสิบสองปี ปลายสายแทบไม่จำเป็นต้องเดา คงไม่ไม้ตรี ก็ไม้โท พี่ชายของจัตวาทั้งนั้น

ทุกครั้งก็มักจะลงเอยแบบบนี้ ผลลัพธ์แทบไม่แตกต่างจากสิ่งที่จัตวาเลือกทำสักครั้ง 

คำถามก็คือ...ในเมื่อรู้คำตอบแล้ว ทำไมถึงยังคิดที่จะ “ทำ”

อืม...ทำ  ในที่นี้หมายถึง สร้างเรื่องวุ่นวาย อย่างไรล่ะ


“พะ...พี่ไม้เอก”

เวลาผ่านไปนาน บรรยากาศในรถเบนซ์หรูชวนอึดอัดชะมัดยาด จัตวาจึงเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน และแน่นอนว่า พี่ชายสุดหล่อที่รับบทสารถีให้นั้น ไม่แม้แต่จะเหลียวมามอง

“พี่ไม้เอก โกรธวาหรอครับ” น้องชายกลั้นใจถามคำถามโง่ๆ ่สุดแสนจะเป็นความเคยชินของเขาไปเสียแล้ว ที่ถามไปไม่ได้จริงจังในคำตอบของพี่ชายมากนัก แต่อยากสร้างความสบายใจให้ตัวเขาเองมากกว่า

“ปีนี้อายุครบ 18 ปีแล้วนะ จัตวา ”

ประโยคยอกเล่าของพี่ชายคนโต ขยายความอะไรได้หลายๆอย่าง จัตวารู้ดีว่าทำแบบนี้มันไม่ดี แต่เขายังอยากจะทำ ในใจเขาจริงๆ อยากได้ยินคำถามจากพี่ใหญ่มากกว่า  ว่าทำไม? เขานั้นถึงคิดหนีงานเลี้ยงเปิดตัวของตัวเองที่สุดแสนจะสำคัญมากเช่นนี้

แต่ เขาคงคาดหวังมากเกินไป แค่ไม่โดนไม้เอกดุเอาก็นับว่าโชคดีแล้ว


“ขอโทษครับ ”

ระหว่างที่จัตวา ตอบเสียงเบาแบบส่งๆ กลับรู้สึกถึงฝ่ามือหนาแต่อบอุ่นนั้นวางบนศีรษะเขาเบาๆ หนุ่มน้อยอดไมไ่ด้ที่จะหันไปมองและแปลกใจอยู่ไม่น้อย

“ถ้าเหนื่อยก็นอนซะ ถึงบ้านเมื่อไหร่พี่จะปลุก”

“มะ..ไม่เอาครับ ไม่กลับบ้าน คือ...วาอยากนอนคอนโด” เด็กหนุ่มเริ่มงอแงอย่างเคยตัว จนลืมไปแล้วว่าพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆเขานี้ ไม่ใช่พี่รอง หรือพี่สามของเขาแต่คือ พี่ใหญ่ 

“พี่ไม่ตามใจเราเหมือนไม้โท หรือว่าไม้ตรีหรอกนะ” ไม้เอกอธิบายตรงไปตรงมา ทั้งที่มันขัดกับนิสัยเขาเหลือเกิน เพราะเขาไม่ต้องการพูดหรืออธิบายอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้ แต่ที่เขาพูด เพราะคนข้างๆคือน้องชายที่เขารักมาก ไม่น้อยไปกว่าความรักของ ไม้โทหรือไม้ตรีที่มีต่อจัตวาเลย 

แต่ว่า...เจ้าจัตวาคนนี้ จะรู้หรือไม่นั้น เขาไม่สนใจหรอก

“พี่ไม้เอกใจร้าย ไม่เหมือนพี่ไม้โท พี่ไม้ตรีสักนิด”

“นอนซะจัตวา ถึงบ้านพี่จะปลุก” เสียงทุ้มเรียบ ตัดบทสนทนาทุกอย่าง ไม่สนใจการกระทำที่ง้องอนของน้องชายแม้แต่นิดเดียว ท่าทีของจัตวาจึงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งแผ่นหลังเล็กๆลงเบาะรถอย่างขืนๆ แล้วข่มตานอน 

จะด้วยเสียงในรถที่เงียบก็ดี หรือการขับรถที่แสนจะนุ่มนวลก็ดี ล้วนส่งผลต่อจัตวาในช่วงเวลาอันสั้น ณ ตอนนี้เขาเผลอหลับไปแล้ว


ในความเงียบสงบภายในรถ ถูกแทนที่ด้วยเสียงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะของจัตวา  ในสายตาของพี่ใหญ่อย่างเขา หันไปมองดูด้วยความห่วงใย จัตวาคือน้องชายคนเล็กที่เขารักมากที่สุด ประหนึ่งรักและหวงเหมือนน้องสาวเลยทีเดียว





 

เคหาสน์อัศวะเหมินทร์ 


เมื่อมาถึงบ้าน ไม้เอกไม่ปลุกน้องชายตามที่บอกไว้ เพราะรู้ดีว่าเจ้าดื้อคนนี้ ถ้าได้หลับคือหลับลึก ถ้าปลุกจนตื่น จะไม่หลับอีกเลยตลอดคืนนี้  ดูจากนาฬิกาข้อมือเมื่อครู่ ล่วงไปห้าทุ่มเศษแล้ว เขาจึงตัดสินใจอุ้มน้องชายลงจากรถ   

ด้วยน้ำหนักตัวห้าสิบแปดกิโลกรัม ของน้องชายไม่คณามือชายหนุ่มที่สูงร้อยแปดสิบห้า หนักเกือบแปดสิบกิโลกรัมเศษเลยสักนิด

ทันทีที่เข้าไปในตัวบ้าน เป็นไปตามคาด ไม้ตรีกับ ป้าจันทร์แม่บ้านที่อาวุโสที่สุดนั้น ยังคงไม่เข้านอนแต่กำลังยืนเฝ้ารอพวกเขาอยู่ 

เมื่อทุกคนเห็นร่างของจัตวาบนท่อนแขนไม้เอก ก็เริ่มมีท่าทีตื่นเต้นดีใจ แต่ก่อนที่จะได้เปรยถามอะไรออกมา ไม้เอกกลับส่งสายตาให้หยุดการใช้เสียงทันที 

ไม้ตรีรู้งาน รีบเดินนำทางไปเปิดห้องนอนไว้รอ  ไม้เอกนำเรือนกายน้องชายวางลงเตียงนอนอย่างเบามือ ก่อนจะแอบถอนหายใจออกยาวๆ 

“พี่ใหญ่ ไปพักเถอะครับ เดี๋ยวตรีจัดการต่อเอง”

“ฝากด้วย อย่าทำน้องตื่นล่ะ”

“รู้น่าพี่ วาก็น้องตรีเหมือนกัน ทำไมจะไม่รู้ว่าต้องทำอะไร”

พี่ชายสองคนยืนโต้เถียงกันด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ อีกคนสามสิบสองปี อีกคนยี่สิบหกปี พอต้องมาถกกันเรื่องน้องเล็กทีไร เป็นต้องลืมคราบนักธุรกิจหลุ่มรูปหล่อไฟแรงไปเลย 

แต่ก่อนที่ไม้ตรีจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องชายได้นอนสบายตัวขึ้น เขาก็เดินตามไม้เอกออกไป ทันทีที่ประตูห้องถูกปิด บทสนทนาที่สำคัญก็เริ่มขึ้น

“เดี๋ยวครับ พี่ใหญ่”

“ว่าไงตรี” 

“อีกสองวัน วาจะไปเรียนที่มหาลัยแล้ว จะให้ตรีไปดูแลความเรียบร้อยวันแรกไหม”

“ไม่ใช่แค่วันแรก  แต่ต้องไปทุกวัน”

“แล้วถ้าวารำคาญตรีล่ะ”

“ไว้ถึงตอนนั้น พี่จะรับช่วงต่อเอง ไปเรียนวันแรก จะก่อเรื่องอะไรอีก ไม่อยากจะคิดเลย”

“วาก็คือวา พี่ใหญ่  เดี๋ยวน้องโตอีกหน่อยค่อยสอนก็ได้”

“อืม พี่ไปนอนก่อนนะ”

ไม้ตรีมองพิจารณาพี่ชายคนโต ก่อนจะเผลอรอยยิ้มมุมปากออกมา  พลางคิดแต่ว่า ผู้ร้ายปากแข็ง คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากไม้เอก พี่ชายคนโตของเขา 

“ห่วงก็บอกว่าห่วงสิ จะทำฟอร์มไปถึงไหนกัน พี่ใหญ่” ไม้ตรียิ้มส่ายหน้าเบาๆๆ ก่อนจะเข้าไปดูแลจัดแจงน้องชายต่อ

 


เปิดภาคเรียนที่หนึ่งในรั้วอุดมศึกษา 

นักศึกษาใหม่ หลากหลายคนทยอยเข้าสู่ลานปฐมนิเทศคณะ บริหารธุรกิจ บรรยากาศรายรอบแน่นขนัด ช่างชวนน่าอึดอัดเสียจริง   

จัตวาเดินตามเพื่อนร่วมคณะคนอื่นด้วยสีหน้าไร้ความสุข โชคดีที่ปีหนึ่งไม่ต้องนอนหอในหมดทุกคน เขาจึงอาศัยเกณฑ์นั้น เอาร่างตัวเองไปนอนแช่อยู่คอนโดแทน   

“นายๆ” เสียงสดใสร่าเริงทักขึ้นจากด้านหลังของจัตวาอีกที พอหันหลังกลับไปมอง  ก็พบชายสูงโปร่งรูปร่างพอๆกับเขายืนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร 

“มีอะไรรึเปล่า?” เขาเปรยถาม ทำเอาอีกฝ่ายหุบยิ้มแทบไม่ทัน จะว่าไปคนคนนี้ ไม่ว่าจะทำสีหน้าเช่นไร ก็ดูน่ารักดี ที่เขาชมนี่ไม่ใช่ว่าชอบแนวนี้หรอก เพียงแต่ชื่นชมไปตามความจริงแค่นั้น

“เปล่า เราแค่อยากรู้จักน่ะ  เราชื่อ  โตเกียวนะ ”

“อ้อ เราจัตวานะ” ที่แท้ก็อยากสร้างมิตรภาพนี่เอง   

“เรายังไม่มีเพื่อน นายคือเพื่อนเราคนแรกนะจัตวา” เจ้าของชื่อได้แต่คิดในใจ เขาเองก็ยังไม่รู้จักใครเช่นกัน โตเกียว คนนี้คงอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างกันนั่นคือ เพื่อนคนแรก ของเขา

“อื้ม เช่นกันนะ ”

หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก จนกระทั่งลงทะเบียนรายงานตัวเสร็จ ทำกิจกรรมที่คณะนิดๆหน่อยๆ เวลากำลังดำเนินผ่านไปอย่างช้าๆ 

จัตวาเป็นคนสัดโดด นับจากที่รู้จักโตเกียว ก็ไม่มีใครหน้าไหนเดินเข้ามาทำความรู้จักเพิ่มเติมอีกเลย ถ้าจะหวังให้เขาเดินเข้าไปทักทายคนอื่นก่อนนะหรือ  สู้เสียหวังให้เขาเลิกดื้อซะจะง่ายกว่า

แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอนหรอก จริงไหม



ชายหนุ่มเดินออกมารอพี่ชายหน้าตึกคณะ  ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังหน้าจอมือถืออย่างจดจ่อ แน่ล่ะเข้ากำลังเล่นเกมโปรดของเขาเพื่อฆ่าเวลารอใครบางคนมารับกลับคอนโด


ซ่าาาา!!!


เสียงน้ำสาดซัดกระเด็นเข้าเรือนกายของจัตวา เสื้อเชิ้ตขาวนักศึกษาที่เพิ่งถอยป้ายแดงออกมาไม่กี่วัน เปียกโชกไปหมด  น้ำที่ว่านั่นไม่ใช่น้ำจากไหนไกลอื่น แต่เป็นน้ำที่ขังตรงถนนคอนกรีตหน้าคณะของเขาต่างหาก


“เชี่ยยยยยยย!!!”

เขาสบถออกมาด้วยความตกใจและลืมตัว  เสียงของเขาเรียกร้องสายตาคนบริเวณนั้นให้หันมาสนใจจนหมดสิ้น  รวมไปถึงโตเกียวที่เพิ่งเดินแยกจากกันไปไม่กี่ย่างก้าวเท่านั้น   


“จัตวา!!!” ร่างสูงโปร่งวิ่งเข้ามาดูเพื่อนด้วยความตกใจ จัตวาหน้าเสีย พลางเอามือลูบน้ำเหล่านั้นออกจากใบหน้าอย่างเหลืออด   

เจ้าของรถหรูสีดำเมี่ยมตรงหน้า ที่ก่อเรื่องครั้งนี้ ยังคงไม่ยอมลงจากรถ ราวกับไม่รับรู้สถานการณ์ภายนอกรถว่าสร้างความเสียหายให้จัตวาแค่ไหน

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่ม ผู้เปียกชุ่มไปทั้งตัวจะเดินตรงไปเล่นงานที่รถหรู  ก็มีเสียงเจื้อยแจ้ว เดินเข้ามาหาเขาก่อน

“ตายแล้ว  ขอโทษด้วยนะคะ  คะ...คือว่า รถคันนั้นเป็นรถพี่ชายเราเอง” ผู้หญิงยิ้มเหยเก สีหน้าไม่สู้ดีนัก จัตวาพยักหน้าอย่างอดกลั้น ก่อนจะเปรยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด

“ไม่เป็นไร จะดีกว่านี้ถ้าพี่ชายของเธอจะกรุณาลงจากรถ แล้วมาขอโทษเรา ” จัตวายิ้มให้ แต่แววตาดุดันจนผู้หญิงทำตัวไม่ถูก


นี่คืออีกด้านหนึ่งของจัตวา นิสัยของเขาเช่นนี้ พี่ชายทั้งสามไม่รู้มาก่อน และจะไม่มีทางรู้เด็ดขาด ในสายตาเหล่าพี่ชาย เขาคือน้องเล็ก ที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ และเรียกร้องความสนใจเท่านั้น  แต่มันเป็นพฤติกรรมที่มีขอบเขตและรู้สึกน่าเอ็นดูมากกว่า  ผิดกับช่วงเวลานี้ ที่เขาแทบจะสลัดภาพลักษณ์ที่พี่ชายเคยรู้จักหมดสิ้น 


“มีอะไรกันหรอ ฟอร่า ทำไมไม่ขึ้นรถ หืม”

น้ำเสียงทุ้มเย็นดังขึ้นขัดจังหวะ  จัตวารีบหันไปมองอย่างโมโหเพื่อดูหน้าคนต้นเรื่อง  ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าคือชายหนุ่มที่สูงชะลูด ไม่ต่างจากไม้เอก พี่ชายคนโตของเขา 

ใบหน้าคมกริบราวใบมีดที่มาพร้อมกับผิวสีขาวนวลด้วยนั้น มันทำให้เดาได้ไม่ยากว่าสองพี่น้องคู่นี้ ทางบ้านคงจะมีเชื้อสายชาวจีนแน่นอน แต่มันตลกตรงที่ หมอนั่น...ใส่แว่นสีดำ ปกปิดดวงตาคู่นั้น ในยามที่ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆฝน เพื่ออะไรกัน

“พี่คะ พี่ทำเขาเปียก” ผู้หญิงคนนั้นกำลังพยายามรวบรัดคำอธิบายให้สั้นที่สุด พร้อมกับชี้นิ้วมาที่เขา   

จัตวาพลางคิดในใจว่า ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูด  ดูซิว่าหมอนั่นจะขอโทษเขายังไง 

“ขอโทษนะครับ...ฟุตบาทมันก็ค่อนข้างกว้าง จะดีกว่านี้ถ้ายืนชิดเข้าไปอีกหน่อย นายคงไม่เปียกแบบนี้”

“ว่าไงนะ!!”

จัตวารู้สึกผิดหวังกับคำตอบที่รอฟังเป็นอย่างมาก เขาโกรธจนรู้สึกร้อนขึ้นใบหน้าไปหมด หมอนั่นเอาความมั่นใจมาจากไหน รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร? มาพูดจาใส่เขาเช่นนี้ จัตวาเริ่มดื้อรั้นและเอาแต่ใจ

“พี่คะ ไม่ขอโทษเขาหน่อยหรอ  ตัวเขาเปียกมากเลยนะ” หญิงสาวที่ชื่อ ฟอร่า พยายามขอร้องพี่ชายตัวเอง แต่ดูจากสีหน้าตอนนี้ เหมือนทุกอย่างคือความตั้งใจที่อยากให้เกิดไม่มีผิด 

“ฟอร่า เรากลับกันได้แล้ว พี่มีธุระต่อ”

“นี่นาย! ” จัตวาอ้าปากค้าง ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก  แต่ก่อนที่สองพี่น้องนี่คู่จะขึ้นรถจากไป เขาจะต้องเอาคืนให้ได้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อนสิครับรุ่นพี่....” 


ซ่าาาาาา


สิ้นเสียงร้องทัก เสื้อผ้าเจ้าของรถหรูก็ต้องเปะเปื้อนไปด้วยน้ำที่จงใจสาดใส่ของจัตวา ตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจเสียจริงๆ


“นี่มึงทำบ้าอะไรเนี่ย!”  คนตัวสูงหัวเสียที่สภาพเขาดูไม่จืด  และที่สำคัญเขากำลังรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย เขาไม่เคยนึกฝันว่าในชีวิตจะถูกใครย่ำยีภาพลักษณ์ได้ขนาดนี้  และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึก  ฝ่ายจัตวาเองก็รู้สึกเพราะเขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน 

“นี่ยังน้อยไปนะ เสียดายที่แก้วชาเขียวมันเล็กไป เทียบไม่ได้หรอกกับน้ำที่แกขับรถสาดใส่ จำเอาไว้”

สิ่งที่จัตวาทำ คนบริเวณนั้นจับจ้องให้ความสนใจ รวมไปถึงรถหรูอีกคันที่จอดเทียบฟุตบาท และนานพอจะได้เห็นฉากเด็ดเมื่อครู่  ทุกการกระทำของน้องชายคนเล็กอยู่ในสายตาของ พี่สามอย่างไม้ตรีทั้งหมด

“พี่เฟรม!! ” ฟอร่าตกใจรีบเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำออกจากใบหน้าพี่ชาย   

“อยากลองดีใช่ไหมไอ้หน้าอ่อน” ตอนนี้จัตวาจุดไฟโทสะของอีกฝ่ายติดแล้ว เหตุการณ์ชักจะย่ำแย่ไปกันใหญ่  ต่างฝ่ายต่างรุนแรงต่อกันไม่มีใครอ่อนข้อเลยแม้แต่น้อย



“กลับได้แล้ว เจ้าตัวแสบ”



เสียงร่าเริงที่แสนคุ้นหูดังแทรกแรงปะทะของจัตวาและคู่กรณี  แต่ตอนนี้จัตวาตัวแข็งทื่อไปเสียทุกส่วน เสียงนี้คือเสียงไม้ตรี  พี่สามของเขา ปกติพี่รองกับพี่สามจะใจดีกับเขาที่สุด แต่ว่าตอนนี้พี่สามเห็นเหตุการณ์ที่เขาทำลงไปเมื่อครู่ เรื่องนี้คงถึงหูพี่ไม้เอก  แล้วเขา...ต้องโดนทำโทษแน่นอน

“พะ...พี่ไม้ตรี” น้ำเสียงเรียกชื่อแผ่วเบา  หันไปมองพี่สามที่ยืนยิ้มเอามือล้วงกระเป่ากางเกงอย่างอารมย์ดี


“พี่ตรี!” อีกฝ่ายก็เอ่ยชื่อเรียกเขาเช่นกัน  แต่เป็นเสียงที่หนักแน่นกว่า ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเจ้าของรถหรูคู่กรณีของจัตวานั่นเอง   

เขาค่อยๆถอดแว่นกันแดดสีดำนั่นออก เผยให้เห็นแววตาคมสวยคู่นั้น  ให้ตายเถอะหมอนั่นใบหน้าราวกับเทพเจ้าปั้นสร้างหรืออย่างไร  จัตวาแอบชมปนด่าในใจ ในสถานการณ์เช่นนี้เขาฟุ้งซ่านเรื่องนี้ได้ยังไงกัน


“อ้าว คนกันเองทั้งนั้น”

ไม้ตรียิ้มอย่างอารมณ์ดี  คำพูดของเขาทำเอาจัตวาและคู่กรณีสุดหล่อ หันไปมองหน้ากันอีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมาย สีหน้าและแววตาสื่อไปในเชิงสงสัยและแปลกใจทั้งคู่ ต่างพินิจ วิเคราะห์กันไปมา 

แต่แล้วไม่ว่าจะมองยังไงพวกเขาสองคนก็เป็นได้แค่ คนแปลกหน้า ซึ่งกันและกันก็เท่านั้นเอง....





โปรดติดตามตอนต่อไป...


ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
นี้สินะคนที่จะมาปราบความดื้อของน้องจัตวา :hao7:

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 2



จัตวา ชนัสถ์นันท์ ชื่อนี้ดังก้องอยู่ภายในใจของตัวเขาเอง วนไปเวียนมาตอกย้ำอยู่กลางอกเสมอ ว่าคนอย่างเขาไม่ใช่ใครที่จะมาทำนิสัยแย่ๆแบบไหนใส่ได้เด็ดขาด  จากเหตุการณ์นั้นจวบจนกระทั่งถึงคอนโด ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงกว่า เขายังไม่หายหงุดหงิดเลย


ไม้ตรีชำเลืองมองดูท่าทีน้องชายสลับกับจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างเอ็นดู เห็นทีรอบนี้คนชื่อเฟรมได้สร้างความกลัดกลุ่มใจให้น้องชายเขามากทีเดียว


“ดื่มน้ำส้มกับพี่ซักแก้วมั้ย?” ถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ  ได้ผลอยู่นิดหน่อย จัตวาหันมามองไม้ตรีครู่หนึ่ง ไม่นานนัก  หลังจากนั้นก็...


“พี่ตรี ไปรู้จักกับหมอนั่นได้ยังไงครับ นิสัยก็แย่ ปากก็เสีย ไม่รู้จักคำว่าขอโทษเลยสักนิด แล้วนี่พี่ตรีก็เอาแต่ขำ เอาแต่ยิ้ม ไม่คิดเอาผิดเขาเลย ไม่ช่วยน้องเลยด้วยซ้ำ คอยดูนะ วาจะ....”

“อ่ะ พอก่อนๆๆๆ  พี่ฟังไม่ทันแล้วครับคนดี เอาเป็นว่า ผู้ชายที่ชื่อเฟรมเมื่อกี๊นี้น่ะ  เขานิสัยดีนะ พี่รับประกันได้”

“เชื่อก็บ้าแล้ว” คนตัวเล็กกว่า งอนหนักกว่าเดิม แถมยังลุกพรวดจากโซฟา เดินเข้าห้องนอนไม่สนใจพี่ชาย

“พี่สั่งข้าวไว้แล้วนะ อีกเดี๋ยวออกมากินกับพี่นะครับ วา”


ไม้ตรีตะโกนตามไป มั่นใจว่าน้องชายได้ยินแน่นอน  เขาแอบยิ้มให้กับนิสัยของจัตวา แม้น้องชายจะเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้ แต่กลับน่าเอ็นดูในสายตาของเขา แต่ถ้าเป็นพี่ไม้เอกล่ะก็...ท่าทีแบบนี้ ไม่รู้จัตวาจะทำยังไง อาจจะควบคุมอารมย์ให้หายไปหมดราวกับคนละคนแน่ 



จะว่าไป ครอบครัวของเขามีกัน 7 คน มีคุณปู่  คุณพ่อคุณแม่ แล้วก็พวกเขาสี่พี่น้อง  แต่ถ้าให้ย้อนกลับไปจริงๆแล้วล่ะก็ ความตั้งใจเดิมของคุณพ่อคุณแม่คือ เขาคือความตั้งใจสุดท้ายของคุณแม่ ที่ได้เนรมิตทายาทให้กับอัศวะเหมินทร์


แต่พอไม้ตรี อายุได้ 8 ขวบ คุณแม่กลับตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดมาก่อน  ในตอนนั้น ไม้โทอายุ 11 ขวบและไม้เอกอายุ 14 ปี   จัตวาจึงกลายมาเป็นน้องเล็กสุดของบ้านแทนเขา และด้วยอายุที่ห่างกันถึงแปดปี บรรดาพี่ชายและคนในบ้าน จึงดูแลให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ     





 

กลางค่ำคืนสุดแสนธรรมดานั้น  ชนัสถ์นันท์ไม่อาจข่มตาให้หลับได้ ความหงุดหงิดที่มีต่อ รุ่นพี่คู่กรณีคนนั้น ไหลล้นท่วมอก เพราะอะไรเขาถึงปลงไม่ตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย เขาเองก็หาเหตุผลไม่ได้เช่นกัน

เขาลุกขึ้นนั่งจุ้มปุกอยู่บนเตียง ก่อนจะหยิบมือถือไลน์หาโตเกียว เพื่อนคณะคนแรกและคาดว่าน่าจะคนเดียวนั้นทันที


หวังว่าจะยังไม่นอนนะ นายเพื่อนใหม่

เขาพึมพำในใจ พลางคาดหวังปลายทางจะเปิดอ่านและตอบกลับมา และทุกอย่างก็เป็นดังหวังจริงๆ


“ว่าไงคนน่ารัก” อืม...ยังไม่นอน แต่คำตอบช่างกวนเขาเหลือเกิน

“อย่าเพิ่งกวนได้ไหม"

“อ่ะๆ ไม่กวนแล้ว  ตีสองแล้วยังไม่นอนอีกหรอ?” โตเกียวถามกลับ

“ยัง  ที่ให้ไปถาม ได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง” จัตวาเปิดฉาก หลังจากเพื่อนหนุ่มน่าจะลืมประเด็นที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ไปแล้ว

“โห นึกว่าเรื่องอะไร  นอนก่อนไหมวา  ตีสองแล้วนะ ”

“นอนไปแล้วรอบนึง แต่ไม่หลับ จิตใจมันวุ่นวายอ่ะ"

“เป็นไปขนาดนี้เลยหรอ วาเองก็แก้แค้นคืนแล้วนี่นา อย่าไปถือโทษโกรธกันต่อเลยนะ ” โตเกียวเตือนด้วยความเป็นห่วง   

แต่เจ้าตัวตอนนี้  กำลังอึ้งกับการตักเตือนของเพื่อนครั้งแรก ถ้าเป็นชีวิตคนอื่นๆ มันอาจจะไม่แปลกเลย สำหรับจัตวานั้น เรื่องเหล่านี้คือเรื่องละเอียดอ่อน ไม่มีใครตักเตือนเขาได้นอกจากตัวเขา แต่จะไปต่อว่าเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะโตเกียวไม่รู้จักตัวตนของเขามาก่อน

“โอเคเพื่อน  เราลืมบอกอะไรอย่างนึง  คือเราไม่ชอบให้ใครมาห้ามเราโดยที่เราไม่ได้เรียกร้องอ่ะ ”

“ห้ะ! อะ...อ้อ เมื่อกี๊นี้หรอ เราขอโทษนะ แต่เราหวังดีจริงๆ”

“เรารู้  แต่นี่ก็นิสัยเราอย่างนึง แก้ไม่หายอ่ะ พอได้ยินใครห้าม จะหงุดหงิด”

“อืม เราเข้าใจ ” 

“นายเข้าใจจริงๆหรอ?“ จัตวาแปลกใจไม่น้อย  เขาคิดเอาไว้ว่า หากบอกโตเกียวตรงๆ อีกฝ่ายคงรับไม่ได้แน่

“ก็ใช่นะสิ เราชอบนะ ที่บอกตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ”

“จริงหรอ”

“จริง จะให้ตอบยืนยันแค่ไหนถึงจะเชื่อ หื้ม?”

“โอเคๆ  พอละ วนกลับมาเรื่องเดิมก่อน  สรุปข้อมูลได้มาไหม” ยังไงวันนี้ต้องได้คำตอบ 

“เรายังไม่ได้หาเลยอ่ะ เราเลิกเรียนก็มาช่วยที่บ้านขายอาหารแกงน่ะ เพิ่งปิดร้าน กลับถึงบ้านไม่ถึงชั่วโมงเอง” โตเกียวให้เหตุผลไป  แต่กลับเป็นจัตวาเองที่อึ้งและรู้สึกแย่

เขาไม่คิดมาก่อนว่า เพื่อนคนแรกคนนี้ของเขา พื้นเพจะเป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่ง  ด้วยความที่ฐานะทางบ้านของจัตวา ตลอดจนการใช้ชีวิตจนกระทั่งเติบโตมาถึงทุกวันนี้ ไม่เคยรู้จักคำว่า ขาดแคลน  ไม่ว่าเงินทอง ของนอกกายต่างๆ คนดูแลรับใช้  จนลืมนึกไปว่าจริงๆแล้วโลกใบนี้ ยังมีคนที่แตกต่างจากเขา ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีชีวิตสุขสบายไปเสียหมด 

ตอนนี้เขาเริ่มเรียนรู้ พินิจ และกำลังรู้สึกผิดขึ้นมา อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


“วา....วา ยังอยู่รึเปล่า วา”

“หะ...อะ..อือออ  อยู่ๆๆ  ขอโทษนะโตเกียว เราเป็นเพื่อนที่ไม่ดีเลย....  ใช่ไหม?” เขาพยายามตกตะกอนความคิด  และกำลังสรุปการกระทำของตัวเอง แต่เขาไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก 

ด้วยความรู้สึกนึกคิดครั้งแรก แต่ตัวเขาเองไม่รู้หรอกว่า เขากำลังจะได้เติบโตอีกขั้น จากการสัมผัสและได้รู้จักเพื่อนคนนี้ ที่มีทางเดินชีวิตเติบโตมาคนละแบบกับเขา

“เป็นอะไรเนี่ย แปลกๆนะ  เราว่าวานอนพักดีกว่า ข้อมูลของรุ่นพี่ พรุ่งนี้เราจะไปสืบให้”

“มะ..ไม่ต้องแล้วๆๆๆ เราจะสืบเอง ไม่รบกวนโตเกียวหรอก ”

“ทำไมล่ะ ให้เราช่วยเถอะ เพื่อนกันมีอะไรก็ต้องช่วยกันสิ”

“นายจะได้ตั้งใจเรียน แล้วก็...หลังเลิกเรียนจะได้ไปช่วยที่บ้านขายอาหารไง” เขาบอกเหตุผลไปโต้งๆ ตามที่สมองนึกได้

“ฮ่าๆๆๆ  คิดมากอะไร นี่วากำลังคิดว่า การที่วานให้เราช่วยสืบ จะทำให้เวลาช่วงอื่นๆของเรารวนหรอ”

“เอ้า แล้วไม่ใช่รึไง”

“ก็ใช่ แต่ไม่อยากให้มองอย่างนั้นอ่ะ รับปากแล้วด้วยว่าจะช่วย ให้เราช่วยอีกแรงเถอะ อยากรู้เหมือนกันว่า รุ่นพี่เฟรมคนนั้นอยู่คณะไหน ”

“ขอบใจนะ สบายใจขึ้นเยอะเลยอ่ะ คงหลับได้ไม่ยากละ”

“โอเค เราขอตัวนอนก่อนนะ รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นสายไม่โทรปลุกนะบอกไว้ก่อน”

“ไม่มีทางหรอก บาย”

จัตวาตัดสาย แล้วเอนตัวลงนอน  พอจิตใจโล่ง การพักผ่อนของเขาก็ดูง่ายขึ้นมาทันที  พรุ่งนี้เขาจะต้องสืบให้ได้ว่า หมอนั่นอยู่คณะไหน เขาจะต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ


อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ  การที่ไม้ตรีพี่สามของเขา ไปรู้จักมักจี่กับหมอนั่น มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดพอสมควร

ไม้ตรีบอกว่า เขาเป็นเพื่อนกับคนคนหนึ่ง ถ้าฟังไม้ผิดน่าจะชื่อโฟร์ค  ที่เป็นพี่ชายของเฟรมกับฟอร่า  เคยเป็นเพื่อนกันสมัยประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัย ปี 2557 ตอนนั้นโฟร์คได้ตำแหน่ง เดือนมหาวิทยาลัยไป ส่วนไม้ตรีพี่ชายของจัตวาได้ตำแหน่งรองฯ   


แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการได้ไปพูดคุยเรื่องวันนั้นให้จบๆไป เพราะวันนี้ทุกอย่างมันยังไม่เคลียร์สักนิดเดียว แถมแยกย้ายกันออกจากปัญหาได้แย่สุดๆ




 

เช้าวันต่อมา 



การเรียนการสอนของปี 1 ไม่ได้เข้าคณะทั้งหมด รงมไปถึงน้องใหม่คณะบริหารธุรกิจด้วย ยังคงมีบางรายวิชาที่ต้องไปเรียนอยู่อาคารเรียนรวมบ้าง หรือไม่ก็ไปนั่งเรียนกับเพื่อนต่างคณะบ้าง   

อย่างตอนนี้ พวกเขากำลังรอเข้าเรียนวิชาบังคับของทางมหาวิทยาลัย การบรรยายหัวข้อวันนี้ว่าด้วย การดำเนินชีวิตประจำวันอย่างรู้ทันและปลอดภัย แค่หัวข้อก็ชวนให้นิทราได้ไม่ยาก


“ขอนั่งด้วยคนสิ”

เสียงเจื้อยแจ้ว ดึงดูดให้สองหนุ่มที่เอาแต่ก้มเล่นมือถือให้เงยหน้ามามอง สิ่งที่พวกเขาเห็นคือผู้หญิงใบหน้าสละสลวยคนหนึ่ง แต่กลับคุ้นเคยกันมากทีเดียว 

“ฟอร่า?...” จัตวา โตเกียว อุทานออกมาพร้อมกัน  อันที่จริงเธอก็มีกลุ่มเพื่อนของเธอต่างหากอยู่แล้ว การที่ตัดสินใจมานั่งเก้าอี้ว่างข้างๆจัตวานั้น เธอต้องการอะไรกันแน่

แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ จัตวาก็เริ่มฉายแววระยิบระยับในดวงตา หันไปมองใบหน้าเพื่อนชายของเขา ที่ตอนนี้คิ้วแทบขมวดชิดติดกัน ด้วยความฉงนและสงสัยท่าทีของจัตวา

“นั่งเลยฟอร่า ตรงนี้ว่าง ไม่มีใครนั่ง” เป็นเสียงของจัตวาที่พูดเชื้อเชิญให้นั่ง ยิ่งทำให้โตเกียวแปลกใจหนักขึ้นไปอีก

“วา นั่นน้องสาวรุ่นพี่เฟรมที่นายไม่ชอบหน้าไม่ใช่หรอ”

“ใช่ เราจำได้”

“เอ้า แล้วทำไมถึงยังให้..."

“จุ๊ๆๆ ในเมื่อต้องการหาข้อมูล แต่ข้อมูลมาหาถึงที่ แบบนี้ดีออก ใช่มะ” จัตวายิ้มเจ้าเล่ห์ พอถึงตอนนี้โตเกียวก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา ค่อยๆยิ้มพยักหน้า

จัตวาเริ่มดำเนินการตามที่ใจวางแผนมา  เขาหันไปยิ้มให้ฟอร่า แต่ดูเหมือนเธอแปลกใจไม่น้อย เพราะหน้าตาเธอมันแสดงออกชัดเจน แต่ไม่วายยิ้มให้เขากลับคืนเช่นกัน

“ทำไมถึงมานั่งกับเราหรอ เพื่อนๆฟอร่าล่ะ” ชายหนุ่มถามเพื่อนสาวแบบกันเอง

“อ้อ พอดีเรามีเรื่องอยากคุยกับจัตวาอ่ะ” 

เธอบอกความตั้งใจของตัวเองเช่นกัน จัตวายิ้มค้างเช่นนั้น พลางคิดว่า คงไม่ใช่เรื่องไหนไกลอื่น คงเป็นเรื่องของพี่ชายเธอแน่นอน ดีเหมือนกันตรงประเด็นที่เขาต้องการอยู่ก่อนแล้ว

“อ้อ คุยเลยก็ได้นะ เราสะดวก อาจารย์ก็ยังไม่เข้าสอน”

“คือ...เราขอโทษแทนพี่ชายเราอีกครั้งนะ จริงๆแล้ว พี่เฟรมไม่ใช่คนนิสัยแบบที่จัตวาเห็นวันนั้นหรอก”

“เธอกำลังจะบอกเราว่า พี่ชายเธอมีสองร่างหรอ?” จัตวาหลุดปาก พูดไวไปหน่อย แต่จะดึงคำพูดกลับคืนมาคงไม่ทันแล้ว

“เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้น ฟังเราก่อน....”

“อื้ม ฟังอยู่” จัตวาเปรยเสียงเรียบทั้งที่ในใจ แทบจะพุ่งออกไปจากห้องเรียนแล้วไปตะโกนด่าให้สุดเสียง

“คือ...วันนั้น ก่อนที่พี่เฟรมจะมารับเรา พี่เขาเพิ่งทะเลาะกันกับแฟนน่ะ ทะเลาะแบบรุนแรง แล้วก็จบด้วยการ...บอกเลิก  อารมย์พี่เฟรมเลยไม่ปกติเท่าไหร่”

ฟอร่าเล่าเป็นฉาก  จนชนัสถ์นันท์มองเห็นภาพมโนทัศน์ในความคิด แบบนี้ก็น่าเห็นใจนะ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำนิสัยแย่ๆแบบนั้นใส่ใครก็ได้นี่   


แต่...เดี๋ยวก่อนนะ หมอนั่นอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้ แต่วันนั้นทุกอย่างมันแย่ไปหมดเพราะคำพูดของหมอนั่นเองล้วนๆ

จัตวาคิดไปคิดมาคนเดียว พลางส่ายหน้าเบาๆ ในขณะเดียวกันบทสนานั้นกลับมีโตเกียวรับรู้ด้วยทุกอย่าง

“น่าเห็นใจ” ชายหนุ่มเปรยบอกฟอร่า

“นาย ไม่โกรธพี่เราได้ไหม ”

“แล้วทำไมฟอร่าต้องมาขอโทษแทนพี่ชายตัวเองด้วย อันที่จริงให้เขามาพูดและเคลียร์กับเราให้เสร็จก็พอ”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา  แต่ติดตรงที่ว่าช่วงนี้น่าจะไม่เหมาะ เพราะพี่ชายเราจิตใจย่ำแย่ไม่โอเคเลย วันนี้ก็ลาเรียนทั้งวัน” เธอเล่าออกมาได้อย่างน่าเห็นใจ  ฟอร่าดูเป็นห่วงพี่ชายของเธอมากจริงๆ

“นี่เขา คงรักผู้หญิงคนนั้นมากใช่ไหม?”

“อื้ม  คบกันมาตั้งแต่เรียนอยู่มอปลายน่ะ” พอพูดถึงตรงนี้ความเห็นใจแทบอันตรธานหายไปจากใจ หล่อเลือกได้สินะ น่าหมั่นไส้ชะมัดยาด

“...ทีแรกเราก็ไม่รู้หรอกว่า พี่เฟรมทะเลาะกับแฟน จนกระทั่งวันนั้น พี่เฟรมถอดแว่น ถึงรู้ว่าเพิ่งหยุดร้องไห้”

“...” 

ห้ะ อะไรนะ ที่หมอนั่นใส่แว่นดำลงมาจากรถ เพียงเพราะปกปิด  ไม่อยากให้ใครเห็นดวงตาที่บอบช้ำจากการหลั่งน้ำตาหรอ?  นี่บ้าจริงๆเลย เขาเข้าใจมาตลอดว่าหมอนั่นใส่เพื่อความเท่ห์เท่านั้น

“เราสงสารพี่เฟรมมาก แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง”

“ปล่อยให้กาลเวลาปลอบใจจะดีที่สุด คนเราไม่ได้รักกันแล้ว ช่วยยังไงก็ไม่เกิดประโยชน์หรอกจริงไหม ฟอร่า” กลายเป็นเสียงโตเกียวพูดขึ้นมา หลังจากนั่งฟังบทสนทนาอยู่นาน

“อื้มเราเข้าใจ เออนี่ นายชื่ออะไรนะ เรายังไมไ่ด้ถามชื่อเล่นนายเลย”

“โตเกียวครับ แต่เรารู้จักฟอร่าตั้งแต่วันแรกแล้ว ” โตเกียวยิ้มอย่างเป็นมิตร จัตวาได้แต่ยิ้มส่ายหน้าให้กับท่าทางของเพื่อนหนุ่ม เจ้าชู้ไม่เบานะเพื่อนคนนี้

นึกๆดูแล้ว หมอนั่น น่าเห็นใจจริงๆ เห็นทีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น คนที่ผิดคือเขากับเจ้าน้ำฝนที่ดันไปท่วมขังตรงพื้นถนนสินะ น่าขันชะมัดยาด   

เอาเถอะครั้งนี้ก็แล้วๆกันไป จู่ๆกลับนึกไม่อยากถือสาเสียแล้ว คนเพิ่งจะอกหัก ไม่อยากไปซ้ำเติมทำร้ายจิตใจใคร อีกอย่างนั้น วันที่เกิดเรื่อง  เขาก็เอาคืนไปแล้วด้วย หมอนั่นโดนน้ำหวานหกใส่เสื้อ คงซักออกยากกว่าเสื้อของเขาที่เป็นเพียงคราบน้ำฝนสกปรกๆจากพื้นถนนแน่นอน 





โปรดติดตามตอนต่อไป...



ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 3

 
สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากคอนโดของชนัสถ์นันท์มากนัก เหลือบมองท้องฟ้าสีส้มเข้ม ดูร้อนแรงแต่อุณหภูมิกลับเย็นสบาย มันเป็นช่วงยามเย็นประจวบกับต้นไม้ใหญ่หลายสิบต้นให้ร่มเงา คงถูกใจใครหลายคนไม่น้อย ที่เลือกจะมาออกกำลังกายที่นี่ แม้แต่ตัวของเขาเอง 


ฟึบ ฟึบ ฟึบ


เสียงรองเท้าของจัตวากระทบพื้นเป็นจังหวะ หยาดเหงื่อไหลรินเป็นสาย ร่างกายเริ่มเหนื่อยล้า บางทีวันนี้คงต้องพักการออกกำลังกายเพียงเท่านี้ก่อน


เขาเลือกที่จะหยุดวิ่งภายใต้ร่มไม้ใหญ่ แล้วนั่งพักเอาแรง ยังไม่ทันจะเอาก้นถึงเก้าอี้เหล็กดัดสีอ่อนลายสวย ก็ต้องเบิกนัยน์ตากว้างทันที


เมื่อใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเขา ด้วยชุดกีฬาแขนกุด สีขาวครีมกลมกลืนกับสีผิวนั้น คงทำให้สาวๆคนอื่นถูกสะกดจิตให้สนใจได้ไม่ยาก


ชนัสนันท์ แสร้งมองไม่เห็น พลางเอาผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดเหงื่อบริเวณใบหน้าและลำคอ สายตาของหนุ่มน้อยมองไปทางอื่นอย่างแนบเนียน แต่แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ เขากลับถูกจับจ้องด้วยสายตาอีกคู่จากชายคนนั้นแล้ว ฉะนั้น นี่จึงเป็นฉากละครไก่อ่อนของจัตวาโดยแท้ 


“มาวิ่งที่นี่ประจำหรอ”

น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้น จัตวาคงทำได้แค่ชำเลืองมองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา แน่นอนว่า หากจำชื่อไม่ผิด ชายผู้นี้คือ เฟรม คู่กรณีของเขาเมื่อไม่นานมานี้ 

“ไม่บ่อย บางทีก็ไม่ได้วิ่ง” จัตวาตอบสั้นๆ

“ฮึ”

เสียงตอบสนองของผู้มาเยือนดังในลำคอ ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปนั่งข้างๆ แต่ยังคงเหลือระยะห่างพอสมควร


ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังอยู่ในโหมดความเงียบ ไร้การพูดคุยใดๆ จนความอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด แต่รุ่นพี่คนนี้ก็ได้ทำลายบรรยากาศก่อนหน้าให้หมดไปด้วยประโยคชวนถาม 

“ขอโทษอีกครั้งละกันเรื่องวันนั้น” เขาเปรยพูดขึ้นมา แต่สายตากลับจ้องไปที่จอมือถือบนฝ่ามือ

“ไม่เป็นไร ผมถือว่าเป็นคราวซวยของผมเองที่ไปยืนตรงนั้น” จัตวาเหน็บเบาๆ

“ประชดหรอ?”

“เปล๊า” จัตวายักไหล่ แล้วทำท่าเหมือนว่ากำลังจะลุกจากไป   

“เดี๋ยวก่อน ที่พูดเนี่ย ขอโทษจริงๆนะ” จัตวาหันไปมองใบหน้าเขาอีกครั้งแบบเต็มตา เมื่อเห็นแววตาคู่คมนั้นแล้ว รู้สึกได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย   


อันที่จริงเขาไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่ฟอร่าน้องสาวของหมอนี่มาอธิบายให้ฟังหมดเปลือก

สิ่งที่เขาสงสัยเพียงอย่างเดียวคือ การพบเจอรุ่นพี่คนนี้ที่สวนสาธารณะช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจกันแน่เพราะทุกครั้งที่เขามาวิ่ง ไม่เคยเจอเลยสักครั้ง


แต่...จะว่าไป เขาเพิ่งมาวิ่งที่นี่ ไม่กี่ครั้งเองนี่นา


“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ ”

“อืม...เพื่อเป็นการไถ่โทษ ให้พี่เลี้ยงข้าวละกัน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมมีนัดแล้ว ” จัตวาไม่ได้โกหก เขาได้นัดเพื่อนสนิทไว้แล้วจริงๆ

“งั้นหรอ อืม...แล้วนี่จะไปเลยใช่ไหม?”

“ใช่ นายมีอะไรอีกรึเปล่า?”

ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดชั่วขณะ เขาเองก็คิดไม่ออกว่าจะคุยอะไรต่อดี แต่เขากลับอยากคุย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

“มี”

เขาตอบรุ่นน้องออกไปก่อน  ทั้งที่ในหัว แทบคิดหัวข้อบทสนทนาต่อจากนี้ไม่ออกเลย แต่ในเมื่อตอบไปแบบนั้นแล้ว ก็คงต้องหาเรื่องคุยแล้ว

“พี่ว่า เราเดินไปคุยไปดีกว่า รถจอดตรงไหนเดี๋ยวเดินไปส่ง” เขาออกความเห็น

“ผมเดินมา ไม่ได้ขับรถ”


อันที่จริง จัตวาไม่มีรถเลยต่างหาก เคยขอพี่ชายแล้ว มีเพียงไม้โท อนุญาตให้ซื้อรถยนต์ แต่ไม้เอกกับไม้ตรีคัดค้าน ฉะนั้นแล้ว เขาจึงอดได้รถยนต์จนกว่าจะเรียนจบปริญญาตรี

“ถ้างั้น...ให้เดินไปส่งบ้านไหม”

“ผมไม่ได้พักที่บ้าน ผมนอนคอนโด ”

“งั้นให้พี่ไปส่งคอนโด”

“ไม่ต้องๆๆ  อะไรของนายเนี่ย ผมว่าคุยกันตรงนี้แหละ ว่ามาเลย” จัตวายืนกอดอกรอฟังคำถามจากรุ่งพี่ ซึ่งตอนนี้ต้องบอกเลยว่า เขายังคิดบทสนทนาไม่ออก

“คือ..พี่คิดไม่ออกว่าจะคุยอะไร”

“ห้ะ!! ขายขำหรอเนี่ย ผมไม่ว่างขนาดนั้นนะคุณ...เอ่อ”

“เฟรมโต้ พี่ชื่อเฟรมโต้ ”

“อ้อ อื้ม นายเฟรม เรียกเฟรมละกัน”

“พี่เรียนปีสาม เรียกว่าพี่เฟรม ไม่ดีกว่าหรอ?”

“ไม่อ่ะ นายไม่ใช่พี่ผม พี่คณะก็ไม่ใช่”

“แต่พี่เป็นพี่มหาลัยนะ”

“อย่าไร้สาระ สรุปไม่มีเรื่องจะคุยใช่ไหม?”

“มี แต่คิดไม่ออก ไม่เข้าใจหรอ?” รุ่นพี่เริ่มหัวเสีย แต่เขาไม่ได้หงุดหงิดจัตวา แต่เขาหงุดหงิดตัวเอง

“งั้น พรุ่งนี้คิดออกค่อยมาคุยกับผมนะ” จัตวาเริ่มตอบกวน

“เดี๋ยว...”

“อะไรอีกล่ะ นายนี่เป็นคนยังไงกันนะ”

“คนแบบนี้แหละ...ไปกินข้าวกันไหม? พี่เลี้ยงจริงๆ”

จัตวายิ้มมุมปาก นี่เขากำลังคุยกับอดีตคู่กรณีอยู่เชียวนะ แต่มันเป็นบทสนทนาที่เหมือนจะจีบไม่มีผิด แต่คงใช้ไม่ได้กับหมอนี่หรอก เพราะเขาชอบผู้หญิง ไม่สิ ถ้าจะให้พูดจริงๆ ถึงจะชอบผู้ชาย จัตวาขอบอกก่อนเลยว่าไม่เลือกหมอนี่เป็นแฟนแน่นอน

แต่....ชนัสถ์นันท์กลับมีแพลนก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ว่าออกกำลังกายเสร็จจะแวะไปหาโตเกียว เพื่อนสนิทที่ร้าน อาหาร จะไปนั่งทานข้าวราดแกงสักหน่อย ได้นัดไม้ตรีพี่ชายคนที่สามไว้อีกคนแล้วด้วย

ไม้ตรีกับเฟรมโต้ สองคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อน คงไม่มีอะไรหรอก อีกอย่างอยู่ในสายตาพี่ไม้ตรีตลอด คงไม่ต้องตอบคำถามย้อนหลังอะไรมากมายนัก   

“ได้สิ นายเอารถมาใช่ไหม?” จัตวารับคำชวน

“อื้ม รถพี่จอดทางโน้น เดี๋ยวพาไป”

“เปล่า ที่ถามเนี่ย ไม่ได้จะนั่งรถไปด้วย เราจะให้นายขับตามไป โอเคไหม”

“เอ้า ไหนบอกเมื่อกี้ไม่มีรถหนิ จะไปยังไง?”

“ไปรถพี่ไม้ตรี ข้องใจอะไรอีกไหมครับคุณคู่กรณี หื้ม?” จัตวาทำหน้าทะมึนใส่ เฟรมโต้ ได้แต่เลิกลัก 

“เปล่าๆ ไม่มี งั้นไปเลยไหม เดี๋ยวจะมืด”

“ได้ ขอโทรหาพี่ชายแป๊บนึง”



และแล้ว อาหารมื้อเย็นของจัตวา ก็ต้องฝากท้องไว้กับร้านอาหารราดแกงฝีมือคุณแม่ของโตเกียว  เขาเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยมากนัก ตัวร้านลักษณะธรรมดา เป็นห้องแถวขนาดสองคูหา ร้านถูกตกแต่งราบเรียบ ไม่ได้หรูหราอะไร แต่ลูกค้ากลับนั่งเต็มร้าน ที่ยืนสั่งเป็นอาหารถุงก็อีกมาก 


ดีหน่อยที่นัดแนะกันก่อนเลิกเรียนว่าจะมารับประทานอาหารมื้อเย็นที่นี่  โตเกียวจึงได้จัดเตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว ไม่ต้องไปต่อสู้สงครามแย่งโต๊ะเก้าอี้กับลูกค้าคนอื่น 


ระหว่างนั้น ก็ทักทายสวัสดีพ่อแม่ของเพื่อน สั่งเมนูอาหารสามสี่อย่าง การแต่งตัวของไม้ตรีวันนี้คือเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม พับแขนเสื้อ ถอดเนคไท แต่กลับเป็นสุดเด่นในสายตาคนทั่วไปอยู่ดี 


ไม้ตรีเป็นหนึ่งในผู้บริหารบริษัทเครือ อัศวะเหมินทร์ ฉะนั้นการแต่งตัวของเขาจึงมักเป็นสไตล์นี้บ่อยครั้ง และที่สำคัญวันนี้ จัตวาแกล้งพี่ชายตัวเองพอสมควร เพราะคงไม่คิดว่าร้านอาหารของเพื่อนจะเป็นร้านธรรมดาทั่วไป  ไม่เช่นนั้น เขาคงขอเปลี่ยนชุดอยู่ห้องทำงานก่อน ที่นั่นจะมีเสื้อผ้าลำลองสามสี่ชุด ไว้เปลี่ยนกรณีฉุกเฉิน


แต่จะให้ดุน้องชาย ก็คงไม่ทำแน่ เพราะเขาไม่ใช่ไม้เอกที่กล้าจะดุจัตวาได้ทุกสิ่งอย่าง รักเหมือนกันแต่แสดงออกต่างกัน ทำเช่นนี้จัตวาจะได้รู้สึกมีความสมดุลกับชีวิต ไม่กดดันมากจนเกินไป 


อีกอย่าง ตุลาการ คุณปู่ของพวกเขาทั้งสี่คน คาดหวัง่กับจัตวามากที่สุด เพราะท่านรักและเอ็นดูหลานชายคนเล็กมาก ไม้ตรีถือเป็นหลานชายคนเดียวที่ตุลาการมอบการดูแลจัตวาแทนเขา ได้ถูกใจที่สุด

“สั่งเพิ่มอีกไหมวา ” ไม้ตรีถามน้องชาย กลัวจะไม่อิ่ม อันที่จริงเขาคิดเผื่อเฟรมโต้ น้องชายเพื่อนเขาด้วย

“พอแล้วครับพี่ไม้ตรี สี่อย่างก็เยอะแล้วครับ”

“สรุปสี่อย่างนะครับ  มีพะโล้หมูตุ๋น  ปูผัดผงกะหรี่  แกงเขียวหวานไก่ แล้วก็ยำหมูยอ ส่วนข้าวเป็นข้าวสวยสามจานนะครับ” โตเกียวทวนเมนูให้เพื่อนฟัง จัตวายิ้มแล้วพยักหน้า

“เฟรม ทานได้ใช่ไหม ไม่เห็นสั่งเลย” ไม้ตรีเป็นห่วง

“ได้ครับพี่ไม้ตรี  ผมกินอะไรก็ได้ครับ”

“อันที่จริงอยากให้เฟรมได้สั่งสักอย่าง  ถึงพี่จะเลี้ยงเองก็เถอะ”

เรื่องของเรื่อง ก่อนหน้านี้หลังจากที่ไม้ตรีรู้ว่า เฟรมโต้จะพาจัตวาไปเลี้ยงขอโทษเรื่องราวในวันนั้น ไม้ตรีออกตัวทันทีว่า ยังไงเสีย เขาต้องเป็นคนเลี้ยง เขาทำงานแล้วเป็นถึงหนึ่งในผู้บริหาร จะให้รุ่นน้องเลี้ยงมื้อค่ำได้ยังไงกัน

ทีแรกตัวแสบอย่างจัตวา ไม่ยอมให้ไม้ตรีเป็นฝ่ายเลี้ยง พยายามส่งสัญญาณสายตาไปที่ไม้ตรีบ่อยครั้ง แต่พี่ชายอย่างเขาแค่ไม่หันไปสบตากลับก็พอแล้ว

“ไม่ได้เลี้ยง ก็ไม่ได้เลือกเมนู ถูกแล้วน่าพี่ไม้ตรี” จัตวาแอบแกล้งพูดไปอย่างนั้น โดนไม่ได้คำนึงถึงคนฟัง

“วาครับ พูดแบบนี้ไม่น่ารักนะครับ ” ไม้ตรีดุเสียงอ่อนโยน จนแทบไม่ได้รู้สึกเหมือนตักเตือนสักนิด 

“รู้แล้วๆๆ จะกินอะไรก็สั่งสิ เกรงใจอยู่ได้” จัตวาเริ่มหงุดหงิด

แต่ท่าทางดังกล่าว กลับทำให้แขกร่วมโต๊ะคนเดียวนั้น แอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย นี่เขากำลังรู้สึกเอ็นดูกับท่าทางของจัตวาอย่างนั้นหรือ...



“มาแล้วๆ”

โตเกียวเริ่มเสิร์ฟอาหารให้เพื่อน ใช้เวลาไม่นานนัก เพราะอาหารส่วนมาก จะทำเอาไว้แล้ว เพียงแค่ตักแบ่งมาใส่จานก็พร้อมบริการลูกค้าทุกคน


“ทานแล้วนะครับ” จัตวาอารมณ์ดี เมื่อเห็นของกินตรงหน้า ก็รีบลงมือก่อนใครเพื่อน เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วใครจะไปอดยิ้มไหว แม้แต่เฟรมโต้เองที่ก้มหน้าอมยิ้ม กลัวเจ้าตัวจะเห็นจะพาลโมโหเอา

แม้จะเป็นอาหารธรรมดา แต่รูปลักษณ์อาหารน่ารับประทานและกลิ่นหอมยั่วยวนใจเป็นอย่างมาก อาจจะด้วยความหิวหรือความเหนื่อยจากการออกกำลังกาย มันทำให้จัตวาเอร็ดอร่อยกว่ามื้อไหนๆเป็นพิเศษเลยทีเดียว





จนแล้วจนรอด ก็ถึงเวลากลับ  ร่ำลากันเรียบร้อย จัตวาแยกกับเฟรมโต้ตรงร้านอาหารของโตเกียว พอถึงคอนโด ไม้ตรีได้ตั้งคำถามเอาไว้ในใจแล้ว 

“ไปเจอกันที่สวนสาธารณะหรอ?”

“ใช่ครับพี่ไม้ตรี เขาก็...มาขอโทษอ่ะ แต่วาไม่ติดใจอะไรแล้วนะ ”

“หรอ อืม...แล้ว วาไปเรียนเกือบสัปดาห์แล้ว โอเคไหม”

“ก็โอเคนะครับ เนื้อหาก็ยังไม่ยากอะไร ส่วนใหญ่ก็มีแต่กิจกรรมอ่ะ เบื่อชะมัด”

“ไม่ใช่ครับ พี่หมายถึง มีคนมาขอจีบอะไรทำนองนี้ไหม? ”

“หืม ไม่มีใครมาจีบวาหรอกครับ ถึงมี  วาก็ไม่สนใจหรอก”

“เด็กน้อยยยย”

“โถ่พี่ไม้ตรี  วาไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ”

“วาคือน้องเล็กในสายตาพี่เสมอนั่นแหละ”

“ไม่พูดกับพี่ละ ไปอาบน้ำก่อนนะครับเหนียวตัวจะแย่แล้ว”

“จริงสิ พี่ลืมบอก วันศุกร์หน้าพี่จะมารับกลับบ้านคุณพ่อคุณแม่นะ ”

“หืม? ปกติต้องไปที่บ้านคุณปู่ไม่ใช่หรอครับ ทำไมรอบนี้ไปบ้านคุณพ่อคุณแม่...”


อัศวะเหมินทร์ บริวเณบ้านมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่นั่นจะมีบ้านทั้งหมดสามหลัง ถ้าขับรถเข้าสู่รั้วเคหาสถ์ หลังแรกที่ปรากฏ เป็นบ้านของ ยศปราการ  ลุงของจัตวา  หลังถัดมาคือบ้านของ ยุกต์ไชยัน พ่อของจัตวาเอง ถัดเข้ามาอีกหลังสุดท้าย ใหญ่สุดและขลังเก่าแก่ที่สุดของที่นี่ คือที่พักของ ตุลาการ ปู่ของเขานั่นเอง


“เพราะว่า พี่ไม้โทจะกลับจากมาออสเตรเลียแล้ว” ไม้ตรีพูดเพียงเท่านี้ น้องเล็กสุดกลับดีใจออกหน้าออกตา

“จริงหรอครับ!”   

จัตวาดีใจที่สุด  เพราะในบรรดาพี่ชายทั้งสามคน ไม้โทคือคนที่เอาใจใส่ตามใจจัตวาที่สุดแล้ว พี่ชายของเขาคนนี้ หล่อมาดเข้ม เท่ห์ อันที่จริงเป็นคนผิวขาวเหมือนพี่น้องทั้งหมด แต่เขาชอบท่องเที่ยวธรรมชาติ ตากแดดบ่อยจนผิวกลายเป็นสีแทน   

อย่างคราวนี้ที่ไม้โทไปรัฐควีนส์แลนด์ ของประเทศออสเตรเลีย เพื่อต้องการไปดำน้ำดูแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Great Barrier reef นั่นเอง


“ดีใจมากขนาดนี้ พี่งอนแล้วนะ” ไม้ตรีแสร้งงอน จนจัตวาต้องโผกระโดดเข้ากอด

“วาก็รักพี่ไม้ตรีนะครับ พี่ไม้ตรีดูแลวาขนาดนี้ ไม่รักได้ไง”

“แล้วพี่ไม้โทกับพี่่ รักใครมากกว่า”

“รักทั้งสามคนนั่นแหละน่า....พี่ไม้เอกด้วย ”

ฟอดดดดดด

จัตวาไม่ว่าเปล่า  เข้าหอมแก้มขวาพี่ชายเสียเต็มแรง ไม้ตรีจะแสร้งงอนต่อคงไม่ไหวแล้ว  รอบนี้เขาเผลอดีใจและยิ้มออกมาอย่างอิ่มเอม พลางเอามือลูบหัวน้องชายด้วยความรักและเอ็นดู



อยากให้ถึงวันศุกร์หน้าเร็วๆแล้วสิ...พี่ไม้โท  วาคิดถึงพี่จังเลย






โปรดติดตามตอนต่อไป...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2022 21:56:38 โดย วริทธิ์ »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 4



เท้าความกลับไป เมื่อครั้งสะใภ้เล็กแห่งอัศวะเหมินทร์ตั้งครรภ์แรก วรรณปรียา มารดาของบรรดาหนุ่มๆทั้งสี่ คิดหนัก ในการคัดสรรค์ชื่อเสียงเรียงนามแก่ลูก จนท้ายที่สุด ยุกต์ไชยันสามีของเธอ ได้เกิดแนวคิดใช้ชื่อลำลองทั้งสองคน  ผนวกเข้าด้วยกันแปรผันเป็นคำว่า วรรณยุกต์  โดยผู้เป็นสามีให้เกียรติชื่อภรรยาขึ้นก่อน 


ผลพลอยได้คนแรก คือลูกชายคนแรก ชื่อ ไม้เอก ไปโดยปริยาย ส่วนชื่อจริง ตุลาการ ผู้มีศักดิ์เป็นปู่ ได้ขอไว้ตามความตั้งใจแรก คือชื่อ ธิบดิ์ภวิน 


จนเวลาล่วงเลยผ่านไป 14 ปี พวกเขาก็ทยอยสร้างทายาทคนแล้วคนเล่า จนลูกคนสุดท้ายที่ ยุกต์ไชยันกับวรรณปรียา ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด นั่นก็คือ จัตวา ชนัสถ์นันท์ คนดื้อแห่งตระกูล นั่นเอง





ในที่สุดเย็นวันศุกร์ที่ทุกคนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จัตวา น้องเล็กท่าทีลุกลี้ลุกลน ดีใจจนก้นนั่งไม่ติดพื้นโซฟา  อยากเจอใบหน้าพี่รองจนใจร้อนรุ่่มไปหมด ต่อให้วีดีโอคอลผ่านเทคโนโลยีสักเพียงใด ก็ไม่อาจสู้ได้เห็นตัวจริง เอื้อมมือสัมผัสถึงเรือนกาย แตะเนื้อต้องตัวได้

“จัตวา นั่งก่อน ไม้โทเพิ่งโทรบอกเมื่อกี๊ว่าอีก สิบนาทีถึงบ้าน” เป็นไม้เอกที่พูดขึ้้น 

“ครับ”

เจ้าตัวแสบเสียงอ้อยอิ่ง เชื่อฟังอย่างว่าง่ายแม้ในใจอยากจะขัดขืนเต็มประดา  จะไม่ให้ทำตามได้ยังไงในเมื่อคนบอกคือ พี่ใหญ่ของเขาที่แสนสุดจะเคี่ยวเข็นเป็นไหนๆ

“วาเขาตื่นเต้นก็ไม่แปลก พี่ชายสุดที่รักกำลังจะกลับมาทั้งที แบบนี้ พี่กับพี่ไม้เอกคงตกกระป๋องแล้วสิ”

ไม้ตรีแสร้งพูดประชด แต่สีหน้าและรอยยิ้มที่แสดงออกมา ไม่ได้ทำให้จัตวารู้สึกผิดใดๆ  แต่ถ้าไม่โกหกใจตัวเองแล้ว ต้องยอมรับเลยว่า เขารักพี่ไม้โทมากกว่าพี่ๆคนอื่นเกินมาเล็กน้อยเลยทีเดียว



ครืนนนนนนน



“รถ! เสียงรถ  รถพี่ไม้โทแน่ๆ วาออกไปรับพี่ไม้โทนะครับ” น้ำเสียงร่าเริง ท่าทางกุลีกุจอนั้นหันไปบอกไม้เอก ราวกับกำลังขออนุญาต  แล้วแบบนี้พี่ใหญ่อย่างเขาจะค้านไหวหรอ ได้แต่ก้มหน้าอ่านหนังสือเล่มโปรด พร้อมทำมือปัดบอกเบาๆ ให้ไปได้ 


“เย้”  จัตวาดีใจออกนอกหน้า รีบวิ่งออกประตูบ้าน แล้วมุ่งตรงไปที่โรงจอดรถ


เสียงเครื่องยนต์กำลังดับลง เป็นเวลาพอเหมาะกับเสียงตะโกนเรียกชื่อเจ้าของรถอย่างดีใจ  แค่ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วนั้น  ชายหนุ่มผู้มาเยือนก็ต้องฉีกยิ้มกว้าง พร้อมทั้งเปิดประตูก้าวขาลงจากรถ


“พี่ไม้โทววววว พี่ไม้โทววว กลับมาแล้ววว”

เจ้าตัวแสบที่ไม้โทรักสุดหัวใจ กำลังอ้าแขนวิ่งร่าใกล้เข้ามา  จนกระทั่งสุดท้าย ก็....


หมับบบบบ

จัตวากระโดดเข้ากอดพี่รองทั้งกาย พร้อมกอดรัดแน่น จนไม้โทแน่นไปทั้งตัว

“โอ้ย  ไอ้ตัวแสบ  นี่กอดหรือจะรัดพี่ให้ตายครับเนี่ย”


ฟอดดดดดดด


ไม้โทอาศัยจังหวะนี้ ก้มลงไปหอมแก้มลิงน้อยให้เต็มปอด

“ฮ่าๆๆ  ได้หอมแก้มหนึ่งที หายเหนื่อยแล้วเรา”  เขาพูดกับตัวเอง อันที่จริงเขาเหนื่อยจากการเดินทางจริงๆนั่นแหละ 

“ของฝากล่ะครับ ” 

ยังไม่ทันไร เจ้าตัวแสบก็เอ่ยถามหาของฝากเสียแล้ว ดีนะที่เขารอบคอบซื้อเอาไว้แล้ว ไม่อย่างนั้น จัตวาคงไม่ยอมหยุดสงครามง้องอนแค่นี้แน่

“อยู่ในกระเป๋าเดินทางของพี่แล้วครับ  ไม่ต้องห่วง ” ไม้โทเอามือขยี้ศีรษะน้องชายอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู   จัตวายืนมองสำรวจพี่ชายตัวเองครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยทักท้วงขึ้น

“ไปคราวนี้ ตัวดำขึ้นกว่าเดิมนะครับเนี่ย  แต่ถึงอย่างนั้นก็บดบังความหล่อพี่ไม้โทไม่ได้อยู่แล้วครับ”

“เฮ้อ  ชมพี่ไม้โทเกินจริงไปรึเปล่าครับ ยังไงซะความหล่อที่แท้จริงต้องเป็นพี่ไม้ตรีสิครับ  เจ้าตัวแสบ”


ไม้ตรีเดินตามหลังมาร่วมบทสนทนา  เขาไม่ได้อยากเอาชนะใดๆ เพราะรู้ดีกว่าในเรื่องของหน้าตาสี่พี่น้อง ไม้โท คือคนที่หล่อสมชายชาตรีที่สุด ด้วยผิวสีแทน ทรงผมสกินเฮดเปิดข้าง แถมยังทำรอยบากที่คิ้วซ้ายนั่นอีก จะว่าไปพี่รองคนนี้ ไม่คิดจะหยุดความหล่อเลยหรืออย่างไรกัน 

“ไง ไอ้ตรี พ่อกับแม่อยู่มั๊ยวะ”

“แหม กับน้องคนนี้พูดอ่อนหวานเหมือนจัตวาไม่ได้หรอครับ” ไม้ตรีอดไม่ได้ที่จะแซะพี่ชายเบาๆ 

“ก่อนจะได้คำพูดหวานๆ จะได้หน้าแข้งพี่ก่อนนะครับ น้องตรี” ไม้โทไม่ว่าเปล่าพลางทำท่าทางออกมาด้วย

“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวววววพี่ ผมล้อเล่น  พ่อกับแม่ยังไม่กลับ แต่เย็นนี้นัดไว้แล้ว ยังไงก็มาร่วมมื้อค่ำแน่นอนครับ”

“สรุปกินเลี้ยงที่บ้านเราใช่ไหม พี่จะไปรับคุณปู่มากินข้าวด้วย ”

“อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ คุณปู่ทราบแล้วว่าวันนี้พี่กลับมา  พี่ไม้เอกจะไปรับท่านเองที่บ้าน  พี่ไปอาบน้ำเตรียมตัวเถอะ ส่วนข้าวของพวกนี้ ผมจะให้หลานชายป้าอุ่นเรือนมายกเอาที่รถ”

“หลานชาย?”

ไม้โท คิ้วขมวด เพราะไม่ยักจะรู้ว่าป้าอุ่นเรือนมีหลานชายด้วย  หรือว่าการที่เขาไปออกทัวร์ออสเตรเลียครั้งนี้จะนานเกินไป จนอะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างนั้นหรือ? ไม่หรอกมั้ง แค่หนึ่งเดือนเท่านั้นเอง

แต่อันที่จริง จัตวาเองก็ไม่รู้มาก่อน เพราะไม่ค่อยได้มาบ้านพ่อกับแม่เท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่จะพักที่บนบ้านใหญ่กับคุณปู่ของเขา เพราะเคยชินตั้งแต่ยังเด็ก จัตวาจึงผูกพันกับ ตุลาการ มาก

“ใช่ครับ  เพิ่งจะมาอยู่ได้สองสัปดาห์ พอดีจบมอหก แล้วไม่ได้เรียนต่อครับ ป้าอุ่นเรือนเลยขอคุณพ่อคุณแม่ ให้รับหลานชายมาทำงานที่นี่  เห็นว่าชื่อ...."

“โอเค คนนั้นสินะ”

ไม้โทฟังคำอธิบายไม้ตรีไม่ทันจบ  ก็ปรากฏร่างเด็กหนุ่มวัยพอๆกับจัตวา กำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา การแต่งตัว แทบไม่ต้องบรรยายให้มากความ ราวกับเด็กหนุ่มชนบทที่สวมชุดลำลองทั่วไป ด้วยเสื้อยืดสีโอรสไร้ลวดลาย กับกางเกงบอลสีขาวขาสั้น พร้อมรองเท้าคีบแตะ ที่ผ่านการใช้งานมาเนิ่นนาน   


แต่สิ่งหนึ่งที่เตะตา ชรินทร์วรัช ทำให้เสื้อผ้าเหล่านี้ถูกลดความสำคัญลงไปในสายตาเขาก็คือ ใบหน้าครึ่งวงรี ที่น่ารักเกินกว่าจะใช้คำว่าหล่อได้  อีกทั้งผิวที่ขาวสะอาดของเด็กหนุ่มคนนั้น นั่นต่างหากที่กำลังสะกดเขา   


“สวัสดีครับ ผมมารับกระเป๋าสำภาระคุณไม้โท ไม้ทราบว่าใบไหนบ้างครับ”

เด็กหนุ่มทักทายด้วยความสุภาพ  พร้อมรอยยิ้มที่มองเห็นฟันเรียงสวยงาม ตรึงสายตาชายผิวแทนร่างสูงไปชั่วขณะ จนลืมตอบคำถามคนตรงหน้าไป

“พี่ พี่โทครับ พี่โท....” มือเรียวขาวที่ยืนข้างๆ กำลังสะกิดให้เขาตื่นจากภวังค์

“หะ อ้อ กระเป๋าใช่ไหม หลังรถเลย ตามมาสิ”

ไม้โทแก้เก้อ ด้วยการรีบตรงไปเปิดท้ายรถ  ทันทีที่สำภาระปรากฏต่อสายตา จัตวาและไม้ตรีมองหน้ากันไปมา  พลางคิดไปว่าจะดีกว่านี้ไหมหากเปลี่ยนคนมาถือกระเป๋าเดินทางใหญ่สองสามใบนี้เป็นคนสวนที่ตัวใหญ่สักหน่อย ไม่ใช่กับ....หลานชายของป้าอุ่นเรือนคนนี้

“จะไหวมั้ยเนี่ย ตัวนายพอๆกระเป๋าเลยนะ” จัตวาหันไปถามความคิดเห็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน

“ไหวครับ ผมยกได้” เจ้าตัวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  เมื่อเห็นเช่นนั้น บรรดาหนุ่มๆอัศวะเหมินทร์ก็ปลีกตัวเดินเข้าบ้าน  ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำงานนั้นอย่างเต็มที่   

ระหว่างเดินไปยังตัวบ้าน ชรินทร์วรัช หันกลับไปมองอีกคนเป็นระยะ พร้อมเอ่ยความคิดเห็น

“อันที่จริงพี่ว่า ให้คนสวนซักคนมาช่วยหมอนั่นยกก็ดีนะ ตัวเล็กอย่างกับลูกหมา” ไม้โทพูดราวกับเป็นห่วง แต่ไม่ใช่เสียทั้งหมด เขาเป็นห่วงสำภาระข้างในกระเป๋าด้วยต่างหาก บางชิ้นเป็นเซรามิก ถ้าตกแตกเสียหายจะทำยังไง 

“เอาน่าพี่โท  เจ้าตัวเขาบอกไหว ก็คือไหว เข้าบ้านกันเถอะ”

“ไปว่าเขาลูกหมา แล้ววาจะไม่ใช่ลูกแมวเลยหรอครับ” จัตวาตั้งคำถามเชิงหยอกล้อ

“ไม่เหมือนกันสิครับเจ้าตัวแสบ เราน่ะมันต้าวน่ารักของพี่ไม้โทต่างหาก หื้มมม  หมั่นเขี้ยว วันนี้ไปนอนกับพี่นะครับ”

“ได้เสมอครับ ” จัตวาไม่ว่าเปล่าเดินเข้าไปควงแขนพี่ชาย  มีเพียงสายตาไม้ตรีที่มองตามหลัง ยิ้มปนหมั่นไส้ความแน่นแฟ้นพี่น้องคู่นี้เสียจริง

 



บรรยากาศงานเลี้ยงขนาดย่อม จัดขึ้นในห้องโถงสำหรับรับประทานอาหาร อาหารมื้อนี้ไม่ได้พิเศษอะไรมากไปกว่าทุกวัน เพียงแต่...วันนี้เป็นวันที่ตระกูลอัศวะเหมินทร์อยู่กันพร้อมหน้าหน้าตาในรอบหลายเดือน 

ตุลาการใส่ชุดลำลองแขนยาวสีขาว กับกางเกงสีดำนั่งอยู่หัวโต๊ะตำแหน่งประมุขของบ้าน  ขวามือเป็นยศปราการ กับ พิมานทิพย์ สะใภ้ใหญ่ พร้อมทั้ง  วิกาญวริน ลูกสาวคนเดียวของพวกเขา ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับ ชรินทร์วรัช

พิมานทิพย์ มีปัญหาตั้งครรภ์ยาก และการตั้งครรภ์ลูกสาวคนนี้ของเธอ นำพามาซึ่งปัญหาสุขภาพมากมาย จนต้องตัดความตั้งใจที่จะมีบุตรคนต่อไป 

แม้ว่าโดยทั่วไป ผลประโยชน์ทางธุรกิจแห่งตระกูลมักพบเจอและเห็นได้บ่อยครั้งไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในละครหลังข่าว แต่กับอัศวะเหมินทร์จะไม่เกิดปัญหาเช่นนั้น เนื่องจากตุลาการ ชี้ชัดในเรื่องมรดกในพินัยกรรม ทั้งยศปราการ และ ยุกต์ไชยัน จะได้รับส่วนต่างนี้เท่ากัน ส่วนหลานๆทุกคนก็จะได้รับทรัพย์สินเท่ากันด้วย 

จะมีก็เพียงแต่ จัตวา ที่เหมือนจะได้บางอย่างที่ต่างออกไปเล็กน้อย  ซึ่งตัวของตุลาการเอง ไม่อาจคาดการณ์ได้หากวันหนึ่งเขาถึงบั้นปลายชีวิต ในส่วนนี้ของจัตวาที่จะได้รับ ครอบครัวของยศปราการจะเข้าใจหรือไม่ 

แต่นั่น มันคือเรื่องอนาคต...ไม่อยากคิดอะไรให้ปวดหัว  เขาพยายามทำทุกอย่างให้เที่ยงตรง แต่บนโลกใบนี้มีใครบ้างเล่า ที่การันตีว่าตราชั่งในใจตนนั้นจะไม่เอนเอียง   

ทางด้านฝั่งซ้ายมือของตุลาการ คือครอบครัวของยุต์ไชยัน พร้อมทั้งวรรณปรียา  แล้วไล่จากความอาวุโส ไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี  จะมีก็แต่จัตวาที่นั่งติดกับตุลาการบนหัวโต๊ะ คอยตักอาหารให้ตามปกติ 


“ปู่อิ่มแล้วจัตวา ” ตุลาการพูดปรามขึ้นด้วยความสุขใจ เมื่อเห็นหลานรักกำลังจะตักหมูเด้งในแกงจืดให้อีก

“คุณปู่ทานน้อยจังครับ อาหารมีตั้งเยอะ ปลานิลราดพริกคุณปู่ก็ยังไม่ทานเลยนะครับ  ”

“นั่นสิครับคุณปู่ ทานอีกหน่อยนะครับ” ไม้โทชักชวนอีกเสียง แต่คนชราไม่ไหวแล้วจริงๆ ช่วงนี้ไม่เจริญอาหารสักเท่าไหร่

“เอาเถอะๆ ปู่อิ่มแล้วจริงๆ    ว่าแต่เราเถอะ ไม้โท  ไปเที่ยวคราวนี้คงไม่ได้พาแหม่มคนไหนกลับมาบ้านด้วยหรอกนะ"

“อันที่จริงก็อยากพากลับมาอยู่ครับคุณปู่”

“หืม? ฮ่าๆๆๆ”

เสียงหัวเราะของทุกคน ประสานออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน มันคือห้วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในรอบหลายเดือนเลยทีเดียว

“อย่าให้น้อยหน้าไม้เอกล่ะ ได้ข่าวว่ามีคนคุยแล้วนี่ ใช่ไหม” ยศปราการชวนหลานคนโตคุย เมื่อเห็นนั่งนิ่งไม่ร่วมเฮฮากับใคร 

“ก็ยังทรงๆอยู่ครับ ความใกล้ชิดไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่น้อยลงครับลุงยศ” ไม้เอกเปรยบอก ก่อนจะตักอาหารจานถัดไป 

“แล้ววาล่ะจ้ะ ไปเรียนปี 1 ที่มหาลัย ราบรื่นดีไหม” พิมานทิพย์ป้าสะใภ้ ชวนจัตวาพูดคุย

“วิชาเรียนก็สนุกดีครับป้าทิพย์  แล้วก็...มีเพื่อนสนิทคนนึง เขาดีมากๆเลยครับ ”

“เพื่อนสนิทหรอลูก” ตุลาการฉงนใจเล็กน้อย ปกติ จัตวาไม่ค่อยสุงสิงกับใครที่ไม่รู้จักมาก่อน การมีเพื่อนที่กล้าเอ่ยปากว่า สนิท นั้น มันน่าแปลกใจไม่น้อย  เด็กคนนั้นคือใคร จัตวาถึงได้ให้ความสำคัญมากขนาดนี้

“ใช่ครับคุณปู่  เขาชื่อโตเกียวครับ”

“โห ชื่อเมืองหลวงญี่ปุ่นเลยหรือ”

“ไม่ใช่ครับ วาเคยถามแล้ว เพื่อนบอกว่าชื่อนี้ มาจากขนมโตเกียวครับ”

“เอ้าหรอ  แล้วที่บ้านเขาทำงานอะไรล่ะลูก” ตุลาการถามต่อด้วยความสนใจ

“ขายข้าวแกงครับ อร่อยมากๆเลยครับคุณปู่ วันหลังวาจะซื้อกลับมาบ้านให้คุณปู่ลองชิมนะครับ”

อะไรนะ! ขายข้าวแกง เจ้าวานี่..(จิ).ไปรู้จักกับคนแบบนั้นได้ยังไง”

ทันทีที่ตุลาการเปล่งเสียงดุดัน ท่ามกลางโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ เสียงบทสนทนาคนอื่นๆจึงหงุดชะงักไป ความเงียบเริ่มปกคลุมเข้ามาแทน   

สายตาทุกดวงจับจ้องไปที่ตุลาการและจัตวา สลับกันไปมา  หลานชายคนเล็กตอนนี้ก้มหน้าก้มตา ตกใจกับท่าทีของปู่ตัวเอง  พลางนึกคิดบางอย่างออก เขาเผลอตัวไปหน่อย ลืมคิดไปว่าปู่ของเขา คาดหวังให้เขามีชีวิตที่ดี มีเพื่อน คนรอบข้างดีๆ แต่เห็นที คำว่า ดี ของเขากับคุณปู่ คงแตกต่างกัน 

เพิ่งจะเข้าใจวันนี้ ว่าสิ่งที่ตุลาการสอนสั่งให้จดจำมาตลอด คือการคบคนมีฐานะเท่านั้น ถึงจะเรียกว่า ดี อย่างนั้นหรือ?

“เอ่อ...คุณพ่อครับ อย่าเพิ่งดุเจ้าวาเลยนะครับ ลองฟังเหตุผลก่อน ผมว่าเขามีเหตุผล”  ยุกต์ไชยันผู้เป็นพ่อ รวบรวมความกล้าออกโรงปกป้องลูก

“มีอะไรจะบอกปู่ไหม จัตวา” ตุลาการผ่อนปรนน้ำเสียงลง

“วา...วามั่นใจครับว่า โตเกียวคือคนดีคนนึง วาเข้าใจเจตนาคุณปู่ดีครับ แต่ไม่ใช่ว่าคนร่ำรวยทุกคนจะเป็นคนดี และคนยากจนจะเป็นคนไม่ดีเสมอไป ”

“จัตวา ระวังคำพูดด้วย” เป็นไม้เอกที่ปรามน้องชาย เพียงเพราะเขากลัวว่าคุณปู่จะโกรธจัตวามากกว่าเดิม แล้วจะพาลทำโทษเพิ่ม

“วา ไม่ได้พูดอะไรผิด” จัตวาเสียงอ่อนพร้อมก้มหน้าลงไป ไม่ยอมสบสายตาใครเลย

“เอาเถอะๆ วันนี้วันดี ปู่ไม่อยากจะทำให้บรรยากาศดีๆแบบนี้เสียหมด ส่วนจัตวา...ถ้าว่างๆให้พา เจ้าเด็กโตเกียวนั่น มาให้ปู่รู้จักด้วย”

“คุณปู่...พูดจริงหรอครับ”

“จริงสิ ปู่จะตัดสินใจด้วยตัวของปู่เองว่า เพื่อนของวาคนนี้ เป็นคนดีจริงรึเปล่า”

“ขอบคุณครับ วารักคุณปู่ที่สุดเลย” เจ้าตัวแสบยิ้มออก พร้อมทั้งโผกอดตุลาการ  จากบรรยากาศชวนตึงเครียดก็กลับมารื่นเริงอีกครั้ง ทุกคนเริ่มผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด   

“เอาล่ะ ปู่ไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน คืนนี้วาจะนอนกับไม้โทใช่ไหม”

“ใช่ครับคุณปู่” ไม่ว่าเปล่าหันไปฉีกยิ้มกว้างให้พี่รองด้วยความดีใจ

“เดี๋ยวผมไปส่งนะครับคุณปู่”

ไม้เอกอาสาไปส่งตุลาการที่เรือนใหญ่  ซึ่งมันเป็นหน้าที่หนึ่งของเขาอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นหลานชายคนโต ทุกอย่างเขาต้องทำให้ปู่ของเขาเชื่อมั่นและพร้อมฝากฝังหน้าที่ที่สำคัญให้เขาจัดการได้ และที่น่ายินดีกับเขาก็คือ เขาไม่เคยทำให้ตุลาการผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่ว่า ธิบดิ์ภวิน ก็ต้องแลกกับความสุขในชีวิตบางอย่างของตัวเองไป เขาจึงกลายเป็นคนสุขุม รอบคอบ พูดน้อยทำอะไรใช้หลักการเป็นหลัก และที่สำคัญที่สุดต้องเป็นที่พึ่งให้แก่น้องๆและวงศ์ตระกูล





โปรดติดตามตอนต่อไป....
 

 

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 5



ห้ะ! ว่าไงนะ จะพาเราไปบ้านวาหรอ?”


เสียงอุทานพร้อมสีหน้าตกใจของโตเกียว เล่นเอาฟอร่าที่นั่งอยู่ด้วยนั้น สะดุ้งเล็กน้อย 


การไปบ้านเพื่อน มันคงไม่ได้แปลกมากนัก แต่ว่าชนัสถ์นันท์ ได้บอก ที่มาที่ไปก่อนหน้านี้หมดเปลือก โตเกียวไม่มีทางเลือกอื่นใด หากยังอยากเป็นเพื่อนสนิทของจัตวาเช่นเดิม เขาจะต้องไปแนะนำตัวกับ ตุลาการ ผู้เป็นใหญ่แห่ง อัศวะเหมินทร์


“ไม่ต้องกลัวคุณปู่เราหรอก ถึงท่านจะดุแต่ใจดีนะ”

“มั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์กันเชียว หื้ม?” จัตวาส่ายหน้าพร้อมตอบกลับเพื่อน

“เกินครึ่งละกัน”

“ห้ะ! นี่วากะจะให้เราขิตที่คฤหาสน์วาเลยใช่ไหม”

“ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอกโตเกียว เราคนนึงแหละที่เชื่อว่า คุณปู่ของจัตวาใจดี ท่านคงแค่อยากเห็นหน้าเพื่อนของหลานชายสุดที่รักก็เท่านั้นเอง ท่านจะไปทำร้ายโตเกียวทำไม”  ฟอร่าให้เหตุผล จนเจ้าตัวคิดตาม


นิ่งไปครู่หนึ่งโตเกียวเริ่มขอกำหนดนัดหมาย

“แล้ว?...จะให้เราไปตอนไหนวา” 

“เย็นนี้เลย”

“ห้ะ!...”

“พอแล้วโตเกียว จะอุทานว่า ห้ะ  แบบนี้กี่ครั้งกันเชียว” ฟอร่าเอ็ดขึ้น

“โทษที มันชินปากน่ะ  นี่วา  วันอื่นไม่ได้หรอ?”

“โตเกียวไม่ต้องกังวลหรอก ยิ่งผลัดวันไปนาน ยิ่งทำให้ความไว้วางใจของคุณปู่ลดลงนะ” จัตวาพยายามอธิบาย

“งั้นก็ได้ หวังว่าท่านจะเมตตาเรานะ”

“ทุกอย่างต้องออกมาดีแน่” จัตวาคว้ามือเพื่อนสนิทมากุมไว้ พลางให้กำลังใจ




“ทำอะไรกันอยู่หรอ”


เสียงทุ้มคุ้นหูดังแว่วมาตามสายลม  ดึงดูดให้ทั้งสามคนที่นั่งสนทนาอยู่ต้องหาต้นตอของเสียง โดยเฉพาะจัตวา 


ช่างเป็นน้ำเสียงที่คุ้นหูนัก


จะว่าไปเขาไม่ได้เจอรุ่นพี่คนนี้มาพักใหญ่แล้วสินะ วันนี้เขาตัดผมทรงใหม่ด้วย ทรงสกินเฮดอย่างนั้นหรอ? 

“พี่เฟรม  ทำไมมาได้ล่ะ ไม่มีเรียนแล้วหรอ” ฟอร่าถามพี่ชาย

“วันนี้พี่ไม่มีเรียนแล้วล่ะ แล้วนี่...ฟอร่ากับเพื่อนๆมีเรียนต่อไหม” เฟรมโต้  ถามน้องสาวแต่นัยน์ตามองไปยังจัตวา ที่ไม่แม้แต่จะสบตาเขา

“ไม่มีแล้วค่ะ พวกเราแค่นั่งเม้ามอยกันตามประสา”

“หรอ? พี่นั่งด้วยสิ”

“ไม่ดีมั้งพี่เฟรม” ฟอร่าปรายสายตาไปยังอีกคนที่นั่งหน้าหงิกหน้างอ ทำเป็นไม่สนใจ

“สงสัยยังคงโมโหพี่ไม่หาย จะทำยังไงดีน้า...”

“ใครโมโหอะไร พูดมากนักนะนายเนี่ย” สุดท้ายคนหน้ามุ่ยก็ไม่เก็บทรงอีกต่อไป

“ดุซะด้วยแฮะ  พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรวาเลยนะ พี่พูดลอยๆเองครับ”

“นี่นาย จะเอาใช่มั้ย!” จัตวาลุกพรวดขึ้นมาประจันหน้ากับรุ่นพี่ ถึงแม้จะสูงเพียงคางอีกฝ่ายก็ตาม

“ใจเย็นๆครับ พี่ล้อเล่น แหม พี่ไม่นั่งแล้ว ยังมีไปทำธุระกับเพื่อนต่ออีก”

“ก็ไปสิครับมาบอกผมทำไมไม่ทราบ หื้ม?” 

“เอ่อ....พี่เฟรมเพื่อนเรียกแล้วค่ะ” ฟอร่าดึงชายเสื้อเชิ้ตนักศีกษาพี่ชาย กระตุ้นให้เดินออกไปจากตรงนี้เร็วขึ้น

“โอเค  ไว้เจอกันที่บ้านนะฟอร่า พี่โฟร์คจะกลับมาวันนี้ด้วย รีบตามมานะ ห้ามกลับดึกรู้ไหม”


โฟร์คหรอ ชื่อนี้คุ้นหูพิลึก แต่ช่างเถอะ ไม่เห็นจะต้องอยากรู้เลย ตอนนี้จัตวาควรโฟกัสเรื่องของโตเกียวเสียมากกว่า 


ตอนนี้รุ่นพี่หน้าหล่อนั่นเดินจากไปแล้ว พอดีกับจังหวะที่พี่สามของจัตวาเดินเข้ามาหา


“พร้อมไหมเด็กๆ”

“พร้อมครับ” จัตวาตอบแทนเพื่อน สีหน้าโตเกียวดูไม่มั่นใจเลย

“แล้วเราล่ะฟอร่าไปด้วยกันไหม” ไม้ตรีถามเพื่อนผู้หญิงคนเดียวของน้องชาย

“อ้อ ไม่ดีกว่าค่ะ ฟอร่ามีนัดกับเพื่อนไว้ว่าจะไปช้อปปิ้งนิดหน่อย ค่อยกลับบ้าน วันนี้ต้องรีบกลับด้วย เดี๋ยวพี่โฟร์คจะรอค่ะ”

“อ้อ โฟร์คกลับมาวันนี้สินะ ไม่ได้เจอกันนานเลย ฝากบอกด้วยว่าพี่อยากเจอ”

“ได้เลยค่ะ  ไปก่อนนะคะพี่ไม้ตรี สวัสดีค่ะ”

“หวัดดีครับ ”

 


คฤหาสน์อัศวะเหมินทร์


“มาแล้วเหรอ”


ทุกคนเดินเข้ามาภายในห้องโถง คฤหาสน์ของตุลาการใหญ่สมกับอำนาจและความมั่งมีเหลือเกิน ในความงดงามของเฟอร์นิเจอร์และสภาพโดยรอบ กลับมีกลิ่นอายความน่ายำเกรงแฝงอยู่


ขณะนี้เจ้าของบ้านในวัยเจ็ดสิบปีเศษนั่งรออยู่ที่โซฟาไม้สักตัวใหญ่ลายมังกรแล้ว แววตาที่พร่ามัวแต่มีความสุขุมเยือกเย็นจดจ้องทุกส่วนบนเรือนกายเพื่อนหลานชายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า


ส่วนสูงมากกว่าชนัสถ์นันท์เล็กน้อย รูปร่างพอๆกัน แต่สีผิวอาจจะเข้มกว่าสักหน่อย ใบหน้าคมคาย ท่าทีดูเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ  โดยรวมไม่ได้มีพิษสงอะไร


ตุลาการเพ่งพิศเพียงครั้งเดียวก็สามารถบรรยายคุณลักษณะภายนอกของโตเกียวหมดจด ที่เหลือก็คงจะเป็นที่มารยาทและการเจรจาแล้ว

“คุณปู่ครับ วาพาเพื่อนสนิทมาพบครับ คนนี้แหละครับโตเกียว ”

“สะ..สวัสดีครับคุณท่าน” โตเกียวรู้สึกฝืนเกินไปหากต้องเรียกคนตรงหน้าว่าคุณปู่ เพราะเขากำลังรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

“เรียกฉันว่าคุณปู่สิ”

โตเกียวหันไปมองจัตวา เพื่อขอความเห็น แล้วก็พบกับรอยยิ้มพร้อมการพยักหน้าเบาๆให้ 

“ครับคุณปู่”

“มานั่งที่โซฟ้าสิ ยืนไกลขนาดนั้นฉันไม่มีแรงตะโกนหรอกนะ”

“ครับ”


หนุ่มน้อยทั้งสองคนพากันเดินเข้าไปนั่งข้างๆตุลาการ  โอกาสนี้ชายชราได้มองหน้าชัดๆของโตเกียวนับว่าไม่ใช่คนที่น่ากังวลอะไร ดูเจียมเนื้อเจียวตัว  ก็แค่เด็กวัยรุ่นทั่วไป ไมไ่ด้ทะเยอทยานหรือคิดอยากจะเกาะหลานชายเขาหวังร่ำรวยอะไร


“ไม่ต้องเกร็ง ฉันดูดุขนาดนั้นเลยหรอ หรือว่าหลานไปเล่าอะไรให้เพื่อนฟัง” 

“เปล่านะครับคุณปู่ วาพูดแค่ว่า คุณปู่ถึงจะดุไปบ้างแต่ก็ใจดี”

“ฮ่าๆๆๆๆ  เจ้าวา ไม่ต้องเล่าหมดก็ได้ น่าขำจริงๆ ใส่ร้ายปู่จนได้ ”


เสียงหัวเราะของชายชรา ทำให้สองคนคลายความตึงเครียดลงมากเสียทีเดียว น้ำชากำลังถูกยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะไม้ตรงหน้าพวกเขา อุ่นเรือนกำลังสอนงานเด็กใหม่ จดจำได้ว่าเป็นหลานชายของเธอที่เพิ่งได้เจอกันครั้งเดียวเมื่อวันที่ไม้โทกลับมาถึงบ้าน 


“สวัสดีครับป้าอุ่นเรือน”

“สวัสดีค่ะคุณหนูวา”

“เด็กใหม่คนนี้ หลานชายคุณป้าหรอครับ”

“ใช่ค่ะ ชื่อจอมใจ น่าจะอายุพอๆกับคุณหนูวานะคะ”

“อ้อ...ครับ เราชื่อจัตวานะ”


ชายหนุ่มยิ้มให้ จอมใจ เพื่อนใหม่ ถึงจะเป็นคนงานของอัศวเหมินทร์ แต่จัตวาไม่ถือตัวหรอก ดูท่าทางแล้วเด็กใหม่คนนี้ก็น่ารักดีนะ น่ารักกว่าเขาเสียอีก ถ้าไม่ติดที่ใส่เสื้อยืดเก่าตัวใหญ่โคร่งแบบนั้น คงจะปรับลุคเขาให้มีสง่าราศรีไม่น้อย


“ดูท่าทางเด็กสองคนจะสนิทกันได้ไม่ยากนะ จัตวาเขาอยู่บ้านกับฉันเพียงสองคน ถ้าวันไหนกลับมาจากมหาวิทยาลัย เธอก็มาเล่นกับจัตวาสิจะได้ไม่เหงา” ตุลาการหันไปชักชวนอนุญาตจอมใจ

“อุ้ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่าน ดิฉันเกรงใจค่ะ เดี๋ยวเจ้าจอมจะดื้อเผลอทำข้าวของเสียหาย ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย” อุ่นเรือนรีบคัดค้าน เธอรู้สึกว่าไม่เหมาะเสียเท่าไหร่

“ที่เธอพูดมาจริงหรือ ตั้งแต่เด็กคนนี้เข้ามาทำงานที่นี่ ฉันยังไม่เห็นจะทำอะไรเสียหายเลยนะ ” ตุลาการรับหน้าแทน

“แต่ว่าท่านคะ....”

“ไม่มีแต่ อะไรทั้งนั้นแล้วอุ่นเรือน อย่าเกรงใจให้มากความเลย เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ให้มีเพื่อนคุยเพื่อนเล่นน่ะดีแล้ว”

ถูกของตุลาการ จะว่าไปเด็กหนุ่มจอมใจคนนี้ดูไม่ค่อยจะมีความสุขเสียเท่าไหร่ ก็พอเข้าใจได้แหละอายุเพียงเท่านี้ก็ต้องมาทำหน้าที่เหล่านี้เสียแล้ว อนาคตยังอีกไกลแท้ๆเชียว จัตวาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว


“ป้าอุ่นเรือนครับ ได้ข่าวว่า จอมใจไม่ได้เรียนต่อหรือครับ ”

“ใช่ค่ะ พ่อแม่เจ้าจอมมันไม่มีเงิน ป้าเองก็ไม่มี อีกอย่างอายุยังน้อย ถ้าจะให้ออกไปหางานทำเองก็เป็นห่วงเอาค่ะ ป้าเลยอยากให้มาทำงานพิเศษกับป้าก่อน” 

ชนัสนันท์นิ่งไปสักครู่ใหญ่พลางนึกอะไรออก จอมใจดูๆไปแล้วเหมือนเด็กฉลาดแต่ขาดโอกาสทางทุนทรัพย์หากไม่ให้โอกาสเรียนต่อ คงน่าเสียดายแย่


“จอมใจ อยากเรียนไหม ไปเรียนมหาลัยกับเรา ” จัตวาชักชวน

“ได้หรอครับ” จอมใจตาลุกวาว จนอุ่นเรือนได้ปรามเอาไว้

“คุณปู่ครับ ให้จอมใจได้ต่อเรียนมหาลัยกับวานะครับ”

“ได้สิ แต่มีข้อแม้นะ ว่าถ้าเธอเรียนจบเธอต้องทำงานตอบแทนอัศวะเหมินทร์ และเป็นคนของที่นี่ตลอดไป ทำได้ไหม” ตุลาการยื่นข้อเสนอที่ถือว่าคนได้ฟังต้องใช้สติในการตัดสินใจ คิด ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ตอนนี้จอมใจกำลังชั่งน้ำหนักอย่างรอบคอบ

“คุณปู่ครับ มันไม่ผูกมัดไปหน่อยหรอครับ” ตุลาการเมินหลานรักแล้วกันไปมองจอมใจแทน

“ว่ายังไงหนุ่มน้อย สนใจไหม”

จอมใจ ก้มหน้านิ่งคิดไปพักใหญ่ ทำเอาทุกคนลุ้นตัวโก่ง โดยเฉพาะอุ่นเรือน และทันใดนั้นเองจอมใจก็เงยหน้าขึ้นสบตาชายชรา 

“ครับ ผมอยากเรียนครับ และผมขอรับใช้และเป็นคนของอัศวะเหมินทร์ตลอดไปครับ ”

“อื้ม เด็ดเดี่ยวดี แต่ทำไมนายถึงตอบตกลงง่ายจังล่ะ นายไม่ชอบอิสระหรือ?”

“ชอบครับ แต่ชีวิตของผมผ่านความลำบากมามากครับท่าน หากไม่ได้ข้อเสนอในวันนี้ ผมแทบไม่มีโอกาสได้รับสิ่งดีๆแบบนี้เลย  ผมอยากเรียนต่อ อีกทั้งบุญคุณของท่านที่มีต่อป้าอุ่นเรือน ทั้งคุณป้าและผมทราบซึ้งมาตลอด ผมยินดีทำงานเพื่อท่านตลอดชีวิตครับ”

“ฮ่าๆๆ ดี  ดีมาก นี่อุ่นเรือนคำพูดของหลานเธอช่างดีเหลือเกิน สมแล้วที่เป็นหลานของเธอ”

“ท่านชมเกินไปแล้วค่ะ ถือว่าเป็นความโชคดีของเจ้าจอมมัน”

“เอาล่ะ อยากเข้าคณะอะไรล่ะ?”

“ผมชอบเรียนชีววิทยาครับ โดยเฉพาะพืชพรรณต่างๆ แต่ผมไม่รู้ว่าต้องเรียนต่อยอดอะไรดี”

“อืม....งั้น นักพฤษศาสตร์ไหม” จัตวาเสนอแนวคิด คุณปู่มีคนรู้จักอยู่องค์กรนิเวศวิทยา เขาเคยไปที่นั่นเมื่อครั้งยังเด็ก ไม่แน่หากจอมใจเรียนจบก็ฝากฝังให้ทำงานที่นั่นได้ไม่ยาก 

“น่าสนใจ งั้นเอาตามนี้ ไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้จัตวาจะพาไปสมัครที่มหาลัย การเรียนการสอนเพิ่งจะเริ่ม ถ้าขยันหน่อยก็คงตามเนื้อหาบทเรียนทันคนอื่น” ตุลาการให้คำแนะนำ

“ขอบคุณนะครับท่าน”

“ไม่เป็นไรๆ ไปเตรียมตัวเถอะ วันนี้ปู่เหนื่อยแล้วอยากพักผ่อน  ส่วนเธอ...โตเกียว  ปู่พอจะดูออกว่าเธอเป็นคนดี  ต่อไปนี้ปู่จะไม่ขัดขวางอีก ฝากดูแลหลานชายช่วยปู่ด้วยนะ จะบอกให้ว่าจัตวาน่ะแสบใช่เล่น”

“ครับท่านปู่”

“ปู่คำเดียวก็พอ ”

“คะ..ครับคุณปู่”

“คุณปู่ล้อวาเล่นตลอดเลย วาดื้อที่ไหนกันครับ  นี่...จอมใจไปเก็บของนะ ถ้าเสร็จแล้ว ตามไปที่รถเรานะ ”

“ได้ครับคุณวา”

“งั้นวาพาเพื่อนไปที่รถแล้วนะครับ  สวัสดีครับคุณปู่ ”

“ลาแล้วนะครับ สวัสดีครับ”

จัตวาเดินนำหน้าโตเกียวออกจากห้องโถงไปด้วยรอยยิ้ม วันนี้ช่างมีแต่เรื่องดีๆเหลือเกิน   


เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากภายในตัวบ้าน ก็พบว่าไม้โทกับไม้ตรียืนรออยู่ด้านนอกแล้ว สีหน้าไม้ตรียิ้มแย้มยืนกอดอก  ส่วนไม้โทหน้านิ่วคิ้วขมวดแทบชิดติดกันแล้ว

“พี่ไม้โท พี่ไม้ตรี”

“กลับมาบ้านทำไมไม่โทรมาบอกพี่ล่ะครับ เจ้าตัวแสบ” ไม้โทเปิดฉากทันที  แบบนี้นี่เองสาเหตุที่มาที่ไปสีหน้าบึ้งตึงของพี่รอง

“วาขอโทษนะครับ ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะไม่บอก แต่กลัวว่าจะพาเพื่อนไปหาคุณปู่ช้า ไม่โกรธวาน้า....”

เจ้าตัวแสบของไม้โทไม่ว่าเปล่า เดินโผเข้าไปกอดพี่ชาย แล้วแบบนี้คนตัวสูงกว่าจะไม่ใจอ่อนได้อย่างไร

“เอาเถอะๆๆ พี่ไม่โกรธแล้วครับ แล้วนี่จะนอนที่บ้านไหม”

“คงไม่ได้นอนครับ จะกลับมหาลัยเลย”

“อ้าว ทำไมรีบจังล่ะ ไม่อยู่ทานข้าวมื้อค่ำก่อนหรอ”

“วามีการบ้านต้องทำอีกเยอะเลยครับ โตเกียวก็คงเหนื่ยอมากแล้วด้วย เอ้อ จริงสิ โตเกียว นี่พี่ไม้โทนะ พี่รองของเราเอง”

“สวัสดีครับพี่ไม้โท”

“เอ้อ หวัดดี ฝากดูแลน้องชายพี่ด้วย ถ้าใครทำให้วามีรอยข่วนแม้แต่ปลายเล็บนะ โทรมาบอกพี่เลยเข้าใจไหม อ่ะนี่ เบอร์พี่ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเมมไว้เร็ว”

“เอ่อ....พอๆ  พอเลยครับพี่ไม้โท เยอะไปไหมครับเนี่ย นี่เพื่อนวานะ ไม่ใช่บอดี้การ์ด"

“เออ จริงด้วย พี่ลืม ขอโทษนะโตเกียว”

“ไม่ต้องเลย พี่ไม้โทชอบเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย”

“ก็พี่เป็นห่วงวาอ่ะ อยู่ไกลหูไกลตาไม่สบายใจเลย  พี่ว่าพี่ไปพักที่คอนโดวาดีกว่า” ไม้โทยังดื้อดึง

“โหยไม่เอาหรอกครับ พี่ไม้โทเวลาไปเที่ยวก็ไปทีนึงสองสามเดือน ถ้าห่วงวาจริงจะไปนานๆ ไปบ่อยๆทำไมล่ะครับ"

“วา....นี่วา ว่าพี่หรอครับ” ไม้โทเสียงอ่อน

“พอเลยๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง  นี่...วาครับ พูดแรงไปรึเปล่า  ขอโทษพี่ไม้โทก่อนเร็ว ”

ไม้ตรีที่ยืนดูเหตุการณ์ใกล้ๆ รีบห้ามปรามก่อนที่อะไรแย่ๆจะเกิดขึ้น 

“ขอโทษนะครับ วาไม่ได้ตั้งใจ วาแค่น้อยใจพี่ไม้โทเฉยๆ  ดีกันนะครับ” จัตวาเดินเข้าไปกอดพี่ชาย โอบไว้จนแน่น แล้วซุกใบหน้าเข้ากับอกแกร่งของพี่ชาย แล้วแบบนี้ไม้โทจะโกรธอะไรได้อีก


เด็กคนนี้เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของไม้โท ไม่แปลกเลยที่เขาจะรักมากและหวงมากขนาดนี้ ถ้าหากมองให้แง่ดี  ชรินทร์วรัชคนนี้ คือพี่ชายที่สมบูรณ์แบบในโลกอุดมคติของใครหลายคนเลยทีเดียวเชียว





โปรดติดตามตอนต่อไป...



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 6



“เสร็จแล้วครับคุณจัตวา”


เสียงกระหืดกระหอบของจอมใจ ทำเอาจัตวาและโตเกียวเหนื่อยแทน หนุ่มน้อยตัวเพียงแค่นั้นกลับหิ้วกระเป๋าสำภาระกระเตงเต็มไหล่ทั้งสองข้าง ราวกับจะย้ายบ้านเสียอย่างนั้น 

“โห เอาไปเยอะจัง ไม่ต้องเอาไปหมดก็ได้ ขาดเหลืออะไรเดี๋ยวไปซื้อเพิ่ม” จัตวาเปรยบอกปนหัวเราะ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ” จอมใจยิ้มแก้เก้อ

“ไปกันเถอะนี่ก็จะทุ่มนึงแล้วนะ จอมใจจะได้จัดของสำภาระอีก จะได้นอนกันตอนไหน” ไม้ตรีพูดเสร็จรีบเดินไปยังประตูรถฝั่งคนขับ

“ไม่ให้พี่ไปจริงๆหรอวา” ไม้โทยังคงงอแงเหมือนเด็กไม่เลิกรา

“ไม่ได้หรอกครับ พี่ไม้ตรีดูแลวาคนเดียว วาก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนมาไหนแล้วครับ ถ้าเพิ่มพี่ไม้โทอีกคน วาต้องขาดอิสระภาพแน่ๆ ”

“เจ้าไม้ตรีนั่น ก็ทำตามคำสั่งพี่ใหญ่นั่นแหละ อย่าไปเคืองมันเลย ส่วนพี่ ไม่เคยตัดอิสระภาพวาเลยนะ พี่ตามใจวาทุกอย่างอยู่แล้ว ”

“โอเคครับ วาแซวเล่น  วาต้องไปแล้วนะพี่ไม้โท ” อ้อมแขนคนตัวเล็กกว่าโผลเข้าโอบกอดเรือนกาย่กำยำตรงหน้าแนบแน่น แม้แต่ไม้ตรีเองมองทะลุกระจกหน้ารถยังต้องหมั่นไส้ จนบีบแตรไปทีนึง


ปี๊ดดดดดดดดด


“เห้ย! ไอ้น้องเวร กอดนิดกอดหน่อย ทำหวงไปได้ ฝากไว้ก่อนเถอะ” ไม้โทหันไปมองค้อนน้องชายที่ยิ้มสู้ทำราวกับไม้รู้ไม่ชี้

“ครับ เดี๋ยวศุกร์หน้าวาจะกลับมาหานะ ”

“โอเคครับวา  ส่วนนาย ดูแลน้องชายพี่ด้วยนะ ” ไม้โทหันไปฝากฝังกับโตเกียว เล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหย่ง ด้วยน้ำเสียงที่พูดคุย ทั้งดุดันและขึงขัง ช่างแตกต่างกันลิบลับจากเมื่อครู่เหลือเกิน

“ได้ครับพี่ เชื่อใจได้เลยครับ"

“ดี ให้มันจริงเถอะ”


ท่ามกลางการบอกลา กลับปรากฏสายตาดุคมคู่หนึ่งมองไปยัง เด็กหนุ่มที่ชื่อจอมใจ จำเลยทำได้เพียงหลบให้พ้นการจดจ้อง  ดวงตาของเขาราวกับหวั่นเกรงและไม่กล้าสู้ตรงๆ แล้วรีบเดินตามหลังจัตวาไปที่รถยนต์


ชรินทร์วรัช กระทำท่าทีเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน...


ร่างสูงยืนมองรถยนต์ขับออกไป ทิ้งระยะห่างจวบจนกระทั่งพ้นสายตา เขาไม่ทันได้สังเกตว่า ตุลาการ ยืนดูอยู่ที่ประตูบ้าน ด้านหลังของเขามาพักใหญ่แล้ว 


“ให้เขามีชีวิตที่ดีเถอะ อย่าเหนี่ยวรั้งเลย” น้ำเสียงราบเรียบแต่กลับเสียดแทงหัวใจนั้นไม่ใช่เจาะจงใครอื่น แต่เป็นไม้โทเท่านั้น  เพราะเขายืนตรงนี้เพียงคนเดียว 


“คุณปู่พูดเรื่องอะไรหรอครับ”

“ไม้โท ฟังนะ ปู่เป็นปู่ของหลาน เลี้ยงมาแต่เด็ก เห็นมาแต่แรกคลอด ทำไมปู่จะไม่รู้”

ยิ่งพูดความยาวสาวความยืด หนุ่มผิวแทนยิ่งรู้สึกอยู่ไม่สุข ภายในใจเสมือนมีพายุหิมะถาโถมใส่ ความเย็นยะเยือกหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจ   


เขากำลังกลัว...กลัวว่าสิ่งที่เขาทำ จะอยู่ในสายตาของชายชราผู้นี้


“ผะ...ผม ผมของตัวก่อนนะครับคุณปู่”


ตุลาการพยักหน้า ไม่เหนี่ยวรั้งไว้แต่อย่างใด ทำได้เพียงยืนเอามือไขว้หลังมองหลานชายคนรองเดินจากไป  พร้อมทั้งลอบถอนหายใจออกมา  เขาคิดว่านี่คือทางออกเดียวที่จะทำได้ในตอนนี้แล้ว

“ฉันช่วยได้เท่านี้นะ อุ่นเรือน”

ทันทีที่พูดจบ ก็ปรากฏร่างของอุ่นเรือนเดินออกมาหาตุลาการอย่างเจียมตัว

“เพียงเท่านี้ก็เป็นพระคุณของดิฉันกับหลานแล้วค่ะคุณท่าน”

“อืม ช่วงนี้คงต้องให้ไม้โททำงานที่บริษัทมากขึ้น หากมีเวลาว่างมากเกินไป ก็จะพาลทำอะไรเสียหายตามมาไม่จบสิ้น”

อุ่นเรือนไม่กล้าที่จะออกความคิดเห็นใดๆ ได้แต่ยืนรับฟังการวางแผนของเจ้านายอยู่ข้างๆ  ถ้าจะให้พูดไปเรื่องของไม้โทกับจอมใจ  มันไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย

 





บ้านพิรุณหิรัญ



บ้านปูนกึ่งไม้ขนาดใหญ่สองชั้นครึ่ง ปลูกสร้างด้วยสไตล์ไทยโบราณผสานร่วมยุคสมัยใหม่ ในซอยแห่งนี้ ทุกคนรู้ดีว่าเป็นบ้านของตระกูลผู้ดีเก่า อีกทั้งเจ้าของเรือนที่อายุราวจะเจ็ดสิบปี ยังคงมีชีวิตอยู่  และที่สำคัญเธอ่ชื่นชอบและรักในการทำขนมไทย  การร้อยมาลัยยิ่งนัก   

วารีกัลยา คุณยายของบรรดาสามพี่น้อง แห่งพิรุณหิรัญ


ในศาลาริมบึงท้ายเรือน ดอกบัวหลวงกำลังบานรับแสงตะวันยามเช้า  เป็นสถานที่โปรดปราณของหญิงชราผู้นี้เลยทีเดียว  เธอบรรจงร้อยมาลัยมะลิ กลิ่นหอมฟุ้งของมวลดอกไม้ลอยไปเเตะจมูกหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาด้วยความร่าเริงสดใส 


“คุณยาย ดอกมะลิหอมมากเลยค่ะ”

“ตื่นแต่เช้าเชียวแม่บุบผาแก้ว มาๆ ยายเพิ่งจะเริ่มร้อยมาลัย มาร้อยต่อยายสิ มา”


จริงสิ เธอเกือบจะลืมชื่อนี้ไปเสียสนิท บุบผาแก้ว เป็นชื่อของเธอที่ วารีกัลยา คุณยายของเธอใช้เรียก ท่านชอบชื่อไทยๆ แต่ด้วยคุณพ่อของหญิงสาวนั้นเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ จึงตั้งให้เธอว่า ฟอร่า  แน่นอนว่าเธอชื่อจริงและชื่อเล่น คือคำเดียวกัน ช่างเก๋ไก๋อะไรขนาดนี้ จริงไหม?


แต่สุดท้าย คุณยายตกลงปลงใจสนับสนุนชื่อภาษาอังกฤษนี้หรือไม่ ต้องบอกเลยว่า ไม่ อย่างแน่นอน แม้เธอจะโตจนอายุจะครบ สิบเก้าปีแล้ว ชื่อ บุบผาแก้วยังคงถูกขนานนามดังเดิม เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณยายของเธอ 


“ไม่เอาหรอกค่ะคุณยาย ฟอร่าไม่ชอบทำอะไรแบบนี้ค่ะ ”

“ตายจริงแม่คนนี้ จะกี่ทีก็อิดออดตลอดเลยเชียว เป็นผู้หญิงต้องฝึกจับเข็ม จับดอกไม้เสียบ้าง”

“ก็จริงหนิคะ ฟอร่าว่ามันยากเกินไป อีกอย่างถ้าร้อยมาลัยจริงๆ ดอกมะลิดอกรัก เหล่านี้ เฉามือฟอร่าหมดแน่ๆเลยค่ะ”

“ดูพูดเข้า ไม่งามเอาเสียเลย ตื่นเช้ามาหายายแบบนี้มีธุระอะไรจะคุยกับยายอีกละสิ”

“ไม่เชิงค่ะ คือว่า ฟอร่าอยากรู้ว่า คุณยายมีความรักตั้งแต่เมื่อใดหรอคะ อุ้ย!!! ฟอร่าเจ็บค่ะ”

วารีกัลยาตกใจคำพูดหลานเล็กน้อย พร้อมใช้มือฟาดลงที่หน้าขาเบาๆ แต่ฟอร่าเธอเล่นละครใหญ่ไปหน่อย

“เป็นผู้หญิงยิงเรือ พูดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรแม่บุบผาแก้ว”

“คุณยายคะ  ยุคนี้ต้องเร็วนะคะ ผู้ชายเหลือน้อยแล้ว อีกอย่างฟอร่าพูดเรื่องนี้กับคุณยายสองต่อสอง ไม่น่าอายหรอกนะคะ”

“ยายยังไม่อยากให้มีหรอกนะ คนรู้ใจอะไรนั่น ยังเรียนอยู่เลยไม่ใช่หรือ”

“ถ้าแค่ชื่นชอบและเป็นเพื่อนคุยกันเฉยๆล่ะคะ”

“เฮ้อ แม่คนนี้นี่นะ สงสัยยายคงจะแก่เกินที่จะตามทันโลกสมัยใหม่เสียแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าให้เอิกเกริกเชียวนะหรือเกิดเรื่องอะไรไม่ดีเชียวนะ ไม่อย่างนั้นยายจะทำโทษเธอเสียให้เข็ด”

“ไม่เอิกเกริกแน่นอนเจ้าค่ะคุณยายอย่าได้กังวลนะคะ”

“แล้วเขาเป็นใครล่ะ”

“เพื่อนร่วมสาขาค่ะ เขาเป็นคนที่หน้าตาพอใช้ได้ ช่างพูดช่างจา ขยันและสู้ชีวิตสุดๆเลยค่ะ แต่ว่า...”

“แต่อะไร ว่ามาสิ”

“เขาไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรนะคะ ทางบ้านเปิดร้านขายข้าวแกงค่ะ”

“หืม...นึกว่าเรื่องอะไร ยายจะบอกให้นะ จริงๆแล้ว คนเราน่ะ ถ้าคิดจะดูใจกัน ก็ต้องตัดปัจจัยภายนอกทิ้งไปเสียให้เกลี้ยงนะหลานยาย จากนั้น ให้ใช้ใจนำทาง แล้วชีวิตเราจะมีความสุข สุขไหนก็ไม่เท่าสุขจากคนที่เรารักหรอก และรักเราหรอก จริงไหม”

วารีกัลยา นัยน์ตาเศร้าขึ้นมาทันที จนฟอร่าสังเกตเห็น 

“คุณยาย เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมดูแววตาเศร้าจังเลยคะ ”

“ไม่มีอะไรหรอก ไปทำธุระต่อเถอะ ยายขออยู่คนเดียวสักพักนะ”

“ไม่ให้ฟอร่าอยู่เป็นเพื่อนจริงๆหรอคะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ยายอยากอยู่คนเดียวมากกว่า” เธอยิ้มให้หลานสาว ก่อนจะละสายตาไปจดจ้องกับเข็มร้อยมาลัยในมือแทน


เมื่อยายของเธอไม่ได้พูดอะไรอีก ฟอร่าจึงตัดสินใจเดินออกมาจากศาลา เธอกำลังเป็นห่วงคุณยายและครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ช่างผิดสังเกตนัก คุณยายไม่เคยมีความโศกเศร้ามานานเพียงใด ตั้งแต่คุณตา สามีได้สิ้นใจไป 


“ไปคุยอะไรกับคุณยาย นานเชียว”


“อุ้ย!!! พี่โฟร์ค  มาไม่ให้ซุ่มเสียง ตกใจหมด”

ชายร่างสูง 185 เซนติเมตรยืนกอดอก มองดูน้องสาวของตนอย่างสงสัย แม้จะเป็นเวลาตื่นนอน แต่ทรงผมที่ยุ่งเหยิงก็ไม่อาจทำอะไรความหล่อของชายผู้นี้่ได้

“ขวัญอ่อนซะด้วย ว่ายังไง ไปคุยเรื่องอะไรกับคุณยายแต่เช้า”

“ไม่มีอะไร หืมมมม กลิ่นแอลกอฮอล์ยังหึ่งอยู่เลยพี่โฟร์ค ไปอาบน้ำก่อนมั้ย?”

“เอ้าหรอ  โทษทีเมื่อคืนดื่มจากปาร์ตี้หนักไปหน่อย เจอเพื่อนเก่าทั้งที กระดกไม่หยุด หึหึ”

“ไปอาบน้ำเถอะ จะอวกแล้วพี่โฟร์ค” น้องสาวยังคงยืนยันตามเดิม

“โอเคๆ แต่เมื่อคืนเสียดาย ไม่ได้ชวนไม้ตรีมาด้วย ไม่งั้นครบทีมแก๊งเดือนมหาลัยรุ่นของพี่เลย ฮ่าๆๆ”

“ถึงชวนมา  เขาก็ไม่มาหรอก เขาต้องพาเพื่อนน้องชายเขาไปหาท่านตุลาการที่บ้าน”

“เพื่อนของน้องชาย? แล้วก็ยังไปหาท่านตุลาการ....ชื่อคุ้นๆ  ใช่คุณปู่ของไม้ตรีปะ”

“ใช่ ขอตัวก่อนนะ”

“เดี๋ยวๆๆๆ เดี๋ยวก่อน เมื่อกี๊บอกว่า พาเพื่อนของน้องชายไปหา...ไม้ตรีมันมีน้องชายด้วยหรอวะ”

“มีสิ ก็รุ่นเดียวกับหนูเนี่ย คณะเดียวกัน สาขาเดียวกันเลย ชื่อ จัตวา”

“ไม้ตรี  จัตวา... นี่มันวรรยุกต์ครบเลยนะเนี่ย เอก โท ตรี จัตวา ฮ่าๆๆ”

“ได้คำตอบแล้วใช่ไหม หลีกทางด้วยค่ะ คุณพี่ชายยยยยย”

“เออๆ ไปเถอะ ”

ฟอร่าเดินผ่านไปแล้ว แต่โฟร์คซองยังคงติดอยู่กับความคิดของตนเอง เขายังไม่อยากเชื่อว่าไม้ตรีมีน้องชาย ถ้ามีจริงๆ อายุจะไม่ห่างกันแปดปีเลยหรือ?




ยามสายวันเดียวกัน ขณะที่ชายหนุ่มใบหน้าคม อาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพ ็กำลังจะเดินผ่านตู้ไม้สักสูงเพียงเอวบริเวณทางเดินในตัวบ้าน  สายตาเหลือบไปเห็นคุณยายของเขาถือพานสำริดที่มีพวงมาลัยมะลิสองพวงวางไว้  จนอดทักท้วงไม่ได้

“คุณยาย ร้อยมาลัยสวยจังเลยนะครับ”

“เอ้า ตาวุธ แต่งตัวหล่อขนาดนี้จะไปไหนลูก”

ศาตราวุธ  ชื่อนี้ก็เป็นหนึ่งในความประสงค์ของวารีกัลยา อยากตั้งให้ และเป็นชื่อแรกที่เธอภาคภูมิใจ อีกทั้งพ่อแม่ของหลานไม่ได้โต้แย้งใดๆอีก

“ออกไปพบเพื่อนน่ะครับคุณยาย”

“หืม เมื่อคืนก็สังสรรค์กันจนดึกแล้วนี่ ”

“ไม่เมาแล้วครับคุณยาย ผมยังไม่ได้เจอเพื่อนคนนึงเลยครับ ”

“คนไหนอีกล่ะ ยายเคยเห็นไหม?”

“ยังครับ เขาชื่อ ไม้ตรีครับคุณยาย เพื่อนสมัยผมเรียนอยู่มหาลัยครับ”

“หรอ ชื่อไพเราะดีนะ พ่อแม่ที่ตั้งให้ สร้างสรรค์ดีจริงเชียว”

“ทายาทตระกูล อัศวะเหมินทร์ ขนาดนั้นคงไม่พลาดตั้งชื่อให้ลูกๆหรอกครับคุณยาย ฮ่าๆ”


“อะไรนะ!”


วารีกัลยา น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตกใจ  เมื่อได้ยินนามสกุลนี้จากปากของหลานชาย ผ่านไปกี่ปีแล้วที่เธอแทบไม่ได้ยินหรือเอ่ยถึงนามสกุลนี้ แต่จู่ๆมาวันนี้ กลับปรากฏขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว


“คุณยายครับ  เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”

“มะ...ไม่เป็นไร ยายไม่เป็นไร ตาวุธ นามสกุลที่พูดเมื่อครู่ พูดอีกรอบได้ไหม”

“ได้ครับ  อัศวะเหมินทร์ครับ คุณยาย ”

“เป็นคุณ...คุณจริงๆ เป็นคุณ....คุณจริงๆด้วย”

วารีกัลยาพูดประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับคนตกอยู่ในภวังค์ พร้อมกับเดินจากโฟร์คซองไป สายตาของชายหนุ่มเป็นห่วงคุณยายของเขาเหลือเกิน วันนี้คุณยายของเขาท่าทีแปลกมากเสียจริง 


“หรือว่า...อัศวะเหมินทร์ มีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณยายอย่างงั้นหรอ?”

“พี่โฟร์ค  มองอะไรอยู่หรอพี่”

“ปะ...เปล่าเฟรม พี่ก็มองอะไรเรื่อยเปื่อยแหละ”

“แล้ววันนี้พี่จะออกไปข้างนอกหรอ แต่งตัวซะหล่อเชียวนะ นัดสาวไว้อีกอ่ะดี๊”

“พูดอะไรมั่วซั่ว พี่นัดเพื่อนที่ร้านอาหารเว้ย ”

“ใครอ่ะพี่ ผมรู้จักปะ?”

“ต้องรู้จักดิ ไอ้ไม้ตรีไง”

“อ้อ พี่ไม้ตรี เมื่อวานไม่เห็นในงานเลี้ยง  มิน่าพี่ถึงนัดนอกรอบ”

“ของมันแน่อยู่แล้วเว้ย กลับมาเมืองไทยทั้งที ไม่ได้เจอเพื่อนครบทุกคน ก็อย่าเรียกพี่ว่า โฟร์คซองร้อยเพื่อนเลยเว้ย”

“เอาที่สบายใจพี่เถอะ ไม่กวนละ ผมมีธุระ” เฟรมโต้ท่าทางกระตือรือร้นจนเขาอดทักท้วงน้องชายไม่ได้

“ว่าแต่พี่ แกก็เหมือนกันแหละน่าไอ้เฟรม แต่งตัวแบบนี้ไปเดทชัวร์ บอกพี่มาซะดีๆ”

“ไม่เชิงหรอกครับ แต่อีกเดี๋ยวเดียวก็คงสำเร็จละ” โฟร์คซองหรี่สายตามองน้องชายพร้อมอมยิ้ม

“ไอ้นี่มันร้าย เห้ยมั่นหน้าให้มันน้อยหน่อย ยังไงซะแกก็หล่อไม่สู้พี่หรอกไอ้น้อง”


ความโอ้อวดรูปลักษณ์หน้าตาของสองพี่น้องนี้ไม่เคยเปลี่ยน เพราะสุดท้ายแล้วสองคนนี้ต้องบอกว่าหล่อแพ็คคู่ แค่คนละสไตล์เท่านั้น ถ้าหากจะต้องเลือก แนะนำให้เลือกตามที่ผู้สนใจชื่นชอบจะดีกว่า ถึงจะเข้าข่ายได้พี่เสียดายน้อง ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทั้งพี่ทั้งน้องล่ะนะ  ไม่อย่างนั้นจะมานั่งเสียใจภายหลัง ก็คงไม่ทันการณ์แน่นอน





โปรดติดตามตอนต่อไป...



ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 7




จีบไม่ติด? 


จะทำอย่างไร ก็ไม่เคยสะสมแต้มใจให้แก่ ชนัสนันท์ เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย จนกระทั่งความสิ้นหวังเริ่มก่อตัว 


ศิลาโรจน์ นั่งกลัดกลุ้มใจในห้องเรียนตามลำพัง  ผ่านมาเกือบจะสองเดือนแล้ว การรุกจีบ รุ่นน้องอย่างจัตวา ช่างยากเย็นแสนเข็ญ ไม่ง่ายเอาเสียเลย


หรือว่าเขาควรหยุดเพียงเท่านี้...แต่นี่ไม่ใช่ความคิดที่เกิดขึ้นครั้งแรก บ่อยครั้งฟอร่าน้องสาวของเขาคอยให้กำลังใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ พร่ามบอกเสมอให้เขาเผื่อใจไว้เสียบ้าง


ไอ้เฟรม! กูก็นึกว่ามึงอยู่ไหน ไอ้ห่านี่ โทรหาก็ไม่รับ กูได้เดินตามหาเอา”

เสียงร้องทักที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีของเพื่อนสนิทที่สุดอย่าง ไอยเรศ หรือ แมมมอธ  กราดด่าพ่นใส่ราวกับลูกธนูนับสิบดอก

“จะตามหากูเพื่ออะไรวะไอ้มอธ” เขาตอบราวกับไม่สบอารมย์นัก

“เอ้า เย็นนี้เรามีนัดไปนั่งจิบชาร้านใหม่นะเว้ย ลืมแล้วหรอวะ”

จิบชาในที่นี้ ก็คือเหล้า ไวน์ ต่างๆ คำพูดสรรพนามเหล่านี้พวกเขารู้กันดีภายในกลุ่มเพื่อน

“ไม่ลืมโว้ย แต่ไม่มีอารมณ์จะแดก”

“เอ้า ไอ้นี่มาแปลก จะว่าไปมึงดูซึมๆนะเว้ยเพื่อน เป็นอะไรวะ? ปรึกษาหรือระบายกับกูได้นะเว้ย กูจะเป็นโถชะกโครกให้มึงชั่วคราวเลย”

“ไอ้ห่า!!  เห้อขี้เกียจต่อปากต่อคำกับมึงละ  กูไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวกูกลับเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน มึงมารับกูด้วย”

“ได้ ไม่มีปัญหา  แต่มึง....ถ้าคิดไม่ตกเรื่องน้องหน้าหวานคนนั้นน่ะ กูว่าเลิกเถอะเว้ย ถ้าเขามีใจให้มึง มึงไม่เหนื่อยขนาดนี้หรอก  คนอะไรสูงยาวเข่าดีแบบมึง เขาจะไม่สนใจ นอกเสียจากว่า  เขาไม่ได้ชอบมึงไงวะเพื่อน”


นี่ก็พูดตรงไป ไม่ถนอมน้ำใจกันเลย แมมมอธเอ้ย  อันที่จริงที่เพื่อนสนิทเขาพูดมาก็ใช่ว่าเขาเองจะไม่รับรู้ แต่การที่มันหลุดออกมาจากปากเพื่อนสนิทแบบนี้ มันสุดเกินจะทน


“ไอ้ห่ามอธ เดี๋ยวกูเหยียบโบกหน้าเลยไอ้ห่า” ไม่ว่าเปล่าเฟรมโต้ยกฝ่าเท้าขึ้นมาประกอบการพูดด้วย ดูท่าแล้วคงเอาจริงแน่

“เห้ยๆ ใจเย็นเพื่อน แหมพูดแทงใจดำนิดเดียวเองครับ คุณศิลาโรจน์ ใจร้อนจริงเว้ยเฮ้ย”

“กูไปละ รำคาญชิบหายเลยมึงเนี่ย”

“เอ้า...กูผิดหรอวะ ” 


แมมมอธ ทำสีหน้าเลิกลัก ที่จริงเขารู้ตัวดี แต่แสร้งพูดกับศิลาโรจน์ไปอย่างนั้น 


จะอย่างไรก็แล้วแต่ เขาจะลองดูอีกสักตั้ง ถ้าหากไม่มีอะไรคืบหน้า เขาเองก็คงพอ และพร้อมที่จะหยุด

 






ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง 


วันหยุดเช่นนี้  ถ้าไม่ติดว่าจะพา จอมใจ มาเปิดหูเปิดตาสักหน่อย จัตวาเองก็คงเลือกนอนที่บ้านจะดีกว่า อย่างน้อยก็ใช้ช่วงวันหยุดอันแสนสั้นนี้ ชดเชยเวลาชีวิตที่หมดไปกับความยุ่งเหยิงต่อการเรียนตลอดสัปดาห์

“จอมใจ เราพาออกมาเดินห้างทั้งทีทำไมไม่ใส่ชุดที่ซื้อให้บ้างล่ะ” จัตวาหันไปถามอีกคนที่สวมใส่ชุดลำลองสบายๆตัวเดิมซ้ำไปซ้ำมา ส่วนจอมใจเอง แม้จะสวมเสื้อผ้าเก่าไปบ้างแต่กลับใส่แล้วสบายใจกว่ามาก 

“ไม่ดีกว่าครับ ชุดที่คุณวาซื้อให้คราวก่อน ผมขอเก็บไว้ดีกว่า ”

“ระหว่างใส่จนเก่า กับเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าจนเก่า  จอมใจคิดว่าแบบไหนดีกว่ากัน”

ชายหนุ่มยิ้มร่า ทำทีพูดคุย แต่ที่จริงแล้ว เขากำลังกระตุ้นให้จอมใจคิดและตระหหนักตรงนี้ให้ดี 

“ก็ต้องใส่จนเก่าสิครับ”

“ใช่ไหม เพราะฉะนั้น วันนี้จะพาจอมใจไปซื้อชุดใหม่ แล้วก็ใส่วันนี้เลย”

“เอ่อ คุณวาครับ ผมเกรงใจไม่เป็นไรครับ คราวก่อนชุดนั้นก็เกือบห้าพันบาทแล้ว"

“อย่ามาห้ามเลยน่า ขนาดรู้ว่าแพง ก็ไม่ยอมเอามาใส่ ครั้งนี้จะซื้อให้จุกๆไปเลย ”

“จะดีหรอครับ เสื้อผ้าต้องซักก่อนค่อยใส่นะครับ ไม่งั้นคันตัวแน่ๆ” จอมใจพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดเพื่อหยุดจัตวา แม้จะไม่มีโอกาสห้ามได้สำเร็จเลยก็ตาม

“ดีสิ ถ้าเราว่าดี มันก็คือ...ดี!”

จัตวาคว้าจับแขนจอมใจได้ ก็พาลากเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่งที่อยู่ตรงหน้าพอดี  นัยน์ตาของจัตวาลุกวาว มีความสุขที่ได้เห็นเสื้อผ้ารุ่นใหม่ๆมากมายรายล้อมรอบตัว ส่วนจอมใจได้แต่ทำสีหน้าเคร่งเครียด เขาเกรงใจจัตวามากทีเดียว 

“เอาชุดนี้ไหม เหมาะกับนายนะจอมใจ” ว่าแล้วก็หยิบมาทาบบนตัวจอมใจทันที

“ราคาเท่าไหร่ครับคุณวา”

“ไม่แพงหรอก สองสามพันเอง”

“ห้ะ ไม่ดีมั้งครับ ถ้าป้าผมรู้ ป้าผมดุผมแน่ๆครับ”

“ก็อย่าให้รู้สิ  เอ้าถือไปสวมที่ห้องลองชุดได้แล้ว ฝากด้วยนะครับ ” ท้ายประโยคหันไปบอกพนักงานหญิงที่ยืนยิ้มรอให้บริการ

“ลูกค้าเชิญค่ะ”

จอมใจ ต้องจำใจเดินตามหลังพนักงานเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้า ระหว่างนั้นจัตวาเองก็ดูเหมือนจะสนุกกับเสื้อผ้าที่อยู่รายล้อมตัวเขาเป็นอย่างมาก  หยิบตัวนั้น ทาบตัวนี้ หันไปมองส่องกระจกอย่างมีความสุข 




จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ แทบไม่ได้สังเกตถึงใครคนหนึ่งที่เผลอมองจากด้านนอกร้านพักใหญ่ จนกระทั่งสนใจ และตัดสินใจเดินเข้ามาข้างใน เพื่อปรารถนาเพียงเชยชมใบหน้าของเขาชัดขึ้น


“เสื้อโปโลสีนี้ มีไซต์ผมไหมครับ” เสียมทุ้มถามพนักงานในร้าน แต่มือชี้มายังตัวที่ ชนัสนันท์ถืออยู่

“ของคุณผู้ชาย น่าจะไซต์ XL นะคะ เดี๋ยวจะลองไปหาให้ด้านในค่ะ” พนักงานรับเรื่องแล้วเดินหายเข้าไปด้านใน


ตอนนี้ในร้าน ก็มีเพียงพนักงานอีกคน พร้อมจัตวาและชายแปลกหน้าที่ยืนด้านข้างเขา   

ดวงตาคมกริบกำลังเหล่ลงมามอง จับจ้องจนเจ้าตัวรู้สึกได้ จนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าไปมองตอบ ดวงตาชายร่างสูงไม่แม้แต่จะหลบสายตาของจัตวาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังจงใจจ้องราวกับกำลังสะกิดจิตเขาอยู่ก็ไม่ปาน


พวกเขามองกันไปมา ผ่านไปกว่าสามวินาที ถือเป็นเวลาที่นานพอสมควรกับการจ้องมองคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อน สุดท้ายเป็นจัตวาเองที่หลบสายตาไป แล้วขยับตัวออกห่างไปอีกราวหนึ่งฟุต


“ชอบเสื้อสีพาสเทลหรอครับ” ชายคนด้านข้างเริ่มบทสนทนาต่อ

“ใช่ครับ” คนอายุน้อยกว่าตอบกลับไป เขาจะรู้ตัวไหมนะ ว่าเสน่ห์ได้ดึงดูดชายตรงข้ามจนรั้งไว้ไม่อยู่แล้ว

“มาคนเดียวหรอครับ”

“เอ่อ...”


“คุณวาครับ ผมเปลี่ยนเสร็จแล้วครับ”

เสียงของจอมใจแทรกบทสนทนาระหว่างพวกเขา จัตวาได้แต่คิดในใจว่า ช่างเป็นการขัดจังหวะที่เหมาะเจาะยิ่งนัก ถ้าช้ากว่านี้เขาคงอึดอัดมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวแน่


“ดูดีมากเลย ชุดนี้เข้ากับนายนะจอมใจ พี่ครับ ผมขอชำระเงินเป็นบัตรเครดิตนะครับ” จัตวายื่นบัตรให้พนักงาน

“อันที่จริง คุณวาไม่เห็นต้องเปลืองเงินเพื่อผมเลยนะครับ”

“อย่าคิดมากสิ แค่อยากให้นายได้เปลี่ยนรสชาติ เปลี่ยนสไตล์ชีวิตก็เท่านั้น”

“ขอบคุณมากนะครับคุณวา” จอมใจจะยกมือไหว้แต่ชายหนุ่มรีบห้ามไว้ก่อน 

“อายุก็พอๆกันจะไหว้เราทำไม ขอบคุณแต่ปากก็พอแล้วน่า”

“ครับ” จอมใจยิ้มแห้ง ก่อนจะสังเกตเห็นชายร่างสูงที่เอาแต่จ้องมองจัตวาท่าเดียว

“เรียบร้อยแล้วค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”

“ครับผม” จัตวารับบัตรเครดิตมาแล้วบรรจงเก็บในกระเป๋าสตางค์

“คุณวาครับ ผู้ชายคนนี้เอาแต่จ้องท่าเดียวเลยนะครับ รู้จักมาก่อนรึเปล่า” จอมใจกระซิบถามข้างหู จัตวาได้แต่ส่ายหน้าให้แทนคำตอบ จอมใจเห็นแบบนั้นก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

“เราออกจากร้านดีกว่าครับ"

“ดีเหมือนกัน”

สองหนุ่มพากันออกจากร้านทันที ส่วนชายแปลกหน้าดังกล่าวทำท่าทีจะเดินตามมาด้วย  สร้างความกดดันให้แก่จัตวาและจอมใจเป็นอย่างมาก


“คุณผู้ชาย เสื้อโปโลไซต์ XL ได้แล้วค่ะ”

“เอ่อ...ครับ คิดเงินด่วนเลยครับ”

“ค่ะ”


สองหนุ่มรีบรุดออกจากร้าน เมื่อพ้นจากหน้าร้านก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อพบว่ามีคนมายืนขวางทางอยู่ แต่คนนี้ทำให้พวกเขาโล่งอก ลดความกังวลก่อนหน้าไปทันที


“พี่ไม้ตรี!”


“อะไรกันเจ้าตัวแสบ เผลอแป๊บเดียว พาจอมใจมาเปลี่ยนเสื้อผ้าซะงั้น แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นครับคนดี”

ไม้ตรีสังเกตเห็นใบหน้าของน้องชาย ด้วยท่าทางสั่นเล็กน้อยของจัตวา มีไม่กี่อย่างหรอกนะที่ทำให้ตัวแสบแห่งอัศวะเหมินทร์หวั่นกลัว  เขาชักอยากรู้เสียแล้วว่า น้องชายของเขาเจออะไรมาก่อนหน้านี้

“คือ เมื่อครู่ในร้าน มีชายแปลกหน้าจ้องมองคุณวาครับ เลยรีบพากันออกมา” เป็นจอมใจที่เล่าเหตุการณ์นั้นแทน


“อ๋อ....อย่างนี้นี่เอง ใช่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังวาตอนนี้ไหม?”

ไม้ตรีพูดพลางยิ้ม  จัตวาเห็นท่าทางพี่ชายตัวเองสุดแสนจะชิวแบบนี้แล้วหมั่นไส้ที่สุด พลางคิด่ว่า ไม้ตรีเคยเครียดหรือร้อนใจเหมือนคนอื่นเขาสักครั้งไหม


จอมใจกับจัตวา หันกลับไปมองตามที่ไม้ตรีบอกพร้อมกัน แล้วก็ต้องตกใจเมื่อชายในร้านคนดังกล่าว ตามพวกเขาออกมาจริงๆ แล้วคราวนี้ยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร สองหนุ่มได้แต่มองกันตากระพริบ 


หรือว่า ชายคนนี้จะรู้จักกับ ไม้ตรี?


“หาตัวน้องชายมึงเจอแล้วไม้ตรี”

“ขอบใจมากเว้ย โฟร์ค”

“ห้ะ!....นี่มันอะไรกันครับ พี่ไม้ตรี” จัตวาหันขวับไปคาดคั้นเอาเรื่องกับพี่ชาย

“อุ้ยย อย่ามองพี่ตาเขียวแบบนั้นสิครับคนดี มาๆๆ  พี่จะแนะนำให้รู้จัก นี่เพื่อนพี่สมัยประกวดดาวเดือน ปี 2556 ชื่อ โฟร์คซอง ส่วนนี่ จัตวา น้องชายคนเล็กของกู และนั่น จอมใจ คนของอัศวะเหมินทร์”

“สวัสดีครับ พี่โฟร์คซอง”

“เรียกโฟร์คเฉยๆก็ได้ครับ  แล้วก็ต้องขอโทษด้วยนะที่ก่อนหน้านี้ทำให้ตกใจ ”

“ไม่เป็นไรครับ” จัตวาตอบไปตามมารยาท แต่ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดพี่ไม้ตรี และเพื่อนของพี่ชาย คนที่โดนกระทำอุกอาจแบบนี้ ใครบ้างจะไม่หวั่นกลัว

“ระหว่างเจอบูทกล้องถ่ายรูป พี่แวะเข้าไปสอบถามข้อมูลนิดหน่อย ก็เจอกับไอ้โฟร์คโดยบังเอิญ คุยกันจนเพลิน ก็เลยลืมนึกไปว่าพี่ใหญ่ให้มาตามวา  ไอ้โฟร์คเลยอาสาช่วยหาด้วยอีกแรง”

“โทรมาก็ได้หนิครับ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้”

“โทรติดซะที่ไหนล่ะเจ้าตัวแสบ” 

จัตวายกมือถือขึ้นมา ก็พบว่าแบตเตอรี่ได้หมดไปแล้วช่างน่าขันเสียจริง



นี่นะหรือ จัตวา ทายาทลำดับสุดท้าย หลานชายของ ท่านตุลาการ อันที่จริง ศาตราวุธไม่ได้ตั้งใจจ้องมองอีกฝ่ายให้เสียมารยาท แต่นั่นเป็นเพราะรูปลักษณ์ของจัตวาชวนหลงใหลเป็นที่สุด เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวจริงจะน่ารักกว่าในรูปที่ไม้ตรีเปิดให้ดู โชคดีที่แก้ตัวให้ได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกจัตวามองว่าเป็นโรคจิตไปแล้ว 


“พี่ทำภารกิจสำเร็จแล้ว คนดีของพี่ช่วยโทรคุยกับพี่ใหญ่หน่อยครับ ”

ไม้ตรียื่นมือถือของเขาให้น้องชาย รอเพียงปลายสายรับ ทันทีที่จัตวาเริ่มพูดคุยทุกอย่างจะเรียบร้อยทันที

“ว่าไงเจ้าตรี เจอจัตวาไหม” ปลายสายตั้งคำถามทันที คงคิดว่ากำลังคุยกับน้องสามอยู่

“พี่ไม้เอก วาเองครับ” น้ำเสียงเปลี่ยนไปในทันที อันที่จริงเขาไม่อยากให้คนนอกได้เห็นลักษณะการพูดคุยเช่นนี้ของเขากับพี่ใหญ่เลย ความรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

“วาหรอ อยู่กับไม้ตรีแล้วสินะ  คราวหลังจะไปไหนมาไหนให้เช็คแบตฯมือถือด้วยนะ เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับพี่ไม้เอก ”

“แล้วจะกลับบ้านตอนไหน คุณแม่กำลังเตรียมอาหารมื้อเที่ยงให้”

“สักพักก็กลับแล้วครับ ”

“อืม ไว้เจอกันที่บ้านพี่กำลังออกจากออฟฟิศ"

“วันหยุดพี่เอกก็ไปทำงานหรอครับ”

“มาตรวจเอกสารนิดหน่อย นี่ก็เสร็จแล้ว มีอะไรจะคุยกับพี่อีกไหม”

“ไม่มีแล้วครับ”

“อืม กลับกับไม้ตรีนะ อย่าดื้อ อย่าก่อเรื่องอีก”

“ครับพี่ไม้เอก”

ไม้ตรีแอบขำท่าทีน้องชาย  จะว่าไปถ้าใครอยากเห็นท่าทางเรียบร้อย มีมารยาทของจัตวา แนะนำให้มาดูตอนที่อยู่กับธิบดิ์ภวิน พี่ใหญ่อย่างไม้เอก  จัตวาไม่กล้าดื้อแน่นอน 

“เอ้า! เอามือถือกลับไปเลย แล้วก็...หยุดขำวาได้แล้ว”

“อ้าว น้องวาคนเรียบร้อยเมื่อกี๊หายไปไหนแล้วน้า เห็นแต่เจ้าดื้อซะงั้น”

“พี่ไม้ตรี ถ้าไม่หยุดล้อวานะ วาจะโกรธจริงๆแล้วด้วย”

“โอ๋ๆ พี่ล้อเล่นครับ อย่าโกรธพี่เลยนะครับ”

ไม้ตรียกนิ้วก้อยตัวเองขึ้นมาตรงหน้าน้องชายคนเดียวของเขา พร้อมรอยยิ้มฉีกกว้าง ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่ชายตัวเอง จัตวาคงต้องมีเคลิ้มตามแน่


แต่ทุกการกระทำของสองพี่น้องอยู่ในสายตาของศาตราวุธทุกอย่าง  เขาได้แต่คิดว่า ตัวตนที่แท้จริงของจัตวาเองก็ไม่ได้แย่ เขาชอบคนที่ร่าเริง มากกว่าเรียบร้อยเสียอีก เสียดายที่เขามีแฟนแล้ว ไม่อย่างนั้น...เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาถึงแปดปีตรงหน้า คงถูกรุกจีบเป็นแน่





โปรดติดตามตอนต่อไป...



ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 8



“วา ดื่มน้ำหน่อยไหม” 


ขวดน้ำดื่มถูกยื่นตรงหน้ามาให้อีกฝ่าย ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาจดเลคเชอร์คาบเรียนช่วงเช้าที่ผ่านมา สาเหตุเป็นเพราะว่าเขาไม่ถนัดในการฟังไปจดไป สุดท้ายหนังสือเรียนต้นฉบับขาประจำก็หนีไม่พ้นโตเกียวเช่นเคย


“ไม่อ่ะ ขอทำงานก่อน” เจ้าตัวปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้ามองเลยด้วยซ้ำ จนคนตัวสูงกว่าหย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้ามแทน

“วาไม่สนใจพี่ก็ไม่เป็นไรครับ แค่ไม่ไล่พี่ก็พอ” เขายังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่อยากไปกระตุ้นให้ชนัสนันท์หงุดหงิดเอา


จนเวลาล่วงเลยผ่านไปครู่หนึ่ง วงล้อมม้าหินอ่อนใต้ร่มจามจุรีใหญ่ ไม่มีเสียงผู้ร่วมโต๊ะดังกล่าวเอ่ยหรือเจรจาใดๆกันเลย ศิลาโรจน์ไม่อยากรบกวนสมาธิ อีกทั้งยังแอบเคลิ้มจนตาจะปิดอยู่รอมร่อ


“เย้! เสร็จแล้ว” น้ำเสียงดีใจ พร้อมท่าทางบิดขี้เกียจของคนตัวเล็กกว่า ทำเอาเฟรมโต้สะดุ้งจากภวังค์

“ดื่มน้ำหน่อยไหมวา” เขายังไม่ลดละความพยายาม

จัตวาหยุดการกระทำนั้น แล้วมองขวดน้ำที่วางตรงหน้าสลับกับใบหน้ารุ่นพี่  จะว่าไปความพยามของเฟรมโต้ที่เพียรทำมา เสมอต้นเสมอปลาย ส่วนนี้เขายอมรับและขอบคุณจากใจจริง ถ้าให้ลองมองย้อนสะท้านตัวเอง จัตวาคงไม่อดทนเท่าผู้ชายตรงหน้านี้แน่ 


“ขอบคุณครับ” มือเรียวนั้นตัดสินใจเอื้อมไปหยิบขวดน้ำพร้อมกับเปิดฝาออก เพียงเท่านั้นเฟรมโต้ก็ดีใจมากแล้ว รอยยิ้มที่เกิดบนใบหน้าของเขา คือเครื่องการันตี แค่เขายิ้ม นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความสุขทางใจของหญิงสาวคนอื่นๆที่ชอบพอเขาเลยก็ว่าได้

“วามีเรียนภาคบ่ายต่อไหม” รุ่นพี่หยั่งเชิง อันที่จริงเขาทำการบ้านมาก่อนหน้านี้เป็นอย่างดี แค่สอบถามข้อมูลเล็กๆน้อยๆจากฟอร่า น้องสาวของเขา เท่านี้ก็รู้ความเคลื่อนไหวของจัตวาพอสมควรแล้ว

“ไม่มีอ่ะ แล้วนายล่ะ ”

“ไม่มีเหมือนกัน งั้น...ไปดูหนังไหม เรื่องใหม่เข้าพอดี พี่ตั้งใจซื้อมาสองใบ กะจะชวนวาไปด้วย”


อะแฮ่ม! นี่ผมยังนั่งอยู่ตรงนี้ไหมครับเนี่ย” โตเกียวแทรกบทสนทนาขึ้น หลังจากนั่งเงียบทำตัวเล็กตัวน้อยอยู่นานโข


“เห็นสิ ขี้น้อยใจนะนายเนี่ย” จัตวาหันไปมองเพื่อน

“เย็นนี้ พี่ไม้โทจะมาหาที่คอนโดไม่ใช่หรอวา เราว่า...”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม้โทใจดีที่สุดแล้ว ไว้ชวนไปดูหนังด้วยกัน รายนั้นไม่ปฏิเสธหรอกมั้ง” จังหวะนี้สีหน้าของเฟรมโต้ดูหงอยไปแล้ว

“...ส่วนนาย รุ่นพี่เฟรมโต้ ผมอยากชวนโตเกียวกับพี่ไม้โทไปด้วย นายขัดข้องอะไรไหม” จัตวาหันไปถาม

“ได้ครับ ได้แน่นอน ไปหลายคนสนุกดีออก” เฟรมโต้แสร้งยิ้ม แต่แอบขบกรามไว้แน่น พลางคิดว่าแผนการณ์ของเขาจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว ทำไมเพื่อนสนิทของจัตวาต้องทำเสียเรื่องด้วย

“โอเคงั้นตามนี้ ผมขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วไปเจอกันที่หน้าโรงหนัง ”

“งั้นก็แยกย้าย” โตเกียวบอกพร้อมลุกขึ้นยืน เดินจากโต๊ะม้าหินอ่อนไปยังมอเตอร์ไซต์ที่จอดอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก 

ศิลาโรจน์ รอจังหวะที่โตเกียวขับรถจักรยานยนต์ออกไป เขาก็รีบเดินตามหลังชนัสนันท์ไปติดๆ เพราะเขารู้ว่ารุ่นน้องคนนี้จะต้องเดินกลับไปหน้าตึกคณะเพื่อรอพี่ชายมารับกลับคอนโดเหมือนทุกที เขาจะต้องอาศัยช่วงเวลานี้พยายามสร้างความสัมพันธ์เพิ่มสักหน่อย



“จะเดินตามผมอีกนานไหมฮึ”

“วาอย่าเพิ่งอารมย์ไม่ดีสิครับ”

“ผมไม่ได้โกรธไม่ได้หงุดหงิด แค่ถามเฉยๆ”

“โอเคครับ แค่ถาม ใช่สิ แค่ถามเองเนอะ” คนตัวสูงยอมแล้วทุกสิ่งอย่าง ไม่ขัดข้องอะไรแล้วทั้งสิ้นกับจัตวาคนนี้

“อย่ากวนจะได้ไหม ผมถามทำไม่ตอบอีก”

“พี่แค่อยากเดินไปส่งวาที่หน้าตึกคณะเองครับ”

“รู้ดีจริงๆเลยนะนายเนี่ย สมแล้วที่คอยแอบตามดูผมตลอด”

“ใช่ครับ หะ!  เอ้ย มะ ไม่ใช่ ใครแอบตามดู ไม่มีหร๊อก บ้านา...” เฟรมโต้เลิกลักไปใหญ่ จัตวาเห็นดังนั้นแอบหลุดขำเบาๆ

“วาหัวเราะ?” คนตัวสูงแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาและหูของตัวเอง แต่พอเขาทักท้วง จัตวาก็หยุดกิริยาดังกล่าวทันที ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป

“เดี๋ยวครับวา รอพี่ด้วยสิ”

“เดินช้าเอง ยังจะมาบอกให้ผมรออีกหรอ ใช้ได้ซะที่ไหนนายเนี่ย”

“วารู้ได้ยังไงว่าพี่แอบตามดูตลอด"

“ใครไม่รู้ก็บ้าแล้วมั้ย  อีกอย่างนะการกระทำของนาย ฟอร่าบอกผมหมดทุกอย่าง รู้ไว้ซะด้วย”

จัตวาเผลอยื่นมือไปดีดปลายจมูกเฟรมโต้เบาๆ อันที่จริงเขาเองก็งงกับการกระทำตัวเองพอสมควร ส่วนอีกฝ่ายนะเหรอ ยิ้มจนปากจะฉีกไปถึงหูแล้ว

“ดะ...ได้ไงกัน ยัยฟอร่านี่ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ”

“ก่อนจะว่าเพื่อนผม  ว่าตัวนายเองก็เถอะ แล้วมันจริงเหมือนคนอื่นว่าไหมล่ะ”

“จริงครับ ยอมรับทุกข้อกล่าวหาเลย มา...ให้พี่ถือหนังสือช่วยจะได้ไม่เหนื่อย”

มือหนาคว้าหนังสือสี่เล่มจากจัตวามาถือไว้ ซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ยอมให้อีกฝ่ายเอาไปถือแต่โดยดี ไม่ใช่อะไรซับซ้อน เขาแค่รู้สึกหนักและเหนื่อยจากการแบกหนังสือจริงๆ มีคนรับไปผ่อนแรงให้ดีแค่ไหนแล้ว


สองหนุ่มยืนพูดคุยกันอยู่หน้าตึกคณะ ท่ามกลางสายตาของนักศึกษาหลากหลายชั้นปีที่เดินผ่านเส้นทางบริเวณดังกล่าว ส่วนมากกำลังมองด้วยความตกใจ เขินอาย ดีใจ ปะปนกันไป จนเวลาล่วงผ่านไปราวสิบห้านาที รถหรูคันสวยที่คุ้นตาทั้งสองคนก็จอดเทียบฟุตบาทหน้าตึกคณะ


“ผมไปก่อนนะ ไว้เจอกันหน้าโรงหนัง รอบหกโมงเย็นใช่ไหม”

“อ้อ ใช่ๆ”

“ยังไงก็ขอบคุณนะครับ ที่อดทนมาตลอด” 

ประโยคนี้ของชนัสถ์นันท์ ทำเอาร่างสูงนิ่งไปในพริบตา มันอาจจะไม่ใช่คำพูดที่คนอื่นทั่วไปฟังแล้วเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง แต่สำหรับเขาแล้วการได้ยินคำพูดนี้จากจัตวา มันเหมือนสายลมอุ่นที่พัดผ่านร่างกายยามฤดูหนาวเลยทีเดียว

“ยินดีครับ แค่วามีความสุข พี่ก็พอใจแล้ว”

“เจ้าตัวแสบจะขึ้นรถได้รึยังครับ”

เสียงของไม้ตรีตะโกนเรียก อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะเร่ง เพียงแต่หมั่นไส้อยากแทรกบทสนทนาทั้งสองคนก็เท่านั้น

“โอเคครับ กำลังไปครับ”

จัตวาผละออกจากการพูดคุยแล้วขึ้นรถพี่ชายไป ในขณะที่ฟิล์มกระจกรถหนาทึบกั้นการมองเห็นจากคนภายนอกไม่ให้เห็นภายในได้ แต่จัตวายังคงหันไปมองรุ่นพี่คนนี้ไม่ลดละ จนไม้ตรีเองได้แต่อมยิ้มแล้วตัดสินใจออกรถทันที



เมื่อส่งจัตวาจนเสร็จเรียบร้อย  ก็ถึงคิวของเฟรมโต้แล้ว ที่ต้องรีบกลับห้องเพื่อไปเตรียมตัวเช่นกัน คืนนี้เขาจะต้องแต่งตัวดูดีที่สุด ให้สมกับสัญญาณดีๆที่จัตวามอบให้เขา


ทันทีที่ร่างสูงหันหลังกลับไป ก็ต้องอึ้งไปชั่วขณะกับการมาเยือนของใครบางที่เขาอุตส่าห์ลืมไปแล้ว


แท้จริงแล้ว ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเธอ  เธอคนนั้น...


“เฟรม....สบายดีไหม” 

“วิว!”





“ไงครับเจ้าคนดื้อ ริจะมีความรักแล้วหรอ” ไม้ตรีอดไม่ได้ที่จะถามเชิงแซวขึ้นมา ทั้งที่จัตวาลุ้นตัวโกงนึกว่าพี่ชายตัวเองจะไม่ถามแล้วเสียอีก

“เปล่าซะหน่อย ก็แค่ไม่อยากให้ความพยายามของพี่เขาสูญเปล่า วาจะรู้สึกกับพี่เขาแบบไหน ยังไง มันไม่สำคัญหรอกครับ ”

“ทำไมพูดแบบนั้น พี่ขอเตือนวาเลยนะ ถ้าจะแค่เล่นๆ ก็เลิกคิดไปได้เลย เฟรมน่ะเขาอกหักมาแล้วครั้งนึงนะ ถ้าวาไม่ได้จริงจังกับเขา  ก็อย่าให้ความหวัง บอกเขาไปตรงๆเถอะ สงสารเขา”

“ก็จะให้วาปฏิเสธได้ยังไงล่ะครับ ถ้าไม่ลองก่อนแล้วจะรู้หรอครับว่าสุดท้ายแล้ว วารู้สึกแบบนั้นกับพี่เขารึเปล่า”

“เล่นกับไฟ ไม่มีใครได้ดีหรอกนะ เชื่อพี่สักครั้งเถอะนะคนดีของดี”

“วาไม่พูดเรื่องนี้แล้วดีกว่า แล้วก็พี่ตรีอย่าบอกพี่ไม้เอกนะครับ ถ้าพี่ใหญ่รู้วาต้องโดนดุแน่ๆ  น้าาาาา พี่ไม้ตรีคนหล่อ”

“ฮ่าๆ แสดงว่าพี่บอกพี่รองได้สินะ”

“รายนั้นปิดไปก็เท่านั้นแหละครับ เดี๋ยวก็คงดูออกเอง พี่เฟรมเขาปิดบังท่าทีได้ที่ไหนกันล่ะครับ ”

“ฮ่าๆ นี่พี่พลาดอะไรไปรึเปล่า วาเรียกเขาว่า พี่ แล้วหรอ นี่...รู้ตัวรึเปล่า”

“อะ...อันที่จริง วาควรเรียกเขาแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว วาไม่ดีเองแหละ ไม่น่าไปทำตัวแบบนั้นกับเขาเลย”

“ดีแล้ว เอ...เจ้าตัวแสบของพี่เป็นคนนึกคิดได้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน้า...”

“พี่ไม้ตรีอย่าแซววาสิครับ ก็...ดีแล้วไม่ใช่รึไง”

“โอเคๆ พี่ไม่แซวแล้วครับ ”





หน้าโรงภาพยนตร์ ณ ห้างสรรพสินค้า


เวลาล่วงเลยผ่านไป จนกระทั่งถึงเวลานัดหมาย ทุกคนมารออยู่หน้าโรงภาพยนตร์แล้ว ไม้ตรี ไม้โท จัตวาและจอมใจ เป็นกลุ่มสุดท้ายที่มาถึง ที่ต้องมาช้าเพราะรอไม้โทแท้ๆเชียว 


“ขอโทษที่มาสายนะทุกคน” ไม้โทเป็นคนเอ่ยคำนี้ขึ้น เขารู้สึกผิดจริงๆ

“สวัสดีครับ ไม่เป็นไรครับพี่ หนังยังไม่ทันฉาย พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยไหมครับ”

“พวกนายไปก่อนเลย พี่ขอซื้อป๊อปคอร์นก่อนละกัน” ไม้โทเอ่ยขึ้น  จัตวาได้แต่หรี่ตามองพี่ชาย   

“ตัวแสบอย่ามองพี่แบบนั้นสิ เข้าไปก่อนเร็ว” ดูๆไปแล้ว พี่รองของจัตวาตอนนี้มีพิรุธสุดๆ

“โอเคครับ ตามมานะ อย่าไปเหล่สาวที่ไหนล่ะ วาฟ้องคุณปู่แน่”

“จ้ะๆ ไม่เหล่ครับ พี่จะไปซื้อป๊อบคอร์นจริงๆ  งั้นพี่ขอยืมตัวจอมใจไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ”

ไม้โทไม่ว่าเปล่า คว้ามือไปจับแขนคนตัวเล็กไว้ ไม่อย่างนั้นมีหวังเดินตามจัตวาเข้าไปในโรงหนังแน่

“รีบตามมานะ แล้วก็...วาขอน้ำแก้วนึง”

“ได้ครับ พี่ชายคนนี้จะจัดให้วาเลย”

“พี่ไม้โทน่ารักที่สุด” จัตวาชมพี่ชายตัวเองจนพอใจ แล้วจึงเดินตามคนอื่นๆเข้าไปข้างใน

ตอนนี้ ชรินทร์วรัชอยู่กับจอมใจสองต่อสอง ท่าทีที่ชายที่แสนดีก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น เหลือแต่เพียงความรุนแรงและไร้เยื่อใยที่กำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ มีเพียงจอมใจเท่านั้นที่รับรู้ได้จากแรงที่เริ่มหนักหน่วงบีบเข้าแขนของเขา


“ผมเจ็บครับคุณไม้โท”

“อย่ามาสำออย เดินตามฉันมาดีๆ”

ไม้โทไม่ได้พาจอมใจไปยังจุดขายป๊อบคอร์น แต่ลากคนตัวเล็กกว่าไปยังห้องน้ำชายแทน ผู้คนที่ใช้บริการมีไม่มาก และตอนนี้ยิ่งไม่มีใครเลย  เขาจึงฉวยโอกาสนี้นำป้ายห้ามเข้า แขวนเอาไว้ด้านนอกประตูแล้วปิดล็อกทันที


ตอนนี้มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ข้างใน จอมใจรู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเขา แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางปฏิเสธได้ คงต้องจำนนต่อคนตรงหน้า เล่นตามน้ำไปเสียก่อน

“ไม่เจอกันเดือนเดียว ทำตัวห่างเหินฉันมากไปรึเปล่า หื้ม..."

“เปล่าครับ โอ้ย!” มือหนาคว้าเข้าชายคางพร้อมกับบีบแรงที่ฝ่ามือลงไปพอประมาณ

“ฮึ  เปล่าหรอ งั้นลองทำให้ฉันเชื่อหน่อยซิ ว่าไม่ได้เมินหรือห่างเหินฉัน”

“ทะ...ทำอะไรครับคุณไม้โท”

“ก็....ทำแบบที่เคยทำมาไง ”

“ตรงนี้ไม่เหมาะมั้งครับ ” จอมใจกังวล อีกใจหนึ่งก็กลัวจะมีคนเข้ามาเห็น

“จะกลัวอะไรเล่า ฉันล็อกประตูแล้ว ไม่มีคนเข้ามาแน่นอน มาเถอะ ฉันชอบนะ เวลาแบบนี้ ตอนอยู่กับนาย”

จอมใจตัวสั่นเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมไม้โทถึงเลือกที่จะทำแบบนี้กับเขา ตั้งแต่ครั้งแรกที่บ้านคุณท่าน  ทั้งๆที่ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาเพิ่งมาทำงานแค่นั้นเอง

“อื้มมมมม  แบบนั้นแหละ นายรู้ใจฉันจริงๆ” 

เสียงกระซิบข้างหูทำเอาขนแขนจอมใจลุกซู่  คนตัวสูงกำลังเคลิบเคลิ้มจากการกระทำของจอมใจ ที่ตอนนี้กำลังใช้ฝ่ามือสัมผัสและขย้ำแท่งเนื้อนั่นผ่านด้านนอกของกางเกงยีนส์อีกฝ่าย


ไม่ใช่เพราะเขารู้งาน หรือรู้ใจอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่จอมใจต้องการให้ทุกอย่างดำเนินการให้จบโดยเร็ว เขาไม่ชอบเวลาที่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เลย

“ฉันไม่ไหวแล้ว ล้วงเข้าไปจับข้างในที” ไม่ว่าเปล่า เจ้าของแท่งเนื้อรีบจับมือของคนตัวเล็กกว่ายัดเข้าไปสัมผัสภายในเรียบร้อย โดยที่จอมใจไม่ทันตั้งตัว

“คุณไม้โท!”

เหงื่อของเด็กหนุ่มเริ่มซึมออกจากขมับและหน้าผาก หัวใจของเขากำลังเต้นรัวราวกลองหลายตัวกำลังตีดังตุ้มๆ  สิ่งที่เขาสัมผัสมันอยู่ปลายนิ้วน่าช่างสะพรึง ขนาดของมันเหมาะกับเจ้าของเป็นอย่างมาก แม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สองแต่เขาไม่อาจทำใจคุ้นชินได้ 


เช่นนี้แล้ว เขาจะทำอย่างไรดี  ได้แต่ภาวนาให้ใครก็ได้ช่วยพลิกสถานการณ์ที


ช่วยผมด้วย...





โปรดติดตามตอนต่อไป...



ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สนุกค่ะ แต่แอบสับสนเรื่องชื่อจริงของตัวละครนิดหน่อย 555
อยากรู้แล้วว่าใครตะได้คู่กับใคร และจะเป็นยังไงต่อ

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 

ตอนที่ 9




ช่วยผมด้วย...



คำนี้ดังก้องอยู่ในหัวของเด็กหนุ่มซึ่งกำลังถูกใช้ให้กระทำการสนองกามารมย์ต่อเนื่อง  กาลเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกวินาทีช่างทรมานเหมือนเกิน เมื่อไหร่เขาจะได้ออกจากห้องน้ำแห่งนี้เสียที

“อย่างนั้น เด็กดี...อืมมมม รูดขึ้นลงช้าๆ  แบบนั้นแหละ.....” 

ร่างสูงกว่ายังคงครางในลำคอเบาๆ ดื่มด่ำราวกับิจิตวิญญาณหลุดลอยไปในอากาศ แตกต่างจากอีกคนที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาอยากจะหยุดกิจกรรมนี้ลงแล้ว

มือใหญ่คว้าจับเข้าที่ข้อมือของจอมใจ คล้ายให้หยุดการกระทำนั้นลงไปก่อน


“ฮึกกก....พอก่อน  จะเสร็จแบบนี้ไม่ได้” อีกฝ่ายได้ยินแบบนั้นรู้สึกดีใจมาก หรือนี่ไม้โทจะเปลี่ยนใจแล้ว

“ขอบคุณนะครับคุณไม้โท”

“ยังไม่ต้องรีบขอบคุณฉัน  เพราะฉันจะบอกว่า นี่เพิ่งเริ่ม ให้ฉันได้ลิ้มรสจูบของนายหน่อยเป็นไง หื้ม”

“คุณไม้โท อย่านะครับ!” ชรินทร์วรัช ไม่สนใจคำร้องห้าม เขาจับคางคนตรงหน้าแรงพอสมควร จนริมฝีปากของจอมใจคล้ายปากนก

“นายไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ผ่านมือฉันมาก่อนหน้านี้เลย จอมใจ”

“คุณไม้โท หยุดเถอะครับ” เขาปรามด้วยความลำบากใจ แต่ไม้โทไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น เขากำลังหน้ามืดตามัว ปลายจมูกโด่งของเขากำลังไล่เกลี่ยสัมผัสบนแก้มอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ อีกไม่นานคงมาถึงริมฝีปากชมพูธรรมชาตินั่น



ครืดดดด  ครืดดดดด 



เสียงโทรศัพท์มือถือของผู้จู่โจมเหยื่อดังขึ้นขัดจังหวะ จนเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด พร้อมจะตะโกนด่าปลายสายไม่ว่าใครก็ตาม กล้าขัดความสุขของเขาในเวลาเช่นนี้ 

แต่แล้วความคิดก็ต้องเปลี่ยนเมื่อเบอร์หน้าจอปรากฏชื่อของน้องชายคนเล็กอย่างจัตวา


“ว่าไงครับ เจ้าดื้อของพี่” เขาปรับอารมณ์ได้ทันท่วงที

“พี่ไม้โท ไปนานจังครับ หนังกำลังฉายแล้วนะ”

“อ้อ ใกล้แล้วครับ พอดีคิวยาว พี่ยืนปวดขาไปหมดเลยครับ วา” ไม้โทแสร้งตอบไป 

การกระทำของชายผู้นี้ กำลังถูกวิเคราะห์จากสายตาจอมใจ คำพูดที่แสนหวานนั้น แต่ความจริงหาเชื่อถือได้ไม่มีเลย ช่างแตกต่างจากความจริงโดยสิ้นเชิง ไม้โทคนนี้ยากที่จะคาดเดาได้ เช่นนี้แล้ว จัตวาจะรู้บ้างหรือเปล่านะ

“หนังเรื่องนี้ จอมใจเขาอยากดูมาก วาไม่ให้พี่ไม้โทยืมตัวแล้ว ให้เพื่อนวาเข้ามาข้างในด่วนเลย”

ไม้โทเริ่มทำสีหน้าไม่ชอบใจแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะนั่นคือน้องชายสุดที่รักของเขา เขาแทบไม่เคยขัดใจเลยสักครั้งเดียว แต่ว่า...จอมใจคนนี้ เขากำลังต้องการอย่างมาก มันเป็นช่วงรอยต่อทางอารมณ์ จัตวาจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าพี่ชายคนนี้ของเขากำลังทรมานขนาดไหน 

“พี่ไม้โท ได้ยินไหมครับ”

“ค้าบบบ  ได้ยินครับ พี่จะให้จอมใจกลับเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้แหละครับ”

พอได้ยินประโยคนี้ จอมใจก็เผลอยิ้มออกมา พลางคิดว่าเขารอดแล้ว ไม้ต้องถูกขืนใจจนทำให้อีกฝ่ายสำเร็จเหมือนครั้งแรก

ชายร่างสูงตรงหน้าเขาตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว แต่ตอนนี้ดูก็รู้ว่าไม้โทไม่โอเคอย่างมาก ลองจินตนาการดูหากเป็นคุณที่กำลังมีอารมณ์ทางเพศสูงถึงขีดสุด แต่ทุกอย่างถูกระงับกลางทาง เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ค้างคาเช่นนี้


“นาย...ไปเถอะ” สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจสิ่งที่ยากที่สุดในตอนนี้ บอกให้จอมใจออกไปเสีย


“ขอบคุณนะครับ”

“รีบไป  ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”

จอมใจพยักหน้ารีบรุดออกจากประตูห้องน้ำออกไป ตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวแล้ว จะเอาอย่างไรต่อดี นึกไปพลางก้มมองดูเป้ากางเกงตัวเองไป ขณะนี้มันคับแน่นไปด้วยแท่งเนื้อที่เลือดสูบฉีดจนขยายขนาดใหญ่


อันที่จริง เขาทำแบบนี้กับจอมใจเป็นครั้งที่สอง แต่เขายังไม่เคยใช้สิ่งนี้สอดใส่เข้าไปในเรือนกายของจอมใจแม้แต่ครั้งเดียว เขาไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะทนได้หรือไม่ได้  แต่สิ่งที่เขากังวลคือ เขายังไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายมาก่อน เรื่องแบบนี้ ค่อยเป็นค่อยไป ศึกษาข้อมูลให้มากเสียก่อน นี่นับว่าเขามีความกังวลและคิดเยอะพอสมควร


“เอาวะ สุดท้ายคงต้องพึ่งแกอีกแล้ว นิ้วทั้งห้าเอ้ย!” เขาสบถหัวเสียก่อนจะเลือกเดินเข้าห้องน้ำสักห้อง แล้วทำการปลดปล่อยอารมณ์เสียให้เสร็จ







และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ทุกคนกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน ดูจากสีหน้าแต่ละคนแตกต่างออกไป แต่โดยรวมก็พอสรุปได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกมาก เฟรมโต้อาสาไปส่งจัตวาและเพื่อนๆ ส่วนไม้ตรีก็คงต้องขับรถไปส่งพี่ชายที่บ้านแทน

พวกเขาแยกย้ายกันตรงนั้น จนกระทั่งเฟรมโต้ขับรถมาส่งรุ่นน้องทั้งสามถึงที่หมายปลายทาง

“ขอบคุณมากนะครับที่ชวนดูหนัง” จัตวาเอ่ย

“ไม่เป็นไรแค่เห็นวาสนุก พี่ก็ดีใจแล้ว”

“งั้นพรุ่งนี้ ให้ผมเลี้ยงตอบแทนพี่ดีกว่า เป็นคาเฟ่หน้ามอซักร้านเป็นไง พี่ว่างรึเปล่า?”

“ว่างพอดีเลย แต่เดี๋ยวนะ...วาเรียนพี่ ว่า พี่ แล้วหรอ”

“ก็ใช่นะสิ ไม่ดีหรอครับ”

“ดีสิครับ ดีมากๆเลยด้วย ขอบคุณนะ”

“ขับรถกลับหอดีๆนะครับ บาย”

“บายครับ”

จัตวายืนมองดูรถของศิลาโรจน์ขับผ่านไป พอจะหันมามองเพื่อนๆก็พบว่า พวกเขาเล่นจ้องหน้าจัตวาอยู่ก่อนแล้ว แบบนี้เห็นทีต้องอธิบายยาวๆแล้วสิ

“ยังไงครับพ่อจัตวา สุดท้ายตกลงปลงใจแล้วละสิ” โตเกียวถามแกมแหย่เล่น

“ไม่มีอะไรเสียหายหนิ เราก็โสด พี่เขาก็โสด ทำไมจะลองคุยกันไม่ได้”

“คุณวาครับ เรื่องนี้ถึงพี่ชายคุณวาจะโอเค แต่อย่าลืมนะครับว่ายังเหลือ คุณท่าน และคุณพ่อคุณแม่ของคุณวาด้วยนะครับ"

จอมใจจั่วหัวอธิบายมาขนาดนี้ พลางทำให้จัตวาคิดหนัก เขาอาจจะไม่ได้มองถึงจุดนี้มาก่อน ก็แหงล่ะ ร้อยวันพันปี เขาจะทำอะไรนั้นมักยึดเอาตัวเองเป็นที่ตั้งจนเคยตัว พอมาถึงเรื่องนี้เข้า จึงไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน

“ช่างมันเถอะ ให้เป็นเรื่องอนาคตแล้วกัน” จัตวาบอกแบบปัดไป

“แบบนั้นจะดีหรอครับ ปรึกษาพวกท่านก่อนดีกว่าไหมครับ ถึงโลกทุกวันจะเปิดกว้าง แต่ผมว่า...”

“เอาน่าจอมใจ ขอบใจมากที่เป็นห่วง เราว่ามันยังไม่ถึงเวลาบอกท่านทั้งสามหรอก ขึ้นห้องกันเถอะ ดึกมากแล้ว”

“ครับ”

“...ส่วนนาย โตเกียว ขับมอเตอร์ไซต์กลับดีๆนะ ” 

“รู้แล้วๆ เจอกันพรุ่งนี้นะวา ” 






บ้านอัศวะเหมินทร์


ใช้เวลาขับรถไม่นานนัก สองสิงห์แห่งตระกูลธุรกิจใหญ่ก็ถึงที่หมาย  ถ้าไม่มีจัตวาน้องคนเล็กนั่งอยู่ด้วยพวกเขาทั้งสองคนมักจะขับรถยนต์เร็วมาก ชนิดที่ว่ากฏหมายจราจรจำกัดความเร็วเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นสำหรับพวกเขา

“ขอบใจนะไอ้น้องชาย ไปละ”

“เดี๋ยวพี่รอง ผมมีเรื่องอยากจะถามพี่” ไม้โทชะงักมือที่กำลังจะเปิดสลักประตูรถ พร้อมขมวดคิ้วเชิงสงสัย

“เรื่องอะไรวะ?” 

“พี่กับจอมใจมีเรื่องอะไรกันรึเปล่า” ไม้ตรีกล่าวแบบตรงไปตรงมา ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้เผยพิรุธใดๆให้เห็นเลย

“ไม่มีหนิ ถามทำไมวะ”

“จอมใจเขามักจะเกร็งพี่ ไม่มองพี่ พยายามตีตัวออกห่าง มันผิดสังเกตเกินไป” ไม้ตรียังคงบอกความรู้สึกของตัวเองที่สัมผัสได้ แม้เขาจะเป็นคนอัธยาศัยดี แต่ไม่ใช่ว่าไม่เก็บรายละเอียดพฤติกรรมของคนรอบข้าง   

และที่สำคัญเขาไม่จำเป็นต้องยุ่งหรือก้าวก่ายเรื่องของชรินทร์วรัชเลยแม้น้อย แต่นั่นเป็นเพราะไม้โทเป็นพี่ชายของเขา เขาถึงต้องพูดหรือถามอะไรก็ตามแต่ที่ยังค้างคาใจ

“ก็พี่แกคนนี้มันแบดบอยไง ลุกนักเลงงี้ เรียบร้อยแบบน้องมันคงเกรงกลัวอ่ะนะ คิดมากทำไมวะ” ไม้โทยังคงเลือกปกปิดน้องชายต่อไป จนแล้วจนรอดเห็นทีไม้ตรีคงต้องหยุดถามแล้ว

“โอเคพี่ ผมไม่ถามละ”

“เออ ขับรถกลับคอนโด ดูแลจัตวาให้กูด้วยนะไอ้น้องชาย”

“หืม ไม่บอกผมก็ทำอยู่ละ แต่ผมเป็นน้องชายพี่นะ ไม่คิดจะดูแลบ้างหรอ”

“อะไรของแกอีกวะไม้ตรี ฮ่าๆ คนอย่างไม้โทรักพี่รักน้องทุกคนเว้ย แต่จัตวายังเด็ก อายุก็ห่างจากพวกเรามาก อีกนิดเดียวแกกับฉันเป็นพ่อบุญธรรมให้วาได้แล้วรู้ป่าว”

“ฮ่าๆ พี่ก็พูดเกินไป ผมไม่ได้อายุห่างเจ้าตัวแสบขนาดนั้น แต่สำหรับพี่กับพี่ไม้เอกอ่ะ ว่าไปอย่าง”

“อ้าวไอ้นี่ เดี๋ยวจะโดน”

“ล้อเล่นพี่ ฝันดีนะ”

“อืม ฝันดี ไว้เจอกันใหม่”


ไม่ว่าอย่างไร เรื่องการสังเกตท่าทีหรือกิริยาใดๆ ไม่มีใครพ้นสายตาเขาไปได้ ขึ้นชื่อว่า ฉัตรียวัตร คนนี้ คงยากที่จะมีใครเล็ดลอดสายตาเขาไป อันที่จริงเรื่องนี้มันจะจบลงอย่างไร ถ้าหากพี่ชายของเขากับจอมใจ จบลงด้วยการ...   


เห้อ...อย่าเลย  อย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลยจะดีกว่า






บ้านพิรุณหิรัญ


หญิงชราวัยเกือบเจ็ดสิบปี นั่งเปิดรายการโทรทัศน์สุดโปรดภายในห้องโถงรับแขก มีสุนัขสายพันธุ์ชิสุขนสีขาวสะอาดนอนหมอบเป็นเพื่อน  ส่วนใหญ่ช่วงเวลาแบบนี้เธอมักจะอยู่คนเดียวกับแม่บ้านสองคน ดีหน่อยที่หลานชายคนโตอย่างศาตราวุธกลับมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นคงเหงาแย่ หลานคนอื่นๆเขาก็ไปร่ำเรียนกับเสียหมด เสาร์อาทิตย์ถึงจะกลับมาหนหนึ่ง

“คุณยายยังไม่นอนหรอครับ” หลานชายคนโตเดินเข้ามาถาม หลังจากบังเอิญผ่านประตูหน้าห้องรับแขกแล้วได้ยินเสียงโทรทัศน์ยังเปิดอยู่

“ยังหรอกตาวุธ รายการนี้ยายชอบดู อีกเดี๋ยวคงจะจบแล้ว”

“รายการอาหารคาวหวานหรอครับ”

“ใช่ แล้วนี่ทำไมยังไม่นอน”

“พอดีผมทำงานต่อนิดหน่อยครับ แต่ยังไม่เสร็จ เลยพักงานไว้ ลงมาหานมอุ่นๆดื่มก่อนครับ”

“นมอุ่นๆดื่มแล้วก็ดี จะได้หลับ สบาย แล้วนี่เราอายุ ยี่สิบปลายแล้ว คบหาใครบ้างแล้วหรือยัง”

โฟร์คซองตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าคุณยายของเขาจะถามเรื่องเช่นนี้ ในเวลานี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงตอบได้เต็มปากเต็มคำ แต่...ตอนนี้นั้น แตกต่างออกไปเสียแล้ว

“ว่ายังไง ตกใจที่ยายถามเหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือ...ผมก็คุยๆอยู่ครับ ”

“ดีจริงเชียว แล้วเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ”

“พ่อแม่เขาทำธุรกิจโรงแรมที่จังหวัดระยองครับ เห็นว่าติดหาดด้วย”

“งั้นเหรอ ว่างๆพามาหายายบ้างนะ”

“ได้ครับคุณยาย งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ไปเถอะ อย่าหักโหกงานให้มากนักล่ะ”

“ครับคุณยาย” ชายหนุ่มกำลังจะลุกออกจากโซฟา กลับถูกรั้งด้วยคำพูดอีกประโยคที่ตามมาของคุณยายเข้า

“อื้ม ยายลืมบอก เพื่อนของหลานที่ชื่อ ไม้ตรี ยายสั่งห้ามเด็ดขาดเลยนะ อย่าไปคบค้าสมาคม อยู่ห่างๆเขาไว้ดีที่สุด”


ศาตราวุธ สงสัยคำพูดของวารีกัลยาผู้เป็นยายอย่างมาก ครั้งที่แล้วหากจำไม่จำ เขาเห็นสีหน้าของคุณยายไม่สู้ดีนัก เหมือนกำลังนึกคิดอะไรบางอย่าง อีกทั้งยังมือไม้สั่น ราวกับตกใจมาก เมื่อเขาบอกว่าไม้ตรีเป็นทายาทอัศวะเหมินทร์

“ทำไมล่ะครับคุณยาย ไม้ตรีเขาเป็นเพื่อนผมตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วนะครับ"

“นั่นเพราะยายไม่รู้มาก่อนไง แต่ตอนนี้ต้องเชื่อฟังยาย เข้าใจไหมตาวุธ!”

นี่เขากำลังถูกยายของเขาตำหนิอยู่อย่างนั้นหรือ หากให้ย้อนความเท่าที่จำได้ เขาไม่เคยถูกดุหรือขึ้นเสียงจากหญิงชราผู้นี้มาหลายปีแล้ว  ครั้งนี้คุณยายกำลังสั่งเขา บังคับเขา คุณยายกับตระกูลอัศวะเหมินทร์เกี่ยวข้องอะไรกัน หรือกำลังปิดบังอะไรอยู่กันแน่


เรื่องนี้ลองถามไม้ตรีสักหน่อยคงไม่เสียหาย


“ยายถามว่าเข้าใจไหม ตาวุธ!” น้ำเสียงของวารีกลัยาเตือนสติหลานชายอีกหน เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ

“ขะ...เข้าใจครับคุณยาย” 

“รายการจบพอดี ยายไปนอนก่อนก็แล้วกัน”

“ครับ”

หญิงชราค่อยๆลุกจากเก้าอี้โยกตัวโปรด แล้วออกจากห้องนี้ไป ศราวุธจัดการปิดสวิตซ์ไฟ ปิดโทรทัศน์ให้ยายเสร็จสรรพ ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องเมื่อครู่เต็มไปหมด ครั้งก่อนเขาอาจจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับท่าทีคุณยายมากนัก แต่เมื่อมาเจอสถานการณ์หนที่สอง แถมถูกสั่งห้ามจากคุณยายเช่นนี้ เขามั่นใจว่า เรื่องนี้มีเบื้องหลังแน่นอน


ระหว่างคุณยายกับตระกูลอัศวะเหมินทร์ มีเรื่องอะไรกันแน่นะ





โปรดติดตามตอนต่อไป...

ปล. เห็นตรงโปรไฟล์ผู้อ่าน มีให้คะแนนชื่นชมด้วย ผมอยากให้คะแนน ทั้งสาม User
ได้แก่คุณ kong6336 Nattie69 lovejinjunno ต้องทำยังไงครับ
ปล.2 ขอบคุณทั้งสามท่านที่เม้นให้นะครับ เป็นพลังบวกการแต่งนิยายที่ดีของผมเลย ส่วนผู้อ่านท่านอื่น ก็ขอบคุณเช่นกันครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2022 13:32:48 โดย วริทธิ์ »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ขอถอนคำพูด ไม่ชอบพี่โทที่สุดแล้ว ใจร้ายมากอ่ะ อยากพาจอมใจกลับบ้าน พี่โทจะได้หาน้องไม่เจอ

ความพยายามของพี่เฟรมกำลังจะสัมฤทธิ์ผลแล้ว แต่ยังไงก็ต้องรอดูอีกที วิวนี่คือใคร แฟนเก่าพี่เฟรมป่าวนะ

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 10



หาวววววว



“ง่วงนอนชะมัด” โตเกียวอ้าปากกว้าง ก่อนจะตัดสินใจฟุบหลับลงบนโต๊ะเหล็ก 


ช่วงนี้กลุ่มของพวกเขายึดห้องสมุดเป็นสถานที่หลักในการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ ซึ่งการทดสอบปลายภาคการเรียนที่หนึ่งกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่กี่วันนี้ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง รายวิชาที่เรียนไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ถ้าหากเลินเล่อ ผลการเรียนวัดระดับอาจตกต่ำไม่ดีตามมาได้


ชนัสถ์นันท์ เคยได้ยินรุ่นพี่สายรหัสปีสองเล่าให้ฟังว่า ช่วงปีแรกเป็นปีที่ต้องกอบโกยคะแนนให้มากที่สุด หลังจากนี้ชั้นปีถัดๆไปจะเริ่มเก็บคะแนนยากขึ้น


“โอ้ย! เจ็บๆๆๆ ฟอร่าจะหยิกแขนเราทำไมเนี่ย” คนที่เพิ่งฟุบหลับลงบนโต๊ะร้องลั่น เมื่อจู่ๆเขาก็เจ็บบริเวณท้องแขน

“เขาให้มาติวหนังสือไม่ใช่ให้มาหลับนะ อีกไม่กี่วันก็สอบวิชาแรกแล้ว นายนี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ”

“แต่ก็เป็นแค่วิชาของมอ ไม่ใช่หรอ ใครๆก็บอกว่าง่ายนี่นา” โตเกียวน้ำเสียงอิดออด

“แต่ถ้าไม่อ่านเลยแบบนี้เดี๋ยวก็แย่เอาหรอก” เธอว่าต่อก่อนจะหน้ามุ้ยไม่สนใจโตเกียวอีก

“จ้ะๆๆ โอเคๆ อ่านต่อแล้วจ้ะ” โตเกียวเห็นท่าทางแบบนั้นของฟอร่า ก็อดคิดถึงความหวังดีไม่ได้

“เบาๆหน่อยจะได้ไหม พวกเธอสองคนทำคนอื่นหันมามองหมดแล้วนะ” จัตวากระซิบบอกเพื่อนของเขา

และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงบริเวณนี้จะมีคนนั่งอยู่ไม่มาก แต่เสียงร้องตะโกนของโตเกียวเมื่อครู่ เรียกสายตาจากแขกได้ดีจริงเชียว




ผ่านไปสองชั่วโมงเศษ ทั้งสามคนเริ่มล้าจากการเพ่งสายตาอ่านชีทเรียน และหนังสือสองสามเล่มเต็มทน แค่มองตากันไปมาก็สื่อถึงกันได้อย่างลึกซึ้ง ว่าตอนนี้คงต้องพักเรื่องหนังสือเอาไว้ก่อน ออกไปหาอะไรกินมื้อเที่ยงค่อยกลับมาสู้ต่อช่วงบ่าย ถึงอย่างไรเสีย พวกเขาก็ว่างทั้งวันอยู่แล้ว


โตเกียวเดินนำหน้าทุกคนออกมาจากห้องสมุด พลางทำท่าบิดขี้เกียจสองสามท่า ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนี้เป็นตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ใต้ตึกเรียนชั้นหนึ่งมีร้านอาหารและกาแฟที่อร่อยๆอยู่ที่นั่นด้วย


“เราลองไปกินข้าวใต้ตึกวิศวะมั้ย  เป็นร้านโปรดของเราเลยนะ เวลามาหาพี่ที่นี่...”

ฟอร่าชวนโตเกียวและจัตวา พร้อมชี้ไปยังเป้าหมาย ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก เท่าที่ดูจากสายตาตรงนี้ คนไม่เยอะมาก อาจจะเป็นเพราะวันนี้วันหยุดด้วย

จะว่าไป เฟรมโต้ เคยบอกอยู่ว่าเขาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่เอกอะไรนั้นเขาจำไม่ได้หรอก เมื่อก่อนจัตวาไม่ค่อยใส่ใจเขาในช่วงนั้นมากนัก และที่สำคัญเขาไม่เคยคิดจะมาที่คณะนี้เลย จนกระทั่งวันนี้


“จริงสิ เห็นว่าวันนี้พี่เฟรม แวะมาส่งงานอาจารย์หนิ เดี๋ยวเราโทรหาพี่ชายแป๊บนึงนะ "

“ฮั่นแน่ รู้งานนะฟอร่า” โตเกียวแซวเมื่อเห็นฟอร่าทำท่าทีจะเป็นแม่สื่อให้พี่ชายตัวเองกับเพื่อนสนิทได้คุยกัน

“พูดมากจริงเลยนายเนี่ย” เธอมองค้อนกลับไป พร้อมกดโทรออกไปยังคนปลายสาย ไม่นานนักเจ้าของเบอร์ก็กดรับ



“ว่าไงฟอร่า”

“พี่เฟรม สงงานอาจารย์เสร็จรึยังคะ”

“เสร็จแล้ว มีอะไรรึเปล่า?”

“คือฟอร่ากับเพื่อนๆมาติวกันที่ห้องสมุด ตอนนี้กำลังจะแวะไปกินข้าวที่ร้านอาหารใต้ตึกคณะพี่อ่ะ พี่อยู่ไหน ไปกินด้วยกันมั้ย”

“ตอนนี้นะหรอ เอ่อ....คือ.... จัตวาก็มาด้วยหรอ”

“ใช่ๆ  ตอนนี้พวกเรากำลังจะถึงร้านแล้ว พี่อยู่ไหน”

“พี่ขับรถออกมาจากคณะแล้วอ่ะ กำลังจะ...” ศิลาโรจน์หยุดพูด พร้อมหาเหตุผลที่เข้าท่า “...กำลังจะกลับหอแล้ว”

“เอ้าหรอ ว้าาาาา  แบบนี้ก็อดเจอจัตวานะสิ” ฟอร่าว่าพลางหันมามองหน้าเพื่อนหนุ่มเชิงหยอกล้อ

“พี่โทรหาวาไม่ติดตั้งแต่เช้าเลย พี่ขอคุยกับวาได้ไหมฟอร่า”

“ได้สิ แต่ขึ้นอยู่กับว่า อีกคนอยากคุยด้วยรึเปล่านะ”

“แค่ยื่นมือถือให้จัตวาก็พอฟอร่า” เขาทำเสียงดุ เมื่อรู้สึกว่าน้องสาวตัวเองแกล้งเขาจนเกินไป

“ก็ได้ๆ  อ่ะวา พี่เฟรมอยากคุยด้วย”  จัตวารับมือถือของฟอร่ามาแนบใบหูอย่างเต็มใจ 


“ฮัลโหลพี่เฟรม ขอโทษทีนะครับพี่ วาต้องการสมาธิอ่านหนังสือเลยปิดเครื่องไป”

“ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจ พี่แค่เป็นห่วงวาเฉยๆ” 

จัตวารู้สึกดีใจเมื่อได้ยินแบบนั้น แม้ว่ารอบตัวของเขาจะมีคนคอยเอาใจมากมาย ไม่ว่าจะพี่ชายทั้งสาม หรือว่าจะเป็นทางบ้าน  แต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับคนรักคนหนึ่งทำให้เขาเลย มันดีกว่ามากจริงๆ

“ขอบคุณนะครับ งั้นเดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะ”

“เดี๋ยวสิวา  พี่ว่าวาแทนตัวเองด้วยชื่อ น่ารักกว่านะครับ ”

“ผมยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่จะพยายามนะครับ”

“ครับผม คิดถึงนะ”

“เหมือนกันครับ ตอนเย็นเดี๋ยวผมจะโทรหา”

“ได้ครับ บาย”


ทั้งโตเกียวและฟอร่าต่างยืนรอจัตวา หูที่ไม่คิดจะได้ยินบทสนทนา กลับดันได้ยินชัดเจนไปเสียเอง พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังคนพรอดรักคุยกันหรอกนะ

“อะไรของพวกเธอเนี่ย มองแบบนี้ อย่าแซวเชียวนะ” จัตวาเบรกเพื่อนทั้งสอง เหมือนรู้ทัน

“จ้าๆ ไม่แซวจ้า เห็นเพื่อนมีความสุข พวกเราก็มีความสุข ใช่ไหมโตเกียว”

“ช่ายยยยยย” โตเกียวลากเสียงยาว จนจัตวาอายหน้าแดง ทำได้แค่เพียงทำหน้ามุ่ยเดินนำทุกคนเข้าไปในร้านอาหาร


นั่งรับประทานอาหารกลางวันได้ไม่นาน เมนูที่ถูกสั่งก็หมดเกลี้ยง ไม่เสียแรงที่ฟอร่าแนะนำให้ลองมาชิม ว่าแต่  ทำไมร้านอาหารอร่อยๆแบบนี้ไม่มีที่คณะบริหารธุรกิจของพวกเขาบ้างนะ 


เสร็จแล้วก็ต่อร้านกาแฟข้างๆกันเลย จัตวาฝากสั่งเมนูสุดโปรดของเขาเอาไว้ ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน แต่พอไปถึง บังเอิญสวนทางกับชายคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ดูเหมือนจะเป็นรุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่คุ้นหน้าคุ้นตา พบเจอประมาณหนสองหน 


“เอ้า ใช่น้องจัตวาไหมครับ” เป็นไปตามคาด อีกฝ่ายก็เหมือนจะจำเขาได้จึงเริ่มทักทายเขาก่อน

“ใช่ครับ สวัสดีครับ  พี่...” จริงสิ เขาชื่ออะไรนะ เคยได้ยินแต่เฟรมโต้เรียกบ่อยๆ แต่ไม่ได้สนใจชื่อนี้มากนัก

“แมมมอธครับ เรียกมอธ เฉยๆก็ได้พี่ไม่ติด” เขาว่าพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“ครับผม วันหยุดแบบนี้มีเรียนหรอครับ” เขาถามไปแบบนั้น ทั้งที่จริงก็พอเดาได้ว่าคงมาส่งงานอาจารย์เหมือนศิลาโรจน์

“อ้อ เปล่าหรอก พี่มาส่งงานน่ะ แล้วนี่มากับไอ้เฟรมใช่ไหม?”

หืม...ทำไมรุ่นพี่ตรงหน้าถึงคาดคะเนถามแบบนั้นล่ะ  ทั้งที่จริงคำถามนี้มันควรเป็นเขาที่ต้องเป็นฝ่ายพูดไม่ใช่หรือ

อีกทั้ง....จริงอยู่พักหลังมานี้ จัตวาเปิดใจคบหากับเฟรมโต้ แต่ก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขนาดนั้นเสียหน่อย 

นี่มันเรื่องอะไรกัน ขอฟังข้อมูลเพิ่มเติมต่อสักหน่อยก็แล้วกัน



ไอยเรศไม่เห็นว่าจัตวาจะปฏิเสธอะไร มีเพียงรอยยิ้มส่งให้กับเขา เขาถึงกับฉีกยิ้มกว้างพร้อมพูดต่อ


“...ไอ้เฟรม มันบอกจะส่งงานเหมือนกัน เมื่อเช้าจะชวนมันมาพร้อมกัน แต่มันปฏิเสธพี่ ที่แท้วางแผนมากับน้องวานี่เอง ไอ้นี่ทีตอนถามไม่ยอมตอบ จะปิดบังอะไรวะ เพื่อนทุกคนเขารู้หมดแล้วว่าน้องวากับมันคบกันอยู่ จะปิดเพื่ออะไร งงกับมันจริงๆ ฮ่าๆๆ”


รุ่นพี่พูดเสียยาวเฟื้อย แต่ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ จัตวายิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก เฟรมโต้  นี่นายกำลังมีความลับอะไรที่ยังไม่บอกหรือเปล่า


“...ชวนคุยซะนาน โทษทีนะ จะเข้าห้องน้ำก่อนไหม ”

“อ้อ ครับผม พี่รีบไปไหนไหมครับ ”

“ไม่นะ พี่ส่งงานเสร็จแล้วก็ว่าจะกลับหอเลย”

“งั้นพี่รอผมแป๊บนึง ขอเข้าห้องน้ำก่อน มีเรื่องจะคุยด้วยครับ”

“อื้ม..ได้สิ" ไอยเรศตอบรับจัตวาไปแบบงงๆ แต่ในเมื่อได้รับปากไปแล้ว ยังไงก็ต้องรอจนกว่าจัตวาจะทำธุระส่วนตัวเสร็จ 

 







บ้านอัศวะเหมินทร์


วันหยุดทุกสัปดาห์ จะไม่ให้กลับมาหาป้าตัวเองได้อย่างไร  จอมใจนั่งรถเมล์แล้วต่อวินมอเตอไซต์ให้มาส่งถึงหน้าคฤหาสถ์ใหญ่  ปกติเขาจะกลับมาพร้อมจัตวาและไม้ตรี แต่สัปดาห์นี้เขาต้องกลับมาคนเดียว อันที่จริงจัตวาชวนเขาอยู่คอนโดต่อ เพื่ออ่านหนังสือเตรียมความพร้อมช่วงสอบเก็บคะแนน แต่เรื่องการเรียนนั้น เขาค่อนข้างหัวไว และเข้าใจอะไรได้ง่าย อีกอย่างวิชาที่เรียนเทอมแรก ไม่ได้ยากมากนัก 


จอมใจตัดสินใจกลับมาบ้าน พร้อมนำเอาชีทเรียนและหนังสือบางเล่มกลับมาอ่านด้วย เขามีสอบอีกทีคือวันพุธ ส่วนวันจันทร์อังคารที่จะถึงนี้ ไม่มีการจัดการเรียนการสอนแล้ว ช่วงนี้เขาจะใช้เวลาทบทวนจดจำบทเรียนให้ขึ้นใจ 


อีกอย่างถ้าหากเขาไม่กลับมา อุ่นเรือน ป้าของเขาจะต้องเป็นห่วงแน่ๆ กลับมาทุกสัปดาห์ให้เธออุ่นใจเสียจะดีกว่า อีกทั้งจะได้ดูแลตอบแทนที่ป้าพาเขามาพบเจอโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตอย่างตอนนี้  หากเขาปฏิเสธแต่แรก เห็นทีระดับการศึกษาของเขาคงสิ้นสุดอยู่เพียงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย


การกลับมาที่คฤหาสน์ครั้งนี้ อุปสรรคเดียวที่เขาหวั่นใจ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น ชรินทร์วรัช หรือคุณไม้โท นั่นเอง


“ทำงานตั้งแต่เช้าแล้วนะ พักเสียบ้างสิจอมใจ”เสียงทุ้มน่าเกรงขาม กำลังพูดคุยกับเขา 

“ไม่เป็นไรครับคุณท่าน ผมขอเช็ดทำความสะอาดตรงนี้อีกสักพักครับ” จอมใจตอบพร้อมรอยยิ้ม ตุลาการเองไม่ได้ขัดอะไร ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือที่อยู่ในมือต่อ

อย่างน้อย การที่จอมใจทำความสะอาดบ้านหลังนี้ เขาจะปลอดภัยจากเงื้อมมือของไม้โท รายนั้นไม่กล้าเข้ามาสร้างเรื่องกวนใจเขาถึงที่นี่แน่ 

แต่ถึงอย่างไร ช่วงบ่ายสาม เขาต้องไปทำความสะอาดที่เรือนคุณยุกต์ไชยัน  ซึ่งแน่นอนว่าคุณไม้โทอยู่ที่นั่น แค่คิดเฉยๆก็หนักใจแล้ว ได้แต่หวังให้เขาไม่อยู่บ้านในช่วงเวลานั้นก็แล้วกัน



“เจ้าจอม ใกล้เสร็จหรือยัง ป้าจะเสิร์ฟชาร้อนให้คุณท่านแล้ว เดี๋ยวละอองฝุ่นจะตกลงแก้วชาหมด” อุ่นเรือนเดินเข้ามาถามหลานชายของเธอ 

“เสร็จพอดีเลยครับป้า ” หนุ่มตัวน้อยยิ้มร่า

“อืม ถ้างั้นไปพักผ่อนเถอะ บ่ายสามจะต้องไปทำความสะอาดเรือนคุณยุกต์ไชยันต่อนี่”

“ครับ” จอมใจทำสีหน้าหนักใจ เผยต่อหน้าอุ่นเรือน เธอถอนหายใจไปหนึ่งครั้ง เข้าใจดีว่า หลานชายกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่

มือของเธอเอื้อมไปวางแตะที่ไหล่จอมใจ พลางให้กำลังใจ

“คุณไม้โทน่ะ เนื้อแท้ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร แต่เรื่องความเจ้าชู้ ป้าเองก็เห็นมามาก แต่ไม่คิดว่ากับผู้ชายด้วยกันคุณไม้โทก็ไม่เว้น เรื่องนี้ป้าเองก็ตกใจ แตกต่างจากคุณท่านที่ทราบเรื่องแต่กลับไม่มีท่าทีตกใจใดๆเลย”

เธอพูดพลางนึกไปถึงเหตุการณ์การวันดังกล่าว 

“ป้า ผมกลัว...”

“ให้ป้าไปเป็นเพื่อนไหม”

“แล้วใครจะอยู่ดูแลคุณท่านที่นี่ล่ะครับ”

“ไอ้เจ้านี่ สรุปห่วงตัวเองน้อยกว่าคุณท่านหรือไง”

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ คุณท่านมีบุญคุณกับผมนะ” จอมใจตอบอุ่นเรือนไป

“เห้อ เจ้าจอมเอ้ย ป้าขอโทษนะที่พาแกมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ป้าผิดเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับป้า แค่นี้เอง หากเลยเถิด มันก็ไม่ใช่ปัญหา ผมท้องไม่ได้อยู่แล้ว”

“เจ้าจอม แกคิดไปถึงไหนกัน...” อุ่นเรือนตั้งท่าจะดุหลานชาย

“เปล่าหรอกครับป้า ผมแค่คิดเผื่อไว้เฉยๆ เหตุการณ์มันคง...ไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วแหละ” เขาเปรยเสียงแผ่วลงตอนท้าย บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจกับการคาดคะเนของตัวเองเหมือนกัน

“ไอ้จอมเอ้ย ลำบากแกแล้ว ” อุ่นเรือนเป็นห่วงหลานชายตัวเองจับใจ



แต่สุดท้ายไม่ว่าอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด ช่วงเวลาที่เขากลัวที่สุดได้เดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้เขาหยุดยืนมองบ้านหลังใหญ่ ติดป้ายบ้านด้านหน้าชื่อว่า วรรณยุกต์ เหลือบมองไปยังโรงจอดรถด้านซ้ายมือ เห็นรถยนต์คู่ใจของไม้โทจอดสนิทเรียงราย 


ยังอยู่ครบทั้งสองคันเช่นนี้ แต่รถของคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงกลับหายไป แน่นอนว่าคนในบ้านที่เหลืออยู่คนเดียวนั้น คือคุณไม้โท คงอยู่ที่ไหนสักห้องในบ้านหลังนี้ จอมใจถอนหายใจพร้อมรวบรวมความกล้า เขาต้องเผชิญหน้ากับมันให้ได้ 


มือเล็กเอื้อมไปผลักประตูบานใหญ่ตรงหน้า เมื่อย่างก้าวเข้ามาในตัวบ้าน ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่พบใครอยู่ชั้นล่าง จอมใจโล่งใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อย การทำความสะอาดบ้านชั้นแรก ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว


เขาเดินไปยังมุมอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่างคุ้นเคย มันอยู่บริเวณท้ายห้องครัว ก่อนจะเดินออกไปปัดกวาดเช็ดถูห้องลำลอง เป็นห้องแรก 


จอมใจวาดไม้กวาด ทำความสะอาดอย่างคล่องแคล่ว พลางฮำเพลงสุดโปรดไปด้วย หากร้องเพลงดังมากกว่านี้เกรงว่าจะไปสร้างความรำคาญให้อีกคนบนชั้นสองได้



หมับบบบ 



“อื้ออออ” ฝ่ามือใหญ่รีบรุดปิดปากเขาอย่างรวดเร็ว

“ชู่วววววว ที่รัก  คิดถึงจังเลย ฮึฮึ” 


ปักกกกกก   ด้ามไม้กวาดหลุดออกจากมือจอมใจ ตกหล่นกระแทกพื้นกระเบื้องเสียงดังก้อง


ขณะนี้ตัวเขากำลังลอยขึ้นเหนือพื้น  จากแรงยกที่เกิดจากชายร่างกำยำที่เผลอเข้ามากอดรัดเขาจากด้านหลังเมื่อครู่    ฝ่ามือที่เขาปิดปากเอาไว้ไม่มีท่าทีผ่อนปรน มีแต่จะปิดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“อื้ออออ อื้อออออ” จอมใจพยายามสุดฤทธิ์ ทั้งดิ้นทั้งพยายามจะพูด แต่ไม่เป็นผลใดๆเลย

“ห้องนอนฉันก็รกนะ เดี๋ยวพาไปทำความสะอาด เอาให้สะอาดเลยนะ ที่รัก...”

เสียงกระซิบแหบพร่านั่น บรรจงยั่วยวนสร้างอรรถรสแก่เขาอย่างมาก แต่เขากลับรู้สึกสะอิดสะเอียนมากกว่าจะมีอารมย์ร่วมได้ 


คุณไม้โท สำหรับผมแล้ว คุณช่างใจร้ายเหลือเกิน... 






โปรดติดตามตอนต่อไป...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2022 20:55:19 โดย วริทธิ์ »

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ วริทธิ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตอนที่ 11



เจ็บเหลือเกิน...


เกิดอะไรขึ้นกับช่วงล่างเอวของเขากันแน่ ไม่เคยรู้สึกเจ็บบั้นท้ายช่วงล่างเท่านี้มาก่อนเลย...


ฮึก อะไรกัน เจ็บจนขยับตัวนั่งแทบไม่ได้ 


“โอ้ย  เจ็บ....”


“จอมใจ ฟื้นแล้วหรอ อย่าเพิ่งขยับตัวสิ” เสียงนี้ คุ้นเหลือเกิน ต้องเป็นคุณจัตวาแน่

“คุณวา คุณวาจริงๆด้วย แล้วนี่ผม... ”


ดวงตาแสนเหนื่อยล้า ก้มมองดูสภาพตัวเองอย่างทุลักทุเล เขากำลังสวมใส่ชุดคนไข้ และตอนนี้ที่ที่เขาอยู่ไม่ใช่บ้าน แต่เป็นโรงพยาบาลต่างหาก


“พี่ไม้เอกโทรบอกเรา ว่านายไม่สบายจนสลบไป ทำไมยังฝืนไปทำความสะอาดที่บ้านคุณพ่อคุณแม่เราอีกล่ะ น่าจะนอนพักนะ  อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว ทำไมไม่ดูแลตัวเองให้ดีดี  ทีหลังจะไม่ปล่อยให้กลับมาบ้านคนเดียวอีกแล้ว บอกไม่เคยจะฟังเลย....”

หากให้จอมใจเดา จัตวาคงไม่รู้เรื่องราวี้ก่อนหน้านี้ นี่แปลว่าคุณไม้เอกที่จัตวาบอกนั้น ไม่ต้องการให้รับรู้เรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ   

เขาปล่อยให้เพื่อนสนิทที่ประหนึ่งเจ้านายอีกคน พร่ามบ่นเขาไปเรื่อย เขาเข้าใจดีว่าจัตวาเป็นห่วง  แต่ว่า แค่ย้อนคิดกลับไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพแบบนี้ ก็เจ็บใจโกรธขึ้นมาทันที


ทุกภาพที่หมุนเวียนเป็นเรื่องราวผ่านความนึกคิด ฉายต่อเนื่องในหัว  ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ


ทำไมถึงทำกับผมได้ คุณชรินทร์วรัช  คุณช่างใจร้ายเหลือเกินนะ


“...นี่จอมใจ ฟังอยู่รึเปล่า นายอยากพักผ่อนต่อไหม”

“เอ่อฟะ...ฟังอยู่ครับ ขอบคุณคุณวามากนะครับที่เป็นห่วง ”

“จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงนายก็เพื่อนเราคนนึงนะ กินข้าวกินยาแล้วนอนพักเถอะ เผื่อพรุ่งนี้หายดีจะพากลับคอนโดเลย ”

“ครับคุณวา”

“พรุ่งนี้เรามีสอบ ว่าจะขอกลับก่อนแล้วกัน ไว้สอบเสร็จจะมาเยี่ยมใหม่นะ”

“เอ่อ... เดี๋ยวครับคุณวา...”

“หื้ม มีอะไรรึเปล่า?” จัตวามองด้วยความเป็นห่วง

“อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะครับ พรุ่งนี้ผมก็คงหายแล้ว” ถือว่าขอร้องสักครั้ง เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องอัปยศนี้

“แค่เรื่องที่นายป่วยเนี่ยนะ  โอเคๆ เรารับปากนายแล้วกัน ไปแล้วนะ พักผ่อนเยอะๆ บาย”

เมื่อจัตวากลับไป ทั้งห้องก็มีเพียงเสียงโทรทัศน์ดังคลอเป็นเพื่อน ผ่านไปหลายชั่วโมง ยังไม่มีวี่แววใครมาเยี่ยมเขาต่อจากจัตวาอีกเลย





จนกระทั่งเกือบสามทุ่มของวันนั้น ขณะที่จอมใจกำลังจะพักผ่อน เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น เขายังหลับไม่สนิทจึงค่อยๆลืมตาตื่น หันไปเพ่งมองการมาเยือนของใครบางคนหน้าประตู

ร่างสูงโปร่งเช่นนั้น แม้แสงสว่างจะมีไม่มากเท่าไหร่ แต่เขาพอจะมองออกจากรูปลักษณ์หรือแม้แต่การแต่งตัว ขอแค่ไม่ใช่คนคนนั้น จอมใจไม่มีอะไรต้องกังวลใจทั้งสิ้น

“คุณไม้เอก สวัสดีครับ”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้ พร้อมเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟข้างเตียงนอน แล้วพยายามดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง

“โอ้ยยยย” ยังเจ็บเหมือนเดิม ไม่ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย เขานั่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มันเจ็บบริเวณรูทวารไปหมด

“นอนลงเถอะ อย่าฝืนเลย ฉันจะไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ พูดเสร็จจะไปทันที” เสียงทุ้มนั้นเปรยบอก พร้อมปิดประตูจนสนิท

เสียงรองเท้าคัทชูดัง กึบกึบ ขานรับเมื่อเหยียบกระทบพื้น  ธิบดิ์ภวินกำลังเดินตรงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หากให้จอมใจเดาแล้ว เขาคงออกจากที่ทำงานแล้วตรงมาเยี่ยมทันที


แต่แล้ว จอมใจพลางนึกขึ้นมาได้ ที่จัตวาเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ ไม้เอกเป็นคนพาเขามาที่โรงพยาบาล นั่นก็หมายความว่า ไม้เอกอาจจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ระหว่างเขากับไม้โทแน่นอน


“แววตาของเธอ มีความสงสัยเต็มไปหมดเลยนะ”

เป็นไม้โทที่ยืนพูดอย่างสุขุมข้างเตียงของเขา ราวกับอ่านใจของคนป่วยได้  ไม่แปลกใจเลยสักนิด  ที่ทำไมจัตวาถึงได้หวั่นเกรงพี่ชายคนโตนัก เพราะแม้แต่จอมใจเองยังรู้สึกกลัวไม่ต่างกันเลย

“ขอบคุณนะครับ”  เขาเลี่ยงไม่ตอบคำถามเดาใจนั้นของไม้เอก แต่เปลี่ยนเป็นขอบคุณแทน

“ที่ฉันมาหาวันนี้ ไม่ต้องการฟังคำขอบคุณจากเธอหรอกนะ  แต่ฉันมาเพื่อ ขอโทษ"

น้ำเสียงจริงจัง เน้นหนักคำพูดท้ายประโยค จอมใจรับรู้ได้ว่าเขาจริงใจ  แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะคนที่ทำแบบนี้กับเขา ไม่ใช่ไม้เอก แต่เป็นไม้โท   ไม้โทคนนั้นต่างหากที่ทำให้เขามีสภาพแบบนี้ 

เมื่อนึกถึงช่วงเวลาอันแสนทรหดนั่น จู่ๆน้ำตาเจ้ากรรมกลับเอ่อล้นท่วมนัยน์ตาทั้งสองข้าง 


“คุณไม้เอก...”

“ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่ในฐานะพี่ใหญ่ ฉันต้องทำ และจะทำโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเธอ”

“...”

เคยได้ยินมาบ้างจากจัตวา ว่าไม้เอกเป็นคนไม่ชอบพูดอะไรมากมาย  แม้วันนี้จะดูขัดไปบ้างกับสิ่งที่รู้มา แต่ในประโยคที่แสนยาวเหยียดเช่นนี้ ทุกคำช่างมีเหตุและผล แฝงไปด้วยความทะนงตนของเขาเช่นเดิม

“...ส่วนน้องชายของฉัน ฉันรับรองได้ว่าเขาจะต้องชดใช้การกระทำนี้ตามสมควร”

“คุณไม้เอก จะแจ้งความหรอครับ!”

จอมใจถามออกไปดื้อๆตามสิ่งที่คาดการณ์เอาเอง ด้วยคำพูดก็ดี การกระทำของไม้เอกก็ดี มันสื่อไปในทิศทางเช่นนั้น

“ถ้าใช่  เธอจะทำไม” เขาตอบหยั่งเชิง

“อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยนะครับ ผมขอร้อง”


ไม่มีเสียงตอบจากชายร่างสูงที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่  ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ เงียบจนจอมใจเองรู้สึกกดดันและหวาดหวั่นไปในตัว  พวกเขาอยู่ในความเงียบเช่นนี้เกือบครบนาที  จนกระทั่งมีคำพูดออกมาจากปากเขา...


“ไม่ว่าจะหนี้บุญคุณของคุณปู่  หรือความหวาดกลัวของเธอ เธอไม่ควรขอร้องแทนไม้โท  เธอควรนึกถึงความเป็นธรรมให้ตัวเอง แค่นั้นก็พอ พักผ่อนซะ”


ธิบดิ์ภวิน พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป จอมใจใช้ช่วงเวลานี้ถอนหายใจออกมาแบบโล่งอก เขารู้สึกกดดันเหลือเกินเมื่ออยู่กับไม้เอก  ช่างเย็นชาอะไรขนาดนี้

ไม่ว่าสิ่งที่ชายทะนงตนผู้นั้นจะจัดการเรื่องนี้ยังไง  เขารับรู้ได้ถึงสิ่งที่ไม้โทต้องชดใช้ เขาทั้งโกรธและเกลียดคนที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่อยากให้ถึงขั้นให้กฏหมายต้องเข้ามาสะสาง

ไม่สิ  เข้าคิดมากเกินไป  ไม่มีทางที่ตระกูลอัศวะเหมินทร์ หาเรื่องทำให้ตัวเองด่างพร้อยในชื่อเสียงเป็นอันขาด  แต่กลับอดคิดไม่ได้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ไม้เอกกำลังคิดวิธีจัดการกับไม้โทและเรื่องนี้อย่างไร


“คุณจะต้องชดใช้ คุณไม้โท”

 

 



บ้านอัศวะเหมินทร์



รถหรูเข้าจอดตรงพื้นที่คุ้นเคย  เจ้าของรถดับเครื่องยนต์แต่ยังคงนั่งนิ่งภายในรถต่อ เขาพลางนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้  เขาไม่คิดเลยว่าไม้โทจะกล้าทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้

*

*

*

*

ในช่วงเวลาดังกล่าว เขาเพิ่งกลับถึงบ้าน กำลังจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน ก็พบอุ่นเรือนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเขา เธอบอกว่ามาตามหาจอมใจหลานชายที่เข้าไปทำความสะอาดในตัวบ้าน แต่หายไปสามชั่วโมงแล้วยังไม่ออกมา ช่างผิดวิสัยของเด็กคนนั้นมาก   

ทีแรกเขาไม่เข้าใจในความตื่นตระหนกของอุ่นเรือนนัก จนกระทั่งอุ่นเรือนเล่าเรื่องราวบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเด็กหนุ่มคนนั้นกับน้องชายตัวดีของเขา   จึงตัดสินใจช่วยตามหา 

อุ่นเรือนร้องเรียกจนทั่วบ้านก็ไม่มีเสียงใดๆขานรับ  ส่วนไม้เอกกลับเลือกที่จะตรงดิ่งไปยังชั้นสองของตัวบ้าน จุดหมายปลายทางคือห้องของไม้โทน้องชายของเขา   แต่แล้วจู่ๆ กลับมีคนเดินออกมาจากห้องเป้าหมายด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่เหงื่อที่เกาะบนใบหน้าคมนั้น มันช่างผิดสังเกต

“พี่ใหญ่ ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วจังครับ” แน่นอนว่าเวลากลับบ้านของไม้เอกคือสองสามทุ่มเป็นต้นไป แต่นี่เพิ่งจะสี่โมงเย็นเท่านั้นเอง

“ที่ประชุมเลิกเร็ว” เขาพูดพลางมองพินิจท่าทีน้องชาย “แกเห็นหลานชายของป้าแม่บ้านไหม”

“ไม่นะครับ ไม่ใช่เขาไปทำความสะอาดบ้านลุงยศต่อรึเปล่า” ไม้โทยังคงตบตาเขา แต่เล่นตลกไม่เก่งเอาเสียเลย

“เหลวไหล! หลบไป”


ไม้เอก ตะหวาดน้องชาย จนกระทั่งตัดสินใจหลบทางให้  เพียงแค่เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องเท่านั้น ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นร่างหลานชายของอุ่นเรือนเปลือยเปล่าบนเตียง สภาไม่ได้สติ โชคดีที่ผ้าห่มปิดบริเวณนั้นไว้ ไม่เช่นนั้นต่อให้ไม้เอกไม่อยากเห็นก็คงหลบสายตาไม่พ้น


ไม้เอกยอมรับว่าเขาโกรธและผิดหวังในสิ่งที่น้องชายทำมาก แต่พอหันกลับมามองคนต้นเรื่อง กลับพบความรู้สึกผิดในแววตาของไม้โท  พร้อมทั้งท่าทีของน้องชายเขาเหมือนจะเป็นห่วงจอมใจมากเช่นกัน 


แต่จากที่ประเมินสถานการณ์ คงเดาได้ว่าไม้โทคงคิดไม่ออกว่าจะจบปัญหานี้อย่างไร หากคุณพ่อคุณแม่มาเห็นสิ่งนี้แทนเขา   เขาแทบไม่อยากจะคิดเลยว่าเรื่องจะบานปลายแค่ไหน....


“นี่แก ชอบเด็กคนนี้?” ไม้โทค่อยๆพยักหน้าให้พี่ชายตนเอง 

“พี่ใหญ่ ผมผิดไปแล้ว ผมชอบเขา แต่ผม...ผมก็ทำเขาเจ็บ”

“นั่นครั้งแรกของเขาใช่ไหม” คนเป็นพี่ถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“น่าจะใช่...เพราะตอนที่ผมทำเสร็จ มีเลือดไหลออกมาด้วย” 

“ห้ะ!  แกทำไมไม่ระวังเอาซะเลย ผู้ชายไม่สามารถขยายได้เร็วเท่าผู้หญิง แกหุนหัน ทำเร็วเกินไปมั้ยไม้โท!”  ไม้เอกต่อว่าน้องชายอย่างหนัก พอเห็นน้องชายหน้าสลดราวกับคนรู้สึกผิด เขาจึงค่อยๆสงบสติอารมย์ก่อนจะพูดต่อ   

“ไปปลุกเขาใส่เสื้อผ้า”

“ผมพยายามปลุกแล้วครับ แต่จอมใจไม่ตื่น”

“ว่าไงนะ! แกจะบอกว่า แกทำเขาจนสลบเลยหรอ?”

“ไม่แน่ใจครับ แค่สองยกเท่านั้นเอง”

“นี่แก.... เฮ้อ ช่างเถอะ  ฉันจะโทรหาไอ้หมอ แกรีบไปใส่เสื้อผ้าให้เด็กนั่นเดี๋ยวนี้เลย ”

“ครับ”

 
*

*

*


และแล้วเรื่องราวในวันนั้น ไม่มีใครรับรู้นอกจาก เขา ไม้โท อุ่นเรือน และตัวของจอมใจเอง เขาพยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีที่สุด หากคุณปู่รู้เรื่องนี้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่

ธิบดิ์ภวิน ตัดสินใจสลัดความทุกข์เหล่านั้นออกไป ก่อนจะลงจากรถ  เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นเขาในสภาพที่แตกต่างไปจากเดิม


“คุณไม้เอก จอมใจเป็นยังไงบ้างคะ” เป็นเธอที่เฝ้ารอการกลับมาของเขา คงเป็นห่วงหลานชายมาก

“ป้าอุ่นเรือนไม่ต้องห่วงนะครับ เพื่อนผมที่เป็นหมอ เขาบอกว่าอาการอักเสบของแผลฉีกขาดบริเวณทวารหนักจะค่อยๆทุเลาลง คาดว่าพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้”

“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเป็นธุระให้”

“อย่าขอบคุณเลยครับ ทางผมเสียอีกที่ต้องขอโทษป้ากับหลานชาย  เรื่องนี้ผมจะต้องให้ไม้โทได้ชดใช้แน่นอน”

“อย่าให้ถึงขั้นรุนแรงเลยนะคะคุณไม้เอก ถึงยังไงป้าก็ยังรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ ” 

ไม้เอกมองดูสีหน้าและแววตาของอุ่นเรือน เขาเข้าใจดี  เธอกำลังกังวล ไม่อยากให้เรื่องครอบครัวของเธฮทำให้ตุลาการ ปู่ของเขาเดือนร้อน 

“ไม่ได้หรอกครับ ผมตัดใจไปแล้ว  แต่วางใจได้ ผมมีวิธีของผมครับ”

“คุณไม้เอก...”

“ผมขอตัวก่อนนะครับป้า” เขาบอกอุ่นเรือน ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วเดินเข้าไปในตัวบ้านทันที

 

เขาไม่ได้กลับห้องนอนของตัวเองแต่ตรงดิ่งไปยังห้องนอนของไม้โท น้องชายของเขา จากช่วงเวลานั้นจนถึงเวลานี้ เขาได้สั่งห้ามไม่ให้ไม้โทไปไหน นอกจากช่วงรับประทานอาหารเท่านั้น


ก๊อกๆๆ

แอดดดดด



เขาเคาะประตูไม่นานนัก เจ้าของห้องก็เปิดต้อนรับ ดูจากสภาพน้องชาย ช่างทำตัวเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีผิด

“พี่ไม้เอก...เข้ามาก่อนสิครับ”

“อืม”

เขาเดินเข้าไปในห้องน้องชาย ที่ตอนนี้ดูสะอาดขึ้นมาก หากไม่สังเกตให้ดี เขาคงไม่เห็นหนังสือสวดมนต์ฉบับพกพาบนหัวเตียงนอนแน่

“แกกำลังสวดมนต์หรอ"

“มันอาจจะแปลกไปบ้าง  แต่ผมอยากสวดมนต์ให้จอมใจหายดีเร็วๆครับ”

“หึ ถ้าพระธรรมคำสอนแล่นเข้าสมองแกก่อนจะทำเรื่องบ้าๆนี้ลงไป คงจะดีกว่านี้”

“พี่ใหญ่...”

“เอาเถอะ ฉันไม่ได้มาทับถมแกหรอกนะ แต่ฉันมาเพื่อบอกเรื่องสำคัญ  ที่แก...ต้องทำทันทีหลังจากจอมใจสอบเสร็จ”

“อะไรหรอครับพี่ใหญ่ บอกผมมาได้เลย ผมยินดีทำทั้งหมด”

“ข้อหนึ่ง  แกต้องหมั้นกับจอมใจ ต่อหน้าคุณปู่และป้าอุ่นเรือน”

“ห้ะ!  หมั้นหรอครับ” ชรินทร์วรัชหน้าถอดสี

“ใช่ ติดขัดอะไรงั้นเหรอ?” แววตาดุดันของไม้เอกหันไปมองน้องชายด้วยคับข้องใจ เขารู้ดีว่าน้องชายรองของเขารักอิสระ ไม่ชอบผูกมัด

“ปะ...เปล่าครับ มันไม่เร็วเกินไปหน่อยหรอครับ”

“นี่คือข้อบังคับ ไม่ใช่ข้อเสนอแนะ และยังมีอีก...”

“หา.....มีอีกหรอครับ พี่ใหญ่ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรอครับ” ไม้เอกลอบถอนหายใจให้น้องชายตัวดี

“นอกจากหมั้นกับจอมใจแล้ว แกต้องกลับไปเรียนรู้งานที่บริษัทกับฉัน”

“ไม่เอาๆๆๆ ผมยังรักสนุกอยู่ ยังมีอีกหลายที่ที่ผมอยากไป ผมชอบท่องเที่ยวทั่วโลก”

“ความสุขสบายของแกทุกอย่างมันจบแล้ว  แกทำตัวแกเอง ไม้โท”

ไม้เอกคาดโทษน้องชายอย่างหนักแน่น จนอีกฝ่ายเข่าทรุดลงไปจ้ำกับพื้นพรมด้านล่าง ในความหงอยเหงาเศร้าสร้อยไม่ได้เป็นผลต่อการตัดสินใจของพี่ใหญ่อย่างไม้เอกแม้แต่น้อย


“พี่เลือกทางที่ดีที่สุดให้แกได้เท่านี้  ไม้โท  แกไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว”

ไม้เอกยอมแทนตัวเองว่า พี่ ในรอบหลายปี ทิ้งทวนประโยคให้น้องชายก่อนจะออกจากห้องไป ในฐานะพี่คนโต นี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว

นอกจากพลิกสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ได้ ยังช่วยให้ภาพลักษณ์ของไม้โทดีขึ้นด้วย ไม่แน่หากตุลาการชอบใจ ไม้โทจะได้รับความโปรดปราณจากคุณปู่ด้วย  ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว

และที่สำคัญ เกียรติยศแห่งวงศ์ตระกูล  อัศวะเหมินทร์ จะต้องไม่ด่างพร้อยจากเรื่องใดๆเด็ดขาด





โปรดติดตามตอนต่อไป...



ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
พี่ไม้โทใจร้ายที่สุด
ต่อให้รู้สึกผิดแค่ไหน ก็ไม่ยกโทษให้หรอกนะ
นี่ถ้าจัตวารู้ จะผิดหวังแค่ไหนก็ไม่รู้  :katai1: :katai1: :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด