[END] เพียงควัน -- บทส่งท้าย-- 31/08/19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] เพียงควัน -- บทส่งท้าย-- 31/08/19  (อ่าน 77045 ครั้ง)

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #240 เมื่อ11-08-2019 21:29:13 »

ตอนที่ 18
มนุษย์มักจะคิดได้ ก็ในวันที่สายไปทุกที

 

 

สามปีที่แล้ว

 

(พี่แสง วันนี้กลับบ้านหรือเปล่า)

"ไม่กลับครับ"

(โห่!)

"ทำไม จะเอาอะไร"

(เปล่า แค่อยากให้พี่แสงกลับบ้านเฉยๆ วันนี้แม่ทำแกงเขียวหวานกับหมูทอด แถมพ่อซื้อไก่ย่างมาตัวหนึ่งด้วย ไม่งั้นหนูจะกินคนเดียวให้หมดเลย)

"ยังอ้วนไม่พอมั้ง"

(ไอ้พี่แสง!)

"ไม่สุภาพ!"

(ชิ! ตกลงจะไม่กลับจริงๆ ใช่ไหม)

"พี่บอกตามไว้แล้วไงว่าวันนี้จะนอนด้วย"

(รำคาญคนติดแฟนอะ)

"อะไร อาทิตย์นี้ได้อยู่ด้วยกันวันเดียวเอง"

(ไม่รู้แหละ! พี่ไม่มีเวลาให้หนูเลย พรุ่งนี้กลับมากินข้าวที่บ้าน นี่เป็นคำสั่ง!)

"ก็ได้"

(ชวนพี่ตามด้วยนะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ บาย!)

"จ้า" ผมตอบรับสายป่านก่อนอีกฝ่ายกดวางสายไปก่อน ยิ่งโตยิ่งอ้อนแถมเอาแต่ใจแต่ก็โทษน้องไม่ได้เพราะดันเลี้ยงมาแบบตามใจไม่มีขัด โดยเฉพาะผมที่แพ้ทางไอ้อ้วนเต็มๆ ด้วยความขี้อ้อนของมัน

ผมยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ในระหว่างที่กำลังจะเดินไปยังหอพักของตาม พลันสายตามองไปเห็นรถยนต์คันหนึ่งตรงเข้าไปจอดที่หน้าตึก ความสนใจพุ่งไปยังคนที่เปิดประตูออกมาก่อน ตามมาด้วยคนขับที่เปิดประตูลงมาด้วยและเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ผมก็รีบก้าวเท้าตรงเข้าไปทันที

"ขอบคุณนะครับพี่นัท ที่ให้ติดรถมาด้วย"

"ไม่เป็นไร ทางเดียวกันอยู่แล้ว"

"ทางเดียวกันตรงไหน หอพี่อยู่ไกลไปอีกสองกิโล" เสียงแทรกนั่นแน่นอนว่าเป็นผมที่เสนอหน้าเข้าไปขัดบทสนทนาของสองคนนั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะหันมามอง หนึ่งในนั้นคือตามของผม ส่วนอีกคนคือ พี่นัท เป็นรุ่นพี่ในเอกผม ที่ควรจะเรียนจบไปแล้วด้วยซ้ำแต่ปีที่แล้วดรอปเรียนไปก็เลยจบช้า แล้วเขาก็รู้จักกับตามด้วย เหตุเพราะตามไปหาผมที่คณะบ่อยๆ ก็เลยได้ทำความรู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่ง

"อ้าว แสงเทียน"

ผมฉีกริมฝีปากฝืนยิ้มแล้วเข้าไปยืนข้างๆ ตาม สายตาของอีกฝ่ายมองมาอย่างรู้ดีว่าผมกำลังแสดงความเป็นเจ้าของ ความไม่พอใจของเขาปกปิดไม่มิดผ่านมุมปากที่ขยับขึ้นยิ้มข้างหนึ่ง เห็นไหม มันยิ้มแบบตัวร้าย!

"ถ้าวันหลังเลิกเรียนเวลานี้ ก็กลับพร้อมพี่ได้นะ"

"ครับ"

"เอาไว้ถ้าตามว่าง ไปกินข้าวด้วยกันบ้างนะ"

"ตามไม่ว่างหรอกครับ"

ผมคงจะไม่เสียมารยาทแบบนี้ถ้าพี่นัทมันเป็นเพียงรุ่นพี่ที่คณะเฉยๆ แต่ดันเป็นรุ่นพี่ที่คอยตามจีบตามมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ดีว่าตามมีผมอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่าไอ้หน้ากากหมูแก้มสีชมพูนี่มันจะเสน่ห์แรงจนทำให้รุ่นพี่ที่ทั้งหล่อ ทั้งรวยนี่มาสนใจไม่เลิกรา

"งั้นพี่ไปก่อนนะตาม"

"เชิญครับ" เป็นผมที่ตอบรับด้วยน้ำเสียงขับไล่ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดกับผมสักนิด เหมือนมีกระแสไฟฟ้าพุ่งออกมาจากสายตาของเราสองคนราวกับไม่ชอบหน้ากันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว พอหันไปมองตามก็ปรับสีหน้าเป็นยิ้มหวานได้รวดเร็วเหมือนสับสวิตซ์ ก่อนที่จะหันไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ผมจะทำอะไรได้นอกจากหันหลังเดินขึ้นตึกด้วยอารมณ์ขุ่นๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ก่อนที่ตามจะเอ่ยปากพูด แม้จะด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็กำลังต่อว่าผมอยู่

"แสง วันนี้เธอทำตัวไม่น่ารักเลยนะ"

"เราทำอะไร"

"ทำเป็นหวงเรา ต่อหน้าพี่นัท"

"เราไม่มีสิทธิ์หวงหรือไง ใครๆ เขาก็รู้ว่าไอ้พี่นัทมันชอบเธอ"

"แต่ใครๆ เขาก็รู้ว่าเธอเป็นแฟนเรา เราจะไปชอบคนอื่นได้ยังไง"

"ไม่รู้แหละ เราโมโห เราไม่ชอบ"

"ไม่น่ารัก"

"ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารัก"

"มาให้เรากอดนี่มา"

"ไม่ ไม่ต้องมากอดเรา ก็บอกว่าไม่ไง ปล่อย! ออกไป!" ผมหนีอ้อมกอดของตามไม่ทัน ครั้นจะดีดดิ้นก็ไม่ยอมหลุดเพราะแรงของอีกคนที่มากกว่าโอบร่างผมเอาไว้แน่น 

"ไม่ปล่อย"

"วันนี้เราไม่รักเธอแล้ว"

ตามหัวเราะในลำคอเบาๆ เอาคางมาเกยที่ไหล่แล้วเอ่ยปากถาม

"แต่พรุ่งนี้จะกลับมารักใช่ไหม"

"ใช่" ผมพูดตามตรงเพราะไม่คิดจะโกรธตามนาน

"โอเค งั้นยอมให้เกลียดวันหนึ่งก็ได้"

"เออ"

"แสง เธอไม่ต้องรักเราทุกวันก็ได้นะ"

"..."

"แต่ขออย่างเดียว ให้เราแก่ตายไปด้วยกัน"

"..."

"ตกลงไหม"

ผมหันมองตามที่อยู่ๆ ก็พูดออกมาเช่นนั้น แต่ด้วยน้ำเสียงจริงจังและแววตาที่เรียบนิ่งกว่าที่เคย มันก็ทำให้ผมยอมที่จะหายโกรธในหนึ่งวินาทีนั้นได้เลย จึงพยักหน้ารับแล้วยิ้มออกมาจนได้

"เธอน่ารักที่สุดเลย" ตามว่าแล้วกดปลายจมูกเข้ามาที่ข้างแก้มของผมทีหนึ่ง ผมหันไปเอาคืนที่ริมฝีปาก ก่อนที่ตามจะโต้ตอบจูบนั้นพลางกระชับอ้อมแขนที่โอบกอดร่างกายของผมเอาไว้ไม่ให้ขยับ อาจจะเป็นจูบครั้งที่ร้อยหรือครั้งที่ล้าน แต่ในทุกๆ รอยจูบนั้น มันยังคงตื่นเต้น นุ่มนวล หอมหวาน...และพาเราเคลิ้มลอยไปไกลเหมือนในทุกครั้ง 

 

...

 

ผมเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายที่ผ่านการฝึกงานมาแล้วเรียบร้อย ในเทอมสุดท้ายของผมจึงไม่ค่อยมีวิชาใดให้เครียดหรือเป็นกังวล แถมคณะของผมยังไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์เหมือนคนอื่นเขาอีกด้วยก็เลยเป็นเทอมที่สบายๆ รอสอบปลายภาคอีกครั้งก็จบโดยสมบูรณ์ แต่ในระหว่างเทอมนี้คณบดีเสนอทุนการศึกษาให้ไปแลกเปลี่ยนที่ฝรั่งเศสสำหรับนักศึกษาปีสุดท้าย ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีก็เลยคิดจะลองดู ด้วยเกรดที่ไม่ได้แย่และความสามารถในภาษาฝรั่งเศสที่ร่ำเรียนมาตั้งหลายปีทำให้ผมผ่านการคัดเลือกจากการสอบข้อเขียนในรอบแรก เหลือเพียงสอบสัมภาษณ์อีกครั้งก็รู้ผล หากว่าโชคดีผมก็จะมีช่วงเวลาในเทอมสุดท้ายที่แสนวิเศษไปเลย ช่วงนี้ผมก็เลยต้องเตรียมตัวด้วยการร่างคำตอบและซ้อมคร่าวๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับสอบสัมภาษณ์อาทิตย์หน้า

"โอ๊ย! เลือด!" 

ผมละสายตาจากกระดาษในมือไปมองตามที่ซุกหน้าเข้ามาซบ ขณะกำลังนอนดูซีรีส์เกี่ยวกับการแพทย์แล้วก็เจอเข้ากับฉากเลือดกระจายเต็มจอ

"อี๋! ศพ!" 

มุดเข้ามาหนักกว่าเดิมเมื่อฉากนั้นเป็นศพที่ทำออกมาซะเหมือนจริงจนน่าขนลุก   

"กรี๊ด!"   

"ตาม! จะมุดไปถึงไหนเนี่ย!" 

"ก็มันน่ากลัว!"

"น่ากลัวแล้วดูทำไม"

"ก็มันสนุกอะ" ปากเถียงผม พลางยกมือขึ้นปิดตาแต่ก็แหวกนิ้วมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มี ก่อนจะหลับตาปี๋เพราะมีฉากที่ศพโผล่มาอีกที

"เลยฉากศพไปยัง" 

"ไปแล้ว" 

"ไม่หลอกนะ"

"ไม่หลอก" ผมบอกตามตรง ก่อนที่ตามจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง

"กลัวทำไม ก็รู้อยู่ว่าเป็นละคร"

"ก็มันทำเหมือนอะ"

"พอเราตาย เราก็กลายเป็นศพแบบนี้ เธอจะกลัวไหม"

"กลัวดิ! เธอเป็นผีนะ!" 

ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ ก่อนที่ตามจะหันไปดูซีรีส์ต่อแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมขาราวกับว่ามันจะปลอดภัยถ้าผีจะโผล่มาตอนนี้ ตามเป็นลูกหมูตัวโตที่ขี้กลัวไปซะทุกอย่าง ทั้งกลัวเลือด กลัวเข็ม กลัวผี กลัวแมงมุม กลัวตุ๊กแก ร่างกายอ่อนแอ แพ้ขนหมา รวมอยู่ในคนๆ เดียวทั้งหมดแบบไม่แบ่งใคร ตอนพระเจ้าสร้างตามคงลืมที่จะใส่ความเท่มาให้บ้าง หรือไม่บางทีพื้นที่ในร่างกายคงไม่เหลือพอ เพราะพระเจ้าเทความน่ารักอัดแน่นจนล้นไปหมดแล้วมั้ง ผมยิ้มนิดๆ ก่อนยกมือหยิกแก้มพองของตามเบาๆ อีกคนก็จับมือผมไปกุมเอาไว้ให้คลายความกลัว...แบบนี้อุ่นใจดีนะ     

 

...

 

วันสอบสัมภาษณ์กำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ เย็นวันนี้นักศึกษาทั้งหมดที่มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ถูกอาจารย์ในคณะเรียกไปเพื่อแจ้งเปลี่ยนกฎการสอบสัมภาษณ์จากภาษาฝรั่งเศสไปเป็นภาษาอังกฤษ แม้เราทั้งหมดจะทักท้วงว่ามันกะทันหันจนกว่าจะเตรียมตัวได้ทันแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะทางคณบดียื่นคำขาดมาแบบนั้น จึงได้แต่โอดครวญไม่เป็นภาษาตอนที่ออกมาจากห้องพักอาจารย์ ด้วยเหตุผลเดียวกันทั้งหมดว่าถึงแม้ทักษะทางภาษาฝรั่งเศสของเราจะดี ก็ใช่ว่าความสามารถในภาษาอังกฤษจะดีไปด้วย โดยเฉพาะกับผม มุ่งมั่นแต่กับวิชาเอกมาโดยตลอด ภาษาอังกฤษแค่พอไปวัดไปวา ให้มาด้นสดสอบสัมภาษณ์ โอกาสก็คงพลิกเป็นศูนย์ หรือไม่ก็อาจจะติดลบด้วยซ้ำ

"ไม่เข้าใจเลย ทุนไปฝรั่งเศสดันให้สอบภาษาอังกฤษ ทำไมไม่สัมภาษณ์เป็นภาษาญี่ปุ่นไปเลยล่ะ"

"แล้วมาบอกเอาวันสุดท้าย ใครจะไปเตรียมตัวทันวะ" 

"กูสละสิทธิ์เลยก็แล้วกัน ไม่สงไม่สัมมันละ"

"กูว่านะ ทุนนี้มันอาจจะไม่ได้มีเพื่อเรามาตั้งแต่แรกว่ะ" เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนปรายสายตาไปยังพี่นัทที่ยืนอยู่ห่างๆ เขาเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่ยื่นทุนนี้และมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ด้วย ทุกคนในเอกรู้ดีว่าพี่นัทพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดไหน เพราะปีที่แล้วที่ดรอปเรียนไปก็เพราะได้ทุนมหาลัยไปเรียนที่อังกฤษตั้งหนึ่งปี งานนี้เราทั้งหมดคงผิดหวัง เพราะมีผู้ชนะตั้งแต่ยังไม่ได้แข่งด้วยซ้ำไป   

"กลับกันเหอะ"

ผมพยักหน้ารับเพื่อน ก่อนเราจะแยกกันตรงนั้น เดินเรื่อยเปื่อยคิดอะไรเพลินๆ ออกมาจากตึกคณะก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวมันเบาๆ แปลกๆ 

"เวร ลืมกระเป๋า" สบถกับตัวเองเบาๆ แล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในตึก แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปยังห้องพักอาจารย์ ก็เห็นพี่นัทกับอาจารย์ในเอกและรองคณบดีคณะบริหารฯ ที่เป็นแม่ของพี่นัทยืนคุยกันอยู่ตรงนั้น 

"ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ"

"ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ธนัทเขาเก่งอยู่แล้ว ได้ใช้ความสามารถของตัวเองแน่นอนค่ะ"

ดูเหมือนการเปลี่ยนกฎกะทันหันคงไม่ใช่ความคิดเห็นของคณบดีคณะผม แต่เป็นรองคณบดีคณะอื่นที่เข้ามาก้าวก่ายอย่างไม่เป็นธรรม ข่าวลือของปีที่แล้วที่เล่ากันว่าพี่นัทได้ทุนมหาลัยเพราะอำนาจของแม่ก็ดูจะเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเข้าใจดีว่าเรื่องเส้นสายกับสังคมเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ทำไมต้องเป็นพี่นัท...ทำไมต้องเป็นเขาด้วย

ผมเดินผ่านคนพวกนั้นเข้าไปหยิบกระเป๋าโดยไม่ได้พูดอะไร แต่ก่อนที่จะเดินออกมากลับถูกพี่นัทเรียกเอาไว้ก่อน

"แสงเทียน"

ผมหันไปมอง ไม่ได้ยินดีนักที่จะมีบทสนทนาด้วยจึงแสดงออกผ่านใบหน้าขุ่นเคือง

"พรุ่งนี้สัมภาษณ์แล้ว พร้อมหรือเปล่า"

"พร้อมมาตลอดก่อนที่จะมีคนโกง"

พี่นัทดึงแขนผมให้ก้าวเท้าออกไปให้พ้นหน้าห้อง เพื่อที่จะได้แสดงความเป็นตัวเองออกมา เปลี่ยนใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เป็นแววตาดุดันพลางแสยะยิ้ม     

"โกงตรงไหน เขาก็วัดกันที่ความสามารถ"

"ความสามารถที่แม่พี่สร้างให้เหรอครับ"

"คนอย่างพี่ ถ้าอยากได้อะไรจริงๆ ก็แย่งมาได้ทั้งหมดนั่นแหละ ถ้าแสงเก่งจริง ก็มาแข่งกันสิ"

ผมเลียนแบบใบหน้าแสยะยิ้ม หัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วโต้ตอบด้วยความโกรธแค้น 

"ไม่ล่ะครับ ยกให้"

"..."

"พี่นัทได้ทุนก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้ไปไกลๆ ส้นตี..."

"..."

"หมายถึงไปเรียนไกลๆ น่ะครับ ยินดีด้วยล่วงหน้านะครับ" ทั้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะรีบเดินออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ไม่อยากนั้นคงได้กระโดดถีบใครสักคนเพื่อระบายความโมโห เหมือนไฟค่อยๆ ลุก พรึบพรับในทุกจังหวะที่สับขาเดิน ความโมโหไม่ลดลงแม้แต่ขีดเดียวจนกระทั่งผมเดินมาถึงหอตาม เปิดประตูเข้าห้องแล้วเผลอกระแทกสุดแรงตอนปิด จนคนข้างในสะดุ้งเฮือก ปากที่กำลังเคี้ยวอาหารหยุดชะงักหันมองผมตาโต   

"เป็นอะไร"

"โมโห!"

ตามรีบทิ้งอาหารในมือ ก่อนลุกขึ้นเดินเข้ามา อ้าแขนพร้อมจะกอด ผมได้แต่ทำหน้าบูด โต้ตอบอ้อมกอดนั่นแต่ก็ยังอารมณ์เสีย ตามรู้ว่าอารมณ์ของผมยังไม่ลงมาคงที่ จึงทั้งกอดทั้งจูบ ลูบหัวให้ใจเย็น จนกระทั่งผมรู้สึกดีขึ้น 

"ที่รักของเราเป็นอะไร"

"โกรธแล้วพาลไปหมด"

"ใครทำอะไรเธอ"

"เรื่องทุนน่ะ" ตามเปิดโอกาสให้ผมเล่า ผมก็ใส่ทุกอารมณ์ที่มีผ่านคำอธิบายถึงสาเหตุของอารมณ์ขุ่นมัวนั้น ไม่ลืมที่จะพูดถึงพี่นัทซึ่งเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมโมโหมากที่สุด

"แม่พี่นัทต้องเป็นคนบอกให้เปลี่ยนการสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษแน่ๆ "

"อาจจะไม่จริงก็ได้ อย่าเพิ่งพูดไป เธอไม่มีหลักฐาน คนอื่นเขาอาจจะว่าเธอคิดเองก็ได้"

"มันชัดซะขนาดนั้น"

"แล้วเธอจะไปสัมภาษณ์หรือเปล่า" 

"ไปให้แพ้เหรอ โคตรเกลียดมันเลย!" 

"อย่าโกรธเลยนะ"

"จะโกรธ!" ผมหันไปโวยตอนที่ตามแย้งไม่หยุด มันก็ฟังดูมีเหตุผลแหละ เพียงแค่มันไม่ถูกใจผม เพราะผมไม่ชอบที่ตามมองไม่ออกว่าคนๆ นั้นมันไม่ใช่คนดีอย่างที่ตามคิด   

"เธอคิดว่าเราเกลียดเราโดยไม่มีเหตุผลเหรอ"

"ก็ไม่ได้ว่าเธอ"

"เธอไม่รู้จักเขาดีพอ"

"ก็เลยไม่ตัดสินไง"

"นี่เธออยู่ข้างใครกันแน่เนี่ย!"

"ก็อยู่ข้างเธอนี่ไง!"

กลายเป็นผมที่เงียบเพราะตามโต้ตอบด้วยเสียงที่ดังกว่า ก่อนสองมือของตามจะยกขึ้นกอดผมเอาไว้ แล้วย้ำอีกครั้ง

"อยู่ข้างๆ เธอนี่แหละ"

"..."

"ไม่โมโหแล้วนะที่รัก"

"..."

"ไม่น่ารักเลย"

ด้วยริมฝีปากที่กดเข้ามาเบาๆ ที่หน้าผากของผม อารมณ์ขุ่นเคืองจึงถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มบางๆ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพาลใส่ตามอย่างไร้เหตุผล ได้สติจึงพยักหน้ารับ ขอโทษเขาหนึ่งครั้งที่เกือบทำให้ความรู้สึกต้องพังเพราะความใจร้อนของตัวเอง

"เอาไว้เดี๋ยวเราพาเธอไปเอง เราจะทำงานเก็บเงินเยอะๆ เลย ไปเที่ยวด้วยกันอย่างที่เคยสัญญาไว้ไง"

"รอบโลกเลยนะ"

"อื้อ รอบโลกเลย ไปดาวอังคารด้วยก็ยังได้"

"บ้า" ผมยกมือทุบตามเบาๆ ก่อนตามจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แล้วดึงผมเข้าไปนอนหนุนแขน 

"ยังมีเรื่องต้องทำด้วยกันอีกเยอะเลยเนอะ"

"นั่นสิ กี่ปีถึงจะพอนะ"

"สิบปี"

"ไม่น่าพอ"

"ยี่สิบ"

"ต้องมากกว่านั้น"

"ห้าสิบ"

"ขออีกนิดหนึ่ง"

"จะเอาเท่าไร"

ผมพลิกตัวขึ้น ยันตัวเองเอาไว้ด้วยสองแขนเพื่อจะได้มองหน้าตามที่นอนอยู่ข้างๆ ยิ้มกว้างแล้วถามหนึ่งคำถามออกไป

"ตลอดไปได้ไหม"

ตามพยักหน้ารับแล้วตอบกลับในทันที ด้วยประโยคนั้นมันทำให้ผมรู้สึกว่า แม้บางครั้งผมจะทำตัวไม่ดีไปบ้าง และชีวิตก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าไรนัก แต่การที่มีตามอยู่ด้วยมันทำให้ผมนั้น...ได้กลายเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก     

 

"เราให้เธอได้ทั้งชีวิตเลย"

 

...

 

เมื่อคืนผมกลับมานอนที่บ้าน เช้านี้เลยได้กินข้าวเช้ากับสายป่านที่กำลังงอแงขอให้ผมพาไปดูหนังวันหยุดนี้

"หนูชวนพ่อแล้วแต่พ่อบอกว่าไม่ชอบหนังการ์ตูน แม่ก็บอกว่าไม่ว่าง แต่หนูอยากดูมากเลยนะ พี่แสงพาหนูไปนะ"

"พาไปแล้วพี่จะได้อะไร"

"หนูจะไม่ดื้ออีกต่อไปเลย"

"เห็นพูดอย่างนี้ทุกที"

"คราวนี้พูดจริง!" ดวงตากลมมองผมด้วยความอ้อนวอน พยักหน้าหงึกๆ ยกมือเกาะแขนแล้วเขย่าเบาๆ เรื่องความอ้อนนี่ไม่มีใครเกิน สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือการตามใจน้องอย่างที่เป็นมาตลอด

"ก็ได้ เดี๋ยววันเสาร์พี่พาไป"

"เย้!" ทำท่าดีใจแล้วตักข้าวใส่ปากไปหนึ่งคำ ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากใช้งาน

"ไปหยิบน้ำให้พี่หน่อยสิ"

"เรื่องอะไร พี่แสงอยู่ใกล้กว่าก็ไปหยิบเองสิ"

"หนูจะไม่ดื้ออีกต่อไปเลย" ผมแกล้งเลียนแบบประโยคที่สายป่านเมื่อครู่ ก่อนที่อีกคนจะย่นจมูกใส่แล้วรีบลุกไปหยิบน้ำมาเทใส่แก้วให้เรียบร้อย ก่อนที่แม่จะเข้ามาเร่งให้สายป่านรีบกินข้าวเพราะน้องต้องไปโรงเรียนพร้อมกับพ่อที่เตรียมตัวเสร็จแล้ว ส่วนผมไม่ได้รีบร้อนอะไร กินเสร็จก็มีเวลาพอที่จะช่วยแม่ล้างจานก่อน เสร็จจากตรงนั้นก็เดินออกมาหาแม่ที่กำลังยืนชงกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์ เพื่อไปส่งให้ป้าอุ่นที่เป็นลูกค้าประจำของร้าน

"จะไปแล้วเหรอแสง"

"เสร็จยัง เดี๋ยวแสงไปส่งเอง"

"เหลืออีกสองแก้ว เดี๋ยวแม่ไปส่งเองก็ได้ แสงไปเถอะ"

"ไม่เป็นไร รอได้"

"จะสายเอานะ"

"ไม่สายหรอกน่า" ผมว่าก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ มองดูแม่ที่กำลังเร่งมือชงกาแฟ ความรีบร้อนของแม่อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุอะไรก็ได้ เพราะแม่เป็นคนซุ่มซ่ามที่หนึ่ง เห็นว่าแม่กำลังรีบเกินกว่าเหตุเลยต้องออกปากบ่น

"ไม่ต้องรีบขนาดนั้น เดี๋ยวก็ทำแก้วแตกอีกหรอก"

"ขี้บ่นน่า"

"ร้านเราไม่เหลือกำไรเพราะต้องเอาเงินไปซื้อแก้วใหม่ แม่รู้ตัวไหม"

"ใครบอก กำไรเยอะจะตาย"

"ถ้าเงินเหลือเยอะก็เอาไปซื้อเสื้อผ้าดีๆ ใส่บ้างสิ เมื่อไรจะเลิกใส่ตัวนี้สักที" ผมบ่นเรื่อยไปยังเรื่องอื่น เพราะเสื้อผ้าที่แม่ใส่มักจะมีแต่ตัวเดิมๆ แม่เป็นคนที่แต่งตัวง่ายๆ ด้วยเสื้อยืดตัวหลวมๆ กับกางเกงขายาวสีพื้นๆ ผมไม่เคยเห็นแม่แต่งหน้า แต่แม่เป็นคนตัวขาว ผิวพรรณดี และมีใบหน้าที่ก็ดูอ่อนกว่าวัยแม่จึงสวยอยู่เสมอในสายตาของผม 

"เสร็จแล้ว"

ผมรับกาแฟสี่แก้วมาจากแม่ แล้วบอกลากันอย่างทุกวัน

"แสงไปก่อนนะแม่"

"จ้า ตั้งใจเรียนนะลูก"

"ครับ" รับคำแม่แล้วเดินออกจากร้านตรงไปยังออฟฟิศป้าอุ่นที่อยู่ไม่ไกลมาก ป้าอุ่นเป็นลูกค้าที่อุดหนุนแม่มาตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ รู้จักผมดีเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ประตูออฟฟิศเปิดเอาไว้อยู่แล้วผมจึงเดินเข้าไป ไม่ทันจะเอ่ยปากเรียกป้าอุ่นก็เดินออกมาพอดี 

"อ้าวแสง วันนี้มาเองเลยเหรอลูก"

"ครับผม" ผมตอบรับแล้ววางกาแฟไว้บนโต๊ะ

"นี่กำลังจะไปเรียนเหรอ"

"ใช่ครับ"

"ปีสุดท้ายแล้วสิ เดี๋ยวก็สบายแล้วเนอะ ทั้งเก่งทั้งขยันแบบแสง อนาคตดีแน่นอน"

ผมพยักหน้ายิ้มๆ รับป้าอุ่นที่คอยออกปากชื่นชมผมอยู่เสมอ มันก็เป็นคำชมที่ทำให้ผมภาคภูมิใจในตัวเองอยู่บ้าง แต่เล่นชมทุกครั้งที่เจอหน้ามันก็ทำเอาเขินแปลกๆ เหมือนกัน

"เออแสง เมื่อคืนป้าลองอบขนม ทำตามสูตรในหนังสือน่ะ ลองผิดลองถูกแต่ว่าพอกินได้ แสงลองชิมดูสิ" ไม่รอให้ผมตอบรับอะไร ป้าอุ่นหันหลังไปหยิบขนมปังชิ้นหนึ่งแล้วมายื่นให้ถึงปาก ผมก็เลยต้องกัดเข้าไปหนึ่งคำแต่ปรากฏว่ามันอร่อยเลยเผลอทำตาโตมองป้าอุ่น

"เป็นไง"

"อร่อยครับ"

"เอาไว้ป้าทำเก่งๆ จะไปฝากขายที่ร้านแม่เรานะ"

"มาเลยครับ ต้องขายดีแน่นอน"

"งั้นเอาไปกินอีกชิ้นสิลูก"

ผมไม่ได้ปฏิเสธตอนที่ป้าอุ่นยื่นขนมปังให้อีกชิ้น เป็นขนมปังไส้กรอกที่เห็นแล้วนึกถึงตาม รสชาติแบบนี้ตามต้องชอบมากแน่ๆ จึงคิดจะเก็บเอาไปฝาก ผมบอกลาป้าอุ่นก่อนจะเดินออกมานอกร้านไปยังป้ายรถเมล์ แต่ในระหว่างนั้นก็ต้องหยุดชะงักเพราะเจ้าหมาโกลเด้นท์ตัวใหญ่ที่รู้จักเข้ามาทักด้วยการพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว

"โฮ่ง!"

ผมนั่งลงทักทายหมาตัวใหญ่ที่กำลังดมตรงนั้นที ตรงนี้ที 

"ยู่ เดี๋ยวเสื้อพี่แสงก็เลอะหมดหรอก" ลุงหมีเจ้าของหมา ดุยู่หน่อยๆ แล้วดึงเชือกที่รัดคอให้เจ้านี่ถอยห่างผมไปนิดหนึ่ง แต่เจ้าตัวดูท่าจะไม่ยอม เพราะปกติยู่จะได้ของกินจากผมเป็นอาหารว่างอยู่เสมอ ตอนนี้สายตาคู่นั้นก็กำลังมองมายังขนมปังไส้กรอกในมือ ไม่ อันนี้ของพี่ตาม

"เอาไส้กรอกไปก็แล้วกัน"

ผมแพ้ดวงตาใสปิ๊งของเจ้าหมาโกลเดนท์หน้าเด๋อจึงยอมจำนน แกะไส้กรอกจากขนมปังให้ยู่ก่อนที่จะถึงตาม แล้วดูเหมือนว่ารสชาติจะถูกใจ กินเสร็จก็เอาหน้ามาคลอเคลียน่ารักน่าเอ็นดู

"ไว้วันหลังเอามาให้อีกนะ" ผมลูบหัวยู่สองสามทีแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนที่ลุงหมีจะเอ่ยปากชวนพูดคุย

"กำลังจะไปเรียนเหรอแสง"

"ใช่ครับ"

"กินข้าวเช้าหรือยัง เอานมไปกินสิ"

"ครับ?"

"เอารสอะไร สตรอว์เบอร์รี่ไหม" ลุงหมีถามเองตอบเอง พลางล้วงถุงในมือแล้วหยิบนมให้ผมกล่องหนึ่ง

"ไม่เป็นไรครับลุง ผมกินข้าว..."

"เอาไปเถอะน่า"

"ไม่เป็นไรครับ..."

"เอาไว้เผื่อหิวตอนนั่งเรียนไง"

"แต่ลุงครับ..."

"เอาไป" ลุงหมีทำเสียงดุเหมือนตอนดุยู่ แล้วยัดนมกล่องนั้นใส่กระเป๋าเสื้อนักศึกษาของผม ตบไหล่เบาๆ สองทีก่อนจะพายู่เดินออกไป ผมได้แต่ขอบคุณลุงหมีอีกที โบกมือลายู่แล้วเดินไปที่ป้ายรถเมล์ ทีแรกก็คิดว่าจะไม่สาย แต่ทำไปทำมาเหลือเวลาอีกไม่นานซะแล้ว ในตอนที่กำลังยืนรอรถเมล์ก็ถูกสะกิดเรียกจากคนที่ไม่รู้จัก

"หนู ป้าจะไปโรงพยาบาลนี้ เรียกแท็กซี่แต่ไม่มีคันไหนรับเลย ป้านั่งรถเมล์ไปได้ไหม"

ผมก้มมองชื่อโรงพยาบาลที่ถูกจดใส่เศษกระดาษด้วยลายมือโย้เย้และถูกกำจนยับย่น โรงพยาบาลนั้นอยู่ค่อนข้างไกลจากตรงนี้ ถ้าจะโดยสารด้วยรถเมล์ก็ค่อนข้างนานและไม่มีสายไหนตรงไปถึงที่นั่น การต่อรถค่อนข้างจะซับซ้อน ผมชี้ตัวเลขที่แสงสายรถเมล์บนป้ายให้ป้าดู และพยายามจะอธิบายช้าๆ ให้ป้าฟัง   

"ป้าขึ้นรถเมล์สายนี้นะครับ แล้วไปลงที่หน้าโรงเรียนใหญ่ๆ โรงเรียนจะอยู่ซ้ายมือนะครับ แล้วก็ข้ามไปอีกฝั่ง ขึ้นรถเมล์สีส้มๆ สังเกตป้ายหน้ารถมันจะบอกทางไป..."

ผมหยุดคำอธิบายไว้กลางคัน เพราะใบหน้าของป้าดูไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดสักนิดเลย ก่อนที่อีกคนจะล้วงกระเป๋าหาปากกาขึ้นมาจดลงบนฝ่ามือตัวเอง

"ขออีกทีได้ไหมลูก ป้าต้องขึ้นรถเมล์สายไหน..."

"เอางี้ครับป้า เดี๋ยวผมไปส่ง"

เป็นการตัดสินใจในนาทีนั้นจนลืมคิดไปว่า ถ้าไปส่งป้าถึงโรงพยาบาลนั่นผมคงเข้าเรียนไม่ทันแน่ๆ แต่ความเดือดร้อนของคนตรงหน้าทำให้ไม่อาจมองข้าม รถเมล์ที่จะต้องไปมาถึงพอดี ผมจึงจูงมือป้าขึ้นไปโดยไม่ได้สนเรื่องอื่น

"ป้าจ่ายค่ารถให้นะจ้ะ"

"ไม่เป็นไรครับป้า"

"ไม่เป็นไรจ้ะ ป้าจ่ายให้เอง หนูมีน้ำใจมาส่งป้า ช่างใจบุญเหลือเกิน"

ผมได้แต่ยิ้มนิดๆ ด้วยความเคอะเขิน ก่อนที่ป้าจะเป็นคนจ่ายเงินค่ารถให้ผม ในระหว่างทางผมก็เป็นฝ่ายชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยจึงได้ความว่า ลูกสาวของป้าที่ทำงานอยู่ที่นี่เกิดป่วยกะทันหันและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ได้ข่าวก็เลยรีบมาหาลูก ด้วยไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นก็เลยต้องมาคนเดียว เรื่องราวของป้ามันทำให้ผมรู้สึกว่า จะโดดเรียนสักคาบก็คงไม่เป็นไรหรอก

ผมมาส่งป้าจนกว่าจะได้เจอหน้ากับลูกสาว โชคดีที่อาการป่วยของลูกป้าดีขึ้นมากแล้วก็เลยหายห่วงขึ้นมาได้บ้าง ผมได้รับการตอบแทนเป็นคำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีกจนใจผมมันล้นไปด้วยความเอิบอิ่มยินดี ก่อนที่จะเดินออกมาจากโรงพยาบาลนั้น ตั้งใจจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา แต่ปรากฏว่าหน้าจอโชว์เบอร์ที่ไม่ได้รับสายเกือบสิบสาย เก้าในสิบคือเบอร์ของตามที่ทำเอาผมต้องรีบโทรกลับ ปลายสายกดรับในแทบจะทันที   

(เธออยู่ไหนเนี่ย! เพื่อนเธอโทรมาบอกว่าเธอไม่ได้เข้าเรียน โทรไปก็ไม่รับ แม่เธอบอกว่าเธอออกมาแล้ว นี่เป็นอะไรหรือเปล่า)

"ใจเย็นๆ" ผมต้องยับยั้งอารมณ์ของตามเอาไว้ขณะที่รัวคำถามใส่ไม่เว้นวรรค

(แล้วอยู่ไหน)

"กำลังจะไปมหาลัยแล้ว เดี๋ยวเจอกันจะเล่าให้ฟัง"

(ได้ เราเรียนเสร็จแล้วจะไปหาที่คณะ)

"ครับๆ" ผมตอบรับตาม แล้วเดินออกมารอรถเมล์เพื่อกลับไปมหาลัย ด้วยเส้นทางนี้ห่างไกลกับมหาลัยคนละฟากฝั่ง ซ้ำรถยังติดยาวทำเอาถึงมหาลัยอีกทีก็เกือบจะเที่ยง ผมตรงไปยังโรงอาหารคณะที่เพื่อนบอกว่ารออยู่ที่นั่นแล้ว เดินไปถึงก็เห็นลูกหมูสวมเสื้อช็อปวิศวะสีแดงเด่นสะดุดตากว่าใครเพื่อนนั่งรออยู่ตรงนั้นด้วย     

"ไงไอ้แสง มึงหายหัวไปไหนมา"

"ฟังกูก่อนเพื่อน"

"แล้วเราโทรไปทำไม่ไม่รับ"

"ใจเย็นที่รัก"

ยกมือเบรกทั้งเพื่อนทั้งแฟนที่รุมถามไม่เปิดโอกาสให้อธิบาย ไม่คิดว่าการหายไปของผมแค่สองสามชั่วโมงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปซะได้ ผมจึงต้องอธิบายให้ทุกคนฟังตั้งแต่ต้นจนจบแบบละเอียดยิบ

"มึงก็ใจดีเหลือเกิน ยอมโดดเรียนไปส่งเขาเนี่ย"

"ถ้ากูไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยเขาวะ"

"เออ! ไอ้พลเมืองดี แต่ตัวเองกำลังเดือดร้อนนะ รู้ตัวไหม"

"ทำไมวะ"

"มึงลืมใช่ไหมว่าวันนี้มีควิซ"

"ฉิบหาย!" นึกขึ้นมาได้ตอนที่สายไปแล้ว ผมลืมเรื่องควิซไปสนิท ห้าคะแนนดิบไม่หารปลิวหายไปแล้วต่อหน้าต่อตา หมายความว่ามีโอกาสที่ชวดเกรดเอได้เลยนะนั่น

"ไงล่ะ ชอบพาตัวเองไปยุ่งเรื่องของคนอื่นดีนัก"

"เออ ครั้งสุดท้ายแล้ว จะไม่ยุ่งเรื่องของใครอีกแล้ว"

"พูดแบบนี้ทุกที" ตามว่าพลางส่ายหน้ายิ้มๆ จนผมต้องขยับเข้าไปซบไหล่แล้วทำเสียงอ้อน

"ที่รักกำลังช้ำ อย่าตอกย้ำให้เจ็บกว่านี้"

ตามหัวเราะเบาๆ แล้วยกมือเคาะหัวผมสองสามที

"ไม่เป็นไร ทำดีแล้ว"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหันไปสนใจเพื่อนที่กำลังเปลี่ยนเรื่องคุย

"เออ เย็นนี้เพื่อนในชมรมนัดเจอกันว่ะ พี่พลมาหา บอกว่าจะพาไปเลี้ยงเหล้า"

"พี่พลมาเหรอ" ผมเด้งหัวที่ซบตามขึ้นมาหลังจากได้ยินชื่อนั้น พี่พลเป็นรุ่นพี่ในคณะที่จบไปแล้ว รวมถึงเป็นอดีตประธานชมรมอาสาพัฒนาชนบทที่ผมเป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย เป็นรุ่นพี่ที่ผมเคารพรักมาก ความดีใจแสดงออกนอกหน้าตอนที่รู้ว่าพี่พลกลับมาหา

"มึงไปใช่ไหมเย็นนี้"

"ไปดิ ไม่เห็นต้องถาม"

"ถามเหอะ ถามคนข้างๆ มึงก่อน"

ผมหันมองตามที่กำลังทำสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเพื่อนหันมองก็ฝืนยิ้มออกมาบางๆ เพราะตามไม่ค่อยชอบเวลาที่ผมจะออกไปเจอกับเพื่อนที่ร้านเหล้า แต่ผมมีเพื่อนต่างคณะค่อนข้างเยอะทั้งที่รู้จักกันในชมรมและกิจกรรมต่างๆ ที่ชอบเข้าร่วม และการนัดเจอกันมันก็มักจะไม่พ้นร้านเหล้าซึ่งทำให้ตามไม่พอใจอยู่เสมอ 

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #241 เมื่อ11-08-2019 21:30:43 »

 

"ต้องไปเหรอ"

"อืม"

"ไม่ไปก็ได้นี่"

อารมณ์ที่อีกคนเก็บกั้นมาตั้งแต่ที่มหาลัย ถูกปลดปล่อยออกมาตอนที่กลับถึงหอ ตามไม่พูดต่อหน้าเพื่อนของผมว่าไม่ชอบใจแต่กลับมาถึงก็ใส่อารมณ์ผ่านสีหน้าบูดบึ้ง

"นานๆ ทีพี่เขาจะมาหาไง เราก็ต้องไป อยากคุยกับพี่เขาเรื่องงานด้วย"

"คุยกันที่อื่นก็ได้ ทำไมต้องร้านเหล้า"

"ก็เพื่อนคนอื่นเขาตกลงกันที่นั่นไปแล้ว เธอจะให้เราไปขัดได้ไง"

"ทุกที"

"แล้วจะให้เราทำยังไง"

"ทำไมเธอต้องไปรู้จักกับคนพวกนั้นด้วย เราไม่ชอบเลย"

"นี่พาลแล้วนะตาม"

"แล้วไงอะ มันไม่ใช่ปีละครั้งหรือเดือนละครั้ง แต่นี่มันแทบจะทุกอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ เธอชอบมากเหรอร้านเหล้าอะไรนั่นอะ"

"เออ ชอบ"

"อย่ามาประชด"

"ก็ชอบจริงๆ นี่มันเป็นความสุขของเราอะ เธออย่ามาก้าวก่ายได้ไหมล่ะ"

"ถ้าเป็นเรื่องดีเราคงไม่ยุ่งหรอก"

"แล้วมันไม่ดีตรงไหนอะตาม เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายก็แค่ออกไปเจอกับเพื่อน หรือเธอไม่คิดจะให้เรามีเพื่อนบ้างเลยหรือไง"

"ถ้ามีแต่เพื่อนแบบนี้ ก็ไม่ต้องมีดีกว่า"

"อ้าวตาม! ทำไมพูดแบบนี้อะ"

"ไว้คุยกันทีหลังเหอะ เราอารมณ์ไม่ดีแล้ว"

"เราก็ไม่ได้ต่างจากเธอหรอกนะ"

ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เราก็ทะเลาะกันอีกจนได้ จริงอยู่ที่เรามักจะมีเรื่องถกเถียงกันบ้างเป็นธรรมดา มีทั้งเรื่องที่เราไม่ชอบ เรื่องที่ไม่พอใจ กว่าที่เราจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้เราเข้ากันได้มันใช้เวลา แต่ในทุกครั้งที่เราะทะเลาะไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร เราจะใช้เวลาไม่นานเพื่อกลับมาคืนดี ไม่ต้องการปล่อยให้ค้างคาเพราะเราต้องหาทางออก ในตอนนี้เราต่างคนต่างเอาแต่เงียบ ตามก็ดูจะอารมณ์ไม่ดีอย่างที่พูดจริงๆ ผมจึงเลือกที่จะไปจากตรงนี้ก่อน เผื่อว่ามันจะช่วยให้ตามใจเย็นลง

 

ผมยังคงเลือกที่จะไปตามนัด เพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ผมแค่ออกมาเจอเพื่อนของผม เหมือนตอนที่ตามออกไปเจอเพื่อนของตาม เรามีที่ว่างตรงนั้นให้กันมาตลอด ผมแค่รู้สึกว่าตามกำลังค่อยๆ ยึดพื้นที่ตรงนั้นจนผมไม่สามารถจะทำอะไรตามใจตัวเองได้เลย ครั้งนี้เราคงต้องปล่อยให้ความโกรธทำงานยาวนานกว่าทุกครั้ง     

 

"ครืด...ครืด..."

 

ผมวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะแล้วหยิบมือถือที่กำลังสั่นขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นแม่เลยลุกจากโต๊ะออกไปหาที่เงียบๆ รับสาย

"ครับแม่"

(แสง คืนนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า)

"กลับครับ แต่ช้าหน่อย"

(ดึกแล้ว นอนกับตามก็ได้นะ)

"..."

(แสง ได้ยินไหม)

"แม่จะเอาอะไรหรือเปล่า"

(โน้ตบุ๊กพ่อใช้งานไม่ได้อีกแล้ว เป็นเหมือนคราวก่อน พ่อเขาจะให้แสงกลับมาดูให้หน่อย)

"ได้ครับ เดี๋ยวแสงกลับ ดึกๆ หน่อย"

(โอเค แม่แบ่งกับข้าวเก็บไว้ให้ในตู้เย็น มีชูครีมด้วย ถ้ากลับมาแล้วหิวก็อุ่นกินนะ)

"ครับ"

(เรื่องเหล้าก็เพลาๆ ลงหน่อยล่ะ)

"โห! แม่ รู้อีก"

(ก็เพลงดังขนาดนั้น ยังไงก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ พ่อกับแม่รออยู่นะ)

"ครับผม"

ผมกดวางสายจากแม่แล้วกำลังจะเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่ในตอนนั้นก็หันไปเจอเข้ากับคนรู้จักจึงตรงเข้าไปทักก่อน

"พี่ต่อ"

"อ้าว แสง"

"พี่ต่อเข้าร้านเหล้าเป็นด้วยเหรอ"

"วันเกิดเพื่อนมันเลยชวนมา"

"เมาป่ะเนี่ย"

พี่ต่อส่ายหน้าปฏิเสธ ด้วยรอยยิ้มกว้างๆ นั่นทำเอาผมเกือบเชื่อแล้วแต่เห็นใบหน้าแดงๆ จากผิวขาวจัดนั่นก็ดูออก ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดคงมากพอที่จะทำให้พี่ต่อเมาแต่ไม่รู้ตัวแน่นอน

"แสงมากับใคร ตามมาหรือเปล่า"

"น้องชายพี่ไม่มาที่แบบนี้หรอกครับ"

"นั่นสิ คงจะเข้าแต่ร้านหมูกระทะ"

ทั้งผมและพี่ต่อหัวเราะออกมาเบาๆ

"แล้วนี่จะกลับหรือยัง ไปนอนกับตามหรือเปล่า พี่ไปส่งไหม"

"ไม่เป็นไรครับวันนี้ผมกลับบ้าน"

"อ้าว"

"ตามคงไม่ให้นอนด้วย"

แค่ประโยคนั้นพี่ต่อก็คงรู้สถานการณ์ ยิ้มบางๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาว พยักหน้าเป็นเชิงให้ผมนั่งลงตามไปด้วย

"ทะเลาะกันเหรอ"

ผมพยักหน้ารับคำถามที่พี่ต่อยิงมาตรงๆ น่าแปลกที่ผมมักจะได้พูดคุยกับพี่ต่อ เฉพาะเวลาที่ความสัมพันธ์ของผมกับตามมีปัญหา พี่ต่อให้คำปรึกษาผมหลายครั้งในเวลาที่เราทะเลาะกัน พี่ต่อมักจะบอกกับเราว่าใครยอมแพ้ก่อนจะเป็นคนชนะ ตามจึงเอาชนะผมทุกครั้งด้วยการเป็นฝ่ายแกล้งแพ้ไปก่อน และนั่นมันทำให้ผมเคยตัวกับการที่ตามจะเป็นคนยอม แต่ทว่า...

"ครั้งนี้ ตามไม่ยอมแพ้ให้ผมครับ"

"ให้พี่พาไปหาตามไหม"

"ไม่เป็นไรครับ ตามบอกว่าให้เราคุยกันทีหลัง เอาไว้เดี๋ยวค่อยคุยครับ"

"..."

"เอาไว้ก่อน"

ได้ยินเสียงพี่ต่อถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะไหล่ผมด้วยความพยายามที่จะปลอบใจ

"ทำไมเราต้องทะเลาะกันด้วย"

"..."

"เรารักกันอย่างเดียวไม่ได้เหรอ"

ผมเงยหน้ามองพี่ต่อที่พูดออกมา ใบหน้านิ่งๆ ดูเหมือนว่าไม่ได้คิดอะไรมากมายกับคำพูดนั้นเพียงแค่สงสัย แต่ในคำพูดนั้นมันทำให้ผมย้อนคิดไปไกลถึงเรื่องราวต่างๆ มากมายในความสัมพันธ์ เราถกเถียง หึงหวง เอาชนะกันด้วยเรื่องไร้สาระ และทำร้ายกันด้วยความไม่เข้าใจ...ทำไมเราต้องทะเลาะกันด้วย

"ทำไมพี่ต่อถึงไม่มีแฟนเหรอ"

"เพราะพี่หลงใหลในฟันคุดมากกว่าที่จะมีความสัมพันธ์กับมนุษย์"

"พี่ต่อ"

"ล้อเล่นครับ"

"พี่ชอบคนแบบไหนเหรอ"

"ชอบเด็กตัวเล็กๆ น่ารักดี "

"พี่คงรู้ว่าคุกไปทางไหน"

พี่ต่อหันมองตาขวาง ก่อนหลุดยิ้ม

"พี่ต่อคงชอบที่จะดูแลคนอื่น มากกว่าที่จะให้คนอื่นมาดูแล"

"คงใช่ พี่คิดว่าถ้าพี่จะมีแฟน พี่จะต้องเป็นฝ่ายดูแลเขานะ"

"แล้วพี่ก็จะถอนฟันคุดให้เขา"

"ขูดหินปูนทุกหกเดือนแถมฟอกสีฟันให้ด้วย ถุย!"

ผมหัวเราะลั่นเพราะไม่คิดว่าพี่ต่อจะเล่นมุกเป็นด้วย ภาพพจน์ที่ผมเห็นเขามาตลอดคือหมอฟันที่ดูเรียบร้อย ใจดี ยิ้มเก่ง อบอุ่น ดูใจเย็นและมีเหตุผล ในตอนนี้ดูเป็นพี่ต่อที่น่ารักขึ้นด้วยแก้มแดงๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์และความขี้เล่นที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว...พี่ต่อนี่น่ารักดีแฮะ

"ตามน่าจะเหมือนพี่ต่อนะครับ"

"ก็เหมือนอยู่นะครับ"

พี่ต่อยิ้ม และเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นก็พลันคิดถึงอีกคนขึ้นมาเฉยๆ

พี่ต่อกับตาม...ยิ้มเหมือนกันเป๊ะเลย


วินาทีนั้น จิตสำนึกของผมถูกช่วงชิงด้วยความคิดชั่ววูบ โน้มใบหน้าเข้าหาพี่ต่อแล้วสัมผัสริมฝีปากของพี่ต่อที่ค่อยๆ หุบยิ้มลงช้าๆ สติเลือนหายทุกอย่างกลายเป็นภาพนิ่ง ก่อนกลับมาเคลื่อนไหวในตอนที่...

พี่ต่อสนองตอบรอยจูบของผม

รสสัมผัสที่ริมฝีปากปะปนความขื่นขมของแอลกอฮอล์ ทั้งผมและพี่ต่อมึนเมากับความคิดที่มืดสนิท ไร้สติที่จะครุ่นคิด...ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

ทำไมเราจึงไม่หยุดมัน


นี่มันเป็นความพลาดพลั้งหรือตั้งใจ เหตุใดเราจึงปล่อยให้การกระทำนั้นมันเลยเถิดล่องลอยไปไกลจนกระทั่งความปรารถนาจบสิ้นลงจึงรู้ตัว

คลายริมฝีปากออกจากกันช้าๆ สติผมกลับมาแต่ร่างกายนิ่งงันไม่เคลื่อนไหว พี่ต่อคงไม่ต่างอะไรจากผม ความพลั้งเผลอทำให้เราไม่หยุดยั้งแต่เราต่างคนต่างรู้ดีว่าที่ทำลงไปมันผิด

มันผิดมหันต์

"พี่ขอโทษ"

"ผมขอโทษ"

เราพูดได้แค่คำนั้น ในตอนที่ร่างกายยังคงแข็งทื่อ พี่ต่อขยับตัวออกห่างจากผมช้าๆ และในตอนนั้นทุกอย่างก็พังทลายด้วยการก้าวเข้ามาของคนอีกคน

"ทำอะไร"

"ตาม"

"เธอทำอะไร!"

ผมลุกจากเก้าอี้เข้าไปหาตามที่ยืนนิ่ง แววตาแข็งกร้าวกับน้ำเสียงแห่งความโกรธเคืองเอ่ยถามผมอีกครั้ง

"มันคืออะไร"

"มันไม่...มันไม่มีอะไร" ผมอธิบายได้ไม่เต็มปาก เมื่อตามได้เห็นมันด้วยตาตัวเองไปแล้วคงยากที่จะทำให้ตามนั้นเชื่อว่า สิ่งที่เขาเห็นมันเป็นการเข้าใจผิด

"ตาม ฟังพี่..."

"ไม่ฟัง"

ตามตัดบทขณะที่พี่ต่อก้าวเข้ามาอธิบาย ก่อนหันหลังเดินออกไปจากตรงนี้ ผมขอพี่ต่อเป็นคนตามไปคุยกับเขาเอง แต่ดูเหมือนว่าความโกรธของตามจะไม่อาจหยุดยั้งได้ด้วยคำพูดของผมเลย

"ตาม เดี๋ยวก่อน ตาม ใจเย็นๆ ก่อน"

"ใจเย็นเหรอ"

"..."

"ให้เราใจเย็น ทั้งๆ ที่เราเพิ่งจะเห็นเธอจูบกับคนอื่น ไม่ดิ ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นพี่ชายเรา! เธอจูบกับพี่ชายเรา! ทั้งเธอทั้งเขาไม่ได้คิดที่จะหยุดด้วยซ้ำ เราเห็นตั้งแต่แรก เธออย่าบอกให้เราใจเย็น!"

"ตาม"

"เธอทำแบบนี้กับเราได้ยังไง"

"..."

"ทำได้ยังไงวะ"

"..."

"เธอโคตรใจร้ายเลย"

ตามทิ้งผมเอาไว้กับความรู้สึกผิดที่ผมมี แม้แต่คำขอโทษผมยังไม่กล้าเอ่ยเพราะคิดว่ามันคงไม่พอที่จะชดใช้ความผิดที่ผมทำ

"เดี๋ยวพี่ไปคุยกับตามเอง"

"พี่ต่อ"

พี่ต่อเดินออกไปเร็วเกินกว่าที่ผมจะโต้ตอบอะไร เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแต่ผมกลับดึงเขาเข้ามาอยู่ในวังวนของความพลาดพลั้งที่มันกำลังจะเป็นต้นเหตุให้เขากับตามต้องผิดใจกัน ตามมีสิทธิ์ที่จะไม่ให้อภัยผม แต่ตามจะต้องไม่โกรธพี่ต่อ...ผมขอแค่นั้น

 

"กลับหรือยัง เดี๋ยวเราไปรับ"
ผมเพิ่งจะได้อ่านข้อความของตามที่ส่งมาให้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ตามมาหาที่ร้าน ยังคงเป็นห่วงแม้ว่าเราจะทะเลาะกัน นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอย่างไม่มีสิ้นสุด ผมได้ทำให้ความรู้สึกของตามบอบช้ำมากขนาดไหนกันนะ 

ผมพาตัวเองกลับบ้านด้วยการเดินไปเรื่อยๆ ตามท้องถนนที่เงียบงัน พลันคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้เลย ผมทำแบบนั้นทำไม ทำลงไปได้ยังไง ให้โทษเหล้าก็คงไม่ได้ แม้ว่าความเมามายจะพาเรื่องราวเลยเถิดไปไกลจนกลายเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่แต่ผมไม่อาจแก้ตัวและกล่าวโทษสิ่งใดนอกจากตัวเอง

เราผิดเอง...เป็นความผิดของเราคนเดียว

"ช่วยด้วย!"

ขาผมหยุดชะงักตอนที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือนั่น ยกมือปาดน้ำตามองหาต้นตอของเสียง ก่อนที่จะดังขึ้นมาอีกครั้ง

"ช่วยผมด้วย!"

ไม่ทันยั้งคิด ผมรีบวิ่งไปยังจุดที่ได้ยินเสียง ก่อนที่จะมองเห็นเด็กคนหนึ่งตะโกนร้องขณะพยายามที่จะหนีออกมาจากใครบางคนในรถยนต์คันนั้น

"เฮ้ย! ทำอะไรวะ!"

"เสือกอะไรวะ!"

"หยุดนะเว้ย!"

เพราะผมเป็นคนเดียวที่อยู่ตรงนี้จึงไม่อาจที่จะอยู่เฉย ตรงเข้าไปเพื่อหวังจะช่วย ดึงผู้ชายที่กำลังทำร้ายเด็กคนนั้นออกมา ก่อนที่ผมจะถูกผลักเต็มแรง แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้มีร่างกายใหญ่โตแต่แรงเยอะเกินกว่าที่ผมจะสามารถหยุดยั้ง เป็นฝ่ายพลาดพลั้งโดนทั้งหมัดทั้งเท้าถีบกระแทกจนเจ็บแปลบไปทั่วร่าง ยันตัวเองลุกขึ้นจากพื้นแล้วใช้โอกาสนั้นฟาดหมัดเข้าไปที่หน้าจนมันถอยเซ ผมกำลังจะต่อยซ้ำแต่ถูกสวนกลับมาก่อน และในจังหวะเดียวกันท้องของผมก็ถูกกระแทกเข้าอย่างแรงจนตัวงอ พยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ความเจ็บในวินาทีต่อมาไหลแล่นไปทั่วร่างจนทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง ก้มมองเลือดที่ไหลนองออกมาจากท้อง ผมจึงรู้ตัวว่าแรงกระแทกเมื่อครู่เกิดจากของมีคมที่ผมไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำไป

"ช่วยไม่ได้ เสือกหาเรื่องตาย"

ความเจ็บปวดปรากฏชัดขณะเดียวกันกับที่เลือดข้นไหลนองออกมาจากแผลในปริมาณที่มากเสียจนร่างกายผมเริ่มไม่อาจทนทานต่อความเจ็บปวดนั่นไหว หูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงใด ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ในตอนที่ผมเริ่มไม่รับรู้ถึงจังหวะการหายใจของตัวเอง หัวสมองที่ว่างเปล่าก็เริ่มเกิดความคิด

ผมกำลังจะตายใช่หรือเปล่า...

ยังไม่อยากตายตอนนี้เลย ผมต้องกลับบ้าน ต้องกลับไปกินกับข้าวของแม่ กลับไปซ่อมโน้ตบุ๊กให้พ่อ แล้ววันเสาร์ต้องพาสายป่านไปดูหนังด้วย ผมกำลังจะเรียนจบ กำลังจะได้ตอบแทนสิ่งที่พ่อกับแม่ได้ทุ่มเทให้ผมมาทั้งชีวิต ผมต้องอยู่ดูแลครอบครัวของผม และยังมีสิ่งที่ผมต้องทำกับพวกเขาอีกตั้งเยอะ...   

ใจผมยังต้องการดิ้นรนให้รอดพ้นจากความตาย แต่มองไม่เห็นหนทางที่จะมีชีวิตรอดได้เลย ขณะนั้นทุกสิ่งในสมองของผมก็จมลึกลงไปในห้วงของความคิดภายใต้สติสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ 

ผมชอบเอาตัวเองไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง แต่นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ผมใช้ชีวิตในหนึ่งวันสุดท้ายเหมือนเป็นหนึ่งวันธรรมดา โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องตาย มันกะทันหันจนไม่ทันตั้งตัว วินาทีเดียวแต่โลกเปลี่ยนไปตลอดกาล

และผมยังไม่ได้ขอโทษตามเลย เราไม่ควรจากกันไปแบบนี้ ผมไม่ควรทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ ผมอยากขอโอกาส ให้ผม
ได้แก้ตัว


เราจะจดจำทุกสิ่งที่เธอไม่ชอบ และจะพยายามไม่ทำมันอีก จะเป็นฝ่ายยอมเธอบ้างในวันที่เราต้องทะเลาะกัน จะไม่ทำอะไรที่มันร้ายเธอ ไม่ทำให้หัวใจของเธอต้องเจ็บปวด จะเป็นเราที่ดีกว่านี้เพื่อเป็นที่รักของเธอตลอดไป

 

แต่มันคงจะสายไปแล้ว...



To be continued.

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #242 เมื่อ11-08-2019 21:50:46 »

 :katai1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #243 เมื่อ11-08-2019 22:12:00 »

 :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ Miawncha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #244 เมื่อ11-08-2019 22:22:55 »

ร้องไห้ได้มั้ย สงสารตามอีกแล้วววววว เพราะแสงเป็นคนดีเกินไปหรือป่าวเลยตายไว 5555555555

ออฟไลน์ Ain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #245 เมื่อ11-08-2019 22:24:24 »

แสงงงง ทำไมทำแบบนี้ พี่ต่ออีกคน
ย้อนมาตอนแสงจะตายแบบนี้ก็ร้องไห้สิคะรอไร
 :sad4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #246 เมื่อ11-08-2019 22:36:26 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่ใช่ไหม  สิ่งที่ค้างคา  สิ่งที่ทำให้ไม่ไปเกิด

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #247 เมื่อ11-08-2019 23:03:38 »

เพราะรุ้สึกติดค้างตามสินะ ถึงได้ไปไหนไม่ได้ แต่มันจะเศร้าแค่ไหน ทำยังไงก็อยู่ด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #248 เมื่อ11-08-2019 23:30:25 »

 o18


 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #249 เมื่อ11-08-2019 23:41:42 »

ตอนที่แสงจากไปอยากให้ตามมูฟออน แต่ดูยังไงก็มูฟออนยากเหลือเกิน ทั้งชีวิตให้เขาไปแล้วจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
« ตอบ #249 เมื่อ: 11-08-2019 23:41:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #250 เมื่อ12-08-2019 00:02:58 »

เฮ้อ เศร้า สงสารทุกคน สงสารพลีสที่ถึงแม้แสงจะตายก็ยังไม่รอดพ้นไอ้คนชั่ว สงสารตามทีต้องเจ็บปวดจากหลายทางในวันเดียวกัน แถมยังไม่มีใครบอกอะไรได้อีก สงสารพี่ต่อที่อยู่ดีๆ ก็ดึงเข้าไปในวงจรแสนเศร้า คนที่น่าสงสารน้อยสุดคือแสงเทียน รู้สึกว่าตอนเป็นคนก่อนตายไม่ค่อยถูกใจนะ ทำอะไรตามความต้องการตัวเองเป็นหลัก พอเป็นผีดีขึ้นมากมาย แห่ะๆ อินไปนิด

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #251 เมื่อ12-08-2019 06:31:41 »

เหมือนที่ตามพูด เรื่องในวันนั้นทุกคนล้วนเจ็บปวด

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #252 เมื่อ12-08-2019 08:55:40 »

เจ็บปวดทุกคน

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #253 เมื่อ12-08-2019 19:20:41 »

แสงก่อนตายก็ร้ายพอตัวนะ
มันก็น่าจะติดค้างอย่างเยอะแหละ
นี่ถ้าไม่ตาย กับพี่ต่อ กับตามก็ไม่รู้จะลงเอยยังไง

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #254 เมื่อ12-08-2019 20:50:54 »

อึ้งงงงงงง

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #255 เมื่อ12-08-2019 21:26:57 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #256 เมื่อ12-08-2019 21:46:33 »

เนื้อเรื่องบีบอารมมาก

เสียดายเพิ่งได้อ่าน

ขอเป็นแฟนคลับเรื่องนี้ด้วยคน

รักตัวระครทุกตัว โดยเฉพาะ พลีสกับแสง

ออฟไลน์ beedy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 18-- 11/08/19
«ตอบ #257 เมื่อ13-08-2019 13:40:45 »

 :m15: :m15: :monkeysad: :monkeysad: :sad11: :sad11:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #258 เมื่อ13-08-2019 21:42:32 »

ตอนที่ 19
ตั้งแต่ที่เธอจากไป เราก็ใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำ

 

ตาม :

 

"ตาม!"

ผมไม่ได้ฟังเสียงเรียกของแสงที่พยายามจะรั้งผมเอาไว้ เดินออกมาจากตรงนั้นด้วยอารมณ์โมโหไม่มีสิ้นสุด ก่อนที่จะหันไปเห็นพี่นัทด้วยความบังเอิญ ผมรีบเดินเข้าไปหาก่อนที่อีกฝ่ายจะปิดประตูรถ

"พี่นัท ไปส่งตามหน่อย"

"ฮะ? เดี๋ยว"

ผมกำลังจะเดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง แต่ถูกพี่ต่อวิ่งตรงเข้ามาเรียกพลางดึงแขนผมเอาไว้ 

"ตาม!"

ผมสะบัดมือพี่ต่อทิ้ง ไม่ได้โต้ตอบอะไรแล้วรีบขึ้นรถ ท่ามกลางความงุนงงของเจ้าของรถ ผมสั่งให้เขารีบขับออกไป ขณะที่พี่ต่อพยายามที่จะเรียกและวิ่งตามมา

"ไม่ต้องจอดเหรอ"

"ไม่ต้องครับ"

"ใครเหรอ"

"คนบ้า"

ความโกรธทำให้ผมเลือกที่จะไม่สนใจใครทั้งนั้น ผมยังไม่พร้อมที่จะฟังคำอธิบายจากสิ่งที่ผมได้เห็นกับตา แม้ทบทวนเป็นร้อยครั้งผมก็ไม่เข้าใจว่าเหตุผลของการกระทำนั้นมันคืออะไร ผมหวังให้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมเพียงแค่โกรธเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย ผมบอกตัวเองแบบนั้น

"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าตาม"

"..."

"เล่าให้พี่ฟังได้นะ"

ผมหันมองมือของพี่นัทที่ปล่อยจากพวงมาลัยแล้วเลื่อนมากุมมือผมเอาไว้ อาจต้องการปลอบโยนกันแต่ผมกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นจึงรีบดึงมือตัวเองออก

"พี่นัทจอดที่ป้ายรถเมล์ข้างหน้าก็ได้"

"เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอ"

"ไม่เป็นไรครับ ตามจะลงข้างหน้า"

"เห็นพี่เป็นแท็กซี่หรือไง ถ้าตามมีเรื่องไม่สบายใจ เดี๋ยวเราไปหาที่เงียบๆ คุยกัน มีอะไรเล่าให้พี่ฟังก็ได้ เดี๋ยวคืนนี้พี่อยู่เป็นเพื่อน"

"ตามจะลงข้างหน้า"

ผมได้รับคำโต้ตอบเป็นเสียงถอนหายใจแรงๆ ที่จงใจให้ผมได้ยิน ก่อนพี่นัทจะเบรกกะทันหันจนเกือบหัวทิ่ม ไม่ทันจะถึงป้ายรถเมล์ที่ผมขอให้เขาไปส่งด้วยซ้ำ   

"ขอบคุ..."

"ไม่ต้องขอบคุณ ลงไป"

ดูท่าว่าผมจะทำให้พี่นัทอารมณ์เสียแต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณที่เขาพาผมออกมาจากตรงนั้นอย่างได้จังหวะ ผมก้าวเท้าช้าๆ เดินต่อไปยังป้ายรถเมล์ที่ทั้งเงียบและมืด ดึกดื่นเกินกว่าจะเป็นเวลาที่ผู้คนจะสัญจรจึงแทบจะไม่มีรถผ่านมาตรงนี้สักคัน ท่ามกลางความเงียบในระหว่างที่นั่งรอนั้น มือถือผมสั่นเพราะสายเข้า รวมถึงข้อความทางไลน์ที่ดังไม่หยุด 

 

"ตามอยู่ไหน พี่จะไปหา"
"ตามตอบพี่หน่อย"
"รับสายพี่สิ"


 

สมองผมว่างเปล่าเกินกว่าจะตอบโต้กับใครในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครที่โทรมา ผมก็ไม่พร้อมที่จะพูดคุย ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้งแล้วลุกขึ้นยืน ตัดสินใจที่จะเดินกลับหอแทนที่จะนั่งรออย่างดูไม่มีจุดหมาย

ผมคิดว่าตัวเองเดินมาไกลแต่มันยังไม่ได้ถึงครึ่งทาง คงเพราะสมองกำลังย้ำคิดถึงเรื่องของแสงและพี่ต่อวนเวียนอยู่อย่างนั้น ร่างกายผมจึงค่อยๆ ช้าลง ในบางวินาทีผมหยุดอยู่กับที่โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป   

 

"ครืด...ครืด..."

 

 มือถือที่เงียบไปสักพักใหญ่สั่นขึ้นมาอีกรอบ ผมคิดว่าตัวเองสงบลงกว่าเมื่อครู่แล้ว ไม่ว่าใครจะโทรเข้ามา ผมก็คงจะใจเย็นพอที่จะพูดคุยกับ...

 

"พ่อ"


 

หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อสายที่โทรเข้ามากลายเป็นพ่อ จึงรีบคลายความสงสัยด้วยการกดรับ ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากว่าอะไรพ่อก็พูดขึ้นมาก่อน

"พี่ต่อรถคว่ำ พ่อกับแม่กำลังจะไปโรงพยาบาล ตามอยู่ที่ไหนลูก" ด้วยประโยคนั้นมันทำให้ผมรู้สึกว่า ประสาทการรับรู้ของตัวเองนั้นชำรุดเสียหายจึงได้ยินไม่ชัดนัก ผมไม่เข้าใจที่พ่อพูดเลย

"ตาม"

"..."

"ตาม!"

ผมไม่ได้โต้ตอบอะไรพ่อ ไม่ได้สนเสียงเรียกของพ่อพลางลดมือข้างที่ถือโทรศัพท์ลงช้าๆ หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับลืมวิธีที่จะเคลื่อนไหว

โรงพยาบาล

เป็นคำแรกที่คิดขึ้นมาได้ตอนที่สติหวนกลับคืน ผมรีบพาตัวเองไปที่นั่นให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะเห็นพ่อกับแม่ยืนอยู่แล้วที่หน้าห้องฉุกเฉิน 

"ตาม"

"พี่ต่อเป็นไงบ้าง"

"หมอยังไม่ออกมาเลย"

"พ่อกับแม่เข้าไปดูไม่ได้เหรอ"

"เราเข้าไปไม่ได้นะลูก"

"พ่อกับแม่เป็นหมอไม่ใช่เหรอ ต้องเข้าไปได้สิ แค่เข้าไปดูว่าพี่ต่อเป็นยังไง!"

"ตามใจเย็นๆ"

"แต่พี่ต่ออยู่ในนั้น!"

"ใจเย็นๆ แล้วนั่งลง!" เสียงดังของพ่อดุผมพลางกดไหล่ให้นั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน ความคิดในหัวผมพลุ่งพล่านเกินกว่าจะนั่งใจเย็น แต่สองมือของพ่อบีบไหล่ผมแน่นให้อยู่กับที่จนเจ็บแปลบ อ้อมกอดของแม่ช่วยบรรเทาความวู่วามจนกระทั่งทั้งร่างกายและความคิดสงบลงอย่างช้าๆ

"พี่ต่อไม่เป็นอะไร เชื่อพ่อสิ"

คำปลอบโยนของพ่อบอกกับผมอย่างนั้นก่อนที่ผมจะตั้งสติได้ การรอคอยหน้าห้องนั้นเนิ่นนานกว่าความเป็นจริง เพราะใจเอาแต่คิดถึงความปลอดภัยของคนที่อยู่ข้างใน จนกระทั่งคนเป็นหมอเดินออกมา ด้วยสัญชาตญาณ สองตาผมหลับแน่นพลางเบือนหน้าหนีคราบเลือดที่เลอะเสื้อกาวน์สีขาว ทั้งพ่อและแม่รู้ดีถึงความกลัวจึงดึงให้ผมถอยห่าง แต่สองหูผมยังได้ยินชัดถึงอาการของพี่ต่อที่หมอพูดถึง ผมไม่เข้าใจศัพท์ทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นในบทสนทนาของคนที่เป็นหมอทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่สุดท้ายผมจับใจความได้ว่าอาการของพี่ต่อยังไม่พ้นขีดอันตราย ก่อนถูกย้ายตัวไปอีกห้อง

"ไหนพ่อบอกพี่ต่อไม่เป็นไร"

"พี่ต่อไม่เป็นอะไร พี่ต่อจะต้องไม่เป็นอะไร"

พ่อแค่ย้ำให้ผมเชื่อแบบนั้น ทั้งที่ความจริงแม้แต่พ่อหรือแม่เองก็คงกังวลอยู่ไม่น้อย มันเจ็บปวดตรงที่ ทั้งพ่อและแม่ทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆ ไร้ความสามารถที่จะช่วยเหลือเพื่อให้พี่ต่อดีขึ้นกว่านี้ ผมไม่อาจทนมองพี่ต่อที่นอนอยู่ในสภาพนั้นได้นานกว่านี้ จึงถอยออกมาหลบมุมนั่งอยู่ห่างๆ พลันความคิดกำลังก่อตัวเป็นความว้าวุ่น

ผมเพิ่งจะเจอกับพี่ต่อ พี่ต่อยังโทรหาผม ส่งข้อความหาผม พี่ต่อกำลังจะมาหาผม...เพราะว่าเขากำลังจะมาหาผม

"แสงเทียน!"

ผมหลุดออกจากความคิดหลังจากได้ยินชื่อนั้น จริงสิ...แสงเทียน

เรื่องของพี่ต่อทำให้ผมลืมแสงไปเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะถึงบ้านหรือยัง แม้ว่าผมจะยังโกรธเคืองแค่ไหนแต่ในตอนนี้กลับรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล แค่อยากมั่นใจว่าคืนนี้แสงจะถึงบ้านอย่างปลอดภัยจึงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหา เสียงรอสายดังอยู่นานและสุดท้ายไม่มีคนรับ

"นั่นไม่ใช่แสงหรอก ไม่ใช่แสงลูกของเราหรอก"

"พ่อ"

"เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวลูกกลับบ้านมาแล้วจะไม่เจอใคร"

บทสนทนาจากหน้าห้องฉุกเฉินผ่านน้ำเสียงที่ผมรู้สึกคุ้นเสียจนต้องลุกเดินไปดู ก่อนที่จะเห็นครอบครัวของแสงยืนอยู่ตรงนั้น แทนที่จะรีบตรงเข้าไปหา แต่สองเท้าผมกลับเดินช้าลง เพราะประโยคถัดมาของสายป่านที่ดังชัด

"พ่อ! นั่นพี่แสง!"

"..."

"นั่นพี่แสง"

"..."

"พี่แสงตายแล้วพ่อ"

เท้าของผมเดินไปถึงหน้าห้องนั้นพอดีหลังจบประโยคนั้น ทุกสิ่งรอบกายกลับมาอื้ออึงอีกครั้ง และคราวนี้ทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่เนิ่นนาน กระทั่งเสียงของแม่แสงเอ่ยเรียกผม

"ตาม"

"..."

"ตามเข้าไปไม่ได้นะลูก!"

ไม่ได้ฟังเสียงห้าม ผมเดินผ่านครอบครัวของแสงตรงเข้าไปยังเตียงผู้ป่วยที่มีหนึ่งคนนอนนิ่งอยู่บนนั้น ผมสะบัดทุกฝ่ามือที่เข้ามาเกาะกุม ไม่สนทุกเสียงร้องห้าม แล้วก้าวเท้าเข้าไปมองหน้าคนตรงนั้นและการมองเห็นนั้นมันก็ย้ำให้ชัดว่านั่นคือแสง ไล่สายตามองแสงหัวจรดเท้าด้วยร่างกายที่ไม่ยอมขยับเคลื่อนไหว

ทั้งสิ่งที่ผมเห็นและเสียงของใครสักคนที่ย้ำให้ได้ยินว่าแสงตายแล้วแต่ผมไม่เชื่อ ถ้าผมลองเรียกแสงดูสักครั้ง แสงอาจจะตื่นก็ได้

"แสง"

ถ้าหากว่าแสงได้ยินเสียงของผม แสงจะต้องลุกขึ้นมาแน่ๆ

"แสง"

บางทีเสียงของผมอาจดังไม่พอให้แสงได้ยิน หากว่าผมจะลองเรียกอีกสักครั้ง

"แสงเทียน"

ถ้าหากว่า...

"พอได้แล้ว"

เสียงของคนข้างๆ บอกกับผมอย่างนั้น ความเงียบงันบอกให้ผมได้รู้และย้ำทุกอย่างให้ชัดจนไม่อาจโกหกตัวเองได้อีกต่อไป เป็นครั้งแรกที่ผมเพิกเฉยต่อรอยเลือดที่อาบทั้งร่างของคนตรงหน้า ไม่มีความกลัว ไม่มีทั้งน้ำตาและคำพูดใด ก่อนโน้มตัวลงโอบกอดร่างกายที่ยังอบอุ่นแต่ไม่ไหวติง กระชับกอดแน่นราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งชิงเอาแสงของผมไป...อย่าเอาแสงของผมไป...ได้โปรดอย่าเอาเขาไปจากผมเลย

 

ชั่วโมงก่อนแสงยังยืนอยู่ตรงหน้าผม เรายังมองหน้ากันอยู่ เรายังคุยกันอยู่ แล้วทำไมตอนนี้แสงถึงเหลือเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจ จากผมไปโดยไม่ล่ำลา ผมคาดหวังให้มันเป็นแค่ความฝันแต่สมองดันรู้ดีว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง ถึงอย่างนั้นร่างกายมันก็ยังไม่ตอบสนองต่อความเสียใจ ยังคงไม่มีแม้แต่หนึ่งหยดน้ำตาหรือว่าคำพูดใดที่จะฟูมฟายออกมาให้การสูญเสียครั้งนี้ คงเป็นเพราะผมไม่อาจทำใจให้เชื่อ...แค่ไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง

 "ตาม"

"..."

"ตามลูก"

ผมเงยหน้ามองทั้งแม่ของแสงและแม่ของผมที่เดินเข้ามาหา ขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่กับพื้นของโรงพยาบาลเพื่อรอให้พ่อกับแม่ของแสงจัดการเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อย   

"ตามกลับไปอาบน้ำก่อน เนื้อตัวเลอะเลือดไปหมดแล้ว"

"..."

"ตามกลัวไม่ใช่เหรอ รีบไปล้างตัวเถอะนะ"

สิ่งเดียวในตัวแสงที่หลงเหลืออยู่กับผม มีเพียงคราบเลือดที่ผมหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด แต่การจากไปของแสงมันทำให้ผมหลงลืมที่จะต้องกลัวหรือรู้สึกอะไร 

"มันเป็นเลือดของแสงครับ"

"..."

"เป็นเลือดของแสง"

แม่ของแสงมอบความอบอุ่นให้ผมด้วยอ้อมกอดหลวมๆ ไม่มีความเข้มแข็งหลงเหลืออยู่ในตัวผม ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะโต้ตอบอ้อมกอดนั้นด้วยซ้ำไป

"กลับบ้านกันก่อนนะตาม เดี๋ยวแม่ไปส่ง" แม่ดึงมือผมให้ลุกขึ้น ก่อนผมจะทำตามที่บอกด้วยการยอมกลับบ้านก่อน ทว่าในตอนนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีอีกคนที่ผมต้องห่วง     

"พี่ต่อล่ะครับ"

"พ่อจะอยู่กับพี่ต่อ ตามไม่ต้องห่วง"

พระเจ้าประทานหนึ่งวันที่โหดร้ายเกินกว่าที่ผมจะรับไหว ผมมองเห็นทั้งความเจ็บปวดและการจากไปของคนที่ผมรัก ผมตะโกนให้พระเจ้าช่วยแต่พระเจ้าไม่ฟังคำขอของผมเลย ทุกสิ่งยิ่งตอกย้ำทำให้รู้ว่าตัวผมไร้ความสามารถที่ช่วยเหลือหรือปกป้องใครเอาไว้ได้ และยิ่งไปกว่านั้น หัวใจผมมันเอาแต่โทษตัวเองไม่หยุดพัก อย่างกับผมเป็นต้นเหตุของทุกเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น ถ้าผมกับแสงไม่ทะเลาะกัน ถ้าผมไปส่งแสงที่บ้าน ถ้าพี่ต่อไม่มาหาผม...ทุกอย่างจะไม่เป็นแบบนี้เลย

            ...

 

ที่งานศพของแสง ผมคิดว่าตัวเองจะฟูมฟายร้องไห้ พรั่งพรูคำพูดพร่ำเพ้อถึงแสงที่จากไป แต่กลับตรงกันข้าม ทั้งร่างกายและความคิดนิ่งสนิทกว่าที่ควรจะเป็น ผมคาดเดาเอาอย่างไม่มีหลักการว่าเพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน สมองของผมจึงเผลอหยุดทำงานและไม่รับรู้ถึงความเสียใจใดๆ ที่มันควรจะเกิดขึ้น 

ด้วยเพราะนับถือคนละศาสนา ผมจึงไม่ได้เข้าร่วมพิธีกรรมอะไรมากมายนักในงานศพของแสง แต่ก็พยายามที่จะอยู่ข้างๆ พ่อกับแม่แสงตลอดเวลา เผื่อว่าจะเรียกใช้หรือช่วยอะไรได้บ้างในหนึ่งวันที่วุ่นวายอยู่ไม่น้อย หลังจากผู้คนทยอยกลับเมื่อจบงานศพในคืนนั้น ผมช่วยงานอยู่บนศาลาจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรให้ทำ จึงเดินหลบมาโทรศัพท์หาพ่อเพื่อถามถึงอาการของพี่ต่อ วันนี้พี่ต่อก็ยังไม่ฟื้น พ่อย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องห่วง พี่ต่อไม่เป็นอะไร ก็เพื่อให้ผมสบายใจไปอีกหนึ่งวัน 

ในตอนที่ผมกำลังเดินกลับเข้าไปในศาลา จึงหันไปเห็นกับพ่อแม่ของแสงที่ดูท่าทางรีบร้อนเหมือนกำลังจะออกไปไหนจึงรีบก้าวเท้าเข้าไปหา

"มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"ตำรวจโทรมาบอกว่าจับคนร้ายได้แล้ว เดี๋ยวพ่อกับแม่กลับมา ตามอยู่ที่นี่นะ"

"ผมไปด้วยครับ"

"ไม่ต้องไป"

"ผมต้องไป! ผมต้องรู้ว่ามันเป็นใคร!"

"รู้แล้วยังไงล่ะตาม เราจะทำอะไรได้ จะไปฆ่ามันหรือไง"

"ถ้าทำได้ผมก็จะทำ!"

"ถ้าทำได้ พ่อจะเป็นคนทำเอง!" เสียงตะคอกของพ่อแสงดังขึ้นในจังหวะที่ดึงแขนผมเอาไว้ให้อยู่กับที่ ความโกรธแค้นของเรามีไม่ต่าง แต่สติที่ควรยั้งคิดของผมนั้นวู่วามจนเกินไป 

"คิดว่าพ่อไม่อยากฆ่ามันเหรอ แต่เรารู้ดีว่าเราทำอะไรไม่ได้ ตามเองก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นอยู่รอที่นี่ เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเรื่องนี้เอง"

มือที่กำแน่นค่อยๆ คลายออกช้าๆ ในตอนที่พ่อของแสงช่วยดึงสติของผมเอาไว้ ก่อนที่แม่ของแสงจะย้ำอีกครั้งเพื่อให้ผมรออยู่ที่นี่

"อยู่ที่นี่นะตาม"

"..."

"อยู่เป็นเพื่อนแสงนะ"

ผมพยักหน้ารับ เพื่อทำในสิ่งที่พ่อกับแม่ของแสงขอ ผมเดินกลับขึ้นไปบนศาลา แล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นและอยู่ไม่ห่างจากโลงศพของแสง มองดูรูปถ่ายที่หน้าศพและนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดจะพูดกับเขา

"ยิ้มอะไร"

"..."

"คนใจร้าย"

ผมรู้สึกว่าคืนนี้มันหนาวกว่าปกติ ไม่รู้ว่าด้วยอากาศที่เย็นลงหรือเป็นเพราะความว่างเปล่ารอบกายและการหายไปของคนที่ผมรัก ภายใต้ดวงตาที่หลับสนิท ผมเอาแต่คิดถึงการจากลาครั้งสุดท้าย เราไม่น่าจากกันไปแบบนั้นเลย ทำไมแสงต้องทิ้งผมเอาไว้กับความทรงจำสุดท้ายที่มันเจ็บปวดแบบนั้น ทำไมเรื่องของเรามันถึงจบลงแบบนี้...

 

ทำผิดเอาไว้ยังไม่ขอโทษสักคำแล้วก็หนีไปแบบนี้ เธอกลัวว่าเราจะโกรธเหรอ ไม่ต้องกลัวหรอก กลับมาเถอะ เราไม่โกรธเธอก็ได้ ครั้งนี้เราจะยอมให้ กลับมาเถอะที่รัก เราไม่โกรธเธอแล้ว ไม่โกรธเธอสักนิดเลย

 

"แสง!"

ผมลืมตาขึ้นพลางยกมือจับแขนคนที่อยู่ตรงหน้า

"หนูเอง"

ผมคลายมือนั้นออกเมื่อเห็นว่าเป็นสายป่านที่กำลังเข้ามาคลุมผ้าห่มให้ผม

"หนูนึกว่าพี่หลับ กลัวว่าพี่จะหนาว"

"ขอบคุณนะ แล้วทำไมยังไม่ไปนอน"

"หนูนอนไม่หลับ" สายป่านว่าก่อนขยับมานั่งข้างๆ ผมกางผ้าห่มเพื่อคลุมร่างของเราทั้งคู่เอาไว้ให้คลายความหนาวเย็น สายป่านทิ้งหัวเล็กๆ ลงมาซบที่ไหล่ผม

"พี่ตาม ทำไมพี่ถึงไม่ร้องไห้เลย"

"..."

"หนูอยากเข้มแข็งแบบพี่ แต่ทำไม่ได้เลย คิดถึงพี่แสงจัง"

ในตอนนั้นน้ำตาของสายป่านก็ไหลออกมาพร้อมเสียงสะอื้น ผมได้แต่ปลอบประโลมผ่านการยกมือโอบไหล่แล้วตบเบาๆ ผมไม่ได้เข้มแข็งตรงกันข้ามคือผมกำลังอ่อนแอมากกว่าใคร ความอ่อนแอทำให้ผมต่อต้านความเป็นจริง ความอ่อนแอทำให้ผมไม่ยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และความอ่อนแอยังทำให้ผมยังหลอกตัวเอง...ว่าผมไม่เป็นอะไร     

           

...

 

สองสามวันที่งานศพของแสงเต็มไปด้วยความยุ่งวุ่นวาย ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องคดี ผมได้เห็นหน้าของคนที่ฆ่าแสงแล้ว นอกจากแสงแล้วยังมีเด็กเคราะห์ร้ายอีกคนที่ถูกมันทำร้ายด้วยเพราะความเมามายจากฤทธิ์ของยาเสพติด แม้โกรธแค้นจนไม่คิดให้อภัยแต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย สำหรับผมต่อให้โทษสูงสุดของมันคือการประหารชีวิตก็ยังไม่เพียงพอกับความผิดที่มันได้ทำ ผมอยากให้มันได้รับโทษที่มากกว่านั้นอีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า

และในช่วงเย็นๆ ของวัน ผมแวะมาหาพี่ต่อที่โรงพยาบาลเพราะรู้สึกเป็นห่วงที่ไม่ได้มาเยี่ยมด้วยตัวเองเลย พ่อบอกว่าอาการของพี่ต่อดีขึ้นแต่ภาพที่ผมเห็นก็ยังเป็นพี่ต่อที่ไม่ยอมตื่นขึ้นมาแม้ว่าผมจะลองเรียกอยู่หลายครั้ง ในขณะที่พี่ต่อหลับไปนานขนาดนั้น ผมยังไม่ได้นอนสักวันเลย ไม่มีวันไหนที่จะข่มตาลงเพื่อจะหลับได้เลย 

"พี่ต่อนอนนานเกินไปแล้ว รีบตื่นเถอะ"

"..."

"ตอนนี้ตามต้องการพี่มากเลย"

"ตาม"

ผมหันมองพ่อที่เดินเข้ามาเรียก

"ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก ใกล้จะถึงเวลาเผาศพแสงแล้วนะ ทำไมยังไม่รีบไป"

ผมรู้ดีไม่ได้ลืม คิดอยู่แล้วว่าจะไป แต่ในตอนนั้นผมก็มีเรื่องที่อัดอั้นอยู่เต็มอกจนต้องพูดมันออกมาให้พ่อฟัง

"พ่อ"

"ว่าไงลูก"

"ตามทะเลาะกับพี่ต่อก่อนที่พี่ต่อจะรถคว่ำ"

"ทะเลาะกัน? ทะเลาะกันเรื่องอะไร"

"พี่ต่อจูบแสง"

"อะไรนะ"

"หรือแสงอาจจะจูบพี่ต่อก่อนก็ได้"

"..."

"ตามทะเลาะกับแสง ตามก็เลยไม่ได้ไปส่งแสงที่บ้าน ตามโกรธพี่ต่อ พี่ต่อก็เลยขับรถมาหาตาม"

"ตาม ไม่เป็นไรนะ..."

"พ่ออย่าบอกว่าไม่เป็นไร เพราะตามเป็นแน่ๆ แสงถูกแทงตาย พี่ต่อก็ยังไม่ฟื้น ทั้งหมดมันเป็นเพราะตาม เป็นความผิดของตาม เป็นเพราะตามคนเดียวเลยพ่อ"

"อย่าโทษตัวเองสิตาม"

พ่อยกสองมือขึ้นจับไหล่ หมุนตัวให้ผมหันไปมองหน้าพ่อ แม้ผมจะไม่ได้ร้องไห้แต่ความเสียใจแสดงออกชัดอย่างที่พ่อรู้จักผมดี

"ตามแค่กำลังเสียใจ ตามก็เลยเอาแต่โทษตัวเอง"

"..."

"แต่ตอนนี้ตามต้องไปงานศพของแสงก่อน เพราะถ้าตามไม่ไป ตามจะเสียใจมากกว่านี้ รู้ไหม"

ผมพยักหน้ารับคำพ่อก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องนั้น ก่อนที่จะไปถึงงานศพของแสง ผมแวะร้านดอกไม้และสั่งกุหลาบช่อใหญ่ที่สุดเท่าที่ทางร้านจะจัดให้ได้เพื่อเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายสำหรับแสง

ผมมาถึงงานในตอนที่พิธีสวดทางศาสนาจบแล้ว แต่ยังทันที่จะส่งร่างแสงเข้าสู่เตาเผา ดูเหมือนว่ากุหลาบแดงในมือผมจะสะดุดตาจนคนในงานต่างพากันหันมอง

"ตาม หายไปไหนมา"

ผมไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนคนหนึ่งที่หันมาเห็นผม แล้วก้าวเท้าเข้าไปในตอนที่ผู้คนเหล่านั้นถอยหลบให้ผมได้ไปยืนอยู่ที่หน้าโลงศพของแสงที่ถูกเปิดออกเพื่อให้เห็นใบหน้าของเขาเป็นครั้งสุดท้าย พ่อกับแม่ของแสงถอยห่างเพื่อให้ผมได้เข้าไปใกล้กว่านั้น หากเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ศพ แต่พอเป็นแสงความโหยหามันก็ถูกแทนที่ด้วยความกลัวที่ผมมีจนผมต้องการที่จะเข้าไปหาให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมก้มมองช่อกุหลาบในมือ เผยรอยยิ้มชื่นชมความสวยงาม ก่อนพูดออกมาเบาๆ

"กุหลาบแดง"

"..."

"ที่เธอชอบ"

ช่อกุหลาบในมือถูกวางลงในโลง ก่อนนิ้วมือของผมจะเลื่อนไปสัมผัสใบหน้าของร่างกายที่เย็นเฉียบและแข็งทื่อซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ในนิทรา และในวินาทีนั้นมันเป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้เพราะการจากไปอย่างไม่กลับมาของแสง คล้ายจิตสำนึกของผมเพิ่งรู้ตัวว่าร่างกายของผมจะต้องหลั่งน้ำตาเพื่อให้ผมยอมรับเสียทีว่า...ผมกำลังเสียใจ

ในวังวนของความคิด ผมไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอย่างไร มีความโกรธเคืองปะปนกับความโศกเศร้าและเสียใจ มีคำขอโทษและความรู้สึกผิดที่ผมทำให้แสงต้องจากไป และยังมีความรักจากผมอีกมากมายที่ยังไม่ได้แสดงออกหรือบอกให้แสงได้รับฟัง

 

ไหนว่าจะแก่ตายไปด้วยกัน แล้วทำไมถึงตายก่อน ไหนว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แล้วทำไมตลอดไปของเธอมันถึงได้สั้นจนน่าใจหายแบบนี้ หรือไม่บางทีสวรรค์คงจะอิจฉาที่เรารักกันมาก ถึงได้พรากเธอไปจากเรา หากว่าเธอกำลังเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง ขออย่าได้บาดเจ็บหรือว่าหลงทาง ไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องห่วงกังวล แล้ววันหนึ่งในไม่ช้า...เราจะตามหาเธอให้เจอจนได้

 

"ลาก่อนที่รัก"

 

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #259 เมื่อ13-08-2019 21:43:55 »

ผมเคยได้ยินว่า การรับรู้กับการเข้าใจนั้นมันต่างกัน ผมรู้ดีว่าแสงจากไปและไม่มีวันกลับมา แต่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นแสง แม้ว่าแสงจะเป็นคนอารมณ์ร้ายและเอาแต่ใจอยู่บ้างแต่แท้จริงแล้วแสงของผมเป็นคนดีเกินกว่าที่จะแสดงออกให้ใครเห็น น่าเสียดายที่การเป็นคนดีของแสงตอบแทนเขาด้วยการพรากเอาชีวิตเขาจากไป แม้ไม่สามารถต่อรองอะไรได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมยังไม่สูญสิ้นศรัทธาต่อพระเจ้า ทุกวันผมยังคงอธิษฐานขอให้พระเจ้าดูแลแสงที่อยู่แสนไกล ฝากให้พระเจ้าดูแลแสงที่รักของผมด้วย

 

"ครืด...ครืด..."

 

ช่วงนี้ผมไม่เคยละเลยเสียงโทรศัพท์มือถือที่โทรเข้ามา เพราะผมยังรอคอยปาฏิหาริย์ที่จะช่วยให้พี่ต่อหายดี และทุกครั้งที่พ่อหรือแม่โทรเข้ามา ผมหวังว่าจะได้ยินข่าวดีจากพวกเขาในสักวัน 

(ตาม อยู่ไหนลูก)

"อยู่ที่โบสถ์ครับ"   

(ตามรีบมาที่โรงพยาบาลได้ไหม)

"พี่ต่อเป็นอะไร! พี่ต่อเป็นอะไรหรือเปล่าแม่!"

(พี่ต่อถามหาตามใหญ่เลย)

"พี่ต่อถาม..."

(...)

"พี่ต่อถามหาตาม!" เมื่อเข้าใจในประโยคนั้นก็เผลอเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนที่จะรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ได้ล่ำลาใครเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาล ระยะทางจากโบสถ์ไปถึงโรงพยาบาลนานกว่าที่ใจคิด และในตอนที่ผมไปถึงพ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ในห้องกับพี่ต่อแล้ว ผมก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆ เตียงเพื่อมองดูพี่ต่อที่นอนหลับตาอยู่ สิ่งแรกที่ผมทำคือการเอ่ยปากเรียกชื่อเขา

"พี่ต่อ"

เพียงเสียงเรียกแผ่วเบา เปลือกตาคู่นั้นก็ขยับขึ้นลืม มุมปากคลี่ออกเป็นรอยยิ้มแล้วโต้ตอบกับผมด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย

"ตาม"

ไม่น่าปล่อยให้ผมรอนานขนาดนี้ น่าจะตื่นขึ้นมาตั้งแต่วันแรกที่ผมร้องเรียก ไม่ควรทำให้เป็นห่วงมากมายขนาดนี้ พี่มันนิสัยไม่ดี...

"พี่ต่อเป็นไงบ้าง"

"ไม่เป็นอะไรแล้ว"

ผมไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าที่ยังปรากฏร่องรอยของบาดแผลและยังดูบวมช้ำ ไม่มีร่างกายส่วนไหนได้รับความเสียหายนอกเสียจากบาดแผลบนหัวที่แตกยับจนบาดเจ็บไปจนถึงสมองที่พ่อบอกว่ามันถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก แต่ในตอนนี้พี่ต่อก็ดูเป็นพี่ต่อที่ปกติดีทุกอย่าง     

"ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะ"

"จริงๆ สิ"

โคตรแปลกใจตัวเองเลย ผมไม่ร้องไห้ในวันที่พี่ต่ออาการโคม่า แต่กลับเสียน้ำตาในตอนที่พี่ต่อหายดี บ้าชะมัด

"พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว มานี่สิ" พี่ต่อบอกกับผมแล้วยกสองมือขึ้นเป็นเชิงให้ผมเข้าไปหา ก่อนมือคู่นั้นจะโอบกอดผมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

"แล้วนี่ ตามไม่ไปโรงเรียนเหรอ"

ผมเงยหน้าขึ้น ยกสองมือปาดน้ำตาแล้วทวนคำถามของพี่ต่ออีกครั้ง

"ว่าไงนะ"

"ไม่ไปโรงเรียนเหรอ"

"พี่ต่อ...ตามเข้ามหาลัยแล้วนะ"

"อ๋อ"

พี่ต่อตอบรับ ทว่าสีหน้ากลับดูงุนงงยิ่งกว่าเก่า ก่อนที่ความสงสัยจะถูกเปล่งออกมาเป็นคำถาม

"ตั้งแต่เมื่อไร"

เกิดเป็นความเงียบระหว่างเราสองคน ต่างคนต่างพากันไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น พ่อเป็นคนแรกที่ผมคิดถึง จึงเอ่ยปากเรียก

"พ่อ"

"ตาม" ผมไม่ได้ฟังเสียงเรียกของพี่ต่อ แล้วเปิดประตูออกมาตามหาพ่อ มือไม้ลนลานหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาพ่อแต่ไม่รับสาย ผมรู้ว่าห้องทำงานของพ่ออยู่ที่ไหนแต่สมองพร่าเบลอ พาสองขาของผมหลงทางไม่รู้จะไปทางไหนต่อ

"พ่ออยู่ไหน พ่อ!"

"ตาม!"

"พ่อ!" ผมตรงเข้าไปหาพ่อที่ยืนคุยอยู่กับใครสักคนแต่ไม่ได้สนใจ ดึงมือพ่อออกมาจากตรงนั้นแล้วพรั่งพรูคำถามที่ผมไม่เข้าใจสักนิด

"เกิดอะไรขึ้นกับพี่ต่อ! ทำไมพี่ต่อถึงจำอะไรไม่ได้!"

ก่อนหน้านี้ผมก็เองก็เอาแต่คิดอยู่ว่า ผมจะพูดเรื่องวันนั้นกับพี่ต่อยังไงและผมจะบอกพี่ต่อยังไงว่าแสงไม่อยู่แล้ว แต่พี่ต่อจำไม่ได้ ไม่ใช่แค่บทสนทนาของวันนั้น แต่เป็นเรื่องราวทั้งหมดเลยที่พี่ต่อลืมมันไป บางทีการที่พี่ต่อสูญเสียความทรงจำบางส่วน คงไม่ใช่แค่สมองแต่เป็นจิตใจที่ถูกกระทบกระเทือนไปด้วย จึงเป็นกลไกการป้องกันตัวอย่างหนึ่งที่สมองของพี่ต่อตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ครึ่งหนึ่งของความรู้สึกของผมคือความตกใจและเป็นห่วงพี่ต่อ ส่วนอีกครึ่งกลับรู้สึกอิจฉา การจะลืมอะไรสักอย่าง...มันง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอ   

 

...

 

ผมเองต้องกลับไปใช้ชีวิตต่อแม้ว่าชีวิตมันจะเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ผมตั้งคำถามบ่อยครั้งว่า มีใครบนโลกไหมที่ไม่เคยคิดอยากจะย้อนเวลา อาจจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรบางอย่างหรือไม่ก็ย้อนกลับไปใช้เวลาในช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตให้คุ้มค่ากว่าเคย หลายเดือนที่ผ่านมานี้ผมมีความคิดเช่นนั้นเป็นร้อยเป็นพันครั้ง อยากกลับไปกอดแสงให้แน่นกว่าเดิม แน่นเกินกว่าที่แสงจะสูญหายตายไปจากผมได้

 

"ครืด...ครืด..."

 

มือถือที่กำลังสั่นหยุดขาผมที่กำลังจะเดินข้ามถนน ถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่งแล้วกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนที่มหาลัย

"ว่าไง"

(ตาม ไอ้ปัตถ์บอกกูว่ามึงจะไม่ไปงานรับปริญญาเหรอวะ)

"อือ จะไปเที่ยว"

(ไปเที่ยวเนี่ยนะ)

"บาหลี"

(กูไม่อยากรู้หรอกว่ามึงจะไปไหน แต่ต้องไปวันนั้นด้วยเหรอ)

"กูจองตั๋วไปแล้วไง"

(มึงคิดอะไรอยู่เนี่ย ชีวิตมึงจะได้รับปริญญาสักกี่ครั้ง)

"แล้วชีวิตกูจะได้ไปบาหลีสักกี่ครั้ง"

(ชุดครุยมึงก็ตัดไปแล้ว พวกกูอยากให้มึงมานะเว้ย)   

"เดี๋ยวกูฝากของขวัญไปให้"

(ไอ้ตาม!)

"เออ แค่นี้ก่อน กูยุ่งอยู่" ผมรีบกดวางสายจากเพื่อนก่อนที่จะโดนบ่นยืดยาวกว่านั้น ผมตัดสินใจแล้วจะไม่เข้าร่วมงานรับปริญญา จองตั๋วไปเที่ยวล่วงหน้าก่อนกำหนดการจะออกด้วยซ้ำ ก็เลยเสียดายเงินแล้วก็ไม่อยากทิ้งความตั้งใจ อีกอย่างพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยเพราะถึงยังไงผมก็เรียนจบแล้ว   

ผมหาจังหวะที่จะข้ามถนนไปอีกฝั่งได้อีกครั้ง ก่อนเดินไปยังร้านตัดเสื้อที่ตั้งใจมาแต่แรก หยิบชุดครุยที่ได้รับมาเมื่อวันก่อนให้ช่างดูเพราะอยากแก้ไขมันสักหน่อย

"ผมอยากให้ความยาวกับแขนเสื้อสั้นลงกว่านี้หน่อยครับ"

"แต่นี่มันก็พอดีตัวน้องแล้ว สั้นกว่านี้จะไม่เหมาะเอานะ"

"ผมไม่ได้ใส่เองครับ"

หากผมบอกใครว่า ผมตั้งใจจะเอาชุดนี้ให้กับแสง คงถูกด่าว่าเป็นความคิดที่โง่เขลาไม่เข้าท่า แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แต่สุดท้ายเสื้อครุยตัวนั้นมันก็ถูกแก้ไขให้อยู่ในขนาดที่ผมคาดเดาเอาด้วยตัวเองว่าแสงจะต้องใส่ได้

หนึ่งวันก่อนถึงวันรับปริญญา ผมมาหาแสงที่วัด วางชุดครุยสีสาวสะอาดกับกุหลาบสีแดงหนึ่งดอกไว้ที่หน้าช่องบรรจุอัฐิของแสง ผมเผลอคิดจินตนาการ หากว่าแสงได้สวมมันจริงๆ ก็คงจะดูดีเป็นบ้า มองรูปถ่ายตรงนั้นที่ยังคงปรากฏรอยยิ้มที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป

"เธอยิ้มอีกแล้วนะ"

"..."

"เอาแต่ยิ้มอยู่ได้ ทั้งๆ ที่คนอื่นกำลังร้องไห้เนี่ยนะ"

"..."

"ใจร้ายไม่หยุด"

ผมยกมือดีดเข้าที่หน้าผากแสงในรูปนั้นอย่างโกรธเคือง ยกมือปาดน้ำตาตัวเองที่รินไหลให้แสงบ่อยครั้งเกินกว่าจะควบคุม ช่วงหลังๆ มานี้ผมเริ่มไม่หาเหตุผลที่ทำให้คนต้องร้องไห้ แต่เข้าใจได้ว่าไม่เพียงแค่ความเสียใจเท่านั้นที่จะกลั่นน้ำตาออกมาได้ บางเวลาแค่ยืนมองฟ้าก็ใจสั่นพลันน้ำตาไหลร้องไห้ไม่รู้ตัวแล้ว

 

การไปเที่ยวคนเดียวไม่เคยอยู่ในความคิดของผมเลยสักนิด ผมชอบอยู่บ้าน นอนตื่นสาย กินอาหารอร่อยๆ บนเตียง ใช้ชีวิตเป็นก้อนไขมันขี้เกียจๆ แค่นั้นก็มีความสุข แต่แสงทำให้ผมต้องออกเดินทาง ผมทำในสิ่งที่แสงอยากทำ ไปในที่ที่แสงอยากไป ยกเวลาเหล่านั้นให้เพื่อทนแทนเวลาที่แสงต้องสูญเสียมันไป ใช้ชีวิตเผื่อแสงเท่าที่จะทำได้ การท่องเที่ยวเริ่มทำให้ผมสนุก บางคราวมันช่วยคลายความเศร้าเสียใจให้ลดน้อยลง แต่ในทางตรงกันข้าม ความคิดถึงที่มีต่อแสงจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปเพียงลำพัง   

แน่นอนว่าผมต้องพบเจอผู้คนมากมาย มีคนที่หน้าตาคล้ายๆ แสง คนที่นิสัยเหมือนกับแสง คนที่น่ารักพอๆ กัน แต่คนเหล่านั้นไม่ใช่แสง ไม่มีทางเป็นเขาได้เลย ผมยังคงไม่รู้ว่าแสงหายไปไหน จะอยู่ตรงนั้นอย่างมีความสุขหรือกำลังทุกข์ทน จะอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวดายหรือว่าสบายดี แม้คิดถึงเกินกว่าจะทนได้ไหวแต่โอกาสเดียวที่เราจะพบได้ก็มีแค่ในฝัน...

และทำได้เพียงควานหาอยู่ในจินตนาการ

 

To be continued.
 

จริงๆ เขียนตอนของตามออกมาตอนเดียว แต่ยาวมาก เลยแบ่งเป็นสองตอนค่ะ ครึ่งตอนที่เหลือขอไปเกลาให้เข้าที่ก่อน เดี๋ยวตามมาอัพให้นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
« ตอบ #259 เมื่อ: 13-08-2019 21:43:55 »





ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #260 เมื่อ13-08-2019 21:58:21 »

เศร้าสุดๆ สงสารตาม

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #261 เมื่อ13-08-2019 22:29:10 »

 :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #262 เมื่อ13-08-2019 22:37:58 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #263 เมื่อ13-08-2019 22:49:44 »

 :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #264 เมื่อ13-08-2019 22:59:25 »

เป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิตที่นั่งร้องไห้น้ำตา​ไหล​พรากยามอ่านนิยายสักเรื่องสักตอน

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #265 เมื่อ13-08-2019 23:08:42 »

คนที่ยังมีลมหายใจและต้องอยู่กับความทรงจำทั้งเจ็บปวดและน่าสงสาร

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #266 เมื่อ13-08-2019 23:18:30 »

ขอให้ไอ้ฆาตกร


ตายในคุกได้ใหม


มันทำลายชีวิตคนถึง2คน


คนนึงตายไปแล้วส่วนอีกคนตายทั้งเป็น


สิ่งที่ไอ้หื่นเมายาควรโคนคือโดนข่มขืน


เหมือนที่มันทำกับพลีสและมันถูกฆ่า


ตายในคุกเหมือนที่มันทำกับแสง

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #267 เมื่อ13-08-2019 23:52:44 »

 :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #268 เมื่อ14-08-2019 07:07:03 »

อย่างอึนอะตอนนี้ คนอยู่มันทรมานจริง ๆ นะกว่าจะผ่านมันไปได้ แต่ถึงผ่านไปสุดท้ายในใจก็ไม่ลืม

ออฟไลน์ Ain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: เพียงควัน -- ตอนที่่ 19-- 13/08/19
«ตอบ #269 เมื่อ14-08-2019 09:57:20 »

เราร้องไห้หนักมากค่ะตอนตามเรียกแสงในห้องฉุกเฉิน
ไม่รู้เม้นอะไรดีค่ะ ฮือออ
ㅜㅡㅜ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด