จบแล้ว...[Omegaverse] Relationship || ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จบแล้ว...[Omegaverse] Relationship || ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร  (อ่าน 6696 ครั้ง)

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2022 01:58:48 โดย -Piagpun- »

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
"ธรรมชาติของนิยาย เป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้น ตัวละครและบทบาททั้งหมดเกิดจากจินตนาการของนักเขียน"

คำเตือน!! นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา 18+ และ SM/BDSM

-*-*-*-*-*-**-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

อัลฟ่า x โอเมก้า

อัลฟ่า x เบต้า



อัคนีxกชกร

โอเมก้ายีนด้อย ที่ไม่เคยมีอาการฮีทมาก่อน ไม่เคยแม้กระทั่งส่งกลิ่นฟีโรโมนออกมาให้ใครได้กลิ่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เคยเสียใจที่ตัวเองเกิดมาเป็นแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยคิดจะลงเอยกับอัลฟ่าอยู่แล้ว

เขาเกลียดคนที่ชอบบอกว่าตัวเองคือ จุดบนสุดของหวงโซ่อาหาร มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาคือ ผู้ถูกล่า แต่เปล่าเลยกชกรคิดว่าโอเมก้าต่างหากคือ ผู้ล่า เขาต่างหากที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร...

แต่คุณรู้จักคู่แห่งโชคชะตาไหม?



“ได้โปรดใส่มันเข้ามา ผมต้องการมัน”

“อย่าเสียใจที่หลังก็แล้วกัน”




ทิกเกอร์xสิงห์

ผมเป็นพวก...

รักสนุก แต่ไม่ผูกพันธ์

มันไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้นักหรอก แต่เบต้าอย่างผมใครจะรักจริง ผมถูกบรรดาแฟนเก่าพูดเสมอ อัลฟ่าต้องคู่กับโอเมก้า นั่นเป็นเหตุผลของการขอเลิกที่ห่วยที่สุด แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะมันคือความจริง

การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ มันไม่ดีผมรู้ แล้วยังไงล่ะในเมื่อคนอย่างผมไม่มีทางถูกรักได้อยู่แล้วนี่



“เลิกงานแล้วกลับยังไงครับ”

“ทำไมเหรอครับ อยากรู้? หรือจะไปส่ง”



ทิกเกอร์ค่อนข้างดูเป็นคนนุ่มนิ่ม เรื่องบนเตียงก็คงไม่ต่างจากภาพลักษณ์นักหรอกในความคิดผม

แต่ผมคิดผิด แท้จริงเขามีรสนิยมที่แปลกอยู่นะ แต่ผมว่าผมชอบแฮะ...

"คุณรู้จักBDSMไหม?"
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-



Omegaverse

Anatomy

Alpha (อัลฟ่า)
เป็นประเภทที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารนี้ มีจำนวนไม่มากนัก สามารถทำให้โอเมก้าท้องได้ (หรือบางเรื่องเบต้าก็ท้องได้นะ) ส่วนมากจะเป็นผู้นำหรือคนที่อยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ อัลฟ่าหญิงบางคนก็ทำคนอื่นท้องได้ หรือมีดุ้นซะด้วยซ้ำ! แล้วแต่คนแต่งเลยว่าจะเอาไปปรับแต่งยังไง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นอัลฟ่าแล้วจะสบายเสมอไป บางครั้งอัลฟ่าจะมีอาการหนึ่งที่เรียกว่า “Knot” เป็นภาวะที่อวัยวะเพศขยายตัวใหญ่ขึ้น จนบางทีก็ติดค้างจนเอาออกไม่ได้ ต้องรอจนกว่าจะคลายตัวลง แถมอัลฟ่ายังมีความรู้สึกไวต่อโอเมก้าในช่วงฮีทด้วย ไม่ได้สบายเลยใช่มั้ยล่ะ



Beta (เบต้า) เปรียบเสมือนกลุ่มคนที่จืดจางที่สุดในธีมนี้ เป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วๆ ไป ไม่มีลักษณะเด่นๆ เหมือนอัลฟ่ากับโอเมก้า ชายก็คือชาย หญิงก็คือหญิง ไม่มีฮอร์โมนหรือฟีโรโมนที่โดดเด่น ช่างเป็นกลุ่มคนที่จืดจางจริงๆ ...



Omega (โอเมก้า) เบี้ยล่างของฝูงหรือสังคม โอเมก้าชายจะสามารถตั้งท้องได้ ส่วนเพศหญิงก็จะคล้ายๆ กับผู้หญิงทั่วๆ ไป โอเมก้าจะมีช่วงที่เรียกว่า “ฮีท” (เอาตรงๆ เลยก็คือช่วง ติดสัด) เป็นช่วงที่จะปล่อยฟีโรโมนออกมาดึงดูดให้อัลฟ่าหรือเบต้า (หรือบางทีก็โอเมก้าด้วยกันเอง) เกิดอาการ “อยาก” ซึ่งช่วงฮีทจะยาวนานแค่ไหนก็แล้วแต่คนแต่งเลย บางครั้งก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง เป็นช่วงๆ ไป หรือยาวเป็นสัปดาห์เลยก็มี ฟิคหลายๆ เรื่องก็จะมีพล็อตประมาณว่าโอเมก้าปล่อยกลิ่นออกมาในช่วงฮีท จนทำให้อัลฟ่าอดใจไว้ไม่ไหว ต้องขอบวก โดยโอเมก้าจะมีโอกาสท้องสูงถ้าอยู่ในช่วงฮีท แต่บางคนก็จะสร้างยาแก้ฮีทกับยาคุมกำเนิดมาให้ด้วย แล้วแต่จินตนาการเลย

นอกจากนี้แล้วยังมีการผูกมัดกันด้วย เหมือนเป็นการทำเครื่องหมายจองไว้ว่าโอเมก้าคนนี้เป็นของเรา ซึ่งมันก็แล้วแต่เราอยู่ดีว่าอยากให้ตัวละครผูกมัดกันด้วยวิธีไหนและยังไงบ้าง เช่น ถ้าโอเมก้าโดนอัลฟ่ากัดคอ โอเมก้าคนนั้นก็จะตกเป็นของอัลฟ่าคนนั้นแต่เพียงผู้เดียว



Knot

โคนองคชาติของอัลฟ่าสามารถพองขยายขนาดขึ้นมาได้ เจ้าตรงนี้เรียกว่า knot ค่ะ

โดยปกติอัลฟ่าจะ knot เฉพาะเวลามีอะไรกับโอเมก้าที่เป็นฮีท knot จะช่วยล็อคให้สารคัดหลั่งอยู่ในตัวโอเมก้า กลไกธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งท้อง อัลฟ่าสามารถ knot นอกฮีทได้ด้วยในกรณีที่ทั้งคู่มีอารมณ์มากๆ หรือเจอคู่ที่สมน้ำสมเนื้อกัน



Rut

Rut คืออาการติดสัดของอัลฟ่านั่นเองค่ะ คล้ายๆ กับ heat ของโอเมก้า สมองจะถูกควบคุมโดยสัญชาติญาณดิบ ต้องหาคู่! ต้องสืบพันธุ์! เทียบกับโอเมก้าแล้ว อัลฟ้าที่เป็น rut จะน่ากลัวกว่ามากค่ะ ออกแนวก้าวร้าวดุร้าย ฮึ่มฮั่ม





ฮีท (Heat)

คือช่วงเวลาที่ร่างกายของโอเมก้าเข้าสู่ช่วงที่อัตราการเจริญพันธุ์สูง (ประมาณช่วงไข่ตก) ร่างกายพร้อมที่จะสืบพันธุ์ สมองจะถูกควบคุมโดยสัญชาติญาณการสืบพันธุ์ อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น และจะปล่อยฟีโรโมนดึงดูดอัลฟ่า ทำให้อัลฟ่าที่เจอเกิดอาการ rut อยากซั่มและงั่มคอ



เนื่องจากฮีทเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากและเปราะบาง จึงมียาที่พัฒนามาเพื่อเหล่าโอเมก้าสองชนิดคือ

ยาคุมกำเนิดและ ยาระงับฟีโรโมน

ยาคุมกำเนิดก็เหมือนยาคุมธรรมดาสามัญในโลกปกติ

ยาระงับฟีโรโมนจะช่วยระงับฮีทหรือทำให้อาการฮีททุเลาลง อาจมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับที่สามารถลดความรุนแรงของฮีท ช่วยให้โอเมก้าฮีทพอมีสติควบคุมและปกป้องตนเองได้บ้าง และระดับที่ระงับฮีทไม่ให้เกิดไปเลย บางแฟนด้อมมียาระยะยาว ที่กินเพื่อให้อาการฮีทหายไปยาวๆ หลายเดือน ผลข้างเคียงคือฟีโรโมนแบบโอเมก้าจะหายไป คนอื่นอาจจะได้กลิ่นเป็นเบต้าแทน และยาระงับระยะยาวนี้ไม่ควรใช้ต่อเนื่องยาวนานเพราะจะมีผลกับระบบฮอร์โมน ต้องหยุดใช้เป็นระยะๆ (ผู้แต่งบางคนระบุถึงอาการดื้อยาและการเกิดฮีทในขณะที่ใช้ยาอยู่)



อ้างอิง อ่านต่อ...
https://aboth-info.wixsite.com/whatisabo/share



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

แท็กนิยายในทวิตเตอร์ค่าบบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

เปิดเรื่อง 14/11/2021

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship 0
«ตอบ #2 เมื่อ22-11-2021 00:16:01 »

"ธรรมชาติของนิยาย เป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้น ตัวละครและบทบาททั้งหมดเกิดจากจินตนาการของนักเขียน"

คำเตือน!!
นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา 18+ SM/BDSM

-*-*-*-*-*-**-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

0
[/b]


“กชกร มารับผลตรวจ”

ผมก้าวเท้าออกไปยังหน้าชั้นเรียน เมื่อถูกอาจารย์เรียกเพื่อให้ไปรับผลการทดสอบร่างกาย กระดาษแผ่นบางมีลายหมึกสีดำเขียนระบุเน้นชัดว่าผมเป็น "โอเมก้า" ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันไม่ได้แย่ แต่เลือกได้ใครจะอยากเป็นผู้ถูกล่า...

6 ปีต่อมา

“กชกร คิดไว้แล้วหรือยังว่าจบมอหกอยากเรียนต่อสายอะไร”

“ผมยังไม่ได้คิด”

“เฮ้อ! มันน่าเสียดายนะเธอเป็นคนเก่ง”

“...”

“เธอลองกลับไปคิดให้ดี ๆ แล้ววันศุกร์มาให้คำตอบครู”

“ครับ” ผมตอบเพียงสั้น ๆ แล้วเดินออกมาจากห้องแนะแนว

ประตูบานใหญ่ถูกปิดลงอย่างไม่สนิทนัก มันถูกแง้มเอาไว้เพียงนิดเดียว ก่อนที่ผมจะหยุดเดินแล้วแอบอยู่ข้าง ๆ ประตูเพื่อรอฟังอะไรบางอย่าง

“เด็กยังหาที่เรียนไม่ได้เหรอคะครู”

“ครับ เขาไม่เขียนอะไรลงไปในแบบสอบถาม ผมเลยลองเรียกเขามาคุย”

“เด็กคนนี้เป็นโอเมก้านี่”

หึ! มุมปากคนยืนฟังกระตุกยิ้มออกมา นี่แหละเรื่องสนุกที่ผมรอฟัง

“อ๋อ ใช่ครับ แต่กชกรเรียนเก่งมากเลยครับ ผมรู้สึกเสียดายแย่ถ้าแกไม่เรียนต่อ”

“เรียนไปก็หางานยากอยู่ดี ใครจะอยากได้โอเมก้าไปทำงานกันละคะ ส่วนใหญ่ฉันก็เห็นเรียนจบก็แต่งงานกันเลยทั้งนั้น”

ผมหยุดฟังแล้วเดินกลับมายังห้องเรียน คำพูดของคนพวกนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บใจแม้แต่น้อย เพราะอะไรรู้ไหม?

เพราะผมได้ยินมันทุกวันหลังจากที่รู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้ายังไงล่ะ...

'โลกเปิดกว้างแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะคนกลุ่มไหน เราก็เท่าเทียมกัน ไม่เหมือนเมื่อก่อน'

หลายครั้งผมมักจะได้ยินผู้ใหญ่พูด คำปลอบใจปลอม ๆ ที่เอาไว้ใช้หลอกตัวเอง ในขณะที่ยังมีบางคนคิดว่าโอเมก้าก็เป็นได้แค่เครื่องมือผลิตลูก เป็นได้แค่จุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร เพราะพวกเราตัวเล็ก พละกำลังก็น้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ ไหนจะอาการฮีทที่ต้องเป็นทุกเดือน มันทำให้พวกเราถูกมองไม่ต่างจากสัตว์

“ว่าไงจ๊ะกชกรคนสวย เดือนนี้ฮีทหรือยัง ถ้าฮีทเมื่อไหร่ให้พวกเราช่วยได้นะ”

ผมล่ะเกลียดไอพวกขยะจริง ๆ มันเป็นเพื่อนร่วมห้องเฮงซวยที่วัน ๆ ไม่ทำห่าอะไร พวกอัลฟ่าชั้นต่ำ

“อย่าเสือก!” ผมว่า

“พูดแบบนี้กับอัลฟ่าได้ไง ยังไงโอเมก้าก็ต้องคู่อัลฟ่าอยู่ดี”

“แล้วใครอยากไปคู่กับขยะอย่างพวกมึงไม่ทราบ”

“ปากดีนักนะ เป็นแค่พวกยีนด้อยมีสิทธิ์เลือกนักหรือไง ไหน ๆ ก็ให้พวกกูเสียบสักทีสองทีสิ เผื่อจะกลายเป็นโอเมก้าเต็มตัว”

“...ไอ้...สั...ดด!” ร่างกายผมเริ่มแข็งทื่อ เพราะกลิ่นฟีโรโมนที่พวกขยะปล่อยออกมา

“พวกมึงทำอะไร!” เสียงคุ้นหูว่าขึ้นเสียงดัง มันทำให้พวกนั้นหยุดปล่อยกลิ่นโสโครกข่มผม แล้วหันไปสนใจกับคนที่มาใหม่ “เป็นเหี้ยอะไรกับเพื่อนกูมากปะ” สิงห์ว่า

“เบต้ากระจอกอย่างมึงหวังเคลมอยู่ล่ะสิ ถึงได้ยอมตามตูดมันมาหลายปี”

“อย่าคิดว่าในหัวคนอื่นจะมีแต่เรื่องชั่ว ๆ แบบพวกมึงสิวะ” ว่าจบสิงห์ก็เดินเข้ามาพยุงตัวผมแล้วพาออกไปจากห้องเรียน

สิงห์เป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมไว้ใจมากที่สุด ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นเบต้า แต่เพราะสิงห์ให้เกียรติผม ไม่เคยมองว่าผมเป็นโอเมก้า หรือเป็นภาระ แต่เขามองว่าผมเป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่อยู่บนโลกใบนี้

ตั้งแต่เมื่อก่อน ผมมักจะถูกพวกอัลฟ่าแกล้งอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่แค่เฉพาะกับผมหรอก ใครที่เป็นโอเมก้าก็โดนกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นพวกยีนด้อยแบบผมยิ่งโดนหนัก เราถูกมองว่าเป็นพวกพิการใช้งานไม่ได้ แต่ผมชินแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็นคำดูถูกหรือการกระทำต่ำ ๆ พวกเขาคิดว่าตัวเองอยู่จุดบนสุดของห่วงโซ่อาหาร พวกเขาคิดว่าตัวเองคือ ผู้ล่า...

มาถึงตรงนี้ ผมก็ยังไม่เคยเกลียดตัวเองที่เกิดมาเป็นโอเมก้าที่มีนามสกุลพ่วงท้ายด้วยคำว่ายีนด้อย มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่ซะทีเดียว เพราะผมต่างจากโอเมก้าคนอื่น ๆ

ผมไม่มีช่วงฮีทให้หนักใจ ฟีโรโมนของผมบางเบาจนแทบไม่ได้กลิ่น มีชีวิตไม่ต่างจากเบต้า ถ้าผมไม่อ้าปากป่าวประกาศบอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นโอเมก้าก็ไม่มีใครรู้ นอกเสียจากไอ้พวกขยะที่โรงเรียนเท่านั้นแหละ

โอเคล่ะ... สิ่งที่ผมเจอมามันแย่ แต่หลังจากนี้ต่างหาก ผมจะทำให้พวกอัลฟ่าที่ทะนงตัวว่าตัวเองอยู่เหนือทุกสิ่งได้รู้ ว่าใครกันแน่ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร...

ผมเกลียดอัลฟ่า...





*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**



สวัสดีทั้งคนที่เพิ่งเคยเข้ามาอ่านเป็นเรื่องแรก และ นักอ่านที่ติดตามเปียกปูนอยู่นะฮับ

ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือนเลย ยังมีคนรออ่านเรื่องใหม่ ๆ ของเปียกปูนอยู่บ้างหรือเปล่านะ...

คิดถึงคอมเมนต์นักอ่านมาก ๆ เลยครับ (เค้ารออ่านอยู่น้าาาา)

เดี๋ยวจะมาทยอยอัปเรื่อย ๆ นะครับ

รัก<3

-เปียกปูน-

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |1|
«ตอบ #3 เมื่อ22-11-2021 00:18:05 »


อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

1



หลายปีต่อมา

ผมยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันรสร้อนขึ้นดื่ม รสชาติขมกำลังไหลลงคออย่างเชื่องช้า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนที่มาที่นี่ถึงได้ชอบดื่มมันนักนะ ไหนจะกลุ่มควันสีขาวกลิ่นนิโคตินฉุนจมูก ลอยคละคลุ้งอยู่ในชั้นบรรยากาศบรรยากาศนี่อีก ผมไม่ชอบเท่าไหร่นัก แต่เพราะมันเป็นงานผมจึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องเจอมัน

แสงไฟสีขาวสาดกระทบกับลูกแก้วคริสทัลบอลระยิบระยับจนรู้สึกแสบตาไปหมด  มันทำให้ผมสับสนว่าตัวเองกำลังมึนเมาเพราะเครื่องดื่มหรือแสงไฟนี้กันแน่

เสียงเพลง...

ผู้คนมากมาย...

หลายคนเรียกสถานที่นี้ว่าสถานที่อโคจร แต่สำหรับผมมันคือสถานที่ทำเงิน

“วันนี้ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ” ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมว่าขึ้น หลังจากที่นั่งอยู่ตรงนี้ได้พักใหญ่

ตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามา เขาก็ตกเป็นที่หมายปองของเหล่าโอเมก้าสวย ๆ อาจจะเป็นเพราะหน้าตาหล่อเหลา ร่างกายสูงใหญ่กำยำ นี่ยังไม่พูดถึงฐานะเขาเลยนะ อัลฟ่าระดับต้น ๆ ของเมืองนี้เลยก็ว่าได้

มันเกินคาดมากที่คนอย่างเขาไล่ตามจีบผมที่ผับนี้เกือบทุกวัน มันก็ดีอยู่หรอกแต่ติดที่ว่าเขาเจ้าชู้นี่สิ ผมคงเหนื่อยตายแน่ที่ต้องมาคอยระแวงเรื่องของเขาอยู่ตลอด แบบนั้นผมขออยู่เป็นโสดยังดีกว่า อีกอย่างผมไม่ใช่คนที่ยอมให้พวกอัลฟ่ากดหัวง่าย ๆ อยู่แล้ว

“คุณธีร์ก็เท่ไม่เบานะครับ”

“พูดแบบนี้ ทำไมเราไม่ออกไปหาอะไรสนุก ๆ ทำกันล่ะครับ” มุมปากผมกระตุกยิ้มสวยให้อัลฟ่าหน้าหล่อที่กำลังนั่งหม้อ

“แต่ผมเป็นเบต้านะ คุณโอเคเหรอ” ใช่ผมโกหกว่าตัวเองเป็นเบต้า ก็ผมเป็นโอเมก้ายีนด้อยที่ไม่เคยฮีท ไม่มีกลิ่นฟีโรโมนนี่นา

หลังจากจบมอหก ผมก็ตัดสินใจไม่เรียนต่อ และหันมาช่วยพี่ชายทำร้านเหล้าใจกลางเมือง มันเริ่มจากร้านเล็ก ๆ ในตรอก จนตอนนี้มันกลายเป็นร้านดังภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

“ผมไม่ติดนะ มันดีซะอีก”

“อืมมม ไว้ผมจะเก็บไปคิดนะครับ ว่าแต่วันนี้คุณธีร์จะดื่มอะไรดีครับ”

“คุณกชลองเดาสิครับ”

“ได้สิครับ ผมว่าผมรู้”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนลูกค้าในร้านมานั่งเต๊าะ และเขาก็ไม่ใช่อัลฟ่าคนแรกที่พยายามจะชวนผมไปทำเรื่องอย่างว่า ผมล่ะชอบนักเชียวพวกอัลฟ่าที่หลงตัวเอง แน่นอนว่าคนพวกนั้นจะไม่มีทางได้ผมง่าย ๆ

“อะแฮ่ม ถึงว่าวันนี้คนเยอะ นางฟ้าประจำร้านลงมาชงเหล้าด้วยตัวเอง” เสียงทุ้มเอ่ยแซว ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่ง “สวัสดีครับคุณธีร์ วันนี้ก็มาด้วยเหรอเนี่ย”

“สวัสดีครับคุณสิงห์ ผมแวะมาคุยงานน่ะ”

“อ๋อออ...เหรอครับ”

“แล้วคุณสิงห์ล่ะ ทำไมวันนี้ถึงมาได้ ปกติผมเห็นคุณมาแค่เสาร์อาทิตย์นี่”

“ก็เผื่อว่าที่นี่จะมีอะไรสนุก ๆ ให้ทำ” สิงห์ว่าพลางใช้ปลายนิ้วลูบวนปากแก้วของตัวเอง ใครมองก็รู้ว่าสายตาคู่นี้ต้องการอะไร

“ผมว่าเราใจตรงกันนะ” ธีร์ว่า

ผมรู้ได้ทันทีว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเพื่อนรักที่เพิ่งมาไม่กี่นาทีหันมาสบตา ผมส่งคีย์การ์ดเข้าห้องให้ไป เป็นอันเข้าใจตรงกัน ชั้นสามของตัวอาคารเป็นห้องผมกับพี่กรรณ แต่ตอนนี้พี่ชายผมย้ายออกไปอยู่กับเมีย ห้องข้าง ๆ จึงว่าง บ่อยครั้งเพื่อนรักของผมจะมาอยู่ด้วย จนตอนนี้ก็แทบจะเป็นห้องมันไปแล้ว

สิงห์เป็นพวกรักสนุกไม่ผูกมัดกับใคร ตั้งแต่มันอกหักจากรุ่นพี่ที่มหา’ลัย ผมก็ไม่เห็นมันจริงจังกับใครอีก ผมว่าเราสองคนมีอะไรที่เหมือนกันอยู่นะ เบต้าที่ไม่มีใครต้องการ กับโอเมก้าที่ใช้งานไม่ได้ น่าตลกดีที่โลกดันเหวี่ยงให้เราสองคนมาเป็นเพื่อนกัน

ผ่านไปนานหลายชั่วโมงสิงห์ก็ลงมานั่งที่เก่า รอยช้ำที่คอบอกได้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“กชขอเหล้าแรง ๆ สักช็อต” สิงห์ว่า

“อะไรกัน ไม่ถึงใจขนาดนั้นเชียว” ผมว่าเอินหยอก ก่อนจะจัดการรินเตกิลาใส่แก้วช็อต

“ก็พอได้ แต่ไอ้ตรงนั้นเล็กไปหน่อย” สิงห์ว่าพลางยกมือขึ้นมาบีบนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าหากัน

“เบาได้ก็เบานะ เป็นห่วง”

“รู้แล้ว ๆ ท้องไม่ได้หรอกนา”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นไหมล่ะ”

“ป้องกันตลอด ไม่ต้องห่วง”

ลมหายใจถูกพรูดออกทางปากคนฟัง หมดคำจะพูดกับมันแล้วเหมือนกัน ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเถียงด้วยจริง ๆ เรานั่งคุยกันอยู่อย่างครู่ใหญ่ พี่กรรณก็เดินเข้ามาในร้าน หลังจากเคลียร์ของหลังร้านเสร็จ วันมะรืนนี้ที่ร้านกำลังจะมีงาน

พวกอัลฟ่าไฮโซเหมาร้านเพื่อจะจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิด โอเวอร์ซะไม่มีล่ะ กะอีแค่วันเกิด...

“หวัดดีฮะเฮียกรรณ” สิงห์ว่า

“เออ มาแดกเหล้าฟรีอีกล่ะสิ”

“นิดหน่อยนา ระดับเฮียแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ วันมะรืนมาช่วยงานที่ร้านหน่อย เฮียมีธุระไม่ได้อยู่ดู เป็นห่วงกชมัน”

“กชไม่ใช่เด็กแล้วนะเฮีย” ผมหันไปแหวใส่พี่ชาย

“เอานี่... ซื้อมาให้ วันงานก็กินกันไว้ด้วย” ผมรับของถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อนไว้ในมือ ก่อนจะเปิดดูว่ามันคืออะไร

กล่องสีขาวมีตัวอักษรตัวใหญ่เขียนติดเอาไว้ ‘ยาระงับอาการฮีท’ ผมแทบหลุดหัวเราะออกมา ตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้า ผมก็ไม่เคยมีอาการ หรืออะไรสักอย่างที่ใกล้เคียงคำว่าฮีทเลยด้วยซ้ำ

“ตลกนา กรรณก็รู้นี่” ผมว่า

“เจ้าของงานเป็นอัลฟ่ายีนเด่น กินกันเอาไว้ก็ดีไม่ใช่หรือไง” ว่าจบพี่ชายผมก็เดินหายตัวเข้าไปกับกลุ่มคน ทิ้งให้ผมยืนงงกับกล่องยาในมือ

“กชกินไว้ก็ดีนะ แบบเผื่อเอาไว้ไง” หนนี้สิงห์ว่า

“มึงก็อีกคน”

“มึงเคยฮีทเพราะได้กลิ่นอัลฟ่ามาแล้วหนหนึ่งไม่ใช่หรือไง”

“เรียกฮีทได้หรือเปล่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำ กูว่าตอนนั้นกูน่าจะแค่ไม่สบาย”

“ตามใจ มึงเองก็ดื้อไม่ต่างจากกูนักหรอก”

ได้เวลาปิดร้านในเวลาต่อมา ผมพาตัวเองกลับขึ้นมายังชั้นสาม วันนี้สิงห์เองก็มานอนด้วยอีกเช่นเคย แถมมันยังหวังดีหยิบซองยาระงับฮีทที่พี่กรรณซื้อมาวางไว้ในห้องให้ผมอีกต่างหาก

ผมทิ้งตัวลงนั่งกับเตียง แล้วหยิบกล่องยาขึ้นมาดูอีกครั้ง “ยาระงับฮีท...หึ! ตลกสิ้นดี” ว่าจบผมก็โยนมันลงถังขยะด้วยท่าชู้ตสามแต้ม

ครั้งหนึ่งตอนที่ผมทะเลาะกับเพื่อนในห้อง สิงห์เข้ามาช่วยเอาไว้ก่อนจะพาผมกลับมาที่บ้าน แต่ระหว่างทางเดินที่โถงกว้างของอาคารเรียน ผมเหมือนได้กลิ่นหอมบางอย่าง กลิ่นมันแปลกมาก มันหอมจนร่างกายกระสันร้อน ๆ หนาว ๆ หอมจนรู้สึกหัวใจเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ

หลังกลับมาถึงบ้านได้ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็เหมือนจะไม่สบาย มันครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกทรมานอยู่พักใหญ่ แต่หลังจากทานยาลดไข้แล้วหลับไป ตื่นขึ้นมาผมก็กลับมาเป็นปกติ

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

“กชกูเองเข้าไปนะ”

“เออ” สิงห์เดินมาพร้อมกับหมอนและผ้าห่ม เขาสวมชุดนอนสีหวานเรียบร้อย “จะขอนอนด้วย?”

“อืม ขอนอนด้วยคนกูเหงา”

“ทำเป็นเด็กไปได้” ผมว่า “ง่วงก็นอนไปก่อนเลย กูอาบขอตัวอาบน้ำก่อน” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูเดินตรงเข้าห้องน้ำ

กชกรปลดกระดุมเสื้อลงที่ละเม็ดจนหมด เขาค่อย ๆ ดึงมันออกจากร่างกายอย่างเชื่องช้า กลางหลังขาวเนียนมีรอยสักเป็นรูปดอกโบตั๋นสีชมพูอ่อน มันหมายถึงแม่

แม่ของเขาชื่อโบตั๋น หลังจากที่แม่และพ่อประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตได้ไม่นาน เขาก็เลือกสักรูปนี่เอาไว้เพื่อเป็นตัวแทนของแม่นั่นเอง

ใช้เวลาไม่นานกชกรก็จัดการอาบน้ำแต่งตัว เดินออกมายังด้านนอก จัดการทาครีมบำรุงผิวร้อยแปดที่วางอยู่หน้ากระจก

“เคล็ดลับนางฟ้าประจำร้าน” แล้วเสียงคนที่นอนกลิ้งอยู่บนเตียงก็พูดขึ้น

“เลิกเรียกแบบนั้นสักที” ผมว่า

“กูไม่เรียกคนในเพจก็เรียกอยู่ดี”

“เพจ?”

“ก็วันนี้เฮียเอารูปตอนที่มึงชงเหล้าไปลงเพจร้าน อย่างเท่” สิงห์ขยายความผมก็ถึงบางอ้อ ฝีมือพี่ชายผมนี่เอง ชื่อเรียกนี่ได้มาจากลูกค้าปากต่อปาก

มีหลายคนที่พยายามเข้ามาจีบ ผมก็เล่นด้วยนะ แต่ก็แค่หมาหยอกไก่หลอกให้มาดื่มเหล้าแพง ๆ ก็เท่านั้น

ผมบอกแล้วว่าผมเกลียดอัลฟ่า แน่นอนว่าผมจะไม่มีทางลงเอ่ยกับคนพวกนั้น

ผมเดินไปปิดไฟในห้องแล้วเดินกลับมาที่เตียง แทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มอุ่น หยิบมือถือขึ้นมาเขี่ยดูโซเชียลไปพลาง ๆ ระหว่างที่ตัวเองยังไม่ง่วง

“กชถามอะไรหน่อยดิ” สิงห์พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“ว่า?”

“ทำไมถึงไม่ชอบอัลฟ่าวะ” ผมหยุดไถมือถือ กลอกตาซ้ายทีขวาที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สิงห์ถาม แต่เป็นเพราะทุกครั้งผมเอาแต่บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ เหตุผลมันไม่ได้มีอะไรหรอก ก็แค่ผมไม่ชอบ

“ไม่ชอบ”

“ตอบแบบนี้อีกล่ะ เอาดี ๆ ถ้าแค่ไม่ชอบก็พอเข้าใจ แต่มึงดูไม่สนใจใครเลยไง”

“ที่มึงยังไม่เห็นจริงจังกับใคร มึงยังไม่เห็นจะบอกเหตุผลกูเลย” ผมว่าไปตามจริง

“อะ ๆ มึงบอกกู แล้วมึงอยากรู้อะไรก็ถามมากูจะตอบ”

“ก็แค่ไม่ชอบจริง ๆ แบบพวกแม่งชอบทำตัวเหมือนว่าตัวเองอยู่เหนือคนทุกกลุ่ม มึงก็เห็นแล้วนี่ว่าตอนเรียน คนพวกนั้นคิดจะทำอะไรกับกูบ้าง”

“อืมก็เข้าใจแหละ เป็นกูก็คงเกลียดเหมือนมึง”

“ใช่ไหมล่ะ แต่มีสิ่งหนึ่งนะที่พวกมันไม่มีทางรู้”

“...?”

“คนที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารคือโอเมก้า”

“ยังไงวะ”

“กูเห็นมาหลายรายแล้ว ตายคาอกโอเมก้าทุกตัว ดูอย่างเฮียกรรณดิเมื่อก่อนร้ายยิ่งกว่าเสือ ตอนนี้นอนเลียตีนเมียอย่างกับหมา”

“ฮ่า ๆ ก็จริงของมึงวะ”

“แล้วมึงล่ะ ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”

“ทุกคนก็มีปัญหาเหมือนกันหมดแหละมึง” น้ำเสียงของสิงห์เศร้าลงทันที “โลกของเบต้าก็ไม่ดีไปกว่าโอเมก้านักหรอก มีแฟนกี่คนสุดท้ายตอนเลิกก็พูดเหมือน ๆ กันหมด เพราะเขาต้องคู่กับโอเมก้า เบต้าอย่างเราครอบครัวเขาไม่โอเค กูเลยตัดสินใจว่าจะไม่จริงจังกับใคร ไม่อยากอกหักแล้ว มันเจ็บ”

พอได้ฟังแบบนี้ผมก็รู้สึกได้ว่าเรื่องของผมดูเล็กน้อยไปเลย ถึงผมจะเป็นโอเมก้ายีนด้อยก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็ยังเป็นโอเมก้า

“เสียใจไหม”

“ทีแรกก็เสียใจแหละ แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้ว”

“ดีแล้ว กูว่าสักวันมึงจะเจอคู่ของมึงเอง”

“มึงก็เหมือนกัน”



ผมกับสิงห์ลงมาช่วยกันจัดร้านในช่วงบ่ายหลังจากทานอาหารมื้อแรกจบลง ก่อนวันงานร้านปิดหนึ่งวัน เพื่อจัดการตกแต่งร้าน จัดเตรียมเครื่องดื่ม และอาหาร ตามที่บรีฟกับทางเจ้าของงาน

ร้านถูกแยกเป็นสองโซนหลัก ๆ โซนที่เจ้าของงานวันเกิดจะอยู่ในส่วนของ VVIP มันถูกจัดแบบธรรมดา ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนัก อีกส่วนเป็นโซนปาร์ตี้

เอกสารจัดจ้างมีรายละเอียดบรีฟงาน และมีหมายเหตุระบุชัดเจน พนักงานในร้านต้องเป็นเบต้าทั้งหมด เพราะลูกค้าในงานเป็นอัลฟ่า เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด ในงานจึงต้องปลอดโอเมก้า

อ่านแล้วรู้สึกหงุดหงิดแฮะ เป็นโอเมก้ามันผิดมากนักหรือไง หึ! ถึงนั่นไม่ใช่ปัญหาของผมก็เถอะ เพราะปกติทุกวันผมก็เจออัลฟ่าอยู่ตลอดก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่มันก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี

เราอยู่คุยงานด้วยกันจนดึก พี่ชายก็แยกไปคุยกับแม่ครัวต่อ ส่วนผมก็มีหน้าที่จัดการเรื่องเครื่องดื่มตามปกติ

“กช...มึงว่าเขาจะรู้ไหมว่ามึงเป็นโอเมก้า” สิงห์ว่า

“ไม่หรอก ที่ผ่านมากูบอกว่าตัวเองเป็นเบต้าใครก็เชื่อนะ”

“ถ้าถูกจับได้ เสียค่าปรับหลักสิบล้านเชี่ยวนะมึง”

“เออ เชื่อกูนา ไม่ถูกจับได้หรอก ทำอย่างกับเพิ่งเคยทำครั้งแรก” ว่าจบ ผมก็เดินตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะหยิบมือถือกดเบอร์ที่บันทึกเอาไว้ มันเป็นร้านลูกโปร่ง

ก่อนวันงานหนึ่งวันผมต้องโทรไปคอนเฟิร์มเวลานัดรับ และตรวจเช็คข้อมูลเพื่อกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น ถือสายรออยู่ไม่นานมันก็ถูกกดรับ

“สวัสดีครับกชกรจากYes Bar นะครับ”

[อ๋อสวัสดีค่ะ จะโทรมาคอนเฟิร์มนัดรับใช่ไหมคะ]

“ครับ เป็นช่วงบ่ายสามเหมือนเดิมนะครับ”

[ได้ค่ะ มีลูกโปร่งสีน้ำเงินลูกใหญ่พิเศษหนึ่งลูกใช่ไหมคะ]

“ครับ รบกวนเช็กข้อความให้ถูกต้องก่อนส่งมอบด้วยนะครับ วันงานจะได้ไม่ผิดพลาด”

[ได้ค่ะ รบกวนคุณกชกรทวนข้อความอีกรอบทีค่ะ]

“Happy Birthday อัคนี A k n e e”









แง้~ น้องจะเจอกับพ่อแล้ว (/ε\*)



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |2|
«ตอบ #4 เมื่อ22-11-2021 00:20:33 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

2



งานคล้ายวันเกิดครบ 31 ปีของผมถูกจัดขึ้นที่ร้าน Yes Bar บอกตรง ๆ ผมไม่อยากไปนักหรอก แต่ถูกพวกทิกเกอร์มัดมือชกอย่างปฏิเสธไม่ได้

รถซูเปอร์คาร์สีดำจอดดับสนิทที่ลานจอดรถโซน VVIP ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ ผมชั่งใจอยู่ครู่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าร้าน บรรยากาศงานก็ไม่ได้มีอะไรมาก คล้ายกับงานปาร์ตี้ทั่วไป

“เพลิงทางนี้” ทิกเกอร์โบกมือไหว ๆ ทำปากขมุบขมิบอยู่บนชั้นสอง

ผมพาตัวเองเดินขึ้นไปทันที มันเป็นโซนที่คนไม่เยอะเท่าไหร่นัก นั่นทำให้ผมพอใจเป็นอย่างมาก งานวันนี้ทิกเกอร์อาสาเป็นคนจัดงานเองทั้งหมด มันเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด เรารู้จักกันที่ไฮสคูล ซึ่งบ้านของเขาเป็นเจ้าของโรงเรียน

“เจ้าของงานมาช้าตามเคย” ลูคัสว่า

“เพิ่งทำงานเสร็จ”

“ว่าแต่ตอนที่เดินขึ้นมา เห็นนางฟ้าของร้านหรือยัง” ผมไหวไหล่อย่างไม่สนใจ เพราะผมไม่ได้สนใจจริง ๆ

“อะไรว้าเพลิง ที่พวกกูจองร้านนี้ก็เพราะน้องเจ้าของร้านเลยน้า แถมยังเป็นเบต้าด้วย เข้าทางมึงเลย”

“ช่วงนี้ยังไม่อยากคบใครวะ แค่เรื่องงานก็ปวดหัวพอแล้ว”

“เสียดายที่เพลิงไม่ชอบโอเมก้า ไม่งั้นคงจะสนุกกว่านี้แน่” เปรมที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือพูดขึ้น

“เออนั่นสิ ถามจริง ๆ เถอะ ทำไมไม่ชอบโอเมก้าวะ”

“แค่ไม่ชอบกลิ่น”

เหตุผลมันเท่านั้นจริง ๆ ผมจำได้ดีว่าครั้งแรกที่ผมได้กลิ่นโอเมก้า ผมรู้สึกอย่างไร มันหอมมากจนรู้สึกอยากครอบครอง เพราะกลิ่นของใครบางคนทำให้หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา กลิ่นของโอเมก้าคนอื่นก็ทำให้ผมรู้สึกเวียนหัว หนักหน่อยก็รู้สึกเหมือนจะอาเจียน

“ไม่ต้องห่วง กูกำชับกับเจ้าของร้านไว้แล้ว ร้านนี้มีแต่เบต้า” หนนี้สิงห์พูดขึ้น

“ก็ดี” ผมตอบสั้น ๆ ก่อนจะยกเครื่องดื่มในมือสีชมพูหวานลงคอ รสชาติของมันไม่อ่อนโยนเหมือนสีสันเอาเสียเลย

ถ้าให้เปรียบโอเมก้า ผมว่ามันก็คงไม่ต่างจากเครื่องดื่มแก้วนี้



หลังจากเคลียร์หลังร้านเสร็จ ผมก็ออกมาประจำที่บริเวณเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มตามเดิม สิงห์เองก็คอยช่วยผมชงเครื่องดื่ม มันเป็นพวกเข้าถึงง่าย ทุกครั้งที่พี่กรรณให้มาช่วยงานมันจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ

“กช ได้กินยามาหรือเปล่า” สิงห์ว่า

“เหลวไหลนาสิงห์ ไม่เป็นอะไรหรอก”

“ในงานมีแต่อัลฟ่าทั้งนั้นเลย ขนาดกูที่เป็นเบต้าจริง ๆ ยังรู้สึกอึดอัดมึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

“เฉย ๆ นะ ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร” ผมว่าไปตามจริง เพราะปกติก็ทำงานในร้านต้องเจอคนเยอะอยู่แล้ว เลยรู้สึกคุ้นชินเป็นธรรมดา

“ถ้ารู้สึกแปลก ๆ ต้องรีบบอกนะ”

“โอเค ๆ” ผมรับคำ ก่อนจะเดินไปทำเครื่องดื่มตามปกติ

ในงานก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ พวกอัลฟ่า และเบต้ามีอยู่เต็มร้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของงานวันนี้เป็นพวกชมรมอัลฟ่า เบต้าหรือไง ถึงได้ไม่มีโอเมก้าสักคนเดียว (นอกจากผมที่ยืนอยู่ตรงนี้)

“น้องครับ” ผมหันไปยังผู้ชายตัวสูงที่เพิ่งเดินเข้ามานั่ง

“ครับ? รับอะไรดีครับ”

“เปล่า พี่แค่จะมาถาม น้องเป็นเบต้าใช่ไหม?” ว่าจบเขาก็เท้าแขนยืนเก๊กขรึม

เฮอะ! ไอ้พวกอัลฟ่าขี้เก๊กอีกแล้ว

“แล้วยังไงครับ” ผมว่า

“เพื่อนพี่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นบอกว่าน้องเป็นตัวท็อปของร้านนี้” ว่าจบเขาก็ชี้มือไปยังคนที่นั่งอยู่ในมุม “พี่ให้สองหมื่น แลกกับจูบเราหนึ่งครั้ง”

“...” แดกจุด

“น้อยไปเหรอ พี่เพิ่มให้อีกหมื่นก็ได้นะ”

“ไม่ดีกว่าครับ ต้องขอโทษด้วย”

“หยิ่งจริงสมคำร่ำลือ แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย”

แล้วใครเขาไปลือกันตอนไหนอีกล่ะเนี่ย ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป แต่กลับถูกเสียงทุ้มรั้งไว้อีกครั้ง

“คุยกันก่อนสิครับ เดินหนีแบบนี้มันไม่เสียมารยาทไปหน่อยเหรอ” ผมหันกลับไปมองดวงตาคู่คมอีกหน ถ้าไม่ติดว่างานนี้เป็นงานเหมา ผมคงเดินไปชกหน้ามันแล้ว “เอาแบบนี้ดีไหม เพื่อนพี่พนันกับพี่เอาไว้ว่าถ้าพี่ทำให้น้องจูบพี่ได้ มันจะให้ห้าแสน พี่จะแบ่งให้น้องแสนหนึ่งถ้าเรายอม”

ตึ้ง!

ผมกระแทกฝ่ามือลงบนเคาน์เตอร์เสียงดังด้วยอารมณ์ที่พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ ไอ้พวกบ้าอำนาจ เงินพวกนี้คิดจะว่าจะซื้อได้ทุกอย่างหรือยังไงกัน

“ฟังผมนะครับ ต่อให้จ่ายเป็นล้านผมก็ยอม โดยเฉพาะพวกอัลฟ่าขยะ อย่าหวัง”

“หน็อย! นี่แกกล้าว่าลูกค้าเป็นขยะงั้นเหรอ”

จากตอนแรกที่ไม่เป็นจุดสนใจ ตอนนี้เริ่มปะทุขึ้นจนหลายคนเริ่มหันกลับมามอง

“ก็เออสิวะ ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้าสักหน่อย”

“กชเกิดะไรขึ้น” สิงห์ที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบวิ่งเข้ามาถาม

“ก็ไอ้บ้านี่เซ้าซี้อยู่ได้นามคาน”

“แกกล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าไอ้บ้ารู้ไหมว่าฉันลูกใคร!” ว่าจบมือหนาก็ยกขึ้นตั้งท่าเตรียมจะฟาดลงมา แต่มันก็ต้องชะงักเมื่อถูกบุคคลมาใหม่ห้ามเอาไว้พอดิบพอดี

“อย่ามีเรื่องในงานเลี้ยงของฉัน...” เสียงดุดันว่าขึ้นท่ามกลางความชุลมุน แรงข่มจากฟีโรโมนเข้มข้นที่เขาปล่อยออกมาทำให้ขาทั้งสองพลันสั่นจนก้าวไม่ออก

นี่คงเป็นอัลฟ่ายีนเด่นสินะ...

“ข...ขอโทษครับคุณ เพลิง”

“ไสหัวไปซะ” สิ้นสุดประโยคอัลฟ่าตรงหน้าก็เผ่นหายออกไปนอกร้านด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ส่วนเธอ!” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อสายตาคมกริบหันมาสบกัน

“หยุดส่งกลิ่นสักทีโอเมก้า...”

ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างกับประโยคที่ได้ยิน

เขารู้ได้ยังไง?

“ผ...ผม...” ผมพยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคอ แต่ก็ไม่เป็นผล

“กลิ่นอะไรวะ? กูไม่เห็นได้กลิ่น” คนมาที่หลังทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่น

“เหม็นจะตายอยู่แล้ว ไหนบอกว่าไม่มีโอเมก้าไง” อัคนีว่า ใบหน้าหล่อเหลาของเขาบิดเบ้ จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเหม็นหรอก เพราะมันหอมมากจนทำให้ช่วงล่างของเขาคึกคัก

ปกติแล้วอัคนีจะไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้กับโอเมก้าเว้นเสียแต่ครั้งแรก นี่ก็เป็นครั้งที่สอง ที่ทำให้เขารู้สึกสู้ซ่าเพราะกลิ่นของฟีโรโมน

เนื้อตัวกชกรสั่นระริกจนสิงห์ที่ยืนกุมมือผมอยู่รู้สึกได้ ผมกำลังกลัวหรือเปล่า

“ผม...ผมขอตัว” ว่าจบผมก็หันไปบอกสิงห์ “ฝากที่เหลือด้วย”

“อืม มึงไปพักเถอะ”

ผมเดินตรงไปยังอัลฟ่ายีนเด่นก่อนจะหยุดพูดบางอย่างที่มีเพียงเราสองคนได้ยิน “ผมไม่ใช่โอเมก้า” พูดจบก็ออกมาทั้งที่ขาทั้งสองยังสั่นเทา

ถ้าผมไม่พูดออกไปอย่างนั้น พี่ชายผมเดือดร้อนแน่ ในสัญญาระบุชัดว่าห้ามมีโอเมก้าในงานเด็ดขาด ความรู้สึกอึดอัดเจือจางลงไปหลังจากที่ออกมาจากจุดเกิดเหตุ แต่หัวใจกลับเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะจนลมหายใจติดขัด

“ทรมาน...” ผมฝืนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ขืนยังเป็นแบบนี้ผมต้องไปไม่ถึงห้องผมแน่ ระหว่างทางเดินผมแวะเข้าห้องน้ำที่ชั้นสอง หวังจะใช้น้ำเย็น ล้างหน้าเผื่อว่าจะดีขึ้น

กระจกสะท้อนภาพตัวเองยืนหน้าแดงก่ำหอบหายใจถี่ อาการแบบนี้ หมายความว่าผมกำลังฮีทใช่ไหม ทำไมกันทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยแสดงอาการอะไรเลยแท้ ๆ หรือจะเป็นเพราะกลิ่นที่อัลฟ่าคนนั้นปล่อยออกมากระตุ้นให้ผมมีอาการแปลก ๆ

“ได้กลิ่นไหม” เสียงของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ ผมพาตัวเองเข้าไปหลบในห้องที่ยังว่างอยู่ “กลิ่นโอเมก้ากำลังฮีท...”

หัวใจเต้นระส่ำ ความรู้สึกสับสนปนกันจนมั่วไปหมด การที่โอเมก้าส่งกลิ่นฟีโรโมนขณะฮีทไม่ใช่เรื่องดีเลย แต่ผมเองก็ควบคุมมันไม่ได้เช่นกัน

ทำยังไงดี หากถูกเจอตัวเข้าในสถานการณ์แบบนี้ ผมต้องปฏิเสธความต้องการของตัวเองไม่ได้แน่

“เฮ้ย! จริงว่ะ แต่ไอ้เกอร์บอกว่าในงานไม่มีโอเมก้านี่”

“ใครจะไปรู้ อาจมีหลงเข้ามาก็ได้”

“งั้นก็พลาดแล้วล่ะ หลุดเข้ามาในงานที่มีแต่อัลฟ่าเนี่ยนะ แถมกลิ่นเริ่มแรงขึ้นแล้วด้วย”

“ลองหาดูตามห้องน้ำไหม อาจจะซ่อนอยู่ในนี้จริง ๆ ก็ได้”

ความกลัวเข้าครอบงำเต็มขั้น กชกรได้แต่นั่งกอดเข่าตัวเอง ภาวนาว่าขอให้ใครเขามาช่วยเขาที เขาทั้งกลัว ทั้งสับสนจนทำอะไรไม่ถูก

“ทำอะไรกันออกไป!” กชกรจำเสียงดุดันที่ดังขึ้นได้ เขาคืออัลฟ่ายีนเด่นคนนั้นไม่ผิดแน่

นอกจากเสียงแล้วกชกรยังจำกลิ่นแปลก ๆ นั้นได้เป็นอย่างดี กลิ่นมันคล้ายกับเปลือกไม้ ที่น่าแปลกคือ ผมเหมือนเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน

เสียงของผู้ชายสองคนเงียบหายไป เสียงเพลงที่เคยดังตอนนี้กลับเบาลง คงเป็นเพราะเขาปิดประตูทางเข้าห้องน้ำ

“ออกมา”

“...”

“ฉันบอกให้ออกมา” ผมพยายามเอือมมือจับกลอนประตู แล้วแง้มมันออกเพียงนิดเดียว

เสียงฝ่าเท้าเดินเข้ามาใกล้ และใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเงาของเขามาหยุดที่หน้าห้องน้ำที่ผมเข้ามาหลบ

จังหวะที่ประตูเปิดออก อัลฟ่าตัวใหญ่กำลังยืนกอดอกจ้องมาทางผมอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทั้งที่เขาเองก็เป็นอัลฟ่าเหมือนกับสองคนก่อนหน้านี้ แต่ผมกลับรู้สึกสบายใจที่รู้ว่าเป็นเขา

“ช่วยผมด้วยครับ ผมเป็นอะไรไม่รู้”

“ถ้าจะให้ฉันช่วยก็หยุดส่งกลิ่นนั่นสักที ไม่กลัวบ้างหรือไง”

“...” เขาพูดถึงกลิ่นอีกแล้ว ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองก็มีกลิ่นฟีโรโมน

“บ้านเธออยู่ไหน หรือจะฉันโทรตามใครมารับ”

“ชั้นสาม... พาผมไปชั้นสาม”

กชกรถูกช้อนตัวขึ้นลอยวืดจากพื้นอย่างง่ายดาย การแบกโอเมก้าตัวเท่าลูกแมวขึ้นด้วยมือเดียวเป็นเรื่องง่ายสำหรับอัลฟ่าอย่างอัคนี เผลอ ๆ เวทที่เขาเล่นที่ยิมทุกเช้ายังหนักกว่านี้เสียอีก

เดินออกมาจากห้องน้ำเพียงนิดจะมีตรอกเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ ตรงนั้นมีบันไดสำหรับเดินขึ้นไปยังชั้นสาม ขายาว ๆ ของอัคนีก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าห้องของคนตัวเล็ก คีย์การ์ดเข้าห้องถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าด้านหลัง

ในตอนที่อัคนีพยายามล้วงหาอยู่นั้น กชกรก็สะดุ้งทุกครั้งที่มือเขาสัมผัสที่ก้น มันเปียกชื้นจนรู้สึกเฉอะแฉะไปหมด

“ปล่อยผมลง ผมจะเดินเข้าไปเอง”

อัคนีปล่อยเจ้าตัวลงตามที่เขาขอ แต่ยังไม่ทันถึงนาที กชกรก็ทรุดลงกับพื้น

“หึ! อย่าอวดเก่งทั้งที่เอาตัวเองไม่รอด”

“...” กชกรหันไปจิปากใส่อย่างไม่พอใจ มีสิทธิ์อะไรถึงได้มาว่าเขา ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะอัคนีนั้นแหละ

“ห้องนอนอยู่ทางไหน”

“อย่ามายุ่งกับผม!” เขาเริ่มหายใจตัดขัดอีกครั้ง เมื่ออัลฟ่าเริ่มปล่อยฟีโรโมนข่มโอเมก้าร่างบาง

อัคนีคิดว่าทำไมเขาถึงได้ดื้อ... ทั้งที่แทบจะไม่มีแรงเดินอยู่แล้วแท้ ๆ ยังจะอวดเก่งอยู่ได้

“คุณช่วยหยุดปล่อยกลิ่นนั่นได้ไหม” ผมว่า กลิ่นของเขาทำให้ผมวูบวาบที่ช่องท้องไปหมดแล้ว มันเหมือนตัวเองกำลังขึ้นรถไฟเหาะอยู่

“เธอนั่นแหละหยุดส่งกลิ่นสักที” กลิ่นฟีโรโมนจากตัวกชกรแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนผมอยากจะโถมตัวเข้าหา แล้วทำตามสัญชาตญาณ

เพราะเจ้าทิกเกอร์คนเดียวแท้ ๆ ย้ำนักย้ำหนาว่าวันนี้ไม่มีโอเมก้า แล้วนี่มันอะไรกัน

“ถ้าฉันทนไม่ไหว จะมาโทษกันไม่ได้นะ รีบบอกมาห้องเธออยู่ทางไหน”

“ท...ทางนั้น” อัคนีรีบช้อนตัวคนร่างบอบบางขึ้นอีกครั้ง แล้วรีบตรงไปยังห้องที่เจ้าตัวบอก

จังหวะที่เขากำลังวางกชกรลงกับเตียง วงแขนที่โอบรอบคอเขาอยู่ไม่ยอมคลายออก ตรงกันข้ามมันกลับรัดแน่นยิ่งกว่าเดิมจนใบหน้าของเราใกล้กัน

“หอมจัง ตัวคุณหอมมาก”

“ปล่อยฉันถ้าไม่อยากเสียใจที่หลัง”

“ผมรู้สึกแปลก ๆ รู้สึกร้อนยังไงก็ไม่รู้”

“นี่เธออายุเท่าไหร่กัน ไม่เคยฮีทหรือไง”

“ไม่ ไม่เคยเลยครับ คุณช่วยผมได้ไหม ผมเหมือนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ว่าจบกชกรก็ดึงเขาเข้ามาประกบริมฝีปาก กลิ่นหอมเกินต้านทานกำลังชักนำให้ทั้งสองหลงใหล

รสจูบเย้ายวนเพิ่มความต้องการ มันยากที่จะผละริมฝีปากออกจากกัน เรียวลิ้นร้อนสอดเข้าไปตวัดพันเกี่ยวแลกเปลี่ยนความหวานภายในจนน้ำลายเม็ดใสไหลย้อยออกมาตามมุมปาก ในห้องนอนนี้เงียบสงัดจนเขาทั้งสองติดกับรสจูบนานอยู่หลายนาที

อัคนีเริ่มรู้สึกเหมือนจะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ไหว เมื่อเขาเริ่มขบริมฝีปากนุ่มหยุ่นราวกับจะกลืนกินมันเข้าไป เสียงหอบหายใจถี่ขึ้นปลุกเร้าอารมณ์ให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก มือไม้มันอยู่ไม่สุข รู้ตัวอีกทีเขาก็ปลดกระดุมเสื้อของโอเมก้าใต้ร่างออกจนหมด ยอดอกสีแดงชูชันชวนให้เขาอยากสัมผัส

เพียงแค่เห็นเขาก็จินตนาการไปแล้ว ถ้าเขาโลมเลียตุ่มไตสีหวานนั้นจนชุ่ม คนใต้ร่างต้องร้องครางออกมาไม่เป็นภาษาแน่

แต่ความคิดนั้นก็เป็นอันต้องหยุดเพียงเท่านี้ อัคนีพยายามตั้งสติตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะรีบถอนจูบออกทั้งที่ร่างกายยังต้องการมากก็ตาม เขาไม่เคยจูบหรือมีเพศสัมพันธ์กับโอเมก้ามากก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่า โอเมก้าหอมหวานแค่ไหน

“ฉันต้องไปแล้ว” อัคนีรวบรวมสติแล้วรีบลุกออกมาจากห้องก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเลยไปมากกว่านี้ ก่อนออกมาเขาล็อกประตูห้องไว้ให้อย่างดี

อัคนีรีบสาวเท้าออกมายังลานจอดรถในเวลาต่อมา แต่เหมือนโชคชะตาต้องการเล่นตลกกับเขา จังหวะที่อัคนีกำลังหยิบมือถือเพื่อโทรบอกทิกเกอร์ว่าเขาจะกลับแล้วก็เป็นอันต้องจบลง

มือถือหาย?

เขาย้อนคิดกลับไปและมั่นใจว่ามันหล่นในห้องของกชกรแน่ ๆ เขาเดินกลับมาหยุดที่ห้องอีกครั้ง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยังไม่ทันเคาะเรียกประตูก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน

กชกรพุ่งตัวออกมาจากห้องด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้า อย่าบอกนะว่าเขาจะออกไปข้างนอกทั้งอย่างนี้

“คุณต้องช่วยผม ฮึก... ผมลองทำเองแล้วแต่มัน...” คนตัวเล็กร้องไห้ปนสะอื้น น้ำตาเม็ดใสสะท้อนกับแสงไฟค่อย ๆ ไหลลงมา

เป็นภาพที่ดูน่าสงสาร แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงมีความรู้สึกว่าอยากทำให้โอเมก้าคนนี้ร้องไห้มากกว่านี้ อยากรังแกให้ร้องงอแงอยู่ใต้ร่างจนเช้า

“ช่วยหยุดส่งกลิ่นที ผมจะไม่ไหวแล้ว”

“ได้โปรดใส่มันเข้ามา ผมต้องการมัน” ไม่พูดเปล่าฝ่ามือของเขายังขย้ำคลึงเป้าที่กำลังแข็งชันดุดันกางเกงจนนูนออกเป็นรูปเป็นร่าง

...ให้ตายเถอะ เส้นสติของผมขาดผึงในทันที ฝ่ามือหนาดันไหล่โอเมก้าร่างบอบบางกลับเข้าไปในห้อง แล้วจัดการปิดประตู

กชกรถูกเขาช้อนตัวขึ้นด้วยท่าเจ้าสาว ต้นขาของเขาเหนียวชุ่มไปด้วยฟีโรโมนเข้มข้น แขนเรียวยาวโอบรอบคออัคนีไว้อัตโนมัติเมื่อปลายเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้น ดวงตาทั้งสองฉ่ำปรือจ้องมองอย่างเว้าวอน

“อย่าเสียใจที่หลังก็แล้วกัน”










ฮึกกกกก -,,-



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

3


ผมได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ตั้งแต่เปิดประตูร้านเข้ามาแล้ว ผมตงิดใจอยู่หน่อย แต่ทว่ากลับชะล่าใจเพราะกลิ่นมันบางเบามาก และไม่ได้รบกวนใจเท่าไหร่

ตอนที่ผมนั่งดื่มกับพวกเพื่อน ๆ อยู่ชั้นสอง ผมเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านกระจก และเริ่มมั่นใจว่ากลิ่นนั่นออกมาจากตัวเด็กคนนั้น หนึ่งในพนักงานของร้าน ผมรู้ได้เองจากความรู้สึก

ผมตัดสินใจลงไปข้างล่างเพื่อหยุดสถานการณ์ไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้ แต่ทว่าฟีโรโมนของผมดันไปกระตุ้นให้โอเมก้าส่งกลิ่นชัดขึ้นกว่าเดิม แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้อัลฟ่าทั่วไปได้กลิ่น

ชั่วขณะหนึ่งผมรู้สึกราวกับว่าเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน กลิ่นมันคล้ายกับรอยสักรูปดอกไม้สีสวยที่อยู่บนหน้าอกของผม กลิ่นของ ดอกโบตั๋น...

“อึก! อย่าโดนตรงนั้น”

“ตรงนี้น่ะเหรอ?”

“อ๊า...”

กลิ่นหอมที่ลอยอบอวลทำให้ผมรู้สึกคลั่ง นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่ชอบโอเมก้า แต่ร่างกายมันถูกสัญชาตญาณกระตุ้นให้ทำในสิ่งที่ต้องการ เราทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่กลับปฏิบัติต่อกันราวกับเป็นคู่รัก

ริมฝีปากที่ทาบทับบดจูบกันอย่างดูดดื่ม กลิ่นหอมจากซอกคอขาวกำลังหลอกล่อให้อัลฟ่าฝังเขี้ยวให้จม แต่ทว่าสติน้อยนิดของโอเมก้าที่เหลืออยู่ สั่งให้เขายกมือปกป้องรอบคอเอาไว้

“อย่ากัดผมนะ...”

อัคนีกัดขบฟันกรามดังกรอด พยายามหักห้ามใจไม่ให้ตัวเองเผลอผูกพันธะกับกชกร ไม่อย่างนั้นเรื่องอาจจะยุ่งกว่านี้แน่

เขาเบนความสนใจจากซอกคอ โน้มตัวลงมาหยอกล้อกับเนินอกนุ่มนิ่มแทน เสียงครางหวานหลุดออกมาจากลำคอของโอเมก้าดังผะแผ่วเป็นระยะ

โอเมก้าขึ้นชื่อเรื่องความสวยของใบหน้าอยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า กลิ่นตอนที่พวกเขาฮีทนั้นมันยิ่งทำให้โอเมก้าดูสวยขึ้นไปอีก ช่องทางรักสีหวานด้านหลังฉ่ำน้ำหล่อลื่นพร้อมรับสอดใส่ แต่อัคนีเองไม่ได้พกถุงยางมาด้วย เขารู้ดีหากสอดใส่ลูกรักของเขาเข้าไปด้านในตอนที่อีกฝ่ายกำลังฮีท อาจทำให้อีกฝ่ายท้องได้

เขาใช้ความอดทนที่มีอยู่ สอดนิ้วที่ช่องทางฉ่ำน้ำแทนการใช้แก่นกาย ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเขาต้องการที่จะทำให้อีกฝ่ายปลดปล่อยสักรอบแล้วจะได้กลับเสียที

“อะ! รู้สึกดีจัง” ดวงตาหวานฉ่ำปรือตามอง ก่อนจะดึงเขาเข้าไปจูบอีกครั้ง

ภายในตัวกชกรอุ่นมากจนเผลอจินตนาการว่าตัวเองสอดใส่แก่นกายเข้าไป มันจะรู้สึกดีแค่ไหนนะ

แต่แล้วความคิดนั้นก็ต้องหยุดลง กชกรลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะผลักให้อัลฟ่าแข็งแกร่งนอนลง เขาขาดสติโดยสมบูรณ์แล้ว ร่างกายขับเคลื่อนไปตามสัญชาตญาณเต็มร้อย

“จะทำอะไรของเธอ”

“...” เขาไม่ตอบ แต่ครอบริมฝีปากลงมาที่ส่วนตรงปลายของแก่นกายแทน ลิ้นร้อนตวัดระหว่างรอยแยกปริ่มน้ำใสด้วยท่าทีเงอะงะ เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าต้องวางมือไว้ยังไง ท่าทางเหล่านั้นกลับทำให้ความอดทนที่อัคนีพยายามสะกดกลั้นมาทั้งหมดจบลงแล้ว

ร่างกายไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป...

ฝ่ามือหน้าสอดเข้ากับกลุ่มผมสีเข้ม บังคับให้ศีรษะขยับขึ้นลงตามที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดเลยว่าปากเล็ก ๆ นี่จะกลืนกินของเขาเข้าไปจนหมด

อัคนีไม่ยอมปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เขายกมือสากลูบสะโพกขาวกลมที่ยกลอยเด่น ก่อนจะใช้นิ้วเรียวร้อนถูกับรอยจีบอย่างช้า ๆ แล้วสอดนิ้วเข้าไป โอเมก้าตัวเล็กร้องครางไม่เป็นภาษา แถมยังห่อปากแน่น จนอัคนีเองทนไม่ไหว

“ซี๊ดดดด เอาออกก่อน”

คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมอง กชกรได้ยินทุกอย่างแต่เขาเลือกที่จะไม่ทำตาม จนกระทั่งความอดทนของอัคนีหมดสิ้น เขาพร้อมปลดปล่อยเจ้าลูกชายนับล้านออกมา แต่มันก็เกือบไม่ทันเสียแล้ว

“อึก! แค่ก แค่ก” ของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งพรวดกระจายเต็มหน้าของอีกฝ่ายทันทีที่เขารีบถอนแก่นกายออกจากริมฝีปากสวย กชกรใช้ปลายลิ้นตวัดแตะชิมน้ำที่เปรอะอยู่ที่มุมปากแล้วฉีกยิ้มหวานเยิ้ม “หวานดีนะครับ”

“ใครสอนให้พูดจาแบบนี้”

“ผมพูดความจริงนี่”

คนฟังกระตุกยิ้มพราย ก่อนจะถูกโอเมก้าตัวเล็กตามขึ้นมาคร่อมทับ ฝ่ามือเล็กชักรูดแท่งร้อนที่เพิ่งปลดปล่อยแล้วจับจ่อไปที่ช่องทางรัก สะโพกขาวกดลงมาเพียงเล็กน้อยแก่นกายของเขาก็ถูกกลืนหายเขาไปด้านใน

มันรู้สึกดีกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก...

“อา...ดีจังครับ ผมเหมือนจะเป็นบ้าเลย” ว่าจบเขาก็แช่มันค้างเติ่งเอาไว้แบบนั้น

“แต่มันยังเข้าไปได้แค่ครึ่งเดียวเองนะ”

“ผมรับมันได้แค่นี้ครับ”

“หึ หึ” เอวบางถูกจับล็อกเอาไว้ แล้วกดลงมาจนสุดความยาว กชกรสั่นเทาไปทั้งตัว ก่อนจะซบหน้าลงกับลาดไหล่ชุ่มเหงื่อ

ในท้องเขามันทั้งจุก ทั้งแน่นจนเหมือนท้องจะทะลุออกมา นี่มันแทบจะขยับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เขานั่งแช่อยู่อย่างนั้นเพียงครู่หนึ่งร่างกายก็เริ่มตอบสนองความต้องการจนเผลอบดสะโพกเข้าหา

“อื้อ...อา...อ๊า!”

อัคนีอดทนอย่างมากที่จะไม่โถมตัวเข้าใส่ มองดูก็รู้ว่านี้เป็นครั้งแรกของอีกฝ่าย เพราะท่าทางเงอะงะของเขา แถมเขาจูบไม่เก่งเอาเสียเลย เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ

กชกรขยับสะโพกออกอย่างเชื่องช้า แล้วนั่งทิ้งน้ำหนักตัวลงมาสุดความยาว เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นจึงเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายไหวขึ้นลงเข้าจังหวะ แขนเล็กโอบกอดรอบคอคนตัวโตเอาไว้จนแน่น

“ผมไม่ไหวแล้วคุณ” คนตัวเล็กด้านบนเริ่มขยับถี่ขึ้น เขากัดหัวไหล่แกร่งของอัลฟ่าเพื่อระบายความเสียวซ่านที่แล่นพล่านไปทั้งตัว กลางหลังของอัคนีเต็มไปด้วยรอยเล็บที่เกิดจากเจ้าลูกแมวตัวเล็กทั้งจิก ทั้งข่วนแต่นั่นก็ยิ่งเพิ่มรสชาติให้การร่วมรักสนุกขึ้น

"อื้ม...อะ...อ๊า..."

ขยับอีกเพียงสองสามครั้งโอเมก้าก็ขยับช้าลง ร่างกายกระตุกเกร็ง ภายในตอดรัดจนอัคนีขบฟันเข้าหากันแน่น ของเหลวข้นถูกพ่นออกมาจากปลายแก่นกายจนเปรอะหน้าท้องแข็งแรง กชกรทิ้งตัวลงซบกับหน้าอกหนานอนหอบหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาถึงปลายทางแล้วแต่อัคนียังรู้สึกไม่เต็มอิ่ม

กชกรถูกเขาจับให้พลิกนอนคว่ำหน้าลงกับหมอน ก่อนจะถูกยกสะโพกให้ลอยเด่น แก้มก้นขาวกลมแดงระเรื่อจากกระแทกกระทั้นครั้งแรก ถูกแหวกออกแล้วดันแก่นกายกลับเข้าไปอีกครั้ง

“อื้ออ...” เสียงครางจากอัลฟ่าบอกชัดถึงความพอใจ เขาขยับแก่นกายออกจนสุดแล้วดันกลับเข้าไปด้วยน้ำหนักเท่าเดิมรวดเดียว

ผ้าปูที่นอนถูกจิกกำจนมุมหลุดลุ่ย เสียงหน้าขากระแทกกับสะโพกขาวกลม ผสมเสียงครางหวานหยาบโลนดังไปทั้งห้อง “อะ...ช้าหน่อยครับ อึก!”

เขาสังเกตเห็นรอยสักรูปดอกโบตั๋นดอกเล็กที่อยู่กลางหลังขาวเนียน มันยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ให้โอเมก้าร่างบางมากกว่าเดิม ที่เขาว่ากันว่าโอเมก้าสวยแม้แต่เป็นเพศชายมันไม่เกินจริง

ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญ หรืออะไรที่ทำให้เขาทั้งสองมีรอยสักคล้ายกัน แต่ที่แน่เสียยิ่งกว่าแน่ มันไม่ใช่พรหมลิขิต

กชกรถูกคว้าตัวขึ้นมากอดจากด้านหลังเอาไว้ในวงแขน ริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ตะโบมจูบจนทั่วแผ่นหลังสลับขบกัดด้วยความมันเขี้ยว ผิวขาวขึ้นสีช้ำจนทั่วทุกซอกทุกมุม กลิ่นหลังคอของอีกฝ่ายหอมมาก เขาทำได้แค่โลมเลียมันเท่านั้น ทั้งที่ใจอยากฝังคมเคี้ยวลงไปแทบแย่

ฝ่ามือสากลูบวนแผ่นอกบางจนขนลุกชันไปทั้งตัว เขาทั้งคู่ต่างก็สุขสมจนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานนับชั่วโมงแล้ว แต่กชกรยังนอนตัวไหวขึ้นลงเพราะแรงโหมของอัลฟ่าแข็งแกร่งอยู่เลย แก่นกายของเขาปลดปล่อยจนแทบไม่มีอะไรจะออกมา เรี่ยวแรงของเขากำลังจะหมด

ตัวเขาก็แค่เนี่ย จะกระแทกแรงไปถึงไหนกัน! กชกรได้แต่ก่นด่าเขาในใจ วันนี้เขาได้รู้ว่าอัลฟ่าเวลาติดสัดน่ากลัวแค่ไหน

“อะ...อื้ออ คุณผม หิวน้ำ” ร้องจนไม่มีเสียงแล้ว คอแห้งไปหมด อัคนียกผมขึ้นทั้งที่ข้างล่างยังเชื่อมติดกันอยู่ “คุณ...”

“ตัวเท่าลูกแมว ผมไม่ทำคุณตกหรอกนา”

“อื้ออ คุณอย่าเพิ่งขยับสิ”

“ปากบนก็งอแง ปากล่างก็งอแงจังนะ”

งอแงบ้าอะไรล่ะ! ผมยกมือทุบไหล่เขาดังอักหลายครั้ง ก่อนจะโดนเขาเอาคืนด้วยการสวนสะโพกเข้ามาลึกกว่าเดิม

“อ๊า! คุณ...”

กว่าจะมาถึงตู้เย็นได้ ผมก็เกือบถึงปลายทางอีกรอบ ขวดน้ำดื่มถูกหยิบออกจากตู้เย็นเพียงขวดเดียว เขาเปิดขวดแล้วกระดกดื่มก่อน ผมได้แต่มองตาละห้อย

โธ่...สงสารตัวเอง

ผมได้ดื่มน้ำจากการที่เขาประกบปากลงมาแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนถ่ายน้ำที่อยู่อีกปาก เข้ามาอีกปาก

“ค่อย ๆ กิน เดี๋ยวจะจุก” ว่าจนเขาก็กระดกน้ำใส่ปากตัวเอง แล้วป้อนผมผ่านทางริมฝีปากอีกครั้ง

ผมว่าข้างล่างจุกกว่านี้อีกนะ...

น้ำเย็นค่อย ๆ ไหลออกมาจากมุมปากอย่างเชื่องช้า ลงมายังคอและผ่านแผ่นอกลงไป กชกรรู้เย็นวาบเป็นทางไม่ต่างจากอัคนี ลิ้นที่เคยอุ่นตอนนี้กลับเย็นเฉียบ ผมถูกเขาจับวางบนเคาน์เตอร์ครัว ก่อนจะเริ่มสานต่อบทรักครั้งนี้ให้จบลง ทุกครั้งที่เขาจะถึงปลายทางเขาจะรีบดึงมันออกมาเพื่อปลดปล่อยข้างนอก แต่ทว่าครั้งนี้ผมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

“โอ๊ย! คุณ!!!... ฮือ ผมเจ็บ”

“อึก! อยู่นิ่ง ๆ ก่อน อย่าขยับ”

“ฮือผมเจ็บ เกิดอะไรขึ้นทำไมของคุณมันใหญ่ขึ้นแบบนี้” ความรู้สึกเจ็บวิ่งปราดไปทั้งตัวราวกับกำลังจะฉีกผมออกเป็นสองส่วน

จู่ ๆ ของแข็งด้านในก็เริ่มขยายตัวขึ้นกว่าเดิม ของเหลวฉีดพุ่งเข้าไปด้านในเป็นจำนวนมากจนรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง

ในนั้นมีอัคนีน้อยว่ายอยู่

“ซวยแล้ว...”

“เอามันออกไปที ผมเจ็บ ฮือ...เอามันออก” น้ำตาเม็ดใสไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันเจ็บมาก ยิ่งพยายามขยับตัวออกยิ่งรู้สึกเหมือนมันกำลังจะฉีกขาดให้ได้

อัคนีก้มมองลงไปยังจุดที่ยังเชื่อมต่อกัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุด

“ผมน๊อต...”

“ฮือออ ผมต้องทำยังไง มันเจ็บมาก มันเจ็บบบบบบบ” ผมเริ่มออกแรงทุบคนตัวโตด้วยความโมโห ทั้งเจ็บทั้งกลัวจนตัวสั่นไปหมด

“อย่าขยับ เลือดคุณออก”

“ตาย ผมตายแน่ ๆ ผมต้องตายแน่”

“คุณ! ใจเย็นแล้วอยู่นิ่ง ๆ” อัคนีว่าเสียงดุ

ผมหุบปากฉับแล้วพยายามกลั้นเสียงสะอื้นลงคอ ผมปล่อยให้เขาอุ้มผมมาที่เตียงอีกครั้ง อัคนีทิ้งตัวลงนอนโดยที่ให้ผมนอนอยู่ด้านบน แล้วจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเอาไว้

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันฟะ!

ผมนอนกับคนแปลกหน้าไปครึ่งค่อนคืนได้ยังไงกัน อยากจะดึงทึ้งหัวตัวเอง รู้แบบนี้กินยาเอาไว้อย่างที่สิงห์บอกก็ดี ไม่น่าดื้อเลย แล้วถ้าพี่ชายผมรู้เข้า ผมต้องโดนฆ่าทิ้งแน่ หรือผมควรกัดลิ้นตัวเองตายไปซะตอนนี้เลยจะได้จบ ๆ

ผมสะบัดความคิด แล้วพยายามหาทางแก้ปัญหาอีกที

“คุณ...”

“...?”

“อีกนานไหมกว่าจะเอาออกได้”

“โชคดีก็สามสิบนาที”

“ฮะ!!! จะบ้าเหรอทำไมนานขนาดนั้น”

“ปกติ”

ตอบสั้นจังวะ ทีก่อนหน้าพูดยาวเป็นเรียงความ "แล้วถ้าโชคร้ายล่ะ"

"หนึ่งชั่วโมง" โอ๊ยอยากจะร้องไห้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ แต่เราต้องนอนรอเงียบ ๆ แบบนี้เหรอ มันวังเวงเกินไปหรือเปล่า

“คุณ...” ผมเรียกคนที่นอนหลับตาพริ้มอีกครั้ง

“อะไรอีก”

“คุณชื่ออะไร?”

“ผมไม่คิดจะสานต่อกับคนที่เพิ่งนอนด้วยกันครั้งเดียวหรอกนะ”

โอ้โหหน้าชา นิสัยอัลฟ่านี่มันเหมือนกันทุกคนเลยหรือไงกัน

“นี่คุณ มันก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ”

“หึ! นอนนิ่ง ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”

แม่งแล้วผมต้องนอนอยู่ท่านี่อีกสามสิบนาที ผมมีเวลามากจนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น มันน่าอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี นี่มันหายนะชัด ๆ

ผมแม่งทำบ้าอะไรลงไปเยอะแยะจนรู้สึกหน้าร้อนฉ่าอีกครั้ง เวลาสามสิบนาทีมันช่างยาวนานราวกับเป็นวันสำหรับกชกร เขาเจ็บช่วงล่างมากจนชาหนึบไปหมด

จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อ ความคิดมากมายชวนให้กชกรเองวกวนสับสนไม่สิ้นสุด ความเหนื่อยอ่อนทำให้เปลือกตาของเขาเริ่มหนักและค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ เขาเห็นดอกไม่สีสวยเป็นภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะตัดดับไป...







 
(/ε\*)





*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |4|
«ตอบ #6 เมื่อ22-11-2021 21:12:10 »

ทิ ก เ ก อ ร์ สิ ง ห์

อัลฟ่า x เบต้า

4


ผมจับสังเกตได้ว่ากชกรกำลังยืนตัวสั่น มองดูก็พอรู้สาเหตุที่เขาเป็นแบบนั้น มันเป็นเพราะอัลฟ่าหนุ่มนิ่งขรึม น้ำเสียงดุดันที่กำลังข่มอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้

“ฝากที่เหลือด้วย”

“อืม มึงไปพักเถอะ” ผมรับคำเพื่อนรักแล้วปล่อยให้มันไปพักที่ห้อง อัลฟ่าจ้องกชกรอย่างไม่ลดละสายตา ก่อนจะเดินปั่นปึงกลับไปนั่งตามเดิม

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ” เสียงนุ่มทุ้มว่าขึ้นในขณะที่ผมหันไปทำเครื่องดื่มต่อ

“ครับ?”

“ก็เพื่อนผมดันมีเรื่องในร้านของคุณไง”

“อ้อ นี่ไม่ใช่ร้านผมหรอก ผมแค่มาช่วยงานเพื่อนผมก็เท่านั้น” ผมว่าไปตามจริง ก่อนจะเดินเอาเครื่องดื่มที่ทำไว้ไปเติม แล้วกลับมายืนประจำที่เดิม

“ผมทิกเกอร์นะ”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเสียงนุ่มเอ่ยอีกครั้ง ในจังหวะที่สายตาเราประสานกัน เขาก็ยกยิ้มหวานจนตาหยี เหมือนผมเห็นหูกับหางของเขาโผล่ออกมายังไงก็ไม่รู้แฮะ

ก็ดูน่ารักดี

“ครับ?”

“จะไม่บอกชื่อคุณหน่อยเหรอ”

“ผมยังอยู่ในเวลางาน” เขาพยักหน้าหงึก ๆ แล้วไม่พูดอะไรต่อ

ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองแทนกชกรที่ขึ้นไปพัก ใจอยากขึ้นไปดูอาการมันเหลือเกิน แต่ก็ไม่กล้าทิ้งงานขึ้นไป เฮียกรรณก็ดันไม่อยู่ซะด้วยสิ

แต่จะว่าไป อาการของกชกรมันคล้ายกับเมื่อสมัยเรียนไม่มีผิด อาการฮีทของโอเมก้า แต่ครั้งนี้เหมือนจะแสดงอาการมากกว่าปกติ

ผมไม่เคยเห็นเพื่อนผมได้กลิ่นฟีโรโมนของใครแล้วมีอาการแบบนี้เลยแฮะ จู่ ๆ ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้

“นี่คุณ” หนนี้ผมเป็นคนชวนเขาคุยก่อน ผมเรียกคนที่นั่งเงียบมาสักพักตรงหน้า เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ทำตาบ้องแบ๊วเป็นประกาย “...คือว่า คนนั้นเป็นเพื่อนคุณเหรอ”

“หืม?”

“คนที่คุณคุยด้วยไง”

“อ๋อ...ใช่ครับ” ผมจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง ชั่งใจว่าควรถามดีไหม ระหว่างเราเป็นเพียงแค่พนักงานกับลูกค้าเท่านั้น มันจะดูละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่านะ “คุณมีอะไรหรือเปล่า?”

“...ผมขอถามเสียมารยาทได้ไหม”

“ถ้าคุณบอกชื่อ ผมจะตอบ” เป็นอีกครั้งที่เขาฉีกยิ้มจนตาปิด รอยยิ้มเขาดูผิวเผินมันก็ไม่มีอะไรแปลกนักหรอก แต่ถ้าสังเกต คุณจะเห็นว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใสเหมือนใบหน้าอ่อนหวาน

“สิงห์”

“...?”

“นั่นชื่อผม”

“ว้าว ชื่อเท่มากเลยนะครับ ว่าแต่คุณมีอะไรจะถามผมเหรอ”

“เพื่อนคุณน่ะ เขาเป็นอัลฟ่ายีนเด่นเหรอ”

“ใช่ครับ อย่าบอกนะว่าคุณชอบเพื่อนผมน่ะ” ทิกเกอร์ว่า แล้วเบิกตาโพลงพลางเอามือปิดปากหน้าตาตื่น

“ไม่ใช่อย่างนั้น...” ผมรีบบอกปัด “แค่รู้สึกอึดอัดตอนที่เขาอยู่ใกล้น่ะ ทั้งที่ผมเป็นเบต้า”

“ก็ไม่แปลกหรอกครับ เพลิงเขาเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์”

อ๋อ...เขาเป็นทรูอัลฟ่านี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่กชกรจะมีท่าทีแบบนั้น

แต่ก็นะ มันดื้อเอง ทั้งผมทั้งเฮียบอกให้กินยาระงับอาการฮีทเอาไว้มันก็ไม่ยอมกิน ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนนักหนา ถึงจะเป็นยีนด้อยมันก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดอาการได้ตลอดอยู่แล้ว

ที่เป็นห่วงกชกรมากขนาดนี้ ใช่ว่าผมคิดเกินกว่าเพื่อนแต่อย่างใด แต่เพราะว่ากชกรคือเพื่อนคนเดียวของผม เราทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาล บ้านเขากับบ้านผมรู้จักกันเป็นอย่างดี เฮียกรรณเองก็ด้วย ที่ผ่านมาเขาปฏิบัติกับผมราวกับเป็นน้องของเขาอีกคน

“เลิกงานแล้วกลับยังไงครับ” ผมหลุดจากภวังค์หันกลับมาสนใจคนตรงหน้าตามเดิม

“ทำไมเหรอครับ อยากรู้?” ผมไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไร “หรือ...อยากไปส่ง”

“ก็ทั้งสอง แต่อย่างหลังก็น่าสนดีนี่” ว่าจบทิเกอร์ก็เลียริมฝีปากของตัวเอง ก่อนจะเม้มริมฝีปากล่าง

ท่าเลียริมฝีปากของเขาช่างขัดกับหน้าตาน่ารักเสียจริง

ผมฉีกยิ้มแล้วตอบคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบ “อืม... คุณจะจีบผม?”

“ถ้าใช่ คุณจะว่ายังไงล่ะ”

“ผมไม่ชอบความสัมพันธ์แบบผูกมัด คงต้องขอโทษด้วย” ผมว่า

“งั้นก็ดีสิครับ ผมเองก็ไม่คิดจะผูกมัดกับใคร” การที่เราเจอคนที่มีความชอบคล้ายกัน ถือว่าโชคดีมาก

ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกมันง่ายต่อการตัดใจ ซึ่งผมโอเค แต่มันจะติดแค่ บุคลิกที่ดูนุ่มนิ่มเหมือนขนมหวานเกินไป บังเอิญผมเป็นคนชอบกินเผ็ชซะด้วย

“วันนี้ผมคงไม่สะดวก ผมต้องไปดูเพื่อนผมก่อน” ผมว่าไปตามจริง จะให้ทิ้งกชกรตอนนี้ก็คงไม่น่าจะเหมาะเท่าไหร่

“เพื่อน?”

“ก็คนที่เพื่อนคุณบ่นว่าเหม็นนั่นแหละ”

“ถ้าอย่างงั้นผมขอเบอร์คุณได้หรือเปล่า” ผมล้วงเอามือถือของตัวเองส่งไปให้เขา ไม่นานนักมือถือของเขาก็ดังขึ้นจากการโทรออกของมือถือผม ทิกเกอร์พิมพ์บันทึกชื่อเอาไว้เองเสร็จสรรพ ก่อนจะส่งกลับคืน

"แล้วผมจะโทรหานะ รับสายผมด้วยล่ะ" ผมไม่ได้ตอบกลับอะไร นอกจากยิ้มรับแล้วพยักหน้าเบา ๆ

หลังจากที่ทิกเกอร์ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็ขอตัวกลับไปนั่งกับเพื่อนตามเดิม สิงห์เงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นสองผ่านกระจกใส ทิกเกอร์เองก็กำลังมองมายังสิงห์เช่นกัน ทั้งคู่ประสานสายตา ต่างฝ่ายต่างก็ยกมุมปากกระตุกยิ้ม

หากมองธรรมดาก็แค่ผู้ชายน่ารักเหมือนลูกหมา แต่เวลายิ้มเขากลับดูร้ายจนน่าค้นหาอย่างบอกไม่ถูก เรื่องบนเตียงก็คงจะไม่เท่าไหร่นักหรอก หน้าตาแบบนี้ผมเองก็เคยเจอมาเยอะ



เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งตีสาม แขกหลายท่านเริ่มทยอยกลับกันไปเกือบหมด สภาพร้านอย่างกับผ่านศึกสงครามมาไม่มีผิด

สิงห์ดูแลความเรียบร้อยของร้านเป็นอย่างดี หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ ส่วนที่เหลือก็ให้พนักงานทำต่อ จริง ๆ สิงห์เองก็ไม่ต่างจากเจ้าของร้านหนักหรอก เพราะเขาเองก็มีอำนาจสั่งการไม่ต่างจากเฮียกรรณ หรือกชกรเลย

ตึ้ง!

หน้าจอมือถือสว่างวาบเมื่อมีข้อความเด้งเข้ามา ผมเลื่อนปลายนิ้วกดเข้าไปดูว่าเป็นข้อความจากใคร

[ฝันดีระครับ] - ทิกเกอร์<3

หึ! ช่างกล้าใส่รูปหัวใจลงไปหลังชื่อ

นั่นไม่ใช่ฝีมือของสิงห์ แต่เป็นฝีมือของทิกเกอร์ เพราะเขาเป็นคนเอามือถือของผมไปจัดการเอง

ผมเดินขึ้นไปยังชั้นสามซึ่งเป็นที่พัก เวลาล่วงเลยไปจนเกือบตีสี่ งานวันนี้หนักเอาเรื่องจนผมเองแทบจะไม่ได้นั่งเลยตลอดทั้งคืน ผมเดินตรงมายังในครัวเพื่อหาน้ำดื่มแล้วเดินกลับเข้าไปพัก แต่ทว่าผมกลับเห็นความผิดปกติบางอย่าง

ขวดน้ำดื่มล้มอยู่ที่พื้นจนน้ำเปียกกระจายเป็นวงกว้าง “กช!” ไว้กว่าความคิด ผมก็รีบตรงไปยังห้องนอนของกชกรในทันที

แต่...!!!

ภาพตรงหน้าทำผมแทบช็อก เพื่อนรักของผมกำลังนอนหลับสนิทด้วยสภาพเปลือยเปล่า ผิวเนื้อขาวมีแต่รอยแดงจ้ำทั้งยังมีรอยคมฟันเด่นชัด ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ มันกำลังนอนอยู่บนตัวของใครบางคนอยู่

“ไอ้กช!” ผมปรี่เข้าไปปลุกคนที่หลับสนิททันที

“ใครวะ” เสียงัวเงียว่าพยายามปรือตามอง กชกรจ้องหน้าสิงห์เขม็ง เพราะเขากำลังพยายามปรับโฟกัสสายตาอยู่

ในจังหวะเดียวกัน ผมก็ได้เห็นหน้าของคนที่เพื่อนผมนอนอยู่บนตัวเขา นี่มันอัลฟ่าคนนั้นนี่ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ผมจำได้ว่าหลังจากที่เพื่อนผมเดินออกไป เขาเองก็กลับไปชั้นสองนี่

“กช! มึงทำอะไรลงไป”

“สิงห์เองเหรอ เสียงดังทำไมคนจะนอน”

“ยังมีหน้ามาถาม... เฮ้ย! คุณตื่นเดี๋ยวนี้” หลังจากปลุกเพื่อนตัวเองไม่สำเร็จ ผมก็หันไปปลุกคนที่นอนอยู่ใต้ร่างกชกรแทน

เหมือนเพื่อนผมจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหนกับใคร เขารีบโกยผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างกาย

รอยฟัน! ผมรีบมองไปที่หลังคอของกชกรในทันที โชคยังดีที่มันยังไร้ร่องรอยคมฟันของอัลฟ่า

“มึงออกไปก่อน” กชกรว่าหน้าแดงก่ำ

“จัดการให้เรียบร้อย กูจะนั่งรอด้านนอก” ว่าจบผมก็เดินออกมานั่งดักรอทั้งสองคนหน้าห้อง ถ้าเรื่องนี้ถึงหูเฮียกรรณ เพื่อนผมมีหวังได้กลายเป็นศพแน่

นั่งรอยอยู่พักใหญ่ ทั้งสองคนก็เดินออกมา ผมมองทั้งคู่อย่างไม่ละสายตาสลับกัน และเหมือนพวกเขาจะรู้ตัว จึงรีบเดินมานั่งข้าง ๆ ในฝั่งตรงข้าม

เพียงแค่เขาทั้งสองหย่อนสะโพกลงนั่ง ผมก็ยิงคำถามใส่ทันที แต่ไม่ว่าจะเค้นยังไง กชกรก็เอาแต่ตอบตะกุกตะกักจนผมแทบจะหมดความอดทน

“มีอะไรจะพูดไหม” ผมถามคำถามนี้เป็นครั้งที่สาม

“เอ่อคือ...คือว่า”

ตึง!

ผมตบโต๊ะเสียงดัง หลังจากฟังคำว่า เอ่อ...คือ นับครั้งไม่ถ้วน “มึงพูดคำว่าคือ ๆ เอ่อ ๆ เป็นสิบรอบแล้วนะกช”

“เพื่อนเธอฮีท ผมก็เป็นแค่ผู้โชคร้าย” คนด้านข้างพูดขึ้นราวกับหมดความอดทนเต็มที

“ได้ไง คุณก็รู้ว่าผมฮีทช่วยแล้วก็กลับไปสิวะ”

“หึ! คุณจะไปรู้อะไรล่ะ ถ้าผมไม่ย้อนกลับมา คุณคงเดินแก้ผ้าลงไปข้างล่างแล้ว”

“โอ้โฮ...ขอบคุณมาก โคตรรรร~ จะซึ้งเลยครับ” เขาว่าประชดประชัน

“มันก็ต้องแบบนั้น แล้วก็ไม่ต้องขอบคุณ ผมไม่ต้องการ ผมจะกลับได้หรือยัง”

“จะไปไหนก็เชิญ ไอ้อัลฟ่าเฮงซวย!”

“คุณมันก็โอเมก้าเฮงซวยเหมือนกันนั่นแหละ”

ช่างสมน้ำสมเนื้อ...

“ไอ้xxx”

ผมที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ได้แต่กุมขมับตัวเอง เส้นเลือกข้างขมับเต้นตุบ ๆ ขึ้นมาทันที แบบนี้มันหายนะชัด ๆ เห็นทีคงจะคุยไม่รู้เรื่องแน่ ทั้งคู่เอาแต่แยกเขี้ยวใส่กันไม่หยุด

“เลิกทะเลาะกันสักที จะเอายังไงต่อ” รีบห้ามซะก่อนที่จะมีการเสียเลือด เสียเนื้อ

“ไม่เอาไง ก็จบกันตรงนี้แหละ แค่ครั้งเดียวเอง หวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีก” กชกรว่า

“คุณผมขอเสียมารยาทนิดนะ แต่ผมต้องถาม คุณป้องกันใช่ไหม?” ผมว่า

“...”

“...”

ทั้งคู่นั่งเงียบไม่มีใครตอบอะไร กชกรเองก็นั่งหน้าแดงก่ำลามไปถึงคอ เหมือนไมเกรนกำลังตีขึ้นยังไงก็ไม่รู้ ถึงอาหมอจะเคยบอกว่ากชกรมีโอกาสน้อยมาก ๆ เพราะเป็นยีนด้อยก็เถอะ

มันเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่พลาดได้นี่...

“กชแล้วถ้าเกิดว่ามึง...” ผมลองเกริ่นนำ

“อะไร ไม่ต้องพูด!” กชกรรู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร

“เปล่า...” ผมว่ากชกรยังไม่พร้อมคุยเรื่องนี้ ผมจึงปฏิเสธไป แล้วจะหันไปถามอีกคนแทน “คุณจะกลับเลยไหม ผมลงไปส่ง”

“ไม่เป็นไร ลงไปเองได้”

“ผม จะ ลง ไป ส่ง” สิงห์เน้นหนักในคำเดิม

เขาพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้างเขา แต่กชกรกลับเมินหน้าหนีอย่างไม่สนใจ อัลฟ่าแข็งแกร่งเดินนำไปหลายก้าว ผมเองก็รีบหันไปสั่งเพื่อนตัวดีให้รออยู่ในห้อง ก่อนจะรีบวิ่งตามคนตัวสูงไป

“คุณครับรอผมก่อนสิครับ” ผมตะโกนไล่หลังเมื่อเริ่มก้าวเท้าไม่ทัน อีกฝ่ายเห็นจึงลดความเร็วลง

“คุณมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า” เขาถามขึ้น คงจะมองออกตั้งแต่ที่ผมขอลงมาส่งแล้วล่ะ

“คุณชื่ออะไร”

“เพลิง”

“ครับ คุณเพลิงจะเอายังไงต่อ คือ...คุณรู้ใช่ไหมโอเมก้าที่กำลังฮีทน่ะ...”

“เฮ้อ! จริง ๆ เรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิดอยู่เหมือนกัน นี่นามบัตรผมมีอะไรก็โทรมาได้ตลอด ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที”

“ขอบคุณมากนะครับ อ้อ! ผมขอโทษแทนกชมันด้วย ผมอยากให้คุณเข้าใจมันหน่อย มันมีประสบการณ์ไม่ดีกับอัลฟ่าเท่าไหร่”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ชอบโอเมก้าเหมือนกัน ผมไปล่ะ หวังว่าคุณคงไม่ต้องมีเรื่องให้โทรมา”

เวรละ! แบบนี้ ว่าแต่เขาเป็นอัลฟ่าแบบไหน ถึงได้เกลียดโอเมก้า เอ...เพื่อนเราก็เป็นโอเมก้าที่เกลียดอัลฟ่าเหมือนกันนี่หว่า

ผมยืนมองรถซูเปอร์คาร์ขับหายออกไปจากลานจอด ดวงตาจ้องมองนามบัตรในมือ มันเป็นกระดาษแบบด้านสีดำสนิท ตกแต่งด้วยตัวหนังสือสีทองมันวาว

แค่นามบัตรต้องดูหรูหราหมาเห่าขนาดนี่เลยเหรอวะ คนรวยนี่ดูโอเวอร์จริง ๆ “อัคนี เชาวกุล คุ้น ๆ แฮะ” ผมบ่นพึมพำคนเดียว ก่อนจะเก็บนามบัตรเข้ากระเป๋าสตางค์ของตัวเองแล้วเดินกลับมาที่ห้องอีกครั้ง

กชกรเดินออกมาจากห้องนอนได้จังหวะพอดีกับที่สิงห์เดินเข้ามา เขาเห็นเพื่อนรักของเขากำลังแบกกระเป๋าเป้ไนกี้ใบใหญ่ พร้อมกับของอีกหลายอย่างพะรุงพะรัง

“มึงจะไปไหน?”

“ห้องมึง”

“เดี๋ยว จะไปทำไม”

“มึงดูสภาพกู เฮียเห็นด่ากูเละแน่”

“ตอนทำไม่คิด ตอนนี้มากลัวก็ไม่ทันแล้วม่ะ” ผมว่า

“มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยเป็นแบบนี้ ไอ้อัลฟ่านั่นต่างหากที่มากระตุ้นจนกูฮีท”

“งั้นก่อนไปห้องกู แวะไปหาอาหมอกับกูก่อน” ผมมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ มันอาจจะยังเช็กไม่ได้ว่าท้องหรือเปล่า แต่เราก็ควรปรึกษาเอาไว้ก่อน เผื่อว่าอาหมอจะมีคำแนะนำที่ดี ดีกว่าการนั่งคิดไปเองแบบนี้

“ไม่เอา ไปทำไม”

“กชกูขอล่ะอย่าดื้อกับกู ไม่งั้นกูคงต้องบอกเรื่องนี้เฮีย”

“...”

คำขู่ของผมเห็นผลในทันที กชกรยอมตามผมมาที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา คุณอาผมเป็นเจ้าของที่นี่ และยังเป็นหมอประจำตัวกชกรมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก่อนออกมาจากห้อง ผมได้โทรบอกอาหมอเอาไว้ว่าจะเข้ามา ถึงผมจะเป็นหลานแท้ ๆ ของท่าน ผมก็ยังต้องต่อคิวตามนโยบายของที่นี่ ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นแต่อย่างใด

เดินเข้ามาในห้องตรวจอาหมอก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ข้างหลังมีนางพยาบาลยืนอยู่อีกหนึ่งคน กชกรเริ่มเล่าอาการทุกอย่างให้อาหมอฟังตั้งแต่แรกเริ่มจนจบ

อาหมอให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี ตอนนี้ร่างกายของกชกรกำลังจะเปลี่ยนไป ระดับฮอร์โมนที่เคยต่ำมาก ๆ กำลังจะกลับมาเป็นปกติ หลังจากนี้ไปเขาอาจจะฮีทได้ตลอด ในช่วงแรก ๆ อาการจะไม่คงที่ต้องคอยระวังเอาไว้ กชกรได้แต่นั่งหน้าเสีย สาเหตุทั้งหมดมาจากที่เขาถูกอัลฟ่ายีนเด่นกระตุ้น

“กรณีนี่ถ้าฮีทครั้งแรกโอกาสท้องมันค่อนข้างน้อยนะ ยีนด้อยโอกาสติดลูกก็ยากอยู่แล้วด้วย แต่ก็ต้องค่อยสังเกตตัวเอง อย่าชะล่าใจ”

กชกรถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ผมไม่แน่ใจว่าเคยฮีทหรือเปล่า คือมันระยะสั้น ๆ น่ะอาหมอ” กชกรว่า

“งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวอาสั่งจ่ายยาให้เอาไปกินชุดหนึ่งก่อน แล้วอีกสามสัปดาห์กลับมาหาอา”

“อาหมอครับ ถ้าสมมุติว่าผมท้อง...อาการเริ่มต้นมันจะประมาณไหน ผมจะได้สังเกตตัวเอง” กชกรถามต่อ

“ส่วนใหญ่ก็มักจะเริ่มต้นที่อาเจียน วิงเวียนศีรษะ อะไรประมาณนี้ แต่ในบางรายก็ไม่แสดงอาการ อาถึงได้นัดมาตรวจอีกทีไง”

“ครับ งั้นเอาตามนี้แหละครับ”

คุยกับอาหมอเสร็จผมก็ออกมารอรับยา กชกรเองก็ดูสบายใจจนน่าหมั่นไส้ หลังจากได้ยินอาหมอพูดอย่างนั้น ระหว่างทางไปห้องผม เราก็พูดคุยจิปาถะไปเรื่อย รวมถึงเรื่องของผู้ชายหน้าตาน่ารักที่ชื่อทิกเกอร์อะไรนั่นด้วย

จะว่าไปเขาก็เป็นเพื่อนกับคุณเพลิงด้วยนี่ หรือว่าผมจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับเขาดี แต่ใด ๆ คุณเพลิงอะไรนี่สเปกผมแฮะ แฮนซั่ม หุ่นก็ล่ำแซ่บมากแม่ น่าเสียดายแย่ถ้าปล่อยให้หลุดมือ

“กช...”

“หืม?”

“ไม่เสียดายเหรอ คุณเพลิงเขาก็ดูหล่ออยู่นะ”

“เพลิง?” เขาพูดขึ้นก่อนจะกลอกตามองบน “อ๋อ...ไอ้บ้านนั่นน่ะเหรอ... แล้วยังไงสุดท้ายเขาก็เป็นอัลฟ่า”

“ดูรวยนะ กูเห็นรถที่เขาขับอย่างเท่ น่าจะแพงโคตร ๆ ถ้ามึงยอมตกลงปลงใจกับเขา มึงอาจสบายไปทั้งชาติเลยก็ได้นา”

“เขาเป็นอัลฟ่าไง แถมยังปากหมาอีกต่างหาก”

“ไอ้กชเอ๋ย! มึงเจอหมวยถูกคู่แล้วล่ะ” สิงห์ว่าพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ

“ใครบอกกูจะคู่กับมัน ฝันไปเถอะ!”

“โอเมก้าต้อง...---” ยังไม่ทันพูดจบกชกรก็ยกมือขึ้นปิดปากผมเอาไว้ไม่ให้พูดต่อ เพราะมันรู้ว่าผมจะพูดอะไร ‘ก็อัลฟ่าก็ต้องคู่กับโอเมก้าจริง ๆ นี่นา’

“พอ ๆ กูไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”

“ตามใจวุ้ย! ดื้อฉิบหาย” กชกรเสหน้าออกนอกหน้าต่างรถ หลังจากจบบทสนทนาเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยตลอดทางจนกระทั่งมาถึงห้อง

“คืนนี้นอนคนเดียวนะ” ผมว่า

“ไปไหนอ่า”

“มีนัด”

“อะไรวะ ทิ้งกูเฉย”

“เออนา...อาจจะกลับเช้านะ”

Rrr…

ไม่ทันขาดคำมือถือในกระเป๋าก็แผดเสียง หน้าจอแสดงชื่อและเบอร์โทรของคนที่ผมนัดเอาไว้คืนนี้...

“ครับ…เดี๋ยวผมถึงแล้วจะโทรหา...ห้องเดิมใช่ไหมครับ...แล้วเจอกัน” สายถูกตัดในเวลาต่อมา

กชกรเบะปากจนคว่ำก่อนจะเอ่ยปากถาม

“พ่อหนุ่มทิกเกอร์?”

“เปล่า คนนั้นดูนุ่มนิ่มไปไม่ใช่สเปก”

“แล้วใคร?”

“แมทธิว”













*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |6|
«ตอบ #7 เมื่อ22-11-2021 21:13:39 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

5


“อีก 20 นาทีมีประชุมครับ ส่วนวันนี้หกโมงเย็นมีทานข้าวกับท่านประธาน”

“พรุ่งนี้ล่ะ”

“พรุ่งนี้คุณเพลิงมีไปดูงานที่สาขาระยองครับ”

“ไม่ต้องบอกคนเตรียมรถไว้นะ ฉันจะขับรถไปเอง”

“ได้ครับ” เลขาคิมรับคำ ก่อนจะโค้งตัวลงเล็กน้อยหลังจากรายงานสิ่งที่ผมต้องทำในวันนี้ทั้งหมดเสร็จสิ้น

ผมใช้ชีวิตในอายุสามสิบปีได้สามเดือนกับอีกสิบสี่วัน มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมนักหรอก ก็แค่ใช้ชีวิตให้ผ่านไปในแต่ละวัน

แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่มันทำให้ผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

ผมไม่สามารถมีเซ็กซ์กับใครได้อีกหลังจากที่ได้ลิ้มรสของโอเมก้าเพียงคืนเดียว ไม่ใช่ว่าผมตายด้านหรือหมดสมรรถภาพทางเพศหรอกนะ แต่ทุกครั้งที่มีเซ็กซ์ผมกลับรู้สึกไม่เต็มอิ่มกับมัน มันคล้ายกับตอนที่เราทานอาหารจานโปรด แต่ไม่ว่าจะทานเข้าไปเท่าไหร่ ลิ้นของเราก็ไม่สามารถรับรู้ถึงรสชาติได้

ช่วงนี้ผมจึงค่อนข้างหงุดหงิดบ่อย เพราะไม่ได้ปลดปล่อยเป็นเวลานาน

.

.

.

การประชุมยืดยาวไปนานหลายชั่วโมง มองดูนาฬิกาที่ข้อมือเข็มสั้นก็ชี้ไปที่เลขห้าเสียแล้ว หกโมงเย็นเขามีนัดทานข้าวกับพ่อ ไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าถึงได้นัดเข้ามากะทันหัน

จังหวะที่กำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่ โลกทั้งใบก็พลันหมุนติ้วเหวี่ยงให้ผมล้มนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม

ช่วงนี้อัคนีทำงานหนักมากจนแทบไม่มีเวลาพัก อย่างวันนี้เขาเพิ่งได้นอนพักช่วงตีห้า เจ็ดโมงก็ต้องตื่นขึ้นมาทำงานเสียแล้ว อัคนีทำงานหนักราวกับตัวเองมีหนี้เป็นร้อยล้านพันล้านอย่างนั้นแหละ

“คุณเพลิงไหวไหมครับ ผมว่าพรุ่งนี้เรายกเลิกนัดที่ระยองก่อนดีไหม” เลขาคิมเห็นอาการผมไม่ดีขึ้นจึงรีบปรี่เข้ามาช่วยพยุงผมเอาไว้

สามสี่อาทิตย์มานี้ผมรู้สึกวูบบ่อยมาก บางวันตื่นนอนก็รู้สึกเวียนหัวจนคลื่นไส้ อาจจะเกิดจากการที่พักผ่อนไม่พอนั่นแหละ ผมคงต้องลาพักร้อนสักระยะ

“ไม่เป็นไร ฉันแค่วูบน่ะ”

“งั้นให้ผมขับรถไปส่งเถอะนะครับ”

“เอางั้นก็ได้”

ผมนั่งพักจนรู้สึกดีขึ้น แล้วจึงเตรียมตัวออกเดินทางไปยังร้านที่พ่อจองเอาไว้ แต่ยังไม่ทันได้ออกเดินทางมือถือก็แผดเสียงออกเสียก่อน

ท่านประธาน

พ่อผมนั่นเอง เรียวนิ้วเลื่อนไปกดปุ่มสีเขียวเพื่อกดรับสายทันที

“ครับ?”

[เพลิงแก่อยู่ไหน ออกมาแล้วหรือยัง]

“กำลังออกไปครับ อาจจะช้าหน่อยนะครับ ผมเพิ่งประชุมเสร็จ”

[ให้ตายเถอะ แกจะบ้างานไปถึงเมื่อไหร่ แบบนี้ไงถึงได้ไม่มีเมียสักที ฉันจะตายก่อนได้อุ้มหลานไหม]

“ผมรู้แล้วครับคุณสิน บ่นเป็นคนแก่ไปได้ เดี๋ยวผมรีบออกไปแล้วกันรอหน่อยครับ”

[จริง ๆ เลยเจ้าลูกคนนี้ รีบมา...] สายถูกตัดไปในเวลาต่อมา ผมก็รีบออกเดินทางไปยังร้านอาหารที่ถูกจองเอาไว้ทันที

ใช้เวลาบนถนนไม่นานอย่างที่คิดผมก็มาถึงร้านอาหารไทยร้านประจำที่คนในตระกูลใช้นัดรวมตัวกัน เมื่อเดินเข้าไปในร้าน พนักงานที่ยืนรอต้อนรับอยู่ด้านหน้าก็แจ้งว่าพ่อเปิดห้อง VIP เอาไว้ หรือจะมีเรื่องสำคัญจริง ๆ ปกติหากนัดทานข้าวธรรมดาเราจะนั่งกันด้านนอก

ผมเคาะประตูสามครั้งก่อนเปิดเข้าไป ข้างในมีเพียงพ่อที่นั่งอยู่คนเดียว แต่จมูกผมดันได้กลิ่นบางอย่าง

กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าจาง ๆ...

“นั่งก่อน ๆ”

“พ่ออยู่กับใคร” ผมว่า

“เออหนา น้องเข้าห้องน้ำรอแป๊บ” ยังไม่ทันขาดคำ ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ผมรู้ได้ทันทีว่าคนตัวเล็กที่กำลังเดินเข้ามาเป็นเจ้าของกลิ่นก่อนหน้าที่ผมสัมผัสได้

“มาพอดีเลย เพลิงนี่น้องซิน ลูกชายของเพื่อนพ่อเอง จำได้ใช่ไหม พ่ออยากให้เรารู้จักกันไว้” นี้ไม่ใช่นัดทานข้าวธรรมดา แต่เป็นนัดดูตัว

“สวัสดีครับพี่เพลิง”

“สวัสดีครับ”

คนตัวเล็กเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่งด้านข้าง กลิ่นเขาก็ยิ่งชัดขึ้น ผมรู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก “ช่วยหยุดปล่อยฟีโรโมนทีครับ ผมปวดหัว” ผมกระซิบบอกข้างหูของโอเมก้าอย่างแผ่วเบา กลิ่นของมันไม่ได้น่าพิศมัยเอาเสียเลยหากต้องนั่งอยู่อย่างนี้ต่อผมคงได้อ้วกจริง ๆ แน่

แต่ทว่าพ่อผมกับยิ้มอรุ่ม คงคิดว่าเราคุยกันนั่นแหละ ดูท่าเขาจะชอบน้องซินอะไรนี่น่าดู พ่อเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์อีกครั้ง ผมนั่งเปิดเมนูไปเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่หน้าของอาหารประเภทยำ

“ยำทะเลหนึ่งที่ครับ” พนักงานก้มหน้ากดสั่งอาหาร “อ้อ ขอรสจัด ๆ นะครับ” ผมนึกอยากทานอะไรเผ็ด ๆ เปรี้ยว ๆ

หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย พนักงานก็หมุนตัวเดินออกมา แต่ผมกลับรั้งเขาไว้เมื่อรู้สึกว่าตอนนี้อยากทานอาหารชนิดนี้มาก

“ผมขอเมี่ยงกลีบบัวอีกที่ครับ”

“ได้ค่ะ” พนักงานพยักหน้ารับแล้วกดสั่งอาหารเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งเมนู

สายตาของคนเป็นพ่อมองมาที่ผมด้วยความประหลาดใจ

“แกเคยบอกว่าไม่ชอบกินนี่”

“เหรอครับ” ผมตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยระหว่างรออาหาร ไม่นานนักพนักงานก็นำเครื่องดื่มที่สั่งเอาไว้ก่อนมาเสิร์ฟ น้ำมะนาวสีขาวอมเขียวอ่อน ๆ เพียงแค่เห็นผมก็กลืนน้ำลายอึกให้ใหญ่ลงคอ

ผมดูน้ำอย่างกระหายรวดเดียวลดลงไปครึ่งแก้ว อาการที่เวียนหัวก่อนหน้ารู้สึกดีขึ้นมาหลังจากได้รับเครื่องดื่มรสเปรี้ยวอมหวาน

“ฮ่า ๆ สงสัยเจ้าเพลิงมาเหนื่อย ๆ คงจะหิวน้ำน่ะ” พ่อว่าก่อนจะยิ้มเจือน

“อ๋อครับ ผมหิวน้ำน่ะ” ผมว่า

พนักงานเริ่มยกอาหารที่สั่งมาวางไว้ที่ละอย่างสองอย่างจนครบ หลังจากนั้นเราก็เริ่มทานอาหารและพูดคุยเรื่องธุรกิจกันไปด้วย ซินอายุห่างกับผมสามปี แต่เขากลับพูดคุยเรื่องงานได้อย่างคล่องแคล่ว อีกไม่นานเขาก็คงต้องรับช่วงต่อบริษัทแล้วสินะ พ่อถึงได้ให้เรามาเจอกัน หากว่าสองครอบครัวดองกันได้ เราจะกลายเป็นมหาอำนาจ แต่พ่อลืมอะไรไปหรือเปล่า ผมเกลียดโอเมก้า...

เมี่ยงกลีบบัวถูกจัดวางอย่างสวยงาม มันถูกยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ สายตามผมจ้องมันราวกับหิวโหย ยำสารพัดที่ยัดไปก่อนหน้าไม่ทำให้ผมรู้สึกอิ่มเลยสักนิด

ผมจัดการห่อเมี่ยงแล้วยัดมันเข้าปากคำใหญ่ ผมเคยไม่ชอบมันเพราะรสชาติมันพิลึก แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันทั้งหอมและอร่อยมากอย่างหน้าประหลาด

เมี่ยงชุดแรกหมดไป ผมก็สั่งพนักงานให้เอามาอีกชุด นั่นยิ่งทำให้พ่อผมงุนงงกว่าเดิม

“แกไปตายอดตายยากมาจากไหนเนี่ยเจ้าเพลิง”

“อะไรกัน พ่ออุตสาห์เลี้ยงผมกับน้องซินทั้งที ผมก็ต้องกินให้คุ้มสิ” ผมว่าเอินหยอก

"พี่เพลิงเหมือนจะดูผอมลงจากเมื่อก่อนเยอะเลย" ซินว่า

"ช่วงนี้พี่ทำงานหนักน่ะ"

"งั้นต้องกินเยอะ ๆ เลยนะครับ" ว่าจบซินก็ตักอาหารวางไว้ในจานให้ผมอีกหลายอย่าง

“ปลากะพงทอดกระเทียมค่ะ” พนักงานว่าก่อนจะหยิบจานปลาทอดตัวใหญ่วางบนโต๊ะ คราวนี้ผมกลับรู้สึกว่าน้ำลายมันข้นหนืดจนยากที่จะกลืนมันลงคอ กลิ่นของปลามันทำให้ผมรู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก

"ไม่ได้สั่งนี่ ผิดห้องแล้วหนู" พ่อว่าขึ้น พนักงานก็ยืนเช็กรายการอาหารอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทว่าผมกลับทนไม่ได้ เพราะกลิ่นปลาทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะอ้วกออกมาให้ได้

“ทำไมถึงเหม็นขนาดนี่ ปลาของคุณเสียแล้วหรือเปล่า” ผมว่าเสียงดัง จนพนักงานยืนตัวเกร็ง

“เดี๋ยวเพลิงอะไรของแก” พ่อรีบห้าม

“พ่อไม่ได้กลิ่นหรือไง เหม็นจะตายอยู่แล้ว”

“ฉันไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไรเลย แกเป็นบ้าหรือไง”

“ให้ตายเถอะผมทนไม่ไหว” ว่าจบผมก็เดินออกมาจากห้องอาหารทันที กลิ่นของมันชวนขนลุกชะมัด พ่อกับเจ้าเด็กนั่นไม่ได้กลิ่นหรือยังไงกัน

หลังจากที่เดินออกมาด้านนอกผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่นานเสียงมือถือก็ดังขึ้น พ่อคงจะโทรมาตามอีกนั่นแหละ และก็จริงอย่างที่คิดไว้

“ว่ายังไงครับ”

[แกเป็นอะไรของแก]

“พ่อไม่ได้กลิ่นหรือไง เหม็นเป็นบ้า”

[นี่แกกำลังปั่นฉันอยู่ใช่ไหม แกรู้อยู่แล้วสินะว่าฉันให้มาดูตัวแกเลยทำแบบนี้]

“อะไรของพ่อเนี่ย ผมปวดหัวผมกลับก่อนแล้วกัน” ว่าจบผมก็ตัดสายทิ้ง แล้วเดินมายังลานจอดรถ ที่เลขาคิมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“กลับบ้าน” เลขาคิมพยักหน้ารับและออกเดินทางในเวลาต่อมา

กลับมาถึงห้องผมก็จัดกิจวัตรประจำวันของตัวเองแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องนอน เพียงแค่หัวแตะหมอน เปลือกตาผมก็เริ่มหนักทันที เข็มชี้ตัวเลขเก้าบอกเวลาตอนนี้สามทุ่มแล้ว มันเป็นการนอนเร็วในรอบหลายปีของผมเลยก็ว่าได้...



“คุณเพลิงตื่นสักทีเถอะครับ” เสียงของเลขาคิมปลุกให้ผมลุกตื่นจากการหลับใหล ก่อนแสงจากด้านนอกจะสาดเข้ามาจนรู้สึกแสบตา เพราะผ้าม่านถูกเปิดอออกกว้างทุกมุมห้อง

“คิม! นายมาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย” ผมว่าพลางขยี้ตาตัวเอง

“เช้า?”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“นี่มันบ่ายสามแล้วครับ ผมโทรมาเป็นร้อยสายแล้ว วันนี้คุณเพลิงต้องไปดูงานที่ระยอง แต่ที่สาขาบอกว่าคุณยังไม่เข้าไปผมถึงได้มาที่นี่ไง”

“ฮะ!” ผมดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง ก่อนที่อาการเดิมจะกำเริบ

โลกหมุนอีกแล้ว...

“คุณเพลิงนี่จริง ๆ เ...---” ผมรีบยกมือขึ้นเบรกไว้ไม่ให้เลขาคิมพูดต่อ เพราะตอนนี้ผมกำลังรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างกำลังตีขึ้นมาที่คอ

“อุป!” ผมเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้ก่อนจะรีบวิ่งพรวดจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำทันที

“คุณเพลิง!!!”

“แหวะ! อย่าเข้ามา” ผมว่า แล้วกอดชักโครกอ้วกอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที ก่อนจะคลานออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพร่างกายไร้เรี่ยวแรง ที่บอกว่าคลานนี่ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะ ผมคลานออกมาจริง ๆ

“คุณเพลิง หน้าคุณซีดมาก ผมว่าคุณไปหาหมอเถอะครับ”

“ไม่ฉันอยากนอน ช่วยไปซื้ออะไรมาให้ฉันกินก็พอ” ผมว่าก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างตามเดิม

“ได้ครับคุณเพลิงอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”

“อะไรก็เอามาเถอะ”

“ได้ครับ” จังหวะที่เลขากำลังเดินออกไป ผมก็รู้สึกอยากกินน้ำลอยดอกมะลิที่คุณย่าทำให้ดื่มเมื่อตอนเด็ก ๆ

“เอ่อ ช่วยซื้อดอกมะลิมาให้ผมที” เลขาคิมมองมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยถาม

“เอามาทำอะไรเหรอครับ”

“บอกให้ซื้อก็ซื้อมาเถอะนา” ว่าจบผมก็ยกมือไล่ให้เขารีบออกไป แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเอาไว้ ระหว่างรอผมไม่รู้เลยว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกเลขาคิมเข้ามาปลุก พร้อมกับยกอาหารที่ซื้อมาวางไว้

“ดอกมะลิ” สิ่งแรกที่ผมถามหาไม่ใช่ข้าวเช้า แต่เป็นดอกไม้ที่ผมฝากซื้อ เลขาคิมส่งดอกมะลิที่อยู่ในถุงให้ ผมเปิดมันออก แล้วหยิบมันขึ้นมาดอกหนึ่งก่อนจะสูดเข้าไปเต็มปอด

หอมจัง ทำไมหอมแบบนี้นะ... ผมเอาบางส่วนวางไว้บนหัวนอน แล้วแบ่งจากในถุงนิดหน่อยใส่ลงไปในแก้วน้ำดื่ม

“คุณเพลิงดูแปลก ๆ นะครับ ผมว่าคุณควรไปหาหมอ”

“ไม่เห็นจะแปลกนี่ คุณย่าฉันก็ชอบดื่มน้ำแบบนี้”

“ครับ ๆ งั้นก็ทานอาหารเถอะครับจะได้นอนพัก”

เลขาคิมยกสำหรับอาหารมาวางไว้ ดูแล้วน่าจะเป็นโจ๊กปลาร้านดังเจ้าประจำ ไอร้อนลอยขึ้นน่ารับประทาน แต่เพียงตักมันเข้าปากไปได้คำเดียว ผมก็ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำอีกรอบ

กลิ่นคาวปลาตีขึ้นจมูกจนผมรู้สึกรับไม่ไหว เลขาคิมวิ่งเขามาช่วยลูบหลังให้ผมอยู่พักก่อนที่เขาจะอ้วกตาม กลายเป็นว่าเราทั้งคู่ต่างต้องผลัดกันลูบหลัง

หลังจากสงครามอ้วกจบลง ผมก็ถูกหิ้วปีกกลับมานอนบนเตียง สภาพผมเละเหมือนโจ๊กไม่มีผิด ปกติผมเป็นคนที่แข็งแรง ไม่ได้ป่วยแบบนี้มาหลายปีมาก พอป่วยทีก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นถึงขนาดนี้

“เดี๋ยวคุณลูคัสมานะครับ ผมโทรตามแล้ว” ลูคัสเพื่อนผมที่อยู่ในงานวันเกิดนั่นแหละ มันเป็นหมอที่ไม่ค่อยจะเหมือนหมอเท่าไหร่นักหรอก เพราะผมสีแดงเข้มเด่นของมัน

ลูกเจ้าของโรงพยาบาลจะทำอะไรก็ได้นี่นะ

“อืม” ผมครางตอบสั้น ๆ เลขาคิมปล่อยให้ผมนอนพักต่อ ไม่นานลูคัสก็เดินเข้ามาสอบถามอาการ ผมเล่าอาการทั้งหมดให้ฟัง ก่อนลูคัสจะเปิดคำถามที่ชวนให้คนฟังรู้สึกขนลุกชัน

“เมียมึงท้องเหรอเพลิง”

“เมียอะไรกัน มึงก็รู้”

“อาการอย่างกับคนแพ้ท้องแทนเมีย แอบไปไข่ไว้ไม่บอกกูหรือเปล่า”

“...” ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ มีบางจังหวะที่เหมือนตัวเองเผลอกลั้นหายใจ จู่ ๆ ผมก็นึกถึงยัยลูกแมวที่ไม่ได้ติดต่อกันมาสามสี่เดือนเห็นจะได้

“หน้าซีดเชียวกูล้อเล่น มึงคงแค่พักผ่อนน้อยแหละ แต่กูอยากให้มึงไปเช็กอาการอีกทีที่โรงพยาบาลนะ เพื่อความชัวร์”

“เออ ๆ นัดคิวให้กูด้วยแล้วกัน”

“งั้นวันนี้กูจัดยาบำรุง กับยาแก้อาเจียนให้ก่อนแล้วนะ” ผมพยักหน้าแล้วนั่งมองลูคัสจัดยาให้ ขณะที่ผมนอนมองหน้าลูคัส ผมก็เกิดคำถาม

แพ้ท้องเหรอ?

ทำไมคำนี้ถึงวิ่งวนอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเกิดว่าผมทำใครท้องก็คงจะมีแค่โอเมก้าคนนั้นคนเดียว แต่ว่านี่ก็สามเดือนกว่าแล้วนะ ถ้าท้องจริงฝั่งนั่นก็ต้องติดต่อมาสิ

“มึงกูมีอะไรจะถาม”

“ว่าไงครับ?”

“คือว่าไอ้อาการแพ้ท้องแทนเมียเนี่ยมันเป็นยังไงวะ” ผมถามสิ่งที่อยู่ในใจ

“ก็คล้าย ๆ กับตอนที่โอเมก้าท้องนี่แหละ แต่แค่มึงจะเป็นมีอาการแทนเมีย”

“อ้าว...แล้วแบบนี้คนที่ท้องก็ไม่รู้ตัวดิ”

“ก็เป็นไปได้ครับ แต่โอเมก้าส่วนใหญ่จะรู้ตัวนะ เพราะถ้าหากว่าเขาท้องอาการฮีทจะไม่ปรากฏตลอดการตั้งครรภ์ มึงถามแบบนี้หมายความว่ายังมีเรื่องที่กูไม่รู้สินะ”

"กูแค่สงสัยไหมล่ะ"

"ฮั่นแน่~ โรงพยาบาลเคยินดีตอนรับภรรยาคุณเพลิงนะครับ"

"อย่าให้กูลุกไหวนะมึงโดนดีแน่ -..- "

คำอธิบายยาวเหยียดของลูคัสช่วยให้ผมเข้าใจมากขึ้น แต่ทว่ามันกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเลย หลังจากที่เพื่อนผมกลับไปแล้ว ผมก็นอนพักต่ออีกหน่อย และตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสองทุ่ม อาการที่เป็นเมื่อช่วงบ่ายดีขึ้นมาก

ผมหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่าง ที่ยังรู้สึกค้างคาและผมก็ได้รู้ว่ายังมีโอเมก้ายีนด้อยที่ไม่มีอาการฮีท และไม่ตอบสนองต่อฟีโรโมนของอัลฟ่า โอกาสท้องมันค่อนข้างมีน้อยมาก

แต่สิ่งที่ผมค้นหาก็ยังไม่สามารถทำให้ผมหายกังวล เพราะในโลกของอินเทอร์เน็ตมีสิ่งที่หนึ่งที่ให้คำตอบผมไม่ได้ คือ

‘โอเมก้าคนนั้นยีนด้อยหรือเปล่านะ’






เอ๊ะ หรือเบบี้จะมาแล้ววววว... 0_0?

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ชอบมากเลยครับ

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |5|
«ตอบ #9 เมื่อ25-11-2021 13:49:21 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

6



หาวววว~

ปากอ้ากว้างตอนที่ผมกำลังหาวหวอดๆ ช่วงหลังมานี้ผมง่วงบ่อยมาก ว่างเป็นกิน หัวถึงหมอนเป็นเคลิ้ม ยิ่งถ้าวันไหนที่ฝนตกด้วยแล้วละก็ 

เฮ้อ! สบายสุด ๆ

“เพิ่งจะสองทุ่มเองง่วงแล้วเหรอวะ” สิงห์ว่า วันนี้มันก็มาที่ร้านเช่นเคย

“เออ...ว่าแต่มึงเถอะ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน'ไง ถึงโผล่มาที่ร้าน”

“สอบเสร็จแล้ว ให้กูได้พักบ้างเถอะ”

“นี่อาทิตย์ก่อนมึงไม่มา มีผู้ชายมาถามหามึงด้วยนะ”

“ใคร แมทธิวเหรอ”

ผมว่าจะถามมันอยู่เชียว กับอีตาแมทธิวอะไรนี่คืออะไรยังไงกันแน่ ผมไม่เคยเห็นเพื่อนอยู่กับคู่นอนเกินอาทิตย์ แต่ผมเห็นว่ามันอยู่กับอีตาแมทธิวนี่มาจะสี่เดือนแล้ว

“คนนี้จริงจังเหรอวะ ทำไมคบนาน” ผมว่าไปตามจริง

“คบอะไรกันก็แค่บัดดี้" 

"เออนั่นแหละ กูล่ะสับสนกับความสัมพันธ์ของมึงจริง ๆ"

"ขี้เกียจเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แล้ววะ อีกอย่างแมทธิวเองก็เผ็ชมาก”

"ไม่ลองหาแฟนจริง ๆ ดูวะ"

"ไม่ล่ะ ไม่อยากทำให้ชีวิตวุ่นวาย"

“ถามจริงเถอะ ไม่มีความรู้สึกชอบกันได้จริงเหรอ คือออกไปด้วยกันเกือบทุกคืน บ้างวันก็ออกไปเดตกัน ที่ทำอยู่มันต่างจากแฟนตรงไหน”

มันเป็นความสัมพันธ์ที่ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ยิ่งนานวันความรู้สึกมันไม่มากขึ้นบ้างเลยหรือยังไงกัน

“ไม่นะ ก็ตอนแรกตกลงกันเอาไว้ว่าจะเป็นแค่คู่นอนนี่”

นับถือมันเลยจริง ๆ

ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วหันมาจัดการเตรียมของที่ต้องใช้ ช่วงสามสี่ทุ่มเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเริ่มเข้าร้าน ยิ่งเป็นวันศุกร์ลูกค้าจะเยอะกว่าปกติทุกอย่างต้องพร้อม

ผมเดินกลับไปเช็กของหลังร้านอยู่พักใหญ่ จังหวะที่กำลังเดินกลับเข้ามาข้างใน ผมก็เห็นเพื่อนรักของผมนั่งอยู่กับอีตาแมทธิวอะไรนั่นแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าเขาทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ดูสีหน้าของสิงห์เหมือนจะแปลกไป

เดินหยิบนู้นจัดนี่จนเพลินหันมาอีกทีสิงห์ก็นั่งอยู่คนเดียวเสียแล้ว ผมสาวเท้าเขาไปหาคนที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดอะไร สิงห์เอาแต่ก้มหน้ากดมือถือ

“ไปไหนซะล่ะ” สิงห์เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถอนหายใจ

“กลับไปแล้ว” ผมหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง มีด้วยเหรอที่กลับไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คนที่เขาชอบมาสารภาพรักกับเขาแล้ววะ เขาแค่นัดกูมาเพื่อบอกเรื่องนี้”

“เสียใจ?” ผมถามเพราะเห็นว่าก่อนหน้านี้มันยังตอบคำถามผมหน้าตาเฉย

“...” สิงห์ไม่ตอบ เอาแต่นั่งก้มหน้าเขี่ยมือถือต่อ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน

“เอานามึง ไม่ต้องเสียใจไปยังไงมึงก็หาใหม่ได้อยู่แล้วมึงน่ารักจะตาย”

“กูไม่ได้เสียใจ กำลังปัดทินเดอร์”

WTF!!!!!!!!!

เออเอากับมันสิ จะบ้าตาย แล้วจะเล่นซึมทำไมวะ คนก็เป็นห่วง

"กรี๊ดคนนี้หล่อมากเลยมึงเขาแมตซ์กูด้วย"

"ยินดีด้วยเพื่อน กูไปทำงานล่ะ คนก็อุตส่าห์เป็นห่วง" สิงห์พยักหน้ารับ แล้วมันก็กดพิมพ์ข้อความในมือถือรั่ว ๆ 

ลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นแล้ว เฮียกรรณเองก็มาแล้วด้วย ผมเลยกะว่าจะออกไปหาอะไรกินกับสิงห์ข้างนอกแต่ทว่าสายดันเหลือบไปเห็นผู้ชายคุ้นหน้ากำลังเดินเข้ามาในร้าน ทิกเกอร์นี่เอง เขามาที่นี่ตลอดทั้งสัปดาห์เพราะเพื่อนตัวดีของผมบล็อกเบอร์โทร

“นู้นผู้ชายมึงมาแล้ว” ผมว่าก่อนจะชี้นิ้วให้สิงห์มองตาม

“ทิกเกอร์!”

“ว้าว~ บันนี่ ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณ” บันนี่อะไรของมันวะ

“เอ่อ...” สิงห์ถึงกับอ้าปากค้าง คนที่เขาไม่เคยคิดจะติดต่อดันโผล่มา

“ไหน ๆ คุณทิกเกอร์ก็มาแล้ว ผมฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ เพื่อนผมเพิ่งอกหัก” ผมว่า

“ไอ้xxx” สิงห์หันมาทำปากขมุบขมิบใส่ ผมได้แต่หัวเราะชอบใจ ทิกเกอร์ไม่มีอะไรที่ตรงสเปกสิงห์เลย นอกจากหล่อ ส่วนเรื่องบนเตียงอันนี้ผมไม่รู้ เพราะผมเองก็ยังไม่เคยลอง

“คุณทานอะไรมาแล้วหรือยัง” อัลฟ่าหนุ่มว่าขึ้น

“ยัง คุณพาไปสิ” สิงห์ไม่ได้ตอบจ้า กชกรเจ้าเก่าตอบเอง จริง ๆ ทิกเกอร์ก็ไม่ได้ดูเป็นคนเลวอะไร ผมว่าเขาดูน่ารักกว่าคนที่ผ่าน ๆ มาของสิงห์เสียอีก

“งั้นออกไปหาอะไรทานกันดีไหม”

สิงห์ถอนหายใจยาวก่อนจะตอบตกลง

“เข้ามาฝากซื้อไส้กรอกอีสานด้วยนะ ขอขิงเยอะ ๆ” ก่อนสิงห์ออกไปผมก็ฝากเพื่อนซื้อของกินเข้ามาด้วย ไส้กรอกเจ้านี้อร่อยมาก ผมกินแทบทุกวัน

แต่จะว่าไปช่วงนี้ผมกินเยอะมากเลยแฮะ เหมือนจะมีพุงกะทิหน่อย ๆ

“น็อค ๆ” เสียงของคนเข้ามาใหม่ทักทาย ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่

“สวัสดีครับคุณเซนกิ” ผมว่าก่อนจะฉีกยิ้มกว้างส่งไป

เซนกิเป็นอัลฟ่าสัญชาติญี่ปุ่น เขาเป็นเหยื่อรายใหม่ที่ผมหลอกให้เขาซื้อเหล้าแพง ๆ ของร้าน สิงห์เคยลองเต๊าะอยู่ครั้งสองครั้งแต่ดูท่าตาเซนกิอะไรนี่จะใจแข็ง

จริง  ๆ เขาก็ดูเป็นคนดีนะ ไม่เคยพูดจาหยาบคายหรือทำให้ผมรู้สึกอึดอัด เขาไม่ได้มาหาผมแค่เฉพาะตอนที่ร้านเปิดเท่านั้น บางครั้งก็มีชวนผมออกไปหาอะไรทานในตอนกลางวัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังปฏิเสธเขาทุกครั้งเพียงเพราะเขาคืออัลฟ่า...

“ทำไมวันนี้ยูสวยจัง หน้ายูดูอิ่มมาก” เซนกิว่าภาษาไทย แต่สำเนียงเขาก็ยังฟังดูญี่ปุ่นอยู่ดี แต่เดี๋ยวนะเขากำลังบอกว่าผมอ้วนอยู่หรือเปล่า

“แฮะ ๆ ผมก็เหมือนทุกวันนั่นแหละครับ ว่าแต่วันนี้คุณเซนกิไม่ดื่มอะไรเหรอ”

“ยูก็รู้นี่ ว่าผมชอบดื่มอะไร”

“โอเคครับ โอเค” ผมว่าก่อนจะฉีกยิ้มกว้างส่งไป แล้วเดินไปหยิบเหล้าราคาแพงที่สุดในร้าน เครื่องดื่มสีอำพันกลิ่นหอมอ่อน ๆ เปลือกส้มถูกเทใส่แก้วใสทรงสวย ตบท้ายด้วยน้ำแข็งก้อนกลมจัดวางอย่างเหมาะเจาะ แล้วยกเครื่องดื่มไปวางไว้ตรงหน้า 

เขานั่งจิบเครื่องดื่มไปพร้อม ๆ กับชวนผมคุย ไม่รู้ว่าเขาไปหาเรื่องเล่ามาจากไหนนักหนา ถึงได้พูดไม่หยุดแต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกหายเหงาได้บ้าง เขาคงเป็นอัลฝ่าคนเดียวที่ผมสามารถคุยด้วยได้

หลังจากคุยกันอยู่พักใหญ่ ผมก็รู้สึกปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ สิงห์ก็ยังไม่กลับมา ผมพยายามมองหาพี่ชายที่กำลังเดินดูแลแขกจนทั่วร้าน ไม่รู้ว่ามันไปดูแลอีท่าไหน หน้าถึงได้หน้าแดงก่ำขนาดนั้น 

ผมรอจังหวะให้พี่ชายมองมาที่ผม แล้วจึงโบกมือเรียก ไม่นานเจ้าตัวก็รีบสาวเท้าเข้ามา “เฮียผมจะไปเข้าห้องน้ำฝากดูเคาน์เตอร์หน่อย” ผมว่า

“ฝากเด็กมันสิวะ เฮียดูลูกค้าอยู่”

"อีเฮีย มึงเป็นเจ้าของร้าน มึงไม่ใช่ลูกค้าม่ะ เล่นแดกทุกโต๊ะแบบนี้ก็ตายกันพอดี"

"บ่นเป็นเมียกูเลย ไป ๆ รีบไปรีบมา"

ลมหายใจถูกพรูดออกทางปากอย่างเบื่อหน่าย พี่ชายผมอดีตเป็นเสือประจำร้าน ไม่ว่าจะเดินผ่านโต๊ะไหนมักจะถูกพวกโอเมก้าดึงไปคุยด้วยอยู่บ่อย ๆ

วันนี้มันก็เมาอีกแล้ว ค่อยดูเถอะผมจะฟ้องซ้อเป่ยเข้าสักวัน

พี่เป่ยเป็นโอเมก้าที่ค่อนข้างดุ อาจจะเพราะว่าเขาเป็นลูกคนเดียวของตระกูลมาเฟียด้วยล่ะมั้ง เมื่อก่อนพี่เป่ยเป็นลูกค้าของที่ร้านนี่แหละ แต่เพราะจุดเด่นสะดุดตาของแก เลยทำให้พี่ชายผมกลายเป็นหมามาถึงทุกวันนี้

ผมเดินคิดอะไรไปเรื่อยจนกระทั่งถูกฝ่ามือหนาของใครบางคนรั้งเอาไว้ ผมหันกลับไปมองแล้วยืนจ้องเขม็ง เพราะไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าคือใคร ผู้ชายร่างสูงตัวใหญ่สวมเสื้อผ้าดำทั้งตัวราวกับเพิ่งหลุดออกมาจากงานศพยังไงอย่างนั้น ขนาดหัวหมวกแก๊ปบนหัวก็ยังเป็นสีดำ ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหน้ากากอนามัย เท่านั้นยังไม่พอ เขายังสวมแว่นตาดำอีกต่างหาก

คนบ้าที่ไหนเขาใส่แว่นดำในผับกันวะ หรือว่า...เขาจะเป็นนักฆ่า?

“ม...มี...มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” ผมว่า

“...” เขาไม่ตอบแต่กลับดึงผมให้เดินออกห่างจากห้องน้ำ

“เดี๋ยวสิคุณ” ผมแหวเสียงดัง ก่อนจะกระตุกแขนของเขาที่กำลังกอบกุมข้อมือผมอยู่

เขาถอดแว่นตาดำออกเผยให้เห็นดวงตา แล้วจึงค่อย ๆ ถอดหน้ากากอนามัยสีดำออกอย่างเชื่องช้า เท่านั้นแหละผมก็จำเขาได้ในทำที เพราะเขาคือคนเดียวกันกับคนที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากผม

“ไอ้อัลฟ่าเฮงซวย!!!”

“ตามฉันมานี่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ว่าจบเขาก็กุมข้อมือผมเอาไว้แน่นกว่าเดิม ออกแรงเพียงนิดเดียวตัวผมก็ถูกดึงเข้าหาตัวเขา

“คุณทำบ้าอะไรเนี่ยปล่อยผมนะ” ผมพยายามดิ้นสุดแรง 

“กช!” เสียงทุ้มจากด้านหลังเอ่ยเรียกชื่อผม และผมรู้ว่านั่นคือเสียงของใคร พี่ชายผมเอง

“เฮีย!” หนนี้เป็นผมเองที่รีบลากอัลฟ่าหน้าตายเดินออกมานอกร้าน ขืนอยู่ต่อมีหวังถูกพี่ชายซักจนขาวซีดแน่ ผมพาเขามาหลบตรงตรอกข้างร้าน บริเวณนี้สิงห์จะใช้เป็นที่ประจำสำหรับนั่งสูบบุหรี่

“คุณมีอะไรก็รีบพูดมา พี่ชายผมอยู่ร้านวันนี้”

“เธอท้องหรือเปล่า?” 

“คุณพูดบ้าอะไรของคุณเนี่ย!” ผมว่าเสียงดัง อยู่ ๆ ก็ถามอะไรแปลก ๆ จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงล่ะ ถ้าใครผ่านมาได้ยินเข้าเรื่องจะต้องยิ่งวุ่นวายแน่

“งั้นฉันถามใหม่ คุณเป็นโอเมก้า...ยีนด้อยใช่ไหม” มันเป็นคำถามที่เสียมารยาทสุด ๆ ปกติแล้วคนที่ไม่สนิทกันจะไม่ถามอะไรแบบนี้

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม ถ้าไม่แล้วจะทำไม?” ผมเริ่มมีน้ำโห เท้าสะเอวมองหน้าอัลฟ่าอย่างเอาเรื่อง

ใส่เดี่ยวแม่งเลยดีไหมเนี่ย!!!

“หยุดประชดฉันสักห้านาทีได้ไหม!”

“ก็ดูคุณถามผมสิ จะให้ผมรู้สึกยังไง เออใช่ผมมันโอเมก้ายีนด้อย คุณอยากจะดูถูกหรือไปป่าวประกาศที่ไหนก็เชิญ” ว่าจบผมก็เดินหมุนตัวตั้งท่าเดินออกมา 

เขาคืออัลฟ่าเฮงซวย! ที่สุดเท่าที่ผมเจอมาเลย

ผมชินกับการที่ถูกพวกอัลฟ่ากลั่นแกล้ง หรือแม้กระทั่งพวกโอเมก้าด้วยกันเองดูถูก เพียงเพราะผมเป็นโอเมก้ายีนด้อยเท่านั้น 

ผมผิดนักหรือไงในเมื่อผมเลือกเกิดไม่ได้...

“เดี๋ยว! เธอต้องไปกับฉัน” ไม่พูดเปล่าเขายังกอดตัวผมเอาไว้จากด้านหลัง

“ปล่อยผม ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น” ผมเริ่มออกแรงดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดจากวงแขนแกร่ง แต่ทว่ามันกลับไม่มีท่าทีจะหลุดออกได้เลย “คุณจะไม่ปล่อยผมใช่ไหม” ผมถามย้ำอีกรอบ

"ไม่!!!" สิ้นสุดคำพูดผมก็อ้าปากงับเข้าที่แขนของเขาทันที กล้าดียังไงมากอดผมฮะ!!! ไอ้โรคจิต “โอ๊ย! เจ็บนะเว้ย” เสียงอัลฟ่าตัวใหญ่ร้องออกมาเสียงดัง พร้อมกับที่ผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

“กชกร เธอจะเอาแบบนี้ใช่ไหม!” ว่าจบอัคนีก็ปล่อยฟีโรโมนเข้มข้นเพื่อข่ม 

ผมทรุดตัวนั่งกับพื้นทันที เนื้อตัวเริ่มสั่นสะท้าน “ในเมื่อฉันพูดดี ๆ แล้วไม่ฟังกันก็ต้องใช้วิธีนี้” ดวงตาที่เคยเป็นสีเข้ม ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในแสงสลัว

อัคนีช้อนตัวผมขึ้นจากพื้น ตัวเขาอุ่นจัง ผมควรจะปฏิเสธสิ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกดี “คุณจะทำอะไร” ร่างกายผมรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด หัวใจก็เต้นเร็วจนรู้สึกเหนื่อยอ่อน

“เฮ้ย! นั่นใครน่ะ จะเอาเพื่อนผมไปไหน!” ยังไม่ทันได้เดินออกจากตรอกเล็ก ๆ เสียงของบุคคลที่มาใหม่ก็ตะโกนถามเสียงดัง ผมจำเสียงเล็ก ๆ นั้นได้ เสียงของสิงห์

“เพลิง?”

“ทิกเกอร์?” 

ทิกเกอร์และอัคนีต่างก็ตะโกนเรียกชื่อของอีกฝ่านดังลั่น 

“หืม... กลิ่นฟีโรโมนโอเมก้านี่” ทิกเกอร์ว่าก่อนจะยกมือขึ้นปิดจมูกตัวเอง

“กชเป็นอะไร” สิงห์วิ่งเข้ามาถามทั้งที่ผมยังอยู่ในอ้อมกอดของอัคนี

“ผมขอยืมตัวเพื่อนคุณสักเดี๋ยวนะ”

“ไม่! ผมไม่ยอมให้เพื่อนผมไปกับคุณเด็ดขาด คุณทำอะไรกับเพื่อนผมกันแน่” สิงห์ว่าเสียงดัง

“เดี๋ยวใจเย็น ๆ ก่อน นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย” ทิกเกอร์พูดขึ้น เขาเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“ผมแค่จะพากชไปโรงพยาบาล ผมสงสัยว่าเขา..." อัคนีเว้นวรรคไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดสิ่งที่คาดเดาเอาไว้ "เขาน่าจะท้อง”

“ไม่จริงอะ! เป็นไปไม่ได้ หลังจากวันนั้นหนึ่งเดือน ผมก็ซื้อที่ตรวจครรภ์มาให้เพื่อนผมตรวจแล้ว เขาไม่ท้องนะ” สิงห์อธิบายยาว

“ผมอยากแน่ใจ ผมต้องการพาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาล”

“ถ้าคุณต้องการแค่นั้น ผมพาไปเองก็ได้ ไม่เห็นต้องฉุดกระชากกันขนาดนี้เลย”

ผมได้แต่ฟังสองคนนี้เถียงกันเรื่องผม ไม่คิดเลยว่าครั้งหนึ่งผมจะกลายเป็นคนที่ถูกแย่งชิงขนาดนี่

“หยุดเถียงกันก่อน เพลิง...มึงพากชออกไปเดี๋ยวนี้เลย กลิ่นฟีโรโมนของกชแรงมาก กูจะทนไม่ไหวแล้ว” สิงห์เป็นเบต้าจึงไม่ได้กลิ่น แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนตัวเองถูกกระตุ้นและไม่มีเรี่ยวแรง

“ถ้าอย่างนั้นผมฝากเพื่อนผมด้วย” สิงห์ไม่พอใจเท่าไหร่ที่ต้องปล่อยให้กชกรไปกับอัคนี แต่เขาเองก็ตงิดใจอยู่หน่อย ๆ เพราะเพื่อนเขาช่วงหลังมานี่ทั้งกินเก่ง และหลับง่ายมาก ๆ

สามอาทิตย์หลังจากวันนั้นกชกรก็ไม่ยอมไปตามนัดของอาหมอ จนสิงห์ต้องซื้อที่ตรวจครรภ์มาให้แทน แต่ผลมันออกมาเป็นลบเราเลยชะล่าใจไปหน่อย

สิ้นสุดประโยคของสิงห์ อัคนีก็อุ้มกชกรมาที่รถทันที เรียวแขนเล็ก ๆ เหวี่ยงขึ้นกอดรอบคออัคนีเอาไว้หลวม ๆ  ก่อนร่างกายจะเริ่มได้กลิ่นหอม ที่อัลฟ่าพยายามปล่อยออกมาเพื่อกลบกลิ่นของโอเมก้าที่โชยอยู่ในอากาศ

กชกรเริ่มไล้จมูกไปตามแผ่นอกกว้างอย่างเชื่องช้า แล้วสูดดมเอากลิ่นหอมเข้าไป เพราะมันทำให้เขารู้สึกดี

“ตัวคุณหอมจังครับ”

“อยู่นิ่ง ๆ เราใกล้ถึงรถแล้ว”

ไม่นานนักเราก็มาถึง ผมไม่รู้ว่ามันเป็นรถยี่ห้ออะไร รู้เพียงแค่มันคันสีดำ รู้สึกตัวอีกที่ผมก็ถูกยัดไว้เบาะหลัง ก่อนอัลฟ่าตัวโตจะตามเข้ามา “ถ้าเธอยังไม่หยุดส่งกลิ่นยั่ว ฉันคงพาเธอกลับไม่ถึงบ้านแน่”

กชกรไม่สนคำพูดอะไรของเขา ช่องทางหลังตอนนี้เปียกชื้นไปหมด กชกรเอาแต่จ้องเรียวปากสีอ่อนไม่ละสายตา

อยากจูบจัง...

นั้นคือสิ่งที่กชกรคิดอยู่ในหัว ก่อนเขาจะทำให้มันเป็นความจริงด้วยการดึงคอเสื้อของอัคนีเข้ามาเพื่อให้เราทั้งสองเข้าใกล้กัน แล้วประกบริมฝีปากแตะมันเอาไว้อย่างนั้น  

เจ้าลูกแมวนี่ก็ยังจูบไม่เก่งเหมือนเดิม...

อัคนีเองไม่ได้ปลดปล่อยมานาน เขาจึงไม่คิดต้านความต้องการของตัวเอง แล้วเผยอปากจูบตอบกลับไป

“เรามาทำกันเถอะ ข้างหลังผมเปียกไปหมดแล้ว” กชกรว่า

“ในรถ?”

“ตอนนี้ผมต้องการแค่คุณ” 

อื้ม...เจอประโยคนี้เข้าไป ผมเองก็ขอไม่ทนแล้วกัน 

ผมเอี้ยวตัวเปิดเอาถุงยางอนามัยที่ช่องเก็บของคอนโซลหน้ารถ แล้วจัดการใช้ปากกัดซองซีน้ำเงินออกด้วยปาก บีบส่วนปลายแล้วรูดมันลงจนสุดความยาว

แก่นกายถูกจับจ่อที่ช่องทางสีหวาน ก่อนจะดันมันเข้าไปอย่างเชื่องช้า ผมไม่กล้าดันมันเข้าไปลึก ไม่รู้ว่ากชกรจะท้องหรือเปล่า หากถ้าเขาท้องผมกลัวว่ามันจะเป็นอันตรายสำหรับเด็ก ผมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลย เพราะไม่คิดว่าจะทำใครท้องอยู่แล้ว

แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ ผมก็ต้องมีความรับผิดชอบ ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเกิดจากความผิดพลาดของเราทั้งคู่ก็ตาม... 









เกียมตั้งชื่อหลานก่อนนะ -,,- 

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [Omegaverse] Relationship |5|
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-11-2021 13:49:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |7|
«ตอบ #10 เมื่อ25-11-2021 13:54:47 »

ทิ ก เก อ ร์ สิ ง ห์

อัลฟ่า x เบต้า

7


ผมรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก แต่ผมก็ไม่สามารถช่วยเพื่อนตัวเองได้ในตอนนี้ แล้วนี่ถ้ามันท้องจะเอายังไงต่อวะเนี่ย พี่กรรณรู้บ้านแตกแน่ รายนั้นห่วงน้องยิ่งกว่างูจงอ่างหวงไข่เสียอีก

ถ้าวันนั้นผมบังคับให้กชกรไปหาอาหมอตามนัดก็คงไม่ต้องวุ่นวายขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ว่าแล้วเชียวช่วงนี้ทำไมมันดูแปลกไป กินอย่างกับคนตายอดตายอยากทุกมื้อ

เฮ้อ~

หลังจากเรื่องวุ่น ๆ สงบลง ก็เหลือเพียงแค่ผมกับทิกเกอร์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขามองผมด้วยสายตาที่แปลกไปจนรู้สึกขนลุก

“นี่...ถ้าคุณจะอยู่ต่อก็อยู่นะ ผมจะกลับแล้ว” ผมหันไปบอกคนที่เดินตีคู่กับผมมาตลอดทาง ทิกเกอร์รั้งข้อมือผมไว้ ความร้อนจากฝ่ามือทำให้ผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“...เราไปที่บ้านฉันกันเถอะ” ผมก้มมองฝ่ามือของเขาที่รั้งผมเอาไว้ แต่ทว่าสายตาดันไปสังเกตเห็นเป้ากางเกงของเขา คือมันแบบว่า...

อยากร้องกรี๊ด 0[]0!!! ใครเขาเอาข้าวหลามหนองมนไปยัดไว้ในกางเกง เอามันออกมาาาาาาาาา

นี่เขาคงจะมีอารมณ์เพราะกลิ่นฟีโรโมนของกชกรแน่ ๆ “เอางั้นก็ได้ครับ” ไหน ๆ วันนี้ผมก็ถูกเทแล้วนี่ ถือว่ามาไม่เสียเที่ยวก็แล้วกัน

ระหว่างที่เราใช้เวลาอยู่บนถนนสายยาว ทิกเกอร์ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เขาเอาแต่ขบฟันแน่นจนสันกรามชัด เหงื่อเม็ดโตผุดซึมออกมาตามขมับทั้งที่ในรถเปิดแอร์เย็นเฉียบ

เขาปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ด ก่อนจะกระพือเสื้อเพื่อระบายความร้อนในร่างกาย จู่ ๆ ผมก็รู้สึกขนลุกกับท่าทีที่ดูร้อนแรงขัดกับบุคลิกสุดขั่ว

ใช้เวลาบนถนนไม่นานเราก็มาถึง ระยะทางจากหน้าประตูไปจนถึงตัวบ้านห่างกันไม่มาก แต่ถ้าให้ลงเดินผมคงเหนื่อย ไม่น่าเชื่อว่ามีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ตั้งอยู่กลางเมือง

รถหรูจอดดับสนิทในโลงจอดรถขนาดใหญ่ ถ้าไม่บอกว่านี่เป็นบ้าน ผมคงคิดว่าที่นี่เป็นโชว์รูมรถนอกแน่ ๆ หน้าประตูและรอบบ้านมีบอดี้การ์ดยืนเฝ้าอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อเดินเข้ามาในตัวบ้านก็มีอีกหลายคนยืนนิ่งเป็นหุ่นประจำจุดต่าง ๆ

ทิกเกอร์เดินเข้ามากุมมือผมเอาไว้ เพราะเห็นว่าผมเดินช้า เขาลากผมผ่านส่วนต่าง ๆ ของบ้านโดยไม่แวะที่ไหน หน้าประตูห้องนอนของเขาก็มีคนเฝ้าอยู่อีกสองคน เพียงแค่พยักหน้าครั้งเดียวบอดี้การ์ดก็โค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วเดินออกไปทันที พออยู่ในสถานการณ์นี้ เขากลับดูสุขุม และน่าเกรงขามกว่าตอนที่อยู่ข้างนอกเสียอีก

ภายในห้องไม่ได้มีอะไรแปลก เป็นเพียงห้องนอนธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีอะไรหวือหวาอย่างที่คิดไว้เท่าไหร่ ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ข้าวของทุกอย่างมันถูกวางอย่างเป็นระเบียบ

'ตู้เสื้อผ้าเยอะแฮะ' ในจังหวะที่สิงห์กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ มุมภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไป เพราะถูกอัลฟ่าแบกขึ้นบ่า

ถึงเบต้าจะมีพละกำลังมากกว่าโอเมก้า แต่ก็ยังแพ้อัลฟ่าอยู่ดี คนร่างบางถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนุ่มจนตัวโยนอย่างไม่ถนอมนัก แล้วเขาก็ตามขึ้นมาคร่อมทับตัวเบต้าเอาไว้

สิงห์เคยมองว่าอัลฟ่าตรงหน้าเขาน่ารัก แต่ตอนนี้มันหายวับไปกับตา แก่นกายแข็งดุดันเบียดเสียดเข้าหากันจนสิงห์เองก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบกลับด้วยการแข็งตัวเช่นเดียวกัน

ทิกเกอร์รวมข้อมือของสิงห์เอาไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วยกมันขึ้นเหนือหัว ก่อนจะซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาว สิงห์กัดริมฝีปากล่างแน่นเมื่อริมฝีปากร้อนออกแรงกัดที่ผิวเนื้อ

เบต้ารู้งานเบี่ยงใบหน้าออกเล็กน้อยเพื่อให้อัลฟ่าได้สำรวจทุกซอกทุกมุมตามที่เขาต้องการ เขาไม่ใช่พวกไก่อ่อนที่จะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรอีกฝ่ายถึงจะพอใจ

ทิกเกอร์ใช้ปลายนิ้วล้วงเข้าไปในช่องปากก่อนจะดึงออกมา แล้วใช้ปลายนิ้วชุ่มลูบวนที่ตุ่มไตใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของเขากำลังควานหาอะไรบางอย่างใต้หมอนใบใหญ่

แก๊ก! แก๊ก!

แต่แล้วเสียงดังแก๊กสองครั้งก็ทำให้สิงห์ชะงัก ความเย็นที่ข้อมือทำให้เขาเบิกตากว้าง

กุญแจมือ!

“คุณจะทำอะไร”

“บันนี่ คุณไม่ได้ใสขนาดที่จะไม่รู้...” ว่าจบเขาก็ฉีกยิ้มหวาน ใครที่ได้เห็นใบหน้านั่นก็คงคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีรสนิยมบนเตียงเร่าร้องถึงขนาดนี้

“ไม่รู้สิครับ ผมเองก็ยังมองไม่ออกว่าคุณจะทำอะไรต่อ” มุมปากคนพูดยกยิ้มพรายท้าทายคนมอง

“ลงมานั่งนี่สิ” ทิกเกอร์ว่าเบี่ยงหน้าบอกให้ผมลงไปนั่งกับพื้น

ผมลุกขึ้นหย่อนปลายเท้าลงกับพื้นแล้วลงไปนั่งบนพรมสีเทาตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย ผมไม่เคยถูกใครสั่งให้ทำแบบนี้ เพราะทุกครั้งผมมักจะเป็นผู้นำเสมอ พอถูกควบคุมบ้างก็รู้สึกตื่นเต้นดีแฮะ

ทิกเกอร์ใช้ปลายนิ้วชี้ดันปลายคางให้แหงนขึ้น ก่อนจะขยับใบหน้าสวยเข้าใกล้แล้วกระซิบบอกแผ่วเบา

“ปลดกระดุมเสื้อออกซะ”

ผมเลื่อนมือขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อออกที่ละเม็ดตามที่เขาสั่ง ทั้งที่ยังมีกุญแจมือคาอยู่

“อ๊า...!” ผมสะดุ้งโหยง เนื้อตัวสั่นสะท้านไปทั้งตัว กระดุมแต่ละเม็ดถูกปลดออกด้วยความยากลำบากขึ้นเพราะมือติดสั่น

ทิกเกอร์ใช้ฝ่าเท้าคลึงกับแก่นกลางลำตัวที่กำลังแข็งชัน ส่วนปลายเปียกชื้นตามแรงอารมณ์ “ปลดกระดุมแค่นี้ ทำไมถึงช้านักล่ะ”

“อื้มมม คุณ...” ในที่สุดกระดุมเม็ดสุดท้ายก็ถูกปลดออก “ส...เสร็จแล้วครับ” ใบหน้าผมร้อนจัดราวกับคนมีไข้สูง เขาชักฝ่าเท้ากลับออกไปแล้วเอ่ยปากชม

“เก่งมากบันนี่” ว่าจบก็กดจูบลงมาที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน และหลังจากนั้นเขาก็กดหัวผมให้ใบหน้าชิดกับแก่นกลางลำตัวที่ดุดันกางเกงตัวนอกอย่างไม่ทันตั้งตัว “จัดการมันซะสิ”

เขากดสายตาลงต่ำไปที่เป้ากางเกงตัวเอง แล้วปลดเข็มขัดออก ผมรู้ได้ในทันทีว่าเขาหมายความว่าอะไร ผมยกมือขึ้นเพื่อรั้งซิปกางเกงลงแต่ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร เขาก็ใช้เท้าเหยียบเข้ามาระหว่างกลางของกุญแจมือที่มีสายโซ่ขั้นอยู่ ตอนนี้ฝ่ามือผมวางอยู่ในระนาบเดียวกับพื้นห้อง

“ห้ามใช้มือ”

ผมเคยเจออัลฟ่ามาหลายรูปแบบก็จริง แต่ก็ยังไม่เคยเจอใครบ้าเท่านี้มาก่อน นี้ถือว่าเป็นรสชาติใหม่ที่เขาเองเพิ่งเคยได้ลิ้มลอง

สิงห์ค่อย ๆ เอาลิ้นตวัดซิปให้ตั้งขึ้นก่อนจะใช้ฟันกัดไว้แล้วรูดลงมาจนสุด เขาใช้ริมฝีปากงับขอบอันเดอร์แวร์ให้รั้งลงมาเพียงนิดเดียว แก่นกลางลำตัวปริ่มน้ำก็ดีดพึงใส่หน้าเขา

“คุณฝังมุก?”

“ทำไม? กลัวเหรอ” ทิกเกอร์ว่า

“ผมก็ยังไม่เคยลองเหมือนกันครับ คงตอบคุณไม่ได้” ว่าจบก็ใช้ปลายลิ้นแตะที่ส่วนปลาย แล้วลากลิ้นโลมเลียลงมาจนถึงโคน

หน้าท้องของทิกเกอร์หดเกร็งก่อนจะแหงนหน้าขึ้นด้วยความเสียวซ่าน "อื้มมมม" เสียงครางต่ำหลุดออกมาจากลำคออัลฟ่าอย่างห้ามไม่อยู่

เมื่อเบต้าเห็นปฏิกิริยาของอัลฟ่าอย่างนั้น เขาก็ยิ่งห่อริมฝีปากให้แน่นขึ้นแล้วก็ออกแรงดูดมากกว่าเดิม ทิกเกอร์รู้ได้ในทันทีว่าเขาเจอคู่ขาที่สมน้ำสมเนื้อเข้าเสียแล้ว

“ซี๊ดดดด” เขากัดริมฝีปากของตัวเองด้วยความเสียวซ่าน

สิงห์พยายามกดริมฝีปากให้ลึกเท่าที่เขาจะทำได้ ขนาดของมันใหญ่เกินกว่าที่เขาจะกลืมมันลงไปให้สุด เม็ดมุกที่อัลฟ่าฝังไว้ใกล้ส่วนปลายครูดกับผนังคอจนเขารู้สึกเจ็บไปเป็นทาง

พอลองคิดว่ามันต้องเข้ามาอยู่ในตัว เขาก็รู้สึกปั่นป่วนที่ช่องท้องไปหมด

ทิกเกอร์สอดฝ่ามือหนาเข้ากับกลุ่มผมสีดำขลับ แล้วกดศีรษะของเขาลงไปจนสุดความยาวแก่นกาย สิงห์พยายามขยับมือที่ถูกเหยียบเอาไว้เพราะมันลึกจนถึงผนังคอ และเขาหายใจไม่ทัน

ขยับอีกเพียงไม่กี่ครั้ง ทิกเกอร์ก็ดึงหัวของสิงห์ออก แล้วใช้ฝ่ามือตัวเองชักรูดขึ้นลงถี่จนในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยมันออกมาใส่หน้าของเบต้าที่นั่งอยู่

สิงห์ถูกอุ้มกลับขึ้นมานอนบนเตียงอีกครั้ง หลังจากที่ทิกเกอร์เช็ดคราบน้ำขาวขุ่นเลอะหน้าออกจนหมด เขาถูกจับให้นอนคว่ำหน้าลง ก่อนจะเอี่ยวตัวไปหยิบเจลหล่อลื่น และถุงยางอนามัยบนหัวนอน

ทิกเกอร์จัดการสวมถุงยางฯ แล้วบีบเจลหล่อลื่นลงบนช่องทางสีหวานจนชุ่ม ความเย็นจากเนื้อเจลทำเอาขนอ่อนตามตัวของสิงห์ลุกชันไปทั้งตัว ปลายนิ้วลูบวนจนช่องทางรักอ่อนนุ่มแล้วค่อย ๆ สอดเรียวนิ้วเข้าสองนิ้ว

สะโพกขาวกลมถูกอัลฟ่ากัดเข้าอย่างจัง สิงห์ได้แต่นอนกัดหมอนเพื่อระบายความเจ็บปวดแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะบอกให้ทิกเกอร์หยุดทำ เรื่องบนเตียงเขาเองก็ไม่เป็นรองใครเหมือนกัน

“คุณ...ใส่เข้ามาเลยก็ได้ผมพร้อมแล้ว” สิงห์ว่า

เรียวนิ้วฉ่ำแฉะถูกดึงออกในเวลาต่อมา เขาใช้ฝ่ามือชักรูดแท่งร้อนอีกครั้งสองครั้งก่อนจะจับจ่อที่ทางเข้า

"อ๊ะ!!!" ทิกเกอร์ดันแท่งร้อนรักเข้าไปได้เพียงครึ่งทาง สิงห์ก็หลุดร้องออกมาเสียงดัง

ความใหญ่โตของเขาทำให้รอยจีบที่เคยปิดอยู่ตึง เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะด้านในทั้งร้อน และแน่นมาก พอส่วนที่เขาฝังมุกเอาไว้เข้าไปด้านในได้แล้ว เบต้าตัวเล็กก็ร้องออกมาเสียงดัง

มันเจ็บทุกครั้งที่เขาขยับ เม็ดกลม ๆ มันครูดกับผนังด้านในความรู้สึกมากมายปะปนกันมั่วไปหมด ขาของสิงห์สั่นระริก “เจ็บเหรอ” เขาหยุดขยับแล้วโน้มตัวลง แล้วกระซิบถามอย่างแผ่วเบา

สิงห์เริ่มไม่เข้าใจแล้วว่า ตกลงเขาจะอ่อนโยนหรือดุร้ายกันแน่

“นิดหน่อยครับ” สิงห์ตอบ

“จูบฉันหน่อยสิ” สิงห์มองหน้าอย่างุนงง เพราะเขาไม่เคยจูบกับคู่นอนมาก่อน แต่ทว่ายังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เขาก็ถูกมือหนาล็อกปลายคางเอาไว้เสียแล้ว

เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้ามาตวัดเกี่ยวกันภายใน จังหวะที่เขากำลังจูบกันอยู่ ทิกเกอร์สัมผัสได้ว่าช่องทางคับแคบนั้นเกร็งน้อยลงจึงดันแก่นกายเข้าไปรวดเดียว

“อ๊าาาา…!” เบต้าตัวน้อยร้องลั่น ทำได้เพียงจิกกำฝ่ามือลงบนผ้าปูเตียงจนยับยู่ มันทั้งเจ็บทั้งจุกในเวลาเดียวกัน

มันไม่ใช่ครั้งแรกของเขาก็จริง แต่เขายังไม่เคยเจออัลฟ่าที่มีขนาดใหญ่มาก่อน มันคงจะซักประมาณเก้านิ้ว หรือมากกว่านั้นล่ะมั้ง แถมอีกฝ่ายยังฝังมุกด้วย นั่นยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านเข้าไปใหญ่

“อื้ออ...ทิก...ทิกเกอร์ อ๊ะ...! ช้าหน่อย” เสียงร้องบอกของสิงห์ถูกเมิน เพราะดูแล้วเขาไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนแรงลงเลย

สิงห์ถูกช้อนตัวจากด้านหลังให้อยู่ในท่าคลานเข่า ฝ่ามือสากของอีกฝ่ายลูบวนจนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เขาใช้ปลายจมูกซุกไซ้ปล่อยลมร้อนพ่นออกทางจมูกรินรดผิวเนื้อทั่วทุกที่ที่จมูกลากผ่าน "อ๊าา! คุณ..." เสียงของเขาขาดหายไปในจังหวะที่ถูกสวนสะโพกเข้ามาพอดี

"ชอบหรือเปล่า ทำตัวให้ชินยังมีอะไรสนุก ๆ ให้เธอได้เล่นอีกเยอะ"

"อื้อออ..." สิงห์ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว ทุกจังหวะที่ขยับเข้าออกมันรู้สึกเสียวไปหมด ฝ่ามือเขาจิกกำลงหน้าขาของอีกฝ่ายอย่างแรงจนได้เลือด

แรงกระแทกกระทั้นส่งผลให้ตัวสิงห์ไหวขึ้นลงตามจังหวะที่เขาโหมเข้าใส่ เขากอดเอวผมเอาไว้จนแน่น แล้วใช้ฝ่ามือชักรูดแก่นกายที่กำลังตั้งชันไปพร้อมกับการขยับสะโพกเข้าออกถี่

เหงื่อเม็ดโตผุดซึมตามกรอบหน้าและแผ่นหลังทั้งที่เราเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ผิวเนื้อร้อนเบียดเสียดกันจนเราแทบเป็นคนคนเดียว

“อึก! ผมจะไม่ไหวแล้ว ผมอยากปล่อย” เขาย้ำเข้ามายังจุดเดิมซ้ำ ๆ มือก็ยังขยับชักรูดถี่

"ชอบให้ทำพร้อมกันเหรอครับ..." ร่างกายของสิงห์ทนต่อการกระทำเหล่านั้นไม่ไหว ก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาจนเปรอะฝ่ามือหนา เขาค่อย ๆ ขยับชักรูดมือขึ้นลงเพื่อรีดเค้นเอาทุกหยาดหยดออกมาจนหมด

ขยับต่ออีกไม่นานอัลฟ่าแข็งแกร่งก็ครางเสียงต่ำในลำคอ "อ่า...อะ!" เขาดันสะโพกเข้ามาลึกกว่าเดิม และเน้นเข้ามาอีกสามสี่ครั้ง เสียงทิกเกอร์กัดฟันดังกรอดข้างหู

เมื่อเขาถอดถอนแกนกายออกจากช่องทางหลัง ผมก็ทิ้งตัวลงนอนหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง หยาดน้ำอุ่นปริ่มอยู่ที่ส่วนป้อมปราการบอกชัดว่าเขาเองก็ถึงปลายทางแล้วเหมือนกัน

“รู้สึกดีไหมบันนี่ตัวน้อย” ผมเกลียดวิธีการเรียกของเขาจัง อยากบอกให้เขาหยุดเรียกอะไรแบบนี้สักที แต่ร่างกายสั่งให้ผมเก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นจะดีกว่า

เขาใช้จมูกไล้ไปตามกรอบหน้าระหว่างที่รอผมตอบคำถามของเขา

“ก็ดีมั้งครับ” ผมว่า

“ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาอีกทั้งคืน”

"ฮะ!!!!! 0[]0" ผมตาเหลือกเพราะยังไม่ทันรู้สึกว่าได้พัก เขาก็เทถุงยางอนามัยออกจากกล่องมากองไว้บนเตียงอีกหลายอัน เขาคงไม่ได้จะใช้กับผมให้หมดภายในคืนเดียวใช่ไหม...

.

.

.

ชีวิตไม่เคยรู้สึกไม่อยากลุกจากเตียงเท่านี้มาก่อนเลย สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างกับร่างไร้วิญญาณ ถุงยางอนามัยที่เขาเทกองไว้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะเขาใช้จนหมดจริง ๆ

ผมมองที่ข้อมือของตัวเองแล้วพบว่ามันยังขึ้นรอยแดงที่เกิดจากการใส่กุญแจมืออยู่เลย ผมพยายามลุกขึ้นแต่ก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะตั้งแต่ช่วงเอวลงไปปวดร้าวระบบไปทั้งตัว ช่องทางหลังรู้สึกแสบขัด

เมื่อคืนทำไปกี่รอบก็ไม่รู้ เล่นซะผมไม่มีแรงลุกไปอาบน้ำล้างตัว ไม่รู้ว่าไปตายอดตายอยากมาจากไหนกัน

“โอ๊ย...อ...เอว”

จะว่าไปเขาหายหัวไปไหนของเขาแต่เช้าเนี่ย

“ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงชายชุดดำที่ผมเห็นเมื่อวานเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าในมือ “นายน้อยสั่งเอาไว้นี่ชุดคุณ อาบน้ำเสร็จแล้วเรียกผมได้เลยนะครับ ผมสั่งให้พ่อบ้านทำอาหารเอาไว้แล้ว”

“เขาไม่อยู่เหรอ?”

“นายน้อยมีบินไปดูงานต่างประเทศด่วนครับ”

“อ้อ...” ผมพยักหน้ารับ “ไม่ต้องเตรียมอาหารนะ ผมไม่หิว”

“ครับ” ว่าจบเขาก็โค้งตัวลงแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมจัดชุดคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่ให้เรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบชุดที่ถูกเตรียมเอาไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ว้าว *0* ห้องน้ำกว้างกว่าห้องนอนผมอีกมั้งเนี่ย น้ำในอ่างก็ถูกเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วย ที่นี่มันโรงแรมห้าดาวหรือเปล่าวะ...

ชุดคลุมถูกถอดไปกองที่พื้นใกล้อ่าง ปลายเท้าค่อย ๆ สัมผัสผิวน้ำสีนมที่มีกลีบดอกไม้ลอยอยู่

เป็นคนรวยมันสบายจริง ๆ แต่ทิกเกอร์เขาดูแลคู่นอนดีขนาดนี้เชียวเหรอ เมื่อคืนก็เหมือนกัน เขาดุเดือดจนเหมือนจะฆ่าผม แต่เขาก็ยังมีมุมอบอุ่นค่อยถามผมตลอดว่าชอบแบบไหน ต้องการมากกว่านี้หรือเปล่า

หลังจากใช้เวลาในห้องน้ำอยู่พักใหญ่ผมก็เดินออกมา ลูกน้องของทิกเกอร์ยืนถือกล่องลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำบุด้วยขนกำมะหยี่อยู่หน้าประตูห้อง “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถาม

เขาเปิดกล่องที่ถืออยู่ ในนั้นมีกุญแจรถเรียงกันอยู่เป็นสิบ ๆ อัน “ครับ?” ผมหันไปมองหน้าบอดี้การ์ดอย่างงุนงง

“นายน้อยสั่งไว้ให้คุณขับรถกลับครับ”

“บ้า! ไม่เอาคุณแค่เรียกรถให้ผมก็พอ” นี่มันไม่เวอร์เกินไปหน่อยเหรอ ดูแลดีก็พอเข้าใจ แต่ให้ผมเอารถราคาแพงไปขับแบบนี้มันดูมากไปหน่อย เกิดผมเชียวชนอะไรเข้า ผมคงต้องเอาตัวขัดดอกแทนค่าซ่อมรถ

“งั้นก็ให้พวกผมไปส่ง”

“ไม่ต้องผมกลับเองได้” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่ได้ครับ คุณอย่าทำให้พวกผมต้องลำบาก นายน้อยสั่งเอาไว้ไม่ให้คุณกลับเองเด็ดขาด” เขาเป็นพวกชอบออกคำสั่งหรือยังไงกัน แบบนี้มันมัดมือชกเลยนี่หว่า

“เฮ้อ! ก็ได้ ๆ คุณออกไปรอผมข้างนอกก่อน เดี๋ยวผมลงไป”

“ครับ ผมจะสั่งให้คนเตรียมรถรอด้านล่าง”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือถือถูกหยิบขึ้นมากดพิมพ์ข้อความหาคนที่หายไปตั้งแต่เช้า



สิงห์

นี่มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ



นั่งรออยู่ไม่กี่นาทีเขาก็ตอบกลับมา



Tigger

ไม่ต้องพูดมาก ขอบคุณผมก็พอ

ถ้าจะไปหาเพื่อนคุณ บอกคนขับรถได้เลย ผมไม่ว่างแค่นี้ก่อนนะ.



ลูกน้องคงรายงานแล้วสินะว่าผมจะให้พวกเขาไปส่ง ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋า แล้วเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน มองออกไปมีรถจอดคันใหญ่จอดรออยู่ก่อนแล้ว บอดี้การ์ดคนหนึ่งเปิดประตูรถให้ ก่อนผมจะเดินเข้าไปนั่ง แล้วเขาก็แทรกตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับ

“ผมอยากไปหาเพื่อผมน่ะ เขาอยู่บ้านคุณเพลิง”

“ได้ครับ”

หลังจากรับคำจบเขาก็นั่งเงียบตลอดทาง นอกเสียจากตอนที่ผมถามเขาถึงจะตอบ

ผมไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ผมทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอดตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ย้ายไปอยู่แอลเอ แล้วจู่ ๆ ก็มีคนทำอะไรแบบนี้ให้ก็รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกัน แม้แต่เรื่องง่าย ๆ อย่างเปิดปิดประตูรถ เขาก็ยังไม่ให้ผมทำเองเลยด้วยซ้ำ

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังผมจะติดความสบายเป็นนิสัยแน่ คงต้องเว้นระยะห่างกับเขาสักระยะซะแล้วสิ...







เนื้อเรื่องของอัลฟ่าเบต้าต่อจากนี้อาจจะมีการติดเหรียญ

อ่านได้จากแอปพิเคชั่นR

เนื้อหาทั้งหมดจะเป็นแนว SM/BDSM

เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ไม่กระทบกับตัวละครหลัก เพราะเป็นการแยกเรื่องออกมาไม่กี่ตอน มั้ง
(อ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้ครับ ไม่กระทบเรื่องหลัก)


*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 คือลือ

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |8|
«ตอบ #12 เมื่อ26-11-2021 22:46:36 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

8





ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในสวนผลไม้ ผมไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่

พอมองไปรอบ ๆ ท้องผมก็ดันร้องมันซะอย่างนั้น 'ไอ้กชมันใช่เวลาไหมเนี่ย' บ่นอุบอิบในใจเสร็จ ผมก็เริ่มเดินหาทางออก แต่ทว่าเท้าผมก็ต้องหยุดชะงัก

งูตัวใหญ่กำลังเลื่อยเข้ามาหาผม เกร็ดของมีสีดำนิลมันเงา ยามที่มันเคลื่อนไหว ผิวของมันจะกระทบกับแสงแดดระยิบระยับสวยงามอย่างน่าประหลาด ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่ยอมวิ่งหนี ทั้งที่กลัวมาก

“เธอหิวงั้นเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มดังก้อง หากแต่มองไปรอบ ๆ กลับไม่เห็นใคร นอกจากงูตัวใหญ่ ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

“ง...งู...งูพูดเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ...” มันน่าประหลาดจังจู่ ๆ งูตัวนี้ก็โผล่มา แถมยังพูดได้ “ตามฉันมา ฉันจะพาไปหาอะไรกิน” งูเลื่อยนำหน้าไปไม่ไกลมาก เท้าผมก็เริ่มก้าวตามไปติด ๆ

“คุณอยู่ที่นี่เหรอครับ” ผมถามระหว่างที่กำลังเดินตามไปด้วย

“ใช่...เดินตามมาเงียบ ๆ เถอะนา อย่าถามมาก” ผมหันไปจิปากใส่หนึ่งครั้ง หุบปากฉับเดินตามต่อ

ระหว่างทางมีต้นส้มอยู่หลายต้น ผลของมันดกมาก เดินถัดมาอีกหน่อยมีต้นเงาะ และมังคุด แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกพิศวาสอยากทานมันเลย จนกระทั่งเราเดินมาถึงต้นแอปเปิลเขียวต้นใหญ่ ที่มีเพียงต้นเดียวทั้งสวน

“กินสิ”

“...” ผมพยักหน้าก่อนจะเอื้อมมือเด็ดออกมาหนึ่งลูก จังหวะที่กำลังจะกัดผมก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้

นี้มันนังงูร้ายที่หลอกให้กินแอปเปิลในสวนเอเดนหรือเปล่าวะ

“ทำไมไม่กินล่ะ หิวไม่ใช่เหรอ” งูว่าต่อ “กินได้ไม่ตายหรอก”

“ผมว่าผมไม่หิว”

จ๊อกกกก~

เฮอะ! ไอ้ท้องไม่รักดี ขายขี้หน้าชะมัด

“กินเถอะ นี่เป็นสวนของข้าเอง”

“เอางั้นก็ได้ แต่ผมไม่ได้หิวหรอกนะ แค่กินเพราะคุณอยากให้ผมกิน”

ผมอ้าปากกว้างกัดแอปเปิลสีเขียวคำใหญ่ดังกรอบ รสชาติของมันทั้งหวาน ทั้งหอมจนผมไม่สามารถหยุดกินมันได้

ผมเด็ดแอปเปิลมาอีกสองสามลูกใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้ เผื่อว่าระหว่างที่ออกไปจากที่นี่ผมจะหิว

“อร่อยใช่ไหม”

“อืม ๆ อร่อยมากเลย”

“หึ หึ เสร็จข้าล่ะ” สิ้นสุดประโยคงูก็พุ่งตัวเข้ามารัดตัวผมอย่างไม่ทันตั้งตัว และผมก็

ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!

ผมดีดตัวขึ้นมาพลางร้องโวยวายใหญ่โต งูมันจะกัดคอผม ฝ่ามือถูไปรอบ ๆ คอตัวเอง ก่อนจะรู้ตัวว่าผมแค่ฝันไป

“เฮ้อ...ฝันนี่หว่า” บ่นกับตัวเองจบก็ทิ้งตัวลงนอนตามเดิม ผ้าห่มถูกโกยขึ้นมากอดเอาไว้แน่น แล้วซุกหน้าลงอย่างสบายใจ

นุ่มจังเลยนา... แล้วนั่นกลิ่นอะไร มันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากตื่นเลย มันหอมเหมือนอะไรนะ

อ๋อ...เปลือกไม้…

หลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าไอ้กลิ่นแปลก ๆ นี่คือกลิ่นอะไร ผมก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ห้องผมนี่นา

ผมเริ่มทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานและปิ้งป่อง! ให้ตายเถอะ เพราะไอ้อัลฟ่าเฮงซวยนั่นอีกแล้ว!

แล้วทำไมผมต้องมีอะไรกับเขาเป็นครั้งที่สองเนี่ย...

ผมก้มมองตัวเองที่อยู่ในสภาพที่สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำตัวเดียว และเมื่อกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็พบว่าในห้องไม่มีใครอยู่นอกจากผมเพียงคนเดียว

ก็ดี...

ผมมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง เพราะตั้งใจว่าจะออกจากที่นี่เงียบ ๆ โดยไม่บอกใคร

แกร๊ก!

“ตื่นสักที” ยังไม่ทันสิ้นสุดความคิด อัลฟ่าตัวใหญ่ก็เดินเข้ามา กลิ่นที่เคยหอมจาง ๆ ก็ชัดขึ้น

อัคนีไม่ได้เดินมาตัวเปล่า เขามาพร้อมกับแก้วนมที่เพิ่งสั่งให้แม่บ้านอุ่นไว้ให้

“ดื่มนี้ก่อนสิ จะได้สบายท้อง”

“ผมไม่ดื่ม ผมจะกลับบ้าน” ว่าจบผมก็หย่อนปลายเท้าลงจากเตียง

“ใครอนุญาตให้ลุก” ผมชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะน้ำเสียงของเขานิ่งเรียบ และดุดัน แววตาที่เขาใช้มองมาคมกริบ

“ผ...ผมอยากกลับนี่”

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน ตอนนี้ดื่มนมนี่ก่อน มันอุ่นกำลังดีเลยนะ”

ผมรับแก้วนมไว้แล้วค่อย ๆ ละเลียดจิบลงคออย่างเชื่องช้า ท้องผมรู้สึกอุ่นวาบ มันรู้สึกดีจริงอย่างเขาว่านั่นแหละ

เขาเดินไปหยิบชุดในตู้เพื่อให้ผมเปลี่ยน แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ

ผมจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำในเวลาต่อมา ตอนนี้หน้าห้องมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยื่นรออยู่ เขาสวมชุดสูทสีเทาเข้ารูป

“คุณกชกรสินะครับ คุณชายรออยู่ที่ห้องทำงานแล้ว”

“...” ผมพยักหน้ารับแล้วเดินตามคนตรงหน้าไปยังห้องทำงาน มันอยู่ไม่ไกลจากห้องนอนเท่าไหร่นัก ผู้ชายคนนั้นเคาะห้องสามครั้ง ก็มีเสียงตอบกลับมาจากด้านใน

เขาเปิดประตูให้ผมเข้าไปเพียงคนเดียว แล้วประตูก็ปิดลง ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้คนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ตรงนั้นมีอัลฟ่าตัวโตสวมแว่นตานั่งอ่านเอกสารบางอย่างอยู่ บนโต๊ะเองก็มีแฟ้มกับอะไรไม่รู้รกเต็มไปหมด

“นั่งก่อนสิ” เขาว่าทั้งที่ยังสายตายังจดจ่อกับการอ่านเอกสาร

“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมก็รีบพูดมา” ฝ่ามือที่กำลังจับปากกาอยู่ว่างลง แล้วหันไปเปิดลิ้นชักแทน

เขายืนซองเอกสารส่งมาให้ผม “อ่าน...” ผมหยิบมันขึ้นมา แล้วค่อย ๆ เปิดซองออก ในนั้นมีกระดาษเอสี่หนึ่งแผ่น เป็นเอกสารรับรองจากโรงพยาบาล

‘ตั้งครรภ์สิบห้าสัปดาห์’ ให้ผมอ่านทำไมวะ จะอวดว่าเมียท้องเหรอ ผมต้องแสดงความยินดีหรือเปล่าเนี่ย

“...” ผมเงยหน้าขึ้นมองหลังจากอ่านจบ แต่ทว่าคนตรงหน้ากับนิ่งเงียบ ผมไม่เข้าใจภาษากายของเขาเลย

“ดีใจด้วยนะคุณ” ผมฉีกยิ้มกว้าง แบบปลอม ๆ ส่งไป “ส่วนเรื่องเมื่อคืนคุณไม่ต้องห่วงผมจะไม่บอกเมียคุณ หมดเรื่องแล้วใช่ไหม”

“ให้ตายเถอะ เธอเข้าใจหรือเปล่า” ว่าจบแว่นตาที่เขาสวมอยู่ก็ถูกดึกออก

อัคนีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตอนนี้เขากำลังนวดสันจมูกตัวเองเบา ๆ เพราะโอเมก้าตรงหน้าดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเสียเลย นอกจากนั่งทำตาแป่ว

“อะไร อยู่ ๆ คุณก็ให้ผมอ่าน ผมจะรู้เหรอ”

“เธอท้อง...”

กชกรรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลั้นหายใจชั่วขณะ ตอนที่อัคนีบอกกับเขาว่า เขาท้อง

บ้าไม่จริง! ก็ผมตรวจไปแล้วนี่ จะท้องได้ไงกัน

“ฮันแน่ มีกล้องปะเนี่ย” สายตาสอดสายมองออกไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจว่าเป็นการแกล้งกันเล่นหรือเปล่า “ผมไม่ตลกนะ...” ผมเริ่มรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก

อัลฟ่าตัวใหญ่เอาแต่นั่งจ้องเขม็ง ไม่พูดไม่จา บรรยากาศในห้องเหมือนมีคนกำลังลดอุณหภูมิให้เย็นลง ตัวผมชาวาบไปทั้งตัว ก่อนจะหยิบเอกสารที่วางอยู่ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

สิบห้าสัปดาห์...

“ไม่จริงอะ ผมตรวจแล้วมันขึ้นขีดเดียว จะท้องได้ไง”

“เธอ...ท้อง...” เขาพูดเสียงเรียบเน้นคำช้า ๆ ชัด ๆ

ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้อำผมเล่นแล้ว

“...” ผมก้มมองหน้าท้องของตัวเอง แล้วลองเอาฝ่ามือติดสั่นวางทาบ แต่ผมก็ต้องรีบดึงมือออกทันที “มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ผมจะเอามันออก”

ผมไม่พร้อม คนทั้งคนจะเกิดมาแบบนี้ไม่ได้

“ฉันไม่อนุญาต”

“แต่ผมเป็นคนท้องนะ ทำไมผมต้องขออนุญาตคุณด้วย”

“นั่นก็ลูกฉันเหมือนกัน”

“...” ผมสะอึกกับคำพูดของเขา ใช่มันคือลูกของเขาเหมือนกัน เพราะอัลฟ่าคนเดียวที่ผมมีอะไรด้วยคือเขา “แต่ผมยังไม่พร้อม จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งมันไม่ใช่แค่ทำให้เขาเกิดมานะคุณ” ผมพยายามหาเหตุผลที่ดี

“แต่ฉันพร้อม...ถ้าเธอไม่โอเค ก็แค่คลอดเขาออกมา ฉันเลี้ยงเอง”

ฟังดูเหมือนผมเป็นคนเห็นแก่ตัวยังไงก็ไม่รู้ แต่ผมจะให้เด็กหนึ่งคนคลอดออกเพราะความผิดพลาดแบบนี้ไม่ได้

“ไม่รู้ล่ะ ผมจะเอาเด็กออก” ผมยังยืนยันคำเดิมหนักแน่น

“ห้าสิบล้าน”

“...?”

“คลอดเด็กคนนี้ให้ฉัน”

ห้าสิบล้าน! ผมชะงักกับจำนวนเงินที่ถูกเสนอมา นี่ผมต้องทำงานกับพี่กรรณกี่ชาติถึงจะได้เนี่ย... เอายังไงดีวะ เงินก็อยากได้ อนาคตเด็กก็เป็นห่วง

เหมือนในหัวผมตอนนี้มีตัวดีกับตัวร้ายโผล่มายังไงก็ไม่รู้

‘เฮ! กชพ่อเด็กก็บอกแล้วนี่เขาพร้อมเลี้ยงจะกลัวอะไร’

‘ไม่ได้นะกช เด็กที่เกิดมาจากความผิดพลาด จะได้ความรักอย่างแท้จริงได้อย่างไรกัน’

‘พูดมากนังตัวดี เขารวยขนาดนั้น ชีวิตเด็กที่เกิดมายังไงก็ดีอยู่แล้ว’

‘เธอต้องอุ้มท้องเขาตั้งเก้าเดือน เธอไม่รักเขาบ้างหรือไง’

‘เอ๊ะนังนี้ ไปตายซะเถอะ! ย๊ากกกกกกกกกกกกกกก’

โอเค! ผมตัดสินใจได้ล่ะ - -”

“คุณจะเอากลับไปคิดก่อนก็ได้ แต่ฉันอยากให้เธอเก็บเขาไว้นะ”

“แล้วถ้าเกิดว่าผมแท้งขึ้นมาล่ะ”

“ถ้าเกิดจากความผิดปกติ ฉันจะจ่ายให้ยี่สิบล้าน แต่ถ้าเธอจงแล้วล่ะก็ ฉันจะคิดกับเธอเป็นสิบเท่า”

ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ถ้าผมจะตอบ “...ตกลง” ไม่เพียงแค่คิด แต่ผมตัดสินใจพูดมันออกมา

ไหน ๆ พ่อเด็กก็บอกว่าพร้อมแล้วนี่นะ เงินห้าสิบล้านไม่รู้ว่าผมจะได้สัมผัสตอนไหนถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แค่เก้าเดือนเองกชกรก็จะกลายเป็นเศรษฐี

“งั้นก็รอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะให้เลขร่างสัญญาไปให้เธอเซ็น”

เขาคุยกับเลขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเราก็เดินลงมายังชั้นล่างของบ้าน โต๊ะอาหารตัวยาวมีอาหารวางรออยู่หลายอย่าง แต่มันก็ยังไม่ทำให้ผมรู้สึกอยากอาหารแม้แต่น้อย

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง ส่วนเขาเองก็เลือกนั่งหัวโต๊ะ เมื่อนั่งประจำที่แล้ว แม่บ้านก็เดินมาตักข้าวใส่จานของผมแล้วเดินออกไป

“คุณไม่ทานข้าวเหรอ?” ผมว่า ก็เห็นเขาชวนผมลงมาทานข้าว คิดว่าหิวซะอีก

“ฉันไม่หิว” ว่าจบเลขาคนเดิมก็เดินเอากล่องสีใสวางไว้ตรงหน้าเขา

“...” มันเป็นกล่องแอปเปิลเขียวหันเป็นชิ้นพอดีคำ หรือจะเป็นเพราะผมฝันเหรอ เลยรู้สึกว่าอยากกินมันมาก “คุณ...ผมอยากกิน” ผมว่าพลางใช้สายตามองไปที่แอปเปิลในกล่อง

“เอาสิ” ได้ยินคำอนุญาตแล้วผมก็ใช้ส้อมจิ้มแอปเปิลในกล่องกินหนึ่งชิ้น

อืม...อร่อย~

ผมไม่เคยกินแอปเปิลครั้งไหนแล้วรู้สึกฟินขนาดนี้มาก่อนเลยอ่า... ผมจิ้มอีกชิ้นใส่ปากเคี้ยว

“คุณกชเองก็ทานได้แต่แอปเปิลเหรอครับ” เลขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า

“เปล่าครับ แค่วันนี้รู้สึกอยากทานน่ะครับ”

“ดีจังเลยนะ คุณชายแพ้ท้องแทนคุณหนักมาก ทานได้แต่แอปเปิลเขียว ก่อนหน้านี้ทานแต่ดอกไม้”

“ฮ่า ๆ จริงเหรอครับเนี่ย” ผมว่าพลางกลั้วหัวเราะ นี่เขาแพ้ท้องแทนผมเหรอ ถึงว่าผมไม่มีอาการอะไรเลย นอกจากกินเก่งขึ้น

ผมหยุดหัวเราะทันทีเมื่อถูกดวงตาคู่คมจ้องเขม็ง

“คิม...ถ้าคุณว่างมาก ก็ขึ้นไปทำเอกสารสัญญามาให้ฉัน”

“ครับคุณชาย” เลขาว่าก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

“เดี๋ยวสิ” เขาเรียกเลขาอีกครั้ง เหมือนกำลังจะนึกอะไรบางอย่างได้ “สั่งให้แม่บ้านเอาแอปเปิลมาให้คุณกชด้วย” เลขาโค้งตัวลงแล้วเดินออกไปทันที

“คุณเอามาให้ผมเหรอ?” ผมถามออกไปอย่างไม่คิดอะไร

“ก็ใช่น่ะสิ เธอกินของฉันจะหมดอยู่แล้ว แค่นี้ใครจะไปอิ่มกัน”

“...ชู่ว์~ ผมไม่ได้อยากกินสักหน่อย เจ้าตัวอ่อนในท้องผมต่างหากล่ะที่อยากกิน” ว่าจบผมก็เบะปากใส่ไปหนึ่งที

หมั่นไส้นัก...

“ทารก ไม่ใช่ตัวอ่อน”

“โอ๊ย~ คุณ...ลูกคุณขายังไม่งอกเลยมั้งน่ะ”

“...” อัคนีไม่ตอบอะไรนอกจากส่ายหัวเบา ๆ แล้วหยิบไอเพดขึ้นมาอ่านข่าวออนไลน์

มีแต่ภาษาปะกิดเลยแฮะ อ่านอยู่หรือดูแค่ภาพกันละเนี่ย...

ไม่นานแม่บ้านก็เดินเอาจากแอปเปิลเขียวมาวางไว้ ผมตักในจานของตัวเองแบ่งใส่กล่องคืนให้อัลฟ่าตัวใหญ่ เขาหันชำเลืองตามองผมแวบหนึ่ง “ก็คืนไง ที่ผมกินของคุณ”

อัคนีกลั้นหัวเราะไว้ได้แต่ก็หลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาจะคืนทำไมกัน ในเมื่อแอปเปิลในจานเขาก็เป็นของผม

บรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงผมกัดแอปเปิลดังกรอบจนรู้สึกเขินที่จะเคี้ยวเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

ก็มันเงียบมากเลยนี่นา -..-”

“นี่ ๆ คุณชื่อเพลิงใช่ไหม” บรรยากาศมันเงียบเกินไปจนผมต้องเป็นฝ่ายชวนเขาคุยอีกครั้ง

“อืม” เขาพยักหน้าลงเล็กน้อย

“แล้วชื่อจริงล่ะ”

“...จะรู้ไปทำไม”

นี่เขาไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับผมเลยเหรอ - -

“ก็เราเป็นหุ้นส่วนกันนี่นา คุณยังรู้ชื่อผมได้เลย” เขาพรูดลมหายใจยาว ๆ แล้วละสายตาจากไอเพดหันมาตอบ

“อัคนี มีอะไรจะถามอีกไหม?”

หึ้ย! โคตรนิสัยไม่ดีเลย คนแค่ถามเอง จะทำท่ารำคาญอะไรขนาดนั้น

“มี...” ผมเงียบเว้นวรรคแล้วจ้องหน้าเขาเขม็ง “...คุณแพ้ท้องแทนผมจริงดิ ฮ่า ๆ” ผมเอ่ยปากแซว เพราะต้องการกวนประสาทคนตัวโตที่นั่งทำหน้านิ่ง

“กิน ๆ เข้าไปพูดมาก” ว่าจบอัคนีก็ใช้มือหยิบแอปเปิลในจานยัดใส่ปากผม

“อื้อออ...อุน!”

ผมตั้งท่าเอาคืนบ้าง แต่แล้วเสียงรถที่วิ่งเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้านก็ทำให้เราหันไปสนใจ ชายชุดดำเดินเข้ามาข้างใน คนที่เดินตามหลังมาเป็นสิงห์ เพื่อนผมเอง

มันมากับใครวะนั่น คงไม่ได้เป็นหนี้นอกระบบแล้วโดนจับหรอกใช่ไหม

“สิงห์มาได้ไง” ผมว่า

“เรื่องมันยาว” ว่าจบมันก็หันไปทักทายเจ้าของบ้าน “สวัสดีครับคุณเพลิง”

“สวัสดีครับ” อัคนีตอบกลับ “พวกเธอไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็ได้ เดี๋ยวให้แม่บ้านยกผลไม้เข้าไปให้”

“ครับ” ผมตอบรับแล้วลุกออกมาจากโต๊ะทานข้าว แม่บ้านคนหนึ่งเดินนำ พาพวกเราไปยังห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินออกไปเตรียมผลไม้กับเครื่องดื่มมาวางไว้

“สรุปมึงท้องจริง ๆ เหรอ” สิงห์ถามทันทีที่ผมทิ้งตัวลงนั่ง

“เออกูท้อง” ผมตอบสั้น ๆ ก่อนจะหยิบแอปเปิลในจานมากินต่อ

“ฮะ!” สิงห์หน้าซีดทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น “มึงไม่ตกใจหน่อยเหรอ นั่งแดกชิลเลยนะ” ว่าจบสิงห์ก็ดึงมือผมเอาไว้ให้หยุดกิน

ห้ามคนท้องกินมันบาปนะเว้ย!

“กูคุยกับพ่อเด็กแล้ว พ่อเด็กให้กูเอาเด็กไว้ แลกกับห้าสิบล้าน”

“เชี่ยยยยยยย!” อาการของสิงห์ที่แสดงออกมาไม่ทำให้ผมตกใจเท่าไหร่นัก เพราะผมตกใจมาก่อนหน้ามันไปหมดแล้ว “แต่เดี๋ยวนะ แบบนี้เฮียกรรณก็รู้ดิว่ามึงท้อง”

เหมือนโลกของผมหยุดหมุนอีกครั้ง แอปเปิลในมือร่วงลงพื้น ผมลืมคิดเรื่องของพี่ชายไปสนิทเลย

“สิงห์... ทำยังไงดีวะมึง กูลืมเรื่องเฮียไปเลย” ผมว่าหน้าตื่นเขย่าตัวสิงห์จนร่างกายสั่นคลอน

“หยุดเขย่ากูก๊อนน กูปวดไปทั้งตัวแล้วเนี่ย” ผมหยุดตามที่สิงห์ร้องห้าม “กูว่ามึงบอกเฮียไปเลยดีไหม”

“ไม่ได้ดิ ถ้าเด็กคลอดออกมากูต้องยกลูกให้เขา แบบนี้จะไม่ดูแปลกเหรอ”

“เหี้ยล่ะ กูขอคิดแป๊บ” สิงห์นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาที และในที่สุดมันก็พูดขึ้น “กูก็ไม่รู้วะ คิดไม่ออก”

เออดีจริง ๆ แล้วมันจะนั่งนิ่งให้ลุ้นทำไมกัน...

“โอ้ยเครียดโวยยยยย เฮียฆ่ากูแน่” ว่าจบผมก็ดึงทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด

“เอาแบบนี้ไหม มึงก็บอกเฮียว่ามึงจะเรียนต่อ”

“...” ผมหยุดทุกการกระทำ แล้วนั่งมองสิงห์ด้วยความหวังครั้งใหม่ “เฮียจับได้แน่ กูท้องแค่เก้าเดือนเองนะเว้ย อีกอย่างยังไงเฮียก็ต้องให้กูกลับมาช่วยงานที่ร้านอยู่ดี”

“เรียนต่อเมืองนอกไง ระหว่างนั้นก็ไปอยู่บ้านป๊ากูที่แอลเอก่อนก็ได้ คลอดเด็กแล้วค่อยกลับมาไทย”

“เฮียจะให้เหรอวะ กูโง่มากเลยนะสิงห์ แล้วจู่ ๆ จะไปเรียนเมืองนอก มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”

“เฮียอยากให้มึงเรียนจะตาย เดี๋ยวยังไงกูช่วยพูดอีกที”

จริง ๆ บ้านสิงห์อยู่เมืองไทย แต่หลังจากที่สิงห์จบมอหก พ่อกับแม่มันก็ไปรับช่วงต่อธุรกิจของคุณปู่ เป็นขนส่งอะไรสักอย่างนี้แหละผมก็จำไม่ได้ จำได้แค่ว่าอยู่ที่แอลเอ

สิงห์ไม่ยอมย้ายตามพ่อกับแม่ไป หลังจบปริญญาตรีเขาก็ถูกตามตัวให้กลับไป แต่ทว่าเขาดันขอเรียนต่อโท ไม่รู้ว่ามันจะยื้อเวลาแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ลองถ้าเป็นผมสิ ไปตั้งแต่จบมอหกแล้ว

หลังจากคิดหาวิธีเรียบร้อย ผมไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย เพราะแผนที่คิดไว้มันยังไม่สำเร็จ เรานั่งคุยกันต่ออีกนิดหน่อยเลขาก็เดินเข้ามาตาม

ผมสาวเท้ามายังห้องทำงานที่มีอัลฟ่าตัวโตนั่งอยู่ประจำที่ เขายังคงสวมแว่นตานั่งอ่านเอกสารเหมือนเมื่อเช้าในท่าเดิมเป๊ะ ส่วนผมก็เดินไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่

อัคนีเอาซองเอกสารสัญญาออกมาวางให้ผมอ่าน มันมีทั้งหมดห้าหน้ากระดาษ สิ่งแรกที่ผมดูเลยคือจำนวนเงินถูกหรือเปล่า แล้วจึงเซ็นเอกสารทันที

“เธอไม่อ่านก่อนเหรอ”

“ตัวหนังสือเยอะเกิน อ่านแล้วผมง่วง” ผมส่งเอกสารส่งกลับไป

“ก็ดี งั้นพรุ่งนี้ก็เก็บข้าวของย้ายไปที่คอนโดฯ ฉันได้เลย อยู่นั้นน่าจะสะดวกกับคนท้องมากกว่า”

อัคนีคิดเอาไว้หมดแล้ว บ้านหลังที่เขาอยู่มันเป็นสองชั้น คิดดูแล้วมันจะไม่สะดวกกับกชกรแน่ ยิ่งนานวันท้องเขาจะต้องใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ การเดินเหินจะยิ่งลำบาก อีกอย่างที่คอนโดฯ เขาก็สะดวกสบายไม่ต่างจากบ้านนักหรอก แถมไม่มีบันไดอีกต่างหาก...

“เดี๋ยว ๆ ไปไหน ผมไม่ไป”

“เธอเซ็นสัญญาแล้วนี่ เรื่องที่ต้องย้ายมาอยู่กับฉัน มันข้อหนึ่งเลยนะ กชกรต้องอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับนายอัคนีจนกว่าจะคลอดบุตร จึงจะสามารถออกจากบ้านหลังนี้ได้”

“...” เชี่ยละ! ไม่ได้อ่านเอกสารสักตัว มันมีอะไรอีกบ้างล่ะเนี่ย “...มันเร็วไป ผมต้องขอเวลาเคลียร์กับที่บ้านด้วย”

“ฉันให้เวลาสามวันเท่านั้น ฉันต้องการดูแลลูกของฉันอย่างใกล้ชิด” นี่ขนาดยังไม่คลอดออกมายังหวงขนาดนี้ ไม่อยากคิด ถ้าลูกเกิดเป็นโอเมก้าขึ้นมา เขาคงจะสะพายปืนกลไปส่งลูกที่โรงเรียนแหง่

เวลาสามวันมันน้อยมากจริง ๆ จะคุยกับพี่ชายได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ คงต้องไปเสี่ยงเอาข้างหน้า ยังไงสิงห์ก็รับปากว่าจะช่วยพูด สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวสินา...

"ก็ได้ แต่ผมเองก็มีเรื่องที่อยากขอเหมือนกัน"







มาแล้วค่าบบบบบ >0<

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |9|
«ตอบ #13 เมื่อ28-11-2021 19:54:31 »

อั ค นี ก ช ก ร
อัลฟ่า x โอเมก้า
9

‘ข้อแรกคุณห้ามปล่อยฟีโรโมนข่มผมอีกเด็ดขาด’
‘เธอก็ฟังฉันพูดบ้างสิ...’
‘ข้อสองถึงจะอยู่ด้วยกัน แต่ผมต้องการความเป็นส่วนตัว ผมขอห้องแยก’
‘แค่นี้ใช่ไหม?’
‘ยังครับ...ข้อสุดท้าย เราจะไม่มีอะไรกันอีกเป็นครั้งที่สาม รู้เอาไว้ด้วย ผมน่ะเกลียดอัลฟ่าที่สุด!!!’
‘ไม่ต้องห่วง ฉันเองก็ไม่ชอบโอเมก้าเหมือนกัน...’

หึ! ทั้งที่ทุกครั้งตัวเองเป็นคนเริ่มก่อนแท้ ๆ แต่กลับพูดว่าห้ามมีอะไรกันอีกเป็นครั้งที่สาม ใครอยากมีอะไรกับเธอไม่ทราบฮะ!!! กชกร...
จังหวะที่กำลังนั่งนึกถึงคำพูดของคนตัวเล็กเมื่อหลายวันก่อนเพลิน ๆ เสียงของเลขาคิมก็ดึงผมออกจากภวังค์
“คุณเพลิงจะไม่บอกเรื่องนี้กับท่านประธานจริง ๆ เหรอครับ”
“รอให้เด็กคลอดก่อนค่อยบอก”
“แล้วคุณกชล่ะครับ”
“...” ผมไม่ได้ตอบคำถามเลขา เพราะดูจากที่เจ้าตัวพูด คลอดลูกแล้วก็คงไปตามที่ตกลงกันไว้นั่นแหละ เพิ่งจะอายุยี่สิบสามเองนี่นะ “เตรียมรถหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ” เลขาว่าจบผมก็เก็บเอกสารทั้งหมดใส่กระเป๋า เพื่อเตรียมตัวออกไปรับกชกรยังจุดนัด
เมื่อสองสามวันก่อน ผมสั่งให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาด และเตรียมห้องที่คอนโดฯ ไว้เรียบร้อย ปกติแล้วผมไม่เคยให้ใครเข้าไปวุ่นวายเท่าไหร่นัก เพราะนั่นเป็นพื้นที่ส่วนตัว งานบ้านส่วนใหญ่จะเป็นผมที่ทำเอง
Rrr…
ยังไม่ทันก้าวเท้าพ้นประตู เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานก็ดังขึ้น ผมยกหูขึ้นทันทีเพื่อให้เสียงน่ารำคาญเงียบลง
“สวัสดีครับอัคนีพูด”
[พี่เพลิง... ซินเอง] เสียงใสตอบกลับ
“ทำไมโทรมาเบอร์ออฟฟิศล่ะ”
[ก็พี่เพลิงไม่รับสายของซินเลยนี่ครับ คุณลุงเลยให้โทรมาเบอร์นี้] เบอร์แปลก ๆ นั่นคงเป็นเบอร์เขาสินะ
“อ๋อ...พี่ไม่รู้น่ะขอโทษที ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า พอดีพี่มีธุระต่อ”
[คุณลุงให้ผมโทรมานัดพี่ทานข้าว แต่ถ้าพี่มีธุระเดี๋ยวซินโทรบอกคุณลุงเองครับ]
“วันนี้พี่ไม่สะดวก เดี๋ยวพี่บอกคุณพ่อเอง ขอโทษด้วยนะ”
[ไม่เป็นไรครับ งั้นผมวางดีกว่า ไม่อยากรบกวนพี่]
“ครับ สวัสดีครับ” ผมวางโทรศัพท์ลงที่เดิม แล้วสาวเท้าเดินออกมา แต่ทว่าเสียงมือถือก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง หน้าจอปรากฏชื่อของคนเป็นพ่อพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่บันทึกไว้
เจ้าเด็กซินรายงานพ่อเร็วชะมัด...
หากว่าไม่รับสาย เดาได้เลยว่าพ่อคงจะรีบยิงตรงหาเลขาผมทันที
“ครับ”
[แกทำอะไรของแก ฉันอุตส่าห์นัดหนูซิน]
“ผมทำงานอยู่ แค่นี้นะครับ” ผมไม่รอฟังว่าพ่อจะพูดอะไรต่อ แล้วกดตัดสายทันที
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่พ่อพยายามหาโอเมก้ามาให้ผม ทั้งที่รู้ว่าผมเกลียดโอเมก้า

วันนี้ครบสามวันตามกำหนดที่ให้ไว้ กชกรให้ผมเข้าไปรับที่ร้านในช่วงบ่าย มันเป็นเวลาที่พี่ชายของเขาไม่อยู่ ผมไม่สนใจเท่าไหร่นักหรอกว่าเขาจะโกหกอะไรพี่ชาย นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม เพราะปัญหาเดียวที่ผมมีคือ เด็กในท้อง...
ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงจุดนัดหมาย กชกรเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าลากหนึ่งใบ ในมือมีหนังสืออีกสี่ห้าเล่มติดมาด้วย
“สวัสดีครับคุณคิม” กชกรยิ้มกว้างกล่าวทักทายเลขา แต่กลับมองผมด้วยสายตาเมินเฉย
“มานี่ฉันช่วยถือ” ผมดึงหนังสือจากโอเมก้าตัวเล็กมาถือไว้ในมือ
“ขอบคุณ...” ว่าจบเขาก็สะบัดก้นเดินขึ้นรถทันที บางครั้งผมก็รู้สึกอยากจับกชกรมาฟาดก้นสักทีสองที
ผมเดินตามคนตัวเล็กไปที่รถ ก่อนจะเห็นว่าเขาไปนั่งเบาะหลังเพียงคนเดียว
“มานั่งข้างหน้าสิ” ผมว่า
“รถตั้งกว้าง คุณอยากนั่งตรงไหนก็นั่งสิ ผมจะนั่งตรงนี้” ผมบอกแล้วไงว่าเขาน่าตี
วิธีเดียวที่เราจะไม่ต้องเถียงกันคือ ผมต้องเอาตัวเองไปนั่งข้างเขาในที่ที่ยังว่างอยู่
กชกรเห็นผมทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากจ้องผมตาเขียวปัด "ก็ฉันอยากนั่งตรงนี้" ผมว่าก่อนจะกระตุกยิ้ม กชกรทำแก้มพ่องแล้วเป่าลมออกทางปากจนผมหน้าม้าตัวเองปลิวขึ้น
“ไปโรงพยาบาล” ผมหันไปบอกเลขา แล้วหยิบไอเพดเช็กตารางงานของวันพรุ่งนี้
“ครับ” สิ้นสุดเสียงขานรับ รถก็เคลื่อนตัวสู่ถนนกว้าง เมื่อวานผมจัดการนัดหมอเอาไว้เรียบร้อย เขาเป็นหมอที่เก่งที่สุด แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ลูคัส ผมไม่ไปให้เพื่อนผมแซวแน่
ระยะทางจากที่นี่ไปโรงพยาบาลไม่ไกลมาก บวกกับวันนี้รถไม่ค่อยติด จึงทำให้เราไม่ต้องใช้เวลาบนถนนนานก็มาทันตามเวลานัด
หมอได้ตรวจร่างกายตามขั้นตอนตั้งแต่แรกจนกระทั่งมาถึงอัลตร้าซาวด์ เพื่อดูว่าเด็กสมบูรณ์แข็งแรงปกติไหม เสื้อยืดตัวนอกถูกพับขึ้นไปกองไว้ที่หน้าอก เผยให้เห็นหน้าท้องขาวเนียน ก่อนหมอจะป้ายของเหลวเหนียวสีใสลงที่หน้าท้อง กชกรสะดุ้งโหยง เพราะความเย็นจากเจลที่สัมผัสผิวอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อทาจนทั่วแล้วหมอจึงเริ่มใช้เครื่องมือลูบวนไปตามหน้าท้อง ภาพก็เริ่มปรากฏบนจอตรงหน้า
วินาทีแรกที่ได้เห็นก้อนเนื้อเล็ก ๆ ที่อยู่ในท้องของกชกร หัวใจผมก็เริ่มเต้นแรง มันเหมือนมีความรู้สึกแปลก ๆ วิ่งชนเข้ามาอย่างจัง
นั่นลูกผม...
มันมหัศจรรย์มาก นี่ผมกำลังจะเป็นพ่อ
“เด็กทั้งสองแข็งแรงมากเลยนะครับ”
สอง?
“คุณหมอบอกว่าสอง?” กชกรถามย้ำ เขารู้ดีว่าหมอหมายความว่าอย่างไร แต่เขาแค่ต้องการถามย้ำ เผื่อว่าหมออาจจะพูดอะไรผิดไป
“ครับ คุณได้ลูกแฝด ยินดีด้วยนะครับ”
“หมอครับ...ผมจะเป็นลม” กชกรว่า ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดพลันซีดเผือดในทันที เขากะพริบตาถี่ขึ้นก่อนใบหน้าจะเริ่มบิดเบ้ และส่งเสียงร้องออกมา “หมออออ ฮือออ...แฝดดดดด”
“คุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ” หมอรีบเช็ดเจลเย็นที่ท้องของกชกรออก
ผมตกใจมากเมื่อเห็นน้ำตาของคนตัวเล็ก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ดี ได้แต่ดึงตัวเขามากอดเอาไว้ เผื่อว่าจะใจเย็นลง น้ำหยดเล็กไหลลงมาจนเสื้อผมชื้นไปด้วยน้ำตา
“ฮือ คุณ...แฝด...แฝด”
“คุณแม่คงจะดีใจมากเลยนะครับเนี่ย” หมอว่า
ผมดูจากอาการของกชกรแล้ว เขาน่าจะตกใจมากกว่า เขายังเด็กต้องมาท้องโดยไม่ได้ตั้งใจก็สับสนมากพอแล้ว เขายังต้องแบกเด็กเอาไว้ในท้องถึงสองคนอีก นี่ยังไม่นับรวมตอนคลอด
พอได้เห็นเขาร้องไห้ผมก็อดสงสารไม่ได้ อยากขอโทษผมเองก็มีส่วนทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้ หลังจากกอดปลอบกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดกชกรก็ใจเย็นลง และหยุดร้องไห้ เปลือกตาของเขาบวมไปหมด จมูกก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ
“ช่วงนี้หมอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่งดกิจกรรมบนเตียงกันก่อนนะครับ เพราะคุณแม่เป็นโอเมก้ายีนด้อย ถึงเด็กจะแข็งแรงดี แต่ก็เป็นท้องแรก หมออยากให้ผ่านช่วงเดือนที่ห้าไปก่อน”
“ครับหมอ” ผมว่า
“ครั้งนี้หมอยังไม่เห็นเพศเด็ก นัดครั้งหน้าเราคงได้เห็นกันนะครับ" ผมพยักหน้ารับ ปล่อยให้หมอพูดต่อ "อันนี้เป็นแผ่นอัลตร้าซาวด์ครั้งแรก คุณแม่เก็บไว้นะครับ” ว่าจบคุณหมอก็ส่งแผ่นอัลตร้าซาวด์ให้กชกร
ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าในท้องมีเด็กถึงสองคน เขาก็เอาแต่นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จากับใคร หลังจากออกมารับยา และทำนัดครั้งถัดไปเสร็จเรียบร้อยเราก็กลับมาที่รถ “เธอเจ็บ หรือปวดตรงไหนหรือเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง เห็นเขาเงียบ
กชกรช้อนตาขึ้นมองผมที่นั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาแดงก่ำที่น้ำตาเคยแห้งเหือดไปแล้วกำลังจะทะลักระลอกสองออกมา
“ผม...ท้องผมมีเด็กสองคน ฮืออออ~”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ผมว่าก่อนจะดึงเขาเข้ามากอดอีกครั้ง “ไม่ร้องนะ ตาเธอแดงหมดแล้ว”
“พอมีเด็กสองคน ท้องผมจะโตมากกว่าเดิม ผมจะดูน่าเกลียด ผมจะปวดหลัง แล้วพอผมคลอดพวกเขาออกมาพุงผมก็...TT.TT” เสียงเล็กสะอื้นออกมาตลอดทาง
กชกรเด็กดื้อหายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ลูกแมวตัวเล็กที่เอาแต่ร้องงอแงจนไม่รู้ตัวว่าถูกอัคนีกอดเอาไว้จนจมอก ลองถ้าเป็นตอนปกติสิ ผมคงโดนเขากัดจนแขนเขียวไปแล้ว
ไม่นานเสียงสะอื้นก็เงียบไป มันถูกแทนที่ด้วยเสียงลมหายใจที่ปล่อยออกมาสม่ำเสมอ แพขนตายาวเปียกชื้นน้ำตา เปลือกตาทั้งสองปิดสนิท เขาหลับไปพร้อมกับความเหนื่อยอ่อน
“คิม...ขับช้าลงหน่อยก็ได้” ผมหันไปบอกเลขา
“คุณกชหลับแล้วเหรอครับ”
“อืม”
“คุณกชก็น่ารักดีนะครับ”
“...” เป็นอีกครั้งที่ผมเลือกเงียบ ไม่ตอบคำถามของเลขา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาไม่น่ารัก ถึงแม้ว่าตอนปกติเขาจะดื้อก็ตาม...
เมื่อมาถึงคอนโดฯ ผมก็ช้อนตัวคนที่หลับอยู่ขึ้นมาบนห้อง ตั้งใจว่าจะให้เขาหลับต่ออีกหน่อย ค่อยปลุกเจ้าตัวตอนกินข้าวที่เดียว แต่ทว่ายังไม่ทันเปิดประตูห้องเข้าไป เขาก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อน
“ปล่อยผมลง...”
“เธอตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมว่า
“...เมื่อกี้ครับ” ผมปล่อยเขาลงตามที่เขาต้องการ
กชกรเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วลากกระเป๋าที่เลขายกขึ้นมาให้ก่อนหน้าเดินเข้าห้องนอนตัวเอง “เธออยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ผมรั้งเขาด้วยคำถามง่าย ๆ
ใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา เพราะเขาดูเงียบตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาล...
ฝ่ามือที่กำลังจับลูกบิดประตูหยุดชะงัก ก่อนจะตอบออกมาน้ำเสียงเย็น ๆ อย่างแผ่วเบา “...ผมยังไม่หิว” กชกรนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาลืมคืนสิ่งที่ไม่ใช่ของเขาให้อัคนี ฝ่ามือที่เคยจับลูกบิดขยับย้ายล้วงหาของในกระเป๋ากางเกง
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ เขาก็เดินเข้าหาอัคนีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวเขา กชกรยืนมองของในมืออยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะพรูดลมออกทางจมูกยาว ๆ แล้วตัดสินใจยื่นของในมือส่งให้อัคนี
มันคือแผ่นอัลตร้าซาวด์ที่เขาเพิ่งได้จากคุณหมอ...
อัคนีจ้องมองคนตรงหน้า เขาพยายามอ่านสิ่งที่อีกฝ่ายคิด แต่ทว่าจังหวะที่สายตาเราประสานกัน อัคนีกลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกหนึ่ง มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ
“ลูกคุณ...”
“...”
“...คุณเก็บไว้เถอะ” คำพูดสั้น ๆ ของกชกรเยือกเย็นจนคล้ายกับว่าเขาไร้หัวใจ มันมีอนุภาคทำให้ความรู้สึกของผมสั่นคลอน
ผมรับรูปใบเล็กมาไว้ในมือ แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายเดินห่างออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง ทิ้งเอาเพียงความรู้สึกหม่นที่อยู่ในใจ
จู่ ๆ ผมก็เกิดโลภมากขึ้นมา นึกเสียดาย ถ้าหากว่าตอนจบของเรื่องนี้เราไม่ต้องแยกกันก็ดีสินะ...
อัคนีกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เอาแต่นั่งจ้องมองเจ้าก้อนเล็ก ๆ ทั้งสองผ่านแผ่นอัลตร้าซาวด์นานอยู่หลายนาที ก่อนจะหยิบปากกาในลิ้นชักออกมาเขียนข้อความเอาไว้หลังรูป Bady 15Week ไม่น่าเชื่อเลยว่ารูปแผ่นเล็ก ๆ ใบเดียวจะทำให้เขามีความสุข
เขาเก็บรูปใบนั้นใส่กล่องเหล็กเอาไว้อย่างดี...




อย่าเพิ่งตียัยน้องนะครับ!!!
รอรวบยอดแล้วตีทีเดียว
ヾ (・'⌓´・) ノ゙
ป.ล.จะพยายามอัปให้ได้ทุกวันนะครับ ตอนนี้ตอนที่เขียนตุนเอาไว้หมดแล้ว ฮึก!
กำลังปั่นเพิ่มด่วน ๆ จะได้ไม่ขาดตอน
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |10|
«ตอบ #14 เมื่อ28-11-2021 19:55:18 »

อั ค นี ก ช ก ร
อัลฟ่า x โอเมก้า
10

เมื่อหลายวันก่อนผมเครียดเรื่องพี่กรรณมาก ไม่รู้จะเริ่มบอกจากตรงไหนเลยพูดออกไปตรง ๆ ว่าจะเรียนต่อ หลังจากได้ยินอย่างนั้นมันก็ยิ้มหน้าบานเป็นชามข้าวหมา แต่พอได้ยินคำว่าแอลเอพ่วงท้ายด้วย พี่ชายผมก็หน้าเสียทันที
หัวเด็ดตีนขาดยังไงพี่กรรณก็ไม่ยอมให้ผมไป อ้างว่าไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของสิงห์ก็แล้ว พี่ชายผมก็ยังไม่ยอม คุยกันไปคุยกันมา สรุปจะขายร้านเหล้าที่มันรักมากทิ้ง เพื่อบินไปอยู่กับผมที่แอลเอ แต่ผมยังพอมีโชคอยู่บ้าง วันนั้นซ้อเป่ยมาที่ร้านพอดี ผมเลยขอให้ซ้อช่วยพูดอีกแรง ในที่สุดพี่ชายผมก็ยอม มันเชื่อเมียมันมากกว่าผมอีกครับทุกคน ทั้งที่ซ้อก็พูดประโยคคล้ายกันกับผม จะต่างกันตรงที่ซ้อพูดคำเดียวพี่ชายผมก็ตอบครับทันที
แต่พี่ชายผมมีข้อแม้ว่า ผมต้องสอบให้ติดเท่านั้น เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่เพราะมันรู้ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางสอบติดมากกว่า ถึงได้ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ขึ้นมา

ผมใช้การสอบเป็นข้ออ้างเพื่อย้ายไปอยู่กับสิงห์สักพัก พี่กรรณเห็นว่าผมตั้งใจจริง ๆ บวกกับทักษะการแสดงระดับฮอลลีวู้ดที่สิงห์สอนมาด้วยพี่ชายผมก็เชื่อสนิท ไม่เช่นนั้นผมคงไม่สามารถย้ายไปอยู่กับอัคนีได้ตามกำหนด
ถึงเรื่องพี่ชายจะผ่านไปได้ ผมต้องมานั่งกังวลเรื่องสอบต่อ ถึงจะเป็นการสอบปลอม ๆ แต่หากสอบไม่ติด ผมต้องกลับไปอยู่ที่ร้านตามเดิม ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องคงได้วุ่นกว่านี้แน่ แต่เหมือนผมจะเป็นลูกรักพระเจ้า โชคของผมได้ถูกใช้ไปจนหมดกับเรื่องของพี่ชาย ในวันเดียวกันนั้นผมก็ได้รู้ว่าในท้องผมมีเด็กถึงสองคน...
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นภายในไม่กี่วันเท่านั้น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนมันยาวนานเป็นเดือน มันหนักหนากับผมมากจนบางทีผมก็คิดนะ ผมอายุแค่นี้เองโลกต้องโหดร้ายกับผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ...
.
.
.
หลังจากเมื่อวานตอนเย็นผมเดินเข้าห้อง ผมก็ไม่ออกมาอีกเลยจนกระทั่งเมื่อเช้า อัคนีมาเคาะประตูเรียกให้ผมออกไปทานข้าว และยาตามที่หมอจัดให้ ทานเสร็จผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะพาตัวเองกลับมานอนอยู่ในห้องตามเดิม
ผมทิ้งตัวลงนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง ปล่อยให้สมองคิดทบทวนเรื่องราวมากมาย หายนะมันเริ่มต้นที่อัคนี อัลฟ่าเฮงซวย ถ้าวันนั้นเขาไม่ปล่อยฟีโรโมนมากระตุ้นให้ผมฮีท เรื่องบ้า ๆ พวกนี้จะไม่เกิดขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กชกรกรู้ดีมันไม่ใช่ความผิดของอัคนี หรือตัวเขาทั้งหมด ก็ในเมื่อธรรมชาติสร้างให้เขาทั้งสองห้ามความต้องการไม่ได้ ร่างกายเพียงแค่ตอบสนองตามสัญชาตญาณเท่านั้น
ไอ้บ้าเอ๊ย!
ย้ากกกกกกกกก !!!
มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ไงกัน ทั้งที่อาหมอพูดเสมอว่าผมมีโอกาสท้องน้อยมาก หรืออาจจะท้องไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วนี่อะไร ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ แถมยังท้องแฝดอีกต่างหาก
ลองนึกสภาพตอนที่ตัวเองอายุครรภ์มากขึ้น ผมจะกลายเป็นโอเมก้าท้องโย้ที่เดินเหินลำบาก ออกไปข้างนอกก็กลายเป็นเป้าสายตา ทำไมกันแค่เกิดมาเป็นโอเมก้ามันก็แย่มากพอแล้ว ทำไมต้องมาท้องด้วยวะ!
กชกรยกมือขึ้นแล้วกำหมัดแน่น เขาอยากจะทุบท้องตัวเองแรง ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องหยุดเอาไว้ เพราะสุดท้ายเด็กในท้องต้องคลอดออกมา ต่อให้เขาจะท้องแฝดสี่ แฝดห้าเขาก็ต้องยอมรับความจริงให้ได้
“กชอดทนไว้ คลอดเมื่อไหร่เรื่องนี้ก็จบแล้ว” กชกรบ่นกับตัวเองพึมพำ
Rrr…
ในขณะที่เขากำลังหัวเสียเรื่องเด็กในท้อง เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น กชกรรีบหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่าเป็นสายจากใคร
สิงห์
เพียงแค่เขาเห็นชื่อของสิงห์ เขาก็รีบกดรับในทันที
“มึง...คิดถึงงงง~” แค่พูดว่าคิดถึง น้ำตาก็เริ่มเอ่อออกมา
[เปิดประตูให้หน่อย กูอยู่หน้าห้อง]
สิ้นสุดประโยคกชกรก็ทิ้งมือถือไว้บนที่นอน แล้ววิ่งออกไปทั้งที่ยังไม่ตัดสายเลยด้วยซ้ำ ในเวลาแบบนี้เขาต้องการใครสักคนรับฟัง แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการพูดกับอัคนี
เมื่อเปิดประตูออกเขาก็เห็นเพื่อนรักยืนอยู่หน้าประตูจริง ๆ อย่างที่ว่า แต่สิงห์ไม่ได้มาคนเดียว เขามากับทิกเกอร์
“สวัสดีครับคุณทิกเกอร์” กชกรว่า
“Hi~” รอยยิ้มเขายังสดใสเหมือนเดิมเลยแฮะ
“คุณเพลิงโทรมาบอกว่าช่วงนี้มึงซึม ๆ กูเลยมาหา”
“อ๋อ อืม...เข้ามาก่อนสิ” ผมพยักหน้าแล้วเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้เข้ามา
สิงห์และทิกเกอร์ถอดรองเท้าไว้ในตู้ก่อนจะหยิบสลิปเปอร์ขึ้นมาสวม แล้วเดินเข้ามา ผมพาทั้งสองมายังโซนนั่งเล่น
“นี่ขนาดผมเป็นเพื่อนสนิทเพลิง ผมยังไม่เคยเข้ามาที่คอนโดฯ เขาเลยนะเนี่ย” ทิกเกอร์พูดขึ้น
“มึงเป็นอะไรหรือเปล่า คุณเพลิงเป็นห่วงมึงมากนะ ไม่งั้นเขาคงไม่โทรตามให้กูมาอยู่เป็นเพื่อนมึงหรอก”
“ถามจริงเขาจ้างมึงเท่าไหร่” ผมว่าเอินหยอก แต่ทว่าสายตาของสิงห์ไม่ตลกกับมุขของผมเลยสักนิด “เออ...มึงรู้เรื่องมาแล้วใช่ไหมล่ะ” ผมเริ่มเกริ่นนำ
“...” สิงห์พยักหน้ารับ
“บันนี่ คุณคุยกันไปก่อนนะ ผมจะไปเอาขนมใส่จาน” ทิกเกอร์รู้ว่ากชกรต้องการคุยกับเพื่อนของเขาตามลำพัง เขาจึงพาตัวเองออกมาจากวงสนทนา แล้วเดินเข้าไปในครัว
หลังจากที่ทิกเกอร์เดินหายเข้าไปในครัว ผมก็พูดต่อทันที “กูแค่รู้สึกน้อยใจในโชคชะตาตัวเอง ตอนเรียนอยู่กูพยายามอดทนตลอด ไม่ว่าจะโดนใครแกล้งแค่ไหน ขอแค่อีกไม่กี่ปีกูก็จบ กูก็ไม่ต้องมาเจอคนพวกนั้นอีก”
สิงห์รู้ดีว่าเพื่อนของเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง เขาโผกอดกชกรเอาไว้ “ไม่เป็นไรมึง กูเข้าใจ” ฝ่ามือเบต้าร่างบางลูบแผ่นหลังของเพื่อนรักอย่างแผ่วเบา
“ทำไมอะสิงห์ พอกูมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่น กูต้องกลับมาเป็นโอเมก้าอีก แล้วดูตอนนี้สิ กูท้อง... แถมยังมีเด็กแฝดอยู่ในนี้ แล้วมึงรู้ไหม ไม่นานท้องกูก็จะใหญ่มากเพราะมีเด็กสองคน ออกไปข้างนอกกูจะถูกสายตาหลายคู่จ้องมองมาที่กู” กชกรเริ่มระบายความในใจออกมา เขาอยู่คนเดียวเลยมีเวลามากพอที่จะทำให้เขาฟุ้งซ่าน
“มึงเก่งมากเลยนะกช มึงผ่านมันมาได้ทุกอย่าง ครั้งนี้มึงก็จะผ่านไปได้เหมือนกัน”
“...” กชกรปาดน้ำตาที่ไหลลงมา แล้วมองหน้าสิงห์ ปล่อยให้เขาพ่นคำพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม
“กูรู้ว่ามันยากสำหรับมึง แต่มึงไม่ต้องห่วง กูยังคอยซัพพอร์ตมึงอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่กูหรอกนะ คุณเพลิงเองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน เพราะเขามีส่วนทำให้มึงเป็นแบบนี้ เขาบอกกับกูเองว่าเขาจะช่วยมึงทุกอย่างขอแค่มึงบอกเขา”
ชิ! รู้สึกผิดก็ดี-..-
“เขาจ้างมึงมาจริง ๆ ใช่ไหม” ผมถามซ้ำ
“มึงนี่นา... เอาเถอะไม่ต้องคิดมากหรอก ท้องโตเดี๋ยวก็เล็กได้ ถ้ามึงคลอดลูกแล้วมึงอ้วนมาก กูจะพามึงเอาเงินห้าสิบล้านไปศัลยกรรม”
“จริงด้วยวะ ลืมเรื่องเงินไปเลย” กชกรยิ้มออกมาทันทีที่นึกถึงเงิน เขาเครียดจนลืมเรื่องเงินไปหมด
“เลิกเครียดเรื่องเด็กเถอะ ตอนนี้เราสนใจเรื่องสอบกันดีกว่า คุณเพลิงให้กูมาอ่านหนังสือกับมึงทุกวันเลยนะ แต่กูต้องกลับก่อนที่เขาจะเข้ามา”
“มึงมาทุกวันเลยได้ไหม กูเหงา”
“จะพยายาม”
เคร้ง!
ผมหันไปมองคนที่อยู่ในครัว ทิกเกอร์กำลังวุ่นอยู่กับการแกะของกินใส่จาน แต่เขาดันทำช้อนหลุดมือร่วงลงพื้นเสียงดัง เขาดูคุณหนูเกินกว่าจะทำเรื่องง่าย ๆ ในตอนนั้นเองผมก็เกิดสงสัยในความสัมพันธ์ของสิงห์และผู้ชายที่ชื่อทิกเกอร์
“ว่าแต่มึงเถอะ ยังไง? ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน บัดดี้ คู่นอน เฟรนด์ หรือแฟน”
“เรียกว่ายังไงดีล่ะอื้มมมม...คู่ขาล่ะมั้ง” อะไรของมันอีกล่ะเนี่ย
ยังไม่ทันได้ถามต่อทิกเกอร์ก็ยกจานขนมมาวางไว้เสียก่อน ผมรีบหุบปากฉับแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
สิงห์เอาหนังสือสำหรับใช้อ่านสอบมาด้วย เราจึงได้ฤกษ์เริ่มติวกันเสียที สำหรับสิงห์ที่เป็นนักศึกษาปริญญาโทมันไม่ใช่เรื่องยาก เพราะข้อสอบที่ทำอยู่เป็นของระดับปริญญาตรี แต่สำหรับผมที่ออกจากโรงเรียนมานานหลายปี มันจึงเป็นเรื่องยากมาก
มีแต่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษชวนหลับ ทั้งสิงห์และทิกเกอร์ก็คอยชวนสอนอีกแรง เรานั่งอ่านหนังสือกันอยู่นานสองนาน ก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องกลับเสียแล้ว
ผมส่งทั้งสองที่หน้าห้องแล้วเดินกลับเข้ามา พอทั้งคู่กลับออกไปห้องก็กลับมาเงียบเหงาตามเดิม ผมรู้สึกว่าห้องกว้างกว่าที่เคยเมื่อผมยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว ความรู้สึกเงียบเหงาเกาะกุมหัวใจเขา
กชกรเดินกลับมานั่งที่เดิมเพื่ออ่านหนังสือต่อฆ่าเวลา แต่หนังสือที่เขาอ่านอยู่มีแต่ภาษาอังกฤษ เขาจึงต้องใช้อากู๋ทรานสเลทช่วย บางประโยคก็เข้าใจ บางประโยคก็ทำให้เขาสับสน กชกรนั่งอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยไปครึ่งชั่วโมง อัคนีก็กลับมาจากทำงาน
“หิวหรือเปล่า” นั่นเป็นคำแรกที่อัคนีเลือกถาม
อาการที่รู้สึกพารานอยด์ก่อนหน้าหายไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะอารมณ์อ่อนไหวของคนท้อง ถึงได้ทำให้รู้สึกแบบนั้น หรือไม่ก็เพราะเงินห้าสิบล้าน
“หิวมากครับ คุณซื้ออะไรมา”
อัคนียิ้มกว้างเมื่อเห็นคนตัวเล็กคุยด้วย เขากังวลอยู่เลยว่ากลับมากชกรจะเอาแต่บึ้งตึงใส่เขาอีกหรือเปล่า โชคดีที่เมื่อเช้าตอนที่เขาโทรหาสิงห์ เขาถามเรื่องอาหารการกินของกชกรมาด้วย
“ฉันซื้อขาหมูมาด้วย เห็นสิงห์บอกว่าเธอชอบกินมาก”
จากตอนแรกที่กชกรยิ้มอยู่แล้ว พอได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม “คุณเตรียมอาหารก่อนเลย เดี๋ยวผมขอเก็บหนังสือแป๊บเดียว”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวฉันเก็บเอง” ผมถือว่าอัคนีพูดแล้วนะว่าเขาจะเก็บเอง ผมละมือจากหนังสือ แล้วเดินมานั่งรอทานข้าวเย็นกับอัคนี
กชกรรู้ดีว่าที่เขาใจดีผิดปกติแบบนี้ เพราะอยากให้ผมรู้สึกดีขึ้นจากเรื่องเมื่อวานก่อน ตอนนี้ผมโอเคมากแล้ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเขาหรอก เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
นั่งรออัคนีอุ่นอาหารไม่นานเขาก็เดินถือถ้วยขาหมูที่อุ่นไว้มาวางที่โต๊ะ แต่ทว่ากชกรกลับขมวดคิ้วเข้าหากัน “เธอเป็นอะไร” อัคนีถามขึ้นเพราะเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ากไม่ค่อยดี
“เหม็น...” สิ้นสุดประโยคก็ลุกพรวดวิ่งไปยังห้องน้ำทันที ผมรู้สึกว่ามันเหม็นมาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นทั้งที่ขาหมูเป็นของโปรดอันดับหนึ่ง
แหวะ!
ผมอ้วกเอาขนมที่เพิ่งกินมาเมื่อช่วงบ่ายออกมาจนเกลี้ยงกระเพาะ ก่อนจะเดินหมดสภาพออกมาจากห้องน้ำ
อัคนีมายืนรอกชกรที่หน้าห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง “ไหวหรือเปล่า ไปหาหมอไหม” แก้มแดง ๆ ของคนตัวเล็กเปลี่ยนเป็นสีซีดจนเขาเองตกใจ
“ไหวครับ ผมแค่รู้สึกพะอืดพะอม”
“ฉันเก็บไปทิ้งหมดแล้วเธอไม่ต้องห่วง” ว่าจบอัคนีก็ยื่นยาดมให้ มันเป็นยาดมหลอดเดียวกับที่เขาใช้ตอนแพ้ท้องครั้งก่อน “เอางี้...เราออกไปหาอะไรทานข้างนอกไหม ฉันว่าเธอน่าจะแพ้ท้อง”
“ตามใจคุณ” ว่าจบผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง เพื่อหยิบของที่จำเป็นออกมา
เมื่อสาวเท้าไปยังนอกห้องกชกรก็ได้ยินเสียงอัคนีกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าอัคนีกำลังคุยกับใคร เขาจึงตัดสินใจยืนฟังอยู่เงียบ ๆ ก่อน
“ครับ...ยังไม่เคยแพ้ท้องครับ...แล้วแบบนี้ภรรยาผมเขาจะแพ้ท้องนานไหมครับหมอ”
หัวใจกชกรอุ่นวูบตอนที่ได้ยินอัคนีเรียกว่า ‘ภรรยา’  แต่ถึงอย่างนั้นกชกรก็รู้อยู่แก่ใจ สรรพนามที่อัคนีใช้เรียกก็แค่ต้องการไม่ให้ดูผิดสังเกตเท่านั้น
หลังจากอัคนีวางสายได้ไม่นาน กชกรก็เดินออกมาจากมุมที่แอบอยู่ “แอบฟังฉันคุยโทรศัพท์เหรอ?” อัคนีว่า
“ผมเปล่าสักหน่อย” เขารู้ว่าตัวเองโกหกเลยเลือกที่จะไม่มองหน้าอีกฝ่ายตอนตอบคำถาม
“เธอโกหกฉันไม่ได้หรอก กลิ่นของเธอมันบอกฉันว่าเธออยู่ตรงนั้น”
กชกรจ้องหน้าอัลฟ่าร่างใหญ่เขม็ง บนหน้าเขามีเครื่องหมายคำถามติดอยู่ มันทำให้เขาสับสนนิดหน่อย จริง ๆ ก็สงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้ว อัคนีพูดถึงกลิ่น มันหมายถึงกลิ่นฟีโรโมนเหรอ...
ที่ผ่านมาผมเจออัลฟ่ามาเยอะ แต่ยังไม่เคยมีใครจับได้ว่าผมเป็นโอเมก้าเลยสักคน แต่กับเขา...เพียงแค่เจอกันครั้งแรก เขาก็รู้ได้ในทันที เพราะเขาเป็นยีนเด่นงั้นเหรอ หรือจะเป็น...
คู่แห่งโชคชะตา
บ้าหนาของแบบนั้นมันมีจริงซะที่ไหนกันเล่า ถึงมีก็แทบจะหนึ่งในแสนคนที่จะเจอคู่ของตัวเอง...
กชกรสะบัดความคิดฟุ้งเรื่องคู่แห่งโชคชะตาทิ้ง เก็บเอาไว้เพียงคำถามที่ดูจะเป็นไปได้ไว้ในใจ
"..." เขาไม่ได้ตอบอัคนี ก่อนจะเป็นฝ่ายหลบตาอัคนีเสียเอง กชกรไม่รู้หรอกว่าตัวเองหน้าแดงแค่ไหน นั่นเพราะเขาถูกอีกฝ่ายจับได้ว่าแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์

เมื่อมาถึงที่ร้าน อัคนีก็สั่งให้พนักงานเปิดห้อง VIP เพื่อความเป็นส่วนตัวและเผื่อว่าจะบังเอิญเจอใครที่นี่... พนักงานเดินนำหน้าพาเราทั้งคู่มายังห้องอาหาร
อัคนีทำทุกอย่างโดยที่กชกรไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเองรู้สึกผิดกับกชกรอยู่ไม่น้อย ภาพวันที่คนตัวเล็กร้องไห้จนหลับไปยังติดตาเขาอยู่เลย หากว่ามันพอจะทำให้อีกฝ่าสบายขึ้นได้เขาก็พร้อมจะทำ
หลังจากสั่งอาหารไปไม่นาน พนักงานก็ยกทุกอย่างเขามาวางที่โต๊ะ ส่วนมากจะเป็นอาหารที่อัคนีกินตอนแพ้ท้องแทนกชกร เขาคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายอาจจะอยากทานอาหารแบบเดียวกัน
"เธอลองกินอันนี้" ว่าจบผมก็หยิบกลีบบัวสีสวยขึ้นใส่เครื่องทุกอย่างแล้วห่อพอดีคำ
"มีแต่ผัก มันน่ากินตรงไหน" คนตัวเล็กมองห่อเมี่ยงที่อยู่ในมือ สายตาเขามองหาอย่างอื่นที่เป็นเนื้อสัตว์
"ลองกินเฮอะนา เชื่อฉันหน่อย" กชกรถอนหายใจ ก่อนงับเมี่ยงคำในมือผมเข้าปาก
เขาเคี้ยวจนแก้มตุ้ย ก่อนจะกลืนลงคอ "คุณ...มันอร่อยมาก" และแน่นอนว่าเขาคิดถูก กชกรน่าจะอยากกินอาหารแบบเดียวกันกับที่เขาเคยเป็น
“ตอนที่ฉันยังแพ้ท้อง ฉันก็ชอบกินเมี่ยงกลีบบัว” อัคนีว่า
“นี่ ๆ กชกรแปลว่าดอกบัวนะ” ว่าจบเขาก็ยกมือขึ้นมาประสานกันคล้ายท่าพนมมือ แต่เขาทำให้มันดูอูมเหมือนดอกบัว
อัคนีเห็นท่าทีของกชกรก็เริ่มสบายใจขึ้นมา อย่างนี้ค่อยเหมือนกชกรคนเดิมหน่อย
“ฉันว่าลูกเราต้องเป็นผู้หญิงแน่ ๆ” อัคนีถามออกไปอย่างไม่คิดอะไร แต่ทว่านั่นเป็นคำถามที่ทำให้กชกรชะงักไปครู่หนึ่ง
“ผมไม่รู้...”
“...”
“อีกอย่างนี่ลูกคุณ ไม่ใช่ลูกผม” กชกรรู้ดีว่าไม่ควรรู้สึกอย่างไรกับอัคนี และเขาจะไม่มีวันรู้สึกเด็ดขาด คำพูดคำจาของเขาถึงได้เย็นชา
ผมพยักหน้ารับ ไม่คิดจะพูดอะไรต่อ เราทั้งคู่นั่งทานอาหารกันอย่างเงียบเฉียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลยจนกระทั่งถึงห้อง
เหมือนเดิม...กชกรเดินตรงไปยังห้องของตัวเอง
ถึงจะมีกชกรอาศัยอยู่ในห้อง เขาก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่คนเดียว ส่วนมากเราจะเจอกันแค่ในเวลาทานข้าว หลังจากทานเสร็จเขาก็จะกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
ผมเดินไปเก็บหนังสือที่ยังถูกวางทิ้งไว้หน้าทีวี มองดูลายมือไก่เขี่ยของกชกรแล้วก็กลั้นหัวเราะไม่ได้ บางข้อความที่เขาแปลมันผิด ไม่แปลกใจเลยที่หลายข้อเขาว่างเอาไว้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแปลมาจากที่ไหน ผมเก็บหนังสือของเขาเข้ามาวางไว้บนโต๊ะทำงานในห้องนอนของตัวเอง
ผ้าเช็ดตัวผืนหนาถูกหยิบพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำไปเหมือนอย่างเคย ใช้เวลาไม่นานผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วจัดการหยิบจับครีมบำรุงผิวที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างคุ้นมือ ผมทำแบบนี้ทุกวันเป็นประจำ หลังจากนั้นจึงค่อยเดินกลับไปทิ้งตัวลงบนที่นอน แต่หากว่าเขามีงานที่คั่งค้าง คืนทั้งคืนเขาจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
วันนี้เขาเองก็มีงานที่ต้องสะสางเช่นกัน แต่ทว่าสายตาเขาเหลือบไปมองหนังสือของกชกรที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ จริง ๆ มันไม่ได้ยากอะไรเลยสำหรับนักเรียนนอกอย่างผม
ในหัวอัคนีตอนนี้มีความคิดประหลาดเกิดขึ้น...
“ฉันพอจะช่วยเธอได้หรือเปล่านะ” พูดคนเดียวจบ เขาก็ตัดสินใจวางงานของตัวเองไว้ก่อน แล้วหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม
หนังสือของกชกรถูกกางออก ก่อนอัคนีจะใช้ยางลบ ลบข้อความที่เขาเขียนเอาไว้ออกจนหมด แล้วค่อย ๆ แปลข้อความภาษาอังกฤษใหม่ทีละบรรทัดให้เป็นภาษาที่อ่านเข้าใจง่ายขึ้น
อัคนีไม่รู้ตัวหรอกว่า ความรู้สึกเขามันกำลังเริ่มเปลี่ยนไป...




ไหนพ่อเคยบอกว่าปัญหาของพ่อมีแค่เรื่องเด็กในท้องไงเล่าาาาา
ระหว่างชื่อลูกกับอาหารหมา เกียมอันไหนก่อนดี
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |11|
«ตอบ #15 เมื่อ28-11-2021 19:56:14 »

อั ค นี ก ช ก ร
อัลฟ่า x โอเมก้า
11


หลายวันมานี้กชกรแพ้ท้องหนักมาก หมอแจ้งว่าปกติแล้วช่วงสามเดือนอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่สำหรับเขายังไม่เคยแพ้ท้อง จึงทำใหอาการเพิ่งปรากฏตอนนี้ เจ้าพวกเด็กแฝดแสบใช่เล่น ทั้งผมทั้งกชกรแพ้ท้องสภาพไม่ต่างกันเลย คงจะได้ลูกดื้อมาจากแม่เขานั่นแหละ ไม่อยากคิดถึงตอนที่เริ่มโต ตอนนั้นผมคงจะปวดหัวน่าดู
ช่วงนี้ผมเริ่มเคลียร์งานให้เหลือน้อยที่สุด แล้วให้เลขาจัดการหาวันว่างเพื่อลงเรียนคอร์สดูแลเด็กแรกเกิด ผมไม่เคยมีลูกผมไม่รู้หรอกว่าต้องทำอะไรบ้าง แน่นอนว่าผมจะไม่จ้างพี่เลี้ยงเด็ก
ผมยกนมที่เพิ่งอุ่นเสร็จเข้ามาวางไว้ที่ห้องนอนของกชกร ตอนนี้เขายังไม่ตื่นหรอก แต่อีกสักพักก็ได้เวลาตื่นของเขาแล้ว ผมเดินออกมาเงียบ ๆ เพื่อเตรียมอาหารเช้า ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมแก้วนมที่ว่างเปล่า
“วางไว้เดี๋ยวฉันล้างเอง”
“รู้แล้วนา พูดแบบนี้ทุกวันไม่เบื่อหรือไง” ว่าจบเขาก็เดินไปเปิดทีวีดูระหว่างรออาหารเช้า
วันนี้ผมทำไข่กระทะ ปกติผมจะทำเมนูไข่ให้ทานในตอนเช้า เพราะมันมีประโยชน์ทั้งกับแม่และเด็ก ๆ
“ไข่อีกแล้วเหรอ” กชกรมองอย่างเบื่อหน่าย เขากินจนหน้าเขาจะเป็นไข่อยู่แล้วเนี่ย
“มันดีกับเด็ก กิน ๆ เข้าไป” ผมว่า
“ที่หลังใส่แฮมเยอะ ๆ หน่อยสิ เด็ก ๆ อยากกินมากกว่าไข่อีกนะ” เขาใช้เด็ก ๆ เป็นข้ออ้างเวลาที่เขาต้องการอะไรเสมอ “ป่าป๊า ๆ ที่หลังก็ใส่หมูสับเยอะ ๆ หน่อยสิ หนูชอบกินนะ แฮมก็ไม่ต้องงกใส่ ๆ ไปเถอะน้าาา” ผมหลุดหัวเราะออกมา เพราะกชกรบีบเสียงเล็กพูดราวกับตัวเองเป็นเด็ก
“ขำอะไรของคุณฮะ! ก็ลูกคุณอยากกินนี่” กชกรจิปากเสียงดัง ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกขึ้นมากัดคำใหญ่
“เด็ก ๆ อยากกินเหรอครับ งั้นถ้าป่าป๊าให้ไปต้องกินให้หมดล่ะ” ผมพูดบ้างพลางตักแฮมจากจานของตัวเองไปวางไว้ในจานของกชกร
ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นซับสีเลือดอมชมพูระเรื่อ กชกรไม่คิดว่าอัลฟ่ามาดนิ่งอย่างอัคนีจะยอมเล่นอะไรแบบนี้กับเขา
ตั้งแต่ที่กชกรแพ้ท้อง เราทั้งสองจึงใกล้กันมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนเขาจะเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องก็เริ่มออกมานั่งเล่นข้างนอก บ้างวันเขาจะขอให้ผมช่วยสอนทำข้อสอบ
ความโลภกำลังทำให้ผมผูกกชกรเอาไว้กับตัวเอง ความรู้สึกมันมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมยังไม่คิดเลยว่าถ้าเขาสอบไม่ติดขึ้นมาจะทำยังไงต่อ จะพาน้องสาวเขาหนีเลยดีไหม

หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมก็ต่างพากันแยกย้ายไปเตรียมตัว วันนี้หมอนัดไปตรวจเพศลูก ผมออกมารอกชกรที่ด้านนอก ไม่นานเขาก็เดินออกมา วันนี้เขาสวมเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งเพื่อปกปิดท้องที่เริ่มยื่นออกมา
“ไปกันเถอะครับเดี๋ยวสาย”
“อืม...” ผมพยักหน้าแล้วเดินนำคนตัวเล็กออกมา
รถที่จอดสนิทอยู่ที่ลานจอดรถกะพริบไฟสองครั้ง เมื่อผมกดปลดล็อกรถ ผมให้กชกรเข้าไปก่อน แล้วเอาของที่เตรียมมาไปเก็บไว้ด้านหลังของเบาะ ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในฝั่งคนขับ
เครื่องยนต์ถูกสตาร์ทล้อหมุนออกจากตัวตึกสู่ถนนกว้าง ตลอดทางกชกรนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างมองบรรยากาศด้านนอก สาย ๆ หน่อยรถไม่ติดเท่าไหร่นัก เราจึงมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัด
หมอถามถึงอาการทั่วไป รวมถึงอาการแพ้ท้อง ตอนนี้เขาดีขึ้นมากจนแทบจะกลับมาเป็นปกติ หลังจากตรวจเช็กตามขั้นตอน หมอก็เริ่มอัลตร้าซาวด์เพื่อดูเพศ
หน้าจอขึ้นรูปขาวดำ เด็ก ๆ เริ่มมีพัฒนาการมากขึ้นจนมองเป็นรูปเป็นร่าง
“เด็กผู้ชายนะครับ ทั้งคู่เลย” หมอชี้นิ้วให้ผมดู อวัยวะแหลม ๆ ที่ยื่นออกมา ไม่ว่าจะเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย อัคนีก็ดีใจทั้งนั้น จริง ๆ เขาดีใจตั้งแต่ที่เห็นลูกครั้งแรกแล้ว
“โดยรวมเด็กแข็งแรงปกติดีครับ แต่หมออยากให้คุณแม่งดของหวานลงหน่อย”
กชกรหน้าเจื่อนลง เขากินขนมเก่งมาก ผมเองก็ไม่ได้ห้ามเขาด้วยสิ สงสัยผมต้องคอยบ่นเขาบ้างแล้ว
“ครับหมอ”
หลังจากจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลเสร็จ ผมชวนกชกรไปเดินซื้อของต่อ ก็ตอนนี้ผมรู้เพศลูกแล้วนี่ มีหลายอย่างที่ผมอยากซื้อ
กชกรงอแงไม่อยากลงไป เพราะเขาอายที่ตัวเองท้องเริ่มโต แต่ผมก็พยายามพูดโน้มน้าวจนในที่สุดกชกรก็ยอมลงมา
ผมเดินเข้าร้านที่เป็นพวกของใช้เด็ก แล้วหยิบทุกอย่างที่ต้องการ
“ก็พอเข้าใจนะครับว่าซื้อของที่จำเป็น” กชกรยืนเท้าสะเอวมอง “แต่เสื้อนักบอลนี่จำเป็นเหรอ” ว่าจบเขาก็ยกเสื้อตัวเล็กสีน้ำเงินของทีมเชลซี และสีแดงของแมนยูขึ้นมา
“ก็ซื้อเก็บไว้น่ารักดีออก” ผมว่า นี่ผมยังไม่ได้เอาชุดทหารให้เขาดูเลยนะ ผมหยิบมาอีกสองชุดเผื่อว่าตาหนูของผมจะได้เป็นนายกกับเขา
กชกรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ซื้อไว้มันก็ดี แต่ซื้อทุกตัวที่เดินผ่านขนาดนี้ ลูกเขาไม่ต้องเปลี่ยนชุดทุกชั่วโมงเลยหรือไงถึงจะใส่ครบ “จะบ้าตาย” ผมบ่นอุบอิบคนเดียวแล้วเดินตามหลังอัคนีต่อ
ของบางอย่างที่ดูไม่สมเหตุสมผลผมก็แอบเอามันไปวางไว้ที่เดิม ผมกับพี่ชายทำงานหาเงินใช้กันเอง เรื่องซื้อของพวกนี้เรามักจะซื้อแต่ที่จำเป็นจริง ๆ แต่สำหรับอัคนีเขาซื้อทุกอย่างที่อยากได้ เด็กสมัยนี้โตเร็วจะตาย ชุดคงใส่ได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น
“เธอหิวหรือเปล่า” อัคนีว่า
“ยังครับ ผมอยากไปร้านหนังสือ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันไปจ่ายเงิน รออยู่ตรงนี้ก่อน” ว่าจบเขาก็เดินเข็นรถเข็นไปที่หน้าเคาน์เตอร์ พวกของใช้ชิ้นใหญ่อัคนีสั่งให้ทางร้านจัดส่งที่คอนโดฯ
ผมออกมายืนรออัคนีหน้าร้าน แต่ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นพี่ชายกำลังเดินอยู่กับซ้อเป่ย มันมาทำอะไรแถวนี้วะ นี่มันโซนเด็กอ่อนนี่?
เขาได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อนจะรีบหลบเข้ามุม เขายังไม่อยากเจอพี่ชายเขาตอนนี้
“เธอทำอะไร?” อัคนีถาม
“พี่ชายผมน่ะ”
“...” อัคนีพยักหน้า ก่อนจะคว้ามือไว้แน่นแล้วพาผมเดินเบี่ยงหลบมา “ร้านหนังสืออยู่คนละฝั่ง พี่เธอไม่เจอหรอก”
ผมไม่ได้ตอบนอกจากเดินเข้าไปในร้าน หยิบหนังสือสำหรับเตรียมสอบมาสองเล่มแล้วเดินออกมาจ่ายเงิน “จ่ายรวมกันเลยครับ” อัคนีเดินมาจากทางด้านหลัง เขาวางหนังสือคู่มือเลี้ยงลูกรวมกับของผม พนักงานคิดเงินมองหน้าผม และเขาสลับกันไปมา ก่อนจะอมยิ้ม
ให้ตายสิ!
“คุณเอาไปถือเองเลย!” ผมส่งถุงหนังสือในมือให้คนตัวใหญ่ถือ
“เขินเหรอ”
“ทำไมต้องเขิน” ว่าจบผมก็เดินทิ้งห่างออกมา
เขินบ้าอะไรล่ะ อายต่างหากที่ถูกมองอย่างนั้น ถึงจะเป็นสายตาที่มองด้วยความน่ารักก็เถอะ แต่ผมไม่ได้อยากถูกมองว่ามันดูน่ารักนี่ น่าหงุดหงิดชะมัด...
กลับมาถึงบ้านอัคนีก็อาสาช่วยแปลหนังสือที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ผมไม่ได้ขัดอะไรดีซะด้วยซ้ำ เพราะเล่มเก่าที่เขาแปลให้ ทำให้ผมได้คะแนนเกินครึ่งในการทดสอบเสมือนสอบจริง
“คุณผมไม่เข้าใจข้อนี้เลย”
“ไหนฉันขอดูหน่อย” ผมยกหนังสือเล่มหนาส่งไป เขาอ่านอยู่ครู่เดี๋ยวก็จดคำแปลลงในสมุด เป็นอัลฟ่ามันดีจริง ๆ แหละนะ
พวกเขาจะมีความเป็นผู้นำ ฉลาด ร่างกายก็แข็งแรงที่สุด
“คุณ...แล้วข้อนี้ล่ะ” ผมถามต่อ
“พี่...” ผมหันขวับกลับไปมองอัคนี อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นลอย ๆ
“?”
อัคนีวางดินสองลงแล้วหันมามองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้าง “เรียกฉันว่าพี่ก็ได้”
คนฟังอย่างกชกรรู้สึกงง ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ให้เขาเรียกแบบนั้น เราสนิทกันจนถึงขั้นที่เขายอมให้ผมเรียกเขาว่าพี่เลยงั้นเหรอ
“...”
“เธอเอาแต่เรียกว่าคุณอยู่นั่น รำคาญเป็นบ้า” แล้วเขาก็ไขกระจ่างความสงสัยที่ผมไม่เข้าใจ
ที่แท้ก็รำคาญนี่เอง...
“ชู่! นึกว่าอะไร” กชกรบ่นพึมพำ
“เรียกสิ พี่เพลิงครับ ข้อนี้ทำยังไง” อัคนีฉีกยิ้มก่อกวนประสาทจนกชกรแทบอยากเอาดินสอจิ้มเขาให้พรุนไปเลย
แต่เขาไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะเขารู้ดีว่าอัลฟ่าที่ชอบคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าพวกอื่นแพ้ทางอะไรที่สุด มันเป็นสิ่งที่กชกรทำเป็นประจำเมื่อต้องยังทำงานอยู่กับพี่ชาย
เขาเท้าคางตัวเองก่อนจะหันไปมองอัลฟ่าตัวใหญ่ ดวงตาของกชกรฉายแววเป็นประกายระยิบระยับ กชกรยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาเสียงหวาน
“พี่เพลิงครับ น้องกชไม่เข้าใจข้อนี้เลย สอนผมหน่อยสิ” กชกรกะพริบตาลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนตัวโตกว่า
อัคนีตั้งใจจะแกล้งคนตัวเล็กแต่ทว่าเขากลับถูกเอาคืนอย่างสาหัส หัวใจเขาเต้นรัวราวกับกลองชุดในงานดนตรีร็อก กลายเป็นเขาเองที่ต้องหลบสายตา โอเคเขายอมรับตรง ๆ ว่า เขาแพ้แล้ว...
.
.
.

ช่วงหลังผมสนิทกับอัคนีมากขึ้น เวลาที่คุยกันก็เป็นกันเอง ระยะห่างที่ถูกขีดเอาไว้ค่อย ๆ จางหายไปจนกระทั่งคอร์สเลี้ยงลูกที่เขาลงเรียนไว้ได้เวลาที่ต้องเข้าคลาสแล้ว
เขาดูเห่อลูกมาก ภายในไม่กี่วันของใช้ที่เกี่ยวกับเด็ก ๆ ก็เริ่มทยอยมาส่งเต็มห้องไปหมด นี่ขนาดผมท้องแค่สี่เดือน กว่าจะครบกำหนดคลอด ผมไม่ต้องเปิดจีพีเอสเพื่อหาทางเข้าห้องตัวเองใช่ไหม
วันนี้อัคนีส่งข้อความบอกไว้เรียบร้อย เขาอาจจะกลับดึกกว่าทุกวัน พออยู่ด้วยกันนาน ๆ ผมก็รู้สึกติดกลิ่นของเขามาก
กลิ่นของเขาทำให้จิตใจผมสงบลง ผมยังจำตอนที่รู้ว่าตัวเองท้องเด็กแฝดได้เลย อ้อมกอดเขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย
ไม่รู้ทำไมคืนนี้ผมถึงนอนไม่หลับทั้งที่รู้สึกง่วงมาก ๆ อัคนีก็ยังไม่กลับมา ปกตินมอุ่น ๆ ต้องถึงผมเช้า กับก่อนนอน
จริง ๆ ผมก็ทำเองได้นั่นแหละ แต่มันเคยชินกับการเป็นผู้รับไปเสียแล้ว
กชกรเดินออกมานอกห้อง เขาได้กลิ่นจาง ๆ ของอัลฟ่าแข็งแรงกระจายอยู่ทั่วห้อง หรือที่ผมนอนไม่หลับจะเป็นเพราะผมไม่ได้กลิ่นเขาหรือเปล่า ปกติก่อนนอนอัคนีจะเอานมอุ่นเข้ามาวางไว้ในห้องผม
ผมตัดสินใจเปิดประตูห้องข้าง ๆ เข้าไป มันเป็นห้องนอนของอัคนี ผมไม่เคยเข้ามาเลยสักครั้ง ในนี้กลิ่นฟีโรโมนของเขาเข้มข้นมาก
กชกรทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ตั้งใจว่าแค่จะมานั่งเล่นแล้วกลับออกไป แต่ทว่ากลิ่นของอัคนีที่ยังลอยคลุ้งทำให้ร่างกายที่ง่วงเป็นทุนเดิมเผลอหลับไปอย่างง่ายดาย


ช่วงค่ำวันศุกร์เป็นอะไรที่ผมรู้สึกทรมานที่สุด สงสัยต้องสั่งเลขาจัดการตารางใหม่ กว่าผมจะพาตัวเองกลับมาได้ก็ดึกดื่นเที่ยงคืน
ในห้องมืดสนิทคนตัวเล็กคงจะหลับไปเสียแล้ว ผมเดินกลับเข้ามาห้องของตัวเอง แล้วพบว่ามีก้อนก้ม ๆ นอนเอาผ้าห่มผมม้วนตัวอยู่
เขาเข้ามาทำอะไร...
อัคนีไม่คิดปลุกคนตัวเล็ก เพียงแค่เก็บของทุกอย่างเข้าทีด้วยความเงียบ แล้วเดินถือผ้าเช็ดตัวเดินออกมาใช้ห้องน้ำข้างนอก
จัดการธุระของตัวเองเสร็จสรรพผมก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ลดอุณหภูมิในห้องให้อุ่นขึ้นหน่อย แล้วแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มอย่างเบาที่สุด
เพียงแค่อัคนีทิ้งตัวลงนอน กชกรก็พลิกตัวเข้ามากอดทันที ลมหายใจอุ่นพรูดยาวสม่ำเสมอรินรดต้นคอจนรู้สึกขนลุก ที่เป็นอย่างนั้นเพราะกชกรได้กลิ่นของอัลฟ่า กลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าตัวเขาและลูกในท้องจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอด
อัคนีได้กลิ่นหอมจากตัวกชกรลอยขึ้นแตะจมูก มันไม่ได้แรงจนถึงขั้นทนไม่ไหว
พอได้กลิ่นเขาก็อดคิดไม่ได้ว่ามันคล้ายกับโอเมก้าคนนั้น ผมยังจำได้เป็นอย่างดี ผมพยายามวิ่งตามกลิ่นไป แต่ก็ยังหาไม่เจอ
กลิ่นหอมเย็นคล้ายกับดอกโบตั๋น ผมรู้สึกหลงใหลจนกลิ่นของคนอื่นไม่สามารถแทนที่ได้ มันเป็นที่มาว่าทำไม ผมถึงสักรูปดอกโบตั๋นไว้ที่หน้าอก
ผมคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถชอบพอกับโอเมก้าได้อีกแล้ว เพราะไม่ว่ากลิ่นของใครก็ทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวไปหมด
จนกระทั่งผมได้มาเจอกชกร...
มันจะเป็นความบังเอิญหรือเปล่าที่เรามีรอยสักคล้ายกัน






ใครอยากเป็นนายก //ฉันนะซิ ฉันนะซิ (๑•̀ㅂ•́) و✧
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
มาช้า แต่มานะ
ขอโทษนะครับที่มาสาย
m (_ _;m) (m;_ _) m
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |12|
«ตอบ #16 เมื่อ28-11-2021 19:57:04 »

อั ค นี ก ช ก ร
อัลฟ่า x โอเมก้า
12

หายนะชัด ๆ อีกไม่กี่วันผมต้องสอบแล้ว แต่ผลคะแนนสอบเสมือนจริงยังทำออกมาได้แค่พอผ่านอยู่เลย แบบนี้ถ้าเทียบกับคนที่เก่งกว่า ยังไงผมก็ได้แค่ผ่านไม่ได้เป็นตัวจริงแน่ ไหนจะเรื่องพี่ชายอีก
โวยยยย!!! เครียดขั้นสุด...
Rrr…
ใครเขาโทรมาอีกล่ะเนี่ย คนยิ่งกลุ้ม ๆ อยู่
อ้าว... พี่ผมนี่หว่า ผมกระแอมคอวอร์มเสียงตัวเองก่อนจะกดรับสาย
“ว่ายังไง”
[อยู่ห้องสิงห์ใช่ไหม]
น้ำลายอึกใหญ่ไหลลงคอจนเสียงดัง ถามแบบนี้หมายความว่าไงวะ...
“เออ เฮียมีอะไรหรือเปล่า” ผมว่าเสียงเรียบ
[เฮียมีเรื่องให้ช่วย เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ที่ร้านคนไม่พอมาช่วยหน่อยดิ]
“ได้ไงกชอ่านหนังสือ”
[วันเดียวเอง ไม่ทำให้มึงสอบไม่ผ่านหรอกนานะ]
“ไม่เอา” ไปได้ไง ท้องผมเริ่มออกแล้ว ถ้าถูกจับได้เป็นเรื่อง
[กช...ไหว้ล่ะ ช่วยเฮียหน่อย ถ้าไม่มาเฮียไปลากถึงห้องไอ้สิงห์นะ]
“เฮ้ย!” ผมอุทานเสียงดัง แบบนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ถ้าเฮียไปห้องสิงห์ชะตาผมขาดแน่ “เออ ๆ เดี๋ยวไป เย็น ๆ หน่อยแล้วกัน”
[ก็แค่เนี่ย ให้ไปรับไหม]
“ไม่ต้องเดี๋ยวกชไปเอง แค่นี้นะ...จะไปอาบน้ำ”
[เออ ๆ]
ผมกดตัดสายพี่ชายตัวเองแล้วต่อสายหาอัคนีทันที “ทำไมไม่รับวะ” ผมเอาโทรศัพท์ไปชาร์จทิ้งไว้ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาไม่นานผมก็จัดการตัวเองเรียบร้อย ก่อนจะลองกดต่อสายหาอัคนีอีกครั้ง แต่หนนี้เขาไม่ปล่อยให้ผมต้องรอนานรีบกดรับในทันที
“ทำไมไม่รับสายเนี่ย”
[ฉันติดประชุม เธอมีอะไรหรือเปล่า]
“ผมจะไปที่ร้านเฮีย อาจจะไม่กลับห้องนะ”
[ไม่ได้! ฉันไม่อนุญาต เธอกำลังท้องอยู่นะกช]
“ผมรู้ แต่ผมปฏิเสธพี่ชายไม่ได้เหมือนกัน คุณเลือกมาระหว่างจะให้ผมไปวันเดียว หรือจะให้พี่ชายลากผมไปแบบไม่กลับมา”
อัคนีถอนหายใจเฮือกใหญ่ แน่นอนเขาไม่ยอมให้พี่ชายลากกชกรไปแน่ แต่เขาก็ไม่อยากให้กชกรไปทำงานที่ร้านเหมือนกัน
[โอเค แค่วันเดียวนะ ถ้ามากกว่านั้นฉันจะไปอุ้มเธอที่ร้าน]
กชกรกุมขมับตัวเองทันทีทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย!
“ครับ ขอบคุณนะครับ”
[เดี๋ยวฉันให้คิมไปส่ง รอที่ห้อง ห้าม! เรียกรถเองเข้าใจไหม]
“รับทราบครับคุณชาย” ผมพูดเลียนแบบเลขาคิม ก่อนจะกดตัดสายอัคนีแล้วรีบแต่งตัว
ไม่นานเลขาของอัคนีก็มาเคาะประตูเรียก “คุณชายให้มารับครับ” ผมแอบกลั้นหัวเราะ ทำไมเขาต้องเรียกเพลิงว่าคุณชายด้วยล่ะ เขาเป็นลูกท่านหลานเธอหรือไงกัน ฟังแล้วตลกชะมัด
“ครับ”
คิมจัดการถือกระเป๋าผมลงมาด้านล่าง แล้วออกเดินทางในเวลาต่อมา ช่วงบ่าย ๆ รถติดพอสมควร ระหว่างทางพี่ชายก็โทรจิกหยิก ๆ เพราะกลัวว่าผมจะไม่ยอมไปที่ร้าน
เมื่อถึงปากทางเข้า ผมก็สั่งให้เลขาคิมจอดรถเพื่อลงเดินไปเอง และไม่ลืมกำชับว่าห้ามบอกอัคนีเด็ดขาด ไม่งั้นเขาได้โทรมาบ่นผมอีกแน่ แต่จะให้ขับเข้าไปส่งหน้าร้าน พี่ชายผมก็ต้องทำถามอีกว่าใครมาส่ง
ชีวิตกชกรมาจุถึงนี้ได้ยังไงกัน - -”
ผมถือกระเป๋าที่พกมาด้วยเดินเข้าไปในร้าน รู้สึกนานเหมือนกันที่ไม่ได้กลับมา เกือบจะลืมบรรยากาศไปซะแล้วสิ
“กชน้องรักของพี่มาแล้วเหรอ...” พี่กรรณพูดขึ้นพลางเดินเข้ามากอด จังหวะนั้นผมก็รีบเอากระเป๋าที่ถืออยู่ กั้นระหว่างเราไว้ไม่ให้โดนท้อง
“เฮียจะไปไหน ทำไมถึงไม่อยู่ร้าน” ผมถาม ถ้าแค่พนักงานไม่พอ พี่ชายเขาก็หน้าจะแค่ลงมาช่วยงานก็สิ้นเรื่อง
“คืองี้นะ... เฮียมีข่าวดี”
“...?” กชกรหรี่ตามองด้วยความสงสัย
“ซ้อมึงกำลังจะมีน้องแล้ว ยู้ฮู้~” พูดจบพี่ชายผมก็ปรบมือรัว ๆ
“...” ต่างจากผมที่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ซ้อเป่ยท้อง? “จริงเปล่าเนี่ย”
“ก็จริงสิวะ กูเพิ่งไปซื้อของเข้าบ้านกันมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง” ถึงว่าทำไมวันนั้นถึงได้เห็นพี่กรรณอยู่ที่โซนเด็กอ่อน
“ดีใจด้วยนะเฮีย เป็นพ่อคนแล้วนะ ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกได้แล้ว ไม่งั้นจะโดนพ่อซ้อยิงตายก่อนได้เจอหน้าลูกแน่” ผมว่าเอินหยอก กว่าจะได้คบกับซ้อเป่ย พี่ชายผมโดนพ่อเขาซ้อมเกือบตาย ก็เล่นไปเจาะไข่แดงลูกมาเฟียขนาดนั้น เขาไม่พาไปนอนคุยกับรากมะม่วงก็ดีแค่ไหนแล้ว
“แหม เดี๋ยวกูทุบ ทำเป็นพูดดีไป”
“งั้นผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะเฮีย เดี๋ยวลงมา”
“เออ รีบลงมาล่ะ” ผมเดินกอดกระเป๋าที่ถืออยู่ขึ้นไปชั้นสอง แต่ทว่าเท้าก็ต้องชะงักเพราะเสียงของพี่ชายรั้งเอาไว้ “ไม่อยู่บ้านแป๊บเดียวอ้วนขึ้นจังวะ”
“เสียมารยาทน่ะเฮีย” ผมหันกลับไปตอบ
“ไม่ใช่แบบนั้น มันดูมีน้ำมีนวลขึ้นไง” คอผมแห้งพรากราวกับคนกินทรายเป็นกำ ๆ ก้อนสะอึกก้อนใหญ่กำลังติดอยู่ที่คอ มันจะรู้ไหมวะ ทำไมถึงจ้องขนาดนั้น... “ช่างมัน มึงไปพักเถอะ” ผมพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะฉีกยิ้มเจื่อนส่งไป
นึกว่าจะถูกจับได้ซะแล้วสิ วันนี้ผมจะรอดไหมเนี่ย...
.
.
.

ป๊อก! ป๊อก! ป๊อก!
เสียงปลายนิ้วเคาะลงกับโต๊ะเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บ่งบอกชัดว่าคนที่กำลังทำแบบนั้นในหัวกำลังคิดอะไรอยู่ อัคนีนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงนี้สิบนาทีเห็นจะได้ เขากำลังหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
ก็จะไม่ให้หงุดหงิดได้ไง เมียกับลูกเขากำลังอยู่ในร้านเหล้าเชี่ยวนะ ถึงแม้ว่าจะไปทำงานก็เถอะ แต่มันก็อดคิดมากไม่ได้อยู่ดี ปกติโอเมก้าก็ดูสวยอยู่แล้ว แต่เวลาที่พวกเขาท้องมันยิ่งดูมีเสน่ห์ขึ้นไปอีก แล้วถ้ามีใครมาวอแวคู่ของผมล่ะ!!!
เห็นไหมจะไม่ให้โมโหได้ยังไง
อัคนีไม่รู้ตัวหรอกว่าเขากำลังทำให้คนในห้องประชุมอึดอัด เพราะกำลังปล่อยไอดำทะมึน รอบตัวเขาเต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุ
“เอ่อ...คุณเพลิงครับ” เลขาคิมโน้มตัวลงมาสะกิดไหล่เพื่อเรียกให้เขาได้สติแล้วหยุดปล่อยฟีโรโมนเสียที ตอนนี้ทุกคนนั่งตัวเกร็งกันหมด
“ยกเลิกประชุมของวันนี้ทั้งหมด... คิมเตรียมรถให้ฉันด้วย” ว่าจบอัคนีก็ลุกพรวดเดินออกจากห้องประชุมทันที เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานต่อ เพราะเขาเอาแต่คิดเรื่องอื่น
รถซูเปอร์คาร์จอดรออยู่หน้าบริษัทก่อนแล้ว เขาแทรกตัวเข้าไปด้วยความเร่งรีบ แล้วเหยียบคันเร่งตรงกลับมายังห้องของเขาในทันที ให้ตายเถอะเขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนี้ ที่ผ่านมาในชีวิตเขาไม่เคยรู้สึกหึงหวง จนกระทั่งได้มารู้จักกชกร
รถพาเขามาถึงคอนโดฯ ภายในไม่กี่นาที เขาปรี่ตรงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างไวว่อง อัคนีเลือกสวมเสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีดำ กับกางเกงวอร์มเข้าคู่ หมวกแก๊ปสีดำใบเดิมที่ใช้ครั้งก่อนถูกหยิบออกมาสวม ก่อนออกมาจากห้องไปผมแวะร้านสะดวกซื้อใต้คอนโดฯ เพื่อซื้อหน้ากากอนามัยติดไปด้วย
ให้ตายเถอะพนักงานมองเขาราวกับว่าเขาเป็นโจรมาปล้นร้าน...
ระยะทางจากที่ผมอยู่ไปที่ร้านค่อนข้างไกล บวกกลับช่วงค่ำรถติดมาก ผมจึงใช้เวลานาน กว่าจะถึงก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว เมื่อมาถึงผมก็สวมหน้ากากอนามัยที่เพิ่งซื้อมา แล้วเดินตรงเข้าไปในร้านทันที เพียงแค่เท้าก้าวเข้าไป ผมก็เห็นเป้าหมายกำลังยืนคุยกับลูกค้าที่หน้าบาร์ชงเครื่องดื่ม
เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกโบตั๋น ก่อนจะฉุกคิดว่ามีคนอื่นอีกหรือเปล่าที่ได้กลิ่นแบบเขา ถ้ารู้ว่าจะหลงขนาดนี้ คืนนั้นเขาคงกัดหลังคอทำพันธะไปให้รู้แล้วรู้รอด
อัคนีนั่งมองคนตัวเล็กอยู่ห่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งมีอัลฟ่ามาใหม่นั่งลงแล้วคุยกับกชกรด้วยท่าทีสบาย
มันเป็นใครกัน! เขาอยากจะเดินไปหักคออีกฝ่าย แล้วลากกชกรออกมาจากตรงนั้น...
นั่นคือสิ่งที่อัคนีคิดในใจ “นี่คุณ! เก็บฟีโรโมนหน่อยอึดอัดเป็นบ้า” เสียงของโต๊ะข้าง ๆ ว่า การเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์บางครั้งมันก็น่าหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน เผลอโมโหนิดหน่อย ไอข่มก็ฟุ้งจนคนรอบข้างจะรู้สึกอึดอัด
“ขอโทษครับ” ผมหันไปตอบก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกับคนตัวเล็กตามเดิม แต่ทว่ากชกรหายไปจากสายตาเขาแล้ว นั่นยิ่งทำให้ผมโมโหยิ่งกว่าเดิม...

“สวัสดีครับคุณฮารุ” ผมกล่าวทักทายผู้ชายตัวเล็กที่นั่งอยู่ เขาเป็นโอเมก้าที่สวยมากจริง ๆ
“คุณกชกรสินะครับ เซนกิเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังบ่อยมาก คุณน่ารักอย่างที่เขาว่าจริง ๆ”
“น่ารักไม่เท่าคุณฮารุหรอกครับ” ผมว่า
ช่วงก่อนที่ผมจะย้ายไปอยู่กับอัคนี ผมไม่ได้บอกใครไว้ เซนกิเลยคิดว่าผมเกลียดเขาจนหลบหน้าหายไป เพียงแค่เห็นผมจากไกล ๆ เขาก็รีบเดินตรงมาหาทันที ตอนนี้เขามีแฟนแล้ว และผมเองก็ยินดี
เซนกิพาแฟนมาที่ร้านด้วย จึงชวนผมมาที่โต๊ะเพื่อแนะนำให้ได้รู้จัก อย่างน้อยเขาก็รู้เคยรู้สึกดีกับผมมาก่อน ถึงตอนนี้เราจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เขาก็ยังมองผมเป็นน้องที่น่ารักคนหนึ่ง
“คุณท้องเหรอ” ฮารุพูดขึ้นก่อนจะก้มมองท้องของผม
“ฮะ! ยูท้อง?” เซนกิเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขามานั่งคุยกับผมตั้งนานเขายังมองไม่ออก แต่ฮารุกลับมองออกเพียงแวบเดียว “ยูเป็นโอเมก้า?”
ผมฉีกยิ้มเจื่อนก่อนจะพยักหน้ายอมรับ ปกติผมบอกใครต่อใครว่าตัวเองเป็นเบต้ามาตลอด
“ผมขอโทษนะที่โกหกคุณ”
“ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยรู้เลย แล้วนี่ที่คุณหายไปเพราะคุณท้องเหรอ”
“ใช่ครับ”
“มันวิเศษมาก นี่เป็นเรื่องดีของวันนี้เลย ขอให้พระเจ้าคุ้มครองยูกับเจ้าตัวเล็กนะ” เซนกิยังคงเป็นคนดีเสมอ นี่ผมพลาดโอกาสไปหรือเปล่าเนี่ยที่ปฏิเสธเขาในวันนั้น
“ขอบคุณมากนะครับ ผมต้องกลับไปทำงานแล้ว”
“เดี๋ยวผมไปส่ง” เซนกิอาสาไปส่ง ผมจึงไม่ขัดอะไร เขาเดินนำหน้าผม เพื่อไม่ให้ใครเดินชนจนกระทั่งเรามาถึงที่เคาน์เตอร์
กลิ่นจาง ๆ ของเปลือกไม้ทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ มันเป็นกลิ่นของอัคนีผมจำได้เป็นอย่างดี ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะถูกคนจากทางด้านหลังยืนประชิดตัว กลิ่นฟีโรโมนเขาแรงมาก
“ออกไปให้ห่างคู่ของผม” ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งจนเซนกิต้องหลบตา ตอนนี้ผมคงต้องขอให้พระเจ้าคุ้มครองเซนกิแทนก่อนแล้วล่ะ
“คู่ของยูนี่เอง” เซนกิว่า
“คุณ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ จะฆ่าผมกับลูกหรือไง” ผมยืนตัวแข็งทื่อเพราะรู้สึกได้ถึงไอกดดันรอบตัว
“ฉันขอโทษ” อัคนีว่า ก่อนจะได้สติและหยุดปล่อยฟีโรโมนข่ม
“ผมมีแฟนแล้ว เราเป็นแค่เพื่อนกัน” เซนกิพูดขึ้นอีกครั้ง “แฟนยูสินะ ดูจะห่วงยูมากเลย”
“ผมขอโทษแทนเข้าด้วย เขาไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ” ผมหันไปขึงตาใส่อัคนี
ให้ตายเถอะน่าขายหน้าชะมัด!!!
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
"..." ผมพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มให้ ปล่อยเขาเดินห่างออกไป แล้วจึงหันกลับไปแหวใส่คนก่อเรื่อง
“คุณมาทำไม?!”
“ฉันเป็นห่วง” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างห้ามไม่อยู่ ผมต้องทำยังไงกับเขาเนี่ย
“เราตกลงกันแล้วนี่ครับ ว่าจะให้ผมนอนที่นี่หนึ่งคืน”
“ก็คนเป็นห่วงนี่...” ว่าจบเขาก็หลุบตามองต่ำลงไปที่พื้น ผมไม่เคยเห็นเขาหงอยขนาดนี้มาก่อน
“ถ้าคุณเห็นแล้วว่าผมสบายดี คุณก็กลับไปได้แล้ว”
“...ฉันขอนอนนี่ด้วยคนนะ”
“ไม่ได้!” ผมรีบปฏิเสธทันควัน
“ทำไมไม่ได้ล่ะ ฉันก็เคยนอนแล้วนี่ คืนแรกของเราไง ร้อนแรงเป็นบ้า”
“ว๊ากกก! คุณพูดบ้าอะไรของคุณเนี่ย” ผมรีบเอามือปิดปากเขาไว้ ใบหน้าผมเห่อร้อนขึ้นมาทันที
อัคนีเผยอปากงับที่นิ้วของอีกฝ่ายเบา ๆ “นะ ฉันนอนด้วย ไม่มีฉันเธอนอนไม่หลับหรอก” อัคนีรู้ดีว่ากชกรติดกลิ่นเขาแล้ว พักหลังเขาเดินเข้าออกห้องอัคนีเป็นว่าเล่น บางคืนก็หลับไปทั้งอย่างนั้น แถมยังชอบอ้างว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะเด็กในท้อง
“ผมจะบ้าตายกับคุณจริง ๆ” กชกรถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ “ขึ้นไปรอผมที่ห้อง อีกไม่กี่ชั่วโมงร้านจะปิดแล้ว” ว่าจบกชกรก็ยื่นคีย์การ์ดสำหรับเปิดประตูให้ ก่อนจะกลับมาทำงานต่อ
เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมอยู่ ๆ ก็งอแงขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นด้วยซ้ำ
แต่ที่เขาว่ามามันก็จริง ผมเริ่มติดกลิ่นเขาตั้งแต่วันที่เผลอหลับในห้องเขาคืนนั้น บางคืนผมต้องหอบผ้าห่มมานอนด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะรู้สึกหงุดหงิดจนนอนไม่หลับ เพราะท้องด้วยหรือเปล่าผมถึงได้อารมณ์อ่อนไหวขนาดนี้
ตอนที่รู้ว่าต้องมานอนที่ร้าน ผมคิดมากอยู่เหมือนกันที่ผมต้องห่างเขา ถึงจะแค่คืนเดียวก็เถอะ แต่ผมก็อุตส่าห์แอบไปขโมยเสื้อในห้องอัคนีติดมาด้วยสองตัว เขาก็ดันโผล่มาแล้วขอนอนด้วยซะงั้น
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็ถึงเวลาที่ร้านปิด หลังจากเคลียร์ข้างล่างเสร็จผมก็กลับขึ้นมาบนห้อง กลิ่นฟีโรโมนของเขาฟุ้งกระจายไปทั่ว นั่นทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
เพียงประตูห้องถูกเปิดออก ผมก็เห็นเขานอนเล่นมือถือ และสวม ส...เสื้อ...
นั่นมันเสื้อที่ผมขโมยมานี่!!!
ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเสื้อที่ผมขโมยตัวแรกผมใส่หมอนเอาไว้ ก่อนจะเอาอีกตัววางไว้บนเตียงสำหรับใช่กอดคืนนี้
“ยอมรับเถอะกชกร เธอติดฉัน”
“ไม่ใช่!” ผมรีบแก้ตัว “พอดีผมรีบไปหน่อย เลยเผลอหยิบติดมาต่างหาก” อัคนีฉีกยิ้มกว้างแน่นอนล่ะเขาไม่เชื่อ เสื้อเขาจะไปอยู่ในห้องกชกรได้ยังไงกัน
“โอเค ๆ หยิบผิดก็หยิบผิด รีบไปอาบน้ำเถอะดึกแล้ว”
หึ! ผมรู้ว่าเขาไม่เชื่อหรอก ดูจากแววตาและน้ำเสียงกวนประสาทของเขาแล้วก็พอจะมองออก
“ครับ” พยักหน้ารับ
ใช้เวลาไม่นานผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ มองไปบนเตียงจะเห็นได้ว่ามีหมีควายตัวเขื่องนอนเต็มพื้นที่ขนาดสามจุดห้าฟุต
ปุ ปุ~
เขานอนตะแคงหันมาทางผม ก่อนจะตบเตียงเสียงดังสองที่เพื่อให้ผมขึ้นไปนอน วันนี้เขามาแปลกแฮะเล่นเป็นเด็ก ๆ เลย ทั้งที่ทุกวันก็ไม่เห็นจะเป็น
“เล่นอะไรของคุณ” ผมว่า
“เปล่านี่”
ผมเดินไปปิดไฟ แล้วเดินกลับไปที่เตียงก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนใหญ่ ร่างกายมันเหมือนถูกปรับให้การกอดเป็นเรื่องปกติสำหรับผมไปแล้ว อัคนีสอดแขนเข้ามาใต้คอ ก่อนจะโอบตัวผมไว้ เพียงไม่กี่นาทีดวงตาผมก็เริ่มเคลิ้มลงพร้อมหลับ แต่ทว่าท้องของผมมันดันเต้นตุบ
อัคนีสอดมือเข้ามาใต้เสื้อของกชกร ก่อนจะลูบท้องอย่างเบามือ
“นอนนะเด็กดี วันนี้มัมมี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
หัวใจผมเต้นระรั่วไม่เป็นจังหวะจนแทบจะกระเด็นออกมาข้างนอก เสียงหัวใจดังชัดมากในความเงียบ เขาจะได้ยินหรือเปล่า เขาจะรู้ไหมว่าผมรู้สึกอย่างไร ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้เขาไม่รู้
หากเขายังใจดีแบบนี้ต่อไป หัวใจผมคงรับไม่ไหวแน่ ถ้าวันนั้นมาถึงผมจะทำยังไงดีล่ะ...
ท่องเอาไว้กชกร เขาต้องการลูก เขาไม่ได้ต้องการเธอ






ขอโทษนะครับที่มาสาย
m (_ _;m) (m;_ _) m
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อั ค นี ก ช ก ร
อัลฟ่า x โอเมก้า
14

 
“นี่พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“แล้วสอบถึงกี่โมง”
“ทำไม?” ผมว่างดินสอลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอัลฟ่าตัวใหญ่ตรงหน้า
“ฉันถามไง สรุปสอบเสร็จกี่โมง”
“ครึ่งวันเช้าครับ”
“อ้อ...” อัคนีพยักหน้าหงึก ๆ นั่นยิ่งทำให้ผมอยากรู้เข้าไปอีก สรุปมีอะไรกันแน่
“คุณอย่ามาอ้อใส่ผมนะ ผมถามว่ามีอะไร”
“เปล่า พรุ่งนี้ที่คลาสเขาให้ชวนคุณแม่ไปทำชุดลูกน่ะ ถ้าเธอไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”
“กี่โมง?”
“เธอจะไปเหรอ”
“ผมถามว่ากี่โมง ตอบให้ตรงคำถามหน่อย”
“บ่ายโมงครับ บ่ายโมง” ทำไมต้องดุด้วยเนี่ย อัคนีได้แต่คิดในใจ ขืนพูดออกไปมีหวังเขาได้โดนกชกรเขมือบหัวแน่ พักหลังอารมณ์เขาอ่อนไหวง่ายมาก
“ครับ” กชกรรับคำเพียงสั้น ๆ ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบวิชาสุดท้าย “ถ้าทันจะไปก็แล้วกัน” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“สอบเสร็จก็กลับมาพักเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“...” ผมไม่ตอบนอกจากพยักหน้า
ผมใช้เวลาอยู่กับหนังสือนานนับชั่วโมง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเที่ยงคืนกว่า ผมจึงลุกไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน แต่ทว่าพยายามข่มตาเท่าไหร่ พลิกซ้ายพลิกขวาอยู่พักผมก็ยังนอนไม่หลับเสียที
จริง ๆ จะไปนอนห้องของอัคนีเหมือนทุกทีก็ได้ แต่หลังกลับจากที่ร้านคืนนั้น ผมก็พยายามเว้นระยะห่างกับเขา ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่อยู่ใกล้กัน ถึงได้รู้สึกว่าหัวใจทำงานหนักทุกที
แต่คืนนี้ผมจะไม่นอนไม่ได้ เพราะพรุ่งนี้มีสอบวันสุดท้ายแล้ว ผมตัดสินใจหอบผ้าห่มเดินไปยังห้องของอัคนี ในห้องปิดไฟมืดสนิท มันเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ อัคนีคงจะหลับแล้วผมจึงค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มอย่างเบาที่สุด
“นอนไม่หลับเหรอ” ไม่พูดเปล่า ตัวผมถูกดึงเข้าไปกอดจนจมอก
กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวอัคนีโชยขึ้นมาแตะจมูกจนรู้สึกผ่อนคลาย
“ครับ ผมนอนไม่หลับ”
“อืม งั้นนอนเถอะดึกมากแล้ว”
ผมปล่อยให้เขานอนกอดผมอยู่อย่างนั้นจนเสียงลมหายใจพรูดยาวสม่ำเสมอ ไม่รู้ว่าการที่อยู่ใกล้เขาแบบนี้มันดีหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ผมรู้สึกดีมาก ๆ เลยล่ะ
 
อัคนีแวะมาส่งผมที่สนามสอบก่อนไปทำงาน ช่วงสอบเสร็จเลขาคิมคนเดิมจะเป็นคนมารับอย่างทุกที ส่วนสิงห์ได้สนามสอบคนละที่เราจึงต้องแยกกัน
การสอบเป็นไปอย่างราบรื่น จนเมื่อมาถึงวิชาสุดท้าย มีการเลื่อนสอบหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากมีปัญหาจากข้อสอบ ผมเองไม่ได้ติดปัญหาอะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก

‘พรุ่งนี้ที่คลาสเขาให้ชวนคุณแม่ไปทำชุดลูกน่ะ’

 
ผมควรไปไหม หรือจริง ๆ ผมไม่ควรใส่ใจกับเรื่องนี้ สุดท้ายเด็กคลอดออกมาผมก็คงไม่ได้อยู่ตรงนั้น ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องคิดมากเลยนี่...
“เชิญเข้าห้องสอบได้ครับ” เสียงผู้คุมสอบเรียก พวกเราก็รีบปิดหนังสือแล้วเดินเข้าห้องสอบ
นั่นสินะ...เวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำเรื่องไร้สาระสักหน่อย ตอนนี้ยังไงเรื่องสอบก็สำคัญที่สุด
ผมเดินเข้าห้องสอบในเวลาต่อมา บนโต๊ะมีกระดาษคำตอบวางอยู่ ก่อนผู้คุมสอบจะแจกโจทย์แล้วเริ่มทำข้อสอบ ระหว่างนั้นผมก็ทำไปจนครึ่งทาง แต่ช่วงที่สมองเว้นว่างผมก็เอาแต่คิดเรื่องของอัคนี ตอนนี้เขาจะทำอะไรอยู่กันนะ
หลังจากที่หมดเวลาทำข้อสอบ ผมเดินออกมาจากห้องสอบทันที เลขาคิมยืนรออยู่ที่เดิม
“คุณเพลิงล่ะครับ”
“อยู่โรงเรียนครับ”
“อ้อ...” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินขึ้นรถไป
เรื่องของเขายังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมตลอดทางกลับบ้าน ถ้าสมมุติว่าทุกคนไปกันครบหมด มีแค่อัคนีไปคนเดียวมันก็ดูน่าสงสารแย่เลยจริงไหม
ใช่น่าสงสารมาก ๆ เลยแหละ
“คุณคิมครับ”
“ครับ”
“เอ่อ...คือผมอยากไปโรงเรียนที่คุณเพลิงไปน่ะ”
“ได้ครับ” เลขาตอบรับ ใบหน้าเขากำลังอมยิ้ม ผมเห็นได้จากกระจกมองหลัง
“ผมแค่อยากไปดูเฉย ๆ น่ะ”
แล้วจะแก้ตัวทำไมฟะ!!!
“เหรอครับ ผมก็คิดว่า...”
“...อะไรครับ?”
“เปล่าครับ เดี๋ยวผมไปส่ง อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่” ผมพยักหน้า
เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังโรงเรียนสำหรับพ่อแม่มือใหม่ เลขาพาผมมาส่งยังคลาสเรียนที่อัคนีเรียนอยู่ เสียงครูกำลังสอนดังออกมาด้านนอกก่อนผมจะเคาะประตูแล้วขออนุญาตเข้าไป คนในห้องมองผมที่เพิ่งมาเป็นตาเดียว ทุกคนมาเป็นคู่จริง ๆ ด้วย ยกเว้นอัคนีที่นั่งอยู่หลังห้องเพียงคนเดียว
คิดถูกแล้วที่มา...
“มาหาใครคะ” เสียงผู้หญิงผมยาวว่า คงจะเป็นครูสอนนั่นแหละ
“มาหาคุณเพลิงครับ” ผมตอบ
“อ๋อ คงจะเป็นคุณแม่สินะคะเข้ามาเลยค่ะ” ผมเดินตรงไปยังเป้าหมาย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ อัลฟ่าตัวใหญ่ แล้วทำไมเขาต้องใส่สูทมานั่งเรียนด้วยล่ะเนี่ย ดูแปลกชะมัดคนอื่นเขาแต่งตัวปกติกันหมด
“ทำไมไม่กลับไปพัก” อัคนีกระซิบผ่านไรฟันเสียงเบา
“กลัวคุณนั่งประหลาดอยู่คนเดียวนี่ไง” ผมว่า
เขาไม่ตอบก่อนจะยกมือวางไว้บนหัวคนตัวเล็ก “ขอโทษครับ ผมขออุปกรณ์อีกชุด”
“คุณพ่อกับคุณแม่ช่วยกันทำได้นะคะ ครูอยากให้เป็นกิจกรรมครอบครัวด้วย”
“พอดีว่าในท้องภรรยาผมมีตาหนูสองคนน่ะครับ”
ภรรยาอีกแล้ว... ทำไมถึงเรียกแบบนั้นอยู่เรื่อย แต่ที่หน้าประหลาดกว่านั้นคือผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
“ดีจังเลยนะคะ งั้นเดี๋ยวครูเตรียมอุปกรณ์ให้อีกชุดนะ”
หายไปไม่นานอุปกรณ์ทำชุดเด็กก็วางอยู่ตรงหน้า เราเริ่มทำตามขั้นตอนที่ครูสอน ผมกับอัคนีแยกกันทำคนละชุด เขาดูจริงจังกับการเย็บผ้ามาก ทั้งที่เส้นด้ายมันดูพันกันไปหมด
“คุณหยุดก่อน แบบนั้นก็พังหมดพอดี” ว่าจบผมก็ดึงผ้าที่เขาเย็บมาแก้ปม “เวลาเย็บต้องใจเย็น ๆ สิครับเดี๋ยวก็ทิ่มมือ”
“เป็นห่วงฉันเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย...เอาไปทำต่อเลย” ว่าจบกชกรก็ยื่นผ้าแก้ปมเรียบร้อยคืนอัคนี เขายิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมถึงปากแข็งขนาดนี้นะ ทั้งที่เขินจนหูแดงขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ
เราต่างนั่งเย็บเสื้อให้ตาหนู ทั้งที่กชกรยังไม่เคยทำมาก่อน แต่เพียงแค่ดูครูสอนเพียงไม่นานก็คล่องมือ เขาหัวไวจริง ๆ นั่นแหละ
หลังจากที่กชกรทำเสร็จก่อน เขาจึงหันมาผมช่วยผมทำต่ออีกนิดหน่อย ไม่นานเราทั้งคู่ก็ทำเสร็จเรียบร้อย เห็นเสื้อตัวเล็กสองตัววางคู่กันแล้วก็อดรู้สึกดีไม่ได้ อยากเห็นตาหนูทั้งสองใส่เร็ว ๆ จังเลยนา...
“สวัสดีค่ะ คุณแม่ชื่ออะไรคะ” ครูฝึกสอนว่าขึ้นเมื่อเดินเก็บภาพกิจกรรมแต่ละโต๊ะเรียบร้อย
“กชกรครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จะจักนะคะ ตอนแรกครูก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ที่คุณเพลิงมาเรียนคนเดียวตลอด”
“พอดีช่วงนี้ผมติดสอบน่ะครับ” กชกรว่า
“จริงสิที่รักสอบวันนี้วันสุดท้ายแล้วนี่ ต่อไปคงจะมากับผมได้ทุกวันแล้วสิ” ผมว่าพลางดึงเอวคนตัวเล็กมาโอบไว้ ก่อนจะถูกกชกรใช้ศอกกระทุ้งที่หน้าท้องเบา ๆ
“ดีเลยค่ะ เมื่อกี้ครูเห็นคุณกชกับคุณเพลิงช่วยกันน่ารักมากเลยล่ะ มาบ่อย ๆ คุณเพลิงจะได้ยิ้มเยอะ ๆ”
“ค...ครับถ้าว่างผมก็คงจะมาครับ”
“งั้นเดี๋ยวคุณเพลิงกับคุณกชช่วยยกชุดขึ้นทีค่ะ ครูขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย” ครูว่าจบผมก็ยกเสื้อที่ตัวเองทำขึ้นมา กชกรเองก็ยกเสื้อที่ตัวเองทำขึ้นเช่นกัน
“ให้ตายเถอะ คุณอย่าให้ลูกใส่ชุดนั้นเชียว” กชกรกระซิบบอก
“ทำอย่างกับชุดของเธอสวยนักล่ะ”
จังหวะที่กชกรหันมาขึงตาใส่ผม เสียงครูก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“ยิ้มหน่อยค่า”
แฉะ!
.
.
.
รูปถ่ายใบแรกของเราถูกเก็บลงกล่องรวมกับรูปของตาหนู ถึงเบื้องหลังของภาพจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ภาพก็ออกมาใช้ได้เลยทีเดียว มันเป็นรูปที่เรากำลังมองหน้าในขณะที่เรายกเสื้อของตาหนูทั้งสองขึ้น ก่อนจะฉีกยิ้มให้กัน ในความเป็นจริงเรากำลังแยกเขี้ยวใส่กันต่างหากล่ะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“คุณหลับหรือยัง” เสียงกชกรตะโกนถาม
ผมเดินไปเปิดประตู คนตัวเล็กยืนหอบผ้าห่มมาด้วยเช่นทุกคืน ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาจะเอาผ้าห่มมาด้วยทำไม ในเมื่อทุกเช้าผมมักจะเห็นมันลงไปกองอยู่ที่พื้นเสมอ
“ยังครับ”
“คืนนี้ผมขอนอนด้วยสิ ผมนอนไม่หลับอีกแล้ว” กชกรว่า
“ได้...แต่ว่าต้องจ่ายค่าเข้าห้องมาก่อน”
“อะไรของคุณอีกล่ะเนี่ย”
“จะนอนก็จ่ายมาก่อนสิ”
“ก็หักจากห้าสิบล้านที่คุณจะให้ผมสิ ตอนนี้ผมไม่มีเงิน”
“ไม่เอาเงิน อยากได้อย่างอื่นมากกว่า” ว่าจบผมก็ทำแก้มพองลม “จุ๊บตรงนี้เลยนะ”
เพี้ยะ!
ฝ่ามือเล็กตีเบา ๆ ลงมาที่แก้ม “นี่ไงล่ะ หลบได้ยังผมจะนอนแล้ว ง่วง!”
“ไม่จ่ายก็ไม่ให้เข้านะ” ผมยังยืนยันคำเดิม
กชกรขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ก่อนจะตัดสินใจกอดผ้าห่มที่เอามาด้วย แล้วหมุนตัวเดินออกไป “ไม่นอนก็ไม่นอน”
จังหวะนั้นเอง ไวกว่าความคิดผมก็รีบรวบตัวคนตัวเล็กเอาไว้จากด้านหลัง แล้วยกเขาเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะใช้เท้าเตะประตูให้ปิดลงเสียงดัง
ปัง!
“คุณเล่นบ้าอะไรอีกละเนี่ย”
ผมวางเจ้าก้อนกลมลงบนเตียงอย่างเบามือ “ไม่จ่ายก็ไม่จ่าย งั้นฉันคิดเองก็ได้” ว่าจบผมก็กดจมูกฝังลงบนพวงแก้มใส
ฟอด~
เฮ้อ! แก้มเมียมันชื่นใจจริง ๆ
“คุณเพลิง! คุณเล่นอะไร ผมจะกลับไปนอนห้องตัวเองแล้ว”
“ก็เธอไม่ยอมจ่ายเองนี่ ไหน ๆ ก็ไม่จ่ายงั้นฉันคิดดอกนะ”
ฟอด~
อัคนีกดปลายจมูกลงบนพวงแก้มอีกฝั่ง
“คุณ! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ ผมไม่ตลก” คนตัวเล็กเริ่มออกแรงดิ้นออกจากอ้อมกอด ก่อนผมจะค่อย ๆ คลายวงแขนให้หลวมขึ้น แล้วทิ้งหน้าซบลงกับลาดไหล่คนตัวเล็ก
“นอนนี้เถอะนะ...”
“...” กชกรชะงักนิ่งไป เมื่อเห็นท่าทีอัคนีอ่อนลง
“ฉันเองก็นอนไม่หลับเหมือนกันถ้าไม่มีเธอ”
 
 

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
สนุกค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สนุกมากครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |15|
«ตอบ #20 เมื่อ30-11-2021 21:35:19 »


อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

16

 

กชกร

กชกร

กชกร

ผมอ่านชื่อตัวเองบนเว็บบอร์ดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นนับครั้งไม่ถ้วน ใครจะไปคิดว่ากชกรคนนี้ทำได้แล้ว

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!”

“กชกร! เกิดอะไรขึ้น” อัคนีวิ่งหน้าตั้งเพราะเสียงหวีดร้องของกชกรดังไปทั้งห้อง

“ผมสอบติด คุณดูชื่อผมสิ” คนตัวโผเข้าไปกอดอัลฟ่าตัวใหญ่ด้วยความดีใจ ก่อนจะกระโดดไปมา

“ให้ตายเถอะหัวใจฉันหล่นไปที่ตาตุ่มแล้ว” เขากอดคนตัวเล็กไว้แน่นเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดกระโดด ขืนยังไม่หยุดเจ้าตัวเล็กได้หลุดออกมาก่อนแน่ “เธอเก่งมาก” ผมเอ่ยปากชม

“จะปล่อยได้ยังอะ” กชกรหรี่ตามองอัลฟ่าที่กำลังอุ้มเขาด้วยมือข้างเดียว

ช่วงนี้เขากินเก่งมาก แถมในท้องมีเด็กอยู่ถึงสองคน แต่ก็ยังตัวเบาหวิว

“อยากกินอะไรพิเศษไหม ถือว่าเป็นการฉลอง” อัคนีคลายแขนออก

“ผมชวนสิงห์ด้วยได้ไหมครับ”

“ฉันตามใจแค่วันเดียวเท่านั้นนะ ฉันไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งในพื้นที่ส่วนตัว”

“คร่าบบบบบ” สิ้นสุดรับคำผมก็กดโทรออกหาสิงห์ทัน

สิงห์ตอบตกลงที่จะมา ผมจึงวิ่งไปบอกอัคนีให้เตรียมของกินเอาไว้สำหรับเย็นนี้ แต่ทว่ากชกรกลับถูกดุออกมา เพราะเขาเอาแต่วิ่งไปทั้งที่ท้องเริ่มโต

ของทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยเมื่อใกล้เวลา อัคนีเตรียมเนื้อย่างและผักเอาไว้รอเป็นจำนวนมาก ไม่นานทิกเกอร์และสิงห์ก็มาถึง

ผมออกไปต้อนรับแขกที่เพิ่งมาใหม่ราวกับว่านี้เป็นห้องของตัวเอง ทิกเกอร์อาสาช่วยอัคนียกของออกมาวางไว้ ส่วนผมกับสิงห์ก็นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน

จะว่าไปผมก็แทบไม่ได้เจอสิงห์เลยแฮะ

“นี่คุณทิกเกอร์รู้หรือยังว่ามึงจะไปอยู่แอลเอหลังสอบเสร็จ” ผมถาม

“รู้แล้ว...”

“ยังไงล่ะ เล่ามาสิโวยย”

“ก็ไม่อะไร กูตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไป คุณทิกเกอร์เสนอให้กูไปอยู่บ้านเขา อีกอย่างปอโทจะจบแล้ว เสียดายแย่ถ้าต้องดรอปไว้”

“อู้ยยย คู่ขาที่ไหนเขาอยู่บ้านหลังเดียวกัน”

“เรื่องมันยาว” สิงห์ว่า

ผมรู้สึกเหมือนเราสองคนมีอีกหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน ไม่รู้เลยว่าช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน เขาไปเป็นอย่างไรบ้าง แต่ดูจากรอยช้ำตามตัว ผมก็ชักไม่มั่นใจว่ามันเกิดจากอะไร ถึงแม้เขาจะใส่เสื้อปกเอาไว้ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาผมไปได้อยู่ดี

“มึงอยากเล่าไหม” ผมถาม

“ยังไม่ใช่ตอนนี้” เพียงแค่สิงห์พูดออกมาอย่างนั้น ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

เดิมทีเราวางแผนกันเอาไว้ว่าหากสอบติด สิงห์จะดรอปเรียนแล้วย้ายไปอยู่แอลเอจนกระทั่งผมคลอด แผนที่สองคือถ้าผมสอบไม่ติด เขาจะให้พ่อช่วยทำเรื่องเรียนต่อจากฝั่งนั้นให้

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจ หรือว่าจะเป็น...

“มึงชอบคุณทิกเกอร์เหรอ?” ผมถามสิ่งที่คิดเอาไว้

“...” สิงห์เงียบ นั้นยิ่งเป็นคำตอบที่ดี แต่ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด เมื่อเขาเริ่มพูด “กูไม่แน่ใจว่ากูชอบเขา หรือกูแค่สงสาร”

ระหว่างผมกับสิงห์เราคงมีเรื่องที่ต้องคุยกันอย่างที่เขาว่านั่นแหละ

“คุยอะไรกันครับ” ทิกเกอร์เดินเข้ามาพร้อมกับเต่าย่างเนื้อ ก่อนอัคนีจะเดินตามมาติด ๆ

“เรื่องสอบนั่นแหละครับ” ผมว่า

เราทั้งหมดนั่งประจำที่ก่อนจะเริ่มย่างเนื้อที่เตรียมไว้ บทสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนสนุกไปกับการพูดคุย เราต่างไม่ได้เจอกันนาน

“กินผักเยอะ ๆ” ว่าจบอัคนีก็ยัดผักเข้ามาในปาก

“นี่สิงห์ แล้วเราจะเริ่มแผนวันไหนดี” ผมต้องทำทีว่าจะบินไปแอลเอ โดยให้พี่ใช่ไปส่งที่สนามบิน

“อีกสักอาทิตย์แล้วกัน ก็บอกเฮียไปว่าต้องเตรียมตัวจะได้ชินกับที่โน้น”

“อืม ๆ เอางั้น เดี๋ยวยังไงเฮียต้องให้กูกลับไปบ้านแน่”

"อ้าปาก" อัคนีว่าก่อนจะ เอาเนื้อย่างและผักยื่นจ่อที่ปากกชกร เพราะเขาเอาแต่คุยจนไม่ยอมกิน

ผมอ้าปากรับแล้วเคี้ยวไปด้วยระหว่างคุย แต่ทว่าการกระทำทั้งหมดกลับถูกสายตาสองคู่จ้องมองจนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ฟันผมมีผักติดงั้นเหรอ?

ผมหันไปมองอัคนีที่นั่งอยู่ด้านข้าง “ผักติดฟันผมเหรอ” ผมยิงฟันใส่ให้คนตัวโตสำรวจ

“ไม่มีนะ แต่ติดปาก” ว่าจบเขาก็หยิบเศษผักที่ติดปากออกให้

ทิกเกอร์และสิงห์หันกลับไปมองหน้ากัน ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำเอาผมแทบสำลักอาหาร

“นี่สนิทกันจนถึงขั้นนี้แล้วเหรอ”

“อะไร!” อัคนีผินหน้าหนี ก่อนผมจะตกเป็นเป้าหมายต่อไป

“มึงอะ ยังไง” สิงห์ว่า

“ไม่ยังไง” ผมเองหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“ไอ้เพลิงมึงชอบกชเหรอ”

แค่ก แค่ก แค่ก!

ผมกำลังกลืนน้ำลงคอในจังหวะที่ได้ยินคำถามชวนขนลุกจนสำลักน้ำออกมา

ชอบเหรอ...ใช้อะไรคิดเนี่ย!

“ถามบ้าอะไร...เราสองคนเป็นแค่หุ้นส่วน” ผมว่าก่อนจะคีบเนื้อย่างออกจากเตาใส่จานตัวเอง

นั่นสินะเราเป็นแค่หุ้นส่วน จะชอบกันได้ยังไงเล่า ที่เขาดูแลผมดีก็เพราะในท้องมีลูกของเขาอยู่ต่างหากล่ะ

“อืมอย่างที่กชว่าแหละ” อัคนีว่า

“อะ ๆ หุ้นส่วนก็หุ้นส่วน”

หลังจากที่ทิกเกอร์พูดจบเราก็เปลี่ยนประเด็นคุย จากตอนแรกที่อัคนีค่อยคีบเนื้อให้ ก็กลายเป็นว่าเราต่างแยกกันกินไปโดยปริยาย

Rrr…

เสียงมือถือแผดเสียงดังขึ้น นั่นไม่ใช่ของผม แต่เป็นของอัคนี เขาขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ ส่วนผมก็ยังคงนั่งกินต่อ

คราวนี้ผมเริ่มเป็นคนถามบ้าง เพื่อเป็นการเอาคืน

“นี้คุณทิกเกอร์ คุณรู้สึกยังไงกับเพื่อนผมกันแน่” เพียงแค่ตั้งคำถามผมก็ถูกสิงห์แตะขาจากใต้โต๊ะ

“ก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะครับ” ทิกเกอร์ตอบ

WTF!!!

คำตอบกว้างเป็นมหาสมุทรเลยนะพ่อ!

“ถามใหม่ ๆ คุณชอบเพื่อนผมเหรอ หมายถึง Relationship อะไรแบบนั้นนะ”

ทิกเกอร์เงียบไป ชั่วอึดใจผมกับสิงห์ก็ได้คำตอบ “ผมยังไม่แน่ใจ...แต่คิดว่าใช่” สิงห์หน้าแดงเป็นลูกตำลึงขึ้นมาทันที เห็นเพื่อนแฮปปี้ผมก็มีฟาร์มสุข ผมไม่ได้เอ่ยปากแซวอะไรต่อ เพียงแค่ชวนคุยให้เรารู้สึกผ่อนคลายขึ้น

ไม่นานคนที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์ก็เดินกลับเข้ามาที่โต๊ะ อัคนีเล่าว่าที่บริษัทมีปัญหาใหญ่ จึงต้องบินไปคุยงานกะทันหัน

“ไปไหนล่ะคราวนี้” ทิกเกอร์ถาม

“ญี่ปุ่น”

โธ่~ ญี่ปุ่นก็แค่ปากซอย

ฮะ!!! ต่างประเทศเลยเหรอ

“กชเธอจะไปกับฉันไหม” อัคนีหันมาถาม

“ผมไปไม่ได้ เผื่อเฮียเรียก” อยากไปก็อยาก แต่ความฝันก็เป็นอันต้องผับไว้ก่อน เพราะพี่ชายตัวดีเป็นประเภทที่ถ้าจะเอาก็เอาให้ได้ ถ้าให้ไปก็ต้องเดี๋ยวนั้น

“สิงห์ช่วยอยู่เป็นเพื่อนกชก่อนได้ไหม” อัคนีว่า

“ได้ครับ เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนกชเอง”

“เออมึงไปเถอะยังไงพวกกูก็ยังอยู่”

“โอเค” ว่าจบเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

ผมมองเขาเดินออกไปจากห้องอย่างอาลัยอาวรณ์ มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ข้างใน มันหวิวแปลก ๆ ชอบกล

หลังจากอัคนีไปได้หลายชั่วโมง ทิกเกอร์ก็บอกว่าเขาบินไปโดยเครื่องบินส่วนตัว จึงใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง และอาจจะอยู่นั้นวันถึงสองวัน ถึงจะรู้อย่างนั้นแต่ผมกลับยังรู้สึกไม่ดีขึ้น ในใจมันวูบหวิวอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายผมตัดสินใจเดินตรงเข้าไปในห้องนอนอัคนีก่อนจะล็อกประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา ตู้เสื้อผ้าคือที่แรกที่ผมตัดสินใจเดินไป ก่อนจะหยิบเสื้อออกมาหลายตัว

มันถูกกองสุมรวมกันอยู่บนเตียง ก่อนผมจะสอดตัวเข้าไปในนั้นอย่างสบายใจ มันทำให้จิตใจโอเมก้าสงบลง

นี่ผมเป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย...

 

ผมเอาแต่หลบอยู่ในกองผ้านานนับชั่วโมงจนคนข้างนอกเริ่มเป็นห่วง

“กช”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงประตูถูกเคาะเสียงดังขึ้น

“กช มึงเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ออกไป อย่าเข้ามา” ผมร้องบอก

“มึงเป็นอะไร อย่าเป็นแบบนี้ดิกูเป็นห่วง” สิงห์ถามซ้ำอีกรอบ

“กลับไปเถอะ ถือว่ากูขอนะ กูอยากอยู่ในนี้” เสียงเคาะเงียบหายไป แต่ผมยังได้ยินเสียงของด้านนอกอยู่

กลิ่นของอัลฟ่าทำให้โอเมก้าอย่างเขาสบายใจ แต่ในทางกลับกันยามที่คู่ของเขาต้องห่าง โอเมก้าจะสร้างรังเพื่อปกป้องตัวเองแหละลูก

แต่คนด้านนอกไม่รู้เลยว่ากชกรกำลังทำอะไร นั้นจึงทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง

นี่ก็นานครึ่งค่อนคืนแล้ว แต่ข้างในยังเงียบจนทิกเกอร์และสิงห์เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เขาพยายามเรียกอีกหลายหนกชกรก็ยังเงียบ สุดท้ายทิกเกอร์จึงตัดสินใจโทรหาอัคนีอีกรอบ

.

.

.

เครื่องลงจอดที่ญี่ปุ่นในเวลาต่อมา ผมก็สาวเท้าไปขึ้นรถเพื่อเดินทางสถานที่พักในทันที เวลาของที่นี่กับที่ไทยห่างกันไม่กี่ชั่วโมง เขาตั้งใจว่าจะกดโทรหากชกรทันทีที่ถึง แต่ทว่าโทรยังไงก็ไม่มีคนรับ อัคนีเริ่มใจคอไม่ดีเขาจึงเปลี่ยนไปต่อสายหาทิกเกอร์แทน

Rrr…

จังหวะที่กำลังกดเบอร์เพื่อโทรออก ทิกเกอร์ก็โทรเข้ามาพอดี

“ว่าจะโทรถาม ทำไมกชไม่รับสาย” ผมถามทันทีที่กดรับ

[มึงกชเป็นอะไรไม่รู้ จู่ ๆ ก็เดินเข้าห้องแล้วก็ไม่ยอมออกมาอีกเลย]

ได้ยินทิกเกอร์ว่าอย่างนั้น ผมก็ถึงกับกุมขมับตัวเอง เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบ ๆ

“แล้วทำไมเขาไม่รับสายกู”

[โทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับกช]

“มึงบอกกชให้ออกมาคุยกับกูที” อัคนีเริ่มร้อนใจ เพราะปกติกชกรสดใสเสมอ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย พักหลังอาจมีบ้างที่อารมณ์อ่อนไหว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเก็บตัว

[กช ก๊อก ก๊อก ก๊อก! กช เพลิงอยากคุยด้วย] ผมได้แต่รออย่างเดียว ใจผมจะขาดอยู่แล้วได้แต่ภาวนาขอให้เขาตอบกลับมา อย่างน้อยก็ขอให้ได้ยินเสียงเขาก็ยังดี [อย่ามายุ่ง! บอกให้ออกไปไง...เพลิงอยากคุยด้วย...ผมไม่คุย ออกไปให้หมด]

เพียงแค่ได้ยินเสียกชกร อัคนีก็รู้สึกเบาใจขึ้น แต่ก็ยังไม่คลายกังวลอยู่ดี

[มึงได้ยินแล้วใช่ไหม]

“แค่นี้นะ” ผมตัดสายทิกเกอร์ในเวลาต่อมา

 

เท้าก้าวเหยียบพื้นประเทศไทยอีกครั้งหลังผ่านไปยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมใช้เวลาสั้นเพื่อเตรียมงานทั้งหมดแล้วจัดการส่งต่อให้เลขาทำ มันไม่ถูกหรอกที่ผมปล่อยให้คนอื่นรับผิดชอบงานตัวเอง แต่เมียและลูกของผมก็สำคัญ ถ้าต้องพลาดโปรเจกต์ใหญ่ก็ช่างมัน เงินแค่นั้นผมหาได้สบาย ๆ

ระหว่างนั่งเครื่องกลับผมก็โทรหาทิกเกอร์เป็นระยะ เขาบอกว่ากชกรไม่ยอมออกมาจากห้องเลย จนกระทั่งผมมาถึงที่คอนโดฯ ในช่วงเย็น ผมเลยให้ทั้งสองกลับไปพักก่อน

ผมไม่คิดจะเคาะห้องให้เหนื่อยเปล่า เพราะยังไงเขาคงไม่ยอมออกมาแน่ กุญแจดอกสีเงินถูกเสียบที่ลูกบิดประตูเสียงดังแก๊กเมื่อถูกปลดล็อก ผมก็ค่อย ๆ หมุนลูกบิดเข้าไป ภายในห้องเย็นเฉียบ ม่านถูกปิดทึบ มีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำสาดออกมาให้เห็นประติมากรรมครั้งใหญ่ ที่กชกรสร้างขึ้น

รังไหม...

คนตัวเล็กซุกตัวอยู่ในกองเสื้อผ้าที่ถูกรื้อออกมาจากตู้ มันกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้อง

ผมจำได้ว่าอ่านเจอในคู่มือที่เคยซื้อมาครั้งก่อน ถ้าคู่โอเมก้าอยู่ห่างคู่ที่อยู่ด้วยทุกวัน เขาจะสร้างรัง

อัคนีสาวเท้าเข้าไปใกล้รังก่อนจะปล่อยฟีโรโมนออกมาจาง ๆ ให้คนตัวเล็กรู้สึกดีขึ้น เขาไม่คิดจะปลุกคนตัวเล็กให้ตื่น ก่อนจะลุกไปจัดการตัวเองแล้วทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง

แล้วกอดกชกรผ่านกองผ้าที่ห่อหุ้มคนตัวเล็กอีกที

 

กชกรตื่นขึ้นมาในช่วงดึก เพราะรู้สึกอึดอัด เปลือกตาบางขยับเปิดปรับโฟกัสได้ สิ่งแรกที่เห็นคืออัคนีนอนอยู่ข้างเขา

กลับมานานหรือยังเนี่ย ถึงว่าละตอนที่นอนอยู่เขารู้สึกว่าตัวเองหลับสนิทกว่าเมื่อคืนก่อนที่นอนคนเดียว กชกรขยับตัวเพียงเล็กน้อยอัคนีก็ตื่นขึ้นมา

“ตื่นแล้วเหรอ” อัคนีว่า

“ครับ คุณกลับมานานหรือยัง”

“เมื่อเย็นน่ะ”

“...” เราทั้งคู่ต่างคนต่างเงียบใส่กัน กชกรรู้สึกเขินที่ตัวเองเอาเสื้อผ้าขออัคนีมากอดไว้ แถมยังซุกตัวอยู่อย่างนี้ มันเป็นเพราะสัญชาตญาณของเขา

“ฉันเอามือเข้าไปในรังเธอได้หรือเปล่า”

“...” ผมไม่ตอบเพียงแค่พยังหน้าเบา ๆ เป็นการอนุญาต

อัคนีค่อย ๆ ล้วงมือเข้ามาในรังไหมอย่างเชื่องช้า ลูบสัมผัสกับท้องกลมอย่างแผ่วเบา

“ออกมาเถอะนะ อยู่กับฉันเธอกับลูกจะปลอดภัยกว่า” ว่าจบอัคนีก็ค่อย ๆ คลี่ผ้าออกจากตัวโอเมก้าจนหมด แล้วโน้มตัวกดริมฝีปากลงที่ท้องของเขา

การกระทำอ่อนโยนทำให้กชกรรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก อัคนียังคงตะโบมจูบขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาหยุดที่ริมฝีปากสวย ดวงตาจ้องมองก่อนจะประทับจูบลงมา

กชกรเผยอปากออกเล็กน้อย อัคนีก็สอดลิ้นร้อนเข้ามาสำรวจภายในโพรงปากอย่างดูดดื่ม ฝ่ามือแกร่งลูบไล้ขึ้นไปที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายก่อนจะประสานมันเข้าด้วยกัน แล้วกดลงกับเตียง

เขากำลังจะแหกกฎที่ตัวเองตั้งเอาไว้

‘ข้อสุดท้าย เราจะไม่มีอะไรกันอีกเป็นครั้งที่สาม’

 

 

 

 


 



 
คราว ๆ ที่วางไว้น่าจะมีประมาณ 30 ตอนนะฮับ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**


ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |16|
«ตอบ #22 เมื่อ02-12-2021 09:31:21 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

16





ตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ผมเห็นคือ แผ่นหลังใหญ่ของอัลฟ่าที่นอนข้าง ๆ ด้วยสภาพเปลือยเปล่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง หนนี้ผมหลงเคลิ้มไปกับเขา ทั้งที่เขายังไม่ได้ปล่อยฟีโรโมนออกมากระตุ้นเลยด้วยซ้ำ

เรียวนิ้วยาวลากสัมผัสกับริมฝีปากตัวเองอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหวนคิดถึงสัมผัสเมื่อคืน เขายังรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แลกเปลี่ยนผ่านกันทางริมฝีปาก ร่างกายที่ถูกเขาสัมผัสไปทุกสัดส่วน เสียงตอนที่ถูกเขาเรียกยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้น สิ้นสุดความคิดใบหน้าขาวเห่อร้อนขึ้นมาทันที แก้มขาวเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ

จังหวะที่กชกรกำลังนอนคิดเพลิน ๆ อัคนีก็พลิกตัวหันกลับมา เปลือกตาบางปิดลงทันที เพราะไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าอย่างไรต่อหน้าอีกฝ่าย

อัคนีตื่นขึ้นแล้ว และเขาคิดว่าอีกฝ่ายยังไม่ตื่นจึงดึงคนตัวเล็กเข้าไปกอด แล้วกดริมฝีปากลงที่หน้าผากนูนอย่างแผ่วเบา เขาจ้องมองใบหน้าขาวที่กำลังหลับตาปี๋

หัวใจกชกรเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะกับการกระทำของอัลฝ่าตัวใหญ่ เขาทำเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ และใช่ สำหรับอัคนีแล้วมันเป็นเรื่องปกติที่เขาทำทุกเช้า เพียงแต่กชกรไม่เคยรู้มาก่อนก็เท่านั้น

แล้วนึกถึงเรื่องเมื่อคืน อัคนีก็หลุดยิ้มออกมา เขายังคงจำภาพทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสอบอุ่นตอนที่ฝ่ามือเราประสานเข้าด้วยกัน หรือตอนที่ใบหน้าเล็กบิดเบ้ด้วยความสุข เสียงครางหวานที่นาน ๆ ครั้ง จะหลุดออกมาให้ได้ยิน มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติไม่ได้เกิดจากความพยายาม

ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกอารมณ์ดีกว่าทุกวัน แต่ความสุขของเขาก็ถูกเสียงมือถือทำลายลง

อัคนีรีบกดรับสายโดยไม่ทันมองว่าเป็นเบอร์ของใคร เพราะกลัวว่าเสียงมือถือจะทำให้คนตัวเล็กตื่น

“ครับ”

[เพลิง แก่ไปก่อเรื่องอะไร!] ผมดึงโทรศัพท์ออกจากหูเพื่อดูว่าเป็นใครที่โทรมา

เบอร์พ่อนี่ ผมพลาดรับจนได้สินะ หลังจากกลับมาถึงไทยได้ไม่กี่ชั่วโมง พ่อก็โทรตามผมไม่หยุด

“มีอะไรแต่เช้าครับ” ผมถามกลับ

[แกอยู่ที่ไหน]

“คอนโดฯ ตกลงพ่อมีอะไร”

[รอฉันที่นั่น ฉันกำลังจะไป] อัคนีชันตัวลุกขึ้นนั่ง พ่อของเขากำลังจะมาที่คอนโด

“ไม่ต้องรอผมที่บ้าน เดี๋ยวผมจะรีบไป” ว่าจบเขาก็กดตัดสายทันที

เขาดีดตัวลุกจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำ ไม่บ่อยนักที่เขาใช้เวลาอาบน้ำเร็วขนาดนี้

ก่อนออกไปอัคนีไม่ลืมบอกคนตัวเล็กว่าเขาต้องกลับไปที่บ้าน เพราะมีเรื่องด่วน กชกรรับรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ก็แกล้งทำเป็นงัวเงียแล้วเออออตามที่เขาว่า

หลังเสียงประตูปิดลง กชกรนอนอยู่อย่างนั้นจนแน่ใจว่าอัคนีออกไปแล้ว เขาถึงได้รีบลุกขึ้นแล้วก้มเก็บเสื้อผ้าที่พื้น ก่อนจะรีบไปกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ทางด้านอัคนีเองก็รีบขับรถกลับไปที่บ้านในเวลาต่อมา จำนวนคนติดตามของพ่อยืนเรียงรายอยู่หน้าประตูบ้านเต็มไปหมด เพียงแค่สาวเท้าเข้าไป ผมก็เห็นชายดูมีอายุที่ผมเรียกเขาว่าพ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“มาแล้วเหรอ”

“พ่อมีอะไรกับผม”

“ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ! มิสเตอร์ไดกิโกรธมากที่แกให้ลูกน้องไปคุยงานแทน ทั้งที่ความผิดพลาดเกิดจากทางเรา เขาจะถอนโปรเจกต์ออกจากบริษัททันที!” เขาลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองด้วยแววตาวาวโรจน์ ไอข่มที่ปล่อยออกมา ทำให้บรรยากาศในห้องชวนอึดอัด มันยากที่จะบรรยายได้ว่าเขาโกรธขนาดไหน

รู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมเองก็มีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องกลับมา

“...” ผมนิ่งเงียบ ไม่คิดแก้ตัว

“แกต้องแต่งงานกับหนูซิน...”

“เดี๋ยวนะครับ ผมว่ามันคนละเรื่อง”

“ครอบครัวหนูซินช่วยให้มิสเตอร์ไดกิไม่ให้ถอนโปรเจกต์ออก มีแต่ได้กับได้ทั้งนั้น จะช้าจะเร็วแกก็ต้องแต่งงานกันอยู่ดี”

“ผมไม่แต่ง! ถ้าพ่อแค่เสียดายเงินไม่กี่พันล้านเดี๋ยวผมสั่งเลขาจัดการให้”

ได้ยินลูกชายคนเดียวพูดออกมาอย่างนั้น ไอข่มรอบตัวก็ยิ่งมากตามไปด้วย แก้วน้ำที่วางอยู่แตกกระจายเพราะแรงกดดันที่เกิดขึ้น

แต่เป็นตายร้ายดียังไง อัคนีจะไม่ยอมแต่งงานกับซินเด็ดขาดใคร จะไม่มีใครบังคับเขาได้

“ไม่ได้ผู้ใหญ่คุยกันเรียบร้อยแล้ว แกก็โสดอยู่ไม่ใช่หรือไง”

“พ่อ!” อัคนีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตั้งสติ “ผมว่าวันนี้เราคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก ผมขอตัว” ว่าจบผมก็เดินหมุนตัวออกมาก่อนจะเจอเข้ากับโอเมก้าร่างบางที่กำลังเดินเข้ามาพอดี

“ซิน...” เจ้าตัวยิ้มรับเมื่อถูกเรียกชื่อ

“สวัสดีครับพี่เพลิง” ซินทักทาย

“หนูซินมาพอดีเลย พ่อกำลังจะให้เจ้าเพลิงไปรับ” ผมหันกลับไปมองพ่อ ท่าทีเขาดูอ่อนลงเปลี่ยนไปจากตอนแรก “เจ้าเพลิงพาน้องไปหาอะไรกินสิไป น้องน่าจะยังไม่ได้กินอะไร”

“พี่เพลิงกินอะไรมาหรือยังครับ” ซินถาม

“ครับ...” อัคนีรู้สึกอึดอัดไปหมด เขาอยากจะเดินหนีไปให้พ้น แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำลายความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ เพราะซินไม่รู้เรื่องนี้

“งั้นเราไปหาอะไรกินกันนะ”

“...” อัคนีพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยให้ซินเดินน้ำหน้าไปที่รถ



ซินมาถึงที่บ้านหลังนี้สักพักแล้ว เมื่อเช้าคุณลุงเป็นคนโทรให้เขามาหาเอง และเขาก็ได้ยินที่อัคนีคุยกับคุณลุงทั้งหมด รวมถึงเรื่องงานแต่ง

ซินให้พ่อกับแม่ไปคุยกับคุณลุงเรื่องมิสเตอร์ไดกิ เป็นสัญญาแลกเปลี่ยนกับงานแต่งที่จะเกิดขึ้นของเขาและอัคนี เขาเริ่มเบื่อกับการทำตัวเป็นคนดีเต็มทน เบื่อที่ต้องแสร้งว่าตัวเองเข้าใจทุกอย่าง

ก่อนหน้านี้เขาให้คนตามไปสืบเรื่องของอัคนี พอจะรู้มาว่าอัคนีกำลังติดพันอยู่กับโอเมก้า แต่ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร เพราะโอเมก้าคนนั้นหายเงียบไปนานหลายเดือน ทำให้คนที่ตามสืบไม่สามารถรู้ความเคลื่อนไหว

“พี่เพลิงอยากกินอะไรครับ” ซินถาม

“ซิน...พี่ขอโทษนะ แต่เราไปหาอะไรกินคนเดียวได้ไหม พี่มีงาน” อัคนีพูดปฏิเสธอ้อม ๆ

“เหรอครับ” แน่นอนว่าซินไม่มีทางเชื่อ “พี่เพลิงไม่อยากแต่งงานกับผมเพราะพี่มีแฟนอยู่แล้วใช่ไหม” ซินพูดออกไปตามตรง

“...” อัคนีไม่ตอบ ไม่ใช่ว่าที่ซินพูดออกมาเป็นความจริง แต่เพราะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกชกรควรเรียกว่าอะไร

“พี่ไม่ตอบ แสดงว่าจริงสินะครับ” ซินยิ้มเจื่อนออกมา

“พี่ขอโทษ”

“ผมขอกอดพี่ได้ไหมครับ ผมมีพี่เป็นไอดอลมาตลอด ยังไงผมก็ยังมองว่าพี่เป็นพี่ชายผมอีกคน” อัคนีไม่ได้คิดอะไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายกอดง่าย ๆ  มันจบแล้วสินะ เขาคิดว่าซินเข้าใจทุกอย่างแล้ว และจะปล่อยเขาไปเป็นอิสระตามเดิม แต่เขาคิดผิด

ซินกอดอัคนีแน่นก่อนจะปล่อยฟีโรโมออกมา เขาจงใจทำเพื่อให้กลิ่นติดตัวอัคนี แน่นอนว่ามันไม่เป็นผลดีแน่ ๆ

“ซิน หยุดปล่อยฟีโรโมน!” อัคนีร้องห้ามเพราะเขารู้สึกฉุนกลิ่นฟีโรโมน

“ขอโทษครับ พอดีผมมีความสุขน่ะ” ข้ออ้างของซินทำให้อัคนีเชื่ออย่างนั้น

“อืม งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ” ว่าจบอัคนีก็ขอตัวแยกออกมาทันที

เขาขับรถตรงกลับมายังคอนโด เช้านี้เขารีบออกมาจนไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้กชกรทาน ระหว่างทางเขาจึงแวะซื้อของโปรดคนตัวเล็กไปสามสี่อย่าง ใช้เวลาไม่นานเขาก็กลับมาถึง สิ่งแรกเขาเห็นตอนที่ประตูเปิดออกคือ คนตัวเล็กสวมผ้ากันเปื้อนสีเหลืองกำลังยืนทำอาหารอยู่ในครัว

กชกรในผ้ากันเปื้อนเหรอ น่ารักเป็นบ้า...

อัคนีรีบสาวเท้าเข้าหาทันที ก่อนจะเอ่ยถาม “ทำอะไร” อัคนีถามพลางใช้มือโอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้หลวม ๆ

“ทอดไข่ครับ” กชกรตอบ แต่เขาไม่ยอมหันหน้ากลับไปมองอีกฝ่าย เพราะยังรู้สึกเขินกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ทว่ากชกรได้กลิ่นฟีโรโมนโชยขึ้นมาแตะจมูก มันไม่ใช่กลิ่นของอัคนีแน่

“ฉันซื้อกับข้าวมาแล้ว เธอไปนั่งรอเถอะ”

“คุณไปไหนมาเหรอ”

“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เรื่องงานน่ะ” เขาไม่ได้โกหก เขาไปเรื่องงานจริง ๆ เพียงแต่แค่เล่าไม่หมดว่าพ่อจะให้เขาแต่งงาน แล้วก็เรื่องที่เขาเจอกับซินด้วย

“ครับ” กชกรพยักหน้ารับ เขารู้สึกไม่สบายใจที่ได้กลิ่นแปลก สมองเริ่มคิด และทำงานอย่างหนัก

ทั้งที่หัวคิดมาก แต่ไม่รู้ว่าทำมันถึงเจ็บที่ใจกันนะ

ระหว่างนั่งทานข้าวผมแทบไม่คุยอะไรกับอัคนีเลย นอกจากเขาถามผมถึงจะตอบ หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ ผมก็ขอตัวเข้าห้องของตัวเองทันที ผมรู้สึกไม่พอใจที่ได้กลิ่นนั้น

โกรธที่อัคนีเลือกที่จะโกหก...

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็ได้สติกลับมาแล้วตระหนักได้ว่า ตัวเองมีสิทธิ์อะไรไปโกรธอัคนี เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ลืมไปแล้วหรือไงว่ามาที่นี่เพราะเรื่องอะไร

ผมมีหน้าที่แค่คลอดเด็กสองคนนี้ออกมา แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง สิ่งเดียวที่ทำไปทั้งหมด ก็แค่เพื่อเงินห้าสิบล้านตามที่ตกลงกัน

ไม่ใช่ความรัก...



@สนามบิน

“เฮียผมไปก่อนนะ”

“ถึงแล้วโทรหาเฮียด้วย ดูแลตัวเอง อย่าให้ต้องเป็นห่วง”

“รู้แล้ว ๆ เฮียกลับไปเถอะผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว”

“โอเค เฮียกลับก่อน มีอะไรต้องโทรมานะ”

“ครับ” ผมบอกลาพี่ชายที่รัก ก่อนจะทำซีนซึ้งกอดกันอีกพัก

“สิงห์ เฮียฝากกชด้วย”

“ครับเฮีย ไม่ต้องห่วง”

"..." กรรณพยักหน้าก่อนจะกอดสิงห์ด้วยอีกคน ล่ำลากันอีกครู่หนึ่งเสียงประกาศเรียกก็ดังขึ้น ผมจึงไล่พี่ชายให้กลับไป

เมื่อแผ่นหลังพี่ชายหายลับสายตาผมก็โทรให้อัคนีมารับผมทันที วันนี้ผมกับสิงห์ทำตามแผนที่วางเอาไว้ คือแกล้งให้พี่ชายมาส่งที่สนามบิน เพื่อหลอกว่าผมไปเรียนต่อที่แอลเอ ส่วนทุ่นผมสละสิทธิ์ไปแล้ว

“สิงห์...” เสียงทิกเกอร์ที่ยืนรอไม่ไกลเดินเข้ามาก่อนจะดึงกระเป๋าลากใบใหญ่จากมือของสิงห์ไปถือเอง

โอ๊ยดูแลกันดีอะไรขนาดนั้น...เห็นแบบนี้ผมก็สบายใจที่เพื่อนผมมีคนดูแลเสียที

ไม่นานอัคนีก็โทรกลับมาเพื่อถามว่าผมรออยู่ส่วนไหนของสนามบิน ก่อนจะเดินเข้ามารับผมในเวลาต่อมา เราสี่คนย้ายจากสนามบินไปยังร้านอาหาร ระหว่างนั่งทานเราก็พูดคุยกันไปด้วย อาหารพร่องไปจนเกือบหมดก็ถึงเวลาที่เราต้องแยกย้ายกัน

หลังจากนี้เราคงเจอกันน้อยลง เพราะส่วนใหญ่ผมจะเก็บตัวอยู่ในบ้าน ส่วนสิงห์ไปเรียนก็ตรงกลับไปบ้านทิกเกอร์เลย เพื่อป้องกันไม่ให้เราบังเอิญเจอกับพี่ชายจนกว่าผมจะคลอด

เมื่อมาถึงผมก็ขอตัวเข้าห้องของตัวเองทันที พักหลังผมกับอัคนีเราคุยกันน้อยลง เรากลับมาเป็นเพียงคนรู้จักกันตามเดิม ทุกครั้งที่อัคนีเหมือนจะถามอะไรผมสักอย่าง ผมจะคอยเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วขอตัวแยกออกมาทันที

อาการนอนไม่หลับเพราะติดกลิ่นอัลฟ่ายังคงเป็นอยู่เหมือนเดิม ผมใช้วิธีเอาผ้าห่มของตัวเองไปเปลี่ยนกับของอัคนี เอาผืนที่เขาใช้ในทุกวันมาห่มแทนการนอนด้วยกัน มันช่วยไม่ได้มาก แต่ก็ดีกว่านอนไม่หลับเลย บางครั้งผมต้องแอบเข้าไปเอาเสื้อเขามาสวมที่หมอนข้างเพื่อนอนกอด

ผมต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้ได้ ตอนนี้ผมท้องได้หกเดือนกว่าแล้ว อีกไม่นานเด็กก็ต้องคลอดออกมา ถึงตอนนั้นถ้าผมยังจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ได้ คนที่จะแย่คือตัวผม

เพราะผมว่า...ผมชอบอัคนีเข้าซะแล้วล่ะ

















เราจะม่ากันแบบน่ารักเล็ก ๆ น้อย ๆ พอหอมปากหอมคอ



【 TV 】 -o (. ̄)

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |18|
«ตอบ #24 เมื่อ03-12-2021 11:41:24 »

"ธรรมชาติของนิยาย เป็นเพียงแค่เรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้น ตัวละครและบทบาททั้งหมดเกิดจากจินตนาการของนักเขียน"

คำเตือน!! นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหา 18+ SM/BDSM

-*-*-*-*-*-**-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

19




“ฮัลโหล ๆ ได้ยินไหมคะ ได้ยินเสียงป่าป๊าหรือเปล่า”

แม่งเห่อลูกฉิบหาย สตอรี่ไอจีจุดเป็นไข่ปลาเชียว ส่วนใหญ่พี่ชายผมจะลงรูปอวดลูกเกือบทั้งหมด ที่เหลือก็อวยเมีย หาม มันกลายเป็นหมาเต็มตัว

Rrr…

นั่นไงตายยากสัด มันโทรมาล่ะ

“ยังไง มึงโทรมาตอนนี้ ไม่คิดว่ากูนอนไง” ผมพูดออกไปทั้งอย่างนั้นเพราะเวลาที่ไทยกับแอลเอห่างกันประมาณสิบห้าชั่วโมง

[เปิดกล้องดิ]

ผมกดเปิดกล้องในมือถือตามที่มันว่า

[ทาด๊ามมมมม เฮียได้ลูกสาว] พี่กรรณว่าพลางชูแผ่นตรวจ แล้วนี่คนทั้งโลกเขารู้หมดแล้วว่าพี่ผมได้ลูกสาว ก็เล่นลงมาทุกแพลตฟอร์มขนาดนั้น

“ดีใจด้วยนะ แล้วก็เลิกเจ้าชู้ได้แล้ว เฮียมีลูกเป็นผู้หญิงด้วย”

[ปากมึงนี่นา อย่าให้มึงมีผัว มีลูกบางนะ] ผมถึงกับสะอึก อยากเอากล้องส่องไปที่ท้องเหลือเกิน ท้องโตเป็นตุ่มใส่น้ำอยู่แล้วเนี่ย

“เออ ว่าแต่ซ้อท้องกี่เดือนแล้วอะ”

[พรุ่งนี้ห้าเดือนเต็ม] ห่างกับผมแค่สามเดือนเองสินะ

“เฮีย ถ้าผมไม่อยากเรียนต่อ ผมกลับไปไทยได้ไหม” ผมว่าเกริ่นเอาไว้ก่อน เดือนหน้าผมก็คลอดแล้ว ผมคงต้องกลับไปอยู่บ้านของตัวเอง

[ได้ แต่มึงไม่ลองดูก่อน ไม่เสียดายหรือไงอุตส่าห์สอบติด]

“ผมเหนื่อยนะ ไม่อยากเรียนแล้ว เฮียจะโกรธไหม”

[เฮียจะโกรธทำไมล่ะ เอาไว้ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ก็กลับมาอยู่บ้านเรา]

“แค่นี้ก่อนนะผมง่วง” ผมตัดสายพี่ชายทันที

หยดน้ำตาอุ่นไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมรู้สึกเหนื่อยมาก มีเรื่องให้ผมคิดอยู่ตลอด ไหนจะเรื่องความรู้สึกของตัวเองที่ยากจะเข้าใจ แต่เพียงแค่คำว่ากลับมาบ้านเราหลุดออกจากปากพี่กรรณ ผมก็ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

อีกไม่นานผมก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเป็นเหมือนที่เคยเป็น อยู่คนเดียวเหมือนที่เคยอยู่ ผมไม่น่าเก็บเด็กไว้เลย ถ้าตอนนั้นตัดสินใจเอาออก ผมก็คงไม่ต้องมาอยู่กับอัคนี ไม่ต้องรู้สึกทรมานแบบนี้

“กชทาครีมหรือยัง” ผมรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาตัวเอง “เป็นอะไร เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เธอร้อง”

“เปล่าครับ ขนตามันหลุด”

“เธอไม่ได้โกหกใช่ไหม”

“ครับ ผมจะโกหกทำไมล่ะ” ผมยืนยันหนักแน่น

“แล้วนี่ทำไมนอนเปิดท้องแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบาย” อัคนีบ่นอุบ ก่อนจะวอร์มครีมในมือแล้วทาลงที่ท้องกลม

“เสื้อซักหมดแล้ว ผมไม่มีเสื้อใส่ ตัวนี้มันเล็กไปหน่อยผมเลยมานอนโชว์พุงอยู่นี้ไง”

“ทำไมไม่บอกล่ะ ฉันจะได้พาออกไปซื้อ”

“ไม่เอา---” ยังไม่ทันพูดจบ อัคนีก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ดูสิตาหนูดิ้นใหญ่เลย อยากออกมาวิ่งแล้วเหรอครับ...” ว่าจบเขาก็จูบลงมาที่ท้องอย่างแผ่วเบา

ผมมองอัคนีนั่งคุยกับตาหนูของเขาหัวใจก็เต้นถี่ เลิกทำตัวอบอุ่นได้แล้ว เลิกทำตัวดีกับผมสักที ผมหวั่นไหวแบบที่ยากจะเดินถอยหลังกลับ คิดแล้วน้ำตาก็พลันเอ่อขึ้นมาอีกหน กชกรกะพริบตาถี่ไล่น้ำตาให้เหือดแห้งไป

ช่วงเวลาที่ผ่านมามันดีจริง ๆ เขาเผลอมีความสุขไปกับมันเสียแล้ว นึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนที่ไม่มีอัคนีอยู่ ตอนนั้นผมจะเป็นยังไงต่อ ผมจะมีความสุขเหมือนตอนนี้หรือเปล่า แค่คิดหัวใจผมก็เหมือนจะเต้นช้าลง มันหน่วง ๆ ยังไงไม่รู้

“เดี๋ยวเธอเอาเสื้อของฉันไปใส่ก่อน แล้วเดี๋ยวเราออกไปซื้อชุดให้เธอเพิ่มกันนะ”

“ครับ” ผมพยักหน้ารับ ปล่อยให้คนตัวโตเดินกลับไปในห้องของตัวเอง

ถ้าสุดท้ายแล้วมันต้องเจ็บ งั้นตอนนี้ผมก็ควรเป็นคนที่มีความสุข เก็บเอาทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ระหว่างเรา



ผมกับอัคนีมายังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้บ้าน เขาพาผมไปซื้อชุดใหม่อีกหลายชุด ตอนนี้ท้องผมใหญ่มากจนผมเองก็ยังตกใจ เด็กทั้งสองแข็งแรงสมบูรณ์ดี แถมยังเตะเก่งอีกต่างหาก

ช่วงนี้ผมจะรู้สึกปวดฉี่บ่อย หลังก็จะปวด ขาก็จะปวด นอนก็ลำบาก มีบ้างในบางคืนที่ผมจะไปนอนห้องอัคนี แต่ก็ไม่บ่อยเท่าเมื่อก่อน

โรงเรียนที่อัคนีลงคอร์สไว้สอนนวดหลังและเท้าให้คุณแม่ด้วย ก็พอได้เขานี่แหละนวดให้บางวัน

“เดินนานแล้วปวดเท้าหรือเปล่า”

“ไม่ครับ คุณเดินเลือกของต่อเถอะ” ผมว่า

ทุกครั้งที่เราออกมาซื้อของเข้าบ้านให้ตาหนูของเขา เขาจะดูมีความสุขมากกับการใช้เงิน โดยไม่คิดเสียดายเลยด้วยซ้ำ

“คุณผมอยากไปดูโซนชุดเด็กตรงนั้น”

“เอาสิเธออยากได้อะไร”

“ผมขอดูก่อน” ว่าจบผมก็เดินนำเขาไป ก่อนจะมาหยุดที่โซนเสื้อผ้าเด็กแรกเกิด

ดูท่าแล้วอัคนีคงจะไม่ได้ซื้อไปเยอะ ซื้อแต่ชุดอะไรก็ไม่รู้ ถุงมือถุงเท้าผมก็ไม่เคยเห็นเขาจะหยิบเลยสักที

“เด็กเพิ่งเกิดยังเด็กมากนะครับ เสื้อผ้าต้องเป็นของเด็กแรกเกิด ผิวเขาแพ้ง่าย ชุดที่คุณซื้อน่ะมันต้องรอเขาโตกว่านี้อีกหน่อย”

อัคนีมองทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่ล่ะสายตา ปากกชกรก็บ่น แต่มือเขาก็เลือกเสื้อผ้าไปด้วย ทุกตัวเขาบรรจงเลือกเป็นอย่างดี

“เธอไม่อยู่ช่วยฉันเลี้ยงตาหนูก่อนเหรอ” อัคนีว่า

กชกรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวใหญ่ ในใจเขามีคำถาม

‘ถ้าให้อยู่ต่อ ผมต้องอยู่ในฐานะอะไร’

“ผมจะไปดูตรงนั้นนะครับ” ผมเลือกที่จะไม่ตอบ แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

ผมเดินมาหยุดที่เสื้อเด็กอ่อนสีเหลืองรูปเป็ด ชุดเด็กมันน่ารักจริงๆ เลยนะ ดูแขนขาเล็ก ๆ นั่นสิ จังหวะที่ผมกำลังหยิบเสื้อตัวเล็กขึ้นดู มือผมก็พลันต้องหยุดชะงัก เพราะผมกำลังจับเสื้อตัวเดียวกัน กับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา

“ขอโทษครับ/ขอโทษครับ” เรากล่าวขอโทษพร้อมกัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง

“อีเฮีย!/ไอ้กช!”

ฉิบ หาย แล้ว!!!!!!!

เราทั้งคู่ต่างตกใจ ผมได้แต่ยืนทำอะไรไม่ถูก จังหวะที่กำลังจะหมุนตัวเดินออกมา ผมก็ถูกพี่ชายคว้าแขนเอาไว้ เขาเห็นท้องผมแล้ว ใหญ่ขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็พอเดาออกว่าผมท้อง ถึงพี่ชายผมจะไม่ฉลาด แต่จะบอกว่าเป็นเนื้องอกมันก็ไม่มีทางเชื่อแน่

“จะไปไหน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่กช”

“เฮีย คือ...”

“ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท้อง! ใครเป็นคนทำมึง บอกเฮียมา เฮียจะไปจัดการมัน”

“เฮียฟังก่อน”

หมับ!

จังหวะนรกก็เกิดขึ้นอีกครั้ง อัคนีเดินเข้ามาก่อนจะจับมือพี่ชายผมเอาไว้แน่น

“ปล่อยมือภรรยาผมเดี๋ยวนี้”

“เดี๋ยวคุณ...”

“มันทำอะไรคุณ บอกผมมาผมจะหักมือมัน”

“ไม่...”

“อ๋อมึงสินะทำน้องกู”

โอ๊ย!!!!!!!! ขอยาดมหน่อยปวดหัวโวย มีใครคิดจะฟังผมบ้างไหมเนี่ย

“น้อง?” อัคนีทวนคำตอบซ้ำ “อ๋อ เดี๋ยวนี้พวกโจรมันอ้างตัวเป็นญาติแล้วเหรอ”

ผมอยากตะโกนใส่หน้าเขาว่า ‘ไอ้เพลิง! มึงดูไม่ออกเหรอ หน้ากูโคตรจะเหมือนกันขนาดนี้’

“ไม่ ฟัง--” แล้วเสียงของผมก็ถูกเมิน

“นี่อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ เดี๋ยวนี้พวกโจรก็ชอบอ้างว่าเป็นเรื่องผัวเมียก็เยอะแยะ มึงนั่นแหละเป็นโจรหรือเปล่า จะมาหลอกน้องกูเหรอขอโทษนะน้องกูฉลาด”

เออกูอ่ะฉลาด แต่มึงอ่ะโง่

ต้องทำยังไงทุกคนถึงจะหันมาสนใจผม

ซี๊ด! โอะ! เจ็บ!

จู่ ๆ ผมก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ท้อง ผมรีบกุมท้องตัวเองทันที

โอ๊ย! เหมือนมันจะเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม ขาผมเริ่มสั่น แค่จะส่งเสียงเรียกร่างก็ก็เหมือนไม่มีแรงมันซะอย่างนั้น ผมรู้สึกเปียกที่ขาเป็นทางยาวลงมา นี่ผมฉี่แตกเหรอ

“เพลิ...เพลิง...” ผมพยายามเรียกอัคนี แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“นี่ภรรยาผม!”

“อ๋อถ้างั้นมึงเจอกู เพราะกูพี่ชายกช มึงใช่ไหมที่ทำน้องกูท้อง!”

ผลัวะ!


ภาพตรงหน้าช่างวุ่นวายไปหมด อัคนีกำลังโดนพี่ชายผมชกเข้าที่หน้าจนล้มลงกับพื้น “คุณเพลิง ช่วยผมด้วย” ผมเค้นแรงทั้งหมดเรียกเขา ตัวกชกรสั่นเทาด้วยความกลัวอย่างบอกไม่ถูก มันเจ็บมาก แถมมีน้ำอะไรไม่รู้ไหลออกมา

“กช!/กช!” น้ำตาจะไหล ยืนขาสั่นตั้งนานไม่เห็นจะมีใครสามัคคีมองมาทางนี้เลย แต่บทจะเห็นมันก็พร้อมใจกันเรียกชื่อผมทันที

“ผมเจ็บท้องครับ” อัคนีวิ่งเข้ามาช้อนตัวผมหน้าตาตื่น ผมรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังมือสั่น

“ปล่อยน้องกู กูดูแลเองได้”

“เฮียกชขอ กชต้องการเขา” ไม่ใช่ว่าผมไม่รักพี่ชาย หรือเห็นคนอื่นสำคัญกว่านะ แต่ตอนนี้สัญชาตญาณผมว่าจะปลอดภัยถ้าอยู่กับเขา

อัคนีรีบช้อนตัวกชขึ้นแล้วรีบเดินไปยังลานจอดรถทันที เขาตกใจมากที่เห็นกชกรอยู่ในสภาพนี้ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดคือที่ที่เขาเลือกไปโดยมีพี่ชายผมขับรถตามมาด้วย ไม่นานเราก็มาถึงโรงพยาบาล

กชกรถูกเข็นมายังห้องรอคลอด ตอนนี้ปากมดลูกยังเปิดไม่มากพอที่จะคลอดได้ จึงต้องรอก่อน

อัคนีทำเรื่องขอห้องพิเศษเอาไว้ เราตัดสินใจว่าจะคลอดแบบธรรมชาติ ในห้องพิเศษมีบ่อน้ำอุ่นขนาดใหญ่มันช่วยให้กชกรคลายปวดได้ไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

“เฮียกชเจ็บ” กชกรปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบทั้งสองแก้มไม่ขาดสาย มันปวด ๆ หาย ๆ อยู่อย่างนี้มาสองสามชั่วโมงแล้ว

“ทนหน่อยนะ น้องพี่เก่งมาก” เขาไม่รู้จะปลอบน้องของตัวเองยังไง วันนี้กรรณเองก็เจอเรื่องเซอร์ไพรส์จนแท็บช็อก

รู้ว่าน้องตัวเองท้องยังไม่พอ เซอร์ไพรส์สองก็มาต่อเลยทันที

อัคนีนั่งช้อนหลังคนตัวเล็กเอาไว้ เขาไม่ยอมคลายมือออกจากกันเลยแม้แต่วินาทีเดียว

“ไม่เจ็บนะคนดี” ว่าจบเขาก็กดจูบลงมาที่หน้าผากของอีกฝ่าย กชกรได้แต่พยักหน้ารับ พออาการปวดเริ่มกลับมาเขาก็กำฝ่ามือของคู่ตัวเองเอาไว้แน่น

“อื้อออ ปวดอีกแล้ว” เวลายิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ อาการปวดก็ยิ่งถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

หมอเข้ามาตรวจเป็นระยะในที่สุดปากมดลูกก็เปิดพร้อมคลอดเด็กทั้งสองในชั่วโมงที่ห้า

กรรณขอตัวออกไปรอข้างนอก เพราะเขาอยากให้เวลานี้กับอัคนีมากกว่า ถึงวันที่เปยเป่ยคลอดเขาก็คงต้องการเวลานี้เหมือนกัน

“ออกสักทีเส่เว้ย ไม่ไหวแล้ว!!!!!!!!”

ภาพในหัวที่อัคนีจินตนาการไว้มันช่างห่างไกลกับความจริงลิบลับ กชกรร้องเสียงดังไปทั้งห้องคลอด แถมยังทั้งจิก ทั้งดึงจนผมเขาแทบร่วงหมดหัว แขนไม่ต้องพูดถึง เต็มไปด้วยรอยเล็บข่วน

“คุณแม่ออกแรงเบ่งอีกนิดนะคะ หัวเด็กโผล่ออกมาแล้ว”

“อ๊ากกกกกกกก ไม่ไหวแล้วโวยยยยยยย”

แง้~~~~~~~

เพียงแค่ได้ยินเสียงเด็กคนแรกร้องออกมา น้ำตาผมก็ไหลลงมาทันที หลังจากเด็กคนแรกออกมาแล้ว เสียงร้องของคนที่สองก็ดังตามออกมา

ตอนที่ผมเห็นคนตัวเล็กสลบไป หัวใจผมล่วงไปอยู่ที่พื้น ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดซีดเซียวจนน่ากลัว หมอเช็กอาการแล้วเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่อ่อนล้าเท่านั้น

หมออุ้มเด็กทั้งสองมาให้ผมอุ้ม ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าเขาผมก็รู้สึกได้ถึงความรัก รักทั้งที่เราเพิ่งเจอหน้ากันเพียงครั้งแรก

แบบนี้สิที่เรียกว่ารักแรกพบ...



กชกรฟื้นขึ้นมาอีกทีตอนช่วงค่ำ เพราะคลอดลูกตามธรรมชาติ เขาจึงสามารถเดินเหินได้ แต่ก็ยังเจ็บ ๆ อยู่ สิงห์และทิกเกอร์เองก็มาเยี่ยมด้วย

ในเช้าวันถัดมาผมชวนเขาไปดูตาหนูทั้งสองคน เผื่อว่ามันจะทำให้เขาตัดสินใจอยู่กับผมต่อ คุณหมอเข็นพวกเขาออกมาให้เรามองผ่านกระจกใส กชกรหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้ ก่อนจะร้องไห้ออกมาแล้วโผกอดผมแน่น ตอนที่ผมเห็นพวกเขาผมก็ร้องไห้ออกมาแบบนี้เหมือนกัน

หลังจากผมพากชกรกลับมาพัก คุณหมอก็เรียกผมไปคุยเรื่องค่าใช้จ่าย กชกรสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในพรุ่งนี้เช้า

จังหวะที่เดินออกมาจากเคลียร์เรื่องทุกอย่างจบ ผมก็ดันมาเจอกับทิกเกอร์พอดี เราจึงออกไปหาที่นั่งคุยกัน

“หลานน่ารักวะ ขอสักคนดิ” ทิกเกอร์ว่า

“มึงก็พูดไปเรื่อย ไปบอกสิงห์ทำให้สิ”

“มึงสิพูดไปเรื่อย กูทำทุกวันยังไม่ติดเลยฮ่า ๆ”

“มึงไม่มีน้ำยาไง” ผมว่าเอินหยอก

“ใครจะไปทีเดียวติดแบบมึงละ พ่อน้ำเชื้อแรง” ผมไหวไหล่ ยอมรับความจริง ก็น่าแปลกอยู่เหมือนกันใครจะคิดว่าน็อตครั้งเดียวผมจะได้ตาหนูมาถึงสองคน

"มึงไม่ลองคุยกับหมอ เดี๋ยวนี้มันทำได้ไม่ใช่เหรอลองตรวจเพศรองหรือยัง"

"ไม่อะ แบบนี้ก็ดีแล้ว อยู่ด้วยกันสองคนก็ไม่ได้แย่ ว่าแต่มึงเถอะ มึงไม่คิดว่ากชจะเป็นคู่แห่งโชคชะตามึงเหรอ" ทิกเกอร์ถามกลับ

"ของแบบนั้นมีที่ไหนกัน"

"มึงไม่แปลกใจไง ทั้งที่มึงได้กลิ่นโอเมก้าทีไรอ้วกแตกตลอด แต่กับกชมึงดันไปทำจนเขาท้องขนาดนี้" ผมไม่เชื่อเรื่องคู่แห่งโชคชะตาเท่าไหร่นักหรอก ของแบบนี้มันจะเป็นจริงได้ไง โลกมีคนกี่ล้านคน การที่เราจะเจอได้มันไม่ง่ายเลย

แต่จะว่าไปที่ทิกเกอร์พูดก็ฟังดูเป็นไปได้นะ ผมจะเข้าข้างตัวเองได้ไหม ว่าสิ่งที่ทิกเกอร์พูดคือความจริง...

"บังเอิญมากกว่า"

“เออ ๆ บังเอิญก็บังเอิญ ว่าแต่มึงจะเอาไงต่อ นี่กชก็คลอดแล้วนะ”

“...” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

มีช่วงหนึ่งที่ผมคิดว่าเราใจตรงกัน จนกระทั่งเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม

“ชอบก็บอกไป เวลามันน้อยลงทุกที”

“ก็จริงของมึง กูจะลองกลับไปคุยกับเขาดู” ผมตัดสินใจจะลองไปคุยเรื่องนี้กับเขาดูอีกสักรอบ ถ้าเขายังปฏิเสธที่จะอยู่ผมก็คงต้องยอมปล่อยเขาไปจริง ๆ

ผมกับทิกเกอร์เดินกลับมายังห้องพักอีกครั้ง แต่ทว่าภาพตรงหน้าก็ทำผมเข่าแทบทรุด ในห้องมีเพียงเตียงว่างเปล่า ข้าวของบางส่วนถูกเก็บออกไป สายน้ำเกลือยังถูกถอดออกทิ้งไว้อยู่บนเตียง แต่มมันกลับไร้เงาของกชกร

เสียงประตูห้องพักถูกเปิดออกอีกครั้ง จังหวะที่หันกลับไปผมได้แต่ภาวนาว่าให้เป็นกชกรที่เดินเข้ามา

“สิงห์!” คนถูกเรียกมองกลับมาด้วยความมึนงง ยกมือขึ้นเกาหัว

“กช...อยู่กับสิงห์หรือเปล่า”

“...ไม่นะครับผมลงไปซื้อของกิน กชบอกว่าเขาหิว มีอะไรหรือเปล่า”

สิ่งที่ผมคิดเป็นจริง

เขาไปแล้ว กชกรไปแล้ว...














【 TV 】 -o (. ̄)

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**




ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [Omegaverse] Relationship |20|
«ตอบ #27 เมื่อ07-12-2021 00:33:31 »

อั ค นี ก ช ก ร

อัลฟ่า x โอเมก้า

20





ความรู้สึกมากมาย...

การตัดใจจากอะไรสักอย่างมันยากมากจริง ๆ ตอนที่ได้เห็นหน้าเด็กน้อยทั้งสองนอนข้างกัน หัวใจมันก็เต้นระรัว น้ำตามันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกเดียวที่ผมมีต่อพวกเขาคือ

ผมรักเด็กสองคนนั้น ผมรักอัคนี...

ทั้งหมดมันเกิดจากความผิดพลาดของตัวผมเอง ระยะเวลาที่ผ่านมาก่อให้เกิดความผูกพัน ถ้าผมยังต้องเจอหน้าอัคนี ยังต้องเห็นหน้าเด็กสองคน ผมคงตัดใจไม่ได้

“ตื่นแล้วเหรอมึง” สิงห์เอ่ยทักเมื่อเดินเข้ามายังในห้องพักของกชกร

“อืม คุณทิกเกอรไม่มาด้วยเหรอ” ผมถาม

“นั่งคุยกับคุณเพลิงข้างล่าง”

“สิงห์...ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม”

“...?” สิงห์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้เตียง

ผมดึงสายน้ำเกลือที่หลังมือออก “พากูออกไปจากที่นี่หน่อย” สิงห์เบิกตาโพลงกับสิ่งที่ได้ยิน

"เดี๋ยว ๆ จะไปไหน"

“กูไม่อยากอยู่แล้ว อยากไปที่ไหนก็ได้”

“แล้วเงินมึงล่ะ ไม่รอเอาเงินก่อนเหรอ”

“ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว” มันเป็นของเรื่องความรู้สึก

“มึงรักคุณเพลิงใช่ไหมกช” กชกรเงยหน้าขึ้นมองสิงห์ “มึงไม่ลองคุณกับคุณเพลิงก่อน ที่ผ่านมาเขาดูแลมึงดีมากเลยนะ กูว่าเขาก็ต้องชอบมึงอยู่หน่อย ๆ”

“เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในสัญญา”

“ถ้างั้นเรื่องเงินล่ะ เรื่องนั้นอยู่ในสัญญานะ ตอนแรกมึงยังกระดี๊กระด๊าอยู่เลยไม่ใช่เหรอ มาตอนนี้มึงยอมทิ้งเงินง่าย ๆ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้”

“เออใช่ กูรักคุณเพลิง ถ้ายังอยู่ตรงนี้กูไม่มีทางตัดใจจากเขาได้แน่สิงห์ มันก็ถึงเวลาที่กูต้องถอย ช่วยกูเถอะนะ กูขอร้อง”

“ถ้าแค่นั้นลองคุยกันก่อนดีกว่านะกช”

“คุยแล้วมันจะได้อะไร ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้ว มึงเข้าใจหรือยัง” สิงห์ชะงักไปนิดหนึ่ง เขาเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้เหมือนกัน “เมื่อหลายเดือนก่อนกูได้กลิ่นโอเมก้าจากตัวคุณเพลิง มันเป็นกลิ่นที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของ”

“มึงแน่แล้วใจใช่ไหมกช”

“อืม ยังไงสุดท้ายจะช้าหรือเร็ว กูก็ต้องไปอยู่ดี” กชกรปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาย ทุกครั้งที่คิดเรื่องของอัคนี หัวใจเขาก็พลันดิ่งวูบลงทันที 

สิงห์ไม่รู้เลยว่ากชกรแอบซ่อนความรู้สึกนี้มานานแค่ไหน เขาสงสารกชกรจนไม่อาจทนดูเขาเสียใจไปมากกว่านี้ได้

“งั้นเอาแบบนี้...”
.

.

.


“ถึงแล้วครับ”

“ขอบคุณครับ”

ผมได้รับความช่วยเหลือจากสิงห์ เขาให้เงินผมมาก้อนหนึ่งเพื่อให้ผมลงมาอยู่ที่ภูเก็ต ที่นี่เคยเป็นบ้านย่าของเขา ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว เพราะทุกคนย้ายออกมาอยู่นอกเกาะกันหมด 

ผมเดินมารอที่ท่าเรือ สิงห์บอกเอาไว้ว่าจะมีหลานของเขามารอรับ เกาะที่ผมกำลังจะไป คนส่วนมากจะเป็นเบต้าเกือบทั้งเกาะ สิงห์รู้ดีว่าผมจะปลอดภัย

ยืนรออยู่ไม่นานเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักก็เดินเข้ามาถาม “พี่กชหรือเปล่าครับ”

“ใช่ครับ น้องแทมใช่ไหม”

“ใช่ครับ งั้นเราไปกันเลยดีกว่าพี่จะได้พัก”

“โอเคครับ” ผมเดินตามเด็กหนุ่มมายังเรือที่เขาเตรียมเอาไว้

เราใช้เวลาบนเรือราว ๆ หนึ่งชั่วโมงเศษก็มาถึงเกาะ แต่เราก็ยังต้องขึ้นรถต่อมายังบ้าน ที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ บ้านไม้หลังเล็กธรรมดา ๆ แต่ทว่ากลับดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก 

“ถ้าพี่จะซื้อของ ที่โรงจอดรถมีจักรยานนะครับ ปั่นไปไม่ไกลจะมีร้านค้า”

“ขอบคุณมากนะแทม”

“ครับ งั้นผมกลับก่อนนะพี่ฟ้าเริ่มมืดแล้ว”

“อืม”

ผมยืนมองแทมเดินทางออกไป จนกระทั่งลับสายตาผมจึงปิดประตูแล้วเดินเข้ามาด้านใน หน้าระเบียงของตัวบ้านติดทะเล ทำให้ลมพัดเข้ามาเย็นสบาย ม่านขาวปลิวไสวตามแรงลม เสียงเกลียวคลื่นพัดกระทบชายฝั่งดังอยู่ตลอด ผมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นระเบียง ทอดสายตามองออกไปยังขอบฟ้า แสงสีส้มแดงสาดส่องให้หัวใจได้รู้สึกอบอุ่น แต่ว่ามันก็ทำให้รู้สึกเหงา ลมหายใจพ่นออกจากปากนับครั้งไม่ทวน

‘การอยู่คนเดียวก็ไม่แย่นากชกร เมื่อก่อนยังอยู่ได้เลยไม่ใช่เหรอ’

ตอนออกมาจากโรงพยาบาลกชกรหักซิมมือถือทิ้งไปแล้ว เขารู้ว่ามันง่ายมาก หากอัคนีต้องการจะตามหาตัวเขา ตอนนี้พี่กรรณเองก็คงเป็นห่วง เอาไว้เรื่องเงียบผมจะติดต่อกลับไปเพื่อขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด หวังว่าตอนนั้นพี่กรรณจะให้อภัยผมนะ

กชกรหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา เขากดเข้าไปที่แกลอรี่เพื่อดูรูปล่าสุดที่ตัวเองถ่ายเอาไว้

ตาหนูทั้งสองน่ารักมากเลย เขาคล้ายกับอัคนีมากกว่าผมเสียอีก ยกเว้นดวงตา กับผมสีน้ำตาลอ่อน พวงแก้มก็ขาวใสอมชมพู ฝ่ามือฝ่าเท้าเล็ก ๆ กำลังขยับดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างน่าเอ็นดู

ไม่คิดเลยว่าจะต้องนั่งมองพวกเขาผ่านหน้าจอแบบนี้ บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด ลมเย็นยังคงพัดโชยเข้ามากระทบผิวเนื้อให้ได้รู้สึกหนาวสั่น หัวใจเขารับไม่ไหวแล้ว ไม่คิดเลยว่าการเดินออกมามันจะต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้

กระบอกตาร้อนผ่าวก่อนที่น้ำตาเม็ดกลมจะหยดลงใส่หน้าจอมือถือ เขานั่งอยู่อย่างนั้นนานจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่ เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ได้แต่ปล่อยให้สายลมหอบเอาความคิดถึงที่ไม่มีวันถึง ไปส่งอีกฟาก...



กชกรตื่นมาในตอนบ่ายของอีกวันด้วยอาการหนักหัว ตัวร้อนมีไข้อยู่หน่อย ๆ เมื่อคืนผมนั่งอยู่อย่างนั้นจนฟ้าเริ่มสางถึงได้กลับเข้ามานอน นั่นจึงไม่แปลกเลยที่ทำไมถึงป่วย

กชกรเดินออกมานอกตัวบ้าน ที่นี่มีสวนเล็ก ๆ แต่สภาพต้นไม้มันตายหมด เพราะขาดคนดูแล ยืนมองอยู่พักใหญ่เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วปั่นจักรยานไปรอบ ๆ เกาะ ที่ท่าเรือจะมีชาวประมงเอาอาหารทะเลที่เพิ่งจับได้มาขาย ผู้คนที่นี่ก็น่ารักเป็นกันเองมาก ๆ

ระหว่างทางมีของกินขายอยู่ตลอด ตอนกลางวันที่นี่ค่อนข้างคึกคัก แต่หลังสองทุ่มจะเงียบจนขนลุก มีเพียงแสงไฟจากตัวบ้านเท่านั้นที่พอทำให้รู้ว่ายังมีคนอยู่

ผมสอบถามหาร้านขายต้นไม้จากพ่อค้าขายปลา ปั่นจักรยานมาไม่ไกลมากผมก็มาถึง ดอกไม้สีสันสวยงามอาจจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นก็ได้ว่าไหม 

รู้ตัวอีกทีผมก็เลือกต้นไม้มาซะเยอะเลย สงสัยผมคงต้องปั่นหลายรอบแน่กว่าจะขนไปหมด

“บ้านอยู่แถวไหนครับ เดี๋ยวผมช่วยขนไปส่งไหม”

“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่รบกวนดีกว่า”

“ถือว่าเป็นบริการจากทางร้าน ยังไงคุณก็ซื้อเยอะด้วย”

“เอางั้นก็ได้” ผมปล่อยให้เจ้าของร้านขายต้นไม้ ขนต้นไม้ทั้งหมดใส่หลังรถ เขายกจักรยานผมขึ้นไปไว้ด้วย จากร้านต้นไม้มาถึงที่บ้านใช้เวลาพอสมควร “นี่คุณอยู่บ้านคุณย่าเหรอ”

“ครับ คุณรู้จักเหรอ”

“ครับท่านใจดี ตอนเด็ก ๆ ผมชอบมาเล่นกับหลานแก”

“อ๋อ...” พยักหน้ารับ

“คุณจะให้ผมเอาต้นไม้วางไว้ตรงไหนดี”

“วางข้าง ๆ รั่วก็ได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเริ่มปลูก” ผมว่า

“ให้ผมมาช่วยไหม”

“ไม่เป็นไรครับแค่นี้เอง ลำบากคุณเปล่า ๆ”

“ไม่ลำบากหรอกครับ พรุ่งนี้ร้านผมปิด อีกอย่างผมก็ไม่ได้มาที่นี่นานมาก อย่างน้อยก็ให้ผมได้ช่วยทำมันให้สวยเหมือนเมื่อก่อนก็ยังดี”

“งั้นผมตามใจคุณ” เจ้าของร้านต้นไม้ยิ้มรับก่อนจะหันไปขนต้นไม้ลงจากรถต่อ ผมเองก็เดินเข้าไปช่วยเขาเช่นกัน

ขนกันอยู่สักพักผมก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน หยิบขวดน้ำดื่มเย็น ๆ มาให้เขาหนึ่งขวด

“ขอบคุณครับ” น้ำดื่มถูกเปิด ก่อนจะยกขึ้นดื่มหลายอึก

“คุณชื่ออะไร” ผมถาม

“ผมชื่อต้นกล้า คุณล่ะ”

“ผมชื่อกชกร เรียกกชอย่างเดียวก็ได้ครับ”

“กชกรที่แปลว่าดอกบัวน่ะเหรอ” ต้นกล้าถาม

“คุณรู้ด้วย”

“ก็ผมขายต้นไม้นี่ครับ จะไม่รู้ได้ยังไง”

“ฮ่า ๆ นั่นสินะครับผมก็ลืมไปว่าคุณกล้าขายต้นไม้”

เราทั้งสองคนนั่งคุยกันเรื่องอื่นต่ออีกนิดหน่อย ต้นกล้าก็ขอตัวกลับ

พอเขากลับไป ผมก็กลับมาอยู่คนเดียวตามเดิม ความเงียบทำให้ผมรู้สึกเหงาในยามกลางคืน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ ผมออกมานั่งริมระเบียงเพื่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อาการหนักหัวที่เหมือนจะหายไปแล้วก็กลับมาเป็นอีกครั้ง ผมจึงเดินกลับเข้ามากินยา

มันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ทว่าอาการตัวร้อนก็เย็นลงไปแล้วตั้งแต่ช่วงบ่าย

ยาแก้ปวดถูกแกะออกมากินเพื่อบรรเทาอาการ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน พลิกตัวอยู่สักพักยาก็เริ่มออกฤทธิ์ ในคืนนี้ผมคงจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่



ผมถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตูบ้าน ปลายเท้าหย่อนลงที่พื้นเท้าก็สาวไปยังหน้าประตู ต้นกล้ามาแล้ว ผมเปิดประตูต้อนรับอย่างเป็นกันเอง แล้วจึงให้เขาเข้ามารอด้านใน ก่อนจะกลับเข้ามาอาบน้ำแต่งตัว

ต้นกล้าซื้อกับข้าวเข้ามาด้วยเราจึงนั่งกินกันให้เสร็จเรียบร้อย แล้วออกมาปลูกต้นไม้ในเวลาต่อมา

ผมคิดถูกแล้วล่ะที่ยอมให้ต้นกล้ามาช่วย แป๊บเดียวเราก็เอาต้นไม้ลงดินครบทุกต้น เขาแทบจะทำทุกอย่างคนเดียว เหมือนผมมีหน้าที่แค่ฉีกต้นไม้ออกจากถุงเท่านั้น

ระหว่างที่เรากำลังนั่งพัก มีรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดหน้าบ้าน ในอกวูบหวิวอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าคนที่ลงมาจากรถจะเป็นอัคนี เครื่องยนต์รถดับลง ผมได้เห็นคนตัวเล็กเดินลงมาผมก็โล่งใจ 'สิงห์'

“กช...” สิงห์วิ่งมาสวมกอด “นั่นใครน่ะ” สิงห์ถามเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายตัวใหญ่นั่งอยู่

“สิงห์เหรอ?” เขาไม่ตอบคำถามสิงห์ แต่ถามกลับไปแทน

“ใช่ครับ แล้วคุณเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านย่าผมได้ยังไง”

“พี่กล้าเอง” สิงห์นิ่งคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะนึกออกว่าพี่กล้าเป็นใคร 

“แง้~ พี่กล้าไม่เจอกันนานเลยคิดถึง”

“พี่นึกว่าเราไปอยู่กับคุณน้าที่แอลเอแล้ว”

“ยังครับ ผมติดเพื่อนน่ะเลยขอแม่อยู่ที่ไทยก่อน”

กชกรยืนมองเหตุการณ์ก่อนจะนึกได้ว่า ต้นกล้าเคยบอกเอาไว้ว่าเขาเคยมาเล่นกับหลานของบ้านนี้ตอนเด็ก ๆ คงจะหมายถึงสิงห์สินะ

“มึงเจอพี่กล้าได้ไง” สิงห์หันมาถามคนที่ยืนเงียบ

“กูไปซื้อต้นไม้ที่ร้านเขาน่ะ” ผมว่า

“งั้นก็ดีเลยกูจะได้ไม่เป็นห่วงมึงมาก” ผมพยักหน้ารับ “กูมานานไม่ได้ เดี๋ยวจะถูกสงสัยสักพักต้องกลับแล้ว”

ผมเข้าใจสิงห์แหละ มันพักอยู่ที่บ้านของทิกเกอร์ ถ้าหายไปนาน ๆ หรือข้ามวันในช่วงที่ผมหายตัวไปแบบนี้ก็คงจะมีพิรุธ

“อืมกูเข้าใจ”

“มึงเหงาไหม กูจะพยายามมาหาบ่อย ๆ”

“ไม่เป็นไร อยู่นี้ก็มีอะไรทำให้หายเหงาได้บ้าง มาแล้วมึงต้องรีบกลับแบบนี้เหนื่อยแย่”

“คือว่า มึง...” สิงห์มองหน้ากชกรนิ่ง เขาทำหน้าเหมือนมีเรื่องอยากจะพูด แต่ก็เก็บเงียบไป “...กูต้องกลับแล้ว ทำได้แค่แวะมาหาแบบนี้มันก็แย่เหมือนกันเนอะ”

“กลับเถอะนาน ๆ มาหาทีก็ได้”

“โอเค ยังไงก็จะมาหา กูไปก่อนนะเดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ทัน” ก่อนกลับสิงห์เอากระเป๋าใบเล็กส่งมาให้ผม “เก็บไว้ใช้นะ” ผมรับเอาไว้ก่อนจะฉีกยิ้ม มองเขาขึ้นรถไปแล้วโบกมือลาเพื่อนรัก

รถคันเล็กห่างออกไปจนลับสายตา

ต้นกล้ามองกชกรด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหมือนกชกรกำลังหนีอะไรบางอย่างอยู่ แต่เขาก็ต้องเก็บคำถามเอาไว้ในใจ เพราะเราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน การที่จะเสียมารยาทถามมันก็คงไม่ควร

“กชงั้นพี่กลับก่อนนะ”

“โอเคครับ”

กชกรออกมาส่งต้นกล้าที่หน้าบ้าน ก่อนจะปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย นี่ก็เพิ่งจะเที่ยงวันอยู่เลย เวลาเหลืออีกมากเขาไม่รู้จะทำอะไร ทีวีขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในห้องนอนถูกเปิดทิ้งเอาไว้ เพื่อไม่ให้ห้องเงียบเกินไป ก่อนจะเดินไปอาบน้ำ ล้างเนื้อล้างตัว

‘ไม่มีใครไม่พูดถึงข่าวนี้เลยนะคะวันนี้’

‘ข่าวอะไรเหรอครับพี่จี’

‘ก็ข่าวงานแต่งงานของ ซ่า~’



ท้องฟ้าที่เคยมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์ทรงกลมโต กชกรออกมานั่งตากลมริมระเบียงตามเดิม ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูรูปตาหนูทั้งสองคน

ตอนนี้อัคนีคงตั้งชื่อให้พวกเขาแล้ว ผมไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้รู้ด้วยซ้ำ แต่แบบนี้อาจจะดีกว่า

ตกดึกหน่อยอาการเดิมก็กลับมาอีกครั้ง เขารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ หัวก็เริ่มหนัก หรือว่าเป็นการเตือนก่อนจะฮีทหรือเปล่า กชกรเริ่มเอะใจ ตั้งแต่คลอดลูกเขาก็ยังไม่มีอาการฮีทเลย

ในบ้านมีเพียงยาแก้ปวดเอาไว้ใช้บรรเทาอาการ ในตอนเช้าเขาคงต้องออกไปซื้อยาเก็บไว้ กชกรเดินกลับเข้ามาในห้องนอนแล้วทิ้งตัวนอนขดอยู่บนเตียง แต่ทว่าเสียงเคาะประตูบ้านก็ดังขึ้นอีกหน

ใครมาตอนนี้?

กชกรเริ่มกลัว ที่เกาะแห่งนี้หลังสองทุ่มเป็นต้นไปจะไม่ค่อยมีคนออกจากบ้าน เขาเดินไปยังหน้าประตู เอ่ยถามถึงคนที่เคาะอยู่ “นั่นใครครับ?”

“กูเอง...”

นี่มันเสียงของสิงห์นี่ ได้ยินดังนั้นเขาก็รีบเปิดประตูออกไปทันที ทำไมเพื่อนเขากลับมาที่นี่ในเวลาแบบนี้ได้ล่ะ ผมมองออกไปนอกบ้าน เพื่อดูว่ามีใครตามสิงห์มาหรือเปล่า แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของใคร

“สิงห์”

“...” สิงห์ไม่รอให้กชกรเอ่ยปากถามอะร แต่กลับโผล่กอดอีกฝ่ายทันที ในจังหวะเดียวกันกชกรเองก็รู้สึกได้ถึงหยดน้ำที่ล่วงลงมาที่ลาดไหล่เขาจนชื้น

“กชเราไปอยู่แอลเอกันเถอะ...”

ผมยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่ แต่มันคงไม่ดีนักหรอก หากเพื่อนของผมที่ดูเข้มแข็งมาตลอดพูดออกมาแบบนี้

แต่ความคิดเขามันไม่ได้แย่ ในเมื่ออยู่ที่นี่มันไม่มีอะไรดีขึ้น การไปที่นั่นก็อาจจะดีกว่า

“อืมเอาสิ เราย้ายไปอยู่แอลเอกัน...”











เดี๋ยวจะเริ่มทยอยอัปเรื่อย ๆ นะครับ

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

แท็กนิยายที่ใช้ในทวิตเตอร์ค่าบ #ใครอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

**กำลังทยอยแก้คำผิด**

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ -Piagpun-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ทิ ก เ ก อ ร์ สิ ง ห์

อัลฟ่า x เบต้า

21




หนังสือพิมพ์เช้านี้พาดหัวข่าวที่ทำเอาผมต้องตกใจไม่น้อย 'อัคนีหนุ่มนักธุรกิจใหญ่ประกาศแต่งงาน กับลูกเจ้าของบริษัทนำเข้าส่งออกรายใหญ่ในประเทศ'

ผมว่าแล้วเชียว วันที่เห็นนามบัตรของอัคนีชื่อของเขาถึงได้คุ้น ที่แท้ก็ลูกของคนมีอำนาจทางธุรกิจ แล้วแบบนี้ทิกเกอร์ล่ะ ผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย ปกติก็ไม่ได้สนใจพวกข่าวแวดวงธุรกิจอยู่แล้วด้วย

แต่ตอนนี้ที่กังวลคือ กชกรจะเห็นข่าวนี้หรือยัง ผมไม่สามารถติดต่อเขาได้สักช่องทางนอกเสียจากจะบินไปภูเก็ตซะเอง สิ้นสุดความคิดสิงห์ก็หยิบกุญแจรถ แล้วสาวเท้าออกมาจากห้องทันที

“คุณสิงห์จะออกไปไหนครับ” บอดี้การ์ดคนสนิททิกเกอร์ถาม

“ผมจะไปมหาลัยน่ะ ถ้าทิกเกอร์กลับมาฝากบอกเขาที”

“ให้พวกผมไปส่งไหม”

“ไม่ต้อง” ว่าจบผมรีบสาวเท้าออกมาทันที

ระหว่างที่รถติดผมก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไฟล์ที่เร็วที่สุดไว้ ผมใช้เวลานานหลายชั่วโมงเพื่อออกเดินทาง เมื่อถึงภูเก็ตผมแวะไปกดเงินเอาไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อเอาไว้ให้กชกรใช้ระหว่างอยู่ที่เกาะ

วินาทีแรกที่เห็นกชกร ผมก็โผกอดคนตัวเล็กเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง กชกรคงยังไม่รู้ข่าวของอัคนีแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ดูปกติเช่นนี้ 

จังหวะที่ผมกำลังคุยกันสายตาผมก็เหลือบไปเห็นผู้ชายแปลกหน้า และได้รู้ว่าเขาคือพี่ต้นกล้า รุ่นพี่ที่ตอนเด็ก ๆ เรามาเล่นด้วยกันบ่อย ๆ พี่ต้นกล้าเป็นคนน่ารัก อย่างน้อยผมก็รู้สึกเบาใจที่มีคนดี ๆ อยู่ข้างกชกรในตอนนี้

“โอเค ยังไงก็จะมาหา กูไปก่อนนะเดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ทัน” ผมบอกลาเพื่อนรักแล้วรีบตรงกลับมายังสนามบินในทันที

เมื่อเครื่องลงจอดผมก็รีบตรงกลับมาที่บ้านทันทีเพื่อไม่ให้ดูมีพิรุธ แต่ทว่าวันนี้ในบ้านมีคนเยอะเป็นพิเศษ บอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน ผมรู้สึกไม่คุ้นหน้าพวกเขาเท่าไหร่ เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ผมก็ได้เห็นผู้ชายดูมีอายุนั่งอยู่

“คุณเป็นใคร” ผมถาม

“อืม รสนิยมเจ้าทิกเกอร์ยังเหมือนเดิมเลยนะ” เขาว่างพลางฉีกยิ้มกว้าง แล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้

ผมได้แต่ยืนงงเพราะไม่รู้ว่าคนคนนี้คือใคร

“ลูกมาแล้วเหรอครับ” แล้วเสียงจากด้านหลังก็ดึงความสนใจทั้งหมดไป

เมื่อกี้เขาบอกว่าลูกงั้นเหรอ?

หรือว่านี่จะเป็นพ่อกับแม่ของทิกเกอร์

เพียงแค่คนตัวเล็กก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ผมก็ได้เห็นใบหน้าของเขา ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขามีความคล้ายคลึงกับผมเป็นอย่างมาก ผมกวาดสายตาไปจนทั่วใบหน้าของเขา

“ตกใจใช่ไหมล่ะ”

“ครับ?”

“เธอเองก็คงเป็นเบต้าล่ะสิ” มุมปากเขากระตุกยิ้ม ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม

ซิการ์ตัวใหญ่ถูกจุดจนส่วนปลายขึ้นสีแดงจัด ควันสีขาวลอยโขมงอยู่ในอากาศทั่วทั้งห้อง

นี่มันเรื่องอะไรกันผมสับสนไปหมด...

“ถูกมันเปลี่ยนหรือยังล่ะ หรือว่าใกล้จะโดนเขี่ยทิ้งแล้ว”

“คุณช่วยพูดอะไรที่ผมเข้าใจหน่อยได้ไหมครับ”

“เธอเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของลูกชายฉันไม่ใช่เหรอ ไม่แปลกใจหรือไงทำไมเธอถึงได้คล้ายกับเมียฉัน”

“เมีย?” 

“ตลกนะว่าไหม ถึงลูกชายฉันจะฉลาดแค่ไหน แต่ก็ยังทำเรื่องโง่ ๆ อยู่ดี จะมีสักกี่คนที่เอาคนที่หน้าคล้ายคนที่เกลียดมาทำเรื่องบนเตียง เพื่อระบายอารมณ์ความเกลียดชัง”

“...” คำพูดยาวเหยียดของคนตรงหน้า เหมือนกำลังบีบหัวใจของผมให้รู้สึกแน่นไปหมด อะไรกันความรู้สึกนี้

“เขาจับเธอมัดหรือเปล่า เขาฟาดเธอด้วยของแปลก ๆ พวกนั้นใช่ไหม สำหรับเธอมันอาจเป็นเรื่องสนุก แต่สำหรับเขา เธอเป็นแค่ที่ระบาย”

ผมได้แต่ยืนนิ่งเงียบมองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างพ่อของทิกเกอร์ มันจุกในอก พูดอะไรไม่ออก ผมหน้าคล้ายกับคนคนนั้นอย่างที่เขาว่า หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่เขาถูกใจผมงั้นเหรอ

ผมทำอะไรผิด...

“ไปซะ ออกไปจากชีวิตลูกชายฉัน เบต้าอย่างเธอไม่เหมาะสมกับอัลฟ่าหรอก ยังไงเขาก็ต้องคู่กับโอเมก้า เธอควรจะรู้ตัวได้แล้ว”

ประโยคเดิมที่ไม่ว่าฟังกี่ครั้งก็ยังไม่ชินเสียที่ ผมไม่คู่ควรงั้นเหรอ...

“หึ! ขอโทษนะครับ เผื่อคุณจะยังไม่รู้ ลูกชายคุณต่างหากที่เป็นของเล่นของผม วันที่ผมจะไปคุณรู้หรือเปล่าว่าเขาอ้อนวอนผมยังไง เขากอดรั้งผมแน่นแค่ไหนเพื่อขอให้ผมอยู่ อัลฟ่าสำหรับผมก็เป็นได้แค่สัตว์ป่าที่มีสัญชาตญาณดิบเท่านั้นแหละครับ”

“เก่งนี่...ทั้งที่ยืนตัวสั่นเป็นลูกหมา แต่ก็ยังพูดออกมาได้ยาวขนาดนั้น”

“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ผมว่าผมหมดเรื่องที่จะพูดแล้ว ขอตัวล่ะ” ผมกำหมัดแน่น ในใจทั้งโกรธทั้งโมโหกับสิ่งที่ตัวเองต้องเจอ ผมหมุนตัวออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างไม่คิดจะหันกลับไป

จังหวะที่ขับรถออกมาจากบ้าน ผมก็เห็นรถของทิกเกอร์กำลังสวนเข้ามาพอดี ผมไม่คิดจะหยุดจอดเพื่อคุยอะไร ผมรู้แค่ว่าตัวเองต้องไป

ไปให้ใกล้จากคนใจร้ายพวกนี้ให้เร็วที่สุด...

.

.

.
Rrr…

“ว่า”

[เกิดเรื่องแล้วครับนายน้อย คือคุณท่านกับคุณสิงห์...]

“เดี๋ยวฉันรีบกลับ ตามดูสิงห์ไว้ห่าง ๆ”

[รับทราบครับ] ว่าจบผมก็กดตัดสายทันที

คิดไว้แล้วว่าสักวันพ่อผมต้องทำอะไรแบบนี้อีก ลูกไม้เดิม ๆ ที่ผ่านมาทิกเกอร์ไม่เคยสนใจว่าพ่อจะทำอะไรกับคู่นอนของเขา แต่กับสิงห์เขาต่างจากคนอื่น ๆ สิงห์เป็นมากกว่าคู่นอน

“เพลิงกูกลับบ้านก่อน” ผมหันกลับไปบอกเพื่อนรักที่กำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกอยู่

“อืม ขับรถดี ๆ ไม่ต้องรีบล่ะ”

“ใจมาก ส่วนเรื่องกชมึงรอฟังข่าวดีได้เลย” อัคนีพยักหน้ารับ ผมก็เดินออกมาจากห้องของเขาในเวลาต่อมา

ตั้งแต่ที่กชกรหายตัวไปทุกคนต่างพากันวุ่นวายไปหมด แต่มีอยู่คนเดียวที่ดูเฉยกับเรื่องนี้มาก ผมหมายถึงสิงห์นั่นแหละ เขาดูไม่เดือดร้อนที่เพื่อนเขาหายไป ผมเลยสั่งให้ลูกน้องจับตาดูสิงห์ไว้ ข้อมูลล่าสุดที่ผมรู้คือ สิงห์กดเงินเป็นจำนวนมากเพื่อเดินทางไปภูเก็ต ตอนนี้เขาคงเจอกับพ่อผมแล้ว และเขาต้องไปหากชกรแน่

ทิกเกอร์ขับรถอย่างไม่รีบร้อน เขารู้ว่ายังไงพ่อจะยังรออยู่ที่บ้าน หนนี้เขาเตรียมรับมือไว้หมดแล้ว เพราะคนที่พ่อกำลังเล่นด้วยคือคนสำคัญของเขา

ผมเดินผิวปากเข้าบ้านอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะเดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจคนที่นั่งรออยู่

“ยังไร้มารยาทเหมือนเดิมสินะ”

“ขอบคุณครับ” ผมหันกลับไปตอบ แล้วหมุนตัวเดินออกมา

“ทิกเกอร์ ฉันสั่งให้แกหยุด”

“...” ผมหันกลับมาเลิกคิ้วมองอย่างสนอกสนใจ

“เลิกทำตัวเหลวไหลซะ! แล้วอาทิตย์หน้าแกต้องไปดูตัว ถ้าขืนฉันปล่อยแกแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ---” ทิกเกอร์ไม่ปล่อยให้คนเป็นพ่อพูดต่อ เขาสวนขึ้นมาทันควัน

“ทำไมเหรอครับจะอกแตกตายหรือเปล่า”

“ไอ้คนอวดดี แกทำให้ตระกูลต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ฉันเป็นห่วงแกแค่ไหนเคยเข้าใจบ้างหรือเปล่า”

“พ่อเป็นห่วงผมเหรอ? กลัวไม่มีคนสืบทอดตระกูลต่อมากกว่ามั้งครับ แล้วถ้าพ่ออยากได้มาก ก็บอกนังตัวดีที่นั่งอยู่ตรงนั้นสิ” ผมเอียงตัวไปมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟา

“แกพูดกับเขาแบบนี้ได้ยังไง เขามีศักดิ์เป็นแม่แกนะ!”

แตะต้องไม่ได้เลยสินะ

“หึ! ผมมีแม่คนเดียว”

จังหวะที่ผมเดินผละออกมา เสียงพ่อตะโกนไล่หลัง “มรดกทั้งหมดแกอย่าหวังว่าแกจะได้แม้แต่บาทเดียว”

“เหรอครับ นอนกอดสมบัติให้ได้จนวินาทีสุดท้ายล่ะ กลับแล้วก็ล็อกบ้านให้ด้วย ผมง่วง”

เพล้ง!

เสียงแก้วกระแทกลงพื้นเสียงดัง ก่อนจะได้ยินเสียงเขาเดินออกไป เมื่อไหร่เรื่องบ้า ๆ จะจบลงเสียที เมื่อไหร่ผมจะมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น

“สิงห์อยู่ที่ไหน” ผมหันไปถามบอดี้การ์ดที่ยื่นประจำอยู่หน้าห้องนอน

“ตอนนี้คุณสิงห์อยู่ที่เกาะภูเก็ตครับ คุณกชก็อยู่ด้วย จะให้คนของเราพาตัวกลับมาเลยไหมครับ”

“ไม่ต้อง ฉันจะไปรับเขาเอง คอยรายงานฉันอย่าให้คาด”

ปล่อยให้เขาได้ใจไปก่อนสักพักก็แล้วกัน กชกรค่อนข้างรอบคอบมาก สัญญาณมือถือครั้งสุดท้ายสิ้นสุดที่โรงพยาบาล ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถานการณ์เงิน แต่ดันมาพลาดเพราะเพื่อนตัวเองเป็นคนไม่ค่อยระวังตัว ตอนนี้เขาก็คงไม่รู้ตัวสินะว่าถูกตามตัวอยู่

ขวดแก้วทรงสวยบรรจุบรันดีไว้เต็มขวดถูกยกขึ้นดื่ม นานแล้วที่ทิกเกอร์ไม่ได้ดื่มมัน

เมื่อก่อนสิงห์เป็นเพียงเครื่องมือระบายความต้องการ ที่ผ่านมาคู่นอนของเขาเป็นเบต้าซะส่วนใหญ่ เขาทำแบบนี้เพียงแค่ต้องการประชดพ่อ โดยทำอย่างที่พ่อเขาทำเท่านั้น

แต่ตอนนี้เรื่องมันเปลี่ยนไปแล้ว จากคนที่ไม่เคยกลัวอะไร ตอนนี้ผมกลับกลัวการสูญเสีย จากคนไม่คิดครอบครอง กลายเป็นว่าอยากซ่อนอีกฝ่ายไม่ให้ใครได้เห็น 

ต่อให้วันนี้เขาจะเกลียดผมแล้ว แต่ผมจะไม่มีวันปล่อยเขาไปเด็ดขาด...



“นายน้อยครับ คุณสิงห์กับคุณกชมีการเคลื่อนไหวแล้วครับ”

“อืม” ทิกเกอร์ยกกาแฟขึ้นจิบ

“มีรายงานว่าคุณสิงห์จะขึ้นเครื่องเดินทางไปแอลเอวันนี้ช่วงค่ำครับ ส่วนคุณกชเป็นเที่ยวบินของวันมะรืนครับ”

“สั่งคนเตรียมเครื่องบินให้ฉันด้วย ฉันจะไปแอลเอ สงสัยคงต้องไปคุยธุรกิจที่นั่นสักพัก”

“รับทราบครับนายน้อย”

หลังจากสั่งงานเรียบร้อย ผมก็ยกมือถือโทรหาอัคนีเพื่อบอกข่าวของกชกรทันที

“เมียมึงอยู่กับสิงห์ วันมะรืนนี้เขาจะไปแอลเอ...อืม...เดี๋ยวกูส่งที่อยู่ไปให้...โอเค”

ผมกดตัดสายจากอัคนีแล้วกดโทรออก...เรียกอะไรดีล่ะ หุ้นส่วน คู่ค้า หรือว่า

พ่อตา...

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

[ว่าไงโทรมาซะดึกเลยเจ้าลูกเขย]

“น้องจะกลับแอลเอวันนี้เหรอครับ”

[เอ๊ะ! ทำไมเจ้าสิงห์ไม่เห็นโทรบอก]

“ผมกับน้องทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะครับ แล้วพอดีเห็นว่าน้องจองไฟล์บินเย็นนี้”

[ให้ตายเจ้าลูกคนนี้ เดี๋ยวพ่อโทรถามให้นะ]

“ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะไปที่นั่น...”





 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด