:: ๒๐ ::
อวสาน
“เสร็จรึยังคร้าบบที่รัก”
“เสร็จแล้วคร้าบบ”
ไอร์จูงมือลูกสาวตัวน้อยลงมาจากห้องด้วยความเร่งรีบ วันนี้ทั้งสามคนจะรวมทีมไปตระเวนเที่ยวที่หัวหิน ถ้าจะบอกว่านี่คือการไปฮันนีมูนหลังจากแต่งงานก็คงจะใช่
“ว้าว! วันนี้ลูกพ่อน่ารักที่สุดๆ เลย” เอ่ยปากชมเมื่อเห็นลูกสาวสวมเสื้อยืดคอกลมสีชมพูลายดอกไม้ พับแขนให้ดูเท่ห์เข้าคู่กับกางเกงยีนสีคราม สะพายกระเป๋าใบเล็กๆ ลายตุ๊กตาบาร์บี้เดินยิ้มลงมา
“วันนี้คุณพ่อก็หล่อที่สุดเลยค่ะ”
“แล้วแม่ล่ะไม่หล่อบ้างรึไง” เห็นสองพ่อลูกเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ก็อยากมีส่วนร่วมขึ้นมาบ้าง
“คุณแม่ไม่หล่อ แต่คุณแม่สวยยยย” เจ้าตัวน้อยตอบลากเสียงยาวขณะโดนผู้เป็นพ่ออุ้มไว้
“พ่อเห็นด้วยวันนี้คุณแม่สวยที่สุดเลย” ยิ้มพร้อมกับส่งจูบให้คนรัก จนไอร์ต้องแลบลิ้นตอบกลับแก้เขิน ก่อนจะยิ้มกว้างตามมาทีหลัง
ก่อนจะออกเดินทาง ไอร์ไม่ลืมที่จะเดินไปหาผู้เป็นแม่ ซึ่งมายืนรอส่งอยู่หน้าบ้าน
“แม่ไม่ไปกับพวกเราจริงๆ เหรอครับ” ถามย้ำอีกครั้งเผื่อผู้เป็นแม่จะเปลี่ยนใจ
“ไปกันเถอะแม่แก่แล้วคงเดินเที่ยวด้วยไม่ไหว ไปเที่ยวให้สนุกนะลูก” เอ่ยกับลูกชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนทุกครั้ง
“ครับแม่เดี๋ยวผมจะซื้อของมาฝากละกัน ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ว่าแล้วก็โผเข้ากอด ผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เขามีทุกวันนี้
“จ๊ะ เดินทางปลอดภัยนะลูก”
“ครับแม่” เอ่ยกับแม่แล้วหันไปหาลูกสาว “อันดามาไหว้คุณยายก่อนสิลูก”
ต๋องได้ยินก็อุ้มลูกสาวเดินมาหา ก่อนจะวางเจ้าตัวเล็กลงที่พื้น แล้วเข้าไปกอดผู้เป็นยาย
“อันดาจะเอาน้ำทะเลมาฝากคุณยายนะคะ”
“จ้าหลานรักของยาย อย่างอแงเอาแต่ใจมากนักล่ะเข้าใจไหม”
“ค่ะคุณยาย”
“ไปกันเถอะลูกจะได้ถึงเร็วๆ”
ทั้งสามไหว้ผู้อาวุสโสประจำบ้าน หลังจากนั้นก็ขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังหัวหินทันที
ขับรถเกือบสามชั่วโมงก็ถึงที่หมาย หลังจากนั้นก็เข้าไปเช็คอินในรีสอร์ทที่ได้โทรจองไว้ก่อนหน้านี้ รีสอร์ทแห่งนี้อยู่ติดชายทะเล เดินลงไปจากบ้านพักเพียงไม่กี่ก้าว ก็จะได้สัมผัสกับหาดทรายขาวและน้ำทะเลที่ใสจนมองเห็นผืนทรายด้านล่าง เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง
“เฮ้อ! ถึงซะที” ไอร์วางกระเป๋าลงที่พื้นแล้วนอนแผ่หราลงบนเตียงพร้อมกับลูกสาว
“นอนพักเอาแรงก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นริมหาดกัน” ต๋องบอกกับลูกและเมีย
“แต่น้องอันดาอยากไปเล่นน้ำทะเลแล้วนี่นา” เด็กหญิงอันดาลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ
“นอนเอาแรงก่อนนะลูกตอนนี้แดดกำลังจ้า เดี๋ยวตอนเย็นๆ แม่จะพาหนูไปแน่นอน” ไอร์บอกกับลูกสาวตัวน้อย
“ค่ะคุณแม่” แม้จะดูร่าเริงแค่ไหนก็ตาม แต่ไอร์ก็ดูออกว่าเจ้าตัวเล็กอ่อนเพลียจากการนั่งรถอยู่ไม่น้อย เลยอยากให้นอนเอาแรงเสียก่อน
“เดี๋ยวแม่จะนอนเป็นเพื่อน”
“พ่อด้วย” ต๋องรีบขึ้นมานอนข้างลูกสาวแล้วจับมือไว้
แม้จะมีลูกสาวตัวน้อยนอนคั่นอยู่ตรงกลาง แต่คนทั้งสองก็ส่งยิ้มให้กันจนหลับไปในที่สุด
ตื่นมาอีกทีก็เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว ทั้งสองจึงทำตามสัญญานั่นคือพาลูกสาวลงไปเล่นน้ำทะเล ทั้งหมดเปลี่ยนชุดลำลองเดินจูงมือกันลงไปยังริมชายหาดด้วยรอยยิ้ม บริเวณริมหาดมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแต่ก็ไม่มากนัก บ้างก็มาแบบคู่รัก บ้างก็มากันเป็นครอบครัวใหญ่ บ้างก็มาคนเดียวตามประสาคนโสด แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นคือรอยยิ้มและความสุข ที่ได้จากการมาท่องเที่ยวในครั้งนี้
“คุณพ่อคุณแม่ลงไปเล่นน้ำกันเถอะค่ะ” ดูท่าทางอันดาจะรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อเห็นน้ำทะเลใสๆ ที่กำลังถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งเป็นระรอกอยู่ตรงหน้า
“ถ้างั้นก็ไปกันเล้ยย” สามคนพ่อแม่ลูกจับมือกันวิ่งลงไปยังน้ำทะเลอย่างไม่กลัวเปียกปอน เจ้าตัวน้อยลอยคอเล่นอยู่บริเวณน้ำตื้น โดยมีผู้เป็นพ่อและแม่คอยพยุงตัวไว้ไม่ห่าง
“สงสัยกลับบ้านคราวนี้ต้องให้ไปเรียนว่ายน้ำซะแล้วมั้ง...ดีไหมตัวเล็ก”
“ดีเลยค่ะคุณพ่อน้องอันดาอยากว่ายน้ำเก่งๆ” ดูท่าทางเด็กหญิงตัวน้อยจะชื่นชอบการว่ายน้ำเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่ลงมายังไม่ยอมขึ้นฝั่งเลย
“เคยคิดจะพาไปเรียนแต่พอดีช่วงนั้นไม่ค่อยว่างอ่ะ” ก่อนหน้าจะเจอกับต๋องอีกครั้งเคยคิดไว้ว่าจะพาลูกสาวไปเรียนว่ายน้ำอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ยังไม่มีเวลาเพราะแค่รักษาคนไข้ก็เกือบจะหมดวันแล้ว
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าพาลูกไปเองไม่ต้องห่วงนะ” ต๋องเอ่ยกับคนรักแล้วยิ้มกริ่มให้
“มีสามีดีๆ อะไรก็ดีไปหมด” พูดแล้วยิ้มตอบ
“มีภรรยาน่ารักอย่างนี้ยอมทุกอย่างเลยคร้าบบ” ยิ้มหน้าระรื่น
“ยอมทุกอย่างจริงอ่ะ” ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่อีกฝ่าย
“จริ้ง”
ไม่รอช้าไอร์รีบขึ้นไปขี่หลังแล้วกอดคอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ถ้างั้นขออยู่บนนี้สักชั่วโมงนะ ฮ่าๆ ๆ”
“เอางี้เลยเหรอ”
“เอางี้ล่ะถ้ารักกันจริงก็อย่าปล่อยลงเด็ดขาด”
“น้องอันดาอยากขี่หลังคุณพ่อบ้าง” เมื่อเห็นอย่างนั้นอันดาก็เกาะแขนอ้อนผู้เป็นพ่อ
“ถ้าน้องอันดาอยากขี่หลังพ่อ ต้องหาทางเอาคุณแม่ลงมาให้ได้ก่อนนะคะ” ต๋องยืมมือลูกสาวจัดการกับอีกฝ่าย
“คุณแม่ลงมาเดี๋ยวนี้เลยน้า” อันดาพยายามดึงขาผู้เป็นแม่ให้ลงมา แต่ไอร์ยังคงกอดคอคนรักเอาไว้แน่น อยากจะแกล้งทั้งพ่อทั้งลูกพร้อมๆ กัน
“แม่ไม่ลง”
“โหวว ใจร้ายกับลูกจริงๆ เลยเนี่ย”
“ใจร้ายตรงไหน ตัวเองหนักก็บอกเถอะไม่ต้องเอาลูกมาอ้าง” ว่าแล้วก็ดึงหูอีกฝ่ายจนร้องเสียงหลงออกมา
“โอ๊ยๆ ๆ เจ็บนะคร้าบบเมียย”
“คุณแม่ลงมาเดี๋ยวนี้น้องอันดาจะขี่หลังคุณพ่อ” เด็กหญิงอันดายังคงดึงขาผู้เป็นแม่ไม่ยอมหยุด ทำให้ต๋องเดินเซแล้วลมลงไปในน้ำ
ตูมมม!!!
มือเรียวที่เคยเกาะกุมบริเวณต้นคอค่อยๆ คลายออกมา แล้วจับลูกสาวตัวน้อยขึ้นขี่หลังคนรักแทน หลังจากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นฝั่งแล้วเปลี่ยนไปเดินเล่นบริเวณริมหาด ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเมื่อถึงยามเย็น ทำให้ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับกลายเป็นสีส้มแดงและสะท้อนเงาลงบนผิวน้ำ ทำให้มีบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก
“บรรยากาศดีจังเลยเนาะ” เอ่ยขณะเดินเคียงข้างคนรัก ทอดสายตามองชายหาดที่ยาวสุดลูกหูลูกตาอย่างสบายใจ ส่วนเจ้าตัวน้อยก็นิ่งเงียบอยู่บนหลังผู้เป็นพ่อ
“อยู่สักเดือนดีไหมล่ะถ้างั้น”
“บ้าแล้ว...ใช่สิตัวเองอยู่ได้แต่เค้าต้องไปรักษาคนไข้น่ะสิ”
“แต่อันดาอยากอยู่ที่นี่นานๆ” จากที่นิ่งเงียบมานาน เด็กหญิงก็เอ่ยขึ้นบ้าง
“อันดาก็ต้องกลับไปเรียนไงลูก เอาไว้ช่วงปิดเทอมพ่อกับแม่จะพามาใหม่นะคะ” เอื้อมมือเรียวไปลูบศีรษะลูกสาวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“คุณแม่สัญญาแล้วนะคะ”
“จ้าแม่สัญญา”
“อันดาจะไปเรียนว่ายน้ำให้เก่งๆ แล้วเราสามคนมาแข่งว่ายน้ำกันนะคะ”
“ได้เลยลูกรัก ว่ายน้ำเก่งตอนไหนพ่อจะพามาตอนนั้นเลยดีไหม” เอ่ยเอาใจลูกสาวสุดที่รัก
“ดีเลยค่ะ” ดีใจจนชูกำปั้นน้อยๆ ขึ้นข้างหนึ่ง
เดินเล่นริมหาดไปได้สักพักก็ต้องกลับมาที่รีสอร์ท นั่นเพราะดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับของฟ้าทำให้ทัศนวิสัยเริ่มมืดลงเรื่อยๆ มาถึงห้องพักแล้วทั้งหมดก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ หลังจากนั้นก็สั่งอาหารทะเลมาทานที่ระเบียงหน้าห้องนั่งชมแสงจันทร์ในยามค่ำคืน ลมโกรกโชยพัดมาอยู่เนื่องๆ ทำให้อากาศเย็นกำลังดี เหมาะแก่การนั่งดินเนอร์ใต้แสงเทียนเป็นที่สุด
“ค่อยๆ กินนะลูกเดี๋ยวจะติดคอเอา” ไอร์นั่งแกะเปลือกกุ้งเผาตัวโตส่งให้ลูกสาวอย่างไม่ขาดช่วง เจ้าตัวน้อยพยักหน้ารับ ดูท่าทางจะสนุกกับการกินมากเหลือเกิน
“แกะให้แต่ลูกแกะให้พ่อมั่งดิครับ” ต๋องนั่งมองคนทั้งสองอย่างมีความสุข ก่อนจะเรียกร้องความสนใจจากคนรักบ้าง
“มีมือก็แกะเองดิ โตแล้วนี่นา”
“ไม่เอาเค้าจะให้ตัวเองแกะให้” ทำสีหน้าท่าทางออดอ้อนซะเต็มที่
“สงสัยมาเที่ยวคราวนี้จะมีลูกสองคนมั้งเนี่ย” ปากก็เอ่ยไปอย่างนั้นแต่มือกลับยื่นกุ้งที่แกะแล้วให้คนรัก “อ่ะ”
“ไม่อาวว...อยากให้ป้อน” ต๋องทำตัวยังงอแงอย่างกับเด็ก
“ขนาดลูกยังกินเองได้เลย อย่าเยอะ!”
“นะๆ ๆ”
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อที่ยื่นเข้ามาใกล้ก็ต้องใจอ่อน ไอร์หยิบกุ้งขึ้นไปป้อนให้คนรักแล้ว แต่โดนอีกฝ่ายจับมือเอาไว้ แล้วจุมพิตที่หลังมือตอบแทนก่อนจะปล่อยคืนมา
“พอใจรึยัง”
“พอใจที่สุดคร้าบบ” ยิ้มหวานให้อีกฝ่าย แต่ได้รับการแยกเขี้ยวกลับคืนมา
“อันดาเอาอีกไหมลูก”
“ไม่ค่ะอันดาท้องป่องแล้วเนี่ย” พูดแล้วก็ลูบที่ท้องตัวเองให้ผู้เป็นแม่ดู ไอร์เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา
“ถ้างั้นก็เข้าไปล้างมือในห้องแล้วค่อยออกมานะลูก” ไอร์บอกกับลูกสาว
“ค่ะ” เจ้าตัวเล็กตอบรับแล้วดื่มน้ำจนหมดแก้ว หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปล้างมือตามคำสั่งของผู้เป็นแม่
เมื่อลูกสาวเดินไปแล้วต๋องก็เอ่ยประโยคสำคัญ ที่อยากจะบอกกับคนรักตั้งแต่เช้าแล้ว
“คืนนี้ขอนะ” ทำหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก
“จะบ้าเหรอลูกก็อยู่” คนที่ได้ยินทำหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยประโยคนี้ออกมา
มาเที่ยวกับลูกยังจะคิดเรื่องนี้อยู่อีกไอ้คนลามก
“ก็รอให้ลูกหลับก่อนไง”
“แล้วถ้าลูกตื่นขึ้นมาเจอพอดีจะทำยังไง ไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวเวลาคุยกับลูกเหรอวะ”
“ในห้องน้ำก็ได้”
“มึงนี่หื่นไม่เลือกที่เลยจริงๆ” ว่าให้อีกฝ่าย
“สรุปได้ป่ะละ” ทำหน้าหงอยเพราะคิดว่าคนรักคงไม่ยอมเป็นแน่
“อืม...ก็ได้แต่รอให้ลูกหลับก่อนนะช่วงดึกๆ โน่น” ในที่สุดเจ้าตัวก็ไม่อาจทนการรบเร้าของไอ้คนหน้าหล่อตรงหน้านี้ได้
“น่ารักที่สุดเลยคร้าบบบ” เอื้อมมือหนาไปหยิกเบาๆ ที่แก้มนุ่มด้วยความดีอกดีใจ ในเมื่อคนรักยังไม่มีวี่แววว่าจะท้อง เขาจะไม่ละทิ้งความพยายามอย่างแน่นอน
และคืนนั้นก็เป็นไปตามที่ได้พูดคุยตกลงกันไว้
ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนตระเวนเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในหัวหินได้สามวัน ต๋องก็พาลูกเมียเดินทางกลับมากรุงเทพมหานคร
หนึ่งเดือนผ่านไป
การใช้ชีวิตคู่เริ่มลงตัวมากขึ้น ทุกๆ วันผ่านพ้นไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม ไอร์กลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลและเปิดคลีนิคควบคู่ไปด้วย ส่วนต๋องก็ตั้งใจทำงานจนเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่สามารถสร้างกำไรให้บริษัทได้เป็นกอบเป็นกำ และก็ไม่ลืมทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีควบคู่ไปด้วย
ขณะนั่งทำงานอยู่ในห้องก็มีสายโทรเข้ามา ต๋องผละจากการอ่านเอกสารปึกใหญ่บนโต๊ะ แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูที่หน้าจอ ก่อนจะยิ้มกริ่มออกมาเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“ว่าไงครับที่รัก” รับสายแล้วหยอดคำหวานให้ทันที
[“วันนี้ไม่ต้องไปรับอันดาที่โรงเรียนนะ เดี๋ยวเค้าจะไปรับลูกเอง”] ปลายสายเอ่ย
“อ้าว! ทำไมล่ะ”
[“เอาน่า...อย่าถามเยอะเดี๋ยวจะไปรับเอง”]
“โอเค...ถ้างั้นเจอกันที่บ้านนะครับที่รัก”
[“ไม่ใช่ที่บ้านแต่ที่เดิมของเราต่างหากล่ะ”]
“ที่เดิมงั้นเหรอ..” เอ่ยพลางคิดไปด้วย ใช่สินะวันนี้เป็นวันที่ไอร์เคยสัญญาไว้นี่นา
[“อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้”]
“จำได้สิคร้าบบ ถ้างั้นเจอกันที่นั่นนะครับ”
[“เคๆ แล้วเจอกันนะ”]
วางสายไปแล้วต๋องก็ยกยิ้มออกมา นั่งนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้ความสัมพันธ์จะพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้ และรู้สึกโชคดีที่คู่ชีวิตคือไอ้เพื่อนรักคนนี้ คนที่รักและเข้าใจเขาทุกอย่าง มันคือพรหมลิขิตจริงๆ
เมื่อมาถึงต๋องก็ยืนรอลูกกับเมียอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ยืนทอดสายตามองดูทิวทัศน์ที่งดงามของวัดอรุณราชวราราม ในช่วงที่ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงมาบรรจบที่ยอดพระปรางค์ ท้องฟ้าที่เคยมีสีครามสดใสเปลี่ยนเป็นสีทองผ่องอำไพ ยิ่งตกกระทบลงบนผื้นน้ำเจ้าพระยายิ่งทำให้เกิดความงดงามเหลือคณานับ บวกกับเสียงเรือหางยาวที่ดังแว่วมาเป็นระยะๆ ยิ่งทำให้ผืนน้ำแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
“คุณพ่อคะ” ได้ยินเสียงที่คุ้นหูของลูกสาว ก็หันกลับมามองแล้วยิ้มให้ พร้อมอ้าแขนรอรับเจ้าตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
“คิดถึงจังเลยเจ้าตัวเล็กของพ่อ” ว่าพร้อมกับหอมแก้มลูกสาวทั้งสองข้างสลับกันไปมา ด้วยความหมั่นเขี้ยว
“น้องอันดาก็คิดถึงคุณพ่อค่ะ”
“รอนานไหมอ่ะ”
“จะให้รอตลอดชีวิตก็รอได้” โปรยยิ้มให้อีกฝ่าย
“แหวะ! เลี่ยนจะแย่” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปยืนข้างๆ ขณะอีกฝ่ายยืนจับมือลูกสาวไว้
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน ที่นี่ก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยเนาะ” ไอร์ทอดสายตามองไปอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อชมความงดงามของวัดอรุณราชวรารามเหมือนเช่นเคย
“ใช่สวยเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เหมือนมึงที่ยังอยู่ข้างๆ กูตลอดไม่เคยหายไปไหนเหมือนกัน”
“ไหนบอกว่าเวลาอยู่ต่อหน้าลูกจะไม่พูดกูมึงไงล่ะ” หันไปมองหน้าคนรักแล้วยิ้มกริ่มให้
“พ่อขอพูดไม่เพราะวันนึงนะลูก” ต๋องก้มลงมาเอ่ยกับลูกสาวตัวน้อย ที่กำลังยืนจับแผงรั้วเหล็กชะโงกหน้ามองไปยังผืนน้ำกว้างอย่างตั้งใจ
“น้องอันดาอนุญาตค่ะ” ยิ้มให้ผู้เป็นพ่อแล้วหันไปสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อ
“ต๋อง...กู....มีเรื่องจะบอก” ถอนหายใจเสียงดังแสดงสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำให้คนที่เห็นใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
“เรื่องอะไรวะ? ทำไมมึงทำหน้าอย่างนั้นกูใจคอไม่ดีเลย” ขมวดคิ้วมองคนรักด้วยความเป็นห่วง
“ตอนนี้กู....ท้องได้สี่สัปดาห์แล้วว่ะ” พูดจบก็ยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย
“จริงดิ! เยสสส!! ในที่สุดกูก็ทำสำเร็จ” เมื่อได้ยินว่ากำลังจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคน ต๋องก็ดีใจยกใหญ่แล้วสวมกอดคนรักเอาไว้แน่น
“ปล่อยก่อนดิวะอึดอัด”
“โทษทีๆ กูดีใจไปหน่อย” ว่าแล้วก็หันไปเอ่ยกับลูกสาว “อันดาครับหนูจะได้อุ้มน้องแล้วนะดีใจไหม”
“เย้ๆ ๆ ๆ ! อันดาจะได้อุ้มน้องแล้ว” เจ้าตัวเล็กก็ดีใจไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ กระโดดโลดเต้นเสียยกใหญ่
“สงสัยคงจะเป็นคืนนั้นในห้องน้ำแน่ๆ รู้อย่างนี้กูพาไปค้างนอกสถานที่ตั้งนานแล้ว”
“อย่ามโนมันอาจจะไม่ใช่ครั้งนั้นก็ได้เว้ย” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย
“กูสัญญาว่าจะดูแลมึงกับลูกให้ดีที่สุด จนคนอื่นต้องอิจฉาเลยล่ะ” สัญญากับคนรักด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ กูแค่ขออย่างเดียวก็พอ”
“อะไรวะ”
“ขอแค่มึงอย่าลืมกูกับลูกเหมือนคราวนั้น”
“กูสัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน”
ทั้งสองมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์สวยๆ ของผืนน้ำเจ้าพระยา มือน้อยๆ ของอันดาถูกพ่อกับแม่จับไว้คนละข้างอย่างมั่นคง สื่อว่าคนทั้งสองจะอยู่เคียงข้างลูกสาวคนนี้ตลอดไป
The End.
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับ ในที่สุดก็จบแล้วแบบ Happy Ending เรื่องนี้มีขายในรูปแบบอีบุ๊กด้วยน้า อยากได้เก็บไว้อ่านโหลดได้ที่
www.mebmarket.com พิมพ์ชื่อเรื่องได้เลยจ้า