ตอน 35
หลังจากเจ้าชายมิโนสนำเสด็จไปเยี่ยมชมเมืองอาร์คันส์ทั้งบนดินและใต้ดินจนถ้วนทั่ว สีพระพักตร์กลับดูแจ่มใสขึ้นถนัดตา อีกทั้งยังทรงมีเรื่องเล่าแบ่งปันมิหยุดหย่อน ส่งผลให้ความเคลือบแคลงใจเกี่ยวกับไส้ศึกที่มีศักดิ์เป็นถึงราชองครักษ์ของเสด็จพ่อ กลายเป็นเพียงตะกอนขุ่นมัวที่กำลังนอนก้น เพราะเรื่องเล่าของบุรุษผู้สูงศักดิ์สามารถเรียกร้องความสนใจได้เป็นอย่างดี
เนื่องจาก ‘เมืองใต้พิภพ’ มีความพิเศษอยู่ตรงที่ หากบุรุษส่งเสียงพูดคุยตรงใจกลางเมือง เสียงของเขาจะสะท้อนไปทั่วอาณาบริเวณ ทว่าหากเป็นเสียงของสตรี มิว่าน้ำเสียงจะเล็กหรือใหญ่ก็มิอาจเกิดปฏิกิริยาอันใด
นับได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างแปลกประหลาด
แต่กระนั้นหาก ‘ไส้ศึก’ ล่วงรู้ ข้อได้เปรียบที่เคยมี อาจกลายเป็นเพียง ‘จุดอ่อน’
เธเซียสมิแน่ใจว่า ‘ไกจีส’ จะล่วงรู้ถึงความอัศจรรย์ดังกล่าวหรือไม่ เพราะตั้งแต่วันที่พัสตราภรณ์ถูกลักซ่อน เธเซียสก็มิเห็นความผิดปกติอันใดในค่ายทหาร ซึ่งเขามิแน่ใจว่าเจ้าชายมิโนสทรงมีรับสั่งให้ตรวจตราอย่างเข้มงวด
หรือว่าอีกฝ่ายเพียงแค่เร้นกายเพื่อรอเวลา
“เจ้ามีอารมณ์ขันอันใดหรือ ?” เจ้าชายมิโนสตรัสถามขณะเพ่งพิศใบหน้าของบุรุษในดวงใจที่กำลังทำหน้าที่ฝีพาย
“กระหม่อมเพียงแต่ดีใจที่ได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกเขตฐานทัพบกพ่ะย่ะค่ะ และค่อนข้างกระปรี้ประเปร่าที่ได้ออกล่าสัตว์” บุรุษผู้ถูกถามทูลตอบอย่างแช่มช้า พลางใช้หางตาเหลือบมองไปยังกลุ่มทหารท้ายขบวน พบเรือลำหนึ่งกำลังลอยล่องโดยทิ้งระยะห่างอยู่ทางซ้ายมืออันไกลลิบ ซึ่งการกระทำดังกล่าวมิผิดจากที่คาดการณ์นัก เขาจึงขันอาสาทำหน้าที่ฝีพายอย่างกระตือรือร้น
เหตุเพราะ ‘การเป็นฝีพาย’ สามารถกำหนดชะตาชีวิต
“เจ้าดูมิสงสัยเกี่ยวกับป่าไซเปรส” เจ้าชายมิโนสเปรยขึ้นขณะกำลังกอบกุมลูกธนูจนเต็มหัตถ์ เนื่องจากการสะพายแล่ง[1]ธนูไว้ข้างหลัง จะทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างยากลำบาก และยังทำให้ลูกธนูร่วงหล่นกระจัดกระจาย เหตุเพราะการล่าสัตว์ต่อให้เป็นทางบกหรือทางน้ำ อย่างไรก็ต้องเน้นที่การเคลื่อนไหวและความคล่องตัว
ซึ่งทหารครีตันล้วนมิใช้แล่งธนูแทบทั้งสิ้น
ดังนั้นการลอบสังหารที่เกิดจากความร่วมมือของเคออสและโครนัส นับว่ามีการแอบแฝงความดูแคลนในฝีมือการต่อสู้ของชาวไมซีเนียนอยู่มากส่วน อาจเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีไม้ลายมือด้านการต่อสู้มิมากนัก จึงเลือกใช้แล่งธนูบรรจุลูกศรสะพายหลัง เพราะมิต้องเคลื่อนไหวอันใดให้มากความ บวกกับชาวครีตันแท้ที่จริงก็มีฝีมือทางด้านการรบจะนึกทรนงตนก็มิแปลก
แต่ทว่าเมื่อความสามารถที่แท้จริงปรากฏ..
โครนัสกลับมิวายรวบลูกศรจนเต็มกำมือ ทำให้วิถีการยิงเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
“เพราะกระหม่อมได้รับความช่วยเหลือมาจากเคออสพ่ะย่ะค่ะ” เธเซียสทูลตอบโดยมิได้ขยายความอันใด ส่งผลให้พระขนงของเจ้าชายมิโนสเลิกสูงด้วยความใคร่รู้
“เขาน่ะหรือที่ช่วยเหลือเจ้า ?”
“พ่ะย่ะค่ะ” เธเซียสยืนยันอย่างแข็งขัน เพราะความสงสัยทั้งหมดถูกปัดเป่าด้วยแผนที่จากเคออส และการคิดวิเคราะห์ร่วมกันกับเซอร์ซี
“มิน่าเชื่อ ดูมิใช่เขาเอาเสียเลย” เจ้าชายมิโนสตรัสขณะที่ลำเรือกำลังลอยร่องผ่านเขตพระราชฐานอันใหญ่โตโอ่อ่าแห่งเมืองไฟสทอส จากนั้นต้นขบวนเสด็จจึงเริ่มเข้าใกล้อาณาเขตของหุบเขาสมาเรีย มินานหัวเรือลำแรกก็เยื้องย่างเข้าไปยังเส้นทางหนึ่ง
เพียงแต่มิอาจคาดคะเนได้ว่า สิ่งที่คาดการณ์ไว้จะถูกต้องมากสักเพียงใด
เนื่องจากระยะห่างจากเมืองไฟสทอสในแผนที่กับความเป็นจริง มิอาจเปรียบเทียบกันได้
กระทั่งลำเรือของเธเซียสขยับเข้าใกล้ที่หมาย สายตาคมดุจเหยี่ยวทะเลทรายจึงเริ่มกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณ พบว่ามีช่องว่างสำหรับเดินเรือเข้าไปยังป่าแห่งเขาวงกตตั้งมากมาย เนื่องจากหน้าดินกลับลาดลงสู่ทะเล จึงส่งผลให้น้ำทะเลล้นทะลักเข้าไปยังด้านในและคงจะผสมกับน้ำจืดจนทำให้ไม้ยืนต้นสามารถแผ่กิ่งก้านสาขาจนปกคลุมท้องนภาเบื้องบนจนแทบมิด
ม่านหมอกแห่งความลึกลับจึงปกคลุมไปทั่วบริเวณ
“ระวังองค์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เธเซียสกล่าวเตือนเมื่อลำเรือเคลื่อนห่างจากปากทางไปมากโข จนกระทั่งพบกิ่งไม้ขนาดใหญ่ล้มคว่ำขัดขวางเส้นทางแห่งการเดินเรือ แต่ทว่ากลับมิได้เป็นอุปสรรค เมื่อกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่มิได้หนักอึ้งจนถึงกับจมลงสู่เบื้องล่าง จึงทำให้คณะเดินเรือต่างพากันก้มหัวและค้อมตัวเป็นทิวแถว ซึ่งตลอดระยะทางบ้างก็เจอเถาวัลย์พันเลื้อยราวกับงูตัวมหึมา บ้างก็เจอดวงตาแวววาวของสัตว์น้อยใหญ่ที่กำลังจดจ้องขบวนเสด็จของผู้บุกรุก
ส่งผลให้บรรยากาศรอบกายนำพาให้เธเซียสรู้สึกหวาดหวั่น เขาจึงกระชับกรรเชียงในมือแน่น เหตุเพราะอัญมณีท่ามกลางป่าเขากำลังทำให้บุรุษแห่งไมซีเนียน นึกถึงช่วงเวลาอันยากลำบากเมื่อครั้งอดีต
แต่กระนั้นก็มิมีเวลาย้อนคิดไปถึงสิ่งใด
“โจมตี! อย่าให้ถึงตาย!” สุรเสียงทรงอำนาจดังกังวานไปทั่วบริเวณ จากนั้นเหล่าทหารต่างระดมยิงไปยังจุดที่เจ้าชายมิโนสชี้นำ สายตาของเธเซียสจึงสบเข้ากับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับนกโมอา เพียงแต่สองขากลับใหญ่โตและแข็งแรงกว่ามาก จึงทำให้มันสามารถวิ่งหนีด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้เหล่าสัตว์น้อยใหญ่บนเกาะต่างพากันแตกตื่น มิหนำซ้ำจงอยปากของมันยังมีขนาดมหึมาสมกับความน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง เธเซียสจึงเข้าใจวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเจ้าชายมิโนส
เนื่องจากฐานทัพลับแห่งนี้ กลับมี ‘เจ้าถิ่น’ คอยคุมเชิง
บุรุษผู้สูงศักดิ์จึงต้องใช้เทศกาลล่าสัตว์เข้ามาจัดการ
เธเซียสมิรอช้าที่จะวางมือจาก ‘กรรเชียง’ เพื่อหยิบจับ ‘คันธนู’ พร้อมเหยียดลำแขนตรงไปข้างหน้า ขณะที่ศรแหลมจากสำริดถูกวางพาดบริเวณด้านขวาของคันธนู โดยมือข้างที่กำลังเหนี่ยวรั้งเพื่อเตรียมระดมยิง กลับกอบกุมอาวุธร้ายจนเต็มกำมือ จากนั้นแรงส่งของปลายนิ้วก็ผสานสามัคคีกับลำแขน ส่งผลให้วิถีของลูกศรพุ่งตรงไปยังสัตว์ประหลาดอย่างรวดเร็วและรุนแรง จึงทำให้ทะลุผิวเนื้อของเป้าหมายถึง 3 ดอก
ซึ่งก็คือจำนวนของลูกศรที่เธเซียสสูญเสียไป
“ฝีธนูของเจ้านับว่ายอดเยี่ยมนัก” เจ้าชายมิโนสตรัสชื่นชมพร้อมเหนี่ยวรั้งอาวุธร้ายอีกระลอกใหญ่ ซึ่งก็ส่งผลให้สัตว์ประหลาดตัวดังกล่าวได้รับความเจ็บปวด เนื่องจากลูกศรเสียดแทงร่างอันสูงใหญ่ถึง 6 ดอก
ซึ่ง 6 ดอกนั้น ล้วนแต่เป็นฝีมือของบุรุษต่างศักดิ์บนเรือลำเดียว
“น้อมรับคำชมเชยพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมกำลังสงสัยว่าเหตุใดเราจึงต้องยกโขยงกันมาถึงเพียงนี้ ในเมื่อสัตว์ประหลาดมิได้กำจัดยากเย็นแต่อย่างใด” เธเซียสเอ่ยถามพลางมองไปยังสัตว์ประหลาดที่กำลังนอนล้มตึงอยู่บนพื้น ขณะที่เหล่าทหารบกที่คงจะอาศัยอยู่บนเกาะกลางน้ำท่ามกลางป่าไซเปรส กำลังเยื้องย่างเข้าไปใกล้สัตว์ใหญ่ด้วยความระมัดระวัง ในมือของพวกเขามีทั้งโล่ที่ดูเหมือนจะทำจากเหล็ก อีกทั้งดาบก็ยังทำจากเหล็ก
คาดว่าบัดนี้วิวัฒนาการทางด้านศาสตราวุธของจักรวรรดิครีตันกำลังเจริญก้าวหน้ายิ่งกว่าผู้ใดในแถบนี้
“ระวัง!” สุรเสียงดังก้องของเจ้าชายมิโนสมิอาจนำพาให้ขุนพลผู้โชคร้ายหนีรอดจากจงอยปากของสัตว์ประหลาดตนนั้น ร่างของเขาจึงถูกยกขึ้นด้วยจงอยปากอันใหญ่ยักษ์ พร้อมกับร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดคล้าย ‘นกโมอา’ กำลังพยุงตัวให้ลุกขึ้นยืนด้วยความสง่าผ่าเผย จากนั้นมันจึงเหวี่ยงร่างของขุนพลผู้เคราะห์ร้ายลงกับพื้นจนเสียงดังสนั่น
แต่ทว่าการกระทำอันป่าเถื่อนกลับต้องจบลง เมื่อเจ้าชายมิโนสออกคำสั่งด้วยท่าทีอันแนบเนียน เหล่าทหารที่คงจะเคยคุ้นการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด จึงกรูกันเข้าไปกลุ้มรุมอย่างมิเกรงกลัว
จนกระทั่งเหยื่อได้รับอิสระ
เธเซียสจึงเข้าใจถึงการระดมพลอย่างกระจ่างแจ้ง
“สัตว์ประหลาดตนนี้ มันคือตัวอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ ?” เธเซียสเอ่ยถามเจ้าชายมิโนสที่กำลังทอดพระเนตรไปยังการขนย้าย ‘เจ้าป่า’ หลังจากที่มันถูกเหล่าทหารครีตันซึ่งแอบซ่อนกายอยู่บนบก เล่นงานด้วยมีดดาบจนมิอาจสำแดงฤทธิ์ พวกเขาจึงช่วยกันขนย้ายสัตว์ประหลาดตัวดังกล่าวลงเรือรบลำใหญ่อย่างทุลักทุเล
“มันคือสัตว์โบราณเรียกว่าโฟรัสราซิแด เป็นนกยักษ์นักวิ่งตัวหนึ่งที่มีอาหารโปรดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และยังเป็นนักล่าที่ค่อนข้างโหดเหี้ยม เพราะมันมีวิธีสังหารเหยื่อถึงสองวิธีด้วยกัน ซึ่งวิธีแรกคือการคาบเหยื่อแล้วฟาดกับพื้น ส่วนอีกวิธีก็คือ..” เจ้าชายมิโนสยังตรัสมิทันจบประโยคเหล่านักล่าที่มีรูปร่างคล้ายนกโมอาซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เธเซียสเคยรู้จักก็พากันวิ่งกรูเข้ามายังเส้นทางน้ำ ขบวนเสด็จพร้อมด้วยลำเรือที่บรรทุก ‘โฟรัสราซิแด’ ตัวหนึ่ง จึงกลายเป็นเรืออพยพขุนพลจากบนชายฝั่ง
ขณะที่ฝูงนกยักษ์กลับไล่ล่าขบวนเสด็จอย่างบ้าคลั่ง
เพลานี้รอบตัวของเธเซียสจึงเต็มไปด้วยเสียงหวีดหวิวของลูกธนูดังแหวกอากาศ ซึ่งเจ้าชายมิโนสที่ประทับอยู่ตรงหน้ากำลังกึ่งนั่งกึ่งยืนพร้อมเหนี่ยวรั้งคันศร เพื่อโจมตีเหล่านกยักษ์ที่มีลำแข้งสูงเพรียว จึงทำให้การเดินทางด้วยน้ำมิใช่อุปสรรคของพวกมัน ทว่าม่านหมอกอันขาวโพลนกลับกลายเป็นอุปสรรคให้แก่คณะเดินทาง ยิ่งก้าวเข้าสู่อาณาเขตของป่าไซเปรส เธเซียสก็ยิ่งรู้สึกว่าจินตนาการกับความเป็นจริงผิดแผกไปมาก เนื่องจากลำต้นของไซเปรสมีความยิ่งใหญ่ดังเช่นที่เซอร์ซีเคยกล่าว
เพียงแต่การมาอยู่รวมกันของมัน กลับทำให้เธเซียสมิอาจคาดคะเนทิศทางได้
จึงมิแปลกที่เจ้าชายมิโนสจะทรงเลือกสรรพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นฐานทัพเรือ
“ระวัง!” แต่แล้วสุรเสียงกระโชกของเจ้าชายมิโนสก็ดังขึ้นอีกระลอก พร้อมแรงผลักให้เธเซียสก้มหลบ จึงทำให้หน้าอกกระแทกกับกรรเชียงเรืออย่างแรง จากนั้นบุรุษผู้สูงศักดิ์ก็ตวัดคันศรเพื่อปัดป้องวิถีของลูกธนูที่ฝ่าทิศทางอันเป็นหนึ่งเดียวของทหารครีตัน จนกระทั่งเหตุการณ์เริ่มสงบเธเซียสจึงหันมองไปยังด้านหลังอย่างเพ่งพิศ ดวงตาคมดุจเหยี่ยวทะเลทรายจึงทอดมองใบหน้าของเหล่าทหารครีตันทีละนาย
เพื่อค้นหาราชองครักษ์จากไมซีเนียนด้วยความยากลำบาก เนื่องจากม่านหมอกกำลังทำพิษ
“แบ่งกำลังออกเป็นสองฝ่าย!” เจ้าชายมิโนสตะโกนก้อง จากนั้นขบวนเสด็จก็เริ่มเคลื่อนพล เพียงแต่มิใช่นายทหารทั้งหมดจากกองทัพเรือ เนื่องจากการปกป้องน่านน้ำของจักรวรรดิครีตัน อย่างไรก็ยังถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ จึงทำให้ลำเรือที่เดินทางมาร่วมงานเทศกาลล่าสัตว์ มีเพียงครึ่งร้อยเท่านั้น ซึ่งหากนับรวมกับทหารชุดก่อนที่คงจะเดินทางเข้ามาสำรวจพื้นที่ดังกล่าว ทันทีที่เจ้าชายมิโนสทรงเปรยวาจาตั้งแต่ในถ้ำตรงยอดเขาดิคที แต่ท้ายที่สุดก็ยังมิอาจประเมินความยิ่งใหญ่ของกองทัพเรือแห่งจักรวรรดิครีตันไปได้
เพราะแม้แต่เธเซียสที่เคยเหยียบย่างเข้าไปยังฐานทัพเรือแห่งเกาะธีรา
ก็มิอาจมั่นใจว่าสิ่งที่เคยเห็นทั้งหมด คือแสนยานุภาพของจักรวรรดิครีตันอย่างแท้จริง
ทว่าการโจมตีจากคนกลุ่มหนึ่งกลับมิยอมหยุดยั้ง เธเซียสจึงกวาดสายตามองไปยังวิถีของลูกศร พร้อมปัดป้องโดยมิอาจโจมตี เนื่องจากพวกเขาอยู่ในเขตที่แจ้ง จึงทำได้เพียงตั้งรับอย่างมิย่อท้อ
แต่แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็ถึงคราวต้องกลับตาลปัตร
เมื่อลูกธนูห่าใหญ่จากครีตันกำลังโจมตีไปยังกลุ่มคนของไกจีส
“เจ้าคอยหลบอยู่ข้างหลังเรา แล้วคอยซุ่มยิงลูกสมุนของฝ่ายนั้นให้สิ้น” เจ้าชายมิโนสตรัสหลังจากที่บริเวณนี้หลงเหลือเพียงคู่ต่อสู้ร่างมนุษย์ เนื่องจากสัตว์โบราณโขยงหนึ่งถูกทหารครีตันอีกกลุ่มหลอกล่อออกไปอีกทาง
“พ่ะย่ะค่ะ” สิ้นคำตอบรับจากบุรุษผู้กำลังถูกลอบทำร้าย เจ้าชายมิโนสจึงเหนี่ยวรั้งสายธนูพร้อมปลดปล่อยอาวุธร้ายซึ่งทำจากเหล็กรวดเดียวถึง 3 ดอก เธเซียสจึงอาศัยจังหวะดังกล่าวขยับตัวออกจากตำแหน่งเดิม และหลบซ่อนกายอยู่ตรงเบื้องหลังของเจ้าชายมิโนส ซึ่งในระหว่างนั้นเหล่าราชองครักษ์ต่างพากันอารักขาเจ้าชายมิโนส โดยมิปล่อยช่องว่างให้ทางไกจีสได้ลงมือกระทำอันใด
กระทั่งเธเซียสเริ่มตั้งหลักได้ เขาจึงถือคันธนูพร้อมด้วยลูกศรจากเหล็กที่วางระเกะระกะภายในลำเรือ พร้อมเล็งเป้าไปยังลูกสมุนของไกจีสอย่างแม่นยำและรุนแรง จนทำให้ฝ่ายนั้นกลิ้งตกลำน้ำไปหนึ่งชีวิต จากนั้นเป้าหมายต่อมาก็คือบุรุษผู้แอบซ่อนอยู่ข้างหลังลำต้นอันใหญ่ยักษ์ของไซเปรสที่แผ่กิ่งก้านสาขาจนแทบจะปกคลุมคลุ้งน้ำในแถบนี้ อีกทั้งยังมีม่านหมอกสีขาวขุ่นลอยตลบอบอวนจนยากต่อการเพ่งพิศ
“กระหม่อมจะดำน้ำไปทางทิศประจิมนะพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากมองหาทางหนีทีไล่อันเหมาะเจาะ เธเซียสก็มิลืมบอกกล่าวแก่บุรุษในดวงใจเป็นภาษาของชาวอียิปต์ เพื่อป้องกันมิให้บทสนทนาดังไปถึงการรับรู้ของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นดวงตาดุจเหยี่ยวทะเลทรายจึงมองจ้องไปยังทิศตะวันออกอันเป็นตำแหน่งของไกจีส
“เราจะเปิดทางให้ เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย” เจ้าชายมิโนสสนทนากับเธเซียสเป็นภาษาอียิปต์เช่นกัน จากนั้นพระองค์ก็เริ่มใช้ลูกศรซึ่งทำจากเหล็กยิงไปยังไกจีสที่ใช้ลำต้นของไซเปรสเป็นเกาะกำบัง เหล่าทหารครีตันจึงเริ่มกระจายกำลังด้วยการเพ่งเล็งไปยังลูกสมุนที่มีอยู่เพียงหยิบมือ แต่ฝีมือมิได้น้อยนิดตามจำนวนคน
แต่กระนั้นก็มิได้คณามือต่อกองทัพเรือแห่งครีตันแต่อย่างใด
พื้นที่ในการรับมือกับคู่ต่อสู้ จึงขยายกว้างออกไปเรื่อย ๆ เมื่อข้าศึกถูกศรเหล็กเสียดแทงอก
ฝ่ายเธเซียสจึงอาศัยทีเผลอของไกจีส รีบดำดิ่งลงสู่สายน้ำอันเย็นฉ่ำ ที่เบื้องบนถูกปกคลุมด้วยเศษใบของต้นไซเปรส ม่านน้ำสีดำสนิทจึงกลายเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น มิหนำซ้ำยังมีตอของต้นไซเปรสที่คงจะหักโค่นคอยกีดขวางเส้นทาง
เธเซียสจึงอาศัยมือทั้งสองข้างที่กอบกำลูกธนูและคันธนูจนแนบแน่นกวาดออกไปรอบ ๆ ตัว
สองขาแหวกว่ายเพื่อไปให้ถึงที่หมาย พร้อมวาดหวังว่าเจ้าชายมิโนสจะเปิดทางให้ตนได้สำเร็จ
กระทั่งหน้าดินเริ่มตื้นเขินเธเซียสจึงค่อยๆ โผล่พ้นเหนือผิวน้ำ และมันก็ตามมาด้วยลูกศรเร็วแรงแหวกอากาศจากไกจีส ทว่าฝ่ายเจ้าชายมิโนสกลับมิยอมแพ้ รีบสะกัดวิถีธนูภายในชั่วพริบตา จึงทำให้เธเซียสหลุดรอดจากวิถีอันตราย
บุรุษผู้เกือบจะเคราะห์ร้ายจึงมิรอช้า รีบปีนขึ้นไปหลบซ่อนยังผืนดินเล็ก ๆ ที่รากของต้นไซเปรสใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยว พร้อมใช้ลำต้นอันใหญ่ยักษ์เป็นเกาะกำบัง และอาศัยช่องว่างระหว่างไซเปรสทั้งสองต้นคอยสังเกตการณ์
พบว่า ‘ความมืด’ นำพาให้เธเซียสคาดคะเนเส้นทางผิดพลาด
มิแปลกที่การเปิดเส้นทางของเจ้าชายมิโนสจะมิเกิดประโยชน์
แต่กระนั้นก็ยังนับว่ามิสูญเปล่า เหตุเพราะลูกสมุนของไกรจีสที่ยังเหลือรอดอีกหนึ่งชีวิต กำลังซ่อนกายอยู่ข้างหลังต้นไซเปรสอันใหญ่ยักษ์ พวกเขาจึงต่างคุมเชิงกันและกันผ่านช่องว่างระหว่างไซเปรส และมันก็เสียเวลาพอดู
บุรุษผู้แสนมุทะลุจึงเริ่มแผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีกครา
เพลานี้จึงกลับกลายเป็นว่าเธเซียสกำลังเผยตัวจากที่ซ่อน พร้อมเล็งเป้าหมายไปยังลูกสมุนฝีมือดี โดยมิเกรงกลัววิถีธนูจากไกจีส เหตุเพราะเพลานี้ลำเรือของทหารครีตัน กำลังแผ่ขยายพื้นที่ปลอดภัยมายังทิศตะวันตก พร้อมเล็งเป้าหมายไปยังไกจีสเป็นทางเดียว ริมฝีปากของเธเซียสจึงแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม และเหนี่ยวรั้งลูกศรพร้อมกันถึง 3 ดอกพุ่งตรงไปยังลูกสมุนที่กำลังโผล่หน้าผ่านทางช่องสังเกตการณ์
ภายในเสี้ยววินาทีศรเหล็กอันทรงอำนาจก็เสียดแทงกระโหลกศีรษะอย่างแม่นยำ
“หึ” เธเซียสแสยะยิ้มอย่างสะใจ แต่กระนั้นในใจลึก ๆ กลับรู้สึกเจ็บปวด เมื่อท้ายที่สุดการลักซ่อนเครื่องนุ่งห่มกลับเป็นเพียงกลลวงของนางหญิงชั่ว ที่ช่วยจุดความสว่างอันน้อยนิดในจิตใจให้ลุกโชน เพื่อที่จะได้ออกแรงฉุดให้จมดิ่งลงสู่ตะกอนแห่งอดีตอันปวดร้าว
เพราะคำตอบค่อนข้างเด่นชัดว่า..
เสด็จพ่อมิเคยเชื่อใจบุตรชายผู้นี้
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องทำตามหน้าที่” สิ้นคำกล่าวอันเป็นการปลุกให้บุรุษผู้มีสถานะเป็นถึงเจ้าชายแห่งไมซีเนียนจำต้องตื่นจากภวังค์แห่งความเจ็บช้ำ แต่ทว่าเสียงธนูแหวกอากาศกลับมิสามารถสร้างแรงกระตือรือร้นอันใดให้กับเธเซียสอีกต่อไป
เนื่องจากเพลานี้เขากำลังหลับตารอรับการตัดสินโทษจากเสด็จพ่อ
ที่กำลังยัดเยียดข้อหา ‘กบฎ’ อย่างหมดแรง
แต่แล้ววิถีธนูของอีกฝ่ายกลับมีอันต้องหักเห เมื่อเจ้าชายมิโนสเป็นฝ่ายยุติสถานการณ์มิพึงประสงค์ ธนูเหล็กจึงเสียดแทงธนูจากสำริดให้จมลงสู่สายน้ำ บุรุษผู้ยอมจำนนจึงลืมตาขึ้นและกวาดมองไปจนทั่วบริเวณ พบว่าไกจีสกำลังปฏิบัติภารกิจอย่างถวายหัว เพราะเขาปรากฏตัวออกจากที่ซ่อน เพื่อสังหารเจ้าชายกบฏตามที่มีรับสั่ง
เธเซียสจึงมองเห็นสภาพร่างกายของเขาว่ากำลังย่ำแย่มากเพียงใด
สมองจึงเริ่มคิดคำนวณทางเลือก จากนั้นศรเหล็กลูกสุดท้ายก็ถูกเหนี่ยวรั้งไปยังไกจีส โดยที่อีกฝ่ายมิอาจหลบลี้ไปยังทิศทางใดได้ เนื่องจากบัดนี้เนื้อตัวของเขามิหลงเหลือแม้กระทั่งอาวุธร้ายให้เอาตัวรอด
“ทำไม..?” แต่ยังมิทันที่เธเซียสจะได้กระทำตามใจคิด เจ้าชายมิโนสและผู้ใต้บังคับบัญชาของพระองค์กว่าสิบชีวิตกลับเหนี่ยวรั้งลูกศรราวกับมิมีวันหมด เพียงแต่วิถีของการโจมตีกลับพลาดเป้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จึงทำให้ราชองครักษ์แห่งไมซีเนียน..
เอาชีวิตรอดจากสถานการณ์อันตรายได้อย่างหวุดหวิด
φ
[1] แล่ง คือ ที่เก็บกระสุนดินดำหรือลูกศร
บทความที่เกี่ยวข้อง- สัตว์สยอง ยุคก่อนประวัติศาสตร์
https://bit.ly/2XqE8Eu- เทคนิคการยิงธนูแบบโบราณที่ไม่ธรรมดา
https://bit.ly/2G05jeDมาต่อแล้วค่ะเรื่องนี้ก็อย่างที่บอก เน้นจินตนาการนะคะ เราเลยเอาพวกสัตว์โบราณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนเจ้าชายมิโนสคิดจะทำอะไร ทำไมถึงปล่อยไกจีสไปง่ายๆ ติดตามกันต่อไปจ้า ตอนหน้าเราจะยังอยู่ในป่าพร้อมๆ กับคลี่คลายเรื่องราวที่เป็นปมพันยุ่งอีกสักหน่อย ว่าทำไมเจ้าชายมิโนสถึงปล่อยไป และทำไมถึงไม่ตกใจกับการโจมตีใด ๆ อีกทั้งการตายของศพหญิงสาวคนนั้นเกิดจากอะไร จะเกี่ยวข้องกับเจ้าชายมิโนสหรือไม่ ตอนหน้าได้รู้กันจ้า
ปล. อ่านตอนนี้แล้วช่วยบอกเราหน่อยนะคะว่าเขียนเป็นยังไงบ้าง ดูโอเคสมกับที่บิ๊วมาตั้งแต่ต้นหรือเปล่า แบบมันดูลึกลับตื่นเต้นมั้ย พูดตรงๆ ว่าเราไม่มั่นใจเลยค่ะ ช่วงนี้เราว่างเปล่ากับงานตัวเองมาก มองภาพไม่ค่อยออกเท่าไหร่ ตอบกันหน่อยน้า สำคัญกับเราจริงๆ เพราะเราจะได้เอาไปปรับในตอนต่อไปได้ค่ะ T_T
บรรยากาศของป่าไซเปรสก็จะประมาณนี้ค่ะ
https://i.imgur.com/ZUUx81C.jpghttps://i.imgur.com/m5UjVbF.jpgCr :
http://www.mikereyfman.comโฟรัสราซิแด
https://i.imgur.com/sRz4ZbG.jpgนกโมอา เป็นนกวงศ์เดียวกับนกอีมูค่ะ
https://i.imgur.com/KI1qhW3.jpg