เมื่อรักหวนคืน (พีเรียด) Yaoi | บทนำ + บทที่ ๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อรักหวนคืน (พีเรียด) Yaoi | บทนำ + บทที่ ๑  (อ่าน 329 ครั้ง)

ออฟไลน์ Pryn_10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เรียน   ท่านสมาชิกทุกท่านทราบและโปรดดำเนินการอย่างเคร่งครัด

เรื่อง  กฎกติกาและมารยาท

          กรุณาอ่านข้อความข้างล่างที่แนบมาด้วยข้าล่างนี้   ด้วยความระมัดระวังยิ่ง

เพราะเป็นบรรทัดฐานที่พึงยึดและปฏิบัติตามอย่างไม่สามารถพิจารณาเป็นอื่นได้

หากผู้ใดฝ่าฝืน  ทางเราจะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป


      จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

                                                                                 นับถือ

                                                                            อิเจ้  โมดุเรเตอร์


..................................................................................................
หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคงได้รับความร่วมมือจากทุกท่านนะครับ

ถ้าพบเห็นกระทู้ได้ละเมิดกฎข้างต้น Webmaster,Administrator,Moderator สามารถลบกระทู้ดังกล่าวได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

หากผู้ได้ฝ่าฝืน การทำการดังกล่าว ทาง Webmaster,Administrator,Moderator จะมี message ไปแจ้งเตือน

หากยังกระทำความผิดดังกล่าวอีก ทางWebmaster,Administrator,Moderator จะลบaccoutสมาชิกท่านนั้นออกจากระบบทันที

ขอบคุณในความร่วมมือ

พูห์

Junrai_Hyper

Global Moderator
.............................................................................
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ Pryn_10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
______________________________________________________

เมื่อรักหวนคืน





ปาฏิหาร์ยแห่งรัก จะหวนคืนเขา

เพื่อกลับไปเป็น ‘ที่รัก’ ของหัวใจเสมอ...

____________________________



“ทำไมถึงเป็นผมครับคุณเฑียร”

“หมายความว่ากระไรหรือ?”

คนตอบเฉไฉแกล้งทำเชือนแชพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์

ตาคมดุจับจองผมเอาไว้ในนัยน์ตานั้นจนมองเห็นเงาสะท้อน



“ทำไมคุณเฑียรถึงรักผมหรือครับ”



วงหน้ากระจ่างพรายยิ้ม จมูกโด่งพรมแผ่วลงบนกระหม่อมของผม

เสียงทุ้มที่ผมชอบฟังเอ่ยถ้อยคำพาให้อยากมุดหายเข้าไปในอกเขาเสียดื้อๆ



“ไม่มีเหตุใดนอกจากรัก”

น้ำเสียงออดอ้อนจนผมแทบจะตายคาอก



“แล้วใยพ่อรักษ์ถึงยอมรับรักฉันหรือ?”



“เพราะผมเห็น’ รัก’ ในแววตาคุณเฑียรครับ...”



ปฤณ.



_________________________________________

เขาคลั่งรักกันมากนะครับคู่เนี้ย

แว่บมาเปิดเรื่องทิ้งไว้ให้ทุกคนก่อน

ขอฝากคุณเฑียรกับน้องรักษ์ไว้ในอ้อมอกทุกคนด้วย



ผมยังมือใหม่มาก

แต่สัญญาจากหัวใจว่าจะทำให้ดีที่สุดครับ

จนกว่าเราจะได้พบกัน




ออฟไลน์ Pryn_10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บทนำ





“ไอ้รักษ์ มาถูกทางแน่นะ!”



“เอ้า! ก็ลงรถมาด้วยกันเมื่อกี๊” ผมเท้าเอวมองมองคนพูดซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าหยีจากแสงแดดตอนเที่ยง
ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนชวนมาแท้ๆ ดันมาโบ้ยให้ผมซะนี่่



“แต่ชั้นเปิดเน็ตมา เค้าบอกให้เดินเข้ามาในวัดได้เลยนี่นา” ยัยพรินทร์ทำหน้างอแงใส่จอโทรศัพท์ ผมมองแล้ว
ขำพรืดส่ายหัวน้อยๆ ให้กับความไม่รู้หน้ารู้หลังของเพื่อนสนิทตัวเอง



“ทำไมการมามูของชั้นมันต้องลำบากลำบนอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย” พรินทร์ยังบ่นกระปอดกระแปดไม่เลิก



“ใจเย็นๆ เดี๋ยวไปถามให้” ผมตัดบทเอง เข้าใจว่าอากาศมันร้อน ยิ่งทำให้อารมณ์คนเรายิ่งพุ่งพล่านตาม



พอหันมองรอบๆ เห็นแม่ชีท่านหนึ่งกำลังกวาดลานวัดอยู่ไม่ไกล ขนาดผมเดินแบบมีรองเท้า ยังรู้สึก
ถึงไอระอุจากพื้นดินลอยขึ้นมาปะทะหน้าเลยแต่แม่ชีท่านกลับสำรวมทำกิจวัตรของตนเองอย่างสงบไม่รีบร้อนอะไร



“อ่า..นมัสการ..เอ่อ...สวัสดีครับ” ผมพูดอย่างเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะใช้ศัพท์นามไหนดี พลางยกมือขึ้นท่วมอก



“พูดปกติก็ได้หนู” ท่านละจากสิ่งตรงหน้าพลางยกยิ้มให้กับผมน้อยๆ



“พอดีว่าผมอยากไปตรงที่เค้าทำพิธีถอนคำสาบานกันน่ะครับ ไม่ทราบว่าต้องไปตรงไหนเหรอครับ”



“พวกหนูเดินอ้อมไปทางโบสถ์นั้นน่ะ ศาลาที่มีคนอยู่เยอะๆ ตรงนั้นแหละลูก”



“ขอบคุณมากเลยครับ”



ผมยกมือไหว้ผู้ทรงศีลตรงหน้าแล้วหันไปมองตามทางที่ท่านบอก เห็นเขตอุโบสถ์อยู่ไกลลิบ
กำลังจะหันไปพยักหน้าเป็นการขอบคุณสำทับอีกรอบ อุบาสิกาใจดีเมื่อครู่ก็ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว



“อ้าว..” ผมหันซ้ายหันขวา หาคนข้างๆ เมื่อสักครู่ “หายไปไหน?”



“แกคุยกับใครน่ะ!” ยัยเพื่อนตัวดีโผล่เข้ามาพอดียิ่งกว่าฉากจัมพ์สแกร์ ถ้าเอาแป้งทาหน้าให้ขาวกว่านี้อีกหน่อยผมวิ่งเผ่นป่าราบไปแล้ว



“ก็ถามแม่ชีเมื่อกี้นี้ไง” ผมบุ้ยปาก “แล้วแกอะหายไปไหนมา?”



“เมื่อกี๊ชั้นไปเข้าห้องน้ำมา เห็นเหมือนแกกำลังยืนคุยกับใครสักคน” พรินทร์โยกตัวไปมามองด้านหลังผม พลางทำตาโต “หรือว่า...”



“เพ้อเจ้อแล้ว! นี่มันในวัดนะ” ผมดันหัวเพื่อนสนิทให้กลับไปยืนตรง เบรกความคิดอีกฝ่ายหัวทิ่ม



“เอ้า! แล้วเวลาคนเราตายไปแล้วจะเอาไปไว้ไหนถ้าไม่ใช่ในวัด” พรินทร์พยายามเถียงเพื่อเอาชนะ



“รีบไปได้แล้ว ไม่งั้นก็กลับ” ผมเบี่ยงตัวเดินนำลิ่ว ทิ้งคนข้างหลังให้ทำหน้าเหรอหรา



ผมบ่นเบาๆ เดินหนีเพื่อนไปอีกทาง พลางคิดในใจว่าอากาศร้อนก็ร้อน “ผีอะไรกันกลางวัน
แสกๆ แดดเปรี้ยงๆ เนี่ยนะ”



เมื่อกี๊แม่ชีท่านคงเดินออกไปก่อนยัยพรินทร์จะโผล่มาตุ้งแช่ผมน่ะสิ



……





พอเดินเข้ามาถึงตรงบริเวณศาลาทำพิธีแล้ว ก็พบว่ามีคนมาต่อแถวอยู่เยอะจนล้นออกมาถึงแถว
ใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณเดียวกันผมกับยัยพรินทร์เดินเข้าไปหาคุณป้าเจ้าหน้าที่เพื่อซื้ออุปกรณ์
และสอบถามวิธีการทำพิธีถอนคำสาบานเพื่อขอขมาเจ้ากรรมนายเวร



“หนูเอาธูปกับเทียนไปจุดตรงด้านโน้นก่อนนะไหว้เสร็จค่อยเอากระดาษนี้ไปสวด” ป้าพูดพร้อม
กับยื่นพานดอกบัวพร้อมทั้งธูปเทียนขาวพร้อมและกระดาษบทสวดสามแผ่นให้กับพวกผม



“เอ่อ...พวกผมมาสองคนครับ” ผมเลื่อนถาดกลับไปให้คุณป้าซึ่งมันเกินมาหนึ่งชุด แกทำหน้างงๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร



พรินทร์ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดว่า ‘ป้าแกเห็นอะไรวะ’ แต่ผมส่ายหน้า เพราะอยากจะจดจ่อ
สมาธิอยู่กับการกระทำของตัวเองมากกว่า



ถึงแม้เพื่อนสาวตัวดีของผมจะเป็นตัวตั้งตัวตีอยากมา เพราะมันบ่นว่ามันหาแฟนไม่ได้สักที สงสัยเพราะชาติก่อน

ตัวเองคงไปสาบทสาบานอะไรไว้กับใครแน่ๆ เลยทำให้ยังโสดสนิทมาถึงปัจจุบันแบบนี้ ผู้ชายสักคนก็ไม่เคยเฉี่ยวเลี้ยวเข้ามาใกล้มันเลย



ส่วนตัวผม รู้สึกว่าตัวเองตอนนี้ดวงมันซวยพิลึก ชอบเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ เห็นอะไรแปลกๆ มั่ง
ได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ มั่ง เลยคิดว่าการได้มาทำบุญบ้างก็ดีเพื่อเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับตัวเองมากกว่าเหตุผลเรื่องคำสาบานในชาติที่แล้ว



พอจุดเทียนเสร็จ ผมก็ใช้ธูปต่อไฟจากเทียนเพื่อจะใช้ไหว้ขอพรพระก่อนเริ่มสวดบทตัดคำสาบาน แต่จู่ๆ
ก็มีลมวูบหนึ่งหอบมาพัดแรงจนเทียนของผมดับไปเลยทั้งๆ ที่มือของผมยังคาอยู่



“รักษ์ ” เพื่อนยืนเรียกชื่อผมเสียงสั่นๆ ตาจ้องเขม็ง สีหน้าไม่สู้ดี คล้ายคนจะร้องไห้



มือของพรินทร์กำลังต่อธูปอยู่เช่นกัน แถมเธอตั้งเทียนไว้ข้างผมเลยด้วย หากแต่มันไม่ได้ดับ รวมไปถึงของคนอื่นๆ
ที่ตั้งไว้อยู่ก่อนหน้าแล้วก็ไม่ได้มอดลงไปเช่นกัน



หมายความว่ามีเพียงแค่เทียนและธูปของผมคนเดียวเท่านั้นที่ดับไป!



“เทียนมันเล่มเล็กอะ คงไม่ค่อยดี เดี๋ยวไปไหว้พระเลยแล้วกันนะ” ผมยกมือจรดอกแล้วปักธูปตัวเอง
ลงกระถางทั้งๆ ที่มันจุดไม่ติดแบบนั้นนั่นแหละ ถือซะว่ายังไงก็จุดติดไปแล้ว จะไปฝืนลมฝืนธรรมชาติก็ใช่เรื่อง



“สงสัยฝนใกล้จะตกแหะ” ผมเปรยขึ้นมา เมื่อเงยหน้ามองฟ้าก็เห็นกลุ่มเมฆดำตั้งเค้าอยู่บนหัวไม่ไกล
ผมมองเลยไปยังก้านธูปของตัวเองตั้งเด่นหราอยู่ในกระถางตรงหน้า พลางเห็นควันสีขาวจางๆ
ลอยขึ้นมาจากซากธูปซึ่งตรงหัวมันดำสนิท บ่งบอกว่าเคยถูกใช้งานแล้วใจมันก็รู้สึกหวิวๆ พิกล



ธูปอันเป็นเครื่องหมายถึงการเคารพบูชา ส่งต่อคำอธิษฐานของเราดับไปทั้งๆ อย่างนั้น



มันจะมีความหมายอะไรได้อีก...



เสร็จจากตรงบริเวณจุดธูปแล้วพวกผมสองคนก็ต้องกระเตงกันออกมาหาที่นั่งแถวร่มไม้ด้านนอก
เพราะคนในศาลาพิธีนั้นเยอะมากจนเต็มไปหมด พอหาเก้าอี้นั่งได้แล้วเสร็จสรรพ ผมก็เริ่มบทสวด
พลางถ่ายสายตาตัวเองไปยังองค์พระประธานซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้า ในใจคิดถึงการกระทำที่นำพาผมให้มาในวันนี้



“อิมัง มิฉา อธิษฐานัง ปันจุทัดธาราปิ



ทุติยัมปิ อิมัง มิจฉา อธิษฐานัง ปันจุทัดธาราปิ



ตะติยัมปิ อิมัง มิจฉา อธิษฐานัง ปัจจุทัดธาราปิ”



“ข้าพเจ้า นายมนพัทธ์ ภิรมย์วัชรกุล ขอถอนคำอธิษฐาน ถอนคำสาบาน ถอนคำสาบคำแช่ง...”
ผมตั้งใจเพ่งมองกระดาษอัดเคลือบในมือ พลางท่องบทสวดตั้งจิตไว้ในใจ แต่ด้วยแสงอาทิตย์ตรง
หัวทำให้มันสะท้อนแสงสู้กับสายตาผมได้มากพอจนต้องเอาหน้าเข้าไปใกล้กระดาษมากขึ้นอีกเพื่อมองบทสวดให้ชัด



“ขอถอดถอนคำสัญญา ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้น พร้อมแล้วด้วยกิเลส ด้วยตัณหา ด้วยอุปทาน ด้วยโทสะ ด้วยโมหะ ด้วยมานะ
ด้วยมิจฉาทิฐิ ที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานไว้ สาปแช่งไว้ บนบานศาลกล่าวไว้ สาบานไว้ สัญญาไว้ ในอดีตชาติก็ดี...”



คงเพราะกระดาษเป็นสีขาวและถูกเคลือบใสทำให้วัตถุในมือแทบไม่ต่างอะไรกับกระจกสะท้อนแสง ดังนั้นเวลาก้มมองใกล้ๆ
ก็จะเห็นเงาตัวเองปรากฏอยู่ในนั้น



ผมรวบรวมสมาธิเพื่อกล่าวบทสวดออกมาทุกคำให้ถูกต้องกับอักขระตรงหน้าด้วยความไม่ชินปากมากนัก
เสี้ยววินาทีผมเหลือบเห็นเงาใบหน้าของใครอีกคนสะท้อนอยู่ในกระดาษแผ่นที่ผมกำลังถืออยู่!



เงานั้นโน้มลงมาจนหน้าชิดกับใบหน้าผม!



ผมสะดุ้งตัวจนเก้าอี้คลอนหันไปมองข้างหลังตัวเองทันที



ไม่มี... ไม่มีใครสักคน!



“รักษ์ แกโอเคมั้ย?” พรินทร์ก็สะดุ้งโหยงหันมามองสีหน้าเป็นห่วง เหมือนเธอจะไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับพิธี
แล้วเหมือนกัน



“อื้อ” ผมพยักหน้าน้อยๆ ปากพูดในสิ่งรู้สึกตรงกันข้าม “โอเค”



ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ คิดว่าเมื่อกี๊ตัวเองไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ



ผมหันกลับมา กลั้นใจกล่าวบทสวดนั้นไปจนจบทั้งที่สมาธิแตกกระเจิง ไม่มีอารมณ์จดจ่อกับสิ่งตรงหน้าอีกแล้ว
แม้จะจับโฟกัสถึงความคิดตัวเองในหัวยังทำไม่ได้เลย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังท่องบทสวดออกมาเปล่าๆ
ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีจิตตั้งอยู่ในนั้นเลยด้วยซ้ำ



อาการแบบนี้เหมือนเคยได้ยินคนแก่แถวบ้านเรียกว่า ‘อาการขวัญหาย’ ไม่มีผิด



“อะไรกันวะ” ผมพึมพำกับตัวเองเสียงเบา



พอจบพิธีก็ต้องเอาพานดอกบัว 5 ดอกไปวางถวายกับพระในศาลา โดยมีเจ้าหน้าที่วัดคอยอำนวย
ความสะดวกอีกที ผมกราบพระประธานในศาลาหลังน้อยที่ท่านกำลังมองกลับมาอย่างเมตตาแล้วนึกอธิษฐานในใจ



ชั่ววูบเหมือนมีสายน้ำไหลรินรดลงกลางใจ รู้สึกตัวเองสงบลงอย่างประหลาด



ในโสตประสาทได้ยินเสียงเคาะระฆังเหง่งง่างดังจากที่ไกลๆ ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่นี้ปลิวหายไปอย่างกับปลิดทิ้ง



นี่แหละมั้ง เค้าถึงบอกกันว่าเวลาคนเราเข้าวัดทำบุญแล้วใจมันจะนิ่งขึ้น



เสร็จพิธีผมส่งพานดอกบัวให้กับทางเจ้าหน้าที่วัด พลางหันไปไปมองเพื่อนสนิทตัวเองอีกฝ่ายทำตามขั้นตอน
เสร็จแล้วเหมือนกัน กำลังจะชวนกันเดินออก หากแต่มีเสียงเรียกเอาไว้ก่อน



“พ่อหนุ่มๆ อย่าเพิ่งไป!” เป็นเจ้าหน้าที่วัดที่ผมส่งถาดดอกบัวเมื่อครู่ให้กับเขานี่เอง



“ครับ?” ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย เพราะสายตาลุงแกมองมามันเจือไปด้วยความไม่สบายใจฉายชัดอยู่ในนั้น



“ดอกบัวแบบนี้ถวายพระไม่ได้นะหนุ่ม” ลุงแกยื่นถาดในมือมาให้กับผม



ผมก้มมองลงทันที ดอกบัวในถาดไม่ได้เหี่ยวนี่ ทุกอย่างดูปกติดี “มันเป็นอะไรเหรอครับ?”



ลุงแกไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่จับกอบัวขึ้นมาทั้งกำ พอผมเห็นสภาพของตรงหน้า ใจก็ร่วงไปอยู่ตาตุ่มโดยทันที



“ดอกบัวคอหักแบบนี้ โบราณเขาว่ามันเป็นลางไม่ดีนะ”



“เป็นไปได้ยังไง” ผมถามคุณลุงเจ้าหน้าที่วัดที่กำลังยืนจ้องพวกเราเขม็ง ยัยพรินทร์ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้า
ตกตะลึงไม่แพ้กัน ตัวชาตั้งแต่หัวจรดเท้า



“ทำยังไงดีครับลุง”



“แบบนี้ถวายพระไม่ได้ มันไม่ดี หนุ่มเอาไปลอยแม่น้ำเถอะ ฝากพระแม่คงคาท่านไป” ลุงเจ้าหน้าที่เอ่ยเสียงเรียบ พลางยื่นสิ่งของในมือมาให้



ฝ่ามือของผมรับกอบัวนั้นมาสั่นๆ รู้สึกว่าน้ำหนักของในมือนั้นหนักอึ้งไม่ต่างจากหัวใจของผมตอนนี้
เท่าไหร่นัก



“แกโอเคมั้ย” พรินทร์ถามขึ้น มือเธอแตะข้อศอกผม เสียงเจือความห่วงใย



“อื้อ” ไม่จริงเลยสักนิด ผมโกหกคำโตออกไปเพื่อความสบายใจของคนข้างตัว



ไม่ก็โกหกตัวเองแค่นั้นเอง…



เหมือนเพื่อนสนิทของผมจะรู้ พรินทร์ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อเธอเพียงพยักหน้าเบาๆ



“งั้นเดี๋ยวไปบ้านคุณน้าของฉันกัน อยู่แถวนี้พอดี จะได้เอานี่ไปลอยน้ำที่ท่านั้นด้วย”



ผมพยักหน้ารับคำ เดินตัวลอยออกจากบริเวณวัดนั้นออกไป



“เด็กสมัยนี้ ชอบเล่นอะไรกันพิเรนทร์” ลุงเจ้าหน้าที่ส่ายหัวน้อยๆ บ่นกระปอดกระแปดไล่หลังลอยมาตามลม



สายตาแกมองตามแผ่นหลังของคนตัวขาวเมื่อกี๊นี๊ไป หน้าตาก็ดีแท้ๆ เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องเลย บ่นเสร็จแกก็เดินมา
เก็บถาดของนังหนูผู้หญิงที่มาพร้อมกัน ก่อนจะเห็นว่ามีดอกบัวแบบเดียวกันหักงอวางอยู่บนพาน



จะเงยหน้าไปเรียกก็เห็นหลังไวๆ เดินไปลิบตาเสียแล้ว เรียกก็ไม่ทัน



ต้องลำบากเอาไปลอยน้ำให้นังหนูมันเองอีก...



เฮ้อ! เพื่อนๆ ก็กระไร...



มาตั้งหลายคน ไม่ห้ามกันบ้าง!





_______________________



มาเปิดเรื่องกันแล้ว

เป็นยังไงกันบ้าง คอมเม้นท์บอกกันได้เลยนะครับ
 

คอมเม้นท์ของนักอ่านเป็นกำลังใจให้กับนักเขียนมีแรงฮึบกันนะครับ



ผมขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2024 13:56:19 โดย Pryn_10 »

ออฟไลน์ Pryn_10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บทที่ 1 คำทำนายของหมอดูตาบอด



“มันเกี่ยวกับฝันแปลกๆ ที่แกเคยฝันตั้งแต่เด็กด้วยมั้ย” คำถามจากคนข้างตัวดึงความสนใจของผมให้ละจากสิ่งตรงหน้าเพื่อหันกลับมามองใบหน้าสวยงามแต่เรียวคิ้วกำลังขมวดมุ่นของเพื่อนตัวเอง



ผมไม่ได้ตอบคำถามพรินทร์ในทีแรก ปรายตากลับมาอยู่จุดเดิม เฝ้ามองเงาของผืนน้ำกำลังสะท้อนแสงแดดกระเพื่อมเป็นจังหวะแล้วค่อยเอ่ยกับคนข้างๆ



“แกว่า…น้ำนี่มันลึกมากมั้ย?”



“ถามแปลกๆ” พรินทร์นิ่วหน้าขึ้นไปอีก “นี่แม่น้ำเจ้าพระยานะ ไม่ใช่คลองโอ่งอ่าง”



“อื้อ” ผมครางรับในลำคอ “น่ากลัวเนอะ”



“ก็แหงสิยะ คนว่ายน้ำไม่เป็นแบบแก” เธอพูดแบบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่ปล่อยกระแสความคิดไหลไปตามคลื่นลมพลางครุ่นคิดถึงความกลัวของตัวเอง



ทำไมคนเราถึงกลัวจมน้ำกันนะ..



กลัว… เพราะว่าถ้าเกิดเราจมไป เราจะจมลงไปลึกขนาดไหน



หรือว่าเพราะกลัว…



จะไม่มีใครช่วยเราขึ้นมาได้ จะไม่มีใครหาเราเจอ



แล้วทำได้แค่ดิ่งลึกลงไปเงียบๆ คนเดียว..



ผมกับเพื่อนสนิทนั่งอยู่ตรงท่าน้ำ เพื่อรอขึ้นเรือข้ามไปยังอีกฟากแม่น้ำใหญ่ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเกาะรัตนโกสินทร์แห่งนี้อยู่ช่วงเวลาใกล้บ่ายสามเป็นเวลาที่คนพลุกพล่านที่สุดก็ว่าได้ แถวละแวกโป๊ะลามไปบนฝั่งท่าเรือมีคนสัญจรมารออยู่คลาคล่ำจนแทบล้นท่าไปไกลถึงฝั่งถนนเลยทีเดียว



“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง สรุปแกคิดว่าไง? แต่ชั้นว่ามันต้องเกี่ยวข้องกันแน่ๆ” ยัยรินทร์พูดสรุปเองทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากอุปกรณ์สื่อสาร



“ไม่รู้เหมือนกันวะ” ผมตอบรับ “เกี่ยวล่ะมั้ง”



วูบนึงมีสายลมหอบมาปะทะใบหน้า รู้สึกเหมือนคลื่นมวลช่วยปัดเป่าอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อกี๊ให้ดีขึ้น ผมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด



คล้ายจะได้กลิ่นหอมของดอกไม้บางอย่างลอยกรุ่นมาด้วย



“ไม่มั้งดิ” คนกระเง้ากระงอดเร่งเสียงขึ้น “เกี่ยวแหงๆ”



ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอกว่ามันเกี่ยวมั้ยกับเรื่องนี้ เพราะมันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีผมมักฝันเห็นเหตุการณ์แปลกๆ เห็นคนประหลาดๆ รวมไปถึงเหตุการณ์เดิมๆ คนเดิมๆ วนซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เด็กจนโตถึงทุกวันนี้



ฝัน...ที่รู้สึกเหมือนจริงจนแทบแยกไม่ได้



อย่างบางคนชอบเรียกว่า เดจาวู อะไรแบบนั้นแหละ



“เออ ว่าแต่ทำไมเราต้องไปถึงบ้านนั้นของแกวะ?” ผมเบนสายตากลับมายังเพื่อนของตัวเองกำลังไถหน้าจอโทรศัพท์ดูฟีดทวิตเตอร์ตามประสาคนขี้เบื่อฆ่าเวลารออะไรสักอย่าง ซึ่งบ้านนั้นก็คือบ้านของลูกพี่ลูกน้องของยัยพรินทร์ แล้วนางชอบแอบเอามาฟุ้งให้ฟังอยู่บ่อยๆ



“ก็พาแกเอาดอกบัวนี่ไปลอยไง” พรินทร์พยักเพยิดไปยังต้นเหตุนอนนิ่งวางอยู่ไม่ไกลจากตัวผม



“ลอยที่ไหนก็ได้มั้ย” ผมพูดเพราะเห็นสีหน้าเพื่อนตัวเองแล้วรู้จุดประสงค์ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แค่อยากพาผมไปกำจัดดอกไม้เจ้าปัญหานี่แน่ๆ



“วันนี้น้าเวณิการ์อยู่บ้านพอดี เราก็จะมีกับข้าวอร่อยๆ กินกัน” ยัยตัวดีเว้นวรรคหายใจ ก่อนพูดต่อจนจบพร้อมด้วยสายตาวิบวับ “แล้วชั้นก็อยากไปเจอพี่ธรณ์ด้วย”



นั่นปะไร! สาเหตุที่ต้องหนีบผมไปถึงอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ



“บอกทีว่าไม่ได้อยู่ในแผนแล้วแต่แรก” ผมเหล่มองหน้าคนช่างวางแผน



“แต่แรกเลยแหละ!”



รอไม่นานเรือข้ามฟากก็เข้ามาในแนวสายตา กลุ่มคนมากมายพากันไปออต่อแถวเพื่อจ่ายเงินซื้อบัตรโดยสารสำหรับขึ้นเรือ ผมหันมาสะกิดพรินทร์ที่เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์เพื่อให้เตรียมเงินให้พอดีกับค่าตั๋ว



แต่ด้วยความไม่ระวังตัว ในจังหวะกำลังยืนขึ้นมีคนเดินสวนมาชนไหล่เข้าอย่างจัง เหรียญในมือซึ่งเตรียมเอาไว้จ่ายค่าโดยสารกระเด็นหล่นไปตามพื้น ผมสะดุ้งตัว มองตามทางเหรียญนั้นกลิ้งไป



เหรียญกษาปณ์เจ้ากรรมกระเด็นย้อนไปตามพื้นท่าเรือ ผมหวังว่ามันจะไปหยุดที่เท้าของใครสักคนหรือชนอะไรเข้าสักอย่างแล้วค่อยตามไปเก็บ แต่เจ้าเหรียญนั้นยังคงหมุนวนไปตามทางราวกับว่ามีใครเอาเชือกมาผูกไว้แล้วจูงอยู่ก็ไม่ปาน



บรรดาผู้โดยสารคนอื่นๆ แทรกตัวเดินผ่านร่างผมไปโดยมีบางคนหันกลับมามองว่าผมทำอะไรอยู่ด้วยสีหน้าสงสัย ซึ่งเสียงเรียกของพรินทร์ดังขึ้นไล่หลังถามผมว่ากำลังจะไปไหน



ฉับพลันเหรียญสิบบาทที่กำลังวิ่งไปตามพื้นก็ถูกมือของใครบางคนหยิบขึ้น!



เมื่อ เห็นว่าใครเป็นคนเก็บเงินค่าโดยสารของผมได้เลยรีบสาวเท้าเข้าไปหาพร้อมทั้งพูดกับอีกฝ่าย



“ขอโทษครับคุณยาย ผมขอเหรียญเมื่อกี๊คืนด้วยครับ”



“ของเอ็งเรอะ?”



“ครับ ของผมเอง” ผมกำลังจะแบมือไปยังร่างหญิงชราก็ต้องชะงักหยุดทันที



“เหรียญนี้…ของเอ็งแน่ใช่มั้ย?”



หญิงชราชูของในมือให้พวกผมสองคนมองให้ถนัดถามย้ำอีกครั้ง หากแต่ว่าผมกลับรีบพูดปฏิเสธ



“ใช่ครับ แต่คุณยายเก็บไว้ได้เลยครับ ไม่เป็นไร “



“สงสารที่ข้าตาบอดรึ?”



“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”



“งั้นดูดวงให้เอามั้ยล่ะ?” คำพูดนั้นทำเอาผมกับพรินทร์ต้องถอยหลังสองก้าวทันที ก่อนพบว่าโต๊ะที่คุณยายนั่งอยู่มีป้ายทำจากฟิวเจอร์บอร์ดเขียนไว้ด้วยลายมือหวัดๆ ว่ารับตรวจดวงชะตา ดูลายมืออะไรทำนองนี้ ซึ่งผมเองก็ไม่สังเกตเห็นในทีแรก



“ไม่เป็นไรครับ” ผมโบกมือหย็อยๆ พลางคิดได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่เห็นเลยรีบพูดสำทับ



“พอดีพวกผมกำลังรีบ”



“ไม่รีบค่ะ!”



พรินทร์ลากผมนั่งแปะบนเก้าอี้พลาสติกตรงหน้าโต๊ะของคุณยายทันที ผมหันหน้ามองเพื่อนตัวเองขวับ



“แล้วเรือล่ะ” ผมแย้งขึ้นเพราะเห็นจากหางตาแล้วว่าเรือกำลังจอดเทียบท่า แต่คนข้างตัวจิ๊ปากใส่



“เออ ช่างหัวเรือมันก่อน”



เอาละ สาวสายมูเริ่มปฏิบัติการลับสุดยอดฟอร์จูนคุกกี้ทันที



“แล้วพี่ธรณ์ของแก? “ผมยังยื้อชีวิตตัวเองสุดฤทธิ์



“เดี๋ยวก็เจอกัน แกดูของแกก่อนเลยนะ ถ้าแม่นเดี๋ยวฉันดูตาม” ท้ายประโยคยัยเพื่อนสาวตัวดีหรี่เสียงลง



อ้าว.. ให้ผมเป็นหนูลองยานี่หว่า



“เห้ย แต่นี่ไม่อยากดูดว… “เพื่อนสนิทสาวไม่รอให้ผมได้พูดจบ จัดแจงทุกอย่างเองเสร็จสรรพ มีการหันไปถามย้ำอีกรอบด้วยว่าสิบบาทแน่นะยาย ก่อนจะตกลงปลงใจดูดวงแบบงงๆ



หญิงชราตาบอดคลี่ยิ้มเมื่อรับรู้ว่าพวกผมตกลง เธอบรรจงเก็บเหรียญมูลค่าสิบบาทของผมลงตะกร้าหวายสานราวกับกลัวว่ายัยพรินทร์จะทวงคืนหากดูดวงให้กับผมไม่แม่น



บอกตามตรงผมเเอบไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่อยู่แล้ว เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับคำทำนายมากนัก



“ชะตาอาภัพนะ”



เปิดประโยคมาผมก็รู้สึกตัวเองลักกี้สุดๆ ไปเลย



วิธีการดูดวงของคุณยายคือการคลำจากลายมือ เพราะถ้าเป็นคนอื่นคือใช้ดวงตาในการดูลายมือแล้วทำนายทายทัก แต่กับคุณยายซึ่งมีอุปสรรคในการมองเห็น แกเลยใช้วิธีการจับมือของผมเอาแทน



คำทำนายของหมอดูชรานั้นผมว่ามันคล้ายกับจับเรื่องราวของผมมาปะติดปะต่อจากการถามไถ่ แทงไปในเรื่องนั้นเรื่องนี้บ้าง



ซึ่งส่วนตัวผมว่าแกก็ไม่ได้แม่นขนาดนั้น



“บ้านชอบเล่นดนตรีทำอะไรเกี่ยวกับดนตรีใช่มั้ย?”



“ไม่ครับ พ่อทำธุรกิจครับ”



“แม่เป็นคนหัวเมืองเหนือใช่มั้ย ชอบทำอาหารให้กินบ่อยๆ สิท่า”



“ไม่รู้เหมือนกันครับ พอดีแม่เสียไปนานแล้ว”



ไว้เดี๋ยวจะถามแม่ให้นะครับคุณยาย



การเดามั่วพูดส่งๆ กับเรื่องบางเรื่องมันพาลให้ผมรู้สึกฉุนอย่างช่วยไม่ได้ เอาจริงคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไรพวกนี้มันเชื่อถือไม่ได้จริงๆ แต่ไม่คิดว่าพอมาเจอกับตัวเองแล้วจะเฟลได้มากขนาดนี้



ผมหันไปส่งสีหน้ากับคนข้างตัวแล้วว่าไม่โอเค ต้องการลุกจากตรงนี้ทันที ยัยพรินทร์พยักหน้าตอบรับเป็นเชิงเข้าใจสัญญาณของผม อาศัยจังหวะคุณยายปล่อยมือผมพอดีเลยกำลังจะชักมือกลับเพื่อบอกลา



หากแต่ว่ามือเหี่ยวย่นของหญิงชรานั้นหันมาคว้าข้อมือผมไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะหายไป



แรงยึดเหนี่ยวนั้น ไม่น่าจะมาจากคนอายุมากขนาดนี้



ฝ่ามือที่ควรอ่อนนุ่มกลับแห้งสากจนรู้สึกถึงข้อกระดูกปูดโปนทิ่มแทงมือของผมอยู่



“มีวิญญาณตามเอ็งอยู่นะ!”



คำทำนายพิสดารทำให้พวกผมสองคนต้องหันกลับมามอง



“ว่าอะไรนะครับ?”



“ตามมานาน นานเกินกว่าเอ็งจะนึก”



“ใครเหรอครับ?” ผมสวนกลับไปเพราะใจด้านนึงมีอคติบัง แต่อีกด้านก็อยากรู้เหมือนกันว่าคำตอบของแกจะว่าอย่างไร ในใจมีมวลสารกวนให้ขุ่นและนึกฉุนมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ฟังคำพูดต่อมา



“เขาตามเอ็งมา หลายภพต่อหลายชาติ ผูกกรรมร้อยเวร ไล่ตามกันมาไม่มีสิ้นสุด”



ผมนึกในใจว่านี่มันออกแนวรายการผีน่ากลัวๆ สักรายการ ที่คนมีญาณซิกเซ้นส์อะไรพวกนั้นชอบทักว่าเรามีเจ้ากรรมนายเวรกำลังตามรังควานชีวิตอยู่ ต้องไปแก้กรรมอย่างนู้นอย่างนี้ ไม่งั้นชีวิตจะวิบัติมากขึ้นไปอีก



นี่แอบคิดว่า อีกนิดผมจะโดนทักว่าเคยไปทำแท้งมารึเปล่าเนี่ย



“เอ็งมองเห็นใช่มั้ยล่ะ?”



แต่กับคำพูดนี้ ทำเอาขนอ่อนด้านหลังคอลุกชูชันแบบห้ามไม่อยู่



“ยะ..ยายหมายถึงอะไรครับ” ผมทรุดนั่งลงที่เดิมถามซ้ำสอง พยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไหว เหตุการณ์เมื่อเที่ยงฉายซ้ำกลับขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ พลันเหงื่อเม็ดใสก็ไหลหยดตามหน้าผากลงมา แต่ผมไม่สนใจจะเช็ดมันออกด้วยซ้ำ



ไม่หรอก ไม่ใช่แค่เมื่อตอนเที่ยง...



หญิงชราตาบอดคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อรู้ว่าน้ำหนักคำพูดของเธอดึงความสนใจของพวกผมได้อยู่หมัด หากแต่ผมกลับรู้สึกว่ายิ้มนั้นมันเยือกเย็นมากกว่าจะยินดีเวลาได้รับ



“เอ็งรู้ แต่แกล้งไม่รู้” ดวงตาคู่นั้นขึ้นฝ้าจางทั้งสองข้าง บ่งบอกว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นสูญเสียมันไปแล้วจริงๆ แต่ภาพสะท้อนในนัยน์ตาคู่นั้นกำลังฉายชัดความกลัวของผมอยู่จนเต็มใบหน้า



ความกลัวที่ผมพยายามปกปิดแกล้งทำเป็นว่าไม่เห็น ไม่รับรู้



แต่แท้จริงแล้วความกลัวของมนุษย์เราน่ะ เราไม่ได้กังวลถึงอะไรที่เรามองไม่เห็นหรอก



เรากลัว เพราะว่าเรา มองเห็น ความกลัวอยู่ตรงหน้าชัดเจนต่างหาก…



“ผมไม่..รู้” ผมกลืนท้ายประโยคลงคอไปเพราะตอบได้ไม่เต็มปาก น้ำลายเหมือนจะเหนียวจนฝืด



เสียงหัวเราะของหญิงชราพัดพามวลก้อนความรู้สึกฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ จนผมอยากเอาตัวเองออกไปจากจุดนี้เร็วๆ เสียเหลือเกิน



ความรู้สึกเหมือนผมกำลังโดนจับจ้องจากตาคู่ที่มืดบอดอยู่ตรงนี้ จนกดดันแล้วพาลหายใจไม่ออกไปทุกที



“มีจริงใช่มั้ย?”



พรินทร์ซึ่งนั่งเงียบไปนานโพล่งขึ้นมา หญิงสาวร่างเล็กยื้อยุดกับผมเพราะความสงสัยมันมีมากเกินกว่าจะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปได้



ผมลุกขึ้นพยายามลากตัวเพื่อนสนิทตัวเองให้กลับไปยังทิศทางเดิมที่พวกเราตั้งใจไว้ ในลานสายตาผมเห็นแล้วว่าเรือลำใหม่กำลังใกล้เข้าจอดเทียบท่า



ผมอยากซื้อตั๋วเรือข้ามฟากแล้ววิ่งออกจากตรงนี้ให้พ้นเสียที ทำเหมือนกับว่าเรื่องทั้งหมดนี่มันไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยได้ยินหรือฟังอะไรทั้งนั้น



ก็แค่ทำเหมือนกับที่ผ่านมา เท่านั้นก็พอแล้วใช่มั้ยล่ะ



ผมทั้งดึงทั้งลากเพื่อนตัวเองออกจากโต๊ะตรงนั้นจนสุดแรง “ไปกันเถอะ!”



“มันมีจริงใช่มั้ยคะคุณยาย ไอ้ผี ไอ้วิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรบ้าบออะไรนี่” ยัยรินทร์แผดเสียงดังขึ้นอีก



“...” หมอดูชราตาบอดไม่ตอบ เธอใช้ดวงตาฝ้าขุ่นนั่นจ้องมองกลับมา ซึ่งสายตานั้นมองเลยข้ามคนตัวเล็กเท่าไหล่อยู่ตรงหน้าของเธอไป



หากแต่กำลังส่งสายตาทั้งหมดนั่นมาถึงผมโดยตรงเลยต่างหาก!



“เวลาเรามองเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น…”



เสียงของหญิงชราแหบพร่าจนคล้ายว่าเธอกำลังพยายามรวบรวมเอาอากาศเข้าปอดเพื่อใช้ในการส่งเสียงทั้งหมดออกมากล่าวต่อ



“ไม่เพราะบุญมากจนเขาต้องมาขอ” เธอเว้นวรรค



แต่คำพูดต่อมาก็ดึงใจผมร่วงไปกองอยู่แทบเท้า



“ก็เพราะชะตากำลังขาด!”






 


 

___________________________________________
 


 

ยังขอยืนยันกับทุกคนนะครับว่าเป็นนิยายรักนะครับ ไม่ใช่นิยายผี
 

ยังไงช่วยกันคอมเม้นท์บอกกันหน่อยนะค้าบ เป็นกำลังใจให้นักเขียนหน่อย ฮึบๆ
 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด