(ต่อค่ะ)
“ชอบมันมากหรือครับ เจ้านี่?” เสียงทุ้มอันคุ้นหูทำให้ผมสะดุ้งและรีบหันไปมอง ผมยิ่งตกใจเมื่อคนที่เอาภาพผมมา ทิ้งข้อความเอาไว้ แบล็คเมล์ผมให้ผมตามมาที่นี่คือเหม ผู้ชายที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใกล้บ้านของผมเอง!
ไม่จริงน่า! เป็นไปได้ยังไงกัน!
“เหม...” ผมเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียกว่า เบาแสนเบา เหมยิ้มบางๆ แต่ดวงตากลับแพรวพราวจนน่ากลัว
“ครับเฟียซ ผมเอง...เหม” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก คิดแล้วเชียวว่าเหมต้องเห็นภาพของผมในวันนั้นที่เขาเข้าไปในห้องของผม
“คุณ...ต้องการอะไร?” ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมถามออกไปมันถูกหรือเปล่า ผมแค่อยากให้มันจบเร็วๆ ยิ่งจบเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
“ทำไมรีบร้อนนักล่ะครับ ไม่อยู่ทานไวน์กับผมก่อนหรือ...รสเยี่ยมเชียวล่ะ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ หันหลังกลับไปหวังจะคว้าเอาภาพมาแล้ววิ่งออกไป
“อ๊ะ!” แต่ทว่าความคิดของผมถูกทำให้สลายหายไป แขนของผมถูกเหมกระชากจนต้องถอยห่างจากภาพแสนรัก ผมเจ็บจนต้องนิ่วหน้าแต่เหมกลับยังคงรอยยิ้มเอาไว้ไม่เปลี่ยน
“รีบร้อนเหลือเกินนะครับ เหมือนเมื่อตอนที่แอบลอบเข้าไปขโมยมันมาเลย”
“คุ คุณ...”
“เอาล่ะ ผมจะคืนภาพให้คุณ แต่นั่นย่อมมีข้อแลกเปลี่ยนนะครับ” ปลายนิ้วของเหมปัดผ่านผิวแก้มผมไปอย่างแผ่วเบา ใบหน้าหล่อค่อยๆ โน้มลงมากระซิบเสียงแหบพร่าริมใบหูจนความร้อนจากริมฝีปากกระจายเข้าสู่ร่างกายของผม “ทำให้ผมดูสิครับเฟียซ...”
“อะ อะไรนะ?” ทำ? ทำอะไรกัน?
“ถอดกางเกงของคุณออก แล้วทำกับตัวเองให้ผมดูหน่อยสิ แล้วผมจะคืนภาพที่แสนพิเศษนี้ให้กับคุณ” ผมส่ายหน้า นี่มันบ้าไปแล้ว ให้ผมช่วยตัวเองต่อหน้าเขางั้นหรือ! มันบ้า บ้าชัดๆ ผมไม่มีวันทำแน่ๆ
“คุณบ้าไปแล้วหรือไง! ทำไมผมต้องมาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วย” ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมเหมจะต้อง....ให้ผมทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น มันไม่มีเหตุผลเลย
“ไม่เอาน่าเฟียซ คุณรักมันมากไม่ใช่หรือ ทำเพื่อมันหน่อยสิ หรือจะปล่อยให้ผมเอามันไป” ผมกัดฟันแน่น เขารู้ ว่าผมรักมันมาก มากเสียจนแม้จะรู้ว่ากำลังตัดสินใจทำเรื่องบ้าๆ แต่ผมก็ยังยอมทำ
“ตกลง...ผมจะทำ”
ผมเลือกจะนั่งเตียงส่วนเหมเลือกจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเตียงที่ผมนั่งอยู่ ซึ่งเท่ากับว่าผมกับเขานั่งตรงข้ามกัน ซึ่งข้างๆ ของเหมนั้นก็มีรูปภาพวางอยู่ ผมปลดกางเกงของตัวเองลงพร้อมกับดึงชั้นในลงไปเช่นกัน ผมใช้มือดึงความองอาจออกมาจากกางเกง ความอ่อนตัวของมันถูกผมจับเอาไว้ พยายามปลุกเร้าความเสียวซ่านให้ตื่นตัวขึ้นมา แต่มันกลับไม่ได้ผล ผมไม่มีความรู้สึกร่วมใดๆ มีแต่อาการสั่นจากความรู้สึกตื่นเต้นทั้งนั้น
“ไม่เอาน่าเฟียซ...ทำแบบนั้นมันไม่แข็งหรอกคุณก็รู้ ถูส่วนปลายมันด้วยสิครับ แบบนั้นล่ะ” ผมใช้มือถูไถส่วนปลายตามที่เหมบอก ขยับมือให้รูดรั้งความองอาจที่เริ่มขยายตัวขึ้นมาทีละน้อยอย่างช้าๆ ผมขบริมฝีปากตัวเองเอาไว้ จดจ้องกับรูปบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผมทำ ผมอยากให้มันจบๆ ไปเสียที
แต่มันไม่ง่าย อารมณ์ที่เคยถูกดับลงด้วยภาพ บัดนี้กลับโหมกระพือจนผมไม่สามารถควบคุมมันได้
“อื้อ...” มันเสียววาบจนชวนให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ในอากาศ ยิ่งถูกจับจ้องด้วยสายตาคมกริบของเหม ความรู้สึกแปลกใหม่ก็ทำให้ผมต้องขยับมือมากขึ้นอีก ของเหลวสีใสเริ่มไหลปริ่มขึ้นมาที่ส่วนปลายจนเปื้อนมือของผม เสียงเฉอะแฉะยามขยับรูดรั้งมันช่างชวนให้ผมอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ผมกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้จนซีด ข่มกลั้นความเสียวซ่านที่กำลังไหววูบอยู่ในกายอย่างสุดกำลัง
แต่ถึงจะข่มกลั้นสักเท่าไหร่ ร่างกายของผมก็สั่นระริกอย่างไม่อาจจะห้ามได้อยู่ดี เหมจ้องการกระทำของผมไม่วางตา ริมฝีปากของเหมถูกปลายลิ้นสีสดเลียจนชุ่ม ภาพนั้นทำให้ร่างกายของผมร้อนวูบไปหมด ความกระสันตีขึ้นมาจนผมหลุดครางออกมาเสียงเบา ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอ ในหัวเริ่มขาวโพลนจนต้องเร่งขยับมือยิ่งขึ้นไปอีก ผมไม่แน่ใจกับอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสร้อนที่บริเวณลำคอ หรือแม้กระทั่งเสียทุ้มที่เอ่ยกระซิบอยู่ริมใบหูก็ตาม
“แฮ่กๆ อื้อ อ๊ะ”
“เฟียซ...ขยับแรงกว่านี้สิครับ” ร่างกายตอบกลับคำพูดเขาโดยอัตโนมัติ มือเร่งขยับจนรุนแรง แผ่นอกสะท้านจากแรงหอยหายใจจนผมคิดว่าคงเป็นภาพที่น่าสงสารมาก
“อึก มะ อื้อ ไม่ไหว ละ แล้ว อ๊ะ!” ผมใกล้จะเดินเข้าสู่เส้นชัยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่า...อาการล่องลอยในอากาศก็พลันถูกดับวูบไป คล้ายกับถูกกระชากลงมาจากฟากฟ้ากว้างใหญ่เมื่อถูกมือใหญ่ของใครอีกคนจับเอามือของผมออกไป ร่างกายของผมบิดไปมากับความรู้สึกถูกปล่อยเอาไว้ครึ่งทาง กางเกงตัวนอกและชั้นในถูกดึงออกไปจากร่างกายจนตอนนี้เบื้องล่างไร้สิ่งใดปกปิด
ผมปรือตามอง พยายามมองแววตาของเหมที่บัดนี้จับจ้องเรียวขาทั้งสองข้างที่กางออกจากกันจนมองเห็นทุกอย่าง นัยน์ตาของเหมวาววับอย่างประหลาดก่อนที่ผมจะถูกมือของเหมผลักลงบนเตียงกว้าง เสื้อยืดถูกดึงออกทางศีรษะจนปรากฏแผ่นอกกว้างที่ประดับด้วยไข่มุกเม็ดสวยสองเม็ดที่ชวนให้ลิ้มลองรสหวาน
“อื้อ...” ริมฝีปากของผมถูกเหมครอบครอง ดูดดึงกลีบปากจนมันเจ็บ ก่อนที่จะถูกปลายลิ้นไล่เลียปลอบประโลมแล้วประกบลงมาใหม่ ลิ้นร้อนถูกสอดแทรกเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผมอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมแพ้ รสชาติของผมและเหมหวานล้ำจนเราทั้งคู่ไม่สามารถผละออกจากกันและกันได้ แขนสองข้างของผมโอบรอบลำคอหนาเอาไว้ มือช้างหนึ่งขยุ้มลงบนเส้นผมของเหม อย่างแผ่วเบาเพื่อระบายอารมณ์
เสียงดูดดึงปลายลิ้นและริมฝีปากดังไม่หยุด ผมไม่รู้เลยว่าเหมปลดเปลื้องชุดของเขาออกตอนไหนเพราะถูกรสชาติแสนหวานจากจูบอันเร่าร้อนตรึงสติและการรับรู้เอาไว้ เมื่อเขาถอนจูบออกผมถึงเห็นว่าเขาเปลือยเปล่าไม่ต่างจากผม เราสองคนมองหน้ากันและกันก่อนที่เขาจะซุกไซร้ใบหน้าลงที่ซอกคอของผม ริมฝีปากของเหมขบเม้มไปทั่วลำคอจนผมเจ็บ สติถูกดึงกลับมาจากความเจ็บปวดน้อยนิดนั่นอย่างน่าตกใจ ผมตกใจมากเมื่อเห็นสภาพของผมและเขา ผมพยายามผลักเขาออกไปแต่เขาไม่ยอมปล่อย ไม่แม้แต่จะผ่อนแรง เสียงครางอย่างขัดใจดังขึ้นในลำคอของเขา มันยิ่งทำให้ผมต้องรีบผลักเขาออกไป
“เหม! หยุดนะ! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!” ผมใช้แรงทั้งหมดผลักเขาออกไป ก่อนที่จะดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกายของผมเอง ส่วนเขาที่ถูกผมดันออกจากเตียงก็ยืนตรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ชวนให้ผมขนลุก สายตาหวานหยาดเยิ้มกับการเลียริมฝีปากตัวเองทำให้ผมรู้สึกว่าควรออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
“เหม...ผะ ผมไม่เอารูปนั่นแล้ว ผะ ผมต้องรีบกลับบ้าน” ผมบอกเขา พยายามให้เขาปล่อยผมไป แต่เขาก็ก้าวเข้ามาใกล้ในทุกครั้งที่ผมหายใจ ผมกลัว ความกลัวฉายชัดยิ่งขึ้นเมื่อขาของผมถูกดึงจนร่างกายของผมถลาไปอยู่ใต้ร่างของเขา
“ไม่เอาน่าเฟียซ อย่าปฏิเสธไปเลย คุณรู้ดีใช่ไหมครับ...ว่าจริงๆ แล้วคุณออกจะชอบมัน ผมก็ด้วย” ผมส่ายหน้า สองมือดันอกกว้างเพื่อให้ระยะห่างของเรามากขึ้น เหมยึดแขนทั้งสองข้างของผม กดมันลงบนเตียงแล้วพาร่างกายที่แข็งแรงเข้ามาใกล้จนใบหน้าของเราแทบจะติดกัน ไม่มีช่องว่าใดให้อากาศได้ผ่านร่างกายของเรา
“เหม...อย่าทำแบบนี้ อย่างน้อยผมก็อายุมากกว่าคุณนะ!” เมื่อไม่มีสิ่งไหนจะสามารถหยุดเขาได้ ผมจึงเลือกที่จะใช้ความอาวุโสมาข่มเขา หวังให้เขายอมหยุดและตั้งสติได้
“จริงของพี่...ผมผิดเอง”
ผมหายใจเข้าสะดวกขึ้น รู้สึกราวกับว่าเรื่องบ้าๆ นี่กำลังจะจบ แต่เปล่าเลย! มันไม่ใช่ คำพูดหรือรอยยิ้มของเหมไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย กลับกันมันยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก เหมจับผมพลิกร่างคว่ำหน้าลงกับหมอน สะโพกถูกมือหนายกขึ้นสูงจนน่าหวาดเสียว
“งั้นผมจะช่วยทำให้พี่รู้เองว่า การขโมยของของผม มันจะมีบทลงโทษยังไง...”
“พะ พูดเรื่องอะไร...” ผมหูอื้อตาลายไปหมด ความไม่เข้าใจกำลังทำให้ผมเป็นบ้า
“งั้น...เอาแบบนี้ก็แล้วกันนะครับพี่เฟียซ” เหมยกยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
“...”
“สวัสดีครับ ผมเหมันต์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่เฟียซ”
“หะ เห เหมันต์ ไม่...ไม่จริง” น้ำเสียงของผมเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อหู บริเวณสะโพกของผมสัมผัสได้ถึงความตื่นตัวของเหม มันดันออกมาแสดงความต้องการจนร้อนไปหมด ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายที่กำลังกดตัวของผมเอาไว้กับเตียงจะเป็นผู้ที่เสกสรรภาพวาดที่เขาหลงใหล เหมหรือเหมันต์ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ กวาดสายตามองร่างกายของผมไม่หยุด จนสายตาคมจับจ้องอยู่เพียงจุดเล็กๆ บนแผ่นอกของผม
“จริงสิครับ ผมนี่ล่ะ คือเหมันต์ ผู้ชายที่เป็นเจ้าของภาพที่พี่เป็นคนไปขโมยมันมาอย่างไรล่ะ” ผมตัวสั่น ความน่ากลัวจากนัยน์ตาคมคู่นั้นมันกำลังกลืนกินผม ริมฝีปากบางของเขาที่คอยบอกว่าเขาคือเหมันต์มันไม่ได้ทำให้ผมได้สติ ตอนนี้ผมสติแตกจนอยากจะเป็นลมไม่ก็ตายๆ ไปเลย
“ยะ หยุด! หยุดนะ ผมขอโทษ ผะ ผมขอโทษ ฮื่อ อย่าทำผมเลย ผมจะคืนให้คุณทุกอย่าง ฮือๆ ๆ” ผมไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว เพียบแค่เขาก้มหน้าลงมา ซุกไซร้ไปตามลำคอของผมอย่างหื่นกระหาย ผมก็ยอมแพ้เอ่ยขอโทษกับสิ่งที่ผมทำ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ขอเพียงเขาหยุดทำแบบนี้ ให้ผมได้ออกไปจากที่นี่ก็พอ
“อืม ตัวของเฟียซหอมจัง”
“ขะ ขอร้อง จะแจ้งตำรวจจับผมก็ได้ ผมยอมติดคุก แต่ได้โปรด ปล่อยผมไป อย่าทำกับผมแบบนี้เลย” ความสิ้นหวังมันถาโถมเข้ามา จนผมต้องยกมือขึ้นไหว้ร้องขอความเมตตาจากเด็กอายุน้อยกว่า ผมพลาดเองที่ให้ความลุ่มหลงเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจ ทำให้วันนี้ผมต้องเผชิญหน้ากับความเลวร้ายที่ผมไม่เคยคิดถึงมัน
“แจ้งตำรวจ? ทำไมผมต้องแจ้งตำรวจด้วยครับ?” สำหรับเหมันต์แล้ว คำถามที่ออกมาจากปากของเขานั้นไม่แตกต่างจากการหัวเราะในคำพูดของผม ผมดันเขาออก พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนและเนื้อตัวที่โตเต็มที่ของเหมันต์
“ผมจะ จะหาเงินมาจ่ายให้ จะให้คุณทุกอย่าง ขอร้องแค่…แค่คุณปล่อยผมไป” เหมันต์หัวเราะ ส่ายหน้าเบาๆ จนผมต้องรีบขยับตัวหนี
“ผมไม่เอาหรอกครับเงินของเฟียซ เงินน่ะผมมีเยอะแล้ว แต่สิ่งที่ผมอยากได้ คือตัวของเฟียซมากกว่า”
“ไม่ ไม่ อย่าา”
ผมร้องตะโกนลั่นห้อง เมื่อเหมันต์ดึงเสื้อผ้าของผมออกจนหมดไม่มีเหลือติดร่างกายผมแม้แต่ตัวเดียว ผ้าห่มผืนหนาที่ใช้ปกปิดเรือนร่างก็ถูกเหมันต์กระชากออกไปทิ้งไว้ข้างเตียงอย่างไม่คิดจะสนใจ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ไปตามซอกคอของผม ดูดเม้มจนเจ็บไปหมด
แขนทั้งสองข้างถูกตรึงไว้ข้างกายเพราะผมทั้งทุบ ทั้งตีเขาอย่างแรงจนเขาเกิดความรำคาญ เสียงร้องอ้อนวอนของผมดังไม่หยุด แต่เขาก็ไม่คิดสนใจ บดเบียดร่างกายเบื้องล่างเสียดสีเข้ากับกลางร่างของผม จนความองอาจที่สงบนิ่งไปแล้วนั้นเกิดตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เหมันต์ตวัดลิ้นร้อนไล่วนไปบนเม็ดไข่มุกสีชมพูทั้งสองข้างสลับกับดูดดึงมันอย่างแรงจนผมสะท้านไปทั้งร่าง
“อึก อื้ออ”
เรี่ยวแรงที่เคยมีหดหายไปพร้อมกับการดูดดึงเม็ดไข่มุกในแต่ละครั้ง แผ่นอกกระตุกราวกับว่าถูกกลั่นแกล้งให้ความเสียวซ่านจนแทบขาดใจ เหมยังไม่คิดจะหยุด เขายังคงทิ้งร่องรอยความปรารถนาสีแดงไปทั่วทั้งแผ่นอกของผม สายตาที่เคยเห็นทุกอย่างชัดเจน ตอนนี้พร่ามัวไปด้วยความรู้สึกที่เหมหลอกล่อผมให้ตกลงไปในนั้น ร่างกายของผมบิดไปมา เหมือนการอำนวยความสะดวกให้คนตรงหน้าของผม ได้สำรวจเรือนร่างของผมจนกว่าจะพอใจ
อารมณ์ที่ผมกำลังถูกเชื้อเชิญให้ลิ้มลอง มันช่างหอมวานและรัญจวนใจจนแทบจะคุมสติไม่อยู่ มือทั้งสองข้างถูกปล่อยเป็นอิสระ แต่ผมก็ยังทำได้เพียงแค่พยายามผลักเขาออกไป ทั้งที่มือทั้งสองข้างยังสั่นเทา ใบหน้าหล่อเหลาขยับพรมจูบลงไปยังหน้าท้องที่ตอนนี้หดเกร็งกับสัมผัสแผ่วเบาที่ชวนให้วูบไหว ริมฝีปากหนาปัดผ่านแอ่งสะดือไปจนถึงกลางกายที่บัดนี้มีความองอาจที่เปิดเผยตัวตนอยู่
“จะทำอะไร ไม่ ไม่เอานะ” ผมเอ่ยเสียงสั่น พยายามคุมสติตัวเองให้ได้มากที่สุดเมื่อเหมกำลังจะใช้ปากร้อนๆ นั่น กระทำในสิ่งที่ผมหวาดกลัว
“ผมจะเอ็นดูมันให้เองนะครับที่รัก”
“อ๊ะ อ๊า” รอยยิ้มของคนตรงหน้ามันเป็นของปลอม ผมร้องครางเสียงดังลั่นเมื่อความองอาจที่ไม่เคยถูกสัมผัสจากคนอื่น กลับถูกเขา ดูดกลืนราวกับว่ามันคือไอศกรีมเลิศรส ผมจิกทึ้งผ้าปูเตียง งอตัวเพื่อหลบหนีแรงดูดปากร้อน แต่มันก็ไร้ผล ขาทั้งสองข้างของผมถูกเขาจับแยกออกจากกันจนกว้าง สายตาคมมองจ้องขึ้นมาราวกับต้องการเห็นปฏิกิริยาน่าอายของผมทุกอย่าง
“ฮึก อื้ม” ผมไม่ยินยอมจะส่งเสียง กัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่นจนเจ็บ แต่ยังดีกว่าต้องส่งเสียงน่าอายออกไปให้คนตรงหน้าได้ยิน ผมเห็นแววตาของเขาวาววับ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะถอนออกจากความองอาจของผม ลิ้นร้อนถูกใช้เป็นสิ่งต่อมาในการลิ้มรส เหมตวัดลิ้นเลียไปจนสุดความยาว ก่อนที่ความองอาจจะถูกกลืนกินอีกครั้ง
“ยะ หยุด อือ”
แต่เหมไม่คิดจะหยุดตามที่ผมบอก เขากลับกลืนกินความองอาจของผมอย่างแรง เร่งจังหวะของการกลืนกินด้วยความเร่งร้อนจนผมต้องยกสะโพกสวนกลับไปโดยไม่รู้ตัว เสียงครางแผ่วเบาที่ถูกสะกดกลั้นและเสียงหอบหายใจของผมดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งเหมขยับริมฝีปากกลืนกินผมเร็วและลึกแค่ไหน ผมก็ยิ่งยกสะโพกตัวเองขึ้นสวนกลับริมฝีปากมากเท่านั้น
“อะ ออก อื้อ ออกไป อะ จะออกละ แล้ว อ๊า” ผมปลดปล่อยความต้องการออกมาจนเต็มริมฝีปากของเหม ในขณะที่เหมปล่อยความองอาจของผมออกจากริมฝีปากร้อนๆ นั่นแล้ว ทั้งๆ ที่ผมควรจะหนีไป ฉวยโอกาสตอนนี้ที่เขากำลังหาอะไรสักอย่างอยู่แล้ววิ่งไปให้ไกลที่สุด ทั้งที่ควรทำแบบนั้น แต่ร่างกายของผมกลับทำได้เพียงแค่นอนหอบหายใจอย่างแรง
ผมมองเห็นเขา เหม…ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าผม เขาในตอนนี้มีเพียงกางเกงสีดำที่ถูกปลดเข็มขัดออก ปลดกระดุมและซิปกางเกงออกจนเห็นชั้นในเนื้อดีสีดำกำลังถือบางอย่างและก้าวเข้ามาหาผม ผมรู้ว่าสัญชาตญาณกำลังร้องเตือนถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา แต่ผมทำได้เพียงส่ายหน้าและอ้อนวอนเขาด้วยสายตาและคำพูด พร้อมกับการขยับตัวอันยากลำบากที่ผมต้องฝืนธรรมชาติมากที่สุด
“อย่า ขอร้อง อย่าทำผมเลย” เหมกลับยิ้มราวกับทุกอย่างปกติ มือข้างหนึ่งบีบหลอดบางอย่างในมือลงบนฝ่ามืออีกข้างอย่างใจเย็น
“ไม่เอาน่าเฟียซ มันออกจะโรแมนติกออกที่เราจะทำกัน”
ไม่! ไม่เลยสักนิด ไม่มีอะไรปกติเลยสักอย่าง
“ผมจะคืนรูปให้คุณ ฮึก ขอร้องล่ะครับ ปล่อยผมไป” น้ำตาผมไหลนองบนใบหน้า ยกมือขึ้นไหว้เด็กอายุน้อยกว่าอย่างหมดทางสู้ ขอแค่เขาปล่อยผม ให้ผมกราบลงที่เท้าเขาผมก็จะทำ แต่เหมกลับไม่สนใจท่าทางของผมสักนิด เขายังคงก้าวเข้ามาอย่างมั่นคง ดวงตาฉายแววอันตรายจนผมตัวสั่น
น่ากลัว
“ที่จริงผมไม่ชอบให้เฟียซต้องมาไหว้ผมเลย…แต่คิดอีกที ฝึกไหว้สามีไว้ก็ดีนะครับ ต่อไปชีวิตจะได้ดีขึ้น มาสิครับ ผมจะให้รางวัล”
“ไม่ ไม่ อ๊ะ!”
ขาของผมถูกมือของเหมดึงเข้าไปหาตัว เหมดันขาผมให้อ้าออกกว้าง ก่อนจะนำเนื้อเจลที่ถูกบีบเอาไว้มาป้ายลงไปที่จีบรักของผม ความเย็นจากเนื้อเจลทำให้ผมสะดุ้ง ผมพยายามดิ้นรนหนีแต่กลับถูกมือของเหมดันขาจนเข่าทั้งสองข้างของผมชิดกับอกตัวเอง ใช้แขนข้างหนึ่งสอดไปใต้ข้อพับขาเพื่อกั้นเอาไว้ไม่ให้หล่นลงมาเกะกะ
ปลายนิ้วเรียวที่ชุ่มไปด้วยเจลถูกกดเข้ามาอย่างช้าๆ ผมเกร็งตัวจนจีบรักรัดรึงไม่ยินยอมให้เขาเข้ามาสำรวจภายในร่างกายผมได้ ผมเป็นเจ้าของ ยังไม่เคยสักครั้งที่จะทำแบบนั้น นี่เขาเป็นใคร ถึงกล้าทำแบบนี้กับผม ผมพยายามดิ้นหนี หวาดกลัวและโกรธเกรี้ยวกับการกระทำอันต่ำช้าที่ไม่แตกต่างจากการขืนใจ ผมเป็นผู้ชาย ที่ชื่นชอบผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายที่จะนอนให้ใครมาเสียบก็ได้แบบนี้ ผมยอมตายดีกว่าต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้!
“เฟียซ! ผมใจดีกับคุณมากแล้วนะ ถ้ายังดื้ออยู่แบบนี้ ผมจะไม่ใจเย็นอดทนรออะไรอีกต่อไป!” น้ำเสียงประกาศกร้าวชัดเจนถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัว แต่ผมไม่คิดจะสนใจ เขาน่ะหรือที่อดทน ผมสิที่ต้องอับอายกับการกลั่นแกล้งเอาคืนบ้างๆ นี่ไม่ยอมหยุด ผมผิดไหม ใช่ ผมผิด ผมขโมยของของเขา แต่การที่เขาทำแบบนี้กับผม มันเกินไป! เกินไปจริงๆ!
ผมตวัดสายตามองเขาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวไม่แพ้กัน
“ก็เลิกบ้า แล้วปล่อยผมกลับบ้านสักทีสิ! ผม ฮึก ไม่เอารูปของคุณแล้วก็ได้ ผมขอโทษที่ขโมยมันมา ผมจะไม่ทำอีก จะจับผมส่งตำรวจก็ได้ แต่หยุดเถอะนะครับคุณเหมันต์ หยุดแกล้งผมด้วยวิธีนี้สักที!”
สีหน้าของเหมดูน่ากลัว ใบหน้าหล่อเหลามืดครึ้ม แววตาไร้ความแวววับที่แสนขี้เล่น มีเพียงแค่ความดุดันที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ปลายนิ้วของเหมถูกดึงออกทันที รอยยิ้มเหยียดอันแสนร้ายกาจปรากฏขึ้นบนใบหน้าจนผมต้องรู้สึกเสียวสันหลังอย่างไม่อาจจะอธิบายได้ แต่รอยยิ้มและแววตาของเขา มันยิ่งทำให้ผมไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป ผมดิ้นรนด้วยแรงทั้งหมด พยายามออกไปจากร่างกายใหญ่โตที่บังคับให้ผมต้องอยู่ใต้ร่างของเขา
หลุดแล้ว ผมกำลังจะรอดจากเขาแล้ว!
แต่ความดีใจมีได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที ผมก็ถูกกระชากกลับลงมาที่เตียงใหญ่อีกครั้ง สองมือถูกตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ร่างกายใหญ่โตของเหมแทรกเข้ามาอยู่ระหว่างขาของผมพร้อมกับใบหน้าที่แทบจะชิดกัน
“แกล้งเล่นหรือครับ ดี! ถ้าเมื่อครู่ที่ผมทำทั้งหมดเป็นการแกล้งเล่น งั้นจากนี้ไป…มันจะเป็นของจริง!”
“อะ อ๊าก! อื้อ!!!” ผมเบิกตากว้างแหกปากร้องและดิ้นทุรนทุรายเมื่อถูกบางอย่างที่แข็งขืนสอดแทรกบุกรุกเข้ามาภายในจีบรักอย่างรุนแรง มือของเหมปิดปากของผมเอาไว้แน่น แท้จะสะบัดหน้าหนีจากมือหนาแค่ไหนก็ไม่อาจจะหนีไปได้ ขาทั้งสองข้างสั่นระริก ความเจ็บปวดเบื้องล่างนั้น มันทำให้ผมไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย
จีบรักอันบอบบางถูกผู้ชายที่ชื่อเหมันต์ย่ำยีอย่างรุนแรง สอดแทรกความองอาจของตัวเองเข้ามาโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของผมเลยแม้แต่น้อย น้ำตาเม็ดใสหยดลงสู่หมอน ผินหน้าหนีไม่อยากจะมองใบหน้าของผู้ชายเลวๆ ที่ทำร้ายผมจนไม่หลงเหลืออะไร มันควรจะจบสิ้นได้แล้ว ในเมื่อเขาทำให้ผมเจ็บจนอยากตายได้แล้ว เขาควรจะลุกออกไปจากตัวผมสักที
“อา…” เสียงครางของเขาดังอยู่ข้างใบหู ผมรับรู้ได้ถึงการสอดใส่ที่มากขึ้น เมื่อเขาพยายามจะเข้ามาในตัวผมทั้งหมด เขาไม่ไยดีผม ไม่สนใจว่าผมจะเป็นจะตายยังไง แม้ว่าผมจะดิ้นรนอย่างไม่ยินยอมสักแค่ไหน เขาก็ยังคงดึงดันเข้ามาในร่างกายผมจนหมดสิ้น จนในที่สุดตัวเขาก็เข้ามายึดครองพื้นที่ของผมจนเต็ม ไม่หลงเหลือให้ใครอีก
“เฟียซ อืม รัดแน่นจัง”
ผมส่ายหน้า แววตาแดงก่ำขอร้องอ้อนวอนต่อเขา แต่เหมันต์ช่างไร้หัวใจ เขาไม่สนใจความต้องการของผม สิ่งที่เขาทำคือการครอบครอง สอดแทรกและขยับกายเสียดสีกับเนื้ออุ่นๆ ภายใน มือหนาปลดอแกจากริมฝีปากของผม ข้อมือก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เพราะรู้ดีว่าผมไม่สามารถจะหนีเขาไปไหนได้อีกแล้ว
“ฮึก โอ๊ย ฮื่อๆ” เสียงร้องไห้ของผมดังไปไม่ถึงเขา เขาไม่คิดจะสนใจแม้ผมจะเจ็บมากแค่ไหน กลิ่นคาวของเลือดยังลอยฟุ้งจนชวนให้อาเจียน แต่ผมต้องทนเมื่อความเจ็บปวดของเบื้องล่างนั้นมีมากกว่า
“ซี๊ด เฟียซ อา”
“อย่า…” ผมร้องห้ามเมื่อเขาคว้าเอาความองอาจของผมไปไว้ในมือ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงใช้ปลายลิ้นหยอกล้อกับเม็ดไข่มุกทั้งสองข้างกลางอก จากความทรมานที่อยากตายๆ ไปเสียให้พ้นๆ กลับกลายเป็นอารมณ์วาบหวามที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ความองอาจในมือของเหมตื่นตัว แผ่นอกแอ่นขึ้นรับปลายลิ้นและริมฝีปากร้อนที่ดูดกินราวกับทารกที่หิวกระหาย
ความองอาจที่ขยายตัวในจีบรักยังคงถูกขยับเข้าออกเป็นจังหวะ ผมส่ายหน้าร้องอืออาไม่เป็นภาษาเมื่อถูกปรนเปรอทั้งบนและล่างจนแทบจะขาดใจกับความเสียวซ่านนั้น เหมละริมฝีปากออกจากเม็ดไข่มุก เขาก้มลงมาประกบจูบร้อนแรง กวาดต้อนลิ้นของผมให้ตอบรับอย่างเมามัน ผมมึนเบลอกับรสชาติหวานๆ และความวาบหวามที่เกิดขึ้น หลงลืมไปหมดสิ้นว่าต้องดิ้นรนหนีอย่างไร
มือทั้งสองข้างของผมโอบรอบลำคอของเหมอย่างไม่รู้ตัว ผมขยับสะโพกตอบรับจังหวะที่เหมกระแทกเข้ามา ในตอนนี้มีแต่ความเสียวซ่านมาแทนที่ความเจ็บปวดทั้งหมด ยิ่งถูกมือใหญ่ของเหมปลุกเร้าสะโพกของผมก็ยิ่งขยับตอบรับอย่างไร้สติ
มันชวนให้หลงใหลเหมือนกับรูปของเขาที่ผมหลงใหล ความดุดันของเขาช่างรัญจวนใจ เสียงเตียงดังกระทบผนังห้องตามจังหวะอย่างรุนแรงที่ความองอาจรุกล้ำเข้าออกในจีบรัก เสียงเปียกแฉะดังแข่งกับเสียงหัวเตียงกระแทกผนัง ยิ่งมีเสียงหอบหายใจกับเสียงครวญครางของเราทั้งสองก็ยิ่งทำให้ความร้อนในร่างของผมพุ่งสูงจนไม่อาจจะหยุดได้อีกแล้ว
“ดูเหมือนเฟียซจะชอบ’ ของของผม’ สินะ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธตามสัญชาตญาณ ทั้งที่ริมฝีปากของผมยังคงปลดปล่อยเสียงครางน่าอายออกมาไม่หยุดหย่อน
“อึก อื้อ อ๊ะ”
“งั้นลองบอกผมหน่อยสิครับว่า…ระหว่างของผมที่อยู่ในตัวคุณตอนนี้ กับรูปของผมที่คุณขโมยมันมา สิ่งไหนกันแน่ที่คุณชอบ”
“อื้อ! อ๊ะ ไม่” ลิ้นร้อนของเหมเลียไปตามใบหูของผม สะโพกของเขายังคงขยับสอดใส่เข้ามาเป็นจังหวะอย่างเชื่องช้า ราวกับว่ากำลังกลั่นแกล้งผมจนผมแทบจะดิ้นพล่าน
เขากำลังแกล้งผม กำลังแกล้งผม!
“ว่าไงครับเฟียซ อา ค…ของผมหรือรูปที่ผมวาด” หยะ หยาบคาย! ผมหน้าแดงก่ำกับคำพูดของเขา เม้มริมฝีปากแน่นแล้วผินหน้าหนีไปอีกทางทั้งที่ร่างกายเสียวซ่านจนแทบจะขาดใจ
“รูป!” ทั้งที่ผมตอบออกไปอย่างไม่คิดอะไร แต่สายตาของเหมกลับวาววับด้วยความโกรธ รอยยิ้มเหยียดตรงทั้งที่สันกรามบดกันจนเกิดเสียง
“รูปหรือ ดี!”
“จะทำอะไร อย่านะ อ๊าา” ผมถูกพลิกกายให้คว่ำลง มือหน้าจับสะโพกของผมขึ้นสูงก่อนจะถูกความองอาจที่ใหญ่โตสอดเข้ามาอย่างไม่ปรานีจนผมต้องร้องลั่น ขาสองข้างสั่นระริก จีบรักรัดรอบความองอาจอย่างรุนแรงกับการสอดแทรกที่รุนแรงยิ่งกว่า
สองแขนของผมถูกมือใหญ่จับเอาไว้ ดึงร่างของผมจนแผ่นหลังชิดกับอกกว้างของเหม แรงขยับกายทำให้อกของเขาและหลังของผมเสียดสีกันอย่างแรงตามจังหวะที่สอดใส่ จีบรักที่แน่นอยู่แล้วยิ่งรัดแน่นขึ้นอีกจนผมมีใบหน้าเหยเก ร้องครางกระเส่ากับความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น
“ดูสิครับเฟียซ หันหน้าไปมองสิ”
“อ๊ะ อ๊า” ใบหน้าของผมถูกมือใหญ่จับเอาไว้ ให้เงยหน้าขึ้นมองรูปแสนรักของผม รูปที่ผมขโมยมันมาจากเขา
“ให้มันได้เห็นว่าผมเข้าไปในตัวของเฟียซลึกแค่ไหน”
“อึก อื้อ” ผมพยายามดิ้นหนีจากมือใหญ่ที่ยึดปลายคางของผมเอาไว้
“ผมสิที่ให้ความสุขกับเฟียซได้ ไม่ใช่มัน!”
“อ๊ะ ย๊าาาา” ผมถูกกระแทกกระทั่นอย่างรุนแรงเสียจนจุกไปหมด ต้องร้องออกมาอย่างน่าสงสารแต่ก็ไร้ความเห็นใจจากเขา เหมยังคงสอดแทรกร่างเข้ามาอย่างหนักหน่วง ทุกจังหวะการสอดแทรกเข้าออกมันทำให้ผมตาพร่าสมองมึนและเบลอไปหมด
มือหนาของเหมลูบขึ้นมาจนถึงแผ่นอก ใช้ปลายนิ้วสะกิดหยอกล้อกับยอดสีหวานทั้งสองข้างอย่างสนุกสนาน ปลายความองอาจของผมเปียกแฉะไปหมด จีบรักด้านหลังยิ่งชื้นแฉะยิ่งกว่าแต่ทว่ากลับร้อนระอุจนแทบจะทนไม่ไหว
“มะ ไม่ ฮึก อ๊า ไม่เอา อ๊ะ แล้ว”
“ไม่ได้ครับ ผมจะฝังเข้าไปลึกอีก ให้เฟียซจดจำแค่ผม แค่ผมเท่านั้น ผมที่เป็นผัวของพี่ ไม่ใช่รูปที่ผมวาดมัน!”
“อ๊ะๆ ๆ มะ ไม่ อ๊ะๆ”
ผมหมดเรี่ยวแรงจะขัดขืน ทิ้งกายลงสู่พื้นเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อเขาปล่อยมือจากการจับกุมและการลูบไล้ มาเป็นกอบกุมสะโพกของผมเอาไว้สูง ยึดมันก่อนที่จะขยับกายเข้าออกอย่างรุนแรงจนตัวผมสั่นไหว นอนหอบหายใจรับความเสียวซ่านที่ถูกมอบให้ไม่รู้จบ
“เฟียซ อา เฟียซครับ ผมรักเฟียซ ซี๊ด ที่รักของผม”
“อ๊ะ อ๊าาา”
เหมเร่งจังหวะแรงและเร็วขึ้นจนผมต้องยกสะโพกขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกกับการกระแทกเข้ามาของเขา ผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่สูงจนแทบจะลอยตัว ก่อนเสียงหวีดร้องของผมจะดังขึ้นเมื่อได้ปลดปล่อยสายธารรักเป็นหยาดสีข้นออกมาจนเปื้อนผ้าปูที่นอน เหมกดร่างค้างไว้ปล่อยให้ความองอาจของเขาพ่นพิษเข้ามาในร่างของผมจนหมด หลงเหลือแค่เพียงเสียงหอบหายใจที่ดังไม่หยุด
“มันจะไม่จบแค่นี้หรอกนะครับ เมีย”
“มะ ไม่เอานะ อ๊า”
บทเพลงแห่งเกลียวคลื่นอันแสนดุเดือดถูกวาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผมหมดเรี่ยวแรงทั้งคืนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมตอกและย้ำสถานะของผมซ้ำๆ จนผมไม่สามารถปฏิเสธได้อีก เขาทำให้ผมจดจำเพียงเขา ให้ผมหลงลืมบทเพลงแห่งเกลียวคลื่นที่เป็นเพียงภาพวาด ให้จดจำแต่เพียงบทเพลงแสนรุนแรงที่เสียวซ่านนั้นแทน ตีตราผมให้เป็นของเขาตลอดไป
The End
มาแล้วค่าาาาา ตอนจบของพี่เฟียซและน้องเหม เป็นไงคะ น้องเหมเยดุถูกใจแม่ๆกันไหมเอ่ยยย ที่ตัดจบแบบนี้เพราะมันจะมีคาบเกี่ยวกับตอนอื่นๆ ความสัมพันธ์ของเหมและเฟียซจะดำเนินต่อไปในจินตนาการของทุกคนนนนน //โดนตบ ฮ่าๆๆ