Underneath the tree มหาสมุทรใต้ต้นไม้ (บท ภาพวาดของพ่อ 5) 5 ม.ค. 23
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Underneath the tree มหาสมุทรใต้ต้นไม้ (บท ภาพวาดของพ่อ 5) 5 ม.ค. 23  (อ่าน 13545 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ต้นน้ำอ่านจบด้วยรอยยิ้ม เขาสัมผัสถึงมิตรภาพที่กำลังก่อเกิดขึ้นผ่านตัวอักษร การปรับตัวไปตามการเติบโตของเจ้าของบันทึก ภาพสวยๆและลายมือที่งดงาม มันดึงให้เขาอ่านได้อย่างไม่มีเบื่อ จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสี่ทุ่ม

หลังจากที่มองนาฬิกาดิจิทัลที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหนังสือ เขาก็ต้องตกใจเพราะเวลาประมาณนี้มักจะเป็นเวลาที่เจ้าของห้องกำลังจะกลับขึ้นมา  ต้นน้ำรีบจัดการเก็บบันทึกเล่มนั้นไว้ที่เดิมจัดระเบียบโต๊ะหนังสือให้เรียบร้อย และรีบกระโดดขึ้นเตียงมานอนทันที

ผ่านมาได้หลายวันแล้วที่ต้นน้ำยอมนอนร่วมเตียงกับจินไห่ เขาแอบแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกชินแบบนี้ อาจเป็นเพราะที่นอนของจินไห่นั้นมันนอนสบายกว่าที่นอนสำรองมากมายนัก รวมถึงจุดที่ลมเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศที่ตกลงตรงจุดที่เขานอนพอดี และการมีคนนอนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก ถึงแม้จะเป็นผู้ชายตัวสูงยาวขนาดนั้นก็ตาม (ต้นน้ำชอบแนวผู้หญิงรูปร่างเล็ก น่ารักมากกว่า)

ระหว่างนอนคิดอะไรเพลินอยู่นั่น ประตูก็ถูกผลักเข้า แต่คนที่เข้ามากลับเป็นผู้หญิงผมยาวสลวยไพล่หลัง วงหน้าสะสวยที่แต่งแต้มไปด้วยสีสันอย่างเหมาะเจาะนั้นสลายยิ้มทันทีที่เห็นเขานอนอยู่เตียงแทนที่จะเป็นเจ้าของห้อง

“อ้าว! พี่ไห่ยังไม่มาหรอกรึ?” เสี่ยวหยู๋พูดขึ้นลอยๆมากกว่าต้องการคำตอบ ส่วนต้นน้ำนั้นพยายามทำตัวไม่สนใจอีกฝ่าย

“งั้น....ระหว่างรอ พี่คุยกับเราก่อนก็ได้ฆ่าเวลา” เสี่ยวหยู๋พูดจบก็เดินเข้าห้องพร้อมปิดประตู เธอเดินไปรอบๆ ห้องจนกระทั้งเธอหาที่นั่งเหมาะเจาะลงได้คือที่ปลายเตียง

ต้นน้ำขยับตัวขึ้นนั่งบนที่นอน และพยายามรักษาระยะห่างระหว่างเขาและเธอ

“แหม..... ระวังตัวจังนะ พี่ไม่กัดหรอกน่า!” เสี่ยวหยูยิ้มอย่างมีเลศนัยไปทางชายหนุ่มที่อยู่บนเตียง

ถึงแม้ว่าวันนี้การแต่งกายของเสี่ยวหยู๋จะดูมิดชิดกว่าทุกวันที่เขาเจอ แต่เขาก็เริ่มไม่รู้สึกไว้ใจผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ยิ่งตอนนี้เขาต้องระวังมากขึ้น ต้นน้ำรู้สึกแบบนั้น

“เตรียมตัวหรือยัง?” เสี่ยวหยู๋ถามขึ้นขณะหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมาเช็ดถูที่หน้าจอ

“เตรียม?” ต้นน้ำแสดงอาการงงจนออกนอกหน้า

“อ้าว! พี่ไห่ยังไม่ได้บอกเหรอ.... อืม.... สงสัยจะยุ่ง..... ไม่เป็นไร พี่จะบอกเอง..... แต่.... กลัวพี่ไห่จะโกรธจัง ...... งั้นให้พี่ไห่มาบอกเองดีกว่า!” ต้นน้ำรู้สึกว่าเสี่ยวหยู๋เล่นเกมเก่ง มันทำให้เขาอยากรู้ขึ้นมา หน้าอกของเขาเริ่มร้อนรน

“เรื่องนั้นผมเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วครับ!!” ต้นน้ำกล่าวอย่างหมั่นไส้ในท่าทีของอีกฝ่าย

“ก็ดี!! เรื่องราวต่างๆ จะได้ลงตัวเสียที เราจะได้เข้าใจกันนะ” เสี่ยวหยู๋ยิ้มมุมปากอย่างน่าสงสัย

“อ้าว!! เสี่ยวหยู๋กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาจากทางประตู

“เพิ่งมาถึงคะ เลยกะจะมาทักทายแฟนพี่หน่อย อยากให้น้องเขาสบายใจก่อนที่จะไปด้วยกัน” เสี่ยวหยู๋ยิ้มหวานท่าทางอ่อนโยนขึ้นมาทันที

“??????” ต้นน้ำทำหน้างงใส่อีกฝ่าย

“คือ.... ต้นน้ำ... เขา....” จินไห่อ้ำอึ้ง

“ผมเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วครับ!! พี่จินไห่ไม่ต้องห่วงนะครับ” ต้นน้ำพูดแทรก

“งั้นก็ดีนะ ลาเรียนได้ก็ดี จะได้ไปสนุกด้วยกัน!! ไปก่อนล่ะวันนี้เพลียจัง พี่ไห่คะ หยู๋ไปนอนก่อนนะคะ” เสี่ยวหยู๋โบกมืออำลาก่อนออกจากห้อง และพูดกับพี่จินไห่ด้วยภาษาจีน ยิ่งทำให้ต้นน้ำที่งงอยู่แล้ว งงหนักกว่าเดิมอีก

“พี่ดีใจนะที่ต้นน้ำตกลง” จินไห่หันมายิ้มให้อีกฝ่าย

“เดี๋ยวก่อนนะพี่ ผมกำลังงงอยู่ว่าพวกพี่พูดถึงอะไร? ผมก็แค่ตามน้ำไป จะได้ประชดยัยแฟนเก่าโรคจิต!!” ต้นน้ำเผยสีหน้าไม่พอใจขี้นมาทันที สำนึกเสียใจที่ตนเองตัดสินใจโต้ตอบแบบนั้น

......................


“สัปดาห์หน้ากูลานะ!” ต้นน้ำเดินมาบอกเฟรมและเพื่อนร่วมทีมหลังจากเดินไปบอกโค้ชของทีม

“มึงจะไปไหน?” เฟรมพูดสวนขึ้นมาทันที

“เอ่อ... ต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดนิดหน่อย” ต้นน้ำตอบเสียงอ่อย

“อย่างนี้ก็ได้ไปเที่ยวดิวะ ทำไมมึงทำหน้าเหมือนไม่ดีใจเลย!” ไอ้ต้นกล้าถามแทรกขึ้นมา แต่โดนสายตาพิฆาตจากเฟรมกัปตันทีม มันจึงได้แต่แทรกตัวกลับไปที่เดิม

“เออ! จริงด้วย” เฟรมหันถามต่อ

“ก็กูโดนบังคับปะวะ!” ต้นน้ำพูดเสียงอ่อย

“ใครวะจะไปบังคับมึงได้ แม่มึง? ไม่น่าจะใช่เพราะกูเห็นมึงโดดงานที่บ้านออกจะบ่อย!!” เฟรมตอบกลับมาอย่างรู้ทัน

“ก็ไอ้......” ต้นน้ำเสียงขาดห้วงทันทีที่เห็นสายตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งมาที่ตนเอง สายตาของไอ้ไอซ์ เขารู้สึกขอบคุณเพื่อนคนนี้จับใจ ไอซ์มันไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากงานนี้เลย แต่มันเป็นคนที่ช่วยเพื่อนแบบสุดตัว เขารู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก

“อะไรของมึง? อยู่ก็เงียบ!” เฟรมทำหน้าแปลกใจกับอาการแปลกๆของเพื่อน

“ไม่มีอะไร บ่นไปก็เท่านั้นก็ดันรับปากไปแล้ว” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจออกมาและเดินหลบไปนั่งอีกมุมหนึ่งก่อนการซ้อมกีฬาประจำวันจะเริ่มขึ้น

“สัด!! มึงนี่ไม่เหมาะกับงานแบบนี้เลยนะ!!” ไอซ์แอบแยกตัวมาคุยกับต้นน้ำระหว่างการวอร์มอัพ

“อือ!! กูก็ว่างั้น!!” ต้นน้ำตอบแบบเพลียหัวใจ

“ไอ้คนปลิ้นปล้อนแบบมึงเนี่ยนะ!” ไอซ์พูดปนขำ

“สัด!! กู... ไม่รู้ว่ะ.... แบบนี้มันไม่ใช่แนว แม่งไม่สนุกเลย” ต้นน้ำรำพันไปเรื่อยพร้อมถอนใจ

“เลิกซ้อมเรามีเรื่องต้องคุยกัน!! เล่ามาให้หมด!!” ไอซ์ตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆและหยักคิ้วให้เหมือนเป็นเรื่องสนุก ต้นน้ำรู้สึกว่าเพื่อนของเขาน่าจะสนุกกับสถานการณ์แบบนี้มากกว่าเป็นห่วงเขา

..............

หลังจากสบโอกาสที่ต้นน้ำกับไอซ์ได้อยู่กันสองคนโดยทำทีว่าจะไปติวหนังสือต่อ (ทุกคนรู้ว่าการติวหนังสือกับไอซ์เป็นเรื่องที่ไม่น่าภิรมย์แม้แต่น้อย เพราะมันเป็นครูที่แย่และปากเสียมาก แม้ความรู้จะเยอะขึ้นแต่คุณจะต้องเสียกำลังใจในการเรียนไปเลย จึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีใครมาด้วย)

ต้นน้ำเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟัง

“หา!! เขาให้มึงไปเที่ยวต่างจังหวัดกับพวกเขาสามคืน!!” ไอซ์ทำท่าทีตกใจ พวกเขาที่ไอซ์พูดถึงก็คือ จินไห่ นีโน่ เจ้าพ่อหนุ่มและอดีตแฟนสาว เสี่ยวหยู่

“ไงล่ะ!! มึงรู้หรือยังว่าทำไมกูถึงได้กลุ้ม!! แค่ยัยโรคจิตคนเดียวไม่พอ ยังมีไอ้คนน่ากลัวอย่างพี่โน่อีก กูไม่รู้จริงๆ ว่าสองคนนั่นเขาคิดอะไร!!” ต้นน้ำรู้สึกได้ระบาย

“นั่นสิ...... แล้วทำไม ไม่ให้แฟนมึงเขาปฏิเสธล่ะ? เอ่อ... กูหมายแฟนปลอมๆ พี่จินไห่น่ะ” ไอซ์รีบเปลี่ยนคำพูดทันทีที่สัมผัสถึงรังสีอำมหิตจากเพื่อนสนิท

“เพื่อน! กูไม่ขำ... กูก็บอกเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าขัดหุ้นส่วนของร้าน” ต้นน้ำเกาหัวตัวเองอย่างจนปัญญา

“เดี๋ยวนะอย่าบอกนะว่า ไอ้พี่โน่มันมีหุ้นส่วนที่ร้านนี้ด้วย!! รวยไปไหนวะ! พอฟังอย่างนี้ก็พอจะนึกภาพออกเลยว่าทำไม พี่จินไห่ถึงมีเงินเปิดร้านได้ใหญ่โตขนาดนี้ภายในเวลาไม่กี่ปี หรือว่ามันทำไปเพราะหวังเครมพี่จินไห่เหรอวะ?” ไอซ์วิเคราะห์ไปเรื่อยจนกระทั้งประโยคสุดท้ายที่ได้คำตอบจากใบหน้าของต้นน้ำในทันที

“เชี้ย!! แม่งเล่นใหญ่ตลอด!!” ไอซ์ตบมือเสียงดังหนึ่งฉาด

“มึงพูดเหมือนมึงรู้จักพี่เขาดีอย่างนั่นแหละ!” ต้นน้ำทำสีหน้าแปลกใจกับท่าทางมั่นใจของอีกฝ่าย

“ก็นิดหน่อย....”  ไอซ์ยักคิ้ว

“........” ต้นน้ำมองหน้าไอซ์เหมือนอยากได้คำตอบ

“ว่างๆ เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง เอาเรื่องของมึงให้เรียบร้อยก่อนดีไหม? สรุปว่าเป็นดับเบิ้ลเดท? พี่นีโน่มันจะจีบยัยนมโตนั่นจริงๆ เหรอ?” ไอซ์รีบลากกลับมาเรื่องปัญหาก่อน เดี๋ยวจะคุยกันนานไป


“กูก็ไม่รู้ว่ะ.... แต่เขาจองบ้านวิลล่าสระน้ำไว้ มีสองห้องนอนเอง แปลว่า สองคนนั้นก็ต้องนอนห้องเดียวกันดิ!” ต้นน้ำพยายามนึกถึงรายละเอียดที่จินไห่เล่าให้ฟัง

“ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก นี่มึงทำบุญด้วยอะไรวะ? ถึงได้มาเจอพี่จินไห่แบบนี้! เท่าที่ฟังเหมือนไม่มีปัญหา แต่มาคิดดูดีๆ แล้วแม่งปัญหาโตคตรเยอะ!” ไอซ์วิเคราะห์พร้อมผ่อนลมหายใจเบาๆ

“กูถึงได้มาปรึกษามึงไง!!” ต้นน้ำหันมาด้วยใบหน้าหมาโง่ๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ

“เชี้ย!! โคตรสร้างภาระ!! แต่…กูก็ชอบนะ สนุกดี ยิ่งมีตัวละครเพิ่มอย่างไอ้พี่โน่ กูยิ่งตื่นเต้น” ไอซ์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“กูควรจะกลัวมึงด้วยไหมเนี่ย?” ต้นน้ำเอ่ยทักใบหน้าที่มีรอยยิ้มปนความสนุกสนานบนความทุกข์ของเขา

“เอาน่า! มึงไม่มีทางเลือก นอกจากทำตามที่กูบอก ส่วนกูเองก็ช่วยมึงอีกทางด้วย!!” ไอซ์ตบบ่าเพื่อนเบาๆ

“ยังไงว่ะ?” ต้นน้ำตามไม่ทันจริงๆ ไอซ์เป็นคนทั้งหัวไวและเจ้าเล่ห์จนตัวเขาเองรู้สึกโชคดีที่มีมันเป็นเพื่อน

“เออน่าเดี๋ยวกูบอก ยังมีเวลา แค่นี้นะ กูมีนัด!” ไอซ์พูดจบก็เดินจากไป ปล่อยให้ต้นน้ำรู้สึกงงและเคว้งคว้าง

.................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 11

ช่วงเวลาแห่งความสับสนปะปนวุ่นวาย



อีกสัปดาห์หนึ่งกว่าจะถึงวันนัดหมายของการไปเที่ยวเกาะช้างครั้งแรกในชีวิตของต้นน้ำ แต่กลับกลายเป็นว่าเขากลับไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปแม้แต่น้อย เพราะคนที่ไปด้วยเหล่านั้นแค่คิดก็ไม่สนุกด้วยแล้ว

การที่ต้นน้ำต้องไปแสดงละครตลอดเวลา 24 ชั่วโมงนี่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนในลำไส้ จนเกิดอาการไม่อยากอาหาร มาหลายมื้อแล้วและคงจะเป็นแบบนี้ไปอีกจนถึงวันที่ออกเดินทาง

จินไห่ซึ่งเห็นอาการของต้นน้ำที่แสดงความไม่สบายใจออกมาทางสีหน้าท่าทางก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เขาเดินมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่บ่อยครั้ง

ส่วนต้นน้ำก็ตอบกลับไปแบบกลายๆ หลายครั้งว่าไม่เป็นไร มันคือเป็นความรับผิดชอบของเขาเองที่รับปากว่าจะช่วยจินไห่ก็คงต้องช่วยให้ถึงที่สุด โดยต้นน้ำพยายามคิดถึงวันดีๆ หลายๆครั้งที่จินไห่เคยช่วยเขาไม่ให้โดนแม่ของตนเองดุอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงเงินค่าตอบแทนที่พี่จินไห่ได้ให้มาก่อนแล้วล่วงหน้า ตอนนี้เขาเคลียร์หนี้สินจนหมดสิ้นแล้ว ต่อไปก็จะเป็นเงินเก็บแล้ว ต้นน้ำพยายามคิดถึงเรื่องดีๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

ส่วนเรื่องสาวๆ ในอนาคตหลังจากที่เรื่องนี้จบลง ค่อยไปคิดเอาก็แล้วกันว่า เขาจะหาแฟนได้อีกไหม? แต่ขนาดไอซ์ซึ่งมันประกาศตัวชัดว่าชอบผู้ชายมากกว่า มันยังมีผู้หญิงเข้าหาไม่ขาด เรื่องนี้น่าจะพอสบายใจได้ (แต่ไอซ์มันหล่อโคตรๆ แบบลูกครึ่งตะวันตกแต่กับต้นน้ำเขาหล่อแบบตี๋ๆ มันจะเทียบกันได้หรือเปล่านะ ต้นน้ำกังวลไปเรื่อยเปื่อย)

ต้นน้ำสังเกตอาการของจินไห่ช่วงหลังๆ มานี้ก็แปลกไปจากเดิม เขาดูอารมณ์ขึ้น ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทำไมคนนี้ถึงได้ยังใจเย็นขนาดนี้อยู่ได้ ยิ่งพอได้คำตอบจากต้นน้ำบ่อยๆ ว่าไม่เป็นไร ยังไงก็ไม่เปลี่ยนแผน จินไห่ก็ยิ่งทำตัวเป็นปกติไม่มีความกังวลหลังจากนั้น หรือมีแต่ต้นน้ำคนเดียวท่ีคิดมาก

“เราซ้อมกันหน่อยไหม?” จินไห่พูดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นมื้อเย็น

“ห๊ะ?!?!”  ต้นน้ำทำหน้าแปลกใจ

“ก็จะไปเที่ยวกันอยู่แล้ว อยู่ในสายตาของพวกที่ชอบจับผิดตลอดเวลา ไม่กลัวความแตกเหรอ ยิ่งพี่โน่ยิ่งเป็นคนฉลาดมากเสียด้วย” จินไห่อธิบายหน้านิ่ง

“.......ก็จริงของพี่.....” เป็นเรื่องที่ต้นน้ำไม่อาจปฏิเสธได้เลย เพียงแค่ได้เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง แค่มองตานีโน่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนนี้ไม่ธรรมดา ไม่อย่างงั้นคงอยู่ในจุดนั้นนานขนาดนี้ไม่ได้แน่

“แล้วเราควรจะเริ่มจากไหนก่อนดี เพราะเท่าเพื่อนผมที่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนนี่ มันก็บอกผมตลอดว่า แฟนผู้ชายไม่เหมือนแฟนผู้หญิง มันไม่ต้องเทคแคร์อะไรมาก พูดกันตรงๆ เหมือนเพื่อนได้ ก็เหมือนคนที่สนิทกันมากแค่นั้น!” ต้นน้ำพยายามนึกถึงคำพูดที่เพื่อนเขาช่วยติวให้

“พี่ก็ไม่รู้ว่า พี่ก็ไม่เคยคบผู้ชาย เสี่ยวหยู๋ก็แฟนคนเดียวของพี่นี่แหละ.... ส่วนใหญ่พี่จะเทคแคร์เขามากกว่า.....” จินไห่มีความรู้สึกหัวสมองมันตันๆ และเขินๆ

......... ทั้งสองอยู่ในความเงียบกันครู่ใหญ่ ต่างคนต่างนึกถึงเรื่องที่จะทำต่อไปไม่ออก

“โอเค......งั้น....” จินไห่เริ่มก่อน
“เราเริ่มจากอะไรง่ายๆ ก็แล้วกัน ข้อมูลประเภท ชอบอะไรไม่ชอบอะไรดีไหม? เรื่องแบบนี้คนเป็นแฟนกันมันต้องรู้ลึกรู้จริง!” จินไห่เสนอความคิด

“มันไม่เห็นยากเลยพี่!” ต้นน้ำไม่เห็นด้วย

“จริงน่ะ? งั้น... ลองเริ่มกันดู!! อาหารที่ชอบและไม่ชอบ?” จินไห่ท้าทาย

“พี่ชอบอาหารรสหวาน ของคาวน่าจะไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษ แต่ของหวานน่าจะกินได้ทุกชนิด แต่ที่เห็นกินบ่อยน่าจะเป็นไข่ม้วนหวานแบบญี่ปุ่น อันนี้น่าจะเป็นของโปรดเลย ส่วนของที่ไม่ชอบก็คงเป็นต้นหอม โดยเฉพาะตรงหัว เห็นเขี่ยออกเป็นประจำ! เป็นไงใช่ไหมพี่?” ต้นน้ำยิ้มอย่างมีชัย

“.......เออ.... ใช่......” จินไห่ยอมรับอย่างแปลกใจ ที่เด็กคนนี้ช่างสังเกตเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ในการกินอาหารร่วมกัน

“คราวนี้แล้วผมล่ะ?” ต้นน้ำเริ่มรู้สึกสนุก

“ต้นน้ำ ชอบกินอาหารรสจัด ของเผ็ดนี่จะชอบเป็นพิเศษ เช่นพวกผัดพริกขิง ผัดพริกแกงแดงๆ นี่เห็นจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ ของที่ไม่ชอบน่าจะเป็นอาหารประเภทปลา เพราะไม่เคยเห็นแตะเลย ใช่ไหม?” จินไห่ตอบด้วยท่าทีมั่นใจ

“โอโห....มันใช่เลยว่ะ พี่สมัครไปเป็นนักสืบเถอะวะ!” ต้นน้ำชื่นชมอีกฝ่าย

“งั้น....อากาศล่ะ พวกฤดูกาล อุณหภูมิอะไรแบบนี้” จินไห่เริ่มประเด็นถัดไป

“อืม.... เรื่องฤดูที่ชอบ ไม่ค่อยมั่นใจ แต่ที่ไม่ชอบนี่มั่นใจเลยครับว่า ฤดูหนาว เพราะพี่ไม่ชอบอากาศเย็นอย่างมากเลย สังเกตุจากการปรับอุณหภูมิในห้องก็รู้” ต้นน้ำนึกอยู่สักครู่ก่อนตอบ

“อืม...ใช่ พี่ไม่ชอบฤดูหนาว รู้มันทรมานเวลาเจออากาศเย็น ผิวก็แห้ง อาบน้ำก็ลำบาก พี่เป็นชอบอาบน้ำมาก” พูดถึงตรงนี้จินไห่ก็หยุดมองหน้าต้นน้ำที่เริ่มทำหน้าสงสัยในข้อมูลที่ล้นเข้ามาในหัว

“แค่อยากบอกให้รู้น่ะ.... แล้วก็... พี่ชอบฤดูฝน.... เหมือนต้นน้ำไง....” จินไห่พูดต่อและยิ้มมุมปากปิดท้ายประโยค

“เฮ้ย!! เหมือนกันเลย ผมก็ชอบฤดูฝนนะ ผมชอบเวลาฝนตก มันเย็นแบบชุ่มช่ำดี ผมชอบมองตอนฝนตกนะ มันรู้สึกทำให้จิตใจสงบดี ...ว่าแต่พี่รู้ได้ไง?” ต้นน้ำมีสีหน้าแปลกใจกับประโยคของอีกฝ่าย

“ก็งานออกแบบของเราไง เวลาพี่มองไปที่งานของเรา มันทำให้พี่นึกถึงฝนตกพรำๆ รู้สึกถึงความเย็นของสายน้ำที่มาจากฟากฟ้า...”  จินไห่ทำท่านึกถึงอะไรบางอย่างในหัว

“เว่อไปป่ะพี่! แต่มันก็ถูกนะ ร้านที่ผมออกแบบให้แม่และเพื่อนๆของแม่ ผมก็ได้แรงบันดาลใจจากตอนผมนั่งดูฝนตกจากที่ต่างๆ ....ว่าแต่พี่เคยเห็นงานผมกี่งานเนี่ยถึงได้เดาได้ตรงแป๊ะแบบนี้” ต้นน้ำรู้สึกเหมือนมีแฟนคลับตามชื่นชมผลงานตนเอง รู้สึกปลื้มแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะนอกจากงานที่ส่งอาจารย์และงานที่แม่ฝากให้ทำ(แบบไม่ได้เงิน) จินไห่ไม่น่าจะเคยเห็น

“ตอนพี่ไปขอความช่วยเหลือกับแม่ของเรา แม่เราก็เลยเอาพวกแบบร่างต่างๆ ของเราให้ดูน่ะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย” จินไห่ชื่นชมอย่างจริงใจ ทำให้ต้นน้ำอดที่จะเขินตามไม่ได้

“แหม.... ไม่เท่าไหร่หรอกครับ แบบร่างที่อยู่ใน.......” ต้นน้ำเกือบจะหลุดปากถึงบันทึกเล่นนั้น โชคยังดีที่เขารู้ตัวทันเสียก่อนจึงห้ามปากตนเองได้ทัน

“อะไรเหรอ? แบบร่างที่ไหน?” จินไห่สงสัยจึงรีบถาม เพราะสีหน้าของต้นน้ำมันดูอึดอัดแบบแปลก

“แบบร่างของ... ของ.... ไอ้ไอซ์น่ะ คนนั้นน่ะแทบไม่เคยโดนแก้เลย” ต้นน้ำติดคำตอบเท่าที่จะหาได้ในหัวตอนนี้ แต่อย่างน้อยมันก็เรื่องจริงล่ะ

“อ้อ.... สงสัยต้องขอดูหน่อยแล้ว” จินไห่พยักหน้าอือออ

“ฮ่าฮ่าฮ่า.....ครับ”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ผลัดกันทายโน่นนั่นนี่ ไปอีกเกือบสองชั่วโมง ด้วยสีหน้าสนุกสนาน จนคนงานในร้านต่างพากันแอบเก็บภาพเจ้านายที่ยิ้มยากของตนเองไปหลายภาพ บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ในร้านแห่งนี้


เช้าอันสดใสเริ่มต้นด้วยเสียงนกกระจอกร้องเสียงดังใกล้กับหน้าต่างห้องนอน เสียงเจี๊ยวจ๊าวที่เหมือนนกทั้งฝูงรุมจิกกันทำให้ต้นน้ำนอนต่อไปไม่ไหว แม้มันจะยังเช้ามากอยู่ ดวงตาของเขาลืมขึ้นมากระทบกับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า เป็นภาพที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ในวันหยุดของเขา เสียงนกตัวนั้นยังร้องระงมอื้ออึงจนเหมือนมันจะขาดใจ เขาจึงตัดสินไปทำอะไรสักอย่างกับไอ้นกตัวที่ปลุกเขาตั้งแต่เช้าวันหยุดแบบนี้

นับวันเขาเริ่มจะเคยชินกับการนอนค้างที่นี่ มันเหมือนบ้านหลังที่สองของเขาไปแล้ว คุ้นเคยกับการนอนสองคนและตื่นมาบนที่นอนแต่เพียงลำพัง เพราะเจ้าของห้องต้องออกไปซื้อวัตถุดิบสำหรับร้านอาหารในตอนเช้าอย่างสม่ำเสมอ

ต้นน้ำลุกขึ้นยืนและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นภาพบ้านของเขาจากที่ไกลๆ หลังคาสีเทาซีดที่กระทบแสงแดดนั่น ทำให้เขานึกถึงเรื่องราวในบันทึกที่เขาอ่านบางส่วนบางตอน ที่มักจะบรรยายบรรยากาศยามเช้าที่แสนเหงาของเจ้าของบันทึกกับมื้อเช้าที่ทำขึ้นเองเพราะมารดาของเจ้าของบันทึกยุ่งเกินกว่าจะทำให้กิน การต้องอยู่กับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสำหรับต้นน้ำนั้นเขาเข้าใจดี และไม่เรียกร้องอะไรจากแม่ของเขาด้วยเพราะเขารู้ดีว่าแม่ของเขาทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยแม่ของเขาต่อให้ยุ่งอย่างไรก็ต้องกินมื้อเย็นกับเขาทุกวัน ซึ่งช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาก็มักจะแวะไปหาแม่เพื่อขอทานมื้อเย็นด้วย

ต้นน้ำเดินมาจนถึงริมหน้าต่าง เขามองหาที่มาของเสียง แล้วก็พบว่ามีนกตัวน้อยบาดเจ็บพยายามกระพืบปีกเพื่อบินแต่ก็ร้องด้วยความเจ็บปวด และยังมีนกอีกตัวหนึ่งที่กระโดดและบินวนไปมาโดยรอบ ภาพที่เห็นทำให้ต้นน้ำที่กำลังควันออกหูจากความรำคาญเสียงรบกวนดังกล่าวหายเป็นปลิดทิ้ง เขาพยายามมองหาอะไรบางอย่างในห้องเพื่อช่วยนกบาดเจ็บตัวนั้น ระหว่างที่มองไปทั่ว เขาก็สังเกตุเห็นว่านกอีกตัวนั่นมีการบินไปที่อื่นเป็นระยะๆ ต้นน้ำจึงพยายามมองตามทิศทางที่นกตัวนั้นบินไปๆกลับๆ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นรังของมันที่ซอกใต้หลังคาบ้านไม่ไกล 

ต้นน้ำพยายามปีนขึ้นไปส่องที่รัง เขาก็พบว่าที่รังมีไข่นกอยู่จำนวนหนึ่ง และนั่นเป็นเหตุผลให้ต้นน้ำต้องรีบช่วยเหลือนกสองตัวนั้น

เขานึกถึงอุปกรณ์ต่างๆ ง่ายๆ ที่บ้าน เอามาทำเป็นบ้านนกแบบง่ายๆ และวางไว้ตรงหลังคาชั้นหนึ่งใกล้หน้าต่างห้องนอน เขารีบปีนลงไปช่วยนกน้อยที่บาดเจ็บมาทำแผลให้และนำนกตัวนั้นไปวางไว้ที่รังใกล้ไข่ของพวกมัน ท่ามกลางภาระกิจจิกกัดของนกอีกตัวหนึ่ง หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจช่วยชีวิต เขาสัญญากับตัวเองว่าจะหาวัสดุที่ดีกว่านี้มาทำบ้านนกให้

นึกได้ดังนั้นเขาก็หอบกระบอกม้วนแบบร่างของเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะ หยิบม้วนปึกกระดาษจากด้านในออกมา และกางออก เขาเริ่มออกแบบทันที รูปร่างคือทรงบ้านนก ที่น่าจะเข้ากับตัวบ้าน ที่เขาออกแบบให้กับจินไห่ใหม่ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเวลาน้อย แต่เขาก็พยายามร่างออกแบบบ้านตามที่เจ้าของบ้านได้จ้างเขาไว้ อย่างจำยอม

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ต้นน้ำเองก็ไม่ทราบ เขารู้แต่ว่าแสงแดดอ่อนๆ ที่เคยส่องเข้ามาตอนนี้กลายเป็นลำแสงพิฆาตที่ร้อนแสบผิวไปเรียบร้อยแล้ว เครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้เพียง 25 องศาเซลเซียส ตอนนี้เริ่มทำให้เขาร้อนเสียแล้ว เขารู้สึกถึงความมันบนใบหน้าและเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นที่แผ่นหลัง เขามักจะลืมเวลาขณะที่กำลังร่างแบบที่ตนเองชอบทุกครั้ง หลังจากมองนาฬิกาเขาจึงคิดว่าควรจะพาตนเองไปอาบน้ำได้แล้ว นึกได้ดังนี้เขาก็ลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำทันที

วันนี้มีเรียนช่วงสายบวกกับที่เขาตื่นเช้า ทำให้ต้นน้ำมีเวลาทำอะไรต่างๆ ในช่วงเช้าอย่างไม่เร่งรีบ ต้นน้ำเดินออกจากห้องอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ เขาเริ่มจะทำตัวเองเป็นเจ้าของห้องเข้าไปทุกที เริ่มปล่อยตัวตามสบายมากขึ้น ตราบใดที่ไม่ทำให้ห้องรก เขาก็จะไม่โดนจินไห่บ่นให้รำคาญ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาลืมตัวจึงเดินแก้ผ้าออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบเห็นคนร่างสูงบางเจ้าของห้องยืนส่องแผ่นร่างแบบของเขาพร้อมพลิกไปมาอย่างระมัดระวัง

“เฮ้ย....!!” ต้นน้ำร้องเสียงหลงพลางคว้าผ้าผืนน้อยที่พาดคอมาปกปิดส่วนสำคัญของเขา

“ลายเส้นไม่คมเท่าไหร่?” เจ้าของเสียงเสียบเหลือบขึ้นมามองต้นน้ำวาบหนึ่งก่อนจดจ่อไปที่กระดาษแผ่นใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง

“แหม.... ทำเหมือนพี่วาดรูปเก่งเลยนะ..” ต้นน้ำพูดสวนออกไปแต่ในใจก็คืดลุ้นว่าจินไห่จะเห็นเขาเปลือยเมื่อครู่หรือเปล่า?

“พูดเหมือนเคยเห็นพี่วาดรูป...” จินไห่ตอบพลางไล่ระดับสายตาขึ้นมามองเสียงคนที่เด็กกว่ากำลังเหมือนโกรธที่โดนดูถูก

“ก็เพราะไม่เคยเห็นเลยไง ก็เลยบอกได้ว่าพี่น่าจะวาดรูปไม่เป็น” ต้นน้ำตอบสวนไปในขณะที่พยายามขยับตัวไปหาเสื้อผ้าใส่ให้เรียบร้อย

“หึ..!! ก็ถูก! พี่มันวาดภาพห่วยมากเลยทั้งๆ ที่มีพ่อเป็นถึงจิตรกรชื่อดัง”  จินไห่พูดด้วยสายตาเหม่อลอยและเจ็บปวด เหมือนสิ่งๆ นี้ไปกระแทกแผลเก่าของเขาเข้า

“อ่า..... ขอโทษนะพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ....” ต้นน้ำมีสีหน้าสำนึกผิด เพราะเขากำลังทำให้ชายตรงหน้าคิดถึงคนที่จากไปไม่มีวันหวนกลับ

“ไม่เป็นไร พี่ผิดเองแหละ พี่มักจะวิจารณ์อะไรตรงๆ ควรจะคิดให้ดีก่อนพูด ความจริงพี่จะบอกต่อว่า แต่ความคิดสร้างสรรค์น่าสนใจดี พี่ชอบนะ!” จินไห่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา

“จริงหรือครับ พี่ชอบเหรอครับ? ผมนี่เพิ่งจะคิดไปแบบสดๆ เลย” ต้นน้ำเผลอดีใจจนผ้าผ่อนเกือบหลุด

“หึหึ เด็กน้อย ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนก็ได้นะ” จินไห่ยิ้มพร้อมกับภาพขบขันตรงหน้าพร้อมพูด

“ตรงส่วนไหนของผมครับที่เป็นเด็กน้อย!!” ส่วนต้นน้ำที่เถียงกลับแต่ใบหน้ากลับเขินแดงและรีบแต่งตัวให้เสร็จต่อไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายโต้ตอบกลับมา อย่างน้อยเขาก็มั่นใจในหุ่นนักกีฬาของตนเอง ทำไมอีกฝ่ายได้ชอบบอกว่าเขาเป็นเด็กอยู่บ่อยครั้ง ถ้าในเรื่องร่างกายเขาบอกได้เลยว่าเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

หลังจากต้นน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขายังคงมองเห็นเจ้าของห้องยังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือด้วยสีหน้าอารมณ์ดี วงหน้าที่พินิจพิเคราะห์แบบร่างของเขาอย่างมีความสุขภายใต้แสงแดดที่ส่องมาเบื้องหลังเรืองรองนั้นมันเหมือนภาพเทวดาตามโบสถ์คริสตจักรเลย ต้นน้ำเห็นแล้วอยากหยิบดินสอมาร่างภาพพวกนี้ไว้ แต่ในเมื่ออุปกรไม่พร้อมเขาเลยขอจดจ้องเพื่อจดจำรายละเอียดตรงหน้าไว้อย่างตั้งใจ

“เหม่ออะไร?” จินไห่เงยหน้าขึ้นมามองต้นน้ำที่มองตนอย่างไม่วางตา

“ไม่มีอะไรครับ แค่รู้สึกว่ามันสวยดี” ต้นน้ำพลั้งปากตอบไป

“อะไรสวย?” จินไห่มีสีหน้าไม่เข้าใจกับคำตอบของอีกฝ่าย

“อ๋อ... เปล่าครับ เอ่อ.....แค่รู้สึกแสงด้านหลังมันสวยดี” ต้นน้ำรีบหันไปมองทางอื่นและตอบอย่างเลิ่กลั่ก เขาสงสัยตัวเองว่าทำไม ไม่กล้าสู้หน้าจินไห่ตอนนี้

“แปลกคนจริง เด็กคนนี้” จินไห่ยิ้มและผ่อนลมหายใจเบา

“ผมไม่เด็กแล้วนะ ผมกับพี่ก็อายุห่างกันไม่เท่าไหร่!!” ต้นน้ำรู้หงุดหงิดกับคำว่าเด็กมากขึ้นทุกทีไม่รู้ทำไม

“จ้าๆ ได้ๆ ไม่เด็กแล้ว แต่อย่างน้อยอายุพี่ก็ใกล้เลขสามแล้วนะ”

“หน้าพี่ยังไม่น่าจะถึงนะ!” ต้นน้ำแสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มมุมปากตอบกลับมา ใบหน้าที่เด็กกว่าอายุนั่นทำให้ต้นน้ำใจเต้นอย่างอธิบายไม่ได้อีกแล้ว เขาเลยหันมาตั้งใจจัดข้าวของเตรียมตัวไปเรียน

“วันนี้.... ไปซื้อของกับพี่นะ” อยู่ๆจินไห่ก็เอ่ยชวน

“หา?!?” ต้นน้ำที่ไม่ได้ตั้งใจฟังจึงหันมาหาเจ้าของเสียง เขาไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินถูกต้อง

“ก็จะไปเที่ยวทะเลแล้ว พี่ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย” จินไห่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

“ก็จริง!” ต้นน้ำหันไปทางตู้เสื้อผ้าในห้องพร้อมพูดออกมา เพราะเท่าที่เขามาอาศัยอยู่กับผู้ชายสมถะคนนี้ เขาแทบไม่มีเสื้อผ้าสำหรับไปเที่ยวต่างถิ่นเลย แทบจะบอกได้เลยว่าเป็นคนที่ไม่พร้อมจะไปเที่ยวไหนไกลบ้านเลยมากกว่า

“งั้นต้นน้ำมาช่วยพี่หน่อยนะ!” จินไห่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“อ่า......” ในใจต้นน้ำอยากปฏิเสธมากแต่ก็ติดที่สีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย

..................

ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่และใหม่ที่สุด เป็นศูนย์รวมคนทุกเพศทุกวัยเพราะมีร้านค้ามากมายหลากหลายรองรับรสนิยมของคนทุกเพศทุกวัย จินไห่ที่เดินอย่างเงอะงะ ทำท่าทางไม่คุ้นชินกันสถานที่แห่งนี้จนต้นน้ำซึ่งเป็นคนแนะนำต้องถอนหายใจเสียงดัง

“พี่จินไห่ ถามจริง! พี่ไม่เคยมาจริงๆ น่ะ ห้างนี้มันเปิดเกือบปีแล้วนะ” ต้นน้ำถามไปใบหน้าคิ้วขมวด

“ก็เคยมาสองสามครั้ง ส่วนใหญ่ก็ตรงไปซุปเปอร์มาร์เก็ตก็กลับ....” จินไห่ตอบแบบเขินๆ

“งั้นพี่อยากได้อะไรบ้าง จะได้แนะนำได้ถูก” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจอีกหน

“อืม... แล้วไปเที่ยวทะเล ที่นี่เขาเตรียมอะไรบ้าง?” จินไห่ผู้ไม่เคยเที่ยวที่ไหนเลยในไทย สมองจึงว่างเปล่าสำหรับโจทย์นี้ แม้แต่ที่ใต้หวันมันก็นานมากแล้วที่ได้ไปเที่ยวแบบนี้

“พี่จินไห่..... พี่นี่มัน.....” ต้นน้ำยกมือกุมขมับ ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือสงสารคนที่พามาด้วยดี

“งั้นเริ่มจาก เรียกชื่อพี่ใหม่ก็พอ เป็นแฟนกันเรียกชื่อสองพยางค์มันห่างเหิน เรียก ‘พี่ไห่’ ก็พอนะ” จินไห่เปลี่ยนบรรยากาศโดยการพูดไปอีกเรื่อง

“พี่จิน....เอ่อ.... พี่ไห่ มันใช่เวลามาคุยเรื่องนี้ไหมเนี่ย?” แม้ต้นน้ำจะพูดแบบนี้แต่ในใจเขาก็นึกย้อนไปว่าเคยได้ยินแฟนเก่าตัวแสบของคนตรงหน้าเรียกแบบนี้

“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอโทษเห็นน้องกำลังเครียดก็เลยเปลี่ยนเรื่อง ว่าแต่เราไปเริ่มที่ไหนก่อนดี?” จินไห่หัวเราะกลบเกลื่อน

“งั้นเราไปเริ่มที่กางเกงสำหรับเล่นน้ำก็แล้วกัน แล้วก็เสื้อผ้าสบายๆ สไตล์ริมหาดด้วย” ต้นน้ำเสนอ

“ต้นน้ำว่าเราควรใส่ชุดคู่ไหม จะได้เนียนหน่อย” จินไห่เสนอบ้างแต่ดูท่าทางจะเขินอายพอควร

“อืมมมม อันนี้พี่คิดเองจริงอ่ะ? มันก็น่าสนใจนะ แต่ผมรู้สึกอายๆ ยังไงไม่รู้ ไม่เอาดีกว่า” ต้นน้ำรู้สึกแปลกขึ้นมายังไงไม่รู้ เขาเหมือนจะรู้สึกว่าจินไห่กำลังจีบเขาอยู่จริงๆ

“ก็... ตามใจน้องครับ” จินไห่ตอบกลับเสียงเรียบ ดูมีความผิดหวังเจือปนอยู่เล็กน้อย และแล้วต้นน้ำก็เดินนำไปที่ร้านที่เขารู้จัก

สุดท้ายเขาก็ได้เสื้อคู่จนได้เพราะบังเอิญไปเจอไอซ์ที่มาพร้อมกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง (เดาว่าน่าจะเป็นคนที่มันจีบอยู่) หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จสรรพ ไอซ์ก็เจ้ากี้เจ้าการจนเผยให้พี่จินไห่รู้ว่า เพื่อนสนิทของเขาคนนี้รู้เรื่องที่เขาแกล้งเป็นแฟนไม่มากก็น้อย

“ต้นน้ำ พี่ขอคุยด้วย!” จินไห่พูดเสียงเข้ม

“อ่ะ .... เอ่อ.... เรื่องอะไรครับ” ต้นน้ำเสียววาบไปทั่วแผ่นหลัง บรรยากาศที่เปลี่ยนไปของผู้ใหญ่ตรงหน้ามันน่ากลัวยังไงไม่รู้

“เพื่อนต้นน้ำคนนี้รู้เรื่องของเราใช่ไหม?” จินไห่กระซิบกระซาบ แต่ก็ไม่พ้นหูทิพย์ที่ดีผิดปกติของไอ้เพื่อนปากมากของเขา

“รู้สิครับ พี่คิดว่าไอ้จริตแบบนี้ ไอ้ต้นน้ำมันมีที่ไหน ถ้าไม่ผมช่วยติวให้” ไอซ์เดินมาใกล้พร้อมยื่นหน้าแทรกมาระหว่างกลาง

“เฮ้ย!! ไอ้คนเสียมารยาท!!” ต้นน้ำร้องเสียงหลง

“ก็ได้ยินพูดถึงกู กูก็เลยเดินมาเสนอหน้าเสียหน่อย! ว่าแต่พี่เก่งไม่เบานะเนี่ย รู้ได้ไงว่าผมรู้เรื่องของพวกพี่!” ไอซ์มีสีหน้าชื่นชมคนที่อายุมากกว่า

“จากคำพูดเวลาแนะนำการซื้อของของน้องนั่นแหละ ดูจะพยายามแนะนำให้พวกพี่แสดงออกผ่านการแต่งตัวว่าเป็นแฟนกันจนเด่นชัดเกินไป อีกอย่าง... ต้นน้ำไม่กล้าที่จะบอกกับใครว่าเป็นแฟนกับพี่ เขาควรจะปฏิเสธ แต่ก็เปล่า! พี่เลยเดา น้องไอซ์คงรู้เรื่องพวกเราหมดแล้ว” จินไห่อธิบายเป็นฉากๆ

“โห.... พี่เป็นญาติกับไอ้เด็กแว่นยอดนักสืบที่ไม่รู้จักโตหรือเปล่าวะเนี่ย!!” ไอซ์อยากจะปรบมือดังๆ แต่เกรงใจคนที่มาด้วยที่มีสีหน้าเกร็งๆ แล้ว

“พอเลย พอ!! กูจะไปที่อื่นต่อแล้ว มึงก็ไม่ต้องตามมาหรอก เชิญไปเดทของมึงต่อเลย!!” ต้นน้ำดันตัวเพื่อนสนิทให้ถอยห่างออกไป

“ไม่เป็นไร ไหนๆก็รู้แล้ว ไหนๆก็ช่วยกันมาขนาดนี้แล้ว งั้นมาช่วยพี่ต่ออีกหน่อยได้ไหม? ว่าแต่...... หากคนที่มาเดทด้วยไม่ว่าอะไรนะ” จินไห่มองไปที่ชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวภูมิฐานที่มาด้วย เขาแทบไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดการสนทนาแค่เดินตามเงียบๆ

“เอ่อ... พี่ครับ.... อันนี้รุ่นพี่ผมครับ อย่าหาเหาใส่หัวผมเลย แฟนมันดุจะตาย เดี๋ยวผมจะโดนฆ่าเอา!!” ไอซ์นำนิ้วชี้ขึ้นมาคาดปากพร้อมพูด

“นี่มึงกลัวอะไรกับเขาเป็นด้วยหรือวะ!?!” ต้นน้ำแปลกใจกับท่าทางของเพื่อน

“แฟนพี่ไม่ดุขนาดนั่นหรอกครับ แต่ก็อย่าไปแหย่รังแตนเลยก็แล้วกัน สงสารเจ้าไอซ์มันน่ะ” ชายที่นิ่งเงียบกลับพูดขึ้นมา พร้อมเสียงหัวเราะ ใบหน้าขาวใสน่ารักออกหวานแบบนั้นทำให้แม้แต่คนขายสินค้าประจำจุดยังเผลอยิ้มตาม เป็นคนมีเสน่ห์จริงๆ

“พี่...เอ่อ...” ทั้งๆที่เพิ่งแนะนำแต่ต้นน้ำกลับลืมชื่อไปเสียอย่างนั้น สมองของเขาไม่ถนัดจำชื่อผู้ชายจริงๆ

“กวีครับ พี่ชื่อกวี” เจ้าของใบหน้าสวยหวานตอบ ไอซ์มีอาการขวยเขินจนเก็บอาการแทบไม่อยู่เมื่อเจอกวียิ้มหวานใส่แบบนี้ ส่วนตัวต้นน้ำนั้นกลับรู้เสียเฉยๆ กับคนตรงหน้า รู้แต่ว่าน่าจะมีทั้งหญิงและชายมาติดพันเยอะแน่ๆ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ แล้วพี่กวีมาเดินอยู่กับไอ้เจ้าชู้นี่ได้ยังไงครับ?” ต้นน้ำถามต่อ จินไห่ได้ยิ้มตอบกลับไป เป็นคนพิการทางมนุษย์สัมพันธ์เหมือนเคย

“พี่มาฝึกงานที่โรงพยาบาลสัตว์แถวนี้น่ะครับ แล้วบังเอิญไปเจอไอซ์เข้าก็เลยเดินคุยกันเรื่อยเปื่อย” กวีตอบเสียงใส

“แล้วทำไมพี่กลับมาฝึกงานที่นี่ทำไมไม่บอกไม่กล่าวกันบ้างเลยอ่ะครับ ตั้งแต่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพก็ไม่กลับมาทักทายบ้างเลยนะครับ!!” เสียงอ่อนเสียงหวานของไอ้ไอซ์ทำให้ต้นน้ำรู้สึกคลื่นไส้จนออกนอกหน้า แสดงสีหน้ารังเกียจเพื่อนตนเองที่ไม่เคยเห็นแสดงอาการแบบนี้กับใคร ต้นน้ำสงสัยว่าพี่กวีคนนี้คือรักแรกของมัน ที่ไอซ์เคยเล่าให้ฟังแน่นอน

จินไห่สังเกตุเห็นอาการของต้นน้ำที่ดูเสียมารยาทกับเพื่อนรุ่นพี่คนใหม่คนนี้ก็เลยกระแอมทัก จนกระทั่งต้นน้ำหยุดทำหน้าตาใส่เพื่อนสนิทของเขา

“ไอซ์ก็รู้ ชัยไม่ให้บอกน่ะสิ” กวียิ้มแห้งๆตาหยี

“เชอะ!” ไอซ์แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก

“อ๋อ... แฟนพี่น่ะ” กวีตอบต้นน้ำที่ทำสีหน้าสงสัย

“ใช่! คู่แข่งตลอดกาลของกู ทั้งเรื่องบาสฯ เรื่องหัวใจ!!” ไอซ์หันไปพูดกับต้นน้ำ

“หา!! งั้นก็....” ต้นน้ำ

“ต้นน้ำอย่าเสียมารยาท!” จินไห่พูดแทรกเตือนสติ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ไม่ได้ปกปิดอะไรครับ พ่อแม่ก็ทราบว่าคบกัน ความจริงก็รู้จักกันทั้งจังหวัดอยู่ช่วงหนึ่งด้วยครับ ฮ่าฮ่าฮ่า” กวีตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

ต้นน้ำก็เคยได้ยินเหมือนกันเมื่อหลายปีก่อนเรื่องนักกีฬาสองโรงเรียนดังคบกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจ ไม่นึกว่าจะได้มาเจอตัวเป็นๆ แบบนี้

“ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ผมอยากขอร้องพี่เรื่องหนึ่งได้ไหมครับ?” ไอซ์พูดแทรกขึ้นมาหลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่

“ถ้ามันไม่รบกวนเรื่องฝึกงานก็ยินดีนะ” กวีตอบแบบลังเล

“ก็มีเรื่องให้ช่วยเรื่องสองคนนี้นิดหน่อยน่ะครับ!” ไอซ์ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์

“เกี่ยวอะไรกับกู!!??” ต้นน้ำสงสัย จินไห่ก็ทำหน้าสงสัยไม่แพ้กัน

“เออน่ะ รับรองช่วยมึงได้แน่นอน ศัตรูความรักของกูไม่ได้แค่ไอ้พี่ชัยที่เป็นแฟนของพี่กวีคนเดียวหรอก!!” กวีพูดอย่างร่าเริงแววตาฉายแววน่ากลัว

“หมายความว่าไง?” ต้นน้ำมีสีหน้าตกใจ

“เออน่า มึงยังไม่ต้องรู้หรอก!!” ไอซ์ตบหลังต้นน้ำเสียงดัง
ท่ามกลางความมึนงงของคนทั้งกลุ่ม

...............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2021 00:18:46 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 12

Sea sand sun and a bunch of chaos



 เฮ้อ.........

ต้นน้ำแอบผ่อนลมหายใจออกยาวที่ท้ายรถมินิคูเปอร์ของจินไห่ เขากำลังหยิบสัมภาระชิ้นสุดท้ายใส่ลงไปที่ท้ายรถคันใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นจินไห่ขับมันสักครั้ง พร้อมมองสิ่งของต่างๆ ของจินไห่ที่บรรจงใส่อย่างเป็นระเบียบที่มุมทางซ้าย ส่วนมุมทางขวาที่เขาบรรจงใส่นั้นแทบจะหาความเป็นระเบียบไม่ได้

สัมภาระของจินไห่มีความพร้อมระดับเกินร้อยจนดูไม่เหมือนโดนบังคับให้ไปทริปนี้ ข้าวของทุกอย่างล้วนซื้อใหม่พร้อมกับเขา จนทำให้เขาเริ่มกังวลและเวียนหัวขึ้นมาเสียแล้ว เพราะการที่จะต้องใส่เสื้อผ้าคู่เหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว เดินไปเดินมาด้วยกันมันคงจะอึดอัดกับสายตาทุกคนที่มองมาที่พวกเขาสองคน ปกติการเดินไปไหนมาไหนกับจินไห่ก็เป็นจุดเด่นมากพออยู่แล้วนับตั้งแต่ข่าวเรื่องนั้นมันแพร่กระจายออกไป อีกทั้งความเด่นเรื่องหน้าตาของจินไห่เองก็ดึงดูดสายตาทุกคนบวกเข้าไปอีก ต้นน้ำคิดว่าเขาคงจะอึดอัดมาก

ต้นน้ำคิดจบก็ปิดฝาท้ายรถลง ทำให้เขามองสภาพตัวเองในกระจก กางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีขาว เสื้อฮาวายลายต้นมะพร้าวบนพื้นสีเขียว รองเท้าแตะสีสดใส มันดูดีมากๆ จนเขาแอบภูมิใจในความเป็นเดือนมหาวิทยาลัยของเขา แต่หลังจากเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังสั่งงานต่างๆ ในช่วงที่ไม่อยู่กับผู้จัดการร้านของเขา ก็ทำให้ต้นน้ำมีอาการปวดหัวเล็กน้อย เพราะเสื้อผ้าที่จินไห่ใส่มันเหมือนกันแป๊ะ (ก็ซื้อมาพร้อมกัน เลือกและแนะนำโดยไอ้เพื่อนตัวแสบที่พูดทิ้งท้ายแปลกๆไว้เมื่อหลายวันก่อน บังคับให้มันเฉลยมันก็ใจแข็งเหลือเกิน)

“พร้อมหรือยัง? พี่โน่ส่งพิกัดมาให้ทางไลน์แล้วนะว่าให้ไปเจอกันที่ไหน จะได้ไปเริ่มเดินทางพร้อมกัน” จินไห่ที่ออกอาการตื่นเต้นทางใบหน้าเล็กน้อย ส่งยิ้มมาให้ต้นน้ำที่ยืนรออยู่ข้างรถอย่างเก้ๆกังๆ

รอยยิ้มภายใต้ใบหน้าที่ตื่นเต้นแบบเด็กน้อยที่เก็บอาการบวกกับเสื่อผ้าที่แปลกตา ทำให้ต้นน้ำมีอาการร้อนผ่าวที่ใบหน้าจนต้องหลบตาอีกฝ่าย

“เป็นอะไร โกรธที่พี่ทำให้อึดอัดหรือเปล่า?” จินไห่ถามเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายแปลกไป

“ไม่ครับ รีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวสายแล้วมันจะร้อน” ต้นน้ำก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มันอธิบายไม่ถูก เวลาอยู่ใกล้จินไห่เขาจะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ จนตัวเขาเองก็เริ่มที่จะรู้สึกรำคาญแล้ว

ใช้เวลาขับรถไม่นานก็มาถึงจุดหมายที่นีโน่นัดไว้เพื่อเริ่มออกเดินทางพร้อมกัน เป็นปั้มน้ำมันยี่ห้อดังที่อยู่ไม่ไกลตัวเมืองเท่าไหร่นัก เพียงแค่หักเลี้ยวเข้าไป พวกเขาก็พบคนที่นัดหมายพวกเขาทันที เพราะทั้งนี่โน่และเสี่ยวหยู๋นั้น แต่งตัวด้วยสีสันฉูดฉาดไม่แพ้กัน แต่แนวทางในการแต่งกายช่างแตกต่างเหมือนไม่ได้นัดกันมา

“สวัสดีครับ ขอโทษครับที่มาช้า” จินไห่ยกไหว้อย่างสุภาพ นีโน่เองก็ยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร อีกทั้งยังเดินมายกมือเกาะไหล่อีกฝ่ายสนิทสนม

ด้วยความที่นีโน่มีส่วนสูงเพียง 168 เซ็นติเมตร ทำให้การยืนเกาะบ่าอีกฝ่ายที่สูงเกิน 180 เซ็นติเมตร จึงเป็นท่าทางที่ตลกในสายตาต้นน้ำไม่น้อย แต่ก็ทำได้เพียงหัวเราะในใจ

“ผมก็ว่ายังไม่ถึงเวลานัดหมายนะ ไม่เห็นจะต้องขอโทษขอโพยอะไร” ต้นน้ำพูดขึ้นมาลอยๆ ตามประสาเด็กแสบ แต่ก็ไม่รอดหูทิพย์ของนี่โน่ไปได้

“เขาเรียกว่ามารยาทน่ะ มารยาท การที่คนอาวุโสกว่าต้องมารอผู้น้อย การขอโทษก็ไม่เรื่องเสียหายอะไร!!” นี่โน่ที่เถรตรงเดินไปพูดต่อหน้าต้นน้ำด้วยแววตาเกรี้ยวกราด

ฝ่ายต้นน้ำที่เริ่มมีความอดทนต่ำกับสถานการณ์แบบนี้ จึงเผลอใส่รังสีอำมหิตลงในแววตาและจ้องกลับ จนจินไห่ต้องเดินมาชวนกินอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนด์วิชที่เขาเตรียมมาเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ นี่โน่จึงยอมถอยเพราะเห็นแก่จินไห่

หลังจากต้นน้ำเริ่มใจเย็นลงจึงคิดขอบคุณจินไห่ที่เข้ามาขวางทัพ เขาลืมไปว่า คนตัวเล็กคนนี้น่ากลัวแค่ไหน

หลังจากนั้นไม่นานนีโน่ก็ชี้พิกัดในแผนที่ให้จินไห่และต้นน้ำเดินทางไปตามที่จีพีเอสแนะนำ

การเดินทางหลายชั่วโมงสำหรับต้นน้ำเป็นเรื่องน่าเบื่อมากถึงมากที่สุด การที่เขาต้องนั่งอยู่ในพื้นที่จำกัดเป็นเวลานานๆ แบบนี้มันน่าเบื่อมาก การที่แม้แต่เล่นเกมในโทรศัพท์ตนเอง หรืออ่านหนังสือการ์ตูนที่นำมาด้วยก็ไม่ได้ มันทำให้เขาได้แต่ผ่อนลมหายใจออกแรงๆ ให้คนขับรถที่นั่งข้างเขาได้ยิน เพราะคนขับคนนี้นี่แหละที่พยายามห้ามไม่ให้เขาทำอะไรสักอย่างนอกจากนั่งอยู่เฉยๆ โดยจินไห่มักจะบ่นใส่เขาว่า เสียสายตาบ้าง เดี๋ยวเวียนหัวบ้าง เดี๋ยวปวดหัว จนเขายอมวางทุกอย่างและนั่งมองทิวทัศน์ภายนอกที่วิ่งมาปะทะสายตาไปเรื่อยๆ อย่างเบื่อหน่าย วิทยุที่เปิดเพลงตามใจผู้จัดซึ่งไม่ใช่แนวของต้นน้ำ ยิ่งทำให้เขาเบื่อหน่ายมากกว่าเดิม เพลงที่ไม่เคยได้ยินบวกกับทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นเคยทำให้ดวงตาของต้นน้ำอ่อนล้าอย่างถึงที่สุด ไม่นานเขาก็วูบเข้าสู่ความมืดมิด

............

“อ้าว! ต้นน้ำ” เสียงหนึ่งดังแว่วขึ้นจนเจ้าของชื่อต้องหันไปมอง

ต้นน้ำที่รู้สึกตัวอีกทีก็มาเดินเรื่อยเปื่อยในสวนป่าหลังบ้านตนเองเสียแล้ว เขารู้สึกเบื่อๆเซ็งๆกับการคบกับแฟนคนใหม่ของเขาที่เจอกันช่วงโดนรับน้อง  เขาไม่คุ้นเคยกับการจีบคนอายุมากกว่า ที่คอยแต่เรียกร้องความสนใจจนต้องทะเลาะกันหลายครั้ง สุดท้ายเขาก็จบลงที่การมาเดินทอดน่องในพื้นที่ส่วนตัวผืนนี้ จนมาพบกับชายหน้าตี๋ข้างบ้านที่ย้ายมาอยู่ใหม่ได้สักพัก

“สวัสดีครับ..... พี่...... ผมควรจะเรียกชื่อไทยหรือชื่อจีนพี่ดีครับเนี่ย?” ต้นน้ำเกาหัวยิ้มกลับ

“แล้วแต่เรา.... แต่ชื่อไทยพี่ก็ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่” คนที่บรรจงพูดไทยให้ชัดถ้อยชัดคำตอบกลับมา

“งั้นชื่อจีนดีกว่า ผมรู้สึกว่ามันคูลกว่าเยอะเลย ชื่อไทยพี่มันธรรมดาจะตายไป!” ต้นน้ำตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้ม

“แต่....ชื่อไทยคุณย่าพี่เป็นคนตั้งให้นะ” ชายคนนี้ทำให้ต้นน้ำรู้สึกผิดได้ทุกประโยคที่พูด

“เอ่อ...... ขอโทษครับ ผม.... ไม่ได้ตั้งใจ” รอยยิ้มร่าเมื่อสักครู่หายไปจากหน้าเขาจนหมด

“ไม่เป็นไรๆ เอาที่เราถนัดก็ได้ พี่โอเค” ชายหนุ่มเพื่อนบ้านตอบกลับมาด้วยท่าทีไม่ถือสา ทำให้ต้นน้ำใจชื้นขึ้นมา

“งั้นผมเรียกพี่ว่าพี่จินไห่ ดีกว่า มันดูคูลกว่าอย่างที่บอก” พูดจบเขาก็ยกนิ้วโป้งชูขึ้นให้อีกฝ่ายเห็นชัดเจน

“อืม..... ดูห่างเหินไปหน่อยนะ....” จินไห่พูดเสียงอ่อนและเดินอาดเข้ามาใกล้จนเกือบถึงตัวต้นน้ำ

“หา!! อะไร? ยังไง? พี่!! ก็เราไม่ได้สนิทขนาดนั้น!” ต้นน้ำเริ่มรู้สึกขนลุกกับแววตาที่อีกฝ่ายส่งมา มันดูเย็นวาบเหมือนเสือกำลังจะกินเหยื่อ

“เรียกพี่ว่า พี่ไห่ ก็พอ!” สองมือที่ลวดเร็วของคนผอมสูงตรงหน้าคว้าหมับเข้าที่เอวและกระชับทั้งสองคนเข้าใกล้จนเนื้อแนบเนื้อ ใบหน้าตี๋หล่อเกลี้ยงเกลาโน้มเข้ามาใกล้หลังจากพูดจบประโยค

“เฮ้ยๆๆๆๆ เดี๋ยวๆๆๆๆ เฮ้ย! พี่จินไห่!!” ต้นน้ำโวยวายสุดเสียง สองมือของเขาวาดซ้ายขวาไปทั่ว

“ต้นน้ำๆ ตื่นๆ!!” ฝ่ามืออุ่นจับที่ท่อนแขนนักกีฬาของเขาอย่างพอดีมือพร้อมเขย่าแรงๆ

ต้นน้ำลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองยังอยู่บนรถของจินไห่แต่ตอนนี้มันไม่ได้วิ่งอยู่บนทางหลวงแล้ว มันจอดนิ่งอยู่ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง

“พี่จินไห่.....” ต้นน้ำมองคนที่จับท่อนแขนเขาแน่น แววตาเป็นห่วง

“เป็นอะไร ละเมอเหรอ? พี่ไม่เคยเห็นเราละเมอเลยนะ” จินไห่ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“ไม่มีอะไร ฝันร้ายนิดหน่อย สงสัย..... เครียดเรื่องไปเที่ยวด้วยกันมากไปหน่อย” ต้นน้ำปรับท่านั่งตัวเองและตบหน้าตนเองเบาๆเพื่อให้ตื่น

“พี่....ขอโทษที่ทำให้เครียด.....” จินไห่สีหน้าหมองลงทันตา

“ไม่เป็นไรครับ เรารู้จักกันมานาน แค่นี้เอง อีกอย่างผมก็ได้เงินด้วย ไม่มีอะไรต้องห่วงครับพี่จินไห่” ต้นน้ำฝืนยิ้มทั้งที่ยังรู้สึกมวนๆ ท้องอยู่เลย

“เคยบอกแล้วไง ให้เรียกพี่ไห่น่ะ!” จินไห่ใช้มือขยี้ศรีษะอีกฝ่ายแล้วยิ้มให้เมื่อเห็นต้นน้ำสีหน้าดีขึ้น

เชี้ย!! หลอนฉิบหาย!! ต้นน้ำคิดในใจ

“งั้นผมขอไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยนะครับ!!” พูดจบเขาก็วิ่งลงจากรถไป

.......


รถของจินไห่เข้ามาจอดที่ท่าเรือข้ามฝากโดยมีนีโน่และเสี่ยวหยู๋ยืนรออยู่ นีโน่เป็นผู้ชายตัวเล็กที่ดูมีความคูลแบบผู้ใหญ่ เขายิ้มรับทันที่ที่เห็นรถของจินไห่เข้าสู่คลองสายตา แต่หญิงสาวสวยเฉี่ยวอีกคนกลับทำสีหน้าตรงกันข้าม ใบหน้าเธอประดับด้วยรอยปากบูดบึ้งและไม่พอใจที่เห็นอีกฝ่ายเพิ่งมา

ไม่รู้ว่าอย่างนี้ที่เรียกว่า ‘ศรศิลป์ไม่กินกัน’ หรือเปล่า? (ประโยคที่ต้นน้ำจำได้จากบันทึกเล่มนั้น เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเห็นใบหน้าที่เอาแต่ใจของหญิงสาวอดีตแฟนของจินไห่ และยิ่งเห็นใบหน้าของจินไห่ที่ดูใส่ใจกับอาการหงุดหงิดของสาวเจ้า ต้นน้ำก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้งเธอดู ไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเป็นสาวสวยคนอื่น ต้นน้ำคงกำลังคิดหาวิธีเอาอกเอาใจมากกว่าคิดหาวิธีแกล้งแบบนี้

สงสัยคงถูกไอ้ไอซ์มันเสี่ยมมากไปหน่อยเลยติดนิสัยคนอย่างมันมาด้วย

หลังจากลงมาจากรถหอบหิ้วสัมภาระลงมาเรียบร้อย ต้นน้ำก็เริ่มแผนที่คิดได้สดๆ ตอนนั้นทันที

เขาเริ่มจากการขยับสัมภาระไปมา แกล้งทำเป็นหอบหิ้วและเดินไม่สะดวก จนคนที่มีสัมภาระมากกว่าเขาหันมาช่วยเหลือ ต้นน้ำไม่ปฏิเสธและหันไปอมยิ้มใส่สาวอารมณ์เสียที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล หลังจากพอที่จะมีมือว่าง ต้นน้ำก็จัดการควงแขนอีกฝ่ายและกางร่มกันแดดให้ด้วยท่าทีเหมือนคนรักที่รักกันหวานชื่น ทั้งหมดทำไปเพื่อให้เสี่ยวหยู๋หงุดหงิดมากกว่าเดิม

ต้นน้ำไม่รู้หรอกว่าเสี่ยวหยู๋มีแผนอะไร แต่ตอนนี้เขาขอทำแต้มนำไปก่อน เผื่อว่าทางนั้นเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทวงจินไห่คืนจะได้รีบกลับไปก่อนกำหนด แต่ติดที่พี่นีโน่นี่แหละที่น่าจะกัดไม่ปล่อย แต่เอาไว้คิดทีหลัง

ต้นน้ำสังเกตสีหน้านีโน่ นอกจากที่นีโน่จะไม่สนใจแล้ว ยังส่ายหน้าเหมือนกำลังเวทนาเขาอีกต่างหาก ต้นน้ำได้เก็บอาการไว้ในใจและเล่นใหญ่ต่อไป ทั้งที่ตอนนี้เขากำลังตกเป็นเป้าสายตาให้คนทั้งบริเวณ อายนะแต่ก็คิดในใจว่า ไม่มีใครรู้จักเราแน่นอน

นีโน่จัดการเรื่องการข้ามฟากไปที่เกาะเป้าหมาย ฝากรถไว้ที่นี่และนั่งเรื่องข้ามฝากไป นี่โน่แจ้งว่าเดี๋ยวจะมีรถตู้จากรีสอร์ทมารับ

ในขณะที่เรือกำลังเล่นอยู่กลางทะเลอยู่นั้น นีโน่พยายามเดินมาชวนเพื่อแยกให้จินไห่ไปกับเขา แต่เหมือนจินไห่รู้ทันก็พยายามบ่ายเบี่ยงจนต้นน้ำรู้สึกรำคาญ เขาไม่กล้าขัดใจนีโน่เท่าไหร่ เพราะไม่อยากเพิ่มโจทย์อีกข้อหากับอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นกลับไปคราวนี้ เขาคงจะใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก ดังนั้นเขาจึงได้บอกกับจินไห่ไปล่วงหน้าว่า
‘พี่จัดการพี่นีโน่เองนะ ผมถูกจ้างให้ดูแลแค่ฝั่งพี่หยู๋’ จินไห่พยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจก่อนที่จะเดินทาง

“เออ!! จริงสิ เมื่อครู่พี่เจอเพื่อนเก่าพี่ด้วย มันเป็นคนดูแลสะพานปลา มันอาจจะหาของดีของสดให้ร้านเราได้นะ ไปคุยกันไหม?” นีโน่เดินมาคุยอีกครั้ง คราวนี้น่าจะเตรียมตัวมาดี

ในที่สุดจินไห่ก็ทนการรบเร้าของนีโน่ไม่ได้จึงต้องยอมตามอีกฝ่ายไป ส่วนต้นน้ำทำได้แค่พยักหน้าเป็นเชิงให้กำลังใจ ในขณะที่ต้นน้ำเองก็จับตาดูเสี่ยวหยู๋ที่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของทะเลยามบ่าย ท่ามกลางสายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่หมายจะเข้าไปทักทายคนสวยที่โดดเด่นไม่แพ้ใครบนเรือข้ามฟาก ส่วนหนุ่มๆที่มีเจ้าของต่างก็ได้แต่เพียงแอบจ้องมองเท่านั้น

ร่างสูงของแฟนกำมะลอของต้นน้ำหายลับตาไปเพียงไม่นาน คลองสายตาของเขาก็ถูกบดบังด้วยมือปริศนา

“ไอ้ไอซ์กูไม่เล่น!!!” ต้นน้ำทักขึ้นเสียงเข้ม

“เชี้ย!! มึงรู้ได้ยังไงวะ?” เจ้าของเสียงที่มีท่าทางผิดหวังโวยเบาๆ พร้อมปลดมือที่ปิดบังทัศนะของอีกฝ่ายลง

“มือสากๆ ที่เล่นแบบนี้ มีมึงคนเดียว!!” ต้นน้ำตอบและมองตามอีกฝ่ายที่กำลังลงมานั่งข้างๆ เขา

“ที่นี่ไม่ใช่ที่มหาวิทยาลัยนะ มึงจะได้เดาง่ายขนาดนั้น!!” ไอซ์ที่ทำหน้าผิดหวังบุ้ยปากชัดเจน

“เดาไม่ยากไหมวะ? ก็มึงเล่นซักกูเสียละเอียด ว่ากูจะไปไหน เมื่อไหร่ แถมบอกทิ้งท้ายว่าคิดแผนแก้เผ็ดได้แล้ว เดาไม่ยากไหมวะว่ามึงจะตามกูมา” ต้นน้ำอธิบายยาวด้วยใบหน้าที่แสนภูมิใจที่เดาแผนเพื่อนได้ส่วนหนึ่ง

“ที่แท้มึงก็ไม่ได้โง่นี่หว่า!!”  ไอซ์สวนกลับมาด้วยรอยยิ้มคมคาย

“เอ้า!! แน่นอนดิวะ!!” ต้นน้ำกล่าวอย่างภูมิใจ

“แต่กับเรื่องพี่จินไห่นี่มึงนี่กลับไม่ฉลาดเลยนะ!!”  ไอซ์พูดเปรยเบาๆกับตนเอง

“เมื่อกี้มึงพูดว่ายังไงนะ?!?” ต้นน้ำหันควับ

“ไม่มีอะไรกูก็แค่… บอกว่า มึงจะรู้แผนกูแค่ไหนเชี่ยว?” ไอซ์ตอบอย่างอึกอัก

“เออ… นั่นสิ มึงมาด้วยแบบนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรวะ มีแต่จะเพิ่มภาระให้กู เพราะมึงเองก็ใช่ว่าพี่นีโน่เขาจะชอบ มึงเคยจีบคนๆเดียวกับเขานี่!!” ต้นน้ำคิดได้

“มึงดูถูกกูมากเกินไป!! ตามมานี่สิเดี๋ยวมึงจะรู้!!” ไอซ์ลุกขึ้นและพูดท้าทาย

เดินตามไอซ์ไปเพียงไม่กี่นาที เขาก็พบว่านี่โน่และจินไห่กำลังคุยอยู่กับคนที่เขาคุ้นหน้า ชายหนุ่มที่มีออร่าสว่างไสวที่สุดบนเรือข้ามฝาก ใบหน้าที่เรียวสวย ผิวพรรณที่สดใส ขาวสว่างอย่างสุขภาพดี รูปร่างดีสูงโปร่งและการแต่งกายที่ดูมีรสนิยม เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ขนาดที่ต้นน้ำเป็นคนที่มั่นใจในหน้าตามาก เขายังรู้สึกยอมแพ้ผู้ชายคนนี้

ที่สำคัญ ใบหน้าที่จริงจังของนี่โน่กลับดูอ่อนโยนลงอย่างน่าตกใจว่าผู้ชายคนนี้มีมุมแบบนี้ด้วยหรือ

“นี่มัน......” ต้นน้ำกำลังพยายามนึกชื่อผู้ชายที่มีออร่าท่วมท้นคนนั้น

“พี่กวี... ทายาทห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด คนที่กูแนะนำให้มึงรู้จักก่อนหน้านี้ไง!” ไอซ์เฉลย

“อย่าบอกนะว่านี่คือแผนของมึง เอาผู้ชายหน้าตาดีมาล่อให้พี่นี่โน่ออกห่างจากพี่ไห่?!? มันไม่ดูตื้นไปหน่อยเหรอวะ พี่โน่น่าคนที่เลือกคู่ควงคู่นอนหน้าตาดีแค่ไหนก็ได้ จะมาหลงกลของแค่นี้หรือวะ?!?” ต้นน้ำแสดงความไม่เห็นด้วยกับแผนนี้

“กูรู้ แต่คนนี้พิเศษ! ไม่เชื่อมึงก็ลองดูท่าทีของพี่นีโน่ดีๆสิ” ไอซ์อธิบายเพิ่มอย่างมั่นใจ

“อืม..... ท่าทีของไอ้นักเลงตัวเล็กนั่นมันก็แปลกไปจริงๆ .....หรือว่า!?!” ต้นน้ำเหมือนนึกอะไรออก

“เออ!!” ไอซ์แค่พยักหน้าเสริม

“ข่าวลือที่ว่ามึงเคยจีบคนๆเดียวกับพี่นีโน่ ก็คือคนนี้!! เฮ้ย! เรื่องจริงเหรอวะ? แต่ได้ข่าวว่ากินแห้วคู่เลยนิ!” ต้นน้ำระลึกได้จึงพูดออกมา

“เชี้ย!! ประโยคสุดท้ายไม่ต้องพูดก็ได้!! เป็นไงแผนกู!” ไอซ์ยกนิ้วโป้งขึ้นมาเสมออกและยิ้มกว้าง

“เออ กูยอมรับก็ได้ว่ามึงเทพ! แต่มึงทำยังไงให้พี่เขามาได้วะ ได้ข่าวว่า แฟนพี่เขาแม่งโคตรดุ!!” ต้นน้ำซุบซิบกลับ พร้อมเหลือบไปมองกวีที่เป็นเสมือนบุรุษที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา รูปหล่อ บ้านรวย เรียนเก่ง หากเขามีแฟนสมบูรณ์แบบขนาดนี้จะไม่ปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวแน่นอน

“กูแค่เล่าความจริงกับพี่เขา แค่นั้นเขาก็ยอมช่วยแล้ว พี่เขาน่ารักจะตาย” นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเรื่องจิตใจดีอีก สมบูรณ์แบบเกินไปแล้ว ต้นน้ำคิดในใจขณะที่ฟังไอ้ไอซ์เพื่อนเขาบรรยายถึงคนมาช่วยเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แสดงว่าไอ้ไอซ์ก็ยังดูมีหวังกับพี่กวีอยู่แน่นอน

“เล่าที่กูแกล้งเป็นแฟนพี่ไห่น่ะนะ สัด!! กูบอกแล้วไงว่าอย่า...” ต้นน้ำเริ่มโวยเพื่อน

“เชี้ย เดี๋ยวก่อน!! กูไม่ได้บอกแบบนั้น!!” ไอซ์รีบขัดขึ้นก่อนที่ต้นน้ำจะจบประโยค

“อ้าว!! แล้วมันมีความจริงแบบไหนอีกวะ!!” ต้นน้ำสวนทันควัน

“เออน่า!! สัด!! กูช่วยมึงอยู่นะอย่าเรื่องมากได้ไหม?” ไอซ์เริ่มรู้สึกรำคาญไอ้เพื่อนขี้โวยวายคนนี้จึงรีบตัดจบ

หลังจากจบประโยคของไอซ์ ต้นน้ำก็สังเกตุเห็นพี่กวีชี้มาทางจุดที่เขายืนอยู่ เขาสังเกตุเห็นแววตาอำมหิตจากพี่นีโน่วาบหนึ่งมาทางเขาก่อนที่จะกลับไปเป็นปกติเพื่อคุยกับพี่กวีต่อ

ขนลุกชูชัน ต้นน้ำรู้สึกแบบนั้น ท่าทางเขาจะใช้ชีวิตลำบากในภายภาคหน้าแน่นอน ผิดกับไอ้ไอซ์ เพื่อนสนิทคิดชั่วที่ยืนยิ้มอย่างมีความสุขข้างๆ

............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2021 00:17:32 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ในที่สุดทุกคนก็ได้เดินทางมาถึงรีสอร์ตเป้าหมาย บรรยากาศดีริมหาดทรายส่วนตัวขนาดไม่กว้างใหญ่มากแต่มีความเป็นส่วนตัวสูง ทุกคนรู้สึกคุ้มค่ากับการเดินทางไกลจากท่าเรือข้ามฝากผ่านถนนที่เกือบจะเรียกได้ว่าทุระกันดานกว่าจะมาถึงจุดหมายปลายทาง
แผ่นน้ำสีฟ้าอ่อนที่ส่องกระทบแสงแดดยามบ่ายไล่ยาวไปจนสุดสายตาจนไปจรดกับแผ่นฟ้า ที่มีเกาะเล็กเกาะน้อยวางเรียงรายอย่างไร้ระเบียบ มันทำให้ทุกคนรู้สึกจิตใจสงบเผลอยืนมองจนลืมไปว่าทุกคนต้องไปจัดการเช็คอินเสียก่อน

โดยเฉพาะแววตาและรอยยิ้มที่สดใสของจินไห่ เขาเหม่อมองทิวทัศน์ตรงหน้าอย่างลืมตัว วงหน้าภายใต้ฟ้าครามและแสงที่สะท้อนผืนทรายขึ้นมาทำให้คนๆ นี้มีเสน่ห์อย่างอธิบายไม่ถูก แม้แต่ต้นน้ำยังรู้สึกว่าเพลิดเพลินกับรูปลักษณ์ตรงหน้า เขาคิดว่าหากมีดินสอกับกระดาษ เขาอยากจะวาดมันเก็บไว้ มันสวยมากๆ

ต้นน้ำคิดมาถึงตรงคำว่า ‘สวย’ เขาก็สะดุดและออกจากภวังค์ตรงหน้า เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมองว่ารูปลักษณ์ตรงหน้าว่า ‘สวย’

“สวยว่ะ คิดถูกติดตามมา!!” เสียงเพื่อนสนิทที่มาพร้อมกับการเดินมาเกาะไหล่เขาจนเขาหยุดคิดถึงความรู้สึกแปลกตรงหน้า

“สวยพ่อง!! ทำไมมึงถึงมาที่เดียวกับกูได้วะ ไหนว่าที่นี่มันเป็นรีสอร์ตที่พี่นีโน่เป็นหุ้นส่วน พวกมึงไม่น่าจองได้โดยที่ไอ้พี่นี่โน่ไม่รู้!?!” ต้นน้ำรีบถามเรื่องที่ตนสงสัยมาตั้งแต่ตอนนั่งรถมาที่นี่

“มึงคิดว่าหุ้นส่วนอีกคนน่ะใคร? ก็พ่อของพี่กวีไง!! บอกแค่นี้คงรู้นะ” ไอซ์ตอบอย่างเจ้าเล่ห์

“เชี้ย!! รวยเชี้ยๆ!!” คำเดียวที่ต้นน้ำนึกออก

“น้องๆ รีบไปเช็ดอินเถอะ จะได้ไปจัดของเข้าที่พักกัน” เสียงอ้อนหวานของหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มดังขึ้นไม่ไกล

“มึง! ทำไมไม่เหมือนที่มึงเล่าให้กูฟังเลยวะ!!” ไอซ์ซุบซิบใส่หูต้นน้ำ พร้อมตอบรับเสี่ยวหยู๋ไป

“กูก็งง เห็นเริ่มเป็นมิตรกับกูตั้งแต่เหยียบถึงพื้นดินของเกาะแล้ว!” ต้นน้ำซุบซิบกลับ พร้อมพยักหน้าตอบสาวสวยที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“วิวสวยใช่ไหม!” เสี่ยวหยู๋เดินมาใกล้และมองที่จุดเดียวกับที่ต้นน้ำเหม่อมองอยู่เมื่อครู่

ไอซ์เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ เขาก็เลยขอตัวไปดูแลพี่กวีที่เขาพามา ซึ่งขณะนี้กำลังพูดคุยสนุกปากกับพี่นีโน่ที่แทบจะไม่สนใจจินไห่เลยนับตั้งแต่นาทีที่นีโน่เจอกวี

“อ่าครับ” ต้นน้ำพยักหน้าตอบปนอาการอึดอัดวางตัวไม่ถูก

“ท้องทะเลสีทองตรงหน้า มันมีเสน่ห์มากเลยเนอะ จนอยากครอบครอง พูดถึงพี่ก็โง่นะที่ปล่อยให้หลุดมือไป” เสี่ยวหยู่เปรยขึ้นมาและยิ้มมาที่ต้นน้ำ ที่ทำสีหน้างงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก

“พี่ไห่คะ ไปที่พักกันก่อนไหมคะ ช่วงเย็นหายเหนื่อยแล้วค่อยมาทำบาร์บีคิวอาหารทะเลกัน” เสี่ยวหยู๋ตะโกนให้จินไห่ได้ยินเพื่อชักชวน แล้วทุกคนก็ไปเช็คอินเข้าที่พักและแยกย้ายไปตามห้องพักที่กำหนดไว้

............

หลังจากมาถึงที่พักสุดหรูหราซึ่งเป็นบ้านทรงสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนสีขาวสลับน้ำเงินอ่อน ประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายสไตล์บ้านริมหาดที่มีลายสัตว์น้ำตกแต่งอย่างพอดีและลงตัว ในตัวบ้านหลังนี้ประกอบด้วย 2 ห้องนอน มีห้องน้ำในตัวและมีหนึ่งห้องรับแขกที่เป็นพื้นที่สันทนาการตรงกลางและห้องครัวที่ยื่นออกไปนอกตัวบ้านทางด้านหลังแสนกว้างขวาง ที่ด้านข้างของบ้านมีสระว่ายน้ำและสระน้ำผุดขนาดย่อมสำหรับลงเล่นน้ำได้สี่ถึงห้าคนแบบสบายๆ ไม่อึดอัด

ต้นน้ำโยนกระเป๋าลงข้างเตียงขนาดควีนไซส์อย่างเหนื่อยหน่าย ใครจะไปคิดว่าเขาต้องอาศัยอยู่ในที่พักหลังเดียวกันแบบนี้ ถึงห้องนอนจะอยู่คนละปีกและพื้นที่ส่วนใหญ่มันเป็นพื้นที่ส่วนรวมทั้งหมด ยกเว้นห้องนอนที่แค่เดินห้าก้าวจากอีกฟากก็ไปถึงอีกฟากหนึ่งไม่ยาก แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ตลอดเวลา ต้นน้ำต้องแสดงเป็นแฟนของจินไห่แบบเนียนๆเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน

“เฮ้ออออออ” ต้นน้ำล้มตัวลงนอนพร้อมถอนหายใจ พลางรู้สึกได้เลยว่าเตียงนี้มันเล็กขนาดไหน ลำพังแต่ตัวเขาลงนอนก็เกินครึ่งเตียงแล้ว มันไม่น่าจะบรรจุผู้ชายร่างยักษ์สองคนได้ นอกจากจะนอนชิดติดกัน

“ถอนหายใจเสียงดังแบบนี้ พี่โน่ได้รู้สึกเสียใจหรอก เขาจะนึกว่าต้นน้ำไม่ชอบที่พี่เขาจองให้นะ!” จินไห่เดินเข้าพร้อมสัมภาระและรีบปิดประตูล็อกห้อง

“โทษครับ” ต้นน้ำเห็นอีกคนเข้าห้องมาก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที เขาขยับตัวไปอีกทางเล็กน้อยเผื่อที่สำหรับแฟนกำมะลอของเขาจะได้นั่งพัก

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน จะได้ออกมาจัดของ พี่โน่เขาเตรียมอาหารทะเลสดไว้รอปิ้งย่างแล้ว ให้เวลาเราจัดการเรื่องส่วนตัวแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ” จินไห่เดินไปค้นผ้าเช็ดตัวออกจากกระเป๋า ซึ่งทำได้อย่างง่ายดาย หากเป็นเขาคงใช้เวลาตามหาหลายนาที

“มาเที่ยวนะครับไม่ใช่เข้าค่าย” ต้นน้ำฮึดฮัดมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

“เอาน่า.... พี่แกก็แบบเนี่ยแหละ... มีระเบียบวินัยแบบสุดๆ ไปเลย ว่าแต่..... มาอาบน้ำด้วยกันไหม? จะได้มีเวลาพักมากขึ้น” จินไห่ชวนหน้าตาย

“เฮ้ย!! จะบ้าเรอะพี่!!” ต้นน้ำรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า ล้อเล่นน่า แต่ผู้ชายด้วยกันไม่น่าอายนะ” จินไห่พูดจบก็ถอดเสื้อให้เห็นผิวขาวภายใต้ร่มผ้าที่ตัดกับสีผิวส่วนที่พ้นร่มผ้าอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ผิวไวต่อแดดพอควร มันยิ่งเน้นให้เห็นว่าส่วนที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าที่เผยออกมานั้นมันขาวขนาดไหน ความละเอียดของผิวพี่ชายตรงหน้าทำให้ต้นน้ำเผลอมองอย่างละสายตาไม่ได้

“มันไม่จำเป็นต่างหาก!!” ต้นน้ำหลบหน้าคนที่หัวเราะกับอาการแปลกๆ ของเขา

ความจริงเขาไม่ควรจะมาเสียอาการกับผู้ชายแบบนี้นี่หว่า ต้นน้ำคิด

“เออๆ งั้นพี่อาบน้ำก่อนนะ” จินไห่ยิ้ม

“เชิญครับ!!” ต้นน้ำพูดเสียงดังแบบไม่มองอีกฝ่ายพร้อมล้มตัวลงนอนลงบนที่นอนที่แสนนุ่มสบาย

.............

“ต้นน้ำๆ ตื่น” เสียงดังจากความมืด เสียงของพี่จินไห่ดังขึ้นจากที่ไม่ไกล ต้นน้ำคงเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อย

“พี่โน่มาเรียกไปปาร์ตี้บาร์บีคิวแล้ว ตื่นได้แล้ว!” เสียงจินไห่ดังกังวาลไปทั่วโสตประสาท ต้นน้ำค่อยๆลืมตาขึ้นมาพบเงาร่างหนึ่งตรงหน้า หลังจากดวงตาปรับความชัดจนแน่ใจว่าเป็นจินไห่ที่นอนอยู่ขนาบข้างชนิดแนบเนื้อ ต้นน้ำจึงตกใจตัวลอยเด้งขึ้นมานั่งทันที

“พี่ทำอะไร?” ต้นน้ำมีท่าทีลนลาน ปาดเหงื่อ

“พี่แค่ปลุก” จินไห่ตอบด้วยอาการอมยิ้ม

“ปลุก? แล้วทำไมต้องมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้ด้วย!!” ต้นน้ำชี้ไปที่ชายหนุ่มในเสื้อใส่สบายที่ตอนนี้นอนเอกเขนกบนที่นอนเดียวกับเขา

“อันนี้น่าจะเป็นคำถามพี่มากกว่านะ เพราะนอกจากต้นน้ำจะหลับสนิท ไม่ยอมไปอาบน้ำแล้ว พอพี่นอนตื่นมาก็เห็นน้องมานอนกอดพี่แน่นเลย” จินไห่พูดจบก็ลุกขึ้น เขามองไปที่ต้นน้ำด้วยรอยยิ้มแบบขบขัน

“ไม่จริงน่ะ ผมจะไปกอดพี่ทำไม?” ต้นน้ำพูดจบก็วิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไป เหลือไว้แต่เสียงหัวเราะของจินไห่ที่ขบขันอาการแปลกของน้องชายหลังบ้าน

ต้นน้ำที่ปิดประตูยืนกุมขมับตัวเอง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น และคิดได้ว่ามันคงจะจริงทีเดียว เพราะสัมผัสมือตอนตื่นมัมไม่ใช่หมอนแน่ๆ ทำไมเขาถึงได้ทำเรื่องน่าอายแบบนี้ และไอ้อาการสาวน้อยแบบนี้มันคืออะไร?!? เขาตบหน้าตัวเองเรียกสติและรีบเข้าไปอาบน้ำทันที

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ต้นน้ำก็เดินออกมาพร้อมกับจินไห่ เขาพบว่า นีโน่ได้เตรียมอุปกรณ์ในการปิ้งย่างเรียบร้อยแล้ว โดยสวมผ้ากันเปื้อนลายหวานแหววผิดกับลักษณะนิสัยของนีโน่โดยสิ้นเชิง จนจินไห่เองอดที่จะหัวเราะกับภาพที่เห็นไม่ได้

“ไม่ต้องมาหัวเราะ มาช่วยพี่เลย! หากน้องหยู๋ไม่เตรียมให้พี่ก็ไม่ไส่หรอกนะ!!” นีโน่โวย

“น่ารักดีนะคะ” เสี่ยวหยู๋พูดขึ้นพร้อมหัวเราะในคอ ต้นน้ำรู้สึกว่าวันนี้ผู้หญิงคนนี้เหมือนผีเข้า ลักษณะนิสัยต่างกับก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว ต้นน้ำทำหน้าเหวอจนจินไห่สังเกตได้

“จริงๆ เสี่ยวหยู๋ก็เป็นน่ารักประมาณนี้แหละ” จินไห่กระซิบ

‘ผู้หญิงน่ะมีหลายร่างน่ะสิ พี่ไห่นี่อ่อนต่อโลกผิดกับอายุเลย’ ต้นน้ำบ่นงึมงำ

“น้องต้นน้ำ มาช่วยพี่จัดโต๊ะดีกว่า พี่สั่งซื้ออาหารมาอีกเยอะเลย” เสี่ยวหยู๋เรียกด้วยเสียงอ่อนหวานจนต้นน้ำแอบขนลุก

“ไปเหอะ เดี๋ยวพี่ไปช่วยพี่โน่ก่อน” จินไห่พยักหน้าให้อีกฝ่ายก่อนออกเดิน

..............

หลังจากจัดแจงโต๊ะอาหารมื้อค่ำเรียบร้อย บนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำจิ้มสำหรับปิ้งย่างหลายแบบ ทั้งแบบน้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มปอนซึแบบญี่ปุ่น น้ำจิ้มงา ไปจนถึงน้ำจิ้มแบบซีฟู้ด เสี่ยวหยู๋เอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจในการจัดเตรียมว่า เพื่อเพิ่มอรรถรสในการกินให้หลากหลาย และยังไม่รวมอาหารเรียกย่อยประเภททอดกรอบ และยำต่างๆ หลายจานที่วางดาษดาบนโต๊ะอาหารนอกอาคารขนาดใหญ่ เธอสามารถทำให้โต๊ะขนาด 200 x 50 เซ็นติเมตรดูแน่นขนัดได้ภายในเวลาไม่นาน ต้นน้ำไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไปหาซื้อของเหล่ามาจากไหนมากมายในเวลาเพียงเท่านี้

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้นน้ำช่วยจัดไปงงไปคือ จานอาหารที่มีมากกว่าจำนวนคนที่พักในบ้านหลังนี้

“สวัสดีทุกคน! ขอโทษนะครับที่มาช้าไปหน่อย บังเอิญว่าพี่กวีแนะนำส้มตำเจ้าเด็ดเลยแวะไปซื้อกินด้วยกัน” ยังไม่ทันจะได้คิดสงสัย ก็มีคนมาเฉลยเสียแล้ว เสียงไอซ์เพื่อนทุกข์เพื่อนยากของต้นน้ำดังมาแต่ไกล พร้อมกับพาผู้ชายท่าทางผู้ดีเรียบร้อยสูงส่งอย่างพี่กวีมาด้วย พี่กวีเป็นคนที่ดูดีสง่างามจนเหมือนสปอร์ตไลท์สาดส่องมาอยู่ตลอดเวลา ขนาดที่หนุ่มลูกครึ่งที่ขาวและสูงกว่าอย่างไอซ์ยังไม่สามารถบดบังรัศมีความเด่นของพี่กวีได้  น่าจะไปเอาดีทางนายแบบหรือนักแสดง

“ขอโทษนะครับ ไม่ได้มาช่วยเลย” พี่กวีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง รอยยิ้มนั้นทำให้ต้นน้ำเองยังรู้สึกอิจฉาเลยว่าทำยังไงจะยิ้มได้มีเสน่ห์ขนาดนั้น  แถมยังฟังดูเป็นคนดีเสียอีก ผิดกับไอ้เพื่อนเขาที่มาด้วย ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว

“ไอ้ต้นน้ำ มึงจะยิ้มให้ใคนก็เกรงใจแฟนมึงบ้าง!!” ไอซ์เดินเอาของมาวางที่โต๊ะพร้อมกระทุ้งศอกใส่พุงต้นกล้าเบาๆ ไอซ์พยายามพูดด้วยเสียงกระซิบเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน

“แฟนพ่อง!! กูมี...ที่....หนายยย” เสียงของต้นน้ำค่อยๆหายไปที่ท้ายประโยคเมื่อปลายตาหันไปสบกับจินไห่ที่มองมาทางเขาอย่างเหม่อๆ

“มึงอย่ามองพี่กวีมากสิ กูก็บอกอยู่ว่าแฟนพี่เขาดุ เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย!! ไม่ใช่จากแฟนพี่กวีนะ แฟนมึงน่ะ!!” ไอซ์พูดจาเสียงดังกลบเกลื่อนคำพูดของต้นน้ำก่อนหน้านี้

เมื่อได้ยินเสียงดังจากเด็กผู้ชายสองคนที่หยอกล้อกัน จินไห่ก็ได้แต่พยายามไม่มองไปทางนั้น จนบางทีก็ทำให้ต้นน้ำทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร

“เดี๋ยวพี่ช่วยจัดลงจานนะ” พี่กวีเดินมาในระยะประชิด

“กวี! ไม่ต้องหรอก พวกเด็กจัดใกล้เสร็จแล้ว มาช่วยพี่ปิ้งอาหารทะเลดีกว่า!” พี่นีโน่ตะโกนมาแต่ไกล

“ได้ครับ” เป็นการตอบด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มได้น่ารักที่สุด ไอ้ไอซ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนต้นน้ำเริ่มสงสัยว่าเขาเผลอยิ้มตามมันหรือเปล่า พี่กวีเป็นคนยิ้มสวยจริงๆ น้ำเสียงและท่าทางก็น่ารัก อิจฉาแฟนเขานิดหน่อยเหมือนกัน ต้นน้ำคิดได้ว่าตนเองเข้ามาอยู่ในวังวนนี้มากเกินไปจนเขารู้สึกว่าผู้ชายก็น่ารักไปแล้วหรือ หรือควรจะคิดว่าว่าพี่กวีนี่มีเสน่ห์กับทุกเพศดีกว่า

หลังจากพี่กวีเดินไปช่วยทางฝั่งแผนกปิ้งย่างซึ่งพี่นีโน่มีท่าทีพึงใจอยู่ไม่น้อย ต้นน้ำได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นจากผู้ชายตัวเล็กที่ดูน่าเกรงขามคนนี้จนไม่อยากเขื่อสายว่า พี่นีโน่จะอ่อนโยนได้ขนาดนี้

ในที่สุดจินไห่ก็สามารถปลีกตัวออกจากนีโน่ได้สำเร็จเพราะตอนนี้สมาธิของนีโน่พุ่งไปที่พี่กวีทั้งหมด ความเอาใจใส่ที่พี่นีโน่มีต่อพี่กวีทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความพิเศษได้ จินไห่ตัดสินใจเดินไปอยู่ข้างต้นน้ำเพื่อช่วยจัดแจงอาหารอิสานขึ้นชื่อในย่านนี้ ที่คนมาเป็นแขกอย่างกวีและไอซ์เป็นผู้นำมาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก อาการของจินไห่แบบนี้กลับทำให้ต้นน้ำสะดุด และรู้สึกผิดแปลกเกิดขึ้นที่กลางอกวูบไปจนถึงท้องน้อย ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอาการของคนตรงหน้านั้นเกิดมาจากตัวเองอย่างอธิบายเหตุผลไม่ได้ก็ไม่รู้

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?” ต้นน้ำเปิดบทสนทนาเพราะทนความเงียบและมึนตึงของจินไห่ไม่ไหว

“เปล่านี่” จินไห่ตอบเสียงเรียบ แต่สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง

“ถ้าพี่เหนื่อย พี่ไปพักก่อนก็ได้นะ” ต้นน้ำแนะนำด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเพราะเริ่มเห็นเม็ดเหงื่อของอีกฝ่ายผุดพลายขึ้นตามใบหน้า

“พี่ทำร้านอาหารนะ แค่นี้สบายมาก!” จินไห่ตอบเสียงแข็ง

“เอาน่าๆ เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง เหลือเทลงจานอีกไม่กี่ถุงเอง พี่พักเถอะ ผมเห็นพี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมได้งีบมาแล้ว แรงยังเหลืออีกเยอะครับ” ต้นน้ำพูดพลางจับร่างอีกฝ่ายผลักดันอย่างบังคับให้ไปนั่งที่เก้าอี้ริมสระที่อยู่ไม่ไกล

การแสดงความเป็นห่วงและดูแลคนข้างเคียงแบบนี้เป็นนิสัย อีกด้านหนึ่งที่ทำให้ทุกคนหลงรักต้นน้ำ ที่เขามักไม่รู้ตัว เขามักเสนอตัวทำอะไรให้คนที่เขารู้จักอย่างไม่รู้ตัวเสมอ และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่จินไห่กลับมายิ้มได้อีกครั้ง เขายอมต้นน้ำพาตัวเองไปนั่งอย่างเรียบร้อย และที่สำคัญต้นน้ำเดินไปหยิบน้ำอัดลมสีเขียวที่จินไห่ชอบมาให้ถึงที่ และนั่นทำให้จินไห่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ สักที สีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ จินไห่เอนหลังพักผ่อนอย่างสบายใจ

“กูว่าแล้ว!!” ไอซ์พูดขึ้นทันทีที่ต้นน้ำกลับมาเตรียมของต่อที่โต๊ะอาหาร (เพราะไอ้ไอซ์มันนั่งอยู่โต๊ะกระดิกเท้าไม่ทำอะไรเลย ต้นน้ำอยากเขกกระโหลกสักที หากไม่เพราะติดหนี้บุญคุณเรื่องนี้ ไม่งั้นได้ถีบมันลงน้ำไปแล้ว!!)

“อะไรของมึง!!” ต้นน้ำทำสีหน้าหงุดหงิดใส่เพื่อนสนิท

“ไม่มีอะไร!!” ไอซ์ส่ายหน้าตอบเสียงสูง ทำให้ต้นน้ำงงๆ กับสิ่งที่ไอซ์คิดอยู่ มันกำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจเพราะปัญหา ณ ตรงนี้เยอะพอแล้ว

ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของเสี่ยวหยู๋ทั้งหมด จนทำให้เสี่ยวหยู๋ที่แม้จะชื่นชมผู้มาใหม่อย่างกวีแต่ก็อดที่จะรู้สึกหงุดหงิดที่อะไรต่อมิอะไรมันไม่เป็นไปอย่างที่ใจต้องการ ความจริงแล้วเธอควรจะได้รับการดูแบบเป็นพิเศษจากนีโน่ถึงจะถูกต้อง แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ทำให้เสี่ยวหยู๋ออกอาการทางสีหน้าชัดเจน ไอซ์ที่คอยสังเกตการณ์อยู่ถึงกับอมยิ้มออกอย่างพอใจกับแผนการของตนเอง

ไม่นานนักเสี่ยวหยู๋ก็หมดความอดทนกับการที่ตัวเองไม่ได้เป็นศูนย์กลางของความสนใจแม้ว่าตนเองจะเป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว ที่ผ่านมาเธอมักจะมั่นใจในความสวยเซ็กซี่ของเธอมาตลอด แต่มาเวลานี้ทุกอย่างที่เคยมีมามันกลับตาลปัตรไปหมด จนกระทั่งเธอตัดสินใจเดินออกจากบ้านพักและหายลับตาไปโดยที่คนส่วนใหญ่ที่นั้นไม่ทันสังเกต

เสี่ยวหยู๋เดินทอดน่องลัดเลาะริมหาดทรายยามเย็น ช่วงคาบต่อระหว่างกลางวันและกลางคืนแบบนี้ ทำให้แสงสีและบรรยากาศต่างไปอย่างสิ้นเชิง ผู้คนที่มาท่องเที่ยวและเล่นน้ำทะเลก็เริ่มบางตาลงมาก เธอหยุดยืนมองแสงสุดท้ายของดวงตะวันสีส้มกลมโตที่เหลืออยู่เพียงเสี้ยวของวงกลมอย่างเหม่อลอย

“ไปกินมื้อเย็นกัน ตอนนี้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว” เสียงคุ้นหูที่อ่อนโยนดังขึ้นทางด้านหลังไม่ไกล

เสี่ยวหยู๋รู้ได้ในทันทีว่าเสียงนั้นเป็นของผู้ใด เธอพยายามปาดน้ำตาลที่ปริ่มล้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว จากการปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอเมื่อสักครู่ และหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยรอยยิ้ม แต่เธอไม่รู้เลยว่าดวงตาจองเธอมันบอบช้ำแค่ไหน แม้จะพยายามยิ้มกว้างแค่ไหน แต่ดวงตาเหล่านั้นมันช่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของเจ้าของเสียเหลือเกิน

“เป็นอะไร? เล่าให้พี่ชายคนนี้ฟังได้นะ” จินไห่พูดเป็นภาษาจีนสำเนียงใต้หวันใส่เสี่ยวหยู๋

หญิงสาวในชุดสวมใส่สบายพริ้วไหว ไม่ตอบอะไร ดวงตาที่บอบช้ำซื่อสัตว์กับความรู้สึกอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป น้ำในดวงตาต่างไหลพลั่งพลูออกมาอย่างกับเขื่อนแตก คำถามของจินไห่ในภาษาที่คุ้นเคยเหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขื่อนความรู้สึกของเสี่ยวหยู๋รับน้ำหนักไม่ไหว วงปากที่ฉีกยิ้มอย่างนางร้ายกลับแบะคว่ำจนผิดรูป เสี่ยวหยู๋วิ่งโผไปกอดคนตรงหน้าอย่างอ่อนแอ

“โอ๋ๆ ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยมาให้หมด พี่รู้นะว่าเราน่ะมีปัญหาอะไร เพราะเวลาที่น้องไม่สบายใจ น้องจะทำนิสัยร้ายๆ แบบนี้กับทุกคน” จินไห่รู้ว่าการที่ผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะมีสาเหตุเสมอจากการที่เคยอยู่ร่วมกันมานาน

เวลาผ่านไปหลายสิบนาทีที่เสี่ยวหยู๋มุดศรีษะใส่แผงอกอีกฝ่ายด้วยโหยหาความอบอุ่น ในที่สุดเธอก็เข้มแข็งพอที่จะยืดศรีษะเงยหน้ามองหน้าชายตรงหน้าและมองท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มมืดลงจนเห็นดาวบางดวงแล้ว

หญิงสาวหยิบกระดาษทิชชูออกจากกระเป๋าเพื่อเช็ดคราบน้ำตาและน้ำมูกจนสะอาด และเธอก็เดินไปนั่งทรุดลงบนผืนทรายไม่ไกล เธอเหม่อมองออกไปที่ทะเลที่เห็นแสงจากเรือประมงจากที่ไกลๆ

จินไห่เดินตามมานั่งทันทีและหันไปยิ้มให้ เสี่ยวหยู๋รู้สึกอายทันที่ทำพฤติกรรมแปลกๆ แบบนั้นออกไป ความจริงหากเป็นเมื่อก่อนก็คงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะมีเขาเป็นที่ปลอดภัยเสมอแต่สถานะมันเปลี่ยนไปแล้ว เธอจึงอดที่จะเอียงอายไม่ได้

“เล่าให้พี่ไห่ฟังได้แล้ว!” จินไห่พูดเสียงอ่อนโยน

“เฮ้อ.....เบื่อตัวเองที่ไม่เคยปิดพี่ไห่ได้สักครั้ง” เสี่ยวหยู่เหม่อมองบนฟ้าและยิ้มเล็กๆที่มุมปากทั้งสองข้าง


.........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2021 00:20:25 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นางเสี่ยวหยู๋มีปมอะไรหว่า?

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 13

Sea sand sun and a bunch of chaos part 2



เสี่ยวหยู๋เหม่อมองไปที่สุดขอบฟ้ายามที่ราตรีได้เริ่มคลอบคลุมสีฟ้าจนกลายเป็นสีกรมท่าเข้มหม่น เส้นขอบฟ้ายังคงมีสีส้มเรืองรองอยู่เล็กน้อยแต่ก็ทำให้เหล่าดวงดาวฤกษ์ที่หลับไหลในยามทิวาได้ลืมตาขึ้นมาทักทายพื้นโลกยามนี้บ้างแล้ว ดวงตาของเสี่ยวหยู๋บวมช้ำและล่องลอย ก่อนจะเอ่ยคำพูดออกจากปากที่ซีดบาง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ไห่ของเธอรับฟัง เหตุผลที่เธอทำทุกอย่างตอนนี้ เหตุผลที่เธอมาอยู่ตรงนี้

คู่หมั่นคู่หมายของเธอที่พ่อและแม่ของเธอสรรหามาให้ คนที่เธอตัดสินใจทอดทิ้งความสัมพันธ์สี่ปีระหว่างเธอและจินไห่มา เป็นคนที่ทำให้เธอดิ้นรนหลบหนีมาหาจินไห่ในวันนี้

เมื่อเธอพูดมาถึงตรงจุดนี้ ทั้งสองก็นิ่งเงียบและหวนนึกถึงอดีตที่เคยพยายามจะลืมมันไปแล้ว.....

แรกเริ่มเดิมทีนั้น เมื่อครั้งทั้งสองคนตัดสินใจกลับมาตั้งรกรากที่ประเทศไทย เสี่ยวหยู๋ผู้ไม่เคยส่งข่าวเรื่องการมีแฟนแล้วให้กับที่บ้านของเธอทราบเลย ได้ทำให้พ่อและแม่ขอเธอประหลาดใจตั้งแต่วันแรกที่เธอเหยียบผืนแผ่นดินไทย และกล่าวแนะนำจินไห่ ในฐานะคนรัก

แม้จะประหลาดใจจนออกนอกหน้า แต่ครอบครัวของเสี่ยวหยู๋เธอก็ต้อนรับขับสู้จินไห่อย่างดี แต่นั้นก็แค่เปลือกนอกเท่านั้น ยิ่งเมื่อรู้ว่าพื้นเพจินไห่นั้นไม่ได้ร่ำรวยเป็นระดับมหาเศรษฐีอะไร แม้จะมีอันจะกินไม่ลำบาก แต่การอยู่กับศิลปินผลัดถิ่นไร้ผู้คนในท้องถิ่นรู้จักก็คงจะลืมตาอ้าปากได้ยาก พ่อแม่ของเสี่ยวหยู๋นั่นรู้จักลูกตัวเองดี บุพการีผู้รู้ว่าลูกสาวของตนคงจะทนกัดก้อนเกลือกินศิลปินไส้แห้งนี้ได้ไม่นานแน่ ทั้งสองคนจึงพยายามถ่วงเวลาไว้ ไม่ให้ทั้งสองที่แสดงเจตจำนงตั้งแต่สองเดือนแรกที่กลับมาถึงประเทศไทยว่าจะแต่งงานกัน

พ่อแม่ของเสี่ยวยู๋ได้ให้เงื่อนไขจินไห่ไปว่า หากสามารถตั้งตัวได้ภายในสามเดือนก็ให้ยกสินสอดมาสู่ขอได้เลย

จินไห่ที่ได้ฟังก็เขาใจความหมายเป็นนัยที่แฝงมาได้ เขาไม่ได้โง่พอที่จะรู้ว่าพ่อและแม่ของคนรักของตนนั่นได้ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ให้กับตนเรียบร้อยแล้ว

หนึ่ง การที่กลับมาอยู่ประเทศไทยโดยไร้ญาติและทุกอย่างกลับไปเป็นศูนย์นั้น การตั้งตัวได้มั่นคงภายในสามเดือนนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเขาจะมีเงินในบัญชีไม่น้อย แต่การทำเรื่องมาอยู่ในไทยแบบถาวรนั่นมันก็ยากมากอยู่แล้ว

สอง การสู่ขอตามประเพณี สำหรับสิ่งนี้ยิ่งเป็นเรื่องยาก เขาแทบไม่รู้จักผู้ใหญ่ฝ่ายพ่อของเขานอกจากคุณย่าที่เสียไป การหาผู้ใหญ่ที่ทำให้อีกฝ่ายยอมรับได้ มันยิ่งยากขึ้นไปอีก

แต่จินไห่ผู้มั่นคงในรัก เขายอมตกลง ทั้งที่ในใจแทบจะไม่เชื่อว่าตัวเองได้เข้ามาอยู่ในเงื่อนไขละครน้ำเน่าอย่างนี้

จินไห่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองเป็นที่ยอมรับ ทำงานเปิดโรงเรียนสอนดนตรี เล่นดนตรีตามงานต่างๆที่พอจะมีคนจ้างอยู่บ้าง แต่เพียงสามเดือนก็ล่วงเลยมาเป็นปี จินไห่สามารถผ่อนผันเรื่องเวลาออกไปได้ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เขากับเสี่ยวหยู๋ก็ยิ่งห่างกันไกลเรื่อยๆ เพราะงานที่รัดตัวของเขา

ในระหว่างนี้เอง เสี่ยวหยู๋ก็ได้รู้จักกับ “ต้า” ชายหนุ่ม มายามเศรษฐีพันล้านที่ดูแลธุรกิจนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์จากยุโรป รูปหล่อคมเข้ม แม้จะมีความด้อยที่ส่วนสูงและผิวค่อนไปทางเข้ม แต่โดยรวมถึงว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก มีข่าวกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าทั้ง ไฮโซสาว ดารา นางแบบ

เสี่ยวหยู๋แม้จะมีจิตใจมั่นคงแค่ไหน แต่น้ำหยดลงหินทุกวันย่อมโดนกัดกร่อน ผสมกับแรงเชียร์จากญาติๆ ทั้งสองฝ่าย สุดท้ายคนที่มาบอกเลิกก่อนก็คือเสี่ยวหยู๋ ในวันที่เธอบอกเลิกเธอสวมแหวนหมั้นฝังเพชรเม็ดละหลายล้านมาเป็นหลักฐานด้วยว่าเธอคงจะไม่กลับมาหาจินไห่อีกแล้ว อยากให้จินไห่ตัดใจจากตนเพราะมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว

เป็นอีกครั้งที่จินไห่รู้ว่าตัวเองไม่ต่างจากตัวละครในนิยายน้ำเน่าแต่มันคือเรื่องจริง ด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานและหัวใจที่แตกสลาย เขาล้มเลิกทุกอย่างและหายไปจากชีวิตของเสี่ยวหยู๋ทันที

“หากหยู๋ไม่ไปเจอพี่ไห่ที่เฟซบุ๊คเพจ ‘ผัวทิพย์’ หยู๋ก็คงหาพี่ไม่เจอ....” เสี่ยวหยู๋พูดด้วยเสียงสั่นเครือและสีหน้าสำนึกผิด

จินไห่ไม่รู้ว่าการที่ให้แอดมินเพจนี้ถ่ายรูป ช่วงที่เขายังทำงานกับผับของนีโน่นั่นมีเป็นผลดีหรือผลเสียที่ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างมันยุ่งเหยิงแบบนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามสำหรับจินไห่นั่นคือการได้มาสะสางสิ่งค้างคาในใจที่ต้นเหตุ การได้เปิดใจพูดคุยกับเสี่ยวหยู๋ในวันที่จิตใจเขามั่นคงและสงบลง ทำให้จินไห่รับรู้จิตใจตัวเองมากขึ้น ทำให้รู้ว่าสำหรับเสี่ยวหยู๋คงเป็นได้แค่คนรู้จัก หรือเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันแต่คงไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว และจากเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดนี้ทำให้ตัวเขาเองรู้ใจตัวเองมากขึ้นว่า หัวใจของเขาถูกคนๆหนึ่งเติมเต็มโดยไม่รู้ตัวมาตั้งนานแล้ว

“แล้วเกิดอะไรขึ้น หยู๋หนีอะไรมา?” จินไห่ถามอย่างรู้ทัน

เสี่ยวหยู๋ยิ้มอย่างอ่อนแรงแต่ในดวงตากลับเหมือนมีไฟลุกโชนด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้

หลังจากที่เธอตัดสินใจเลือกทางที่ง่ายและถูกใจคนในครอบครัวเธอ ทุกอย่างก็เหมือนกับในนิยายแฟนตาซีซึ่งทำให้เธอมีชีวิตไม่ต่างจากเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ เธอถูกต้าดูแลอย่างดีและยิ่งดีขึ้นไปอีกเมื่อเธอตกปากรับคำที่จะเข้าพิธีแต่งงานกับต้าหนุ่มเศรษฐีธุรกิจพันล้าน

ญาติทั้งสองฝั่งต่างยินดีที่จะรับทั้งคู่เข้ามาในครอบครัวของตัวเอง โดยเฉพาะพ่อแม่ของต้าที่ดูจะปลื้มกับว่าที่เจ้าสาวโปรไฟล์ดีคนนี้ เสี่ยวหยู๋แม้ตอนที่เรียนอยู่ที่ไต้หวั่นจะทำตัวติดดินธรรมดา แต่ความเป็นจริงที่จินไห่เพิ่งจะรู้หลังจากกลับมาถึงประเทศไทยก็คือ เสี่ยวหยู๋มีโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ชาติตระกูลดี ญาติฝั่งแม่ที่เคยมีฐานันดรสูงส่ง ส่วนฝั่งทางพ่อเองก็เป็นเจ้าสั่วที่มีกิจการอสังหาริมทรัพย์ที่เก่าแก่ เสี่ยวหยู๋เป็นคนเรียนดีการศึกษาสูง

เสี่ยวหยู๋เล่าต่อว่า ในขณะที่ความสัมพันธ์เติบโตไปได้ด้วยดี แต่การที่มีหน้ามีตาในสังคม การจะมีข่าวซุบซิบเกิดขึ้นบ้างก็เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะข่าวของการโดนนอกใจ อยู่ๆก็มีข่าวเรื่องความสัมพันธ์ลับๆระหว่างนักธุรกิจหนุ่มนำเข้ารถยี่ห้อดังมีข่าวกับหุ้นส่วนสาวสุดสวยที่เป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องประดับอัญมณีราคาแพง ที่เพิ่งจะมีข่าวเปิดตัวร้านเพชรในศูนย์แสดงรถที่ดังไปทั่วประเทศ หญิงสาวนักธุรกิจผู้เสนอการเป็นหุ้นส่วนทำเครื่องประดับยนต์ด้วยอัญมณีล้ำค้าต่างๆตามราศรี

ช่วงแรกๆ เสี่ยวหยูกับตาร์ก็สามารถทำความเข้าใจกันได้เพราะฝ่ายชายนั้นพาหุ้นส่วนสาวมาให้เสี่ยวหยู๋รู้จักด้วย จนกระทั่งสาวสวยทั้งสองสนิทกันเป็นเพื่อน แต่ข่าวคาวเรื่องทั้งสองก็ยังไม่มอดดับไป ยังมีข่าวแปลกๆมาเข้าหูบ่อยครั้ง แต่เพราะความสนิทกับหุ้นส่วนสาวทำให้สาวๆ ทั้งสองต้องแวะเวียนมาสะสางกันให้ลงตัวตลอด

จนกระทั่งมีภาพหลุดที่หุ้นส่วนทั้งสองเดินเข้าโรงแรมหรูที่ต่างจังหวัดด้วยกัน มีการตีไข่ใส่สีสารพัดเรื่องของการนอนห้องพักเดียวกัน การเดินควงไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆด้วยกันทั้งจังหวัดอย่างเปิดเผย

ในท้ายที่สุดเสี่ยวหยู๋และต้าร์ก็มีปากเสียงกันจนได้ ครั้งนี้เสี่ยวหยู๋ไม่ทนรับฟังคำแก้ตัวใดๆ เพราะคำพูดของฝ่ายชายไร้ซึ่งน้ำหนัก และหลักฐานต่างๆก็ไม่ตรงกับการให้การของแฟนหนุ่ม จนกระทั่งเสี่ยวหยู๋ทนรับกับการโดนโกหกซ้ำๆของอีกฝ่ายไม่ไหว จึงขอเดินจากมา และหนีออกจากบ้านมาพักอยู่กับจินไห่จนถึงปัจจุบันนี้

หลังจากเสี่ยวหยู๋เล่าจบ จินไห่ทำได้แค่รู้สึกสงสารอดีตแฟนสาวตรงหน้า เขายกมือขึ้นลูบหัวฝ่ายหญิงอย่างเคยชิน เสี่ยวหยู๋ทันทีที่ถูกสัมผัสอันอบอุ่นที่คุ้นเคย เธอก็โผโอบกอดอีกฝ่ายทันที แม้มันจะไม่อบอุ่นเหมือนเคยเพราะเธอรู้อยู่เต็มอกว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในหัวใจของจินไห่แล้ว

“ร้องออกมาเถอะ ถ้าเจ็บก็ร้องออกมา” จินไห่ปลอบ

“พี่ไห่..... ยกโทษให้หยู๋ด้วยนะ” เสี่ยวหยู๋สะอื้นเสียงอู้ออี้

“พี่หายโกรธนานแล้วล่ะ ตอนนี้พี่มีความสุขดี” จินไห่ยิ้มบางไ ที่มุมปาก

“หยู๋ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลย หยู๋แต่คิดจะกลับมาพักใจในที่ๆ หยู๋สบายใจที่สุด แต่กลับมาเจอพี่มีแฟนใหม่ มันทำใจยาก ก็เลยแสดงพฤติกรรมแบบนี้ไป หยู๋ขอโทษ!!” เสี่ยวหยู๋เงินหน้าขึ้นมาสารภาพทั้งที่น้ำตานองหน้า

“เรื่องพี่รู้อยู่แล้วล่ะ อยู่กันมาตั้งหลายปี นิสัยของหยู๋พี่รู้หมอแหละ” จินไห่ก้มลงมองอีกฝ่ายและยิ้มกว้าง

“เกลียดจริง พี่เนี่ยก็แอบนิสัยไม่ดีนะ!” เสี่ยวหยู๋ปาดน้ำตา

ปึก!!

เสียงสิ่งของบางอย่างหล่นลงมากระทบกับของแข็งอีกสิ่งอย่างจัง

โอ้ย!!

เสียงที่จินไห่คุ้นหูดังขึ้นจนคนที่กอดกันกลมต่างตกใจคลายมือออกและหันไปมองที่ต้นเสียงด้วยสีหน้าประหลาดใจ

สิ่งที่คนที่กำลังปลอบใจกันอย่างใกล้ชิดมองเห็นคือ ต้นน้ำที่ยืนกุมศรีษะและมีสีหน้าเจ็บปวดพายใต้ต้นมะพร้ามริมชายหาด

“ต้นน้ำ!! เป็นอะไรหรือเปล่า?” จินไห่ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นลูกมะพร้าวแห้งสีน้ำตาลกลิ้งลุนๆ มาทางชายหาดที่พวกเขานั่งปรับทุกข์กันอยู่

“ไม่เป็นไรครับ!! ขอโทษที่รบกวนครับ!!” สีหน้าของคนที่จินไห่ทักมีอาการลนลานและรีบพูดขอโทษ ก่อนจะรีบวิ่งจากไปทางที่พัก

“ฮ่าฮ่าฮ่า  เอาจริงน่ะพี่! พี่ชอบแบบนี้จริงๆ เหรอ?” เสี่ยวหยู๋ที่มีคราบน้ำตาและรอยช้ำรอบดวงตา กลับหัวเราะขึ้นเมื่อเห็นต้นน้ำวิ่งจากไปด้วยท่าทางเจ็บศรีษะ

“แรกๆ ก็ไม่มั่นใจ มันใหม่สำหรับพี่มาก แต่พอมาใกล้ชิด พี่ถึงได้รู้ใจตัวเองว่า พี่ชอบเด็กคนนี้มากกว่าที่คิด หรือจะเรียกว่า.... รักดี” จินไห่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ ปะปนเสียงหัวเราะเล็กน้อย

“นั่นสินะคะ ทำไมเราต้องรักกับคนที่เรารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจ็บปวดด้วยเนอะ” เสี่ยวหยู๋ยืนขึ้นอย่างช้าๆ พลางปัดเม็ดทรายที่เกาะอยู่ตามกระโปรงพรีทบานที่พริ้วไปตามสายลม

“อืม...นั่นสิเนอะ แต่ถ้าเราไม่ลองรักดู จะเจ็บปวดมันก็ไม่เป็นไรนะ พี่ยอมมีความสุขสั้นๆ ดีกว่าทุกข์ใจเพราะแอบรักนะ” พูดก็ยิ้มให้ฝ่ายหญิงและวิ่งตามชายหนุ่มที่วิ่งไปก่อนหน้านี้ไป

ส่วนเสี่ยวหยู๋หลังจากไปได้ปลดปล่อยพันธะทางจิตใจกับอดีตแฟนหนุ่มแล้ว เธอก็ตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไปจนกว่าจะถึงที่พัก

...............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2021 10:11:45 โดย Shonennihon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ปึงๆๆๆๆ

เสียงฝีเท้านักกีฬาวิ่งด้วยความเร็วไปทางห้องพักโดยไม่ได้สนใจคำทักทายของเพื่อนสนิทและเจ้ามือในทริปนี้เลย

ต้นน้ำวิ่งไปที่ห้องพร้อมด้วยคำถามมากมาย

ต้นน้ำถูกพี่นีโน่ใช้ให้ไปเรียกทั้งสองคนที่เดินหายไปที่ชายหาดได้พักใหญ่ ส่วนตัวในความคิดครั้งแรกก็คิดว่า ทั้งสองคนนั้นคงกำลังเคลียร์ใจกัน สะสางทุกเรื่องให้มันจบสิ้นเสียทีไม่ค้างคา การเป็นคนใจดีอย่างจินไห่ไม่ช่วยให้สถานการณ์แบบนี้ดีขึ้น เขาเคยบอกจินไห่หลายครั้งให้เด็ดขาดแต่อีกฝ่ายก็ไม่ทำเสียที เขาจะได้จบกับการเป็นแฟนกำมะลอแบบนี้เสียที เพราะยิ่งนานวันเข้า เขารู้ว่าชีวิตเขาสั้นลงเรื่อยๆ แต่ละเรื่องที่เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ล้วนมีผลลัพธ์ไม่สวยเท่าไหร่

แต่อีกใจก็คิดว่าหากความใจอ่อนของอีกฝ่ายทำให้ผลทุกอย่างมันกลับตาลปัตรทั้งสองฝ่ายกลับมาคบกันเหมือนเดิม จินไห่สารภาพความจริงทุกอย่าง เขาคง..... จะดีไม่น้อย

ผลลัพธ์แบบไหนก็ดีกับเขาทั้งนั้น ต้นน้ำคิดในใจระหว่างเดินไปตามหาคนทั้งสอง แต่ทำไมพอคิดถึงผลลัพธ์แบบหลังแล้วเขาถึงรู้สึกวูบๆที่กลางอกไปหมด

จนกระทั่งมาเห็นภาพตรงหน้าที่ริมชายหาด ภาพที่ทั้งสองนั่งพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ฝ่ายหญิงแม้จะท่าทางเศร้าสร้อยและดูทุกข์ใจ แต่มองจากจุดที่เขายืนมองอยู่ก็คล้ายเป็นคู่รักมานั่งปรับทุกข์กัน แสงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าไปแล้วเหลือแต่แสงไฟตามทางเดินริมหาดที่ค่อยๆ ส่องสว่าง เงาร่างทั้งสองที่ใกล้ชิดกันบรรยากาศแบบนี้อาจจะช่วยสานสัมพันธ์ของทั้งสองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ ต้นน้ำคิดไปพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ รู้ตัวอีกทีเขาก็พาตัวเองมาแอบอยู่หลังต้นมะพร้าวต้นเตี้ยใกล้ชายหาดเสียแล้ว แม้ไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกันแต่ก็มองเห็นทุกอย่างชัดขึ้น

และแล้วก็มาถึงจุดไคลแมกซ์ที่ทั้งสองแอบอิงโอบกอดกันใต้แสงจันทร์ มันทำให้เขารู้สึกตัวว่า ทำไมเขาต้องมาหลบซ่อนแอบมองพวกเขาสองคนพรอดรักกันด้วย

ทำไมจิตใจเขาถึงได้ว้าวุ่นแบบนี้!!??

ในขณะที่เขาจะลุกหนีเนื่องจากความรู้สึกสับสนกับภาพที่เห็นตรงหน้า สายลมเจ้ากรรมก็พัดมาทำให้ลูกมะพร้าวแก่ๆลูกหนึ่งหล่นใส่กลางศรีษะของเขาอย่างจัง

ด้วยความตกใจที่เห็นคนที่ตามหาอยู่ทั้งสองคนที่นั่งสนิทสนมอยู่ริมหาดทรายหันมามองเห็นเขาทั้งคู่ เขาจึงวิ่งหนีจากจุดนั้นสุดพลังฝีเท้า โดยที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าเท้าที่วิ่งซอยถี่ด้วยความเร็วระดับนักกรีฑาทีมชาตินี้ ทำไปเพื่ออะไร เขาจะวิ่งหนีทำไม? กว่าจะรู้ตัวเขาก็วิ่งมาถึงห้องเสียแล้ว

ต้นน้ำทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้กระจกแต่งตัวใกล้เตียงนอน เขาหอบหายใจถี่รัว เสื้อผ้าทุกส่วนของเขาต่างเปียกปอนเหงื่อจนชุ่มหนักลู่ติดผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่มีของเหลวอุ่นไหลลงมาเป็นทางพร้อมความรู้สึกปวดตึบบริเวณกลางศรีษะ  ลมหายใจที่กระชั้นถี่บอกกับร่างกายที่สั่นเทิ่มว่าควรพักให้หัวใจเต้นกลับสู่จังหวะเดิมก่อน ก่อนที่ร่างกายจะบอกว่าส่วนบนสุดของร่างกายเริ่มแสบร้อนอย่างเจ็บปวด ทำให้ประมวลร่างกายประมวลผลว่าเกิดขึ้นบ้างที่ผ่านมา

ในที่สุดเขาก็เพิ่งนึกออกว่ามีของแข็งบางอย่างที่น่าจะเป็นลูกมะพร้าวหล่นใส่ศรีษะของเขา เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาจึงรีบลุกขึ้นไปส่องกระจกที่แขวนอยู่บนผนังไม่ไกล

“เฮ้ย!! เลือด!!” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของต้นน้ำ แต่เป็นของคนที่วิ่งตามเขามาด้วยความเป็นห่วง จินไห่รีบเดินมาดูอย่างเป็นกังวล

“..........” ด้วยอาการหน้ามืดเพราะเห็นเลือด ทำให้ต้นน้ำรู้สึกวิงเวียนศรีษะกว่าเดิม เขายอมให้จินให้เข้ามาดูแลโดยง่าย

“เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าซีดเชียว!!” จินไห่ที่วิ่งมาพยุงอีกฝ่ายที่ทำท่าจะล้มเอน รีบสอบถามอาการ ต้นน้ำไม่ได้ตอบอะไรนอกจากส่ายหน้า เขาแค่ไม่ชอบเลือด แม้จะเจ็บศรีษะที่แตกเป็นแผลแต่ด้วยเลือดที่ไหลอาบแก้มแบบนี้ ทำให้เขาไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เขารู้สึกชาไปทั้งตัวและหมดแรงแทบจะทันที

“ผมแค่.....ไม่..... ชอบ..... เลือด!!” ต้นน้ำพูดอย่างอ่อนแรงภายในอ้อมแขนอีกฝ่าย

จินไห่ตัดสินใจพยุงอีกฝ่ายไปเอนกายที่หัวเตียงโดยใช้ผ้าเช็ดตัวที่รีสอร์ทเตรียมไว้ให้ รองศรีษะต้นน้ำแล้วเขาก็วิ่งไปค้นกระเป๋าทันที หลังจากรื้อทุกอย่างออกมากองอย่างไร้ระเบียบ เขาก็เจอกล่องยาขนาดมาตรฐานและหยิบเดินมาที่ต้นน้ำ

“ตัวก็ใหญ่โตแต่กลับกลัวเลือด” จินไห่เดินอมยิ้มมาทางต้นน้ำที่มีสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย

“คนเรามันก็มีเรื่องที่ไม่ชอบบ้างหรือเปล่าวะ!” ต้นน้ำเสียงแข็งขันขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

“แต่ก็วิ่งมาถึงนี้เลยนะ! และนี่มันก็เลือดเล็กน้อยแค่นี้เอง!” จินไห่ยิ้มออกมาได้บ้างเพราะอีกฝ่ายดูจะมีแรงเถียงแล้ว

“ก็........ผมเคย.......” หน้าของต้นน้ำซีดขึ้นมากจนเห็นได้ชัด จินไห่รู้ได้ทันทีว่าคงมีอะไรไปกระทบจิตใจอีกฝ่ายเรื่องนี้ก็เลยทำให้กลัว

“ไม่สบายใจก็ไม่ต้องเล่าแล้ว!! ขอดูแผลหน่อย หากเป็นเยอะก็จะได้ตามหมอด้านนอกมาช่วยดูอาการให้!!” จินไห่พยายามแหวกผมดูอย่างแผ่วเบา

“นั่นมันหมอหมา!!” ต้นน้ำสวนทันที

“สัตว์แพทย์! เขาก็เรียนมาคล้ายๆ กัน อีกอย่าง อนาโตมี่ (anatomy ) ของหัวเราก็น่าจะคล้ายกับหมานะ” จินไห่แซวหลังจากค้นเจอแผลที่มีขนาดไม่น่ากังวลเท่าไหร่ แต่น่าจะบวมช้ำแน่นอนเพราะเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว

“จะด่าผมสมองหมาหรือไง!! เห็นอย่างนี้ก็น่าจะได้เกียรตินิยมระดับสองนะ!!” ต้นน้ำอารมณ์ขึ้น

“โอเครู้แล้ว แค่อยากทดสอบว่ายังมีสติแค่ไหน ดูแล้วไม่น่ากังวล เดี๋ยวพี่ทำแผลให้แล้วกัน!!” จินไห่ยิ้มพร้อมหัวเราะในลำคอ และเริ่มทำการล้างแผลให้โดยมีเสียงร้องโอดโอยมาเป็นระยะ

หลังจากที่จินไห่ออกไปเอาน้ำแข็งมาประคบก็มีคนติดสอยห้อยตามกลับมาด้วยอย่างกวี อนาคตสัตวแพทย์สุดหล่อ มาดูเกี่ยวกับอาการตอบสนองทางร่างกายให้ พร้อมบอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก่อนกวีจะออกไป ยังโดนจินไห่แซวอีกครั้งว่า “อึดกว่าหมาจริงๆ ด้วย”

ต้นน้ำมีอาการฮึดฮัดบ้างแต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากเพราะปวดแผลและมีน้ำแข็งประคบอยู่ จินไห่จัดแจงให้กินยาเรียบร้อย กวีขอตัวออกไปกินมื้อค่ำต่อทันทีที่ตรวจอาการเสร็จสิ้น

“ถอดเสื้อผ้าออก” จินไห่พูดหน้านิ่ง

“หา!!??” ต้นน้ำอุทานตกใจกับคำสั่งของอีกฝ่าย

“ก็เหงื่อออกขนาดนี้ให้พี่เช็ดตัวให้ก่อนไหม? จะได้นอนสบายๆ” จินไห่ชี้ไปที่อ่างน้ำที่มีผ้าสีขาวสะอาดวางพาดอยู่ ซึ่งวางอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงเมื่อไหร่ไม่ทราบ

“เอ่อ..... ไม่เป็นไรครับ ผมทำได้!” ต้นน้ำพูดขึ้นอย่างขัดเขิน

“เอาน่า ให้พี่ทำให้เถอะ!” จินไห่โน้มน้าว พร้อมทั้งใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดมาจ่อรอ

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ!” ต้นน้ำคว้าผ้าหมาดจากมืออีกฝ่ายแล้วพยายามเช็ดด้วยมือข้างเดียวอย่างยากลำบาก เพราะอีกมือหนึ่งกำลังประคบศรีษะตัวเองด้วยถุงน้ำแข็งถุงใหญ่

“มา!! พี่ทำให้!!” จินไห่แย่งผืนผ้ามาจากอีกฝ่ายที่กำลังล้วงเช็ดภายใต้เสื้อที่หมาดไปด้วยเหงื่อ ด้วยความไม่ถนัดต้นน้ำถูกแย่งผ้าหมาดไปอย่างง่ายดาย

“งั้นถอดเสื้อก่อน จะอายอะไร! ตอนอยู่ด้วยกันก็ถอดเสื้อเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจะบ่อย” จินไห่ยิ้มให้ด้วยอาการขบขันเด็กชายตรงหน้า

ต้นน้ำจนด้วยคำพูดใดๆ ก็เลยขยับตัวให้อีกฝ่ายถอดเสื้อออกอย่างง่ายดาย

“กางเกงด้วย!!” จินไห่พูดจบหลังจากถอดเสื้อต้นน้ำไปกองที่พื้นห้อง

“ไม่ต้องก็ได้!!” ต้นน้ำปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ได้ ใส่มาเกือบทั้งวันแล้วจะใส่นอนได้ยังไง!! กางเกงในอยู่ไหน? เปลี่ยนด้วยจะได้สบายตัว!” จินไห่ออกคำสั่งชัดเจนเหมือนอีกฝ่ายไม่ต่างจากเด็กห้าขวบ

“เอ่อ.....” ต้นน้ำไม่สะดวกใจเท่าไหร่ เขารู้สึกแปลกเมื่อต้องแก้ผ้ากับคนตรงหน้าทั้งๆที่กับเพื่อนนักกีฬา เขาเดินแก้ผ้าโดยที่ไม่ได้รู้สึกอะไร เขาตื่นเต้นไปหมดจนอธิบายไม่ถูก ทำได้แค่พยายามจะปฏิเสธแต่คำพูดมันไม่ออกจากปาก

“ผู้ชายด้วยกันจะอายอะไรวะ! หรือว่า...” จินไห่ทิ้งท้ายประโยคให้คิด

“กางเกงในอยู่ในกระเป๋าทางซ้ายครับ จะทำอะไรก็รับทำ!!” ต้นน้ำฝืนทำใจกล้า แต่ในใจนั้นปั่นป่วนไปหมด ทำไมเขาต้องรู้สึกแบบนี้ เขาเองก็ไม่เข้าใจ ถึงแม้ว่าจินไห่จะหล่อลากไส้มาจากไหน มันก็ไม่ควรที่ผู้ชายอย่างเขาจะอายกับเรื่องแบบนี่

จินไห่สั่งให้อีกฝ่ายถอดกางเกงจนล่อนจ้อน แต่ถึงอย่างนั้นต้นก็ยังใช้มือปิดส่วนสำคัญไว้อยู่ดี ปล่อยให้ผู้ใหญ่ใจดีเช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดลูบไล้ไปทั้งตัว

ต้นน้ำรู้สึกขนลุกไปหมดเพราะเข้าใจว่าน้ำที่ชุบมานั้นเย็นระดับหนึ่งบวกกับห้องปรับอากาศด้วย แต่ไอ้สิ่งที่อยู่ในอุ้งมือนี่สิมันมีปฏิกิริยาจนเขาแทบจะควบคุมไม่อยู่

พึ่บ!

เสียงผ้าห่มถูกดึงมาคลุมท่อนล่างที่เปล่าเปลื่อยของต้นน้ำ

“เอ้า กางเกง กางเกงใน เดี๋ยวจะหนาวตายเสียก่อน!” จินไห่พูดขึ้นมาด้วยยิ้มที่มุมปาก ต้นน้ำรีบจัดหารสวมใส่สิ่งที่ลอยลงมาวางตรงหน้าอย่างรีบเร่ง

“เป็นคนหนุ่มที่แข็งแรงดีนะ” จินไห่เอ่ยขึ้นลอยๆด้วยรอยยิ้ม

‘เชี้ย!! อย่าบอกว่าเห็นหมดแล้ว เห็นตอนมันโตแล้ว!!’ ต้นน้ำคิดจนแทบน้ำตาจะไหลออกมา รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ควรมีปฏิกิริยาต่อหน้าคนแบบนี้เลย

หลังจากจินไห่เห็นว่าต้นน้ำได้ถูกเช็ดตัว เช็ดหน้าจนสะอาดสะอ้านผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เขาจึงสั่งให้ต้นน้ำเอนนอนเพื่อพักผ่อนหลังจากตรวจสอบว่าเลือดที่ศรีษะหยุดไหลเรียบร้อยแล้ว

“อรรณพ!! มาเร็ว! อุ่นเครื่องรอจนร้อนไปหมดแล้ว! เสี่ยวหยู๋นำเราไปไกลแล้วนะขนาดเป็นผู้หญิง เราจะยอมแพ้ไม่ได้นะ” นี่โน่ที่ท่าทางเริงร่าเปิดประตูผ่างเข้ามา หลังจากที่จินไห่นั่งลงที่โต๊ะข้างเตียงได้เพียงพักเดียว แม้จะดูเหนื่อยล้าจากการดูแลต้นน้ำ แต่เขาก็ยิ้มรับไปที่ผู้ที่เข้ามาอย่างเต็มใจ

“เร็ว! ไอ้เด็กหัวแข็งนี่ไม่ตายหรอก!!” นีโน่เดินเข้ามาจูงมืออีกฝ่ายเพื่อชวนออกไปดวลเครื่องดื่มที่เตรียมมาด้านนอก

แม้จะมีท่าทีขัดขืนบ้างแต่หลังจากเห็นต้นน้ำพยักหน้าเป็นเชิงให้อีกฝ่ายไปได้ จินไห่ก็ค่อยๆ ถูกนีโน่ลากออกจากห้องไปอย่างช้าๆ แต่ไม่วางสายตาห่างจากคนที่นอนหัวแตกอยู่บนเตียง จนกระทั่งปิดประตูลับตาไป ทิ้งให้ต้นน้ำพักผ่อนแต่เพียงลำพัง

เสียงแห่งความเงียบงันมาเยือนอีกครั้ง ในห้องที่ตอนนี้ต้นน้ำนอนอยู่บนเตียงแต่เพียงลำพัง ความจริงเขาเป็นคนหัวแข็งมาก บาดเจ็บหนักกว่านี้จากการแข่งขันบาสเกตบอล เขาก็เคยมาแล้ว แถมยังไปเที่ยวกลางคืนต่อก็เคย ต้นน้ำเพียงแค่หน้ามืดจากการเห็นเลือดที่ตนเองไม่ชอบเท่านั้น ปัจจุบันเลือดก็ถูกเช็ดทำความสะอาดไปหมดแล้ว การปล่อยให้เขานอนอยู่ห้องเหงาๆเหมือนเจ็บหนักแบบนี้ มันเหมือนเป็นการดูถูกเขาชัดๆ

ต้นน้ำลุกขึ้นเหวี่ยงผ้าห่มที่คลุมร่างเขาอยู่จนถึงอกออก และลุกออกจากเตียง เดินที่ลูกบิดประตูด้วยความเร็วดุจกับสายลม แต่จิตสำนึกของเขาดันเตือนว่าการที่เขาออกไปสภาพนี้ จินไห่คงบ่นให้เขารำคาญจนเขาหมดสนุกแน่นอน และคงหาข้ออ้างมาดูแลเขา ซึ่งอาจจะทำให้อะไรดอัดกว่าเดิม เขาจึงหันหลังกลับไปนั่งลงที่เตียงอย่างหงุดหงิด

“เดี๋ยวนะ กูจะกลัวเชี้ยอะไรแค่นี้!!” ต้นน้ำบ่นพึมพำกับตนเอง เขาเดินไปที่ลูกบิดประตูอีกครั้ง มือจับไปที่ลูกบิดอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็พาตนเองเดินมานั่งที่เตียงเช่นเดิม

เขาทำแบบนี่อยู่ สามสี่รอบ จนกระทั่งตัดสินใจนอนต่อเพื่อตัดปัญหา อย่างน้อยอยู่ตรงนี้ก็สบายใจกว่า!

เขาเดินไปหาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่เขาวางไว้ตอนที่เดินเข้ามาให้ห้องด้วยอารมณ์หุนหัน เขาจึงจำไม่ได้ชัดว่าเขาวางไว้ตรงไหน ในระหว่างที่ค้น เขาก็เจอมันตกอยู่ใกล้กับกระเป๋าของจินไห่ เขาเดินไปหยิบและไปสะดุดกับสมัดบันทึกเล่นหนึ่งที่แสนคุ้นเคย เขาหันซ้ายและขวา เขาไม่ลังเลที่จะอ่านเพื่อแก้เบื่อทันทีที่เห็นว่าปลอดภัย

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
‘ความเดียวดาย’

คำจำกัดความสั้นๆ ที่ย่อหน้าของบันทึก เจ้าของบันทึกได้เล่าถึงกิจวัตรประจำวันว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง เขาไม่เคยโดนแกล้งอีก มีเพื่อนที่กล้าที่จะเข้าหาเขามากขึ้น พวกกลุ่มหัวโจกของโรงเรียนก็พยายามหนีเขามากกว่าพยายามหลีกเลี่ยง อาจเป็นผลมาจากความดีที่เขาทำกับหัวหน้ากลุ่มหัวโจก

แต่หลายครั้งที่เจ้าของบันทึกพยายามพาตัวเองไปอยู่ในที่ๆเจอหัวหน้านักเลงคนนั้น เขากลับไม่เคยเจอเลย จนกระทั่งเขาไม่แน่ใจว่า พวกเขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน

วันเวลาผ่านไปจากสัปดาห์ไปเป็นเดือน ชีวิตของเจ้าของบันทึกดูจะลงตัวมากขึ้น เขามีเพื่อน เขามีอาหารไทยจานโปรดที่เขาโปรดปราน   เขาไม่ต้องเดินกลับบ้านคนเดียว เขามีกลุ่มเพื่อนที่สนใจวาดรูปเหมือนกัน แม้เขาจะมีความสุขมากขึ้นเขาก็เหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง

วันหยุดวันหนึ่งเขาตัดสินใจ ปีนต้นไม้ใหญ่ที่สวนข้างบ้าน เขาได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ว่าให้สามารถเข้ามาทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่พื้นที่สวนข้างเคียงบ้านของเขา

และแล้วภาพที่เห็นในคลองสายตาเบื้องล่างก็ปรากฏสิ่งที่เขารู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ เขาเองก็บรรยายไม่ถูกว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไร แต่เขาอยากเจอหน้าไอ้นักเลงหน้าดุคนนี้มาก หัวหน้ากลุ่มนักเรียนเกเรที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน เดินมานั่งทิ้งตัวอย่างสบายๆ ภายใต้ต้นไม้ที่เจ้าของบันทึกอยู่ ด้วยอริยาบทท่วงท่าที่นั่งสบายๆ ปล่อยไปกับพื้นบวกกับการฮัมเพลงที่แม้เจ้าของบันทึกไม่รู้จักแต่ก็เพราะจับใจ

เจ้าของบันทึกพยายามทำตัวนิ่งเงียบโดยไม่ตั้งใจ เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบการแอบมองคนๆนี้ จนหลายนาทีผ่านไปเขาจึงหยิบดินสอขึ้นมาวาดภาพบนสมุดบันทึก ซึ่งการร่างลายเส้นนั้นมันช่างมีเสน่ห์มากๆ แม้มันจะหยาบแต่ก็ใส่อารมณ์ลงไปในแต่ละเส้นจนเห็นความสวยงาม ของภาพร่างดินสออย่างชัดเจน

ต้นน้ำคิดพลางส่องดูรอยกดที่น้ำหนักต่างกันบนกระดาษแผ่นเก่า ดูท่าทางไอ้หนุ่มที่เจ้าของบันทึกคนนี้แอบดูอยู่จะนั่งอยู่นานพอควร เพราะปล่อยให้เจ้าของบันทึกวาดได้ละเอียดแบบนี้ ในมุมสูงที่น่าจะสูงมากสามารถวาดได้ขนาดนี้ เจ้าของบันทึกน่าจะเป็นศิลปินระดับประเทศได้สบาย ต้นน้ำมองดูด้วยรอยยิ้ม มันเต็มไปด้วยอารมณ์โหยหาอย่างอธิบายไม่ถูก เหมือนคนกำลังแอบรักใครสักคน คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำให้ต้นน้ำตื่นเต้นพร้อมที่จะพลิกอ่านต่อทันที

หลังจากพลิกหน้าถัดไป ลายเส้นของตัวอักษรก็มีการแปรเปลี่ยนไป ไร้เสน่ห์และลายเส้นที่บางเบา บ้างก็มีรอยกดจากปลายแหลมของปากกา แต่พออ่านจึงได้รู้เหตุการณ์ต่อไป และสาเหตุของลายมือที่เปลี่ยนไป

ไอ้หนุ่มหัวโจกนั้นไม่ได้เพียงแค่มานั่งเล่นเฉยๆ แต่เขามารอใครคนหนึ่ง บุคคลนั้นวิ่งกึ่งเดินมานั่งข้างๆ หัวโจกที่ใต้ต้นไม้ เธอทำท่าทางขอโทษขอโพยด้วยอากัปกิริยาที่น่ารักใคร่ สักพักก็ถูกอีกฝ่ายดึงมากอด และเริ่มเร้าโลมกันอย่างถึงพริกถึงขิง เจ้าของบันทึกไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ต่อหน้ามาก่อน เขาบรรยายถึงเสียงหัวใจที่ดังโครมครามและความว้าวุ่นใจอย่างอธิบายไม่ได้ จนกระทั่งเขาทำหนึ่งในดินสอที่พกมาร่วงหล่นไปใกล้คนทั้งสองคนที่กำลังเร้าโลมจนเสื้อผ้าท่อนบนหลุดหลุ่ยไปหมด

ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองโดยสัญชาติญาณ เธอเป็นคนสะสวยแม้จะทำสีหน้าตกใจสุดขีดเมื่อเห็นพยานรักของเขาทั้งสอง เธอรีบจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้

นักเลงหัวโจกเงยหน้ามองหาสาเหตุของปัญหา เขาเจอก้างขวางคอชิ้นใหญ่ที่ไม่ใช่บุคคลในบ้านของเขาเสียด้วยซ้ำ

หัวโจกถอนหายใจเฮือกใหญ่ กรามล่างและบนบดกันอย่างดัง เขาโวยวายเรียกให้เจ้าของบันทึกลงมา ก่อนที่เขาจะปีนขึ้นไปลากเจ้าของบันทึกที่เป็นต้นเหตุให้หัวโจกไม่ได้แอ้มซิงคุณหนูลูกผู้ว่าฯ ที่ถือว่าเป็นดาวในหมู่ดาวของคนรุ่นราวคราวเดียวกัน

หลังจากเจ้าของบันทึกปีนป่ายลงมาถึงพื้นด้วยอาการสั่นกลัว เขาก็เจอหัวโจกดันกระแทกต้นไม้อย่างจัง เขาบรรยายว่ามันทำให้เขามีแผลพกช้ำไปหลายจุดเลยทีเดียว หัวโจกบรรยายไปต่างๆ นานาว่าเขาใช้ทุกวิธีกว่าจะจีบให้เธอยอมมาพบเขาที่นี่ กว่าเธอจะยอมให้แตะเนื้อต้องตัว มันยากมาก และวันนี้เขาก็พร้อมจะเสียความบริสุทธิ พร้อมกับเธอที่นี่

เจ้าของบันทึกกล่าวตอบกลับไปที่หัวโจกว่าเรื่องที่ทำมันไม่เหมาะสมพวกเขายังเยาว์วัยนัก จะทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง

ต้นน้ำอ่านมาถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มออกมา เขาโชคดีที่เกิดสมัยนี้ ที่เรื่องแบบนี้มันค่อนข้างปกติไปแล้ว เขารู้สึกสงสารหัวโจกคนนั้นเลยที่โดนขัดจังหวะแบบนี้ แต่เรื่องพวกนี้ยังไงคนเป็นพ่อแม่ไม่ว่าสมัยไหนก็รับไม่ได้หรอก เขาคิดต่อ พาลนึกไปถึงวันที่เขาแอบเอาแฟนคนแรกเข้าแล้วโดนแม่จับได้ เขาโดนสวดยับไปเป็นเดือน!

ต้นน้ำอ่านต่อด้วยความสนุก

หัวโจกหลังจากได้ยินเจ้าของบันทึกทักท้วง เขาก็หัวเราะลั่น พร้อมด่ากลับว่าเจ้าของบันทึกไม่ใช่บุพการีเขาจะมาสั่งสอนเขาเพื่ออะไร พร้อมง้างมือเตรียมที่จะสั่งสอนเจ้าบันทึกตรงหน้า

เจ้าของบันทึกหลับตาสนิทพร้อมเตรียมใจรับความเจ็บปวดที่กำลังจะพุ่งเข้า ภาพในหัวที่เขาเคยเห็นหัวโจกอัดอริของเขาเสียยับเยินแล่นเข้ามาในหัวแบบไม่ตั้งใจ ยิ่งทำให้เจ้าบันทึกหวาดกลัวไปอีกจับใจ

มาถึงตรงนี้ลายมือและลายเส้นของเจ้าของบันทึกแทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว

แต่หลับตาอยู่เนิ่นนาน หมัดที่เป็นเหมือนอาวุธทำลายล้างของหัวโจกก็ไม่มาถึงร่างกายเขาเสียที ค่อยๆลืมตามองคนที่ยืนคล่อมเขาอยู่

เจ้าของบันทึกต้องแปลกใจที่โดนอีกฝ่ายมองอย่างวินิจวิเคราะห์ มือที่เงื้อสูงสั่นเทา หมัดที่ยังกำแน่นไม่คลาย อาการเหล่านี้สร้างความสงสัยให้กับเจ้าของบันทึกมาก แต่เขาก็นิ่งเฉยไม่กล้าถาม

“มึงนี่… หน้าสวยมากเลยรู้ไหม? ไหนจะขนตาอีก นี่มึงเป็นผู้ชายจริงๆ เหรอวะ กูสังเกตหลายครั้งแล้ว ผิวพรรณมึงนี่ไม่เหมือนผู้ชายเลย”. ประโยคของหัวโจกที่เจ้าของบันทึกเขียนออกมาพร้อมเครื่องหมายคำถามสักสิบตัวต่อท้าย

อ่านมาถึงขนาดนี้ ต้นน้ำรู้สึกว่ามันแปลกไปแล้ว นี่มันกลิ่นนิยายวายที่ไอ้ไอซ์เพื่อนเขาชอบอ่านชัดๆ (มันชอบมาเล่าให้ฟัง ที่เรียกว่าป้ายยา แต่ต้นน้ำไม่อินไง จะป้ายเท่าไหร่ก็ไม่สนใจ) แทนที่ต้นน้ำจะรู้สึกเสียเวลาที่อ่าน แต่เขากลับรู้สึกอยากรู้ว่ามันจะจบอย่างไร? เพราะนี่มันชีวิตจริง ต่อมเผือกของเขาร้อนช่า มันต้องอ่านต่อเท่านั้น จะวายหรือไม่วายจะได้รู้กัน!!

ต้นน้ำก้มหน้าอ่านต่อทันที

หัวโจกจับคางเจ้าของบันทึกหันไปมาอย่างไม่อ่อนโยนเลย เขารู้สึกเจ็บแต่ก็ตั้งใจว่าจะไม่ร้องให้อีกฝ่ายได้ใจ สักพักหัวโจกก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นตัวบางของเจ้าของบันทึกลงจนหมดเผยให้เห็นผิวขาวเนียนน่าสัมผัส วินาทีนั้นเจ้าของบันทึกสาบานได้ว่าเห็นหัวโจกมีดวงตาแวววาวเป็นประกาย หัวโจกค่อยๆ โน้มศรีษะตนเองลงไปดอมดมอีกฝ่ายบริเวณซอกคอและระหว่างอกด้วยสีหน้าพึงใจ เจ้าของบันทึกทำอะไรไม่ได้เพียงแค่บันทึกถึงอัตราความเร็วของหัวใจมี่เต้นโครมครามดั่งมีพายุซัดอยู่ในอก

หัวโจกเงยหน้าประจันกับเจ้าของบันทึกพร้อมกล่าวว่า “หากกูไม่ได้ระบายกับหญิงใด! งั้นมึงก็ต้องมาแก้ขัดให้กู เอาหน้าสวยๆของมึงมาจัดการให้กูเสร็จเดี๋ยวนี้!!”

คำพูดที่ไม่นึกว่าจะได้ยินจากปากหัวโจกสร้างความตกใจให้กับเจ้าของบันทึกมาก จนร้องโวยวายออกมา เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะไม่รู้ว่าหัวโจกหมายถึงอะไร

หัวโจกปล่อยให้เจ้าของบันทึกล้มพับลงนั่งพร้อมจัดการปลดกางเกงตนเองลงมาจนเปลือยเปล่า ในบันทึกบรรยายเพียงแค่ว่าเจ้าของบันทึกเห็นงูตัวเขื่อง ดำคลับซ่อนอยู่ใต้กางเกง มันน่ากลัวจนเขาลนลานวิ่งหนีมุดรั่วเข้าไปพื้นที่ฝั่งตัวเอง อย่างที่ไม่กล้าหันไปมอง หากเขาต้อง ‘ช่วย’ ไอ้นั่นของหัวโจกจริง เขาคงแย่ แต่ที่แปลกคือความใจเต้นนี่แหละที่เจ้าของบันทึกไม่เข้าใจตนเอง

เจ้าของบันทึกวิ่งไปพร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังลั่น

ต้นน้ำอ่านจบบทแต่เขายังไม่สามารถบอกได้ว่าเรื่องนี้มันมีเนื้อหาแปลกๆ มากน้อยแค่ไหน คงต้องอ่านเพิ่ม ในขณะที่กำลังจะพลิกอ่านต่อ ประตูห้องก็เปิดขึ้นอย่างเงียบเชียบในขณะที่ เขายังถือสมุดบันทึกเล่นนั้นอยู่

“อ้าว! ทำไมพี่กลับมาเร็วจัง!!” ต้นน้ำเอ่ยทักคนที่มองหาตนเองจนเจอว่าเขาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแถมยังมีสมุดของตนอยู่บนมือด้วย

“ทำไม?.... ยังไม่นอนเด็กดื้อ!!” จินไห่มองตาปรือแก้มแดงดั่งผลมะเขือเทศใกล้สุก ต้นน้ำรู้ทันทีว่าคงโดนพี่นีโน่หลอกกรอกเหล้ามาเป็นแน่ แต่ไม่รู้ทำไม ถึงหนีออกจากวงเหล้าได้เร็วนัก

“เอ่อ.... นอนไม่หลับครับ” หลังจากเห็นอีกฝ่ายแทบไม่มีสติ ต้นน้ำเลยรีบเก็บสมุดบันทึกเล่มเก่าลงกระเป๋าจินไห่ในขณะที่จินไห่พยายามเดินอย่างมั่นคงมาที่เตียงนอน

เสียงจินไห่ทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มดังพั่บ เขามีอาการเซเล็กน้อย ต้นน้ำจึงรีบโผไปพยุงทันที

“นี่คนป่วยต้องมาดูแลคนเมาหรือนี่!” ต้นน้ำบ่นพึมพำ

“ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี มาแอบอ่านไดอารี่ ของ.....” เสียงที่ปลายประโยคมันอ่อนเบาจนหายเข้าไปในลำคอ เหมือนความเข้มแข็งที่พยายามแสดงกำลังจะหมดลง

“อะไรนะพี่!” ต้นน้ำก้มหน้าลงไปใกล้ปากจินไห่พี่เริ่มพึมพำคล้ายกำลังจะหมดสติ

หมับ!!

มือหยาบใหญ่ของจินไห่คว้าที่ท้ายทอยต้นน้ำจนเขาทรงตัวไม่อยู่ถลาเข้าที่หน้าอีกฝ่าย

“ไอ้เด็กเวร นั่นมันบันทึกของพ่อพี่นะ ไม่ใช่ของที่มึงจะมาอ่านเล่น!!” จินไห่พูดจบ ต้นน้ำก็กระจ่างในความคิด แปลว่าเหตุการณ์ที่ว่ามันเกิดขึ้นที่บ้านนั้นจริงๆ แล้วคำถามมากมายก็ถาโถมเข้ามาในหัว ด้วยความใจลอย มือก็อ่อนแรงจนกระทั้งแก้มของเขาลดต่ำลงไปขนกับริมฝีปากของคนเบื้องล่างทันที

“เฮ้ย! ขอโท.....” ต้นน้ำหันไปขอโทษ และด้วยความที่มือของคนเบื้องล่างกดอยู่ที่ท้ายทอย และกดแน่นขึ้นเรื่อยๆ การหันไปขอโทษของต้นน้ำจึงเป็นความคิดที่ผิดถนัด

ริมฝีปากของต้นน้ำประสานกับริมฝีปากอีกฝ่าย ลมหายใจที่ร้อนผ่าวและกลิ่นเหล้าดีกรีสูงระเหยเข้าปากของต้นน้ำฉุนกึก ทำให้ต้นน้ำตกใจอย่างมาก แม้เขากับจินไห่จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้มันมีบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ต้นน้ำรู้สึกตื่นเต้นและเร้าร้อนไปหมด ยิ่งโดนอีกฝ่ายใช้ลิ้นชอนไชสอดแทรกเข้ามาอย่างดุร้าย เขายิ่งรู้สึกบอบบางอ่อนแอ จนเผลอใช้ลิ้นต่อตอบไปอย่างเผ็ดร้อน

การโต้ตอบด้วยฝีปากใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่จินไห่จะค่อยๆผ่อนแรงและพล่อยหลับไปอย่างเงียบเชียบ ยิ่งให้ต้นน้ำรู้สึกสับสนกับการเสียอาการของตนเอง ทำไมเขาถึงควบคุมตัวเองไม่ได้

“เชี้ย!”

เสียงจากทางด้านหลังดังขึ้นต้นน้ำตกใจรีบหันไปทันที เขาเจอเพื่อนสนิทของตนเองอย่างไอซ์ยืนอ้าปากค้างด้วยอาการไม่เชื่อสายตาตนเอง

...............................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 14

Deep down inside


ต้นน้ำตื่นขึ้นมาบนโซฟายาวในห้องซึ่งเป็นการนอนที่ไม่ได้สะดวกสบายสักเท่าไหร่ เพราะขาที่ยืดยาวของเขาพาดพ้นปลายทางอีกด้านหนึ่งไปเกือบช่วงเข่า

ดวงตารู้สึกได้ทันทีถึงอาการปูดโปนบวมช้ำ ทำให้เขายกมือขึ้นประคบดวงตาทั้งสองข้างด้วยฝ่ามืออย่างเผลอตัว

ต้นน้ำหันไปมองอีกคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงซึ่งมีท่าทางการนอนที่ไม่ได้สบายกว่ากันเสียเท่าไหร่ เพราะจากเหตุการณ์เมื่อคืน ทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ชายคนนั้นอีก ไม่ใช่ว่าเขากลัวจะเจอแบบเดิมนะ แต่เขากลัวความรู้สึกที่แปลกไปของตนเองมากกว่า เพราะนอกจากเขาจะไม่รู้สึกรังเกียจแล้ว แต่เขากลับรู้สึกโหยหามันมากกว่าอีก

ต้นน้ำขยี้หัวตัวเองอย่างแรงเพื่อปัดป่ายความคิดและความต้องการแปลกๆ ของตนเองออกไป ทำให้พาลนึกไปถึงคำพูดของเพื่อนตนเองขึ้นมา คำพูดที่เพื่อนเดินเข้ามาเตือนสติตัวเขาเองกลังจากที่เห็นฉากแลกจูบอันดุเดือดระหว่างเขากับจินไห่

“กูถามจริง มึงคิดกับพี่เขายังไง เพราะคนที่เมาไม่ใช่มึงแต่เป็นพี่เขา สติมึงยังครบถ้วนดี” ไอซ์เดินเข้ามาจับบ่าต้นน้ำหลังที่เขาสะดุ้งจนก้าวกระโดดมานั่งที่โซฟายาวที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงมากนัก

“ก็พี่เขาเมา! แม่งมาขโมยจูบกูอีกแล้ว!!” ต้นน้ำโวยวายแก้เขิน

“อีกแล้ว?!?” ไอซ์ยิ้มมุมปากและเลิกคิ้วสูง

“เชี้ย! ก็แค่ครั้งนั้นแหละ ที่เคยเล่าให้ฟังไง ตอนเจอยัยแฟนโรคจิตนั้นวันแรกไง!!”ต้นน้ำคิดแก้ตัว

“เออ! กูรู้ แค่อยากแกล้งมึงเฉยๆ” ไอซ์ยิ้มแก้มแดง ท่าทางจะมีน้ำเมาอยู่ในกระแสเลือดไม่น้อย

“ครั้งนี้ก็เหมือนกัน!!” ต้นน้ำเสริม

“ไม่เหมือนว่ะ ครั้งนั้นมึงไม่ได้ตอบสนอง มึงบอกกู กูก็เชื่อมึง แต่ครั้งนี้กูเห็นกับตาว่ามึงสนอง!!”

“กู.....” ต้นน้ำมึนงงในความรู้สึก ไม่รู้ว่าไอ้ที่เขาทำไปเมื่อครู่มันคืออะไร พูดพลางเผลอยกมือขึ้นสัมผัสปากตนเอง

“เรื่องนี้กูจะไม่คาดคั้นก็แล้วกัน มึงเก็บไปคิดของมึงเอง ค้นเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจของมึงเองว่ามันคืออะไร?” ไอซ์ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าเพื่อนของเขา

“.......” ต้นน้ำเงียบ ปกติเขาคงเถียงลั่นบ้าน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอธิบายไม่ออก

“กูไปกินเหล้าต่อแล้ว กูเห็นพี่เขาหายไปนานเลยเป็นห่วง เพราะเห็นว่าเมามากแล้ว ไม่นึกว่าจะได้มาเห็นฉากเด็ด!” ไอซ์พูดจบก็เดินหายไป ทิ้งให้ต้นน้ำคิดอยู่เกือบค่อนคืนจนเผลอหลับไป

“ไอ้เชี่ยไอซ์ มาพูดให้กูคิดมากทั้งคืนเลย!!” ต้นน้ำบ่นงึมงำ

ขณะเดียวกันคนที่นอนอยู่บนเตียงก็เริ่มขยับตัวและลุกขึ้นมามองหน้าต้นน้ำอย่างสงสัย

“ทำไมไปนอนตรงนั่นล่ะ หรือว่า....” จินไห่พูดด้วยท่าทางงัวเงีย ดวงตาหรี่เล็ก

“อะไรพี่!!” ต้นน้ำรู้สึกถึงเลือดที่พุ่งขึ้นจากกลางอกสูบเข้าที่หน้าจนร้อนผ่าว

“ขอโทษทีวะ พี่คงไล่เราไปนอนตรงนั้นใช่ไหม? เวลาพี่เมาแล้วจำอะไรไม่ได้ทุกที มีแน่คนบอกว่าพี่นิสัยเปลี่ยนตอนเมา” จินไห่ลุกขึ้นนั่งและใช้มือกุมนวดขมับเบาๆ

“ถ้าแค่นั้นก็ดีสิ!” ต้นน้ำบ่นงึมงำ พลางคิดในใจว่าจินไห่จำไม่ได้หรืออยากจะแกล้งตนเอง

“อะไนะ?” จินไห่หันไปถามเพราะได้ยินไม่ถนัด

“ไม่มีอะไรครับ แล้วคืนนี้จะเมาอีกไหมเนี่ยครับ ผมจะได้ขอไปนอนห้องไอ้ไอซ์เลย” ต้นน้ำคิดอะไรไม่ออกนอกจากหนีไปตั้งหลักก่อน ไม่อยากให้ความรู้สึกแบบนั้นมาจู่โจมเขาได้อีก

“ไม่รู้ว่ะ! แต่จะพยายามเลี่ยงก็แล้วกัน ก็รู้ดีว่าพี่หนีพี่โน่ไม่ได้!” จินไห่ตอบเสียงเบาพร้อมทำท่าเหมือนกลัวแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ท่าทางจะไม่เคยเมาค้างมาก่อน

“งั้นผมไปขอนอนกับไอ้ไอซ์เลยดีกว่า” ต้นน้ำลุกขึ้นนั่งตอบเสียงแข็ง

“อ้าว!! คนเป็นแฟนกันก็ต้องดูแลกันไหม?” จินไห่สวน

“แฟนปลอมๆ ไหมครับ” ต้นน้ำตอบกลับทันที

“เมื่อวานพี่ยังดูแลเราอย่างดีเลย” จินไห่ออกอาการน้อยใจจนต้นน้ำรู้สึกได้

“เออๆ ก็ได้วะ!” ต้นน้ำคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาหัวแตกได้ก็เลยตอบไปอย่างเสียไม่ได้ พลางคิดไม่ตกว่าคืนนี้เขาจะนอนได้ไหม

.............

วันนี้สภาพร่างกายแต่ละคนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก จินไห่ที่ดูจะมีอาการหนักที่สุด คือดวงตาแดงก่ำ พยายามหลบแสงแดดที่ส่องเข้ามาตลอดเวลา ใช้มือข้างหนึ่งหยิบถุงน้ำแข็งที่เจอในช่องแข็งของตู้เย็นในบ้านมาประคบที่ศรีษะตัวเองขณะนอนพิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรง

ไอ้ไอซ์สลบเหมือดอยู่ในห้อง เรียกตั้งนานกว่าจะรู้สึกตัว นอนแรกนึกว่ามันจะตายไปแล้วเพราะแทบไม่ขยับตัวเลย

พี่กวีนั้นขอตัวไปนอนแช่อยู่ในอ่างจากุชชี่ตรงหน้าบ้านพร้อมน้ำผ้าเช็ดไปปิดหน้า พร้อมด้วยเครื่องดื่มเสริมวิตามินเย็นๆ จำนวนมาก

เสี่ยวหยู๋ที่เมื่อวานไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรมานัก ในช่วงสายถึงบ่ายเธอยังคงอยู่ในสภาพชุดนอนผ้าซาตินสีแดง นั่งดูโทรทัศน์อย่างใจเย็นเรื่อยเปื่อย พร้อมผ้าปิดรอบตาแบบเจลเย็น ผู็หญิงคนนี้ถือว่ามีสภาพดีกว่าผู้ชายสามคนแรกมาก

พี่นีโน่ที่ไม่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นน้ำออกจากห้อง ก็ได้กลับมาจากนอกบ้านพร้อม อาหารมื้อบ่าย และ วัตถุดิบสำหรับเตรียมมื้อค่ำ ที่เหมือนเมื่อวานแทบจะทุกอย่าง ที่มากกว่าเดิมน่าจะเป็นบรรดาขวดน้ำเมาหลากหลายประเภทที่วางเรียงอยู่เต็มเคาเตอร์บาร์ของบ้าน ผู้ชายตัวเล็กคนนี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก เพราะเขาดูสมบูรณ์และปกติที่สุดแล้ว คนแข็งแกร่งดุจเหล็กไหลของจริง

การเตรียมอาหารมื้อบ่ายทั้งหมดของวันนี้มีเพียงเสี่ยวหยู๋เท่านั้นที่เข้ามาจัดแจงดูแล จนต้นน้ำไม่เชื่อสายตาในทักษะแม่บ้านแม่เรือนของเธอ เพราะจากสภาพทุกคนดูไม่มีใครกระตือรือร้นกับอาหารมื้อนี้เลย ยกเว้นต้นน้ำเท่านั้นที่หิวจนแทบไส้ขาด เพราะเมื่อวานตอนค่ำก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย

จากการสังเกตการณ์ของต้นน้ำ เสี่ยวหยู๋มีท่าทีสนิทกับนีโน่มาก ลักษณะเหมือนคนจีบกันจริงๆ จนต้นน้ำรู้สึกมึนงงกับสถานการณ์ช่วงนี้ สองคนนี้เขามีแผนอะไรกันแน่ เพราะขนาดที่ว่าเมื่อคืน จินไห่แทบไม่มีสติ ทั้งสองคนตรงหน้าเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไร หรือว่าจะเปลี่ยนแผน หรือว่าจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ขอให้เป็นอย่างหลัง เขาจะได้ออกจากวังวนประหลาดแบบนี้เสียที

แม้มื้อบ่ายจะเงียบเหงา แต่ช่วงเย็นในการเตรียมมื้อคำกลับคึกคัก ทุกคนกลับมาสดใสแข็งแรงอีกครั้ง ทั้งช่วยกันเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งกระโดดเล่นน้ำอย่างคึกคักผิดกับช่วงบ่ายที่ผ่านมา และคนที่เป็นพระเอกของงานนี้คือจินไห่ ที่แสดงทักษะในการทำอาหารอย่างมืออาชีพ พร้อมกับในเวลาที่ว่างเว้นจากการเตรียมอาหารที่มีลูกมือคือ เสี่ยวหยู๋ ที่ดูจะเข้าขากันดี ก็แอบเอากีตาร์มาดีดบันเลงขับกล่อมให้บรรยากาศดูคึกคักมากขึ้นไปอีก

ไอซ์ที่ตามติดพี่กวีไม่ว่าจะไปที่ไหน พร้อมกับพี่นีโน่ก็เวะเวียนไปคุยด้วยไม่เคยขาด ต้นน้ำยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกขบขัน แผนของไอซ์ถือว่าสัมฤทธิ์ผล แต่ตัวมันเองก็ต้องมาวุ่นวายเป็นไม้กันหมาเสียเอง ช่างน่าสงสาร แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนแท้คนนี้ ที่ทำใหการมาเที่ยวครั้งนี้ ปวดหัวน้อยกว่าที่คิด (แต่กลับเจ็บตัวแทน)

ต้นน้ำที่มีแผลที่ศรีษะอยู่นั้นไม่สามารถไปว่ายน้ำเล่นได้ เพราะจินไห่ห้ามไว้อย่างหนักแน่น ต้นน้ำไม่อยากมีปัญหาก็เลยได้แต่นั่งเอนกายอย่างเบื่อหน่ายที่เตียงไม้ริมสระน้ำ นั่งมองการเตรียมอาหารและการร่วมกิจกรรมยามเย็นของทุกคนอย่างเงียบๆ ครั้นจะให้ไปช่วยหยิบจับอะไรในการเตรียมอาหารมันก็ไม่ใช่นิสัยของเขา ทำให้เขานึกถึง เพลย์สเตชันที่บ้านขึ้นมาจับใจ

ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจหายตัวไปนอนตากลมจากเครื่องปรับอากาศเย็นๆ ในห้องดีกว่า และเขามีเรื่องคาใจในบันทึกเล่มนั้นด้วย จึงเดินไปจากลานกิจกรรมริมสระว่ายน้ำอย่างเงียบเชียบ

หลังจากถึงห้องเขารีบตรงไปที่กระเป๋าของจินไห่ทันที สมุดเล่มนั่นยังอยู่ที่เดิมเหมือนรอให้เขามาอ่านเพื่อสานต่อเรื่องราวให้จบ ต้นน้ำไม่รอช้าที่จะพลิกเปิดอ่านอย่างระมัดระวัง

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
***

หลายวันผ่านไปที่เจ้าของบันทึกไม่กล้าแวะเวียนไปนั่งเล่นที่ต้นไม้ต้นเดิม เพราะยังคงนึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เจอในวันนั้น

แม้ว่าเขาจะเริ่มยอมรับบ้างแล้วว่า เขารู้สึกชื่นชมหัวโจกบ้านติดกัน อยากที่จะสานต่อความสัมพันธ์ฉันเพื่อน เพราะเวลาเห็นหัวโจกคนนั้นทีไรเขาก็รู้สึกผูกพันด้วยอย่างประหลาด แต่ด้วยความเกี้ยวกราดและลักษณะสังคมของหัวโจก ทำให้เส้นทางความสัมพันธ์ของทั้งคนสองคนไม่มีวันได้มาบรรจงกันเสียที

ในบันทึกถูกวาดประดับหนังสือเป็นภาพต้นไม้ใหญ่ภายใต้หมู่ดาวในคืนที่ไร้แสงจันทร์ ต้นไม้ที่ให้รู้สึกเหมือนสั่นไหวเมื่อต้องลมแรงนั้นทำให้รู้สึกถึงความสับสนและหวาดกลัวของเจ้าของบันทึกได้อย่างดี

เจ้าของบันทึกบรรยายความรู้สึกไว้อย่างสับสน เหมือนกำลังต่อสู้กับความรู้สึกชอบกับกลัว  เขารู้สึกว่าแม้หัวโจกนั่นจะแสดงความรุนแรงแต่จริงๆแล้วเป็นคนอ่อนโยนไม่น้อยเลย มันออกมาทางดวงตา เจ้าของบันทึกสัมผัสได้

ต้นน้ำเปิดหน้าถัดไปเขาก็พบกับภาพวาดของคนสองคนเป็นแบบภาพร่างที่กำลังเผชิญหน้ากัน เขาจึงรีบอ่านตัวหนังสือในหน้าเดียวกันทันที

หน้านี้และหน้าถัดไปเอ่ยถึงในเย็นวันหนึ่งถัดจากเหตุการณ์นั้นไปอีกหลายวัน แม่ของเขาบอกว่ามีเพื่อนมาขอพบเขาทั้งๆ ที่เขาไม่เคยนัดใครมาที่บ้านมาก่อน หลังจากที่เขาพบกับคนที่มาหาเขาก็ต้องตกใจเพราะคนที่มาหาเขาคือ หัวโจกคนนั้น

หัวโจกที่แต่งกายเรียบร้อยกว่าปกติ นั่งสุภาพอยู่บริเวณห้องรับแขกของบ้านที่โล่งกว้าง เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สักขัดและเคลือบเงา รวมถึงลวดลายเหล่านั้น ไม่ได้รู้สึกความนุ่มสบายสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มนั่งเกร็งอยู่ตรงนั้นดูขบขันในสายตาผู้บันทึกไม่น้อย

หัวโจกรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจึงหันมาทางทิศที่ผู้เขียนบันทึกอยู่ สายตาที่จ้องมองเขม็งมา แม้ไม่ได้มีแววตามาดร้ายแฝงอยู่แต่ก็ทำให้เจ้าของบันทึก ตกใจกลัว

หัวโจกยืนขึ้นและพูดว่า มีเรื่องจะคุยด้วยและต้องการไปคุยที่อื่น แม้เจ้าบันทึกจะงุนงงแต่ก็ตกลงเออออไปด้วย

หัวโจกเดินลัดเลาะไปที่สวนหลังบ้านของเจ้าของบันทึกอย่างชำนาญ จนกระทั่งถึงรั่วที่กั้นระหว่างพื้นที่สองฝั่ง หัวโจกปีนรั่วกันที่ทำจากอิฐก่อปูนแบบง่าย ตรงจุดที่เตี้ยที่สุดได้อย่างง่ายดาย ผิดกับเจ้าของบันทึกที่แม้จะข้ามไปบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายเลยสักรอบ

ทั้งสองพากันเดินขึ้นเนินเตี้ยๆ ที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งกางกิ่งก้านสาขาและมีใบดกรกครึ้มสวยงามตามธรรมชาติ ต้นไม้ที่เจ้าของบันทึกชอบหนีความวุ่นวายมาพักพิงจิตใจ

หัวโจกหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หันหลังให้เจ้าของบันทึกที่เดินตามมาอย่างช้า เจ้าของบันทึกหยุดฝีเท้าลงทันทีที่เห็นหัวโจกยืนนิ่งหันหน้าเข้าต้นไม้

เจ้าของบันทึกกำหมัดแน่น เขารู้สึกหวาดกลัวคนตรงหน้าขึ้นมาจับใจ ยิ่งบรรยากาศที่วังเวงแบบนี้ยิ่งทำให้น่ากลัวขึ้นไปอีก ความจริงตัวเขาก็ไม่ได้อยากมา แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเดินมาชวนถึงที่บ้านแบบนี้ เขาคงไม่อาจปฎิเสธได้ เพราะอาจจะกระทบกับเรื่องต่างๆต่อจากนี้ที่โรงเรียนของเขา เขาอาจจะไม่สงบสุขเหมือนทุกวันนี้

คำแรกที่หลุดออกจากปากของหัวโจกคือ ‘ขอโทษ’ ทำให้เจ้าของบันทึกอึ้งและงงจนทำอะไรไม่ถูก นอกจากรีบปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เอาไปฟ้องแม่ของเจ้าของบันทึกและไม่ได้บอกใคร

หัวโจกได้ยินอีกฝ่ายลนลานเลยหันมาตอบด้วยเสียงอันหนักแน่นว่า ‘รู้แล้ว ก็เลยอยากขอโทษ’ หัวโจกบอกว่าเมื่อวันก่อนเขาค่อนข้างหัวเสีย และเลือดร้อนไปหน่อย เลยทำอะไรไปโดยไม่คิด เขาเลยอยากขอโทษ
 ฝ่ายเจ้าของบันทึกยิ้มรับและรู้สึกโล่งอกที่เหตุการณ์มันไม่เป็นอย่างที่เขาคิด คนๆ นี้มีจิตใจอ่อนโยนอย่างที่เจ้าของบันทึกคิด

หัวโจกหน้าแดงขึ้นมาจนเจ้าของบันทึกประหลาดใจและถามไถ่

หัวโจกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ แต่เจ้าของบันทึกได้ทีเห็นอีกฝ่ายยอมอ่อนข้อให้จึงลองพยายามหยอกโดยการเซ้าซี้ไปเรือยๆ จนในที่สุดที่เจ้าของบันทึกยื่นหน้าที่สดใสเปื้อนรอยยิ้มไปพยายามล้วงถามอย่างหยอกล้อ ทำให้หัวโจกหลุดปากพูดปรามอีกฝ่ายออกมาว่า

‘ช่วยหยุดยิ้มได้ไหม ใจกูเต้นไปหมดแล้ว!! ไม่รู้เป็นไง เห็นหน้ามึงยิ้มแล้วกูใจสั่นทุกที ช่วยไปอยู่ไกลๆ กูด้วย เห็นแล้วกูคันมือคันไม้’

หลังจากได้ยินดังนั้นเจ้าของบันทึกก็ถอยออกมาครึ่งก้าว เขางุนงงว่าหัวโจกพูดมันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี

หัวโจกพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า ‘อยากจะพิสูจน์’ และก็ก้าวเข้ามาหาเจ้าของบันทึกอย่างรวดเร็วไร้ทางหลบหนี หัวโจกกอดหมับที่เจ้าของบันทึกอย่างแรง จนเจ้าของบันทึกร้องด้วยความตกใจ เขาบรรยายว่าเหมือนโดนหมีตัวใหญ่เข้ามากอดรัดหมายถึงตาย แต่ชั่วเวลาหนึ่งหมีดุร้ายตัวนั้นก็ค่อยๆ ผ่อนคลายจนกลายเป็นนุ่มนวลและอบอุ่น จนกระทั่งเจ้าของบันทึกเผลอไผล่ไปกับความอบอุ่นนั่น และยอมผ่อนไปตามแรงอีกฝ่ายจนเผลอโอบรัดอีกฝ่ายเช่นกัน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ที่เขาสองคนอยู่ในท่านั้น แต่ทุกอย่างย่อมมีการเลิกลา หัวโจกผละออกจากเจ้าของบันทึกอย่างนิ่มนวลและกล่าวขอโทษอีกฝ่าย หากทำให้อีกฝ่ายไม่ชอบ เจ้าของบันทึกรีบปฏิเสธทันที เขารู้สึกดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กันอย่างอ่อนโยน นับว่าเป็นอีกมุมหนึ่งที่เจ้าของบันทึกได้เห็นจากไอ้หัวโจกคนนี้

หลังจากนั้นเขาก็แอบมาพบกันบ่อยครั้ง และมีการสัมผัสกันไม่แค่เพียงกอด แต่มีการจับมือ โอบไหล่ เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กันและกันฟัง แม้ว่าระหว่างที่อยู่โรงเรียนเขาแทบจะไม่คุยกันเลยก็ตามเพราะต่างก็มีกลุ่มของตนเอง แต่ยามใดที่ทั้งคู่อยู่บ้านก็จะแอบนัดแนะมาคุยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ที่สวนหลังบ้านเป็นประจำ

เจ้าของบันทึกทิ้งท้ายบันทึกบทนั้นแค่เพียง มันคือความทรงจำที่ดีที่สุดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ และวาดภาพบรรยากาศอันสดใสยามเช้าของบ้านของเจ้าบันทึกในมุมมองจากต้นไม้ใหญ่ แม้ไม่ได้มีลายละเอียดอะไรมากแต่การให้แสงและเงาในภาพ ทำให้ต้นน้ำอดที่จะประทับใจไม่ได้

บันทึกบทนี้จบลงแล้ว ในความเงียบเหงาภายในห้องบวกกับความอยากรู้อยากเห็นว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงต่อจึงตัดสินใจเปิดหน้าถัดไปและเปิดข้ามหน้าที่ว่างเปล่าสำหรับคั้นเนื้อหาในแต่ละบท ในขณะที่กำลังจะตั้งใจอ่านการเกริ่นนำในประโยคแรก เสียงผลักประตูเข้ามาอย่างรวดเร็วของเพื่อนสนิทของต้นน้ำก็เข้ามาขัดจังหวะ (ต้นน้ำปิดหนังสือและรีบซุกลงในกระเป๋าจินไห่แทบไม่ทัน

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“อ้าว!! ดีเลย มึงยังไม่หลับ มาเอานี่ไปเลย!!” ไอซ์รีบถลันตัวเข้าเผยให้เห็นชายร่างสูงโปร่งถูกพยุงเข้ามาในห้องในสภาพอ่อนแรง เนื้อหนังที่ขาวออร่าตอนนี้เปลี่ยนจนเหมือนพระอาทิตย์ยามใกล้ลับขอบฟ้า (แดงจนน่ากลัว เมามาแล้วแน่นอน!!)

“นอน เชี้ยอะไร! นี่เพิ่ง....” ต้นน้ำมองไปที่นาฬิกาข้อมือที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ไกล เขาพบว่ามันเกินสองทุ่มมานิดหน่อย

“เออ!! มันค่ำแล้ว กูเห็นมึงหายไปเป็นชั่วโมงๆ นึกว่าไม่ไหวแล้วหนีมานอนแล้วเสียอีก!! มาเอาแฟนมึงไปเลย!!” ไอซ์เดินมาถึงเตียงนอนที่ต้นน้ำเดินมารอรับอยู่แล้ว พร้อมกำลังจะพูดตอบโต้แต่ไอ้ไอซ์ดันทำหน้าห้ามปรามเสียก่อน

“ไหวไหม? เอาไปห้องพี่ให้พี่ช่วยดูแลไหม?” เสียงเข้มจากคนคุ้นเคยดังขึ้น นักเลงตัวเล็กพูดขึ้นตรงประตูด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลเองได้ แฟนผมๆดูแลเองได้” ต้นน้ำได้คิดว่าในที่สุดหางงูมันก็โผล่ออกมา การพาพวกเขามาทะเลก็แค่หาวิธีรวบหัวรวบหางโดยชายหญิงนิสัยไม่ดีทั้งสองคน

“แน่ใจนะ ก็เห็นว่าป่วยอยู่ คนป่วยดูแลคนเมามันจะดีเหรอ?” นีโน่ถามย้ำอีกครั้ง

“ผมดูแลเองได้ครับ ไม่ต้องพี่งพี่หรอก ผมไม่ไว้ใจ!!” ต้นน้ำสวนทันที จนทำให้ไอซ์แอบยกนิ้วโป้งให้กับการด้นสดของต้นน้ำซึ่งเขาเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าไปเอาอินเนอร์แบบนี้จากไหน

“กูสิต้องบอกว่า ไม่! ไว้!ใจ! มึง! ที่จะดูแลน้องกูได้!!” นีโน่พูดเน้นเสียงทุกคำจนต้นน้ำแอบหวาดในใจ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือต่อ แต่ก่อนที่เขาจะโต้ตอบกลับไปอย่างร้อนแรงไปตามอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยานอย่างไม่ทราบสาเหตุ เสียงระฆังช่วยชีวิตของเขาก็ดังขี้นจากด้านหลังนี่โน่

“เอาน่าพี่โน่ ต้นน้ำเขาไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ เหล้าก็ไม่ได้กิน สภาพดีกว่าพวกเราเยอะ ไปดื่มกันต่อเถอะ” พี่กวีที่ไม่รู้มาจากที่ไหน เดินมาห้ามทัพได้ทัน และกอดคอเตี้ยๆของนีโน่เดินจากไปอย่างจำยอม ดูท่าทางพี่โน่จะเกรงใจอีกฝ่ายไม่น้อย นีโน่ไม่พูดสักคำตอนเดินจากไปได้แต่ทำตาเขียวใส่ต้นน้ำอย่างมาดร้าย

“เชี้ย! โชคดีที่มีพี่กวีอยู่ด้วยนะ กูเกือบเยี่ยวราดแล้วเนี่ย!!” ต้นน้ำทรุดตัวลงพร้อมกับคนที่เมาไม่ได้สติ

“เห็นความดีงามของการเป็นเพื่อนกูหรือยัง? งั้นกูไปแดกเหล้าฟรีต่อ ส่วนมึงดูแลผัวมึงให้ดีอย่างที่ปากพูดนะ!!” ไอซ์ทำหน้าล้อเลียนอีกฝ่ายจากการมีอินเนอร์เมื่อครู่

“ผัวพ่อง!!” ต้นน้ำรีบยกเท้าโดยกะจะวาดใส่ไอ้เพื่อนปากหมาตรงหน้าแต่ไอ้คนที่เริ่มเมาแล้วอย่างไอซ์กลับหลบได้อย่างหวุดหวิด และเดินออกจากห้องไปพร้อมปิดประตู

ต้นน้ำวางร่างจินไห่ที่ปวกเปียกลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลโดยให้อีกฝ่ายนอนพาดทางแนวขวางของเตียงอย่างไม่สบายตัวเท่าไหร่นัก

ต้นน้ำทอดถอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาทำแบบนั้นขนาดนั้นไปเพื่ออะไรกัน เขายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองรอบหนึ่งและผ่อนลมหายใจออกอีกรอบ

“แสดงเก่งเหมือนกันนะเรา พี่ยังนึกเลยว่าเราหวงพี่จริงๆ” เสียงของคนที่คิดว่าหมดสติไปแล้วดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ต้นน้ำตกใจจนตัวลอย

“อ้าว! เฮ้ย! ทำไม?!?” ต้นน้ำตกใจบวกกับอาการเขินอายที่อีกฝ่ายรู้เห็นการกระทำของเขา

“พี่ก็รู้จักเรียนรู้นะ ใครจะปล่อยให้ตัวเองโดนมอมเหล้าได้ซ้ำซาก พี่ก็เลยแอบตกลงกับเพื่อนเราให้ช่วยแบกพี่เขามาหน่อยหากพี่แสดงอาการเมาหนัก” หลังจากที่ต้นน้ำฟังจินไห่ที่พูดด้วยท่าทางภูมิใจใจจบก็ลอบด่าเพื่อนในใจ

“พีเองก็ไม่ธรรมดานะเนี่ย!” ต้นน้ำชมอีกฝ่ายพร้อมกับส่ายศีรษะเบาๆ

“แล้วเมื่อครู่ไปทำอะไรที่กระเป๋าพี่?” จินไห่ถามพลางลุกขึ้นยืนหมายจะเดินไปที่กระเป๋าเดินทางของตนเอง

“ไม่นี่ครับ ผมแค่เบื่อๆ ก็เลย....” ต้นน้ำพยายามคิดหาคำแก้ตัวแต่เมื่อจินไห่เดินผ่านแล้วกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนระเหยเข้าจมูกจนทำให้เขาอดที่จะอุทานไม่ได้

“โห....!! นี่ดื่มไปเท่าไหร่เนี่ย?” มองจากท่าทางการเดินแปลว่าจินไห่ก็ไม่ได้สภาพดีร้อยเปอร์เซ็นต์

จินไห่ไม่ได้ตอบแต่กลับเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางและเผยให้เห็นสมุดบันทึกที่ไม่ได้วางไว้เรียบร้อยเท่าไหร่ ทำให้จินไห่หยิบมันขึ้นมาและหันมาทางต้นน้ำอย่างหาเรื่อง

“หมายความว่าไง ต้นน้ำมาแอบอ่านสมุดบันทึกของพี่เหรอ?” จินไห่มองตาขวาง

“เอ่อ..... ผมเบื่อ.... เอ่อ ไม่ได้ตั้งใจ.... เอ่อ..... ผมขอโทษครับ” ต้นน้ำไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำตัวเกรงใจคนตรงหน้าขนาดนี้ หากเป็นปกติเขาคงหาวิธีกะล่อนพาตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงนี้ได้ไปแล้ว อย่างมากก็เดินหนีไปเลย แต่พอมาได้เจอสายตาพิฆาตจากคนตรงหน้าทำไมเขาถึงติดอะไรไม่ออกนอกจากคำว่าขอโทษ

“อ่านถึงไหนแล้ว!!?” จินไห่เสียงแข็ง

“น่า.... น่าจะสัก....ครึ่งเล่ม...” ต้นน้ำก้มหน้าตอบ

จินไห่ผ่อนลมหายใจออกเฮือกใหญ่ สร้างความปั่นป่วนในลำไส้ที่ว่างเปล่าของต้นน้ำตอนนี้พอสมควร

จินไห่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงไม่ไกลจากจุดที่ต้นน้ำยืนอยู่ เขาวางสมุดบันทึกเล่มเก่าลงที่ข้างลำตัวอย่างทะนุถนอม

“อ่านถึงตอนที่คนเขียนจะกลับไปอยู่ต่างประเทศหรือยัง?” จินไห่ถามกลับด้วยเสียงเรียบและแผ่วเบา

“ยังครับ” ต้นน้ำตอบด้วยโทนเสียงเดียวกันและยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง ในใจกลับสบถด่าจินไห่ในใจที่เฉลยตอนจบของเรื่องเฉยเลย

“เฮ้อ... จะอ่านจะเปิดดู พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แค่ขอ! ไม่ใช่มาเปิดอ่านโดยพละการ มันก็ไม่ใช่ความลับอะไร มันก็แค่สมุดบันทึกของพ่อพี่สมัยวัยรุ่น พ่อพี่เคยอยู่ที่ไทยมาก่อน” จินไห่ผ่อนลมหายใจ สีหน้าผ่อนคลายขึ้นมาก

“ของ...พ่อพี่!” ต้นน้ำหันมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“อย่าบอกว่าอ่านมาขนาดนี้ ยังเดาไม่ได้ แต่ก็นะ อ่านไปก็คงมีคำถามในใจสินะ!!” จินไห่พูดพลางพยายามเดาความคิดอีกฝ่าย

“ก็....มัน.... คิดไม่ถึงนี่ครับ” ต้นน้ำพยายามคิดตามไปเรื่อย ถึงแง่มุมและเหตุการณ์ต่างๆ ในสมุดเล่มนั้น

“พี่เองก็อย่างรู้ว่า ไอ้หัวโจกที่ว่ามันเป็นใคร แล้วไอ้ความสัมพันธ์แบบนั้นมันคืออะไร  เพราะพ่อพี่ก็ไม่ได้เขียนอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เขาอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หรือเป็นมากกว่าเพื่อน รู้แต่ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่พ่อพี่มักจะพูดถึงมันบ่อยๆ เวลามาเยี่ยม ‘ไหนไน’* (ภาษาจีน “奶奶”)... เอ่อ... คุณย่าที่ประเทศไทย แต่ก็แปลกตรงที่พ่อพี่เองก็ไม่เคยไปเยี่ยมเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาเลยสักครั้ง” จินไห่เหมือนรำพันกับตัวเองมากกว่าที่จะพูดกับต้นน้ำ หน้าของจินไห่แดงกว่าเมื่อครู่มาก ดวงตาเหม่อลอยและเหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่

“พี่คงสนิทกับพ่อมาก” ต้นน้ำพอจะรู้ว่าพ่อของจินไห่เสียแล้วก็เลยพอจะเดาอาการแบบนี้ออก

“อื้อ...” สิ้นเสียงน้ำตาที่กั้นไว้ก็ไหลบ่าเหมือนเขื่อนแตก จินไห่มีท่าทางอ่อนแอเปราะบางจนต้นน้ำไม่เชื่อสายตาตนเอง ต้นน้ำห้ามใจใจไม่ให้ตนเองโผเข้าไปกอดเพื่อให้กำลังใจ ทำได้เพียงขยับเข้าไปใกล้และใช้มือแตะที่หลังเท่านั้น

ทันทีที่จินไห่ได้สัมผัสของมือต้นน้ำบนแผ่นหลัง เขาก็โผเข้าหาอ้อมอกชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ทันที สร้างความประหลาดใจแก่ต้นน้ำอย่างมาก ต้นน้ำตกใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ  เขาเพียงขยับตัวให้อีกฝ่ายเข้าหาเขาได้สะดวกมากขึ้น

หลังจากเห็นผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาครึ่งรอบเป็นแบบนี้ เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจใดๆ แต่กลายเป็นว่าความรู้สึกเศร้าสร้อยมากมายที่อีกฝ่ายแสดงออกมากลับแผ่ซึมมาถึงเขาด้วย จนกระทั่งเขาโอบกอดร่างที่สั่นเทาน้่นไว้แนบชิด

หากเป็นไอ้ไอซ์หรือคนอื่น หรือแม้แต่บรรดาแฟนเก่าของเขามาดราม่าใส่แบบนี้เขาคงหาทางบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงหนีหายไป แต่แปลกที่เขากลับรู้สึกถึงความเป็นหัวอกเดียวกัน เพราเขาเองก็เพิ่งสูญเสียพ่อไปเหมือนกันเมื่อประมาณสามปีก่อน

ฟี้......ฟี้.....

เสียงลมหายใจผ่านช่องปากของจินไห่ดังขึ้น ต้นน้ำเลยได้สติว่าเขากำลังมีน้ำตาเช่นกัน เขาเองก็คิดถึงพ่อของเขาไม่แพ้จินไห่ ต้นน้ำสนิทกับพ่อมากแต่พ่อก็ไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับอดีตของพ่อเท่าไหร่  ทุกอย่างที่เขารู้เรื่องของพ่อ ส่วนใหญ่จะมาจากแม่ทั้งสิ้น

ต้นน้ำพยายามใช้แขนพยุงจินไห่ให้ค่อยๆเอนตัวลงนอนอย่างหนุ่มนวล ใบหน้าของจินไห่ยังเต็มไแด้วยคราบน้ำตา แม้จะดูเศร้าหมองแต่ก็ยังดูดีมาก กลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งไปทั่วตัวทำให้ต้นน้ำเกิดเปลี่ยนใจกับภาพตรงหน้า แม้หน้าจะดูหล่อบาดใจ แต่กลิ่นเหล้าตบจมูกจนแทบเมาไปด้วยแบบนี้ก็ไม่ไหว

หลังจากตัดสินใจได้ว่าต้นน้ำจะไม่ทนนอนดมกลิ่นเหล้าแบบนี้ทั้งคืน เขาจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน คือการเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายให้ชายที่นอนไม่ได้สติบนเตียงคนนี้ (เพราะปกติเวลาไปดื่มกับเพื่อนๆ เขาเองก็เมาเป็นหมาไม่ต่างกัน)

ต้นน้ำรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมาถอดเสื้อผ้าผู้ชายแบบนี้ ถอดเสื้อไม่ยากแต่ถอดกางเกงนี่ หนักหนาเอาการ เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน ไม่ให้มันดูติดเรทเหมือนคลิปโป๊ที่ไอ้ไอซ์เคยแกล้งเอาให้ดู ในที่สุดต้นน้ำก็ดันกางเกงผ้าขายาวลงไปกองอยู่ที่พื้นและตัดสินใจเหลือกางเกงในคาวินไคล์ สีขาวสะอาดไว้ที่เดิมของมัน ต้นน้ำสังเกตส่วนนูนโปนที่ร่มผ้าส่วนล่างของคนไม่ได้สติก็เผลอคิดไปว่า ‘สู้ได้เว้ย’ มันก็ไม่ใหญ่โตแบบที่สาวๆ แฟนคลับต่างมโนกันไว้

ต้นน้ำรีบสะบัดความคิดแบบนั้นในหัวและเริ่มภารกิจเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว ผิวขาวเนียนของจินไห่ที่เขาพยายามใช้ผ้าหมาดลูบไปมาอย่างลวกๆ มันสวยละเอียดยิ่งกว่าเขามากนัก จริงๆ ก็ไม่ต่างจากสาวๆ ที่เขาเคยสัมผัสมาเลย ติ่งเนื้อกลางหน้าอกก็ออกเรื่อชมพูจนเขาต้องหันมามองที่หน้าอกตัวเองที่สีมันออกน้ำตาลมากกว่าแม้ว่าผิวเขาจะขาว แต่ตรงจุดนี้ขอยอมแพ้ละกัน

ในที่สุดภารกิจติดเรทก็จบลง แม้จะรวดเร็วและหยาบไปบ้างแต่คนไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว

ขั้นตอนถัดไปคือการใส่ชุดนอนให้จินไห่ ต้นน้ำพยายามนึกอยู่นานว่าจะเริ่มจากส่วนไหนก่อน เขาพยายามเล็งอยู่นาน คิดไปสารพัดว่าจะจัดการเคลื่อนย้ายเสื้อผ้าบนมือของเขาให้สวมใส่คนไม่ได้สติตรงหน้าโดยที่สัมผัสน้อยที่สุด ต้นน้ำไม่เคยรู้สึกว่าต้องระวังขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าความรู้สึกมันแปลกไป

ต้นน้ำไม่เคยต้องมากังวลอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับการถอดและสวมใส่เสื้อผ้าผู้ชายแบบนี้มาก่อน มันเกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว แต่เขาพยายามปฏิเสธความรู้สึกเหล่านั้นมาตลอด แต่หลังจากได้มีเวลาสัมผัสกับสิ่งที่เขากังวลมาตลอดเป็นระยะเวลานานขนาดนี้ ทำให้เขารู้สึกแล้วว่า มันไม่ปกติเสียแล้ว

ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งได้สัมผัสร่างกายอันนวลเนียนนั่น เขาก็รู้สึกหัวใจจะวาย และยิ่งมาได้มองภาพชายหน้าสวยคนนี้นอนหลับอย่างสบายอารมณ์ในสภาพเกือบเปลือย ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นลนลานจนมือสั่นไปหมด ต้นน้ำไม่เข้าใจตัวเองมากๆ และกลัวว่าจะคิดกับพี่ชายคนนี้มากกว่าที่ตนเองคิดไว้ จนเสียงหนึ่งของเพื่อนแว่บเข้ามาในหัว ‘รักมันไม่เกี่ยวกับเพศหรอกโว้ย’

“เชี้ย!!” ต้นน้ำสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับมองภายสวยงามตรงหน้าไม่วางตา

‘นี่กูมีอารมณ์แบบนี้กับผู้ชายตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วยหรือว่ะ’ เขาคิดในใจ

หลังจากเหม่อมองภาพตรงหน้าได้สักพัก เขาก็สะบัดศรีษะตนเองอีกครั้ง และตอนนี้เขาพร้อมที่จะสวมใส่เสื้อผ้าให้อีกฝ่ายหนึ่งแล้ว

เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาทีกับความทุลักทุเลในการสวมใส่เสื้อผ้าให้จินไห่ เขายอมรับว่าการใส่เสื้อผ้าให้ผู้ชายที่ตัวใหญ่และหนักขนาดนี้มันยากกว่าใส่ให้แฟนเก่าๆ เขามากมายนัก ถึงมันจะนับครั้งได้เลย เพราะเขาชอบถอดให้มากกว่า

ต้นน้ำขยับให้อีกฝ่ายไปนอนชิดทางมุมซ้ายอย่างยากลำบากเพราะเขาเริ่มจะหมดแรงกับกิจกรรมก่อนหน้าแล้ว พอขยับไปได้ประมาณหนึ่ง พอที่จะเหลือที่ให้เขานอนได้ ต้นน้ำก็ล้มตัวนอนแผ่บนพื้นที่ที่ว่างอยู่ทันนี ต้นน้ำยกมือขึ้นมาสัมผัสแผ่นอกตัวเองที่หัวใจของเขายังคงทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง เขาคิดในใจว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาคงนอนไม่หลับแน่ เขาจึงคิดที่จะย้ายตนเองไปนอนด้านล่าง เอาผ้าห่มปูนอนบนพื้นแข็งไปดีกว่านอนใจสั่นอยู่บนนี้

แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็โดนมือหยาบใหญ่คว้าไว้เสียแล้วต้นน้ำโดนจินไห่ปฏิบัติไม่ต่างกับหมอนข้าง หันข้างมากอดแนบแน่นสนิทชิดตัว ต้นน้ำพยายามขยับตัวหนีแต่สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ พยายามอยู่หลายครั้งก็ไม่สามารถหลุดจากการกอดเหมือนหมีรัดเหยื่อแบบนี้ไม่ได้

‘ทำไมคนเมามันแรงเยอะจังวะ?’ เขาบ่นงึมงำ พร้อมรู้สึกยอมแพ้

ต้นน้ำปล่อยตัวเองให้ผ่อนคลายเผื่อว่าอาการรัดแน่นนี้จะผ่อนลงบ้างแต่กลับตรงกันข้าม แรงยังคงส่งมาเท่าเดิม และยังกระชับศรีษะเขาแนบอก ถึงจะไม่ได้รังเกียจอะไรแล้ว แต่เป็นแบบนี้ใครจะหลับลง

ถึงจะคิดได้แบบนั้น แต่ครั้นพอได้ฟังเสียงหัวใจของจินไห่ที่เต้นอย่างสม่ำเสมอ แม้ดูจะเต้นเร็วมาก (อาจเพราะเมา) มันก็ทำให้เขาสงบอย่างประหลาด ฟังได้สักพักใหญ่ นิทราก็ได้มาเยือนสติของเขา เข้าครอบงำจนหลับไหลในที่สุด


…………………………

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 15

Definitely, definitely not!!



ต้นน้ำกำลังเดินหอบหิ้วถังน้ำ ถุงขยะ และอื่นๆ อีกมากมายพลุงพลัง บนทางเดินในสวยที่สร้างด้วยอิฐแแดงเก่าๆที่จมลงในดินดำหนืดจนแทบไม่เห็นรอยทางสีแดงที่ปูจากตัวบ้านไปจนถึงกำแพงลวดหนามที่สุดทางท้ายสวน สวนแห่งนี้นับจากพ่อของเขาเสียชีวิตก็ขาดคนดูแลเอาใจใส่ให้ดูเป็นระเบียบสะอาดสะอ้านอยู่เสมอ เพราะลำพังแม่เขาคนเดียวที่ดูแลกิจการที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้ก็เต็มไม้เต็มมือจะแย่อยู่แล้ว

มันจึงเป็นหน้าที่ตกทอดมาถึงเขาในการดูแลต่อ ซี่งต้นน้ำเขาสามารถบอกได้เลยว่า ‘ไม่ใช่ทาง’ หากไม่ติดที่ว่ามันเป็นพื้นที่ๆแสนวิเศษของพ่อกับแม่ของเขา ไม่อย่างนั้นผมคงยุแม่ให้ขายไปนานแล้ว ไม่ว่าอย่างไร แม่ก็ไม่ยอมขาย เพราะพ่อสั่งเสียไว้

ต้นน้ำเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่เขาต้องเข้ามาเป็นประจำ ที่ต้นไม้ใหญ่ท้ายสวน ที่ๆผู้คนต่างลักลอบเข้ามาสักการะบูชาเจ้าพ่อต้นแห่งความรัก เช่นเดียวกับที่พ่อของเขาที่ต้องเข้ามาทำความสะอาดดูแลเป็นอย่างดี จนถึงตอนนี้ตัวต้นน้ำเองก็ยังไม่เคยจับคนที่ลักลอบเข้ามาได้เลยสักครั้ง

ต้นน้ำบ่นพึมพำไปด้วยความรำคาญ และความไม่เข้าใจในหน้าที่ที่ตกทอดมาถึงเขา เขาไม่ได้อยากได้สวนเหล่านี้เสียหน่อย ยิ่งต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้น หากตัดทำลายไปก็ไม่มีใครเช้ามาแล้ว!! มันเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนเสียด้วยซ้ำ แต่พวกผู้ใหญ่กลับไม่ทำแค่เพราะความทรงจำเก่าๆ

ระหว่างเขากำลังบ่นพึมพำกับการหอบสัมภาระที่มากมายและหนักขึ้นเรื่อยๆตามระยะทางที่ก้าวเดิน (เขาคิดในใจว่าอยากจะหอบขวานมาจามมากกว่า แต่ก็ได้แค่คิด)

เสียงดนตรีเครื่องสายแบบตะวันตกบรรเลงแว่วมาแต่ไกล ทำนองที่เกิดจากการดีดและเคาะผสมผสานทำให้เกิดท้วงทำนองที่ไพเราะตรึงใจ ต้นน้ำไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดนตรีแบบนี้แว่วมา แม้เป็นเพียงการบรรเลงด้วยเครื่องคนตรีเพียงชิ้นเดียวแต่ก็ไพเราะกว่าเสียงใดๆ ที่เขาเคยได้ยินมา

ต้นน้ำรู้ตัวอีกทีก็เร่งฝีเท้ามาถึงต้นเสียงเสียแล้ว เขาวางทุกอย่างลงอย่างเงียบเชียบและเฝ้ามองคนตรงหน้าบรรเลงดีดเส้นสายที่ขึงตึงกับโกร่งไม้เรียวยาวสีน้ำตาลลายเนื้อไม้อย่างเสนาะเพราะพริ้ง

วันนี้คนตรงหน้าเล่นกีตาร์จนเขาเผลอคิดไปว่า มีเครื่องดนตรีชนิดไหนที่ชายคนนี้เล่นไม่ได้บ้าง เพราะคนที่แสดงเดี่ยวคอนเสิร์ตคนนี้แทบจะนำเครื่องดนตรีมาไม่ซ้ำเลย (เครื่องเป่าจนไปถึงเครื่องสาย)

หลังจากเล่นจนจบชายคนนี้ถึงได้หันมาทักกับเขา
“อ้าว! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง!?”

“พี่จินไห่มัวแต่มีสมาธิกับการเล่นตรีมากกว่า ผมหอบของพะรุงพะรังขนาดนี้เลยนะ ไม่ได้ย่องมาเสียหน่อย” ต้นน้ำผายมือมือให้เห็นสิ่งที่กองอยู่ตรงพื้นบริเวณเท้าตนเอง

“ฮ่าฮ่า นั่นสิ” จินไห่ยิ้มแก้เขิน

“เอาอีกแล้วนะพี่ ผมก็บอกอยู่ว่าไม่ต้อง! เดี๋ยวแม่ผมรู้ก็ด่าผมพอดี” ต้นน้ำมองปราดไปที่บริเวณตีนต้นไม้ใหญ่ที่สะอาดสะอ้านเรียบร้อย

“ไม่เป็นไร เห็นแล้วไม่สบายใจ แม่เราอุตส่าห์อนุญาตให้พี่เข้ามาเดินเล่นได้ทั้งที” จินไห่รวบเก็บกีตาร์แนบข้างลำตัวและเดินไปนั่งบนรากไม่ใหญ่ใกล้ๆ จึงทำให้ต้นน้ำเหลือบไปเห็นธูปหนึ่งดอกที่ปักไว้

“เอาอีกแล้วนะ พี่มักจะเหลือทิ้งไว้ตรงนี้เสมอเลยนะ ไหนว่าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ไง” ต้นน้ำถอนหายใจก่อนจะเดินไปใกล้กับจินไห่มากขึ้น

“ก็พี่มีเรื่องที่ขอไว้ไง?” จินไห่พูดเสียงอ่อน

“อะ.....ไร....” ต้นน้ำหันไปทางคู่สนทนาก็พบว่าคู่สนทนาของตนขยับเข้ามาใกล้จนแทบบดเขากับลำต้นไม้ใหญ่ที่แสนขรุขระ

“เฮ้ย!! เดี๋ยวพี่! ทำอะไร?!?!” ต้นน้ำโวยในขณะที่มือและเท้าของเขาโดนรากต้นไม้ใหญ่ยกขึ้นมาโอบรัดจนขยับตัวไม่ได้

“พี่อยากจะรู้ว่าที่พี่ขอไว้มันจะเป็นจริงหรือเปล่า?” จินไห่ขยับหน้าเข้ามาใกล้ต้นน้ำที่แทบขยับตัวไม่ได้จากการรัดพัวพันของรากไม้ที่เหมือนมีชีวิตที่รัดเหยื่อไม่ให้ดิ้นรนหลีกหนี

“เฮ้ยยยยยยย!!!!” ต้นน้ำร้องลั่นและลืมตาโพลง

สติค่อยๆกลับเยือนเขาทีละน้อยทันทีที่เขาเห็นแสงสว่างที่สาดส่องเพดานสีขาวสะอาดและกรอบไฟฟลูออเรสเซนซ์ลวดลายสวยงาม

‘ทำไมถึงได้ฝันถึงเรื่องอดีตไปปนกับเรื่องน่ากลัวแบบนั้นได้วะ!’ เขาคิดพลางถอนหายใจเสียงดัง

แต่เหมือนฝันร้ายที่ว่ายังไม่จบต้นน้ำค้นพบตัวเองจมอยู่ภายใต้กองผ้าห่ม ภายใต้ร่มผ้าห่มผืนหนาพบแขนและขาพัวพันหนักอึ้ง ส่วนเจ้าของแขนขาเหล่านั้นยังคงหลับลึกไม่ได้สติ ใบหน้าที่ยังรู้สึกถึงลมจากเครื่องปรับอากาศที่เย็นเฉียบ แต่ภายในร่มผ้านั้นเขามีเหงื่อฉโลมกาย คอที่แห้งผาดจนรู้สึกกระหายน้ำ แต่เจ้าน้องชายของเขาที่รู้สึกคึกคักตื่นตัวเต็มที่ที่เบื้องล่าง เพราะกระเพาะปัสสาวะเต็มเปี่ยมไปด้วยของเสียจากไตมาคั่งอยู่จนแทบล้น (ไม่ได้มีอารมณ์ใดๆ) แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำเพราะน้องชายของเขาที่ตื่นเต็มที่นั้นดันอยู่ภายใต้ขาของคนร่วมเตียงที่พาดอยู่

ต้นน้ำตัดสินใจหันไปหาคนที่ทำกับเขาเหมือนหมอนข้างทันที เพื่อจะได้ปลุกและจะได้เลิกคุกคามเขาแบบนี้เสียที ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่แบบนี้มันไม่ดีกับหัวใจของเขามากๆ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หัวใจเขาเต้นผิดปกติเมื่อต้องอยู่ใกล้กับคนๆนี้

สิ่งแรกที่เขาหันไปเจอคือโครงหน้าของคนที่หลับอย่างมีความสุข ใบหน้าที่สงบนิ่งราวกับดำดิ่งสู่ฝันดี ลมหายใจเข้าออกที่กระทบใบหน้าของเขาอย่างสม่ำเสมอ ริมฝีปากที่เผยอแคบๆ เผยให้เห็นส่วนเสี้ยวของฟันหน้าที่ขาวสะอาด คิ้วเข้มที่รับกับใบหน้ายามนิทรา วงหน้าเหล่านั้นทำให้ต้นน้ำลืมจุดประสงค์ที่หันมาชั่วขณะ

‘หอม’ ต้นน้ำแอบคิดเมื่อได้สูดกลิ่นที่ขจายออกมาอ่อนๆ จากตัวคนที่นอนด้วย ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเขาก็เช็ดตัวให้ด้วยน้ำเปล่าธรรมดาแต่ทำไมตัวของจินไห่ถึงไม่มีกลิ่นที่น่ารังเกียจเลย

“ตื่นแล้วเหรอ?” คนที่หลับตาสนิทเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะค่อยๆยกแผงขนตานั่นขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มีความงัวเงียแฝงอยู่

“ครับ! เอ่อ... คือ.....” ต้นน้ำมองที่ร่างกายของเขาเป็นการขอความเห็นใจให้ช่วยปลดปล่อยตนเอง

“เฮ้ย!! พี่ขอโทษ!! พี่นึกว่าเราเป็นหมอนข้างอีกแล้ว!! ปวดฉี่ใช่ไหม?”  จินไห่พูดพลางพลิกตัว

“ทำไม....เอ่อ....” ต้นน้ำรู้สึกหน้าร้อนผ่าว

“ผู้ชายด้วยกัน รู้หรอกน่า” จินไห่ยิ้มกริ่ม

‘เชี้ย!!’ ต้นน้ำสบถในใจและรีบรุดวิ่งไปห้องน้ำ

ต้นน้ำอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำอยู่นานเขาทำทุกอย่างที่สามารถทำในห้องน้ำได้ ตั้งแต่ปลดทุกข์เบา ทุกข์หนัก แปรงฟันโกนหนวด รวมถึงยืนทำใจหน้ากระจกในขณะที่ตัวเองเปลือยเปล่า พยายามพินิจพิเคราะห์ร่างกายตัวเองว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับร่างกายผู้ชายแน่นอน มันคงเป็นแค่ปฏิกิริยาของชายวันรุ่นช่วงเช้าเท่านั้น

ต้นน้ำสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงและค่อยๆผ่อนออกเพื่อปลดปล่อยความคิดไร้สาระพรรณนั่นออกจากอก ทำหัวให้โล่งเขายังต้อนผจญภัยกับเสือสิงกระทิงแรดในทริปนี้อีกหนึ่งวันเต็ม ๆ

ทันทีที่น้ำสาดออกจากฝักบัว สายน้ำที่เย็นจับใจก็ไหลชะโลมเขาตั้งแต่หัวจรดขา ความสดชื่นคืนสู่เขาอีกรอบ แม้จะมีอาการแสบๆ ของแผลที่ศรีษะอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง เพราะการอาบน้ำถือเป็นช่วงเวลาส่วนตัวหนึ่งเดียวในหลายวันที่ผ่านมา

ผั๊ว!!

เสียงผลักประตูเปิดออกเผยให้เห็นชายร่างสูงโปร่งยืนใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอยู่หน้าห้องน้ำ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“เฮ้ย!! พี่!! ได้ไง?!?” ต้นน้ำรีบนำมือปิดส่วนสำคัญของตนเองไว้

“ต้นน้ำนั่นแหละ! ทำอย่างนี้ได้ยังไง!?!” จินไห่สวนกลับด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด

“อะไร!? ผมไปทำอะไรพี่ แล้วทำไมพี่ถึงได้ผลักประตูเข้ามาตอนผมอาบน้ำด้วย!! ผมล็อกแล้วพี่เข้ามาได้ไงวะ!?!” ต้นน้ำโวยลั่น

“ประตูห้องน้ำที่นี่ทำไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินอยู่แล้ว กระชากแรงๆ ก็เปิดได้ แต่ที่พี่เข้ามาเนี่ยจะบอกว่า อย่าให้หัวโดนน้ำ เดี๋ยวแผลอักเสบ กวีกำชับพี่ไว้!!” จินไห่รีบเดินเข้ามาถึงบริเวณฝักบัว ตอนนี้มีเพียงกระจกใสกั้นกลางระหว่างคนทั้งสอง

“เอ่อ..... ตะโกนบอกก็ได้มั้ง?”  ต้นน้ำใจเต้นตึกตักกับระยะห่างแค่นี้ ยิ่งเห็นอีกคนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวด้วยแล้วใจยิ่งสั่น

“ก็ส่งเสียงแล้วเห็นน้องไม่ตอบ พี่ก็นึกว่าเป็นลมหรือล้มไปแล้ว ก็เลย....” จินไห่เลิ่กลั่นหน้าแดงร้อนขึ้นมา

“โอเคๆ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ออกไปได้แล้ว!!” ขณะพูดต้นน้ำขยับตัวทำให้องศาของน้ำที่ไหลเป็นสายปะทะโดนแผลจนเขาร้องซี๊ดออกมาด้วยความไม่ตั้งใจ

เมื่อจินไห่เห็นดังนั้น เขาก้าวไปหยิบบางอย่างบริเวณอ่างล้างหน้าและกระโจนเข้าไปในเขตฝักบัว เขาเลื่อนเปิดปิดบานกระจกอย่างรวดเร็วพร้อมปิดน้ำฝักบัวที่กำลังไหลปะทะศรีษะคนที่อยู่ก่อนแล้ว

“พี่ไม่ไหวแล้วนะ!!” จินไห่พูดพลางดึงผ้าที่พันรอบเอวออกเผยให้เห็นช้างแมมมอธที่ดูน่าเกรงขามมากกว่าที่เห็นนอกร่มผ้า

“เฮ้ย!! พี่ทำอะไร!?!” ต้นน้ำยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยค เขาก็ถูกมือหยาบใหญ่บังคับให้หันหลัง

“อยู่นิ่งๆ!!” จินไห่เสียงเข้ม

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวสิเว้ย!!” ต้นน้ำโวยพยายามขัดขืน เพียงเสี้ยววินาทีที่พูดจบประโยค เขาก็ถูกผ้าผืนใหญ่คลุมศรีษะ และถูกมือที่อ่อนโยนออกแรงกดซับหยดน้ำบนศรีษะอย่างช้าๆ

ในที่สุดต้นน้ำก็เงียบสงบลง เมื่ออะไรๆ ที่เขาคิดลึกไปเองมันกลับลงเอยตรงกันข้าม

“นึกว่าพี่จะทำอะไร?” จินไห่พูดขณะกลั้นขำกับอากัปกิริยาของต้นน้ำเมื่อครู่

“ก็ไม่บอกไม่กล่าว แก้ผ้าเดินเข้ามาแบบนี่จะให้คิดว่าอะไร? เดี๋ยวนะ!! พี่แก้ผ้าอยู่นี่หว่า!!” ต้นน้ำที่โดนปิดทัศนะเพิ่งคิดได้ แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างจากทางด้านหลังได้

“ก็พี่รออาบน้ำอยู่นี่หว่าจะให้แต่งตัวยังไงล่ะ?! ผู้ชายด้วยกันจะอายทำไม?” จินไห่ยังคงใช้ผ้าซับน้ำอยู่

“งั้นโอเคแล้ว พี่ออกไปได้แล้ว!!” ต้นน้ำดึงผ้าที่ศรีษะตนเองออกพร้อมหันกลับไปทำตาเข้มใส่คนด้านหลัง ทันทีที่ต้นน้ำเห็นคนตรงหน้ายังคงเปลื่อยเปล่าก็อดรู้สึกร้อนที่ใบหน้าไม่ได้ สงสัยเขาจะเริ่มไม่สบายเสียแล้ว

“หน้าแดงๆ เป็นอะไรหรือเปล่า?” จินไห่เดินเข้ามาใกล้มากขึ้นแต่ต้นน้ำกลับถอยหลังให้ห่างออกไป ในใจของเขารู้สึกคนตรงหน้าดูอันตรายมากกว่าที่เขาคิด

“ไม่เป็นไรก็ดี งั้นพี่จัดการนี่ให้ก่อน” จินไห่หยิบซองบางอย่างขึ้นมาแล้วฉีกออก

“เฮ้ยๆ นั่นอะไร!!??” ต้นน้ำตกใจกับการฉีกซองปริศนาตรงหน้า

“หมวกอาบน้ำไง จะสวมให้ หัวจะได้ไม่เปียก!!” จินไห่พูดเสียงเรียบพร้อมแสดงสิ่งที่ดึงออกจากซองพลาสติกขนาดเล็ก มันเป็นหมวกคลุมอาบน้ำพลาสติกใส ขนาดไม่ใหญ่มาก ต้นน้ำรู้สึกโล่งอกอย่างประหลาด

จินไห่เห็นอีกฝ่ายลดอาการตกใจและลดการ์ดลง เขาจึงเดินเข้าไปใกล้และใส่หมวกให้อีกฝ่าย ด้วยความสูงที่ใกล้เคียงกันจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

ขณะนี้ดวงตาของทั้งสองแทบจะอยู่มุมขนาน ต้นน้ำไม่เคยคิดเลยว่าดวงตาของจินไห่จะสวยและน่ามองขนาดนี้ ผิวพรรณที่ชวนน่าสัมผัสที่มองใกล้ๆ ยิ่งน่าตื่นตา เขาไล่มองไปจนถึงจุดยุทธศาสตร์ก็พบว่ามันตื่นขึ้นมาครึ่งหนึ่งแล้ว แต่แปลกเขากับไม่รู้สึกรังเกียจมันเท่าไหร่....

“ก้มหน้าหน่อย” เสียงคำสั่งที่น่าฟังดังขึ้น ต้นน้ำทำตามทันที ตอนนี้สายตาพวกเขามาบรรจบกันเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายจ้องตากันอยู่แบบนั้นเหมือนต้องมนต์

ความรู้สึกที่เกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้มันเอ่อล้นออกมาด้วยการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ ร่างกายมันไม่ใช่ของสมองอีกต่อไป มันเป็นของหัวใจที่ร้อนและเต้นแรงระรัว ทั้งสองต่างโน้มเอียงเข้าหากันจนกระทั้งริมฝีปากทั้งสองปะทะกันอย่างแผ่วเบา และเริ่มเสียดสีและโลมเล้าอย่างช้าๆ

สัมผัสของชายหนุ่มทั้งสองที่แข็งแรงปะทะกันที่แผงอกและไล่ลงมาจนถึงหน้าขาช่วงบน ตอนนี้ต้นน้ำเปรียบดังเรือยนต์ที่ติดเครื่อง ใบพัดที่ท้ายเรือนั้นปั่นแรงจนไม่สามารถหยุดความต้องการจากภายในส่วนลึกได้อีกต่อไป เขาทำได้เพียงเดินหน้าและปล่อยคันบังคับไปตามแรงปรารถนา สัมผัสที่บดเบียดทางด้านหน้าของต้นน้ำ เหมือนไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป แม้มันจะเป็นสัมผัสที่แตกต่างเพราะกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของอีกฝ่าย แต่เขาก็ถลำลึกกับรสจูบที่อ่อนโยนและดีเกินขาดจนยอมให้อีกฝ่ายใช้มือสัมผัสทุกอย่างทางด้านหลังของเขา ไล่ไปตั้งแต่สะบักลงไปถึงช่วงหลัง มันช่างอบอุ่น.....

รสจุมพิศอันแสนอบอุ่นและอ่อนโยน มันหวานล้นปริ่มใจอย่างอธิบายไม่ได้ ต้นน้ำตอบรับผู้ใหญ่ที่รุกรานเขาอย่างนุ่มนวลทุกการขยับริมฝีปาก ต้นน้ำผู้มีประสบการณ์ช่ำชองในเรื่องการรุกจูบเปิดฉากรัก ยังรู้สึกทึ่งกับการกระทำของอีกฝ่าย ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ดูไร้พิษภัยคนนี้จะมีทีเด็ดอยู่ที่การเปิดฉากรักด้วยริมฝีปาก

มือสากใหญ่ที่มีสัมผัสแสนอ่อนโยนกำลังไล่คลึงเค้นไปตามกล้ามเนื้อนักกีฬาของต้นน้ำจนทั่วหลังและเอว จินไห่ดันร่างต้นน้ำด้วยร่างตนเองจนร่นถอยไปติดกำแพงอีกฝั่ง ทำให้เกิดช่องว่างเล็กๆ ระหว่างกันและกัน คราวนี้มือของจินไห่ไล่คลึงจากแขนไปไหล่ไล่จนไปถึงอกที่มีตุ่มเนื้อสีเข้มแข็งเป็นไต รอรับการสัมผัส นิ้วมือเรียวที่เย็นเยียบบรรจงสัมผัสวนไปจนทำให้ต้นน้ำเผลอร้องเสียงแปลกออกมาระหว่างที่ริมฝีปากยังคงโดนทำร้ายอย่างอ่อนโยน ทั้งขบทั้งเม้ม

มือของจินไห่หยุดนิ่งไปชั่วขณะเหมือนกำลังเบื่อกับการวนรอบบริเวณซ้ำๆ เขาวาดมือลงไปอย่างแผ่วเบาให้ปลายนิ้วมือที่ไร้เล็บคมลากไปจาถึงสะดือและลากลู่ไปตามป่าหญ้าที่ขึ้นดกดำอยู่เบื้องล่างและอวัยวะจุดยุทธศาสตร์ที่พร้อมปฏิบัติการ เพียงเสี้ยวนาทีที่อาวุธของต้นน้ำถูกโอบล้อมด้วยแผงมืออันแข็งแกร่ง อะไรบางอย่างในตัวของต้นน้ำก็รู้สึกต่อต้าน

ต้นน้ำผละออกจากจินไห่อย่างตกใจ เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว เหมือนวิญญาณของเขาถูกจิตวิญญาณของอีกฝ่ายจู่โจมจนหมดแรง นัยตากลมสีน้ำตาลอ่อนในวงตาที่เรียวสวยแสนลึกล้ำเสียจนเขาอยากจะถลำตัวเองเข้าไปหา แต่ร่างกายตรงหน้ามันช่างห่างไกลกับอุดมคติของเขามาก

ต้นน้ำไล่ดวงตาลงมาเรื่อยก็เจอแต่กล้ามเนื้อลีนๆ ที่ถึงแม้ผิวพรรณเหล่านั่นมันแสนจะผุดผ่องแม้จะเริ่มเกรียมแดด แต่เบื้องล่างลงไปนั่น มันมีอวัยวะที่เขาไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร แม้ในจิตใจจะแสนต้องการไปต่อให้จบ ต้นน้ำเองก็อยากรู้ว่าปลายทางที่เขากำลังจะเดินทางไปจะจบแบบใด   แม้เขาจะเคยรู้มาบ้างจากประสบการณ์ของเพื่อนสนิทตนเอง แต่ครั้งจะลองเองใจก็ยังไม่กล้าพอ

แม้มันเหมือนจะเนิ่นนานสำหรับเขาในห้วงความคิด แต่สำหรับจินไห่ มันเป็นเพียงเสี้ยวนาที จินไห่เห็นอีกฝ่ายผละออกและนิ่งไป เขาจึงพยายามโถมตัวเองเข้าไปจู่โจมอีกครั้ง

“เดี๋ยวพี่! ..... คือ..... เอ่อ....” ต้นน้ำใช้มือดันอีกฝ่ายให้เว้นระยะไว้ แต่ก็มีกำลังเพียงน้อยนิด เพราะจิตใจที่สับสนและหัวใจที่สั่นรัว

ในขณะที่จินไห่กำลังจะเอ่ยปากพูดเพื่อโน้มน้าวอีกฝ่าย เพราะตอนนี้ความรู้สึกและอารมณ์ของเขากำลังทะยานทะลุเพดานไปแล้ว เสียงเคาะประตูห้องก็ดังลั่น เป็นเหตุให้ต้นน้ำขอตัวเพื่ออกไปตอบรับคนที่พยายามจะพังห้องของเขาเพราะไม่มีเสียงตอบรับ

“มีใครอยู่ไหมครับ?” เสียงจากอีกฝากของประตูพูดด้วยภาษาสุภาพแต่ต้นน้ำรู้ดีว่าไอ้คนที่พูดอยู่ค่อนข้างฝืนทีเดียว เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา ไอ้เพื่อนเขาคนนี้แทบไม่เคยพูดสุภาพกับใคร

“กูอาบน้ำอยู่ มึงเคาะห้องเสียงดังเพื่อ??” ต้นน้ำตะโกนกลับไปหาคนที่อยู่ฟากของประตู

“สัด!! กูก็นึกว่ามึงยังไม่ตื่น เห็นเมื่อวานยังดูเบลอๆอยู่เลย ว่าแต่มึงเห็นพี่จินไห่ไหมวะ!? พี่โน่แม่งหาไปทั่ว ปกติเห็นพี่แกตื่นเช้าไปเตรียมอาหารเช้าแล้ว กูเลยอาสามาหาที่ห้องมึงนี่แหละ เผื่อว่ามึงกับพี่เขา....กำลัง...แอบ..........ว่าจะได้ไม่มาขัดจังหวะให้เสียอารมณ์ไง!” ไอซ์พูดอย่างคึกคะนอง ต้นน้ำสามารถนึกถึงหน้าตาที่คิดอกุศลของเพื่อนได้โดยไม่ต้องเปิดประตู

“แล้วที่มึงทำอยู่ไม่เรียกว่า ขัดจังหวะ!” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจกับเพื่อนของเขาด้วยท่าทีขุ่นเคืองปนขอบใจ ไม่อย่างนั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมันจะลงเอยอย่างไร

“อ้าว! แปลว่ากูมาขัดจังหวะ!....” ไอซ์ตอบกลับมาทันที

“จังหวะพ่อง!! กูเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ส่วนพี่ไห่เพิ่งเดินเข้าไปอาบ” ต้นน้ำมีความลนลานปนในน้ำเสียง

“...........ถึงกูไม่เห็นหน้ามึง.....แต่กูรู้สึกว่ามึงโกหกว่ะ แต่ช่างเถอะ หากพี่จินไห่อยู่กับมึงกูก็สบายใจ จะได้ไปบอกพี่โน่ ส่วนมึงและพี่จินไห่ก็รีบออกมากินมื้อเช้าได้แล้ว เห็นว่าวันนี้พี่โน่จะพาไปขี่เจ็ตสกีเที่ยวรอบๆกัน รีบออกมานะกูไม่อยากให้พี่โน่อยู่กับพี่กวีแค่สองคนนานๆ” ไอซ์มีน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เขารู้สึกคิดผิดที่ดันให้สองคนนั้นมาเจอกันอีกครั้ง รู้สึกได้เลยว่าพี่นีโน่จะยังตัดใจจากพี่กวีไม่ได้อย่างแรง

“อ้าว! แล้วแฟนเก่าพี่ไห่ล่ะ?!?” ต้นน้ำสงสัย อยู่ๆก็เพิ่งนึกถึงตัวละครเสริมคนนี้ได้ นางร้ายในเรื่องนี้ที่ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องทั้งหมดนี้

“เออ! เนี่ยแหละ! ก็เพราะต้องแยกกันตามหานี่แหละ กูเลยอาสามาหามึงกับพี่จินไห่! ส่วนสองคนนั้นก็ไปตามหาชะนีนางนั้นแหละ!!” ไอซ์พูดอย่างอารมณ์เสีย ถึงอยากจะกำจัดชะนีนางนี้ให้พ้นทาง แต่การหายตัวไปแบบนี้มันผิดแผน

“โอเค! เดี๋ยวกูรีบออกไปช่วยหา!!” ไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกผิดมันถึงได้ถาโถมมาที่ต้นน้ำ ทั้งๆที่เขาควรจะดีใจเพราะอะไรๆ มันไม่เป็นไปตามแผนของหญิงร้ายชายโหดคู่นั้น

ต้นน้ำตัดสินใจว่าจะขอยุติเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อครู่ และไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น แต่คนที่รอเขาอยู่ในห้องน้ำนี่สิ เขาจะปฏิเสธอย่างไร หากจินไห่ยังคงต้องการสานต่อ

ต้นน้ำเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ เห็นจินไห่ในสภาพเปลือยเปล่ายืนอยู่หน้ากระจกพร้อมกับกำลังโกนหนวดอย่างพิถีพิถัน ภาพตรงหน้ามันทำให้ต้นน้ำใจสั่นไม่น้อย  ทำไมใจของเขาถึงได้รู้สึกอะไรแบบนี้กับภาพตรงหน้า เขายอมรับว่ามันสวยงามจนอย่างสัมผัสและโอบกอด แต่ก็ยังมีความรู้สึกขัดแย้งเกิดขึ้นในหัวอยู่ดี แต่ร่างกายของเขากลับคิดตรงกันข้ามส่วนที่อ่อนนุ่มไปแล้วกลับพยายามกลับมา คึกคักอีกรอบ

“รีบเข้าไปอาบน้ำสิ! พี่ได้ยินหมดแล้ว พี่ก็เป็นห่วงเสี่ยวหยู๋เหมือนกัน” จินไห่พูดขัดจังหวะความคิดของต้นน้ำ

“หึ!! ได้!” อยู่ๆ ความคิดล่องลอยเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์เมื่อครู่ก็กลายเป็นขุ่นมัวเหมือนตกนรกทะเลหมอก ต้นน้ำรู้สึกอารมณ์เสียแบบไม่รู้ตัว เขาเข้าไปอาบน้ำด้วยอาการไม่พอใจโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดมาจากอะไร

...........

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต้นน้ำ...หงุดหงิดเพราะอารมณ์ค้างคาไม่ถึงฝั่งฝัน  สินะ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ตอนต่อไปขอแก้ไขคำผิดก่อนะฮะ
แล้วจะมาต่อให้จบตอน

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

หลังต้นน้ำออกจากห้องน้ำก็ไม่เห็นวี่แววของคนที่ขอตัวออกจากห้องน้ำไปก่อนหน้าเขา เขาเข้ามาในส่วนห้องนอนที่ว่างเปล่าแล้ว ยิ่งทำให้อาการขุ่นมัวในอกยิ่งคุกรุ่นยิ่งกว่าเก่า คนที่ยังต้องการเขาอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้หายไปไหน ทำไมถึงทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น จินไห่มีอาการเป็นห่วงเป็นใยเสี่ยวหยู๋เหมือนเคย หรือว่านี่คือพฤติกรรมที่เรียกว่าตัดกันไม่ขาด ต้นน้ำผ่อนลมหายใจออกอย่างหงุดก่อนที่จะรีบแต่งตัวให้เสร็จแล้วไปหาอะไรรองท้องดีกว่า

แสงอาทิตย์ยามสายสาดส่องไปทั่วบริเวณภายนอกอาคาร ทำให้ภายในห้องนั่งเล่น ที่มีการจัดโต๊ะรับประทานอาหารที่มุมหนึ่งสว่างไสวไปหมดโดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟสักดวง

ต้นน้ำเดินมาถึงห้องนั่งเล่นที่ร้างไร้ผู้คน เขาเดาว่าทุกคนคงออกไปตามหาหญิงสาวในกลุ่มที่หายไปกันหมด ต้นน้ำมองไปที่โต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า เขาสงสัยว่ามื้อเช้าที่ไม่เคยขาดของจินไห่หายไปไหนหมด อาจเพราะจินไห่ใช้เวลากับเขาในช่วงเช้าจนไม่มีเวลามาเตรียมบวกกับการรีบออกไปตามหาคนที่หายไปจึงไม่มีแก่ใจจะเตรียมอาหารให้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่อึดอัดแน่นหน้าอกแบบนี้มันคืออะไร เขารู้แต่ว่าเขาไม่ชอบเลย

ต้นน้ำนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะอาหาร เขานั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อเช้า และเผลอขยี้ศรีษะตนเองจนไปโดนแผล ต้นน้ำร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

“อ้าว!! แล้วไปขยี้หัวตัวเองทำไมล่ะ?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล แต่เป็นเสียงที่สร้างความปิติให้ต้นน้ำไม่น้อย

“อ้าว!! พี่ไม่ได้ตามหาพี่เสี่ยวหยู๋เหรอครับ?” ต้นน้ำตอบกลับด้วยอาการประหม่า

“อืม.... ก็อยากจะไปเลยล่ะนะ แต่กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง พี่จะให้เราท้องว่างได้ไงล่ะ ยิ่งมื้อเช้าแบบนี้ด้วย” จินไห่ถือจานที่บรรจุอาหารเช้าแน่นจาน ทั้งแฮม ไส้กรอก ไข่ดาว และขนมปังปิ้งอีกหลายชิ้น และมีสิ่งที่เหมือนผักผัดคลุกเนยหอมกรุ่นอยู่ในนั่นด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ท้องของต้นน้ำร้องโวยวายเหมือนลั่นกลองศึก

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฟังจากเสียงท้องน่าจะหิวแล้วสิ! เดี๋ยวนะ ทำไมหัวชื้นๆ? ทำไมถึงปล่อยให้หัวเปียกน้ำอีกแล้ว!!” จินไห่วางจานใกล้กับต้นน้ำจึงทำให้สังเกตเห็นเห็นผมที่ชื้นเปียกของอีกฝ่าย

ต้นน้ำนึกไม่ออกถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงดึงที่หมวกอาบน้ำออกต้นอาบน้ำ ด้วยอารมณ์ตอนนั้นเขาจึงแสดงพฤติกรรมแบบนั้น

“เอ่อ.....” ต้นน้ำไม่รู้ว่าจะตอบอะไร

“ไม่ต้องพูดแล้ว! เดี๋ยวพี่ทำแผลให้ก่อน!” จินไห่พูดจบก็ลุกออกไปหยิบกระเป๋ายาที่ห้อง

ต้นน้ำทำอะไรไม่ถูกนอกจากนั่งกินอาหารที่หอมกรุ่นตรงหน้าอย่างสงบ

จินไห่กลับมาพร้อมกระเป๋าที่ครบครันทั้งยาใช้ภายในและภายนอก เป็นที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่างจริงๆ แต่สิ่งที่ไม่คิดว่สจะได้เจอก็คือซองสีอลูมิเนียมสีเงินวาว ขนาดเล็กสี่เหลี่ยมจตุรัส เพียงแว่บเดียวเขาก็รู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร ต้นน้ำไม่คิดว่าจินไห่จะเตรียมของพรรณนี้มา ‘ถุงยางอนามัยเนี่ยนะ’ ต้นน้ำแอบคิดและหันหน้าหนี

“หึงพี่เหรอ?” จินไห่ถามขณะทำแผลบนศรีษะให้ต้นน้ำ

“อะ....อะไรนะ!! พี่!!” ต้นน้ำตอบด้วยอาการลนลาน ต้นน้ำไม่เคยหึงใครในชีวิตมาก่อน เลยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันคืออะไร

“ช่างมันเถอะ ถือว่าพี่ไม่ได้พูดอะไร” จินไห่เงียบและทำแผลให้อีกฝ่ายต่อ

ในระหว่างที่ต้นน้ำกำลังกินมื้อเช้าขณะที่จินไห่กำลังทำแผลให้ต้นน้ำอยู่นั่นมันช่างยาวนานและเงียบงันสำหรับต้นน้ำอย่างมาก แต่เวลาในโลกแห่งความเป็นจริงมันผ่านไปเพียงนาทีเดียวเท่านั้นที่ต้นน้ำต้องทนกับความรู้สึกค้างๆคาๆแบบนี้

“พี่ก็รีบกินมื้อเช้าสิ จะได้รีบไปหาแฟนเก่าพี่!” คนที่หมดความอดทนก่อนเป็นฝ่ายเริ่มต้นในที่สุด

“อดีตกับปัจจุบัน พี่เลือกปัจจุบันนะ ถึงจะอดเป็นห่วงไม่ได้ก็เถอะ” จินไห่ที่บ่นพึมพำขณะเก็บยาทำแผลต่างๆ ลงกล่องยา

“พี่หมายความว่าไงเนี่ย?” ต้นน้ำพูดขึ้นด้วยความสงสัย เขารู้สึกทนไม่ไหวกับความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ ที่เกิดขึ้นในบรรยากาศตอนนี้

ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายหนึ่งจะตอบคำถามของต้นน้ำ กลุ่มคนที่หายไปตั้งแต่เช้าตรู่ก็กลับมาด้วยความเหนื่อยล้าและเหงื่อไหลไคลย้อย

“โหย.... สายๆ แบบนี้ร้อนเป็นบ้าเลยเนอะ” ลูกครึ่งตะวันตกอย่างไอ้ไอซ์กระพือเสื้อยืดคอวีที่เผยให้เห็นผิวที่ไหม้แดงตลอดนอกร่มผ้า

“ยิ่งบ่นก็ยิ่งร้อนนะ” กวีที่ผิวออกแดดแดงไม่แพ้กันพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะล้มตัวลงบนโซฟาไม่ไกล

“ว่าไงบ้างครับ? เจอไหมครับ?” จินไห่หันไปสนใจผู้มาใหม่ทันที

“ดีแล้วล่ะที่น้องไห่ไม่ไปด้วยน่ะ เสียเวลาฉิบหาย!” เสียงดุดันจากคนตัวเล็กดังขึ้นจากหน้าประตูที่เปิดค้างไว้

“หมายความว่า...?” จินไห่ตีหน้างงไม่แพ้กับต้นน้ำที่โต๊ะอาหาร

“อ่านโน้ตนี่แล้วจะเข้าใจ หากันตั้งหลายที่แต่ดันลืมไปถามที่รีเซฟชั่น เฮ้อ......” นีโน่เหมือนโมโหความโง่ของตนเองมากกว่า

จินไห่หยิบกระดาษขนาดเอสี่ที่พับอย่างเรียบร้อยและคลี่กางออกอ่าน เขาทำปากขมุบขมิบและคิ้วขมวดเป็นครั้งคราวอยู่หลายนาทีจนคนที่ลุ้นรอคนอ่านเฉลยเรื่องอ่านอย่างต้นน้ำผ่อนลมหายใจออกยาวและแรง

“เอามานี่มา!” ต้นน้ำรู้ว่าอีกคนไม่ถนัดภาษาไทยมากนัก เลยอาสาอ่านให้ฟัง

หลังจากหยิบกระดาษแผ่นนั้นจากที่จินไห่ยื่นให้ด้วยรอยยิ้มเฝื่อน เขาก็อ่านออกเสียงทันที ตัวหนังสือที่เขียนไม่ได้บรรจงมากนักบ่งบอกถึงความเร่งรีบ แต่ถึงอย่างนั้นลายมือก็อ่านง่ายกว่าลายมือของเขาที่ตั้งใจเขียนมาก

“สวัสดีคะพี่โน่

ขอบคุณในความกรุณาของพี่โน่นะคะที่เอ็นดูและช่วยเหลือเสี่ยวหยู๋ในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องที่คอยดูแลหยู๋ที่ผับ เรื่องที่รับฟังปัญหาโง่ ๆ ของน้อง ให้คำปรึกษาและยอมทำตามแผนที่เอาแต่ใจของหยู๋ แม้พี่จะบอกว่านิสัยของหยู๋เหมือนคนที่พี่โน่อยากดูแลไปตลอดชีวิต แต่หยู๋เองก็มานั่งคิดนะคะว่า หยู๋กับน้องกวีนิสัยต่างกันมากเลยนะ สงสัยหยู๋คงคิดไปเอง”

อ่านมาถึงตรงนี้พี่โน่ก็กระแอมเสียงดังและพูดด้วยเสียงอันดุดันว่าให้รีบข้ามไปอ่านตอนสำคัญเสียที!! ต้นน้ำลนลานแต่ก็หยุดอ่านเสียงดังและไล่สายตาไปที่อีกย่อหน้าหนึ่ง ซึ่งจินไห่แอบหัวเราะเขาอยู่แต่ต้นน้ำก็รับรู้ได้จากอาการตัวสั่นเทิ่มของจินไห่ ต้นน้ำเบ้หน้าใส่จินไห่จนอีกฝ่ายหยุดนิ่ง

“ฝากบอกพี่ไห่ด้วยนะคะว่า ‘ขอบคุณมาก’ ที่ยังเป็นพี่ชายที่ดีเสมอ หยู๋รู้อยู่แล้วคะว่า เรื่องของเราคงเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่วันแรกที่หยู๋เจอแฟนของพี่แล้วล่ะคะ สายตาพี่มัน… ฟ้อง… ว่า… ไม่มีหยู๋อยู่ในสายตาแล้ว ให้… อภัยน้องสาวที่แสนดื้อดึงคนนี้ด้วยนะคะ”

อ่านมาถึงช่วงนี้ เสียงของต้นน้ำก็ค่อยๆ แผ่วลง หัวใจเต้นรัวจนมือสั่นไปหมด เขาไม่เข้าใจว่าข้อความเหล่านี้มันแปลความหมายได้ตรงตัวกับสิ่งที่เขาคิดหรือเปล่า ต้นน้ำแอบมองไปที่จินไห่ที่มีอาการเขิยอายอย่างเห็นได้ชัด ต้นน้ำหลบตาอีกฝ่ายก่อนที่จินไห่จะมองตอบ และเริ่มอ่านต่อทันที

“หลังจากที่ได้คุยกับพี่ไห่ หยู๋ก็เลยคิดอะไรได้หลายอย่าง ว่าที่ผ่านมาหยู๋ทำไปเพราะแค่หวงที่พึงพาทางจิตใจของหยู๋ หยู๋ยังอยากให้พี่ไห่เห็นความสำคัญของหยู๋เหมือนเดิม จึงจะขอกลับไปตั้งหลักใหม่ที่บ้าน หยู๋จะกลับไปเผชิญกับความจริงที่หยู๋เลือก หากมันมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด หยู๋ก็พร้อมที่จะปรับความเข้าใจ หากมันพิสูจน์แล้วมันไม่ใช่ หยู๋ก็จะเข้มแข็งและเริ่มต้นใหม่ให้ได้ เรื่องของพี่ไห่ได้มอบความเข้มแข็งให้หยู๋คะ.....

แล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พี่ต้าเขามาง้อหยู๋ถึงที่นี่ เป็นเวลาที่หยู๋พร้อมเผชิญหน้ากับเขาแล้ว ขอกลับไปกับพี่ต้าก่อนนะคะ หากมีเวลาจะแวะไปเอาเสื้อผ้าและของใช้ที่บ้านพี่ไห่นะคะ”

ต้นน้ำอ่านจบด้วยสีหน้ามึนงง ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างอะไรกับเหล้าที่หกบนทางลาด เดาทิศทางไม่ออกจริงๆ

“ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ” ต้นน้ำบ่นพึมพำ เขาคบผู้หญิงมาเยอะ แต่ละคนก็มีนิสัยคล้ายๆกันคือเข้าใจยาก!

(ต่อมามารู้ทีหลังจากพี่ไห่ว่า หุ้นส่วนสาวคนนั้นแค่ช่วยทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานเท่านั้น และที่สำคัญเธอเป็นเลสเบี้ยน! เรื่องของเสียวหยู๋เลยจบแบบ happy ending)

“งั้นเดี๋ยวพักให้หายเหนื่อยอีกสัก15 นาทีแล้วไปบันเทิงกันต่อตามตารางนะ!!” นีโน่ผู้มีวินัยจัดพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

ทุกคนในที่นั้นตอบด้วยน้ำเสียงเกรงใจยกเว้นไอ้ไอซ์ผู้กระตือรือร้นกับกิจกรรมทางน้ำที่กำลังจะเกิดขึ้น (ที่สำคัญ ฟรี!! เพราะนีโน่จะใจดีต่อหน้าพี่กวีมาก ปกติก็ใจป๋าอยู่แล้ว แต่กับคนที่ไม่ชอบหน้าอย่างไอซ์ เขาไม่เคยถูกนีโน่ปฏิบัติดีๆด้วยเลย

“ไอ้เด็กเหลือขอ!” นีโน่กล่าวขึ้นต่อหน้าไอซ์ผู้ร่าเริง ผู้ไม่หวั่นกับทุกสถานการณ์หากเขาพอใจ

ถึงเวลาที่นัดหมายนี่โน่เดินมาตามทุกคนให้มาหน้าอาคารที่พัก แสงแดดยามเที่ยงมันทำให้ทะเลสวยขึ้นและร้อนมากด้วย แต่นั่นก็ลดอาการตื่นเต้นของไอซ์ไม่ได้ จริงๆแล้วต้นน้ำเองก็ไม่ต่างกันเพราะได้ฟังเรื่องกิจกรรมเด็ดนี้ตั้งแต่ก่อนนั่งเรือข้ามฟากมาแล้ว

นีโน่จัดทั้งกลุ่มให้เป็นคู่ๆ นีโน่คู่กับกวี ต้นน้ำคู่กับจินไห่ แต่เนื่องจากเสี่ยวหยู๋หนีกลับไปแล้วจึงทำให้ไอซ์ต้องอยู่คนเดียว แต่เขาก็ยินดีเพราะ โปรแกรมวันนี้คือการขับเจ็ตสกีไปที่เกาะเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล ที่นั่นพี่นีโน่ได้เตรียมอาหารมื้อพิเศษให้ รวมถึงกิจกรรมผาดโผนในทะเลต่างๆ นานา ครบครัน สมเป็นเจ้าพ่อสายเปย์ที่แท้จริง




หลังจากการโต้เถียงครู่ใหญ่ระหว่างจินไห่และต้นน้ำ เรื่องสภาพร่างกายของต้นน้ำ จินไห่นั้นไม่ต้องการให้ต้นน้ำไปร่วมกิจกรรมทางน้ำเลย แต่เด็กดื้ออย่างต้นน้ำมีหรือจะยอมโดยดี ความสนุกมันอยู่ตรงหน้าจะให้เขายอมตัดใจกับแค่แผลเล็กน้อยที่ศรีษะแผลเดียว

นีโน่ที่รำคาญลูกตากับสภาพที่เห็นเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันของทั้งสองจึงได้เป็นฝ่ายเดินไปตัดสินให้ นีโน่วานให้กวีดูแผลที่ศรีษะต้นน้ำอีกครั้ง หากเกินสภาพมันแย่เกินไปต้นน้ำก็อด

“เมื่อวานรีบดูตอนมืดๆ ก็เลยดูไม่ละเอียด พอมาดูสว่างๆ แบบนี้ แผลมันเล็กน้อยกว่าที่คิดนะ แค่หัวโนบวมช้ำเล็กน้อย ร่างกายฟื้นฟูไวเหมือนกันนะ” กวีพูดขณะสำรวจแผลที่ศรีษะต้นน้ำ

“ไม่มีอาการติดเชื้อ แผลเล็กๆ แบบนี้คงไม่เป็นไรครับ!!”  กวีทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มและขยิบตาให้ต้นน้ำ เป็นทีให้ต้นน้ำรู้ว่ากวีแอบช่วยเหลืออยู่นิดหน่อย ถึงแผลจะยังปิดไม่สนิท แต่ดูอาการไม่น่าเป็นห่วง บวกกับอาการเสียดายของต้นน้ำเลยทำให้กวีใจอ่อน

ต้นน้ำที่ได้ยินดังนั้นจึงกระโดดตัวโยน โผเข้ากอดผู้ชายที่ยิ้มน่ารักตรงหน้า กลิ่นที่หอมเหมือนดอกไม้อ่อนๆ พุ่งเข้าสู่จมูกต้นน้ำทันที ร่างกายที่ได้สัดส่วนตรงหน้า ด้วยสัมผัสที่ทำให้รู้ว่าร่างที่เขากอดอยู่ไม่ได้มีกล้ามชัดเจนสมชาย ทั้งสองสิ่งบวกกันทำให้เขาเผลอกอดแน่นขึ้นและเผลอสูดลมหายใจสุดแรง

“หอมจัง” ต้นน้ำเผลอพูดออกมา กวีเป็นผู้ชายที่มีฟิโรโมนดึงดูดทุกคนจริงๆ ตอนนี่ต้นน้ำรู้ได้ชัดเจนจากการใกล้ชิดขนาดนี้

“เฮ้ย!!” นีโน่และจินไห่อุทานออกมาพร้อมกันประสานเสียง

นีโน่ขบฟันเสียงดังพร้อมนิ่วหน้า ส่วนจินไห่ก็มีอาการไม่พอใจชัดเจน

“กูว่ามึงเลิกเกาะแกะแฟนคนอื่นได้แล้ว!!”  เสียงสุดโหดที่ไม่ใช่เสียงนีโน่ดังลั่นจากที่ไกลๆ

ทุกคนหันไปทางต้นเสียงก็พบบุคคลปริศนาที่วิ่งห้อจากระยะยี่สิบเมตรมาถึงจุดหน้าบ้านพักที่พวกเขายืนอยู่อย่างรวดเร็วจนเหมือนเหาะมา

คนแปลกหน้าเดินมากระชากคอเสื้อต้นน้ำและเหวี่ยงลากออกมาให้ห่างกับกวี ต้นน้ำเซไปพักหนึ่งจนเกือบล้มโชคดีที่จินไห่เข้ามาคว้าไว้ได้ทัน

“มึงตาย!!” ชายแปลกหน้าที่ดุดันเตรียมราวีต้นกล้าต่อ

“เชี้ย! มึงสิเตรียมตัว!! มึงเป็นใครวะ!!” ต้นน้ำพอทรงตัวได้ก็เตรียมโต้กลับทันที ต้นน้ำโน้มตัวพร้อมเหวี่ยงหมัดไปทางด้านหลังเตรียมประจันบาน

“ชัย! หยุดเลย!!” กวีพูดเสียงเย็น

“ครับ เมีย” ชายแปลกหน้าเปลี่ยนท่าทีจนต้นน้ำแปลกใจเสียหลัก เขาใช้เท้ายันตัวเองไม่ให้โถมไปด้านหน้ามากไปกว่านี้

“พี่กวีรู้จัก?”ต้นน้ำแปลกใจ

“อืม.... แฟนพี่เอง! มันบ้าๆบอๆแบบนี้แหละครับ” กวีตอบด้วยท่าทีขอโทษ พร้อมบีบไหล่คนมาใหม่อย่างแรงจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นเขียวบนหลังมือที่ขาวใส

“โอ้ย.... ลองคุณเจอผมกับคนอื่นแบบนี้ คุณก็ทำเหมือนกันนั่นแหละ!” ชัยหยีตาด้วยความเจ็บ ชายร่างสูงใหญ่กลับทำท่าอ่อนแอจนน่าขบขัน

“เหรอ...” กวีตอบเสียงเย็น

“เอ่อ.... ไม่ก็ได้จ๊ะเมียจ๋า...” ชัยแทบจะก้มกราบคนตรงหน้า

“หึงไม่เข้าเรื่องก็รู้ว่าเราไม่ชอบ มันเหมือนไม่ไว้ใจกัน ส่วนน้องคนนี้แฟนเขาก็ยืนอยู่ด้วยกัน ทีหลังก็หัดถามกันก่อนนะ!” กวีบ่นยาว ท่าทีที่สุขุมเรียบร้อยก่อนหน้านี้ละลายไปพร้อมกับการมาของชัย ทำให้เห็นว่ากวีเมื่ออยู่ต่อหน้าคนรักนั้นดูผ่อนคลายและเปิดเผยเพียงใด

“ขอโทษนะน้อง ไม่บาดเจ็บใช่ไหม?” ชัยหันมาพูดกับต้นน้ำด้วยถ้อยคำสุภาพ

ต้นน้ำที่ตอนแรกคิดจะหาเรื่องต่อด้วยความโมโหแต่เมื่อเจอรังสีอำมหิตที่แผ่มาจากใบหน้าน่ารัก ๆ อย่างกวีทำให้ต้นน้ำรู้สึกขนลุกและยอมรับคำขอโทษแต่โดยดี ยิ่งพอหันหลับมาเจอสายตาเข้มของคนใกล้ตัวอย่างจินไห่มองมาเขายิ่งรู้สึกสลดอย่างหาคำพูดมาบรรยายไม่ได้ ทำไมเขาต้องกลัวสายตาที่ดุดันนั่นของพี่จินไห่ขนาดนี้ก็ไม่รู้

“ไอ้ตัวแสบมึงมาได้ยังไง?!?” นีโน่พูดแทรกขึ้นกลางจังหวะที่เริ่มผ่อนคลาย

“ผมฉลาดไง!! หากผมไม่รีบมา มีหวังพี่ได้หาเศษหาเลยคู่หมั้นผมอีก รู้ไว้ด้วยนะว่าผมจองแล้ว!!” ชัยหันมาหาต้นเสียงด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนไป พร้อมแสดงแหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดงามเป็นหลักฐาน

ต้นน้ำถึงขั้นมองไปที่มือข้างเดียวกันของกวี เขาก็พบว่ามีแหวนที่เหมือนกันสวมอยู่อย่างเด่นชัด ทำไมเขาถึงเพิ่งเห็นก็ไม่รู่

“หมั้นได้ก็ถอนได้เว้ย อย่าลืมนะว่ากูเจอกวีก่อน!” นีโน่เดินเข้ามาใกล้ด้วยบรรยาการเข้มขึง

“แต่พี่อย่าลืมนะว่า ผมเป็นคนที่กวีเลือก!!” ชัยส่งรังสีลุกไหม้ไปที่คนตัวเล็กและขยับเข้าไปใกล้จนแทบจะชนกันอยู่แล้ว

ต้นน้ำสาบานได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามีประกายไฟพริบพรับอยู่ระหว่างคนทั้งสอง บรรยายริมทะเลที่สดใสแทบจะเปลี่ยนไปเป็นสนามรบกลางพายุฝนฟ้าคะนอง

“เมื่อไหร่ทั้งสองคนจะพอสักที! ไม่งั้นผมกลับนะ!” กวีพูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง

จากที่ทั้งคู่พร้อมที่รบพุ่งฆ่าฟันก็กลับแยกย้ายอยู่คนละทิศทันที นีโน่เดินมาด้วยรอยยิ้มแต่แฝงไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดไปทางฝั่งซ้ายของกวี ส่วนชัยเดินมาด้วยท่าทางหงอยไปยืนประจำจุดที่ฝั่งขวาของกวี

“เอาล่ะ! เห็นแก่น้องไอซ์ที่อยากเที่ยว ผมจะไปทำกิจกรรมตามตารางต่อ แต่ต้องทำตามแผนที่ผมพูด โอเคไหม?!?” กวีพูดเสียงเข้ม และทุกคนเห็นด้วยโดยไม่มีใครขัดแย้งแม้แต่ทางสีหน้า ขนาดนีโน่ยังต้องยอมถอยแต่โดยดี กวีถือเป็นไอดอลที่ทรงอิทธิพลของต้นน้ำเลยทีเดียว

หลังจากที่กวีสั่งให้แฟนตัวเองไปเก็บข้าวของในที่พัก (ซึ่งคาดว่าจะได้จัดห้องนอนกันใหม่) ทุกคนก็พร้อมสำหรับกิจกรรมวันนี้ กวีจัดแจงจับคู่ให้ใหม่ โดยให้ไอซ์ไปนั่งคันเดียวกับนีโน่ แม้ไอซ์จะมีสีหน้าไม่ดีนัก แต่ก็ยอมแต่โดยดี

กวีจับคู่กับชัยซึ่งนีโน่ก็ดูท่าจะยอมแต่โดยดี ส่วนต้นน้ำก็ยังได้จับคู่กับจินไห่เหมือนเดิม

ความจริงในเมื่อเสี่ยวหยู๋ตัวตนเหตุเรื่องทั้งหมดไม่อยู่แล้ว ทำไมเขายังค้องทำตัวเป็นแฟนกำมะลอแบบนี้อยู่ เขาอยากจะตะโกนบอกทุกคนว่า เรื่องที่เกิดขี้นมันเป็นแค่เรื่องแหกตาทุกคน แต่พอมาได้เห็นสีหน้าตื่นเต้นของจินไห่ ก็ไม่อยากขัดบรรยากาศสนุกๆแบบนี้ งั้นกลับถึงบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน

พอคิดถึงเรื่องที่เขาจะต้องยุติบทบาทแฟนกำมะลอแบบนี้ ทำไมจิตใจเขาถึงดูกลวงโหวแบบนี้นะ..... ต้นน้ำสลัดความคิดตรงนั้นไปเพื่อไปสนุกกับวันนี้ดีกว่า ต้นน้ำยิ้มรับคำชวนของจิตไห่ทันทีที่จินไห่หันมาชวนไปเลือกเจ็ตสกีที่จอดเทียบที่ริมหาด

...............

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่ 16

Isn’t it romances



“หนึ่ง....สอง.....สาม!!!” เสียงกวีที่ถือเศษกิ่งไม้ในกำมือและยื่นให้กับทุกคนเพื่อหยิบขึ้นมาพร้อมกัน

“แต่ละไม้จะยาวไม่เท่ากันนะครับ คนที่ได้ไม้ที่ยาวกว่าตะได้เป็นคนขับ!!” กวีคิดเกมนี้ขึ้นหลังจากที่ทุกคนต่างเถียงแย่งกันขับเจ็ตสกี

จินไห่ยืนดูไม้ที่ตนเองถือทันทีที่หยิบพ้นมือของกวี มันไม่ได้ยาวไปกว่านิ้วก้อยเขาเลย เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาอยากลองอะไรใหม่ๆ หลังจากที่ตนเองพร้อมเปิดใจรับสิ่งใหม่เข้ามาในชีวิต นึกมาถึงตรงนี้เขาก็มองไปที่ต้นน้ำทันที ต้นน้ำคือคนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้

หลังจากที่ได้มองสีหน้าของต้นน้ำที่มองเหม่อเส้นไม้ในมือด้วยอาการผิดหวังก็ทำให้จินไห่อดหัวเราะไม่ได้ เขาไม่รู้จริงๆ ทำไมเขาถึงได้ยิ้มง่ายขนาดนี้เมื่ออยู่ใกล้เด็กหนุ่มคนนี้

ยิ่งพอจินไห่เดินนำไม้ตนเองไปเทียบกับไม้ของต้นน้ำทำให้รู้ว่าไม้ของต้นน้ำสั้นกว่าเขาไปข้อนิ้วหนึ่ง ยิ่งทำให้ต้นน้ำสีหน้าสลดยิ่งกว่าเดิม และบ่นอย่างที่เขาบ่นเป็นประจำ ‘ไม่มีดวงกับเรื่องแบบนี้เลย!’

จินไห่แอบขบขันในใจ ต้นน้ำคนนี้ไม่ต่างจากสมัยที่เขาเจอกันครั้งแรกเลย ที่ใต้ต้นไม่ใหญ่สวนหลังบ้าน ที่ๆ เขามักจะเจอเด็กหนุ่มคนนี้บ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้งที่โดนแม่ใช้ให้มาทำความสะอาดที่นั่น  แม้ว่าเขาจะพยายามท้าทายแม่โดยการเล่นเสี่ยงดวงหลายแบบเพื่อให้ตนเองไม่ต้องมาทำงานตรงนี้แทนที่จะได้ไปเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นกับเพื่อนๆ แต่ต้นน้ำผู้ไม่มีโชค เขาไม่เคยชนะแม่เขาเลยสักครั้ง (น่าสงสาร)

แต่ถึงจะยุ่งยังไง เด็กคนนี้ก็ไม่เคยที่จะรำคาญเขา แถมยังสอนและแนะนำอะไรเขาหลายอย่าง เป็นคนใจดีเกินคาดมาก

จินไห่ที่พูดน้อยเข้ากับคนยาก จึงผูกพันกับต้นน้ำแบบไม่รู้ตัว แม้เขาจะมีจุดประสงค์ในการเข้าไปใต้ต้นไม้นั่นบ่อยๆ แต่ต้นน้ำเองก็ไม่ใช่คนคิดมากอะไร ไม่เคยถามเรื่องที่เขาไม่ลำบากใจที่จะเล่าเลยสักครั้ง ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่กับต้นน้ำกลายเป็นที่พักทางใจของเขา

จนเมื่อในวันที่เขาและต้นน้ำได้มาอยู่ใต้หลังคาเดียว แล้วทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปอย่างที่เขาเองก็รู้สึกได้

เขายอมรับว่ามีเพื่อนน้อยถึงน้อยมาก แม้จะเคยทำงานในวงดนตรีของผับ แต่ก็ไม่ค่อยสนิทกับคนในวงเท่าไหร่นัก (อาจเพราะแนวดนตรี เขาชอบแนวคลาสสิคมากกว่า) คนเดียวที่เขาพอจะเปิดใจพูดคุยได้คือ นีโน่

ครั้งแรกที่เขาไปปรึกษานีโน่เรื่องหัวใจ นีโน่ที่ได้ยินก็หัวเราะลั่น จนจินไห่หูชาหน้าแดงเพราะความเขินอาย จินไห่เล่าเรื่องความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ความรู้สึกที่เริ่มเกิดขึ้น ณ ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น นอกจากที่นีโน่จะไม่โกรธเรื่องที่เคยถูกจินไห่สะบัดรักไปเมื่อหลายเดือนก่อน นีโน่ยังรับปากว่าจะช่วยให้มันชัดเจนขึ้นเอง

และนั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมจินไห่ถึงแนะนำให้เสี่ยวหยู๋ไปเที่ยวที่ผับของนีโน่ และทำให้นีโน่ได้พบกับเสี่ยวหยู๋ นีโน่ช่วยดูแลเสี่ยวหยู๋ในช่วงที่นีโน่ต้องการทำให้ความรู้สึกจินไห่กับต้นน้ำชัดเจนมากขึ้น จนกระทั่งในวันที่ได้ดูแลต้นน้ำที่บาดเจ็บ มันทำให้เขารู้ใจตัวเองว่าเป็นห่วงเด็กนั่นมากแค่ไหน และพร้อมที่จะเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต

ช่วงแรกจินไห่กังวลอย่างมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเรื่องชอบผู้ชายด้วยกันเลย เขารู้ว่าการเริ่มต้นกับผู้หญิงมันง่ายกว่ามาก มันเป็นธรรมชาติที่ไม่ต้องฝืน และสามารถแสดงออกได้เต็มที่ แต่กับผู้ชายด้วยกันมันมีความเสี่ยงเต็มไปหมด ยิ่งกับเพลย์บอยอย่างต้นน้ำด้วยแล้ว

จนในวันหนึ่งนีโน่บอกให้จินไห่พาต้นน้ำไปเปิดตัวที่ผับเขาจะช่วยดูท่าทีให้ หลังจากวันนั้นนีโน่ก็บอกให้เดินหน้าลุยได้เลย แต่จินไห่ก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เขาไม่เคยรู้เรื่องความรักเท่าไหร่ กับผู้หญิงเขาก็มีแฟนเป็นเสี่ยวหยู๋แค่คนเดียว (และเป็นคนมาจีบเขาก่อนด้วย) สำหรับผู้ชายแล้วเขาไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าเรื่องราวมันจะเป็นอย่างไร

จนเป็นที่มาของทริปนี้........

แม้เรื่องราวจะผิดแผนไปมาก แต่ในที่สุดเขาก็จะได้พิสูจน์เสียทีว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่า เขารุกและถอยตลอดเวลาด้วยความขลาดที่เขามี..... และวันนี้ก่อนจะกลับเขาได้ตัดสินใจแล้วว่า ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรเขาก็จะทำมัน!! เขาจะเผด็จศึกต้นน้ำให้ได้!! (แม้ในใจจะสงสัยว่าตัวเองจะอยู่ตำแหน่งไหนในความสัมพันธ์นี้ก็ตาม แต่เขาก็พร้อมที่ยอมรับทุกอย่าง!!)

แม้เหตุการณ์ในห้องน้ำจะเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรกจนเขาไปต่อไม่ติด ต้นนำ้ก็มีอาการกลัวเขาจนเห็นได้ชัด เป็นไปได้ว่าคืนนี้เขาคงจะเข้าถึงตัวอีกฝ่ายยากกว่าเดิม แต่..... เขาก็พร้อมเดินหน้าเต็มกำลัง (นีโน่สอนมาแบบนี้!!)

ในการจับไม้สั้นไม้ยาว เขาได้ไม้ที่ยาวกว่าต้นน้ำจึงต้องเป็นคนขับ แม้เขาอยากจะเสียสละให้ แต่กติกาก็ต้องเป็นกติกา (เดี๋ยวขากลับค่อยว่ากันอีกที รอให้กวีหายหัวเสียก่อน เป็นคนหล่อที่น่ากลัวพิลึก)

จินไห่ขับไปด้วยท่าทางสนุกสนานแม้จะสอนกันในช่วงแรกกันเกือบชั่วโมง ในที่สุดเขาก็รู้สึกสนุกไปกับมัน โดยมีต้นน้ำนั่งกอดเอวเขาด้วยใบหน้าอิจฉาและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

คลื่นลมวันนี้ค่อนข้างแรง จินไห่จึงจับมือให้ต้นน้ำโอบเอวเขากระชับแรงขึ้น จินไห่รู้สึกตื่นเต้นและสนุกสนานไปในคราวเดียวกัน ยิ่งเจอคลื่นแรงๆ กระแทกใส่ ต้นน้ำก็ยิ่งกอดเขาแรงขึ้น จินไห่ยิ่งรู้สึกดีขึ้น จนต้นน้ำบ่นอุบว่าให้พยายามเลี่ยงหลบคลื่นหน่อย ก้นกบเขาจะไม่ไหวแล้ว!!

จินไห่ปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายทันที แม้จะเสียดายแต่เขาก็คงต้องตามใจคนที่เขาชอบก่อน

.........

“พี่ไห่ ตอนพี่ขับรถกับตอนพี่ขับเจ็ตสกี ทำไมมันต่างกันแบบนี้!! ผมนึกว่าอยู่บนรถไฟเหาะ!” ต้นน้ำบ่นอุบอิบเมื่อขึ้นมาถึงชายฝั่งของเกาะเป้าหมาย ต้นน้ำทรุดตัวลงนอนแผ่บนพื้นทราย โดยมีร่างสูงใหญ่ทรุดตัวลงมานอนแผ่ข้างๆ

“แฟนพวกเรานี่สุดยอดเลยเนอะ” ชัยพูดกับต้นน้ำด้วยท่าทางอิดโรย เพราะเวียนศรีษะกับการขับเจ็ตสกีแบบผาดโผนของกวี เป็นอีกมุมหนึ่งของทั้งกวีและจินไห่ที่ต้นน้ำเพิ่งค้นพบ

เวลาคนเหล่านี้สนุกก็จะเต็มที่สุดเหวี่ยง! ต้นน้ำคิดก็พยักหน้าตอบชัยที่ยิ้มตอบกลับมา

“ตอนแรกก็สงสัยว่าใช่แฟนกันจริงหรือเปล่า? แต่ก็ไม่ปฏิเสธเลยนี่!” ชัยล้ออีกฝ่าย

“........” ต้นน้ำไม่ตอบอะไร แต่รู้สึกว่าตัวเองสงบกับคำเรียกขานความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจินไห่เสียแล้ว

“คุยอะไรกันพี่!! พวกพี่ยังดี ผมมากับไอ้ตัวเล็กซาดิสม์นั่น ขับอย่างกับบินมา ผมมาถึงก่อนพวกพี่เกือบสิบนาที นี่ผมแอบไปอ้วกมาแล้วนะเนี่ย!!” ไอซ์ที่เดินมานั่งอีกข้างของต้นน้ำบ่นด้วยอาการหน้าซีดเผือด

“ดี!! สม!! กูยังไม่ได้คิดบัญชีกับมึงเลยนะ ที่แอบพาแฟนกูมาเที่ยวแบบนี้!!” ชัยชี้หน้าคนที่ตอนนี้เพิ่งนั่งและดูเหมือนจะน้่งไม่ติดพื้นเท่าไหร่ เพราะเตรียมตัวจะหนีเต็มที่ แต่พอมองอีกฝ่ายที่แทบจะไม่มีแรงก็เลยวางใจได้ระดับหนึ่งว่า หากอีกฝ่ายลุกขึ้นมาไล่เตะเขาจริงๆ เขาคงหนีทันแน่นอน

“ผมไม่ได้พามาเที่ยว แค่ขอร้องให้มาช่วยเพื่อนผมเอง” ไอซ์รีบแก้ตัว

“เหมือนกันนั่นแหละ!! มึงไม่ต้องมาแก้ตัว!!” ชัยพูดเสียงเข้ม

“ชัย! เลิกขู่น้องมันได้แล้ว!! ทีชัยยังช่วยเพื่อนออกบ่อยเลย ช่วยแบบสุดตัวเสียด้วย” กวีเดินยิ้มเย็นเยียบมาทางที่พวกเขานอน หลังจากจอดเทียบเจ็ตสกีกับชายฝั่งเรียบร้อย โดยมีนีโน่ตรวจตราความเรียบร้อยอยู่กับจินไห่ที่ทำท่าทางเก้ๆกังๆอยู่ข้างๆ

ชัยรู้สึกคำพูดมันจุกที่ลำคอ เถียงไม่ออก เพราะเขาก็นิสัยเดียวกันกับไอซ์เนี่ยแหละ และเพราะการช่วยเพื่อนแบบสุดตัวนี่แหละ เลยทำให้เขาได้พบรักกับกวีคนนี้

“ครั้งนี้ฝากไว้ก่อนเหอะ!!” ชัยชี้หน้าคาดโทษไอซ์ที่ตอนนี้หน้าระรื่นเพราะคิดว่าตนเองรอดจากสถานการณ์นี้แล้ว

“เมาคลื่นทะเล?” คำถามจากจินไห่ที่โน้มตัวลงมาจากทางด้านศรีษะ ตอนนี้ผิวเขาเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเข้มเพราะโดนแดดเผาแทบจะทั้งตัว แต่ท่าทางยังมีความกระตือรือร้นอยู่มาก

“อืม.... ไม่แน่ใจครับ...” ต้นน้ำหยีตาเล็กลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงแดดที่แรงกล้าหรือความสดใสของคนที่โน้มตัวมาหาเขา ทำให้เขาลืมเรื่องอาการเมาคลื่นไปชั่วขณะ

“นี่มึงคบกันนานหรือยัง? ทำไมยังเขินอายอะไรกันอยู่วะ!” ชัยที่มองเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็อดที่จะแซวไม่ได้

“..........” ทั้งจินไห่และต้นน้ำไม่ได้ตอบเพียงแค่หลบตาซึ่งกันและกันเท่านั้น

“แปลก...” ชัยมีท่าทีสงสัยและอมยิ้มกับภาพตรงหน้า ชัยเหมือนจะนึกอะไรออก

“ชัย... อย่าไปวุ่นวายตรงนั้น มาช่วยเราจัดโต๊ะดีกว่า” กวีเสียงดังจากทางด้านหนึ่งของหาด ที่เหมือนจะปรากฏโต๊ะอาหารขนาดย่อมขึ้นมา โดยที่เมื่อครู่ยังไม่มี ไม่รู้ว่าเคยไปซ่อนอยู่ตรงไหน

“โหย... ที่รัก ที่รักก็รู้ว่าชัยทำอะไรพวกนี้เรียบร้อยเสียทีไหน ขออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน สาบานว่าจะไม่ป่วน!” ชัยตะโกนกลับ

“...........โอเค!!” กวีคิดอยู่ในใจพักหนึ่งก่อนจะตอบ

“ส่วนมึง! มานี่!!” เมื่อชัยเห็นว่าสุดที่รักของตนอนุมัติ เขาก็คว้าคอต้นน้ำลุกขึ้นเดินไปอีกทางทันที

ทิ้งให้เพื่อนสนิทอย่างไอซ์ และแฟนปลอมๆ อย่างจินไห่ทำสีหน้าประหลาดใจอยู่ที่เดิม

...........

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
สัปดาห์นี้พยายามจะตรวจคำผิดและลงให้จบตอนนี้นะครับ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด