ยอมรัก [Yaoi][3p] > #พิเศษ : เอาใจ up 29/7/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #พิเศษ : เอาใจ up 29/7/2562  (อ่าน 25126 ครั้ง)

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
;y';oข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*****************************

 
:hao5: ขออภัยมือใหม่

คำเตือน : เนื้อเรื่องอาจะอาจจะมีกลิ่น Incest และเป็นแนว 3p
#โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เนื้อเรื่องในนิยาย คน  สิ่งของ สถานที่ ถูกสมมุติ ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
และล้วนแล้วแต่เป็นจินตนาการของนักอ่านทุกท่าน
ทั้งช่วงเวลา ช่วงอายุ สถานที่ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้น
หากนิยายมีความไม่สมจริงในบางฉากบางตอน นักเขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย :call:

:เรื่องย่อ:

ความสุขปนทรมาน จากความรู้สึกผิดบาป ผมคิดถึงพี่ และอ้อนวอนชาร์ล 

ความรู้สึกผิดและสุขสมเกาะกุมหัวใจ วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา

ผมเสพติดการมีชาร์ล

และไม่สามารถปลอยมือจากพี่ได้เช่นกัน

ความเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจของผม

คงจะต้องถูกพระเจ้าลงโทษในสักวัน


**************************
#ฝากน้องไว้พิจารณาด้วยจ้า
 :monkeysad:


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2019 11:38:47 โดย i.am.champingon »

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p]
«ตอบ #1 เมื่อ23-06-2019 09:54:45 »

 
ผมชื่ออลาโน่ นั่นเป็นชื่อจริงในใบเกิด แต่ส่วนใหญ่แล้วจะถูกเรียนว่าอาลัน มารีน่า (ที่ผมเรียกชื่อเธอเพราะตอนที่ผมลืมตาดูโลกมารีน่าอายุเพียงแค่18) มารีน่า...เล่าประวัติคร่าวๆ ให้ฟังว่า ผมเกิดมาตอนที่แม่ไปเดินแบบบนเรือสำราญในงานหนึ่ง หลัง after party จนเรื่องมันเลยเถิด แล้วก็ one night stand กับนายแบบสุดฮอตสักคน (เล่าไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี)


เกิดเป็น ‘อลาโน่’ อย่างผมขึ้นมา ในขณะที่ยังเป็นนางแบบซึ่งกำลังไต่ระดับขึ้นสู่เวทีระดับแนวหน้าของประเทศ แต่ก็ยอมที่จะอุ้มท้องผมท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนรอบข้าง จนโดนครอบครัวตัดหางปล่อยวัด และคลอดผมออกมาอย่างโดดเดี่ยว โดยไม่มีชื่อพ่อในใบเกิด แต่ก็มีผู้จัดการส่วนตัว (สาวประเภทสอง) ชื่อว่าแม็คช่วยกันเลี้ยงดูผมคนนี้


ตอนที่ผมอายุได้ 5 ขวบ มารีน่าแต่งงานกับช่างภาพคนหนึ่งตอนที่เริ่มรับงานเดินแบบถ่ายแบบอีกครั้ง และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมได้รู้จักกับคำว่านรกมีอยู่จริง พ่อเลี้ยงผมเป็นคนขี้หึงอย่างรุนแรง แต่เขาก็รักมารีน่ามากเช่นกัน และไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไรที่ผมที่เกิดมาหน้าตาเหมือนแม่และคงจะได้ความหน้าตาดีจากฝั่งพ่อที่เป็นนายแบบสุดฮอต (ซึ่งไม่รู้ว่าใคร) นั่นมักจะนำความโชคร้ายมาให้ผมเสมอ


ในขณะที่มารีน่าไปเดินแบบหรือไปทำงาน และผมต้องอยู่กับเขาตามลำพัง ถ้าหากวันไหนเขาไม่เมา ผมก็แค่จะเก็บตัววาดรูปอยู่ในห้องเงียบๆ แต่ถ้าวันไหนที่เหล้าเข้าปาก (ซึ่งก็แทบทุกวัน) วันนั้นแหละ….จะเป็นนรกสำหรับผม


เขาดีกับมารีน่ามาก ซึ่งนั่นมันคนละส่วนกับที่เขาปฏิบัติกับผม อย่างที่เรียกว่าสวรรค์กับนรกก็ยังเทียบกันไม่ได้


“ถ้าขืนพูดมากฟ้องแม่มึงละก็ คราวหน้าจะโดนหนักกว่านี้” เขาว่าพลางกระดกเหล้าเข้าปาก หลังจากที่กระทืบผมที่ท้องและหลังเพื่อระบายอารมณ์เรียบร้อยแล้ว


เหตุผลส่วนหนึ่งเขาเกลียดเสี้ยวหน้าของผมที่เหมือนใครก็ไม่รู้ เขาว่าแบบนั้น


ยิ่งผมร้องไห้สะอึกสะอื้น หรืออ้อนวอนว่า ‘อย่า..’ หรือ ‘ได้โปรด...’ มันก็ยิ่งเหมือนไปกระตุ้นต่อมโมโหของเขาให้หนักขึ้น ผมเริ่มอดทน การที่ผมไม่ร้องไห้และไม่สะอื้นเลย มันทำให้เขาเบื่อที่จะกระทืบเด็ก 5 ขวบที่ไร้ความรู้สึกอย่างผม


พอนานไป ผมก็เริ่มจะชินชา


ตู้เสื้อผ้าคือที่ซ่อนตัวที่ดีที่สุด แต่รู้ไหม มันไม่มีกลอนสำหรับล็อกจากข้างใน ผมจะถูกทุบตีในที่ที่แม่จะมองไม่เห็น หรือเพราะแม่เหนื่อยมาก และผมก็ถูกกำชับขู่ว่าไม่ให้พูด ถ้าวันไหนมารีน่าระแคะระคายเรื่องที่ผมโดนซ้อม เขาจะทำดีกับผมและจัดชุดใหญ่ให้ในวันถัดมา


บางวันที่หนักมากๆ ผมก็จะหนีไปซ่อนตัวในสวนหลังบ้าน หรือไม่ก็ห้องเก็บของ และจะกลับเข้าบ้านตอนที่ได้ยินเสียงรถแม่กลับมา


“อย่าให้กูหาเจอนะ ไอ้เด็กเวร” เสียงเขาขู่อาฆาตขว้างปาข้าวของออกมาข้างนอกบ้าน


ผมทำได้แค่หมอบตัวให้ต่ำที่สุดในเงามืดพร้อมกับกอดสมุดวาดเขียนของตัวเองเอาไว้แนบอก มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมสงบจิตสงบใจได้ ผมชอบวาดรูปมารีน่าใส่ชุดสวยๆ เดินบนเวทีที่มีเสียงเพลงและแสงไฟเฉิดฉาย หน้ามารีน่าดูมั่นใจกว่าใครๆ และมีความสุข และผมก็มีความสุขเมื่อได้เห็นรอยยิ้มนั่น


แต่ความลับก็ไม่มีในโลก นั่นเพราะเมื่อคืนผมมัวแต่ห่วงสมุดวาดภาพของตัวเองจนหาที่ซ่อนตัวไม่ทัน ตัวผมในวัย 7 ขวบที่นอนงอคุดคู้กอดสมุดอยู่บนพื้น ถูกพ่อเลี้ยงเตะ และกระทืบระบายอารมณ์โมโหอย่างบ้าคลั่ง เขาโกรธมารีน่าเรื่องงานโชว์วันนี้


“ชุดมันดูเปลือยเกินไป” เขาออกความเห็นในขณะที่มารีน่าเพียงแค่หัวเราะออกมา


“มันเป็นงาน เราตกลงกันแล้วนี่”

เขาคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้มารีน่า แต่แววตาไม่ได้ยิ้มด้วยเลย ผมรู้ชะตาตัวเองได้ทันทีในตอนนั้น
คืนนั้นผมจำต้องนอนนิ่งอยู่กับพื้นเพราะสมุดวาดภาพที่ซุกไว้ในเสื้อ กลัวมันจะตกลงมา แล้วเขาจะเอาไปทำลายอีก เขาเคยเอาไปฉีกทิ้งและหัวเราะเยาะผมราวกับคนบ้า นั่นทำให้ผมเสียใจผมร้องไห้ และผมก็จะโดนทุบตีซ้ำแล้วซ้ำอีก ภาพของมารีน่าที่ผมวาด เขาบอกว่าเกลียดมัน เขาไม่ชอบให้ใครมองมารีน่า แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามเธอไม่ให้ออกไปทำงานที่เธอรักได้


เมื่อผมไปโรงเรียนในเช้าวันรุ่งขึ้น แล้วเกิดไข้ขึ้นเพราะทนเจ็บไม่ไหวจนล้มลงกลางสนาม ครูประจำชั้นโทรหาแม่ในขณะที่ผมไม่ได้สติถูกหามส่งโรงพยาบาล


ผมจำได้เลือนรางว่าไม่ใช่แค่ถูกรักษาแค่อาการเจ็บไข้ แต่ร่างกายผมยังถูกตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งเอ็กเรย์และสแกนส่วนต่างๆ ของร่างกาย มารีน่าที่ยืนรออยู่ข้างนอกก็เอาแต่ร้องไห้อย่างหนัก โดยมีแม็คเกาะไหล่ช่วยปลอบโยน


ผมอาจจะเป็นโรคร้ายแรง….เด็ก 7 ขวบคิดได้แค่นั้น


‘เด็กซี่โครงหัก โชคดีที่ไม่ทิ่มโดนอวัยวะภายใน มีร่องรอยฟกช้ำตามลำตัวอีกหลายแห่ง เราจะตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง’ คุณหมอรายงานอาการของผมให้มารีน่าฟัง


“ขอโทษ...ฉันขอโทษ...แม่ขอโทษ...” มารีน่าเอาแต่ร้องไห้อย่างหนักและเอาแต่ขอโทษซ้ำๆ เธอจะแทนตัวเองว่าแม่ตอนที่อยู่กับผมและแม็คหรือเฉพาะตอนที่เราอยู่กันในที่ส่วนตัวมากๆ เพราะนางแบบในวัย 20ต้นๆ ที่กำลังมาแรง ยังไม่ควรจะมีข่าวอะไรไปมากกว่างาน และการเป็น working women


ผมเจ็บเกินกว่าจะพูดปลอบเธอ ที่จริงเจ็บจนไม่มีแรงจะเปล่งเสียงเลยต่างหาก ผมอยากบอกมารีน่าว่าผมไม่เป็นไร ผมทนมันได้ อยากให้เธอยิ้ม….ยิ้มอย่างมั่นใจและเฉิดฉายเหมือนตอนที่เดินบนเวที


แล้วผมก็หลับไปกี่วันไม่รู้หลังจากนั้น

 
เราย้ายมาอยู่ในเมืองใหม่ และบ้านหลังใหม่ มันไม่ใหญ่เหมือนแต่ก่อน แต่ผมก็ว่ามันดีกว่าที่บ้านหลังนี้ไม่มีเขาอีก เขาชื่ออะไรนะ...ซามอล...หรือโซมอน...สักอย่าง ในเศษเสี้ยวความทรงจำของผมมันพร่าเลือน หรือบางทีอาจจะเป็นตัวผมเองที่ไม่อยากจะจดจำ


ผมเผลอมองอย่างหวาดระแวงตอนที่ก้าวเข้าไปในบ้าน มารีน่าดึงตัวเข้าไปกอดแน่นแล้วเริ่มร้องสะอื้น พลางบอกว่า ‘ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ’ และผมก็ยินดีที่จะเชื่อแบบนั้น


ผมไม่ได้ถามถึงเขาอีก เพราะมันดีแล้ว มารีน่าเองก็มีเวลาอยู่กับผมมากขึ้น


เราสองคนกำลังช่วยกันจัดของเข้าบ้าน


“อาลันวาดเองเหรอ? ”


มารีน่าหยิบสมุดวาดรูปของผมขึ้นมาเปิดดูตอนที่เราเริ่มจัดของเข้าบ้านกัน และผมก็พยักหน้าตอบอย่างอายๆ ผมควรจะเอาคลังสมบัติของผมไปซ่อนที่ห้องก่อนที่ใครจะเห็น แต่ก็ไม่ทันแล้ว


มารีน่าทำตาลุกวาวตื่นเต้น พลิกดูภาพวาดของผม และหยิบเล่มอื่นๆ ออกมาวางเรียงกัน


“ขอดูอีกได้ไหม”


ผมพยักหน้าตอบอีกครั้ง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปิดบังในเมื่อมารีน่ารื้อมันออกมาทั้งหมดแล้ว และผมก็ชอบที่มารีน่าชอบมัน จากนั้นสมุดวาดรูปในกล่องแห่งความลับของผมก็ถูกเอามาเปิดกางวางเต็มพื้นห้องนั่งเล่น เราคุยกันอย่างสนุกสนานในเรื่องชุดต่างๆ ที่ผมวาด


“ผม...อยากให้มารีน่าใส่ เดินบนเวที คงสวยดี” ผมบอกตามตรง เธอน่ายิ้มกว้าง วางมือบนหัวผมแล้วโยกไปมา แล้วสักพักก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ หันไปคว้าโทรศัพท์กดหาใครสักคน


“นี่แม็ค...ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย อ่อ...ฉันว่าเธอควรมาที่บ้านฉันตอนนี้เลย” มารีน่าคุยโทรศัพท์เสียงตื่นเต้นกับแม็คที่เป็นผู้จัดการและเพื่อนคนสนิท ผมชอบเขานะ ชอบซื้อดินสอสีและสมุดสำหรับวาดภาพให้ผมบ่อยๆ รวมไปถึงของกินอร่อยๆ ด้วย และครั้งนี้ผมก็คิดว่าจะได้กินมันอีกถ้าแม็คมา


มารีน่าไม่ได้รับงานเดินแบบและถ่ายแบบแล้ว เธอทำงานกับแม็คที่บ้าน โดยมีผมเป็นผู้ช่วย...ช่วยวาดภาพชุดสวยๆ ในจินตนาการ และมารีน่าเป็นคนดึงจินตนาการของผมให้ออกมาเป็นรูปร่าง และแม็คก็เป็นคนทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ขึ้นมา จำได้ว่าทั้งมารีน่าและแม็คตื่นเต้นแค่ไหนที่ทำมันสำเร็จในชุดแรกภายใต้ชื่อแบรนด์ของ alanmaria



ทุกอย่างมันควรจะดีขึ้น...


แต่ผมก็เหมือนเป็นคนที่ไม่สมควรได้รับความสุขจากพระเจ้า


พวกเรายังคงต้องย้ายที่อยู่อีกหลายครั้งในรอบหลายปีมานี่


ผมเปลี่ยนโรงเรียนไปเรื่อยๆ เพราะอดีตพ่อเลี้ยงคนเดิมยังคงคุกคามชีวิตเราสองแม่ลูกไม่หยุดหย่อน ป้ายหน้าร้านโดนทำลาย ห้องเช่าที่มารีน่าเปิดร้านขายงาน โดนทำให้เสียหายหลายครั้ง มารีน่าต่อสู้และเข้มแข็ง เธอเปิดสโตร์ออนไลน์และใช้เส้นสายของเพื่อนนางแบบโดยมีแม็คช่วยเหลือในการส่งชุดเข้าประกวดและโชว์ต่างๆ ทำให้แบรนด์ติดตลาดได้อย่างง่ายดาย และข่าวลือลับๆ ที่ทำให้ถุกพูดถึงกันในแวดวงออกแบบคือการที่ alanmaria มี back designers ลึกลับที่ไม่เปิดเผยตัวตนและทำงานให้แค่ alanmaria แต่เพียงผู้เดียว


ชีวิตเราสองคนควรจะสุขสบาย มารีน่ายังคงยิ้มให้ผมเสมอเมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมตั้งใจจะวาดรูปให้เยอะขึ้นเพื่อรอยยิ้มของเธอ แต่ระยะหลังมานี่ผมรู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ บางครั้งก็มีปากเสียงกับแม็ค แต่ไม่ได้ทะเลาะกันเสียงดังจนน่ากลัว


“นี่มารี่, เธอคิดดูสิ นี่เป็นหนทางที่แบรนด์ของเธอจะไปไกลแบบก้าวกระโดดเลยนะ” แม็คว่า


“นักธุรกิจอย่างเขาต้องมีอะไรแอบแฝง เขาต้องการอะไร” มารีน่ายังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด


“เธอคิดมาก หรือน่าจะไปคุยกับเขาสักหน่อย เรื่องข้อตกลงที่เธอต้องการ” แม็คยังคงเซ้าซี้ปลายเสียงเหมือนจะอ้อนวอนอยู่ในที


“แม็ค, เธอก็รู้ว่างานออกแบบทั้งหมดไม่ใช่ของฉัน นั่นมันจะมีปัญหา”


“ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาตรงไหน เราก็ทำให้มันเป็นความลึกลับต่อไปก้ได้นี่”


“แล้วเธอจะให้ฉันบอกพวกเขายังไง ว่างานออกแบบมา่จากเด็กคนนั้น ฉันไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเขาอีกแล้วแม็ค เธอก็รู้” มารีน่าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจและเริ่มยกมือกุมขมับ


แม็คนิ่งเงียบ ห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อทุกคนกำลังใช้ความคิด


“ฉันแค่ไม่อยากให้เธอซ่อนตัวอีกต่อไปแล้ว เธอเหมาะกับแสงสีมากกว่าจะเป็นอยู่แบบนี้”


อ่า...นั่นผมเห็นด้วยกับแม็คนะ มารีน่าสวยมากเมื่ออยู่บนเวที


“เราปิดชื่อผู้ออกแบบไว้เป็นความลับก็ได้นี่” แม็คยื่นข้อเสนอ


“เราทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเซ็นสัญญาทางธุรกิจและเป็นหุ้นส่วน ”


“ทำไมเขาถึงสนใจแบรนด์เล็กๆ อย่างเราแม็ค” มารีน่าตั้งคำถาม แม็คส่ายหน้าพลางถอนหายใจ


“ฉันแค่มองเห็นหนทางที่เธอกับอาลันจะได้อยู่อย่างสุขสบายเสียที” ท้ายประโยคของแม็คฟังดูเศร้าสร้อย มารีน่าทำหน้าเครียดและเงียบไปราวกับกำลังใช้ความคิด


“ฉันก็อยากให้เขาสุขสบายเสียทีแม็ค อยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ ” เสียงมารีน่าเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน ถ้ามารีน่าหันมายิ้ม ผมก็จะยิ้มตอบเธอเสมอ จะไม่ทำเรื่องให้เธอต้องลำบากใจ


ไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างผมจะเข้าใจไปเสียทุกอย่างหรอกนะว่าไหม? ผมยังคงนั่งฟังทั้งสองคนถกเถียงกัน ในขณะที่มือยังคงวาดรูปชุดต่อไป ผมทำการบ้านมาจากที่โรงเรียนแล้ว เพราะงั้นผมจึงมีเวลาอีกสองสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้านอน



...........................



การไปโรงเรียนของผมดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับมารีน่า เธอจะวิตกกังวลมากทุกครั้งที่ผมไม่อยู่ในสายตา และกำชับนักหนาว่าห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้าโดยเด็ดขาด ถ้าวันไหนมารีน่าไม่ว่างมารับ วันนั้นผมจะเห็นแม็คยืนยิ้มให้ที่หน้าโรงเรียนแทน


มีครั้งหนึ่งมารีน่ายอมทิ้งงานที่ทำอยู่เพื่อมาหาผมที่โรงเรียนเพราะโดนพ่อเลี้ยงคนเดิมส่งภาพหน้าโรงเรียนผมไปให้ ผมย้ายโรงเรียนอีกครั้งและอีกหลายครั้ง ราวกับว่าเธอต้องการซ่อนผมไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด


แต่ก็เหมือนโชคชะตาไม่เข้าข้าง


อย่างที่บอก ผมคงไม่ใช่คนที่เกิดมาพร้อมคำอวยพรของพระเจ้า


ผมโดนเขาจับได้ในที่สุด ราวกับว่าชาติที่แล้วผมไปทำเวรกรรมหนักหนาอะไรกับใครเขาไว้


ขณะยืนรอแม็คมารับที่หน้าโรงเรียน ก็โดนฟาดด้วยอะไรแข็งๆ ที่หัวแล้วก็วูบไป


พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องมืดๆ ห้องหนึ่ง ขนาดว่ามองไม่เห็นเพราะมืดยังรู้ได้เลยว่าสกปรก มีกลิ่นเหม็นสาบและเฉอะแฉะ มือสองข้างถูกมัดไพล่หลังผมรู้สึกปวดไปหมดทั้งตัว รวมไปถึงหัวด้วย เปลือกตาเหมือนจะลืมไม่ขึ้นคงเพราะกระแทกกับอะไรบางอย่าง ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ ผมขยับได้แค่หัวจึงมองเห็นแค่เพียงปลายเท้าเท่านั้น ก่อนที่เขาจะย่อตัวแล้วนั่งตรงลงตรงหน้า



"ในที่สุดกูก็เจอมึงจนได้" เสียงนั้นดังสะท้านก้องเข้ามาในหู ผมจำได้อย่างแม่นยำแม้จะมองไม่เห็นหนาเขาเลยก็ตาม ความรู้สึกรู้สึกหนาวยะเยือกเมื่อรู้ว่านรกแบบเดิมกำลังฉายวนซ้ำมาอีกรอบแล้ว


เขาใช้มือดึงผมให้เงยหน้าขึ้นมองเขาให้เต็มตาแต่เปลือกผมก็หนักเหลือเกิน


ในใจตอนนี้ผมกังวลไปว่าถ้ามารีน่ามาเห็นผมในสภาพนี้จะร้องไห้อีกหรือเปล่า


"เพราะเด็กอย่างมึง มารีน่าถึงหนีกูไป" เขาโทษผม เป็นผมเองที่ผิดทั้งหมดอย่างงั้นหรือ?


ผมปล่อยให้เขาพูดไป เพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะไม่เจ็บตัวเพิ่มขึ้นอีก


"กูจะทำยังไงกับมึงดี ฆ่าแล้วโยนลงทะเล? หรือเอาไปขายดีนะ? อย่างมึงต้องได้ราคาดีแน่" แล้วก็หัวเราะอย่างกับคนบ้า มีดปลายแหลมในมือแตะลงตรงแก้มผมอย่างน่าหวาดเสียว



ก่อนที่มันจะกรีดลงบนแก้มผม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น



"ฮายยยย มารีที่รัก ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ คิดถึงผมเหรอ" พอรู้ว่าเป็นใครโทรมา ผมอยากจะรวบรวมแรงทั้งหมดร้องตะโกน แต่ปลายแหลมของมีดจ่ออยู่ที่คอ ผมไม่กล้าแม้จะขยับตัวด้วยซ้ำ


"เอาซี่ ถ้าอยากก็มาเจอกัน ฉันมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จะให้ด้วยนะ" เสียงหัวเราะน่าขยะแขยง


เขายังจ่อมีดที่คอผมขณะคุยโทรศัพท์ “หืมมมม ใจร้อนเสียด้วย ได้สิ….ที่รัก” ราวกับว่าเขาได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว


ผมไม่อยากให้มารีน่ามาเจอเจ้าโรคจิตนี่ อยากจะตะโกนบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องทำอะไรเพื่อผมอีกต่อไปแล้ว ผมอยากให้นรกทั้งหมดจบลงตรงนี้เสียที แม้จะแลกด้วยลมหายใจของผมก็ตาม


เขากดวางสายแล้วหันมาแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมให้ แล้วลากผมขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ทั้งที่ยังถูกมัดมือไพล่หลัง


"ตอนมารีน่ามา บอกให้เธอเซ็นสัญญานี่ซะ จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บตัว" เขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้า ซึ่งผมอ่านไม่ทันว่าคืออะไร อาจจะเป็นสัญญาผูกมัด หรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่จะทำให้ไอ้โรคจิตนี่เป็นเจ้าของมารีน่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย


"เข้าใจไหม!!! " มันตะคอกเมื่อผมมองอย่างเหม่อลอย


ผมรีบพยักหน้าตอบรัว ๆ แม้ว่าตอนนี้ผมจะปวดหัวมากก็ตาม


เขาเดินออกไปแล้วพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างคนโรคจิต ปิดประตูขังผมไว้ในห้องสกปรกโสโครกและมืดสนิทตามเดิม น่าแปลกที่ความมืดและความเงียบนั่นทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเจ็บตัวอีกสักพัก


รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนได้ยินเสียงโวยวายโครมครามข้างนอก เสียงอะไรบางอย่างกระแทกเข้ากับประตูห้อง ด้วยความหวาดกลัวและตกใจจึงได้กัดฟันลากร่างตัวเองไปซุกอยู่ตรงมุมห้องที่มีลังกระดาษเก่าๆ กองสุมอยู่ ในใจมันสั่นไปหมด ผมเจ็บแขน และแผลที่หัวเหมือนจะมีเลือดไหลออกมาอีกแล้ว ผมอยากเรียกมารีน่าแต่อีกใจผมก็ไม่อยากให้เธอมา แต่ผมก็ไม่รู้จะเรียกหาใคร


ปัง!!!


เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับแสงที่ลอดเข้ามา ตาผมพร่าไปหมด เงาของใครบางคนกำลังเข้ามา ผมหวาดกลัวตัวสั่นงันงกอย่างห้ามไม่ได้


"เจอแล้ว...." เสียงทุ้มตะโกนบอกใครข้างนอก ผมยังไม่กล้าปริปากส่งเสียง เบียดตัวเข้าหากำแพงราวกับว่ามันจะช่วยซ่อนตัวได้


"ชู่ววววว์ อย่ากลัว ฉันมาช่วยเธอ มากับฉัน ไปหามารีน่ากัน" เสียงของเขาฟังอบอุ่นอ่อนโยนราวกับเทวดา



ผมเงยหน้ามองเมื่อเจ้าของเสียงที่ยื่นมือมาให้ แผลที่หัวคงเลือดไหลจริงๆ



และมันคงจะไหลเข้าตาผมถึงได้เห็นว่าเทวดาตรงหน้ามีปีกสีดำ....




======จบตอน=====


ฝากน้องไว้ในอ้อมใจด้วยน้าาาาา :hao3:

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #ความช่วยเหลือ
«ตอบ #2 เมื่อ24-06-2019 08:31:40 »

ปัง

“คุณคะ เข้าไม่ได้ค่ะ คุณ...”


ประตูห้องทำงานถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับสาวสวยหุ่นดี และแองจี้เลขาหน้าห้องของประธานบริษัทที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าวิตกจริตสุดๆ


“คุณชาร์ล ดิฉันห้ามแล้ว แต่เธอไม่ฟังค่ะ” แองจี้คงคิดว่าหล่อนเป็นหนึ่งในบรรดาคู่ขาผม และอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังนั่น...


“ไง,แม็ค” ผมเอ่ยทักคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง แม็คคือผู้กว้างขวางในวงการแฟชั่น อีกหนึ่งในธุรกิจที่ผมสนใจจะจับตลาด แต่แบรนด์ที่ผมเล็งไว้มันไม่เข้าตา นอกเสียจาก...alanmaria


ผมโบกมือให้แองจี้กลับออกไป และเชิญแขกที่ไม่ได้รับเชิญให้เข้ามา เหตุที่สั่งแองจี้ไว้ว่าไม่อยากให้รบกวนนั่นก็เพราะว่าตอนนี้ผมกำลังสอนเจ้าลูกชายคนเดียวที่เพิ่งอยู่ไฮสคูลให้เรียนรู้งานต่างๆ


“ใครครับ? ” อีธานเอ่ยถาม ขณะที่ผมเชิญให้ทั้งสองคนนั่งฝั่งตรงข้าม


“นี่แม็ค ส่วนนี่….”


“มารีน่าค่ะ” เธอแนะนำตัวเองด้วยความมั่นใจ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นหากแต่ในแววตานั้นเห็นได้ชัดว่ากำลังหวั่นไหวมีรอยแดงจางๆ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา


“ฉันมาทำข้อตกลงกับคุณ” มารีน่าเปิดขึ้นก่อนด้วยท่าทีรีบร้อนเหมือนตอนเข้ามา “ฉันจะตกลงทำสัญญาทางธุรกิจกับคุณ ไม่ว่าคุณจะร่างเงื่อนไขใดๆ ขึ้นมา” เธอหายใจและเม้มปากราวกับกำลังอดทนเพื่อที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง


“ทำไมง่ายดายนัก? ” เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าผมจะยื่นเงื่อนไขหรือข้อเสนอใดๆ เธอก็ไม่ยอมตอบรับ และปฏิเสธเรื่อยมา


“ฉันมีเรื่องจะขอร้องคุณแค่ข้อเดียว” มารีน่าเม้มปากคราวนี้ตัวเธอสั่น และแม็คก็ยกมือบีบไหล่เธอด้วยแววตาเศร้าสร้อย


“ได้โปรด...ช่วยลูกชายฉัน” น้ำตาเธอหยดลงบนตัก และเธอก็ปาดมันออกอย่างรวดเร็ว สองมือกำแน่นก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า และยื่นมันมาให้ผม


เป็นรูปของเด็กคนหนึ่ง ผมสั้นหยักศกธรรมชาติสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีฟ้าใสราวท้องฟ้า


“สวยแหะ” อีธานหยิบรูปขึ้นไปดู และผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา


“ทำไมผมต้องรับข้อเสนอนี้? ” ผมบอกอย่างใจเย็นวางมือประสานกันบนโต๊ะพลางถอนหายใจเบาๆ อันที่จริงถ้าจะให้ช่วยมันง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือขนาดที่เด็กฝึกหัดอย่างอีธานก็สามารถจัดการได้อย่างสบายและเงียบเชียบ แต่ก่อนที่มือผมจะแปดเปื้อนสิ่งสกปรกผมควรจะต้องรู้ว่าทำไมและเพื่ออะไร


“ฉันจะยอมเซ็นสัญญาทาสกับคุณ 10 ปี 20 ปี หรือ 30ปีก็ได้อย่างที่คุณพอใจ ฉันจะทำทุกอย่างทุกทางกอบโกยผลกำไรให้คุณ แค่...ได้โปรด...ช่วยเด็กคนนี้ที” มารีน่าเริ่มสะอื้น เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป


“เขาโดนจับตัวไปเมื่อวาน มันยื่นข้อเสนอให้ฉันจดทะเบียนสมรส” มารีน่ากัดฟันพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง...ได้โปรดช่วยเขา...ได้โปรด..” มารีน่าร้องไห้โฮไม่เหลือคราบนางแบบสาวสวยที่เดินเข้ามาอย่างมั่นใจเมื่อครู่หลงเหลืออยู่เลย


“คุณชาร์ลค่ะ ได้โปรด...” แม็คช่วยพูดพลางกอดปลอบมารีน่า และตัวเองก็เริ่มสะอื้นบ้าง ทั้งห้องเริ่มตกอยู่ในความโศกเศร้า


แต่ผมเป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักบุญ การช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผมไม่ชอบหนทางที่มันจะได้มาซึ่งเรื่องยุ่งยาก เรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัวควรแยกกัน...


“แม็ค, คุณก็รู้ว่า...” ผมหันไปต่อรองกับแม็ค


“อลาโน่...ชื่อเด็กคนนั้น..” มารีน่ากัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “….เด็กคนนั้นเป็น black designers ของ alanmaria” มารีน่าบอกความจริงด้วยน้ำเสียงปวดร้าว


ชาร์ลขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่คิดจะเชื่อสายตาจนต้องหันกลับไปมองรูปถ่ายในมือลูกชายอีกครั้ง ไม่ว่ายังไงเด็กในรูปก็อายุไม่ถึง 20ปี ซ้ำยังเด็กกว่าอีธาน


แม็คพยักหน้ายืนยันความจริงที่ผมกำลังสงสัยในใจ


และนั่นก็เป็นเหตุผลให้ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา…


“อยู่กับอีธานที่นี่ แล้วผมจะส่งข่าวมาเอง” ชาร์ลบอกพลางหันไปส่งสายตาสั่งลูกชาย


“อ้าวพ่อ! ไม่ให้ผมไปดูงานด้วยเหรอ”
อีธานบอกเสียงขุ่นมัวพร้อมสีหน้าเบื่อหน่ายทิ้งตัวกับพนักพิง ที่จริงงานนี้พ่อจะใช้เขาก็ได้


“ยังไม่ถึงเวลา” ผมบอกก่อนจะคว้าเสื้อนอกมาสวม และเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพอดี


แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องจัดการอย่างเงียบเชียบ ไม่งั้นจะกระทบถึงแบรนด์ที่ผมต้องการร่วมธุรกิจด้วย ...ที่จริงจะเอาแบรนด์ที่มีชื่อเสียงติดตลาดแล้วมากี่แบรนด์ก็ได้ แต่เป็นผมเองที่อยากจะได้แบรนด์ใหม่มาปูทางให้ลูกชายอย่างอีธาน อยากให้เขาแสดงฝีมือตั้งแต่จุดเริ่มต้น การได้เห็นเขาไต่ระดับขึ้นมามันน่าจะดีกว่าให้เขาไปยืนอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในตอนแรก


ผมจ้องมองรูปถ่ายของเด็กที่ถูกจับตัวไปด้วยความรู้สึกประหลาด เด็กคนนี้อายุน้อยกว่าอีธานด้วยซ้ำ การที่มารีน่าร้องไห้และยอมทุกอย่างตามข้อตกลงนั่นมันทำให้ผมรู้ว่าเขาสำคัญมาก แน่นอน..ถ้ามีใครมาทำอะไรอีธานแบบนี้ ผมก็คงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเหมือนกัน


‘โซมอน มอโร’ ช่างภาพที่มีชื่อในแวดวงพอสมควร แต่งงานกับมารีน่าเมื่อหลายปีก่อนแล้วก็แยกทางกัน ผมพอรู้เรื่องมาบ้างเพราะสนใจแบรนด์ alanmaria ข่าวลือที่ว่าแบรนด์ถูกตามล่าอาจจะมาจากสาเหตุนี้ ไม่ได้ล่า black designer อย่างที่ข่าวซุบซิบกัน แต่เป็นการตามล่าและคุกคามสองแม่ลูกนี่ต่างหาก เป็นการกระทำที่ต่ำตมสิ้นดี นั่นอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่มารีน่าไม่ไว้ใจใครเลย


สองชั่วโมงก่อน ทีมA รายงานว่าพบโซมอนที่ฟร้อนท์ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ตามที่มารีน่าแจ้งว่าเป็นที่นัดพบ แน่นอนว่าเขาหงุดหงิดมากที่มารีน่าไม่มาตามนัดแถมยังไม่สามารถติดต่อได้ ผมสั่งอีธานไว้ให้เก็บโทรศัพท์ของเธอไว้จนกว่าผมจะส่งข่าวไปบอก ด้วยเพราะกลัวเธอจะใจอ่อนทำให้แผนการพังขึ้นมา


รถยนต์คันหรูของโซมอนพุ่งตัวออกจากลานจอดรถของโรงแรมด้วยความเร็ว เพราะเจ้าตัวคงกำลังโมโห แน่นอนว่าที่แรกที่เขาจะไป ต้องเป็นสถานที่ ที่เขาซ่อนตัวเด็กไว้ มันเดาได้ไม่ยากเลย กับสมองของคนที่คิดแผนสกปรกโดยใช้เด็กเป็นตัวประกัน


โกดังร้างหลังท่าเรือขนของที่รถของโซมอนเลี้ยวเข้าไป ผู้ช่วยมือหนึ่งของผมโทรเรียกชุดเก็บกวาดชุด A เข้าพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ และผมต้องถึงตัวเขาก่อนที่เด็กจะต้องมารับเคราะห์เพราะความโกรธเกรี้ยวของเขา


“ท่านประธานไม่จำเป็นต้องลงไปดูเองก็ได้นี่ครับ” ฟิลิปบอกตอนที่รถผมเลี้ยวเข้าไปจอด


“อีกกี่นาที” ผมหันไปถามเสียงเยือกเย็นและยังคงนั่งด้วยท่าทีผ่อนคลาย ถามถึงชุดเก็บกวาดที่เรียกมา


“ราว 10 นาทีครับ”


“เร็วกว่านั้นฟิลิป มีเด็กด้วย”


“ครับท่านประธาน” ฟิลิปรับคำและหยิบโทรศัพท์มากดทันที


รถผมเลื่อนไปจอดเทียบกับรถของโซมอน แน่นอนว่าเครื่องยนต์ราคาแพงมันช่างเงียบเชียบ ทำให้คนที่มีแต่ความโมโหอย่างโซมอนไม่ทันสังเกตว่ามีรถสีดำสนิทขับตามมาอีกสองสามคัน และคงไม่คิดว่าแผนการจะมีใครล่วงรู้ เพราะคู่ต่อสู้เป็นแค่ผู้หญิงและเด็ก ผมเกลียดความไม่ยุติธรรมแบบนี้ มันควรจะเป็นการต่อรองแบบซึ่งหน้า แต่ในโลกความจริงมันก็เลี่ยงคนประเภทนี้ไม่ได้


“พวกแกเป็นใคร! ” โซมอนส่งเสียงตวาดใส่คนของผมที่เดินลงไปก่อน เสียงเหมือนพวกหมาจนตรอก ที่จริงก็อย่างที่ฟิลิปว่า ผมไม่จำเป็นต้องลงไปดูงานเองก็ได้ แต่ในสถานการณ์นี้ผมเป็นห่วงเด็กมากกว่า แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องการตอนนี้คือเวลา…


ฟิลิปเดินมาเปิดประตูให้ ผมก้าวออกไปอย่างใจเย็น มันไม่จำเป็นต้องแลกอะไรกับคนจิตใจสกปรกแบบนี้


“ชาร์ล เกรย์ วิสตรอม ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมบอกอย่างใจเย็น เขาทำตาโตและเกือบจะเรียกได้ว่าเหลือถลน ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปที่ประตูโกดัง แต่คนของผมขวางเขาเอาไว้


“เรามาตกลงกันดีกว่าไหมโซมอน”


อ่า...ผมไม่ชอบเรื่องยุ่งยากเลยจริงๆ


=====================

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #บ้านใหม่
«ตอบ #3 เมื่อ25-06-2019 10:43:36 »

เสียงดังอึกทึกที่ข้างนอกประตูนั่น ทำให้ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผมรู้สึกได้ถึงไออุ่น เจ้าของเสียงที่มาช่วย อุ้มผมแนบไว้กับอกอย่างอ่อนโยนทะนุถนอม ผมเหมือนจะไม่เจ็บแล้ว สัมผัสที่ผมรู้สึกว่าจะปลอดภัยไม่ว่าอะไรถ้าอ้อมแขนนี้โอบอุ้มผมเอาไว้


"มารีน่า ผมบอกให้คุณอยู่รอที่ออฟฟิศ" เขาส่งเสียงดุไปยังมารีน่าที่กำลังสะอึกสะอื้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องตัวผม ราวกับกลัวจะทำให้บาดเจ็บขึ้นมาอีก


"เขาเป็นยังไงบ้าง ปะ....เป็นยังไงคะ" มารีน่ายังคงสะอื้นน้ำเสียงสั่นเทา ผมอยากบอกว่า 'อย่าร้องไห้' แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะเปล่งเสียง


"เราต้องพาเขาไปโรงพยาบาล ไปเถอะ" เจ้าของอ้อมแขนบอก น้ำเสียงเขาอ่อนโยนขึ้นแล้ว


"ฉะ...ฉันต้องจบเรื่องนี้ ต้องเป็นฉัน" เธอปาดน้ำตาแล้วเหยียดตัวยืนตรง เชิดหน้าขึ้นราวกับจะเรียกความเข้มแข็งให้ตัวเอง


"เอาแบบนั้นรึ? "


มารีน่ากัดปากพลางพยักหน้าราวกับจะยืนกับตัวเองด้วย


"ขอบคุณมากชาร์ล ช่วยพาเขาส่งโรงพยาบาลให้ทีแล้วฉันจะรีบตามไป"


อ่า....เขาชื่อชาร์ล ผมได้ยินและจำไว้ในโสตประสาท


"อีธาน ช่วยอยู่กับมารีน่าที" คุณชาร์ลเรียกใครสักคนมาช่วย คงเพราะเขาอุ้มผมอยู่ และถ้าพูดออกมาได้ผมจะบอกเขาแน่ๆ ว่า 'ขอบคุณมาก'


ผมถูกชาร์ลอุ้มขึ้นรถ หลังจากนั้นตื่นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล ปวดตามเนื้อตัว และยังคงปวดหัวหนักๆ



........................................


"ตื่นแล้วเหรอ? "


ผมสะดุ้ง หันไปมองคนแปลกหน้าอย่างไม่คุ้นเคย เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเตียงส่งยิ้มให้ เหมือนว่าเรารู้จักกัน?


"ฉันชื่ออีธาน" ผมยังคงสับสนงุนงง แต่เหมือนเสี้ยวหนึ่งในความทรงจำเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน "เรียกว่า'พี่'สิ" คนที่พึ่งแนะนำตัวให้รู้จักกันกำลังเซ้าซี้และผมก็งงเป็นรอบที่สอง


"พี่? " และเมื่อผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งออกไป อีธานก็ฉีกยิ้มกว้าง


ยังไม่ทันที่จะมีบทสนทนาบทต่อไปประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา


"อาลัน...." เป็นมารีน่า และชายร่างสูงอีกคนเดินเข้ามา เขาส่งยิ้มให้ผมด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน


มารีน่าคงอยากจะโผเข้ามากอดผม แต่ก็ชะงักไว้เหมือนกลัวว่าผมจะเจ็บ


เราไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมากันอีก ผมก็ว่ามันดีแล้วที่เราจะไม่คุยถึงมัน มารีน่าเพียงแค่ถามว่าผมเจ็บตรงไหนและปวดตรงไหน ผมตอบตามตรงแล้วคุณหมอก็เข้ามาตรวจดูอาการ ผู้ชายตัวสูงคนนั้นเดินออกไปคุยกับหมอ มารีน่าจับมือผมมากุมไว้แนบแก้ม





"อาลัน....แม่มีเรื่องต้องบอกกับลูก..." มารีน่าจะใช้สรรพนามแทนตัวว่าแม่ก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องจริงจัง และเราอยู่ในโซนส่วนตัวเท่านั้น ผมนิ่งฟังแต่โดยดี และที่น่าแปลกกว่านั้นคือเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าอีธานก็ยังคงนั่งฟังเราอยู่ด้วยโดยที่มารีน่าไม่ได้ว่าอะไร


มารีน่าไม่ได้เล่าละเอียด เล่าเพียงคร่าวๆ ว่า ตอนนี้ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมหุ้นกับบริษัทของชาร์ล แต่ยังคงขายงานในชื่อแบรนด์เดิมของตัวเอง บริษัทของชาร์ลจะเข้ามาช่วยเกืัอหนุนในเรื่องการตลาด และจะไม่แตะต้องการบริหารงานเดิมของมารีน่าและแม็ค แต่จะเข้ามาขยายให้แบรนด์ไปไกลระดับโลกได้ และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนับจากนี้คือตัวผมต้องเข้ามาอยู่ในความดูแลของชาร์ล นั่นก็คือส่วนหนึ่งในสัญญาด้วย


นอกเหนือจากสัญญาทางธุรกิจมารีน่าได้จดทะเบียนสมรสกับนักธุรกิจอย่างชาร์ล เพื่อให้ผมได้อยู่ในความดูแลของชาร์ลอย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างแท้จริง นับจากนี้ต่อไปจะไม่มีใครกล้าทำอะไรผมและมารีน่าอีก นั่นเป็นคำสัญญาที่ผมรู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาด


และมันก็ช่วยไม่ได้ที่คนที่เกิดมาพร้อมโชคร้ายอย่างผม จะมองโลกในแง่ร้ายที่สุดนั่นคือ ‘ตัวประกันทางธุรกิจ’ การจดทะเบียนสมรสของมารีน่าและชาร์ลพร้อมกับการรับรองเป็นบุตรบุญธรรม นั่นทำให้เขามีสิทธิ์ในตัวผมเทียบเท่ากับมารีน่า


"มันเป็นเรื่องของธุรกิจ และชาร์ลก็สัญญาจะดูแลลูกอย่างดี"


"มารีน่าคงต้องเหนื่อยหน่อยใช่ไหมครับ"


มารีน่าพยักหน้ายิ้มอ่อนโยน ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ


เสียงเปิดประตู ผู้ชายตัวสูงคนนั้น 'ชาร์ล' เดินเข้ามาหาเรา


"หมอว่าไงบ้าง" เป็นอีกครั้งที่ผมแปลกใจเมื่อคนเปิดปากถามกลายเป็นอีธานแทนที่จะเป็นมารีน่าหรือผม?


" คงต้องให้นอนดูอาการอีก 2-3 วัน ไม่มีอะไรน่าห่วงแค่กลัวว่าแผลจะติดเชื้อ ถ้ากลับไปบ้าน"


"ขอบคุณค่ะชาร์ล ช่วงนี้ฉันขอพักร้อนล่วงหน้าเพื่ออยู่กับอาลันนะคะ"


คุณชาร์ลหัวเราะขบขันกับคำขอของมารีน่า


"ก็เอาสิ ผมจะให้คนจัดห้องไว้ให้คุณที่บ้านด้วย เผื่อวันไหนอยากมาค้าง"


"ขอบคุณค่ะ"


……………..







Part : อีธาน



ผมแอบหงุดหงิดเล็กน้อยที่พ่อปล่อยให้ผมอยู่กับมารีน่าและแม็ค แทนที่จะให้ออกไปด้วย ได้ข่าวว่าเรียกทีม A ...ซึ่งปกติจะใช้ทีม C ของผมก็ได้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ นี่แสดงว่าพ่อเอาจริง และกำลังหงุดหงิด และนั่นมันน่าสนุกจะตาย ผมก็อยากจะไปเห็นทีมเก็บกวาดของพ่อนี่


พ่อส่งข่าวมาบอกหลังจากนั้น 2 ชั่วโมง เรื่องเป้าหมายเคลื่อนที่และเป็นไปตามแผน


“ฉันต้องไปจบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” มารีน่าลุกขึ้นหลังจากที่เธอนั่งนิ่งๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาพักใหญ่ เธอลุกขึ้นยืนตัวตรงสีหน้าและแววตามุ่งมั่น “เธอช่วยพาฉันไปหน่อยได้ไหม” แล้วหันมาขอร้องผม


แน่ล่ะว่าผมไม่ขัดใจเธอหรอก เพราะนี่มันเท่ากับว่ามีข้ออ้างที่จะไปดูงานแล้วนี่


ในทีม A ของพ่อ ก็ยังมีเด็กฝึกของทีมผมอยู่ในนั้นบ้าง เมื่อได้รับตำแหน่งที่ตั้งมันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย


เกือบจะเสร็จงานแล้วตอนที่ผมไปถึง มารีน่าวิ่งไปหาพ่อที่กำลังอุ้มเด็กคนนั้นไว้ในอ้อมแขน เธอร้องไห้อีกครั้ง ก็ว่าเธอไม่ได้หรอกเป็นใครเห็นสภาพนั้นก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน เด็กคนนั้นตัวเล็กผอมบางกว่าที่คิดไว้ ร่างเล็กปวกเปียกโชกเลือดอยู่ในอ้อมแขนพ่อ และไม่มีสติ คนเลวแบบไหนกันถึงทำกับเด็กตัวเล็กๆ แบบนั้นได้


พ่อหันมาส่งสายตาดุๆ ให้ผมตอนที่มารีน่าวิ่งเข้าไปหา เธอบอกกับพ่อว่าจะขอจบเรื่องนี้เองด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและเย็นชา ผมชอบเธอนะ อย่างน้อยๆ ตอนที่อยู่ต่อหน้าไอ้หมอนั่นเธอก็ทำได้ดีทีเดียว


แต่เธอ...ก็ใจดีเกินไป


“คุณไปรอผมที่รถก่อนได้ไหม เดี๋ยวผมตามไป” ผมบอกมารีน่าด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอาการใดๆ เธอพยักหน้ารับคำและเดินเชิดหน้าไปแต่โดยดีโดยไม่ถามอะไร


“นี่คุณน่ะ ชอบรังแกเด็กอย่างงั้นเหรอ” ผมหันไปถามชายวัยกลางคนที่ถูกคนของพ่อจับกดให้นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น พ่อคงยังไม่สั่งว่าจะต้องทำยังไงมั้ง ผมเดาเอา เพราะไม่งั้นเขาคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก


“ฉันน่าจะฆ่าไอ้เด็กนั่นซะ มารีน่าจะได้จำฉันไปตลอดชีวิต ฮ่าๆ” เขาหัวเราะอย่างคนเสียสติ


“อ่า...อย่างนั้นสินะ” เขาเลิกคิ้วหันมามอง “งั้นผมก็จะทำให้คุณจดจำไปชั่วชีวิตด้วย..ดีไหมนะ" ผมยิ้มเหี้ยมเกรียมให้เขา แต่แน่ล่ะผมยังเป็นแค่เด็กในสายตา มันทำให้เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร


“อ๊ากกกกกกกก” เสียงเขาร้องโหยหวนตอนที่ผมวางเท้าลงบนมือของเขาแล้วเหยียบขยี้ลงไปโดยไม่ยั้งแรง


“เฮ่ๆ แค่นี้ไม่ตายหรอก ไกลหัวใจน่า...” ผมย่อตัวลงไปตอนพูด ให้เขาได้มองหน้าผมให้ชัดๆ เต็มสองตา ก่อนจะออกแรงเหยียบซ้ำลงไปอีกรอบ


แน่นอน..กฎของพ่อคือสั่งห้ามฆ่าคนโดยเด็ดขาด 


อีธาน เกรย์ วิสตรอม ยังเป็นแค่เด็กที่เดินตามรอยเท้าของผู้เป็นพ่ออย่างเคร่งครัด เขาสั่งให้คนของพ่อปล่อยตัวโซมอน โดยไม่ทำอันตรายใดๆ ไม่อยากให้ชื่อของพ่อต้องมาแปดเปื้อนกับคนระดับนี้ และตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากให้มันมาเปื้อนมือด้วยเช่นกัน ไม่คุ้มกับการโดนพ่อด่าและตัดคะแนนฝึกงาน


อีธานยกมือถือขึ้นมากดหาหัวหน้าทีม B เป็นทีมทนายและกฎหมาย ทีมที่จะทำทุกเรื่องให้กลายเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แนบเนียนและในทางกลับกัน...


“สืบทุกเรื่อง ทุกธุรกิจของโซมอน มอโร ไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหน เท่าที่พอจะตามกลิ่นได้แล้วจัดการซะ ผมไม่อยากให้ชื่อของเขาเข้ามาโลดแล่น ไม่ว่าจะในวงการไหนก็ตาม” คำสั่งเสียงเด็ดขาดของอีธาน




รู้อะไรไหม การทรมานแบบที่ยังมีลมหายใจ มันน่ากลัวกว่าความตายเสียอีก….





************



#Talk

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วนะ สำหรับคุณพ่อและคุณพี่ ///

อย่างไรก็ตาม ขอเตือนว่าเรื่องนี้ 3p

และมีกลิ่น Incest นิดหน่อย (แหะ แหะ กลัวคนไม่ชอบหลงมา) 

เป็นเรื่องสั้นที่เกือบยาว(หลังรีไรต์แล้ว) เขียนจบแล้ว ทยอยรีไรต์ลงจ้าาาาา

ฝากน้องด้วยนะจ้ะ 

อาลัน/อลาโน่ น้องไม่ใช่เด็กเก็บกด แต่ความที่น้องโดนทำร้ายซ้ำๆ

มันทำให้น้องกลายเป็นคนไม่พูด เพราะน้องฝังใจว่า เงียบไว้เดี๋ยวก็ดีเอง เดี๋ยวก็ผ่านไป

เพราะงั้นอย่าเพิ่งรำคาญ/ลำไยน้องนะ #วอนเห็นใจน้องด้วย 5555+

#โปรดติดตามตอนต่อไป 




ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #ตัวประกัน
«ตอบ #4 เมื่อ25-06-2019 12:54:29 »

น้องอาลันน่าสงสารมาก

 :pig4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #ตัวประกัน
«ตอบ #5 เมื่อ25-06-2019 20:57:56 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #บ้านใหม่
«ตอบ #6 เมื่อ26-06-2019 09:55:40 »

ผมออกจากโรงพยาบาลหลังจากนั้น 2-3 วันอย่างที่ชาร์ลว่าไว้ และ สิ่งที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือการได้ย้ายบ้านใหม่ เป็นบ้านหลังใหญ่รั้วสูง ราวกับต้องการปิดกั้นภายในจากภายนอก ในใจผมคิดว่าอาจจะเป็นคุกก็ได้ แต่เพียงรถแล่นเข้ารั้วใหญ่ตระหง่านก็พบกับสวนหญ้าสีเขียวขจีกว้างเท่าสนามฟุตบอลของโรงเรียน หรืออาจจะมากกว่า ตัดกับแปลงดอกไม้สีสันสดใส ทอดยาวไปจนถึงตัวบ้าน ผมมองข้างทางทั้งสองฝั่งอย่างตื่นเต้น


"บ้านไงล่ะ" อีธานพูดขึ้นเหมือนจะเดาใจผมออก "มาสิ จะพาไปดูห้องก่อน เดี๋ยวตอนบ่ายๆ ค่อยพามาดูสวน" อีธานยื่นมือมาให้จับ


ผมคิดว่าเขาคงกลัวว่าคนที่เพิ่งหายป่วยอย่างผมจะล้มหัวทิ่มไป จึงยอมวางมือลงบนฝ่ามือใหญ่แต่โดยดี


อีธานฉีกยิ้มกว้างเหมือนเคย พาผมเข้าไปในบ้าน กำชับให้คนยกกระเป๋าเสื้อผ้าที่มีอยู่ใบเดียวตามเข้าไป ทั้งๆ ที่ผมก็บอกแล้วว่าถือเองได้ก็ตาม


"นี่ห้องพี่..." อีธานเรียกแทนตัวเองแบบนี้เสมอกับผม และเรียกแทนผมว่า..

"ส่วนนี่ห้องน้อง....และนั่นก็ห้องพ่อ ถัดไปก็ห้องหนังสือและห้องทำงานพ่อด้วย"


เสียงประตูเปิดออกจากห้องที่อีธานเพิ่งจะแนะนำไป เจ้าของห้องเดินออกมาด้วยชุดลำลองสบายๆ แปลกตาแตกต่างไปจากทุกทีที่เคยเห็น


"นึกว่าพ่อเข้าบริษัท"


ชาร์ลมองมาที่ผมและอีธานก็ยังจับมือผมเอาไว้ในฝ่ามือเขา ผมอยากจะดึงมันออก แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร


"หยุดสักวันน่ะ เย็นนี้มารีน่าจะเข้ามา ก็ว่าจะให้จัดเลี้ยงต้อนรับเสียเลย"


ผมลิงโล้ดไปกับประโยคที่ได้ยิน แน่นอนว่าคุณขาร์ลและอีธานก็คงสังเกตเห็น ทั้งสองคนส่งยิ้มให้กัน


"ที่นี่เขาอนุญาตให้ยิ้มกันได้นะ ตำรวจไม่จับ" คุณชาร์ลว่าก่อนจะเดินเลี่ยงลงไปข้างล่าง ส่วนอีธานก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นบ้านทำหน้าเหมือนล้อเลียนผม จับมือผมแกว่งไปมาแล้วพาเดินดูบ้านต่อ


เย็นวันนั้นมีงานเลี้ยงต้อนรับผม มารีน่าและแม็คก็มาด้วย แน่นอนว่าแม็คไม่สามารถเก็บอาการได้เลยทั้งร้องไห้สะอึกสะอื้นหันไปปลอบมารีน่าที่นั่งน้ำตาซึมทีสลับกับหันมาปลอบผมทีตลอดงาน


มารีน่าค้างคืนกับผม และกลับออกไปในตอนเช้า ผมที่ตื่นแล้วจึงเดินสำรวจรอบบ้านเงียบๆ เมื่อวานอีธาน...ไม่สิเขาชอบให้ผมเรียกว่าพี่ พอเรียกแล้วเขาจะยิ้มกว้างมากๆ ผมก็ชอบนะ เพราะไม่เคยเรียกใครเลยเหมือนกัน



...........................




ตอนเช้า

ผมเดินลัดเลาะมาถึงสวนด้านหลังก็แอบตะลึง และทึ่งในความสงบสวยงามที่ลงตัว กลางสวนมีซุ้มเล็กๆ สำหรับนั่งพักผ่อน จึงถือวิสาสะเดินเข้าไป ผมมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น ปลายนิ้วขยับยกไล่ไปบนโต๊ะอย่างลืมตัว ผมกำลังจินตนาการ กำลังวาดรูป กลีบสวยของดอกไม้ความหยักและสีสันที่ลงตัวของธรรมชาติมันทำให้ผมจมดิ่งลงไปในความคิดตัวเอง ผมไม่เคยได้ออกมานั่งสบายอารมณ์แบบนี้มากนัก เก็บตัวแอบอยู่ในห้อง ไม่ก็ตู้เสื้อผ้าแคบๆ ห้องเก็บของหรือไม่ก็สวนมืดๆ ในตอนกลางคืน จนกว่าแม่จะกลับ....



"เอาอันนี้ดีกว่าไหม? " ด้วยเพลิดเพลินอยู่ในจินตนาการจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า อีธานวางสมุดวาดรูปพร้อมดินสอลงบนโต๊ะ


ผมไม่ได้ตอบ หรืออาจจะยิ้มออกไปก็ได้ พี่ถึงได้ยิ้มกว้างตอบกลับมา แล้วความเงียบก็ถูกทำลายด้วยเสียงขูดขีดของดินสอ แผ่นแล้วแผ่นเล่า โดยที่พี่เพียงแต่นั่งเท้าแขนมองผมอยู่เงียบๆ แบบนั้น


"ชอบวาดรูปเหรอ" พี่ถามและผมก็พยักหน้าตอบ


"วาดรูปพี่บ้างสิ" ผมชะงักมือที่กำลังขีดเขียน หันไปมองหน้าคนพูด อันที่จริงผมไม่เคยวาดหน้าคนมาก่อน


"จะลองดูก็ได้"ผมตอบไปแบบนั้นเพราะจะปฏิเสธพี่ก็ยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย


"พี่จะรอ"


"ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว" เสียงทุ้มพูดขัดขึ้น พร้อมกับวางถาดอาหารสำหรับสามคนลงบนโต๊ะ ชาร์ลไม่ได้บังคับแต่ดึงสมุดวาดเขียนพร้อมกับดินสอออก แล้วดันถาดอาหารเช้าไปตรงหน้าแทน


"พ่อตื่นเช้าจังแหะ" อีธานว่าพร้อมกับหยิบแซนด์วิชเข้าปากเคี้ยว


"อย่าตามใจน้องมาก อีธาน"


ผมหูผึ่งตอนที่ชาร์ลหันไปดุพี่ด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับผม โดยการข้ามหน้าผมไปเลย เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหมือนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการโดนดุในครั้งนี้


"ผมไม่ได้...." และเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่รู้สึกอยากเถียง แต่ยังไม่ทันพูดจบ ชาร์ลก็ขัดขึ้นมา


"อย่าลืมว่าสายแล้วด้วย" ชาร์ลพูดพลางสไลด์แทปเล็ตในมือ


"จริงด้วย!! โรงเรียน ตาย!! "


'โรงเรียน? ' ผมทวนคำในใจแต่มันคงแสดงออกมาทางสีหน้า พี่เลยหันมาหัวเราะยกใหญ่


"พี่ยังเรียนอยู่ไฮสคูล" พูดจบพี่ก็วิ่งกลับเข้าบ้านไป ปล่อยผมให้นั่งทำหน้าเหวออยู่กับชาร์ลสองคน



ก็คือถ้าไม่เห็นเองกับตา ผมก็คิดว่าอีธานทำงานที่บริษัทชาร์ลไปแล้ว เด็กกว่านั้นหน่อยก็แบบ...เด็กฝึกงานเตรียมรับช่วงต่อจากพ่อ แต่พอมองหน้าชาร์ลชัดๆ อีกที เขาก็ยังไม่ได้ว่าจะอายุเยอะขนาดนั้น



"หน้าฉันมีอะไรงั้นรึ? "


คงเพราะผมจ้องนานไป ชาร์ลถึงได้หันกลับมาถาม ผมสะดุ้งกับสายตาจริงจังนั่นจึงได้แต่ส่ายหัวไปมาแทนคำตอบ


"เธออยากไปไหม"


"ฮะ? "


"โรงเรียน"


ผมเผลอกัดปากตัวเองนั่งนิ่งจมอยู่ในความคิด ครั้งสุดท้ายที่ผมไปโรงเรียน...คือผมถูกจับตัวไป....และก็เกือบตาย


"ผะ...ผมเรียนผ่านเน็ต จบหลักสูตรออกแบบและดีไซเนอร์" ตอบตะกุกตะกักเนื่องจากสายตาคู่นั้นนังคงจับจ้องมา


"งั้นรึ? "


ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องของโรงเรียน แต่มันเป็นเรื่องอื่นที่ผมกลัว...กลัวการออกไปข้างนอก ในรั้วสูงๆ ของบ้านนี้มันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย


"อืม...ถ้างั้นอยากจะออกไปไหนก็บอกฉันหรืออีธานได้"


"ครับ"


"จะไปไหนก็ได้ เท่าที่เธออยากจะไป ต่อไปนี้จะไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้อีก...แค่บอกฉัน....เข้าใจไหม"


ขอบตาผมร้อนผ่าว ฝ่ามือหนาวางลงบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ อย่างอ่อนโยน น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนตักอย่างช่วยไม่ได้ ตอนที่ผมพยักหน้าตอบชาร์ล ในอกมันอบอุ่นอย่างที่ผมไม่เคยได้สัมผัส


ในสมุดวาดเขียนแผ่นสุดท้ายของเล่มในวันนั้น


มีรูปวาดเป็นภาพร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กชายคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขน


เงาสีดำที่ดินสอระบายทอดยาวไปด้านหลังคล้ายปีกสีดำที่กางออกกว้าง





*********


ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #หนึ่งปีต่อมา
«ตอบ #7 เมื่อ27-06-2019 09:08:17 »

1ปีต่อมา



ผมเริ่มคุ้นชินกับบ้านนี้แล้ว ชาร์ลทำระเบียงห้องให้ผมใหม่เพื่อที่จะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการวาดรูป เพราะช่วงแรกๆ ผมไม่ออกไปไหนและไม่ยอมออกมาจากห้องในเวลาที่มีคนอยู่บ้าน



แน่นอนว่าเขาไม่ได้บังคับ ตะคอกหรือส่งเสียงดังใส่ ปล่อยให้ผมทำอะไรก็ได้เท่าที่ใจอยากจะทำ



มารีน่าแวะมาหาผมทุกสุดสัปดาห์ งานเธอยุ่งเพิ่มมากขึ้นนั่นเพราะมีทีมการตลาดมืออาชีพ พอผมเริ่มคุ้นชินกับบ้านหลังนี้ในเดือนแรกพวกเราก็มีกฎในการทานมื้อเย็นร่วมกัน ผม พี่ และชาร์ล ทุกๆ เย็นเราจะทานอาหารร่วมโต๊ะกัน ผมชอบที่จะฟังพี่เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง และชอบที่ชาร์ลมักจะสอนทุกๆ เรื่องให้พี่ฟัง นอกจากความรักและเคารพ พี่ยังเทิดทูนชาร์ลมากในทุกๆ เรื่อง



ผมได้ลงเรียนเพิ่มเกี่ยวกับการออกแบบที่เกี่ยวข้องอีกหลายหลักสูตร รวมไปถึงหลักสูตรที่ไม่เกี่ยวข้องบ้าง อย่างเช่น การตลาดออนไลน์เพราะผมอย่างคุยกับทุกคนรู้เรื่อง หรือการทำอาหาร...



ผมชอบที่จะทำให้ทุกคนทาน และถูกชมว่ามันอร่อยมาก ถ้ามีเวลาอีก ผมว่าจะลองเรียนทำขนมด้วย แม็คชมผมใหญ่ว่างานออกแบบของผมดูอบอุ่นนุ่มนวลขึ้น มารีน่าและแม็คเก่งเรื่องการพูดและเจรจาบวกกับทีมการตลาดมืออาชีพของบริษัทชาร์ลทำให้แบรนด์ติดตลาดขึ้นมาแบบก้าวกระโดด



ผมสามารถจัดกระบวนความคิดของผมให้เป็นรูปร่างได้ไม่ว่าจะเป็นตอนทำอาหารอยู่และสามารถร่างแบบในหัวลงในไอแพดเก็บไว้ได้ ใช้ชีวิตไปเงียบๆ ในทุกวันสุดสัปดาห์ทุกคนจะมารวมกัน ทานอาหารด้วยกัน อาหารฝีมือผม มันทำให้ผมมีความสุข





และตอนนี้ผมกำลังเงยหน้าขึ้นมอง ณ สุดขอบความสูงของประตูรั้วพลางถอนหายใจ สูงเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ สูงขนาดที่แหงนมองยังปวดต้นคอ ผมไม่ได้จะพยายามปีนออกไปหรอกนะ



'ตัดสินใจแล้ว' เป็นไงเป็นกัน



"ทำอะไรน่ะ" ขาอ่อนจนแทบทรุดลงไปนั่งกับพื้นถ้าไม่ได้แขนของชาร์ลจับไว้ หมดกันความกล้าของผม



"ชาร์ล! "



"ทำอะไรอยู่? " ชาร์ลเอ่ยถามซ้ำอีกรอบ



"คือว่าผม....คือ..." ผมก้มหน้าหลบตาพลางบอกเสียงอ้อมแอ้ม ก็คือว่าผมอยากจะลองออกไปข้างนอกคนเดียวดูบ้าง ตั้งแต่ตอนนั้นมันก็นานมาแล้วที่ผมเอาแต่พึงคนอื่นตลอด



"ผมแค่จะไปร้านค้า... ตรงหัวมุม"



"แล้ว? " ชาร์ลถามเสียงสูงด้วยสีหน้าสงสัย และผมไม่ได้คิดคำตอบเผื่อไว้ในกรณีถูกถาม



"อยากลองออกไปคนเดียวดูบ้าง"



"อืม" ชาร์ลทำเสียงตอบรับในลำคอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมรู้สึกผิดจนไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองเขา อันที่จริงมันเป็นความพยายามครั้งแรก และเมื่อชาร์ลเอ่ยปากพูดอีกครั้ง…



"ไว้คราวหน้าแล้วกัน" จบแล้วความพยายามของผม



แกร๊ก เสียงตัวล็อกประตูบานเล็กสำหรับคนเข้าออก ถูกเลื่อนออก



"ไว้คราวหน้าค่อยไปคนเดียว คราวนี้ฉันจะเดินไปเป็นเพื่อน" นั่นทำให้ผมอ้าปากค้าง ก่อนจะเม้มปากลอบยิ้มกับตัวเอง แล้วก้าวกระโดดตามชาร์ลออกไปนอกรั้วบ้าน



ชาร์ลใจดีกับผมเสมอ ผมลืมความจริงข้อนี้ไปได้ยังไง



"แล้วจะไปซื้ออะไร? " ผมส่ายหัวแทนคำตอบแล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ตอนที่เราเดินออกมาได้ครึ่งทางแล้ว



"อ่า..ผมลืมเอากระเป๋าเงินมา" พอพูดออกไปแบบนั้น ชาร์ลก็หัวเราะออกมาแทบจะทันที ผมชอบที่ชาร์ลหัวเราะนะ แค่ไม่ใช่ครั้งนี้...



เราเดินมาจนถึงร้านค้าเล็กๆ ตรงหัวมุมถนนจนได้ เงินติดกระเป๋าผมมาทำให้เราซื้อได้แค่กาแฟ และ โกโก้คนละหนึ่งแก้วแล้วเราก็เดินไปนั่งตรงสวนสาธารณะเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกล



“ทำไมถึงอยากจะออกมาคนเดียว บอกฉันหรือไม่ก็อีธานก็ได้นี่”



“ผมรู้” ผมรู้ว่าชาร์ลกับพี่จะออกมาด้วยแน่ๆ เพียงแค่ผมเอ่ยปาก แต่บางครั้งผมก็อยากจะลองทดสอบความกล้าของตัวเองบ้าง แต่เมื่อกี้แค่เดินดูของในร้านแล้วหันกลับไปไม่เห็นเงาของชาร์ล ผมก็แทบจะวิ่งออกมาตามหา คิดไปเองว่าจะโดนทิ้งแล้วแน่ๆ แต่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น



และเขาก็ยืนรอผมอยู่หน้าร้านด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนเคย ผมควรเชื่อใจเขา



เรานั่งอยู่ตรงสวนสาธารณะใกล้ๆ กันหลายนาที คุยกันเรื่องต่างๆ และผมก็บ่นเสียดายที่ไม่ได้เอาอุปกรณ์วาดรูปมาด้วย ชาร์ลบอกว่าให้เอามาได้ในครั้งหน้า แล้วเราก็กลับบ้านกันในตอนสาย เพราะชาร์ลจะต้องเข้าบริษัท และเขาไม่อยากทิ้งให้ผมต้องเดินกลับคนเดียว



“ไปไหนกันมา?” พี่ถามทันทีที่เห็นเข้าบ้านมา



“พี่...ชาร์ลพาผมไปร้านตรงหัวมุมมา” ผมบอกอย่างร่าเริง



“ไม่เห็นชวน?” พี่ทำเสียงสูงสีหน้าไม่พอใจและยกมือกอดอก มันทำให้ผมที่ทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาชะงักอยู่ครึ่งทาง



“สำหรับคนตื่นสาย” ชาร์ลยื่นถุงขนมราคาถูกสำหรับเด็ก กล่องหนึ่งส่งให้ และพี่ทำท่าจะไม่รับมันไปจนชาร์ลพูดอีกรอบ “น้องซื้อมาฝาก” พี่ถึงได้ยื่นมือออกมารับ



“คือว่าผม..ลืมเอากระเป๋าเงินออกไป ก็เลย...” พอผมบอกตามความจริง พี่ที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดก็หัวเราะออกมา ทำไมทุกคนจะต้องหัวเราะผมด้วยนะ



“สตอเบอรี่เนี่ยะนะ” พี่บ่นตอนที่แกะซองขนมชิ้นหนึ่งแล้วก็เอาเข้าปากด้วยสีหน้าประหลาดๆ มันเป็นสิ่งที่ผมจินตนการเอาไว้แล้ว สีหน้าของพี่ทำให้ผมหัวเราะออกมาบ้าง และพี่ก็ยื่นมือมาจับหัวผมโยกไปมาราวกับเอาคืน



“พ่อจะซื้อทั้งร้านเลยก็ได้นี่น่า” พี่หันไปว่าชาร์ล และเขาก็ทำหน้าครุ่นคิดก่อนตอบลูกชาย



“คิดอยู่เหมือนกัน”



เดี๋ยวก่อนนะ! ผมหันไปทำตาโตใส่ชาร์ล แต่เขาก็ทำเป็นเลิกคิ้วเชิงถาม ‘อะไร?’ ตอบกลับมา



“แล้วพ่อได้อะไร” พี่ยังคงเซ้าซี้ถามต่อ ในขณะที่มือยังฉีกขนมซองที่สอง



“กาแฟร้อน” ชาร์ลตอบเสียงเรียบ



“กาแฟเนี่ยนะ!” พี่ทิ้งตัวพิงโซฟาแล้วพ่นลมหายใจออก พร้อมกับบ่น “ไม่ยุติธรรม” พร้อมกับยัดขนมชิ้นที่สองเข้าปาก

“สำหรับคนตื่นสาย ก็สมควร” ชาร์ลว่ากลับ ในขณะที่ผมยังไม่เข้าใจ



“ถ้าพ่อไม่ซื้อ ผมจะซื้อล่ะนะ” พี่หันไปถามชาร์ลด้วยสีหน้าจริงจัง และชาร์ลทำเป็นเลิกคิ้วพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แยแสคำพูดลูกชาย



“พี่จะซื้ออะไรเหรอ” เป็นผมเองที่เอ่ยถามด้วยความสงสัย...หลายๆ เรื่อง



พี่หันมายิ้มอารมณ์ดีให้ผมแล้วตอนนี้



“ร้านตรงหัวมุมน่ะ”



“ครับ?”



“พี่จะซื้อ...ทั้งร้านเลย..” พี่บอกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนตอนที่จะเหมาเสื้อผ้าให้ผมทั้งร้านถ้าผมไม่เลือก

และผมคงอ้าปากค้างหรือไม่ก็ทำหน้าเหวอไปแล้วตอนนี้เมื่อได้ยินคำประกาศห้องของพี่



และชาร์ลก็เพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ



ความพยายามในการออกไปข้างนอกคนเดียวของผม จบลงด้วยการที่พี่ซื้อร้านค้าทั้งร้านเป็นของตัวเอง…







****************






#Talk
โอ๊ยยยยยยย อิพี่!! ป๋ามากกกกกก 555+
สงสารน้อง งงไปหมด พูดก็ไม่ทันเขา

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #หนึ่งปีต่อมา
«ตอบ #8 เมื่อ27-06-2019 10:55:41 »

ทั้งขำทั้งสงสารน้อง
ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้ออกจากเงาสองพ่อลูกคู่นี้ได้แล้วล่ะมั้ง
แต่ชอบคุณชาร์ลจังเลยค่ะ ลุคผู้ใหญ่ใจดี ตอนเดินไปร้านกับน้องมันแบบละมุน  :o8:

 :pig4:

ออฟไลน์ New_atcha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #หนึ่งปีต่อมา
«ตอบ #9 เมื่อ27-06-2019 13:12:28 »

ขนมรสสตอเบอร์รี่กับกาแฟร้อนนี่มันทำให้คนอารมณ์ดีจังเลยน้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #หนึ่งปีต่อมา
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-06-2019 13:12:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #หนึ่งปีต่อมา
«ตอบ #10 เมื่อ28-06-2019 00:41:01 »

คือจะสายเปย์ไปไหนกันสองพ่อลูกเนี่ย55555

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #หนึ่งปีต่อมา
«ตอบ #11 เมื่อ28-06-2019 06:52:30 »

ได้พ่อแถมลูก

ออฟไลน์ nuja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #หนึ่งปีต่อมา
«ตอบ #12 เมื่อ28-06-2019 06:58:14 »

น้องน่ารัก จะโรคจิตไปป่าวถ้าบอกว่ารอ 3P 555

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
งื้ออออ...#หนึ่งปีผ่านไป ได้อ่านเม้นแล้ววววว 5555 (<นั่นมันชื่อตอน -_-555+)
ขอบคุณทุกคนเลยจ้า

 :hao5:

*****อ่านต่อกันเลย*****


จากวันนั้นผมก็เลยไม่ได้ออกไปไหนคนเดียวอีก ถ้าจะออกไปไหนไม่ชาร์ลหรือพี่จะเป็นคนพาออกไป ทั้งร้านอาหาร หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ สวนดอกไม้สวยๆ และคราวนี้เป็นอควาเรียม บางครั้งมารีน่าหรือแม็คก็มารับออกไปช้อปปิ้ง ไปดูงานที่บริษัท ทำเรื่องสนุกต่างๆ โดยมีคนของชาร์ลตามไปด้วยทุกครั้ง



การออกไปข้างนอกกับผมอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อก็ได้ เพราะผมเอาแต่หยุดในจุดที่ผมอยากหยุด แล้วจากนั้นเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงที่ผมจะจมดิ่งไปกับการสก็ตรูป ผมพยายามบอกทั้งคู่แล้วว่าผมอยู่ได้ จะนั่งรออยู่ตรงนี้แล้ววาดรูปให้ทั้งสองคนไปเดินเที่ยวให้สนุก



แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราไปสวนสาธารณะกัน พี่แยกไปซื้อน้ำ ส่วนชาร์ลบอกจะไปซื้อของกิน ปล่อยผมนั่งวาดรูปอยู่ตรงนั้น โดยให้สัญญาว่าจะไม่ลุกเดินไปไหนตามลำพัง แต่พอเงยหน้าละสายตาจากสมุดวาดรูปก็มีคนกลุ่มหนึ่งมารุมล้อม ตื๊อให้ผมวาดรูปให้ทั้งที่ปฏิเสธไป แต่บางคนก็ยินดีที่จะจ่ายเงินซื้อรูปของผม



ชาร์ลและพี่ที่กลับมาหลังจากนั้นโมโหคนพวกนั้นยกใหญ่ ผมพยายามอธิบายว่าพวกเขาไม่ได้มาทำร้ายหรือทำอะไร แต่ทั้งคู่ก็ไม่ยอมฟัง แล้วพาผมกลับบ้านทันที


“เจ้าพวกน่ารำคาญ” พี่บ่นเสียงขุ่นเคือง ใบหน้าหันมองออกไปด้านข้าง ปล่อยผมนั่งตัวลีบอยู่ตรงกลาง


“โทษที เราไม่ได้โกรธเธอหรอกนะ” ชาร์ลบอกตอนที่เราสามคนขึ้นมานั่งบนรถแล้ว ชาร์ล ผม และพี่


“พี่ทำสวนให้เอาไหม น้องร่างแบบที่ชอบมาได้เลย” พี่บอกหันมาทำหน้าจริงจัง ผมรีบส่ายหัวรัวทันที


พี่ทำให้ได้อย่างที่พูดเชื่อไหม? และบางทีผมก็แปลกใจคุณพ่ออย่างชาร์ลที่ตามใจพี่ขนาดนี้ เขาแค่หัวเราะชอบใจไปกับความคิดของพี่


“ผม..ไปสวนตรงหัวมุมก็ได้ครับ” ผมพูดถึงสวนสาธารณะเล็กๆ ที่อยู่ถัดไปจากร้านค้า ตรงนั้นไม่ค่อยมีคนมาก ไม่วุ่นวาย มีแต่พวกเด็กๆ กับพวกคุณลุงคุณป้าที่ออกมาเดินเล่นกัน ถ้าไปตรงนั้นผมสามารถไปคนเดียวได้ และเจ้าของร้านค้าตรงหัวมุม (ถึงแม้ว่าตอนนี้พี่จะเป็นเจ้าของแล้วก็เถอะ) คุณนายสก็อตเธอก็ใจดีกับผมมากๆ


“พี่เขาแค่เป็นห่วง เข้าใจใช่ไหม” ชาร์ลวางมือลงบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ อย่างอ่อนโยน ผมพยักหน้าตอบว่าเข้าใจ ผมเข้าใจดี เพราะทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ชินกับการเจอคนแปลกหน้าและเสียงตะโกนดังๆ มันทำให้ผมรู้สึกกลัวและสะดุ้งทุกครั้งอย่างไม่สามารถควบคุมได้


พี่กับชาร์ลรู้เรื่องนี้ดี...และการมีเขาสองคนอยู่ใกล้ๆ มันทำให้ผมอุ่นใจ


จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่เคยทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวอีกเลย ทั้งคู่จะผลัดกัน แม้ว่าผมจะจมดิ่งไปกับการวาดรูปอย่างเงียบๆ พวกเขาก็ยินดีที่จะนั่งรออยู่เฉยๆ อยู่ดี



เอาเข้าจริง ถ้าไม่มีพี่กับชาร์ลออกไปด้วย แค่อยู่ในบ้านผมก็ไม่ได้เบื่ออะไร ถ้าอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศก็แค่เดินไปในสวน และชาร์ลก็อนุญาตให้ผมเข้าไปอ่านหนังสือในห้องหนังสือของเขาได้


พอได้เวลาก็ลงไปเตรียมอาหารรอพี่กับชาร์ลกลับบ้าน


เสียงรถแล่นเข้ามา เป็นเสียงรถชาร์ล ผมหยิบแก้วชาขึ้นมารินชา ชาร์ลเดินมานั่งที่เค้าเตอร์เหมือนเคย


"เหนื่อยไหมครับ"ผมเสิร์ฟชา เขารับชาไปจิบแล้วหลับตาราวกับกำลังดื่มด่ำกับมัน


"ดีขึ้นแล้ว ขอบใจนะ" ผมคงยิ้มออกมาเขาถึงได้ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ อยู่กันเงียบๆ โดยไม่ต้องพูดอะไร มันเหมือนอบอวลไปด้วยความรู้สึกสุขในอก


ไม่นานนักเสียงเครื่องยนต์ราคาแพงก็ดังกระหึ่มเข้ามา ผมรู้ทันทีว่าเป็นพี่ไม่ใช่ใคร พี่เดินเข้ามายิ้มกว้างให้ผมอย่างเคย แต่พี่ไม่นั่งรอที่เค้าเตอร์เหมือนชาร์ล เดินเข้ามาหาผมที่กำลังชงมะนาวโซดาให้ กางแขนคร่อมตัวผมไว้ตรงกลางแล้วหอมแก้มเสียงดังฟอดอย่างไม่เกรงใจว่าจะมีใครนั่งอยู่อีกคน ผมสะดุ้งร้อนวูบ หันกลับไปมองชาร์ลที่กำลังเลื่อนนิ้วสไลด์แท็ปเล็ตอ่านข่าวเลยไม่ได้สนใจพวกเรา


“หิว….” พี่บอกแบบนั้นแต่ก็ยังคงยืนที่เดิม และผมก็ขยับได้ไม่ถนัด


“ผมจะทำของว่างให้ แต่...อื้อ...พี่...” ผมช้อนสายตามอง แต่พี่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แถมยังทำท่าจะหอมแก้มผมอีกรอบ แต่คราวนี้ผมหดตัวหลบได้ทัน พี่หัวเราะยอมปล่อย แล้วเดินไปนั่งข้างชาร์ล


“อาทิตย์นี้ไปอคาเรียมกันไหม” พี่หันไปพูดกับชาร์ลแต่ผมกำลังตั้งใจฟัง ผมยังไม่เคยไปอวาเรี่ยม เคยเห็นในอินเทอร์เน็ต มันคงจะน่าตื่นเต้นมากถ้าได้ไปเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง


ชาร์ลทำสีหน้าครุ่นคิด ผมแอบเห็นว่าชาร์ลปรายหางตามองมาทางผมนิดหน่อย แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจหน้าผมที่กำลังรอฟังคำตอบ ทำเป็นเหมือนในบทสนทนานั้นไม่มีผมยืนรอฟังอยู่


“อืม...” นั่นคือคำตอบของชาร์ลรึเปล่าผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน


“ไปดีไหมนะ” และพี่ก็ทำเหมือนเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความคิดอย่างหนัก


ทั้งคู่ทำเป็นเหมือนไม่มีผมยืนอยู่ตรงนั้น


หลายนาทีกว่าที่ชาร์ลและพี่จะหันกลับมามองผมที่ยังยืนนิ่ง


“ว่าไง? / ไปไหม? ” ชาร์ลและพี่หันมาถาม และผมก็ตอบกลับในทันที


“ไปครับ”


ทั้งสองคนหัวเราะ และผมก็เพิ่งรู้ว่าโดนทั้งคู่แกล้งอีกแล้ว



.........................


ช่วงนี้พี่เริ่มทำงานที่บริษัทแล้วแม้จะยังเรียนอยู่ก็ตาม พี่ชอบที่ตามชาร์ลไปประชุมหรือออกงานด้วย ไม่เหมือนเด็กวัยเดียวกัน และบริษัทที่ชาร์ลให้พี่ดูแลเต็มเวลาก็คือแบรนด์ของมารีน่า ระยะหลังช่วงวันทานข้าวสุดสัปดาห์เราก็คุยกันในเรื่องสัพเพเหระ และงานปนกันไปได้อย่างสนุกสนาน



ผมเป็น back designer พี่ก็เป็น back marketing เช่นเดียวกัน ในข่าวธุรกิจเริ่มมีการพูดถึงการตลาดรูปแบบใหม่ที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ดึงกระแส social ที่กำลังมาแรงปรับให้เข้ากับการโปรโมทและขายงานไปพร้อมๆ กันได้อย่างลงตัว พี่สนุกกับการได้เห็น alanmaria เติบโต เช่นเดียวกับมารีน่า แมค และผม



ส่วนชาร์ลก็ชอบที่จะนั่งฟังพวกเราเงียบๆ และเลือกพูดในจุดที่คิดว่าพี่ลืมเลือนไปโดยไม่หักหน้าลูกชายที่กำลังไฟแรงเลยแม้แต่น้อย


ผมชอบที่มันเป็นแบบนี้ มันเหมือนเราสนุกกันได้ในทุกๆ เรื่อง เป็นครอบครัว และเป็นที่ทำงาน แบบไม่ต้องแยกออกจากกันก็ได้


และถ้ามีเวลา วันไหนที่พี่จะไปออฟฟิศของมารีน่า ตัวผมซึ่งไปในนามน้องชาย ก็จะได้ตามไปด้วยเสมอ


อ่อ...ผมได้รับอนุญาตให้อยู่ฟังด้วยได้นะ ตอนที่เขาประชุมทีม แต่ก็เป็นคนขอออกมาเองเพราะทนเสียงตะโกนของพวกเขาไม่ไหว คือเขาไม่ได้ทะเลาะกันผมรู้ มันเป็นการถกเถียงกันเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด


“เบื่อไหม? ” พี่ถามผมที่กำลังเปิดแคตตาลอคลายผ้ามากมายที่แม็คเอามาให้ดูแก้เบื่อตอนที่พวกเขาประชุมกัน


“ไม่นะ...สนุกดี...” ผมแอบหัวเราะ และพี่ก็จับหัวผมโยกไปมา มันน่าทึ่งนะ แต่ผมก็อดสะดุ้งทุกครั้งไม่ได้ที่มีใครสักคนตะโกนขึ้นมา


ถกกันเรื่องคอลเลคชั่น เรื่องโชว์ ต่อด้วยการตลาด มันต้องเหนื่อยมากแน่ๆ นี่เองที่มารีน่าชอบพูดบ่อยๆ ว่าการประชุมทีมเหมือนโดนสูบวิญญาณ แต่ในความเหนื่อยนั้นทุกคนมีความสนุกกับการทำงานในหน้าที่ของตัวเอง


ผมเองก็ควรสนุกบ้าง คอลเลคชั่นหน้า ผมจะทำให้มารีน่ากับแม็คโดนสูบวิญญาณอีก


“วันนี้กินข้าวนอกบ้านแล้วกัน เดี๋ยวพี่โทรนัดพ่อก่อน” ผมพยักหน้าตอบ


พี่มองหน้าเหมือนลังเลอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเล่มตัวอย่างลายผ้าขึ้นมาตั้ง….


แล้วก้มลงมาจุ๊บที่ปากผมเบาๆ แล้วผละออกอย่างรวดเร็ว


“ขอเติมพลังหน่อย”


ผมนั่งตัวแข็งค้าง ในขณะที่พี่เดินออกไปโทรศัพท์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


หน้าผมกำลังร้อนเป็นไฟ พี่จะทำแบบนี้กี่ครั้งก็ได้ถ้าเป็นที่บ้าน ถ้ามีคนอื่นมาเห็นผมคงไม่กล้ามาที่นี่อีก






……..





พี่ทำแบบนี้บ่อย ...ตั้งแต่พวกเราเริ่มจูบกัน



ใช่...เราจูบกัน



มันเกิดขึ้นตอนที่เราไม่ทันตั้งตัว ในวันทานข้าวร่วมกันเหมือนทุกสัปดาห์ ผมขอนั่งร่างแบบที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนงานเลี้ยงเลิก สัญญากับมารีน่าว่าจะไม่งอแงนอนดึก และพี่ก็ถูกสั่งให้เฝ้าดูให้ผมปฏิบัติตาม ชาร์ลออกไปส่งแขกหน้าบ้าน เหลือเพียงผมกับพี่สองคน ขณะที่ผมจมดิ่งอยู่ในความคิด ลมเจ้ากรรมก็พัดวูบ ผมคว้าแผ่นกระดาษใกล้ตัวยัดลงกล่องได้ทัน และมีอีกแผ่นที่กำลังลอยละล่อง ผมไม่ทันคิด โดดคว้าเอาไว้ และพี่ก็เร็วกว่าที่โดดคว้าเอวผมเช่นกัน ผลก็คือ....



ตูมมมมมม


ผมคว้าเอากระดาษแผ่นนั้นไว้ได้ และแน่นอน พี่ก็คว้าตัวผมไว้ได้เช่นกัน แต่....เราทั้งคู่ตกน้ำ!! ผมสำลักไปหลายที ขาลอยไม่แตะพื้นเพราะพี่อุ้มผมเอาไว้


"อุ๊บ"


"ฮ่าๆ ๆ ๆ "


มันเกิดขึ้นตอนที่เราไม่ทันตั้งตัว ในวันทานข้าวร่วมกันเหมือนทุกสัปดาห์ ผมขอนั่งร่างแบบที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนงานเลี้ยงเลิก สัญญากับมารีน่าว่าจะไม่งอแงนอนดึก และพี่ก็ถูกสั่งให้เฝ้าดูให้ผมปฏิบัติตาม ชาร์ลออกไปส่งแขกหน้าบ้าน เหลือเพียงผมกับพี่สองคน ขณะที่ผมจมดิ่งอยู่ในความคิด ลมเจ้ากรรมก็พัดวูบ ผมคว้าแผ่นกระดาษใกล้ตัวยัดลงกล่องได้ทัน และมีอีกแผ่นที่กำลังลอยละล่อง ผมไม่ทันคิด โดดคว้าเอาไว้ และพี่ก็เร็วกว่าที่โดดคว้าเอวผมเช่นกัน 


เราทั้งคู่หันมาสบตากันแล้วหัวเราะเยาะกันเอง ผมชูมืออวดแผ่นกระดาษที่คว้าเอามาได้อย่างนึกอวด พี่ไม่ชมผมเลย ผมก็เลยหันกลับไปมอง จังหวะนั้นใบหน้าเราใกล้กันมาก ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนยื่นหน้าเข้ามาก่อน จนจมูกเราแตะกัน จากนั้นมันก็เลยเถิด



"ชอบไหม? "



"อื้อ" ผมตอบตรงๆ และพี่ก็ยิ้มกว้าง



คืนนั้นจำได้ว่าโดนชาร์ลดุเพราะกลัวผมจะไม่สบาย เราแยกกลับห้องตัวเอง ผมนอนไม่หลับ เอาแต่ฝันถึงพี่ และเสียงชาร์ลที่ปลอบเบาๆ ว่าไม่เป็นไรอย่างอ่อนโยน


ใช่...ชาร์ลอ่อนโยนกับผมเสมอแม้จะอยู่ในฝัน


และหลังจากนั้นพี่ก็จะจูบผมทุกครั้งที่มีโอกาส



...............................



"วันนี้ออกไปข้างนอก ไม่ต้องทำข้าวเย็นเผื่อนะ" พี่บอกและผมก็เพียงพยักหน้ารับคำ


“อย่าเหลวไหลมากนักนะ อีธาน” ชาร์ลดุลูกชายโดยไม่เงยหน้าจากการอ่านข่าว


และผมก็รู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ชาร์ลเรียกพี่ด้วยชื่อเต็มๆ นั่นหมายถึงคำสั่งจริงจังอย่างละมุนละม่อมที่สุดเท่าที่เขาจะเอ่ยออกมาได้ต่อหน้าผม


ตอนนี้พี่จบไฮสคูลแล้ว กำลังเรียนต่อด้านการบริหาร และวันไหนไม่ไปเรียนพี่ก็จะเข้าบริษัท เรียนรู้ทุกอย่างที่ชาร์ลสอน แม้กระทั่งการเข้าสังคม อายุพี่ยังเด็กก็จริงแต่ความคิดพี่ไปไกลกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมาก พี่มักจะมีปัญหาในบทสนทนาของคนรุ่นเดียวกัน (เหมือนผม?) ในตอนที่ชาร์ลสอนให้พี่เข้าสังคม พี่จึงชอบมันมากที่ได้แลกเปลี่ยนพุดคุยกับคนที่เก่งกว่า พี่จะจดจำและเดินตามรอยเท้าชาร์ลอย่างชาญฉลาด


“รู้แล้วน่า” พี่หันไปเถียงแต่ก็ยังไม่ยอมขยับออกจากตัวผมอยู่ดี ชาร์ลมองมาที่เราและไม่ได้ว่าอะไร


“กินกันสองคน งั้นจัดโต๊ะที่สวนแล้วกัน ดีไหม? ” ชาร์ลหันมาถาม และผมก็ตอบตกลงด้วยรอยยิ้มกว้างทั้งที่ยังอยู่ในอกพี่



เย็นวันนั้นผมทำพาสต้า และสลัดอย่างง่ายๆ พอสำหรับสองที่ จัดที่สวนหลังบ้าน เราย้ายที่จากสวนเป็นที่สระ คุยเรื่องต่างๆ มากมาย ชาร์ลจะชอบคุยเป็นพิเศษเมื่อได้จิบไวท์หลังอาหารเย็น และนั่นก็เป็นแก้วที่สามที่เขาเริ่มเล่าเรื่องพี่ให้ฟัง



ชาร์ลเล่าว่าเมื่อก่อนสมัยที่ยังวัยรุ่นก็เกเร เที่ยวเตร็ดเตร่มั่วไม่ซ้ำหน้า บางวันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหิ้วใครมาบ้านบ้าง (แต่ไม่ใช่บ้านหลังนี้หรอกนะ) จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนเอาเด็กใส่ตะกร้ามาวางไว้หน้าบ้าน พร้อมกับข้อความสั้นๆ ‘นี่ลูกของคุณ’ ชาร์ลหัวเราะและเล่าต่อว่าโดนพ่อเรียกมาด่าหนึ่งวันเต็มๆ จากนั้นก็นำเด็กคนนั้นไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด แน่นอนว่าคือลูกของเขาอย่างแน่นอน ด้วยใบหน้าและแววตา



เมื่อความจริงทุกอย่างได้พิสูจน์แล้ว แต่ชาร์ลยังไม่บรรลุนิติภาวะ พ่อและแม่ของเขาจึงจดทะเบียนรับเป็นบุตร และตั้งชื่อให้ว่า ‘อีธาน’ ในทางกฎหมาย อีธานเป็นน้องชาย แต่ทางบ้านก็ไม่ได้ปิดบังความจริง และอีธานเองก็รู้เรื่องมาตั้งแต่จำความได้ ชาร์ลและอีธานพูดคุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนพี่ชายน้องชาย เหมือนเพื่อน แต่ในขณะเดียวกันชาร์ลก็มีความเป็นพ่อที่ทำให้อีธานยอมรับและเทิดทูนได้อย่างไม่ยากเลย



….ฟังคล้ายกับเรื่องของผมกับมารีน่า นั่นอาจจะเป็นสาเหตุให้ชาร์ลยอมรับผมเข้ามาดูแลก็ได้




“อ๊ะ! ” ผมสะดุ้งตอนที่ชาร์ลแตะปลายนิ้วลงตรงขมับ




“เป็นแผลเป็นจนได้เลยสินะ” ตรงนั้นคือรอยที่อดีตพ่อเลี้ยงทำเอาไว้ หมอบอกว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ตาบอด



ชาร์ลแตะลงอย่างเบามือ ผมที่นั่งกอดเข่าและซุกหน้าลงไป เอียงคอหันไปสบตากับเขา แสงไฟที่สะท้อนกับผืนน้ำมันทำให้ดวงตาของเขาระยิบระยับน่ามอง มือหนายังคงวนอยู่ตรงแผลเป็นตรงไรผม ผมเห็นเขาขบกรามก่อนลดมือลง นั่นมันทำให้ใจผมรู้สึกไหววูบราวกับเสียดายสัมผัสอ่อนโยนนั่น




ชาร์ลยกไวน์ขึ้นมาจิบอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้น




“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ” ชาร์ลลุกขึ้นยืนบอกผมแบบนั้น และก่อนที่เขาจะเดินผละจากไป ริมฝีปากอุ่นของชาร์ลก็จูบลงบนหน้าผากผม ก่อนจะเดินหันหลังจากไป ทิ้งให้ผมซุกหน้ากอดเข่าอยู่กับตัวเองแบบนั้นอยู่อีกราวครึ่งชั่วโมง



ตรงที่ชาร์ลจูบมันร้อนมาก และผมก็หุบยิ้มไม่ได้เลย




ผมไม่รู้ตัวเลยว่าพี่กลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งเห็นรถพี่จอดในโรงจอดรถแล้วนั่นแหละ….




*****************



#Talk
วงวารน้อง แต่ละคนชิมนิดชิมหน่อยกันอยู่ได้ 555555555+
ทีใครก็ทีมัน แต่อิพี่คือหยิบไปชิ้นใหญ่กว่า นำหน้าไปละ
#ฝากติดตามตอนต่อไป 

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :3123: :L2: :L1:
 :pig4:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :katai1: :katai1: :katai1: ไม่กล้าอ่าน  กลัวได้กินมาม่าาาาาาา   :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บ้านนี้เขาขยันอ้อยเนอะ555

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #ความเปลี่ยนแปลง
«ตอบ #17 เมื่อ29-06-2019 09:08:04 »

“อ่า...พี่..ผมเจ็บ..”


พี่ยอมปล่อยผมในที่สุด และต้นแขนของผมมันก็ขึ้นเป็นรอยแดงตามแรงของพี่ที่บีบลงมา ระยะหลังมานี่พี่จูบผมรุนแรงมาก บางครั้งก็เบียดตัวเข้ามา ไม่สนว่าหัวผมจะโขกกับกำแพงด้านหลัง บางครั้งก็กัดลงมาแรงๆ จนผมรู้สึกเจ็บที่ปาก


พักหลังนี้ ไม่รู้ทำไม ...พี่ไม่อ่อนโยนกับผมเลย สายตาของพี่ที่มองมาเปลี่ยนไปจนรู้สึกได้ บางครั้งก็ทำให้ผมหวาดกลัวจนตัวสั่น และถึงจะเป็นอย่างนั้นพี่ก็ไม่ยอมหยุด ผมอยากจะเอ่ยถาม แต่พี่ก็ไม่เปิดโอกาสให้เลย


พี่ยังคงยืนนิ่งและมองรอยแดงที่ต้นแขน พี่โน้มใบหน้าลงมา และผมคิดว่าพี่คงจะใจดีเป่าให้ และผมคงจะคิดผิดไป


“อ๋า...พี่...” ผมตกใจตอนที่พี่กัดซ้ำลงไปตามรอย พี่กัดแรง แรงจนผมเกือบจะน้ำตาไหลตอนที่สะบัดตัวให้หลุดออกมา


“โทษทีนะ” พี่บอกด้วยน้ำเสียงราวขุ่นเคืองอะไรสักอย่างก่อนจะบ่นพึมพำ “ช่วยไม่ได้” ...หรือว่าผมทำอะไรให้พี่โกรธกันนะ พี่ผละออกจากตัวผมแล้วถอนลมหายใจแรงๆ และก็เป็นผมเองที่รั้งชายเสื้อของพี่ไว้


“เย็นนี้พี่จะกลับมากินข้าวไหม”


ผมถามเพราะระยะหลังพี่มักจะกลับดึกเสมอ หนักหน่อยบางวันก็ไม่กลับ แล้วพอเป็นแบบนั้นพี่ก็จะมีปัญญากับชาร์ล



“อ่า...นั่นสินะ” พี่ยกมือขึ้นลูบหน้าและเสยผมแรงๆ


“น้องอยากให้พี่กลับมา? ”


“อยากให้เราทานข้าวด้วยกัน 3 คน”


จริงๆ แล้วมันเป็นกฎที่ชาร์ลตั้งขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าระยะหลังมานี้พี่จะละเลยมันเสมอ แม้จะโดนชาร์ลโกรธใส่พี่ก็ยังทำเป็นไม่สนใจ ผมแค่ไม่อยากเห็นคนทั้งคู่ทะเลาะกันเลย


“หึ! ” เสียงหัวเราะพี่เหมือนเย้ยหยัน ท่าทีพี่แสดงออกก็เหมือนกัน “ถ้าบอกว่าจะกลับมา จะรอพี่ไหมล่ะ” พี่ต่อรองพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาถามจนปลายจมูกเราแทบจะชนกัน



“...รอ” ผมตอบและพี่ก็ยิ้มมุมปาก



“เอางั้นก็ได้”





และนั่น...เป็นผลของการคิดไปเองฝ่ายเดียวของผม พี่ไม่ได้กลับมาตามเวลาอย่างที่บอกไว้ ชาร์ลดุและบ่นเล็กน้อยใส่ผมที่รั้นจะรอพี่ให้ได้ ผมเลือกที่จะแบ่งรับด้วยการทานมื้อเย็นกับชาร์ลไปครึ่งหนึ่งและเก็บอีกครึ่งหนึ่งไว้รอพี่ ชาร์ลไม่เห็นด้วยและออกจะหัวเสียเล็กน้อยแต่ก็ยอมรับข้อเสนอนั้นโดยไม่ดุใส่ผมสักคำ จนเวลาเลยไปถึง 3 ทุ่ม พี่ก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา ผมแอบลงมานั่งรอพี่ที่ห้องรับแขกเพราะชาร์ลขู่ว่าจะโทรไปตามพี่ แต่ผมก็กลัวว่าทั้งคู่จะทะเลาะกันอีกจึงยอมขึ้นห้องไปนอนแต่โดยดีในตอนแรก



ผมไม่เคยทำตัวดื้อแบบนี้มาก่อน ชาร์ลจึงวางใจ



เกือบ 4 ทุ่ม ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเข้ามาถึงได้ผุดลุกขึ้น



“เดินดีๆ สิค่าาาาา ห้องคุณอยู่ทางไหนค่ะอีธาน แหม...ใจเย็นๆ ค่ะ” เป็นเสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงเดินเข้ามาพร้อมพี่ เขาสองคนจูบกันนัวเนียเลยไม่เห็นผมที่ยืนอยู่ในห้องรับแขก สาวสวยคนนั้นหัวเราะชอบใจตอนที่พี่กัดลงบนไหล่ เธอแอ่นกายเข้าหาแล้วพยุงพี่ที่เมามายเข้ามา


ไฟในห้องรับแขกสว่างวาบตอนที่ทั้งคู่เดินเข้ามา


“ว๊ายยย นี่ใครค่ะอีธาน”


พี่หันมามองผมแวบหนึ่งแค่เพียงหางตา


“น้องชายน่ะ”


“อ่อค่ะ น้องคะ ห้องอีธานไปทางไหน คุณพี่ชายจะไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอพยักหน้าแล้วหัวเราะคิกคัก ไม่สนใจแม้จะถามไถ่ชื่อ ‘น้องชาย’ ที่เพิ่งรู้จักกัน


“ชั้นสองครับ ห้องแรก” ผมบอกไปตามตรง และพี่ไม่แม้แต่จะหันมามอง โอบรอบเอวหญิงสาวซุกหน้าลงไปกับอกของเธอแล้วพยุงกันขึ้นไปข้างบน


ในอกผมปวดร้าวตอนที่ได้ยินเสียงประตูห้องพี่ปิดลง ห้องรับแขกยังเปิดไฟสว่างจ้า ในขณะที่หัวใจของผมกำลังมืดมน


ผมไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกลับไปหรือยัง หรือบางทีอาจจะอยู่ในห้องพี่..



..........................



ผมตื่นมาทำอาหารเช้าให้ชาร์ลตามปกติ ออกไปยืนส่งเขาไปทำงานและเมื่อเห็นว่ารถพี่ยังจอดอยู่ผมจึงกลับเข้าไปในห้องและขังตัวเองอยู่ในนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงรถเคลื่อนออกไป



แต่พี่ก็ยังจูบผมทุกครั้งที่มีโอกาส



ใช่..และผมก็ปล่อยให้เป็นแบบนั้น




บางครั้งประตูห้องผมก็ถูกเคาะตอนกลางดึก พี่เมามาย จูบผมรุนแรง และบางครั้งก็ทิ้งรอยเอาไว้ และยังคงพาผู้หญิงเข้ามาไม่ซ้ำหน้า ในวันที่แย่ที่สุดคือวันที่พี่เคาะประตูห้อง จูบผมที่ทำให้ผมแทบจะสำลักตาย บดขยี้อย่างรุนแรง พี่ยกตัวผมลอยจากพื้นห้อง แล้วทิ้งลงบนเตียง




แคว่ก!


ผมตกใจ เสื้อชุดนอนของผมถูกฉีกกระชากออก


“อ๊ะ...พี่...” ผมมองไม่เห็นว่าหน้าพี่เป็นแบบไหน เพราะมืดมาก มือที่พยายามจะจับชายเสื้อที่ถูกแหวกออกรวมกลับเข้ามา แต่พี่ก็รวบข้อมือสองข้างของผมตรึงไว้เหนือหัว


ผมกลัว...เจ็บแขนจนน้ำตาไหล แต่ก็ไม่กล้าร้อง… ไม่มีวี่แววว่าพี่จะหยุดเลย…



ก๊อก ก๊อก


“อีธานค่ะ ไหนว่าเข้าไป good night น้องชายแค่แป๊บเดียวไง” เสียงเคาะประตูดังขึ้นเหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิต แต่เสียงหวานๆ ของผู้หญิงที่ได้ยินมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่า ผมเริ่มหอบสะอื้น พี่ยอมปล่อยแขนผมและลงไปจากเตียง


“อีธานค่ะ...” เสียงหวานเรียกอีกครั้งอย่างเอาแต่ใจ


พี่ไม่พูดอะไรนอกจากหันกลับไปกระชากประตูเปิดออกและเดินออกไป ปล่อยผมที่เริ่มสะอื้นหนักอยู่ในห้องเพียงลำพัง



ผมกลัวเกินกว่าจะเอ่ยถาม



กลัวเกินกว่าที่จะอยากรู้คำตอบ



ถึงตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมทำอะไรให้พี่โกรธ และพี่โกรธผมเรื่องอะไร พี่ที่เคยใจดีหายไปไหน



...........................


“อาลัน...” เสียงเรียกทำให้ผมสะดุ้ง แล้วพอหันกลับไปก็ชนเข้ากับอกชองชาร์ลเข้าพอดี


“ฉันกลับมาแล้ว...คิดอะไรอยู่เหรอ…? ” ชาร์ลยังไม่ได้ขยับออกห่าง ผมหมุนตัวลำบากก็เลยทำได้แค่ก้มหัวแล้วส่ายหน้ารัวแทนคำตอบ ปกติแล้วผมไม่เคยพลาดการกลับมาของชาร์ลเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรก


ชาร์ลไม่เคยผิดสัญญากฎการทานข้าวเย็นกับผม หรือถ้าจะไม่มา ก็จะโทรมาบอกก่อนทุกครั้ง


“ผมจะเอาชาให้นะ” ผมบอกเพราะต้องขออนุญาตขยับตัว แต่ชาร์ลก็ยังคงยืนนิ่ง และสิ่งที่ทำให้ผมวูบไหวคือตอนที่ชาร์ลกางแขนคร่อมตัวผมเอาไว้เหมือนที่พี่เคยทำ


“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” ชาร์ลพูดเสียงปนขำ และผมก็ไม่เข้าใจความหมายถึงได้เงยหน้าขึ้นมองอยากจะเอ่ยถาม แต่ก็มีอันต้องก้มหน้าหลบสายตา ...ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมสบตาชาร์ลนานๆ ไม่ได้เลย


“อาลัน..”


คราวนี้เป็นเสียงดุชัดเจน ชาร์ลฉวยข้อมือผมเอาไว้ในฝ่ามือเขาหลวม ๆ “นี่ฝีมืออีธานใช่ไหม? ” รอยแดงที่ข้อมือทั้งสองข้างมันชัดเจน เท่านั้นยังไม่พอชาร์ลยังเหลือบไปเห็นรอยที่พี่ทิ้งไว้ตรงไหล่ของผมอีก เขาสูดลมหายใจเข้าและหลับตาลงเกือบนาทีกว่าจะพูดออกมา


“บอกฉันสิ...อีธานข่มเหงเธอรึเปล่า”


“เปล่า! อ๊ะ...” ผมตอบแทบจะทันทีพร้อมกับส่ายหัวไปมา

แต่ชาร์ลต้องการคาดคั้น เขาจับเอวแล้วยกตัวผมได้ง่ายๆ ให้ขึ้นไปนั่งบนเค้าเตอร์ ตอนนี้ใบหน้าเราเสมอกันแล้ว ผมก้มหน้าหลบต่อไปไม่ได้ในเมื่อเขาโน้มตัวเข้ามา


ชาร์ลแหวกคอเสื้อผมออก แน่นอนว่าร่องรอยมากมาย ทั้งก่อนหน้าและเมื่อคืนก่อน บางส่วนก็จางไปแล้วแต่ยังเห็นร่องรอย ผมเห็นเขาขบฟันแน่น


“ฉันไม่โทษเธอหรอก บอกฉันมาเถอะ” ชาร์ลยังคงอบอุ่นอ่อนโยนเสมอสำหรับผม ความอ่อนโยนนั่นมันทำให้ผมรู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนผ่าว ฝ่ามือหนารั้งผมไปซบกับไหล่ แตะที่หลับผมตบมือลงมาอย่างอ่อนโยน


“เปล่าครับ พี่ไม่ได้ทำ” ผมเริ่มสะอื้น มันห้ามไม่ได้เลย


“โอเค ฉันเชื่อเธอแล้ว ไม่ร้องนะ” ชาร์ลปลอบผมและไม่คาดคั้นอีก ปล่อยผมร้องไห้จนเสื้อตรงไหล่เปียกชุ่ม ผมยกแขนปาดน้ำตา แต่ชาร์ลก็รั้งเอาไว้และเช็ดออกให้เสียเอง ราวกับความหม่นหมองในใจของผมถูกปัดเป่าให้หมดไปด้วยความอ่อนโยน


ชาร์ลจูบเบาๆ ที่หน้าผากผมอีกครั้งก่อนจะผละออก


“เอาล่ะ มาทำอาหารเย็นกันเถอะ ฉันช่วยเอง” ผมมองชาร์ลที่เปลี่ยนเรื่องได้รวดเร็วอย่างน่าแปลกใจ เขายิ้มให้ ผมชอบรอยยิ้มของเขา จึงพยักหน้าตอบกลับไป


แล้วเย็นนั้นเราก็ช่วยกันทำอาหาร ชาร์ลเป็นลูกมือที่ดีเขาชมตัวเองอย่างงั้น เราทานอาหารเย็นด้วยกัน ช่วยกันเก็บล้าง และชาร์ลก็มาส่งผมเข้านอน


เขาจูบที่หน้าผาก และกระซิบบอกให้ผมหลับฝันดี รอจนผมเข้าห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้วถึงเดินกลับออกไป



และคืนนั้นผมก็หลับไปจริงๆ ฝันดีมาก ฝันว่าเราสามคนกลับมาทานข้าวร่วมโต๊ะกันอีกครั้ง



*********************


..... :heaven ไว้อาลัยให้อิพี่ด้วย :beat:
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
และขอบคุณทุกเม้นท์ :pig4:
อ่านทุกเม้นท์เลย

ออฟไลน์ aayrokk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #ความเปลี่ยนแปลง
«ตอบ #18 เมื่อ29-06-2019 09:18:35 »

แงงงอีพี่ อย่าทำน้อง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #ความเปลี่ยนแปลง
«ตอบ #19 เมื่อ30-06-2019 01:59:33 »

อีธานนิสัยไม่ดี!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #ความเปลี่ยนแปลง
« ตอบ #19 เมื่อ: 30-06-2019 01:59:33 »





ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #เมามาย
«ตอบ #20 เมื่อ30-06-2019 18:33:36 »


ชาร์ลกำลังครุ่นคิดนั่งรอเจ้าลูกชายคนเดียวกลับบ้าน เขาคงจะปล่อยตามใจเกินไป เสียงเครื่องยนต์รถดังกระหึ่มเข้ามา ไม่นานนักก็มีเสียงหัวเราะคิกคักกับร่างของคนสองคนเดินคลอเคลียเข้ามาในบ้าน



“อ่า..โธ่พ่อนี่เอง ตกใจหมด” อีธานโอบเอวหญิงสาวเอาไว้ไม่ปล่อยในขณะที่เธอทำเป็นเอียงอายและโค้งทำความเคารพ



“กลับไปซะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก” ชาร์ลพูดเสียงราบเรียบ ไม่ได้ตะเบ็งเสียงดุดัน เป็นเพียงเสียงราบเรียบและสายตาที่มองตรงมา หญิงสาวแปลกหน้าแทบไม่กล้าก้าวเข้ามาในบ้าน



“ไม่เอาน่าพ่อ”



“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ อีธาน” และอีธานก็รู้ว่าพ่อพูดจริงตามนั้น เขากำลังหัวเสีย และต่อให้เขาอยากจะลองดีกับพ่อแค่ไหน แต่หญิงสาวที่พามาด้วยคืนนี้คงไม่มีแก่ใจจะเล่นเกมไปกับเขาด้วย หญิงสาวกล่าวลาอย่างร้อนรนและยินดีจะให้คนขับรถไปส่งโดยไม่ลังเล



อีธานหัวเสีย เหมือนโดนหักหน้าต่อหน้าคนอื่น ซึ่งพ่อไม่เคยทำแบบนี้กับเขาก่อนเลยสักครั้ง



“มีอะไรจะพูดกับผมรึไง? ”



ชาร์ลมองลูกชายที่กำลังหงุดหงิดตรงหน้าอย่างใจเย็น เขาสอนอีธานในทุกๆ เรื่องตั้งแต่จำความได้ไม่ว่าเรื่องอะไร อีธานไม่สนที่คนจะมองว่าเขาเป็นเด็กติดพ่อ และไม่สนด้วยว่าในทะเบียนบ้าน ชื่อพ่อเป็นชื่อของคุณปู่และมีพ่อเป็นพี่ชาย ชาร์ลแก้ไขข้อผิดพลาดทุกจุดในอดีตของตัวเองด้วยอีธาน แต่ตอนนี้เหมือนกับว่ากำลังมองดูตัวเองเมื่อ 20 ปีก่อน



“เรื่องน้อง”



ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้อีธานยิ้มเยาะใส่พ่อที่ตัวเองเทิดทูน เขาไม่เคยทำตัวแบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะขัดใจพ่อ และพ่อเองก็ไม่เคยตำหนิในสิ่งที่เขาทำ



….เพียงเพราะความอิจฉา



สายตาของน้องที่มองพ่อมันมีแต่ความรัก...อย่างไม่ต้องสงสัย....แค่อีธานนคิดไปถึงภาพวันที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็เผลอกำหมัดเข้าหากันแน่น



“พ่อจะทำไม? ”



“อย่าทำร้ายน้อง...” ชาร์ลผ่อนเสียงลงอย่างอดทน เขารู้ว่ายังไม่ควรพูดตอนนี้ ตอนที่ลูกชายมีสติไม่เต็มร้อยนักด้วยฤทธิ์แฮลกอฮอล์



“เหอะ! น้องฟ้องพ่อรึไง”



“เด็กคนนั้นไม่พูดถึงมันด้วยซ้ำ”



อีธานเงียบงัน แม้จะพาผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาในบ้าน แต่เขาไม่เคยกอดพวกหล่อนเลย ต่อให้เมื่อกี้พ่อจะไม่ไล่กลับไป สักพักหล่อนก็จะวิ่งแจ่นออกไปเอง



“คิดให้มากหน่อย”



“ก็ได้! ต่อไปนี้ผมจะไม่ยุ่งกับเด็กของพ่อก็แล้วกัน”



“อีธาน!! ” ชาร์ลไม่เคยขึ้นเสียงกับลูกชายเลยสักครั้ง “ถ้าขืนแกยังทำตัวแบบนี้ ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”



“เกรงใจ? น่าขำชะมัด” อีธานถามกลับเสียงสูงอย่างไม่คิดยำเกรง



“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ ถือว่าเตือนแล้ว” ชาร์ลพูดย้ำกับลูกชายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะเดินขึ้นห้องไป





โดยไม่รู้ว่าการทิ้งลูกชายที่กำลังต่อต้านไว้เพียงลำพัง จะทำให้มีผลตามมา...





…….





อีธานไม่ได้ทุบประตูห้องข้างๆ ให้เปิดเหมือนคืนก่อนๆ แต่เขาใช้กุญแจไขเข้าไป ข้างในมืดสนิทเจ้าของห้องคงจะหลับแล้ว เขาค่อยๆ ขยับขึ้นเตียงอย่างระมัดระวัง ก้มจูบเบาๆ ลงบนแก้มของคนที่กำลังหลับ น้องสะดุ้งหันกลับมา



“ชู่วววว์ พี่เอง...” ผมยกมือปิดปากน้องเอาไว้ และปล่อยหลังจากน้องผ่อนคลาย



“พี่...ทะ..ทำไม...อื้ออออ” ผมไม่ได้เปิดโอกาสให้น้องถาม กดจูบลงไปบนริมฝีปากบางนั่น ยอมรับ...ว่าโหยหามาก แค่จูบมันไม่พอแล้ว อยากครอบครองอยากเป็นเจ้าของ



น้องตอบรับจูบผมอย่างเงอะงะเหมือนเคย นั่นมันทำให้น้องน่ารักมากกว่าเดิมสิบเท่าร้อยเท่า ทุกกิริยาไม่ว่าจะเป็นเอียงอาย หรือพยายามจะตอบสนองมันทำให้ผมแทบคลั่งตาย...มันไม่เคยพอ ไม่เคยพอเลย



ผมปลดกระดุมเสื้อนอนน้องออกอย่างเบามือ ระมัดระวังที่สุด...ที่จะไม่ทำร้าย...อย่างที่พ่อขอ



จนกระทั่งตัวน้องเปลือยเปล่า น้องสั่นสะท้านแม้ในห้องจะมืดแต่ผมก็เห็นมันได้ ร่างกายเล็กสั่นไหวตอนที่ผมสัมผัสเข้ากับจุดอ่อนไหวจับขยับโยกรูดรั้งไปมาพร้อมกับป้อนจูบไม่ขาดปากจนกระทั่งน้องบิดเกร็งและปลดปล่อยมันออกมา



ผมควรจะพอแค่นั้น มันมากแล้วสำหรับคืนนี้



“อ่า...พี่...พี่...” แต่เสียงร้องครางสะท้านของน้อง มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเมา...จนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป



ผมบดจูบลงไปอีกครั้ง คราวนี้มันร้อนแรงหิวกระหาย ผมไม่สามารถยั้งตัวเองได้อีกต่อไป เสียงครางของน้อง ร่างกายยั่วยวนที่ข้างใต้มันทำให้บางสิ่งบางอย่างตื่นขึ้นมา ซอกคอเนียนหอม ติ่งไตแข็งบนยอดอก ผมกัดชิมทุกส่วนอย่างหิวกระหาย เสียงครางดังขึ้นตอนที่ผมลากลิ้นลงไปยังหน้าท้องเนียน ก่อนที่ผมจะครอบครอง สะโพกเล็กแอ่นสะท้าน เสียงครางไม่หยุดลงเลย ร่างกายของน้องหมดจดไปทุกส่วนใสสะอาดราวกับเทวดา และผมคือปีศาจร้ายที่กำลังทำให้แปดเปื้อน







“ฮื้อ...อึก...” น้องกำลังสะอื้น





“พี่เอง...อาลัน...เป็นของพี่นะ...เป็นของพี่...” ผมโน้มตัวลงไปจูบปากน้องสอดคว้านลิ้นเข้าไป ดูดดุนลิ้นเล็กให้เคลิบเคลิ้ม เพื่อจะได้เข้าครอบครองอย่างที่ใจอยาก



“ฮื้อ...พี่...พี่...”



น้องร้องครางเรียกผม...ไขว่คว้าหาแต่ผม แต่ผมยังไม่พอใจโหมเข้าใส่อีกครั้งอย่างหนักหน่วง





“อาลัน….อาลันของพี่….”





เราทั้งคู่ครางอย่างสุขสม ผมปลดปล่อยตักตวงเอาทุกสิ่งทุกอย่างจากน้อง ตีตรารอยประทับไปทุกสัดส่วนของร่างกาย อยากกลืนกินเก็บน้องเอาไว้กับอกเพียงคนเดียวจะไม่ยกให้ใคร





น้องร้องครวญครางอยู่ข้างใต้ด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแหบแห้ง ผมจูบแผ่นหลังที่โค้งงอได้สัดส่วนนั้นอย่างหลงใหล ยิ่งน้องบิดกายตอบสนองนั่นยิ่งทำให้ผมบ้าคลั่ง เสียงครางที่เรียกชื่อผมอย่างทรมานและสุขสมในคราวเดียวกัน





‘พี่….พี่...อื้อ...’



กว่าค่อนคืนที่ผมตักตวงเอาความสุขสมจากร่างน้องจนกระทั่งไร้เสียงตอบกลับ น้องนอนนิ่งหอบหายใจหมดแรงหลับไปแล้ว ผมถอดถอนกายออกอย่างเสียดาย จ้องมองร่างน้องที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบของเราสองคนอย่างหลงใหล ผมเดินเข้าไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ ไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป





ผมอิจฉาสายตาของน้องที่มองแต่พ่อ ใบหน้าน้องมีความสุขในขณะที่ใจผมมันร้อนรนจนแทบบ้า ผมอยากให้สายตาคู่นั้นมองแค่เพียงผม มีเพียงแค่ผมคนเดียว







น้องเป็นของผม









................................







ร่างกายผมปวดร้าวตอนที่ลืมตาขึ้นมาราวกับตอกย้ำว่าเรื่องเมื่อคืนผมไม่ได้ฝัน ...แต่พี่ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว นั่นทำให้ความจริงตรงหน้ามันโหดร้าย ขอบตาผมร้อนผ่าวอีกครั้ง ฝืนกัดฟันหอบเรี่ยวแรงที่มี ลุกขึ้นมาจนได้ ขาผมสั่นไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนไม่ใช่ขาของตัวเอง





ผมทำได้…





ผมจะพยายาม…





….เคยเจ็บมามากกว่านี้อีก...แค่นี้เอง...





น้ำตาไหลออกมาจนได้ตอนที่ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า และเห็นร่องรอยมากมายที่พี่ทิ้งเอาไว้ ราวกับจะย้ำเตือนในสิ่งที่พี่ได้ทำลงไป





‘พี่...ผมผิดตรงไหนเหรอ? ’





ผมล้างหน้าล้างตาแล้วเดินเกาะราวบันไดลงมาข้างล่าง ชาร์ลนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมคงจะตื่นสายจริงๆ เขาปิ้งขนมปังทาเนย กินกับกาแฟอย่างง่ายๆ





“ขอโทษครับ ผมตื่นสาย” ผมบอกชาร์ลแค่ยิ้มตอบกลับมา



“ลองตื่นสายบ้างก็ได้นี่”



“ผมจะทำแซนวิชให้นะ..” ผมบอกและพยายามที่จะเดินไปถึงเค้าเตอร์ครัวให้ได้เหมือนปกติ ถ้าหากว่าผมไม่สะดุดขาตัวเองเสียก่อน







โครม!!



“อาลัน! ” ชาร์ลพุ่งเข้าหาผมได้ในก้าวเดียวแต่ก็ไม่ทัน ผมคว้าเก้าอี้เอาไว้ได้ แต่แขนก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะพยุงตัว ใบหน้าห่างจากขอบโต๊ะเพียงคืบเดียว



“ตัวร้อน ไม่สบายนี่” ผมกำลังจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ชาร์ลก็อุ้มผมขึ้นมาจากพื้นได้อย่างง่ายดาย



“อย่าบอกมารีน่านะ ผมขอร้อง” มารีน่าไปทัวร์งานแฟชั่นที่ฝรังเศสเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ชาร์ลไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่อุ้มผมกลับไปที่ห้องนอน





มันควรจะจบลงที่ผมเป็นไข้ กินยาและนอน ผมอยากให้มันจบลงแค่ตรงนั้นจริงๆ ถ้าชาร์ลไม่เลิกเสื้อผมขึ้นเพื่อจะเช็ดตัวให้ ร่องรอยมากมายมันทำให้ผมไม่สามารถพูดอะไรได้เลยราวกับจำนนต่อหลักฐาน ผมไม่เคยเห็นเขาโกรธมาก่อน ผ้าขนหนูชุบน้ำในมือถูกปาลงพื้นอย่างแรงจนผมสะดุ้ง ชาร์ลหัวเสียมากผมรู้ เขาเสยผมขึ้นพลางกัดฟันกรอด





“ฝีมืออีธานใช่ไหม” แม้ผมจะก้มหน้าแทนคำตอบ แต่ชาร์ลก็รู้อยู่ดี



‘f**k’ เขาสบถออกมาเป็นคำหยาบคายอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน





“ชาร์ล...”ผมเรียกชื่อเขาแผ่วเบาใบหน้าเขายังโกรธเกรี้ยว เหมือนไม่มีทางไหนเลยที่ผมจะทำให้ไฟโมโหในตัวเขาดลง บางทีพี่อาจจะได้ส่วนนี้มาจากชาร์ลเต็มๆ





“เจ็บมากไหม ไปหาหมอรึเปล่า” ผมน้ำตารื้นอีกครั้งแต่ก็ยังกลั้นเอาไว้ได้ ถึงแม้พี่จะเอาทุกอย่างมาลงที่ผม แต่พี่ก็อ่อนโยนกับผมมากนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดที่ยินยอมพร้อมใจไปกับพี่





“อย่าโทษพี่...ผมผิดเอง...อย่าทะเลาะกัน...ได้โปรด” ผมอ้อนวอนขอร้อง ชาร์ลจูบที่หางตา ตรงที่น้ำตาผมไหล และที่แก้มราวกับปลอบโยนว่าไม่เป็นไร





ชาร์ลจูบหน้าผากผมเหมือนเคยและกำลังจะผละออกไป เป็นผมเองที่คว้าชายเสื้อเขาไว้ ชาร์ลมองผมเนิ่นนานราวชั่งใจ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่ผมปิดเปลือกตาลง น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง ชาร์ลจูบผมอย่างอ่อนโยนและผมก็ยินดีจะรับมัน ความอบอุ่นที่ชาร์ลมอบให้ มันทำให้จิตใจที่แห้งแล้งของผมชุ่มชื่นขึ้นมา ความสุขเหมือนจะเอ่อล้นเต็มอก และผมก็เจ็บปวดไปพร้อมๆ กันเมื่อนึกถึงพี่ขึ้นมา





ผมอยากจะขอให้เขาอยู่กับผมจนผมหลับไป อยากให้ชาร์ลกอดเอาไว้ในอ้อมแขนเหมือนเมื่อครั้งก่อนนั้น ผมรู้สึกปลอดภัยและไม่กลัวอะไร





“นอนพักเถอะ ฉันจะอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน” ราวกับว่าเขาจะอ่านใจผมได้ ผมพยักหน้าและหลับตาลงตอนที่ชาร์ลจูบหน้าผากผมอีกครั้ง





ด้วยพิษไข้และยามันทำให้เปลือกตาผมหนักอึ้ง ผมรู้สึกเหมือนถูกขยับตัว รู้สึกได้ถึงเจลเย็นๆ ที่ป้ายลงมาเบาๆ ที่ตรงช่องทางด้านหลัง แต่ด้วยฤทธิ์ยาแก้ไข้ก็ทำง่วงงุนเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาดู ในความฝันนั้นผมได้ยินเสียงทุ้มของชาร์ลตลอดเวลา มันทำให้ผมอุ่นใจและรู้ว่าเขาทำตามสัญญาจริงๆ





ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเย็นแล้ว พอลืมตาขึ้นมา ชาร์ลก็อยู่ตรงหน้าและกำลังยิ้มให้ เขาอยู่ตรงนั้นตลอดเวลาอย่างที่ได้ให้สัญญา



“ดีขึ้นไหม? ” ผมพยักหน้า ชาร์ลเดินเข้ามาหาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่ง ความรู้สึกเหนอะหนะตรงด้านหลังก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ฝัน ผมทำเองไม่ได้แน่...และก็คงจะเป็นชาร์ล...หน้าผมคงแดงทันทีที่หันไปเห็นหลอดยาข้างเตียง



“ต้องทายา ไม่งั้นจะอักเสบ แล้วไข้จะขึ้นอีก” ชาร์ลบอกเหมือนจะอ่านความคิดผมได้ หน้าผมร้อนมากแค่คิดว่าโดนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว มันร้อนมากจริงๆ



“ขอบคุณครับ” ในความอายผมทำได้แค่ขอบคุณ ผมไม่รู้ว่าชาร์ลกำลังยิ้มอยู่หรือเปล่า แต่เชื่อเถอะผมได้ยินเสียงเขาหัวเราะ และทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนที่ผมเงยหน้ามองเขา



“เดี๋ยวต้องกินข้าว และกินยา จะลงไปข้างล่างหรือกินบนนี้ดี? ” ผมยกให้ชาร์ลเป็นจอมเปลี่ยนเรื่องได้อันดับหนึ่งเลยจริงๆ



“ชาร์ลล่ะ...” ผมถาม เขาทำสีหน้าครุ่นคิด



“ข้างล่างแล้วกัน เดี๋ยวให้แม่บ้านมาเปลี่ยนผ้าปูให้ด้วย” ชาร์ลบอกพลางช้อนตัวผมขึ้นจากที่นอน อุ้มผมไว้ในท่านั่ง โดยใช้แขนเพียงข้างเดียวรองรับน้ำหนัก ผมเกาะไหล่เขาเอาไว้แน่น



“ผมเดินเองก็ได้”



“รู้...แต่ฉันอยากอุ้ม”





ผมอดเม้มปากเข้าหากันไม่ได้เลย เพียงชั่วไม่กี่ชั่วโมงที่ผมหลับไป เหมือนมีอะไรเกิดขึ้นกับชาร์ลคนก่อนรึเปล่า ชาร์ลทำให้ผมรู้สึกเขินมากมาย เขินเกินไป จนหัวใจเหมือนจะทำงานหนักตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน





ชาร์ลดูแลผมตลอดหลังจากนั้น กินข้าว กินยา เช็ดตัว และทายา (แม้ว่าผมจะขอทำเอง แต่ก็ไม่เคยเอาชนะเหตุผลของเขาได้เลย) ผมไม่เจอหน้าพี่หลังจากวันนั้นอีกหลายวัน ผมได้ยินเสียงรถพี่กลับมาบ้านในตอนดึก และมักจะมีเงาใครบางคนยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้องแต่ไม่รุกล้ำเข้ามา...เนิ่นนานก่อนจะจากไปเงียบๆ และเสียงประตูห้องพี่ที่เปิดและปิดลง





**********************







#Talk


สาแก่ใจอิพี่แล้วหรือยัง //ตบตี!!

ขอบคุณทุกคนมากมายที่ติดตาม และพังเรือของอิพี่ไปแล้ว 5555

สงสารน้อง โปรดติดตามน้องด้วยนะ >..<


ออฟไลน์ Fengfang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #เมามาย
«ตอบ #21 เมื่อ30-06-2019 21:59:27 »

อยากอ่านต่อแล้ว อิพี่หายไปไหน ค้างแรง

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #เมามาย
«ตอบ #22 เมื่อ01-07-2019 00:11:18 »

:pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #เมามาย
«ตอบ #23 เมื่อ01-07-2019 02:20:06 »

ยังไงดี ต่างคนต่างไม่พูด อึดอัดแทน :z3:

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #สองใจ
«ตอบ #24 เมื่อ01-07-2019 11:24:47 »

ร่างกายผมกลับมาเป็นปกติหลังจากผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ พี่ไม่ได้เข้าใกล้ผมอีกหลังจากวันนั้น เพราะผมเองที่ควบคุมตัวเองไม่ให้สะดุ้งหรือตัวสั่นยามที่เราเจอกันได้ เป็นปฏิกิริยาทางร่างกายที่เป็นไปเอง





‘ลำบากใจ’
สีหน้าพี่เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เขาเจอผม

ผมคิดเอาเองว่าอาจจะเป็นอย่างนั้น ผมอยากบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรแต่มันห้ามอาการทางร่างกายไม่ได้ อาจจะเป็นผมที่หลบหน้าเขา หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่อยากเจอผมแล้วก็ได้





ชาร์ลดูแลผมดีมากถึงขนาดไม่เข้าบริษัทเกือบ 1 อาทิตย์เต็มๆ ตอนที่ผมป่วย และผมจำเป็นต้องเชื่อฟังอย่างมากเพราะกลัวจะไปรบกวนเวลางานของเขา แต่เขาก็มักจะพูดกับผมว่า ‘ไม่เป็นไร’ อยู่เสมอ ผมไม่ได้กวนใจตอนที่เขาเริ่มเปิดโน้ตบุ๊คทำงาน แค่ขอนั่งวาดภาพอยู่ใกล้ๆ เราสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เนื่องจากหมกมุ่นอยู่กับงานของตัวเอง และเมื่อผมลืมเวลา ชาร์ลก็จะเข้ามาเตือนผมเสมอ





จูบของชาร์ลอ่อนโยนมาก อ่อนโยนมาจนเกินไป มันทำให้ผมรู้สึกอยากเรียกร้องมากขึ้น...และมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขารู้และไม่ต่อว่าอะไรผมเลยตอนที่ผมโน้มตัวไปคล้องคอเขาไว้ ชาร์ลหัวเราะขบขันในท่าทีเคอะเขินของผมหลังจากนั้น และผมก็ชอบมัน ความหอมหวานรอบๆ ตัวชาร์ลมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังเสพติด แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจมันก็ตาม





ชาร์ลไม่เคยบังคับเอาอะไรจากผมเลย เขาเพียงจูบเบาๆ ที่หน้าผากและที่หัวของผมเท่านั้น มีแต่ผมที่ส่งสายตาอ้อยอิ่งไปหายามที่เขาผละออกไป





“อาลัน...สายตาแบบนั้น...ไม่ดีเลย” เขาต่อว่าในตอนที่เดินกลับมาหาผมอีกครั้งและเราก็จูบกัน จนผมหมดเรี่ยวแรงหายใจเหนื่อยหอบ ชาร์ลถึงจะยอมปล่อย แล้วจากนั้นเราสองคนก็ต่างหันหน้าไปสนใจงานของตัวเอง





ผมรู้ว่ากำลัง ‘อ้อน’ อย่างเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจ แต่มันช่วยไม่ได้เลยในเมื่อความอ่อนโยนของชาร์ลช่วยให้หัวใจของผมอบอุ่นขึ้นมา





...............................





ตอนนี้ผมกำลังหมกมุ่นอยู่กับคอลเลคขั่นใหม่ในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง แม็ค VDO call หาผมทันทีที่เปิดเมลดูภาพร่างที่เพิ่งส่งไป





“ว่าไงครับแม็ค” ผมกดตอบรับจังหวะที่ชาร์ลเดินออกไปคุยโทรศัพท์อีกทาง





“อาลัน...คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิของลูกน่ะ..” เป็นมารีน่าที่โผล่เข้ามาในกล้องแทนที่จะเป็นแม็ค...ผมก็ลืมไปว่าคนแรกที่จะสานต่อแบบร่างของผมจะต้องเป็นมารีน่าก่อน





“ครับ? ”





“เป็นอะไรรึเปล่า ลูกสบายดีใช่ไหม” หัวใจผมไหววูบเมื่อได้ยินคำถามของมารีน่า หลบสายตาหันกลับไปมองแบบร่างของตัวเอง ...ผมคงจะเผลอทิ้งความรู้สึกของตัวเองลงไปในชิ้นงาน คอลเลคชั่นที่ควรจะสดใสในยามที่ดอกไม้กำลังผลิบานกลับเป็นสีหม่นหมองแทน





ลึกๆ แล้ว...ผมคิดถึงพี่ แม้จะมีชาร์ลอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา





“ผมสบายดีมากๆ ” มารีน่าขมวดคิ้วพร้อมหรี่ตาจ้องมองมา สีหน้ายังคงเคลือบแคลงสงสัย “ ผมแค่ลองคิดดู ดอกไม้ในสวนไหนๆ ก็เบ่งบานสวยพร้อมกันหมด เลยไม่อยากไปแข่งด้วยสีสันที่มันแรงเกินไป สีโทนเรียบจะทำให้เราดูเด่นได้” ผมอธิบายเหตุผลที่เพิ่งคิดขึ้นมาได้อย่างคล่องแล้วไม่น่าจะมีพิรุธใดให้มารีน่าสงสัยได้อีก





“พวกเขาดูแลลูกดีใช่ไหม อาลัน” มารีน่ายังคงไม่วางใจง่ายๆ





“ครับ” ผมตอบพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ด้วย





“ก็ต้องดูแลดีสิ อาลันเป็นNo.1ของเราเชียวนะ! ถ้าไม่ดีฉันจะไปเตะก้นพวกเขาเอง” เสียงแม็คตะโกนเข้ามา ผมแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน ยังคุยกับมารีน่าและแม็คอีกสักพักก่อนจะกดวางสาย





หัวใจผมเริ่มหนักอึ้งอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดของแม็ค ‘อาลันเป็นNo.1ของเราเชียวนะ’ มันคือความจริงที่ผมลืมเลือนไป ความจริงที่ว่าผมเป็นตัวประกันเพื่อให้มารีน่าทำงานให้ชาร์ล…





ตั้งแต่เด็กแล้ว...ที่ความสุขของผมมักจะจบลงอย่างรวดเร็วเสมอ ราวกับว่าผมไม่มีสิทธิ์ครอบครอง





ผมดำดิ่งสู่โลกของความจริงที่ขมขื่นอีกครั้ง





ปรับชีวิตให้กลับมาวนอยู่ในเส้นทางที่มันควรจะเป็น ตื่นเช้า ทำอาหารให้ชาร์ลส่งเขาไปทำงาน ขึ้นห้อง รอจนได้ยินเสียงรถพี่ออกไป แล้วค่อยออกไปนั่งวาดรูปที่สวน ออกแบบคอลเลคชั่นใหม่ให้มารีน่าและแม็คอย่างที่มันควรจะเป็น ตกเย็นทำอาหาร ทานข้าวพร้อมชาร์ล และขึ้นห้องนอน





ชาร์ลยังคงอ่อนโยนเสมอ เขาระมัดระวังที่จะไม่แตะต้องผมเกินไป ไม่รุกล้ำเกินความจำเป็นถ้าผมไม่ร้องขอ ผมตอบเขาว่า ‘สบายดี’ และ ‘ไม่เป็นอะไร’ จบด้วยรอยยิ้มโง่ๆ กลบเกลื่อน จูบของชาร์ลยังทำให้ผมมีความสุขเสมอ สุขเสียจนผมรู้สึกเศร้า และยิ่งเจ็บปวดเมื่อนึกไปถึงพี่





เราไม่ได้คุยกันอีกเลยตั้งแต่วันนั้น อาจเป็นผมที่หลบหน้าเขา หรืออาจจะเป็นเขาที่ไม่อยากเจอผมอีกแล้วก็เป็นได้







‘น้องเป็นของพี่’



ผมโกรธตัวเองที่ยังจำได้ชัดเจนทุกถ้อยคำและการกระทำ ราวกับว่าความเจ็บปวดคือเพื่อนแท้เพียงหนึ่งเดียวที่ผมสมควรมี





……………..





นัดกันทานข้าวกันในวันสุดสัปดาห์จึงมีแค่ ผม มารีน่า แม็ค และชาร์ล เราทานข้าวพูดคุยเรื่องไร้สาระ แม็คคุยโวอวดงานโชว์ของตัวเอง กับมารีน่าที่ใส่ชุดฟินาเร่เดินปิดรายการล่าสุดที่ทำ สักพักชาร์ลก็ขอตัวกลับไปทงานต่อบนห้อง เราสามคนยังนั่งคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ตรงสระน้ำ





"มารีน่าถ้าผมวาดรูปได้เยอะๆ แล้วถ้าเราจะมีเงินเยอะๆ …” ผมก้มหน้าเม้มริมฝีปาก ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ





“ถ้าเป็นแบบนั้นผมไปอยู่กับมารีน่าได้ไหม" มารีน่ามีสีหน้าแปลกใจทันทีที่ผมถามจบ





มารีน่าวางมือบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ





"ชาร์ล...ดูแลลูกไม่ดีอย่างนั้นหรือ? " ผมรีบส่ายหน้าทันที 'ชาร์ลไม่เคยไม่ดูแล' และเถียงประโยคนั้นในใจ





"ผมแค่ลองถามดูน่ะ" แล้วทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน





ผมรู้ดี...ไม่ใช่แค่ผมเธอเองก็มีบาดแผลในใจเช่นกัน เธอโทษว่าการที่ผมต้องมาเจอเรื่องร้ายแรงในอดีตเป็นเพราะเธอดูแลผมไม่ได้





“แค่..แค่บางทีผมก็อยากจะลองพึ่งตัวเองบ้าง ผมโตแล้วนะ” ผมแสร้งทำเป็นยิ้มซุกซน เมื่อมารีน่ายังคงทำหน้าเศร้า





“ลูกยังเป็นเด็กน้อยเสมอสำหรับแม่” มารีน่ายิ้มอ่อนโยน ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดแล้วโยกตัวไปมาเหมือนตอนที่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ และเมื่อแม็คเดินกลับมาหลังจากไปเอาเครื่องดื่มในบ้าน เราก็คุยกันถึงเรื่องงานโชว์ครั้งต่อไปกันอย่างสนุกสนาน





มารีน่านอนค้างกับผมในคืนนั้นและกลับออกไปในตอนเช้าตรู่เมื่อแม็คโทรตาม ผมจัดอาหารเช้าง่ายๆ ให้แน่นอนว่าเผื่อให้แม็คด้วย ก่อนส่งเธอขึ้นรถหน้าบ้าน





..................





มาคิดทบทวนดูแล้ว ผมไม่เคยได้ออกไปไหนเพียงลำพังกับมารีน่าหรือแมคเลย ในทุกๆ ครั้งจะมีบอดี้การ์ดของชาร์ลอย่างน้อยสองคนตามไปด้วยเสมอ ผมไม่เคยคิดอะไร..จนกระทั่งวันนี้





เขาเป็นห่วง หรือว่าเพราะกลัวว่ามารีน่าหรือแม็คจะพาผมหนีไป





ผมเข้าใจว่า alanmaria เริ่มโด่งดังและมีชื่อเสียงแล้ว และในส่วนของแบล็คดีไซเนอร์ที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง มันลึกลับและน่าค้นหานั่นยิ่งทำให้เรื่องราวมันน่าติดตาม และผมคือคนนั้น… No.1 ที่หาตัวจับยากอย่างที่แม็คว่า และผมก็ไม่ได้แคร์ด้วยถ้ามารีน่าจะอ้างสิทธิ์นั้นว่าเป็นของเธอเพียงคนเดียว เพราะถ้าไม่มีเธอ ตัวผมก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน





ชาร์ลยังคงดูแลผมอย่างดีในทุกๆ วัน ยิ่งผมซึมซับความอบอุ่นอ่อนโย่นนั่นมากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจผมก็จะเจ็บและสะอื้นในอกทุกครั้ง ผมเสพติดเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน ในเวลาเดียวกันนั้น...ผมก็คิดถึงพี่ด้วย





พี่...ที่ยังคงผูกมัดผมเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยความเร่าร้อน แม้เราแทบจะไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ยิ่งเรื่องทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนเมื่อก่อนดูแทบจะไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ผมเลี่ยงที่จะเจอพี่ไม่ได้..ผมก็จะปล่อยให้มันเลยตามเลย หรือบางทีอาจเป็นเพราะลึกๆ แล้วผมต้องการ..





เงาคนเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าประตูในตอนที่ส่งชาร์ลไปทำงานเรียบร้อยแล้ว ผมจะไม่เปิดออกไปก็ได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็จะไม่ต้องเจอหน้าพี่ ในใจผมคิดแบบนั้น แต่มือกลับเอื้อมไปหมุนลูกบิดและเปิดมันออก





ลึกๆ แล้วอาจจะเป็นความตั้งใจของผมเอง





พี่ยืนอยู่ตรงนั้น...เหมือนทุกครั้ง..เราจ้องมองกันโดยไม่พูดอะไร แล้วพี่ก็รั้งผมเข้าไปกอด แม้ว่าผมจะตัวสั่นเหมือนลูกนก แต่พี่ก็จูบอย่างเร่าร้อนเหมือนคืนวันนั้น



ผมสั่นสะท้านในอก...ไม่สามารถปฏิเสธพี่ได้เลย



ผมยินยอมพร้อมใจและครางสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่าใต้ร่างของพี่….





*******************





วอนแม่ยกตั่งต่าง โปรดเห็นใจน้องด้วย

#ขอบคุณที่ติดตาม

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #สองใจ
«ตอบ #25 เมื่อ02-07-2019 11:18:59 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #สองใจ
«ตอบ #26 เมื่อ02-07-2019 19:41:18 »

ไม้เรียวสั่นริกๆแล้ว

ออฟไลน์ i.am.champingon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #วังวน
«ตอบ #27 เมื่อ03-07-2019 12:40:37 »



ผมเปิดประตูห้องเพื่อจะออกไปเตรียมอาหารเย็นเพื่อรอคอยการกลับมาชาร์ล เพราะเขาไม่ได้กลับมา 2 วันแล้วเนื่องจากไปคุยธุระที่ต่างเมือง สองวันมานี่ผมจึงใช้ชีวิตอย่างเงียบที่สุด เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกมา แต่วันนี้ชาร์ลส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจะกลับและทันช่วงมื้อเย็น ผมอยากออกไปรอต้อนรับเขา



การทำอาหารมื้อเย็นคือความบันเทิงของผม มันสนุกดี ทั้งกลิ่นเครื่องปรุง และขั้นตอนในการทำ กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงสุก มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย



“อ๊ะ! ….” อ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนสอดเข้ามากอดจากด้านหลังขณะที่ผมกำลังสาละวนกับการเตรียมสลัดจานสุดท้าย



“พี่...” เพราะผมไม่ได้สังเกตว่ารถพี่ยังจอดอยู่ พี่ไม่ได้ตอบรับคำเรียกของผม แต่กลับโน้มลงมาจูบโดยไม่พูดไม่จา



ผมถูกพี่กดกอดจากด้านหลัง จูบของพี่มักรุนแรงเร่าร้อนตั้งแต่แรก ฝ่ามือทั้งสองข้างบีบขย้ำแผ่นอกที่แบนเรียบ สะกิดจนเป็นติ่งไตชูชันขึ้นมา ทุกครั้งที่ผมแอ่นอกหนี มันก็เหมือนกับว่าผมกำลังส่ายสะโพกบดเบียดกับร่างกายของพี่ที่ด้านหลังอย่างน่าอาย



พี่หัวเราะในลำคอในขณะที่ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ฝ่ามือร้อนเริ่มสอดเข้ามาในเสื้อยืดของผม ปลายนิ้วบิดบี้ขยี้ยอดอกทำให้ผมอยู่ไม่สุข ส่วนล่างตรงกลางลำตัวเริ่มถูกรุกล้ำ พี่สอดมือเข้าไปในกางเกงแล้วครอบครองตรงส่วนนั้น หยอกล้อจับรูดชักนำจนผมคล้อยตามในเวลาไม่นาน



"พะ...พี่..."



กางเกงที่สวมอยู่ถูกพี่รูดไปกองที่ปลายเท้า ในขณะที่เสื้อยืดถูกเลิกร้นไปจนถึงคอ มีเพียงผ้ากันเปื้อนที่ทำให้ผมยังไม่เปลือยกายน่าอายอยู่ในครัว



"อาลัน..." พี่กระซิบที่ข้างหูขณะที่ผมยังหอบเหนื่อย "กางขาออก" คำสั่งของพี่ทำให้ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน



และเมื่อพี่ย่อตัวลงไปนั่งคุกเข่าที่ข้างหลัง ผมก็ทำตามคำสั่งพี่อย่างว่าง่าย



"อ๊ะ...อ๊ะ...พี่...อย่า...อย่า..."

ผมหวีดร้องคราง ใบหน้าเชิดขึ้นอย่างเสียวซ่าน เขย่งยืนด้วยเพียงปลายเท้า



เสียงร้องห้ามของผมคงกลายเป็นเสียงยุยงให้พี่กลั่นแกล้งผมเข้าไปอีก จูบ และฟันคมที่ขบลงบนเนื้อแถวนั้นมันทำให้เจ็บเสียวราวกับกำลังโดนพี่ทำโทษ



"อาลัน....จูบพี่..." พี่โน้มตัวเข้ามาหา ผมทำตามที่พี่บอกอย่างว่าง่าย แล้วพี่ก็ให้รางวัลด้วยการแทรกกายเข้ามามาพร้อมกับรั้งสะโพกของผมบดเบียดเข้าหา



ผมทำได้แค่หวีดร้องในลำคอเพราะพี่ยังไม่ยอมปล่อยจูบ สะโพกถูกยึดแน่น



มือสองข้างทำได้แค่เกาะจิกกับเค้าเตอร์หินอ่อนเอาไว้แน่นเมื่อสะโพกถูกรั้งให้โก่งไปด้านหลังจนปลายเท้าไม่แตะพื้น



"พี่...พี่..อ๊าาาาา" พี่ถาโถมเข้ามาดั่งพายุ เร่าร้อน รุนแรง ตอกลึกเข้ามาในกายแล้วปลดปล่อยเข้ามาหลายครั้งหลายครา



ผมครางจนเสียงแหบแห้ง เสียงเนื้อเปลือยเปล่ากระทบกันยังดังก้องในห้องครัว ไออุ่นฉีดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับผมที่ปลดปล่อยจนผ้ากันเปื้อนด้านหน้าเปียกชุ่ม พี่ปล่อยค้างให้เราสองคนเชื่อมกันอยู่อย่างนั้นอีกสักพักก่อนจะยอมถอนกายออกไป



ผมทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างหมดแรง พี่ก้มลงมาจูบผมอีกครั้งก่อนจะช้อนตัวขึ้นมาในอ้อมแขน ผมหมดเรี่ยวแรงเกินกว่าจะปฏิเสธอะไร



พี่อุ้มผมที่อ่อนแรงไปส่งที่หน้าห้อง แล้วก็ได้ยินเสียงรถพี่ขับออกไป



ผมทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ความสุขสมตอนที่พี่กอดหายวับไปกับตาราวกับฝันดี แล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาเพียงลำพัง ผมสะอื้นซุกหน้ากับหมอนอย่างเหนื่อยอ่อน



............................



และมารู้สึกตัวอีกครั้งตอนได้ยินเสียงเคาะประตู ผมรวบรวมเรี่ยวแรงเดินโซเซไปเปิด เป็นชาร์ลที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน ในมือมีผ้ากันเปื้อนที่ผมคงจะลืมทิ้งไว้ในครัว ในสภาพที่เห็นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น





"ฝีมืออีธานใช่ไหม"



ทำได้แค่พยักหน้าตอบคำถาม ชาร์ลดึงตัวผมไปกอดแนบอกแล้วลูบหัวเบาๆ น้ำตาที่หยุดไปแล้ว ไหลออกมาอีกรอบ



“ไม่ร้องนะ ฉันอยู่นี่...ไม่ต้องร้องแล้ว...” ยิ่งชาร์ลปลอบเท่าไหร่ก็ยิ่งดูเหมือนผมจะสะอื้นหนักขึ้น เขาอุ้มผมเดินกลับเข้าไปในห้อง วางให้นั่งลงบนเตียงแล้วคุกเข่าอยู่ตรงหน้า



“อึก...ผม...”

ชาร์ลปลอบผมที่สะอื้้นด้วยการจูบเบาๆ ที่หน้าผาก ใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาที่เลอะแก้มออกให้อย่างแผ่วเบา แล้วสำรวจร่างกายของผมไปทั่ว เพราะผมร้องไห้จนหลับไป จึงยังไม่ได้ทำความสะอาด คราบต่างๆ ยังเลอะไปตามเรียวขา พยายามจะหดขาหนีฝ่ามือหนาที่แตะลงมาด้วยความอับอาย แต่ชาร์ลก็ยึดเอาไว้



“อ๊ะ...ชาร์ล...” ริมฝีปากร้อนจูบลงบนต้นขา ผมสะดุ้งรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ไม่รู้สึกรังเกียจแต่เป็นความวาบหวามในอก ก่อนที่ชาร์ลจะโน้มใบหน้าผมลงไปให้จูบเขาที่ริมฝีปากอีกครั้ง



เขาจูบผมที่ปาก หอมแก้ม หน้าผาก มันเป็นการปลอบโยนของชาร์ล ความอ่อนโยนของชาร์ลที่ทำให้ผมไม่สามารถปฏิเสธได้



เขากำลังปลอบผม



“ไปอาบน้ำ ล้างตัว เดี๋ยวลงไปทานข้าวกัน” ชาร์ลบอกพร้อมกับโยกหัวผมเบาๆ แล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูกับชุดส่งให้



“อ๊ะ...ขะ..ขอโทษครับ” ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นไปรับของในมือชาร์ล ขาผมก็อ่อนแรงจนเซเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้นถ้าไม่ได้ชาร์ลรับตัวเอาไว้ทัน



“อ่า...ช่วยไม่ได้นี่นะ” เสียงชาร์ลบ่นขณะที่ผมยังอยู่ในอ้อมแขน และยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเขาก็อุ้มผมขึ้นมาโดยใช้แขนเพียงข้างเดียวช้อนใต้ขา



“ชาร์ล! ”



“วันนี้ให้ฉันอาบให้ก็แล้วกัน”



ผมตกใจทำตาโตใส่เขา



“เดี๋ยวครับชาร์ล! ...ผม..ผมอาบเองได้” ผมบอกขณะใช้เรี่ยวแรงที่มีขืนตัวออกจากอ้อมแขนเขา แต่ไม่ช่วยอะไรเลย เขาทำเหมือนผมเป็นเด็กตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนเขา



“อายเหรอ..? ”



ผมก้มหน้าเม้มปากแน่น และนั่นคือคำตอบว่า ‘ใช่’



ชาร์ลหัวเราะราวกับชอบอกชอบใจ



“ฉันเคยเห็นมาหมดแล้วนี่น่า”



“ชาร์ล!! ” ผมแทบจะตะโกนใส่หน้าเขาก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่เสียงแหบแห้งจากการร้องไห้จึงทำได้แค่นั้น เมื่อกี้เขายังปลอบโยนผมอยู่เลยนะ!



“ผมอาบเองได้” ผมยังคงก้มหน้าเม้มปากและใช้แขนยันไหล่กว้างเอาไว้เพื่อขืนตัวออกจากอ้อมแขนชาร์ล



“รู้...” ชาร์ลว่า “แต่ฉันอยากอาบให้” แล้วก็พาผมที่กำลังทำหน้าเหวอเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งอย่างนั้น







...บางทีชาร์ลก็เอาแต่ใจเกินกว่าที่ผมจะรับมือได้





ผมถูกวางลงตรงชั้นหินอ่อนข้างอ่างล้างหน้า ก่อนที่ชาร์ลจะค่อย ๆ บรรจงรูดเสื้อยืดออกไปจากตัวผม ต่อด้วยกางเกงกระทั่งชั้นในตัวสุดท้ายถูกรูดออกไปจากปลายเท้า จนเปลือยเปล่า มันน่าอาย ผมหน้าร้อนผ่าวไปหมด ชาร์ลเหมือนรู้ เขาโนโน้มมาจูบที่แกแก้มเบาๆ ก่อนอุ้มผมมที่เปลือยเปล่าไปยืนใต้ฝักบัว



"อาลัน..." เสียงเรียกชื่อเบาๆ ตอนที่ผมหมุนตัวหันหลังให้เพราะความอาย ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะแตะเบาๆ ที่แผ่นหลังไล่เรื่อยไปทั่ว ถ้าให้เดา...คงจะเป็นร่องรอยที่พี่เป็นคนทำเอาไว้ ผมพลาดไปเอง แต่จะช้าหรือเร็วชาร์ลก็จะต้องเห็นอยู่ดี



"อ๊ะ...ชาร์ล..." ผมครางเมื่อริมฝีปากอุ่นแตะลงบนต้นคอทางด้านหลัง ผมไม่เห็นว่าชาร์ลทำหน้ายังไง แต่สัมผัสที่เขาทำมันทำให้ใจผมสั่นวาบหวามในอกอย่างช่วยไม่ได้



สัมผัสที่แสนอ่อนโยนของชาร์ลประทับไปทั่วแผ่นหลังของผม ก่อนที่น้ำอุ่นจากฝักบัวในมือชาร์ลจะราดรดลงมา ฝ่ามือหนาลูบไล้แผ่วเบาไปทั่วตัว จนกระทั่งถึงสะโพก เมื่อผมเหลือบมองไปทางด้านหลัง ชาร์ลกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นโดยไม่กลัววเปียก



"เปิดให้ฉันดูหน่อยได้ไหม" ผมรู้เขาหมายถึงอะไร แม้จะน่าอายจนแทบจะอยากมุดหน้าเข้าไปในกำแพง แต่ก็กัดฟันข่มความอายยื่นมือไปด้านหลังจับเนินเนื้อด้านหลังแล้วแหวกออกด้วยตัวเอง สายน้ำอุ่นจาฝักบัวถูกฉีดรดตรงช่องทาง



"อ๊ะ...อ๊าาาา...ชาร์ล...อึก.." สะโพกส่ายหนีอย่างลืมตัวเมื่อปลายนิ้วของชาร์ลแตะลงตรงช่องทาง ก่อนจะสอดเข้ามาคว้านข้างใน ผมกัดปากกลั้นเสียงคราง ปลายนิ้วเรียวสอดเข้ามาอย่างง่ายดายสอดควานเอาคราบขาวที่ยังคั่งค้างด้านในไหลย้อยออกมา



"อาลัน...อยู่นิ่งๆ " ชาร์ลบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับกดจูบตรงสะโพก นั่นทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบเกร็งสะท้าน



"เจ็บไหม? " เขาเอ่ยถาม และผมก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ มันไม่เจ็บแล้วตั้งแต่ที่ชาร์ลเริ่มจูบ



ผมหอบหนักเมื่อจำนวนนิ้วในช่องทางเพิ่มขึ้น สะโพกบิดเกร็งโอนแอ่นไปด้านหลังราวกับต้องการมากขึ้น แม้จะอับอายแต่ร่างกายกลับซื่อตรง ตรงส่วนอ่อนไหวด้านหน้าชูชันสั่นระริกอย่างช่วยไม่ได้....และชาร์ลก็รู้...



"เด็กดี...ไม่เอาไม่ร้อง...ถ้าเธอรังเกียจ ฉันจะไม่ทำ...ไม่ต้องกลัวนะ" ชาร์ลลุกขึ้นมากอดผมที่สะอื้นเอาไว้แน่น เขาจูบอ่อนโยนที่หัว และผมก็ส่ายหน้ากับอกกว้างของเขา



"อึก..ผม...ผมไม่เคยรังเกียจชาร์ล ไม่เคยเลย" ผมบอกปนเสียงสะอื้น ชาร์ลเชยคางผมให้เงยหน้าไปรับจูบร้อนแรงของเขา





ชาร์ลไม่ได้ทำอะไรผมไปมากกว่าการจูบและอาบน้ำให้จนสะอาดหมดจดไปทั้งตัว ทั้งข้างนอกและข้างใน ผมครางสุขสมและปลดปล่อยไปสองครั้งด้วยมือเขา และเมื่อล้างตัวเสร็จชาร์ลก็แค่ถอดเสื้อผ้าชุดที่ใส่เพราะมันเปียกชุ่มไปหมดออก ใช้เพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวแล้วเดินกลับห้องของตัวเองไปทั้งอย่างงั้น



และผมที่โดนสั่งให้รออยู่ในห้อง ก็ไม่สามารถสลัดภาพชาร์ลออกไปจากหัวได้เลย



เป็นความสุขปนทรมาน จากความรู้สึกผิดบาป คิดถึงพี่ และอ้อนวอนชาร์ล ความรู้สึกผิดและสุขสมเกาะกุมหัวใจ วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา





ผมเสพติดการมีชาร์ล





และไม่สามารถปลอยมือจากพี่ได้เช่นกัน







*******************



#Talk

ทุกค๊นนนนนนนนน กลับมาหาน้องก๊อนนนนน T_T

เป็นกะลังใจให้น้องกันด้วยนะ (หรือควรเป็นกำลังใจให้ชาร์ล)

ฉันจะลงโทษอิพี่ให้เอง -*-


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #วังวน
«ตอบ #28 เมื่อ03-07-2019 14:44:50 »

เมื่อไหร่ชาล์ลจะมีบทกับน้องบ้างอ่า

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ยอมรัก [Yaoi][3p] > #วังวน
«ตอบ #29 เมื่อ03-07-2019 14:56:31 »

ชาร์ล อาลัน อีธานจะไม่คุยกันหน่อยเหรอว่าที่ทำกันอยู่นี่มันคืออะไร  :katai1:
โมโหอิพี่อีธานสุด แกทำกับน้องขนาดนี้แล้วแกยังอิจฉาอะไรชาร์ลอีก แล้วทำไมไม่คุยกับน้อง!!

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด