2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 2nd hand love / รักมือสอง (Special 1: ดาว) 13/08/2019  (อ่าน 21715 ครั้ง)

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2019 20:30:44 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
รักมือสอง/2nd hand love
«ตอบ #1 เมื่อ18-05-2019 21:26:10 »

#รักมือสองอินดิน


“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”
“มุกจีบปะเนี่ย”
“เปล่า คุ้นจริงๆ”
“อาจจะจำผมได้ เมื่อกี้ผมขึ้นร้องเพลงบนเวที”
“แฟนเซอร์วิสหรอครับ มานั่งกับคนฟังแบบนี้”
“ก็อยากจะเซอร์วิสจริงๆ นั่นแหละ
เป็นแฟนได้ไหมละครับ”
“เมื่อกี้ที่นั่งด้วย แฟนหรือเปล่าครับ”
“เพิ่งเลิกกันครับ”
“....”
“เพราะผมลืมแฟนเก่าไม่ได้”
“งั้นตอนนี้ก็ไม่มีแฟน”
“...”
“ใช่ไหมครับ?”
“ครับ เพราะยังชอบแฟนเก่าอยู่ครับ”
“งั้นเป็นแฟนกันนะ”
“...”


*นิยายชายรักชายนะคะ*
ขอฝากเรื่องที่ 2 ด้วยนะคะ ถ้าชอบช่วยเม้นหน่อยนะคะ หรือใครหลงเข้ามา ก็ขอเม้นมาเนอะ อยากรู้จริงๆ ว่าเขียนเป็นยังไง จะได้แก้ไขให้สนุกขึ้นเนอะ
ฝากด้วยจ้าาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2019 09:03:41 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #2 เมื่อ18-05-2019 21:30:20 »

  :pig2:
:pig4:
 :L2:

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #3 เมื่อ18-05-2019 21:34:03 »

รักมือสอง 00:00


ในร้านเหล้าแห่งหนึ่งหลังมหาลัย ค่ำๆ แบบนี้บรรยากาศกำลังสบาย เสียงนักร้องพร้อมวงดนตรีที่เล่นสดอยู่บนเวทีเสริมให้บรรยากาศเหมาะกับการนั่งดื่มเหล้าสังสรรค์ไปกับเพื่อนฝูง แต่ในมุมหนึ่งของร้านที่มีชายสองคนนั่งตรงข้ามกันโดยมีโต๊ะเล็กๆ กั้นบรรยากาศรอบตัวคนทั้งสองกลับไม่ได้ดูสบายอย่างที่ควรจะเป็น


“ก็อย่างที่เตบอก เตว่าเราเลิกกันเถอะ”
เตชาหรี่ตาสังเกตอาการคนตรงหน้า รอคำตอบจากปากอีกคนอย่างใจจดใจจ่อ


“ก็..ก็ได้ แล้วแต่เตเลย เรายังไงก็ได้” อินทัชตอบเสียงเรียบ รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึง เตไม่ใช่คนแรกสักหน่อยที่มาขอเลิกเขา นับครั้งไม่ถ้วนแล้วจริงๆ


อินทัชเป็นคนผิวขาว รูปร่างเล็ก บวกกับหน้าตาดี จึงมีคนเข้ามาสนใจและขอคบเยอะ ถ้ามันเป็นช่วงที่เขาไม่มีแฟน เขาก็มักจะตอบตกลงกับคนนั้น


ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีด้วยสักหน่อย


แต่ถ้ามีอยู่ อย่างน้อยอินทัชก็ให้เกียรติโดยการไม่คบซ้อน


เตชาก็เป็นหนึ่งในนั้น


ยังจำได้ว่าวันที่เขานั่งอยู่ใต้คณะ อีกคนเดินเข้ามากับกีเพื่อนในกลุ่มของเขา เจ้าตัวเข้ามาขอเบอร์และเมื่อคุยกันไปได้สักพักก็ขอเขาคบ เขาว่างอยู่พอดีก็เลยตกลง


แล้วก็เหมือนคนอื่นๆ วันนี้ก็มาขอเลิก


“อินไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ”


เตชาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนปนน้อยใจ พยายามค้นเข้าไปในดวงตาว่าตอนนี้อีกฝ่ายรู้สึกยังไงกันแน่ ในดวงตาคู่นั้นมีอะไรมากมายแฝงอยู่ ความรู้สึกผิด ความเห็นใจ ความเป็นห่วง แต่เขากลับหาไม่เจอเลยสักนิดกับสิ่งที่เขาพยายามค้นหามาตลอด


ความรัก


เตชาทิ้งตัวเอนหลังกับโซฟา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย


“อินก็บอกเตแต่แรกแล้วนี่เนอะ เตไม่ฟังเอง เรื่องทั้งหมดก็เป็นเพราะเต เริ่มเองก็จบเองใช่ไหม”


“เต เค้าขอโทษนะ” ร่างเล็กเอื้อมมือเล็กมาจับมือเขา สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ชายหนุ่มส่ายหัว


“เตผิดเอง เตคิดว่าเตจะทนได้ เตคิดว่าวันนึงอินจะเปลี่ยนใจ”


อินทัชยังคงนั่งมองคนตรงหน้า ถึงเขาจะไม่ได้ชอบคนตรงหน้าในฐานะคนรัก แต่เตก็ดูแลเขาดีมาตลอดสองเดือนที่คบกัน


“ถ้าเตไม่เกลียดอิน เรายังเป็นเพื่อนกันได้เสมอนะ”


“ก็เป็นซะแบบนี้จะให้เตตัดใจง่ายๆ ได้ยังไง” เตชายิ้มออกมา แต่มันเป็นยิ้มที่นึกสมเพศตัวเองที่สุด


“เตอยากให้อินมีความสุขนะ” เตชาปล่อยมือที่จับกันไว้ วางบนกลุ่มผมนุ่มของอีกคน นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ทำอะไรแบบนี้


“ขอบคุณที่ยอมคบกับเตนะ”


อินทัชยิ้มรับ เป็นอีกครั้งที่การจากลามาเยือน













หลังจากที่เตชาบอกลา อินทัชก็ยังคงนั่งเงียบๆ จิบเหล้าในมือพลางฟังเสียงเพลงที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นดีเจประจำร้านมาเปิดแทนดนตรีสด


ไม่ใช่อินทัชเป็นคนไม่มีหัวใจ ไม่ใช่เขาอยากคบกับใครเล่นๆ ในทุกคนที่ตอบตกลงจะคบกับใครสักคน
เขาก็หวังว่าคนที่เข้ามาจะทำให้เขาลืมความรักเก่าลงไปได้


เตชาจริงจังในแบบของเขาเสมอ เขาก็พยายามเอาใจใส่คนที่คบด้วย เขาไม่รักแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย
เพียงแต่เขาแค่ลืมคนคนนั้นไม่ได้


ไม่เคยมีใครมาแทนที่ได้เลย


ก่อนจะรู้ตัว มือก็หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา กดเบอร์ที่แม้ไม่ต้องเมมก็จำได้ขึ้นใจ เร็วกว่าความคิด เขากดโทรออกไปแล้ว


[ว่าไงครับเด็กขี้เมา] ปลายสายรับสายด้วยเสียงสบายๆ


“ทำอะไรอยู่ครับ”


[พาเจมาดูหนังครับ กำลังจะเข้าแล้ว มีอะไรหรือเปล่า]


“เปล่า แค่โทรมาเล่นๆ”


[คิดถึงกิตตอนเมาอีกแล้วหรอ] ปลายสายหัวเราะ


“อีกแล้วสิน้า”


[อย่าดื่มเยอะนะ เป็นห่วง]


“ครับ”


[งั้นกิตไปนะ หนังจะเข้าแล้ว แล้วจะโทรหานะ]


“ครับ บายครับ”


อินทัชทิ้งโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เอนหลังพิงโซฟาอย่างหมดแรง แม้ทุกครั้งที่คุยกันอีกฝ่ายจะใจดีด้วยเสมอ แต่ก็ไม่เคยลืมขีดเส้นใต้คำว่าเพื่อนให้ทุกครั้งเหมือนกัน มีแต่เขาเองที่ยังไม่เลิกหวัง


“พาเจมากินข้าว”


“ไปเที่ยวกับครอบครัวเจ”


“วันนี้นอนหอเจ”


แล้วที่บอกจะโทรหา ก็ไม่เคยเลยสักครั้ง


อินทัชโน้มตัวไปยังโต๊ะด้านหน้า อยากจะสะบัดทุกความคิดออกจากหัว ตั้งใจชงเหล้าในมือให้เข้มที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชงเสร็จก็กระดกรวดเดียวจนหมด หัวใจตอนนี้เต้นเร็วรัว อยากจะโทษว่าเป็นที่แอลกอฮอล์ที่รับเข้าไป ไม่ใช่โทรศัพท์เมื่อครู่


“นั่งด้วยได้ไหมครับ”


เมื่อได้ยินเสียงอินทัชจึงเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเพื่อมองหาต้นเสียง สบตาเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส อินทัชยืดตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเป็นการเชิญ ชายหนุ่มนั่งลงตรงที่ที่เตเคยนั่ง


“สวัสดีครับ ผมดินนะ” อินทัชหรี่ตามองหน้าชายหนุ่มที่ตอนนี้ยิ่งนั่งใกล้กันยิ่งรู้สึกคุ้น


“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” คนมาใหม่หัวเราะเสียงดัง


“มุกจีบปะเนี่ย” อินทัชหลุดยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม


“เปล่า คุ้นจริงๆ”


“อาจจะจำผมได้ เมื่อกี้ผมขึ้นร้องเพลงบนเวที”


อินทัชร้องอ๋อในใจเสียงดัง ใช่นักร้องคนเมื่อกี้จริงๆ ด้วย


“แฟนเซอร์วิสหรอครับ มานั่งกับคนฟังแบบนี้”


บดินทร์วางแขนสองข้างลงบนโต๊ะ โน้มหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ส่งยิ้มเล็กๆ


“ก็อยากจะเซอร์วิสจริงๆ นั่นแหละ เป็นแฟนได้ไหมละครับ”


อินทัชหลุดขำให้กับท่าทางของคนตรงหน้า


ไม่เบาแฮะ


“ตรงดีนะครับ”


“ชอบไหมละครับ”


“...”


“เมื่อกี้ที่นั่งด้วย แฟนหรือเปล่าครับ”


อินทัชถอนหายใจ เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเลิกง่ายๆ แน่


“เพิ่งเลิกกันครับ”


“....”


“เพราะผมลืมแฟนเก่าไม่ได้”


“...”


อีกฝ่ายดูอึ้งไปกับคำตอบของร่างเล็ก ถึงอินทัชไม่ชอบปฎิเสธใคร แต่วันนี้เพิ่งเลิกกับเต บอกไปตรงๆ แบบนี้อีกฝ่ายคงยอมรามือ


“งั้นตอนนี้ก็ไม่มีแฟน”


“...”


“ใช่ไหมครับ?”


“ครับ เพราะยังชอบแฟนเก่าอยู่ครับ”


“งั้นเป็นแฟนกันนะ”


อินทัชขมวดคิ้วเข้าหากัน พยายามมองเข้าไปในตาคนตรงข้าม


มาไม้ไหนกันเนี้ย


บดินทร์ยิ้มให้กับท่าทีของคนตรงข้าม ก่อนจะแบมือออกมาตรงหน้าอีกฝ่าย อินทัชก้มลงไปมองฝ่ามือสลับกับหน้าเจ้าของอย่างไม่เข้าใจ


“เอาโทรศัพท์มาสิครับ จะเมมเบอร์”




**************


ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
บอกเลยว่าเรื่องแรก (ที่ตอนนี้ใกล้จะจบ) เป็นแรงบันดาลใจให้กับเมย์ในการเขียนนิยายมากเลยคะ ถึงจะมีคนอ่านน้อยมากกกกก เรียกว่าไม่มีเลยดีกว่า (ฮา) แต่มันทำให้เมย์รู้ตัวเลยว่าสนุกกับการเขียนมากแค่ไหน เป็นอะไรที่อยากทำมานานแล้ว พอได้ทำก็มีความสุขจริงๆ คะ


ชอบไม่ชอบยังไงก็ติชมมาได้นะคะ มือใหม่ต้องการกำลังใจคะ :) ))







ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #4 เมื่อ18-05-2019 21:35:56 »

รักมือสอง 01:00 คนที่ใช่





เช้าวันต่อมาใต้ตึกคณะบริหาร มีนักศึกษามานั่งเล่นตามโต๊ะไม้ประปรายเพื่อรอเวลาเข้าเรียนคาบแรก อินทัชก็เป็นหนึ่งในนั้น เจ้าตัวกำลังวุ่นอยู่การเล่นโทรศัพท์มือเดียว พร้อมกินแซนวิซไปด้วย ขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับการพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ จู่ๆ ก็มีกระเป๋าฟาดลงมาบนโต๊ะอย่างแรง





ปึ้ง!





“เชี่ยอิน”





“อือฮือ หวัดดีครับเพื่อนกี”





อินยิ้มให้เพื่อนสนิทที่หน้ามุ่ยนั่งลงตรงม้านั่งไม้ยาวฝั่งตรงข้าม รู้เลยว่าต้องมาพูดถึงเรื่องเมื่อคืน





“เมื่อคืนมึงเลิกกับเตหรอ” กีรติพูดเสียงดังจนเหมือนตะโกน





“เอาดีๆ เขาขอเลิกกับกูไหม” อินยังคงทำเสียงกวนอารมณ์อีกคน เช้าๆ แบบนี้ไม่พร้อมจะดราม่าจริงๆ





“ก็เพราะตัวมึงไหมละ เพราะมึงยังลืมไอ้เหี้ยกิตไม่ได้ใช่ไหม” เมื่อได้ฟังคำตอบจากอิน กีก็ยิ่งโมโห เลยถามคำถามที่ไม่ควรจะถามออกไป อินที่ตอนแรกมีท่าทางสบายๆ ตอนนี้หน้าเครียดขึ้นมาทันที





“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง มึงคิดว่ากูอยากเป็นแบบนี้หรอ ก่อนคบกันกูก็บอกเขาชัดเจนแล้วเรื่องกิต กูแค่เปลี่ยนใจไม่ได้”





กีรติมองหน้าอีกฝ่าย รับรู้ว่ามันก็คงไม่ได้ไม่รู้สึกอะไรเลยกับการบอกเลิกของเตชา รู้ว่าเพื่อนที่สนิทมาตั้งแต่มอปลายก็ไม่ได้มีความสุขกับการที่ยังมีคนเก่าอยู่ในหัวใจ ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ จะโกรธก็โกรธไม่ลง แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้มันเป็นแบบนี้





“แล้วไง บอกกูให้ชื่นใจสิว่าพอมึงเลิกกับเตปุ๊ปก็ตรงกับห้องปั๊ป”





กีถามเสียงอ่อนลงแต่ก็ยังไม่หยุดที่จะประชดประชัน อินมองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา





“บอกกูมา ว่ามึงไม่ได้นั่งแดกเหล้าแล้วก็ โอ๊ะ! ลืมตัวกดโทรไปหาไอ้กิต”





ชายหนุ่มอมยิ้ม เมื่อเห็นเพื่อนสนิททายพฤติกรรมของเขาได้อย่างแม่นยำ





“แล้วก็บอกกุสิ ว่ามึงไม่ได้รู้สึกแย่ลงหลังจากคุยกับมันแล้วแม่งดันเสือกอยู่กับแฟน”





“ไอ้เชี่ยกี” กีหัวเราะกับคำตอบของอิน เสียงดังจนหลายๆ โต๊ะหันมามอง มันดูสะใจมาก เอามือมาขยี้กลุ่มผมของเขาเล่นอย่างมันมือ





“แต่มีหนึ่งอย่างที่มึงไม่รู้” อินพูดแทรกด้วยน้ำเสียงเหนือกว่าจนอีกฝ่ายเงียบลง เงี่ยหูรอฟังเขาว่าต่อ





“กูน่าจะมีแฟนใหม่แล้ววะเมื่อวาน”





“ฮ่ะ ยังไงวะ มึงยังเป็นแฟนกับเตอยู่นะเมื่อวานนี้” กีถามเสียงดังรัวออกมา มากกว่าอาการอี้งมันดูจะโมโหมากกว่า สายตาคู่คมดูจริงจังขึ้นมาทันที





“ก็หลังจากเลิกกัน”





“ได้ไงวะ”





“ชื่อดิน นักร้องร้านล่องลอย”





“ไม่ได้ถามชื่อ แต่เป็นไงมาไง ทำไมเร็วจังวะ”





“ก็เขามาขอคบ”





“โอ๊ยยย ไอ้อิน” กีเอาสองมือขยี้หัวตัวเอง ก่อนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเคร่งเครียดกว่าเดิม





“กูรู้ว่ามึงยังทำใจไม่ได้เรื่องไอ้เหี้ยกิต” กีไม่ลืมใส่คำนำหน้าให้แฟนเก่าเพื่อนเสมอ





“กูก็เลยไม่เคยว่าอะไรมึง ที่มึงตอบตกลงคบกับคนนั้นที คนนี้ที แต่นี้มันปีนึงแล้วนะมึง มึงก็รู้ว่ามันไม่เวิร์ค มึงไม่สงสารคนที่เขาเข้ามาหามึงบ้างหรอ”





“กูไม่เคยไปชักชวนใครเข้ามา เขาก็เข้ามาหากูกันเองไหม เวลาอยากไปกูก็ไม่เคยรั้งไว้” อินสวนคำเพื่อน





“เฮ้ย ไม่ใช่ไหมมึง ถ้ามึงยอมคบกับเขา เขาก็จะคิดว่าสักวันมึงจะรักเขาป่าววะ”





“แล้วมึงจะให้กูทำไง ให้กูอยู่คนเดียวไปแบบนี้หรอ”





“เปล่า แต่ไม่ใช่ว่ามึงจะคบกับใครเพื่อลืมมัน แต่มึงต้องลืมมันก่อนถึงค่อยไปตกลงกับใคร”





“....”





“มึงอย่าลืมว่าไม่ใช่แค่มึงที่มีหัวใจ”





“....”





“มึงควรจะรู้ดีที่สุดสิ ว่าคนที่โดนให้ความหวังลมๆ แล้งๆ มันเจ็บแค่ไหน”





อินทัชนิ่งไปเพราะคำพูดของเพื่อนสนิทมันแทงใจดำเขามากที่สุด เขาไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อน เขาแค่อยากให้โอกาสตัวเองในการเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น อยากเอาความรักของคนอื่นมาแทนที่ใครอีกคนก็เท่านั้น





แต่บางทีเขาก็ลืมคิดไปว่าหัวใจของอีกฝ่ายก็สำคัญเหมือนกัน





เขาเห็นแก่ตัวเกินไป เขาก็ทำเหมือนๆ กับที่กิตทำ ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ แล้วก็ทำร้ายมัน เขาไม่ควรปล่อยให้ใครเข้ามาในชีวิต ถ้าเขายังไม่พร้อมจะรักและดูแล ไม่ใช่แค่มานั่งเอ่ยขอโทษเมื่อทำทุกอย่างพังไปเองกับมือแบบทุกครั้ง





“กูขอโทษ” อินพูดขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก กีหัวเราะพร้อมกับตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ





“มึงจะมาขอโทษกูทำไม มึงก็รู้ว่ากูก็แค่อยากให้มึงมีความสุข มึงอยากคบใครกูจะไม่ว่าอะไรเลย แต่คือมึงต้องชอบเขาจริงๆ ได้ไหม”





“อืม ขอบใจวะ”





“แล้วมึงก็ไปคุยกับไอ้ดินอะไรนี้ซะ ตกลงมึงจะคบหรอ”





อินส่ายหน้า “เดี๋ยววันนี้กูไปคุย เขาไลน์มาชวนกูไปฟังเพลงที่ร้านพอดี มึงไปกับกูนะ”





“เออๆ ไปดิ แต่คือเจอกันปุ๊ปขอเป็นแฟนปั๊ปนี่ก็เร็วเกินนะ”





“เออ กูก็ว่าเขาก็คงไม่ได้จริงจังหรอก แต่ยังไงก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง”





ตอนนี้อินทัชไม่อยากคุยหรือคบกับใครอีกแล้ว กีพูดถูกทุกอย่าง เขาไม่อยากให้ความหวังใคร เขาต้องไปปฎิเสธอีกฝ่ายให้ชัดเจน ดูแล้วก็ไม่น่าจะยากหรอก อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนที่ดูจริงจังอะไร






ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #5 เมื่อ18-05-2019 22:01:53 »

ติดตามค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ Peterpanmama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #6 เมื่อ18-05-2019 22:44:07 »

อยากรู้ว่าอินกับกิตทำไม่ถึงเลิกกัน
แต่เพื่อนอินเรียกไอ้เหี้ยกิต
คงเลิกแบบไม่ค่อยดี แต่้ถ้ากิตเหี้ยจริง
ทำไม่อินยังตัดใจไม่ได้

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #7 เมื่อ18-05-2019 22:54:23 »

ตืดตามครับผม,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #8 เมื่อ18-05-2019 23:04:49 »

รักมือสอง 01:00 (ต่อ)


เพราะวันนี้วันศุกร์ภายในร้านเหล้าตอนนี้จึงเริ่มมีคนคับคั่งกว่าเมื่อวานเยอะ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาที่มาปลดปล่อยความเครียดจากการเรียนมาทั้งสัปดาห์ทั้งนั้น


“คนไหนอะ” กีชี้ไปที่เวที ที่ตอนนี้มีนักร้องกับมือกีต้าร์นั่งอยู่กลางเวที รอบเวทีรายล้อมไปด้วยสาวๆ หลายคนที่ยืนฟังเพลงพร้อมโทรศัพท์ในมือ ตั้งใจเก็บภาพคนบนเวทีอย่างจริงจัง


“ดินคนที่ร้องนำอยู่”


“ฮือ หน้าตาโครตหล่อ มึงแน่ใจนะว่าเขาขอมึงเป็นแฟน”


“กูถึงบอกว่าเขาไม่ได้จริงจังหรอก”


อินทัชไม่ได้สนใจคนบนเวทีสักเท่าไหร่ เขานั่งจ้องมือถือที่ตอนนี้มีข้อความจากคนที่โทรหาเมื่อคืนส่งมาอย่างไม่เชื่อสายตา นานเท่าไหร่แล้วนะที่คนคนนั้นไม่ส่งข้อความมาหาเขาก่อน


Kitti: หายเมาแล้วยังครับ :)
Intouch: หายแล้วครับ :) ขอโทษนะ อินโทรไปกวนหรือเปล่าเมื่อคืน
Kitti: เปล่าครับ บอกแล้วไง โทรมาได้ตลอดเลยนะ
Intouch: เมื่อวานหนังสนุกไหม
Kitti: ก็ดีครับ ทำไรอยู่เอ่ย
Intouch: ก็มาร้านล่องลอยครับ
Kitti: อีกแล้ว เป็นห่วงนะครับ ไม่อยากให้กินเหล้าบ่อยๆ
Intouch: ไม่บ่อยหรอกครับ วันนี้เพื่อนชวนมาฟังร้องเพลงเฉยๆ
Kitti: จะรอโทรศัพท์คนเมาแล้วกัน :)
Intouch: ไม่โทรไปกวนหรอกครับวันนี้ ไม่กินเยอะแน่นอน
Kitti: ง่ะ นี่ถ้าไม่เมาไม่คิดจะคิดถึงกิตเลยหรอครับ




อินกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างลืมตัว เขาไม่รู้จะตอบคำถามอีกฝ่ายยังไง เพราะจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาเมาแล้วเผลอโทรหาอีกฝ่าย ใครดูก็รู้ว่ามันแค่ข้ออ้าง เขาคิดถึงอีกฝ่ายตลอดเวลานั้นแหละ แต่เขาจะโทรไปได้ยังไง


จะโทรไปในฐานะอะไร


“ขี้อ่อยฉิบหาย” อินเงยหน้าขึ้น เห็นเพื่อนสนิทนั่งจ้องข้อความที่เขาคุยกับกิตไม่วางตา เบ้ปากลงแสดงความไม่พอใจชัดเจน


“กูไม่รู้จะสงสารมึงหรือแฟนมันดี” กีว่าต่อ ถึงจะโดนอินมองตาขวาง แต่ก็ต้องเตือนสติมัน อยากให้มันเลิกจมปลักกับผู้ชายเหี้ยๆ แบบนั้นสักที


“อะไรมึง เขาไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้เป็นเพื่อนกันมึง”


“ก็รู้ทั้งรู้ว่ามึงยังตัดใจไม่ได้ ยังจะให้ความหวัง”


อินไม่พูดอะไร วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก้มหน้าชงเหล้าให้เพื่อนสนิท พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยให้บรรยากาศดีขึ้นทั้งที่ในหัวเองก็ตั้งคำถาม ทำไมอยู่ๆ ถึงส่งข้อความแบบนี้มาหา ทั้งๆ ที่ตลอดหนึ่งปีที่เลิกกันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เขาคิดถึง กลุ้ม เมา ทำใจกล้าแล้วโทรหา แต่อีกฝ่ายก็แค่พูดดีด้วยด้วย พูดเหมือนห่วงใย แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะโทรกลับหรือส่งข้อความมาก่อน


แล้วจะมาห่วงอะไรกันตอนนี้


“มาแล้วหรอครับ” อินเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดียวกับที่เรียกเขาเมื่อวาน สบตาเข้ากับผู้ชายตัวโตที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสคนเดิม ไม่ทันได้ชวนอีกฝ่ายก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม


“นี่กีเพื่อนเรา” อินแนะนำคนข้างตัว ดินหันไปยิ้มทักทายอีกคน คนโดนยิ้มใส่ก็ทักทายกลับ สำรวจอีกฝ่ายจากหัวจรดเท้า อินอมยิ้มให้กับท่าทางของเพื่อนสนิท แอบสงสารอีกคน ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง


“ทำงานที่นี่ประจำหรอหรืองานพิเศษ” กีถามออกมา


“งานพิเศษครับ เราเรียนดุริยางค์ศิลป์ปีสอง บอกไปแล้วนะเมื่อวาน”


ประโยคหลังคนพูดหันหน้ามาทางอิน แกล้งส่งสายตาหงุดหงิดว่าทำไมเขาจำไม่ได้


อินจำไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ก็เมื่อวานเรื่องมันเยอะแยะไปหมด หลังคุยโทรศัพท์กับอีกคน ก็แทบจะไม่มีสติเหลือแล้ว ให้เบอร์คนตรงหน้าไปตอนไหนยังไม่แน่ใจเลย




“มาทันดูดินร้องไหมครับ” เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร อีกฝ่ายจึงว่าต่อ อินอมยิ้มให้กับคำแทนตัวน่ารักของอีกคน


“มาทันสิ แต่เห็นสาวล้อมเต็มไปหมด เลยนึกว่าลืมนัดไปแล้วซะอีก” เขาอดแซวนักร้องหนุ่มไม่ได้ เจ้าชู้ตาหวานขนาดนี้ สาวคงหลงกันเยอะ




“จะลืมได้ไงชวนมาเองแท้ๆ หึงหรือครับ”




อีกฝ่ายเมื่อได้ยินเขาพูด ก็ยิ้มแก้มปริ เป็นผู้ชายที่ยิ้มแล้วมีเสนห์จริงๆ อินส่ายหน้าไปมา แค่ปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว ถ้ามีเรื่องคนเจ้าชู้นี้มาอีกคงไม่ไหวแน่ ยังไงวันนี้ก็ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่อง


“เอ้า ไอ้ต้น” ดินหันหลังไปมองเมื่อรู้สึกว่ามีมือมาตบบ่าเบาๆ เจอเพื่อนตัวดีที่เป็นทั้งรูมเมทและมือกีต้าร์คู่ใจยืนส่งยิ้มมาให้ จึงตบเบาะชวนนั่ง


“นี่อินที่เล่าให้ฟังเมื่อวาน แล้วก็กีเพื่อนอิน” คนมาใหม่นั่งลงพร้อมกับที่ดินเริ่มแนะนำคนในโต๊ะ


“นี่ต้น เมทดินนะครับ”


“คนที่เล่นกีต้าร์เมื่อกี้” กีพูดขึ้น


“ครับ เพราะไหมเอ่ย” ต้นหันไปขยิบตา ยิ้มโปรยเสน่ห์ให้คนถามทันที


“ไม่ได้ตั้งใจฟัง” กีตอบกลับอย่างรวดเร็ว เกลียดพวกกระล่อนแบบนี้ที่สุด


“โอ๊ะ เสียใจจังเลย” อีกฝ่ายแกล้งทำหน้าเศร้าทันที


“งั้นวันหลังต้องลากไปนั่งหน้าเวทีแล้ว” คนมาใหม่ยังพูดไม่หยุด เอาข้อศอกทั้งสองข้างวางบนโต๊ะทิ้งคางลงบนมืออีกที พูดไปสองตาก็จ้องคนตรงหน้าไม่วางตา


“ดีจังนะครับ เพื่อนกันก็เจ้าชู้เหมือนกันเลย” กียิ้มยื่นหน้าไปใกล้กับโต๊ะทำให้ตอนนี้จมูกแทบจะชนกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว


อีกฝ่ายหัวเราะออกมาแต่ดินรีบหันไปตบบ่าเพื่อนตัวเองเบาๆ


“มึงพอเลย เดี๋ยวอินเข้าใจกูผิด”


“เราว่ากีก็พูดถูกนะ” อินหัวเราะพร้อมยกมือขึ้นแปะกับกีที่รออยู่แล้ว ทั้งสี่คนนั่งคุยตอบโต้กันหรือจะเลือกว่ากัดกันไปมาก็ได้ เสียงหัวเราะดังโดนกลบด้วยเสียงเพลงที่เริ่มมีจังหวะเร็วขึ้นตามเวลาที่ล่วงเลยไป อินตัดสินใจไม่พูดถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ นานแล้วที่เขาอยู่แต่กับตัวเองคนเดียว จมกับความเศร้า และไม่ได้สนุกสนานกับเพื่อนใหม่แบบนี้ อย่างน้อยขอแค่ตอนนี้ที่จะลืมเรื่องของคนในมือถือไปก่อน


พอใกล้จะเที่ยงคืนกีก็ขอกลับก่อนเพราะว่าเจ้าตัวไม่ได้อยู่หอพัก ตื้ออยู่นานกว่าเจ้าตัวจะยอมให้ต้นไปส่ง ส่วนดินก็อาสาเดินมาส่งอินที่หอ ซึ่งปรากฎว่าอยู่ตึกใกล้กับหอเจ้าตัวแค่ไม่กี่บล็อก ระหว่างทางกลับหอโทรศัพท์มือถือของอินดังขึ้น เอามาดูก็เห็นว่าเป็นสายของคนที่ส่งข้อความมาก่อนหน้านี้ อินตัดสินใจยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกง หยุดสองเท้าลง มองแผ่นหลังของคนที่ข้างหน้า


“ดิน” อีกฝ่ายที่เดินนำอยู่หยุดเดินและหันหลังกลับมามอง อินจ้องหน้าอีกคน ถึงวันนี้จะสนุกด้วยกันยังไง แต่กีพูดถูก การไปให้ความหวังคนอื้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี


เขารู้ดีที่สุด


“เรื่องที่เราบอกเมื่อวานเราจริงจังนะ”


“ดินก็จริงจัง” ดินยิ้มตอบกลับแทบจะทันที ทำให้อินถอนหายใจเสียงดังอย่างเหนื่อยใจ


“ไม่ใช่ คือเราลืมแฟนเก่าไม่ได้ เราคงคบกับดินไม่ได้หรอกนะ ขอโทษที”


อีกฝ่ายนิ่งเหมือนกำลังคิดตาม มันก็ไม่มีอะไรให้ผูกพันธ์กันสักหน่อย ถึงจะรู้สึกดีที่อยู่ด้วยกัน แต่เขาต้องชัดเจน


“รู้ได้ไงว่าจะไม่เปลี่ยนใจ” อีกฝ่ายถามขึ้น


“เคยลองคบกับคนอื่นมาหลายคนแล้ว แต่ก็ไม่เคยลืมได้เลย”


“ไม่อยากให้ความหวังใคร เราไม่อยากให้ใครมาเสียเวลากับเราอีกแล้ว” อินว่าต่อ


อินรู้สึกว่าตัวเองชัดเจนที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว อีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาใกล้ จนหน้าของเขาแทบชิดกับอกของคนตัวโตอยู่แล้ว เมื่ออยู่ในระยะประชิดแบบนี้อินจึงจำเป็นต้องแหงนหน้ามองเพื่อให้เห็นหน้า


จุ๊บ!


ดินก้มลงมาแนบริมฝีปากลงเบาๆ บนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว อินตาโตแล้วรีบผลักคนตรงหน้าออก


“ทะ..ทำอะไรน่ะ” อินเอามือแตะปากตัวเอง ยังอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่หาย ไม่รู้จะโกรธหรืออายหรืออะไรดี มองร่างโตที่เอาแต่ยิ้มหวานส่งมาให้และตอนนี้ก็เดินมาประชิดตัวอีกครั้ง


“ดินไม่เชื่อหรอกนะ ว่าจะเปลี่ยนใจไม่ได้”


อินเงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่ายอีกครั้ง


“พอเถอะนะ อย่าทำให้เราลำบากใจเลย”


“ดินไม่เชื่อหรอกว่าความรักเก่ามันดีจนลืมไม่ลง”


อินนิ่วหน้ามองคนตรงหน้า ใจเต้นรัวกับคำพูดของอีกฝ่าย ไม่ทันตั้งตัวร่างโตที่พูดไม่หยุดโน้มหน้าลงมาอีกครั้งจนตอนนี้แทบจะจมูกชนกันอยู่แล้ว


“แค่อินยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหาก”


คนตัวโตโน้มหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม ลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายกระทบหน้าเขา ตอนนี้ปากของทั้งคู่ใกล้กันจนอินเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างไม่รู้ตัว


“แค่อินเพิ่งเจอดินต่างหาก”


ไม่พูดเปล่าคนตัวโตก้มเอาริมฝีปากมาแนบกับปากเขาอีกครั้ง แต่มันไม่ได้เบาและเร็วแบบครั้งแรก ปากอีกฝ่ายทั้งงับทั้งดูดจนตัวแทบลอย คนตัวโตใช้ลิ้นร้อนดุนเข้ามาจนต้องเผยอปากรับ ตอนนี้อินทำอะไรไม่ถูก ได้แค่ขยุ้มเสื้อของคนตรงหน้าแน่นและปล่อยให้เจ้าของเสื้อทำตามใจ ไม่มีเวลาประมวลผลว่าที่อินพูดมามันจริงหรือเปล่า เขาจะลบอีกคนออกไปจากใจได้จริงไหม ตอนนี้เขารู้แต่เพียงว่า


เขาไม่ได้สนใจเสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องในกระเป๋ากางเกงเลยสักนิดเดียว


*********




พ่อคนหล่ออออออออออ พ่อมั่นหน้า เขียนไปแอบหมั่นไส้พระเอกไปอีก 555555






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #9 เมื่อ18-05-2019 23:11:40 »

แบบว่า จริงจังมาก,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
« ตอบ #9 เมื่อ: 18-05-2019 23:11:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #10 เมื่อ18-05-2019 23:31:15 »

แบบว่า จริงจังมาก,,,

มือใหม่ไฟแรงเนาะะ 555 :katai4:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #11 เมื่อ18-05-2019 23:40:05 »

ดินน่ารัก~
กิตทำแบบนี้ เจไม่รู้ ไม่สงสัยเหรอ
 :pig4:

ออฟไลน์ Panza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #12 เมื่อ19-05-2019 12:21:31 »

ดินงานดีนะครับ เจ้าชู้กรุ้มกริ่มแน่นอน


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #13 เมื่อ19-05-2019 14:38:48 »

ดินร้ายยย รุกเร็วมากกกก

เขียนได้ดีค่ะ บทบรรยายหรือการเปรียบเปรยอาจจะยังไม่ลึกซึ้งกระแทกใจจังๆ แต่อ่านง่าย กระชับไหลลื่นดีค่ะ ถ้าพล๊อตดี แมคเซ้น คาแรคเตอร์ชัด มีความโดดเด่นในตัวเองก็เอาอยู่แล้วค่ะ เราชอบที่คนเขียนคิดบวก มีความสุขและสนุกที่จะเขียนค่อยๆพัฒนาต่อไปนะคะ จะติดตามเเละเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ Peterpanmama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #14 เมื่อ19-05-2019 15:33:26 »

พออินมีแฟนใหม่ กิตก็กลับมาหวงก้าง

ออฟไลน์ Kanni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (01:00 คนที่ใช่)
«ตอบ #15 เมื่อ19-05-2019 17:09:14 »

รอลุ้นกับรักใหมา

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (02:00 ไม่ใช่แฟน)
«ตอบ #16 เมื่อ20-05-2019 13:24:56 »

02:00 ไม่ใช่แฟน

“งั้นตกลงว่าพวกมึงเป็นแฟนกันแล้ว”
กียิ้มกรุ่มกริ่ม ตาเล็กๆของมันยิ้มจนแทบจะปิด อินกุมขมับอย่างหนักใจไม่รู้ว่าคิดดีหรือเปล่าที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้มันฟัง
“เปล่า ตกลงว่าจะลองคุยกันเฉยๆ”
“ก็นั่นแหละ มึงเป็นดาราหรอ แค่นี้เขาก็เรียกว่าแฟนแล้วไหมมึง”
“ไหนมึงบอกเอง ว่าไม่ให้คบกับใครถ้ากูยังลืมกิตไม่ได้”
“อือฮือ แต่ถ้าจะจูบกันซะตัวลอยขนาดนั้น มึงก็คบๆกันไปเถอะ”
“ไอ้เชี่ยกี”อินมองตาขวาง แต่โดนเรียกชื่อนี้ทีไรแทนที่จะกลัว กีอดขำเสียงดังไม่ได้ทุกที ก็ทำหน้ามุ่ยซะน่ารักขนาดนั้น จะเอาอะไรมากลัว
“ทำไมหรือไม่จริง”
“ก็ยังไม่ใช่แฟนมึง..”

เมื่อคืนหลังจากที่โดนจูบรอบที่สอง อินก็ไม่มีกระจิตกระใจไปบอกให้อีกฝ่ายตัดใจหรือเอาจริงๆไม่ได้พูดอะไรออกไปทั้งนั้น เดินเงียบตามหลังอีกฝ่ายที่จูงมือนำไปตลอดทาง พอถึงหอพักก็ยืนมองอีกฝ่ายเอ๋อๆไม่ยอมบอกลาซักที จนคนตัวโตขู่ว่าจะจูบอีกรอบจึงรีบบอกลาแล้วเดินขึ้นห้องไป

พออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็เหมือนสติที่หลุดลอยจะค่อยๆทยอยกลับมา ทั้งๆที่เพิ่งโดนขโมยจูบไปสดๆร้อนๆ เรื่องแรกที่กลับมาในหัวกลับไม่ใช่เรื่องนั้น แต่กลายเป็นเรื่องของสายโทรศัพท์สองสายที่ไม่ได้รับ อินนั่งลงเช็ดผมบนเตียงหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา ยิ่งพอเข้าไปในไลน์ก็เห็นข้อความที่ยังไม่ได้อ่านที่อีกฝ่ายส่งมา

Kitti: หายไปเลยนะครับ
Kitti: อย่ากินเยอะนะ เป็นห่วงน้า
Kitti: หมูอินเมาหลับไปแล้วหรือเปล่า โทรไปก็ไม่รับ (><)

สายตากว้านอ่านประโยคที่อีกฝ่ายส่งมาในช่วงเวลาต่างกัน จนมาสะดุดกับคำสั้นๆ
หมูอิน?
นี่เขาเกือบจะลืมชื่อนี้ไปแล้วนะ
ตั้งแต่เลิกกันไปอีกฝ่ายก็ไม่เคยใช้ชื่อนี้กับเขาอีกเลย
กูกำลังอยู่ในฝันหรืออะไรเนี่ย
อินทัชปิดหน้าจอโทรศัพท์ลง ตัดสินใจขว้างมือถือเบาๆลงบนเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนเอามือนึงก่ายหน้าผาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะฤทธิ์เหล้า จูบ หรือข้อความในมือถือที่ทำให้ตอนนี้ปวดหัวไปหมดแล้ว
จะกลับมาหรอ?
ทั้งๆที่เขาควรดีใจไม่ใช่หรอ ที่คนที่เขาคอยแต่คิดถึงแสดงความห่วงใยออกมา แสดงสัญญาณที่เขาแน่ใจว่ามันคือสัญญาณของการกลับมา
มันเป็นสิ่งที่ต้องการไม่ใช่หรอ?
ไม่อย่างนั้นเขาจะรออะไร?
ถ้าไม่รอทำไมถึงไม่ยอมลืมคนคนนี้สักที?
ไม่ใช่เพราะเขายังหวัง ยังอยากให้อีกคนกลับมาหรอ?
แต่ทำไมตอนนี้แทนที่ความดีใจถึงมีแต่ความสับสนเต็มไปหมด และมากกว่าความสับสน
เขากลัว กลัวจะกลับไปที่เดิม ที่ๆเดินออกมาได้ตั้งไกลแล้ว
อินทัชหัวเราะในลำคอ
แค่ข้อความไม่กี่บรรทัดก็ทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้
 ผู้ชายคนนี้ยังมีอิทธิพลกับเขาเสมอ

Rrrrrrrrrrrrrrrr
อินเด้งขึ้นนั่งบนเตียงหลังจากได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กลัวว่าจะเป็นคนที่อยู่ในหัว แต่เมื่อพลิกโทรศัพท์ดูเขากลับเจอชื่อผู้ชายอีกคนที่เพิ่งแยกกันมา
นี่ก็อีกปัญหานึง แต่เป็นปัญหาที่เขาน่าจะจัดการได้
อินคิดอย่างนั้นน่ะนะ

[ถึงหอแล้วครับ]
“ทำไมเพิ่งถึง ใกล้นิดเดียว”
อินตอบกลับเมื่อมองดูเวลา ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่แยกกัน
[กลับมาแล้วอาบน้ำก่อนถึงค่อยโทรหาครับ ดินว่าจะโทรมาบอกฝันดีสักหน่อย]
“งั้นก็ฝันดีครับ”
อินอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะออกมาเสียงดัง
[โธ่ จะนอนเลยหรอครับ เขาไว้พูดตอนวางไหม]
เสียงบ่นปนหัวเราะยังดังมาตามสาย
“...”
[อ่ะๆ โอเคครับ งั้นดินวางแล้วไม่กวนแล้วก็ได้]
“เปล่าครับ ยังไม่ง่วงเลย คุยได้นะ”
[งั้นคุยกันแปปนึงเนอะ เดี๋ยวปล่อยเด็กน้อยเข้านอนนะ]
“ไม่ใช่เด็กนะ ก็อยู่ปีสองเหมือนกัน”
[โอเคๆ ไม่เด็กก็ไม่เด็กแล้วทำอะไรอยู่เอ่ย]
“ก็ไม่ได้ทำอะไร ที่จริงกำลังหาอะไรทำอยู่เลย นอนไม่หลับเลย”
[ปกตินอนไม่ค่อยหลับหรอครับ]
“ก็ไม่นะ แต่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ”
[อย่าคิดมากน้า]
“...”
[ดินทำให้ลำบากใจอะไรหรือเปล่าครับ]
อีกฝ่ายถามมาด้วยความเป็นห่วง อินจึงรีบบอกปัด
“เปล่า ไม่ใช่เพราะดินหรอกครับ”
[โธ่ เราก็นึกว่าคิดถึงดินจนนอนไม่หลับซะอีก]
“ง่ะ..”
[เสียเซลฟ์เลยนะ จูบไปขนาดนั้นไม่เอาดินกลับไปคิดเลยได้ไง]
“ไม่ใช่แล้วไหม” อินหัวเราะออกมา รู้เลยว่าคนในสายพยายามทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น
“ดิน”
[ครับ] อีกฝ่ายเสียงหนักแน่นขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เราพูดจริงๆนะ เราไม่พร้อมจะคบกับใคร”
[แต่ดินก็บอกแล้วไง..]
“ฟังเราก่อนนะ” อินรีบแทรกขึ้นก่อนอีกฝ่ายจะว่าต่อ เมื่อเห็นว่าดินเงียบไป เขาจึงว่าต่อ
“ที่เราคุยกับดินแบบนี้เรารู้สึกดีจริงๆนะ แต่มันก็ดีแค่กับเรา เราให้ในสิ่งที่ดินหวังไม่ได้ เรามีเรื่อง’คนอื่น’อยู่ในใจเราตอนนี้ เราไม่อยากขี้โกง”
ไม่มีใครมาเป็นเขาคงไม่เข้าใจ ถ้าเขายังมีกิตวนเวียนอยู่ในหัวใจเขา เขาจะมองใครได้ บางทีจิตใจคนเราถ้ามันควบคุมได้ง่ายๆ สั่งกดลบหรือกดเปลี่ยนได้อย่างที่คิด เขาก็พร้อมที่จะเริ่มต้นกับคนใหม่เหมือนกัน แต่เมื่อมันไม่ใช่เขาก็ไม่ควรเอาใครเข้ามาถ้ายังไม่พร้อมจะให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายคาดหวัง
ทั้งคู่ถือโทรศัพท์เงียบไปสักพัก จนอินเอาโทรศัพท์ออกจากหูมาดูเมื่อเห็นเลขวินาทียังเดินอยู่จึงแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้วางสาย

ถึงเขาจะรู้จักดินได้แค่สองวันแต่มันก็เป็นสองวันที่ทำให้เขายิ้มได้ อาจจะมากกว่าแฟนทุกคนที่คบหลังจากกิตรวมกัน ดินเป็นผู้ชายมีเสน่ห์อยู่ใกล้ใครก็พลอยจะทำให้คนนั้นยิ้มและหัวเราะตามได้ ง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่อยากให้ผู้ชายน่ารักๆแบบนี้มาเสียเวลากับเขา
[เฮ้อ ไม่คบก็ไม่คบ]
อินเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง บทจะง่ายก็ง่ายแฮะ
[แต่ว่าจะจีบ ได้ไหมล่ะ]
“ห๊ะ?”
[ก็ไม่ใช่แฟนไง แต่จะจีบ ไม่ได้หรอครับ ถ้าอินลืมได้ ไม่ใช่สิ ถ้าดินทำให้อินลืมได้จริงๆค่อยคบกันก็ได้]
“ก็...” ก็ได้หรือเปล่านะ..
[ดินว่าดินพูดชัดแล้วนะ]
“...”
[อินเพิ่งเจอดิน จะรู้ได้ไงว่าเป็นเหมือนที่ผ่านมา]
“...”
[อย่างงี้ก็ไม่แฟร์กับดินป่าว ไม่ยอมนะ ไหนไม่อยากขี้โกง]
อินหลุดขำออกมา ทั้งที่คุยกันเรื่องเครียดกันอยู่ แต่น้ำเสียงงอแงเป็นเด็กๆก็ทำให้อดขำไม่ได้จริงๆ
“โอเคๆ เข้าใจแล้วครับ”
ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกผู้ชายตรงหน้าทำให้อารมณ์เขาขึ้นลงไม่หยุด จนตอนนี้อินไม่รู้แล้วว่ารู้สึกยังไงกันแน่ ได้แต่ตามน้ำคนที่พูดไม่หยุดอยู่ในโทรศัพท์ คนปลายสายเป็นคนคุยสนุกจริงๆ ไม่รู้ว่าคุยกันเรื่องอะไรไปบ้าง พอมองเวลาอีกทีก็เกือบจะตีสี่แล้ว และพรุ่งนี้เขามีนัดทำรายงานกับเพื่อนที่คณะเก้าโมงเช้า เขาเลยขอตัวอีกฝ่ายวางโทรศัพท์ หัวถึงหมอนปุ๊ปอินก็หลับลึกทันที ไม่ทันไรก็ต้องลุกขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงนาฬิกาปลุก รู้สึกมึนหัวเหมือนไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ
ตกลงกิตโทรมาหรอ?
หรือส่งข้อความกลับไปหรือยัง?
แล้วตกลงคบกับดินไปแล้วหรอ?
แทบจะแยกไม่ออกแล้วว่าเมื่อคืนเรื่องไหนเรื่องจริงเรื่องไหนฝันไปกันแน่
ไม่มมีเวลาคิดอินกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากหอพัก เพราะใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว นี่ถ้ามีแต่ไอ้กีก็ไม่รีบแบบนี้หรอก แต่เขาก็นัดกับอาจารย์ที่ปรึกษาตอนสิบโมงด้วย จึงต้องรีบไปให้เร็วที่สุด แต่พอออกมาหน้าหอกลับต้องชะงักเพราะเจอคนที่เพิ่งวางโทรศัพท์กันไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั่งอยู่บนม้านั่งตรงทางเข้า

“มาได้ไงเนี้ย”
“ก็มารับอินไง ไหนวันนี้จะเข้าคณะ”
อินทำหน้าไม่ถูก ยิ้มแห้งๆแล้วเดินตามคนร่างโตไปที่รถญี่ปุ่นสีขาวที่จอดอยู่หน้าหอ เปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับคาดเข็มขัดเรียบร้อย
“กินข้าวเช้ายังครับ” เจ้าของรถกล่าวพร้อมยื่นแซนวิสทูน่าให้
“ขอบใจนะ” อินรับแซนวิซมา แอบนึกอึ้งกับความบังเอิญที่เป็นแบบที่ตัวเองกินประจำ
“อ่ะ น้ำ” อีกฝ่ายยื่นขวดน้ำเปล่าให้เขา พร้อมกับสตาร์ทออกรถ
“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ”
อินว่าขึ้น รู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายจริงๆ
“ขนาดไหนอะครับ”
“ก็ได้นอนหรือยังเนี้ย วันนี้ไม่มีเรียนแท้ๆ”
“ก็นอนพร้อมกัน อินตื่นได้ดินก็ตื่นได้”
คนขับรถยิ้มแป้นพร้อมตอบกลับ
“เกรงใจ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ได้ไงครับ ก็บอกว่าจะจีบ อนุญาตแล้วด้วย”
พอโดนพูดใส่แบบนี้ก็พูดอะไรไม่ออก พูดอะไรไปก็มีคำตอบพร้อมกลับมาทุกที ก็เลยนั่งกินแซนวิซเงียบๆไม่ได้ว่าอะไรกลับไป

งั้นเรื่องเมื่อคืนที่ตกลงคุยกัน สรุปไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย

พอเข้าคณะมาเจอไอ้กีที่นั่งกินข้าวกล่องอยู่ใต้คณะ ก็เลยเผลอเล่าให้มันฟังหมดจนมาโดนมันล้อแบบนี้แหละ!

“แล้วทำไมมึงเกิดเชียร์ดินขึ้นมาว่ะ เมื่อวานยังว่าเจ้าชู้อยู่เลย”
อินหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างสงสัยแต่กลับไปสะดุดที่คอเพื่อน
“นั่นอะไรวะ เฮ้ยๆๆ”
อินตะโกนขึ้นเมื่อเห็นรอยแดงๆบนคอของเพื่อน รีบลุกข้ามโต๊ะไปจับคอเสื้อเพื่อนสนิทเปิดแล้วก้มลงเข้าไปดู
“เฮ้ย ไอ้เชี่ยกี อย่าบอกนะว่า”
ไม่ใช่แค่ที่คอแต่อินมองลงไปเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆเต็มตัวไอ้กีไปหมด แล้วที่คอนี่เป็นรอยฟันชัดๆเลย กีรีบเอามือปิดปากอีกฝ่าย มองซ้ายขวาสังเกตเห็นคนที่ทำงานกันอยู่โต๊ะอื่นเริ่มหันมามอง
ก็มองตั้งแต่มันกระโดดข้ามโต๊ะมานั้นแหละ!!
“กูถึงว่ามึงนั่งชูป้ายไฟให้ดินอยู่ได้ ได้เพื่อนเขามาแล้วนี่เอง มึงนะมึง”
หลังจากอินเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็ทนไม่ได้ที่จะกระแหนะกระแหนเพื่อนสนิท นี่มึงจะเร็วกันไปไหน
“เมื่อคืนยังด่ากันอยู่เลย ไปชอบกันตอนไหนวะ”
“ไม่ได้ชอบมึง”
“แล้ว?”
“อือฮือ แต่โครตแซ่บอะมึง”
“ไม่ใช่ ไอ้เชี่ย แล้วมึงสองคนอะยังไง”
“เพื่อนกัน”
“เพื่อนพ่องสิ”
“Friends with benefits น่ะ เมิงไม่เคยได้ยิน?”
“อย่างมึงเนี้ยนะ”
“เอออย่างกูนี่แหละ”
ถึงกีมันจะหน้าตาดี มีคนเข้ามาจีบอยู่บ้างแต่อินก็ไม่เคยเห็นเพื่อนคบกับใคร แล้วยิ่งไอ้friends with benefits เนี้ยยิ่งไม่น่าเลย ไอ้กีเลือกคบคนจะตาย
“แล้วจะไม่คบกัน?”
“ไม่ได้ถามวะ”
อินทำหน้าเอือมเต็มที
“เออ แล้วแต่มึงเลย ระวังๆด้วยแล้วกัน”
อินก้มซบแก้มลงบนโต๊ะ ถอนหายใจหนักๆหนึ่งที ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะซักไซ้เรื่องของมัน ช่วงนี้เรื่องเยอะจริงๆเลย ไม่รู้แล้วว่าจะเริ่มคิดเรื่องไหนก่อนดี
“แล้วจะเอาไง จะโทรกลับไปหามันไหม”
อินเอียงหน้าตรงเอาคางยันกับโต๊ะแล้วมองหน้าเพื่อนสนิท
“เอาไงดีวะ” สมง สมองไม่มีแล้ว
“เอางี้ไหมมึง” เพื่อนสนิทก้มหน้ามาแทบจะชิดกัน ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขา
“ลีลา” อินอดด่ามันไม่ได้จริงๆ
“ระหว่างที่ยังคุยกับดิน มึงไม่ต้องติดต่อกับไอ้กิตเลยไหม โทรมาก็ไม่ต้องรับ ส่งข้อความมาก็ไม่ต้องส่งกลับ หรือไม่ก็บล๊อคแม่งเลย”
“...”
“เหมือนคนเลิกยาไงมึง หักดิบไปเลย มึงจะได้รู้ว่ามึงก็อยู่ได้ ไม่แน่มึงอาจจะลืมมันไปเลยก็ได้” กีทำสีหน้าตื่นเต้นพูดจาหว่านล้อมเขาไม่หยุด นี่ส่งมันไปช่วยงานถ้ำกระบอกเลยดีไหม
“ไม่รู้ว่ะ เอางั้นหรอ” แต่อินก็ยังสับสน ทำได้แค่เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามออกมา
“เออ เอางั้นแหละ เอาโทรศัพท์มา กูจะบล๊อค”
กีเลื่อนตัวไปตั้งใจจะคว้าโทรศัพท์เพื่อนสนิทมาบล๊อคเบอร์คนที่เกลียดอย่างที่อยากทำมาตลอดแต่ว่าอินไวกว่า เจ้าตัวยืดหลังตรงแล้วคว้าโทรศัพท์เข้าไปไว้กับตัวอย่างรวดเร็ว
“เออๆ ไม่ต้องบล๊อคหรอก กูแค่ไม่รับสาย ไม่ส่งข้อความ โอเคนะ”
กีส่งสายตาระแวงมาให้ แต่ก็ยอมพยักหน้าตกลง
“แต่กูส่งตอบกลับไปอันนึงก่อนไหม เมื่อวานเขาทั้งโทรมา ทั้งข้อควา..เออๆ ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้ ไม่ส่งก็ไม่ส่ง”
กีทำหน้าดุใส่เพื่อนแต่ก็อดขำมันไม่ได้ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการของคนที่จมปลักกับความรักห่วยๆมาเป็นปี
*****
ถ้าตอนเรียนจะขยันแบบนี้5555
ขอบคุณทุกคำแนะนำนะคะ ปลื้มมากเลยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-05-2019 17:34:58 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (02:00 ไม่ใช่แฟน)
«ตอบ #17 เมื่อ21-05-2019 07:52:14 »

:กอด1: :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ Panza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (02:00 ไม่ใช่แฟน)
«ตอบ #18 เมื่อ21-05-2019 13:31:57 »

ส่งกำลังใจ ชอบนะคะ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
03:00 Friends with benefits
 
ผมจะเล่าให้ไอ้อินฟังได้ยังไง
ของร้องล่ะ ให้เรื่องนี้มันตายไปกับผมดีกว่า
สั่งสอนมันไว้เยอะจะมาตกม้าตายก็ตอนนี้แหละ
ก็จะเรื่องอะไรล่ะครับก็ไอ้friends with benefits บ้าบอนี่แหล่ะ
 
เมื่อวานตั้งแต่เข้าไปในร้านล่องลอยผมก็ได้แต่มองคนบนเวทีตาไม่กระพริบ คนร้องนี่ไม่ต้องพูดถึง หน้าตาดีพรีเมี่ยมแถมบวกกับเสียงนุ่มชวนหลงไหล ก็ไม่แปลกที่สาวๆที่มานั่งฟังเพลงหน้าเวทีแทบจะละลายกันไปหมดแล้ว แต่คนที่ผมนั่งจ้องอยู่ไม่ใช่นักร้องนำหรอกนะ มือกีต้าร์ข้างตัวนั่นต่างหากล่ะ
คือถ้าคุณมองแว๊บแรกเขาอาจจะหล่อไม่เท่าอีกคน แต่ตาคมกับจมูกโด่งๆ พร้อมผมที่ยาวประบ่า นี่ยังไม่รวมถึงท่าดีดกีต้าร์โปร่งอย่างมืออาชีพแบบนั้น หืม มันทำผมใจสั่นไปหมดครับ
 
คือบอกเลยว่ามันใช่..คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ
คือผม...ผมอยากได้คนนี้!!! ง่ะจะเอา!!
 
พอหย่อนก้นลงบนโซฟาปุ๊ปผมก็รีบสะกิดแขนไอ้อินปั๊ปถามมันให้แน่ใจว่าคนที่เข้ามาหามันคือคนไหนกันแน่ ผู้ชายมันสำคัญก็จริงครับ แต่ไอ้เรื่องชอบแฟนเพื่อนอะไรแบบนั้น บอกตรงๆผมไม่เอาด้วยหรอก สำหรับผมเพื่อนมาก่อนเสมอ
 
แมนได้ใจป่ะล่ะ
 
แต่พอผมรู้ว่าเป็นคนร้องนำก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างนี้แปลว่าเต๊าะได้เนาะ ผมก็เลยมีกระจิตกระใจนั่งจิบเหล้าพร้อมส่องคนบนเวทีได้อย่างสบายใจ ยิ่งมองก็ยิ่งหลง งานดีจริง มาดนิ่งแบบพระเอกเกาหลี กีรติตัวร้ายกับผู้ชายเงียบขรึม อยู่บนเวทีแล้วสาวกรี๊ดแบบนี้กลับไม่มีหลุดยิ้มสักนิด แบบนี้สิดี เกลียดนักพวกที่ชอบแจกจ่ายรอยยิ้มไปทั่ว เจ้าชู้จีบไม่เลือก เข้มขรึมแบบนี้ บอกเลยโดนใจที่สุด
 
ผมนั่งเพ้อได้ไม่นานก็ต้องละสายตามามองไอ้เพื่อนสนิทที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องจอโทรศัพท์อยู่ท่าเดียว พอแอบดูก็เห็นมันกำลังอ่านข้อความล่าสุดที่เพิ่งได้รับจากไอ้คนเดิมคนเดียวของมัน ข้อความที่ส่งมาก็โครตจะอ่อย บอกเลยว่าเกลียดแม่งจริงๆเกิดมาผมไม่เคยพบเคยเห็นคนแบบนี้มาก่อนคือแบบมึงจะชัดเจนบ้างไรบ้างไม่ได้เลยหรอ เลือนลางจนกูจะมองไม่เห็นตัวมึงอยู่ล่ะ!
 
กำลังบ่นแฟนเก่าไอ้ตัวแสบอยู่ดีๆนักร้องนำบนเวทีก็มายืนอยู่ตรงหน้า ไม่ทันได้ชวนนั่งก็ถือวิสาสะนั่งตรงข้ามเพื่อนผม และแหมมมมมม
 
จ้องเพื่อนกุตาหวานฉ่ำขนาดนั้น ไล่กูกลับเลยเหอะ
 
หมั่นไส้ได้แป๊ปเดียว มือกีต้าร์ที่ผมนั่งเพ้อมาทั้งคืนก็เดินเข้าทักเพื่อนตัวเอง ระยะประชิดแบบนี้ หล่อกว่าเดิมไปอีก แถมตัวก็สูงใหญ่กร้าวใจ ผมขอฟันธงตรงนี้เลยได้ไหม คนนี้แหละใช่เลย ใช่พ่อของลูกผมแน่นอน!! นึกแล้วก็อยากถามเจ้าตัวจริงๆ
 
เล่นกีต้าร์ได้แล้วไม่อยากลองเล่นกีรติบ้างหรอฮับ บร้า!
 
“คนที่เล่นกีต้าร์เมื่อกี้” ผมกล่าวทัก ทำหน้าไม่แน่ใจ แต่บอกเลยว่าเกิดมาไม่เคยทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้มาก่อน แล้วตอนพูดนี้เลือกเอียงหน้าด้านที่ดูดีกว่าให้อีกฝ่ายแถมยรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจแถมไปอีก แหม อ่อยอยู่นะรู้ตัวไหม
 
“ครับ เพราะไหมเอ่ย” อีกฝ่ายหันมาขยิบตาให้ แถมยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่ผมอีก
 
อ้าว
เรดาห์กระดิกเลยกู
ที่ว่าหล่อๆคูลๆ ขยิบตาที่เดียวกูเห็นถึงลิ้นไก่(?)
หน้าม่อชัวร์
 
ผมเป็นคนที่จับเรดาร์คนเจ้าชู้ได้เร็วมากครับ อาจจะเป็นเพราะคนรอบตัวผมค่อนข้างโชคร้าย โดนพิษคนเจ้าชู้เล่นงานมานักต่อนัก กว่าจะฟื้นกันมาได้ ก็ต้องช่วยแบกช่วยหามกันจนเหนื่อย ด้วยเหตุนี้ผมจึงค่อนข้างระมัดระวังตัว เห็นผมแบบนี้แต่ผมก็มีคนมาจีบมาคุยด้วยตลอดนะ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ เกราะป้องกันตัวผมมันสูงเลยยังไม่ได้มีแฟนกับเขาสักที แต่อย่านึกว่าผมจะเหงานะครับ ถ้ามีแล้วต้องทรมานเพราะความมักมากของอีกฝ่าย ผมขออยู่เป็นโสดให้คนเสียดายเล่นดีกว่าครับ
 
“ไม่ได้ตั้งใจฟัง”
ผมตอบเสียงเรียบ ตัดจบจ๊ะ หล่อกว่านี้ผมก็ไม่เอาหรอก ไม่อยากเจ็บเหมือนคนข้างๆ
“โอ๊ะ เสียใจจังเลย”
ยัง...มึงยังไม่หยุดอีก
“งั้นวันหลังต้องลากไปนั่งหน้าเวทีแล้ว”
ให้ตาย...มึงไปกองรวมกันกับไอ้กิตเลยไป
 
——
 
ผมเห็นว่าใกล้เที่ยงคืนแล้วก็เลยขอตัวกลับบ้านก่อน พ่อแม่ของผมอยู่ต่างจังหวัด ตอนนี้บ้านที่กรุงเทพฯจึงมีแค่ผมกับพี่สาวสองคนเท่านั้น ค่ำมืดแบบนี้ผมไม่อยากให้พี่อยู่บ้านคนเดียวเลย เลยลุกขึ้นกระชับกระเป๋าว่าจะเดินออกไปเรียกแท๊กซี่ แต่เพราะวันนี้ผมดื่มไปค่อนข้างเยอะไอ้อินเลยอาสาจะตามมาส่งผมให้ได้ ตอนแรกก็ว่าจะให้มันกลับไปนอนที่บ้านด้วยกัน แต่พอสบตากับนักร้องนำที่มองตามมันตาละห้อย ผมจึงต้องรีบปฎิเสธมันจ้าละหวั่น อยากให้มันไปรีบๆเคลียร์กับอีกฝ่ายให้เรียบร้อย ปฎิเสธไปปฎิเสธมา คนหน้าม่อก็เสนอตัวจะมาส่งผมแทน แน่นอนว่าผมต้องปฎิเสธ แต่ไอ้อินก้ยังยืนยันว่าถ้าผมไม่ยอมให้ต้นไปส่งมันจะไปเอง ผมมองหน้าคนเจ้าชู้อย่างชั่งใจ บอกตรงๆว่ายังระแวง แต่หน้าตาหล่อๆที่ผมแอบจ้องมาทั้งคืนที่กำลังส่งสายตาออดอ้อน บวกกับแอลกอฮอล์ในร่างกายผมตอนนี้ มันทำให้ผมไม่สามารถทบทวนอะไรในสมองให้ดีก่อนที่ผมจะพยักหน้าตอบรับไป
 
[วันนี้พี่นอนห้องพี่พลนะ] เสียงพี่จีเอ่ยขึ้นในโทรศัพท์
“เอ้าแล้วไม่บอกน้องก่อน น้องอุตส่าห์รีบกลับมานอนด้วยเลยนะ”
ผมบ่นให้พี่สาวในโทรศัพท์แอบเหลือบไปเห็นคนข้างๆหลุดขำกับคำแทนตัวของผม ทำไงได้ก็คนมันชินไปแล้ว
“อ่ะๆงั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ ครับๆน้องไม่บอกป๊าหรอก ฝากสวัสดีพี่พลด้วยน้า”
ผมวางโทรศัพท์หันฉับไปด้านข้างก็ยังเห็นคนขับพยายามกลั้นขำอยู่
“ตลกจังนะ”
คนขำรีบหุบยิ้มทันที
“โอ๋ๆไม่ขำแล้วครับน้อง”
กวนตีน!
“ก็มันชินเรียกมาตั้งแต่เด็ก”
“ไม่ได้ว่าอะไรเลยนะน่ารักดีออกน้องกี”
“อย่ามาเรียกแบบนี้นะไม่ชอบ”
แม่งใจสั่นเลยไอ้บ้า
“ครับๆไม่งอแงนะ”
คนข้างตัวเอื้อมมือมาดึงแก้มผมเบาๆส่ายไปมาทำเหมือนผมเป็นเด็กน้อยไปได้
“เมมเบอร์ตัวเองให้หน่อยสิ” อีกฝ่ายยื่นมือถือของตัวมาให้ ผมเลิกคิ้วขึ้นหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
จะรุกใช่ไหม
“เพื่อ?”
“ไม่ได้หรอครับ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้..”
“งั้นก็แปลว่าได้”
“...”
“แล้วอย่าลืมกดโทรเข้าเครื่องตัวเองด้วยนะ”
นี่ผมกำลังโดนจีบแน่ๆ ลังเลใจอยู่พักนึง ผมก้เอื้อมมือไปเอาโทรศัพท์จากเขา มองหน้าด้านข้างอีกฝ่ายอย่างพิจารณา หรือผมตัดสินคนตรงหน้าเร็วไปหรือเปล่า คิดดูดีๆที่นั่งด้วยกันวันนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ออกจะคุยสนุกแล้วก็ไม่ได้เกาะแกะจนหน้ารำคาญ อาจจะไม่สุขุมนุ่มลึกอย่างที่คิด แต่ยิ้มที่ส่งมาให้ก็หวานชวนฝันอยู่ เมื่อคิดได้แบบนั้นก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอก เมมเบอร์ตัวเองด้วยชื่อเล่น กี – บริหาร แล้วโทรเข้าเครื่องตัวเอง ยืนยันอีกครั้งว่ายังไม่ไว้ใจ แต่ผมก็พอมีเหตุผลของตัวเอง
ก็แหม เราไม่ควรจะด่วนตัดสินคนไม่ใช่หรอ ผมจำได้ แม่ผมสอนไว้
และแม้คนเราไม่ควรจะดูคนที่หน้าตาก้จริง แต่ถ้าหน้าตาแบบนี้ก็ขอดูไปก่อนไม่ได้หรอ!
 
เราคุยกันไปเรื่อยๆพร้อมที่ผมคอยบอกทางอีกฝ่ายจนตอนนี้รถมาจอดหน้าบ้านพอดิบพอดี บ้านของผมมืดสนิทมีเพียงแสงจากไฟหน้าบ้านสองดวงที่ยังสว่างอยู่ อีกฝ่ายบอกให้รอแป๊ปแล้วรีบลงจากรถอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่ง
หืมม ก็ได้อยู่นะ
“ถึงแล้วครับน้องกี”อีกฝ่ายทำท่าล้อเลียนจนผมอดค้อนใส่เล็กๆไม่ได้ กระชับกระเป๋าตัวเองแล้วก้าวลงจากรถวันนี้ดื่มเยอะไปจริงๆ สติแทบไม่เหลือแล้ว
“งั้นก็..ขอบใจนะ”
ผมบอกลาเขาเมื่อเราเปิดรั้วด้านหน้า เดินเข้ามาถึงประตูหน้าบ้าน
“ไม่มีใครอยู่หรอ ไฟมืดเชียว หรือนอนกันหมดแล้ว”
“ไม่มีหรอก วันนี้พี่ไปนอนบ้านแฟน”
อีกฝ่ายมองหน้าผมไม่วางตา สายตาที่ส่งมาตอนนี้ดูต่างจากทุกที เป็นสายตาที่ทำให้ผมอึดอัด หายใจผิดจังหวะไปหมด เขาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ผมจนตอนนี้แทบไม่มีช่องว่างระหว่างเราเหลือแล้ว
“อยู่คนเดียวไม่กลัวหรอครับ” เขาเอ่ยออกมาเสียงพร่า เริ่มคลอเคลียบริเวณหัวไหล่ผม เลื่อนไล้มาจนถึงซอกคอ ตอนนี่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ผสมกับน้ำหอมผู้ชายสะอาดๆลอยมาติดจมูก
“ก็...ก็ไม่กลัวหรอก” 
คือตอนนี้กูกลัวที่สุดก็คงเป็นใจตัวเองนี่แหละ!
ริมฝีปากอีกฝ่ายสะเปสะปะพัดผ่านโดนใบหูสองสามครั้งอย่างตั้งใจจนตอนนี้ผมเผลอกลั้นหายใจไปแล้ว
“ให้ผมเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนไหม”
ผมเริ่มรู้สึกประหม่าคดหัวไหล่เข้าหาตัวเมื่อเขาจงใจกระซิบข้างใบหูพูดเสร็จก็เลื่อนลงไปงับติ่งหูของผมช้าๆ
“นะ...”
เชี่ย! บอกเลยว่าตอนนี้ระทวยจนจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว  เมื่อเขาเห็นผมยังไม่ได้ผลักออกก็ยิ่งจงใจรุกหนักมากขึ้น เริ่มจุ๊บเบาๆตั้งแต่ใบหูเลื่อนมาที่แก้ม ตา จมูก แล้วปะทะเข้าเบาๆที่ริมฝีปาก ค่อยๆเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นจนปากผมเริ่มชา ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากของผมช้าๆแล้วดุนดันแทรกลิ้นร้อนของตัวเองเข้ามาในโพรงปากของผม สติที่ไม่ค่อยมียิ่งริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ ตาที่แทบจะปิดปรือจ้องมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่วางตา ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำหน้าแบบไหน รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรจะปล่อยไปมากกว่านี้แต่เหมือนความร้อนที่เพิ่มมากขึ้นตามเวลาที่เราสัมผัสกัน มันเข้ามาครอบงำการกระทำทั้งหมดของผมในตอนนี้เสียแล้ว
 
 
“ครั้งแรกหรอ?”
ผู้ชายตัวโตร่างเปลือยลุกขึ้นไปเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงก่อนจะถามผมด้วยแววตาสงสัยปนเหลือเชื่อ
“เออดิ! แล้วไม่ต้องมาใกล้เลยนะใหญ่แบบนั้นจะเข้าได้ยังไง” ผมโวยวายสุดเสียง จากที่เมาๆตอนนี้สติกลับมาครบถ้วน
ครับ ก็มันก็ครั้งแรกของผมนี่น่า!!
แหมจะว่าผมใจง่ายก็ว่ามาเลยนะครับ ก็มันเคลิ้มอ่ะ ให้ทำไงล่ะ แล้วแบบคนเรามันก็อยากรู้อยากเห็นกันทั้งนั้น เขาว่าถึงครั้งแรกมันจะเจ็บแต่พอผ่านไปได้มันก็จะสุดยอดมากเลยไม่ใช่หรอ แล้วดูอีกฝ่ายสิ หล่อกล้ามโตขนาดนี้มันก็น่าลองไม่น้อยไม่ใช่หรอ แล้วแถมเขาก็จีบผมอยู่ (?)
ได้กันแล้วค่อยเรียนรู้กันมีหลังก็ได้ไหม
แต่มันไม่ไหวจริงๆนะครับ!

นิ้วแรกเข้าไปก็ว่าพอทนได้
นิ้วสองตามมาก็ยังเคลิ้ม
แต่พอนิ้วสามตามมา บอกเลยว่าเริ่มไม่เป็นตัวขอตัวเองล่ะรู้สึกเสียดยังไงไม่รู้ แต่ก็แอบเคลิ้มอยู่นะคิดอยู่ว่าวันนี้คงเสียพรหมแน่นอน
แต่พออีกฝ่ายถอดกางเกงออกหมดเท่านั้นแหละ
มึงกะจะไม่ให้กูมีชีวิตต่อไปเลยไง!?
กูยังมีพ่อแม่ต้องดูแลนะ!
ไอ้ที่เคลิ้มๆมึนๆบอกเลยตอนนี้ตาสว่างจ้า พยายามทำหน้าไม่กลัวเมื่ออีกฝ่ายเขยิบเข้ามาใกล้ เผลอมองลอนกล้ามของอีกฝ่ายจนแอบเคลิ้มปนิดนึงพอทำใจสู้ขึ้นมาได้บ้าง แต่พอเจ้าต้นน้อยไม่ใช่สินี่มันต้นไม้สิบคนโอบ!! มาแตะด้านหลังเท่านั้นแหละ สติแตกจนเผลอผลักอีกฝ่ายออกไปจนตกเตียงดังโครม
“แล้วทำไมไม่บอก”
อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแอบเห็นเขาถอนหายใจหนักๆแล้วก้มหยิบเสื้อผ้าที่ทิ้งไว้ปลายเตียงมาใส่
ผมที่ยังตกใจกับเจ้าต้นยักษ์ทำได้แค่นั่งขดตัวอยู่บนเตียง ร่างเปลือยของผมมีแค่ผ้านวมผืนใหญ่บังตัวไว้เท่านั้น อีกฝ่ายแต่งตัวเสร็จก็มาทิ้งตัวลงบนเตียงข้างๆผม เมื่อเห็นหน้าใกล้ๆแบบนี้ ผมรู้สึกได้ว่าเขาเกร็งกว่าปกติ หน้าตาเต็มไปด้วยความกังวล
“เจ็บมากไหม”
ผมพยักหน้า จริงๆมันก็ยังไม่ได้เจ็บอะไร ผมแค่กลัวมากกว่า
“ขอโทษนะทำไมไม่บอกว่าครั้งแรกละครับ”
ผมรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที สัมผัสได้ว่าเขาคงเป็นห่วงผมมาก

“แล้วจูบ...นี่ครั้งแรกหรือเปล่า”
“เปล่า...”
“แล้วจริงจังไหม”
คือ?
“ห๊ะ...คือยังไง”
อีกฝ่ายทำหน้ากระอักกระอ่วน
“เห็นกีดูสบายๆ ตกใจหมดเลยที่เป็นครั้งแรก”

มึงด่าว่ากูดูง่ายเลยไหม

“อย่าบอกนะ ว่าต้องรับผิดชอบ” อีกฝ่ายหน้าซีดลงกว่าเดิม
ไอ้เชี่ย!
“ไม่...ไม่จำเป็นหรอก จริงจังหรอ โอ้ยไม่เอานะ ไม่อยากโดนผูกมัด นี่เราก็คิดแล้วอยู่แล้วว่าต้นคงไม่ได้จริงจัง ดีนะเนี้ยที่เข้าใจถูก ดีใจจังไม่โดนจีบ แฟนเฟินไม่เอานะ ฮะฮะ”  ผมพูดซะยาวเหยียด ยกทุกข้อแก้ตัวที่พอจะหาได้ ออกมาใช้
จังหวะนี้ขอกูเหลือศักดิ์ศรีให้ตัวเองภูมิใจหน่อยเหอะ
ว่าแต่ว่าอะไรคือขำ ฮะฮะ ตอนท้ายว่ะ
 
“เนอะ แบบfriends with benefits เนอะ”
เนอะพ่องเนอะแม่งมึงสิ
แก้มของอีกฝ่ายดูมีเลือดฝาดกลับมา ดวงตากังวลกลับมาวาววับ ปากที่เคยงุ้มลงตอนนี้กลับยกยิ้มขึ้นมาอย่างสบายใจอีกครั้ง

สรุปมึงไม่ได้ห่วงกูเจ็บ มึงกลัวกูจับมึงว่างั้น ไอ้....
“ค่อยโล่งหน่อยเนอะ ตกใจหมดเลย”
ฟอด
คนพูดว่าแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเงิน มือถือและถุงยางอนามัยที่ยังไม่ได้เปิดใช้จากโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วโน้มตัวมาหอมแก้มผมหนึ่งที
“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ โทรเรียกต้นได้เลยนะ จะมาสอนให้หมดเปลือกเลย” 
ว่าเสร็จก็ขยิบตาพร้อมส่งยิ้มหวานให้ผมหนึ่งที ก่อนจะเดินออกจากห้องไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถของอีกฝ่ายจากด้านล่าง ผมเอามือขยี้ผมที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วอย่างโมโห


หมดกันไอ้กี รู้ถึงไหนอายถึงนั่น กูว่าแล้วว่ามันเลว กูว่าแล้วว่ามันหน้าม่อ ทำไมมึงไม่เชื่อเรดาห์ตัวมึงเองนะ!!!

*******
เคยอยากเขียนตัวละครที่มีคาแรกเตอร์แบบนี้มาตลอด คือเมย์ว่าการเขียนที่ยากที่สุดคือการเขียนให้มันตลก หวังว่าพอจะทำให้อมยิ้มได้บ้างนะคะ กีน่ารักเนอะ เอาชื่อมาจากเพื่อนสนิทเลยนะคะ ฮ่าๆๆ ฝากเชียร์คู่นี้ด้วยนะคะ อาจจะไม่ใช่คู่หลักแต่น่ารักน้า
 
 
 
 
 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-05-2019 17:37:22 โดย Maywrite »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig2:
ติดตามค่ะ
 :3123:

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :pig4: ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สนุกครับ,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
04:00 โชคดี
 
“ไงมึง คุยกับใครว่ะ นั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อยแต่เช้า”

บดินทร์เดินมาใต้คณะพร้อมแทนคุณเพื่อนในกลุ่มอีกคน ในมือมีถุงเซเว่นสองถุงที่เต็มไปด้วยของกินหลากหลายชนิดพร้อมเครื่องดื่ม พวกเขามักจะซื้อกินกันแบบนี้ในวันที่มีเรียนเช้าแทนการไปโรงอาหารที่ไกลจากคณะพอสมควร

“ไงมึง”
ตั้งต้นร้องทัก เงยหน้ามองเพื่อนตัวเองนิดนึงก่อนจะกลับไปตั้งใจพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ต่อ

“คุยกับใครวะ เด็กใหม่อีกแล้วหรอ” แทนโน้มตัวลงไปดูในโทรศัพท์

“น้ำไหนวะ” แทนว่าขึ้น เมื่ออ่านเจอชื่ออีกฝ่ายจากในไลน์

“บัญชี”

“เชี่ย มึงอย่าบอกว่า น้ำเดือนบัญชีนะ” ต้นหันมามองหน้าเพื่อนสนิทแล้วยิ้มอย่างคนเหนือกว่า

“มึงแม่ง เปลี่ยนแฟนเร็วยิ่งกว่ากูเปลี่ยนแปรงสีฟัน”

“มันไม่ได้เปลี่ยนบ่อย” ต้นหันไปมองเพื่อนอย่างชื่นชม ไม่คิดว่ามันจะแก้ตัวให้

“แต่มันแค่คบไปพร้อมๆกันทุกคน” ต้นกรอกตามองบน
ดินแปะมือกับแทนหนึ่งที ก่อนจะหัวเราะอออกมาพร้อมกัน ใครๆก็รู้ว่าไอ้ต้นมันน่ะไม่ธรรมดา

เดือนเจ้าชู้ประจำคณะ

“ไปคุยกันตอนไหนวะ หรือเมื่อคืนที่ร้าน” แทนยังคงซักต่อ

“อืม เมื่อวานเขามาที่ร้าน พอกูเล่นเสร็จก็เลยเดินเข้าไปคุย นี่กูไลน์คุยกันจนกูยังไม่ได้นอนเลย วันนี้พวกมึงจดแลคเชอร์แทนกูด้วยนะ”

ว่าเสร็จเจ้าตัวก็กดปิดหน้าจอ ยัดมือถือลงกระเป๋า เริ่มค้นถุงเซเว่นที่วางอยู่บนโต๊ะ หยิบซาลาเปาไส้หวานขึ้นมากิน

“ว่าแต่เย็นนี้พวกมึงไปงานวันเกิดไอ้นัทไหม” คนที่มีซาลาเปาอยู่เต็มปากว่าต่อ
“เออกูก็ว่าจะถามพวกมึงอยู่ กูยังไม่มีของขวัญเลยว่ะ หารกันซื้อไหม”
“กูหารด้วยได้ไหมแต่วันนี้กูไม่ว่างนะ คงไม่ได้ไป”
“เมิงไปไหนว่ะ”
“นัดอินไว้”
“นัดไปไหน”
“กินข้าว”
“แล้ว?”

ดินมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองไม่เข้าใจสิ่งที่มันกำลังถาม

“แล้ว?”
“แล้วไปไหนกันต่อ?”
“ก็ไม่ได้ไปไหนก็ไปส่งที่ห้องมั้ง”

เพื่อนทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย รู้สึกละเหี่ยใจกับคนตรงหน้าที่สุด ตั้งแต่เริ่มคุยกันนี่ไปรับไปส่งทุกวันไม่เคยขาด จากเมื่อก่อนกลุ่มพวกมันเคยไปเที่ยวด้วยกันตลอด ตอนนี้แทบจะไม่ได้เจอมันด้วยซ้ำถ้าไม่มีเรียน
 
“กูก็รู้ว่าข้าวใหม่ปลามันนะ แต่มึงจะทิ้งเพื่อนทุกครั้งไม่ได้ครับคุณดิน”
“มึงจะเบี้ยวนัดวันเกิดเพื่อนเพราะติดกินข้าวไม่ได้”
“เช้า สาย บ่าย เย็นแบบนี้ของตายชัดๆ เดี๋ยวก็โดนเบื่อหรอก”
“ใช่นี่คือเจอกันทุกวันเลยงี้ กลัวแฟนหายหรอวะ”
“ยังไม่ใช่แฟน” ดินสวนกลับ
“อือฮือที่พวกกูพูดมาทั้งหมดมึงจับใจความได้ประโยคเดียว?”

ดินหัวเราะให้กับท่าทางของเพื่อนทั้งสอง

“เออ ปล่อยกูไปเถอะ งานหน้ากูไม่เบี้ยวแน่นอน”
“โดนด่าว่าน่ารำคาญเมื่อไหร่ มึงอย่ามาร้องไห้ซบอกกูแล้วกัน” ต้นยังไม่หยุดบ่น
“โธ่ คุณต้นครับ เวลาคุณหายไปกับเด็กของคุณเนี้ย พวกผมยังไม่ว่าอะไรเลยนะครับ” ดินหัวเราะ
“แต่ไอ้ต้น แต่กูก็พอจะเข้าใจได้นะ แฟน...เอ๊ย...คนที่คุยกันอยู่ของไอ้ดินก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ”
“มันก็ใช่...”

ต้นว่าต่อ รู้สึกเห็นด้วยกับเพื่อนสนิท อินทัชน่ารักจริงๆนั่นแหละ ขาวๆ ตัวเล็กๆ แล้วก็ดูขี้อายด้วยดูนุ่มนวลแบบโครตน้องเลย
น้อง?
คิดถึงตรงนี้ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ คนที่โตป่านนี้ยังแทนตัวกับพี่สาวว่าน้อง ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จะว่าติดใจก็ติดใจอยู่หรอกนะ คนอะไรทำเป็นเก่งแต่จริงๆแล้วลูกแมวฉิบหาย ขู่แง้วๆแต่ละทีไม่ได้มีความน่ากลัวเลย โดนจีบหน่อยก็หน้าแดงแป้ด แล้วก็ไอ้เพื่อนนอนที่บอกน่ะ ไม่จริงหรอก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่จะนอนกลับใครไปทั่ว แล้วยิ่งนั่นครั้งแรกอีก

เพราะงี้ไงถึงไม่โทรไปหา คนแบบผมไม่จริงจัง แต่ก็ไม่เล่นกับหัวใจใคร ใครเล่นมาก็เล่นกลับเท่านั้นเอง


แต่เสียดายว่ะ น่ารักจริงๆนะ 
“แม่งหมั่นเขี้ยวฉิบหาย”

ดินหันขวับมองเพื่อนสนิทจนอีกคนรีบยกมือขึ้นสองมือส่ายไปมาเป็นการปฎิเสธ

“ไม่ได้หมายถึงเด็กมึงนะ กูแค่คิดถึงคนอื่นอยู่”

ดินยังมองตาอย่างระแวง เอานิ้วชี้หน้าอีกคนก่อนจะเอานิ้วนั่นไปทำท่าปาดคอ หึงโหดฉิบหาย


“แล้วมึงยังไม่ได้เป็นแฟนกันอีก เดือนกว่าแล้วไหม” ต้นว่าต่อ
“42 วันล่ะ”
“เหี้ยแหละ โครตสาว” แทนคุณก้มหน้าลงบนแขนที่พาดอยู่บนโต๊ะ ใช้กำปั้นของมือที่ว่างอยู่ทุบโต๊ะรัวๆ


มึงจะอินเลิฟก็ได้แต่มึงไม่ควรจะใยไหมขนาดนี้ไหม

“เสือก”
“นี่เพื่อนนะครับ เผื่อลืม”
“แล้วใจอ่อนยัง”
“ไม่รู้”


ดินอยากจะคิดว่าอีกฝ่ายใจอ่อนแล้ว เพราะตั้งแต่บอกอีกฝ่ายว่าจะจีบวันนั้นเขาก็คอยตามรับตามส่งทุกวัน จะไม่เจอกันบางอาทิตย์ที่เขาหรืออีกฝ่ายกลับบ้านเท่านั้น ช่วงที่ไม่เจอกันก็คุยโทรศัพท์กันตลอด ไม่ใช่แค่เขาแต่ฝ่ายนั้นก็โทรมา หรือส่งข้อความมาบ้าง ถึงจะน้อยแต่มันก็เรียกว่าใจอ่อนได้หรือเปล่า

“พี่ดินนนนนนนนนนน”
“เอ้า เด็กมา”
“เด็กพ่อมึงสิ”
“เห้ยจริงดิ กูฟ้องแม่” มุกมึงนิ


ดินไม่ต้องหันไปด้านหลังก็รู้ว่าเสียงใคร หมีพูห์น้องรหัสของเขากำลังวิ่งหน้าตั้งเข้ามา เมื่อใกล้จะถึงตรงที่เขานั่งก็กระโดดโผลตัวเข้าใส่จากด้านหลัง รัดคอเขาจนแทบจะหายใจไม่ออก


“พี่ดิน คิดถึงจังเลย”
“ได้ข่าวว่าเมื่อวานก็เจอ” ไม่ใช่ดินแต่เป็นแทนที่ทนไม่ไหวตอบออกไป เขานึกรำคาญไอ้น้องรหัสของเพื่อนสนิท หน้าตาก็น่ารักอยู่นะ แต่คนอะไรไม่รู้ตามติดไอ้ดินเป็นปลิงตลอดเวลา  โผล่มาทีไรทำเสียงดังโวยวายหน้ารำคาญที่สุด


“เค้าคุยกับพี่ดิน นี่ถ้ารุ่นเดียวกันด่าว่าเสือกไปแล้ว” คนตัวเล็กหันไปค้อนใส่เพื่อนพี่รหัส


“เหมือนโดนมึงด่าไปแล้วเลยไอ้อะเตี้ย”
“โอ๊ย พี่ดิน พี่ต้นดูสิ เพื่อนพวกพี่โครตใจร้าย แถมหน้าตาขี้เหร่มาแต่ไกล เป็นเพื่อนพวกพี่สองคนได้ไงอ่ะ” หมีพูห์พูดกับรุ่นพี่สองคน แต่ส่งสายตาค้อนไปยังผู้ชายที่เจอกี่ทีก็ไม่ถูกชะตา


“พอๆ พี่จะไปเรียนแล้ว เราไม่มีเรียนเช้านี่วันนี้ ทำไมมาเร็ว” ดินลุกขึ้น เริ่มเก็บของที่กินใส่ถุงพลาสติกเตรียมเอาไปทิ้ง


“โอ้ย ปลื้มไปอีก จำตารางน้องรหัสได้ด้วย” หมีพูห์จับแขนอีกฝ่าย เอาหัวไปถูไถอ้อนอีกฝ่าย


“ลวนลามด้วยวะ โครตแก่แดด” เสียงจากข้างหลังดังมาทำให้หมีพูห์หันขวับ


“ไปแล้วนะพี่ต้น พี่ดิน” หมีพูห์ก้มลงไหว้พี่ทั้งสอง ถึงมันจะดูบ้าๆบอๆ แต่ก็เป็นคนมีสัมมาคาระวะ แล้วก็ขี้อ้อนเป็นที่สุด ดินเองก็เอ็นดูมันเหมือนน้องคนหนึ่งจริงๆ
 
+
 
Bordin : ทำอะไรอยู่เอ่ย
Intouch: ใกล้เลิกเรียนแล้ว แล้วดินทำอะไรอยู่ครับ
Bordin : ดินเลิกแล้ว เดี๋ยวขับรถไปรอที่ลานจอดรถคณะอินนะ
Intouch: ครับ แต่เกรงใจจังเลย บอกแล้วว่าไม่ต้องมารับ ไปเจอกันที่ร้านก็ได้
Bordin : ก็อยากมา แล้วดินเป็นใครถึงต้องเกรงใจ
Intouch: ง่ะ โอเคครับ
Bordin : (ลูบหัว)
Intouch: เราเป็นหมาหรอ ขยันลูบจัง
Bordin : เชื่องๆนะ
Intouch: หึย เดี๋ยวโดนกัดนะ
Bordin : ไม่เอานะ น้องหมาต้องรักเจ้าของสิ

อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ดินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจเรียนอยู่ หรือหลีกเลี่ยงคำว่าเจ้าของกันแน่ ดินรู้ว่าเราสองคนยังไม่ได้คบกัน เขาก็แค่เผลอพิมพ์ไปแบบนั้นเพื่อแหย่อีกคนเล่น แต่พออีกฝ่ายไม่ตอบเขาก็แอบใจแป่วลงเหมือนกัน

“รอนานไหม” คนตัวเล็กเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับเข้ามา ยิ้มหวานๆที่เปื้อนใบหน้าอีกฝ่ายทำให้ดินใจเต็นไม่เป็นจังหวะ
“เพิ่งมาเหมือนกัน” เขาตอบแบบนั้นทั้งที่เขามารออยู่ที่นี่ได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ดินออกรถเมื่อคนตัวเล็กคาดเข็มขัดดีแล้ว


“ไปกินร้านไหนกันดีครับ”
“ดินอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ไม่นะ ตามใจเลย”
“งั้น วันนี้ไปห้องเราไหม”
ดินชะงักแอบมองหน้าคนข้างๆ เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เขาไม่คิดว่าคนข้างๆจะคิดลึกเท่าเขาหรอก
“ก็..ก็วันนั้นที่คุยกัน ดินอยากกินสปาเกตตี้ฝือมือเรานิ” อีกฝ่ายรีบแก้ตัว กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
“จะทำให้จริงๆหรอครับ ดีใจจัง”
“งั้นก็แวะซุปเปอร์แถวหอเราก่อนนะ น่าจะของไม่ครบ”

เราจอดรถที่ซุปเปอร์มาร์เกตใกล้ๆหอพัก ดินเดินถือตระกร้าตามคนที่หยิบนั้นเลือกนี้จะเสร็จ เราจ่ายเงินแล้วถึงขึ้นลิฟท์ไปห้องอีกฝ่าย

“เข้ามาก่อนสิ”
 อินหันหน้ามายิ้มให้ผมก่อนที่จะหยุดตรงประตูรอให้ผมเข้าห้องเขาก่อน ห้องของเขาเป็นห้องพักเล็กๆ ส่วนที่เราเข้าไปมีเพียงโซฟายาวหนึ่งตัว ตั้งตรงหน้าทีวีเครื่องใหญ่ มีเคาเตอร์บาร์กั้นแบ่งส่วนของหัวครัวและห้องนั่งเล่นให้แยกจากกัน ผมเห็นประตูอีกสองบาน เดาว่าประตูแรกที่อยู่ติดกับทางออกน่าจะเป็นประตูห้องน้ำ ส่วนอีกฝั่งที่ติดระเบียงน่าจะเป็นห้องนอนเขา


“ห้องน่ารักจังเลย”
อินยิ้มกับคำชม เราวางข้าวของทุกอย่างที่ซื้อมาลงบนเคาเตอร์บาร์ อีกฝ่ายเปิดชั้นวางของในครัว ค้นไปมาแป๊ปนึงก็เจอสิ่งที่ต้องการ

“เจอแล้วว มีจริงๆด้วย ดีนะที่ไม่ซื้อมาอีก”
เจ้าตัวหยิบห่อสปาเกตตี้ขึ้นมาโบกไปมาให้ดินดู เขาบอกให้อีกฝ่ายซื้อไปเผื่อแต่เจ้าตัวก้ยังยืนยันบอกว่ามีอยู่ที่ห้อง ทำยังไงก็ไม่ยอมซื้อมาอีก
ดื้อเหมือนกันนะ

“ให้ดินช่วยอะไรไหมครับ”
“ไม่เอาสิ ไปนั่งรอเลย วันนี้เราบอกว่าเราจะทำให้กินไง”
“แต่ดินอยากช่วยอะไรบ้าง”
“งั้นเปิดเพลงให้หน่อยสิ เราชอบเปิดเพลงไปทำอาหารไป”

ดินหยิบมือถือขึ้นถามอีกฝ่ายว่าอยากฟังเพลงอะไร แต่เมื่อเขาตามใจดินเลยเข้าโปรแกรมที่ฟังประจำ เลือกเพลย์ลิสต์ที่ตัวเองสร้างไว้ อินทัชแอบอมยิ้มมองคนที่เดินไปวางมือถือลงบนลำโพง แล้วเปิดทีวีทำนั้นทำนี้รอเขาทำอาหาร วันนี้เขาตั้งใจชวนอีกฝ่ายมาเลี้ยงตอบแทน ก็ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาคนคนนี้ก็ดูแลเขาดีมาตลอด เขาก็อยากตอบแทนอะไรอีกฝ่ายบ้าง

แต่การชวนมาที่ห้องแบบนี้จะเหมือนอ่อยเกินไปไหมว่ะ
 
จำอะไรได้บ้างไหม
เกี่ยวกับฉันคนเก่า
เพลงเดิมๆที่เคยเป็นของเรา
เธอยังร้องยังฟังอยู่ไหม
 
อินทัชตาโตเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่ดังออกมาจากลำโพง มันเป็นเพลงที่เขาคุ้นเคยที่สุด ไม่ใช่ว่าเป็นเพลงที่เขาฟังบ่อยหรอก กลับกันมันเป็นเพลงที่เขาคอยเดินหนีไม่ยอมฟังต่างหาก
 
ไม่รู้ว่าความรู้สึกในตอนที่มันดึกๆ
เธอยังเหงายังเหมือนวันเก่าๆอยู่ไหม
ไม่รู้ว่าภาพแววตาที่เธอได้เคยมองมา
จะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน
 
“อินอิน”
“ครับ อ๊ะ เพลงนี้เมื่อวานอินส่งให้กิต ฟังยัง”
“อืม ฟังแล้ว”
“เศร้าเนอะ เนื้อหาน่าสงสารมาก”
“อิน กิตมีอะไรจะบอก”


วันวาเลนไทน์ที่สามที่เราคบกัน ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น รอฟังเรื่องที่อีกฝ่ายตั้งใจจะพูด อยากรู้จริงๆว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรมาให้ มือสองข้างกำกระเป๋าเป้ที่มีของขวัญที่ทำเองอยู่ ปีนี้ผมใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อที่ทำของขวัญชิ้นนี้ หวังว่าเขาจะชอบ
 
นอกจากชื่อฉันมีสิ่งอื่นอีกไหม
ที่เธอยังใส่ใจและพอจำมันได้อยู่
เศษจากความรักยังเหลือไหมก็ไม่รู้
ในความทรงจำเธอยังจะมีฉันอยู่

อินหลับตาลง ข่มน้ำตาที่พยายามจะไหลออกมาให้กลับเข้าไป เขารู้แล้วว่าเขาอ่อนแอเกินไป หนึ่งเดือนกว่าที่ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่าย เขาคิดว่าตัวเองเดินออกมาได้ไกลแล้ว แต่ใม่ใช่ เขายังย่ำอยู่ที่เดิม

อินตื่นจากความคิดเมื่อจู่ๆเพลงที่ได้ยินเปลี่ยนเป็นเพลงใหม่ที่มีจังหวะเร็วขึ้นทั้งๆที่เพลงเดิมยังไม่จบ ไม่ทันจะเอี่ยวตัวไปมองด้านหลังก็รู้สึกว่ามีสองมือเอื้อมมารอบเอว เป็นดินที่มาโอบหลังเขาไว้

“ขี้โกง” อีกฝ่ายเอาหัวมาซุกตรงไหล่ข้างหนึ่งของเขา ว่าเสียงอ่อนออกมาเบาๆ

“อะ อะไรครับ” อินรู้สึกหัวใจเขาเต้นแรง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร

 “ดินเป็นคนเปิดเพลงนะ ไม่ให้คิดถึงใครนะ”
“...”
“คิดถึงได้แต่ดินนะ” อีกฝ่ายว่า จุ๊บลงที่ไหล่เขาเบาๆหนึ่งที
อินอดยิ้มไม่ได้กลับน้ำเสียงออดอ้อนของผู้ชายตัวโต หันกลับไปมองอีกฝ่ายที่ยอมปล่อยเขาออกมา

“งั้นก็เลือกให้สักเพลงสิ ฟังทีไรจะได้คิดถึงแต่ดิน”
อีกฝ่ายมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ อมยิ้มเล็กน้อยก่อนหัวเราะเบาๆแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา


“งั้นไปเลือกก่อนครับ” อินมองอีกคนที่ไปหยิบโทรศัพท์มาเลือกเพลงก่อนที่จะหันมาทำอาหารจนเสร็จ เขาตักเส้นสปาเกตตี้ลงในจานทั้งสอง ราดด้วยซอสบอลองเนสที่ทำเป็นประจำ ยกจานทั้งสองไปวางที่โต๊ะญี่ปุ่นที่กางรอไว้แล้วหน้าทีวี กำลังจะเรียกอีกคนมานั่งกินก็พอดีได้ยินเสียงอินโทรเพลงที่ทำให้ขำกลิ้ง
 
ไอที่เจ็บก็เพราะรู้พี่เจ็บก็เพราะหนู
หนูมาทำให้พี่ละลายเพราะรอยยิ้มหนูคงพอรู้
And now what should ido
Can you be my buu
ขอเพียงแค่ชีวิตเดียวที่ใช้มันไปกับหนู
 
“ไม่ใช่แหละ แบบนี้ก็ได้หรอ” อินหันไปมองหน้าอีกคนที่ตอนนี้ยิ้มแป้นมาให้ อดไม่ได้จริงๆที่จะยิ้มกับท่าทางกวนๆของคนที่พยายามแรพตามเนื้อเพลงพร้อมกับโยกไปเบาๆ

แค่เห็นเธอยิ้มทีผมก็จะตายแล้ว
ได้โปรดรู้ไว้ใจผมละละลายแล้ว
อยากจะชวนไปเมาก็กลัวจะทนไม่ไหว
เพราะรอยยิ้มเธอมันมีผลต่อใจเหลือเกิน
 
“ให้ครับ” อีกคนตะโกนออกมาแข่งกับเสียงเพลง ตาก็อ่านเนื้อและพยายามแรพตามให้ได้ทุกท่อน อินอดขำไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายพยายามเต้นดุกดิกไปมา เห็นเขาร้องเพลงมาก็เยอะแต่เป็นครั้งแรกที่อินเห็นเขาในมุมนี้
 
ผู้ชายคนนี้เหมือนวิตามิน
วิตามินที่มาบำรุงหัวใจที่ขาดสารอาหาร
ทำไมอินจะไม่รู้ว่าเขาพยายามทำให้หัวเราะ
คนที่ไม่ยอมให้อินจมอยู่กับความเศร้าสักวินาที

อินนั่งมองคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ ถามหัวใจว่าควรเอาเขาวางไว้ตรงไหนดี

อินไม่รู้ว่าเขาพร้อมที่จะเปิดประตูที่ตัวเองปิดล๊อคมานานบานนี้ไหม
 
อินรู้แต่เพียงว่า
 
การที่วันนี้มีอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้
มันช่างเป็นโชคดีของเขาจริงๆ                           
               
 
****************
เครดิตเพลง
นอกจากชื่อฉัน - ActArt
หนูคนเดียว – VARINZ x Z TRIP Feat.PONCHET
 
ขอสารภาพคะ ตอนแรกหมั่นไส้ความมั่นหน้าของพระเอก ตอนนี้รักสุดเลยของบอกกกกก
แอบเห็นใครเพิ่มเข้ามาไหมคะ พอจะเดากันได้ไหมเอ่ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2019 09:48:09 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
คนเข้ามาเพิ่มคือคนสร้างปัญหาเพิ่มหรอครับ,,,

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: 2nd hand love / รักมือสอง (05:00 Move On) อัพ 26/05/2019
«ตอบ #25 เมื่อ26-05-2019 23:27:12 »

05:00 Move On



พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีส้มที่กำลังจะเลือนหายส่องเข้ามาในห้องเรียนห้องหนึ่งที่มีเพียงเงาของคนสองคน เวลาแบบนี้นักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมดแล้ว บนโต๊ะเรียนโต๊ะหนึ่งมีหนังสือที่เปิดค้างไว้อยู่สองเล่ม กระเป๋าเป้นักเรียนสองใบวางอยู่บนเก้าอี้คนละตัว ในบรรกาศที่เงียบสนิทแบบนี้ เสียงเดียวที่ได้ยินชัดเจนคือเสียงที่ออกมาจากการเสียดสีกันของสองริมฝีปาก





“อินอิน”

“กิต..อิน..อินหายใจไม่ทันแล้..”

พูดไม่ทันจะจบดีคนตัวโตก็โน้มตัวลงมากดจูบลงที่ริมฝีปากบางอีกครั้ง แทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากยามที่อีกฝ่ายครางออกมา อินทัชไม่รู้เหมือนกันว่าเราสองคนจูบกันมานานเท่าไหร่ อาจจะสิบนาที ครึ่งชั่วโมง หรืออาจจะเป็นชั่วโมงแล้ว จำได้ว่าแสงที่เคยมีตอนเราเข้ามาโดนแทนที่ด้วยความมืดไปแล้ว





กิตผละตัวออกจากอีกฝ่าย เอามือลูบแก้มอย่างทะนุถนอมและหวงแหนเป็นที่สุด เอื้อมเอาหน้าผากของตัวไปซบกับหน้าผากอีกคน หอบหายใจเอาอากาศเข้าไปเต็มปอดหลังจากจูบที่แสนยาวนาน พยายามควบคุมเสียงที่จะเปล่งออกไปให้ดูมั่นคงที่สุด





“อินอิน...เป็นแฟนกับกิตนะ”

อินมองสายตาออดอ้อนที่ส่งมาให้ของอีกฝ่าย เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินตอนนี้ ไม่สิ เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ คนตรงหน้าเป็นเพื่อนคนแรกที่เขารู้จักตั้งแต่เข้ามาเรียนมอต้นที่นี่ คือคนที่คอยดูแลและคอยปกป้องคนขี้กลัวอย่างเขา ไม่ว่าปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ผู้ชายคนนี้จะยื่นมือมาช่วย คอยให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างเสมอ





ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกัน แต่กิตกลายเป็นโลกทั้งใบของอินไปแล้ว





วันนี้เราสองคนตั้งใจเข้ามาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบปลายภาค เป็นสอบสุดท้ายก่อนที่เราจะเรียนจบมอต้น อินจะเรียนต่อมอปลายที่เดิม แต่กิตเลือกที่จะสอบเข้าโรงเรียนอื่น ทำให้นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ เรื่องนี้ทำให้อินคิดมากมาตั้งแต่วันที่รู้ผลสอบของอีกฝ่ายแล้ว ทั้งๆ ที่พยายามฝีนตัวเองมาตลอด แต่เมื่อเวลามันมาถึง เขาก็เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ไม่มิด





“อินไม่ให้กิตไป กิตจะทิ้งอินไปแบบนี้ได้ไง” เขาเริ่มโวยวายเมื่ออีกฝ่ายเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมา





“อินอิน มีเหตุผลหน่อยนะครับ”

“ไม่มี ทำไมกิตถึงไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งๆ ที่อินเสียใจจะตาย แต่กิตกลับจะทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้หรอ”

อินรู้ว่าตัวเองทำตัวไม่มีเหตุผล ถ้าเขารักอีกฝ่ายจริง เขาก็ควรจะดีใจที่อีกฝ่ายมีอนาคตที่ดีไม่ใช่หรอ





“ไม่ทิ้งสักหน่อย จะมาหาบ่อยๆ นะ”

กิตเอื้อมเอามือมาจับมืออีกฝ่าย อินสะบัดมือออกอย่างรวดเร็ว จ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาที่แสดงความโกรธปนน้อยใจ





“โกหก สำหรับกิต อินก็แค่เพื่อนคนนึง เวลาผ่านไปกิตก็จะลืมอิน”





อินไม่ทันตั้งตัวเมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาจับสองแก้มของเขา กดจูบลงมาบนริมฝีปากเบาๆ ผละออกมามองหน้าเขาที่ตอนนี้ทำตาโตด้วยความตกใจ ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาอีกครั้งเพื่อมอบรสจูบที่อินไม่เคยแม้แต่จะกล้าฝันถึง





“ตกลงเป็นแฟนกันนะครับ นะ” สติของอินกลับมาเมื่อได้ยินเสียงของกิตเร่งรัด





“เอ่อ...”

“ไหนว่ารักกิตที่สุดไง กิตรอมาสามปีแล้วนะ”

“...”

“...”





กิตติมองหน้าอีกฝ่าย เขาพยายามใจเย็นที่สุดแล้ว แต่เมื่อเห็นอินร้องไห้มันก็เหมือนเป็นการกดเปิดสวิตท์ของเขา เขาก็แอบกังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับที่เขารู้สึก แต่ในเมื่อเป็นครั้งสุดท้าย เขาก็อย่างลองเสี่ยงดูเหมือนกัน





“ว่าไงหมูน้อย” กิตเอามือไปดึงแก้มอีกฝ่ายที่ยังไม่มีสติดี

“กิตอยากเป็นแฟนกับเค้าหรอ จริงๆ นะ”

“แล้วสามปีนี้คิดว่าทำไปเพราะอะไร”

“จริงๆ นะ”

“อืม”

“จริงๆ นะ”

“เอ้า เครื่องแฮงค์หรอ พูดแต่คำเดิม”

“ง่ะ ก็ไม่อยากจะเชื่อนี่น่า”

“แล้วตกลงว่า...”





อินรีบเช็ดน้ำตาที่ปนความเสียใจในตอนแรกและความตื้นตันใจในตอนหลังออกไป ยิ้มและพยักหน้าให้อีกฝ่ายแรงๆ หลายที





“เอ้า หัวจะหลุดแล้ว” คนตัวเล็กโผกระโดดกอดอีกฝ่ายอย่างแรงจนกิตเกือบหงายหลัง





“อินรักกิตที่สุด ที่สุดในโลกเลย”

“เหมือนกันครับ รักอินอินที่สุดเลยนะ”





++++++++++





อินนั่งอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆ ข้างโรงเรียนมัธยมชื่อดัง เขาเรียกพนักงานมาสั่งเลมอนชีสเค้กสองชิ้นและมอคค่าร้อนสองแก้วรออีกฝ่ายที่ไลน์มาบอกว่าจะมาในห้านาที นานๆ ทีเขาถึงจะได้มาแถวโรงเรียนของอีกฝ่ายเพราะมันไกลพอสมควร แต่วันนี้วันสำคัญ





วันวาเลนไทน์ที่สามที่เราคบกัน





แอบเปิดกระเป๋ามองของขวัญที่เตรียมมาให้อีกฝ่าย ยิ้มออกมาอย่างภูมิใจเพราะสามารถลบคำสบประมาทของไอ้กีได้สำเร็จ





“หน้าอย่างมึง?”

“เออ หน้าอย่างกู”

“กูจะดูว่าว่ามันจะออกมายังไง เขาจะกล้าใช้ไหม อย่าถักเป็นรูล่ะ สงสารคนใส่”

“เชี่ย”





ถึงมันจะไม่ใช่ผ้าพันคอที่สวยที่สุด แต่เขาก็ว่ามันไม่ได้ออกมาแย่เท่าไหร่ อยากรู้เหมือนกันว่ากิตจะทำหน้ายังไงตอนได้รับ นั่งคิดเพลินๆ ก็เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในร้าน ยิ้มเล็กๆ ให้อินเมื่อตาสบกัน





“สั่งให้แล้วนะ เหมือนเดิม”

“ครับ ขอโทษนะที่มาสาย”

กิตว่าขึ้นแล้วนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม วันนี้กิตดูไม่ยิ้มแย้มเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน คิดแล้วก็เอื้อมไปแตะหน้าผากอีกฝ่าย

“เป็นอะไรครับ ไม่สบายหรอ”

“เปล่า เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”

“โหย งั้นไม่ต้องมาเจออินวันนี้ก็ได้นะ วันไหนก็เหมือนกัน”

ยังไงก็รักทุกวันอยู่แล้ว

“อินอิน”

“ครับ อ๊ะ เพลงนี้เมื่อวานอินส่งให้กิต ฟังยัง” อินว่าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเพลงนอกจากฉันดังขึ้นในร้าน

“อืม ฟังแล้ว”

“เศร้าเนอะ เนื้อหาน่าสงสารมาก”





เรานั่งฟังเพลงที่ร้านเปิดเงียบๆ พร้อมกินชีสเค้กที่มาเสิร์ฟโดยไม่มีใครพูดอะไร จนเมื่อเพลงจบลงอินก็เห็นอีกฝ่ายยืดตัวตรง





“อิน กิตมีอะไรจะบอก”





เป็นไม่กี่ครั้งที่กิตจะเรียกเขาว่าอิน ซึ่งมันมักจะเป็นตอนที่อีกฝ่ายพูดเรื่องจริงจัง อินอดยิ้มให้อีกฝ่ายไม่ได้ จะแกล้งเซอร์ไพร์อะไรอีกล่ะ ทำเนียนตลอดคนนี้





“คือกิต..กิตมีคนอื่น”





อินไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฟาดไปหรือเปล่า หรือว่าอีกฝ่ายแกล้งอำเขาเล่น พยายามมองเข้าไปในตาคนตรงหน้า เห็นเพียงแววตาที่เขารู้จักดีที่สุดสั่นไหว

แววตาที่แสดงว่าเรื่องที่พูดมันจริง





“คะ..คนอื่น..คะ..ใคร”

“เพื่อนที่ห้อง จำเจได้ไหม”

อินเคยเจอคนที่ถูกกล่าวถึงหลายครั้งเวลาออกมากินข้าวด้วยกัน เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับกิต เป็นคนเงียบๆ แต่คุยด้วยง่าย ตัวเล็กๆ ขาวๆ เหมือนเขา

ใช่ เหมือนเขา





“มันเริ่มเมื่อไหร่” อินว่าต่อเสียงแข็ง พยายามกลั้นน้ำตาที่มันจะไหลออกมาตลอดเวลา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอยากรู้ทุกอย่างหรือไม่





“ปลายปีที่แล้ว...”

“ทำไม...”

“อินอิน”

“ไม่ต้องมาเรียกอินแบบนี้!” อินตะโกนออกไปอย่างไม่ตั้งใจ เสียงดังจนคนโต๊ะอื่นหันมามอง

“กิตขอโทษ”

“ทำไม”

“...”

“ทำไมทำกับอินแบบนี้ ไม่รักอินแล้วหรอ”





“ไม่ใช่นะอิน กิตขอโทษ กิตไม่รู้จะว่ายังไง มันเป็นช่วงที่เราไม่ค่อยได้เจอกันเลย ตั้งแต่มอห้าเราก็เตรียมตัวสอบกันทั้งคู่ บางทีกิตก็น้อยใจที่อินไม่มีเวลาให้ อย่างตอนนี้ กิตก็ไม่ได้อยากมาพูดกับอินเรื่องนี้วันนี้ แต่ถ้าไม่มีข้ออ้างก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลยใช่ไหม”





“สรุปเป็นเพราะอิน?”

“เปล่านะ” อีกฝ่ายตาโตรีบปฏิเสธทันควันก่อนจะว่าต่อ

“กิต...บางทีกิตก็คิดว่าเราห่างกัน จน...จนบางทีก็รู้สึกว่า ไม่มีกันเราสองคนก็ไม่เห็นจะเป็นไร”





น้ำตาหยดแรกของอินเริ่มไหลออกมาข้างแก้ม ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง อะไรคือไม่มีเราก็ได้





“กิตอยากเลิกหรอ”

“ไม่ใช่นะ”

“แล้วกิต...”

“กิตไม่อยากโกหกอินอีกแล้ว กิตทุกข์มากที่สุด ไม่เคยมีความสุขเลยสักครั้งที่ต้องโกหก” อีกฝ่ายแทรกขึ้นมาอย่างร้อนใจ





“แล้วกิตต้องการอะไร”

อินรู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ยังนั่งมีสติคุยกับอีกฝ่ายได้อย่างนี้ เขาอยากจะเอากาแฟสาดหน้าอีกฝ่ายแล้วลุกออกไปด้วยความโกรธ แต่เขาก็กลัว

กลัวว่าถ้าไปแล้ว เรื่องทุกอย่างมันจะจบลงจริงๆ





“กิตไม่รู้อิน ไม่รู้จริงๆ” อีกฝ่ายยกมือขึ้นมายันโต๊ะแล้วกุมขมับอย่างคนที่ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ทั้งนั้น เราทั้งสองนั่งเงียบอยู่สักพัก เหมือนเป็นการทบทวนเรื่องที่กำลังเผชิญอีกครั้ง





“กิตบอกว่าเราไม่มีกันก็อยู่ได้”

“ไม่เอานะอิน! กิตไม้ได้ตั้งใจ ไม่เอาแบบนี้นะ” อีกฝ่ายเอื้อมมาจับแขนเขา น้ำตาของคนตัวโตเริ่มไหลออกมาข้างแก้ม

“กิตอยู่ไม่ได้นะ ถ้าไม่มีอินอยู่ไม่ได้จริงๆ”

“แล้วกิตเลิกกับเจได้หรอ”

“ดะ..”

“ไม่โกหก! อะไรก็ได้ ไม่โกหกอินอีกแล้วนะ”

“...” อีกฝ่ายหลบตาลง รู้ตัวว่าไม่ควรให้คำสัญญาพร่อยๆ ออกไปอีกแล้ว

“แล้วกิตจะให้อินทำยังไง จะให้อินเป็นอะไร บอกอินสิ บอกอิน”





อินพูดเสียงเบาเหมือนกระซิบ อินหลับตาลง

เขาเหนื่อย

เหนื่อยที่ต้องทำตัวเข้มแข็ง





“อิน กิตรักอินนะ”

อินลืมตาหันกลับไปสบตาอีกฝ่ายที่ตอนนี้มีน้ำตานองหน้า เขาเฝ้าพิจารณาหน้าเศร้าๆ ของผู้ชายที่เขารักมากที่สุด คนที่ช่วงเวลานึงเคยดูแลเขาอย่างดี มอบช่วงเวลาและความทรงจำที่ดีที่สุด ผู้ชายที่เขายอมยกโลกทั้งใบให้ถ้าอีกฝ่ายต้องการ





“กิตก็รู้ว่าอินรักกิตที่สุด”

“...” อีกฝ่ายยังเงียบ มองหน้าเขาที่ยังพูดไม่จบดี





“กิตเป็นทุกอย่างในชีวิตของอิน แล้วอินก็ให้กิตได้ทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ที่กิตอยากได้”





อินเอื้อมไปจับมืออีกฝ่าย เจ้าตัวมองมือของเราทั้งคู่ที่ประสานกัน ก่อนจะเลื่อนสายตามามองหน้าเขา เขายกยิ้มบางๆ ให้อีกคนที่ตอนนี้พยายามกลั้นน้ำตาจนปากสั่น





“อินอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่กิตต้องการ ในฐานะอะไรก็ได้”

“อิน...”





“เราเลิกกันนะ”



















ครืด ครืด เปรี้ยง!



อินสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงฟ้าผ่า ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว สำรวจรอบด้านก็พบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องนอน ยกมือขึ้นมาลูบหน้าเรียกสติก็ปรากฎว่าขอบตาเขาเปียกแฉะไปด้วยน้ำตา





เฮ้อ ฝันแบบนี้อีกแล้วสินะ





เอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างหัวเตียง ทำสิ่งที่ทเป็นประจำมามากกว่าสี่ปี

เช็คว่าอีกฝ่ายติดต่อมาหรือเปล่า

มันกลายเป็นนิสัยที่ไม่รู้จะแก้ยังไงไปแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควร ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันชัดเจน

แต่ก็ยังรอ







ในวันที่เราเลิกกัน เป็นเขาเองที่บอกอีกฝ่ายไม่ให้ติดต่อมา ให้เราสองคนเก็บเรื่องของเราไว้เป็นความทรงจำที่ดี ขอให้เขาซื่อสัตย์ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น อีกฝ่ายร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมท่าเดียว อยากให้เรายังคุยกันเหมือนเดิม อยากให้เราไม่ทิ้งระยะห่างจากกัน







แต่หนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นเราทั้งคู่ต่างทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความตั้งใจ

อีกคนที่ไม่เคยโทรหา และเป็นเขาที่ลืมไม่ได้







อินเลื่อนดูข้อความที่คุยกันครั้งสุดท้าย เป็นข้อความที่กิตส่งมาหาเขา เป็นวันดียวกับที่เขาตัดสินใจรับดินเข้ามาในชีวิต อินยิ้มเมื่อหน้าของอีกคนลอยมา

เขาดีใจที่วันนั้นตัดสินใจแบบนั้น





เขาถามตัวเอง

มันอาจจะถึงเวลาแล้วหรือเปล่า

ที่เขาจะดึงตัวเองออกจากฝันร้ายซ้ำๆ นี้

ไม่ใช่สิ

มันไม่ใช่เวลา..

แต่เป็นคนคนหนึ่งต่างหาก

ที่ทำให้เขารู้สึก ‘อยาก’ ออกไปจากตรงนี้เสียทีจริงๆ





+++++++++++++++++++++++++++++++





“อ้าวววว ชนๆ ๆ ๆ มึง” เสียงกีตะโกนถือแก้วไล่ชนกับเพื่อนที่นั่งล้อมโต๊ะประจำในร้านล่องลอย





“มึงทำไมคึกจังวะ ตั้งแต่หัวค่ำ”





“เอ่า ก็เพื่อนรักกูมา ปกติอยู่กับมึงสองคน แล้วแบบไม่อยากจะเม้าส์ ไม่เคยมีเวลาให้เพื่อนเลยจ้า อยู่กับเด็กตลอด กูล่ะโครตเหงา”





อินส่ายหัวให้กับความเว่อร์ของเพื่อน แต่จริงๆ เขาก็ดีใจเหมือนกันที่เพื่อนสมัยมอปลายมาหาถึงมหาลัย ไม่ได้เจอตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว สองคนที่มาวันนี้เรียนอยู่มหาลัยแถวสามย่าน





“อ้าวยังคบอยู่กับเตหรอว่ะ ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว” แนทเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มถามออกมา

“เลิกแล้ว” อินตอบสั้นๆ

“โอโห งานดีนะ สนใจส่งต่อไหม” ธันเพื่อนอีกคนว่าขึ้นไม่รู้ว่ามันล้อเล่นหรือเอาจริง





“อีธัน มึงนี่นะ พอเลย เนี่ยที่พามาเลี้ยงเหล้าที่นี่ก็จะพามาดูเด็กใหม่มันนี่ละ งานดีพรีเมี่ยมเกรดเอ”

“จริงดิ ไหนๆ ๆ เมื่อไหร่จะมาวะ”

“มึงแหกตาดูกันเอาเอง บนเวทีน่ะ”





เพื่อนทั้งสองหันมองไปทางเดียวกัน เห็นนักร้องและมือกีต้าร์ประจำของร้านกำลังเล่นเพลงเพราะซึ้งๆ ที่ทำให้สาวๆ หน้าเวทีเมากันตั้งแต่หัววัน





“เชี่ย อย่าบอกว่าตั้งต้น” ธันถามขึ้นเสียงดัง

“เห้ย ไม่ใช่ แต่มึงรู้จักได้ไงวะ”

“โอโห ดังสุดในสามย่านแล้วคนนี้ โครตหน้าม่อ”





กีแอบหน้าเสีย นี่มันดังขนาดนี้ เขาหลวมตัวไปชอบ..เอ๊ย หลวมตัวไปเอากับมันได้ยังไงวะ





“เพื่อนไอ้กีคนนั้นนะ” อินว่าพร้อมหัวเราะเบาๆ

“เห้ย งั้นก็อีกคนดิ จริงอะมึง งานดีมากกกก”





ทั้งสามคนนั่งวิจารณ์คนบนเวทีกันไปเรื่อย เรื่องส่วนใหญ่ไม่พ้นสารธยายวีรกรรมของคนหน้าม่อประจำมหาลัยให้ฟัง อินดีใจที่วันที่เพื่อนสนิทมาหาเป็นวันเดียวกับที่เขาตื่นมาพร้อมฝันร้าย การได้นั่งอยู่กับคนที่ทำให้เราสบายใจแบบนี้ มันทำให้เรื่องที่เคยหนักอกค่อยๆ ถูกยกหายไป





“ว่าแต่อิน มึงลืมกิตได้แล้วหรอ” อินหันไปหาแนทที่เอามือมาแตะบ่าเขา

“โอ๊ย กูไม่อยากจะพูด แม่งยังอ่อยไม่เลิก ไอ้อินมันจะลืมได้ยังไง”

“มึงตัดให้ขาดเลยนะ เมื่อวานกูยังเห็นแม่งไปกินข้าวกับแฟนมันอยู่เลย”

“...”

ธันมองเพื่อนเจ้าของเรื่องอย่างเห็นใจ พวกเขาอยู่กับมาตลอด วันที่มันเลิกกันพวกเขาก็เป็นคนไปรับมันกลับบ้าน อยู่เป็นไหล่ให้ซบ คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ อยู่กับมันจนมันกลับมาเป็นผู้เป็นคนแบบนี้





“มึง กูก็ไม่ได้อยากยุ่งนะ แต่คือมึงต้องทิ้งอดีตแล้วเดินต่อไปไหมวะ เป็นปีแล้วนะ” ธันพูดด้วยเสียงที่แสดงความห่วงใย

“ใช่ แล้วป้ายต่อไปของมึงนี่คือดีมาก หล่อล่ำ ร่างสูง ร้องเพลงเพราะ นี่ถ้าไม่เกรงใจ กูจะขอเลยเนี้ย”

“แนท ใจเย็นมึง ท่องไว้ ของเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อน”





อินหลุดขำเมื่อเพื่อนเริ่มท่องยุบหนอ พองหนอ ของเพื่อนหนอพร้อมขัดสมาธิบนเก้าอี้ มองมันสามคนที่เถียงทะเลาะกันไร้สาระ กัดกันไปมาก็ได้แต่ยิ้ม





เขาโชคดีที่มีพวกมัน

สามคนนี้เป็นสามคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด ถ้าไม่มีพวกมัน เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะผ่านวันเลวร้ายอย่างนั้นมาได้ยังไง





“กูว่ากูจะคบกับดิน”





ทั้งสามคนที่กำลังจิกผมกันไปมาหันหน้ามาโดยพร้อมเพียง เหมือนจะลืมผ่อนลมหายใจออกกันหมด สักพักยกมือตีอกตัวเองเหมือนอากาศหมด เมื่อพ่นลมหายใจได้ก็ไอค่อกแค่กกันยกใหญ่ อินยกยิ้มให้กับท่าทางตลกๆ ของเพื่อนสนิทของเขา





“ไม่ใช่ว่ากูจะเอาดินมาแทนที่กิตนะ ถ้ากูอยากจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน กูก็อยากให้เขาคนนั้นเป็นดินวะ เขาเป็นคนที่ทำให้กูอยากไปต่อ”





“...” ตอนนี้ทุกอย่างนิ่งสนิท อินมองหน้าเพื่อนทั้งสามสลับกันไปรอฟังว่ามันจะว่าอะไร และเขาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อ





“ไอ้เชี่ยยยยยยย กูไปบนวัดไหนบ้างวะ ต้องตามไปแก้ให้ครบ เอ้า ชนนนนนนน”





เป็นไอ้กีที่ตะโกนออกมาเป็นคนแรก ถือแก้วเหล้าไล่ชนเพื่อนทั้งในและนอกโต๊ะไปทั่ว ตะโกนลั่นว่าเพื่อนกูรอดแล้ว ผีออกแล้ว





“โอ๊ยยยยย น้ำตากูจะไหลลลล เหมือนกูเพิ่งเห็นหน้าลูกที่คลอดดดด”





ไอ้ธันเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่กลางโต๊ะทำหน้าเหมือนเช็ดน้ำตา เอาขวดเหล้ามากอดท่าให้นมลูกแกว่งไปมา เป็นจังหวะเดัยวกับที่สาวน้อยคนเดียวในกลุ่มพุ่งเข้ามากอดและลูบหัวผมไปมา





“หมดทุกข์หมดโศกนะลูกเอ๋ย โอ๊ๆ ขวัญเอ้ยขวัญมา”





อินมองบนให้กับท่าทางโอเว่อร์ของแต่ละคน





บางทีเขาก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน





ทำไมเพื่อนกูแต่ละคนไม่เต็มเลยวะ!!!!





********



ตอนนี้พอได้ไหมหนอ งงกันไหมเอ่ย พยายามเล่าเรื่องของกิตให้เห็นว่านางก็เคยรักนะ แต่คนเราบางครั้งแค่รักกันมันก็ไม่พอ อาจจะเป็นที่วัย ความห่างไกล หรือความเหงา หรือความไม่มั่นคงก็ได้ที่ทำให้คนที่เคยรักมากเปลี่ยนไป





ไม่ได้เข้าข้างหรือเกลียดนางนะ แค่อยากจะบอกว่า

เยอะแยะค่ะคนแบบนี้ 5555





*เสาร์อาทิตย์ก็จะมาบ่อยหน่อยเนาะ อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
06:00 คนในอดีต

“โอ๊ยยยยยยยย เหนื่อย วันนี้หมด หมดจริงๆ ไม่มีแรงจะเดินแล้ว”


กีล้มตัวลงนั่งบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง ถ้ามันจะนั่งพักเฉยๆก็ไม่แปลกหรอก เพราะวันนี้ก็โหดจริงๆ เรียนคาบแรกตั้งแต่แปดโมงเช้า กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว แต่ที่ทำให้มันน่าถีบมากกว่าน่าสงสารคงจะเป็นท่านั่งเหยียดขาข้างหนึ่งลงพื้น อีกข้างวางพาดบนเก้าอี้ยาว ยกคางเงยขึ้นสี่สิบห้าองศาพร้อมเอามือหนึ่งกรีดพาดบนหน้าผากตัวเอง หลับตาพริ้มทำหน้าเหนื่อยล้าอย่างที่สุด
“อิน มึงไปก่อนเลย ไม่ต้องห่วงกู ทิ้งกูไว้ตรงนี้แหละ”
นี่มึงคิดว่ามึงเป็นนางเอกในการ์ตูนตาหวานหรอว่ะ
 
“มึงก็เว่อร์ตลอด เออ มึงนั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำมาให้”  อินทั้งขำทั้งอย่างถีบคนตรงหน้า แต่ยังไงก็ยอมมันอยู่ดี วางกระเป๋าสะพายข้างไว้บนโต๊ะ เดินไปเซเว่นที่อยู่ไม่ไกลจากคณะคนเดียว เข้าไปก็เลือกขนมกินเล่นกับเครื่องดื่มหลายชนิดใส่ตะกร้า เรียบร้อยก็เดินไปที่เคาร์เตอร์ควักกระเป๋าตังค์เตรียมจะไปจ่าย
 
ตึ้ง ต่อง
อินเผลอหันไปมองตามเสียงประตูเปิด ยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลังบานประตูเลื่อน เมื่อสบตากัน อีกฝ่ายก็ยกยิ้มกว้างกลับมาแล้วเดินตรงเข้ามา

“ว่าไงอิน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“สวัสดีครับพี่เคน”
“กำลังจะไปไหนน่ะ”
“กลับคณะพี่ กีรออยู่”
“งั้นพี่ซื้อของก่อน รอแป๊ปนึงนะ เดินไปพร้อมกัน”


เราทั้งคู่เดินเคียงกันกลับไปทางคณะ พี่เคนเอื้อมเอาถุงในมือของอินไปถือ เมื่อทำท่าจะไม่ให้อีกฝ่ายก็ทำหน้าดุส่งมาให้หนึ่งที อินจึงยอมตามใจเอื้อมถุงไปให้ดีๆ
 
“อินสบายดีนะ ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ”
พี่เคนถามขึ้นด้วยน้ำเสียใจดีเหมือนนิสัย พี่เคนเป็นลุงรหัสของเขา ตอนเข้ามาเรียนที่มหาลัยแรกๆเราเจอกันบ่อยมาก พี่เขาคอยมาตามรับส่งตลอด ช่วงที่ต้องปรับตัวเข้ากับมหาลัยก็ได้พี่เคนนี่แหละช่วยไว้ เรียกได้ว่านอกจากไอ้กีแล้ว พี่เคนคือคนที่เขาสนิทที่สุดคนนึง

แต่ก็นั่นก่อนที่เราจะเลิกกัน

ใช่ เขาเคยคบกับพี่เคน พี่เคนเป็นผู้ชายคนแรกที่เขาตัดสินใจคบหลังจากที่เลิกกับกิตไปได้สามเดือน ตอนแรกเขาก็ปฎิเสธไปเพราะยังไมรู้สึกพร้อมให้ใครเข้ามา แต่เมื่อพี่เขาขอโอกาสอยู่หลายครั้ง ก็เลยได้แต่ตอบตกลงไป ส่วนเหตุผลที่เราเลิกกันส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่ก็คือตัวเขาเอง อย่างที่รู้กัน เขาเป็นคนที่ยังจมอยู่กับอดีตจนไม่เคยใส่ใจคนตรงหน้าเท่าที่ควร

“ครับสบายดี พี่เคนล่ะ ปีสี่เขาว่าเรียนหนักไม่ใช่หรอ ไหวหรือเปล่าคุณ”
“ก็หนักอยู่  ไม่ค่อยได้นอนเลย แต่ยังไหวอยู่ ยังหนุ่มยังแน่น ลองจับดูสิ”
“นอนบ้างนะครับ แล้วนี่กินแต่เครื่องดื่มชูกำลัง เดี๋ยวสุขภาพเสียหมด”
อินหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายเบ่งกล้ามยื่นมาให้จับ ก่อนจะเริ่มบ่นแล้วชี้ไปในถุงเซเว่นที่มีแต่เครื่องดื่มชูกำลังอยู่เป็นโหล อีกฝ่ายยิ้มนิดๆ เอามือมาขยี้หัวเขา

“ไม่ได้โดนอินดุมานานแล้วนะ คิดถึงจัง”
“คนอะไรชอบโดนดุ โรคจิตหรือเปล่าครับ”
“ก็นิดนึง” อีกฝ่ายหัวเราะ
“งั้นก็ไปให้พี่อี้บ่นสิ”
“คนนั้นต้องถามว่าเคยหยุดบ่นบ้างไหมมากกว่า”

ใช่ และอีกส่วนนึงที่ทำให้เราตัดสินใจเลิกกันก็คือ พี่อี้
พี่อี้เป็นเป็นเพื่อนสนิทของพี่เคนมาตั้งแต่มอปลาย และก็เป็นฝ่ายที่แอบชอบคนตัวโตมาตลอด พี่เคนไม่เคยรู้ตัวมาก่อน จนกระทั่งต้องมาเสียใจให้กับคนงี่เง่าอย่างเขา ช่วงนั้นก็มีแต่พี่อี้นี่แหละที่คอยอยู่ดูแลพี่เขาเสมอ พอเราเปิดใจคุยกันตรงๆในวันที่เลิกกัน อินยังเชียร์ให้พี่เขาไปจีบพี่อี้อยู่เลย ดังนั้นแม้เลิกกันไปแล้วแต่เราสองคนยังมีความรู้สึกดีๆให้กัน อินยังคงห่วงใยพี่ชายคนนี้ของเขาเสมอและคิดว่าอีกคนคงคิดไม่ต่างกัน

 “วันหลังไปเลี้ยงหมูกระทะอินเลยนะ ลากพี่อี้มาด้วยนะครับ”
“ได้ๆ เดี๋ยวไลน์เข้ากรุ๊ปนัดมาให้ครบเลยนะ”
“ถ้าพี่เคนเลี้ยงมากันครบแน่นอน”
“แต่ไม่เอาไอ้กีนะ รายนั้นพี่เลี้ยงไม่ไหวจริงๆ”
เราสองคนหัวเราะพร้อมกันเมื่อนึกถึงเพื่อนจอมเขมือบของเขา เวลาสายรหัสเขามีเลี้ยงเมื่อไหร่มันไม่เคยพลาดสักครั้ง

“ว่าแต่เราเถอะ สบายดีนะ” พี่เคนก้มหน้าลงมองอิน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความห่วงใยพร้อมเอามือวางบนกลุ่มผมของเขาเบาๆ อินรู้ดีว่าพี่เคนหมายถึงอะไร
“ครับ อินว่าอินดีขึ้นเยอะเลย” ผมยิ้มให้อีกฝ่าย เป็นยิ้มที่ออกจากใจจริงๆ เพราะเขารู้สึกจริงๆว่าเขาเดินมาไกลมาก ไกลจากอินที่จมกับความเศร้าที่พี่เคนเคยรู้จัก

“ไม่ขี้เมาแล้วนะ”
“ง่ะ ก็มีบ้างอะครับ”
เขาทำหน้ามุ่ยจนอีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ
“แล้วยังคิดถึงอยู่ไหม” อินพยักหน้า
“ก้มีบ้างครับ แต่ไม่โทรแล้ว”
“ห๊ะ  ถามจริง เมื่อก่อนห้ามเท่าไหร่ไม่เคยฟัง”
“ก็เมาแล้วมีคนอยู่ด้วย”
“เต?”อินส่ายหน้า
“จริงจัง?” อินอมยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ
“เห้ยๆๆ อะไร ยังไง พี่พลาดอะไรไปทำไมไม่บอกกันเลย”
“ก็ตั้งแต่มีแฟนคุณเคยสนใจน้องบ้างไหม”
“ก็ตอนเป็นแฟนน้องไม่เคยสนใจผมเลยนี้ครับ”
“ง่ะ ไม่เอามุกนี้พี่เคน สำนึกผิดอยู่”
“อ้าวหรอ มุกนี้ไม่ได้หรอ”
“อย่าแกล้งน้อง” อินโวยวายใส่อีกคน คนโตกว่าหัวเราะชอบใจพร้อมทั้งหยิกแก้มทั้งสองแล้วดึงไปมา อินพยายามจะเอื้อมมือไปจับแก้มอีกฝ่ายบ้าง แต่ด้วยความที่พี่เคนตัวสูงกว่าเขามากก็เลยเอื้อมไม่ถึงสักที

“อิน”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้อินชะงักมือ หันไปมองก็เห็นผู้ชายที่เพิ่งคุยโทรศัพท์ด้วยกันทั้งคืนอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายไม่ได้มองหน้าเขาอยู่ แต่จ้องไปที่แก้มของเขาที่ตอนนี้มีมือของพี่เคนอยู่ สลับกับตวัดสายตาไปมองผู้ชายที่แก่ที่สุดในนี้

“ดิน นี่พี่เคน ลุงรหัสเราเอง แล้วพี่เคนนี่ดิน เอ่อ..เพื่อนอิน”
อินพยายามไม่สบตาตอนแนะนำคนทั้งสองให้รู้จัก รู้สึกเขินขึ้นมากลัวอีกคนได้ยินเรื่องที่เพิ่งสารภาพกับพี่เคนเมื่อกี้
“ดินมาหาเราทำไมไม่บอกก่อน” ไม่รู้ปล่อยให้รอนานแค่ไหนแล้ว
“เมื่อวานตอนคุยในโทรศัพท์ดินบอกแล้วนะว่าจะมารับ”
ตอนนี้สีหน้าของอีกฝ่ายเป็นสีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน น้ำเสียงเย็นชาที่ส่งมา ทำให้เขาตอนนี้ใจเสียไปหมดแล้ว เขาจำไม่ได้จริงๆว่าอีกฝ่ายบอกตอนไหนอาจจะเป็นช่วงตีสามที่เราคุยกัน ตอนนั้นอินไม่เหลือสติอะไรแล้วด้วยซ้ำ หลับคาโทรศัพท์ไปแล้วจริงๆ

“ขอโทษทีนะ เราง่วงมากเลย เลยจำไม่ได้จริงๆ”
“งั้นกลับกันเลยไหม”
“กีรออยู่ใต้คณะ ไปนั่งเล่นด้วยกันก่อนเนาะ”
“ไม่เป็นไร งั้นวันนี้ดินกลับก่อนดีกว่า แล้วเจอกันนะ” อีกฝ่ายพยักหน้าให้คนแก่สุดก่อนจะหันมาสบตาเขาแล้วหันหลังเดินไปทางลานจอดรถอย่างไม่รอให้เขาตอบรับ

 "เพื่อน?" คนตัวโตกว่าทำหน้าล้อเลียนส่งมาให้เขา อินยิ้มเจื่อนมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะมองตามหลังคนที่เดินออกไป

**********************************

ผ่านไปไม่ทันครบอาทิตย์หลังจากที่เจอกัน พี่เคนก็นัดรวมสายตามที่คุยกันไว้ พี่แกพาไปนั่งกินหมูกะทะบุฟเฟ่ห์ก่อนจะพาไปต่อที่ร้านเหล้า ซึ่งไม่รู้ว่าความบังเอิญหรือพี่แกจงใจที่ดันจองโต๊ะร้านล่องลอยเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามันตรงกับวันที่ดินมีร้องเพลงที่ร้าน

หลังจากวันนั้นที่คณะ ถึงจะโทรหากันบ้างแต่ดินก็ไม่ได้ขอมารับส่งเขาอย่างที่เคย อินเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากให้อีกฝ่ายมาหา มันเลยทำให้เราไม่เจอกันเลย พอวันนี้จะไปที่ร้านอินเลยส่งข้อความไปบอกอีกฝ่าย

"อ่ะ เพื่อนมา" คนแก่สุดพูดขึ้นเมื่อเห็นดินเดินตรงมาที่โต๊ะที่เขานั่งกัน อินหันหน้าไปตามทางเดิน เห็นอีกฝ่ายเดินมาที่โต๊ะ คนมาใหม่กล่าวทักทายคนในโต๊ะก่อนจะนั่งลงข้างๆเขา


“มานานหรือยังครับ”

“เพิ่งมาเมื่อกี้เอง จะขึ้นเล่นแล้วหรอ”

“อืม ต้นเตรียมตัวอยู่”

"วันนี้เลิกกี่โมง"
"ก็เวลาเดิม อินล่ะ กลับตอนไหนครับ"
"ก็น่าจะดึกๆ"
อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นการตอบรับ มองหน้าเขาแต่ไม่ได้ว่าอะไร อินเม้มปากแน่นก่อนตัดสินใจเอ่ยชวนอีกฝ่าย


"กลับด้วยกันไหมวันนี้"
"..."
"นะ"
อินแน่ใจว่าเห็นอีกฝ่ายยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะยกมือมาดึงแก้มเขาเบาๆแล้วพยักหน้า

“ดินขึ้นเวทีแล้วนะ”

นักร้องนำลุกขึ้นบอกลาคนในโต๊ะแล้วเดินกลับทางเดิม
“ใครอะพี่อิน” นัชชาน้องรหัสเขาถามขึ้น
“เพื่อนมัน” เป็นพี่สนพี่รหัสเขาที่ตอบแทน หันหน้าไปขยิบตาให้พี่เคน อินกลอกตามองบนทันที รู้เลยว่าเอาเขาไปเผากันเรียบร้อยแล้ว

เรานั่งกินเหล้ากันไปจนดึกดื่น สายรหัสของอินแต่ละคนพูดเก่งเป็นที่สุด ทำให้อินที่แม้ส่วนใหญ่จะนั่งฟังเฉยๆรู้สึกสนุกสนานจนเหมือนเวลาเดินผ่านไปเร็วมาก เมื่อเริ่มดึกขึ้นสาวน้อยคนเดียวในกลุ่มก็เริ่มเมาไม่ได้สติ พูดโวกเวกน้ำไหลไฟดับ พี่เคนเห็นท่าไม่ดีก็เลยเรียกเก็บเงินบอกจะพาทุกคนไปส่งบ้าน อินปฎิเสธเพราะจะรอกลับพร้อมดิน หลังจากบอกลากัน ทั้งโต๊ะจึงเหลือแค่อินคนเดียว เขานั่งที่โต๊ะฟังเพลงที่อีกฝ่ายร้อง อมยิ้มทุกครั้งที่คนบนเวทีหันมาสบตา

ฟุ่บ!

อินตกใจเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งหล่นลงมาข้างตัวเขา ตั้งสติได้ก็หันไปมองเต็มตา ตกใจเล็กน้อยที่เห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยจ้องมา

“เต..”
“อิน” อีกฝ่ายนั่งตะแคงข้างเข้าหาเขา ขาข้างหนึ่งกึ่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟานุ่ม พาดมือข้างหนึ่งบนพนักโซฟา คนมาใหม่ยิ้มพร้อมส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้เขา กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาบวกกับหน้าที่แดงจัดของอีกฝ่าย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมาแค่ไหน

“มาคนเดียวหรอครับ”
“รอเพื่อนอยู่ เตเมาแล้วใช่ไหม ทำไมไม่กลับห้อง”
“หึ” อีกฝ่ายยกยิ้มก่อนที่จะหัวเราะในลำคอ
“อินเป็นห่วงเตด้วยหรอ”
อินมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ เตในตอนนี้ไม่ใช่เตที่เขาเคยเจอ เตเป็นผู้ชายที่สุภาพที่สุดคนนึงที่เขารู้จักมา อินเม้มปากแน่นเมื่อความรู้สึกผิดมันพุ่งเข้ามาเกาะจิตใจ
คนที่ทำให้อีกฝ่ายเป็นแบบนี้ก็คือเขา

“ทำไมพูดแบบนี้ ก็ต้องห่วงสิ”
“เตคิดถึงอินนะ ไม่เคยลืมได้เลย”
“...”
“เตเข้าใจทุกอย่าง แต่เตทำใจไม่ได้”
“เป็นความผิดอินเอง อินขอโทษนะ”

อินไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอโทษอีกฝ่าย เขาเสียใจที่ทำให้คนคนนึงเสียใจได้มากแบบนี้ คนเมายิ้มส่ายหน้าไปมา เอื้อมมือมาวางทับมือของเขาที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะจับมือเขาไปวางบนแก้มของตัวเองแล้วบอกด้วยเสียงสั่นเครือ
 
“อินไม่ผิดหรอก เตผิดเอง”
คนตัวโตเอาจมูกแนบลงไปบนมือของเขาแล้วสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด ทุกการกระทำส่งผ่านความคิดถึง ความโหยหา และความรักที่เขามีให้กับคนตรงหน้า เขาไม่อยากปล่อยมือนี้ออกไป เพราะกลัวเหลือเกิน กลัวว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้สัมผัส

อินไม่แน่ใจว่าเขาควรทำอะไรดีตอนนี้ ใจนึงเขาอยากใจดีกลับคนตรงหน้าให้มากกว่านี้ แต่ถ้ามันจะทำให้เรื่องเลยเถิดไปมากกว่านี้เขารู้ดีว่าเขาควรจะหยุด ส่วนอีกใจนึงเขาก็อยากจะดึงมืออีกฝ่ายออกเพราะกลัวคนเข้าใจผิด
คนที่อยู่บนเวที

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ก็หันขวับไปมอง คนบนนั้นจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วและก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นสายตาที่เหมือนกับวันที่เจอพี่เคน สายตาที่ทำให้เขาใจเสีย อินจึงหันมาพูดกับคนตรงหน้าอีกครั้ง

“เตปล่อยอินก่อนเนอะ”
“อะ..อ้ว..อั้วะ”
เตทำหน้าผะอืดผะอมชักมือกลับไปปิดปากตัวเอง อีกฝ่ายกำลังจะอ้วก!

“เตๆ ลุกเร็ว ไปห้องน้ำกัน” อินรีบจับแขนอีกฝ่ายดึงให้ลุกขึ้น ฝ่าผู้คนที่อยู่ในร้านไปทางห้องน้ำ เมื่อเห็นคนที่ต่อคิวเข้าห้องน้ำก็เปลี่ยนใจพาอีกฝ่ายออกจากร้าน หามุมที่ปลอดคนแล้วปล่อยให้อีกคนอ้วกจนหมด อินให้อีกฝ่ายนั่งรอแล้วกลับไปในร้านเพื่อซื้อน้ำให้

“ดีขึ้นหรือยังครับ”
“ก็ดีขึ้นนิดนึง แต่ยังมึนๆอยู่นิดน้อย”
“ลุกไว้ไหม เดี๋ยวเรียกแท๊กซี่แล้วอินไปส่งที่หอ”
“ไม่เป็นไรเตไปได้”
“ไม่ไหวหรอกแบบนี้”
“ไหวครับ ไม่เป็นไรจริงๆ เสียเวลาอินเปล่าๆ”
“ไม่เอา คนเมาไม่เถียงนะ” เตหันขวับมามองหน้าอิน รู้สึกอึ้งที่อีกฝ่ายยังจำได้

“อิน เลิกกินได้แล้วนะครับ”
“ไม่เอา ขออินกินอีกแปปนึงนะ”
“แต่พรุ่งนี้อินมีเรียนเช้า”
“อินไหว”
“ไม่เอา คนเมาไม่เถียงนะ”

อินลุกไปโบกแท๊กซี่ ทั้งสองเข้าไปนั่งก่อนบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ ระหว่างทางทั้งคู่ต่างนั่งเงียบหันหน้าออกนอกหน้าต่างคนละฝั่ง เมื่อได้อยู่กับตัวเองแบบนี้ อินก็นึกขึ้นได้ว่าเขาลืมบอกอีกคน

Intouch: ดิน ขอโทษทีนะ พอดีเพื่อนอินไม่สบาย เดี๋ยวอินไปส่งเพื่อนแล้วกลับห้องเลยนะ

อินมองข้อความที่เข้าส่งให้อีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ เห็นว่าอ่านแล้วแต่อีกคนไม่ได้พิมพ์อะไรกลับมา เลยตัดสินใจพิมพ์ต่อไปอีกนิด

Intouch: ถ้าถึงห้องแล้วโทรหาอินได้ไหม

“อิน”

อินเงยหน้าจากจอมือถือ มองคนที่มองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว

“เต ขอโทษนะ ทำให้อินลำบากเลย”
“ไม่ลำบากหรอก เตดีขึ้นหรือยัง”
“ก็ดีขึ้นแล้ว”

อินมองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิดที่สุด เขาไม่เคยคิดถึงด้านนี้มาก่อน เขามัวแต่ห่วงความรู้สึกตัวเอง จนมองข้ามจิตใจของอีกคน เห็นเตแบบนี้เขาก็พาลคิดถึงตัวเองตอนที่เลิกกลับกิตใหม่ๆ มองหน้าเตตอนนี้เหมือนเขาเห็นตัวเองในตอนนั้นไม่ผิด
เขารู้ดีที่สุดว่ามันทรมานแค่ไหน

“อินขอโทษนะ” อินกระซิบเบาๆออกไป
“เตบอกแล้วว่าอินไม่ผิด”
“อินเล่นกับความรู้สึกของเต”
“...”
“อินแคร์แต่ความรู้สึกของตัวเอง จนอินไม่เคยมองเลยว่าเตจะรู้สึกยังไง ทั้งๆที่ไม่ได้รัก อินก็ไม่ควรจะตกลงคบกับเต ให้ความหวังเตเลย”
“...”
“อินไม่รู้จะว่ายังไง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกจากขอโทษ และอินอยากให้เตรู้ไว้นะ อินอยากเห็นเตมีความสุขจริงๆ”

คนตรงหน้าสบตากับเขา สีหน้านิ่งที่ตอนแรกไม่แสดงออกว่าคิดอะไรค่อยๆอ่อนโยนลง สายตาของอีกฝ่ายมองเขาอย่างเอ็นดูก่อนจะยกยิ้มเล็กๆ

“ไม่รักเลยหรอ”
“หืม..”
“เจ็บนะเนี้ย” อีกฝ่ายว่าพลางเอามือลูบหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง
“โดนทิ้งแล้ว ยังมาพูดจาแบบนี้ อินไม่อ่อนโยนต่อใจเตเลยนะ”
อินขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ แต่พออีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆก็เริ่มยิ้มออกมาได้ เตคนเดิมที่ใจดีเสมอกลับมาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“เรายังเป็นเพื่อนกันได้ไหม”
“เมื่อไหร่ที่อินต้องการเต บอกเตได้เสมอ”
“เตต้องมีความสุขมากๆนะ”
“จะมีความสุขให้อิจฉาเลย”
“ขอบคุณและขอโทษจริงๆนะ สำหรับทุกอย่างจริงๆ”
“เลิกขอโทษได้แล้ว เตก็บอกแล้วว่าอินไม่ผิด”
“แต่...”
“ไม่เอา คนเมาไม่เถียงนะ”
เตชาอดแทรกอีกฝ่ายขึ้นไม่ได้ ไม่ว่าจะสถานะอะไร รอยยิ้มของคนตรงหน้าสำคัญที่สุดสำหรับเขาเสมอ

*****************************

“ดิน”
[ถึงห้องยังครับ]

หลังจากที่ไปส่งเต อินก็เดินกลับเข้าหอพักอาบน้ำแล้วล้มตัวนอนบนเตียง แม้ว่าจะเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรไหวแต่ก็ยังอยากคุยกับคนที่โทรมาทุกคืนก่อน อินเลยนอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย จนมีสายเข้าของคนที่คิดถึงอยู่เข้ามา

“ถึงแล้ว เตรียมตัวนอนแล้วครับ”
[ครับ]
“ดินเพิ่งถึงห้องหรอ เลิกดึกจังวันนี้”
 อินพูดขณะมองนาฬิกาที่ข้างหัวเตียง นี่มันจะตีสองแล้ว
[เลิกนานแล้ว นั่งกินเหล้ากับพวกไอ้ต้นน่ะ]
พอบอกแบบนั้น อินก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมเสียงของอีกฝ่ายถึงฟังดูแปลกๆ
“เหมือนจะกินเยอะเลยนะ เมาหรือเปล่า”
[...]
“อาบนำ้แล้วนอนเลยนะ ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้”
[...]
“ดิน..” หลับไปแล้วหรือเปล่า
[เปิดประตูให้ดินหน่อยได้ไหม]
อินสะดุ้งลุกนั่งบนเตียงเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“อยู่หน้าห้องเราหรอ”
[อืม ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม]
“งั้นรอแปปนึงนะ”

อินแอบส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าก่อนที่จะเดินออกจากห้องนอนไปเปิดประตูให้อีกฝ่าย เมื่อเปิดออกไปก็แอบตกใจเพราะคนตรงหน้าอยู่ในสภาพที่เขาไม่เคยเห็น ดวงตาแดงก่ำพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกของอีกฝ่ายไม่ทำให้อินสนใจเท่ากับแววตาสั่นไหวที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าปนความเย็นชา อินมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องมีปัญหาอยู่แน่ๆ เขาเริ่มแอบกังวลขึ้นมาในใจ

"เข้ามาก่อนนะ" อินเปิดประตูกว้างหลบให้อีกฝ่ายเข้ามา ดินเดินเข้ามาในห้องก่อนที่จะลงไปนั่งที่โซฟาหน้าทีวี อินตามไปนั่งข้างๆ หันหน้าเข้าหาอีกคน

"กินเข้าไปเยอะเลยหรอ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย"
"เคยสนใจดินด้วยหรอ"
อินขมวดคิ้วให้กับคนตรงหน้า วันนี้เขาโดนถามคำถามนี้สองครั้งแล้ว
"เมาแล้วใช่ไหม"
"เปล่า"
"เดี๋ยวเอาน้ำเปล่ามาให้นะ"
อินลุกขึ้นจะเดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นแต่ถูกจับที่ข้อมือกระชากเบาๆให้กับมานั่งที่เดิม อินหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะถามว่ามีอะไร แต่อีกคนแค่มองหน้าเขาไม่ยอมพูดอะไรสักที

“มีอะไรที่ไม่สบายใจหรือเปล่า”
“...”
“อยากเล่าให้อินฟังไหม”
“...”
อินเอื้อมมือไปวางทับมืออีกฝ่ายที่ยังก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ดินก็ไม่รู้"
"ไม่รู้ว่า?"
"ดินไม่รู้ว่าดินเป็นอะไร...สำหรับอิน"
"ดิน..."
“...”
“อยากพูดอะไร”
"คนที่มาที่ร้านด้วยวันนี้ ที่ดินเจอที่คณะ ไม่ใช่แค่พี่ที่รู้จักใช่ไหม"
"..."
“เขาจับแก้มอินแบบนั้น”
“...”
"แต่ถ้าอินไม่อยากตอบ..."
"พี่เคนเป็นแฟนเก่า" อินแทรกอีกฝ่าย เข้าใจแล้วว่าที่อีกคนหายไปหลายวันไม่ยอมมารับมันเป็นเพราะอะไร
"คนนี้หรอที่.."
"เปล่า ไม่ใช่คนนี้"
"แล้วคนไหนล่ะ!" อยู่ๆอีกคนก็พูดเสียงดังขึ้นมา
"...."
"แล้ววันนี้คนที่ออกมาด้วยกันก็แฟนเก่าอินคนก่อนไม่ใช่หรอ" อีกคนยังคงควบคุมเสียงตัวเองไม่ได้ พูดจากระแทกกระทั้นอย่างที่ไม่เคยทำ

"ก็ใช่..เตไม่ค่อยสบายเราเลยพาไปส่งห้อง" ดินต้องจำเตได้อยู่แล้ว ก็วันที่เขาเลิกกันเป็นวันเดียวกับที่เขาเจออีกฝ่าย ดินลุกขึ้นพรวดเมื่อได้ยินคำตอบของเขา จนอินรีบลุกตามแล้วจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้

"ดินเป็นอะไร"
"ดินกลับก่อนดีกว่า"
"ไม่เอาคุยกันดีๆก่อน"
"ทุกคนดูสำคัญกับอินไปหมด ทุกคนยกเว้นดิน"
"ดิน..."
"ดินเป็นอะไรสำหรับอินกันแน่"
อยู่ๆคนตรงหน้าก็เข้ามาดึงตัวเขาเข้าไปแนบอก ซบหน้าผากลงบนไหล่ข้างนึงของเขาแล้วว่าด้วยเสียงสั่นไหว
"เวลาที่ดินหายไป อินเคยรู้สึกอะไรบ้างไหม"
"ดินวันนี้ดินกลับไปก่อนไหม แล้วค่อยมาคุยกันดีๆ"

 อินรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่มีสติแล้ว เขาถึงไม่อยากคุยเรื่องสำคัญด้วยตอนนี้ ตอนนี้เขาแน่ใจในความรู้สึกที่เขามีให้คนตรงหน้า แต่ในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่พร้อมเลยที่จะแสดงมันออกมา
 
"ไม่เลยหรอ" คนตรงหน้ายิ่งเสียงดังขึ้นเมื่อเขาบอกให้กลับ
"..."
"ในใจอิน"
"..."
"สักนิดก็ไม่มีดินอยู่เลยหรอ"
"ไปใหญ่แล้ว"
"หึ"
อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ เสยผมขึ้นแรงๆก่อนจะว่าต่อ
“กั๊กวะ”
“อะไรนะ”
"อินจะชัดเจนกว่านี้ไม่ได้เลยหรอ"
"อยากพูดอะไรกันแน่"
อินเริ่มเสียงสั่นเมื่อคนตรงหน้าเริ่มเอ่ยคำร้ายกาจมากขึ้น

"นี่ดินไม่รู้อะไรเลยนะ แฟนเก่าที่อินไม่ลืมก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังมีแฟนเก่ากี่คนต่อกี่คนโผล่มาจากไหนอีกก็ไม่รู้"
"...."
"ดินเป็นคนที่เท่าไหร่"
"หยุด" ตอนนี้อินหน้าร้อนไปหมด
"บอกมาสิว่าดินเป็นคนที่เท่าไหร่ อย่างน้อยให้ดินรู้สถานะตัวเองหน่อยไม่ได้หรอ"
“...”
“หรือมันเยอะจนจำไม่ได้”

เพี๊ยะ!

เร็วกว่าความคิด อินตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรงจนหน้าหัน มือของเขาเจ็บไปหมดแต่มันไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว คนตรงหน้ากำลังดูถูกเขา ถึงเขาจะเคยคบกับใครมาหลายคน แต่เขาเป็นคนชัดเจนเสมอ นอกจากเรื่องกิตที่คนที่มาคบทุกคนรู้  เขาก็ให้เกียรติคนที่เขาคบเสมอ ไม่เคยคบหรือคุยซ้อนเลยสักครั้ง

คนโดนตบเอามือจับแก้มตัวเอง ความน้อยใจที่มีอยู่แล้วยิ่งเพิ่มมากขึ้นยิ่งรวมกับสติที่แทบจะไม่เหลือ ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขาพุ่งเข้าไปหาคนตรงหน้า ใช้สองมือรวบหน้าอีกฝ่ายเข้าหาตัวเอง กดจูบแรงๆ กดให้อีกฝ่ายอ้าปาก พยายามแทรกลิ้นเข้าไปข้างใน อินพยายามดิ้นออกจากคนตัวใหญ่ ใช้สองมือดันอกอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้เขาทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย จนในที่สุดอินก็ตัดสินใจกัดปากอีกฝ่ายเต็มแรง

“โอ้ย” คนตัวโตร้องออกมาเสียงดัง เป็นจังหวะให้อินผลักอีกฝ่ายออกไกลตัว ดินรู้สึกได้กลิ่นเลือดออกมาจากบริเวณที่อินกัด พอแตะดูก็เห็นเลือดสีแดงสดที่ช่วยเรียกสติเขากลับมาอีกครั้ง

"กลับไป!" อินตะโกนสุดเสียง
"อิน.."
"เราบอกให้กลับไป!"
ดินพยายามเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่เมื่อเขาก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว อีกฝ่ายก็ก้าวถอยหลังไป เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งจนในที่สุดเขาก็ยอมตัดใจ

"ดินขอโทษ ดิน.."
"ดินกลับไปก่อนได้ไหม เราขอร้อง" อินพูดเสียงสั่น น้ำตาของอินเริ่มไหลออกมาตามสองแก้ม ไหล่ของเขาสั่นขึ้นลงตามแรงสะอื้น ตอนนี้เขาทั้งสับสน ทั้งโมโห อินไม่พร้อมจะฟังอะไรที่คนตรงหน้าอยากพูดทั้งนั้น อินหันหลังให้อีกฝ่าย พยายามจะไม่ให้คนตัวโตเห็นน้ำตาของเขา

"โอเค งั้นพรุ่งนี้ดินมารับนะครับ ดินกลับก่อนนะ"
อีกฝ่ายว่าอย่างนั้นแต่เหมือนจะยังไม่ขยับไปไหน จนแน่ใจว่าอินจะไม่หันกลับไปก็ยอมตัดใจ เอ่ยคำขอโทษอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องไป

เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง อินก็ทรุดลงนั่งกับพื้น ปล่อยน้ำตาที่กลั้นไว้ให้ไหลออกมาอย่างไม่คิดจะกลั้นไว้อีกแล้ว ตอนนี้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาไม่รู้ว่ามันจบลงแบบนี้ได้อย่างไร

ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มก้าวต่อไป อยู่ๆทำไมมันถึงเป็นแบบนี้

เสียงสะอื้นดังก้องทั่วห้องเล็กๆ เขาไม่อยากจะคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้แค่ร้อง ร้องออกมาให้มากที่สุด...ได้แต่หวังว่าน้ำตาทุกหยดที่ออกจากตัวเขาจะช่วยบั่นทอนเรื่องทุกข์ในใจเขาไปได้บ้าง...

***********************
เปิดโหวตค่ะ ตอนนี้ใครหน้าสงสารกว่ากัน ?

เมย์ว่ากีนะ อดกินหมูกะทะไปอีกกกก 555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2019 11:15:39 โดย Maywrite »

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เชียร์ให้หยุดที่ดิน
ดินสู้ๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
อะไรเนี๊ยะ???

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
07:00 แก้แค้น?


วันศุกร์สุดสัปดาห์แบบนี้เป็นปกติที่ร้านอาหารกึ่งผับชื่อดังแห่งหนึ่งแถวสามย่านจะมีผู้คนมากันคึกคัก สถานที่แห่งนี้มักจะเต็มไปด้วยนิสิตนักศึกษาจากหลากหลายสถาบัน รวมถึงคนวัยทำงานที่มาพบปะสังสรรค์หลังจากทำงานกหนักกันมาทั้งอาทิตย์ วันนี้ธันเลือกนัดเพื่อนสนิทร้านนี้เพราะเป็นร้านที่บรรยากาศกำลังดี เสียงเพลงไม่ดังมากเกินไปจนต้องตะโกนคุยกัน แต่พอดึกๆร้านก็จะเปิดเพลงจังหวะเร้าใจขึ้น ทำให้พอเมากันได้ที่ก็มันส์ต่อได้เลย


"โถถถ หงอยเลยนะมึง"
"แล้วนี่ไม่ได้คุยกันมากี่วันแล้วว่ะ"

แนทกับธันเริ่มซัก เมื่อฟังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจนจบ คนที่เล่าไม่ใช่เจ้าของเรื่องที่นั่งเงียบๆอยู่มุมโต๊ะไม่พูดไม่จา แต่เป็นคนที่อยู่มอเดียวกันกับเจ้าของเรื่องต่างหาก

"ไม่ได้คุยกันมาสองอาทิตย์ละ"
"กีขอบใจมึงมาก แต่มึงหยุด กูอยากฟังไอ้อินเล่าบ้าง"
แนทผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มยกมือห้าม หันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนเหมือนอยากให้มันพูดอะไรบ้าง เมื่อมันยังไม่มีท่าทีจะพูดอะไรต่อผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มจึงถามต่อ


"มึงโอเคไหม"


อินที่นั่งเอานิ้ววนเล่นกับขอบแก้วไปมาเงยหน้ามามองหน้าเพื่อนสนิททั้งสาม ทั้งๆที่วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะพูดอะไร ที่ยอมมาวันนี้ก็เพราะไอ้กีบังคับขู่เข็นมาเพราะไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวแท้ๆ แต่เมื่อเห็นเพื่อนเป็นห่วงเขาขนาดนี้ เขาก็อดที่จะเปิดปากพูดอะไรบ้างไม่ได้


"ไม่โอเค"



ตั้งแต่วันนั้นที่ทะเลาะกัน เขาไม่ได้คุยกับดินอีกเลย หลังจากที่อีกฝ่ายกลับไป เขาก็นอนไม่หลับทั้งคืน ทบทวนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ตอนแรกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าอีกฝ่ายอยู่ๆทำไมถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น

แต่พอลองเอาตัวเองไปวางในตำแหน่งที่ดินยืน เขาก็เริ่มจะเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้น ดินไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแฟนเก่าของเขาเลย



อีกคนไม่รู้ว่าแฟนที่อินลืมไม่ได้คือใคร

อีกคนไม่รู้ว่าอินมีแฟนมาแล้วกี่คน

อีกคนไม่รู้ว่าอินไม่เคยคบกับใครซ้อน



เพราะไม่รู้แล้วเอาสิ่งที่เห็นมาปะติดปะต่อเอง มันก็คงไม่แปลกที่จะทำให้อีกคนเข้าใจผิด



เป็นเขาเองที่ไม่เคยเล่าอะไรให้อีกฝ่ายฟัง



แต่ไม่ใช่อีกฝ่ายหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น เช้าถัดจากที่ทะเลาะกัน ดินก็มารอเขาที่หน้าหอตอนเช้าแต่เป็นเขาเองที่หลบหน้าอีกฝ่าย โทรมาหาก็ไม่รับสาย ไม่ยอมอ่านหรือตอบข้อความ จนในที่สุดก็ดูเหมือนอีกคนจะละความพยายามไปแล้ว


"คิดถึง?"
"อือ"
“มาก?”

“อือ มาก”

"แล้วทำไมไม่โทรหา"
"..."
"มึงโกรธที่เขาจูบมึงหรอ"
"เปล่า"
"แล้ว?"

"มันกลัวเขาเกลียดมัน" กีเป็นฝ่ายตอบแทนเมื่อเห็นเพื่อนสนิททำหน้าลำบากใจเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง


"คือประเด็น ดินมันคงคิดว่าอินมันคุยกับคนเยอะ เผื่อเลือกไรงี้"


"เฮ้ย ไม่หรอกมึง แล้วทำไมมึงไม่อธิบาย มึงไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย"


"กูอาจจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่ามึง"

เพื่อนทั้งสามเบิกตามองคนตรงหน้า จ้องตามันก็เห็นว่ามันไม่ได้ล้อเล่น มันคิดกับตัวเองอย่างที่มันพูดจริงๆ


"เฮ้ย ทำไมมึงพูดแบบนี้"

"ก็ไม่จริงหรอมึง กูมันพวกให้ความหวังเขาไปทั่ว กูคบกับคนใครก็ได้ แล้วมึง มึงต้องเห็นเตวันนั้น กูเพิ่งรู้ว่ากูแม่งโครตเลว ที่พวกมึงด่ากิตกันน่ะ กูก็ไม่ได้ต่างกับเขาสักนิด"
 
"มึงงง.." เป็นแนทที่เข้ามากอดเขา สงสารเพื่อนตัวเล็กที่มีนไม่เคยมีความสุขกับควารักทั้งที


“กูมันง่าย เขาควรได้เจอคนที่ดีกว่ากุไหม”



“มึงไม่ได้เป็นแบบนั้นไอ้อิน ไม่งั้นมึงจะมานั่งคิดมากแบบนี้หรอ”



ธันว่าเสริม เขาไม่ได้แค่ปลอบใจเพื่อนแต่เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไอ้อินเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกคนอื่นเสมอ  ถ้ามันทำให้ใครเสียใจ เขาเชื่อว่ามันเป็นเพราะความไม่รู้มากกว่าความตั้งใจ



“อิน มึงไม่เลว” กีแตะบ่าเพื่อนสนิท

“มึงแค่อ่อนแอเกินไป มึงถึงต้องการใคนสักคน แล้วการที่มึงลองคบกับใครมันก็ไม่ผิด มึงไม่ได้คบซ้อนสักหน่อย”



อินรู้ว่าเพื่อนสนิทพยายามปลอบเขา แต่เรื่องที่เจอมาในช่วงนี้หลายๆเรื่อง มันทำให้เขาต้องกลับมาคิด ยิ่งคิดได้มากเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่ายิ่งไม่ชอบตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ



“เขาคงเกลียดกูไปแล้วมั้ง”



“เอาอีกล่ะมึง มึงอย่าคิดไปเอง มีอะไรในใจก็พูดออกไป อย่างตอนไอ้กิต ถ้ามึงไม่อยากเลิกกับมัน มึงก็ไม่น่ายอมเลิก มึงต้องสู้เพื่องความรักของมึงบ้าง”



อินเงยหน้ามาสบตากับกี เป็นไม่กี่ครั้งที่อีกฝ่ายจะพูดจาจริงจังกับเขาแบบนี้



“แล้วเรื่องดินก็เหมือนกัน มึงไม่ต้องมานั่งเดาว่ามันจะเกลียดมีงหรืออะไร มึงต้องเผชิญหน้าความจริง จะเอาแต่หนีไม่ได้ มึงยังไม่ได้ให้โอกาสมันเลย เล่าให้มันซะ”

“...”

“บอกมันไปว่าจริงๆมึงคิดยังไง แล้วถ้าเขาไม่เอามึง มึงค่อยกลับมาหาพวกกู โอเค๊”



กีเอามือมาขยี้ผมเพื่อนตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว อินเบะปากลงเหมือนจะร้องไห้ สมองก็คิดตามที่คำที่อีกฝ่ายกล่าว อย่างนี้เขาถึงได้รักมันเพราะถึงมันจะดูไร้สาระไปวันๆแต่มันคือคนที่คอยเตือนสติเขาเสมอ



“เออกูจะลองดู”

“มันต้องอย่างนี้สิวะ เพื่อนกู”

“ถ้าเขาเมินกู...”

“กูเลี้ยงเหล้ามึงเองไอ้อิน แถมกูจะคอยดูแลแล้วลากมึงกลับห้องด้วย”



“กีกูรักมึงวะ” อินมองหน้าเพื่อนสนิทที่ยิ้มให้กำลังใจมา เพื่อนอีกสองก็ทนไม่ไหว เข้าไปกอดมันบ้าง



“มึงนี่โครตแมนเลย”

“ผัวสุดล่ะคนนี้”



“อีเชี่ยยย ขนลุก อย่ามาชมกู ถ้าได้กันเองแล้วใครจะรุก”



ทั้งสามหัวเราะให้กับคนที่จริงจังได้ไม่ถึงนาทีก็กวนตีนอีกแล้ว พร้อมใจกันเอามือไปขยี้หัวเพื่อนสนิทที่ใครต่อใครว่าไร้สาระแต่ถ้าเพื่อนมีปัญหาเมื่อไหร่ก็พร้อมจะจริงจังขึ้นมาทุกที



“ว่าแต่ กับกิตนี้ตอนนี้เป็นยังไง” จู่ๆแนทก็ถามขึ้น

“เออๆ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นนางเดินกับแฟนนางเลยนะ เป็นเดือนแล้ว”

“ก็ไม่ไง ก็มีไลน์มาบ้าง”

“เฮ้ย ไหนมึงสัญญากับกูแล้ว!”

“ก็สัญญาแล้วไง ไม่เคยตอบเลย”



เมื่อเขาว่าอย่างนั้นกีก็โน้มหน้ามาหาเข้าจนตอนนี้จมูกของคนทั้งสองแทบจะชิดกันอยู่แล้ว



“อะไรของมึงเนี้ยยย”

“มึงแน่ใจว่าไม่ได้คุย” อีกฝ่ายจ้องเขาระยะประชิดเหมือนพยายามจะจับผิด

“เออ”

“ไม่เคยโทรหา?”

“ไม่”

“ไม่คิดถึง?”

“ก็พอมีบ้าง...”

“แต่ตอนนี้ดินสำคัญกว่า?”

“ก็ใช่...อะไรของมึงเนี้ย”

อินตอบคำถามสุดท้ายอย่างเขินๆ กียิ้มกว้างแล้วค่อยๆถอยออกไปนั่งที่ตัวเองดีๆ ยกแก้วเกล้าขึ้นมาจิบเบาๆ



“อาการเป็นไงครับหมอ” ธันพูดขึ้นมาอย่างรู้กัน

“คนไข้พัฒนาการดีมาก ไม่ดื้อยา”

“เขาใกล้หายแล้วใช่ไหมหมอ หนูดีใจที่สุดเลย”



อินส่ายหน้าให้กับอาการของเพื่อนๆตรงหน้า อยู่ด้วยกันทีไรรับมุกโยนมุกกันจนเขาปวดหัวตลอด



“เห้ย มึง! ดูทางนั้น” เป็นธันที่อยู่ๆก็ตะโกนออกมา

“เดือนม่อมอมึงนี่”

ทั้งโต๊ะหันไปทางที่ธันชี้ เจอมือกีต้าร์ที่คุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่แถวทางเดินไปห้องน้ำ ต้นคุยกับผู้หญิงหน้าตาดีคนนึงอยู่ อยากจะเรียกว่ายืนข้างกันแต่จากอาการแล้วตอนนี้เรียกว่าสิงกันอยู่จะถูกต้องกว่า ผู้ชายตัวโตเริ่มคลอเคลียบริเวณแก้มอีกฝ่ายก่อนที่จะค่อยๆเลื่อนไปกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไรแต่ผู้หญิงคนนั้นยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พยักหน้าเป็นการตกลง ก่อนที่ฝ่ายชายจะรวบเอวอีกฝ่ายแล้วเดินเข้าไปด้านใน



“เสร็จไปอีกราย” แนทหันมาพูดเมื่ออีกฝ่ายหันไปลับตา

“แต่แม่งก็น่ากินจริงๆ กล้ามเป็นมัดเลย”

“ธันมึงอย่าง มีงก็รู้นิสัยมัน”

โอ้ย อีแนทกูล้อเล่น!”



“เดี๋ยวกูมา” กีที่จ้องคนทั้งคู่ที่หายลับไปในห้องน้ำพูดขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว รีบเดินไปทางที่ทั้งสองหายเข้าไป แอบยิ้มอย่างผู้ชนะ วันนี้ล่ะเขาจะเอาคืนคนหน้าม่อให้สาสมที่สุด



*********************



วันนี้ต้นรู้สึกว่าตัวเองโชคดี

ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาแต่เพราะทนการคะยั้นคะยอของเพื่อนสนิทมอปลายไม่ไหวก็เลยยอมถ่อสังขารมาถึงที่นี่

ก็เมื่อคืนหลังเล่นดนตรีที่ร้าน เดือนบัญชีที่คุยกันไว้ก็มารอ พอพากันไปห้องก็ไม่รู้อะไรเป็นอะไรแล้ว

รู้ตัวอีกทีก็สว่างคาเตียงเลยนี่น่า



ดีนะที่วันนี้ไม่มีเรียนบ่าย เลยได้นอนเอาแรงไปสองชั่วโมงก่อนที่จะออกมาท่องราตรีอีกรอบ ทีแรกก็ยัฃเนือยๆอยู่นะ แต่พอได้เจอดาวนิเทศที่เพื่อนสนิทเคยแนะนำให้รู้จักเท่านั้นแหละ เรี่ยวแรงมาจากไหนหมดก็ไม่รู้ แถมวันนี้เหมือนอีกฝ่ายจะอยู่ในอารมณ์อยากสนุกอยู่พอดี เพราะพอต้นเดินเข้าไปคุยด้วยแปปเดียวก็เหมือนอะไรอะไรมันจะง่ายจนเขาเองก็ยังแปลกใจ



 “ต้...ต้น อ่าา อืมม”



จูบร้อนแรงเริ่มขึ้นจากหน้าห้องน้ำชาย คนตัวโตใช้สายตาลอบมองเร็วๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก็ดันอีกฝ่ายเข้าไปในห้องส้วมห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปได้คนตัวโตก็ดันผู้หญิงร่างเล็กให้ชิดประตูก่อนที่จะลงกลอนเรียบร้อย สองมือรัดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ค่อยๆดึงอีกคนเข้าหาตัวเองจนในที่สุดหน้าอกอวบอิ่มแนบเข้ากับหน้าอกของเขาจนชิดสนิท ฝ่ายหญิงเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ค่อยๆยกหัวเข่าแทรกเข้ามาระหว่างขาทั้งสองข้างของคนตัวโต ยกขึ้นสูงเรื่อยๆจนตอนนี้มันกำลังหยอกล้อกับส่วนที่กำลังเริ่มแข็งตัวของเขา คนตัวโตค่อยๆเลื่อนมือที่บีบสะโพกขึ้นสูงเรื่อยๆ บีบขย้ำทุกส่วนไปตลอดทางและมาหยุดลงใต้เนินอกของอีกฝ่าย บีบเค้นอย่างมันมือ



“ฮัลโหลมึงงง ทำอะไรอยู่”

“เออ กูมากินข้าวกับเพื่อนที่มอมึงอะ เออ ร้านเดิม”



ฝ่ายหญิงแอบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในความเงียบ อีกฝ่ายคงพูดโทรศัพท์เพราะไม่ได้ยินเสียงผู่ร่วมสนทนา แต่ก็ต้องละความสนใจในทันทีเมื่อคนตัวโตค่อยๆเลื่อนมือมาแกะกระดุมเสื้อของเขาทีละเม็ด ใจนึงก็ยังเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายปิดประตูลงกลอนดังมาใกล้ๆ เดาว่าน่าจะอยู่ห้องส้วมถัดไปอีกสองห้อง ความสนใจของเขากลับมาที่คนตัวใหญ่อีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเริ่มใช้มือหนึ่งเลื่อนเข้าไปในกระโปรงพร้อมกับโน้มตัวไปซุกไซ้บริเวณซอกคอของเขา



“กูมีเรื่องจะเม้า มึงจำตั้งต้น ดุริยางค์ศิลป์ได้ป่ะ วันนี้กูเจอที่ร้านด้วย”



คราวนี้ทั้งสองคนที่กำลังทำกิจกรรมร้อนแรงอยู่ชะงักลงทั้งคู่ ตั้งต้นยังค้างอยู่ที่ซอกคอฝ่ายหญิง คอยเงี่ยหูฟังคนข้างนอก



“เออ มากับผู้หญิงอีกแล้ว คนใหม่มึง กูโครตสงสารเมียมันเลยว่ะ”



ต้นผละออกมาจากอีกฝ่าย ส่ายหน้าปฎิเสธทันควัน

“ไม่ใช่เรานะ”



“แถวนี้เขาเรียกมันเดือนม่อทั้งนั้นแหละ”

เชี่ย! ต้นสบถในใจเมื่อเห็นคนตรงหน้าหน้าบูดไปแล้ว



“ใช่ เมียมันท้องกี่เดือนแล้วนะ เออๆ กูโครตสงสารเด็ก ไม่รู้ติดโรคจากมันหรือเปล่า”



ตอนนี้ผู้หญิงตรงหน้าเขาเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างไมาอยากเชื่อ



“เออ มันกินยาอยู่ ไม่มีใครดูออกหรอก แต่กูสงสารผู้หญิงที่มันไปอ่อยเขา เดี๋ยวก็ติดโรคไปกับมันหรอก”



ได้ยินแค่นั้นร่างเล็กก็ผลักคนตัวโตออกห่างทันที รีบติดกระดุมบนแล้วจัดความเรียบร้อยตัวเองเล็กหน่อยก่อนจะรีบเปิดประตูห้องออกไปอย่างรวดเร็ว

“โอ้ย”

ก่อนไปฝ่ายหญิงไม่ลืมกระทืบเข็มร้องเท้าลงบนรองเท้าอีกฝ่ายเต็มแรงไปหนึ่งที ก่อนจะสบถออกมาอย่างสุดทน



เมื่อสติกลับมา คนตัวโตที่ตอนนี้ความสับสนแปรเปลี่ยนเป็นความโมโหเรียบร้อยแล้ว ใครหน้าไหนมันมาแกล้งเขาแบบนี้ พุ่งตรงไปหน้าห้องส้วมห้องนึงที่ยังปิดอยู่ ทุบประตูดังๆหลายครั้ง



“มึงออกมาเลยนะ เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”



แกร๊ก



“ไอ้เห...กี?”



เมื่ออีกคนเปิดประตูออกมาต้นเตรียมจะเริ่มด่า แต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อเจอหน้ามี่คุ้นตา ความโมโหที่โดนแกล้งเปลี่ยนเป็นความแปลกใจมากกว่า



“ว่าไงครับเดือนม่อ” กีพูดทักทายคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงกวนตีนที่สุดที่เขาจะทำได้

“ต่อไปน่าจะหลอกฟันแถวย่านนี้ไม่ได้แล้วมั้ง”

“ทำแบบนี้ทำไม”

“ก็ไม่ทำไม ก็แค่เกลียดคนเจ้าชู้แบบนาย”

“ไม่ใช่ซะละมั้ง”

“อะไร”

“นี่ตามมาขนาดนี้ ติดใจว่างั้น?”

“จะหลงตัวเองไปหน่อยแล้ว”

“หรือว่าหึง?” คนหน้าม่อถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียนที่สุด

“หึ คนแบบนายมีอะไรน่าหึงว่ะ”

ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่ก็แอบใจสั่นกับสายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มที่เคยทำให้เขาหลวมตัวไปกับอีกฝ่าย มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สักหน่อย ไม่ใช่เขาแต่อีกฝ่ายต่างหากที่ควรจะโมโหตอนนี้



“สมน้ำหน้า ตอนนี้เขาคิดว่านายเป็นโรคทั้งสามย่านแล้วมั้ง”

“หึ เข้าใจแล้ว”

“เข้าใจอะไรว่ะ!!”

“แบบนี้จะได้ไม่มีใครมายุ่ง ต้นจะได้เป็นของกีคนเดียว”

คนตัวโตค่อยก้าวเขามาใกล้เขา จนตอนนี้เขาพิงเข้ากับซิงค์ล้างมือ เอี้ยวคอหลบอีกฝ่ายที่พยายามจะเข้ามาคลอเคลียเขา

“ใช่ไหมครับ...น้องกี”

“เอาะ...ออกไป” กีพยายามดันอีกฝ่ายออกไป แต่เหมือนมันจะไม่มีผลอะไรเลย คนตัวใหญ่ซุกหน้าลงมาที่คอเข้า ดูดแรงๆตรงคอจนเขาสะดุ้ง

“ช่วยหน่อยสิ เมื่อกี้ยังค้างอยู่เลย”

ไม่พูดเปล่าอีกคนเริ่มงับที่ซอกคอเขาเบาๆ ลากลิ้นเลียไปเรื่อยจนถึงใต้ใบหู



“เห้ยยย อย่าเพิ่งอ้วกนะมึง ถึงห้องน้ำแล้ววว” เสียงโวยวายดังออกมาจากหน้าห้องน้ำ กีตกใจพยายามผลักอีกฝ่ายออกจากตัว คนตัวโตเอื้อมมือมาจับต้นคอเขาแล้วดึงเข้าไปกดจูบแรงๆหนึ่งทีก่อนจะผละออก



“ตัวแสบ วันนี้จะปล่อยไปก่อน แต่ไม่จบแค่นี้แน่” คนหน้าม่อว่าก่อนที่จะขยิบตาแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป



กีมองอีกฝ่ายอย่างมึนงง ทั้งๆที่ตั้งใจมาเอาคืน แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดที่โดนเข้าใจผิดแบบนั้น เป็นเขาเองที่ตอนนี้มายืนมึนงงกับรสจูบของอีกฝ่าย กีมองรอยกัดที่คอผ่านกระจกแล้วเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากตัวเองอย่างงๆ อยู่แบบนั้นจนคนเข้ามาในห้องน้ำจึงทำเป็นล้างมือแล้วรีบเดินออกไปหน้าห้องน้ำ ตอนนี้เสียงเพลงที่ดังอยู่ในอากาศไม่สามารถกลบเสียงหัวใจที่เต้นแรงรัวของเขาได้เลย



*********



เรื่องของกีและต้นจะมาเรื่อยๆนะคะ ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะแยกเรื่องเป็นตอนพิเศษดีไหม แต่ที่คิดไว้คือมันจะเสริมๆกันไป จะพยายามไม่ทำให้งงแน่นอนคะ



แต่นอกจากเรื่องของสองคนนี้ยังมีอีกคู่นะคะ ทายสิใครเอ่ย?



เรื่องของสองคนนั้น เมย์ตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องแยกไปเลยคะ คิดพล๊อตเรื่องน่ารักๆได้แล้ว



ถ้าไม่ถูกใจหรือคำแนะนำอะไรเม้นกันมารัวๆเลยเน้อ ถ้าถูกใจก็เม้นมาได้นะคะ พอมีคนเม้นเข้ามามันคือกำลังใจจริงๆคะ ใครไม่เม้นก็ไม่ว่ากันน้า ขออย่างเดียวอย่าเทกัน อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องเลยเนาะ :)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด