ตอนที่ 5
“
ห้ะ! ว่าไงนะ จะพาเราไปบ้านวาหรอ?”
เสียงอุทานพร้อมสีหน้าตกใจของโตเกียว เล่นเอาฟอร่าที่นั่งอยู่ด้วยนั้น สะดุ้งเล็กน้อย
การไปบ้านเพื่อน มันคงไม่ได้แปลกมากนัก แต่ว่าชนัสถ์นันท์ ได้บอก ที่มาที่ไปก่อนหน้านี้หมดเปลือก โตเกียวไม่มีทางเลือกอื่นใด หากยังอยากเป็นเพื่อนสนิทของจัตวาเช่นเดิม เขาจะต้องไปแนะนำตัวกับ ตุลาการ ผู้เป็นใหญ่แห่ง อัศวะเหมินทร์
“ไม่ต้องกลัวคุณปู่เราหรอก ถึงท่านจะดุแต่ใจดีนะ”
“มั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์กันเชียว หื้ม?” จัตวาส่ายหน้าพร้อมตอบกลับเพื่อน
“เกินครึ่งละกัน”
“ห้ะ! นี่วากะจะให้เราขิตที่คฤหาสน์วาเลยใช่ไหม”
“ไม่ถึงกับขนาดนั้นหรอกโตเกียว เราคนนึงแหละที่เชื่อว่า คุณปู่ของจัตวาใจดี ท่านคงแค่อยากเห็นหน้าเพื่อนของหลานชายสุดที่รักก็เท่านั้นเอง ท่านจะไปทำร้ายโตเกียวทำไม” ฟอร่าให้เหตุผล จนเจ้าตัวคิดตาม
นิ่งไปครู่หนึ่งโตเกียวเริ่มขอกำหนดนัดหมาย
“แล้ว?...จะให้เราไปตอนไหนวา”
“เย็นนี้เลย”
“ห้ะ!...”
“พอแล้วโตเกียว จะอุทานว่า ห้ะ แบบนี้กี่ครั้งกันเชียว” ฟอร่าเอ็ดขึ้น
“โทษที มันชินปากน่ะ นี่วา วันอื่นไม่ได้หรอ?”
“โตเกียวไม่ต้องกังวลหรอก ยิ่งผลัดวันไปนาน ยิ่งทำให้ความไว้วางใจของคุณปู่ลดลงนะ” จัตวาพยายามอธิบาย
“งั้นก็ได้ หวังว่าท่านจะเมตตาเรานะ”
“ทุกอย่างต้องออกมาดีแน่” จัตวาคว้ามือเพื่อนสนิทมากุมไว้ พลางให้กำลังใจ
“ทำอะไรกันอยู่หรอ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังแว่วมาตามสายลม ดึงดูดให้ทั้งสามคนที่นั่งสนทนาอยู่ต้องหาต้นตอของเสียง โดยเฉพาะจัตวา
ช่างเป็นน้ำเสียงที่คุ้นหูนัก
จะว่าไปเขาไม่ได้เจอรุ่นพี่คนนี้มาพักใหญ่แล้วสินะ วันนี้เขาตัดผมทรงใหม่ด้วย ทรงสกินเฮดอย่างนั้นหรอ?
“พี่เฟรม ทำไมมาได้ล่ะ ไม่มีเรียนแล้วหรอ” ฟอร่าถามพี่ชาย
“วันนี้พี่ไม่มีเรียนแล้วล่ะ แล้วนี่...ฟอร่ากับเพื่อนๆมีเรียนต่อไหม” เฟรมโต้ ถามน้องสาวแต่นัยน์ตามองไปยังจัตวา ที่ไม่แม้แต่จะสบตาเขา
“ไม่มีแล้วค่ะ พวกเราแค่นั่งเม้ามอยกันตามประสา”
“หรอ? พี่นั่งด้วยสิ”
“ไม่ดีมั้งพี่เฟรม” ฟอร่าปรายสายตาไปยังอีกคนที่นั่งหน้าหงิกหน้างอ ทำเป็นไม่สนใจ
“สงสัยยังคงโมโหพี่ไม่หาย จะทำยังไงดีน้า...”
“ใครโมโหอะไร พูดมากนักนะนายเนี่ย” สุดท้ายคนหน้ามุ่ยก็ไม่เก็บทรงอีกต่อไป
“ดุซะด้วยแฮะ พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรวาเลยนะ พี่พูดลอยๆเองครับ”
“นี่นาย จะเอาใช่มั้ย!” จัตวาลุกพรวดขึ้นมาประจันหน้ากับรุ่นพี่ ถึงแม้จะสูงเพียงคางอีกฝ่ายก็ตาม
“ใจเย็นๆครับ พี่ล้อเล่น แหม พี่ไม่นั่งแล้ว ยังมีไปทำธุระกับเพื่อนต่ออีก”
“ก็ไปสิครับมาบอกผมทำไมไม่ทราบ หื้ม?”
“เอ่อ....พี่เฟรมเพื่อนเรียกแล้วค่ะ” ฟอร่าดึงชายเสื้อเชิ้ตนักศีกษาพี่ชาย กระตุ้นให้เดินออกไปจากตรงนี้เร็วขึ้น
“โอเค ไว้เจอกันที่บ้านนะฟอร่า พี่โฟร์คจะกลับมาวันนี้ด้วย รีบตามมานะ ห้ามกลับดึกรู้ไหม”
โฟร์คหรอ ชื่อนี้คุ้นหูพิลึก แต่ช่างเถอะ ไม่เห็นจะต้องอยากรู้เลย ตอนนี้จัตวาควรโฟกัสเรื่องของโตเกียวเสียมากกว่า
ตอนนี้รุ่นพี่หน้าหล่อนั่นเดินจากไปแล้ว พอดีกับจังหวะที่พี่สามของจัตวาเดินเข้ามาหา
“พร้อมไหมเด็กๆ”
“พร้อมครับ” จัตวาตอบแทนเพื่อน สีหน้าโตเกียวดูไม่มั่นใจเลย
“แล้วเราล่ะฟอร่าไปด้วยกันไหม” ไม้ตรีถามเพื่อนผู้หญิงคนเดียวของน้องชาย
“อ้อ ไม่ดีกว่าค่ะ ฟอร่ามีนัดกับเพื่อนไว้ว่าจะไปช้อปปิ้งนิดหน่อย ค่อยกลับบ้าน วันนี้ต้องรีบกลับด้วย เดี๋ยวพี่โฟร์คจะรอค่ะ”
“อ้อ โฟร์คกลับมาวันนี้สินะ ไม่ได้เจอกันนานเลย ฝากบอกด้วยว่าพี่อยากเจอ”
“ได้เลยค่ะ ไปก่อนนะคะพี่ไม้ตรี สวัสดีค่ะ”
“หวัดดีครับ ”
คฤหาสน์อัศวะเหมินทร์
“มาแล้วเหรอ”
ทุกคนเดินเข้ามาภายในห้องโถง คฤหาสน์ของตุลาการใหญ่สมกับอำนาจและความมั่งมีเหลือเกิน ในความงดงามของเฟอร์นิเจอร์และสภาพโดยรอบ กลับมีกลิ่นอายความน่ายำเกรงแฝงอยู่
ขณะนี้เจ้าของบ้านในวัยเจ็ดสิบปีเศษนั่งรออยู่ที่โซฟาไม้สักตัวใหญ่ลายมังกรแล้ว แววตาที่พร่ามัวแต่มีความสุขุมเยือกเย็นจดจ้องทุกส่วนบนเรือนกายเพื่อนหลานชายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ส่วนสูงมากกว่าชนัสถ์นันท์เล็กน้อย รูปร่างพอๆกัน แต่สีผิวอาจจะเข้มกว่าสักหน่อย ใบหน้าคมคาย ท่าทีดูเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ โดยรวมไม่ได้มีพิษสงอะไร
ตุลาการเพ่งพิศเพียงครั้งเดียวก็สามารถบรรยายคุณลักษณะภายนอกของโตเกียวหมดจด ที่เหลือก็คงจะเป็นที่มารยาทและการเจรจาแล้ว
“คุณปู่ครับ วาพาเพื่อนสนิทมาพบครับ คนนี้แหละครับโตเกียว ”
“สะ..สวัสดีครับคุณท่าน” โตเกียวรู้สึกฝืนเกินไปหากต้องเรียกคนตรงหน้าว่าคุณปู่ เพราะเขากำลังรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“เรียกฉันว่าคุณปู่สิ”
โตเกียวหันไปมองจัตวา เพื่อขอความเห็น แล้วก็พบกับรอยยิ้มพร้อมการพยักหน้าเบาๆให้
“ครับคุณปู่”
“มานั่งที่โซฟ้าสิ ยืนไกลขนาดนั้นฉันไม่มีแรงตะโกนหรอกนะ”
“ครับ”
หนุ่มน้อยทั้งสองคนพากันเดินเข้าไปนั่งข้างๆตุลาการ โอกาสนี้ชายชราได้มองหน้าชัดๆของโตเกียวนับว่าไม่ใช่คนที่น่ากังวลอะไร ดูเจียมเนื้อเจียวตัว ก็แค่เด็กวัยรุ่นทั่วไป ไมไ่ด้ทะเยอทยานหรือคิดอยากจะเกาะหลานชายเขาหวังร่ำรวยอะไร
“ไม่ต้องเกร็ง ฉันดูดุขนาดนั้นเลยหรอ หรือว่าหลานไปเล่าอะไรให้เพื่อนฟัง”
“เปล่านะครับคุณปู่ วาพูดแค่ว่า คุณปู่ถึงจะดุไปบ้างแต่ก็ใจดี”
“ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าวา ไม่ต้องเล่าหมดก็ได้ น่าขำจริงๆ ใส่ร้ายปู่จนได้ ”
เสียงหัวเราะของชายชรา ทำให้สองคนคลายความตึงเครียดลงมากเสียทีเดียว น้ำชากำลังถูกยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะไม้ตรงหน้าพวกเขา อุ่นเรือนกำลังสอนงานเด็กใหม่ จดจำได้ว่าเป็นหลานชายของเธอที่เพิ่งได้เจอกันครั้งเดียวเมื่อวันที่ไม้โทกลับมาถึงบ้าน
“สวัสดีครับป้าอุ่นเรือน”
“สวัสดีค่ะคุณหนูวา”
“เด็กใหม่คนนี้ หลานชายคุณป้าหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ชื่อจอมใจ น่าจะอายุพอๆกับคุณหนูวานะคะ”
“อ้อ...ครับ เราชื่อจัตวานะ”
ชายหนุ่มยิ้มให้
จอมใจ เพื่อนใหม่ ถึงจะเป็นคนงานของอัศวเหมินทร์ แต่จัตวาไม่ถือตัวหรอก ดูท่าทางแล้วเด็กใหม่คนนี้ก็น่ารักดีนะ น่ารักกว่าเขาเสียอีก ถ้าไม่ติดที่ใส่เสื้อยืดเก่าตัวใหญ่โคร่งแบบนั้น คงจะปรับลุคเขาให้มีสง่าราศรีไม่น้อย
“ดูท่าทางเด็กสองคนจะสนิทกันได้ไม่ยากนะ จัตวาเขาอยู่บ้านกับฉันเพียงสองคน ถ้าวันไหนกลับมาจากมหาวิทยาลัย เธอก็มาเล่นกับจัตวาสิจะได้ไม่เหงา” ตุลาการหันไปชักชวนอนุญาตจอมใจ
“อุ้ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่าน ดิฉันเกรงใจค่ะ เดี๋ยวเจ้าจอมจะดื้อเผลอทำข้าวของเสียหาย ยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย” อุ่นเรือนรีบคัดค้าน เธอรู้สึกว่าไม่เหมาะเสียเท่าไหร่
“ที่เธอพูดมาจริงหรือ ตั้งแต่เด็กคนนี้เข้ามาทำงานที่นี่ ฉันยังไม่เห็นจะทำอะไรเสียหายเลยนะ ” ตุลาการรับหน้าแทน
“แต่ว่าท่านคะ....”
“ไม่มีแต่ อะไรทั้งนั้นแล้วอุ่นเรือน อย่าเกรงใจให้มากความเลย เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ให้มีเพื่อนคุยเพื่อนเล่นน่ะดีแล้ว”
ถูกของตุลาการ จะว่าไปเด็กหนุ่มจอมใจคนนี้ดูไม่ค่อยจะมีความสุขเสียเท่าไหร่ ก็พอเข้าใจได้แหละอายุเพียงเท่านี้ก็ต้องมาทำหน้าที่เหล่านี้เสียแล้ว อนาคตยังอีกไกลแท้ๆเชียว จัตวาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
“ป้าอุ่นเรือนครับ ได้ข่าวว่า จอมใจไม่ได้เรียนต่อหรือครับ ”
“ใช่ค่ะ พ่อแม่เจ้าจอมมันไม่มีเงิน ป้าเองก็ไม่มี อีกอย่างอายุยังน้อย ถ้าจะให้ออกไปหางานทำเองก็เป็นห่วงเอาค่ะ ป้าเลยอยากให้มาทำงานพิเศษกับป้าก่อน”
ชนัสนันท์นิ่งไปสักครู่ใหญ่พลางนึกอะไรออก จอมใจดูๆไปแล้วเหมือนเด็กฉลาดแต่ขาดโอกาสทางทุนทรัพย์หากไม่ให้โอกาสเรียนต่อ คงน่าเสียดายแย่
“จอมใจ อยากเรียนไหม ไปเรียนมหาลัยกับเรา ” จัตวาชักชวน
“ได้หรอครับ” จอมใจตาลุกวาว จนอุ่นเรือนได้ปรามเอาไว้
“คุณปู่ครับ ให้จอมใจได้ต่อเรียนมหาลัยกับวานะครับ”
“ได้สิ แต่มีข้อแม้นะ ว่าถ้าเธอเรียนจบเธอต้องทำงานตอบแทนอัศวะเหมินทร์ และเป็นคนของที่นี่ตลอดไป ทำได้ไหม” ตุลาการยื่นข้อเสนอที่ถือว่าคนได้ฟังต้องใช้สติในการตัดสินใจ คิด ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ตอนนี้จอมใจกำลังชั่งน้ำหนักอย่างรอบคอบ
“คุณปู่ครับ มันไม่ผูกมัดไปหน่อยหรอครับ” ตุลาการเมินหลานรักแล้วกันไปมองจอมใจแทน
“ว่ายังไงหนุ่มน้อย สนใจไหม”
จอมใจ ก้มหน้านิ่งคิดไปพักใหญ่ ทำเอาทุกคนลุ้นตัวโก่ง โดยเฉพาะอุ่นเรือน และทันใดนั้นเองจอมใจก็เงยหน้าขึ้นสบตาชายชรา
“ครับ ผมอยากเรียนครับ และผมขอรับใช้และเป็นคนของอัศวะเหมินทร์ตลอดไปครับ ”
“อื้ม เด็ดเดี่ยวดี แต่ทำไมนายถึงตอบตกลงง่ายจังล่ะ นายไม่ชอบอิสระหรือ?”
“ชอบครับ แต่ชีวิตของผมผ่านความลำบากมามากครับท่าน หากไม่ได้ข้อเสนอในวันนี้ ผมแทบไม่มีโอกาสได้รับสิ่งดีๆแบบนี้เลย ผมอยากเรียนต่อ อีกทั้งบุญคุณของท่านที่มีต่อป้าอุ่นเรือน ทั้งคุณป้าและผมทราบซึ้งมาตลอด ผมยินดีทำงานเพื่อท่านตลอดชีวิตครับ”
“ฮ่าๆๆ ดี ดีมาก นี่อุ่นเรือนคำพูดของหลานเธอช่างดีเหลือเกิน สมแล้วที่เป็นหลานของเธอ”
“ท่านชมเกินไปแล้วค่ะ ถือว่าเป็นความโชคดีของเจ้าจอมมัน”
“เอาล่ะ อยากเข้าคณะอะไรล่ะ?”
“ผมชอบเรียนชีววิทยาครับ โดยเฉพาะพืชพรรณต่างๆ แต่ผมไม่รู้ว่าต้องเรียนต่อยอดอะไรดี”
“อืม....งั้น นักพฤษศาสตร์ไหม” จัตวาเสนอแนวคิด คุณปู่มีคนรู้จักอยู่องค์กรนิเวศวิทยา เขาเคยไปที่นั่นเมื่อครั้งยังเด็ก ไม่แน่หากจอมใจเรียนจบก็ฝากฝังให้ทำงานที่นั่นได้ไม่ยาก
“น่าสนใจ งั้นเอาตามนี้ ไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้จัตวาจะพาไปสมัครที่มหาลัย การเรียนการสอนเพิ่งจะเริ่ม ถ้าขยันหน่อยก็คงตามเนื้อหาบทเรียนทันคนอื่น” ตุลาการให้คำแนะนำ
“ขอบคุณนะครับท่าน”
“ไม่เป็นไรๆ ไปเตรียมตัวเถอะ วันนี้ปู่เหนื่อยแล้วอยากพักผ่อน ส่วนเธอ...โตเกียว ปู่พอจะดูออกว่าเธอเป็นคนดี ต่อไปนี้ปู่จะไม่ขัดขวางอีก ฝากดูแลหลานชายช่วยปู่ด้วยนะ จะบอกให้ว่าจัตวาน่ะแสบใช่เล่น”
“ครับท่านปู่”
“ปู่คำเดียวก็พอ ”
“คะ..ครับคุณปู่”
“คุณปู่ล้อวาเล่นตลอดเลย วาดื้อที่ไหนกันครับ นี่...จอมใจไปเก็บของนะ ถ้าเสร็จแล้ว ตามไปที่รถเรานะ ”
“ได้ครับคุณวา”
“งั้นวาพาเพื่อนไปที่รถแล้วนะครับ สวัสดีครับคุณปู่ ”
“ลาแล้วนะครับ สวัสดีครับ”
จัตวาเดินนำหน้าโตเกียวออกจากห้องโถงไปด้วยรอยยิ้ม วันนี้ช่างมีแต่เรื่องดีๆเหลือเกิน
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากภายในตัวบ้าน ก็พบว่าไม้โทกับไม้ตรียืนรออยู่ด้านนอกแล้ว สีหน้าไม้ตรียิ้มแย้มยืนกอดอก ส่วนไม้โทหน้านิ่วคิ้วขมวดแทบชิดติดกันแล้ว
“พี่ไม้โท พี่ไม้ตรี”
“กลับมาบ้านทำไมไม่โทรมาบอกพี่ล่ะครับ เจ้าตัวแสบ” ไม้โทเปิดฉากทันที แบบนี้นี่เองสาเหตุที่มาที่ไปสีหน้าบึ้งตึงของพี่รอง
“วาขอโทษนะครับ ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะไม่บอก แต่กลัวว่าจะพาเพื่อนไปหาคุณปู่ช้า ไม่โกรธวาน้า....”
เจ้าตัวแสบของไม้โทไม่ว่าเปล่า เดินโผเข้าไปกอดพี่ชาย แล้วแบบนี้คนตัวสูงกว่าจะไม่ใจอ่อนได้อย่างไร
“เอาเถอะๆๆ พี่ไม่โกรธแล้วครับ แล้วนี่จะนอนที่บ้านไหม”
“คงไม่ได้นอนครับ จะกลับมหาลัยเลย”
“อ้าว ทำไมรีบจังล่ะ ไม่อยู่ทานข้าวมื้อค่ำก่อนหรอ”
“วามีการบ้านต้องทำอีกเยอะเลยครับ โตเกียวก็คงเหนื่ยอมากแล้วด้วย เอ้อ จริงสิ โตเกียว นี่พี่ไม้โทนะ พี่รองของเราเอง”
“สวัสดีครับพี่ไม้โท”
“เอ้อ หวัดดี ฝากดูแลน้องชายพี่ด้วย ถ้าใครทำให้วามีรอยข่วนแม้แต่ปลายเล็บนะ โทรมาบอกพี่เลยเข้าใจไหม อ่ะนี่ เบอร์พี่ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเมมไว้เร็ว”
“เอ่อ....พอๆ พอเลยครับพี่ไม้โท เยอะไปไหมครับเนี่ย นี่เพื่อนวานะ ไม่ใช่บอดี้การ์ด"
“เออ จริงด้วย พี่ลืม ขอโทษนะโตเกียว”
“ไม่ต้องเลย พี่ไม้โทชอบเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย”
“ก็พี่เป็นห่วงวาอ่ะ อยู่ไกลหูไกลตาไม่สบายใจเลย พี่ว่าพี่ไปพักที่คอนโดวาดีกว่า” ไม้โทยังดื้อดึง
“โหยไม่เอาหรอกครับ พี่ไม้โทเวลาไปเที่ยวก็ไปทีนึงสองสามเดือน ถ้าห่วงวาจริงจะไปนานๆ ไปบ่อยๆทำไมล่ะครับ"
“วา....นี่วา ว่าพี่หรอครับ” ไม้โทเสียงอ่อน
“พอเลยๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง นี่...วาครับ พูดแรงไปรึเปล่า ขอโทษพี่ไม้โทก่อนเร็ว ”
ไม้ตรีที่ยืนดูเหตุการณ์ใกล้ๆ รีบห้ามปรามก่อนที่อะไรแย่ๆจะเกิดขึ้น
“ขอโทษนะครับ วาไม่ได้ตั้งใจ วาแค่น้อยใจพี่ไม้โทเฉยๆ ดีกันนะครับ” จัตวาเดินเข้าไปกอดพี่ชาย โอบไว้จนแน่น แล้วซุกใบหน้าเข้ากับอกแกร่งของพี่ชาย แล้วแบบนี้ไม้โทจะโกรธอะไรได้อีก
เด็กคนนี้เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของไม้โท ไม่แปลกเลยที่เขาจะรักมากและหวงมากขนาดนี้ ถ้าหากมองให้แง่ดี ชรินทร์วรัชคนนี้ คือพี่ชายที่สมบูรณ์แบบในโลกอุดมคติของใครหลายคนเลยทีเดียวเชียว
โปรดติดตามตอนต่อไป...