{เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)  (อ่าน 2927 ครั้ง)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ZOMBIE PLANET


‘โลกนี้มันบ้าไปแล้ว!’


มีใครสักคนตะโกนคำนี้ออกมาและผมโคตรจะเห็นด้วยกับมัน

สวัสดี.


ตอนนี้คุณกำลังอยู่กับ

มิสเตอร์มาร์ส (MARS)
ชื่อของผมในตอนนี้ไม่ใช่นามแฝงวงการเกย์แต่อย่างใด


แต่จะใช้คำว่าสวัสดีก็คงไม่ได้เพราะถ้าคุณมาอยู่กับพวกผมตอนนี้ก็อยากจะตายจากโลกปั่นป่วนนี้เป็นบ้า แน่นอนว่าแม่ผมและคนอื่นๆ ในครอบครัวผมก็คิดแบบนั้นเลยชิงตายตั้งแต่ทุกอย่างเกิดขึ้นแรกๆ เหลือแค่ผมที่ยังนั่งกินป็อปคอร์นดูหนังเรื่องโปรดในห้องพอลงมาก็เจอทุกคนเป็นศพแบบงงๆ พอเปิดทีวีก็เห็นข่าวซอมบี้บุกโลกเหมือนในหนังซอมบี้ทั่วไป


‘พระเจ้าช่วย’
ผมในตอนนั้นยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยสีหน้านิ่งสนิท


โลกนี้แม่งบ้าไปแล้ว ถ้าผมมัวแต่ร้องไห้โวยวายผมก็คงจะเป็นบ้าตามโลกไปจริงๆ


ผมจัดการลากศพทุกคนในบ้านไปฝังหลังบ้านแล้วสวดมนต์บทเท่าที่ผมพอจะจำได้ (ช่วยไม่ได้ผมมันพวกไร้ศาสนา ถึงตอนเด็กผมจะถือคริสต์ก็เถอะ แต่พอโตมาก็รู้สึกอยากเป็นแบบนี้มากกว่า)

“เฮ้ย! สวย ช่วยด้วย!”

เสียงตะโกนร้อนรนดังลั่นด้านหลังผมทำให้ผมที่กำลังหาวหวอดหันไปมองเหนื่อยๆ ในมือยังถือจอบสำหรับถมดินใส่บรรดาครอบครัวของผมที่ตายไปแล้ว

“มีอะไร”

ผมเคี้ยวหมากฝรั่งเป่ามันจนเป็นลูกโป่งใหญ่และแตกโผละ

“นี่แกไม่ตกใจอะไรเลยรึไงวะ!”

ไอ้อ้วนเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพื่อนบ้านผมมานานนมตะโกนใส่ผม มันพยายามชี้แขนอ้วนๆ ของมันไปด้านหลังที่มีซอมบี้เดินอาดๆ ตามมาเป็นฝูง

ผมกระตุกยิ้มและไหวไหล่

“โทษทีว่ะ ซอมบี้ไม่กินกระต่าย”

ว่าอย่างงั้นก่อนที่จะกลบดินให้กับครอบครัวผมต่อ

“มันไม่กินแก แต่มันจะกินฉัน!!”

ไอ้อ้วนร้องว้ากแล้วบุกเข้ามาในรั้วก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปหลบในบ้านผม

“เฮ้อ”

ผมมองตามแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ไอ้เวรนี้มันอ้วนเป็นบ้า เปลืองอาหารมากถ้าจะอยู่กับผม แต่เอาเถอะ เพื่อนมนุษย์ก็ต้องช่วยเหลือกัน

ฮื่อ

“โทษที ไอ้อ้วนมันหนีไปแล้ว พวกนายก็ไปกินคนบ้านอื่นแล้วกัน”

ผมพยักเพยิดไปด้านนึงที่มีฝูงชนส่งเสียงร้องโหยหวนหนีซอมบี้ มีบางคนโดนกัดก็ร้องดังลั่น เสียงบีบแตรดังสนั่นลั่นถนนไปหมดเมื่อคันข้างหน้าไม่กล้าขยับรถเพราะมีคนกำลังโดนซอมบี้รุมทึ้งกินเหมือนแร้งที่กำลังรุมทึ้งศพ

ฮื่อ ฮื่อ

พวกซอมบี้ไม่สนใจผมเพราะมันฟังผมไม่รู้เรื่องและด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างอีก ที่มันไม่กินผม ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศอะไรบางอย่างซะอย่างงั้น พวกมันส่งเสียงฮื่อๆ ทำจมูกฟุดฟิดแล้วลากเท้าไปทางอื่นต่อ




หลังจากนั้นประมาณครึ่งปีผมก็สร้างอาณานิคมของตัวเองขึ้นมา รวบรวมคนเป็นที่ยังอยู่มารวมกันในบ้านของผมโดยที่รอบบ้านผมนั้นเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางแน่นหนาทั้งบานประตูกระถางต้นไม้รถยนต์ อะไรก็ตามแต่ที่ผมสามารถหามาได้ ผมเอามันกั้นจนมันเป็นรั้วที่แข็งแรงประมาณนึง นับว่าปลอดภัยจากซอมบี้ระดับนึง ส่วนทางเข้าออกก็คือต้นไม้ต้นใหญ่ที่ติดกับบ้านผม
ทุกคนแต่งตั้งผมเป็นควีน (ทั้งๆ ที่ผมบอกว่าให้เรียกคิง)

แต่อย่าคิดว่าจะมีคิงเพราะไม่มีใครกล้าและพิเศษมากพอที่จะออกไปข้างนอกอาณานิคมเหมือนผม เอาเข้าจริงผมก็สามารถดำรงชีวิตในโลกบ้าๆ นี่ได้อย่างสบายๆ ถือสิทธิพิเศษเหนือใครนะ คิดดูสิ จะมีสักกี่คนที่สามารถนอนหลับกรนคร่อกๆ ท่ามกลางดงซอมบี้แล้วไม่โดนกิน นอกจากผม ผมยังไม่เคยเจอใครเลยนะ

ส่วนไอ้อ้วนตอนนี้กลายเป็นไนท์ของผม มันผอมแล้วเนื่องจากผมจำกัดอาหารของมันและบังคับให้มันออกกำลังกาย จนตอนนี้มันกลายเป็นผู้ชายล่ำเหมือนกัปตันอเมริกา เหมาะสำหรับการใช้แรงงานอย่างมาก ระหว่างที่ผมออกไปลาดตะเวนข้างนอก ผมก็ให้ไอ้อ้วนที่กลายเป็นไอ้ผอม ทำสวนครัวไปพลางๆ นับว่าผมและคนใต้อาณัติของผมโชคดีมาก ที่แม่ผมชอบปลูกนู่นนี่นั่นเลยมีเมล็ดผักผลไม้สำหรับปลูกเหลือเฟือ ไหนจะบ่อน้ำอีก ถ้าจัดการบริหารกันดีๆ ไม่ผลิตประชากรกันเพิ่ม ก็อยู่กันได้สบายๆ กันได้อีกหลายปี

ประชากรในอาณานิคมกระต่ายของผมมีอยู่ยี่สิบห้าคนรวมผมและอ้วน มีทั้งเด็กคนแก่ผู้ใหญ่ ทุกคนที่หนีซอมบี้ไม่ทันแล้วยังรอดอยู่และคนที่ไม่ใช่พวกทางการเลือก หรือที่ผมเรียกเองว่าพวกมีตั๋วทอง
พวกทางการมันรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยสร้างอาณานิคมขึ้นมาแบบผมแต่ดีกว่าผมเยอะ ในนั้นประกอบไปด้วยอาคารที่อยู่ หอบังคับการ โรงครัว โรงผลิต บ่อน้ำ ทุกอย่างที่ใช้สำหรับการดำรงชีพ
แต่ก็นะมันก็ไม่ได้มีเพียงพอสำหรับทุกคน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น พวกผมไม่เคยรู้และคาดคิดว่าโลกแบบในหนังมันจะเกิดขึ้นจริงๆ

แต่ก็นะ มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจากความโลภ ความโกรธ ความเกลียด อะไรก็แล้วแต่ มันก็ทำให้ผมเกลียดทางการอยู่ดี พวกเขาทำให้ผมอดดูซีรีย์ที่ผมกำลังติดงอมแงมและมันก็จะถึงตอนจบแล้วในอาทิตย์หน้า
เห็นไหมล่ะ ทุกอย่างตอนนี้มันบัดซบสิ้นดี

และผมก็รู้ด้วยว่าตัวเองมีสิ่งที่พวกทางการตามหาอยู่ พวกมันกำลังวิจัยวิเคราะห์หาทางสู้หรือต่อต้านซอมบี้ ถ้าเกิดได้อะไรสักอย่างในตัวผมไป คงจะทำประโยขน์ได้มหาศาล

แน่นอนว่าผมไม่มีวันบอกพวกมัน

ต่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ล่มสลายมันก็ไม่ใช่ความผิดผมและผมก็ไม่คิดจะสนใจด้วย พ่อแม่น้องสาวน้องชาย ผมตายหมดแล้วตั้งแต่วันนั้น ตอนนี้ผมก็ตัวคนเดียวไม่เหลืออะไรอยู่อีก


ผมคิดอย่างนั้นจนกระทั่งวันนึงที่คนนึงในการปกครองของผมป่วย

เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กอายุเท่าน้องผมและนิสัยเหมือนน้องผมมาก ผมมักจะเผลอแทนภาพน้องของผมแทนเธอเสมอ

“ฮึก พี่มาร์ส ช่วยหนูด้วย หนูปวดท้อง ฮือออ”

“ฮึบไว้ อย่าร้อง พี่จะช่วยหนูเอง”

ผมกอดเธอแน่นขณะที่อุ้มเธอไปหยุดที่หน้าปราการแกร่ง


สีเงินของโลหะเป็นประกายระยับสะท้อนแสงอาทิตย์ให้ความรู้สึกหวั่นเกรง พลทหารที่อยู่ในชุดเกราะเหล็กและอาวุธครบมือเล็งปืนมาที่ผม นับๆ ดูแล้วจากด้านบนปราการก็มีประมาณสี่กระบอก

ตัวพรุนแน่

ผมคิด

“น้องผมป่วย!”

ผมตะโกนออกไปแม้ว่าตัวเองจะไม่คาดหวังความเมตตานัก

“แล้วไง!”

เสียงนึงตะโกนลงมาติดจะเย้ยหยันจนน้องผมที่สะอื้นอยู่แล้วสะอื้นหนักกว่าเดิมอย่างสิ้นหวัง คราบน้ำตาที่เปียกชื้นบนบ่ากัดกร่อนหัวใจผม ราวกับกรดที่มีค่าพีเอชต่ำ

“ให้เธอเข้าไปได้ไหม! ผมคิดว่าเธอต้องผ่าตัดหรือตรวจอย่างละเอียด เพราะยาแก้ปวดท้องไม่ได้ผล!”

“พวกแกเคยโดนกัดไหม!”

เสียงแปร่งอีกฝั่งตะโกนถามคล้ายกับใจดี ทำให้น้องผมมีความหวังขึ้นมานิดๆ เห็นได้ชัดจากการยอมผละจากบ่าผมหันมามองไปทางปราการที่เบื้องหลังคือสวรรค์ของมนุษย์ในปัจจุบัน

ผมมั่นใจว่าอย่างน้อยๆ ข้างในนั้นมันก็ต้องดีกว่าที่ผมอยู่กับตอนนี้แน่ๆ

“ไม่เคย!!!” ผมตะโกนตอบ

ปัง

ผมเบิกตาโพลงมองร่างในมือตัวอย่างไม่เชื่อสายตา

ใบหน้าที่ละม้ายกับน้องผมเปรอะไปด้วยเลือด บริเวณศีรษะเยื้องไปทางซ้ายเป็นรูกระสุน มีเลือดไหลบ่าและเศษสมองกระเด็นมาเลอะหน้าผม

“…ฝีมือยังดีอยู่ว่ะ!”

เสียงที่ห้าที่ผมไม่ได้สังเกตเห็นตั้งแต่แรกตะโกนขึ้น ในมือชูปืนสไนเปอร์ร้องเฮอย่างลำพอง

“ตัดหน้ากันว่ะ ฉันกะจะยิงเองสักหน่อย!”

“ไม่โดนกัดห่าไร รอยแหว่งบนหน้าแม่งรอยนอนทับมั้ง”

เสียงที่พวกมันตะโกนคุยกันดังลอยเข้าหูผมแต่ผมกลับไม่รับรู้เท่าที่ควร

เรี่ยวแรงที่เกาะบ่าผมหายไปน้องค่อยๆ ร่วงหลุดจากมือของผมอย่างช้าๆ ก่อนจะตกลงบนพื้นเพราะผมประคองไม่ไหว
นัยน์ตาของผมเบิกค้างอย่างควบคุมไม่ได้น้ำตาไหลบ่าออกมาโดยไร้เสียงสะอื้น

น้องตายโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ…

ผมเอื้อมมือไปปิดตาน้องกล้ำกลืนความโกรธของตัวเองลง

“แล้วแกล่ะ จะเอาไง! ยังอยากเข้ามาในนี้อยู่ไหม!”

ผมลุกขึ้นยืนหันหลังกลับเดินออกมาอย่างมั่นคง ราวกับเมื่อกี้ไม่ได้เกิดเหตุสะเทือนใจขึ้น


ถ้ามันคิดจะยิงผมก็ปล่อยให้มันยิง

แต่ถ้ามันยิงผมไม่ตาย

ผมจะกลับมาฆ่าพวกมันทุกคน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2018 17:43:34 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ผมไม่ได้กลับไปที่อาณานิคมของผม ปล่อยให้ไอ้อ้วนจัดการที่เหลือไปเพราะยังไงผมก็สามารถใช้ชีวิตสบายๆ เหมือนไปเที่ยวฮาวายได้อยู่แล้ว และตอนนี้ผมกำลังจิบน้ำส้มกล่องที่หยิบมาจากมินิมาร์ทใกล้ๆ ที่ซอมบี้ล้นร้าน จริงๆ ซอมบี้เป็นอะไรที่เฝ้าของดีมากจริงๆ นะ ที่นั้นอาหารครบมากเพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปเอา แม้แต่พวกทางการยังเลือกที่จะไม่เสี่ยงใช้อาวุธเพื่อมินิมาร์ทร้านเดียว

ผมก็เลยสามารถนั่งกินขนมชิวๆ บนต้นไม้สูงอย่างเพลิดเพลินใจ

ไม่สิ ผมไม่ได้เพลิดเพลินใจแต่ผมกำลังรอเวลา..

ทุกวันจะมีทหารคนนึงลาดตะเวนผ่านแถวนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลาดตะเวนไปเพื่ออะไรแต่อาวุธเขาก็ครบมือ พอซอมบี้เริ่มเห็นเขา เขาก็จัดการโยนตัวขึ้นบิ๊มอไซต์แล้วสปีดหนีซอมบี้ไป

ผมรออะไรงั้นเหรอ? ก็รอเอาชุดเขาไง

จากการเข้าสู่โหมดสังเกตและตั้งรับมาเกือบสองเดือนทำให้ผมเข้าใจพวกทางการเข้ามาระดับนึง ต้องขอบคุณซีรีย์ทหารตำรวจที่บางทีนักแสดงนำหล่อมากทำให้ผมติดงอมแงม ผมเลยพอจะเดาการปกครองภายในคร่าวๆ ได้

ถ้าให้เดาทหารนั่นก็น่าจะยศกลางๆ ไม่ต่ำไม่สูงมากเพราะถ้าสูงจริงคงไม่ให้ออกมาเสี่ยงลาดตะเวนด้วยตัวเอง แต่ถ้าต่ำไปก็คงไม่มีอาวุธครบมือขนาดนั้น ก่อนตายคงจะฆ่าซอมบี้ได้เป็นร้อยตัว

บรืนนน

เสียงมอไซต์คนเดิมเวลาเดิมดังเข้าหูผมและมันก็เรียกความสนใจจากพวกซอมบี้ตัวอืดได้ดี พวกมันลากเท้าตามต้นกำเนิดเสียงไปโดยไม่รู้สักนิดว่าต้นกำเนิดเสียงไปนู้นแล้ว

และใกล้เข้ามาทุกที

ผมกระตุกยิ้มมุมปากที่เมื่อก่อนเพื่อนในชมรมให้ฉายาว่ายิ้มแบบตัวร้าย

เอี๊ยด

รถมอไซต์จอดที่เดิมเหมือนทุกวัน

เพียงแต่วันนี้มีผมนั่งอยู่บนต้นไม้ด้วยก็เท่านั้น

ทันทีที่เขาหาวหวอดเหมือนง่วงเตะขาตั้งเท้าลงก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมกระโจนลงจากต้นไม้ใส่ตัวเขาพร้อมกับหินหนักประมาณนึงในมือ

“เฮ้ย!!!”

เขาร้องลั่นเมื่อผมทุ่มหินใส่หัวเขาที่ล้มตัวใส่พื้นเนื่องจากน้ำหนักของผม

“โอ๊ย เราคุยกันดีๆ ได้นะ”

แต่ผมไม่สนใจใช้หินทุบหัวเขาจนเลือดเกรอะ เขาพยายามสู้ผมกลับแต่การเสียเลือดที่มากทำให้เรี่ยวแรงของเขาสูญหายไปกว่าครึ่ง เพียงไม่นานเขาก็สลบไปอย่างที่ผมต้องการ

ผมไม่ฆ่าเขาหรอกเพราะผมก็ไม่ได้เกลียดเขาอะไรขนาดนั้น

ผมปลดชุดเขาออกจนหมดและมาใส่กับตัวเองพบว่าหลวมโพรกเพราะหลังๆ มานี้ผมก็ผอมลงกว่าแต่ก่อนเยอะ ดูเหมือนผมจะพิรี้พิไรไปหน่อยเพราะพอรู้สึกตัวอีกทีเจ้าถิ่นก็มาเยือนตรงที่ผมอยู่เป็นฝูง

มันไม่เอ่ยปากขอผมแต่รุมทึ้งกัดกินเขาทันที

“อูย”

ผมเผลอทำหน้าแหยงกลัวๆ ที่ต้องมาเห็นซอมบี้รุมทึ้งศพระยะประชิด มันไม่ใช่ภาพที่เจริญหูเจริญตาสักเท่าไหร่ เอาจริงๆ นะตอนแรกผมก็กะจะเอาตัวไปไว้ที่อาณานิคมนั่นแหละแต่ในเมื่อมันไม่ทันก็ต้องปล่อยเลยตามเลย

“เฮ้ๆ ขอทางหน่อยพวก”

ผมเตะซอมบี้ที่เอาตัวมาเกยบนมอไซต์และแทนที่ด้วยตัวเอง

เสียงสตาร์ทรถทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนย้อนกลับไปในช่วงที่อะไรๆ ยังไม่เกิดขึ้นยอมรับเลยว่าเมื่อก่อนผมเป็นเด็กซิ่งชอบขี่มอไซต์ร่อนไปทั่วจนพ่อแม่ด่าจนเลิกด่า

// เฮ้ พอจะเจออะไรบ้างไหม //

ผมเลิกคิ้วเมื่อมีเสียงวิทยุสื่อสารดังซ่าๆ บริเวณอกเสื้อ ผมกดปุ่มอะไรสักอย่างแล้วกรอกเสียงกลับ

// ไม่เจอ //

เพราะถ้าพวกเขาเจอก็คงจะไม่ออกมาลาดตะเวนทุกวัน ถึงผมจะไม่รู้ก็เถอะว่าพวกเขากำลังหาอะไรกันอยู่

// โอเค งั้นแกก็รีบกลับมาได้แล้ว ไม่รู้วันนี้วันบ้าอะไรพวกซอมบี้ชุมเป็นพิเศษ //

ผมหัวเราะในลำคอ ซอมบี้จะไม่ชุมได้ไงในเมื่อผมลากศพคนที่เพิ่งตายไปไว้แถวนั้น

// รับทราบ //

ผมหัวเราะคิกในลำคอสวมหมวกกันน็อคตามหลักจราจรที่คุณตำรวจร่างตุ้ยนุ้ยชอบว่าผมว่าไม่ดีนะๆ ต้องใส่หมวก ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เขาขี้เกียจมาเก็บศพและรำคาญลูกชายเขาที่อาจจะร้องไห้คร่ำครวญถ้าผมตายด้วย

ว่าไปก็คิดถึงจริงๆ นะ

ความเจ็บปวดหวนขึ้นมาวูบนึงแต่ผมก็กลบมันลงอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

และผมก็ควรทำสิ่งที่ควรทำสักที



หัวใจผมเต้นตึกตักไม่หยุดตั้งแต่เข้าปราการมาได้

ตื่นเต้นเหมือนตอนผมมีแฟนคนแรกเลยให้ตายสิ!

แต่น่าเสียดายที่แฟนคนนั้นกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วรวมถึงคนอื่นๆ ที่ผมรู้จัก

“แกรีบไปพักไป จะได้รีบมาผลัดเวรเฝ้าประตูกับฉัน”

ทหารคนนึงที่น่าจะรู้จักผมดีผลักหัวผมอย่างเป็นกันเอง ผมแสร้งพยักหน้าลวกๆ แล้วเดินเข้าไปในเขตบ้านพักที่สร้างเรียงรายกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบแต่ผู้คนไม่เป็นระเบียบสักเท่าไหร่ ทุกอย่างจอแจไปหมด คนเดินกันพล่านในพื้นที่ มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่หรือที่ผมเรียกเองว่าพวกตั๋วทอง

ผมพยายามอย่างยิ่งในการควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงความเกลียดชังออกมา

สถานที่ข้างในนี่มันสวรรค์ชัดๆ ถ้าเทียบกับนรกข้างนอก

นรกที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่าสักวันมันจะเกิดขึ้น!

ทุกอย่างในที่ถูกแบ่งสันปันส่วนอย่างดี ดีกว่าอาณานิคมของผมเป็นร้อยเป็นพันเท่า พวกเขามีระบบน้ำระบบไฟที่จากโซล่าเซลล์ มีบ่อเลี้ยงปลา มีฟาร์มไก่กับแมลงสำหรับโปรตีน มีหอบัญชาหารทหาร มีห้องวิจัยขนาดกะทัดรัดที่มีนักวิจัยเดินเข้าออกดูวุ่นวาย
โอเคผมเคยคิดว่ามนุษย์น่ะเป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัวและเลวร้าย แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้ พวกเขามีอาหาร มีทรัพยากร หรือแม้แต่ห้องผ่าตัดที่ผมต้องการสำหรับน้องของผม

พวกเขามีแต่พวกเขาไม่คิดจะเอื้อเฟื้อมันให้กับใคร!

“ไอ้พวกบัดซบ!”

ผมสบถเมื่อสามารถพาตัวเองมายังห้องพักของทหารที่ผมขโมยชุดมาได้ ผมถอดเสื้อทหารเหม็นกลิ่นเหงื่อน่ารังเกียจของเจ้าของห้องออกและแทนที่ด้วยเสื้อสีดำกับกางเกงผูกสีดำที่พอจะหาได้ในตู้เสื้อผ้า

ผมมองตัวเองในกระจกอย่างไม่พอใจนัก

หน้าของผมตอนนี้โคตรจะดูไม่ได้จริงๆ มอมแมมยังกับหมาที่เพิ่งไปคลุกตัวกับโคลน
   
ผมหยิบเสื้อโค้ทที่ใหญ่ที่สุดในตู้มาสวมทับเสื้อ ขโมยขนมปังก้อนใหญ่ที่วางบนหัวเตียงมากินจนหมดและจึงค่อยแง้มประตูหาจังหวะที่จะออกจากห้องโดยที่ไม่ต้องมีใครต้องตั้งคำถาม
   
และผมก็ต้องพบว่ามันไม่มีเวลาที่คนโล่ง ทุกคนเหมือนมีหน้าที่ของตัวเองตลอดเวลา เหมือนหนูที่ติดอยู่บนจั่นที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งและวิ่งต่อไป ต่อให้มันไม่อยากวิ่งแต่มันก็ต้องวิ่งเพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้
   
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ต้องแลกกับการได้รับตั๋วทองก็ได้

เพราะแม้แต่เด็กผมยังเห็นแต่ละคนหน้าซีดกลับมากันทั้งนั้น

ผมเลยตัดสินใจออกมาทั้งอย่างนั้นและพบว่าไม่มีใครสนใจผมสักนิด ทุกคนเหมือนสนใจแต่เรื่องของตัวเองที่ดูจะมากมายและหนักอึ้งซะเหลือเกิน

แต่เชื่อเถอะ ถ้าให้เลือกระหว่างมีชีวิตอิสระข้างนอกกับการทำงานหนักแต่ปลอดภัย พวกเขาเลือกอย่างหลังแน่ๆ

ยังไงก็ตามสิ่งที่ผมควรเครียดตอนนี้มากกว่าคือผมจะเอาปัญญาไหนไปแก้แค้น แผนเดียวที่ผมมีคือแอบเข้ามาแล้วหาทางขึ้นไปยังหอบัญชาการซะ แต่พอเห็นสภาพการทำงานที่โคตรจะรัดกุมก็เลยได้แต่ปลง

พวกเขาละเลยตอนตรวจเข้ามาข้างในสำหรับพวกในชุดทหารก็จริงแต่ถ้าจะขึ้นยังตึกบัญชาการ นั้นโคตรยาก พวกเขาดู ตรวจบัตร ตรวจอัตลักษณ์บุคคล และจดจำทุกอย่างสำหรับคนที่มีสิทธิ์เข้าไป

นั่นเท่ากับว่า ผมมีโอกาสขึ้นไปบนนั้นเท่ากับศูนย์

ที่พอจะมีเป็นต้นทุนในการแก้แค้นก็มีแต่เรื่องไร้สาระอย่างการอ่อย ที่เพื่อนๆ ยกให้ผมเป็นโปร ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากเป็น ตอนนั้นผมก็แค่ชอบรุ่นพี่คนนึงเลยค่อยไปงุ้งงิ้งบ่อยนิดหน่อย สุดท้ายพี่เขาก็เสร็จผมไปตามระเบียบ

แต่จะให้ผมไปนั่งอ่อยผู้บัญชาการตรงหน้าประตูก็คงจะไม่ใช่เรื่อง และผมก็ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนั้นด้วย

อย่าลืมสิ นี่โลกความจริงนะไม่ใช่นิยายน้ำเน่า ที่นางเอกล้มทับพระเอกอย่างโคตรบังเอิญได้ทุกนาที

“เฮ้”

“..ครับ”

ผมเงยหน้าตอบทันทีพยายามไม่มีพิรุธ

ว้าว

ผมลอบอุทานในใจเมื่อพบว่าคนที่ทักผมนั้นหล่อเป็นบ้ารวมถึงสวมชุดสีดำที่ดูหรูหราอย่างพวกที่เดินขึ้นตึกบัญชาการ เอาจริงๆ นะ ถ้าเราเจอกันตามบาร์ ผมจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปขอเบอร์เขา

แม่ง โคตรสเป็ค

แต่ถ้าเขาเป็นหนึ่งในหัวเรือของเรื่องทั้งหมดนี่ก็อีกเรื่อง ผมไม่ไว้หน้าเขาหรอก ผมไม่แคร์ว่าเขาจะเคยเป็นใคร ที่ผมรู้คือครอบครัวผมตายเพราะเรื่องบ้าๆ นี่

และเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ

“ไม่คุ้นหน้าเลย เด็กใหม่เหรอ”

เขาทรุดนั่งข้างผมและเข่าของเขาก็โดนขาผมพอดี

และมันก็เกินกว่าจะเป็นเรื่องไม่ตั้งใจตรงที่เขาเสียดสีขาผม

ผมยิ้มนิดๆ

ผมไม่รู้หรอกว่าเหยื่อตัวนี้จะเป็นใคร แต่ถ้าผมอยู่ในสภาวะหมาจนตรอก ผมก็งับทุกอย่างที่เข้ามาและภาวนาให้ตัวเองได้เนื้อพรีเมี่ยมเกรดเอ

ผมรู้ว่าตัวเองหน้าตาดีและมักจะใช้มันทำให้เรื่องยากๆ ในชีวิตหลายๆ เรื่องให้เป็นเรื่องง่าย เมื่อก่อนผมขี้เกียจทำการบ้านผมก็แค่แบกหน้าไปอ้อนนักเรียนหญิงแลกกับการเดทกับการให้ขนมสักถุง แต่พอโตขึ้นแล้วรู้รสนิยมตัวเองผมก็ปรับวิธีให้เหมาะสมกับเหยื่อของตัวเอง

“ครับ”

ผมแสร้งตีหน้าเศร้าเหมือนเด็กใสซื่อแต่ในหัวตระเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่เขาอาจจะถาม โชคไม่ดีเลยที่ในหัวผมไม่มีอะไรที่ผมรู้จริงๆ เลย ผมไม่รู้ตารางงานของคนแต่ละคนที่อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ เกิดผมไปคว้าเด็กสักคนมาถามก็คงจะเป็นการเปิดเผยตัวอย่างกลายๆ ว่า เฮ้ ไอ้นี่มันไม่รู้ว่ะ ว่าที่นี่มันทำงานกันยังไง ตูม ความแตก ผมโดนยิงตายไม่ก็โยนใส่ฝูงซอมบี้ที่ตอนนี้สำหรับผมเหมือนแมลงวันมากกว่า

“อืม อายุประมาณนี้ คงเป็นพวกฟาร์ม”

หน้าหล่อๆ นั่นทำหน้าเห็นอกเห็นใจผม

“เหนื่อยแย่เลยสิ วันนั้นฉันเดินผ่านตอนสามทุ่มยังไม่เสร็จงานเลย”

ผมไม่ตอบพยักหน้าน้ำตาคลอเบ้า (ผมพยายามนึกตอนหมาผมตายน่ะ มันเศร้ามาก) และได้ผล ไอ้งั่งนี่โอบหลังผมเข้าไปใกล้เหมือนพวกตาแก่หื่นกาม เลวร้ายที่สุด

“มาอยู่กับฉันไหมล่ะ หน้าตานายไม่เลวเลย”

“ขอบคุณมากๆ นะครับ”

ผมพยักหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ห่อไหล่ทำตัวเหมือนตัวเองต่ำต้อยจนเขาลูบหัวผมเพื่อปลอบ

ผมรู้พวกผู้ชายแบบนี้ชอบอะไร พวกเขาก็แค่อยากทำตัวเป็นฮีโร่ในสายตาผมแลกกับเซ็กส์ฟรีๆ ที่คู่นอนหน้าตาดีเป็นบ้า

พูดไป ผมไม่ได้ง่ายนะ ถึงผมจะเคยนัดเจอก็เถอะ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์มาตราฐานผมสักข้อ ผมก็เขี่ยทิ้ง ผมมีเงิน ผมมีสมอง ผมว่าตัวเองมีต้นทุนมากพอที่จะเป็นคนเลือก ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกเลือก

“ไม่ต้องกลัว อยู่ที่นี่นายจะปลอดภัย”

“ฮึก ครับ”

ครั้งหน้ารางวัลออสการ์ควรประกาศชื่อผมแน่นอน

“นายจะมีความสุขถ้าอยู่กับฉัน”

เขาพึมพำข้างหูผมขณะที่เอื้อมมือไปจับต้นขาและลูบ

“ถ้าเป็นคนของฉันนายไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ แค่เป็นคู่นอนก็พอ”

ดูเหมือนในนี้จะมีของไม่ครบครัน เพราะพวกเขาขาดซ่อง ทำให้มีพวกบ้ากามอย่างไอ้เวรนี่หลุดมาหนึ่ง จากให้คะแนนความหล่อเต็มสิบตอนนี้ผมให้ติดลบ

แต่อย่างว่า โอกาสมาหมาอย่างผมก็ต้องงับไว้ ถึงผมจะเกลียดคนแบบนี้ก็เหอะ

“ครับ”

ผมพยักหน้าแล้วก้มหน้างุด ทำเหมือนเด็กหนุ่มพรหมจรรย์ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก ทั้งๆ ที่ความจริงคือซ่อนใบหน้าซังกะตายของตัวเองไม่ให้เขาเห็น

แม่ง หล่อแต่โครตนิสัยตาลุงขี้เมาอายุห้าสิบเลย!

มันจับก้นผม!!!!! 

“เขินเหรอ”

“คะ ครับ”

เสียงสั่นแต่ก็ไม่ใช่ของจริงอยู่ดี ผมขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ยังไงก็ตามเราก็ต้องขึ้นเตียงก็อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องมาเหนียมอาย

ผมยกแขนโอบคอเขาลงมาจูบที่ซอกคอเขาเบาๆ

ยังไงซะตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่ด่าผมแล้ว



“ฮิ้ว หิ้วเด็กใหม่มาจากไหนเนี่ย โทมัส”

ชายร่างใหญ่น่าจะเป็นทีมเดียวกันพูดทักทายไอ้หื่นกามทันทีที่ผมกับเขาก้าวขาเข้าไปในห้องปฏิบัติการอะไรสักอย่างที่น่าจะอยู่ชั้นบนสุดของหอบัญชาการเพราะเขากดลิฟต์ชั้นสูงสุด

โอเค ผมขอถอนคำพูดว่าโลกมันไม่กลมขนาดนั้น ตอนนี้มันกลมมากและผมคิดว่าตัวเองกำลังจะได้แทะเนื้อพรีเมี่ยมเกรดเอแบบไม่ต้องเหนื่อยคิดหาวิธีการให้ปวดหัว

ผมสามารถเข้าถึงตัวคนใหญ่คนโตของที่นี่ได้อย่างง่ายดายด้วยหน้าตาที่พ่อแม่ผมไม่เคยคิดจะปลื้ม เพราะเขาอยากได้ลูกชายแท้ๆ แมนๆ มากกว่าคนผอมๆ ลีนๆ ไว้ผมยาว อินดี้ โลกส่วนตัวสูงอย่างผม

แต่จะทำตามที่ผมคิดได้รึเปล่าก็อีกเรื่อง ผมนั่งอยู่ข้างเขาก็จริงแต่ก็คงไม่มีปัญญาบีบคอให้เขาตายได้ ดูจากแขนและมัดกล้ามแล้ว แค่ฟาดหลังคอผม ผมก็สลบละ ไหนจะปืนพกที่เหน็บไว้ที่เอวอีก

เปอร์เซ็นที่ผมจะทำทุกอย่างให้สำเร็จได้ตอนนี้คือศูนย์

สิ่งที่ผมต้องทำคือการรอเวลาเท่านั้น อย่างที่แม่ผมสอน คนที่มีความอดทนมากที่สุด คนนั้นจะเป็นผู้ที่คว้าชัยชนะหรือสิ่งที่มุ่งหมายได้ในตอนจบ

และผมก็ต้องทนให้มือลามกนี่ล้วงเข้าไปในกางเกงให้ได้! เวรเอ้ย!
 
“เก็บได้แถวนี้น่ะ เห็นสวยดี คงน่าเสียดายแย่ถ้าต้องเอาไปทำงานหนักๆ อย่างพวกนั้น”

“มีคนอื่นอีกไหม ฉันอยากได้แบบแกบ้าง”

ไม่ว่าเปล่าใช้สายตามองผมกรุ่มกริ่มเหมือนพวกหมาที่เห็นหมาอีกตัวคาบน่องไก่มา

“หรือถ้าเบื่อแล้วอยากแบ่งให้ฉันกินก็ไม่มีปัญหา”

ถามน่องไก่มั้งนะ ว่าอยากโดนหมาหื่นกามอย่างพวกแกแย่งไหม

ผมโกรธและรังเกียจพวกเขามากแต่ผมก็สามารถควบคุมให้มันนิ่งสงบเหมือนน้ำนิ่งได้ แต่ภายใต้ผิวน้ำที่สงบเบื้องล่างนั้นเป็นมหาสมุทรที่กำลังปั่นป่วนด้วยอารมณ์ต่างๆ ได้ที่

พวกเขาไม่เดือดร้อนอะไรเลยสักอย่างกับสถานการณ์ซอมบี้บุกโลกตอนนี้

มีแต่พวกผม คนทุกคน ที่ต้องตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดกันแทบตาย ถึงผมจะไม่เดือดร้อนเรื่องซอมบี้ด้านการเป็นอยู่ แต่เรื่องสภาพจิตใจผมคงติดลบ

พวกเขามันฆาตกร!!

“โทมัส แกว่าไอ้แว่นนั้นมันตายรึยัง เราก็หามันมาเกือบเดือนแล้วนะ”

“คงไม่”

เจ้าของชื่อตอนเสียงกรุ่นๆ สีหน้าถมึงทึงแต่มือก็ยังอนาจารด้วยการลูบแผ่นหลังผม

“มันผ่านการทดสอบหน่วยซีลมาได้นะ ลูค แกคิดว่าตัวแสบอย่างมันจะตายง่ายๆ เหรอ ป่านนี้มันคงจะไปไกลแล้ว”

“ฉันก็ว่างั้น”

ลูคทำหน้าเซ็งก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“เอาล่ะ กระต่ายตัวใหม่ของโทมัส นายพอจะเคยเห็นไอ้แว่นนี้ไหม”

ไม่ว่าเปล่าหันกลับไปเปิดรูปไอ้แว่นตัวแสบอะไรนั่นให้ผมดู

“!!!!”

ไอ้ติ๋ม!!!!!!

ผมช่วยมันจากกลุ่มซอมบี้ได้อย่างฉิวเฉียด ตอนนั้นมันหมดสภาพเพลียมากเหมือนใกล้ตาย ผมเลยตุเลงๆ พากลับเข้าอาณานิคมอย่างยากลำบากและเรียกมันว่าติ๋ม เพราะมันติ๋มจริงๆ ใส่แว่นกลม ทำตัวซื่อบื้อเหมือนน่ารักมาก ทั้งๆ ที่ขนาดตัวก็ใหญ่กว่าผม

อีก

“ไม่เคยครับ”

ต้องขอบคุณปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ของผมที่ทำงานได้รวดเร็ว ผมแกล้งเอียงคอและตอบทันที ทำให้พวกเขาไม่ติดใจสงสัยอะไรสักนิด แน่นอน เพราะถ้าผมเห็นตัวเองตอนนี้ก็คงไม่สงสัยเหมือนกัน ตอแหลเก่งเกิน

มิน่าล่ะตอนที่ไอ้ติ๋มเห็นผมครั้งแรกมันดูตื่นเต้นมาก ถามผมไม่หยุดว่าทำไมผมถึงสามารถมองซอมบี้เป็นฝูงแมลงวันได้ทั้งๆ ที่สำหรับคนอื่นแล้วพวกมันคือเครื่องจักรสังหารชัดๆ พวกมันถึกทน โดนยิงก็ไม่ล้มนอกจากจะยิงโดนสมองพวกมันถึงจะหยุดนิ่งไปก้อนเนื้อโง่ๆ

แต่ก็นะ ผมไม่ได้จบด้านชีววิทยามา ความรู้ในหัวด้านนี้ก็มีแค่บรรพบุรุษของมนุษย์คือลิง ผมเลยตอบส่งๆ ไปว่าผมโชคดีมั้งไม่ก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์แบบสไปเดอร์แมน ไม่แน่อีกสองสามวันผมอาจจะสามารถบินได้
ว่าไปนั่น

“หมอนี่จะไปเคยเห็นไอ้แว่นนั่นได้ไง”

มือหนาลูบหัวผมและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงมาก ดูเหมือนเขาจะถูกใจผมมากจริงๆ

“ทำงานในฟาร์มคงเหนื่อยแย่ มาอยู่กับฉันนายแค่ทำตัวดีๆ ก็พอ”

ผมหลับตา ไม่ได้รู้สึกเขินอายแต่มันหดหู่มากกว่า

“พอๆ โทมัส นายช่วยเล่นกระต่ายเวลาอื่นเถอะ” ลูคพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะตีสีหน้าจริงจังเมื่อหน้าจอมอนิเตอร์ขึ้นสีแดงเถือกและส่งเสียงประหลาดก่อนที่จะมีภาพนึงปรากฎออกมา

“ฉันว่าเรางานเข้าแล้วว่ะ”

“ไอ้นั่นมันใคร? มาสภาพนี้ฉันไม่คิดว่ามันมาขอความช่วยเหลือจากเราเท่าไหร่นะ”

โทมัสปล่อยมือจากตัวผมเข้าไปชะเง้อหน้ามองมอนิเตอร์ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

ส่วนผมช็อคค้างอยู่ท่าเดิม

จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงในเมื่อไอ้คนที่อยู่ในจอคืออดีตไอ้อ้วนที่ตอนนี้ใกล้เป็นไอ้กัปตันอเมริกาที่หุ่นโคตรเฟิร์มกล้ามแน่น คือถ้าผมรู้ว่ามันผอมแล้วหล่อ ผมจะตบตีให้มันลดตั้งนานแล้ว ดูสิ ผ่านไปแค่สองเดือน ตอนนี้มันล่ำมากกว่าเดิมอีก

“มันพูดอะไรของมัน? ลองเปิดลำโพงหน่อย”

โทมัสสั่งเสียงเข้มและลูคก็ทำตามทันทีเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าไอ้คนที่กล้ามาห้าวเป้งกับทางการนี้ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้กล้ามากถึงขนาดนั้น

[ พวกแกเอามาร์สไปไว้ไหน! ]

เสียงทุ้มแตกตวาดกร้าวอย่างเดือดจัด นัยน์ตาที่ผมชอบล้อว่าเล็กเหมือนเม็ดถั่วเพราะแก้มอ้วนๆ ของเขา ตอนนี้กลายเป็นดวงตาที่เห็นได้ชัดเจนถึงความกราดเกรี้ยว สีน้ำเขียวอ่อนแทบจะลุกเป็นไฟตามเสียงคำราม

ผมไม่เคยเห็นไอ้อ้วนมุมนี้มาก่อนเลย เห็นเขาโกรธมากสุดก็ตอนที่ผมไปหลบในห้องเขาเพราะกำลังโดนพ่อไล่ล่าเรื่องหนีไปดูหนังกับผู้ชายแทนที่จะอยู่เฝ้าบ้านแล้วผมก็แอบกินขนมถุงสุดท้ายที่เขาโปรดปรานมาก วันนั้นเขาก็แค่มองผมด้วยสีหน้าผิดหวังแกมโกรธแล้วแก้เผ็ดผมด้วยการแอบโทรหาพ่อผม สุดท้ายผมก็ถูกจับกุมในห้องในสภาพนอนย้วยบนเตียง พ่อด่าผมจนผมหูชาเลยวันนั้น และผมก็งอนไอ้อ้วนไปอาทิตย์นึงแล้วก็กลับไปดีกันเหมือนเดิม  ผมเป็นพวกโกรธยาก หายไวน่ะ

[ ตอบสิวะ! หรือพวกแกฆ่าเขาไปแล้ว! ]

“มาร์ส ไหนวะ”

ลูคสบถสีหน้าหงุดหงิดแล้วหันไปขอความเห็น “สั่งเก็บเลยไหม น่ารำคาญว่ะ”

[ ถ้าแกคิดจะยิงฉันก็ระวังหน่อยแล้วกันว่ามือฉันจะไปโดนรีโมทนี้เข้า ]

สีหน้าของไอ้อ้วนเย็นชามากตอนที่ชูรีโมทขึ้นมาราวกับว่าไม่ยี่หระชีวิตของตัวเองอีกต่อไป

“บัดซบ!!! มันไปเอามาจากไหนวะ!”

โทมัสเต้นทันทีอย่างตื่นตระหนกเช่นเดียวกับลูคที่อยู่ไม่สุข

“เวรเอ้ย ถ้ามันกดป้อมเราแตกแน่”

“ไอ้แว่นเพราะไอ้แว่นแน่ๆ เวรเอ้ย!!! ฟัค!”

โทมัสคำรามแล้วกวาดทุกอย่างบนโต๊ะไปบนพื้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธและกลัว จนผมเผลอถอยห่างออกมา

// ท่านครับ จะยิงมันเลยไหม //

“ยิงก็ตายกันหมดสิวะ!!!!”

“ตามหาคนที่ชื่อ มาร์ส แล้วเอาตัวไปให้มัน! อย่าให้มันโกรธแล้วกดปุ่มนั่น ไม่งั้นทั้งแกทั้งฉันตายกันหมดแน่!!!”


ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
“…ฌอน”

ผมพึมพำกับตัวเองเสียงเบา รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัวเหมือนจะร้องไห้โฮออกมา ต้องขอบคุณที่พวกเขากำลังสติแตกไม่อย่างงั้นคงจะรู้แน่ๆ ว่าผมคือคนที่พวกเขากำลังตามหา

ฌอนแสดงท่าทีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาดูทั้งเศร้าทั้งโกรธในเวลาเดียวกัน และสาเหตุก็คงมาจากผมที่หายหัวไปไม่บอกไม่กล่าว โอเค ผมยอมรับว่าผมผิดที่ไม่ยอมไปลาเขา แต่จะให้ผมกลับไปบอกแม่ของเด็กคนนั้นว่าน้องเขาตายแล้ว ผมก็ไม่กล้าพอหรอก

ช่วยไม่ได้ผมรับปากอย่างดีว่าจะพาน้องมารักษาและพากลับไปอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ตามที่เห็น ผมทำน้องตายแล้วคนที่ทำคนอื่นตายอย่างผม สมควรแบกหน้ากลับไปด้วยเหรอ ก็ไม่ควรใช่ไหมล่ะ ที่แห่งนั้นไม่จำเป็นต้องมีผมก็ยังอยู่กันได้ ต่อให้ผมตาย โลกใบนี้ก็ยังหมุนต่อไปอยู่ดี

ผมเชื่อว่าทุกคนอยู่กันได้โดยปราศจากคิงอย่างผม ทุกอย่างเพียงพอแล้วในนั้น ถึงมันจะไม่มากแต่ก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร ถ้าทุกคนช่วยเหลือกันเอื้อเฟื้อกัน ดีไม่ดี อาจจะมีชีวิตรอดไปจนถึงตอนที่เราสามารถควบคุมประชาการซอมบี้ได้ก็ได้

แต่ผมก็รู้ว่ามันก็เป็นแค่ความฝันลมแล้งๆ ของผม โลกใบนี้มันโหดร้าย การคัดเลือกโดยธรรมชาติตามกฎของชาลส์ดาร์วิน ก็โหดร้าย ไม่ใช่เราทุกคนหรอกที่มีสิทธิ์รอด เผลอๆ อาจจะมีแค่ผมที่ยังเหลือรอดเพราะซอมบี้ไม่กิน

อย่างว่า ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก ดีไม่ดี ผมก็คงโดนไอ้หื่นกามที่นั่งหน้าเครียดหน้ามอนิเตอร์นี่ยิงตายตรงนี้แหละ

[ พวกแกฆ่ามาร์สไปแล้วใช่ไหม? ]

ฌอนเงยหน้ามองกล้อง นัยน์ตาที่ผมคิดว่าแดงจนนน่ากลัวแล้วตอนนี้น่ากลัวมากขึ้นไปอีก เส้นเลือดในดวงตาแตกแขนงเป็นสีแดงก่ำ แต่ละคำที่ออกจากปากน่ากลัวจนผมอดขนลุกไม่ได้

เขาไม่เคยอยู่ในสภาพแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยก็ต่อหน้าผม ปรกติฌอนจะเป็นไอ้อ้วนขี้กลัวกินจุ วันๆ เอาแต่กินและชวนผมกิน ไปดูหนังอะไรทำนองนั้น แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่เพราะชอบลองไปตามนัดของคนในแอพมากกว่า ตื่นเต้นกว่ากันเยอะ

[ แกมาผิดที่รึเปล่า! ฉันให้คนค้นหาจนทั่วแล้ว ทั้งในทะเบียนประวัติทั้งในค่าย ไม่มีใครสักคนที่ชื่อมาร์สบ้าบอคอแตกอะไรของแก! ]

เสียงทหารนายหนึ่งตะคอกกลับดังเข้ามาในไมค์ที่ติดตั้งแถวหน้าฐาน

[ พวกแกฆ่าซาน่า.. ฉันเห็นศพเธอ เธอตายแล้ว แก แกฆ่ามาร์สด้วยใช่ไหม ]

ฌอนเหมือนคนที่กำลังเสียสูญ ตัวสั่นสะท้านจนน่ากลัวว่าจะคลุ้มคลั่ง

เช่นเดียวกับผม

ที่พยายามกลั้นสะอื้นทั้งๆ ที่ร้องไห้จนตัวโยน

ถ้าฌอนเห็นซาน่าทุกคนก็ต้องเห็นเหมือนกันว่าเธอตายไปแล้ว ดีไม่ดีกระสุนนั้นอาจจะไม่โดนตำแหน่งสำคัญก็อาจจะทำให้เธอสามารถลุกขึ้นยืนกลายเป็นซอมบี้ไปอีกคนก็ได้

“ขอโทษ ฮึก ขอโทษ!”

สุดท้ายผมก็อดทนไม่ไหวกระโจนเข้าไปแย่งวิทยุสื่อสารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้ววิ่งสุดชีวิตออกจากห้อง

“หยุด!! จะไปไหน!!!”

เสียงคำรามสองเสียงคำรามไล่หลัง

ปัง!

หัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อกระสุนเฉียดหัวตัวเองไปอย่างพอดิบพอดี แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ผมหยุดวิ่ง ขาของผมยังคงทำหน้าที่ของมัน

ผมวิ่งทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะวิ่งไปไหนด้วยซ้ำ ผมไม่ได้วิ่งลงไปข้างล่างเพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องมีทหารเฝ้าประตูดัก ผมเลยวิ่งลงไปชั้นที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้ววิ่งลัดเลาะตามตึกไป

ปัง!

กระสุนฝังเข้าที่ๆ ผมเคยอยู่เมื่อวินาทีก่อนแต่มันก็ยังช้ากว่าผม ผมออกแรงวิ่งคร่ำครวญใส่วิทยุสื่อสารโดยไม่สนใจว่าใครจะได้ยินมันบ้าง ตอนนี้ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไหมจากการกระทำโง่ๆ นี่

[ ฌอน ฉันยังไม่ตาย! นายอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ฮึก ]

ลางสังหรณ์บางอย่างบอกผมว่าถ้าฌอนรู้ว่าผมตาย เขาจะฆ่าตัวตายตาม

สติปัญญาผมเหมือนเหลือแค่ครึ่งเดียว ผมเห็นประตูข้ามไปตึกอีกฝั่งอยู่ข้างหน้าแต่สิ่งที่ผมทำคือกระโดดเข้าไปอยู่ในกองขยะกระดาษซึ่งอยู่ในถังขยะเขียวขนาดใหญ่ ผมอยู่นิ่งๆ ในนั้นกอดวิทยุสื่อสารที่ผมปิดเสียงลำโพงไว้แน่น

“เร็ว! อย่าให้ไอ้เวรนั่นมันหนี!!!”

คนที่เกือบจะเป็นคู่นอนผมตะโกนก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ผ่านผมไป

[ นายอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ]
   
ผมกระซิบก่อนจะหลับตาลงปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่กล้าโผล่หัวออกไปดู แต่ผมก็ไม่ได้หลับเพราะถ้าหลับแ ก้มของผมคงไม่เปียกด้วยน้ำตา
   
ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นลงในวันนี้จริงๆ
   
ผมอาจจะถูกยิงตายหรือไม่ก็ฌอนที่ต้องตาย
   
คือมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดในตอนนี้ ผมวางแผนไว้ให้ฌอนมีชีวิตต่อไปในส่วนของผมเพราะเขาดูจะวางแผนและจัดระเบียบเก่งกว่าผมเป็นร้อยเท่า
   
แต่ฌอนคงไม่ได้คิดแบบเดียวกับผม
   
เขาออกตามหาผมทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเสี่ยงขนาดไหนที่ต้องมานอกอาณานิคมที่ซอมบี้เพิ่มขึ้นทุกนาที และถ้าผมไม่โง่ ผมก็พอจะเดาความรู้สึกของฌอนออก
   
ไอ้อ้วนที่กลายเป็นไอ้หล่อหุ่นล่ำมันชอบผม…
   
ตอนนั้นผมเคยแซวมันเล่นเพราะคิดว่ามันไม่จริงจังกับผม ผมแกล้งหยอกบีบพุงมันอย่างสนุกมือ อย่างน้อยๆ ตอนมันอ้วนผมก็ชอบเรียกมันว่าไอซ์แบร์และใช้เวลาส่วนใหญ่เวลาที่เจอมันในการเอาหน้าซบพุงนุ่มนิ่ม
   
แต่ใครจะไปรู้วันนึงมันจะกลายเป็นแบบนี้และผมไม่อยากให้เป็นด้วย
   
ผมมันแรด ผมรู้ดีและไม่คู่ควรกับฌอนด้วย ฌอนไม่ควรมาหลงรักผมเลยจริงๆ ผมมันไม่มีดีอะไรสักอย่าง ผมเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยเกรดห่วยๆ เพราะมัวแต่เอาเวลาไปสนใจอย่างอื่นที่ไม่ใช่การเรียน
   
ถึงโลกตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เกรดหรือชื่อมหาลัยสมัครงาน ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพออยู่ที่ดี ที่จะรับความรักอันบริสุทธิ์ของฌอน หมอนั่นซื่อตรงเกินไปและผมก็ไม่ซื่อตรงเกินไป
   
[ นายหนีไปซะ ฌอน ฉันไม่คู่ควรกับนายหรอก ]
   
ผมหลับตาสะอื้นในลำคอ
   
[ นายไม่ควรมาอยู่ที่นี่จริงๆ ฌอน นายเป็นคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่นะ ]
   
หัวใจผมแหลกสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีก ความเฉยชาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผมพยายามสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากอาการคลุ้มคลั่งเสียสติเริ่มสั่นคลอน
   
ภาพพ่อแม่น้องสาวน้องชายที่นอนจับมือเรียงกันกันในห้องรับแขกปรากฎขึ้นในหัว
   
ที่ปากของพวกเขาเปรอะไปด้วยเลือดกลุ่มใหญ่รวมถึงร่างทั้งร่างที่มีกลิ่นสนิมคละคลุ้งผสมกับกลิ่นสารละลายกรดบางอย่าง
   
พวกเขาน่าจะฆ่าตัวตายกันทันทีที่เห็นข่าวซอมบี้เพราะทีวีที่เปิดอยู่กลางห้องกำลังฉายข่าวซอมบี้ไล่ล่าคน ส่วนผมในตอนนั้นก็รู้สึกช็อคแต่ก็พยายามทำหัวให้โล่งด้วยการไม่คิดอะไรเลย ซากศพสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนพื้นไม่ใช่ครอบครัวผม แต่เป็นคนอื่น ครอบครัวผมยังอยู่ดีแต่ตอนนี้แค่ไม่อยู่บ้าน สิ่งที่ผมต้องทำคือเก็บกวาดซากศพหน้าตาคล้ายครอบครัวผมซะ
   
ผมในตอนนั้นสามารถลากพวกเขาไปฝังได้หน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ ผมรู้สึก รู้สึกมากและยิ่งชัดเจนตอนที่เห็นน้องซาน่าคล้ายกับน้องสาวของผม
   
น้องสาวที่เปรียบเสมือนกับสิ่งที่สวรรค์บรรดาลงมาให้ผมเล่น เธอสนิทกับผมมาก เพราะผมชอบถักเปียให้น้องพาน้องไปดูหนังเป็นเพื่อน มีอะไรหลายๆ อย่างที่ผมกับน้องสาวเข้ากันได้ดี เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องผู้ชายทั้งของผมและของน้อง เราสนิทกันมากจริงๆ
   
แต่มันก็เท่านั้น
   
เธอกลายเป็นศพ ซาน่ากลายเป็นศพ
   
ผมอยากกลายเป็นบ้าหรืออยากให้ตัวเองโดนซอมบี้กินไปอีกคนให้รู้แล้วรู้รอด แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองยังมีไอ้อ้วนอยู่ ขืนไอ้อ้วนรู้ว่าผมจะฆ่าตัวตายคงโกรธแย่ ผมเลยไม่ได้ทำสักที
   
[ ฌอน ถ้านายได้ยินฉัน ตอบฉันหน่อย ]
   
ผมกดเปิดเสียงลำโพงไม่สนใจจะปิดบังอีกต่อไป จะถูกจับได้ก็ถูกจับไปในเมื่อผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อย่างมากผมก็ตาย อย่างน้อยผมก็บ้า ต่อให้ผมรอดผมก็คงฆ่าตัวตายอยู่ดี ผมอยู่ไม่ไหวหรอกกับการอยู่คนเดียวแล้วเห็นศพคนรู้จักเดินไปมาเหมือนช็อปปิ้งอยู่ในตลาด
   
มันน่ากลัวเกินไปจริงๆ สำหรับการมีชีวิตแบบนั้น
   
[ มาร์ส นายอยู่ไหน ]
   
ผมยิ้มดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่
   
[ มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะอยู่ที่ไหน นายหนีไปซะ ]
   
ต่อให้ผมรู้ว่าเขาชอบผม ผมก็ยังยืนยันคำเดิมคือให้เขาหนีไป
   
ฌอนอาจจะคาดหวังอะไรบางอย่างจากผมมาตลอด อาจจะตั้งแต่ตอนที่เลือกมาหลบในบ้านผมเลยก็ได้ แต่ผมก็มีคำตอบเดียวอยู่ในใจเช่นกัน
   
ผมไม่เคยชอบฌอน
   
เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่มากกว่านั้น นี้เป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดที่ผมพอจะให้ฌอนได้ ไม่ใช่เพราะผมเกลียดฌอนแต่ก็แค่ฌอนยังไม่ใช่คนที่ผมจะใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ด้วยโดยไม่ออกนอกลู่นอกทาง
   
มันกลายเป็นสันดานผมไปแล้ว ผมชอบผู้ชายหล่อล่ำ มันก็เหมือนตอนคุณชอบดารา คุณชื่นชม คุณใฝ่ฝัน แต่ก็ไม่คิดจะดึงเขาลงมาเป็นของตัวเองแค่คนเดียว และผมก็เป็นอย่างนั้น
   
ฌอนตอนนี้หล่อก็จริงแต่เขาก็ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะหยุดผมอยู่ดี ผมแคร์เขาไม่อยากให้เขาตาย เพราะผมมองเขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่ผมเหลืออยู่
   
[ ฉันรักนาย มาร์ส ]
   
[ … อืม แต่ยังไงฉันก็ยังยืนยันคำเดิม นายหนีไปซะเถอะ มาสู้กับทางการด้วยมือเปล่า นายนี่มันไอ้โง่ชัดๆ ]
   
[ นายไม่ต้องรักฉันก็ได้ ฉันรู้จักนายดี ]
   
ถึงแม้สัญญาณที่ไม่เสถียรทำให้เสียงพูดของฌอนแตกซ่าๆ แต่ผมก็พอจะนึกหน้าคนพูดออก
   
ตอนนี้คงจะพยายามยิ้มเฝื่อนๆ ทั้งๆ ที่ตาสองข้างคลอด้วยน้ำตานิดๆ หมอนั้นเจ้าน้ำตาจะตาย ตอนเด็กๆ โดนแกล้งแย่งของเล่นก็ร้องไห้จนผมต้องไปต่อยแย่งคืนมาให้ ถึงหยุดร้อง
   
คิดถึงตอนนั้นจังเลยนะ..
   
[ … ฮึก ]
   
ผมหลุดสะอื้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
   
[ แค่ลงมาหาฉัน ถือซะว่าฉันขอร้อง ]
   
ผมโผล่หัวออกจากกองขยะกระดาษแล้วพาตัวเองไปที่ระเบียง ต้องขอบคุณความสูงของชั้นที่ผมอยู่ที่ทำให้สามารถเห็นพื้นที่รอบข้างได้ชัดเจน ผมกวาดตามองไปเรื่อยๆ พบว่าคนที่ทำงานกลางแจ้งพากันเข้าห้องไปหมดแล้ว แต่ทหารที่เหมือนจะเกณฑ์มาทั้งทัพต่างพากันวิ่งกันจ้าละหวั่น บนป้อมประกอบด้วยทหารสองสามนายกำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ด้วยความสงสัยผมเลยมองเลยไปข้างล่าง
   
“!!!!”
   
ซอมบี้จำนวนมหาศาลค่อยๆ เดินตีวงล้อมกรอบปราการนี้ พวกมันเดินกันช้าๆ ไม่มั่นคง แต่สร้างความหวาดกลัวอันทรงพลังแก่ผู้ที่มีลมหายใจ
   
และคนที่อยู่ใกล้พวกมันที่สุดก็คือ “ฌอน”
   
แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นสิ่งที่ผมตกใจคือกลุ่มเลือดที่เปรอะอยู่บนพื้นและบนเสื้อของฌอนซึ่งตอนแรกไม่มี
   
[ ฉันคิดว่าฉันเห็นนายแล้ว มาร์ส ]
   
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นฌอนยิ้มให้ตัวเอง ถึงแม้จะเป็นยิ้มที่เศร้ามากก็ตามที
   
[ นายโดนกัด… ]
   
ผมสะอื้นในลำคอ ศพที่เพิ่งกองอยู่ข้างๆ ฌอน บอกได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง ในมือฌอนข้างนึงยังคงถือรีโมทอะไรสักอย่างและอีกข้างคือวิทยุสื่อสารแบบเดียวกับผม ที่ผมไม่รู้ว่าฌอนใช้เล่ห์กลอะไรในการได้มันมา
   
[ ใช่ อีกไม่นานฉันก็คงกลายเป็นซอมบี้ตามคนอื่นไป ฮะๆ ]
   
[ นายมาที่นี่ทำไม ฌอน มาเพื่อเจอฉันอย่างงั้นเหรอ? ]
   
ผมตัวสั่นเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่จะทำให้ฌอนตายอีกในไม่ช้านี้
   
ทำไมโลกใบนี้ถึงได้ใจร้ายกับผมนักนะ
   
[ รู้ไหมในอาณานิคมที่ไม่มีควีน มันน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย ]
   
ฌอนยืนโงนเงนไปมาเหมือนยืนไม่ไหวก่อนที่จะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งแล้วยิ้มให้ผม ราวกับว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่สวนหลังบ้านไม่ใช่จานอาหารของพวกซอมบี้
   
เลือดไหลบ่าออกจากแขนค่อยๆ ย้อมเสื้อสีขาวหม่นให้กลายเป็นสีเลือด
   
[ ทุกครั้งที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันภาวนาให้นายกลับมาทุกวัน หนึ่งชั่วโมง หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน แต่นายก็ไม่กลับมา ทำให้ฉันรู้ว่านายเลือกที่จะจากที่นี่ไปแล้ว ]
   
ฌอนหัวเราะหึๆ
   
[ และนายก็ไม่คิดจะบอกไอ้อ้วนอย่างฉัน ไอ้อ้วนที่หลงรัก รักนายแทบตาย ยอมถวายชีวิตทุกอย่างขอแค่นายเอ่ยปาก รู้ไหมถ้านายอยากกินแอปเปิ้ลต้นที่อยู่กลางพวกซอมบี้ ฉันก็จะไปปีนเก็บมาให้นาย แต่นายก็ไม่เคยขอและฉันก็รู้ด้วยว่านายจะไม่ขอให้ฉันทำแบบนั้นเพราะฉันคือเพื่อนที่ดีที่สุดของนาย ฮึก ]
   
[ ..ฌอน ]
   
[ ไม่ ไม่ต้องพูดอะไร ฉันเข้าใจดี มาร์ส กระต่ายอย่างนาย แค่ฉันได้ให้อาหารได้ดูแลอยู่ห่างๆ ฉันก็มีความสุขมากแล้ว แต่ตอนนี้ฉันขออย่างนึงได้ไหม มาร์ส อึก ]

[ ฌอน!!!    ]
   
ผมตะโกนเรียกอย่างตื่นตระหนกเมื่อฌอนกุมอกตัวเองและไอจนตัวโยน
   
ใช้เวลาพักใหญ่กว่าฌอนจะหยุดไอ ตาขาวของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ เป็นสัญญาณที่บอกให้ผมรู้ว่าเขาใกล้กลายเป็นซอมบี้เต็มที
   
[ ช่วยบอกรักฉันได้ไหม แค่ก มาร์ส ]
   
[ ฉันรักนาย ฌอน ฮึก ฉันรักนายมาก ]
   
นี่เป็นการโกหกที่ผมเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ถ้าผมรักฌอนได้จริงๆ ก็คงดี ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ตายเพราะออกมาตามหาผม
   
ฌอนยิ้มกว้างเหมือนคนที่มีความสุขที่สุดในโลกทั้งๆ ที่น้ำตาอาบใบหน้าและเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าที่แตกจนน่ากลัว
   
เขารู้ว่าผมโกหกแต่ก็เลือกที่จะมีความสุขกับมัน แม้กระทั่งในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยังรักผม
   
[ ขอบคุณนะ มาร์ส ]
   
ฌอนทิ้งตัวนอนบนพื้นหญ้าสีหน้าเจ็บปวดแต่ก็ยังพยายามจ่อวิทยุสื่อสารไว้ที่ปาก
   
[ ฉัน อึก หวังว่าคนสวยอย่างนาย จะได้ผู้ชายหล่อๆ หุ่นล่ำตามที่ฝันนะ ฉันไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไม นายถึงไม่ชอบฉัน ทั้งๆ ที่นายก็ชมหุ่นฉันดีอย่างนู้นอย่างนี้ทั้งวัน ฮะๆ ]
   
นั่นเป็นคำพูดติดตลกคำสุดท้ายที่ฌอนพูดออกมาก่อนที่จะตะเกียกตะกายคลุ้มคลั่ง สติสัมปัชชัญญะถูกกลืนกิน ทหารกลุ่มนึงวิ่งเข้าไปทันทีเมื่อฌอนค่อยๆ ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
   
อย่างไร้ชีวิต
   
ผมยกมือปิดปากตัวเองพยายามกลั้นสะอื้น
   
ผมเสียไปอีกคนแล้ว
   
“หวัดดีคนสวย”
   
ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสถึงวัตถุเย็นเยียบที่จ่อที่หัวกับมือหนาที่โอบเอวผมไว้ หางตาเห็นทหารจำนวนมากยืนล้อมกรอบทุกทิศทุกทางปิดทางหนีของผม
   
ผมหลับตา
   
สิ่งที่น่ากลัวและใจร้ายที่สุดไม่ใช่โลกใบนี้หรอก
   
หากแต่เป็นมนุษย์ด้วยกันเองอีกต่างหาก
   
[ ฮื่อ.. ]
   
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงฌอนหากแต่พอจะชะเง้อดูฌอนก็ต้องรีบก้มตัวลงต่ำตามสัญชาตญาณ
   
ตูม!!!!
   
“เวรเอ้ย!!! รีบลงจากตึกเร็ว! ไอ้เวรนั่นมันจะระเบิดที่นี่ทิ้ง!”
   
โทมัสซึ่งยืนอยู่หลังผมสบถอย่างกราดเกรี้ยวก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเขารีบวิ่งไปทางอื่นพร้อมกับคณะที่เขามาจับกุมตัวผม
   
ตูม!!! ตูม   !!!
   
เสียงระเบิดดังขึ้นเรื่อยๆ สลับกับเสียงกรีดร้อง
   
ผมค่อยๆ ทิ้งตัวนอนบนพื้นมองท้องฟ้าวันนี้ที่เป็นสีแดงก่ำคล้ายกับสีเลือด

จมูกของผมได้กลิ่นควันไฟ กลิ่นความเลือด กลิ่นความตาย

ตาของผมเห็นกลุ่มควันสีดำทะมึนลอยขึ้นฟ้าและมีแสงสว่างวาบจากระเบิดเป็นระยะ

หูตอนนี้ผมอื้อไปหมดจากเสียงระเบิดกัมปนาทข้างหู

ผิวหนังของผมสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่โลมเลียทุกอย่างที่ขวางหน้าและใกล้ผมเข้ามาทุกที อีกในไม่ใช่มันก็คงจะกลืนกินผมและเปลี่ยนให้ผมเป็นเถ้าถ่านเหมือนสิ่งอื่นอย่างเท่าเทียม

แปลก ที่ผมกลับไม่รู้สึกยินดีเท่าที่ควร

ทั้งๆ ที่จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของผมคือทำลายฐานที่มั่นที่นี่ซะ พอมันเกิดขึ้นจริงผมกลับรู้สึกเศร้ามากกว่าสะใจ ผมไม่รู้ว่าไอ้พวกบัดซบพวกนั้นตายกันไหม แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานมันก็คงตายไปเองจากโลกบ้าๆ นี้

เรื่องที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุดคงจะเป็นไอ้ติ๋มที่จริงๆ แล้วเป็นคนของทางการที่หนีมา และหยิบรีโมทอะไรนั่นติดตัวมาด้วย มิน่าตอนผมพามาเห็นกำแน่นอย่างหวงแหนไม่ยอมให้ผมแตะเลยทีเดียว ตอนผมถามก็โม้ว่าเป็นรีโมททีวีแต่ใครจะไปรู้ว่าความจริงมันคือรีโมทของระเบิดที่ติดตั้งไว้ตามฐานของที่นี่ ผมเดาว่าไอ้รีโมทนี้จะถูกใช้ในกรณีที่ซอมบี้ยึดที่นี่ไปแล้ว

แต่ยังไงก็ช่างทุกอย่างในตอนนี้กำลังจะจบลงแล้ว

“โลกนี้มันบ้าจริงๆ อย่างที่แกว่าเลยว่ะ อ้วน”

ผมหัวเราะก่อนที่จะหลับตาลง ถึงแม้จะมีโอกาสในการหนีผมก็ไม่คิดหนี

ผมเหนื่อยแล้ว..

ต่อให้ผมอยู่ต่อหรือตาย

โลกบ้าๆ นี่ก็ยังคงหมุนต่ออยู่ดี

BYE. ;)

--------------------------------------

เอาอีกแล้ว เรื่องสั้นอีกแล้ว 55555 ชอบเขียนเรื่องสั้นแนวมีคนตายมาก ชอบความเศร้าเวลาเขียน หม่นๆ ดี

เริ่มโรคจิตละ คนเขียน ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ  :กอด1:

คุยเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง :

ตอนแรกที่วางแผนไว้ คือโทมัสจะเป็นแฟนมาร์สค่ะ แต่ไปๆ มาๆ บทมาลงตัวที่ฌอนซะงั้น รู้สึกว่ามันจะกลมกล่อมมากกว่าถ้ามีคนใดคนนึงตายเพื่อความรักในโลกบ้าๆ แบบนี้ ถ้าแฟนของมาร์สคือโทมัส อย่างมากโทมัสก็เปลี่ยนความคิดของมาร์สแล้วพามาร์สหนีเอาชีวิตรอดไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็ส่งตัวมาร์สเข้าศูนย์วิจัยและในที่สุดก็ได้ยาต้านเชื้อซอมบี้ ตอนจบมันคงแฮปปี้เกินไปสำหรับคนที่สูญเสียทุกอย่างอย่างมาร์ส ความต้องการมากที่สุดของมาร์สคือการที่โลกนี้ล่มสลายไปตามตัวเองและมันก็สำเร็จด้วยฝีมือฌอน ถึงเรื่องนี้จะจะจบลงไม่สวยแต่เพราะโลกใบนี้สำหรับมาร์สมันก็บ้ามากพออยู่แล้ว การตายคงจะดีกว่าต้องมาทนอยู่คนเดียวบนโลกบ้าๆ นี่


ฝากเพจ  :hao7: : https://www.facebook.com/FoggyTime/

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อ่านไปอ่านมายังกลัวว่าตอนจบจะหักมุม ฮ่าาาาาาา

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
 o22

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ถึงจะจบเศร้า แต่ก็รู้สึกดี การมีความรักบนโลกบ้าๆแบบนั้นคงสุขไม่สุดอะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราชอบที่ตายหมด อยู่กันแบบไม่มีน้ำใจก็จงตายซะ  :serius2:

ออฟไลน์ Anynomous

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
สนุกดีค่ะ ความคิดที่ว่า มีความรักได้ในโลกบ้าๆแบบนี้ มันเจ๋งชะมัดเลย
ตอนตายก็เจ๋งสุดๆ ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
« ตอบ #9 เมื่อ: 19-03-2018 12:32:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Fufufeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #10 เมื่อ26-11-2019 03:27:22 »

เศร้ามากเลยยย สงสารณอน พ่อคนหล่อคนดี ตอนแรกเราแอบลุ้นว่าใครเป็นพระเอกด้วย55555 สุดท้ายนายเอกก็ยังไม่เจอคนที่รักจริงๆอะเนอะ มาตายก่อนซะงั้น ตอนที่พวกนั้นยิงน้องนายเอกเราหดหู่มากเลย สงสารอะเขาอยากให้น้องหายไม่ใช่ส่งมาตาย  :mew4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #11 เมื่อ28-11-2019 23:05:43 »

สวัสดีค่าคุณ Foggy Time :D

แอบมาอ่านย้อนหลัง ขอโทษจริงๆนะคะ  :hao5:

เรื่องนี้ตอนแรกไม่คิดเลยว่าจะจบแบบนี้ ประมาณว่าถึงจะเหลือเธอเป็นคนสุดท้าย ฉันก็ไม่เอาเธอเลยอะ

อันที่จริงแล้วอะ คนในครอบครัวนี่ค่อนข้างด่วนตัดสินใจมากเลยนะ ถึงแม้จะฆ่าตัวตายไป แต่ยังไงก็ยังเหลือลูกอีกคน ถ้าทำจริงๆควรจะทำพร้อมกันไหม?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด