☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔  (อ่าน 35107 ครั้ง)

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



***************************************************************************************


คิด (ไม่) ถึง : การคิดแต่ไปไม่ถึงใครคนนั้น

คะนึง (ไม่) หา : ต่อให้คิดถึงอย่างไรก็คงไม่ออกไปตามหาใครคนนั้นอีกแล้ว

เพราะทุกอย่างมันควรสิ้นสุดตรงที่เขาต้องชดใช้กรรมและอยู่บนความทุกข์เช่นนี้ทุกชาติไป





จนกว่าฟ้าจะเป็นใจในสักวัน เธอและฉันได้กลับมาเจอชาติใด

ฉันจะขอชดเชยให้เธอคืนทั้งหัวใจ ชดใช้ความรักที่ให้มา...ทุกนาที





||| = ||| = ||| = |||

 หากจิตดวงนี้ต้องคำสาปแลไม่มีทางใดจะหลุดพ้นแล้วไซร้

ก็ขอตกเป็นทาสรักแก่คนที่มันผูกใจไว้คราแรกไม่ลืมเลือน

แม้นมิได้ครองคู่ ก็ขอคิดถึงทุกลมหายใจที่ถูกจองจำ

||| = ||| = ||| = |||



เรื่องราวความรักของชายคนหนึ่งที่ปักใจรักใครอีกคน แต่ตัวเองต้องคำสาปนิรัดร์ที่ไม่มีวันตาย

2 ชาติอดีตที่เขาเก็บความทรงจำทุกอย่างไว้เพียงคนเดียว

1 ชาติที่ถวายรักด้วยชีวิต

1 ชาติที่โกรธแค้นรักนี้เพราะมิอาจครอบครองได้ดั่งใจ

และชาติสุดท้ายที่เขายอมปล่อยวางเพื่อรอวันหลุดพ้นสักวันหนึ่ง



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2021 10:43:04 โดย :นางสาวผอบ: »

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


บทแรก 



เสียงไม้พายตกกระทบกับผิวน้ำเกิดเสียงชวนเคลิ้มหลับ เรือหลายลำสัญจรผ่านไปมาผ่านท่าน้ำบ้านของออกญาศรีรัตนกร เนื่องด้วยตรงนี้คือทางผ่านไปยังตลาดซึ่งเลยจากคุ้งน้ำนี้ไปไม่ไกลนัก



“ลูกว่าจะไปเที่ยวตลาดสักหน่อยขอรับคุณหญิงแม่ ตั้งแต่หายไข้ก็อุดอู้อยู่เรือนเสียหลายวัน คุณหญิงแม่คงมิว่ากระไรใช่หรือไม่ขอรับ”



เสียงของ ‘คุณปราณ’ ดังแว่วมาตรงท่าน้ำทำให้ ‘ไอ้หาญ’ ที่แอบงีบหลับสะดุ้งรีบกระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่ซ่อนตัวในพงหญ้า เพราะเกรงว่าหากคุณหญิงเห็นตนอู้งานจะสั่งโบยเสีย



‘ไอ้หาญ’ บ่าวในเรือนที่คุณหญิงและท่านออกญาเอ็นดูเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก เหตุเพราะไปเจอมันขโมยข้าวสารของเถ้าแก่ในตลาด ตอนนั้นมันอายุได้ประมาณ 12 ปีกระมัง เป็นเด็กกำพร้าฐานะยากจนพอได้คนเอ็นดูมันก็ยอมทำงานให้แทบถวายหัว จนตอนนี้อยู่เรือนนี้มา 8 ปีเห็นจะได้



คุณปราณเป็นบุตรของคุณหญิงราตรีกับออกญาศรีรัตนกร หรือบ่าวในเรือนเรียกกันจนชินปากว่าท่านออกญา เป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเรือนนี้ ผิวผุดผาดราวน้ำนมชโลม มือเท้าก็เรียวสวย วงหน้านวลเล็กรับกับปากและจมูก อีกทั้งรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าหวานนั่นทำให้คนมองยิ้มตามได้ไม่ยาก รูปร่างของคุณปราณในวัย 18 สูงโปร่งเพรียวจนคิดว่าหากลมพัดแรงสักสองทีคงปลิวได้ ท่าทางการเดินก็งดงามเพราะถูกอบรมจากคุณหญิงเป็นอย่างดี



มันแอบมองคุณปราณมาตั้งแต่ยังเด็กเคยเล่นกับคุณปราณอยู่หลายครั้ง ตอนครั้งที่คุณปราณราว 11 ปีมันแอบหอมแก้มคุณเขาเพราะอดใจในความน่าชมนี้ไม่ไหว ดีที่ยายอาบและบ่าวคนอื่นไม่เห็นไม่งั้นมันคงโดนเฆี่ยนไปแล้ว แต่เพียงแค่สัมผัสเดียวในครั้งนั้นก็ทำมันตราตรึงใจนักจนยังจำมาได้ทุกวันนี้



แต่เมื่อคุณปราณโตขึ้นและไปร่ำเรียนกับท่านพระครูก็ห่างกันไป ไอ้หาญเฝ้าคิดถึงรอยยิ้มหวานและสายตาที่มักเผลอสบตากันในหลายครั้ง จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้คุณปราณกลับมาอยู่ที่เรือนหลังจากเข้ารับราชการในวัง ไอ้หาญดีใจแทบเก็บอาการไว้ไม่มิด แต่เพราะมันเป็นคนพูดน้อยไม่ค่อยสุงสิงกับใคร อีกทั้งทำแต่งานจึงไม่มีใครรู้ว่าบ่าวคนนี้มันนั่งยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้าตอนไปแอบมองหน้าต่างห้องคุณปราณที่เจ้าของห้องกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่



แต่กระนั้นมันก็ยังเฝ้ามองชายหนุ่มผู้เป็นนายที่อายุอ่อนกว่ามานาน มองอยู่แบบนี้ทั้งที่รู้ว่าตนทำได้แค่ชื่นชม มีครั้งหนึ่งมันแอบเห็นคุณปราณลงเล่นน้ำกับไอ้มั่นบ่าวคนสนิท ผิวขาวราวหยวกกล้วยล่อตาล่อใจอยู่มากจนคิดดีมิได้ อีกทั้งบั้นท้ายกลมตึงน่าบีบขย้ำนั่นก็ด้วย



ใจเย็นเถิดไอ้หาญ หากมึงคิดจะแตะต้องแก้วตาดวงใจของเรือนนี้เพียงปลายก้อย หลังของมึงคงไร้ที่ว่างให้กลากเกลื้อนได้ขึ้น เพราะมันคงเต็มไปด้วยรอยหวายจากท่านออกญาเป็นแน่



“ลูกนี่นะ แอบหนีเจ้าคุณพ่อออกไปเที่ยวเพราะกลัวจะเจอแม่หนูนวลจันทร์แม่รู้ทันดอก”



“โถ่ คุณหญิงแม่ขอรับ ก็ตอนนี้ลูกยังไม่อยากพูดเรื่องออกเรือนนี่ขอรับ จะรีบไปไย”



“แม่และพ่อเจ้าไม่ได้รีบแต่ด้วยเพราะพูดกันไว้ตั้งแต่ลูกได้สามขวบว่าจะเป็นดองกัน อย่างไรเสียก็ทำความรู้จักกันไว้เสียหน่อยก็ไม่เสียหายดอกหนา”



ไอ้หาญได้ฟังถึงกับใจกระตุกวูบ คุณปราณของมันกำลังจะออกเรือนรึ หากคุณปราณออกเรือนมันจะทำอย่างไร จะได้เห็นใบหน้าหวานนี้อีกหรือไม่



“ไอ้หาญ...หลบอยู่ตรงนั้นทำไมรึ” เสียงเรียกของคนที่มันพึงใจตั้งแต่คราแรกที่สบตา เฝ้าถนอมแอบมองมาตั้งแต่เด็กทำให้ไอ้หาญบ่าวร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าเตี่ยวต้องคลานออกมาหา เนื้อตัวของมันมีแต่กลิ่นสาบเหงื่อจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ร่างบางที่ขาวสะอาดไปทั่วตัวอย่างคุณปราณหรอก



“เอ็งมีอะไรทำรึไม่” คำถามนั้นทำให้คุณหญิงและไอ้มั่นมุ่นคิ้วสงสัย



“ไม่มีขอรับ”



“งั้นพายเรือให้ข้าได้หรือไม่” ไอ้หาญไม่รอช้ารีบตอบละล่ำละลักว่าได้จนไอ้มั่นต้องรีบถามนายตน



“แล้วบ่าวเล่าขอรับ แค่บ่าวคนเดียวก็พอแล้วกระมังขอรับ”



“หยุดพูดไปไอ้มั่น บ่าวในเรือนมีตั้งมากข้าจะใช้การใครก็ย่อมได้ เอ็งอยู่นี่แหละวันนี้ข้าจะไปกับไอ้หาญ” คุณปราณหันไปปรามมันในทันที ก่อนจะยกยิ้มให้กับไอ้หาญที่ตอนนี้มีแววตาชื่นชมตนอย่างปิดไม่มิด



สำหรับคุณปราณแล้วไอ้หาญเป็นคนที่พูดน้อย แทบจะไม่พูดเลยด้วยซ้ำ หลายครั้งที่เห็นมันเมียงๆ มองๆ แต่ก็ไม่ได้เข้ามาสนทนาด้วยแต่อย่างใด แต่เมื่อเขาลองถามลองพูดด้วยสักสองสามคำก็เห็นหูมันแดงเถือกราวกับจะปริแตกเสีย



“เอาเถอะๆ รีบไปรีบกลับนะลูก แม่ไม่อยากให้ออกไปตากแดดตากลมนานเดี๋ยวไข้จะกลับ” คุณหญิงพูดแค่นั้นก็ส่งร่มให้ไอ้หาญเอาไปกางให้คุณปราณ ก่อนจะส่งลูกชายขึ้นเรือไปพร้อมบ่าวที่มิใคร่พูดใคร่จาแต่ทำงานดี โดยมีไอ้มั่นบ่นกระเง้ากระงอดชะเง้อคอตามว่าตนโดนเจ้านายทิ้ง



“คุณปราณจะไปที่ใดขอรับ” ไอ้หาญถามชายหนุ่มที่นั่งค่อนไปทางหัวเรือ อีกฝ่ายผินหน้ามามองเพียงนิดก่อนจะตอบ



“ข้าอยากไปดูบัวเสียหน่อย แดดร่มแล้วหากได้ชมบัวก็คงดี”



“ขอรับ”



ไอ้หาญพายเรือมาถึงบึงบัว มันส่งคุณปราณขึ้นฝั่งก่อนมันจะผูกเรือไว้กับต้นไม้และขึ้นฝั่งตาม บึงบัวต้องเดินข้ามเนินดินต่อไปอีกหน่อยซึ่งสถานที่ตรงนี้น้อยคนนักที่จะรู้ นั่นเพราะตอนเด็กๆ มันแอบพาคุณปราณมาเที่ยวเล่นที่นี่เสียบ่อย จึงเป็นสถานที่เดียวที่คนทั้งคู่รู้กันเพียงเท่านั้น



“หาญ มานั่งนี่สิ” คุณปราณเรียกบ่าวที่ตนพามาด้วยให้นั่งลงข้างกัน คำเรียกที่ใช้ก็ต่างออกไปเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น



ตอนนี้ช่วงบ่ายคล้อยแดดที่เคยร้อนจัดแปรเปลี่ยนเหลือเพียงแดดอ่อนๆ และลมยามบ่ายเท่านั้น อุ่นไอร้อนบรรเทาลงไปมากเนื่องจากที่นั่งตรงนี้คือใต้ต้นไม้ใหญ่ ไอ้หาญยอบกายนั่งลงห่างจากคุณปราณราวหนึ่งวา



“วันนี้บัวสวยนะ แม้จะตกบ่ายแล้วแต่ความสวยงามของมันไม่แพ้ในตอนเช้าที่ข้าเคยมาดูกับเอ็งในตอนนั้นเลย” ไอ้หาญลอบยิ้มเมื่อคุณปราณพูดถึงความหลังที่มันเคยพาคุณปราณมาดูเมื่อสามปีก่อน นานขนาดนี้คุณปราณยังจำได้มิลืมไอ้หาญขอเข้าข้างตัวเองได้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายก็พึงใจเวลาอยู่ด้วยกัน



“ขอรับ”



“เอ็งจะพูดแต่ขอรับรึ ข้าพูดไปหลายคำแต่เอ็งตอบแต่ขอรับรึ แล้วนั่นไปนั่งเสียไกลรังเกียจอะไรกันหรือ เมื่อก่อนยังจูบยังหอมข้าไปเสียหลายทีไม่คิดห่าง” ใบหน้าหวานสวยที่ได้มาจากคุณหญิงงอง้ำ หากอยู่กันต่อหน้าคนอื่นคุณปราณมีท่าทางเป็นหนุ่มสุภาพเรียบร้อย แต่เมื่ออยู่กับไอ้หาญแล้วไยความสุภาพนั้นถึงกลายเป็นความกระเง้ากระงอดราวหญิงสาวแง่งอนไปได้ก็ไม่รู้



คุณปราณมองบ่าวที่ตนรู้ว่าตัวมันแอบมองเขามานานนม หากใช่มิรู้ความใดไม่เพราะตนก็พึงใจในตัวมันเช่นเดียวกัน แต่กระนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยคำหรือแสดงกิริยาออกไปให้ใครได้รู้ นั่นเพราะไอ้หาญก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกมาให้ชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไรกับตน ตอนนั้นที่โดนหอมแก้มจนแทบช้ำเขาจำได้ดี ไอ้หาญชมไม่ขาดปากว่าเขาน่ารักน่าชังเสียยิ่งกว่าลูกเจ้าขุนมูลนายท่านใดที่มันเคยเห็น



รูปร่างและใบหน้าของไอ้หาญหากได้ขัดได้ล้างเสียหน่อยคงดูดีสมชายชาตรีไม่หยอก เขาเห็นมันมาตั้งแต่เขายังเด็ก ไอ้หาญไม่ช่างพูดเหมือนไอ้มั่นทำให้หลายครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจจึงโดนเขาตบเขาต่อยไปบ้าง แต่เมื่อกลับมาจากเรียนกับพระครูความโหยหาคิดถึงเรื่องกาลเก่าก็ตีวนกลับมา ราวกับคิดถึงคนสนิทที่ตนไม่ได้เห็นหน้าค่าตามานาน



“คุณปราณ! ...จะ...จำได้หรือขอรับ” ไอ้หาญถามด้วยความตกใจ ทำไมคุณปราณจำเรื่องในตอนนั้นได้ มันคิดแค่ว่าไม่มีบ่าวคนใดหรือเจ้านายคนไหนเห็นก็เพียงพอแต่ลืมไปเสียสนิทว่าคุณปราณก็โตพอรู้ความแล้ว ยิ่งคุณปราณจำได้แบบนี้กลับไปเรือนมันคงโดนโบยเป็นแน่



“ข้าจำได้แล้วเอ็งเล่า...จำได้หรือไม่” คุณปราณหันมามองพร้อมสายตาที่หากไอ้หาญไม่คิดเข้าข้างตัวเองนักก็คงจะบอกว่ายั่วยวนกระมัง นั่นเพราะรอยยิ้มแต่งแต้มที่มุมปากอีกทั้งดวงตาหวานที่ชายตามองมาอย่างไว้ที



“บ่าวขออภัยคุณปราณขอรับ ตอนนั้น...”



“ข้าว่ากระไรหรือยัง เหตุใดจึงได้หมอบกราบขนาดนั้น” คุณปราณแย้งยังไม่ทันที่ไอ้หาญได้พูดจบ ร่างบางขยับเข้าไปใกล้บ่าวตัวคล้ำขึ้นอีกหน่อยแล้วเฉยคางอีกฝ่ายให้สบมองตาตน



“หากจะว่าก็คงว่าไปนานแล้ว” รอยยิ้มสวยนั้นทำไอ้หาญใจเต้นไม่เป็นส่ำ หากอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามจากการออกแรงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่หนา คาดว่าใจของมันคงหลุดออกจากอก ความสวยงามของบัวที่เบ่งบานอยู่เต็มบึงหรือจะสู้รอยยิ้มเดียวของคุณปราณได้



จุ๊บ



และสิ่งที่ตามมาหลังจากยิ้มนั้นยิ่งทำให้ไอ้หาญรู้สึกว่าหากมันจะตายวันนี้ก็คงไม่เสียดายชีวิต คุณปราณจุมพิตที่ริมฝีปากหยาบกร้านของไอ้บ่าวคนนี้ได้อย่างไร ไม่กลัวความสากระคายและเปื้อนบ้างหรือ



“คุ...คุณปราณ”



“จูบครั้งนี้ถือว่าหายกัน จำไว้นะหาญ...หากพึงใจจะทำก็ย่อมได้ ข้ายอมให้เอ็งทำแค่คนเดียว"



“บ่าวมิกล้า”



“หากเอ็งมิกล้าก็จงอยู่แอบมองข้าไปจนตายเถิด!” คุณปราณผละออกด้วยความหงุดหงิดใจ



ใครเลยจะรู้สิ่งที่อยู่เบื้องลึกหัวใจดวงนี้ สิ่งที่เขาหวังและปรารถนาหาใช่หญิงสาวที่งามทั้งกิริยาและวาจาไม่ หากแต่เป็นชายหนุ่มผิวเนื้อคล้ำแดดที่แอบเฝ้าถนอมเขามาตั้งแต่เด็กคนนี้ต่างหาก แสดงออกไปหลายครั้งว่าอยากให้มันมาอยู่ใกล้แต่ไอ้บ่าวคนนี้กลับโง่เขลาเสียยิ่งกว่ากระไร ไม่รู้สึกระแคะระคายบ้างหรือ



“อย่าถือโทษโกรธบ่าวเลยขอรับ บ่าวมิอาจเอื้อมเด็ดดอกฟ้ามาเชยชมให้สมใจดอก แค่เพียงคุณปราณมอบจูบให้เมื่อครู่ก็สุขล้นใจมากแล้วขอรับ”



“กระนั้นก็นั่งให้มันดีๆ” คุณปราณพูดเสียงแข็ง แต่การกระทำไม่ได้กระด้างตามเพราะร่างบางนั่งแทบจะชิดตัวไอ้หาญแล้ว ก่อนศีรษะเล็กจะค่อยๆ เอนลงซบกับไหล่กว้าง ไอ้หาญตัวเกร็งแข็งเพราะตกใจกับการกระทำของเจ้านายอยู่มากโข



คุณปราณจะรู้ไหมว่าตอนนี้มันกำลังหักห้ามใจตนไม่ให้รั้งคุณปราณมากอดมาหอม กลิ่นกายและเสื้อผ้าที่อบน้ำร่ำมาอย่างดีหอมกรุ่นจนมันอยากสูดดมให้ชุ่มปอด ผิวเนื้อที่คาดว่าคงนุ่มมือนั่นมันอยากจับอยากลูบเหลือเกิน



“นั่งแบบนี้สักพักเถิด ข้าอยากนั่งเล่นเหมือนตอนที่ยังเด็ก” เพราะตอนเด็กหาญพาเขามาที่นี่ อีกทั้งยังให้นั่งซ้อนหลังชมบัวจนเคลิ้มหลับไปหลายหน คุณปราณช้อนสายตาขึ้นมองคนที่นั่งแข็งเป็นหินซึ่งมันแอบมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่าเขาจับได้จึงรีบเสหลบแต่ไม่ทันเสียหรอก คุณปราณยิ้มขำยิ่งเบียดกระแซะตัวเข้าไปใกล้ไอ้หาญ บ่าวที่พูดน้อยเสียยิ่งกว่าอะไรอย่างนึกแกล้ง



ไอ้หาญขบฟันกรอดด้วยความอดทน คุณปราณเล่นซนเหมือนครั้งยังเด็ก ชอบแกล้งชอบทุบตีให้เขาได้ร้องโอดโอย แม้หมัดมือไม่ได้นักแต่ก็ทำเขาเจ็บได้ เสียงหัวเราะเบาๆ ข้างหูทำให้ไอ้หาญขนหูลุกเกลียว รู้สึกได้ถึงความร้อนที่กองตรงหน้าและใบหู ตอนนี้มันพยายามสงบจิตสงบใจอย่างถึงที่สุดแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน เพราะแขนของคุณปราณทับส่วนกลางลำตัวอยู่จนมันเสียดสีผ่านผ้าเตี่ยวที่สวมใส ราวกับอีกฝ่ายจงใจให้เป็นอย่างนั้น



“เดี๋ยวหน้าดำเดี๋ยวหน้าแดง เอ็งเป็นอะไรรึ”



“บ...บ่าวคิดว่าแบบนี้มันไม่เหมาะสมขอรับ”



“ไม่มีใครเห็นสักหน่อย” คุณปราณพูดเสียงแผ่ว ปลายจมูกโด่งรั้นปัดที่ข้างแก้มไอ้หาญ กลิ่นเหงื่อของมันไม่ได้ทำให้คุณปราณรำคาญใจแม้แต่น้อย ไม่ได้นึกรังเกียจเดียดฉันท์อันใดเลย ขอเพียงแค่ได้อยู่ใกล้มากกว่าที่เรือน ได้เบียดกายเข้าหาให้สองแขนล่ำนี้ได้โอบกอดร่างเขานี่คือสิ่งที่ต้องการ



“ความใกล้ชิดนี้ที่ข้ามอบให้ หากเอ็งมิต้องการก็ผลักออกเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วอย่าได้เจอกันอีก เพราะกลับจากนี้ไปข้าจะไปคุยเรื่องออกเรือนกับเจ้าคุณพ่อ แต่หากเอ็งมิได้รังเกียจและคิดเช่นเดียวกัน ก็จงใช้สองมือที่เอ็งมีรั้งข้าไว้เถิด”



สิ้นคำไอ้หาญใช้เวลาตรองเพียงเสี้ยววิก็รั้งตัวคุณปราณมากอดเต็มรัก อย่าได้พูดคำว่าอย่าได้เจอกัน อย่าให้มันได้ห่างจากคุณปราณมากไปกว่านี้ ตลอดหลายปีที่ได้แค่แอบมองแต่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองแค่นี้ก็ทุกข์มากพอแล้ว มันตะโบมจูบที่อยากมอบให้อีกฝ่ายมานานอย่างไม่คิดว่าคุณปราณจะหายใจทันหรือไม่ จูบที่เร้าร้อนพร้อมไฟกามที่แผดเผาลุกลามไปทั่วกาย



คุณปราณร้องเสียงครางเครือเมื่อไอ้หาญบีบคลึงผิวเนื้อตนทุกสัดส่วน ก่อนมืออันหยาบกร้านของมันจะสอดเข้าในโจงกระเบนที่นุ่งอยู่แล้วบีบขยำบั้นท้ายตนอย่างมันมือ คุณปราณแอ่นบั้นท้ายให้ไอ้หาญพลางเอนซบไปบนอกแกร่ง ช่วงล่างของคนทั้งสองเบียดสีกันทั้งที่ปากยังเกี่ยวพันกันอยู่ อารมณ์ความกำหนัดของคนทั้งคู่พลุ่งพล่านยากจะหยุด จนไอ้หาญต้องอุ้มคุณปราณมาหลบที่หลังต้นไม้ใหญ่ แล้วใช้ส่วนโคนต้นบังพวกเขาทั้งคู่ไว้จากสายตาผู้คน ก่อนจะลงมือจูบไปตามผิวนวลที่ได้แตะต้องตามใจนึก



เสียงจูบอันหยาบโลนดังเบาๆ เรียกความกระสันได้เป็นอย่างดี คุณปราณปรือตามองคนที่คร่อมตนอยู่ซึ่งบัดนี้ผ้าเตี่ยวของมันหลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นแก่นกายใหญ่โตที่ผงาดเต็มที่ คุณปราณตาโตก่อนจะเอื้อมมือไปแตะเบาๆ ไอ้หาญสะดุ้งเมื่อเห็นมือซนๆ ของคุณปราณแตะต้องส่วนนั้นของมัน



“เสียวเหลือเกินขอรับคุณปราณ” ไอ้หาญกระซิบบอกเมื่อมืออันนุ่มนิ่มของเจ้านายกอบกุมส่วนนั้นของมันไว้แล้วรูดรั้งช้าๆ



“เอ็งชอบไหม ข้าทำให้แบบนี้ชอบหรือไม่” คุณปราณช้อนสายตาถามซึ่งนั่นทำให้ไอ้หาญถึงกับกลืนน้ำลาย คุณปราณตั้งใจยั่วยวนมันไปถึงไหน แค่นี้ก็หลงจะแย่แล้ว



“คุณปราณทำสิ่งใดไอ้หาญชอบหมดขอรับ แค่คุณปราณเอ็นดูไอ้หาญขนาดนี้ก็ดีมากแล้วขอรับ”



“ทำไมมักน้อยนักเล่า ข้ายอมให้เอ็งขนาดนี้ไยถึงได้โง่เขลาไม่รีบตักตวงเสีย” คุณปราณถามขณะนั้นไอ้หาญก็ขยับโยกเอวช่วงล่างรับกับจังหวะรูดรั้งของคุณปราณด้วย โดยที่ตัวมันใช้แขนค้ำกับรากไม้ใหญ่เพื่อจะได้ไม่ทับร่างคุณปราณไปเสียก่อน



“บ่าวมิกล้า”



“งั้นเอ็งคงดีใจหากข้าต้องไปอยู่กับผู้อื่น ให้ผู้อื่นได้แตะต้องร่างนี้ก่อนที่เอ็งจะได้สัมผัส”



“มิได้ขอรับ บะ...บ่าวมิอยากให้คุณปราณไปอยู่กับผู้ใด ไม่อยากให้ใครได้เชยชมร่างนี้เลยขอรับ” พูดจบก็กดจูบทั่วใบหน้าหวาน คุณปราณจะรู้ไหมว่าตัวมันอยากตีตราเป็นเจ้าของร่างบางนี้ขนาดไหน อยากฝากฝังตัวตนเข้าไปในร่างนี้ใจแทบขาดแต่ก็ทำได้แค่หักห้ามใจให้คุณปราณใช้มือช่วย เพราะคำว่าไม่กล้าคำเดียว



“หาญ...เอ็งรักข้าไหม”



“รักที่สุด รักหมดใจดวงนี้เลยขอรับ” ไอ้หาญจับมือเรียวมาทาบอกที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของมัน ก่อนจะใช้เสื้อของอีกฝ่ายซับเหงื่อให้คุณปราณ พวงแก้มสุกปลั่งเพราะอากาศร้อนอีกทั้งเหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้าจนมันรู้สึกผิด



“ข้าก็รักเอ็งเช่นเดียวกัน ฉะนั้นอยากทำอะไรก็ทำเถิดข้ายอมเอ็งทุกอย่าง ขอเพียงทำให้ข้ามีความสุขก็พอ” ไม่พูดเปล่าคุณปราณยังหยัดตัวขึ้นพลางหันหลังให้ ผ้านุ่งที่หลุดลุ่ยถูกถลกขึ้นมากองที่บั้นเอวก่อนจะส่ายบั้นท้ายสีกับแก่นกายใหญ่โตเพื่อเชิญชวนให้มันเข้ามาในร่างตน



“กระนั้นให้ไอ้หาญได้เข้าไปในตัวของคุณปราณนะขอรับ”



“อืม...เข้ามาเลย...อ๊ะ...” สิ้นคำขอไอ้หาญก็ดันพรวดเข้ามาในร่างบางทันที คุณปราณสูดปากครางราวกินน้ำพริกเผ็ด ความเจ็บแสบแล่นริ้วไปทั้งกาย แต่เพราะมือหยาบของไอ้หาญกอบกุมส่วนนั้นพร้อมทั้งปลุกปั่น อีกทั้งความหื่นกระหายที่จะครองครองเขามันจึงทั้งเสียวซ่าน เจ็บปวดแต่สุขสมไปพร้อมๆ กัน



เสียงเนื้อกระทบกันยามไอ้หาญส่งกายเข้าหาร่างบางไม่ยั้ง ร่างเพรียวบางที่ไอ้หาญเคยเห็นด้วยตาบัดนี้พอได้จับจึงได้รู้ว่าเอวคุณปราณเล็กจนมันจับแค่สองมือก็พอดีแล้ว บั้นท้ายงอนแน่นที่เคยอยากขย้ำตอนนี้มันได้ขยำสมใจจนผิวแดงขึ้นริ้วแดงตามรอยมือ ไอ้หาญขบฟันกรอดเมื่อภายในคุณปราณตอดรัดตัวตนมันตุบๆ มันมองไปรอบกายด้วยเผื่อใครผ่านมาแถวนี้ทั้งที่ค่อนข้างแน่ใจว่าน้อยคนนักที่จะผ่านมา



“อ๊ะ...อ๊ะ...ซี้ด...ไม่ไหวแล้วหาญ ข้าจะไม่ไหวแล้ว...เร็วอีก...เร็วขึ้นอีก” คุณปราณสั่งเสียงพร่า มือสองข้างค้ำกับพื้นดินและไม่สนว่าเสื้อผ้าและร่างกายจะเปรอะเปื้อนมากแค่ไหน ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือแก่นกายใหญ่อวบที่กำลังสอดใส่ช่องทางด้านหลังเท่านั้น



ไอ้หาญเร่งจังหวะเอวตนถี่รัวตอกเข้าหาร่างคุณปราณจนตัวโยน มันค้ำมือคร่อมคุณปราณไว้โดยส่วนล่างก็ยังทำหน้าที่ไม่ขาด เสียงครางของคุณปราณทำให้มันเสียวถึงขีดสุด อีกทั้งความอุ่นที่โอบรัดตัวตนมันอยู่รัดตุบๆ จนท้ายที่สุดคุณปราณก็ทนไม่ไหวกับจังหวะเร่งเครื่องที่ถึงใจนี้สาวรั้งแก่นกายตนปลดปล่อยน้ำคาวขาวออกมา ส่วนตัวไอ้หาญเองก็ขยับอีกหลายทีตามมาติดๆ พร้อมเสียงคำรามก้อง



“อ๊า!! //อ่าส์!” ไอ้หาญกอดคุณปราณไว้แน่นราวกับกลัวอีกฝ่ายจะหาย ระหว่างที่แก่นกายของตนยังพ่นน้ำใส่ช่องทางสีสวยไม่ขาด ร่างใหญ่กระตุกหลายครั้งเพื่อรีดน้ำออกให้หมดส่วนคุณปราณนั้นถ้าไม่ได้มันกอดไว้คงทรุดลงไปนอนบนดินเสียแล้ว



ราวกับฝันไป ในตอนนี้ไอ้หาญได้ครอบครองร่างของบุคคลที่มันเฝ้าถนอมและคอยรักมาตลอดหลายปี ความสุขสมนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงใช่หรือไม่ คุณปราณเป็นของมันแล้วใช่หรือไม่



“ดีมาก...ดีมากหาญ ข้าชอบที่สุด” คุณปราณเอ่ยชม เขาเคยช่วยตัวเองก็หลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนสุขสมใจได้เท่าครั้งนี้ อาจเพราะคนที่ตนพึงใจสอดใส่ร่วมรักกันก็เป็นได้



“หาญ...ไว้ครั้งหน้าค่อยมาชมบัวกันอีกนะ”



“ขอรับ”



ตั้งแต่นั้นคำว่า ‘ชมบัว’ ของคนทั้งสองก็ไม่ได้หมายถึงการดูดอกบัวอย่างที่คนอื่นเข้าใจอีกต่อไป



++++++++



เฮือก!!



แรงสะดุ้งตื่นสุดตัวของชายหนุ่มพร้อมเหงื่อที่ชุ่มแผ่นหลังทั้งที่เปิดแอร์ 18 องศา หลังจากจมอยู่กับความฝันไปค่อนคืน เขาหยิบรีโมตเครื่องปรับอากาศมาดูก็เห็นว่ามันอยู่ที่เลข 18 องศาอย่างที่เปิดไว้ก่อนนอนจริงๆ และเจ้าเครื่องทำความเย็นก็ยังทำเต็มประสิทธิภาพของมันแต่เขากลับเหงื่อชุ่มหลังจนเสื้อเปียกไปได้



“เฮ้อ...ดูหนังไทยมากไปเหรอวะกู” เจ้าตัวถอนหายใจกับสิ่งที่ฝันไปก็ต้องมาตกใจกับร่างกายของตนเอง เป้ากางเกงเขาเปียกเป็นด่างดวงและเมื่อถลกกางเกงบอลดูก็พบว่าตัวเองฝันเปียกเป็นที่เรียบร้อย



“ฝันเหี้ยไรวะเนี่ย โคตรสมจริงไอ้สัด” ณิชบ่นอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำเนื่องจากตอนนี้เขากำลังจะไปทำงานสายแล้ว แน่นอนว่าไม่ลืมปลดปล่อยยามเช้าด้วย แต่เมื่อหลับตากลับนึกไปถึงความฝันที่ทำให้เขาสะดุ้งตื่นเมื่อครู่



คุณปราณกับไอ้หาญ ชื่อตัวละครจากหนังเรื่องอะไร ทำไมเขาจำไม่ได้ว่าเคยดูแต่กลับคุ้นชื่อนี้อย่างประหลาด











โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๑



‘ณิช’ หนุ่มวัยทำงานอายุ 27 ปี รูปร่างสูงโปร่งสมส่วนที่ตอนนี้รับหน้าที่เป็นมัณฑนากรให้กับบริษัทหนึ่งอยู่ ชีวิตที่แสนเรียบง่ายตื่นเช้าไปทำงานตกเย็นก็กลับห้องพร้อมถุงกับข้าวที่ซื้อตรงปากซอยห้องพักทำให้เขาเป็นคนมีชีวิตที่ไม่ค่อยมีสีสันนัก ห้องพักที่อยู่ก็เป็นคอนโดฯ ขนาดไม่เกิด 30 ตารางเมตร ไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่เกินไป อีกทั้งค่าเช่าก็ถือว่าพอรับได้เขาจึงอยู่ที่นี่มาเกือบ 5 ปีแล้ว



เขาไม่มีครอบครัวเนื่องจากพ่อเสียตั้งแต่ยังเด็กและแม่ก็เพิ่งมาเสียไปได้สองปี มีญาติอยู่ต่างจังหวัดแต่ก็ห่างเหินเต็มทีเพราะเขาไม่ได้ไปสุงสิงด้วยเท่าไหร่นัก ทำให้ตอนนี้เขามีแต่งานกับเงินและเงินกับงานเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน



ความอ้างว้างที่ได้รับหลังจากครอบครัวคนสุดท้ายจากไปไม่ได้ทำให้เขารู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวังแต่อย่างใด ยอมรับว่าเสียใจมากที่แม่ไม่อยู่ด้วยแล้วแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อมะเร็งมันคร่าชีวิตของแม่ไป เขาจึงบอกตัวเองว่าหากไม่ตายตามก็ต้องเดินหน้าต่อ จึงพยายามทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่ร่างกายนี้จะไหว และเก็บเงินไว้สักก้อนเผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉิน



[อยู่ไหนวะไอ้ณิช ลูกค้ามาเร่งงานแล้วเนี่ยเมื่อไหร่มึงจะมาถึงบริษัท] เสียงพี่โอ๋หัวหน้างานฝ่ายออกแบบโวยวายมาตามสายเมื่อลูกน้องสุดที่รักยังไม่ถึงออฟฟิศเสียที



"กำลังไปพี่ จะถึงแล้วเนี่ย" ณิชตอบทั้งที่จริงแล้วตอนนี้กำลังวิ่งพล่านหากุญแจไปทั่วห้องพัก เขากดตัดสายก่อนจะกดโทรออกหารุ่นน้องตนอีกที



"มิ้ง แกยังไม่ส่งแบบให้พี่โอ๋เหรอวะ"



[หือ...อาราย]



"ไอ้มิ้ง!! เมาใช่ไหมเนี่ย! " ณิชตะโกนลั่นลานจอดรถเมื่อได้ยินเสียงงัวเงียจากรุ่นน้องของตน เมื่อเย็นวานเขาบรีฟงานให้เพื่อให้มันแก้เป็นรอบสุดท้ายแล้วกำชับว่าห้ามลืมส่งให้พี่โอ๋ด้วย



[อื้อ! พี่ณิชเหรอ! แป๊บนะพี่ ขอเวลาแป๊บ] หญิงสาวพูดจบก็ได้ยินเสียงกุกกักตามสาย ณิชใส่แอร์พอตเพราะต้องขับรถไปด้วยพลางรอฟังว่าปลายสายจะว่าอย่างไร



[ส่งแล้วค่ะพี่ณิช พี่โอ๋ยังไม่ได้เหรอ]



"ไม่รู้เว้ย พี่โอ๋โทรมาโวยพี่เพราะลูกค้าตามงาน แล้วนี่แกจะเข้าออฟฟิศกี่โมง รีบๆ เลยเดี๋ยวไม่ทันนัดลูกค้าตอนบ่าย"



ณิชตัดสายไป ก่อนจะถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ของชั่วโมงนี้ก็ไม่รู้ ปกติเขาตั้งนาฬิกาปลุกเวลาเดิมตลอด ต่อให้นาฬิกาไม่ปลุกก็จะตื่นเองอัตโนมัติเหมือนว่าร่างกายมันตั้งปลุกตัวของมันเอง แต่ทุกครั้งที่เขาฝันเห็นอะไรแบบย้อนยุคก็จะตื่นสายทุกทีเช่นวันนี้



ทั้งที่ฝันนั้นก็ไม่ได้มีเขาเกี่ยวข้อง ชื่อคนสองคนที่เขาก็ไม่เคยได้ยินแต่กลับคุ้นอย่างประหลาด แต่มันกลับทำให้เขาฝันซ้ำกันมาหลายเดือนแล้ว ไม่ได้ฝันติดต่อกันทุกวันก็จริงแต่ในหนึ่งอาทิตย์มันต้องมีบ้างล่ะที่ฝันถึง ตอนแรกๆ มันมาแค่แวบๆ ในหัวจากนั้นก็หายไป แต่ครั้งนี้มันยาวนานและสมจริงเกินไป เขาขอคาดโทษว่าเป็นเพราะมิ้งที่ชอบดูละครแนวย้อนยุคโบราณทำนองนี้แล้วเล่ากรอกหูเขาให้ฟังทุกวันแน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่เก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะจนฝันเปียกแบบนี้หรอก



กว่าจะฝ่าการจราจรมาถึงที่บริษัทได้ก็ทำเอารนจนแทบอยู่ไม่ติด กุลีกุจอหอบข้าวของของตัวเองเข้าบริษัทไป ก่อนจะเจอกับพี่โอ๋หัวหน้าฝ่ายที่ทำหน้าถมึงทึงมองเขาอยู่



"กูปวดหัวกับมึงจริงๆ ไอ้ณิช ไอ้น้องเวร! " ณิชย่นคอเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเข้ามาทุบตีเขาให้ได้ ถ้าไม่ได้พนักงานในบริษัทช่วยกันปรามเขาคงเละ



“มิ้งบอกว่ามันส่งงานให้พี่แล้วไง ทำไมพี่ไม่ส่งให้ลูกค้าดูล่ะ” ณิชพูดพลางเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง แน่นอนว่ามันไม่ค่อยเป็นระเบียบนักแต่ก็ไม่รกขนาดถึงกับดูไม่ได้ เพราะมิ้งชอบมาเก็บมาจัดให้โดยให้เหตุผลว่าความสะอาดของรุ่นพี่มันส่งราศีมาถึงรุ่นน้อง



“ถ้าเขาแค่อยากดูงานอย่างเดียวก็ดีไงวะ ไม่งั้นกูคงไม่ต้องโทรหามึงให้ปวดหัวหรอก แต่นี่เขาอยากคุยกับหัวหน้าทีมที่คุมงานเขาด้วยเว้ย”



“ปกติเขาส่งเลขาฯ มาคุยตลอดนี่ แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ”



“กลับไปแล้ว รอมึงไม่ได้”



“อ่าว เออ...แล้วจะให้ไปเจออีกทีเมื่อไหร่ เขาได้นัดไว้ไหมพี่”



“เดือนหน้า มึงว่างไหมล่ะ ประมาณวันที่ 10 เขาล็อกวันไว้แล้ว” โอ๋ตอบ ณิชพยักหน้าก่อนจะเปิดปฏิทินตั้งโต๊ะดูว่าตัวเองมีคิวหรือไม่ วันนี้สิ้นเดือนพอดีอีกตั้ง 10 วันกว่าจะถึงวันนัด



“น่าจะว่างมั้ง ไม่รู้ดิไม่แน่ใจ เดี๋ยวค่อยโทรไปนัดกับเขาอีกทีก็แล้วกัน”



“เออ เพราะถ้ามึงพลาดนัดเขาครั้งต่อไปกูบอกเลยว่ามึงได้ออกต่างจังหวัดยาวๆ ไอ้ห่าณิช” ชายหนุ่มร่างท้วมยิ้มฮึเพราะรู้ดีว่าลูกน้องตนคนนี้ขยาดกับการขับรถออกต่างจังหวัดมากขนาดไหน



“เห้ย! ผมไม่ลงพื้นที่เองนา ผมบอกพี่แล้วว่าไอ้มิ้งจะไป”



“แต่เขาไม่ไว้ใจ เขาบอกจะให้คนดูแลโปรเจ็คนี้ไปคุมงาน วังเลยนะเว้ยมึงจะให้น้องมึงจัดการเองหมดรึไง คุณแขเขากำชับมาด้วยว่าแขกวีไอพีต้องดูแลให้ดีที่สุด”



ณิชถอนหายใจอีกรอบ เรื่องออกแบบภายในเขาไม่เป็นสองรองใครในบริษัทนี้ แต่เรื่องให้ออกต่างจังหวัดเขาคร้านจะเดินทางเหลือเกิน ส่วนใหญ่จึงรับงานแค่ภายในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑลเท่านั้น แต่นี่อยู่ไกลถึงทางใต้แค่คิดก็รู้สึกเหนื่อยรอแล้ว



มิ้งมาถึงที่ออฟฟิศในเวลาต่อมา สาวเจ้าที่ออกท่าทางห้าวผสมเซอร์ๆ เดินหัวหยิกฟูมาแต่ไกล หน้าตาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนก่อนจะมายืนหาววอดใหญ่อยู่ข้างโต๊ะรุ่นพี่ ณิชเป็นรุ่นพี่ที่มหา’ ลัยซึ่งชวนมิ้งให้มาทำงานที่นี่ด้วยกัน เธอได้มาเป็นลูกน้องของณิชราวสองปีกว่าแล้ว



เธอชื่นชมรุ่นพี่คนนี้ตลอดเพราะณิชทำงานเก่งมาก เป็นคนคิดงานได้ไวแรงบันดาลใจมีเหลือล้น พลังคนทำงานมีแบบอันลิมิตแถมงานยังเนี้ยบที่สุด อีกทั้งความใจดีที่ทำให้เธอเทใจยอมทำงานถวายหัวให้รุ่นพี่คนนี้



“เมื่อคืนดึกรึไง”



“อือ...ไปกับไอ้บอยมา แต่วันนี้มันลางานบอกไม่ไหว” มิ้งตอบเสียงอู้อี้หยิบแล็ปท็อปออกมาเปิดเพื่อทำงานต่อ



ณิชจัดการโทรหาลูกค้าคนที่ตนมาเจอไม่ทัน รอสายอยู่นานอีกฝ่ายก็ยังไม่มีทีท่าจะรับเลยวางสายไป หาข้าวกินเป็นมื้อเช้าบวกมื้อเที่ยงก่อนแล้วกันค่อยโทรหาอีกครั้ง



“คุณแขไม่เข้าออฟฟิศเพราะพี่โอ๋” ณิชถามขณะยกกาแฟแก้วละ 20 บาทขึ้นดูดปรื้ดเดียวทำเอาจี๊ดขึ้นสมอง



“เข้า...แต่ออกไปกับลูกค้ามึงนั่นแหละ”



“นี่ เอาจริงเลยนะพี่ ลูกค้าคนนี้ผมไม่เคยเห็นหน้าเลยว่ะ วันนี้ที่เขาโผล่มาผมก็ไม่ได้เจออีกทำตัวลึกลับฉิบหาย”



“ถ้ามึงเจอมึงจะร้องโอ้โห”



“ทำไม”



“หน้าดุเหี้ยๆ อกงี้กว้างโคตร มึงเรียกริสามาถามได้เลย ริสาๆ มานี่หน่อย” โอ๋ลุกขึ้นเรียกหญิงสาวคนหนึ่งให้มาหาตน ริสารีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มที่เห็นเหล็กดัดฟันทั้งปาก



“บอกไอ้ณิชไปหน่อยว่าลูกค้ามันเป็นไง”



“หือออ หล่อมากกก หน้างี้ไทยสุดๆ อกกว้างจนหนูอยากซบเลยพี่ณิช แต่เสียดายที่เขาน่าจะเป็นของคุณแขไปแล้ว”



“อ่าว แฟนคุณแขเหรอ” ณิชถามเมื่อเห็นว่านี่คือเรื่องใหม่ที่ตนได้รู้



“ไม่รู้สิพี่ แต่คิดว่างั้นนะ คุณแขส่งสายตาหวานเยิ้มให้ตลอดเลย เดินกอดแขนกันออกไปเนี่ยพี่คิดว่าแค่เพื่อนเหรอ” ณิชพยักหน้าอย่างเก็บข้อมูล หากเขาอยากได้โบนัสในปีนี้คงต้องประเคนงานให้ลูกค้าคนนี้ให้ถึงใจเพราะไม่อย่างนั้นคงอดได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคนรู้ใจของคุณแขไขเจ้าของบริษัทนี้



หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จและณิชกำลังจะไปคุยงานกับลูกค้าอีกรายโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่คุ้นเคยจึงกดรับ



“สวัสดีครับคุณรัศมี”



[สวัสดีค่ะคุณณิช วันนี้เจ้านายกับหมีเข้าไปหาคุณที่ออฟฟิศแล้วแต่คุณโอ๋บอกว่าคุณยังไม่มาทำงาน...]



‘รัศมี’ คือลูกค้าที่คอยติดต่อดีลงานกับเขาแทนเจ้านายที่มาเมื่อเช้านั่นแหละ เขาได้คุยกับรัศมีเพียงเท่านั้นยังไม่เคยเจอเจ้านายของหญิงสาวและพูดคุยกันเลยสักครั้ง หากมีอะไรปรับแก้ไขฝ่ายนั้นจะส่งมาเป็นอีเมลแทน หรือถ้าจะพูดคุยก็จะส่งรัศมีมาแทน ทำตัวลึกลับประหนึ่งตัวเองคือบุคคลสูงศักดิ์อย่างนั้นแหละ



“ได้ครับคุณหมี แล้วเจอกันวันที่ 10 นะครับ ครับ สวัสดีครับ”



“คุณรัศมีว่าไงบ้างพี่ เขาด่าไหม” มิ้งถามทันทีเมื่อณิชวางสายแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่บนทางด่วนกำลังจะออกต่างจังหวัดแต่ก็ยังอยู่ในเขตปริมณฑลเพื่อไปดูงานของลูกค้าอีกคน



“ไม่ว่ะ เขาใจดีมากแถมยังบอกด้วยว่าเจ้านายไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเพราะเมื่อเช้าก็ไปแบบไม่ทันให้ตั้งตัว แต่วันที่ 10 ห้ามเลทเด็ดขาด”



“โอเค งั้นหนูจะเตือนพี่อีกทีก็แล้วกัน” มิ้งบอกไม่ลืมลงแจ้งเตือนไว้ในมือถือด้วย



ทั้งคู่มาพบลูกค้าในโครงการบ้านจัดสรร อยู่คุยและดูงานกับทีมช่างที่ทำงานไปแล้วกว่าครึ่งว่าได้อย่างที่ลูกค้าต้องการหรือไม่ก่อนจะเดินทางกลับ ระหว่างนั้นก็แวะหาร้านอาหารกินข้างทาง



“ว้ายยยยย งื้อออออ หนูเกือบลืม คืนนี้มีฉากฟินในเรื่องนี่นา” อยู่ๆ มิ้งก็เขินบิดตัวแทบม้วนลงไปใต้โต๊ะทำเอาคนที่มาด้วยงุนงงไม่เบา



“อะไรของแก”



“ก็เรื่องที่หนูเคยเล่าให้พี่ณิชฟังบ่อยๆ ไง ‘ห้วงรัก’ ที่พระเอกหล่อๆ นางเอกสวยๆ นี่ๆ คืนนี้เขามีฉากจูบกันด้วยพี่ งื้ออออ หนูเขิน” พอมิ้งเฉลยณิชก็ถึงกับถอนหายใจกลอกตามองในทันที เพราะไอ้เรื่องนี่แหละที่มันเป่าหูเขาจนหลอน



“ยังไม่จบอีกเหรอวะ นานแล้วนะเว้ยจะเป็นเดือนละเนี่ย”



“มันมี 2 ซีซั่นอ่ะพี่ อันนี้หนูดูย้อนเอา ดูวนๆ รอตอนใหม่” เพราะเธอไม่มีเพื่อนสนิทในที่ทำงาน สนิทที่สุดก็พี่ณิชนี่แหละเวลามีอะไรที่อยากกรี๊ดกร๊าดจึงบอกกับชายหนุ่มเป็นคนแรก



“เออ แกรู้ไหมว่าพี่หลอนเรื่องนี้จนเอาไปฝัน เสือกฝันเป็นตุเป็นตะเลยด้วย”



“จริงเหรอ ฝันว่าไรเล่าเลย เผื่อหนูจะเอาไปเขียนเป็นนิยาย ตอนนี้หนูอยากเขียนนิยายแนวนี้มากอ่ะ”



“งานที่ทำอยู่ยังยุ่งไม่พอสินะ”



“โห่ พี่ณิช งานที่ทำอยู่มันเครียด เอาเรื่องที่ไม่เครียดมาทำให้จรรโลงใจมันดีกว่าน่ะพี่ เล่ามาๆ”



“ก็ไม่มีอะไร ฝันว่าเจ้านายกับบ่าวเขาได้กันที่บึงบัว” ณิชเล่าแบบสั้นๆ จบครบในประโยคเดียว แต่ไม่ได้บอกว่าตนมีอารมณ์ร่วมไปกับฝันของตัวเองด้วย ขืนบอกไปมิ้งคงขำตาย



“อ๋อ ท่านเจ้าพระยามีเมียบ่าวเป็นอีอิ่มอีเยื้อนไรพวกนี้ใช่ป่ะ คนสมัยก่อนเขามีเมียเป็นทาสเยอะมาก”



“ไม่ใช่ ฝันของพี่คือเจ้านายที่เป็นผู้ชายลูกท่านออกญาฯ แอบลอบได้เสียกับบ่าวผู้ชายเว้ย คุณปราณกับไอ้หาญเขาได้กันแบบโคตรดุเดือด พล็อตหลุดโลกเลยไหมล่ะ ผู้ชายได้กันเองสมัยอดีต” ณิชพูดก่อนจะซัดข้าวหมูกรอบเข้าปากไปคำใหญ่ มิ้งถึงกับอึ้งไปก่อนจะตีมือเขารัวๆ



“กรี๊ดดดด หนูชอบๆ ขอยืมไปใช้แต่งนิยายบ้างนะพี่ ยืมพล็อตเลย มันได้เว้ยผู้ชายได้กันแถมยังแอบได้กันอีก เร้าใจโคตร ว่าแต่ในฝันเขาชื่อคุณปราณกับไอ้หาญเหรอ แปลกว่ะจำชื่อคนในฝันได้ ฮ่าๆๆ” ณิชชะงักไป แปลกจริงด้วยที่เขาจำเรื่องราวในความฝันได้แม่นราวกับไปอยู่ตรงนั้นเสียเองและมันยังติดอยู่ในความทรงจำ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมันก็แค่ความฝัน



“ถ้าพี่ฝันแนวนี้อีกมาบอกด้วยนะพี่ หนูจะเอาไปเขียนนิยายจริงๆ”



“ถ้าเขียนแล้วออกหนังสือพี่ของ 20%” เขาหยอกกลับไปทั้งที่ใจคิดว่าคงไม่ฝันอะไรแนวนี้บ่อยๆ หรอก



“โห! อย่างงก!” จบบทสนทนาเพียงเท่านี้พวกเขาสองคนก็ทานอาหารตรงหน้าจนหมด



ณิชกลับมาถึงบ้านในช่วง 3 ทุ่มหลังจากที่ลุยงานต่อกับมิ้งจนเลยเวลางานมามากโข วันนี้มื้อเย็นเขากินมาจากข้างนอกแล้วทำให้ไม่ต้องหิ้วแกงถุงขึ้นห้อง ระหว่างที่รอลิฟต์ก็สไลด์มือถือดูความอัปเดตคืบหน้าบนโซเชียลมีเดียต่างๆ เห็นมิ้งโพสต์ในเฟซบุ๊กว่าจะแต่งนิยายแนวพีเรียดและจะสร้างแฟนเพจเพื่อให้แฟนนิยายเข้ามากดติดตามด้วย เขาขำกับความจริงจังของมันที่ดูจะทุ่มเทกับเรื่องแบบนี้มากกว่าเรื่องงานเสียอีก



ติ๊ง!



เครื่องโดยสารสี่เหลี่ยมเปิดออกไม่มีใครอยู่ในนั้นเขาจึงเดินเข้าไป กดลิฟต์ไปยังชั้นห้องของตัวเองก่อนจะรู้สึกได้ว่าตัวลิฟต์มันวูบไหว จากที่ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือกลายเป็นต้องเงยหน้าเพื่อสังเกตว่าลิฟต์มันมีปัญหาหรือไม่ แต่เมื่อดูๆ ไปมันก็ยังทำงานปกติ คงเป็นเขาที่ก้มหน้าเล่นมือถือทำให้รู้สึกวูบๆ ไป



พรึบๆ



ไฟในลิฟต์กระพริบทำเอาณิชถึงกับเงยหน้าขึ้นไปมองช้าๆ ภาวนาว่าไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้มันถึงชั้นของเขาก่อนเถอะ จะค้างจะเสียยังไงค่อยว่ากัน



พรึบ!



แต่คำขอไม่เป็นผลเมื่อหลอดไฟที่เคยกระพริบดับไปแล้วอย่างถาวร แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ณิชกลัวเข้าไส้คือสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าคำกล่าวถึงมันที่ว่าพลังงานบ้างอย่างหรือดวงวิญญาณ ท้ายสุดสำหรับเขาแล้วมันก็คือผี ผีคือสิ่งที่เดาใจไม่ได้และเขาไม่อยากเจอที่สุด



“ไอ้สัดมาค้างไรตอนนี้วะเนี่ย ช่วยด้วยครับ! มีคนติดอยู่ในลิฟต์!” ณิชกระแทกปุ่มช่วยเหลือรัวๆ อย่างคนสติแตก เขากลับความมืด กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น กลัวบรรยากาศที่ทำให้เขาอึดอัดแทบหายใจไม่ออกนี้



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2020 16:32:42 โดย :นางสาวผอบ: »

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


กว่าจะมีคนมาช่วยและออกมาได้ก็กินเวลาไปราวสิบนาที ณิชวิ่งเข้าห้องไปนั่งหอบอยู่บนโซฟา ใจเต้นโครมครามแทบหลุดจากอกเพราะความตื่นกลัว



วูบ



วูบหนึ่งที่มีลมพัดผ่านตัวเขาไปจนขนลุกเกลียว ณิชตัวเกร็งในทันทีก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองแง้มบานประตูระเบียงไว้เพื่อที่ห้องจะได้ไม่อับ เขาไม่กลัวเรื่องใครจะมาขโมยของในห้องเพราะชั้นที่อยู่สูงพอสมควรจึงเปิดประตูระเบียงไว้ได้ทั้งวัน



“แม่ง...ทำกูหลอนจริงๆ” ณิชบ่นกับตัวเองก่อนจะเปิดทีวีเป็นเพื่อนเพื่อบรรยากาศจะได้ไม่เงียบนัก เขาเข้าไปอาบน้ำเสร็จก็ออกมาดูทีวีและเปิดอีเมลเช็คงานอีกรอบ คุณรัศมีส่งอีเมลมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าขอทำการนัดหมายอย่างที่คุยกันวันนี้ โดยชื่ออีเมลติดชื่อของเจ้านายเธอไว้ด้วย รอบคอบเสียจนเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้โคตรเก่ง



เมื่อเข้านอนเขาไม่ลืมเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำปอด พลางคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ทำให้เขาต้องโดนพี่โอ๋ด่าเรื่องไปทำงานสายทั้งที่ไม่เคยเป็นเลยสักครั้งเดียว ก่อนที่ห้วงนิทราจะค่อยๆ คืบคลานเข้ามาและกลิ่นหอมสุดท้ายที่ณิชได้กลิ่นมันช่างหอมอวลราวเขากำลังนอนอยู่บนกองกลีบดอกไม้



“คุณปราณ...อีกแล้วเหรอ” เสียงพึมพำราวคนละเมอเอ่ยออกมาก่อนคนนอนหลับจะพลิกตัวไปอีกทาง



- - - - - - - - -



วันนี้บุตรสาวของออกญาณรงค์ภักดีได้มาเยือนเรือนของออกญาศรีรัตนกรพร้อมบ่าวอีกสองคน ซึ่งในมือบ่าวทั้งสองมีทั้งตะกร้าหวายที่พร้อมเครื่องคาวหวานอีกทั้งมาลัยที่กรองเสร็จเมื่อย่ำรุ่ง ถือเป็นของฝากที่หญิงสาวตั้งใจนำมามอบให้คุณหญิงราตรีดั่งที่ทำเป็นประจำ



ร่างระหงส์องค์เอวงามหยดแม้เห็นเพียงแค่เงาทำให้บ่าวในเรือนนี้ต่างพูดกันไม่ขาดปากว่าคุณนวลจันทร์ช่างงามราวนางฟ้านางสวรรค์จำแลงกายลงมา ผมเกล้าประดับทัดดอกจำปีส่งกลิ่นอวลยามเดินผ่าน ผิวพรรณผุดผาดไร้ตำหนิให้ได้ระคายตา อีกทั้งรอยยิ้มและท่าทางแช้มช้อยนั้นก็งดงามสมลูกผู้มียศ



“กราบเจ้าค่ะคุณหญิงป้า” นวลจันทร์นั่งพับเพียบข้างตั่งเตี้ยซึ่งคุณหญิงราตรีได้นั่งอยู่ อีกฝ่ายรับไหว้ก่อนจะยกตัวสาวเจ้าให้ขึ้นมานั่งทัดเทียมกัน เพราะนวลจันทร์หาใช่คนอื่นคนไกลไม่ เป็นถึงว่าที่ภรรยาของลูกชายที่ทาบทามไว้ตั้งแต่อายุได้สัก 3 ขวบปี

“นังอาบ...เอ็งไปเรียกพ่อปราณมาสิ จะชักช้าให้แม่นวลจันทร์รออยู่ไย” คุณหญิงราตรีหันไปสั่งบ่าวคู่ใจ ก่อนจะหันมาคุยกับนวลจันทร์ต่อถึงมาลัยที่ตั้งใจกรองมาให้ตนช่างสวยงดงามหาใดติได้



ก๊อกๆ



“คุณปราณเจ้าขา คุณหญิงท่านให้มาตามไปพบเจ้าค่ะ คุณนวลจันทร์เธอมาเจ้าค่ะ แต่งตัวงามมาเลยนะเจ้าคะ คุณปราณออกมาสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”



‘ยายอาบ’ บ่าวคนเก่าคนแก่ของเรือนอีกทั้งเป็นบ่าวที่รับใช้คุณหญิงราตรีมาตั้งแต่ยังเล็ก อยู่ด้วยกันมาจนคุณปราณโตเป็นหนุ่มจะออกเรือนได้แล้วมันก็ยังทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง เสียแต่มันมีข้อเสียอยู่อย่างตรงชอบเอะอะมะเทิ่งไปเสียหน่อย ปากร้ายแต่ก็ใจดีจนเป็นที่รักใคร่ของบ่าวคนอื่นๆ



แต่สำหรับคุณปราณแล้วในเวลานี้ยายอาบคือบุคคลที่น่ารำคาญที่สุด ขนาดปิดประตูห้องหับเงียบเชียบเช่นนี้มันก็ยังจะเรียกขานกันได้ อีกทั้งยังคะยั้นคะยอให้ไปเจอแม่นวลจันทร์ทั้งที่ตนยังอยากอยู่ในอ้อมกอดของไอ้หาญบนเตียงหลังนี้ไม่ไปไหน



“ยายอาบมาตามแล้วนะขอรับ บ่าวคงต้องไปแล้ว” ไอ้หาญบอกคนตัวเล็กที่ยังซุกอกเปลือยของตนไม่ห่าง คุณปราณกอดมันแน่นเสียยิ่งกว่าลูกลิงก่อนจะส่ายหน้ากับอกของมัน



“ข้าไม่อยากห่างจากเอ็งเลยหาญ อยากนอนอยู่แบบนี้ไม่อยากลุกไปไหนไม่เจอใครเลย” คุณปราณว่าอย่างเอาแต่ใจ หากเป็นไปได้ก็อยากจะขังบ่าวคนนี้ไว้ในห้องจะได้ไม่ต้องปีนขึ้นเป็นลงหน้าต่างห้องเขาให้ได้แผล



คุณปราณเรียกไอ้หาญไปทุกคืน โดยให้มันแอบปีนต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นอยู่ข้างหน้าต่างห้องคุณปราณพอดิบพอดีในการเข้าออกห้องนี้ และจะปล่อยให้มันกลับไปก็ช่วงสายโน่นแหละ ดีที่ห้องตรงนี้เป็นส่วนหลังของเรือนไม่ค่อยมีคนเดินมาเท่าไหร่นัก อีกทั้งคุณปราณกำชับนักกำชับหนาว่าห้ามให้บ่าวคนใดมาป้วนเปี้ยนแถวนี้เป็นอันขาดเพราะไม่ชอบใจในเสียงเอะอะยามพวกบ่าวมันคุยกันนัก บ่าวในเรือนจึงเป็นอันรู้กันว่าส่วนหลังห้องท้ายเรือนนี้เป็นที่ของคุณปราณห้ามใครมายุ่งแม้แต่ไอ้มั่นก็ตาม



แน่นอนว่าเรื่องนี้หาได้ผู้ใดรู้ไม่ คนทั้งสองยังลอบไปชมบัวอยู่หลายครั้งและไอ้หาญก็ลอบปีนห้องคุณปราณมานอนกกกอดร่างน้อยนี้อยู่หลายครา มันเฝ้าถนอมผิวเนื้อนุ่มพรมจูบไปทุกสัดส่วนทั้งที่ใจอยากตะโบมจูบและขย้ำร่างนี้ให้จมอกแต่ก็ทำไม่ได้ คุณปราณเหมือนแก้วเปราะบางที่ไอ้หาญอยากประคองกอดไว้ทุกค่ำคืน



ยิ่งผ่านคืนวันที่ได้รับรู้ความรู้สึกของกันและกันมันยิ่งหลงรัก คุณปราณเมตตามันมาก ให้มันได้ตักตวงจากร่างบางขาวเนียนนี้ได้ไม่มีเบื่อ รสชาติกามและบทรักที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันราวสิ่งมึนเมาที่ไม่ว่าจะดื่มกินสักเท่าไรมันก็ยังไม่เพียงพอ อยากละเมียดลิ้มลองจนไม่อาจหักห้ามใจได้



ก๊อกๆๆ



“คุณปราณเจ้าขา ยังไม่ตื่นหรือเจ้าคะ งั้นบ่าวจะไปเรียนคุณหญิงแล้วนะเจ้าคะ คุณปราณเจ้าขา เยี่ยมหน้าออกมาให้บ่าวเห็นสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ บ่าวห่วงกลัวคุณปราณจะเป็นอะไรไม่สบายตรงไหนนะเจ้าคะ ไอ้มั่น! มึงช่วยกูเรียกคุณปราณหน่อยซิ นายมึงเงียบไม่ส่งเสียงเช่นนี้เกรงว่าจะอ่านตำราจนจับไข้แล้วกระมัง” ยายอาบที่ยังทนเรียกอยู่หน้าห้องไม่ยอมแพ้ ปกติคุณปราณมิใช่คนตื่นสายให้ตะวันแยงก้นเช่นนี้ แต่นี่ผิดวิสัยส่วนตัวของคุณเขามากโขจนมันอดร้อนใจมิได้จึงเรียกไอ้มั่นให้มาช่วยอีกแรง แต่หากคุณปราณยังไม่ส่งเสียงมันจะให้ไอ้มั่นปีนหน้าต่างไปดูแล้วหนา



“บ่าวต้องไปแล้วขอรับ ไม่งั้นยายอาบสั่งไอ้มั่นเข้ามาในห้องแน่ๆ”



“กระนั้นเอ็งก็จงมอบจุมพิตแสนหวานให้ข้าก่อนจาก มิเช่นนั้นคืนนี้อย่าคิดว่าจะได้เชยชมตัวข้าอีก” ไอ้หาญได้ยินดังนั้นมันจึงก้มลงไปประกบปิดกลีบปากนุ่มที่มักออกคำสั่งนี้เสีย ร่างบางที่เต็มใจโดนรุกรานเปิดปากออกเพื่อรับลิ้นร้อนของบ่าวที่ตนพึงใจสอดกวาดเข้ามาในโพรงปากของตน เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ พร้อมน้ำลายที่เปรอะย้อยออกทางข้างปากเล็กน้อย ก่อนไอ้หาญจะถอนจูบออกไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประดูอีกครา



“คืนนี้บ่าวจะมาหาอีกนะขอรับ”



“อืม ข้าจะรอ” คุณปราณกอดไอ้หาญที่กำลังจะปีนหน้าต่างออกไป ไอ้หาญชะงักเท้าหันกลับมาจูบอีกฝ่ายอีกครั้งราวคนกำลังกระหาย ส่วนนั้นของมันโป่งนูนออกมาจนทิ่มหน้าท้องคุณปราณ มือเรียวซุกซนคว้าหมับเข้าให้แล้วคลึงเบาๆ ผ่านผ้าที่ไอ้หาญนุ่ง เพราะใจเขาก็ยังไม่อยากให้ไอ้หาญจากไปเช่นเดียวกัน



“อย่าขอรับ คุณปราณก็รู้ว่าบ่าวไม่เสร็จได้ในครั้งเดียว”



“คืนนี้นะหาญ อย่าลืมนะ”



“ขอรับ แต่บ่าวอยากขออะไรคุณปราณสักอย่างได้หรือไม่ขอรับ”



“อะไร หลายอย่างก็ได้”



“เรื่องคุณนวลจันทร์...อย่านั่งใกล้กันมานะขอรับ บ่าว...”



“ได้สิ ข้าจะไม่นั่งใกล้ใครนอกจากนั่งบนตัวหาญคนเดียว” เสียงกระซิบกระเส่าที่เจ้าตัวจงใจกระซิบข้างหูบ่าวตัวโตทำไอ้บ่าวที่กล้าขอกับนายถึงกับยิ้มกว้าง มันถือดีหอมแก้มคุณปราณฟอดใหญ่แต่ร่างบางก็เอียงหน้ารับให้มันหอม ก่อนจะต้องจากกันจริงๆ เมื่อยายอาบบอกให้ไอ้มั่นให้ลงไปปีนหน้าต่างเพื่อดูว่าคุณปราณเป็นอะไรรึไม่



กึก! ครืดดด



“กระไรรึยายอาบ ส่งเสียงโหวกเหวงดังจนข้านอนมิได้” คุณปราณเปิดประตูออกไปทันไอ้มั่นที่กำลังจะลงจากเรือนพอดี ไอ้มั่นรีบคลานกลับมาหาก่อนจะทำหน้ายุ่งใส่ยายอาบ



“ข้าก็บอกแล้วว่าคุณปราณท่านตื่นเวลานี้ปกติ ตอนกลางคืนข้าห็นแสงไฟลอดออกมาจากในห้องดึกๆ ดื่นๆ เพราะคุณปราณท่านอ่านตำราและเอกสารงานราชการจึงไม่แปลกที่จะตื่นเวลานี้ ยายอาบนี่ก็ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ไอ้มั่นที่มันถือว่าตัวรู้ใจคุณปราณที่สุดบอกหน้ายุ่ง มันนอนหน้าห้องคุณปราณแทบทุกคืนไยจะไม่รู้ว่าเจ้านายมันทำอะไรบ้าง มีแต่ยายอาบนี่แหละที่คิดมั่วไป



“เอ้า! ก็กูไม่รู้ บ่าวขออภัยเจ้าค่ะคุณปราณ บ่าวร้อนใจเพราะกลัวคุณนวลจันทร์เธอจะรอนาน พอดีคุณนวลจันทร์เธอมาเจ้าค่ะ คุณปราณไปพบเธอหน่อยนะเจ้าคะ เธอทำขนมหวานมาฝากด้วยเจ้าค่ะ” ยายอาบพูดพร้อมยิ้มโชว์ฟันดำที่หักไปหลายซี่แล้ว



คุณปราณพยักหน้ารับก่อนจะปิดประตูห้องให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินตามยายอาบไปยังโถงที่ไว้รับแขก ตอนนี้ท่านออกญาฯ ได้สั่งให้ปลูกเรือนเพิ่มขึ้นมาอีกหลังเพื่อจะใช้เป็นเรือนหอ ตรงส่วนนี้ก็จะกลายเป็นหอกลางหลังจากเรือนหอของคุณปราณเสร็จ



“ข้าไหว้เจ้าค่ะคุณพี่” นวลจันทร์ยกมือไหว้ผู้มาใหม่ในทันที ถึงแม้รูปร่างของคุณปราณจะไม่ได้กำยำล่ำสันเหมือนขุนน้ำขุนนางติดยศรับราชการในวัง แต่กระนั้นหน้าตาที่หล่อเหลาอีกทั้งเป็นถึงลูกท่านออกญาฯ ซึ่งยศใหญ่กว่าบิดาของเธอทำให้เธอพึงใจในชายหนุ่มได้ไม่ยาก



คุณหญิงราตรีบอกว่าตอนนี้คุณปราณเพิ่งกลับมาจากร่ำเรียนวิชากับท่านพระครู อีกประเดี๋ยวราวสักเดือนสองเดือนนี้ท่านออกญาฯ จะพาเข้าวังเพื่อไปสอบราชการ หากได้ยศได้ตำแหน่งก็คงจะทันงานแต่งงานพอดี ถือว่าเธอจะได้สามีเป็นผู้มียศมีศักดิ์อย่างแน่นอน



“เอาขนมมาให้คุณหญิงแม่อีกแล้วรึ” คุณปราณรับไหว้ พร้อมส่งรอยยิ้มคืนให้หญิงสาวที่นั่งเหนียมอายด้วยความเขินยามชายหนุ่มนั่งลงไม่ไกลกัน



“เจ้าค่ะ ข้าเพิ่งทำขนมทองหยิบกับฝอยทองถวายพระเมื่อเช้าเจ้าค่ะ จึงแบ่งมาให้คุณหญิงป้าได้ลองชิมบ้างว่าฝีมือข้าพอใช้ได้หรือไม่”



“แหมๆ เจ้าก็ถ่อมตนเกินไปหนา อย่างที่เจ้าทำเขาไม่เรียกพอใช้ดอก เรียกว่าอร่อยรสชาติดีเลยล่ะ ขนมนี้ถอดแบบมาจากชาววังเองเลยเชียวพ่อปราณลองชิมขนมของน้องสิลูก” คุณหญิงราตรีส่งจานขนมที่ถูกจัดสวยงามให้ลูกชาย คุณปราณรับมาก่อนจะเอาไม้จิ้มชิมแล้วพยักหน้ารับ



“อร่อยมาก”



“ขอบน้ำใจเจ้าค่ะ” นวลจันทร์รับคำด้วยท่าทีขวยเขินเช่นเดิม คุณหญิงราตรีเห็นดังนั้นจึงขอตัวเพื่อให้คนทั้งสองได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน โดยไม่ลืมกำชับว่าให้ลูกชายตนพานวลจันทร์ไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำเพราะตรงนั้นลมโกรกเย็นสบาย



“เจ้าคุณอาเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่” คุณปราณถามพลางนั่งลงที่เรือนท่าน้ำ โดยไอ้มั่นและบ่าวสองสามคนจัดที่ทางให้เรียบร้อยแล้วก่อนจะหลบฉากออกไป เขาเห็นปลายหางตาว่าไอ้หาญกำลังทำงานอยู่ไม่ไกลนักและกำลังมองมาทางนี้ จึงรักษาระยะห่างกับหญิงสาวเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อทำให้ได้อย่างที่รับปากไว้



“เจ้าคุณพ่อสบายดีเจ้าค่ะ แต่หมู่นี้ติดจะเจ็บไข้บ่อยสักหน่อยตามโรคคนแก่เจ้าค่ะ” นวลจันทร์ตอบก่อนจะหยิบกาน้ำชามารินใส่จอกกระเบื้องใบเล็กแล้วส่งให้ชายหนุ่ม



“แล้วแม่เจ้าเล่า”



“คุณหญิงแม่ไปวัดเมื่อวันก่อน แต่สะดุดรากไม้บ่าวมันรับไว้ไม่ทันจึงได้แผลถลอกและขาแพลงมาเจ้าค่ะ”



“เช่นนั้นรึ ให้หมอมาดูแล้วหรือไม่” คุณปราณแสร้งตกใจเล็กน้อยกับข่าวที่ได้ฟัง ทั้งที่จริงสายตาเขาหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มหุ่นล่ำสันอวดแผงอกกวาดใบ้ไม้ใบหญ้าอยู่ใต้ต้นหูกวาง ไม่ลืมปลดกระดุมขยับคอเสื้อให้กระพือสักเล็กน้อยทำทีว่าเรียกลมคลายร้อน หากแท้จริงแล้วต้องการยั่วยวนสายตาบ่าวคนนั้นเสียมากกว่า ไอ้หาญยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าคุณปราณซนอีกแล้ว กะจะทำให้มันหลงไปถึงไหนกัน



“หมอมาดูแล้วเจ้าค่ะจึงจำต้องพักขาไม่ให้เดินไปสักระยะก่อน”



“เช่นนั้นประเดี๋ยวพี่ไปส่งเจ้าที่เรือนเพื่อถือโอกาสไปเยี่ยมสักหน่อย”



นวลจันทร์กับคุณปราณอยู่คุยต่อกันอีกสักพักใหญ่เพราะคุณปราณชวนเธอคุยและต่อกลอนเสียงสนุก จนตกบ่ายจึงได้ลงเรือเพื่อพานวลจันทร์ไปส่งให้ถึงเรือน อีกทั้งเอาผลหมากรากไม้ไปฝากพ่อแม่ของนวลจันทร์ด้วย



ไอ้หาญชะเง้อคอมองเรือที่ลอยลำลับไปแล้ว เห็นคุณปราณนั่งคู่ไปกับคุณนวลจันทร์แล้วใจมันปวดหน่วง มันเป็นเพียงบ่าวได้เชยชมชิดร่างบางก็แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น เป็นเพียงคนในเงามืดไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวของคุณปราณแม้แต่น้อย แต่ก็อดน้อยใจในที่นี้ไม่ได้ทำไมมันจะต้องมาตกเป็นทาสและหลงรักเจ้านาย



กว่าคุณปราณจะกลับตะวันก็ตกดินไปโขแล้ว นั่นเพราะแถวเรือนออกญาณรงค์ภักดีมีงานที่วัดจึงได้ไปเที่ยวเล่นกับนวลจันทร์เสียจนมืดค่ำ ไอ้หาญชะเง้อคออยู่ที่ท่าน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าวปลาไม่กินเรียกกำลังเพราะมันกินอะไรไม่ลงหากยังไม่เห็นว่าคุณปราณกลับมา ราวกับหมารอเจ้าของ จนเห็นแสงไฟจากเรือจึงใจชื้นขึ้นมาว่าคืนนี้คุณปราณไม่ได้รับอันตรายที่ใดและกลับเรือนมาอย่างปลอดภัย



“มารอกูเรอะไอ้หาญ มึงนี่เพื่อนตายกูจริงๆ” ไอ้มั่นที่ทำหน้าที่ฝีพายให้คุณปราณเอ่ยเย้า หัวเราะหน่อยๆ ที่เห็นเพื่อนรักของตนนั่งรออยู่ที่ท่าน้ำ ทางด้านคุณปราณที่เห็นบ่าวหนุ่มนั่งรออยู่ก็ปรายตามองเพียงเสี้ยววิ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อไอ้หาญคุกเข่าเพื่อให้ตนจับเป็นหลักเวลาลุกจากเรือ



ยามคุณปราณโน้มตัวเข้าใกล้มันกลิ่นดอกจำปีอวลติดจมูกทำไอ้หาญหน้าตึง ใครๆ ก็รู้ว่าคุณนวลจันทร์เธอชอบดอกจำปี กลิ่นติดมาขนาดนี้ไม่รู้ไปคลุกคลีกันถึงอีท่าไหน คุณปราณที่รับรู้ความรู้สึกอีกฝ่ายได้แค่ยกยิ้มก่อนจะเดินขึ้นเรือนไป



พอได้เวลาไอ้หาญก็สอดส่องรอบข้างว่ามีผู้ใดดูอยู่หรือไม่ เวลานี้เป็นเวลาดึกแล้วและคนอื่นๆ เข้านอนกันหมดแต่มันก็ออกมาเพื่อปีนต้นกันเกราที่แผ่กิ่งใหญ่ไปเกือบถึงห้องคุณปราณ มันส่งเข้าเอื้อมไปจับขอบหน้าต่างที่เปิดรอไว้แล้วก่อนจะโหนตัวเข้าไปเห็นคุณปราณนอนอ่านหนังืออยู่บนเตียง ท่าทางเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะได้กลิ่นน้ำอบ อีกทั้งชุดที่ใส่มีเพียงแค่กางเกงที่ตัดเย็บจากผ้าแพรนุ่งผูกเชือกไว้อย่างหมิ่นเหม่



ไอ้หาญเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วบีบนวดขาคุณปราณให้อย่างที่ทำในทุกคืน ขาเรียวสวยผิวขาวผ่องจนมันเผลอลูบไล้อยู่หลายครา คุณปราณถลกกางเกงนอนขึ้นจนเห็นโคนขาเพราะขากางเกงกว้างมากทำให้ไอ้หาญเห็นอะไรๆ ของคุณปราณจนเกือบหมด



“นวดตรงนี้ด้วยหาญ” คุณปราณชี้ไปตรงต้นขาก่อนจะชันเข่าข้างที่ไม่ต้องนวดขึ้นแล้วเอนหลังพิงหัวเตียงนอนอ่านหนังสือต่อ เขาเหลือบมองบ่าวหน้านิ่งที่ตอนนี้ใบหน้าเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ได้ หากไอ้หาญมันออกอาการหึงหวงบ้างก็คงดี วันนี้ไปเรือนแม่นวลจันทร์คิดจะกลับตั้งแต่ไปถึงได้ไม่ทันเคี้ยวหมากแหลก แต่เพราะเจ้าคุณอาและคุณหญิงน้าชวนทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนอีกทั้งให้นวลจันทร์พาเขาไปเที่ยวงานวัดมันจึงเลยเถิดเกินเวลาไปมาก



“วันนี้แม่นวลจันทร์พาข้าไปเที่ยวงานวัด คราแรกข้าคิดว่าจะบอกปัดแต่เพราะคุณหญิงน้าท่านคะยั้นคะยอเลยต้องไปสักหน่อย สนุกดีนะหาญคนเยอะของกินเล่นก็เยอะ” คุณปราณลดระดับเสียงลงเพราะกลัวว่าไอ้มั่นที่นอนเฝ้าอยู่หน้าห้องจะได้ยิน “ข้าว่าคืนพรุ่งนี้จะไปอีกคราเพราะนัดกับแม่นวลจันทร์...โอ๊ย!” คุณปราณร้องเพราะไอ้หาญมันลงแรงบีบที่โคนขาตนหนักไปหน่อยจนขึ้นริ้วมือแดงบนผิวเนียน อีกทั้งหน้าตาที่เคยเรียบนิ่งของมันบัดนี้ดูขรึมดุเสียจนคุณปราณลอบยิ้มในใจ



อย่างน้อยๆ ก็ยั่วให้บ่าวหน้านิ่งคนนี้หึงได้ก็ถือว่าสำเร็จใช่หรือไม่ เจ็บตัวสักเล็กน้อยก็มิเป็นไรดอก



“ขออภัยขอรับ คุณปราณเจ็บมากไหมขอรับ มือบ่าวหยาบและไม่รู้น้ำหนักมือดีทำคุณปราณเจ็บเสียแล้ว” ไอ้หาญพูดหน้าตื่นหากแต่ใจจริงของมันนั้นร้อนเหมือนไฟเผา รู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงคุณปราณกับแม่นวลจันทร์เพราะคนทั้งสองเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันตั้งแต่เด็ก



‘มึงเป็นแค่บ่าวที่คุณเขาเอ็นดู แค่นี้ที่มึงได้ก็มากพอแล้วนะไอ้หาญ’ มันย้ำเตือนตัวเองในหัวซ้ำๆ ว่าอย่าได้คิดกระไรอีก อย่าได้สำคัญตน แต่พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วลมหายใจก็ติดขัดเสียดื้อๆ



“หาญ...” คุณปราณเรียกก่อนจะดึงตัวบ่าวที่ตนพึงใจขึ้นมานั่งบนเตียงใกล้ๆ ตน ก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปนั่งคร่อมตักอีกฝ่ายหันหน้าเข้าหาพร้อมเบียดบั้นท้ายกลมตึงของตนเองลงกับกลางกายที่กำลังนิ่งสงบผ่านเนื้อผ้า ซึ่งตอนนี้แม้แต่ใบหน้าเขาไอ้หาญก็ยังไม่กล้ามอง ดวงตามันเศร้าสร้อยยิ่งนักจนเขารู้สึกผิดในใจที่ไปเย้าแหย่ให้มันหึงหวงแบบนั้น หากแท้จริงแล้วระหว่างเขากับแม่นวลจันทร์ไม่มีอะไรเลย และนัดพรุ่งนี้ก็ไม่มีจริงด้วย



“มองหน้าข้าสิ” ออกคำสั่งจนบ่าวหนุ่มเงยหน้ามองสบตา ดวงตาแดงก่ำของคนที่อดกลั้นอารมณ์ไม่ให้คิดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวเจ้านายบ่งบอกอารมณ์เจ้าตัวเป็นอย่างดีว่าตอนนี้มันคงกำลังตัดพ้อตัวเองอยู่ในใจ



“อย่าได้ตัดพ้อหรือคิดอื่นใดไปไกลเลย เพราะเอ็งเป็นผัวข้าจะหึงหวงก็มิแปลกดอก เอ็งหึงได้”







โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒

วันนี้อากาศติดจะอบอ้าวไปสักนิดทั้งที่มันควรจะเข้าหน้าหนาวได้แล้ว ทำให้บ่าวชายเนื้อตัวไม่สะอาดนักต้องหยิบผ้าขาวม้าที่ตากไว้ตรงราวบันไดมาซับเหงื่อพอให้ตัวหายเหนียวได้บ้าง ไอ้มั่นมองเพื่อนของมันที่ตอนนี้กำลังออกแรงผ่าฟืนไม่มีปริปากบ่น ตั้งแต่จำความได้มันจำได้ว่าไม่เคยมีบ่าวคนใดในเรือนที่จะพูดน้อยเท่าไอ้หาญมาก่อน ผิดเสียกับมันที่พูดน้ำไหลไฟดับเป็นคู่กัดกับยายอาบอยู่ร่ำไป ยิ่งตอนทำงานไอ้หาญยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ มีแต่เสียงขวานจามไปบนท่อนไม้ซึ่งไปตัดมาจากในป่าแบกกันกลับมาเท่านั้น



ในทุกวันพวกมันต้องตื่นเช้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่มาทำงาน สายเข้าหน่อยก็กินข้าวที่เหลือจากบนเรือน เรื่องบนเรือนพวกขัดๆ ถูๆ ก็ให้พวกบ่าวผู้หญิงมันทำไปส่วนพวกมันก็ไปขนน้ำขนท่ามาให้คุณบนเรือนได้ใช้อาบกัน หากเจ้านายจะไปที่ใดหรือเรียกใช้ มันก็ต้องติดตามไปด้วย พอว่างก็ไปดูเขาชนไก่กันที่ท้ายวัด จากนั้นก็ออกไปหาฟืนไฟมาให้คนครัวได้ใช้หุงอาหารและทำกับข้าว กลับมาไม่ทันเย็นก็หาบน้ำอีกรอบ ชีวิตของพวกมันก็วนเวียนอยู่แค่นี้ ไม่ได้มีสีสันอะไรมากไปกว่าการชนไก่ รับใช้เจ้านายและหาฟืน แต่หากจะให้มันไปอยู่ที่นาที่ท่านออกญาฯ เป็นเจ้าของก็ขี้เกียจจะไปเพราะอยู่ตรงนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว



มันกับไอ้หาญรู้จักกันตั้งแต่ไอ้หาญมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ที่สนิทกันได้เพราะเข้าใจคนหัวอกเดียวกัน มันก็ไร้ญาติขาดมิตร พ่อแม่ที่เคยเป็นทาสที่เรือนมาก่อนตายกันไปหมดแล้วทิ้งมันอยู่ที่นี่คนเดียว พอได้เพื่อนวัยคราวเดียวกันจึงเข้าไปตีสนิทด้วยจนคบกันมาได้ถึงป่านนี้ อาจจะด้วยไอ้หาญไม่ช่างพูดด้วยกระมัง เวลาถามตอบอะไรไปมันก็อือๆ อาๆ มาให้เป็นบางคราวจึงเข้ากับคนปากมากอย่างมันได้



มีหลายคราที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่เห็นจะมีครั้งหนึ่งที่มันรู้สึกขอบน้ำใจไอ้เกลอคนนี้นัก ตอนนั้นอายุมันราวสัก 13 ปีเห็นจะได้ มันกระโดดลงเล่นน้ำตอนกลางคืนเพราะอากาศช่วงนั้นร้อนนัก น้ำในคลองเย็นชื่นใจแต่กลับทำมันราวกับมีผีพรายชักตีนอยู่ใต้น้ำ ดีที่ไอ้หาญลงไปช่วยได้ทันจึงไม่โดยพรายน้ำลากเอาไป ตั้งแต่นั้นมาไอ้มั่นก็เข็ดขยาดกับการเล่นน้ำตอนกลางคืนไปเลย



“ไอ้หาญ กูได้ยินไอ้สังมันบอกว่าลูกยายจุกแม่ค้าขายหมากในตลาดโตเป็นสาวนมตั้งเต้าแล้วเว้ย มึงสนใจจะไปดูกับกูไหม”



“ไม่” ไอ้หาญตอบปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเอาท่อนไม้เท่าท่อนแขนอีกท่อนมาตั้งยืนแล้วใช้ขวานจามลงไปจนไม้แยกออกจากกัน



“งั้นคืนนี้ไปงานวัดกันไหมวะ กูอยากกินข้าวเกรียบว่าว”



“ไม่” ไอ้หาญตอบปัดอีกครั้งจนไอ้มั่นขมวดคิ้วมุ่น



“วันๆ กูเห็นมึงเอาแต่ทำงานมิใคร่ไปเปิดหูเปิดตาที่ใดระวังจะตาบอดนะเว้ย” มันว่าก่อนจะดึงขวานที่ปักอยู่บนตอไม้มะขามต้นใหญ่ที่ถูกโค่นล้มไปนานแล้วออก เพื่อจะได้มาช่วยเพื่อนรักผ่าฟืนต่อ



“กูก็เห็นวันๆ มึงเอาแต่พูด ระวังปากจะอ้าจนหุบไม่ได้”



“บ๊ะ! ไอ้นี่ มึงไม่รู้กระไรเสียแล้ว ปากอย่างกูนี่แม่ค้าหลงมาหลายรายแล้วเว้ย นี่ถ้าไม่ติดว่ากูยังต้องตามรับใช้คุณปราณมึงเชื่อเถอะว่ากูมีลูกเป็นโขยงให้มึงเห็นแน่” ไอ้หาญแค่ส่ายหน้าระอากับความขี้อวดของมัน



ไอ้มั่นโอ่ใหญ่ว่ามันนั้นเคยเกี้ยวนางในวังได้ แต่คำโอ้อวดของมันก็มีได้ไม่นาน เมื่อลุงขำแกเดินมาตบกบาลมันแล้วบอกว่ามันแค่แอบไปดูนางในวังเขาออกมาเที่ยวตลาดน้ำเท่านั้น หาได้ไปเกี้ยวนางพวกนั้นอย่างใจนึกไม่ เพราะหากทำจริงหัวมันคงหลุดออกจากบ่าไม่ได้มาพูดอวดคนอื่นแบบนี้หรอก



“เออๆ เมื่อวันก่อนคุณนวลจันทร์เธอมาที่นี่ มึงรู้ไหมมาลัยที่คุณนวลจันทร์เธอกรองมาให้คุณปราณหอมตั้งแต่บนเรือนลงมาถึงตีนกระไดเลยนะโว้ย”



เมื่อผ่าฟืนเสร็จก็ได้เวลาพัก ไอ้มั่นจึงขยับเข้ามาใกล้บอกกล่าวเรื่องราวที่มันประสบพบเจอมา และยังไม่ได้บอกเล่าให้เพื่อนเกลอฟัง ไอ้หาญที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเพียงเสี้ยวลมหายใจ จากนั้นที่ใช้กะลาตักน้ำในโอ่งมาล้างหน้าล้างคอ



กลิ่นพวงมาลัยหรือจะสู้กลิ่นน้ำอบบนร่างคุณปราณได้ ไอ้หาญโตมาเป็น 20 ปีมิเคยเจอผู้ใดกลิ่นตัวหอมเช่นนี้



“เธอมาอยู่นานหรือ” ไอ้หาญถามเสียงไม่ดังไม่เบา แต่ไอ้มั่นคนหูดีก็ยังได้ยิน



คุณนวลจันทร์แทบจะมาที่นี่วันเว้นวันเห็นจะได้ แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีแค่เธอที่ไปๆ มาๆ เรือนหลังนี้ คุณปราณก็ยังคงไปเยือนเรือนฝ่ายนู้นอยู่เนืองๆ ตามคำสั่งของคุณหญิงราตรี คงหมายมั่นปั้นมือจะให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝากับลูกสาวเพื่อนเกลอเป็นแน่ และงานก็คงใกล้เข้ามาเพราะตอนนี้เรือนหอเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว อีกไม่นานก็คงจะเสร็จสมบูรณ์



คิดมาถึงตรงนี้ไอ้หาญก็เจ็บยอกในอก จะมีใครรู้ไหมว่าท่ามกลางรอยยิ้ม และคำชื่นชมที่มีให้คุณนวลจันทร์มิขาดปากไอ้หาญคนนี้มันเจ็บช้ำเกินทน นั่นเพราะคุณปราณที่มันเฝ้ารักทุกค่ำคืนกำลังจะกลายเป็นของใครอื่น ที่ทุกคนต่างยกย่องว่าเป็นสตรีที่คู่ควรต่อคุณปราณเพียงใด รู้ทั้งรู้ว่าตัวมันแค่ทาสหาได้มียศถาบรรดาศักดิ์ หรือแม้แต่เพศที่จะคู่ควรกับคุณปราณได้ แต่มันก็ยังจะรักและยังทำอยู่แบบนี้ เพียงเพราะคุณปราณกระซิบบอกรักมันเช่นเดียวกัน



คำว่ารักคำเดียวที่คุณปราณหล่อหลอมใจของไอ้หาญให้อยู่ตรงนี้ หากไม่แล้วไซร้มันคงได้หนีไปรักษาแผลใจให้ไกลแล้ว



“บ่าวของคุณนวลจันทร์ชื่อช้อย ข้าเห็นนะโว้ยว่ามันมองมึงตาเป็นมัน ไยมึงไม่สนใจไยดีในสตรีบ้างวะ รึมึงจะบวชเป็นพระไม่สนใจสีกา” ว่าจบมันก็นอนแผ่ลงบนแคร่ประสานมือรองท้ายทอยหนุนหัวต่างหมอน ตอนนี้แดดร่มแล้วมีลมพัดพอให้คลายร้อนได้บ้าง บ่าวคนอื่นๆ ก็ทำงานอื่นกันไป แต่มันจะขออู้งานอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน เพราะคุณปราณเข้าวังไปฝากตัวรับใช้ท่านเจ้าคุณในวังกับท่านออกญาฯ กว่าจะกลับก็คงจะเย็นๆ โน่นแหละ มันจึงนอนตีพุงตรงนี้ฆ่าเวลาอีกหน่อย



“รึมึงมีสาวในใจอยู่แล้ววะ” ไอ้มั่นถามอีกคราวนี้มันสาดสายตามาที่ไอ้หาญอย่างหาคำตอบ มีสาวใหญ่สาวเล็กไม่น้อยที่สนใจในตัวไอ้เกลอคนนี้ แต่มันกลับหาได้สนใจใครไม่ หากว่ากันตามจริงคนที่ไอ้หาญคุยด้วยก็มีแต่มันนี่แหละ แม่หญิงอื่นหรืออีทาสคนไหนมันก็มิใคร่สานสัมพันธ์ด้วย ขนาดอีพวยมานอนให้ท่ามันถึงเรือนนอนมันยังยอมหลบไปนอนตากยุงที่อื่นเลย อีผ่องบ่าวที่สวยที่สุดในเรือนก็สนใจมัน เขาแอบเห็นว่าฝ่ายนั้นลอบมองไอ้หาญอยู่บ่อยๆ แต่ไอ้เกลอเขาก็ไม่เห็นจะชายตาแลสักที



ไอ้หาญไม่ตอบ มันใช้ความเงียบเข้าสู้เสมอ เป็นได้ทั้งการตอบรับ การปฏิเสธ หรือการไร้ความเห็น แต่สำหรับมันแล้วนี่คือการตอบรับ เพียงแต่คนในใจของมันหาใช่สาวไม่ เป็นชายหนุ่มร่างบอบบางผิวขาวเนียนทั้งตัวบนเรือนใหญ่โน่น



“ไอ้มั่นโว้ย! ไอ้มั่น! มัวแต่นอนอู้อยู่ได้ คุณปราณท่านกลับมาแล้วไยมึงมิไปรับใช้ห้ะ!” ยายอาบเจ้าเก่าเดินมาตามพร้อมด่าน้ำหมากกระจาย แต่คนที่ไวกว่าไอ้มั่นเห็นทีจะเป็นไอ้หาญที่คว้าผ้าคาดเอวได้ก็วิ่งไปทางท่าน้ำโดยพลัน ไอ้มั่นรีบวิ่งตามไปติดๆ จนมันทันกันตรงที่ท่าน้ำ



“วันมะรืนตอนเข้าวังก็อย่าลืมเอาของไปฝากท่านสักหน่อย ได้ทำงานแล้วก็อย่าทำให้พ่อกับแม่เจ้าขายหน้า อย่าให้ใครเขาว่าได้ว่าลูกออกญาศรีรัตนกรหยิบหย่งทำอะไรไม่ได้เรื่องได้ความ ร่ำเรียนมาก็มากอย่าต้องให้คนอื่นเขาว่าตามหลังได้” ชายสูงวัยอีกทั้งมียศมีศักดิ์เดินมากับลูกชายด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย หนวดใต้จมูกจัดแต่งอย่างดีรับกับใบหน้าดุดันที่เป็นไปตามอุปนิสัยของคนดุและจริงจัง



ออกญาศรีรัตนกรรับหน้าที่ดูแลหัวเมืองทางใต้ ชาวบ้านระแวกนี้ต่างให้ความนับถือ เพราะท่านเป็นคนจริงจังในการทำงาน คำไหนคำนั้นไม่มีว่าข้าทาสคนใดในปกครองจะกระทำผิดต่อกฎบ้านกฎเมืองได้



“ขอรับเจ้าคุณพ่อ” คุณปราณรับคำเดินตามบิดาด้วยความนอบน้อม เหลือบสายตาแลไอ้หาญที่หมอบอยู่ข้างท่าน้ำเพียงเสี้ยววิก็ผินหน้ากลับไปตามเดิม เพียงแต่ชายโจงกระเบนที่ใส่อยู่ปัดผ่านหน้าไอ้หาญไปแผ่วเบา กลิ่นหอมของบุหงารำไปส่งกลิ่นพอให้ได้ชื่นใจจนไอ้บ่าวหน้านิ่งลอบยิ้มกับตนเอง



ตกค่ำไอ้หาญเตรียมตัวอาบน้ำ มันเดินไปยังท่าน้ำที่กั้นไว้สำหรับให้บ่าวไพร่ได้ใช้อาบใช้ซักล้างกัน ทำงานมาทั้งวันเนื้อตัวเหนียวเหนอะไปหมด ขออาบน้ำให้ชื่นใจจะได้ไปหาคุณปราณได้ไม่น่าเกลียดนัก มันจัดการเปลื้องผ้าออกแล้วหย่อนกายลงน้ำ เวลานี้ไม่มีใครมาที่ท่าเพราะมันรอให้ทุกคนจัดการอาบน้ำให้เสร็จมันจึงอยู่รั้งท้ายคนสุดท้ายเป็นประจำ



หุ่นใหญ่กำยำและผิวคล้ำแดดจากการทำงานกลางแดดมาตั้งแต่ยังเด็ก อีกทั้งมีรอยบาดแผลที่หลังหรือแขนบ้าง แต่ก็ไม่ใช่รอยใหญ่อะไรนัก มันยันกายขึ้นมานั่งที่ท่า ลูบไล้เนื้อตัวขัดขี้ไคลและความสาบจากเหงื่อให้หมดไป แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องชะงักเมื่อมันได้ยินเสียงไม้กระดานของท่าน้ำลั่นเอี๊ยด ราวกับมีคนกำลังย่องเข้ามาหาใช่เดินด้วยน้ำหนักเท้าปกติไม่ ไอ้หาญยังคงถูตัวต่อไปแม้จะเงี่ยหูฟังจังหวะการเดินของผู้มาใหม่ก็ตาม



หมับ!



“มึงจะทำกระไร!” ไอ้หาญคว้าข้อมือเรียวเล็กแล้วจับพลิกให้อีกฝ่ายนอนกองกับพื้นได้ โดยที่ตนก็คว้าผ้ามาปกปิดกายส่วนล่างไว้ อีผ่องคือคนที่ย่องเข้าหามันอีกทั้งยังกอดก่ายมันด้วย ไอ้หาญใช้หน้าตาจริงจังข่มขู่อีกฝ่ายจนนางบ่าวถึงกับหน้าถอดสี



“ข้าแค่อยากมาหาพี่หาญ ไยต้องทำข้าถึงเพียงนี้เล่า” ผ่อง หญิงสาวเพิ่งเข้าวัยสาวได้ไม่ถึงขวบปีสารภาพความในใจออกมาทันทีเมื่อโดนจับได้



ตอนนี้มันอยู่ในชุดกระโจมอกที่ส่วนอกนั้นรัดแน่นจนแทบทะลัก แอบเห็นพี่หาญมาอาบน้ำที่ท่าในเวลานี้บ่อยๆ มันจึงมาดักรอ หุ่นล่ำสูงใหญ่ของพี่มันช่างสร้างความกำหนัดในใจของอีบ่าวคนนี้ยิ่งนัก ได้ยินมาจากไอ้พี่มั่นว่าพี่หาญมิเคยชายตาแลหญิงใด และยังมิเคยสมสู่กับสาวคนไหนมาก่อนมันจึงอยากเป็นคนแรกของพี่หาญ และอยากให้พี่หาญเป็นคนแรกของมันเช่นกัน



“ข้ารักพี่หาญนะจ๊ะ แอบรักมานาน หากพี่ไม่มีใครก็รับรักข้าหน่อยเถอะ” ไอ้หาญยอมปล่อยมือออกจากคอผ่อง แต่หญิงสาวกลับกระโจนเข้าหามันราวกับรอเวลานี้มานาน มือหยาบกร้านถูกดึงมาแปะบนความนุ่มหยุ่นของเนื้อเนินอก ผ่องบังคับมือไอ้หาญให้คลึงเคล้าอกของมัน มิพอยังปลดผ้านุ่งออกเผยให้เห็นปทุมถันซึ่งยอดเม็ดของมันชูชันอวดสายตา



“ข้ายินดีมอบร่างกายที่ไม่เคยผ่านชายใดให้พี่เชยชม พี่หาญจ๊ะ พี่หาญ...”



ไอ้หาญสะบัดมือออกแล้วผลักผ่องให้ออกห่าง



“ข้าไม่ได้สนใจเอ็ง มิเคยอยากสานสัมพันธ์กับผู้ใด กลับเรือนนอนไปเสียก่อนแม่เอ็งจะมาเห็น” หากมิใช่คุณปราณมันก็ไม่เคยชายตาแลผู้ใด หรืออยากได้ใครมาครอบครอง



“พวกมึงทำอันใดกัน!!” เสียงตวาดถามดังลั่นจนคนทั้งคู่สะดุ้ง ท่าทางล่อแหลมที่ทาบทับจากการฉุดกระชากกันเมื่อครู่ อีกทั้งเนื้อตัวของผ่องก็อวดแสงจันทร์ และคบไต้ที่ถูกจุดปักไว้คอยให้แสงสว่างก็ส่องให้เห็นชัดว่าคนทั้งคู่อยู่ในท่าที่คิดเป็นอื่นไม่ได้



คุณปราณมองคนทั้งสองที่ตอนนี้จ้องตนราวกับเห็นผี อีผ่องรีบจับผ้ากระโจมอกซ่อนตัวหลังไอ้หาญ ส่วนไอ้หาญนั้นมองมาที่ตนด้วยเพราะทำอะไรไม่ถูก คงไม่คิดว่าเขาจะมาเห็นภาพอุบาทว์นี้ล่ะสิท่า



ความเจ็บปวดแปลบในอกร้าวไปทั้งทรวง หมัดกำแน่นเล็บจิกเข้าไปในเนื้อจนเกิดรอยอยากกระชากอีบ่าวคนนั้นมาตบให้สมใจที่กล้ามายั่วยวนไอ้หาญถึงที่ แต่ความคิดนั้นก็หยุดไปเพราะท่าทีของไอ้หาญก็น้อยหน้าที่ไหน มือใหญ่บนอกอวบนั่นเขาเห็นเต็มสองตา มันกล้าที่จะนอกกายเขากระนั้นหรือ



“ถ้าพวกมึงจะสมสู่กันก็ไปทำกันที่เรือนไม่ใช่ที่แจ้งแบบนี้ ไม่อายคนก็อายผีสางเทวดาบ้าง!” คุณปราณต่อว่าเสียงดังลั่น ตรงนี้ไม่มีใครเลยสักคนมีเพียงพวกเขาเท่านั้น แน่ล่ะว่าเวลานี้คนอื่นก็อยู่กันในเรือนหมดแล้ว พวกมันจะมาพลอดรักก็ย่อมได้



“คุณปราณขอรับ”



“มึงไม่ต้องมาเรียกชื่อกู!”



ตุ้บ!



“โอ๊ย!” ชายหนุ่มร้องทันทีเมื่อแรงกระแทกของร่างกายกระทบกับพื้น เขานอนตกเตียงทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกเอวยอกราวกับมีใครใช้เท้ายัน ณิชยันตัวลุกขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจก่อนจะหาววอดไปหนึ่งที



ความฝันครั้งนี้ดูจะอารมณ์เดือดไปสักหน่อย เขารู้สึกถึงหางตาที่เปียกชื้น อะไรจะอินกับความฝันขนาดนั้น แต่แปลกตรงที่ฝันมันดำเนินไปราวกับเขาเข้าไปอยู่ในชีวิตคนพวกนั้นด้วย แต่พอตื่นขึ้นมาเขากลับจำหน้าคนเหล่านั้นแบบแน่ชัดไม่ได้เลย



ตอนนี้เช้าค่อนไปทางสายแน่นอนว่าเขารีบเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระในตอนเช้า แต่ตอนเดินผ่านกระจกเหลือบไปเห็นตัวเองตาแดงก่ำ หางตามีหยดน้ำตาอีกทั้งมันทิ้งคราบไว้ด้วย



“โอ๊ย! เชี่ย...โดนไรวะเนี่ย” ณิชร้องเมื่อเท้าแขนกับขอบอ่างเพื่อจะโน้มตัวเข้าไปดูกระจกใกล้ๆ แต่พอฝ่ามือกดลงไปบนพื้นที่ว่างกลับเจ็บแปลบขึ้นมาเสียอย่างนั้น พอพลิกฝ่ามือดูเห็นรอยแดงจากเล็บจิกบนผิวเนื้อแสบไม่เบา



ณิชสะบัดมือเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อรีบไปทำงาน เมื่อมาถึงบริษัทก็เจอพี่โอ๋กับมิ้งแล้ว



“พี่ณิช!” มิ้งกระโดดเข้ามาเกาะโต๊ะเรียกเสียงใส ตากลมแป๋วภายใต้แว่นกรอบใหญ่ที่กินพื้นที่ไปครึ่งหน้ามองเขาเป็นประกาย “เมื่อคืนเป็นไงบ้าง”



“ก็ไม่ไง” ณิชตอบอย่างรู้กันว่ามิ้งหมายถึงอะไร แกล้งหยอกไปว่าตัวเองไม่ได้ฝันอะไรเพิ่มเติมนอกจากที่เล่าไปเมื่อวันก่อน เรื่องที่คุณปราณเขาเดินเฉียดไอ้หาญจนไอ้บ่าวทาสได้กลิ่นหอมบนโจงกระเบน



ตั้งแต่วันนั้นที่เขาบอกเรื่องราวความฝันของตัวเองไปมิ้งก็เอาไปแต่งนิยายอย่างที่บอกไว้จริงๆ ลงทุนเปิดแฟนเพจให้คนมากดติดตาม เขาลองเข้าไปอ่านเนื้อหาดูแล้วมิ้งแต่งเสริมจากความฝันของเขาไม่น้อย เหมือนเอาความฝันของเขาเป็นโครงเรื่องอย่างที่บอกจริงๆ



ทำให้ตลอดหลายวันมานี้เจ้าตัวมักจะมาถามเช่นนี้เสมอ ณิชตอบบ้างไม่ตอบบ้างเพราะบางครั้งก็จำความฝันไม่ได้ เมื่อก่อนจะฝันเช่นนี้แค่ราวครั้งสองครั้ง แต่ช่วงนี้มันถี่ขึ้นเรื่อยๆ ฝันแทบทุกคืน บางครั้งยังเผลอใช้คำพูดเหมือนในฝันเลย ซึ่งทำมิ้งขำเขาอยู่หลายครั้ง



“จริงเหรอ ตอนนี้คนอ่านนิยายหนูเขาติดมากเลยนะ ลงไปแค่ 6 ตอนยอดความเห็นพุ่งไปตั้ง 600 แน่ะ” มิ้งอวดพร้อมกับเปิดหน้านิยายของตนเองให้ดู แต่ณิชไม่ได้สนใจนักเพราะวันนี้เขาต้องเข้าประชุมกับคุณแขตอนสิบโมง



“มือพี่ณิชโดนอะไร ทำไมเป็นรอยเล็บเต็มเลยพี่ ถลอกด้วย” มิ้งถามเพราะปกติมือณิชเรียวสวยและนุ่มมาก เธอยังชมอยู่บ่อยครั้งว่าณิชเป็นผู้ชายมือสวย นิ้วเรียวยาวเล็บถูกตัดสั้นสะอาด เธอยังอิจฉาเลยที่มือตัวเองไม่สวยแบบนี้บ้าง



“ไม่รู้ว่ะ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้แล้ว” เขาตอบก่อนจะลุกขึ้นแล้วรวบแฟ้มมาถือในมือ เตรียมตัวเข้าประชุมเพราะพี่โอ๋เดินเข้าห้องประชุมไปแล้ว ก่อนไปไม่วายหันมาบอกมิ้งทิ้งท้ายว่า “คุณปราณเขาโกรธเพราะเห็นไอ้หาญมีซัมติงกับผู้หญิงคนอื่น ชื่ออ่องหรือผ่องนี่แหละ”



มิ้งยกมือไหว้ขอบคุณท่วมหัวเจ้าตัวแทบเข้ามากอดเขาไว้ แต่ติดที่เขาใช้เก้าอี้ขวางไว้เสียก่อน ฝ่ายนั้นจึงได้แค่ส่งมินิฮาร์ตมาให้รัวๆ ณิชยิ้มขำกับท่าทางดีอกดีใจของนักเขียนมือใหม่ที่ยืมเรื่องราวความฝันของเขาไปเขียน ก็ถ้าน้องมันชอบเขาก็ยินดีด้วย อย่างไรเสียนี่มันก็แค่ความฝันเพี้ยนๆ ของเขาเท่านั้น



“พี่ณิช! คิดถึงจังเลยยยย” ‘บอย’ รุ่นน้องอีกคนในทีมปรี่เข้ามากลิ่นน้ำหอมลอยฟุ้งเตะจมูกมาแต่ไกลพุ่งเข้ามากอดหมับ ส่วนสูงพอกันแต่ณิชผอมกว่าสักหน่อย ส่วนบอยตอนนี้เริ่มจะลงพุงเพราะดื่มเยอะ



“กูเพิ่งเจอมึงเมื่อสองวันก่อน”



“พี่...แค่สองวันก็คิดถึงได้ ผมไปโคราชมาครั้งนี้คืออ่วมบอกเลย ลูกค้าสั่งแก้แบบกลางอากาศทำเอามึนไปหมด”



“ทำไมล่ะ”



“ก็เขาบอกว่ากระเบื้องที่ลงมันไม่เข้ากับไฟเพดาน” ตอบเสร็จคนเล่าก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่



ณิชหัวเราะก่อนจะตบไหล่รุ่นน้องปุๆ เชิงว่าให้ทำใจ เพราะเขาก็เจอแบบนี้มาเยอะเหมือนกัน ประสบการณ์ทำงานทำให้เขาหลบเลี่ยงลูกค้าแบบนี้ได้บ้างด้วยการใช้จิตวิทยาเข้าสู้ โอนอ่อนในตอนแรก และหาอะไรที่ใกล้เคียงมาทดแทนกัน แต่ต้องไม่เดือนร้อนตัวเอง แต่กับบางคนก็ใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ก็ถือว่ารับงานหินไปแล้วกัน



“แบบที่ณิชส่งมาให้พี่ดูครั้งก่อนของคุณภราดรได้แล้วนะ ไม่ต้องแก้แล้วส่งให้ลูกค้าดูได้เลย” หลังจากนั่งประชุมไปสักพักก็มาถึงคิวของณิชที่จะต้องรายงานเรื่องความคืบหน้าของลูกค้าที่ตนดูแลอยู่



“ครับ แล้ววังปริพัตร...”



“ณิชนัดคุยกับคุณหมีไว้แล้วใช่ไหม พรุ่งนี้ใช่รึเปล่า”



“ใช่ครับ”



“ห้ามสายห้ามเลทเหมือนครั้งก่อนนะ พี่ไม่อยากให้คุณตรีต้องไม่พอใจกับบริษัทเรา” คุณแขไขย้ำคำทำเอาเขาลอบมองหน้าพี่โอ๋กับริสา ทั้งสองคนมองบนก่อนจะทำปากขมุบขมิบเชิงว่าลูกค้าคนพิเศษต้องเอาใจเสียหน่อย



“ได้ครับ ครั้งนี้ไม่เลทแน่นอน” ณิชรับคำเจ้านายให้อีกฝ่ายได้สบายใจอีกครั้ง



หลังจากประชุมเสร็จพวกเขาก็ออกไปหาอะไรกินแถวออฟฟิศนั่นแหละ มื้อเที่ยงวันนี้เป็นข้าวมันไก่กับเกาเหลาเลือดหมู มิ้งพูดกับริสาอย่างออกรสเรื่องนิยายที่เธอแต่ง แน่นอนว่าเรื่องที่ณิชฝันแล้วเจ้าตัวขอเอาไปต่อยอดเป็นนิยายไม่มีใครรู้ เขาขอให้มิ้งเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะไม่อยากให้คนอื่นหาว่าเขาบ้าที่ฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนี้



“ไอ้หาญรักคุณปราณมากเลยนะ เขามีแต่ดมชายสไบแต่นี่มาดมชายโจงกระเบนถือว่าเลิศ! ไหนๆ พี่ขอชื่อเรื่องอีกทีสิ ขอแฟนเพจด้วยจะไปกดติดตาม” สาวทั้งสองหัวแทบชนกัน โอ๋เห็นแบบนั้นจึงจับหัวคนทั้งสองชนกันเบาๆ



ทีมของณิชมี 5 คน พี่โอ๋คือหัวหน้าทีม นอกนั้นก็มีณิช บอย มิ้งและริสา ทำงานด้วยกันมาสองปีทำให้สนิทคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ตอนแรกๆ ก็มีบ้างที่ไม่เข้าใจสไตล์การทำงานกัน แต่เมื่อปรับจูนเข้าที่ก็ถือว่าเป็นทีมเก่งของบริษัท คุณแขไขจึงเลือกทีมโอ๋มาดูแลโปรเจ็ควังปริพัตร




ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


ณิชกลับมาถึงห้องราวเที่ยงคืนเนื่องจากบอยนัดเลี้ยงวันเกิด กว่าจะปลีกตัวออกมาได้ก็ต้องดื่มไปหลายแก้ว เมื่อเห็นสมควรแก่เวลาเพราะมีงานเช้าเขาจึงต้องขอตัวกลับ ณิชทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างมึนๆ เขาไม่ถูกกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นคนคออ่อนเมาง่าย ครั้งนี้ขนาดดื่มแค่เบียร์ไปไม่ถึงสองขวดยังเล่นเอามึนได้เลย



“หาญ...”



คนที่ทำท่าจะเคลิ้มหลับพึมพำออกมาเมื่อเห็นเงาลางๆ ภายในห้อง เอาจริงลึกๆ ในใจก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้หาญจะแก้ตัวกับคุณปราณว่าอย่างไร เพราะท่าทางมันก็ไม่ได้ชอบผ่องจริงๆ



ฟิ้ว ~



ลมพัดเบาๆ ผ่านเข้ามาทางประตูระเบียงที่เจ้าของห้องเปิดแง้มไว้เสมอ ลมเย็นๆ พัดมาเหมือนจะกล่อมให้ชายร่างสูงโปร่งได้ผ่อนคลาย ผ้าม่านพลิ้วตามแรงลมก่อนณิชจะหลับไป



::::::::::::



“คุณปราณขอรับ ฟังกระผมก่อนขอรับ” ไอ้หาญวิ่งตามทั้งที่เนื้อตัวยังนุ่งผ้าไม่เรียบร้อยนัก ผ่องที่ตกใจทำอะไรไม่ถูกเห็นไอ้หาญวิ่งตามเจ้านายไปมันจึงรีบกลับเรือน พรุ่งนี้ขอให้คุณปราณอย่าได้บอกเรื่องนี้กับแม่มันเถิดไม่งั้นคงโดนตีแน่ๆ



“มึงไม่ต้องตามกูมา! ปล่อย! ปล่อยสิวะ!” คุณปราณพยายามบิดกายออกจากการโดนท่อนแขนล่ำโอบกอดรัดไว้ราวกับงูจากทางด้านหลัง ไอ้หาญไม่คิดปล่อยร่างบางในอ้อมกอดหากยังไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่อง



“คุณปราณเข้าใจบ่าวผิดแล้วขอรับ”



“กูไม่อยากฟังมึงปดอะไรทั้งนั้นไอ้หาญ กูเห็นอยู่ตำตาว่าผัวตัวเองกำลัง... หึ! กูโง่เองที่คิดว่ามึงจะรักกูคนเดียว กูโง่เอง” คุณปราณใช้โอกาสตอนที่ไอ้หาญตกใจกับคำพูดตนสะบัดตัวออกก่อนจะเดินตรงไปที่เรือน ความโกรธนี้เขาไม่มีกระจิตกระใจแม้แต่จะตักน้ำจากโอ่งมาล้างเท้า เดินตึงตังขึ้นเรือนไปโดยที่ไอ้มั่นซึ่งนอนตีพุงอยู่หน้าห้องคุณปราณยังสะดุ้ง สงสัยว่าเจ้านายของมันมีเหตุใดจึงได้โกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้



ไอ้หาญไม่ละความพยายาม มันวิ่งไปทางหลังเรือนตรงที่เป็นห้องคุณปราณ ปีนต้นกันเกราไต่ไปตามกิ่งไม้กิ่งเดิมที่ยื่นออกไปถึงหน้าต่างห้อง แต่แล้วยังไม่ทันที่มันจะได้แตะบานหน้าต่างคุณปราณก็งับปิดหน้าต่างอย่างแรงต่อหน้ามัน สื่อให้รู้ว่าการเจรจาในวันนี้คงไม่ได้ผล



คืนนี้ยอมปล่อยไปก่อนก็ได้ วันพรุ่งมันจะมาหาคุณปราณใหม่ หวังว่าคุณปราณจะใจเย็นลงและรับฟังมันสักครั้ง



ไอ้หาญนอนไม่หลับจึงมานั่งเฝ้าหน้าต่างบานเดิมที่มันใช้เป็นทางเข้าออก คุณปราณเปิดหน้าต่างในตอนเช้าแล้ว ไอ้หาญก็หวังว่าจะได้เห็นใบหน้าของคนที่มันเทิดทูนและพึงใจ แต่ไอ้หาญคิดผิด คุณปราณยังไม่หายเคืองมันสักนิด หน้าหวานสวยนั้นปั้นปึ่งมิสนใจไยดีสายตาไอ้หาญที่ส่งไปอย่างเว้าวอนเลย



แต่มันก็ยังไม่ละความพยายาม ดอกพุดน้ำบุษย์ส่งกลิ่นอวลตั้งแต่ค่ำวาน จนบัดนี้แม้กลิ่นจะหายไปบ้างแต่ก็ยังมีอยู่ มันเลือกเก็บดอกไม้สีเหลืองกลีบดอกบานสะพรั่งมาเต็มอุ้งมือ จับก้านดอกมารวมกันแล้วมัดด้วยยอดหญ้า ประคองไว้ในมือเพื่อแอบส่งให้คุณปราณเป็นการง้อด้วยดอกไม้ที่คุณปราณชอบ



แต่คุณปราณหาได้สนใจไม่ ท่าน้ำที่ชอบไปนั่งซึ่งไอ้หาญแอบวางดอกไม้ไว้ก็โดนเมิน เพราะคุณปราณกลับเดินไปทางเรือนไม้ที่มีไม้เลื้อยปลูกประดับอยู่ เป็นอีกมุมที่ท่านออกญาฯ สั่งให้สร้างไว้ เพื่อที่คุณหญิงราตรีจะได้มีมุมพักผ่อนหย่อนใจ



“ไอ้มั่น เอ็งไปเรียกไอ้คมมาให้ข้า ได้ข่าวว่าฝีมือการนวดของมันเก่งนัก ข้ารู้สึกปวดตัวอยากให้มันมานวดสักครา” คุณปราณสั่งบ่าวคนสนิทไป ไอ้มั่นแปลกใจมิน้อยที่นายของมันไม่เรียกบ่าวผู้หญิงเพราะมือของบ่าวผู้ชายหนักยิ่งนัก เกรงจะทำผิวคุณปราณขึ้นรอยเสีย แต่เมื่อมันคือความประสงค์ของเจ้านายไอ้มั่นก็ขัดไม่ได้ จนไอ้มั่นถอยออกไปทำตามคำสั่ง ไอ้หาญได้ทีจึงหมอบคลานเข้าไปหาใกล้ๆ มือหยาบของมันแตะเข้าที่ปลายเท้าของคุณปราณ แต่โดนเจ้าตัวชักกลับในทันควัน



“กูไม่มีเรื่องอันใดจะคุยกับมึง จะไปไหนก็ไป”



“คุณปราณขอรับ เมื่อคืนบ่าวมิได้กระทำใดที่เป็นการนอกใจนอกกายคุณปราณเลยนะขอรับ อีผ่องเข้ามาเพื่อจะให้บ่าวมีอะไรด้วยแต่บ่าวบอกปัดไปแล้วขอรับ”



“กูจะเชื่อมึงได้เยี่ยงไร กูไม่มีนมไม่มีอย่างที่อีบ่าวสาวๆ มันหรอกนะ ถ้ามึงจะเบื่อ...”



“อย่าพูดเยี่ยงนั้นเลยขอรับ บ่าวรักคุณปราณเพียงผู้เดียว มีเคยเหลียวมองผู้ใดให้เคืองตา หัวใจของไอ้หาญคนนี้ผูกสมัครรักมั่นคุณปราณมิเสื่อมคลาย หากจะให้บ่าวไปสาบานที่ใดก็ย่อมได้ เพื่อที่คุณปราณจะได้คลายความทุกข์ใจที่มีบ้าง” หากไอ้มั่นมาได้ยินคำพูดของไอ้หาญมันคงตาโตเบิกถลนด้วยความตกใจ เพราะมันคือประโยคที่ยาวที่สุดในชีวิตของไอ้หาญที่พูดมา



คุณปราณชายตามองเล็กน้อยในใจลิงโลดเมื่อได้ยินวาจาของไอ้หาญอีกทั้งท่าทางของมันที่แทบจะเข้ามากอดตนไว้ อารมณ์โกรธบางเบากว่าเมื่อคืนนักเมื่อได้คิดทบทวนสิ่งที่เห็น ท่าทางของอีผ่องมันยั่วยวนไอ้หาญก็จริง แต่ไอ้หาญมิได้มีทีท่าสนใจสิ่งที่อีผ่องเสนอให้



“ไอ้คมมาแล้วขอรับ เอ้า! ไอ้หาญ มึงเข้ามาหาคุณปราณทำไมวะ” ไอ้มั่นพาไอ้คมบ่าวรูปร่างสูงใหญ่หุ่นพอฟัดพอเหวี่ยงกับไอ้หาญมาหาเจ้านายมันตามที่สั่ง



“ออกไปได้แล้ว ไอ้คม...เอ็งช่วยนวดตัวให้ข้าหน่อย เมื่อคืนนอนมิใคร่จะหลับ ปวดเนื้อปวดตัวมาทั้งคืน” คุณปราณเลิกสนใจไอ้หาญก่อนจะล้มตัวลงนอนบนพื้นไม้ยกขึ้นจากพื้นราวสองคืบ ไอ้มั่นเอาหมอนให้นายมันหนุนนอนคว่ำ ไอ้คมเอ่ยขอเบาๆ ก็ลงมือบีบนวดจากข้อเท้าไล่ขึ้นมาที่ปลีน่องสวย



ไอ้หาญที่ถอยหลบไปแต่มิวายยังนั่งอยู่ที่เดิม เมื่อได้เห็นว่าผิวนวลที่มันเคยสัมผัสแตะต้องโดนมือบ่าวคนอื่นก็ทำเอาหน่วงในอก ความหวงแหนร่างบางนี้ทำให้มันถึงกับกัดฟันกรอด



“อืม ขึ้นสูงอีกไอ้คม” คุณปราณหันมานอนหงายหลับตาพริ้มยามไอ้คมนวดต้นขา อันที่จริงความเมื่อยขบที่ว่ามีเพียงเสี้ยวนิดเท่านั้น เนื่องด้วยเมื่อวานเดินกับเจ้าคุณพ่อเยอะจึงเมื่อยขาบ้าง แต่ที่จริงที่ให้ไอ้คมมานวดก็เพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของใครบางคนที่ชอบทำหน้าตานิ่งเฉย ส่งเพียงแค่สายตาให้เขาไม่เคยแสดงออกทางหน้าตาให้ได้รับรู้นักว่ารู้สึกเช่นไร



ขนาดพูดง้อเขาเมื่อครู่หน้าตามันยังมีแววอ้อนวอนเพียงนิด เขายังไม่สมใจกับสิ่งที่มันทำนักจึงอยากจะเอาคืนเสียหน่อย เพราะมันเป็นคนนิ่งเฉยแบบนี้ไงอีผ่องเลยเข้ามายั่วยวนได้ถึงท่าน้ำ หากมันแสดงออกทางสีหน้าสักนิด แสดงให้ชัดว่าไม่พึงใจอีกสักหน่อยอีผ่องก็คงรู้ว่าไอ้หาญมิได้ชอบพอในตัวมันเลย



มือไอ้คมบีบนวดไปถึงโคนขา โจงกระเบนที่คุณปราณสวมเลิกขึ้นเห็นต้นขาเรียวขาว ยิ่งมือไอ้คมไต่สูงขึ้นอีกทั้งคุณปราณยังยกขาให้นวดจนไอ้คมแทรกตัวเข้าไปตรงกลางหว่างขา คล้ายคลึงกับท่าร่วมรักที่มันเคยทำกับคุณปราณ เสียงเครือเบาๆ เพราะแรงนวดถูกใจนั่นอีกยิ่งทำให้ไอ้หาญแทบทนไม่ไหว คุณปราณปรือตามองมาที่มันร้าวเย้ยเยาะที่ไอ้หาญทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั่งดู



“คุณปราณขอรับ! ได้เวลาของว่างแล้วลุกมาทานสักหน่อยไหมขอรับ” ไอ้หาญโพล่งขึ้นมาทันใดเมื่อมือไอ้คมสอดมือเข้าไปใต้ผ้านุ่งโจงกระเบนของคุณปราณ ไอ้มั่นที่นั่งเตรียมน้ำชาอยู่ด้วยถึงกับสะดุ้งที่ไอ้เพื่อนเกลอมันเสียงดัง ปกติมันเงียบจะตายวันหนึ่งนับคำได้ วันนี้กล้าพูดกับคุณปราณขนาดนี้เชียว ก็อย่างว่าล่ะนะ คุณปราณถูกใจที่ไอ้หาญพายเรือเก่งจึงชักชวนให้พาไปชมบัวบ่อยๆ ตัวมันยังน้อยใจไม่หายเลย



“อืม พอแล้วไอ้คม ขอบน้ำใจมึงมากจะไปไหนก็ไปเถอะ” คุณปราณที่เห็นท่าทางอยู่ไม่ติดของไอ้หาญรู้สึกเป็นที่พอใจจึงยอมปล่อยไปแค่นี้ แต่มิวายยังสั่งไอ้คมทิ้งท้ายว่า “แต่คืนนี้เอ็งมานวดที่ห้องข้าด้วยล่ะ ข้าชักติดใจฝีมือนวดเอ็งแล้วสิ”



“ขอรับ” ไอ้คมหมอบกายลงต่ำขานรับ ใจลิงโลดเมื่อมันทำให้ผู้เป็นนายถูกใจได้ ผิดกับไอ้หาญที่คุณปราณเคยบอกว่ามันคือผัวคุณปราณ ตอนนี้นั่งหึงหน้าดำหน้าแดงจนไอ้มั่นต้องสะกิดถาม



“ปวดขี้เหรอวะ ถ้ามึงไม่ไหวก็ไปเถอะ นั่งหน้าดำเหมือนยักษ์ไปไย”



Rrrrr Rrrrr



เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังลั่นห้อง ณิชพลิกตัวหาเครื่องมือสื่อสารที่ว่าแต่กลับไม่พบ ความเมื่อยขบแล่นปราดไปทั้งร่างจนอยากให้ไอ้คมมานวดให้เสียอย่างนั้น เพราะเขารู้สึกว่ามันนวดให้คุณปราณดี และไล่ความเมื่อยไปได้พอสมควร



ณิชนั่งสะลึมสะลืออยู่บนโซฟา เมื่อคืนเขานอนตรงนี้ทั้งคืนเลยงั้นเหรอ สงสัยคงมึนจากเบียร์เลยเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่จนมันเงียบไปและดังขึ้นมาใหม่ ณิชหยิบกระเป๋าสะพายของตนออกมาเปิดหาจนเจอแล้วกดรับ



[พี่ณิช!! พี่อยู่ไหนเนี่ยทำไมยังไม่มาอีก หนูโทรเป็นสิบสายทำไมพึ่งรับ คุณแขโกรธมากเลยนะ ไหนบอกว่าจะไม่เลทไม่สายไง] มิ้งพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน ณิชมองนาฬิกาตรงฝาผนังก่อนจะเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้เลยเวลานัดมา 45 นาทีแล้ว



“โทษทีมิ้ง พี่จะรีบไป” ณิชกดตัดสายแล้วรีบเข้าไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันให้เรียบร้อย วิ่งผ่านน้ำแค่ห้านาทีก็ออกมาด้วยชุดใหม่ก่อนจะรีบออกจากห้องไป



ฟิ้ว~



ลมพัดผ่านบ้านประตูระเบียงเข้ามาจนม่านพลิ้วอีกครั้ง ก่อนจะหายไปพร้อมกับเจ้าของห้องที่รีบร้อนออกจากห้องเพราะตนกำลังไปสายอย่างมาก และงานนี้เขาพลาดอย่างจังจนอาจโดนคุณแขไขไล่ออกจากบริษัทได้



ณิชมาถึงที่ทำงานในเวลาต่อมา แน่นอนว่าแม้แต่พี่โอ๋ก็ช่วยเขาไม่ได้เพราะครั้งนี้เขาผิดนัดไปจริงๆ ใจณิชเต้นรัวอยู่ในอกเมื่อเข้าห้องคุณแขไป และเจอคุณรัศมีนั่งหน้านิ่งอยู่ เธอปรายตามามองเขาด้วยความตำหนิ



“ณิช มาคุยกับฉันหน่อย” คุณแขเดินนำออกจากห้องไป ณิชกันไปก้มหัวขอโทษคุณรัศมีที่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ก่อนจะเดินตามเข้านายออกไปนอกห้อง คุณแขเดินนำมาที่โซนห้องครัวแล้วหันมาต่อว่าทันที



“ทำไมคุณขาดความรับผิดชอบต่องานนี้นักล่ะณิช ไหนรับปากฉันเสียดิบดีว่าไม่สายแน่นอน ครั้งก่อนรัศมีเขาถือว่าฝั่งเขาผิดเพราะตรีไม่ได้บอกว่าจะเข้ามาคุยงานพร้อมกันล่วงหน้า คุณสายก็ไม่ผิดนัก แต่นี่นัดกันแล้วคุยกันแล้วแต่คุณก็ยังมาสาย”



งานนี้เป็นงานค่อนข้างละเอียดอ่อนนั่นคือการตกแต่งวังภายในใหม่ทั้งหมด คนรักของเธอเป็นเจ้าของสถานที่เธอจึงเสนอชื่อณิชเป็นผู้ดูแลโปรเจ็คนี้ เพราะณิชเป็นคนที่ค่อนข้างละเอียด และทำงานได้ตรงใจเธอหลายครั้ง



“ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณแข” ณิชยกมือไหว้เพราะรู้สึกผิดจริงๆ เขาไม่สามารถหาข้อแก้ตัวใดมาทำให้ตัวเองพ้นผิดได้เพราะตื่นสายจริงๆ สาเหตุคงมาจากดื่มของมึนเมาเข้าไปนั่นแหละ



“ฉันเห็นคุณฝีมือดีมากเลยวางใจให้มาทำโปรเจ็คนี้ แต่ดูเหมือนความรับผิดชอบของคุณจะหดหายไปนะ หรือฉันต้องให้คนอื่นมาดูแลงานนี้แทนคุณ”



“ไม่ครับๆ ผมจะทำงานนี้ให้ดีที่สุดคุณแขให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะครับ” ณิชแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนเพราะเงินที่จะได้จากงานนี้ค่อนข้างเยอะ หากปล่อยหลุดมือไปคงเสียดายแย่



“จะทำยังไง รัศมีเขาก็ไม่อยากวางใจสักเท่าไหร่แล้วนะที่คนดูแลโปรเจ็คขาดความรับผิดชอบ”



“ผมจะลงงานนี้เองครับ” ก่อนหน้านี้พี่โอ๋เคยเตือนเขาแล้วว่าถ้ายังมาไม่เจอลูกค้าอีกเขาคงต้องลงงานเอง จะใช้บอยหรือมิ้งอย่างเดิมไม่ได้แล้ว ซึ่งงานนี้เขาคงไม่มีทางเลือกเพราะถ้าไม่ทำเองก็ต้องพลาดเงินก้อนโตไปแน่ๆ เบี้ยขยันที่เขาจะได้น้อยเสียที่ไหน สู้ทำกันสักตั้งเพื่อเงิน และเพื่อเรียกความน่าเชื่อถือจากคุณแขกลับมาเขายอม



“หมายความว่ายังไง” เพราะฝีมือของณิชเก่งกาจหาตัวจับได้ยาก ลูกค้าใหญ่ๆ หลายรายจะระบุมาเลยว่างานนี้ต้องให้ณิชทำ ทำให้บริษัทของเธอมีคนรู้จักมากขึ้น เพราะเหตุนี้ณิชจึงได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่นอยู่สักหน่อยตรงที่ไม่ต้องลงพื้นที่ต่างจังหวัดนอกเหนือจากเขตพื้นที่ปริมณฑล เพราะณิชให้เหตุผลว่าตนกลัวการนั่งรถทางไกล เธอเคยเห็นอาการของณิชแล้วจึงคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกแน่นอนจึงยอมให้ หากเจ้าตัวจะรับผิดชอบงานนี้ด้วยการลงงานด้วยตัวเองก็ถือว่าสมเหตุสมผล



“ผมจะลงพื้นที่งานนี้เองครับ”



เพราะเหตุนี้จึงทำให้ณิชพ่วงด้วยมิ้งผู้ช่วยมือหนึ่งต้องหอบข้าวของย้ายสถานที่ทำงานจากเมืองกรุงลงใต้ทันที ณิชนั่งเครื่องบินมาเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์ ส่วนรถของเขาบอยรับหน้าที่ขับพามิ้งมา ก่อนจะนั่งเครื่องบินกลับไปช่วยงานพี่โอ๋ต่อ



“เลี้ยวข้างหน้าเลยค่ะพี่ณิช” มิ้งรับหน้าที่เป็นคนบอกทางบุ้ยใบ้ไปทางซ้ายมือ ณิชตบไฟเลี้ยวหักพวงมาลัยเลี้ยวตามที่มิ้งบอก สองข้างทางเป็นสวนยางที่ต้นขึ้นสูงเป็นระเบียบ กิ่งของมันโน้มเข้าหากันเหมือนซุ้มประตู ก่อนจะเผยให้เห็นวังปริพัตรที่เขาต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ถึง 3 เดือน เพื่อจะได้ลุยโปรเจ็คนี้ให้เสร็จสมบูรณ์



“โห...นี่เหรอที่เขาเรียกว่าวัง ไม่ใหญ่นะพี่แต่ดูขลังจนน่าขนลุก ดูดิ ขนแขนหนูลุกเกรียวเลย” มิ้งพูดพลางลูบแขนตัวเองไป ยิ่งรถเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ณิชก็รู้สึกไม่ต่างกันมากเท่านั้น



ขับรถผ่านประตูรั้วเข้ามาจนมาจอดที่ตัวบ้าน ความรู้สึกแรกที่แวบเข้ามาในหัวคือความคิดถึง ยิ่งขับเข้าไปใกล้ตัวของคฤหาสน์สีฟ้าน้ำทะเลที่ตั้งโดดเด่นอยู่น้ำตาก็เอ่อคลอเต็มดวงตา



คุ้นเคย คิดถึง ห่วงหา



“นั่นคือคุณจีรัชญ์ ปริพัตร เรียกสั้นๆ ว่าคุณตรีก็ได้พี่ เขาไม่ค่อยพูดนะ แต่ถามอะไรก็ตอบหมดไม่ได้เป็นใบ้ ฮ่าๆ” มิ้งพูดเมื่อรถมาจอดลงตรงมุกหน้าคฤหาสน์จนเห็นหน้าเจ้าของคฤหาสน์หลังงามนี้เต็มๆ ตา



ณิชก้าวลงจากรถในทันทีก่อนจะยิ้มให้คุณรัศมี และเลยมายังชายหนุ่มที่ออกมายืนต้อนรับอยู่ข้างกัน อกผึ่งผายรับกับหุ่นกำยำล่ำสันที่สูงใหญ่ราวไม่ใช่คนสมัยนี้ ดวงตาที่จ้องมองมาสบกับณิชจนไม่สามารถละสายตาได้ รอยยิ้มบนหน้าของณิชค่อยๆ เผยขึ้นก่อนจะแนะนำตัวออกไป



“สวัสดีครับคุณจีรัชญ์ ผมปราณันต์ผู้ดูแลโปรเจคนี้ เรียกสั้นๆ ว่าณิชก็ได้ครับ”





โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ณิชชื่อปราณ โว้ๆณิชในชาตินี้จะยั่วเยได้เหมือนกับคุณปราณชาติที่แล้วไหม เอาสิๆ  :impress2: 55555 ไอ้หาญคือคุณตรี? ใช่แน่ๆ อกผายไหล่ผึ่ง ไม่ชอบพูดแบบนี้ ใช่ มันต้องใช่แล้วละ 5555 แล้วช่วงนี้ณิชก็ฝันบ่อยด้วย เพราะจะเจอหน้ากันสินะ รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาสะกิดให้ณิชชอบฝันถึงชาติที่แล้ว แบบมาจะให้ระลึกชาติได้อะ เหมือนว่าอีกคนจะจำชาติที่แล้วของตัวเองได้แต่อีกคนลืม เลยมาวึบๆวับๆลมพัดอ่อนๆเข้าหน้าต่างห้องณิชงี้ 55555 ก็ไม่รู้สินะจะยังไงต่อไป แต่รอเลยว่าปราณจะชอบอ่อย ชอบแกล้งให้หึงอยู่ไหม จะใจกล้ายอมเรียกเขาว่าผัวเหมือนชาติที่แล้วป่ะ แค่คิด :oo1: ก็  :o8: 5555 เฮ้ยยยยยสนุกกกกก อยากอ่านต่อแล้ว มาต่อๆ รรรรตอนหน้าเลย ขอบคุณนะคะที่แต่งมาอัพให้อ่านในนี้  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๓



ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแต่งตัวสะอาดสะอ้านก้าวลงจากรถ ภาพที่เห็นทำให้จีรัชญ์แทบหยุดหายใจ แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปสักหน่อย แต่โครงหน้าและนัยตาสวยก็ยังเป็นแววตาคู่เดิมที่เคยพบพาน หัวใจที่เต้นในจังหวะปกติเปลี่ยนเป็นหนักหน่วง เขาต้องกำหมัดไว้แน่นเพื่อเรียกสติตัวเอง ดีที่มือแอบไพล่หลังไว้จึงไม่มีใครเห็นว่าบัดนี้เจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบันเกร็งเพียงใด



"สวัสดีครับคุณจีรัชญ์ ผมปราณันต์เป็นผู้ดูแลโปรเจ็คนี้ เรียกสั้นๆ ว่าณิชก็ได้ครับ" เสียงนุ่มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มและท่าทางสุภาพ มือเรียวสวยยื่นออกมาเป็นเชิงทักทาย รอยยิ้มเป็นมิตรดูไม่มีพิษภัย จีรัชญ์พินิจมองชายตรงหน้าอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน ตาคมดุที่ใครๆ ต่างหวาดกลัวกวาดมองไปทั่วร่างสูงโปร่งนี้จนมั่นใจ



ชาตินี้ คนนี้ ไม่ผิดแน่



"สวัสดี" จีรัชญ์ตอบรับสั้นๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์ มือเรียวที่ยกค้างไว้ไม่ถูกสัมผัสแม้เพียงปลายก้อย ณิชอึ้งไปเล็กน้อยกับมารยาทของเจ้าของบ้าน ซึ่งพ่วงตำแหน่งลูกค้าที่ติดจะเย็นชาเสียเหลือเกิน แต่กระนั้นเขาก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่พอใจในตัวเขานัก เพราะไม่ไปตามนัดถึงสองครั้ง



"เชิญข้างในค่ะคุณณิช คุณมิ้ง" รัศมีกล่าวทำลายบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนนี้ เธอเดินนำแขกผู้มาใหม่ทั้งสองเข้ามาภายใน ณิชและมิ้งต้องมาอยู่ที่แห่งนี้จนกว่างานจะเสร็จ เพราะคุณแขไขต้องการให้งานออกมาต้องตาตรงใจเจ้าของที่สุด คนรับใช้ที่หลบอยู่สองคนจึงเดินออกมาขนของของณิชและมิ้งตามเข้าไปด้วย แต่เมื่อเข้ามาในตัวคฤหาสน์กลับไม่เห็นเจ้าของบ้านแล้ว หายตัวเร็วเสียจนจับตัวไม่ทัน



วังปริพัตรตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่สวนยางไปแล้วสิบไร่ อีกสิบไร่ปลูกผลไม้จำพวกทุเรียน มังคุด มะพร้าวคละกันไป เพราะเจ้าของสถานที่ไม่ได้จะหาผลกำไรจากส่วนนี้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือปลูกสิ่งก่อสร้างเป็นที่พักอาศัยนั่นคือคฤหาสน์ มีสนามหญ้าที่จัดสวนไว้อย่างสวยงาม เว้นพื้นที่สระบัวค่อนข้างกว้างในนั้นมีบัวหลายชนิดทั้งบัวหลวง บัวผัน บัวสาย โดยมีเรือนกลางน้ำเป็นทรงเรือนไทยไว้เป็นมุมพักผ่อนได้



“หมีให้คนจัดเตรียมห้องไว้ให้คุณณิชกับคุณมิ้งแล้วนะคะ แล้วไม่ทราบคุณณิชจะเริ่มงานเมื่อไหร่คะ” รัศมีดึงเข้าเรื่องงานทันทีไม่ปล่อยให้เสียเวลานาน ณิชที่กำลังสำรวจภายในบ้านอย่างอึ้งๆ ชะงักไปเมื่อมิ้งหันมาหยิกแขนเข้าให้



“เริ่มพรุ่งนี้เลยค่ะ เรานัดทีมช่างให้เข้ามาพรุ่งนี้เลยจะได้ไม่เสียเวลาทั้งคุณจีรัชญ์และคุณหมี พี่ณิชอย่ามัวแต่มองอย่างอื่นสิ คุยงานก่อนพี่ค่อยสำรวจหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย” คำพูดของมิ้งทำรัศมียิ้มขำ



เธอไม่แปลกใจหรอกที่ณิชมีท่าทีสนอกสนใจคฤหาสน์หลังนี้ เพราะตอนที่เธอเห็นครั้งแรกก็ตะลึงในความสวยไม่แพ้กัน ตอนรัศมีมาที่นี่ครั้งแรกเธอก็ยังมองว่ามันสวยมาก แต่เจ้านายของเธอกลับบอกว่าอยากทำให้มันดีกว่านี้ คาดว่าคงอยากจะทำเป็นเรือนหอของคุณจีรัชญ์กับคุณแขไขนั่นแหละ



คฤหาสน์ทั้งหลังสร้างผสมระหว่างงานปูนและงานไม้ กลิ่นอายของความเป็นไทยสมัยก่อนยังถูกคงไว้อย่างดี สิ่งที่เด่นที่สุดเมื่อเดินเข้ามาแล้วสะดุดตาเลยคือภาพวาดบ้านเรือนไทย สวยงามราวกับเห็นของจริงอยู่ตรงหน้า ณิชเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูมันใกล้ๆ อย่างพิจารณา



เรือนไทยหลังใหญ่พื้นเรือนยกสูงมีบันไดทอดลงมาจากบนเรือนถึงพื้น ทั้งหลังทำด้วยไม้ทั้งหมด ในภาพดูมีมิติราวกับเขาได้เห็นของจริงอยู่ตรงหน้า รายละเอียดของตัวเรือนไทยที่ผู้วาดได้ลงสีไว้ละเอียดจนเขาอดชื่นชมในใจไม่ได้ บรรยากาศโดยรอบก็ละเอียดไม่แพ้กัน พื้นหญ้าที่ถูกตัดจนโล่งเตียนเวลาเดินคงนุ่มเท้าน่าดู



หากคุณปราณอยู่เรือนนี้ ไอ้หาญก็คงทำงานกวาดใบไม้ใบหญ้าอยู่แถวนี้ละมั้ง ต้นหูกวางต้นใหญ่นั้นมีใบร่วงหล่นอยู่บนพื้นพอสมควร ไอ้หาญคงกวาดกันมิหวาดมิไหว แต่เพราะตรงท่าน้ำนั้นมีคุณปราณนอนเล่นอยู่ ไอ้หาญคงบรรจงกวาดไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อจะได้แอบมองคนที่มันรัก



ณิชเผลอยกมือขึ้นลูบไปบนภาพวาดนี้ราวกับว่ามันออกมาจากความฝันที่เขาฝันถึงมาหลายคืน ความรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน



“พี่ณิช! จะสิงเข้าไปในรูปแล้วน่ะ จะยืนดูใกล้อะไรขนาดนั้น” มิ้งร้องเรียกรุ่นพี่ของเธอ เพราะท่าทางของณิชแทบจะมุดเข้าไปในกรอบรูป จะมองพินิจพิจารณาภาพวาดอะไรขนาดนี้



“มันสวย แกไม่คิดเหรอว่ามันสวย ใครวาด...” ณิชพูดก่อนจะมองไปที่ลายเซ็นบนภาพวาด ลายมือตวัดสวยและอ่านได้ว่า ‘อนันต์’



“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวขึ้นไปดูห้องกันนะคะ” รัศมีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม



ณิชมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง เขาไม่ได้ตะลึงในความเป็นไทยของที่นี่ แต่เพราะรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นบันไดที่ทอดยาวขึ้นชั้นสอง เสาในคฤหาสน์ที่เป็นไม้แทบทั้งหมด เพดานที่อยู่สูงเหนือหัวขึ้นไปมีโคมไฟระย้าส่องแสงอยู่ คลับคล้ายคลับคลาว่าตรงชั้นสองด้านหลังจะมีระเบียงกว้างยื่นออกไปเป็นมุมพักผ่อน จะทำให้เห็นสระบัวและเรือนกลางน้ำได้อย่างชัดเจน สงสัยคงเพราะนั่งหลังขดหลังแข็งออกแบบให้ที่นี่มานานล่ะมั้งเลยมีความรู้สึกแบบนี้



รัศมีมาส่งเขาที่ห้องซึ่งเดินขึ้นมาชั้นสองห้องอยู่ทางขวามือ ในส่วนของชั้นสองมีพื้นที่ว่างตรงกลางซึ่งเป็นโถงที่มองลงไปยังชั้นหนึ่งได้ ฝั่งตรงข้ามเยื้องห้องของณิชไปจะเป็นระเบียงที่ว่า ส่วนของมิ้งเดินไปทางซ้าย ณิชเปิดประตูเข้าไปด้านในสิ่งแรกที่เห็นคือเตียงสี่เสา และม่านสีขาวบางเบากำลังพลิ้วไหวกับสายลมที่พัดเข้ามาเอื่อยๆ บานหน้าต่างเปิดรับแสงมีทั้งจากทางข้างหัวเตียง และฝั่งโต๊ะหนังสือ มีเครื่องเฟอร์นิเจอร์ครบทั้งเก้าอี้ทำงาน โซฟา ตู้เสื้อผ้า แต่ที่ไม่มีคือเครื่องปรับอากาศเพราะมีเพียงพัดลมตั้งพื้นเท่านั้นที่วางไว้



คุณแขกำชับมาว่าตลอดระยะเวลาที่ทำงานที่นี่ เขาไม่ต้องเดินทางไปทำงานที่อื่นแต่อย่างใด เพียงแต่งานออกแบบของลูกค้าที่รับผิดชอบควรเคลียร์ให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งมีเวลาเหลืออีก 20 วัน เพราะเธอต้องการให้ณิชลุยงานของจีรัชญ์อย่างเต็มที่



Rrrrr Rrrrr



“ว่าไงพี่โอ๋”



[เป็นบ้างวะ หายไปเลยนะมึง]



“เพิ่งมาถึงเลยเนี่ย วังที่พี่ว่าไม่ได้ใหญ่มากนะ แต่พื้นที่เยอะฉิบหายเลย แถมยังได้กลิ่นอายไทยแบบไทยแท้ๆ เหมือนสัก 70-80 ปีก่อนเลยว่ะ นี่ถ้าเขาเปิดเพลงให้เต้นลีลาศผมว่าจะออกลวดลายสักหน่อยละ” ณิชบอกตามที่ตนรู้สึก เขามายืนตรงหน้าต่างได้กลิ่นหอมลอยมาให้ได้กลิ่นอยู่เนืองๆ หันมองไปรอบๆ ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่ากลิ่นหอมนี้มาจากไหน มันเป็นกลิ่นที่เขามักได้กลิ่นอยู่ที่ห้องเสมอ



[เออ ทำงานให้ดีล่ะมึง แว่วมาว่าเขาเตรียมเป็นเรือนหอของคุณตรีกับคุณแข]



“จริงดิ? ทำไมตอนผมรับงานไม่เห็นเขาจะบอกแบบนี้เลยวะ”



[กูก็เพิ่งได้ยินข่าวหลุดออกมาจากคุณรัศมีเมื่อวันก่อน เธอหลุดปากพูดมาน่ะ เออ...มึงเจอลูกค้ากิตติมาศักดิ์มึงแล้วใช่ไหม เป็นไงบ้าง]



“มารยาทโคตรแย่” ณิชตอบได้ในทันทีเมื่อนึกไปถึงตอนที่เจอหน้ากันเมื่อครู่ ความประทับใจแรกกับลูกค้ารายนี้ไม่ค่อยดีนักค่อนไปทางติดลบเสียด้วยซ้ำ



ใบหน้าหล่อคมคายแบบไทยแท้ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากรูปกระจับไม่บางแต่ก็ไม่หนาเกินไป คิ้วดกดำพาดเฉียงรับองศากับรูปหน้าแต่ดูดุ ดูสมชายชาตรีโดยเฉพาะแผ่นอกที่เขาว่าชายไทยอกสามศอก หากเป็นบุรุษผู้นั้นคงไม่เกินจริงนัก นั่นเพราะอกกว้างจริง อีกทั้งท่ายืนก็ดูดีสง่าผ่าเผย ทำให้เขาเห็นในครั้งแรกยังแอบอิจฉาในหุ่นอยู่ลึกๆ แต่ขณะที่เขาพูดแนะนำตัวไปเสียยืดยาวพร้อมรอยยิ้ม อีกฝ่ายตอบกลับมาเพียงแค่สวัสดีแล้วเดินหนีไปเลย หากไม่ติดว่าเป็นแฟนเจ้านายที่พ่วงตำแหน่งลูกค้าเขาคงได้ด่าตามหลังไปแล้ว



[ทำไมวะ เขาด่าเรื่องมึงเบี้ยวนัดเขาเหรอ]



ณิชจึงเล่าให้โอ๋ฟังโดยไม่คิดอิดออด ฝ่ายนั้นพอได้ฟังก็หัวเราะลั่น



[ก็มึงผิดนัดเขา ถ้าเขาจะโกรธก็ไม่แปลก เอาน่ะ ต้องทำงานด้วยกันยังไงก็ปรองดองกันไว้]



“เออพี่โอ๋ ฝากขอบคุณไอ้บอยด้วยนะพี่ มันอุตส่าห์ขับรถมาส่งไอ้มิ้งแต่ตั้งเช้า ผมซื้อตั๋วเครื่องบินให้มันนั่งกลับกรุงเทพฯ เป็นการตอบแทน เดี๋ยวถ้าเสร็จงานที่นี่ผมจะพามันไปเลี้ยงขอบคุณอีกที” บอยขับรถเขามาให้ซึ่งมาพร้อมกับมิ้ง เพราะอยู่ที่นี่เขาจะได้มีรถใช้ได้สะดวก ส่วนบอยเขาซื้อตั๋วเครื่องบินให้นั่งกลับไป เกรงใจบอยอยู่เหมือนกันแต่ทำไงได้ เขาขับรถทางไกลไม่ได้จริงๆ



[เออ เดี๋ยวบอกให้ เงินที่ได้มาก็เก็บๆ มั่งเหอะสัด อย่าเอาแต่เลี้ยงเด็กมัน งั้นแค่นี้ก่อนนะเว้ยคุณแขมาตามงานกับไอ้บอยละ] พูดจบก็ตัดสายไปเลย



“เฮ้ย!” หลังจากวางสายณิชหันกลับมาเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงประตูห้องร้องอุทานด้วยความตกใจ ก็คิดว่ายักษ์วัดแจ้งมายืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงนี้ ที่ไหนได้คุณเจ้าของบ้านที่ในมือถือปลั๊กสามตา ฝ่ายนั้นเดินเข้ามาวางของให้ที่เตียงเสร็จทำท่าจะเดินออกไป แต่ณิชกลับเรียกไว้เสียก่อน



“คุณจีรัชญ์ครับ พอจะว่างคุยกับ...”



“ในตอนที่ผมว่างคุณไม่คุย ตอนนี้ผมไม่สะดวกไว้ค่อยคุยก็แล้วกัน”



คำปฏิเสธมาพร้อมคำตำหนิในประโยคเดียวทำเอาณิชหน้าชา ความรู้สึกผิดเกาะกุมใจจนต้องนิ่วหน้า นอกจากจะเย็นชาแล้วยังปากร้ายด้วย ขนาดได้ยินเสียงแค่สองประโยคก็ทำเอาบาดลึกถึงความรู้สึก ณิชถอนหายใจปัดเรื่องไม่สบายใจทิ้งไปก่อน ไว้ค่อยเริ่มกันใหม่กับลูกค้าคนนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้เขาต้องจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน



ณิชใช้เวลาอยู่ในห้องราวชั่วโมงก็เสร็จ ได้ยินเสียงรัศมีกับมิ้งคุยกันอยู่ข้างล่าง เมื่อชะโงกหน้าออกไปดูทางหน้าต่างเห็นหญิงสาวกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส คงหนีไม่พ้นเรื่องนิยายของมิ้งที่เจ้าตัวโฆษณาใครต่อใครที่รู้จักไปเสียหมด เธอบอกว่าจะได้มีนักอ่านหลากหลายวัยมาอ่านงานของเธอ



ณิชเดินลงมาชั้นล่างส่วนเจ้าของวังหายไปอีกครั้ง และเขาก็ไม่คิดหาให้เสียเวลา ขอถือวิสาสะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบสักหน่อยว่าวังปริพัตรที่มีอายุเกือบร้อยปีเป็นเช่นไร และแน่นอนว่าที่ทางที่เขาเดินไปไม่ต้องให้เจ้ของพื้นที่มาคอยบอก เพราะมันคุ้นตาจนคิดว่าหากปิดตาเดินก็คงไม่หลง



ชายหนุ่มเดินผ่านตัวคฤหาสน์ไปทางสวนด้านข้าง มีทางเดินที่จัดแต่งไว้เป็นสัดส่วนให้เดิน เพราะพื้นหญ้าเขียวชะอุ่มที่ถูกตัดแต่งจนสั้นสวยงามไม่สมควรถูกเหยียบ ต้นหางนกยูงยืนต้นใหญ่เรียงรายตามทาง ดอกสีส้มของมันร่วงโรยอยู่บนพื้น



ทำไมยังไม่ตัด เคยบอกไปแล้วว่าให้ตัดเพราะดอกของมันร่วงจนเกลื่อนพื้นไปหมด



แว่วความคิดแทรกมาจนณิชชะงัก ภาพแวบเข้ามาในหัวเห็นตัวเองยืนเท้าสะเอวมองต้นไม้ใหญ่นี้อยู่ด้วยหน้าตาบึ้งตึง แต่ใครอีกคนลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู ณิชสะบัดหัวสองสามครั้งเพื่อเรียกสติ หากมาที่เก่าแก่แบบนี้แล้วเห็นภาพหลอนก็ไม่ไหวนะ ณิชยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทางว่าอย่ามาทักมาทายกันเลย เขาแค่มาอาศัยอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้นไม่ได้จะมาลบหลู่แต่อย่างใด เมื่อยกมือไหว้ท่วมหัวเสร็จคนหนุ่มก็เดินต่อไปด้านหลังในทันที



ชายหนุ่มเดินมาจนถึงสระบัวที่เป็นบ่อดิน ตอนนี้ดอกของมันเบ่งบานอวดโฉมกันใหญ่ บางดอกก็ตูมเพราะตามชนิดของมันจะบานในตอนกลางคืน ณิชเดินข้ามสะพานที่เชื่อมต่อไปยังศาลากลางน้ำ มองหลับไปด้านหลังเห็นระเบียงกว้างยื่นออกมาอย่างที่คิดไว้จริงๆ เขาลอบยิ้มในใจที่แบบของคฤหาสน์หลังนี้ไม่ต่างจากที่คิดไว้ อีกทั้งบรรยากาศของมันทำให้เขาหวนคิดถึงความฝันได้ไม่ยาก หากมีละครช่องมากสีมาถ่ายทำที่นี่ก็คงได้



ดอกบัวที่ชูช่อทำณิชอดใจไม่ไหวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพความสวยงามนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก นึกเจ็บใจที่ไม่ได้หยิบกล้องถ่ายรูปลงมาด้วย เขาโน้มตัวผ่านระเบียงไม้เพื่อจะได้รูปความคมชัดในระยะใกล้ เพราะถึงแม้จะซูมแล้วแต่มันก็ยังไม่สวยตรงใจสักที ชายหนุ่มยื่นมือออกไปสุดแขนโดยมีมือหนึ่งจับราวระเบียงไว้ แต่พอลมพัดมาวูบหนึ่งราวมีคนผลักมือเขาที่จับราวไว้ก็ลื่น



ตูม!



ณิชตกน้ำ! สิ่งหนึ่งที่คิดคือ ‘ฉิบหายแล้ว’ เขาว่ายน้ำไม่เป็น! สองขาสองมือตะเกียกตะกายหาพื้นเพื่อที่จะยืนได้แต่มันก็ไม่มี ไขว่ขว้าได้แค่ก้านบัวเท่านั้น ภาพแวบเข้ามาในหัวว่าเขาเคยตกน้ำแบบนี้ มันทรมาน หายใจไม่ออก ไม่มีใครลงมาช่วยเลยสักคน กระวนกระวายอยู่คนเดียวใต้น้ำก่อนร่างจะค่อยๆ จมลงสูงห้วงลึก



ร่างสูงใหญ่ของเจ้าของวังยืนมองคนที่กำลังเดินไปทางสระบัว รอยยิ้มสวยประดับบนใบหน้าอย่างที่เคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน หัวใจปวดหนึบเต้นหนักหน่วงในอก ความรู้สึก ความคิด คำถามที่เกิดขึ้นในใจทั้งหมดวิ่งวนในหัวจนปวดแปลบ



ทำไมถึงต้องมาเจอกันอีก



ทำไมถึงต้องพบกันทั้งที่มันควรจะไม่มีวันนี้แล้ว



ทำไมถึงต้องมาทรมานกับความเสียใจซ้ำๆ

‘เพราะมันคือโชคชะตา’ เสียงหนึ่งแว่วมาพร้อมสายลมเย็นๆ ที่พัดมาโดน สายลมเพียงวูบเดียวที่เขารู้ดีว่ามันก็คงติดอยู่ในวังวนนี้ไม่ต่างจากตัวเขา



“เมื่อไหร่จะสิ้นสุดเสียที” จีรัชญ์พึมพำออกมาทั้งที่สายตายังทอดมองร่างบางของณิชที่กำลังก้มลงถ่ายรูปดอกบัวอยู่ ลมเย็นพัดผ่านตัวเขาวูบหนึ่ง และเสียงกระซิบนั้นก็หายไปด้วย



ตูม!



ณิชตกสระบัวไปแล้ว จีรัชญ์เห็นดังนั้นก็วิ่งลงไปที่สระโดยใช้บันไดด้านข้างเพื่อไปถึงให้เร็วที่สุด แม้ไม่อยากเกี่ยวข้องไม่ว่าทางใด แต่เมื่อโชคชะตาเล่นตลกแบบนี้เขาก็ไม่สามารถทนดูคน ‘เคยรัก’ ของตนเองจมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้



จีรัชญ์วิ่งข้ามสะพานตรงไปยังที่ณิชตกลงไป ผิวน้ำยังไหวกระเพื่อมรุนแรงอยู่สื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวพยายามเอาชีวิตรอด ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มกระโดดลงน้ำไปทันทีอย่างไม่รีรอ ไขว่คว้าร่างบางได้ก็ดึงขึ้นสู่ผิวน้ำ



“คุณ! ใจเย็น คุณ! ปราณันต์ใจเย็นก่อน!!” เสียงพูดกึ่งดุพร้อมแรงรั้งเข้าหาตัวอีกทั้งเขย่าทำให้ณิชที่สำลักน้ำอย่างเอาเป็นเอาตายเหลือบมอง



“หาญช่วยฉันด้วย” เสียงหลุดเรียกเบาหวิวออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะใบหน้าที่เห็นพร่ามัวแต่กลับชัดในความรู้สึกว่าเหมือนจะเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ในฝัน



“คุณ! ตั้งสติดีๆ เกาะผมไว้” แต่แล้วเสียงดุดันของชายหนุ่มเจ้าของวังก็เรียกสติให้ณิชสะดุ้ง แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นโอบเอวเขาไว้ ณิชเกาะไหล่อีกฝ่ายเพื่อใช้เป็นหลักยึดเกาะ



“ผมว่ายน้ำไม่เป็น” ณิชพูดเสียงสั่น ใจที่เคยเต้นรัวเพราะความกลัวบัดนี้สงบลงแล้ว มีเพียงจังหวะหนักหน่วงยามปลายจมูกโด่งจ่ออยู่ใกล้กกหูของเขา ความอบอุ่นที่คุ้นเคยทั้งที่เพิ่งเคยใกล้ชิดกันครั้งแรกทำณิชไปไม่เป็น คงเพราะอีกฝ่ายเข้ามาช่วยชีวิตเขาไว้ล่ะมั้งเลยรู้สึกแบบนี้ รู้สึกเหมือนโดนปกป้อง โดนห่วงใย แม้ไม่ได้พูดกันแต่ก็รับรู้ได้



จีรัชญ์ไม่พูดอะไรเพียงว่ายพาอีกฝ่ายไปที่ขอบสระจนเดินขึ้นไปเองเท่านั้น แน่นอนว่าภาพบางอย่างแล่นปราดเข้ามาในหัว ภาพที่เขาไม่เคยลืมจึงทำให้ต้องรีบรุดมาช่วยไว้ หน้าหวานสำลักไอหน้าดำหน้าแดง ตาเรียวโตเหมือนตากวางแดงก่ำเพราะโดนน้ำไปเต็มๆ



"คุณจีรัชญ์" ณิชเรียกคนที่กำลังเดินดุ่มๆ จะเข้าตัวคฤหาสน์ ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าเรียกอีกฝ่ายว่าคุณตรีอย่างที่มิ้งบอก อาจเพราะเขายังรู้สึกห่างเหินกับอีกฝ่ายจึงทำให้ไม่กล้ามอบความเป็นกันเองนี้ให้ ฝ่ายจีรัชญ์เมื่อได้ยินเสียงเรียกเขาจึงหยุดเดินณิชจึงรีบวิ่งไปยืนข้างหน้า



"ขอบคุณนะครับ" ณิชเอ่ยบอก หากยกมือไหว้ด้วยจะน่าเกลียดไหม เขาขอบคุณคนคนนี้จริงๆ เพราะตอนตกลงไปในสระเขากลัวมาก เหมือนความรู้สึกอะไรบางอย่างกดเขาให้จมลงไป ไม่ว่าจะตะเกียกตะกายไขว่ขว้าอะไรก็ไม่สามารถผุดขึ้นจากน้ำได้ ความกลัวความสิ้นหวังเกาะกุมใจจนคิดว่าเขาคงไม่มีวันโผล่ขึ้นพ้นน้ำอีกแล้ว




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


จีรัชญ์ไม่ตอบ เขาปรายตามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าบึ้งตึงเท่านั้น ณิชมองสบตาคมที่กำลังตำหนิเขาก่อนจะยกมือขึ้นไหว้อย่างที่ใจคิด เพราะไม่ว่าจะด้วยสถานะลูกค้ากับผู้ทำงาน เจ้าของบ้านกับผู้มาเยือน หรือแม้แต่ชายคนหนึ่งที่อายุคงมากกว่าเขา อีกฝ่ายก็ดูจะมีอำนาจมากกว่าไหนๆ



"ผมขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยครับที่ผิดนัดคุณถึงสองครั้ง คุณไม่พอใจหรือโกรธผมมันก็ไม่ผิด แต่ผมว่าเราวางเรื่องอดีตไปก่อนดีไหมครับ คือ..." ณิชกล่าวอย่างรู้สึกผิดจากใจ



"วางเรื่องอดีตอย่างนั้นเหรอ" จีรัชญ์เอ่ยถามน้ำเสียงติดไปทางเย้ยหยัน



เขาอยากวางเรื่องอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดด้วยซ้ำ อยากลืมไปให้หมดจะได้ไม่จดจำความเจ็บปวดใดๆ ไว้อีก แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ และมีเพียงเขาฝ่ายเดียวที่จดจำทุกอย่างที่ผ่านมา...ไม่เคยลืม



จีรัชญ์เดินเข้าคฤหาสน์ไปแล้วทิ้งไว้แต่เพียงณิชที่มองตามหลังไปเท่านั้น ไหล่กว้างสมตัวดูกำยำชนิดที่เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนจะมีรูปร่างแบบนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจีรัชญ์มีอาชีพอะไร แต่ถ้าจะให้เดาจากรูปลักษณ์ภายนอกคงหนีไม่พ้นเทรนเนอร์ฟิตเนส



“พี่ณิช! ทำไมเปียกแบบนี้ล่ะเลอะโคลนด้วย” มิ้งที่กอดโหลแก้วซึ่งภายในใส่ขนมอาลัวไว้ร้องถาม เมื่อตนเห็นณิชเดินเข้ามาเนื้อตัวมอมแมมดูไม่ได้



“ตกสระบัวมา”



“ว้าย! ตายจริง ไปทำอีท่าไหนมาคะเนี่ย สระบัวนั้นปกติคุณตรีไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งหรอกนะคะ เป็นพื้นที่หวงห้ามเลยล่ะ” ป้าแจ่มหัวหน้าแม่บ้านบอกก่อนจะสั่งให้คนรับใช้คนอื่นหยิบผ้าขนหนูมาให้ณิช



“เหรอครับ หึ! บัวสวยขนาดนั้นคุณจีรัชญ์หวงก็ไม่แปลกหรอก” ชายหนุ่มรับผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับเนื้อตัว การตกน้ำครั้งนี้ของเขาหากบอกรายละเอียดไปคนได้หัวเราะแน่ๆ เพราะแค่ลมวูบเดียวก็ทำเขาหล่นน้ำได้ราวผีผลักตัว นี่ยังดีที่คุณเจ้าของบ้านลงไปช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นเขาคงกลายเป็นฝีเฝ้าสระบัวไปแล้ว



คิดไปถึงใบหน้าถมึงทึงของเจ้าของวังแล้วก็ถอนหายใจ หวังว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่จีรัชญ์จะยอมอภัยให้เขาล่ะนะ เพราะถ้ามึนตึงกันอยู่แบบนี้เห็นทีจะทำงานกันยาก



“แล้วนี่ขนมเอามาจากไหน ปล้นครัวเขามารึไง เราเพิ่งมาอยู่เองนะเว้ยไอ้มิ้ง”



“อะไรเล่าพี่ ป้าแจ่มบอกว่าให้เอามาแบ่งกับพี่เนี่ย พอดีมันเหลือจากที่เอาไปขาย”



“หือ? ที่นี่ทำขนมขายด้วยเหรอครับ”



“พอดีป้าว่างๆ เลยทำน่ะค่ะ ไม่เยอะหรอกแค่พอไปฝากร้านในตลาดเขาขายนิดๆ หน่อยๆ” ณิชพยักหน้ารับก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ เพราะเขาชิมขนมอาลัวที่รสชาติไม่หวานมาก และค่อนข้างถูกปากแล้ว รสชาติดีแบบนี้ถึงว่ามิ้งกอดขวดโหลใส่ขนมไม่วางเลย



ณิชขึ้นมาอาบน้ำให้เรียบร้อย ก่อนจะนั่งลงเปิดแลปท็อปเพื่อทำงาน แต่ฉุกคิดขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ตนตกน้ำไปแล้ว ตอนนี้คงนอนอยู่ก้นสระโน่นแหละ เดี๋ยวไว้ว่างๆ คงต้องไปหาซื้อเครื่องใหม่มา เพราะต้องใช้ติดต่องานกับลูกค้าและพี่โอ๋ โชคยังดีที่ที่นี่มี wifi จึงไม่ต้องดิ้นรนเรื่องอินเทอร์เน็ตให้ปวดหัว



ป้าแจ่มจัดโต๊ะสำหรับมื้อเย็นเสร็จพอดีในช่วงเกือบหนึ่งทุ่ม ส่วนเจ้าของบ้านนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะกำลังรอแขกทั้งสองอยู่ มิ้งยกมือไหว้ขอโทษที่มาช้าเพราะติดพันเรื่องงานอยู่กับณิช ส่วนณิชทำเพียงแค่เหลือบมองอีกฝ่ายที่ไม่คิดแม้แต่จะมองมาที่เขาสักนิด



“บ้านเอ่อ...วัง...”



“เรียกบ้านก็ได้ครับ”



“ค่ะ บ้านคุณตรีน่าอยู่มากเลยค่ะ พื้นที่กว้างขวาง ด้านนอกที่หนูไปดูกับคุณหมีวันนี้ก็สวยมาก แบบนี้ค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลสวนคงเยอะเลยใช่ไหมคะ” หญิงสาวชวนคุย เพื่อไม่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบเกินไปพร้อมกับตักแกงเทโพใส่จาน ผักบุ้งต้นอวบๆ ที่ถูกหั่นเป็นท่อนพอดีคำกับปลาเค็มที่หั่นเป็นชิ้นแล้วในน้ำแกงกะทิสีเหลืองดูน่ารับประทาน เธอไม่เคยกินแกงทางใต้แท้ๆ แบบนี้ พอได้ชิมถึงกับร้องอู้หูเบาๆ เพราะรสมือของป้าแจ่มมัดใจเธอได้ตั้งแต่มื้อแรกที่มาอยู่เลย



“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ เพราะส่วนใหญ่ผมจะดูแลเอง”



“โอ้โห มันเยอะมากเลยนะคะเนี่ย เอ่อ...งั้นขอถามได้ไหมคะว่าคุณตรีทำงานอะไร ดูคุณตรีมีเวลาว่างดูแลบ้านเป็นอย่างดีแบบนี้หนูขอชื่นชมเลยค่ะ”



“ผมเป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหา’ ลัย แต่ให้พูดจริงๆ ก็คงเป็นแค่ชาวสวนธรรมดา เรื่องสอนหนังสือคืองานรอง” มิ้งถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินคำตอบ อาจารย์สอนในมหา’ ลัยใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ ต้องเป็นคนที่เก่งจริงๆ แถมยังบอกว่าตัวเองเป็นแค่ชาวสวนธรรมดา ทั้งที่พื้นที่ในส่วนของวังปริพัตรมีเป็นสิบๆ ไร่ แบบนี้ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ อีกทั้งท่าทางราวกับคุณชายถอดแบบออกมาจากละครแบบนี้ คำว่า ‘ธรรมดา’ ดูห่างไกลเจ้าตัวอยู่โข



ทางด้านณิชยังคงเอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารตรงหน้า ปัดความรำคาญใจเรื่องที่เจ้าของบ้านไม่สนใจใยดีตน เพราะอีกฝ่ายทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้มีตัวตนบนโต๊ะอาหารนี้ด้วย มีแต่จะพูดคุยโต้ตอบกับมิ้งเท่านั้น



ผ่านไปพักทั้งสามคนก็ทานเสร็จ จากตอนแรกที่มิ้งเกร็งมากเพราะเกรงใจจีรัชญ์กลายเป็นตอนนี้พูดไปหัวเราะไปกับเรื่องที่จีรัชญ์เล่าให้ฟัง ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่เงียบขรึมไม่สนใจโลกแบบนี้จะมีมุมทำให้หญิงสาวพอใจได้ ก็อย่างว่า...มัดใจเจ้านายเขาได้ก็คงมีสกิลพอตัว



“คุณตรีอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอคะ หมายถึงครอบครัวคุณตรีไม่อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ”



“ผมไม่มีครอบครัว พ่อแม่เสียไปนานแล้ว” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ ปรายตามองคนที่กำลังนั่งชื่นชมแก้วน้ำบ้านเขาอยู่ ถือว่าณิชมีความอดทนมากที่ไม่พูดอะไรออกมาเลย นอกเสียจากจะโดนมิ้งจี้ถามเท่านั้น



“อ่า หนูขอโทษค่ะ”



“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้สักเท่าไหร่”



“ค่ะ... แต่คุณตรีคะ เรื่องการตกแต่งภายในคุณตรีไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะคงไว้ตามแบบที่คุณตรีต้องการอย่างแน่นอน รับรองค่ะว่าฝีมือพี่ณิชไม่ทำให้คุณตรีผิดหวังแน่ๆ”



“บริษัทของคุณโดยปกติแล้วจะให้ลูกน้องคุยงานแทนหัวหน้าทีมเหรอครับ” ครั้งนี้เขามองไปที่ณิชโดยตรง อีกฝ่ายที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของเขาหันมอง จีรัชญ์จึงหันกลับไปทางมิ้งเพื่อขอคำตอบ จงใจละเว้นณิชไว้จนณิชรู้สึกเหมือนโดนหยาม



“เอ่อ...” มิ้งอึกอัก เพราะอยู่ๆ บรรยากาศที่ดีขึ้นเมื่อครู่ดิ่งวูบไปถนัดตา เธอสบตากับณิชที่มองตอบเช่นกันอย่างคนทำอะไรไม่ถูก เพราะสายตาที่จีรัชญ์มองเธอในตอนนี้มันกดดันเสียจนแทบหายใจไม่ออก



“ปกติแล้วผมจะคุยงานกับลูกค้าเอง แต่เพราะลูกค้าไม่ต้องการจะคุยกับผมทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ทำให้ลูกทีมผมเป็นคนออกหน้าแทนครับ” ณิชตอบเสียงสั่นเพราะเต็มไปด้วยความโกรธ จีรัชญ์ทำเหมือนเขาคืออากาศ ไม่มองหน้าพอจะพูดด้วยก็เดินหนี นี่แค่วันแรกยังเข้าหน้าไม่ติดขนาดนี้เขาคงต้องเผื่อใจว่าวันต่อๆ ไปตัวเองอาจจะทำงานนี้ไม่จบ



เพราะเขากับจีรัชญ์คงทำงานร่วมกันไม่ได้จริงๆ



“เพราะผมไม่คุยคุณเลยไม่มีวิธีที่จะเข้าหา เพื่อที่จะได้ทำงานร่วมกันได้อย่างที่คุณบอกอย่างนั้นเหรอ”



ณิชหน้าชา ยอมรับว่าเพราะความถือดี และไม่ชอบง้อคนเลยทำให้เขามองข้ามจุดนี้ไป ทั้งที่จริงเขาควรทำทุกอย่างเพื่อให้จีรัชญ์ยอมรับตัวเขาให้ได้



“มิ้ง พี่ขอคุยกับคุณจีรัชญ์หน่อยนะ” เขาตัดสินใจบอกรุ่นน้องตนไป อีกฝ่ายก็รีบลุกออกจากโต๊ะไปทันที เพราะไม่อยากทนอยู่กับบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้



“คุณจีรัชญ์...ผมขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณเสียเวลาไปถึงสองครั้ง ผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น แต่ถ้าคุณจะไม่ยอมวางเรื่องในอดีตลงเราก็ทำงานกันไม่ได้ เพราะคุณก็จะเมินเฉยผมอยู่แบบนี้” ณิชพูดอย่างใจเย็น ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวของจีรัชญ์เองว่าจะเลิกโกรธเขาได้หรือยัง



“คุณพูดราวกับว่าการลืมอดีตเป็นเรื่องง่าย” จีรัชญ์พูดเสียงเรียบ แต่สายตาที่จ้องมองณิชกลับดุดันราวกับมีบางอย่างในใจ เพียงเสี้ยววิแววตานั้นก็กลับมาเรียบเฉยดังเดิม “แต่ก็ใช่...สำหรับคุณอะไรที่เป็นอดีตมักลืมง่ายเสมอ”



“ผมไม่ได้บอกว่าให้ลืมแค่บอกว่าให้วางลงก่อน หมายถึงปล่อยมันไปก่อน ตอนนี้เราควรเดินหน้าต่อนะคุณไม่งั้นงานก็ไม่เสร็จ วังของคุณก็จะออกมาสวยโดนใจคุณไม่ได้เพราะผมก็ไม่รู้จะทำยังไงให้คุณพอใจ”



จีรัชญ์หัวเราะในลำคอ แต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนโดนดูถูก ณิชปล่อยไปเพราะเขาไม่รู้จริงๆ ว่าการผิดนัดอีกฝ่ายสองครั้งจะทำให้แค้นฝังหุ่นขนาดนี้



“พรุ่งนี้ช่างจะเข้ามาตอน 9 โมง ผมแจ้งกับทางคุณรัศมีแล้วไม่ทราบคุณอยู่ไหม” เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงดึงเข้าเรื่องงานเสีย



“ผมอยู่ถึงตอน 11 โมง เพราะหลังจากนั้นมีธุระ แต่จะให้สุทินมาดูแลแทน” สุทินคือลูกน้องคนสนิทอีกคน ทำงานกับจีรัชญ์มาตั้งแต่เพิ่งสอบบรรจุเป็นข้าราชการใหม่ๆ เป็นทั้งผู้ช่วยและมิตรสหายที่จีรัชญ์คบไว้



“ได้ครับ ถ้างั้น...นี่ก็ถือว่าเป็นการตกลงที่จะทำงานร่วมกันด้วยดีนะครับ” ณิชรวบรัดตัดตอนไม่ให้อีกฝ่ายได้เปิดช่องข่มตนได้ พร้อมยื่นมือออกไปเพื่อทำการสงบศึก จีรัชญ์ไม่ตอบใดๆ เพียงแค่ยื่นมือไปสัมผัสมืออีกฝ่าย



ความนุ่มของมือยังเหมือนเดิม...เหมือนที่เคยสัมผัสทุกครั้งที่ผ่านมา



คนทั้งคู่แยกย้ายเมื่อจีรัชญ์ออกไปรับโทรศัพท์จากแขไข ณิชหลบขึ้นมาบนห้องเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน เขาไม่ลืมส่งข้อความทางเฟซบุ๊กไปหาโอ๋เพื่อบอกว่าช่วงนี้คงติดต่อได้แค่ช่องทางนี้กับอีเมลเท่านั้น เนื่องจากโทรศัพท์ตกน้ำหายไปแล้ว



ขณะที่กำลังจะล้มตัวลงนอน ลมพัดเอื่อยๆ ผ่านหน้าต่างที่ตอนนี้เขาปิดบานมุ้งลวดไว้แล้วเพื่อกันยุง ม่านหน้าต่างพลิ้วไหวตามแรงลม กลิ่นหอมติดจมูกลอยเข้ามาให้ได้กลิ่นอีกครั้ง คราวนี้ณิชเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหวเพราะมันหอมจนเขาต้องเปิดมุ้งลวดชะโงกหน้าออกไปดม



ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ณิชกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ไม่รู้อะไรดลใจให้นาทีนี้เขาเลือกเดินลงมาข้างล่าง ทั้งคฤหาสน์เงียบกริบมีเสียงแมลงร้องให้ได้ยินตามปกติของบ้านที่มีสวน ไฟตามทางเดินภายในคฤหาสน์ยังเปิดไว้อยู่ แต่ความเงียบของมันก็ทำเขาวังเวงได้ไม่น้อย ขาเรียวก้าวเดินตามทางเดินผ่านต้นหางนกยูง เขาตามกลิ่นหอมนี้ที่มักได้กลิ่นที่ห้องเป็นประจำ โดยมีสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านให้หนาวจนต้องกอดตัวเองพลางถูแขนไปด้วย



แสงไฟที่ติดตั้งไว้ส่องสว่างพอให้เห็นทางเดินจนสุดท้ายเขาก็ตามจนเจอ กลิ่นหอมที่เมื่อเข้ามาดมใกล้ๆ ติดฉุนจมูกไปสักหน่อย แต่เมื่อได้เว้นระยะห่างกลับให้ความรู้สึกหอมอบอวลลุ่มหลงในกลิ่นของมันอย่างประหลาด



ดอกไม้กลีบสีเหลืองก้านดอกยาวดูเรียบๆ ไม่ได้ฉูดฉาดหรือมีจุดเด่นอะไรเต็มต้น และต้นนั้นก็ไม่ได้มีเพียงต้นเดียว แต่ปลูกเรียงกันราว 6-7 ต้นเห็นจะได้ กลิ่นของมันล่อหลอกเขาให้ตามหา มือเรียวยกขึ้นเด็ดดอกไม้ที่ณิชไม่รู้ชื่อของมันมาหนึ่งดอก ใบหน้าที่ติดหวานไปสักหน่อยอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อในที่สุดเขาก็ได้เจอเจ้าของกลิ่นหอมนี้สักที



“ทำอะไร!” เสียงตวาดกร้าวดังมาจากด้านหลังทำเอาณิชสะดุ้งเผลอทำดอกไม้หอมร่วงหล่นพื้น หันไปดูก็เห็นจีรัชญ์ยืนทำหน้าถมึงทึงมองตนอยู่ ก่อนร่างใหญ่ราวกับยักษ์เดินเข้ามาหาด้วยจังหวะเท้าที่ย้ำหนัก ใบหน้าคมคายดูดุอย่างน่ากลัว



“เก็บมันขึ้นมา” จีรัชญ์สั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่สายตากลับกดดันจนณิชต้องทำตาม แม้จะสงสัยไม่น้อยว่าอีกฝ่ายจะโกรธเคืองอะไรเขาขนาดนั้น ทั้งที่เมื่อตอนมื้อเย็นก็เคลียร์กันไปแล้ว



“เอ่อ...ผมเห็นว่ากลิ่นมันหอมดีเลย...”



“อย่าได้มายุ่งกับดอกไม้พวกนี้อีก คุณไม่สมควรจะแตะต้องมัน” คำพูดของจีรัชญ์ทำเอาณิชถึงกับอึ้ง



“แล้วใครสมควรแตะต้อง” ณิชถามกลับทันทีอย่างรู้สึกนึกฉุนแต่จีรัชญ์ไม่ได้ให้คำตอบ ฝ่ายนั้นเพียงก้าวเท้าเข้าหา ใบหน้าบึ้งตึงยังคงอยู่พร้อมแววตาจ้องเขม็ง จีรัชญ์ยังคงก้าวเข้าหาจนณิชต้องถอยหลังเพราะท่าทางคุกคามนี้



“ใครก็ได้ที่คู่ควรกับมัน แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่คุณ!” จีรัชญ์ดึงดอกไม้หอมจากมือของณิชแล้วเดินกลับไปทันที ทิ้งณิชให้ยืนงงอย่างไม่เข้าใจ แต่คำพูดของจีรัชญ์ทำเขาหน่วงใจได้ไม่น้อยเลย คนที่ควรแตะต้องดอกไม้นี้คือใคร คุณแขไขอย่างนั้นเหรอ



คิดมาถึงตรงนี้ณิชก็สะบัดหัวสองสามที ทำไมถึงได้มีอารมณ์ตัดพ้อไปได้ ขึ้นไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้จะได้เริ่มงานเสียที



:::::::::::::



ดึกแล้ว น้ำค้างเกาะปลายยอดหญ้ารวมถึงความหนาวเข้ามาเยือน ไอ้หาญนั่งตบยุงอยู่ใต้ต้นกันเกรา เพราะมันกำลังรอคุณปราณเยี่ยมหน้าออกมามองมันสักครา มันไม่ใช่ไอ้มั่นที่ต้องอยู่รับใช้เจ้านายจึงไม่สามารถขึ้นเรือนไปเฝ้าได้ มันได้แค่รออยู่ตรงนี้หวังเพียงคำอ้อนวอนที่ฝากลมไปจะทำให้คุณปราณใจอ่อนบ้าง



ไอ้คมโดนคุณปราณเรียกไปตั้งแต่หัวค่ำจนบัดนี้ยังไม่ลงเรือนมาเลย แสงตะเกียงในห้องคุณปราณวูบไหวให้เห็นอยู่ไวๆ จนมันอดไม่ได้ที่จะปีนต้นไม้ใหญ่เพื่อไปแอบดูว่ายอดดวงใจของมันกำลังทำอะไรกับไอ้คม



"อืม ดีมาก ลงหนักตรงนั้นหน่อย" เสียงคุณปราณลอดออกมาให้ได้ยิน ไอ้หาญไม่สามารถชะโงกหน้าหรือโผล่ส่วนใดของตัวไปมองในห้องได้ เพราะที่มันอยู่ตรงนี้ก็สุดปลายกิ่งแล้ว หากจะดูก็ต้องเกาะขอบหน้าต่างเพื่อพยุงตัวไว้ไม่ให้ร่วงหล่นลงไปกองบนพื้น



"ตรงนี้ดีไหมขอรับ"



"อืม"



"ตรงนี้ล่ะขอรับ"



"อือ ดีมาก อ่า" ไอ้หาญถึงกับขมวดคิ้ว เสียงครางนั่นหมายความว่าอย่างไร



"บ่าวขออนุญาตขึ้นเตียงได้หรือไม่ขอรับ"



"ขึ้นมาสิ อืม...กดตรงนั้นแหละ อ๊ะ.." เสียงครวญครางถูกใจเหมือนตอนที่มันเคยทำให้คุณปราณสุขสมทำไอ้หาญเลือดขึ้นหน้า



ตึง!!



"ใครวะ!"







โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
555 เป็นคุณปราณที่หาเรื่องเองสินะ กำลังคิดอยู่ว่าใครทำอะไรผิดหรือมันต้องมีบางอย่างที่ผิดพลาดกับใครสักคนแน่ ชาติที่แล้วเลยจากกันด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างนี้ มันคือความเข้าใจกันผิดหรืออะไร แล้วยังมีอะไรติดค้างกันอยู่ไหมในชาติที่แล้ว ชาตินี้อีกคนถึงจำได้แต่อีกคนกลับลืม แต่แม้ลืม ห้วงลึกของหัวใจยังบอกให้รู้ว่าเขายังคิดถึงหาญอยู่ ดูจากละเมอออกมา และคุณตรีเองก็หวงสระบัวกับปลูกดอกไม้นี้ไว้ด้วย รู้เลยว่าตายจากกันทั้งที่รักกันและในขณะนั้นก็โกรธอยู่ ใครทำอะไรที่ไหนยังไง ว่ามาค่ะ 55555 ตอนที่เถียงกันเรื่องลืมอดีตนี่ ว้อยยยมันคืออดีตคนละอย่างกัน พูดคนละเรื่องเดียวกันเลย เพราะอย่างงี้สินะถึงไม่เข้าใจกันสักที 555 แล้วเอออะไรเนี้ย คุณตรีเป็นแฟนกับคุณแขจริงหรอ จะแต่งงานกันจริงอะ เฮ้ยยยยยย!! อุต๊ะ!! คุณปราณในชาตินี้จะอยู่ได้ยังไง แค่คิดว่าเขาเป็นแฟนกันก็ถึงกับตัดพ้อน้อยใจแล้วอ่ะ 555 ชอบความที่ณิชยังมีความรู้สึกกับหาญ คุณปราณรักหาญมากเลย แต่ทำไม๊ทำไม พลังแห่งรักจะช่วยให้คลี่คลายปมได้ รอว่าตรีจะจำได้เมื่อไหร่ แล้วไปเคลียร์กัน มาอยู่วังนี้บรรยากาศที่ๆเคยอยู่ จะระลึกได้ไหมนะภายใน 20 วัน รอลุ้นกันเลยจ้า สนุกมากอะ เอออ่านไปมาก็เพลินดี ชอบอยู่ๆ  :pig4: :pig4: :pig4: 

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
คนนึงจำอดีตได้ทุกอย่าง อีกคนฝันถึงอดีตตลอด

ชักสนุกแล้วสิ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๔



เสียงตรงหน้าต่างทำคนในห้องทั้งคู่สะดุ้ง แต่เมื่อหันไปดูก็ไม่พบใคร ไอ้คมทำท่าจะลุกไปดูให้เห็นชัดๆ ว่าสิ่งใดกันที่มาทำเสียงดังใกล้ห้องคุณปราณ แต่กลับโดนเจ้าของห้องปรามไว้



"ช่างมันเถอะ คงเป็นกิ่งไม้นั่นแหละ นี่ก็ดึกแล้วเอ็งออกไปได้แล้ว ข้าจะนอน"



"ขอรับ" ไอ้คมออกไปแล้วแต่คนที่บอกว่าจะนอนกลับเหลือบสายตาไปทางหน้าต่าง ตอนนี้เสียงดังตึงตังหายไปแล้ว บุตรชายคนเดียวของบ้านนี้คาดว่า 'คน' ที่ทำเสียงคงหายไปแล้ว เมื่อเดินไปชะโงกหน้าดูก็ไม่เห็นใครอยู่ จึงถอยกลับไปนอนแม้ใจจะหงุดหงิดก็ตาม



คนกระไรขลาดเขลาได้ถึงเพียงนี้ หากต้องการง้องอนกันจริงไยไม่บุกเข้าห้องมาเสียก็สิ้นเรื่อง หน้าต่างก็ไม่ได้ปิดแต่อย่างใด มันจะปีนเข้ามาเลยก็ยังได้ โง่เสียจริง



ทางฝั่งไอ้หาญที่เผลอทุบบานหน้าต่างเสียงดังลั่น เพื่อขัดจังหวะการสนทนาที่มันมองไม่เห็นว่าคนทั้งคู่อยู่ในอิริยาบถใด พอได้ยินว่าคุณปราณไล่ไอ้คมกลับไปแล้วมันจึงปีนลงมาจากต้นกันเกราใหญ่ อารมณ์หึงหวงแล่นไปทั่วอกจนอยากจะให้หมัดไอ้คมสักทีสองที แต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจนึกเพราะไอ้คมมันก็ไม่ได้ผิดอันใด หากจะไปโทษมันก็กระไรอยู่



"มึงมาทำกระไรตรงนี้วะไอ้หาญ" แต่สิ่งที่ทำไอ้หาญถึงกับชะงักคือไอ้มั่นที่ยืนอยู่อีกฝั่งของต้นไม้ มันค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้จนเห็นหน้าเพื่อนเกลอ ซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย ไอ้หาญเหมือนโดนตัดลิ้นทันควัน ตกใจที่อยู่ๆ ไอ้มั่นก็โผล่มาอีกทั้งยังมองมันสลับกับหน้าต่างห้องคุณปราณด้วย



"มึงตอบกูมาสิ มึงมาทำอันใดตรงห้องคุณปราณ มึงก็รู้ว่าที่ตรงนี้คุณปราณท่านสั่งมิให้ผู้ใดย่างกรายเข้ามา มึงไม่กลัวคุณเขาโกรธเอารึ" ไอ้มั่นกระซิบถาม มันได้ยินเสียงดังที่แถวห้องคุณปราณจึงรีบลงจากเรือนมาดูให้แน่ชัด เผื่อว่าเป็นโจรมันจะได้จับตัวให้คุณเขาลงโทษเสีย แต่ก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนรักของตัวเองปีนลงมาจากต้นไม้ หน้าตาไอ้หาญก็ดูบึ้งตึงเอาเรื่องไม่น้อย มันแอบดูคุณปราณที่บานหน้าต่างหรือไร



"กูได้ยินเสียงแปลกๆ คิดว่าคุณเขาเป็นกระไร แต่พอรู้ว่าไอ้คมกำลังนวดให้อยู่เลย..."



"เลยทุบหน้าต่างให้คุณปราณสะดุ้งหรือวะ”



“มือกูพลาดไป ไม่ได้จงใจจะทำอย่างนั้น” ไอ้หาญตอบปัดไปพอให้พ้นตัว ก่อนจะเดินดุ่มๆ กลับเรือน โดยที่ไอ้มั่นได้แค่เกาหัวแกรกๆ เพราะเท่าที่มันเห็นไม่ใช่แบบนั้น ไอ้หาญทำตัวเหมือนแอบดูเมียนอกใจแล้วระบายอารมณ์อย่างนั้นแหละ



หรือไอ้เพื่อนเกลอมันมีอะไรปิดบังโดยที่เขาไม่รู้



*****



ออกญาศรีรัตนกรตื่นนอนตั้งแต่เช้า หลังจากจัดการธุระตอนเช้าเสร็จก็ออกจากห้องมาเห็นศรีภรรยากำลังสั่งบ่าวให้จัดสำรับมื้อเช้าอยู่ ส่วนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็นั่งอยู่ใกล้มารดา หน้าตาติดจะบูดบึ้งไปสักหน่อย



“เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้นเล่าพ่อปราณ เป็นกระไรรึ” เมื่อร่างสูงสง่าของชายวัยกลางคนหย่อนกายลงนั่ง บ่าวทั้งชายและหญิงที่คอยปรนนิบัติก็เข้าประจำที่ อาหารวันนี้ก็เหมือนดั่งเช่นทุกวันไม่ได้มีอะไรแปลกไป หากจะแปลกก็คงหน้าตาของลูกชายที่พอถามไถ่อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น



“วันนี้ไม่ได้ไปไหนใช่หรือไม่ งั้นไปเรียนดาบกับครูปลั่งสักหน่อยเป็นไร พ่อไม่เห็นเจ้าจับดาบมาพักใหญ่แล้ว” ผู้เป็นบิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งปกติ แต่คุณปราณกลับรู้สึกว่ามันคือคำสั่งกลายๆ ที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้ประโยคที่พูดมาจะเป็นประโยคคำถามก็ตาม



“ถ้าไม่อยากไปเรียนก็ไม่ต้องไปดอกพ่อปราณ แม่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องไปเล่นกับของมีคมเท่าใดนัก” คุณหญิงราตรีพูดบาง คราวนี้เธอได้รับสายตาดุๆ จากสามีในทันที



“ก็ให้ท้ายกันเสียแบบนี้บ้านอื่นถึงได้ดูถูกเอาได้ เขาหาว่าพ่อปราณดูอ้อนแอ้นเสมือนหญิง หากจะเป็นชายชาตรีให้สมกับที่เกิดมาเจ้าก็ต้องเรียนรู้สิ่งอื่นไว้บ้าง มือที่จับปากกาหันมาจับมีดจับดาบเสียบ้างคงไม่ระคายมือนักดอก”



คำพูดที่มาพร้อมคำตำหนิทำเอาคุณหญิงราตรีถึงกับหน้าม้านไป เพราะด้วยการเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กเธอคอยประคบประหงมลูกชายคนนี้เนื่องจากเป็นบุตรเพียงคนเดียว ไม่ได้มีลูกคนอื่นให้ได้แบ่งปันความรักไปด้วยทำให้ห่วงใยลูกชายคนนี้มากอยู่ เธอให้ลูกเลือกเรียนวิชาอ่านเขียนดีกว่าจะต้องไปจับดาบไล่ศัตรู ซึ่งหากมีศึกก็ต้องออกไปรบเธอรับไม่ได้เพราะไม่อยากเสียลูกไป



จากนั้นมื้อเช้าที่เคยมีบรรยากาศดีก็พลิกกลับกลายเป็นตึงเครียดเสีย ด้วยนิสัยของออกญาศรีรัตนกรนั้นเนื้อแท้เป็นคนดุตามผู้เป็นบิดาและบรรพบุรุษ เรื่องในบ้านเขาไม่เคยก้าวก่ายคุณหญิง แต่หากเป็นเรื่องงานบ้านงานเมืองที่ลูกชายต้องออกไปทำแล้วเขาจะเคร่งครัดไม่น้อย แค่ให้ไปเรียนกับพระครูก็ถือว่าใจดีโขแล้ว เพราะก่อนนี้เขาอยากให้ลูกชายฝึกเป็นทหารรับใช้ในวังเสียด้วยซ้ำ เพราะการจับดาบดูจะมีราคาและไต่ยศได้สูงกว่าเป็นไหนๆ



แต่เพราะหลังๆ มานี้เรื่องการรบทัพจับศึกไม่มีมานาน เห็นทีจะเป็นด้านการค้าและการเจริญสัมพันธไมตรีกับชาติอื่นจะสำคัญกว่าเขาจึงผ่อนปรนให้ แต่กระนั้นก็ยังไม่ตรงใจเสียทีเดียวหรอก ยังมีพระยาบ้านอื่นพูดเหน็บอยู่บ้างในทีว่าลูกชายเขาคล้ายจะมิได้ออกเรือนกับแม่หญิงเรือนใด เพราะคงได้แต่งงานกับหนังสือที่เรียนมากระมัง



เสร็จสิ้นมื้อเช้าที่แสนอึดอัดคุณปราณก็มาอยู่ที่โรงฝึกดาบ แน่นอนว่าท่านออกญาฯ ก็มาด้วย ครูปลั่งครูสอนดาบรอท่าอยู่แล้วเพราะมีบ่าวจากเรือนของท่านออกญาฯ มาบอกกล่าวไว้ก่อนสักครู่ประเดี๋ยวนี้เอง



“ไหว้ขอรับ ไม่คิดว่าวันนี้ท่านออกญาฯ จะมาถึงนี่ กระผมจึงมิได้จัดเตรียมที่ทางให้สะดวกเท่าใดนัก” ครูปลั่งชายรุ่นเดียวกับท่านออกญาฯ แต่เนื้อตัวมีเหงื่ออาบทั่วกายเนื่องจากออกกำลังมายังไม่ได้พักเอ่ยทัก ใบหน้ามีหนวดที่ตัดแต่งไว้พอไม่ให้รกนัก



“ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนเอ็งดอกไอ้ปลั่ง ก็แค่จะมาชมดาบและพาลูกชายข้ามาฝึกดาบกับเอ็งก็เท่านั้น” ท่านออกญาฯ พูดก่อนจะโบกมือให้เพื่อนเก่านั่งลงบนแคร่ด้วยกัน และบอกให้คุณปราณไปตรงลานฝึกดาบ ซึ่งมีลูกศิษย์ครูปลั่งซ้อมดาบอยู่ก่อนแล้ว



ชายวัย 18 สังเกตโดยรอบ เสียงเหล็กมีคมกระทบกันเสียงดังจนเขาสะดุ้ง คุณปราณรู้สึกขนลุกยามคมดาบแหวกผ่านอากาศจนเกิดเสียง ไม่อยากจะคิดว่าหากโดนเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งมันจะทรมานเพียงใด



“เอาแค่ลองกวัดๆ แกว่งๆ ดาบก็พอกระมังขอรับคุณปราณ เดี๋ยวบ่าวจะใช้ตัวบังสายตาของท่านออกญาฯ ให้ขอรับ” ไอ้มั่นที่ตามนายมันมาด้วยกระซิบบอก เพราะรู้ดีว่าคุณปราณไม่สันทัดเรื่องการต่อสู้แม้แต่น้อย



“ให้บ่าวเป็นคู่ฝึกไหมขอรับ” ไอ้หาญถาม มันแอบตามทูนหัวของมันมาด้วย เพราะตั้งแต่เช้ามันยังไม่เห็นหน้าคุณปราณเลยอดไม่ได้ที่จะอาสาเป็นคู่มือประดาบให้ ถึงมันจะเป็นทาสในเรือนแต่เรื่องเพลงดาบมันก็พอเป็นอยู่บ้าง เพราะท่านออกญาฯ เคยกำชับให้บ่าวในเรือนจำเรื่องพวกนี้ หากที่เรือนเกิดเรื่องแล้วท่านไม่อยู่พวกบ่าวผู้ชายจะได้ช่วยเหลือคุณหญิงราตรีได้ทัน



คุณปราณที่หน้าตึงมาครึ่งเช้าลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าไอ้บ่าวซื่อของตนตามมาด้วย เพราะเขาหลบหน้าไอ้หาญตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่คิดจะลงเรือนไปให้ดินเปื้อนฝ่าเท้าอย่างที่เคยทำ ไม่ว่าจะศาลาท่าน้ำหรือตรงไหนก็ไม่ลงไปให้มันได้เห็นหน้า



ส่วนอีผ่องนางทาสที่บังอาจมายุ่งกับคนของเขานั้นโดนเขาเอ็ดฝากไปกับแม่ของมันที่เป็นบ่าวรับใช้แม่ของเขาไปด้วย สั่งสอนผ่านคนแม่ไปว่าอย่าได้ปล่อยให้ลูกสาวได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อกับบ่าวชายในอาณาเขตเรือนเด็ดขาด มิเช่นนั้นเขาจะว่าเอาได้ว่าเรือนออกญาศรีรัตนกรเปลี่ยนเป็นสำนักโคมเขียวที่ไว้ให้แก้กำหนัดยามต้องการ



และหากมันยังต้องการให้บ่าวชายสนองก็จงหาเอาที่เรือนอื่น อย่าได้มายุ่มย่ามกับบ่าวในปกครองของเขา เพียงคำพูดจริงจังนี้ก็ทำเอานางสมหน้าซีดเผือดไป เพราะนานๆ ทีคุณปราณจะได้ออกคำต่อว่าให้เจ็บแสบถึงทรวงแบบนี้



“ไอ้หาญ! มึงมาก็ดี ไหนลองดวลดาบกับพ่อปราณเขาสักหน่อยซิ ดูสิว่ามึงจะได้เพลงดาบสักเพลงหรือไม่ จะได้รู้ว่ากูไม่ได้เลี้ยงมึงเสียข้าวสุก” ท่านออกญาฯ ตาดีเหลือบสายตามาเห็นไอ้บ่าวร่างใหญ่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าลูกชายตน



ท่าทางของบ่าวคนนี้หน่วยก้านดี หลายครั้งที่ได้เห็นไอ้บ่าวฝีมือดีคนนี้มันออกหมัดมวย ไม่มีใครสอนแต่มันครูพักลักจำเอาจากที่นี่ บางครั้งเห็นมันต่อยตีกับบ่าวในเรือนอยู่บ้างเอาพอเป็นการออกกำลังยามว่างซึ่งเข้าตาไม่น้อย ยังคิดอยู่เลยว่าหากมันไม่ได้เป็นทาสในเรือน แต่เป็นลูกหลานคนมียศคงได้ดิบได้ดีในกองทัพ



“ขอรับ” ไอ้หาญรับคำแข็งขัน อย่างน้อยๆ หากคุณปราณต้องประดาบกับมันจะได้ไม่เจ็บตัวมากนัก มันจะออมแรงให้สุดฝีมือเพื่อยอดดวงใจของมันจะได้ไม่มีบาดแผลหรือเจ็บช้ำส่วนใด



คุณปราณรับดาบมาจากไอ้มั่น ท่อนแขนเรียวและมือนุ่มจับดาบด้วยท่าทางไม่ถนัดนัก เพราะครั้งสุดท้ายที่ได้ลองจับดาบก็ราวสักสองปีก่อนเห็นจะได้ จากนั้นก็ไม่เคยจับมันอีกเลย ไอ้หาญยกมือไหว้ครูก่อนเป็นสิ่งแรก คุณปราณก็ทำตามเช่นเดียวกันก่อนลานซ้อมจะแปรเปลี่ยนเป็นลานประลองในทันที



เหงื่อกาฬผุดซึมทั่วกรอบหน้าหวาน ใจเต้นตุบๆ เพราะเขาจำเพลงดาบได้น้อยเหลือเกิน ท่วงท่าทะมัดทะแมงก็ลดถอยลงไปจนดูเหลาะแหละ แต่เขาเชื่อมือไอ้หาญว่ามันคงช่วยเขาได้มากอยู่จึงปรี่เข้าหาและฟันไปตรงๆ ไอ้หาญตั้งรับอยู่แล้วจึงเบี่ยงตัวหลบใช้ดาบในมือตนปัดดาบคุณปราณให้พ้นตัว



“จะตามมาทำไม ไม่ไปอยู่กับอีผ่องล่ะ” เมื่อเข้าใกล้กันได้คุณปราณก็เอ่ยด้วยถ้อยคำประชดประชัน



“ใจของบ่าวอยู่ที่ใดบ่าวก็ต้องตามใจไปขอรับ” คำหวานจากคนซื่อทำคุณปราณแก้มขึ้นสี ก่อนจะผละออกแล้วฟันดาบลงไปอีกครั้ง คราวนี้พลาดปลายดาบเฉือนใบไม้ไปจนขาด คุณปราณหันกลับมาถีบไอ้หาญจนมันล้มลง พอจะตามไปฟันซ้ำอีกฝ่ายก็ใช้ดาบรับไว้



ไอ้หาญออกแรงเพียงนิดก็ดันคุณปราณออกห่างจากตัวได้ แต่เพราะพื้นมันขรุขระอีกทั้งก้อนหินก้อนเท่ากำปั้นฝังอยู่ในพื้นทำให้คุณปราณลื่นจนล้มไปกองกับพื้น เสียงโห่ของไอ้พวกกองเชียร์ทำชายหนุ่มอายไม่น้อย ไอ้หาญขอลุแก่โทษโดยการตรงเข้าไปจะช่วยพยุง แต่โดนคุณปราณปัดด้วยปลายดาบ



การประดาบของคนทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสอง ครูปลั่งไม่ได้ออกความเห็นใดเพราะรู้ดีว่าอดีตลูกศิษย์ตนไม่ถนัดจับของมีคมพวกนี้นัก ผิดกับท่านออกญาฯ ที่มีท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจเท่าใดนัก



“เอ๊ะ! ไอ้หาญ! กูเคยเห็นว่ามึงเก่งกว่านี้นะ ถ้ามึงยอมให้ลูกกูแบบนี้ก็ออกไปให้คนอื่นเขาได้ลองดาบกับลูกกูประเดี๋ยวนี้!” เขาเกลียดท่าทางเหยาะแหยะของลูกชายเต็มทน หากจะเก่งแต่หนังสือแต่เรื่องการต่อสู้ไม่เอาอ่าวเลยเขาคงทนไม่ได้



“พ่อปราณ! หากยังทำเป็นเล่นอยู่เยี่ยงนี้ก็สุดแล้วแต่เจ้าจะทำเถิด ได้เป็นขี้ปากและที่ขบขันของไอ้พวกบ่าวไพร่ก็ดูดีพิลึก หึ!”



มีอย่างที่ไหนเกิดเป็นชายปล่อยให้ไอ้บ่าวท้ายเรือนออมมือออมแรงให้ รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น



“ขออภัยนะขอรับคุณปราณ บ่าวจะพยายามให้มากกว่านี้ คุณปราณ...”



เช้ง!



เพราะแรงต่อว่าของผู้เป็นบิดาทำให้คุณปราณเลือดขึ้นหน้า หลายครั้งที่ต้องทนทำตามสิ่งที่ตรงข้ามใจเพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้พึงใจในด้านนี้สักนิด แต่เจ้าคุณพ่อก็ยังอ้างว่าให้เขาเรียนรู้เสียบ้างเพราะไม่อยากเป็นขี้ปากบ้านอื่น



อยากปฏิเสธออกไปตรงๆ แต่ก็ไม่กล้า เพราะอำนาจบารมีของบิดาทำให้ครอบครัวเขามีมาถึงทุกวันนี้ ใครๆ ในเรือนก็ต่างเคารพการตัดสินใจของบิดาเขาทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่คุณหญิงแม่ที่ดูจะกล้าขัด แต่ท้ายสุดแล้วก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามสามีอย่างเสียมิได้



ไอ้หาญเห็นสีหน้าโกรธขึงและแววตาเจ็บปวดจากคนที่มันเทิดทูนสุดใจก็ใจอ่อนยวบ อยากดึงเข้ามากอดปลอบและบอกว่าสิ่งที่คุณปราณทำอยู่มันดีแล้ว ฝีมือเพลงดาบที่ไม่ได้ฝึกจับมานานย่อมผิดเพี้ยนไปเป็นธรรมดา ที่มันออมแรงให้ก็ไม่ใช่เพราะดูหมิ่นอีกฝ่าย แต่เพราะห่วงกลัวคุณปราณจะได้รับบาดเจ็บต่างหาก



ฉึก!



เพราะความเหม่อลอยของมันทำให้ไม่ทันได้ตั้งรับดีๆ คมดาบจึงบาดผิวตรงช่วงไหล่มันไปเป็นทางยาวจนเลือดไหล คุณปราณที่ตอนแรกมีแค่อารมณ์โทสะชะงักแทบจะทิ้งดาบในทันทีที่เห็นว่าไอ้บ่าวซื่อของตนดันใช้ร่างรับคมดาบของเขา



“เอ้อ! ให้มันได้อย่างนี้สิวะลูกข้า” ท่านออกญาฯ ตบเข่าฉาดใหญ่ที่ลูกชายตนสู้กับบ่าวจนอีกฝ่ายได้เลือด และดูท่าจะเอาชนะบ่าวได้แบบไม่มีข้อกักขา ไอ้พวกที่ยืนมุงดูเฮลั่นเมื่อเห็นว่าไอ้หาญพลาดท่า



“สู้ต่อเถิดขอรับ” ไอ้หาญกัดฟันทนความเจ็บยกดาบขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันถอยไปตั้งหลัก คุณปราณมองไอ้บ่าวผิวคร้ามแดดหน้าซีดเผือดแล้วใจอ่อนยวบ ความโกรธต่อความผิดที่มันเคยก่อไว้ก่อนหน้านี้หายวับราวกับไม่เคยเกิดขึ้น



เพราะลึกๆ ใจเขารู้ดีว่าไอ้หาญคนซื่อมันไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของหญิงสาวจึงโดนลวนลามแบบนั้น สายตาที่มันมองเขาเพียงคนเดียวหรือจะกล้ามองคนอื่น



“เร็วสิพ่อปราณ! จะรอให้ไอ้ทาสมันเอาดาบฟันคอรึ” ท่านออกญาฯ ตวาดถามไปอีกทีจึงเรียกสติของคุณปราณกลับมาได้ เขาจำยอมสู้กับอีกฝ่ายทั้งที่ไอ้หาญเจ็บเลือดอาบแบบนั้น



จนท้ายสุดไอ้บ่าวคนซื่อก็ลงไปนอนคลุกฝุ่นรอบที่สาม เป็นการสื่อว่ามันกำลังจะไม่ไหวแล้ว ใบหน้าของมันซีดลงกว่าตอนแรกมากคุณปราณจึงขอยุติเพียงเท่านี้ เพราะแค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครชนะ



“หาญ! เจ็บมากหรือไม่” คุณปราณเลี่ยงออกมาจากลานซ้อมดาบ ปล่อยให้บิดากับครูปลั่งพูดคุยกันไป ส่วนคนอื่นๆ ก็หันไปซ้อมดาบซ้อมมวยกันต่อ ส่วนไอ้หาญโดนไอ้มั่นพาออกมาดูแผลเขาจึงรีบตามมา



ท่าทางห่วงใยนั้นทำไอ้หาญใจชื้น อย่างน้อยๆ การบาดเจ็บในครั้งนี้ก็ทำให้คุณปราณลืมเรื่องที่โกรธเคืองก่อนหน้าไปได้บ้าง สำหรับมันแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว แค่การถามไถ่ด้วยความห่วงใยที่อีกฝ่ายให้มาเพียงเท่านี้ก็ถือเป็นยารักษาชั้นดีแล้ว



“แผลไม่ลึกนะขอรับ คงเพราะเป็นดาบซ้อมไม่ใช่ดาบจริงจึงไม่คมเท่าใดนัก” ไอ้มั่นบอกเมื่อมันดูแผลไอ้เพื่อนเกลอแล้ว

“แต่ก็ได้เลือด ไอ้มั่น เอ็งยามาข้าจะใส่แผลให้มัน” สิ้นคำไอ้มั่นก็แทบจะลุกไปทันทีก่อนจะชะงักเท้าไว้



“เดี๋ยวบ่าวทำแผลไอ้หาญเองก็ได้ขอรับ คุณปราณไม่ต้องลำบากมาดูมันหรอกครับ ไอ้นี่มันหนังเหนียว” คนเป็นนายไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาดูดำดูดีพวกมันขนาดนี้หรอก คุณปราณนี่ก็แปลกจะทำดีกับไอ้หาญทำไมขนาดนี้



“ข้าจะทำให้! ข้าทำมันได้เลือดก็ควรจะรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ ไปเอายามา!” ไอ้มั่นรีบจากไปในทันทีเมื่อนายของมันเริ่มไม่สบอารมณ์ ไอ้หาญลอบยิ้มก่อนจะเดินนำไปในส่วนที่ลับสายตา ไม่มีใครมองมาหรือผ่านมาทางนี้มันจึงได้มีมุมคุยกับยอดดวงใจของมันได้



ใบหน้าหวานดูรู้สึกผิด ตาเรียวสวยราวตากวางจับจ้องแผลมันไม่วางตาราวกับจะจ้องให้แผลมันสมานตัวเสียเดี๋ยวนั้น ไอ้หาญริอาจใช้มือหยาบกร้านของมันลูบผิวนุ่มบนมือเรียวก่อนจะจับมาจรดที่ริมฝีปาก ประทับจูบและสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ บนผิวเนียนให้ชื่นใจ



“ทูนหัวของไอ้หาญไม่โกรธกันแล้วใช่ไหมขอรับ” ความเจ็บปวดทำอะไรมันไม่ได้สักนิด ยิ่งคุณปราณยอมให้มันจับมันจูบเพียงเท่านี้แผลที่เลือดอาบก็แทบหายสนิท



“เอ็งมันบ้า ทำไมยังฝืนต่อ”



“ถ้าบ่าวไม่เป็นคู่ซ้อมดาบให้คุณปราณก็อาจได้รับบาดเจ็บจากคนอื่นได้ขอรับ บ่าวไม่อยากให้คุณปราณต้องเจ็บตัวเลย”



คุณปราณมองใบหน้าหล่อคมเข้มของมัน ดวงตาเศร้าสร้อยอย่างรู้สึกผิดที่พลาดลพลั้งจนทำให้มันมีแผล มือนุ่มลูบไปรอบๆ แผลอย่างเศร้าใจ



“ข้าก็ไม่อยากให้เอ็งเจ็บตัว อภัยให้ข้าด้วย”



“มิได้ขอรับ บ่าวไม่เจ็บเลย”



“โกหก เลือดอาบแขนขนาดนี้เอ็งจะไม่เจ็บได้เยี่ยงไร”



“หากเทียบกับสายตาของคุณปราณที่มองบ่าวเมื่อคืนแล้ว แผลนี้ยังห่างไกลคำว่าเจ็บอยู่มาก เพราะสิ่งที่ทำให้ไอ้หาญคนนี้เจ็บปวดได้เห็นทีจะเป็นความเข้าใจผิดของคุณปราณเสียมากกว่า” ไอ้หาญรั้งให้คนเป็นนายหลบเข้าหลังกองไม้ฟืนที่สูงท่วมหัว มันพรมจูบไปบนฝ่ามือนุ่มอย่างหวงแหน โดยเจ้าของร่างมิได้เอ่ยว่าหรือชักมือกลับแต่อย่างใด



“อย่าตัดพ้อต่อว่าไอ้บ่าวโง่คนนี้เลยนะขอรับ อย่าผลักไสกันเลย บ่าวมีใจรักเพียงคุณปราณเท่านั้น มิมีผู้ใดเข้ามายึดครองใจดวงนี้ของบ่าวได้นอกจากยอดดวงใจของบ่าวคนนี้” เสียงเว้าวอนของไอ้หาญทำคุณปราณยิ้มกริ่ม เขาขยับก้าวเข้าไปใกล้มันอีกเล็กน้อย แผลตรงไหล่ไม่มีเลือดไหลออกมาแล้วแต่ก็ยังซึมอยู่บ้าง เขาพยายามไม่ให้โดนแผลก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบกลีบปากหนาของมันอย่างใจนึก



“รู้แล้ว ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เอ็งก็มาตามเดิมก็แล้วกัน ไอ้คมนวดให้ไม่ดีเท่าเอ็งนวดดอก” เสียงกระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน ไอ้หาญยิ้มก่อนจะหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ ใจมันอยากจะหอมให้มากกว่านี้แต่ก็เกรงว่าแก้มของคุณปราณจะช้ำเสียก่อน



คุณปราณแอ่นตัวเข้าหาจงใจเบียดเสียสีหน้าขากับส่วนนั้นของไอ้หาญ เขาอยากให้มันได้รู้สึกขึ้นลำอยู่ใต้ผ้าเตี่ยวที่มันนุ่ง หน้าท้องเกร็งจนขึ้นมัดกล้ามน่าลูบไล้ ไอ้หาญหลุดเสียงครางกระเส่าพร้อมกับมือที่เลื่อนไปกุมบั้นท้ายงอน



“ยามาแล้วขอรับคุณปราณ” เสียงไอ้มั่นบอกจนคนทั้งสองต้องแยกจากกัน แต่กระนั้นสายตาของคุณปราณก็ยังเว้าวอนดูต้องการที่จะสานต่ออะไรมากกว่านี้



“คืนนี้นะขอรับ คืนนี้บ่าวจะปรนนิบัติให้คุณปราณถึงใจเป็นที่สุด” ไอ้หาญกระซิบบอกพร้อมกับไอ้มั่นที่เดินหาคนทั้งสองจนมาเจอว่าอยู่หลังกองไม้ฟืน ดีที่คนทั้งสองผละออกจากกันแล้วมันจึงไม่เห็นอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร



::::::::::::




ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


“ตื่นเช้าเลยนะพี่ณิช แล้วนี่เป็นอะไรคะทำไมเดินแปลกๆ” มิ้งเอ่ยถามรุ่นพี่ตนเมื่อเห็นท่าเดินของณิชดูแปลกไป เพราะอีกฝ่ายทำกำลังเดินทุบหลังดูไม่สบายตัวนัก หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกเดินมายังโต๊ะทานอาหาร



“สงสัยเมื่อคืนนอนผิดท่าตื่นมาโคตรเมื่อยตัว” ไม่รู้เพราะอินกับความฝันมากไปหรือเปล่าถึงได้เมื่อยแบบนี้ เพราะในฝันคุณปราณกับไอ้หาญใช้ดาบสู้กันไม่พอยังจะไปต่อกันบนเตียงอีก เขาคงละเมอลุกมารำดาบกลางดึกละมั้งถึงได้ปวดไหล่ปวดตัวแบบนี้



ช่วงเวลาอาหารเช้าเขากับมิ้งลงมารอเจ้าของบ้านครู่หนึ่งจึงเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งพอๆ กับเขา คาดคะเนด้วยสายตาแล้วอายุไม่น่าจะห่างจากณิชเท่าไหร่นัก จีรัชญ์แนะนำว่านี่คือสุทินเป็นผู้ช่วยของตนเองอีกคน ซึ่งหากมีอะไรสงสัยก็สามารถถามสุทินได้ เพราะฝ่ายนั้นทำงานกับจีรัชญ์มานานกว่ารัศมีมาก



หากเปรียบรัศมีก็คือมือซ้ายที่คอยหยิบจับของแต่ไม่ถนัดนัก ส่วนสุทินคือมือขวาที่รู้ใจจีรัชญ์อย่างที่สุด รู้แทบทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบัน รวมไปถึงรู้จักชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างตนบนโต๊ะอาหารนี้ด้วย



ปราณันต์หรือณิช ชายหนุ่มวัย 27 ปี เป็นสถาปนิกมือดีที่ไม่ได้มีดีแค่ฝีมือ หน้าตาที่ดูเผินๆ แล้วไม่มีอะไรดึงดูดนัก หากแต่นัยตาสวยที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานทำให้ตรึงใจคนมองได้ไม่ยาก อัธยาศัยก็ดีอยู่ในระดับที่ไม่หยิ่งแต่ก็ไม่ได้ดูเข้าถึงง่ายเหมือนคนพูดเก่งทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นมิ้งเสียมากกว่าที่ชวนคุยบนโต๊ะอาหารมื้อเช้านี้



สุทินลอบมองปฏิริยาเจ้านายของตน เมื่อวานเขาไม่ได้อยู่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยเพราะติดงาน แต่วันนี้ตีรัชญ์กำชับว่าต้องเข้ามาดูสักหน่อยเพราะจะฝากงานไว้ที่เขาเนื่องจากเจ้าตัวไม่ว่างในช่วงบ่าย จีรัชญ์ยังคงนิ่งเฉย สายตาคมดุปราดมองใบหน้าของณิชอยู่บางครั้ง ก่อนจะตั้งใจฟังหญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่สาวเจ้าพบเจอไปเรื่อน และนี่คือจุดเด่นอีกอย่างของจีรัชญ์ นั่นคือการเป็นผู้ฟังที่ดีของสาวๆ ซึ่งนั่นทำให้แขไขหลงรักผู้ชายคนนี้ได้ไม่ยาก



“ลายวอลเปเปอร์ที่คุณจีรัชญ์เลือกมาช่างบอกว่าของเข้าไม่ทันครับ คงต้องรอประมาณเดือนหน้าเลย พอดีทางร้านเขาเพิ่งแจ้งมาวันนี้ไม่ทราบคุณจะรอหรือว่าจะเลือกลายใหม่เลยครับ” ณิชพูดเข้างานทันทีเมื่อทำความรู้จักกับมือขวาของจีรัชญ์และทานมื้อเช้าเสร็จ



ตอนนี้เขามายังห้องแรกก่อนซึ่งเรียกแบบง่ายๆ ก็คงจะเป็นห้องนั่งเล่น แต่วังนี้มีห้องนั่งเล่นถึงสองห้อง ห้องนี้ดูจะใหญ่กว่าอีกห้องที่เพิ่งเดินผ่านมา และเขาเลือกจะลงงานที่ห้องนี้ก่อน



“คุณมีลายอะไรเสนอไหม” จีรัชญ์ถามกลับแม้ติดจะหงุดหงิดอยู่บ้างที่งานไม่ได้ดั่งใจตามที่คิดไว้ อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ในมือถือไอแพดมาให้ดูด้วย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมราคาแพงที่ณิชฉีดไม่ได้รบกวนคนที่ยืนใกล้เลย ติดจะหอมติดจมูกเสียด้วยซ้ำ



“ผมอยากไปดูของจริงที่ร้านมากกว่า ดูในนี้เกรงว่าสีจะผิดเพี้ยน” จีรัชญ์ส่งไอแพดคืนให้เจ้าของ ณิชพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและไม่คัดค้าน



“งั้นเราไปกันวันไหนดีครับ”



“พรุ่งนี้แล้วกัน คุณจะได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือด้วย”



สุทินลอบมองคนสองคนที่กำลังยืนคุยกันด้วยท่าทางจริงจัง ระยะห่างของคนทั้งสองไม่มากไปกว่าหนึ่งช่วงแขนซึ่งเป็นระยะปกติ สายตาที่เจ้านายเขาทอดมองอีกฝ่ายดูเรียบนิ่ง แต่กลับแฝงอะไรบางอย่างไว้



‘ใช่คนนี้แน่เหรอครับคุณตรี’ สุทินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกระซิบหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ขณะที่ณิชกับมิ้งกำลังคุยอยู่กับทีมช่างที่เข้ามาเริ่มงานวันนี้



‘ใช่’ คนตอบมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่กำลังมีท่าทางจริงจังในเวลางาน ผิดกับตอนที่เดินชมบัวอยู่กลางสระไม่น้อย



‘คุณแน่ใจได้ยังไง’



‘สำหรับเขา...ไม่มีครั้งไหนที่ฉันไม่แน่ใจ’



‘แล้วจะทำยังไงครับ จะบอกให้เขารู้ไหม’



‘ไม่ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยให้มันเป็นไปในแบบที่มันอยากจะเป็น ฉันเหนื่อยมากแล้วสุทิน’ คนฟังรับรู้ได้ในปลายประโยคว่าจีรัชญ์เหนื่อนแล้วจริงๆ



สุทินถอนหายใจ เจ้านายเขามีความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้ และที่เขาได้มาทำงานข้างกายจีรัชญ์แบบนี้เพราะอีกฝ่ายเลือกที่จะไว้ใจและบอกความลับบางอย่างกับเขา ความลับที่ไม่ว่าใครหากได้รู้คงไม่มีวันเชื่อ แต่เขาที่ได้เห็นกับตากลับเชื่อสนิทใจ และยืนยันที่จะอยู่ช่วยเหลืออีกฝ่ายต่อไปแบบนี้



สุทินรู้จักกับจีรัชญ์ตอนอายุราว 12 ปี จีรัชญ์เจอเขาที่เป็นเด็กวัดไร้ญาติขาดมิตรอาศัยข้าวก้นบาตรกินประทังชีวิตจึงเอ็นดู และรับเลี้ยงเขาไว้โดยให้เงินค่าเทอมและค่าอาหาร ส่งเสียจนจบมัธยม 3



ตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่บ้าก็โง่ที่มาช่วยเขา สุทินไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเรียนต่อได้ เด็กวัดที่สังคมก็คงหนีไม่พ้นพวกขี้ยาแต่จีรัชญ์กลับส่งเสียเรียนจนจบ จนกระทั่งเขาคิดว่าจะสอบเข้ารับราชการสักที่ เพราะมันมั่นคงอีกทั้งสวัสดิการก็ดีด้วย วันที่สอบได้เขาดีใจมากจนก้มกราบแทบเท้าผู้ชายคนนี้ที่เลือกจะช่วยในวันนั้น จีรัชญ์บอกเขาแค่ว่าไม่ใช่เพราะความบังเอิญที่มาเจอเขาที่วัด แต่เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะมาช่วย เขาไม่เข้าใจนักแต่ก็ดีใจจนคิดว่าไม่ว่ายังไงเขาก็จะช่วยเหลือเจ้านายคนนี้ ช่วยในทุกๆ ทางเท่าที่จะทำได้



::::::::::::



ทีมช่างที่มิ้งประสานงานไว้ขนอุปกรณ์เข้ามาเพื่อจะลงมือรื้อห้องนี้ใหม่ให้ดูทันสมัยกว่าเดิม จากที่ดูย้อนยุคและติดไปทางยุโรปสักหน่อยก็ปรับให้ดูเป็นไทยทันสมัยมากขึ้น แน่นอนว่ารูปวาดบ้านเรือนไทยจากปลายพู่กันของ ‘อนันต์’ ก็ต้องถูกย้ายออกไปด้วย เนื่องจากมันเกะกะการทำงานของทีมช่างอยู่ไม่น้อย



“ระวังนะครับ” ชายหนุ่มยืนคุยงานอยู่กับหัวหน้าทีมช่างหันไปบอกนายช่างที่กำลังปลดรูปออกจากฝาผนัง สุทินยืนมองอยู่ไม่ห่างเพราะรู้ดีว่าเจ้านายนั้นรักรูปนี้มาก ส่วนเจ้าของบ้านนั้นเห็นออกไปคุยโทรศัพท์ยังไม่กลับเข้ามาเลย



“เหมือนเขาตอกกรอบรูปนี้ฝังไปในผนังเลยครับคุณณิช คงต้องงัด”



“ใช้อย่างอื่นได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้กรอบรูปเสียหาย” ณิชเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆ เห็นหมุดตัวเล็กๆ ตอกตรึงกรอบรูปนี้ไว้อย่างที่ช่างบอกจริงๆ หากจะเอาออกก็ต้องใช้ค้อนงัดออกมา เพราะดูจะเป็นรูปปิดตายที่ติดเอาไว้กันการเคลื่อนย้าย



“งั้นก็ระวังหน่อยนะช่างจรูญ” ณิชบอกเพราะถอดใจว่ารูปนี้คงเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้แน่ๆ อีกทั้งสุทินก็ยังบอกว่าคุณจีรัชญ์ค่อนข้างหวงรูปนี้มาก ไม่เคยเคลื่อนย้ายไปที่ใดเลย ตอนสุทินเข้ามาทำงานแรกๆ ก็เห็นว่ามันติดตั้งอยู่ตรงนี้แล้ว



ณิชมองภาพวาดเรือนไทยหลังงามอีกครั้ง เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดว่าบ้านหลังนี้เหมือนออกมาจากหัวเขาจริงๆ มองกี่ครั้งก็รู้สึกคุ้นเคย



“โอ๊ย!!” สถาปนิกหนุ่มกุมอกข้างซ้ายเมื่อรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ มันหนักหน่วงก่อนจะนิ่งไป จุกเสียดในอกราวกับว่ามีใครชกหนักๆ เข้าอกซ้ายอย่างนั้นแหละ



“เป็นอะไรพี่ณิช” มิ้งถามเมื่อปล่อยให้ทีมช่างได้ทำงาน เห็นรุ่นพี่ของตนกุมอกหน้าซีดจึงอดห่วงไม่ได้



“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกจุกนิดหน่อยคงเพราะกินมากไปกรดในกระเพาะเลยเยอะ” ณิชตอบปัดก่อนจะเดินออกมาเพื่อหาอากาศบริสุทธิ์ เขาเห็นเจ้าของบ้านคุยโทรศัพท์เพิ่งเสร็จกำลังจะเดินเข้าบ้านจึงไปดักไว้



“คุณจีรัชญ์ครับ เรื่องภาพวาดอันนั้นไม่ทราบว่าจะเคลื่อนย้ายมันออกไปก่อนได้ไหมครับ ผมกลัวว่าช่างเขาจะทำอะไรพลาดไปโดน”



จีรัชญ์นิ่งฟัง เขาลืมไปเสียสนิทว่ารูปวาดรูปนั้นถูกติดเอาไว้กับฝาผนังไม่ใช่แขวนไว้อย่างภาพอื่น รูปที่ถูกวาดเมื่อหลายสิบปีก่อนและเขาเก็บรักษาไว้อย่างดี ชายหนุ่มเดินนำเข้าไปด้านใน ณิชเดินตามคนตัวใหญ่เข้าไปเห็นเจ้าของบ้านสำรวจกรอบรูปอย่างพินิจพิเคราะห์



“สุทิน เอาค้อนมา” ถ้าจะต้องรื้อออกเขาก็ขอทำด้วยตัวเองดีกว่า รูปที่มีคุณค่าแบบที่ประเมินค่าไม่ได้รูปนี้หากจะเสียหายก็ควรจะเป็นเจ้าของเองที่ทำมัน



“ผมช่วยครับ” สุทินเข้าไปช่วยเจ้านายอีกแรง ณิชให้ช่างเข้าไปประกบเพราะภาพวาดภาพนี้ขนาดใหญ่พอสมควร ขนาดความยาวของรูปราว 2 ศอก อีกทั้งติดอยู่สูงต้องใช้บันไดปีนขึ้นไปถอดหมุดด้านบนออกด้วย



“รูปนี้สวยมากนะพี่ณิช คนวาดต้องฝีมือดีมากแน่ๆ ขนาดหนูไม่ใช่สายศิลปะยังมองออกเลยว่าคนวาดมีฝีมือ” เขาเห็นด้วยกับคำพูดหญิงสาวทุกประการ เพราะภาพวาดนี้ถูกใจตั้งแต่แรกเห็นจนตอนนี้เขาก็ไม่อยากละสายตา เอาใจลุ้นว่าจีรัชญ์จะสามารถเอารูปนี้ลงโดยไม่มีรอยขีดข่วนได้หรือไม่



ในที่สุดภาพวาดเรือนไทยก็โดนเอาลงมาจากฝาผนังจนได้ แต่ต้องเสียกรอบรูปทั้งสี่ด้านไปเพราะจีรัชญ์งัดมันออกมา แต่โดยรวมคือรูปวาดไม่เสียหายถือว่าดีไป เจ้าของบ้านเอารูปไปเก็บณิชเดินตามเพราะเขาอยากถามรายละเอียดเกี่ยวกับภาพวาดนี้



“คุณจีรัชญ์ รูปนี้คุณซื้อมาจากไหนเหรอครับ”



จีรัชญ์เหลือบสายตามองเพียงแวบก่อนจะเดินต่อ เขาตรงไปยังห้องทำงานของตนเองที่อยู่ชั้นบน เพราะคิดว่าเก็บภาพนี้ไว้ที่ห้องนั้นน่าจะดีกว่า



“คนรู้จักวาดให้ผม”



“คุณอนันต์เหรอครับ” สิ้นคำถามสายตาคมก็ตวัดหันกลับมามองทันที “ผมเห็นลายเซ็นที่อยู่บนภาพครับ” ณิชอธิบายเพิ่มเพราะสีหน้าจีรัชญ์ดูตกใจมากกว่าสงสัยที่เขารู้ชื่อเจ้าของฝีมือการวาดภาพเรือนไทยนี้



“ครับ”



“แล้วเขาไปไหนแล้วเหรอครับ” ณิชรั้นถามต่อแม้อีกฝ่ายจะถามคำตอบคำก็ตาม เขาหลงใหลในฝีมือลายเส้นและการลงสีหนักเบาของจิตรกรคนนี้เสียแล้วสิ หากมีโอกาสรู้จักก็อยากจะซื้อภาพเขาสักรูปเอาไปใส่กรอบแขวนที่ห้อง



“เขาตายไปแล้ว”



แต่คำตอบของจีรัชญ์ทำณิชหมดหวัง จีรัชญ์มองคนที่จ้องภาพเรือนไทยไม่วางตา หัวใจปวดหนึบยามอีกฝ่ายเอื้อมไปแตะพร้อมรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้า ราวกับรู้จักสถานที่ที่อยู่ในภาพวาด



“คุณชอบเหรอ” เขากลั้นใจถามออกไป เพราะสีหน้าของณิชปิดไม่มิดว่าชอบภาพนี้มาก



“ใช่ครับ เห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกผูกพันเหมือนกับเข้าไปอยู่ในบ้านเรือนไทยหลังนี้เลย คนวาดเขาสื่ออารมณ์ผ่านภาพออกมาเก่งมากเลยนะครับ แต่เสียดายที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว”



“คุณชอบบ้านเรือนไทยเหรอ”



ชอบไม่เปลี่ยนเลยสินะ...คำพูดที่เขาไม่กล้าเปล่งเสียงออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน



“ตอนแรกก็เฉยๆ แต่พอดีช่วงนี้ฝันเห็นอะไรย้อนยุคบ่อยๆ คงเพราะทำงานของคุณเลยชอบครับ โดยเฉพาะภาพนี้...ชอบมาก” ณิชตอบก่อนจะหันมาสบตาคมที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว



“ระวัง”



“เห้ย!”



ณิชร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเขินสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาจนมือไม้ปัดผ่านไปโดนโคมไฟดีไซน์สวยและคิดว่าคงหาได้ยาก อีกทั้งยังมีตราวังปริพัตรประทับอยู่บนฐานมันด้วย จังหวะที่โคมไฟตั้งโต๊ะกำลังจะหล่นพื้นจีรัชญ์รีบเข้ามาช่วยไว้ พร้อมกับมือใหญ่ที่ดึงแขนเขาเนื่องจากชนกันจนณิชเกือบหงายหลัง



ภายในห้องทำงานที่ไม่เล็กนัก มีชั้นวางหนังสือเรียงรายเป็นสัดส่วนรอบห้อง แน่นอนว่าความใหญ่โตของมันไม่สามารถทำให้เขาสองคนอึดอัดได้ แต่เพราะความใกล้ชิดที่จีรัชญ์กับเขาขยับเข้าหากันทำให้ณิชชะงักไป ชายหนุ่มหุ่นสูงโปร่งแต่ก็ยังตัวเล็กกว่าชายผิวเข้มหุ่นสูงใหญ่ตรงหน้า ตาสบตาราวกับถูกตรึงเอาไว้จนไม่อาจละสายตาได้



“เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ” ณิชถามออกไปเมื่อใบหน้าของเขาสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ ความใกล้ชิดครั้งนี้ทำให้เขาเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ชัด ไม่เหมือนกับตอนที่เขาจมน้ำเพราะตอนนั้นสติเขากระเจิดกระเจิงไปกับความตกใจกลัว แต่ครั้งนี้เขามีสติดีและคิดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสองคนได้เจอกัน



ความคุ้นหน้าที่ไม่ใช่เพราะเจอจีรัชญ์ที่นี่ตั้งแต่วันที่มา แต่เพราะคุ้นราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน หัวใจที่เคยเต้นรัวยามเห็นคฤหาสน์หลังนี้ ความรู้สึกโหยหาที่เขาปัดมันออกไปจากใจตีตื้นกลับมาอีกครั้งเมื่อได้มองใบหน้าจีรัชญ์ชัดๆ



ดวงตาคมดุที่เขาเผลอมองหลายครั้งบัดนี้ฉายแววเศร้านัยตาโศกเสียจนเขาอยากรู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้มีเรื่องอะไรให้คิดมากนะ ทำไมถึงได้ดูมีความลับและปิดกั้นตัวเองมากขนาดนี้ อีกทั้งคำพูดคำจาในบางครั้งที่พูดกับเขาแปลกๆ นั่นอีก มันยิ่งทำให้สงสัยและอยากรู้ในตัวผู้ชายคนนี้มากยิ่งขึ้น



ทั้งที่จริงเขาไม่เคยคิดจะอยากรู้จักใครคนไหนมาก่อนในชีวิต ทุกคนที่ผ่านเข้ามาล้วนเข้าหาเขาเอง ไม่ว่าจะด้านการเรียนหรือการทำงานนั่นเพราะฝีมือและความเก่งกาจ แต่กับจีรัชญ์ผู้ชายที่ไม่คิดจะชายตามองเขาสักนิดกลับดึงดูดเขาอย่างประหลาด



ตั้งแต่เกิดมาและจำความได้เขาไม่เคยเห็นใครรูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าคมเข้มแบบชายไทยขนาดนี้ แน่นอนว่าความหล่อเหลาของจีรัชญ์ย่อมสะดุดตา หากเขาเจอตั้งแต่ครั้งแรกย่อมจำได้ แต่ที่ได้ถามอีกฝ่ายไปแบบนั้นเพราะคิดว่าอาจจะเคยเจอกันที่ไหนสักแห่งเพียงเสี้ยววิก็ได้ เจอกันในรูปแบบที่ไม่ใช่เจ้าของวังปริพัตรกับสถาปนิกตกแต่งภายใน แต่เป็นผู้ชายสองคนที่เจอกันตามท้องถนนทั่วไป



“เคยสิ ผมรอคอยคุณมานานกว่าจะได้เจอ”







โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นเลยค่ะ
ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคนอ่านเพราะไม่ใช่แนวที่คนชอบอ่านกัน 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2021 19:54:10 โดย :นางสาวผอบ: »

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
จีรัชญ์ระลึกชาติได้หรอหรือยังไง :katai1: :hao7:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ชาตินี้เจอแล้วจะเป็นยังไงต่อละ ที่บอกว่า"ฉันเหนื่อยมากแล้วสุทิน" ฟังดูเหมือนว่าวนว่ายตายเกิดมาหลายชาติแล้วก็ไม่เจอกัน จนมาชาตินี้ เหตุที่ยังคงวนว่ายอยู่เหมือนว่ามันมีอะไรติดค้างกันอยู่จึงแบบ แบบ ยังไงดีละ ไม่รู้อะ 55555 แล้วที่บอกว่าตั้งใจมาหาสุทินที่วัดเลย สุทินเป็นใครในชาตินั้นไหม ไอ้มั่นป่าว ทำไมคุณตรีถึงจงใจไปเอาสุทินมาเลี้ยงดู ถ้าสุทินเป็นใครสักคนในชาตินั้นคงตายจากกันแบบไม่ติดค้างอะไรเลย ถึงได้ลืมชาติที่แล้วจนหมดสิ้นเกิดมาเป็นบุญใหม่เลย แล้วคุณวาดรูปนั่นคุณอนันต์ทำไมถึงวาดได้เหมือนกับตาเห็นขนาดนั้น เป็นใครแต่น่าเสียดายตายไปแล้ว ลุ้นณิชจะระลึกได้ไหม ยังดูห่วงหาคิดถึงสมชื่อเรื่องจริงๆ ดูๆแล้วชาติก่อน อุปสรรคใหญ่เหมือนว่าจะเป็นท่านออกญาวะ ทะแม่งๆว่าจะเกิดเรื่องถ้ารู้เรื่องของลูกชาย เพราะดูจากการให้ไปฝึกดาบเพื่อความแมนแล้ว คงไม่น่าจะยอมรับได้เรื่องชายชาย อัยยะ!! มันเรื่องอะไรกันบ้างนะเออ อยากรู้~~~555 แล้วเขาจะมีทางมารักกันเหมือนเดิมไหมอะ คุณปราณชาติที่แล้วขี้ยั่วหนักมากหาญก็หื่น พอมาชาตินี้ความรู้สึกอยากจูบกันยังไม่มีเลย เหี่ยวแห้งหัวใจแท้ 555555 แต่ไม่เป็นไรรอได้ ขอบคุณนะคะที่มาต่อให้อ่าน สนุกมาก ชอบเลย รอตอนหน้าจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๕



“เคยเจอกันที่ไหนครับ ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณเหมือนกับ...”



‘เหมือนกับเจอกันในความฝัน’ หรือเพราะเขาเอาหน้าของจีรัชญ์ไปเป็นไอ้หาญกันนะถึงได้รู้สึกคุ้นกับคนๆ นี้อย่างประหลาด



น้ำเสียงกะตือรือร้นด้วยความอยากรู้ของณิชน่าเอ็นดูแต่จีรัชญ์ไม่ตอบ เขาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย หัวใจที่เคยเต้นเป็นจังหวะราบเรียบมานานแต่ช่วงนี้กลับหนักหน่วงขึ้น เขาทรมาน...ไม่อยากให้อะไรๆ มันซ้ำรอยเดิมเพราะรู้สึกว่าที่ผ่านมามันพอแล้ว พยายามหักห้ามใจแต่ท้ายสุดก็ละสายตาจากคนตรงหน้าไม่ได้สักที



ลมเย็นเอื่อยๆ พัดผ่านหน้าต่างหอบกลิ่นดอกพุดน้ำบุษย์ที่ปลูกอยู่หลายสิบต้นเข้ามาด้วย เหมือนจะเป็นการย้ำเตือนจากใครสักคนว่าเขาสองคนใกล้ชิดกันมากเกินความจำเป็นทำให้จีรัชญ์ปล่อยมือ และถอยกลับมายืนที่เดิม ส่วนณิชที่ราวกับตกอยู่ในภวังค์ก่อนหน้านี้แก้มขึ้นสีระเรื่อ ยอมรับว่าเขินจีรัชญ์ไม่น้อยเพราะอีกฝ่ายมีเสน่ห์น้อยเสียที่ไหน



ใบหน้าคมคายติดจะดุและยิ้มยากผิดกับดวงตาที่ดูน่าค้นหา คิ้วเข้มพาดเฉียงรับกับใบหน้า สันกรามที่เกลี้ยงเกลาไม่มีไรหนวดให้เห็น ริมฝีปากกระจับปากล่างหนากว่ากลีบปากบน ขนตายาวเป็นแพงอนโค้ง นัยน์ตา,นัยนาสีเข้มเข้ากับสีผิว ยอมรับจริงๆ ว่าเขาไม่เคยเห็นชายไทยคนใดหล่อเท่านี้มาก่อนเลย แม้แต่พระเอกละครช่องดังต่างๆ ก็ยังไม่เทียบเท่า



“คงเคยเดินผ่านกันแถวบริษัทของคุณน่ะ” จีรัชญ์ตอบปัดไปอื่นเสีย ทั้งที่ใจจริงเขาไม่ได้คิดตอบแบบนี้ด้วยซ้ำ



“อ่า แล้วที่บอกว่ารอมานานนี่คือ...คุณยังไม่หายโกรธที่ผมผิดนัดอีกเหรอ ผมขอโทษไปแล้วไง ผมคิดว่าเรา...”



“คุณทิ้งงานมานานแล้วผมว่าเรากลับลงไปดูช่างเขาทำงานดีกว่าไหม ผมกลัวว่างานจะไม่เสร็จตามที่หวังไว้คุณปราณันต์” จีรัชญ์ตัดบททำณิชเงียบทันควัน



ชื่อนี้ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินคนเรียกก็น่าจะตอนเรียนมหา’ ลัยที่อาจารย์มักใช้ชื่อจริงเรียกนักศึกษา เพราะตั้งแต่เรียนจบเขาก็ให้คนอื่นเรียกชื่อเขาว่าณิชทั้งหมด



ปราณันต์แปลว่า ลม เพราะแม่บอกว่าเวลาเขาร้องไห้จ้าจะมีลมเย็นๆ พัดผ่านมาเสมอ มันทำหน้าที่ปลอบประโลมจนเขาหยุดร้องไห้ได้แม่จึงตั้งชื่อนี้ให้ ลมที่มีความหมายในชื่อจริงและณิชที่แปลว่าบริสุทธิ์ในชื่อเล่น ลมที่บริสุทธิ์ หากแต่เขากลับรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่ชื่อตัวเอง เหมือนเขาเคยชื่ออื่นมาก่อนแล้วแต่เพิ่งมาเปลี่ยน เคยถามแม่ครั้งหนึ่งแม่ก็ตอบกลับมาว่าแม่ตั้งชื่อนี้ให้ตั้งแต่เด็กแล้ว



เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ค่อยจะอยากให้คนเรียกชื่อจริงเขานัก ชื่อที่เหมือนไม่ใช่ชื่อเขาชื่อนี้ แต่คนตรงหน้ากลับเรียกเสียเต็มยศ



“เรียกผมว่าณิชเฉยๆ ก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกชื่อจริงหรอก” ณิชบอกแค่นั้นก็เดินออกไปจากห้อง แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นขอบประตูเขาก็หันมาถามอีกครั้ง



“ถ้าผมอยากดูรูป ผมสามารถมาดูที่ห้องคุณได้ไหม”



“ได้สิ มันไม่ใช่ของผมตั้งแต่แรกคุณจะมาดูก็ได้ แค่อย่าทำมันเสียหายก็พอ”



ทุกคำพูดของจีรัชญ์ณิชตั้งใจฟังทุกคำ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายแฝงความหมายบางอย่างไว้เสมอ ก่อนหน้านี้จีรัชญ์บอกว่าคุณอนันต์วาดให้ แต่ไฉนเลยถึงได้บอกว่ามันไม่ใช่ของเจ้าตัวมาตั้งแต่แรก ดูท่าเจ้าของวังปริพัตรจะมีความลับมากมายที่ชวนน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย



ณิชกลับลงมาข้างล่างอีกครั้งเห็นมิ้งกำลังจิ้มไส้กรอกทอดเข้าปากเคี้ยวหยับๆ พอถามก็ได้ความว่าป้าแจ่มเป็นคนทอดมาให้ เอามาแบ่งให้พวกทีมช่างที่มาทำงานด้วย เรียกได้ว่าแม่บ้านวังนี้เลี้ยงแขกได้ดีเกินหน้าที่จริงๆ



พอสายสักหน่อยจีรัชญ์ก็ออกไปทำงานอย่างที่เจ้าตัวบอก ฝากสุทินให้ดูแลงานให้ตนต่อแต่หากมีอะไรขาดตกบกพร่องก็ให้โทรแจ้งเขาได้ พอตกเที่ยงทีมช่างก็ขอตัวไปกินข้าวพวกเขาทั้งสามคนจึงโดนป้าแจ่มเรียกให้ไปนั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหารได้เลย เพราะอาหารมื้อเที่ยงจัดเตรียมไว้เสร็จแล้ว



“อันสีชมพูนี่คือน้ำพริกอะไรเหรอคะ” มิ้งจดๆ จ้องๆ อาหารในถ้วยที่กำลังส่งกลิ่นหอมมาให้ มันเป็นเนื้อสีชมพูดูสวยงามแปลกตา มีผักจำพวกตะไคร้ซอย หอมแดง และเนื้อปลาสับละเอียดง่ายต่อการรับประทาน เนื้อของแป้งแดงผสมไข่ด้วยพอเอาไปนึ่งเนื้อจึงผสานเป็นเนื้อเดียว มองเผินๆ ก็คล้ายไข่ตุ๋นอยู่ไม่น้อย แต่ที่ทำให้มิ้งเรียกมันว่าน้ำพริกก็คงเพราะพริกหั่นหยาบๆ ที่ใส่ลงไปในนั้นด้วย



“เขาเรียกแป้งแดงครับ อาหารของคนใต้ มีรสชาติออกเค็มนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ คลุกข้าวสวยร้อนๆ ทานรับรองคุณมิ้งจะติดใจ” สุทินตอบพร้อมกับตักให้หญิงสาวสักปลายช้อน เพราะหากไม่ถูกปากจะได้ไม่ต้องทิ้งให้เสียดายของ



มิ้งคลุกแป้งแดงกับข้าวสวยตามคำบอกเล่าของคนที่คุ้นชินกับอาหารพวกนี้ เธอตักเข้าปากแล้วค่อยๆ เคี้ยวเพราะยังไม่ไว้ในใจหน้าตาของมันนัก แต่ปรากฏว่ารสชาติของมันกลับกลมกล่อมและดูดีกว่าหน้าตาของมันมาก อร่อยจนเธอต้องตักมาทานซ้ำอย่างไม่ต้องลังเล



ณิชส่ายหัวให้กับลูกน้องของตนเอง เรื่องกินยกให้เป็นที่หนึ่งเพราะมิ้งกินเก่งมาก อะไรๆ ก็ถูกปากไปเสียหมด ยิ่งมาอยู่ใต้เจออาหารใต้ของจริงเขาไปทำเอาสาวเจ้าออกปากว่าน้ำหนักขึ้นแน่ๆ ส่วนแม่ครัวคนทำอาหารอย่างป้าแจ่มก็ยืนยิ้มแก้มปริเพราะดีใจที่มีคนชอบอาหารที่เธอเป็นคนทำ คงเป็นกำลังใจให้คนทำอาหารได้ไม่น้อย



ได้เวลากลับมาทำงานอีกครั้ง พี่โอ๋โทรมาหามิ้งเพื่อจะคุยงานกับเขาเรื่องลูกค้าคนอื่น แอบโดนบ่นมาว่าให้รีบซื้อมือถือเครื่องใหม่ได้แล้วเพราะจะได้ติดต่อกันสะดวกๆ ณิชจึงบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะเข้าเมืองกับคุณจีรัชญ์ เนื่องจากยังไม่ชำนาญทางเท่าไหร่นักคงต้องอาศัยให้เจ้าถิ่นพาไปก่อน อีกทั้งต้องไปดูกระเบื้องลายใหม่ด้วย



การทำงานวันแรกเป็นไปด้วยดี อาจจะเริ่มงานช้าไปสักหน่อยเพราะรูปวาดเจ้าปัญหา แต่เมื่อหมดเรื่องนั้นแล้วก็ไม่มีเรื่องอื่นตามมา ทีมช่างยังคงทำงานได้ตามที่เขาวางแผนได้อย่างดี ส่วนสุทินก็เข้ามาดูอยู่เรื่อยๆ ตามหน้าที่ที่ได้รับจากเจ้าของวัง



ทีมช่างกลับไปเมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ประจวบกับจีรัชญ์กลับมาพอดี เขาบอกว่าข้างนอกฝนตกมาบ้างแล้ว หากช่างกลับก็ขอให้ขับรถอย่างระมัดระวังเพราะถนนลื่น



“ผมไปก่อนนะครับคุณจีรัชญ์ คุณณิช” ช่างจรูญกล่าวลาจากนั้นก็ขับรถนำลูกน้องออกจากวังไป ประตูรั้วบานใหญ่ขอองวังปริพัตรค่อยๆ ปิดตามหลัง สื่อให้รู้ว่าหลังจากเวลานี้จะไม่มีการเปิดรับเชิญใครเข้ามาภายในรั้ววังอีก



“คุณจีรัชญ์ครับ พรุ่งนี้...”



“เดี๋ยว” จีรัชญ์ยกนิ้วชี้ขึ้นห้ามก่อนจะรับสายที่โทรเข้ามา “ครับแข”



ณิชที่โดนแทรกถึงกับอึ้งไป แน่ล่ะว่าเขาหรือจะมีความสำคัญเท่าคนรัก ฝ่ายนั้นจะเลือกคุณแขไขก็ไม่แปลก ณิชปล่อยให้ชายหนุ่มคุยโทรศัพท์ไปส่วนตนเดินเข้าข้างใน ฝนตั้งเค้ามาเป็นลางว่าคืนนี้ท่าจะตกหนัก ส่วนเรื่องการรายงานความคืบหน้าการทำงานวันแรกเขาปล่อยให้สุทินรับหน้าจีรัชญ์แทน



“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบเห็นมิ้งไหมครับ” เขาถามหญิงสาวที่เป็นหนึ่งในแม่บ้าน เธอบอกว่ามิ้งไปหาป้าแจ่มในครัว ณิชไม่รอช้าจึงตามไปด้วย



เรือนครัวจะอยู่ไปทางหลังตึกใหญ่ แยกออกไปมีทางเดินที่มีหลังคาพอกันแดดกันฝนเป็นทางเชื่อม ณิชเห็นมิ้งกำลังวุ่นวายอยู่ใกล้ๆ ป้าแจ่มคิดว่าคงไปขอให้แม่บ้านใหญ่ทำอะไรให้ตนทานอีกแน่ๆ



“อ้าว! พี่ณิชมาพอดี นี่ๆ ป้าแจ่มจะสอนหนูทำแป้งแดงล่ะ ไม่ยากเลยนะหนูจะลองทำดูเผื่อกลับไปจะได้เอาไปทำให้ป๊ากับหม่าม้ากินด้วย” มิ้งพูดพร้อมยิ้มกว้าง ชี้ให้ดูว่าในถ้วยที่เตรียมไว้มีวัตถุดิบพร้อมสรรพรอให้เธอได้ปรุงอาหารแล้ว



“ไปกวนป้าแจ่มทำไม ในยูทูปมีสอนเยอะแยะ สูตรก็หาเอาในกูเกิ้ลก็ได้”



“ไม่ได้หรอกค่ะคุณณิช มาถึงถิ่นทั้งทีเรียนเอาจากของจริงดีกว่าไปฟังคนอื่นเขาทำกันนะคะ ไม่กวนป้าหรอกป้าชอบ” ป้าแจ่มแย้งทันควัน



กลายเป็นว่าเย็นวันนั้นณิชก็ขลุกตัวอยู่ในครัวเป็นลูกมือช่วยป้าแจ่มทำมื้อเย็น ลืมเรื่องที่จะคุยกับจีรัชญ์เสียสนิท ไม่สนด้วยว่าเจ้าของวังเขาจะตามหาตัวหรือไม่เพราะเริ่มสนุกกับการทำแกงปักษ์ใต้แล้ว



มื้อเย็นวันนี้ป้าแจ่มบอกว่าเอาเป็นเมนูง่ายๆ เช่น แกงเลียง เพราะเห็นตำลึงแทงยอดอ่อนน่าทานจึงให้คนสวนไปช่วยเก็บมา ข้างๆ กันมีต้นชะอมจึงเอามาทำไข่เจียวชะอมทานคู่กับน้ำพริก และมีสะตอติดตู้เย็นอยู่หน่อยจึงทำผัดกะปิสะตอกุ้ง เรียกได้ว่ามื้อนี้เป็นอีกมื้อใหญ่ที่ป้าแจ่มกะขุนให้ณิชกับมิ้งอ้วนกลับกรุงเทพฯ กันเลย



“หวี แกช่วยไปดูให้หน่อยว่าคุณตรีจะให้ตั้งโต๊ะหรือยัง” ป้าแจ่มหันไปสั่งแม่บ้านอีกคนที่ยืนว่างงานอยู่ หญิงสาวอายุราวๆ สัก 30 กว่ารีบวิ่งไปทางตึกใหญ่ทันที



“ปกติคุณจีรัชญ์เขาให้ตั้งโต๊ะกี่โมงเหรอครับ” ณิชอดถามไม่ได้ เพราะครั้งก่อนที่ทานมื้อเย็นด้วยกันฝ่ายนั้นพร้อมเสร็จที่โต๊ะอาหารก่อนที่เขากับมิ้งจะโผล่ไปเสียอีก



“ราวๆ หกโมงครึ่งค่ะ คุณตรีเธอไม่อยากให้ค่ำมากเพราะเกรงว่าอาหารจะไม่ย่อย”



“แล้วเขาดุไหมครับ ปกติเป็นคนดุไหม” ได้ทีก็สืบเรื่องอีกฝ่ายสักหน่อย รู้เขารู้เราพอทำงานด้วยกันจะได้ง่ายขึ้น



“สำหรับป้าคิดว่าไม่เท่าไหร่นะคะ แต่คุณเขาเงียบๆ ขรึมๆ อีกทั้งหน้าตาที่ถอดแบบบรรพบุรุษมาเป๊ะๆ เลยทำให้ดูดุ”



“บรรพบุรุษ? เจ้าของวังปริพัตรเหรอครับ”



“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่เดิมเจ้าของวังปริพัตรเป็นของคนอื่น แต่ปู่ของคุณตรีท่านซื้อไว้เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน แต่บรรพบุรุษที่ป้าว่าคือท่านหาญน่ะค่ะ ป้าเคยเห็นรูปถ่ายของท่านอยู่ครั้งหนึ่งใบหน้าคมคายคล้ายคุณตรีราวกับแกะ”



เปรี้ยง!



เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงใหญ่ที่มาหลังจากฟ้าแลบทำณิชสะด้งโหยง พอๆ กับที่เขาตัวชาวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ามือเย็นเฉียบ ทำไมเขารู้สึกเหมือนตัวเองรู้ความจริงที่น่ากลัวแบบไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ก็ไม่รู้ ใช่ว่าในประเทศไทยจะมีคนชื่อหาญได้คนเดียวเสียเมื่อไหร่ แต่เขาคิดว่าคนชื่อหาญที่หน้าคล้ายไอ้หาญในฝันคงมีไม่มากแน่ หนึ่งในนั้นคือบรรพบุรุษของจีรัชญ์งั้นเหรอ เขาจำได้ลางๆ ว่าเคยเผลอเรียกจีรัชญ์ว่าไอ้หาญด้วย



คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรอกมั้งที่คนในความฝันจะชื่อซ้ำกับคนในชีวิตจริง เป็นไปไม่ได้ที่บรรพบุรุษของจีรัชญ์จะมาเข้าฝันเขา ทั้งที่เขากับครอบครัวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันสักนิด มันคงเป็นเรื่องขนลุกไม่น้อยหากเขาฝันถึงท่านหาญ หรือว่าฝ่ายนั้นจะมาบอกว่าให้มาทำงานให้ลูกหลานตนเองดีๆ ไม่งั้นจะมาจัดการเขาทีหลัง



ลมกระโชกแรงพัดเอาเศษใบไม้พัดปลิวไปทั่ว ลมแรงมาพร้อมกับเม็ดฝนที่สาดเข้ามาเกือบถึงประตูโรงครัว ป้าแจ่มหยุดเล่าเรื่องแล้วหันไปเร่งแม่บ้านคนอื่นๆ ให้รีบเร่งมือ เพราะหวีกลับมาบอกว่าเจ้าของวังสั่งให้ตั้งโต๊ะได้แล้ว



ณิชช่วยยกสำรับอาหารเดินตามหวีไปทางตึกใหญ่ ส่วนมิ้งก็หอบแป้งแดงฝีมือตนเองตามมาติดๆ เมื่อเข้ามาในตึกก็ตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร จีรัชญ์ยังไม่ลงมาจากห้องทำงานทำให้ยังพอมีเวลาจัดโต๊ะ ณิชวิ่งกลับไปช่วยป้าแจ่มที่โรงครัวอีกครั้ง แต่หญิงวัยกลางคนบอกว่าไม่มีอะไรแล้วให้ไปเตรียมตัวทานมื้อเย็นได้เลย



“ถ้าหนูขึ้นไปอาบน้ำก่อนจะทันไหมพี่ณิช เหนียวตัวจะแย่ นี่มีกลิ่นชะอมติดผมหนูด้วยเนี่ย” มิ้งกระซิบถาม เขาก้มดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือเลยพยักหน้าให้ไปได้ สงสารที่คนสวยๆ อย่างมิ้งต้องมีกลิ่นชะอมติด เดี๋ยวจะเสียความมั่นใจเสียเปล่าๆ แต่ก็ไม่ลืมกำชับว่าให้รีบลงมาให้ทันด้วย อย่าให้เจ้าของบ้านเขาต้องรอ



มิ้งลงมาข้างล่างอีกครั้งอย่างฉิวเฉียดเพราะจีรัชญ์เดินตามหลังหญิงสาวมาติดๆ เธออาบน้ำสระผมด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ผมยังคงเปียกหมาดๆ แต่หากจะให้เป่าแห้งก็เกรงว่าจะไม่ทันการณ์จึงลงมาในแบบนั้น และเมื่อจีรัชญ์นั่งลงตรงหัวโต๊ะมื้อเย็นก็เกิดขึ้น



มิ้งยังคงรักษาความสดใสบนโต๊ะอาหารได้เสมอ เธอพูดเก่งจนเรียกได้ว่าพูดจ้อจนลิงหลับ ทำให้บรรยากาศอึมครึมและเงียบเหงาของวังปริพัตรดูสดใสขึ้นมาบ้าง ณิชยังคงทานอาหารตบปากรับมุกของมิ้งบ้าง ส่วนเจ้าของวังนั้นทานต่อไปเงียบๆ แต่ไม่ได้เอ่ยขัดหรือห้ามปรามการพูดคุยนี้แต่อย่างใด



“คุณสุทินไม่น่ากลับไปก่อนเลย ที่จริงน่าจะอยู่ชิมแป้งแดงฝีมือหนูก่อน” หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จและขึ้นมานอนเล่นที่ห้องของณิชต่อ หญิงสาวก็เอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกเสียดาย



ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนัก เธอไม่อยากอยู่ที่ห้องคนเดียวเลยหอบแลปท็อปคู่ใจมาทำงานที่ห้องณิชเสียเลย ส่วนชายหนุ่มรุ่นพี่ก็นั่งทำงานตนเองไปที่โต๊ะทำงาน ปล่อยให้รุ่นน้องยึดครองเตียงของตนไป



“พอคุณจีรัชญ์ชมเข้าหน่อยก็อยากอวดใหญ่เลยนะ”



“หูย! พูดถึงที่คุณตรีชมหนูยังดีใจไม่หายเลย ไม่คิดเลยว่าคุณเขาจะใจดีขนาดนี้ เห็นหน้านิ่งๆ ขรึมๆ คิดว่าดุเหมือนยักษ์ที่ไหนได้ใจดีมาก เออ...พี่ณิชว่าคุณตรีอายุเท่าไหร่ ท่าทางเขาดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมมากเลยนะ”



“ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่เกิน 50”



“โห่! อันนั้นหนูก็รู้เถอะ! เอ้อ! แล้วนี่เรื่องไอ้หาญกับคุณปราณไปถึงไหนแล้ว พี่ยังฝันอยู่รึเปล่า” มิ้งถามเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ ช่วงนี้ยุ่งๆ เธอเลยไม่ได้เข้าไปดูหน้านิยายของตนเองว่าคนอ่านจะมาทวงถามหรือไม่ ตอนนี้เธอชะลอการลงนิยายไปเกือบๆ อาทิตย์แล้วเพราะติดงานที่วังปริพัตรนี่แหละ



“ก็ฝันเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา ไม่มีอะไรคืบหน้าหรอก” ณิชตอบอย่างไม่ใส่ใจราวกับชินไปเสียแล้ว แค่นอนหลับตาพอเข้าสู่ห้วงนิทราเขาก็ไปโลดแล่นอยู่ในชีวิตของคุณปราณกับไอ้หาญ โดยที่ตัวเขาไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกใบนั้นเพราะอย่างไรเสียมันก็แค่ความฝันที่เขาอาจเพ้อไปเองก็ได้



“พี่ณิช พี่จะลองไปทำบุญดูไหม หนูว่าพี่ฝันอะไรแบบนี้มานานเกินไปแล้วนะ” ถึงแม้เธอจะยืมความฝันของณิชมาเป็นเค้าโครงนิยายของเธอ แต่ใช่ว่าเธอจะไม่เป็นห่วงรุ่นพี่คนนี้



“พี่คิดดูนะ คนเราจะฝันเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ได้ยังไง หรือเขาจะมาเตือนอะไรพี่รึเปล่า หนูว่าเราไปทำบุญให้เขากันดีไหม”



“แกดูละครมากไปแล้วมิ้ง มันไม่มีอะไรน่ากลัวแบบนั้นหรอก” ณิชพูดพลางยิ้มขำ



“โถ่...กันไว้ดีกว่าแก้นะพี่ หากเกิดเรื่องร้ายแรงเขาหวังเอาชีวิตพี่ขึ้นมาจะทำไง”



ปัง!



สิ้นเสียงมิ้งบานหน้าต่างไม้ก็กระแทกปิดเสียงดังพร้อมกับแรงลมที่พัดแรงอยู่ด้านนอก คนทั้งคู่สะดุ้งโหยงก่อนจะเป็นณิชที่ตั้งสติได้ก่อน เขาลุกไปเปิดหน้าต่างพร้อมสับตะขอไว้ และปิดหน้าต่างที่เป็นมุ้งลวดอีกชั้น ปิดล็อกไว้อย่างดีกันหน้าต่างเปิดในคืนนี้ ไม่งั้นเขาคงโดนยุงหาม



“หัวใจแทบวาย ได้จังหวะอย่างกับหนังผี” มิ้งลูบอกตนเองแล้วบ่นออกมาเบาๆ ณิชส่ายหน้าขำกับความช่างจินตนาการของรุ่นน้องก่อนจะหันไปทำงานต่อ



โดยคนทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าเจ้าของบ้านมาได้ยินสิ่งที่คนทั้งสองพูดกันหมดแล้ว ใจจริงจีรัชญ์จะมาบอกณิชเรื่องนัดหมายว่าจะเข้าเมืองในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อได้ยินมิ้งถามณิชเรื่องความฝันเขาจึงหยุดฟัง



เห็นทีครั้งนี้เขาคงเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว ทุกอย่างมันถูกกำหนดเขาจะฝืนชะตาไม่ได้เลยสินะ ไม่ว่าจะฝืนยังไงท้ายที่สุดเขาก็ต้องติดอยู่ในวังวนนี้อยู่ดี



‘ปล่อยให้มันเป็นไปเถิด เอ็งเลี่ยงไม่ได้หรอก’



แววเสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านพาถ้อยคำลอยมาจากที่ไกลๆ จีรัชญ์ถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปที่ห้องตนเอง พร้อมดวงตาที่แดงก่ำอย่างคนกำลังอดกลั้น



::::::::::::



วันรุ่งขึ้นณิชตื่นตั้งแต่เช้า เขามีนัดกับจีรัชญ์แต่ยังไม่รู้เวลานัดหมายที่แน่นอน ณิชจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไว้ก่อน หากจีรัชญ์บอกว่าสะดวกไปตอนไหนจะได้ไปกันเลย ฝนที่ตกหนักเมื่อคืนหยุดไปตอนประมาณตีสอง บนยอดหญ้ามีน้ำค้างเกาะจากหยาดน้ำฝนเมื่อคืน อากาศตอนเช้าของที่นี่บริสุทธิ์อย่างที่หาจากในเมืองไม่ได้ ณิชสูดอากาศเข้าเต็มปอดยืนบิดขี้เกียจตรงหน้ามุขของตัวคฤหาสน์ วันนี้ได้โอกาสเข้าเมืองทั้งทีคงต้องซื้อพวกรองเท้ากีฬามาใส่วิ่งออกกำลังสักหน่อย ไหนๆ อากาศดีแบบนี้ก็สร้างสุขภาพที่ดีเลยก็แล้วกัน




ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


ระหว่างที่เขากำลังยืนดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้า หางตาก็เห็นแผ่นหลังกว้างของหนุ่มเจ้าของบ้านไวๆ จีรัชญ์เดินไปทางข้างของคฤหาสน์ คนละทางกับที่มีดอกพุดน้ำบุศย์ที่ชายหนุ่มหวงนักหวงหนา ณิชเดินตามไปเพื่อจะได้สอบถามเรื่องนัดหมายในวันนี้ว่าจะไปกันกี่โมง เขาฝากงานไว้กับมิ้งแล้วคิดว่าถ้าได้ไปเร็วกลับเร็วจะได้กลับมาช่วยรุ่นน้องคุมงานอีกที



จีรัชญ์เดินดุ่มๆ ไปทางหลังตึก ไม่ใช่ทางโรงครัวอย่างที่คิดแต่เป็นทางเดินเข้าสวน ในมืออีกฝ่ายมีเสียมถือไปด้วย เดินผ่านกอไผ่หวานที่ปลูกเป็นระเบียบที่คะเนด้วยสายตาก็ราวๆ 30 กอเห็นจะได้ เห็นหน่อไม้แทงออกได้เวลาเก็บกิน แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อจีรัชญ์นั่งลงใช้เสียมตัดลงไป โดยเหลือตาไว้สักหน่อยเพื่อให้มันได้แตกหน่อครั้งต่อไป



ชายหนุ่มขุดหน่อไม้ต่อไปโดยไม่สนว่ามีใครเดินตามมาด้วย ณิชมองไปรอบๆ ตัวอย่างใคร่รู้ ตรงนี้ดูจะเป็นป่าไผ่เพราะมีกอไผ่ปลูกไว้เยอะพอสมควรแต่ก็ไม่รก ถัดไปไม่รู้จะเป็นสวนอะไรอีก เพราะเคยได้ยินป้าแจ่มเล่าว่าที่นี่มีพืชผักผลไม้ปลูกอยู่หลายชนิดเก็บกินเก็บขายได้ทั้งปี



“ไปเอากระสอบที่ท้ายโรงครัวมาหน่อย จะได้ให้ไอ้พลีเอาไปขายที่ตลาด” จู่ๆ จีรัชญ์ก็พูดขึ้น คนที่กำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองสะดุ้ง ณิชหันไปมองคนที่ยังคงเดินหาหน่อไม้ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความฉงน



“คุณเห็นผมด้วยเหรอ”



“คุณเป็นผีรึไงทำไมผมต้องมองไม่เห็น” จีรัชญ์สวนกลับทันควันทำเอาณิชแอบเบะปากหน้างอกับคำหยอกคำแซวนี้ ก่อนตัวเขาจะเดินไปหยิบกระสอบอย่างที่เจ้าตัวขอในตอนแรก แต่เมื่อเอากลับมาให้กลับไม่เห็นคนขอเสียแล้ว มองซ้ายมองขวาอยู่นานก็เห็นเดินอยู่ด้านหลังโน่น



“คุณ! คุณจีรีชญ์! จะให้ผมเก็บใส่กระสอบหมดนี่เลยเหรอ!” ตะโกนถามแต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ อาจจะไม่ได้ยินเพราะอยู่ห่างกันพอสมควรณิชจึงก้มลงเก็บหน่อไม้ใส่กระสอบ เช้านี้เขากลายเป็นลูกมือเจ้าของสวนหน่อไม้ไปโดยปริยาย



เวลาล่วงเลยเกือบแปดโมงเช้า ณิชที่เดินเก็บหน่อไม้ที่จีรัชญ์ขุดวางไว้โคนต้นปาดเหงื่อ เสื้อผ้าชุดใหม่ที่ใส่มาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ น่าแปลกไหมล่ะ แทนที่เขาจะชิ่งหนีแต่กลับอยู่ช่วยอีกฝ่ายจนเสร็จ ไม่ใช่เขามีน้ำใจอะไรขนาดนั้นแต่เมื่อมาอยู่บ้านเขาแถมกินข้าวบ้านเขาครบสามมื้อ อะไรที่ช่วยได้ก็ต้องช่วย ส่วนจีรัชญ์ไม่มีทีท่าจะเหนื่อยเลยแม้เหงื่อเจ้าตัวจะออกมากว่าเขาก็ตาม



“วางไว้นี่แหละเดี๋ยวให้ไอ้พลีมาเก็บต่อ” พูดจบร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้าไปในสวนอีกหน่อย ณิชได้ยินเสียงทางน้ำไหลพอเดินตามเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นลำธารเล็กๆ ไม่คิดว่าหลังวังปริพัตรจะมีลำธารตัดผ่านด้วย



“น้ำนี่สะอาดไหลลงมาจากเขา” เจ้าบ้านพูดก่อนจะนั่งยองๆ กวักน้ำมาล้างมือล้างแขน รวมไปถึงล้างหน้าและลำคอที่เต็มไปด้วยเหงื่อณิชจึงทำตามบ้าง สัมผัสแรกที่โดนน้ำทำเขาสะดุ้งเพราะมันเย็นจัด คงเพราะฝนที่ตกเมื่อเย็นวานยาวไปจนถึงกลางคืนทำให้อุณหภูมิน้ำเป็นแบบนี้ แต่พอกวักมาล้างหน้าก็สดชื่นได้ไม่น้อย



“ทำไมคุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เอง ลูกน้องก็มีไม่ใช่เหรอ”



“ใครจะไปดูแลสวนได้ดีกว่าเจ้าของสวน ผมปลูกเองก็อยากดูแลมันเอง ฝากคนอื่นไว้ก็ทำไม่ได้ดั่งใจ” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ ชายหนุ่มคิดว่าจะนั่งพักสักหน่อยแล้วค่อยเดินกลับไปทานมื้อเช้า



กิจวัตรประจำวันในแต่ละวันเขาไม่มีอะไรมาก ออกกำลังกายพอให้ได้เหงื่อเสร็จก็เข้าสวน เพราะเขาชอบบรรยากาศช่วงเช้าที่อากาศเย็นสบายและเงียบสงบ ทุกสรรพสิ่งยังคงไม่ตื่นดีมันทำให้สงบ ทำให้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ป้าแจ่มยังเคยบ่นว่าเขาทำตัวปลีกวิเวกมากเกินไป เพื่อนฝูงที่สนิทชิดเชื้อก็ไม่มีสักคน



“แต่สวนทั้งหมดนี่คือของคุณหมดเลยนะ มันเยอะเกินไปที่จะทำคนเดียว แล้วสวนยางด้านหน้าวังนั่นล่ะอย่าบอกนะว่าคุณกรีดเอง” ณิชพูดถึงสวนยางพาราที่ปลูกอยู่หน้าวังปริพัตรที่แทบบดบังความสวยงามของตัวคฤหาสน์สีฟ้าหลังนี้ หากไม่รู้ว่าข้างในเป็นที่ตั้งของวังเขาก็คงไม่รู้เพราะตอนแรกขับรถผ่านถึงสองครั้งเนื่องจากมองไม่เห็นทางเข้าวัง



“อันนั้นผมจ้าง แต่สวนผลไม้อื่นๆ ก็ไปดูเอง ผมหมายถึงโดยรวมที่ดูแลเองไม่ได้จ้างใครให้มานอนดูแลสวนให้เหมือนคนอื่น คุณเข้าใจไหม” จีรัชญ์อธิบายและถามกลับอย่างใจเย็นเมื่อเห็นสีหน้าไม่อยากเชื่อของอีกฝ่าย ตาเรียวสวยเบิกโตก่อนจะหรี่ลงแล้วกลับมาอยู่ในขนาดปกติ ดูท่าณิชจะเป็นคนแสดงอารมณ์ออกทางสายตาเก่ง เพราะไม่ว่าเจ้าตัวจะคิดอะไรสายตาและสีหน้าก็แสดงออกมาจนหมด



“คุณเป็นคนรวยที่แปลกคนจริงๆ ทำตัวเหมือนคนแก่วัยเกษียณ ปกติคนวัยหนุ่มแถมรวยแบบคุณเขาต้องไปเที่ยวต่างประเทศไม่ก็ทำธุรกิจสิ แต่นี่มาทำสวน” ณิชออกความเห็น ยังคิดสงสัยไม่น้อยว่าจีรัชญ์คิดอะไรอยู่ เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีทรัพย์สินครอบครองมากมาย และดูเป็นคนรวยที่มัธยัสถ์อย่างที่สุด แต่กลับทิ้งโลกภายนอกมาอยู่กับสวนและวังเก่าพวกนี้ พิลึกคน



“ชีวิตก็คือชีวิต มันอยู่ที่เราจะเลือกเดินแบบไหน” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้เดินกลับคฤหาสน์เสียที ณิชลุกขึ้นตามแต่เพราะที่ที่อีกฝ่ายนั่งใกล้ริมตลิ่งมากเกินไปดินชื้นแฉะจึงทำให้ณิชลื่นตกลงไปในลำธาร โชคยังดีที่น้ำแค่ช่วงเอวแต่กระนั้นก็ทำหนุ่มเมืองกรุงตกใจไม่น้อย



“จับมือผมไว้” จีรัชญ์รีบเข้าไปช่วยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวน้ำเพียงใด



กระแสน้ำเย็นไหลผ่านตัวณิชจนตัวสั่น เขาจับมือใหญ่ที่เผื่อแผ่ความอบบอุ่นมาให้ก่อนจะโดนดึงให้ขึ้นไปยืนบนฝั่งด้วยกัน ณิชเปียกไปครึ่งตัวอีกทั้งความเย็นของน้ำบวกกับลมที่พัดมาโอบล้อมคนทั้งคู่ไว้ส่งผลให้ณิชตัวสั่นปากสั่น จีรัชญ์อดสงสารไม่ได้ เขาโอบไหล่ที่เล็กกว่าของตนเกือบเท่าหนึ่งไว้หลวมๆ พอให้ความอบอุ่นของตนแผ่ไปถึงหนุ่มร่างบางนี้



คนทั้งคู่เดินมาถึงคฤหาสน์ป้าแจ่มที่รอท่าอยู่แล้วถึงกับเบิกตาโตตกใจกับสภาพของณิช เอ่ยถามทันใดว่าตกสระบัวมาอีกแล้วหรือ



“ผมลื่นตกลำธารน่ะครับ ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ” ณิชวิ่งขึ้นชั้นบนไปโดยมีแม่บ้านเดินถูพื้นตามหลัง เพราะน้ำจากร่างกายณิชหยดลงตามพื้นเต็มไปหมด



“ผมเก็บหน่อไม้ให้แล้ว บอกไอ้พลีให้เอาไปขายด้วย” จีรัชญ์สั่งหญิงแม่บ้านเสร็จก็เดินขึ้นไปอาบน้ำบ้าง



ณิชเดินกอดให้ความอบอุ่นตัวเองเข้าห้องไปแล้ว จีรัชญ์ทันเห็นอีกฝ่ายถอดเสื้อออกโชว์ผิวเนียนก่อนประตูจะปิดลง ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเจออะไรอีกบ้าง แต่ขอเถิดว่าอย่าให้มันสาหัสอย่างที่แล้วมาอีกเลย



::::::::::::



จีรัชญ์ขับรถพาณิชเข้าไปในตัวเมืองเกือบ 11 โมงแล้ว นั่นเพราะเป็นเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเปิดทำการเขาจึงเลือกเข้าเมืองเวลานี้ เขาสองคนแวะไปดูกระเบื้องกันก่อน ณิชออกความเห็นบ้างตามเท่าที่ตนพอจะเสนอได้ เนื่องจากจีรัชญ์ก็มีข้อมูลอยู่ในหัวแล้วไม่น้อยเช่นเดียวกัน



พวกเขาใช้เวลาที่ร้านขายกระเบื้องเกือบๆ 1 ชั่วโมง จีรัชญ์ถามย้ำว่าของที่สั่งจะมาทันกำหนดใช่หรือไม่ เพราะเขาอดที่จะพูดถึงความผิดพลาดของทางร้านที่เพิ่งมาแจ้งให้ทราบไม่ได้ ต่อให้บริการดี สินค้าเกรดดียังไง แต่ถ้าไม่เป็นไปตามที่ตกลงไว้ก็ต้องแจ้งกันสักหน่อย



“คุณจะแวะที่ไหนก่อนไหม มีที่ที่อยากไปรึเปล่า” จีรัชญ์หันมาถามเมื่อเขาทั้งคู่ขึ้นนั่งในรถยนต์โดยมีจีรัชญ์เป็นคนขับแล้ว



“ผมเพิ่งมาถึงที่นี่เองครับคงยังปักหมุดที่ไหนไม่ได้ เราไปที่ห้างกันเถอะผมอยากได้มือถือแล้ว รู้สึกเหมือนขาดอวัยวะไปเลย”



จีรัชญ์พาณิชมาห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในจังหวัดนี้ เพราะฟังจากลิสต์รายการของที่ณิชต้องการซื้อคงต้องหาเอาจากที่นี่ทั้งหมด



“เดี๋ยวแวะไปเอาซิมก่อนนะครับ คุณจะไปนั่งรอผมที่ร้านกาแฟก่อนก็ได้เพราะกว่าผมจะเสร็จธุระคงอีกสักพักเลย” ณิชพูดอย่างเกรงใจแต่จีรัชญ์ปฏิเสธ ชายหนุ่มบอกว่าตนไปด้วยได้ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับการรอคอยแต่อย่างใด



“ผมรอจนชินแล้ว รอนานกว่านี้ก็เคยรอ” ถ้อยคำที่ออกมาจากปากชายหนุ่มพร้อมตาที่จ้องมองมาทำณิชรู้สึกหน่วงในอก ทั้งที่เป็นคำพูดธรรมดาแต่เขากลับรู้สึกว่าคนพูดกำลังเจ็บปวดเหลือทน



Rrrrr Rrrrr



“ครับแข” เขารับสายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนสนิทโทรมา



[ทำอะไรอยู่คะตรี สะดวกคุยไหม]



“อืม...ได้ครับ” จีรัชญ์มองณิชเดินเข้าร้านขายสมาร์ทโฟนยี่ห้อผลไม้ อีกฝ่ายหันมองที่เขาไม่เดินตามพอเห็นว่าเขาติดสายอยู่จึงใบ้มือบอกว่าตนจะเข้าไปดูของในร้าน



[งานเป็นไงบ้างคะ ณิชทำงานดีอย่างที่แขบอกไหม]



“นี่แค่เริ่มต้นผมยังประเมินลูกน้องให้คุณไม่ได้หรอก”



[แต่คนที่เนี้ยบกับงานอย่างคุณยังไงก็ต้องมองออกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ] แขไขพูดเจือเสียงหัวเราะ เพราะเธอรู้ดีว่าจีรัชญ์เป็นคนอย่างไร จีรัชญอายุเพียง 35 ปีแต่ทำตัวประหนึ่งคนแก่อายุสัก 70 ผ่านโลกมามากมาย บางครั้งการออกความเห็นของจีรัชญ์ก็มีประโยชน์สำหรับเธอมาก



“ณิชทำงานได้ไว ค่อนข้างเป๊ะในระดับหนึ่ง รวมๆ แล้วทำงานดี” จีรัชญ์ตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้เพิ่งเริ่มงานและยังไม่เห็นถึงข้อบกพร่องใดๆ แต่พอดูหน่วยก้านและฟังรายงานจากสุทินเมื่อวานถือว่าได้ใจเขาไปพอสมควร



ได้ใจในเรื่องงานน่ะ



ทางฝั่งณิชยังคงลังเลกับสมาร์ทโฟนสองรุ่น รุ่นหนึ่งคือรุ่นที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ ส่วนอีกรุ่นคือตัวใหม่เพิ่งออกได้ราวเดือนเศษ เขาลังเลว่าจะใช้ของใหม่แบบรุ่นล่าสุดไปเลยหรือว่าจะใช้รุ่นเดิมที่ระบบเสถียรแล้วดี



ท้ายสุดก็กัดฟันซื้อรุ่นใหม่อยู่ดี เครื่องเก่าซื้อสดแต่เครื่องนี้คงต้องผ่อน ระหว่างรอให้พนักงานของทางร้านจัดการโทรศัพท์ให้เขาก็เดินดูพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ไปพลางๆ ส่วนจีรัชญ์เพิ่งวางสายโทรศัพท์ก่อนจะเดินเข้ามาในร้าน



“คุณไม่ซื้อแอปเปิ้ลวอชไปด้วยล่ะ”



“พอก่อนครับ แค่เครื่องมันผมก็เจ็บตัวเยอะแล้ว เกิดซื้อไอ้ตัวนี้อีกเกรงว่าจะไม่ได้กินข้าวแต่กินแกลบแทน” จีรัชญ์หัวเราะในลำคอกับคำพูดของอีกฝ่าย



กว่าณิชจะซื้อของที่ตนอยากได้เสร็จก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง รวมไปถึงการทานอาหารกับจีรัชญ์ด้วย เมื่อออกมาจากประตูห้างมายังชั้นจอดรถก็เห็นว่าด้านนอกฝนตกหนักมาก จีรัชญ์บอกว่าภาคใต้ก็แบบนี้ ฝนแปดแดดสี่จะหาวันที่อากาศดีๆ เหมือนภาคอื่นไม่ได้หรอก นี่ก็พายุเข้าไม่รู้จะฝนจะตกหนักไปอีกกี่วัน



ฟ้าที่เคยโปร่งไม่มีเมฆในช่วงเช้าหายไปเหลือแค่ฟ้ามืดที่ครึ้มเมฆฝน วิสัยทัศน์ในการขับรถค่อนข้างแย่ มองเห็นได้ในระยะไม่กี่เมตรทำให้ต้องขับอย่างระมัดระวัง ยังดีที่เขามากับจีรัชญ์นี่ถ้าหากมาคนเดียวคงขับแบบเต่าคลานแน่ๆ เพราะตอนนี้สองข้างทางแทบมองอะไรไม่เห็น



“เห้ย!” ณิชร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นรถขับตัดหน้า ดีที่จีรัชญ์ไม่ได้ขับเร็วจึงไม่เกิดอุบัติเหตุ



“ตกหนักอย่างกับฟ้ารั่ว ตอนนี้แค่สี่โมงเย็นเองนะครับ แต่ท้องฟ้ามืดอย่างกับหกโมงแล้ว” ณิชบ่นพยายามช่วยจีรัชญ์มองทางเต็มที่ อย่างน้อยๆ สองตาก็ยังดีกว่าตาเดียว



“ภาคใต้ก็แบบนี้ เดี๋ยวคุณอยู่ไปก็ชินเอง”



ตลอดสองข้างทางกลับที่ขับผ่านเป็นป่ายางทั้งสิ้น ต้นไม้สูงตระหง่านโน้มเข้าหากันสองข้างทางยิ่งทำให้ฟ้ามืดขึ้นไปอีก ถึงแม้เม็ดฝนจะเบาบางลงบ้างไม่หนักเท่าตอนอยู่ในเมืองแต่ก็ยังตกอยู่ดี



มีรถขับสวนกันไม่มากนัก จีรัชญ์บอกว่าตรงนี้เป็นทางสายรองไม่ใช่สายหลักที่มีรถตลอด แต่กระนั้นก็ยังมีเด็กวัยรุ่นขับรถเล่นฝนแข่งกันอย่างไม่กลัวอุบัติเหตุ



“ระวังนะคุณ ไอ้เด็กพวกนี้ไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย ขับรถกลางฝนไม่กลัวฟ้าผ่ากบาลบ้างรึไง” ท้ายประโยคณิชบ่นพึมพำคนเดียว จีรัชญ์เหลือบสายตามองหนุ่มเมืองกรุงที่นั่งหน้าเครียด



ขับไปสักพักก็เจอไอ้เด็กกลุ่มเดิมจอดอยู่ข้างทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอนกันทั้งกลุ่มแต่ดูพวกมันจะไม่สนใจ ณิชสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไหร่อาจเพราะทางตรงนี้ค่อนข้างเปลี่ยวด้วยทำให้เขาระแวงมากขึ้นไปอีก



“ฝนตกไม่หนักเท่าไหร่แล้วรีบขับเถอะคุณ ผมไม่ไว้ใจไอ้เด็กพวกนั้นเลย”



แอ๊นนนน!!!



ปัง!!



สิ้นคำณิชไม่เท่าไหร่เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นพร้อมกับกระจกรถด้านหน้าที่แตกร้าว พอดูดีๆ ก็เห็นไอ้เด็กกลุ่มเดิมขับแซงไปไม่เท่าไหร่ก็ปาก้อนหินใส่รถ โชคยังดีที่ก้อนหินไม่โดนใครให้บาดเจ็บ จีรัชญ์จอดรถในทันทีเพื่อดูว่าณิชเป็นอะไรหรือไม่ แต่เหมือนจะกลายเป็นเป้านิ่งไปเสียแล้ว เพราะกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ขับมอเตอร์ไซค์แซงพวกเขาไปเมื่อครู่มันย้อนกลับมาพร้อมอาวุธครบมือ



“มันเมายาแน่นอน” จีรัชญพูดแค่นั้นก็กดล็อกรถทันที กำลังจะเข้าเกียร์เพื่อขับออกไปไม่สนใจว่ากระจกด้านหน้าจะแตกร้าวไปมากแค่ไหน ตอนนี้เขาต้องหนีออกจากวงล้อมเด็กพวกนี้ให้ได้ก่อน



เคร้ง!



“หรอยเว้ยหรอย!!”



ไอ้พวกเด็กชั่วใช้แท่งเหล็กฟาดรถของจีรัชญ์เสียหายเกือบทั้งคัน เสียงโห่ร้องด้วยความสะใจของพวกมันทำณิชอยากจะเอาเหล็กฟาดปากมันกลับ จีรัชญ์รีบขับออกจากวงล้อมแต่กลับโดนแท่งเหล็กฟาดทะลุกระจกเข้ามาทำให้ต้องหลบ ณิชร้องด้วยความตกใจก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยตนเองดูอาการของจีรัชญ์ก่อน



“ณิชระวัง!!”



แต่จีรัชญ์กลับกอดเขาหลบแท่งเหล็กที่ฟาดเข้ามาไม่ยั้งแทน เสียงฟาดตุบตับดังให้รู้ว่ามันโดนเนื้อคนแน่ๆ ณิชน้ำตาคลอด้วยความกลัว



“เหี้ยไรเนี่ย! พวกมึงแม่ง!! คุณเป็นอะไรไหม” ณิชสบถอย่างหัวเสีย เขาผละออกจาอกกว้างถามจีรัชญ์ที่เมื่อกี๊เขาเห็นว่าโดนปลายแท่งเหล็กฟาดโดนหน้าผาก จังหวะหลบก็โดนพวกมันใช้แท่งเหล็กแหลมจ้วงซ้ำเขามาในรถ พวกมันทำแบบนี้หวังเอาชีวิตกันเลยไม่ใช่แค่ปล้นธรรมดา ณิชโวยวายใหญ่ด้วยความกลัวว่าจีรัชญ์จะเป็นอะไร



“ผมไม่เป็นอะไร คุณนั่งดีๆ เกาะไว้แน่นๆ” จีรัชญ์เตือนแค่นั้นก็ถอยรถ ไม่สนว่าจะชนพวกมันคนไหนรึเปล่า หากไม่มีทางเลือกเขาก็คงชนทุกคนที่ขวางหน้า



เพราะอารมณ์ตกใจทำให้ณิชทำอะไรไม่ถูกก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรแจ้งตำรวจ แต่เขากลับโดนจีรัชญ์ห้ามไว้โดยให้เหตุผลว่าแจ้งไปตำรวจก็มาไม่ทันพวกมันคงหนีไปแล้ว ตอนนี้คงมีแต่กล้องหน้ารถเท่านั้นที่พอจะเป็นหลักฐานได้ กลับถึงบ้านก่อนค่อยว่ากัน



ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงวังปริพัตรในสภาพรถที่โดนทุบยับเยิน ณิชรีบลงจากรถมาดูอาการของจีรัชญ์ทันที ถึงแม้ชายหนุ่มจะบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่เขาก็ไม่เชื่อ จับอีกฝ่ายถอดเสื้อออกเพื่อจะได้ดูแผลชัดๆ จีรัชญ์ปัดป้องพัลวันแต่ก็ไม่พ้นมือณิชไปได้ เขาแทบฉีกเสื้ออีกฝ่ายออกเพราะเมื่อกี๊เขาเห็นว่าแท่งเหล็กมันสร้างแผลฉกรรจ์ได้เลย



“ทำไม...”



แต่เมื่อเปิดเสื้อดูเขากลับไม่เห็นรอยเลือดแม้แต่นิดเดียว หากเป็นคนปกติคงแตกตั้งแต่หัวที่โดนฟาด อีกทั้งแท่งเหล็กที่ครูดผิวจนเสื้อขาดก็คงได้เลือดไม่น้อย แต่ที่เขาเห็นคืออีกฝ่ายไม่เป็นอะไรเลย มีแค่รอยแดงกับ...



“รอยนั่นมัน...”



มีแต่ความสงสัยกับความตกใจที่ทำณิชพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้มันน่าขนลุกยิ่งกว่าโดนไอ้พวกเด็กชั่วนั่นทำร้ายเสียอีก



แผ่นหลังกว้างของจีรัชญ์เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นนูนขึ้นเป็นขีดทับไปมาในแนวนอน ไม่ต่ำกว่าสิบรอย เหมือนรอยจากการถูกเฆี่ยนซ้ำๆ จนเกิดรอยแผลเป็น รวมไปถึงแผลตรงไหล่ซึ่งเขาจะไม่ตกใจเลยหากไม่ใช่ตำแหน่งเดียวกับที่คุณปราณพลาดมือไปโดนไอ้หาญตอนประลองดาบด้วยกัน





โปรดติดตามตอนต่อไป


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอคอย  เธอมาแสนนาน

ทรมาณ วิญญานหนักหนา

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โอ๊ะโอ~~ทั้งบาดแผลและความทรงจำอดีตยังคงอยู่ ลุ้นต่อเลยเรื่องราวมันเป็นมายังไง เคลียร์กันให้จบในชาตินี้นะ รอมานานแสนนาน //ไอ้พวกเด็กเวรรรรรร เหี้ยจริง น่าจะรถล้มกันไปให้หมด รอตอนหน้าเลยจ้า ขอบคุณนะคะที่มาต่อ ชอบมากเลย จะกลับมารักกันตอนไหน แต่เมื่อเห็นว่าเขาจะได้รับอันตรายก็ห่วงมากแล้วอะ ปกป้องซะ อัยยย  :o8: 555  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
คุณจีรัชญ์เนี่ยยังไง ระลึกชาติจนจำได้หมดหรือยังไง ยังสงสัยไม่หาย :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ทำไมตรียังมีแผลเป็นจากชาติก่อน หรือตรียังไม่เคยจากชาติภพที่เป็นหาญ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
กำลังเข้มข้นเลย :z3:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เจ้มจ้นจีๆ (สนุกมากคับ)

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๖


“คุ...คุณจีรัชญ์...คุณ...” ณิชครางชื่ออีกฝ่ายเสียงเบา


เพราะในความคิดเขาตอนนี้กำลังเอาความฝันกับความจริงมาปนกัน เขาพยายามบอกตัวเองว่านี่คือเรื่องบังเอิญ ความฝันที่เขาไม่เคยใส่ใจกับมัน ต่อให้ฝันซ้ำกันหลายคืน ปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวจนมิ้งเอามาเขียนเป็นนิยายได้ แต่เมื่อมาอยู่กับจีรัชญ์เขากลับเอาเรื่องราวในฝันมาผูกพันกับชายคนนี้


รอยแผลที่เห็นที่จริงแล้วอาจเป็นรอยแผลจากที่อื่น เขาไม่รู้ว่าอาจารย์มหา’ ลัยที่เป็นเจ้าของวังที่เงียบสงบแห่งนี้ ไม่สุงสิงกับใครเหตุไฉนถึงได้มีแผลตามตัวมากมายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจีรัชญ์มีเรื่องราวปิดซ่อนเอาไว้ไม่บอกให้ใครรู้มากแค่ไหน แต่เขาที่บังเอิญได้เห็นแผลเหล่านี้ก็ไม่ควรคิดไปว่ารอยพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับคนในฝัน

หากแต่จิตใต้สำนึกในใจเขากำลังร้องลั่นว่าเขาควรหาคำตอบในสิ่งนี้ ความลึกลับของผู้ชายคนนี้ที่ชวนให้เขาตั้งคำถาม และมันยากมากที่จะปัดความสงสัยในตัวจีรัชญ์ออกไป

จีรัชญ์ปัดมือณิชออก เขารีบใส่เสื้อกลับเหมือนเดิมก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าตัวตึกคฤหาสน์ไป ณิชยังคงตกใจกับสิ่งที่เห็น แต่ก็รีบเดินตามไปเพราะเป็นห่วงอาการของอีกฝ่ายไม่น้อย

“คุณณิช! คุณตรี! ทำไมสภาพรถเป็นแบบนั้นคะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ป้าแจ่มรีบวิ่งมาดูเมื่อเด็กในบ้านไปบอกว่ารถของจีรัชญ์สภาพยับเยิน หญิงเลยวัยกลางคนมือไม้สั่นสั่งให้แม่บ้านคนอื่นไปหยิบผ้าขนหนูมาให้คนทั้งสอง จากนั้นจึงรีบรุดตามจีรัชญ์ขึ้นข้างบนไป

“พี่ณิช! เกิดอะไรขึ้น” มิ้งถามหน้าตื่นเมื่อเห็นสภาพรุ่นพี่ตนเอง ก่อนจะเบนสายตาไปทางรถยนต์สภาพบุบและกระจกหน้าแตก ดูเหมือนกับประสบอุบัติเหตุร้ายแรงมา

“พวกเราโดนดักทำร้ายน่ะ น่าจะพวกวัยรุ่นเมายา” ณิชตอบ แต่กระนั้นเสียงก็ยังสั่นจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่พอมาเจอรอยแผลเป็นจีรัชญ์ทำเขาแทบจะลืมเรื่องที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้ไปเลย

“เดี๋ยวพี่มา” เขารีบตามขึ้นไปยังห้องนอนจีรัชญ์ทันที ป้าแจ่มหายเข้าไปในห้องนอนของเจ้าของบ้าน ณิชรีบตามไปติดๆ แต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อก

ก๊อกๆๆ

“คุณจีรัชญ์ เปิดประตูให้ผมหน่อย คุณเป็นอะไรมากไหม ให้ผมพาไปหาหมอไหมครับ” เพราะการกระทำของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ทำเขาซึ้งในน้ำใจ จนต้องปัดตกความสงสัยก่อนหน้านี้ไปก่อน จีรัชญ์เอาตัวเองมาขวางไว้ทำให้เขาไม่โดนแท่งเหล็กเหล่านั้นฟาดเอา อ้อมกอดแข็งแรงที่รองรับแรงกระทบทั้งที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ซึ่งการกระทำนั้นซื้อใจณิชได้เต็มๆ จนอดห่วงใยไม่ได้

“คุณณิช คุณตรีไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ คุณเขาบอกว่าไม่ต้องห่วง แต่ไม่ทราบคุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม ถ้ามีป้าจะได้ตามหมอให้ค่ะ” เป็นป้าแจ่มที่เปิดประตูออกมาพูดกับเขา บานประตูแง้มเปิดพอให้หญิงอาวุโสออกมาเท่านั้น ณิชพยายามมองเข้าไปในห้องก็เห็นได้เพียงฝาผนัง

“แต่ผมอยากดูให้เห็นกับตาว่าคุณตรีของป้าเป็นอะไรมาไหม เขาโดนแท่งเหล็กฟาดหลายครั้งแรงมากเลยครับ ต่อให้ไม่มีเลือดก็ต้องมีรอยช้ำ ผมจะพาไปแจ้งความด้วย แถวนี้ก่อเหตุแบบนี้มันน่ากลัวมากเลยนะครับ มันอาจจะเกิดกับคนอื่นด้วยอีกก็ได้ ยิ่งที่นี่มีแต่ป่ายางมันอาจจะลักลอบเข้ามาซ้ำพวกเราก็ได้นะครับ” ณิชให้เหตุผลเสียยาวเหยียดจนป้าแจ่มถอนหายใจด้วยความเอ็นดู ความห่วงใยของณิชมากล้นจนเธอใจอ่อนยอมเปิดประตูให้ ทั้งที่คำสั่งของเจ้านายบอกว่าให้ตามสุทินกับหมอมาก็พอ และห้ามให้คนอื่นเข้ามาในห้องตนเป็นอันขาด

ปกติห้องจีรัชญ์มีเธอกับสุทินเท่านั้นที่เข้าได้ ส่วนพวกคนรับใช้ในบ้านนั้นไม่มีใครกล้ายุ่งห้องของคุณตรีสักคน ถือเป็นกฎเหล็กข้อแรกของที่นี่ที่ควรปฏิบัติ นั่นคือห้ามยุ่มย่ามชั้นบนหากไม่ได้รับอนุญาต หรือมีหน้าที่อื่นใดบนนี้ หากทำผิดครั้งแรกจะโดนตักเตือน แต่ถ้ามีครั้งต่อไปจะโดนไล่ออกทันทีไม่มีข้อยกเว้น

และที่จีรัชญ์บอกว่าห้ามคนอื่นที่ว่าก็คงเป็นหนุ่มเมืองกรุงคนนี้แหละ แต่ทำอย่างไรได้ ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของณิชทำให้เธอต้องฝืนคำสั่ง

ป้าแจ่มออกไปแล้ว ณิชเดินเข้าไปในห้องของจีรัชญ์แล้วก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็นอีกครั้ง ขนแขนลุกชันอย่างไม่ทราบสาเหตุ กลิ่นอายที่คุ้นเคย ความเป็นไทยที่เหมือนหลุดเข้าไปในเรื่องทวิภพอะไรทำนองนั้น เหมือนเขาหลุดเข้ามาในโลกอีกใบที่ต้องนึกชื่นชมคนออกแบบห้องนี้ในใจว่าทำการบ้านมาอย่างดี

เตียงสี่เสาตั้งเด่นเป็นสง่าให้เห็นเป็นสิ่งแรก การตกแต่งภายในของห้องนี้ราวกับย้อนไปราวร้อยปีก่อน เฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้นในห้องเป็นไม้ ไม่ว่าจะตู้ โต๊ะ เตียง หรือเก้าอี้นัก หากมองในมุมเขาแล้วเจ้าของห้องคงอยากคุมโทนความเป็นไทยย้อนยุค อีกทั้งมีหน้าต่างหลายบานแต่ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ม่านขาวบางตรงขอบประดับลูกไม้พลิ้วไหวตามแรงลมจากฝนที่ตอนนี้บางเบาลงแล้ว และแน่นอนว่าห้องนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศเช่นเดียวกัน

คงเพราะเจ้าของอยากให้คงกลิ่นอายย้อนยุคจึงไม่ได้ใส่เครื่องอำนวยความสะดวกเครื่องนี้เข้าไป แต่เอาจริงๆ ตั้งแต่มาอยู่คฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกร้อนเลย แค่พัดลมตัวเดียวก็เอาอยู่แล้ว แต่ห้องข้างล่างที่จีรัชญ์ให้ทำใหม่ก็ได้สั่งให้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศด้วย อันนี้เขายังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเพราะอะไร

ณิชมองไปรอบๆ ห้องอย่างรู้สึกคุ้นตาเหมือนกับว่าเขาเคยเข้ามาในห้องนี้แล้ว เขาเคยเห็นการตกแต่งแบบนี้ การจัดวางแจกันตั้งพื้นตรงนี้ พัดลมเพดานโบราณที่ยังคงทำงานได้ดี จนแวบหนึ่งที่เผอลคิดไปว่าตนเคยนอนอยู่ในห้องนี้

เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดจาวูวิ่งเข้ามาในหัว เขาเคยมานอนในห้องนี้ เตียงสี่เสาที่มีผ้าม่านผูกไว้กับเสาทั้งสี่เคยถูกปลดลงเพื่อบดบังบทรักอันเร่าร้อน หากไม่คิดอะไรก็คงบอกได้ว่าเขาเคยออกแบบภายในห้องนอนมานักต่อนัก ย่อมมีสไตล์การตกแต่งเหล่านี้ผ่านตามาบ้าง และเพราะอารมณ์ศิลปินจึงทำให้จินตนาการไปไกล แต่สำหรับความรู้สึกเขาแล้วมันไม่ใช่

เหมือนความสุขสมที่เต็มแทบล้นอกจุดขึ้นในใจ เหมือนการเคลื่อนไหวและเสียงหยาบโลนของเนื้อกระทบกันแว่วให้ได้ยิน ชายสองคนที่กำลังกอดรัดนัวเนียกันบนเตียงหลังนี้กำลังปฏิบัติกามกิจอย่างถึงใจ

“คุณเข้ามาทำไม ออกไป!” จีรัชญ์พูดเสียงแข็งเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นณิชยืนอยู่กลางห้อง ผู้มาเยือนตกใจสะดุ้งสุดตัวเพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ ณิชหันไปหาจีรัชญ์กวาดสายตามองไปทั่วกายกำยำที่ตอนนี้ใส่เพียงกางเกงเลสีน้ำตาลเข้มมัดเอว ส่วนรอยพับของผ้าถูกขมวดขึ้นไม่ให้มันหลุด

ผิวสีแทนบนร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อทุกมัดชัดเจนและสิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือร่องรอยบาดแผลที่มีอยู่ทั่วตัว จากที่ปัดตกเรื่องความสงสัยและการผูกเรื่องราวต่างๆ ที่แทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้เขาต้องกลับมาคิดใหม่อีกครั้ง หนุ่มเมืองกรุงเผลอเดินเข้าไปใกล้ยกมือขึ้นแตะไปตามรอยแผลเป็นเหล่านั้นอย่าลืมตัว ความสงสัยเต็มไปหมดจนไม่รู้จะถามสิ่งไหนก่อนดี

เจ้าของร่างมองคนที่เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ ปลายนิ้วเรียวสวยไล้ไปตามรอยแผลเป็นที่ไหล่ของเขา เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้สายตานั้นแสดงออกถึงความข้องใจอย่างปิดไม่มิด แต่เสี้ยวสายตาก็ยังเต็มไปด้วยความห่วงใย หัวใจของเขาเต้นรัวอยู่ในอก ความใกล้ชิดนี้แม้ไม่ได้มากที่สุดอย่างที่เคยเป็นมาแต่มันกลับทำให้ใจเขาแทบหลุดจากอกได้

หัวใจที่เต้นด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับสิ่งที่ดังอยู่ในหัวว่าห้าม... ห้ามรัก

หมับ!

จีรัชญ์ห้ามมือเย็นๆ ของณิชที่กำลังไต่ไปตามร่างกายช่วงบนของเขา ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าที่แสดงถึงความสงสัยแต่นัยน์ตาดูเศร้าโศก เขาขบกรามแน่นระงับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจตอนนี้ ทั้งที่ใจจริงอยากจะจับณิชเหวี่ยงออกไปนอกห้องเสียด้วยซ้ำ เขาอยากให้ณิชอยู่ห่างเขามากที่สุด แต่ยิ่งอยากให้ไกลกันเท่าไหร่มันก็ยิ่งใกล้มากขึ้นเท่านั้น

“ผมไม่เป็นอะไรคุณไม่ต้องห่วง ออกไปจากห้องผมได้แล้ว” จีรัชญ์ยังคงเสียงแข็ง ณิชเงยหน้ามองคนตรงหน้าชัดๆ สายตาที่ช้อนขึ้นมองเหมือนเชิญชวนจีรัชญ์อยู่กลายๆ จนชายหนุ่มต้องเบือนหน้าหนี

“คุณไปทำอะไรมา ทำไมถึงมีรอยแผลเยอะแบบนี้” ณิชถามเสียงแผ่วเบา มือเรียวโดนจีรัชญ์จับไว้มั่นเพื่อจะได้ไม่สัมผัสร่างกายของตนอีก ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ดึงณิชให้เดินตามตนไปที่ประตูห้องนอน เขาเปิดประตูและส่งณิชออกไปนอกห้อง แม้หนุ่มร่างบางจะไม่ยอมแต่ก็สู้แรงเจ้าของห้องไม่ได้

“คุณจีรัชญ์ ผม...”

โครม!

จีรัชญ์ปิดประตูใส่หน้าไม่เบานัก ณิชได้แค่ยืนค้างอยู่ตรงนั้นกับมารยาทของอีกฝ่าย แต่เพราะใจที่สับสนทำให้เขาไม่ได้นึกโกรธ จีรัชญ์คงอายที่ร่างกายตัวเองมีรอยแผลเยอะแบบนั้น ดูท่าจะเป็นรอยแผลที่ได้มาจากความทรงจำที่ไม่ดีนักแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีอาการกีดกันและผลักไสเขาขนาดนี้

ณิชกลับห้องตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพราะเปียกชื้นไปทั้งตัว ของของเขาที่ซื้อมาวางอยู่บนเตียงแล้วคาดว่าแม่บ้านคงเอามาให้

ก๊อกๆๆ

“พี่ณิช หนูเข้าไปได้ไหม”

“เข้ามาสิ”

มิ้งได้ยินคำอนุญาตจึงเข้าห้องไป เธอเห็นณิชกำลังนั่งเอาหัวจ่อพัดลมเพื่อเป่าผมให้แห้งอยู่ เธอเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะที่ปลายเตียง

“คุณสุทินมาแล้วท่าทางรีบร้อนมาก ก็อย่างว่าเจ้านายมีเรื่อง แล้วนี่ทำไมพวกพี่ไม่โทรเรียกตำรวจ ไอ้กลุ่มเด็กพวกนั้นที่พี่ว่าป่านนี้หนีกระเจิงไปแล้ว พี่จำหน้าพวกมันได้บ้างไหม" มิ้งถามรัวจนณิชตอบไม่ทัน สีหน้าของหญิงสาวยังมีร่องรอยของความตกใจ สายตาแห่งความห่วงใยส่งมาให้จนณิชต้องยิ้มให้

“หน้าซีดเลย”

“ไม่ให้ซีดได้ไง โคตรตกใจอ่ะพี่ ตอนเห็นสภาพรถแล้วพี่กับคุณตรีเข้ามาคือคิดเป็นเรื่องดีไม่ได้เลย ไม่คิดว่าพี่จะรอดด้วยซ้ำ คิดว่าโดนยิงอะไรแบบนี้ แล้วนี่คุณตรีเขาเจ็บมากไหม สีหน้าคุณสุทินดูไม่ดีเลย มีหมอมาด้วยหนึ่งคนดูแก่ๆ”

“พี่เข้าไปดูแล้วไม่เห็นรอยแผลฉกรรจ์ แต่ก็คงช้ำไม่น้อย” เขาตอบพลางนึกว่าตอนนั้นตนได้สำรวจอีกฝ่ายถ้วนทั่วหรือยัง แต่ที่จำได้เห็นจะมีรอยแผลเป็นนั่นแหละที่ดึงความสนใจไปจนหมด

“โชคดีไปนะเนี่ยที่ไม่อันตรายถึงชีวิต แล้วเรื่องแจ้งตำรวจจะว่าไง ให้หนูพาไปไหมเดี๋ยวหนูขับรถพาไปเอง” มิ้งอาสาเพราะรู้ดีว่าณิชยังคงมีอาการตกใจ มือเรียวสวยที่เธอชมบ่อยๆ ยังสั่นอยู่หน่อยๆ

“คงต้องรอคุณจีรัชญ์ก่อน ถ้าไปก็คงต้องไปพร้อมกัน”

มิ้งอยู่คุยกับณิชอีกเล็กน้อยก็ลงไปดูงานต่อเพื่อให้รุ่นพี่เธอได้พัก ช่างจรูญกำลังจะกลับเพราะฝนหยุดตกและได้เวลาเลิกงานแล้ว เธอจึงต้องไปตรวจงานของวันนี้แทนณิช ชายหนุ่มปล่อยให้รุ่นน้องทำงานไปส่วนตนก็ขึ้นมานอนบนเตียง นึกไปถึงสิ่งที่เห็นและรู้สึกก่อนหน้านี้ ทำไมทุกอย่างรอบตัวจีรัชญ์ดูน่าสงสัยราวกับอีกฝ่ายมีอะไรปิดบังเต็มไปหมด ยิ่งจีรัชญ์ปิดบังเขายิ่งอยากรู้อยากหาคำตอบ

ป้าแจ่มคือคนสำคัญที่เขาจะเค้นถามให้ได้ หญิงชราน่าจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับจีรัชญ์ไม่น้อย อยากถามด้วยว่าทำไมในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีรูปถ่ายสักใบของเจ้าของบ้านเลย เห็นแค่รูปวาดเรือนไทยรูปนั้น กับรูปอื่นๆ ที่เป็นรูปวาดเช่นเดียวกันประปราย ทั้งที่ปกติวังแบบนี้ต้องมีรูปบรรพบุรุษต้นตระกูลให้เห็นแล้ว

วังปริพัตรมีอะไรหลายอย่างให้เขานึกสงสัย หากเป็นก่อนหน้านี้เขาจะไม่คิดอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะรอยแผลบนตัวจีรัชญ์ และท่าทางน่าสงสัยของเจ้าของวัง

ทางฝั่งสุทินที่รีบรุดมาหาจีรัชญ์ทันทีที่ทราบข่าวจากป้าแจ่ม เขาพาหมอโกวิทที่อายุราว 60 ปีซึ่งหมอประจำตัวของจีรัชญ์มาด้วย เรียกได้ว่าขโมยตัวมาจากคลินิกเลยก็ว่าได้ จีรัชญ์ให้ไปพบที่ห้องทำงาน เขาเห็นเจ้านายกำลังบิดกายไปมาเหมือนกำลังเคล็ดยอก

“มาแล้วครับคุณตรี”

“เดี๋ยวผมดูให้ครับ” หมอโกวิทรีบเข้าไปดูอาการให้ทันทีหลังจากที่ทราบคร่าวๆ ว่าชายหนุ่มลอบโดนทำร้าย จีรัชญ์นั่งบนเก้าอี้เอนเพื่อให้หมอโกวิทดูอาการ เขารอฟังคำบอกกล่าวถึงอาการของเขาจากหมอประจำตัวด้วยใจจดจ่อ ก่อนฝ่ายนั้นจะถอนหายใจยาวๆ

“ไม่มีอะไรหักครับ คงเคล็ดขัดยอกและมีรอยช้ำ ส่วนรอยแผล...ไม่มีเช่นเดิมครับ” หมอชราสบตากับชายหนุ่มก่อนจะรายงานไปตามที่ได้ตรวจดูคร่าวๆ จีรัชญ์ถอนหายใจอย่างคนรู้ดีว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้ หมอโกวิทมองคนที่เรียกใช้ตนมาเป็นเวลากว่าหลายสิบปีแล้วก็ถอดถอนใจ หากจะให้ดีก็อยากให้จีรัชญ์ไปโรงพยาบาล แต่แน่ล่ะ...จีรัชญ์ไม่ไปโรงพยาบาล ไม่คิดจะไปเหยียบสักครั้งเขาจึงต้องมาดูให้ถึงที่นี่

“มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณตรี” สุทินถามด้วยความร้อนใจ เท่าที่จำได้เจ้านายเขาไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน อีกทั้งไม่มีศัตรูที่ไหนด้วยแต่ทำไมถึงโดนทำร้ายได้

หมอโกวิทนั่งบนเก้าอี้อีกตัวเพื่อรอฟังคำบอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากปากจีรัชญ์ คนทั้งคู่ตั้งใจฟังไม่ขัดให้จีรัชญ์ต้องรำคาญใจ ก่อนจะฟังจบแล้วถอนหายใจไปตามๆ กัน

“มันเริ่มขึ้นแล้ว” จีรัชญ์พูด เขาไปหยุดยืนตรงหน้าต่างกลิ่นหอมของเจ้าดอกพุดน้ำบุษย์ลอยมาให้ได้กลิ่นเบาบางเพราะมันกำลังจะร่วงโรย มือใหญ่กำแน่นยามคิดว่าต่อจากนี้ชีวิตเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกครา

“ในเมื่อมันเริ่มขึ้นแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องให้เป็นไปตามที่ชะตาลิขิต” สุทินบอกเจ้านายน้ำเสียงเศร้า นึกสงสารเจ้านายจับใจแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้

จีรัชญ์นิ่งเงียบไปพักใหญ่ เขาจมอยู่กับความคิดตัวเอง อุตส่าห์ไม่ตามหา ไม่คิดถึง ไม่พยายามนึกถึงเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วเขาจึงเลี่ยงไม่ได้แบบนี้

“แล้วที่คุณตรีบอกว่าคุณณิชเห็นรอยแผลเป็นแล้ว เขาว่าอย่างไรบ้างครับ” สุทินถามถึงสิ่งที่ตนสงสัย

จีรัชญ์ถอนหายใจอย่างคนคิดไม่ตก นี่แหละคือสิ่งที่เขายังหาทางออกไม่ได้ ณิชดูจะระแคะระคายในตัวเขาอยู่บ้าง แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยปนเศร้าวันนี้ทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังผูกเรื่องกับความฝันของตัวเองแน่ๆ

ลมที่เคยพัดผ่านเข้ามาให้รู้จักห้วงแห่งรัก จนกลายเป็นความหลังที่ไม่อาจลืมเลือน เขาอยากยืดเวลาออกไปอีกสักหน่อย เขายังไม่พร้อมแบกรับความทรมานนี้อีกครั้ง เพราะไม่ว่าชาติใดเขาก็ไม่เคยสมหวังกับสายลมสายนี้เลย

::::::::::::

“คุณจีรัชญ์ล่ะครับป้าแจ่ม” ณิชถามในช่วงอาหารเย็นเมื่อไม่เห็นเจ้าของบ้านลงมาร่วมโต๊ะอย่างเคย เขารู้สึกมึนหัวหน่อยๆ คงเพราะตากฝนตอนที่นั่งรถกลับมากับจีรัชญ์ เนื่องจากกระจกหน้าแตกจึงต้องฝ่าฝนกันมา เดี๋ยวเขาว่าจะขอยาจากป้าแจ่มกินก่อนนอนด้วย ไม่งั้นคงตื่นมาทำงานไม่ไหว

“คุณตรีให้ยกสำรับขึ้นไปให้แทนค่ะ คุณเขาอยากพักผ่อน” ป้าแจ่มตอบก่อนจะตักข้าวให้มิ้งที่รอท่าอยู่แล้ว กับข้าววันนี้เป็นแบบทั่วไปไม่ได้เน้นหนักไปทางใต้เหมือนอย่างเคย มีผัดเปรี้ยวหวาน ปลากะพงทอดน้ำปลา กับน้ำพริกกะปิกินแนมกับผักพวกแตงกวา ถั่วฝักยาว ใบบัวบก และผักกูดลวกแล้ว

“ยกไปรึยังครับ เดี๋ยวผมยกให้เอง” ณิชออกตัวอาสาเพราะอยากไปดูด้วยว่าอีกฝ่ายจะไม่สบายอย่างเขารึเปล่า ประจวบเหมาะกับแม่บ้านกำลังยกสำหรับผ่านห้องทานอาหารไปพอดีเขาจึงรีบเข้าไปหา

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณณิช ให้หวียกไปเถอะ คุณณิชมาทานข้าวดีกว่าค่ะ” ป้าแจ่มเอ่ยปากห้าม เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยายามเข้าหาเจ้านายตนในเวลานี้

“จริงค่ะคุณ เดี๋ยวฉันยกไปดีกว่า” หวียื้อถาดกลับมาแต่ณิชกลับยึดจับไว้มั่น

เขาคิดไปเองว่าที่จีรัชญ์ไม่ลงมาเพราะจะหลบหน้าเขา ใช่ล่ะ... เขามีคำถามเกิดขึ้นเยอะมาก ขนาดที่ว่าจะคุยกับคุณสุทินและหมอโกวิทแต่สองรายนั้นก็แทบจะบึ่งรถออกไปทันที สุทินพูดกับป้าแจ่มแค่ว่าเดี๋ยวจะให้ช่างมาเอารถของจีรัชญ์ไปซ่อมเพียงเท่านั้น

“ให้ผมทำเถอะครับ วันนี้คุณจีรัชญ์ช่วยผมไว้ด้วย ผมอยากตอบแทนเขาบ้าง” ณิชพูดเสียงอ่อน

“ก็ดีนะคะ ให้พี่ณิชยกไปให้เพื่อจะได้ดูด้วยว่าคุณตรีขาดเหลืออะไรไหม อ้อ! ได้คุยเรื่องแจ้งความด้วยไงคะ เรื่องโดนทำร้ายวันนี้ไม่ควรปล่อยให้เงียบนะคะ” มิ้งพูดสนับสนุน ทั้งที่ใจนั้นสงสัยมากว่าทำไมเจ้าของรถอย่างจีรัชญ์ถึงไม่ยอมรีบไปแจ้งความ รถเสียหายแถมเกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว

ณิชขยิบตาให้น้องรักไปหนึ่งทีเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะเดินดุ่มๆ ขึ้นชั้นบนไป ทิ้งให้ป้าแจ่มกับหวีมองตามพลางถอนหายใจ สถาปนิกคนนี้ดูจะแอบดื้อเงียบทำจีรัชญ์ปวดหัวแน่ๆ

ก๊อกๆๆ

ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้องนอน ณิชเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร หรือจะนอนซมเป็นไข้ไปแล้วกันก็ไม่อาจรู้ได้ เขาจึงลองเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูด้วยความทุลักทุเลเพราะถาดที่ถือมาก็ใหญ่พอสมควร อีกทั้งเคยโดนแม่สอนว่าห้ามวางของกินบนพื้นทำให้ไม่กล้าวางถาดลงก่อน

“ระวังหก” มือใหญ่สอดรับใต้ถาดที่กำลังจะเอียงในไม่ช้าได้ทันท่วงที พร้อมกับความอบอุ่นจากหุ่นสูงใหญ่กำยำที่ณิชมักเรียกว่ายักษ์ในใจซ้อนประชิดแผ่นหลัง ลมหายใจของคนมาใหม่หายใจรดกระหม่อมณิชแผ่วเบา


ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


หัวใจดวงน้อยของหนุ่มเมืองกรุงเต้นรัวจนเผลอหายใจสะดุด แผ่นอกแกร่งเบียดชิดเข้ามาอีกนิดเมื่อมือที่กำลังถือถาดของเขาสั่นกว่าเดิม มือใหญ่ที่กอบกุมอยู่ใต้ถาดด้วยกันแนบชิดจนรู้สึกเหมือนเขากำลังโดนไฟช็อต ตอนนี้ณิชรับรู้ได้ด้วยตัวเองเลยว่าแก้มของเขาคงเปลี่ยนจากสีปกติเป็นแดงระเรื่อ

“อะ...เอ่อ...ผมเอามื้อเย็นมาให้ เห็นป้าแจ่มบอกว่าคุณสั่งให้ยกมาผมเลยอาสายกมาให้เอง จะได้คุยกับคุณเรื่องแจ้งความด้วย” เขาอ้อมแอ้มตอบไม่กล้าหันไปกลับไปสบตากับคนตัวโตที่ยืนคร่อมเขาอยู่

จีรัชญ์เผลอสูดดมความหอมจากเส้นผมของอีกฝ่าย กลิ่นยาสระผมที่ไม่คุ้นนักแต่กลับหอมจนต้องเผลอดมซ้ำ ยิ่งสมองสั่งห้ามเท่าไหร่ว่าอย่าเข้าใกล้ จิตใจกลับโหยหามากเท่านั้น

“ตัวคุณร้อน” เพราะความใกล้ชิดทำให้รับรู้ถึงอุณหภูมิของคนตรงหน้าได้ไม่ยาก เขาถือวิสาสะใช้อีกมือแตะไปบนหน้าผากของคนที่ไม่ยอมหันหน้ามาหาเขาสักที ณิชตกใจไม่น้อยกับการกระทำนี้แต่ไม่ได้ปัดออกแต่อย่างใด เผลอหลับตายามอีกฝ่ายทาบมือใหญ่ลงมา ทำให้ตัวเขาตกอยู่ในวงแขนแข็งแรงไปโดยปริยาย

“อย่าลืมทานยาด้วย”

นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ณิชได้ยินก่อนสติทุกอย่างจะดับมืดลงพร้อมอาการวูบ จีรัชญ์รั้งเอวบางไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่ร่างณิชจะทรุดลงพื้น รูปร่างแม้ไม่บอบบางเหมือนเก่าแต่เมื่อเทียบกับเขาแล้วณิชก็ยังถือว่าตัวเล็กกว่าอยู่ดี เขาวางถาดอาหารไว้บนพื้นหน้าห้องจากนั้นก็ตวัดร่างบางขึ้นอุ้มแนบอกเพื่อพาไปนอน คาดว่าที่เป็นลมไปแบบนี้เพราะไข้หวัดแน่ๆ หากได้เช็ดตัวสักหน่อยคงดีขึ้น

--##--##--##--##--##--##--

เสียงครางในลำคอของไอ้ทาสสื่อออกมาว่าตอนนี้จุดกลางกายของมันที่ฝังกายอยู่ในตัวเจ้านายกำลังโดนภายในตอนรัด ไอ้หาญกัดฟันกรอดเมื่อคุณปราณทำให้มันแทบคลั่ง เล็บของคนตัวเล็กจิกไปบนแผ่นหลังคร้ามแดดเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ไอ้หาญสอดกระแทกใส่ไม่ยั้ง

บทรักอันเร่าร้อนดำเนินไปเรื่อย ความสุขสมที่ฉีดลึกเข้าไปในกายหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่มีทีท่าว่าคนทั้งสองจะนึกพอ คุณปราณเปลี่ยนจากท่านอนราบเป็นคร่อมตักแกร่งของไอ้บ่าวซื่อ มือหยาบของมันขย้ำไปบนบั้นท้ายกลมอย่างมันมือ แต่ก็ไม่ได้ลงแรงมากเกินไปแต่อย่างใด ด้วยเพราะมันเกรงว่ายอดดวงใจของมันจะเจ็บ

วันนี้คุณปราณให้ไอ้หาญพามาชมบัวอีกครั้ง เนื่องจากไอ้หาญบอกว่าไอ้มั่นมันเริ่มระแคะระคายในตัวของมัน คุณปราณจึงเลี่ยงไม่ให้ไอ้หาญไปหาในตอนกลางคืน แต่มาชมบัวในตอนกลางวันเสียแทน

รากไม้ใหญ่ที่คุ้นเคยนี้เปรียบเสมือนเตียงนอนไว้ทำรักของคนทั้งสอง ผ้านุ่งโจงกระเบนกับเสื้อเนื้อดีถูกถอดพาดไว้กับกิ่งไม้ที่ขึ้นเป็นพงไม้รกใกล้กัน นอกจากมันจะบดบังไม่ให้ใครเห็นว่าที่ตรงนี้พวกเขาได้ทำอะไรกันแล้ว ยังเป็นที่แขวนผ้าไม่ให้เสื้อผ้าคุณปราณเปรอะเปื้อนดินอีกด้วย

“อ๊า! หาญ...แรงอีก เร็วๆ ฉันจะเสร็จแล้ว” เสียงหวานครางเครือยามใกล้ถึงฝั่งฝัน มือเรียวเอื้อมตวัดไปด้านหลัง ขณะที่ตนกำลังคุกเข่าอยู่ก็กดบั้นเอวของไอ้หาญให้สอดลึกเข้ามาในกายตนอีก ให้ส่วนนั้นของไอ้หาญได้จี้โดนจุดเสียวกระสันภายใน ส่วนมืออีกข้างเปลี่ยนจากค้ำยันพื้นเป็นช่วยปรนเปรอให้ตนเอง รูดรั้งแก่นกายที่แข็งตึงเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังโจนทะยานอยู่ในขณะนี้

ไอ้หาญกอดร่างขาวนวลเนียนตรงหน้า ท่อนแขนล่ำหนาของมันกอดรัดเอวบางแทบหัก แรงกระแทกกระทั้นตามอารมณ์ที่ต้องการปลอดปล่อยทำให้ตัวคุณปราณสั่นไปทั้งตัว ร่างคนทั้งสองแนบชิดแทบไม่มีที่ว่างให้อากาศได้ลอดผ่าน จนท้ายที่สุดไอ้หาญก็ฉีดพ่นน้ำรักของมันใส่คุณปราณเป็นรอบที่สาม จังหวะเดียวกับที่คุณปราณก็ปล่อยของเหลวขาวขุ่นออกมาเปื้อนดินเช่นเดียวกัน

“คุณปราณชอบไหมขอรับ” ไอ้หาญถามหลังจากลมหายใจมันปรับเป็นปกติแล้ว บทรักในครั้งนี้ทำมันสูญแรงอยู่มากโข แต่หากมันทำให้คุณปราณมีความสุขได้มันก็ยินดี

“อะ...อืม...ดีมากหาญ ดีมาก” เพราะกว่าสามรอบที่พวกเขาทำกันมา แค่นี้มันก็สุขล้นปรี่แล้ว มาชมบัวกันตั้งแต่สายจนตอนนี้ตะวันตรงหัว อากาศร้อนแทบไหม้แต่เพราะแรงกำหนัด ทำให้ต้องอาศัยเงาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ริมบึงบัวเป็นตัวกำบังแดดในระหว่างที่พวกเขาร่วมรักนี้

คุณปราณกระดกเอวสะดุ้งเล็กน้อยยามส่วนแข็งขืนอันใหญ่เขื่องของไอ้หาญหลุดออกจากตัว เสียววาบจากช่องทางรักไปทั่วกาย รู้สึกอ่อนแรงจนต้องนั่งพิงต้นไม้ ไอ้หาญเดินไปล้างตัวที่ริมบึงบัวพอให้สะอาดไม่มีกลิ่นคราบไคลเหลืออยู่ ก่อนมันจะนุ่งผ้าให้เหมือนเดิม ไม่ลืมตัดใบบัวรองน้ำมาล้างเนื้อล้างตัวคุณปราณด้วย

“เข่าแดงไปหมดแล้วขอรับ” ไอ้หาญบอกอย่างรู้สึกเสียดายที่ผิวเนียนของผู้เป็นนายต้องมีรอยแดง คุณปราณยกยิ้มยามเห็นหน้าไอ้บ่าวคนซื่อที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเขาเสียเหลือเกิน มือหยาบกร้านของมันรองน้ำมาลูบไล้ที่ขาเขาเพื่อปัดรอยดินออกให้หมด และล้างคราบต่างๆ ที่เพิ่งเสร็จกิจไปเมื่อครู่ด้วย

ตั้งแต่ดีกันตอนไปซ้อมดาบด้วยวันนั้น ไอ้หาญก็ไม่กล้าเข้าใกล้หญิงอื่นใดอีกเพราะกลัวยอดดวงใจของมันจะถือโทษโกรธเอาได้ ถึงแม้ปกติมันก็แทบไม่ย่างกรายเข้าหาสาวคนใดก็ตาม แต่อย่างไรเสียมันก็ระวังตัวมากกว่าเมื่อก่อน แทบจะตัวติดกับไอ้มั่นตลอดเพราะเกรงว่าหากมันอยู่คนเดียวก็จะมีหญิงอื่นมายุ่งเกี่ยวกับมันอีก

มีเมียขี้หึงอย่างไรก็ต้องระวัง

“ข้าบอกคุณหญิงแม่ไว้ว่า หากไม่ลืมจะเก็บสายบัวไปให้คุณหญิงแม่ต้มกะทิสายบัวปลาทูเสียหน่อย” คุณปราณว่าขณะแต่งตัวไปด้วย โดยที่ไอ้หาญคอยช่วยเหลือไม่ห่าง มีบ้างที่คุณปราณเย้าแหย่มันด้วยท่าทางยั่วยวนจนไอ้บ่าวซื่อเขินอาย ผิวคล้ำของมันดูไม่ออกว่าขึ้นสีระเรื่อแบบที่บ่งบอกว่าเขิน แต่สายตาที่หลุบต่ำกับรอยยิ้มตรงมุมปากก็พอเดาได้ว่าไอ้หาญมันเขินคุณปราณเพียงใด

“งั้นบ่าวลงไปเก็บให้นะขอรับ” ไอ้หาญใช้ผ้าขาวม้าที่มันพกมาด้วยปัดๆ พื้นที่ริมฝั่งตรงที่ไม่โดนแดด ก่อนจะปูผ้าผืนนั้นลงบนพื้นให้ยอดดวงใจของมันนั่ง

คุณปราณนั่งลงบนผ้าขาวม้ารอไอ้หาญลงไปเก็บสายบัว สายลมพัดเอื่อยๆ พอให้คลายร้อนได้ ไอ้หาญลงไปดำพุดดำว่ายอยู่ในบึง ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกปอน มันหันมาที่ฝั่งเห็นคุณปราณนั่งมองอยู่จึงยิ้มให้ ยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็น รอยยิ้มกว้างหวานที่สุดมีให้กับคนที่มันรักสุดหัวใจ

คนนั่งรอนึกสนุกอยากแกล้งไอ้บ่าวซื่อจึงลงเรือแล้วพายไปหาคนที่กำลังเก็บสายบัวอย่างขะมักเขม้น ไอ้หาญรู้สึกได้ถึงผิวน้ำไหว และเมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าคุณปราณพายเรือตรงมาที่มันแล้ว

“คุณปราณอยากได้อะไรหรือขอรับ เรียกบ่าวเลยก็ได้ไยต้องพายเรือมาเช่นนี้” ไอ้หาญว่ายไปเกาะกราบเรือเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม

“ข้าอยากได้ดอกบัว” คุณปราณชี้ไปที่บัวดอกหนึ่ง บัวหลวงสีขาวที่คนมักนำไปบูชาพระกำลังจะเบ่งบาน วันพรุ่งน่าจะได้เห็นดอกมันบานเต็มที่ สิ้นคำที่เอ่ยบอกคุณปราณก็ยื่นมือไปหวังจะเก็บบัวดอกนั้น ไอ้หาญรีบว่ายไปอีกฝั่ง แต่คุณปราณกลับดื้อดึงที่จะเก็บดอกบัวเองจนเรือโคลง

“ระวังขอรับ ประเดี๋ยวจะตกน้ำตกท่าเอานะขอรับ”

“ไม่ดอก เอ็งคิดว่าข้าจะไม่ระวังตัวรึ ขยับออกไปข้ามองดอกบัวไม่เห็นแล้ว”

“ให้บ่าวเก็บให้นะขอรับ ตรงโน้นมีสวยกว่านี้อีกขอรับ” ไอ้หาญชี้ไปทางอีกฝั่งของบึงบัว คุณปราณหยุดมือเรียวที่กำลังจะถึงดอกบัวก่อนจะมองตามที่ไอ้หาญว่า

“งั้นเอ็งก็มาพายเรือพาข้าไป” เมื่อเห็นว่าดอกบัวกำลังเบ่งบานชูช่อสวยจึงยอมให้ ไอ้หาญตวัดสายบัวที่มันเก็บได้เต็มอ้อมแขนขึ้นเรือ ก่อนจะปีนขึ้นเรือโดยมีคุณปราณช่วยอีกแรง

ไอ้หาญพายเรือมาทางฝั่งที่ดอกบัวขึ้นชุม คุณปราณระบายยิ้มบนใบหน้าเมื่อเห็นสิ่งสวยงามตรงนั้น อดที่จะเอื้อมมือออกไปเพื่อเชยชมความสวยงามของดอกบัวหลวงไม่ได้ ไอ้หาญขยับเข้ามาใกล้เพราะมันเกรงว่าคุณปราณจะตกเรือ

“บ่าวเก็บให้นะขอรับ” ไอ้หาญซ้อนหลังชายหนุ่มร่างบาง คุณปราณเหลือบมองก่อนจะนึกสนุกทำให้เรือโคลง ไอ้หาญหน้าคะมำกอดคุณปราณไปเต็มอก มันได้ยินเสียงคุณปราณหัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่แกล้งมันได้

“ระวังจะตกเรือขอรับ คุณปราณว่ายน้ำไม่แข็งประเดี๋ยวจะจมน้ำเอา”

แต่มีหรือที่คุณปราณจะฟังมัน นอกจากจะเอนตัวเอื้อมไปหาดอกบัวสวยมากขึ้นแล้วยังจะดึงมือไอ้หาญให้กอดตนไว้ให้แน่นขึ้นอีกด้วย

“งั้นเอ็งก็กอดข้าไว้ดีๆ จะได้ไม่ตก” รอยยิ้มยั่วยวนทำไอ้หาญอดไม่ได้ที่จะเชยชมแก้มเนียนด้วยจุมพิตหวาน มันรักคนคนนี้เสียจนไม่รู้จะบรรยายได้อย่างไร กลีบบัวที่ว่าต้องถนอมยังไม่น่ามองเท่าแก้มนิ่มของคนในอ้อมกอดมันเลย

แต่เพราะน้ำหนักของคนทั้งสองเทมาข้างเดียวกัน ทำให้เรือไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ในลักษณะที่ควรจะเป็น จึงทำให้เรือพลิกตะแคงจนคนทั้งคู่ตกน้ำไปทันที

“เห้ย!”

“คุณปราณ!!”

ตูม!!

ระดับน้ำลึกแบบที่ไม่สามารถยืนได้ทำให้คุณปราณที่ตกใจกลัวตะเกียกตะกายขอความช่วยเหลือ พยายามว่ายน้ำแต่เพราะกอบัวขึ้นชุมทำให้พันแข้งพันขาไปหมด ชายหนุ่มตกใจจึงกลายเป็นลนลาน ไอ้หาญที่ตั้งสติได้ก่อนคว้าเอวบางไว้แน่น ดันตัวคุณปราณให้อยู่สูงกว่าตนเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้หายใจได้สะดวก ถึงแม้มันจะโดนกดหัวจากคนที่กำลังตื่นกลัวอยู่ก็ตาม

“แค่กๆๆ หะ...หาญ...แค่กๆ” คุณปราณเกาะกอดร่างใหญ่ไว้มั่น ใจเต้นรัวในอกแทบทะลุเพราะกลัวตาย น้ำตารื้นขึ้นมาที่ดวงตาสวย

“มิเป็นไรแล้วขอรับ คุณปราณอยู่กับบ่าวแล้วขอรับ” ไอ้หาญปลอบเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังขวัญเสีย ก่อนจะพาคุณปราณไปที่ฝั่งแล้วว่ายกลับมาเอาเรือ

ไอ้หาญรีบพายเรือพาคุณปราณกลับเรือนทันที อารมณ์สนุกของคุณปราณเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวน เขาหันไปมองหน้าไอ้บ่าวซื่อที่ตอนนี้ทำหน้าที่พายเรือไปสายตาก็มองเขาด้วยความห่วงใย มันเปียกไปทั้งตัว ผ้าขาวม้าที่ใช้รองนั่งก่อนหน้านี้ถูกเขาเอามาห่มคลายความหนาว ส่วนไอ้หาญไม่มีอะไรปิดกาย นอกจากผ้าที่นุ่งแบบหยักรั้งสั้นตามความทะมัดทะแมงที่บ่าวในเรือนมักนุ่งกัน

เมื่อมาถึงเรือนไอ้มั่นที่แอบงีบหลับรออยู่ที่ท่าน้ำสะดุ้งตื่น ไอ้หาญเรียกมันจึงต้องงัวเงียลุกขึ้นมาเป็นอันรู้ว่าคุณปราณกลับมาจากชมบัวแล้ว แต่สภาพเปียกโชกทั้งตัวทำไอ้บ่าวรับใช้คนสนิทถึงกับตาเหลือก

“คุณปราณเป็นกระไรไปขอรับ เหตุใดถึงได้เปียกไปทั้งตัวแบบนี้ ไอ้หาญ! มึงรับใช้คุณปราณอีกท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้วะ” เสียงโวยของไอ้มั่นทำให้ออกญาศรีรัตนกรที่นั่งอยู่ตรงศาลาใต้ต้นหูกวางชะเง้อคอมอง เมื่อเห็นสภาพลูกชายตนที่เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้าถึงกับต้องลุกไปหาในทันที พร้อมกับคุณหญิงราตรีที่กุลีกุจอมากอดปลอบลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

“พ่อปราณ! ไปตกน้ำตกท่าที่ไหนมาลูก ไยเจ้าถึงเปียกเพียงนี้ ใครทำเจ้ารึ” อกคนเป็นแม่สั่นระรัวจนแทบคุมสติไม่อยู่ ลูกชายเธอว่ายน้ำไม่เก่ง เกือบจมน้ำเมื่อตอนยังเล็กเธอจึงไม่คิดจะให้ลูกได้ลงน้ำอีก

“ไอ้หาญ! มึงพาลูกกูไปที่ใด ไยถึงได้มีสภาพเยี่ยงนี้! มึงแกล้งลูกกูให้ตกน้ำตกท่ารึ! พายเรือไม่แข็งหรืออย่างไรถึงได้เป็นแบบนี้!” ท่าทางขึงขังทำเอาบ่าวที่อยู่บริเวณนั้นสะดุ้งไปตามๆ กัน โดยเฉพาะไอ้หาญที่ไปทำหน้าที่รับใช้คุณปราณ แต่กลับทำลูกท่านกลับมาในสภาพเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ

“หาใช่เช่นนั้นไม่ขอรับเจ้าคุณพ่อ ตอนไปเก็บสายบัวลูกเอื้อมมือออกไปมากจึงทำให้เรือโคลงแล้วตกน้ำขอรับ ลูกทำตัวเองขอรับ” คุณปราณปดไปบอกไม่หมดว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไร เพื่อเป็นการปกป้องไอ้หาญไม่ให้ท่านออกญาฯ ถือโทษโกรธหาว่าดูแลเขาไม่ดี ไอ้หาญที่หมอบอยู่แทบเท้าไม่กล้าเงยหน้ามองเพราะมันรู้ดีว่าท่านออกญาฯ ดุเพียงใด จึงได้เพียงแค่ก้มหน้าไม่โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

นี่แหละความต่างชั้นระหว่างของมันกับคุณปราณ มันเป็นแค่บ่าวจะไปแก้ตัวแก้ต่างต่อเจ้านายได้อย่างไร เหตุใดก็ฟังมิขึ้นดอก

“แล้วไยเจ้าต้องเก็บสายบัวเอง สั่งไอ้หาญเก็บให้ไม่ได้รึ!” ประมุขของบ้านถามเสียงดุดัน ใจเป็นห่วงเพราะตนมีบุตรชายเพียงคนเดียว หากเป็นอะไรไปคงไร้คนสืบสกุล

“ลูกอยากเก็บเองขอรับ” คุณปราณตอบเสียงสั่น คุณหญิงราตรีไม่อยากให้บุตรชายอยู่ตรงนี้นานจึงรั้งร่างอีกฝ่ายขึ้นเรือน จะได้รีบไปผลัดเสื้อผ้าเสียเพราะหากอยู่ในชุดเปียกนี้นานๆ เห็นทีจะได้ไข้

ท่านออกญาฯ มองตามลูกชายกับภรรยาไป ก่อนจะหันมาจัดการไอ้บ่าวคนที่พาลูกชายตนออกไปชมบัวกันตั้งแต่ช่วงสาย ท่าทางของมันนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

“บอกมาว่าที่ลูกกูพูดนั้นจริงหรือไม่!” ท่านออกญาฯ ถามซ้ำ ไม่ใช่เพราะตนไม่เชื่อในคำกล่าวของบุตรชาย แต่เพราะอยากฟังความทั้งสองฝ่ายว่าเป็นเช่นไร

“เป็นอย่างเช่นที่คุณปราณกล่าวขอรับ” ไอ้หาญตอบเสียงหนักแน่น “แต่บ่าวไม่ระวังเองขอรับ จึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ ท่านออกญาฯ อย่าถือโทษคุณปราณเลยขอรับ” หากมันหักห้ามใจไม่โน้มตัวไปหาอีกฝ่ายเรือก็คงไม่เทข้างแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นคนผิดอยู่ดี

“ดี! ไอ้ขำ! มึงไปเอาหวายมา กูจะเฆี่ยนไอ้หาญให้มันได้จำว่าต่อไปหากรับใช้ลูกกูไม่ดีอีก หลังมันจะไม่ขาดด้วยหวายแต่คอมันจะขาดด้วยดาบกูเอง!” ท่าทีขึงขังดุดันของท่านออกญาฯ ทำบ่าวรับใช้ในเรือนทั้งหญิงทั้งชายกลัวหัวหด เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าท่านทั้งสองเป็นห่วงคุณปราณมากเพียงใด ยิ่งเรื่องน้ำยิ่งแล้วใหญ่ การทำให้คุณปราณตกน้ำถือเป็นเรื่องใหญ่นัก

--##--##--##--##--##--##--

“หะ...หาญ...หาญ!! เฮือก!!” ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย หอบหายใจตัวโยนพร้อมเหงื่อแตกทั่วแผ่นหลังจนรู้สึกได้ ณิชกวาดตามองไปทั่วเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่เขาใช้นอน แต่เป็นเตียงสี่เสาในห้องของจีรัชญ์ ส่วนเจ้าของห้องกำลังยืนมองเขาอยู่ข้างเตียงก่อนแล้ว

ณิชน้ำตาคลอเพราะสงสารไอ้หาญในความฝันจับใจ มันไม่ผิดอะไรแต่ต้องโดนหวายจนนอนซมเป็นไข้อยู่หลายคืน โดยมีไอ้มั่นกับยายอาบคอยดูแล ไม่มีเสียงร้องเลยสักนิด หรือคำตัดพ้อต่อว่าท่านออกญาฯ ก็ไม่มีให้ได้ยิน

“อึก...ฮึก...ฮืออ” แล้วเมื่อเขามองเห็นจีรัชญ์ฝันร้ายนั้นก็เล่นงานหัวใจเขาเข้าเต็มๆ น้ำตาที่คลอหน่วยในตอนแรกพรั่งพรูออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาไม่รู้ว่าตนเองร้องไห้ทำไม ยิ่งพอเห็นหน้าจีรัชญ์มันก็ยิ่งฉุดอารมณ์ไม่อยู่ เขาสงสารไอ้หาญได้อย่างไรทั้งที่มันเป็นเพียงความฝัน มันก็แค่คนในฝันเท่านั้น

จีรัชญ์นั่งลงใกล้คนที่กำลังร้องไห้ เขารั้งอีกฝ่ายมากอดปลอบ ณิชกอดเขาแน่นซบหน้ากับอกกว้าง ยิ่งจีรัชญ์กอดอีกฝ่ายก็ยิ่งร้องไห้หนัก เขายกมือขึ้นลูบหัวคนที่ตื่นจากฝันร้ายเบาๆ ก่อนจะปลอบประโลมด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

“ไม่เป็นไรแล้ว มันก็แค่ฝันร้าย” พูดปลอบทั้งที่รู้ว่าชื่อแรกที่ณิชเรียกเมื่อครู่ คือชื่อที่เขาไม่ได้ยินมานานมากแล้ว





โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เอ็นดูณิช ฝันเห็นไอ้หาญ สงสารเขามาก ร้องไห้เลย 555 มันเรื่องอดีตอะไรกั๊นนนนฮึ อยากรู้ใจจิขาด! อ๋อที่ตกน้ำคือคุณปราณตกเองเพราะอยากเก็บบัว เออมันก็เหมือนที่ณิชตกสระเพราะตัวเองอยากถ่ายรูปสินะ ชาติก่อนคุณปราณเร่าร้อนจริง ชาตินี้อย่ายอมนะ 5555 มันจริงค่ะคุณตรียิ่งอยากห่างแต่ยิ่งโหยหา ทำตามใจเถอะค่ะ ไม่ไหวอย่าฝืน รอกรี๊ดอยู่  :impress2: :-[ 5555 วันเวลาก็ผ่านไปเรื่อยที่งานจะเสร็จ จะจำกันได้ก่อนไหม จะรู้เรื่องอะไรก่อนแยกกันไหม รอแทบไม่ไหวแล้ววว อยากรู้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ใช่ไหมคุณปราน 55 ชอบความทำเป็นกลั้นใจแต่ก็อยากอยู่กับเขา แอบสูดดมกลิ่นเขาของคุณตรีอะ เนียนๆ 55555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย สนุกมาก ชอบๆ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ที่บอกว่าทุกครั้งที่เจอมีแต่เจ็บทรมานทำไมเพราะอะไร?อยากรู้มากๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด