☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔  (อ่าน 35102 ครั้ง)

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๔ (ครึ่งหลัง)


เขารู้ว่าจีรัชญ์คงไม่ได้คิดว่าเรื่องพัดลมที่ห้องเสียเป็นเรื่องจริงจังหรอก เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ซื่อขนาดนั้น ฉะนั้นขอไปแบบนี้แหละดีที่สุด เขาอยากรู้ด้วยว่าจีรัชญ์จะกล้าแลกกับเขาไหม ระดับความอยากรู้ที่อีกฝ่ายต้องการมีแค่ไหน

“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าคำตอบที่ผมได้จากคุณคือความจริง”

“ทุกอย่างที่คุณจะได้ฟังจากปากผมเป็นความจริงทั้งหมด ผมจะไม่โกหกคุณ” ณิชยืนยันเสียงหนักแน่น เผลอจ้องริมฝีปากหยักรูปกระจับตรงหน้าที่อยู่ใกล้เสียจนน่าประทับจูบ

คนสมัยก่อนยังไม่รู้จักคำว่าศัลยกรรม แต่ไอ้หาญที่เป็นทาสกลับหล่อเหลาขนาดนี้ ไม่อยากคิดว่าถ้าเกิดไอ้หาญได้อยู่กรุงเทพฯ คงมีแมวมองตามไปแคสบทละครกันไม่หวาดไม่ไหว หรือไม่ก็รับงานถ่ายแบบแน่นอน

“งั้นตกลง คืนนี้คุณไปนอนห้องผม”

ณิชอดยิ้มไม่ได้ที่แผนหลอกล่อเขาสำเร็จ ซึ่งรอยยิ้มนั้นทำจีรัชญ์อยากเขกหัวอีกฝ่ายเสียจริงๆ เพราะมันดูเหมือนเด็กน้อยที่กำลังดีใจราวกับได้ของขวัญกล่องใหญ่ในงานวันเด็ก

“ผมไปร้านเฮียจูมาเพื่อถามถึงคุณ แต่เขาตอบแค่ว่าไม่รู้จักเพราะเขารับผลไม้มาจากสวนสายลม และผมก็เพิ่งรู้ตอนที่ไปหาคุณที่สวนทุเรียนว่าสวนสายลมที่บอกคือสวนของคุณเอง แถมแผนที่ที่เฮียจูให้มายังไม่ใช่ทางไปวังปริพัตรด้วย คุณนี่ปกปิดตัวตนได้เก่งจริงๆ ผมนับ....อุ๊บส์!”

คนที่กำลังเล่าความจริงเพียงเสี้ยวโดนปากกระจับที่เคยจ้องมองก่อนหน้านี้ประกบปิดเสียแล้ว เพราะความเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวทำจีรัชญ์ที่ใกล้ชิดอดใจไม่ไหวเผลอทำอะไรออกไปก่อนสมองสั่งห้าม

เขาประกบริมฝีปากบดเบียดราวคนกระหาย แต่ในทีเดียวกันก็เหมือนจะลงโทษที่ณิชรั้นอยากรู้เรื่องเขาให้ได้ แต่ท้ายสุดเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่าเดิม ทั้งโมโหทั้งเอ็นดูที่ณิชพยายามที่จะรู้เรื่องราวในอดีตมากเหลือเกิน

คนโดนจู่โจมตกใจไม่น้อยที่จีรัชญ์จูบเขาแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว ไม่คิดด้วยซ้ำว่ารสจูบดุๆ ที่อีกฝ่ายมอบให้จะทำให้เขาเข่าอ่อนแทบทรงตัวไม่อยู่ แม้ตอนแรกจะตกใจแต่วินาทีต่อไปเมื่อตั้งสติได้เขาก็ไม่รอช้าตอบรับจูบนั้นทันที แขนสองข้างยกขึ้นคล้องคอคนตัวสูงกว่า แผ่นหลังเขาโดนกอดรัดด้วยวงแขนแข็งแรง

ริมฝีปากแนบประกบเบียดชิดขยับไปมา ก่อนจะเผยอปากขึ้นเล็กน้อยจนลิ้นคนทั้งสองเกี่ยวพันกันได้ จีรัชญ์ผละออกเล็กน้อยให้ณิชได้หายใจให้เต็มที่ คนตัวเล็กกว่ากอบโกยอากาศเข้าปอดพร้อมทิ้งหัวพิงอกหนา จีรัชญ์ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นท่าทางอ่อนระทวยของณิชที่แพ้เขาราบคาบ นึกโกรธตัวเองที่ไม่ยอมหักห้ามใจเพราะกลีบปากนุ่มน่าสัมผัสนั่นมันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน จนอดไม่ได้ที่จะจูบให้มันแดงเจ่อสักหน่อย

คิดมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่อยากตีตัวเองซ้ำๆ เขาคงเป็นไบโพล่าเข้าสักวันแน่ๆ หากยังเป็นอยู่แบบนี้ ใจหนึ่งอยากห่างณิชให้ไกลแต่อีกใจเมื่อได้ใกล้ชิดก็แทบห้ามตัวเองไม่อยู่ ราวกับณิชมีแม่เหล็กคอยดึงดูดให้เขาเข้าหาอยู่ตลอดเวลา

ไอ้หาญเอ๋ย...ต่อให้ใจมึงแข็งแกร่งเท่าหินผา แต่คุณปราณก็เปรียบดั่งระเบิดเวลาที่พร้อมทลายหินผาอย่างมึงได้

“จูบนี้ผมให้เป็นรางวัลที่คุณยอมพูดความจริง” จีรัชญ์กระซิบบอกคนที่ยังคงซบหน้าคลอเคลียอยู่กับอกเขา

ณิชเงียบไปเพราะที่เขาบอกไปนั้นเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่ความจริงที่เขาได้รู้เพิ่มมานั้นมาจากป้าแมวร้านขายอาหารตามสั่งทั้งสิ้น แต่ก็ถือว่าไม่ได้โกหกจีรัชญ์ล่ะนะ

จีรัชญ์ตัดสินใจกลับวังเพราะตอนนี้แสงกำลังจะหมดแล้ว แต่คราวนี้ณิชขอปั่นจักรยานเองคนตัวโตจึงยอมซ้อนท้าย แต่กว่าจะปั่นได้ก็ทำเอาณิชถึงกับหันมาบอก

“คุณนี่ตัวหนักใช่เล่น”

จีรัชญ์หลุดขำกับคนหน้ามุ่ย ขนาดเขาบอกว่าจะปั่นกลับเองแต่ณิชก็ยืนกรานว่าตนขอปั่นเองดีกว่า เขาจึงยอมปล่อยให้คนอวดเก่งเหนื่อยไป

เอวของณิชบางกว่าเขาอยู่ไม่น้อย มือใหญ่สองมือกำรอบเกือบมิดไม่สมกับเป็นร่างผู้ชายเลยจริงๆ และดูเหมือนณิชจะผอมลงจากตอนแรกที่เจอกันอยู่สักหน่อย เพราะกรอบหน้าที่เห็นชัดขึ้น ทั้งที่ปกติก็ติดใจอาหารของป้าแจ่มแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ผอมลง

“ช่วงนี้คุณได้กินข้าวบ้างรึเปล่า” จีรัชญ์ถามคนที่กำลังออกแรงปั่นจักรยาน ณิชหันกลับมามองคนซ้อนท้ายก่อนจะหันไปมองถนนตรงหน้าต่อ

“กินครับ แต่บางวันก็ไม่ได้กินเพราะมัวแต่ทำงาน อย่างวันนี้ก็ตื่นสายเลยได้กินรวบมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงเลย”

“กินข้าวให้ครบทุกมื้อ เดี๋ยวหัวหน้าคุณจะต่อว่าผมได้ที่ดูแลคุณไม่ดี”

“สั่งให้ผมกินข้าวทุกมื้อเพราะกลัวหัวหน้าผมต่อว่าอย่างเดียวเหรอครับ ไม่มีเหตุผลอย่างอื่นเหรอครับ” ณิชหันกลับมาถามได้สบตากับจีรัชญ์ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว มือทั้งสองที่โอบประคองเอวเขาลูบไล้ไปมาเบาๆ จนรู้สึกร้อนผ่าว ก่อนจะโดนแรงเค้นแรงๆ ไปหนึ่งที

“โอ๊ย!” ณิชร้องเพราะแรงบีบเค้นนั้นไม่เบาเลย

“เพราะผมเป็นห่วง” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบและใบหน้านิ่งๆ แต่เมื่อณิชหันกลับไปแล้วรอยยิ้มตรงมุมปากก็กระตุกขึ้น เนื่องจากสีหน้าดีใจของณิชเมื่อกี๊น่ารักไม่หยอกเลยทีเดียว

กว่าคนทั้งสองจะกลับมาถึงตึกใหญ่ได้ก็กินเวลาไปเป็นสิบนาที ป้าแจ่มถึงขั้นกับจะออกมาตามหากับมิ้งแล้ว ประจวบกับได้เวลามื้อเย็นคนที่ออกแรงปั่นจักรยานมาจนหอบลิ้นห้อยจึงดีใจราวกับเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า

“พี่กับคุณตรีไปไหนกันมา พวกหนูหาไปทั่ววังก็ไม่เจอ”

มิ้งถามหลังจากกินมื้อเย็นกันเสร็จแล้ว ปากก็เคี้ยวแอปเปิ้ลเขียวหยับๆ มือก็พิมพ์นิยายงานอดิเรกของตัวเองที่ยังคงทำอยู่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งภายในเสร็จไปแล้วและเปิดทีวีไว้ไม่ให้รู้สึกเงียบเกินไป ส่วนณิชก็หอบหิ้วแลปท็อปของตัวเองมานั่งทำงานด้วย

“ไปดูสวนมาไปถึงด้านหลังเลย พื้นที่ที่นี่ใหญ่มากดูท่าคุณจีรัชญ์เขาจะกวาดซื้ออย่างที่ป้าแมวพูดจริงๆ”

“อย่าพูดว่ากวาดซื้อเลยขอรับ ไอ้หาญมันค่อยๆ เก็บไปทีละนิด” ไอ้มั่นพูดแทรกเมื่อได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่ มิ้งตวัดสายตาหันไปมองดวงวิญญาณที่นั่งบนพื้นข้างณิช

“เก็บทีละนิดนี่นิดแค่ไหน นิดเป็น 20 ไร่งี้เหรอพี่มั่น เพื่อนพี่นี่โคตรรวยแบบอภิมหาเศรษฐีเลยใช่ไหมเนี่ย มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ทำงานเก็บเงินแถมไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีก เป็นหนูคงไม่เป็นแล้วอาจารย์พิเศษที่มหา’ ลัย ไม่ทำสวนแล้วด้วย จะอยู่กินเงินเก่าที่เก็บมานั่นแหละ”

“มันก็แค่พอมีล่ะวะ ส่วนใหญ่พอมีเงินก้อนมากหน่อยมันก็เอาไปทำบุญไม่ก็บริจาคเสีย ไอ้หาญมันไม่ค่อยเก็บเงินไว้กับตัวมากนักหรอก เพราะกลัวคนอื่นเขาจะจับตามอง แล้วนี่ถ้าเอ็งไม่ทำงานสักวันเงินก็ต้องหมดสิวะเจ้ามิ่ง ไอ้หาญมันมีชีวิตไม่เหมือนเอ็งที่แก่ตัวลงก็ต้องตายนะโว้ย ชีวิตมันต้องอยู่ไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลยต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายบ้าง” ไอ้มั่นตอบแก้ต่างให้เพื่อนรัก

“อย่างวังหลังนี้ตอนแรกคุณปราณไม่ได้สั่งเสียอะไรไว้ก่อนตาย แต่ทนายประจำตระกูลบอกว่ามีคำสั่งของหม่อมเจ้าจุลปรีชาให้ยกวังนี้เป็นของแผ่นดินหากสิ้นตระกูล แต่ก็ไม่คิดนะว่าจะมาสิ้นตระกูลเสียจริงๆ ไอ้หาญจึงยื่นข้อเสนอและติดสินบนทนายไปว่าจะขอซื้อด้วยจำนวนเงินสิบล้าน โดยให้ส่วนแบ่งกับทนายไปด้วย วังนี้จึงตกเป็นของไอ้หาญตั้งแต่นั้นมาขอรับ”

มิ้งเบิกตาโตกับความจริงที่ได้รู้ขณะที่สาวเจ้ากำลังจะอ้าปากถามณิชกลับสะกิดไว้ ไอ้มั่นหลุดพูดออกมาระหว่างที่ตาก็มองรายการแข่งขันทำอาหารที่กำลังฉายอยู่บนเครื่องสี่เหลี่ยมนั่นด้วย นานๆ ทีจะมีโอกาสแบบนี้จึงไม่อยากให้รุ่นน้องถามให้ไอ้มั่นเอะใจว่าตนเองพูดอะไรออกมา

“อีกอย่างที่ทางแถวนี้มันเปลี่ยว ถ้าทางการมาเห็นก็คงไม่บูรณะอะไรมากขอรับ คงปล่อยให้รกร้างนั่นแหละ อ้อ! แต่สระด้านหลังนั่นไอ้หาญเพิ่งจะสั่งให้สร้างขึ้นหลังจากครอบครัวของคุณปราณเสียชีวิตนะขอรับ ตอนนั้นคุณปราณเสียใจมากมันจึงหาเรื่องปลอบใจเสียหน่อยจึงสร้างสระบัวนั้นมา”

“แสดงว่าคุณปราณไม่ได้ตายพร้อมครอบครัวเหรอมั่น”

ทันทีที่ณิชถามจบไอ้มั่นก็หันมามองเจ้านายของตน เห็นอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนตาจะเบิกโตด้วยความตกใจอย่างคนนึกขึ้นได้ว่ามันได้หลุดพูดอะไรออกไปมากมายเสียแล้ว

“บ่าวขอตัวก่อนนะขอรับ” พูดจบเงาเลือนรางของไอ้มั่นก็หายไปทันที

“โห! คุณตรีซื้อวังนี้สิบล้าน พี่ณิช! สิบล้านเมื่อก่อนมันไม่ใช่เล่นๆ เลยนะพี่” มิ้งพูดด้วยน้ำเสียงตกใจหลังจากที่อดกลั้นมานาน

ไม่ว่าจะสิบล้านเมื่อก่อนหรือตอนนี้สำหรับเธอก็คิดว่ามันมหาศาลอยู่ดี แถมยังซื้อที่โดยรอบเพื่ออำพรางวังแห่งนี้ราวกับอยู่ในป่าเพื่อไม่ให้ตกเป็นที่สนใจของคนที่สัญจรไปมา มันยิ่งทำให้เธออึ้งในตัวผู้ชายคนนี้จริงๆ

เรื่องจำนวนเงินณิชไม่ได้ให้ความสำคัญนักเพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าจีรัชญ์มีอยู่ไม่น้อย แต่เรื่องใหม่ที่เขาเพิ่งรู้คือที่ป้าแมวบอกว่าครอบครัวนี้เสียชีวิตพร้อมกันไม่ใช่เรื่องจริง ครอบครัวของคุณชายปราณเสียก่อนจากนั้นคุณชายปราณจึงตายตาม ระยะเวลาในการสร้างสระบัวก็คงไม่ใช่แค่วันสองวัน แสดงว่าเขาเมื่อชาติที่แล้วกับไอ้หาญคงมีเวลาอยู่ด้วยกันต่อหลังจากนั้น แต่เขาตายได้ยังไง ฆ่าตัวตายเหมือนชาติแรกหรือเปล่า ยังคงเป็นคำถามที่ต้องสืบกันต่อไป

::::::::::::

ณิชหอบแลปท็อปและหมอนมาที่ห้องของจีรัชญืในเวลาราวสามทุ่มเศษ เคาะประตูก่อนเข้าห้องสองครั้งก่อนจะเปิดเข้าไป แต่กลับไม่พบเจ้าของห้องแต่อย่างใด เดินไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่เจอ หน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายหายไปไหนก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่ห้องทำงานของจีรัชญ์แทน

“คุณอยู่นี่นี่เอง”

ณิชทักคนที่นั่งทำงานอยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้จึงเห็นว่าจีรัชญ์กำลังเคลียร์บัญชีต่างๆ ของตัวเองอยู่ เขาจึงถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้เอนตัวโปรดเสียเลย

“ทำไมคุณยังไม่ไปนอน พรุ่งนี้ช่างจรูญจะเข้ามาแต่เช้าไม่ใช่เหรอ” จีรัชญ์เอ่ยถามเสียงเรียบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากกองเอกสารและคอมพิวเตอร์ตรงหน้า

“ผมจะรอคุณ เกิดคุณนอนที่ห้องนี้ไม่กลับไปนอนที่ห้องทำไงล่ะ”

“แล้วทำไมต้องกลัวผมไม่กลับไปนอนที่ห้องด้วย” จีรัชญ์หันไปมองหน้าคนที่กำลังจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ก็ผมอยากนอนกอดคุณ”

ณิชตอบพร้อมแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ การจีบใครสักคนแบบจริงๆ จังๆ แถมอีกฝ่ายเป็นผู้ชายหุ่นบึกขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าจีรัชญ์จะคล้อยตามสักหน่อยก็ถือว่าเป็นรางวัลที่ดีแล้ว

“ถ้าเสร็จงานแล้วผมจะกลับไป คุณกลับไปนอนเถอะ” จีรัชญ์หลบสายตาหันมาสนใจงานที่ทำต่อ ณิชอมยิ้มเพราะเขาเห็นว่าใบหูอีกฝ่ายก็ขึ้นสีระเรื่อไม่แพ้แก้มเขาเหมือนกัน

“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่ง่วง”

ณิชรั้นที่จะอยู่ต่อแม้จะอ้าปากหาวไปหลายวอดแล้วก็ตาม เขาหาหนังสือมาอ่านฆ่าเวลารอจีรัชญ์ทำงานเสร็จ ชายหนุ่มที่เห็นว่าคนตัวเล็กดื้อที่จะรอจึงปล่อยไป คนอย่างคุณปราณมีหรือเขาจะขัดได้ ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาขัดใจอีกฝ่ายได้สำเร็จหรอก

จีรัชญ์นั่งทำงานต่ออีกสักพักใหญ่จึงปิดคอมพิวเตอร์เพื่อกลับห้องนอน งานเขาไม่เสร็จแต่เพราะกลัวคนชอบดื้อจะง่วงจนตื่นสายเลยต้องยอม ณิชวางหนังสือและลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์กำลังจะกลับห้องแล้ว ท่าทางกระตือรือร้นจนจีรัชญ์ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มที่หลบไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น

ณิชปีนขึ้นเตียงสี่เสาไปนอนรอก่อนแล้วขณะที่จีรัชญ์แวะเข้าไปแปรงฟันก่อนนอน เพราะเมื่อครู่เขาทานโอวัลตินที่ป้าแจ่มเอามาให้ไปหนึ่งแก้ว ณิชตาปรือเล็กน้อยเพราะความง่วงเข้าครอบงำทีละน้อยจนเกือบฝืนเปลือกตาไว้ไม่ไหว

เมื่อจีรัชญ์กลับออกมาจากห้องน้ำก็ปิดไฟในห้องเตรียมตัวนอน แต่พอร่างใหญ่ล้มตัวลงนอนปุ๊บณิชก็ขยับเข้ามากอดแขนหมับเข้าทันที เขาหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มให้ ใบหน้าหวานใกล้กันจนผิวที่ต้นแขนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่น

“ถ้าจะนอนก็นอนดีๆ ครับ” จีรัชญ์ทำท่าจะขยับออกแต่ณิชรั้งไว้ไม่ปล่อย

“ตอนกลางคืนผมขี้หนาว นอนแบบนี้อุ่นกว่าเยอะเลย”

“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าห่มมาให้” คนพูดตวัดผ้าห่มออกจากตัวจะลงจากเตียงแต่ณิชกลับดึงให้อีกฝ่ายนอนลง จากนั้นก็ขึ้นคร่อมกดคนตัวโตไว้ไม่ให้หนีได้

“คุณจีรัชญ์ อย่าให้ผมพูดตรงกว่านี้ได้ไหม เลิกทำไขสือแล้วยอมผมสักทีเถอะ คุณก็รู้ว่าเราหนีกันไปไหนไม่ได้อยู่แล้วทำไมไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมสักที”

เสียงเงียบสงัดของช่วงใกล้เที่ยงคืนทำให้พวกเขาได้ยินเสียงพัดลมเพดานดังชัดเจน วันนี้จีรัชญ์ไม่ได้ปลดม่านจากเสาเพื่อปิดเตียงเพราะอากาศไม่ได้เย็นเท่าไหร่นัก ระหว่างคนทั้งสองมีแต่ความเงียบงัน ณิชจ้องหน้าคนใต้ร่างผ่านความมืดสลัวในยามค่ำคืน หากจีรัชญ์บอกว่าเขาดื้อเขาก็จะเถียงว่าอีกฝ่ายดื้อกว่า

“คุณคิดว่าทุกอย่างมันง่ายเหรอครับ” จีรัชญ์ถามน้ำเสียงราวกับเหนื่อยอ่อนเหมือนคนหมดแรง ณิชยังคงไม่ลงจากร่างเขาและเจ้าตัวก็ดูจะเอาตัวเขาเป็นที่นั่งไปเสียแล้ว

“ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ถ้าคุณจะมัวแต่ทิ้งเวลาไปเพื่อรอวันที่ผมและคุณจากกันอีกครั้งมันจะเปล่าประโยชน์นะ สู้เอาเวลาเหล่านั้นหันหน้าเข้าหากัน ใช้เวลาด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ”

“คุณไม่เข้าใจ” จีรัชญ์ถอนหายใจ ชาตินี้คุณปราณดื้อเสียยิ่งกว่าชาติไหนๆ รั้นจะทำตามใจตนทุกอย่างจนเขาเริ่มท้อใจ

“ใช่ ผมไม่เข้าใจเพราะคุณไม่บอกอะไรผมเลย คุณคิดแค่ว่าคุณสูญเสียทุกอย่าง แล้วผมล่ะ? คุณคิดไหมว่าผมก็เจ็บปวดเหมือนกันที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ผมอยากมีความสุขกับคุณเพราะอย่างน้อยๆ เราก็ได้เจอกันแล้วแต่คุณเอาแต่ผลักไส”

คำต่อว่ากึ่งน้อยใจของณิชทำจีรัชญ์นิ่งไป ใช่ว่าเขาจะไม่คิดถึงข้อนี้ เขารู้ดีว่าชาตินี้ตัวเองใจร้ายกับณิชมากแค่ไหน

“งั้นเอาแบบนี้ไหม เรามาลองกันสักตั้งว่าชาตินี้จะเป็นยังไง ผมสาบานเลยว่าชาตินี้ผมจะไม่มีทางทิ้งคุณไปเด็ดขาด ต่อให้ชะตาชีวิตผมต้องมีอันเป็นปะ...” นิ้วเรียวของจีรัชญ์หยุดกลีบปากนุ่มที่กำลังพูดเรื่องเป็นเรื่องตายราวกับมันคือเรื่องดินฟ้าอากาศธรรมดาๆ

“อย่าสาบานอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า”

“ผมไม่ได้พูดเล่น ผมพูดจริงๆ ผมสัญญา ผมสาบานว่าจะไม่ทิ้งคุณไป ชาตินี้ผมจะไม่มีวันทิ้งคุณไป” น้ำเสียงและสีหน้าของณิชจริงจังไม่มีแววล้อเล่น เขาจ้องตาอีกฝ่ายในระยะใกล้เพราะฉะนั้นจีรัชญ์เห็นความตั้งใจของเขาได้อย่างแน่นอน

คนที่ทำตัวเป็นเบาะนอนให้อีกฝ่ายนั่งทับเงียบไปหลายนาที ความคิดตีกันให้วุ่น เขานับถือใจคุณปราณในชาตินี้ที่พยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ผิดกับเขาที่เตรียมใจรับความสูญเสียตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออีกฝ่ายแล้ว

“นะครับ เชื่อใจผมนะ” ณิชงัดไม้ตายของตัวเองออกมา เขาทำท่าออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำกับใครมาก่อนนอกจากแม่ตัวเอง ซบลงกับอกกว้างแล้วถูแก้มไปกับแผ่นอกนั้น หวังเป็นอย่างมากว่าจีรัชญ์จะยอมใจอ่อนสักที

“ถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คุณคิดไว้ คุณจะรับผลมันไหวเหรอ” จีรัชญ์ถาม นิ้วเรียวเผลอยกขึ้นเกลี่ยแก้มอีกฝ่ายอย่างลืมตัว

“แต่อย่างน้อยขอแค่สักเสี้ยวช่วงชีวิตให้เรามีความสุขด้วยกัน เผื่อวันที่โหดร้ายนั้นมาถึงเราก็จะได้มีช่วงเวลาดีๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำไงครับ”

ฟังมาถึงตรงนี้จีรัชญ์ถึงกับจุกตื้อในอก เขาคิดแต่ว่าตัวเองสูญเสีย คิดแต่ว่าต้องเสียใจและทรมานอยู่ฝ่ายเดียว คิดแต่จะเตรียมใจรอวันที่ยังมาไม่ถึง แต่เขาลืมไปเลยว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีความสุขกับคุณปราณมากแค่ไหน

“อืม” หลังจากเงียบอยู่นานชายหนุ่มตอบรับอย่างเห็นด้วยในลำคอ ณิชยิ้มกว้างก่อนจะเลื่อนไปกระซิบใกล้ๆ หู

“ถ้างั้น...เรามาสร้างความสุขไปด้วยกันนะครับ”





โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอให้คุณผอบ มีความสุขตลอดปีฉลูและตลอดไป

มีสุขภาพกาย ใจ ที่แข็งแรง

พร้อมที่จะมอบเรื่องราวที่น่าอ่าน ให้กับผู้อ่าน ด้วยนะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คุณณิชหรือคุณปราณชาติปัจจุบันนี่เข้มแข็งดีจัง. ขอให้ชนะใจหาญให้ยอมลองฝ่าฟันด้วยกันไปเถอะนะ อาจจะพ้นคำสาปในชาตินี้ก็ได้

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๕ (ครึ่งแรก)



ความรู้สึกของณิชตอนนี้เหมือนประตูบานสุดท้ายถูกเปิดออกแล้ว ความพยายามของเขาที่ผ่านมาตลอดทั้งเดือนกำลังส่งผลที่พึงพอใจเป็นที่สุด รสจูบที่โหยหาและปรารถนาจากคนตัวโตกำลังปรนเปรอให้เขาไม่หยุด เสียงหอบหายใจกระเส่าของคนสองคนที่กอดรัดนัวเนียกันอยู่บนเตียงหลังกว้าง เสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องออกจากกายของทั้งคู่จนไร้อาภรณ์ใดปกปิด ความสุขที่ต่างฝ่ายต่างโหยหาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทีละน้อยจนแทบระเบิดจากอก

จีรัชญ์พลิกร่างที่เล็กกว่าให้นอนราบไปกับเตียง เขาพรมจูบไปทั่วตัวคนใต้ร่างด้วยใจที่กำลังเป็นอิสระ เขายอมเปิดใจอีกครั้งเพื่อเก็บรักษาความสุขเสี้ยวนี้ไว้ลบความทรงจำที่เลวร้าย เผื่อในวันข้างหน้าพวกเขาจะต้องจากกันจะได้มีส่วนความทรงจำที่ดีไว้คิดถึงกันอีกครั้ง

“อ๊ะ...” ณิชร้องเสียงแผ่วเมื่อจุกเล็กๆ ที่อกโดนลิ้นร้อนตวัดเลีย ความซ่านสยิวแล่นพล่านไปทั่วกายจนต้องเกร็งจิกปลายเท้า รูปร่างสูงใหญ่ของจีรัชญ์แทรกอยู่ตรงหว่างขา โดยที่ส่วนกลางกายของคนทั้งคู่กำลังเสียดสีไปมาทำให้ส่วนนั้นตื่นขึ้นลำ

จีรัชญ์ยิ้มกริ่มเมื่อณิชที่กำลังอ่อนระทวยใต้ร่างเขากอดไว้ไม่ยอมปล่อย ดวงตาสวยฉ่ำปรือแสดงถึงความปรารถนาที่อยู่ในใจจนแทบล้นอก เขาจูบอีกฝ่ายเบาๆ จนณิชครางอืออาในลำคอ น้ำลายเปรอะเปื้อนออกมาที่มุมปากเล็กน้อย เขาใช้นิ้วโป้งเช็ดให้ก่อนจะใช้อีกมือเลื่อนลงไปกุมส่วนนั้นของณิชและออกแรงสาวรูด

“อ่า...คุณ...อื้ม” ณิชหลับตามพริ้มเพื่อรับรู้สัมผัสที่จีรัชญ์กำลังทำให้เขาสุขสม ระหว่างนั้นผิวที่ขาก็สัมผัสกับแท่งอุ่นที่เหยียดขยายตื่นเต็มลำเช่นเดียวกัน เขามองสบตาคนที่อยู่บนร่างก่อนจะยิ้มให้ โดยมือก็ไต่ไปตามตัวจีรัชญ์แล้วหยุดลงที่ส่วนกลางกายของอีกฝ่าย

เขารูดรั้งส่วนนั้นให้จีรัชญ์เหมือนที่จีรัชญ์ทำให้กับเขา ใบหน้าที่เคยนิ่งขรึมแปรเปลี่ยนเป็นไปกลายเป็นใบหน้าของคนที่มีความต้องการ แววตาราวสัตว์ป่าหื่นกระหายทำให้ณิชถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาจึงผลักร่างจีรัชญ์ให้นอนลงส่วนตัวเองขึ้นคร่อมอีกฝ่ายไว้

“ครั้งนี้ผมขอทำเองนะ เป็นรางวัลให้เด็กดี” เขาก้มลงกระซิบบอก ไหนๆ จีรัชญ์ก็ยอมเปิดใจให้แล้วเขาก็อยากให้รางวัลสักหน่อย

จีรัชญ์กระตุกยิ้มมุมปากกับความก๋ากั่นของคนชอบซน เขาจึงนอนให้ณิชทำตามใจต้องการ หนุ่มเมืองกรุงเลื่อนตัวลงไปหยุดที่ส่วนกลางกายของจีรัชญ์ที่กำลังแข็งขึงอยู่ในขณะนี้ จับประคองส่วนนั้นขึ้นมาก่อนจะใช้ปากครอบลงไปพร้อมแรงดูดเบาๆ

การกระทำนี้เรียกเสียงครางจากจีรัชญ์ได้เป็นอย่างดี คนตัวโตสูดปากคำรามในลำคอเป็นระยะๆ เมื่อรู้สึกถึงความเสียวซ่านราวจะปลดปล่อยให้ได้ เขาไม่รู้ว่าณิชเคยทำแบบนี้กับใครที่ไหนหรือไม่ แต่ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายช่ำชองมากทีเดียว

“คุณเคยทำแบบนี้หรือไง” อดใจไม่ไหวที่จะถาม จีรัชญ์หยุดหัวของณิชที่ผงกขึ้นลงอยู่กลางลำตัวเขา อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองพร้อมยิ้มกริ่ม

“เห็นแบบนี้ผมก็ดูหนังโป๊เป็นนะ อาจไม่ใช่แบบผู้ชายด้วยกันแต่ผมก็เอามาดัดแปลงได้ล่ะน้า” ณิชตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะถาม “คุณชอบไหม”

คนถามถามไปแต่ไม่กล้าสบตา เพราะสายตาที่อีกฝ่ายมองมาเหมือนกำลังชมเชยเขาแม้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาก็ตาม

“ชอบครับ ชอบมาก” จีรัชญ์ตอบย้ำชัดทุกคำให้ณิชได้ยิน มือกร้านลูบหน้าหวานแผ่วเบาด้วยความทะนุถนอม แสงจันทร์สลัวๆ ทำให้เขามองเห็นหน้าณิชไม่ชัดนักจึงเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียง เพียงเท่านี้เขาก็เห็นใบหูที่แดงจัดของณิชได้เต็มตา

รอยยิ้มอบอุ่นของผู้ชายตัวโตทำให้ณิชอายม้วน เขาไม่กล้าสบตาหวานๆ ของจีรัชญ์อีก มือที่กอบกุมส่วนนั้นไว้ก็เผลอหยุดขยับไปด้วยเพราะความเขิน จีรัชญ์จึงกุมมือณิชไว้แล้วขยับรูดรั้งต่อ

“ทำเถอะครับ ผมอยากให้คุณทำให้อีก”

มาตอนนี้ไอ้หาญเดินหน้าเต็มที่ หลังจากทลายกำแพงที่หัวใจของตัวเองแล้วก้าวออกมาเจอคุณปราณอีกครั้ง ฝ่ายคนที่อ้อนวอนก็พร้อมสนองเขาจนแทบอดใจไม่ไหวอยากสอดใส่เข้าไปในตัวอุ่น

จีรัชญ์ลุกขึ้นมานั่งจนหน้าใกล้กับอีกฝ่าย เขามอบจุมพิตดูดดื่มให้คนที่กำลังมัวเมากับรสสัมผัสที่เขามอบให้ด้วยนิ้ว นิ้วเรียวของจีรัชญ์แทรกเข้าช่องทางปิดสนิทเพื่อสำรวจ น้ำลายถูกใช้เป็นตัวช่วยในการเบิกทางในครั้งนี้ ณิชที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าแอ่นก้นรับมือใหญ่ที่กอบกุมบั้นทายตน

“ผะ...ผม...ผมอยากทำแล้ว” ณิชกระซิบบอกเสียงกระเส่าเมื่อความต้องการพุ่งขึ้นสูงจนไม่อาจฉุดได้ จีรัชญ์จึงยกร่างอีกฝ่ายขึ้นมาให้นั่งบนตัก ณิชยกก้นขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่ตนจะได้นั่งลงไปตรงส่วนแข็งขืนของจีรัชญ์ได้

ลำลึงค์แท่งอวบพร้อมรออยู่ที่ช่องทางอุ่น มันค่อยๆ แทรกผ่านจีบที่กำลังขมิบรับแท่งเนื้อเข้าไปทีละน้อย ความเจ็บมันแทรกริ้วไปทั้งร่างแต่ไม่สามารถต้านความกำหนัดของคนทั้งคู่ได้ จีรัชญ์กัดฟันกรอดเมื่ออาวุธของตนกำลังแทรกเข้าไปในร่างณิช คนตัวเล็กพยายามข่มความเจ็บเต็มที่เพื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้

“อื้อ...เข้าแล้ว” ณิชหลุดร้องบอกเสียงแผ่วเบาเพราะเขาก็ลุ้นกับตัวเองว่าจะทำได้ไหม จะถอดใจไปก่อนหรือเปล่า เพราะส่วนนั้นของจีรัชญ์ใช่ว่าจะขนาดน้อยๆ เสียเมื่อไหร่

จีรัชญ์รอให้ณิชพร้อมอีกสักหน่อยก่อนที่จะขยับตัว เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้าหวาน แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าโดนเขากอดรัดไว้และแปะป่ายมือไปทั่ว พอๆ กับณิชที่เบียดตัวเข้าหาเขาเช่นเดียวกัน

“ขยับเลยนะครับ ผมไม่ไหวแล้ว” จีรัชญ์กระซิบบอกพร้อมกับหอมแก้มณิชไปฟอดใหญ่ จีรัชญ์เริ่มขยับสะโพกทีละน้อย แม้ท่านี้คนที่เป็นเบาะรองอยู่ข้างใต้จะขยับได้ไม่ถนัดนัก แต่ณิชก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างดี เขากระดกก้นขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นเมื่อส่วนนั้นมันลื่นไหลตอบรับกับจีรัชญ์ได้เป็นอย่างดี

จีรัชญ์ไม่ปล่อยให้ตัวเองมีความสุขเพียงคนเดียว เขาสาวรูดส่วนนั้นของณิชที่กำลังเบียดเสียดสีกับหน้าท้องเขาไปด้วย ณิชครางไม่ได้ศัพท์เพราะความเสียวซ่านที่มี แรงตอดรัดของช่องทางอุ่นทำจีรัชญ์แทบคลั่ง ไม่มีเสียงพูดใดๆ จากปากคนทั้งสองนอกจากเสียงหอบกระเส่าจากกิจกรรมที่ทำกันอยู่

เตียงสี่เสาลั่นเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ ตามจังหวะโยกกายที่หนักหน่วง ณิชไม่เคยคิดว่าตนจะได้ร่วมรักกับคนรักในท่านี้ มันทั้งลึกสุดลำและเสียวซ่านสุดใจ ลมเย็นๆ ของย่ามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามาคลายร้อนได้บ้าง แต่มันก็ไม่สามารถลดความเร่าร้อนของคนทั้งสองลงได้

จีรัชญ์หยุดจังหวะก่อนจะพลิกตัวณิชให้นอนลง เขาเดินเครื่องเต็มกำลังสอดใส่ตอกกระแทกกายเข้าหาไม่ออมแรง ช่องทางของณิชกลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปทั้งหมด ความต้องการที่มีพลุ่งพล่านจนไม่อาจยับยั้งกำลังได้อีก จากที่ให้ณิชได้คุมเกมกลายเป็นจีรัชญ์กลับมาคุมเองทั้งหมด จังหวะสอดใส่ที่รัวเร็วทำณิชต้องเอาหมอนอุดปากกลั้นเสียงร้องครางของตัวเองไว้

สองขาเรียวถูกยกพาดขึ้นบนไหล่กว้าง จีรัชญ์จูบประทับรอยไปบนต้นขาทั้งสองข้างจนเกิดรอยกุหลาบไปทั่ว ส่วนอ่อนไหวของณิชกระดกไปมาเมื่อร่างเขาโดนจีรัชญ์กระแทกใส่ไม่ยั้ง จนในที่สุดความเสียวซ่านก็พาพวกเขามาถึงจุดสุดยอด จีรัชญ์เร่งเครื่องให้ช่องทางอุ่นตอดรัดเขารัวๆ อีกไม่กี่ครั้งก็ฉีดพ่นน้ำรักออกมาใส่ในตัวณิช ส่วนณิชเองก็ปลดปล่อยออกมาเช่นกันแม้ไม่ได้แตะต้องส่วนนั้นของตนเองเลย

“ถ้าผมต่อคุณจะไหวไหม” จีรัชญ์ถามเผื่อไว้แม้ตัวตนของเขาจะยังไม่ถอนกายออกเลยก็ตาม

“ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ ขอพักก่อนนะ”

“ไหนบอกจะให้รางวัล”

“ก็ผมไม่คิดว่าคุณจะอยากได้รางวัลหลายรอบนี่” ณิชบอกเสียงแหบแห้ง จีรัชญ์หัวเราะหึก่อนจะโน้มตัวลงจูบหน้าผากคนที่นอนหมดแรง เขาถอนกายออกจนของเหลวสีขาวขุ่นที่เขาเพิ่งปล่อยใส่ตัวณิชไปไหลย้อนออกมาด้วย

ณิชมองการกระทำของคนที่ละเอียดอ่อนและดูแลเขาดีเสมอมาไม่ว่าครั้งไหนๆ จีรัชญ์เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดคราบที่เลอะบนตัวเขาออกให้หมด ช่องทางหลังของเขาขมิบเบาๆ เมื่อโดนผ้าอุ่นๆ ซับให้ ตอนนี้มันคงแดงช้ำไม่น้อยแต่เขาไม่สน เพราะความสุขสมที่ได้รับมันล้นอกจนแทบลืมความเจ็บไปทั้งหมด

::::::::::::

เสียงนกที่ไหนไม่รู้ร้องเสียงดังราวกับต้องการปลุกคนที่นอนอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มให้ตื่นรับอรุณ ณิชค่อยๆ ปรือตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อคิดได้ว่าตนอยู่ที่ใด บนเอวเขามีแขนล่ำกอดเกี่ยวอยู่ก่อนจะหันไปเจอคนที่นอนหลับซ้อนหลังกัน เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้ารู้ว่าใช้วิธีนี้หลอกล่อจีรัชญ์ได้ผลเขาคงใช้ไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเป็นเดือนๆ แบบนี้หรอก

เมื่อคืนจีรัชญ์ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับเขาต่อเพราะจีรัชญ์กลัวว่าช่องทางหลังของเขาจะรับไม่ไหว พวกเขาจึงนอนกอดก่ายกันจนหลับไปด้วยกันทั้งคู่ ตอนนี้นาฬิกาที่ฝาผนังบอกว่าเป็นเวลา 7 โมงเช้าแล้ว วันนี้เขามีงานกับช่วงจรูญ แต่สภาพนี้ไม่ว่าจะพยายามรีบอย่างไรก็ทำได้มากกว่าเต่าคลานแค่หน่อยเดียว

“อืม...จะไปอาบน้ำเหรอครับ” จีรัชญ์ถามทั้งที่ยังไม่ลืมตาและมือพาดกลับมารัดตัวณิชที่กำลังจะลุกจากเตียง

“ครับ วันนี้ผมนัดช่างจรูญไว้ตอนเช้า ต้องรีบแล้วเดี๋ยวช่างมาไม่เจอผมจะโดนว่าเอา”

“อืม”

จีรัชญ์ตอบในลำคอก่อนจะปล่อยอีกฝ่ายให้ไปอาบน้ำในห้องน้ำของเขา แต่ณิชคงลืมไปว่าตนเองนั้นไม่มีเสื้อผ้าอยู่ที่ห้องนี้เลย เขาจึงต้องใส่เสื้อคลุมของจีรัชญ์แล้วกลับไปใส่เสื้อผ้าที่ห้องตนเอง แต่เมื่อออกจากห้องจีรัชญ์มาก็พบกับมิ้งที่กำลังออกจากห้องนอนของตัวเองพอดี

สายตาล้อเลียนของหญิงสาวปิดไม่มิด วิญญาณของไอ้มั่นค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างหญิงสาวพร้อมกับรอยยิ้มโชว์ฟันขาว ทั้งสามมองหน้ากันไปมาก่อนจะเป็นณิชที่รีบหนีเข้าห้องตัวเองไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ลงมาข้างล่างพบกับจีรัชญ์และมิ้งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว

จีรัชญ์มองคนที่ก้มหน้าละเลียดข้าวต้มหมูสับราวกับมันคืออาหารเช้าชั้นเลิศ แต่แท้จริงแล้วณิชกำลังเขินอายเป็นที่สุด ใบหูที่แดงจัดซ่อนอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่มิตรจนเขาลอบยิ้มขำ ณิชเขินมากเพราะมิ้งเหลือบตามองเป็นระยะๆ แม้ไม่พูดอะไรแต่สายตาก็บ่งบอกชัดว่าล้อเลียนรุ่นพี่ของตน

“วันนี้ผมจะเข้าไปที่มหา’ ลัยสักหน่อยเพราะเขานัดประชุม ไม่แน่ใจว่าจะกลับกี่โมง ถ้ายังไงผมจะโทรมาบอกนะครับ”

“ครับ วันนี้พวกผมคงเก็บงานที่ห้องจัดเลี้ยงให้เสร็จ คุณกลับมาตรวจงานด้วยนะครับ” ณิชตอบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่พูดกับเขา จากนั้นก็รีบหลบสายตาเพราะสบตาอีกฝ่ายแล้วเขาคิดถึงเรื่องเมื่อคืนจนทำอะไรไม่ถูกทุกที

มิ้งหรี่ตามองความเปลี่ยนแปลงของคนทั้งคู่ ปกติเวลาจีรัชญ์จะไปไหนมักพูดลอยๆ และไม่พูดรายละเอียดเยอะขนาดนี้ แต่นี่พูดราวกับผัวรายงานเมียว่าจะไปทำอะไรที่ไหนบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรักษามารยาทไม่ถามอะไรกลางวงกินข้าว เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันฟุ้งไปด้วยความรักมากไปกว่านี้

หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จช่างจรูญก็มาพอดี ณิชแยกออกไปทำงานส่วนจีรัชญ์ขึ้นไปเตรียมเอกสารเพื่อจะเข้าไปประชุมที่มหา’ ลัยสักหน่อย ที่จริงเขาเป็นอาจารย์พิเศษไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมก็ได้ แต่คณบดีไม่ยอมอยากให้ไปร่วมประชุมแผนการสอนด้วยกัน เขาจึงต้องยอมไปสักหน่อย

เมื่อลงมาข้างล่างเขาเห็นณิชกำลังคุยงานอยู่ จีรัชญ์ยืนมองคนที่ขยันทำงานและไม่เคยมีตอนไหนที่จะบกพร่องในหน้าที่ของตนเองเลยสักครั้ง ณิชทำงานได้ถูกใจเขาที่สุดสมกับที่แขไขแนะนำมา ไม่รู้ว่าเขาเผลอจ้องอีกฝ่ายนานแค่ไหนเพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ตัว ณิชหันไปคุยกับช่างจรูญอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินมาหาเขา

“จะไปแล้วเหรอครับ” ณิชถามเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์อยู่ในชุดพร้อมออกข้างนอก ในมือมีกระเป๋าเอกสารถืออยู่ด้วย

“ครับ” จีรัชญ์ตอบพลางเดินไปที่โรงจอดรถโดยมีณิชเดินตาม

“เย็นนี้คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม ถ้าผมเสร็จงานเร็วจะได้ทำให้กิน หลนเต้าเจี้ยวดีไหม เดี๋ยวผมให้ป้าแจ่มสอนให้รับรองว่าผมจะทำสุดฝีมือเลย”

จีรัชญ์ยิ้มขำที่ณิชทำราวกับเอาใจเขา ยอมรับเลยจริงๆ ว่าสกิลการจีบของณิชรุกหนักเสียจนเขาตั้งรับแทบไม่ทัน

“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมากินฝีมือคุณ”

ณิชยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังคำตอบก่อนจะส่งจีรัชญ์ขึ้นรถและมองอีกฝ่ายขับรถออกไปจนลับสายตา

“อะแฮ่มๆๆ ตกลงนี่คือยังไงกันคะ คบกันแล้วเหรอพี่” มิ้งถามด้วยความอยากรู้ ไอ้มั่นก็ไม่รอช้าปรากฏกายขึ้นข้างเจ้านายทันทีเพื่อรอฟังข่าวดี

“ก็...ไม่รู้สิ แต่ก็ถือว่าคุณจีรัชญ์เขายอมเปิดใจแล้ว”

“ง่อวววววว เขินเลยเนี่ยยยยย”

มิ้งเขินบิดตัวไปมาเพราะเธอก็ลุ้นกับคู่นี้ไม่ต่างกัน ในที่สุดก็ดูเหมือนจะสมหวังสักที ไอ้มั่นร้องไชโยเสียยกใหญ่ที่ไอ้เกลอมันยอมใจอ่อนให้เจ้านายมันเสียที ไม่เสียแรงที่คอยตามลุ้น

ณิชทำงานของตัวเองจนเสร็จ ได้คุยกับพี่โอ๋เรื่องงานใหม่ที่กำลังจะเข้ามาด้วย งานของคุณคนนั้นที่ล็อกตัวเขาไว้แล้วนั่นแหละ จากนั้นพอช่วงบ่ายคล้อยหลังจากทีมช่างจรูญกลับไปแล้วณิชก็เข้าครัวให้ป้าแจ่มสอนทำหลนเต้าเจี้ยวให้

“งานแม่บ้านก็มาจ้า แหมๆ เอาใจเขาขนาดนี้กลัวเขาไม่รู้เหรอว่ารักมากน่ะ” มิ้งได้ทีเอ่ยแซวหลังจากเห็นณิชเตรียมวัตถุดิบทำอาหารต่างๆ เองตั้งแต่ขั้นตอนแรก ป้าแจ่มและแม่บ้านในครัวยิ้มหัวเราะไปกับคำแซวนั้น

ตอนแรกพวกเธอเองก็ระแคะระคายเรื่องระหว่างจีรัชญ์กับณิช แต่เมื่อเช้าที่ได้เห็นสายตาหวานหยดระหว่างคนทั้งสองก่อนที่คุณจีรัชญ์จะไปทำงานก็พอเดาอะไรได้มากขึ้น ยิ่งทำอาหารเอาใจแบบนี้แสดงว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่คงเป็นไปในทางที่ดี

::::::::::::

“วันนี้คุณตรีดูอารมณ์ดีนะครับ” สุทินพูดกับคนที่ชวนตนออกมาทานกาแฟด้วยกันในช่วงเย็น เขาเพิ่งเลิกงานพอดีประจวบกับจีรัชญ์โทรหาจึงได้มาหาอะไรดื่มที่ร้านคาเฟ่ในเมือง

จีรัชญ์ไม่ตอบแต่ยกกาแฟขึ้นดูดไปอึกใหญ่ มุมปากที่ยกยิ้มนั้นทำสุทินถึงกับหลุดยิ้มกว้าง เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องน่ายินดีอะไร

“คืนดีกับคุณณิชแล้วเหรอครับ ยอมใจอ่อนสักทีสินะ”

“เขาดื้อจนผมต้องยอม”

“ไม่ใช่เพราะว่ารักหรอกเหรอครับ เพราะรักมากจนห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว” สุทินยังเอ่ยเย้าต่อทำเอาจีรัชญ์ถึงกับทำหน้าดุใส่

“ฮ่าๆๆ ครับๆ ไม่แซวแล้ว วันก่อนที่คุณณิชมาถามผมเรื่องที่ดินผมยังตลกไม่หาย ทำทีเป็นมาถามเรื่องที่ดินแต่จริงๆ จะถามวิธีเข้าหาคุณ เขาดูน่ารักมากๆ เลยนะครับ” สุทินเอ่ยชมแต่เขากลับได้รับสายตาดุๆ มาเป็นครั้งที่สอง

“แค่ชมนิดเดียวก็หึงเหรอครับ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะออกอาการ”

“ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน”

“อ๋อ ตอนนั้นยังไม่แสดงอาการเพราะเก๊กอยู่ แต่ตอนนี้เก๊กไม่ไหว...โอ๊ย!” สุทินโดนอาจารย์พิเศษมหา’ ลัยเตะเข้าที่ขาผ่านใต้โต๊ะ แต่เขากลับไม่รู้สึกโกรธติดจะขำจีรัชญ์เสียมากกว่า คนอะไรจะหึงหวงทั้งทีก็มีมาด







โปรดติดตามส่วนต่อไป

สวัสดีปีใหม่นักอ่านทุกคนนะคะ
ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ไม่แย่กว่าปีที่แล้วค่ะ สาธุ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ขอให้ทั้งสองคนทำลายคำสาปได้ในชาตินี้นะ
———-
สวัสดีปีใหม่ครับ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มั่น เอ้ยยยยย

ทำไมไม่แอบดู ตอนเค้า XXXX กันล่ะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
แหมมมมคุณจีรัญช์พอว่าได้ยอมรับและเปิดใจนี่หึงใหญ่เลยนะคะ 5555 มันดี๊ต่อใจจจจจจจจจจเป็นที่สุด  :oo1: :impress2: :-[ :o8: ลองดูเนอะชาตินี้จะเป็นยังไงก็ว่ากัน ใช่ไหมณิช บ่ยั่นค่าาา 55555 ตอนจีบกันไปมานี่เขินไม่ไหว คุณปราณซะอย่าง ไอ้หาญชาติไหนรึจะรอด เอาใจกันรัวๆเลย โอ๊ยยอิจฉา 55  :katai2-1: ขอบคุณนะคะที่มาต่อยาวๆเลย และสวัสดีปีใหม่นะคะ  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4: :pig4: รอตอนต่อไปเลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ดูท่านิชจะทำให้หาญเปิดใจได้ทีละน้อยแล้วล่ะนะ

สวัสดีใหม่ค่ะไรท์ ขอให้สุขภาพแข็งแรง สมหวังทุกประการนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
กรี๊ด คิดถึงคุณผอบมากๆๆ แต่การบ้านเยอะมากๆๆๆๆ
เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีจังเลยค่ะ คุณเค้าใจอ่อนแล้วว แง  (+nc ที่ฟินสุดใจ)

ปล.สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้แต่งนิยายอย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรงตลอดปี และมีความสุขในทุกวันนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๕ (ครึ่งหลัง)


จีรัชญ์นั่งคุยกับสุทินต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับ เพราะข้อความเด้งเตือนในมือถือว่ามื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนทำดูจะกระตือรือร้นไม่น้อยถึงขนาดส่งข้อความมาบอกแบบนี้ แสดงว่าป้าแจ่มคงเปิดตำราสอนสุดฝีมือ

“เอาไว้ถ้าผมว่างๆ จะเข้าไปนะครับ ช่วงนี้งานเยอะจนอยากจะลาออกทุกวันเลย”

“ทำไปก่อนสิ ฉันยังต้องพึ่งนาย”

“ยังต้องพึ่งอีกเหรอครับ แทบไม่มีที่ดินให้ซื้อไว้ปลูกผลไม้แล้วนะ ถ้ามากกว่านี้ผมเกรงว่าคนใหญ่คนโตในจังหวัดเขาจะจับสังเกตเอาได้ เพราะเท่าที่คุณตรีถือครองอยู่ก็เยอะแล้วนะครับ” สุทินพูดเสียงเครียด

“ถ้าชาตินี้ฉันยังไม่หลุดพ้น ซื้อสะสมไว้ก็คงไม่เสียหาย ในอนาคตไม่รู้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร อย่าลืมว่าฉันต้องอยู่อีกนาน” คำพูดจีรัชญ์ทำสุทินเงียบไป ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ

“คุณยังไม่วางใจเรื่องคุณณิชอีกเหรอครับ”

“ฉันเปิดใจให้เขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวระหว่างเรามันจะจบ”

::::::::::::

จีรัชญ์กลับมาถึงวังปริพัตรในเวลาต่อมา เมื่อขับรถผ่านรั้วสูงตระหง่านเข้ามาแล้วก็พบว่ามีชายหนุ่มยืนชะเง้อคออยู่ที่หน้ามุขของตัวตึก เขาหลุดยิ้มในทันทีเมื่อเห็นท่าทางของณิชที่กำลังยืนรอเขา เมื่ออีกฝ่ายเห็นรถของคนที่รอขับเข้ามาก็ยิ้มกว้างในทันที

“ผมคิดว่าคุณจะลืมมื้อเย็นไปแล้ว”

“ไม่ลืมหรอกครับ มีคนส่งข้อความเตือนตลอดเลย” ณิชยิ้มขำกับคำแซวนั้นก่อนจะเดินนำจีรัชญ์เข้าตึกไป

อาหารมื้อเย็นพร้อมแล้ว มิ้งบอกว่าเธออยากลดความอ้วนจึงทานไปตั้งแต่ 4 โมง ทั้งที่จริงต้องการให้รุ่นพี่ของเธอได้มีเวลาร่วมกับจีรัชญ์เพียงแค่สองคนมากกว่า ป้าแจ่มเห็นหญิงสาวจดๆ จ้องๆ อยู่แถวห้องรับประทานอาหารเธอจึงมาหยุดยืนข้างๆ จึงได้เข้าใจว่ามิ้งกำลังแอบดูณิชกับจีรัชญ์ที่กำลังนั่งกินมื้อเย็นด้วยกัน

“คุณเขาดูเหมาะสมกันนะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณตรีดูมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย”

“หนูก็ไม่คิดว่าคนใจแข็งเป็นหินอย่างคุณตรีจะโดนพี่หนูจีบจนติดเหมือนกันค่ะ” มิ้งว่าก่อนจะหัวเราะคิกคักกับตัวเอง นับถือในความพยายามของณิชจริงๆ ที่อดทนมาจนมีวันนี้

“เป็นยังไงครับ พอกินได้ไหม” ณิชถามคนที่ตักหลนเต้าเจี้ยวเข้าปากไปพร้อมกับข้าวและไข่ต้มแบบพอดีคำ เขารอลุ้นใจจดจ่อว่ากรรมการชิมอาหารแล้วจะให้ผ่านไหม เพราะตอนเขาทำเสร็จใหม่ๆ ป้าแจ่มก็บอกว่าอร่อยแล้ว แต่เขาอยากให้จีรัชญ์ยืนยันให้แน่ใจอีกสักครั้ง

“อร่อยครับ อร่อยมาก”

คำชมพร้อมแววตาหวานซึ้งทำณิชเขินจนหูขึ้นสีแดงจัด รอยยิ้มกว้างของหนุ่มเมืองกรุงทำให้จีรัชญ์ต้องยิ้มตาม เอ็นดูในความลุ้นคำตอบของณิชที่คาดหวังจากเขามาก ซึ่งรสชาติอาหารที่เขาได้ชิมก็อร่อยอย่างที่บอกจริงๆ

ระหว่างนั่งกินมื้อเย็นไปณิชอัปเดตเรื่องงานให้จีรัชญ์ฟังว่าเขาได้ทำงานเสร็จแล้ว เหลือแค่ให้จีรัชญ์ตรวจงานเท่านั้นก็เป็นอันเสร็จหน้าที่ แต่หากจะมีอะไรแก้เพิ่มเติมก็บอกได้เลยเพราะตนยินดีแก้ให้

“แบบนี้แสดงว่าคุณใกล้จะกลับกรุงเทพฯ แล้วงั้นสิ” จีรัชญ์ถามเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว คนฟังถึงกับหน้าเจื่อนไปทันที

“ผมไม่อยากกลับ” ณิชพูดเสียงหงอยๆ งานตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ช่างจรูญทำงานดีเกินไปจนเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะทีมช่างคนนี้ทำงานได้เร็วออกมาตรงแบบที่วางไว้ที่สุด และจีรัชญ์ก็ดูพึงพอใจในคุณภาพของงานด้วย

“แต่คุณต้องกลับไปทำงาน” จีรัชญ์พูดต่อ นึกอยากแกล้งคนที่กำลังทำหน้าหงอยเพื่อให้เขาเอ่ยรั้งไม่ให้ตนกลับไป

“แต่ผมไม่อยากกลับไปไง” ณิชเอ่ยย้ำ อยากให้จีรัชญ์รั้งเขาไว้สักหน่อย แค่อีกฝ่ายเอ่ยปากบอกว่าอย่าไปได้ไหมเขาก็พร้อมที่จะอยู่ที่นี่ทันที

“คุณแขไขคงไม่ยอมหรอก” จีรัชญ์ยังแกล้งต่อ ซึ่งนั่นทำให้หน้าของคนฟังหุบทันที จากหงอยกลายเป็นเริ่มบึ้งตึงดูไม่สบอารมณ์ ณิชเงียบไม่ต่อความต่อ เขาหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มจนเกือบหมดก่อนจะยกจานข้าวที่กินเสร็จแล้วของจีรัชญ์มารวมกับของตน

ป้าแจ่มที่แอบมองอยู่ตั้งแต่แรกเดินเข้ามาเก็บโต๊ะเมื่อเห็นว่ามื้อเย็นของคนทั้งสองผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความเงียบทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดราวกับก่อนหน้านี้คนทั้งสองไม่ได้มีบรรยากาศดีๆ ร่วมกัน เธอจึงรีบจัดแจงเรียกแม่บ้านมาช่วยเก็บโต๊ะให้เรียบร้อย

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ณิชรอจนกระทั่งแม่บ้านมายกกับข้าวและจานชามไปจนหมด เขาจึงพูดและเดินหนีออกจากห้องทานอาหารไป จีรัชญ์อมยิ้มมองตามพลางส่ายหน้าหน่อยๆ

“มึงจะแกล้งคุณปราณไปไย ประเดี๋ยวก็ทะเลาะกันจนเป็นเรื่อง” ไอ้มั่นอดรนทนไม่ได้ถึงกับเอ่ยปาก หากมันมีกายหยาบก็อยากจะเขกหัวไอ้เกลอรักสักที

“เดี๋ยวก็หายงอน ปล่อยไปเถอะ”

“ถ้าเกิดไม่หายกูจะขำให้ฟันร่วง ดูซิมึงจะยังหน้าระรื่นได้แบบนี้หรือไม่”

ว่าจบไอ้มั่นก็หายตัวไปโผล่ข้างณิชที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่ศาลา แสงไฟจากเสาที่อยู่ตามมุมต่างๆ ของบริเวณริมสระบัวให้แสงสว่างนวล ลมแย็นพัดโบกพอให้คลายร้อนในเวลาใกล้ค่ำ ณิชเปิดโทรศัพท์ให้เล่นเพลงกล่อมตัวเอง เพื่อปัดความคิดความน้อยใจที่มีต่อจีรัชญ์ออกไป เขาไม่อยากทำตัวงี่เง่า แต่ทำอย่างไรได้...เขาอยากอยู่กับจีรัชญ์ที่นี่

“คุณปราณขอรับ” ไอ้มั่นเรียกเจ้านายเสียงอ่อนก่อนจะนั่งลงข้างกัน ณิชเงยหน้าขึ้นมองดวงวิญญาณที่ทำตัวราวผู้พิทักษ์เขาก่อนจะยิ้มให้

“มีอะไรเหรอมั่น”

“อย่าไปถือไอ้หาญมันเลยขอรับ ไอ้บ้านั่นมันก็แค่แกล้งคุณปราณ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณปราณเสียใจนะขอรับ”

“เขาสั่งให้มาพูดเหรอ”

“มิได้ขอรับ แต่บ่าวรู้จักเพื่อนของบ่าวดีขอรับ”

“หึ! เพื่อนของมั่นอาจจะไม่อยากให้ผมอยู่จริงๆ ก็ได้ ต่อให้เขาเปิดใจให้ผม แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมผมหมดทุกอย่าง”

“โถ... อย่าตัดพ้อกันแบบนั้นเลยขอรับ ประเดี๋ยวบ่าวจะไปจัดการมันให้เอง คุณปราณอยากให้บ่าวสั่งสอนมันเยี่ยงไรขอรับ” ไอ้มั่นอาสาแข็งขัน ต่อให้ไอ้หาญคือเพื่อนรักของมัน แต่หากต้องให้เลือกข้างมันก็ขอเลือกอยู่ข้างเจ้านายเสียดีกว่า

ณิชยิ้มขำกับท่าทางจริงจังของมั่นที่ออกตัวว่าพร้อมจะอยู่ข้างเขาเสมอ อารมณ์ที่เคยหน่วงในอกและน้อยใจก่อนหน้านี้ค่อยๆ เลือนหายไป เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ปล่อยอารมณ์ไปกับเพลงเก่าที่เปิดขับกล่อม

เพราะอยู่กับแม่แค่สองคน แม่เขาชอบเพลงลูกกรุงเก่าๆ เขาจึงติดหูฟังมาตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่ก็ฟังวนอยู่เพลงเดิมๆ ซ้ำๆ ที่เคยฟัง เขาหลับตาลงคิดถึงใบหน้าของสาววัยกลางคนที่อยู่ในความทรงจำ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าจีรัชญ์ยืนอยู่ตรงหน้า แทนที่จะเป็นมั่นที่นั่งเป็นเพื่อนเขา

“คุณฟังเพลงแนวนี้ด้วยเหรอ” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบหากแต่ในใจก็ลุ้นคำตอบที่จะได้ยิน เพราะหากณิชจำเรื่องราวของชาติที่แล้วได้ ก็แสดงว่าคุณปราณในชาตินี้แตกต่างจากชาติก่อนอยู่มาก เพราะคุณปราณในชาติก่อนจดจำเรื่องราวในอดีตระหว่างเขาสองคนได้ไม่มากเท่าไหร่นัก

“ก็ชอบนะครับ มันเพราะดี เมื่อก่อนแม่ชอบเปิดฟังตอนเช้าๆ” ณิชตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อน แต่คนฟังกลับรู้สึกหน่วงในอกเพราะความหวังที่ผุดขึ้นมาเพียงเสี้ยววิว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

จีรัชญ์ปัดความรู้สึกนั้นออกก่อนจะนั่งลงข้างคนตัวเล็กกว่า ณิชมองหนุ่มข้างกายก่อนจะเอนหัวลงซบไหล่กว้าง จีรัชญ์นั่งเป็นหลักให้อีกฝ่ายนั่งซบ ไม่ได้ผลักออกหรือทำตัวเลี่ยงหลบแต่อย่างใด ก่อนจะเป็นเขาเองที่หยิบมือถือของณิชมาแล้วเลือกเพลงเพลงหนึ่งให้เปิดเล่น

“เพลงจงรัก เพลงนี้เพราะมากเลย” ณิชพูดอย่างคนที่ได้ยินเพลงนี้บ่อยๆ เพราะมันคืออีกหนึ่งเพลงที่ความหมายลึกซึ้ง ความหมายของเนื้อเพลงทำให้เขาเคยคิดว่าอยากถูกใครสักคนมาหลงรักแบบนี้

“ผมเจอคุณครั้งแรกตอนคุณเล่นเปียโนเพลงนี้” จีรัชญ์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน ในระหว่างนั้นมีณิชฮัมเพลงร้องตามไปด้วย คนที่นั่งซบไหล่เขาอยู่เงยหน้าขึ้นมองทันทีด้วยใบหน้าสงสัย

“หม่อมราชวงศ์ปราณันต์ ปริพัตร เล่นเปียโนเพลงจงรักเพราะมาก”

ณิชถึงกับไปไม่เป็นเมื่อได้ฟังประโยคต่อมาของจีรัชญ์ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องราวในอดีตออกมาแบบนี้ ซึ่งมันทำให้เขาอยากรู้มากยิ่งขึ้นว่าชาติที่แล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาสองคน

“คุณเล่าเรื่องชาติก่อนให้ผมฟังหน่อยสิ ผมอยากรู้”

“จะรู้ไปทำไม มันคืออดีต”

“อ่าว! ทีเมื่อกี๊คุณยังพูดอยู่เลย”

“ผมแค่อยากบอกว่าคุณเคยเล่นเปียโนเพลงนี้ก็เท่านั้น”

“อะไรกัน ชอบมายั่วให้อยากแล้วจากไปทุกที” ณิชเบ้ปากด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายที่จีรัชญ์ยังหวงเรื่องอดีตไม่ยอมปริปากพูดออกมาทั้งหมดสักที ยิ่งอีกฝ่ายทำแบบนี้เขายิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่

“คุณรู้เพียงแค่...คุณในตอนนั้นกับคุณในตอนนี้ไม่เหมือนกันก็พอ” จีรัชญ์พูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะงอนจริงจัง หน้าตาเริ่มเรียบนิ่งจนพาให้บรรยากาศที่มีเพลงลูกกรุงขับกล่อมเริ่มเปลี่ยนไป

“ไม่เหมือนยังไง หน้าตาเหรอครับ”

จีรัชญ์หันมองคนที่จ้องเขาตาแป๋วอย่างรอคำตอบ เขาพินิจพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ

“หน้าตามีเค้าความคล้าย โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ที่ทำให้ผมจำคุณได้ แต่นิสัยไม่เหมือน”

“อ่า...ชาติก่อนผมเป็นผู้ดีมากเลยสิ เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ แล้วดูตอนนี้สิ เป็นสถาปนิกทำงานงกๆ ให้กับเจ้าของวังที่รวยมากแถมยังใจแข็งอย่างกับหิน” คำพูดแกมประชดประชันแต่ไม่ได้ใส่อารมณ์มากนักทำจีรัชญ์มีรอยยิ้มที่มุมปาก

“ตอนคุณเป็นคุณปราณ คุณจะเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เมื่ออยู่ด้วยกันคุณมีเสน่ห์ยั่วยวน ตอนคุณเป็นคุณชายปราณ คุณเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ไม่ว่าจะต่อหน้าคนอื่นหรือตอนอยู่กับผม คุณเป็นคนที่อ่อนโยนมากๆ”

จีรัชญ์พูดราวกับเพ้อออกมายามนึกถึงอดีตของตนที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนรัก ณิชมองใบหน้าที่กำลังอมยิ้มดูมีความสุขเมื่อพูดถึงอดีตแล้วก็ขมวคิ้วมุ่น สองมือเรียวยกขึ้นประคองแก้มอีกฝ่ายไว้แล้วเบี่ยงให้หันมามองตน

“แต่ตอนนี้คุณอยู่กับผม ห้ามคิดถึงคนอื่น ชาตินี้คุณอยู่กับผมนะ” อาการที่แสดงออกว่าหึงหวงของณิชไม่ได้อยู่ในความคิดของจีรัชญ์มาก่อน เขาอึ้งไม่น้อยจึงได้แค่มองตาอีกฝ่ายปริบๆ หัวใจที่เต้นอยู่ในจังหวะปกติเริ่มเต้นหนักหน่วงขึ้นทีละน้อย จนเขาคิดว่าณิชอาจได้ยินมันในนาทีใดนาทีหนึ่งแน่ๆ

“แต่คนอื่นที่ว่าก็คือตัวคุณเอง”

“แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกันตลอดไม่ใช่เหรอครับ ตอนนี้คุณต้องอยู่กับปัจจุบัน และปัจจุบันของคุณก็คือผม” ณิชพูดน้ำเสียงจริงจัง เขาไม่ชอบเลยที่จีรัชญ์ทำตาหวานเยิ้มเมื่อพูดถึงคุณปราณหรือคุณชายปราณ อาจเพราะชาตินี้เขาไม่ได้ใช้ชื่อเล่นเหล่านั้น แต่เป็นชื่อณิชที่เป็นตัวของเขาเอง

จีรชญ์หลุดขำกับคนที่หึงได้แม้กระทั่งตัวเองในอดีต นี่ถ้าหาเขาไปผูกจิตผูกใจกับใครอื่นณิชจะไม่อาละวาดบ้านแตกเหรอ ถือว่าคุณปราณในชาตินี้เป็นการผสมระหว่างคุณปราณชาติแรกกับชาติที่สองได้อย่างลงตัว มีทั้งความเรียบนิ่งและร้อนแรงในคนเดียว และณิชก็มีความเป็นตัวของตัวเองที่ทำให้เขาประหลาดใจได้เสมอ

“คุณขำอะไร”

“ขำคนหึงตัวเอง”

“ผมไม่ได้หึง แค่ไม่ชอบให้คุณคิดถึงตัวตนเก่าของผม คุณจำทุกอย่างได้แต่ผมจำได้แค่ครึ่งเดียว มันไม่ยุติธรรมเลย” ณิชเบ้ปากด้วยอารมณ์เซ็งจัด ถ้าเขาเป็นเด็ก 5 ขวบก็คงลงไปนอนชักดิ้นชักงอบนพื้นเพื่อร้องเอาแต่ใจจากจีรัชญ์แล้ว

จีรัชญ์ใช้มือใหญ่ของตัวเองลูบกลุ่มผมนุ่มบนหัวนิดเบาๆ ก่อนจะรั้งอีกฝ่ายมาหอมกระหม่อมเพื่อปลอบใจคนที่กำลังงอแง ณิชยื้อตัวออกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแอบทำอะไรแบบไม่ให้เขาได้ตั้งตัว แสงสว่างจากเสาไฟริมสระบัวทำให้จีรัชญ์ได้เห็นหน้าแดงๆ ของอีกฝ่ายที่กำลังเขิน

“ทำอ่อนโยนใส่ผมทุกทีเลยนะครับ คอยดูนะ ในเมื่อคุณไม่ยอมบอกผมก็จะไปถามหาเอาจากคนอื่นอีก”

“จะถามจากใครได้” จีรัชญ์เอนหลังพิงพนักเอาแขนพาดวางคล้ายโอบไหล่ณิชกลายๆ ท่าทางสบายๆ ดูไม่ใส่ใจคำขู่ของณิชทำให้คนพูดต้องระดมความคิดอย่างหนักว่าเขาจะไปขอคำตอบจากใครได้บ้าง

“จาก...” ณิชเงียบไปเมื่อเขาจนมุมแล้วจริงๆ จีรัชญ์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหน้ามุ่ยเพราะเอาชนะเขาไม่ได้ แน่ล่ะ...ถ้าเขาไม่เก่งเรื่องการปกปิดจริงๆ จะอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้เหรอ

“ปิดให้ได้ตลอดก็แล้วกัน” ณิชพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็หยิบมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินจากไป จีรัชญ์มองตามพร้อมรอยยิ้มอ่อนกับความดื้อของอีกฝ่าย

::::::::::::

จีรัชญ์กำลังนอนอยู่ในห้องทำงานของตัวเองในช่วงบ่ายคล้อยวันหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเผลองีบไปเมื่อตอนช่วงเที่ยง มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นณิชนั่งวาดอะไรสักอย่างลงไอแพด คาดว่าคงเป็นงานชิ้นต่อไปของเจ้าตัวนั่นแหละ ข้างตัวมีจานฝรั่งที่หั่นเป็นชิ้นวางอยู่พร้อมผงบ๊วยไว้จิ้มกินคู่กัน เจ้าตัวยังไม่รู้ตัวว่าจีรัชญ์ตื่นแล้ว เขาจึงนอนมองอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ปากหยักที่กำลังขยับยามกัดกินผลไม้ดูน่ามอง

ตั้งแต่วันนั้นที่ณิชบอกไม่ให้เขาคิดถึงคุณปราณในอดีต ณิชก็แทบจะขนของมานอนที่ห้องเขา ถ้าวันใดที่เขาเผลอล็อกห้องก็จะโดนเคาะเรียก แต่ถ้าวันไหนที่ณิชตามเขาเข้าสวนจนเหนื่อยและเผลอหลับไป เขาก็จะเข้าห้องณิชเพื่อไปนอนด้วย

ช่วงกลางวันอย่างเช่นวันนี้เจ้าตัวก็ชอบมาขลุกอยู่กับเขาในห้องทำงาน ไม่ได้เข้ามารบกวนแต่เข้ามานั่งเป็นจุดพักสายตาของเขาเสียส่วนใหญ่ แน่นอนว่าถึงณิชจะไม่ได้กวนเขาแต่เขาก็ไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานเท่าไหร่นัก เพราะสายตามักหยุดมองอยู่ที่อีกฝ่ายเสมอ ราวกับณิชคือสิ่งเสพติดทางสายตาที่เขาไม่อาจละสายตาได้

สีหน้าที่จริงจังกับการทำงานของณิชมีเสน่ห์ คิ้วที่เดี๋ยวขมวดมุ่นเดี๋ยวคลายเวลาคิดงานไม่ออกทำให้เขาอยากจะเอื้อมมือไปคลึงให้เจ้าตัวเลิกทำนิสัยนั้นเสีย

“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอครับ” ณิชหันมาถามเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่ จีรัชญ์อยู่บนเก้าอี้เอน นอนตะแคงข้างใช้แขนหนุนหัวมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ส่วนเขาที่นั่งอยู่บนพื้นริมหน้าต่างส่งยิ้มกว้างไปให้

“ฝรั่งอร่อยไหม”

“อร่อยครับ คุณอยากกินไหม” ณิชถามแต่ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เขาคลานเข้ามาหาจีรัชญ์พร้อมจานฝรั่ง หยิบผลไม้รสชาติหวานกรอบขึ้นมาหนึ่งชิ้น จีรัชญ์ยอมอ้าปากให้ณิชป้อนแต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ใช้มือป้อนเสียอย่างนั้น

“หึ...เจ้าเล่ห์” จีรัชญ์พูดเสียงเบา ใช้นิ้วแตะปลายจมูกณิชเบาๆ ก่อนจะอ้าปากงับฝรั่งจากปากอีกฝ่ายที่บรรจงป้อนให้ ณิชยิ้มเมื่อจีรัชญ์กินฝรั่งจากปากเขาแล้วเคี้ยว โดยที่สายตาหวานนั้นยังไม่ละไปจากเขาเลย









โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ
 :mew2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
555 หึงตัวเอง

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
......ความหลนเต้าเจี้ยว

.....อุอุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nottto

  • MaxNuzz
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ฮาคนหึงตัวเอง 55555

ปล ดีใจที่มาต่อค่ะ คิดถึงง

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๖ (ครึ่งแรก)



ถึงแม้จีรัชญ์จะยอมเปิดใจให้เขาแล้วก็ตาม แต่ความอยากรู้เรื่องราวในอดีตที่ยังไม่ถูกไขก็ยังไม่จางหาย การปฏิบัติการหาคำตอบด้วยตัวเองจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ทำให้ครั้งนี้เขาต้องมาอยู่ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งในเมือง เนื่องจากสะกดรอยตามใครบางคนมาแถมไม่ได้บอกใครที่บ้านไว้ด้วย แม้กระทั่งมิ้นหรือแม้แต่มั่นที่มักจะตามเขาเสมอเขาก็หลบรอดสายตาวิญญาณดวงนั้นมาได้

“คุณสุทิน มาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอครับ” ณิชเดินเข้าไปทักทายชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้นั่งดื่มอยู่กับเพื่อนของเจ้าตัว เขาหาโอกาสที่เพื่อนของสุทินไม่อยู่ที่โต๊ะจึงเดินเข้าไปหา

“อ้าว! คุณณิชมาเที่ยวกับใครครับ” สุทินถามด้วยความแปลกใจ เพราะเวลานี้ปกติจีรัชญ์ไม่ค่อยให้ใครเข้า-ออกวัง เนื่องจากถนนแถวนั้นค่อนข้างเปลี่ยวเกรงว่าคนในวังจะได้รับอันตรายได้ แต่นี่ณิชผู้ที่เป็นที่สุดของความห่วงใยของจีรัชญ์กลับออกมาเที่ยวกลางคืน เขามองไปด้านหลังชายหนุ่มก็ไม่พบหญิงสาวที่มาทำงานด้วยกันเสียด้วย

“มาคนเดียวครับ พอดีผมเคลียร์งานเสร็จแล้วเลยออกมายืดเส้นยืดสายสักหน่อย อยู่ที่นี่มานานแต่ยังไม่เคยมาเปิดหูเปิดตาตอนกลางคืนเลย” ณิชตอบก่อนจะเอาแก้วเหล้าในมือตัวเองชนแก้วอีกฝ่ายที่ยกขึ้นชนกับเขาเบาๆ

“งั้นก็นั่งด้วยกันสิครับ” สุทินรีบออกปากชวนทันที เพราะถ้าให้ณิชอยู่คนเดียวจีรัชญ์ต้องเอ็ดเขาแน่ๆ ณิชลอบยิ้มทันที ไม่คิดว่าสุทินจะไว้ใจตนง่ายขนาดนี้ ไม่มีข้อสงสัยอื่นใดที่อีกฝ่ายออกปากถาม กลายเป็นว่าพวกเขาได้นั่งดื่มด้วยกัน อีกทั้งณิชยังได้เพื่อนใหม่ที่เป็นเพื่อนของสุทินด้วย

“ไอ้ทินมันมีเจ้านายส่วนตัวครับ เวลาเจ้านายเรียกใช้หรือต้องการอะไรก็จะรีบทำให้เดี๋ยวนั้นเลย ราวกับเขาคือพ่อของมันนั่นแหละ” หนุ่มที่ชื่อว่านิวเพื่อนใหม่ของณิชเอ่ยเสียงยานคาง ฤทธิ์ของน้ำเมาที่ดื่มเข้าไปตั้งแต่ชั่วโมงก่อนออกฤทธิ์เข้าเสียแล้ว

“มึงก็พูดไปเรื่อยๆ ใครดีกับกูกูก็ต้องตอบแทน” สุทินตอบน้ำเสียงป้อแป้ไม่แพ้กัน แต่หากพูดให้ถูกจีรัชญ์ก็คงไม่ต่างจากพ่อเขานั่นแหละ แม้รูปกายภายนอกจะดูหนุ่ม แต่อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ เห็นหน้าตาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขายังเล็ก จนตอนนี้ 30 เข้าไปแล้วจีรัชญ์ก็ยังเหมือนเดิม อิจฉาความหล่อเป็นอมตะของเจ้าตัวจริงๆ แต่มันก็ต้องแลกมากับความเจ็บปวดนั่นแหละนะ

“ใครเหรอครับเจ้านายของคุณสุทิน” ณิชเท้าคางถามนิวที่ตอนนี้กำลังชงเหล้าแก้วใหม่ ฝ่ายนั้นหันมามองก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“เจ้าของวังปริพัตร ชื่ออะไรนะ จีรัชญ์ป่ะ แม่งรวยฉิบหาย คนเหี้ยไรโคตรรวยแต่ทำตัวเหมือนอยู่ถ้ำ” นิวส่ายหน้าเมื่อนึกถึงชายหนุ่มหน้าตาไทยแท้แต่กลับไม่ค่อยยิ้ม อีกทั้งไม่ผูกสัมพันธไมตรีกับใครพร่ำเพรื่อด้วย เขาเคยยิ้มให้ครั้งหนึ่งแต่ฝ่ายนั้นทำหน้านิ่งใส่

“ไอ้นิว! มึงนี่พูดมาก” สุทินเอ็ดเพื่อนตัวเองเข้าให้ เขามึนเมากับเสียงเพลง กลิ่นบุหรี่และเหล้าราคาดีก็จริงแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ก็ส่งข้อความไปบอกจีรัชญ์แล้วว่าณิชอยู่กับเขา รายนั้นจึงบอกว่าถ้าดื่มเสร็จให้โทรหาตนเดี๋ยวตนจะมารับด้วยตัวเอง แต่เขาว่าตอนนี้ได้เวลาที่ณิชควรกลับแล้ว เพราะไม่งั้นนิวคงได้เล่าเรื่องของเขาจนหมดเปลือกอย่างแน่นอน

“ไอ้นิว กูฝากคุณณิชด้วยนะ คุณณิชครับเดี๋ยวผมมา อ้อ! ถ้าไอ้นิวเล่าอะไรไปต้องเอามาหารเยอะๆ นะครับ ไอ้นี่มันชอบเล่าให้เวอร์ไว้ก่อน” พูดแค่นั้นชายหนุ่มก็เดินโซเซไปทางห้องน้ำเพื่อจะไปโทรศัพท์ ณิชมองตามหลังสุทินไปจนอีกฝ่ายหายกลืนไปกับกลุ่มคนหลังร้านเขาจึงหันมาไล่บี้กับนิวต่อ

“คุณนิวรู้ไหมว่าทำไมคุณสุทินถึงต้องช่วยคุณจีรัชญ์แบบนั้น”

“หึ! ไม่รู้ครับ” นิวส่ายหน้าเบาๆ

“หรือคุณสุทินชอบคุณจีรัชญ์ครับ” ณิชถามออกไปตามความคิดแรกที่ดันผุดขึ้นมา แถมเป็นความคิดที่ดูจะเข้าท่าที่สุด คนเราถ้าไม่รักไม่ชอบจะยอมทำให้ขนาดนี้เหรอ แต่ก็นั่นแหละ...พอคิดแบบนี้ก็ขนลุกแปลกๆ สุทินกับจีรัชญ์อ่ะนะ?

“หือ? ไม่ใช่หรอกครับ ไอ้สุทินมันชอบน้องหมี คนที่เป็นเลขาฯ คุณเขาน่ะ แต่เอาจริงๆ เหมือนผมจะเคยได้ยินมันเล่าว่าคุณจีรัชญ์เขาส่งให้มันเรียน เอ่อ...หรือพ่อคุณจีรัชญ์วะ อ่ะ...ผมไม่แน่ใจ แต่ก็ทำนองนั้นแหละครับ ให้มันเรียนให้มันมีการศึกษามันเลยช่วยงานแบบถวายหัว ไม่รู้จะเทิดทูนอะไรขนาดนั้น” นิวตอบณิชพลางนึกและตบตีกับสมองตัวเองที่ตอนนี้ประมวลผลได้ช้าเหลือเกิน ณิชที่มึนหน่อยๆ นั่งฟังพลางขมวดคิ้วมุ่นเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเท่าไหร่นัก

ไอ้มั่นยืนฟังบทสนทนาของคนเมาทั้งสองที่ยังดังแข่งกับเสียงเพลงเปิดดังหนวกหู มันถูกไอ้หาญส่งมาให้มาดูแลคุณปราณ เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าการแอบออกมาแบบนี้ใช่ว่ามันจะไม่รู้ไม่เห็น แต่ที่ปล่อยไปเพราะหากนี่คือทางที่จะช่วยให้คุณปราณกับไอ้หาญได้คู่กันในชาตินี้มันก็ยินดี ปล่อยให้คุณปราณได้ค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กับโชคชะตาที่คาดเดาไม่ได้

“คุณณิชครับ ดึกมากแล้วเรากลับกันเถอะ” สุทินเดินกลับมาที่โต๊ะ เขามัดมือชกอีกฝ่ายเพราะจีรัชญ์บอกว่ากำลังมาแล้ว ณิชรู้สึกเสียดายแต่เขาก็ยอมแต่โดยดีเพราะดื่มไปพอสมควรเหมือนกัน นิวชวนชนแก้วตลอดแทบไม่ได้วางแก้ว จะเลี่ยงหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ทันสายตาของอีกฝ่ายอยู่ดี กลายเป็นท้ายสุดเขากับนิวก็เมาหัวชนกันอยู่ดี

สุทินกับนิวพยุงณิชออกมาจากร้าน อากาศที่ปลอดโปร่งหน้าร้านทำให้ณิชสูดอากาศได้เต็มปอด เพราะมันไม่มีกลิ่นบุหรี่มากเท่ากับในร้าน นิวบอกว่าตนโทรให้แฟนสาวมารับเพราะกลับเองไม่ไหว ตอนมาพวกเขานั่งวินมาจึงไม่ต้องห่วงเรื่องรถ จะมีก็แต่ณิชที่ขับรถส่วนตัวมา แต่คิดว่าจอดทิ้งไว้ที่นี่สักคืนคงไม่เป็นไร พรุ่งนี้เจ้าตัวค่อยมาเอาก็ได้

“อ่า...ผมจะกลับยังไง” ณิชพูดกับตัวเองเบาๆ

“ไม่ต้องห่วงครับคุณณิช ผมจัดการให้เอง รับรองคุณถึงวังปลอดภัยแน่นอน” สุทินหัวเราะพลางยิ้มตาเยิ้ม “เดี๋ยวผมมานะครับ” สุทินบอกณิชก่อนจะเดินเข้าร้านไปอีกครั้ง เพื่อไปคุยกับทางผู้จัดการร้านว่าจะขอฝากรถเอาไว้ก่อน

“อ่า...มั่น” ณิชนั่งที่ริมทางเท้าฟุบหน้าลงกับเข่าก่อนหางตาจะเห็นเงารางๆ ว่าเป็นคนที่คุ้นเคย เขาเอ่ยเรียกพร้อมยิ้มให้ ไอ้มั่นยิ้มตอบเจ้านายแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป มันเพียงแค่นั่งเป็นเพื่อนเท่านั้น ส่วนนิวแยกตัวออกไปสูบบุหรี่ระหว่างรอแฟนมารับเช่นเดียวกัน

“ทำไมคุณจีรัชญ์ไม่ยอมพูดอะไรสักที ผมอยากรู้จริงๆ นะ นี่ถ้าผมรู้ว่าผมตายเพราะอะไร ผมจะได้ไม่ทำแบบเดิมไง ผม...จะไม่ฆ่าตัวตาย จะไม่ลงเล่นน้ำ” ณิชพูดเสียงอ่อย เขาทุบขมับตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกว่ามันหนักอึ้งเกินไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าสุทินกำลังเดินมาหา แต่เพราะความเมาเป็นเหตุทำให้ขาก้าวผิดจังหวะสะดุดขอบฟุตปาธจนล้มหน้าคะมำ

“เห้ยๆ เมาแล้วอย่านอนขวางถนนสิวะ!”

เสียงตะโกนดังมาก่อนที่...

ฟึบ!

“คุณณิช!”

มันเป็นช่วงจังหวะชลมุนที่ทำเอาคนแถวนั้นร้องกรี๊ดเสียงหลง ณิชนอนกลิ้งอยู่บนพื้นพร้อมแผลถลอก สุทินแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นว่าณิชถูกรถเฉี่ยวทั้งที่ยังไม่ได้ลุกยืนจากการล้มก่อนหน้านี้ มอเตอร์ไซค์ที่ขับเฉี่ยวณิชไปไม่หันกลับมามองคนเจ็บด้วยซ้ำ ไอ้มั่นนึกเจ็บใจที่มันช่วยอะไรเจ้านายไม่ได้ หมัดของไอ้บ่าวผู้ซื่อสัตย์กำแน่น หากมันมีกายหยาบคงได้ซัดหมัดใส่ไอ้คนก่อเรื่องแล้ว

“คุณณิชเป็นอะไรไหมครับ” สุทินรีบเข้ามาพยุง ส่วนนิวที่แฟนสาวเพิ่งมาถึงรีบเข้ามาดูอาการคนเจ็บก่อน

“พาไปโรงพยาบาลเถอะว่ะ เผื่อมีอะไรหัก” นิวออกความเห็นทำให้พวกเขาต้องพยุงณิชขึ้นรถของแฟนนิวจากนั้นก็ขับออกไปเลย

“ไอ้หาญ! เร็วๆ เลยมึง คุณปราณโดนรถเฉี่ยว!” ไอ้มั่นรีบมาส่งข่าวให้เพื่อนรักที่กำลังขับรถเข้าเมืองอยู่ รถถึงกับเซไปครู่หนึ่งเพราะความตกใจของจีรัชญ์ หัวใจกระตุกวูบก่อนจะเต้นหนักหน่วงพร้อมความคิดที่ไม่มีดีเลย

จีรัชญ์รีบโทรหาสุทินก่อนเป็นอย่างแรก สุทินบอกว่ากำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเขาจึงรับขับรถตามไป ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเขาก็มาถึงโรงพยาบาลที่ว่า เมื่อจอดรถเสร็จก็เห็นสุทินนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

“คุณตรี”

“หยุด! อย่าเพิ่งพูดอะไร” จีรัชญ์พูดเสียงเข้ม เขาจ้องมองป้ายหน้าห้องฉุกเฉินเพราะภาพเก่ามันซ้อนทับเข้ามาในหัว หัวใจปวดหนึบจนชาไปทั้งอกจนแทบหยุดเต้น ความกลัวถาโถมจนเกือบจะยืนไม่ไหว ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่ไอ้มั่นที่ยังคงยืนอยู่ข้างกัน

ที่ไอ้มั่นยังไม่เข้าไปก็เพราะมันก็กลัวไม่ต่างจากไอ้หาญ กลัวว่าเข้าไปแล้วจะไม่ได้เจอคุณปราณอีก และการรอคอยครั้งใหม่ก็คงจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

จีรัชญ์สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องฉุกเฉินไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาเดินหาคนที่ตามหาไม่นานก็เห็นว่าอีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียง ที่แขนทั้งสองข้างมีรอยถลอกน่าจะเกิดจากการไถลตัวไปบนถนน เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมาก

“คุณจีรัชญ์!” ณิชเรียกด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจีรัชญ์จะมาโผล่ที่นี่ ก่อนเขาจะโดนสวมกอดจากคนตัวโตที่สีหน้าเครียดขรึมไร้รอยยิ้ม

“โอ๊ย!” ณิชร้องเบาๆ เมื่อจีรัชญ์กอดเขาแน่นเกินไป เรียกได้ว่าแทบจะรัดให้กระดูกเขาแตกอย่างนั้นแหละ

“ทำไมคุณดื้อแบบนี้” จีรัชญ์ถามเสียงสั่น ความหนักอึ้งในอกคลายไปหมดแล้วเมื่อเห็นว่าณิชไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงหรือถึงแก่ชีวิต

“ผมล้มแล้วรถก็มาเฉี่ยว ผมไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”

“แต่คุณหนีมาเที่ยวคนเดียวโดยไม่บอกใครเลย” จีรัชญ์ผละออกก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ สายตาคมดุขึ้นมาหน่อยนึงเพื่อตำหนิอีกฝ่าย กลิ่นเครื่องดื่มมึนเมาที่เจ้าตัวดื่มมาหึ่งตลบอบอวลจนเขานึกเคือง

“ผม...” ณิชอึกอักก่อนจะมีพยาบาลเข้ามาช่วยเขาไว้ด้วยการบอกว่าให้ญาติไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลและรับยาได้เลย ตัวเขาไม่ได้เป็นอะไรแค่มีแผลถลอกเท่านั้นจึงกลับบ้านได้ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลให้เปลืองเตียงผู้ป่วย

จีรัชญ์ไปจัดการทุกอย่างให้ณิชจนเรียบร้อย กลับมาก็เห็นสุทินนั่งอยู่กับณิชโดยมีไอ้มั่นยืนเฝ้าเป็นเงาตามตัวไม่ห่าง ส่วนเพื่อนของสุทินที่พาณิชมาส่งที่นี่กลับไปก่อนหน้านี้นานแล้ว

“เดี๋ยวฉันไปส่ง” เขาบอกสุทินเพราะอีกฝ่ายไม่มีรถกลับ

“ผมขอโทษนะครับคุณตรีที่...”

“ไม่ต้องขอโทษ คนของฉันผิดเอง” จีรัชญ์ขัดบทของสุทินเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกผิด ณิชนั่งรออยู่ในรถพวกเขาจึงลอบพูดกันได้

“คุณณิชเขาดูอยากรู้เรื่องของคุณตรีมากเลยนะครับ ผมคิดว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้วเสียอีก” เมื่อเจอเหตุการณ์น่าตกใจ เครื่องดื่มมึนเมาที่ดื่มไปก็ทำเอาเขาสร่างเป็นปลิดทิ้ง สุทินไปล้างหน้าล้างตามาแล้วมันเลยไม่มึนเท่าเก่า เพียงแต่กลิ่นก็ไม่ชวนให้คนอื่นเข้าใกล้อยู่ดีพยาบาลหน้าห้องฉุกเฉินยังย่นจมูกใส่เขาเสียด้วยซ้ำตอนที่พาณิชมาที่นี่

“อืม เขาพยายามมาก ครั้งนี้เขาพยายามเข้าหาผมมากจริงๆ” จีรัชญ์พูดอย่างอ่อนใจ มองคนที่นั่งหน้ามุ่ยบนเบาะข้างคนขับแล้วถอนหายใจ

จีรัชญ์มาส่งสุทินถึงที่พักก็วนรถกลับวัง ส่วนณิชนอนหลับไปบนที่นั่งข้างคนขับแล้ว กว่าจะถึงวังปริพัตรเจ้าตัวก็หลับไปได้หนึ่งตื่นพอดี เมื่อกลับมาถึงวังจีรัชญ์ปลุกอีกฝ่ายให้ลงจากรถ ณิชงัวเงียบวกกับอาการมึนเมาที่ยังหลงเหลืออยู่ทำให้เดินเซเหมือนปูจนจีรัชญ์ต้องช่วยพยุง

ไอ้มั่นถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าเจ้านายของมันในชาตินี้สุดโต่งกว่าชาติที่แล้วๆ มา ไหนจะชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย ไหนจะเรื่องอุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ตั้งแต่เรื่องตกบันไดจนตอนนี้โดนรถเฉี่ยว โชคชะตากะจะทำให้เพื่อนของมันกับคุณปราณไม่ได้สมหวังกันเลยหรืออย่างไร

“อื้อ...ง่วง” ณิชพึมพำเบาๆ เขาแทบจะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนแต่จีรัชญ์กลับกอดรั้งไว้เสียก่อน

“ไปอาบน้ำก่อนครับ ตัวคุณมีแต่กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่”

“แต่ผมมีแผล” ณิชแย้ง สติเขามีไม่ครบร้อยแต่ก็ไม่ได้ขาดถึงขนาดจะไม่รู้ว่าตอนนี้แผลมันแสบ และเข่าที่ล้มกระแทกพื้นมันปวดอยู่

“งั้นก็ล้างหน้าเช็ดตัวสักหน่อย” จีรัชญ์บอกก่อนจะอุ้มอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำ แน่นอนว่าคืนนี้ณิชนอนกับเขาเช่นเดิม

คนทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสักพัก จีรัชญ์ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวหลังจากณิชเช็ดตัวเสร็จแล้วไม่นานก็ออกมา คนเมาที่ตอนนี้สร่างแล้วกำลังยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจก ปากรูปกระจับเบ้ออกหน่อยๆ พร้อมกับแขนที่ยกขึ้นเพื่อดูรอยถลอกต่างๆ ซึ่งตามข้อศอกก็มีให้เห็น

“คุณณิช ผมว่าเราต้องคุยกัน” จีรัชญ์เอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาเครียดขรึมดูจริงจังจนคนที่สบตาเขาผ่านกระจกลอบกลืนน้ำลาย ณิชยิ้มแหยให้เพราะรู้ว่าความผิดครั้งนี้เขาคงหนีไม่พ้นแน่ๆ

“คุณทำแบบนี้ทำไม แค่ผมอยู่กับคุณมันยังไม่พอเหรอ ไหนบอกว่าอยากให้เรามีความสุขกันแต่ทำไมคุณต้องทำตัวให้ผมเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย”

“ผมแค่อยากไปดื่ม...”

“อย่าโกหกผม”

ณิชปิดปากฉับเมื่อโดนเสียงเข้มๆ ดุเอา จะหาข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวใดก็คงฟังไม่ขึ้นเพราะครั้งนี้เขาหนีไปจริงๆ อีกทั้งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ด้วย

“ก็คุณไม่ยอมบอกความจริงทุกอย่างกับผมสักที ผมก็ต้องหาทางสืบด้วยตัวเองสิ”

“ด้วยการออกมาดื่มกับสุทินเพื่อจะล้วงความลับจากเขาน่ะเหรอ”

“ค...ครับ...” ณิชรับคำเสียงอ่อน

“ทำไมถึงอยากรู้เรื่องในอดีตนัก” จีรัชญ์ถามด้วยความเหนื่อยใจกับคนดื้อรั้นตรงหน้า หากเป็นเด็กเป็นเล็กคงจับตีให้เข็ด

“ผมอยากรู้เพื่อที่ผมจะได้ระวังตัว และเราจะได้ไม่ลงเอยแบบที่แล้วมาไงครับ ผมแค่...แค่อยากทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ผมไม่อยากให้คุณต้องทรมานอีกแล้ว” พูดไปก้อนความเสียใจก็มาจุกอยู่ที่ลำคอ ต่อให้เขาต้องพลิกฟ้าตามหาความจริงไปทั่วประเทศเหมือนที่หาญต้องหลบซ่อนตัวเขาก็จะทำ

“คุณเปิดใจให้ผม คุณยิ้มให้ผม คุณนอนกับผม คุณบอกว่าเราจะมีความสุขไปด้วยกัน แต่แววตาของคุณไม่ได้มีความสุขไปด้วยเลย มันมีแต่ความกังวลเต็มไปหมด ผมไม่อยากให้เรื่องของเราต้องมาจบลงอีก ผมอยากรักคุณไปนานๆ อยากแก่ไปพร้อมกับคุณ อยาก...อึก...ผมอยากอยู่กับคุณ”

น้ำตาเม็ดโตไหลออกจากดวงตาสวยกลิ้งลงมาตามแก้มจนถึงคางแล้วหยดลง ณิชห้ามน้ำตาไม่ได้อีก เขาปล่อยให้มันไหลไปแบบนั้นก่อนจะเป็นจีรัชญ์ที่เดินเข้ามาสวมกอด รั้งศีรษะอีกฝ่ายให้โน้มมาซบที่อกตนแล้วลูบหัวเพื่อปลอบประโลม

“ฮึก...ผมจะไม่ฆ่าตัวตาย ผมจะไม่ทิ้งคุณ อึก...เข้าใจไหมว่าผมไม่อยากทิ้งคุณไว้อีกแล้ว ฮือ...ผมไม่อยากทิ้งคุณให้รออีกแล้ว” ณิชพยายามพูดออกมาแม้เสียงสะอื้นจะทำให้พูดลำบากก็ตาม จีรัชญ์กระชับกอดคนที่กำลังร้องไห้กับอกเขาอีกหน่อย ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะพูดหรือทำออกไปในชาตินี้

“โอเค ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟัง ทุกอย่างเลยครับ”

ยอมแล้วกับคนคนนี้ ยอมให้หมดทั้งใจตั้งแต่แรกเจอจนตอนนี้ ยอมในความพยายามเพื่อที่จะทำให้เขาไม่ทรมานอีกต่อไป ยอมในความกล้าที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง

ณิชทลายกำแพงทุกอย่างที่จีรัชญ์สร้างมาร่วม 30 ปี ณิชทำให้คนที่จมอยู่กับความทุกข์ต้องยอมออกมาจากมุมมืดที่สร้างมาเพื่อกักขังตัวเองไว้ หากชาตินี้จะเป็นอีกชาติที่ไอ้หาญต้องทรมาน อย่างน้อยมันก็ได้เห็นว่าคุณปราณก็กำลังพยายามไม่แพ้มันเหมือนกัน แต่หากชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายที่มันจะมีชีวิตอยู่ ก็ขอให้คนในอ้อมกอดคนนี้เป็นคนสุดท้ายที่มันได้พบเจอ





โปรดติดตามส่วนต่อไป

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
หวานซึ้ง เรากำลังจะได้รู้ทุกอย่างแล้ว

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ระหว่างรอเรื่องนี้  แอบไปหลงรัก แผลงศร มา

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เชื่อใจณิชนะคุณจีรัชน์ว่าชาตินี้จะไม่ลงเอยเช่นเคย  :katai2-1:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคน

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๖ (ครึ่งหลัง)



“หลังจากที่แม่ พี่ชายและน้องสาวของคุณชายปราณเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ คุณชายจัดการงานศพทุกอย่างโดยที่ผมเป็นคนช่วย วังปริพัตรเงียบลงถนัดตาเมื่อขาดผู้อาศัยไปถึง 3 คนในเวลาเดียวกัน คุณชายร้องไห้หนักมากจนแทบไม่มีน้ำตาให้ไหล และเก็บตัวอยู่ในห้องไม่พบเจอผู้คนหลังงานศพผ่านไป...”

จีรัชญ์เล่าเรื่องราวของคุณชายปราณให้ณิชฟัง เล่าทุกอย่างอย่างที่ตนได้บอกไว้ ฝ่ายคนที่นอนพิงอกเขาอยู่บนเตียงสี่เสานอนฟังอย่างตั้งใจ แม้ตอนนี้เวลาจะเข้าสู่วันใหม่แล้วแต่เขาสองคนยังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด มือเรียวถูกจีรัชญ์ยกมากุมไว้พลางใช้นิ้วโป้งคลึงนิ้วทั้งห้าเล่นไปมา ในหัวย้อนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อนานแล้วแต่เขารู้สึกราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง

คุณชายปราณต้องใช้ความเข้มแข็งเป็นอย่างมากเมื่อต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในวังหลังใหญ่ แม้ข้างกายจะมีคนรู้ใจแต่ความอ้างว้างจากการสูญเสียครอบครัวทำให้ชายหนุ่มเก็บตัว แทบไม่พูดไม่จากับใคร อยู่แต่ในห้องที่เคยเป็นความทรงจำระหว่างตัวเองกับครอบครัว

ไอ้มั่นเสียใจที่มันช่วยอะไรเจ้านายในชาตินี้ไม่ได้เลย มันไม่คิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับชีวิตคุณปราณแบบนี้ คงเพราะชาติก่อนทำกรรมไว้ ทิ้งคนที่รักทรมานใจจนชาตินี้ต้องมาชดใช้ด้วยความเสียใจนี้แทน การสูญเสียที่ไม่ทันตั้งตัวเหมือนอย่างที่คุณหญิงราตรี ท่านออกญาฯ และไอ้หาญต้องพบเจอ

ทุกเช้าหมออนันต์จะออกไปทำงานพอตกเย็นก็กลับมาที่วัง เขาถือวิสาสะมาอยู่ที่วังนี้ด้วยเพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจของคุณชายปราณที่ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก โดยมีแม่สายหญิงแม่บ้านที่ทำหน้าที่มานานนมคอยอยู่ดูแลคุณชายปราณในยามกลางวัน

ร่างกายผอมเพรียวเริ่มซูบผอมเพราะเจ้าของร่างไม่ค่อยยอมทานอะไรนัก อนันต์ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงชวนอีกฝ่ายหากิจกรรมทำ อย่างเช่นการวาดรูปที่เขาติดค้างคุณชายปราณไว้

“คุณบอกว่าอยากให้ผมวาดรูปบ้านเรือนไทยหลังนั้นใช่ไหม เอาขนาดไหนดีครับ ใหญ่ขนาดนี้ดีไหม” อนันต์คลี่กระดาษออกกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายได้ออกความเห็น ชายปราณยิ้มอ่อนให้ก่อนจะพยักหน้า

“ได้ครับ” เขาตอบก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มลงมือร่างภาพบ้านเรือนไทยในความทรงจำ

แม้เวลาจะผ่านไปร่วมเดือนแล้วแต่ความเสียใจยังคงอยู่ เพียงแต่มันไม่ทรมานเท่าเก่า ความคิดถึงคนทั้งสามยังอยู่เต็มอก มองไปทางไหนของวังปริพัตรก็จะเห็นภาพวันวานที่ครอบครัวเขามีความสุขร่วมกัน รูปถ่ายของคนทั้งสามถูกแขวนเรียงกันไว้ใกล้กับรูปท่านพ่อ ทุกครั้งที่เห็นความรู้สึกจุกตื้อก็ตื้นขึ้นมาที่อกจนแทบหายใจไม่ออก

มันเกิดคำถามขึ้นในใจเสมอว่าทำไมทุกคนต้องทิ้งเขาไป ทำไมถึงจากกันไปแบบนี้

“ไม่ร้องแล้วนะครับคนดี คุณยังมีผมอยู่ตรงนี้นะครับ” เสียงที่มีแต่ความอบอุ่นเอ่ยอยู่ข้างหูก่อนอ้อมกอดที่คุ้นเคยโอบกอดเขาไว้เต็มรัก ชายปราณกอดตอบอนันต์ ซุกหน้าลงกับอกกว้างที่มักเป็นที่พักพิงให้เขาเสมอ

ใจไอ้หาญเจ็บที่ต้องเห็นคนรักตรอมใจเช่นนี้ แต่มันจะทำอย่างไรได้ มองไปที่ไอ้มั่นไอ้เพื่อนเกลอก็ทำเพียงแค่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกัน

วันเวลาผันผ่านเลยไปไม่ได้นับ หม่อมราชวงศ์ปราณันต์กลับไปรับงานสอนดนตรีต่อ เพราะหากจะให้เขาอยู่วังก็เห็นแต่จะมีภาพของชายปุณ หญิงรตีและคุณหญิงช่อทิพย์วนเวียนไปมา มีหลายครั้งที่เขาเผลอเรียกคนเหล่านั้นออกไปเพราะคิดว่าเห็นอีกฝ่ายมาหา เดินตามไปจนสุดทางเดินจนเงาหายวับไปถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เขาเห็นก็เป็นเพียงภาพลวงตา

“ทำไมผมไม่เจอคุณหญิงแม่ พี่ชายใหญ่และหญิงรตีเหมือนที่เห็นมั่นล่ะ ผมนึกว่าตัวเองจะสัมผัสอะไรแบบนี้ได้เสียอีก”

ชายปราณพูดขึ้นในค่ำคืนหนึ่งในห้องที่เคยใช้เป็นห้องจัดงานเลี้ยงวันเกิดคุณหญิงช่อทิพย์ ซึ่งห้องนี้เขาได้จัดให้อนันต์ไว้ใช้วาดภาพที่เขาขอไว้ อนันต์เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ฝ่ายนั้นลงมือวาดรูปที่วาดค้างไว้ต่อ อนันต์หันไปมองคนที่กำลังเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีดำมืดของกลางคืนอย่างไร้จุดหมาย

“หากเจอกันคุณชายอยากพูดอะไรกับท่านเหรอครับ”

“ก็...บอกลาล่ะมั้งครับ หรือไม่ก็...บอกรักอีกสักครั้ง บอกเป็นครั้งสุดท้าย”

เขาเคยบอกรักมารดา พี่ชายและน้องสาว แต่ไม่บ่อยนักหรอก เมื่อโตขึ้นความเขินอายก็มีมากกว่าตอนเด็กๆ แต่กระนั้นเมื่อมีโอกาสก็ได้พูดบ้าง เพียงแต่ครั้งนี้เขาอยากพูดเพื่อบอกลา ถ้าได้เจอกันอีกครั้งก็คงดี

อนันต์พยายามคิดหาวิธีทำให้คุณชายปราณหายจากความโศกเศร้า วันหนึ่งเขาถามคุณชายปราณว่าพื้นที่ว่างหลังตึกใช้สอยอะไรหรือไม่ ฝ่ายนั้นบอกว่าไม่มี แต่เดิมเป็นสวนที่คุณหญิงช่อทิพย์ชอบมานั่งดื่มชา แต่ตอนนี้เริ่มรกร้างเพราะไม่มีใครไปแล้ว เขาจึงขอนุญาตทำสระบัวให้อีกฝ่าย เป็นการรำลึกความหลังไปในตัว ดึงความสนใจของคุณชายปราณให้กลับไปอยู่กับอดีตเหมือนกับเขา ดีกว่าต้องมาจมอยู่กับความทุกข์ความเสียใจในปัจจุบัน

คุณชายปราณตื่นมาตั้งแต่เช้าเพราะได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากหลังตึก รถขุดขนาดใหญ่กำลังเริ่มขุดพื้นหญ้าสีเขียวเป็นหลุมลึก และมีขนาดกว้างขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์สระบัวก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ชายปราณไปเลือกพันธุ์ดอกบัวกับอนันต์ที่ร้านขายพันธุ์ไม้ ถือว่านี่เป็นกิจกรรมที่ทำให้คุณชายปราณแทบจะลืมความเศร้าไปเสียสนิท เขาสนุกกับการเดินเลือกสีดอกบัวที่คนขายแปะรูปตัวอย่างไว้ให้ดู อนันต์บอกว่าในรูปที่เห็นสวยๆ ก็อย่าไปเชื่อมาก เพราะบางทีดอกที่ออกมาก็สีพื้น ไม่ใช่สีพิเศษอย่างที่พ่อค้าแม่ค้าเขาโม้ไว้

“ผมสั่งทำศาลากลางสระไว้ด้วย เผื่อคุณชายจะได้ไปนั่งชมวิวตรงนั้น” อนันต์บอกพร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนตัวเล็กยิ้มได้ ชายปราณที่กำลังกินไอติมตัดพยักหน้าเบาๆ

“ดีครับ เวลาคุณวาดรูปจะได้เปลี่ยนบรรยากาศไปวาดที่สระบัวได้ด้วย”

อาการทางจิตใจของคุณชายปราณดีขึ้นจนคนในบ้านคลายความกังวลใจ โดยเฉพาะอนันต์ที่ไม่มีท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างคนคิดหนักตลอดเวลาแล้ว ไอ้มั่นก็พลอยสนุกไปด้วยเมื่อมันไปยืนดูไอ้หาญลงมือปลูกบัวทุกต้นด้วยตัวมันเอง

“ไม่ๆ สีส้มมันต้องปลูกไกลจากสีม่วงสิวะ เดี๋ยวมันกลืนกัน” ไอ้มั่นยืนชี้นิ้วสั่งไอ้เกลอรักที่มือเลอะเปรอะเปื้อนดินโคลน ส่วนลำตัวจมอยู่ในน้ำเกือบครึ่งตัว

“ปลูกบัวสีขาวไว้ริมๆ หน่อยสิวะ เวลามันออกดอกจะได้ชูดอกสวยๆ คุณปราณเห็นแล้วจะได้ชื่นใจ” ไอ้มั่นหายไปยืนอยู่ใกล้อนันต์ที่กำลังก้มลงหยิบหน่อบัวลงปลูก

“ทำไมมึงไม่เอาบัวสายมาลงเยอะๆ วะ จะได้ทำแกงให้คุณปราณกินได้”

“มึงหุบปากก่อนได้ไหมไอ้มั่น แหกปากชี้นิ้วสั่งอยู่นั่น กูทั้งร้อนทั้งเหนื่อยยังต้องมาฟังมึงบ่นอีก” อนันต์หันไปบ่นใส่ ดีที่ไม่มีใครออกมาเดินแถวนี้ไม่เช่นนั้นคงด่าเขาว่าบ้าที่พูดคนเดียว

“เหอะ! ก็ดูมึงทำสิวะขัดใจกูจริงเชียว นี่ถ้ากูทำนะป่านนี้เสร็จไปนานแล้วโว้ย”

อนันต์ส่ายหน้ากับความขี้โม้ของเพื่อนรัก ไม่ว่าจะกี่ชาติผ่านไปไอ้มั่นก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยๆ มันก็ยังเป็นสีสันให้กับชีวิตที่เคยมืดมนของเขาได้

ในตอนนี้เขามีความสุขดี คุณชายปราณดีขึ้นมากแล้ว และความรักของพวกเขาสองคนก็เป็นไปในทางที่ดี แม้ยังไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าเขากำลังหลุดพ้นจากคำสาป แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้คือการทำให้คุณชายปราณมีความสุข

ภาพวาดบ้านเรือนไทยลงลายเซ็นของผู้วาดกำกับไว้ที่มุมภาพ ‘อนันต์’ คือชื่อที่ไอ้หาญเลือกที่จะใส่ไว้บนภาพ เพราะความหมายของชื่อตรงกับความรู้สึกรักที่มันมีให้กับคุณปราณ ต่อให้ชาติที่แล้วมันเป็นเพียงแค่ไอ้หาญ เป็นเพียงทาสคนหนึ่ง แต่ตอนนี้มันคือผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้คนรักกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง

“สวยมากครับ” ชายปราณเอ่ยชมภาพวาดที่ถูกใส่กรอบแขวนไว้ที่ห้องโถงตามที่ต้องการในตอนแรก เขายืนมองบ้านเรือนไทยที่อยู่ในความทรงจำ มันสมจริงราวกับเขาเข้าไปอยู่ในภาพวาดนี้ได้

“ผมวาดรูปให้คุณเสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นหม่อมราชวงศ์ปราณันต์ให้เกียรติเล่นเปียโนให้ผมฟังสักเพลงได้ไหมครับ” อนันต์โอบไหล่คนตัวเล็กเบาๆ แล้วก้มลงถาม เขาใช้จมูกคลอเคลียแก้มใสที่มีรอยยิ้มแต้มอยู่ที่มุมปาก

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแม่บ้านในวังก็ไปขลุกตัวกันอยู่ที่โรงครัวจึงไม่มีใครมารบกวนพวกเขา คนสองคนพากันไปที่ห้องดนตรี เปียโนหลังใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่เดิม มันไม่ถูกเจ้าของแตะต้องมานานหลายเดือนแล้ว วันนี้เห็นทีจะได้ปัดฝุ่นเล่นเสียหน่อย

นิ้วเรียวพรมลงบนลิ่มเปียโน เสียงเปียโนที่กำลังบรรเลงเพลง Can't Help Falling In Love ของศิลปินผู้โด่งดังอย่าง Elvis Presley ซึ่งมันเป็นเพลงที่อนันต์เคยเล่นไวโอลินให้ชายปราณตอนอยู่ร้านขายเครื่องดนตรี เจ้าตัวจึงเลือกเพลงนี้มาขับกล่อมให้อีกฝ่ายได้ฟังในตอนนี้

ไอ้มั่นมองภาพตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข แววตาของคนที่มันรักทั้งสองคนมองกันอย่างสื่อความหมาย ทุกอย่างประจวบเหมาะสมกับการรอคอยของไอ้หาญ มันที่เป็นดั่งสักขีพยานของความรักบริสุทธิ์ในครั้งนี้ตื้นตันใจจนอยากร้องไห้ มันไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะอยู่เป็นดวงวิญญาณล่องลอยแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่คิดไว้ว่าเมื่อใดที่คำสาปหลุดพ้นตัวมันก็คงต้องจากคนทั้งสองไปตลอดกาล

และเวลานั้น...คงถึงเวลาที่มันต้องบอกลาเพื่อนรักจริงๆ เสียที

*

เข้าสู่ช่วงปลายปีฝนตกชุกจนดินชุ่มน้ำแทบทุกวัน คุณชายปราณโดนฝนนิดหน่อยก็จับไข้ แต่เจ้าตัวก็ยังชอบไปนั่งที่สระบัวเสมอแม้วันนั้นฝนจะตกก็ตาม

“ดอกบัวสวยมาก”

“แต่คุณค่อยออกมาดูตอนที่ฝนหยุดแล้วก็ได้นี่ครับ” อนันต์เอ็ดอีกฝ่ายที่ออกมานั่งอยู่ที่ศาลา แม้ฝนจะซาไปแล้วแต่ก็ยังมีละอองฝนที่สามารถทำให้ชายปราณอาจจะจับไข้ได้

“ก็ผมชอบตรงนี้ คุณสร้างมันให้ผมเองนะ” ชายปราณแย้ง

ตอนแรกๆ เขาโดนกำชับแทบจะทุกครั้งที่ย่างเท้าเข้ามาใกล้สระบัวว่าให้ระวังตกน้ำ เพราะเขาว่ายน้ำไม่เก่ง อีกทั้งอนันต์ยังฝังใจกับเรื่องเมื่อชาติก่อนเขาจึงมักโดนมั่นตามประกบบ่อยๆ ครั้งนี้ก็เช่นกันแต่มั่นก็หายไปเมื่ออนันต์มาอยู่กับเขา

อนันต์ส่ายหน้าเบาๆ กับความดื้อของอีกฝ่าย ถึงเขาจะพูดไปแบบนั้นก็แต่ยิ้มเอ็นดูคนที่ทำตัวราวกับเด็กน้อยเจอสถานที่ที่ถูกใจ เขาจับมือนุ่มขึ้นมาจุมพิตเบาๆ กลิ่นหอมของแป้งที่ทาบนผิวเนียนหอมละมุนจนต้องสูดดมอีกหลายครั้ง

“ช่วงนี้คุณดูผอมไปนะ ได้ทานข้าวบ้างรึเปล่า” อนันต์ถามเพราะเขารู้สึกได้ว่าตอนจับข้อมือของคุณชายปราณ มันดูเล็กกว่าในตอนแรกอยู่เล็กน้อย

“ทานสิครับ เพียงแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ไว้ผมจะทานให้เยอะขึ้นนะครับ”

ชายปราณรู้ดีว่าตอนนี้ร่างกายตัวเองไม่ปกติ มันรู้สึกไม่สดชื่นเหมือนก่อนหน้านี้ที่เขายังมีแม่ พี่ชายและน้องสาว เขาเคยไปพบหมอครั้งหนึ่ง หมอบอกว่าอาจเป็นผลกระทบทางจิตใจที่มาจากการสูญเสียคนรักกะทันหันจึงส่งผลให้ตัวเขามีสภาวะจิตใจย่ำแย่ เขาจึงคิดว่าหากวันเวลาผ่านไปและได้อยู่ในที่ที่ชอบอย่างศาลากลางสระบัวมันอาจทำให้เขาสบายใจมากขึ้น

แต่เหมือนทุกอย่างจะแย่ลงจากเดิม เพราะหลังจากวันที่อนันต์ทักเรื่องเขาผอมลง อาการอยากอาหารก็ลดลงไปอีก มีอาการปวดหัวตุบๆ อยู่บ่อยครั้ง บางครั้งปวดทรมานจนร้องไห้ เขาไม่ได้บอกอนันต์เพราะอีกฝ่ายก็ยุ่งกับคนไข้ที่โรงพยาบาล บางวันแทบนอนโรงพยาบาลเพราะมีเคสผ่าตัดเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งศัลยแพทย์ในเด็กเป็นบุคลากรที่มีจำนวนจำกัดด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การพบเจอกันของพวกเขายิ่งน้อยลงไปอีก

“วันนี้คุณดูเหนื่อยมาก พักผ่อนบ้างสิครับ” ชายปราณเอ่ยบอกคนที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาล

อนันต์ย้ายมาอยู่ที่วังปริพัตรและประกาศขายบ้านหลังเดิมที่เคยอยู่แล้ว แม่บ้านที่นี่ไม่มีใครตะขิดตะขวงใจเรื่องที่เขาย้ายมาอยู่กับคุณชายปราณ นั่นเพราะเห็นว่าอนันต์ช่วยเหลือคุณชายในยามสิ้นหวังตอนสูญเสียครอบครัวไป อนันต์จึงกลายเป็นที่รักใคร่ของคนในวัง และกลายเป็นสมาชิกใหม่ของวังปริพัตรไปโดยปริยาย

“แค่เห็นหน้าคุณผมก็หายเหนื่อยแล้ว” อนันต์หอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ก่อนจะหยอดคำหวานให้คนฟังได้เขิน

“หน้าคุณดูซีดๆ นะ ไปตากฝนจนจับไข้อีกแล้วเหรอครับ” เมื่อได้นอนกอดร่างบางบนเตียงสี่เสาหลังใหญ่ อนันต์ก็ทำหน้าที่หมอคอยสำรวจร่างกายคนชอบป่วย ชายปราณหัวเราะขำกับท่าทางของคนที่ไม่สลัดคราบหมอออกเสียทีเดียวแม้จะเลิกงานแล้ว

“ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ สบายดี คุณน่ะคิดมาก”

“ไม่คิดได้ยังไง เกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมาผมก็แย่สิ”

“แย่ยังไงครับ กลัวไม่หลุดพ้นคำสาปเหรอ”

“เรื่องคำสาปผมไม่กลัวหรอก แต่กลัวคุณป่วยมากกว่า เดี๋ยวผมอดกันพอดี”

“อดอะไรครับ”

“อดเติมพลังไงครับ”


บทสนทนากลืนหายไปกับเสียงลมหายใจหอบกระเส่าของคนสองคน ร่างสองร่างกอดเกี่ยวกันราวกับกลัวอีกฝ่ายจะแยกจาก ลมหายใจอุ่นเป่ารดรินไปทั่วร่างเปลือยเปล่า บทรักอันเร่าร้อนที่ต่างฝ่ายต่างปรนเปรอให้กันสุขสมถึงฝั่งฝันไปหลายครั้ง ค่ำคืนที่มีฝนโปรยปรายจนกลายเป็นฝนเม็ดใหญ่ตกกระทบหน้าต่าง แต่ความอบอุ่นบนเตียงหลังกว้างยังคงอยู่ไม่จางหาย

“ทุกอย่างก็ดูโอเคนี่ครับ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ณิชที่นอนพิงอกกว้างก็เงยหน้าขึ้นมองจีรัชญ์ หากไม่นับเรื่องอาการป่วยของคุณชายปราณที่มาจากจิตใจที่อ่อนแอ เขาก็ไม่เห็นว่าคุณชายปราณกับอนันต์จะแยกจากกันได้ยังไง

“เพราะมันดูเหมือนไม่มีอะไรไงครับ ผมเลยวางใจ”

“งั้นเล่าต่อสิครับ ผมอยากรู้”

“มันดึกมากแล้ว ตอนนี้ตีสองกว่าแล้วคุณไม่ง่วงเหรอ”

“ก็...ง่วงแหละครับ” พูดจบก็เผลอหาววอดใหญ่ ตาสวยที่เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้จีรัชญ์จำอีกฝ่ายได้ปรือตามอารมณ์คนง่วงนอนแต่ฝืนตัวเองไว้ เขาตัดใจไม่เล่าต่อเพราะตอนนี้ดึกมากแล้วไว้ค่อยเล่าต่อพรุ่งนี้ก็ยังได้

“ฝันดีนะครับ” จีรัชญ์บอกคนที่ขยับตัวลงนอนเอาหัวหนุนหมอน ณิชพยักหน้าเบาๆ แม้ตาจะปิดไปแล้ว หนุ่มเมืองกรุงไม่ลืมคว้าแขนล่ำมากอดตัวเองไว้ด้วย จีรัชญ์เอื้อมมือไปปิดโคมไฟก่อนจะนอนซ้อนหลังกอดอีกฝ่ายไว้แล้วหลับไปตามๆ กัน

คืนนี้นิทานก่อนนอนถูกเล่าค้างไว้เพียงแค่นั้น ส่วนพรุ่งนี้นิทานบทต่อไปจะเป็นฉากที่เศร้าที่สุดที่ณิชจะได้รู้







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด