Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล
ตอนที่ 26 ความลับไม่มีในโลกหรอกนะเอกภพเอ๋ย
ความตั้งใจแรกของผมคือ ไม่อยากให้คุณต่อเปิดเผยเรื่องที่เราคบกันกับที่ทำงาน เพราะยังไงคุณต่อก็มีหน้าตาในสังคม อีกทั้งยังต้องรักษาความน่าเชื่อถือของตัวเองกับลูกน้อง การที่มาคว้าผู้ชายเป็นแฟนก็ว่าเกินความคาดหมายแล้ว แต่ยังพ่วงด้วยอาชีพพนักงานขับรถของเจ้านายอีก ... สมภารกินไก่วัดขนาดนี้ ... ทั้งออฟฟิศจะต้องลุกเป็นไฟแน่ๆ
แต่ความลับไม่มีในโลกหรอกครับ เพราะนิตยสารที่ทางบริษัทซื้อมาติดออฟฟิศประจำนั้นก็มีข่าวเกี่ยวกับงานเปิดตัวสินค้าที่พวกเราไปร่วมงานเป็นสกู๊ปใหญ่สามหน้า รูปในงานก็เป็นหลักฐานอย่างดีว่าผมกับคุณต่อไปด้วยกัน นั่งติดกัน ถ่ายรูปร่วมเฟรมไม่แยกกันสักรูป ถ้าจะบอกว่าไปในฐานะคนขับรถก็คงอ้างไม่ขึ้น เพราะว่ากระผมนั้นแต่งตัวในชุดสูทแบบจัดเต็ม ทำทรงผมที่ไม่เคยทำมาก่อนอีกด้วย หนำซ้ำใบหน้ายังเรียบเนียนราวกับว่าหลุดมาจากโรงเรียนสอนแต่งหน้าอีกด้วย...ดูดีๆก็หล่ออยู่นะ
“หืมมม พวกแกร๊ ชั้นตกข่าวอะไรไปรึเปล่าเนี่ย” กลุ่มแม่บ้านทหารบกจับตัวกันแล้วจ้า นี่ตั้งวงกันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าไอ้เอกภพที่แต่งตัวมอซอยืนในซอกชงกาแฟอยู่ คงเพราะสภาพผิดกับในนิตยาสารลิบลับคนเลยไม่สังเกต ... เว่อร์ไป จริงๆมันเป็นซอกคล้ายๆระเบียงยื่นออกไปครับ ถ้ามาหลบมุมนี้จะไม่มีคนเห็นถ้าไม่สังเกต
“นี่ไงแก ชั้นว่าแล้วว่ามันตะหงิดๆ ปกติคุณต่อน่ะนะเปลี่ยนคนขับรถบ่อยจะตาย”
“ใช่ๆ แต่กับพี่เอกเนี่ย ยืนหนึ่งมาตั้งแต่ต้นปีจนจะปลายปีแล้ว”
“ทีแรกก็นึกว่าแค่เจ้านายลูกน้องที่สนิทกัน เห็นหยอกล้อกันนึกว่าคุณต่อเป็นกันเองกับลูกน้องซะอีก”
“ใช่แก ที่ไหนได้ ... หืมมม ไม่อยากจะคิด อิจฉาพี่เอกอยู่นะ” สาวๆครับ ผมอยู่ตรงนี้
“ชั้นว่าชัวร์ ยังไงคู่นี้ก็ต้องมีซัมติง”
“โอ๊ย เพื่อนขา พากันออกงานขนาดนี้ คงแค่คนขับรถหรอกค่ะ แต่ อื้อหือ พี่เอกแต่งเต็มนี่ก็หล่อมากนะเว้ย”
“ใช่ๆ หล่อมาก ผิดกับตอนมาทำงานยังกะคนละคน” หึหึหึ ไอ้ภูมิใจก็ภูมิใจหรอกนะ แต่มันก็ยังไงๆอยู่
“ดาร์ก ทอลล์ แอนด์ แฮนด์ซั่ม...ไม่น่าเสร็จคุณต่อเลยอะแกร๊”
“นี่ เบาๆสิ เก็บความเสียดายไว้ค่ะ คนเค้ารักกันพวกเราต้องตัดใจนะคะ...”
“ชั้นรู้สึกอกหักดังเป๊าะเลยแก อุตส่าห์อ่อยคุณต่อมาตั้งสองปี” หนึ่งในกลุ่มสาวโสดบ่น
“อิจฉา....”
“อิจฉาใคร”
“ชั้นอิจฉาทั้งคู่แหละ อิจฉาพี่เอกที่ได้คุณต่อเป็นแฟน แล้วก็อิจฉาคุณต่อด้วย...ดูดิ พี่เอกน่ากิ๊น น่ากิน”
“ย่ะ นังหื่น ไปเร้ว เลิกเม้าก่อน ไปทำงานๆๆๆ” ผมที่ยืนหันหลังนั่งฟังเหงื่อแตกพลั่ก...อานุภาพของสาวๆในออฟฟิศนี่มันรุนแรงเหลือเกิน
ทุกอย่างมันควรเป็นไปตามปกติ ยกเว้นระยะหลังมานี้ที่คนในออฟฟิสดูจะเกรงใจผมมากขึ้นจนน่าแปลกใจ แถมยังมีขนมนมเนยมาฝากมากกว่าแต่ก่อนจนเกรงใจสุดๆ ไอ้เราน่ะพอจะเข้าใจนะว่าเป็นเพราะอะไร ถึงแม้คุณต่อกับผมไม่ได้ออกมาประกาศตัวว่าคบกัน แต่ภาพที่ออกมาและการที่เราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงขนาดนี้ก็ย่อมเป็นที่จับสังเกตได้ไม่ยาก
“พี่เอก วันนี้นาวซื้อขนมหม้อแกงจากเพชรบุรีมาฝาก” น้องมะนาวคนสวยนมใหญ่
“คุณเอกครับ พอดีผมไปเที่ยวตลาดน้ำมา เลยซื้อน้ำตาลโตนดเจ้าดังมาฝาก...” คนนี้ใครหว่า ปกติไม่เคยเห็นหน้า
“คุณเอกขา บังซื้อไข่เค็มไชยยามาฝาก...” บังดำเอ๊ย สุภาพขึ้นเยอะเลย แถมไม่กล้าแซวผมด้วย
“สวัสดีครับพี่บัวคำ”
“อุ๊ย น้องเอก สวัสดีค่ะ ไม่ต้องยกมือไหว้พี่ก็ได้” พี่บัวคำหน้าเจื่อนตอนที่ผมยกมือไหว้
“แหมพี่ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมน่ะอายุน้อยกว่าพี่นะ ไม่ไหว้พี่ก็เหมือนคนไม่มีสัมมาคาราวะน่ะสิ”
ฯลฯ
....
“ฮ่าๆๆๆๆ ขนาดนั้นเลยเรอะ” นี่ไง ปฏิกิริยาแรกของเจ้านายหนุ่มหลังจากได้ฟังที่ผมเล่า
“ไม่ตลกนะคุณต่อ ผมล่ะอึดอัด ไม่ชินเลยที่มีแต่คนนอบน้อมใส่”
“พี่เอกอย่าคิดมากน่า” ไม่พูดเปล่า สองแขนใหญ่ก็ลากตัวมานอนในอ้อมกอดอย่างคุ้นเคย “ดีแล้วไง ที่เป็นแบบนี้ แฟนของรองประธานบริษัทเชียวนะ”
“อย่าลืมสิคุณต่อ ผมเป็นแค่คนขับรถเองนะ”
“แล้วคนขับรถเป็นแฟนต่อพงษ์ไม่ได้เหรอ” สะอึกสิครับงานนี้
“ผมไม่สนใจหรอกว่าพี่เอกเป็นใคร พี่เอกคือพี่เอกคนที่ผมเลือกแล้ว” หวานนนน
“ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมอง จะคิดยังไง ผมสนใจแค่ตอนนี้ผมได้อยู่กับพี่ แค่นี้ก็พอแล้ว”
ใจละลายเลยไอ้เอก...จากที่ไม่ชิน กลับกลายเป็นว่าเคลิ้มไปหมด
ที่ไม่ให้คิดมากน่ะ ผมเข้าใจนะ แต่ถ้าไม่ให้คิดเลยมันก็เป็นไปไม่ได้ปะ คนเรามันมีที่มาต่างกัน มันยากที่จะระบุได้ว่าคนไหนชื่นชมความสัมพันธ์ของเราแบบจริงใจ หรือคนไหนแค่แสดงออกเพื่อเอาหน้า ผมมาจากระดับรากหญ้า ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะโดนฉุดให้โผล่หัวชูคออยู่ตรงนี้ก็ย่อมปรับตัวได้ลำบากหน่อย...ไม่หน่อยละ ลำบากมาก ... แต่พอเห็นท่าทางหนักแน่นของแฟนหนุ่มตัวเองก็ยอมแต่โดยดี นิสัยของเรามันไม่ต้องปรับตัวเข้าหากันแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่าเป็นคนยังไง ทำงานด้วยกันมาขนาดนี้ เห็นไส้เห็นพุงกันหมดแล้ว ก็เหลือแค่ฐานะทางสังคมเท่านั้นที่ต้องปรับกันอีกขนานใหญ่
“คิดอะไรอยู่เนี่ย ป้อนคำหวานไปตั้งเยอะ ดันมาเงียบใส่” นั่นไง แค่คิดอะไรเพลินๆนิดเดียวเอง
“เปล่าครับ คิดเรื่อยเปื่อยน่ะครับ ... เรื่องสอบด้วย”
“เออ จริงสิ พี่เอกใกล้สอบแล้วนี่นา อ่านหนังสือรึยัง”
“อ่านบ้างแล้วครับ เมื่อกี้ก็อ่านอยู่ แต่ใครก็ไม่รู้ลากมานอนตรงนี้” ผมผละจากอ้อมอกแกร่ง เนื้อตัวร้อนผ่าวของคุณต่อชวนให้น่านอนเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องลุกมาให้ได้ ไม่งั้นคงไม่ได้อ่านหนังสือ ผมลงทะเบียนเรียนต่อแล้ว แต่ไม่ได้ไปเข้าเรียนที่มหา’ลัยเลย แค่ทำงานตามที่อาจารย์สั่งทางอีเมล์ และไปสอบตามตารางที่คณะจัดมาเท่านั้น
“พูดซะผมรู้สึกผิดเลย พี่เอกเอาหนังสือมาอ่านตรงนี้ได้มั้ย” คุณต่อตบที่นอนข้างๆตัว ผมล่ะระอาใจจริงๆ
“ไม่ครับ ขืนมาอ่านตรงนี้ก็ไม่มีสมาธิอ่านหรอก”
“ทำไมล่ะครับ” ถามแล้วยิ้มแบบนี้ ยิ้มแบบกวนๆจนผมหน้าแดง นึกถึงครั้งก่อนที่เชื่อคำ เอาหนังสือมานอนอ่านข้างๆ ผลปรากฎว่าไอ้คุณแฟนเนี่ยทั้งมากอด ออเซาะ นัวเนีย จับจูบจนผมสติกระเจิดกระเจิงไปเลย...
“ยังจะถามอีก ผมไปอ่านหนังสือดีกว่า...” ผมรีบพุ่งตัวไปที่ห้องทำงานของคุณต่อที่เพิ่งเปลี่ยนสภาพห้องเก็บของเมื่อไม่นานมานี้ เดิมทีคุณต่อไม่ต้องหอบงานมาทำที่บ้าน แต่พอผมเรียนต่อตามที่เค้าอยากให้ทำ ก็เลยลงทุนทำห้องให้ใหม่สำหรับทำรายงานและอ่านหนังสือ ... โดยให้เหตุผลคือ ไม่อยากให้พี่เอกไปที่อื่น กลัวมีคนมาจีบ
...เห็นรึยัง ว่าไอ้เอกคนนี้ก็มีเสน่ห์นะเว้ยยยยยย
ก๊อกๆ
ผมหันไปมองที่ประตูห้องทำงานตามเสียงเคาะ พลันตกใจที่คนที่เปิดเข้ามาไม่ใช่คุณต่อเหมือนที่คิดไว้ แต่กลับเป็นน้องชายสุดหล่อของคุณแฟนที่เดินหน้ามุ่ยมา
“พี่เอก พี่บล็อกเบอร์ผมเหรอ” หืม มาถึงก็จัดชุดใหญ่เลย
“ปะ เปล่านี่ครับ ผมจะบล็อกเบอร์คุณตงได้ไง ผมยังไม่มีเบอร์คุณตงเลยนะ” ผู้มาเยือนนิ่ง ท่าทางครุ่นคิด
“ก็จริง แต่ผมมีเบอร์พี่เอกไง พยายามโทรหาหลายรอบแล้วก็เหมือนสายไม่ว่างตลอด เมื่อกี้ก่อนเข้ามาก็ลองโทรอยู่ ก็เหมือนเดิมทั้งๆที่มือถือพี่ก็วางข้างๆ”
“หืม” ผมหยิบมือถือตัวเองมา ไม่มีเบอร์ใครโทรเข้าสักคน “ไม่เห็นมีสายเข้าเลยครับ”
“แปลก แปลกมาก ผมขอดูมือถือพี่เอกหน่อยสิครับ” ผมปลดล็อกและยื่นมือถือให้
“นี่ไง ว่าละ มีคนบล็อกเบอร์ผมจริงๆด้วย” อืม ผมรู้เลยว่าฝีมือใคร เพราะตอนที่คุณตงเอื้อมมือมาโอบเอวผมในงานวันก่อน คุณต่อก็ดูเคืองน้องชายตัวเองไม่น้อย
“ว่าแต่ คุณตงโทรหาผมทำไมเหรอครับ ให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า” ผมตัดบท ตอนนี้สมองกำลังแล่น
“คือ มะรืนนี้ผมกับไอ้หนึ่งไอ้โทจะไปเที่ยวทะเลกันน่ะครับ เลยว่าจะชวนพี่เอกไปด้วย ทริปนี้คิดว่าจะเมากันเลยไม่อยากขับรถไปเอง”
“อ่า คือ...”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมขอพี่ต่อให้ รับรองว่าไม่มีปัญหา...”
“มี” ผมชะงัก หันไปมองคนตัวสูงที่ยืนพิงประตูด้วยใบหน้ายู่ยับ
“มีปัญหาอะไรพี่ต่อ”
“มีสิ พี่เอกเป็นคนขับรถส่วนตัวของพี่ และเป็นแฟนพี่ด้วย อยู่ๆจะมาขอให้ไปขับรถให้เราไปเมาน่ะเหรอ ไม่มีทาง”
“แต่ทริปนี้พวกน้องๆพี่เอกไปด้วยนะ ผมเลยอยากจะมาชวนแกไปด้วย”
“แล้วไงล่ะ คนขับรถที่บ้านก็มี ก็ให้พาไปสิ”
“พี่ต่อขี้หวง ใจคอพี่จะไม่ถามพี่เอกสักคำเลยเหรอว่าอยากไปหรือเปล่า” อ้าว โยนภาระมาทางนี้ซะงั้น
“เอาสิ พี่เอก ว่าไงครับ พี่อยากไปหรือเปล่า” น้ำเสียงที่ถามน่ะ จะเข้มไปไหน แถมท่าทางแบบนั้น ไม่เป็นมิตรต่อคำตอบอีกด้วย
“คือ จริงๆพี่ก็อยากไปนะคุณตง...”
“นั่นไง เห็นปะ ผมบอกแล้วว่าให้ถามพี่เอกก่อน” คนน้องได้ทีก็แทรกเลยครับ
“แต่ผมคงไปไม่ได้อะครับ ขอโทษด้วยนะครับคุณตง”
“อ้าว ทำไมล่ะ” เสียงเปลี่ยนเลยจ้า จากที่ร่าเริงร้อยแรงม้าเหลือแค่ระดับเพิ่งสตาร์ทเครื่อง
“กูตอบให้ก็ได้ พี่เอกมีสอบวันมะรืน ตอนนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่ ไม่มีเวลาพาไอ้เด็กขี้เมาไปเที่ยวหรอก” พอได้ที คนพี่ก็ใส่ยับเลย
“แล้วตอนนี้ เอ็งมารบกวนเวลาอ่านหนังสือพี่เอกอยู่ ดังนั้น ออกไปได้แล้ว”
“อะ...อ้าว” คุณตงที่ตัวเล็กกว่าถูกพี่ชายร่างสูงใหญ่ฉุดแขนให้ลุกขึ้นพลางดันตัวให้ออกไปจากห้องทำงานนี้ ผมมองภาพนั้นอย่างขบขันกับท่าทีของสองพี่น้องที่ตีกันตลอด ประตูห้องปิดสนิท แต่ยังพอได้ยินเสียงโวยวายของคุณตงอยู่บ้าง จับใจความได้ว่ากำลังต่อว่าคนพี่ที่หวงแฟน...
...ลองคุณต่อไม่หวงดูสิ ไอ้เอกก็คนหล่อคนหนึ่งนะครับ อย่าลืมนะ
...อ่านหนังสือต่อดีกว่า ต้องรวบรวมสมาธิอีกรอบแล้ว เห้อ!
RRRRRR
“ว่าไงวะ โทรมาทำไมดึกดื่น”
[โหพี่ นี่สมควรเป็นคำทักทายน้องตัวเองมั้ย] เสียงไอ้โทบ่นออกมาจากปลายสาย
“ก็ปกติมึงเคยโทรมามั้ยล่ะ แถมนี่โทรมาดึกดื่นอีกต่างหาก มีอะไร”
[ไม่มีอะไรพี่ เห็นไอ้ตงบอกว่าพี่ต่อไม่ยอมให้พี่ไปทะเลกับพวกผมเหรอ]
“อื้อ”
[โหย ไรวะ หวงแฟนชิบหาย รู้งี้ไม่เชียร์ให้คบกันหรอก]
“เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย” ผมตอบความกวนบาทาของน้องชายไป “สรุปว่าโทรมาบ่นแค่นี้เรอะ”
[แค่นี้แหละ จะแค่ไหน คอยดูนะเจอพี่ต่อคราวหน้าผมจะจัดให้หนัก]
“ตัวยังกะชิวาว่าจะไปทำอะไรคุณต่อเค้าได้ห๊ะ แล้วคุณตงบอกเหตุผลมั้ยว่าทำไมคุณต่อถึงไม่ให้กูไป”
[ไม่อะ มันบอกแค่ว่าพี่ต่อไม่ให้พี่ไป แล้วก็บ่นๆๆๆๆ]
“เออ สมแล้วที่เป็นคุณตง กูน่ะไปไม่ได้อยู่แล้ว วันมะรืนมีสอบ เนี่ยกำลังอ่านหนังสืออยู่”
[อ้าว เหรอ... ไรวะ ไอ้ตงแม่ง ฤาษีแปลงสาร]
“ไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ กูรีบอ่านหนังสือก่อน ง่วง”
[ง่วงหรืออยากไปกอดแฟนกันแน่] มันแซวมาครับ ผมนี่อยากจะฟาดก้านคอมันจัง ไอ้น้องเวร!