-- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20  (อ่าน 104528 ครั้ง)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น่ารัก..กกกกกกก  :hao7:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักมากๆเลยค่า :pig4: :L1:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ต่างคนต่างโชคดีที่มาเจอกัน  :katai2-1: รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 41

บิดาของตรัส

---------
   

ความสัมพันธ์ของตรัสและรติใกล้ชิดสนิทสนมสมกับเป็นสามีภรรยา แต่ก็ไม่ประเจิดประเจ้อ กระนั้นคนใกล้ชิดก็ดูออกว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันแตกต่างจากวันแรกที่แต่งงานโดยสิ้นเชิง


   นอกจากความประพฤติแล้ว สิ่งหนึ่งที่ชี้ชัดถึงความสัมพันธ์แสนแนบชิดของพวกเขาก็คือข้าวของต่างๆในเรือนพักผ่อน


   ‘หมู่นี้ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยเชียวเจ้าค่ะ!’ พุดกรองแอบกระซิบกับท่านอมราในช่วงบ่ายวันหนึ่งที่นางเข้าไปดูแลหญิงชรา


นางเป็นแม่บ้านแห่งเรือนอหัสกร ครั้งหนึ่งเคยกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยา เพราะรู้เห็นตั้งแต่คืนแรกของงานแต่งงานที่ตรัสออกจากเรือนอย่างฉุนเฉียวไปนอนที่ห้องอื่น จนตรัสยอมกลับมานอนในเรือนพักผ่อนแต่แยกกันอยู่กับภรรยา คนหนึ่งนอนบนเตียง อีกคนนอนบนตั่งยาว แต่พักหลังมานี้หมอนและผ้าห่มบนตั่งยาวหายไป บอกให้รู้ว่าตรัสย้ายเข้าไปนอนกับรติบนเตียงแล้ว และมาถึง...ความเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุด…


   ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนแทบทุกวัน


   ‘ถ้าท่านรติเป็นสตรี อหัสกรคงมีทายาทอีกโข...จะว่าไปก็น่าเสียดายนะเจ้าคะ’ พุดกรองเปรยต่อ หญิงชราเหลือบมอง


   ‘ถึงรติจะเป็นชาย อหัสกรก็มีทายาท’


   ‘เอ๊ะ? หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ ‘


ท่านอมราเพียงยิ้มจาง ไม่ขยายความ แต่กลับไปพูดเรื่องเดิม


   ‘แล้ว...รติพูดอะไรกับเจ้าบ้างไหม เวลาเข้าไปช่วยงานในครัวตอนเช้า’


   แม่บ้านแห่งเรือนอหัสกรอมยิ้มกรุ้มกริ่ม


   ‘ไม่ค่อยพูดหรอกเจ้าค่ะ แต่ถ้าข้าบอกว่าอาหารอย่างนี้ ท่านตรัสชอบ ก็จะทำตาโตสนอกสนใจขึ้นมาทันที แต่เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่แค่ท่านรติสนใจนะเจ้าคะ ท่านตรัสเคยมากระซิบถามว่าท่านรติชอบกินอะไรบ้าง ไม่กี่วันก่อนก็มาบอกว่าถ้าร้านในเมืองขายหวานเย็นเมื่อไร ให้มาบอกที’


   ‘ตรัสน่ะหรือ? จะกินหวานเย็น?’ ท่านอมราหันไปถามแม่บ้านที่กำลังช่วยบีบนวดแขนให้นาง


   ‘เจ้าค่ะ! น่าแปลกใช่ไหมเจ้าคะ ท่านตรัสชอบกินขนมหวานเสียที่ไหน พอข้ามองอย่างตกใจ ท่านตรัสก็เลยยอมบอกว่าท่านรติอยากกิน ที่มาถามก็เพราะอยากจะพาท่านรติไปกิน แต่นี่เพิ่งจะฤดูใบไม้ผลิ ร้านในเมืองจะมีหวานเย็นขายก็ช่วงหน้าร้อนนู่น’


   ท่านอมรายิ้มจางพลางส่ายศีรษะไปมาด้วยความเอ็นดู


   ‘เขาไม่เคยมีภรรยา ไม่เคยมีคนรัก ก็คงจะตื่นเต้น’


   ‘เหมือนท่านอรุณเลยนะเจ้าคะ เห่อคู่รักอย่างนี้เปี๊ยบ’ พุดกรองเอ่ยไปถึงบิดาของตรัสผู้หายสาบสูญ



อมรายิ้มจางพลางพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย


   ตรัสเหมือนบิดาของเขาเหลือเกิน เหมือนแม้กระทั่งวิธีการในการแสดงความรักต่อภรรยาของเขา


ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นนั้นระมัดระวังการกระทำ อย่างมากที่สุดก็เพียงแค่ดูแลกันโดยไม่แตะเนื้อต้องตัว แต่ทุกการกระทำล้วนบอกให้รู้ว่าเขารักภรรยาเพียงใด 


ส่วนการแสดงความรักในที่รโหฐาน เรื่องนี้ย่อมไม่มีใครรู้ แต่จากการสังเกตของพุดกรองแล้ว คาดว่าคงใกล้ชิดกันมากทีเดียว


หรือ...หากต้องการหลักฐาน ก็เห็นจะต้องรอช่วงดึก แล้วลองเดินผ่านเรือนพักผ่อนของสามีภรรยาดู อาจจะได้ยินเสียงพูดคุยแผ่วเบา บางคืนก็เป็นเสียงหัวร่อต่อกระซิก บางคืนก็เป็นเสียงเครือครางผะแผ่ว หรือบางคืนก็มีทั้งสามเสียงต่อเนื่องกันมา


อย่างเช่นคืนนี้...


เริ่มต้นด้วยเสียงหยอกเอิน ตามมาด้วยเสียงครางเครือเพรียกหากันและกัน ลงท้ายด้วยเสียงหอบหายใจ


   ภายหลังเสียงหอบเงียบลงแล้ว รติก็ค่อยถูกประคองเข้าไปเช็ดเนื้อตัวในห้องสุขา คนประคองออกตัวทุกครั้งว่าพร้อมช่วยเหลือ แต่เป็นฝ่ายรติไม่ยินยอม ตรัสจึงได้แต่ปล่อยให้ภรรยาจัดการร่างกายตนเอง ส่วนเขาออกไปจัดการความเรียบร้อยในส่วนพักผ่อน


ตอนที่รติออกจากห้องสุขาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ ตรัสก็เปลี่ยนผ้าปูใหม่เรียบร้อยแล้ว


เตียงตอนนี้กับเมื่อครู่นี้แตกต่างกันลิบลับ พาเอารติเม้มปาก


“เปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยอย่างนี้ คงมีคนสงสัย...” เขาเอ่ยเสียงเบา ตรัสชะงักไปอึดใจหนึ่ง รู้สึกเก้อเขินไม่ต่างกัน


ต้นเหตุของการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนจะเพราะอะไรเล่า ส่วนใหญ่ก็เพราะความต้องการรักใคร่ที่มีต่อภรรยานั่นเอง


“เอ่อ...เรือนนอนของสามีภรรยา...คงจะ...มีคนเข้าใจ...”


รติไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่พยักหน้าสั้นๆ แต่ยังไม่วายหวั่น


“เมื่อครู่...ข้า...เสียงดังรึเปล่า...”


ตรัสกะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าของภรรยาที่ขึ้นสีเรื่อแล้วก็ถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่


รติจะรู้ตัวบ้างไหม ว่าคำถามเช่นนี้และท่าทางเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนโหดเหี้ยมคิดแต่จะทำให้ภรรยาต้องหนักใจเช่นนี้อีก


...เสียงดังหรือ...


...อยากให้ดังขึ้นอีก...


...อยากให้เรียกหาแต่ชื่อของเขาอีก...


...อยากให้ทุกห้วงลมหายใจของรติมีแต่เขา...


“ท่าน...มองอะไร” รติเห็นอีกฝ่ายจดจ้องเขาไม่วางตา ก็พาลเอาเขินหนักกว่าเดิม


ตรัสยิ้ม หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายชำระร่างกายสะอาดสะอ้านส่วนเขายังสวมชุดเดิมที่หยิบจากพื้นมาใส่ลวกๆ คงได้เข้าไปกอดรัดภรรยาให้สมกับความรู้สึกในอกนี้แล้ว


“ข้าเคยสงสัยท่านพ่อ เหตุใดยามพูดถึงท่านแม่ จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกับยามพูดถึงผู้อื่น”


“เวลานี้ข้าหายข้องใจแล้ว ท่านพ่อมีท่านแม่อยู่ในหัวใจ ความรู้สึกจึงแตกต่าง ท่านแม่เป็นผู้เดียวที่อยู่ในใจของท่านพ่อ และข้า...ก็จะเป็นเช่นนั้น”


   ตรัสหันมองภรรยา หมายจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่า เขาก็จะเป็นเฉกเช่นบิดา แต่...กลับพบว่ารตินิ่งงันไปแล้ว


   “รติ?”


   เจ้าของชื่อกะพริบตาปริบๆ ใบหน้ามิได้มีความเขินอายอย่างเมื่อครู่ ทว่ากลับเหมือนเพิ่งพ้นจากภวังค์


   “เจ้าเป็นอะไร”


   “ม...ไม่ได้เป็นอะไร...”


   ท่าทีของรติก็แปลกไป เจ้าตัวหลบเลี่ยงสายตา ทว่าไม่ใช่ท่าทีอย่างเก้อเขิน แต่เป็นการหลบเลี่ยงราวกับซุกซ่อนเรื่องบางอย่างไว้ในใจ


   “รติ...” ตรัสเรียกอีกหน แต่รติก้าวถึงเตียงแล้ว เจ้าตัวไม่ได้หันกลับไปมองคนเรียก แต่พูดเบาๆ


   “ข้า...ง่วงแล้ว...”


   แล้วก็เอนกายลงนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผนัง บทสนทนาทั้งหมดจึงสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น


   ตรัสรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายคล้ายจะหลบเข้าไปอยู่ในม่านหมอกที่เขามองไม่เห็น


เวลานี้เองที่เพิ่งรู้สึกตัว แม้จะผูกสัมพันธ์เป็นสามีภรรยา แต่เขากลับไม่คิดว่าตนเองรู้เรื่องของรติเพิ่มขึ้นเลย



---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

--------

รักกันมาหลายตอนแล้ว เข้าโหมดเคลียร์ปมก่อนนะคะ เดี๋ยวเรื่องไม่เดิน ฮ่าฮ่า

ขอบคุณทุกการอ่านนะคะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
มีอะไรปิดบังอยู่สินะ

เห้อออออ

รติต้องกล้าเปิดอกคุยนาาาา

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขอเดาว่า..น้องๆของรติอาจเป็นน้องคนละแม่กับตรัส   :m28:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ความจริงหลังความลับเปิดอาจทำให้ใครบางคนเจ็บปวด แต่ว่าอย่างนั้นก็ต้องผ่านมันไป ว่าแต่มันเรื่องมันปมไรว่ะ 55555 สนุกๆ รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาแล้วมีเรื่องอะไรอีกแง :a5: o22 :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รีบไปเคลียร์กันนะคะ  :mew2:

ออฟไลน์ Marine.blackqueen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หรือว่ารพีจะเป็นน้องคนละแม่ของตรัส? เพราะดูตรัสจะคุ้นเคยกับรพีตั้งแต่แรกๆเลย

สนุกมากค่ะ ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เห้ยยย คงไม่ใช่ใช่มั้ยยยยยอ๊ากกกกกกกืก่ก่กากาา

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
บทที่ 42
เพื่อนจากส่วนกลาง
---------
   

ตรัสใช้ชีวิตอย่างสงบเงียบและเรียบง่าย กระนั้นเขาก็มีเพื่อนฝูงอยู่บ้าง การที่สายวันหนึ่งจะมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มาปรากฏตัวที่ร้านยาอหัสกร ออกตัวว่าเป็นเพื่อนของตรัส จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก


ตรัสฝากให้รติดูแลร้านในส่วนขายยา และปิดบริการส่วนที่รักษาโรคเนื่องจากตนเองต้องพาเพื่อนออกไปกินมื้อกลางวัน


   จนกระทั่งบ่าย บ่าวรับใช้ที่เรือนอหัสกรก็วิ่งมาแจ้งว่าตรัสกลับไปที่เรือนแล้ว เนื่องจากสหายผู้นั้นอยากพบกับท่านอมรา หากรติต้องการปิดร้านยาก่อนเวลาก็ได้ แต่รติก็ยังดูแลร้านจนกระทั่งถึงเวลาปิด หลังจากแยกย้ายกับบ่าวร้านยาแล้ว จึงเดินกลับเรือนอหัสกรเพียงลำพัง


   แน่นอนว่ามันออกจะเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ พักหลังมานี้ เส้นทางสายนี้ เคยมีคนเคียงข้าง แต่บัดนี้กลับเดินเพียงลำพัง แต่รติไม่ใช่คนโหยหาแต่เรื่องที่คุ้นชิน แค่เดินกลับเรือนคนเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนัก


   ทว่า...เมื่อมาถึงเรือนอหัสกร เขาก็ต้องประสบกับความไม่คุ้นชินอีกหนึ่งประการ


   เสียงไม้กระทบกันดังต่อเนื่อง เสียงแหวกอากาศดังขวั่บๆ ชวนให้สงสัย พลอยให้เร่งฝีเท้าตรงดิ่งไปยังต้นเสียง


ตอนที่ก้าวเท้าไปถึงลานหลังบ้าน ภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือชายหนุ่มสองคนกำลังประลองฝีมือด้วยการหวดไม้ด้ามยาวใส่กันอย่างไม่ออมแรง


และหนึ่งในสอง...คือสามีของเขาเอง!


   ร่างของตรัสถอยกรูด คู่ต่อสู้หวดด้ามไม้ขึ้นเหนือหัวหมายจะฟาดลงมา รติเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ร้องลั่น


   “หยุด!!”


ร่างของรติถลาไปขวางกลาง ดวงตาวาววับเอาเรื่องมองคู่ต่อสู้ของตรัส


   “ท่านไม่เห็นหรือว่าตรัสถอยแล้ว?!!”


แม้ร่างกายจะผ่ายผอมกว่า แต่รติหาได้หวั่นกลัวไม่ ไม้ที่เงื้ออยู่กลางอากาศหยุดแต่เพียงเท่านั้น


   “รติ...” ตรัสแตะไหล่คนรักแผ่วเบา แต่รตินั้นเลือดขึ้นหน้าแล้ว หันกลับมามองสามีด้วยดวงตามีแววดุ


   “ทำไมท่านไม่บอกให้สหายของท่านหยุด!”


   ฝ่ายสามีเงียบไปอึดใจหนึ่ง ไม่คิดว่าจะได้เห็นรติในแง่มุมนี้ แต่เมื่อตั้งสติได้ เขาก็เอ่ยแผ่วราวกับเกรงอกเกรงใจ


   “ไม่เป็นไรหรอก...พวกข้าแค่ซ้อมเท่านั้น”


   “ซ้อมอะไรกัน?! ไม้จริง มีดจริง!”


   “ถึงจะใช้ไม้จริง เมื่อครู่นี้ก็ไม่ได้ลงแรงมากนัก เพียงแค่ฝึกกระบวนท่า”


เสียงคู่ต่อสู้ของตรัสดังขึ้น รติตวัดสายตาไปมอง แม้จะไม่สนิทสนมกับอีกฝ่าย อีกทั้งยังเพิ่งเคยเจอหน้าเป็นครั้งที่สอง แต่ก็พอรู้ว่าชายผู้นี้เป็นสหายเก่าแก่ของตรัส


   อิษวัต...เคยมาร่วมงานสมรสของเขาและตรัสแล้วครั้งหนึ่ง


   พอนึกถึงฐานะสหายสนิทของตรัส และการออกตัวของตนเอง รติก็ถึงกับเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบที่ฟังดูแล้วยังเจือแววห่วงใยต่อสามีของตน


   “ขอโทษที่ข้าวุ่นวาย ข้าเพียง...เห็นว่าตรัสถอยแล้ว เกรงว่าหากพลาดพลั้ง จะอันตราย”


   อิษวัตและตรัสเงียบกันไปอึดใจหนึ่ง


   “เอ้อ...ถ้าอย่างไร เจ้าอธิบายให้ภรรยาของเจ้าเข้าใจก่อนจะดีกว่า แล้ว...ค่อยคุยกันใหม่” ผู้มาเยือนเอ่ยกับเจ้าของเรือน ก่อนจะหันไปค้อมศีรษะให้กับรติ


   “ข้าขอโทษที่ทำให้กังวล แต่สามีของเจ้าเป็นเพื่อนประลองฝีมือของข้ามาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้คิดจะทำให้บาดเจ็บแต่อย่างใด”


   พูดแล้วก็ส่งไม้ด้ามยาวคืนให้แก่ตรัส ก่อนจะขอตัวจากไป เมื่อพ้นหลังเขาแล้ว ภายในเรือนอหัสกรก็กลับมาเงียบสงบอย่างเคย


   รติเหลือบมองสามี แม้จะรู้แก่ใจว่าเมื่อครู่นี้ตนเองเข้าใจผิดจนทำให้ทั้งตรัสและอิษวัตประลองกันเพียงครึ่งๆกลางๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่าการที่ตนเข้าขวางมิใช่เรื่องเกินเหตุนัก   


   “ท่านเป็นหมอ วันๆนอกจากตรวจคนไข้ ทำแผล หยิบจับผงสมุนไพรและยารักษาโรคก็ไม่ได้หยิบจับดาบหรือหน้าไม้ เหตุใดไปประลองฝีมือกับเขาอย่างนั้น” รติบ่น มองสามีด้วยความห่วงใย


   ตรัสกะพริบตาปริบๆ ไม่คิดว่าคำถามนี้จะตอบยากเท่านี้เลย แต่พอเห็นสายตาทั้งห่วงทั้งดุของภรรยา ก็พาลเอาพูดไม่ออก



   “ใช้ไม้จริง มีดจริง เกิดพลาดพลั้งไม่แย่หรือ”


   ยิ่งภรรยากล่าวมาเช่นนี้ ตรัสก็ได้แต่น้อมรีบเสียงแผ่ว


   “ข้าเข้าใจแล้ว แต่ข้ากับวัต...เราเรียนมาด้วยกัน ประลองกันบ่อย พอจะรู้ทางกันอยู่ อย่างไรก็...จะระวังให้มาก”


คำว่าระวังให้มาก ย่อมหมายความว่าจะยังประลองกันอยู่


แม้จะรู้สึกเป็นห่วง แต่รติก็ไม่ใช่คนอยุติธรรมที่จะนำความเป็นห่วงของตนไปกำกับใคร ตรัสเองก็เป็นผู้ใหญ่ ย่อมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร เมื่อออกตัวว่าจะระวังให้มาก เขาก็ไม่อยากห้ามปรามอีก


   แต่...ไม่วายยังเคืองใจ


   “ท่านเป็นหมอ เพื่อนของท่านก็เป็นหมอหรือ ถึงเรียนมาด้วยกัน”


   “มิใช่ ข้าหมายถึงสมัยยังเด็ก เราเรียนโรงเรียนฝึกอาวุธและการต่อสู้มาด้วยกัน”


   เรื่องของสามีที่ตนเองไม่เคยรู้ ทำเอารติถูกชักจูงไปสนใจเรื่องอื่นแทน จ้องมองตรัสตาแป๋วด้วยความอยากรู้


   “หืม? ข้านึกว่าท่านอยากเป็นหมอแต่เด็กเสียอีก”


   ตรัสยิ้มน้อยๆ เห็นท่าทางใคร่รู้ของภรรยาแล้วก็รู้สึกอุ่นในอก “ตอนยังเด็ก ข้าเรียนวิชารักษาโรคจากท่านพ่อ และเรียนวิชาการต่อสู้ที่โรงเรียน”


   “ท่านสนใจศาสตร์การต่อสู้ด้วยหรือ”


   “ข้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของอหัสกร ต้องขึ้นเป็นผู้นำสกุล ควรเรียนรู้ให้หลากหลาย นอกจากวิชารักษาโรคไว้ทำมาหากินและสืบทอดตระกูลแล้ว ก็ต้องดูแลปกป้องคนในสกุลให้ได้”


   รติมองชายตรงหน้าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา การได้สามีเช่นตรัสนั้นถือเป็นเรื่องวิเศษ เขาไม่เพียงเป็นคนที่มุ่งมั่น ตั้งใจจริง ขยันขันแข็ง แต่เขายังมีความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม


   “แต่พอท่านพ่อหายสาบสูญ ข้าต้องกลับมาดูแลสกุล ก็เลยไม่ได้สอบเข้าโรงเรียนแพทย์ของส่วนกลาง และไม่ได้เรียนวิชาการต่อสู้อีก แต่ข้าก็ยังฝึกอยู่เสมอ”


ฟังมาถึงตรงนี้ รติก็ทำหน้าปั้นยาก


เขาควรตระหนักได้ตั้งแต่แรกว่าตรัสต้องออกกำลังกายเป็นประจำ มิเช่นนั้นจะแข็งแรงถึงขั้นกดเขาจม อุ้มเขาลอย ร่างกายกล้ามเนื้อสมส่วน เช่นนั้นหรือ


ว่าแต่...เราก็อยู่ด้วยกันแทบทุกเวลา แต่ทำไมเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายฝึกฝนร่างกายเลยสักครั้ง


   “ท่านเอาเวลาที่ไหนไปฝึก”


   “อ้อ ก็ตอนเช้าหลังตื่นนอน”


   เป็นอันว่าช่วงที่รติวุ่นอยู่กับการดูแลอาหารเช้าในครัว ตรัสก็ฝึกฝีมือตัวเองให้คงที่


   “มิน่าเล่า...”


   “มิน่าอะไร”


   “ไม่มีอะไร” เรื่องอะไรจะบอกว่า มิน่าล่ะ ตรัสถึงได้แข็งแรงถึงเพียงนั้น


   “รติ...”


เสียงทุ้มเรียก ทำเอาคนที่เผลอคิดถึงความแข็งแรงของสามีหันมอง


ตรัสกำลังจับจ้องเขาอยู่ สายตาคู่นั้น ยามแต่งงานกันช่วงแรก มันทั้งแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความรังเกียจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันทอดแววหวานจนกลายเป็นรักใคร่


ทว่าเวลานี้...มันกลับเรียบกริบ นิ่งขรึม ราวกับหมอกหนาบดบัง


   “ข้าเล่าเรื่องสมัยเด็กของข้าให้เจ้าฟังแล้ว เจ้า...อยากเล่าเรื่องสมัยเด็กของเจ้าให้ข้าฟังบ้างไหม”


   รติชะงัก ก่อนจะย้อนถามเสียงเบา


   “ท่าน...อยากรู้หรือ...”


   “ใช่”


   “ก็...อย่างที่ท่านเห็น ข้ามาจากสกุลรักษาโรคทางใต้ พอท่านปู่เสีย ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยขายร้านยา ได้เงินมาก้อนหนึ่ง พาน้องๆมาที่นี่เพราะท่านปู่บอกว่าอหัสกรเป็นเพื่อนของท่านปู่ แล้วก็...แต่งงานกับท่านอย่างไรล่ะ”


   ตรัสเงียบไปอึดใจหนึ่ง ดวงตายังจับจ้องภรรยา ทว่าคล้ายหมอกหนาเคลื่อนตัวบดบังความรักลึกซึ้งใดๆในดวงตา


   “แล้วพี่สาวของเจ้าล่ะ”


   รติชะงัก แทบลืมหายใจ


   “...เจ้ามีพี่สาวอีกคนไม่ใช่หรือ เหตุใดนางจึงไม่มาด้วยกัน และเหตุใด...เจ้าจึงไม่เคยพูดถึงเลย”

---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

ก็จะดราม่านิดนึง แต่นิดเดียว ไม่นานหรอกค่ะ สัญญา ฮ่าฮ่า

ชอบอ่านเวลามีคนเดามากเลยค่ะ ใครเดาอะไรยังไง บอกได้นะคะ

ตอนนี้เดาแบบหนึ่ง ตอนหน้าเดาอีกแบบก็ได้ค่ะ ยินดีมากๆ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รติ ยังมีพี่สาวอีก อะไร ยังไง  :a5:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
หรือว่าพี่สาวของรติ จะเป็นเจ้าสาวตัวจริงของตรัส
รติก็แค่ตัวแทนมาแก้ขัด แก้หน้าให้ แต่งงานแทน

โอ้ววววว...ม่าย
ม่ายจริงงงงงง
.กาซิกๆ..

+1 ฮับ สนุกจังเลยเรื่องนี้

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พูดแบบนี้ มีดราม่าแน่ๆ

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ห้ะแล้วทำไมตรัสรู้ว่ามีพี่สาวล่ะ  o22 :really2: จะเป็นยังไงต่อคือเดาไม่ออกเลยค่ะ :pig4: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หืมมมพี่สาว?? อัยยะ เอาแล้ว ไหนจะเวลาพูดถึงท่านพ่อตรัสที่หาบสาปสูญก็อ้ำๆอึ้งๆ คิดนะเนี้ย คิดไปไกลเลย 5555555 สนุกกกกก ลุ้นปมกันต่อเลย จะยังไง ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รรรรรรรรร :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 43

 คำเตือนของสหาย

---------


   การมาเยือนของอิษวัตไม่เหมือนคราวรสนา


   ตอนรสนา ตรัสมิคาดคิด และไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ


   ตอนอิษวัต แม้ตรัสจะไม่รู้ว่าสหายจากเมืองหลวงจะมาเยือน แต่ก็รู้ต้นสายปลายเหตุ


   ลูกจ้างของร้านเดินออกจากห้องไปแล้ว จึงเหลือเพียงลูกค้าสองคน ผู้หนึ่งคือเจ้าของร้านยาอหัสกร อีกผู้หนี่งคือนายทหารจากส่วนกลาง


   ร้านอาหารกลางเมืองแห่งนี้ เป็นร้านมีชื่อ ลูกค้าหนาแน่น ปกติถ้าไม่จอง ย่อมไม่มีทางได้โต๊ะในมุมที่ดี หรือได้ห้องส่วนตัว แต่คราวนี้โชคดีนัก เพราะได้ห้องส่วนตัวขนาดย่อม


   “ภรรยาของเจ้าว่าอย่างไร” อิษวัตถาม พลางรินเหล้ารสแรงลงจอก


   “ถ้าไม่ต้อนก็ไม่พูด” ตรัสยกจอกกระดกเหล้าเข้าปาก รสร้อนแรงไหลลงคอจนร้อนวาบ แต่หัวใจกลับยังเย็นเยียบ


   เขาไม่เข้าใจเลย ว่าเหตุใดรติถึงปิดบังเรื่องเหล่านี้เอาไว้


...เราเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่หรือ แรกเริ่มอาจเป็นโดยไม่มีความรู้สึกเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเราต่างเปิดใจ เรื่องที่เป็นความลับยังสมควรปกปิดอีกอย่างนั้นหรือ...


   “เมื่อตอนเย็น กินข้าวด้วยกันก็เอาแต่หลบตา”


ท่าทีของรติมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งชัดเข้าไปใหญ่ เมื่อเขาบอกว่าจะออกไปพบเพื่อนเก่าอย่างอิษวัต และจะพาไปกินดื่ม คงกลับดึกและไม่ได้ช่วยทำผงสมุนไพร รติไม่ว่าอะไร หนำซ้ำยังบอกว่าจะค้างกับเพื่อนก็ยังได้


   สามีภรรยาแยกกันนอนเป็นเรื่องใหญ่


   สามีภรรยามีความลับต่อกันก็ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่


   แต่ภรรยา...ทั้งเสือกไสไล่ส่ง ทั้งปกปิดความลับ


   หรือสามีที่ชื่อตรัสคนนี้ ไม่คู่ควรจะเคียงข้าง ไม่คู่ควรจะรับรู้เรื่องลับในชีวิตของภรรยาเช่นนั้นหรือ


   “เขาคงไม่อยากพูดถึง” อิษวัตเอ่ย ทว่าตรัสกลับแค่นหัวเราะเย้ยหยัน


   “ไม่อยากพูดถึงหรือข้าไม่มีค่าพอจะรับรู้”


   คนฟังเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นเพื่อนเก่าผู้เงียบขรึมมีสีหน้ายุ่งยากถึงเพียงนี้


อันที่จริง ตอนที่เขามอบข้อมูลที่ได้มาจากสายสืบทางใต้ให้แก่ตรัส ก็ไม่คิดว่าภายหลังอ่านเนื้อหาทั้งหมดแล้ว สหายสนิทผู้นี้จะมีท่าทีเช่นนั้น


ตรัสเงียบ เคร่งเครียด แล้วหลังจากนั้นก็ชวนเขาประลองที่ลานหลังเรือน


คนเราจะหาเรื่องประลองฝีไม้ลายมือด้วยเหตุผลสักกี่อย่าง หากไม่ใช่ศัตรูเข่นเขี้ยวกันมาแต่ไหนแต่ไร ก็เพราะคนชวนทั้งเครียดทั้งขึงไม่รู้จะหาทางระบายเช่นไร


การประลองเมื่อตอนบ่ายจึงเกิดขึ้น และคงไม่ยุติง่ายๆถ้ารติไม่เข้ามาห้ามไว้เสียก่อน


คนหนึ่ง...เพียงอ่านข้อมูลของภรรยาก็เครียดขมึง


อีกคนหนึ่ง...เพียงเห็นสามีกำลังพลาดพลั้งก็วิ่งเข้าขวางไม่หวั่นเกรงอันตราย


เห็นที...ชีวิตหลังแต่งงานของตรัสและรติคงพัฒนาไปในทิศทางที่ดีมากทีเดียว แต่ในขณะที่ความสัมพันธ์สามีภรรยากำลังไปได้ดี กลับถูกขวางด้วยเรื่องที่ฝ่ายรติเก็บงำเอาไว้เสียนี่


   “ตรัส เจ้าไม่คิดหรือว่าที่เขาไม่บอก อาจจะเพราะเจ้ามีค่ามากเกินกว่าที่เขาจะทำให้เสียใจ”


   เจ้าของร้านยาอหัสกรนิ่งงัน เปิดโอกาสให้เป็นฝ่ายอิษวัตกล่าว


   “ข้อมูลที่ข้าได้มา อย่างมากก็เป็นแค่การรวบรวมจากสิ่งที่คนในเมืองนั้นเห็น แล้วพวกเขาก็จากมาพักใหญ่แล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องที่พวกชาวบ้านจำได้ หรือเรื่องที่พูดถึงจะเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด ข้าเองก็รับประกันไม่ได้” นายทหารหนุ่มจากส่วนกลางเอ่ย


   “...แต่สิ่งที่ข้าเห็นด้วยสองตาของข้า รติไม่ได้คิดร้ายกับอหัสกรแม้แต่นิดเดียว วันแต่งงาน เจ้าอาจไม่รู้ ในขณะที่เจ้าไม่พูดกับใครเลยทั้งงาน ยกเว้นพวกข้า รติคือคนรับหน้าผู้อื่น โต๊ะใดขาดเหลือ เขาเป็นคนสั่งการ ไม่มีสักนิดจะนิ่งดูดาย ในงานวันนั้น หากมองข้ามเรื่องที่พวกเจ้าถูกจับแต่งงานโดยไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันแล้ว รติทำหน้าที่ได้ไม่มีที่ติ”


   “ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้ ข้าคิดว่าเจ้าเองก็คงมองเห็นความดีงามของภรรยาของเจ้าจริงไหม ขนาดข้าเพิ่งมาพบเจ้าวันนี้ ยังได้เห็นว่าภรรยาของเจ้าห่วงใยเจ้าเพียงใด”


   “เมื่อตอนที่เราประลองกันที่สวนหลังเรือน ภรรยาของเจ้ามิได้หวั่นเกรงอาวุธใดๆ เห็นเจ้าถูกโจมตีก็วิ่งถลาเข้ามาขวาง หากไม่ใช่เพราะรู้สึกต่อเจ้ามาก ก็ไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว”


   ตรัสฟังแล้วได้แต่นิ่งเงียบ


   “ตรัส เรื่องที่เขาปกปิด ทั้งเรื่องพี่สาวของเขา เรื่องระพี รวมถึง...เรื่องพ่อของเจ้า มันไม่ใช่ความผิดของใครเลย”


   “...เรื่องที่เกิดขึ้น มันคือ...โชคชะตา...โชคชะตาที่ทำให้เจ้าได้รู้จักกับรติ”


---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต


ธ ม น


THAMON926


---------


อิษวัตไม่ได้มาไม่ดีนะคะ มาดีค่ะ ฮ่าฮ่า


ขอบคุณสำหรับการติดตามเสมอมาค่ะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ตรัสไม่ต้องทำเป็นอยากรู้แล้ว วิธีนี้อาจได้รู้ความจริงเร็วกว่า รติแคร์คนอื่นมากแล้วยิ่งสามีอยากรู้เรื่องพี่สาวแต่ก็ไม่ถามตนเซ้าซี้ รติเองละอาจจะรู้สึกผิดในใจ อึดอัดจนต้องเล่าออกมาเอง บุ้ยยยย 555 ขอบคุณที่มาต่อค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
สิ่งที่รู้อาจจะไม่ใช่ความจริง
ความจริงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ได้รับรู้

..มีคนเคยกล่าวเอาไว้..
หุหุ

+1 จ้า

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เอ....

พี่สาวรติ กับพ่อตรัส มันยังไงละเนี่ยยย

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 44

คำสารภาพ

---------


   นับตั้งแต่ตรัสถามเรื่องพี่สาว ท่าทีของรติก็เปลี่ยนไป หลบเลี่ยง ไม่สบตา ไม่มองหน้า ตอนที่ทำผงสมุนไพรเพื่อขายวันต่อไป ก็ทำเป็นยุ่งวุ่นวายอยู่กับหน้าเตาไฟ ดูแล้วไม่เปิดโอกาสให้ตรัสได้ถามถึงเรื่องนั้นอีก


   ‘...เจ้ามีพี่สาวอีกคนไม่ใช่หรือ เหตุใดนางจึงไม่มาด้วยกัน และเหตุใด...เจ้าจึงไม่เคยพูดถึงเลย’


   ‘นางเสียไปแล้ว นานมากแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวถึง’


   นั่นคือคำตอบของรติในวันนั้น แล้วก็ไม่เคยอธิบายสิ่งใดเพิ่มอีก


...เสียชีวิตแล้ว จากไปเมื่อนานมากแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องกล่าว...


ก็อาจใช่...แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากพูดถึงอย่างที่รติกำลังเป็นอยู่ ณ ขณะนี้


   ตรัสถอนหายใจยาว พลางมองกระดาษในมือที่ได้รับจากเพื่อนผู้มาจากส่วนกลาง เขาอ่านมันเป็นครั้งที่เท่าไรก็สุดจะนับ ตั้งแต่ได้รับจากอิษวัต


อ่านครั้งแรกทั้งเครียดทั้งตึงจนต้องชวนเพื่อนประลองฝีมือ


อ่านครั้งที่สองก็ยังทั้งเครียดทั้งไม่เข้าใจว่าเหตุใดรติจึงไม่เคยพูดเรื่องเหล่านั้น ยิ่งอ่านซ้ำหลายครั้ง ก็ยิ่งไม่พบเหตุผลใดเลยที่รติต้องโกหกและปิดบัง


   หากไม่ได้ข้อมูลจากอิษวัต ชีวิตนี้ ตรัสก็คงไม่ได้รู้


   ความจริงแล้ว ตรัสไม่ได้เพิ่งมาอยากรู้เรื่องของภรรยาเอาวันนี้ แต่เขาสงสัยในการมาเยือนของสามพี่น้องตั้งแต่วันแต่งงาน อิษวัตเป็นหนึ่งในแขกฝั่งเจ้าบ่าว ไม่เพียงเป็นสหายสนิทที่คุ้นเคยกันแต่เล็ก ยังเป็นนายทหารสังกัดส่วนกลาง มีพวกพ้องอยู่ฝ่ายใต้ที่พอจะไหว้วานได้


   เขาจึงให้ช่วยสืบข่าวสกุล ‘บริบาล’ อันเป็นสกุลของรติ


   เดิมทีเพราะอยากรู้ว่าเหตุใดท่านย่าของเขาจึงต้องการรับสามพี่น้องเข้ามาอยู่ในเรือนอหัสกร แม้ยามนั้น เขาเพียรบอกว่าสถานะการเงินของสกุลไม่สู้ดี ก็ยังบังคับให้เขาแต่งงานกับรติ เพื่อรับทั้งสามเข้ามาอยู่ในเรือนให้จงได้ หากบอกว่าสามพี่น้องเป็นหลานของสหายสนิท เหตุใด เขาจึงไม่รู้ว่าท่านย่ามีสหายสนิทผู้นี้ด้วย


จนเมื่อได้ข้อมูลมา ก็ยิ่งทำให้ตรัสตะลึงงัน


   ข้อมูลของอิษวัต ขัดแย้งกับสิ่งที่รติบอกทุกคนในอหัสกร


   รติ...ไม่ใช่พี่ชายคนโต


   รุจี...ไม่ใช่น้องสาวคนกลาง


   แล้วใหญ่...คือระพี...ไม่ใช่น้องชายคนเล็ก


   สกุลบริบาลของรติเป็นที่รู้จักกันดีในเขตเล็กๆของเมืองทางใต้ เพราะเป็นสำนักยา ปู่ของรติเป็นหมอ บิดาก็เป็นหมอ ส่วนมารดาไม่ปรากฏ บิดาตายจากเมื่อตอนโรคระบาด เหลือเพียงปู่และสามพี่น้องซึ่งประกอบด้วย พี่สาวคนโต น้องชายคนกลาง และน้องสาวคนเล็ก


ไม่ปรากฏระพีในรายชื่อพี่น้อง


ข้อมูลจากอิษวัตระบุว่า คนในเขตนั้นรู้กันว่าระพีเป็นเหลนของปู่ของรติ ไม่ใช่หลาน


   ระพีไม่ใช่ลูกของรติ แต่ระพีเป็นลูกของพี่สาวที่รติไม่เคยพูดถึงเลย


   ...รมณีย์...


   รมณีย์ผู้นี้มีสามีหนึ่งคน แต่หลังให้กำเนิดบุตรชายไม่นาน ก็เสียชีวิตพร้อมสามีด้วยอุบัติเหตุขณะเดินทาง สกุลบริบาลจึงเลี้ยงดูระพีต่อมา เรื่องของระพีซึ่งเป็นหลานของรติและรุจี และเป็นเหลนของปู่ ไม่ใช่ความลับ ผู้คนในเขตนั้นรู้กันทั่ว


   แต่...เมื่อมาถึงที่นี่ รติกลับบอกทุกคนในอหัสกรว่าระพีเป็นน้องชายคนเล็ก


   เพราะอะไร


   ปกปิดทำไม


   “ตรัส...ห้องน้ำว่างแล้ว” เสียงของรติดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังจมอยู่กับการไตร่ตรองต้องเงยหน้ามอง


กระดาษม้วนหนาในมือนั้น ไม่ใช่สิ่งที่รติเคยเห็นมาก่อน แต่มันปรากฏในช่วงที่ตรัสถามถึงเบื้องหลังของรติ


   คนมีเรื่องลับซุกซ่อนรู้สึกหายใจลำบาก รู้ดีว่าตรัสคงระแคะระคายบ้างแล้ว


   อิษวัตเป็นทหาร จู่ๆก็มาที่นี่ หลังจากนั้นตรัสก็ถามถึงเรื่องราวปูมหลังของรติ


   ไม่ต้องเป็นคนฉลาด ก็รู้ว่าอิษวัตมาที่นี่เพื่อนำเรื่องของรติมาบอกกล่าวให้ตรัสรับรู้


   ตรัสรู้เรื่องใดบ้าง รติไม่รู้ แต่...บางเรื่อง รติก็รู้ดีว่าไม่อาจปกปิดได้อีกแล้ว


   ฝ่ายสามียังมองเงียบ มือยังถือเอกสารไม่วาง ราวกับจะบอกว่าเวลานี้เขาเชื่อถือสิ่งที่อยู่ในมือมากเพียงใด และเรื่องที่อยู่ในนั้น ก็คือเรื่องของรติ


   “เรื่องของข้า...ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ...” รติเอ่ย แม้จะรู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายคงไม่วางเรื่องของเขาเอาไว้ข้างหลังแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีก


   “เจ้าเป็นภรรยาของข้า เหตุใดจึงคิดว่าเรื่องของเจ้าไม่สำคัญ”


   “มัน...ไม่มีอะไร”


   “ไม่มีอะไรแล้วทำไมเล่าไม่ได้”


   รติสูดลมหายใจลึก เม้มปากแน่น


   “พี่สาวของข้า...เสียไปตั้งนานแล้ว ส่วนระพี...เป็นลูกของนาง ที่ข้าบอกว่าเป็นน้องของข้าแทนที่จะเป็นหลาน ก็...ข้าไม่อยากดูแก่นี่นา” พูดแล้วก็หัวเราะ ทว่าช่างเป็นเสียงหัวเราะแห้งแล้งเมื่อสายตาของตรัสยังคงนิ่งเรียบ ราวกับเรื่องที่รติกล่าว มิใช่เรื่องที่เขาอยากฟังแต่อย่างใด


   เพราะเรื่องที่เขาอยากฟัง ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง


   “พ่อของระพีคือใคร”


   รติกลืนน้ำลายยากขึ้นมาทันที มองเจ้าของคำถามแล้วใจหาย พยายามสำรวจท่าทีของตรัสว่ารู้สึกนึกคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ แต่...ตรัสนิ่งสงบ อ่านไม่ออก


   “ท่าน...รู้แล้วหรือ”


   ตรัสลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาหาภรรยาอย่างเงียบๆ


   “พี่เขยของเจ้า...พ่อของระพี...ไม่ใช่คนท้องถิ่นทางใต้ เขามีผิวขาว มีอายุ และพูดด้วยสำเนียงที่ไม่ใช่คนใต้...เขาเป็นคนตะวันออก”


   รติหลับตาลง รู้สึกลมหายใจขาดห้วง แม้แต่แรกจะรู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้ไม่อาจปิดเป็นความลับไปได้ตลอด รู้ดีว่าวันหนึ่งต้องเปิดเผย แต่ในวันที่เริ่มต้นปกปิด เขาไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ก่อนที่ตนจะบอก


   เพราะตอนนั้น...โอหังคิดว่าตนเองคงไม่รู้สึกอะไร เพียงพา ‘มาส่ง’ แล้วรอดูท่าที หากเป็นไปด้วยดีจึงบอกความจริง เฝ้าดูระพีเติบโต หากทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง แล้ว จึงค่อยจากไป


เพราะตอนนั้น...ไม่คิดว่าการอยู่ที่นี่จะมีความสุขจนล้มเลิกการจากลา และ...มีความสุขจนไม่กล้าบอกความจริง


พอตอนนี้...มีความสุขมาก ก็ยิ่งไม่อยากทำลายทุกอย่าง เก็บทั้งหมดเป็นความลับ จนกระทั่ง...วันนี้


วันนี้...สิ่งที่เป็นความลับไม่อาจปกปิดได้อีกแล้ว สิ่งที่เป็นความลับ มาวันนี้มันเปิดเผยออกมาและทำร้ายความศรัทธาที่ตรัสมีต่อบิดาของตนเอง


   “พ่อของระพี...คือพ่อของข้าใช่ไหม”


   คำถามของตรัส เหมือนมีดที่กรีดลงกับหัวใจของคนถามและคนถูกถามไปในคราวเดียวกัน


   มันไม่เพียงกรีดเพื่อควักเอาความจริงออกมาจากใจของรติ แต่ยังควักเอาหัวใจของรติออกมาด้วย


   ไม่มีคำตอบจากภรรยา แต่ก็ราวกับเป็นคำตอบชัดแจ้งแล้ว


   ตรัสถอนหายใจยาว หัวใจอื้ออึงและหนักหน่วงคล้ายคนจมน้ำ กระเสือกกระสน แต่หนีไม่พ้น ร่างดำดิ่ง อึดอัดจนแทบแหลกสลาย แต่...ทรมานยิ่งกว่าเพราะยังหายใจ ยังรับรู้


   โดยเฉพาะเรื่องของบิดา ชายผู้ที่เขาเชื่อมั่นเสมอว่ามีแต่ท่านแม่อยู่เต็มหัวใจ ชายผู้ที่...หายสาบสูญ ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร หากโชคดีวันหนึ่งอาจได้พบกัน


   แต่วันนี้...ทราบแล้ว


   ชายผู้นั้นมีชีวิตอยู่อีกพักหนึ่ง ก่อนจะจากไป แต่ก่อนจากไปได้ทิ้งมรดกชิ้นหนึ่งให้รติพามายังอหัสกร


   ...ระพี...


   ตรัสหลับตาลง แล้วพอหลับตา ภาพที่ปรากฏในหัวก็มีแต่เรื่องราวของตนเองและชายคนนั้น...ชายผู้ที่เขาเรียกว่าท่านพ่อ แต่อึดใจต่อมา ภาพในหัวก็เปลี่ยนเป็นใบหน้ากลมของเด็กชายวัยห้าปีที่รติแนะนำว่าเป็น ‘น้องชาย’


   ทว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่น้องชายของรติ แต่เป็นน้องชายของตรัสต่างหาก


   น้องชายร่วมบิดา แต่...หาใช่มารดาเดียวกัน


   บิดาของเขาไม่ได้มีเพียงมารดาผู้ล่วงลับ แต่ภายหลังหายสาบสูญได้ร่วมหอกับสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือพี่สาวของรติ แล้วให้กำเนิดระพี แต่หลังจากระพีเกิดไม่นาน สองสามีภรรยาตายจาก ทิ้งระพีเอาไว้ให้ญาติพี่น้องฝั่งภรรยาดูแล


   จนกระทั่งผู้ใหญ่คนเดียวในสกุลจากไปอีกคน รติจึงพารุจีและระพีมาที่นี่


   ตรัสรู้สึกเหมือนความศรัทธาที่เคยมีต่อความรักของบิดาถูกทำลาย รู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนโง่ไม่เคยสังเกตสักนิดว่าระพีหน้าตาคล้ายคลึงเขาเพียงใด ไม่เคย...สงสัยว่าเพราะอะไรถึงเอ็นดูระพีมากกว่าใคร


   เพราะเป็นน้องร่วมสายเลือดครึ่งหนึ่ง


   แต่แค่ครึ่งเดียว เพราะมารดาของระพีคือสตรีผู้ทำให้ความรักที่บิดามีต่อมารดาของเขาสั่นคลอน


   ทว่า...ก็ไม่ใช่ความผิดของระพีไม่ใช่หรือ


   แล้ว...ความผิดใคร


   ‘...มันคือโชคชะตา’ อิษวัตกล่าวเช่นนั้น ราวกับรู้ว่าสหายอย่างตรัสคงรู้สึกเหมือนสิ่งที่คิดเอาไว้พังทลาย บิดาผู้มีมารดาคนเดียว บิดาผู้รักมารดาจนวันสุดท้ายที่จากไป แต่แล้ว...ก็มีน้องชายต่างมารดาโผล่ขึ้นมา


   ตรัสหมุนตัวหันหลังให้ภรรยา ด้วยไม่รู้จะจัดการความรู้สึกอึดอัดในอกอย่างไร ไม่เพียงแค่ความรู้สึกที่มีต่อน้องชายต่างมารดาที่ตนเอ็นดู ยังมีความรู้สึกที่มีต่อรติซึ่งถือเป็นน้องชายของสตรีผู้เข้ามาปันความรักของบิดาไปจากมารดาของตน แล้วยังมี...เรื่องที่รติปิดบังความจริงเหล่านี้เอาไว้ด้วย


   “ตรัส...” เสียงเรียกดังขึ้นจากเบื้องหลัง ความอึดอัดในใจของตรัสตีรวนจนรู้สึกราวกับอกจะระเบิด


“...ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านรู้สึกไม่ดี แต่...ข้าไม่คิดว่าการมาที่นี่แล้วบอกท่านว่าระพีเป็นน้องต่างมารดาของท่านจะเป็นเรื่องดี...”


   “...ข้าไม่อยากให้ท่านเกลียดระพี อยากให้ท่านเอ็นดูเขา อยากให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่ชายของเขา”


   คราวนี้ตรัสยอมหันกลับมามอง


   “เจ้าก็เลยโกหก?”


   “...ใช่”


   “ถ้าข้าไม่รู้ด้วยตนเอง เจ้าจะบอกข้าเมื่อไรว่าเขาเป็นน้องของข้า”


   รติเงียบ ได้แต่เม้มปาก ไม่กล้าเอ่ยว่าเขาไม่คิดจะบอกความจริงด้วยซ้ำ ทั้งที่เดิมทีมาที่นี่เพื่อให้ระพีได้ใกล้ชิดกับสกุลอหัสกร หากเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยก็มีสกุลนี้ให้พึ่งพาอาศัย แต่เมื่อถึงเวลานี้ที่รติมีความสุขกับการอยู่ที่นี่ ได้อยู่ใกล้ชิดกับตรัส กลับเป็นฝ่ายตนเองที่ลืมความตั้งใจเดิม ไม่กล้าบอกความจริง ได้แต่หลอกลวงผ่านไปวันๆ


   ...เห็นแก่ตัว...


   “ข้าขอโทษ...”


   “เจ้าไม่คิดจะบอกข้า”


   “เดิมทีคิด...แต่...”


   “แต่อะไร”


   “แต่ตอนนี้...ข้ากลัวท่านโกรธ”


   ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ที่รติเอาใจใส่กับความชอบ ความไม่ชอบ ความพอใจ ความไม่พอใจของสามี จนกลายเป็นระมัดระวังไม่อยากทำให้ขุ่นเคือง แม้กระทั่งเรื่องบอกความจริง


   ใบหน้าของรติเศร้าสลด ความหวาดหวั่นปรากฏชัดจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา เห็นเพียงเท่านั้น หัวใจของตรัสก็อ่อนยวบ


   ใจหนอใจ...เป็นถึงผู้นำสกุลแท้ๆ แต่หัวใจกลับไหวเอนต่อภรรยาง่ายดายถึงเพียงนี้


   ตรัสก้าวเข้าไปหาช้าๆ รั้งกายอีกฝ่ายเข้ามาแนบอก รติไม่กล้าแม้แต่จะกอดตอบ แค่อาการเกร็งขึงไม่กล้าแตะต้อง ตรัสก็สะท้อนไปทั้งหัวใจ รติขี้หนาว ก่อนหน้านี้หากเขาโอบกอด อีกฝ่ายก็มักจะซุกเข้าหาเสมอ แต่คราวนี้...ไม่


   “รติ...” แค่เพียงเรียกชื่อ ก็ราวกับความอึดอัดที่เก็บเอาไว้ พังทลาย ร่างที่เกร็งเครียดในอ้อมแขนของตรัสกลายเป็นสั่นสะท้าน ใบหน้าที่ก้มต่ำเงยขึ้น ดวงตากลมชุ่มไปด้วยหยาดน้ำและประกายของความรู้สึกผิด


   “ข้าขอโทษ ตรัส ข้าขอโทษ”


“ร้องไห้ทำไม” แค่เห็นน้ำตา ตรัสก็ยิ่งใจหาย คำถามของเขาแผ่วหวิว


รติเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว รีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ด เขาไม่ใช่คนอ่อนไหว แม้แต่เรื่องหนักหนาเพียงใดเขาก็ไม่เคยร้องไห้ แต่พอเป็นความรู้สึกผิดที่มีต่อตรัส กลับทำให้ทนไม่ได้


ฝ่ายสามีเห็นคนตรงหน้าก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำตาก็ประคองใบหน้าขึ้นมา ดวงตาของรติยังเอ่อคลอด้วยน้ำตา บอกให้รู้ว่าแม้จะเพียรพยายามเพียงใด กลับไม่อาจหยุดน้ำใสๆเหล่านั้นได้เลย


“ไม่ร้อง” เขาปลอบเสียงเบา ยิ่งทำให้รติรู้สึกกลั้นน้ำตาไม่อยู่เข้าไปอีก


“ขอโทษ...ข้าขอโทษ...”


ไม่รู้ขอโทษเรื่องใด ระหว่างที่ทำให้ตรัสรู้สึกไม่ดี กับเรื่องที่ไม่อาจหยุดน้ำตาได้ แต่ไม่ว่าจะเรื่องใด ตรัสก็ไม่ต้องการเห็นหยาดน้ำเหล่านั้นอีกแล้ว


เขาจับสองมือของภรรยาที่ปาดน้ำตาลวกๆนั่นออก แล้วเป็นฝ่ายก้มหน้าลงหา แนบริมฝีปากลงกับกลีบปากซีดนั่นแทน


   รสจูบของตรัสร้อนผะผ่าว ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนปลอบประโลมการร้องไห้ แต่ก็ไม่ดุเดือดราวกับต้องการลงโทษ ตรงกันข้าม มันกลับหนักแน่นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ต้องการประคับประคองหัวใจของภรรยา


ภรรยาที่แม้จะหลอกลวง


ภรรยาที่แม้จะปกปิดเรื่องราวมากมาย


เป็นภรรยาที่ทำเรื่องผิด แต่ตรัสอยากให้อภัย


เพราะภรรยาผู้นี้คือภรรยาที่ตรัสรักสุดหัวใจ


รติรู้สึกเหมือนชั่วขณะหนึ่งแผ่นดินที่เขาเหยียบยืนนั้นพังทลาย แต่ตรัสก็ยังโอบอุ้มเขาเอาไว้ แม้ไม่ใช่การโอบประคองอย่างอ่อนโยน เพราะการกระทำของเขาหาใช่เรื่องถูกต้อง แต่...ตรัสก็ยังกอดเขา


คนเช่นนี้


สามีเช่นนี้


จะไม่ให้รติรักและปรารถนาให้มีแต่ความสุขได้อย่างไร


   จุมพิตยาวนาน ทั้งหนักหน่วงและดื่มด่ำ ชักนำอารมณ์ของสองสามีภรรยาให้เบียดกายเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ต่างฝ่ายต่างเรียกร้องกันและกัน ช่วยกันปลดเปลื้องอาภรณ์จนเหลือแต่เนื้อตัวเปล่าเปลือยให้ได้สัมผัสกันแนบชิด


ตั่งยาวในส่วนทำงานถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับคู่สามีภรรยา ก่อนจะย้ายเข้าไปทำให้เตียงลุกไหม้ด้วยไฟแห่งความโหยหาที่ร้างลาไปนาน


   ค่ำคืนนี้ ในเรือนพักผ่อนของสองสามีภรรยา เสียงครางเครือแตกต่างจากครั้งก่อนๆไปเล็กน้อย


มันฟังแล้วคล้ายเจ็บปวดด้วยความรู้สึกผิด แต่กระนั้นก็ยังพร่ำเรียกชื่อหา แทรกด้วยประโยคขอโทษที่แสนสั่นเครือ แม้ไม่มีคำพูดว่าให้อภัย แต่การกระทำล้วนบอกชัดว่ารู้สึกเช่นไร


อ้อมแขนของตรัสกอดรัดแนบแน่น ริมฝีปากของตรัสวนเวียนจูบซับหยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ฝ่ามือลูบหลังลูบไหล่โอบประคองร่างที่สั่นสะท้านให้หายหวาดหวั่น


หากการปกปิดและโกหกคือความผิดที่รติก่อ


หากความเสียใจของรติคือบทลงโทษแล้ว


ตรัสก็ไม่ต้องการเห็นน้ำตาของภรรยาอีก


ชายหนุ่มประคองใบหน้าที่ยังชื้นด้วยหยาดน้ำตา แล้วก้มลงมอบจุมพิตแห่งความรู้สึกอีกครั้ง


ถ้าการให้อภัยจะทำให้เขาได้ภรรยาคนเดิมกลับมา เขาก็ยินดี


---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

ทำไมแต่ละตอนมันยาวขึ้นๆก็ไม่รู้ค่ะ คอนเซ็ปต์คือตอนสั้นๆคั่นเวลานะคะ ฮ่าฮ่า

มีคนเดาถูกด้วย ขอบคุณที่ร่วมเดาสนุกๆไปด้วยกันค่ะ (ตบมือๆ)

ขอบคุณทุกการอ่านเสมอมาเลยค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2020 17:45:55 โดย THAMON926 »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด