(จบแล้วค่ะ)
สองปีต่อมา
“ยินดีด้วยนะรินในที่สุดก็จบจนได้” ธารากล่าวแสดงความยินดีกับน้องชายพร้อมกับส่งดอกไม้ช่อใหญ่ในมือให้ พ่อกับแม่ขอองธารินก็มาร่วมงานรับปริญญาด้วย ทั้งสองคนมีหน้าตายิ้มแย้มและคอยชี้นิ้วสั่งช่างภาพที่จ้างมาให้ตามเก็บภาพให้ครบทุกช่วงเวลา แม้จะเป็นตอนที่ธารินยกขวดน้ำขึ้นดื่มก็ตาม
หลังจากที่เขาตกน้ำวันนั้นพ่อกับแม่ของเขาก็ปฏิบัติกับเขาดีขึ้นมาก ถึงบางครั้งจะยังมีจู้จี้จุกจิกอยู่บ้างแต่ก็ด้วยเรื่องเล็กน้อยค่อนไปทางน้อยใจมากกว่าเช่นการที่เขากลับมากินข้าวที่บ้านแค่เดือนละครั้ง จนเขาต้องเพิ่มเป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์ถึงจะหยุดบ่นกันไปได้
และเพราะได้ติวเตอร์ดีทั้งที่คณะคือกิตติชัยกับปุณณ์และที่บ้านคืออริญชย์รวมกับความตั้งใจอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ เกรดในสองปีสุดท้ายของธารินจึงดีขึ้นจนน่าใจหายทำให้เกรดเฉลี่ยรวมตอนจบแตะที่เลขสามนั่นยิ่งทำให้ทุกคนโดยเฉพาะเจ้าตัวหน้าบานไปกันใหญ่ พ่อกับแม่ถึงขั้นจะเอาใส่กรอบไปติดฝาบ้านทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคัดค้านเรื่องที่เขาเป็นหมอแทบตาย
ไพลินที่กลับมาเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ดีอีกครั้งแวะเอาช่อดอกไม้มาให้และถ่ายรูปด้วยแป๊บนึงก่อนจะกลับไปเพราะวันนี้ลูกของเธอมีนัดฉีดวัคซีน ไพลินเองก็ทะเลาะกับที่บ้านเรื่องท้องไม่มีพ่อใหญ่โตแต่เธอกกัดฟันสู้ทำทุกอย่างเองคนเดียวไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไปฝากครรภ์และเตรียมของใช้ต่างๆ โดยมีตาณคอยช่วยเหลือจนกระทั่งวันถึงคลอด พอเด็กน้อยลืมตาขึ้นมาดูโลก ความไร้เดียงสาของเด็กก็ทำให้ตากับยายใจอ่อนในที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอได้ลูกชายด้วย และเพื่อเป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมไพลินจึงสร้างข้อตกลงขึ้นมาว่าเธอจะเลี้ยงลูกเอง ส่วนเรื่องที่ว่าลูกชายของเธอคนนี้จะรับสืบทอดงานของที่บ้านหรือเปล่าก็รอให้เจ้าตัวโตแล้วเป็นคนตัดสินใจซึ่งพ่อกับแม่ก็ยอมรับข้อเสนออย่างช่วยไม่ได้เพราะหลงรักหลานชายหน้าลูกครึ่งตาสีฟ้าไปแล้ว
“แล้วนี่ศรไปไหนทำไมไม่ด้วยกัน” วิลาวรรณหันไปถามหาสะใภ้กับลูกชายคนโต
“ไปห้องน้ำครับ”
“ตายแล้วธารา!” วิลาวรรณตีแขนลูกชาย “ทำไมไม่ไปดูศร เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำยังไงเนี่ย”
“ผมมาแล้วครับคุณป้า” ศรศรัณย์ที่เพิ่งเดินอุ้ยอ้ายมาถึงรีบแสดงตัว
วิลาวรรณรีบแบ่งร่มที่กางอยู่ให้สะใภ้โอเมก้าแล้วดึงมายืนข้างกัน ธารินมองภาพตรงหน้าแล้วหันไปสบตาพี่ชายยิ้มๆ ตอนนี้ศรศรัณย์เป็นที่รักของพ่อกับแม่ยิ่งกว่าพวกเขาสองคนรวมกันเสียอีก เพราะศรศรัณย์กำลังอุ้มท้องหลานสาวคนแรกของบ้านและมีกำหนดคลอดในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้
ธาราใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้นางฟ้าของเขาพลางยิ้มให้ รู้สึกภูมิใจในตัวศรศรัณย์ที่คอยอยู่เคียงข้างเขาแม้ว่าจะต้องทนเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจจากความล้มเหลวของการผสมเทียมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ศรศรัณย์ก็ไม่เคยต่อว่าเขาและให้กำลังใจมาตลอด จนในที่สุดฟ้าก็ส่งเด็กคนนี้มาให้ด้วยวิธีการธรรมชาติอย่างไม่คาดฝัน เขายังจำวันที่อุ้มศรศรัณย์วิ่งตะโกนด้วยความดีใจไปรอบๆ บ้านก่อนจะพากันไปเหมาซื้อที่ตรวจการตั้งมาเป็นโหลเพื่อดูให้แน่ใจว่าขึ้นสองขีดจริงๆ ก่อนจะพากันไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบ และที่ตรวจครรภ์อันนั้นเขายังเก็บใส่กรอบสามมิติติดไว้ที่ห้องนอนเป็นเครื่องแสดงความรักและความเข้าใจของพวกเขาสองคน
“พี่ริน~” น้องโฮปวิ่งฝ่าฝูงชนตรงมาหาธาริน ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กชายตัวผอมอีกต่อไปแล้ว ร่างกายของเขาอ้วนท้วนสมบูรณ์และสูงขึ้นอีกหลายเซ็นติเมตร อาการหอบก็ไม่กำเริบมานานแล้ว น้องโฮปย้ายมาอยู่กับพวกเขาที่คอนโดของอริญชย์อย่างถาวรและได้ไปโรงเรียนทุกวัน จากเด็กขี้อายที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเดี๋ยวนี้กลายเป็นคนพูดเก่งมีเพื่อนเยอะซ้ำยังฉายแววหล่อแต่เด็กมีสาวๆ มาแอบชอบหลายคนแต่ก็ต้องอกหักกลับไปทั้งแถวเพราะเจ้าตัวประกาศชัดเจนว่าจะคบกับคนที่สวยและเก่งเหมือนพี่ต่ายของเขาเท่านั้น ทำเอาอริญชย์กุมขมับในขณะที่ธารินหัวเราะชอบใจและหวังว่าจะหาเจอสักคนจะรีบไปขอมาให้เลย ที่บ้านคงจะครึกครื้นมากแน่ๆ
“นี่ของขวัญของน้องโฮปครับ” น้องโฮปส่งหมอนรองคอรูปกระต่ายกอดแครอทให้ “พี่ต่ายบอกว่าเป็นหมอต้องทำงานหนัก พี่รินจะได้มีหมอนเอาไว้งีบหลับเวลาทำงานเหนื่อยๆ นะครับ”
“ขอบคุณนะครับ แล้วนี่พี่ต่ายอยู่ไหนทำไมไม่มาด้วยกัน” ธารินกอดน้องโฮปไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งพลางกวาดตามองหาไปในฝูงชน เพียงอึดใจเดียวก็เห็นร่างบางเดินมาหาและนึกแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้อริญชย์แต่งตัวเนี้ยบกว่าปกติแถมยังไม่ใส่แว่นด้วย จนเขาอดยิ้มกว้างไม่ได้เพราะอีกฝ่ายคงตั้งใจเลือกชุดมางานรับปริญญาของเขาน่าดู
อริญชย์ยกมือไหว้คุณธงชัยกับวิลาวรรณแล้วโบกมือทักทายธารากับศรศรัณย์ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษใบเล็กออกมาส่งให้ “เอ้านี่! ของขวัญของฉัน”
ธารินรับมาถือไว้ด้วยดวงตาเป็นประกาย เพราะอยู่ด้วยกันทุกวันอริญชย์ไม่ได้ดูตื่นเต้นและมีทีท่าจะเตรียมของอะไรไว้ให้เขาเลย “ไปถ่ายรูปกันเถอะครับ”
“นายไปถ่ายกับน้องโฮป กับคนอื่นๆ เถอะ อากาศร้อนคนเยอะจนฉันหน้ามืดแล้วเนี่ย เดี๋ยวฉันไปนั่งรออยู่ในร่มตรงนั้นนะ”
“เดี๋ยวผมพาไปนะครับ”
“ไม่ต้องๆ อยู่กับคนอื่นๆ ไป” อริญชย์ดันอกธารินไม่ให้ตามมาแล้วหันหลังเดินตรงไปยังร่มไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุด
“เกิดอะไรขึ้น” ธาราถามน้องชายที่มองตามหลังร่างบางด้วยท่าทีหงอยๆ “ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม”
“อาจารย์แค่บ่นว่าร้อนครับ”
“แล้วนั่นคุณรินให้อะไรนายมา” ศรศรัณย์พยักเพยิดไปยังกล่องสี่เหลี่ยมในมือด้วยความอยากรู้
ธารินเองก็สงสัยไม่แพ้กัน เขารีบแกะออกดูและพบว่ามันคือ baby tracker ที่เขาเคยให้อริญชย์ไปเมื่อสองปีก่อน เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังคนที่นั่งเท้าคางเอามือบังหน้าไว้เกือบครึ่งแล้วเปิดออกดู เขาเงยหน้าขึ้นมองอริญชย์อีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา
“ตกลงคุณรินให้อะไรนาย” ศรศรัณย์ถามซ้ำ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ฟัง ธารินวิ่งพรวดตรงไปหาคนที่นั่งหลบอยู่ใต้ร่มไม้
ส่วนทางฝ่ายอริญชย์พอเห็นเด็กหนุ่มวิ่งมาหาก็จะลุกหนี แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาถูกเด็กหนุ่มรวบตัวไว้ในอ้อมแขนก่อนจะถูกอุ้มลอยขึ้นแล้วจูบโดยไม่สนใจเสียงกรี๊ดกร๊าดของคนอื่นๆ ที่อยู่แถวนั้น
“ริน ปล่อย ไม่เอาน่า อายคนอื่นเขา” อริญชย์โวยวายทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ แต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่ยอมวางเขาลง
“อายแล้วเอามาให้ผมวันนี้ทำไมครับ” ธารินหอมแก้มไปอีกรอบ ที่เห็นว่าหน้าแดงไม่ใช่เพราะร้อนแดดแต่เป็นเพราะเจ้าตัวกำลังเขินมากต่างหาก
“ก็...” อริญชย์ก้มหน้างุดแล้วแก้มขาวก็แดงขึ้นอีกเมื่อธารินหันไปตะโกนบอกทุกๆ คนว่าของขวัญที่เขาเพิ่งให้ไปคืออะไร
“ทุกคน ผมได้ลูกชายครับ!”
“ดีใจด้วย!” สมาชิกในบ้านรวมทั้งกิตติชัยกับปุณณ์ร่วมปรบมือแสดงความยินดีกับข่าวดีนี้
ธารินหันกลับมามองคนในอ้อมแขนอย่างแสนรัก “แม่ริน”
“อะไรน่ะ ขนลุก” อริญชย์ดิ้นหลุดลงมายืนบนพื้นได้สำเร็จแต่ก็ยังหนีไม่พ้นวงแขนของธารินอยู่ดี
“ก็เรียนจบแล้วไม่ต้องเรียกอาจารย์แล้ว แล้วตอนนี้อาจารย์ก็เป็นแม่ของลูก ผมเรียกแม่รินก็ถูกแล้ว”
“ไม่เอา ไม่ให้เรียกตลกจะตาย”
“แล้วจะให้เรียกอะไร แม่จ๋า ที่รัก เมีย”
ตอนนี้หน้าของอริญชย์ร้อนยิ่งกว่าพระอาทิตย์ที่แผดแสงอยู่เหนือหัวเสียอีก “ริน! ถ้าฉันยอมบอกว่าฉันคิดยังไงกับนาย นายจะเลิกเรียกฉันด้วยคำพวกนั้นแล้วเรียกอย่างอื่นได้ไหม”
ธารินทำเป็นคิดอยู่อึดใจ “ได้ครับ”
อริญชย์เม้มปากสนิท เขาอายที่จะพูดความในใจตามที่สัญญาไว้ก็เลยเลือกบอกข่าวดีในวันนี้เพราะคิดว่าจะอายน้อยกว่า แต่ที่ไหนได้สุดท้ายเขาก็ต้องพูดอยู่ดี อริญชย์เงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของอ้อมแขนอบอุ่นและดวงตาเป็นประกายตรงหน้า จริงๆ แล้วมันไม่ได้พูดยากหรอก แต่เขารู้ว่าธารินจะมีปฏิกริยาตอบรับยังไงและเขากลัวใจตัวเองว่าจะรับไม่ไหว
“ฉันรักนาย”
รอยยิ้มกว้างเจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ขึ้นเต็มหน้าจนอริญชย์แสบตาไปหมด เขารีบก้มหน้าหนีรอยยิ้มนั้นเพราะเดี๋ยวจะเผลอไปจูบเข้า แต่สุดท้ายเขาก็ถูกธารินดึงตัวไปจูบเสียเอง
“ผมก็รักแม่ต่ายที่สุดเลยครับ”
อริญชย์ใช้สันมือดันหน้าเด็กหนุ่มให้ถอยห่างออกไป รู้สึกว่าวันนี้โดนจูบจนเบลอไปหมดแล้ว “เดี๋ยวก่อน! คำนั้นมาจากไหนน่ะ”
ธารินพยักเพยิดไปทางเด็กชายที่ยืนยิ้มมองพวกเขาตาเป็นประกายวิบวับ
“แม่ต่ายครับ น้องโฮปจะมีน้องแล้วเหรอ”
ธารินปล่อยตัวอริญชย์แล้วหันไปอุ้มน้องโฮปขึ้นมา “ใช่ครับ น้องโฮปต้องรักน้องให้มากๆ นะ”
อริญชย์ลอบถอนหายใจ... นับวันจะยิ่งเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยนะสองคนนี้
“พ่อรินครับแล้วเราจะตั้งชื่อน้องว่าอะไรดี”
อริญชย์ตาโต ...เผลอแป๊บเดียวจากพี่รินกลายเป็นพ่อรินไปได้ยังไงเนี่ย!
“น้องโฮปอยากได้ชื่อว่าอะไรล่ะครับ”
“แม่ต่ายตั้งชื่อจริงให้น้องโฮปว่านันทภพที่แปลว่าความสุข” น้องโฮปนิ่วหน้าคิด “น้องโฮปอยากได้ชื่อน้องที่คล้องกับน้องโฮปแล้วก็มีความหมายว่าเป็นที่รัก น้องจะได้รู้ว่าพวกเรารักน้องมากแค่ไหน”
“งั้นชื่อนี้เป็นไงครับ” ธารินหันหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดเว็บเสิร์ชหาชื่อมงคลให้ดู
“พน – ละ - พัด”
“พลภัฒม์แปลว่าผู้เป็นที่รักที่สุด” ธารินอ่านคำบรรยายให้ฟัง
“เอาชื่อนี้ครับพ่อริน น้องโฮปชอบชื่อนี้”
“ใจเย็นนะทั้งสองคน ฉันเพิ่งท้องได้สองเดือนเอง” อริญชย์พยายามท้วงแต่ก็ไม่ทันสองพ่อลูกที่วางแผนกันไปไกลแล้ว
“เดี๋ยวเย็นนี้เราไปซื้อของเตรียมให้น้องกันนะครับ”
“พ่อรินอย่าเพิ่งใจร้อนสิ ตอนนี้พ่อรินต้องพาแม่ต่ายไปฝากท้องแล้วก็ซื้อยาบำรุงกับทำอาหารดีๆ มีประโยชน์ให้แม่ต่ายกินเยอะๆ นะน้องจะได้แข็งแรง”
“ได้เลยครับ”
อริญชย์ถอนหายใจพลางกุมขมับ ดูท่าเขาพูดอะไรไปสองคนนี้ก็ไม่ฟังแล้วสินะ
“แม่ต่าย!”
“อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องมาถามความเห็นฉันหรอก” ทันทีที่อริญชย์บ่นจบริมฝีปากอุ่นก็ประทับลงมาบนแก้มทั้งสองข้างพร้อมกัน
“ขอบคุณนะครับ”
“พวกเรารักแม่ต่ายนะครับ”
อริญชย์ยกมือขึ้นกุมหน้าที่ร้อนไปหมด เขาตวัดตามองทั้งสองคนสลับกันแล้วพูดเสียงเบา “รู้แล้ว... ฉันเองก็รักทั้งสองคนเหมือนกัน”
พูดจบก็พยายามจะหันหนีด้วยความเขิน แต่ทางซ้ายก็เป็นธาริน ทางขวาก็เป็นน้องโฮป อริญชย์ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการซบหน้าลงบนอกกว้างให้รู้แล้วรู้รอด ธารินกอดเขาไว้ เขากอดตอบแนบแน่นและรู้สึกว่าเช้าวันใหม่ที่ดีกว่าเดิมกำลังมาถึง
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเกิดมาพร้อมความสมบูรณ์ครบสามสิบสองภายใต้ความรักและความพร้อมของครอบครัวก็ถือว่าเป็นโชคดี แต่ถ้าหากมันมีอะไรสักอย่างที่บิดเบี้ยวไป ก็อย่าเพิ่งท้อถอยให้กับความโชคร้ายของโชคชะตาที่มากลั่นแล้ง เราคงต้องยอมรับกับสิ่งที่ฟ้ากำหนดมา แต่จงเลือกใช้ชีวิตในเส้นทางที่เรากำหนดเอง แล้ววันหนึ่งเราจะค้นพบว่าเราสามารถยิ้มได้กว้างและมีความสุขไม่น้อยไปกว่าใคร
ถึงจะไม่ใช่เครื่องบินเจ็ต แต่เราก็เป็นเครื่องบินกระดาษที่สามารถบินไปยังเส้นชัยได้ด้วยปีกของเราเอง
The End
*************************************************************
จบแล้ววววววว
เช่นเคยค่า ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณทุกคนที่อยู่กันมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณที่เอ็นดูหมอรินกับเจ้ารินนะคะ
นี่ไม่ใช่ตอนจบที่ดีที่สุด แต่เป็นตอนจบที่เราคิดว่าเหมาะดีแล้วกับคู่นี้ หลายคนคงคิดว่าทำไมตัวละครบางตัวไม่ได้รับกรรมที่ก่อไว้เลยหรือว่าได้น้อยจัง นี่เป็นความตั้งใจของเราเลยค่ะ 'เพราะชีวิตมันไม่ได้เพอร์เฟค' ตัวละครในเรื่องทุกตัวก็เริ่มต้นมาแบบนั้น (ชื่อตัวละครที่ดูเหมือนซ้ำไปซ้ำมาเยอะๆ นั่นทั้งอริญชย์ ธาริน ไพลิน ก็เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจเหมือนกัน แต่ละรินก็มีชีวิตกันไปคนละแบบคนนึงเรียนเก่งหน้าตาดีแต่เพราะเป็นโอเมก้าเลยไม่เป็นที่ยอมรับ คนนึงเป็นอัลฟ่าหล่อแต่เรียนไม่เก่งสู้พี่ไม่ได้พ่อแม่ก็ไม่รัก อีกคนสวยเก่งเป็นอัลฟ่าแต่พ่อแม่ก็ไม่รักเพราะไม่ใช่ลูกชาย) เอาจริงๆ หมอรินก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันดีมันถูกต้องมาตั้งแต่ต้น และรินก็ยอมรับกับผลในทุกๆ ทางเลือกของเขา
ข่าวดีอีกอย่างที่อยากบอก หมอรินมีสนพ.มาสู่ขอแล้วนะคะ ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบค่ะ นอกจากหยอดกระปุกหมูไว้รอพี่วินทร์แล้วเผื่อๆ ไว้ให้หมอรินด้วยนะคะ ^^
เดี๋ยวจะเปิดเรื่องใหม่ล่ะ 'กลชลธาร' เป็นแนวจีนย้อนยุคไปแถวๆ พันกว่าปีก่อนคริสตกาลตอนฮ่องเต้องค์สุดท้ายราชวงศ์ชาง ผสมแฟนตาซีหน่อยๆ และข้ามเวลานิดๆ เรื่องนี้จะไม่ดราม่าให้ช้ำใจแบบเรื่องนี้ล่ะ จะเน้นจีบหวานๆผสมแอบรักแบบพี่สิงห์น้องอิงค์ค่ะ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ