๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 18 [26-01-2564] หน้า 6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 18 [26-01-2564] หน้า 6  (อ่าน 20332 ครั้ง)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #30 เมื่อ18-03-2019 21:02:19 »

หวังว่าน้องรวีจะได้พรวิเศษที่มีอายุยาวเกินกว่าเจ็ดวัน ไม่งั้นเศร้าแน่

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #31 เมื่อ18-03-2019 21:42:00 »

ความน่ารักของรวีพิรุณทำเอาใจพี่พองโต

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #32 เมื่อ19-03-2019 05:47:20 »

อ่านแล้วเหมือนพี่มันเลี้ยงต้อย หลอกเด็ก ยังไงชอบกล ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #33 เมื่อ19-03-2019 06:46:36 »

รวี… ใสอะ   ตั๊ลล๊ากกกก…   :m1:


อีพี่ แกอย่าพึ่งทำอะไรน้องนะ     o12

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #34 เมื่อ19-03-2019 09:36:42 »

นว้้้้องงงงงง จะน่ารักไปไหนเนี่ย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #35 เมื่อ19-03-2019 16:53:10 »

น่ารักมากเจ้ามักลีผล  :hao5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #36 เมื่อ19-03-2019 19:57:30 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #37 เมื่อ21-03-2019 01:07:59 »

สิ่งที่ตามหามานานนน น้องน่ารักบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ แง ขอให้น้องมีอายุขัยยาวนานนะคะ รอวันที่นังพี่จะได้ลิ้มลอง อยากอ่านตอนน้องอยู่กับธรรมชาติเยอะๆ เกาะอันนี้คงสวยมาก จินตนาการเราแบบก้าวไกลเป็นปกหนังสือแล้วค่ะ ฮือๆๆๆ ติดตามนะคะคุณแป้งจี่ รอตอนต่อไปค่าา  :L2:

ออฟไลน์ yumsonteen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #38 เมื่อ22-03-2019 11:52:41 »

 :katai2-1: รอยู่นะครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ s_sisters19

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #39 เมื่อ22-03-2019 15:35:40 »

นุ่มฟูเหลือเกินลู้กกกก แล้วพี่สหะจะทนได้กี่วันเนี่ย วงวารเหลือเกิน 555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
« ตอบ #39 เมื่อ: 22-03-2019 15:35:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #40 เมื่อ22-03-2019 20:45:28 »

น้องงงงงงง

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #41 เมื่อ22-03-2019 22:12:18 »

เป็นกำลังใจให้นะคะ ชอบแนวนี้มากๆ เลย ภาษาสวยมาก แล้วยัยน้องก็น่ารักมากกก

ออฟไลน์ poliya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #42 เมื่อ23-03-2019 08:33:03 »

ชอบเรื่องแนวนี้มากเลยค่ะ
ภาษาก็สวย  :o8:

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #43 เมื่อ23-03-2019 17:50:10 »

ละมุนนนนนมากกกกก      ชอบการบรรยายของคุณนักเขียนมากๆ 

ออฟไลน์ iNklaNd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #44 เมื่อ23-03-2019 20:04:29 »

ภาษาดีมาก แต่ศัพท์ยากก็เยอะ 555
ชอบแนวนี้มาก แต่มีคนแต่งน้อย
ชอบนะคะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #45 เมื่อ24-03-2019 00:31:50 »

มาตามด้วยคน

ออฟไลน์ ntpmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 3 [18-03-2562]
«ตอบ #46 เมื่อ25-03-2019 19:03:58 »

เอ็นดูเหลือเกินลูกกกกก รอวันที่พี่เขาได้กอดน้องนะคะ อิๆ :impress2:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
กอดดดดทุกๆ คนที่เข้ามาอ่าน
เอาตอนใหม่มาเสิร์ฟแล้วค่ะ
เนื้อหาตอนนี้อารมณ์พี่สหะแกจะเหวี่ยงนิดนึงนะคะ  :ling2:


***



บทที่ 4



ด้วยเป็นชนกึ่งเทพ วิทยาธรจึงอยู่ได้โดยไม่อยากอาหาร จะกินหรือไม่กินก็ไม่ตาย ดำรงอยู่ด้วยการบำเพ็ญตบะและอิ่มในผลแห่งสมาธิ แต่ด้วยยังมีรัก โลภ โกรธ หลง จึงยังติดในรส ทั้งรสดนตรี รสรัก หรือรสอาหาร

สหเดชะเกรงว่าน้องน้อยจะหิวโหย ด้วยเวลาผ่านมานาน ซ้ำยังถูกตัดขั้วจากต้นแม่มาก่อนเวลาอันควร แม้จะได้รับการรักษาจากพระอัศวินแพทย์แห่งสวรรค์ ทว่าเขาก็ไม่แน่ใจนักว่า ‘การรักษา’ นั้นรักษาอย่างไร และให้ผลอย่างไร มักกะลีผลผู้นี้แค่เพียงหายจากความเจ็บปวดทุกข์ร้อนอันเป็นผลจากการที่ถูกตัดจากต้นเท่านั้นหรือ หรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น

มักกะลีผลอยู่ได้เพียงเจ็ดวันหลังจากสุกงอมและปลิดจากขั้ว แต่มักกะลีผลผู้นี้ถูกเขาตัดมาโดยความหุนหันไม่ยั้งคิด เชื่อว่าหากไม่ถูกตัดมาก็คงอีกไม่กี่วันก็จะสุกงอม ดังนั้นช่วงเวลาที่น้องน้อยจะคงความเยาว์แห่งรูปและสัมผัสก็คงนับไม่เกินสิบวัน นี่เป็นสิ่งที่เขาเข้าใจ ทว่าความจริงแล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่

พระอัศวินได้มอบวันเวลาให้ร่างกายนี้มากกว่านี้หรือไม่หนอ? สหะเดชะไม่ฝันแม้สักน้อยว่าจะกล้าเอ่ยถามท่านเทพในเรื่องนี้ หวังก็เพียงว่าด้วยญาณทิพย์แห่งองค์เทพทั้งสอง พระองค์จะช่วยให้ชีวิตของน้องน้อยยืนยาวมากกว่านี้

***

ร่างสูงใหญ่กำยำลอยเรี่ยพื้นดินมุ่งสู่สวนผลไม้ทางอีกด้านหนึ่งของเกาะลอยฟ้า สวนอยู่ไม่ไกลแล้ว ได้กลิ่นหอมของผลไม้สุกลอยแตะจมูก สหเดชะลอบยิ้มเอ็นดูเมื่อนึกถึงตอนเขาจะมาที่สวนนี้

เจ้ามักกะลีผลน้องน้อย ผู้ที่บัดนี้มีนามว่า รวีพิรุณ มองคล้ายจะเอ่ยอะไรออกมาเมื่อเห็นเขาขยับกายลุกขึ้นยืน

“พี่จะหาผลไม้มาให้เจ้า เจ้าท่าจะเหนื่อยและหิว หลังจาก...” ผ่านเรื่องไม่ดีมา ประโยคท้ายนั้นไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ก็ผ่านผุดขึ้นมาในหัว “เจ้ารอพี่อยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”

“ไปหาผลไม้หรือ”

“ถูกต้อง เจ้ากินผลไม้ได้ใช่ไหม” แม้มักกะลีผลผู้นี้จะเป็น ‘ลูกไม้’ แต่ถ้าจะกินอะไรได้ ก็คงมีแต่อาหารบริสุทธิ์เช่นผลไม้เท่านั้นละ

“กิน?”

สหเดชะใช้มือลูบท้องตนเองเป็นเชิงสาธิต “มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เทพจะหิว เวลาหิวก็ต้องกิน เวลากินก็ต้องหยิบใส่ปาก” คนพี่ทำท่าหยิบลมใส่ปากแล้วเคี้ยวหยับๆ ให้น้องดู เคี้ยวนานจนลมละเอียดแล้วจึงกลืนลงไป “แต่เจ้าเป็นมักกะลีผล พี่ว่าคงกินเนื้อไม่ได้”

“ไม่เคยกิน” น้องน้อยตอบด้วยใบหน้าซื่อ ขณะในใจกำลังนึกไปถึงช่วงที่อยู่กับต้นแม่มักกะลีผล เขาจำได้ว่าเวลาฝนตกชอบกอบมือแล้วยื่นออกไปรองน้ำฝนมาใส่ปากเหมือนกัน นึกถึงความเย็นของน้ำไหลล่วงลงคอแล้วก็เผลอยิ้มเปี่ยมสุข ทำให้พี่ต้องเผลอยิ้มตาม

“ถ้าเช่นนั้นก็ลองกินดูสักหน่อย เดี๋ยวพี่จะไปเก็บผลไม้มาให้ พี่จะเลือกผลไม้ที่มีเนื้อเยอะ จะได้อิ่มนานๆ”

เอ่ยจบแล้ว สหเดชะหันหลังเตรียมกระโดดข้ามลำธาร ทว่าก็ต้องชะงัก ด้วยรู้สึกถึงแรงดึงจากด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง เห็นรวีพิรุณกำลังยึดชายเสื้อของเขาอยู่ พลางมองเขาด้วยดวงตากลมโตสุกใส

“อะไรหรือ”

“ไป...ผลไม้”

“เจ้าอยากมากับพี่หรือ”

พยักหน้า

“อย่าเลย เจ้าอยู่ที่นี่เถิด พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”

ส่ายหัว ก้มหน้างุด มือที่จับเสื้อของเขาก็ยิ่งจับแน่นเข้า

สหเดชะรู้สึกหัวจิตหัวใจแทบละลาย

“พี่ไม่อยากให้เจ้าขยับมาก...” แล้ววิทยาธรหนุ่มก็ต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงคอ ด้วยอีกฝ่ายเงยหน้ามอง ใช้สายตากลมโตสวยใสราวกับมีน้ำคลออยู่นั้นจ้องเข้ามาในตาเขาอย่างอ้อนวอน เอ จะว่าไป...เมื่อครู่เจ้าน้องน้อยก็วิ่งไปมารอบๆ สวนนี้โดยไม่แสดงทีท่าว่าเหน็ดเหนื่อยเลยไม่ใช่หรือ

“ได้ ถ้าเจ้าอยากมากับพี่ก็ได้”

เขาขยับจะย่อตัวลงเพื่ออุ้มรวีพิรุณขึ้นไว้ในอ้อมแขน ทว่าเจ้าตัวกลับถอยออกห่าง วิทยาธรหนุ่มถึงคราวจนแต้ม ด้วยไม่รู้จะทำเช่นไรดี ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงย่อกายลงนั่งยองๆ หันหลังให้ เอี้ยวศีรษะมาบอก

“ขี่หลังพี่ก็แล้วกัน”

พูดพลางตบไหล่ตนเองดังปุๆ

เมื่อฝ่ายนั้นไม่แสดงท่าทีว่าจะขึ้นมาเสียที เขาจึงเอ่ยสำทับไปอีก “ถ้าเจ้าไม่ขี่หลังพี่ พี่จะทิ้งเจ้าไว้ตรงนี้แล้วนะ”

รวีพิรุณค่อยขยับกายเข้ามาใกล้ แล้วยกขาขึ้นมาวางพาดอยู่บนไหล่ของสหเดชะอย่างทุลักทุเล น้องน้อยทิ้งน้ำหนักตัวซึ่งก็ไม่ค่อยหนักเท่าใดนักนั้นลงโถมใส่สหเดชะเพื่อเตรียมจะยกขาอีกข้างขึ้นไปวางบนไหล่อีกด้านในลักษณะของเด็กขี่คอผู้ใหญ่ นี่มิใช่การขี่หลังแล้วนะเจ้า!

เห็นการณ์เป็นดังนั้นวิทยาธรหนุ่มถึงกับร้องห้ามแทบไม่ทัน

“เดี๋ยวๆ ประเดี๋ยวก่อนเจ้า”

รวีพิรุณออกอาการงุนงง รีบผละออกทำให้เสียการทรงตัว ล้มผลึ่งก้นจ้ำเบ้า ร้อนถึงสหเดชะต้องพยุงให้ลุกขึ้น อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

“มิใช่ให้เจ้าขี่คอพี่ เจ้าต้องกอดคอพี่” เขาจับแขนของน้องไปคล้องคอตน ใบหน้าสองคนเข้าใกล้กัน ตาจ้องตา สหเดชะเห็นความสุกใสของดวงตาน้อง มองเห็นแก้มอิ่มนุ่มนิ่มน่าสัมผัส มองใกล้แล้วใจเต้น ต้องกระแอมออกมา “พี่จะนั่งลง แล้วเจ้ากอดคอพี่นะ”

ว่าพลางทางนั่งลงหันหลัง แล้วรวีพิรุณก็ขยับเข้ามากอดคอ ร่างนุ่มๆ กดแนบเข้ากับแผ่นหลัง สหเดชะวาดแขนมาคล้องเอาท่อนขาของมักกะลีผลไปรวบตรงเอวของตนเอง แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน ได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของฝ่ายนั้นว่า “เย้ย”

ร้องแปลกจริง

สหเดชะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยจากร่างที่เกาะติดกับแผ่นหลังของเขา เป็นกลิ่นหอมสดชื่น ไม่แรง ไม่ฉุนเกินไป หากผลไม้ยังไม่สุกบางชนิดจะมีกลิ่นหอม ก็คงจะเป็นกลิ่นเช่นนี้นี่เอง

ขณะใบหน้าเปื้อนยิ้ม ริมฝีปากเปื้อนเสียงหัวเราะเบาๆ สหเดชะก็แบมือออก พลันพระขรรค์ตีจากเหล็กกายสิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นมา เขากวัดแกว่งพระขรรค์นั้นเบาๆ แล้วร่างของเขากับรวีพิรุณก็ค่อยๆ ลอยเลื่อนขึ้นจากพื้นดิน รวีพิรุณสูดลมหายใจดังเฮือก กอดคอเขาแน่นด้วยกลัว

นับแต่เขาอุ้มเจ้ามักกะลีผลเหาะเหินกลางอากาศมาหลายครั้ง เจ้าตัวไม่เคยมีสติรู้ตัวเลย สลบบ้าง หลับบ้าง ครานี้เป็นคราวแรกที่รวีพิรุณได้ลอยขึ้นไปในอากาศกว้างกับเขาขณะยังมีสติสำนึกรู้ตัวเต็มที่

สหเดชะลอยเลื่อนอย่างอ่อนโยน ไม่โจนทะยานไปด้วยใจร้อน ค่อยๆ ลอยเรี่ยเหนือยอดหญ้า เข้าไปใกล้ธารน้ำใสเรื่อยๆ พลางเอ่ยปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงรื่นหู

“ไม่ต้องกลัวนะรวีน้องเจ้า เจ้ากอดคอพี่ไว้ พี่ไม่ทำเจ้าหล่นดอก”

“ท่าน...ท่าน...ลอยได้!”

วิทยาธรหนุ่มหัวเราะหึๆ “พี่เป็นอากาศเทวดา เป็นพวกอยู่แดนฟ้าชั้นต้น ต้องลอยได้อยู่แล้ว เจ้าเห็นพระขรรค์นี่ไหม พิทยาธรจะไปไหนมาไหนต้องใช้พระขรรค์ กวัดแกว่งทีเดียวก็ลอยขึ้นฟ้าได้”

“พิทยาธร...” น้องเอ่ยตามอย่างกับนกแก้วนกขุนทอง

“อืม พิทยาธรหรือวิทยาธรก็เรียกได้ พี่เป็นพิทยาธรผู้ชาย ส่วนวิทยาธรผู้หญิงนั้นเรียกวิทยาธรี”

“วิทยาธรีหรือ”

“ถูกต้อง วิทยาธรผู้หญิง อย่างนารีผลนั่นปะไร มีแต่ผู้หญิง ส่วนเจ้าเป็นชาย...เหมือนพี่”

แม้ไม่เห็นหน้า แต่สหเดชะกลับรู้สึกได้จากอาการเกร็งของร่างกายเด็กหนุ่มว่าการกล่าวถึงพวกพ้องของรวีพิรุณคือการเปิดปากแผล จึงรีบเอ่ยอธิบายต่อไป

“ไปไหนมาไหนพี่ใช้พระขรรค์เหาะไป ส่วนวิทยาธรีจะติดปีกติดหางเหาะไปเหมือนนางกินรีเพราะไม่มีพระขรรค์”

“กินรี?” น้ำเสียงตอนท้ายคำออกจะสูง

“เจ้าสนใจหรือ คราวหลังพี่จะพาไปเที่ยวเมืองชาวกินรี”

“รวี...อยากไป”

ยินคำน้องแทนตัวเองด้วยนามที่เขาเพิ่งตั้งให้ หัวใจมันออกจะพองๆ อยู่นา “เจ้าอยากไปพี่ก็จะพาไป อยู่กับพี่นานๆ พี่จะพาดูให้ทั่วแดนฟ้า”

รวีพิรุณไม่ตอบคำ สหเดชะมิได้ซักไซ้ ปล่อยให้ความเงียบเป็นเอก รับรู้เสียงลมพัดกิ่งไม้ในสวนป่าเสียดสีเป็นสำเนียงกระซิบกระซาบอ่อนโยน เขาค่อยๆ ลอยเลื่อนไปสู่กลางธารน้ำ

สหเดชะเอ่ยกระซิบกับใบหน้าของรวีพิรุณซึ่งยื่นเข้ามาใกล้

“รวี พี่จะพาเจ้าเหาะขึ้นไปสูงๆ เจ้าจะได้เห็นแดนฟ้ากว้าง กอดพี่แน่นๆ นะ”

สิ้นคำพี่ น้องจึงเพิ่มแรงกอดที่คอ กระชับช่วงขาเข้ากับเอว

“เอาละนะ”

สหเดชะควงพระขรรค์เป็นวงกลม ทันใดนั้นก็ราวกับมีกระแสลมอันรุนแรงกระแสหนึ่งพุ่งเข้ามาพยุงใต้เท้า ลมพัดอู้ ยอดหญ้าลู่ไปเป็นแถบ ผิวน้ำกลายเป็นคลื่นกระจายออกไปสู่ตลิ่งธาร

แล้วร่างสองร่างก่ายซ้อนก็พุ่งทะยานเป็นแนวตั้ง ตรงดิ่งขึ้นไปสู่เวิ้งฟ้าอากาศเบื้องบน

***

ราวกับกระแสน้ำสายหนึ่งพุ่งจากตาน้ำขึ้นไปบนอากาศเป็นเส้นตรง ร่างสองร่างก็พุ่งขึ้นไปในเวิ้งฟ้า ราวกับลูกธนูถูกปล่อยจากแล่ง รวีพิรุณกอดคอวิทยาธรแน่น แนบใบหน้าเข้ากับคอของอีกฝ่าย หลับตาปี๋ไม่มองสิ่งใดทั้งสิ้น

“อื๊อ” นี่คือเสียงเดียวที่ออกมาจากปากของมักกะลีผลหนุ่มน้อย

ลมพัดเอาผมนุ่มยาวให้ปัดป่าย ลมนี้ยิ่งขึ้นสูงไปยิ่งเย็น

รวีพิรุณรู้สึกราวกับว่าการพุ่งทะยานขึ้นฟ้าจะไม่สิ้นสุดเอาง่ายๆ มันช่างยาวนานเสียจริงๆ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือกอดร่างของอีกฝ่ายให้มั่นที่สุด ขืนปล่อยแม้แต่น้อยนิดมีหวังร่วงลงไปแน่ๆ อกใจของเขาแทบจะกระดอนออกมาด้านนอกเสียให้ได้

แล้วรวีพิรุณก็รู้สึกว่าการ ‘เหาะ’ ของวิทยาธรผู้นี้ค่อยๆ ช้าลงๆ สุดท้ายจึงหยุดนิ่งอยู่กับที่ กระนั้นเขาก็ยังกอดอีกฝ่ายไว้แน่นไม่ยอมคลาย

ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ อยู่ข้างหู จึงค่อยๆ หยีเปลือกตาเปิดขึ้นดูหน่อยหนึ่ง เห็นเสี้ยวหน้าคมสันกำลังยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นแบะให้ปากเปิดเล็กน้อย เห็นฟันขาวสะอาดสวย

“ไม่ต้องหลับตาแล้ว” ฝ่ายนั้นเอ่ยออกมา ราวกับจะรู้ว่าเขาหลับตาปี๋มาตลอดทางจากด้านล่าง “ลองมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจ้าสิ”
รวีพิรุณลืมตาขึ้นเต็มตาอย่างกล้าๆ กลัวๆ คางที่วางกับไหล่วิทยาธรค่อยๆ ยกขึ้น แล้วเขาก็มองไปทางทิศหนึ่ง

“ทางนี้คือที่พระสูรยาทิตย์ท่านทรงรถออกส่องแสงให้โลก”

คนบอกไม่ได้ชี้ให้ดู ทว่าหันร่างไปมองอยู่แล้ว ทิศนั้นสว่างโพลงด้วยแสงแห่งตะวันกล้า เมฆขาวลอยเรี่ยอยู่ทั่วไป แสงส่องกระทบหมู่เมฆจนคล้ายกับเกลี่ยไว้ด้วยทองคำ มันช่างเป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน ผู้ชื่นชอบแสงแดดเช่นมักกะลีผลนั้นมองเมฆเกลี่ยสีทองด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ส่วนด้านนี้” คนพี่หันร่างไปตามทิศ พอหันมาด้านนี้ วิทยาธรหนุ่มก็ก้มศีรษะกระทำความเคารพอย่างสูง “เจ้าเห็นแสงสีขาวไกลลิบๆ นั่นหรือไม่”

“อื้อ แสง...สว่างกว่าแสงแดด”

“หึๆ แน่ละว่าสว่างกว่าแสงแดด ตรงนั้นเป็นยอดเขาไกรลาส ผาเผือกที่ประทับองค์อิศวรกับพระแม่อุมา พระอิศวรหรือพระศิวะ...ท่านเป็นหนึ่งในพระตรีมูรติ”

“พระตรีมูรติ”

“ท่านเป็นมหาเทพสามองค์ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม”

“ทำไมแสงอยู่ไกลจัง”

“ฮ่าๆ เจ้าเข้าใจถามนะ แสงอยู่ไกลเพราะผาเผือกอยู่ไกลจากที่นี่มาก ผาเผือกอยู่ที่หิมาลัย เป็นขุนเขาอันศักดิ์สิทธิ์”

“หิมาลัยหรือ”

“ถูกต้อง หิมาลัยอยู่ไกลจากที่นี่มาก” สหเดชะชี้ปลายพระขรรค์ลงล่าง แล้วร่างทั้งสองก็ค่อยๆ ลอยต่ำลงไปทีละน้อยโดยไม่ทำให้คนเกาะหลังรู้สึกตัว

รวีพิรุณยังคงมองแสงสว่างสีขาวเรืองอันไกลลิบนั้นอยู่ด้วยความยำเกรง แล้วทันใดนั้นเองพวกเขาก็หายเข้าไปในกลุ่มเมฆใหญ่ มองไปทางใดก็มีแต่สีขาว เขาจึงหลับตาปี๋อีกรอบ

คนตัวใหญ่ราวกับจะหัวเราะทุกครั้งยามเขาปิดตา พอได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ทุ้มขึ้นมา รวีพิรุณจึงเปิดเปลือกตาขึ้น แล้วเขาก็เห็นภาพบางอย่างที่ทำให้ต้องเบิกตากว้าง มองไปทางนั้นทางนี้ด้วยตะลึง

บัดนี้พวกเขาลอยตัวอยู่เหนือเทือกเขาสูง ทอดตัวทะมึนอยู่ด้วยความเขียวครึ้มของป่าเขา ไอสีขาวลอยขึ้นมาเกาะกันเป็นกลุ่มอยู่เหนือยอดเขาบางแห่ง มักกะลีผลมองตามไปก็ไม่เห็นว่าเทือกเขานี้จะไปสิ้นสุดที่ใด

“นี่คือยอดเขาวินธัย แดนฟ้าชั้นต้น หรือจาตุมหาราชิกา”

รวีพิรุณมีดวงตากลมโตราวกับผลไม้ลูกใหญ่ๆ ทีเดียว อ้าปากหวอมองภาพที่เห็นด้วยไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง

“เจ้าเห็นใช่ไหม” บุรุษผู้นั้นเอี้ยวหน้าพยายามมองเขา “นี่ละคือนครแห่งพิทยาธร พิทยานคร”

นี่อาจเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยแห่งแรกที่เจ้ามักกะลีผลหนุ่มได้มาพบเห็น ในแสงแดดอันอาบอยู่ในทุกอณูอากาศ รวีพิรุณมองเห็นเกาะใหญ่บ้าง ย่อมบ้าง ลอยอยู่ในที่ต่างๆ กัน ในระดับความสูงต่างๆ กัน บนเกาะนั้นบ้างก็มีปราสาทใหญ่โตสวยงามปลูกสร้างไว้ บ้างก็เป็นเพียงปราสาทเล็กๆ ทว่ามีหมู่ไม้ขึ้นอยู่เต็มไปหมด บ้างก็เป็นพื้นที่โล่งปลูกดอกไม้นานาพันธุ์

เกาะเหล่านี้มิได้อยู่ใกล้ชิดกันเท่าใดนัก ทว่าเมื่อมองจากกึ่งฟ้าเช่นนี้ก็สามารถมองเห็นพิทยานครแผ่ขยายออกไปจนสุดตามองเห็น รวีพิรุณไม่ทราบว่าจะมีเกาะอยู่จำนวนเท่าใดแน่ คงจะมากกว่าจำนวนเพื่อนๆ ของเขาที่โคนต้นแม่มักกะลีผลแน่ๆ มองไปทางนั้นก็มีแต่เกาะ มองไปทางนี้ก็มีแต่เกาะ อยู่ไกลกันบ้าง อยู่ใกล้กันบ้าง แทบว่าจะเต็มน่านฟ้าเหนือยอดเขาวินธัยนี้

“เทือกวินธัยนี้ใหญ่กว้าง พิทยานครเป็นเพียงนครเล็กๆ เท่านั้นหนา แดนนี้ยังมีนครกลางหาวของชาวยักษ์ และนครโลหะของชาวกุมภัณฑ์ ยังชนรากษสอีกเล่า...พวกเขามีนครซ่อนเร้นอยู่กลางป่าลึกที่ใดสักแห่ง มิมีผู้ใดรู้ที่ตั้งแน่นอน แต่ที่ไม่ไกลจากพิทยานครก็คือนครแห่งชาวกินรีนี่อย่างไร หากเจ้าพร้อมเมื่อใดพี่จะพาเจ้าเหาะไปชม”

วิทยาธรผู้นี้แม้น้ำเสียงจะทุ้ม ทว่าก็พูดได้เรื่อยเจื้อย...ทอดน้ำเสียงน่าฟัง ยามใดเอ่ยวาจากับรวีพิรุณก็จักใช้น้ำเสียงเช่นนี้ทุกคราวไป ราวกับว่ามักกะลีผลเป็นเด็กตัวน้อยที่ฟังภาษาไม่เข้าใจ ยามนี้รวีพิรุณฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ได้ยินคลับคลาว่ารากษส กุมภัณฑ์ ชาวยักษ์ จดจำใส่ใจไว้ว่าอยากจะไปดูชมเสียให้ได้ ทว่าตอนนี้ขอชมเมืองชาวพิทยาธรก่อนก็แล้วกัน

ด้วยแสงทิพย์หรือพระสูรยาทิตย์ส่องสว่างกระจ่างตา จึงทำให้พิทยานครราวกับจะส่องแสงมลังเมลือง ยามหนึ่งคล้ายเป็นแสงสีขาว อีกยามคล้ายมีประกายทองระยิบระยับอยู่กลางอากาศ เป็นภาพที่งดงามที่สุดที่รวีพิรุณเคยเห็นมา สองคนก่ายกายซ้อนอาบอยู่ในแสงอุ่นและลมเย็นสบาย มองนครซึ่งลอยตัวอยู่ด้านล่างอยู่นานหลายอึดใจ ภาพนี้จะจารไว้ในทรงจำของรวีพิรุณ หลับตาลงเมื่อใดก็จะยังเห็นภาพอันวิเศษนี้อยู่ไม่คลาย

***

(อ่านต่อคอมเมนต์ล่างค่ะ)

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
ธารน้ำใสเย็น ไหลคดเคี้ยววกวนไปตามทุ่งดอกไม้ แล้วตัดเลาะเข้าไปในสวนป่าอันล้วนแล้วไปด้วยไม้ผล ซึ่งออกลูกอยู่ทุกฤดูกาล

สวนป่าของสหเดชะถูกปกป้องด้วยพระเวทมนตรา จึงไร้ซึ่งสัตว์ปีกใดๆ จะมารบกวนหรือจิกผลไม้บนต้นทิ้งเล่น ผลไม้ในสวนนี้ประหลาดยิ่ง เมื่อยามสุกงอมเต็มที่แล้วก็มักปลิดจากขั้ว หล่นลงพื้น แล้วจมหายไปกับพื้นดินนั้นเลยทีเดียว ไม่เหลือทิ้งไว้ให้เน่าเช่นผลไม้ในโลก

สหเดชะพารวีพิรุณเหาะลัดเลาะมาตามธารน้ำไหล

การทัศนาจรบนอากาศกว้าง หรือการท่องเที่ยวแดนฟ้าจบลงด้วยการทิ้งตัวลงมาตามอากาศ ครั้งนี้มักกะลีผลก็หลับตาปี๋อีกเช่นเคย กระทั่งลงมาเรี่ยยอดไม้แล้วจึงยอมเปิดตา มองขึ้งเขาราวกับกล่าวโทษว่ากลั่นแกล้งให้อกสั่น

สายตามองขึ้งนั้นกลับทำให้วิทยาธรหนุ่มหัวเราะออกมา กลั้นยิ้มแทบไม่ไหว มองกลุ่มใบเขียวครึ้มของหมู่ไม้แทบว่าจะกลายเป็นสีกลีบบัวชมพู

ธารน้ำที่ไหลเข้ามาในสวนป่านี้ ไม่ไกลนักก็ไหลลงสู่แอ่งน้ำแห่งหนึ่ง เป็นแอ่งน้ำไม่ลึกมาก มีโขดหินอยู่ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ยามน้ำไหลจากตลิ่งลงสู่แอ่งมีเสียงคล้ายบรรเลงเพลงดนตรี น้ำในแอ่งนี้ใสสะอาด มองเห็นพื้นแอ่งเป็นหินชัดเจน

สหเดชะมิได้สนใจแอ่งน้ำนี้ด้วยใฝ่ใจกับการหาผลไม้เหมาะๆ เพื่อให้มักกะลีผลได้ลิ้มลอง จึงเหาะผ่านเลยไป ทว่ารวีพิรุณกลับมองแอ่งน้ำใสๆ นั้นด้วยตาเป็นมัน เจ้าตัวยังจำความรู้สึกยามน้ำเย็นล่วงผ่านลำคอได้ดีว่าเย็นสดชื่นไปทั้งร่างเพียงใด

ดวงตาสุกใสหมายมาด วาดภาพจำไว้ในใจ

ป่าไม้คือบ้าน เป็นเคหสถานอันเคยคุ้น รวีพิรุณสูดกลิ่นป่า กลิ่นใบไม้ สดับเสียงกิ่งไม้ไหว ใบไม้พลิกใบ เสียงซ่าของลมผ่านคาคบ เหล่านี้กระทำให้ใจของมักกะลีผลโหยหาต้นแม่ที่จากมายิ่งนัก ไม่รู้เพื่อนๆ จักเป็นเช่นไร จะกำลังคิดถึงมักกะลีผลน้อยผู้นี้หรือไม่

แต่แล้วกลิ่นผลไม้ในสวนป่าอันตรลบอยู่ทั่วไปหมดก็ทำให้ใจน้อยๆ กลับมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ลูกไม้หลายหลากดกดื่นอยู่บนต้นนั้นต้นนี้ พวกมันมีสีหลากๆ กันไป ผลใหญ่บ้างเล็กบ้าง ล้วนแล้วไปด้วยไม้ผลอันน่ารับประทาน แม้นไม่เคยรับประทานสิ่งใด นอกจากลิ้มลองน้ำฝนบ้าง กระนั้นมักกะลีผลหนุ่มก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอเพราะมันมาสออยู่เต็มปากเสียเต็มทีแล้ว

“เอาละ” สหเดชะร่อนลงเหยียบพื้น นั่งยองๆ ให้น้องเจ้าลงจากหลังตน “พี่จะเก็บผลไม้เนื้อหวานๆ ฉ่ำน้ำให้เจ้าได้ลิ้มลองก่อน ผลไม้อย่างอื่นพี่ค่อยหามาให้เจ้าทีหลัง”

เขาเดินไปเด็ดใบไม้ใบใหญ่จากต้น เอามาวางซ้อนกันเป็นถาดรอง หะแรกจะให้น้องเจ้าเฝ้าไว้ พอเขาเก็บผลไม้แล้วก็จะนำมาวางบนถาดใบไม้นี้ แต่พอใคร่ครวญอีกครากลับเปลี่ยนใจ ด้วยไพล่นึกไปว่าการที่เจ้ามักกะลีผลเป็น ‘ลูกไม้’ ชนิดหนึ่ง หากได้เห็นการปลิดลูกไม้จากต้น จะไม่นึกไปถึงภาพเมื่อครั้งเขาปลิดเจ้าตัวจากต้นแม่หรือ แม้เจ้าตัวยังจะต้องกินผลไม้แต่อย่างน้อยก็อย่าให้เห็นตอนเขาปลิดลงจากต้นจะดีกว่า อย่ากระนั้นเลย สหเดชะเดินเข้าไปหารวีพิรุณซึ่งกำลังยืนมองไปรอบๆ ตัว ออกตกตะลึงกับภาพไม้ผลอันละลานตา

“รวี มากับพี่หน่อยเถิด”

สหเดชะไม่รอฟัง รีบคว้าเอวบางได้ก็ลอยตัวเรี่ยพื้นดิน ไม่นานจึงมาถึงซึ่งแอ่งน้ำใสเย็น เขาวางร่างเจ้ามักกะลีผลลง

“เจ้ารอพี่อยู่ที่นี่ พี่ได้ผลไม้แล้วจะกลับมา”

สิ้นสั่งคำ สหเดชะปล่อยรวีพิรุณอยู่ที่ริมแอ่งน้ำนั้น เขาลอยตัวหายไปในระหว่างหมู่ไม้ เหลียวหลังกลับไปมองก็เห็นน้องเจ้ายืนมองตามมา แต่เพียงไม่นานก็กลับไปสนใจกับแอ่งน้ำนั้นเสียแล้ว เห็นดังนั้นวิทยาธรหนุ่มให้รู้สึกอกใจไหม้ขม นี่เห็นแอ่งน้ำนั้นดีกว่าเราละหรือ

***

รวีพิรุณเห็นแอ่งน้ำใสที่หมายมาดไว้เมื่อครู่ มองน้ำใสๆ ไหลเย็นเห็นพื้นแอ่งเป็นหินแน่นหนา จึงค่อยย่างเท้ากระย่องกระแย่งลงไปริมน้ำก่อน ยามเท้าแตะน้ำเย็นก็สะดุ้งโหยงเสียทีหนึ่ง ถอยห่างออกมาเพราะน้ำนั้นเย็นเหลือเกิน ครั้นแล้วก็ก้าวลงไปอีกราวกับไม่เข็ดหลาบกับความเย็นนั้น เจ้ามักกะลีผลหย่อนเท้าลงน้ำอีกครั้ง คราวนี้กัดฟันทนความเย็น เอาเท้าเหยียบนิ่งแช่น้ำไว้ กระทั่งคุ้นเคยดีแล้ว จึงเดินย่องย่างลงไปลึกกว่าเดิม

โขดหินหนึ่งไม่ไกลจากริมแอ่งมากนัก ด้านบนหินนั้นแห้งดี มักกะลีผลจับยึดกับโขดหินนั้น โยนตัวขึ้นไปนั่งได้อย่างคล่องแคล่ว ดูทีจะเป็นผู้ปราดเปรียวทีเดียว เพียงหัดเดินได้วันเดียวก็เที่ยววิ่งเล่นไปทั่วแล้ว

รวีพิรุณหย่อนเท้าลงแช่ในน้ำใสสะอาด พื้นแอ่งมีหินกรวดก้อนใหญ่บ้างเล็กบ้างนอนก้นอยู่ใต้นั้น ดูสีสวยสด กระนั้นก็มิได้สนใจเก็บ นั่งหย่อนเท้าผ่อนคลาย แกว่งเท้าวัดน้ำเล่นอยู่อย่างนั้น ปากบ่นพึม “น้ำเย็นดีจัง เย็นเหมือนน้ำฝน รวีชอบน้ำอย่างนี้”

ไม่นานคนผู้นั้นก็กลับมา หอบเอาลูกไม้มาด้วย

“รวี พี่เอาผลไม้มาแล้ว ขึ้นมาที่ฝั่งเถิด”

รวีพิรุณไม่ว่ายาก ฝ่ายนั้นเรียกก็กระโดดผล็อยลงจากโขดหิน เดินย่ำน้ำจ๋อมๆ กลับขึ้นฝั่ง คนผู้นั้นเอ่ยถาม “ชอบเล่นน้ำหรือ”

“รวี...ชอบ”

“ดีแล้ว” วิทยาธรวางถาดใบไม้ลงกับพื้น นั่งตามลงไปโดยไม่รังเกียจพื้นอันเต็มไปด้วยใบไม้หล่นปกคลุม เชื้อเชิญให้มักกะลีผลนั่งลงด้วยกัน

บนถาดใบไม้มีผลไม้อยู่ไม่มากเท่าใด รวีพิรุณเห็นมีเพียงสองอย่างเท่านั้น อย่างแรกเป็นแท่งยาว เปลือกออกเหลืองราวกับพระจันทร์เพ็ญ อย่างที่สองเปลือกเป็นสีเดียวกับใบไม้อ่อน มีแถบสีเข้มแล่นผ่านเป็นแนวตั้งตลอดลูกกลมๆ

วิทยาธรหยิบลูกกลมๆ นั้นก่อน มันใหญ่เสียยิ่งกว่าศีรษะของรวีพิรุณอีก เขาหยิบพระขรรค์มาทำท่าจะฟันลงไปที่ผลไม้นั้น ทว่าพระขรรค์ตีจากเหล็กกายสิทธิ์จะเอามาผ่าผลไม้หรือ จึงวางพระขรรค์ลง แล้วเอาสันมือฟาดตรงกลางลูก จนแยกออกเป็นสองเสี่ยง เขาวางเสี่ยงหนึ่งลงกับถาดใบไม้ แล้วบิเสี่ยงนั้นให้เล็กลงไปอีก น้ำผลไม้ฉ่ำๆ สีออกแดงไหลลงกับพื้นเปื้อนมือของผู้ผ่า ยื่นส่งให้น้องรับไป

“ลองดูซี ผลอุลิดนี้อร่อยนัก เนื้อหวาน ฉ่ำน้ำทีเดียว”

ว่าพลางหยิบเอาชิ้นเล็กอีกชิ้นหนึ่งมาใกล้ปาก กัดกินเนื้อสีแดงฉ่ำนั้นทันที

มักกะลีผลมองวิทยาธรรับประทานผลอุลิดอย่างเอร็ดอร่อย รู้สึกน้ำลายสอขึ้นมาอยู่ที่ปากอีกครั้ง จึงจับปลายเปลือกทั้งสองด้าน อ้าปากออกเล็กน้อย ขณะตามองอีกฝ่ายรับประทานหมดไปแล้วหนึ่งชิ้น กำลังหยิบเอาอีกครึ่งลูกมาบิแบ่งอีก น้องเจ้าทนมองไม่ไหวแล้ว จึงรีบก้มลงไปตามอย่างพี่ทำ กัดชิ้นเล็กหนึ่งคำ

รสหวานแล่นทั่วปาก น้ำอันฉ่ำหวานสดชื่นไหลอยู่ในปาก ไหลล่วงลงไป รู้สึกทั้งหวาน ทั้งเย็นฉ่ำยิ่งนัก ดวงตาซึ่งมองอย่างแคลงใจในทีแรกพลันเบิกกว้าง ปลื้มในรสที่ได้รับ ครานี้อ้าปากกว้างกว่าเดิม กัดกินชิ้นอุลิดนั้นอีกอย่างเอร็ดอร่อย

“ดี...ดีจริง”

“เจ้าชอบพี่ก็ดีใจ”

สหเดชะมองน้องเจ้ารับประทานผลอุลิดอย่างถูกใจ ยิ้มบางๆ แต่ครั้นเมื่อเจ้ามักกะลีผลเงยหน้าจากชิ้นอุลิดซึ่งหมดเนื้อไปแล้วโดยสิ้นซาก เขาก็ต้องตกตะลึง ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

บัดนี้มักกะลีผลเจ้าเอร็ดอร่อยกับผลอุลิดมากเหลือ ไม่เพียงให้ปากกิน แต่ให้จมูกเอย แก้มเอย คางเอยกินไปด้วย น้ำฉ่ำหวานไหลเปื้อนเปรอะไปหมด บางส่วนไหลลงกับลำคอขาวผ่อง เหนือริมฝีปากด้านหนึ่งมีเมล็ดสีเข้มของผลอุลิดติดแปะอยู่

หะแรกยังหัวเราะด้วยเอ็นดู ทว่าพอมองน้ำหวานแดงฉ่ำเปรอะอยู่กับแก้มกับคางน้องเจ้า ผู้พี่กลับสะอึกในอก สะทกในทรวง สะท้านในดวงใจไปหมด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ใบหน้าเลื่อนประชิดใบหน้าของน้องแล้ว

“รวี ปาก แก้ม คางเจ้าเปื้อนน้ำอุลิด...”

ละไว้ไม่กล่าวคำต่อ น้องมองอย่างหวาด กระนั้นพี่กลับไม่หวั่น สิ่งลิ้นแตะเบาๆ ที่มุมปากของน้อง ลิ้มรสหวานฉ่ำของน้ำผลอุลิดที่เปรอะอยู่ตรงนั้น น้องสะดุ้งแต่พี่ไม่ยอมสะดุด คว้าต้นแขนผอมๆ ไว้มั่นไม่ปล่อยให้ถอยหนี

จูบเบาๆ ซ้ำๆ ตรงมุมปากนั้น จัดการจนไม่เหลือคราบน้ำหวานผลไม้อีก แล้วจึงเลื่อนใบหน้าลงตามแนวกราม ซึ่งเปรอะฉ่ำไปด้วยน้ำสีแดงจางๆ วิทยาธรหนุ่มฉกลิ้นรับน้ำเข้าปาก รสฉ่ำหวานของมันราวกับมิใช่รสแห่งผลอุลิดอีกแล้ว มันมีกลิ่นหอมหวานกลั้วมาอย่างกลมกล่อม ลิ้นแตะซ้ำ แตะย้ำ เมื่อผ่านแนวสันกรามลงไปแล้ว จึงเม้มริมฝีปากอุกอาจนี้เพื่อบีบเน้นเอาเนื้อนุ่มๆ ไว้ พลางใช้ปลายลิ้นสากแตะเนื้ออ่อนบอบบางตรงลำคอนั้น ราวกับจะรับรู้ว่าผิวเนื้อตรงนั้นเกิดสั่นระริกขึ้นมา ความจริง...ทั้งร่างของรวีพิรุณก็สั่นด้วยอารมณ์บางอย่าง เขาส่งเสียงในลำคอราวกับจะประท้วง ทว่าก็ทำได้เท่านั้น ด้วยวิทยาธรไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

คนตัวใหญ่กดจูบซ้ำๆ เม้มริมฝีปากย้ำๆ เพื่อดูดผิวเนื้อบางนุ่มอย่างย่ามใจ หลงระเริงไปกับกลิ่นของมักกะลีผล มัวเมาไปกับรสของผิวเนื้ออันหอมหวานยิ่งกว่าผลไม้ที่เพิ่งรับประทานไปเสียอีก

แล้วมนตร์อารมณ์ร้อนระอุก็สะบั้นไป รวีพิรุณสะบัดใบหน้าออกห่าง พลางดึงแขนสุดแรงจนหลุดจากพันธนาการของวิทยาธรหนุ่ม ฝ่ายพราก ‘จูบ’ สูดลมหายใจเรียกสติตนเอง ฝ่ายถูกชำเรา ‘จูบ’ ถอยออกห่างเล็กน้อย หอบหายใจแรง แววตาสุกใสบัดนี้ดูฉ่ำเยิ้มไปด้วยอารมณ์บางอย่าง คล้ายกับฉงนนักว่าวิทยาธรผู้นี้เพิ่งทำอะไรลงไป กระนั้น...แววในดวงตาก็บ่งชัดว่าเจ้ามักกะลีผลคล้ายจะพึงใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

“รวี อภัยพี่เถิด พี่ทำไปเพราะใจหุนหัน...”

น้ำเสียงทอดหวาน อ้อยอิ่ง ออดอ้อน

รวีพิรุณมองอีกฝ่ายนิ่งด้วยแววตาเชื่อมปรอย ไม่นานก็หลุบตาลง พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็กลับเต็มไปด้วยความสดใสอย่างดอกไม้แรกแย้มเช่นเดิม

บัดนี้ราวกับสหเดชะตัวหดกลายเป็นเพียงวิทยาธรเด็กตัวน้อยๆ นั่งจ๋องอยู่ตรงหน้ามักกะลีผลเจ้าไพร ด้วยรู้ผิดในสิ่งที่ตนทำ รวีพิรุณเอื้อมมาหยิบเอาผลไม้อีกอย่างซึ่งวางอยู่บนถาดใบไม้ จับพลิกคว่ำพลิกหงายดูแล้วจึงมองหน้าหนูน้อยวิทยาธรด้วยดวงตาใสแจ๋ว เป็นเชิงเอ่ยถาม

เมื่อวิทยาธรยังไม่แสดงท่าทีเช่นไร จึงเอ่ยออกมาเป็นคำพูด

“เจ้าผลไม้นี้คืออะไรหรือ จะกินอย่างไร”

“ผลไม้นี้เรียกว่ากล้วย”

“กล้วย...หรือ”

“กล้วยที่พี่ปลูกในสวนป่านี้ ลูกใหญ่ เห็นหรือไม่ว่ารวีกำแทบไม่รอบ”

วิทยาธรหนุ่มเผลอกลืนน้ำลาย เฝ้ามองน้องเจ้ากำมือขาวๆ นุ่มๆ นั้นรอบกล้วยลูกใหญ่บะเลอะเทอะทะ แล้วในบัดนั้นเอง...สหเดชะผู้แก่ตบะ ก็มีอันต้องตบะแตกอีกครา เมื่อมักกะลีผลเจ้าอ้าปากกว้าง กำกล้วยในมือแน่น แล้วอ้าปากรับกล้วยลูกใหญ่นั้นเข้าปาก เพราะขนาดของผลไม้ทำให้รวีพิรุณงับปากลงตรงส่วนปลายได้เท่านั้น

สหเดชะมองใบหน้าใสซื่อไร้เดียงสานั้นอย่างเหลือจะกล่าว ดวงตาใสแจ๋วของเด็กหนุ่มมองตอบกลับมา

วิทยาธรหนุ่มยื่นมือสั่นน้อยๆ ไปจับข้อมือขาวๆ ไว้ ฉุดให้ดึงกล้วยลูกนั้นออกมา ได้ผล...น้องเจ้ายอมถอนกล้วยออกจากปาก บัดนี้ปลายผลกล้วยเปียกไปด้วยน้ำใสๆ จากปากของเจ้ามักกะลีผล

สหเดชะเอ่ยเสียงอันแทบจะควบคุมให้เป็นปรกติมิได้ 

“กล้วย...ก่อนเขากิน...ต้องปอกเปลือกก่อน ปอกจากปลาย...อย่างนี้”

โธ่...แล้วตบะที่บำเพ็ญมาจะมีประโยชน์อันใด

***

ขอบคุณสำหรับการเข้ามาอ่านและคอมเมนต์ให้นะคะ
แป้งจี่ฯ มีความสุขมากค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

ป.ล. จากลักษณะของผลไม้นั้น และการกิน ผลอุลิดก็คือแตงโมนั่นเองค่ะ ^____^

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
น้องยั่วแบบไม่ได้ยั่ว อิพี่แหละคิดไม่ดีกับน้อง คิดเองตบะแตกเอง โถ่พ่อคุณ 555555 แต่ชอบที่ใส่ใจน้องนะ อย่างตอนคิดเรื่องอาหารให้น้องแบบหิวมั้ย ให้กินอะไรดี หรือตอนจะปลิดผลไม้ ก็กลัวน้องไปคิดถึงเรื่องนั้น  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ๏ มณีพิทยาธร ๏ บทที่ 4 [25-03-2562] หน้า 2
« ตอบ #49 เมื่อ: 26-03-2019 00:16:30 »





ออฟไลน์ canterlot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นี่ลุ้นตาม หุหุ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รวี.........ชอบน้ำมากกกกกกกกกก  :katai2-1:
อย่างนี้ สหเดชะน่าจะเนรมิตน้ำตก แอ่งน้ำให้แช่น้ำเล่น รวีจะได้ถูกใจดีไหม  :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ตายแล้ว นี่เขาแค่กินผลไม้จริง ๆ ใช่ไหมเจ้าคะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อันตรายมากรวี
ตบะพี่เขาจะแตกเอาซักวัน  o22

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อิพี่แบบบาปมากค่ะ น้องคือใสบริสุทธิ์ แง้ ตลก 5555555555 ขอน้ำตกใสแจ๋วให้น้องเล่นน้ำด้วยคนค่าาา ฉากอาบน้ำต้องมา 55555555

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

สนุกมาก ชอบๆๆๆค่ะ

ตามมาอ่านจากชื่อคนเขียนค่ะ

 :mew1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตบะแตกตู้ม!!!!5555

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
เจ้ามักกะลีผลน้อย เอ็นดูน้องงงงง
น้องนั้นใสซื่อจะกินกล้วย  แต่พี่เจ้าน่ะคนบาปปปปปปป!!!

ชอบบบบบบแนวนี้ ฮือออ นั้มตาาา ดีจัยยกดมาอ่าน  :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2019 00:16:48 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ NaunaeZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โหหห พี่แกจ้องเอาๆจากินๆตลอดเลยอ่า555555 น้องก็น่ารัก นุ่มนิ่ม อยากบีบแก้มน้องงงงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด