(เรื่องสั้นจบแล้วค่ะ) ตัวร้ายที่รัก | 4 ตอนจบ + 1 ตอนพิเศษ | 11/02/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้นจบแล้วค่ะ) ตัวร้ายที่รัก | 4 ตอนจบ + 1 ตอนพิเศษ | 11/02/2020  (อ่าน 1367 ครั้ง)

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
*****************************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2020 10:02:00 โดย YiiM »

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ตัวร้ายที่รัก | ตอนที่ 1 | 05/02/2020
«ตอบ #1 เมื่อ05-02-2020 15:54:57 »

ตอนที่ 1

Tawan Part

การแย่งชิงของๆ คนอื่นมาเพื่อให้เป็นของตัวเอง มันเป็นสิ่งที่ผิด แต่กับเรื่องความรัก ต่อให้ผิดแค่ไหน ถูกมองว่าร้ายยังไง เพื่อให้ได้เขามาแล้วนั้น ผมยอมถูกมองว่าเป็น “ตัวร้าย”

...ใช่ ผมเคยคิดแบบนี้ ผมเคยทำตัวแย่ เป็นผู้ชายร้ายๆ แต่นั่นมันก็ผ่านมาแล้ว ผมรอจนเหนื่อย ผมทำร้ายคนดี ผมทำให้หลายๆ คนผิดหวัง ทำแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องมาตลอด

"จะเสียเวลาไปกับคนที่เขาไม่รักเราไปถึงไหน"

"ผมไม่รู้" ผมบอกไป เพราะผมไม่รู้จริงๆ อาจจะอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ก็ได้

"ไม่เหนื่อยเหรอ"

"เหนื่อยสิ ผมเหนื่อยมาก แต่ผมห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้รักเขาไม่ได้"

"พี่ไม่ได้บอกว่าไม่ให้รักต่อเขานะ ตะวันรักเขาได้ ตะวันจะรักใครก็ได้ แต่สิ่งที่ตะวันทำอยู่ตอนนี้มันผิด" พี่เอกบอก เขาเป็นเพื่อนของพี่เนส เป็นคนที่ให้คำปรึกษาผมมาตลอด

"แล้วจะให้ผมทำยังไง ถ้าเรื่องนี้จะผิด มันก็ผิดตั้งนานแล้ว" ผมรู้ตัว และผมไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ ผมทำผิดทั้งต่อพี่เนสและแฟนของเขา

"ทำไมตะวันไม่ลองรักคนอื่นดูล่ะ ลองเปิดใจให้คนอื่นบ้าง แล้วเราจะเห็น ว่ายังมีอีกหลายต่อหลายคนที่เขาทั้งรัก ทั้งเอ็นดูเราอยู่นะ" พี่เอกพูดพร้อมทั้งลูบศีรษะของผมไปด้วย แววตาที่อบอุ่นของเขา มันทำให้ผมใจเย็นลงมากกว่าตอนที่เพิ่งมาถึง ผมเข้าใจที่เขาบอก และกำลังลองอยู่

"วันสุดท้ายครับ ผมจะมาที่นี่เป็นวันสุดท้ายแล้ว" ผมพูดออกไปในที่สุด ถึงใจจะบอกแบบนี้หลายครั้ง แต่หายไปได้เพียงไม่กี่วัน ผมก็มักจะกลับมาที่นี่อีก ร้านอาหารกึ่งผับที่พี่เนสเป็นเจ้าของกิจการ เป็นที่เดียวที่ตลอดหลายปีมานี้ผมมักแวะเวียนมานั่ง

"ก็ดีแล้ว จะได้ตัดใจได้ทั้งสองฝ่าย ให้พี่เข้าไปด้วยไหม"

"ไม่เป็นไรครับ พี่กลับเถอะ" ผมบอกพี่เอก ก่อนที่จะเดินเข้าร้านไปคนเดียว ไปนั่งที่เดิมมุมเดิม ที่ๆ ผมจะสามารถมองเห็นเขาได้ตลอดเวลา

~~เธอเก่งที่ทำให้ฉันยังจำเธอไม่ลืม

เธอเก่งที่ทำให้ฉันดื่มด่ำกับความทุกข์ทน

เธอเก่งที่ทำให้ฉัน เจอใครกี่คน

ก็ไม่ทำให้ลืมเธอไปจากหัวใจ~~

เธอเก่ง (Still) - Jetset'er

“มาแล้วเหรอ”

“ครับ เปิดเพลงเพราะโดนใจดีนะครับ”

“อย่าไปฟังสิ ว่าแต่วันนี้จะเอาอะไรล่ะ”

“เหมือนเดิมก็ได้ครับ” ผมบอกเขา แล้วเขาก็เดินไปชงค็อกเทลมาให้ ทั้งๆ ที่เหล้าควรจะเข้มข้นกว่านี้ แต่มันกลับเจือจางจนแทบรับรู้ไม่ได้เลยว่าใส่แอลกอฮอล์มาด้วย

“เป็นยังไงบ้าง”

“พี่ว่าผมควรเป็นยังไงล่ะ”

"…มันนานแล้วนะ" เขาเงียบอยู่พักใหญ่ถึงพูดออกมา

"ใช่ครับ นานมาก ไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้"

"กี่ปีแล้วล่ะ 5 หรือ 6 ปีนะ"

"ประมาณนั้นแหละครับ ผมเองก็ไม่เคยนับ"

"แล้วทำไมถึงยังเป็นแบบนี้"

"เป็นยังไงเหรอครับ แล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันไม่ดีเหรอ"

"ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่การจมปรับอยู่กับเรื่องเก่าๆ เราเองที่จะแย่นะ ทำไมไม่ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองดูบ้างล่ะ"

"ยังไม่ถึงเวลา"

"อย่ากลัวเลยกับความรัก ความรักเป็นสิ่งสวยงามมากนะ"

"ผมไม่ได้กลัวความรักหรอกนะ แต่ผมกลัวคนที่เข้ามา...แล้วไม่รักมากกว่า"

"ขอโทษ ขอโทษนะที่ไม่รัก" คนตัวสูงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของผมเหมือนกับเมื่อก่อน ชอบทำเหมือนกับผมเป็นเด็ก ชอบให้ความหวัง...แต่ก็จากไป เหลือทิ้งไว้แต่ความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"ช่างเถอะครับ วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่ผมจะมาที่นี่"

"ทำไม"

"ที่พี่ถามทำไม เพื่ออะไรกันล่ะครับ"

"พี่ก็แค่สงสัย"

"ไม่ดีใจเหรอครับ ผมจะไม่มาให้พี่เห็นหน้าแล้ว"

"พี่เป็นห่วง อย่าประชดสิ" ก็พูดแบบนี้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ทำเหมือนรัก แต่กลับไม่เคยรักกันเลย

"พี่จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับเขาไง" เขาที่พี่รักนักรักหนา ผมชำเลืองมองผู้หญิงคนนั้นที่นั่งอยู่ด้านหลังไกลออกไปจากเคาน์เตอร์ หญิงสาวที่อยู่ในหัวใจคนที่ผมรัก คนที่มาก่อนและได้เข้าไปอยู่ในใจของเขา จนผมไม่สามารถแม้แต่ยืนข้างๆ เขาได้อีกต่อไป

ทั้งๆ ที่กับผม เขาไม่เคยชัดเจน เขาพูดเหมือนเป็นห่วง แต่ก็ไม่เคยบอกรัก ดูแล ปกป้องแต่ก็ไม่เคยไปไกลมากกว่านั้น อ้างความเป็นพี่ชายแสนดี ทั้งๆ ที่พวกเราต่างก็รู้กันดีว่าอะไรเป็นอะไร

เขาเป็นพี่ชายของผมก็จริง แต่นั่นก็แค่ในนาม เขาเป็นลูกติดแม่เลี้ยง พ่อของผมกับแม่ของเขาแต่งงานกันซึ่งนั่นเป็นเหมือนกับละครน้ำเน่า เป็นชีวิตที่ตลกร้ายแต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นความเป็นจริงไปได้

"ทรายเขาเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร"

"แต่ผมไม่เข้าใจ"

"อย่าเป็นแบบนี้สิ"

"ผมแค่จะมาลา พี่ดูแลคนของพี่ไปเถอะ"

"ไม่ตลกเลยนะตะวัน"

"ผมก็ไม่ขำ" ผมบอกเขาแล้วเดินจากมา พี่เนสก็มักจะเป็นแบบนี้ เขาเกรงใจคนรักและไม่เคยเดินตามผมออกมา ที่ผมสามารถมาหาเขาได้อย่างทุกวันนี้ ก็เพราะไอ้ความสัมพันธ์บ้าๆ ที่ว่าผมเป็นน้องของเขา แต่ต่อจากนี้ มันจะไม่มีอีกแล้ว ผมยอมถอยและแยกออกมา ครั้งนี้ผมยอมแล้วจริงๆ

ตลอดเวลาหลายปี ผมไม่เคยมองใคร ไม่เคยสนใจใครนอกจากเขา ผมเกลียดข้ออ้างที่เขาชอบยกออกมาพูด เกลียดความสัมพันธ์ที่กีดกันเราออกจากกัน เกลียดใครอีกคนที่เข้ามาแทรกระหว่างเรา ทั้งๆ ที่ตอนนั้น อะไรๆ มันก็ดีไปหมด ผมเกลียดจนแทบอยากจะอ้วกออกมาทุกครั้งที่นึกถึง

"มึงทำดีแล้ว"

“หึ ดีกับผีน่ะสิ แล้วรู้ได้ไงว่ากูอยู่ที่นี่”

“ไม่รู้ก็บ้าแล้ว เมื่อเช้าเราก็คุยกันแล้วนะ”

"มารอกูอยู่เหรอ"

"กูจะทิ้งมึงไปได้ไง" เพชรบอกแล้วเดินเข้ามากอดปลอบ

"ฮึก...ฮื่อออ" ผมปล่อยโฮออกมา มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่อยู่ข้างผม เป็นคนที่คอยปลอบและรับฟัง เป็นคนที่เข้าข้างไม่ว่าผมจะทำเหี้ยแค่ไหน

ผมรู้ตัวนะ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ที่ทำอะไรไม่ดีกับพี่ทรายไป ผมรู้ตัวทั้งนั้น แต่จะให้ทำยังไง ผมสู้ผู้หญิงที่ทั้งสวย ทั้งแสนดีแบบนั้นไม่ได้เลย เธอเก่ง ขยัน เป็นผู้หญิงที่จิตใจดี จนหลายครั้งตัวผมเองก็รู้สึกแย่ที่เคยทำอะไรไม่ดีกับเธอไป

"อย่าร้อง น้ำตาของมึงมีค่ามากกว่าจะมานั่งเสียใจกับคนแบบนี้"

"ก็กูรักเขาอ่ะ"

"มึงบอกกูเป็นพันครั้งได้แล้วมั้ง จะแคร์ทำไมกับคนที่ไม่ได้รักมึงวะ ถ้าเสียคนที่เขารักมึงไปนี่สิ ค่อยมาร้องไห้กับกู"

"พูดดีก็เป็นด้วย"

"หยุดร้องไห้ได้แล้ว"

"อืม แล้ว...กูจะเอาไงต่อดีวะ ไม่อยากกลับบ้านด้วย"

"ไปนอนกับกูไหมล่ะ" ผมได้แต่พยักหน้ารับ การไปนอนกับเพชร มันคงให้ความรู้สึกดีกว่ากลับไปนอนที่บ้านคนเดียว แถมจะเจอหน้าพี่เนสอีกตอนไหนก็ไม่รู้ ช่วงนี้ถ้าเลี่ยงได้ผมก็อยากเลี่ยง เพราะที่ผ่านมาถึงจะอยากหนีแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องเจอกันที่บ้านอยู่ดี

มันก็เป็นเวลาที่นานมากแล้วจริงๆ กับการรักใครสักคนที่เขาไม่รักผมกลับ มีแต่ความหวังลมๆ แล้งๆ แต่สิ่งที่ผมยอมรับได้ คือเวลาจะทำให้ผมดีขึ้น มันเป็นเรื่องจริง ช่วงแรกๆ ยอมรับเลยว่าผมแทบทนอยู่ภายใต้บ้านเดียวกับพี่เนสไม่ได้ มันทั้งอึดอัด ทั้งรู้สึกแย่ แต่ผมก็สามารถผ่านมันมาได้แล้ว ถึงใจจะยังรักเขาอยู่ก็เถอะ

เพชรเป็นเพื่อนกับผมช่วงมหาลัย ปีนี้ก็เป็นปี4 เทอมสุดท้ายแล้ว มันรับรู้เรื่องของผมมาตลอด พอๆ กับที่อยู่ข้างผมเสมอมา

"ไปยังไง"

"นี่ไง"

"มึงอย่าบอกนะว่าจะให้กูซ้อน"

"หรือมึงจะขี่"

"เอาหมวกกันน็อกมา" ผมบอกแล้วเพชรก็ส่งหมวกกันน็อกมาให้ แน่นอนว่าผมไม่มีทางขี่ไอ้สองล้อคันใหญ่นี่แน่ๆ แค่จะขึ้นนั่ง ผมก็ต้องให้มันเอนรถลงมาให้แล้ว ทั้งๆ ที่ผมไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็ก แต่ขาก็ไม่สามารถเหยียบถึงพื้นอยู่ดี

"ขับดีๆ นะ"

"แน่นอนอยู่แล้ว" ทั้งๆ ที่ที่บ้านมันก็มีรถขับนะครับ แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบไอ้สองล้อคันใหญ่นี่จัง ทั้งน่ากลัว ทั้งเร็ว อันตรายจนผมด่ามันไปหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เสือกจำ

"กอดแน่นๆ นะเดี๋ยวตก"

"แน่นกว่านี้ก็สิงมึงแล้วไหม" ผมบอกแล้วซบหน้าลงไปที่หลังของมันด้วย ไอ้กอดแน่นๆ น่ะ ผมทำโดยไม่ต้องรอให้มันสั่งเลยล่ะ

เป็นครึ่งชั่วโมงที่เหมือนผ่านนาทีเสี่ยงตายมาเลย ไม่รู้ว่ามันรีบหรือยังไง แต่ก็โชคดีแล้วล่ะนะ ที่มาถึงบ้านของมันโดยไม่เป็นอะไรไปซะก่อน

เพชรมันอยู่กับแม่สองคน บ้านของมันเป็นบ้านชั้นเดียว มีห้องนอนเพียงสองห้อง ห้องหนึ่งเป็นของมัน ในห้องค่อนข้างโล่ง นอกจากเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า ก็มีเพียงโต๊ะคอมที่เอาไว้นั่งทำงานเท่านั้น ด้วยความที่ห้องค่อนข้างใหญ่ เลยทำให้มีพื้นที่กว้าง มันชอบเก็บกวาดห้อง มากี่ครั้งก็สะอาดตาทุกครั้ง

อีกห้องเป็นของแม่มัน ท่านไม่ค่อยอยู่บ้านสักเท่าไหร่ เพราะต้องไปติดต่องานที่ต่างจังหวัดอยู่ตลอด กว่าจะกลับมาบ้านทีก็เป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ ผมเลยมักจะมานอนกับเพชรบ่อยๆ

"หิวไหม"

"ไม่อ่ะ กูไปอาบน้ำก่อนนะ" ผมบอกแล้วแยกตัวจากมันมาเข้าห้องนอน เพราะต้องการที่จะอาบน้ำ ส่วนเพชรมันก็มักจะไปอาบที่ห้องแม่ของมัน กว่าจะเข้ามาก็เกือบๆ เที่ยงคืนนู่นแหละ เพราะมันเป็นคนที่ชอบทำอะไรชักช้า

ผมชอบห้องน้ำของเพชรเป็นพิเศษ เพราะค่อนข้างจะเก็บเสียงได้ดี แถมยังขว้างและสะอาดมากอีกด้วย ที่สำคัญมีอ่างอาบน้ำด้วย ทุกครั้งที่มา ผมก็จะลงแช่ น้ำอุ่นๆ สามารถทำให้ผมคลายเครียดได้ดีเลยล่ะ

หลังจากแช่น้ำจนสบายตัว ผมก็พันผ้าเช็ดตัวเพื่อออกมาแต่งตัวด้านนอก ตู้เสื้อผ้าของเพชรเต็มไปด้วยชุดที่มีราคาแพง ถึงจะไม่มากมาย แต่ก็เป็นเสื้อที่มียี่ห้อทั้งนั้น

ผมหยิบออกมาหนึ่งชุด เป็นเสื้อยืดแขนกุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่คิดว่าน่าจะใส่สบายเพราะเนื้อผ้านุ่มสุดๆ ไปเลย หลังจากแต่งตัวเสร็จ ผมก็ทิ้งตัวลงนอนที่กลางเตียง ซึ่งเป็นอีกที่หนึ่งที่ผมชอบเช่นกัน เตียงของเพชรไม่ต่างกับเตียงของโรงแรมระดับหรูเลย ทั้งนุ่มทั้งสบาย

"นอนแล้วเหรอ" เสียงของเพชรทักขึ้น ทำให้ผมที่หลับตาอยู่ลืมตามอง

"ยัง"

"ถ้ายังก็ขยับไปนอนดีๆ " เพชรบอก มันแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสบายๆ แล้ว แสดงว่าอาบน้ำแล้ว แต่หัวมันยังคงเปียกอยู่

"ไม่เอา นอนแบบนี้กูสบายดี" ผมบอกอย่างกวนตีน เพชรที่เช็ดผมอยู่ได้แต่เหลือบตามามอง ถึงจะดูน่ากลัว แต่ผมไม่กลัวเลยสักนิด เพราะชิดกับใบหน้าหล่อๆ โหดๆ ของมันตั้งนานแล้ว

ตุ๊บ

"เฮ้ย ทับกูทำไม"

"…"

"จ้องอะไรวะ"

"เปล่า"

"เปล่าก็ลุกดิ"

"..."

"ไอ้เหี้ยเพชร -///-" ไม่บ่อยนักที่ผมจะด่า แต่สายตาที่มันมองผมนี่สิ

"มึงเขิน"

"เขินเหี้ยไร กูเปล่า"

"หึ ใช่แน่ๆ "

"มึงบ้าป่ะเนี่ย ลุกไปดิวะ"

"เสื้อกู" เพชรพูดแล้วยอมลุกออกไป ผมที่ตอนแรกว่าจะไม่ขยับ ก็ต้องขยับไปริมข้างหนึ่ง เพื่อให้อีกคนได้นอนด้วย

"เออ เสื้อมึงใส่สบายมาก! "

"ชอบไหม"

"ชอบดิ ให้หรือเปล่าล่ะ"

"เอาไปสิ กะจะซื้อให้อยู่แล้ว"

"พูดจริงเหรอ"

"อืม"

"มึงใจดีอ่ะ"

"เพิ่งรู้เหรอ นอนได้แล้ว" เพชรบอกแล้วดันผมให้นอนลง เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกแปลกๆ และไม่กล้าจ้องหน้ามัน ผมรู้ว่ามันรู้สึกยังไงกับผม และผมเคยบอกมันชัดเจนแล้วว่ามันเป็นได้แค่เพื่อน แต่วันนี้เป็นครั้งแรก ครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกแปลกไปจากเดิม ผมเขิน และไม่กล้าจ้องหน้ามันโดยตรง

อาจเพราะไม่เคยมองหน้าหล่อๆ ของมันใกล้ๆ ถึงผมอยากจะเริ่มเปิดใจ แต่ต้องไม่ใช่เร็วแบบนี้ ผมต้องแน่ใจแล้วว่าผมไม่ได้คิดจะเอามันมาเป็นตัวแทนของพี่เนส ผมไม่อยากให้มันเจ็บ เหมือนกับที่ผมเคยเจ็บ การให้ความหวังจึงไม่ใช่นิสัยของผม


:mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ตัวร้ายที่รัก | ตอนที่ 1 | 05/02/2020
«ตอบ #2 เมื่อ05-02-2020 17:51:29 »

เอาใจช่วย..ยยยย ต้องมูฟออนนะ

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ตัวร้ายที่รัก | ตอนที่ 2 | 06/02/2020
«ตอบ #3 เมื่อ06-02-2020 16:56:23 »

ตอนที่ 2


Pechra Part



เมื่อ 2 ปีก่อน

“กูชอบมึง”

“กูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“อืม”

“ฮะ”

“ก็อืมไง”

“แล้ว?”

“แล้วอะไร”

“ก็มึงชอบกู”

“ก็ใช่ไง กูแค่อยากบอก มึงไม่ชอบกูก็แล้วไป”

“มึงบ้าหรือเปล่าเนี่ย”

“กูแค่ชอบมึง กูไม่ได้บ้า”

“แล้วมึงมาบอกกูทำไมในเมื่อมึงจะไม่อะไร”

“หรือมึงอยากให้กูอะไรล่ะ กูแค่บอกให้มึงรับรู้เอาไว้”

“มึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”

“คนที่บ้าคือมึงต่างหาก ไม่มีคนสติดีที่ไหนรักคนที่เขาไม่รักเรามาเป็นปีๆ หรอกนะ”

“มึงจะรู้อะไร เขาเองก็รักกูเหมือนกันแหละ”

“กูไม่รู้เรื่องของพวกมึงหรอก กูรู้แค่ว่าที่เขาทำ มันเรียกว่าเห็นแก่ตัว เขามีคนอื่นแต่ก็ยังจะกั๊กมึงไว้”

“มึงฟังนะ มึงเป็นเพื่อนของกู กูไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ อย่างมึงไป”

“กูก็ไม่อยากเสียเพื่อนอย่างมึงไป ถ้าไม่ได้เปลี่ยนสถานะเป็นเมียแทนเหมือนกัน”

“มึงนี่มัน...”

“ไม่ต้องด่า ไม่ชอบกูเข้าสักวันก็ให้มันรู้ไป” ผมบอกออกไป กว่าหนึ่งปีที่รู้จักกันมา ตะวันเป็นคนดี แถมยังรักใครรักจริงอีกต่างหาก ในจุดๆ นี้ ผมโคตรชื่นชมมันเลย แต่นั่นก็แปลอีกนัยหนึ่งด้วย ว่ามันน่ะ เป็นคนที่โง่มากๆ คนหนึ่งเหมือนกัน

+++

เมื่อนานมาแล้ว ผมเคยบอกชอบตะวันก็จริง ทุกวันนี้ก็ยังชอบมันอยู่ แต่ไม่เคยได้พูดออกไปก็เท่านั้น ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่ง มันจะต้องเห็นความดีของผมแน่ๆ สิ่งที่ผมทำได้อย่างเดียวตอนนี้ก็คือรอ

ผมรอได้ถึงในท้ายที่สุดแล้ว มันจะไม่เลือกผม การรอของผมมันไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้วจนกว่ามันจะเจอคนใหม่ หรือคนที่ถูกใจมากกว่ามัน ซึ่งนั่นก็ยังไม่มี ผมไม่ได้โง่เหมือนมันที่รักคนที่มีเจ้าของ และตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมก็ทำให้มันเขวได้โดยไม่ยากเลย ถึงแม้มันจะยังไม่รู้ตัวก็เถอะ

การลงทุนอะไรไป ผมก็อยากได้สิ่งตอบแทน ไม่ใช่ว่าผมอยากจะทำเหี้ยกับเพื่อน เพราะผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นเพื่อนแต่แรก ถึงจะมีไม่กี่ครั้งที่มันยิ้มอย่างสดใสออกมา แต่ผมก็เคยได้เห็นมุมนั้นของมัน ซึ่งนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของมันที่ผมชอบ ยอมรับเลยว่าแม่งโคตรน่ารักมากจริงๆ

“เพชร มึงตื่นดิวะ”

“อืมมม อะไร”

“แม่มึง” ตะวันบอก ผมรีบดีดตัวขึ้นนั่ง เพราะแม่ของผม ท่านไม่เหมือนคนอื่น

ใครที่บอกว่าแม่ตัวเองเป็นคนสวยและใจดีที่สุด ซึ่งนั่นผมไม่เถียงเลย เพราะแม่ของผมก็ด้วย ท่านทั้งสวยและยังสาว เนื่องจากแม่มีผมเร็ว ทำให้ท่านค่อนข้างเข้าใจในความวัยรุ่นของพวกผม แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสียทีเดียว

ตุ๊บ

“โอ๊ย”

“สายป่านนี้แล้วนะน้ำเพชร ลูกควรตื่นขึ้นมาดูตะวัน ไม่ใช่ให้ตะวันตื่นขึ้นมาหุงข้าวปลาอาหารให้แบบนี้”

“เจ็บนะแม่ ตีมาได้ยังไง แล้วปกติผมก็เป็นคนทำเถอะ”

“เหรอคะ” ผู้หญิงมักมีเสียงสอง ผมเชื่อในเรื่องนี้จริงๆ กับผมนะแม่แทบจะตะโกน แต่กับตะวัน น้ำเสียงของแม่จะต่างออกไปและพูดดีด้วยเสมอ

“ครับ พอดีวันนี้ตื่นเร็ว วันเลยออกไปทำกับข้าวให้ ไม่คิดว่าแม่จะกลับมา”

“พอดีแม่กลับมาเอาของแล้วจะขึ้นเหนือต่อน่ะ”

“ไปวันนี้เลยหรือเปล่า”

“ทำไม อยากไล่ให้แม่ไปเร็วๆ หรือไง”

“เปล่าสักหน่อย เพชรอยากให้แม่อยู่ด้วยจะแย่”

“ลุกขึ้นไปอาบน้ำไป ส่วนตะวันไปช่วยแม่ทำกับข้าวนะลูก”

“ครับ” ตะวันตอบรับแล้วเดินตามแม่ของผมออกไป ผมเลยลุกขึ้นไปอาบน้ำ ทุกวันนี้ถ้าไม่รวมเรื่องสถานะความสัมพันธ์ ตะวันก็ไม่ต่างอะไรกับแฟนผมเลยด้วยซ้ำ

+++

“หิวจังเลยครับ”

“มาเร็ว แม่ทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับกับผัดผักรวม อร่อยมาก!” สีหน้าของตะวันยืนยันได้ดีว่าสิ่งที่มันพูดคือเรื่องจริง ตัวผมเองก็ชอบฝีมือแม่ไม่ต่างกัน เลยหาที่นั่งทันที

“น้ำเพชร ลูกกับตะวันน่ะ...”

“ยังครับ”

“อ้าวเหรอ” แม่ผมถาม เพราะท่านทราบว่าผมชอบตะวันมานาน ด้วยความที่แม่ผมหัวสมัยใหม่ ท่านจึงไม่ขัดผมในเรื่องนี้

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ตะวันถาม

“ไม่มีจ้า” แม่เป็นคนตอบ ถึงแม้ตะวันจะยังทำหน้าสงสัย แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรอีก

ระหว่างทานอาหาร แม่ก็เล่าเรื่องที่ท่านไปทำงานให้ฟัง ดูเหมือนว่าจะต้องเดินทางอยู่ตลอด ทุกครั้งที่เจอสถานที่ท่องเที่ยวที่สวย แม่ของผมก็มักจะถ่ายรูปส่งมาให้และมักจะบอกกับผมว่า อยากให้ผมอยู่กับท่านด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นไปได้ยาก ผมยังเรียนไม่จบ ทำให้ไปไหนมาไหนกับท่านไม่ได้ การที่ท่านต้องเดินทางอยู่ตลอดก็ไม่ใช่ว่าผมจะชอบนะ ผมเป็นห่วงเสมอ เพราะอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งต้องขับรถระยะไกลแล้วด้วย เมื่อหลายปีก่อนแม่ของผมก็เคยรถคว่ำมาแล้ว จากการที่อีกฝ่ายหลับใน ผมเคยบอกให้แม่เปลี่ยนงาน แต่ท่านบอกว่าชอบและรักในสิ่งที่ทำ ผมจึงไม่คิดห้าม แต่บอกให้ท่านระวังตัวให้มากขึ้น

“หนุ่มๆ อิ่มกันแล้วใช่ไหม”

“ครับ / ครับ”

“ไปชอปปิ้งกันไหม แม่อยากซื้อของหลายอย่างเลย”

“เอาสิครับ วันว่าง เดี๋ยววันช่วยถือของให้”

“น่ารักมากค่ะ เป็นอันตกลงนะน้ำเพชร เดี๋ยวลูกไปเอารถออกด้วย ไม่ใช่รถสองล้อวิ่งได้ของลูกนะ”

“ผมรู้น่าแม่ ไปเตรียมตัวเถอะครับ” ผมบอกแล้วเดินออกมาพร้อมตะวัน

“แม่มึงนี่น่ารักเนอะ”

“ลูกเขาก็น่ารักนะ ถ้ามึงสังเกต”

“เดี๋ยวววว”

“อะไร”

“ช่วงนี้มึงหยอดกูบ่อยไปหรือเปล่าวะ”

“ก็ไม่นะ” ผมพูดหน้าเฉยแล้วเดินนำมาที่รถ ถ้าจะให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองก็คงบอกว่าใช่ ผมเชื่อว่าตะวันมีใจให้ผมมาสักพักแล้ว

+++

การเลือกซื้อของกับผู้หญิงไม่ใช่เรื่องตลก แต่มันคือเรื่องที่จริงจังมาก ผมไม่รู้ว่าทำไมแม่จะต้องซื้อของเยอะมากมายขนาดนี้ ทั้งของที่ตะวันถือกับของที่ผมถือ ถือจนแทบจะไม่มีที่ให้จับถุงหูหิ้วได้แล้ว

“พอก่อนไหมแม่”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“ดูของในมือผมกับตะวันสิ”

“งั้นพอก่อนก็ได้ เดี๋ยวแม่เลี้ยงไอศกรีมนะ ไปนั่งตรงนั้นกัน” แม่บอกแล้วเดินนำไป

“สั่งเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ผมไม่เกรงใจอยู่แล้วล่ะ” ผมบอก

“เราน่ะกินให้มันน้อยๆ แยกตะวันกินหมดหรือเปล่าเนี่ย ดูสิลูกทำไมถึงตัวเล็กนิดเดียวเอง” แม่ถามแล้วยกมือไปจับแขนของตะวัน

“วันกินเยอะแล้วนะครับ แต่ไม่อ้วนสักที”

“ถ้าอย่างนั้นก็สั่งเลยค่ะ ไม่ต้องเผื่อแม่นะ เดี๋ยวแม่มา” แม่ของผมบอกแล้วลุกขึ้นไปเลย ยังไม่ทันได้ถามด้วยซ้ำว่าจะไปไหน

“เลือกสิ มึงจะกินอะไร”

“เอาอันนี้ อยากกินช็อกโกแลต”

“โอเค” หลังจากสั่งเสร็จ ไม่นานเขาก็มาเสิร์ฟ ของตะวันเป็นช็อกโกแลตฟองดู ส่วนของผมเป็นชาเขียวซันเดย์

“มึงเป็นเด็กเหรอ” ผมถาม

“อะไร”

“กินเลอะ” ผมบอกแล้วยื่นมือไปเช็ดที่มุมปากของอีกคน ตะวันมันนิ่งไปเลย ไม่ทันไรหน้าก็แดงไปถึงหูแล้ว

“คราวหลังบอกกูก็ได้ เดี๋ยวกูเช็ดเอง” มันบอกแล้วกินไอศกรีมต่อ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกเลย

“ตะวัน”

“อ้าว พี่เอก”

“เมื่อคืนพี่โทรหาเราด้วยนะ”

“เหรอครับ พอดีแบตหมดแล้วผมยังไม่ได้ชาร์จเลย พี่เอกมีอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า พี่ก็แค่เป็นห่วงเราน่ะ เมื่อคืนโอเคไหม”

“ครับ ผมโอเค”

“แล้วตอนนี้ล่ะ”

“ตอนนี้...ก็ดีครับ” ตะวันบอกแล้วมองหน้าผม ก่อนหน้าที่มันจะไปเมื่อคืน มันก็มาคุยกับผมก่อนแล้ว มันบอกว่าอยากตัดใจ เพราะไม่ว่าจะทำยังไง คนที่มันชอบก็ไม่มีทางกลับมาชอบมันได้แล้ว เนื่องจากแฟนของเขาท้อง เป็นลูกคนแรกหลังจากที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน

ความจริงมันเริ่มตัดใจมาสักพักแล้ว ก็ตั้งแต่ที่เขาแต่งงานไปนั่นแหละ แต่มันเหมือนเป็นความผูกพันที่ตัดไม่ขาด เพราะไม่ว่าจะพยายามยังไง ทั้งสองคนก็ยังเจอหน้ากันอยู่ ยังคงพูดคุย ยังคงมีความห่วงใย แต่สายใยพวกนั้นมันก็ต้องสิ้นสุดไปในที่สุด

ถึงตะวันจะถูกมองว่าเป็นคนร้ายๆ แต่ในความเป็นจริงของคนร้ายๆ มันยังมีหลายสิ่งที่เข้าใจได้อยู่ ใครๆ ก็ยึดติดกับรักแรกกันทั้งนั้น ความเข้มแข็งและความอดทนของคนเราก็ต่างกันไป ตะวันแค่ยึดติดมากกว่าคนทั่วไป เลยทำให้เขาหลงผิด เรื่องของความรัก คนอย่างตะวันไม่ยอมฟังใครทั้งนั้น เขาปิดตาตัวเองและไม่ยอมรับฟัง ในลึกๆ แล้ว ตะวันเป็นคนจิตใจดี ผมที่เฝ้ามองมันอยู่ตลอดสามารถรับรู้ได้ อย่างน้อยตอนนี้มันก็คิดได้ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินแก้ ถึงจะใช้เวลานานไปสักนิดก็เถอะ

“มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะ”

“ครับพี่เอก ขอบคุณมากนะครับ” ทั้งสองคนคุยกัน แต่ตลอดบทสนทนา คนชื่อเอกเอาแต่มองผมตลอด ผมทำเพียงแค่ไม่สนใจจนเขาบอกลาและเดินจากไป

“เขาดูเป็นห่วงมึงเนอะ”

“อืม พี่เอกเป็นคนดี เป็นคนที่กูนับถือ” ตะวันบอก ผมเลยพยักหน้าเข้าใจ เพราะนอกจากผม ก็มีเขานั่นแหละ ที่คอยรับฟังตะวันมาตลอด

นั่งกินอยู่ไม่นาน แม่ของผมก็เดินกลับมาพร้อมกับของเต็มมือ ก่อนหน้านี้ท่านเลือกซื้อแต่ของที่ตัวเองอยากได้และจำเป็นต้องใช้ แต่รอบนี้มีแต่ของผมกับของตะวัน ทั้งรองเท้า น้ำหอม และเสื้อแบรนด์เนมยี่ห้อที่ผมใส่ประจำ

“น่ารักไหม แม่เลือกเองเลยนะ ให้เหมือนกันทั้งคู่เลย”

“ความจริงแม่ไม่ต้องซื้อให้วันก็ได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเกรงใจ ตะวันก็เหมือนลูกอีกคนของแม่ แม่ต้องขอบใจตะวันด้วยซ้ำ ที่มาคอยอยู่เป็นเพื่อนกับน้ำเพชร”

“ไม่หรอกครับ ผมเองก็ไม่มีที่ไปเหมือนกัน ฮ่าๆ ๆ” ตะวันพูดติดตลก แม่ของผมก็อมยิ้มพร้อมทั้งมองตะวันด้วยสายตาเอ็นดู

“ไม่ต้องคิดมากนะ น้ำเพชรรักใคร แม่ก็รักด้วย ตะวันจะมาอยู่ที่บ้านกับแม่ก็ได้นะ ถึงแม้แม่จะไม่ค่อยอยู่ก็เถอะ” แม่ของผมพูดออกไป ทำเอาตะวันทำหน้าเลิกลักและทำตัวไม่ถูก

“คือผม...” ดูเหมือนมันจะพูดไม่ออก มันมองหน้าผมเหมือนกับจะให้ผมช่วยพูด แต่ผมเองก็น้ำท่วมปาก สรุปแล้วแม่ก็ตัดบทไปซะดื้อๆ

“กลับบ้านกันเถอะนะ เดี๋ยวแม่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน”

“ครับ” ตะวันรับคำแล้วรีบยกของเดินนำไปก่อน มันเป็นพวกที่เวลาโกรธ ดีใจ หรือเสียใจ จะแสดงออกทางสีหน้า ใบหูที่เริ่มแดงและท่าทางตลกๆ เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันคงเขินและทำตัวไม่ถูกจริงๆ

“ตะวันลูก”

“คะ...ครับ”

“รถอยู่ทางนี้นะ” คนที่เดินนำไปก่อนยื่นแข็งทื่อ ผมได้แต่อมยิ้มกับท่าทางของมัน ก่อนจะพยักหน้าให้เดินไปอีกทาง มันเองก็อมยิ้มกับความตลกของตัวเองด้วยเช่นกัน

กลับมาถึงบ้าน ผมกับตะวันแยกตัวมาอาบน้ำ ผมอาบน้ำห้องของแม่ ส่วนตะวันอาบน้ำห้องของผม มันเคยบอกว่าชอบห้องน้ำของผมและมักจะเข้าไปอาบนานๆ หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินกลับมาแต่งตัวที่ห้อง เพราะคิดว่าระหว่างนี้มันคงอาบน้ำอยู่

“เห้ย เข้ามาได้ไง” ตะวันถามอย่างตกใจ เพราะมันกำลังแต่งตัวอยู่

“อ้าว ก็นึกว่าอาบน้ำอยู่” ผมบอกแล้วเดินไปยืนข้างๆ ยอมรับว่าแอบมองอีกคนอยู่ ซึ่งมันไม่ยอมหันมาทางผมเลย

“กูว่าจะรีบอาบแล้วจะไปช่วยแม่ทำกับข้าว”

“อืม เดี๋ยวออกไปด้วย”

“ขอบใจนะ”

“เรื่อง?”

“ทุกอย่าง อยู่กับมึงแล้วกูสบายใจ แม่มึงก็ดีกับกูมาก”

“มึงโอเคก็ดีแล้ว กูชอบที่มึงเป็นแบบนี้มากกว่า” ผมบอก ตะวันเพียงแค่ยิ้มให้แล้วเดินนำออกไป

มื้อเย็นที่ค่อนไปทางดึกเป็นไปด้วยดี ผมเห็นตะวันยิ้มบ่อยๆ ก็รู้สึกโล่ง เพราะคิดว่ามันจะเศร้ากว่านี้ซะอีก หลังจากทานข้าวเสร็จแม่ก็เข้าห้องของตัวเอง ส่วนผมกับตะวันหลังจากล้างจานเสร็จ ก็ปลีกตัวเข้าห้องเช่นกัน

“นอนหรือยัง” ผมถาม เพราะแสงไฟสลัวๆ ในความมืดไม่ช่วยให้ผมมองเห็นใบหน้าของอีกคนดีนัก

“ทำไม”

“กูมีข้อเสนอ” ผมบอกแล้วจับมือของมันไว้

“อะไรของมึงอีก”

“ลองเป็นแฟนกูสักวันไหม”

“อะไรของมึงเนี่ย”

“ถ้าติดใจมีโปรโมชั่นตลอดชีวิตนะ”

“มึงบ้าไปแล้วจริงๆ ด้วย”

“หลับเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมา มึงจะไม่ใช่คนโสดแล้วนะ”

“…”

“ที่เงียบนี่กำลังดีใจอยู่ใช่หรือเปล่า”

“ที่เงียบเพราะกูจะนอนต่างหาก” ตะวันพูดแล้วนอนตะแคงหันหลังให้ผม แต่มือของเรายังคงจับกันอยู่ มันไม่ได้สะบัดออก แถมยังจับมือผมกลับอีกด้วย ด้วยความที่กลัวว่าอีกคนจะเมื่อย ผมเลยขยับเข้าหา พร้อมกับกอดมันแน่น ตะวันไม่มีท่าทีขัดขืนอะไร แสดงว่าโอเคหรือเปล่านะ


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ตัวร้ายที่รัก | ตอนที่ 2 | 06/02/2020
«ตอบ #4 เมื่อ06-02-2020 22:29:53 »

เพชรรุกหนักมาก...กกกกก เชียร์ๆๆๆๆ   :hao6:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ตัวร้ายที่รัก | ตอนที่ 3 | 09/02/2020
«ตอบ #5 เมื่อ09-02-2020 08:46:29 »

ตอนที่ 3


Tawan Part

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่รู้สึกว่าหัวใจพองโต ผมจำได้ว่าเคยรู้สึกแบบนี้ แต่มันก็นานมากแล้ว เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย หันไปทางไหนก็มีแต่เรื่องที่ทำให้อยากจะยิ้ม และมีความคิดที่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำไมถึงเพิ่งเห็นความบ้าในตัวของเพชรนะ มันเคยบอกชอบผม แต่แล้วก็เหมือนเป็นลมปาก เป็นเรื่องเล่า ที่เข้าหูแล้วฝังในสมอง แต่ไม่มีการปฏิบัติหรือสื่อสารอะไรมากมายเพื่อขยายความถึงความชอบที่มันมีต่อผมเลย แต่ช่วงหลังมานี่มันลุกหนักมากขึ้น หลายๆ ครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกไปไม่เป็น ทั้งเขิน ทั้งอยากจะยิ้ม และสามารถทำให้ผมลืมความเศร้าไปอย่างน่าประหลาดใจ

“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงแหบของเพชรดังขึ้น มันงัวเงียแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองมาที่ผม ทำไมถึงชอบตื่นมาตอนที่ผมกำลังแต่งตัวอยู่นะ

“อืม มึงก็ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ไม่เห็นปลุกเลย แล้วแต่งตัวจะไปไหน”

“ไปเดท”

“เดท?”

“อืม ก็วันนี้กูไม่โสด ก็ต้องไปเดทใช่ไหมล่ะ” ผมบอกเพื่อทวนความจำของอีกคน มันเป็นคนพูดเองนะ และมั่นใจว่าไม่ใช่การละเมอด้วย ในเมื่อตัวมันเองนอนกอดผมทั้งคืนเลย

“แน่ะ มีใจก็บอกมา”

“เหมือนๆ จะโสดละ”

“พูดหยอกนิดเดียวเอง เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ” เพชรบอกแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ววิ่งตรงไปยังห้องน้ำ ปกติก็ไม่ใช่คนกระตือรือร้นอะไร พอเห็นมันเป็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกแปลกตา แต่ผมก็อดยิ้มไม่ได้อยู่ดี

“เหมือนเสื้อคู่เลยว่ะ”

“ก็แม่ซื้อให้เหมือนกัน”

“มึงเปลี่ยนสิ เสื้อมึงก็มีตั้งเยอะ”

“ไม่เอา ใส่แบบนี้แหละ” หลังจากเพชรอาบน้ำเสร็จ มันก็เดินมาแต่งตัว ผมที่เสร็จก่อนมันแล้วเลยนอนรอเล่นเกมอยู่บนเตียง แปลกใจที่มันใส่เสื้อที่แม่ซื้อให้ ซึ่งก็แปลว่ามันใส่เสื้อที่เหมือนกันกับผมเป๊ะๆ ทั้งๆ ที่มีเสื้อตัวอื่นๆ อยู่เต็มตู้

“แปลกๆ อ่ะ”

“ไม่เห็นแปลก เดี๋ยวก็ชินเองนั่นแหละน่า ลงไปกันเถอะ แม่คงรอกินข้าวอยู่”

“เออๆ” ผมรับคำแล้วเดินตามมันออกจากห้อง

เสื้อที่ใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดธรรมดาครับ ไม่ได้มีลวดลายอะไรพิเศษ สีเสื้อก็เป็นสีฟ้าอ่อน ผมกับเพชรต่างกันก็ตรงที่กางเกง ผมใส่ยีนสีขาวยาวเท่าเข่า ส่วนมันใส่กางเกงยีนขายาวขาดๆ ดูเซอร์ๆ ผมที่ยาวระต้นคอก็ถูกจับมัดไว้ลวกๆ

“อ้าว ตื่นกันแล้วเหรอ”

“ครับ วันนี้แม่ทำอะไรครับ วันไม่ได้ออกมาช่วยเลย”

“ไม่เป็นไรเลย แม่ทำข้าวต้มหมูเอาไว้ แล้วหนุ่มๆ จะไปไหนกันหรือเปล่า แต่งตัวหล่อกันเลย”

“ไปเดทครับ”

“มึง” ผมเรียกมันเสียงเข้ม พร้อมทั้งกระทุ้งข้อศอกใส่สีข้างของมันด้วย

“อะไรล่ะ ก็กูพูดความจริง” มันเถียง ถึงจะความจริงยังไงก็ไม่ควรพูดไหมล่ะ

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องทะเลาะกัน จะไปเดทหรือไปเที่ยวก็ขอให้สนุกนะ วันนี้แม่ก็ว่าจะไปเสริมสวยสักหน่อย แต่อยากกลับดึกมากนักล่ะ แม่เป็นห่วง”

“ครับ” ผมตอบรับ แล้วนั่งลงทานข้าวต้มที่แม่ของเพชรทำเอาไว้ ท่านตักให้พวกผมเยอะเลย เป็นข้าวต้มซี่โครงหมู ทั้งอร่อย ทั้งหอม

“แม่จะออกไปพร้อมพวกผมไหม” เพชรถามแม่ของมันหลังจากหยิบเสื้อแขนยาวมาให้ผมเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวเพื่อนแม่จะมารับ”

“ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปก่อนนะ” เพชรบอกแม่แล้วเดินมาที่หน้าบ้าน สิ่งที่ผมคิดว่าจะทำให้แผนวันนี้ล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่มก็คงเป็นรถคันเก่งของมันนี่แหละ

“เอาคันนี้ไปเหรอ”

“อืม ขี่ง่าย หาที่จอดก็ง่าย”

“ตายก็ง่าย”

“ปากมึงอ่ะ หรือจะให้ขับรถไปล่ะ”

“ไม่ต้องหรอก ไปกับไอ้สองล้อนี่แหละ” ผมบอกแล้วหยิบหมวกกันน็อกมาใส่ ผมเอะใจตั้งแต่มันหยิบเสื้อแขนยาวมาให้ใส่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเอารถคันนี้ไปจริงๆ

เพชรขับรถออกสู่ถนนใหญ่ ใช้เวลาไม่น่าก็ถึงที่หมาย ซึ่งผมคิดว่าจะถึงที่ตายก่อนซะอีก ไม่รู้ว่าจะขับรถเร็วอะไรขนาดนี้ หรือเพราะมันเป็นรถเล็กกันแน่นะ ทั้งลมที่ปะทะหน้า ทั้งเสียงรอบข้างที่ได้ยินชัดเจน เลยทำให้รู้สึกน่ากลัว

“อากาศโคตรดี” ผมบอกหลังจากถอดหมวกกันน็อกออก ไม่ได้แพลนไว้ว่าจะไปไหน แต่เพชรก็ขับรถมาที่นี่ มีทั้งคนวิ่งออกกำลังกายและพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น ผมชอบนะ เพราะสงบ ไม่มีผู้คนเยอะ แถมยังเล่นกับสัตว์ต่างๆ ได้อีกด้วย หลายๆ ครั้งที่มีปัญหา เพชรมักจะพาผมมานั่งที่นี่อยู่บ่อยๆ

“สดชื่นไหม”

“อืม ไปเดินตรงโน้นกัน” ผมบอกแล้วเดินนำไปตรงน้ำพุกลางแจ้ง เพราะมีเก้าอี้หินอ่อนไว้ให้คนนั่งแถมยังเป็นที่ร่มอีกด้วย

“คนนั่งเต็มหมดแล้ว ไปตรงนั้นเถอะ” เพชรบอก พอเดินมาถึงตรงน้ำพุ เก้าอี้ทุกตัวถูกจับจองไปหมดแล้ว

“มึง ลูกชิ้น”

“อยากกินเหรอ”

“อืม”

“เอาอะไรก็เลือก” เพชรบอก เราสองคนเดินผ่านมุมที่ขายอาหารพอดี มีร้านหลายร้านเลยที่เพิ่งจะเปิด ผมเลือกซื้อลูกชิ้นแค่ไม่กี่ไม้ เพราะเพิ่งกินมาก็ยังอิ่มๆ อยู่เลย

“50 บาทครับ”

“นี่ครับ” ผมรับลูกชิ้นจากคนขายแล้วจ่ายเงินให้กับเขา แล้วเดินหลบมุมมานั่งกินที่โต๊ะ

“กินดีๆ เดี๋ยวน้ำจิ้มหกใส่เสื้อ” เพชรบอกแล้วลุกขึ้นเดินไปยังร้านค้า ผมคิดว่ามันจะซื้ออะไรมากินด้วยซะอีก แต่ไม่ใช่ มันเดินไปซื้อน้ำมาให้

“ขอบใจ” ผมบอกแล้วรับน้ำจากมือมันมาดื่ม

“อะไร” เพชรถามเมื่อผมยื่นถุงลูกชิ้นให้

“ให้กิน”

“ไม่เอา มึงกินเถอะ”

“อิ่มแล้ว” ผมพูดเสียงเบา ก็คิดว่าซื้อมาไม่เยอะแล้วนะ แต่ก็ดันกินไม่หมด

“ห้ามทิ้ง เสียของหมด เอามานี่” ผมกำลังจะลุกเอาไปทิ้ง แต่เพชรแย่งไปซะก่อน มันกินลูกชิ้นเข้าไปทีเดียว 2 ลูก

ผมเห็นแบบนั้นเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย ก็ไม่เคยคิดว่าผมกับมันจะมีโมเมนต์แบบนี้ได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยพิศวาสมันเลย แต่ตอนนี้ไม่ว่ามันจะทำอะไร ก็ดูดีไปหมดในสายตาของผม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เคยรักใครอีกคนมากแท้ๆ เพียงแค่ไม่นาน ผมสามารถลืมใครคนนั้นไปได้จริงๆ เหรอ

“ถ่ายทำไม”

“ก็อยากถ่าย” ผมบอก เพชรเป็นคนหน้าตาดีนะครับ หล่อแบบไทยๆ ใบหน้าคมเข้ม ผิวสีแทน แถมยังสูงอีก แต่ด้วยความที่เห็นมันเป็นเพื่อนมาตลอด ผมเลยไม่เคยชื่นชมมันในความรู้สึกนี้

หลังจากกินเสร็จก็ตกลงกันว่าจะเดินไปนั่งที่ศาลาริมน้ำ เพราะที่นั่นคนน้อยแถมไกลอีกด้วย เลยไม่ค่อยมีคนจะเดินไปนั่งสักเท่าไหร่

“เพชร” ผมเรียกมัน แล้วมันก็หันมามองโดยไม่พูดอะไร

“ถ่ายรูปกัน”

“เอาสิ” ผมเดินไปยืนข้างๆ พร้อมกับกดถ่ายรูป นี่เป็นรูปคู่รูปแรกของปีนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่คิดว่าได้รูปที่ดีที่สุดมาแล้ว ผมเลยเดินตรงไปยังศาลาริมน้ำ จากที่คิดว่าคงมีคนบ้างแต่พอมาถึงปรากฏว่าไม่มีใครเลย

ผมนั่งลงพิงมุมเสาต้นหนึ่ง หันหน้าไปทางริมคลองน้ำด้วย ด้านล่างมีทั้งปลาและเต่าอาศัยอยู่ร่วมกัน ปกติพวกผมจะถือขนมปังติดมือมาด้วยนะ แต่ครั้งนี้ไม่ได้เตรียมมา

“ง่วงเหรอ” ผมถาม เพราะมันนอนลงมาที่ตักของผม และผมเองก็ไม่คิดจะห้ามหรือผลักมันออกด้วย

“อยากนอนตัก” เพชรพูดแค่นั้นแล้วหลับตาลง

ผมนั่งเลือกรูปอีกครั้ง เพราะตอนที่ถ่ายรูปแสงมันจ้าจนมองหน้าจอไม่ชัดเท่าไหร่ พอลองมานั่งดูแบบนี้แล้ว มีหลายรูปเลยที่ออกมาดี แต่ผมชอบรูปที่มันจับมือของผมแล้วเอนหัวมาชนกับศีรษะของผมมากที่สุด ชอบรอยยิ้มที่ยิ้มจนตาปิด ทำเอาผมยิ้มตามเลย

หลังจากเลือกได้ ผมก็อัปลงเฟซที่ไม่ได้เล่นมาเป็นอาทิตย์ พร้อมทั้งเช็กอินเหมือนกับปกติที่มา ผมเปิดเพลงฟังเบาๆ ด้วย เพราะอีกคนอาจจะหลับไปจริงๆ แล้วก็ได้

นี่อาจจะเป็นเดทที่ไม่เหมือนกับคู่รักทั่วไป แต่ผมกลับชอบมากเลย การได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมันทำให้จิตใจของผมสงบ เพชรเหมือนกับรู้ใจของผมไปหมด ผมไม่ได้ต้องการอะไรที่หวือหวา ไม่ต้องการคนมาพูดเห็นใจ การที่ได้เพชรมาอยู่ข้างๆ ตอนนี้ มันอาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้ เพชรไม่ค่อยเก่งเรื่องพูดคุยสักเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงเวลาต้องปลอบใจ มันกลับทำได้ดี หลายๆ ครั้งที่ผมเสียใจ ผมก็ไม่ได้ต้องการคนมาพูดให้รู้สึกดีนะ แค่อยากได้คนอยู่ข้างๆ ซึ่งมันก็เป็นคนนั้นตลอด

“ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม”

“กี่โมงแล้ว”

“บ่ายกว่าๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ ไปหาอะไรกินกัน” เพชรบอก เขาไม่ได้เดินนำเหมือนกับปกติ แต่เดินช้าลงเพื่อจะได้เดินข้างๆ ผม ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ เพราะมันต่างจากปกติมาก

เราเดินกลับมาที่มุมเดิมที่ผมกินลูกชิ้น มุมนี้จะมีของขายเยอะ ยิ่งถ้าเป็นวันเสาร์ก็จะเยอะเป็นพิเศษ เหมือนเขาแบ่งสวนให้มีขายแค่ตรงนี้และต้องกินแค่ตรงนี้เท่านั้นด้วย ไม่งั้นคงมีเศษขยะเกลื่อนแน่ๆ

“จะกินอะไร”

“อยากกินข้าวมันไก่ มึงอ่ะ”

“กูจะไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ซื้อเสร็จก็ไปนั่งตรงนั้นแล้วกัน เดี๋ยวกูซื้อน้ำเอง” เพชรบอกแล้วชี้ไปทางโต๊ะที่อยู่ใกล้กับร้านข้าวมันไก่ ผมทำเพียงพยักหน้าแล้วแยกกับมันเพื่อไปซื้ออาหารที่ตัวเองอยากกิน

“ตะวันครับ”

“อ้าว พี่เอกมาทำอะไรที่นี่ครับ”

“แล้วตะวันล่ะครับ”

“ผมมานั่งเล่นครับ”

“มากับใคร”

“ผมมากับเพื่อน”

“โกหก พี่เห็นรูปที่เพิ่งลงในเฟซนะ” พี่เอกพูดออกมาพร้อมกับยกยิ้มขึ้น

“อ๋อ ก็อย่างที่พี่เอกบอกไงครับ ผมลองเปิดใจดู ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างที่พี่เอกบอกจริงๆ ด้วย บางทีผมก็ไม่ต้องมองใครที่ไหนไกลเลย ทั้งๆ ที่ผมมีคนดีๆ อยู่ข้างๆ มาโดยตลอด”

“เราคิดแบบนั้นเหรอ”

“ครับ ผมต้องขอบคุณพี่เองมานะครับ เพราะพี่เอกเลย”

“เพราะพี่งั้นเหรอ หึ พอดีเลยนะ พี่มีอะไรจะให้”

“อะไรเหรอครับ”

“ไปกับพี่ที่รถสิ”

“คือว่าผม...”

“แป๊บเดียว ไม่ไกลหรอก” ผมลังเล ก่อนจะมองหาเพชร มันกำลังต่อแถวซื้อน้ำอยู่และดูท่าคงอีกนาน

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ” ผมรับคำแล้วเดินตามพี่เอกไป รถของเขาก็ไม่ได้จอดอยู่ไกลเลยจริงๆ

“เข้าไปนั่งสิ” พอเดินมาถึงรถ พี่เอกก็พูดขึ้น

“ครับ?”

“พี่บอกให้ขึ้นรถ”

“ขึ้นทำไมครับ”

“ไปกับพี่”

“ไปไหน” ผมถาม พี่เอกเดินมาจับข้อมือของผมแล้วออกแรงกระชาก

“พี่บอกให้ไปกับพี่ ขึ้นรถสิ” พี่เอกพูดเสียงต่ำแล้วเหวี่ยงผมเข้าไปนั่งในรถของเขา

“เดี๋ยวพี่เอก พี่จะพาผมไปไหน” ผมถามอย่างตกใจ เพราะพอเขาดันให้ผมขึ้นรถได้ ก็ล็อกประตูทันที

“เดี๋ยวก็รู้” เขาพูดด้วยโทนเสียงต่ำจนดูน่ากลัว ผมไม่เคยเห็นพี่เอกเป็นแบบนี้มากก่อน

“พี่เป็นอะไร ผมทำอะไรให้พี่โกรธหรือเปล่า”

“โกรธสิ พี่โกรธมากด้วย”

“ผมขอโทษ พี่ให้ผมลงเถอะนะ” ผมบอกไปด้วยความกลัว รถที่กำลังแล่นบนท้องถนนไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงเลย พี่เอกก็ดูโกรธจนไม่สนใจฟังคำพูดของผม

“แค่ไปกับพี่ มันจะตายหรือไง!”

“พี่เอก พี่ทำผมกลัวนะ”

“หึ พี่ไม่ทำร้ายเราหรอก เชื่อสิ” เขาบอกแล้วยกมือลูบใบหน้าของผม แววตาเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนพี่เอกคนเดิม เขาทั้งขึ้นเสียงใส่ ทั้งบีบข้อมือของผม ผมไม่รู้จริงๆ ว่าไปทำอะไรให้ เขาถึงโกรธผมขนาดนี้ ระหว่างที่นั่นรถ ผมก็แอบโทรหาเพชรไปด้วย ได้แต่หวังว่าเขาจะรับ เพราะปลายทางของถนนนี้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าพี่เอกจะพาไปไหน

:mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 4


Pechra Part


RRRRRR

+++Tawan+++

สายที่โทรเข้ามาเป็นตะวันนั่นเอง ผมเลยมองไปยังที่โต๊ะที่ผมบอกให้เขานั่งรอ แต่ปรากฏว่าไม่มี ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ เขายังยืนซื้อข้าวมันไก่อยู่เลย

“ว่าไง” ผมกดรับแล้วถามปลายสาย อาจจะโทรมาบอกว่าไปห้องน้ำก็เป็นได้

(พี่เอกจะพาผมไปไหน)

“ตะวัน กูเองนะ”

(พี่ทำผมกลัวนะ)

เสียงของตะวันตื่นตระหนกเกินกว่าปกติ ผมพยายามจับใจความและดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้อยู่ที่นี่

“ตะวัน มึงได้ยินกูไหม ตะวัน! โธ่โว้ย” ผมเรียกเสียงดังจนคนรอบข้างตกใจ ผมได้ยินเสียงของตะวันพูดถึงคนชื่อเอก คงจะเป็นเพื่อนพี่ชายของมันที่เคยเจอกันเมื่อวานสินะ ผมเดินออกจากแถวมาแล้วเดินตรงไปยังรถ เปิดจีพีเอสดูด้วยว่ามันกำลังไปทางไหน พอรู้ทางคร่าวๆ แล้ว จึงกดโทรศัพท์หาคนที่คิดว่ารู้จุดหมายปลายทาง

Thu…Thu…Thu…

(เพชรเหรอ)

“ครับ ผมเอง”

(โทรมามีอะไรหรือเปล่า)

“ผมคิดว่าเพื่อนพี่จับตัวตะวันไป”

(ใคร)

“คนที่ชื่อเอก”

(ไอ้เอกอะนะ จะใช่เหรอ)

“ผมอยู่กับตะวันที่สวนสาธารณะ เรากำลังจะกินข้าวกัน แล้วอยู่ๆ ตะวันก็หายไป มีสายโทรเข้ามาจากตะวัน มันบอกว่ามันกลัวและผมได้ยินมันเรียกคนที่ชื่อเอก”

(ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะติดต่อกับมันให้ เผื่อมีเรื่องเข้าใจผิดกัน)

“ครับ ด่วนก็ดี เพราะผมกำลังขับตามไปอยู่” ผมบอกแล้วกดวาง เปิดจีพีเอสอีกครั้งเพื่อเช็กว่าไปทางไหน ผมกังวลจากที่ได้ยินเสียงสั่นๆ ของตะวัน ผมกลัวว่าคนที่ชื่อเอกจะทำอะไรไม่ดี กลัวว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

หลังจากขับตามได้ไม่นาน เส้นทางที่ขับก็ดูเหมือนจะออกนอกเมืองไปไกล ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผมไม่คุ้นตาเอาซะเลย

RRRRRR

มีสายโทรเข้าจากพี่เนส ผมจึงจอดรถข้างทางแล้วรับสาย

“ครับ”

(เส้นทางที่มันขับไป คือที่ไหน) พี่เนสถาม ฟังจากน้ำเสียงแล้วเขาก็ดูกระวนกระวายไม่ต่างกัน

“ผมไม่รู้ แต่ออกนอกเมืองมาทางเหนือ”

(บ้านพักของปู่มัน นายตามมันไปเรื่อยๆ แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะขับรถตามไป)

“ครับ แล้วเขาบอกไหม ว่าจับตะวันไปทำไม”

(มันชอบว่าเพราะมันชอบตะวัน แต่เรื่องนี้ฉันรู้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะทำเรื่องแบบนี้ ยังไงฝากนายด้วยแล้วกัน ถ้าไปถึงแล้วก็โทรมานะ)

“ครับ” ผมบอกแล้วกดตัดสาย รู้สึกไม่สบายใจเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น

+++

“เวรเอ๊ย” ผมกำลังหัวเสีย นี่มันเป็นไฟแดงที่ 5 แล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านไฟแดงมาได้ไม่นาน ถึงผมจะไม่รู้จักเส้นทางนี้ดี แต่ก็เคยได้ยินมาว่าชอบมีคนตายเพราะขับรถเร็วเกินจนแหกโค้ง ไหนจะกลางดึกที่ชอบมีคนมาแข่งรถกันด้วย ทำให้ตอนกลางวันและตอนเย็นถนนสายนี้จึงรถติดเป็นพิเศษ ซึ่งเหตุนี้เลยทำให้ผมหัวเสียอยู่ตอนนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้

“ติดอะไรนักหนาวะ” ผมพยายามขี่รถขึ้นไปเบียดหลายต่อหลายคัน รู้ว่ารถคันหลังคงจะอยากด่าผมไม่น้อย แต่ถ้าไม่รีบ ผมก็กลัวว่าตะวันจะโดนทำอะไรไม่ดีไปซะก่อน

นานกว่า 2 ชั่วโมงที่ผมขี่รถกว่าจะมาถึงจุดหมาย ที่นี่เป็นบ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงหลายลูก ผมลองโทรไปหาพี่เนสก่อนที่จะเข้าไปในตัวบ้าน

Thu…Thu…Thu…

(ถึงไหนแล้ว)

“ผมอยู่หน้าบ้าน”

(ยังไม่ต้องเข้าไปนะ ไอ้เอกมันมีปืน ฉันโทรแจ้งตำรวจไปแล้ว) พี่เนสบอก นั่นยิ่งทำให้ผมกังวลกว่าเดิมอีก ถ้าคนที่ชื่อเอกมีปืนจริง แล้วตะวันจะรู้สึกกลัวแค่ไหน

ถึงจะบอกไม่ให้เข้าไป แต่ผมก็ต้องเข้าอยู่ดี ถ้าโชคดีก็คงช่วยตะวันไว้ได้ ส่วนถ้าโชคร้าย ผมไม่อยากพูดถึง เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด ไม่ว่าจะใครบาดเจ็บ มันก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น

ผมเดินดูเกือบรอบบ้าน ประตูถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา หน้าต่างแทบทุกบานก็ล็อกปิดสนิท ทำให้ผมไม่สามารถเข้าไปได้

กึ่ก

ผมคลำหน้าต่างทุกบานจนมาเจอบานทางด้านซ้ายของบ้าน มันถูกลงกลอนเฉกเช่นทุกๆ บาน แต่ว่าไม้มันผุเกินกว่าจะใช้การได้จริง จึงไม่ยากเลยถ้าจะงัดเข้าไป

ผมพยายามทำให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพราะผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันอยู่ไหน หรือพาตะวันไปซ้อนไว้ที่ห้องไหน ภาวนาว่าอย่าเปิดไปแล้วเจอมันถือปืนจอหัวผมอยู่ก็พอ

ตุ้บ

ผมกระโดดเข้ามายังห้องห้องหนึ่ง คงจะเป็นห้องนอนของใครสักคน ผมไม่ได้สนใจที่จะสำรวจมากนัก สายตาคอยสอดส่องไปรอบๆ แล้วค่อยๆ เปิดประตูออกไป

“พี่เอกปล่อยผมไปเถอะนะ”

“ตะวันจะร้องไห้ทำไม พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก หิวไหม”

“ผมไม่หิว ผมอยากกลับบ้าน”

“กลับไปทำไมล่ะ กลับไปหาไอ้เนสเหรอ มันไม่สนใจตะวันแล้ว”

“เปล่า ผมไม่ได้จะกลับไปหาพี่เนส”

“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่กับพี่ที่นี่สิ พี่รักตะวันนะ พี่จะดูแลตะวันเอง”

“แต่ผมไม่ได้รักพี่ ผมอยากจะกลับบ้าน พี่เอกให้ตะวันกลับบ้านนะ”

“โธ่ ตะวัน พี่ก็บอกแล้วไงวะว่าพี่จะดูแลตะวันเอง แค่อยู่กับพี่ รักพี่ มันไม่ยากเลยไม่ใช่หรือไง!” มันเหมือนคนขาดสติ พูดจาเสียงดังจนตะวันสั่นไปด้วยความกลัว แถมยังบีบคอของตะวันจนเป็นรอยแดงอีกต่างหาก มือข้างหนึ่งของมันถือปืนเอาไว้ ทำให้ตะวันกลัวจนร้องไห้ไม่หยุด

“เดี๋ยวพี่ไปทำอะไรให้กิน นั่งอยู่นี่ก็แล้วกัน” มันบอกกับตะวันแล้วเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป ผมที่แอบอยู่ก็รีบวิ่งเปิดประตูไปหาตะวันที่นั่งสั่นอยู่

“ชู่ววว”

“เพชร” ตะวันเรียกชื่อผมเสียงเบา

“ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวกูจะพามึงออกไป” ผมบอกแล้วรีบแก้เชือกที่มัดตะวันออก มองดูรอบๆ ห้องเพื่อหาทางออกแต่ก็ไม่เจอประตูเลยสักบาน

“ลุกไหวไหม” ผมถาม

“อืม” ผมพยุงตะวันลุกขึ้นแล้วค่อยๆ เดินไปตามทาง บ้านหลังนี้จัดว่าใหญ่มาก ถึงจะเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ก็มีหลายห้อง เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมจึงเลือกออกทางเดิมที่เข้ามา

“ช้าๆ นะ” ผมบอก เพราะประตูห้องอยู่ใกล้กับครัว ผมได้ยินเสียงกาต้มน้ำและเสียงที่มันกำลังหันอะไรสักอย่างอยู่

แก๊ก

“ตะวัน!” มันเรียกชื่อตะวันเสียงดัง

“เฮือก” ตะวันตกใจจนเข่าทรุด

“เดินออกมา!”

“พี่เอก พี่ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ”

“ทำไมตะวันถึงอยากไปจากพี่ล่ะ พี่เป็นคนที่อยู่ข้างตะวันมาตลอดเลยนะ หลังจากที่ตะวันตัดใจจากไอ้เนสได้ ตะวันก็ต้องเลือกพี่สิ ตะวันต้องรักพี่ ตะวันไม่เห็นความดีของพี่เลยเหรอ”

“ผมรู้ว่าพี่ดีกับผมมาก และผมซึ่งใจมากด้วย แต่ผมไม่ได้รักพี่”

“แล้วตะวันรักใคร รักมันเหรอ มันที่มาทีหลัง มันที่เป็นใครก็ไม่รู้ จะดูแลตะวันได้เหมือนกับพี่เหรอ จะรับฟังตะวันได้เหมือนกับพี่หรือไง”

“ฮื่ออออ”

“อยู่กับพี่เถอะตะวัน...เดินมาหาพี่สิวะ!”

“คุณไม่เห็นเหรอว่าตะวันกลัวคุณแค่ไหน” ผมพูดหลังจากที่เงียบอยู่นาน

“กลัวเหรอ กูมีอะไรให้กลัว กูมีแต่ดูแล ปกป้องตะวัน ทำไมต้องกลัวกูด้วย”

“แต่ตะวันไม่ได้อยากอยู่กับคุณ”

“มึงมีสิทธิ์อะไรมาพูด มึงจะรู้เรื่องอะไร กับไอ้เนสน่ะกูพอรับได้เพราะมันมาก่อน แต่กับมึงน่ะไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น”

“คุณน่ะมีสติหน่อยสิ คิดไม่ออกเลยเหรอว่าอะไรผิด อะไรถูก”

“กูจะอยู่กับคนที่กูรัก มันผิดตรงไหน มึงนั่นแหละเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาแทรกกลางระหว่างพวกกู” ดูเหมือนยิ่งพูดจะยิ่งไม่รู้เรื่อง

“ผมอยู่ของผมตรงนี้ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่แค่คุณสักหน่อยที่คอยอยู่ข้างตะวัน”

“ถ้าไม่มีมึง ตะวันก็คงจะไม่ลังเลสินะ” มันบอกแล้วหันปืนมาทางผม

“อย่านะพี่ พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ” ตะวันร้องห้าม

“ตะวันปกป้องมันเหรอ เห็นมันดีกว่าพี่ที่ดีกับตะวันมาตลอดใช่ไหม”

“มันไม่เกี่ยวกันนะพี่เอก พี่ต้องใจเย็นก่อนนะ”

ปัง

เสียงปืนดังขึ้น ผมกับตะวันหมอบลงทันที ทำให้ปืนที่อยู่ในมือของมันกระเด็นออกไป คนที่ยิงเข้ามาคงจะเป้นตำรวจแน่ๆ

“โอ๊ย” เสียงร้องของมันดังขึ้น เลือดที่มือของมันไหลออกมาไม่หยุด เสี้ยววินาทีที่ผมสบตากับมัน เราต่างก็วิ่งเข้าไปคว้าปืนที่ตกอยู่บนพื้น ทั้งๆ ที่อยู่ห่างแค่เอื้อม แต่ผมกลับคว้าไว้ไม่ทัน จึงถอยหลังออกมาบังตะวันเอาไว้

“ถอยออกไป”

“ตำรวจอยู่ด้านนอก คุณต้องหยุดทำแบบนี้”

“กูไม่สน ถ้ากูไม่ได้ตะวัน มึงก็ต้องไม่ได้”

ปัง ปัง ปัง

เสียงปืนดังขึ้น ผมผลักตะวันไปอีกด้าน รู้ตัวอีกทีตัวผมเองก็ล้มลงแล้ว ภาพรางๆ ที่เห็นคือมีตำรวจวิ่งเข้ามาแล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นจนปวดหัว

“เพชร เพชร” ผมได้ยินเสียงตะวันเรียกชื่อของผม ตะวันคงไม่เป็นไรแล้วสินะ แค่นี้ก็คงโอเคแล้ว

“อย่าเป็นอะไรไปนะเพชร ฮื่อออ พี่เนส ช่วยเพชรด้วยนะครับ”

“ใจเย็นก่อน พี่โทรเรียกรถพยาบาลแล้ว”

“เพชร อย่าเป็นไรนะ ฮึก เพชร” ผมพูดไม่ออก ทั้งจุกและเจ็บไปหมดบริเวณหน้าท้อง ได้แต่ยิ้มให้อีกคน ไม่ว่าจะครั้งแรกที่เจอกัน หรือแม้ว่าตอนนี้ ตะวันก็เป็นคนขี้แยไม่เปลี่ยนเลย

“มึงจะไม่เป็นไรนะเพชร มึงอย่าหลับสิ เพชร เพชร” ได้ยินเสียงตะวันเรียกหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่มีแรงจะตอบกลับ แสงสว่างค่อยๆ มืดลงแล้วสติของผมก็ดับไปจนไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก

+++

“อืมมม”

“เพชร พี่เนส เพชรฝืนแล้ว”

“เดี๋ยวพี่ไปตามหมอให้”

“ครับ...เพชร ได้ยินกูไหม”

“อืม” ผมตอบรับแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น ผมกะพริบตาหลายทีถึงจะปรับการมองเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังคงมึนงงอยู่ดี

“เจ็บไหม อย่าเพิ่งขยับนะ” ผมได้แต่พยักหน้า เพราะเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก

“เจ็บมากเลยใช่ไหม มึงหลับไปตั้ง 2 วันแน่ะ” ตะวันพูดเสียงสั่น มันเหมือนคนที่อยากจะร้องไห้แต่ก็กลั่นเอาไว้

“ดื่มน้ำไหม” ตะวันถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ

“เจ็บ” ผมพูดออกไปเสียงเบา แล้วหายใจเข้าลึกๆ พอดีกับที่หมอเดินเข้ามา ผมได้แต่มองตามตะวันที่ถอยไปอยู่ด้านหลังหมอ ทั้งๆ ที่เพิ่งตื่น ผมก็รู้สึกง่วงอีกแล้ว อยากจะมองหน้าตะวันต่อ แต่ก็ไม่อาจฝืนไหวจึงหลับไปในที่สุด

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในกลางดึก คอแห้งและรู้สึกหิวน้ำมาก

“เพชร”

“น้ำ”

“แป๊บนะ” ตะวันบอก มันเปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วรินน้ำใส่แก้วให้ ก่อนจะส่งมาให้ผมดื่ม

“ค่อยๆ ดื่ม เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม”

“ดีขึ้นแล้ว มึงไม่เป็นไรใช่ไหม”

“อืม ไม่เป็นไรเลย”

“แล้วไอ้คนที่จับมึงล่ะ”

“ถูกตำรวจจับไปแล้ว” ตะวันบอกแล้วทรุดตัวลงนั่ง

“เป็นอะไร หิวเหรอ ได้นอนบ้างหรือเปล่า”

“อืม แต่กูเป็นห่วงมึงแทบแย่ ดูตากูสิ ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้วเนี่ย”

“รักกูแล้วน่ะสิ”

“มึงเล่นมุกเหรอ”

“หึ” ผมหัวเราะกับความปากแข็ง แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะเร่งอะไรมันหรอก ถ้าสักวัน มันรู้สึกว่ารักผมแล้วจริงๆ ผมเชื่อว่ามันจะต้องพูดออกมาแน่ คนอย่างมัน ถ้าลองได้รักแล้ว มันรักจริง

“หัวเราะอะไร มึงน่ะรอกูไปจนแก่เลย”

“ถ้าต้องเปิดซิงตอนแก่ มึงจะเสียใจนะ”

“ไอ้บ้า มึงพูดอะไรเนี่ย”

“หรือจะลองตอนนี้ดีล่ะ”

“สาบานว่ามึงเพิ่งโดนยิงมา”

“เออ ไม่แกล้งแล้ว” ผมบอกแล้วจะขยับตัว แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดเลยรู้สึกเจ็บที่แผล

“เจ็บเหรอ มึงขยับทำไมเนี่ย ไหนดูสิ” ตะวันพูดอย่างร้อนรน

“มีความเป็นห่วง”

“เออ กูห่วง มึงอย่าทำแบบนี้สิวะ” ตะวันพูด มันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้

“เออๆ ๆ ไม่ร้องนะโว้ย” ผมบอก แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว

“ฮึก ตอนที่มึงถูกยิง ตอนที่มึงต้องเข้าห้องผ่าตัด ฮื่อออ แม้แต่ตอนที่มึงนอนพักฝืน ไม่มีตอนไหนเลยนะโว้ยที่กูไม่เป็นห่วงมึง ฮึกๆ”

“รู้แล้วๆ”

“กะ...กูไม่รู้หรอกนะ ว่าตอนนี้กูเริ่มรักมึงหรือยัง ฮื่อๆ หรือกูอาจจะรักมึงมากๆ ไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่กูแน่ใจ คือมึงคือคนที่ร่วมทุกร่วมสุขไปกับกูได้ ฮึกๆ เป็นคนที่กูไม่เคยคิดว่าจะใช่ แต่กูก็รู้สึกว่าโคตรดีเลยที่เป็นมึง”

“ไม่เอาสิ ไม่ร้อง” ผมบอกเพราะเป็นคนปลอบคนไม่เก่ง ได้แต่เช็ดน้ำตาให้มันแทน

“ขอบคุณนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”

“อืม กูรอได้ เพราะกูเชื่อ ว่าสักวันมึงต้องรักกู” ผมบอกแล้วขยับไปกอดมัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีในความรัก ไม่ใช่ทุกคนที่รักแล้วจะได้ความรักตอบ แต่ผมเชื่อว่าความจริงใจจะไม่ทรยศใครและไม่ทำให้ใครเสียใจ

“ขอบใจนะ สักวันหนึ่ง กูต้องบอกรักมึงแน่ๆ” ตะวันบอกแล้วกอดผมตอบ เรื่องของความรัก ไม่มีอะไรที่ง่าย รักมากไปก็เป็นโทษ รักน้อยไปก็ไม่ดี ผมจึงไม่เร่งรีบ ปล่อยเวลาให้ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ถ้าสักวันหนึ่ง มันจะใช่ เดี๋ยวมันก็ใช่เอง



เท่าที่รู้จัก ผมเชื่อว่าพี่เนสรักตะวันจริงๆ แต่เขาก็เล่นกับความรู้สึกของคนอื่น เลยไม่แปลกใจที่จะจบลงแบบนี้ ทางที่เขาเลือก ใช่ว่าไม่ดี มันอาจจะดีในแบบของเขา ถึงแม้ว่าจะทำให้ตะวันเสียใจ แต่ผมก็เชื่อว่าตัวเขาเองก็เสียใจไม่ต่างกัน



กับคนที่ชื่อเอก ถ้าเขาตรงไปตรงมากกว่านี้สักนิด แสดงออกกว่านี้สักหน่อย ตะวันอาจจะเอนเอียงไปกับเขาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้



ส่วนผม ถึงแม้จะปล่อยเวลามาเนิ่นนาน แต่มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง ผมได้แสดงแล้วว่าผมสามารถอยู่ข้างมันได้ ผมปกป้องมันได้ สิ่งที่ตะวันต้องการตอนนี้ก็คือเวลา หากผมแสดงความจริงใจให้เห็น มันก็ไม่อยากเลยที่เราจะตกลงเป็นแฟนกัน...



:hao3: :hao3: จบแล้วค่ะ เหลือลงตอนพิเศษให้อีกตอนนะคะ :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โชคดีที่ปลอดภัย  :hao5:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0


ตอนพิเศษ


Nes Part


6 ปีก่อน

ผมมีผู้หญิงที่คิดว่ารักมากอยู่คนหนึ่ง เรารู้จักกันมานาน คอยดูแลกันและกันอยู่เสมอ เขาทำให้ผมหยุดที่เขาได้และไม่คิดจะมองคนอื่น ผมเชื่อนะ ว่าคนเรา สามารถรักคนได้เพียงคนเดียว และผมเองก็คิดว่าตัวเองรักเขาแค่คนเดียวมาโดยตลอด จนกระทั่ง...ผมได้รู้จักเด็กน้อยคนหนึ่ง คนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งๆ ที่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ แต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงทำให้ผมหวั่นไหวได้ขนาดนี้นะ

“เนส ไปเที่ยวกันไหม”

“วันนี้ไม่ได้”

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“วันนี้แม่ให้กลับไปกินข้าวที่บ้านน่ะ”

“แม่หรือตะวัน ดูนี่สิ เขาดูติดเธอมากเลยนะ” ผมขมวดคิ้วกับข้อความที่ตะวันส่งให้ทราย เพราะที่จริงแล้ว การที่ผมจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน เพราะมีเด็กน้อยของผมรอทานข้าวอยู่ นั่นก็คือตะวันนั่นเอง

“แม่สิ เราจะโกหกเธอทำไม”

“รู้ไหมว่าตะวันส่งข้อความมาให้เรามากเกินไป”

“เธอน่ะคิดมาก ตะวันเขาอยากชวนเธอไปด้วยหรือเปล่า ข้อความที่เขาส่งมาให้เราก็บอกให้ชวนเธอไปด้วยนะ” ผมโกหก เพราะไม่อยากให้ทรายไม่สบายใจ เป็นเรื่องจริงที่ตะวันไม่ชอบทราย แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“ไม่ล่ะ เรากลัวเป็นแบบครั้งที่แล้ว” ทรายปฏิเสธ เพราะทุกครั้งที่เธอตามผมไปบ้าน มักจะต้องมีปัญหาตามมาทุกที และส่วนมากก็จะเป็นทรายที่ได้รับบาดแผลมาแบบไม่ได้ตั้งใจ

“ถ้าอย่างนั้นเรากลับก่อนนะ”

“อืม เดี๋ยวรายงานที่เหลือเราเอากลับไปทำกับเอกเอง เธอไปเถอะ” ทรายบอก เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม เธอขยันและตั้งใจเรียน ทุกคนยกให้เป็นหัวหน้าของกลุ่ม เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงแกร่งที่กำราบชายโหดในกลุ่มทุกคนอยู่หมัด

ผมขับรถกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ดีกว่าทุกวัน การได้เจอหน้าของตะวันมันทำให้ผมมีความสุข เขาเป็นเด็กน้อยน่ารัก ยิ้มเก่ง และพูดคุยเก่ง ครั้งแรกที่เจอกัน เขาก็เป็นคนชวนผมคุยก่อน มันไม่ง่ายเลยกับการที่ต้องปรับตัวเข้าหาคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ต้องกลายมาเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน

“กลับมาแล้วครับ”

“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพ่อจะกลับมาแล้วนะ”

“ครับแม่ แล้วน้องล่ะครับ”

“อยู่ในห้อง เพิ่งกลับมาเหมือนกัน”

“ถ้างั้น...”

“อย่าไปกวนน้องนะเนส” แม่พูดดัก

“ผมเปล่ากวนสักหน่อย” ผมเดินไปหอมแก้มแม่แล้วเดินขึ้นมาบนห้อง ถ้าเลี้ยวขวาก็เป็นห้องของผม แต่ถ้าเลี้ยวซ้าย ก็เป็นห้องของตะวัน ซึ่งแน่นอน ว่าผมต้องไปหาน้องก่อน

“ตะวัน” ผมเปิดประตูห้องไปแล้วเรียกชื่อเด็กน้อย ได้ยินเสียงน้ำจากห้องน้ำ ทำให้ผมเงียบแล้วเดินไปนั่งที่เตียงนอน กลิ่นของตะวันอบอวลไปทั่วทั้งห้อง เป็นกลิ่นเด็กที่ผมชอบ

“พี่เนส!” เด็กน้อยเปิดประตูออกมาแล้วร้องด้วยความตกใจ เขานุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ทำให้เห็นเอวเล็กและผิวขาวภายใต้เสื้อผ้าที่แทบจะใส่อย่างมิดชิดตลอดเวลา

“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” เด็กน้อยเปลี่ยนเรื่อง ใบหน้าใสที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อและกำลังแดงขึ้นเรื่อยๆ

“เพิ่งเข้ามาเอง แต่พี่เรียกเราก่อนแล้วนะ เราไม่ตอบพี่เอง”

“ผมไม่ได้ยิน” ตะวันบอกแล้วเดินเลี่ยงไปยังตู้เสื้อผ้า เด็กน้อยมองดูเสื้อทีละตัว แต่ก็ไม่คิดจะหยิบออกมา

“เสื้อกล้ามสีแดง” ผมเลือกให้แล้วตะวันก็หยิบออกมาวางลงที่นอนข้างๆ ผม

“ไม่ใส่เลยเหรอ” ผมถาม

“ไม่ครับ รอพี่เนสออกไปก่อน”

“ไล่หรือเปล่า”

“ไม่กล้าหรอกครับ แล้วพี่ไม่ไปอาบน้ำเหรอ เดี๋ยวพ่อจะมาแล้วนะ”

“ก็มาดูเราก่อน ถ้าอย่างนั้นพี่ไปห้องแล้วนะ”

“ครับ” เด็กน้อยรับคำโดยที่ไม่หันมามองผม ผมเดินไปลูบหัวพร้อมกับหอมแก้มเขาแล้วเดินออกมา

ผมชอบสถานะของพวกเราตอนนี้ ที่มากกว่าพี่น้อง แต่ไม่ใช่คนรัก เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยากเกินกว่าจะพูดออกมา เพียงแค่มองตา ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของอีกฝ่าย เราทั้งสองเข้าใจกันและกันเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยคำใด

มื้อเย็นผ่านไปด้วยดี แม่ยังคงทำกับข้าวอร่อยไม่เปลี่ยน พ่อของตะวันเองก็ดีกับผมและแม่มาก ถึงจะทำงานไกลและไม่ค่อยกลับบ้าน แต่ทุกครั้งที่กลับมาก็มักจะมีของฝากติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ

“ตะวัน”

“ครับ”

“ขึ้นไปทำการบ้านเถอะลูก เดี๋ยวแม่เก็บเอง เนสก็ขึ้นไปพักเถอะนะ”

“ครับ / ครับ” ผมกับตะวันตอบรับพร้อมกัน ระหว่างที่ขึ้นบันไดมา เด็กน้อยก็เล่าเรื่องของวันนี้ให้ฟัง

“การบ้านเยอะเลยเหรอ”

“ใช่ครับ”

“พี่ช่วยสอนไหม”

“ได้เหรอ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ผมบอก เด็กน้อยยิ้มร่า แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดไป

กว่าจะทำการบ้านเสร็จก็ปาไปเกือบ 5 ทุ่ม ยอมรับว่าอาจารย์สมัยนี้ให้การบ้านเด็กมาทำเยอะจริง ตะวันงอแงตลอดเลยว่ายาก นี่ควรส่งไปเรียนพิเศษเพิ่มดีไหมนะ จะได้เข้าใจในบทเรียนมากขึ้น

“นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”

“พี่จะกลับห้องเลยเหรอ” ตะวันถามผม ผมเลยได้แต่ส่ายหน้า

“ยังหรอก รอเราหลับก่อน หลับตาได้แล้วนะ จะมาตาใสตอนกลางคืนไม่ได้” ผมบอก ตะวันก็พยักหน้าหลับตาทันที ผมจ้องมองใบหน้าใสภายใต้ไฟสลัว ดูเหมือนเด็กน้อยจะหลับไปแล้ว ทั้งที่เมื่อกี้ยังพูดเสียงเจื้อยแจ้วอยู่เลย

ผมยังคงนั่งอยู่ข้างเตียงที่เดิม ไม่ได้ลุกไปไหน ถึงแม้ว่าเด็กน้อยจะหลับไปนานแล้ว ด้วยความที่อากาศเริ่มเย็น ผมเลยดึงผ้าห่มขึ้นมาให้อีกคนถึงอก

“จุ๊บ” ผมก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของเด็กน้อยเบาๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ แต่เกือบทุกครั้งเลยก็ว่าได้ ผมยอมรับว่าตัวเองหวั่นไหว แต่ผมก็รู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถทำอะไรที่มากกว่านี้ได้

แก๊ก

เสียงประตูห้องเปิดออก ทำให้ผมผละตัวจากตะวันอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นคือแม่ของผมเปิดประตูเข้ามา และคิดว่าเขาคงจะเห็นที่ผมทำลงไปเมื่อกี้

แม่ไม่ต้องพูดอะไรเลย แค่สายตาผิดหวังที่มองมา ผมก็รับรู้ได้ทันที ผมไม่มีคำอธิบายใดๆ แม่ของผมก็ยืนอยู่แบบนั้นจนผมต้องเดินไปประคองให้ออกจากห้องของน้องไป

ผมประคองแม่ลงมานั่งด้านล่าง พ่อคงเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้ว แม่เอาแต่นั่งร้องไห้ไม่หยุด ตัวผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไง

“เนส”

“ครับ”

“หยุดได้ไหมลูก สิ่งที่ลูกคิด สิ่งที่ลูกทำ ความรู้สึกที่มากเกินกว่าพี่น้อง” แม่พูดไปก็ร้องไห้ไป ท่านไม่ได้สะอึกสะอื้นเหมือนกับก่อนหน้านี้

“ผมเปล่า”

“สิ่งที่ลูกทำไป มันไม่ใช่สิ่งที่พี่น้องเขาทำกันนะลูก หยุดความรู้สึกแบบนี้เถอะนะ แม่ขอ”

“แต่เราไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ ด้วยซ้ำ”

“น้องตะวันกับพ่อของเขาเป็นคนดี แม่คิดไม่ออกเลยถ้าพ่อรู้ว่าเนสไปทำอะไรแบบนั้น คิดว่าพ่อจะรับได้ไหม คิดไหมว่าน้องตะวันจะเจออะไรในโลกที่โหดร้ายแบบนี้ แม่ไม่ว่าถ้าเราจะคบผู้ชาย แต่ต้องไม่ใช่น้องนะลูก” ผมได้แต่นิ่งเงียบ แค่แม่ร้องไห้ มันก็แย่มากพอแล้ว ความรู้สึกที่อยากก้าวข้ามไป แต่เหมือนกำแพงจะอยู่สูงจนไม่อาจทำลายลงได้

“แม่รักเนสนะลูก และแม่ก็รักพ่อและน้องตะวันด้วย” แม่บอกแล้วหันมามองหน้าผม ดวงตาแดงก่ำ ผมทำได้แต่เพียงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ท่าน

“ครับ ผมเข้าใจ” ผมบอกแม่แล้วขอตัวเข้าห้อง

เช้าวันนี้เป็นวันที่อากาศแจ่มใส แต่ไม่รู้สึกถึงความสดใสเลย เป็นอีกเช้าที่ผมต้องทำเป็นเมินตะวัน หลายวันแล้วที่ผมทำเป็นไม่เห็นเขาแล้วออกจากบ้านไป

“พี่เนส พี่เป็นอะไร ทำไมไม่คุยกับผม ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรือเปล่า”

“เปล่า”

“แล้วพี่จะไปไหน”

“ไปหาแฟน”

“แฟน?”

“อืม พี่กำลังจะไปหาทราย”

“ไหนพี่บอกว่าจะยังไม่คบกับพี่ทรายไง ไหนพี่บอกว่าสับสน ไม่แน่ใจว่าตัวเองรักพี่ทรายจริงหรือเปล่า”

“เพราะพี่แน่ใจแล้วไง พี่ถึงขอทรายเป็นแฟน พี่ไปแล้วนะ ทรายรออยู่” ผมบอกอีกคนที่ร้องไห้ฟูมฟาย แต่ก็ไม่คิดจะสนใจ ถึงจะเจ็บปวดใจมากแค่ไหนก็ตาม

แต่ดูเหมือนผมจะคิดตื้นเกินไป มันไม่ใช่แค่นั้น ผมทำให้คนที่ตัวเองรักต้องเจ็บปวด ผมทำให้เด็กน้อยที่เคยใสซื่อกลายเป็นเด็กร้ายๆ ผมทำให้ผู้หญิงที่เคยสดใสกลายเป็นคนเงียบขรึม

ตะวันมักจะทำร้ายทรายเสมอ ทั้งเมื่อก่อนและตอนนี้ เขาเคยผลัดทรายตกสระน้ำทั้งๆ ที่อีกคนว่ายน้ำไม่เป็น ทำน้ำร้อนลวกใส่มือ และกลั่นแกล้งเล็กๆ น้อยๆ อีกสารพัด ผมรับรู้นะ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อคนหนึ่งทำผิด ผมก็ขอให้อีกคนให้อภัยและมักพูดถึงความไม่ตั้งใจของตะวัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ผมให้ท้ายตะวัน ไม่ว่าเขาจะทำผิดแค่ไหน ทำร้ายทรายยังไง ผมก็ขอให้ทรายให้อภัยเขาเสมอมา

“ถามจริงๆ นะ มึงยังรักทรายอยู่ไหม”

“คือกู...รักสิ กูไม่เคยไม่รักทรายเลยนะ”

“หึ มึงรู้ตัวไหม เมื่อกี้มึงลังเลที่จะตอบนะ”

“กูเปล่า”

“ตอนนี้น้องชายของมึง กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมึงโดยที่มึงไม่รู้ตัว”

“มึงก็พูดเว่อร์เกินไป”

“กูพูดเรื่องจริงต่างหาก อยู่ที่มึงจะยอมรับไหม”

“กูรักทราย”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน กูคงเชื่อ แต่บอกตามตรงว่าตอนนี้กูเชื่อไม่ลง”

“กูรักทรายจริงๆ ”

“ถ้ามึงรักทราย มึงจะไม่ทำแบบนี้”

“กูทำอะไร”

“นี่มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอ มึงทำให้เขาเสียใจ มึงทั้งโกหก ทั้งปิดบัง”

“กูก็แค่อยากให้ทรายสบายใจ”

“นั่นก็แค่ข้ออ้างของคนเห็นแก่ตัว มึงไม่ได้ทำอะไรให้ทรายรู้สึกดีเลยด้วยซ้ำ มึงแค่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีคนเดียว ตอนนี้ทุกอย่างมีแต่แย่กับแย่ มึงเห็นสภาพทรายตอนนี้ไหม มึงไม่สงสารเขาเหรอ เขารักมึงมากนะโว้ย”

“กูไม่ได้ตั้งใจ กูไม่มีทางเลือก”

“ทางเลือกน่ะมี แต่มึงเป็นคนที่ไม่น่ามีสิทธิ์มีทางเลือกมากที่สุด”

“…”

“มึงเลือกได้นะ ว่ามึงจะเลือกใคร ไม่ว่าทางไหน มันก็ต้องมีคนหนึ่งที่เจ็บ”

“กูเลือกแล้ว”

“แต่ผลลัพธ์ที่มึงเลือกมันไม่เหมือนกับที่ในใจมึงต้องการ”

“แล้วจะให้กูทำยังไง กูเลือกตะวันไม่ได้” ผมไม่อยากให้ใครเจ็บปวดมากไปกว่านี้ และนี่คือสิ่งที่ถูกต้อง

“กับความรัก มึงอย่าตอแหลใช้ความคิด จะผิดหรือจะถูก มึงควรใช้หัวใจ” ไอ้เอกพูดขึ้น ถึงมันจะพูดแบบนั้น แต่ทางเลือกเดียวที่ผมเลือกได้ นั่นก็คือทราย

ไม่ว่าหัวใจผมจะบอกว่าเป็นตะวัน แต่ถ้าเพื่อความถูกต้อง คำตอบของผมยังไงก็คือทราย ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายผมมาตลอด เธอเป็นคนดี และที่สำคัญ เธอเลือกผม ทั้งๆ ที่ตัวผมเองไม่มีอะไรดีเลยด้วยซ้ำ

ถ้าพูดถึงศีลธรรม ผมไม่ควรคิดเรื่องตะวันเลยด้วยซ้ำ เราทั้งคู่เป็นผู้ชาย แถมผมยังมีศักดิ์เป็นพี่ของเขาอีก ที่สำคัญถ้าผมเลือกตะวัน ต้องมีหลายคนที่เสียใจ ทั้งพ่อแม่ ทั้งทรายและเพื่อนๆ ของผมที่คอยเชียร์ผมกับทรายมาโดยตลอด ไหนจะความผิดชอบชั่วดีอีก

“คิดดีๆ ถ้ามึงคิดว่าตัวเองเลือกถูกแล้ว มึงต้องทำให้ดีกว่านี้ มึงเห็นไหม เด็กคนหนึ่งจะเป็นฆาตกรอยู่แล้ว ไหนจะทรายอีกที่ทุกวันนี้กูแทบจะไม่เห็นรอยยิ้มของเขาเลย” ไอ้เอกบอกกับผม มันนั่งกินเหล้ากับผมอยู่นาน และคอยรับฟังความในใจของผมตลอด มันเป็นเพื่อนที่ดี ผมจึงอยากฝากให้มันดูแลตะวันแทนผม ผมที่เป็นพี่ชายที่แย่ เป็นผู้ชายที่แย่

หลังจากตัดสินใจได้ ผมจึงโทรหาตะวัน ผมไม่เคยคุยกับเด็กน้อยให้เคลียร์ ยอมรับว่าผมเองก็ยังคงให้ความหวังอีกคนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ต่อจากนี้ ผมจะต้องยุติความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถเป็นไปได้นี้ให้ได้

(ครับพี่เนส)

“พี่จะพูดแค่ครั้งเดียวนะ เลิกยุ่งกับทรายได้แล้ว”

(พี่เห็นเขาดีกว่าผมเหรอ)

“ขอโทษนะ คนที่พี่รักคือทราย”

(แต่ผมรักพี่)

“ตั้งสติหน่อยตะวัน เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้”

(แล้วทำไมพี่เพิ่งมาบอกตอนนี้ ตอนที่ผมรักพี่สุดหัวใจ)

“ขอโทษนะตะวัน เรายังเด็ก ยังต้องไปเจอคนอีกเยอะแยะ เดี๋ยวเราก็ลืมพี่ได้ เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง พี่เชื่อนะ ว่านายจะเจอคนที่ดี คนที่รักนาย...ได้มากกว่าพี่คนนี้” ผมบอกออกไป นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ผ่านมาผมผิดเอง ผมไม่สามารถตัดตะวันออกไปได้จริงๆ แต่ถ้าผมต้องเลือก ผมก็จะเลือกทางที่ดีสำหรับทุกฝ่าย และหวังว่าสักวัน ตะวันจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม รักเขา...ได้มากกว่าผู้ชายแย่ๆ คนนี้

:bye2: :bye2: จบแล้วค่ะ  :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด