❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบหก] 1.12.20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบหก] 1.12.20  (อ่าน 15690 ครั้ง)

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวสิบเก้า] 09.12.18
«ตอบ #30 เมื่อ10-12-2018 01:32:48 »

โอ๊ยยยยยยยยคนอ่านไม่ไหวแล้ววววววว :pighaun:อะไรจะน่ารักขนาดนี้

คุณเหินรีบรุกหนักๆเลยนะ น้องเกล้าจะได้รู้สักทีว่าจีบ :hao7: :ling1: ถ้าคุณหญิงแม่รู้ว่าพี่เหินชอบน้องเกล้านี่คงกริ๊ดดดดดดลั่นบ้านแน่ๆ55555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวสิบเก้า] 09.12.18
«ตอบ #31 เมื่อ10-12-2018 07:02:36 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ jyube

  • written by jyube
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
    • Jyube's Page
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบ] 01.01.19
«ตอบ #32 เมื่อ01-01-2019 20:53:07 »

ก้าวยี่สิบ - ร้านไอศกรีม
       

        หลังจากเหินฟ้าได้ถูกกระตุ้นด้วยการอุปมาเรื่องนกกาเหว่าผัวเมียของคุณนายตรึงจิตแล้วพ่อหนุ่มมาดขรึมก็ได้ตัดสินใจเริ่มจีบอย่างจริงๆ จังๆ หลังจากที่โทรไปขอกำลังใจจากภาพฟ้าผู้เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สำคัญของเขา ซึ่งยัยภาพฟ้าก็ไม่วายลากไอ้เวทย์มาประชุมสายด้วยอีก


    “เฮ้อ ขอคุยกับฟ้าคนเดียวไม่ได้หรือไง” เหินฟ้าโอดครวญผ่านสาย


    “อะไรมึงๆ เราเคยมีความลับด้วยกันหรอวะไอ้เหิน” เวทย์ด่ากลับด้วยน้ำเสียงด่าทอ เขารู้หรอกว่าที่เพื่อนตัวโตคนนี้มันไม่อยากให้รู้คงเพราะกลัวโดนล้อ


    “ไม่เป็นไรน่าเหิน ฟ้าบอกเวทย์แล้ว ว่ายังไงๆ ก็ห้ามล้อเพื่อนเด็ดขาด ถ้าเกิดว่าล้อมากๆ ฟ้าจะแช่งให้เวทย์มีแฟนเป็นผู้ชายแถมเป็นฝ่ายรับด้วย หึหึหึ” ภาพฟ้ากล่าวอย่างมาดมั่น


    “เห้ยฟ้า ไม่เอาดิ หน้าอย่างนี้ให้ไปรับให้ใครวะ สยองว่ะ แต่ถ้ามีแฟนเป็นผู้ชายแล้วได้แบบน้องเกล้านี่ก็ไม่เลวนะโว้ย” ว่ายังไม่ทันขาดคำเวทย์ก็แซวขึ้นมาแล้วหนึ่งประโยค


    “ไอ้สัตว์เวทย์ อย่าแม้แต่จะคิด!” เหินฟ้าด่ากลับ เมื่อก่อนเรื่องผู้หญิงอะไรนี่ไม่เคยหวงกันหรอก แต่แหม จะจริงจังทั้งที เพื่อนต้องไม่ยื่นปากมาชิมปลาย่างของเพื่อนสิ


    “โอ้ยรำคาญ! มีหวง กูไม่เอาหรอกโว้ย กูเห็นยายเขาแล้วรู้เลย ว่าถ้าได้เขามาเป็นเมียก็ไม่ต่างจากได้แม่เพิ่มอีกคนแน่ๆ” คำพูดของเวทย์ทำให้เหินฟ้านึกถึงช่วงเวลาสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา เขากับน้องคุยกันมากขึ้น และเริ่มแสดงความห่วงใยออกมาทั้งการพูดและการกระทำอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น และหลายครั้งที่ความห่วงใยเหล่านั้นถูกส่งผ่านออกมาในรูปของการดุเพื่อตักเตือน โดยเฉพาะฝ่ายของเจ้าเกล้าที่มักจะห้ามปรามเขาในเรื่องการกินข้าวให้ตรงเวลา หรือการขับรถให้ช้าลง เพียงแค่นึกถึงใบหน้าบูดบึ้ง กับปากงอๆ ที่พยายามจะดุเขา เหินฟ้าก็ยิ้มขึ้นมาทั้งหัวใจ


    “แหมมมทำเงียบ กูรู้เลยอนาคตเพื่อนกูแม่งกลัวเมียแน่ๆ เสือเข้มแม่งตายแล้วจริงๆ ใช่ไหมวะคราวนี้”


    “เออ กูยอม” เหินฟ้ากล่าวเสียงเบา


    “พอเลยๆ เวทย์ นี่วันนี้เหินเขาจะขอคำปรึกษานะ ไหนเหินว่ามาสิ มีอะไรอัพเดตให้ผองเพื่อนฟังบ้างคะ”


    หลังจากนั้นเหินฟ้าก็ได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมารวมทั้งการสนับสนุนแบบอ้อมๆ ของคุณนายตรึงจิต ซึ่งเมื่อเพื่อนสนิททั้งสองคนได้ฟังแล้วถึงกับร้องตกใจ


    “ไอ้เหิน มึงไปทำอะไรให้คุณนายจงอางจอมหวงไข่เขาไฟเขียววะ”


    “อืม ไม่รู้สิ แต่กูก็โดนเขาแกล้งเยอะนะ จริงๆ ก็ไม่คิดว่าจะยอมง่ายๆ”


    “ฟ้าว่าถือเป็นเรื่องดีนะ ฟ้าเชื่อแหละว่าคุณนายตรึงจิตต้องเห็นความจริงใจของเหินจริงๆ อีกอย่าง คนที่มาจีบน้องเกล้าส่วนใหญ่ที่ฟ้ารู้มาก็ดูเรื่อยๆ เปื่อยๆ คุณนายตรึงจิตคงจะรอคนที่มั่นคงแบบเหินแน่ๆ”


    “หืม ทำไมฟ้าถึงรู้เรื่องคนที่ตามจีบเกล้าได้ล่ะ” เหินฟ้ามีคำถาม


    “หึหึ รู้จักฟ้าน้อยไปแล้วเหิน ของอย่างนี้มันต้องมีตัวช่วย”


    “ตัวช่วยอะไรวะฟ้า” เวทย์ถามขึ้น


    “ไม่บอกจ้ะ เอาล่ะๆ ช่างเรื่องฟ้าเถอะ แล้วเรื่องแม่ของเหินล่ะว่ายังไงบ้าง”


    “อืม ช่วงที่ผ่านมานี้แม่ไปฮ่องกงกับพ่อยาวๆ เลย เลยไม่มีคนมาอะไรมาก”


    “กูว่ามึงควรบอกแม่ไหมวะเรื่องนี้”


    “ฟ้าเห็นด้วยนะเหิน อย่างน้อยแม่ของเหินจะได้เลิกจับคู่สักที”


    “อืม เรากะจะบอกเหมือนกัน แต่เราอยากคบกับน้องอย่างจริงจังก่อน” พูดแล้วเหินฟ้าก็นึกถึงใบหน้าสวยๆ ของคนในหัวใจจนต้องยิ้มออกมา เฮ้อ เป็นเอามากนะไอ้เหิน


    “เออเว้ย มันมีแผนว่ะ” เวทย์พูดกลั้วหัวเราะ


    “อย่างนั้นก็ได้นะเหิน แต่ฟ้าแนะนำให้รีบบอก as soon as possible นะ อย่ารอให้มันสายเกินไป”


    “อืมเข้าใจแล้วขอบคุณมากฟ้า”


    ทั้งสามคนคุยเรื่องสัพเพเหระอีกนิดหน่อยจนวางไป ส่วนเหินฟ้าก็นั่งคิดถึงเจ้าเกล้าต่ออีกหน่อยก่อนนอน พร้อมวางแผนเป็นขั้นๆ ว่าควรจะเริ่มและจบยังไง


 


    วันนี้เจ้าเกล้ามีธุระที่ห้างเพราะนัดเจอเพื่อนๆ หลังจากที่ได้คุยกันผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเดียวมาสักพักหนึ่ง แล้วจริงๆ วันนี้ก็ควรเป็นวันธรรมดาๆ วันหนึ่งถ้าหากไม่มีคนตัวโตๆ หนึ่งคนคอยเดินประกบข้างอยู่ด้วยตอนนี้


    “เอ่อ คุณเหินจะมาด้วยจริงๆ หรือครับ” เจ้าเกล้าอดสงสัยไม่ได้ เพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายคนนี้พอรู้ว่าเขาจะมาห้างก็อาสามาเป็นสารถีให้ทันที แล้วยังเดินออกมาด้วยทั้งๆ ที่ก็บอกไปแล้วว่ามาหาเพื่อน เจ้าเกล้าแค่กลัวคุณเขาจะอึดอัดเท่านั้นแหละ


    “อืม ใช่สิ เจอเพื่อนๆ ของเกล้าได้ด้วยหรือเปล่า” เหินฟ้าถาม ดวงตาใสๆ ที่มองมาอย่างมีคำถามนั้นช่างน่ารักเหลือเกินในความคิดของเขา


    “ผมไม่ว่าอะไรครับ แค่กลัวคุณเหินอึดอัด” เจ้าเกล้าตอบ


    “ฉันไม่ถือนะ แค่อยากเจอเพื่อนๆ ของนายบ้าง” เหินฟ้าละสายตากลับมามองไปข้างหน้าแทนใบหน้าของอีกคน เพราะรู้สึกจ้องตานานๆ แล้วใจมันเต้นแรงเหลือเกิน


    “ก็ได้ครับ” เจ้าเกล้ายิ้มให้ จนสายตามองไปเห็นเพื่อนๆ ที่ยืนรอกันอยู่หน้าร้านไอศกรีมกันแล้ว และนอกจากเพื่อนๆ ของเขาทั้งสี่คนแล้ว ยังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาด้วยอีกสองคนนั่นก็คือเต้ย และสิปป์


    “เห้ยยเกล้าโว้ยยย” พุฒิพัฒน์ตะโกนเรียกเจ้าเกล้า คนอื่นที่เหลือจึงหันมามองและได้พบกับใครอีกคนที่เจ้าเกล้าพามาด้วย หน้าตา หน่วยก้าน และอะไรหลายๆ อย่างทำให้ทั้งสองคนดูเหมาะสมดั่งเครื่องประดับที่เข้ากับชุดๆ หนึ่ง พุฒิหันมาสบตากับดินซึ่งในสายตาของเพื่อนชายอีกคนนั้นก็บอกเหมือนกันว่านี่คือสัญญาณอันตรายสำหรับองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงอย่างพวกเขา


    “ใครอ่ะเกล้า” เรนเนอร์เป็นคนทักขึ้นมาเพราะมีแต่เรนเนอร์ และสิปป์ที่ไม่เคยเห็นเหินฟ้ามาก่อน นอกนั้นเคยเจอที่ร้าน hundred seasons แล้ว


    “หวัดดีเรน เต้ยกับสิปป์ก็มาด้วย” เจ้าเกล้าแจกยิ้มให้ทุกคน ส่วนเหินฟ้าที่มองเห็นสายตาไม่เป็นมิตรจากเพื่อนของเจ้าเกล้าแทบทุกคน ก็เริ่มฉงนใจเบาๆ ว่าวันนี้คงจะมีบททดสอบอะไรมาให้แก้ปัญหาอีกแน่ “ทุกคน นี่คุณเหินฟ้า เป็นเจ้านายของเกล้าเอง”


    “ทำไมเจ้านายถึงมาเดินเที่ยวกับลูกน้องล่ะเกล้า” ดินเป็นคนเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงแข็งๆ แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความไม่เป็นมิตร


    “จริงๆ คุณเหินช่วยเหลือเราไว้เยอะเลย ตอนนี้ก็สนิทกัน เป็นเหมือนพี่ชายเราอีกคนแหละ” เจ้าเกล้ายิ้มละไมขณะมองหน้าคนตัวโตอีกคนที่ทำสายตาหงอยๆ สงสัยจะตกใจที่เห็นเพื่อนๆ ของเขาไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ซึ่งจริงๆ แล้วเหินฟ้านั้นเกลียดคำว่า‘พี่ชาย’ ขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และหมายมั่นว่าคำนี้มันต้องเปลี่ยนเป็นคำอื่นให้ได้โดยเร็ว


    “สวัสดีครับ คุณเหินฟ้า” ดินเป็นคนเริ่มทักทายหลังจากที่เมินอีกฝ่ายมานาน ทุกๆ คนจึงยกมือไหว้ตาม


    “สวัสดีครับ วันนี้ผมว่างเลยอาสาพาเกล้ามาส่ง เลยถือโอกาสนี้มาทำความรู้จักเพื่อนๆ ของเกล้าด้วยครับ” เหินฟ้าวางท่าทีสบายๆ แม้จะแอบเหงื่อซึมอยู่เล็กๆ


    “ทุกคนอย่าแกล้งคุณเหินสิ ไปกินไอติมกัน คนเยอะๆ สนุกดีออก” เจ้าเกล้าเห็นสายตาไม่เป็นมิตรที่ยังไม่คลายลงของเพื่อนๆ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้


    


    บรรยากาศบนโต๊ะร้านไอติมเป็นไปอย่างเชื่องช้าและน่าอึดอัดในความรู้สึกของเหินฟ้า หนึ่งคือคนที่ชื่อดิน พุฒิ และเรนเนอร์ เอาแต่จ้องเขาที่นั่งหัวโต๊ะ สองคือเด็กที่ชื่อเต้ยกับสิปป์ที่ดูก็รู้ว่าคิดกับเจ้าเกล้าเกินเพื่อนกำลังแย่งกันคุยกับเจ้าเกล้าเรื่องนู้นเรื่องนี้จนน่าหมั่นไส้


    “ไม่ชอบ” เรนเนอร์พูดออกมาเสียงแข็งใส่เหินฟ้า แล้วสะบัดหน้าหนีทันทีจนคนอื่นๆ ถึงกับเงียบ


    “เอ่อ พี่เรนเป็นอะไรหรอ” สิปป์เอ่ยถาม


    “เรนไม่ชอบคนๆ นี้” ต้นอินที่ทำหน้าง่วงอยู่นานเอ่ยตอบพร้อมกับชี้ไปที่เหินฟ้าโดยที่แอบลอบยิ้มอยู่ในใจ วันนี้คงเป็นอีกวันที่สนุกมากๆ สำหรับกลุ่มนี้เลยล่ะ


    “เรน ไม่เสียมารยาทนะ คุณเหินถือว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งนะ” เจ้าเกล้าที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับเรนเนอร์ซึ่งมีสิปป์คั่นกลางกล่าวบอกพร้อมกับจับแขนให้อีกคนเย็นลง


    “เรนไม่ยอม เขาจะเอาเกล้าไป” เรนเนอร์เม้มปากแน่นและเริ่มมีน้ำตาปริ่มที่ขอบตา สัญชาตณานของเขาบอกให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีดีพอที่จะให้เจ้าเกล้ารัก และนั่นแปลว่าเขาจะเสียเจ้าเกล้าที่เขารักที่สุดไป


    “หืม เรนใจเย็นๆ สิปป์ พี่ขอสลับที่นั่งหน่อยสิ” หลังจากกล่าวเจ้าเกล้าจึงขยับมานั่งข้างเรนเนอร์


    “ไม่เอาไม่ร้องนะคนดี เกล้าไม่ได้ไปไหนเลย คุณเหินมากินไอติมด้วยเฉยๆ เอง” เจ้าเกล้าลูบหัวเช็ดน้ำตาให้กับอีกคนหนึ่ง เรนเนอร์ติดเขามากตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่ง จะว่าเป็นเด็กขาดความอบอุ่นก็ได้ เจ้ากล้าจึงดูแลเอาใจใส่มาตลอด ทุกวันนี้อาการก็ดีขึ้นแล้ว พอห่างกันได้บ้าง แต่วันนี้เหมือนจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว “คุณเหิน ผมขอโทษแทนเพื่อนนะครับ เรนเป็นคนอ่อนไหวนิดหน่อย” เจ้าเกล้าบอกเหินพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ ไปให้


    “อืม อย่าคิดมากเลย ฉันเข้าใจ เราสั่งไอศกรีมกันดีกว่า ยังไงวันนี้พี่เลี้ยงทุกคนเองนะ” เหินฟ้ายิ้มมุมปากแบบเท่ๆ หนึ่งที พร้อมกับเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์


    “พี่ให้เรนเลือกก่อนเลยว่าอยากทานอะไร” เหินฟ้าส่งเมนูให้เรนแต่อีกฝ่ายเอาแต่เมินหน้าหนี


    “เรนไม่อยากทานไอติมหรอ วันนี้เกล้าเลือกร้านนี้เพราะอยากให้เรนได้กินช็อคโกแลตเลยน้า” เจ้าเกล้าลูบหัวเรนไปพลางส่งซิกไปทางเหินฟ้าพลาง


    “นี่ไงน้องเรน วันนี้มีเมนูพิเศษที่มีแต่วันนี้เท่านั้นนะครับ เขาเขียนว่าเป็นซูปเปอร์ช็อคโกลาวา มีซอสช็อคโกแลตอยู่ในไอศกรีมด้วยครับ ไม่ต้องสนใจพี่ก็ได้ครับ แต่ต้องทานไอติมนะ เกล้าอยากมาหาเรนมากเพราะอยากให้เรนได้กินของอร่อยที่มีแค่วันนี้” เหินฟ้าใช้น้ำเสียงเวลาที่คุยกับน้องรัก ต้องขอบคุณเด็กน้อยที่บ้านที่ทำให้เขามีสกิลในการรับมือกับเด็กๆ ถึงแม้น้องรักจะไม่ได้ดูเอาแต่ใจแบบนี้ก็ตาม


    “เอาไหมเรน เกล้าก็อยากกินนะ เราสั่งเมนูนี้มากินด้วยกันดีไหม คุณเหินเขาก็กินของเขา เราก็กินของเรา ดีไหม” เจ้าเกล้ายิ้มให้เรนเนอร์จนอีกฝ่ายต้องหันกลับมามองตาอยู่นาน เรนเนอร์หันมองเกล้าที คุณเหินที ซึ่งตอนนี้คนที่นั่งหัวโต๊ะ กำลังกางเมนูช็อคโกแลตให้ดูอยู่พร้อมกับยิ้มน้อยๆ แต่ดูแล้วจริงใจในระดับนึง


    “เอา…ก็ได้ กินกับเกล้านะ” เรนเนอร์กล่าว


    “ได้เลยครับ เดี๋ยวเราไปล้างหน้ากันก่อนดีกว่าเนอะ ตาสวยๆ ของเรนช้ำหมดแล้วครับ ไปนะ เกล้าพาไป” เจ้าเกล้ากล่าวชวนเรนเนอร์ และอีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วย “ทุกคนเดี๋ยวเกล้ามานะครับ พาเรนไปห้องน้ำเดี๋ยว เกล้าขอโทษอีกทีนะครับคุณเหิน” เจ้าเกล้ากล่าวเบาๆ ตอนที่กำลังจะเดินออกไป เหินฟ้ายิ้มและพยักหน้าเบาๆ ให้รู้ว่าเขาเข้าใจและไม่ได้กะจะว่าอะไรอีกฝ่ายเลย


    


    หลังจากทั้งสองคนเดินออกไปแล้ว ทั้งโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ดินกับพุฒิมองหน้ากันอีกครั้ง ต่างคนต่างคิดตรงกันว่าคุณเหินฟ้าคนนี้ดูไม่ธรรมดาเลย รับมือกับสถานการณ์ที่ปราบหลายคนที่เคยจีบเกล้ามาแล้วอย่างเรนเนอร์ได้ แถมยังดูไม่ตกใจอีก นิ่งและสงบมากจนคาดไม่ถึง


    “ทุกคนฝึกงานกันที่ไหนหรอครับ” เหินฟ้าเอ่ยออกมาทำลายบรรยากาศแปลกๆ นี้


    “เราแยกๆ กันไปครับ อย่างผมก็ไปสายข่าว” ดินเป็นคนตอบเหินฟ้า พร้อมกันนั้นก็ตอบแทนคนอื่นๆ ไปด้วย “พุฒิไปสายสถาปัตย์ อินไปแม็กกาซีน ส่วนเรนไปสายดนตรี”


    “อ๋อ น่าสนใจดี เราทำข่าวที่ไหนล่ะ” เหินฟ้าถามดินต่อ


    “ดีเท็กท์ครับ” ดินตอบ


    “อ้อ เป็นบริษัทที่ดี เพื่อนของพี่เป็นกรรมการบริหารอยู่ที่นี่คนนึง เห็นเคยเล่าว่ารับเด็กฝึกงานยากมาก เราเก่งนะที่ได้ทำที่นี่ ฝึกออกมาแล้วรับรองว่าเจ๋งแน่” เหินฟ้าเอ่ยชมอย่างจริงใจ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าดินเป็นคนเก่ง ฉลาดและเฉลียว แถมยังน่าจะซื่อสัตย์ คนอย่างนี้สมควรสนับสนุน


    “เราล่ะ สถาปัตย์นี่ทำที่ไหน” เหินฟ้าหันมาถามพุฒิต่อ


    “เอ่อ บริษัทอินโทรครับ” พุฒิยังงงๆ อยู่ว่าบรรยากาศเมื่อกี้เปลี่ยนมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร


    “อาห้ะ เราสนใจสถาปัตย์หรอ”


    “ใช่ครับ จริงๆ ผมเข้านิเทศตามเพื่อนๆ แต่จริงๆ อยากเรียนสถาปัตย์น่ะครับ”


    “อื้ม งานสถาปัตย์ยากอยู่นะ ถ้าสมมติฝึกจบแล้วอยากลองทำสถาปัตย์ดูจริงๆ บอกพี่ได้นะ เพื่อนพี่ทำบริษัทครีเอทเอสเตท ทุกๆ ปีเขาจะมีโครงการเทรนคนที่อยากรู้เรื่องพวกนี้ ความรู้ที่ได้มาใช้ได้จริงเลย บางคนเอาไปต่อยอดจนเป็นสถาปนิกเก่งๆ ได้เลย” เหินฟ้าเล่าให้พุฒิพัฒน์ฟัง ซึ่งตอนนี้เด็กหนุ่มมีท่าทางตั้งใจและกระตือรือร้นมาก น่าจะชอบเรื่องสถาปัตย์จริงๆ


    “จริงหรอครับพี่ ผมเคยเห็นโครงการของครีเอทฯ แล้วครับ แต่เขาดูรับคนยากมากเลย น่าจะมีพื้นฐาน ถ้าได้เข้าผมจะดีใจมากเลยพี่” พุฒิในตอนนี้ได้ลืมการพยายามเขม่นคนตรงหน้าไปแล้ว แถมยังยกให้เป็นพี่เหินอีกด้วย


    “อื้ม ถ้าสนใจก็บอกได้ จริงๆ มันอยู่ที่ใจเรา ถ้าอยากทำมากๆ ก็ไม่ยากเกินไปหรอก แสดงแพชชั่นให้เขาเห็น”


    “โห แล้วเคยมีคนที่ไม่มีพื้นแต่ผ่านเข้าไปได้เลยหรอครับ” พุฒิพัฒน์ถามออกมา แอบตกใจเหมือนกันเพราะโครงการนี้เพื่อนๆ สถาปัตย์เองยังบอกว่าเข้าร่วมยาก


    “มีสิ พี่ไง” เหินฟ้าเอ่ย


    “เหยดดดดดด พี่เรียนสถาปัตย์มาหรอครับ”


    “เปล่าเลย แต่ชอบ Interior เลยลองดู ตอนนั้นก็เหมือนเราเลย อยากทำมาก เขาเห็นเราชอบและน่าจะขยันเลยได้เข้าไป ช่วงนั้นเหนื่อยสายตัวแทบขาดเหมือนกัน...”


    บทสนทนาค่อยๆ ลื่นไหลไปเรื่อยๆ โดยที่คนที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดในโต๊ะเป็นคนเริ่มแต่ละหัวข้อขึ้นมา โดยอิงจากน้องๆ แต่ละคน เหินฟ้าแนะนำเทคนิค วิธีการ และเส้นทางต่างๆ ในการทำงานที่เหมาะกับของแต่ละคน เพราะเขาเองก็เป็นมีแพชชั่นแต่เด็กๆ อยากทำนู้นนี่เยอะไปหมด แล้วก็ชอบที่จะลองทำเสมอ ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ยากเมื่อเขาสามารถดึงประสบการณ์ตรงของเขาออกมาแนะนำน้องๆ ได้ แถมยังมีคอนเนคชั่นอยู่แทบทุกที่ซึ่งคงเป็นความสามารถที่ได้แม่มา


    “พี่เหิน ผมขอถามตรงๆ ได้ไหมครับ” หลังจากคุยกันไปสักพัก พุฒิเห็นว่าเจ้าเกล้ากับเรนเนอร์ยังไม่มาจึงถือโอกาสนี้เปิดอกกับคนๆ นี้ที่หลังจากคุยกันเขารู้สึกถูกชะตา และอยากนับถือเป็นไอดอลเหลือเกิน


    “พี่ชอบเกล้า”


    “…”


    “…”


    “…”


    ทุกคนบนโต๊ะล้วนสะดุ้งยกเว้นต้นอินที่ฟุบอยู่กับโต๊ะแต่ก็แอบยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินถึงความตรงๆ ของผู้ชายคนนี้


    “เราคงหวงเพื่อนมาก ให้เดาก็คงกันคนมาจีบเกล้าใช่หรือเปล่า” เหินฟ้าแอบเหล่ไปมองเต้ยกับสิปป์ ทั้งสองคนถึงกับสะดุ้งน้อยๆ และที่เหินฟ้าเข้าใจก็เป็นเพราะเขาเองก็เคยกันภาพฟ้าจากหนุ่มๆ ทั้งในและนอกคณะ เขาเรียนบริหารซึ่งเป็นหลักสูตรอินเตอร์ ผู้ชายหลายคนที่เข้ามาหาภาพฟ้าจึงมีแต่หล่อ รวย และเจ้าชู้ ซึ่งเขาและเวทย์ก็มักช่วยกันสกรีนอยู่บ่อยๆ


    “ใช่ครับ จริงๆ เกล้าก็ดูแลตัวเองได้อยู่ แต่ครอบครัวของเกล้าเป็นคนฝากพวกเราไว้” ดินเป็นคนตอบข้อสงสัย


    “แล้ว นี่คือพี่จีบเกล้านี่ เกล้ามันยอมหรอ เห็นเมื่อกี้บอกเป็นพี่ชาย” พุฒิแซวขำๆ


    “เฮ้อ เอาจริงๆ พี่เพิ่งเริ่มจีบได้ไม่นาน แต่คงต้องคุยกันให้ชัดเจนกว่านี้” เหินฟ้าเอ่ยขึ้น


    “ผมคุยกับพี่แล้วรู้สึกว่าพี่น่าจะดูแลเกล้าได้ เราจะให้โอกาสพี่นะครับ” ดินพูด “ผมขอแนะนำว่าพี่ต้องทำให้แน่ใจว่าเกล้าชอบพี่บ้างแล้วสักนิดนึง ไม่งั้นล่ะก็ พูดไปตรงๆ เกล้ามีสิทธิปฏิเสธสูงนะครับ”


    “งั้นหรอกหรอ โอเค ขอบคุณมาก” เหินฟ้าดินและพุฒิอีกครั้ง “พี่อยากให้เราไว้ใจพี่ มันไม่ง่าย พี่เข้าใจ จับตาดูพี่เอาไว้นี่แหละ พี่เองไม่ได้ชอบใครง่ายๆ เหมือนกัน พอชอบแล้ว พี่ก็จะเต็มที่” เหินฟ้าพูดอย่างหนักแน่น “ส่วนสองคนนี้ พี่ต้องขอโทษด้วย” เหินฟ้าส่งสายตาไปให้ทั้งเต้ย และสิปป์ เขาจำเป็นต้องตัดคู่แข่งที่เป็นไปได้ทั้งหมด เขาจะไม่บอกให้มาแข่งกัน แต่เขาจะตัดสิทธิ์และยอมแพ้ไปซะ นี่คือหนึ่งในหลักของการเจรจาธุรกิจที่เขาต้องมี


    “ฮ่าๆๆๆ ขำหน้าพวกแม่งว่ะ โอ้ยพี่ ไอ้สองคนนี้แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม ไอ้เต้ยนี่สายเนียน แต่เกล้ามันรู้ทันก็ไม่เล่นด้วย” เหินฟ้าแอบสะดุ้ง เขาเองก็สายเนียนเหมือนกันถ้าจำไม่ผิด “ส่วนไอ้หน้าอ่อนนี่ตอดมาเป็นเดือนแล้ว ชัดเจนกว่านี้ก็ควักหัวใจให้แล้ว แต่รายนั้นก็ทำแค่ยิ้มให้แล้วก็บอกปฎิเสธ แห้วกว่านี้ก็สวนแห้วแล้วไอ้สิปป์เอ้ย” พุฒิเป็นคนอธิบายเรื่องราวคร่าวๆ ของคู่แข่ง(ที่ถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว)ของเหินฟ้า


    “เฮ้อ ผมก็ไม่อยากยอมแพ้นะพี่ แต่คงต้องยอม สู้กับใจพี่เกล้าว่ายากแล้ว ถ้าผมต้องสู้กับพี่เหินเนี่ย ผมว่าผมเอาเวลาไปกินแห้วให้อิ่มดีกว่าครับ ฮ่าๆๆ” สิปป์พูดที่เล่นทีจริง


    “เอาน่าเดี๋ยวก็มีคนที่ใช่เข้ามา แต่คนนี้คือใช่ของพี่ พี่มาทีหลัง แต่ขอใช่ก่อน” เหินฟ้าพูดกลั้วหัวเราะ ทั้งโต๊ะจึงมีแต่เสียงขบขันจนกระทั่งเจ้าเกล้าและเรนเนอร์กลับมาบรรยากาศจึงดีขึ้นโข


    .


    .


    .


    หลังจากมื้อของหวานแสนอร่อยกับบรรยากาศดีๆ จบลง เหินฟ้าจึงอาสามาส่งเจ้าเกล้าอีกตามเคย


    “วันนี้ขอบคุณนะครับ” เจ้าเกล้าเอ่ยขึ้นขณะนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับคนตัวสูง


    “หืม เรื่องอะไรหรอ” เหินฟ้าถามสายตายังมองไปข้างหน้า


    “หลังจากที่เกล้ากลับมาอีกที บรรยากาศดีขึ้นมาก เมื่อกี้แอบถามดิน ดินเลยเล่าให้ฟังว่าคุณเหินเล่าหลายๆ เรื่องให้พวกมันฟัง มีประโยชน์มากเลย พุฒิเหมือนเอาคุณเป็นไอดอลแล้วนะครับตอนนี้” เจ้าเกล้ายิ้มจนตาปิด เขาแอบดีใจเล็กๆ ที่เหินฟ้าเข้ากับเพื่อนเขาได้ ถึงแม้เรนเนอร์จะยังไม่เปิดใจเต็มที่ แต่เหินฟ้าก็รับมือได้อย่างไม่ยากนัก


    “พี่” เหินฟ้าพูดขึ้นมา


    “ครับ?”


    “เรียกพี่ว่าพี่”


    “เอ๊ะ!”


    “เร็วเข้า เรียกพี่เหิน” เหินฟ้ายังตามองไปข้างหน้า


    “เอ่อ พี่เหิน” เจ้าเกล้างงนิดหน่อยที่อยู่ดีๆ ก็ให้เปลี่ยนสรรพนามกันดื้อๆ


    “ดีมากครับ ต่อจากนี้เรียกตัวเองว่าเกล้าเหมือนที่คุยกับคุณยายด้วยรู้ไหม” เหินฟ้าเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กดีของเขา


    “ค..ครับ” เจ้าเกล้ารู้สึกคันยุบยิบที่ช่วงอก มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาว่ามันไม่เลวเท่าไหร่นัก


    “เพื่อนๆ เราเป็นคนดี เขารักและห่วงเรามาก โชคดีมากเลยที่มีเพื่อนดีๆ ไว้ว่างๆ ให้พี่พาไปเลี้ยงขนมอีก” เหินฟ้ายังไม่ละมือออกจากผมนุ่มๆ ของคนตัวหอม


    “ผม เอ่อ เกล้าดีใจครับที่...พี่เหินเอ็นดูเพื่อนๆ”


    “อืม เอ็มดูทุกคนนั่นแหละ” โดยเฉพาะเรา เหินฟ้าคิดในใจ ส่วนใบหน้าก็แสดงออกด้วยการยิ้มกว้างๆ ออกมา


    “พี่เหินครับ” เจ้าเกล้าแอบรู้สึกขัดๆ นิดหน่อย แต่ก็พยายามพูดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ของตน ความรู้สึกชื่นชม และเคารพคนๆ นี้


    “ครับ” เหินฟ้าอดไม่ได้ที่จะใจกระตุกเบาๆ เวลาที่เอามือใหญ่ออกจากศีรษะของอีกคนซึ่งฝ่ายนั้นค่อยๆ เรียกชื่อเขาอย่างไม่ถนัดพร้อมกับค่อยช้อนสายตาขึ้นมา ช่างเป็นภาพที่น่าจับขย้ำให้จมที่นอน


    “จริงๆ แล้วพรุ่งนี้เกล้ากับที่บ้านจะไปเลี้ยงอาหารเด็กๆ ที่มูลนิธิ ถ้าพี่ว่าง เกล้าอยากให้มาด้วยกันครับ” เจ้ากล้ากล่าวเชิญอีกคน


    “อื้ม ได้สิ พรุ่งนี้ว่างแหละนะ” คุณพรพรรณผมขอโทษด้วยจริงๆ พรุ่งนี้ผมขอเลื่อนประชุมไปอีกวันเถอะ เหินฟ้าได้แต่คิดในใจ “ว่าแต่ ไปเลี้ยงอาหารเนื่องในโอกาสอะไรล่ะ”


    “วันเกิดเกล้าเอง” เจ้าเกล้ายิ้มกว้างไปทั้งใบหน้า เขาอยากให้อีกฝ่ายไปด้วยกัน มันคงจะสนุกมากถ้าอยู่กันพร้อมหน้า นี่เขาทำเหมือนติดพี่เหินไปเสียแล้ว ก็เจอหน้ากันแทบทุกวันเลย แถมยิ่งรู้จักก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมและดีใจที่ได้รู้จักผู้ชายคนนี้


    “เอ้า ทำไมไม่รีบบอก” เหินฟ้าแอบบ่นในใจว่าทำไมตัวเองไม่รีบหาข้อมูลก่อน ตายห่า ยังไม่มีของขวัญเลย พรุ่งนี้แล้วด้วย


    “ลืมทุกทีเลยครับ เกล้าเพิ่งนึกได้ เพราะเดี๋ยวต้องกลัวไปเตรียมของทำอาหารพอดี”


    “ไม่ให้เวลาพี่เตรียมของขวัญเลยหรอ” เหินฟ้าถาม


    “จริงๆ ของขวัญไม่ต้องก็ได้นะครับ แค่ถ้าเกิดว่า พรุ่งนี้พี่มาได้แล้วมาด้วยกัน ก็เป็นของขวัญให้เกล้าแล้วครับ” เจ้าเกล้าพูดออกมาจากใจ เพราะเขาคิดว่าของขวัญของคนตรงหน้าน่าจะเป็นของแพงแน่ๆ เลย


    “เฮ้อ ได้ยังไงเล่า ถ้าให้ย้อนหลังได้ใช่ไหม”


    “โถ่ ไม่จำเป็นจริงๆ นะครับ” เจ้าเกล้ายังคงยืนยันด้วยใบหน้าที่เริ่มง้ำงอ


    “เอาน่า ปีละครั้งเอง” เหินฟ้าพูดไปยิ้มไป


    “ไม่ต้องเลยพี่เหิน เกล้ารู้ว่าพี่ต้องซื้อของแพงๆ แน่ๆ เลย” เจ้าเกล้าเริ่มเปลี่ยนโทนเสียง


    “อ้าว ก็ไม่แพงนะ อย่างนาฬิกา กระเป๋า หรือจะเครื่องเพชรอย่างงี้ไง” เหินฟ้าแกล้งหยอก


    “นี่ไงๆ ห้ามนะครับ ถ้าพี่ซื้อของพวกนี้เกล้าโกรธจริงๆ ด้วย ถ้าอยากให้ก็ต้องให้อะไรที่มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าราคานะครับ” นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เหินฟ้ามีความสุข การที่ได้โดนเจ้าเกล้าดุ เตือน หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเขา เพราะเขาอยากให้อีกคนมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเหลือเกิน


    “ก็ได้ครับๆ เอาเป็นว่าถ้าพี่หาได้แล้วจะเอามาให้ย้อนหลังแล้วกันนะ” เหินฟ้ากล่าว


    “เฮ้อ ทำไมดื้อจังเลยครับ ถ้าอย่างนั้นแล้วแต่พี่เหินเลยครับ แต่ห้ามแพงนะครับ สัญญาก่อน” เจ้าเกล้าเอ่ยเสียงแข็งที่คนฟังกลับรู้สึกว่ามันอ่อนนุ่มมากกว่า


    “สัญญาครับ” เหินฟ้าที่ได้ทีเนียนจับมือของอีกคนมาเกี่ยวก้อยหน้าตาเฉย แถมยังลูบไปลูบมาจนเจ้าเกล้าแอบตกใจนิดหน่อย แต่ก็แปลกที่เขากลับรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นการล่วงเกินอะไร แต่มันเหมือนเป็นการถ่ายทอดความอบอุ่นให้กันมากกว่า...






❤❤❤❤

นานมาแล้ว....
ฮืออ ขอโทษจริงๆ ค่ะ ทั้งงานและเรื่องส่วนตัวต่างรุมเร้าจนไม่ได้เขียนตอนใหม่สักที
ที่ว่าจะลงทีละห้าตอนคงต้องเปลี่ยนแล้วล่ะค่ะ มีเมื่อไหร่ก็ลงเลย ไม่อยากให้ทุกคนรอนาน
ยังมีคนรออยู่เนาะ ฮืออ

ขอบคุณที่เม้นมากๆ เลยนะคะ อย่างน้อยยังมีคนอ่าน ดีใจจุงงง

สุดท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกท่านพบเจอแต่ความสุข ทั้งจากเรื่องงาน เรื่องคน เรื่องความรัก และเงินทองนะคะ

คิดหนึ่งให้ได้สอง คิดสองให้ได้สามไปเลยค่ะ สุขสันต์วันปีใหม่ 2019 ค่ะ (ลงเกือบไม่ทันวันนี้ แฮ่ๆ)



พบกันในตอนหน้าจ้า <3



JYUBE.
#ใจก้าว



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2019 23:15:52 โดย jyube »

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบ] 01.01.19
«ตอบ #33 เมื่อ01-01-2019 22:00:28 »

รอตอนต่อไปนะคะ
:mc3: สวัสดีปีใหม่ค่า

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบ] 01.01.19
«ตอบ #34 เมื่อ02-01-2019 15:06:56 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jyube

  • written by jyube
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
    • Jyube's Page
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบเอ็ด] 16.03.19
«ตอบ #35 เมื่อ17-03-2019 00:07:54 »

ก้าวยี่สิบเอ็ด - บนโต๊ะอาหาร

            บ้านรัฐสกุลเป็นบ้านที่ตื่นเช้ามาก อย่างสายสุดก็คือหกโมงเช้า วันนี้ยิ่งพิเศษเพราะเป็นวันเกิดของคุณหนูของเรือน ทั้งคุณนายตรึงจิต เจ้าเกล้า และคนงานมากมายต่างลืมตาขึ้นมาในเวลาที่เข็มสั้นชี้ไปที่เลขสามพอดี ขณะที่ฟ้าครามยังไม่ทอแสงใดๆ เสียงโขลกบ้าง สับบ้าง ระงมกันอยู่ในครัว หากมีบ้านใกล้เรือนเคียงแล้วแน่นอนว่าต้องมีตื่นกันบ้าง โชคดีที่มีแต่คลองกับสวน พรรณไม้ต่างๆ จึงไม่มีปากเสียง



            วันนี้คุณนายตรึงจิตล้วนรับหน้าที่ทำของหวาน ทั้งบรรดาขนมตระกูลทอง และขนมไทยชาววังต่างๆ มากมาย แยกไว้สำหรับตักบาตรตอนเช้าและของแจกเหล่าเด็กๆ ในมูลนิธิ ส่วนเจ้าเกล้าก็รับผิดชอบของคาว วันนี้เจ้าตัวทำแกงมัสมั่นไก่ตำรับของคุณนายตรึงจิตสำหรับใส่บาตร และทำกับข้าวง่ายๆ อีกสองสามอย่างสำหรับแจกเด็กๆ ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ยังมีต้มกะทิวุ้นเส้นที่เหินฟ้ามักชมไม่หยุดปากทุกครั้งที่เจ้าเกล้าทำให้กิน ก่อนนอนเมื่อคืนที่เขาได้คุยกับอีกฝ่าย ทำให้นึกถึงขึ้นมา จึงตัดสินใจว่าจะเพิ่มเมนูนี้เข้าไป


            ยังไม่ทันที่ของคาวหวานจะจัดใส่จาน รถคันนึงก็ตรงเข้ามาถึงหน้าบ้าน ซึ่งเจ้าของรถก็ถือวิสาสะขึ้นมาบนเรือนอย่างคุ้นเคย


            “คุณหญิงสวัสดีครับ” เหินฟ้าทักทายเจ้าของเรือน


            “เอ้อ รีบมาจริงเชียวพ่อคุณ ฟ้ายังไม่สางเลย” คุณตรึงจิตแอบเขม่นในใจที่หนุ่มใหญ่คนนี้นับวันยิ่งทำตัวไม่ห่างจากหลานชาย ยิ่งเปิดทางให้ก็ยิ่งติดหนึบ นี่เมื่อวานหลังจากมาส่งเจ้าเกล้าแล้วก็ยังมานั่งเล่นต่อถึงดึกดื่น อีกนิดนึงก็คงมาค้างที่นี่แล้วแน่ๆ


            “คุณ... เออะ พี่เหิน สวัสดีครับ” เจ้าเกล้าได้ยินเสียงทักทายของเหินฟ้าจึงเดินเข้ามาทักทาย


            “สวัสดีครับ มีอะไรให้พี่ช่วยไหมครับ วันนี้จะทำอะไรบ้าง”เหินฟ้าได้ทีเดินไปหาเจ้าเกล้าพร้อมโอบเอวเล็กน้อยเป็นเชิงดันให้อีกคนเดินเข้าครัว คุณตรึงจิตได้แต่มองด้วยสายตาเบื่อหน่าย


            “มัสมั่นครับ นี่มีต้มกะทิด้วยนะครับ” เจ้าเกล้าพูดไปเคี่ยวน้ำแกงไป


            “อืม พี่ชอบ” เหินฟ้าที่กำลังเพลิดเพลินกับภาพการทำอาหารของเจ้าเกล้า ได้แต่พึมพำออกมา อากัปกิริยาที่คล่องแคล่วนี้ชวนให้คนหลงใหลจริงๆ


            “เกล้ารู้ว่าพี่เหินชอบ นึกขึ้นได้เมื่อคืน พอดีมีกะทิอยู่เยอะก็เลยเอามาต้มครับ หวานๆ เค็มๆ เด็กๆ น่าจะชอบด้วย”


            “จริงสิ วันนี้เดี๋ยวเวทย์กับฟ้าจะมาด้วยนะ ได้หรือเปล่า”


            “อ้อ ได้สิครับ คนเยอะๆ สนุกดี เพื่อนๆ เกล้าก็มากัน”


            “อืม” เหินฟ้าที่รับคำเสร็จแล้วก็ไปยืนซ้อนหลังร่างบาง ก้มหน้าจนชิดใบหู สูดเอากลิ่นหอมหวานของกะทิเจือกับความหอมอ่อนๆ ตามแบบฉบับของเจ้าเกล้า “สุขสันต์วันเกิดครับเจ้าเกล้า”


            เจ้าเกล้าถึงกับสะดุ้ง “พี่เหิน ตกใจหมดครับ” เหินฟ้าไม่ได้ตอบอะไรแต่หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า เจ้าเกล้าที่หันไปมองกลับถูกจับคางให้หันกลับไป


            “นิ่งๆ ครับ” เหินฟ้ากล่าวเสร็จ เจ้าเกล้าก็ได้รับรู้ถึงความเย็นจางๆ ที่คอ... สร้อยคอเหรอ? ความสงสัยจำเป็นต้องถูกลบล้าง คนตัวหอมเงื้อมือไปลูบตรงลำคอเรียว สิ่งที่เขาคลำมาได้ คือสร้อยคอสีเงินเกลี้ยงพ่วงด้วยจี้ตัวอักษรเลข 9


            “สวยจังครับ” หลังจากคนใส่ผละมือจากไปแล้วเจ้าเกล้าจึงหันมายิ้มให้กับอีกคน “แพงไหมครับเนี่ย” เจ้าเกล้าแอบเหล่ตามอง จริงๆ ถ้าเหินฟ้าอยากซื้อของแพงให้ก็คงห้ามไม่ได้ ผู้ใหญ่ให้ของยังไงก็ต้องรับ แต่ด้วยความสนิทแล้ว เขาไม่อยากให้ซื้อคุณค่าความสัมพันธ์ด้วยราคาเท่านั้นเอง


            “ไม่แพงครับ พี่ทำเอง” เหินฟ้ายิ้มอย่างภาคภูมิใจ


            “เอ๋ เอาเวลาที่ไหนไปทำครับ” เมื่อคืนเหินฟ้ากว่าจะกลับบ้านก็เกือบครึ่งค่อนคืนแล้ว เวลานี้ยังมาถึงที่บ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่ผลิแสง “พี่ได้นอนไหมครับเนี่ย” เจ้าเกล้าอดอุทานด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ เพราะถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นแววตาล้าๆ ของชายหนุ่ม


            “ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่อยากซื้อ พี่อยากทำเอง นี่เป็นหินมูนสโตน เกลี้ยงเกลา บริสุทธิ์แต่มีพลัง เหมาะกับเกล้าดีครับ”


            “ค่อยมาเล่าให้เกล้าฟังทีหลังก็ได้ครับ แต่ตอนนี้เกล้าว่าพี่เหินไปนอนก่อนนะครับ ไปครับเกล้าพาไปที่ห้อง” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ไม่พูดพล่ำทำเพลง รีบพาเหินฟ้ามาที่ห้องตัวเอง ส่วนเหินฟ้าเองนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าห้องอีกฝ่าย หลังจากมาคลุกคลีที่นี่อยู่นานก็มีเพียงห้องนอนของเจ้าบ้านสองคนที่ไม่เคยได้ยลโฉม


            “นอนนะครับ เดี๋ยวใส่บาตรแล้วเกล้าจะมาปลุก” เจ้าเกล้าดันไหล่กว้างของอีกคนให้ลงนอน กลิ่นเฉพาะตัวของเจ้าเกล้าที่อบอวลไปทั่วทั้งห้องทำให้หนังตาของเหินฟ้าเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ


            “ลูบหัวพี่หน่อยครับ” เหินฟ้าพูดไปยิ้มไป มาดเคร่งขรึมที่เคยสร้างไว้ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ตอนเจอกันใหม่ๆ มลายหายไปอย่างกับคนละคน เจ้าเกล้าได้ยินก็อมยิ้มกลั้วหัวเราะ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรคนตัวใหญ่ก็ดึงมือเรียวของเขาไปแปะไว้บนหัว


            “อีกปีเดียวพี่ก็จะสามสิบแล้วนะครับ” เจ้าเกล้าหัวเราะพลางลูบเบาๆ ยังไงเหินฟ้าก็โตกว่าเขา ไม่อาจเล่นแรงๆ ได้


            “สบายจังครับ” เหินฟ้าไม่สนใจคำแซวของอีกคน


            “ครับๆ เด็กชายเหินฟ้าหลับนะครับ เดี๋ยวคุณครูจะมาปลุก” เจ้าเกล้าแกล้งใช้น้ำเสียงเหมือนตอนที่สอนเด็กๆ


            “คุณครูน่ารักจังครับ” เหินฟ้าฝืนลืมตาขึ้นมานิดหน่อยก็เพื่อการนี้ เด็กๆ ชอบชมเจ้าเกล้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตา เรื่องความรู้ หรือเรื่องการทำอาหาร


            “ไม่ต้องมาชมครับ นอนได้แล้ว เกล้าไปทำกับข้าวต่อแล้ว” เจ้าเกล้าว่าแล้วก็ผละออกไป ก่อนไปยังปิดไฟปิดม่านและห่มผ้าให้เรียบร้อย


            .


            .


            .


            ช่วงก่อนฟ้าสางไม่นาน บ้านรัฐสกุลก็มีแขกอีกกลุ่มหนึ่งมาถึงนั่นก็คือคุณอัฎฐ์ คุณวรรณฤดี เจ้าปอย และเจ้าจุก ครอบครัวอันเป็นที่รักของเจ้าเกล้านั่นเอง เมื่อมาถึงแล้วทุกคนก็ช่วยกันเตรียมข้าวของมาตั้งหน้าบ้านรอพระมาบิณฑบาตร


            “เอ่อ เดี๋ยวเกล้าไปปลุกพี่เหินก่อนนะครับ” เจ้าเกล้าเหลือบตามองแววตาระคนสงสัยของผู้เป็นบิดาพักหนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าพ่อจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าเหินฟ้ามานอนที่บ้าน แต่เขาจะพยายามอธิบายให้พ่อเข้าใจว่าเขาสองคนไม่ได้มีอะไรเกินเลย... ถึงแม้ช่วงหลังๆ มานี้เขาจะรู้สึกว่าการกระทำของเหินฟ้าจะดูใกล้ชิดไปหน่อยก็ตาม สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่ได้รู้สึกแย่ กลับยังรู้สึก...ดีด้วยซ้ำ


            กล่าวเสร็จเจ้าเกล้าก็ผละไปไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม “ไอ้หนุ่มนั่นมันมานอนที่บ้านเลยหรือครับคุณแม่” อัฏฐ์อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ครั้งที่แล้วที่คุยกันคุณนายตรึงจิตปรามเขาว่าห้ามยุ่ง คุณนายหล่อนจะจัดการเอง ไฉนเรื่องราวมันจึงเลยเถิดจนถึงขั้นที่ไอ้หน้าหล่อนั่นมันมานอนค้างที่บ้านแล้ว นี่หรือว่า มันกับหนูเกล้าจะเกินเลยไปถึงขั้นไหนแล้ว โอโห แค่คิดจิตวิญญาณคนเป็นพ่อ(ที่หวงลูก)ก็รุ่มร้อนดั่งไฟลน


            “เดี๋ยวเรื่องนี้ค่อยคุยกัน ไม่ได้มีอะไรเกินเลยหรอกพ่อคุณ ตอนนี้จะทำบุญ คิดดีทำดีก่อน” คุณนายตรึงจิตไม่ได้หันมามองหน้าลูกเขย แต่ก้มหน้าจัดของทำเหมือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญไปมากกว่าการตักบาตรที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า





            เหินฟ้าได้งีบไปไม่กี่ชั่วโมงแต่กลับรู้สึกหลับสนิทอยู่มาก ตอนที่เจ้าเกล้าไปปลุกเขารู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ พอได้สติจึงเริ่มคิดว่าการที่มีคนๆ นี้มาปลุกในทุกๆ เช้าต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่ๆ เขาจะต้องทำให้วันนั้นมาถึงในเร็ววัน


            “คุณอัฏฐ์ คุณวรรณ สวัสดีครับ” เหินฟ้าเมื่อเดินมาถึงจึงทักทายพ่อและแม่ของเจ้าเกล้า


            “สวัสดีจ้ะพ่อเหิน เสียดายยัยมุกไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นจะชวนมาด้วยกัน” คุณวรรณฤดีว่า “นี่เจ้าปอย ลูกสาวคนโตของน้า พี่น้องเกล้า ส่วนนี่พี่อีกคน เจ้าจุก เด็กๆ อันนี้คุณเหินฟ้า ลูกชายคนโตคุณบัลลังก์กับคุณมุก เป็นเจ้านายหนูเกล้าด้วยจ้ะ” หญิงสาวกล่าวแนะนำ


            “สวัสดีค่ะ ได้ยินเรื่องของคุณมาเยอะเลย ฉันเจ้าปอยค่ะ” หญิงสาวสูงระหงใบหน้าหวานหยดย้อยที่ถอดมาจากคนเป็นแม่พนมมือไหว้คนแก่กว่า เธอแต่งเติมเครื่องสำอางบางๆ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ


            “หวัดดีค่ะพี่เหิน หนูเจ้าจุกค่ะ พี่หล่อจังเลยค่ะ อิอิ” พี่สาวของเจ้าเก้าผู้มีสีผมสีฟ้าเหลือบเทาระต้นคอผู้นี้รู้เรื่องของเหินฟ้าดีมาก เพราะชอบแอบลอบถามทั้งคุณยาย ทั้งตัวเจ้าเกล้าเอง และหล่อนยังเชียร์ให้น้องชายได้ออกเรือนกับหนุ่มใหญ่คนนี้สักที


            “เจ้าจุก ระวังกิริยาหน่อย เขาจะหาว่าไม่มีคนสั่งคนสอน” คุณยายเอ็ดจนเจ้าจุกได้แต่ทำหน้าออดอ้อน แต่ไหนแต่ไรมาหลานสาวคนนี้ก็มีแต่ต้องให้บ่น ด้วยกิริยาม้าดีดกะโหลก ไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรี ต่างกับเจ้าเกล้าโดยสิ้นเชิง


            “เอาเถอะจ้ะ มาๆ ตักบาตรกันได้แล้วล่ะ จะได้รีบออกเดินทางกัน” คุณวรรณฤดีรีบยิ้มห้ามทัพ เธอแอบเหล่ไปทางสามีที่มองเขม่นเหินฟ้ามาตั้งแต่ตัวเขาเดินมา สงสัยคงจะหวงลูกจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว


           


            ใช้เวลาไม่นานก็ตักบาตรเสร็จ หลังจากนั้นทั้งหมดก็ย้ายมาบนเรือนเพื่อทานอาหารเช้า ฝีมือของเจ้าเกล้ายังคงไม่มีตก ทั้งเจ้าปอย และเจ้าจุกที่ชอบทำอาหารยังคงชมไม่ขาดปาก เหินฟ้าเองก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยด้วยการเสริมความเห็นว่าฝีมือของเจ้าเกล้าทำเขาติดอกติดใจอยู่ทุกวัน


            “ไอ้หนุ่ม เอ็งมาที่นี่บ่อยหรือไง” คุณอัฏฐ์ที่รอคอยอยู่นานแล้วไม่อาจทนต่อไปได้ ไอ้นี่มันชักจะหน้าทนเกินไปแล้ว เขม่นมันมาเป็นชั่วโมงยังทำเป็นไม่เห็น ได้เอ็งได้


            เหินฟ้าได้ยินก็ถึงกับวางช้อนส้อม ดื่มน้ำหนึ่งอึกเตรียมพร้อมกับคำซักไซ้ต่างๆ นานา “ครับ ผมมาส่งน้องทุกวัน”


            น้อง! น้องบ้านเอ็งสิ กูมีลูกสามโว้ยย ผู้เป็นบิดาได้แต่สบถอยู่ในใจ


            “มาส่งทำไม เกล้ากับบ้านเองไม่ได้หรือไงลูก หรือถ้ามันลำบาก พ่อให้คนมารับส่งได้นะลูก” อัฏฐ์รีบหันมาคุยกับลูกชาย ในขณะที่คุณตรึงจิตได้แต่หลับตาซดน้ำแกงจืดอย่างสบายอารมณ์


            “เอ่อ...” เจ้าเกล้าเองก็ไม่คิดว่าคุณพ่อจะหวงขึ้นมา นึกอยู่เหมือนกันว่าคุณพ่อน่าจะระแคะระคายบ้าง ใจจริงเขาตั้งใจอยากจะแย้งออกไปเลยว่าไม่ต้องคิดอะไรมากเลยเพราะเขากับพี่เหินเป็นเพียงพี่น้อง แต่ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้เขาเองก็ไม่อยากจะพูดแบบนั้นออกไป


            “ผมอาสาเองครับ เราก็คนกันเองทั้งนั้น ผมเองก็เป็นห่วงน้อง บางทีทำงานดึกดื่น ให้กลับแท็กซี่ผมก็ไม่ไว้ใจ ผมว่าคุณอาน่าจะเข้าใจดีครับ พอผมมาส่งเกล้าก็เลยทำอาหารมาขอบคุณ” เหินฟ้าพยายามไม่ออกตัวมากจนเกินไป ดูก็รู้ว่าคุณอัฏฐ์จะต้องหวงเจ้าเกล้ามากแน่ๆ ฉะนั้นหากโพล่งอะไรที่อีกฝ่ายแปลได้ว่า ‘ผมจะจีบลูกชายคุณ’ แล้วล่ะก็ เกมส์โอเวอร์แน่นอน


            “เอ็งเป็นถึงรองประธานบริษัท ไม่ใช่กงการอะไรต้องมารับส่งพนักงานระดับล่าง พนักงานก็ใช่ว่าจะเป็นด้วยซ้ำ เป็นแค่เด็กฝึกงานเท่านั้นเอง ไม่แปลกหรอกถ้าจะมาส่งน้องนุ่งทุกวัน แต่มันจะแปลกเมื่อผู้บริหารมาส่งเด็กฝึกงานทุกวัน ไม่เป็นห่วงเลยหรือไงว่าลูกอาจะโดนนินทายังไงบ้าง” ตอนนี้ทุกคนได้วางช้อนส้อมแล้วอย่างสิ้นเชิง เว้นแต่คุณยายตรึงจิตที่เปลี่ยนจากแกงจืดไปเป็นชาสมุนไพรชาววังหอมกรุ่นแล้ว


            “คุณคะ นี่ยังทานข้าวกันอยู่เลย ไว้ค่อยคุยหลังจากนี้ดีไหมคะ” คุณวรรณฤดีรีบปรามคนเป็นสามี


            “ค...คือ คุณพ่อครับ เป็นเกล้าเองครับที่ไม่อยากเหนื่อย อีกอย่างเกล้าก็สนิทกับพี่เหิน เลยลืมไปว่าจริงๆ แล้วไม่ควรรบกวนพี่เหินมากเกิ...”


            “ไม่ เกล้า ไม่รบกวน พี่อยากมาส่งเราเอง อีกอย่างเราก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ยังไงตอนมาส่งเราก็หลังเลิกงานแล้ว แม่ของพี่ก็เป็นคนฝากฝังให้พี่ดูแลเรา ยังไงพี่ก็คิดว่ามันเป็นหน้าที่” เหินฟ้าที่ไม่รอให้เจ้าเกล้าพูดจบหันมามองหน้าคนเป็นบิดาของเจ้าเกล้าอีกครั้งพร้อมกล่าววาจาหนักแน่น แต่ยังสุภาพ “คุณอาครับ ผมเข้าใจความกังวลของคุณอาครับ แต่ผมยังอยากมารับส่งน้องด้วยตัวเองครับ เรื่องในบริษัทผมเองคอยรับฟังอยู่เสมอ ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้ยินว่าจะมีใครระแคะระคาย แต่หากมีเรื่องอะไรบานปลาย ผมจะรับผิดชอบคำครหาพวกนั้นเองครับ”


            “เหอะ! คุณก็พูดง่ายสิ แล้วหากชื่อเสียงมันเสียไปแล้วคุณจะทำยังไง จะรับผิดชอบยังไงกัน” คุณอัฏฐ์เริ่มกรุ่นในอารมณ์จนใช้คำเรียกที่ห่างเหินกว่าเดิม กล้าพูดว่ายังไม่ได้ยินใครนินทางั้นหรอ แล้วยังไง ต้องรอให้มีคนนินทาก่อนหรือยังไงเล่า


            “ผมขอโทษครับ ที่ยังยืนยันที่จะดูแลน้องแบบนี้ แต่ผมสัญญาว่าจะดูแลน้องไม่ใช่แค่เรื่องไปรับไปส่ง แต่เรื่องชื่อเสียง หรืออื่นๆ ผมสัญญาว่าก็จะดูแลอย่างดีครับ” เหินฟ้าที่ใช้แผนตั้งรับเริ่มคิดได้แล้วว่า เขาเองก็คงต้องรุกบ้าง คนอย่างคุณอัฏฐ์น่าจะชอบความจริงใจมากกว่า ในตอนนี้อารมณ์ของคนบนโต๊ะนั้นมีหลากหลาย คุณวรรณฤดีมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เจ้าปอยเองก็เป็นกังวลกลัวทั้งสองจะเกิดแตกหักทำให้ความสัมพันธ์ของเจ้าเกล้าต้องเปลี่ยนไป ส่วนเจ้าจุกกำลังทำตาโตกับการพูดจาที่เหมือนมาขอลูกสาวเขาไปเข้าเรือนของเหินฟ้า และนอกจากคุณตรึงจิตที่ออกจะสบายๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้านี้นั้น ก็เห็นจะมีแต่เจ้าเกล้าที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกวูบวาบที่ใบหน้า พี่เหินพูดเหมือนมาขอเขาไปดูแลอย่างนั้นแหละ มันเหมือนแบบ... เหมือน...


            ปัง! เสียงตบโต๊ะดังขึ้นจนเจ้าเกล้าที่อยู่ในภวังค์ต้องตกใจขึ้นมา หลังจากตบโต๊ะแล้วคุณอัฏฐ์ที่ไม่อาจทนต่อสถานการณ์นี้จึงยืนขึ้น “กล้ามากที่มาขอลูกผมง่ายๆ แบบนี้ คุณเป็นใคร มีดียังไงจะมาขอลูกผมไป ผมไม่ให้คุณหรอกอย่าหวัง คุณกลับไปเดี๋ยวนี้เลย อยู่ให้ห่างลูกผมไว้ พ่อขอสั่งนะเกล้า อย่า....”


            “ตาอัฏฐ์!!” คุณนายตรึงจิตที่เริ่มจะทนไม่ไหวกับอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นๆ ทุกนาทีของลูกเขยจนต้องรีบเข้าห้าม “พ่อเหิน เรากลับไปก่อน ค่อยไปเจอกันที่มูลนิธิในตอนบ่าย เกล้าไปส่งพี่เขาหน่อย ส่วนตาอัฏฐ์ตามฉันมานี่ ยายวรรณด้วย ปอยกับจุกไปเตรียมของแทนยายที น้องมาก็เรียกน้องไปช่วย” .... “ยังไม่ไปกันอีก”


            “ค.. คุณแม่ครับ” คุณอัฏฐ์ได้แต่ยืนอ้าปากงุนงงกับพฤติกรรมของคุณแม่


            “งั้นผมลาแล้วครับ คุณหญิง คุณอา คุณน้า แล้วเจอกันนะ ปอย จุก” เหินฟ้ารีบออกจากเรือนอย่างไม่รีรอ ต้องขอบคุณคุณนายตรึงจิตจริงๆ ที่เข้ามาช่วยห้ามทัพ เขาไม่อยากแตกหักกับว่าที่พ่อตาไปมากกว่านี้


           


            บรรยากาศในห้องหนังสือของเรือนนั้นเย็นเยียบและเงียบฉี่ คุณตรึงจิตที่พาคู่สามีภรรยาทั้งสองเข้ามาให้ห้องแล้วแต่กลับไม่พูดอะไร


            “คุณแม่ครับ” คุณอัฏฐ์ตัดสินใจเปิดฉากขึ้นมา “ไอ้หมอนั่นมันกะมาขอลูกผมง่ายๆ ผมแทบไม่รู้จักมันเลยด้วยซ้ำ แล้วนี่คุณแม่ให้มันมานอนที่บ้าน คุณแม่ครับ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องขึ้นมา คน....”


            “พ่ออัฏฐ์” คุณตรึงจิตขัดขึ้นมาเบาๆ คำเรียกนี้มิใช่จะเรียกได้บ่อยๆ ครั้งสุดท้ายที่เรียกพ่ออัฏฐ์ด้วยน้ำเสียงนี้คงเป็นวันรดน้ำสังข์ของเขากับคู่ชีวิตที่ยืนอยู่ข้างๆ นี่้ “ฉันเข้าใจความห่วงและหวงลูกของพ่อ ฉันเองเลี้ยงหลานมาเองกับมือ เผลอๆ ก็เลี้ยงมากกว่าเราทั้งคู่ด้วยซ้ำ ทำไมฉันจะไม่ห่วงหลาน” คุณตรึงหยุดสักครู่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่


            “ตั้งแต่วันนั้นที่เราคุยกัน ฉันใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อคอยดูทั้งสองคน ทุกครั้งที่พ่อเหินอยู่กับหลานของฉัน แววตานั้นมีแต่ความเอ็นดู อยากปกป้อง ทุกครั้งที่ฉันเห็นมัน ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันที่ฉันยกยายวรรณให้พ่อ แววตานั้นมันไม่ต่างกับที่พ่อใช้มองยายวรรณ และวันนั้นฉันจึงเชื่อเหลือเกินว่าพ่อจะดูแลยายวรรณได้ดี และสร้างโลกที่มีความสุขอีกใบหนึ่งให้กับลูกสาวของฉัน” คุณตรึงจิตหันมามองลูกสาวที่ตอนนี้ใบหน้ามีน้ำตาคลออยู่บ้าง วันที่หล่อนตัดสินใจแต่งงานกับอัฏฐ์ เป็นวันที่หล่อนนั้นดีใจมากอีกวันหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่แค่เพราะหล่อนได้อยู่กับชายที่รัก แต่เพราะหญิงที่หล่อนรักและเคารพที่สุดในชีวิตอวยพรให้ชีวิตของหล่อนพบเจอแต่ความสุข ซึ่งหญิงคนนั้นกล่าวไปก็น้ำตาไหลไป ทั้งๆ ที่ทั้งชีวิตนี้หล่อนแทบไม่เห็นคุณแม่ร้องไห้เลยสักครั้ง น้ำตาสายนั้นคงเรียกไม่ได้ว่าดีใจทั้งหมด มันระคนไปกับความอาทรและความห่วงใย “ฉันไม่ไดบอกว่าพ่อเหินดีเด่อะไรไปกว่าคนอื่น แต่อย่างน้อยเขาก็พร้อมและจริงใจจริงๆ แล้วรู้หรือไม่ ว่านอกจากฉันจะนึกถึงสายตาของพ่ออัฏฐ์แล้ว ฉันยังนึกถึงนัยตาของยายวรรณด้วย”


            “คุณแม่หมายความว่า...” คุณอัฏฐ์ถาม


            “เพราะสายตาหลานของฉันก็ไม่ต่างกับยายวรรณวันนั้นหรอก”




            .


            .


            .


            “เกล้าขอโทษแทนคุณพ่อด้วยนะครับ พ่อเอาแต่วางท่าหวงเกล้าบ่อยๆ แต่ไม่เคยเห็นว่าจะอารมณ์ขึ้นขนาดนี้สักที” เจ้าเกล้ากล่าวกับเหินฟ้าหลังจากที่เดินมาส่งที่รถ จริงๆ เขาอยากให้เหินฟ้าไปด้วยกันมากกว่า เพราะอีกฝ่ายเพิ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมง กลัวจะหลับใน


            “ไม่เป็นไรครับ พี่เป็นพ่อเรา พี่ก็หวง” เหินฟ้าลูบหัวคนตัวเล็กกว่า ใจจริงเขาอยากคว้าอีกคนมากอดขอกำลังใจสักที พร้อมด้วยใช้ปากขยี้แก้มหอมๆ นั่นสักสองสามที แต่หากทำมันตอนนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าคนข้างบนมาเห็น ไอ้เหินได้โดนปืนเจาะกบาลแน่นนอน ส่วนเจ้าเกล้าเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มรู้สึกขัดเขินขึ้นมา ช่วงนี้เขารู้สึกตัวเองเขินบ่อยจนน่าหงุดหงิด ปกติเขารับมือกับคำจีบคำหยอกอะไรพวกนี้ดีมาก



             ...คำ จีบ ...งั้นหรอ...


            “พี่เหินครับ เกล้าขอ... ถามอีกทีได้ไหมครับ” เจ้าเกล้าผู้ไม่เคยปล่อยให้ในใจเกิดคำถามจึงเลือกที่จะเคลียร์สิ่งที่สงสัยไปเสียตั้งแต่ตอนนี้


            “ได้สิ ว่ามาเลยครับ” เหินฟ้าเลิกลูบหัวอีกคน แล้วหันมาตั้งใจฟัง


            “คือ ... เกล้าเคยถามพี่เหินไปแล้วว่า พี่...จ...จี” ทำไมมันพูดไม่ออกล่ะ แถมหน้ายังร้อนมากๆ ด้วย เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยให้ตายเถอะ


            “จี? จี-สตริง?” เหินฟ้าแกล้งแหย่ “เกล้าอยากใส่จี-สตริงหรือครับ”


            “ไม่ใช่แล้วพี่เหิน เกล้าหมายถึง.. เอ่อ.. แบบจ..จี”


            “จี่หอย? อยากกินจี่หอยหรือครับ” 


            “โอ๊ย พี่เหิน เก้าไม่พูดแล้ว” เจ้าเกล้าหันหน้าหนีพร้อมจะเดินกลับ เห็นดังนั้นเหินฟ้าจึงเยื้อมือไปจับอีกคนให้หันมาอีกครั้ง ร่างบางๆ ถูกแรงหนักๆ กระชากจนตัวเกือบปลิว ด้วยไม่ได้ตั้งตัวว่าจะโดนดึง เจ้าเกล้าจึงเสียจังหวะเกือบล้ม แต่อกอุ่นๆ กว้างๆ ที่หน้าผากของเขาเข้ามากระทบอยู่นี้เป็นสิ่งที่บอกเขาว่าไม่ได้ล้มลงไปอย่างที่กลัวไว้


            “เอ่อะ พี่เหินครับ เดี๋ยวมีคนเห็นนะครับ” ถึงจะเป็นกอดหลวมๆ แต่เขาสองคนก็ยังไม่เคยกอดกันจริงจังสักครั้ง เหินฟ้าเองเมื่อครู่ก็ไม่ตั้งใจจะกอดน้อง แต่เพราะฟ้าเป็นใจแน่ๆ เขาถึงรีบคว้าน้องเข้าอกเพราะกลัวจะล้ม ดูสิ หน้าแดงๆ กับกลิ่นหอมๆ นี้แทบจะละลายความอดทนของเขาไปเสียหมด


            “พี่จะตอบคำถามจริงๆ แล้วครับ” เหินฟ้าก้มหน้ามาชิดริมหูขึ้นสีนั่น มันโผล่ออกมาจากกลุ่มผมดกสีดำสนิท น่าเอาปากไปขบกัดจริงๆ นี่ถ้าไม่ได้อยู่หน้าบ้านคนอื่น อย่าหวังว่าจะรอด “แต่พี่อยากให้เราไปหาคำตอบเองได้ไหมครับ”


            “ครับ?” ใบหน้าขาวที่เลือดฝาดเยอะเกินไปสักนิดในตอนนี้เงยหน้าขึ้นมาหาคนตัวสูง


            “ถือว่าสอนงานไปด้วยแล้วกันครับ เราทำงานเกี่ยวกับอัญมณี ฉะนั้นเราต้องรู้ว่าอัญมณีแต่ละชนิดมีความหมายยังไง มูนสโตนที่พี่ให้เราวันนี้ก็มีความหมายเหมือนกัน พี่ขอให้ความหมายของมันเป็นคำตอบของพี่นะครับ”


           


            เจ้าเกล้ายังคงเหมือนเบลอๆ อยู่เล็กน้อย หลังจากที่เหินฟ้าทิ้งปริศนาเอาไว้ แล้วก็ชิ่งกลับไป เขาได้แต่กุมเจ้ามูนสโตนเลขเก้านี้ไว้จนกระทั่งเดินขึ้นเรือนมาช่วยพี่ๆ เตรียมของ ก็ยังคงมึนๆ กับกลิ่นน้ำหอมจางๆ ของอีกฝ่ายอยู่ พลางคิดว่าหากเขารู้คำตอบของปริศนานี้แล้ว เขาจะต้องมาหน้าแดงอีกไหม เขาเหนื่อยกับการหน้าแดงเหลือเกิน เฮ้อ...








❤❤❤❤

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ รักคนอ่านมากๆ เรยยยย

JYUBE.
#ใจก้าว

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบเอ็ด] 16.03.19
«ตอบ #36 เมื่อ17-03-2019 00:58:38 »

มาต่อแล้ววว  :m3:

ออฟไลน์ jyube

  • written by jyube
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
    • Jyube's Page
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสอง] 14.04.19
«ตอบ #37 เมื่อ14-04-2019 21:44:34 »

           
ก้าวที่ยี่สิบสอง: บ้านปีกต้นกล้า

       เมื่อตะวันตั้งตรงหัวพอดี บ้านรัฐสกุลจึงมาถึง ณ มูลนิธิบ้านปีกต้นกล้า แม้บรรยากาศระหว่างการเดินทางจะไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ แต่ที่นี่กลับทำให้อารมณ์ขุ่นมัวหลายๆ อย่างหายไป เจ้าเกล้าพบเจอที่นี่เมื่อตอนขึ้นมหาวิทยาลัยและต้องทำโปรเจคเกี่ยวกับ CSR เด็กๆ ที่นี่แข็งแรงทั้งกายใจ เป็นต้นกล้าเล็กๆ ที่พร้อมติดปีกบินไปยังขอบฟ้า เด็กๆ เหล่านี้ถูกสั่งสอนจากครูปุ๊ก เป็นครูผู้บุกเบิกก่อตั้งที่นี่ด้วยความตั้งใจจะให้เด็กๆ เหล่านี้แข็งแรง แม้จะขาดอะไรบางอย่างไปจากชีวิต

 

            “พี่เกล้า!” “พี่เกล้ามาแล้ว!” “พี่เกล้าจ๋า!”

 

            เมื่อลงจากรถมาเท้ายังไม่ทันจะแตะพื้น เด็กๆ ที่มารอตั้งแต่เที่ยงก็รีบกรูกันเข้ามากอดพี่เกล้าขวัญใจของเด็กๆ จริงๆ แล้วเขาไม่ได้มาหาเด็กๆ ที่นี่แค่วันเกิดหรอก นึกถึงก็มาอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่วันเกิดนี่จะมายิ่งใหญ่หน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งความยิ่งใหญ่นี้ก็ไม่ใช่พิธีรีตองอะไร แต่เป็นเงินบริจาคก้อนหนึ่งที่เขาเก็บออมจากงานพิเศษทั้งงานสอน งานแปล ต่างๆ ครูปุ๊กของที่นี่ไม่ได้เอาเงินนี้มาพัฒนาและสนับสนุนเด็กๆ อย่างเดียว แต่ยังนำเงินเข้าสหกรณ์กองกลางซึ่งเป็นเงินสำหรับเครือข่ายมูลนิธิอีกหลายสิบแห่งทั่วประเทศอีกด้วย

           

            “เด็กๆ อย่าเพิ่งไปรุมพี่เกล้าสิจ้ะ เดี๋ยวพี่เขาก็ล้มคะมำกันพอดี” เสียงสดใสเจือความอ่อนโยนของครูปุ๊กที่คุ้นเคยของเด็กๆ ทำให้เจ้าเกล้าต้องรีบหันไปกล่าวทักทาย

           

            “สวัสดีครับครูปุ๊ก ขอบคุณที่เหลือเวลาไว้ให้เกล้านะครับ เกล้าอยากมาที่นี่ในวันเกิดจริงๆ” เจ้าเกล้ากล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสปิดบังอารมณ์วุ่นวายในใจที่มีเพียงเขาและใครอีกคนหนึ่งที่รู้สาเหตุ

 

            “ถึงครูไม่เหลือไว้ เด็กๆ ทีรู้วันเกิดเราก็มาขอให้ทุกปีแหละจ้ะ ใช่ไหม” ครูปุ๊กหันไปถามเด็กๆ ที่พยักหน้าตาแป๋วกันทุกคน “สวัสดีค่ะคุณตรึงจิต คุณอัฎฐ์ คุณวรรณ หนูปอย หนูจุก คุณตรึงจิตไม่เจอกันนานเลยค่ะ ยังสวยเหมือนเดิม”

           

            “สวัสดีแม่ปุ๊ก ยังปากหวานเหมือนเดิม เจ้าเบนไม่อยู่รึไง ปกติหนูเกล้ามาต้องวิ่งโร่มารับเหมือนเด็กๆ”

 

            “พาน้องอัยหาหมอจ้ะ ไปแต่เช้าแล้ว น่าจะใกล้กลับมาแล้วล่ะ”

 

            “น้องอัยเป็นอะไรครับครู” เจ้าเกล้าที่นั่งยองๆ ให้เด็กๆ ปลุกปล้ำอยู่นั้นรีบถามด้วยความเป็นห่วง น้องอัยเพิ่งจะหกขวบเอง ตอนเขาหกขวบอย่างมากก็โดนแม่บ่นเพราะหล่นต้นไม้ ไม่เคยได้เข้าโรงพยาบาลอะไร

           

            “ไข้หวัดนี่แหละจ้ะ ที่ให้ไปหาเพราะเป็นมาจะอาทิตย์แล้วยังซมอยู่ เลยให้หมอดูหน่อย”

 

            “ไปเล่นซนมาหรือครับ ทำไมป่วยได้”

 

            “นี่ไง แก๊งนี้แหละ พากันไปตากฝน ครูก็ไม่รู้ วันนั้นเบนก็ไม่อยู่ ไม่มีใครคอยดู” ครูปุ๊กจับไหล่เด็กชายคนหนึ่งออกมาให้เจ้าเกล้าดูหน้า

 

            “คอปเตอร์พาอัยไปตากฝนมาหรือครับ” เด็กชายคอปเตอร์ผู้(สถาปนาตนเอง)เป็นหัวโจกของแก๊งเด็กหกขวบบิดไปบิดมาไม่กล้าจะบอกความจริง

 

            “ไงล่ะ จ๋อยไปเลย เข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะ ตรงนี้ร้อน แล้ววันนี้มากันแค่นี้หรือมีคนอื่นอีกไหมหนูเกล้า” ครูปุ๊กเดินนำแขกและครอบครัวเข้าไปในบ้าน ส่วนคนที่ได้ยินคำถามก็ถึงกับชะงัก เพราะหน้านิ่งๆ ของใครอีกคนก็โผล่มาซะอย่างนั้น

 

            “เอ้า เป็นอะไรไปเกล้า อยู่ดีๆ ก็หยุดเดิน” เจ้าปอยที่เดินตามหลังเกือบจะเบรกไม่ทันเพราะคนข้างหน้าชะงัก

 

            “เอ่อ เปล่าครับ เข้าบ้านกันเถอะ เดี๋ยวมีเพื่อนๆ เกล้าอีกครับครู” เจ้าเกล้าไม่ลืมหันมาตอบครูปุ๊ก

 

            “อ้าว นั่นคุณเหินมาแล้วนี่ โห พี่แกจะไปเดินแบบรึเปล่าอ่ะ” เจ้าเกล้าที่ได้ยินจึงหันมองไปยังหน้าบ้านที่ใครอีกคนหนึ่งในห้วงภวังค์กำลังเดินเข้ามา ที่จริงชุดที่คุณเหินใส่ก็ธรรมดาๆ เสื้อคอจีนสีขาวตามแฟชั่น กับกางเกงสีน้ำตาลอ่อนที่ระกับข้อเท้าพอดี แต่อาจจะเพราะอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของคนมองกำลังระส่ำอยู่ไม่หยุด

 

            “ทำไมไม่เข้าบ้านครับ ข้างนอกร้อน เราหน้าแดงหมดแล้วนะ” เหินฟ้าที่มายืนตรงหน้าเจ้าเกล้าเมื่อไหร่เจ้าตัวไม่รู้เลย รู้แต่ว่าคนตัวสูงที่กำลังหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ได้มอบยิ้มอ่อนโยนมาให้และทำให้เขานึกไปถึงโจทย์ปัญหาที่ได้ทิ้งไว้ให้เขาแก้เมื่อเช้า

 

.

.

ระหว่างทางไปยังมูลนิธิฯ ภายในรถคันใหญ่สำหรับครอบครัวที่คุณอัฏฐ์เลือกมาใช้วันนี้กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศแปลกๆ ที่แต่ละคนหอบมาจากเหตุการณ์ในตอนเช้า

 

            ด้านคุณอัฎฐ์ยังมีความคุกรุ่นในอารมณ์ ใจหนึ่งก็รู้สึกว่าไอ้หนุ่มนั่นไม่เลว แต่อีกใจก็หวงลูก ไม่รู้ล่ะ ถึงคุณแม่ยายจะพูดขนาดนั้นแต่เขาต้องรู้เห็นกับตาว่าไอ้หมอนี่มันคู่ควร ฮึ่มม พูดแล้วอารมณ์ขึ้นขอเหยียบสักหน่อย

 

            “ตาอัฎฐ์! จะรีบไปตามโคที่ไหนกัน ไม่ต้องรีบขับ ลูกเมียอยู่ในรถยังจะขับเร็วอีก” โดนไปหนึ่งดอก...

 

            ข้างๆ คุณยายทั้งเจ้าปอยและเจ้าจุกต่างหันมองไปยังน้องชายคนสุดท้องที่กำลังนั่งเหม่อมองกระจกในเบาะหลัง ใบหน้าสวยมีริ้วรอยแดงจางๆ เจ้าปอยคิดว่าน้องคงจะเครียด ไม่ยักเห็นผิวน้องขึ้นสีมาก่อน หล่อนไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเดินทางไปถึงจุดไหน หากแต่หล่อนมองความสุขของคนในครอบครัวเป็นที่ตั้ง นั่นจึงทำให้หล่อนค่อนข้างจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณพ่อไปสักหน่อย

 

            แต่หารู้ไม่ว่า ในหัวของเจ้าเกล้าตอนนี้ ปราศจากเรื่องบาดหมางเมื่อเช้าไปแล้ว เพราะหลังจากที่แยกกับเหินฟ้า เขาก็ได้ไปทำการบ้านทันทีที่แยกกันตามภาษาเด็กคงแก่เรียน จึงได้รู้ว่ามูนสโตนนั้น

 

            “...มูนสโตน เป็นอัญมณีที่เสริมสร้างเรื่องความรัก จากตำนานกล่าวไว้ว่า มูนสโตน (Moonstone) หรือ มุกดาหาร คือของขวัญที่สูงค่าสำหรับความรัก เหมือนว่ามันเป็นตัวแทนอารมณ์รัก กิเลส ตันหา (Passion) ของผู้ที่ยื่นให้...”

 

            เจ้าเกล้ารู้สึกว่าข้อความนี้แลดูอีโรติกแปลกๆ แต่พอนึกไปถึงหน้าคุณเหินที่ทำหน้าจริงจังแล้วก็รู้สึกว่าตัวแทนแห่งดวงจันทร์ของคุณเหินนั้นออกจะดูจริงจังเลยทีเดียว อืม นี่เขายังติดเรียกคุณเหินตลอดเวลาเหมือนกันนะ ไม่ๆ นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นคือตอนนี้เหมือนเขารู้สึกหน้าไหม้ไปหมด คือยังไง เป็นตัวแทนความรักของผู้ให้หรอ เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ หรอ คุณเหินจีบเขา...ตอนนี้... ไม่น่าใช่แค่ตอนนี้ ลองคิดดีๆ ทั้งชวนไปกินข้าว มารับมาส่ง ออกตัวปกป้อง ขอดูแลเขา... ตลอดมาเลยหรอ จริงๆ มันก็ดูออกชัดจะตายไป แต่เขาคิดไปเองทั้งนั้นว่านั่นคือความเป็นพี่ชาย เจ้าเกล้าอยากจะทึ้งหัวตัวเองสิบที

 

.



.

            “พี่เกล้าครับๆ..”

 

            “เอ่อ ครับๆ” เจ้าเกล้าสะดุ้งตกใจเพราะแรงกระตุกมือเบาๆ น้องรักนั่นเอง "น้องรัก"

 

            “น้องรักเรียกพี่เกล้ามาสามรอบแล้วครับ” น้องรักที่แหงนหน้ามองตาแป๋วเอ่ยยอกด้วยความงง เจ้าเกล้าเหมือนสติยังมาไม่ครบเหินฟ้าจึงเอ่ยออกมา

 

            “เราน่ะอยู่ดีๆ ก็นิ่งไป” เหินฟ้าเอียงตัวมากระซิบใส่เจ้าเกล้าเบาๆ “วันนี้พี่หล่อจนอึ้งเลยหรอครับ”

 

            “ไม่ใช่แล้วพี่เหิน!” เจ้าเกล้าตีไหล่คนขี้หลีเบาๆ พยายามไม่สนใจเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูนั่น อ้อ ไม่สนใจด้วยว่าหน้าเขากำลังจะไหม้เพราะแสงแดดวันนี้มันแรงมากๆ “น้องรักเข้าไปข้างในดีว่าครับ ไปครับ” เจ้าเกล้าเอื้อมไปจูงมือน้องรักเข้าบ้านไป ส่วนเหินฟ้าก็เดินตามหลังมาติดๆ

 

            ภาพสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กอยู่ในสายตาของบ้านรัฐสกุลตลอดมา หากเจ้าเกล้าเป็นผู้หญิง นี่คงเป็นภาพของครอบครัวสุขสันต์ที่มีพ่อแม่ลูก เหมาะสม และเป็นที่อิจฉาของใครต่อใคร แต่ถึงใครๆ จะคิดอย่างนั้นแต่คุณตรึงจิตกลับยิ้มออกมาบางๆ เพราะสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่แค่ภาพของครอบครัว แต่เป็นภาพของคนๆ หนึ่งที่มองคนอีกคนหนึ่งอย่างรักใคร่ เอ็นดูมากๆ ด้วยต่างหาก

 

.



.



.

            หลังจากเข้ามาบ้าน เล่นกับเด็กๆ และถามไถ่เรื่องชีวิตของเหล่าต้นกล้าน้อยๆ ก็ได้เวลาอาหารเที่ยงของเด็กๆ อาหารที่เจ้าเกล้าทำวันนี้ตั้งใจให้เด็กๆ ได้กินอาหารที่คุณภาพดี ครบห้าหมู่ และอร่อย โชคดีที่เขารู้ว่ามีใครแพ้อาหารอะไรบ้างจึงสามารถทำมาเข้ากับความต้องการของทุกคนได้หมด

 

            “เอาผักไหมครับ” เจ้าปอยถามขณะกำลังตักต้มจืดตำลึงให้เด็กๆ

 

            “เอาครับบบบ ผักพี่เกล้าอร่อย”

 

            “หืม จริงหรอ นึกว่าเด็กๆ ไม่กินผักเสียอีก”

 

            “ปกติก็กินยากลูก แต่พอเป็นอาหารของหนูเกล้า ถึงเป็นผักคะน้าก็บอกอร่อยกัน บางทีครูก็งงเหมือนกันจ้ะ” ครูปุ๊กที่อยู่ใกล้ๆ เล่าให้ฟัง

 

            “เกล้านี่มีความเป็นแม่มากกว่าหนูอีกค่ะคุณครู” เจ้าปอยกล่าว และเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะเจ้าเกล้านั้นรักและใส่ใจคนรอบข้างเสมอ เหมือนกับแม่ของหล่อนเลย





 

            เจ้าเกล้าไม่ได้อยู่ข้างในเพราะออกมารับเพื่อนๆ แก๊งเจ้าหญิงและองครักษ์

 

            “อ้าว เรนกับอินไม่มาหรอดิน”

 

            “อินนอน บอกว่าจะมากินข้าวด้วยตอนเย็น ส่วนเรนก็นึกว่าจะมาเหมือนกันอยู่ดีๆ ก็ไม่มา” ดินตอบ

 

            “แปลกจัง” ปกติเรนไม่เคยพลาดวันเกิดเขาด้วยซ้ำ อย่างปีก่อนถึงกับมานอนค้างด้วยเพราะจะได้เป็นคนแรกที่แฮปปี้เบิร์ดเดย์เขา

 

            “แต่ไม่น่ามีอะไรนะ โทรไปก็ดูปกติดี เหมือนจะอยู่กับใครสักคน”

 

            “ใครวะ” พุฒิถามขึ้น

 

            “ไม่รู้เหมือนกัน เรนบอกว่าอยู่กับพี่ แต่พอถามว่าพี่ไหนก็บอกว่าแค่นี้ก่อน”

 

            “เหยๆ ไอ้เรนมันมีแฟนป่าววะ”

 

            “จะใช่หรอ ถ้าใช่เกล้าต้องรู้สิ” เจ้าเกล้ามั่นใจมาก เพราะเรนแทบไม่มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตเลย เกือบทุกเรื่องต้องมาปรึกษาหาหนทางตัดสินใจกับเจ้าเกล้า แต่นั่นก็เป็นความน่ารักของเรน

 

            “ก็ไม่แน่หรอกนะคุณแม่ เด็กมันโตแล้ว ลูกน่ะมันเลี้ยงได้แต่ตัว ฮ่าๆๆ” พุฒิเอ่ย “อ้าวเฮียเหิน หวัดดีคร้าบบบบบบ”

 

            “เออดี” เหินฟ้าโบกมือรับทั้งพุฒิและดินที่ยกมือไหว้เขา “คุณยายให้มาตามครับ เด็กๆ ถามหาใหญ่แล้ว พวกนายก็เข้าไปข้างในกันก่อน”

 

            “โหยยยย ไม่ใช่ม้างงง อ้างคุณยายแต่จริงๆ คิดถึงเขาก็บอก ฮ่าๆๆๆ ไปเว้ยดิน พ่อเขามาคุมละ” พุฒิกอดคอพาดินเข้าไปในบ้าน

 

            “พุฒิ!” เจ้าเกล้ากัดปาก ไอ้บ้า อุตส่าห์ปรับอารมณ์ไปแล้ว ดูดิ หน้าไหม้อีกแล้ว

 

            “หน้าแดงอีกแล้ว” เหินฟ้าทัก “กัดปากทำไมครับ เดี๋ยวเป็นแผลนะ” ด้วยสัญชาติญาณเหินฟ้าเอื้อมมือไปคลึงเขาๆ ที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่น แรกๆ ก็เพลินมือดี หลังๆ ชักเริ่มอยากลามไปอย่างอื่น เขาจึงหยุดมือก่อนที่วิญญาณเสือจะถูกปลุก “เข้าข้างในกัน” พูดแล้วก็เดินนำออกไปเลย

 

            เจ้าเกล้ามองแผ่นหลังของอีกคนที่กำลังเดินออกไป เขาสังเกตว่าเมื่อครู่เหินฟ้าคลึงปากเขา จากนั้นก็หลับตา กัดกรามแน่น ผละมือออกไป... ท่าทางมันเหมือนคนสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง... อยู่ๆ สมองของเขาก็คิดเลอะเทอะจนหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม คอยดูนะ ถ้าเขารวยเมื่อไหร่ จะซื้อแอร์มาติดทั้งโลกเลย...

 



❤❤❤❤

สุขสันต์วันสงกรานต์ค่าาาา
เมาไม่ขับนะคะทุกคน
รักจ้า


JYUBE.
#ใจก้าว

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสอง] 14.04.19
«ตอบ #38 เมื่อ17-04-2019 22:28:55 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสอง] 14.04.19
«ตอบ #39 เมื่อ22-04-2019 14:15:17 »

ฮือ... ติดค่ะติดหนักมากรีบมาต่อไว้ๆนะ

 เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วว่างไม่ลงสนุกมากค่ะ เอ็นดูน้องเกล้า หมั่นไส้พี่เหินทำเป็นไม่อยากเจอเขาแล้วเป็นไงที่นี้ไม่ห่างเขาเลยนะ แหม่ๆๆๆๆ...หมั่นไส้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสอง] 14.04.19
« ตอบ #39 เมื่อ: 22-04-2019 14:15:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสอง] 14.04.19
«ตอบ #40 เมื่อ03-05-2019 11:53:56 »

ซื้อแอร์มาติดก็ไม่น่าหายนะเจ้าเกล้า 55555555555555

ออฟไลน์ jyube

  • written by jyube
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
    • Jyube's Page
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสาม] 28.06.19
«ตอบ #41 เมื่อ28-06-2019 21:03:25 »

 
ก้าวยี่สิบสาม - ร้านไอศกรีม
   


           “พี่เกล้าระวังนะครับ แกงมันร้อน”

            “พี่เกล้าระวังสะดุดนะครับ”

            “มาครับพี่เกล้าผมช่วยถือ”

            “พี่เกล้าเขยิบมาตรงนี้ดีกว่าครับมันโดนแดด”

 

            หลังจากเดินขึ้นมาด้านบนเพื่อเริ่มกิจกรรมเลี้ยงอาหารเด็กๆ เหินฟ้าคิดว่าวันนี้เขาจะต้องมีความสุขแน่ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในวันเกิดของเจ้าเกล้า ซึ่งมันควรจะเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่มีไอ้เด็กเบนอะไรนี่! ตั้งแต่พาน้องคนนึงไปหาหมอ พอกลับมาก็ประคบประหงมเหมือนเจ้าเกล้าอายุห้าขวบ เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้นัก นี่เขาจะเดินเข้าไปหาก็ต้องตักขนมเพราะเด็กๆ เริ่มอิ่มกันแล้ว

           

            เหินฟ้ายืนตักกล้วยไข่บวดชีฝีมือคุณนายตรึงจิตโดยที่สายตาไม่เคยละไปจากฝ่ายบริการน้ำดื่มที่เจ้าเกล้าและเด็กเบนกำลังเฝ้าอยู่เลยแม้แต่น้อย แถมสายตานี่ใครมองไม่ออกว่าหวงก็บ้าแล้ว

           

            “เอ้า พ่อเหิน จะตักก็มองด้วย หกเลอะเทอหมดแล้ว” คุณนายตรึงจิตที่มองหมาหวงก้างอยู่นาน รีบเข้ามาปราม

 

            “ครับคุณหญิง” เหินฟ้ากล่าว

 

            “นี่” คุณหญิงที่มองไปทางเดียวกับที่เหินฟ้ามองไปเมื่อครู่นี้เอ่ยทักขึ้นโดยยังคงวางสายตาไปที่เดิมอยู่

 

            “ครับ?”

 

            “หนูเกล้าน่ะ เป็นเด็กน่ารักมากๆ เลยนะ”

 

            “...”

 

            “เห็นไหมว่าเพื่อนๆ เรียกหนูเกล้าว่าแม่ ไม่ใช่แค่เพื่อนกลุ่มนี้หรอกนะ แต่ทุกๆ คนพูดเหมือนๆ กัน ตั้งแต่เด็กๆ หนูเกล้ามักจะดูแล ห่วงใยคนรอบกายเสมอ จนบางทีก็ไม่ค่อยสนใจตัวองเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าคนเหล่านั้นโดนรังแกล่ะก็ ความอ่อนโยนก็จะเปลี่ยนเป็นความร้ายกาจเลยล่ะ พ่อเค้าบอกว่ายามปกติหนูเกล้าจะเหมือนแม่ ยามโกรธแกจะเหมือนฉัน”

 

            “...” เหินฟ้าแอบเห็นด้วยกับประโยคหลังเบาๆ ในใจ

 

            “ที่ฉันอยากจะพูดก็คือ ด้วยความอ่อนโยนของแก มีคนเข้าหามากมาย แต่แกไม่สนใจเลย เพราะแกกลัวฉันเหงา กลัวไม่มีเวลาอยู่กับยาย” คุณนายตรึงจิตหันหน้ามองผู้ฟังร่างสูง “ฉันอยากให้หลานได้มองความสุขของตัวเองเป็นหลักบ้าง พ่อเหินช่วยหลานฉันได้ไหม” คุณตรึงจิตยิ้มบางๆ

 

            เหินฟ้าได้ฟังแล้วก็เหลือบไปมองเจ้าเกล้า แม้เขาจะยังไม่เข้าใจว่าอยู่ดีๆ คุณนายตรึงจิตเข้ามาบอกเขาทำไม แต่มันทำให้เขาวางใจไปเปลาะหนึ่งว่าอย่างน้อยผู้ใหญ่อย่างคุณตรึงจิตก็ไม่คิดกันท่าเขาเหมือนกับ(ว่าที่)พ่อตา

 

            “ผมจะพยายามพิสูจน์ให้คุณอัฏฐ์กับครอบครัวของเกล้าเห็นครับ ว่าผมจริงจัง ผมตั้งใจและจะดูแลน้องให้ได้จริงๆ”

 

            คุณหญิงส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ต้องพิสูจน์ พ่อเหิน ไม่ต้องพิสูจน์อะไร กาลเวลาต่างหากที่จะพิสูจน์ เมื่อก่อนฉันหวงหลานมากจริงๆ แต่วันนี้สัญชาติญาณคนแก่มันมองออกว่าใครจะดีใครจะไม่ดี ฉันเลยอยากให้โอกาส ตราบใดที่พ่อเหินมั่นคงกับความรู้สึกนี้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหนูเกล้า หรือคนรอบตัว ก็จะดูออกสักวันเองนั่นแหละ”

 

.

.

.

 

            คำพูดของคุณนายตรึงจิตนั้นเป็นแรงผลักดันชั้นดีในแผนปฏิบัติการแยกดอกไม้ออกจากผึ้ง ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากออกตัวมากนัก เพราะครอบครัวของเจ้าเกล้าก็อยู่ แถมคุณอัฏฐ์ยังจับตามองเขาไม่วางตา แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะเชื่อคำของคุณหญิงแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ความรู้สึกของเขา ทั้งเจ้าเกล้าและคนอื่นๆ จะได้สัมผัสมันด้วยตาเอง

 

            “เกล้าครับ” เหินฟ้าเดินดุ่มๆ เข้าไปท่ามกลางสายตาเกือบสิบคู่

 

            “คะ ครับ พี่เหิน” เจ้าเกล้าที่ฉลาดในเรื่องนี้แล้ว พอเห็นแววตาที่เหินฟ้ามองมาที่ตนตั้งแต่เมื่อครู่ก็พอจะเดาออกแหละว่าอีกคนกำลังรู้สึกอย่างไร แต่เขากลับไม่อยากเอามาใส่ใจมาก เพราะมันจะทำให้เขาหน้าแดง

 

            “ไปนั่งพักไหมครับ พี่เห็นเราหน้าแดงมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เดี๋ยวทางนี้พี่ทำเอง” เหินฟ้าที่ไม่ได้คิดแผนอะไรมาจึงอาศัยเอาหน้าแดงๆ ของคนน่ารักมาอ้างเสียเลย

 

            “พี่เกล้าไม่สบายหรอครับ” ทันทีที่พูดจบหนุ่มหน้ามนก็หวังจะวัดอุณหภูมิให้กับอีกคน

 

            “ดูสิครับ เหงื่อออกหมดแล้ว” แต่ไม่ทันเสียหรอก เพราะรองประธานฯ เขาเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อตัดหน้าคู่แข่งแบบสายฟ้าแลบ

 

            “เกล้าไม่เป็นไรครับพี่เหิน” เจ้าเกล้าเห็นเหินฟ้าที่ซับเหงื่อไปเหล่มองเบนไปก็รู้สึกเริ่มปวดหัด เพราะเบนเองก็มองอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน เบนเป็นหลานของครูปุ๊ก คอยช่วยงานมาตั้งแต่เด็กๆ ปีนี้เบนก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว บางครั้งมาก็ไม่ค่อยเจอ แต่ปกติถ้ามาเจอ เขาก็จะโดนกักตัวไว้แบบนี้ประจำ เขาไม่คิดว่าเบนจะชอบเขาแบบที่พี่เหิน เอ่อ ชอบเขาหรอก น้องน่าจะชอบเขาแบบไอดอลมากกว่า เพราะเอาจริงๆ เด็กหนุ่มก็หน้าตาไม่ขี้ริ้วขี้เหร่แถมยังสูงชะลูดถึงแม้จะไม่ได้สูงเท่าคุณเหินก็เถอะ ซึ่งนั่นก็น่าจะทำให้น้องได้เจอคนหน้าตาดีๆ นิสัยดีๆ มากกว่าเขาบ้างแหละ

 

            “ไปครับ ไปดื่มน้ำกันก่อน” เหินฟ้าคว้าหมับที่มือนุ่มๆ ของคนตัวเล็กกว่า

 

            “พี่เหินครับ” แต่ก่อนจะเดินเจ้าเกล้าจำต้องทักท้วงเสียก่อน

 

            “ครับ” เหินฟ้าหันมามองหน้าอีกคนด้วยแววตาฉงน

 

            “เอ่อ ทานน้ำตรงนี้ก็ได้ครับ” เหินฟ้าลืมไปสนิทว่าเจ้าเกล้าเป็นฝ่ายบริการน้ำท่าให้กับเด็กๆ

 

            “พี่เกล้าไปพักในห้องผมก่อนดีกว่าครับ มีแอร์เย็นๆ ไปครับผมพาไป” มืออีกข้างของเจ้าเกล้าถูกเด็กหนุ่มตัวสูงคว้าเอาไว้ทันที เหินฟ้าเบิกตาโตก่อนจะตวัดสายตาไม่ชอบใจใส่ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ส่วนฝ่ายศัตรูก็ไม่น้อยหน้า ทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะบอกว่าเจ้าเกล้ามานอนห้องมันบ่อย หึ! แก้มได้หอมรึยังเถอะ ไอ้หมาเอ้ย

 

            “ถ้าเกล้าอยากนอนห้องแอร์ไปนอนโรงแรมพี่ดีกว่าครับ ขับรถแปปเดียวก็ถึง พี่พาไป”

 

            “พี่เกล้าจะไม่อยู่เล่นกับน้องๆ หรอครับ วันนี้วันเกิดพี่เกล้านี่ครับ เด็กๆ ยังอยากเจออยู่เลย”

 

            “เดี๋ยวไปพักแล้วเย็นๆ ค่อยมาใหม่ก็ได้ครับเกล้า ไปครับ”

 

            “เย็นๆ เดี๋ยวน้องๆ ก็ต้องเตรียมตัวอาบน้ำเข้านอนแล้วนะครับพี่เกล้า”

 

            “เดี๋ยวพี่พ...”

 

            “พอเลยครับทั้งสองคน!” เจ้าเกล้าพูดขัดออกมา ถึงแม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่ก็ดุพอจะหยุดคนทั้งสองได้ คุณตรึงจิตแอบลอบยิ้มกับโหมดดุของหลานชายซึ่งได้มาจากหล่อนทั้งนั้น

 

            “เบนไปคอยดูน้องๆ ที่ทานอิ่มแล้วครับ ตรงนี้มีคนเดียวก็ได้ครับ จะได้แบ่งๆ งานกันทำ” เจ้าเกล้าหันมาหาพ่อตัวดี “ส่วนพี่เหินกลับไปตักบวดชีเลยครับ ผมสบายดี”

 

            พอฟังจบเหล่าชายหนุ่มนักรักต่างหันมองหน้ากันด้วยแรงอารมณ์สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง พุฒิเห็นทีจึงเดินมาแซว

 

            “แหมมมมม ฮ็อตกว่าเราตอนโดนหญิงแย่งในผับอีกอ่ะแม่เกล้า”

 

            “หยุดเลยพุฒิกลับไปทำงานเลย!” เจ้าเกล้าทำหน้าดุใส่จนพุฒิยังหงอ จากนั้นจึงกลับไปเก็บขยะต่อ

 

            ทางด้านเหินฟ้าก็กำลังตักกล้วยบวดชีอย่างเนือยๆ แต่ตาก็ยังแอบเหล่ไปทางเจ้าเกล้าบ่อยๆ แล้วพอฝ่ายนั้นหันมาเจอก็ทำหน้าดุใส่ จริงๆ แล้วเขาไม่กลัวเลย เห็นแล้วอยากเอาปากไปหยิกแก้มขาวๆ นั่นมากกว่า

 

            “พี่เหินครับ” แรงดึงชายกางเกงทำให้เหินฟ้าต้องก้มไปมอง เป็นน้องรักที่พาเด็กผู้ชายอีกคนมาด้วย

 

            “ว่าไงครับคนเก่ง ทานข้าวอิ่มแล้วหรอ แล้วนี่เพื่อนใหม่หรอครับ” เหินฟ้านั่งยองๆ คุยกับหลาน

 

            “น้องรักทานอิ่มแล้วครับ นี่คอปเตอร์ครับ” เหินฟ้าจึงนึกออกทันทีว่าเด็กคนนี้คือหัวโจกที่พาน้องผู้หญิงอีกคนออกไปเล่นน้ำฝนจนไม่สบาย

 

            “ครับ เอากล้วยบวดชีไหมครับทั้งสองคน”

 

            “คอปเตอร์บอกอยากกินครับพี่เหิน” น้องรักเอ่ยขึ้น

 

            “โอเคเดี๋ยวพี่หยิบให้” เหินฟ้าผละออกไปหยิบกล้วยบวดชีที่ตักไว้แล้ว ระหว่างนั้นก็ได้ฟังบทสนทนาของเด็กๆ ไปด้วย

 

            “เราจะเอากล้วยบวดชีไปหมั้นพี่เกล้า”

 

            ‘หืมมมม เสน่ห์แรงแม้กระทั่งเด็กหกขวบเลยหรอเจ้าเกล้า’ เหินฟ้าคิดในใจ

 

            “เอ๋ หมั้นคืออะไรหรอ คอปเตอร์”

 

            “พี่คีปบอกว่าถ้าเราเอาของไปจองคนที่ชอบไว้เรียกว่าหมั้น พอหมั้นแล้วโตไปก็จะได้แต่งงานกันไง”

 

            “ฮึ้ยยยยยย” น้องรักทำท่าทีตกใจด้วยตาเบิกตาโพลง “ไม่ได้ๆๆๆ พี่เกล้าไม่แต่งงานกับคอปเตอร์หรอกนะ”

 

            “อ้าว ทำไมล่ะ ก็เราจะหมั้นก่อนไง ยังไม่มีใครหมั้นกับพี่เกล้าซะหน่อย”

 

            “มีแล้วๆๆๆ” น้องรักรีบพยักหน้ารัวๆ

 

            “อะไรนะ ใครล่ะ ทำไมพี่เกล้าไม่บอก” คอปเตอร์ทำหน้าเศร้าเหมือนในละครหลังข่าวที่ดูมาเมื่อวานตอนที่พระเอกผิดหวังเพราะนางเอกบอกว่าไม่รัก

 

            “นี่ไงๆๆ” น้องรักรีบวิ่งไปดึงขากางเกงของเหินฟ้า ซึ่งเขาเองก็มองเด็กๆ คุยกันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วอดขำไม่ได้

 

            “คนนี้หรอหมั้นพี่เกล้าแล้ว”

 

            “ใช่ๆๆๆ พี่เหินชอบพี่เกล้า พี่เหินหมั้นพี่เกล้า พี่เหินจะแต่งงานกับพี่เกล้าด้วย ใช่ไหมพี่เหินๆๆๆ” เหินฟ้าดูท่าทีคาดหวังของเด็กน้อยก็นึกขำในใจ และแอบคิดมุกเด็ดออกมาได้ เขาหันไปมองแผ่นหลังของคนตัวหอมที่กำลังตักน้ำแข็งอยู่ก่อนจะหันมาพูดกับน้องรัก

 

            “พี่ยังไม่รู้เลย พี่เกล้ายังไม่ตอบพี่เหินเลยครับ” เหินฟ้าย่อตัวลงมาคุยด้วย

 

            “อ้าววววววว” น้องรักทำท่าเสียใจเหมือนโลกถล่ม “ทำยังไงๆๆ” น้องรักแอบกระซิบพี่เหินเบาๆ “น้องรักรู้ว่าพี่เกล้าไม่ชอบคอปเตอร์ พี่เกล้าชอบพี่เหิน”

 

            เหินฟ้าแอบลอบขำในใจกับจินตนาการของเด็ก “ทำไมถึงคิดงั้นล่ะครับ” เหินฟ้ากระซิบตอบ

 

            “พี่เหินชอบมองพี่เกล้า พี่เกล้าก็ชอบมองพี่เหิน น้องรักเห็นว่าชอบมองกัน มองแปปนึงๆ แต่มองทุกๆ รอบเลย” ฟังจบเหินฟ้าก็ยิ้มเบาๆ ถ้าน้องรักเห็นจริงๆ นั่นก็แปลว่าเขาเองก็คงถูกมองเหมือนกันสินะ หึหึ

 

            “พี่เหินก็คิดอย่างนั้นครับ แต่ไม่รู้ถูกไหม น้องรักช่วยพี่เหินได้ไหม พี่เหินอยากรู้คำตอบ” เหินฟ้าใช่วาจาล่อลวง

 

            “ได้ๆๆๆ พี่เหินให้น้องรักถามพี่เกล้าไหมครับ”

 

            “ได้ครับ นี่ครับ เอากล้วยบวดชีไปด้วย แล้วบอกพี่เกล้าแบบนี้นะครับ” เหินฟ้ากระซิบเบาๆ น้องรักได้ยินก็รับพยักหน้ารัวๆ เหมือนตุ๊กตาหน้ารถที่หัวโยกไปมา จากนั้นน้องรักก็วิ่งไปหาพี่เกล้าที่อยู่ไม่ไกลนัก

 

            “ลุงก็ชอบพี่เกล้าหรอ!” เด็กคอปเตอร์ที่ยังยืนอยู่เอ่ยถามขึ้น หลังจากที่รักบอกว่าลุงคนนี้หมั้นพี่เกล้าไปแล้ว

 

            “หึ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” เหินฟ้าแสยะยิ้มใส่หัวโจก แอบหมั่นไส้นิดหน่อยที่โดนเพิ่มอายุเพราะอาการเหม็นหน้า สมกับเป็นหัวโจกจริงๆ

 

            “นี่ก็ไม่ใช่เรื่องของลุงนะ ผมจะหมั้นกับพี่เกล้า ทำไมพี่เกล้าหมั้นกับลุง”

 

            “อยากรู้ไหมล่ะ” เหินฟ้ายังเผยยิ้มอยู่อย่างขำขัน

 

            “อยากๆๆๆๆๆๆ” คอปเตอร์โดนลวงเข้าแล้ว

 

            “เอาหูมา” เด็กคอปเตอร์รีบทำตามทันที

 

            “...เพราะพี่หล่อ”

 

            “ห้ะ” เด็กน้อยทำหน้างง “อะไรของลุงอ่ะ ผมก็หล่อเหอะ”

 

            “เห้ย ยังไม่หมด”

 

            “อะไรอีกอ่ะ”

 

            “พี่หล่อ สูง หุ่นดี รวย มีบ้าน มีรถ มีโทรศัพท์ มีโรงแรม มีบริษัท มีงานทำ” พูดจบคอปเตอร์ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ส่วนเหินฟ้าถึงจะรู้สึกผิดที่ไปเกทับเด็ก แต่ก็รู้สึกสะใจชอบกล

 

            ด้านน้องรักที่เดินไปถึงแล้วจึงสะกิดเจ้าเกล้า

 

            “พี่เกล้าจ๋าๆๆ”

 

            “อ้าว น้องรัก เอาน้ำหรอครับ เอาน้ำเปล่าไหม พี่เทให้”

 

            น้องรักส่ายหน้า “ป่าวครับๆๆ อันนี้พี่เหินฝากมา” เจ้าเกล้าฟังแล้วจึงเงยหน้าไปหาเจ้าของชื่อทันที ซึ่งอีกฝ่ายกำลังยิ้มปากถึงรูหูให้อยู่ เล่นอะไรอีกล่ะเนี่ย “พี่เหินฝากมาบอกด้วยครับ”

 

            “ว่าอะไรครับ” เจ้าเกล้าช่างสงสารเด็กยิ่งนัก ตาลุงแก่คนนั้นใช้เด็กตัวเล็กๆ เป็นเครื่องมือจนได้

 

            “พี่เหินบอกว่า ถ้ารักพี่เหินให้รับขนมอันนี้ แต่ถ้าชอบพี่เหินไม่ให้รับขนมอันนี้” เจ้าเกล้าฟังจบได้แต่กุมขมับอยู่ในใจ น้องรักก็ส่งสายตาใสซื่อจนน่าสงสาร เขาได้แต่มองไปหาอีกคนด้วยสายตาดุๆ

 

            “น้องเกล้าเอาไปทานเถอะครับ เดี๋ยวขนมเย็นแล้วไม่อร่อยนะครับ”

 

            “อ้าว พี่เกล้าไม่รักพี่เหินหรอครับ” น้องเกล้าทำหน้าผิดหวังเหมือนลูกหมาไม่ได้กินนมแม่

 

            “พี่เกล้าไม่บอกครับ ต้องให้พี่เหินมาถามเอง ตอนนี้น้องเกล้าไปนั่งทานขนมที่โต๊ะก่อนนะครับ ถือไว้เดี๋ยวหก” เจ้าเกล้าหันมามองเขม่นอีกคนที่กำลังยิ้มแป้นแล้นให้อีกรอบนึงก่อนจะพาน้องรักไปนั่งที่

 

            ระหว่างนั้นคอปเตอร์ที่รู้สึกด้อยค่าเพราะโดนเกทับอยากจะสานฝันให้ตนเองได้หมั้นกับพี่เกล้า เด็กน้อยจึงรีบวิ่งออกมาเพื่อจะไปแย่งกล้วยบวดชีถ้วยนั้นจากน้องรักให้ได้

 

            “เห้ย คอปเตอร์ อย่าวิ่ง เดี๋ยวล้ม” เหินฟ้าได้แต่เรียก แต่ก็ไม่ทันแล้ว น้องมันซนจริงๆ

 

            “รักเอาขนมมาให้เรา เราจะให้พี่เกล้า” คอปเตอร์วิ่งมาถึงก็แย่งถ้วยขนมไปจนกระเด็นหกเลอะเทอะ

 

            “คอปเตอร์ครับไม่ทำแบบนี้นะครับ” เจ้าเกล้ารีบเอ่ย แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่เลิกยื้อกัน คุณตรึงจิตที่กำลังเดินขึ้นมาจากชั้นหนึ่งเพราะไปเข้าห้องน้ำเห็นเหตุการณ์เข้าจึงหวังจะเข้ามาช่วย

 

            “เด็กๆ อย่าแย่งกันสิลูก หกหมดแล้วนะ” เสียงดุๆ ที่ลอยเข้ามาผ่านโสตประสาทกำลังถูกประมวลผลในสมองของเด็กๆ ว่าให้หยุดการกระทำ คอปเตอร์ที่โดนคุณหญิงดุบ่อยๆ จึงรีบปล่อยมือทันทีซึ่งเป็นจังหวะที่แรงดึงทั้งหมดพุ่งเข้าใส่น้องรักเต็มๆ

 

            “ว้ายย!!” “น้องรัก! คุณยาย!!” “คุณหญิง!”

 

            น้องรักกระเด็นถอยหลังมาโดนคุณหญิงตรึงจิต ซึ่งหล่อนก็ตั้งหลักไม่ทัน จึงเซไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นก็เจอเข้ากับราวบันได ร่างกายคนแก่ที่ทรงตัวได้ไม่ดีนักเหมือนแต่ก่อน รวมถึงความแม่นยำในการเกาะจับก็พร่องลงไปมาก หล่อนไม่อาจจับราวไว้ได้จนก้าวพลาดร่วงไปตามขั้นบันได

 

            เจ้าเกล้ารีบก้าวตามมาถึงแม้จะช้าไปเสียแล้ว ร่างของคุณหญิงที่ตกมาจากบันไดเกือบสิบขั้นนอนราบอยู่กับพื้น น้ำตาของหลานชายสุดโปรดรื้นขึ้น เขาพูดอะไรไม่ออก นอกจากรีบวิ่งไปประคองร่างของยายที่ชุ่มไปด้วยเลือด

 

            “คุณยายยยยย! คุณยายยยย!!!”



❤❤❤❤

มาช้าอีกตามเคยค่ะ แงๆๆๆ
อย่าทิ้งน้องเกล้ากันนะคะ อดทนไปด้วยกันค่ะ

ขอบคุณคอมเม้นท์มากๆ เลยนะคะ

เลิฟๆๆๆ


JYUBE.
#ใจก้าว


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสาม] 28.06.19
«ตอบ #42 เมื่อ28-06-2019 22:25:03 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสาม] 28.06.19
«ตอบ #43 เมื่อ28-06-2019 23:17:42 »

คุณยาย รีบพาไปโรงบาลเร็ว  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสาม] 28.06.19
«ตอบ #44 เมื่อ26-09-2019 23:33:32 »

พึ่งได้ตามมาอ่านค่ะ เรื่องสนุกดีค่ะ ลุ้นได้เรื่อยๆ
ว่าเจ้าเกล้าจะมาแบบไหน เหินจะทำอะไร
แต่ตอนนี้มีเรื่องน่าตกใจกว่าคือ คุณยายจะเป็นไรมากไหม
ขอให้ปลอดภัย และไม่เป็นอะไรมากนะคะ สงสารเจ้าเกล้า

ออฟไลน์ jyube

  • written by jyube
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
    • Jyube's Page
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสี่] 06.10.19
«ตอบ #45 เมื่อ06-10-2019 21:06:05 »


ก้าวยี่สิบสี่ - หน้าห้องฉุกเฉิน


             กลิ่นโรงพยาบาลไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเกล้าคุ้นเคย มันไม่เหมือนกลิ่นพริกแกง กลิ่นกะปิ หรือกลิ่นดอกลีลาวดีหน้าบ้าน ที่สำคัญมันเป็นกลิ่นที่ไม่เป็นมงคลสำหรับเวลานี้เลยสักนิด ภาพคุณยายที่ล้มลงยังคงติดตา เจ้าเกล้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำตาเขาไหลออกมาเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็มีผู้ชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่งเข้ามาเช็ดให้ บอกกับเขาว่าคุณยายต้องไม่เป็นไร ก่อนจะรีบอุ้มคุณยายพาไปโรงพยาบาล

           

“หิวไหมครับ” เสียงทุ้มใหญ่คนเดียวกับที่นั่งปลอบเขามาตลอดเอ่ยถามขึ้น ตั้งแต่ที่พาคุณยายเข้าไปในห้องฉุกเฉินเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ทุกคนต่างอยู่ในภวังค์ของตัวเอง คนตัวเล็กข้างๆ เหินฟ้าเอาแต่ร้องไห้ ไม่สิ ต้องพูดว่าเอาแต่น้ำตาไหล เจ้าเกล้าไม่ได้ส่งเสียงใดๆ เลย เหินฟ้าจึงทำได้เพียงกอดอีกคนไว้และพร่ำบอกว่าทุกอย่างต้องไม่เป็นไร

 

“...” เจ้าเกล้าส่ายหน้าเบาๆ... เบามากจนแทบจะมองไม่เห็น แต่เพราะใบหน้าขาวนั้นซบอยู่ตรงกลางอกของคนตัวใหญ่ แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยอย่างไร เขาก็รู้สึก

 

คุณวรรณฤดีที่นั่งห่างออกไปกำลังมองมาที่ลูกชายคนสุดท้องของตนด้วยความรู้สึกสงสาร วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้าตัว หลังจากไปทำบุญเรียบร้อย ลูกชายคนนี้จะกลับมาทำกับข้าวให้ทุกคนทาน พร้อมกับนำพวงมาลัยมากราบไหว้ทั้งคุณยาย ตัวหล่อน และสามี เจ้าเกล้ารู้คุณคนเสมอ เด็กน้อยมักคอยขอบคุณคนในครอบครัวที่เลี้ยงดูตัวเองมา หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วพวกหล่อนต่างหากที่อยากขอบคุณความดีที่เจ้าเกล้ามีให้คนรอบข้างเสมอ

 

            และวันนี้ลูกชายคนนั้นกำลังจะมีใครอีกคนคอยดูแล เหตุการณ์วันนี้ทำให้เธอหายห่วงด้วยอะไรหลายๆ อย่าง และดูท่าคุณสามีของเธอก็คงคิดเหมือนกัน ภาพเหินฟ้าที่รีบวิ่งไปพยุงทั้งเจ้าเกล้าและคุณยายพร้อมกันยังติดอยู่ในความรู้สึก คุณอัฏฐ์ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุจึงวิ่งมาไม่ทัน กว่าจะมาถึงเหินฟ้าก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งปลอบเจ้าเกล้า ทั้งพาคุณตรึงจิตมาโรงพยาบาล

 

            วรรณฤดีบีบมือผู้เป็นสามี หลังจากนึกถึงเรื่องราวของลูกชายเสร็จ หล่อนก็เงยหน้ากลับมามองประตูห้องฉุกเฉิน คุณตรึงจิตเป็นคนดื้อดึงและเจ้าระเบียบ แต่ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ครอบครัวของเธอคือที่สุดเสมอ หลังจากที่สามีของคุณหญิงเสีย หล่อนก็ประคับประครองตระกูลและลูกสาวเพียงคนเดียวมาโดยลำพัง ปราศจากการช่วยเหลือจากครอบครัวเก่า แน่ล่ะ เพราะเธอหนีออกมา

 

วรรณฤดีอดนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ออกมาไม่ได้ แต่ ณ เวลานี้ หล่อนมิอาจทำอะไรอย่างอื่นได้ นอกจากเฝ้ารอและปล่อยให้ความคิดโลดแล่นไปเรื่อยๆ

.

.

.

            บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินมีผู้คนหนาแน่น ยิ่งตอนนี้ฟ้าเริ่มทอสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกอย่างยังคงเงียบครัน เหินฟ้าเดินออกมารับโทรศัพท์ข้างนอก ซึ่งสายตายังคงจ้องมองเจ้าเกล้าที่บัดนี้เหมือนตัวเล็กกว่าน้องรักอีก น้องรักเองก็นั่งร้องไห้ไม่หยุด จนคุณแม่ของเด็กน้อยต้องรีบพากลับไปพักก่อน

           

            “ครับแม่” สายตรงจากประเทศฮ่องกงที่ดังถี่มาตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว แต่เหินฟ้ายังไม่วางใจจะปล่อยอีกคนออกจากอ้อมอกจึงไม่ใส่ใจกับแรงสั่นของโทรศัพท์ใดๆ ทั้งนั้น จนเพื่อนๆ ของเจ้าเกล้ามากันครบเขาจึงปลีกตัวออกมาบ้าง

 

            “ตายแล้วตาเหิน ทำไมเพิ่งรับโทรศัพท์แม่ล่ะลูก คุณนายตรึงจิตเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”

 

            “แม่รู้ได้ยังไงครับ...คุณวรรณโทรไปบอกหรือครับ” เหินฟ้าอดเอะใจไม่ได้

           

            “เอ้อ ใช่แล้วลูก แม่โทรไปเมาธ์พอดี ยัยวรรณเลยเล่าให้ฟัง”

 

            “อ่อครับ ตอนนี้ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินครับ ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง” เหินฟ้ากล่าวโดยที่สายตากำลังมองเด็กที่ชื่อเรนกอดเจ้าเกล้าแน่นพร้อมโยกไปมาอย่างกับเด็กน้อย

 

            “โถ แย่จัง นี่พ่อก็ไม่เสร็จธุระสักที แม่ล่ะอยากกลับบ้านจะแย่ หนูเกล้าคงจะใจเสียนะลูก คอยดูน้องด้วย”

 

            “... ครับ เกล้าเข้มแข็งครับ” ถึงเขาจะรู้ว่าแม่พูดเฉยๆ แต่ความรู้สึกเวลาถูกแม่อวยมามันไม่เป็นที่ชอบใจเลยสักนิด ทำไมก็ไม่รู้ เขารักน้อง แต่เขาไม่อยากให้แม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับน้องกำลังเป็นไปอย่างที่แม่ต้องการ

 

            “ดีแล้วลูกๆ ยังไงคุณหญิงเธอออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วบอกแม่ด้วยนะตาเหิน อีกไม่นานคงได้กลับแล้วล่ะ”

 

            “ครับแม่” เหินฟ้ารับคำ

 

            “นี่ลูกเหิน...”

 

            “...”

 

            “แม่ถามตรงๆ นะ กับหนูเกล้าเนี่ย เราไม่ชอบบ้างเลยหรอ” เหินฟ้าแอบงงนิดหน่อยที่อยู่ดีๆ แม่ก็เปิดประเด็นที่เขาไม่อยากแม้แต่จะพูดออกมา

 

            “...”

 

            “เอ้า ว่างไงตาเหิน หรือว่าที่ตอบไม่ได้เนี่ย เพราะชอบใช่ไหมล่ะ”

 

            “คือผ..”

 

            “โอ้ยๆ แม่รู้หรอกจ้า ใครจะไม่ชอบบ้างหนูเกล้าเนี่ย แม่เป็นลูกนะแม่จะไม่ปล่อยไปเลย ทำกับข้าวก็อร่อย กริยางามสง่า เลี้ยงเด็กก็ได้ เนี่ยเห็นไหมคนที่แม่หามาให้มีแต่คนดีๆ ทั้งนั้...”

 

            “ไม่ได้ชอบครับ...” เหินฟ้าเอ่ยขัดคนเป็นแม่ “ผม...ไม่ได้ชอบเจ้าเกล้าครับ” คำพูดไวกว่าความคิด เหินฟ้าที่ไม่อยากรู้สึกพ่ายแพ้ให้กับปฏิบัติการคลุมถุงชนของคนเป็นแม่จึงปดออกไป

 

            “... อ่าวหรอ ไม่เห็นต้องเสียงดังเลย แม่ก็นึกว่าเราจะชอบ เสียดายจังคนนี้แม่เชียร์กว่าทุกคนเลยนะเนี่ย...” เสียงคุณมุกสมุทรหายไปสักพักหนึ่ง “อ่ะลูก เดี๋ยวแม่ไปทานข้าวก่อน แขกมาแล้ว ยังไงถึงไม่ได้ชอบน้องแม่ก็ฝากดูหน่อย ในฐานะน้องนุ่งนะลูก ดูตัวเองด้วย ว่างๆ ก็โทรไปหาตาเวบ้าง แม่ไปแล้ว บ๊ายบายค่ะ”

 

            ...คุณมุกสมุทรวางสายไปแล้ว แต่ใจของเหินฟ้ายังคงเต้นระรัว ภาวะอารมณ์ของเขาตอนนี้เรียกว่าไม่คงที่เอาเสียเลย เขาเองไม่ใช่ไม่ตกใจ ไม่ใช่ไม่เครียดกับอุบัติเหตุก่อนหน้า ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรกับน้ำตาใสๆ ของคนที่รัก คำพูดของคุณมุกสมุทรเป็นเหมือนชนวนชั้นดีที่โหมไฟให้กระหน่ำขึ้น เขาจึงแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมา

 

            เหินฟ้ายืนปรับอารมณ์อยู่นานกว่าจะกลับเข้ามายังบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน

 

            “พี่เหินหิวไหมครับ” เจ้าเกล้าที่ดูจะสงบสติอารมณ์ได้มากแล้ว หันมาถามเจ้าของอกอุ่นที่กลับมานั่งข้างๆ กาย

 

            “ไม่ครับ เราล่ะ” เหินฟ้าเอื้อมมือไปเกลี่ยคราบน้ำตาที่เกาะกรังอยู่บนตาเรียวสวย

 

            เจ้าเกล้าส่ายหน้าช้าๆ เขาดึงมือใหญ่ออกมากุมไว้และบีบเบาๆ “วันนี้เกล้าขอบคุณพี่เหินมากนะครับ แต่พี่กลับไปพักดีกว่า พรุ่งนี้ยังต้องทำงาน เกล้าคงอยู่รอคุณยายตรงนี้แหละครับ ที่บ้านก็อยู่”

 

            “ไม่เป็นไร พี่ว่...”

 

            “นะครับ... กลับไปก่อน พรุ่งนี้... พรุ่งนี้เราค่อยเจอกัน”

 

            “งั้นเดี๋ยวพี่กลับไปอาบน้ำ แล้วมานอนค้างด้วย” เหินฟ้ายังคงกุมมือขาวไว้ซึ่งบัดนี้ชื้นไปด้วยเหงื่อ

 

            “อย่าเลยครับ“ เจ้าเกล้ายิ้มบางๆ ในความรู้สึกของเหินฟ้า ยิ้มครั้งนี้ของเจ้าเกล้านั้นช่างเหน็ดเหนื่อย เหมือนดอกไม้พันธุ์งานที่ไม่ได้รับน้ำ ไม่ได้รับแสง ดูแห้งแล้งเหมือนจะเฉาตายได้ง่ายๆ

 

            “ทำไมไม่อยากให้พี่อยู่ครับคนดี” เหินฟ้าละมือออกจากอีกคน ครั้งนี้เขากุมแก้มตอบของคนตรงหน้า ใช้สายตาเป็นเครื่องมือค้นหาความในใจบางอย่างผ่านสายตาไร้แววคู่นั้น

 

            “ผม... เหนื่อยครับ”

.

.

.

            เหินฟ้ากลับไปแล้ว เหมือนจะคุยกันไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ เพราะเจ้าเกล้าก็เอาแต่ไล่ เหินฟ้าก็เอาแต่รั้ง จนคนหน้าสวยน้ำตาไหลขึ้นมาอีกระลอกนั่นแหละ คนเป็นพี่เลยยอมถอย ดินไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่คืออะไร หลังจากที่เขามาถึงพร้อมอาหารมากมาย เจ้าเกล้าซึ่งอาสาไปเรียกเหินฟ้าที่อยู่ด้านนอก เมื่อกลับเข้ามาก็เหมือนจะซึมยิ่งไปกว่าเดิมเสียอีก

 

            “เกล้า ทานหน่อยเถอะ” ดินยื่นซาลาเปาไส้ครีมให้อีกคน ตอนนี้สายตาของเพื่อนตัวขาวไม่ละไปยังประตูห้องฉุกเฉินเลยแม้แต่วิ ใครยื่นอาหารก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว

 

            “โหย ดิน มึงไปซื้อมาจากไหนวะเนี่ย ไม่อร่อยเลยสู้ที่แม่เกล้าทำก็ไม่ได้” พุฒิที่กัดขนมจีบหมูไปหันมาแขวะดินหวังเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น แต่ความเงียบที่เป็นผลลัพธ์คงจะไม่ใช่ความสำเร็จที่เขาตั้งใจแน่นอน

 

            “เกล้า เกล้าต้องกิน เกล้าต้องแข็งแรง ถ้ายายออกมา เกล้าต้องช่วยพยุงยาย เกล้าต้องพายายเข้าห้องน้ำ ถ้าเกล้าไม่มีแรง เจ้าจะช่วยยายไม่ได้” ต้นอินที่เพ่งกินเสร็จไปลูบหลังเจ้าเกล้าพร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ

 

            เจ้าเกล้านิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่น้ำตาระลอกใหม่จะไหลออกมาโดยปราศจากเสียงใด พุฒิมั่นใจมากว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เขาเห็นเจ้าเกล้าร้องไห้ และคงเป็นการร้องไห้ที่เยอะที่สุดในชีวิตเจ้าตัวด้วยมั้ง

 

            “อ่ะเกล้า กินเหอะ ยายไม่เคยปล่อยให้เกล้าอดนะ กินเร็วๆ” พุฒิตัดสินใจทำตัวจริงจังขึ้นมาบ้างด้วยการหยิบขนมจีบที่เพิ่งด่าว่าไม่อร่อยมาให้เจ้าเกล้ากิน ซึ่งอีกคนหันมามองสักพัก ก่อนจะค่อยๆ อ้าปากกัดไปทั้งน้ำตา เพื่อนๆ ต่างโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยอีกคนก็พอกินอะไรบ้าง

 

            “ทุกคนกลับไปก็ได้นะ เดี๋ยวอีกพักนึง พี่ปอยกับพี่จุกก็คงมาแล้วล่ะ” เมื่อกินไปได้สองสามชิ้น เจ้าเกล้าก็หันมาบอกกับเพื่อนๆ

 

            “ไม่เอาอ่ะ อยากอยู่ดูคุณยาย” พุฒิพูดออกมา

 

            ดินที่นั่งชันเข่าอยู่ตรงพื้นเอื้อมมือมาจับมือเกล้า “เกล้าอยากอยู่คนเดียวหรือเปล่า เราอยากอยู่เป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าเกล้าอยากอยู่เงียบๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเรามากันใหม่ตอนเช้า เอางั้นไหม” สมาชิกกลุ่มผู้มีวุฒิภาวะมากที่สุดในตอนนี้ตัดสินใจถามอีกคนตรงๆ

 

            “...ขอบคุณ” เจ้าเกล้าไม่พูดอะไรมาก เขายิ้มบางๆ บีบมือนาของอีกคน และละสายตาไปยังบานประตูสีขาวนั้นอีกครั้ง และครั้งนี้เขาคงไม่ละสายตาไปที่อื่นอีกแล้ว เพราะในเวลานี้คนที่สำคัญกับเขาที่สุด ต้องเป็นคุณยายคนเดียว...


❤❤❤❤

ขอบคุณสำหรับการรอคอยนะคะ
มาช้านิดนึงค่ะ ขอโทษด้วย T-T


JYUBE.
#ใจก้าว


ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสี่] 06.10.19
«ตอบ #46 เมื่อ07-10-2019 02:15:07 »

น้องได้ยินใช่มะ  :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสี่] 06.10.19
«ตอบ #47 เมื่อ07-10-2019 09:45:12 »

 :pig4:  :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบสี่] 06.10.19
«ตอบ #48 เมื่อ08-10-2019 22:50:58 »

ฮึยยย ทำไมไม่ยอมรับว่าชอบเกล้าอ่าาาา น้องต้องได้ยินแน่ๆเลย

ออฟไลน์ jyube

  • written by jyube
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
    • Jyube's Page
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบห้า] 17.05.20
«ตอบ #49 เมื่อ17-05-2020 20:31:49 »

ก้าวยี่สิบห้า - ห้องผู้ป่วย


             “ผม..ไม่ได้ชอบเจ้าเกล้าครับ”
 
เจ้าเกล้ายังคิดถึงเรื่องราวเมื่อวานที่ตนไปพบเจอมา เขาพอเข้าใจสถานการณ์ว่าพี่เหินอาจจะพูดไปเพื่อกลบเกลื่อนหรือเปล่า แต่อีกใจก็เผลอไปคิดว่าหรือจริงๆ อาจจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของพี่เหินก็ได้ อาจจะยังสับสนอยู่ เหมือนเขาในเวลานี้... ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนจีบมาตลอด
 
เวลานี้เจ้าเกล้ารู้สึกเปราะบางและเซนซีทีฟกว่าครั้งไหน คุณยายยังไม่ฟื้น และถึงแม้คุณหมอจะบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ความเงียบที่โถมเข้าใส่ทุกเวลาที่เขานั่งอยู่กับคุณยายมันไม่ชิน เขาอยู่กับคุณยายสองคนตลอด และทุกครั้งเรามักจะคุยกัน... เมื่อไหร่คุณยายจะตื่นมาคุยกับเกล้าครับ
 
ก๊อก ก๊อก
 
“เกล้ามาทานข้าวเช้าก่อนลูก” คุณวรรณฤดีเปิดประตูเข้ามาพอดีกับที่ลูกชายคนเก่งกำลังนั่งเหม่อ เจ้าเหล่อนคิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ค่อนข้างทำให้เจ้าเกล้าตกใจ ตั้งแต่เขาเกิดมาคุณแม่ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล หรือเกิดอุบัติเหตุสักครั้ง คุณตรึงจิตนั้นแข็งแรง วันๆ ไม่อยู่เฉยๆ ออกไปรดน้ำต้นไม้บ้าง ปลูกบ้าง ทำอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน
 
“เกล้าลูก” เจ้าเกล้าเหม่อลอยจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของคนเป็นแม่ หล่อนจึงเดินไปลูบหัว หอมหัวลูกคนเล็ก “เนี่ย น้ำก็ไม่อาบ ผมเน่าแล้วลูกชายแม่” คุณวรรณฤดีแหย่ยิ้มๆ
 
เจ้าเกล้ายิ้มบางๆ ให้พร้อมเอื้อมมือไปกุมมือของคุณวรรณฤดี “คุณแม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
 
“เรานั่นแหละ มัวแต่เหม่อ แม่เรียกก็ไม่ได้ยิน มาลูกไปทานข้าวก่อน” คุณวรรณฤดีเห็นลูกชายยังนิ่งเลยเริ่มดุขึ้นมานิดหน่อย “ไม่ได้นะเกล้า ต้องทานข้าว แม่บังคับ มาค่ะ”
 
       
 
         หลังทานข้าวเสร็จคุณวรรณฤดีต้องกลับออกไปทำงานและกำชับว่าช่วงเย็นจะมาพร้อมกับคุณอัฏฐ์ เพราะเช้านี้คนเป็นพ่อติดประชุมด่วน ช่วงสายเพื่อนๆ เจ้าเกล้าถึงเข้ามาเยี่ยม โชคดีที่วันนี้ยังเป็นวันหยุดอยู่
 
         “ไงเกล้า ตาโหลเชียว ไม่ได้นอนล่ะสิ” ดินเดินมาลูบหัวเจ้าเกล้าโยกไปมา
 
         “เดี๋ยวคุณยายตื่นมาแล้วเราไม่เห็น” เจ้าเกล้าหันไปส่งยิ้มบางเบา ซึ่งเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
 
         “เอาน่า คุณยายพ้นขีดอันตรายแล้วนิแม่ เดี๋ยวต้องฟื้นแน่ๆ เชื่อดิ” พุฒิเดินมานวดๆ ที่ไหล่ของคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงตลอดเวลา
 
         “เกล้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เรนเอาเสื้อผ้ามาให้” เรนเนอร์ยื่นเสื้อผ้าที่เป็นของตัวเองมาให้ เขาใส่ไซส์คล้ายๆ กับเจ้าเกล้า เรื่องเสื้อผ้าจึงไม่เป็นปัญหา
 
         “ขอบคุณนะเรน” ... “งั้นเราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า ฝากดูคุณยายเดี๋ยวนะ” เจ้าเกล้าเอ่ยก่อนจะปลีกตัวไปที่ห้องน้ำ
 
         “ทำไมเกล้ามันทรุดจังวะ คุณยายก็ดีขึ้นแล้วนะ” พุฒิเริ่มประเด็น
 
         “เกล้าสนิทกับคุณยายมากนะพุฒิ” เรนเนอร์ว่า
 
         “แต่ดินก็เห็นด้วยกับพุฒิ เราว่าเกล้าต้องมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอีก เรารู้สึกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
 
         “ลองถามดูไหม ถ้าไม่เค้น มันคงไม่บอกอ่ะ”
 
         “อย่าเพิ่งเลย เกล้าคงยังไม่พร้อมหรอกตอนนี้”
 
         “เดี๋ยวดินลองพูดดู จะพยายามไม่ให้กระทบจิตใจ” ดินสรุป ไม่นานนักคนตัวหอมที่เคยถูกบ่นว่าเน่าก็กลับมาหอมอีกครั้ง เขานั่งลงที่เดิมข้างๆ คุณยาย เอื้อมมือไปจับมือคุณยาย และ...เหม่อ
 
         การกระทำของเจ้าเกล้าที่เหมือนไม่เห็นเพื่อนๆ อยู่ในห้องนั้นแปลกประหลาดในสายตาพวกเขา เจ้าเกล้าคงมีเรื่องหนักใจบางอย่าง พุฒิจึงลากเรนไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะฝากให้เป็นหน้าที่ของดินผู้เป็นความหวังของกลุ่ม
 
         “ไหวไหมเกล้า” ดินลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เจ้าเกล้ายังไม่พูดอะไร เจ้าตัวเหมือนกำลังเหม่ออยู่ “เกล้า” ดินเขย่าแขนน้อยๆ เจ้าตัวถึงรู้ว่าเขาเรียกอยู่
 
         “หืม ว่าไงดิน”
 
         “...พี่เหินเขาไม่มาหรอวันนี้” ดินที่พยายามวิเคราะห์เหตุการณ์ลองเอ่ยถามทางไป
 
         “... ไม่รู้สิ” แปลก ไม่ใช่แปลกที่คำพูด แต่เป็นท่าทางของอีกคนที่หลุบตาและเบือนหน้าไปอยู่ที่มือคุณยาย
 
         “เกล้า...” ดินเอมไปจับมือเกล้าที่จับมือคุณยายอยู่ “ดินไม่รู้ว่าเกล้ามีเรื่องอะไรหนักใจ แต่เกล้ารู้ใช่ไหม พี่เหินเขาหวังดีกับเกล้ามากนะ เขาเป็นคนแรกที่เข้ามาหาคุณยายเมื่อวานด้วยซ้ำ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย อยู่เป็นเพื่อนคุณยายก็พอ”
 
         “...” เจ้าเกล้าเหมือนกับคนไร้สติ เขาไม่พูดอะไรเลยนอกจากชักมือกลับไปกุมที่มือคุณยายเหมือนเดิม “เราไม่รู้ดิน... แต่เราว่าเรายังไม่อยากเจอเขา”
 
         “อืม เราเข้าใจ” ดินว่า “หิวหรือยังเดี๋ยวดินไปซื้อขาวมาให้”
 
         “ยังหรอก ก่อนมาแม่เพิ่งเข้ามา เราเพิ่งทานข้าวไป”
 
         “โอเค งั้นดินไปซื้อขนมแปปนะ อยากได้อะไรไหม”
 
         “ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”
 
         .
         .
         .
 
         “ว่าไงดิน” เหินฟ้าที่กำลังขับรถมาโรงพยาบาลหลังจากที่เคลียร์ธุระที่บริษัทเสร็จก็ได้รับสายจากเพื่อนสนิทของเจ้าเกล้าทันที เขาแปลกใจที่ดินติดต่อมา เขาไม่เคยได้ติดต่อกับเพื่อนๆ คนไหนของเจ้าเกล้าเลย ถึงแม้จะเคยแลกเบอร์ไว้แล้ว
 
         “คุณเหินมีปัญหาอะไรกับเกล้าหรือเปล่าครับ” ดินถามตรงๆ
 
         “หืม... เปล่านะ ทำไม เกล้าเป็นอะไร” เหินฟ้ารู้สึกทะแม่งๆ จริงก็ตั้งแต่เมื่อวานที่เขารู้สึกว่าคนตัวเล็กมีท่าทางแปลกๆ
 
         “เกล้าบอกว่าไม่อยากเจอคุณเหินครับ” ดินรายงานทันที
 
         “อ้าว เวรกำ ทำไมล่ะ ได้ถามไหม” เหินฟ้าร้อนใจขึ้นมาทันที เขาไปทำอะไรให้เกล้าไม่พอใจกัน เมื่อวานก่อนพาคุณนายตรึงจิตมาโรงพยาบาลก็ยังคุยกันดีๆ อยู่เลย
 
         “ผมไม่อยากเค้นครับ เกล้าดูอารมณ์ไม่คงที่เท่าไหร่”
 
         “... ขอคิดก่อน” ...เหินฟ้านิ่งไปสักพัก “เมื่อวาน... ตอนที่ฉันออกไปรับโทรศัพท์ เจ้าเกล้าทำอะไรอยู่”
 
         “นั่นไง ผมว่าแล้ว... ตอนที่คุณออกไปโทรศัพท์ เจ้าเกล้าออกไปตามคุณมาทานข้าว...”
 
         “... ซวยแล้วกู” เหินฟ้าสบถออกมา “ขอบใจมากดินที่โทรมาบอก ฉันจัดการเอง”
 
         “เป็นกำลังใจให้ครับ”
 
         .
         .       
         .
 
         เหินฟ้าที่ขับรถดั่งเหินฟ้าตามชื่อมาถึงที่โรงพยาบาลในอีกมีกี่นาทีหลังจากวางสาย ความร้อนใจทำให้ชายหนุ่มเร่งรีบถึงเพียงนี้ ก็แน่ล่ะสิ จีบเขาอยู่แต่เขามาได้ยินเราบอกว่าไม่รัก... เป็นเขาก็คงเจ็บเหมือนกัน เพราะเอาเข้าจริงเขาเชื่อว่าตัวเกล้าเองก็น่าจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันอยู่บ้าง
 
         ก๊อก ก๊อก
 
         “เกล้าครับ” เหินฟ้าเคาะประตูและเปิดเข้ามาโดยไม่เว้นช่วง เขาเห็นคนตัวขาวกุมมือคุณยายและนั่งเหม่อ จนเขาต้องเข้าไปสะกิดใกล้ๆ
 
         “พ..พี่เหิน” เจ้าเกล้าตกใจเล็กน้อยก่อนก้มหน้าไหว้ตามปกติ “สวัสดีครับ วันนี้ไม่ต้องทำงานหรือครับ”
 
         “พี่เข้าไปประชุมมาแล้วครับ วันนี้พี่ว่างอยู่เป็นเพื่อนเกล้าจนถึงเย็นเลยครับ” เหินฟ้ายิ้มให้พลางเอื้อมมือไปหมายจะลูบผมนิ่มๆ ของอีกคน แต่ก็พลาดไปเพราะอีกคนที่ว่านั่น เบี่ยงตัวหลบไปอย่างเนียนๆ
 
         “เกล้าไม่พอใจอะไรพี่หรือเปล่าครับ” เหินฟ้าเอ่ยขึ้นมา
 
         “เปล่าครับ... เกล้าว่า พี่เหินกลับไปก่อนดีกว่าครับ เกล้าอยู่คนเดียวได้ พอดีอยากคิดอะไรนิดหน่อย” เหินได้ยินเข้าจึงจับไหล่ของอีกฝ่าย
 
         “คนดีของพี่เหิน พี่เหินเดาว่าเมื่อวานเราได้ยินพี่เหินคุยกับคุณแม่” เหินฟ้าพูดพลางสังเกตอาการของอีกคนไปด้วย น้องยังนั่งหลบตา “พี่เหินไม่ได้ตั้งใจจะพู..”
 
         “ช่างเถอะครับ” เจ้าเกล้าตัดบท “เกล้าไม่อยากคิดอะไรตอนนี้ เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังดีกว่าครับ” เจ้าเกล้าว่าพลางทำท่าจะลุกออกไป
 
         “เดี๋ยวสิครับ” เหินฟ้ารั้งอีกคนไว้
 
         “พี่เหินปล่อยเกล้าไปก่อนเถอะครับ” เจ้าเกล้าพูดโดยไม่มองหน้าอีกคน
 
         “เกล้ายังฟังพี่พูดไม่จบเลยนะครับ”
 
         “...”
 
         “เกล้าครับ” เหินฟ้าออกแรงดึงอีกคนให้นั่งลง เจ้าเกล้าอาศัยจังหวะที่อีกคนค่อยๆ ออกแรง สะบัดมือใหญ่นั้นและพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ
 
         ปัง! แกร็ก...
 
         ปิดประตู ล็อกด้วย... เวรกำของไอ้เหิน เหินฟ้าได้แต่กุมหัว เขารู้สึกโทษตัวเองที่ชอบประชดมารดาจนเป็นนิสัย ไม่คิดอะไรก่อนพูด
 
         เหินฟ้ากลับออกไปแล้ว เจ้าเกล้าได้ยินเสียงอีกคนเปิดประตูออกไป... เขาออกมาจากห้องน้ำ ก้มหน้าก้มตากลับมานั่งที่เดิม ไม่ใช่ว่าเจ้าเกล้าไม่รู้สึกผิด ทั้งรู้สึกแย่ที่เป็นเด็กไม่ดี และรู้สึกแย่ที่ผิดใจกัน เขาไม่ใช่ไม่อยากฟัง... แต่เขายังไม่พร้อม... อารมณ์ในตอนนี้ดิ่งเกินไป เขาไม่อยากรับรู้อะไรเพิ่ม อยากให้คุณยายหายก่อน
 
         “เกล้าขอโทษครับ” เจ้าเกล้ากล่าวกับมือตัวเอง
 
         “ขอโท... แอ่กกๆๆ” เสียงแหบๆ ที่พูดยังไม่จบประโยคของใครอีกคนทำให้เขาสะดุ้งตกใจทันที
 
         “คุณยาย!!” เจ้าเกล้ารีบเดินเข้าไปเช็คว่าคุณยายฟื้นจริงๆ เขารีบกดปุ่มเรียกคุณพยาบาลเข้ามาดูอาการ “คุณยายๆ คุณยายเป็นอย่างไรบ้างครับ จำเกล้าได้ไหม” เจ้าเกล้าพูดไปน้ำตาคลอไป
 
         “น...น้ำ” คุณยายเสียงแหบจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่เจ้าตัวชี้ๆ ที่คอ เจ้าเกล้าเลยอนุมานไปว่าคุณยายคงจะคอแห้ง เขารีบกุลีกุจอไปเทน้ำมาเสิร์ฟให้ถึงปาก
 
         ไม่นานคุณหมอและพยาบาลก็เข้ามาตรวจอาการ ทุกอย่างปรกติดีจนเจ้าเกล้าต้องปาดน้ำตาอีกรอบ ช่วงนี้เขาอ่อนไหวง่ายจริงๆ คุณหมอย้ำเพียงว่ามีแผลบางจุดที่ยังฟกช้ำจากการกระแทกอยู่ที่ต้องดูแลเพิ่มเติม แต่รอดูอาการอีกไม่กี่วันหากไม่มีอะไรผิดปกติก็กลับบ้านได้
 
         “คุณยายยย” เจ้าเกล้ารีบวิ่งไปกอดคุณตรึงจิตหลังจากที่คุณหมอเพิ่งออกไป
 
         “โอ้ย หนูเกล้า ยายเจ็บซี่โครง”
 
         “ก.. เกล้าขอโทษครับ” เจ้าเกล้าย้ายมาเป็นลูบบนฝ่ามือคุณยายแทน “เจ้าเกล้าคิดถึงคุณยาย”
 
         “ยายเหมือนหลับไปแว่บเดียว ผ่านไปกี่วันแล้วล่ะ”
 
         “วันนึงครับคุณยาย”
 
         “รู้สึกหลับจนเต็มอิ่มเลย มีใครเป็นอะไรบ้างไหม”
 
         “ไม่มีครับ ทุกคนมาเยี่ยมคุณยายเมื่อวาน เดี๋ยววันนี้ครูปุ๊กจะพาเด็กๆ มาเยี่ยม เห็นว่าเมื่อวานอยากตามมากันแต่กลัววุ่นวาย ร้องไห้กันไม่หยุดเลยครับ”
 
         “เอ้อ ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก ยายแก่แล้ว ทรงตัวไม่ดี”
 
         “คุณยายยังไม่แก่หรอกครับ คุณยายยังสวยอยู่นะ”
 
         “หนูเกล้ามาชมยายก็ไม่ทำให้ยายหายหรอกลูก แล้วเราทะเลาะกับพี่เขาหรอลูก” คุณนายตรึงจิตบีบมือหลายชายเป็นกำลังใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้เจ้าเกล้าก็ซึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
 
         “คุณยายได้ยินด้วยหรอครับ” เจ้าเกล้าอ้อมแอ้มถาม
 
         “แน่สิ ใครไม่รู้ปิดประตูลั่นห้องจนยายตื่นเลย ฮึๆ แต่ก็ดีแล้ว ไม่งั้นยายคงนอนเป็นผักอีกนาน”
 
         “เกล้าขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจทำเสียงดัง มันรีบไปหน่อย” เจ้าเกล้าแอบรู้สึกผิดที่กวนเวลานอนคุณยาย แต่เขาก็รู้สึกว่าดีแล้วจริงๆ ที่คุณยายตื่น
 
         “แล้วยังไง ตาเหินทำอะไรหลานยาย มีกิ๊กหรือไง วันเดียวไปมีกิ๊กนี่ใช่ไม่ได้นะยายว่า” คนเป็นยายแอบพูดแกมขำให้หลานรู้สึกดีขึ้น
 
         “ไม่ใช่ครับคุณยาย อีกอย่างยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
 
         “อ้าว แล้วเมื่อวานตอนเช้านี่ไม่ได้ตกลงปลงใจกันไปแล้วรึ ยายเห็นตาเหินเขาโพล่งไปขอพ่อเรากลางวงข้าวเลย” คุณตรึงจิตระลึกถึงความกล้าของเหินฟ้าในเหตุการณ์วันนั้น
 
         “ยังครับคุณยาย” เจ้าเกล้าหน้าร้อนขึ้นมา “พอดีเกล้าไปได้ยินบางอย่างมา แล้วเกล้าไม่ค่อยสบายใจเลย”
 
         “เราเลยงอนเขาเลยรึหลานยาย”
 
         “ป เปล่าครับ เกล้าแค่ยังไม่อยากคุย เกล้ากังวลเรื่องคุณยายอยู่ ยังไม่อยากรับรู้เรื่องอื่น”
 
         “งั้นก็ไปคุยกันเสีย ยายฟื้นขึ้นมาแล้ว เห็นไหม ยายจะตายวันนี้พรุ่งนี้ ก็อยากให้หลานมีความสุข ถ้ามันไม่ได้ร้ายแรงก็ผ่อนเบาให้กันเถอะลูก” คุณนายตรึงจิตกล่าว เจ้าเกล้าเริ่มรู้สึกถึงฟีลอวยพรงานแต่งขึ้นมาตะหงิดๆ
 
         “คุณยายไม่พูดอย่างนั้นสิครับ คุณยายต้องอยู่กับเกล้าไปนานๆ นะ” เจ้าเกล้าค่อยๆ กอดคุณยายโดยเลี่ยงมือไม่ให้ไปโดนตรงชายซี่โครงอีก
 
         “เรื่องธรรมชาติลูกเอ้ย” คนอายุมากกว่าได้แต่ลูบหัวลูบหลังหลายชายแสนรักที่ฝังหน้าลงหน้าท้องของคนเป็นยาย “อย่าลืมไปคุยกันให้เข้าใจ ถ้าเราผิดตรงไหนเราก็ขอโทษเขานะลูก ยังไงพ่อเหินก็แก่กว่าเรา เราพูดอะไรทำอะไร อย่าให้เขาว่าได้ว่าคุณนายตรึงจิตสอนหลานให้ก้าวร้าว”
 
         “ครับคุณยาย” เจ้าเกล้าได้แต่ผงกศีรษะที่จมอยู่กับหน้าท้องของคุณยาย หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่ตอบคุณยายอีก จนคุณนายตรึงจิตคงเดาว่าหลานของเธอคงไม่ได้นอนเลยเมื่อคืน ตอนนี้เลยสลบไสลไปเสียแล้ว



❤❤❤❤


เพิ่งเห็นว่าตอนล่าสุดลงไปเมื่อปีก่อน ToT
ดองเค็มมากจริง ๆ ขอโทษด้วยนะคะ

JYUBE.
#ใจก้าว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบห้า] 17.05.20
« ตอบ #49 เมื่อ: 17-05-2020 20:31:49 »





ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบห้า] 17.05.20
«ตอบ #50 เมื่อ18-05-2020 08:46:26 »

 :mew2:

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบห้า] 17.05.20
«ตอบ #51 เมื่อ18-05-2020 09:09:44 »

น้องเกล้ามาแล้ว

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบห้า] 17.05.20
«ตอบ #52 เมื่อ18-05-2020 18:51:09 »

เพิ่งได้มาอ่านไว้รีบมาต่อให้อ่านอีกน้าา
ชอบมากเลยความรักแบบนี้น่ารักมากก

ออฟไลน์ jyube

  • written by jyube
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
    • Jyube's Page
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบหก] 1.12.20
«ตอบ #53 เมื่อ01-12-2020 00:04:26 »

   

ก้าวยี่สิบหก - ห้องโดยสาร


             วันต่อมาคุณยายก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณหมอมาตรวจอีกครั้งและพบว่าอาการไม่น่าเป็นห่วง นอนโรงพยาบาลอีกคืนเพื่อให้น้ำเกลือและดูเกล็ดเลือด หากปกติก็สามารถกลับบ้านได้ ทุกคนต่างโล่งใจพร้อม ๆ กันหลังฟังข่าวดี

           

“เกล้าไปพักผ่อนที่บ้านก่อนไหม เดี๋ยวเราดูตรงนี้ให้ก่อน” ดินที่มาพร้อมกับพุฒิในตอนบ่ายเอ่ยปาก เจ้าเกล้าดูโล่งใจขึ้นแล้วแต่เหมือนในใจยังมีอะไรกังวลอยู่ เขาเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องคุณเหินแน่ ๆ

 

“เกล้าคงอยู่ก่อน... พอดีเรารอพี่เหิน ดินกับพุฒิกลับกันได้เลยนะ ขอบคุณสำหรับข้าวมาก” คนตัวเล็กยิ้มบาง แต่ก็เป็นยิ้มที่ยังไปไม่สุดเสียที

 

“อ้อ งั้นเกล้าอย่าลืมทานข้าวด้วย นี่คุณยายเข้าโรง’บาลแค่สองวัน เกล้าดูผอมเหมือนไม่ได้กินข้าวสองเดือนแน่ะ” ดินเอ่ยเย้า

 

“ตลกแล้วดิน เราก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”

 

“โอเคงั้นเรากับพุฒิไปก่อน คุยกับคุณเหินดี ๆ นะ” สายตาของดินฉายแววเป็นห่วง เจ้าเกล้ารับรู้ได้ และเขาเดาได้ถึงขั้นว่าดินคงไปคุยอะไรกับพี่เหินไว้แล้ว ดินก็อย่างนี้แหละ เป็นพ่อ เป็นพี่ชาย ของทุกคนจริง ๆ

 

“มีไรโทรมาได้นะแม่” พุฒิอดลูบหัวอีกคนไม่ได้ ท่าทางจ๋อย ๆ ของคนตรงหน้าไม่ได้เข้ากับหน้าหวานของอีกคนเลย รอยยิ้มที่สดใสต่างหากที่เหมาะที่สุด เขาคิด

 

“คุณตรึงจิตสวัสดีครับ” ยังไม่ทันที่จะได้กลับ ดินและพุฒิก็พบว่า คู่กรณีของเจ้าเกล้ามาถึงพอดี จริง ๆ คุณเหินโทรมาหาดินก่อนแล้วล่ะ ว่าเจ้าเกล้าจะอยู่ถึงเมื่อไหร่ นอกจากนี้ยังถามเพิ่มเติมว่ากินข้าวหรือยัง เมื่อคืนนอนหลับไหม ได้กินข้าวเย็นหรือเปล่า ร้องไห้ไหม อะไรอย่างนี้ด้วย...

 

“พี่เหินหวัดดีคร้าบ” “สวัสดีครับ” ดินและพุฒิรีบสวัสดี

 

“เอ้า พ่อเหิน ทานอะไรมาหรือยังล่ะ” คุณนายตรึงจิตเอ่ยทักคนตัวสูง

 

“...ยังเลยครับ ว่าจะมาเยี่ยมคุณหญิงก่อน และจะมารับเกล้าไปทานข้าวครับ” เจ้าเกล้าที่ก้มหน้าเงียบอยู่นานรีบหันมองอีกคนที่กำลังส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ เขารู้สึกผิดจริง ๆ ที่เมื่อวานทำตัวไม่น่ารัก แล้ววันนี้กลับเข้าหน้าไม่ติดเสียเอง ตัวตนที่งี่เง่าของเขาแบบนี้น่ะ....

 

แปะ

 

ดินเอามือมาแปะที่หัวเจ้าเกล้าเพราะเห็นอีกคนเริ่มจมดิ่งลงไปกับความคิดอะไรนั่นอีกแล้ว

 

“เกล้าไปทานข้าวกับคุณเหิน ดินกับพุฒิจริง ๆ ก็ว่าง เดี๋ยวเราดูแลคุณยายให้”

 

“แต่...” เจ้าเกล้าลังเล

 

“ไปเถอะหนูเกล้า ไปเถอะจ้ะ” คุณยายส่งยิ้มมาให้ เขามองใบหน้าของคุณยายที่บัดนี้ปล่อยผมยุ่งเหยิงและดูซีดเซียว แต่ก็ยังมีเลือดฝาด ไม่เหมือนเมื่อคืนก่อน สีเลือดฝาดที่จางหายไป เหมือนสีของหัวใจเขาที่เหมือนเลือดในกายหายไปหมด เมื่อเห็นคุณยายต้องนอนจมกองเลือด “ยายแข็งแรงดีแล้วลูก”

 

“ผมจะรีบพาน้องมาส่งครับ” เหินฟ้าเอ่ยกับเธอ “อันนี้คุณแม่ฝากมาให้นะครับ ส่งมาอย่างด่วนเมื่อวานจากฮ่องกงครับ ผมวางไว้ตรงนี้นะครับคุณหญิง”

 

“โอ้ย แม่มุกก็ข่างสรรหา ฉันหายดีแล้วอย่าลืมไปบอกแม่ด้วย แล้วยาจีนพวกนี้ฉันจะกินเป็นไหมก็ไม่รู้ ยังไงก็ฝากขอบใจด้วยแล้วกัน”

 

“ครับคุณหญิง” เหินฟ้ายิ้มรับ “พร้อมหรือยังครับเกล้า ไปกันเลยไหม”

 

“...ครับ”







 

.



.



.

 





บรรยากาศภายในรถมีเพียงเสียงเพลงจากวิทยุคลื่นเพลงสากลดังคลอไปเบา ๆ ก่อนหน้านี้ดีเจบอกว่าเพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลใหม่ของศิลปินสาวชื่อดังที่กำลังมาแรง เจ้าเกล้าจำได้ว่าบริษัทพ่อกลังอยากจัดคอนเสิร์ตให้หล่อน ช่วงนี้เห็นว่ากำลังเตรียมร่างแผนเพื่อเข้าร่วมการประมูลราคาอยู่

 

“เกล้าครับ” เหินฟ้าเอ่ยเรียก

 

“ครับ”

 

“พี่ค่อนข้างใจร้อนน่ะครับ เราคุยกันเลยได้ไหม ถ้ารอกว่าจะไปถึงร้านอาหาร พี่คงอกแตกตาย เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ คือพี่..”

 

“ขอโทษครับ” เจ้าเกล้าขัดขึ้นมาดื้อ ๆ

 

“ครับ?” เหินฟ้าแอบงงเล็กน้อย มันควรเป็นเขาที่ต้องมาง้ออีกคนไม่ใช่หรือไงกัน

 

“เกล้างี่เง่าเองแหละ เครียดเรื่องคุณยายมากไป จนจับนู้นผสมนี่ เลยไปพาลใส่พี่เหิน เกล้าขอโทษครับ”

 

            “...” เหินฟ้าฟังอย่างตั้งใจ เขาคิดว่านี่คืออีกหนึ่งตัวตนที่ทำให้เขาชอบเด็กคนนี้ เจ้าเกล้าเหมือนคนมีทิฐิ มีความมั่นใจ แต่จริง ๆ เจ้าตัวเป็นคนมีมารยาท รู้ผิดถูก กล้ารุกกล้าถอย และกล้ายอมรับผิด ผิดกับเด็กเก่ง ๆ หลายคนที่มีอีโก้ล้นเกินไป

 

            กระจกหน้ารถสะท้อนประกายสีแดงของสัญญาณไฟ เหินฟ้าดูจากตัวเลขแล้ว เขาพอมีเวลาอยู่บ้าง จึงเอื้อมไปคว้ามือเรียวที่กุมกันอยู่มาข้างหนึ่ง “เกล้าครับ”

 

            “เอ่อ ครับ” เจ้าเกล้าที่เหมือนยังควานหาเสียงตัวเองไม่เจอ แอบแปลกใจที่อยู่ดี ๆ ก็โดนจับมือ

 

            “พี่ชอบเกล้า” เหินฟ้ากล่าว วันนี้เขาไม่สนหรอก ว่าน้องจะเข้าใจความรู้สึกเขาหรือยัง หรือน้องจะไปฟังอะไรมา ช่างมันสิ ถ้าเขาจะชอบใครสักคน สิ่งสำคัญคือเขาต้องรีบคว้าและรักษามันไว้ไม่ใช่หรือ

 

            “...” เจ้าเกล้ายังตั้งตัวไม่ทันเท่าไหร่ เขาไม่คิดว่าอยู่ดี ๆ บรรยากาศตึงเครียดจะหายไปแล้วแทนที่ด้วยบรรยากาศ...แบบนี้

 

            “พี่ไม่รู้ว่าเกล้าได้ไปทำการบ้านที่พี่บอกหรือเปล่า... แต่พี่ไม่สนแล้ว พี่จะบอกเรา พี่ชอบเรา ชอบมาก ๆ ครับ พี่สังเกตตัวเองในช่วงนี้ อยากเจอแต่เรา อยากกินแต่กับข้าวที่เราทำ อยากแต่จะคุยกับเรา อยากซื้อของให้ อยากกอด อยาก..”

 

            “พ พี่เหิน... พอก่อนครับ” เจ้าเกล้ารีบดึงมือกลับมา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะหัวใจเต้นเร็วขนาดนี้ แต่แววตาท่าทาง และสัมผัสที่มือข้างนั้น เขา... เขารับมันไม่ไหว มัน... มัน...​เขิน... เกินไป

 

            “เกล้า” เหินฟ้ายังไม่ยอมหยุด เขาเอื้อมมือไปรั้งเอาสองมือเย็นเฉียบเมื่อกี้อีกครั้ง “พี่จริงจังนะครับ แล้วเราว่ายังไงครับ”

 

            “อ อะไรครับ”









 

            “เป็นแฟนกับพี่ไหม”

❤❤❤❤

ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ ><

JYUBE.
#ใจก้าว

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบหก] 1.12.20
«ตอบ #54 เมื่อ01-12-2020 05:11:04 »

มาต่อแล้ววววววววว :hao7: ก็ว่าอยู่เรื่องนี้หายไปไหน เคยอ่านนานแล้ว o18
เป็นกำลังใจให้นะครับ รอตอนต่อไปน๊าาาาาาา

ออฟไลน์ pkjoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ❥----ใจก้าว [ก้าวยี่สิบหก] 1.12.20
«ตอบ #55 เมื่อ10-12-2020 11:05:07 »

เนื้อเรื่องน่าติดตาม​ อ่านรวดเดียว​เลย
รอตอนต่อไป​นะครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด